พิมพ์หน้านี้ - ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: sasithron ที่ 15-04-2015 23:18:31

หัวข้อ: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 15-04-2015 23:18:31
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 15-04-2015 23:20:01
บทที่ 1


ตึก ตึก ตึก เสียงร้องเท้าผ้าใบคู่เก่งของผมสะท้อนไปมาตามทางเดินของหอพัก หอพักที่ผมก็ยังงงๆอยูว่าเมื่อคืนมาถึงที่นี่ได้ยังไงและยังงงอีกว่า........


ตึ๊ด ๆ เสียงโทรศัพท์ดังแจ้งถึงข้อความที่ได้รับ
“เป็นแฟนกันนะ”
ผมได้แต่มองข้อความนั้น แต่ยังไม่ตอบอะไร ก็อย่างที่ว่าผมก็ยังงงๆอยู่
ก็จะอะไรอีกละ ก็เพราะว่าเมื่อคืนผมเพิ่งไปปล่อยผี ก๊งเหล้ากับเพื่อนๆจากโรงเรียนเก่า ส่วนเหตุผลนะเหรอครับ แน่นอนก็ไม่มีอะไรมากก็แค่อกหัก ใช่ครับแค่อกหัก ผมคงดื่มหนักมากผมถึงยังงงและมึนมากขนาดนี้

แต่ก่อนที่ผมจะเดินไปถึงรถ เสียงเตือนข้อความก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าเฟยไม่ตอบตกลง  เราจะปล่อยคลิปนะ”
ผมอ่านข้อความนั้นทวนอีก 3 ครั้ง เพราะกลัวว่าผมจะอ่านผิด แต่ก่อนผมจะนึกออกว่าเป็นคลิปอะไร เสียงเตือนข้อความก็ดังขึ้นอีกครั้ง  แต่สิ่งถูกส่งมาครั้งนี้ไม่ใช่ประโยคข้อความใดๆ มันคือคลิปวิดีโอ ซึ่งภาพบนหน้าของวิดีโอนั้นคือตัวผมซึ่งเปลือยเปล่า โดยที่ผมกำลังก้มตัวจูบใครอีกคนหนึ่งอยู่ซึ่งไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเช่นกัน และเป็นผู้ชาย ผมไม่กล้าเปิดเล่นคลิปวิดีโอนั้น จึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เดินไปหารถของตัวเองและรีบขับกลับบ้าน





ผมกลับมาถึงบ้านได้หลายชั่วโมงแล้วครับ สารภาพบาปกับแม่เรียบร้อยว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมาแต่ไม่ได้ทุกเรื่องหรอกครับ ก็เว้นแต่เรื่องในคลิปนั้นกับเรื่องที่ไปดื่มเพราะอกหัก  ส่วนตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่บนเตียง เตียงซึ่งเมื่อคืนผมควรจะมานอน   โดยที่มีโทรศัพท์วางอยู่ที่ใต้หมอนไม่กล้าหยิบขึ้นมาดู

ไม่ใช่ว่าผมไม่กล้าดูหรอกนะครับ ผมแค่จะพยายามนึกให้ออกก่อนว่ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ท่าทางผมคงจะเมามากจริงๆเพราะนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก  จนกระทั่งเสียงเตือนข้อความดังอีกครั้ง
“เฟย”
ครั้งนี้มีเพียงแค่ชื่อผมที่ถูกพิมพ์มา นี่คงเป็นการเตือนเรื่องคำตอบที่ผมต้องให้กับอีกฝ่าย ซึ่งคำตอบนั้นจะเป็นอะไรไม่ได้เลยนอกจาก “ตกลง”


เมื่อเห็นว่าไม่มีเหตุผลใดๆที่จะถ่วงเวลาอีกแล้ว ผมจึงเลื่อนนิ้วโป้งไปกดปุ่มเพลย์ที่วิดีโอนั้น
วิดีโอเริ่มต้นโดยที่ผมเดินซึ่งผมไม่แน่ว่าเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เพราะว่าแม้ว่าขาจะเดินแต่ปากของผมและเขากำลังบดเบียดกันไปมา  อันที่จริงเหมือนจะเป็นฝ่ายผมมากกว่าที่พยายามบดเบียดอยู่ฝ่ายเดียว  ผมผลักเขาลงบนเตียงก่อนจะโถมตัวขึ้นคร่อม  เขาหน้าเสียเล็กน้อยและเมื่อผมโยนเสื้อของผมทิ้งไป   เขาก็ถามผมด้วยน้ำเสียงตื่นๆว่า
“จะทำอะไรเฟย”
เขาไม่พูดเปล่าแต่ดันตัวจะลุกขึ้น ส่วนผมนั้นไวกว่า  เพราะเพียงเขาแค่ยันศอกขึ้นผมก็กลับไปจูบกับเหมือนเดิม ส่วนมือของผมก็พยายามที่จะถอดเสื้อเชิ้ตของเขาอย่างชำนิชำนาญ


ผมกดหยุดวิดีโอ ไม่ต้องดูถึงตอนจบผมก็มั่นใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป  เพราะเป็นผู้ชายวัยรุ่นถึงเข้าใจ ถ้าถึงทำขนาดนั้นแล้วจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมจะไม่หยุดจนกว่าจะทำทุกอย่างจนเรียบร้อย
แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดี เพราะผมเป็นผู้ชาย แน่นอนเป็นผู้ชายอันนี้ยืนยันได้จากแฟนคนเก่าๆของหรือแม้กระทั่งคนล่าสุดที่ทำให้ผมอกหักเลยไปดื่มเหล้าจนเมาจำอะไรไม่ได้ขนาดนี้


ผมต้องเช็คให้แน่ใจ ผมกดเบอร์โทรหาเพื่อนด้วยความว่องไว  ใช้เวลาซักพักหนึ่งกว่าเพื่อผมมันจะรับสาย
“ว่าไงมึง”  มันทักทายผมก่อน
“เออ” ผมทักมันกลับแบบส่งๆ
“คืองี้กูมีเรื่องจะถามมึงไทม์” ผมพยายามเรียบเรียงคำพูด 3 วินาที
“เมื่อคืน กูกลับยังไงวะ”
“เมื่อคืนเหรอ มึงไปเข้าห้องน้ำแล้วมึงก็หายไปเลย” ไทม์มันตอบผม
“เหรอ” ผมย้อนถามมัน
“ใช่ๆ มึงบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำแล้วมึงก็หายไปเลย  พอกูไปดูในห้องน้ำก็ไม่มี   ไปดูรถมึง ก็ไม่อยู่แล้ว “ ไทม์เรียบเรียงให้ฟัง
“มึงหนีไปก็ไม่บอกกูนะ   โทรไปก็ไม่รับ” มันว่า
“ได้หญิงอะดิ หายไปเลยนะมึง ลืมเพื่อนลืมฝูง” ไทม์มันเริ่มแซว อะไรของมันเมื่อกี้ยังว่าผมอยู่เลย
“กูไม่ใช่คนแบบนั้น”ผมว่ามันกลับ
แต่ก่อนที่มันจะว่าอะไรผมก็ตัดบอกลาและวางสายมันก่อน


ผมยังงงกับเรื่องที่ไทม์มันเล่าให้ผมฟังอยู่แต่การที่จะโทรไปหาคนอื่นคงจะไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะถ้าดูๆแล้วกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนเก่าที่ดูมีสติสุดก็มันนี่แหละ

ผมตัดปัญหาเรื่องที่ว่าผมไปที่หอเขาได้ยังไงทิ้งไปแล้ว  ตอนนี้ผมมีเรื่องของคำตอบให้คิดหนักกกว่า เพราะ ผมยังนึกหาวิธีเลี่ยงที่จะไม่ตอบ”ตกลง”ไม่ออก   มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ผมจะไปคบกับผู้ชาย  เพราะผมไม่ใช่เกย์ 

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เข้ามาขัดจังหวะความคิดผม  เป็นเบอร์ที่ไม่ค่อยคุ้น แต่ผมมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“สวัสดีครับ” ผมรับสาย
“เฟย เราโทรมาขอคำตอบ”



ฝากเรื่องแรกด้วยนะครับ (อันที่จริงเคยแต่งเรื่องหนึ่งแต่ว่าหมดไฟซะก่อน เลยโดนลบไปแล้ว) :o12:
หากมีข้อผิดพลาดใดๆขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
และก็ขอบคุณทุท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะครับ :katai4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก***
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-04-2015 23:22:51
บร๊ะ เฟยไปกดใครคะนั่น มีกะใจอัดคลิปไว้ด้วย *-*
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 1 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-04-2015 02:28:15
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 1 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 17-04-2015 02:59:28
น่าสนุกดีนะคะ มาต่อไวๆนะคะ ติดตามต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 1 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-04-2015 03:51:02
รออ่านอีก
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 1 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 17-04-2015 04:55:07
โดนวางแผนป่าวอะไรจะเป๊ะปานนั้น แต่อย่างน้างน้อยก็กดเขาอ่ะนะเฟย
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 1 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 17-04-2015 09:50:07
เฟยรุกใครอ่ะ แผนใช่มะ รอๆๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 1 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-04-2015 13:24:00
รอต่อไป
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 2 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 24-04-2015 04:55:10
บทที่ 2


   ผมกำลังเดินเข้าไปในร้านกาแฟที่มีสวนภายในร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่ผมกับเพื่อนๆมักจะมาอาศัยอ่านหนังสือในช่วงที่มีสอบ เพราะว่าร้านมีบรรยากาศร่มรื่นจึงทำให้ผ่อนคลายเหมาะแก่การอ่านหนังสือ  แต่สำหรับวันนี้ผมกลับไม่รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่มันควรจะเป็น   มันกลับรู้สึกตึงๆบอกไม่ถูก

   ผมเดินเข้าไปในส่วนของร้านกาแฟ  มองหามุมที่เหมาะๆเพราะว่าผมไม่อยากให้เรื่องที่ผมคุยในวันนี้มีคนได้ยิน   แม้ว่าผมจะยังไม่เห็นใครที่ผมรู้จักเลยก็ตาม   เว้นแต่คนคนนั้น คนที่ผมมาที่นี่เพื่อเจอ เพราะวันนั้นที่เขาโทรมาขอคำตอบแต่เพราะผมคิดว่าคุยกันทางโทรศัพท์อาจจะไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ผมเลยขอนัดเขามาเจอกันที่นี่ 
เขาเลือกนั่งโต๊ะในสุดริมกระจก  เขานั่งหันหน้ามาทางผมก็จริง แต่ที่เขายังไม่เห็นผมเป็นเพราะมัวแต่ก้มอ่านหนังสืออยู่     

“มาถึงนานหรือยัง”ผมทักพร้อมกับลากเก้าอี้ออกให้ตัวเอง   
“ไม่นานหรอก”เขายิ้มให้ผม


เป็นยิ้มที่ผมไม่ค่อยได้เห็น ไม่ใช่ว่าวิธีการยิ้มของเขาแปลกประหลาดอะไร   แต่เพราะว่าเวลาที่อยู่ที่มหาลัยผมไม่ค่อยเห็นเขาเท่าไร ผมคิดว่าเขาคงเป็นพวกจืดจาง ไม่ค่อยแสดงออก ทั้งๆที่คณะที่เราเรียกการแสดงออกน่าจะมีอยู่ในสายเลือดทุกคน

“เอาอะไรไหมเฟย เดี๋ยวเราเรียกพี่พนักงานให้” เขาถามขึ้น

ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ  เขายิ้มตอบผมเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อเรียกพนักงาน    ผมสั่งกาแฟเย็นหนึ่งแก้วแต่ขอแบบเข้มๆหน่อย เพราะผมคิดว่าวันนี้คงต้องใช้สติมากขึ้นกว่าเดิม

   ในระหว่างที่ผมรอกาแฟ   เขาก็นั่งอ่านหนังสือเฉยๆไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไร  ผมจึงใช้โอกาสนี้มองพิจารณาเขาชัดๆอีกครั้งหนึ่ง   เขาตัวไม่สูงไปกว่าผมมากนะก็คงจะราวๆ 173 ผมสีดำหยักศก ผิวสีเหลืองๆ ดูไม่เหมือนเกย์ทั่วไปที่ผมเคยเห็นที่มักจะผิวขาวๆหุ่นดีๆแบบคนเข้ายิม  ดูยังผมก็ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะร้ายกับใครได้ เพราะว่าเวลาในคณะมีกิจกรรมอะไรเขาก็ไม่เคยที่จะมีปากมีเสียงหรือโต้แย้งกับใคร เป็นคนง่ายๆที่ใครว่าอย่างไงก็ว่าตาม  ยิ่งผมมองผมก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนี้
   และเหมือนเขาจะรู้ตัวในที่สุด  เพราะเขาเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับยกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงถาม  ผมจึงส่ายหัวกลับไปเป็นคำตอบ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานมากเสิร์ฟกาแฟพอดี

“เฟยมาที่นี่บ่อยไหม” เขาถามพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆร้าน

“บ่อยนะ แล้วกานต์ล่ะ”ผมถามกลับแล้วก็มองตามสายตาที่เขามอง ไปยังชั้นที่วางของภายในร้าน

“เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ”กานต์พูด หลังจากถอนสายตาจากนาฬิกาที่ชั้นวางของในที่สุด

ผมพยักหน้าตอบ และดื่มกาแฟเรียกสติอีกอึกใหญ่

“สรุปคำตอบคือ”กานต์มองตาผม

“เฟยขอถามอะไรก่อนได้ไหม”ผมหยั่งเชิงถาม

“ได้สิ”กานต์พยักหน้า

“เมื่อคืนนั้นเฟยไปห้องกานต์ได้ยังไง”หลังจากผมถามกานต์ยิ้มเล็กน้อย เหมือนว่าเขาขำเล็กๆกับคำถามที่ผมถามไป

“คืออย่างนี้เฟย คืนนั้นเราก็ไปเที่ยวกับเพื่อนเรา จังหวะที่เราเดินมาจากห้องน้ำ เราก็เจอเฟยเราก็ทักเฟยปกติ  เฟยก็บอกว่าไปส่งเฟยหน่อยแล้วก็ยื่นกุญแจรถให้เรา”กานต์พูดไปยิ้มไป

“เหรอ”ผมเอ่ย
“ใช่ ขนาดเราถามว่าให้ไบอกเพื่อนเฟยไหม เฟยยังบอกว่าไม่ต้องเลย  ถามจริงจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”กานต์ถามผมกลับมา ซึ่งเอาจริงๆผมแทบจำอะไรไม่ได้เลย ผมเลยแค่พยักหน้ากลับไป

“แล้วกานต์ทำอย่างนี้ทำไม”คราวนี้ผมเป็นฝ่ายถามเขากลับบ้าง

“ยังไง”กานต์ทำหน้าสงสัย

“ก็ที่อัดคลิปวิดีโออันนั้นไง” ผมบอกเขา ทั้งๆที่ผมคิดว่าเขาน่าจะรู้ว่าผมหมายถึงเรื่องอะไร

“ก็เพราะคิดว่าเฟยจะไม่ยอมไง”กานต์ตอบก่อนจะถอนหายใจ
“อันที่จริงก่อนที่จะเริ่ม” กานต์เอียงหัวเล็กหน่อยเป็นสัญลักษณ์ถึงคำที่ถูกเว้นไว้ “เราก็บอกเฟยไปแล้วนะว่าจะอัดวิดีโอ เพราะคิดว่าเฟยแค่จะแกล้งเราเล่นเฉยๆ ก็ไม่คิดว่าเฟยจะทำจริงๆ”

ผมอึ้งไปนิดนึงก่อนที่จะเรียกสติให้กลับคืนมาดังเดิม
“เฟยขอโทษ”

“อืม”กานต์พยักหน้ารับรู้

“แต่เรื่องที่ว่าจะให้มาเป็นแฟนกัน เฟยว่า มัน....” ระหว่างที่ผมกำลังพูดนี้ กานต์มองมาที่ผมอย่างไม่วางตา 

“หมายความว่ายังไงเฟย  เฟยจะไม่ตกลงเหรอ”กานต์เป็นฝ่ายถามผมอีกครั้ง

“ก็เพราะเราไม่ได้ชอบกานต์” ผมตอบกานต์ไปตามความจริง

“ถ้างั้นแล้วทำไมคืนนั้นถึง..”กานต์ว่า

“คืนนั้นเฟยเมานะกานต์  เฟยจำอะไรไม่ได้”ผมขัด

“จำไม่ได้หรือไม่อยากจำ  คนเมาหน่ะเขาไปมีอะไรกับใครไม่ได้หรอกนะเฟย” ผมนิ่งไปเพราะประโยคนี้ของกานต์  มันก็จริงอย่างที่กานต์ว่า

“เราคิดว่าเฟยจะเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่ใครๆเขาบอก เราไม่คิดว่าเฟยจะพูดอย่างนี้กับเรา”กานต์ก้มหน้า เหมือนจะพูดกับแก้วน้ำของตัวเองมากกว่าที่จะพูดกับผม

“เราไม่ยอมง่ายๆหรอกนะเฟย”กานต์พูดต่อแต่เปลี่ยนจาแก้วน้ำมามองผมแทน สายตาที่มองผมนั้นดูเอาจริงเอาจัง

ผมถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว  ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่แต่ผมก็มีความเป็นผู้ชายมากพอ หากเป็นผู้ชายคนอื่นมาว่าผมอย่างนี้ผมคงไม่ปล่อยไว้  แต่คนข้างหน้าผมแม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่เขาก็เป็นผู้เสียหายที่ถูกผมกระทำ   
“ตกลง เฟยยอมเป็นแฟนกานต์”ผมตอบกานต์อย่างเสียไม่ได้

“ขอบใจเฟย” กานต์ยิ้มให้ผม

“แต่อย่าเพิ่งบอกใครได้ไหม”ผมเอ่ยขอ

“ได้สิ  งั้นเราขอบ้างนะ”กานต์ยิ้ม
“หนึ่ง ในหนึ่งอาทิตย์เฟยต้องดูหนังหรือกินข้าวกับเราอย่างน้อยหนึ่งครั้ง” ผมอ้าปากเล็กน้อยเพราะอยากจะพูดบางอย่าง
“สอง เฟยต้องไปส่งเราทุกครั้งที่เราขอ”ผมพยายามจะพูดอีกครั้ง
“สาม ถ้าเฟยทำให้เราเสียใจ เราจะปล่อยคลิปวิดีโอ ทันที เราไม่ได้ขู่นะเราเอาจริง” กานต์เสริมประโยคหลังเมื่อเห็นผมจ้อง

   ผมคิดว่ามันเหมือนกฎมากกว่าคำขอ แต่ผมคงต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้ ผมไม่มีทางเลือกอยู่แล้วนี่ 

“แล้วจะเป็นแฟนกันอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่”ผมถามกลับ

“จนกว่าเราจะรู้สึกว่าเฟยรักเราจริงๆ”กานต์ยิ้มกลับมาให้ผม
   
“จนกว่ากานต์จะรู้สึกว่าเฟยรักกานต์จริงๆเหรอ”ผมถ้วนถาม ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกในความคิดผม เพราะผมไม่ได้ชอบผู้ชาย และถึงผมจะต้องชอบผู้ชายจริงๆกานต์ก็ไม่ได้ดูบอบบาง น่ารัก น่าถนุถนอมเลย

ผมนั่งต่อกับกานต์อีกสักพักใหญ่ๆ  ก่อนเรียกเก็บค่าเครื่องดื่มทั้งของผมและกานต์ พร้อมลุกขึ้นยืนเพื่อจะกลับ

“จะไปไหนเฟย”กานต์ถาม พร้อมทำหน้าสงสัย

“เฟยกลับก่อนนะ มื้อนี้เราเลี้ยงเอง ไว้เจอกันที่มหาลัย”ผมตอบก่อนที่จะเดินหันหลัง มุ่งหน้าไปสู่ประตูทางออก

“เฟย ในฐานะที่เป็นแฟนกัน วันนี้เฟยต้องไปส่งเราที่หอ” กานต์ว่า พร้อมกับเดินนำผมออกไป





ขอบคุณครับ

ราตรีสวัสดิ์ คร่อกกกกก  :katai4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 2 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-04-2015 08:20:46
 :really2:

กานต์กะเฟย ใครเคะใครเมะคะเนี่ย แยกยังไม่ออก

แต่กานต์นี่นิ่งมาก คิดแผนนี้นานไหมเนี่ย (แอบชอบเฟยมานานแล้วหรือยังไงหนอ??)

หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 2 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-04-2015 08:57:07
อ้างถึง
  “จนกว่าเราจะรู้สึกว่าเฟยรักเราจริงๆ”กานต์ยิ้มกลับมาให้ผม
หมายความว่าไง ถ้าวันหนึ่งกานต์รู้สึกว่า
เฟยรักกานต์จริงๆ  กานต์จะจบความสัมพันธ์เหรอ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 2 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 24-04-2015 09:16:35
นี่กานต์เป็นฝ่ายโดนจิ้มใช้ปะ หรือยังไง
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 3 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 15-05-2015 03:25:14
บทที่ 3

      สาม สี่วันหลังจากวันนั้น   ทุกอย่างดูสงบเงียบเป็นปกติ  โทรศัพท์ของผมไม่มีทั้งสายโทรเข้า และข้อความจากกานต์ และที่มหาลัยก็เหมือนว่ายังไม่มีใครรู้เรื่องของผมกับกานต์   
   
    ที่มหาลัยเวลาที่ผมเจอกานต์ เขาก็ไม่ได้ทำตัวผิดแปลกไปจากเดิมมากนัก เว้นแค่บางทีพอผมมองไปทางกานต์ ก็เห็นว่าเขากำลังมองผมอยู่ และเมื่อเขาสบตาผม เขาก็จะรีบเบือนหน้าหนีไป
   
    ผมใจจดจ่อกับการเดทหรือการทำตามสัญญาของกานต์เป็นอย่างมาก  ไม่ใช่ว่าเพราะผมตื่นเต้น แต่ผมแค่อยากให้มันผ่านไปไวๆต่างหาก  ความจริงผมอยากกดปุ่ม skip ให้ผ่านไปที่ตอนสุดท้ายเลย 


ตื๊ด ตื๊ด เสียงข้อความโทรศัพท์ของผมดัง เล่นเอาผมแอบสะดุ้งเล็กน้อย


“วันนี้ไปซื้อหนังสือเป็นเพื่อนเราหน่อยนะ”  ในที่สุดกานต์ก็ส่งข้อความมาหาผม


ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์ก็เห็นกานต์นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเขาถัดไปอีกสองโต๊ะ  เขาส่งยิ้มกลับมาให้ผม  ผมจึงพยักหน้ากลับไปเป็นคำตอบว่าตกลง


ตื๊ด ตื๊ด เสียงข้อความดังขึ้นอีกครั้ง


“เย็นนี้หลังเลิกเรียน เรารอใต้ตึกคณะนะ” พอผมอ่านข้อความของกานต์เสร็จ เงยหน้ามาก็เห็นว่าเขากับเพื่อนๆเดินขึ้นตึกกันไปแล้ว


    คาบบ่ายของผมวันนี้มันช่างขมุกขมัว  ผมรู้สึกทั้งมึนๆและทั้งโมโห  มึนเพราะเสียงหึงๆของอาจารย์และเพื่อนๆที่ส่งเสียงกันจอแจ และมึนหนักไปอีกกับการคิดถึงเรื่องเย็นนี้  แล้วก็โมโหที่ต้องโดนบังคับในสิ่งที่ไม่อยากทำ    ในที่สุดผมก็ลุกขึ้นโค้งเล็กน้อยเป็นการขออนุญาตอาจารย์เพื่อไปเข้าห้องน้ำ    แต่พอผมออกมาจากห้องแล้วผมกลับมุ่งหน้าไปทางด่านฟ้าของคณะไม่ใช่ห้องน้ำเพื่ออัดบุหรี่ซักมวน เผื่ออาการมึนๆมันจะได้หายไปบ้าง   ผมนั่งจนบุหรี่เกือบจะหมดมวนไอ้อัพก็เดินมา



“มาอยู่ที่นี่ นี่เอง” ไอ้อัพมันว่าพร้อมกับนั่งลงแล้วจุดบุหรี่


“เป็นอะไรมึง  กูเห็นทำหน้าเซ็งๆ  ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว” อัพถามพร้อมพ่นควันบุหรี่ออกมา


ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ  พอไอ้อัพเห็นผมส่ายหน้ามันก็พยักหน้า ผมไม่แน่ใจว่าที่มันพยักหน้านั้นหมายถึงอะไร แต่ผมคิดว่าไม่ถามมันจะดีกว่า  เรานั่งกันอีกสักพักจนไอ้อัพดูดบุหรี่หมดไปหนึ่งมวนส่วนของผมหมดไปสองมวน  เราก็พากันเดินไปเข้าเรียนต่อ


      
    พอเลิกเรียนผมอ้อยอิ่งเก็บของปล่อยเพื่อนออกจากห้องกันไปก่อน   พอเพื่อนเริ่มบางตาแล้วผมจึงเดินออกไปบ้าง มุ่งหน้าไปเอารถที่ลานจอด   โดนไม่ลืมที่จะแวะหยุดที่ใต้ตึกคณะเพื่อมองหากานต์  เขานั่งรอผมอยู่แต่เขาไม่ได้อยู่แค่คนเดียว ถ้าผมเดินเขาไปพากานต์ออกมาจากกลุ่มเพื่อน   มันจะต้องทำให้เกิดประเด็นที่ผมยังไม่พร้อมตอบแน่นอน ผมจึงโทรหากานต์ เพราะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

“ว่าไง”  กานต์รับสาย

“เดี๋ยวไปเจอเฟยที่ลานจอดรถนะกานต์” ผมบอกแค่นั้น

“อือ” กานต์ตอบ  ผมกดวางสาย และเดินออกจากตึกไป



      ผมนั่งรอในรถไม่นานนักกานต์ก็มาเคาะที่ประตูอีกฝั่งของคนขับ ผมปลดล็อคประตูให้  เมื่อกานต์เข้ามานั่ง เขาก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไรที่ผมให้เขาเดินมาที่ลานจอดรถเองโดยที่ไม่ได้เดินมาพร้อมกับผม

“วันนี้ไปไหนกันดีล่ะ” ผมเริ่มถามก่อน

“ก็ไปหาอะไรกินกันดีกว่า แต่วันนี้เราอยากไปดูหนังสือด้วย” กานต์หันมาพูดบอกกับผม

“แล้วอยากกินอะไรล่ะ” ผมรู้สึกว่าคำถามที่ผมถามกานต์เหมือนมีโปรแกรมตั้งไว้

“ก็  ราเม็งดีกว่า” กานต์ว่าพร้อมยิ้มให้ผมเล็กน้อย
    
   
    ผมขำกับอาหารที่กานต์เลือกนิดหน่อยในใจ  เพราะปกติแล้วเดทไม่ค่อยมีใครเลือกอาหารที่เป็นเส้นเท่าไหร่  แสดงว่าคงอยากกินมากๆแน่เลย ผมส่ายหัวเล็กน้อย แต่เหมือนกานต์จะมองอยู่ ผมจึงหันไปส่ายหัวให้เพื่อแสดงถึงว่า “ไม่มีอะไร”
   

   ตลอดการเดินทาง กานต์และผมไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย  เพราะว่าเขาเอาแต่มองออกไปตามข้างทาง โดยไม่สนใจผมเลย ผมก็รู้สึกอึดอัดแล้วก็เหมือนเขาก็จะรู้สึกเช่นกัน  แต่ผมก็แอบรู้สึกดีเหมือน รู้สึกดีที่ไม่ต้องคุยอะไรมากกว่านี้ เพราะไม่อยากคุยเท่าไหร่
   

    ในที่สุดเราก็มาถึง ผมใช้เวลาวนหาที่จอดรถสักพัก  ไม่นานเราทั้งคู่ก็มาถึงร้านหนังสือภายในห้างใหญ่ และตอนนี้ผมก็ยืนดูหนังสืออยู่คนเดียวเพราะตอนนี้กานต์ได้ทิ้งผมไปเลือกหนังสือคนเดียวในอีกโซนหนึ่ง  กานต์ใช้เวลาวนอยู่ในร้านหนังสือเกือบหนึ่งชั่วโมง  จนต้องไปนั่งรอในส่วนที่ทางร้านเตรียมที่นั่งไว้สำหรับนั่งอ่านหนังสือ(มั้ง) 

“ป่ะ เราได้หนังสือแล้ว” กานต์ว่าพร้อมกับสะกิดผมที่ไหล่

ผมพยักหน้าตอบพร้อมกับลุกขึ้นเดินตามกานต์ไปที่หน้าแคชเชียร์  พอกานต์จ่ายเงินเสร็จ เราทั้งคู่ก็เดินไปทางร้านราเม็งทันทีโดยกานต์เป็นคนเดินนำผมไป


“หิวไหม”กานต์ถามหลังจากเราสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว

“มาก”ผมตอบตามความจริง  ไม่รู้ว่าผมใส่อารมณ์มากไปไหม เพราะว่ากานต์ส่งยิ้มแหยๆเป็นเชิงขอโทษมาให้  แต่พออาหารมาเสิร์ฟแล้ว ผมก็รู้สึกว่าคนที่หิวคงไม่ใช้ผมแต่เป็นกานต์มากกว่า เพราะว่าพอราเม็งเขาก็รีบตั้งหน้าตั้งตาทานและยังสั่งเกี๊ยวซ่าเพิ่มอีกต่างหาก

“อยากกินอะไรอีกไหม”กานต์ถามผมหลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้ว

“ไม่อ่ะ อิ่มแล้ว”ผมตอบพร้อมส่ายหัวไปด้วย

“งั้นก็กลับกันเถอะ”กานต์ว่า
   
   
    ตลอดทางกลับบ้านมีแต่ความเงียบไม่มีคำพูดใดๆเหมือนเมื่อขามา  มันคงต้องหน้าเบื่ออย่างนี้ไปทุกอาทิตย์แน่ๆผมมั่นใจ  แต่ผมยังพอมีความหวังเพราะอีกเดือนกว่าๆผมก็จะเริ่มซ้อมการเดินและการควงคฑาสำหรับการคัดเลือกรอบสองของการคัดเลือกตัวแทนผู้นำขบวนพาเหรดกีฬามหาวิทยาลัยของปีนี้  พอคิดถึงหนทางแห่งแสงสว่างนั้น ผมก็รู้สึกสดใสขึ้นมาทันที  แต่กว่าจะมาถึงหอของกานต์ได้ผมก็ต้องอาศัยการบอกทางของเขาอยู่บ้าง จนในที่สุดรถผมก็มาเทียบจอดอยู่หน้าหอ

“ขับกลับดีดีนะ” กานต์บอกลาผม แต่ผมก็แค่พยักหน้าแสดงว่ารับรู้แล้วแค่นั้น






       สาม สี่ อาทิตย์ต่อมาทุกอย่างก็ยังเหมือนกับครั้งแรก  ความอึดอัดยังเหมือนเดิม  ผมและกานต์ก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมาก แทบจะไม่ได้รู้เรื่องอะไรของกันและกันเท่าไหร่  แต่ก็ยังดีอยู่บ้างที่อย่างน้อยก็ยังไม่มีใครรู้(มั้ง)


“เมื่อวาน มึงไปดูหนังกับกานต์มาเหรอว่ะ”อัพถามขึ้นกลางวงทำงาน แบบไม่มีการเกริ่นใดๆ

“ทำไมว่ะ”ผมถามกลับ

“ก็มีคนเห็นมึงไปดูหนังเมื่อวาน แล้วก็เห็นว่ามึงไปกินข้าวกับกานต์แค่สองคนอีกต่างหาก”อัพมันลงรายละเอียด ผมแค่เงียบ ไม่ตอบอะไรมัน

“ถามจริงเถอะ มึงคบกับกานต์อยู่เหรอว่ะ”มันยิงคำถามใส่ผม 
   
    เอาแล้วไง ผมไม่รู้ว่าจะแก้ตัวว่ายังไงดี  ผมรู้ว่าความลับมันไม่มีในโลกแต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะมีคนรู้ไวขนาดนี้ เอาล่ะผมก็ต้องเค้นสมองเพื่อจะผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้

“งั้นกูไปถามกานต์เองก็ได้”อัพมันพูดก่อนลุกออกไป
    
    สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายสุดๆ เพราะกานต์กับเพื่อนๆของเขาเพิ่งจะเดินเข้ามา ที่ใต้ตึกคณะซึ่งเป็นที่พวกผมนั่งกันอยู่ก่อนแล้ว  เป็นโชคของไอ้อัพมันเพราะว่ากานต์มานั่งที่โต๊ะไม่ไกลจากผมมากนัก  ใกล้พอที่ผมดิ้นว่าไอ้อัพกับกานต์คุยเรื่องอะไรกัน

“กานต์ กานต์”อัพเรียก พร้อมกับเอามือไปสะกิดหลัง

ผมคงต้องวิ่งไปชาร์ตไอ้อัพตอนนี้ ถ้าจะห้ามมันไม่ให้ถาม

“กานต์คบกับไอ้เฟยเหรอ”มันถาม

เปลี่ยนแผนผมคิดว่า ส่งสายตาอ้อนวอนกานต์ดีกว่า  ผมพยายามส่งสายไปยังกานต์ ส่งให้เขารู้ว่า “อย่าไปบอกไอ้อัพมันนะ ขอร้อง” กานต์มองมาที่ผมชั่วครู และผมคิดว่ากานต์รับรู้สาสน์ที่ผมสื่อไปทางสายตา แต่ผมก็ยังไม่กล้าถอนสายตา ยังคงเพ็งมองไปที่กานต์เหมือนเดิม  ส่วนไอ้อัพนั้นทำหน้าตาอยากรู้จนหน้าหมั่นไส้และยังมีเพื่อนในกลุ่มของผมและของกานต์ร่วมๆสิบชีวิตนั่งมองตาปริบๆ

“ใช่ เราคบกับเฟย”เยี่ยมกานต์ เยี่ยมมากจริงๆ ผมคิดหลังจากได้ยินคำตอบของกานต์



ขอโทษนะครับที่มาอัพช้า :katai4:


 
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 3 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-05-2015 04:26:23
กานต์ตั้งใจจะทำอะไรหว่า กลัวใจจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 3 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-05-2015 11:28:19
ค้างอ่ะ อยากอ่านอีก
ยิ่งอ่านยิางสนุก
คาดเดาอะไรไม่ได้เลย

มาค่ออีกนะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 3 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 15-05-2015 11:42:13
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 3 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 15-05-2015 13:24:48
รอฮ่ะ
คือที่กานต์ทำมันก็ไม่ถูกนะ
จริงๆกานต์เป็นคนยังไงนี่ดิปัญหา ทำไปเพื่ออะไร อยากให้เฟยชอบ ทำอย่างนี้เค้าคงจะชอบหรอก
หรือเเอบชอบมานานเเล้ว เเต่ไม่รู้จะเข้าหาทางไหน
สงสารเฟย คือ เรื่องรับผิดชอบก็เรื่องหนึ่ง ส่วนอันนี้มันเหมือนละเมิดไปหน่อย

รอจ้าา
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 4 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 20-05-2015 00:31:47
บทที่ 4

   เรื่องที่ผมเป็นแฟนกับกานต์นั้นแพร่ไปไวแบบที่ไม่ให้ผมได้ทันตั้งตัว ไปไวซะจนผมไม่รู้เลยว่าใครรู้กันบ้างแล้ว ปฏิกิริยาของผู้คนก็มีหลายแบบ ส่วนใหญ่จะตกใจ บางคนก็ยิ้มกรุ่มกริ่มเวลาผมเดินผ่าน บางคนก็ซุบซิบลับหลัง แต่ที่แย่หน่อยก็คือพวกเพื่อนๆและคนที่สนิทๆ จะพากันมาถามว่า “ตั้งแต่เมื่อไหร่”   “คบกันได้อย่างไร” หรือไม่ก็ “มึงเป็นเกย์เหรอว่ะ”  ผมไม่รู้จะตอบคำถามพวกนี้ว่ายังไง จะเล่าความจริง ความจริงเท่าที่ผมรู้ไป จะมีใครเชื่อไหม ผิดกับกานต์ที่ดูไม่เดือดร้อนหรือเป็นกังวลใดๆ แต่ก็ไม่ได้ดูดีใจอะไร ไม่รู้ว่าเขารับมือกับคำถามต่างๆอย่างไรบ้าง หรือว่าผมจะลองไปคุยกับกานต์ดี ว่าผมควรจะตอบคนอื่นว่าอย่างไร


   ผมใช้เวลาเกือบๆเดือนสำหรับการทำตัวให้ชินกับความสัมพันธ์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่เมื่อผมยังไปกินข้าวและดูหนังกับกานต์ อาทิตย์ละครั้งเรื่อยๆ  พวกคำถามต่างๆกับปฏิกิริยาของคนอื่นๆ ก็ดูซาลงไป หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมชินแล้วก็ได้ แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องดีสำหรับผม เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงซ้อมสำหรับการคัดเลือกตัวแทนผู้นำขบวนกีฬามหาวิทยาลัยรอบสุดท้าย หากผมมีสมาธิมันก็จะช่วยทำให้ผมทำได้ดีมากขึ้น
   แต่ก็ยังมีเรื่องกวนใจผมเรื่อยๆเสมอ เกือบ 4 วันต่อสัปดาห์ ที่กานต์จะมานั่งดูผมซ้อม รอกลับบ้านพร้อมกันบ้าง เพราะเขาจะรอให้ผมไปส่ง และยังรวมไปถึงการมาเจอหน้าคนที่หักอกผม

“เป็นอะไรหรือเปล่าเฟย  เห็นทำหน้าเซ็งๆ” เธอถามผม

“เปล่าไม่มีอะไรหรอกป๊อบ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มให้
ป๊อบส่ายหัวนิดนึงพร้อมกับหัวเราะ แก้มยุ้ยของป๊อบมีสีแดงอ่อนอย่างที่เคยเป็นมาตลอด ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมชอบเธอตอนไหน แต่เหมือนว่ารู้ตัวอีกทีผมก็ขอป๊อบเป็นแฟนแล้ว

“เฟย ยังอยู่หรือเปล่า” ป๊อบเรียกผม

“อยู่ซิ เฟยไม่ได้ไปไหนซะหน่อย” ผมแก้ตัว ทั้งๆที่ตัวผมในความคิดลอยถึงไหนต่อไหนแล้ว

“ก็เห็นยืนเหม่อ ก็นึกว่า.....” โดยที่ป๊อบยังพูดไม่จบ ก็มีถุงขนมพร้อมกับมือที่ถือมันอยู่แทรกมาระหว่างผมกับป๊อบ
“เราซื้อน้ำมาให้” กานต์ซึ่งเป็นเจ้าของมือและถุงขนมยิ้มให้ผม

“กินด้วยกันไหม” กานต์หันไปถามป๊อบ 

“ขอบใจนะ แต่ไม่เป็นไร เราไปกลับไปหาเพื่อนก่อนนะ” ป๊อบพูดกับกานต์แล้วจึงหันมาโบกมือลาให้ผม

“น่ารักดีเนอะ” กานต์พูดแต่ตาจ้องผมนิ่ง พร้อมกับยื่นถุงขนมมาให้

“ไม่เป็นไร พี่ๆเขาเลี้ยงขนมกับน้ำพวกเฟยอยู่แล้ว” ผมปฏิเสธที่จะไม่รับถุงขนม

“เฟย” กานต์ยังคงยื่นถุงขนมให้อยู่
ผมทอนหายใจเพราะรู้สึกเหมือนโดนบังคับอยู่และผมก็ไม่ชอบ เราทั้งคู่ยืนมองหน้ากันสักพัก ในที่สุดผมก็รับถุงขนมมาและวิ่งไปซ้อมต่อ
-----

   เสียงเชียร์ดังๆข้างสนามทำให้หลายคนมีกำลังใจในการเล่นบอลมากขึ้น แม้แต่ผมเองก็เช่นกัน   วันนี้มีการแข่งบอลของผู้สมัครฝ่ายชายที่โรงยิมของทางคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา  กองเชียร์ก็คือเพื่อนๆของผู้สมัครทั้งนั้น และแน่นอน กานต์ก็นั่งอยู่ในหมู่ผู้คนเหล่านั้นด้วย ผมเลี่ยงไม่มองไปทางเขาเพราะมันทำให้ผมเล่นบอลได้ดีกว่า และได้ดีกว่าเมื่อได้รอยยิ้มจากป๊อบ

   ฝั่งทีมของผมถือว่าทำได้ดี แม้ว่าเราต่างจะไม่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน แต่ด้วยคะแนน 2-0 ก็ไม่มีเหตุผลที่ดีไปกว่านี้แล้วที่จะมาอธิบายถึงความเฉียบคมของทีมผม  และหนึ่งในสองของคะแนนเป็นการเตะของผม

“โชว์ใหญ่เลยนะมึง เพราะเมียตุ๊ดมึงมาเชียร์ใช่ไหม” ผมหันไปทางเจ้าของคำพูดผมก็ต้องแปลก เพราะว่าผมไม่รู้จักมันเป็นการส่วนตัวเลย แล้วมันพูดกับผมอย่างนี้ทำไม

“อะไรมึง” ผมถามมันแต่ตามองไปยังฟุตบอลที่ ผู้เล่นฝ่ายผมเป็นคนครองอยู่

เป็นจังหวะที่บอลถูกส่งมาทางผม ผมกำลังจะเข้ารับบอลแต่มันกับพุ่งกระแทกใส่จนผมล้มลง  ลูกบอลกลิ้งออกไป  มันหันมายิ้มเหยาะ

“ไม่ต้องโชว์เมียตุ๊ดของมึงขนาดนั้นก็ได้” มันว่าพร้อมกับยืนมองผมลุกขึ้นยืน

เมื่อผมลุกขึ้นได้ผมก็ตรงเข้าผลักอกไปทันที มันผลักผมคืน แต่ก่อนที่จะมีผมกับมันจะแลกหมัดกัน ก็มีใครก็ไม่รู้มาดึงตัวผมไว้ และก็มีเพื่อนของมันมาห้ามตัวมันไว้เช่นเดียวกัน

“เฟย ไม่เอา” ผมหันไปเห็นกานต์กำลังดึงมือผมอยู่

“แหม ถึงขนาดต้องให้เมียตุ๊ดของมึงลงมาห้ามเลยเลอะ” สิ้นคำพูดมันผมพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับ ผมอยากจะซัดปากมันซักหมัดหนึ่ง

“เฟย” ยังเป็นกานต์เหมือนเดิม ที่ยังเรียกผมอยู่แต่คราวนี้ไม่เรียกเปล่า ยังออกแรงดึงผมให้ออกไปจากโรงยิม สุดท้ายผมก็เดินตามกานต์มาด้วยอารมณ์คุกรุ่น

พอออกมาถึงแถวม้าหินของตึกเรียนซึ่งไกลจากโรงยิมพอสมควร กานต์ก็ปล่อยมือผม
“กินน้ำก่อน” กานต์ยื่นน้ำมาข้างหน้าผม แต่ผมเงียบไม่พูดอะไร มีแต่เสียงลมหายใจที่แรงจนเหมือนว่ายิ่งหายใจเข้ามากเท่าไหร่ก็เหมือนว่าจะไปเพิ่มความโมโหมากเท่านั้น

“เฟย” กานต์ย้ำชื่อผมอีกครั้ง

“เลิกบังคับเฟยซักทีได้ไหม” ผมว่าเสียงดัง ผมคงต้องบอกเขาซักที่ว่าผมไม่ชอบเวลาเขาย้ำชื่อผมเหมือนบังคับอย่างนี้

“เฟยจะมาพาลใส่เราไม่ได้นะ” กานต์ว่าผม

“เฟยต้องใจเย็นมากกว่านี้” กานต์เสริม

“แล้วไอ้เรื่องทั้งหมดเนี่ย มันไม่ได้เกิดเพราะเราเป็นแฟนกับกานต์เหรอไง” ผมพูดแต่นั่งหันหลังให้กานต์

“ทำไมเฟยต้องมาเป็นแฟนกับกานต์ว่ะ กานต์ทำอย่างนี้กับเฟยทำไม” ยิ่งพูดผมยิ่งโมโหมากขึ้น

“กินน้ำเย็นซะเฟย” กานต์พูดและวางขวดน้ำเย็นไว้ข้างผม ก่อนจะเดินกลับไปที่โรงยิม

-----

   เวลาของการตัดสินคนที่จะได้เป็นตัวแทนผู้นำขบวนกีฬามหาวิทยาลัยมาถึงแล้ว  ผมยืนอยู่บนเวทีรอการประกาศชื่อ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนผมจะหมดหวังแล้วเพราะว่าเหลือแค่คนสุดท้ายเท่านั้น  และดูแล้วต่อให้ผมมั่นใจขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าผมไม่น่าจะได้
    
ผมมองไปยังผู้คนเบื้องล่างของเวที มองไปยังกลุ่มเพื่อนของผมซึ่งต่างคนต่างร้องเชียร์ผมกันยกใหญ่  ผมกวาดตามองไปเจอกับกานต์ซึ่งกำลังยิ้มและโบกมือมาให้ผมด้วย  ตอนแรกผมคิดว่าไม่ยิ้มตอบกลับไปดีกว่า แต่แล้วผมก็ยิ้มตอบกลับไปเพราะกลัวเสียน้ำใจ อย่างน้อยกานต์ก็ตั้งใจมาเชียร์ผม และมันก็ให้ผมรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นแต่ไม่คงไม่ได้มาจากกานต์แค่คนเดียวหรอกผมมั่นใจ

