พิมพ์หน้านี้ - ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.08 (25-04-2018)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Boorina ที่ 14-12-2017 14:50:53

หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.08 (25-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 14-12-2017 14:50:53
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17     



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

Intania
ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์]
เขียนโดย
Boorina  และ  Blue-Legend
6 เรื่องราวความรักของนักศึกษาหนุ่ม จาก 6 ภาควิชาหลักของคณะวิศวกรรมศาสตร์
ที่จะมาร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวความรัก และมิตรภาพ ผ่านบรรยากาศในรั้วมหาวิทยาลัย
ส่งต่อความภาคภูมิสีเลือดหมูให้ซึมลึกไปทั่วทุกอณูหัวใจ
เฉกเช่นตำนานเล่าขานแห่ง ‘Intania’
สารบัญ
⚙️บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3753554#msg3753554)

Intania ลำดับที่ 1
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า ภาค IE [Industrial Engineering วิศวกรรมอุตสาหการ]
เขียน  Boorina
⚙️Intania ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า #01 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3753558#msg3753558)     ⚙️Intania ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า #02 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3754256#msg3754256)
⚙️Intania ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า #03 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3754890#msg3754890)     ⚙️Intania ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า #04
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3755549#msg3755549)⚙️Intania ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า #05      (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3758452#msg3758452)⚙️Intania ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า #06 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3758930#msg3758930)
⚙️Intania ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า #07      (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3763640#msg3763640)⚙️Intania ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า #08 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3766236#msg3766236)
                ⚙️Intania ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า #09      (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3766814#msg3766814)⚙️Intania ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า #10 [จบภาค IE]
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3770315#msg3770315)
⚙️Behind IE scenes, into CE story  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3771232#msg3771232)

Intania ลำดับที่ 2
เรื่อง Breaking Way ภาค CE [Civil Engineering วิศวกรรมโยธา]
เขียน  Blue-Legend
⚙️Intania ภาค CE : Breaking Way #01 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3774917#msg3774917)     ⚙️Intania ภาค CE : Breaking Way #02 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3778461#msg3778461)
⚙️Intania ภาค CE : Breaking Way #03 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3779946#msg3779946)     ⚙️Intania ภาค CE : Breaking Way #04 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3780712#msg3780712)
⚙️Intania ภาค CE : Breaking Way #05 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3782401#msg3782401)     ⚙️Intania ภาค CE : Breaking Way #06 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3783147#msg3783147)
⚙️Intania ภาค CE : Breaking Way #07 [จบภาค CE] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3786478#msg3786478)
⚙️Behind IE scenes, into CE story (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3791949#msg3791949)

Intania ลำดับที่ 3
เรื่อง เสือนับแต้ม ภาค ME [ Mechanical Engineering วิศวกรรมเครื่องกล]
เขียน Boorina
⚙️Intania ภาค ME : เสือนับแต้ม #Intro (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3792318#msg3792318)
⚙️Intania ภาค ME : เสือนับแต้ม #01 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3794699#msg3794699)    ⚙️Intania ภาค IE : เสือนับแต้ม #02 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3795153#msg3795153)
⚙️Intania ภาค IE : เสือนับแต้ม #03 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3798624#msg3798624)     ⚙️Intania ภาค IE : เสือนับแต้ม #04 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3803572#msg3803572)
 ⚙️Intania ภาค IE : เสือนับแต้ม #05 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3806678#msg3806678)     ⚙️Intania ภาค IE : เสือนับแต้ม #06 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3809839#msg3809839)
⚙️Intania ภาค IE : เสือนับแต้ม #07 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3813629#msg3813629)     ⚙️Intania ภาค IE : เสือนับแต้ม #08 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64435.msg3822587#msg3822587)
========= พูดคุยกันได้ที่ ==========
Fanpage : Boorina
ฝากแฮชแท็ก #อินทาเนีย #ชาเย็น
หัวข้อ: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #Intro : Intania
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 14-12-2017 15:00:32
บทนำ
Intania

            แม้การทำงานอย่างต่อเนื่องกว่าสี่สิบแปดชั่วโมงจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ทั้งยังมีความเอื่อยเฉื่อยเล็กน้อยจากบรรยากาศรอบด้านที่ครึ้มมัวเนื่องจากท้องฟ้าอับแสง แต่ชายหนุ่มกลับขับรถแล่นไปบนถนนที่ทอดยาวผ่านคณะต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยด้วยสติที่ดีเยี่ยม

เมื่อถึงปลายทาง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอพิเศษที่กระจายคละคลุ้งจากเหล่านักศึกษาในชุดเสื้อยืดชุ่มเหงื่อ ด้านหลังของเสื้อสกรีนอักษรเดียวกับป้ายผ้าผืนใหญ่ที่ขึงตึงเหนือศรีษะบริเวณทางเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์  มีตัวอักษรสามคำเด่นชัดจากพื้นสีขาว  ‘Intania Tradition Running’

            น่าแปลกที่มีเพียงคำเดียวที่สะกิดใจชายหนุ่มให้สงสัย กระชากความสนใจของเขาให้อยากรู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่า ‘Intania’

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ปล. มาทำความรู้จักกับชื่อเรื่องกันหน่อยนะคะ

            Intania เป็นชื่อเรียกของนิสิต นักศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นคำซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาละติน เป็นคำที่ตายแล้วคือคำที่ไม่มีความหมายไม่มีการนำมาใช้โดยตรง ความหมายของ INTANIA หรือ อินทาเนีย เดิมทีใช้เรียกทหารที่มีความชำนาญในการสร้าง เช่น สร้างสะพาน สร้างอาวุธ หรือสร้างยุทโทปกรณ์ต่างๆ ในสมัยโบราณ หรืออาจเรียกว่า นักรบผู้สร้าง ในปัจจุบันคำว่า อินทาเนีย ได้เพี้ยนเป็น เอ็นจิเนียร์ หรือก็คือวิศวกรนั้นเอง ด้วยประวัติความเป็นมานี้ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์หลายสถาบันจึงนำคำว่า อินทาเนีย หรือ เอ็นทาเนีย ซึ่งเป็นคำเดียวกันมาใช้เรียกตัวเองเพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้เกิดขึ้น และใช้ปลูกฝังรุ่นน้องให้ระลึกถึงความสำคัญของที่มาดังกล่าวและสืบทอดต่อไป

            Cr.ฝ่ายวิชาการ สโมสรนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มข.
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คอนเซ็ฟต์ของนิยายชุดนี้คือ Intania ซึ่งเป็นภาษาละติน หมายถึง Engineer

** นิยายเรื่องนี้เริ่มเขียนเมื่อปลายปี 2559 เขียนจบต้นปี 2560**


ในซีรีส์ Intania ประกอบด้วย 6 เรื่อง ตามภาควิชาหลักในคณะวิศวกรรมศาสตร์
(ไม่รวมตอนพิเศษซึ่งยาวมากพอสมควร และเป็นตอนที่พิเศษสุดๆ)

จะเป็นคณะไหนบ้างนั้น ต้องติดตามกันเองน้า
มีผู้แต่ง 2 คน ผลัดกันแต่งคนละเรื่องสลับกันค่ะ

อินทาเนีย ไม่ได้เน้นเพียงเรื่องราวความรัก
แต่เราจะพาเพื่อนนักอ่านไปสัมผัสบรรยากาศของชาวคณะวิศวกรรมศาสตร์

นิยายเรื่องนี้แต่งจบแล้ว ไม่มีปัญหาดองแน่นอนจ้า ยกเว้น สนพ. ตามมาซิว ถ้ายังไม่ถูกลืมน้า 555


หัวข้อ: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] เรื่อง เซียนเหนือฟ้า ภาค IE : CH.01
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 14-12-2017 15:06:26
ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE

เรื่อง เซียนเหนือฟ้า   
[ IE : Industrial Engineering   วิศวกรรมอุตสาหการ ]   
                     
เขียนโดย  Boorina





ตอนที่ 1

เพียงระยะห่างที่ใกล้ที่สุด


   ไม่ค่อยเข้าใจทำไมใครๆ ต้องอยากเป็นเมียวิศวะ กระทั่งนิยายรักวัยรุ่นสายนอร์มอลหรือวาย ตัวเด่นมักเป็นไอ้พวกวิศวะหน้าหล่อโลกสะเทือนอย่างกับตกมาจากสวรรค์ ซึ่งตรงข้ามกับนิสัยที่เหมือนผุดมาจากใต้พิภพ ด้วยความใคร่รู้ใคร่สงสัยผมจึงลองเข้าไปส่องแฮชแท็กยอดฮิตติดเทรน #ยอมแล้วทูนหัวอยากมีผัวเป็นวิศวะ #วิศวะหล่อบอกต่อ ในทวิตเตอร์ จึงทำให้พอทราบสาเหตุ ดังนี้

   1. เสื้อช็อป

   2. เกียร์

   ทำไมต้องอยากได้นักได้หนา กรี๊ดกร๊าดซะเหมือนร่างทรงหมอผี สาวๆ พวกนั้นไม่รู้หรือไง ว่าไอ้พวกวิศวะหน้าหล่อมีสกุล สุดท้ายสันดานล้วนสถุลเหมือนกันหมด อย่างเพื่อนผมตระกูลโคตรเหง้าเป็นผู้ดี รวยสตางค์ล้นฟ้า ขับปอร์เช่หรูโคตรอลัง เมื่อมาใช้ชีวิตอยู่ในดงวิศวะมันก็พาซกมกเหมือนผมนั่นแหละ

   เสื้อช็อป อยากได้ไปสวม ไปกก ไปกอด รู้ไหมมันซักกันเทอมละกี่ครั้ง ดีหน่อยก็เดือนหนึ่งถึงจะซัก ขึ้นขี้เกลือแล้วยังอยากเอามาคลุมอุ่นกายซุกหน้าดมเสพฟินกันอีก เห็นความเพ้อของสาวๆ แล้วอดหัวเราะก๊ากไม่ได้ จะไปสาธยายให้ฟังความเป็นจริงของโลกก็สงสาร ไม่อยากขัดมโนอันหวานล้ำเหล่านั้น

   เกียร์ มีคนละอัน ยังอยากจะได้ของพวกเราอีก นั่นมันศักดิ์มันศรีและเกียรติของพวกเราชาววิศวะเลยนะโว้ย ต่อให้ถวายตัวให้ก็ใช่ว่าจะได้ไป แถมตอนเลิกกันเห็นชอบเอาไปโยนจมอยู่ก้นบึงก้นสระ รู้สึกเจ็บใจกับค่านิยมเสี่ยวๆ นี้เหลือเกิน เธอเหล่านั้นจะรู้บ้างไหมว่ากว่าที่หนุ่มวิศวะอย่างเราจะได้เกียร์มานั้นต้องเสียเม็ดเหงื่อและแรงใจไปมากแค่ไหน

   ฉะนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าแฟนคนแรกในรั้วมหา’ลัยอาจไม่ใช่คนที่ได้รับเกียร์แทนใจไป จนกว่าจะเจอคนที่ใช่ นั่นล่ะพวกเราถึงมอบให้เป็นของแทนใจ

   ดังเช่นที่คอของท่านเทพเซียนคนหนึ่งของภาควิชา ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสาม เกียร์ชิ้นนั้นยังคงห้อยคล้องคอมันอย่างเดิม แม้บางช่วงเวลาในระยะสองสามปีที่ผ่านมามันจะไม่ได้เดินเพียงลำพัง

   “ขอติดจักรยานไปช็อปหล่อหน่อย”

   เป็นเสียงของบุรุษหนุ่มที่ถูกเรียกขานว่าท่านเทพเซียนประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ไม่ใช่ด้วยสมองเทพทักษะเซียน ไม่ใช่ด้วยหน้าตาหรือสัดส่วนร่างกายที่เหมือนถูกประติมากรเอกของโลกปั้นเสกจนกลายเป็นเดือนมหา’ลัย แต่ฉายานี้ได้มาด้วยชื่อของมันล้วนๆ

   ผมมองคนตรงหน้าที่กระโดดเข้ามาขวางทางด้วยอารมณ์เอือมระอา

   “มองกูนะ... กูกำลังตั้งหน้าตั้งตาปั่นไปประตูหลังมอ หมายความว่ากูกำลังกลับหอถูกไหมไอ้เซียน!”

   “แล้วไง? แค่กลับหัวรถเอง” ไม่แนะนำเปล่า ไอ้เซียนยังช่วยเข็นรถหันหัวจักรยานกลับไปยังเส้นทางที่มุุ่งสู่ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ตามด้วยกระโจนขึ้นคร่อมเบาะหลัง วางสองเท้าบนที่ตั้ง สองมือเกาะที่เอวผมหลวมๆ “Let’s go...”

   “หนักชิบ กินควายไหนมา...” ผมเริ่มร่ายพร้อมออกตัวปั่น “ถ้ายางล้อระเบิด ใครรับผิดชอบวะ ไหนจะเสียเวลา ไหนจะเงินที่ต้องจ่ายค่าซ่อม คนเราเกิดมาเป็นนิสิตนักศึกษา จริยธรรมความรับผิดชอบต้องสูงนะเข้าใจไหมมึง? แล้วถ้าการที่กูต้องเสียเหงื่อในการปั่นเพื่อมึงจนหิวท้องกิ่วตาลายขึ้นมา ก็ต้องเป็น...”

   “เอ้า แดกไป”

   อ้าม... เป็นซาลาเปาอวบนุ่มปุกปุยที่ถูกยัดเข้าปากผมทั้งลูก ความอุ่นร้อนขับรสละมุมกลมกล่อมให้คละคลุ้งข้างใน ส่งผลต่อปากที่จ้อฝอยคำไม่หยุดให้ต้องเงียบลงเพื่อขยับปากเคี้ยวละเมียดชิมรสชาตินั้นให้ยาวนานที่สุด

   โมเมนต์ที่ 169 ไอ้เซียนป้อนซาลาเปาให้ผม

   อุ่นในใจจนถึงปลายทางกระเพาะ หัวใจลั่นก้อง กระดอนกระเด็นจนแทบทะลุออกมานอกอก แต่สีหน้ายังคงฉาบทับด้วยความเซ็งในอารมณ์อย่างเสแสร้ง เพราะไม่อยากให้มันจับความรู้สึกที่ผมเก็บซ่อนไว้ภายในใจได้

   ที่ว่าใครๆ อยากเป็นแฟนวิศวะเห็นทีจะไม่ผิด

   ขนาดว่าที่เอ็นจิเนียร์อย่างผมยังอยากสอยเกียร์ของไอ้เซียนมันเลย...

   ถ้าเสื้อช็อปสีเทาอ่อนของมันติดคราบน้ำมันหรือขึ้นขี้เกลือ ผมก็พร้อมจะโยนใส่เครื่องปั่นแห้ง ถ้าเกียร์อันนั้นเคยหายไปเพราะมันเลิกกับสาวคนไหนแล้วถูกโยนทิ้งจมอยู่ก้นสระ ผมก็พร้อมจะกระโจนลงไปเพื่อดำหา

   แต่ความเป็นเพื่อนมันค้ำคอ  ทำได้แค่เพ้อหาท่านเทพเซียนไปวันๆ

   “ขอบใจไอ้แสงสว่างนำทาง”

   “กูชื่อเทียนครับ”

   ผมแย้งด้วยประโยคซ้ำซากอย่างเคย คล้ายเป็นสคลิปที่ต้องเอ่ยทุกครั้งหลังได้รับคำขอบใจจากมัน บางทีก็อยากเป็นแสงสว่างนำใจ มากกว่าสารถีนำทางพามันมาส่ง เพราะเมื่อถึงที่หมายต่างต้องถีบตูดลากัน

   คล้อยหลังไอ้เซียนที่กำลังเดินลัดเลาะไปยังจุดหมาย ผมเงยหน้าขึ้นมองป้าย ‘ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ (Industrial Engineering)’ หน้าอาคารเก่ากึกสองชั้นซึ่งเป็นโรงงานสำหรับเวิร์คช็อปในวิชาปฏิบัติ อีกหนึ่งอาคารชั้นเดียวด้านหลังซึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่คั่นคือโรงงานหล่อโลหะที่โทรมยิ่งกว่า เสริมความขลังวังเวงด้วยร่มเงาจากต้นไม้หนาทึบโดยรอบ ตึกเรียนห้าชั้นดูดีจากการทาสีใหม่ มีต้นอโสกเขาสูงใหญ่เรียงรายทอดไปตามถนนจนถึงอาคารแปดเหลี่ยมสิบเอ็ดชั้นของภาควิชาวิศวกรรมการบินและภาควิชาอื่นๆ ที่แตกแขนงเพิ่มขึ้นมาในภายหลัง ถัดไปคือตึกใหม่ขนาดแปดชั้น ติดชื่อบนป้ายหินอ่อนใหญ่อลังการด้านหน้าว่าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล ซึ่งแยกเป็นเอกเทศไม่ใช้ตึกร่วมกับภาควิชาอื่นในคณะมาตั้งแต่สองปีก่อน...

   เป็นลูกเมียน้อยไม่พอ ยังต้องมาเจ็บปวดกับคำนิยามของภาควิชาตัวเองที่ว่า ‘วิศวกรรมจับฉ่าย'

   ใครหนอใคร... ช่างกล่าวว่าวิศวกรรมอุตสาหการนั้นเป็นภาควิชาที่เรียนชิลที่สุดในบรรดาทุกภาควิชาของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เน้นเรียนวิเคราะห์กระบวนการผลิตและบริหารงานในโรงงาน ไม่ต้องปวดสมองลงมือสร้างเครื่องอย่างภาคเครื่องกล ไม่ต้องปวดหัวกับแผงวงจรและสายไฟที่พันเลื้อยจนต่อผิดต่อถูกอย่างภาคไฟฟ้า ไม่ต้องตาลายกับแปลนบ้านแล้วนั่งหลังขดหลังแข็งเขียนแบบ AutoCAD 2D 3D อย่างภาคโยธา ไม่ต้องเขียนโปรแกรมให้ปวดสมองอย่างพวกวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ที่แค่พิมพ์โค้ดผิดตัวเดียวก็รันไม่ผ่านจนต้องรื้อใหม่

   อยากตะโกนให้ก้องโลกสะเทือนแผ่นดินว่าแม่งเอ๊ย! กูต้องเรียนแทบทั้งหมด!

   ไม่ได้เรียนลึกซึ้งถึงแก่น แต่ต้องรู้ต้องเสือกรายวิชาบางตัวของชาวบ้าน ไหนจะวิชาช็อปของภาคตัวเองอีก เป็นอะไรที่ต้องเค้นศักยภาพความถึกที่ฝังลึกออกมาทั้งหมดจึงจะสอบผ่าน ทั้งตะไบเหล็ก กลึง กัด ตัด ไส งานหล่อ งานเชื่อม ส่องกล้องวิเคราะห์โครงสร้างโลหะ แม่จ้าวววววว เยอะจัด!

   ง่ายเรอะ? กับผีสิ!

   แต่หากถามว่าหลังเข้ามาเรียนแล้วรู้ความจริง พร้อมมือที่ด้านจนหนังถลอกจากการตะไบเหล็ก ได้ทำให้ผมคิดอยากซิ่วไปเรียนคณะอื่นไหม?

   ตอบเลยว่า ‘ใช่!’ แต่ผม ‘ไม่ไป’

   เพราะอยากมีช่วงเวลาได้นับโมเมนท์ที่ 170,171,172...

   ผมไม่ได้หลบซ่อนอยู่ในมุมหลืบ แอบมองไอ้เซียนแล้วสร้างดราม่าน้ำตาโชกให้รันทด แต่ผมพาตัวเองมาอยู่ใกล้ๆ ให้มันอยู่ในรัศมีสายตา ไม่ได้เพ้อแอบหวังว่าเพื่อนคนนี้จะหวั่นไหว แค่อยากมองหน้ามันชัดๆ เท่าที่โอกาสจะอำนวยอวยพรในระยะเวลาสี่ปีถ้าผมจะเรียนจบตามเกณฑ์

   เพียงระยะห่างที่ใกล้ที่สุด... แค่นี้ก็ฟินแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะ...
สำหรับเรื่องแรกของชุด มาเจอกับเรื่องของบูเนอะ
สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องชิลๆ แอบรักเพื่อน
(เป็นแนวที่ถนัดที่สุด แต่ไม่รันทดเหมือนแฟนฟิคเอิ้นพีทที่เคยเขียน หากมีใครเคยอ่าน)

เชื่อว่านักอ่านหลายคนอาจจะเคยอ่านนิยายที่ตัวเอกเป็นหนุ่มๆ จากคณะวิศวะกันเยอะแล้ว
บางคนอาจเบื่อ บางคนอาจชอบ
ตอนแรกก็ลังเลที่จะเขียนค่ะ  เพราะไม่รู้ยังเหลืออะไรที่แปลกใหม่ให้เราได้บอกเล่าอีกบ้างไหม

ดังนั้นเรื่องอาจไม่อัดแน่นด้วยสาระ (เพราะปกติชอบให้ตัวละครเวิ่นเว้อหาความรัก)
แต่อย่างน้อยก็มีบางบรรยากาศให้เพื่อนนักอ่านได้ซึมซับและสัมผัสค่ะ

ขอให้อ่านไปยิ้มไปนะคะ... Boorina
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า : CH.01
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-12-2017 15:49:49
 :L2: :pig4:

เวิ่นไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า : CH.01
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 14-12-2017 17:30:51
ชอบสำนวนจังเลยค่ะ อ่านแล้วสนุก
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า : CH.01
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 14-12-2017 20:12:44
ชอบค่ะชอบ
นี่ก็อยากได้เกียร์5555
รอมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.01 (14Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-12-2017 03:06:07
อุตะ...... นี่เข้าใจผิดมาตลอดเลยนะเนี่ย แสดงว่าเสือช็อปนี้มีแค่ตัวเดียวหรอก หลงเข้าใจว่ามีอย่างน้อยก็ 3 ตัว  :katai1:
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.01 (14Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Sky ที่ 15-12-2017 05:43:07
่น่าสนุกติดตามๆจร้า :hao6: :hao7: o13
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.01 (14Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 15-12-2017 07:46:12
ติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.02 (15Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 15-12-2017 19:55:58
ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า   
[ IE : Industrial Engineering   วิศวกรรมอุตสาหการ ]   
                     
เขียนโดย  Boorina

ตอนที่ 2
สกิลเนียน






            “ไอ้เอกหัวหอม...”

            ผมเรียกชื่อติดคำสร้อยห้อยท้ายชื่อโหลๆ ของเพื่อนกลุ่มพันธมิตรซึ่งนั่งประจำแถว F ด้านหลังผมภายในห้อง Slope200  ของตึกภาควิศวกรรมอุตสาหการ ตามด้วยหันขวับไปมองหน้าแล้วเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงาน

            “วิชาอังกฤษอาจารย์บอกหลังมิดเทอมมีงานกลุ่มสามคนให้ทำอีกแล้วว่ะ มึงจะแยกมาอยู่ด้วยกันอีกไหม”

            ปกติวิชาภาษาอังกฤษควรเรียนครบทั้งสามตัวเก้าหน่วยกิตตั้งแต่ปีสอง แต่เนื่องจากมหา’ลัยของผมเหมาจ่ายค่าเทอมและมีหน่วยกิตเหลือ ผมจึงเลือกลงวิชาสปีคกิ้ง โดยไม่คิดว่าไอ้เพื่อนกลุ่มพันธมิตรจะเลือกตาม เวรกรรมจริงๆ

            ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไอ้เอกพยักหน้าเออออทันที ทำเอากลุ่มเพื่อนที่นั่งขนาบข้างเจ้าตัวซ้ายสองคนขวาหนึ่งคนเริ่มหันมองกัน สีหน้าราวกับกำลังเผชิญหน้ากับล่องความกดอากาศต่ำ ไม่ทันจะได้เอ่ยปากแย่งโควต้าที่เหลืออีกหนึ่ง ไอ้คนที่ฟุบหลับอยู่ก็ผงกหัวชูคอเสนอหน้าหล่อกระซวกใจขึ้นมากระแทกใส่ตาผม

           
           “พี่เทียนคร้าบบบ... น้องเซียนอยู่ด้วยคนน้าาา...” ทำเป็นลากเสียงแบ๊วยาน เพิ่มความน่าเห็นใจด้วยสายตาหมาหงอย คิดว่ากูคนนี้จะหลงกล?

            “เหอะๆ”

            “เทอมก่อนโน้นเราก็ทำงานกลุ่มเดียวกันนะ มาเทอมนี้ไม่ชวนกันเลย บางทีก็รู้สึกเหมือนถูกทิ้งอ่ะ”

            อื้อหือ พ่อรูปหล่อเดือนวิศวะสุดหล่อ โอ๊ย! ดูทำหน้าเข้า แลดูรันทดน่าสงสารจัง แหวะ!

            “มึงไม่ต้องฉะอ้อนออเซาะฉอเลาะเป็นเด็กน้อย... งานกลุ่มก็ว่ามึงเป็นปลิงแล้ว งานเดี่ยวยังจะเกาะหนึบอีก สำนึกน่ะมีบ้างไหมวะฮะถามจริง”

            หน้าตามันไม่มีหรอกที่จะแสดงความสำนึก ไร้ยางอายได้ถึงขั้นสุดนั่นแหละคือไอ้เซียน ใครที่มองมันเพียงผิวเผินอาจหลงไปด้วยภาพลักษณ์ แต่ลองได้ใกล้ชิดสักนิดจะรู้ซึ้งถึงความด้านได้อายอด ตอนที่นึกด่ามันไปร้อยแปดพันเก้า ไอ้เซียนกำลังหยิบๆ ล้วงๆ อะไรบางอย่างในกระเป๋าเป้ให้ผมสงสัย

            “บ่นเป็นพ่อใส่มันขนาดนั้น งั้นก็มีที่ว่างสำหรับกูแล้วอ่ะดิ”

            ผมคลี่ยิ้มให้ไอ้คนถามที่นั่งข้างไอ้เอก ก่อนจะรับของที่ถูกส่งมาจากไอ้เซียน

            “เคยมีด้วยเหรอปิง” ตอกใส่หน้าคนที่ชอบฝันลมๆ แล้งๆ ก่อนจะโบกสะบัดตั๋วฟุตบอลรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย ไทย-ญี่ปุ่น โซน N อวดมัน เสร็จก็ยื่นมือไปลูบหัวไอ้เซียนอย่างเอ็นดูในความน่ารักเหมือนเด็กน้อย “งานดีมากไอ้เซียน แบบนี้กูยอมให้มึงเกาะจนวันตายเลย”

            “เอ็นดูกูนานๆ นะครับไอ้เทียน กว่าจะได้ตั๋วใบนี้มากูนั่งรีเฟรชหน้าจอทั้งวันเลยนะโว้ย”

            เอาของฟาดหัวผมสำเร็จมันก็สลัดสรรพนามที่แสนละมุนหูทิ้ง กลับมาสถุลมึงกูตามสันดานเดิม พร้อมฉีกยิ้มหล่ออวดรอยบุ๋มที่แก้มเพิ่มความอปป้าให้หนังหน้า ก่อนยื่นมือมาวางแหมะลงบนหัวของผม ถูไปมาจนรู้สึกว่าชักจะแรงเกินไป แต่ผมรึจะยอม แรงมาเท่าไหร่ก็รีเอฟเฟกต์กลับไปเท่านั้น

            “ไอ้เชี่ยเซียน ปล่อย ผมกูเสียทรงหมดแล้วไอ้ห่า!”

            “มึงเล่นหัวกูก่อนอ่ะ กูเอาคืนโว้ย”

            “คืนบ้านโพ่งมึงสิ หนังหัวกูจะหลุดหมดแล้ว” ร้องโวยพลางง้างมือของมันที่กำเส้นผมจุกใหญ่ของผมไว้ “ไม่ปล่อยกูฉีกตั๋ว”

            “ฉีกก็เรื่องของมึง กูไปดูคนเดียวได้ แต่มึงรับของๆ กูไปแล้ว ฉะนั้นงานกลุ่มเทอมนี้มึงก็ต้องให้กูเกาะด้วย ไม่งั้นกูไม่ยอม กูจะตามเกาะตามรังควานมึงจนอยู่ไม่สุขเลยคอยดู”

            “เออ! ของมางานเดิน ว่าแต่ฟรีป่ะ?”

            “ไม่ฟรีก็ต้องฟรีแล้วไหม ถามไม่คิด”

            ตอนที่หันกลับมา ชีทเรียนวิชาดิฟอิเควได้ถูกเลื่อนกลับคืนมาจากไอ้เพื่อนเพลงที่นั่งข้างกัน มีข้อความเขียนด้วยลายมือที่ทำให้คิ้วผมต้องขมวดมุ่น

 
            ‘เนียนเลยเนอะ!’
 

            ผมเพียงหันไปแสยะยิ้มปั้นหน้าเหนือชั้นใส่ไอ้เพลง ก่อนจะหันกลับมาก้มหน้างุดเพื่อยิ้มระรื่นให้กับผลลัพธ์ที่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ บอกเลยว่าดีใจโคตรๆ ยิ้มแก้มปริจนหุบไม่ได้ ตัวผมแม้จะไม่ได้เก่งระดับหัวกะทิ มีดีแค่เอาตัวรอดสอบผ่านทุกวิชา แทบไม่มีวิชาไหนติดท็อป ไม่มีวิชาไหนตกมีน แต่มีวิชาหนึ่งที่ผมถนัดนั่นก็คือวิชาภาษาอังกฤษ ด้วยเพราะตอนม.ปลายเสล่อเรียนสายวิทย์-คณิต ภาคอินเตอร์


            นอกจากนั้นแล้ว ภายใต้มาดมึน ไม่มีอะไรดี ไม่มีอะไรเลว ผมยังมีความแอบเนียนซุกซ่อนไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

            ไอ้ที่ทำทีเป็นถามไอ้เอกเรื่องงานกลุ่มนั่นแค่เปลือกที่เคลือบไว้ เพราะจุดประสงค์ที่ซ่อนไว้ก็คืออยากอ่อยให้บางคนเสนอตัวเข้ามาใกล้ผมเอง

            บอกแล้วไงว่าแค่อยากใกล้ เรื่องที่จะให้มันมาตกหลุมรักผมนั้นแค่หลับฝันยังยากเลย

            แล้วดูดิ ยังจะได้ไปดูฟุตบอลกับมันอีก ถึงจะมีเพื่อนคนอื่นพ่วงไปด้วยเป็นกระพวนก็เถอะ

            งื้อ... ฟิลลิ่งนี้แหละ ใช่เลย

            ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผมมีความสุขกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ จากคนด้านหลัง ตอนที่กำลังคิดย้อนหาจุดเริ่มต้นนั้น ผมได้แอบมองมันผ่านเงาสะท้อนจากเคสกระจกมือถือที่แสร้งทำเป็นส่องเบ้าหน้าหล่อน้อยของตัวเอง

            “กูหล่อกว่า” เป็นเบ้าหน้าของคนชอบเสือกที่โผล่หน้าเข้ามาอยู่ในกรอบกระจกเดียวกัน แถมสะบัดหัวจนเส้นผมพลิ้วกระชากสายตาผมให้มองนิ่ง

            “กวนตีนมากไปละ”

            “ชอบด่ากู...​ ปากจัดนะเราน่ะ”

            รู้สึกเกลียดดดดดดด สรรพนามสุดท้ายที่มันใช้เรียกผมจนเส้นประสาทที่ปลายเท้ากระตุก ไม่ใช่อะไรหรอก แค่รู้สึกหวั่นไหวไปชั่วขณะ เป็นดาเมจรุนแรงที่ปั่นป่วนหัวใจโคตรๆ คล้ายกับตอนนั้น

            โมเมนท์ที่ 001...
 
            ‘หนักเหมือนกันนะเราน่ะ’

            ‘งั้นสลับกัน!’

            ‘นั่งไป ใกล้ถึงแล้ว’
 

            ผมจำได้ดี... ครั้งแรกที่เราเจอกันบนรถกระป๊อในช่วงเวลาที่คนแน่นขนัด และต่างเร่งรีบเพื่อไปสอบสัมภาษณ์เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยให้ทันเวลา ผมจำต้องสละที่นั่งให้นักเรียนสาว ม.ปลายเพื่อย้ายก้นไปนั่งบนตักไอ้คนแปลกหน้าตามคำเชื้อเชิญซึ่งมีจุดหมายเดียวกัน

            ท่ามกลางความรู้สึกประดักประเดิด รถได้ซิ่งผ่านลูกระนาดพาเอารถกระโดด ตัวผมกระเด้งสูง วินาทีที่คิดว่าหัวต้องกระแทกกับหลังคารถแข็งๆ กลับมีฝ่ามือหนึ่งกันไว้ ไอ้ยินเสียงหลุดร้องโอ๊ยออกมา ตอนที่เบือนหน้าไปมองจึงได้เห็นสกิลหนังหน้ามันชัดๆ

            ‘หล่อสวรรค์ล่มนรกสะเทือน’ นิยามสั้นๆ แค่นี้น่าจะพรรณาเบ้าหน้าของมันได้เป็นอย่างดีแล้ว

            เมื่อถึงที่หมายเราต่างลงจากรถเพื่อจ่ายเงิน ผมแอบเหล่มองชื่อบนแฟ้มสะสมผลงานในมือมัน ‘ทัพเทพ ไทชนะ’ แล้วจำชื่อนั้นประทับติดไว้ในใจ ว่าไอ้ผู้ชายคนนี้นี่แหละที่ฟาดฝ่ามือใส่หัวผมซะมึน!

อยากจะบอกเหลือเกินว่าปล่อยหัวกูกระแทกไปเถ๊อะ เพราะมันน่าจะเจ็บน้อยกว่ากว่ากันเยอะ

            ในตอนที่ผมแทบจะลืมผู้ชายคนนั้นไปตามวันเวลาที่ผ่านไปตามเข็มนาฬิกาที่หมุนวน ผมได้เจอมันที่หน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ในวันปฐมนิเทศน์อีกครั้ง เพื่อพบว่ามันจำผมไม่ได้แล้ว...

            ช่างสิๆๆ

            ค่อยๆ ตะล่อมเข้าหาแล้วกัน วันหนึ่งเมื่อเราเป็นเพื่อนกันแล้ว มันจะได้ไม่ลืมผมอีก

            ในตอนนั้น ผมคิดเพียงแค่นั้นจริงๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุยกันนะ...^^
๑.ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์นิยายให้นะคะ ดีใจมากเลย และขอบคุณท่านที่ชอบสำนวนการเขียนมึนๆ แบบนี้ด้วยค่ะ
ฝากเพื่อนๆติดตามไปเรื่อยๆ จนจบด้วยนะคะ

๒.ขอตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับเสื้อช็อปของ คุณ areenart1984 น้า : คุณ areenart1984 ไม่ได้หลงเข้าใจผิดค่ะ บางคนก็มีสามตัวตามที่เข้าใจเลย แล้วแต่จะตัดจะซื้อเพิ่มเอาค่ะ  ซึ่งบางมหาลัย จะมีเสื้อช็อปอย่างน้อยสองตัวค่ะ มีช็อปคณะ กับช็อปภาค แต่บางมหาลัยก็ไม่มีช็อปคณะ

บางคนแรกๆ ก็ใส่ตัวเดียว แล้วค่อยมีเพิ่มเอาตอนหลัง อาจด้วยสลับใส่ หรือน้ำหนักเพิ่มจนต้องมีเพิ่ม บางคนก็อยากปักลาย(อาทิ บางมด เสื้อช็อปจะมีรูปมด แต่ นศ.บางคนไปสั่งตัดร้านข้างนอกเพราะอยากให้เขาปักมดเอ็ก มดแดง มะตะนอย อะไรก็ว่าไป ซึ่งผิดระเบียบ ^^;)

สำหรับในบทที่เขียนไป เขียนในมุมมองคนซกมกเพิ่มสีสันค่ะ ซึ่งบางคนเขาก็รักษาความสะอาดเป็นปกติ แต่บางคนต่อให้มีสามตัวก็เหมือนจะสกปรกทุกตัว. มันขึ้นอยู่กับคนจริงๆ สำหรับภาคอุตเอง เสื้อช็อปจะเปื้อนเอาง่ายๆ ค่ะ เพราะวิชาช็อปค่อนข้างลุย ไม่เหมือนภาคคอมพ์เค้า

ในเรื่องอินทาเนีย จะมีบางฉากพูดถึงช็อปคณะ กับช็อปภาค ซึ่งต่างสีกัน ลองสังเกตดูนะคะ


หวังว่าจะมีความสุขกับการอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ... บูค่ะ  :hao3:


หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.02 (15Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 15-12-2017 20:33:18
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.02 (15Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-12-2017 21:11:55
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.02 (15Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-12-2017 21:25:40
ขอบคุณที่ตอบข้อสงสัยจ้า   :กอด1:

วิธีเนียนเข้าหานี่ ต้องเจ็บตัวทุกครั้งหรือเปล่าเนี่ย ไงก็อย่าลืมพกยาอม ยาลม ยาหม่องไว้ด้วยนะ เป็นห่วงจ้า  o18
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.02 (15Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 15-12-2017 21:26:47
แฮะๆ อ่อยหนักๆไปเลยลูก ต้องรุกแรงๆ
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.02 (15Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 15-12-2017 21:39:25
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.02 (15Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-12-2017 21:58:37
มีความเนียน  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ก็แอบรักเขา ก็ต้องมีตีสนิทบ้างไรบ้าง
แต่มีความยอมรับการแอบชอบ ไม่แสดงตัว ไม่สารภาพ
เทียน ยอมรับสภาพอย่างมีความสุข ขอแค่อยู่ใกล้ๆเซียนก็พอแล้ว 
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.02 (15Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: kankanin ที่ 16-12-2017 13:53:21
ว้าย พี่เซียนของน้อง เนียนจัด นั่งเฟรชหน้าจอทั้งวันเลย  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.03 (16Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 16-12-2017 19:38:33
ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า
                           [ IE : Industrial Engineering   วิศวกรรมอุตสาหการ ]                         
เขียนโดย  Boorina


ตอนที่ 3
แค่อยากใกล้


   ทว่าหลังผ่านไปหนึ่งเทอมกับการเป็นนักศึกษาในเสื้อช็อป ที่ผ่านการชิงธงรุ่น รับน้อง และได้เกียร์มาแล้วนั้น ผมได้รู้ตัวว่าไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับไอ้ทัพเทพ หรือชื่อเล่นของมันที่เพื่อนเรียกขานกันว่า ไอ้เซียน ไอ้เทพเซียน หรือท่านเทพเซียน นั่นหรอก

   ยิ่งแอบส่องแอบมอง ก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปในวังวนของมัน รู้ตัวอีกทีความรู้สึกหนึ่งได้ก่อตัวขึ้นแล้ว แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อผมเห็นมันยังคุยป้อหม้อสาวอยู่ตลอด บ่งบอกรสนิยมความรักอย่างชัดเจน จะให้แสดงความรักออกมาตรงๆ หรือเดินดุ่มๆ เข้าไปสารภาพความรู้สึกก็น่ากลัวว่าจะโดนฝ่าตีนประทับแสกกลางหน้ากลับมา

   แต่ก็ยังอยาก ‘ใกล้’ มันอยู่ดี   

   ดังนั้นในช่วงแรกที่เรียนด้วยกันผมจึงเริ่มขุดสกิลเนียนเข้ามาใช้ เริ่มจากตำแหน่งนั่งในห้องเรียน... ผมจะพยายามนั่งเรียนแถวหน้ามันหรือหลังมัน

   นั่งหน้าถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ก็ยังได้ยินเสียงมันพูดจอแจกับเพื่อนในแก็งค์ 

ถ้านั่งหลังก็จะได้เห็นแผ่นหลังกว้าง เส้นผมที่สะบัดไปตามหัวที่หันซ้ายทีขวาที บางครั้งก็ได้เห็นใบหน้าด้านข้างที่ชวนให้สะท้านใจเงียบๆ คนอะไรจมูกโด่งเป็นสันเรียวได้น่าอิจฉาขนาดนี้

   จากที่ไม่สนิทกัน พวกเราสองกลุ่มจึงเริ่มพูดคุยกัน ผมเลือกที่จะเสวนากับไอ้เอกหัวหอมมากที่สุดเพราะมันเป็นเพื่อนสนิทไอ้เซียน เวลาชวนทำอะไร กินอะไร ไอ้เซียนก็จะติดสอยห้อยตามไปด้วย เรียกว่าเข้าทางเพื่อนอย่างเนียนๆ กระทั่งสองกลุ่มกลายเป็นพันธมิตรร่วมกันทั้งในเรื่องเรียนและเรื่องเที่ยว

   “พี่เซียน หนูชื่อฟ้าใสค่ะ ขอเบอร์โทรหน่อยได้ไหมคะ”

   เป็นเสียงตะโกนดังกังวานสะท้อนเอคโค่จากหอพักนักศึกษาฟากโน้น ที่ระเบียงห้องหนึ่งมีผู้หญิงผมยาวยืนโบกไม้โบกมือยื่นไมตรี สักพักจึงได้ยินเสียงหนึ่งตะโกนกลับไป

   “081-188-881…”

   เป็นไอ้เซียนที่คงยืนอยู่ตรงระเบียงห้องไอ้เอก ถ้าไม่มาทำงานก็คงมาเล่นเกมตามประสา ทำให้ผมได้มาเจอกับช็อตจีบกันของเด็กมหา’ลัย ไอ้นี่ก็เถอะ ใจง่ายไปทั่ว ความรักนวลสงวนตัวช่างหาได้ยากจากผู้ชายคนนี้ซะจริง 

   และการที่ผมเลือกเช่าห้องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นความจงใจล้วนๆ

   “เดี๋ยวโทรไปนะคะ”

   “อะไรวะ ทำไมใครๆ ก็อยากเป็นเมียวิศวะ” เป็นเสียงไอ้เอกที่ลอยมาตามลมแล้วกระแทกเข้าหูผม

   กูตอบให้นะเอก ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับสกิลหนังหน้าและมวลมูลค่าของแบงค์ในกระเป๋าล้วนๆ ให้ดีมีรถยนต์หรูขับมาเรียน ขี้คร้านให้เรียนอะไรก็ล่อสาวเด่นประจำคณะได้ทั้งนั้นแหละโว้ย ไม่งั้นกูคงไม่โสดจนว่างมาแอบฟังพวกมึงสองตัวเพ้อให้รำคาญหูหรอก

   “กูว่าเค้าอยากเป็นเมียกูมากกว่ามั้ง ไม่งั้นมึงคงไม่โสดหรอก มึงก็เรียนวิศวะเหมือนกัน”

   “ใช่สิ กูไม่ใช่เดือนมหา’ลัยอย่างมึงนี่ บ้านก็ไม่ได้รวยเป็นเจ้าของเเฟรนไชส์ขนมจีบซาลาเปาชื่อดัง ไหนจะธุรกิจของป๊ามึงอีก กระเป๋ากูก็แฟ่บ ต้องปั่นจักรยานไปเรียน ดำก็ดำ เบ้าหน้าก็ไม่อปป้าโคเรีย เหอะ!”

   สาบานได้เอก ว่ามึงไม่ได้พูดกระทบกูเลยสักคำ!

   “ร่ายซะกูสมเพชมึงเลยเอก”

   ฉึก! เหมือนลูกศรพุ่งเสียบเข้ากลางอก ไอ้เซียนสมเพชเพื่อนมันก็เท่ากับสมเพชผมด้วย เป็นสมบัติความเท่ากันทางคณิตศาสตร์ของคนที่มีเบ้าหน้าบ้านๆ อย่างเรา

   “กูก็อยากเป็นผัววิศวะเหมือนกันนะโว้ย” หืม ว่าไงนะ คำพูดนั้นเล่นเอาหูผมกระดิก “หน้าตาจิ้มลิ้มทั้งนั้นเลย วันก่อนไปตึกเค็มเอ็นมา อื้อหือ ขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะมาก มีคนนึงดัดฟันด้วย โคตรชอบเลยว่ะ”

   สเปกของมันเล่นเอาคนแอบฟังอย่างผมสะท้านไปทั้งตัว ก้มหน้ามองต่ำมาที่แขน ไม่ดำ แต่ก็ไม่ขาว และต่อให้ขาวก็ไม่น่ากิน แถมฟันยังไม่ดัดอีกเพราะเสียดายฟันเขี้ยวที่ต้องถอน เลยตัดใจทั้งที่อยากจะดัดมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย

   “ก็เลือกเอาสักคน ทำเป็นหล่อเสียของอยู่ได้” ไอ้เอกแซะ

   “รำคาญ”

   “เรื่องมากได้กาก”

   “แต่มักมากมักได้เลือกนะโว้ย"

   แหวะ! ขออ้วกเถอะ!

   “หรือว่ามึงมีคนที่ชอบแล้ว?” คำถามนี้ของไอ้เอกเล่นเอาผมต้องขยับกายประชิดติดกำแพง เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจว่าไอ้เซียนจะเอ่ยชื่อสาวคนไหนออกมา

   “เฮ้อ... ไม่เสือกสิ!”

   “ชะ… เชี่ย!”  ผมสะดุ้งพร้อมกับหลุดร้องออกมาตอนที่เสียงนั้นดังข้างหู เป็นไอ้เซียนที่โผล่หัวข้ามกำแพงมาแล้วหัวเราะ ร่าชอบใจ “เล่นอะไรวะ ตกใจหมด กูตกระเบียงตายไปใครรับผิดชอบฮะ เบ้าหน้าอย่างกูมีหนึ่งเดียวในโลกนะโว้ย มึงมีปัญญาทำไปคืนแม่กูเหรอ ทีหลังจะทำอะไรคิดบ้าง ไม่ใช่มีหน้าหนาๆ ไว้คั่นหูอย่างเดียว”

   “ฝอยอะไรเนี่ย” มันเหน็บด้วยหน้าหล่อๆ ที่พยายามกลั้นขำ “เมื่อยปากบ้างไหมวะ พูดมากจัด มานี่เลยมา มาแข่งเกมกับกู PK ตัวต่อตัว”

   “แข่งแล้วได้อะไร คุ้มค่าเวลาที่เสียไปไหม ไหนจะเสียเวลานอนอีก งานกูก็ยังไม่เสร็จ...” สะดีดสะดิ้งทำเข้มพอเป็นพิธีแล้วก็เสริมอีกหน่อยว่า “แล้วสไลด์นำเสนอวิชาแมททรีเรียลมึงเสร็จแล้วเหรอวะถึงได้คิดจะเล่นเกม ถ้าเสร็จก็เอามาให้กูลอกบ้าง กูยังไม่เสร็จเลยอ่ะ” ท้ายเสียงของผมเริ่มอ่อยและเบาลง

   “มึงหยิบฉลากได้โลหะชิ้นเดียวกับกูรึไงจะมาลอกเนี่ย แต่ละคนต้องมาขัด กัดกรด แล้วส่องกล้องวิเคราะห์โครงสร้างเองไม่ใช่รึไงวะ สมองมีอ่ะ คิดๆๆๆๆๆ ไม่ใช่สักแต่จะลอก อย่าให้กูต้องสอน” มันแย้งขึ้นมายาวเหยียด หน้าผมชาวาบ ผมผิดอะไร แค่อยากอยู่ใกล้นิดหนึ่งก็ไม่ได้

   แล้วมึงอ่ะ... โคตรฝอยหนักกว่ากูอีก บอกเลย

   “ก็กูไม่แม่นโครงสร้างนี่หว่า พยายามดูรูปเทียบอยู่เนี่ย ไม่รู้เป็นสเตนเลสตัวไหน ออสเตนนิติก เฟอร์ริติก มาร์เตนซิติก หรือว่ามันเป็นเหล็กหล่อวะ แล้วหล่อชนิดไหนก็ไม่รู้ แกรไฟต์ก้อนกลมรึเปล่า มีกลมๆ ด้วยอ่ะ เฮ้อ มึนว่ะ” ผมยังคงไม่ละความพยายาม

   “พูดขนาดนี้... กูไม่ช่วยมึงได้ไหม”

   “มันก็ได้อ่ะนะ แต่ชื่อมึงจะหายไปจากงานกลุ่มอังกฤษทันที”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.03 (16Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-12-2017 19:49:00
ขยันตอดเข้าไปลูก มันต้องติดเข้าสักวัน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.03 (16Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 16-12-2017 21:13:53
เหมือนตัดฉึบไปเฉยย :ling1: :ling1:


ขอเยอะๆๆๆ  :mew1: น้า
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE เรื่อง เซียนเหนือฟ้า CH.03 (16Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 16-12-2017 21:32:12
เข้ามารอ
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า CH.03 (16Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-12-2017 21:45:18
เซียน ที่เทียนชอบ ก็หน้าหม้อล่อสาวไปเรื่อย  :z3:
สาวมาขอเบอร์ต่อหน้าต่อตา
แล้วเซียนก็ให้เบอร์ง่ายๆ เฮ้อๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
สงสารเทียน ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งรับรู้ และสะท้อนสะท้านใจ
ทั้งที่มักน้อย แค่ขออยู่ใกล้ๆแท้ๆ  :hao5: :hao5: :hao5:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] #ภาค IE : เซียนเหนือฟ้า CH.03 (16Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 16-12-2017 22:06:10
เทียนหนูมักน้อยจังเลยลูก  :katai3: ดีใจนะเนี่ยที่เห็นช็อปสีเทาในนิยาย ส่วนมากเห็นไม่สีกรมก็สีเลือดหมู เพราะมอเราวิศวะก็ใส่สีเทา รู้สึกตื่นเต้น 555555
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.04 (17Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 17-12-2017 16:27:38
ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า
                           [ IE : Industrial Engineering   วิศวกรรมอุตสาหการ ]                         
เขียนโดย  Boorina



ตอนที่ 4

ตลบกี่ชั้นกี่อาศาจึงได้มา

   กลายเป็นว่ามันพูดคำว่า ‘ถูกแล้ว’ สั้นๆ สองคำแล้วกดปิดโปรแกรมพาวเวอร์พ้อยท์ลง จากนั้นก็ยึดแล็ปท็อปผมเพื่อกดเข้าเกมแล้วพาไปนั่งเล่นที่โต๊ะคอมพ์อย่างสบายใจเฉิบ พลางส่งเสียงตะโกนอย่างสะใส ‘ลงดัน!.. ฆ่ามัน!... ขยี้บอส... ลุยโว้ย!!!’ ทิ้งปัญหาเหนื่อยยากให้ผมต้องทำอีกหน่อยกับการเขียนแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ แลกกับคำสองคำของมันเมื่อตะกี้นี้บนเตียงของไอ้เอก

   ที่น่าเจ็บใจไม่ใช่เพราะต้องทำอะไรให้มัน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ผมเต็มใจ แต่เพราะงานชิ้นนี้ไม่ใช่งานของมัน แต่เป็นของยัยเด็กฟ้าใสที่ตะโกนของเบอร์หนุ่มข้ามหน้าข้ามตาผม เหอะ! อยากหน้าไม่อายแบบน้องมันบ้าง ไม่ต้องเหนื่อยคิดหาวิธีอ้อมโลกอย่างที่เป็นมาตลอด

   อย่างผมกว่าจะได้เบอร์โทรกับไลน์ไอ้เซียนมันน่ะเหรอ ต้องใช้มารยาขั้นไหน ตลบไปกี่ชั้นกี่องศา คิดแล้วก็คงต้องย้อนกลับไปตอนปีหนึ่งเทอมหนึ่งสักหน่อย




   ‘กูก็พอช่วยมึงได้หรอก แต่เดี๋ยวกูมีธุระต้องรีบกลับว่ะ’

   ‘ขอบใจนะไอ้เทียน’

   ‘เออ งั้นเอาเบอร์โทรหรือไลน์มาหน่อยดิ’

   ‘หือ? เขียนแล้วจะถ่ายส่งไลน์มาให้ลอกเหรอ? เออๆ ดีๆ ลืมคิดไปเลย เอามือถือมา กูกดเบอร์ให้’

   ‘โอเคร ไลน์เด้งเข้ามาแล้ว ค่ำๆ จะไลน์หาว่ะ ขอจัดการธุระก่อน’

   

   ในความเป็นจริงนั่นคือสกิลความตอแหลเพราะอยากได้เบอร์ผู้ชาย คิดอีกทีถ้าขอแลกเบอร์กันปกติมันก็คงไม่นึกสงสัยอะไรหรอก แต่เพราะผมมันป๊อดคิดมากกลัวมันคิดลึก เลยต้องอ้อมค้อมจนนึกรำคาญตัวเองที่ทำให้เหนื่อยแรงเข้าไปอีก


   ท้องฟ้า      :   ชื่อจริงภาษาอังกฤษสะกดไง?

   ท่านเทพเซียน   :   ถามทำไม

   ท้องฟ้า      :   เอ้า ไอนี่

                    ให้กูเขียนแนะนำตัวภาษาอังกฤษให้ มึงก็ตอบๆ มาเหอะ

   ท่านเทพเซียน   :   อ้อ ท่านเทพเซียนลืมไป โทษทีครับ

   ท้องฟ้า      :   กูเกลียดชื่อมึง

                    ความกระแดะก็เช่นกัน

   ท่านเทพเซียน   :   555 ไม่เป็นไร ไม่ถือ

                   ความเกลียดชังของมึงไม่ส่งผลต่อคอลลาเจนบนหน้ากู

                   Thapthep Thaichana

   ท้องฟ้า      :   ไอ้หลงตัวเอง

                   วันเกิด?

   ท่านเทพเซียน   :   21 มี.ค.

                   วันดีที่เทพเซียนลงมาจุติ อย่าลืมของขวัญกูนะ ขอบคุณ

   ท้องฟ้า      :   พล่ามมาก

                    พ.ศ.?

   ท่านเทพเซียน   :   เดียวกับมึง

   ท้องฟ้า      :   สูง?

   ท่านเทพเซียน   :   187.65

                    กูสูงกว่ามึงกี่เซ็นต์วะ สิบได้มะ

   ท้องฟ้า      :   กวนส้นกูอีกละ กู 185

   ท่านเทพเซียน   :   นี่มึงปัดเศษจาก 165 ใช่ไหม

   ท้องฟ้า      :   จาก 179 โว้ย ไอ้เบื๊อกนี่

                   น้ำหนัก?

   ท่านเทพเซียน   :   กูต้องไปชั่งไหม

   ท้องฟ้า      :   ช่างหัวมึงเหอะ

                    เรียนจบม.ปลายจาก รร.?  บ้านเลขที่? มีพี่น้องกี่คน? ชอบสี? ชอบกิน? เกลียด?

                    งานอดิเรกล่ะ เสาร์อาทิตย์ชอบไปเที่ยวไหนวะ

                    เชียร์บอลทีมอะไร ศัตรูหงส์กูเปล่า

                   สเปกคนในฝันต้องยังไงสาธยายมา

                   แล้ว... เรียนจบจะสมัครงานที่ไหนเป็นที่แรก

   ท่านเทพเซียน   :   เอาสูติบัตร เลขบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน

                   ภาพถ่ายหลังคาบ้านจากกูเกิ้ลแม็พด้วยไหม  หรือจะให้แชร์โลเคชั่นในไลน์ไปให้

                   ทรานสคลิป ม.ปลายก็ด้วย กูพร้อมหมดอ่ะ

   ท้องฟ้า      :   ก็ดีนะ

   ท่านเทพเซียน   :   ตลกนะเราน่ะ

   ท้องฟ้า      :   E-mail FB IG twitter Line ID เบอร์บ้านด้วย

                   เดี๋ยวเขียนไม่ถึงสองหน้า

   ท่านเทพเซียน   :   เดี๋ยวแถมเบอร์ป๊ากับม๊าให้

                     เออ กูว่าจะถาม...

                    ทำไมใช้ชื่อไลน์ว่าท้องฟ้าวะ

                    ชื่อหมา? ชื่อแฟน?

                     เอ้า เงียบอีก

                     เออๆ เขียนไป

   ท้องฟ้า      :   ก็นะ... คนๆ นั้นอยู่บนท้องฟ้า

   ท่านเทพเซียน   :   ออ กูขอโทษว่ะ

                    ไม่คิดว่าชีวิตมึงจะมีดราม่าเรื่องเศร้าทำนองนี้ด้วย


   เฮ้อ ไอ้โง่ นี่กูต้องดิฟต้องอินทริเกรตกี่ชั้นถึงจะคำนวณค่าความโง่เง่าในหัวมึงได้เนี่ยไอ้เซียน แต่ถ้ามากกว่าสองชั้นก็ขอโบกมือลา แค่นั้นก็ทำกูเดี้ยงจนวิชาแคลคูัสตอนปีหนึ่งสอยมาได้แค่ซีบวก

   หลังจากร่างงานให้ไอ้เซียนเรียบร้อยแล้วตั้งแต่สองชั่วโมงก่อน ผมในสภาพแก้มบวมเพราะหุบยิ้มไม่ลงเพราะสมองเต็มไปด้วยโปรไฟล์เอ็กซ์คลูซีฟก็ได้กดมือถือโทรหามันหลังเที่ยงคืน ได้ยินเสียงเกมดังผ่านสัญญาณมาตามสาย น้ำเสียงมันค่อนข้างงงเล็กน้อยตอนเอ่ยถาม

   ‘โทรทำไมให้เปลืองตังค์ ไม่ไลน์มาวะ’

   ‘มือถือตัดโปรฯ ตอนเที่ยงคืนพอดี เล่นเนตไม่ได้ งานมึงก็ต้องส่งตอนเช้าด้วย เลยจะโทรมาบอกให้มึงเขียนตามที่กูพูดเนี่ย’

   ‘เดี๋ยวกูก็สะกดผิดอีก ทักษะการฟังกูไม่ได้เทพไปกว่าการเขียนนะโว้ย... เอางี้ พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้าที่โรงอาหารนะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวเช้ามึงด้วย’

   ‘โอ๊ยยยย เช้าว่ะ ขี้เกียจอ่ะ เอางี้ได้มะ... ถ้ามึงตื่นตอนไหนก็โทรปลุกกูหน่อยแล้วกัน โทรย้ำจนกว่ากูจะรับนะโว้ย’

   ‘เออ ไอ้ขี้เซา!’

   อุ๊ย! แค่แกล้งทำเป็นอินเตอร์เน็ตหมดเพื่อหาข้ออ้างอยากฟังเสียง ใครจะรู้ว่าผมดันโชคดีถูกผู้ชายสายเปย์เสนอตัวจะเลี้ยงข้าว เฮ้อ... คุ้มค่าเหนื่อยดีจริงๆ


   


   โอ๊ย! เจ็บ!!

   “ไอ้เซียน มึงถีบกูทำไม!?”

   ผมยกมือขึ้นลูบเอวหลังถูกไอ้เซียนถีบจนแทบพลัดตกเตียง ยังดีที่มือเหนียวคว้าเอาขอบเตียงไว้ทันเลยร่วงกรูไปแค่ช่วงล่าง พอดีกับที่ไอ้เอกเจ้าของห้องกลับมาจากข้างนอกเพื่อหาซื้ออาหารรอบดึกมาปาร์ตี้ ผมลุกขึ้นยืนบนเตียงแล้วพยักหน้าเดือดใส่ไอ้เซียน

   “เล่นทีเผลอเหรอ ตัวต่อตัวไหมมึงอ่ะ เจ๋งมาจากไหนวะ คิดจะรังแกกู” ตอนที่ผมพูด ไอ้เอกส่ายหน้ารัวแล้วเลี่ยงเดินไปหยิบจานชามช้อนส้อมเพื่อแกะกับแกล้มและแก้วสำหรับเบียร์สองถุงใหญ่

   “อ้าว ใครจะรู้ คิดว่าผีเข้า เห็นนั่งยิ้มน้ำลายไหลจนกระดาษเปียกหมดแล้ว แถมยังไม่ได้เขียนอะไรเลยสักตัว”

   กูก็คิดเรื่องมึงอยู่ไง กูถึงได้เป็นแบบนี้ ไม่รู้อะไรอย่ามาพูดเลย

   “ก็เขียนไม่ถูกป่ะวะ ให้กูเขียนให้เขา แม่ง ชื่ออะไรกูยังไม่รู้เลย”

   ไอ้เซียนตีหน้ายุ่งใช้ความคิดเล็กน้อยก่อนจะพาตัวมานั่งลงบนเตียงแล้วดึงแขนผมให้นั่งลงข้างกัน

   “นั่งดิ๊ กลิ่นมันโชย”

   ผมตบเสยท้ายทอยมันไปหนึ่งทีเน้นๆ ด้วยความหมั่นไส้ปากที่คอยแต่จะเรียกส้น พ่วงด้วยอารมณ์หมั่นไส้ที่ทำให้ผมต้องมาเป็นเบ๊รับใช้ผู้หญิงในสต็อกของมัน

   “มึงโทรถามน้องมันดิวะ กูจะได้เขียนให้เสร็จๆ เนี่ย”

   “โทรให้เปลือง”

   “โหวววว ไอ้ขี้งก นี่มึงจีบสาวแล้วยังเค็มอีก ไม่ป๋าเลยว่ะ... ลำบากกูโคตร"

   “มึงก็เว้นไว้สิ อะไรที่ต้องเติมอ่ะ”

   “มันฉลาดพอที่จะรู้ไหมว่าต้องเติมอะไร” แต่ผมว่าฉลาดใช่ย่อยเลยแหละกับวิธีอ่อยหนุ่มของน้องฟ้าใส ทำเป็นเอาเรื่องเรียนมาออดมาอ้อน เหอะ! มารยาขั้นเบบี๋มาก เทียบชั้นพี่ไม่ติดหรอก

   “งั้นอันไหนเป็นข้อมูลส่วนตัว หรือความชอบผู้ชอบสาวแบบไหน มึงก็เอาปากกาแดงเขียนข้อมูลมึงลงไปเป็นตัวอย่าง ถ้าน้องฟ้าใสมันจะโง่ขนาดไม่รู้ว่าต้องทำยังไงก็ปล่อยไปเถอะ จะไปเคร่งเครียดอะไรกับงานของเขา”

   เออ ก็รู้นี่ว่างานเขา แล้วมึงรับมาทำแป๊ะซะเหรอ แถมยังทำกูเหนื่อยต้องมาช่วยมึงจีบสาวอีก กรรมอะไรของกูวะเนี่ย

   “4 February 19... แล้วนี่กูชอบสีอะไรวะ... สเปกตัวผู้น้องมันล่ะ... เฮ้อ...”

   ผมพึมพำขณะจรดปากกาตวัดเขียนด้วยความเซ็งในอารมณ์!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุยกันนะ

๑. โทษทีนะคะที่ตอนก่อนหน้าสั้นไปหน่อย ^^;
๒. สำหรับเสื้อช็อปสีเทา เมื่อเขียนแล้วโดนใจคนอ่านก็ดีใจค่ะ  โดยในเรื่องแต่ละภาควิชาจะมีสีช็อปแตกต่างกันไป แต่จะมีช็อปคณะสีเดียวกัน (บางมหาวิทยาลัยก็มีช็อปคณะ บางที่ก็ไม่มีค่ะ) ซึ่งเดี๋ยวจะมีสอดแทรกในเรื่องนะคะ จำไม่ได้ละว่าเขียนใส่ไว้ในเรื่องไหน ต้องฝากติดตามอ่านไปเรื่อยๆ นะคะ
๓. แต่ละเรื่องจะยาวไม่มากนักค่ะ ไม่กี่ตอนก็จบแล้ว
๔. ในเรื่อง เซียนเหนือฟ้า เริ่มต้นอาจราบเรียบ แต่เตรียมฟินช่วงครึ่งได้เลยค่ะ ^^
๕. หลังจบเรื่อง เซียนเหนือฟ้า (วิศวกรรมอุตสาหการ) ก็จะเป็นเรื่องราวความรักของหนุ่มภาควิชาวิศวกรรมโยธา ค่ะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ
๖. ความตอดนั้น...อีกไม่นานก็ทะลักออกมาแล้วค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันจ้า






หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.4 (17Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 17-12-2017 16:43:34
เวรกรรมอะไรของนางต้องมาทำงานให้สาวที่คนที่ตัวเองชอบเล็งไว้  วงวารนาง 5555555555
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.4 (17Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 17-12-2017 18:03:44
เทียน + เซียน = เนียน  o13
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.4 (17Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2017 18:39:03
เทพเซียน จะรู้ตอนไหนกันนะว่าเทียนชอบตัวเอง  :hao3:
         :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.4 (17Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-12-2017 20:19:33
ึคน ๆ นั้นที่อยู่บนท้องฟ้า คือ เทพเซียน แม่นบ่  :hao3:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.4 (17Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: kankanin ที่ 18-12-2017 17:56:08
ว้ายยยย เทียนมารอเทพที่ท้องฟ้าทุกวันเลยยย เซียนอีบื้ออออออ
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.4 (17Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: nine.petch ที่ 19-12-2017 19:52:26
อื้อหือ แค่ขอเบอร์ทำไมต้องอ้อมค้อมอ้อมโลกขนาดนั้นห้ะเซียน ทำไมชีวิตดูพอใจกับการแอบชอบ รุกบ้างสิ กระโดดคล่อมจับปล้ำเรียบร้อยโรงเรียนจีน เซียนไม่ว่าอะไรหรอก เอ๊ะ หรือว่าเซียนไม่ใช่พระเอกที่แท้จริง มีคนแอบชอบเทียนอีกต่อหนึ่งหรือเปล่า หรือว่าเอกหัวหอม เฮ้ยไม่หรอกน่า ก็บอกอยู่ว่าคนๆนั้นอยู่บนฟ้า ถ้าไม่ใช่เทพเซียนแล้วจะเป็นใครกัน เอ๊ะ หรือว่าคนบนฟ้ามันเอื้อมถึงยากนี่เนอะ ก็คงดราม่าไป สุดท้ายก็มาลงเอยกับเอกอยู่ดี หรือเปล่า
สนุกดี รอๆๆๆๆ  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.4 (17Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 20-12-2017 22:02:47
จชอบอะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ :)
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.4 (17Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: wichta ที่ 22-12-2017 01:01:56
รีบเลยคะ จะลงแดงแล้วค้างงงงงงอยู่บนฟ้ากับเทพเซียนแล้วเนี่ย เอ็นดูเทียนจริงๆเล๊ย ขอทีเดียว 10'เลยค๊า
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.5 (22Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 22-12-2017 22:27:21
ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า
[ IE : Industrial Engineering   วิศวกรรมอุตสาหการ ]                         
เขียนโดย  Boorina


5
ภาพคู่


   “กว่าจะถึงคิวกู โอ๊ย ยืนรอไปสิ รอจนรากแก้วงอกอ่ะมึง” ไอ้เพลงส่งเสียงครวญตอนที่เดินเข้ามานั่งใกล้ผมในห้องเรียนเพื่อรอเรียนวิชาถัดไปในคาบบ่าย จ้อต่อไปอีกว่า “แล้วนี่กว่าไอ้เซียนกับไอ้เอกจะได้ สงสัยพวกเราเลิกคลาสกันก่อน เป็นแค่ร้านน้ำบ้านๆ แต่ดันขายดีโคตร เรียนจบแล้วอยากมาเปิดร้านแข่งด้วยเลย”

   ผมจะไม่สนใจคำพล่ามของมันเลยถ้าหากไม่มีชื่อไอ้เซียนอยู่ในนั้น ผมเออออทำทีเป็นรับฟัง ในหัวปิ๊งไอเดียหนึ่งขึ้นมา หยิบมือถือมากดแชะภาพเล่น สักพักทำทีลากคอไอ้เพลงกับไอ้หรั่งที่นั่งขนาบข้างผมมาเซลฟี่อย่างเฮฮา กะจังหวะให้พวกไอ้เซียนเดินเข้ามาด้านหลังเพื่อให้ติดอยู่ในเฟรมเดียวกัน เพราะยังไงโต๊ะนั่งประจำของพวกมันก็อยู่ข้างหลังผมอยู่แล้ว

   แต่ใครจะคิด... ว่าไอ้เซียนจะนึกอยากก่อกวนพวกผมด้วยการทำเป็นยืนเก๊กหล่อเป็นแบล็กกราวน์เบื้องหลังพร้อมไอ้เอก หึ ทำกูหมองเลย แต่อารมณ์โคตรฟิน

   “ส่งมาให้บ้างสิไอ้เทียน” ไอ้เซียนชะโงกหัวมาข้างหน้าเพื่อบอกผมด้วยเสียงเริงร่าตามนิสัยเฟรนด์ลี่ขี้เล่น “เอาภาพที่กูหล่อนะ”

   “ไม่ให้ เพราะกูไม่หล่อ มึงจะโผล่หัวมาทำไมเนี่ย ทำพวกกูดร็อปหมด อย่างกับถูกหมอผีเสกหนังควายเข้าท้อง มึงนี่นิสัยเลวมาก ไสหัวไปไกลๆ กูเลยไอ้เซียน ไอ้ขี้เสือก”

   ไปไกลๆ เลยชิ่วๆ กูจะได้มีเวลานั่งส่องรูปมึง โอ๊ย ออร่ามึงจัดมาก ชอบมาก ปลื้มปริ่มจริงๆ

   “ขี้งกอ่ะ... ตัวดำ... ใจดำ...”