เมื่อชื่อสุดท้ายที่ประกาศออกมาเป็นชื่อผม เสียงกลุ่มเพื่อนของผมตะโกนดังสนั่น  ผมยิ้มออกมากว้างที่สุด กว้างจนมันอาจจะเป็นนับเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ผมยิ้มกว้างได้เลย เพื่อนยังคงตะโกนเชียร์ให้ผมอยู่ และกานต์ซึ่งยังคงโบกมือให้เพิ่มเหมือนเดิม

พอลงจากเวทีแล้วพี่ๆ เพื่อนๆ ต่างก็วิ่งเข้ามาแสดงความดีใจด้วย ต่างคนต่างถามความรู้สึกผม ต่างคนต่างบอกให้ผมไปเลี้ยงฉลอง
ผมขอตัวไปโทรบอกพ่อ แม่ และพี่สาว เมื่อผมกลับมาทุกคนก็ยังอยู่กับความดีใจไปกับผมและ     ไอ้อัพ ซึ่งผมมันยิ้มหน้าบานมากกว่าผมเสียอีก  แต่พอผมลองมองไปรอบๆดีๆแล้ว ผมไม่เห็นกานต์รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเลย

-----

หลังจากประกาศผลการซ้อมก็เริ่มต้นอีกครั้ง หนึ่งอาทิตย์แห่งการพักผ่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเป็นหนึ่งอาทิตย์ที่ผมต้องผจญกับการสอบย่อย ผมจึงได้แต่อ่านหนังสือ อาจมีเปลี่ยนบรรยากาศบ้างตามันก็ไม่ได้ทำให้ผมอ่านรู้เรื่องขึ้นมากนัก สุดท้ายผมก็ผ่านมันมาได้แบบโชกเลือด


   แล้วผมก็กลับมาฝึกตอนเย็นหลังเลิกเรียนทุกวันเหมือนเดิม และมีเพิ่มวันเสาร์และอาทิตย์บ้าง  ส่วนกานต์ก็ยังมานั่งดูผมเหมือนเดิน มาบ่อยจนสนิทกับตัวแทนผู้นำขบวนหลายๆคนแล้ว

   “เฟย เราดีใจด้วยนะที่ได้เป็นตัวแทน” ป๊อบวิ่งมาแสดงความยินดีกับผม ในระหว่างช่วงเวลาพัก

   “เฟยก็ดีใจที่ป๊อบได้รับเลือกเหมือนกัน” ผมยิ้มให้ป๊อบด้วยความสดใส แต่ชั่ววินาทีผมก็รู้สึกแปลกจากด้านหลังเหมือนมีคนมองอยู่  เหมือนผมหันหลังไปก็จริงอย่างที่ผมรู้สึก บนอัฒจรรย์กานต์กำลังมองมาทางผม  เข้ายิ้มให้ผมน้อยๆเมื่อตอนที่ผมหันไปก่อนหันไปคุยเล่นกับแบมเหมือนเดิม

      
ผมอดคิดหาวิธีที่จะทำให้ผมรอดพ้นจากการเป็นแฟนกับกานต์ตลอดเวลาที่ฝึกวันนี้  และเมื่อสมาธิไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว  ท่าผมก็จำไม่ค่อยได้  การรับไม้ก็มีผิดพลาดบ่อยมาก  จนรุ่นพี่ที่มาซ้อมให้ต้องดุผม แต่ทำยังไงๆผมก็ดึงสมาธิให้มาสถิตที่ผมไม่ได้เลย  มันแย่ถึงขนาดที่พอถึงท่าที่ต้องโยนคฑาขึ้นไป แต่แทนที่ผมจะใช้มือรับมันอย่างที่ควรจะเป็น  คฑากลับหล่นไปที่หลังผมโดนที่มันเอาด้านหัวลงทิ่มกับหลังเข้าอย่างจัง

“โอ๊ย” ผมร้องเสียงหลง และสติผมกลับมาอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย เลือดออก” เสียงใครซักคนจากด้านหลังพูดขึ้น

   เอาแล้วผมไม่ได้คิดว่ามันจะแย่ขนาดนั้น  ทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่ ต่างวิ่งกันและพยายามจะพาผมไปโรงพยาบาล  แต่สุดท้ายเป็นกานต์ที่พาผมมาโรงพยาบาล อันที่จริงเขามาถึงผมเป็นคนแรกๆหลังจากที่ผมโดยคฑาหล่นใส่จนผมอดสงสัยไม่ได้

หลังจากที่ผมเข้ารับการรักษาเสร็จแล้ว ผมก็ไปนั่งรอรับยากับจ่ายเงินตามระเบียบ ส่วนกานต์ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆผม มองไปรอบๆล็อบบี้ชำระเงินของโรงพยาบาลพร้อมกับแกว่งขาไปด้วยเบาๆ

“ไม่เห็นต้องรอเป็นเพื่อนเฟยเลย” ผมพูดกับกานต์

“ไม่เป็นไรนี่” กานต์ตอบ ยังคงแก่วงเท้าไปมาเหมือนเดิม

“ถ้าเฟยถามว่าทำไม กานต์ก็จะตอยว่าเพราะเป็นแฟนกันใช่ไหม” ผมพูดพร้อมกับยกคิ้วเป็นเชิงถามกานต์ไม่ได้ตอบอะไรแต่แค่ยิ้มตอบกลับมาให้ผม

ผมยิ่งมองดูกานต์ผมก็ยิ่งงง เหตุผลที่เขาทำแบบนี้กับผมคืออะไรกันแน่ ถ้าเหตุผลที่ดูน่าจะเป็นไปได้ก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง อย่างแรกแบบเข้าข้างตัวผมเองคือ กานต์แอบชอบผมเลยหลอกให้ผมไปมีอะไรด้วยแล้วก็บังคับให้ผมเป็นแฟน  ไม่ก็แค่อยากจะแกล้งกัน แต่ถ้าแค่จะแกล้งกันไม่น่าเอาตัวเข้าแลกขนาดนี้ ผมยอมรับว่าตอนแรกเคยคิดว่าเป็นแผนแกล้งผมของพวกเพื่อน แต่พอมาดูปฏิกิริยาของพวกมันแล้วก็ตัดเหตุผลนี้ตกไปได้เลย หรือสุดท้ายทำไปเพื่อการแก้แค้น  แต่ปัญหาคือกานต์แค้นอะไรผม

“กานต์” ผมเรียกเพื่อจะถาม แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อเจ้าหน้าที่ก็เรียกผมให้ไปรับยา

หลังจากที่ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมกับกานต์ก็เดินไปที่ลานจอด แต่พอถึงตัวรถกานต์ก็บอกลาผม

“ขับกลับดีดีนะ”กานต์บอกก่อนที่จะเดินกลับไปทางเดิม

ก่อนที่ผมจะนึกได้ว่าต้องเรียกกานต์ไว เขาก็เลี้ยวลับหายไปแล้ว  ผมจึงขึ้นรถและขับกลับบ้านอย่างงงๆ







ขอบคุณครับ -v-
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 4 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-05-2015 03:53:08
จะว่าชอบกานต์ไหมก็ไม่ได้ไม่ชอบนะ แต่สงสารเฟยเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 4 หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-05-2015 10:33:38
อยากรู้ๆ

อยากให้ใส่วันที่อัพด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 4 หน้า 1 (19-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-05-2015 22:50:11
อยากอ่านต่ออีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 5 หน้า 1 (21-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 21-05-2015 02:46:25
บทที่ 5

         


          แผลที่หลังของผมค่อยๆหายตามลำดับและเวลาที่มันควรจะเป็น  อาการตึงๆหลังหายไปแล้วแต่อาการคันบริเวณรอบๆแผลเข้ามาแทน  ผมยังต้องล้างแผลอย่างต่อเนื่องซึ่งส่วนใหญ่แม่ผมจะเป็นคนล้างให้ หลายคนถามอาการผมอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงป๊อบด้วย ผมจะรู้สึกเหมือนแผลมันจะหายไวขึ้นทุกๆครั้งที่เธอถามถึงอาการ   แต่กับกานต์ เขาถามผมแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เหมือนไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับแผลที่หลังผมเท่าไหร่
   


         มีครั้งหนึ่งผมลองแกล้งทำเป็นเจ็บแผลตอนที่จะนั่งลงเพื่อกินขนมและน้ำที่กานต์เอามาให้


“โอ๊ย” ผมแกล้งร้องและเอามือไปคลำๆบริเวณแผล


“เจ็บแผลเหรอ” กานต์หันมาทางผม


“ไหนเปิดเสื้อเร็ว เดี๋ยวเราดูให้” กานต์เสริม ส่วนผมก็เปิดเสื้อขึ้นอย่างว่าง่าย


“อือ  ไม่ได้มีเลือดออกอะไร” กานต์บอกผมพร้อมกับดึงให้ลงมาอย่างเก่า


“คงตอนที่นั่งลงมันกระแทกกับพนักเก้าอี้มั้ง” ผมตอบ


กานต์มองหน้าผมกับแผลสลับกันสักพักก่อนจะหันไปแกะขนมกับน้ำยื่นมาให้ผม
   

แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมเป็นแผลที่หลังหรือเปล่า กานต์เลยมานั่งดูผมซ้อมทุกวันและยังกลับตอนที่ผมเลิกด้วย ซึ่งเป็นเวลาห้าทุ่มซึ่งดึกมากแล้ว



“ไม่ต้องมาดูเฟยซ้อมทุกวันก็ได้” ผมบอกกานต์หลังจากที่รับขนมมาจากเข้า



“ไม่เป็นไรหรอก  เรากลับหอไปก็ไม่มีอะไรทำ” กานต์ตอบ



“อยู่นี่ดีกว่ามีคนอยู่เป็นเพื่อนเยอะดี” กานต์เสริม



“แต่ก็ไม่ต้องอยู่จนเฟยเลิกก็ได้ มันดึก” ผมพูดต่อ



“งั้นเฟยก็ขับรถไปส่งเราซิ” กานต์ยิ้ม



“ไปส่งหนะ เฟยไปส่งได้อยู่แล้ว แต่บางวันเฟยก็เหนื่อยอยากกลับบ้านไวๆ” ผมบอกกานต์พร้อมกับหันไปมองเขาซึ่งกำลังมองไปทางกลุ่มรุ่นพี่ที่ส่งเสียงหัวเราะกันอยู่



“ก็ไม่เป็นนี่ วันไหนเฟยไม่ได้ไปส่ง เราก็กลับเองได้” กานต์หันมายิ้มให้ผม ส่วนผมก็ทำได้แต่ส่ายหัว



สุดท้ายวันนี้ผมก็ต้องไปส่งกานต์ เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีถ้าปล่อยให้เขากลับเอง เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มานั่งดูผมซ้อมอย่างเดี๋ยว แต่ก็มีน้ำกับขนมมาฝากผมด้วย

                                                                           -----

   
          ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทางมหาลัยมีออกประกาศเตือนให้บริเวณรอบๆรั้วมหาลัยทั้งหมดเป็นพื้นที่สีแดง  เพราะมีการดักทำร้ายนักศึกษาเกิดขึ้น ซึ่งผมก็ยอมรับว่าเป็นห่วงกานต์นิดๆเหมือนกัน ผมพยายามที่จะไปส่งเขาให้ได้ทุกวัน แต่เมื่อวานผมเหนื่อยมากและกานต์คงเห็นว่าผมเหนื่อยจริงเขาจึงขอกลับเอง

         

          แต่เช้านี้ผมคงต้องคุยกับกานต์ให้รู้เรื่องเพราะผมเพิ่งจะได้ข่าวว่าเมื่อวานกานต์ไปช่วยนักศึกษาหญิงคนหนึ่งจากคนร้าย 
ผมใช้เวลาช่วงพักกลางวันขอนัดกานต์มาคุยเป็นกานต์ส่วนตัวที่ร้านข้าวแถวมหาลัย  ระหว่างรออาหารที่สั่งไปผมก็เริ่มเปิดประเด็น



“เป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อคืนที่ไปช่วยน้องคนนั้น” ผมถาม



“เปล่านี่” กานต์ส่ายหัว แต่พอเห็นผมเงียบกานต์จึงพูดเสริมต่อ



“เราไปเห็นน้องเขามีอาการแปลกๆ ระหว่างที่คุยกับผู้ชายอีกสองคน เราก็เลยแกล้งทำตัวเป็นพี่ชายมาเจอน้องสาวพอดี เลยเร่งให้น้องรีบไปเพราะพ่อที่เป็นตำรวจเลิกเวรแล้วกำลังจะมารับ” กานต์ยิ้มเหมือนเรื่องที่เล่ามามันเป็นแค่การเดินไปคุยกับเพื่อนปกติ



ผมส่ายหัวก่อนจะพูด


“กานต์ไม่ต้องมานั่งดูเฟยล้วนะ” ผมว่า



“เราไม่เป็นไรหรอกเฟย เราแข็งแรงนะ” กานต์พูดแล้วก็ยกแขนข้างขวามาทำท่าเบ่งกล้าม



“เฟยไม่อยากให้กานต์มาเป็นอะไรเพราะมานั่งเฝ้าเฟยนะ”ผมเริ่มใช้เสียงจริงจัง



“เป็นห่วงเราเหรอ” กานต์ยิ้มกว้าง



ผมนิ่งไปกับคำพูดกานต์ “ใช่เป็นห่วงแต่ก็แค่แบบเพื่อนเท่านั้น” ผมคิด ไม่มีอะไรเกินไปกว่านั้น ผมยังคงนิ่งอยู่ ส่วนกานต์ยังคงยิ้มเหมือน เรากินข้าวกันไปแบบไม่ได้คุยอะไรกันมาก



          ช่วงเย็นกานต์ก็ยังคงมานั่งดูผมซ้อมเหมือนเดิม  เขาเปลี่ยนที่นั่งจากบนอัฒจรรย์เป็นที่ข้างสนามแทน กานต์มองดูพวกผมซ้อมหรือไม่ก็คุยเล่นกับรุ่นพี่  พอถึงเวลาพักผมรีบตรงเข้าไปหากานต์แล้วก็ลากเขามาคุย



“กานต์ เฟยบอกแล้วไงว่าไม่ต้องมา” ผมดุ



“ไม่เป็นไรจริงๆ” กานต์ว่า



“มันอันตรายกานต์ มันไม่โอเคถ้าพวกนั้นมันกลับมาดักรอกานต์อีก” ผมว่า



“ไม่หรอกเมื่อวานเราก็ไปแจ้งตำรวจลงบันทึกประจำวันแล้ว” กานต์ก็ยังคงยิ้มให้ผมเหมือนเดิม



ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ รุ่นพี่ก็เรียกผมไปซ้อมต่อ แล้วเย็นวันนี้ผมก็ไปส่งกานต์ที่หอ กานต์ยิ้มมีความสุขตลอดทางมาหอ แต่ผมยิ่งเห็นเขายิ้มผมก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เพราะคิดว่าเขาจะไม่เชื่อสิ่งที่ผมบอก



“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาดูเฟยนะกานต์” ผมย้ำกับกานต์ หลังจากเอารถจอดเทียบบริเวณหน้าประตูทางขึ้นหอเรียบร้อย



“ขับกลับดีดีนะ” กานต์บอกลาผม และเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจคำที่ผมพูดไปเลย



          และก็เป็นไปตามที่ผมคาด กานต์ยังคงมานั่งดูผมเหมือนเดิม  ยิ่งผมบอกให้เขารีบกลับมากเท่าไหร่เขาก็ดูยิ่งไม่สนใจสิ่งผมพูดมากเท่านั้น



“เราไม่เป็นอะไรหรอก” เป็นคำพูดของกานต์ที่พูดเมื่อผมบอกให้เขารีบกลับ



          ผมคงต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อให้กานต์ไม่ต้องมาดูผมซ้อมอย่างนี้  ผมกลัวว่าถ้าไม่ทำอะไรเลย อาจเกิดอะไรขึ้นกับกานต์ เพราะผมเคยมีเรื่องกับคนนู้นคนนี้มาก่อนเมื่อตอนสมัยมัธยม ผมรู้ว่ามันมีการเอาคืน ผมไม่รู้ว่าไอ้คนพวกนั้นมันจะอยากเอาคืนกานต์หรือเปล่า ถ้ากานต์เป็นอะไรผมคงจะรู้สึกไม่ดี



“เฟยเป็นอะไร ทำหน้าเซ็งๆอีกแล้ว” ป๊อบถามผม



“ก็กานต์ไม่ยอมรีบกลับ” ผมหน้าป๊อบแล้วยิ้มเล็กน้อย



“เฟยเป็นห่วงกานต์น่าดูเลยนะ” ป๊อบแซว



“คนเป็นแฟนกันก็ยังงี้แหละ” ป๊อบเสริม



ผมส่ายหัวให้ป๊อบ



“มึงก็ต้องคุยกับเขาดีดี” ไอ้อัพเข้ามาขัดจังหวะผมกับป๊อบ



“กูก็คุยกับแฟนกู ใช้เวลาหน่อยแต่เดี๋ยวเขาก็เข้าใจ” อัพเสริม



“เหรอมึง  นั่นใคร? ไม่ใช่แฟนมึงหรือไงที่นั่งอยู่กับกานต์อ่ะ” ผมว่ามันแล้วก็พยักเพยิดหน้าไปทางแฟนสาวผมน้ำตาลของไอ้อัพ



“ก็วันนี้แฟนกูเขาอยากมาด้วยเฉยๆ” อัพแถ



“หึ” ผมหัวเราะเยาะไอ้อัพในลำคอ



“กานต์อาจจะแค่เป็นห่วงเฟยก็ได้” แบมเพื่อนจากคณะบริหารว่า



“แบมว่างั้นเหรอ” ตอนนี้มีผม อัพ ป๊อบ แบม กำลังยืนมองไปทางกานต์อยู่



“ใช่ กับแฟนของแบม แบมก็เป็นเหมือนกานต์เลย เป็นห่วงแล้วก็หวงด้วย”แบมพูดจบก็โบกมือขึ้นเชิงทักทาย เพราะกานต์กำลังโบกมือและยิ้มมาให้



“หวงเหรอ” ผมทวนกับตัวเอง



“หรืออาจจะหึง” พี่มายด์ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่คอยฝึกทีมผมพูดขึ้นแถมยังเอามือตบบ่าผมเบาๆด้วย ผมได้แต่หันไปมองพี่เขาตาปริบๆ


                                                                            -----


          ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ไม่มีการซ้อมเพราะเป็นวันหยุดยาว  ผมจึงได้มีโอกาสพักผ่อนบ้าง แต่ก็ยังคิดไม่ตกเรื่องที่จะทำยังไงให้กานต์ไม่ต้องมานั่งดูผมซ้อม 


         เหตุผลที่ผมคิดเอาเองว่าเป็นสาเหตุให้กานต์มาเฝ้าผมอย่างนี้มีอยู่สองอย่าง หนึ่งคือเป็นห่วง แต่ผมไม่เห็นเขาเป็นห่วงผมเท่าไหร่นอกจากแค่ซื้อขนมกับน้ำมาฝาก ผมจึงตัดเหตุผลนี้ออกไป หรือสองคือหึงหรือหวง อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าหึงกับหวงต่างหรือเหมือนกันอย่างไร  แต่ถ้าเป็นเหตุผลนี้ผมจะทำอย่างไรดีกานต์ถึงจะฟังผมบ้าง



         ผมนั่งรอกานต์ที่ใต้อาคารเรียนเพราะว่าวันนี้ผมต้องไปส่งเขาที่หอและขอไม่ไปไหน เพราะผมอ้างไปว่าช่วงวันหยุดยาวนี้อยากจะอยู่บ้านพักผ่อน
กานต์เดินลงมาจากตึกเรียนพร้อมกลุ่มเพื่อนๆ เมื่อเขาบอกลาทุกคนผมก็บอกลาเพื่อนผมบ้าง แล้วก็เดินไปทางกานต์



“หิวหรือเปล่า” กานต์ถามผม



ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ เราทั่งคู่เดินหน้าไปที่รถของผม หลังจากเราขึ้นรถแล้วผมเปิดเพลงเบาจากเครื่องเล่น  และหยิบแว่นตากันแดดมาใส่



พอขับออกมาสักพัก กานต์ก็เริ่มขยุกขยิกตัวแปลกๆ และหันมามองผมบ่อยๆ  แต่ผมยังคงขับต่อมุ่งหน้าออกนอกเมือง



“เฟยนี่เรากำลังจะไปไหน?” กานต์ถามเสียงตื่นๆ



“นี่ไม่ใช่ทางไปหอเรานะ” ผมยิ้มเล็กน้อยให้กับเสียงตื่นๆของเขา







-v- ขอบคุณครับ  :z2:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 5 หน้า 1 (21-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 21-05-2015 02:53:40
ค้างมาก อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 5 หน้า 1 (21-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-05-2015 03:00:40
มีแผนจะทำอะไรไม่ดีหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 5 หน้า 1 (21-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-05-2015 04:10:39
เฟยห้ามทำไรไม่ดีนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 5 หน้า 1 (21-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: yanggi ที่ 21-05-2015 05:27:59
เหมือยกานต์จะช่วยเนาะ ประมาณว่า ถ้าเชมีเรื่องก็จะชวดตำแหน่งอะไรแบบนี้  อยากรู้จง จุดประสงค์ของกานต์คือไรอ่าาาา :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 5 หน้า 1 (21-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-05-2015 08:23:42
เฟยมีแผนอะไรกันนะ
แล้วท่าทางตื่นๆของกานต์
คงจะน่ารัก น่าแกล้งอยู่ไม่น้อย

อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆจัง มันค้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 5 หน้า 1 (21-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-05-2015 08:32:03
กลับกลายเป็นว่าช่วงหลังๆเฟยเข้าหากานต์เอง

ทั้งที่จริงจะปล่อยไปก็ได้ ทำเฉยชาไรงี้ อุอุ นี่แผนของกานต์หรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 5 หน้า 1 (21-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 23-05-2015 19:15:51
เมื่อไหร่จะมาอ่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 5 หน้า 1 (21-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 23-05-2015 19:53:30
 :z13:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 5 หน้า 1 (21-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 26-05-2015 19:26:00
 :z13:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 28-05-2015 03:12:56
บทที่ 6


“นี่ไม่ใช่ทางไปหอเรานะ” กานต์ถามผมเสียงตื่นๆ



“เฟย” กานต์เรียกผมอีกครั้ง แต่ผมก็ยังคงนิ่งไม่สนใจ



     กานต์นิ่งไปเมื่อผมไม่ได้ตอบอะไรเขา  กานต์มองออกไปข้างทางบ้าง มองที่ผมบ้างหรือไม่ก็เลื่อนๆหน้าจอโทรศัพท์บ้าง คงกำลังจะหาข้อมูลเส้นทางว่าผมกำลังพาเขาไปที่ไหน 

   

“หัวหินเหรอ” กานต์พูดขึ้นเมื่อเราเข้ามาใกล้เขตหัวหิน แม้ว่าเสียงกานต์จะดูเหมือนเป็นปกติแล้วแต่ยังมีอาการตื่นๆเล็กน้อย ผมสัมผัสได้

   

     ผมยังคงขับไปเรื่อยๆ  ในที่สุดผมก็มาจอดที่หน้าชายหาด  กานต์หันมามองผมที่กำลังปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก ผมหันไปมองเขาก่อนจะเปิดประตูลงไป

   

     ผมยืนอยู่หน้าหาดรับไอทะเล  เรามาถึงตอนบ่ายสามโมงกว่าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำลงพอดี ตอนนี้จึงมีหาดทรายกว้างลึกลงไปในทะเล ผู้คนมากมายทั้งเล่นน้ำและนั่งที่เก้าอี้ผ้าใบริมหาด ผมเหลียวหลังมองกลับไปที่รถกานต์ก็ยังคงนั่งอยู่ในรถมองมาที่ผมไม่วางตา เขาคงกำลังระแวงผมอยู่ คงคิดว่าผมจะพามาทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า ผมส่ายหัวเล็กน้อยให้กับกานต์ที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในรถ นี่ผมอุตส่าห์ทำตัวเป็นแฟนที่ดีพากเขามาเที่ยวทะเล กานต์ไม่น่าจะระแวงผมขนาดนั้น

   

     ผมเดินกลับไปที่รถเพื่อจะไปหยิบกล้องที่เบาะหลัง  ผมเปิดประตูรถด้านหลังเอือมมือไปหยิบกล้องโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับกานต์  แต่พอผมมองลอดแว่นกันแดดไปทางกระจกมองหลังเพื่อจะดูว่าตอนนี้กานต์กำลังทำหน้ายังไงอยู่ ก็พบว่าเขากำลังจ้องผมกลับมาอยู่เช่นกัน

   

     ผมก็ยังคงทิ้งกานต์ไว้ที่รถเหมือนเดิม ระหว่างที่ผมถ่ายรูปทะเลไปเรื่อยๆผมก็ยังคงเหลียวไปมองกานต์เรื่อยๆเช่นกัน  จนผมเห็นเขาขยับตัวหยุกหยิก ก้มตัวเหมือนคลำหาอะไรซักอย่าง แต่พอผมหันไปอีกทีก็เห็นกานต์เดินลงจากรถแล้วก็เดินลงทะเลไปแล้ว  โดยที่ผมเห็นเขาเดินเท้าเปล่าและพับขากางเกงขึ้น เลยเข้าใจแล้วว่าที่กานต์ก้มหยุกหยิกเพราะอะไร

   

     ผมเห็นกานต์เดินลงไปที่หาดลึกลงไปในทะเล  เขาเดินไปแต่ตรงที่เป็นแอ่งน้ำขังหยุดอยู่แต่ละแอ่งนานบ้างเร็วบ้าง  ทุกครั้งที่กานต์หยุดเขาจะนั่งลงเอามือคลำลงในน้ำเหมือนจับอะไรบางอย่าง  ผมอดสงสัยไม่ได้เลยเดินเขาไปหากานต์  ก็เห็นเขากำลังไล่ตอนปลาที่ติดอยู่ในแอ่งท่าทางจริงจัง

   

“ทำอะไรอยู่กานต์” ผมถาม


“พยายามจับปลาอยู่” กานต์ตอบผมแต่เหมือนไม่ได้สนใจผมเลย


   “จับไปทำไม” ผมถามต่อ


   “ก็แค่อยากรู้ว่ามันเป็นปลาอะไร” กานต์ตอบผมแต่ก็ยังไม่สนใจผมเหมือนเดิม

        


     กานต์ยังคงเดินเปลี่ยนแอ่งน้ำไปเรื่อยๆจับปูบ้างจับปลา  ดูเขาจะสนุกมากแล้วก็เหมือนจะลืมเรื่องที่ระแวงผมไปแล้ว  ส่วนผมก็ถ่ายนู่นนี่ไปเรื่อยๆ เดินตามกานต์บ้างหรือไม่ก็ทิ้งเขาไว้คนเดียวตอนที่เขาหยุดอยู่ที่แอ่ง  เราทั้งคู่ใช้เวลาที่หน้าหาดพอสมควร ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วและน้ำเริ่มขึ้นสูงจนแอ่งน้ำขังต่างๆหายไปหมดแล้ว  ผมยังคงถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินต่อไปแต่กานต์เหมือนจะหมดสนุกแล้วจึงได้แต่เดินเตะน้ำอยู่ข้างๆผม


     เมื่อพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วเราทั้งคู่ก็ขึ้นจากหาด  ผู้คนเริ่มบางตากว่าเมื่อตอนบ่าย ตามถนนมีไฟข้างทางสีส้มเป็นทิวแถว ผู้คนเดินกันตามถนนซื้อของกินข้างทาง  ผมกับกานต์แวะไปล้างมือล้างเท้าก่อนที่จะขึ้นรถ


   “โห เฟยหน้าแดงหมดเลย” กานต์ทักผม


   “อืม” ผมว่า ก่อนจะส่องหน้าตัวเองกับกระจกมองหลัง


   “ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” ผมชวน


   “ไม่ได้แพ้อาหารทะเลใช่ไหม” ผมถามกานต์


   “อาหารทะเลต่างหากที่แพ้เรา” กานต์หัวเราะกับคำพูดของเขาเอง ส่วนผมก็ส่งยิ้มกลับไปให้กานต์


     ไม่นานผมก็พากานต์มาถึงร้านอาหารที่ผมจะมาทุกครั้งที่ผมมาหัวหิน  สงสัยกานต์คงจะหิวมากเพราะเขาตั้งตากินไม่พูดไม่จาอะไรกับผมเลย  ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานในการจัดการกับอาหารมื้อนี้  พอผมจ่ายเงินเสร็จเราก็พากันมานั่งในรถอีกครั้ง

   
“ป่ะ กลับบ้านกันเถอะ” กานต์พูดเป็นเชิง ชวนผม



   “ไม่อ่ะ คืนนี้เราจะนอนที่หัวหินกัน” ผมบอกกานต์ แล้วจึงสตาร์ทรถ

   
“เรา?” กานต์ทวนคำพูดผม


“ใช่ หมายถึงเฟยกับกานต์ เราจะค้างที่หัวหินกัน” ผมพูดกับกานต์พร้อมกับที่ผมพยายามถอยรถออกจากที่จอด


“แต่...”กานต์เริ่มจะพูด


“ป๊าเฟยมีคอนโดที่หัวหิน คืนนี้เราจะไปนอนที่นั่นกัน” ผมชิงพูดก่อน


“แต่...”กานต์เริ่มจะพูดอีกครั้ง


“ส่วนเสื้อผ้า  ที่คอนโดเฟยมีให้ยืม” ผมขัดกานต์อีกครั้ง



     กานต์มีสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาอีกครั้ง  และก็เหมือนเดิมเขายังคงพยายามปกปิดอาการนั้นแต่ผมก็ยังจับได้อยู่ดี   ผมแวะซื้อของใช้ในห้องน้ำนิดหน่อยก่อนที่จะเข้าไปที่คอนโด  กานต์เดินตามผมโดยไม่พูดอะไรตั้งแต่ลานจอดรถของคอนโดจนกระทั่งถึงห้อง


“ตามสบายเลย” ผมบอกกับกานต์หลังจากที่ผมเปิดประตูให้


“ขอบคุณ” กานต์ตอบผม


     เมื่อกานต์เขาไปในห้องเขาก็มองสำรวจไปรอบๆ  แล้วก็เดินไปที่ระเบียงห้อง ลมทะเลพัดเข้ามาในห้องเมื่อกานต์เปิดประตูตรงระเบียง  เสียงคลื่นทะเลได้ยินชัดเจนแม้ว่าจะอยู่บนตึก  ส่วนผมไปจัดการเปิดไฟตามจุดต่างๆ  เอาของที่ซื้อมาไปไว้ในห้องน้ำ และโทรบอกที่บ้านว่าผมอยู่ที่หัวหินกับเพื่อน  ป๊ากับแม่ไม่ค่อยเป็นห่วงผมเท่าไหร่เพราะเขาเลี้ยงผมอย่างอิสระ ผมจึงไม่มีปัญหาใดๆที่มาโดยไม่ได้บอกป๊ากับแม่ก่อน


“เฟยอาบน้ำก่อนนะกานต์” ผมบอกกานต์ซึ่งยังคงนั่งเล่นอยู่ที่ริมระเบียงเหมือนเดิม


     ผมอาบน้ำเสร็จกานต์ก็ยังอยู่ที่ระเบียง ผมเดินเข้าไปหากานต์ เขาหันมามองผมครู่หนึ่งก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางอื่น ยิ่งผมเดินเข้าไปใกล้กานต์ก็ยิ่งดูลุกลี้ลุกลนมากขึ้น ทั้งมองผม ทั้งเบือนสายตาหนี หมุนโทรศัพท์ในมือไปมา


“อาบต่อได้เลยกานต์ ผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าอยู่ในตู้ในห้องนอนนะ” ผมบอกกานต์ โดยที่มือขวาชี้ทางไปห้องนอน มือซ้ายจับผ้าขนหนูขยี้หัวตัวเองอยู่


“อือ ขอบคุณ” กานต์ตอบผมแต่เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม


“งั้นเราขอทางหน่อย” กานต์บอกผมที่ตอนนี้ยืนขว้างทางประตูอยู่ เมื่อกานต์พูดจบผมก็เบี่ยงตัวให้เขาจึงเดินผ่านผมเข้าไปในห้อง   ตอนที่กานต์เดินผ่านผมไปผมรู้สึกว่าเขาดูเกร็งๆแปลก เหมือนฝืนที่จะไม่เดินมาใกล้ผม



     พอกานต์อาบน้ำเสร็จเขาก็เดินตรงไปที่ระเบียงเลยพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูขยี้หัวไปด้วย  เพราะว่าผ้าขนหนูที่กานต์ใช้เช็ดหัวปิดหน้าเขาอยู่ เมื่อผมเดินเข้าไปยืนข้างๆพอกานต์เปิดผ้ามาเขาจึงตกใจ  ผมหัวเราะให้กับอาการตกใจของเขา


“ทำไมยังไม่ใส่เสื้ออีก” กานต์ถามผมคิ้วขมวด


     ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย และผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมกานต์ถึงได้ดูเกร็งเมื่อตอนที่เดินผ่านผมเพื่อไปอาบน้ำ เพราะว่าผมถอดเสื้ออยู่นี่เอง


“ทำไมเหรอ” ผมถามกานต์กลับ พร้อมกับก้มมองตัวเอง


“ก็ ก็ เปล่า ก็แค่ถามดู” กานต์ตอบตะกุกตะกัก


     ผมแอบขำนิดๆกับอาการของกานต์วันนี้ทั้งตกใจ ทั้งระแวง พอได้ไปไล่จับปูปลาก็ลืม พอตอนนี้ก็กลับมาเกร็งๆกลัวๆผมอีก  ความจริงกานต์ไม่น่าจะเกร็งกลัวอะไรผมอีกเพราะมากกว่านี้ก็เคยเห็นมาแล้วนี่


     ผมกับกานต์ยืนอยู่ที่ระเบียงกันอีกพักใหญ่ๆ  เหมือนกับว่าเราทั้งคู่กำลังเล่นเกมส์ใครเข้าห้องก่อนแพ้  ต่างคนต่างก้มเลื่อนโทรศัพท์ไปมา ไม่ได้คุยอะไรกันเลย กานต์ยังไม่มีท่าทีผ่อนคลายเลยแม้ว่าผมจะใส่เสื้อแล้วก็ตาม


“กานต์” ผมเรียกพร้อมกับเอามือไปแตะที่แขน


“เข้านอนกันเถอะดึกแล้ว” ผมชวน  กานต์มองหน้าผมก่อนจะพยักหน้าให้เป็นคำตอบ


     นี่จะนับเป็นครั้งแรกของผมได้ไหม ที่ได้นอนเตียงเดียวกับกานต์เพราะว่าเมื่อครั้งที่แล้วนั้นผมจำอะไรไม่ได้เลย



     บรรยากาศบนเตียงนอนนั้นอึดอัดอย่างมาก  ความรู้สึกมันไม่เหมือนเวลามานอนกับเพื่อนคนอื่นๆ  มันอาจจะเป็นเพราะว่าเวลามากับพวกเพื่อนๆผมจะคุยกันสนุกสนานแม้กระทั่งตอนที่จะนอน แต่กับกานต์ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรด้วยและเขาเองก็คงไม่รู้จะพูดอะไรกับผมเหมือนกัน  ตอนนี้กานต์ก็ได้แต่นอนหันหลังให้ผมส่วนระยะห่างนั้นคือห่างมาก  ช่องว่างระหว่างผมกับกานต์นั้นสามารถเอาเพื่ออีกสองคนมานอนด้วยได้สบายๆ



“กานต์  หลับแล้วหรือยัง” ผมหยั่งเชิง  กานต์พลิกนอนหงายแทนคำตอบ


“เป็นไงบ้างวันนี้” ผมถาม


“สนุกดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าเฟยบอกเราก่อนว่าจะมาหัวหิน” กานต์ว่า


“แต่ก็ขอบคุณนะที่พามา” กานต์เสริม


“เหรอ งั้นเฟยพามาเที่ยวอย่างนี้แล้ว เฟยขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม” ผมอยากเห็นสีหน้าขอกานต์ว่าเป็นอย่างไร เพราะอย่างน้อยก็อาจจะเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่แสงที่ลอดผ้าม่านเข้ามาก็ไม่พอทำให้ผมมองเห็นหน้ากานต์


“ได้สิ” กานต์ตอบ


“พอเปิดเรียนแล้ว กานต์ไม่ต้องมาดูเฟยซ้อมได้ไหม” ผมคิดว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่กานต์จะยอม


“เราคิดว่ามันไม่เกี่ยวกันนะเฟย” กานต์ว่า


“แล้วทำไมกานต์ต้องมาดูเราซ้อมทุกวันด้วย” ผมย้อนถาม


“เพราะว่าเราเป็นแฟนกันไง” กานต์ตอบ


     ผมถอนหายใจกับคำตอบของกานต์  ผมไม่ชอบเอาซะเลยเวลาที่กานต์บอกว่าผมเป็นแฟนเขาหรือเราเป็นแฟนกัน  มันเหมือนเป็นการพยายามสะกดจิตให้ผมเชื่อ  ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้มันเลยทำให้ผมรำคาญ   และนั่นก็รวมไปถึงทุกครั้งเวลาที่เขามานั่งดูผมซ้อมด้วย


“แต่เฟยรู้สึกอึดอัด” ผมบอกกานต์หวังอยากให้เขาเข้าใจ


“เฟยควรชินได้แล้วนะ” กานต์บอกผมเสียงเรียบ  ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ผม


     นี่ผมคงไม่สามารถต่อรองอะไรกับกานต์ได้เลยใช่ไหม  เพราะว่าคลิปวีดีโอคลิปนั้นคลิปเดียว ถ้าไม่มีมันผมคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพอย่างนี้


“เฟยไม่อยากให้เราไปดูเฟยซ้อมขนาดนั้นเลยเหรอ” กานต์พูดขึ้น แต่ผมไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป


“งั้นคืนนี้เฟยนอนกอดเราหน่อยสิ” กานต์ยื่นข้อเสนอ







ขอบคุณครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-05-2015 03:26:02
เหมือนจะรู้สึกดีขึ้น แต่็่ไม่ก
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-05-2015 03:46:49
กานต์นี้ทำตัวแปลกๆ. หลายบุคลิกจัง. เดายากมากคนแบบนี้
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 28-05-2015 03:57:39
ไม่เข้าใจกานต์ ดูแปลกๆ จะสุดก็ไม่สุด  :hao7:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 28-05-2015 05:25:18
อ่านทันแล้ว สนุกคับ เดาอารมณ์ตัวละครไม่ถูกเลยว่าจะทำให้เรื่องเป็นยังไงต่อ แต่ดูชื่อเรื่องแล้วไม่อยากเดาตอนจบเลย เห้อออ!!  ทำไมกานต์ต้องทำแบบนี้ทั้งๆที่น่าจะรู้ว่าเฟยไม่ได้ชอบเลย เฟยดูหงุดหงิด ไม่ชอบใจกานต์มากๆเลยนะ ติดตามอ่านตอนใหม่คับ มาเร็วๆ 
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-05-2015 06:31:28
กานต์มีซัมติงอะไรในสมองเนี่ย

ความลับเยอะจริง
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-05-2015 07:56:36
เหมือนจะกลัวว แต่ให้กอด ว่าแต่กอดแบบไหน
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-05-2015 08:02:46
เฟยจะยอมแลกมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 28-05-2015 09:48:30
ตามต่อไป. 
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 29-05-2015 22:26:47
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-05-2015 22:42:01
ลึกลับซับซ้อนน กานต์หนูต้องการอะไรลูก
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 03-06-2015 01:22:09
ก็อกๆ มายังอ่ะ นี่จะดิ้นตายแล้วน้าาา
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 7 หน้า 2 (11-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 11-06-2015 03:44:27
บทที่ 7



   “ถามจริงๆกานต์ทำอย่างนี้กับเฟยทำไม” ผมถามกานต์หลังจากเอารถจอดที่ใต้หอของกานต์เรียบร้อยแล้ว โดยพยายามคุมอารมณ์โมโหไว้



   “เฟยถามคำถามนี้กับเราเป็นครั้งที่สิบแล้วมั้ง เฟยอยากให้เราตอบว่าอะไรหล่ะ เฟยก็รู้อยู่แล้วนี่หรือเราต้องมาเปิดวีดีโอนั้นดูพร้อมกันดี เฟยถึงจะเลิกถามคำถามนี้กับเราซะที” กานต์ตอบผม โดยที่อารมณ์คงจะกรุ่นๆพอกัน



   “ก็ไหนว่าตกลงกันแล้วไงว่าถ้าเฟยยอมกอดกานต์เมื่อคืนนั้นที่หัวหิน กานต์จะไม่มาดูเฟยซ้อมอีก”ผมว่า



   ผมก็ไม่เข้าใจกานต์เอามากๆ ทั้งๆที่ตกลงกันไว้แล้ว ซึ่งช่วงอาทิตย์กว่าๆก่อนหน้านี้กานต์ก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผมอย่างดี แต่อยู่ๆดีดีก็เปลี่ยนใจกลับมาดูผมซ้อมเหมือนเดิมและยังให้ผมมาส่งที่หอด้วย



   “มันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ เรากับเฟยเป็นแฟนกันนะอย่าลืม” กานต์พูด



   “พอเหอะกานต์ เฟยไม่อยากฟัง ไอ้ที่ว่าเฟยกับกานต์เป็นแฟนกันแล้ว เฟยโคตรจะเบื่อเลย” ผมว่ากลับ



   “พอเหรอเฟย พออะไรหล่ะ เฟยยังไม่ได้พยายามทำอะไรเลยนะ ไม่ได้พยายามที่นะรับผิดชอบอะไรเลย” กานต์เน้นเสียงประโยคสุดท้าย   



   “แล้วที่เฟยพากานต์ไปหัวหินกับมาส่งกานต์ที่หอเนี่ย เฟยยังพยายามไม่มากพออีกเหรอไง” ผมเริ่มเสียงดังบ้าง



   “หึ พาเราไปหัวหินโดยที่ไม่บอกเราก่อนเลยอ่ะนะ ใช่เฟยเราประทับใจมาก” กานต์ประชดผม



   “หรือเฟยจะนับไอ้กอดคืนนั้นด้วยไหมหล่ะ แต่เราไม่เรียกมันว่ากอดหรอกนะเฟย เราเรียกมันว่าเอาแขนผาดไว้เฉยๆเฟย” กานต์เสริม



   ผมนิ่งไปกับประโยคสุดท้ายของกานต์ มันก็ถูกตามที่กานต์พูด ผมเองก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่กอดเพราะว่าผมไม่ได้อยากจะกอด มันไม่เหมือนกับเวลาที่ผมกอดคอ กอดไหล่เพื่อน ผมกอดเพราะผมอยากกอดและเราสนิทกันไม่ได้คิดอะไร แต่กับกานต์มันต้องกอดแบบแฟน ซึ่งผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับเขา มันรู้สึกแปลกๆ หากกานต์จะรู้สึกแบบนั้นมันก็ช่วยไม่ได้



   “แล้วเรื่องที่มาส่งเราที่หอ เรานับครั้งได้เลยมั้งเฟย ว่าเฟยมาส่งเรากี่ครั้ง แล้วทุกครั้งที่มาส่ง เราต้องเป็นคนขอให้เฟยมาส่ง แต่ก็แปลกนะที่กับป๊อบเฟยไม่ยักกะไม่อยากไปส่ง” กานต์พูด ซึ่งมันทำให้ผมเข้าใจเหตุผลที่กานต์กลับมานั่งดูผมซ้อมอีกครั้ง



   ซึ่งช่วงอาทิตย์กว่าๆที่กานต์ไม่ได้มาที่สนาม ช่วงนั้นรถของป๊อบเสียพอดีผมจึงอาสาไปส่งเขาที่บ้าน ซึ่งวันนี้ก่อนที่จะมาส่งกานต์ที่หอ ผมก็เพิ่งจะไปส่งป็อบมา โดยที่มีกานต์นั่งไปด้วย



   “มันไม่เกี่ยวอะไรกับป๊อบเลยนะกานต์” ผมว่า



   “เกี่ยวสิเฟย ทำไมจะไม่เกี่ยวลองนึกดูดีดี ถ้าไม่มีป๊อบ เรื่องระหว่างเรากับเฟยคืนนั้นมันก็จะไม่เกิดขึ้น” กานต์พูด



   “เอาจริงๆไหมกานต์ เฟยรู้สึกว่าเรื่องนี้กานต์ก็ไม่ได้เสียหายอะไรจนเฟยต้องมารับผิดชอบ เพราะกานต์ก็เป็นผู้ชาย เฟยก็เป็นผู้ชาย เราทั้งคู่เป็นผู้ชาย” ผมแย้ง พอผมพูดจบกานต์ดูนิ่งไป เขาได้แต่มองผม สายตาฉายแววไม่พอใจ



   “เหรอเฟย งั้นถ้าลองเปลี่ยนจากเราเป็นคนอื่น หรือไม่งั้นก็เปลี่ยนจากเราเป็นป๊อบ เราอยากรู้ว่าเฟยจะยังพูดแบบนั้นอยู่ไหม” กานต์ว่าผมกลับ