   มันส่งเสียงค้อนลอยเข้ามาในรูหูผมเป็นระยะๆ ตลอดชั่วโมงเรียน


   ท้องฟ้า      :   มึงงงง

                    ภาพนี้โอเคไหม

   PlengKPop   :   ไม่ได้ต้องการไหม

                    ที่กูขอคือภาพพวกเราสามคน

   ท้องฟ้า      :   กูเห่อไง

                     ภาพคู่แรก

   PlengKPop   :   ไม่ใช่ภาพครอปเฉพาะหนังหน้ามึงกับไอ้เซียนเหรอ

                    ไอ้ขี้อวดดดดดดดดด

                    กากกกกกกกกกกกก

   ท้องฟ้า      :   ยังไงก็คือภาพคู่

                    ปล่อยกูเพ้อเถอะ

                    พลีสสส...

   ภาพคู่... ไอ้เซียนยืนดูดชาเย็นเยื้องไปด้านหลังผมเล็กน้อย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   วันนี้ผมไม่มีเรียนคาบเช้า จึงเข้ามหา’ลัยในช่วงสายเพื่อหาของกินที่ตลาดละลายทรัพย์ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์จะมีเพียงวันพุธเท่านั้น หยิบโน่นซื้อนี้จนของกินเต็มมือจึงเดินไปโซนแฟชั่น คำนวณเม็ดเงินที่เหลือในกระเป๋าแล้วสรุปได้สั้นๆ ว่าสามารถซื้อของไร้สาระได้แค่สองร้อยบาทเท่านั้น ไม่งั้นทั้งเดือนคงได้ทำข้าวต้มใส่เกลือกินแทน เพราะกระทั่งบะหมี่ก็ยังแพงเกินไปสำหรับผม

   ตอนที่เดินผ่านร้านเครื่องประดับผมสะดุดตากับสร้อยข้อมือ ไม่ใช่เพราะสวยหรืออะไรหรอก แต่เพราะเห็นไอ้เซียนยืนก้มหน้าก้มตาด้วยความสนใจ อดที่จะหลบมุมแล้วแอบมองไม่ได้ว่ามันซื้อสร้อยแนวไหน ผมเห็นเพียงมันจับชิ้นโน้นหยิบชิ้นนี้แล้วเดินจากไป เมื่อทางโล่งโปร่งสะดวกผมจึงรีบปรี่เข้าไปประชิดติดโต๊ะเครื่องประดับ ปลายนิ้วชี้ไปยังสร้อยแบบหนึ่ง

   “เส้นนี้เท่าไหร่ครับพี่”

   “สองร้อยห้าสิบจ้ะ”

   “อ้อ...”

   ผมหยิบสร้อยหนังสีน้ำตาลขึ้นมาเส้นหนึ่ง มีแถบสแตนเลสเล็กๆ ประดับอยู่ตรงกลาง เป็นแบบเดียวกับที่ไอ้เซียนเล็งไว้  ในใจครุ่นคิดขึ้นมาทันที  อยากสลักชื่อท่านเทพเซียนไว้เหลือเกิน

   สลักชื่อเพิ่ม 30 บาท

   เห็นป้ายที่วางอยู่แล้วติดสตั้นไปสองวินาที ลำพังสร้อยราคาสองร้อยห้าสิบก็ขูดเลือดขูดเนื้อผมจนแทบเหลือแต่กระดูก  คิดลองหาแบบอื่นที่ราคาถูกลง แต่มันก็ไม่สวยไม่เท่อย่างที่ไอ้เซียนมันสน ทั้งยังมีคำที่สลักไว้อยู่แล้ว ไม่สามารถเลือกคำที่ชอบได้

   เหลียวกลับมามองสร้อยในมืออย่างอาลัยอาวรณ์แล้วตัดใจ สามสิบบาทก็เงิน ในเมื่อความมั่นคงทางการเงินไม่เอื้ออำนวยก็ปล่อยมันไปเถอะ

   “ไม่เอาเหรอ เห็นยืนดูอยู่ตั้งนาน” ไอ้เซียนทำผมตกใจกับเสียงเอ่ยทัก แกล้งนิ่งสยบหัวใจที่เต้นโครมครามแล้วตอบกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติอย่างที่ควรเป็น

   “ขี้เกลียดเสียตังค์เพิ่มค่าสลักชื่อ แล้วมึงเสือกอะไรด้วยเนี่ยไอ้เซียน”

   “อยากได้คำว่าอะไรอ่ะ” ชื่อมึงไงเซียน ยุ่งจริงโว้ย “ตะกี้ตอนกูดูเห็นมีคำว่า SKY  ด้วยนะ ความหมายเดียวกับชื่อไลน์มึงเลย แลดูโรแม้งมาก จะได้ไม่ต้องสลักใหม่ให้เสียตังค์ไง”

   “จริงดิ แต่ที่กูจะเอาไม่ใช่แบบเส้นที่มันเป็นสีๆ กูจะเอาสายหนัง แต่แพงไง”

   ไอ้เซียนยื่นมือไปชี้ถุงใสใบหนึ่งที่มีสร้อยข้อมืออยู่ในนั้น แม่ค้าหยิบแล้วยื่นส่งให้มันทันที

   “มีคนสั่งแล้วชิ่งหนี พี่แกเลยบอกถ้าสนก็เอาไปเลยไม่ต้องเสียค่าสลัก”

   มันพล่ามพร้อมหยิบสร้อยข้อมือออกมา มีคำว่า SKY สลักอยู่จริงๆ ด้วย แต่มึงเข้าใจไหมเซียน กูเปล่าอยากได้ ให้เอาไปนอนเพ้อถึงชื่อตัวเองเหรอ ซากดิ กูอยากได้ชื่อมึงต่างหาก จุ้นไม่เข้าเรื่อง

   “เอาไปดิ”

   จะสลัดออกจากจุดนี้ได้ยังไง ไอ้เซียนเห็นผมนิ่งยิ่งทำหน้ามุ่นสงสัย ผมถอนหายใจติดรำคาญ โพล่งออกไปว่า

   “อ้อ… สวยดีเนอะ"

   “สวยดิ กูยังชอบเลย มาๆ กูใส่ให้เอง มือมึงถือของกินเยอะ เฮ้อ แค่นี้ยังอ้วนไม่พอใช่ไหม ลงพุงเยอะไปแล้วนะมึง”

   พูดจบมันก็คว้ามือผมไปสวมสร้อยข้อมือให้ แสงสว่างสะท้อนวิบวับกับแผ่นสแตนเลสสีเงินงดงามตระการตา ยังไม่พอ มันยังใจดีล้วงเศษเงินในกระเป๋ากางเกงผมส่งให้พ่อค้า ช่างเป็นเพื่อนแสนดีจนผมซาบซึ้งน้ำตาคลอ ร้องไม่ได้้หัวเราะไม่ออก รู้สึกอยากตะโกนด่ามันให้น้ำไหลไฟดับทั้งตำบลให้สาสมกับความแค้นใจในครั้งนี้

   ห้าสิบบาทที่เกินงบไปไม่เท่ากับมันที่ทำให้ผมเสียเงินไปกับของที่ไม่อยากได้

   เสือกได้โล่เลยมึงไอ้เซียน!

   “เทียน... ไป Terminal 21 ด้วยกันไหม”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.5(22Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 22-12-2017 23:07:32
 :o8:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.5(22Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-12-2017 23:32:30
ตามแอบส่องเขาอย่างไงให้เขาตลบหลังได้เนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.5(22Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 23-12-2017 09:01:41
ไม่ใช่ว่าเส้นที่สลักว่าสกายที่จริงเซียนเป็นคนสั่งนะ แล้วทามมาเปง 555555555555
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.6 (23Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 23-12-2017 20:03:29
ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า
[ IE : Industrial Engineering   วิศวกรรมอุตสาหการ ]                         
เขียนโดย  Boorina



อิมเมจ
แจบอม + จินยอง
(สามารถแว้บไปดูได้ในเด็กดีนะคะ)




ตอนที่ 6
หน่วง



   ตังค์หมดคงไปได้หรอกนะ!

        นอกจากหมดไปกับของไร้สาระที่ไม่นึกอยากถอดออกเพราะมีคนใส่ให้ ยังเสียไปกับค่าถ่ายเอกสารข้อสอบเก่าและหนังสือรวมฮิตเคล็ดวิชาดิฟอิเคว ไหนจะค่ารายงานที่มาเรียกเก็บวันนี้ กลายเป็นเงินหมดกระเป๋าของจริง

   คิดวิเคราะห์ถึงความลำบากเรื่องเงินทองแล้วจึงตัดสินใจนั่งรถตู้ไปหาอาพัด ใช้สกิลออดอ้อนสักนิดคงได้เงินมาหลักพันอย่างสบายๆ และอาจต้องนอนค้างที่คอนโดฯ สักคืนไม่ให้ดูน่าเกลียด ผมในตอนนี้จึงนั่งอยู่ในรถตู้แถวที่สามริมซ้ายซึ่งเป็นที่นั่งเดี่ยว สักพักสังเกตเห็นแผ่นหลังคุ้นตาด้านนอกแว้บๆ จึงพยายามเอียงซ้ายเอียงขวาเพื่อหามุมที่สามารถมองได้ชัดเจน

   โป๊ก!!

   “โอ๊กกกก เจ็บสาดดดด!”

   ร้องครวญพร้อมยกมือขึ้นกุมหัวก่อนจะชะงักให้กับเสียงหัวเราะที่ดังขึ้น แต่พอสะบัดหน้าพรืดไปมอง ไอ้เด็กเวรสองตัวบนรถแถวเดียวกันก็รีบหุบปากแล้วหันหน้าหนีไปทันที

   ถังดับเพลิงจัญไร! มาแขวนเกะกะอะไรตรงนี้เนี่ย!  เจ็บจนน้ำตาจะไหล แต่ต้องทำเข้มเเข็ง เพราะมีตัวเสือกจ้องหัวเราะ ว่าแล้วก็อยากเตะเด็ก

   “อ้าว ไปไหนอ่ะ” เป็นไอ้เซียนที่ร้องถามหน้าเหวอทั้งที่ยังยืนโก้งโค้งอยู่ในรถ ก่อนจะเดินไปนั่งเบาะหลังสุดด้านหลังผมแล้วยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูผมว่า “ทีกูชวนไปไหนล่ะไม่ไป ที่แท้ก็แอบนัดคนอื่นไว้”

   “ให้กูไปเถอะ ก่อนจะไม่มีแดก”

   “ตังค์รายเดือนหมดแล้วเหรอ แล้วจะไปเอาที่ใคร พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัดนี่”

   “ว่าจะไปขายตูดเล่น”

   เพียะ! “ไม่ขำ”

   “แล้วมึงจะมาตบหัวกูทำไม กูพูดเล่นไหม รุนแรงกับกูตลอด เห็นกูเป็นอะไรเนี่ย ถาดส้มตำเหรอ กระโหลกร้าวขึ้นมาทำไง ใช้สมองคิดสิ ตอบสิ เงียบทำไม มีตะกร้อครอบปากอยู่เหรอ อ่อนหรือกาก ซากหรือเดน  ไอ้เวรหรือเดือน เพื่อนหรือ...”

   เฮ้! ฉิบหายแล้ว พล่ามมากจนเกือบพลั้งปาก ดีนะที่ตะปบปากตัวเองทัน ถ้าหลุดออกไปมีหวังโดนเค้นแน่ๆ

   “เพื่อนหรือแฟน? แฟนหรือผัว? ผัวหรือเมีย? เอ้า เลือกเลยไอ้เทียน”

   อะไรวะ ย้อนกลับมาที่ผมได้ไง คล้ายถูกย้อนกลับมาอย่างงงๆ แต่อย่าคิดนะเซียน ว่าคนอย่างกูจะหน้าบางยอมแพ้มึง พลาดแล้ว รู้จักคนอย่างกูน้อยไปแล้วโว้ย

   “เลือกให้มึงแพ้ทางผู้ชาย” เป็นไงล่ะ อึ้งเลยไหมเพื่อนเซียน

   “ฝอยเก่งแบบนี้ ก็ลื่นหูดี”

มันพูดสั้นๆ ไม่แยแสต่อถ้อยคำย้อนศรจากปากผม ก่อนจะกระหวัดแขนโอบรอบคอผมจากด้านหลัง สักพักจึงรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงมาที่ไหล่ ใบหน้าที่ขยับซุกไปที่คอ ลมหายใจที่เป่ารดบนผิวผม

“รู้สึกเหมือนเมารถเลยว่ะเทียน ฉิบหายแล้วกู”

   แล้วกูต้องทำไงวะเซียน?

   มึงรู้ไหมว่ากูในตอนนี้ตื่นเต้นจนขาแขนเป็นอัมพาตไปทั้งยวง สติสตังจะควานหายาดมในเป้ให้มึงก็หลุดหาย ลืมแม้กระทั่งลำดับโมเมนท์เซียนเทียนล่าสุด ครั้งนี้มันเท่าไหร่แล้ววะ ดูท่าสมองจะชะงักและประกาศหยุดทำการชั่วคราวซะแล้ว

   แต่เอาเถอะ ใช่ว่าโอกาสแบบนี้จะมีกันง่ายๆ ขอ ‘แชะ’ เก็บไว้เป็นที่ระลึกสักภาพก็แล้วกัน

   ภาพคู่... เส้นผมที่พันกันของเซียนเทียน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   ท้องฟ้า      :   สุดท้ายกูเลยต้องพามันนั่งรถตู้ไปส่งที่บ้าน

   PlengR&B   :   แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน

   ท้องฟ้า      :   ห้องนอนมัน แม่มันกับมันยื้อกูอยู่กินข้าวเย็น

                    นี่จะสี่ทุ่มแล้วยังไม่ให้กูกลับ

                    อยากขึ้นเตียงกับกูก็บอกตรงๆ เหอะ ทำเป็นให้แม่มาช่วยออกหน้า

   PlengR&B   :   เฮ้อ...

                    จุก เพื่อนกูเพ้อได้อีก

                    งั้นกรี๊ดดิ รอไร

   ท้องฟ้า      :   เหอะๆๆๆ มันคงได้ยินหรอก

                    ใส่หูฟังเล่นเกมสบายใจเฉิบ สาบานได้ว่าตะกี้มันป่วย

   PlengR&B   :   มันวางแผนลากมึงมาล่อตูดเปล่า

   ท้องฟ้า      :   สาาาาาธุ!

                    พูดเห้ละ!!!

   PlengR&B   :   เอาจริงๆ นะโว้ยไอ้เทียน

                    กูว่ามึงลองเสี่ยงบอกชอบมันอ้อมๆ ดูสักครั้งไหมวะ

                    ยังไงก็ไม่ใช่เพื่อนกลุ่มเดียวกัน 

                   ถ้ามันจะรังเกียจมึงจนเลิกคบ

                   มึงก็ยังมีกูนะ

   ท้องฟ้า      :   ถามกูบ้างยังว่าอยากมีมึงป่าวววววว

   PlengR&B   :   ไอ้บัดซบ! ไปตายห่าไหนก็ไปเลย!!!

                    กูไม่สนใจมึงแล้ว

                    ไอ้เพื่อนเวงงงงงงงง


   ไม่ทันได้พิมพ์โต้กลับไป มือถือผมเป็นอันดับวูบ สายชาร์ตของตัวเองก็ไม่ได้เอาติดตัวมาด้วย เหลียวไปมองหาของไอ้เซียนก็พบว่ามันกำลังใช้อยู่ ทั้งยังรู้สึกเซ็งที่ไอ้เซียนลากให้ผมอยู่ค้างด้วยแต่ตัวเองดันไปนั่งเล่นเกม ผมชักอยากแกล้งสับเบรกเกอร์ไฟให้มันคลั่งตาย

   ลองยื่นสายตาไปใกล้ๆ ก็ชักเริ่มไม่แน่ใจว่ามันมัวเล่นเกมหรือแชทคุยกับเพื่อนในเกมกันแน่ แลดูได้อรรถรสจนลืมเพื่อนที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี่

   “จะเอาอะไรป่ะ?” ไอ้เซียนถอดหูฟังออกแล้วเอ่ยถาม

   ผมส่ายหน้าตีมึนแต่สายตาจับจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ไปอาบน้ำไป กูจะขอใช้คอมพ์หน่อย จะส่งงานเขียนแบบให้ไอ้เพลงอาร์แอนด์บี” ท้ายเสียงกระแดะเสตรสเสียงซะอ้อร้อเลยกู

   “อ้อ วันนี้เปลี่ยนชื่อไลน์จากเพลงเคป็อบเป็นอาร์แอนด์บีแล้ว เยอะเนอะเพื่อนมึง”

   “เยอะได้ไม่เท่ามึงหรอก”

   “แตะไม่ได้เลยเนอะ เพื่อนคนนี้”

   “ไม่ได้... ห้าม... อยากแตะมาแตะกูนี่”

   “แตะไงอ่ะ” มันถามพร้อมหมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้ากับผมที่ยืนอยู่ ตามด้วยงานมือที่ตะปบแหมะที่เอวผมทั้งสองข้าง “งี้เหรอ?” ว่าแล้วก็เลื้อยมือขึ้นสูงอีกหน่อย “หรือจะวกลงต่ำดี” ไม่พูดเปล่า มันเลื่อนมือลงสอดคล้องกับคำพูดจนถึงสะโพก “ยืนทำหน้าเป็นผีตายซากซะกูหมดอารมณ์เลย”

   ไอ้เชี่ยเซียน... กูตกใจจนลืมหายใจต่างหากโว้ย ตัวกูแข็งทื่อเพราะตกใจขนาดนี้ยังไม่รู้อีก มึงลองเอาหูแนบมาที่อกกูนี่ มึงจะรู้เลยว่าหัวใจกูสั่นแรงมากแค่ไหน ไอ้บ้าเอ๊ย แล้วนี่อะไร แกล้งกูแล้วยังมาทำเป็นถอนหายใจพรวดยาวน่ารังเกียจใส่กูอีก

   ผมมองตามไอ้เซียนที่เดินไปไปหยิบผาเช็ดตัวในตู้แล้วดิ่งเข้าห้องน้ำ

   “กูใช้คอมพ์นะ” ผมตะโกนไล่หลังไอ้คนที่กำลังปิดประตูห้องน้ำ โชคดีที่เสียงไม่สั่น คงเพราะตะเบ็งเสียงเข้มสุดแรง

   “เออ แต่อย่าแตะเกมกูนะ”

   หลังใช้ไอแมคจอโตของมันส่งอีเมลให้ไอ้เพลงเรียบร้อยแล้วผมก็นึกอยากส่งไลน์หามัน แต่เพราะมือถือแบตหมดผมจึงกดเข้าไปที่โปรแกรมไลน์ในคอมพ์ แต่พอกดปุ๊บโปรแกรมดันรันเข้าสู่ระบบอัตโนมัต กรอบสีเขียวเต็มไปด้วยรายชื่อเพื่อน ช่องแชทมีหมายเลขแจ้งเตือนข้อความที่ยังไม่ได้อ่านยาวเหยียด

   เฮ้อ... โคตรป็อบ

   ผมมองรายชื่อไอ้เอกที่ไอ้เซียนค้างอ่านห้าข้อความ ในใจนึกอยากเสือกความลับของมันไม่น้อย แต่กลัวว่ากดเข้าไปแล้วมันจะรู้ว่ามีคนกดเข้าไปอ่าน และกลัวว่าจะมีการพูดถึงชื่อสาวที่มันสนใจ ผมตัดใจไม่ขอเสือก กดกากบาทปิดหน้าต่างโปรแกรม แต่มันไม่ใช่การล็อกเอาท์ เพราะเมื่อมีคนส่งข้อความเข้ามา ได้มีกล่องสี่เหลี่ยมแจ้งเตือนเล็กๆ ปรากฏข้อความแชทที่มุมขวามือทุกครั้งก่อนจะเลื่อนหายไป

   

   เอกหัวหอม   :   เป็นไง เที่ยวเทอร์มินอล

                    ได้กันยัง เอายังวะ จับปล้ำเลยไหม

                    ไอ้เซียนนนนนนน อยู่หนายยยยยย

                    สถานะกูพร้อมเสือกกกกกกกกกกก

                   ตอบไวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ         

         

   หน่วง...

   “ทำไรวะ”

   หน่วงยังไม่เสร็จ ดราม่าชะงักลึกได้แค่ปากทางซอกหลืบในหัวใจ ไอ้เซียนก็เดินตัวปลิวเข้ามาหาด้วยสภาพชิลสุดๆ ยืนเช็ดผมเปียกในสภาพสวมชุดบาสไร้แขนสีขาว สายตาจับจ้องหน้าจอที่ยังคงมีข้อความจากไอ้เอกหัวหอมเด้งขึ้นมาเรื่อยๆ

   “กูไม่ได้กดอ่านนะ” ผมแหงนหน้ามองมันที่ยืนค้ำหัวผม “แค่เห็นไงว่ามันเด้งขึ้นมา”

   “……” เงียบ?

   “ไม่ได้เสือกอะไรเลย กูมีมารยาท”

   “……” กูไม่ได้ร้อนตัวนะ มึงอย่าเงียบ

   “กูเคยเป็นตัวแทนประกวดมารยาทไทยตอน ป.6 ได้ที่หนึ่งเลยนะ”

   “……”

   “แม่กูสอนมาดี แม่กูเป็นครูภาษาจีน มึงเชื่อใจกูได้”

   “ก็ไม่ได้ว่าอะไร”

   “……” เออว่ะ

   “ร้อนตัวนะเราน่ะ”

   มันตอบงงๆ เหมือนไม่ใส่ใจ ไม่รู้จะโล่งอกหรือเจ็บใจดี ใช่สิ แค่นัดสาวไปคั่วกันแล้วมีเพื่อนนอกกลุ่มมาเห็น ไม่มีอะไรต้องอาย ถูกแล้ว ใช่แล้ว เป็นผมเองต่างหากที่เพ้อไปเองว่ามันอยากเก็บเป็นความลับ ผู้ชายอย่างเราๆ การได้อวดสกิลสอยสาวเป็นเรื่องดีจะตายห่า รู้งี้กูเสือกไม่ยั้งไปนานแล้ว

   แล้วจู่ๆ ไอ้เซียนก็หย่อนก้นลงมาเบียดบนเก้าอี้ตัวเดียวกับผม คลิกเมาส์ไปที่โปรแกรมไลน์แล้วเปิดแชทไอ้เอกที่พร่ำแต่อยากจะขอเสือกเต็มที่

   “ชอบเสือกเนอะ”

   “เออ ไอ้เอกแม่งเสือกโคตร”

   “กูว่ามึง”

   อ้อ นี่กูถูกเหน็บ?

“เจ็บก็ได้”

   มันไม่หือไม่อือ คว้าหัวผมไปชิดแล้วกดถ่ายรูปส่งไปให้ไอ้เอก ตามด้วยพรมนิ้วลงบนแป้นเพื่อส่งข้อความออกไปสั้นๆ ว่า ‘อยู่กับไอ้เทียน กูเล่นเกมก่อน’ ก่อนจะเหยียดตามองมาที่ผมด้วยอารมณ์เหมือนอยากถีบหน้า

   “เหม็นเปรี้ยวแล้ว ไปอาบน้ำไป”   

   “ไปเอาผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนมาให้กูยืมก่อน” มันส่ายหน้ารำคาญ เดาได้ว่าคงกำลังกราดด่าผมในใจที่ขัดเวลาเล่นเกมของมัน ผมจึงส่งเสียงบงการหวังแกล้ง “เอาเสื้อสีเหลืองนะ วันนี้วันพุธกูถือเคล็ด”

   “เยอะ!”

   หลังจากนั้นไอ้เซียนก็พาตัวไปเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะส่ายหน้ารัวแล้วบอกว่าจะลงไปเอาที่ชั้นล่าง ไม่นานมันก็กลับเข้ามาพร้อมโยนแปรงสีฟัน เสื้อ กางเกง และชั้นในใหม่แกะกล่องสีเหลืองอ๋อยสะท้อนแสงลงบนตักผม เจ็บใจจนอยากโพล่งด่าแต่ก็เป็นตัวเองที่ร้องขอมันไป จึงทำได้เพียงส่งยิ้มหน้าระรื่นขอบคุณ

   “อ้าว ยังส่งเมลไม่เสร็จเหรอ”

   “อ้อ…” ผมมองย้อนกลับไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ อีเมลถูกส่งออกเรียบร้อยแล้ว “เสร็จพอดี”

   ตอนที่มันหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้แทนที่ผมพร้อมมือที่ขยับคลิกเมาส์เปิดเกม มันได้ถามขึ้นว่า

   “ไม่ถอดสร้อยข้อมือก่อนวะ”

   “ไม่ถอด”

   ถึงจะตังค์กู  ถึงกูจะไม่อยากได้ แต่เพราะเป็นมึงที่ใส่สร้อยข้อมือหนังสีน้ำตาลเส้นนี้ให้ กูเลยไม่อยากถอดออก ให้วินาทีนั้นติดตรึงอยู่แบบนี้เถอะ เฮ้อ พล่ามแล้วอารมณ์ซึ้งขึ้นจมูกฟึดฟัด รันทดในความแอบเพ้อของตัวเอง

   “ช่างมึงเหอะ แค่กลัวมันเปียกแล้วชื้น ที่นี้ก็จะเหม็นอับ กลิ่นชวนอ้วกก็จะติดตัวมึงเหมือนซากหมาเน่าๆ”

   “เหมือนกลิ่นหัวมึงตอนนั่งบนรถตู้เลย”

   ผมกระโดดหลบผ้าเช็ดผมของมันที่ถูกเขวี้ยงมาก่อนวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไป...

   โมเมนท์ที่ 188(มั้ง) ผมโดนไอ้เซียนนั่งเบียดก้น  และกำลังได้นอนร่วมเตียงเดียวกับมัน

   โมเมนท์ที่ 189 ขณะที่ผมนอนตื่นเต้นอยู่บนเตียงท่ามกลางความมืด แสงจากพระจันทร์เหลืองนวลด้ทอผ่านม่านบางกระทบร่างของไอ้เซียนที่ทิ้งน้ำหนังลงบนฟูกเดียวกัน ผ้าห่มที่คลุมเพียงขาผมถูกเลื่อนสูงขึ้นมาที่อก  ก่อนที่เจ้าตัวจะเอนกายลงนอนบนหมอนอีกใบใกล้กัน ลมหายใจของมันที่ดังกระทบแก้วหูฟังคล้ายกระสับกระส่ายเล็กน้อย ต่างจากผมที่คล้ายสตั้นนิ่งจนลืมหายใจ

   เชี่ย โมเมนท์แบบนี้ ไม่ใช่ว่ามันก็คิดอะไรกับผมนะโว้ย!

   “เทียน...”

   ในที่สุดมันก็เรียกผม... รู้สึกหน้าซ่านใจสั่น แม้กระทั่งตัวก็แทบเป็นตะคริวจนพูดไม่ได้หายใจก็ไม่ออก

   “อืม…”

   “มึงว่ากูเป็นเพื่อนที่ดีไหม”

   นี่เป็นการอารัมภบทเข้าสู่ใจความสำคัญของความรู้สึกใช่ไหมวะ แล้วมือที่ทาบทับบนมือผมคืออะไร ไหนจะนิ้วทั้งห้าที่พยายามสอดประสานกับนิ้วผมอีก

   “ดะ… ดี-ดิ-วะ”

   เสียงจะสั่นไปไหน... โอ๊ย... กลัวหัวใจจะวายตาย มือกูนิ้วกูมันอ่อนปวกเปียกหมดแล้ว ปล่อยสิ อย่ายื้อดิวะไอ้เซียน เดี๋ยวกูข้ามขั้นสมยอมมึงเลยนะ

   “งั้น... ติวแล็บเคมีมิดเทอมให้หน่อยนะ กูไม่อยากติดเอฟเป็นครั้งที่สองว่ะ ไม่งั้นกูโดนม้าด่าเละแน่เลย แต่นั่นไม่เท่าไหร่ ที่น่ากลัวของจริงคือเฮียกูอ่ะดิ มันได้กระทืบกูจมคอนกรีตถนนหน้าบ้านแน่ นะนะ เทียนน้าาา...”

   ม่ายยยย มึงปล่อยมือกูเลย อย่าบีบดิวะ เจ็บ ไอ้เซียน! ไอ้ขี้โกง! ไอ้ขี้อ่อย! ไอ้คนตอแหลหลอกลวง! กูรังเกียจมึง!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อ่านไป เดาไป ลุ้นไป ว่าใครจะเนียน ใครจะแหก ใครจะหน่วง ใครจะอด... ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณที่อ่านค่ะ



หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.6 (23Dec2017)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 23-12-2017 20:35:55
เซียนคิดมั๊ย คิดสิๆๆ
เรารอฟินอยู่


แต่ว่าตกลงใครอ่อยใครกันแน่ :hao6:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.6 (23Dec2017)
เริ่มหัวข้อโดย: elephantisme ที่ 23-12-2017 21:08:57
เซียนชอบเทียนแน่เยยย
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.6 (23Dec2017)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-12-2017 03:06:44
รอวันที่เทพเซียนแวะมาเอาเทียนไปส่องสว่างกลางท้องฟ้า  :-[
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.6 (23Dec2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kankanin ที่ 28-12-2017 19:19:34
อร้ายยยยยยย อิเซียนเนียนจัดนะตัวเองงงง ทำมาเป็นสกินชิฟ ว่าแต่สกายนี่ใครอ่า  :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.7 (01-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 01-01-2018 10:43:42
ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า
[ IE : Industrial Engineering   วิศวกรรมอุตสาหการ ]                         
เขียนโดย  Boorina

7

เฮียร้านขนมจีบซาลาเปา



   ผมได้รับผลกระทบจากโมเมนท์ ‘ห่มผ้า’ จนต้องบากหน้าโทรไปหารุ่นน้องภาควิศวกรรมเคมีซึ่งเป็นน้องชายของเพื่อนสมัยมัธยม เพื่ออ้อนวอนให้มันมาติวไอ้สิ่งที่ผมบรรจุใส่ไหถ่วงน้ำทิ้งไปตั้งแต่ออกจากห้องสอบตอนปีหนึ่ง

   ไอ้แล็บเคมีที่เคยสอยบีบวกมาได้นั้นเพราะผมได้คู่ทำแล็บดีเหอะ ไม่งั้นคงได้แค่ด็อกบวกหรืออย่างมากก็ซีแหละวะ

   แต่จะปล่อยโมเมนท์ติวไอ้เซียนให้คนอื่นไปก็กระไรอยู่ ยอมรับก็ได้ว่างก อยากให้ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ได้อยู่ใกล้มันเป็นผม

   ดังนั้นช่วงไหนว่างๆ ผมเป็นอันต้องแว้บไปตึกเค็มเอ็น นั่งให้ไอ้รุ่นน้องเวรด่าแซะสาดเสียเทเสียว่าโง่กว่าเด็ก แค่ดุลสมการเคมีง่ายๆ ยังจะลืม... ไม่มีใจกูไม่ยอมทำขนาดนี้หรอกนะไอ้เซียน มึงจงสำนึกซะ!

   “กินซาลาเปาฟรีไหมพี่ คนขายแฟนเพื่อนผมเอง”

   แน่นอนอยู่แล้วว่าผมต้องยอมรับข้อเสนอ กินฟรีเชียวนะ ให้ปฏิเสธทำซาก ช่วงนี้เงินยิ่งตึงมือ ผมมองดูมันวิ่งไปยังรถเข็นขนมจีบซาลาเปาจึงพลอยได้มองหน้าพ่อค้าเต็มสายตา เรียกได้ว่าต่อให้ยืนประจำที่หลังรถเข็น สวมผ้ากันเปื้อนเก่าซีด และมีเหงื่อไหลโชกหน้า แต่ออร่าความหล่อขาวกระจ่างใสไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย พี่แกหล่อจัดในสไตล์หนุ่มจีนตาตี่ ร่างสูงตัวหนากำลังพอดี แถมมาดเอาการเอางานดูดีตั้งขนาดนี้ บอกเลยว่าเป็นพ่อค้าที่สะแด่วใจโคตร

   ผ่านไปสองนาทีไอ้น้องเพื่อนใจป๋าจึงวิ่งเหยาะกลับมาพร้อมยื่นซาลาเปาในถุงให้ผม

   อื้อหือ... หอมยวนเย้าน้ำลายในช่องปากมาก รูปทรงอวบอิ่มพอดีมือช่างคุ้นตา กระทั่งรสชาติกลมกล่อมยังคุ้นเคย เอาเป็นสรุปได้ว่าซาลาเปานี้น่าจะเป็นเจ้าเดียวกับที่ไอ้เซียนเคยป้อนผมและเห็นมันซื้อมากินอยู่บ่อยๆ บางทีก็มีเผื่อแผ่มาถึงผมเป็นครั้งคราว

   ไอ้เซียนช่างร้าย เพื่อของกินมันยอมเดินไกลมาถึงภาควิศวกรรมเคมี ยอมใจว่ะ

   “เฮ้ย! นั่นไอ้เซียนนี่หว่า”

   ฉิบหายแล้ว พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ผมรีบขยับปรับเปลี่ยนมุมที่นั่งกลัวว่าไอ้เซียนที่กำลังตรงดิ่งไปยังร้านขนมจีบซาลาเปาจะเห็นเข้า ไม่อยากให้มันเห็นผมในสภาพหัวฟูเพราะกำลังติวเคมี ไม่งั้นมันคงสงสัยแน่ๆ ว่าทำไมผมต้องลงทุนทำอะไรเพื่อมันมากมายตั้งขนาดนี้...

   “นั่นพี่เซียนเดือนวิศวะใช่ไหมพี่” พ่วงตำแหน่งเดือนมหา’ลัยด้วยคร้าบ เอาให้เต็มยศ

   “เออ…” ว่าแต่ถามทำไม สนใจมันเหรอวะ เหอะ กูไม่ให้มึงหรอก “ไม่คิดว่าคนไม่แยแสโลกอย่างมึงจะจำใครได้”

   “ผมว่าทั้งภาคเค็มเอ็นคงจำพี่แกได้หมดอ่ะ เล่นโผล่หัวมาซื้อขนมจีบซาลาเปาเกือบทุกวัน ไม่รู้ชอบกินหรือชอบพ่อค้า”

คำพูดกึ่งจริงกึ่งเล่นของมันทำเอาแป้งที่กำลังไหลลงคอชะงักกึก ขวางเส้นทางการหายใจผมจนสำลัก ยังดีที่คนข้างกายมีสำนึกช่วยตบหลังให้จนแป้งและก้อนหมูหลุดไหลลงกระเพาะไป

“...พี่เทียนดูดิ มียื้อมีแย่ง พี่พ่อค้าแกจะแถมให้ก็สะดีดสะดิ้งไม่เอา หาเรื่องถ่วงเวลาอยู่จีบพี่แกได้ตลอด”

   “แล้วมันไม่รู้รึไงวะ ว่าพ่อค้ามีเพื่อนมึงเป็นแฟน"

   “ไม่รู้ว่ะ แต่พี่เซียนเป็นเพื่อนในภาคพี่ไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากรู้ก็ลองถามดูดิ”

   “กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่มันก็งี้แหละ แม่ง ถือว่าตัวเองหล่อไง ไม่ดูเลยว่าหมามีเจ้าของ เล่นจีบดะไปทั่ว” อุ้ย! เผลอกดปลายปากกากับโต๊ะหินอ่อนจนหัวพังเลย ด้ามนึงตั้งร้อยยี่สิบ โฮกกกก โดนฤทธิ์ไอ้เซียนเล่นงาน

   “แลดูหวงแฟนแทนเพื่อนผมออกหน้าออกตาเนอะ” แซวได้ไอ้น้อง แต่อย่าใช้สายตาเหมือนกำลังจับผิดกูแบบนี้ เดี๋ยวปั้ดตบหัวทิ่ม “แต่อาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ แค่คนมันชอบกิน”

   กินเปาหรือกินตูด เฮอะ!

   แล้วไม่มีอะไรกับผีสิ ได้ข่าวว่านอกจากพ่อไอ้เซียนจะทำธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์แล้ว ฝั่งแม่มันยังเป็นเจ้าของโรงงานผลิตขนมจีบซาลาเปาเจ้าใหญ่ คนซื้อแฟรนไชส์ไปทำมาหากินทั่วประเทศ แลัวยังมีเหตุผลอะไรให้มันต้องมาซื้อกินแทบทุกวัน ถ้าไม่เพราะสนใจใครบางคน

   เรียนร่วมกันมาสามปี... ไม่เคยเห็นแววว่ามันจะเปลี่ยนจากสอยดาวมาเป็นเดือน รู้ตัวอีกทีก็มีคู่แข่งเป็นพ่อค้ารูปหล่อซะแล้ว

   พ่อค้าแล้วยังไง?

   ก็กลัวไงวะ หล่อล่ำเกินหน้าเกินตา รัศมีเจิดจ้ากลบดำๆ อย่างผมซะมิด

   เสียงแรงอุตส่าห์ทุ่มเท ค่อยช่วยเหลือเหมือนไอ้บ้า เรียนไม่เก่งยังพยายามอ่านพยายามติวเพื่อมาสอนมัน สิ่งที่ได้รับกลับคืนมาคือความจริงที่ว่า... มันกำลังจีบผู้ชายอื่น

   เหมือนชีวิตผมที่ผ่านมาจะมัวหมกมุ่นและคอยช่วยมันแก้ไขปัญหา จนลืมคิดว่าหากถึงวันที่มันรักใครสักคนจริงจังขึ้นมา ผมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ มันจะเป็นยังไง

   ก็คง ‘เจ็บเคล้าหน่วง’

   ไม่ชอบเลย...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   คราวนี้มาเข้าประเด็นปัญหาของตัวเองอย่างจริงจังบ้าง จะให้มัวซึมกระทือเพราะผู้ไม่ชายตาแลก็ดูไร้สมองมากเกินไป

   ถึงผมจะถนัดกับการสอบวิชาทฤษฎีให้ได้คะแนนผ่านมีนแค่นิดหน่อย แต่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมที่ผมไม่เคยติดเอฟ ไม่เคยดร็อปวิชาไหน จึงพอจะเป็นที่พึ่งพาของเพื่อนอย่างไอ้เซียนได้บ้าง

   แต่วิชาปฏิบัติค่อนข้างหัวทึบเล็กน้อยค่อนไปทางมาก ไม่เข้าใจว่าทั้งที่วางองศาหัวจับลวดเชื่อมอย่างกับเอาวงเวียนมากางวัด ใช้กระแสไฟในการการเดินแนวเชื่อมตามที่อาจารย์บอก ท่วงท่าการยืนได้ระยะพอเหมาะ แล้วทำไมวะทำไม! ไหงแนวเชื่อมที่ออกมาถึงได้พอกนูนจนเหมือนกองขี้หมาได้ขนาดนี้

   “กูไม่คิดว่ามึงจะกากขนาดนี้ว่ะเทียน อ่อนโคตร”

   ผมชะเง้อมองข้ามแผงกั้นระหว่างบูธเชื่อมของผมกับไอ้เซียนที่ส่งเสียงข่มชอบใจ ตั้งใจจะด่าสวนเอาคืนแต่จำต้องสงบปากลงอย่างรวดเร็ว เพราะแนวเชื่อมมันเป็นเกล็ดเรียงสวย นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่รู้สึกว่ามันเซียนสมชื่อจริงๆ

   “เยาะเย้ยเหรอ สนุกมะ มีความสุขเหรอ เอาเลยสิ เอาให้หนำใจ ได้ทีแล้วนี่ ใช่สิ กูมันไม่เทพ กูไม่ใช่เซียน กูมันกากเดน เหอะ! ที่จริงกูก็ไม่ได้ห่วยหรอก เครื่องเชื่อมมันกี่สิบปีมาแล้ว ลวดเชื่อมที่เอามาให้ฝึกก็เหมือนจะหมดอายุ ถุงมือที่ใส่ก็สั้นแถมยังขาดอีก มันเลยรู้สึกไม่ค่อยถนัดมือ... ฝีมือเจ๋งแต่ถ้าอุปกรณ์ไม่พร้อม งานก็ดีไม่ได้หรอกโว้ย”

   แน่ะ ยังมีหน้ามาหัวเราะใส่กูอีก ไอ้เวรตะไลนี่!

   “ฝอยเยอะจัด ปวดหัวกับมึงจริงๆ... มึงฟังกู ระยะอาร์กมึงสูงไปโว้ย แถมยังเดินช้าอีก สแปตเตอร์ถึงได้กระจายขนาดนั้น ส่วนถุงมือมึงควรมีส่วนตัวไหม ที่มีอยู่ในช็อปก็ขาดรุ่งริ่ง แถมยังเอาอันสั้นมาใส่อีก เจ็บขึ้นมาอย่างร้องให้กูสมเพช... แล้วมือก็อย่าสั่นนัก นิ่งๆ กว่านี้หน่อย ทำไม เมื่อคืนใช้งานมือขวาหนักเหรอ กี่รอบฮะ ยันรุ่งเลยไหม”

   “ไอ้เซียน!” ผมชักสีหน้าเตรียมโวย ปลายลวดเชื่อมร้อนๆ จ่อไปที่หน้าของมัน

   “เอาลง อันตราย จิ้มตากูขึ้นมามึงมีปัญญารับผิดชอบเหรอ มึงจะสละดวงตาให้กูได้ไหม ไอ้ดำนี่ เล่นไม่รู้เรื่อง”

   “ก็มึงทะลึ่งอ่ะ”

   “กี่รอบ”

   “สองหรือสามนี่แหละ” กูก็ยอมตอบไปเนอะ “ไอ้สาด!”

   “ทำกระมิดกระเมี้ยนเอียงอายเป็นเด็กอนุบาล เลิกกระแดะแล้วตั้งใจเลยมึงอ่ะ เป็นงี้ได้สอบตกพอดี ไม่มีโอกาสแก้ตัวนะโว้ย มึงจะจบไปทั้งที่วิชาภาคได้ด็อกหรือมีเอฟโชว์เด่นหรากลางทรานสคลิปรึไงวะ”

   เป็นพ่อหรือแม่กูเนี่ย สอนกูจัง ไอ้พี่เทพ ชีวิตมึงดีกว่ากูมากเลยนะไอ้วิชาคำนวณกับอังกฤษเนี่ย แถมยังสอยเอฟแล็บเคมีมาอีก! หน้าด้านกว่านี้มีอีกไหม!!

   “แล้วยังไงอ่ะ ต้องแค่ไหน” ไหนร่ายสิ สอนสิคุณครู

   “มึงเชื่อมไป”

   ผมเงอะงะงงงวยกับคำบอกของมัน ก่อนจะเริ่มต้นเชื่อมใหม่อีกครั้ง แต่แล้วผมต้องสะดุ้งจนมือยิ่งสั่นหนัก เมื่อมือที่หนากว่าวางทับซ้อนบนมือขวาผม แล้วค่อยๆ กดมือผมให้ต่ำลงพร้อมประคองด้วยระยะอาร์กและความเร็วคงที่ ในวินาทีนั้นผมสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวในถุงมือหนังกันความร้อนที่สวมอยู่ กระทั่งเม็ดเหงื่อยังผุดกระจายไปทั่วหน้าจนหยดติ๋งไหลไปตามแนวสันกรามจรดปลายคาง

   เสียงพูดที่คอยบอกคอยสอนทำให้หน้าผมร้อนผ่าว ลมหายใจที่ปะทะข้างแก้มทำให้ใจผมเต้นแรงเต็มสตรีม ใช่ว่าไม่เคยใกล้ ใช่ว่าไม่เคยสัมผัส แต่บรรยากาศในตอนนี้ช่างละเอียดอ่อนให้ใจหวั่นไหว ยากที่จะควบคุมมือไม้ให้นิ่งสงบ กระทั่งสติยังไหววูบจนรั้งไว้ไม่อยู่

   ตายๆๆๆๆ ทั้งที่ตอนเรียนอาจารย์รูปหล่อก็เคยมาช่วยสอนในลักษณะนี้ แต่ไม่เห็นจะรู้สึกตื่นเต้นเลย ใจจะเต้นได้มันขึ้นอยู่กับคนจริงๆ ไม่ชอบก็คงไม่สะเทือน แต่เพราะชอบไงร่างกายถึงได้ตอบรับสัมผัสแบบนี้

   อย่าคิดเชียวว่าผมจะตื่นเต้นจนเซ่อซ่าเผลอทำตัวเองเจ็บอย่างในทีวี เพราะผมในตอนนี้กำลังลมจับด้วยหัวใจเต้นแรงเกินไป ร่างกายร้อนจนเกินไป

   ไม่ไหว... โมเมนท์ช่างดีงามจนหน้ามืดหวืดจะเป็นลม!

   “ทำไมเละกว่าเดิมวะ”

   เป็นเสียงไอ้เอกที่ดังขึ้นใกล้หู กระชากสติของผมกลับคืนมา ตอนที่เผลอหันขวับไปมองจึงได้รู้ว่าไอ้คนที่ผมเผลอใจเต้นแรงให้ไม่ใช่ไอ้เซียน แต่ดันเป็นเพื่อนสนิทของมันที่สลอนหน้าเข้ามาเสือกในโมเมนท์ที่ควรประทับแน่นในใจด้วยความปลาบปลื้ม

   มึง ไอ้เอก มึงทำลายมโนจิ้นของกูจนหมดสิ้น กูเกลียดเมิงงงงงง และเกลียดตัวเองที่เพ้อจัดจนมองนิ้วสั้นกุดแต่อวบอัดด้วยไขมันของไอ้เอกเป็นนิ้วเรียวยาวของไอ้เซียนซะได้ สายตาของคนมีความรักมันมัวเมาได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

   ส่วนไอ้เซียนที่ยืนหัวโด่อยู่นั้น ผมเห็นแล้วอยากตะโกนใส่หน้ามันมากว่า ‘เก๊กนิ่งทำเตี่ย! แสยะยิ้มทำซาก!!’ แต่เพราะมีเหตุให้ผมร้อง “โอ๊ยยยยย!!!!” ซะลั่นทุ่ง เนื่องจากใช้มือเชื่อมแต่ตาดันเหร่หนุ่ม ทำเอาปลายลวดเชื่อมจุ่มลงบ่อหลอมละลายจนเกิดเสียงตูมเบาๆ น้ำเหล็กกระเด็นเข้าไปในถุงมือโดนสร้อยข้อมือหนังจนละลายติดกับเนื้อ จำต้องดึงกระชากจนสายหนังขาดแล้วยัดลงกระเป๋าเสื้อช็อป ตามด้วยแงะเอาเม็ดเหล็กที่เย็นตัวลงออกจากบาดแผลวงกลมที่บุ๋มลึกลงไป

   ชีวิตกูนี่ไม่เคยจะเหมือนอย่างตัวเอกในซีรี่ส์บ้างเลย ซีนนี้ควรเป็นไอ้เซียนที่เข้ามาช่วยและโอ๋ปลอบดิวะ แต่ไหงมันดันยืนตรงเคารพธงชาติอย่างกับสอบร้องเพลง ‘ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย...’ ตอนประถม

   “เซียน มึงสนใจกูบ้างก็ได้นะ” ผมครางพลางกระพริบตาปริบๆ อ้อน แต่ในสายตามันคงคิดว่าผมเพียงแกล้งเล่นขำๆ

   “ลืมเลย โทษที”

   มันพูดเสียงเอื่อยเฉื่อยก่อนตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะ... ท่านเทพเซียนช่างมีความสุขเหลือเกิน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีปีใหม่

มีความสุขมากมายก่ายกอง ไชโยโห่ฮิ้ววววววว

ขอให้เป็นปีที่ดีงามของทุกคนค่ะ

บู

หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.7 (01-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-01-2018 22:01:08
ทำไมเซียนนิ่งอย่างเดียวล่ะ ไม่ชอบเทียนหรือไง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.7 (01-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 01-01-2018 22:39:04
นี่ปวดใจยิ่งกว่าเทียนอีกค่ะ นี่คือคนอิน
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.8 (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 05-01-2018 20:57:34



ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า
[ IE : Industrial Engineering   วิศวกรรมอุตสาหการ ]                         
เขียนโดย  Boorina


8

ซ่อนความหมาย



   ผมพาตัวเองที่สติหลุดลอยมานั่งอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนริมสระน้ำหลังทำแผลเรียบร้อยแล้ว ตรงกันข้ามคือโรงหล่อโลหะที่มีควันไฟลอยคลุ้งจากปล่องเหนือหลังคา ไม่นานไอ้เพลงเพื่อนรักก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงใกล้กัน ใช้ไหล่กระแซะผมจนต้องส่งเสียงรำคาญออกไป


   “คัน? เป็นสังคังรึไง” พยายามเค้นเสียงเล่นมุข แต่กลับฝืดเหมือนเครื่องกลึงปราศจากน้ำหล่อเย็นช่วยหล่อลื่นระบายความร้อน พาบรรยากาศรอบข้างหมองน่าอึดอัด


   “อุ๊ย มีหงุดหงิดนะเพื่อนกู”


   “ใกล้จะเหลือแค่คนรู้จักแล้ว”


   “ยินดีด้วย มึงได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้” แหม ไอ้นี่ สะเทือนบ้างก็ได้นะตอนถูกกูบอกเลิกเป็นเพื่อนเนี่ย “หงุดหงิดอะไรวะ เสียดายว่างั้นที่ดันกลายเป็นไอ้เอกที่มามีโมเมนท์คู่มึงจนกลายเป็นคู่จิ้นประจำภาคไปแล้ว”


   “ช่างคิดเนอะ” ผมหมดอารมณ์ต่อปากต่อคำ พ่นพรวดลมหายใจออกมาเฮือกโตก่อนจะทิ้งหัวลงบนไหล่ของไอ้เพลงแล้วพร่ำเพ้อเสียงแผ่วหมดแรงอย่างคนอกหัก “มึง! ไอ้เพลง! หรือว่าไอ้เซียนจะรู้วะว่ากูชอบมัน มันถึงหลีกเลี่ยงที่จะใกล้กู แตะตัวกู มันรังเกียจกูเหรอถึงต้องให้ไอ้เอกมาเสียบแทนที่ ขนาดทำแผลนะยังปล่อยให้อาจารย์ทำให้กูเลย ไอ้คนไร้น้ำใจ... กูเสียใจมากเลยนะมึง กูนอยด์แดกสัด!”


   “อะไรวะ จู่ๆ ดราม่าขึ้นมาแบบนี้ คิดมากไปไหมมึง ลองคิดอีกแง่นึงนะโว้ย หรือเป็นเพราะไอ้เอกมันชอบมึง มันถึงเข้ามาแทรกได้เหมาะเหม็งแบบนั้น เหมือนกันท่าไอ้เซียนเลยว่ะ”


   “จัญไรเถอะ!!! เพื่อนกันๆๆๆ” ผมโพล่งขัด เอาหัวโขกต้นแขนมันรัวๆ “แต่กับไอ้เซียนนี่ดิ แลดูนิ่งๆ ว่ะช่วงนี้”


   “มีเรื่องคิดเยอะมั้ง กูเห็นมันก็คุยเล่นปกติกับมึงดีนี่หว่า”


   “เหรอ ไม่รู้ดิวะ กูรู้สึกแปลกๆ อีกอารมณ์นึงก็รู้สึกเหมือนมันกำลังอกหักว่ะ”

   อาจเพราะผมเฝ้ามองมันเสมอ เมื่อไหร่ก็ตามที่มันแปลกไปแค่นิดเดียวก็สะกิดใจผมแล้ว หรืออาจเพราะจิตใจของผมกำลังสับสนจากพ่อค้าขนมจีบซาลาเปา ผมถึงมองทุกอย่างติดลบได้มากขนาดนี้...


   เมื่อมองย้อนกลับไป... เซียนยังคงยืนอยู่ที่เดิมในจุดที่เป็นเพื่อนผมอย่างที่ผ่านมา มองจากมุมนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลยนี่หว่า


   “แต่แว่วคนซุบซิบมาว่ะ ว่ามันไปมีประเด็นกับเด็กภาคเค็มเอ็นหน้าร้านซาลาเปามา บางทีอาจมีปัญหาอะไรเครียดๆ อยู่ ก็ได้ มึงอย่าเพ้อเจ้อคิดมากไปเอง”

   มึงพูดจบปุ๊บ กูคิดเยอะเวอร์เลย


   ไอ้เพลงกลับเข้าไปในช็อปเพื่อทำงานต่อ ปล่อยให้สมองผมคิดมากเพียงลำพัง ก่อนจะเป็นไอ้เซียนกับไอ้เอกที่เดินสวนมาพร้อมเสียงดังลั่นทุ่ง โดยเป็นไอ้เอกที่กำลังกวนตีนใส่ไอ้เซียนไม่ขาดปาก ก่อนมันจะหน้าซีดจนเผือดขาวเมื่อพวงกุญแจที่ไอ้เซียนหมุนควงกับนิ้วเล่นได้ลอยคว้างในอากาศแล้ว ‘จ๋อม’ หายไปในสระน้ำ


   “ไอ้เพื่อนเวร!  มึง! ไอ้เซียน!!!”

   ก็ไม่มีอะไรมาก แค่กุญแจพ่วงคีย์การ์ดหอ กุญแจล็อคล้อจักรยาน กุญแจตู้ล็อกเกอร์ กุญแจลิ้นชักเอกสารในห้อง และกุญแจกล่องเครื่องมือช่างส่วนตัวของไอ้เอกมัน

   “ไอ้เซียน กูเกลียดมึง ไอ้ห่านี่ มึงไปหานอนที่อื่นเลยไป คืนนี้ตัวใครตัวมัน! หาที่นอนเอาเอง!”


   ผมมองหน้าไอ้คนที่ยังยิ้มขำไร้สำนึก ก่อนจะเบนหน้าปรายสายตาหมาหงอยมาหาผม ช่างเป็นคนที่เปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วซะเหลือเกิน เป็นสกิลอัพความหนาบนใบหน้าที่หาใครเทียบได้ยาก


   “เทียนนน...” สเต็ปแรกก็ต้องเสียงย้วนยาน ตามด้วยกระพริบตาวิ้งค์ๆ สไตล์อปป้า “คือพ่อแม่กูไปต่างจังหวัดกันหมด กูเลยตั้งใจจะนอนกับไอ้เอก ก็เลยไม่ได้เอากุญแจบ้านติดตัวมาด้วย” จากนั้นก็ร่ายสาธยายความรันทดในชีวิตคนหล่อ “แต่ไอ้เอกมันเกลียดกูแล้วอ่ะ กูไม่มีใครอีกแล้ว ชีวิตกูมีแค่มึงน้าาา...”


   ดูเอาเถอะ มันก็ยังเป็นปกติเหมือนเดิม ขี้อ้อน ออเซาะ ฉอเลาะ แล้วก็เป็นผมที่แพ้ทางคนอย่างมันทุกที


   “เออ…” ผมโพล่งก่อนมันจะทันได้เอ่ยปากขอ  แล้วล้วงหยิบกุญแจในกระเป๋าเสื้อช็อปออกมาพลางถามมันว่า “มึงส่งงานแล้วใช่ไหม งั้นมึงเอากุญแจไปก่อนแล้วกัน กูต้องอยู่ทำงานอีกหน่อย ดูท่าจะนานเลยว่ะ” ตอนที่พูดจบคือตอนที่ผมยื่นส่งกุญแจให้มันแล้วมองสร้อยข้อมือที่หยิบติดมือออกมาด้วยความเสียดาย


   “ขอบใจนะ”


   ผมยักคิ้วให้มันตามด้วยขมวดคิ้วให้กับป้ายสแตนเลสที่สร้อยข้อมือ ตอนที่หันหลังเดินกลับเข้าช็อป ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เส้นประสาทคล้ายถูกแทะเล็มทีละน้อย กระทั่งหัวใจเริ่มบีบรัดแน่นแล้วคลายโหวงสลับกัน


   ตอนที่ย้อนกลับไปกระชากแขนไอ้เอกจนตัวมันปลิวติดมือผมมานั้น เจ้าตัวเกิดอาการเหวอแดก ก่อนแขนอีกข้างของมันจะถูกกระชากไปอีกทาง แต่ผมรึจะยอม ทั้งกระชากลากยื้อ แต่ก็ต้องถูกอีกฟากรั้งแย่งตัวไอ้เอกไป


   “ปล่อย!”


   “ไม่! มึงปล่อยไอ้เอกเลยเทียน!”


   “ม่ายยย... มึงดิปล่อย!”


   “โว้ย เหี้ยไรของพวกมึงสองตัวเนี่ย!” ไอ้เอกหวีดแตก ระเบิดเสียงตะคอกลั่นออกมา แต่ไม่สามารถสลัดมือที่กุมแน่นข้อมือทั้งสองของมันจนแดงก่ำได้


   “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” ผมบอกไอ้เอก


   “กูกำลังคุยกับมันอยู่ มาสอดมาแทรกอะไรเนี่ย ตามคิวได้มะ”

ไอ้เซียนแทรกหน้ามึน ทั้งยังยกตีนพุ่งมายันตัวผมไว้ เลยจำต้องเบี่ยงตัวหลบแล้วฟาดตีนเอาคืน แต่มันดันดึงไอ้เอกมาเป็นโล่กันไว้ ทำเอาไอ้เอกต้องใช้หัวกระแทกเข้ากับหัวผม พอผมเผลอปล่อยมือจากมัน มันก็ใช้มือข้างนั้นฟาดกระโหลกไอ้เซียนดังป้าบ


   “หยุดเลยทั้งสองตัว กูเริ่มรำคาญแล้ว!” รำคาญเพื่อนมึงก็อย่ามาลงที่กูสิเอก กูแค่มีธุระกับมึงเอง “มึงไอ้เซียน เงียบไปก่อน กูงี้เหนื่อยกับมึงมาเยอะแล้ว มึงมันของตาย เอาไว้ทีหลัง” จักการตัดบทอย่างรวบรัดแล้วก็ขึงตามองมาที่ผม อารมณ์ผมเหมือนถูกแม่จ้องหน้าเค้นหาความผิดก็ไม่ปาน “ส่วนมึง...”


   “อะไรเนี่ย” รู้สึกสะท้านกับสายตามันที่มองมา


   “มีอะไรว่ามา”


   “เอ่อ...” ผมมองหน้าไอ้เอกสลับกับไอ้เซียน “คุยสองคนได้ไหมอ่ะ”


   “แสดงว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับได้เซียน?”


   “ปล้าวววววว!”


          แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไร เล่นเงียบแล้วจ้องเค้นผมทั้งคู่ เอาวะ พูดก็ได้


        “วิชาสปีคกิ้งมีแสดงละครใช่ไหมล่ะ ไอ้เพลงร็อคกำลังเขียนบทไง เลยตั้งใจว่าจะเอาชื่อตัวละครจากชื่อเล่นพวกเราที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ กูเลยมาถามพวกมึง อย่างของไอ้เพลงมันก็ชื่อ Music ของมึงนี่จะให้ใช้อะไรอ่ะ One หรือ First แต่กูว่าชื่อหลังดีกว่าเนอะ”

   ไอ้เอกพยักหน้าทั้งที่ยังขมวดคิ้วงง ส่วนอีกตัวยืนหน้าเรียบเฉย ทำเอาเสียงผมขาดห้วงหายเพราะติดสตั้นไปหลายวินาที ผมตรึงสายตานิ่งไปยังไอ้เซียนที่ตอนนี้เริ่มขยับกายทีละนิดไปยืนแอบอยู่ข้างหลังไอ้เอกที่เตี้ยกว่าราวสิบเซ็นต์
 

   “แล้วท่านเทพเซียนอย่างมึงล่ะ จะใช้คำว่าอะไร?”


   มันวางคางเกยลงบนไหล่ไอ้เอก ขยับปากส่งเสียงแผ่วออกมา...


   “GOD”


   นอกจาก ‘SKY’  นั่นคืออีกคำที่ถูกสลักซ่อนไว้อีกด้านหนึ่งของแผ่นสแตนเลส...


   ความสับสนงุนงงตีกันในหัว มันคือความความบังเอิญหรือตั้งใจแฝงความหมาย ยิ่งมองลึกเข้าไปในดวงตาเหงาหงอยของมันใจของผมก็ยิ่งเต้นรัวแรง เข่าสั่นพาร่างอ่อนเปลี้ยทรุดฮวบลงจนก้นกระแทกลงกับพื้น กระทั่งเสียงลมหายใจยังหนักหน่วงเกินควบคุม ได้แต่นั่งชันเข่าขึ้นมากอดเกยคางอย่างหมดสภาพ


   มันเหนือการบรรยาย...


   จะใช่หรอวะ?

   ไม่จริงหรอก! เป็นไปไม่ได้หรอก! ไม่มีทาง!!!


   ทำไงดี เขินก็ไม่ได้ ให้เฉยก็ยากที่จะทำ ลำพังแค่จะเงยขึ้นมองหน้ามันอีกสักครั้งก็รู้สึกถึงหนังหน้าที่ไม่ด้านพอ กระทั่งเป็นมันที่ลดกายต่ำนั่งลงตรงหน้า ปลายนิ้วแตะสะกิดที่ปลายจมูกผม...



   “ส่วนมึงใช้ SKY ได้ไหม?” 



   เพราะเทียนในภาษาจีนให้ความหมายว่าท้องฟ้า มันเลยอยากเป็นเทพเป็นเซียนเพื่อได้อยู่คู่กับผมงั้นเหรอ?


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนหน้าเตรียมฟินได้เลย





หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.8 (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 05-01-2018 22:17:15
รอออออออออออออ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.8 (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-01-2018 22:34:04
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์ปราศจากโรคภัย มีความสุขมากๆ

อูยยยยย......เอาล่ะสิ  :ling1: :ling1: :ling1:
เซียน ชอบเทียนจริงๆเหรอ อะจ๊ากกกกก
ที่ไปซื้อซาละเปาอร่อย ก็ซื้อให้เทียนเหรอ
งั้นที่ให้เทียนติว ก็เพื่อหาทางใกล้ชิดกับเทียน
แล้วที่ไม่ยอมใกล้ตัวเทียน  ตอนสอนเทียนเชื่อม
เพราะกลัวตัวเองสั่น ที่ตัวติดกับเทียน  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.8 (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-01-2018 23:16:22
ได้ซิ ได้ซิ ตอบไปอย่างนี้เลยเทียน  :man1:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 06-01-2018 19:08:42
ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า
[ IE : Industrial Engineering   วิศวกรรมอุตสาหการ ]                         
เขียนโดย  Boorina




8

คนช่างเพ้อ





               ผมไม่กล้าพอที่จะตีกรอบจำกัดความรู้สึกระหว่างเรา... จึงหยิบมือถือขึ้นมา

           

             

        เพราะปราศจากการแจ้งเตือนเลยทำให้ผมหลงลืมว่าครั้งหนึ่งเคยส่งอีเมลฉบับหนึ่งถึงตัวเอง ซึ่งเนื้อหาใจความคือข้อความแชทไลน์ระหว่างไอ้เซียนและไอ้เอกหัวหอมที่ผมขโมยมาจากคอมพิวเตอร์ของไอ้เซียน



            แต่น่าแปลกที่ไม่มีจดหมายใหม่ในกล่องเข้า บางทีอาจส่งอีเมลล้มเหลว แต่อย่างน้อยก็ควรมีอยู่ในกล่องจดหมายที่ถูกส่งออกหรือฉบับร่าง พอกดเข้าไปปุ๊บจึงถอนหายใจโล่งอก

           

            xx*%$+@ST!


 

            ชื่อหัวข้อจดหมายในกล่องออกที่ถูกพิมพ์ใส่ไปมั่วๆ

           

            [LINE]เอกหัวหอม.txt

 

            ชื่อไฟล์แนบที่แอบเซฟมาจากไลน์ของไอ้เซียน

            เมื่อคลิกเปิด จึงปรากฏข้อความให้ผมได้ค่อยๆ ไล่อ่านไป

 

            20xx.09.16 Monday

            12:30 เอกหัวหอม             กูหิวจะตายแล้ว ยังจะแกล้งเดินชิลรั้งท้ายกับมันอีก

            12:30 เอกหัวหอม             นิดหน่อยก็ยังจะเอาเนอะ

            12:31 ท่านเทพเซียน          ไม่กวนสิ มารยาทอ่ะมีบ้าง

            12:31 เอกหัวหอม             งั้นมึงเลิกเดินตีนเข้าจังหวะกับมันได้มะ เป็น รด. เหรอมึง

            12:32 ท่านเทพเซียน          บางทีก็เสือกไปนะ

 

            20xx.09.17 Tuesday

            13:59 เอกหัวหอม             เนียนเลยเนอะ!

            13:59 เอกหัวหอม             ล่อมันไปดูบอลจนสำเร็จ

            13:59 ท่านเทพเซียน          ถึงวันแล้วมึงไสหัวไปไกลๆ ขี้แตกอะไรก็ว่าไป

            13:59 ท่านเทพเซียน          ขอหวานนั่งเบียดกันสองคน อย่าเสล่อมาให้เห็นหัว

            14:00 เอกหัวหอม             ไอ้เลว ทิ้งเพื่อน

            14:00 ท่านเทพเซียน          แค่เพื่อน อย่าเยอะ!

            14.04 ท่านเทพเซียน          มันนี่ชอบส่องกระจกเนอะ ดำแล้วไม่เจียม

            14.04 เอกหัวหอม             แต่ยังเสือกแพ้ทางคนดำ

           

            โครม!!!



            เสียงมือถือร่วงหรือหัวใจเต้นวะ!?



            โชคดีที่ไอ้เซียนยังนอนยาวคว่ำหน้าหลับอยู่บนเตียงหลังติวเคมีจบไปหนึ่งบทด้วยบรรยากาศปกติ ไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมาขัดจังหวะผมที่นั่งแผ่นหลังอิงแนบกับขอบเตียงอยู่บนพื้นกระเบื้อง ทำให้ยังพอมีเวลาใช้นิ้วมือสั่นๆ เลื่อนอ่านข้อความถัดไปด้านล่าง แต่อื้อหือมือถือกู ร่วงลงพื้นได้ไม่เกรงใจกันเลย หน้าจองี้อย่างกับติดฟิล์มกันรอยลายใยแมงมุมสุดฮอต เห็นแล้วอยากจะร้องไห้ แกะเคสมือถือออกเพื่อสำรวจตัวเครื่องเล็กน้อย

 

            20xx.09.18 Wednesday

            21:05 ท่านเทพเซียน          ไอ้เชี่ยเอก มึงกลับมาไวๆ อยู่สองคนแล้วตื่นเต้น ไม่กล้ามองหน้า

            21:05 เอกหัวหอม             ไก่ทอดไหม

            21:05 ท่านเทพเซียน          เล่นเกมก็กดมั่ว มือสั่นไปหมด โดนบอสฆ่าตายเลยกู

            21:05 เอกหัวหอม             เบียร์โหลนึงพอป่ะ สองดีกว่า

            21:05 ท่านเทพเซียน          กูอยากกินเทียน มึงรีบกลับมาห้ามกูให้ไว

                                   

            20xx.09.19 Thursday

            02:05 ท่านเทพเซียน          เหี้ยเอกกกกกก ฉิบหายแล้ว

            02:05 ท่านเทพเซียน          กระดาษที่กูทำเป็นหลอกให้ไอ้เทียนเขียนให้น้องฟ้าใสอ่ะมึง       

            02:06 ท่านเทพเซียน          ไอ้เวนนนนน ไม่รับสายกู ตื่นมาฟังกูเดี๋ยวนี้

            02:07 ท่านเทพเซียน          Call me Tien. In Chinese, it means sky.

            02:08 ท่านเทพเซียน          กูดราม่ามานานเท่าไหร่ คิดว่าที่มันไม่มีแฟนเพราะฝังใจกับแฟนที่ตายห่าอยู่บนท้องฟ้า

            02:08 ท่านเทพเซียน          แล้วที่มันเคยบอกกูล่ะ ว่าคนๆ นั้นอยู่บนท้องฟ้าอ่ะ หมายถึงใครวะ

            02:09 ท่านเทพเซียน          เชี่ย ตื่นมาช่วยกูคิดเลยนะ ไอ้เพื่อนเวนนนนนนน

            02:11 ท่านเทพเซียน          เข้าข้างตัวเองนิดได้ไหมว่าหมายถึงกู

            02:11 ท่านเทพเซียน          แต่สามปีเลยนะ มันก็ยังเฉย ไม่เห็นจะแสดงออกว่าชอบกูเลยสักนิด เฮ้อ   

            02:12 ท่านเทพเซียน          For love, I’ll always be the sky where my beloved lives.

            02:13 ท่านเทพเซียน          บอกกูหน่อย ว่าที่มันเขียน มันเขียนด้วยความรู้สึกของมัน หรือของน้องฟ้าใสวะ

            02:13 ท่านเทพเซียน          กูอยากให้ sky คำนั้นหมายถึงมัน หมายถึงไอ้เทียน

            02:14 ท่านเทพเซียน          และให้ my beloved ที่มันพูดถึงหมายถึงกู

            02:14 ท่านเทพเซียน          เราสองคนคู่กัน

            02:14 ท่านเทพเซียน          โอ๊ย เจ๋งเป้งงงงงง

            05:28 ท่านเทพเซียน          เอกกกกกกกกกกกกกก กูนอนไม่หลับ

            10:05 เอกหัวหอม             เพ้อขนาดนี้ มึงรุกเถอะ

            10:06 เอกหัวหอม             ถ้ายังป๊อด ก็หุบปาก ไม่ต้องมาเพ้อ กูรำคาญ โพ่งงงง

 

            20xx.09.23 Monday

            17:05 ท่านเทพเซียน          ขอบใจสำหรับรูป

            17:09 เอกหัวหอม             สงสารหมา ครวญครางจะเอารูปอย่างกับช้างตกมัน

            17:11 ท่านเทพเซียน          ดูนี่ เป็นไงรูปคู่กูกับมัน น่ารักโคตรเลยไหม

            17:09 เอกหัวหอม             สงสารไอ้เพลง มีค่าแค่ติ่งหูที่ติดไป

            17:12 ท่านเทพเซียน          เฮ้ย เชี่ยละ กูครอปใหม่แป๊บ ไม่ทันเห็นว่าติดมา แปะหัวใจชมพูเพิ่มด้วยดีกว่า

                       

            20xx.09.26 Thursday

            12:05 ท่านเทพเซียน          กูให้สร้อยข้อมือไปแล้วว่ะ ถ้ามันเห็นจะรู้ไหมวะ

            12:05 ท่านเทพเซียน          ว่าจะชวนมันไปเดินเทอร์มินอลเล่น ถ้ามันรู้ตัวตอนอยู่กับกูก็คงดี

            12:06 ท่านเทพเซียน          กูจะสารภาพให้้หมด วัดดวงกันไปเลย

            17:27 ท่านเทพเซียน          มึง... เขาเฉยจัง... เงียบจัง...

            17:27 ท่านเทพเซียน          ยังไม่เห็นข้อความบนเลส หรือเห็นแล้วแต่ทำเมิน ไม่อยากรับรู้ความรู้สึกของกูกันแน่วะ

            17:28 ท่านเทพเซียน          กูหน่วงในใจว่ะ

            20:28 ท่านเทพเซียน          เกลียดมึง ปล่อยกูเพ้อคนเดียว

            20:29 ท่านเทพเซียน          ลืมบอก วันนี้ตอนแกล้งเมารถ กูแอบจุ๊บคอมันด้วย

            20:29 ท่านเทพเซียน          กูเกือบดูดคอมันแล้ว โคตรหมั่นเขี้ยวเลยว่ะ

            20:30 ท่านเทพเซียน          โอ๊ยยยยย เชี่ย กูเขิน กูฟินนนนน อยากลงเขี้ยววววววววว

            21:59 เอกหัวหอม             เป็นไง เที่ยวเทอร์มินอล

            21:59 เอกหัวหอม             ได้กันยัง เอายังวะ จับปล้ำเลยไหม

            22:00 เอกหัวหอม             ไอ้เซียนนนนนนน อยู่หนายยยยยย

            22:00 เอกหัวหอม             สถานะกูพร้อมเสือกกกกกกกกกกก

            22:00 เอกหัวหอม             ตอบไวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 


            ดูท่ามือถือผมจะสิ้นอายุไขก็คราวนี้ คิดว่าไม่น่าจะแค่ฟิล์มกระจกที่แตก แต่หน้าจอมือถือคงละเอียดไปด้วยหลังร่วงกระแทกพื้นเป็นครั้งที่สอง อารมณ์ผมตอนนี้กำลังพลุ่งพล่าน ลำพังแค่จะขยับมือยังทำไม่ได้ จะเหลียวหลังไปหาไอ้ตัวที่นอนหมดสภาพจึงยากเกินจะทำ


            ความรู้สึกไหลเวียนตีกัน ไม่รู้จะกรีดร้องด้วยความรู้สึกแบบไหน มึนอึนงงไปหมด ลำดับขั้นตอนการจัดการชีวิตไม่ถูก จนต้องเริ่มเรียงเรียงความคิดใหม่ ดังนั้นสิ่งที่ผมสงสัยมากที่สุดในตอนนี้คือมันจะทำตัวดราม่าเมินเฉยใส่ผมขนาดนั้นเพื่ออะไร


            ไม่คิดบ้างล่ะว่าที่ผมทำเป็นเฉยก็เพราะยังไม่เห็นคำแฝงความหมายของมัน หรือเห็นแต่โง่ไม่เข้าใจ แทนที่จะเข้ามาถามให้รู้เรื่องเพราะยังไงมันก็เจตนาอยากให้ผมรับรู้ความรู้สึกของมันอยู่แล้ว ดันเงียบเป็นหมาหงอยจนน่าสงสาร


            ถ้ามันรู้ว่าผมอ่านแชทของมันแล้วผมยังทำเฉยสิ แบบนั้นน่าจะดราม่าซะมากกว่า เฮ้อ ไม่เข้าใจความคิดมันเลย คืนนั้นก็มัวแต่รีบเซฟไฟล์ เลยไม่ทันได้อ่านสแกนเพราะกลัวมันกลับเข้ามาในห้องซะก่อน


            ถ้าเพียงผมจะอ่านสักข้อความให้สะกิดใจ คงไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานร่วมอาทิตย์แบบนี้หรอก


            แต่ตอนที่กดปิดไฟล์แชทแล้วปรากฏหน้าอีเมลฉบับนี้ สิ่งที่เห็นทำให้ผมต้องหลุดโคตรเหง้าบรรพบุรุษออกมาเป็นพรวนจนต้องขอขมาในภายหลัง...

 

            From : เทียนนที แสงธารา

            To : t.thapthepอย่าแสดงเมลบนบอร์ด         


 

            ฉิบหาย! จัญไรเถอะ! ส่งผิด!



            โมเมนท์ที่ 192 ของเซียนเทียน หน้ากูแหกจนเละ! ความเสือกแล้วพาโง่นี้กูได้จากใดมา?

           


         ตั้งใจส่งให้ตัวเอง แต่สมองดันคิดแต่เรื่องไอ้เซียน จึงกลายเป็นกดส่งอีเมลให้ไอ้เซียนซะงั้น แถมยังโง่ไม่รู้ตัวมาได้ตั้งหลายวัน

           

             ควับ!

           


         “เฮ้ย!” ผมร้องเสียงหลง พยายามตลบผ้าห่มที่ถูกคลุมหัวออก แต่ก็ต้องชะงักหยุดท่ามกลางความมืด เมื่อท่อนแขนแข็งแรงกระหวัดโอบรอบคอผมจากด้านหลัง ก่อนถูกหัวหนักๆ กดทับที่หลังคอโดยมีผ้าห่มหนากั้นกลาง ความใกล้ชิดทำให้ผมได้ยินเสียงลมหายใจหนักหน่วงของมัน “ไอ้เซียน?”



            “ทำไมมึงเมินใส่กูนักวะเทียน”



            “……”



            “บอกกันตรงๆ ก็ได้”



            “……”



            “แต่เพราะกลัวว่าจะลงเอยแบบนี้ไง กูถึงเก็บมาตั้งสามปี”



            “……”



            “มึงไม่เกลียดกูได้ไหม”



            “เกลียดโว้ย!”



         

       ท่อนแขนที่กอดรั้งที่คอผมผ่อนแรงลงทันทีคล้ายตกอยู่ในอาการชะงักงัน  ผมจึงอาศัยจังหวะนั้นตลบเอาผ้าห่มออกแล้วเบี่ยงกายหันไปหาไอ้ตัวที่นอนคว่ำหน้าใต้ผ้าหนา ก่อนที่หัวของมันจะค่อยๆ ขยับโผล่ออกมา มันในสภาพคล้ายเต่าหัวหดมองผมด้วยดวงตาตัดพ้อน่าสงสาร



            ทั้งที่สงสารแต่ดันรู้สึกเหมือนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ



            “กูหายใจไม่ออก ไอ้ปัญญาอ่อนนี่”



            ในที่สุดผมก็รู้ถึงสาเหตุที่มันนอยด์แดกจนแปลกไป... มันคงคิดว่าผมรับรู้ความรู้สึกของมันผ่านอีเมลฉบับนั้นแล้ว แต่พอเห็นผมนิ่ง ทำตัวเป็นปกติ เลยหลงคิดไปว่าผมทำไปเพราะไม่อยากให้เรื่องนั้นกระทบความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน



            อยากจะโกรธความโง่เง่าของมันก็ทำไม่ลง เพราะที่โง่ยิ่งกว่าคือผมคนนี้



            มันขยับกายลุกนั่ง โยนผ้าห่มไปกองรวมกับหมอน ก่อนจะเก็บชีทเรียนแล็บเคมีเข้ากระเป๋า ท่ามกลางความเงียบ ผมเฝ้ามองมันทุกการเคลื่อนไหว กระทั่งมันทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งพร้อมผ้าห่มที่คลี่สะบัดคลุมกาย ทิ้งท้ายประโยคหนึ่งก่อนเข้านอนว่า



            “ห้ามไล่กูนะ กูไม่มีที่ไป ฝันดี”



            ผมขยับกายลุกขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียง มันปิดเปลือกตาหนีสายตาผม ก่อนจะตกใจเมื่อเปิดเปลือกตาแล้วเห็นผมยังนั่งจมปรักอยู่ที่เดิม มันขมวดคิ้วมองสงสัยเชิงถาม...



            “เซียน... เอ่อ... กูแม่ง! เพิ่งรู้ตัวว่าส่งอีเมลผิดเมื่อห้านาทีที่แล้ว...”



            เหมือนดวงตามันจะหรี่ลงคล้ายใช้ความคิด ตามด้วยเบิกกว้างขึ้นทีละน้อย เหมือนมันจะหลุดสบถออกมา แต่เป็นเพียงปากที่ขยับโดยปราศจากเสียง หัวใจของผมเองก็เช่นกัน แม้จะไม่มีเสียงดังลอดออกมา แต่กำลังกระเด้งกระดอน ปวดปร่าด้วยความตื่นเต้นตกใจ



            “ถึงแม่กูจะเป็นครูภาษาจีน ถึงกูจะเคยประกวดมารยาทไทย แต่... ถ้าเป็นเรื่องของมึงกูหยุดเสือกไม่ได้จริงๆ กูโคตรสนใจทุกอย่างที่เป็นมึงเลยว่ะ”



            ไม่นานริมฝีปากที่เม้มข่มอารมณ์ก่อนหน้านั้นได้เผยออกจนยิ้มกว้าง เราต่างสบจ้องโดยปราศจากคำพูด ใบหน้าก่ำแดงของมันทำหน้าผมร้อนซ่าน กระทั่งลำคอและแขนขาวของมันได้แดงปลั่งคล้ายเลือดกำลังซึมผ่านผิวกายออกมา...



            “กูเพิ่งรู้ว่ามึงโคตรขี้เพ้อ” ตอนที่ผมพูดประโยคนี้ เหมือนมันจะเขินจนต้องคลุมโปงแล้วม้วนตัวเป็นดักแด้หนีหน้า  “มึงรู้สึกว่าตัวเองอาการหนักไปรึเปล่า... ความเพ้อของมึง เพลาๆ ลงบ้างนะ กูเป็นห่วง”



            “ไม่เสือกสิ” อุตส่าห์โผล่หน้าออกมาด่ากู มาทำซึนตอนนี้มันสายไปแล้วไหม



            “แล้วนี่คืออาการคนเขิน?”



            “อย่าดึงผ้าห่มกู ปล่อยนะไอ้เทียน! อย่ามาแย่งสิ! กูหนาว แอร์มันเย็น มึงอย่าเลว ปล่อยโว้ย”



            กูยังไม่ได้เปิดแอร์เลยนะเซียน



            “หายเขินเมื่อไหร่ มึงจีบกูนะ กูจะรอ...”



            รอนับว่าโมเมนท์ที่เท่าไหร่ เราถึงจะได้เป็นแฟนกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เฉลยให้แล้ว...แม้จะพอเดากันได้ว่าเขาต่างคนต่างแอบชอบ

แต่คิดว่า พอได้อ่านความเพ้อของเซียน ทุกคนคงฟินกันนะ

ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ

บูค่ะ





หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-01-2018 06:31:26
ตอนหน้าก็ดำเนินการเริ่มจีบกันได้แล้วนะ จะรอดู  :o8:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 07-01-2018 08:03:44
จิกหมอนขาดแล้วเว่ยยยย :-[
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-01-2018 14:04:14
เง้อออออ........มีความสุข ดีต่อใจจริงๆ
อ่านไป ยิ้มไป  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เซียน เทียน ชอบกันๆๆๆๆๆๆๆๆ
โอ๊ยๆ.......เซียน เก๊กหล่อ แอบซึน เพ้อพกกับเอกหัวหอม
ทำเป็นให้เทียนติว  น่าร้ากกกกกกก
เทียนก็เนียนเข้าหาเซียน  :z3: :z3: :z3:
เซียน เทียน :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 07-01-2018 18:25:01
ชอบบบบบบบความเนียนของเซียนอ่ะ555
มาต่อเร็วๆนะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 07-01-2018 19:28:32
น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: elephantisme ที่ 08-01-2018 01:07:48
งือออออออออ เขินนสุดๆ
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 08-01-2018 07:04:41
จีบกันเลยยย  :hao6:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 08-01-2018 15:50:39
แอบยิ้มเขินๆอยู่คนเดียว
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 08-01-2018 18:41:59
รอนะคะ คนแต่งสู้ๆ

รอฟิน กิกิ :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kankanin ที่ 09-01-2018 22:38:59
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก ฟสด่กสดา่ฟหวส่งฟด่ส่ำดฟ่วฟ่ด่กหฟดว
ความเพ้อนี้ท่านได้แต่ใดมาหนอเซียน โอ้ยยย เซียนมาเหนือมาก เหนือฟ้าจริงๆ อยากอ่านตอนต่อไปใจจะขาดแล้ววว งืออออออ  :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 10-01-2018 08:27:53
55555 ทำไมซื้อหวยไม่ถูกเหมือนเดาทางนิยายบ้างนะ 55555
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-01-2018 23:15:24
สรุป ใจตรงกัลลลล
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.9 (06-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Thanaphon ที่ 12-01-2018 21:53:10
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.10(12-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 12-01-2018 22:03:38

ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า
[ IE : Industrial Engineering   วิศวกรรมอุตสาหการ ]                         
เขียนโดย  Boorina




10

สอย...

(จบ)


 

            “เรียบร้อยไหม”


            ผมถามไอ้เซียนที่เดินออกมาจากห้องพักครูของอาจารย์ประจำรายวิชาการวางผังโรงงาน หลังส่งรายชื่อโรงงานที่กลุ่มของพวกเราจะเข้าไปศึกษาเกี่ยวกับ Circle time หรือเวลาที่ใช้ในแต่ละกระบวนการในไลน์การผลิต เพื่อคิดวิเคราะห์และปรับปรุงเวลาดังกล่าวให้น้อยลง


            “เรียบร้อยอยู่แล้ว เพราะรับคำบัญชาจากฟ้า”


            มันบอกหน้ามึนแล้วฉุดแขนผมให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เพื่อนแต่ละตัวป้องปากโห่แซว ไอ้เซียนมันก็เขินจนตัวแดง หันมาเบียดกระเเซะฟ้องผมอย่างทุกที เป็นแบบนั้นแล้วยังชอบปากดีพูดเสี่ยวหน้าม่อ ช่างเป็นคนที่มีความพยายามป้อจีบผมซะเหลือเกิน ตรงจุดนี้ของมันช่างอ่อนกากจนน่าปวดหัว


            จากที่เคยสมเพชความป๊อดของตัวเอง เจอไอ้เซียนเข้าไปผมขอโยนผ้าขาว ยกตำแหน่งป๊อดแห่งปีเพ้อแห่งชาติให้มันไป


            เสียแรงที่ร่ำเรียนมหา’ลัย ไม่รู้จักนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในชีวิต Circle time ก็เรียนมาแล้ว ถ้าเอามาปรับใช้กับเรื่องความรัก เราคงไม่เสียเวลาเปล่าไปตั้งสามปีหรอก


            แต่คิดอีกทีก็เป็นสามปีที่คุ้มค่าในแง่ของความรู้สึก เราต่างมองกันและกันโดยไม่ละสายตาไปไหน แต่ละวันผ่านไปพร้อมกับความจมปรักเฝ้าเพ้อโดยไม่มีใครลุยจีบ...


            “พวกมึงรีบเดินดิวะ เดี๋ยวประธานรุ่นบ่นอีกว่าโดดกิจกรรมไม่ไปช่วยงานเพื่อน วันนี้มีแข่งกีฬาเฟรชชี่นะโว้ย ต้องไปช่วยคุมน้องๆ” ไอ้เอกส่งเสียงร้องเตือน แต่ไร้เสียงตอบรับจากเพื่อนๆ


            “มึงช่วยกูคิด เกรดวิชานี้จะสอยอะไร”


            ไอ้เซียนตั้งคำถามเสียงเครียด เป็นไอ้เพลงที่ถามขึ้นคนแรกว่าทำไม มันจึงเล่าเพิ่มอีกหน่อยว่า...


            “ก็อาจารย์โคตรรวยไง” อาจารย์แกไม่ได้ชื่อโคตรรวยหรอกครับ แต่ชื่อแกฟังดูรวย นักศึกษาเลยตั้งฉายาให้ “ตอนกูเข้าไปเห็นแกนั่งพับกระดาษอยู่ กูกะพูดหวานล่อเกรดสักหน่อย บอกไปว่า ‘อาจารย์พับเรือสวยจัง โคตรเท่เลยครับ’ แกตอบมาว่าไงรู้ไหม ‘ผมพับเครื่องบิน’ หน้ากูงี้เหวอแดก ลาก่อนเกรดเอของกู”


            “ก็มึงมันโง่ ไม่สังเกตบ้างว่าเดี๋ยวนี้โมเดล รถ เรือ ม้า วัว ควาย ในห้องทำงานอาจารย์แกหายหมด มีเเต่โมเดลเครื่องบินล้นโต๊ะ อย่าบื้อให้มากนัก ลำพังไอ้เทียนกูก็เป็นห่วงความโง่ของมันจะตายห่าแล้ว นี่ต้องมามีแฟนเป็นไอ้บื้ออย่างมึงอีก กูล่ะสงสารอนาคตพวกมึงสองตัวจริงๆ”


            ไอ้เพลงร่ายเป็นการเป็นงาน สีหน้าจริงจังด้วยความรักเพื่อนเหลือเกิน แล้วจึงเสริมอีกหน่อยว่า


            “ตอนแรกกูคิดว่ากว่าพวกมึงสองตัวจะรักกันได้อาจต้องรอถึงชาติหน้า แข่งกันป๊อดฉิบหาย กากแพ็คคู่ เพ้อแท็กทีม อนาถแท้เพื่อนกู”


            “ลด ละ เลิก เสือกเรื่องพวกกูสองคน มึงอาจหัวไม่แตก” ตอนที่ผมพูดจบ ไอ้เพลงไทยเดิมก็เดินชนโป๊กเข้ากับเสาไฟ เรียกเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังระงม...


            ผมกับไอ้เซียนแยกเดินไปโรงอาหารคณะวิทยาศาสตร์ ระหว่างทางมันก็บ่นพล่ามไปเรื่อย ถึงมันจะเป็นรุ่นพี่ปีแก่แต่ยังคงเป็นที่หมายตามองของบรรดารุ่นพี่รุ่นน้อง ด้วยเบ้าหน้าหล่อหุ่นเพอร์เฟกส์พ่วงตำแหน่งเดือนมหา’ลัย แม้เคยพลาดติดเอฟแต่ความป็อบของมันโดดเด่นเหนือทุกสรรพสิ่ง กระทั่งเดือนมหา’ลัยปีสองยังไม่อาจเทียบชั้น แถมดาวเดือนมหา’ลัยปีสี่ยังแย่งกันจีบ


            จนบางทียังนึกสังเวชแทนมัน... ของดีมีให้สอยไม่เอา ดันชอบสอยของดำ


 

            ‘ความขาวกูมีเยอะแล้ว เอามามันก็ถูกรัศมีกูกลบ เดี๋ยวได้ดราม่าน้ำตาเล็ดอีก ตรงจุดนี้ที่แม่ให้กูมา กูแก้ไขไม่ได้จริงๆ ว่ะ มึงเองก็อดทนไว้นะ อย่าน้อยเนื้อต่ำใจ ผิวแทนน้ำผึ้งเดือนห้าแบบมึงอ่ะดีที่สุดแล้ว... กูชอบ’


 

            นั่นคือสิ่งที่มันตอบตอนผมแกล้งถาม เหมือนจะกวนตีนแต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้... ยิ่งตอนมันเขินด้วยแล้ว ไม่ใช่แค่หน้าที่แดง แต่ลามไปทั้งตัวเหมือนกุ้งต้ม เห็นแล้วก็น่ารักน่าชัง จนชอบแกล้งให้มันเขินอยู่บ่อยๆ


            แต่มันก็ยังเลือกที่จะเดินข้างผมแบบนี้ ไม่รู้จะนิยามผู้ชายคนนี้ว่ารู้จักความพอเพียงหรือโง่ดี


            สำหรับไอ้เซียน... มีเเค่หน้าตาเท่านั้นที่สมชื่อ แต่หากจะให้ชมมันสักนิด ก็คงเป็นความเนียนขั้นเทพของมันที่นำโด่งผมจนไม่เห็นไรฝุ่น แบบนี้คงต้องเรียกว่า ‘เซียนเหนือฟ้า’ ผมแพ้ให้มันทุกทางจริงๆ


            “มาแล้วๆ โทษทีนะ” เสียงใสดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเดินดิ่งมาที่โต๊ะใต้ตึกคณะวิทยฯ ซึ่งเราสองคนนั่งกันอยู่ เธอยื่นชุดสูทซึ่งมีพลาสติกใสคลุมอยู่ให้ไอ้เซียน พูดต่อไปอีกว่า “แต่งหน้าแต่งตัวให้เรียบร้อยมาจากบ้านเลยนะเซียน ปล.ห้ามหล่อมาก กลัวเขี่ยพวกเดือนแต่ละคณะร่วงตกเวทีหมด"


            “น่าสงสารเนอะ งั้นจะหล่อให้น้อย จะพยายามไม่ทำร้ายจิตใจใคร”


            แหวะ!


            “ฉันล่ะเอือมระอาแกจริงๆ” ดาวมหา’ลัยปีสามส่ายหน้าพรืด


            เออ กูด้วย เบื่อความมั่นหน้ามึงมาก


            หลังผ่านพ้นกิจกรรรมการแข่งขันกีฬาในช่วงกลางวันแล้ว ผมถูกไอ้เซียนลากกลับไปบ้านมันด้วยข้ออ้างให้มาช่วยมันแต่งตัว แต่เอาเข้าจริงมันก็แต่งของมันเองเกือบหมด เพราะกระทั่งเนกไทผมก็ผูกไม่เป็น เป็นมันซะอีกที่ผมเคยเนียนขอให้ช่วยผูกให้เวลาที่ต้องแต่งชุดนักศึกษาเต็มยศ...


            “เทียน หยิบน้ำหอมให้หน่อย” มันส่งเสียงขอความช่วยเหลือในตอนที่มันกำลังติดกระดุมเสื้อที่ข้อมือ ผมที่นั่งสบายอยู่บนเตียงเลยต้องทำหน้าที่คนรักที่ดีสักหน่อย เดินหยิบน้ำหอมแล้วยื่นส่งให้พ่อรูปหล่อ


            “ตอนไปเรียนล่ะซกมก พอออกงานได้เจอคนเยอะๆ แล้วจัดเต็มตลอด"


            “หวง?” ผมยกไหล่เบ้ปาก มันยิ้มพลางรับขวดน้ำหอมไปฉีด เรียบร้อยแล้วก็ส่งคืนให้ผม “หอมไหม”


            “อื้อ หอม”


            “หอมก็ได้”


            ฟอดดดดดดดดดด...


            “เซียน! ในบ้านมึงนะ!”


            “หรือจะไปหอมึง?” ถามได้หน้าซื่อตาใสมาก แถมยังตีหน้าหงอยตอนพูดว่า “กูผิดเหรอ ที่ชอบหอมแก้มมึงอ่ะ ก็มันนุ่มนิ่มดี สองปีกว่าเลยนะที่กูได้แค่มอง อยากแตะก็แตะไม่ได้ ไม่คิดอยากชดเชยเวลาที่เสียไปให้กูบ้างเหรอ”


            ไอ้บ้าเซียน! เดี๋ยวนี้มันช่างกล้า ความขี้อายของมันไม่ได้หายไปไหน แต่ความหน้าด้านหน้าทนของมันต่างหากที่เพิ่มสูงขึ้น


            เป็นคนหล่อที่ไร้ยางอาย เป็นคนขี้อายที่มือปลาหมึก เป็นไอ้จอมฉวยโอกาสที่ชอบอายม้วนต้วนจนหน้าแดงซะยิ่งกว่าผม และยังเป็นเดือนที่เฉิดฉายได้น่าถีบให้พลัดตกจากเวทีเป็นที่สุด!


            ไม่อยากชมไอ้เซียนว่าหล่อนักหรอก แต่มันที่ยืนอยู่บนเวทีประกวดดาวเดือนในตอนนี้ช่างโดดเด่นในชุดสูทสีน้ำเงินกับเนกไทสีเข้ม ทรงผมเซตเปิดหน้าผากมนเผยความหล่อเต็มใบหน้า รอยยิ้มกว้างอวดลักยิ้มบุ๋มทรงเสน่ห์ เพียงเท่านี้ก็แผ่กว้างรัศมีไปกลบดาวเดือนจนหมอง นึกสงสารคนต้นคิดที่เชิญมันมาเป็นพิธีกรในค่ำคืนแห่งดาวเดือนนี้เหลือเกิน


            อาจดูเหมือนผมอวย แต่ฟังเอาเถอะ ขนาดเสียงกรี๊ดที่หนุ่มสาวแหกปากออกไปนั้นยังดังสนั่นลั่นฮอลยิ่งกว่าเฟรชชี่แต่ละคน ไม่คาดคิดว่าผ่านมาแล้วเกือบสามปี มันจะยังคงฮอตฮิตไม่เลิก


            หลังผ่านพ้นช่วงคอนเสิร์ตที่เชิญนักร้องชื่อดังซึ่งเรียนที่นี่มาร้องเพลงสร้างสีสันแล้ว ก็เข้าสู่ช่วงประกาศรายชื่อดาวเดือนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเพื่อตอบคำถามประชันกึ๋น ก่อนพิธีกรสาวที่ยืนคู่กับไอ้เซียนจะเกริ่นนำ


            “เห็นน้องๆ ในตอนนี้แล้วก็คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ เนอะพี่เซียน”


            พี่เซียนที่ถูกเอ่ยถึงยังไม่เออออรับคำ แต่ใช้สายตากวาดมองน้องๆ บนเวทีด้วยสายตาปลาบปลื้มชื่นชม แล้วพูดออกมาว่า “ไม่มีใจคิดเลยครับพี่ใบหม่อน เห็นน้องๆ แล้วใจลุงไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว”


            เสียงกรี๊ดดังระงมหลังจากนั้นจนแก้วหูผมแทบทะลุ อดไม่ได้ที่จะกัดปากพลางเขม่นมองอย่างหมั่นไส้ นี่น่ะเหรอไอ้ตัวที่ชอบเขินเวลาถูกผมลวมลาม ปากม่อล่อตูดขนาดนี้มึงบอกมาเถอะว่าไอ้อาการที่เป็นเวลาอยู่กับกูสองคนมันคือความตอแหลล้วนๆ


            “อื้อหือ พี่เซียนปากหวานแบบนี้น้องๆ จะมีสมาธิตอบคำถามกันไหมคะเนี่ย แต่ก็เป็นเรื่องจริงเนอะ ดาวเดือนปีนี้หล่อสวยกันทุกคน จะให้เลือกสอยใครสักคนคงยากที่จะตัดสินใจ”


            “ครับ เลือกยากมาก จนนึกอยากสอยดาวเดือนหมดทุกดวงเลย”


            ได้ยินแล้วก็อยากถอดรองเท้าเขวี้ยงใส่หน้าไอ้คนเจ้าชู้บนเวที แต่กลัวจะตกใส่หัวน้องๆ ที่กระโดดโหยงเหยงส่งเสียงร้องคลั่งชอบใจ ทั้งสาวทั้งหนุ่มต่างถูกใจกับคำพูดเปิดโอกาสหาคู่ไม่เลือก เห็นหน้ามีความสุขของมันแล้วหงุดหงิด แต่ทำยังไงได้ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่หลงรักมันหัวปรักหัวปรำมาตลอดสามปี...


            ในตอนที่ผมด่ามันในใจเป็นวรรคเป็นเวร ผมสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองประสานมา ไม่รู้ว่ามันที่ยืนอยู่บนนั้นจะมองเห็นผมชัดมากแค่ไหน แต่สำหรับผมมันยังคงชัดเจนในสายตาเสมอ ความรู้สึกระหว่างเราก็เช่นกัน เป็นสามปีที่เพ้อไปกับการแอบชอบ แต่ก็เป็นโมเมนท์ที่สวยงามและประทับแน่นในความทรงจำ


            ท่ามกลางความสุขจากหัวใจที่เกี่ยวโยงกัน... ผมยังคงหมั่นไส้มันอยู่ดี


            “เชื่อว่าทุกคนเห็นดาวเดือนบนเวทีแล้วก็คงใจละลาย อยากแย่งกันสอยเหมือนพี่เซียน”


            “เปล่าครับ...”


            สองคำสั้นๆ ที่ออกมาจากปากของไอ้เซียนนำพาบรรยากาศเงียบเชียบด้วยความลุ้นมากกว่าการประกาศผลดาวเดือนประจำปี สายตานับพันคู่มองประสานรวมไปยังมันที่มีแสงไฟนวลส่องกระทบตัวเป็นเดือนเด่นสง่างามกลางเวที


            เป็นหัวใจของผมที่ไหวหวาม อุ่นวาบด้วยความสุขที่เอ่อล้น ด้วยโมเมนท์ที่ 222 ท่านเทพเซียนช่างเนียนเหนือฟ้าเหลือเกิน


            “...ผมอยากสอยดาวเดือนให้ร่วงลงมา เพื่อครอบครองท้องฟ้าเพียงคนเดียว”


- จบ –

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะ
เรื่องลำดับที่ ๑ ได้จบลงแล้วค่ะ กับ นิยายชุด อินทาเนีย ภาควิชา วิศวกรรมอุตสาหการ
อาจขัดใจเพื่อนนักอ่านหน่อย ว่าเอ๊ะ!!! จบแล้วเหรอ?
ค่ะ จบแล้วค่ะ เพียงแต่เรื่องลำดับถัดๆ ไปนั้น อาจมีตัวละครเก่าๆ โผล่แว้บไปวนเวียนบ้าง
อันนี้ลองสังเกตกันดูนะคะ
ขอโทษที่ไม่ทันได้แจ้งว่าแต่ละเรื่องมันมีราว 10-15 ตอนเท่านั้น
** รู้สึกชอบประโยคจบมากเลย (นอกเรื่องนิด) **
แต่ความรักของพวกเขาไม่จบเพียงเท่านี้ค่ะ
จะไปเต๊าะหวานปิดท้ายในตอนพิเศษท้ายเล่มค่ะ
ซึ่งเป็นตอนจบที่สมบูรณ์ของแต่ละคู่ รวมทั้งคอนเซปท์ของเรื่องนี้ด้วย

ฝากติดตามนิยาย ลำดับที่ 2 ในซีรีส์ชุด Intania ภาค CE
เรื่อง Breaking Way
[ CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]                         
เขียนโดย  Blue-Legend



หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า CH.10(12-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-01-2018 22:17:15
 :L2: :L1: :pig4:จีบแฟนได้คมมาก
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า(จบ) #Upcoming CE
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-01-2018 03:36:46
จีบกันจนหยดสุดท้าย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า(จบ) #Upcoming CE
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 13-01-2018 08:31:18
หวาย พี่เซียน เซียนสมชื่อ
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า(จบ) #Upcoming CE
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-01-2018 15:37:01
จ่ะ จีบต่อหน้าคนเกือบทั้ง ม.  :-[
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า(จบ) #Upcoming CE
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 13-01-2018 16:49:01
ประโยคสุดท้ายออลคิลมากเว่อ นี่เป็นเทียนนี่ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้ว 555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค IEメ เซียนเหนือฟ้า(จบ) #Upcoming CE
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-01-2018 02:48:19
เอาจริงๆเซียนนี่ก็แอบเสี่ยวเนอะ 5555
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ#Behind IE scenes, into CE story
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 14-01-2018 11:58:06

Behind IE scenes, into CE story
           



            ท่ามกลางแสงไฟเจิดจ้าที่ส่องกระทบร่างชายหนุ่มผิวขาวผ่องเป็นประกายออร่าซึ่งตกเป็นจุดสนใจของงาน เนื่องจากวาจาคมคายที่เอ่ยออกมาทำเอาสาวๆแทบคลั่ง หากแต่ในมุมมืดหนึ่งกลับปรากฎหญิงสาวนาม ‘ฟ้าใส’ ยืนเหนียมอายอยู่ตรงนั้น



            หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นเดือนเปล่งแสงอยู่บนเวทีเธอ ‘เคย’ ขอเบอร์



            “เขาจีบเธอ เขาจีบเธอชัดๆ ดูประกายสายตาสิ หยาดเยิ้มขนาดนั้น ถ้าเป็นฉันถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นคงอ่อนระทวยไปทั้งร่าง”



            หญิงสาวอยากตะโกนบอกว่า ตั้งแต่ได้เบอร์ชายหนุ่มมา เธอโทรหานับร้อยครั้ง ทว่าไม่มีสักครั้งที่ได้รับการตอบรับ ทั้งที่หากชายหนุ่มสนใจเธอ ควรนั่งเฝ้าหน้าจอโทรศัพท์ทุกวันคืนแท้ๆ



            เธอแทบหมดหวังไปแล้ว ว่าชายหนุ่มคงมีตัวเลือกมากมาย และเธอคงไม่ใช่หนึ่งในนั้น ทว่าคำพูดนั้นที่เธอได้รับฟัง ได้จุดประกายความหวัง เพราะถ้อยคำหวานเลี่ยนนั้น หมายถึงเธอชัดๆ



            “ฉันชวนเค้าไปปั่นจักรยานผ่านทางในตำนานนั่นดีไหม”



“เธอหมายถึง loving way?”



หญิงสาวหยักหน้าน้อยๆ สายตาเคลิบเคลิ้มจับจ้องชายหนุ่มไม่วางตา เส้นทางนั้นเล่าขานกันว่าคู่รักใดที่ได้ไปปั่นจักรยานผ่านตอนเที่ยงคืน จะไม่มีวันแยกจากกัน



ในจังหวะนั้น ผู้คนเบียดเสียดจนเธอไม่ทันตั้งตัว ร่างน้อยๆของเธอถูกเบียดกระแทกจนเซ



ปึก



ร่างของเธอกระแทกกับใครบางคนเข้า เธอรีบกล่าวขอโทษขอโพย



“ขอโทษค่ะ”



หากในจังหวะที่ได้สบตากับชายหนุ่มที่เธอไปชน เธอกลับต้องแข็งทื่อเพราะสายตาเย็นเยียบที่มองมา ราวกับเธอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ ชายหนุ่มละสายตาจ้องมองไปบนเวที แล้วเอ่ยออกมาลอยๆ



“Loving way เหรอ”



หญิงสาวสะดุ้ง แม้แต่น้ำเสียงยังติดห้วนเย็นจนน่ากลัว ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าไปเกลียดแค้นใครมา เธอคิดในใจว่าคนๆนั้นจะต้องดวงซวยสุดๆ



หากในคำพูดถัดมากลับทำเอาเธอเหมือนถูกตอกหน้าหงาย ที่ไปหลงงมงายกับความเชื่อเพ้อฝันราวเทพนิยาย



“เหอะ! ไร้สาระ!”

 
ที่สั้นเพราะเป็นเกริ่นนำเข้าสู่ อินทาเนีย ลำดับที่ 2
ชื่อเรื่อง Breaking Way ภาค CE
( CE : Civil Engineering วิศวกรรมโยธา)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีคร้าบบ อย่าเพิ่งงงว่าไอ้บ้าที่ไหนโผล่มาเจ๋อ เค้าเองงง
เค้าไหนวะ อ๋อ ก็เค้าพี่บลูไงจ๊ะ หลังจากฟินกับเรื่องของเซียนเทียนที่น้องบูเขียน
ต่อไปมาพบเรื่องลำดับต่อไปในชุดซีรีย์ อินทาเนีย ที่พี่บลูเป็นคนเขียนบ้างเนอะ
ใครยังค้างคากับความหวานของเซียนเทียน อยากติดตามต่อ
ขอกระซิบเลย คู่นี้เขายังไม่จบกันเน้อ ยังมีให้ได้ฟินได้อินกันต่อในตอนพิเศษแน่นวล

สำหรับเรื่องต่อไปอยากเตือนให้นักอ่านเตรียมกระดาษทิชชู่ไว้เยอะๆ เพราะน้ำกระจาย
ไม่ใช่น้ำอะไรอย่างว่านะ อย่าคิดทะลึ่ง น้ำลายคนเขียนนี่แหละ พอดีเป็นคนช่างฝอย กร๊ากกกกก
ขอย้ำนะว่าซีรีย์ชุดนี้เขียนกันสองคน เรื่องต่อไปเป็นของพี่บลู ที่หมายถึงสีน้ำเงิน
แต่เรื่องที่เพิ่งจบไปเป็นน้อง บู-ด็อก กรุณาอย่าจำสับสน ไม่มี บลู-ด็อก โอเค๊ เข้าใจตรงกันเนอะ
สุดท้ายอยากจะฝากเรื่องของเค้าไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเล็กๆ(ลิเกเกินนนน)
ฝีมือการเขียนอาจจะสู้น้อง บู-ด็อก ไม่ได้ เพราะกระโดดเข้ามาในวงการเขียนได้ไม่นาน
และอาจจะจมน้ำตายทันที อ่อกก ฝากเป็นกำลังใจด้วยน้า
อย่าด่าเค้าแรง อย่าว่าเค้าบ้า ถามเองตอบเองได้ คุยเองคนเดียวก็ได้

สุดท้าย แวะมาคุยกับเค้าบ้างหน้า เค้าเป็นเด็กขี้เหงา เข้าใจบ้างซิ มีใครบ้างเป็นห่วงเป็นใย...(เอ่อ เพลงบ่งบอกอายุไปไหม)

รักทุกโคนนน จุบุๆ
ปล.น้ำตาจิไหล วิวพุ่งทะลุสี่พัน จุดพลุฉลองเย้ๆๆๆๆๆๆ



หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ#Behind IE scenes, into CE story
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-01-2018 15:12:05
 :L2: :pig4:

รอออออออออออออ
อยากอ่านละ
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ#Behind IE scenes, into CE story
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 14-01-2018 17:22:37
พี่เป็นใครคะ เปิดตัวได้ค่ตคูล 55555555 วงวานฟ้าใส แต่คำพูดของเซียนก็พูดถึงฟ้าจริงๆ 55555555555
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ#Behind IE scenes, into CE story
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-01-2018 17:33:55
ชื่อเรื่องมาซะน่ากลัวเชียว ฮา
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ#Behind IE scenes, into CE story
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-01-2018 17:34:17
โอยๆ.......ประโยคเด็ดที่สุดของเซียน  ชอบบบบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:
 “...ผมอยากสอยดาวเดือนให้ร่วงลงมา เพื่อครอบครองท้องฟ้าเพียงคนเดียว” สุดยอดดดดดดดดด
เซียน เทียน  คนป๊อดสองคนแห่งชาติ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ชอบเพลงเดียวกับไรท์เลย อายุเป็นเพียงตัวเลขเจงๆ
"กลางวัน...ฉันเหงา   กลางคืน....ฉันโหยหา....♬。 ♫♫~♬ ♫~
คิดถึงทุกเวลาห้านาที.....เป็นคนขี้เหงา เข้าใจบ้างสิ.....♬ ♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪
ขอบคุณไรท์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ#Behind IE scenes, into CE story
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-01-2018 07:31:01
รอดูคู่ต่อไปจะแซ่บกว่าคู่แรกไหม  :mew4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ#Behind IE scenes, into CE story
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 15-01-2018 09:15:25
จะน้ำอะไรก็สาดมาเลยค่ะ เราพร้อมมมมมมมม

หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ#Behind IE scenes, into CE story
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 15-01-2018 17:25:37
ขอบประโยคจบของเซียนอ่ะ ฟินๆๆๆๆ เขิน แอร๊ยยย
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ#Behind IE scenes, into CE story
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 15-01-2018 18:22:53
ชอบบบ เปิดเรื่องมาก็น่าติดตามแล้ว

รอๆ จะเป็นยังไงนะ :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.01 (20Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 20-01-2018 23:05:09
                                   
ซีรีส์ชุด Intania ภาค CE
เรื่อง Breaking way
                      [ CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]                         
เขียนโดย  Blue-Legend




CH 01
กินเด็ก




        ถ้านี่เป็นฉากหนึ่งในนิยาย ผมก็หวังให้ตัวเองเป็นตัวเอก เสียแต่ว่าตัวเอกอีกคนที่ผมหวังไว้มัน...


   ตูดแบน...


   อกแฟ่บ...


   และหัวเกรียน!!!


   ตูดแบนอกแฟ่บอาจเป็นเรื่องปกติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สองของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยชื่อดังซึ่งยังไม่ผ่านวัยเจริญพันธุ์ แต่เรื่องหัวเกรียนคงไม่มีนักเรียนหญิงคนใดกล้าไถสกินเฮดมาโรงเรียนแน่ ที่สำคัญกว่านั้นคือคนที่ผมแอบเฝ้ามองด้วยชมชอบไม่ใช่รุ่นเดียวกับผม


   แต่เป็นรุ่นพี่มอหก!


   เขาอยู่ในวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ร่างกายบึกบึนสูงใหญ่เฉียดร้อยแปดสิบเซนติเมตร ต่างจากผมเกือบหนึ่งไม้บรรทัดทั้งที่อายุเราห่างกันเพียงไม่กี่ปี เทียบในรุ่นเดียวกันคงมีน้อยคนจะสูงเท่า ควรต้องเอาไปเทียบกับเปรตวัดสุทัศน์น่าจะเหมาะกว่า ยิ่งเทียบกับตัวกระเปี๊ยกอย่างผมยิ่งไม่ต่างจากเสาไฟฟ้ากับตอม่อ


   ด้วยเหตุนี้ผมจึงพยายามอัดทั้งแคลเซียม โปรตีน วิตามิน กลูต้า แคโรธีน เฮโรอีน บอแร็กซ์ และเกือบคว้าน้ำยาล้างห้องน้ำมาแดก ถ้าไม่ติดว่ากลัวม่องเท่งซี้แหงแก๋ในสภาพเอน็จอนาถจนอาจพลาดโอกาสได้ใกล้ชิดกับรุ่นพี่คนนั้น


   ความแตกต่างห่างไกลไม่ได้หยุดเพียงส่วนสูง ผมเป็นไอ้เด็กตัวกระเปี๊ยกที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ในขณะที่เขาเจิดจ้าฉายแสงอยู่กลางทุ่งดอกลาเวนเดอร์ เพอร์เฟกต์ดีพร้อมทุกระเบียดนิ้ว ให้ความรู้สึกคล้ายตัวเองเป็นเพียงตั๊กแตนตำข้าวที่เฝ้ามองนกฟลามิงโกโบยบินบนท้องฟ้า แต่ก็เคลิบเคลิ้มหลงใหล ขนาดลำไส้ยังบิดเป็นเกลียวระริกระรี้ด้วยความเขินขวย


   บ้านป้ามึงสิ! แค่เห็นเป็นไอดอลโว้ย!


   เด็กวัยเจริญพันธุ์แบบผมถึงแม้จะเฮี้ยว แสบ ทะโมน และแอบหื่นบ้างเป็นบางเวลา แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กที่ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก วันๆ คิดถึงแต่หน้ากากไรเดอร์ เบนเทน ถ้าสมัยโบราณหน่อยก็คงเป็นขบวนการห้าสีหรืออุลตร้าแมน ชีวิตจมอยู่ในโลกแห่งความฝันและแฟนตาซี โดยเห็นผู้พิทักษ์ความรักและความยุติธรรมเป็นแบบอย่างแห่งความเท่ห์ หล่อสมบูรณ์แบบ


   และรุ่นพี่คนนั้นก็เข้าขั้นใกล้เคียงซุเปเปอร์ฮีโร่ที่ผมปลื้ม!


   ผมตั้งปณิธานไว้ ในวันหนึ่งผมจะเป็นอย่างเขาให้ได้ เพื่อให้เขาและผมเป็นสองตัวเอกในนิยาย ร่วมผจญภัยปราบเหล่าร้ายเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน...


   ทว่าสิ่งที่ผมเฝ้าหวังกลับสั่นคลอน เพราะการกระทำของคนที่ผมปลื้ม...


   “พี่เจี๋ย นัดออกมาทำไมวะ หรือจะพาไปจับแมงกุดจี่ในป่าไผ่ เจ๋งเป้ง!”


   “ไปปั่นจักรยานเล่นกัน” เป็นเสียงเปรยที่ทุ้มนวลอบอุ่น


   ปั่นจักรยานเล่นในมหาวิทยาลัยตอนเกือบเที่ยงคืน!


   ไอ้พี่เจี๋ยก็ตบเบาะเร่งยิกๆ ราวกับปวดขี้จนทนไม่ไหวต้องรีบไปถ่ายด่วนซะเดี๋ยวนั้น ผมจึงจำต้องลากขาอย่างงงงวยไปหย่อนก้นแหมะลงเบาะหลัง แม้ในใจจะนึกสงสัย แต่เพราะแอบปลื้มชื่นชมจึงคล้อยตามอย่างว่าง่าย ต่อให้พี่เจี๋ยจะลากไปไถนา ผมก็คงยอมเป็นควายเพื่อได้ใกล้ชิด


   เพื่อความปลอดภัยผมไม่ลืมที่กระหวัดมือรอบเอวพี่เขาไว้หลวมๆ เกิดผี สตีฟ จ็อบส์ ออกจากร่างกลายเป็นผีคนขับรถเมล์ ขสมก. เข้าสิงปั่นตีนนรกผมก็ตายโหงสิครับ


   “น้องป่าน รู้จักตำนานรัก Loving way ไหม”


   ป่าน... ป่านนี่ใช่ชื่อกูไหม?

 
   โอเค ตื่นเต้นจนเกือบลืมชื่อตัวเอง


   พี่เจี๋ยเอ่ยถามท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกบนเส้นทางที่ขนาบด้วยทิวสนสูงใหญ่เรียงรายเป็นระเบียบ โดยที่รถจักรยานคันเล็กที่มีผู้โดยสารตัวใหญ่หนึ่งตัวกระเปี๊ยกหนึ่งเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วรอบปั่นที่เชื่องช้า แม้จะเป็นยามดึกสงัด แต่เพราะมีพระจันทร์ดวงโตฉายแสงนำทาง ทำให้เรายังปลอดภัยจากการปั่นตกคลองข้างทาง


   ผมก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง... เที่ยงคืนพอดีเป๊ะ


   “ตำนานบอกว่าหากคู่รักที่มีใจตรงกัน ปั่นจักรยานผ่าน Loving way ในเวลาเที่ยงคืน จะได้เป็นแฟนกัน” ผมชะงัก ในขณะที่พี่เจี๋ยหยุดรถจักรยานกึก คล้ายได้ปั่นมาถึงปลายทางแล้ว “น้องป่าน คบกับพี่เจี๋ยนะ”


   อ้าว เดี๋ยวนะ... แล้วผมต้องตกใจไหมวะ กับการที่รุ่นพี่ที่แอบปลื้มมาสารภาพรัก!


   เป็นการสารภาพความรู้สึกด้วยเสียงนุ่มนวลชวนเคลิ้ม เหมือนอย่างนิสัยของพี่เจี๋ยที่ผมเห็นมาตลอด เขาเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นเสมอ ไม่เฉพาะแค่ผม แต่ทุกคนรอบข้างมักถูกพี่เจี๋ยดูแล หากจะมีใครสักคนหลงใหลย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนั้นที่ผ่านมาผมจึงมองไม่เห็นความพิเศษที่พี่เจี๋ยปฏิบัติต่อผมว่ามันเหนือกว่าคนอื่น  ความรู้สึกของผมจึงยังเป็นเพียงความปลาบปลื้ม


   จนกระทั่งพี่เจี๋ยจอดรถและหันกลับมา ใบหน้าคมโน้มเข้าใกล้ มีเพียงแสงจันทร์สาดกระทบให้เห็นเสี้ยวหน้าเลือนลาง ผมตาค้างจนแทบลืมหายใจ สังเกตได้ทุกรายละเอียดบนใบหน้าที่ค่อยๆ เลื่อนเข้ามา ดวงตาดำเข้ม ขนตายาว คิ้วโก่งหนา ริมฝีปากเป็นกระจับ ทุกสัดส่วนสอดรับกับโครงหน้าและประกอบกันอย่างสวยงาม กระทั่งลมหายใจอุ่นร้อนกระทบปลายจมูก ใจผมพลันเต้นเป็นจังหวะกลองโปงลาง เพียงชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่งที่เผลอเคลิ้ม จึงได้รับรสความอ่อนนุ่มบริเวณริมฝีปาก


   เป็นความพิเศษเดียวที่แตกต่าง และกระจ่างแจ้งแจ่มชัดยิ่งกว่ากล้องจุลทรรศน์กำลังขยายพันเท่า ใจดวงน้อยของผมเต้นระรัวแรง จนแทบทะลักล้นออกมาจากอก ผมใจง่ายไปไหมวะ เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่รู้สึกอะไรอยู่เลย


   สำส่อน!


   รู้สึกนิยายแฟนตาซีที่วาดฝันไว้กำลังกลายเป็นนิยายรัก... สายเหลือง!


   “พี่เจี๋ย คุกๆๆ”


   “คุกอะไรครับ”


   “ป่านเพิ่งอายุสิบสี่ ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ”


   “พี่ก็ยัง”


   เออว่ะ ลืมไป งั้นเอาใหม่


   “พี่เจี๋ยชอบป่านเหรอ”


   พี่เจี๋ยพนักหน้ารับ แม้ใบหน้าจะลางเลือนในความมืด แต่กลับรับรู้ได้ถึงความตระหนกปนหวาดหวั่น รังสีกดดันจากความกลัวแผ่ซ่านกระทบเปรี้ยงแทบหน้าหงาย คล้ายว่าถ้าผมปฏิเสธไปพี่มันจะกระโดดคลองน้ำเน่าข้างทางตายไปเดี๋ยวนั้น สถานภาพของเรากลับกัน ผมกลายเป็นนกฟลามิงโกบินสง่าเฉิดฉายบนฟ้า ในขณะที่พี่เจี๋ยกลายเป็นตั๊กแตนตำข้าว ดวงตาละห้อยรอคอยคำตอบอย่างน่าสงสาร


   แต่ผมไม่ง่าย!


   “ป่านรู้จักตำนานรัก Loving way” ผมเปรย


   อายุเพียงสิบสี่ ไม่เคยสนใจเรื่องความรัก ไม่รู้แม้กระทั่งความรักคืออะไร ความรู้สึกแบบไหนที่เรียกว่ารัก ใช่อาการใจเต้นไม่เป็นส่ำ ใบหน้าวูบวาบร้อนฉ่า มีความสุขล้น ดีใจยิ้มแก้มแตกแบบนี้ไหม


   แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมมั่นใจ!


   “ทางที่พี่เจี๋ยพาผมผ่านมามันสวนทางกันนี่ ถ้าปั่นย้อนเขาเรียก Breaking way”


   ความฉิบหายเริ่มมาเยือน ผมรู้สึกได้อย่างนั้น สังเกตเห็นตาขาวๆเบิกโพลงในความมืด


   “ถ้าคู่รักที่ใจตรงกันปั่นผ่าน จะต้องเลิกกัน!”


   ง่าวเอ๊ย!!!


   ผมหัวเลาะลั่นขำน้ำตาเล็ด อุตส่าห์สร้างบรรยากาศมาซะดิบดี กลับล่มสลายลงในพริบตาเพราะความโง่เง่าของตัวเอง ยิ่งเห็นท่าทางซึมกระทือหางลู่หูตกหัวห้อยอย่างผิดหวังจนแทบอยากร้องไห้ ผมยิ่งฮาท้องคัดท้องแข็ง


   ไม่ใช่อะไร เพราะมันยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูมากในสายตาผม แม้แต่การสารภาพรักยังตระเตรียมการเสียโรแมนติก อ้างอิงตำนานรักและคาดหวังให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่างเชื่องช้า ค่อยเป็นค่อยไป ทั้งอบอุ่น นุ่มนวล พูดจาไพเราะ และโรแมนติก จะไปหาผู้ชายเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ได้จากไหน ตลาดนัดคลองถมก็ไม่มีขาย ยิ่งละลายทรัพย์ไม่ต้องพูดถึง


   “จบกันชีวิตไอ้เจี๋ย”


   เอ่ยเสียงนุ่มตัดพ้องึมงำเศร้าสร้อยอย่างน่ารันทด ราวกับทุกอย่างจบสิ้น แม้แต่นรกแตก แผ่นดินแยก ฟ้าถล่มก็อาจเทียบไม่ได้กับความรู้สึกพี่เจี๋ยตอนนี้ ผมพยายามกลั้นขำยกมือปาดน้ำตาที่มันเล็ดจากการทำงานหนักของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ในใจอยากบอกว่า ผมยังไม่ได้ให้คำตอบพี่เลยนะ ฮ่าๆ


   “ใครบอกว่าจบ ป่านว่านี่เป็นการเริ่มต้นต่างหาก”


   พูดไปขำไป แต่กลับดูเรียกความสนใจของอีกฝ่ายได้ดี เพราะดวงตาขาวๆที่เหมือนจะจ้องมองมาด้วยความสงสัยจนผมแทบพรุนไปทั้งร่าง ก่อนจะเริ่มเบิกกว้างขึ้นคล้ายพี่เจี๋ยเข้าใจในความหมายแฝงของผม


   “ก็เรายังไม่ได้คบกัน แล้วจะเลิกได้ยังไง”


   แม้ผมจะอายุเพียงสิบสี่ ยังไม่รู้จักความรัก แต่คิดว่าผมพร้อมแล้วสำหรับการเรียนรู้และเริ่มต้น


   “ดูแลป่านให้ดีด้วยนะ”


   และนี่ก็เป็นตำนานรัก Breaking way บทใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน ซึ่งป่านและพี่เจี๋ยจะบรรจงสร้างขึ้นในแบบฉบับของเรา จนกลายเป็นตำนานเล่าขานประจำมหาวิทยาลัยจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นตำนานรักบทใหม่ที่ Loving way สู้ไม่ได้จนต้องล่าถอย


   แค่เริ่มต้นยังโรแมนติกขนาดนี้ หากนิยายเรื่องนี้ดำเนินต่อไป มันจะหวานชุ่มฉ่ำหัวใจขนาดไหน...


   แม้ความปรารถนาแรกเริ่มในตัวพี่เจี๋ยจะเหมือนนิยายผจญภัยแฟนตาซี หากสุดท้ายได้คลาดเคลื่อนกลายเป็นนิยายรัก แต่สิ่งที่คงเดิมคือตัวเอกทั้งสองเป็นผู้ชาย บทสรุปที่ดำเนินมาถึงบทสุดท้ายถือเป็นตอนจบที่สมบูรณ์ครบถ้วน แม้อาจยังไม่เห็นบทบาทรักกันหวานชื่น ทว่าเหลือพื้นที่ว่างให้นักอ่านได้จินตนาการต่อไปถึงเรื่องราวหลังจากนี้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าได้ถูกปูทางให้เรื่องดำเนินไปด้วยความสุขความสมหวัง แม้จะถูกจำกัดความว่าเป็นนิยาย ‘ปลายเปิด’ ก็ตาม


   แม้การจบแบบนี้จะโดนครหานินทา


   บ้างว่า... จบเหี้ยไร! ไม่เข้าใจ! มีปัญญาจบได้แค่นี้เรอะ! กาก! ในฐานะของคนสร้างสรรค์นิยายบางครั้งอยากโต้เถียงกลับไปว่าอุตส่าห์ปูทางมาให้สวยงามขนาดนี้ ลองใช้สมองคิดเอาเองบ้าง แต่คงโดนรุมประณามโทษฐานด่าคนอ่านโง่จนอาจกลายเป็นดราม่าซับซ้อน


   บ้างว่า... กูคนอ่านไม่ใช่คนเขียน หน้าที่คือเสพงาน นักเขียนเองต่างหากที่ต้องใช้สมองสร้างสรรค์ผลงานให้ดีเป็นที่พอใจ กลายเป็นมหากาพย์ย้อนแย้งไม่จบไม่สิ้น


   ไม่ว่าความคิดเห็นจะเป็นไปในทิศทางใด แต่ฐานะของนักเขียนมันเป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบในตัวมันแล้ว


   เพราะสุดท้าย... เจ้าชายและเจ้าหญิงก็ได้ครองรักคู่กันนิรันดร


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่เป็นที่พอใจของนักอ่านส่วนใหญ่อยู่ดี เพราะมันไม่อิ่มเอม ยังรู้สึกค้างคา อยากสอดรู้สอดเห็นเรื่องราวความรักระหว่างผมกับพี่เจี๋ย คล้ายว่าเรื่องราวยังดำเนินไปไม่สุดปลายทางอย่างที่หวัง แม้จะแอบตะหงิดใจว่าเห็นเขากำลังเริ่มต้นสานต่อถักทอความรักมันไม่เพียงพอเหรอ ในวาระพิเศษเนื่องด้วยนี่เป็นนิยายรัก Breaking way ฉบับใหม่ ผมจึงอยากแหกทุกกฎเกณฑ์ที่นิยายรักพึงมี เสิร์ฟความหวานสานต่อความฟินให้อ้วกแตกกันไปข้างจากตอนจบปลายเปิดอย่างสวยงามในภาคที่แล้ว คืนกำไรให้แก่ผู้ที่ติดตามเรื่องราวความรักระหว่างผมกับพี่เจี๋ย


   ขอเตือนให้เตรียมหมอนไว้หลายๆ ใบ!


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   “ไอ้ป่าน ไปไกลๆ ส้นตีน อย่ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้ รำคาญเหี้ย!”