   ผมได้แต่จ้องหน้ากานต์ซึ่งเขาก็จ้องผมกลับเช่นกัน



   “เรายังไม่เห็นเฟยพยายามทำอะไรสักอย่างเลย” กานต์ยังคงว่าผมอยู่



   กานต์เขาอยากจะได้อะไรจากตัวผม ให้ผมเป็นเป็นแฟนผมก็ยอมแล้ว  ที่เขาพยายามพูดเรื่องที่ผมกับเขาเป็นแฟนกันเหมือนกับว่าเป็นการสะกดจิตนั้น คงเพราะอยากให้ผมถึงเนื้อถึงตัวเหมือนอย่างที่คนที่มีแฟนคนอื่นๆเขาทำกัน ถ้าเขาต้องการผมก็จะทำให้



   ผมขยับตัวเข้าหากานต์ ใช้มือข้างหนึ่งจับหน้าเขาให้หันมาทางผม ก่อนที่จะเลื่อนหน้าของตัวผมเองไปใกล้ๆ ตาผมกับเขายังคงจ้องกันอยู่ ผมใกล้กานต์มาขึ้นหลบสายตาลงไปที่ริมฝีปากของเขา แต่แทนที่ผมจะกดปากของตัวเองลงไปอย่างที่ตั้งใจไว้ ผมกลับหยุดค้างไว้เพราะรู้ว่าตัวเองทำไมได้



   “เฟยไม่กล้าทำหรอก เรารู้” กานต์พูดขึ้นเมื่อเห็นผมนิ่งไป



   “และมันก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี” กานต์พูดต่อหลังจากที่ผมกลับมานั่งเหมือนเดิม



   “ขับกลับดีดีหล่ะ” กานต์บอกลาแล้วก็ลงจากรถผมไป



                                                                               -----

   

  เมื่อไม่มีทางที่จะห้ามไม่ให้กานต์มาดูผมซ้อมได้สิ่งเดียวที่ผมทำได้ คือทำใจ กานต์ดูไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น เขาดูปกติดีเหมือนว่าผมกับเขาไม่ได้ทะเลาะกัน 

   

“มึงเป็นอะไรว่ะ” ไอ้อัพถามผม



   “หงุดหงิดนิดหน่อย” ผมตอบ



   “เรื่องที่กานต์ยังมาดูมึงอ่ะนะ” ไอ้อัพยิงคำถาม ผมได้แต่พยักหน้า



   “อย่าหาว่ากูเสือกเลยนะ กูถามจริงๆเถอะมึงไปขอกานต์เป็นแฟนกันตอนไหนว่ะ” อัพมันยังคงถามผมอยู่



   “ทำไมว่ะ” ผมย้อมมัน



   “ก็กูไม่เห็นมึงเคยสนใจกานต์ กูเห็นแต่มึงจีบ” ไอ้อัพหันหน้าไปทางป็อบ



   ผมเงียบไม่ตอบอะไรมัน ควงคฑาไปเรื่อยๆ



   “หรือมึงเมาแล้วไปขืนใจกานต์มันว่ะ มึงเลยต้องมารับผิดชอบเขา” ไอ้อัพพูด ถึงผมจะรู้ว่ามันแค่พูดเล่นแต่มันก็เดาถูก แต่ผมไม่ได้ขืนใจกานต์



   “อย่าเดามั่วน่ามึง” ผมว่ามัน



   “แต่มึงดูไม่เหมือนแฟนกันเลยว่ะ” ยังไอ้อัพมันยังไม่เลิกสงสัย ผมเลยหันไปทำคิ้วขมวดใส่มัน



   “กูแค่แสดงออกไม่เก่ง” ผมแก้ตัว แล้วก็เดินตรงไปหากานต์ ก่อนจะนั่งลงข้างและหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอึกใหญ่



   หลังจากวันนั้นผมกับกานต์แทบจะไม่ได้คุยกันอีกเลย แต่เขายังคงมานั่งที่ข้างสนามตลอด ส่วนผมพอถึงเวลาพักก็จะไปนั่งดื่มน้ำบ้าง กินขนมบ้าง ข้างๆกานต์ตลอดเหมือนกัน ผมจะลองทำตัวเป็นแฟนที่ดีอย่างที่กานต์เผื่ออะไรๆมันจะได้ดีขึ้น แต่ในระหว่างที่ผมนั่งพักและกานต์คุยเล่นกับพี่มายด์และแบมอยู่นั้น ปัญหาก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง



   “เฟยวันนี้มีธุระไหม ไปกินข้าวด้วยกัน เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง” ป็อบยิ้มให้ผม ผมมองกลับอย่างสงสัย



   “เลี้ยงตอบแทนที่เฟยไปส่งเราไง รถเราเสร็จแล้วนะ” ป็อบว่า



   “เหรอ” ผมพูด ซึ่งในระหว่างนั้นเสียงคุย เสียงหัวเราะของกานต์ก็เงียบลง จนผมรู้สึกแปลกๆ



   “ไม่เป็นไรหรอกป็อบ ไม่ต้องเลี้ยงข้าวเฟยก็ได้ เฟยยินดี” ผมพูดจบ ก็รู้เลยว่าผมพลาดแล้วที่พูดประโยคสุดท้ายออกไป



   “ไปสิเฟย ปฏิเสธผู้หญิง ไม่เป็นสุภาพบุรุษนะ” กานต์หันมาพูดกับผม และผมเห็นพี่มายด์กับแบมมองหน้ากันก่อนจะพากันลุกออกไป
   


   “อ้าวกานต์ ไปด้วยกันนะ” ป็อบทำเสียงประหลาดใจเหมือนเธอไม่เห็นว่ากานต์นั่งอยู่ข้างๆผม



   “ขอบใจนะ แต่เรามีธุระไปด้วยไม่ได้จริงๆ” กานต์ยิ้มตอบ



   “เออ ขอบใจป็อบนะ แต่เฟยต้องไปส่งกานต์ที่หอหนะ” ผมปฏิเสธป็อบก่อนจะหันหน้าไปมองกานต์แป๊บหนึ่ง



   “เหรอเสียดายจัง” ป็อบว่าแล้วก็เดินกลับไปทางกลุ่มของตัวเอง
 


   “ไม่โกรธเหรอถ้าเฟยไป” ผมถามกานต์



   “ไม่อ่ะ เพราะเรารู้ว่าเฟยจะไม่นอกใจเรา” กานต์มองหน้าผมนิ่ง



   “เหรอ แล้วสมมุติว่าวันหนึ่ง เฟยเกิดไปมีคลิปกับผู้หญิงคนอื่นแล้วเขาขอให้เฟยรับผิดชอบ กานต์จะว่ายังไง” ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงถามกานต์ไปแบบนั้น เป็นอีกครั้งของวันที่ผมรู้สึกว่าไม่น่าพูดออกไปเลย  กานต์ยังคงมองผมเหมือนพิจารณาว่าผมพูดเล่นๆหรือเปล่า



   “เราก็ไม่ว่าอะไรหรอก” กานต์ตอบผม



   “แต่เราจะทำให้แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีช่วงเวลาเลวร้ายให้จำไปตลอดชีวิตเลย และเราก็จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นเกลียดเฟยแบบชนิดที่ว่าแช่งกันไม่ไห้ผุดไม่ให้เกิดเลยหล่ะ” กานต์เสริมและมันทำให้ผมรู้สึกหลอนนิดๆ




ขอโทษครับที่มาช้า ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 11-06-2015 03:52:19
รอนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

มาอัพบ่อยๆหน่อยสิ มันขาดช่วงง่าาาาา

อยากรู้ว่ากานต์จะทำอะไร และทำไปเพื่ออะไร

ปล. มันแอบสั้นไปนิดนึงง่ะ  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 11-06-2015 07:56:53
??หรือจริงๆแล้วกานต์ชอบเฟย...แบบจิตนิดๆ?
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 11-06-2015 08:31:06
สงสารกานต์อ่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-06-2015 09:10:09
ชักจะหลอนกานต์แล้วเหมือนกันนะนี่
กานต์รักเฟยมากเลยใช่มั้ย แต่เฟย
ดันไปพลาดยุ่งกับกานต์ เรื่องเลยเป็นแบบนี้
กานต์ใช้เรื่องนี้ เผื่อบางทีเฟยอาจรักกานต์ขึ้นมาบ้าง
ถ้าท้ายที่สุด เฟยไม่มีใจให้เลย กานต์คงจะปล่อยไปน่ะแหล่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 8 หน้า 2 (14-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 14-06-2015 03:20:23
บทที่ 8



     ผมเริ่มจะไม่ค่อยหงุดหงิดหรือรู้สึกขัดใจกับการที่มีกานต์มานั่งเฝ้าตอนซ้อมและต้องไปส่งเขากลับหอทุกๆวัน   หรือเรียกว่าผมค่อยๆชินนั่นเอง   ผมทำตัวเป็นแฟนที่ดีจนผมรู้สึกแปลกใจตัวเองไม่น้อย ว่าสามารถอดทนทำสิ่งที่ไม่อยากทำได้ถึงขนาดนี้


     ทุกวันวนเวียนเหมือนเดิม เรียนตอนเช้า ผมกับกานต์เจอกันบ้าง แต่ไม่ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันเลย ตกเย็นผมมาซ้อม กานต์มานั่งดูผมซ้อมข้างสนาม  เวลาพักผมก็เดินไปนั่งข้างๆเขา กินน้ำหรือขนมที่เขาเตรียมมาให้   พอเลิกซ้อมผมก็ไปส่งกานต์ที่หอ ก็หมดวัน  แต่ทุกวันที่ผ่านไปหลังจากวันนั้นที่ผมกับกานต์ทะเลาะ  เราทั้งคู่แทบจะไม่คุยกันเลย   และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้ผมไม่ค่อยหงุดหงิดหรือขัดใจเท่าไหร่แล้ว


     แต่ก็มีบางช่วงที่กานต์หายไปไม่มาดูผมซ้อมบ้าง หนึ่งวันบ้าง  สองวันบ้าง  ซึ่งวันไหนที่กานต์ไม่มาผมจะค่อนข้างสดใสเป็นพิเศษ แต่วันนี้ก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่กานต์ไม่มา หลายคนที่สนามก็เริ่มมาถามหากานต์กับผม  ซึ่งผมตอบได้แค่ว่าไม่รู้เพราะว่าผมไม่รู้จริงๆว่ากานต์ไปไหน แต่พอผมตอบไปอย่างนั้นก็มักจะโดนค่อนแคะบ่อยๆจากหลายๆคนถึงความไม่สนใจของผมที่มีต่อกานต์   ผมจึงต้องไปถาม”เช่”เพื่อนของกานต์   เพื่อจะเอาไว้ไปตอบพวกที่สนาม



“เช่  กานต์กลับแล้วเหรอ”  ผมสะกิดไหล่พร้อมยิงคำถาม  ส่วนเช่ได้แต่ทำหน้างงๆกลับมา




“ทำไมแกไม่โทรไปถามกานต์มันหล่ะ” เช่ย้อนผม




“เออน่า บอกมาเหอะ” ผมตัดบท




“ก็เห็นว่างานที่ส่งไปต้องแก้  เลยรีบกลับหนะ” เช่ตอบผม




“ประหลาดคน เป็นแฟนกันแท้ๆแต่ไม่โทรไปถามกัน”  ไม่วายเช่มันแขวะผมก่อนจะเดินผ่านผมไป  ผมเริ่มสงสัยแล้วว่ามันเห็นผมเป็นเพื่อนไหมเนี่ย




“แหม ตอนปีหนึ่งอยู่เซคเดียวกับเฟย ก็เป็นเพื่อนเฟย  พอไปเปลี่นเซคก็ลืมกันเลยนะ” ผมว่ามัน




“เหรอมึง” เช่หันมาทำหน้าเซ็งใส่ผมก่อนจะเดินจากผมไป


     เพราะต้องแก้งานนี่เองกานต์เลยมาดูผมซ้อนไม่ได้  แต่งานอะไรหล่ะที่ต้องใช้เวลาแก้งานขนาดนั้น  สรุปแล้วอาทิตย์นี้กานต์ก็ยังไม่มา รวมแล้วเป็นสองอาทิตย์พอดี  ผมคงจะดูเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องไปหากผมไม่ไปถามด้วยตัวเอง   อีกอย่างถ้าไปไม่ไปถามเองผมก็เกรงว่ากานต์จะเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นมาทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอีก 

“กานต์” ผมทักพร้อมกับนั่งลงที่ม้าหินตรงข้ามเขา  กานต์เลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนจะแสดงการรับรู้ว่าผมมีอะไรจะถาม




“ทำไมช่วงนี้กานต์ไม่ไปที่สนามซ้อมเลยหละ” ผมถามเสียงเรียบ ทำให้ดูเหมือนกับถามคำถามปกติทั่วไป




“ก็ แบมกับพวกพี่มายด์ถามหากันใหญ่” ผมเสริมเมื่อกานต์ยังคงเลิกคิ้วอยู่




“เรามีแก้งานนิดหน่อยหนะ” คิ้วของกานต์เลื่อนลงแล้ว แต่กลับมีสีหน้าเจื่อนๆแทน




“งานอะไร” ผมถามกลับ




“งานการวิจารณ์หนะ เราทำไม่ค่อยดีเท่าไหร่อาจารย์ก็เลยตีกลับมา”  กานต์พูดจบก็ยิ้มเจื่อนๆมาให้ผม




“อยากให้เฟยช่วยไหม” คำพูดของหลุดปากออกไปก่อนที่ผมจะรู้ตัว   กานต์ทำหน้าประหลาดใจนิดหน่อย




“แหม เฟย ช่วยเช่บ้างสิ” เช่มันแซวผม  ผมลืมไปเลยว่ายังมีพวกเพื่อนๆกานต์นั่งกันอยู่   ผมหันไปยักคิ้วใส่เช่นิดหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นกานต์ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะพอดี   ผมเงยหน้ามองกานต์




“เรากลับก่อนนะ” กานต์บอกผมพร้อมกับโบกมือลาเพื่อนๆ  แล้วจึงเดินออกจากโต๊ะไป  เพียงช่วงเสี้ยวนาทีผมก็ลุกแล้ววิ่งตามกานต์ไป




“มีอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์หยุดเดินแล้วหันหลังมาหาผม เพราะว่าเขาคงได้ยินเสียงเท้าของผมที่วิ่งตามเขามา




“เปล่า” ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสตินิดๆที่ตอบกานต์ไปแบบนั้น




“อยากกินขนมอะไรไหม”  กานต์ถามผมหลังจากที่เราทั้งคู่เงียบกันไปครู่หนึ่ง




“อ่ะ อืม” ผมพยักหน้าแบบไม่มีสติ


     ผมกับกานต์เดินออกมาจากร้านขายขนมหลังจากจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว   ขนมในถุงทั้งหมดผมหยิบแค่ไม่กี่อันเท่านั้นส่วนใหญ่กานต์เป็นคนหยิบใส่  หน้าตากานต์ดูสดใสขึ้นนิดนึง


“แบ่งอัพ  แบมแล้วก็คนอื่นๆด้วยนะ” กานต์บอกผมพร้อมกับยื่นถุงขนมให้  ส่วนผมก็ยื่นมือออกไปรับและพยักหน้าไปด้วย




“เฟยวันพฤหัสหน้าไปลอยกระทงกันนะ” กานต์ชวนผม


     มาอีกแล้วคำขอของกานต์  หรือว่าจริงๆแล้วที่กานต์ไม่ไปดูผมซ้อมก็เพื่อจะให้ผมพาไปงานลอยกระทง  ผมยังคงนิ่งและมองไปที่ตาของกานต์  ซึ่งเขาก็สบตากับผมบ้างสลับไปมองหูของผมบ้าง


“ที่ไหนหล่ะ” เสียงผมนิ่งและเข้มขึ้น  อาจเพราะอารมณ์ขัดใจที่กลับมา




“ก็ที่มอก็ได้  ซ้อมเสร็จก็ไปลอยก่อนกลับ” กานต์ยิ้ม




“ไว้ดูก่อนนะ” ผมตอบก่อนจะเดินจากกานต์มา



     แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้ปฏิเสธกานต์ไป   ผมเลยให้กานต์ไปรอที่ในงานลอยกระทงในมหาลัยถ้าเลิกซ้อมแล้วแล้วผมจะไปหาเอง  แต่ผมคิดว่าคงจะเตร่อยู่ที่สนามนี้จนงานใกล้เลิกเดี๋ยวกานต์ก็คงถอดและยกเลิกไปเอง   อันที่จริงคำขอของกานต์ไม่ได้ยากหรือลำบากอะไรเลย  แต่ปัญหามันอยู่ที่ผมไม่อยากทำต่างหาก
เป็นเวลาสามทุ่มแล้วเมื่อการฝึกซ้อมสำหรับวันนี้จบลง  เพื่อนๆหลายคนต่างก็พากันกลับกัน  ส่วนผมก็อ่อยอิ่งทำเป็นเก็บของช้าๆเรื่อยๆไม่ได้รีบอะไร


“เรารออยู่หน้าซุ้มสอยดาวตรงข้างสระน้ำนะ” กานต์ส่งข้อความมาหาผม   ผมเพียงแค่กดอ่านข้อความแต่ไม่ได้ตอบกลับไป




“เฟยยังไม่กลับเหรอ” ผมตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงป๊อบทักผมจากข้างหลัง เพราะคิดว่าทุกคนคงจะกลับกันไปแล้ว




“อ๋อ เดี๋ยวก็ว่าจะกลับแล้ว” ผมโกหก




“อืม  แล้ววันนี้ไม่ไปลอยกระทงเหรอ” ป๊อบถามยิ้มๆ




“ไม่หล่ะ” ผมตอบ




“อ้าวแล้วกานต์หล่ะ”ป๊อบถามต่อ




“อ๋อ ยังแก้งานไม่เสร็จเลย” ผมโกหกอีกครั้ง




“งั้นถ้าเฟยไม่มีธุระอะไร  ไปลอยกระทงกันไหม” ป๊อบถามพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย  รอยยิ้มที่ผมเห็นเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ มีแต่อยากเห็นมากขึ้นๆ


    กว่าผมจะนึกขึ้นได้ว่ากานต์รอผมอยู่แถวๆซุ้มสอยดาวก็ตอนที่ผมกับป๊อบใกล้ถึงซุ้มแล้ว  ผมรีบพาป๊อบเดินผ่านซุ้มไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ โชคดีที่คนค่อนข้างเยอะ ระหว่างที่ผมกำลังรีบเดินผมก็เห็นกานต์ยืนรอผมอยู่ริมสระน้ำฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับซุ้มสอยดาว



“เฟยเรายังรออยู่ที่เดิมนะ” ผมเปิดข้อความอ่านระหว่างที่ป๊อบไปซื้อกระทงอยู่


    เมื่อได้กระทงแล้วเราทั้งคู่ก็พากันเบียดผู้คนเพื่อเอากระทงไปลอย   ป๊อบอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเขากำลังขำหรือมีความสุขเรื่องอะไร  ระหว่างที่ก่อนจะลอยกระทงป๊อบหลับตาอธิฐานอยู่เป็นเวลานาน  แสงจากเทียนจากกระทงและแสงจากร้านค้าต่างๆ ส่องมากระทบผิวของป๊อบ ช่างเป็นภาพที่สวยมากจนผมอดไม่ได้ที่จะเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปเธอไว้



“แหนะแอบถ่ายรูปเราเหรอ” ป๊อบแซวผมแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีโกรธอะไร  ส่วนผมก็ยิ้มกว้างกลับไป


     หลังจากที่เราทั้งสองลอยกระทงเสร็จก็เดินเล่นรอบๆงานโดยที่ผมพยายามจะเลี่ยงซุ้มสอยดาว  ป๊อบดูจะสนุกมากทั้งลากผมไปปาลูกโป่ง   ไปยิงปืน  แถมยังร้องอยากได้ตุ๊กตาอีก จนผมต้องเสียเงินไปเกือบๆห้าร้อยเพื่อซื้อลูกดอกไปปาลูกโป่งเอาตุ๊กตามาให้   เราเดินเที่ยวกันจนเกือบห้าทุ่ม  ป๊อบก็ขอตัวกลับไปก่อน ส่วนผมก็ไม่ลืมทำหน้าที่สุภาพบุรุษที่ดีจึงเดินไปส่งป๊อบที่รถ  เมื่อรถของป๊อบลับตาไปก็เป็นเวลาเดียวกับที่โทรศัพท์ผมสั่น  เป็นกานต์นั่นเองที่โทรมาหาผม  ผมถือไว้อย่างนั้นจนกระทั่งโทรศัพท์หยุดสั่น  ผมจึงเห็นว่ามีข้อความส่งมาจากกานต์ถึงสิบข้อความ


“เฟยเรายังรออยู่ที่เดิมนะ”



“เฟยยังไม่เลิกอีกเหรอ”



“เฟยเรายังรออยู่ที่เดิมนะ”



“เฟย”



“เฟยเรายังรออยู่ที่เดิมนะ”



“เฟยเรานั่งรออยู่ฝั่งตรงข้ามกับซุ้มสอยดาวนะ”



“จะให้เราซื้อกระทงให้เลยไหม”



“เราซื้อกระทงไวแล้วนะ  รีบมานะ”



“เฟย เฟย”



“เฟยเรายังรออยู่ที่เดิมนะ”  นี้เป็นข้อความล่าสุดเมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้ว  แสดงว่ากานต์ยังคงรอผมอยู่ ผมเลยเดินไปแถวๆที่กานต์บอกว่ารอผมอยู่ ผมก็เห็นกานต์ยังนั่งรออยู่จริงๆด้วย  ในมือมีกระทงอยู่ข้างละใบ  นั่งชะเง้อมองหาผมอยู่   ผู้คนเริ่มบางตาแล้ว ร้านค้าก็เริ่มทยอยเก็บของแล้ว  แต่กานต์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลับเลย  ผมยืนเฝ้าดูกานต์อยู่อีกประมาณห้านาที  ผมก็ตัดสินใจเลิกแอบดูกานต์ เดินไปเอารถ ก่อนจะขับออกไปมุ่งหน้ากลับบ้าน



      หลังจากลอยกระทงวันนั้นที่ผมเบี้ยวไม่ไปตามที่กานต์นัด  เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรผมและก็ไม่ได้ขู่จะปล่อยคลิป  แต่กานต์กลับมานั่งข้างสนามเหมือนเดิมแล้ว   ผมไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับสิ่งที่ผมทำในวันนั้น ผมคิดว่ากานต์คงจะไม่ได้คิดมากอะไร  ไม่งั้นเขาคงมาบังคังและขู่ผมแล้ว




      เพียงไม่นานก็ถึงวันสิ้นปีแล้ว  ผมรู้สึกว่าช่วงปลายๆปีนั้นมีแต่เรื่องและก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น   ขนาดวันที่สมควรหยุดฉลองต้อนรับปีใหม่ผมกับเพื่อนยังต้องมาซ้อมกันไม่ได้พักผ่อนเหมือนกับคนอื่น  และแน่นอนกานต์ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม     แม้ว่าผมไม่ได้ไปฉลองเหมือนใครๆแต่ก็ถือว่าเป็นการฉลองเล็กกับเพื่อนๆพี่ๆที่นี่ก็ไม่ได้แย่อะไรนัก