++++ตัดจบก่อนนะ++++

คุยกับ Blue-Legend

เย้ๆๆๆๆๆ จุดพลุฉลองเปิดเรื่องลำดับที่ 2 ของซีรีย์ชุดอินทาเนียร์ ไชโยโห่ฮิ้วววววว

ชื่อเรื่องน่ากลัวมาก ฮ่าๆ เขียนเองยังกลัวใจตัวเองเลยว่าจะลากไปจบท่าไหน แต่จบท่านี้แล้วดูหวานละมุนลิ้นไหมล่า กิ๊วๆ แอบแซะคนอ่านเล็กๆน้อยๆ ไม่โกรธกันน้า รักกันๆ อิอิ

น้องป่านดูซื่อใสไร้เดียงสา พี่เจี๋ยก็ดูเป็นสุภาพบุรุษ รักทั้งสองคนเลย จุ๊บๆ

เอ้ออออ สุดท้ายยยย นักอ่านที่น่ารักจ๋า อ่านแล้วชอบ เค้าฝากไลค์ฝากแชร์ ฝากบอกต่อด้วยน้า ใครทำตามนี้จะสุ่มผู้โชคดีแจกรถสปอร์ตหนึ่งคัน

และฝาก แฮชแท็ก #ชาเย็น #อินทาเนีย #ป่านเจี๋ย ด้วยเน้อ อยากเพ้ออยากบ้าไร ถ้าไรท์ไปส่องเห็นแล้วจะไปเสือก ฮ่าๆ

ปล ด้านล่างมีทอล์กกับนักอ่านอีกเน้อ จะแยกไว้อีกโพสต์นึง เพราะไรท์ฝอยเก่ง และขี้เหงามาก ใครอยากคุยกับไรท์เลื่อนลงไปเลย ใครมาเม้นให้ตอนที่แล้ว ไรท์ตอบหมด ไรท์หล่อ สปอร์ต ใจดี น่ารัก ไม่หยิ่ง ไม่ถือตัว มีเวลาให้ ใครรำคาญก็ข้ามๆไป อ่านแค่นิยายก็พอเนอะ

ส่วนใครอยากมาจ้อกับเค้านอกเวลา โปรดไถทวิตเอาเอง ฮาาาา ส่วนใครอยากคุยกับน้องบู ก็ไปตามเพจเฟซบุ๊คที่แปะไว้หน้าลิงค์เลยน้า
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.01 (20Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 20-01-2018 23:07:55
:L2: :pig4:

รอออออออออออออ
อยากอ่านละ

รอฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด เธอจะมาเธอจะมาอ่านเมื่อไร ถ้าไม่มานะ จะจับล่ามโซ่แซ่กุญแจมือกลับมาเลย คอยดู๊

พี่เป็นใครคะ เปิดตัวได้ค่ตคูล 55555555 วงวานฟ้าใส แต่คำพูดของเซียนก็พูดถึงฟ้าจริงๆ 55555555555

โถวววววว สงสารทำไมฟ้าใส รู้นะ แอ๊บทำตัวเป็นนางเอกล่ะซี้ ไม่เนียนๆ สกิลตอแหลเธอสู้ไรท์ไม่ได้หรอก อย่ามาเทียบ ฮา ภาษาเม้นวัยรุ่นเปิ๊ดสะก๊าดขนาดนี้ ไหว้พี่ด้วยนะน้อง ให้รู้ซะมั่ง ไผเป็นไผ

ปล ไรท์ก็อยากเปิดตัวได้คูลแบบนี้บ้างอ่า ต้องทำยังไง บอกที กระซิกๆ กัดผ้า

ชื่อเรื่องมาซะน่ากลัวเชียว ฮา

หึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึ ชื่อเรื่องน่ากลัว แต่ไรท์น่ากลัวกว่า ชีวิตตัวละครอยู่ในมือเค้านะ ยกมือขึ้น ส่งอมยิ้มมาซะ นี่คือการปล้น แล้วเค้าจะเขียนดีๆ

โอยๆ.......ประโยคเด็ดที่สุดของเซียน  ชอบบบบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:
 “...ผมอยากสอยดาวเดือนให้ร่วงลงมา เพื่อครอบครองท้องฟ้าเพียงคนเดียว” สุดยอดดดดดดดดด
เซียน เทียน  คนป๊อดสองคนแห่งชาติ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ชอบเพลงเดียวกับไรท์เลย อายุเป็นเพียงตัวเลขเจงๆ
"กลางวัน...ฉันเหงา   กลางคืน....ฉันโหยหา....♬。 ♫♫~♬ ♫~
คิดถึงทุกเวลาห้านาที.....เป็นคนขี้เหงา เข้าใจบ้างสิ.....♬ ♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪
ขอบคุณไรท์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

อุ่ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปล่อยไก่ตัวบักเอ้บเลยนะตัวเธอวววววว แก่พอกันเลยอ่า ใครแก่กว่าน้า แต่รู้จักเพลงนี้อายุต้องไม่น้อย เค้าทำให้ระลึกถึงความหลังของวัยขบเผาะล่ะสิ นั่นแน่

ในฐานะที่เธอเปิดเผยช่วงอายุเรา เราจะสะกดจิตเธอ จงคลั่งไคล้พร่ำเพ้อ หลงละเมอเหมือนดมกาว แล้วบอกลาวันสาวที่ล่วงเลยไป อิอิ เค้าแซวเล่นนะตัวเอง รักดอกจึงหยอกเล่นนน

ปล ชื่อเหมือนไอติมแท่งนะตัว ทำเอาอยากดูดกันเลยทีเดียว ฮา

รอดูคู่ต่อไปจะแซ่บกว่าคู่แรกไหม  :mew4:

เตรียมครกกับสากไว้เลย จะตำส้มตำให้กิน พริกสิบเม็ดพอไหม เอาไปทั้งสวนเลยไรท์ใจดี สายเปย์ ลดแลกแจกกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์

จะน้ำอะไรก็สาดมาเลยค่ะ เราพร้อมมมมมมมม

น้ำอะไร พูด! ไม่เอาสิ ยังเด็กยังเล็กไม่ทำตัวแบบนี้ พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ อิอิ

ขอบประโยคจบของเซียนอ่ะ ฟินๆๆๆๆ เขิน แอร๊ยยย

น้อยใจอ่า พูดถึงเค้าบ้างสิ ใจร้าย ใจดำ อำมหิต หลงแต่เซียน บ้า ผช ขอแช่งให้ฟินตายคาเตียง

ชอบบบ เปิดเรื่องมาก็น่าติดตามแล้ว

รอๆ จะเป็นยังไงนะ :hao7: :hao7: :hao7:

จงอย่าหยุดแค่ชอบ จงคลั่งไคล้ หลงไหลหัวปักหัวปำ หน้าทิ่มดิน อินชักดิ้นชักงอลงแดงตายไปเลยย ฮาาา 
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.01 (20Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-01-2018 23:26:49
คู่ป่านเจี๋ย เขาจีบกันมาแต่ละอ่อนเลยหรอเนี่ย แก่แดดนะเรา  :hao3:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.01 (20Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-01-2018 00:36:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.01 (20Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 21-01-2018 03:14:05
ก็รออ่านนะ เรื่องแรกเขียนสนุกมากเราก็คาดหวังกับเรื่องที่สองนะคะ ^^



เรื่องที่แซะคนอ่านน่ะเราไม่เคืองหรอกเพราะมันก็เรื่องจริง555 เหรียญมีสองด้านแล้วแต่เราจะยึดเอาส่วนไหนมาดำเนินไป ก่อนที่ทุกคนจะมาเป็นคนเขียนก็ล้วนเป็นคนที่เป็นนักอ่านมาก่อนทั้งนั้น  โดยส่วนตัวแล้วเราโอเคกับงานทุกแบบทุกสไตล์ของคนเขียนนะมันอยู่ที่คนอ่านจะเลือกเสพมากกว่า เพราะเราคิดว่านี่มันก็เป็นงานศิลปะอีกรูปแบบหนึ่ง  ^^


ปล. รู้ได้ไงว่าเราเด็ก? เกิด 90 คงไม่เด็กมั๊ง
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.01 (20Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-01-2018 07:56:10
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.01 (20Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 21-01-2018 08:01:56
พี่เจี๋ยคนเอ๋อ 5555
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.02 (26Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 26-01-2018 20:28:26


ซีรีส์ชุด Intania ภาค CE

เรื่อง  Breaking Way
[CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]
เขียนโดย  Blue-Legend
 

CH 02

รักของเรามันเก่า

 

 

            “ไอ้ป่าน ไปไกลๆ ส้นตีน อย่ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้ รำคาญเหี้ย!”

            “ไอ้เจี๋ย ไอ้เฮงซวย ทำไมพูดจาหยาบคายกับน้องจังวะ”

            “มึงน่ารักน่าพูดจาดีด้วยนักนี่ อ้าว... เฮ้ย!  นั่น ระวัง! ไอ้สัดเอ้ย โมเดลกู!”

            “มึงเห็นโมเดลสำคัญกว่ากูเหรอไอ้เจี๋ย”

            “เออสิ งานกู คะแนนกู เกรดกู ส่วนมึงจะไปตายที่ไหนก็ไป!!!”

            นี่แหละชีวิตรักอันหวานชื่นในปัจจุบัน คำว่าพี่น้องถูกกลืนหายไปภายในสองปีหลังคบกัน และเมื่อห้าปีผ่านไปก็ได้พลิกผันจากหน้ามือกลายเป็นเศษขี้ตีน

            เราทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ดูขัดหู ขัดตา ขัดใจ ไอ้เหี้ยเจี๋ย ไอ้เฮงซวยเจี๋ย ไอ้เวรมหาประลัยเจี๋ยไปหมด ความดีงามในชีวิตแทบมลายหายสิ้นกลายเป็นอากาศธาตุ ทุกวันนี้ที่คบเหมือนทนๆ กันไป ไม่รู้เป็นผมคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึก ความรักที่เคยมีให้กันหวานชื่นกลายเป็นเพียงอดีต ต่างคนต่างรอวันที่จะมีใครพูดคำนั้น

            คำว่า ‘เลิกกัน’

            สำหรับผมที่ทนอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่ไม่เจ็บ แม้จะไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่มียังคงเหมือนเดิม แต่เพียงคิดถึงวันที่จะไม่มีไอ้เฮงซวยเจี๋ยข้างๆ ในใจมันก็รู้สึกวูบโหวง ถึงหลายครั้งเคยคิดอยากให้จบ ใจกลับไม่เคยกล้าพอ ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่หลงเหลือที่ทำให้ผมกลัวที่จะเดินจากมา มันเป็น ความรัก หรือเพียง ความผูกพันของคนที่อยู่ด้วยกันมานาน

            “ถ้ากูตาย มึงคงสบายใจสินะ ไม่ต้องมีคนมาตามตูดให้รำคาญ”

            “เออ!!”

            มันกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด

            ...เจ็บเหมือนเข็มเล็กๆ จิ้มลงตรงกลางใจทว่าความเจ็บกลับลามเลียมากมายแผ่ขยายทั่วกว่าล้านเท่า ขอโทษที่เปรียบเบาไป ไม่อยากเปรียบโดยใช้มีดกรีดลงกลางใจจนเลือดไหลล้นทะลักเป็นแกลลอน เพราะนอกจากเกร่อแล้ว เหตุผลสำคัญคือ...กูกลัวเลือด

            ถึงอย่างนั้นความเจ็บยังเป็นของจริง ผมทนได้หากมันพูดหยาบคายด่าผมเสียๆหายๆ หรือแม้กระทั่งมองเมินไม่สนใจ แต่วันนี้มันกลับไล่ผมไปตาย... ผมแทบอยากวิ่งไปคว้ามีดปอกผลไม้แล้วกรีดแขนต่อหน้าต่อตาจมกองเลือดตายไปตรงนั้น

            เสียแต่...กูกลัวเลือด...มันเลยเป็นได้แค่ความคิด

            ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบทุกวันนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อยจนเมื่อรู้ตัวความรู้สึกรักที่เคยสัมผัสได้จากไอ้เจี๋ยกลับน้อยลงจนแทบไม่มีเหลือ อาจเพราะผมไม่น่ารักเหมือนเคย เหมือนช่วงสมัยมอสอง ผมไม่ได้ตัวเล็กกระจ้อยร่อยน่ารักน่าพกพาอีกต่อไป ลำตัวกลับสูงใหญ่ทะเล่อทะล่ากลายเป็นเด็กยักษ์ที่สูงทะลุร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตร ซึ่งเป็นผลสัมฤทธิ์จากสารพัดอาหารเสริมที่ตะกละแดกเข้าไปเพื่อหวังว่าสักวันจะเป็นอย่างไอ้เจี๋ย

            แล้วไงล่ะ กลับกลายเป็นว่าผมดันสูงแซงล้ำหน้า ในขณะที่ไอ้เจี๋ยหยุดสตาฟความสูงไว้เพียงร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรถ้วน

            นิสัยที่เคยเฮี้ยวทะโมน ทำอะไรไปตามประสาเด็กวัยแสบ พลอยได้รับผลกระทบจากการกระทำที่ไม่เคยสนใจไยดีจากไอ้เจี๋ย มันค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลาเพียงเพราะอยากเรียกร้องความสนใจ ถึงบางครั้งจะงี่เง่าเอาแต่ใจ แต่ที่ทำไปอยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนไอ้เจี๋ยก็ยังคงเป็นรักแรกและรักเดียว พอนานวันยิ่งเรียกร้องกลับกลายเป็นยิ่งเฉยชา และเริ่มไต่ระดับเข้าสู่การไปกระตุ้นต่อมรำคาญจนไร้ความเกรงใจต่อกัน

            ผิดเหรอที่ผมจะติดแฟน

            หรือความจริงแล้วอาจเป็นเพราะผมสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธาซึ่งเป็นปฏิปักษ์โดยตรงกับคณะที่มันสังกัด และลือกันว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ชาติไทยโยกย้ายถิ่นฐานมาจากเทือกเขาอัลไต

            แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ล้วนทำให้ผมเจ็บหน่วงในอกด้านซ้ายทั้งสิ้น

            “โธ่... โมเดลลูกพ่อ ดูสิ เพราะความสิ้นคิดของมึงแท้ๆ เลยไอ้ป่าน กูถึงต้องมานั่งซ่อมงานแบบนี้”

            ใช่! กูสิ้นคิดที่แค่อยากเรียกร้องความสนใจที่มึงไม่เคยมีให้!

            ตัดพ้อเข้าไป คิดเหรอว่ามันจะสนใจ โน่นนน หันกลับไปประคบประหงมโมเดลลูกรักเหมือนเป็นสายเลือดเดียวกัน ถ้ามันคลอดโมเดลออกมาจากน้ำมือผม ผมจะไม่ว่าอะไรสักคำ

            เห็นแบบนี้แล้วจะไม่ให้ผมน้อยใจได้ยังไง จากความรู้สึกผิดที่เผลอก้าวเหยียบโมเดลที่วางกองระเกะระกะเกลื่อนพื้น ตอนนี้กลับอยากอาละวาดพังกองโมเดลที่ไอ้เจี๋ยภาคภูมิใจนักหนาให้ราบเป็นหน้ากลอง

            “หยุด! กูรู้มึงคิดจะทำอะไรไอ้ป่าน สันดานมึงแค่จ้องตาก็เห็นถึงลิ้นไก่ ถ้ามึงกล้าแตะต้องผลงานกูแม้เพียงเศษขี้เล็บ กูเอาไม้ทีฟาดหน้ามึงแน่!”

            เจ็บตรงนี้ที่หัวใจ แม้แต่การมีตัวตนของผมยังเทียบเศษซากชานอ้อย ไม้ โฟม พลาสติกห่วยๆ พวกนี้ไม่ได้ กลายเป็นเศษขยะไร้ค่าที่รอวันเขาเขี่ยทิ้งและเน่าสลายไปตามกาลเวลา เจ็บกว่าคำพูดที่ไร้เยื่อใยคงเป็นการกระทำ มันกล้าขู่จะเอาไม้ทีฟาดหน้า ถ้าทำจริงแล้วผมจะอยู่ไปเพื่ออะไร

            ผมก้าวไปยืนค้ำหัวไอ้เจี๋ยที่นั่งหันหลังให้ ขะมักเขม้นแก้ไขงานอย่างประณีตบรรจง มือไม้ลากผ่านทากาวแปะอย่างเบามือ ทะนุถนอมยิ่งกว่าลูกในไส้ ทั้งที่แฟนยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ทำเอานัยน์ตาผมสั่นไหวระริกแกมตัดพ้อ

            สนใจกูบ้าง กูอยู่ตรงนี้...น้องป่านของพี่เจี๋ยคนเดิมไง ถึงจะไม่น่ารักเหมือนเคย แต่ก็มีเพียงความรู้สึกที่ดีส่งให้ แม้จะบอกไม่ได้ว่ามันคือรักและรักมากขึ้นทุกวัน แค่อยากขอให้สนใจกันบ้าง ผมช้ำในจนจะกระอักเลือดตายอยู่แล้ว

            “เจี๋ย...พี่เจี๋ย”

            ผมเอ่ยเสียงอ่อน แม้ในใจจะจมดิ่งลึกหน่วงหนักเหมือนถูกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก กลับตัดใจเดินจากไปไม่ได้ อยากที่จะหวังอีกสักนิด

            “อะไร! ยังไม่ไปอีกเรอะ”

            ความหวังพลันพังทลายลงไปในพริบตา คำพูดแต่ละคำที่หลุดจากปากกลับทำให้ผมยิ่งช้ำเลือดกลัดหนอง กระนั้นก็ยังอยากทำตามใจตัวเอง เดินหน้าต่อเพราะความรักที่เราเคยมีให้กัน เพียงหวังว่าจะยังคงเหลืออยู่สักนิด

            “อาทิตย์หน้าออกไปกินข้าวของนอกกันนะ... นะ... นะครับ”

            “ไม่ว่างโว้ย!”

            เหมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงกลางใจและแตกสลายเป็นเสี่ยงในพริบตา ทุกอย่างค่อยๆ ลดความสำคัญและจางหายไปตามกาลเวลา แม้แต่ที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายอย่างวันครบรอบการเปิดตำนานรัก Breaking way ระหว่างผมกับพี่เจี๋ย ยังกลายเป็นเพียงเศษซากอารยธรรม

            หรือความจริงแล้วตำนานรัก Breaking way มันไม่เคยมีอยู่ เป็นเพียงภาพวาดเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ของเด็กที่ไม่รู้ประสาคิดการณ์ใหญ่ว่ามันจะกลายเป็นตำนานรักบทใหม่ ตอนนี้มันคงกำลังดำเนินไปตามครรลองและกำลังเข้าสู่ฉากสุดท้ายอย่างที่ตำนานควรเป็นสินะ

            ไม่ใช่ตำนานรัก...

            จริงๆ แล้วมันคือตำนานร้าง Breaking way มันเป็นอย่างนั้นมาตลอดและคงจะเป็นเช่นนั้นต่อไป ไม่มีใครสามารถไปเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าคู่รักคู่ไหนที่ปั่นจักรยานผ่านเส้นทางนั้น ต่างต้องจบลงด้วยการเลิกราทั้งสิ้น

            แม้แขนขาจะไร้เรี่ยวแรง แต่การยืนอยู่ในห้องไอ้เจี๋ยร้างรักอย่างไร้ตัวตนคงไม่มีค่าแล้ว เราย้ายมาอยู่ด้วยกันตอนนี้ก็เข้าสู่ปีที่สี่ อาจถึงเวลาที่ผมต้องเดินจากไป

            ผมกวาดตามองห้องที่เราใช้ชีวิตร่วมกันมา โต๊ะทำงานเล็กๆมีอุปกรณ์เครื่องเขียนและตัดทำโมเดลเกลื่อนกลาด ด้านหน้าเป็นรูปอาคารสถาปัตยกรรมแปะอยู่เรียงราย ข้างซ้ายมีปฏิทินเล็กๆ แขวนอยู่ หมึกสีแดงๆ วงไว้ชัดเจนโดยฝีมือผมตรงวันที่สิบห้าแต่กลับไม่เคยได้รับความสนใจจากเจ้าของแผ่นหลังที่นั่งหันหน้าเข้าโต๊ะ

            สภาพภายในห้องมักจะรกอย่างนี้เสมอ เพราะเด็กสถาปัตย์โดยเฉพาะปีห้ามีงานล้นมือ จนแม้แต่การเก็บกวาดห้องยังถือเป็นเรื่องจิ๊บจ้อย ความใส่ใจในชีวิตประจำวันของไอ้เจี๋ยมีเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับปริมาณงานล้นทะลักเหมือนเขื่อนแตก มันจึงกลายเป็นหน้าที่ผมไปโดยปริยาย

            แต่ต่อจากนี้มันอาจไม่มีอีกแล้วก็ได้ ผมตัดสินใจก้าวเท้าไปที่ประตูห้อง มือเอื้อมคว้าลูกบิดแต่กลับเหมือนลูกตุ้มเหล็กถ่วงรั้งจนยากที่จะเปิดออก

            “เดี๋ยว!”

            เสียงเรียกรั้งจุดประกายความหวังให้ลุกโชน เพราะเชื้อเพลิงมันเต็มเปี่ยมขาดก็เพียงประกายเล็กน้อย แม้จะน้อยมากก็ตามผมก็พร้อมจะกลับไป ผมพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่เสมอ ถึงใครจะมองว่างี่เง่าหรือวาดฝันลมๆแล้งๆ แต่มันกลับเหมือนน้ำหล่อเลี้ยง ให้ผมได้พยายามใหม่อีกครั้ง

            “แชมพูหมด อย่าลืมซื้อมาเพิ่มด้วย คันหัวฉิบหาย”

            แม้แต่แชมพูหมดไปเป็นอาทิตย์ มันยังเพิ่งมีเวลามาสนใจ แล้วต่างอะไรจากผม ที่ตอนนี้เป็นเพียงคนคอยใส่ใจดูแล แต่กลับไม่เคยได้รับความสนใจ

            คนใช้...เป็นคำจำกัดความที่วิ่งผ่านหัว ความหวังที่ถูกจุดเพียงริบหรี่พลันดับวูบมืดมิด สิ้นซึ่งแสงใดๆ จะส่องผ่านลงมาถึง สุดท้ายก็เป็นเพียงการตอกน้ำว่าผมไร้ค่า

            ไร้เรี่ยวแรงจะตอบกลับ ผมกระชากประตูเปิดผางออก เท้าเตรียมจะก้าวผ่านและไม่คิดจะหันหลังกลับ

            “อย่าไปนานนะ รีบกลับมาล่ะ”

            ใจผมอ่อนยวบ

            แพ้... แพ้อีกแล้ว... แพ้ทุกที....

            แม้จะเป็นเพียงประโยคสั้นๆ ไม่รู้ด้วยว่าคนพูดต้องการสื่อความหมายแบบไหน หรือใครจะหาว่าผมโง่เง่าดักดานจมปลักอยู่ในโคลนตมเหมือนควายก็ช่าง

            แต่ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม ว่าอย่างน้อย...

            พี่เจี๋ยก็อยากให้น้องป่านคนนี้กลับมา...อยู่ด้วยกัน






คุยกับ  Blue-Legend

โอ้ยยย ปวดใจจจจจ ความรักไม่คืนกลับมา อยู่ไปก็เสียน้ำตา(เพลงบ่งบอกอายุอีกละ)
น้ำตาไหลพรากๆ สงสารน้องป่าน ไอ้เจี๋ย ไอ้หน้าส้นตีน ไปไกลๆน้องป่านเลยนะ ฮืออออ เขียนเองทำไมถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้

ก่อนอื่นขอบคุณทุกเสียงตอบรับและคอมเม้น มันเลอค่ามากสำหรับผม อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมเขียนได้บรรลุเป้าประสงค์ของตัวเองที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า นักอ่านรู้สึกอย่างที่ผมเขียนหรือเปล่า ความจริงมีคนอ่านก็ดีใจแล้วอ่ะเนอะ
วันนี้จะมาโหมดจริงจังนิดนึง เพราะดราม่าตามเนื้อเรื่อง กาลเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องนี้ผมสอดแทรกอะไรไว้หลายอย่าง อย่าคาดหวังกับตอนจบ เมื่ออ่านจบให้ถามตัวเองว่าได้อะไรจากเรื่องที่ผมเขียนหรือเปล่า ผมเห็นงานเขียนที่เอาแต่ฟินมาเยอะ เลยอยากลองเขียนงานที่แตกต่าง จริงๆซีรีย์ชุดนี้ก็วางคอนเซ็ปไว้เช่นนั้น เมื่อคุณอ่านจบ คุณจะไม่ใช่แค่รู้ว่าตัวเอกเรียนวิศวะ แต่คุณจะได้รู้ว่าวิศวะแต่ละสาขามันแตกต่างกันอย่างไร
เมื่อยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ครั้นเนิ่นนานน้ำอ้อยก็กร่อยขม
ขอฝากไว้เท่านี้
.
.
.
เชสสสสสสสสสสสส มาเป็นสุนทรภู่เลยเฟ้ยวันนี้ จบๆๆ จบโหมดจริงจังไว้เท่านั้น กลับเข้าสู่โหมดบ้าบ้อ กร๊ากกกกกกก
ขอโทษนักอ่านด้วยที่คุมคาแรคเตอร์ตัวเองไว้ได้ไม่ค่อยนาน ผลตอบรับจากการลงตอนแรกของเรื่อง เรียกได้ว่าถล่มทลายยย โฮฮฮฮฮฮ น้ำตาจิไหลลลลลล ผู้คนกรีดร้องกันอย่างบ้าคลั่งจริงๆ ปลื้มใจ กระซิกๆ
การลงตอนแรกไปทำให้ผมได้รู้ว่า กูโรคจิต กูบ้าคุยอยู่คนเดียวจริงด้วยยยย เย้ วัยรุ่น ฮาาาาา
แต่เราจะยังคงคุยต่อไป นี่เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้ใกล้ชิดและตีสนิท นักเขียนที่คุณรัก คุณต้องเป็นนักอ่านกลุ่มแรกที่เข้ามาคุยกับเรา เพราะถ้าเราดัง เราจะไม่สามารถคุยกับคุณทุกคนได้ เฮฮฮฮฮฮ (ทำอย่างกะจะดัง)
เอาเป็นว่าใครใคร่คุยคุย ใครใครอ่านอ่าน ยังคงขอบคุณทุกวิวและคอมเม้นเช่นเดิม


ทอล์กอยู่ด้านล่างจ้า สำหรับคนที่เม้นให้ตอนก่อนเน้ออออ จุ๊บๆ รักเหมือนเดิม

ปล ปากผมก็หมาเหมือนปากเจี๋ยแหละ ถ้าผมแซวแรง โปรดอย่าถือสา
กลัวคนอ่านหายเพราะความปากหมาตัวเอง ฮาาาา

\/
\/
\/
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.02 (26Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 26-01-2018 20:43:49
คุยกับ. Blue-Legend

คู่ป่านเจี๋ย เขาจีบกันมาแต่ละอ่อนเลยหรอเนี่ย แก่แดดนะเรา  :hao3:

 เธอก็แก่แดด เรารู้ความคิดเธอ มโนไกลไปถึงดาวอังคารที่ ฟหด่ฟสห่ดสาฟดสฟาห้ กันแล้วใช่ไหม อย่าว่าป่านกับเจี๋ยนะ เดี๋ยวเจอต่อย คู่นี้เขาใสๆวัยรุ่นชอบ ฮาาาา :hao3: :hao3:

:pig4:

ในภาพหนึ่งภาพจะเก็บอะไรได้บ้าง เอ้ย ไม่ใช่โฆษณา เรารู้เบื้องหลังอีโมจิขอบคุณ บรรจุความรู้สึกไว้อัดแน่นท่วมท้น ปลื้มปริ่ม น้ำตาจิไหล กระซิกๆ  :m15: :m15:

ก็รออ่านนะ เรื่องแรกเขียนสนุกมากเราก็คาดหวังกับเรื่องที่สองนะคะ ^^



เรื่องที่แซะคนอ่านน่ะเราไม่เคืองหรอกเพราะมันก็เรื่องจริง555 เหรียญมีสองด้านแล้วแต่เราจะยึดเอาส่วนไหนมาดำเนินไป ก่อนที่ทุกคนจะมาเป็นคนเขียนก็ล้วนเป็นคนที่เป็นนักอ่านมาก่อนทั้งนั้น  โดยส่วนตัวแล้วเราโอเคกับงานทุกแบบทุกสไตล์ของคนเขียนนะมันอยู่ที่คนอ่านจะเลือกเสพมากกว่า เพราะเราคิดว่านี่มันก็เป็นงานศิลปะอีกรูปแบบหนึ่ง  ^^


ปล. รู้ได้ไงว่าเราเด็ก? เกิด 90 คงไม่เด็กมั๊ง

อุ่ยยยย หวัดดีค้าบเจ๊ แอ่แฮ่! ไม่สงวนวาจาท่าทีบอกปีเกิดเลยเหรอ เป็นสาวเป็นแส้เขาบอกกันง่ายๆงี้เลย เอาเป็นว่าเด็กกว่าผมแล้วกัน ฮ่าาาาา อย่าแก่แดดกับผู้อาวุโสสิ แต่ถ้ามีเรียกลุงมา เจอกระทืบ! รังแกเด็ก สตรีและคนชราคืองานของเรา  :m16: :m16:
ขอบคุณแทนน้องคนเขียนอีกคนด้วยสำหรับเรื่องแรก น้องคงปลื้มปริ่มได้รับคำชม  ส่วนเรื่องที่สองโปรดอย่าคาดหวังกับผม เผื่อใจไว้หน่อย เรามันมือใหม่ เห็นคนมาอ่านมาเม้นน้ำตาก็จิไหลเป็นสายเลือดแล้ว ขอบคุณๆ
ปล ชอบความคิดแฮะ เป็นคนเปิดรับอะไรได้ง่าย ใจกว้างเป็นแม่น้ำแยงซีเกียงเลย ความคิดโตกว่าเราอีก ฮ่าาาาาา

:L2: :pig4:

ไม่เอาสิ ไม่ลอกสิ โตๆกันแล้ว เม้นบนเขาทำแบบนี้ไปแล้ว เดี๋ยวจะเป็นตัวอย่างไม่ดีกับอนาคตของชาติ

พี่เจี๋ยคนเอ๋อ 5555

อย่านะ อย่ามาว่าพี่เจี๋ยของน้องป่านนะ เคยเจอกระโดดถีบขาคู่ไหม  :z6: :z6: เดี๋ยวเล่นบทตบจูบๆให้ดูเลยนี่ พี่เจี๋ยไม่เอ๋อนะ แต่ปากหมามาก ใจดำด้วย มาร่วมมือกันฆาตกรรมหั่นศพยัดส้วมเลยดีไหม
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.02 (26Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-01-2018 01:41:02


คู่ป่านเจี๋ย เขาจีบกันมาแต่ละอ่อนเลยหรอเนี่ย แก่แดดนะเรา  :hao3:

 เธอก็แก่แดด เรารู้ความคิดเธอ มโนไกลไปถึงดาวอังคารที่ ฟหด่ฟสห่ดสาฟดสฟาห้ กันแล้วใช่ไหม อย่าว่าป่านกับเจี๋ยนะ เดี๋ยวเจอต่อย คู่นี้เขาใสๆวัยรุ่นชอบ ฮาาาา :hao3: :hao3:

^
อ่านจดหมายรักจากหลานคนแต่ง ทำเอาปวดท้อง ปวดตับ กรามค้าง  :m20:
เลยจำไม่ได้ว่าเคยเมนต์แล้วใช้คำแทนตัวเราเองว่า "คนแก่" หรือเปล่านะในเรื่องก่อนหน้านี้ นึกๆ ก็นึกไม่ออก  :confuse:
โดนเรียกว่า "เธอ" อ่านแล้วรู้สึกกระชุ่มกระช่วยหัวใจดี้ดี  :o8:
เลยหาสาเหตุที่มา นี่เลย เลข 4 ตัวหลัง areenart1984  ปกติจะคิดว่ามันคือปี ค.ศ.ที่เกิดใช่ปะ แต่สำหรับคนแก่มันมิใช่
เพราะมันคือ  "เลขที่สำนักงานที่คนแก่ทำงานอยู่จ้า"  :hao3:
ถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงแทนตัวเองว่า คนแก่ เพราะคิดว่าเรามันแก่จริง ๆ นิ  :teach:


ปล.  อายุเราหรอ ถ้าอยากรู้จริง ก็เอาเลข 4 ตัว ลบ 15 ออกซิ   :laugh3:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.02 (26Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 27-01-2018 08:40:42
เด็กสมัยนี้โตเร็ว คงจริง  :katai5: :katai5: :katai5:

ป่านตัวใหญ่แต่รักเหมือนเดิมนะ สนใจหน่อยโว้ยยย
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.03 (29Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 29-01-2018 09:51:12
ซีรีส์ชุด Intania ภาค CE

เรื่อง  Breaking Way
[CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]
เขียนโดย  Blue-Legend
 

CH 03

เหมือนไม่สนใจ




 

            “ไอ้ป่าน ญาติเสียเหรอ”

            “ใครวะใคร เมียมึงป่ะไอ้ป่าน”

            เปรี้ยง!

            “ตาย มึงตาย ไอ้สัดพี! อย่าแช่งแฟนกู!”

            ผมถีบมันหน้าหงายร่วงจากเก้าอี้ไม้หินอ่อนตัวเดี่ยวซึ่งตั้งอยู่ในกรงบอลข้างสนามในเวลาเที่ยงวัน แม้รอบกรงจะมีคนพลุกพล่านเนื่องจากเป็นเวลาอาหารและกรงบอลตั้งติดอยู่กับโรงอาหารวิศวะ แต่กลับไม่มีใครสนใจเสียงโหวกเหวกโวยวายปึงปังภายในกรง เป็นปกติที่เด็กวิศวะมักเตะบอลลอยละลิ่วกระทบกรงเหล็กปึงปังหนวกหู จึงกลายเป็นความซวยของไอ้พีปากเปราะ

            “สมน้ำหน้า ไอ้พีพีเอพี!”

            “ดิสอิสอะเพน ดิสอิสแอนแอพเพิ่ลลล จึกกก ฮ้า พายแอพเพิ่ลเพ๋นนนน”

            แล้วดูมันโดนยันหน้าทิ่มดินก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ยังมีหน้ามาฮาแดก

            “ตลก”

            ผมตอบหน้าตาย ไม่มีกระจิตกระใจจะมีอารมณ์ร่วมใดๆ ทั้งสิ้น ไอ้พียันตูดลุกปัดเปาะแปะก่อนส่ายก้นมานั่งเบียดบนเก้าอี้ตัวเล็กที่มีผู้ชายตัวใหญ่ๆ สองคนนั่งอยู่ก่อน

            “ก็มึงไอ้เต็น บอกว่าญาติมันเสีย” ไอ้พีโบ้ย

            “แล้วใครให้มึงปากเปราะลามปาม ก็รู้ว่าไอ้นี่มันหวงยิ่งกว่าหมาแม่ลูกอ่อน สมองมีแต่ขี้เลื่อยรึไงฮะ!”

            “แล้วจะเถียงกันทำซากอ้อยเหรอ รำคาญ รำคาญโว้ย!” ผมตวาดจนมันสองตัวเงียบกริบ

            “หงุดหงิดไรมาวะ”

            “น้องสาวของพี่สะใภ้ลูกยายข้างบ้านที่เป็นพี่สาวแม่กูเสียมั้ง... ไม่ได้หงุดหงิดโว้ย!” ผมตอบปัดไปอย่างหัวเสีย แค่อยู่เงียบๆ คนเดียวก็ประสาทแดกจะตายห่าแล้ว ไอ้สองตัวดันมาเจ๊าะแจ๊ะข้างหู คนกำลังกลุ้มใจโว้ย!

            “มึงช่วยส่องกระจกด้วยไอ้ห่าป่าน หงอยกว่าหมาก็หนังหน้ามึงนี่แหละ”

            แล้วใครใช้ให้มึงเสือก!

            “แฟนไม่สนใจ” ผมเอ่ยตัดรำคาญ

            “อ๋ออออออออ” พวกมันสองตัวลากเสียงยาวราวกับเป็นเรื่องเคยชิน “โถวววว ไอ้ลูกหมาโดนเจ้าของเมิน”

            เป็นความจริงที่เจ็บปวด แสลงหูจนไม่อยากยอมรับ เรื่องระหว่างผมกับไอ้เจี๋ยเป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อน และเรื่องราวแบบนี้ก็มักเกิดขึ้นเป็นปกติ ผมโดนเมิน โดนด่า โดนไล่ โดนรำคาญ มานั่งเศร้าสร้อยเหงาหงอยที่คณะเป็นประจำ เสียแต่คราวนี้เรื่องราวมันใหญ่โตมากกว่าเคย เครียดหนักจนแดกข้าวไม่ลง ต้องหันมาสั่งก๋วยเตี๋ยวแดกแทน

            เฮ้อ... กลุ้มใจแฟนไม่แล

            “รายงานภาษาไทยเดี๋ยวกูกับไอ้พีจะไปเบียดเบียนห้องโครงงานรุ่นพี่สิง ส่วนมึงไอ้ป่าน กลับไปหาสุภาษิตคำพังเพย แล้วยกตัวอย่าง แต่งนิทานเสริมลงไปด้วยรับรองได้คะแนนเต็ม พรุ่งนี้เช้าเอามารวมกัน”

            แหม... พอรู้สาเหตุก็เลิกสนใจกูเลยนะ มันคงรู้ว่าเดี๋ยวสักพักผมก็หายเป็นปกติ

            “กูไปด้วย” ผมเอ่ยขัด

            “เฮ้ย มึงไม่รีบกลับไปง้องแง้งใส่แฟนหรือไง”

            “ไม่... ไม่อยากกลับ”

            ไอ้เต็นไอ้พีมองหน้ากันล่อกแล่ก คงประหลาดใจเพราะปกติเรียนเสร็จผมจะรีบลิ่วกลับหอ ถึงแม้จะมีปัญหารายวันผมยังเลือกจะกลับไปเผชิญหน้าเพราะเชื่อว่าหากได้อยู่ใกล้ปรับความเข้าใจหลายๆ อย่างจะดีขึ้น ส่วนเรื่องงานกลุ่มเพื่อนจะรู้ดีว่าแบ่งงานกันเสร็จผมจะรับผิดชอบกลับไปทำแยกแล้วเอามารวมกันภายหลัง ไม่เคยสิงสถิตทำงานร่วมกันสักครั้ง

            วันนี้กลับต่างไปคงเพราะจิตใจห่อเหี่ยว ไร้เรี่ยวแรงจะสู้และเดินต่อ ยิ่งคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่าน ความน้อยใจยิ่งเพิ่มเท่าทวีคูณ ทำไปเท่าไหร่กลับได้รับเพียงความเฉยชากับความเจ็บปวดล้านเท่า เหนื่อยจนอยากหยุดทุกอย่าง เหมือนผมพยายามยื้อไว้เพียงฝ่ายเดียว

            ผมคว้าชีทเรียนเดินออกจากกรงกลับภาควิชาวิศวกรรมโยธา โดยมีพวกมันวิ่งไล่หลัง

            วิศวกรรมโยธาเป็นหนึ่งในภาควิชาที่เก่าแก่ที่สุดของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สิ่งแรกที่คนจะนึกถึงเมื่อกล่าวถึงคณะนี้คือนายช่างคุมการก่อสร้างหน้าไซด์งาน และนั่นคืองานหลักของวิศวกรรมโยธา ไม่เฉพาะแค่ตึก การก่อสร้างทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ถนน เขื่อน โรงงาน ตึก อนุสาวรีย์ เสาธง ยันปราสาททรายริมชายทะเล ล้วนครอบคลุมอยู่ในภาควิชานี้ทั้งนั้น

            แม้จะเป็นภาควิชาที่เก่าแก่ที่สุด ตึกกลับใหม่เอี่ยมอ่อง เพราะความจริงแล้วตึกภาคถูกสร้างขึ้นเมื่อสามปีก่อนหลังจากทนใช้ตึกเก่าซอมซ่อมาร่วมแปดสิบปี เป็นตึกรูปทรงโมเดิร์นโทนน้ำตาลครีมทันสมัยความสูงแปดชั้นสมกับเป็นตึกของช่างก่อสร้างอย่างแท้จริง กระนั้นตัวช็อปก็ยังถูกแยกออกมาเป็นโรงเล็กๆ ต่างหากอยู่ข้างกัน และที่สำคัญตัวตึกอยู่ติดกับโรงอาหารและกรงบอลที่พวกผมไปนั่งแกร่ว เพียงเดินผ่านลอดใต้ตึกภาคก็จะพบซุ้มของกินเล็กๆ แออัดยัดเยียดด้วยผู้คนจากทั้งคณะกว่าหลายพันคน เรียกว่าแทบแย่งกันแดกจนต้องลามไปเบียดเบียนโรงอาหารคณะข้างๆ

            ตัวอักษรสีเงินนูนสูงสามมิติถูกตีตราเด่นเป็นสง่าเห็นแต่ไกล ตัดกับตัวตึกพื้นสีครีมไว้ว่า ภาควิชาวิศวกรรมโยธา (Department of Civil Engineering)

            “ก็ดี มีปัญหาอะไรจะได้คุยกัน งานจะได้ออกมาแหล่มๆ กลับตึกบุญชูเว้ยย” ไอ้เต็นถลามาคว้าตะกองกอดคอผม

            “กูสงสัย ทำไมต้องชื่อตึกบุญชูวะแม่ง แถมสลักตัวอักษรซะใหญ่บักเอ้บกลบชื่อภาควิชาตัวกระจึ๋งนึงด้วยวะ ไม่เข้าใจ พีไม่เข้าจายยยย”

            “เพื่อให้ควายสงสัย” ผมตอบ

            “ไอ้สัดป่าน! ขอให้แฟนไม่เหลียวแล ขอให้แฟนไม่เห็นหัว ขอให้แฟนทิ้ง!”

            โอ๊ย... แม่ง! เจ็บจี๊ดเลย

            “สงสัยคนออกทุนสร้างเป็นคนสุพรรณ”

            แล้วทำไมต้องทำเสียงเหน่อด้วยวะ คนละบุญชูแล้วมั้ง!

            แม้ผมจะแสดงออกเป็นปกติ แต่ในสมองกลับคิดวนไปเวียนมาอยู่เพียงเรื่องเดียว ที่ตัดสินใจอยู่โยงทำงานเหตุผลหนึ่งคือจะได้ไม่เป็นภาระเพื่อน แม้ไม่เคยพูดแต่เราก็เป็นเพื่อนที่รู้ใจ ทำงานร่วมกันยังไงก็ดีกว่าทำงานแยกอยู่แล้ว ทิศทางจะได้ไปในทางเดียวกัน แต่เหตุผลสำคัญคือไม่อยากกลับไปให้ไอ้เจี๋ยรำคาญ ทั้งที่ใจอยากกลับไปอยู่ด้วยแทบชักดิ้นชักงอน้ำลายฟูมปาก ถึงแม้กลับไปแล้วจะต้องทะเลาะกันก็ตามที

            บางทีผมก็คิดว่าการไม่มีผมอยู่ มันคงเป็นผลดีกับไอ้เจี๋ยมากกว่า

            “ท่าทางมึงเหนื่อยนะไอ้ป่าน เมื่อคืนได้นอนหรือเปล่าวะ หรือว่าจุ้กกรู้ววววกับแฟนทั้งคืน”

            “จุ้กกรู้? จุ้กกรู้กับผีสิ โดนไล่เข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม”

            “มึงจุ้กกรู้กับผีได้ด้วย”

            ป้าบบบบบ

            ผมเปล่าตบมันนะ แต่เป็นไอ้เต็นที่ลงไม้ลงมือแทน บางทีก็เบื่อความไร้สาระของไอ้พี ถึงแม้ผมจะเคยเป็นอย่างนั้นก็ตาม

ถ้าได้จุกกรู้ก็ดีสิ เราร้างเรื่องอย่างงี้มานานเท่าไหร่แล้ว ถึงครึ่งปียังวะ เฮ้ออ แค่ผมเข้าใกล้ยังรำคาญ เรื่องหวังจะจุ้กกรู้เหรอ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ

อย่างเมื่อคืนหลังจากทะเลาะกันแล้วสุดท้ายผมยอมแพ้ ทั้งที่พยายามดื้อดึงยื้อเวลาเพื่ออยากอยู่กับมัน เสนอตัวจะช่วยงาน มันกลับไล่อย่างรำคาญให้ผมไปนอน คงกลัวจะไปทำงานมันเจ๊ง แล้วที่นอนข้างผมก็เย็นชืดทั้งคืน ส่วนผมก็ไม่เคยนอนหลับสบายตัวหรอก เหมือนโดนผีอำทั้งคืน ตื่นมาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหัวมันแล้ว

            น้อยใจ น้อยใจโว้ย!

            ตึ๊งตึ่ง

            เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมแชทยอดฮิต ผมล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดอ่าน

 

            เฮ่งเจี๋ย : อยู่ไหน?

 

            ทันทีใจที่ดิ่งฮวบเหมือนถูกกระชาก แม่งดีใจยิ่งกว่าถูกหวยร้อยล้าน ร้อยวันพันปีมันไม่เคยจะทักแชทมาหาหรอก เวลามามหา'ลัยก็ต่างคนต่างเรียน กลับห้องถึงได้เจอกัน ผมควรตอบกลับไปว่าไง

            อยู่ตึกคร้าบบบ คิดถึงเหรอ จะรีบกลับห้องอย่างเร็วเลย

            ไม่ๆ เสียเชิงหมด กูงอนมันอยู่นะ ผมพรมนิ้วลงบนแป้นพิมพ์

 

            สุดสายป่านคือลิง : ทำไม? สนด้วยเหรอ?

 

            เป็นประโยคตอบกลับที่สั้นที่สุดที่เคยตอบ และเป็นประโยคตัดพ้อน้อยใจชัดเจนที่ผมเอ่ยบ่อยครั้ง ถึงอย่างนั้นก็ไม่คาดหวังอะไร ให้คนอย่างไอ้เจี๋ยมาง้ออ่ะเหรอ กูเกิดเป็นหมาคงง่ายกว่า

            ได้แต่คิดแล้วก็ถอนหายใจ ตัวอักษรขึ้นคำว่า Read ค้างอยู่นาน ผมจ้องหน้าจอจนตาเกร็งค้าง ไม่เคยลุ้นอะไรขนาดนี้มาก่อน แต่เมื่อไร้คำตอบกลับ ผมจึงยอมแพ้พรมนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์อีกครั้ง

            ตึ๊ง

            ก่อนจะกดส่ง ข้อความจากมันเด้งขึ้นมาเสียก่อน

 

            เฮ่งเจี๋ย : กูอยู่สนามบาสข้างตึก IE มึงจะมาไหม อีกห้านาทีกลับ

 



++++++++++++++++++

คุยกับ  Blue-Legend

สันดานชอบให้ความหวัง อย่าทำแบบนี้กับใคร เข้าใจไหม... :เฮ้อ:

เอ่อ มีแขกรับเชิญพิเศษนิดนึงอ่ะเนอะ ให้ทายว่าสองคนนั้นคือใคร ฮาาาาา

วันนี้พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ ทอล์กน้อยเพราะไม่ว่าง ขอให้อ่านให้สนุกเช่นเดิมครับ ขอบคุณและรักทุกคน จุ๊บๆ :กอด1:

 ด้านล่างมีทอล์กนักอ่านเหมือนเดิม
\/
\/
\/

 





หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.02 (26Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 29-01-2018 09:52:14

อ่านจดหมายรักจากหลานคนแต่ง ทำเอาปวดท้อง ปวดตับ กรามค้าง  :m20:
เลยจำไม่ได้ว่าเคยเมนต์แล้วใช้คำแทนตัวเราเองว่า "คนแก่" หรือเปล่านะในเรื่องก่อนหน้านี้ นึกๆ ก็นึกไม่ออก  :confuse:
โดนเรียกว่า "เธอ" อ่านแล้วรู้สึกกระชุ่มกระช่วยหัวใจดี้ดี  :o8: 
เลยหาสาเหตุที่มา นี่เลย เลข 4 ตัวหลัง areenart1984  ปกติจะคิดว่ามันคือปี ค.ศ.ที่เกิดใช่ปะ แต่สำหรับคนแก่มันมิใช่
เพราะมันคือ  "เลขที่สำนักงานที่คนแก่ทำงานอยู่จ้า"  :hao3:
ถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงแทนตัวเองว่า คนแก่ เพราะคิดว่าเรามันแก่จริง ๆ นิ  :teach:
:laugh3:


โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย เรียกหลานเลยเหรอเธอ เรียกเพราะๆเรียกน้องบลูดีกว่า ได้ยินคนเรียกน้องแล้วกระชุ่มกระชวย :hao7: :hao7:
ตกลงว่าเธอปรับอารมณ์ทันไหม อ่านเรื่องดราม่ามาอยู่ดีๆมาเจอจดหมายรักฉบับฮาวาร์ดเข้า คงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไบโพลาร์ หรือ ปจด ไม่มา ฮาาาา :laugh: :laugh:
แอบกระซิบ 1984 เป็นเลขที่สำนักงานเธอ แต่ก็ใกล้เคียง คศ เกิดเค้าด้วย อุ้ย หลุดปากกกก :z3: จุ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆ ห้ามเอ็ดตะโรโวยวาย รู้แล้วเหยียบหัวเจี๋ยให้มิดเลย เอาให้จมธรณี :3125: ไม่รู้สึกหนุ่มขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วน้า
สุดท้าย ห้ามเรียก คนแก่ เธอไม่สะเทือน แต่เราสะท้านยันตับไตไส้พุงม้ามเซี่ยงจี้ มันปวดใจ :m15: :m15: สรุปไม่มีใครแก่ เรารุ่นเดียวกัน เครนะที่รัก

เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เพิ่งเห็นตัวอักษรลับปรากฎตอนทำโควทข้อความ ซูฮกศิษย์พี่ เราจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น รุ่นเดียวกัน เนาะๆ  o18 o18


เด็กสมัยนี้โตเร็ว คงจริง  :katai5: :katai5: :katai5:

ป่านตัวใหญ่แต่รักเหมือนเดิมนะ สนใจหน่อยโว้ยยย


อื้อหือ ใจนักเลงมาก ใช่สิ สนใจหน่อยสิโว้ย โดนใจ ถ้าโดนทิ้งขึ้นมาจะสมน้ำหน้าให้ เชอะะะะะ :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.03 (29Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-01-2018 10:45:18
 :L2: :pig4:

จองที่ก่อน
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.03 (29Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 29-01-2018 12:19:46
เดี๋ยวป่านก็รีบไปหาเฮียเจี๋ยแน่เลย แพ้ทางเขาขนาดนี้ ใจอ่อนเป็นขี้ผึ้ง
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.03 (29Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 29-01-2018 14:35:37
พี่เจี๋ยนี่ถาปัดปีห้าแล้วหรอม ปกติปีห้าเค้าไม่ค่อยตัดธมกันแล้วน้า  โด้ธีสิสกันลูกเดียวเลย
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.03 (29Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 29-01-2018 16:51:28
เฮียมาง้อแล้วโน่นนนนนนนน

หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.03 (29Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-01-2018 21:37:01
ชักสงสัย  เจี๋ย ยังมีความรักในตัวป่านอีกไหม  :katai1::mew2:

หรือเหลือแค่ความรู้สึกว่า 
ไอ้....คนน่ารำคาญ  เมื่อไร มึงจะออกไปไกลๆกูซักที  :m16: :m16: :m16:
น่าสงสารป่าน   :m15: :monkeysad:
ไม่รักกันป่นแล้วก็บอกเลิกลากันไป อย่าทรมานกันเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.03 (29Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-01-2018 00:41:35
คำว่า "ไวปานวอก" ใช้ได้กับป่านชัวส์ ไม่ถึง 5 นาที ไปหมอบแทบเท้าเจี๋ยเลย  :laugh:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.04 (30Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 30-01-2018 19:01:14
ซีรีส์ชุด Intania ภาค CE

เรื่อง  Breaking Way
[CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]
เขียนโดย  Blue-Legend


CH.04
อาการคนซึน หรือ หลอกเข้าข้างตัวเอง



 

            เฮ้ย!!! ข้างตึก IE มันภาคอุตฯ ใช่ไหมวะ!

            มือถือผมร่วงแทบหลุดจากมือคว้าไว้เกือบไม่ทัน ความซวยคือข้อความที่ผมพิมพ์ค้างไว้ในช่องแชทถูกส่งออกไป

            ฟึ่บ

 

            สุดสายป่านคือลิง : วันนี้กลับห้องช้านะ...

 

            ฉิบหายแล้ว ข้อความถูกขึ้นว่า Read อย่างรวดเร็ว ผมจ้องหน้าจอมือถือจนแทบทะลุแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแต่กลับไม่มีอะไรตอบกลับ ไม่คิดอะไรแล้วโว้ย!

            น้อยใจเลิก! งอนเลิก! ตอนนี้ต้องวิ่งไปหาไอ้เฮงซวยเจี๋ยสุดฝีตีน

            “เฮ้ย จะไปไหน แล้วงานล่ะ”

            “แฟนไลน์มา จะกลับห้อง เดี๋ยวไว้โทรคุย” ผมตะโกนตอบ

            “ไอ้เต็น กูเห็นหางมันงอกส่ายดิ๊กๆ แล่นกลับไปหาเจ้าของแล้วว่ะ”

            ทำไมผมใจง่าย... ก็เพราะร้อยวันพันปีไอ้เฮงซวยเจี๋ยมันไม่เคยโผล่มาหาผมที่คณะเลยน่ะสิ นี่เป็นปรากฎการณ์ที่ทศวรรษหนึ่งจะเกิดสักครั้ง แล้วผมก็ดันโง่ไปน้อยใจพิมพ์ตัดพ้อไปว่าจะกลับห้องช้า ห่าเอ้ยยย ถ้ามันไม่สนใจกลับห้องไปเฉยๆ คงไม่เป็นไร แต่ถ้ามันเกิดรำคาญโกรธหัวเสียหาเรื่องทะเลาะแล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา

            โอ๊ย อยากเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง!

            ผมวิ่งสุดกำลังมาหยุดกลางสนามบาสที่มีเด็กวิศวะบ้าพลังเล่นกลางแดดร้อนเปรี้ยงในเวลาเกือบบ่าย ก่อนจะหยุดหอบแฮ่กๆ สายตาสอดส่องมองหามันแต่กลับไร้วี่แวว

            มาไม่ทันเหรอเนี่ย...

            “เฮ้ย! มองหน้าหาตีนเหรอ”

            เสียงกร่างเชิงหาเรื่องเรียกความสนใจผมให้หันขวับไปมอง ไม่ผิดจากที่คิด ปากวอนตีนขนาดนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้เฮงซวยเจี๋ย

            สมกับเป็นว่าที่สถาปนิกหนุ่ม ขนาดอยู่ในดงคู่อริยังหาเรื่องปากหมาแบบไม่มีความเกรงกลัวจนนักศึกษาแถวนั้นหันมามอง นี่มันไม่กลัวโดนรุมยำตีนบ้างหรือไงวะ ทำเอาผมต้องรีบปรี่เข้าไปก่อนจะมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น

            “เจี๋ย...ไอ้เจี๋ย! หุบปากหมาๆ ของมึงไปเลย”

            “หมาแล้วมันหนักกระบาลกลวงๆ ของมึงหรือไงไอ้ป่าน!”

            เมื่อผมแสดงตัวเป็นคนรู้จัก ด้วยอำนาจบารมีของสมุดเชียร์อินทาเนียสีน้ำตาลเข้มซึ่งถูกสอดโผล่พ้นกระเป๋าเสื้อประมาณหนึ่งคืบพอดีเป๊ะกับการแต่งกายถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า นักศึกษาบริเวณโดยรอบจึงเริ่มสลายตัว ไม่แปลกหากจะมีคนจับจ้องไอ้เจี๋ยด้วยสายตาแปลกจนมันรำคาญ เพราะสภาพมันไม่ได้ต่างจากเด็กสถาปัตย์ทั่วไปเลย ถ้าไม่นับเสื้อนักศึกษาที่ผมซักรีดไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืน รอยเย็บกางเกงยีนส์ขาดๆ ทั้งยังแหว่งเป็นรูเพราะหนูแทะ ทรงผมสั้นเต่อที่ผมลากมันไปตัดแทบทุกเดือน รองเท้าผ้าใบสีดำที่เพิ่งซื้อให้ใหม่

            นั่นคือย่ามสะพายอันใหญ่มหึมาที่ภายในบรรจุสารพัดของเหมือนกระเป๋าวิเศษของโดเรมอน เคยลองแอบค้นดู พบดินสอ ยางลบ โม่ สี สเกล ฉากปรับมุม เครื่องดื่มชูกำลัง สเปรย์ระงับกลิ่น แปรงสีฟัน มุ้ง ผ้าห่ม ขี้จิ้งจก และยังสามารถใช้เป็นหมอนในตัว ในมือหอบสารพัดของงานโมเดลพะรุงพะรังเหมือนบ้าหอบฟาง แต่แบบไอ้เจี๋ยเนี่ยหอบได้เป็นตันๆ ใช้ทุกสัดส่วนร่างกายได้เกิดประโยชน์สูงสุด ใครไม่มองก็แปลกล่ะ แล้วยังจูงจักรยานแม่บ้านคันโกโรโกโสจะพังแหล่มิพังแหล่ปั่นไปมาทั่วมหา'ลัย

            และเป็นจักรยานคันเดียวกับเมื่อห้าปีก่อน...

            “ไหนบอกจะกลับช้า กลับชาติหน้ากูก็ไม่ว่า”

            ดูเอาเถอะผมอุตส่าห์ใส่เกียร์หมาวิ่งมาหา คำพูดชื่นใจผมมาก ต่างกันราวฟ้ากับเหวจากเมื่อห้าปีก่อน แต่ผมก็ควรชินได้แล้ว คำหวานจากไอ้เจี๋ยสักคำอย่าหวัง ท้อแท้ในใจเปล่าๆ

            ผมถอนหายใจเฮือกโต

            “ไอ้เจี๋ย มึงแม่ง ดุกว่ารุ่นพี่เดือนคณะสุดหล่อที่กูเจอบ่อยๆในห้องมืดซะอีก” ผมบ่นงึมงำ ใบหน้าไอ้เจี๋ยเหมือนจะบึ้งตึงลงกว่าเก่า ผมจึงถามต่อ

“แล้วมานี่มีอะไรวะ”

            เป็นคำถามซึ่งไร้คำตอบและถูกละเลยโดยสิ้นเชิง หลายครั้งที่คิดน้อยใจที่ไอ้เจี๋ยมันสนใจสิ่งรอบข้างมากกว่าตัวผม อย่างตอนนี้มันกลับหันไปให้ความสนใจหนุ่มวิศวะคนหนึ่งซึ่งนั่งขัดสมาธิกอดลูกบาสที่ซุกอยู่บนตัก ภายใต้ร่มเงาของต้นอโศกสูงใหญ่ข้างสนามบาส

            “ดำแล้วนั่งหลบใต้ต้นไม้ทำซากเหรอวะ”

            มันโพล่งวิจารณ์ออกมาโต้งๆ หากแต่ระดับเสียงไม่ได้มีการปรับลดโวลุ่มลงแม้แต่น้อย ส่งผลให้แม้เจ้าตัวคนที่ถูกเอ่ยถึงจะนั่งอยู่ห่างพอสมควร แต่คงได้ยินชัดเต็มสองรูหู

            คำว่า ‘ดำ’ คงเสียดแทงใจเจ้าตัวไม่น้อย จึงได้เงยหน้ามาสบตาไอ้เจี๋ยเขม็ง

            จังหวะนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นท้ายทอยศีรษะของใครบางคนเคลื่อนขยับอยู่ด้านหลังคู่กรณี จึงถึงบางอ้อว่ารุ่นพี่ตัวดำคนนั้นไม่ได้นั่งอยู่เพียงลำพัง หากแต่ได้ให้ใครบางคนยืมแผ่นหลังพักพิงอิงซบพักสายตา ชายคนนั้นเอี้ยวตัวหันมามองข้ามไหล่เพื่อนที่นั่งกอดลูกบาสกลม

            ผมสะดุ้งโหยง นั่นมันไอ้รุ่นพี่เดือนคณะขาวออร่าหน้าตึงกำลังอ้าปากหาวหวอดๆอย่างผ่อนคลายนี่หว่า พอสบตากับผมปุ๊บ ขึงหน้าขึ้นมาทันที ครู่หนึ่งสายตาก็เบนไปหยุดที่ไอ้เจี๋ย

            ผมสังเกตเห็นไฟฟ้าแฉลบแปลบปลาบระหว่างดวงตาทั้งสอง

            “มึงว่าใครดำ”

            คนที่นอนพิงซบอยู่นานลุกพรวดขึ้นมาไม่บอกกล่าว ทำเอาคนที่นั่งกอดลูกบาสไม่ทันตั้งตัวเซหงาย

“กูว่าใครดำ แล้วมันหนักกบาลมึงเหรอ ไอ้หน้าวอก”

โอ้ยแม่งจี๊ดแน่ๆ แล้วผมกับไอ้เจี๋ยก็ซวยแน่ๆ เพราะเหมือนคู่กรณีจะเพิ่มระดับดีกรีความเดือดขึ้นมาอีก

“ดำไม่ดำมึงก็ด่าไม่ได้เว้ย” พูดจบก็หันหน้าไปหาเพื่อนที่ปัดตูดถือลูกบาสลุกขึ้นมา

“พีต ลิกไนต์ ซับบิทูมินัส บิทูมินัส แอนทราไซต์ กูท่องถูกใช่ไหม ลำดับชั้นการเกิดถ่านหิน ตกเคมีอีกรอบกูโดนเฮียกระทืบจมธรณีแน่” ทำเอาเพื่อนหน้าเหวอ

“มึงก็ด่ามันอยู่ชัดๆ”

“กูด่าได้ คนอื่นห้าม”

“ไอ้ดำกับขาว มึงเลือกเพื่อนได้จัญไรจริงๆ”

“หยุด!”

“ไอ้หยินกับหยาง ขั้วตรงข้ามกันฉิบหาย”

“ไอ้ปากหมา!”

“มึงควรอยู่ให้ห่างจากเพื่อนนะ เดี๋ยวของดำจะมีมลทิน”

“ไอ้ชั่ว! ปากวอนโดนตีนซะแล้ว ข้ามถิ่นมาถึงนี่ยังกล้ากร่าง กูจะสั่งสอนให้ซมซานกลับไปเป็นหมาจรจัดพลัดถิ่นเลย”

ความอดทนสิ้นสุดเมื่อคู่กรณีพุ่งเข้าหา ผมไม่รอช้าที่จะกระโดดเข้าไปขวาง หมัดพุ่งถลาเข้ามาอย่างรวดเร็วจนผมหลับตามิด โดนซิวแน่กู

ทว่าผมกลับไม่รู้สึกว่ามีอะไรปะทะใบหน้า ผมค่อยๆลืมตาขึ้นพบว่าเพื่อนตัวดำคนนั้นถลาเข้ามารั้งไว้ทัน

            “ขอโทษครับ เด็กสถาปัตย์ก็งี้ บ้าๆ ติสท์ๆ พวกพี่อย่าถือสาเลยนะครับ”

            ผมก้มหัวปลกขอโทษรุ่นพี่ในชุดเสื้อช็อปสีเทาอ่อนซึ่งค่อนข้างคุ้นหน้า แผ่บารมีน่าเกรงขามด้วยสายตาโหดดุที่จ้องมา ถึงจะเป็นรุ่นพี่แต่ถ้ามาทำร้ายไอ้เจี๋ย ผมก็ไม่ยอมยืนอยู่เฉยๆแน่

            “กลับภาคได้แล้ว เดี๋ยวก็ตกเคมีอีกหรอก มัวแต่ทำตัวเป็นกุ๊ย”

โบกหัวหนึ่งทีก่อนหันหลังเดินนำไป ผมจ้องสบตารุ่นพี่เดือนคณะนิ่ง ก่อนเขาจะเหลียวตามองไปเบื้องหลังผมที่มีไอ้เจี๋ยอยู่ ยกมือขึ้นชี้หน้า

“เห็นแก่รุ่นน้อง กูจะยกให้สักครั้ง” แล้วจึงหันหลังตามเพื่อนที่เดินนำไป

“กูว่าเพื่อนมันดำ แล้วมันจะเดือดร้อนอะไรด้วยวะ” ไอ้เจี๋ยเอ่ยอย่างหงุดหงิด ผมถลึงตาเขม็ง รุ่นพี่ยังจากไปหัวกระไดยังไม่ทันแห้ง แล้วก็หันกลับมาเตรียมพุ่งถลาอีกครั้ง ผมยกการ์ดเตรียมสวนกลับแล้วทว่า...

โป๊กกกก

ลูกบาสได้ลอยละลิ่วมาชนหัวรุ่นพี่วิศวะอย่างแม่นยำจนเซ ลูกบาสเด้งกระดอนกลิ้งกลับไปตกอยู่ในร่มเงาต้นอโศก

“ไอ้ดำ กูสมองเสื่อมขึ้นมาทำไง!”

แล้วเจ้าตัวก็วิ่งไล่เพื่อนตัวเองหายไปหลังต้นอโศก ทว่าเพียงครู่เดียวก็โผล่กลับมาเก็บลูกบาสที่หล่นอยู่ถือติดมือขึ้นมาปัดเศษดินเศษหญ้า ชายหนุ่มผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องราวเมื่อครู่ก็ชะโงกหน้ากลับมาจากหลังลำต้นสูงใหญ่

“มึงจะขโมยลูกบาสไอ้พวกในสนามกลับไปด้วยเรอะ เอาคืนมันไป กูเล่นเสร็จแล้ว”

“เดี๋ยวกูซื้อให้พวกแม่งใหม่”

“ไอ้บ้านรวย จะซื้อใหม่เพื่อ เอาคืนพวกมันไป” เสร็จแล้วก็เข้ามาทำท่าจะแย่ง แต่คนตัวขาวกว่าก็มือไวยกหลบ

“มึงเล่นเอาไปนั่งกกนั่งซุกอยู่ตรงซอกไข่เป็นครึ่งค่อนวัน กูสงสารไอ้พวกนั้น” ว่าแล้วก็ยกขึ้นดม “ยี้เหม็น!”

“เออ! ตามใจแล้วกัน!”

แล้วเจ้าตัวก็ผลุบหายไป ชายหนุ่มตัวขาววิ้งออร่าผุดรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนตามไปติดๆ

เหอะ! เนียนตัวพ่อ!

“จะเอากลับไปบูชาหรือไงวะ” ไอ้เจี๋ยโพล่งออกมาอีกครั้ง แล้วหน้าขาวๆก็โผล่ออกมาจากต้นไม้ในมุมเดียวกับที่เพื่อนตัวเองโผล่มาด้วยใบหน้าบึ้งตึงอีกครั้ง

ไอ้เจี๋ยทำท่าจะโพล่งอะไรอีก ผมจึงรีบตะครุบปากมันไว้ ไม่งั้นไม่จบไม่สิ้นแน่ ปากหาเรื่องขนาดนี้

รุ่นพี่เดือนคณะพยักหน้าให้ผมหนึ่งทีแล้วก็จากไปอย่างไม่เอาเรื่อง สงสัยจะเอาไปบูชาจริงๆแฮะ

เอ๊ะ! หรือจะเอาไปดมเสพฟินกันแน่นะ?

            “อื้อ” เสียงครางงึมงำในลำคอทำให้ผมได้สติ ว่าตัวเองกำลังเอามืออุดปากไอ้เจี๋ยแน่น ใบหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ ผมคงไปขัดแข้งขัดขาจนมันไม่พอใจหนัก

            “ทำไมมึงปากจัดอย่างงี้วะ พูดจาดีๆเหมือนตอนเพิ่งคบกันมันจะตายหรือไง คำพูดหวานๆแบบนั้นอย่างกับคนละคน” ผมเอ่ย ท้ายประโยคแผ่วเบาบอกตัวเอง

            “กลับล่ะ!!!” ไอ้เจี๋ยกระแทกเสียงไม่พอใจ

            ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดยั่ว แค่อยากบอกให้มันยั้งคิดบ้าง หากผมไม่อยู่ด้วยคอยปรามเหตุการณ์จะบานปลายไปถึงไหน แต่ไม่ว่าผมจะพูดจะทำอะไรก็คงขัดใจไอ้เจี๋ยไปหมดถึงได้แสดงอาการฟึดฟัดหัวเสีย ผมขบริมฝีปากน้อยใจ เอาใจมันไม่ถูก

อีกอย่างที่โผล่มานี่คงแค่แวะมาทำธุระ เป็นเพียงทางผ่านสินะ ผมคงไม่มีค่าอะไรให้มันคิดถึงขนาดแวะมาหา

            คิดในแง่ดีมันไม่แวะมาบอกข่าวร้าย มาบอกเลิกก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นอารมณ์น้อยใจมันก็ตีรื้นขึ้นมาเสียดื้อๆ สุดท้ายผมก็เป็นตัวก่อกวนน่ารำคาญสำหรับไอ้เจี๋ย งั้นผมก็กลับไปทำรายงานภาษาไทยกับไอ้เต็นไอ้พีคงดีกว่า

            “ถึงห้องแล้วอย่าลืมแวะเอาข้าวด้านล่าง เดี๋ยวกูโทรสั่งไว้ให้ เสื้อนักศึกษาถอดรวมไว้ในตะกร้า เดี๋ยวกูกลับไปเอาลงเครื่องซักเอง กระดาษลูกฟูก อะครีลิค โฟโต้บอร์ด เรซิ่น กาวพริตที่มึงฝากซื้ออยู่ข้างชั้นวางรองเท้านะ แปรงสีฟันเสียบไว้ให้ใหม่แล้ว อันสีน้ำเงิน ถ้ามีเวลาก็นอนพักก่อนซะหน่อย ตอนเช้าก่อนออกมากูเพิ่งเปลี่ยนผ้าปูไว้ แล้วก็....”

            ในใจอยากถามว่า เมื่อคืนได้นอนบ้างหรือเปล่า เห็นยุ่งหัวปั่นแทบทั้งคืน ถึงจะเห็นจนชินตาแต่ก็เป็นห่วง มันจะดูเจ้ากี้เจ้าการเกินไปไหม

            ผมตัดใจ คิดไปคิดมาพูดไปไอ้เจี๋ยก็รำคาญเปล่าๆ

            “กลับดีๆ นะ”

            นิ่ง...

            เงียบ...

            ผมรับรู้ได้ถึงรังสีบางอย่าง อาการแบบนี้คงไม่พอใจผมอีกแล้ว อย่างที่บอกแม้สิ่งที่ผมทำจะทำด้วยความห่วงใย ด้วยการใส่ใจชีวิตประจำวันของมันเป็นปกติจนก้าวก่ายล่วงล้ำไปในชีวิตส่วนตัว ไอ้เจี๋ยก็ยังคงขัดใจและมักหัวเสียใส่ผมทุกครั้ง

            ช่วยไม่ได้... คงไม่พ้นต้องทะเลาะกันอีก แต่ผมไม่อยากมาทะเลาะกันในที่รโหฐานจึงคิดว่าเงียบซะคงดีกว่า... ไอ้เจี๋ยอ้าปากเตรียมด่า ส่วนผมยืนนิ่งรอรับชะตากรรม

            “ร่ายขนาดนี้ ไม่กลับด้วยกันเลยล่ะวะ!”

            เดี๋ยว?

            นี่คือคำด่าหรือเป็นคำชวนวะ?

            “จะกลับไหม!!”

            “กะ..กลับ.. กลับ.. กลับครับ”

            ผมรีบกุลีกุจอไปรับจักรยานไม่คิดอะไรเพียงตอบไปตามสัญชาติญาณเพราะโดนเร่งย้ำ ไอ้เจี๋ยหย่อนตัวนั่งคร่อมบนเบาะหลังเอาสิ่งของทั้งหลายแหล่คว้ารวมกองระหว่างเรา แขนเอื้อมคว้ารั้งเอวผมไว้หลวมๆ

            โมเม้นท์เก่าๆฉายย้อนกลับไปยังวันแรกที่เราเป็นแฟน เพียงแต่วันนี้มันสลับกัน

            แม้จะประหลาดใจกับการปรากฏตัวของไอ้เจี๋ยที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ไม่ว่ามันจะโผล่มาเพื่อทำอะไร แต่ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่า...

            มันโผล่มาเพื่อชวนผมกลับบ้านด้วยกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ชี้แจงเล็กน้อย
มีคำถามพิเศษ

พี่เจี๋ยนี่ถาปัดปีห้าแล้วหรอม ปกติปีห้าเค้าไม่ค่อยตัดธมกันแล้วน้า  โด้ธีสิสกันลูกเดียวเลย

อันนี้ถ้าเป็นข้อผิดพลาดผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ก่อนเขียนซีรีย์ชุดนี้ ผมกับน้องนักเขียนอีกคนหาข้อมูลกันมามากจริงๆ เพราะเราต้องการเรื่องที่มีข้อมูลพื้นฐานสนับสนุน ไม่ได้คิดเอาเอง มโนเอาเองทั้งหมด
อย่างหลักสูตรสถาปัตยกรรมศาสตร์ก็เพิ่งรู้จากการหาข้อมูลมาว่ามันมีหลักสูตรสี่ปีกับห้าปี เราเลยเลือกห้าปี รู้สึกมันคูลๆหน่อย คนไม่รู้ก็จะคิดว่าเจี๋ยมันเปอร์หรือไง เรียนไม่จบตามหลักสูตร
แต่ข้อมูลเชิงลึกมันหายากมาก มันจึงต้องมีส่วนที่เรามโนเองบ้าง เพราะผมเองก็ไม่ได้มีคนใกล้ชิดเรียนสถาปัตย์ให้สามารถสอบถามข้อมูลได้ ฉะนั้นผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยเน้อ
ส่วนคำตอบคือ ไม่รู้จ้า มาจากมโนโดยหาข้อมูลจากการทำธีสิสของนิสิตปีห้า เจอทั้งทำศูนย์วัฒนธรรม สวนสาธารณะ โรงแรม แล้วก็ไปเจองานธีสิสของแต้ว ณฐพรเข้า เห็นว่าเขาทำหมดทุกอย่างตั้งแต่ขึ้น 3D วาดฟลอแปลน แล้วก็ทำโมเดลโรงพยาบาล
มีรูปมาให้ดูด้วย
(https://f.ptcdn.info/638/020/000/1403957227-img1381low-o.jpg)
เราเข้าใจว่าการทำโมเดลโรงพยาบาล ก็คือการตัดโมเดลที่เขาว่ากัน เลยเอาตรงนี้มาเป็นพื้ยฐานการมโนว่าการตัดโมเดลโรงพยาบาลขนาดใหญ่ต้องวุ่นวายมาก เพราะรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ก็เลยมโนต่อไปจนเป็นเรื่องเป็นราวตามเนื้อเรื่องนั้นแล

เพิ่มเติมอีกนิด เธอเรียนหรือมีความเกี่ยวข้องด้านสถาปัตย์หรือเปล่า คือถ้าใช่นี่อยากขอข้อมูลด้วยมากๆ เพราะกำลังปั่นเรื่องยาวอีกเรื่องที่ตัวเอกเรียนสถาปัตย์เหมือนกัน มันมีหลายเรื่องที่เราสงสัยและอยากหาคนถาม อาศัยแต่ข้อมูลกว้างๆ จริงๆอยากรู้ชีวิตเบื้องลึกด้วยอ่า อยากสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัว ฮ่าๆ ถ้าโปรดกรุณานักเขียนตาดำๆ ตอบเม้นเค้าด้วยน้าาาา

ต่อไปมาทอล์กกัน
ก่อนอื่นไม่ต้องน้อยใจน้าที่เค้ามาตอบเม้นของน้องคนนี้ในท้ายเนื้อเรื่อง คำถามมันค่อนข้างพิเศษเลยอยากถือโอกาสชี้แจงให้คนอื่นๆทราบด้วย ไม่งอนน้าๆ ง้อแล้ว ยังไงเค้าก็ตอบทุกคนนอย่างเท่าเทียม :impress2: :impress2: แต่อยู่ด้านล่างเหมือนเดิมนาจาา
ก่อนอื่นเลย ดีใจจจจจมากกก แลดูทุกคนอินกับเรื่องราวของป่านเจี๋ย แม้จะเป็นความสำเร็จเล็กๆแต่เราติ้นตันมากกก :heaven :heaven และดูเหมือนจะตอบคอมเม้นมากที่สุดตั้งแต่ที่ลงมาเลย ฮาๆ
เราเข้าใจว่าบางคนดองไว้อ่านรวดเดียว นั่นแน่ ถูกจับไต๋ได้ โถววววววว ไม่เนียนนะจุ๊ๆ :hao3: :hao3: ไปฝึกมาใหม่นะพวกเธอววววว เค้าไม่ว่าหรอก แต่อย่าหายไปนานรู้มั้ย เค้าคิดถึง :o8: :o8:
เจี๋ยได้ฉายาใหม่ยกเป็นเฮียเลย ดูเหมือนทุกคนคับแค้น พร้อมที่จะผันเสียงสูง ฮาาาาา จริงๆชื่อไลน์เขาคือเฮ่งเจี๋ยที่ออกเสียงคล้ายลิงในเรื่องไซอิ๋วในตำนาน แต่จะเรียก เฮีย เค้าก็ไม่ว่า เชิญตามสบายยย ฮาาาาา รู้สึกดีมีคนตั้งฉายาให้ตัวละครเรา :mc4: :mc4:

และแขกรับเชิญพิเศษในตอนนี้ก็คือ อือ อือ อือ อือ(เอคโค่)...แท๊นแท่นแทนแท๊นแทนแท่นแทนแท้นแท๊นนนนนนน ใครว้าาาา อ้าวเฮ้ยยยย เปิดตัวยิงใหญ่มาก ช่วยเค้าตอบหน่อยนะว่าใคร ฮาๆ :laugh: :laugh: น่าจะเดาไม่ยาก
สุดท้าย บางครั้งคนเราก็ต้องเลือกที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง เพื่อรักษาอะไรบางอย่างที่ตัวเองรักเอาไว้ เจี๋ยถ้ามึงไม่เป็นเหมือนที่ป่านคิดเอาไว้ล่ะก็ เตรียมตัวโดนรุมสะกำยำตีนได้เลย เหอะๆๆๆ :z6: :z6: :z6:

และทอล์กรายบุคคลด้านล่างเหมือนเดิมนะจ๊ะ รักทุกคน จุ๊บๆ :กอด1:
\/
\/
\/






หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.03 (29Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 30-01-2018 19:03:22

 :L2: :pig4:

จองที่ก่อน


จองนานแล้วนะเธอออ เรารอเธอชาตินี้นะ ไม่ใช่ชาติหน้า เพราะชาติหน้าเราอาจไม่ได้เกิดมาเป็นคน o22 o22 ฮาาาาาา

 

เดี๋ยวป่านก็รีบไปหาเฮียเจี๋ยแน่เลย แพ้ทางเขาขนาดนี้ ใจอ่อนเป็นขี้ผึ้ง


ฉ๊านน แพ้ทางคนอย่างเธอออออ
นี่ๆ เธอคือ ต้นตอความวิบัติใช่ไหม รู้นะว่าอยากผันเสียงสูง มารยาทส่อภาษา กิริยาส่อสกุลนาจา เอิ่มมมม พูดไปเหมือนเข้าตัวเองไงไม่รู้ ตายแพ๊บบบ :jul1: :jul1: อืม แต่ไม่แน่ อาจเอาขี้ผึ้งอุดปากเจี๋ยแทนก็น่าจะดีเนอะๆ อย่าเอามาอุดปากเรานะ :serius2: :serius2:


เฮียมาง้อแล้วโน่นนนนนนนน


นี่ก็อีกคนจะผันเสียงสูง ถ้าเธอไม่ได้ลอก แสดงว่าเธอก็ประเภทเดียวกันกับข้างบนนาจา :m20: :m20: ฮ่าๆ แต่อ่อนกว่าเรานะเรื่องนี้ ไปฝึกมาใหม่นะน้อง แล้วแน่ใจได้ไงว่าเฮียมาง้อ อาจมากระทืบซ้ำความรู้สึกป่านให้เข้าไอซียูก็ได้ :m31: :m31:


ชักสงสัย  เจี๋ย ยังมีความรักในตัวป่านอีกไหม  :katai1::mew2:

หรือเหลือแค่ความรู้สึกว่า   
ไอ้....คนน่ารำคาญ  เมื่อไร มึงจะออกไปไกลๆกูซักที  :m16: :m16: :m16:
น่าสงสารป่าน   :m15: :monkeysad:
ไม่รักกันป่นแล้วก็บอกเลิกลากันไป อย่าทรมานกันเลย 
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


เธอๆๆๆๆๆๆ อินเกินไปไหม เราเป็นห่วงนะ ดูแลสุขภาพด้วย อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ เบาหวานความดันกวักมือเรียกอยู่ไวๆ :katai3: :katai3: เรียกเรานี่แหละ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ :m15: :m15: ฮาาาาาา
แต่เราชอบ เธอคือความอินสุดชีวิตจากนักอ่านทั้งหมดที่เม้นเรื่องเรา มี่กี่คนว้าา ไม่ถึงสิบ :laugh: :laugh: ฮ่าาา เธอคือผู้รอดชีวิตใน เดอะ ฮังเกอร์เกมมม จงภูมิใจเถืด ที่เกิดร่วมแดนไทย จะเกิดชาติไหน ก็ไทยด้วยกันน เกี่ยวไหมหว่า ฮ่าๆ
ส่วนป่าน.... :m15: :monkeysad: :sad4: :o12:
ต้องอึดถึกทนยิ่งกว่าควายขนาดไหนถึงยังคงอยู่ในสถานะนี้ได้ :เฮ้อ: :เฮ้อ: เขียนเองปวดใจเอง


คำว่า "ไวปานวอก" ใช้ได้กับป่านชัวส์ ไม่ถึง 5 นาที ไปหมอบแทบเท้าเจี๋ยเลย  :laugh:


กร๊ากกกกก ไวปานวอกกกกก อันนี้โดนๆๆๆๆ o13 o13 เราต้องเคยผ่านยุค เฮ่งเจีย มาด้วยกันใช่ม๊ายยยยยย รู้สึกดีอ่ามีคนสังเกตเห็นจุดเล็กๆที่เราแทรกไว้ด้วย :hao5: :hao5: แล้วก็ซื้อหวยไหมเธอ เดี๋ยวเราขายให้ แม่นเกิ๊นนนนนน :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.04 (30Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-01-2018 21:02:19
พึ่งรู้แจ้งวันนี้เอง ว่าเจี๋ยปากโฮ่ง ๆ เป็นเรื่องปกติ นึกว่าจะโฮ่ง ๆ ใส่ป่านคนเดียวเสียอีก  :hao4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.04 (30Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 30-01-2018 21:02:30
สถาปัตย์ 4 ปีกับ 5 ปีต่างกันที่วุฒิจบค่ะ เรียน 5 ปีวุฒิจบเป็นสถาปัตยกรรมศาสตร์ 4 ปีก็มีเป็นวุฒิวิทยาศาสตร์บ้าง ศิลปกรรมศาสตร์บ้างแล้วแต่ที่มหาลัยเปิด

ป่านเป็นคนใจอ่อนแบบนี้ ก็ต้องยอมเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเด้อ รอวันแตกหักอะ  :ling1: 
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.04 (30Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 30-01-2018 21:34:02
ใช่ค่ะ เราเรียนถาปัตย์ 555 และแน่นอนอย่างนึงว่าชีวิตช่างไร้เวลาว่างกันเสียเหลือเกิน ได้แต่แว้บมาอ่านนิยายคลายเครียดซักหน่อย  อยากรู้อะไรก้ลองๆถามมาได้นะคะ ถ้าเรารู้เราจะตอบให้  อย่างของม.เราโรงพยาบาลพี่ปีสี่ทำน่ะ ส่วนพี่ปีห้าน่าจะกำหนดเอา ว่าอยากทำเรื่องอะไรแลเวไปเสนอกับโปรเฟสเซอร์ ปอลิง.ส่วนมากเรียนสี่ปีจะเป็นID(INFUSTRAIL DESIGN) ค่ะพวกเซฯ เทร็คไทร์ เฟอร์ กราฟฟิคค่ะ ส่วนห้าปีจะเป็นAR(ARCHITECTURE) หรือจะเรียนไปยันเต็มโควต้าเลยก้ได้
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.04 (30Jan2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 30-01-2018 23:36:51
ชอบถาปัต ชอบวิศวะ อ่านแล้วเท่ดี ว้ายมีเด็กถาปัตหลงมาด้วย กรี๊ดดดดดด :o8:  o18

เฮียเค้าปาก ห มา จังเลย ดูถิ่นด้วยเซ่ ถถถ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.05 (02Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 02-02-2018 19:24:10
ซีรีส์ชุด Intania ภาค CE

เรื่อง  Breaking Way
[CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]
เขียนโดย  Blue-Legend


CH 05
ถอย

            ผมอยู่ได้ด้วยความหวังริบรี่เท่าขี้แมลงวันเพราะการคิดเข้าข้างตัวเอง แม้จะรู้อย่างนั้น ผมก็เลือกที่จะหลอกตัวเองต่อไป

            เลือกที่จะมีความสุขกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ อย่างการได้ดูแลใส่ใจช่วงชีวิตประจำวันที่ไอ้เจี๋ยละเลย อย่างการตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่งเพื่อพบว่ามันยังไม่นอน รีดชุดนักศึกษาสำหรับไปมหา'ลัยในทุกวัน ตระเตรียมข้าวของที่จำเป็นอย่างชีทหรืออุปกรณ์การเรียน รวมไปถึงอุปกรณ์สำหรับตัดทำโมเดลสารพัดยัดใส่ย่าม จำพวกกระดาษ โฟโต้บอร์ดหรือกระดาษแปลนที่มีขนาดใหญ่จนไม่สามารถยัดรวมกับของวิเศษในย่ามก็จะแยกไว้บนชั้นวางรองเท้าหน้าประตูทางออก ก่อนพยายามจ้ำจี้จ้ำไชให้มันอาบน้ำเตรียมตัว ซึ่งก็โดนด่าโดนรำคาญไปตามระเบียบ ก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องเพื่อหาอาหารเช้าสำหรับเราสองคน

            ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนกลับถึงห้องพร้อมโจ๊กร้อนๆ และปาท่องโก๋ ก่อนจะพบว่าภายในห้องมีเพียงความเงียบงันของความว่างเปล่า ชุดนักศึกษาขาวสะอาดที่แขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าเหลือเพียงไม้แขวนสีเขียว ผมทอดถอนใจกับความเวิ้งว้างที่เข้าจู่โจม ลากขาเดินไปวางโจ๊กสองถุงกับปาท่องโก๋เหนือตู้เย็น

            เป็นหมันอีกแล้วอาหารเช้ากู...

            เพราะนี่ไม่ใข่ครั้งแรก แต่เกิดขึ้นซ้ำๆ ราวภาพฉายย้อน มันจึงกลายเป็นความชินชา สะบัดหัวตบหน้าตัวเองเปาะแปะเรียกสติและกำลังใจก่อนคว้าผ้าขนหนูสีเหลืองอ่อนที่ยังเปียกชื้นซึ่งถูกกองอยู่ที่พื้นลวกๆ เหมือนคนใช้เร่งรีบเข้าห้องน้ำ

            กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเวลาก็ล่วงเลยเกือบแปดโมง ผมส่องสำรวจเสื้อผ้าหน้ากระจกจัดเนคไทด์บริเวณคอให้เข้าที่ หยิบน้ำหอมฉีดพรมบริเวณข้อพับแขนและคอซึ่งความอุ่นร้อนของร่างกายบริเวณเหล่านี้จะช่วยกระจายความหอมได้คงทนยาวนานกว่าการฉีดพรมบนเสื้อผ้าโดยตรง ไม่ลืมที่จะเอาโจ๊กใส่ตู้เย็นและคว้าปาท่องโก๋เย็นชืดไปโยนให้หมาในคณะแดก ก็เพื่อนผมนั่นแหละ ก่อนเปิดตู้หยิบรองเท้าหนังใหม่เอี่ยมมาใส่

            ในตอนนั้นเองที่ผมพบว่าของที่จัดเตรียมไว้ให้ไอ้เจี๋ยถูกวางลืมไว้อยู่บนตู้รองเท้าที่เดิม ผมส่ายหัวให้กับความละเลยสะเพร่าขี้หลงขี้ลืม ก่อนคิดทบทวนว่าวันนี้ตนเองมีเรียนทั้งวัน กว่าจะเลิกก็เย็นย่ำ จึงตัดสินใจจะแวะเอาไปให้ที่คณะก่อนไปอาคารเรียนรวม

            ปลายเท้าที่หุ้มรองเท้าหนังสีดำมันเงาแปลบปลาบหยุดอยู่หน้าตึกขนาดใหญ่โอ่อ่า รูปทรงทันสมัยแต่เรียบหรูสมฐานะตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ซึ่งผลิตบุคลากรนักออกแบบสิ่งก่อสร้างอันอลังการณ์ทั้งหลาย ผมเลือกดึงสมุดเชียร์อินทาเนียที่สอดไว้ในกระเป๋าเสื้อซึ่งโดนรุ่นพี่บังคับให้เอาติดตัวไว้ตลอดยัดลงในกระเป๋ากางเกง เพราะนี่เป็นคณะคู่อริ หากชาวสถาปัตย์สังเกตและจับได้ว่าผมเป็นเด็กวิศวะคงไม่พ้นโดนเขม่นจนอาจกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ก่อนดิ่งตรงไปยังใต้ตึกโล่งกว้างซึ่งมีนักศึกษาพลุกพล่าน

            ก่อนออกจากห้องผมส่งข้อความหาไอ้เจี๋ยบอกจะเอาของมาให้  เนื่องจากหากโทรไปคงไม่พ้นโดนรำคาญ ผมคว้าโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงเพื่อพบว่าข้อความนั้นยังไม่ถูกเปิดอ่าน คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะโทรหาแม้จะโดนด่าว่าให้รำคาญบ้าง แต่ผมมันก็ชินชาซะแล้วหนิ

            ไม่ทันที่จะเลื่อนไปยังรายชื่อโปรดเพื่อกดโทรออก สายตากลับเหลือบเห็นแผ่นหลังคุ้นเคยนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างเสาขนาดใหญ่กับเพื่อนร่วมคณะอีกสามสี่คน ผมยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าก่อนเดินมุ่งตรงไปยังเป้าหมาย

            “เชี่ยเอ๊ย ยิงตีฟไม่ทันแหง แค่ตัดโมก็แทบจะเผาแล้ว ตายห่าแน่กู”

            ผมได้ยินไอ้หนุ่มผมยาวหมายเลขหนึ่งบ่นกระปอดกระแปดแว่วมาเมื่อเข้าไปใกล้

            “มึงยังดีมีแฟนสุดประเสริฐช่วยเหลือ สาวน้อยบอบบางแบบฉันสิ เวลาจะหาผัวยังไม่มี แต่คงไม่เท่าไอ้เจี๋ยดวงกุด ได้ข่าวแฟนมันทำงานเน่า ต้องเก็บรายละเอียดส่วนโครงสร้างตึกใหม่”

            ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ผมถึงกระโจนมาหลบอยู่ตรงเสาข้างโต๊ะไอ้เจี๋ย สงสัยคงอยากเซอร์ไพร์สเล่นซ่อนแอบแบบเด็กๆ มั้ง

            หลังจากสาวน้อยที่บอกว่าตัวเองบอบบางแต่ลักษณะทางกายภาพตรงข้ามโดยสิ้นเชิงพูดจบ ทุกสายตามุ่งตรงไปยังพระเอกหนึ่งเดียวที่นั่งสัปหงกน้ำลายไหลยืด ก่อนโดนตบหลังกระอักจนเจ้าตัวเบิกตาโพลง

            ผมนึกสงสัยว่าตัวเองหลงมาอยู่ในดงหมีแพนด้าหรือไงฟระ ขอบตาดำคล้ำทุกคนเชียว

            “เหี้ยไรอีป้อม! เมนส์มาหรือไงวะ กวนอยู่ได้คนจะนอนแม่ง กว่าจะได้ทำงานเมื่อคืน แฟนกวนยันตีสอง ห่ารากเอ้ย!!!”

            “เยด... เยดดดดด... ขนาดตัวยุ่งเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตขนาดนี้ยังมีแรงกำลังไปสวีวี่วีเจ๊าะแจ๊ะกับแฟนอีกเหรอวะ โคตรน่าอิจฉา” ไอ้หนุ่มผมยาวหมายเลขสองเอ่ยแซว

            “แม่มึงสิ กูกับมันไม่ได้เอากันมาจะครึ่งปีได้แล้วมั้ง น่ารำคาญเหี้ย!”

            “อารมณ์เสียด้วย วอนท์ก็บอกเขาไป รุกเลยสิจ๊ะน้องเจี๋ย”

            ผมแอบอมยิ้ม พูดถูกใจผมจัง สงสัยคืนนี้ต้องจัดซักดอก

            “วอนท์กับผี สีกับหมอนข้างยังได้อารมณ์กว่ามั้ง เบื่อ... พวกมึงเข้าใจไหมว่ากูเบื่อ โคตรๆ ลำพังงานสุมหัวก็แทบเข้าโรงพยาบาลประสาทวันละสามรอบ แฟนแม่งยังงี่เง่าคอยกวนใจ เจ้ากี้เจ้าการสั่งนู่นสั่งนี่ ตามติดกูเป็นขี้ติดตูด เข้าใจรึยังว่ามันน่ารำคาญขนาดไหน”

            รอยยิ้มที่มีค่อยๆ เจื่อนลง เรื่องความปากเน่าปากหมาผมชิน แต่ที่ไม่เคยรู้คือมันจะมาปากหมากับเพื่อนระบายเรื่องราวทุกอย่างให้เพื่อนฟังอย่างไม่คิดถึงใจผม แค่ถูกละเลยเหมือนก้อนหินไร้ค่าว่าแย่แล้ว กลับกลายเป็นสูงค่าขึ้นมาทันทีเมื่อเทียบกับขี้

            เหนือสิ่งอื่นใดคือคำว่า ‘เบื่อ’ ที่ผมไม่เคยได้ยินจากปากมันสักครั้ง

            “บอกจะช่วยกูตัดโมแต่หัวด้านศิลปะมันโคตรกาก”

            ผมมันคนไร้ประโยชน์ไร้ความสามารถ…

            “จะช่วยปั้นโมเดลขึ้น 3D แต่ดันต้องให้กูมาสอน AutoCAD”

            ผมมันกระจอก เรียนเขียนแบบพื้นฐาน AutoCAD ก็เพิ่งหัด ช่วยอะไรมันไม่ได้...

            “ตกลงจะมาช่วยหรือมาเป็นภาระ”

            ใช่สิ! ผมมันก็แค่ตัวภาระ ทำไมผมไม่เกิดให้เร็วกว่านี้อีกสักสิบปีนะ จะได้เป็นผมที่คอยช่วยเหลือมัน...

            เรื่องราวที่ผมได้รับรู้โดยบังเอิญทำให้แขนขาผมอ่อนยวบแทบทรุดลงไปกับพื้น เคยคิดที่จะพยายามเข้าข้างตัวเองแบบนี้ต่อไป ทั้งที่รู้ว่าสักวันความจริงที่ได้รับรู้มันจะทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่า ผมปิดหูปิดตาทู่ซี้เชื่อมาตลอดว่าหากทำอย่างนี้ต่อไป ผมจะยังมีไอ้เจี๋ยอยู่ข้างๆ

            “บางทีกูก็ต้องการความเป็นส่วนตัวบ้าง คงต้องหาโอกาสพูดให้ห่างกันสักพัก...”

            ห่างกันสักพัก...หรือในอีกความหมายหนึ่งคือ ‘เลิกกัน’

            ผมปิดหูปิดตาต่อไปไม่ไหวแล้ว เพราะความจริงที่ได้รู้มันกระจ่างชัดจนใจปวดหนึบ หายใจไม่ออกแทบทุรนทุรายตายไปตรงนั้น ผมคิดเข้าข้างและหลอกตัวเองมาตลอดเพื่อหวังว่าจะยังมีไอ้เจี๋ยอยู่ข้างๆ ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร โดยไม่ได้รับรู้เลยว่า หากวันนี้มาถึง...

            ผมจะเจ็บเจียนตายขนาดไหน

            ผมไม่มีแรงพอที่จะเผชิญหน้า ในเวลานี้ เวลาที่ผมอ่อนแอ จึงเลือกที่จะหนีมาโดยฝากข้าวของให้เด็กสถาปัตย์แถวนั้นเดินเอาไปให้ ผมเลือกตรงดิ่งไปยังแลปภาครุ่นพี่ที่เป็นที่สิงสถิตประจำของไอ้พีไอ้เต็นบนชั้นหก โดยไม่ลืมส่งข้อความไปบอกพวกมัน

            ‘กูไปเรียนไม่ไหว ฝากเก็บชีทจดเลคเชอร์ด้วย’

            แต่กลับพบพวกมันนั่งเสนอหน้าในห้องมืด...

            ไร้เรี่ยวแรงจะเดินต่อ... ผมหลบไปทรุดลงที่มุมหนึ่งของห้องหลับตานิ่งข่มความปวดหนึบบนเส้นเลือดข้างขมับที่เต้นตุบๆ ราวกับจะระเบิดออกมา ไร้หยาดน้ำตาแต่ใจกลับแหลกสลายร้าวราน ทำไมถึงได้ทรมานแบบนี้

            ที่รับรู้ได้คือเพื่อนทั้งสองเดินมาทรุดลงนั่งพิงกำแพงอยู่เคียงข้างโดยปราศจากคำพูด แค่นั้นก็เพียงพอ ผมแค่ขอเวลาสักพัก

            ผมเริ่มระบายหลังจากผ่านความเงียบทะมึนราวครึ่งชั่วโมง แต่ในความรู้สึกผมกลับคล้ายชั่วกัปชั่วกัลป์ ทุกเหตุการณ์ถูกเล่าผ่านปากอย่างยากลำบากและอัดอั้น จวบจนสิ้นสุด

            “กูเชื่อว่าสิ่งที่หลงเหลืออยู่ระหว่างกูกับเขาเป็นเพียงความผูกพัน  ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ ไม่งั้นกูคงไม่เจ็บเจียนตายขนาดนี้ ทำไมกูถึงโง่ดักดานได้ตั้งนานวะ”

            “มึงกำลังหลอกตัวเองไง”

            ใช่สินะ... มันคงเป็นเพียงการปลอบโยนปลอบใจตัวเอง เพื่อหวังว่าในวันหนึ่งเมื่อเหตุการณ์แบบนี้มาถึง ผมจะได้ไม่เจ็บปวดและอ้างได้ว่าหมดรักและเดินจากมา เป็นเพียงกำแพงที่ผมสร้างเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของตัวเอง

            “แล้วกูต้องทำไงวะ สุดท้ายเรื่องราวระหว่างกูกับเขาก็ต้องจบลงที่ทางแยกตามตำนานน่ะเหรอ ต่างคนก็ต่างต้องแยกย้ายกันไปตามทาง แล้วกูต้องทำไงวะ กูนึกถึงวันที่ไม่มีเขาไม่ออกจริงๆ...”

            ผมกลั้นก้อนกระอักอึกที่จุกอยู่ในลำคอ มันพะอืดพะอมแทบอยากสำรอกออกมาตรงนั้น มีเพียงความเงียบปกคลุมอยู่นาน จนคิดว่าตัวเองคงสิ้นหวัง

            “ดักดานนะมึงอ่ะ ถ้าตามตำนานมีทางแยกที่ต่างคนต้องเดิน ในฐานะวิศวกรโยธา มึงก็สร้างทางใหม่ขึ้นมาสิวะ...”

            ทางใหม่?

            ผมเงยหน้าสบไอ้พี สมเป็นมันแล้วที่พูดอะไรแบบไร้หัวคิด ไม่รู้ว่ามันหรือผมที่โง่ ทางแยกเป็นเพียงตำนาน แล้วกูจะไปสร้างทางในตำนานได้ไงวะ

            “ก็เรามันกรรมกรก่อสร้าง จะสร้างตึกหรือสร้างถนนก็งานเราทั้งนั้น”

            คล้ายความหนักหน่วงจะเบาบางลง แม้คำพูดมันจะออกมาแบบโง่ๆ ก็ตาม บางครั้งเราก็ไม่ได้ต้องการเหตุผล เพียงรอยยิ้มและคำพูดปลอบใจก็เป็นแรงผลักดันให้ผมพร้อมฮึดเดินหน้าสู้ต่อ  อย่างน้อยผมก็สัมผัสสิ่งเหล่านั้นได้จากไอ้พี

            และไอ้เต็น...

            “สร้างทางที่พวกมึงสองคนจะสามารถเดินไปด้วยกัน”

            มึงก็เอากับมันเนอะ พวกนี้นี่มันบ้าชัดๆ ทั้งที่เป็นไปไม่ได้ก็ยังจะเออออบ้าบอตามกันไป กลายเป็นลูกบ้ามันถ่ายทอดมาถึงผมด้วย

            “แล้วจะสร้างยังไงวะ”

            ชีทเรียนวิชามนุษย์กับสังคมที่ซึ่งความจริงตอนนี้เราควรนั่งอยู่ใน slope700 ถูกฟาดแสกหน้าแปะ ผมรับมางงๆ

            เวลาแบบนี้ยังมีกระจิตกระใจจะให้ไปเรียนอีกหรือไง...

            “คาลิล ยิบราน นักปรัชญาชาวเลบานอนได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ไว้สามระดับ มีไรบ้างวะไอ้พี”

            “ขั้นแรกทำงานร่วมกันได้ ส่วนชีวิตที่เหลือมึงจะไปตายห่าที่ไหนก็ไป” ไอ้พีก็ช่างตอบรับเป็นลูกคู่ได้จังหวะจะโคน

            “ขั้นที่สองขั้นผูกสมัครรักใคร่... อยากให้เขาเป็นในอย่างที่เราอยาก... อย่างที่เราคาดหวัง... ซึ่งขั้นนี้แหละที่เป็นปัญหาระหว่างมึงกับแฟน ไอ้ป่าน... บางทีเขากับมึงอาจคาดหวังให้อีกฝ่ายเป็นอย่างที่ต้องการมากไป”

            ผมคิดทบทวนตามคำพูดมีสาระของไอ้เต็น

            ผมหมดสิ้นหนทางจนต้องหันมาพึ่งนักปรัชญาแล้วเหรอวะ หากไม่สำเร็จอีกผมไม่ต้องหันไปพึ่งหมอโรคจิตหรือหมอผีเลยเรอะ พวกนี้นี่เป็นจริงเป็นจังจนผมประสาทแดก

            “แล้วกูต้องทำไงวะ”

            แต่ผมก็ประสาทแดกไปกับพวกมัน... คนมันอับจนหนทาง หมามันกำลังจนตรอกก็เอาแม่งทุกทางแหละวะ

            “ง่ายๆเลย เขาต้องการห่าง มึงก็ห่างออกมา”

            “เฮ้ย แบบนี้ก็เลิกกันชัวร์ดิวะ ไม่... ไม่เด็ดขาด” ผมปฏิเสธเสียงแข็งส่ายหน้าหวือ

            “มึงฟังไอ้ป่าน มึงต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ มึงรู้ไหมทำไมปู่ย่าตายายพวกเราถึงอยู่กันยืดยาว นั่นเพราะพวกท่านเข้าใกล้ความสัมพันธ์ขั้นสามตามหลักปรัชญาของคาลิล”

            “แล้วไอ้ความสัมพันธ์ขั้นสามมันคืออะไรวะ” แม้จะรู้สึกย้อนแย้งแต่ก็เลือกที่จะถามกลับ

            “เวรตะไล มึงไปนั่งเรียนหรือมึงไปนั่งหลับ ความสัมพันธ์ขั้นสามคือรักแบบบริสุทธิ์ เป็นห่วงเป็นใยแต่ก็เป็นอิสระ เชื่อมั่นในตัวอีกฝ่ายโดยไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัว”

            ผมเริ่มระลึกชาติจากความทรงจำอันลางเลือน จะว่าไปตอนนั่งเรียนก็ได้ยินผ่านหูอยู่นี่หว่า แต่ไม่เคยจะคิดเก็บมาใส่ใจ กลับเมื่อมีปัญหาผมจึงได้คิด

            ที่ผ่านมา... ผมตามติดชีวิตไอ้เจี๋ยจนแทบไม่มีช่องว่างให้หายใจหายคอ บางทีอาจเป็นผมเองที่ผิดมาตั้งแต่ต้น ทำตัวน่ารำคาญเกินไปอย่างที่ไอ้เจี๋ยว่า โดยไม่เคยรู้สำนึก

            ต่อเมื่อสำนึกในตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะสายไปหรือยัง...

            “มึงรู้ไหมว่ามันมีคำพูดหนึ่งที่คาลิลกล่าวไว้และกูชอบมาก มันเป็นคำกล่าวที่เข้ากับวิศวกรก่อสร้างแบบพวกเรา”

            ไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน เพราะมันเป็นคำกล่าวเดียวกันกับที่ผมจำได้ขึ้นใจ

            “เสาของวิหารสองต้นต้องอยู่ห่างกัน...จึงจะอยู่ได้” ผมงึมงัม

            นั่นหมายถึงคนสองคนต้องมีช่องว่างระหว่างกัน...

            ตลอดมาเพราะผมพยายามอยู่ใกล้มากเกินไป ความสัมพันธ์ระหว่างเราจึงอยู่ใกล้ขั้นล่มสลาย วิหารเริ่มมีรอยร้าวและมันกำลังจะพังลง ต่อเมื่อผมรู้ตัวพยายามจะโยกย้ายเสาต้นนั้นให้ห่างออกมา ทว่าเสาต้นนั้นกลับหนักอึ้งเกินกว่าจะเคลื่อนขยับ มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผม ถึงรู้และเข้าใจแต่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ในทันที โดยเฉพาะผมที่ติดไอ้เจี๋ยมาตลอดตั้งแต่เริ่ม

            ผมอาจจะทำไม่ได้ ไม่สิ... ผมทำไม่ได้แน่ๆ แล้วผมควรทำยังไง

            “เสาร์นี้อาจารย์ที่ภาคเสนอจะพาพวกพี่ปีสี่ไปดูงานโครงการรถไฟความเร็วสูง แล้วยังเผื่อแผ่มายังปีอื่นๆ อีก มึงจะไปด้วยกันเปล่าวะ” ผมชะงักเล็กน้อย

            “ไป”

            ก่อนตอบกกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น...

            โชคดีที่ผมมีเพื่อน ถ้ามันจะเป็นหนทางเดียวผมก็ไม่ลังเล ผมจะลองพยายามดูสักตั้ง...

            ผมจะไม่รอให้มันบอกว่าให้ห่างกัน แต่ผมเองจะเป็นคนที่ห่างออกมา...

+++++++++
วันนี้คนเขียนทอร์ค(พี่ Blue-Legend)หาย ไว้จะมาตอนหลังนะคะ  ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
+++++++++


หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.05 (02Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 02-02-2018 21:19:43
^^^^^

จิ้มตูด

เจี๋ยไมพูดงี้อ่ะ :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.05 (02Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-02-2018 21:46:47
 :o12: :o12:

ทำไมต้องเศร้า
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.05 (02Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-02-2018 21:50:13
ลองดูซิ ถ้าป่านหายไป เจี๋ยจะคิดถึงไหม จะยังมีใจให้กันและกันหรือเปล่า  :o12:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.06 (03Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 03-02-2018 20:43:23


ซีรีส์ชุด Intania ภาค CE

เรื่อง  Breaking Way
[CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]
เขียนโดย  Blue-Legend
 
6

จากใจคนซึน

 

            เราออกเดินทางกันตั้งแต่บ่ายวันศุกร์ เพื่อพบกับความห่อเหี่ยวเงียบงัน ก่อนออกจากห้องยังไร้ความสนใจไยดี เป็นคืนวันศุกร์ที่นอนไม่หลับกระสับกระส่าย เพราะคิดถึงใจแทบขาด อีกใจกลับแอบกลัวว่าความห่างจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ที่หวั่นใจคงไม่พ้นไอ้เจี๋ยค้นพบว่าการไม่มีผมในชีวิตเป็นลาภอันประเสริฐ

            วันเสาร์ยิ่งปั่นป่วนหนัก ผมค้นพบว่าการห่างกับไอ้เจี๋ยเพียงวันเดียวแทบทำให้ผมคลั่ง สับสน กลัว จิตตก ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายมันดิ้นพล่านอยู่ภายในจนแทบอยากรี่กลับไปหาไอ้เจี๋ยเสียเดี๋ยวนั้น

            มันไม่ง่ายและไม่เคยง่ายเลย โดยเฉพาะมีบางสิ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ผมกระวนกระวายหนัก

            “ไอ้ป่านนรก โทรศัพท์มีไว้ฟังเสียงเพลงรอสายเรอะ ครีมอาบน้ำหมด!”

            “อยู่ในถุงบนโต๊ะกลมข้างตู้เย็น...” เอ่ยเสียงงัวเงียตอบ

            “เออ แค่นี้แหละ!” ยังไม่ทันตั้งตัวสายก็ถูกตัด

            เป็นสายแรกในรอบเกือบวันที่โทรมาในเวลาตีห้าครึ่งซึ่งผมเพิ่งเคลิ้มหลับเพียงชั่วโมงเดียว สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ดังอยู่นานแค่ไหน รู้ตัวก็มีตีนมาสะกิดยิกๆ ให้คว้ารับมึนๆ และนั่นเป็นสาเหตุให้ความคิดถึงเพิ่มเท่าทวีคูณ แค่ได้ยินเสียงเพียงครู่แทบอยากหายตัวแว๊บไปจากตรงนั้น และเพราะเพิ่งตื่นแม้คิดจะเรียกรั้งอยู่คุยก็ไม่ทันเสียแล้ว

            “เน็กไทด์อยู่ไหนวะ เอาไปเก็บบ้านป้ามึงเหรอ กูต้องไปเสนอธีสิส...”

            “อยู่ลิ้นชักด้านซ้ายในตู้เสื้อผ้ารวมกับหัวเข็มขัด เข็มติดไทอยู่ในกล่องเล็กๆ”

            สายที่สิบในเวลาแปดโมงเช้า ขณะที่ผมอยู่ในโรงงานหน้าเบ้าหลอมเหล็กกล้าควบคุมอุณหภูมิ 950-1200 องศาเซลเซียส ได้ยินเสียงโวยวายเล็ดลอดจากปลายสายเหมือนห้องถูกรื้อค้นจนกระจุย

            สายที่ 13 เวลา 8:30

            “รองเท้าหนังกูล่ะ”

            “เพิ่งเอาออกมาขัด ตากลมไว้ข้างทีวี ลืมเก็บ”

            “สมองเสื่อมหรือสมองกลวง!”

 

            สายที่ 14 เวลา 8:52

            “กุญแจดอกไหนไขอะไรวะ หรือไม่ต้องล็อกปล่อยให้โจรมายกเค้าแม่ง”

            “ดอกใหญ่สีเงินล็อกลูกบิด สีทองอันเล็กคล้องแม่กุญแจอีกชั้น”

 

            สายที่ 15 เวลา 8:58

            “จักรยานยางแบน เฮงซวยเอ๊ยยยย คนยิ่งรีบๆ”

            “เดินถัดไปอีกสองซอยเลี้ยวขวาหน้าหอสีชมพูมีวินมอ’ไซค์ ซอยถัดไปมีร้านปะยางไว้กลับมาค่อยไปเอาซ่อม...”

 

            ผมผ่อนลมหายใจ สมองคิดวนเวียนอยู่กับไอ้เจี๋ยเฮงซวยนรกแตกที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เหมือนเด็กอายุสามขวบ เป็นห่วงอยากกลับไปดูแลเหมือนเคยแต่ก็ทำไม่ได้ สายตายืนมองกระบวนการขึ้นรูปเหล็กกล้าเป็นท่อนรางรถไฟ ใจกลับห่วงหากลับไปอยู่กับอีกคน

            เรามาเป็นหมู่คณะเล็กๆ ก็จริง อาจารย์ที่มาถึงจะสนิทด้วยเป็นกันเอง แต่ก็ติดสอยห้อยตามรถเขามา จะทำตัวเป็นภาระเหมือนที่ไอ้เจี๋ยเคยปรามาสไว้ไม่ได้ บอกตัวเองให้อดทนไว้ พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว

            ผมตัดสินใจพิมพ์ข้อความส่งหา...

 

            สุดสายป่านคือลิง : กลับห้องเมื่อไหร่อย่าลืมแวะเอาข้าว โทรบอกป้าเจ้าของร้านไว้แล้ว

 

            เวลาล่วงเลยไปยันช่วงบ่ายที่มีการทดสอบคุณภาพเหล็กด้วยคลื่นเสียงอัลตราโซนิกหารอยแตกร้าว วัดค่าความสึกกร่อน ค่าเปอร์เซ็นต์ซัลเฟอร์ ความเค้นความเครียดและอื่นๆ อีกมากมายจิปาถะหลายรายการ การทดสอบเหล็กทุกขั้นตอนผ่านกระบวนการอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้ได้มาตราฐานสำหรับทำรางรถไฟ ก่อนเดินทางต่อไปยังไซต์งานที่สถานีรถไฟชานชาลาประจำจังหวัดซึ่งเริ่มก่อสร้างวางระบบรางไปบ้างแล้ว

 

            สายที่ 21 เวลา 14:24

            “ไม้บัลซ่าที่ฝากซื้อ กลับมาเมื่อไหร่จะเอาตีแสกหน้าแม่ง โว้ยยยย”

            “แล้วถ้าไม่กลับล่ะ” ผมหยั่งเชิง แม้จะกลัวในคำตอบ

            “จะตามไปตีแสกหน้าถึงคณะ!” ผมหลุดขำพรืดเบาๆ ก็สมเป็นไอ้เจี๋ยดี

            “ไม้อยู่บนชั้นวางรองเท้าข้างประตู...”

 

            ผมรับรู้ว่าบางสิ่งบางอย่างเริ่มเปลี่ยนไป อย่างน้อยก็ใจผมที่เริ่มบรรเทาเบาบางและปล่อยวาง อาจเป็นเพราะคำตอบที่ผมกลัวนักกลัวหนาว่าไอ้เจี๋ยจะตอกหน้าหงายกลับมาอย่าง ‘ก็เรื่องของมึง’ หรือ ‘กลับชาติหน้ากูก็ไม่ว่า’ มันเปลี่ยนไป แม้จะไม่คาดหวังคำพูดหวานเพราะเสนาะหู แต่ไม่ตัดรอนนั่นถือเป็นเรื่องดี

            ใจที่กระสับกระส่ายกลับเริ่มเต้นนิ่งอย่างสงบ หันกลับไปสนใจเรื่องการวางระบบรางซึ่งพี่วิศวกรกำลังอธิบายเรื่องระห่างของรางคู่ให้ได้ระยะ 1.435 เมตร ก่อนอธิบายระบบไฟฟ้าที่ต้องวางคู่กัน ไม่ลืมที่จะให้พวกเราลงหน้างานจริงช่วยแบกเหล็ก ตอกค้อนโป้กๆยึดรางเหนื่อยสายตัวแทบขาด ในขณะที่เพื่อนสองตัวดอดไปแอบสบายเสนอหน้าพี่วิศวกรให้สอนวิธีบังคับรถเครน

            กว่าจะกลับก็เย็นย่ำค่ำมืด อาจารย์ไม่ลืมที่จะพาไปทานอาหารร้านเด็ด ซึ่งก็โซ้ยกันแหลกเหมือนอดอยากหิวโหยเป็นชูชก ถึงที่พักก็แทบหมดแรงข้าวต้มนอนเป็นผักเน่าแผ่พังพาบ

 

            สายที่ 54 เวลา 21:43

            “ส้วมตัน”

            ผมหัวเราะขำอย่างอารมณ์ดีนอนเกลือกกลิ้งพลิกไปมาบนฟูก แนะนำให้ถ้ามันปวดหนักก็ไปขอใช้ห้องน้ำด้านล่าง แต่ดูเหมือนมันจะแค่โทรมากวนใจอย่างนั้น สองคำสั้นๆ ที่ติดนอยด์หน่อยๆ ไม่ใช่เพราะอารมณ์เสีย แต่คงเพราะขี้เกียจพูดเนื่องจากด่าผมมาทั้งวันจนแทบไม่เหลืออะไรไว้ให้ด่า

            ผมไม่เคยรู้ว่าการเว้นระยะห่างระหว่างกันมันจะมีความสุขได้ถึงขนาดนี้ เรื่องราวที่เกิดเมื่อสองวันก่อนเหมือนจะจางหายไปกลายเป็นแค่ละอองฝุ่นไร้ค่า เพราะอารมณ์ดีผมจึงสานต่อบทสนทนาสายนี้เสียยืดยาวบอกเล่าเรื่องราวนู่นนี่ที่ทำมาทั้งวันอย่างสนุกสนาน นอนมุดตัวคุดคู้ใต้ผ้าห่มคุยจ้อ ได้ยินเสียงตามสายด่าว่า รำคาญบ้าง ปัญญาอ่อนบ้าง ตอบรับงึมงัมบ้าง ในขณะที่เพื่อนอีกสองตัวในห้องกรนลั่นไม่สนใจ

            โมเม้นท์นี้เลย... แม่งเหมือนจีบกันใหม่ๆ

            ตุ้ด ตุ้ด...

            “อ้าวเชี่ย แบตหมด”

            ผมไม่รู้ว่ามันได้ยินประโยคสุดท้ายหรือเปล่า เพราะเมื่อมองหน้าจอก็ดับวูบดำสนิทไปซะแล้ว เสียดายทั้งที่เพิ่งคุยกันเพียงสิบกว่านาทีแต่ผมกลับรู้สึกว่าผ่านไปเร็วมาก อยากคุยต่อหรืออย่างน้อยแค่อยากบอกว่าคิดถึง โทษอะไรไม่ได้นอกจากความสะเพร่าของตัวเองแท้ๆ ที่ดันลืมเสียบชาร์ตเพราะรับโทรศัพท์ไอ้เจี๋ยทั้งวัน ถึงจะแค่ครั้งละ 1-2 นาทีแต่ด้วยจำนวนสายมหาศาลจึงไม่แปลกใจที่แบตจะหมด

            ผมดึงสายมาเสียบชาร์ต แบตก็ดันเสื่อมปกติกว่าจะชาร์ตเข้าเปิดเครื่องติดปกติก็ราวห้านาทีจึงตัดสินใจวางเครื่องไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงโดยไม่ได้เปิด แม้จะอยากโทรไปบอกฝันดีแต่เพราะได้เรียนรู้ว่าประสิทธิภาพของความห่างมันเกิดผลเท่าทวีคูณขนาดไหน สุดท้ายตัดสินใจจะไม่โทรไปกวน ถึงผมจะมีความสุขแต่ไอ้เจี๋ยอาจรำคาญ ปล่อยให้มันทำงานที่มันบ่นเบาๆ ว่านั่นก็ไม่เสร็จ นี่ก็ยังเหลือไปก็แล้วกัน

            ผมหลับตาพักสายตาบวกกับความเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้าจึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

            ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด... งัวเงียคว้าโทรศัพท์ข้างหัวเตียงมาเปิด หน้าจอสว่างวาบบอกเวลาตีสี่ หลังจากเครือข่ายโทรศัพท์ต่อสัญญาณสี่จี ข้อความก็เด้งเข้ารัวๆ

 

            22:48 เฮ่งเจี๋ย : ปิดเครื่องทำซาก ทำน้ำหกบนเตียง ผ้าปูเตียงอยู่ไหนวะ

            23:22 เฮ่งเจี๋ย : โทรไปจะครบร้อยสายแล้วนะ เปิดเครื่อง!

            23:22 เฮ่งเจี๋ย : ไม่เปิดก็ตอบข้อความด้วย!

            23:45 เฮ่งเจี๋ย : นี่มึงหลับหรือมึงตาย ห๊ะ ไอ้ป่าน!

            00:01 เฮ่งเจี๋ย : ไอ้ป่าน อแดปเตอร์พัง...

            00:01 เฮ่งเจี๋ย : ตอบข้อความกูเดี๋ยวนี้!

            00:33 เฮ่งเจี๋ย : เชี่ย ไฟดับตอนเที่ยงคืน คอมก็พัง โมเดลก็ตัดไม่ได้ เทียนอยู่ไหนวะ!

            00:33 เฮ่งเจี๋ย : ดับทั้งตึกเลยไอ้ห่า

            00:35 เฮ่งเจี๋ย : กูต้องไปนอนใช่ไหม

            01:56 เฮ่งเจี๋ย : นอนไม่หลับ บนเตียงชื้นโคตรหนาว เลยย้ายมานอนบนพื้น แข็งโคตร...

            01:56 เฮ่งเจี๋ย : ไอ้ป่าน ตื่นมาคุยกับกูดิวะ

            01:56 เฮ่งเจี๋ย : กลับมาแล้วไปกินข้าวข้างนอกกันไหมวะ

            01:57 เฮ่งเจี๋ย : กูเริ่มอารมณ์เสียแล้วนะ

            01:57 เฮ่งเจี๋ย : ถ้าไม่ตื่นตอนนี้ก็ไม่ต้องตื่นอีกเลยนะ ไปตายที่ไหนก็ไป!

            01:58 เฮ่งเจี๋ย : หงุดหงิดโว้ยยยยย

            01:58 เฮ่งเจี๋ย : ไอ้ป่าน! ไอ้เลว!

            01:58 เฮ่งเจี๋ย : ไอ้ป่าน! ไอ้เฮงซวย!

            01:58 เฮ่งเจี๋ย : ไอ้ป่าน! ไอ้สันดานเสีย!

            01:58 เฮ่งเจี๋ย : ไอ้ป่าน! ไอ้เด็กขี้งอแง!

            01:58 เฮ่งเจี๋ย : ไอ้ป่าน!!!

            01:59 เฮ่งเจี๋ย : น้องป่าน…

            02:01 เฮ่งเจี๋ย : คิดถึง...

 

            นั่นเป็นข้อความสุดท้ายที่ผมได้รับ... บอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกแบบไหน

            งง?

            ใช่

            ดีใจ?

            โคตรๆ

            ไม่ว่าจะรู้สึกแบบไหน สิ่งแรกที่ผมทำคือกดโทรศัพท์โทรออกด้วยความไวแสง เพื่อพบว่ามัน...ปิดเครื่อง

            ผมยิ้มแก้มแทบแตก นั่งจ้องโทรศัพท์อ่านข้อความย้อนเป็นสิบร้อนเหมือนคนบ้า เสร็จก็กลิ้งม้วนตัวบนเตียงผงกหัวขึ้นมาอ่านแล้วก็กลิ้งกลับ เสือกกลิ้งเลยพลัดตกเตียงจนสะโพกเคล็ดแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ ไม่เคยคิดว่าการเลือกที่จะห่างออกมาเพียงเล็กน้อยมันจะได้ประสิทธิผลคุ้มค่าถึงเพียงนี้ ไอ้เจี๋ยโคตรน่ารักเลย

            โอย... ผมหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วเนี่ย

            กูจะบ้าตาย!

            ถ้ามันอยู่ใกล้ตอนนี้ผมคงกระโดดกอดหอมฟัดรัดรึงให้สมกับความคิดถึงที่เราต่างมีให้กัน อยากกระชากไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองซึ่งนอนกรนคร่อกก่ายขากันไปมาแลบลิ้นเลียแผล่บขนหน้าแข็งอีกฝ่ายก่อนขมวดหน้าหยี ให้ตื่นมาพาผมกลับเสียเดี๋ยวนั้น

            กลับถึงห้องเมื่อไหร่ผมจะจัดหนักจัดเต็มให้หายคิดถึงเลยครับ...พี่เจี๋ย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีครับ วันนี้มาแบบสุภาพเรียบร้อยนิดนึง หายไปหนึ่งวัน...
เป็นไงล่ะมึง อิเจี๋ย ขาดป่านไปรู้สำนึกแล้วหรือยัง ชีวิตเป็นง่อยเลย สมน้ำหน้าาา !*&#IUEQ&*GI*(**# ฟ้าคคคคคค  :m31: :m31: :m31:
อุ้ย โทษทีหลุดหยาบคาย ลืมตัวอินเกินไปนิดนึง :เฮ้อ: :เฮ้อ:
กลับเข้าสู่โหมดเรียบร้อยอีกครั้ง หายไปวันนึงคิดถึงเค้ามั๊ย แต่เค้าคิดถึงพวกเธอทุกคนเลยนะ กระซิกๆ :m15: :m15:
ก่อนอื่นขอบคุณสำหรับคำคอมเม้นท์เช่นเคย และข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะ อันนี้กระซิบใครมีข้อมูลอะไรอยากบอกอยากเล่า อยากติอยากวิจารณ์ บอกมาได้เลยนะ เค้าใจกว้างเป็นมหาสมุทร แต่อย่าแรงนะ เบาๆหน่อย เค้าบอบบาง :ling3: :ling3:
ช่วงนี้เครียดๆด้วย อาจจะไม่เหมือนเดิม แล้วเรื่องก็เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว พอจบ เราก็จะไม่ได้เจอกันเหมือนเดิมอีก ฮือออออ

ทอล์กด้านล่างเหมือนเดิมเน้อออออ รักทุกคน จุ๊บๆ :กอด1:
\/
\/
\/
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.06 (03Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 03-02-2018 21:09:22

พึ่งรู้แจ้งวันนี้เอง ว่าเจี๋ยปากโฮ่ง ๆ เป็นเรื่องปกติ นึกว่าจะโฮ่ง ๆ ใส่ป่านคนเดียวเสียอีก  :hao4:


ลองดูซิ ถ้าป่านหายไป เจี๋ยจะคิดถึงไหม จะยังมีใจให้กันและกันหรือเปล่า  :o12:


ตอบรวบยอดครั้งที่แล้วด้วยเนอะเธอ ปากอิเจี๋ยมันคือมหกรรมประกวดสุนัขหลากสายพันธุ์ ช่วงมัธยมมันช่วงวัยรุ่ง ช่วงป็อบปูลาร์ แล้วมันดันเสือกหลงรักเด็ก มันเลยต้องสร้างภาพนิดนึง นี่แหละคือตัวตนธาตุแท้ของมัน :angry2: :angry2: แต่ถ้าถามว่ามันยังรักป่านอยู่ไหม... เธอจะมีใจหรือเปล่าาา เธอเคยมองมาที่ฉันหรือเปล่าาา
เสียดาย ไม่มีฉากอิเจี๋ยอยู่คนเดียว แต่ดูจากแชทในไลน์แล้ว ให้บวกเพิ่มความอนาถเข้าไปอีกร้อยเท่า เหอะๆ :z2: :z2:


สถาปัตย์ 4 ปีกับ 5 ปีต่างกันที่วุฒิจบค่ะ เรียน 5 ปีวุฒิจบเป็นสถาปัตยกรรมศาสตร์ 4 ปีก็มีเป็นวุฒิวิทยาศาสตร์บ้าง ศิลปกรรมศาสตร์บ้างแล้วแต่ที่มหาลัยเปิด 

ป่านเป็นคนใจอ่อนแบบนี้ ก็ต้องยอมเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเด้อ รอวันแตกหักอะ  :ling1: 


ข้อมูลใหม่มาอีกแล้ว ปลื้มปริ่ม แนะนำตัวหน่อยยยยซิ เค้าอยากรู้จักกกก เป็นเด็กสถาปัตย์หรือมีคนใกล้ชิดหรืออะไรยังไง อยากเสือกเต็มที่  :-[ :-[ ฮาาาาา
ตอนที่แล้วโกรธอิเจี๋ยมากก สารเลว ไม่รักษาน้ำใจคนฟังเลย เฮ้ออ ส่วนตอนนี้คงใกล้ถึงเวลาแตกหักสักที ขอให้อิเจี๋ยพบความพินาศบรรลัย ได้รู้ซึ้งว่าป่านสำคัญแค่ไหน เชอะ ใครง้ออ :m16: :m16:


ใช่ค่ะ เราเรียนถาปัตย์ 555 และแน่นอนอย่างนึงว่าชีวิตช่างไร้เวลาว่างกันเสียเหลือเกิน ได้แต่แว้บมาอ่านนิยายคลายเครียดซักหน่อย  อยากรู้อะไรก้ลองๆถามมาได้นะคะ ถ้าเรารู้เราจะตอบให้  อย่างของม.เราโรงพยาบาลพี่ปีสี่ทำน่ะ ส่วนพี่ปีห้าน่าจะกำหนดเอา ว่าอยากทำเรื่องอะไรแลเวไปเสนอกับโปรเฟสเซอร์ ปอลิง.ส่วนมากเรียนสี่ปีจะเป็นID(INFUSTRAIL DESIGN) ค่ะพวกเซฯ เทร็คไทร์ เฟอร์ กราฟฟิคค่ะ ส่วนห้าปีจะเป็นAR(ARCHITECTURE) หรือจะเรียนไปยันเต็มโควต้าเลยก้ได้


เราคุยกันส่วนตัวแล้วเนอะ ยาวเป็นสารคดีชีวิตสัตว์โลกเลย ไม่พูดซ้ำซาก ฮ่าๆ


ชอบถาปัต ชอบวิศวะ อ่านแล้วเท่ดี ว้ายมีเด็กถาปัตหลงมาด้วย กรี๊ดดดดดด :o8:  o18

เฮียเค้าปาก ห มา จังเลย ดูถิ่นด้วยเซ่ ถถถ  :z3: :z3: :z3:



^^^^^

จิ้มตูด

เจี๋ยไมพูดงี้อ่ะ :z3: :z3: :z3:


โอ้ยย อย่าจิ้มแรงง เจ็บบ :sad4: :sad4: ฮาาาาา
รอเลยนะ นั่งเฝ้าหน้าจอเลย กำลังเขียนอีกเรื่อง วิศวะกับสถาปัตย์ ตีกันชุลมุนวุ่นวายแน่นวลล แล้วจะกรี๊ดเพื่ออออ ผู้ชายเขาไม่ได้หลงมาหาเธอ เขาหลงมาหาแฟนเขา ไม่เกี่ยวออกไป ชิ่วๆ :ruready :ruready ฮาาา
เจี๋ยพูดงี้เจบจี๊ดถึงไส้ติ่งเลย เฮ้ออออ เศร้าจายยย :sad11: :sad11:


 :o12: :o12:

ทำไมต้องเศร้า


เช็ดน้ำตา แล้วมองกันได้ไหมมมมม ฉ๊านนนเป็นใคร เธอลืมไปแล้วหรือออออ :o12: :o12:
มามะให้ยืมอกซบ ไม่เศร้านะไม่เศร้า :katai3: :katai3:
ปล นึกว่าต้องรอถึงชาติหน้าตอนเกิดมาเป็นพยาธิไส้เดือนซะแล้ว ฮาาาา :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.06 (03Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-02-2018 21:09:41
เหมือนหาเรื่องโทรหาน้องมากกว่านะ
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.06 (03Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 03-02-2018 21:13:51
อ้างถึง
01:59 เฮ่งเจี๋ย : น้องป่าน…

02:01 เฮ่งเจี๋ย : คิดถึง...

อ่อนหัด!!!!!!  :laugh: :laugh: ทำมาเป็นบ่นอย่างนู้นบ่นอย่างนี้ อยากได้ช่องว่างไว้หายใจ สรุปตัวเองจะขาดใจตายเพราะช่องว่างที่เคยอยากได้ สมน้ำหน้า  :jul3: 

ไม่ได้เรียนสถาปัตย์ค่ะ แต่อยากเรียน แต่ก็เลือกที่จะไม่เรียนดีกว่า ไปเรียนอย่างอื่นแทน เลยพอรู้ข้อมูลตื้นๆบ้าง
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.06 (03Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-02-2018 05:47:04
เจี๋ยนี่ปากอย่าง ใจอย่างใช่ไหม รับมาซะดี ๆ ปากที่บ่นกับเพื่อน ๆ ว่ารำคาญป่าน อยากจะห่างจากป่านซักพัก เป็นไงล่ะ พอป่านไม่อยู่ ก็กระหน่ำข้อความหาป่านมากขนาดโทรศัพท์ป่านต้องขอพักเครื่องเองเลย บอกตรง ๆ สมน้ำหน้าเจี๋ย แต่การกระทำครั้งนี้ก็คงทำให้ใจของป่านดีขึ้นประมาณหนึ่งนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.06 (03Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-02-2018 09:00:37
เจี๋ย :z6:

สมน้ำหน้า ชิส์

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.06 (03Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 04-02-2018 13:53:06
ถ้าน่ารักขนาดนี้หนีไปให้ไกลเลย

ให้สมกับที่ทำไว้ก่อนค่อยมา  o22 o22

จะจบละหรอ ไม่นะะะะะะ เรารักพี่เจี๋ย ลัฟยูว :mew1:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.06 (03Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-02-2018 18:45:08
เหอะ......เจี๋ย นี่ทำเป็นบ่นเบื่อป่าน แสดงพาว หรือเปล่า
ว่าฉันเนี่ย  แฟนติดฉัน เหมือนขี้ติดตูด เปรียบเทียบซะกลิ่นมาเลย   o22 o22 o22

ป่าน ก็ดูแลเจี่ย ทำอะไรให้ทุกอย่าง เป็นแม่บ้านแม่เรือน
จนเจี๋ยแทบจะเป็นง่อยแล้ว
แล้วพอป่านไม่อยู่ด้วย
ไอ้คนที่ทำเบื่อแฟน อยากถอยห่าง
กลับทะลึ่ง.....ส่งข้อความกระหน่ำ แทบจะมือถึอไหม้ มันยังง้าย หือ.....นายเจี๋ย
เพราะไม่มีขี้ข้ารองมือรองตีน  หรือจะคิดถึงป่านจริงๆ  :hao4: :hao4: :hao4:

อยากให้มีคนมาชอบป่าน ดูซิ นายเจี๋ยจะปากหมา หรือยินดี  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.07 (09Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 09-02-2018 10:20:03
ซีรีส์ชุด Intania ภาค CE

เรื่อง  Breaking Way
[CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]
เขียนโดย  Blue-Legend
 
CH.07

เสาเข็ม (จบภาค)



 

 

 

 

            ผมกลับถึงห้องในเวลาเกือบสี่ทุ่ม เพื่อพบเพียงความว่างเปล่า...

            สภาพห้องคล้ายผ่านสมรภูมิรบสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะมันโคตรกระจัดกระจายไปด้วยกระดาษ หนังสือ ชีทเรียน บางส่วนยับยู่ มีก้อนกระดาษที่ถูกใช้แล้วขยำทิ้งปาเกลื่อนพื้น อุปกรณ์เครื่องเขียน อุปกรณ์ตัดทำโมเดลถูกวางทิ้งส่งๆ เรียงรายเรี่ยราด เสื้อผ้ากระจัดกระจายคล้ายถูกรื้อค้นเพื่อหาอะไรบางอย่างกองสุมเป็นมัดก้อน รวมกับเสื้อผ้าในตะกร้าที่ถูกใช้แล้วซึ่งล้มกองระเนระนาด ถ้าผมไม่เคยอยู่กับไอ้เจี๋ยมาก่อนคงคิดว่าห้องโดนยกเค้า

            ตลอดวันผมมีความสุขจนเพื่อนแทบจับเข้าโรงพยาบาลเช็คประสาทด่วนเพราะหาว่าสมองกระทบกระเทือนโดนท่อนเหล็กกล้าฟาดหัวจนติงต๊องไปแล้ว พยายามโทรหาไอ้เจี๋ยทั้งวันแต่มันกลับปิดเครื่องตลอด อยากกลับมาหาใจแทบขาดแต่ก็ต้องอดทนให้ผ่านพ้นวันสุดท้ายของการมาดูงาน ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยาก

            จากความสุขเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นความกังวลและเป็นห่วงไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับไอ้เจี๋ยรึเปล่ามันถึงได้ปิดโทรศัพท์เงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงโวยวายรำคาญมาตามสายสักกริ๊งเดียว พอแยกย้ายผมก็เร่งให้ไอ้เต็นเหยียบรถยิกๆสุดตีนเพื่อกลับมาหาไอ้เจี๋ยให้เร็วที่สุด

            จากความกังวลและเป็นห่วงเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นความร้อนรน เมื่อเดินสำรวจห้องและไร้วี่แววของไอ้เจี๋ย สมองคิดไปต่างๆ นานาว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ไม่รอช้าวิ่งไปทุบประตูเพื่อนข้างห้องเพื่อถามข่าวคราว ก่อนโดนด่าและบอกเล่าว่าไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ จำพวกรถตำรวจหรือรถพยาบาลมาวิ่งหวอจอดอยู่ใต้ตึกในช่วงสองสามวันนี้

            ผมเริ่มวิ่งพล่านตามหาในทุกๆ ที่ที่คิดว่าไอ้เจี๋ยจะไปแต่ก็ไร้วี่แวว มือก็กดโทรศัพท์ตามหายิกๆ ข้อความที่ส่งไปตั้งแต่เมื่อเช้ามันก็ไม่เปิดอ่าน จิตใจว้าวุ่นเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หรือมันโมโหมากที่ผมเงียบหายไปเมื่อวาน

            หรือมันจะทิ้งผมไปแล้ว...