     เสียงพุสิ้นปีดังก้องไปทั่วบริเวณ   จากตรงที่ผมซ้อมกันก็พอจะมองเห็นพุอยู่บ้าง  แต่คนที่ดูจะตื่นเต้นกับพุก็คงเป็นกานต์เพราะเมื่อถึงเวลาจุดพุเขาก็รีบเอากล้องที่พกมาตั้งแต่แรกกดถ่ายรูปเป็นการใหญ่  ส่วนผมมองเขาจากด้านหลังซึ่งมีแสงของพุเป็นฉากหลังอีกทีหนึ่ง   ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปแผ่นหลังของเขาเหมือนกัน เหตุผลก็แค่เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่สวยดี    ทุกคนต่างกล่าว”สวัสดีปีใหม่”ซึ่งกันและกัน  กานต์หันมายิ้มให้ผมหลังจากที่พุหยุดลงแล้ว


“สวัสดีปีใหม่” กานต์บอกผม พร้อมกับยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ   เป็นรอยยิ้มที่ผมรู้สึกว่าเขามีความสุขจริงๆ   และเหมือนว่าความสุขนั้นจะส่งมาถึงผมด้วย   ณ ช่วงเวลานั้นไม่มีความอึดอัดใดๆ  เหมือนว่ามันได้ถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว  ถ้าเป็นยังนี้ได้ทุกวัน  การที่ถูกบังคับให้เป็นแฟนกับกานต์ก็คงจะไม่แย่เหมือนที่ผ่านๆมา






-v- ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 6 หน้า 2 (28-05-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 14-06-2015 03:21:30
จิ้มก่อนๆๆ


ปล. อย่าลืมเปลี่ยนหัวเรื่องนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 8 หน้า 2 (14-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-06-2015 05:15:10
อึดอัดคับข้องใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 8 หน้า 2 (14-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 14-06-2015 07:41:03
เดาใจกานต์ไม่ถูก ไม่รู้คิดอะไรอยู่ อ่านแล้วอึมครึม
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 8 หน้า 2 (14-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-06-2015 08:05:55
บัญชีแค้นวันลอยกระทงนี่กานต์ท่าจะเกบคิดทีหลัง
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 8 หน้า 2 (14-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-06-2015 11:02:26
น้ำตาไหล สงสารกานต์
ไม่รู้ว่าต้องรอเฟยถึงกี่โมง
ถึงยอมกลับเพราะแน่ใจว่าเฟยเบี้ยว
จริงๆเฟยแค่ส่งข้อความมาบอก มันก็ไม่หนักหนานะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 8 หน้า 2 (14-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 14-06-2015 11:12:40
ทำไมเฟยทำอย่างนี้   :z6:  ชอบทำร้ายจิตใจกานต์
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 8 หน้า 2 (14-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-06-2015 12:53:01
ทำไมต้องทนอะกานต์
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 8 หน้า 2 (14-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-06-2015 13:21:01
เริ่มเรื่องมา  กานต์ก็ไม่น่าสงสารแล้ว   อัดคลิปข่มขู่  ทั้ง ๆ ที่ก็สมยอมแท้ ๆ  เฮ้อ
มาถึงตอนนี้อยากจะสงสารแค่ไหน  ก็อดคิดไม่ได้ว่า  ทำตัวเองทั้งนั้นอยู่ดี
เฟยก็แย่  กานต์ก็ยังไปทำแบบนั้นอีก  .. จะลงเอยกันแบบไหนนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 8 หน้า 2 (14-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 14-06-2015 15:17:03
สงสารกานต์อ่ะ แฟนดีๆอย่างกานต์ไม่ได้หาง่ายๆนะเฟย ในตอนแรกๆไม่รู้ว่ากานต์ทำให้เฟยรำคาญทำไม แต่พออ่านตอนที่ 7 ฉากทะเลาะกันในรถ กานต์พูดว่า  “เกี่ยวสิเฟย ทำไมจะไม่เกี่ยวลองนึกดูดีดี ถ้าไม่มีป๊อบ เรื่องระหว่างเรากับเฟยคืนนั้นมันก็จะไม่เกิดขึ้น”  วันที่เฟยกับกานต์เจอกัน มันเกิดอะไรขึ้น คลิปที่กานต์มี ใครเป็นคนถ่าย กานต์ถ่ายเอง?? ไปนอนกับเฟยได้อย่างไร แสดงว่ากานต์ไม่ได้รักเฟยมาก่อน กานต์ต้องการให้เฟยรับผิดชอบเป็นแฟนกันเพราะมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว  กานต์กับป๊อบเล่นเกมกันอยู่เหรอ? เรื่องนี้เป็นมายังไงกันแน่ เฟยมันจำไม่ได้เลยเหรอว่าวันที่ไปกินเหล้าแล้วไปปล้ำกานต์ได้ยังไง??
  งานวันลอยกระทงสงสารกานต์มากๆ พยายามจะเป็นแฟนที่ดี แต่เฟยไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าวันลอยกระทงรอไปถึงกี่โมง สงสารกานต์จริงๆ  รอ รอ รอตอนใหม่ ประทับใจตอนที่ 7 มากๆคับผู้แต่ง ตอนต่อไปมาลงนิยายบ่อยๆ ยาวๆนะคับ อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 8 หน้า 2 (14-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-06-2015 13:25:20
มารอนะ อยากอ่านอีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 8 หน้า 2 (14-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 18-06-2015 16:39:15
อะไร ยังไง งง  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 19-06-2015 03:21:36
บทที่ 9


วันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่  พวกเรามาซ้อมกันที่สนามจริงเหมือนกับทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา   แต่วันนี้จะซ้อมตามคิวเวลาจริง   ผมมาตั้งแต่เช้าแต่ได้ซ้อมจริงก็เวลาบ่ายกว่าๆแล้ว   วันนี้อากาศร้อนเหมือนทุกๆวันแต่แดดจ้ามากกว่าวันไหนๆ  เลยทำให้พวกเราเหนื่อยเร็วเป็นพิเศษ   ผมไม่อยากที่จะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าเพราะผมคิดว่าหากมองไปยังดวงอาทิตย์ตรงๆนั้นอาจจะทำให้ผมตาบอดได้  แต่การที่ต้องโยนคฑานั้นการแหงนหน้าขึ้นฟ้าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้เลย
กานต์มาหาผมตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว  หลังจากนั้นเขาก็ไปนั่งดูผมบนแสตนด์   แต่ดูแล้วก็คงทรมารกับแสงแดด และความร้อนไม่ต่างอะไรกับผม เพราะว่าเวลาผมหันไปมองเขาทีไรก็เห็นกานต์ไม่เอามือพัดเพื่อให้เกิดลม หรือไม่ก็ดื่มน้ำอึกใหญ่  แถมยังไม่สามารถเบิกตามองมาที่สนามได้อย่างเต็มตา


ตกเย็นเมื่อผมเลิกซ้อมแล้ว กานต์ก็แดงไปทั้งหน้า  เขาคงจะร้อนมากเพราะพอเขามานั่งในรถปุ๊บก็รีบหันแอร์หันไปทางตัวเขาเป็นการใหญ่  เราทั้งคู่ไม่ได้ไปไหนกันต่อแต่มุ่งหน้าไปที่หอของกานต์กันเลย


เมื่อผมเอารถมาจอดเทียบที่หน้าหอของกานต์  เขาก็ยังคงยุกยิกหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋าอยู่  และพอพบจอดรถเสร็จแล้วกานต์ก็ยื่นกล่องหนึ่งใบมาให้ผม  เป็นกล่องสีน้ำเงินใบไม่ใหญ่มากนัก
“เราให้” กานต์พูดเมื่อเห็นผมนั่งเฉยๆไม่ได้รับกล่องจากเขา



“คืออันนี้เป็นของขวัญแสดงความยินดีสำหรับพรุ่งนี้ไง” กานต์เสริมเมื่อผมยังคงทำหน้างงอยู่



“ขอบคุณนะ”ผมว่า



“แต่ความจริงเอาไปให้เฟยพรุ่งนี้ก็ได้” ผมพูดต่อ



“คือพรุ่งนี้เขาไม่ไห้คนนอกเข้าไปยุ่ง  เราคงเข้าไปหาเฟยไม่ได้   เลยให้วันนี้สะดวกกว่า” กานต์ยิ้ม



“แล้วก็ของขวัญนี้รวมเป็นของขวัญวันเกิดไปด้วยเลยนะ” กานต์ยิ้ม



“ขอบคุณนะ” ผมขอบคุณกานต์อีกครั้ง  เขาแค่ยิ้มกลับมาให้ผม เป็นรอยยิ้มเดียวกับเมื่อวันปีใหม่  แล้วจู่ความรู้สึกผิดแปลกๆก็พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกในจิตใจ



กานต์กลับหันไปจะเปิดประตูรถ  แต่ผมเอื้อมมือไปจับแขนของเขาไว้ก่อน  กานต์หันมาทำหน้าสงสัย

“เฟยขอโทษ” ผมบอกกานต์หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง



“ขอโทษเรื่องอะไรเฟย” กานต์ถามผม



“ก็เมื่อวันลอยกระทงที่เฟยเบี้ยวกานต์ไง” ผมพูดพร้อมกับพยายามสบตากานต์  ที่ดูนิ่งไป



“อันที่จริงเฟยไปลอยกระทงกับป๊อบมา” ผมสารภาพแบบหมดเปลือก   กานต์เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไปเหมือนเดิม



“กานต์เฟยขอโทษ” ผมพูดซ้ำ



“ไม่เป็นไรหรอกเฟย” กานต์ยิ้มแต่แววตาไม่ได้ยิ้มเลย

 

“ขับกลับดีดีนะ” กานต์บอกผมก่อนจะลงจากรถไป

                                                                            -----


ในที่สุดวันจริงก็มาถึง ผมออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อมาเตรียมตัว แต่งานจริงเริ่มประมาณเที่ยง  พอถึงเวลาประตูงานเปิดผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาจับจองที่บนแสตนด์กับคับคั่ง  เสียงกองเชียร์ของทั้งสองมหาลัยดังกึงก้องไปทั่วบริเวณ  ทุกคนต่างมาเชียร์มหาลัยของตน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ปัจจุบัน หรือบัณฑิตที่จบไปแล้วต่างก็มาร่วมงานกันมากมาย
พอถึงเวลาของผมต้องเดินขบวนก็เป็นเวลาช่วงบ่ายแล้ว  ซึ่งแดดก็ไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนแรงลง  และชุดที่ใส่ซึ่งหลายชั้นก็เรียกเหงื่อได้เป็นอย่างดี  แต่ผมกลับรู้สึกดีว่าในที่สุดผมก็ทำได้ 


การเดินขบวนและการโชว์ผ่านไปไวเพียงช่วงแป๊บเดียว  จนผมรู้สึกว่าเหมือนเพิ่งจะมาถึงที่สนามเพียงแค่ไม่นานนี้เอง  ผมได้พักตอนที่ฟุตบอลซึ่งเป็นไฮไลท์ของงานเริ่มการแข่งขัน  ในระหว่างนี้ก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เข้ามาแสดงความยินดีมากมาย แต่ผมก็ยังคงไม่เห็นกานต์ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ากานต์มาที่งานหรือไม่เพราะผมไม่สามารถมองรู้ได้เลยว่าใครเป็นใครในเมื่อคนบนแสตนด์มีมากจนยากต่อการนับ


สุดท้ายเมื่องานเลิกตอนเวลาเกือบจะสามทุ่ม  ก็เป็นเวลาแห่งการแสดงความยินดี ป๊า แม่ และพี่สาวต่างก็มาแสดงความยินดีกับผมด้วย  ในจังหวะที่ผมถ่ายรูปอยู่นั้นผมก็เหมือนเห็นกานต์อยู่ไกลเหมือนกำลังจะเดินเข้ามาหาผม  แต่เมื่อผมหันไปมองเขากลับหยุดเดินและมองกลับมาที่ผม  ผมคิดว่าเราทั้งคู่สบตากัน ผมจึงส่งยิ้มไปให้


“เฟยมองอะไรอยู่” ไหมพี่สาวผมเรียกให้ผมหันไปมองกล้อง



และพอถ่ายรูปเสร็จแล้วพอหันไปมองทางที่กานยืนอยู่ก็ไม่เห็นเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว  ผมใช้เวลาถ่ายรูปต่อไปอีกเกือบหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดผมก็มานั่งอยู่บนรถโดยที่ผมมีหน้าที่เป็นผู้โดยสารเพราะพี่สาวผมรับหน้าที่เป็นคนขับให้  ผมก็เลยได้มีเวลามานั่งคิดว่าผมเห็นกานต์จริงๆหรือไม่    ผมนั่งคิดอะไรเพลินพอหันไปมองไหมก็นึกถึงเรื่องของผมกับกานต์ขึ้นมาได้

“ไหม” ผมเรียกพี่สาว



“ว่า” ไหมตอบ



“มีอะไรหรือเปล่า” ไหมถามผม  เพราะผมเงียบไป



“คือถ้าเพื่อนไหมเมาแล้วมามีอะไรกับไหม  ไหมจะรู้สึกยังไง” ผมถาม



“ก็คงรู้สึกไม่ค่อยดี”ไหมตอบ



“แต่แบบข่มขืนหรือเต็มใจ” ไหมถามผมกลับ



“คิดว่าไม่ได้ข่มขืน” ผมพยายามนึกว่าวันนั้นผมขืนใจกานต์หรือไม่ แต่จากวีดีโอกานต์ก็ไม่มีถ้าทีกลัวอะไรเว้นแต่จะมีผลักผมบ้าง แต่ยังไงผมก็เป็นฝ่ายชนะ



“แล้วไหมจะให้เพื่อนไหมมารับผิดชอบหรือเปล่า” ผมมองพี่สาว ซึ่งกำลังตั้งใจขับรถอยู่



“ไหมคงไม่ให้เพื่อนคนนั้นมารับผิดชอบอะไรหรอก  แต่เฟยก็ไม่ควรจะอยู่เฉยๆนะ” ประโยคสุดท้ายของไหมดูแปลกๆ



“งั้นไหมก็คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” ผมสงสัย



“มันไม่มีทางเป็นอุบัติเหตุหรอกเฟย  คนเมา ไปเอาใครไม่ได้หรอกนะ” ไหมว่า  พอฟังประโยคนี้ของไหมแล้วผมก็รู้สึกว่าเหมือนมีกานต์มานั่งพูดให้ฟังอยู่เลย



“เฟยควรจะต้องทำอะไรบ้าง” ไหมยังพูดต่อ



“แล้วทำอะไรหล่ะ” ผมถามกลับ



“ทำให้อะไรๆมันดีขึ้นไง” ไหมว่า ผมเงียบไปเพราะนึกถึงช่วงที่ผ่านมาว่าผมทำอะไรๆให้มันดีขึ้นแล้วหรือยัง 



“แล้วเขาคนนั้นคือใครหล่ะ” ไหมถาม



“เดี๋ยวไว้จะพาไปบ้าน” ผมหลุดพูดไป  ผมหันไปเห็นไหมยิ้มๆเหมือนว่าหลอกล้วงเอาความลับของผมได้สำเร็จ


ผมคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าผมจะเลิกพูดเรื่องนี้กับไหมไปซะ เพราะถ้ายังไม่หยุดผมอาจจะต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไหมฟัง  ซึ่งผมยังไม่พร้อม  ผมจึงเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่น   จนกระทั่งเราทั้งคู่มาถึงบ้าน   ผมเข้าบ้านขนของทั้งหมดขึ้นห้อง   ลงมากินข้าว  และขึ้นไปอาบน้ำ  และในระหว่างที่ผมเช็ดหัวอยู่นั้น ผมก็ไปเห็นกล่องของขวัญของกานต์  ผมเลยเดินไปแกะกล่องเปิดดู  ข้างในเป็นเสื้อแจ็คเก๊ตสีน้ำเงินเข้ม ผมยิ้มให้เสื้อตัวนั้นก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ กดเบอร์ของกานต์แล้วโทรออก

“ว่าไงเฟย” กานต์ทักผม



“เสื้อสวยดีนะกานต์  ขอบคุณนะ” ผมขอบคุณกานต์อีกครั้ง



“อือ  ได้ยินว่าเฟยจะไปต่างประเทศเลยซื้อมาให้เพราะคิดว่าคงจะได้ใช้” กานต์ว่า



“กานต์” ผมพูดเสียงเรียบ



“ทำไมวันนี้กานต์ไม่เดินเข้ามาหาเฟย” ผมถามเสียงเรียบเหมือนเดิม



“ก็เห็นเฟยกำลังมีความสุขอยู่  ก็เลยไม่อยากเข้าไปทำลายช่วงเวลาดีดี” กานต์ตอบเสียงอ่อย



หลังกานต์พูดจบคำพูดของไหมก็ลอยมาชนผมทันที “ทำให้อะไรๆมันดีขึ้น” ประโยคนี้วนๆอยู่รอบผมตอนนี้แล้วก็พุ่งชนผมอยู่เป็นระยะ


“เฟย” กานต์เรียกผม



“ยังอยู่ไหม” ผมคงเงียบนานเกินไป



“กานต์วันอาทิตย์นี้ว่างไหมไปดูหนังกัน” ผมชวน



“ฮะ เฟยว่าอะไรนะ” กานต์ถามผมซ้ำด้วยเสียงประหลาดใจ



“วันอาทิตย์นี้ไปดูหนังกัน” ผมพูดซ้ำ



“อ๋อ ไปสิ ไป” กานต์ตกลงแต่น้ำเสียงยังคงความประหลาดใจอยู่



“งั้นเดี๋ยวเฟยไปรับกานต์ที่หอนะ” ผมว่าและพอผมพูดจบต่างคนก็ต่างเงียบไป  ผมไม่รู้เลยว่ากานต์กำลังคิดอะไรอยู่   



“งั้นฝันดีนะเฟย” กานต์พูดในที่สุด



“ฝันดีครับ” ผมบอกลากานต์





ขอบคุณครับ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 19-06-2015 03:35:03
สั้นจัง อยากอ่านอีกเยอะๆ

ในที่สุดเฟยก็รู้สักทีว่าควรจะทำอะไร

ปล. ตอนที่เฟยคุยกับไหม คำว่า หลอกลวง น่าจะเป็น ล่อลวง เอาความลับมากกว่านะ

สู้ๆ มาอัพบ่อยๆนะ เรารออยู่ o13 o13 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2015 03:41:10
อยากจะร้องไห้
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BoolinMini ที่ 19-06-2015 04:12:38
ยอมรับเลยเป็นเรื่องที่เดาไม่ออกว่าจะไปในทิศทางไหน ไม่รู้คนแต่งผูกปม ซ่อนเงื่อนเก่ง หรือเพราะเราคิดมากเกินไป เลยมองว่าเรื่องมันซับซ้อน รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 19-06-2015 04:15:58
๕๕๕ ตอนนี้สั้นมากๆ อ่านๆอยู่ ห๊ะ! จบตอน ๕๕๕ แต่ก็ปลื้มที่เฟยรู้ตัวสักทีว่าควรจะทำอะไรต่อไป มาอัพบ่อยๆนะคับผู้แต่ง
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-06-2015 05:25:17
เฟยเริ่มโอเคกับกานต์แล้วสิ..
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 19-06-2015 06:35:43
สะ...สั้น ...
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 19-06-2015 07:53:35
 :mew5 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-06-2015 09:26:19
นั่นซิ คนเมาจะไปทำอะไรใครได้
จริงๆเฟยไม่ได้เมา แค่สับสนเรื่องป๊อบ
้หรือกานต์เริ่มเพื่อให้เรืีองเป็นอย่างนี้

ไม่พอต่อการอ่านเลยอ่ะ มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 19-06-2015 09:33:51
เหมือนอยู่ในภาวะจำยอมกัน  ที่จริงถ้าหากว่าเฟยไม่ยอมเรื่องคลิปก็ทำได้นะ  ฝ่ายรุกไม่เสียหายเท่าฝ่ายรับหรอก  เฟยไหลไปตามน้ำ  ไม่ชอบก็ต้องทนแล้วไปลงเอยกับคืนวันลอยกระทงที่เฟยทำกับกานต์  สำหรับเราไม่ว่ากานต์จะร้ายยังไงก็ตามเราจะไม่ทำแบบนั้น ถ้าไปไม่ได้หรือไม่อยากไปจะบอกไปตรงๆ ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องมารอเก้อนานแบบนั้น  เราไม่ชอบป็อบเพราะว่าเหมือนกับนางกำลังเล่นกับเฟย   นึกอยากควงก็ควง เบื่อก็ทิ้ง เฟยก็ไม่ต่างจากลูกหมาเท่าไหร่หรอก

ตอนที่เฟยพูดถึงผู้หญิงกับคลิป คำพูดของกานต์ทำเอาเรานึกตะหงิดใจว่ากานต์มีอะไรฝังใจกับคลิปหรือเปล่า?   คืนนั้นเกิดอะไรขึ้น?  เฟยเมาแล้วจะไปปล้ำผู้ชายเอาดื้อๆงั้นหรือ?  ถ้าสมมุติว่าคนที่ถ่ายคลิปเป็นคนอื่นล่ะ?   ที่กานต์บอกว่าจะราวีผู้หญิงที่ขู่เฟยด้วยคลิปจนอยู่ไม่ได้นั้นกานต์พูดด้วยความรู้สึกหวงเฟยหรือ?