            ไอ้ป่าน ไอ้โง่เอ๊ย! น่าจะสังเกตได้จากข้อความเมื่อวานแล้วว่ามันอารมณ์ไม่ดีมันกำลังโกรธ มัวแต่คิดเพ้อเป็นบ้าเป็นหลังจนลืมคิดถึงความรู้สึกอีกฝ่าย ถ้าได้รับข้อความแล้วผมรีบตรงดิ่งกลับมาอาจพอทำอะไรได้บ้าง ดันเสือกปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนตอนนี้

            ผมอับจนหนทางสิ้นไร้ไม้ตอก วิ่งตามหาเป็นชั่วโมงแต่กลับปราศจากร่องรอยไอ้เจี๋ยโดยสิ้นเชิง จำใจลากสังขารอันหนักอึ้งกลับห้องด้วยความหวังว่าจะพบไอ้เจี๋ยนั่งหันหลังอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม ผมเปิดประตูพรวดเข้าไป แต่เก้าอี้ตัวนั้นยังคงว่างเปล่า ผมก้าวเท้าไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานที่มันมักนั่งเป็นประจำก่อนกวาดสายตามอง สะดุดเข้ากับภาพตีฟหรือ Perspective ที่เด็กสถาปัตย์มักร่างทัศนียภาพประกอบการนำเสนอโมเดลวางอยู่บนโต๊ะ

            มันจะไม่สะดุดตาผมเลยหากมันเป็นภาพตีฟทั่วไป แต่สิ่งที่ปรากฎเป็นภาพตีฟของทิวสนสองข้างทางที่เรียงรายขนาบข้างถนนเส้นเล็กๆ ซึ่งติดตรึงอยู่ในความทรงจำผมเสมือนถูกสลักทับด้วยเหล็กกล้าร้อนฉ่าบนผิวหนัง

            ผมรู้ได้ทันทีว่าจะไปตามหาไอ้เจี๋ยได้จากที่ไหน

            สุดท้ายตำนาน Breaking way ก็ดำเนินมาถึงบทสรุปบนถนนเส้นนั้น...

            จะรักหรือจะร้าง มีเพียงคนเดียวที่สามารถให้คำตอบผมได้...

            ผู้ชายร่างสูงผิวขาวหัวทุยนั่งหันแผ่นหลังกว้างทอดสายตาผ่านข้ามคลองไกลออกไปในยามดึกสงัด บนม้านั่งไม้ตัวยาวระหว่างต้นสนสองต้น มีจักรยานแม่บ้านคันโกโรโกโสจอดอยู่เคียงข้าง ผมไม่รีรอที่จะเดินไปหย่อนตัวลงนั่งเคียงข้าง

            “สุขสันต์วัน Breaking way...”

            เราต่างพูดขึ้นพร้อมกันเมื่อเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาเที่ยงคืนตรงแทรกบรรยากาศเงียบเชียบ มีเพียงเสียงแมลงหวีดเรไรเรียกร้องหากันราวกับขาดใจ

            “พี่เจี๋ยเบื่อป่านไหม”

            ผมตัดสินใจทำลายความเงียบเผชิญหน้ากับความจริง หากตำนานจะยังคงดำเนินต่อไปตามเส้นทางเดิมๆ ผมคงต้องทำใจยอมรับ

            อาจเพราะสรรพนามแทนตัวที่แปลกไป พี่เจี๋ยถึงได้เสมองมาด้วยท่าทางประหลาด

            “สมองกระทบกระเทือนเหรอวะ” พี่เจี๋ยก็ยังคงเป็นพี่เจี๋ยในวันนี้ ห้วนปากหมาไร้การรักษาซึ่งน้ำใจ “แล้วมึงล่ะเบื่อกูหรือยัง”

            แทนที่จะได้คำตอบกลับกลายเป็นคำถามกลับ ผมส่ายหน้าหวือ

            “ไม่... ไม่เคยเลย พี่เจี๋ยแหละเบื่อป่าน ป่านได้ยิน”

            “มึงไปได้ยินมาจากไหน” ผมอ้ำๆอึ้งๆ ถ้าบอกว่าแอบฟังมาจะโดนด่าไหมวะ

            “วันที่ป่านเอาของไปให้ที่คณะ” ผมตอบเสียงแผ่ว

            พี่เจี๋ยถอนหายใจหัวคิ้วขมวดมุ่นเงียบราวกับใช้ความคิด หรืออาจกำลังคิดว่าจะด่าผมท่าไหนดี

            “นี่ใช่ไหมเหตุผลที่มึงไปดูงานโครงการรถไฟเร็วทะลุนรก เหตุผลที่มึงทำตัวเหินห่างและแปลกไป”

            ผมพยักหน้าหงึกยอมรับ พี่เจี๋ยเงียบอีกครั้งแม้แต่ผมก็คาดเดาอารมณ์ไม่ถูก

            “เด็กโง่เอ๊ย!” พี่เจี๋ยสบถจนผมสะดุ้งโหยง “มึงไม่รู้จักกูเหรอ มึงก็รู้กูเป็นคนยังไง ปากกูก็พล่ามไปเรื่อย มึงยังจะถือสาอีกเหรอ อีกอย่าง...”

            พี่เจี๋ยเว้นจังหวะ ในขณะที่ผมรอฟังอย่างตั้งใจ

            “ถ้ามึงได้ยินกูบ่นพล่ามว่ามึงเป็นตัวภาระ มึงไม่ได้ยินที่กูพูดกับเพื่อนเหรอ ว่าสุดท้ายกูก็อยู่สอนมึงอย่างตั้งอกตั้งใจ  หรือที่กูบอกให้ห่างกัน กูก็สารภาพกับเพื่อนไปว่าพูดไม่ออกทุกครั้งเวลาเห็นหน้าหงอยๆ ของมึง”

            ไม่...ไม่เห็นเคยได้ยินเลย

            “ทำหน้าเอ๋อแบบนี้แสดงว่าเหมือนละครน้ำเน่าที่มึงหนีไปตอนกำลังพีค”

            เออแม่ง... รู้ทันผมอีก

            “รู้ตัวไว้ซะว่ามึงมีอิทธิพลกับกูขนาดไหน ขนาดห่างกันแค่สองวันกูแม่งจะลงแดงตาย ชีวิตเป๋ไปหมด จะทำอะไรก็ติดขัด ขนาดจะขี้หน้ามึงยังลอยมาทำเอาขี้ไม่ออก เฮ้ออออ”

            โอ๊ยย... แม่ง! ชื่นใจว่ะ

            ผมโผกอดคนข้างๆ ใบหน้ามือเมอสั่นไปหมด เกาะกุมไหล่เจ้าตัวแน่น ปลายจมูกสัมผัสข้างแก้มอย่างโหยหา ไล้คลอเคลียส่ายไปมาหยอกเย้า อยากกอดรัดฟัดย้ำให้หนำใจเสียแต่มันประเจิดประเจ้อเกินไป ก่อนจะโดนมืออุ่นผลักหัวออกห่าง ผมจึงยอมปล่อยมือจากหัวไหล่กลับมานั่งเคียงข้างอย่างเดิม

            “กูไม่เคยคิดเลยนะว่ามึงจะกล้าห่างจากกู ติดกูซะ นิสัยก็เด็กขนาดนี้”

            “เพราะผมได้เรียนรู้ว่าการใกล้กันเกินไป บางทีก็ทำให้พี่เจี๋ยรำคาญ”

            “ใช่ กูรำคาญบ้าง แต่ไม่เคยอยากให้มึงหายไปจากชีวิตนะไอ้ป่าน”

            “ทำไมวันนี้พี่เจี๋ยน่ารักจัง”

            ผมสังเกตเห็นมือกระตุกกำแน่น ใบหน้าขึงตึงขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ในยามปกติผมคงโดนทุบหลังกระอักไม่ก็โดนด่าเละไปแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ว่าเป็นการกระทำเวลาพี่เจี๋ยเขิน

            “ต่อไปนี้ผมจะเว้นช่องว่างให้พี่เจี๋ยมีเวลาส่วนตัวบ้าง แต่อย่าหวังว่าผมจะเลิกอ้อนเลิกติดพี่นะ เตรียมใจไว้ได้เลย”

            น่าแปลกที่วันนี้แค่มองตา... ผมกลับเข้าใจพี่เจี๋ยอย่างลึกซึ้ง... เราต่างเข้าใจกันและกัน

            “วิหารต่อให้สวยงามตระการตา หรือเป็นมรดกล้ำค่าของโลกขนาดไหน แต่หากเสาของวิหารที่คอยค้ำจุนความยิ่งใหญ่  อยู่ใกล้กันมากเกินไป ความสมดุลก็จะสูญเสีย วิหารจะล่มสลายกลายเป็นเพียงเศษซากอิฐซากปูนไร้ค่า นั่นคือสิ่งที่ว่าที่วิศวกรโยธาในอนาคตอย่างผมเรียนรู้”

            “น้ำเน่า! มึงไปหัดน้ำเน่ามาจากไหนไอ้ป่าน กูอยากสำรอก” ไม่ว่าเปล่าโก่งคออาเจียนซะผมหมดอารมณ์ อุตส่าห์สร้างบรรยากาศเสียโรแมนติก พี่เจี๋ยเมื่อห้าปีก่อนหายไปไหน!

            ผมเอนหัวพิงซบศีรษะอีกฝ่าย อยากยืดเวลานี้ออกไปให้นาน ไม่ต้องแสดงออกว่ารักมากมาย แค่เราเข้าใจกัน และเว้นช่องว่างระหว่างกันให้ได้ระยะพอเหมาะแบบตอนนี้ก็พอ

            ราวกับใจตรงกันเมื่อต่างคนต่างผินใบหน้าหาอีกฝ่าย ระยะที่คิดว่าเว้นไว้พอเหมาะกลายเป็นรู้สึกห่างเกิน ก่อนถูกดึงดูดด้วยแรงโน้มถ่วงบางอย่างจนริมฝีปากประกบแนบชิด

            เป็นจูบดูดดื่มที่หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า ต่างคนต่างคล้ายโหยหาประกบจูบย้ำฉ่ำหวาน ผลัดกันดูดดุนชิมรสความชุ่มชื้นจากริมฝีปากอีกฝ่าย รสสัมผัสอ่อนนุ่มละมุนราวปุยนุ่นชวนให้เคลิบเคลิ้มจนหลงติดอยู่ในวังวนตัณหา ความเชื่องช้าแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อน กระทั่งลมหายใจยังหนักหน่วงคุกกรุ่น ต้องการและต้องการมากขึ้น จวบจนสัมผัสได้ถึงฝ่ามือผลักรั้งบริเวณหัวไหล่ จึงต้องผละออกอย่างจำใจและอ้อยอิ่ง

            “พอก่อน… ใกล้เกินไป อดอยากมาจากไหนวะ” ผมส่งสายตาน้อยใจตัดพ้อ

            ยังจะกล้าถาม... ครึ่งปีเลยนะเว้ย!

            “ถ้าพี่เจี๋ยไม่พอใจ ป่านห่างออกมาอีกหน่อยก็ได้” เอ่ยอย่างเอาแต่ใจแกมประชดประชันแบบเด็กๆ

            “ห่างได้...” โหยแม่งน้อยใจว่ะ ไม่ง้อหน่อยเหรอ เฮ้ออ “แต่ไม่เอาแบบวันก่อน”

            ผมชะงัก แอบดีใจลึกๆ ด้วยหัวใจพองโต...

            “เพราะอย่าลืมว่า... ถ้าเสาของวิหารทั้งสองห่างกันเกินไป วิหารก็ล่มสลายได้เหมือนกัน และนั่นเป็นมุมมองของว่าที่สถาปนิกในอนาคต”

            และเรื่องราวระหว่างป่านกับพี่เจี๋ยก็ดำเนินมาถึงตอนจบ มันอาจไม่ได้หวานอิ่มเอมจรรโลงใจแบบที่หลายๆ คนคาดหวัง แต่นั่นคือชีวิตจริงที่มีทั้งสุข เศร้า เคล้าหน่วง ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างบางเวลา หวานกันตามอัตภาพจะเอื้ออำนวย แต่มันเป็นตำนานรัก Breaking way ที่เราสองคนบรรจงสร้างด้วยมือและพร้อมที่จะเรียนรู้ไปด้วยกัน

            ตำนานรักบทนี้ยังไม่จบและยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางของมัน หากมีใครเรียกร้องว่ามันยังไม่อิ่มไม่สุดอยากฟินกันอีก ผมก็อาจโผล่มาเล่าเรื่องราวหวานชื่นหลังจากนี้ ซึ่งสามารถรับประกันได้เลยว่าคงต้องโดนด่าอีกแน่ เพราะดันกลับกลอกหลอกลวงไปมา หวานหรือดราม่า สุขหรือจะเศร้า หักมุมกันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ...

            สุดท้ายป่านกับพี่เจี๋ยก็ได้ครองรักคู่กัน...ตลอดกาล

            แต่คนอย่างป่านใจดีอยู่แล้ว งั้นขอแถมให้อีกนิด เพื่อไม่ให้ทุกคนค้างคา...

            ผมชวนพี่เจี๋ยปั่นจักรยานกลับห้องบนเส้นทางเดิมที่เราเริ่มต้นเมื่อห้าปีก่อน ผมจับจักรยานคันโกโรโกโสมั่นในขณะที่พี่เจี๋ยกวาดขาขึ้นคร่อมเบาะหลัง

            ผมโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใบหูก่อนกระซิบถ้อยคำที่หวานซึ้งที่สุดในโลก...

            “กลับถึงห้อง ตอกเสาเข็มกันนะ”

            อดมาตั้งครึ่งปี ขอหน่อยเถอะ!

- จบภาคแล้วจ้า -

คุยกับ Blue-Legend

ตอกเสาเข็มคืออะไยหยอ? เค้าไม่ยู้ มองตาเค้าสิ ใสๆ

เอาความจริง ความหมายที่ผมต้องการสื่อก็คือ เมื่อจะเริ่มสร้างบ้านหลังหนึ่ง ต้องมีการลงเสาเข็ม เพื่อวางรากฐานที่มั่นคง ชีวิตคู่ก็เช่นกัน ดังนั้นป่านจึงต้องชวนเจี๋ยตอกเสาเช็ม โอเค๊ เก็ทนะ อย่าทะลึ่ง อย่าหื่น อย่าด้าน

ทีสุดเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงตอนจบ ให้พูดความจริงคือใจหาย ป่านกับเจี๋ย ตัวละครทั้งสองตัวแม้ผมจะเริ่มเขียนขึ้นมาในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เป็นตัวละครสองตัวที่มีแง่มุมชีวิตที่แตกต่าง ทำให้ผมรู้สึกผูกพันธ์และรักตัวลครสองตัวนี้จริงๆ

ชอบความเป็นเด็ก ติดพี่ ชอบเรียกร้องความสนใจ และการเอาใจใส่ของป่าน ชอบความปากหมาหน้าซึนของเจี๋ย

สุดท้ายผมหวังว่า นักอ่านจะได้แง่คิดดีๆจากการอ่านเรื่องนี้ นอกเหนือไปจากอ่านเอาสนุก เอาดราม่า เอาฟิน และขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนเสมอมา แม้เป็นนักอ่านกลุ่มเล็กๆ แต่มันเป็นกำลังใจที่สำคัญ ไม่รู้จะพูดอะไรได้มากไปกว่าคำว่าขอบคุณ

พูดเหมือนจะไปแล้วไปลับไม่กลับมา ผมยังไม่ตาย อย่าเพิ่งสวดส่ง ฮ่าๆ ท้ายที่สุด ฝากเรื่องลำดับต่อไปในซีรีย์ชุดนี้ด้วย กับเรื่อง...

เสือนับแต้ม ภาค ME ( ME : วิศวกรรมเครื่องกล ) เขียนโดย Boorina

น้องบูของเรานั่นเอง น้องอาจจะพูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจนะ ตัวจริงน้องจะเป็นคนเอ๋อๆ เบลอๆ โง่ๆหน่อย ฮาาาา ฝากน้องสาวผมด้วย ให้การสนับสนุนต่อไปเรื่อยๆนะคร้าบ

จนกว่าจะพบกันใหม่...บะ บายยยยยยย

ไม่ลืม ทอล์กส่งท้าย ด้านล่างเหมือนเดิมจ้าาาา

\/

\/

\/

Blue-Legend


หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.07 (09Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 09-02-2018 10:23:56

เหมือนหาเรื่องโทรหาน้องมากกว่านะ



ใจมันเรียกร้องอ่ะเนอะ ทำไงได้ ความจริงคือไม่มีป่าน เจี๋ยมันอยู่ไม่ได้หรอก ถึงจะปากร้ายแต่มันก็รักของมัน



อ้างถึง
01:59 เฮ่งเจี๋ย : น้องป่าน…


02:01 เฮ่งเจี๋ย : คิดถึง...


อ่อนหัด!!!!!!  :laugh: :laugh: ทำมาเป็นบ่นอย่างนู้นบ่นอย่างนี้ อยากได้ช่องว่างไว้หายใจ สรุปตัวเองจะขาดใจตายเพราะช่องว่างที่เคยอยากได้ สมน้ำหน้า  :jul3: 


ไม่ได้เรียนสถาปัตย์ค่ะ แต่อยากเรียน แต่ก็เลือกที่จะไม่เรียนดีกว่า ไปเรียนอย่างอื่นแทน เลยพอรู้ข้อมูลตื้นๆบ้าง



แลดูสะใจ ได้ยินเสียงหัวเราะร้ายเหมือนจอมมารดังแว่วมา หวังว่าคงเข้าใจความเจี๋ยเนอะ ถ้าป่านจะไปจริง เจี๋ยมันไม่อยู่เฉยแน่ ป่านคงซวยกว่านี้ ฮาาาา

ปล เสียดายไม่ได้เรียนสถาปัตย์ ไม่งั้นคงได้รับรู้รสของการตัดโมในตำนาน จนตัวเองกลายเป็นกล้าแกร่ง อึด ถึก และทนแน่ๆ ฮ่าๆ



เจี๋ยนี่ปากอย่าง ใจอย่างใช่ไหม รับมาซะดี ๆ ปากที่บ่นกับเพื่อน ๆ ว่ารำคาญป่าน อยากจะห่างจากป่านซักพัก เป็นไงล่ะ พอป่านไม่อยู่ ก็กระหน่ำข้อความหาป่านมากขนาดโทรศัพท์ป่านต้องขอพักเครื่องเองเลย บอกตรง ๆ สมน้ำหน้าเจี๋ย แต่การกระทำครั้งนี้ก็คงทำให้ใจของป่านดีขึ้นประมาณหนึ่งนะ  :hao3:



คนที่อยู่ด้วยกันนานๆ ข้อเสีย ความเป็นตัวเองจะค่อยๆโผล่ออกมา ก็เหมือนเจี๋ยแหละ แรกเริ่มเหมือนจะเป็นคนดีสมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่าง แต่ตัวจริงก็อย่างที่เห็น ส่วนป่านก็โตขึ้นตามกาลเวลา เพราะไม่เคยรู้จัก ไม่เคยรักใคร จึงตามติดเจี๋ย บางครั้งอาจมากเกินไป จนเจี๋ยรำคาญ ต่างคนต่างมีข้อเสียในตัว และเมื่อผ่านเวลาที่คบมาอย่างยาวนาน ทุกอย่างเลยกลายเป็นความเคยชิน ทั้งที่ทั้งสองก็ยังรักกันอยู่อ่ะเนอะ



เจี๋ย :z6:


สมน้ำหน้า ชิส์


 :L2: :pig4:



เดี๋ยวๆ ถ้าจะกระโดถีบเจี๋ย ข้ามศพป่านไปก่อนเถอะ ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหมมมมม....



ถ้าน่ารักขนาดนี้หนีไปให้ไกลเลย


ให้สมกับที่ทำไว้ก่อนค่อยมา  o22 o22


จะจบละหรอ ไม่นะะะะะะ เรารักพี่เจี๋ย ลัฟยูว :mew1:



ผมก็รักเจี๋ยยยย ฮืออๆๆๆ เสียใจ แต่เจี๋ยเป็นของปานไปแล้ว ขอบคุณที่รักเจี๋ย เห็นคนรักตัวละครเรา มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลย



เหอะ......เจี๋ย นี่ทำเป็นบ่นเบื่อป่าน แสดงพาว หรือเปล่า

ว่าฉันเนี่ย  แฟนติดฉัน เหมือนขี้ติดตูด เปรียบเทียบซะกลิ่นมาเลย   o22 o22 o22


ป่าน ก็ดูแลเจี่ย ทำอะไรให้ทุกอย่าง เป็นแม่บ้านแม่เรือน

จนเจี๋ยแทบจะเป็นง่อยแล้ว

แล้วพอป่านไม่อยู่ด้วย

ไอ้คนที่ทำเบื่อแฟน อยากถอยห่าง

กลับทะลึ่ง.....ส่งข้อความกระหน่ำ แทบจะมือถึอไหม้ มันยังง้าย หือ.....นายเจี๋ย

เพราะไม่มีขี้ข้ารองมือรองตีน  หรือจะคิดถึงป่านจริงๆ  :hao4: :hao4: :hao4:


อยากให้มีคนมาชอบป่าน ดูซิ นายเจี๋ยจะปากหมา หรือยินดี  :hao3:

       :L1: :L1: :L1:

  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



เข้าใจคนปากไม่มีหูรูดหน่อยเนอะ พยายามหน่อยแล้วกัน แม้มันจะไกลจากตัวตนเราก็ตาม

โลกความจริงมันไม่ได้สวยหรูอ่ะเนอะ มันจะมีวงจรของมัน ตอนเริ่มแรกรักมันก็จะเหมือนเป็นช่วงโปรโมชันหน่อย ช่วงตักตวงความสุข ผมเชื่อว่าคู่รักที่เปลี่ยนจากแฟน กลายเป็นคู่ชีวิตคงต้องผ่านเรื่องราวอะไรมามากมาย ปรับตัวและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ขอบคุณที่อ่านนิยายที่ผมเขียนแล้วรู้สึกอินขนาดนี้ มันเป็นกำลังใจที่สำคัญจริงๆ

ปล พูดถึงมือที่สามแล้ว เออ อยากเห็นเจี๋ยหึงเหมือนกันเนอะ ฮ่าๆ ไว้มีโอกาสอาจมีตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.07 (09Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-02-2018 11:48:39
ดีต่อใจ  :mew1: :mew1: :mew1:

ชอบคำคม เสาวิหารนะ อยู่ใกล้ไป.....  อยู่ห่างไป......สุดยอดดดดดด  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แล้ว เอ่อ.....จบแบบค้างอ่ะ  ไม่ได้รู้เรื่องการตอกเสาเข็มด้วยอ่ะ  :sad4: :sad4: :sad4:

แล้วสงสัยสถานภาพ ของทั้งคู่ที่ตอนนี้ป่านสูงกว่าพี่เจี๋ย
จะมีการสลับตำแหน่งกันมั้ยนะ  o18
พี่เจี๋ย จะหวงตำแหน่งหรือเปล่านะ  :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.07 (09Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-02-2018 03:28:21
จะกลับไปตอกเสาเข็ม ทำกันดีๆ นะ เสาเข็มที่ลงเสาแรก เขาเรียกเสาเอก เป็นเสามงคล คนแก่ก็ขอให้ครองรักครองเรือนกันไปนาน ๆ นะเด็ก ๆ  :กอด1:  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค CEメ Breaking Way CH.07 (09Feb2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 10-02-2018 09:08:14
อยากอ่านตอนตอกเสาเข็มจัง 555


หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メBehind CE scenes, into ME storyメ
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 18-02-2018 19:36:12
Behind CE scenes, into ME story

   ท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้ายามค่ำคืนอันเงียบสงบ กลับมีสองชีวิตวิ่งพล่านไปทั่วสารทิศในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างร้อนรน ก่อนจะวกกลับมาเจอกันอีกครั้ง

   “ได้ข่าวไอ้ป่านบ้างเปล่าวะ” พีถาม

   “......” เต็นจนคำพูด ทำได้เพียงส่ายหัวด้วยสีหน้าเป็นกังวล

   “แฟนหายแบบนี้ อาจทิ้งมันไปแล้วก็ได้ คงกำลังช้ำในตายอยู่ที่ไหนสักแห่ง”

       “มันคงไม่คิดสั้นหรอกนะ”

       สองเพื่อนซี้ต่างทอดถอนใจด้วยความเป็นห่วง เพราะต่างรู้ว่าเพื่อนรักของตนเปราะบางแค่ไหนกับเรื่องราวแบบนี้ ซึ่งหลังได้รับโทรศัพท์ เต็นและพีได้รีบตรงมาหาป่านทันที แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า น้ำเสียงที่อ่อนระโหยโรยแรงและคำพูดคำจาราวกับหมดอาลัยตายอยากของเพื่อนยังคงดังก้องสะท้อนในหู

       “ลองโทรหามันอีกรอบซิ” เต็นว่า พีคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนรักของตนอีกครั้ง

       “ไอ้เชี่ย กดตัดสาย!”

       พีโวยวายอย่างหงุดหงิด ทว่าอีกใจก็เป็นห่วง เพราะการถูกตัดสายหมายถึงอีกฝ่ายไม่พร้อมที่จะพูดอะไร สิ่งที่พวกเขาเป็นห่วงอาจกำลังเป็นจริง

       “ใครมาโวยวายอะไรดึกดื่นขนาดนี้วะ!”

       เสียงบุคคลที่สามดังแทรก ทำให้พีและเต็นต้องเหลียวมองรอบตัวหาที่มา พร้อมกับรู้ตัวว่าพวกเขาได้ตามหาเพื่อนจนมาถึงช็อปเชื่อมโลหะโดยไม่รู้ตัว

       ทั้งสองสอดส่องสายตามองพุ่งตรงไปยังภายในห้องปฏิบัติการผ่านประตูที่เปิดกว้าง ก่อนจะได้ยินเสียงแสดงความรำคาญดังออกมาพร้อมปลายเท้าที่ก้าวพ้นประตูออกมา

       “อกหักไม่ตายหรอก อย่าโง่...”

        อยู่ดีไม่ว่าดี มีคนมาด่าเฉย พีคิดพลางจ้องร่างที่ค่อยๆ ปรากฏชัด เป็นใบหน้าบอกบุญไม่รับที่กำลังขยับปากพูดออกมาด้วยถ้อยคำลึกซึ้งคล้ายคนเคยผ่านประสบการณ์ความเจ็บปวดลึกในหัวใจ

        “โดนหลอกสิ... ตายทั้งเป็น!”


ท่ามกลางเสียงตอกเสาเข็มที่ดังสนั่นลั่นแสดงการตั้งหลักปักฐานอันมั่นคงของความรัก...

ยังมีเรื่องราวหัวใจของคนคู่หนึ่งที่เสาหัก คานถล่ม เหลือเพียงเศษซากความรู้สึกที่ทำให้หวนกลับมาพบเจอกันอีกครั้ง...
........................................
พบกับซีรีส์ อินทาเนีย เรื่อง เสือนับแต้ม ภาค ME (วิศวกรรมเครื่องกล)
เขียนโดย Boorina  ธีม แฟนเก่า



หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メBehind IE scenes, into CE storyメ
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 18-02-2018 23:38:42
รอนะจ้า
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メBehind IE scenes, into CE storyメ
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-02-2018 23:43:26
ปูเสื่อ  ปูเสื่อ นอนรอ  :a12:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.Intro(19-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 19-02-2018 08:47:09


- ลำดับที่ 3 -

ซีรีส์ชุด Intania ภาค ME [ Mechanical Engineering วิศวกรรมเครื่องกล]

เรื่อง เสือนับแต้ม

เขียนโดย   Boorina


 

 

 

intro

 

 

            สำหรับผมแล้ว...

            เพราะลดทอนความรักตัวเอง ความเจ็บปวดยามจากลาจึงตื้นเขิน

            กลายเป็นยิ่งคิดถึงตรึงใจ เคยรู้สึกมากแค่ไหน เวลานี้ยิ่งมากมาย

            จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้ละสายตาจากเส้นผมพลิ้วลู่ลมเคลียใบหน้าชื้นเหงื่อ แม้ดวงตาคู่คมที่ตวัดต่ำมองมาจะว่างเปล่า แต่ยังคาดหวังว่าอาจมีเยื่อใยในวันวานหลงเหลือเป็นตะกอนที่ก้นหัวใจ

            ขอเพียงเศษเสี้ยว ผมก็พร้อมที่จะเดินหน้า

            ใต้แสงนวลของพระจันทร์ในค่ำคืนงานเกษตรแฟร์ของมหาวิทยาลัย... ร่างโปร่งในชุดเสื้อช็อป ปวส. สีเทาอ่อนได้กระโดดลงมาจากต้นไม้พร้อมลูกโป่งหัวใจสีชมพู เขาก้มลงหยิบถุงมะขามหวานบนพื้นหญ้าแล้วเหยียดกายยืนตรง ก่อนยกคิ้วเชิงสงสัยมองมายังผมพร้อมล้วงเอามะขามฝักหนึ่งขึ้นมากระเทาะเปลือกออกแล้วงับกินอย่างเอร็ดอร่อย

            ผมขยับเท้าไปข้างหน้าสองก้าว ปลายเท้าที่สวมรองเท้าแตะของผมจึงห่างกับรองเท้าหนังหัวเหล็กซอมซ่อที่ใช้มานานตั้งแต่เสื้อช็อปของคนตรงหน้ายังเป็นสีกรมท่าเพียงคืบ ทำเอาเผลอคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ เหมือนเขายังเป็นคนเดิม

            ปากผมขยับ... ปากเขาเผยอ...

            เสียงทุ้มเบาดังขึ้น แผ่วพร่าจนแทบกลืนหายไปกับเสียงหวีดของลมที่พัดผ่าน

            “เรากลับมาคบกันนะ”

            ด้วยใบหน้ายามปกติที่เรียบนิ่ง ตาเฉี่ยวคมที่สร้างอารมณ์เหมือนคนติดหยิ่ง ดังนั้นตอนที่ปากหยักคลี่ขยับจนเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นมา หัวใจของผมจึงเริ่มพองโต

            “บนพันสาม ล่างเจ็ดร้อย สองตัวล่างเก้าร้อย รวมเงินต้นทั้งหมดสองพันเก้าร้อย ส่วนลดไม่มีให้เพราะติดมานานเกือบสามปี แต่ขอคิด vat 7% service charge 50% ต่อปี ฉะนั้นยอดรวมเบ็ดเสร็จต้องเป็น แป๊บนะ...” ว่าพลางล้วงมือถือจากกระเป๋าเสื้อช็อปออกมากดยิกๆ  “หกพันสองร้อยหกบาทถ้วน”

            หัวใจของผมถูกความร่ายยาวภาษาเงินตีแสกกลางกระบาลก่อนสะเทือนลงไปยังหัวใจ จากที่ฟูฟ่องพองลม มันได้ระเบิดดังโพล้ะ แฟบแบนจนมือสั่นตีนสั่น เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบตับ

            เป็นบรรยากาศเก่าก่อนอย่างแท้จริง ไอ้เด็กคนนี้ยังคงเหมือนเดิม หน้าเงินได้ทุกสถานการณ์ หากมีสักอย่างที่เปลี่ยนไปก็คงเป็นดีกรีความงกที่สูงขึ้น ความด้านที่เพิ่มชั้นความหนา และความหล่อติดหยิ่งที่สะท้านสะเทือนใจหนักกว่าเดิม

            “จะผ่อนก็ได้นะ ไหนๆ ก็คนกันเอง”

            คนกันเองเรอะ?

            service chart 50% นี่ถ้าไม่สนิทคงไม่ได้รับเกียรติขนาดนี้แน่ ไหนจะภาษีหวยอีก เอากับมันสิ!

            แต่ช่างเถอะ ถือซะว่าเป็นความผิดพลาดของพระจันทร์ดวงกลมในยามค่ำคืนเหงาหงอย ที่บิ้วท์อารมณ์ผมจนนึกอยากเป็นผู้ชายสายโรแมนติกในตอนที่บังเอิญพบหน้าแฟนเก่าขึ้นมา...

            ใครๆ ถึงได้บอก อย่าฝืนเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง เพราะนอกจากน่ารำคาญแล้ว ยังรู้สึกขัดใจตัวเองอยู่หน่อยๆ ผมในบทบาทคุณชายแสนดีน่าสงสารแบบนั้นช่างไม่เหมาะกันเลย

            “อยากได้ค่าหวยนักก็ตามมา”

            เป็นอย่างที่คาด ค่าหวยทำให้คนหน้าเงินเดินตามหลังผมมา

            ตู้ม!

            “ไอ้เสือ...” เป็นเสียงราบเรียบที่ดังมาจากคนเบื้องล่าง

            ผมยิ้มรับคำเรียกขาน เอ่ยสุภาพว่า “ครับแต้ม?”

            ผมเปล่าแกล้งนะ ทั้งยังแอบหวังว่าแต้มมันจะไม่โง่เดินลงไปในคูน้ำสีเขียวที่ดูเหมือนพื้นหญ้าทั้งที่ผมกระโดดข้ามมา แต่การได้ยืนมองแฟนเก่าตะเกียกตะกายพาร่างเปียกชุ่มที่ชโลมด้วยตะไคร่น้ำขึ้นมานั้น ดันทำให้รู้สึกว่ามันโคตรน่ารักน่าเอ็นดู ยิ่งถูกสายตาเฉียบคมมองมาอย่างไร้ความรู้สึกด้วยแล้ว ยิ่งพาให้อารมณ์ดีจนหุบยิ้มไม่ได้

            ดังนั้นทั้งที่หน้าแหกไปแล้วรอบหนึ่งก็ยังอยากจะพูดซ้ำทำนองเดิม

            “ตามมานะ พี่เสืออยากจีบ”

            นอกจากแต้มจะเป็นชื่อของแมวสีดำตัวหนึ่งในหนังสือเรียนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาแล้ว แต้มยังเป็นชื่อแฟนเก่าสมัยละอ่อนของผมอีกด้วย

            ผมไม่เคยลืมช่วงเวลาที่เคยถูกแมวป่าตัวนี้อ้อนเลยสักวัน...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุยกันค่ะ

สำหรับเรื่อง เสือนับแต้ม จะมาในธีม ‘แฟนเก่า’

เนื้อเรื่องก็จะยกระดับความเข้มข้นจากเรื่อง เซียนเหนือฟ้า มาอีกนิด

เนื้อเรื่องมีมิติมาอีกหน่อย

พี่เสือที่ดูเหมือนเจ้าเล่ห์ ไม่อยากจะบอกว่า... เป็นลุงกากๆ นี่เอง

ฝากติดตามด้วยนะคะ

วันนี้เอามาแค่อินโทรสั้นๆ

ไว้ตอนหน้าเนอะ... มาดูความเสือถูกแมวตะปบหน้ากัน

ปล. ขอบคุณที่อ่าน เซียนเทียน / ป่านเจี๋ย

หวังว่าจะติดตามกันต่อๆไปนะคะ

เพราะแต่ละเรื่องในเซ็ตนี้ มีคอนเซปต์ต่างกันทั้งหกเรื่อง ไม่จำเจแน่นอน

ปล.2 เราอาจไม่บ้าบอ พูดจ้อ ช่างล้อ ช่างเหน็บ เหมือนพี่นักเขียนผู้ชาย

(เก็บกดช่วงที่ผลัดกันอัพ โดนพี่แกว่าเป็นหมา ไม่ได้ตอบโต้เลย)

แต่อ่านแล้วมีอะไรติดขัดส่วนไหน ถามได้เลยค่ะ

Boorina


หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.Intro(19-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 19-02-2018 12:38:55
นิยายชุดนี้มีแต่ละร้ายๆ 555555
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.Intro(19-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-02-2018 03:04:25
เสือกับแมว กัดกัน ตัวไหนจะชนะนะ อยากรู้ อยากเผือก  :m28:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.01 (23-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 23-02-2018 13:51:08

- ลำดับที่ 3 -

เรื่องสั้นชุด Intania ภาค ME

(ME  : Mechanical Engineering วิศวกรรมเครื่องกล)

เรื่อง เสือนับแต้ม

เขียนโดย   Boorina



CH.01

แฟนเก่าแล้วไง...ห้ามใครแตะ!

 

            ผมที่นั่งทานข้าวในช่วงบ่ายกับกลุ่มเพื่อนที่โรงอาหารวิศวะปรายตามองไปยังลานกิจกรรม เห็นเด็กเฟรชชี่ปีหนึ่งภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลถูกยืนห้อมล้อมด้วยรุ่นพี่ปีสองและปีสาม จากนั้นเสียงเพลงกึกก้องเป็นจังหวะพร้อมเพรียงและดุดันได้ดังขึ้น  บางช่วงตะโกนชื่อภาค ‘We are ME, Mechanical Engineering...’ เป็นบรรยากาศที่ชวนให้รุ่นพี่ปีสี่อย่างผมหวนคิดถึงครั้งยังเป็นเด็กปีหนึ่งด้วยอารมณ์ฮึกเหิม ภูมิใจ กับมนต์ขลังของคำว่า ‘วิศวะ’

            ทั้งที่กำลังระรื่นหูอยู่กับบทเพลงเชียร์ แต่ท่วงทำนองกลับถูกสอดแทรกด้วยเสียงแซ่ๆ สลับกับเสียงเคาะโลหะให้หงุดหงิดเป็นระยะ...

            ที่สแตนด์ผุพังเก่าๆ ข้างลานกิจกรรม มีร่างหนึ่งกำลังนั่งเชื่อมซ่อมแซมโครงเหล็ก ขณะที่อีกสามคนกำลังทาสี ดูจากเสื้อช็อปสีเทาอ่อนแต่เข้มกว่าของวิศวกรรมอุตสาหการสองเฉดสีคาดว่าน่าจะเป็นเด็กวิศวกรรมการเชื่อม หลักสูตร ปวส.ต่อเนื่อง ที่เพิ่งเปิดมาเป็นปีที่สอง

            แล้วจู่ๆ ก็มีเพื่อนผมคนหนึ่งเดินเข้าไปคุยกับไอ้คนที่ถือหน้ากากเชื่อม...

            “มึงเป็นไงบ้างไอ้เสือ เมื่อเช้าโดดเรียนแล้วได้ไปหาหมอป่ะ” ไอ้หลิวหน้าหล่อแต่ขาสั้นถามไถ่ ผมละสายตาจากภาพที่กำลังสนใจมามองเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ

            เมื่อคืนผมมีอาการปวดกล้ามเนื้อที่หัวไหล่อย่างรุนแรงตั้งเเต่ช่วงห้าทุ่ม พากระสับกระส่ายจนนอนไม่หลับ กระทั่งผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ตอนที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าไหล่ผมก็อักเสบจนบวมเป่ง ยกขยับสักนิดยังทำไม่ได้ ทั้งยังมีไข้เล็กน้อย จำใจขาดเรียนครึ่งวันเช้าเพื่อลากสังขารจากคอนโดฯ ไปโรงพยาบาล

            “หมอบอกแคลเซียมเกาะกระดูก ฉีดยาแล้วดีขึ้นหน่อย แต่ยังบวมๆ อยู่เลยว่ะ”       

            “เรียกง่ายๆ ว่าหินปูนเกาะกระดูก เป็นโรคที่เกิดขึ้นบ่อยกับคนแก่” คนถามยิ้มรับ อวดภูมิขึ้นมาอีกหน่อยว่า “หน้าแก่ไม่พอ ร่างกายยังอ่อนปวกเปียก ไม่รู้ตรงนั้นมีหินปูนเกาะด้วยไหม เห็นช่วงนี้รุ่นพี่เสือของน้องๆ เงียบกริบ ไม่มั่วไม่ยุ่งเหมือนงดคั่วชั่วคราว ที่แท้ก็ป่วยเป็นโรค ไม่อึด ไม่ฟิต ไม่เปรี๊ยะ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก”

            แดกกูขนาดนี้... มึงเอาช้อนส้อมมาจิ้มอกซ้ายกูเถอะ

            “ปีสี่แล้วควรตั้งใจกับโปรเจกต์จบไหม ทำตัวแบบมึงคงจบช้าไปอีกเทอม”

            เป็นไอ้อินนิลที่สอดแทรก เพื่อนคนนี้เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มเพื่อนสนิท แต่ดันมาดแมนใส่แต่ชุดช็อปทั้งปีทั้งชาติจนสีกรมท่าเข้มๆ ซีดเป็นผ้าขี้ริ้วขาดแหว่ง มันก็ยังเอามาใส่ นอกจากวันสอบเท่านั้นถึงจะเห็นมันนุ่งกระโปรง เห็นผู้ชายหล่อก็กรี๊ด เห็นสาวสวยก็สะกิดให้มอง ทำเอาพวกเรายังคงสับสนรสนิยมของมันจนถึงปัจจุบัน

            “เพื่อนอินนิลชอบว่าอ่ะ ปากร้าย ไม่แปลกเลยที่ไอ้บุญส่งจะเปลี่ยนใจไปชอบผู้ชาย”

            ไม่ทันที่ไอ้อินนิลจะโพล่งด่าเอาคืน ไอ้คนที่ถูกกล่าวถึงก็วิ่งปรี่จากสแตนด์มานั่งเบียดผมจนแทบตกก้าอี้ ทั้งยังเอาหน้ามาถูไถที่ไหล่ผมในอาการขวยเขินจนหน้าแดงก่ำลามไปทั้งตัว

            “อะไรของมึงเนี่ยไอ้ส่ง ถอย! กูเจ็บไหล่อยู่สัด!”

            “แหม มึงก็...” มันเหยียดหลังตรง เค้นสีหน้าหน้าเอาการเอางานแล้วเล่าเสียงปริ่มสุขว่า “น้องคนนั้นอ่ะมึงที่หล่อโฮกๆ อ่ะ ใครๆ ก็ว่าน้องมันหยิ่งหน้าดุจนพากันป๊อดไม่กล้าจีบ แต่รู้ไหมตั้งแต่ไอ้เดือนมหา’ลัยปีสามโพสต์รูปคู่กับน้อง โหยยยย กระแสลั่นมาก เหมือนมีป๋าดัน ยิ่งไอ้เดือนบอกว่าน้องมันโสด นิสัยดี ติดที่หน้าไม่รับแขก ชีวิตกูเหมือนปลดล็อกว่ะ ตะกี๊กูเลยรีบเดินหน้าหยอดมา...”

            “ออ…” ผมขานรับ “รู้ชื่อน้องมันยังล่ะ” เห็นชอบมาเพ้อให้ฟังอยู่บ่อยๆ

            “น้องแต้ม วิศวกรรมการเชื่อม หลักสูตรต่อเนื่อง เทียบแล้วก็เท่ากับปีสามเนอะ หล่อว่ะ ปลื้มโคตร ไม่คิดว่าเด็กสายอาชีพจะมีหล่อวัวหายควายล้มขนาดนี้หลงอยู่ด้วย”

            “เอาจริง?”

            “เออดิ กูเลยจะมาขอคำแนะนำจากมึงไงเสือ ในฐานะที่มึงเกลือกกลั้วจนฉาวโฉ่วในโลกคาวโลกีย์เป็นวิสัย สอยดาวเดือนมาจนครบทุกคณะ...”

            เสียงหัวเราะของเพื่อนอีกสามคนประสานท่วงทำนองใส่หน้าผมแทรกจังหวะพูดของไอ้บุญส่ง

            “เสือไบอย่างมึงสอนกูทีเหอะ ว่าจีบผู้ชายเขาทำกันยังไงวะ”

            “มึงก็บอกมันหน่อยเหอะไอ้เสือ” ไอ้หลิวยุ “แต่อย่าเอาสกิลสมัยที่มึงถูกทิ้งตอนปีหนึ่งมาใช้นะ ตอนนั้นมึงหงอยจนเป็นลูกแมวเลย ซึมกระทือเป็นวรรคเป็นเวร คิดแล้วฮา คนอย่างไอ้เสือถูกแฟนเด็กทิ้ง ถุย!”

            เพื่อนคนอื่นๆ ตะลึงตาโต ด้วยไม่เคยรู้อัตชีวประวัติข้อนี้ของผม  พอดีกับที่เพื่อนทั้งสามตัวหันไปสนใจร่างหนึ่งที่เดินผ่านไปยังร้านน้ำ ก่อนจะเดินกลับมาทางเดิมพร้อมเครปแผ่นใหญ่และน้ำแตงโมปั่นที่แดงแข่งกับหน้าของมันจากการทำงานตากแดดกลางสนาม

            “วี้ดวิ่วววว...” ไอ้หลิวผิวปากแซว

            “นกเขาไม่ขันรึไง ปากทำงานจัง” อีกฝ่ายพูดลอยๆ เข้ามากระแทกหน้าไอ้หลิวจนเหวอแดก

            “น้องมันหล่อว่ะ แต่กูสงสัย นี่มึงจะบนหรือล่างวะไอ้ส่ง แมนซะ!” ไอ้อินนิลโพล่งออกมาทั้งที่แต้มยังเดินไม่พ้นโต๊ะเราด้วยซ้ำ ถือเป็นการนินทาระยะเผาขนแบบไม่กลัวเกรง

            “นั่นสิ ตะกี๊ก็ไม่เคลียร์” เป็นไอ้เด็กแต้มที่ชิงตอบลอยๆ อีกครั้งขณะเดินผ่านโต๊ะผมไปแล้วสองสามก้าว

            “น้องแต้มครับ” เท้าของคนที่ถูกเรียกชะงักกึก ก่อนใบหน้าหล่อคมจะสะบัดพรืดมาจ้องไอ้บุญส่งที่ยิ้มรอ “แวะก่อนๆ”

            “มีไร!” ห้วน สั้น กระชับ ชัดเจน สมแล้วที่ไม่มีใครกล้าจีบ แต่ถ้าแจกตีนนี่ก็อีกเรื่อง

            “เปล่า พี่ก็แค่อยากแนะนำเพื่อนพี่ให้รู้จัก จะได้คุ้นเคยกันไว้ไง”

            แต้มยักไหล่ก่อนเดินอ้อมโต๊ะมาฝั่งผมแล้วหยุดยืนหลังไอ้บุญส่งด้วยใบหน้านิ่งเรียบแฝงอารมณ์ยโสเล็กๆ

            “แล้วคิดได้ยังว่าจะบนหรือล่าง” แต้มถามย้อนพลางกัดเครป ก่อนเศษแป้งจะหักกระเด็นตกใส่หัวผม “อ้าว โทษทีๆ”

            มันบอกก่อนวางมือแหมะลงกลางกระบาลผม จากนั้นก็ทำทีเป็นปัดเศษขนมออก จนผมต้องคว้าหมับที่ข้อมือมันให้หยุด ดวงตาสองคู่สอดประสานอย่างไม่มีใครยอมใคร ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆ ที่มองมาอย่างสนใจ ยกเว้นไอ้บุญส่งที่ยังจ้อต่อไปอีกหน่อยอย่างไม่รู้สถานการณ์ว่า

            “มึงสอนกูหน่อยดิไอ้เสือ บนหรือล่างอันไหนดีกว่ากันวะ"

            “ก็ดีคนละแบบ ลองถามน้องแต้มดูสิ ว่าน้องแต้มชอบแบบไหนมากกว่ากัน” ผมตอบไอ้บุญส่ง แต่สายตากำลังเชือดเฉือนกับคนในอุ้งมือ “หรือจะให้พี่ตอบแทนดีว่าน้องแต้มชอบล่างโคตรๆ”

            “จะบนหรือล่าง... ก็ขายหมดแหละ” จำเป็นต้องตอบแฝงลามกไหมฮึ!

            “งั้นพี่ซื้อบนน้องแต้มพันห้าแล้วกันเนอะ” คำพูดนี้ของไอ้บุญส่งทำเอาหนวดเสือของผมกระตุก ทั้งยังถูกไอ้แต้มสะบัดมือแล้วทำเมินก่อนเบียดกายแทรกลงนั่งระหว่างผมกับไอ้บุญส่ง จากนั้นจึงหยิบมือถือจากกระเป๋าเสื้อช็อปออกมายื่นให้เพื่อนผม

            “เอาไปแอดไลน์มึงสิ”

            หน้าตาเพื่อนแต่ละตัวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม มองไอ้บุญส่งที่ยิ้มแป้นขณะพิมพ์ไอดีไลน์ตัวเองในมือถือแต้ม และเหมือนคนถูกจ้องจะรู้ตัว แต้มจึงยิ้มรับและเป็นฝ่ายตอบแทนไอ้บุญส่งให้ทุกคนคลายสงสัย

            “ลงทะเบียนจีบ”

            “พี่งง?” อินนิลเอ่ยหน้าฉงน

            “ลงทะเบียนจีบพร้อมจ่ายค่าลงทะเบียนพันห้าเป็นค่าหวย ถึงจะได้ไลน์ไอดีน้องแต้ม แต่กูซื้อหวยไม่เป็นไง เลยต้องกลับมาปรึกษาพวกมึงว่าเวลาซื้อหวยต้องบนหรือล่างดี”

            ทุกคนร้องอ้อยาวเฟื้อยเหมือนเข้าใจด้วยหน้าตาที่ยังงุนงง ดวงตาจับจ้องคนถูกจีบรับมือถือคืนด้วยมาดจริงจัง แต่มีรอยยิ้มการค้าประดับบนใบหน้า

            “ขอเฟสบุ๊คด้วยได้ไหม”

            “เพิ่มยอดซื้ออีกห้าร้อยนะ” ไอ้บุญส่งพยักหน้าดีใจ รับมือถือแต้มมากดแอดเฟสบุ๊คตัวเองอย่างระริกระรี้ ถ้ามีหางก็คงสั่นจนหางหลุดตูดนั่นแหละมันถึงหยุด

            “จะเอาเลขอะไรก็ส่งไลน์มาแล้วกัน พิเศษสำหรับลูกค้าใหม่กูลดให้สิบเปอร์เซ็นต์สำหรับการซื้อครั้งแรก แล้วสะดวกจ่ายสดหรือโอนเข้าบัญชีล่ะ”

            คนถูกถามล้วงกระเป๋าสตางค์มาเปิดดูเงินข้างใน ก่อนจะพูดเสียงอ่อย

            “พี่มีติดตัวอยู่เจ็ดร้อย” ยื่นส่งให้แต้มก่อนมันจะมองมาที่ผม “ไอ้เสี่ย ไอ้ป๋าาาาา พี่เสือคร้าบ เอามายืมพันสามดิ๊ ตอนเย็นกดเอทีเอ็มคืนให้”

            “จ่ายมาพร้อมกับหนี้เก่าหกพันสองร้อยหกบาทด้วยเลยสิ”

            แต้มหันมาแยกเขี้ยวทวงหนี้ใส่ผม เล่นเอาเพื่อนฝูงตะลึงอีกระลอก ส่งเสียงเปรยแผ่วๆ ว่า “รู้จักกันด้วยเหรอวะ?” ต่อด้วย “มึงไปหลอกล่อน้องมันยังไงวะถึงรู้จักกันได้?” และ  “ไอ้ลูกชายหน้าโง่ของเจ้าของเครือข่ายสัญญาณมือถือเนี่ยนะติดหนี้เด็ก!?”

            “อยากได้ก็ตามมา กระเป๋าตังค์อยู่บนรถ” ผมบอกแต้มพลางลุกขึ้นยืน “ว่าแต่ลดให้แค่ลูกค้าใหม่เหรอ แล้วลูกค้าเก่าล่ะ”

            แต้มแหงนหน้าขึ้นมองผม “ซื้องวดนี้ก่อนดิ เดี๋ยวลดของเก่าให้”

            “กระทั่งกับแฟนเก่าก็ยังเคี่ยว”

            “ก็แฟนเก่ามันชอบเบี้ยวนี่หว่า” มันย้อนกลับมาด้วยใบหน้าไม่แยแสโลกอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่สะท้านต่อความสัมพันธ์ระหว่างเราที่ผมโพล่งออกไปกลางวงเพื่อนๆ จนพวกมันตาโตปากหวอ

            “เชี่ย!” เป็นไอ้หลิวที่ส่งเสียงดังขึ้นมาเป็นคนแรก “แฟนเก่า!”

            “น้องแต้มก็ชอบผู้ชายด้วย!” ไอ้หลิวตะลึงงัน

            “ไอ้เสือ นี่มึง! น้องแต้ม! แฟนกัน?” ไอ้บุญส่งไร้คำพูดหลังจากนั้น ตัวสั่นจนมือถือในมือร่วงลงกระแทกโต๊ะ

            “ฟิล์มกระจกแตก... บวกเพิ่มมาอีกสองร้อยเก้าสิบด้วยนะบุญส่ง” ไอ้แต้มทวงยิบไม่ตกหล่นสักสตางค์แดงเดียว เก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วเหลียวมองกลับมาที่ผม “6,206+1,300+290 เฮ้ย! ลืมหักส่วนลด ไว้ลดให้งวดหลังเนอะบุญส่งจะได้คิดง่ายๆ” มันหันกลับไปเคลียร์กับเพื่อนผมที่พยักหน้าเอออออย่างช้ำใจคล้ายสติหลุดลอย ก่อนจะขอไปเก็บอุปกรณ์เครื่องมือที่สแตนด์เชียร์แล้วจะตามไปที่รถ

            คล้อยหลังแต้มผมตบไหล่ไอ้บุญส่งเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ

            “การจะจีบแต้มถ้าเงินไม่พร้อมก็ต้องอาศัยประสบการณ์ชั้งสูง อ่อนด๋อยอย่างมึงน่ากลัวว่าถูกสูบจนหมดแล้วก็ยังได้แค่มอง ให้แฟนเก่าอย่างกูสาธิตให้มึงดูเถอะว่าจีบยังไงถึงสามารถนับเป็นแต้มได้”

            “ไม่ต้องมาประกาศศักดิ์ดาข่มกู”

            ไอ้บุญส่งครวญเสียงขุ่น ผมรึจะแยแส รู้งี้น่าจะช่วยแต้มปั่นยอดอีกหน่อย ให้ไอ้นี่ที่ริจีบแฟนเก่าผมเสียสักหมื่น แม้สุดท้ายจะเป็นเงินผมที่มันยืมไปจ่ายก็เถอะ

            “กูแค่อยากดับฝันมึง ถึงแต้มจะเป็นแฟนเก่า แต่ก็แฟนกู ห้ามแตะ”

            “ไม่บอกแต่แรกวะ ทำกูเสียไปตั้งกี่พัน”

            “หมั่นไส้ล้วนๆ”

            ไอ้หลิวหัวเราะ “ถึงว่าช่วงนี้ทำเงียบ ที่แท้ก็เป็นไอ้เสือซุ่มที่แอบซ่อนเชี้ยวเล็บไว้ขย้ำแฟนเก่านี่เอง” ไอ้หลิวตั้งข้อสังเกต “ถึงเสือมันจะแก่ แต่เสือก็คือเสือ ไม่เคยทิ้งลาย”

            “แต่เสือก็เคยถูกแฟนเด็กทิ้ง... ไอ้กากกกกกก” ไอ้บุญส่งแขวะ ท่าทางจะเคืองผมหนักจริงๆ

            “เปย์ได้ไม่เท่าก็หุบปากซะเพื่อน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนหน้าจะได้รู้ถึงความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างพี่เสือกับแต้ม
ว่าจะหวานชื่นหรือระทมมากน้อยแค่ไหน
ฝากด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกวิวและคอมเมนท์มากค่ะ
Boorina

หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.01(23-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-02-2018 20:01:51
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.01(23-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-02-2018 01:48:50
เลิกกันเพราะเหตุใด  เกี่ยวกับหวยไหมเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.02 (24-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 24-02-2018 10:44:20


- ลำดับที่ 3 -
ซีรีส์ชุด Intania ภาค ME
(ME  : Mechanical Engineering วิศวกรรมเครื่องกล)
เรื่อง เสือนับแต้ม
เขียนโดย   Boorina


CH.02
แมวป่าขี้อ้อน




            “เอาไปสี่พันก่อนนะ”


            ผมที่ยืนกอดอกพิงเสากลมข้างตึกซึ่งมีรถจอดเรียงรายยื่นเงินให้ไอ้หล่อมาดเถื่อนที่ถอดเสื้อช็อปพาดไหล่ไว้ เสื้อยืดสีเทาบนตัวมันชุ่มไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะมองสำรวจใบหน้าไอ้เด็กแต้ม นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้มองมันเต็มสายตาแบบนี้


            แต้มยังคงเป็นแมวป่า มีนิสัยดื้อรั้นและหน้าเงินเหมือนเดิม ทั้งยังมีความดิบเถื่อนตามสไตล์เด็กช่างติดตัว แต่เพราะหน้าตาหล่อคมทำให้ยิ่งดึงดูดสายตาคนให้เหลียวมองอย่างสนใจ โดยเฉพาะสาวๆ สมัยนี้ที่ชอบมาดแบดบอยเร้าใจ


            “มองหน้ากูนานเกินเหตุจำเป็นกูคิดตังค์นะ”


            “พูดไม่เพราะกับพี่เสือเลยแต้ม”


            “ปากกูไหม”


            “คำละยี่สิบ ‘พี่เสือ’ พูดได้ไหม”


            “จ่ายค่าติดให้ครบก่อน แล้วค่อยว่ากัน” บอกพลางเก็บเงินใส่กระเป๋า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถาม “ที่เหลือจะจ่ายเมื่อไหร่ล่ะ ปล่อยไว้นานๆ กูคิดดอกเบี้ยนะ” ผมเงียบไม่ตอบ เอาแต่จ้องหน้ามันไม่ละสายตา ในที่สุดมันก็ทนไม่ไหวจนต้องโพล่งออกมา “มีอะไรอีกไหม ไม่งั้นกูกลับแล้ว”


            “...แต้มตามพี่มาเหรอ?”


            มันชักสีหน้าหงุดหงิด ส่ายหน้ารำคาญก่อนจะเดินเบียดไหล่ผมเพื่อเดินจากไป


            “โอ๊ย...” ผมร้องครางหงิงๆ ไม่ดังนัก เน้นการแสดงทางสีหน้าเมื่อแต้มหันกลับมามองพร้อมเลิกคิ้วโก่งเชิงถาม ผมจึงตอบออกไป “แคลเซียมเกาะกระดูก”


            มันพยักหน้ารับ สมัยก่อนที่เราคบกันผมก็เคยป่วยแบบนี้ มันจึงไม่แปลกใจนัก


           “ขับรถพาพี่ไปโรงพยาบาลหน่อย ค่าขับหนึ่งพัน ค่าเสียเวลาห้าร้อย พร้อมค่าติดที่เหลือทั้งหมด”


            “อืม”


            แต้มตอบรับสั้นๆ ก่อนจะก้มลงเก็บถุงมือเชื่อมเก่าๆ ข้างหนึ่งที่ร่วงจากกระเป๋าเสื้อช็อปตอนไหล่ชนกัน...


            ผมกดปลดล็อกแล้วยื่นกุญแจรถให้ มันรับก่อนหันหลังเดินตรงไปยังรถ BMW Z4 สีดำ ภาพตรงหน้าซ้อนทับภาพในวันวาน ผมเป็นคนสอนแต้มขับรถพร้อมพาไปสอบใบขับขี่ด้วยรถคันนั้น...


            ห้วงอารมณ์คิดถึงดีดพุ่งขึ้นมา ฉากสอนไปด่าไป กระทั่งป้อนขนม แอบเนียนจับมือและตอดเล็กตอดน้อยได้ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ก่อนจะถูกสีหน้าเซ็งจัดของแต้มตัดอารมณ์


            ผมยิ้มขำให้กับภาพปัจจุบันที่แต้มพยายามเปิดประตูรถแต่ไม่มีวี่แววสำเร็จ


            “คันโน้น...”


            ผมพยักพเยิดใบหน้ากลั้นขำไปยังรถสีดำอีกคัน


            “เปลี่ยนรถใหม่ก็บอกดิวะ” ให้บอกตอนไหนล่ะ เลิกกันไปตั้งหลายปี “ไอ้ห่า เจ้าของรถเดินหน้าดุมาแล้ว วิ่งโว้ยๆ” มันบ่นพลางวิ่งอ้อมรถไปเปิดประตูรถ Porsche 911 Turbo S Cabriolet เข้าไปประจำตำแหน่งคนขับด้วยใบหน้าที่แดงเถือกด้วยความกระดากอาย


            ความรู้สึกที่เคยลังเลว่าจะจีบแฟนเก่าดีไหมเริ่มสั่นคลอน


            อยากบอกแต้มว่า... ตอนนี้พี่พร้อมเปย์ทุกอย่างให้น้องจริงๆ นะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


            นับจากวันที่เราเลิกกัน ผมนึกย้อนถามตัวเองบ่อยครั้งว่าอยากกลับไปคืนดีด้วยไหม?


            ‘แน่นอน’ ผมตอบแบบนี้ทุกครั้ง


            แต่พอถามอีกหน่อยว่า แล้วแต้มล่ะ ยังเหลือเยื่อใยอะไรให้ผมพอมีหวังบ้างไหม?


            ผมได้แต่กุมขมับ ปล่อยวันเวลาให้ไหลผ่านไปเรื่อยๆ  กระทั่งได้เจอกันเมื่อต้นปีในงานเกษตรแฟร์ของมหา’ลัยที่จัดขึ้นทุกปี ในคืนนั้นผมได้พบแต้มอีกครั้ง มันยังคงตรึงสายตาของผมไว้กับมันได้เสมอ


            ตอนที่พูดออกไปว่า... ‘ตามมานะ พี่เสืออยากจีบ’


            ไม่คาดคิดว่าผ่านไปครึ่งปีกว่าผมจะได้พบกับแต้มอีกครั้งในมาดของนักศึกษาในเขตแดนวิศวกรรมศาสตร์ จะให้หลงคิดว่าน้องมันตามมาก็ดูจะหลงตัวเองไปหน่อย เพราะในความเป็นจริงแล้วมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนสาขาที่เกี่ยวข้องกับงานเชื่อมนั้นมีค่อนข้างน้อย และการที่มันสอบเข้ามาเรียนที่นี่ได้ก็เพราะเจ๋งพอตัว ไม่ใช่คิดอยากเรียนก็สามารถตามมาได้ง่ายๆ


            ความเจ๋งที่ว่าก็คือ แต้มเป็นเจ้าของเหรียญทองในการแข่งขันทักษะงานเชื่อมระดับอาเซียนตอนเรียน ปวช. ก่อนจะแว่วข่าวว่าได้เหรียญทองโอลิมปิกที่เยอรมนีเมื่อปีก่อน


            ตอนคบกันสมัยแต้มเรียน ปวช. และผมเรียนมหา’ลัยปีหนึ่ง... ผมยังจำรอยยิ้มกว้างจนหมดมาดเถื่อนตอนที่มันวิดีโอคอลมาหาหลังจบการแข่งขันที่สิงคโปร์ได้ดี




            ‘พี่เสือ... ทำได้แล้วว่ะ ทำได้แล้วโว้ยยยย’

            ‘ไหนโชว์มือให้ดูหน่อย’

            ‘นี่ไงๆ ดูสิ ไม่สั่นแล้ว เจ๋งเปล่า’

            ‘ใช่ ไม่สั่นแล้ว เก่งมากแต้ม’

            ‘เพราะได้เครื่องรางดีมั้ง’

            ‘แล้วพี่เสือล่ะ... ดีไหม?’

            ‘โคตรชั่ว’

            ‘อะไรวะ ว่าพี่ได้ไง’

            ‘ชอบทำใจผมสั่นว่ะ... ไอ้เลวววววว’


           

            อันที่จริง... เห็นแต้มมาดเถื่อนแต่เนื้อแท้แล้วก็แค่แมวขี้อ้อนดีๆ นี่เอง


            แต้มสมชื่อจริงๆ


            “ตื่นๆๆๆ ขับกลับไปเองนะ กูขึ้นหอพักแล้ว” ผมปรือตากว้างหลังงีบพักสายตาระหว่างทางกลับจากโรงพยาบาลมายังหอพักของมัน โดนอาหมอบ่นไปยกใหญ่ที่ทำตัวตอแหลไปหาหมอสองครั้งในรอบวัน

            ผมคว้าข้อมือแต้มไว้


            “ขอเข้าห้องน้ำหน่อย” มันหรี่ตาเข้มจดจ้องอย่างระแวดระวัง ไม่ต้องเอ่ยผมก็รู้ว่ามันคิดอะไร “ไข้ขึ้นขนาดนี้ คงมีแรงปล้ำมั้ง แถมตีนก็หนักซะขนาดนั้นยังต้องกลัวอะไร... ห้าสิบบาท”


            “เออ”


            การต่อรองการค้าเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาในห้องพักนักศึกษาของแต้มที่อยู่ในซอยหลังมหา’ลัย หลังผมเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้วเจ้าของห้องก็เอ่ยลาพร้อมฝากให้ปิดประตูห้องให้ด้วยก่อนพาตัวหายเข้าไปในห้องน้ำ เป็นโอกาสให้ผมได้มองสำรวจภายในห้องขนาดเล็กที่ค่อนข้างโล่ง เตียงเล็กๆ ขนาดสามฟุตครึ่งตั้งชิดติดกำแพง มีโต๊ะหนังสือที่ไร้หนังสือวางใกล้กัน โดยมีเพียงนาฬิกาปลุกกับกระปุกออมสินขนาดใหญ่วางประดับ ผมเดินไปหย่อนแบงค์สีแดงลงไปในช่องว่างเหมือนอย่างที่ชอบแอบทำสมัยเคยคบกัน

           


            ‘เก็บเงินเก่งนะ’

            ‘เก็บเงินไว้เรียนไงพี่เสือ’

            ‘เหนื่อยไหมเนี่ย เรียนก็หนักแล้ว เสาร์อาทิตย์ยังรับงานนอกอีก’

            ‘เห็นเงินแล้วหายเหนื่อย’

            ‘แล้วตอนเห็นหน้าพี่ล่ะ’

            ‘เหนื่อยใจ’

            ‘หืม?’