การกระทำของกานต์เหมือนกับว่าเวลาของกานต์เหลือไม่มากเลยอยากจะมีความทรงจำเป็นแฟนกับเฟย  กานต์ถึงได้แปลกใจและดีใจที่เฟยชวนทำอะไร

เราชอบมโนค่ะ   แต่อึดอัดกับความอึมครึมของเรื่องราวเพราะว่าข้อมูลมีให้น้อยมาก พยายามเดาเอาจากระหว่างบรรทัด ทั้ง said and unsaid.   ขอบคุณที่มาต่อนะคะ  ติดหงึบเลยเรา
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ammie_mn ที่ 19-06-2015 11:49:52
รู้สึกกลัวใจทั้งคู่เลย เฟยก็ไม่รู้จะดีได้นานแค่ไหนส่วนกานต์ก็ยังมีความลับอยู่ในใจอีกเยอะ เดาทางไม่ถูกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 20-06-2015 02:01:47
อยากอ่านต่อมากค่ะ  :katai1: อ่านแล้วรู้สึกสงสารกาน เดาทางไม่ถูกเลย รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :L1:   :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-06-2015 10:38:22
อยากรู้เรื่องคืนนั้นเร็วๆจัง

มาต่อเร็วๆนะคะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 27-06-2015 11:35:18
อยากอ่านแล้วววว
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 9 หน้า 3 (19-06-15)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 27-06-2015 14:19:38
รออ่านตอนต่อไปจร้า
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 10 หน้า 3 (02-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 02-07-2015 03:33:55
บทที่ 10
เช้าวันอาทิตย์ผมขับรถไปรับกานต์ตอนสิบโมงเช้า   เราตกลงกันแล้วว่าจะดูหนัง 2 เรื่องรวดเดียวเลย ซึ่งเราต่างจะเลือกคนละเรื่อง  พอดูจบแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน
หนังที่ผมเลือกเป็นหนังเกี่ยวกับดาราตกอับที่พยายามผลักดันตัวเองให้กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง สำหรับผมแล้วหนังเรื่องนี้ขึ้นหิ้งหนังดีสำหรับผมได้เลย มีการถ่าย Long Take ที่ยอดเยี่ยมและดนตรีประกอบที่แน่น                                     
แต่กานต์ดูเหมือนจะไม่ประทับใจมากเท่าผม   เมื่อผมถามถึงความรู้สึกหลังดูหนัง  กานต์ก็ชมถึงการถ่ายทำกับดนตรีประกอบเช่นกัน  แต่ผมฟังดูก็พอจะรู้ว่าไม่ค่อยโดนใจเขาเท่าไหร่ 
เรื่องที่สองกานต์เป็นคนเลือก   เรื่องที่เขาเลือกนั้นเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่นำมาทำในฉบับภาพยนตร์  กานต์ดูตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อมีฉากต่อสู้   พอออกมาจากโรงหนังเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุขผิดกับเมื่อตอนออกมาจากโรงหลังดูเรื่องที่ผมเป็คนเลือก

“เป็นไงบ้างเฟย”  กานต์ยิ้ม

“เฟยก็อ่านการ์ตูนเรื่องนี้นะแต่ไม่ค่อยอินเท่าไหร่” ผมตอบตามตรง

“ทำไมถึงเลือกเรื่องนี้หล่ะ” ผมถาม

“ก็เราก็ต่างเลือกเรื่องที่เราชอบถูกไหม” กานต์ตอบ  ผมพยักหน้าตอบ

“ดังนั้น Welcome to my world” กานต์ผายมือทั้งสองข้างออก  ผมยิ้มก่อนจะส่ายหัว

“งั้นก็หมายความว่ากานต์ชอบอ่านการ์ตูน” ผมพูดต่อ

“ใช่” กานต์ตอบ  ผมพยักหน้ารับรู้

แต่ในระหว่างผมกำลังคิดว่ากานต์จะเคยอ่านการ์ตูนที่ผมอ่านไหม  ผมก็เห็นว่ากานต์กำลังมองตามเด็กผู้ชายสองคนที่เพิ่งจะเดินผ่านผมกับกานต์ไป   กานต์ยิ้มก็มาเล็กน้อย

“ใครอ่ะ กานต์รู้จักเหรอ” ผมถาม

“เปล่า  เราเห็นว่าน่ารักดี” กานต์หันมาตอบผมแป๊บหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าไปมองเด็กทั้งสองอีกครั้ง  ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่า “น่ารัก” ที่กานต์พูดหมายถึงอะไร  แต่พอผมมองตามไปก็เห็นว่าเด็กที่หัวเกรียนกำลังเอามือไปขยี้ผมอีกคน  ก่อนจะเปลี่ยนมาจับมือกัน  เราทั้งคู่ยืนมองจนกระทั่งเด็กทั้งสองเดินเลี้ยวไปอีกด้านหนึ่ง
“อยากให้เฟยทำอย่างนั้นไหม” ผมถามกานต์ ส่วนกานต์ทำหน้านิ่วก่อนจะส่ายหัว

“ไปหาอะไรกินกันเถอะเราหิวแล้ว” กานต์ว่า ก่อนจะออกเดินนำผมไป

ในระหว่างที่เราเดินเลือกร้านอาหารไปเรื่อยๆ  ตาผมก็ไปเห็นเพื่อนจากคณะคนหนึ่งเข้า  ผมจึงเดินเข้าไปทักมันจากข้างหลังอย่างสนิทสนม โดยการตีไหล่มัน ซึ่งอันที่จริงอยากตบหัวมันมากกว่าแต่คิดว่าเราโตๆกันแล้วไม่ควรทำแบบนั้น
“ว่าไงไอ้ปาย” ผมทักมันเสียงยาน

“ปายมาทำอะไรว่ะ” ผมถามมัน
นี่คือ“ปาย” หรือ “ไอ้ปาย” เพื่อนสนิทมากของผม มันเรียนกับผมมาตั้งแต่ประถมปลายจนตอนนี้ก็ยังเรียนด้วยกันอยู่   

“หวัดดีปาย” กานต์ทัก ส่วนไอ้ปายก็ยกมือทักทายกลับ

“เปล่า ก็เรื่อยเปื่อย” มันตอบผมแถมยังทำหน้าเซ็งๆใส่

“นัดหญิงดิมึง” ผมว่า  ปายส่ายหัวมาให้ผมเป็นการปฏิเสธ

“แล้วกำลังจะไปไหนกัน” ปายถามผมกับกานต์

“ไปหาอะไรกิน ไปด้วยไหมปาย” กานต์ชวน

“ได้เลย” ปายตกลง

สุดท้ายเราทั้งสามก็มานั่งกันอยู่ในร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง ซึ่งกานต์เป็นคนเลือก   พออาหารมาถึงโต๊ะกานต์ก็เริ่มจัดการย่างเนื้อสัตว์และผักต่างโดยมีผมกับปายช่วยกันผลิกเนื้อไม่ให้ไหม้   ระหว่างนั้นผมกับปายก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องทริปเดินป่าที่พวกเรามักจะไปกันเป็นประจำ  ส่วนกานต์ก็ตั้งหน้าตั้งตากินไม่ได้พูดอะไร  อันที่จริงแม้ว่าผมทั้งสามคนจะอยู่คณะเดียวกัน เอกเดียวกัน  แต่เพราะว่ากานต์กับผมอยู่คนละกลุ่ม  ถึงจะรู้ชื่อ รู้หน้า แต่ก็ไม่เคยคุยกัน
“หน้าเรามีอะไรติดหรือเปล่าปาย” ผมได้ยินเสียงกานต์พูดขึ้นระหว่างที่ผมกำลังกินหมูชิ้นที่ค่อนข้างเหนียวอยู่  พอผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าไอ้ปายกำลังมองหน้ากานต์พร้อมกับทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

“กานต์หน้าคุ้นๆจริงๆว่ะ” ไอ้ปายมันพูดหลังจากจ้องหน้ากานต์อยู่นาน

“มึงจำได้ไหมเฟย ที่กูบอกมึงเมื่อตอนที่เพิ่งเขาปีหนึ่ง” ปายมันถามผม  ผมได้แต่ส่ายหัวเพราะจำไม่ได้จริงๆ

“ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งคุ้น  แต่นึกไม่ออก”  ปายมันยังคงพูดต่อ  ส่วนกานต์ได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่ก เหมือนทำตัวไม่ถูก

“กูไม่เห็นจะคุ้นเลย” ผมบอกไอ้ปาย แต่หันไปมองกานต์เหมือนกัน

หลังจากเรากินกันเสร็จ  ผมกับไอ้ปายก็มายืนรอกานต์หน้าห้องน้ำ  ระหว่างนั้นผมก็มองนู่นมองนี่ไปเรื่อย จนกระทั่งไอ้ปายเปิดประเด็นขึ้น
“มึงไปจีบกันตอนไหนว่ะ” ปายเริ่ม

“มึงดูไม่เหมือนแฟนกันเลย” มันพูดต่อไม่รอให้ผมได้พูดบ้าง

“ไอ้อัพบอกมึงเหรอ” ผมย้อมมัน ส่วนมันกลับหัวเราะในลำคออย่างเดียว

“ตอนแรกกูก็คิดว่าไอ้อัพมันมั่ว  แต่พอกูมาดูๆ มึงเหมือนถูกบังคับเลยว่ะ” ปายเอามือมาจับที่ไหล่ผม

“มึงอยากเลิกหรือเปล่า” มันถามอีก ส่วนผมได้แต่เงียบ

“ถ้ามึงอยากเลิกมึงบอกมา เดี๋ยวกูช่วย” ปายว่า
ผมก็แอบคิดนะว่าสักวันคงต้องบอกเรื่องนี้กับใครสักคน  ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่ายังไงดีว่าผมเมาแล้วไปรุกผู้ชายที่เป็นเพื่อนร่วมคณะ ร่วมชั้นเรียนเดียวกัน แล้วเขาก็อัดคลิปเก็บไว้ ส่วนผมพอตื่นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย  ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจริงๆที่จะเล่าให้ใครฟัง  และไอ้ปายก็คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก  เพราะด้วยนิสัยที่มันรักเพื่อนมากผมแน่ใจว่าถ้าบอกไปว่ากานต์แบล็คเมล์ผม มันต้องไปจัดการกับกานต์แน่ๆ    เอาเป็นว่าตอนนี้ผมขอไม่พูดอะไรไปก่อนแล้วกัน  ผมขอจัดการด้วยตัวผมเองก่อน

“ว่าไงมึง” ไอ้ปายถามซ้ำ

“มึงเงียบ แสดงว่ามึงตกลง” มันมองหน้าผม

“ชวนกานต์ไปเดินป่าด้วยให้ได้ โอเค๊  เดี๋ยวที่เหลือกูจัดให้” มันว่า

“งั้นกูไปก่อนนะ” มันพูดพร้อมกับโบกโทรศัพท์ ซึ่งมีสายโทรเข้า ก่อนจะรีบวิ่งออกไป

-----

หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เอ่ยปากชวนกานต์ไปเดินป่าตามที่ไอ้ปายมันบอกเลย  จนพออีกสองอาทิตย์พวกผมก็จะไปเดินป่ากันแล้ว ไอ้ปายก็เริ่มมาเซ้าซี้ถามผม  แถมยังเร่งให้ผมไปชวนกานต์เป็นการใหญ่
“มึงว่าไง” ผมแกล้งทำหน้ามึนใส่มัน

“กานต์ไงมึงชวนแล้วหรือยัง” ไอ้ปายมองหน้าผม ส่วนผมส่ายหัวกลับไปให้มันอย่างเอือมๆ

“ได้กูชวนเอง” มันพูดจบก็ลุกขึ้นไป  พอผมเหลียวหันหลังไปมองก็เห็นว่ากานต์กำลังเดินมาถึงโต๊ะที่ผมนั่งอยู่พอดี  เลยเป็นโอกาสของไอ้ปายมัน

“กานต์อาทิตย์พวกเราจะไปเดินป่ากัน ไปด้วยกันไหม” ไอ้ปายชวน

“แต่เราเดินป่าไม่เป็นนะ” กานต์ว่า

“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรยาก ไอ้เฟยก็ไป” ปายอ้างชื่อผม  พอมันพูดจบกานต์กานต์ก็หันมามองที่ผม  ผมก็ได้แต่มองกลับไป ไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไงถึงจะสื่อได้ว่าให้ระวังไอ้ปายไว้หน่อย

“เอ่อ” กานต์อ้ำอึ้ง

“ไปเหอะถือว่าเป็นการต้อนรับแฟนของไอ้เฟยมันไง  ไอ้เฟยมันคงจะดีใจ ที่กานต์เข้ากับเพื่อนๆของมันได้” ไอ้ปายพูดยาวเพื่อหว่านล้อม  กานต์เริ่มมีสีหน้าลำบากใจ

“ไอ้ปายมึง” ผมยังไม่ทันจะพูดจบ ไอ้ปายก็หันหน้ามาทางผม แล้วก็เอายกฝ่ามือหันมาทางผมแสดงให้ผมเงียบ

“นะกานต์” มันยังคงรุกกานต์ต่อ

“เอ่อ ก็ได้ปาย เราไปก็ได้” สุดท้ายกานต์ก็ตอบตกลง

ผมควรบอกกานต์ไปไหมว่าไอ้ปายมันมีแผนจะทำอะไรบางอย่าง ที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าผมบอกไปอย่างนั้นกานต์คงต้องหาว่าผมไม่อยากให้ไปแน่ๆ  แล้วเราก็จะเริ่มทะเลาะกันอีกครั้ง  และกานต์ก็คงจะดึงดันที่จะไปอยู่ดี  ผมเลยได้แต่ให้คำปรึกกับกานต์ว่าควรเตรียมตัวอย่างไรบ้างแค่นั้น  พอจบอาทิตย์กานต์นี้ก็ได้รองเท้าคู่ใหม่ที่จะไว้ใช้สำหรับเดินป่าเรียบร้อยแล้ว

-----
แต่หนึ่งอาทิตย์ก่อนจะไปเดินป่ากันนั้น  ผมต้องผ่านการสอบกลางภาคไปให้ได้เสียก่อน  ผมใช้เวลากับเพื่อนๆในกลุ่มอ่านหนังสือกันจนดึกดื่นที่ร้านคาเฟ่ที่เปิดทั้งคืน  แม้ว่าจะอ่านบ้างไม่อ่านบ้างแต่อย่างน้อยเวลามีอะไรสงสัยก็จะได้มีคนช่วยหาคำตอบ
ผมออกจากร้านตอนตี 2 กว่าๆ   ผมขับมาเรื่อยๆจนมาติดไฟแดงที่สี่แยกหนึ่งระหว่างทางกลับบ้าน  พอไฟเขียวผมก็ออกตัว ในจังหวะนั้นมีรถคันหนึ่งพุ่งออกมาจากฝั่งที่ควรจะเป็นไฟแดง  ชนเข้ากับส่วนหน้าของรถอย่างจัง

“เชี่ยเอ้ย” ผมสบถ พร้อมกับเหยียบเบรกสุดปลายเท้า

รถผมหยุดทันทีกลางสี่แยก โชคดีที่เป็นเวลาดึกมากแล้วเลยไม่มีรถขับตามหลังมาไม่งั้นผมคงโดนชนท้ายซ้ำอีกแน่  และแทนที่เจ้าของรถคู่กรณีของผมจะลงมาดูความเสียหายหรือมาคุยกับผม  มันกับถอยรถแล้วขับหนีไป
“อ้าวเชี่ยอะไรว่ะเนี่ย” ผมว่าพร้อมกับลงจากรถวิ่งไปเพื่อจะดูป้ายทะเบียนรถมันให้ทัน  ก่อนจะหันมาดูสภาพรถของตัวเอง ส่วนหน้าของบุบจนกระโปรงหน้าเปิด กระจังหน้าและไฟหลุดไปทั้งแถบ จากสภาพของรถแล้วไม่น่าจะขับต่อได้  ผมเลยโทรแจ้งตำรวจ
ในระหว่างนั้นผมได้ถ่ายสภาพรถไว้  และเลือกหนึ่งรูปลงไอจีด้วยความเซ็ง เพราะง่วงก็ง่วงแถมพรุ่งนี้ยังต้องตื่นไปสอบอีกต่างหาก
ไม่นานนักตำรวจและรถร่วมกตัญญูก็มา โชคดีที่ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก พี่ๆร่วมกตัญญูเลยช่วยลากรถผมไปแทนเอาผมในกระบะข้างหลัง
เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ที่มีแต่เสียงข้อความเตือนดังหลายหน คงเป็นเพื่อนๆผมที่ส่งข้อความถาม แต่ในเสียงข้อความก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น  ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเป็นกานต์นั้นเองที่โทรมา  พอผมรับสายกานต์ก็ถามผมใหญ่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น  แล้วผมอยู่ไหน ก่อนที่จะวางสายไป
เพียงไปถึงยี่สิบนาทีผมก็ได้ยินกานต์เรียกชื่อผม  เขาวิ่งเข้ามาหาผม  ผมเพียงแค่ลุกขึ้นยืนหันไปหาเขา  เมื่อกานต์มาถึงตัวผมเขาพุ่งใส่ผม  เขากอดผมแขนทั้งสองข้างโอบผ่านเอวผมไปและไปวางไว้ที่แผ่นหลังของผม  หน้าของกานต์ซุกลงอยู่ที่ไหล่ มีเสียงอู้อี้เหมือนเขาพูดอะไรบางอย่างแต่ผมฟังไม่รู้เรื่อง  ส่วนผมก็แค่โอบเอวกานต์ไว้หลวมๆ กานต์กอดผมนานพอสมควร ก่อนที่จะคลายกอดในที่สุด

“เป็นอะไรไหม” กานต์ผม

“จุกนิดหน่อย” ผมตอบเพราะผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าผมรู้สึกจุกที่ท้อง  เพราะตอนที่เบรกตัวผมไหลไปอัดกระแทกกับพวงมาลัย

“แค่นั้นเหรอ” สีหน้ากานต์ดูเป็นห่วง


“แต่เดี๋ยว โดนรถชนอย่างนี้แล้วยังมีอารมณ์อัพรูปลงไอจีอีกเนี่ยนะ” กานต์เอ็ดผม

ผมยังไม่ได้ทันจะแก้ตัวอะไรป๊ากับแม่ผมก็มาถึงโรงพักพอดี กานต์สวัสดีป๊ากับแม่ผมก่อนจะขอตัวกลับไป  ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะได้กลับบ้าน  แต่พอกลับบ้านมาถึงบ้านแล้วผมกลับนอนไม่หลับ  ไม่ใช่เพราะผมยังโมโหที่โดนรถชน 
แต่กำลังสับสนกับกอดของกานต์  ปกติผมก็กอดกับครอบครัวกับเพื่อนฝูงเป็นปกติ แต่กับกานต์มันต่างออกไปเล็กน้อย มันมีความเป็นห่วงจนผมรู้สึกได้  หรือว่าจริงๆแล้วกานต์แอบรักผม  และที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อให้ผมได้เป็นแฟนกับเขา  และจากกอดนั้นผมก็รู้สึกว่ากานต์ก็ตัวนิ่มดีเหมือนกันนะ

พอถึงตอนเช้าผมแทบจะนึกคำตอบสำหรับข้อสอบวันนี้ไม่ออกเลย  กว่าผมจะได้นอนก็เกือบหกโมงและต้องตื่นตอนเก้าโมง  ผมคิดว่าผมไม่พร้อมสุดๆ สมองเบลอไปหมด  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วสำหรับวันนี้ ผมเดินหากานต์เพื่อที่จะไปส่งเขาที่หอ  ผมเดินไปเรื่อยก็เห็นกานต์ยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่
“ก็ทำอยู่” ผมได้ยินกานต์พูดเมื่อผมเดินไปใกล้เขาทั้งสอง

“กานต์กลับกันเถอะ” ผมทักกานต์  เขาหันหน้ามามองผม ส่วนผู้ชายอีกคนซึ่งคงจะเป็นเพื่อนของกานต์จ้องหน้าผมนิ่ง เหมือนจะหาเรื่องเล็กน้อย

“งั้นกูไปก่อนนะ” มันพูดกับกานต์แต่ตาไม่ได้มองกานต์เลย  ก่อนที่จะเดินเฉียดผ่านผมไป

“เพื่อนเหรอ” ผมถาม กานต์พยักหน้า ผมเหลียวหลังกลับไปมองก็ยังเห็นว่าเพื่อนของกานต์ยังหันมามองผมอยู่เช่นกัน มันยักคิ้วกวนตีนผมนิดหนึ่งก่อนจะหันหน้ากลับไป

วันนี้ผมก็ไปส่งกานต์เหมือนเดิม ซึ่งโชคดีหน่อยที่ป๊าให้ผมยืมรถอีกคันมาขับแต่ผมคงต้องระวังหน่อยเพราะป๊ารักคนนี้มาก  ระหว่างทางกานต์กับผมก็ไม่ได้พูดอะไรกัน  กานต์เฉยจนผมรู้สึกเหมือนโดนเมิน  เพราะวันนี้มีแต่คนถามถึงอุบัติเหตุเมื่อคืน   เว้นก็แต่กานต์ที่ไม่ได้สนใจผมเลย   เขานิ่งเฉยไม่ถาม ไม่สนใจแม้ว่าผมจะแกล้งทำเป็นเจ็บท้องก็ตาม
“ทำไมวันนี้กานต์เงียบๆ” ผมถาม

“ก็ไม่มีอะไรนี่เฟย ปกตินะ” กานต์ตอบผม

“ไม่เป็นห่วงเฟยแล้วเหรอ” ผมแหย่

“ก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วนี้” กานต์ตอบผมเสียงเย็น ผมถึงกับแอบจ๋อยเล็กน้อย

“งั้นเฟยแวะขึ้นไปงีบห้องกานต์หน่อยได้ไหม ง่วงมากเลย” ผมถาม แม้ว่าจะรู้ว่ากานต์จะไม่ยอม

“หือ” กานต์ทำหน้าสงสัย ก่อนจะจ้องหน้าผมนิ่ง ซึ่งในระหว่างนั้นผมก็เลี้ยวเอารถจอดเทียบหน้าหอกานต์

“ไม่ได้หรอก ขับกลับดีดีนะ” กานต์บอกลาก่อนจะลงจากรถไป
-----
   วันออกเดินทางผมขับรถที่ซ่อมเสร็จแล้วไปรับกานต์ตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพราะต้องขับไปรับ นัทและไปรวมตัวกันที่บ้านปาย
   ลักษณะกานต์เหมือนจะยังไม่ตื่นเต็มที่พอขึ้นรถมาทักมายผมนิดหน่อย  ก่อนจะนั่งเงียบๆและพอผมไปรับนัทที่บ้านกานต์ก็หลับเรียบร้อยแล้ว  ไม่นานผมก็ขับมาถึงบ้านปาย  ซึ่งพวกเราตกลงกันไว้ว่าจะเอารถไปสองคันทั้งหมดแปดคน ประกอบไปด้วย ผม กานต์  ปาย นัท พล็อต เฮง วิท เล่ ซึ่งทั้งหมดยกเว้นกานต์เป็นเพื่อนจากโรงเรียนเก่าของผมทั้งหมด  ระหว่างที่รอรถอีกคนที่ขับโดยพล็อต  พวกผมก็ช่วยกันขนของขึ้นรถ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารและกระเป๋าเสื้อผ้า  คราวนี้ไม่มีเต็นท์เพราะได้จองบ้านพักของทางอุทยานไว้แล้ว  และการไปครั้งนี้ไม่ลำบากเท่าไหร่นักเลยไม่จำเป็นต้องเตรียมของอะไรมากนัก
   เมื่อรถของพล็อตมาถึง พวกเราก็เริ่มออกเดินทางโดยมีจุดหมายอยู่ที่จังหวัดในภาคตะวันตกของประเทศ  หวังจะให้ประถึง ณ อุทยานเวลาประมาณแปดโมง  ระหว่างทางผมก็คุยกับเพื่อนไปเรื่อยเปื่อย ส่วนกานต์ก็กำลังเช็คกล้องของเขาอยู่
   เมื่อเวลาแปดโมงเกือบจะเก้าโมงรถของผมก็มาถึงหน้าอุทยาน  เราก็พากันไปลงทะเบียน และก็ขนของเข้าบ้านพักกัน  บ้านพักที่ได้หลังนี้มีทั้งหมดสามห้องนอน เลยตกลงกันว่าผมกับกานต์จะนอนด้วยกัน ส่วนที่เหลือก็แบ่งกันนอนห้องละสามคนโดยมีปายจัดการทั้งหมด 
   ระหว่างที่ผมกำลังกินกาแฟกับขนมปังเพื่อเติมพลังสำหรับเดินป่าวันนี้อยู่นั้น  กานต์ก็เริ่มเอากล้องมาถ่ายนู่นนี่แล้ว  แม้ว่ากานต์จะไม่ค่อยคุยกับพวกเพื่อนของผมมากนักแต่ก็ไม่ได้ดูมีท่าทีอึดอัดอะไร ในระหว่างที่ผมมองอยู่ก็เห็นกานต์นั่งลงถ่ายอะไรบางอย่างที่พื้น สักพักนัทก็เดินเข้าไปร่วมด้วย  ผมเห็นกานต์กับนัทก้มดูอะไรบนพื้นกันอยู่และดูเหมือนคุยกันสนุกผมเลยเดินเข้าไปหวังอยากจะร่วมวงคุยด้วย
“คุยอะไรกันหนะ” ผมถามก่อนที่จะเดินเขาไปถึงคนทั้งสอง  มีแต่นัทที่หันมามองที่ผมหน้าตาตื่นๆ ผมไม่ได้สนใจอะไรเพราะโดยปกตินัทมันก็เป็นคนประมาณนี้อยู่แล้ว