            ‘ใจเต้นโคตรแรง... เหนื่อยมากจริงๆ’


 


            ม่านสีเทาเรียบๆ พลิ้วไปตามลมจากพัดลมเพดาน ผมจำผ้าม่านผืนนี้ได้ดี เป็นผืนเก่าในห้องนอนที่บ้านของแต้ม... ผมเดินไปเปิดดูภายในตู้เสื้อผ้า พบชุดนักศึกษาสามชุด เสื้อช็อป ปวส. เก่าๆ สองตัว คิดว่าคงเอาไว้ใส่ตอนรับงาน นอกจากนั้นก็ยังมีเสื้อยืดสีพื้นๆ กับกางเกงขาสั้นและกางเกงยีนส์ขาดๆ ไม่กี่ตัว


            ข้างตู้มีเครื่องเชื่อมไฟฟ้าวางอยู่สองเครื่อง ซึ่งก็คงเป็นเครื่องมือทำมาหากินของมัน


            ผมพยายามมองหาร่องรอยระหว่างเราสองคนที่อาจมีหลงเหลืออยู่ในห้อง แต่กลับต้องผิดหวัง เรื่องราวระหว่างเราคล้ายเหลือทิ้งไว้เพียงความทรงจำเท่านั้น


            ผมเหลือบมองไปยังกระเป๋าเป้สีดำของแต้ม ยังคงเป็นใบเก่าที่เคยเห็นมันใช้เมื่อหลายปีก่อน


            ของที่เคยให้ไป ไม่มีเหลือทิ้งไว้เลยสักอย่าง


            แล้วของชิ้นนั้นในกระเป๋าล่ะ ที่แต้มทำตกที่ลานจอดรถแล้วรีบเก็บยัดเข้าไปเหมือนกลัวว่าผมจะเห็น จะใช่ของสิ่งนั้นไหม ใช่เยื่อใยสุดท้ายที่เหลือไว้รึเปล่า


            ผมเปิดกระเป๋า


            ...ผ่านไปห้านาทีแต้มเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพสวมเสื้อกล้ามตัวโคร่งสีน้ำเงินพร้อมกางเกงขาสั้นสีขาว จ้องผมพลางใช้ผ้าเช็ดผม กลิ่นอ่อนๆ ของแชมพูฟรุ้งกระจาย ผมสูดลมหายใจลึกเข้าไป



            กระทั่งแชมพูก็ยังเป็นกลิ่นเดิม...


            “เดี๋ยวนี้ผมยาวขึ้นเยอะเลยนะ”


            ผมเปรย มองดูแต้มเดินไปหยิบไดร์เป่าผมจากตู้เสื้อผ้ามาเสียบที่ปลั๊กข้างโต๊ะแล้วหย่อนกายลงนั่งบนเตียง ก่อนที่เสียงน่ารำคาญหูจะดังขึ้นพร้อมเส้นผมที่ลู่ไปตามลมร้อน ปลายผมยาวเคลียบ่า บางส่วนเคลียต้นคอขาวชวนมอง หน้าผากปรกผมม้าฟันปลาจนถึงคิ้ว...


            อื้อหือ แฟนเก่าผมหล่อระเบิดระเบ้อ น่าจะแซ่บหลายกว่าเดิมแน่


            “ชอบ แลดูอปป้าสาวกรี๊ด”


            “พี่ไม่ชอบ”


            “ก็กูชอบไหมล่ะเสือ”


            แต้มหงุดหงิด ใบหน้ามุ่นกรุ่นเคืองปราศจากรอยยิ้ม ก่อนเอ่ยปากไล่ผมกลับ...




            ‘อยากไว้ผมยาวว่ะพี่เสือ อยากมัดจุก’

            ‘อ้อร้อนะ’

            ‘หัวเกรียนมาตั้งกี่ปี อยากไว้ยาวบ้างไม่ได้เหรอ ให้เรียนจบก่อนเถอะ แม่จะไว้ให้ยาวจนรวบได้ทั้งหัว’

            ‘ไม่ค่อยชอบ แต่ตามใจ’

            ‘เออ... ตามใจพี่เสือก็ได้วะ เฮ้อ แก่แล้วยังเอาแต่ใจ อุตส่าห์อยากประหยัดค่าตัดผม’

            ‘ให้เรียนจบก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที’

            ‘พี่พูดเหมือนเราจะยังคบกันถึงตอนนั้น...’

            ‘ถึงตอนนั้นแล้วถ้ายังอยากไว้ยาว... พี่จะคอยมัดผมให้’

            ‘พี่เสือแม่งโคตรพีค’

            ‘อะไรของมึงแต้ม’

            ‘ชอบอ่อยให้หลง... เกลียดความเสือว่ะ!’


           


            นอกจากแต้มจะขี้อ้อนแล้ว... ยังมีความสปอยด์ผัวเล็กๆ อีกด้วย แค่กๆ แฟนครับแฟน


            “แต้ม... พี่ถามอะไรหน่อยสิ”


            “ตอบแล้วรีบกลับเลยนะ ง่วงแล้ว คนจะนอน” บอกพลางหาวหวอดใส่หน้าผม... ผมเดินไปหย่อนกายลงนั่งข้างมันแล้วเริ่มถาม


            “เสื้อผ้าดีๆ ที่เคยซื้อให้ทำไมไม่เอามาใส่บ้างล่ะ”


            แต้มยิ้มพลางหวีผม ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ขายมือสองในตลาดนัดหมดแล้ว ได้มาเป็นหมื่นแน่ะ โคตรคุ้มกับค่าเช่าที่แค่สี่สิบบาท” ได้ข่าวที่พี่เปย์ไปราคาน่าจะคูณสิบนะ


            “นาฬิกา Patek Philippe ล่ะ ไม่เห็นใส่”


            “เอาขายไปซื้อเครื่องเชื่อมแล้ว” แพงกว่าเครื่องเชื่อมยี่สิบเครื่องรวมกันอีกนะโว้ยไอ้แฟนเก่า!


            “กระเป๋าเป้ รองเท้าหนังดีๆ หายไปไหนหมด”


            “เอาขายจ่ายเป็นค่าเทอมตอนเรียน ปวส. เกลี้ยงเลย” ช่างเถอะ ถือเป็นค่าโสหุ้ยเล็กๆ น้อยๆ ในการจีบแล้วกัน


            “ก็ยังดี อย่างน้อยของพวกนั้นก็พอมีประโยชน์กับแต้มบ้าง”


            “แน่นอน ไม่ว่าอะไรที่เคยได้มาจากมึง มันย่อมมีราคาและขายได้ เก็บไว้ก็เท่านั้นสู้ขายไปซะให้หมดไม่ดีกว่าเหรอ เพราะยังไงของพวกนั้นก็ไม่ใช่ของที่มีไว้เพื่อคนอย่างกูอยู่แล้ว...”


            ท้ายเสียงที่ควรมีความรู้สึกเสียใจแฝงไว้สักนิดตอนเอ่ยถึงเรื่องในอดีตกลับว่างเปล่า กระทั่งความโกรธเคืองที่ควรมีต่อผมสักหน่อยก็ไม่มี ไม่รู้เพราะแต้มไม่ใส่ใจจนลืมเลือน หรือเพราะยังเกลียดจนไม่อยากหวนคิดกันแน่


            “แต่ก็ยังเหลือชิ้นนี้ไว้”


            ผมบอกพลางหยิบของคู่หนึ่งออกจากกระเป๋าซอมซ่อ นัยน์ตาหยิ่งไม่แยแสโลกกระตุกวูบ ก่อนจะปรายมองมาที่ผมอย่างเย็นชา ผมคลี่ยิ้มอวดคมเขี้ยวเสือ ลูบของในมืออย่างทะนุถนอม...


            เป็นฝีเข็มยึกยือที่ปักลงบนถุงมือหนังคู่หนึ่ง ข้างขวาเป็นเสือไร้เขี้ยว ข้างซ้ายเป็นแมวไร้เล็บ ของสิ่งนี้เคยมอบให้คนๆ หนึ่งที่กำลังตื่นสนามกับการแข่งขันนอกประเทศเป็นครั้งแรก



 

            ‘ยื่นมือมา พี่มีของจะให้’

            ‘ถุงมือ?’

            ‘เวลาลงสนามแล้วเกิดสั่นหรือประหม่า ให้คิดว่าถุงมือหนังคู่นี้เป็นมือของพี่ที่กำลังจับมือแต้มไว้’

            ‘พี่เสือคิดว่าผมจะสงบลงไหมล่ะ’

            ‘แหงอยู่แล้ว’

            ‘เวลาถูกเสือตะปบ ยิ่งต้องสั่นไม่ใช่เหรอวะพี่’

            ‘เหมือนตอนนี้เลยเนอะ'

            ‘นี่ล้วงอะไร เอามือออกไปนะโว้ยไอ้พี่เสือ!’

            ‘ทำให้คุ้นเคย จะได้เลิกสั่น’

            ‘…พี่เสือแม่ง สัตว์กินเนื้อ!’

            ‘…แค่เนื้อแมว ...โอ๊ย ...ข่วนเบาหน่อยแต้ม ...พี่เสือเจ็บ’

            ‘พี่เสือแม่งหน้าด้าน... ชอบทำโรแม้งให้เคลิ้มตลอด... อื้อ... อึ้มมม...’

 


            ในตอนนั้น... แม้จะเป็นเสือไร้เขี้ยวแต่ก็ขย้ำเนื้อกินได้ แม้จะเป็นแมวไร้เล็บแต่ก็ทำแผ่นหลังผมเป็นรอยแดงยาวได้ ฟินดีจริงๆ


            “ทั้งสกปรกทั้งเปื้อน แถมยังขาดอีก ขายออกก็แปลกแล้ว เลยต้องเก็บไว้ใช้เอง” แต้มปั้นหน้าเฉยไร้ความรู้สึก ก่อนจะเอื้อมมือมาดึงถุงมือคืน แต่ถูกผมยื้อไว้ “ให้ซื้อใหม่ก็คู่ละหลายร้อยเลยนะ” น้องมันยังคงพยายามแถ


            “หรือเพราะมีคุณค่าทางจิตใจ ถึงตัดใจทิ้งไม่ลง”           


            ปลายนิ้วของแมวน้อยขยุ้มถุงมือแน่น จิกเอาใบหน้าเสือที่เป็นลายปักยู่ยี่จนหมดความน่าเกรงขาม ผิดกับถุงมืออีกข้างที่เป็นลายปักรูปแมว เคยน่ารักขี้อ้อนยังไง ตอนนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น


            ใครว่าแต้มงก... เปล่าเลย...


            ไม่เห็นเหรอว่ามีแค่ของไร้ราคาชิ้นนี้เท่านั้นที่ยังถูกเก็บรักษาไว้


            เยื่อใยเล็กๆ ที่หลงเหลือ แค่นี้ก็มากพอให้ผมมั่นใจที่จะพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย


            “พี่อยากจีบแฟนเก่า อนุญาตไหม?”


            “ลงทะเบียนจีบพันห้า”


            ขอถอนคำพูดดีไหมกู...



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อันที่จริง แต้มเป็นตัวละครในแบบที่ชอบเลยค่ะ
ถึงจะซึน และเหมือนจะร้าย แต่ซื่อตรงกับความรัก
ช่วยรักแต้มเยอะๆ ด้วยนะคะ อย่าไปหน้ามืดกับเงินอิพี่เสือมัน
อินี่มันจอมหลอกลวง

ปล.ต้องลุ้นค่ะ ว่าเรื่องหวยเกี่ยวกับสาเหตุการเลิกไหม 55

Boorina
[/color]




หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.02 (24-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-02-2018 11:27:19
นั่นสิ ทำไมถึงเลิกกัน อิพี่เสือไปทำอะไรไว้
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.02 (24-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 24-02-2018 12:13:43
เลิกกันเพราะอะไรน๊า อยากรู้
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.02 (24-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-02-2018 03:14:45
มีใครไปดูถูกน้องหรือเปล่า ทำให้น้องคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับของที่เสือเคยให้ไว้นะ   :m16:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.02 (24-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 25-02-2018 16:13:29
พี่เสือนี่สายเปย์จริงๆ อยากรู้สาเหตุที่เลิกกันแล้ววว
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.03 (2-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 02-03-2018 09:44:58




- ลำดับที่ 3 -

เรื่องสั้นชุด Intania ภาค ME

(ME  : Mechanical Engineering วิศวกรรมเครื่องกล)

เรื่อง เสือนับแต้ม

เขียนโดย   Boorina





CH.03

นับแต้มแลกสถานะ
[/color]

 

 

            เงื่อนไขคร่าวๆ ในการจีบแต้ม

            1. สมัครเป็นดาวน์ไลน์ขายหวย

            2. ถ้าผมทำยอดขายถึงเป้าหมายแรกแต้มจะรับผมไว้พิจารณา

            3. ทุกยอดขายคือคะแนน สามารถนำมาแลกของรางวัลได้ แต่จะชิ้นเล็กชิ้นน้อยหรือมหึมา ล้วนขึ้นอยู่กับตัวเลข

            4. ยอดขาย 10 บาท เท่ากับ 1 คะแนน

 

            นั่นทำให้เกิดเหตุผลในการลงทุน...   

            แต่จะเป็นการลงทุนที่ตลกมากไปรึเปล่ากับแอพพลิเคชั่นที่จ้างให้ไอ้เด็กเนิร์ดเทพโคตรประจำภาควิศวกรรมคอมพิวเตอร์เขียนขึ้นมา แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายย่อมสูงเล็กน้อย เพราะงานชิ้นนี้เสร็จภายในสองวัน

            ผมลองล็อกอินเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่น ‘นับแต้ม’ รายละเอียดภายในค่อนข้างง่ายต่อการใช้งาน มีระบบคำนวณคะแนนจากยอดขาย ซึ่งเมื่อกรอกยอดขายแล้วต้องได้รับการอนุมัติจากแต้มก่อน เมื่อสะสมคะแนนถึงเป้าก็สามารถแลกของรางวัลได้...

            หลายคนอาจคิดว่าแค่การจีบแฟนเก่าทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยากด้วย?

            งั้นบอกให้กระจ่างเลยว่า... ถ้าการจีบแฟนเก่ามันง่ายขนาดนั้น ผมคงง้อสำเร็จตั้งแต่มีปัญหากันจนต้องเลิกกันไปแล้ว ไอ้เรื่องที่ว่าแต้มงกจนปวดหัวนั้นดูกระจอกไปเลยเมื่อเทียบกับความใจแข็งของมัน

            และผมเองก็อยากให้น้องมันรับรู้ถึงความจริงใจของผม

            ค่อยๆ จีบอย่างที่ไม่เคยจีบ ค่อยๆ สานสัมพันธ์อย่างที่ไม่เคยทำ ชดเชยสิ่งเหล่านั้นที่ขาดหายไปให้กับแต้ม อยากให้ความรู้สึกของผมละเมียดลึกเข้าไปในใจของมัน

            ดีเท่าไหร่แล้วที่แต้มยอมเผชิญหน้ากับผม ไม่หลีกลี้หนีหน้าทำเมินเป็นคนไม่รู้จักกัน

            กับอีแค่ความรู้สึกที่เหมือนตัวเองเป็นดาวน์ไลน์ขายหวยของแต้มแค่เนี๊ยะ พี่เสือชิลมาก

            “มึงนี่เวอร์เนอะ ลงทุนจัด”

            น้องแต้มของผมยิ้มแหยะ ก่อนจะก้มลงมองหน้าจอด้วยเรียวคิ้วที่ค่อยๆ กระตุกเป็นจังหวะ

            “เผื่อมีคนโกง"

            “เหอะ!”

 แต้มส่งเสียงคล้ายเอือมระอาก่อนหย่อนก้นลงนั่งพิงกับกำแพงห้องแล็บนิวเมติกส์หลังผมเลิกคลาส ผมจึงทิ้งกายลงนั่งข้างกัน ไม่ลืมแกล้งตอดโดยวางมือทับมือข้างหนึ่งของมันที่ทาบพื้นไว้ ก่อนจะถูกสลัดออกพร้อมฟันเขี้ยวที่ถูกแยกใส่เหมือนพร้อมจะกระโจนเข้ามากัด

“เยอะนะเสือ"

            “แต้มต้องเป็นคนกดอนุมัติคะแนนให้พี่ด้วยนะ เป็นระบบสแกนลายนิ้วมือ เอานิ้วมานี่...”

            ว่าแล้วผมก็คว้ามืออุ่นของมันมาพร้อมกับมือถือเพื่อเพิ่มลายนิ้วมือของมันลงไปในระบบ

            โธ่ถัง หน้าหล่อเฟี้ยว แต่มือสากชะมัด แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รั้งอารมณ์ผมให้บีบกระชับมือนั้นไว้ ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาต้องทนร้อนทนเหนื่อยแค่ไหนถึงพาตัวเองมาจุดนี้ได้ ช่วงปิดเทอมก่อนเข้าเรียนต้องใช้มือข้างนี้หาเงินหนักแค่ไหนกับการหาเงินมาจ่ายค่าเทอม

            แค่คิดหัวใจของผมก็แกว่งไกว

            ทั้งที่อยากดูแล

            อยากให้กำลังใจ

            แต่สุดท้าย... กลับพลาดพลั้งปล่อยมือคู่นี้ไปนานหลายปี

            มันดึงมือกลับ ทำเป็นไม่ใส่ใจ “เจ๋งแฮะ ชื่อแอพฯ อะไรเนี่ย จะได้โหลดมาบ้าง” ดูสีหน้าที่กำลังครุ่นคิดของมัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคิดอยากเอาไปใช้กับดาวน์ไลน์คนอื่น เหอะ ฝันไปเถอะ

            “ไม่ต้องโหลด มันเป็นระบบออฟไลน์ ต้องใช้กับเครื่องพี่เท่านั้น”

            “ทำไมไม่ทำระบบออนไลน์เนี่ย” มันแย้งเสียงขุ่นหน้าเคือง ติดไม่ชอบใจอยู่เนืองๆ

            “เปลืองตังค์ค่าเช่าโดเมนเช่าเซิร์ฟเวอร์” นั่นคือความแหลเล็กๆ เพราะเหตุผลจริงๆ คือต้องการหาเรื่องเจอหน้ามันทุกวัน ต่อให้เกลียดขี้หน้ากันก็ต้องมีวันที่หัวใจกร่อนบ้างล่ะวะ “เจอกันวันละครั้ง มาเช็คแต้มอนุมัติหัวใจให้พี่นะ”

            มันทำเสียงแหวะ “ไม่คิดบ้างเหรอว่าไร้สาระ เสียเวลา น่ารำคาญ” ด่าเสร็จสรรพก็ก้มดูหน้าจออีกครั้ง “เฮ้ย! รางวัลอะไรวะเนี่ย?”

 

            สิทธิประโยชน์และการใช้คะแนนแลกของรางวัล

            หมวดที่ 1. รางวัลประจำวัน

                        เรียกพี่เสือว่า ‘พี่เสือ’                        30       คะแนน

                        เลี้ยงข้าวแต้ม(เช้า/เที่ยง/เย็น)             50       คะแนน

                        จับมือ                                        100       คะแนน

                        หอม                                          150       คะแนน

                        จูบ                                            280       คะแนน

                        นอนเตียงเดียวกัน                         330       คะแนน

            หมวดที่ 2. สถานะ

                        จีบแต้ม                                       100       คะแนน

                        เสือกินแต้ม                                1,000     คะแนน

                        แต้มข่วนเสือ                            -10,000      คะแนน

                        แต้มแฟนพี่เสือ                         100,000      คะแนน 

 

            *หมายเหตุ  รางวัลหมวดที่ 1 ใช้ได้ไม่จำกัดครั้งต่อวัน

 

            ทั้งนี้และทั้งนั้น... ตอนนี้สถานะของผมในแอพฯ คือ ‘ดาวน์ไลน์’

            “ไม่ต้องทำหน้าเหมือนอยากกระทืบพี่ จีบกันแฟร์ๆ ไง พี่ช่วยขายหวย น้องได้เงิน แต่อย่าลืมว่าการทำการค้าไม่มีหรอกที่ฝ่ายหนึ่งจะไม่หวังผล มันเป็นโลกแห่งความเป็นจริง และพี่ต้องการแต้ม จบนะ”         

            “กูรู้สึกเหมือนหลงอยู่ในโรงพยาบาลบ้า!”

            ผมมากกว่ามั้งที่รู้สึกเหมือนอยู่ในโรงพยาบาล ดูเอาเถอะ ดูไอ้วิดวะคอมพ์ตัวนั้นมันเขียนโปรแกรมมา กว่าจะได้เเต้มเป็นแฟน ผมไม่ต้องเสียเป็นล้านเลยเหรอวะ จำได้ว่าที่ร่างไปมันแค่หนึ่งหมื่นคะแนนนี่หว่า แต่มันใส่มาหลักแสน บรรลัยแล้ว

            ไม่น่าเชื่อใจไปขอให้ไอ้บุญส่งมันแนะนำคนให้เลย

            “ฟินเลยไหมล่ะ... กดคอนเฟิร์มยอดขายหวยที่พี่ส่งให้ดูทางไลน์เมื่อเช้าให้ด้วยเลย ตั้งพันแปดแน่ะ เท่ากับว่าพี่มีหนึ่งร้อยแปดสิบคะแนนแล้วนะ”

            “กูไม่ได้หน้าเงิน ไม่ได้ขายตัวนะโว้ย!” แต้มเคือง ส่งเสียงฟึดฟัด ก่อนจะโพล่งออกมาว่า “ไอ้บ้าเสือ ค่าลวนลามกูแค่หลักร้อย เอามันสมองส่วนไหนคิด มันควรหลักพันหลักหมื่นไหม ไอ้งกเอ๊ย! แล้วมาทำเป็นพูดว่าจะจีบ ไอ้กาก ไม่ลงทุน...”

            ไม่ลงทุนกับผีสิครับน้องแต้ม รู้ไหมสองสามวันนี้พี่หมดไปกับน้องเท่าไหร่ ไม่รู้อะไรอย่ามาทำเป็นพูดเลย พี่ทุ่มทุนวางแผนพร้อมเปย์น้องตั้งขนาดนี้ ถึงจะมองไม่เห็นค่า ก็ควรมองเห็นราคาสักนิดไหมครับ

            “คิดเป็นแฟนกูต้องใช้สิบล้านคะแนน!” งั้นชาตินี้คงเป็นได้แค่คนรู้จักแล้วแหละ คิดพลางรับมือถือคืนจากแต้ม “ตั้งค่าใหม่เลยนะ... ไอ้พี่เสือ”

            ตั้งค่าไงล่ะ?

            เอ๊ะ!

            ตะกี้เรียกว่าไงนะ??

            ตอนที่ก้มมองหน้าจอ พลันพบเลขสามอยู่บนกล่องของขวัญ พอกดเข้าไป พบรายละเอียดของขวัญประจำวันที่แลกไว้

            หนึ่ง... เรียกพี่เสือ

            สอง... ออกเดท

            สาม... จับมือ

            ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี น้องแต้มคนดีของพี่ถึงได้ใจดีกดแลกแทนพี่จนคะแนนหมดเกลี้ยง แล้วอย่าหลงระเริงดีใจไปว่าน้องมันว้อนท์ มันคงกลัวถูกตอดเยอะกว่าจับมือ และคงอยากให้ผมทำยอดให้มันเพิ่มมากกว่า

            ซึ่งดูจากใบหน้าที่เหมือนมีแบงค์สีเทาแปะหราอยู่ น่ากลัวว่ากว่าน้องมันจะใจอ่อน ผมอาจสิ้นเนื้อประดาตัวไปซะก่อน เฮ้อ หมั่นไส้แฟนเก่าตัวเอง อยากฟาดปากมันด้วยลิ้นว่ะ

            “พี่เสืออยากหอมแก้มมากกว่านะ” ว่าแล้วก็พุ่งปากด้วยความเร็วปีแสงไปทาบแก้มนุ่มนิ่มของไอ้เด็กดื้อ “อันนี้ขอแลกรางวัลล่วงหน้า พรุ่งนี้ค่อยทำยอดมาลงระบบใช้หนี้แล้วกันเนอะ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

และนี่ก็คือที่มาของชื่อเรื่องค่ะ เสือนับแต้ม ^^

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านและคอมเมนท์ให้นะคะ

ขอบคุณที่รักในตัวละคร

แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ ^^

Boorina


หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.03 (02-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-03-2018 11:06:10
อืม กว่าจะได้กลับมาเป็นแฟนอีกรอบ พี่เสือคงเสียเป็นล้านจริง ๆ ฮา
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.03 (02-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-03-2018 11:18:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.03 (02-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 02-03-2018 12:14:22
พี่เสือห้ามหมดตัวก่อนน่ะ ไม่งั้นอดได้แต้ม
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.03 (02-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 02-03-2018 23:13:42
น่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.03 (02-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-03-2018 01:46:34
ต้องใช้กี่คะแนนเสือจะได้แต้ม  แล้วต้องใช้กี่คะแนนแต้มจะได้เสือ คะแนนฝ่ายไหนจะมากกว่ากันล่ะเนี่ย  :mew3:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.04 (13-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 13-03-2018 12:45:29

- ลำดับที่ 3 -

เรื่องสั้นชุด Intania ภาค ME

(ME  : Mechanical Engineering วิศวกรรมเครื่องกล)

เรื่อง เสือนับแต้ม

เขียนโดย   Boorina





CH.04

แค่ลมปากเท่านั้นที่บอกว่าไม่





 
            การเดินหน้าจีบแต้มใช่ว่าจะเป็นอย่างที่พูดได้ทุกอย่าง เพราะเวลาว่างของเราไม่ตรงกันนัก แต้มมีเรียนของแต้ม เสาร์อาทิตย์มีงานนอกที่ต้องไปทำเพื่อหาตังค์ บางครั้งก็ไปช่วยเทรนด์เด็กแข่งทักษะที่วิทยาลัยเทคนิคที่จบมา เวลาไร้สาระจึงมีน้อยเต็มที

 

            ไอ้ตัวผมเองก็เรียนปีสี่ ชีวิตวุ่นวายกับโปรเจกต์จบ เวลาว่างสั้นๆ ของผมก็เป็นเวลาเรียนของมัน เลิกเรียนก็หาตัวมันไม่ค่อยพบ มือถือก็ไม่ค่อยรับ ไม่รู้ว่ากำลังทดสอบความอดทนของผมเล่นรึเปล่า เอาเป็นว่าด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้อารมณ์ผมเย็นลง แต่ในหัวก็เต้นตุบๆ ไปกับแฟนเก่าที่เหมือนจะเปิดโอกาสให้แต่กลับไม่ยอมเล่นด้วยง่ายๆ

 

            ความคิดของผมคล้ายตีวนในอ่าง ก่อนสะดุดลงด้วยเล่มโปรเจกต์สีน้ำเงินเข้มที่ถูกฟาดลงบนไหล่ เป็นไอ้บุญส่งที่ตีหน้ายักษ์ใส่ผมก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามใต้ตึกภาค หันมองบรรยากาศรอบข้าง โต๊ะเนืองแน่นไปด้วยเพื่อนร่วมภาคและพวกรุ่นน้องจนแทบไม่มีที่ว่าง เป็นปกติของเด็กมหา’ลัยที่ชอบแบกแล็ปท็อปมาใช้ไวไฟเร็วปรู๊ดปร๊าดหลังเลิกเรียน เล่นบ้าง ทำงานบ้าง โดยเฉพาะพวกอยู่หอที่ชอบอยู่ดึกจนตีสองตีสาม

 

            ไอ้บุญส่งคว้าแมคบุคตรงหน้าผมไปตรวจดู ก่อนจะเริ่มสวดยับกับสไลด์สอบหัวข้อโปรเจกต์ที่ผมนั่งแก้ตามคอมเมนท์ของอาจารย์ที่ปรึกษาเมื่อวันก่อน

 

            “ไอ้เสือแก่ สอบพร็อพโพซอลพรุ่งนี้เก้าโมงนะโว้ย เฉื่อยแฉะแล้วยังทำงานห่วย คืนนี้ได้โต้รุ่งแน่ งานไม่เรียบร้อยกูไม่ให้มึงกลับคอนโดฯนะ เฮ้อ ชีวิตกูบรรลัยมากมีเพื่อนเป็นมึง!” ลึกๆ ยังคงเหน็บร้ายถึงเรื่องแต้ม นึกแล้วก็ทั้งขำทั้งสงสารมัน ท่าทางจะอยากได้เอามาก

 

            แต่กูไม่ให้ ฮ่าๆๆ

 

            “ตั้งแต่พลาดจีบแฟนเก่าเพื่อนนี่อารมณ์เสียบ่อยนะ เดี๋ยวกูตบหัวทิ่มตีนเลยไอ้นี่”

 

            ผมเย้ามันเล่น สักพักไอ้อินนิลเพื่อนร่วมกลุ่มโปรเจกต์ก็ตามมาสมทบในชุดไปรเวทธรรมดาพร้อมถุงขนมใบโต ดูพร้อมสำหรับงานนี้มาก

 

            พร้อมกินล่ะไม่ว่า! เพราะหนึ่งชั่วโมงที่มันนั่งอยู่ มันเอาแต่หยิบขนมเข้าปาก แถมมีไปช่วยไอ้เฮดว้ากปีสามพ่วงตำแหน่งน้องรหัสผมอย่างไอ้แอมป์แกล้งน้องปีหนึ่งอยู่มุมโน้นอีก

 

            “ไหนๆ มึงก็นั่งว่างแล้ว...”

 

            ไอ้เพื่อนเวรละหน้าจากจอคอมพ์เอ่ยกับผม ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปเครื่องดำของมันมาให้ พร้อมกล่องอุปกรณ์จำพวกเซ็นเซอร์และบอร์ด Arduino

 

            “เพราะมึงมันโง่ ไม่ได้เรื่อง กูเลยต้องมานั่งแก้เอง... ฉะนั้นมึงช่วยต่อบอร์ด Arduino กับโปรแกรม LabView ให้กูหน่อย เขียนโค้ดมารันให้กูด้วย ขี้เกียจก็ลองเซิร์สดู แต่กูลองหามาแล้วแหละดันเสือกรันไม่ได้ ไม่รู้แม่งผิดตรงไหน”

 

            “ใช้เซ็นเซอร์ตัวไหนวะ ในกล่องมีตั้งหลายตัว”

 

            “ลอง MQ-5 LPG Gas ก่อน”

 

            ไอ้บุญส่งพูดแค่นั้นก็เงียบลงแล้วก้มหน้าก้มตาทำโปรเจกต์จบไป ไอ้ผมจะบ่นก็ไม่ได้ เพราะเรื่องโปรเจกต์ก็มีมันเป็นตัวหลักด้านเอกสารและการใช้ความคิด ส่วนผมกับไอ้อินนิลเป็นสาขาแรงงานและทุนทรัพย์ บางครั้งก็เป็นปรสิตสูบเลือดเนื้อ สุดท้ายก็ต้องเกาะแกะมันจนกว่าจะเรียนจบนั่นแหละ จึงจำใจช่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำไปได้ยี่สิบนาทีก็ลองโทรหาเด็กดื้อ ก่อนจะถอนหายใจ ส่งไลน์หา แล้วนั่งทำงานเพื่อนต่อไป

 

            “…ป๋าเสือขาาาาาา หน้าตาเหมือนเสือจำศีล แลดูระโหยโรยแรงจังเลยคร้าบ” เป็นไอ้หลิวที่พาหน้าระรื่นโผล่เข้ามาในสายตาพร้อมนั่งลงข้างผม ก่อนจะกระซิบเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนไอ้บุญส่งมากนัก “มัวแต่อืดอาดนั่งทำงาน กูเห็นน้องแมวของมึงผูกสัมพันธ์กับผู้ชายที่เซเว่น ยิ้มระรื่นมีความสุขไม่เหมือนตอนอยู่กับมึงเลยว่ะ หน้างี้นิ่งเป็นศพ เหมือนไร้ความรู้สึก ตายด้านนน...”

 

            ส่วนมึงอ่ะหน้าด้าน

 

            “อย่าบิ้วท์กูให้ขึ้นไอ้หลิว” ผมเปรยข้ามเสียงนิ่ง แต่ความรู้สึกขุ่นมัวจนตาฝ้าฟาง หน้าจอคอมพ์เบลอจนโฟกัสสายตาไม่ได้ “กูใคร? กูพี่เสือเครื่องกลปีสี่ วุฒิภาวะสูงปรี๊ด มึงไม่ได้แดกกูหรอก”

 

            ไอ้หลิวเบ้ปากใส่ครั้งนึง ก่อนจะรันโปรแกรม SolidWork แล้วนั่งเขียนแบบชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นโปรเจกต์จบของมันอย่างชิลๆ เพราะมันเพิ่งสอบหัวข้อผ่านไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

 

            “กูหิวว่ะ ไปหาไรกิบแป๊บ”

 

            “เผื่อด้วยนะป๋าเสือ... วี๊ดวิ่วววววว...”

            เป็นไอ้อินนิลที่ส่งเสียงล้อทั้งที่ปากยังเคี้ยวปลาเส้นตุ่ยๆ ก่อนผมจะเดินไปเซเว่นฯ ซึ่งอยู่ใกล้กับลานขจีอันเป็นชื่อเล่นของศูนย์บริการคอมพิวเตอร์สำหรับนักศึกษาที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมเข้าไปซื้อของกินแล้วเดินออกมาอย่างเซ็งๆ กวาดตามองไปรอบๆ ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มเศษ นักศึกษายังมีมากพอสมควรจนตาลาย ก่อนที่สุดท้ายสายตาจะสะดุดเข้ากับร่างคุ้นเคยในเสื้อยืดสีขาวลาย Tom&Jerry คอย้วยยานกับกางเกงขาสามส่วนสีแดงซีดๆ ภายในลานขจี

 

            ไอ้เด็กแต้มนั่งสวมเฮดโฟนสีดำ กำลังนั่งหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังกับหนังในหน้าจอพีซี ไม่สนใจสายตาเพื่อนร่วมสถาบันที่เหลียวมองด้วยสายตาหงุดหงิด จนคนข้างๆ ต้องตบกระบาลเป็นการเตือนมันถึงได้หุบปากลง ตอนที่ผมเดินเข้าไปในห้องแล้วทำทีเป็นเดินผ่านด้านหลัง ได้ยินเสียงพูดคุยของผู้ชายทั้งสองคน

 

            “ไลน์ดังไม่หยุด กูรำคาญ”

 

            ได้ยินแล้วอดมองไปตรงหน้ามันที่มีมือถือวางทับชีทเรียนปึกหนึ่งไม่ได้ หน้าจอสว่างวาบ ข้อความแจ้งเตือนต่อท้ายไอค่อนสีเขียวยาวเป็นหางว่าว

 

            ไม่ใช่จากใครที่ไหน จากผมเอง

 

            “กูดูหนัง... ไม่ว่าง...” ตอบพลางคลิกเมาส์ไปที่เทลเลอร์หนังเรื่องใหม่ “น่าดูดีว่ะมึง หนังเข้าต้นเดือนหน้า มึงไปดูกับกูไหม เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเอง”

 

            ไอ้คนที่นั่งข้างมันหันขวับ ตาโตจนแทบถลนออกมานอกเบ้า  กระหวัดสองแขนโอบรัดรอบคอไอ้แต้มไว้แน่น พูดขอบคุณย้ำไปย้ำมาด้วยเสียงสั่นเครืออย่างกับร้องไห้ในความเปย์เพื่อนของเเต้ม

 

            “ช่วงนี้กำไรดี ค้าขายรุ่ง เงินเยอะ เป๋าตุง งั้นเลี้ยงพี่อีกคนได้ไหมครับ”

 

            ผมพูดยิ้มๆ ด้วยเสียงทุ้มต่ำโทนเดียวจนจบประโยคจึงวางถุงขนมลงบนโต๊ะ แต้มที่ซบอยู่บนไหล่อีกคนแหงนเงยขึ้นมามอง หน้าตาติดงงงวยเล็กๆ กับการปรากฏกายมายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ของผม

 

            เราต่างรู้จักกันดี แค่แต้มมองผมปราดเดียวก็น่าจะรู้ถึงอารมณ์ขมุกขมัวภายในใจของผม แต่มันยังคงนิ่ง ทำเป็นไม่สนใจ ซึ่งไม่แปลกหรอก ในเมื่อผมเป็นแค่แฟนเก่า หวังจะให้มันทำตัวเป็นแมวมาออดอ้อนให้หายเคืองเหมือนเมื่อก่อนคงยาก

 

            แล้วความรู้สึกที่ถูกตีเดือดขึ้นมาล่ะจะทำยังไง?

 

            อัดอั้นจนเริ่มรู้สึกหน้ามืดทีละนิดแล้วสิ

 

            แต่จู่ๆ มันก็ฉกมือถือของผมไปจากมือ กดยุกยิกแป๊บนึงแล้วส่งคืนให้ ผมมองหน้าจอซึ่งเปิดค้างที่แอพฯ นับแต้ม พ้อยท์ในระบบเพิ่มขึ้นอีกสองร้อย

 

            ตอนที่เหลียวกลับไปสบตาแฝงความรำคาญของแต้ม มันเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนว่า...

 

            “ไว้โหลดบิทไปนอนดูที่ห้องกูแล้วกันเนอะ... ไอ้พี่เสือ”

 

            “คืนนี้เลยแล้วกัน พี่ไปทำยอดแป๊บ”

 

            บอกส่งท้ายก่อนจะกลับไปยังตึกภาคแล้วส่งไลน์หาแต้มว่าให้แวะมาหาผมก่อนกลับหอพัก ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ มันก็พาหน้าง่วงๆ มาเนียนนั่งข้างไอ้บุญส่ง ทำเอาเพื่อนผมสั่นด้วยความกระดากอายสลับกับส่งสายตาเกลียดชังมาให้ผม ไม่ทันที่ผมจะได้เข้าประเด็น มันก็กระแซะหาลูกค้า เริ่มจากเพื่อนกลุ่มผมก่อนจะลามไปยังรุ่นน้องคนอื่นๆ บรรยากาศเริ่มครึกครื้นกับการแลกไลน์ขายหวยของแต้มจนผมเริ่มหงุดหงิดเบาๆ

 

            ไอ้ที่คิดว่ามันว่านอนสอนง่ายบอกให้มาก็มานั้น เริ่มรู้เช่นเห็นชาติว่ามันก็แค่อยากมาขายหวย นึกแล้วก็อยากภาวนาสาปแช่งให้ถูกลากเข้าตะรางสักที จะได้เลิกหาเงินแบบนี้ ถึงจะเป็นการช่วยอาที่มันพึ่งใบบุญก็เหอะ

 

            สุดท้ายผมจำต้องเดินไปลากมันให้มานั่งข้างผม ก่อนจะทำเรื่องใช้พ้อยท์แลกของรางวัล

 

            จีบแต้ม...

 

            นอนเตียงเดียวกัน...

 

            “คะแนนหมดแล้ว อดกินแต้มเลย” ผมกระซิบบอกขำๆ

 

            ไม่ใช่ขาดแคลนเงินที่จะเปย์ แค่อยากให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างช้าๆ ให้ตะบี้ตะบันครอบครองเอาทั้งหมดทีเดียวคงโดนเกลียดในตอนท้าย หวังอยากให้เขาใจอ่อนยกโทษให้นั้นเลิกคิดไปได้เลย

 

            ฉะนั้นการเริ่มต้นจากศูนย์ก็ไม่ได้แย่อะไร ขอแค่อย่ามีใครมาขวางทางให้รำคาญใจก็พอ

 

            “เห็นกูยอมให้มานอนด้วยง่ายๆ แบบนี้คิดว่ากูอ่อยป่ะ”

 

            แต้มถามขึ้นลอยๆ หลังจากที่เรากลับมาที่หอพักนักศึกษาของมัน จากนั้นมันก็พาตัวหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะออกมา ระหว่างที่ผมเข้าไปอาบน้ำแล้วหยิบชุดมันมาเปลี่ยนนั้น มันกำลังนอนเหยียดยาวลอกการบ้านวิชาฟิสิกส์อยู่บนเตียง

 

            “แต้มอ่อย”

 

            “เหมือนพี่เสือไง ทำทีเป็นจีบ”

 

            “คิดงั้น?”

 

            “ตอนคบกันก็ใช่ว่าจะรักกันนี่หว่า หลังเลิกกันไปเกือบจะสามปี จะให้คิดว่าพี่เสือกลับมาจีบเพราะชอบเหรอ ตลกไปไหมวะ”

 

            คำพูดของแต้มเหมือนจะลากเข้าดราม่าแฟนเก่า แต่เจ้าตัวกลับลอกการบ้านไปชิลๆ ไม่ใยดีต่อระเบิดที่ทิ้งตู้มไว้ ทั้งยังพูดหลังเงียบไปนานว่า

 

            “ในเมื่ออยากหาอะไรสนุกเล่น ก็เป็นเพื่อนเล่นให้ ยังไงก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร มีแต่กำไรเห็นๆ เดิมทีก็ไม่ได้เกลียดอะไร อาจจะเคยโกรธไปบ้าง แต่ก็ช่างมันเถอะ ไม่ใช่สาระสำคัญอะไรในชีวิตอยู่แล้ว”         

 

            ผมเดินไปนั่งลงบนเตียงใกล้แต้ม ยื่นมือไปลูบหัวมันเล่นเบาๆ ก่อนหยิบหนังสือการ์ตูนกินทามะที่วางอยู่ใกล้หมอนมาเปิดอ่านพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนหนุนหลังแต้ม เราต่างเงียบกระทั่งผมผล็อยหลับไป รู้สึกตัวอีกทีในตอนที่ไฟในห้องถูกปิดจนมืดมิด ตามด้วยผ้าห่มผืดบางที่ห่มคลุมร่างผมไว้

 

            การที่ผู้ชายตัวโตสองคนนอนเบียดกันบนเตียงสามฟุตครึ่งคงทำให้แต้มไม่สบายตัว ยิ่งผมแกล้งขยับเบียดทีละนิดมันก็ยิ่งต้องนอนตะแคงข้างจนแทบกลายร่างเป็นตุ๊กแกเกาะติดกำแพงห้อง ด้วยความสงสารจึงตะแคงกายแล้วโผเข้าไปกอดมัน มันรึก็ไม่ส่งเสียงโวย ไม่ขัดขืน หนำซ้ำยังทำหน้ามึนหันกลับมาเผชิญหน้ากับผมท่ามกลางความมืดอย่างเป็นธรรมชาติ

 

            แม้จะไม่ชัดนัก แต่ผมพอมองเห็นใบหน้าเลือนลางของมันที่อยู่ใกล้ใบหน้าผมเพียงเสี้ยวคืบ เรานอนบนหมอนเดียวกัน หัวโข่งๆ นอนหนุนแขนผมอย่างเคย แขนของผมพาดโอบหลวมๆ ที่เอวมัน  กลายเป็นความตื่นเต้นที่จู่โจมเข้ามาแทนอารมณ์อยากแกล้ง

 

            “นอนแบบนี้สบายกว่าจริงด้วย” แต้มหาวตบท้ายประโยค ขยับหัวเล็กน้อยให้ลงล็อกที่ซอกคอผม ก่อนมันจะกอดตอบผมเบาๆ “เหมือนอ่อยเลยว่ะพี่เสือ แต่อย่าคิดมากนะโว้ย ขี้เกียจทำสะดิ้งลงไปนอนบนพื้นหรือถีบพี่ลงไป...ง่วงแล้ว อยากนอน”

 

            อะไรเอ่ยคิดอยากแกล้งเขาแต่ดันแดจาวูซะเอง?

 

            กูไง... เสือเอง...

 

            “แต้ม พี่เสือตื่นเต้นว่ะ” จังหวะที่เอียงหน้าจะจุ๊บปาก มันก็ดันใช้ฝ่ามือฟาดเปรี๊ยะมาที่ปากผมกันไว้ “พี่เสือเจ็บ! ลงไม้ลงมือกับพี่ทำไม"

 

            “ใครใช้ให้ทำแอพฯ สร้างเงื่อนไขผูกมัดตัวเองล่ะ ในเมื่อไม่มีคะแนนแลกจูบ ก็จูบลมจูบฟ้าไปแล้วกัน”

 

            “แล้วทำไมให้กอดฟรีๆ”

 

            “ในแอพฯ ไม่มีให้กดแลกนี่ อยากกอดก็กอดไป”

 

            คำพูดนั้นทำผมอึ้งกิมกี่ นึกไม่ถึงว่าจะถูกตลบหลังจนกระดูกซี่โครงเดาะได้ขนาดนี้  ไอ้ความยียวนกวนโอ๊ยหน้าเฉยนี่ไปเลียนแบบใครมา จากที่เคยหมั่นไส้ความขี้อ้อนตามใจผมจนเผลอใจ ตอนนี้ชักปวดกระบาลหัวใจคนขี้อ้อนในมาดกวน ลองมันพูดมางี้ แสดงว่าผมต้องเดินหน้าสะสมคะแนนจนครบเเสนเพื่อแลกแต้มมาเป็นแฟน

 

            “อ้อ… งั้นแบบนี้ก็ได้เนอะ”

 

            กระซิบบอกเสียงเเผ่วที่ใบหูแต้มแล้วสอดมือผ่านชายเสื้อเข้าไปลูบไล้แผ่นหลังเปลือย ช่างเนียนนุ่มน่าบีบน่าเค้นน่าหม่ำ อยากจับขย้ำให้ตัวอ่อนตัวนวลใต้ร่าง แค่คิดก็สยิวกิ้วขั้วหัวใจ อยากลงมือจนเนื้อตัวสั่น กระทั่งเสียงลมหายใจยังหน่วงลึก น่าตกใจกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านได้เพียงแค่คิดชวนทะลึ่ง

 

            “น้องห้ามพี่จูบแสดงว่าใช้ลิ้นได้”

 

            “ปากบอกว่าจีบแต่ชอบหน้าด้านลวนลาม แบบนี้ก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อนสิ”

 

            “พูดดี” เล่นเอามือผมชะงักค้างกลางเวหา กลับมากอดหลวมๆ เหมือนเดิม “ขี้งกเอ๊ย”

 

            “เป็นคนที่คิดถึงแต่ใจตัวเอง ทำร้ายใครต่อใครไปเท่าไหร่ แล้วเป็นไง สุดท้ายก็ยังมาตีมึนหน้าด้าน ทำเป็นมาแกล้งจีบแฟนเก่า สมกับชื่อย่อภาคเครื่องกลเนอะ”

 

            “หืม?”

 

            “ME”

 

            “ยังไง?”

 

             “เอาแต่ความต้องการตัวเองไว้ก่อน แต่นี่คือเสือไง แค่ได้กินเนื้อที่ชอบ ได้อิ่มท้อง ก็ไม่มีอะไรต้องสนใจอีกแล้ว...”

 

            นิสัยช่างประชดประชัน แดกดันจนคนอื่นอับจนหนทางเถียงได้มาจากไหน ความไม่คุ้นเคยนี้ทำเอาผมอดหงอยไม่ได้ แต่ยังคงกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น เลือกที่จะยืนยันความคิดให้แต้มรับรู้เหตุผลในการกระทำ

 

            “กระทั่งตอนนี้พี่ก็วางความต้องการตัวเองเป็นเป้าหมาย แต่เพราะใจมันรู้สึกไม่ใช่รึไงถึงได้ตามเต๊าะตามจีบ จุดเริ่มต้นของเราอาจไม่ดีนัก แต่พี่ไม่เชื่อหรอกว่าเราจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งไม่ได้...”

 

            “แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าผมอาจมีแฟนใหม่แล้ว”

 

            “ก็แค่แย่ง”

 

            “เฮ้อ...” มันลากเสียงยาวอย่างปลงๆ “สู้ๆ  ทำยอดเยอะๆ เข้าไว้ อย่าเอามากดแลกพร่ำเพรื่อจนหมด”

 

            “ขอบคุณสำหรับกำลังใจ” ได้ข่าวว่าบางครั้งก็กดแลกแทนจนคะแนนเป็นศูนย์อยู่บ่อยๆ “อีกอย่างอยากจะเตือนแต้ม เลิกขายหวยได้แล้วนะ”

 

            เนื่องด้วยพี่เสือคนนี้โคตรไม่ชอบ เห็นปั้นหน้าหล่อแจกยิ้มให้ใครต่อใครแล้วอารมณ์ขึ้น ไหนจะยังแลกไลน์ไปทั่วจนมีคนรู้จักแทบทุกคณะ เห็นแบบนี้แล้วใจมันแกว่ง หวั่นใจว่าความแก่จะเพลี่ยงพล้ำให้กับความสดใสเร้าใจของเด็กๆ

 

            ชาติแมวไว้ใจไม่ได้!

 

            ยิ่งเป็นแมวหน้าหยิ่งตาดุมาดเฉียบนี่ตัวดีเลย ล่อหลอกไอ้พวกทาสแมวมาติดกับได้เก่งนัก เหมือนแมวป่าตัวนี้ แรกเริ่มเข้ามาเรียนเป็นที่กล่าวขวัญว่าเป็นไอ้หล่อมาดเถื่อนติดหยิ่ง ตอนนั้นยังนึกชอบใจที่ไม่มีใครกล้าเข้าหา แล้วเป็นไงล่ะ ตอนนี้มีเหยื่อตั้งเท่าไหร่ที่หลงติดใจความหน้าทนขายหวยของมัน

 

            หากเป็นคนอื่นอาจมีกระเจิงหายด้วยความรังเกียจเหมือนพวกที่มาขายตรง หรือยัดเยียดให้สมัครบัตรเครดิต

 

            แต่สำหรับแมวที่ชื่อแต้มตัวนี้... ไอ้พวกทาสแมวทั้งหลายกลับยินยอมพร้อมใจศิโรราบ ขอแค่ได้รับรอยยิ้มการค้าและไลน์ไว้สั่งซื้อหวยก็พอ

 

            ทั้งที่พวกนั้นออกจะมักน้อย ผมก็ยังอดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี

 

            “ถ้าเลิกขายแล้วพี่เสือจะเอาคะแนนมาจากไหน... ไม่อยากได้แต้มเป็นแฟนแล้วเหรอ?”

 

            อึ้ม มันก็จริง ผมควรตั้งใจทำยอดขายเป็นเป็นดาวน์ไลน์ชั้นเยี่ยมให้ได้!







การจะตัดขาดจากแฟนเก่าที่เคยรักกันมากนั้น...มันยากจริงๆ
ยิ่งการจากลานั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะไม่รัก ยิ่งทำให้เยื่อใยมันขาดจากกันได้ยาก
ร่วมลุ้นกันต่อไปเนอะ
เป็นกำลังใจให้แต้มด้วยนะคะ ^^

บูค่ะ
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.03 (13-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-03-2018 18:22:38
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.03 (13-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-03-2018 19:28:39
เสือจนแต้มจนได้  :jul3:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.05 (20-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 20-03-2018 09:53:08

- ลำดับที่ 3 -

เรื่องสั้นชุด Intania ภาค ME

(ME  : Mechanical Engineering วิศวกรรมเครื่องกล)

เรื่อง เสือนับแต้ม

เขียนโดย   Boorina




CH.05

ใครกันแน่ที่กำลังปั่น


 





            สรุปใครกำลังปั่นหัวใครเล่นกันแน่นั้นเป็นเรื่องที่ตอบได้ยาก

            งั้นเลือกทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็แล้วกัน

            ในคืนนั้นเหมือนผมกับแต้มได้เคลียร์บางอย่างกันไปแล้ว แม้ไม่ทั้งหมด แต่ก็โล่งขึ้นหลายเปราะ แต้มเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าผมไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากแกล้งเล่น ผมเองก็พอเข้าใจว่าที่แต้มไหลไปตามเกมเพราะยังมีเยื่อใย แต่เหมือนจะเออออเข้าข้างตัวเองซะมากกว่า เพราะแต้มก็ยังเป็นแต้ม โกรธเกลียดผมยังไงอย่างมากก็แค่ทำเฉยเมย ไม่สนใจ จนกลัวว่าการแสดงออกแบบนั้นจะหมายถึงหมดใจกันแล้วจริงๆ

            สรุปคืนนั้นผมหลับไปทั้งฝันร้าย ฝันเห็นใบหน้าเจ็บปวดของคนที่ผมนอนโอบกอดในอดีต

            ในวันที่เราเลิกกัน...

           

            ‘แต้มเกลียดพี่เสือแล้วใช่ไหม?’

            ‘เกลียด... แต่ยังรู้สึก’

            ‘ถึงจะเผลอใจ... แต่พี่รู้สึกจริงๆ’

            ‘แต่ผมปล่อยใจให้พี่เสือหมดเลยนะ เลยยังมึนๆ งงๆ ว่าคนหมดใจมันต้องทำยังไง... ’

            ‘แต้มจะทิ้งพี่เสือเหรอ?’

            ‘ปล่อยมือกันเถอะพี่เสือ... ใจทางนี้ที่มอบให้มันเทียบไม่ได้กับใจพี่ที่ให้คนอื่นไปหรอก’


 

            เป็นน้ำเสียงเจ็บปวดที่มั่นคง เช่นเดียวกับความใจเด็ดที่ติดตรึงอยู่ในใจของผม

            ผมติดค้างแมวป่าตัวนี้มากจนละอายแก่ใจ สลัดทิ้งยังไงก็หนีไม่พ้น เพราะหัวใจของผมไม่เคยลืม ไม่เคยหมดใจจากแต้มแม้แต่เสี้ยววินาที...

            จึงหวนกลับมาอีกครั้ง สานสัมพันธ์ที่ค้างคา อยากมีความสุขร่วมกันเหมือนวันวาน

            แต่เหมือนการสะสมคะแนนของผมจะไม่ราบรื่นนัก ด้วยเพราะไอ้แมวเหลี่ยมจัดชอบแอบกดแลกรางวัลรัวๆ จนเหลือศูนย์ มากสุดที่ได้คือได้ฟังแต้มเรียกผมว่าพี่เสือ ฟังแล้วลื่นหูมีความสุข

            ตอนเช้าได้แวะพาแต้มไปเลี้ยงข้าวเช้าอยู่บ่อยๆ แต้มยังคงเรียบง่าย ชอบกินโจ๊กใส่ไข่อย่างเคย

            “กินแต่ข้าวต้มกุ้ง ไม่เบื่อบ้างรึไง”

            “กินแต้มไม่ได้นี่ ทำไงได้”

            “ไม่ป๋าไม่เปย์ก็อดไปเถอะ”

            มันกระเซ้าแหย่ผมเล่นทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องใช้เงินแลกคะแนนไม่ใช่ปัญหา แต่ที่ไม่ทำก็เพราะอยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นไปด้วยดี

            เอาเข้าจริงไอ้ระบบนับแต้มแลกของก็เหมือนข้ออ้างในการใกล้ชิดเท่านั้นแหละ

            แต่ผมกลับรู้สนุกและมีความสุขในจุดนี้

            จุดที่ได้ใกล้เพื่อกระแซะหัวใจน้องให้อ่อนไหว

            และการได้จีบแต้มอย่างจริงจังคือความสุขที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน... จั๊กจี้หัวใจเหมือนกันแฮะ

            บางครั้งก็นึกขอบคุณความหลงลืมของตัวเอง ที่แม้บางวันจะไม่มีแต้มแลกฟิน ก็ยังสามารถลักกอดน้องได้ แต่ก็นั่นแหละ บางครั้งก็ถูกถีบกระเด็น โดนหมัดเสยฮุกเข้าที่ปลายคาง โดนสันเท็กบุ๊กฟาดเปรี้ยงเต็มหน้า ใช่ว่าผมจะมีความสุขโดยไม่เจ็บตัวได้ทุกครั้ง         

            แต่ที่เจ็บมากสุดเห็นจะเป็นเรื่องจูบ

            แต้มไม่เคยพลาดท่าปล่อยให้คะแนนผมมากไปกว่าการหอมเลยสักครั้ง ดังนั้นเรื่องที่จะให้เพ้อฝันว่าได้กินแต้มจึงห่างไกล คิดไปก็เปลืองสมอง เอาเวลามานึกหาวิธีให้ได้จูบน้องน่าจะดีกว่า...

            “โว้ยยย... ปล่อยนะไอ้เสือหื่น!”

            “พี่กดแลกหอมไปแล้วก็ต้องยอมสิ”

            “มากไปแล้วโว้ย หอมอะไรนักหนา กูขนลุก!”

            “ลืมหมายเหตุแล้วเหรอ ไม่จำกัดครั้งต่อวัน”

            “ไม่ปล่อยกูพังรถมึงแน่!”

            แมวหน้าบูดขู่ฟ่อ เบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากของผมที่พยายามหอมแก้มนุ่มนิ่มให้ครบร้อยครั้งก่อนปล่อยแต้มไปเรียนในช่วงบ่าย เมื่อแมวเจ้าไม่เล่นด้วยจึงคว้ามือมาพรมจูบ สาแก่ใจจึงได้ปล่อยแต้มลงจากรถ มองดูร่างโปร่งเดินกระฟัดกระเฟียดหน้าแดงก่ำเข้าไปในอาคารปฏิบัติการงานเชื่อม

            ผมส่งไลน์ไปย้ำเตือนความจำเล็กน้อยก่อนเหยียบคันเร่งกลับตึกภาควิชาของตัวเอง

 

            เสือนับแต้ม         : 712  คะแนนแล้วนะ

 

            ช่วงนี้ผมคึกอยากแกล้ง ไม่อยากปล่อยให้แต้มได้ใจ พอน้องมันกดอนุมัติคะแนนสะสมเรียบร้อยผมจะรีบฉกมือถือกลับคืน เป็นการแกล้งกดดันให้ไอ้คนที่ชอบทำหน้าเฉยไม่สนใจโลกต้องอึดอัด เพราะเมื่อคะแนนครบพันเมื่อไหร่ย่อมหมายถึงผมมีสิทธิ์ที่จะหม่ำแมว ช่วงนี้ผมจึงไม่กดแลกพร่ำเพรื่อ เน้นหน้าด้านกอดฟรีเป็นหลัก วันไหนทนหน้ามืดไม่ไหวก็กดแลกหอมไป

            ไม่ให้จูบก็ไม่จูบ

            จะหอมให้คึกนึกทรมาน

            ในเมื่อแต้มชอบแกล้งพี่เสือดีนัก งั้นเราก็มาเคลิ้มจนค้างไปพร้อมๆ กันเถอะ มานึกอยากถอนตัวออกจากเกมนี้ทีหลังก็ช้าเกินไปแล้ว ในเมื่อใจดีแล้วชอบแกล้งตีมึนเล่นวิชามารหักแต้มพี่จนหายเกลี้ยง งั้นจงเล่นเกมไปด้วยความหวาดผวาซะเถอะ

            ถึงผมจะเคยเปรยบอกแต้มไปว่าจะไม่ใช้เงินตัวเองในการทำยอดเพื่อความแฟร์ แต่ผมคือพี่เสือที่น้องๆ อยากรู้จักและสานสัมพันธ์ แม้จะแก่ไม่สดใหม่ แต่ความเก๋าของหนังหน้าและแบล็กกราวน์ชีวิตค่อนข้างเด่นชัดจนเจิดจรัส จึงไม่เคยขาดแคลนคนเข้าหา การเป็นเจ้ามือหวยสาขาย่อยจึงเป็นที่กล่าวขานและถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการเข้ามาจีบผม

           

            เสือนับแต้ม         : 850  คะแนนแล้วนะเด็กดี

           

            “กูนับถือหัวใจมึงจริงๆ ที่ช่วยแฟนทำมาหากินสร้างอนาคตจนตัวเป็นเกลียวขนาดนี้ นี่กูขอสารภาพได้ไหม ว่ากูลืมภาพรุ่นพี่เสือจอมสอยไปหมดแล้ว ตอนนี้คำว่าหวยติดหราบนหน้าผากมึงเหมือนป้ายร้านค้า ใครเห็นใครแวะ เป็นเสือสิ้นลายขายหวย ดีใจแทนน้องแต้มมันที่มีคนเอาการเอางานมาจีบ...”

            เป็นการร่ายยาวติดเหยียดเรียกเสียงเฮจากไอ้อินนิล ก่อนจะถูกเสริมทัพจากไอ้หลิวและบุญส่งด้วยคำพูดแสลงหู

            “กูว่าเหมือนถูกหลอกใช้มากกว่าว่ะ ฮ่าๆ”

            “รู้น้องหลอกแต่เต็มใจให้หลอก”

            แต่ละตัว... ไม่เคยมีคำพูดเจริญหูเจริญใจหลุดออกมาจากปากเน่าๆ เป็นการให้กำลังใจเพื่อนบ้างเลย นึกแล้วละเหี่ยใจ เก็บข้าวของเตรียมเลิกคลาสในวิชาสุดท้ายของวัน ก่อนมือจะชะงัก พร้อมใจที่เต้นระทึกไปกับข้อความไลน์ที่ถูกส่งมา

           

            แต้มเจ้าป่า          : พี่เสือ

            เสือนับแต้ม         : ครับแต้ม

            แต้มเจ้าป่า          : เย็นนี้กินข้าวกันไหม เดี๋ยวเลี้ยง

            เสือนับแต้ม         : งง!

           

            ผมแอบชะโงกหัวออกไปนอกหน้าต่างมองท้องฟ้า แดดเปรี้ยงจนแสบตา ลมพัดพาเอาไอร้อนมากระแทกหน้าจนต้องรีบถอยกลับเข้าในห้องอย่างเดิม ในหัวปวดตุบ มือที่พิมพ์ข้อความสั่นยิก   

 

            แต้มเจ้าป่า          : ว่าไง เลี้ยงเลยนะ                       

            เสือนับแต้ม         : วันนี้พี่เลิกค่ำ ติดงานกลุ่ม

            แต้มเจ้าป่า          : งั้นแวะมากินที่ห้อง

            เสือนับแต้ม         : อย่าลำบากเลย

            แต้มเจ้าป่า          : ไม่ลำบากหรอก ไม่มาค้างนานแล้วนี่

            แต้มเจ้าป่า          : มานอนเบียดกันหน่อยสิ

 

            เงียบ ไม่ตอบ ผมกำลังกลืนน้ำลายลงคอเฮือกโต         

 

            แต้มเจ้าป่า          : จูบ

            เสือนับแต้ม         : ?       

            แต้มเจ้าป่า          : จูบกัน

            แต้มเจ้าป่า          : อยากจูบพี่เสือ

           

            รู้ว่าแมวตัวนี้มันแกล้งอ้อน... แต่เสือแก่อย่างผมไม่สามารถฉุดรั้งนิ้วมือสั่นๆ ที่กำลังพิมพ์ข้อความตอบกลับให้หยุดลงได้ ให้ใจแข็งเป็นหินผาก็กร่อนได้วะ จะคะแนนติดลบก็ช่าง แลกกับจูบที่พยายามอดกลั้นมานาน ทำเอาผมในตอนนี้สติหลุดลอย จินตนาการเป็นฉากเป็นตอนจนหน้าเห่อร้อนขึ้นมา...

           

            เสือนับแต้ม         : ทั้งตัวนะ!         

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แต้มมีแผนอะไรรึเปล่าเน้อ

ฝากติดตามด้วยนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ขอให้มีความสุขตลอดวัน

Boorina

20-03-2018



หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.05 (20-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-03-2018 01:47:34
นับกันจนแต้มจะพรุนไปทั้งตัวหมดแล้ว  o18
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.06 (27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 27-03-2018 09:34:45



- ลำดับที่ 3 -

เรื่องสั้นชุด Intania ภาค ME

(ME  : Mechanical Engineering วิศวกรรมเครื่องกล)

เรื่อง เสือนับแต้ม

เขียนโดย   Boorina





CH.06

ครั้งที่เป็นแฟนกัน

 

            ผมโหยหาจูบหอมหวานที่เจือจางในความทรงจำ...

            บดเบียดริมฝีปากเอิบอิ่มอ้อยอิ่งเนิ่นนาน ดวงตาคนในอ้อมกอดฉ่ำหวิวยามสอดปลายลิ้นเข้าไปควานขยับลิ้มรสละมุน  ร่างที่เคยต่อต้านขัดขืนอ่อนปวกเปียกจนต้องกระหวัดสองแขนโอบรอบคอผม อาศัยกำแพงห้องเป็นหลักอิงกายให้มั่นคง เส้นผมที่ปรกหน้าผากเกะกะจนต้องปัดออกก่อนกดปากพรมจูบ ปัดป่ายความอุ่นวาบอาบไล้ไปทั่วใบหน้าแดงจัด

            ทั้งหมดคือจังหวะคุ้นชินที่เคยมีร่วมกันมานาน

            รสจูบเจือจางกลับมาเข้มข้มชัดเจนอีกครั้ง

            พลาดไปแล้วจริงๆ ที่ยอมปล่อยมือไปง่ายๆ

            ไม่น่าเชื่อว่าช่องว่างความห่างไกลจะทำให้เกิดความคิดถึงได้ไม่มีที่สิ้นสุด กระทุ้งความรู้สึกภายในใจให้พลุ่งพล่านขึ้นมา เคยรู้สึกยังไงในตอนนี้ยิ่งมากกว่า ไม่เคยมีใครมาแทนที่คนๆ นี้ได้ และไม่เคยคิดอยากหาใครมาซ้อนทับที่นั่งภายในใจ

            มันไม่เคยว่าง

            แม้ปล่อยมือไปแล้วก็ไม่เคยว่างเพื่อใคร

            ต้องพยายามมากแค่ไหนจึงจะได้ครอบครอง อยากให้หัวใจถูกเติดเต็มด้วยแต้ม...

            “พอก่อน”

            แต้มบอกพลางผลักผมให้ถอยออกแล้วขยับเท้าหนี แต่ถูกผมรั้งไว้พร้อมปากที่พุ่งปราดเข้าไปบดจูบอีกระลอกพร้อมแต้มที่ก้าวถอยหลังกระทั่งขาชนกับขอบเตียง แต้มเสียงหลักล้มลงรั้งกายผมให้ล้มทาบทับลงไปด้วย แต่ปากเรายังคงประสานจูบ ไม่ผละปล่อยจากกัน

            เนิ่นนานกระทั่งผมถูกแมวกัดปากจนส่งเสียงคราง

            “พอ...”

            “หืม?”

            “เลยเที่ยงคืนแล้วโว้ย จูบอะไรนักหนา หมดเวลา” หน้ายู่ยี่หงุดหงิดช่างขัดแย้งกับใบหน้าที่ยังแดงปลั่งจนผมหลุดหัวเราะ ออกมา “อยากจูบต่อก็ใช้คะแนนแลกก่อน”

            ผมกัดปากข่มความหมั่นไส้ไอ้คนชอบยั่วชอบอ่อย

            “แต่เอ๊ะ! ตะกี๊มีหอมมีนอนเตียง งั้นต้องหักค่าหอมแก้มกับนอนเตียง คำนวณคร่าวๆ เหมือนจะเหลือไม่พอให้แลกจูบ งั้นก็พอแล้วเนอะพี่เสือ”

            แต้มพล่ามด้วยมาดพ่อค้าพร้อมรอยยิ้มกริ่ม ทำเอาหัวผมหมุนคว้างกับการถูกสลัดทิ้งกลางทาง ไอ้ลูกเล่นแพรวพราวแบบนี้ใช่ว่าจะไม่คิดมาก่อน เพียงแต่อดรู้สึกทะแม่งกับการกระทำของมันไม่ได้

            ตอนแรกก็เออออคล้อยตามกับการเล่นเกม เหมือนไม่เดือดไม่ร้อนที่ถูกเต๊าะถูกลวนลามเล็กๆ น้อยๆ ต่อมาก็ทำเหมือนหวงตัว คอยกันท่าไม่ให้จูบ ก่อนถูกตลบด้วยการที่น้องมันบอกว่าอยากจูบด้วย

            แล้วนี่อะไร กำลังฟินอยู่ดีๆ ไหงกลับรู้สึกเหมือนถูกเอาท่อนเหล็กสิบตันมาฟาดหัวแบบนี้ ทำเอาใจทรุดทะลุคอนกรีตลงไปชั้นล่างซะอย่างนั้น

            “ไอ้แต้มขี้งง”

            ผมพูดติดขำด้วยเสียงแห้งแล้งแฝงความเจ็บปวด ในเมื่อผมมันเป็นเสือแก่สิ้นคะแนนประดาตัวเลยเลือกที่จะนอนคร่อมทับและกอดแต้มไปนิ่งๆ  ฝืนข่มใจไม่ให้ฟุ่งซ่าน แต่ก็อดคิดมากไม่ได้

            แต้มคิดอะไรอยู่กันแน่?

            ปล่อยให้ผมมีโอกาสใกล้ชิด แต่ก็ยังสร้างป้อมปราการสะกัดกั้นผม

            แต้มยังต้องการพี่เสือคนนี้ไหม?

            “เลิกเล่นกันเถอะพี่เสือ” แต้มที่นอนนิ่งใต้ร่างผมเปรยขึ้นมาด้วยเสียงราบเรียบแฝงความจริงจัง

            “หมายความว่ายังไง”

            “ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาทนเล่นอะไรแบบนี้อีก เลิกขายหวย ขี้เกียจแล้ว แยกย้ายสลายตัวกันเถอะ”

            “อยู่ดีๆ ก็พูดแบบนี้ แต้มเป็นอะไรรึเปล่า” ผมถามอย่างใจเย็น แต่ความคิดไถลไปไกลสุดกู่ ใบหน้าคงฉายชัดความคิดกดดันคนตรงหน้ามากไป มันถึงกับถอนหายใจแล้วยอมตอบออกมา

            “แค่รู้สึกไม่จำเป็น... เราไม่มีกันและกันเราก็อยู่กันมาได้ตั้งนานไม่ใช่รึไง”

            “ใช่ ไม่มีแต้มพี่ก็ไม่ตาย แต่มีแต้มแล้วพี่มีความสุข แต้มให้พี่มีความสุขไม่ได้เหรอ” จากนั้นเราต่างพากันเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์จากด้านนอกที่แว่วเข้ามาแทรกความอึดอัดที่แผ่วงกว้างไปทั่วห้อง

            “ไม่รู้”

            “...แล้วแต้มปล่อยให้พี่จูบทำไม”

            ถ้อยประโยคนั้นดังขึ้นพร้อมกับผมที่ขยับกายลงจากร่างแต้ม ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้แต้มอย่างหมดแรง อธิบายไม่ถูกว่าควรรู้สึกยังไง ควรพูดอะไร และทำยังไงต่อไป...

            ขอเวลาพักสักนิด ตอนนี้ใจหวิวเล็กๆ แล้วจะกลับมาด้านใหม่

            “…แล้วระหว่างนั้นหายไปไหนมา ทำไมเพิ่งจะมาเริ่มเอาตอนนี้ล่ะ?” จบประโยคนั้น ผมเป็นอันสะท้านเฮือกเมื่อคนข้างตัวขยับกายมาสวมกอดผมไว้พร้อมใบหน้าที่ซุกแนบแผ่นหลัง “...ถ้าพี่เสือลังเลในวันที่ผมเทใจให้ทั้งหมดอีกครั้ง เคยคิดไหมว่าคนๆ นี้จะอยู่ยังไง”

            “...ตอนนั้นเจ็บมากไหม”

            “สาหัสมากเลยพี่เสือ”

            ผมกุมมือแต้มไว้ กระชับแน่นไม่คลาย...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

            ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุนี้รึเปล่าที่ทำให้แต้มแปลกไป

            ‘อาโป’ เป็นชื่อของคนในอดีตที่กำลังหวนกลับมา

            เที่ยงวันระหว่างที่กำลังทานมื้อเที่ยงอยู่ที่ KFC ซึ่งเป็นชื่อเล่นของโรงอาหารรวมของมหา’ลัย เบอร์โทรศัพท์ที่ขาดหายไปจากหน้าจอนานสองปีกว่าได้ปรากฏขึ้น ผมกดรับอย่างงงๆ ก่อนจะได้ยินเสียงอ่อนโยนดังกระแทกหู เป็นน้ำเสียงที่ฟังกี่ครั้งก็รู้สึกเย็นกายสบายใจ สมกับความหมายของชื่อที่แปลว่าน้ำ...

            ‘พี่กลับมาสักพักแล้วว่ะเสือ ได้งานแล้วด้วย’

            “ไม่ได้กลับมาช่วยงานที่บ้านเหรอ”

            ‘ขอหาประสบการณ์ก่อนดิ ก็เลยลองมาทำงานเป็นลูกจ้างดู คอยเป็นล่ามให้พวกผู้บริหารระดับสูง ก็สนุกดีนะ เงินดี แต่ก็ปวดหัว ว่างๆ ก็แปลหนังสือขาย ขออิสระสักพักเถอะ... แล้วเสือล่ะ เป็นยังไงบ้าง’

            “เรื่อยๆ ใกล้จบแล้วครับ”

            ‘ตั้งใจเข้าล่ะ... ว่างแล้วมาเจอกันหน่อยนะเสือ พอดีก่อนกลับพี่ซื้อของฝากมาให้ด้วย แต่เพิ่งเคลียร์ตัวเองได้เลยเพิ่งได้โทรหา โทษทีนะ’

            “ได้ครับ”

            ‘งั้นค่อยนัดกันอีกที’

            เขากลับมาแล้ว

            อาโปที่อายุมากกว่าผมสองปี เป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย เรารู้จักกันเพราะเขาเป็นรุ่นพี่ของผมสมัยเรียนมััธยม และเพราะเราเป็นนักกีฬาโรงเรียนเหมือนกันเลยทำให้มีโอกาสได้พบหน้ากันบ่อยๆ แต่ไม่ได้สนิทเป็นพิเศษนัก ด้วยนิสัยที่น่าคบทำให้หวั่นไหวมอบใจให้อย่างงงๆ กระทั่งเขาเข้ามหา’ลัยไปผมก็ยังไม่กล้าลงมือจีบ ผ่านไปสองปีผมก็สอบเข้าไปเรียนที่เดียวกันกับเขา

            อาโปเรียนศิลปศาสตร์เอกภาษาฝรั่งเศสปีสาม ส่วนผมเรียนวิศวกรรมเครื่องกลปีหนึ่ง ตึกเรียนอยู่ห่างกันเป็นโยชน์ แต่ก็พยายามพาตัวเองเข้าใกล้ด้วยการไปอยู่ร่วมชมรมเดียวกัน ความจงใจที่ดูคล้ายความบังเอิญทำให้เราเริ่มสนิทกันมากขึ้น...

            บ้านอาโปค่อนข้างมีฐานะด้วยธุรกิจที่เกี่ยวกับเหล็กโครงสร้างและโลหะต่างๆ มีพี่ชายหน้าดุเป็นอาจารย์สอนในวิทยาลัยเทคนิคชื่อดัง และในตอนที่ผมกำลังมีเรื่องกับกลุ่มเด็กช่างก็ได้พี่ชายของอาโปพร้อมเด็กนักเรียนคนหนึ่งมาช่วยไว้

            เด็กคนนั้นชื่อแต้ม หน้าตาเหมือนแมวป่าอารมณ์ร้าย ครั้งแรกที่เราสบตากันมันทำท่าเหมือนอยากกางกงเล็บแล้วกระโจนเข้ามาข่วนหน้าผม ภายหลังจึงได้รู้ว่านั่นแค่บุคลิกภายนอกเท่านั้น แต่น่าแปลกว่าพอเวลาอยู่กับอาโปมันกลับหัวเราะยิ้มแย้มอย่างกับเป็นคนละคน ทำเอาผมเขม่นหน้ามันขึ้นมาทันที

            ...ไอ้เด็กแต้มมันเป็นเด็กปั้นของพี่ชายอาโป มีฝีมือในงานเชื่อม ช่วงที่ต้องเตรียมซ้อมก่อนไปแข่งขันทักษะวิชาชีพนั้นมันต้องเก็บตัวฝึกซ้อมทุกวันหลังเลิกเรียนจนดึกดื่น จึงต้องมากินนอนอยู่ที่บ้านของอาโป กระทั่งเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้หยุดพัก จึงไม่แปลกหากมันจะสนิทสนมกับอาโป

            ผมอิจฉา... และเริ่มมีแผนหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ

            เป็นแผนการณ์ที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว ไม่แยแสจิตใจใคร

            เริ่มด้วยการให้อาโปช่วยหาช่างมาซ่อมรั้วสแตนเลสที่บ้านหลังหนึ่งให้ ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่าเด็กแต้มมันทำงานพิเศษโดยมีอาจารย์ของมันช่วยเหลือหางานให้ ซึ่งเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ อาโปส่งตัวเด็กแต้มมาให้ผม

            ผมเริ่มตีซี้แต้มเพื่อหาโอกาสเข้าหาอาโป

            ไปๆ มาๆ จึงเริ่มสนิทกับทางบ้านของอาโปไปโดยปริยาย พร้อมกับได้เรียนรู้นิสัยของเด็กช่างคนนี้

            เวลาอยากให้ขนมอาโป ผมต้องมีมาให้แต้มด้วยเพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัย ฉะนั้นเวลาที่ควรอยู่กับอาโปจึงต้องแบ่งมาให้เด็กแต้มเกินครึ่ง...

            แต้มเป็นเด็กชาวบ้านธรรมดา มาดแมนติดเถื่อน แต่มีความหล่อที่ไม่เข้ากันนัก เป็นเด็กที่เรียนปานกลางแต่ทักษะฝีมือจัดอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม มีความขยันขันแข็งในการหาเงินจนผมนึกทึ่งและยอมรับ แต่บางครั้งก็ต้องส่ายหน้ากับความขี้งกของมัน

            เห็นพูดจาขวานผ่าซากติดห้วน แต่ลึกๆ เป็นเด็กจิตใจดี จริงใจไร้มารยา มักอ่อนไหวง่ายกับคนที่ใจดีด้วย อย่างเช่นผมเป็นต้น

            จากที่ไม่ชอบขี้หน้ากลายเป็นถูกใจและสนิทกัน ผมชอบลากแต้มไปเที่ยวเล่นในวันหยุด ให้มีช่วงเวลาหาความสุขให้ตัวเองเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป แต่ด้วยความที่มันชอบทำงานหาเงิน ผมจึงต้องใช้ข้ออ้างจ้างทำโน่นนี่ กระทั่งสอนมันขับรถเพื่อจ้างให้มันคอยช่วยขับรถให้

            นานวันเข้าผมกลับรู้สึกสนิทกับแต้มมากกว่าอาโป จึงพาให้ใจดีและเอาใจใส่

            ไม่เคยฉุกคิดเลยว่าการกระทำของตัวเองจะย้อนกลับมาทำให้หัวใจตัวเองหวั่นไหว ความรู้สึกมันค่อยๆ ซึบซาบเข้ามา กว่าจะรู้ว่าใจผมแปลกไปก็คือวันหนึ่งที่่โมโหจนนึกอยากจูบเด็กดื้อ ที่ไปมีเรื่องกับเพื่อนต่างแผนกช่างจนฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัว

            นั่งสับสนเป็นเสือหน้ามึนอยู่หลายวันจนเลือกสารภาพความรู้สึกกับอาโป ตีความสรุปว่าบ้าไปเองที่คิดว่าเผลอใจไปชอบคนที่เปรียบเหมือนน้องชายคนหนึ่ง

            ผมถูกอาโปปฏิเสธแต่ยังเสือกยิ้มได้ แถมยังไม่ยอมแพ้ พยายามหน้าด้านหน้าทนเข้าหา แต่คนมันไม่รักก็คือไม่รัก ผมถอยออกมาเงียบๆ แต่ใครจะรู้ว่าแต้มคอยเฝ้ามองผมอยู่ เห็นผมหงอยไปก็คอยดูแลแต่ไม่เอ่ยถาม เอาวะ อย่างน้อยก็ยังมีน้องชายคอยให้กำลังใจ ดังนั้นเวลาที่เคยเป็นส่วนของอาโปจึงเทมาหาแต้มจนเกือบหมด

            ไม่ได้แฟนแต่ได้น้องชายมันเจ๋งกว่าเป็นไหนๆ

            แถมแต้มยังเป็นน้องที่พึ่งพาได้ ระบบไฟในบ้านเสียมันยังไล่หาจนเจอว่าสาเหตุเกิดจากตรงไหน ท่อประปาแตกก็ซ่อมได้ ราวตากผ้าพังก็ทำใหม่ให้ รถเสียก็ช่วยเข็นเข้าข้างทางจนเหงื่อท่วมตัว ซื้อต้นไม้มาก็แบกจอบขุดหลุมปลูกและรดน้ำให้ ใครทำทีเข้ามาหาเรื่องก็ดึงผมไปข้างหลังแล้วออกโรงปกป้องจนต้องเขกมะเหงกเตือนสติ

            จนในวันหนึ่งที่เครื่องทำน้ำอุ่นเสียในช่วงหน้าหนาวมันก็ยังอุตส่าห์ต้มน้ำอุ่นให้ผมอาบ ส่วนตัวเองต้องอาบน้ำเย็นเพราะแก๊สหมดพอดี

            วินาทีที่ผมเห็นแต้มเดินตัวสั่นออกมาจากห้องน้ำ ในหัวผมพลันชะงักงันเมื่อพบว่าผมได้หลงชอบเด็กดื้อไปแล้ว

            ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ที่เผลอใจ และแพ้ทางเด็กคนนี้

            …ผมดราม่าในใจเป็นวรรคเป็นเวร

            …แต้มเป็นเด็กช่างมาดแมน พูดจาห้วนไม่สนใจโลก และแต้มเชื่อใจผม

            …จะให้ผมทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเราเพียงเพราะผมชอบมันงั้นเหรอ?

            ตอนที่แต้มทิ้งตัวลงนอน ผมจึงเนียนกอดน้องมันแน่น กระเซ้าหยอกว่าหนาวไหม เดี๋ยวพี่เสือจะกอดให้อุ่นเอง แทนคำขอโทษที่แย่งอาบน้ำอุ่นจนหมด

            แต่ในใจนึกสังเวช เสืออยากกินแมวแต่กินไม่ได้ ทำได้แค่ใช้ขนอุ่นกายน้องในอ้อมแขนให้คลายหนาว อยากจูบสัมผัสก็ยากเกินจะทำ ต้องแกล้งเล่นมวยปล้ำแล้วพุ่งเบ้าหน้าและปลายจมูกให้ชนหน้าชนคอแต้มแล้วแอบสูดกลิ่นไอ

            เป็นเสือกลัดมันที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเล่นบทพี่ชายต่อไป

            ความขลาดกลัวการสูญเสียนี้ทำให้ผมอยากลาออกจากชื่อเสือเหลือเกิน...

           

            ‘พี่เสือ... ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม’

            ‘ถามสิ’

            ‘พี่เสือคิดอะไรกับผมรึเปล่า’

            ‘คิดว่าไงล่ะ’

            ‘ไม่รู้หรอก แต่เหมือนผมจะชอบพี่เสือ...’

            ‘แต้มคบกับพี่ไหม’

            ‘ไม่จีบกันสักนิดเหรอ... พี่เสือใจง่ายไปนะ’



            ใครจะคิด!

            แต้มทำผมอึ้งด้วยคำถามที่เอ่ยออกมาหน้านิ่ง แต่ฝ่ามือกลับเย็นเยียบทั้งที่เหงื่อออก ผมจำต้องสะกดความดีใจที่ล้นทะลักออกมาแล้วตีเนียนเข้าใส่ ไม่อยากหมดมาดเสือทั้งที่มันไม่มีเหลือตั้งแต่แรก พูดกันตามจริง แต้มใจกล้าเหมาะกับชื่อเสือมากกว่าผมซะอีก

            เราควรสลับชื่อกัน

            แมวเป็นเสือ... เสือเป็นแมว...

            นับจากวินาทีนั้นความรักของเราได้ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย มีความสุขกับการได้เรียนรู้กันและกัน ผมติดกับดักแมวหน้าหยิ่งขี้อ้อนจนถอนตัวไม่ขึ้น หลงเด็กจนกู่ไม่กลับ

            …กระทั่งทุกอย่างพังลง

            …แต้มเหลือเพียงสถานะ ‘แฟนเก่า’ ทิ้งไว้ให้ผม

            “ไอ้เสือ! นั่งเหม่ออะไรของมึงวะ” ไอ้หลิวเรียก ก่อนจะพล่ามเรื่องตัวเองหน้าหงอย “โปรเจกต์กูเอาไงดีวะ ต้องเชื่อมไทเทเนียม มึงพอรู้จักช่างเชื่อมไทเทเนียมฝีมือดีบ้างไหม พอดีลุงนันเพื่อนพ่อกูดันป่วยเป็นมะเร็งอาการทรุดเข้าโรงพยาบาล ไม่งั้นงานกูมีชะงักแน่”

            “มึงลองถามน้องแต้มหน่อยดิ ว่าพอรู้จักใครบ้างไหม ช่วยไอ้หลิวมันหน่อย” ไอ้บุญส่งเสนอ

            “มี แต่มึงสู้ราคาไหวไหมแค่นั้น” พวกมันสองตัวเลิกคิ้วโก่งเชิงขอคำอธิบาย “ช่างคนนี้ฝีมือระดับโลก เคยได้รางวัลเหรียญทองโอลิมปิก ฉะนั้นค่าตัวค่อนข้างสูงหน่อย แต่รับรองงานเนี๊ยบ”

            “นี่มึงกะหักค่านายหน้าใช่ไหม ขี้โม้ว่ะ” ให้หลิวแย้ง

            “มีใบเซอร์ฯ การันตีจากเยอรมนีด้วย เขาเคยไปอบรมพิเศษหลังได้เหรียญทองมา”

            “พล่ามมาก บอกราคามาไอ้เสือว่าวันละเท่าไหร่”         

            “ฝีมือระดับนั้นใครเขาคิดราคาเป็นวัน... ขั้นต่ำสามพันต่อนิ้ว ถ้าสู้ไหวค่อยมาคุยรายละเอียดกับกูแล้วกัน กูไม่รีบหรอก”

            “ใครวะ?” ไอ้อินนิลถามด้วยความอยากรู้พอๆ กับเพื่อนอีกสองตัวที่จ้องหน้าผม

            “น้องแต้มของพี่เสือไง”

            พวกมันตาโตด้วยคาดไม่ถึง ก่อนไอ้บุญส่งจะเบะปากใส่ผม ทุกวันนี้มันยังไม่เลิกหมั่นไส้ผม ร่ำๆ จะตีท้ายครัวถ้าเกิดผมจีบแต้มไม่ติดขึ้นมา

            “หึ! ช่วยกันทำมาหากินดีเนอะ หมั่นไส้! เดี๋ยวกูไลน์ไปคุยส่วนตัวดีกว่า เผื่อได้ขอส่วนลดเป็นพิเศษ นิ้วละสามพันกูคงต้องขายนาเอาเงินมาทำโปรเจอต์แล้วแหละ แต่บ้านกูไม่มีนา ฮ่าๆๆ ไหนๆ ก็คนกันเอง น้องมันน่าจะหยวนๆ ให้ส่วนลดกูบ้าง”

            ไอ้หลิวบอกก่อนจะก้มหน้าก้มต่อพิมพ์ไลน์คุยกับแต้มด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ไม่ต้องถามก็รู้ว่าคงต่อลองราคากันอยู่ แต่ไอ้หลิวมันอ่อน ซื้อของไม่เคยต่อราคา มาเจอแต้มเข้าไปแทนที่จะได้ส่วนลดอาจโดนอัพราคาแทน สักพักผมก็เห็นมันกดโทรหาแต้ม พูดอ้อนวอนเสียงแจ๋ว ก่อนไอ้หลิวจะยื่นมือถือมาให้ผม

            “น้องแต้มจะคุยด้วย”

            ผมยิ้มเยาะสมน้ำหน้า รับมือถือมากรอกเสียงไปตามสาย

            “ว่าไงแต้ม”         

            ‘เสาร์อาทิตย์นี้พอจะว่างไหมพี่เสือ จะให้ไปส่งทำธุระหน่อยอ่ะ’

            “ไม่ว่างด้วยสิแต้ม เสาร์อาทิตย์นี้พี่มีกิจกรรมของภาคที่มหา’ลัย คืนวันศุกร์ก็ต้องกลับไปค้างที่บ้านด้วย พอดีเมื่อวานพ่อโทรมาเรียกตัว... แต่เดี๋ยวพี่ทิ้งรถไว้ให้ใช้แล้วกัน”

            ‘ให้ขับปอร์เช่ไปรับจ้างเชื่อม? พูดนี่คิดบ้างนะ ตลกตายห่า เขาคงแจ้งตำรวจมาจับผมแล้วแหละ’

            “ฮ่าๆ งั้นเดี๋ยวเอาปิกอัพมาให้ใช้”

            ‘ไม่ต้องๆ ไปเองได้ แค่นี้แหละ’

            “เดี๋ยว... พี่อยากกินโมโม่ เลิกเรียนแล้วพี่ไปรอรับที่ตึกนะ”

            ‘ตามใจ’

            แต้มตัดบทแล้วกดวางสายไป ไอ้เพื่อนสามตัวเบ้ปากหมั่นไส้ด้วยความเกลียดชังที่ทวีสูงขึ้นทุกวัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.06 (27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-03-2018 03:32:34
ใกล้จะรู้เหตุผลที่เลิกกันแล้ว  :hao3:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.06 (27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 29-03-2018 09:21:03
ฮือออ หลงทั้งสองคนหนักมาก รักแต้ม รักพี่เสือ เขิลลล บรรยากาษละมุนจัง :mew3:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.06 (27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 29-03-2018 23:30:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.06 (27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 30-03-2018 18:01:24
เรื้องสนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.06 (27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-04-2018 12:40:30
รอเด้ออออออออ :mew1: สู้ๆน้า
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.07 (05-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 05-04-2018 09:05:42





- ลำดับที่ 3 -

เรื่องสั้นชุด Intania ภาค ME

(ME  : Mechanical Engineering วิศวกรรมเครื่องกล)

เรื่อง เสือนับแต้ม

เขียนโดย   Boorina



CH.07

ข้าวไข่เจียว
[/color]


 


 

 

            เหมือนมีนัดซ้อนงานจนต้องบอกปัดคนที่ตามเทียวไล้เทียวจีบ

            แต่ในความเป็นจริงแล้วจังหวะที่ผมกำลังออกจากบ้านเพื่อไปทำกิจกรรมภาคนั้นมีสายโทรเข้ามาพอดี เป็นอาโปที่ขอนัดเจออย่างกระทันหันก่อนเดินทางไปต่างประเทศกับเจ้านายร่วมเดือน ผมจึงต้องโทรไปฝากงานกับไอ้บุญส่งแล้วค่อยตามไปสมทบภายหลัง

            ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรบอกแต้มมันสักหน่อย นึกถึงหน้าหงอยของมันคืนนั้นแล้วใจคอไม่ดี กลัวความบังเอิญจะทำให้เกิดฉากละครน้ำเน่า แต่เจ้าตัวกลับไม่รับสาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติเวลาออกไปทำงาน ผมจึงนั่งรออาโปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจนัก...

            การเจอหน้ากันระหว่างผมกับอาโปทำให้เกิดความคิดถึงทั่วไป ไม่ใช่ความโหยหาอย่างที่ผมรู้สึกกับแต้ม คนตรงหน้าช่างเจรจา วางตัวเป็นรุ่นพี่อบอุ่นใจดี ไม่น่าเชื่อว่าหลังผ่านช่วงเวลาสับสนในอดีตมา เราจะยังพูดคุยเหมือนเพื่อนกันได้อีก

            ผมได้รับของขวัญ เป็นเข็มขัดหนังแฮนด์เมดยี่ห้อหนึ่งซึ่งดังมากในฝรั่งเศส จากนั้นทานมื้อเที่ยงกันจนคล้อยบ่ายเราถึงได้ออกจากห้าง เนื่องจากเมื่อคืนอาโปนอนค้างบ้านเพื่อนจึงนั่งแท็กซี่มา ผมจึงขันอาสาไปส่ง ไหนๆ ก็เป็นทางผ่านไปมหา’ลัยอยู่แล้ว

            ผมช่วยอาโปถือของเข้าไปส่งในบ้าน เนื่องจากพี่ท่านสั่งหนังสือผ่านร้านคิโนะคุนิยะเกือบสามสิบเล่ม ไหนจะกล่องเคเอฟซีกับพิซซ่าอีกสามชุด บอกว่าจะเอามาเลี้ยงคนงานที่มาช่วยสร้างเรือนชำใหม่ในสวนหลังบ้าน

            ตอนเดินออกมาจากท้ายสวนผมบอกลาอาโปแต่กลับถูกรั้งไว้ใต้ร่มไม้

            “จะกลับแล้วเหรอ” ผมมองนิ้วเรียวยาวที่กุมข้อมือผมไว้ก่อนมองย้อนไปยังใบหน้าที่ส่งรอยยิ้มให้ “...ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่พูด แต่ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม”

            จากนั้นใบหน้าที่เปื้อนยิ้มก็ฉายความประหม่าออกมา ดูแล้วหล่อละมุน จนต้องวางมืออีกข้างลงบนมืออาโปแล้วตบเบาๆ

            “ตอนนั้น... พี่ไม่ได้รังเกียจเสือนะ แค่ตกใจมากไปหน่อย แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกทำนองนั้นด้วย เลยทำตัวไม่ถูกจนต้องหลบหน้า”

            “เรื่องมันผ่านไปแล้ว...” ผมบอกพลางคิดไม่เข้าใจว่าอาโปจะพูดขึ้นมาทำไม “ตอนนี้เราก็โตขึ้นเยอะ คิดย้อนไปก็ตลกดีเหมือนกัน คงทำอาโปอึดอัดมากเลยใช่ไหม ผมขอโทษนะ” อีกฝ่ายยิ้มรับ แต่ความอึดอัดใจยังไม่จางจากใบหน้า ผมจึงพูดขำๆ คลายบรรยากาศแปร่งๆ นี้ “แต่อาโปคงลืมไปหมดแล้วมั้ง เล่นสอบชิงทุนหนีไปต่อเมืองนอกจนจบโท คงไม่มีแม้แต่คำว่าคิดถึงกัน”

            ทว่าการส่ายหน้าของอาโปกลับทำให้ผมต้องขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมา

            อาโปโผเข้ากอดผม กลิ่นหอมเจือจางคลุ้งจากร่างโปร่งบางในอ้อมอก

            “…คิดถึงสิ ก่อนไปพี่รู้ตัวแล้วว่ามีใจ แต่ไม่กล้าเริ่ม”

            ‘……’

            “แถมยังสอบได้ทุนที่ฝันไว้ เลยไม่อยากคบกันแล้วทิ้งเสือไว้คนเดียว ไม่อยากคบแล้วเลิก พี่เลยต้องฝืนตัดใจจากเสือ แต่ก็ยังคิดอยู่เสมอ”

            แต่รู้อะไรไหม...

            ความเป็นจริงที่ว่าอาโปในตอนนั้นเป็นกังวลคิดถึงเรื่องของเรา ไม่ใช่เหตุผลทำให้ผมตกใจจนตัวแข็งทื่อและหน้าซ่านเกร็ง แต่มันเกิดจากความคุ้นเคยของปลายเท้าหนึ่งที่สวมรองเท้าหนังหัวเหล็กคู่เก่าซอมซ่อ เมื่อขยับสายตามองไล้ไปตามเรียวขาที่เหยียดยาวบนพื้นหญ้าจึงพบกับร่างหนึ่งกำลังนั่งพิงต้นอินทนิลน้ำ ใบหน้าเขาโชกเหงื่อเพราะอากาศยามบ่ายที่ร้อนจัด ดวงตาเฉี่ยวคมตรึงจ้องนัยน์ตาผมนิ่ง ขณะที่มือกำลังตักข้าวไข่เจียวจากกล่องข้าวเข้าปากเคี้ยวอย่างเป็นธรรมชาติ...

            “แค่อยากบอกเสือให้รู้ไว้... ถ้าบางคนยังไม่พร้อมจะเริ่ม พี่คนนี้พร้อมแล้วนะ”

            อาโปพูดอะไรออกมาบ้างนั้นผมแทบไม่ได้ยิน สมองครุ่นคิดถึงชีวิตติดฝุ่นของแต้ม คิดถึงดวงตาเฉยเมยไร้ความรู้สึก ก่อนจะมีรอยยิ้มเล็กๆ ผุดพรายขึ้นมาประดับบนใบหน้าเจือเหนื่อย

            แต้มเก็บกล่องข้าว ลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังเดินจากไปเงียบๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

            เพียงไม่กี่นาทีที่ผมเสียเวลาเคลียร์กับอาโปนั้นแต้มได้หายไปแล้ว

            โทรเข้ามือถือ... กลายเป็นฝากข้อความ

            ไปที่หอพัก... ไม่เห็นแม้แต่เงา

            ลองไปถามหาที่บ้าน... ก็ว่างเปล่า

            เป็นความบรรลัยในชีวิตที่ทำผมเคว้งจนทำอะไรไม่ถูก วันรุ่งขึ้นได้ลองไปถามหาจากเพื่อนของแต้มที่หอพัก ผลคือไม่มีใครรู้ แต่มีคนนึงบอกผมว่าช่วงหลังๆ แต้มแลดูนอยด์เหมือนมีอะไรให้กังวลใจ นั่นยิ่งทำให้ผมนึกเป็นห่วงสภาพจิตใจของมันขึ้นมา

            คนที่เคยเจ็บมาก่อน ต่อให้แสดงออกเหมือนคนไร้ความรู้สึก แต่ใครจะรู้ว่านั่นก็แค่เปลือกที่ต้องการปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวด ยิ่งกับแต้มที่เป็นคนหน้าหยิ่งติดเมินด้วยแล้ว เวลาเจ็บยิ่งมองออกได้ยาก

            ตอนที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง แม้แต้มจะดื้อด้านและชอบเย็นชาใส่ผม แต่แต้มยังคงเผลอตามใจผมเหมือนอย่างเคย คล้ายเป็นจิตใต้สำนึกที่ต้องเผลอไผลไปกับผมตามประสาคนมีใจ ย่อมหมายความว่าแต้มเคยรู้สึกกับผมมากแค่ไหน ตอนนี้ก็คงไม่ต่างกันนัก

            เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมยิ่งเป็นห่วงแต้มก็คือการที่วันนี้เป็นวันที่สิบหกของเดือน แต่แต้มยังคงปิดช่องทางการสื่อสาร คนที่ต้องติดต่อซื้อหวยทางไลน์กับมันเลยตกอยู่ในหมวดมึนงง จึงส่งไลน์กระหน่ำเข้ามาหาผมจนอยากปิดเครื่องหนี ใครมันจะมีกะจิตกะใจทำยอดเพิ่มคะแนนไว้สอยแต้มกันวะ

            คิดแล้วคนอย่างแต้มไม่มีทางยอมเสียโอกาสทางการเงินหรอก!

            งั้นแต้มไปไหนล่ะ?

            ยิ่งคิดก็ยิ่งใจคอไม่ดี พาเอาคร่ำเครียดจนสมองหนักอึ้ง

            “ไอ้เสือ เจอน้องแต้มยัง กูจะซื้อหวย”

            ไอ้อินนิลครวญหน้าโศก ทาสีชิงช้าดัดเป็นทรงโบราณซึ่งคล้ายจะเป็นกิมมิคประจำภาคซึ่งตั้งอยู่ระหว่างตึกเครื่องกลกับการบิน   ส่วนคนอื่นๆ ก็แบ่งหน้าที่ไปทำอย่างอื่น เป็นกิจกรรมพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์เนื่องในโอกาศครบรอบปีที่ 79 ของคณะ แม้ตัวตึกจะเป็นตึกใหม่ แต่ลานกว้างด้านหลังยังคงสภาพเดิมไว้ให้นักศึกษานั่งเล่น มีศาลา ME รุ่น 1 เป็นอนุสรณ์สถาน ให้ความรู้สึกเก่าชวนพังและความภาคภูมิใจของพวกเราชาววิศวกรรมเครื่องกล

            ‘ให้เป็นกิจกรรมของรุ่นพี่ปีสี่ที่ต้องรับผิดชอบ พวกเราใกล้จะเรียนจบกันแล้ว ให้กิจกรรมนี้บันทึกเป็นความทรงจำดีๆ ร่วมกันในรุ่นของพวกเรา และเป็นสิ่งที่เราได้มอบไว้ให้กับรุ่นน้อง...’

            นั่นคือคำกล่าวของประธานรุ่นที่เอ่ยกับพวกเราหลังรับงานมาจากอาจารย์เรียบร้อยแล้ว แหม ช่างดูดีจริงๆ

            “ไม่รู้โว้ย” ผมตอบเสียงขุ่น “...กูไปโรงพักก่อนดีกว่า”

            “คิดมากไปป่ะวะ”

            “ก็น้องมันหายไป ติดต่อไม่ได้ ถ้าเกิดโดนลากไปทำร้ายล่ะวะ ยิ่งหน้าตากวนตีนๆ อยู่ด้วย”

            “แต่เท่าที่มึงเล่าให้ฟังเนี่ย สาเหตุเกิดจากมึงควายเองนี่หว่า สงสัยถูกเกลียดแล้วมั้ง โดนทิ้งรอบสองเลยเพื่อนเสือ” ย้อนผมพลางผสมสีเพิ่มแล้วยื่นแปรงทาสีมาให้ “รับไป ไม่งั้นมึงรับซื้อหวยกูก่อน แม่กูได้เลขเด็ดมาจากพระธุดงค์ในป่าแถบชายแดน กูหวังรวยมากเลยนะเสือ แล้วมึงจะไสหัวไปไหนก็ไป เดี๋ยวทางนี้กูแก้ตัวให้เอง”

            ผมพ่นคำด่ามันไปสองสามคำ ก่อนเหลือบมองเพื่อนร่วมรุ่นโขยงหนึ่งที่กำลังแบกเหล็กยาวหลายท่อนผ่านหน้าไป พร้อมเสียงบ่นพึมพำ...

            “ทำไมรุ่นพี่อย่างพวกกูต้องมาเป็นเบ๊รับใช้ไอ้เด็กภาคเวลดิ้งด้วยวะ” นั่นมันกำลังนินทาถึงภาควิชาของแต้มนี่หว่า “แต่ก็เข้าใจว่ามันมาช่วยงานข้ามภาค แค่ให้ยกโต๊ะแค่นี้กระจอก... แต่กูหนัก” ไอ้นี่ก็พล่ามไปเรื่อยจนเดินพ้นหน้าผมไป

            “ไอ้เสือกาก น้องแต้มล่ะ”

            “จะรู้พ่อมึงเหรอ”

            “เอ้า” ไอ้บุญส่งทำหน้ามึน เกาหัวแกวกๆ “ก็น้องมันมาช่วยงานภาคเราไม่ใช่เหรอวะ”

            “ฮะ!?”

            รู้ตัวอีกทีผมก็สาวเท้าวิ่งไปหลังตึกภาค หลังจากไอ้บุญส่งบอกว่าไอ้ประธานรุ่นไปขอแรงเด็กภาคโยธากับเวลดิ้งมาช่วยปรับปรุงศาลาด้านหลังที่เพิ่งได้รับการอนุมัติเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่เพราะผมมัวสาละวนอยู่ที่หอพักและบ้านของแต้มเหมือนคนบ้าจึงพลาดเจอมัน...

            ที่ศาลา ME รุ่น 1 ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบของเพื่อนกลุ่มอื่นนั้นได้ถูกรื้อหลังคาออกจนโปล่งโล่ง โครงสร้างเดิมที่ผุพังเพราะเป็นไม้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นโครงสร้างเหล็กทั้งหมดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและยืดอายุการใช้งาน กลุ่มเด็กวิศวะเครื่องกลทำหน้าที่แบกหามและรับคำสั่งจากคนที่ทรงตัวอยู่บนคานเหล็กด้านบนสองคน คนหนึ่งถอดช็อปออกเห็นเพียงเสื้อยืดธรรมดา แต่ผมจำได้ว่ามันอยู่ปีสี่ภาควิศวกรรมโยธา

            ส่วนอีกคนสวมเสื้อช็อปสีเทา เส้นผมถูกมัดเป็นจุกยุ่งๆ มีปอยผมหลุดลุ่ยเคลียต้นคอที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ กำลังเชื่อมโครงหลังคากลางแดดเปรี้ยงๆ สักพักได้หยุดมือแล้วเลื่อนหน้ากากชนิดมือถือสีแดงออกจากหน้าก่อนส่งเสียงทุ้มเข้มสั่งงานไอ้คนข้างล่าง

            “ลวดเชื่อมหมด ส่งมาให้หน่อย”



ใกล้จบแล้ว อีกนิดนึง
ขอบคุณที่ติดตาม พี่เสือกับแต้ม นะคะ
ที่จริง ชอบความซึนของแต้มมากเลย ^^

Boorina

หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.06 (05-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-04-2018 03:28:35
แต้มได้ยินเต็ม ๆ คงแสลงหูแน่นอน  :katai1:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.06 (05-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 09-04-2018 16:45:53
ไม่นะะะะ อย่าเพิ่งจบบบ :ling1: รักทั้งสองคน :mew1:
หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.08 (25-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Boorina ที่ 25-04-2018 21:51:00


- ลำดับที่ 3 -

เรื่องสั้นชุด Intania ภาค ME

(ME  : Mechanical Engineering วิศวกรรมเครื่องกล)

เรื่อง เสือนับแต้ม

เขียนโดย   Boorina




CH.08
'ผม' กับ 'เรา'




            ผมดึงกล่องลวดเชื่อมที่ถูกใช้ไปกว่าครึ่งจากมือเพื่อนคนหนึ่ง พาตัวย่างเท้าขึ้นบันไดพับที่กางทำมุมกับพื้นระดับเพื่อส่งกล่องลวดเชื่อมไปให้ ปลายมือที่สวมถุงมือเปื้อนคราบสกปรกซึ่งมีลายปักรูปแมวยื่นมารับแล้วชะงักค้าง ก่อนใบหน้าเมินเฉยจะก้มต่ำ สายตาคมกริบมองกดมายังผม

            “หายไปไหนมา” ทำไมต้องทำให้โมโหทั้งที่เป็นห่วงขนาดนี้ด้วยวะ รู้สึกเหมือนน้องมันกำลังแกล้งปั่นหัวผมเป็นการเอาคืน  “แล้วร้อนขนาดนี้ยังขึ้นไปทำงานบนนั้นอีก หน้ามืดตกลงมาเจ็บตัวทำไงฮะ”

            “โง่แล้วยังยุ่งไม่เข้าเรื่อง” มันตอกกลับผมมาก่อนจะมองไปยังไอ้เด็กหน้าละอ่อนร่างสูงยักษ์จนผมที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบยังต้องยอมใจ “ยืนบื้ออยู่ได้ เอาลวด 2.6 มาให้กู แล้วเอาลวดกล่องนี้จากไอ้พี่เสือไปเก็บเลยไป ใครให้หยิบมา มั่วชิบ!”

            “จะด่าก็ด่ากูนี่ กูเป็นคนหยิบมาเอง” เป็นเสียงของไอ้หนุ่มมาดเซอร์ที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้เล็กๆ หน้าตาเหมือนคนอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา

            “วันนี้มันเป็นเบ๊กู ไม่เสล่อสิ” แต้มตอกกลับ

            “ว้อยยย... พอกันทั้งคู่เลย” เป็นเสียงของไอ้โยธาที่อยู่อีกฟากของคานเหล็ก “มึงกลับไปทำโมเดลเลยไป ไม่ต้องมาเฝ้าเหลนรหัสกู กูไม่ใช้งานมันจนหมดแรงช่วยมึงตัดโมหรอก... ส่วนมึงนะไอ้แต้ม เหลือเชื่อมอีกนิดนึงมึงทำคนเดียวได้ไหมวะ พอดีกูจะไปส่องเด็กวิดยาคัดหลีด”

            “จะไปตายห่าไหนก็ไปเถอะ กูทำคนเดียวได้”

            สุดท้ายไม่ใช่เพียงไอ้นั่นคนเดียวที่หายไปส่องสาว กระทั่งเพื่อนร่วมรุ่นผมยังพากันพักกลางวันไปส่องสาวจนเกือบหมด เหลือเดินโฉบแบกของไปมาไม่กี่คน อีกอย่างงานส่วนใหญ่ก็เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เหลือแค่เก็บงานอีกนิดหน่อย กับพื้นที่ด้านหลังตึกภาคเท่านั้น

            “แต้ม หยุดพักไปกินข้าวก่อนไหม”

            ไร้เสียงตอบรับ ผมถูกเมิน แต้มไม่ยอมคุย เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ผมซะอีกที่มองด้วยความหงุดหงิดแต่ก็นึกขำ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ถูกแมวจอมหยิ่งงอนใส่ วิถีการงอนก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย ไม่จิกกัดก็ทำเมิน แต่สายตาคอยเหลือบมองเป็นระยะเหมือนรำคาญ ระหว่างนั้นผมกดโทรสั่งพิซซ่ามา เผื่อจะเอามาล่อแมวให้ยอมลงมาจากข้างบนสักที

            “แต้มมากินก่อน” ผมร้องเรียกหลังพนักงานมาส่งพิซซ่าเรียบร้อยแล้ว แต่แมวดื้อยังทำเฉย “เป็นแมวรึไงเกาะคานแน่นไม่ยอมลง อย่าต้องให้ขึ้นไปลากตัวลงมาเดี๋ยวจะโดนดี เคลียร์ก็ยังไม่เคลียร์ยังทำเป็นอดข้าวอดปลาประท้วง ทำไมต้องให้ดุต้องให้ขึ้นเสียง ลงมาคุยกันดีๆ  เลยนะ ให้ไว! แต้ม!”

            เหมือนพูดกับลมกับฟ้า พล่ามอะไรไปแมวน้อยข้างบนก็เอาแต่จ้องเงียบ ไม่ย้อนไม่แย้งไม่เปล่งเสียงร้องออกมาสักแอะ ผมวางพิซซ่าในมือลงบนกองไม้ที่ถูกรื้อถอนแล้วพาร่างปีนขึ้นไปบนคานเหล็ก ส่วนไอ้แมวอวดดีก็ขยับถอยไปไม่ยอมให้ประชิดตัว นี่คิดจะเล่นเกมแมวจับหนูกจริงๆ ใช่ไหม มึงถนัดแต่พี่ไม่ถนัดนะโว้ย พลาดตกลงไปนี่อายทั้งคณะเลยนะ

            “หนีทำไม ป๊อดเหรอ เฮ้ย!”

            ผมร้องเสียงหลงปนขำ เมื่อไอ้แมวบ้าถอดถุงมือหนังแล้วปาใส่หน้าผม เป็นความรู้สึกคล้ายถูกแมวขู่ฟ่อไม่ให้เข้าใกล้ แต่หน้าตามันออกจะหล่อน่ารักเกินกว่าจะเป็นอันธพาล ใครกลัวก็โง่แล้ว ให้แมวมันร้ายและเอาแต่ใจมากแค่ไหนเจ้าของอย่างผมก็ยอมตกเป็นทาสมันล่ะวะ
         

“แต้มโกรธพี่เสือมากไหม” บอกพลางขยับกายเข้าหา “เรามาคุยกันดีๆ นะ”

            “……”

            “เมื่อวานหายไปไหนมา พี่เป็นห่วงแต้ม มีปัญหาก็คุยกันสิ อย่าหนีหน้า อย่าหลบกัน พี่วิ่งวุ่นตามหาแต้มไปทั่วเลยนะรู้ไหม”

            ปฏิกิริยาตอบรับที่ได้กลับมาคือเสียงลมหายใจที่ปล่อยพรวดออกมา หน้าแมวหน่ายเหนื่อยแฝงดื้อรั้น

            “...พี่มันนิสัยไม่ดีเองที่ไปพบกับอาโปแล้วไม่บอกแต้ม ทำให้แต้มคิดมาก ทำให้แต้มรู้สึกแย่ อาโปก็แค่คนที่พี่เคยรู้สึกด้วย แต่ไม่ใช่แต้มที่พี่รู้สึกจะเป็นจะตายตอนถูกเมินใส่ ไม่ใช่แต้มที่พี่ตามจีบอย่างใจเย็น ไม่ใช่แต้มที่ทำให้พี่คิดถึงมาตลอดทั้งที่เราห่างกันไปนานเกือบสามปี แต้มอย่าใจร้ายกับพี่เสือแบบนี้สิ”

            วินาทีนั้น สิ่งที่ผมเห็นบนใบหน้าแต้มคือเรียวคิ้วที่ขมวดมุ่น ดูท่าจะยังรู้สึกแย่จนกู่ไม่กลับง่ายๆ ก่อนที่ถุงมืออีกข้างที่เหลือจะถูกเขวี้ยงใส่หน้าผมอีกทีแล้วร่วงลงพื้นด้านล่าง

            “ทิ้งขว้างของที่พี่ทำให้ด้วยใจแบบนี้... พี่เสียใจนะ” แต้มกัดฟันกรอด เพ่งตามองผม “น้องแต้มของพี่เสือ... อย่างงอนเลยนะ”

            “โว้ะ!”

            เสียงร้องของแมวทำผมผงะก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา แมวยอมพูดด้วยแล้วทำเอาผมตื่นเต้น แม้จะเป็นภาษาแมวที่ฟังไม่เข้าใจก็เถอะ

            “หายโกรธเถอะนะ... ที่พี่บอกไปว่าวันเสาร์มีงานก็งานที่มหา’ลัยนี่แหละ ไม่ใช่นัดพบอาโป แต่อาโปดันโทรมาตอนเช้า พี่เลยแว้บไปหาเฉยๆ พี่โทรหาแต้มแล้วแต่ไม่รับสายนี่ ตั้งใจว่าตอนเย็นจะไปค้างแล้วเล่าให้ฟังก็ดันเกิดเรื่องซะก่อน... แต่พี่เคลียร์กับอาโปแล้ว บอกไปชัดเจนแล้วว่าถึงพี่จะยังไม่มีแฟน แต่พี่กำลังตามจีบแต้มอยู่”

            ถึงคราวไอ้แมวขี้วีนหรี่ตามอง คล้ายตั้งคำถามว่า ‘จริงอ่ะเปล่า?’ ดูความซึนของมัน ทำเป็นไม่สนใจแต่ก็คอยกระดิกหูฟังอย่างตั้งใจตลอด

            “พี่ระบุชื่อไปด้วยว่าตามจีบแต้มอยู่ แสดงความเป็นเจ้าของแทนแต้มเลยว่าแต้มเป็นเจ้าของหัวใจพี่”

            “พล่ามอะไรนักหนา ไม่เหนื่อยรึไง”

            เป็นคำพูดที่พังทลายความมโนของผมจนแหลกไม่เหลือชิ้นดี แต่คิดอีกทีแต้มเป็นแค่ไอ้คนปากแข็งเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องสะท้านกับคำพูดตอกกลับที่ทำให้หัวใจสะเทือนหรอก

            “ก็แต้มโกรธ แต้มหึง แต้มหวง... พี่แคร์ความรู้สึกแต้มถึงได้หน้าด้านบอก”

            “หลงตัวเองไปไหม”

            พี่หลงแค่น้องเถอะ! แล้วก็อย่ามาตอแหล พี่ไม่เชื่อหรอก

            “เชี่ย!”

            อ้าว! โดนด่าเฉยเลยกู

            แต่กว่าจะรู้ตัวว่าแต้มไม่ได้ด่าผม น้องมันได้กระโดดลงพื้นด้วยท่วงท่าสวยงามอย่างรวดเร็ว เป้าหมายที่วิ่งกระโจนตรงไปคือกล่องพิซซ่าที่ถูกหมาสองตัวรุมล้อม แต่เหมือนจะไม่ทันการ พวกมันช่วยกระตะกุยตะกายจนฝากล่องเปิดออก ก่อนจะแบ่งกันงับแล้ววิ่งหางจุกตูดหนีไอ้แมวหน้าบูดที่ส่งเสียงกราดด่าฟึดฟัด

            ผมตกอยู่ในสถานการณ์ยิ้มไม่ได้หัวเราะไม่ออกกับภาพแมววิ่งไล่หมา ไม่งั้นอาจถูกแมวขาใหญ่ฟาดหน้าเอาได้ ได้แต่ปีนลงจากคานแล้วเดินเข้าไปจับข้อศอกแมวไว้

            โครกกก...

            ท้องแมวส่งเสียงร้องโครกครากน่าสงสาร ท่าทางคงหิวน่าดู แถมยังมาโดนหมาแย่งอาหารอีก จะให้แมวยิ้มหน้าชื่นตาบานก็คงไม่ใช่ จึงยอมให้อภัยกับใบหน้าค้อนๆ ของแมวที่ส่งมา

            “พี่เสือยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน จะไปสนใจหมาทำไม แมวตัวเดียวพี่เลี้ยงได้ จะกินอะไร อยากได้อะไร แค่อ้อนพี่คำเดียวพี่เปย์ให้ได้หมด...” ไม่ต้องทำตาละห้อยเสียดายของที่ถูกหมามันแย่งไปหรอก มันเคือง รู้สึกเทียบหมาไม่ติดยังไงไม่รู้

            “เลิกเอาของมาล่อสักที!” แมวด่ากราด ว่าแต่พิซซ่าที่ตั้งท่าหวงก่อนหน้านี้คืออะไร “เลิกฝอยด้วย น่าเบื่อ!”

            “ถ้าไม่ฝอยแล้วแต้มจะเข้าใจพี่เหรอ จะให้พี่ปล่อยแต้มหายไปจากชีวิตพี่เหมือนเมื่อก่อนเหรอ ไม่เข้าใจบ้างรึไงว่าคนมันรู้สึกยังไงถึงได้ยอมหน้าด้านหน้าทนอยู่แบบนี้ ไอ้สิ่งที่พี่ทำให้เนี่ยมันทำความเข้าใจยากนักรึไงวะ ไอ้แมวเอาแต่ใจเอ๊ย! หยิ่งจองหองอยู่ได้! เดี๋ยวจับปล้ำแม่งเลย!!”

            ถ้ามองไม่ผิดเหมือนแต้มจะเผลอผงะไปก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วเดินผ่านหน้าผมไปเก็บถุงมือบนพื้น...

            แต้มหันกลับมามองผมอีกครั้งในสภาพสวมถุงมือเรียบร้อย ใบหน้าคล้ายสื่อความหมายมากมายที่อยากเอ่ยออกมา โดยเฉพาะนัยน์ตาใสๆ ที่สบจ้องมายังผมนิ่ง มันสะท้อนความรู้สึกบางอย่างให้ผมหลงตัวเอง

            แต้มเดินมาหยุดตรงหน้าผม

            “…ไอ้เสือแก่หงอม อืดอาดยืดยาด ครวญครางพิรี้พิไร น่ารำคาญ”

            ด่าพี่เสือทำไมอ่ะ?

            “ไอ้เสือบ้า... เห็นแก่ตัว...”

            “พี่เห็นแก่ตัวอะไร พี่แค่อยากได้แต้ม อยากคบด้วย ผิดด้วยเหรอวะ หวงไม่ได้รึไง เมื่อคืนไปนอนค้างห้องใครมาก็ไม่รู้... จะบ้าตาย แมวหาย เออ! ยอมรับ พี่มันคนเห็นแก่ตัว ก็หวงนี่โว้ย จะให้ทำหงิมนอนรอที่ห้องเฉยๆ รึไงฮะ” ผมตะเบ็งเสียงออกไป อารมณ์เริ่มไม่นิ่ง ทั้งที่อยากง้อแต่ก็อดนอยด์ไม่ได้ แมวมันชอบยั่วโมโหให้ยั้งไม่ไหวตลอด

            ไม่รวมอารมณ์เจ็บปวดที่ตกเป็นตะกอนทับถม เพราะนึกกลัวไปว่าแต้มกำลังปล่อยมือผมไปอีกครั้ง พาให้ใจโหวงลอยเคว้ง ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงจะดีพอให้แต้มเลือกที่จะจับมือผมอีกครั้ง

            “รู้ตัวบ้าง... ว่าแต้มทำพี่เสียใจ”

            ผมเอ่ยในขณะเลื่อนมือจากข้อศอกลงไปจับมือหุ้มถุงมือของแต้มไว้ บีบกระชับแน่นด้วยความหวังในตัวแมว อยากให้แมวมันเลิกเมิน อยากให้แมวสนใจ อยากให้แมวมาคลอเคลีย ให้เรามีกันและกันอีกครั้ง

            แต่แต้มยังคงเป็นแต้ม ปั้นหน้าหยิ่งเมินใส่ผมเหมือนเคย ไม่แยแสต่อความเจ็บปวดของผมเลยแม้แต่น้อย

            “ไอ้พี่เสือหงอย”

            “เออ...” เสือหงอยบ้างไม่ได้เหรอ เกิดเป็นเสือก็เจ็บเป็นนะ

            “ไอ้พี่เสือตื่นตูม”

            “เออ…” กูไม่ใช่กระต่าย!

            “โดนเพื่อนสนิทเบี้ยวค่าหวยว่ะ”

            “เออ…” สมน้ำหน้า

            แล้วผมต้องรู้ด้วยไหม มันใช่เวลาคุยเรื่องหวยเหรอ เหอะ! ดูเอาเถอะ แค่ค่าความสำคัญระหว่างคนกับเงินยังเทียบกันไม่ได้เลย แต้มก็ยังเป็นแต้ม เห็นหวยสำคัญกว่าผม

            “มันรับซื้อจากคนอื่นมา แต่เอามาส่งแค่ตัวเลข เงินไม่ยอมเอามาให้ แล้วเมื่อวานที่หายไปเพราะเพื่อนบอกว่าจะคืนให้เลยรีบไป แต่แม่งเอ๊ย ชั่วโคตร มันให้มาไม่ถึงครึ่งแถมบอกที่เหลือให้เจ๊ากันไป เซ็ง โดนโกงไม่เท่าไหร่ แต่ต้องมาเสียเพื่อนเพราะหวย โคตรงงเลยว่ะ...”

            แป๊บนะ พี่กำลังพิจารณาว่าตัวเองควรอยู่ในอารมณ์ไหนดี

            “แล้วปิดเครื่องทำไม”

            “เลิกขายแล้วไง ขี้เกียจรับสาย ขี้เกียจตอบไลน์ เลยปิดเครื่องหนีซะเลย”

            “หา?” อึ้ง แต้มเลิกขายหวย พระเจ้า เป็นไปได้ไงวะ “เลิกตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

            “เอ้า!” แต้มชักสีหน้า “อย่างว่าแหละ คนมันไม่ใส่ใจ คืนนั้นก็บอกไปแล้วไง พอคิดว่าจะเลิกขายเลยหาเรื่องให้พี่ใช้คะแนนแลกจูบให้หมด กลัวจะแลกพร่ำเพรื่อไร้สาระ”

            ยิ่งเคลียร์ยิ่งงงเป็นปลากระโห้ชนฝาเขื่อน จับเรื่องลำดับเหตุการณ์ไม่ถูก

            “บอกคืนไหน? ที่จูบกัน?”

            “ก็คืนนั้นที่...จะ-จูบ-กัน-ไง-วะ”

            แล้วจะทำเป็นติดอ่างทำไม อย่างกับกระดากอายขึ้นมา ไม่ค่อยเข้ากับเบ้าหน้ามันเลยเเฮะ แต่ก็ดูน่ารักดี เป็นไอ้แมวจอมซึนที่โคตรจะน่ารัก

            “ดูทำหน้าเข้าไอ้พี่เสือ จำไม่ได้ล่ะสิ ถึงได้บอกไงว่าพี่มันเห็นแก่ตัว ไม่ใส่ใจ แค่นี้ก็จำไม่ได้ แล้วยังมีหน้ามาทำเป็นคร่ำครวญให้เห็น ไอ้พี่เสือตอแหลเอ๊ย! คิดแต่เรื่องของตัวเอง ใส่ใจแต่ความอยากตัวเอง...”

            เอิ่ม อารมณ์เหมือนกำลังถูกแมวขี้โวยพาลใส่ เล่นเอามึนอีกระลอก

            “สมแล้วที่เรียนเครื่องกล ผิดจากที่พูดไว้ซะที่ไหน ไอ้เสือเห็นแก่ตัว ไอ้คนไร้ความรู้สึก มีหัวใจไปก็เท่านั้น เป็นแค่เครื่องจักรให้เลือดไหลผ่าน ให้มีลมหายใจมาข่มเหงหัวใจคนอื่น แล้วยังมีหน้าไปกอดพี่อาโป ไอ้พี่เสือบัดซบ!”

            ชีวิตติดสตั้น แมวป่าอันธพาลกำลังเหวี่ยงใส่ไม่หยุด แต่น่าแปลกที่ทำให้ผมต้องกลั้นยิ้มไว้ สัมผัสได้ถึงความเอ็นดูแมวที่จุกอกจนล้นเอ่อ อยากกระชากร่างโตๆ มากอดคลอเคลีย ให้คลายความโหยหาสมกับความคิดถึง ตอกย้ำว่าใจพี่เสือมีไว้ให้แต้มเพียงคนเดียว และขอโทษที่ปล่อยให้แต้มรอพี่ปล้ำจูบมานานจนต้องรุกซะเอง

            อ้ากกก พี่เสือฟิน ไอ้น้องแมวมันอ่อนยวบให้นานแล้ว แต่ดันโง่เสียเวลาทำตัวเป็นคนดี รู้งี้จับฟัดลากปล้ำนานแล้วโว้ย ลองคิดย้อนไป น้องมันก็อ่อยเนียนเหลือเกิน แต่ผมมันดันคิดมากไปเอง 

            “…ทั้งที่แก่หงำเหงือก ทั้งที่ชอบทำตัวเหมือนเสือหมดเขี้ยวเล็บ แต่ยังทำให้เหนื่อยใจได้ตลอด ไอ้คนไว้ใจไม่ได้”

            “แต้มหึงพี่?”

            “หึงทำไม พี่อาโปก็แค่แกล้งยั่วผม เขารู้เรื่องของเราตั้งนานแล้วโว้ย พี่อาโปก็แค่แหย่เล่นเพราะเห็นผมชักช้า แต่ไอ้คนที่ชักช้ามันพี่ ไอ้เสือแก่เอ๊ย!” ถึงว่าตอนที่เคลียร์กับอาโป เขาเอาแต่ยิ้มขำแล้วบอกให้ผมรีบขอแต้มเป็นแฟนซะ ดูเอาเถอะ ทำผมดราม่าเป็นวรรคเป็นเวร

            “โอ๋ๆๆ”

            “โอ๋ทำป๊ามึงเหรอไอ้พี่เสือ”

            “ถ้ายังพูดหยาบอีกพี่จุ๊บปากนะ”

            “จุ๊บฝ่าตีนแทนไหม”

            แมวยังหงุดหงิดไม่เลิกเหมือนเจ้าประทับองค์ ห้ามปากให้หยุดตัดพ้อผมไม่ได้ ยิ่งได้ฟังคำพูดที่ปล่อยออกมา ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกระหว่่างของเราสองคนว่ามันไม่เคยเลือนหายไปไหน มันยังคงผูกพันอยู่ในใจเสมอ แม้จะมีช่วงเวลาว่างเปล่าที่ไม่ได้พบเจอกัน แต่ความมีใจต่อกันยังคงผนึกแน่น ไม่เจือจาง ไม่คลายหาย

            ยังเป็นเสือที่ชอบเล่นกับแมวจอมหยิ่งเหมือนในวันวาน

            ฉะนั้นข้อกล่าวหาที่ว่าหัวใจผมเหมือนเครื่องจักรคงต้องขอปฏิเสธ ใครก็ตามที่มาอยู่ใกล้แมวตัวนี้ไม่มีทางจะไม่เผลอใจ จะชอบแนวไหนไม่รู้ แต่สำหรับผมแล้ว ผมอยากดูแลแมวไม่ให้เหนื่อยกับการตะบี้ตะบันหาเงิน อยากเลี้ยงแมวให้มีความสุขบนปุยนุ่ม ทั้งยังอยากจับแมวขย้ำกินซ้ำย้ำไปย้ำมา

            ยอมเป็นทาสแมวแต่ไม่ขอเสียเปรียบแมว

            คิดแล้วก็ชุ่มชื่นในหัวใจ รั้งกายคนตรงหน้าเข้ามากอดแนบอก แมวน้อยสะดิ้งดิ้นหนี ผมกอดรัดสุดแรง สายตาคนที่มองมาไกลๆ คงคิดว่าเราแค่หยอกเล่นแกล้งกันตามประสาผู้ชาย

            ผมกระซิบเสียงแผ่ว

            “พี่อยู่คนเดียวมานานแล้ว... แต้มเป็นแฟนกับพี่เสือนะ”

            เป็นความเงียบท่ามกลางความคาดหวังที่จะได้รับการเซย์เยสจากแต้ม ผมคลายอ้อมแขน ให้แต้มได้มีอิสระในการใช้ความคิด ไม่อยากกดดัน แต่แสดงความคาดหวังผ่านใบหน้า...

            ทว่าแต้มเงียบแล้วเดินไปหยิบเหล็กดัดสองชิ้นรูป M และ E ซึ่งเป็นตัวย่อชื่อภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล ก่อนจะเหยียบขั้นบันไดขึ้นไปเชื่อมยึดติดกับโครงด้านบนแทนป้ายไม้เก่าที่ผุพังและหล่นใส่หัวนักศึกษาไปเมื่อปีก่อน

            ประกายไฟสีเหลืองส้มแผ่กระจายคล้ายพลุไฟ แสงสีขาวสว่างวาบทำเอาปวดตาจนต้องเบือนหน้าหนี กระทั่งเสียงในการอาร์กเงียบลงผมจึงหันกลับไปมองคนใจแข็งที่ยังไร้คำตอบ

            “แต้ม...” ผมครางเรียกด้วยใจที่แกว่งไกว ไม่ใช่อะไรหรอก แค่รู้สึกว่าชีวิตต่อจากนี้คงได้มีปัญหากับเพื่อนร่วมภาคแน่ๆ “คือ... น้องเบลอเหรอวะ”

            “หืม...” แต้มส่งเสียงก่อนเอี้ยวตัวมองย้อนไปด้านหลังตามสายตาของผมที่สื่อความหมายถึงปัญหาที่เกิดขึ้น “มีอะไร?”

            ยังมายอกย้อนหน้าตายได้อีก ไม่เห็นใจพี่เสือคนนี้บ้างเลย ไอ้แมวใจเหี้ยมทมิฬ

            “พี่เสือไม่พอใจคำตอบผมเหรอ... ไหนบอกไม่ชอบอยู่คนเดียวแล้วไง”

            “ฮะ?”

            แต้มส่ายหน้าพลางถอดเสื้อช็อปออกแล้วเดินไปเก็บเครื่องไม้เครื่องมือในการทำมาหากิน ผมมองย้อนไปยังป้ายชื่อใหม่ของศาลาประจำภาคอีกครั้ง พยายามเค้นสมองในการประมวลผล กระทั่งความรู้สึกตื้นตันค่อยๆ กำซาบลึกในหัวใจ แมวน้อยช่างยอกย้อน ตีรวนความคิดผมจนกระเจิง กว่าจะรู้ตัวว่าแมวมันอ่อยมันอ้อน ก็เผลอมโนจนใจเสีย

            ในที่สุดก็ได้ข้อสรุป

            แต้มเป็นแมวป่าวายร้ายที่ชอบขโมยหัวใจคนอื่น

            ผมย่างเท้าเข้าประชิดอยู่เบื้องหน้าร่างที่กำลังนั่งง่วนกับการเก็บของ ได้ยินน้องมันส่งเสียงราบเรียบแต่แฝงอารมณ์ตัดพ้อชวนหงอยกลับมา

            “ถ้าไม่พอใจก็ไปเอาเครื่องเจียรไฟฟ้ามาเจียรออกแล้วกัน”

            ผมไม่อาจกลั้นยิ้มและหยุดหัวใจที่พองโตให้แฟบลง ค่อยๆ โน้มกายลงกระซิบคำสำคัญกับคนที่นั่งอยู่ด้วยเสียงแผ่ว ชั่ววินาทีนั้นใบหูเล็กขาวปราดแดง เห็นแมวกางกงเล็บตะกุยข่วนเสื้อช็อประบายความเขินอายอย่างเนียนๆ จนเส้นไหมที่ปักเป็นชื่อภาควิชา Welding Engineering หลุดขาดออกมา...

            ผมเดินจูงมือแต้มไปยังรถ ทิ้งปัญหาที่เกิดขึ้นไว้เบื้องหลัง ไม่มีอะไรต้องสนใจอีกแล้ว เพียงคำสั้นๆ ที่แต้มเลือกใช้ตอบรับความรู้สึกผม ก็บอกได้แล้วว่าแต้มให้ความสำคัญกับเรื่องหัวใจมากแค่ไหน เกิดเป็นความรู้สึกอุ่นเอิบในหัวใจ เกินกว่าคำลึกซึ้งใดๆ จะบรรยาย

            จากป้าย ‘ME’ วิศวกรรมเครื่องกล แต้มดันกลับหัวเป็น ‘WE’ วิศวกรรมการเชื่อม

            จากที่เคยอยู่อย่างโดดเดียวลำพังเพียง ‘ผม’ แต้มได้เข้ามาพลิกแล้วเติมเต็มเป็นคำว่า ‘เรา’

            เมื่อหัวใจหวนกลับมาเชื่อมยึดติดแน่นกันแล้ว ก็ได้เวลาเสือลากแมวไปขย้ำในถ้ำเดียวกันอีกครั้ง...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จบ ( แต่ไม่บริบูรณ์ )

มีต่ออีกหน่อยตอนหน้าค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณที่รักพี่เสือและน้องแต้มน้า ^^ Boorina
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.08 (25-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-04-2018 00:52:48
อย่างที่ว่าแหล่ะ เสือมันแก่แล้ว แต้มต้องทำใจ เตรียมใจ  และให้ใจเสือมากกว่านี้นะ  :กอด1:

ปล. มีเรื่องจะให้ช่วยคิดหน่อยนะ มีนักศึกษามาให้กรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับอาชีพ มีอยู่ข้อ ถามถึงจังหวัดที่อาศัย นั่นคือ กรุงเทพฯ แต่มี 2 ข้อให้เลือก คือ 1. ยกเว้นกรุงเทพฯ 2. จังหวัดอื่น ๆ  เลยเลือกข้อ 2 ไป แล้วถ้าคนที่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ก็เลือกได้ทั้ง ข้อ 1 และ ข้อ 2 สิ แล้วแบบสอบถามมันจะสำรวจไปทำไมฟ่ะ หรือเรามันแก่แล้ว คิดตามแบบสอบถามที่เด็ก ๆ ทำไม่ได้หว่า
แล้วเด็ก ๆ ในเล้า จะตอบข้อใดกันนะ คนแก่อยากรู้จริง ๆ  :confuse:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.08 (25-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 17-04-2020 00:23:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.08 (25-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 15-03-2024 18:58:39
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)