“เรากับนัทกำลังจับแมงมุมกันอยู่” กานต์พร้อมกับยื่นแมงมุมในมือมาทางผม หลังจากผมก็รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่บนเนินทางหลังของตัวบ้านพักห่างจากจุดที่กานต์ยืนอยู่พอสมควร  พอมองไปก็เห็นกานต์ยืนยิ้มกว้างอยู่ส่วนนัทมันกำลังหัวเราะผมจนตัวสั่น ผมทำใจกล้าเดินเข้าไปใกล้ๆก็เห็นว่าไอ้นัทมันหัวเราะผมจนน้ำตาคลอเบ้า

“มึงวิ่งไวมาก” ไอ้นัทมันพูดไปหัวเราะไป

“เราปล่อยไปแล้วเฟย” กานต์บอกผมพร้อมแบมือทั้งสองข้างให้ผมดู แต่ผมดูออกว่าเขากำลังกลั้นขำอยู่ ผมเลยขมวดคิ้วตีหน้าเข้มใส่

   หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มเดินป่ากัน อันที่อาจจะไม่เรียกว่าเดินป่าก็ได้เพราะพวกเราแค่พากันเดินขึ้นไปยังน้ำตกชั้นบนสุดกันคือชั้นที่เจ็ด  ทางที่ขึ้นไปไม่ลำบากมากนักแต่ใช้เวลาพอสมควร ระหว่างทางเราก็แวะน้ำตกชั้นต่าง แต่เราตกลงกันแล้วว่าจะเล่นน้ำกันที่ชั้นสุดท้าย  ผมเดินไปกับกลุ่มเพื่อนแต่ก็แอบมองกานต์เรื่อย  กานต์ไม่มีท่าทีเหนื่อยหรืองอแงแต่อย่างใด  ส่วนใหญ่เขาจะหยุดถ่ายรูปต้นไม้หรือเห็ดต่างๆ  จนบางทีผมต้องเดินย้อนมาเพื่อจะรอเขา
   ในระหว่างทางเดินขึ้นชั้นเจ็ดทางค่อนข้างขรุขระ  ด้วยความเป็นห่วงมือใหม่ผมเลยยืนไปหากานต์เพื่อให้เขาจับเป็นที่ยึด  แต่กานต์มองมิอสลับกับหน้าผมก่อนจะทำหน้ากวนใส่แล้วก็เดินผ่านผมไป

“อะไรว่ะ” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะเดินตามกานต์ไป

   พวกเราทั้งหมดหยุดเล่นน้ำกันที่ชั้นเจ็ดบนสุด  พวกผมถอดเสื้อลงเล่นน้ำกันอย่างรวดเร็ว เว้นแต่กานต์ที่เดินถ่ายภาพไปเรื่อยๆ  แล้วสุดท้ายก็มาถ่ายรูปให้พวกผม  ผมเลยขึ้นจากน้ำเดินไปหาเขา
“ไม่ลงเล่นน้ำเหรอ” ผมถาม

“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวกล้องเปียก” กานต์ตอบผม พร้อมกับมองไปทางนัทที่กวักมือเรียกอยู่

“วางไว้บนเสื้อเฟยก็ได้ไม่เปียกหรอก” ผมเสนอหนทาง

“ไม่ใช่เรากลัวมันจะชื้นตอนขากลับ” กานต์ยังคงอ้างเหมือนเดิม

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเฟยถือให้ก็ได้” ผมพูดพร้อมกับเอากล้องพร้อมกับสาสะพายออกจากคอกานต์  ที่ผมทำอย่างนี้ไม่ใช่อะไร เพราะผมแค่คิดว่าไหนๆก็มาแล้วก็อยากให้ลงเล่นน้ำจะได้สนุกเหมือนกัน
   เมื่อหมดข้ออ้างแล้วกานต์ก็ไม่มีข้ออ้างเหลือแล้วจึงเดินลงน้ำไปอย่างว่าง่าย  ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนัท และทั้งคู่ก็ไปเล่นน้ำหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน ที่นัทกับกานต์สนิทกันไวคงเป็นเพราะนิสัยคล้ายๆ  และไม่นานนัทก็ลากกานต์เข้าไปรวมกลุ่มกับพวกที่เหลือ
“แฟนมึงก็ดูโอเคดีนี่” พล็อตพูดกับผมในระหว่างที่นั่งกันอยู่บนโขดหินนั่งมองพวกที่เหลือเล่นน้ำกันอยู่ด้านล่าง  ผมจึงหันไปมองหน้ามันด้วยความสงสัย เพราะปกติมันไม่ค่อยชมใคร

“มึงไม่แปลกใจเหรอว่ะที่อยู่ดีๆกูก็มีแฟนเป็นผู้ชาย” ผมถามมัน

“ตอนแรกก็แปลกใจนิดหน่อยว่ะ”มันตอบผมแค่นั้น

“แต่อย่างที่ไอ้ปายมันบอก หน้าแฟนมึงมันคุ้นๆว่ะ” พล็อตว่า

“แต่กูนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน”  พล็อตเสริม
   พอเวลาบ่ายสามกว่าๆพวกเราก็พากันขึ้นจากน้ำและเดินกลับที่พักกัน  โดยผมเป็นคนสะพายกล้องให้กานต์ตามที่ผมได้บอกเขาไว้  แต่คราวนี้เป็นพล็อตที่กำลังเดินคุยอยู่กับกานต์  ในขณะที่ผมกำลังมองอยู่พล็อตก็หันมาสบตาผมพอดี มันพยักหน้าให้ผมนิดหนึ่งก่อนจะหันไปคุยกับกานต์ต่อ
   พอถึงบ้านพักพวกเราก็ผลัดกันอาบน้ำ  ส่วนใครที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็เริ่มเตรียมจะทำอาหารสำหรับมื้อเย็นวันนี้  ผมออกจากห้องน้ำพร้อมกับเช็ดหัวไปด้วยพอเข้าไปในห้องก็เจอกานต์กำลังนั่งเลื่อนดูรูปในกล้องอยู่  แต่พอกานต์เห็นผมเขาก็รีบวางกล้องและพุ่งไปทางประตู ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเดินไปขวางประตูไว้
“ฟะ เฟย หลบหน่อยเราจะไปช่วยพวกนัทข้างนอก” กานต์พูดตะกุกตะกัก

“วันนี้เป็นไงบ้าง” ผมถาม สีหน้าของกานต์ดีขึ้นนิดหนึ่ง ผิดจากเมื่อสักครู่ที่ดูตื่นๆเหมือนตอนที่ผมพาไปหัวหิน

“สนุกดี  เพื่อนๆเฟยน่ารักดี” กานต์ตอบผม

“แล้วไอ้พล็อตมันคุยอะไรกับกานต์” ผมถามต่อ

“ก็ทั่วไป ไม่มีอะไร” กานต์ตอบท่าทีเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขามองผมนิ่งๆและเสียงเรียบเหมือนเมื่อก่อน

“ไม่ต้องห่วงหรอกเรายังไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องคืนนั้นหรอก” กานต์พูด ส่วนผมทำได้แค่ถอยออกจากประตูปล่อยให้กานต์เดินออกไป  ผมส่ายหัวเล็กน้อยเพราะคิดว่าผมคงทำเสียเรื่องไปแล้ว



ต่อด้านล่างนะครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 10 หน้า 3 (02-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 02-07-2015 03:35:10
(ต่อจากด้านบน)

“เห็นกานต์หรือเปล่า” ผมถามขึ้นขณะที่พวกผมนั่งรอบวงเล่นกีตาร์อยู่

“ไม่เห็นเลย” ปายมันตอบผมก่อนจะกลับไปเล่นกีตาร์เหมือนเดิม 

   ผมเดินไปตรงชานของบ้านพักแล้วมองฝ่าความมืดไปรอบเพราะคิดว่ากานต์คงไปเดินเล่นแถวบ้าน  แต่ในรัศมีที่สายตาของผมสามารถมองฝ่าไปในความมืดได้ผมก็ไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆเลย    ผมเลยไปนั่งเล่นกีตาร์กับเพื่อนๆเหมือนเดิม         
   ครึ่งชั่วโมงผ่านไปก็ไม่มีทีท่าว่ากานต์จะกลับมา  คราวนี้ผมเลยลงจากบ้านเดินไปตามหายังที่ต่างๆดู  แต่ก็ไม่เจอทั้งหน้าที่ทำการอุทยาน สหกรณ์ ลานกิจกรรม หรือลานกางเต้นท์   ผมเเลยวิ่งกลับไปที่บ้านอีกครั้งหวังว่าจะเจอกานต์ที่นั่น  แต่เปล่า  ไม่มีเลย ผมวิ่งเข้าดูในห้องนอนก็ไม่เจอ ผมจึงต้องวิ่งลงจากตัวบ้านอีกครั้ง พวกเพื่อนๆมันก็หันคอมองผมกันทั้งหมด   จังหวะที่ผมกำลังจะลงจากตัวบ้านก็เห็นนัทมันกำลังจะเดินสวนขึ้นมาพอดี
“กานต์หล่ะ” ผมถาม

“ไม่ได้ไปกับมึงเหรอ” ผมถามต่อ

“เปล่านะ ไม่ได้อยู่กับมึงเหรอ” นัทถามกลับ

“ทำไมถึงคิดว่ากานต์อยู่กับกู” ผมถามอีกด้วยความสงสัยกว่าเดิม

“ก็ตอนที่กูเจอกานต์ครั้งสุด  เห็นกานต์บอกว่า  มึงอยากให้ไปหาที่ตรงทางไปน้ำตก” นัทตอบผม

“นานยังว่ะ” ผมเริ่มใจคอไม่ดีแล้ว

“ก็ชั่วโมงกว่าๆแลัวนะ” นัทตอบพร้อมกับเอานาฬิกาขึ้นมาเพื่อคะเนเวลา
   
พอผมได้ยินคำตอบจากนัท ผมก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งขึ้นเนินทางหลังบ้านไปทางน้ำตก แต่พอไปถึงก็ไม่เจอใครเลยสักคนเดียว 
“หรือจะเดินไปน้ำตกว่ะ” ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะวิ่งกลับไปบ้านเพื่อเอาไฟฉาย

“เดี๋ยวแฟนมึงก็กลับมา” ไอ้ปายมันพูดเหมือนผมกำลังจะออกจากบ้านอีกครั้งพร้อมกับไฟฉาย

“ทำไมมึงรู้ว่าเดี๋ยวกานต์ก็จะกลับมา” ผมหยุดแล้วหันหน้าไปหาไอ้ปาย

“เออหนะ” มันพูด

“มึงเป็นคนบอกกานต์เหรอว่าให้ไปหากูตรงทางไปน้ำตก” ผมถามมันเพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามันจะช่วยทำให้ผมกับกานต์ทะเลาะกันหลังจากที่มันพูดจบ    มันส่ายหัวทำหน้าเซ็งๆ

“มึงใจเย็นๆเฟย  แฟนมึงไม่เป็นอะไรหรอกมันเป็นผู้ชายนะเว้ย” ปายยังคงพูดต่อ

“กูรับรองว่าพอกานต์มันกลับมามันจะต้องทะเลาะกับมึงแน่ๆ  แล้วทีนี้มึงก็บอกเลิกมันได้เลย” ผมมองมันด้วยความโมโห

“มึงนี่มัน  กานต์มันไม่เคยเดินป่า  กูว่ากูเคยบอกมึงแล้ว”  ผมพูดกับไอ้ปายมันเสียงสั่น  และตอนนี้ไอ้พวกที่เหลือเริ่มกรูเข้ามามุงแล้ว
     
“เอาน่ากูกำลังช่วยมึงอยู่” ไอ้ปายยังคงทำเหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนต่อไป

“มึงจำไว้นะว่ากูไม่ได้อยากเลิกกับกานต์” ผมพูดจบแล้วก็วิ่งขึ้นไปทางไปน้ำตกมุ่งหน้าไปบริเวณน้ำตกชั้นที่หนึ่ง    บริเวณรอบๆตัวผมมืดมากมีแค่แสงไฟฉายอย่างเดียวที่นำทางให้ผม   แต่พอผมมาถึงและเดินสำรวจรอบๆบริเวณแล้วกลับไม่เจอกานต์ ผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดแต่ปรากฏว่าบริเวณนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลย  ผมจึงต้องวิ่งกับไปบริเวณทางเข้าอีกครั้ง  พอผมวิ่งมาถึงก็เจอพล็อตกับไอ้ปายกำลังจะวิ่งเข้ามาหาผม
“เจอไหมมึง” ผมส่ายหัวให้กับคำถามของพล็อต

“เชี่ย มันไปไหนว่ะ” ไอ้ปายสบถ และเริ่มอาการกระวนกระวายแล้ว

“มึงนี่นะไอ้ปาย” พล็อตด่าไอ้ปาย  และในระหว่างนั้นผมก็เอาโทรศัพท์มาโทรหากานต์อีกครั้ง  ครั้งนี้ติดแต่ปรากฏว่าเป็นบริการฝากหมายเลขโทรกลับ

“ปิดเครื่องว่ะ” ผมพูดบอกกับทั้งสองคน

“มึงคิดอะไรเหี้ยๆว่ะไอ้ปาย” ผมมองหน้ามัน ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกันผมคงจะจัดให้มันสักหมัดสองหมัดแล้ว  หรือผมควรจะจัดให้มันดี

 “มีอะไรกันหรือเปล่าหนุ่ม” เสียงของผู้ชายมีอายุดังขึ้นแทรกเสียงของพวกผม  ไอ้ปายสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ  แต่พอพวกเราหันก็พบกับเจ้าหน้าที่

“เออ” พวกผมอึกอัก

“เพื่อนผมเดินไปทางน้ำตกแล้วยังไม่ออกมาเลยครับ” ผมบอกกับเจ้าหน้าที่

“แล้วเดินเข้าไปทำไม” เจ้าหน้าที่ถามพวกผมกลับ มันเป็นคำถามที่ผมไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดีจึงได้แต่เงียบ  ทางเจ้าหน้าที่เหมือนจะเข้าใจจึงส่ายหัวแบบเอือมระอา ก่อนจะยกวิทยุขึ้นมาเรียกเจ้าหน้าที่มาเพิ่ม  และเพียงไม่ถึงสามนาทีก็มีเจ้าหน้าที่อีกสามคนมาเสริมกำลัง

“ผมขอเข้าไปด้วยได้ไหมครับ” ผมถามเจ้าหน้าที่คนแรกที่เจอเรา

“ไม่ต้องหรอก ไปรอที่บ้านเถอะ” เจ้าหน้าที่พูดก่อนจะเดินมุ่งหน้าเข้าป่าไป

   ผมไม่ได้กลับไปรอที่บ้านตามที่เจ้าหน้าที่คนนั้นบอก  ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แต่พวกผมทั้งสามก็ยังคงยืนรอกันอยู่ที่เดิมแม้ว่าอากาศจะเย็นลงจนรู้หนาวมากเท่าใดก็ตาม
“แม่งเหมือนตอนนั้นเลยว่ะ” อยู่ดีดีพล็อตมันก็พูดขึ้น

“ไม่เว้ยครั้งนั้น ไอ้เฟยเป็นคนจัด ไม่ใช่กู” ไอ้ปายพูดเสียงระรื่น

“เออ แต่ตอนนี้มึงกับกูก็โตกันแล้วไง มันก็ไม่ควรเล่นอย่างนี้หรือเปล่าว่ะ”  ผมว่าไอ้ปาย

   หลังจากไปเกือบสองชั่วโมงในที่สุดผมก็เห็นเหมือนมีคนกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางที่พวกผมยืนอยู่  แต่เป็นแค่เพียงเจ้าหน้าที่สองคนเท่านั้น ผมมองหน้าพวกเขาอย่างสงสัยแต่เจ้าหน้าที่ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เดินผ่านผมไป
   และในที่สุดเจ้าหน้าที่อีกสองคนที่เหลือก็เดินมาพร้อมกับกานต์  เขาหันมามองที่ผมครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าไป ผมเห็นเหมือนมีน้ำตาคลอเบ้าตาของกานต์อยู่  พวกผมขอบคุณเจ้าหน้าที่ ก่อนจะพากันเดินกลับบ้านพัก  ระหว่างทางมีแต่ความเงียบและความอึดอัดที่เหมือนจะแผ่ออกมาจากตัวกานต์  พอถึงบ้านกานต์ก็เดินตรงเข้าห้องนอนไปเลย  ไม่มีใครพูดอะไร เหมือนทุกคนจะมีความเข้าใจอะไรบางอย่างที่ตรงกันหรือไม่ก็เดินรังสีความอึดอัดจากกานต์ จึงพากันแยกย้ายเข้าห้องนอน
   เมื่อผมเข้าห้องนอนกานต์ก็หลับไปแล้ว  แต่ผมคิดว่าเขาแค่แกล้งหลับเพราะผมยังคงได้ยินเสียงฟุด ฟิด เหมือนคนที่เพิ่งจะหยุดร้องไห้อยู่  ผมนอนตะแคงมองแผ่นหลังของกานต์เท่านั้นเพราะผมไม่รู้ว่าในเวลาแบบนี้ผมควรจะทำอย่างไร  ผมนอนอย่างนั้นจนหลับไป
   รุ่งเช้าจากตอนแรกที่พวกเราทั้งหมดจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกัน  กลายเป็นว่าผมขอตัวไม่ไปเพราะกลัวว่าพอกานต์ตื่นแล้วเจอว่าตัวเองอยู่คนเดียว  แล้วจะมาพาลโมโหผมอีก  ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าจากเรื่องเมื่อคืนผมจะโดนอะไรบ้างหรือเปล่า
   พวกเราเดินทางกลับจากอุทยานประมาณเก้าโมง  โดยจะมุ่งหน้ากลับกรุงเทพกันเลย พวกผมเลยล่ำลาพวกที่เหลือที่มากับรถของพล็อตอย่างพอเป็นพิธี
“กานต์ไปก่อนนะ” พล็อตโบกมือลาพร้อมกับพวกที่เหลือ

“ขับกลับกันดีดีนะ” กานต์บอกพล็อต
   ผมขับรถมุ่งหน้ากลับกรุงเทพซึ่งทั้งรถเต็มไปด้วยความอึมครึมที่แผ่ออกมาจากตัวกานต์  และทั้งนัทและปายก็รู้สึกได้ มันทั้งคู่เลยเลือกที่จะหลับกัน  ไม่นานผมก็ไปถึงบ้านนัทและส่งมันเป็นคนแรก นัทบอกลาพวกผมแต่เน้นบอกกานต์เป็นพิเศษ  สุดท้ายเมื่อส่งปายมันก็บอกลากานต์เป็นพิเศษเหมือนกัน  มันคงคิดว่าจะช่วยลบล้างความผิดของมันได้
“กานต์เราไปก่อนนะ ไว้เจอกันที่มหา’ลัย” ไอ้ปายพูดกับกานต์

“ไว้เจอกัน” กานต์หันไปยิ้มให้ปายอย่างใจดี ก่อนที่ไอ้ปายมันจะหันมายิ้มให้ผมอย่างโล่งอก

“อาทิตย์หน้าอย่าลืม มีนัดทำรายงานนะมึง” ไอ้ปายนัดผม

“อือ” ผมหยักหน้าตอบแล้วมันก็ลงจากรถไป

   ระหว่างทางผมแอบมองกานต์เป็นระยะๆ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่  ผมมั่นใจว่าเขาจะต้องป่วนผมแน่นอน  ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้อย่างง่ายๆเป็นแน่  ผมคงจะทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมกานต์ไปเรื่อยๆ เว้นแต่ว่าผมจะกำจัดสิ่งที่สร้างปัญหาไปได้
   




ขอบคุณครับ และขอโทษที่มาอัพช้านะครับ :katai5:
ปล.เนื้อเรื่องงงๆหน่อยนะครับ เพราะเป็นเรื่องจากมุมของเฟยนะครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 10 หน้า 3 (02-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 02-07-2015 04:28:29
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 10 หน้า 3 (02-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 02-07-2015 04:58:12
สนุกคับ สนุก สงสารกานต์จริงๆมีปมเบื้องหลังอะไรแน่ๆเรื่องของเฟยกับกานต์นี่ กานต์เป็นคนถ่ายคลิปเองเหรอ หืมม ต้องมีอะไรแน่ๆกานต์ถึงทำแบบนี้ รอ รออ่านตอนใหม่คับ ว่ากานต์จะทำอะไรต่อไป มาลงบ่อยๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 10 หน้า 3 (02-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-07-2015 08:17:36
ตกลงคนที่พลาดรักนีกานต์ใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 10 หน้า 3 (02-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 02-07-2015 11:20:43
ทำไมเฟยถึงไม่บอกกานต์ไปล่ะ ว่าเฟยไม่ได้ทำ

มาอัพตอนต่อไปเร็วๆน้าาาา

ชอบๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 10 หน้า 3 (02-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 02-07-2015 11:33:21
อ่านรวดเดียวเลย เนื้อเรื่องอึมครึมน่าติดตามมากๆไม่รู้กานต์คิดอะไรอยู่ ปมมันอยู่ที่กานต์ล้วนๆเลย
รอตอนต่อไปครับ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 10 หน้า 3 (02-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-07-2015 11:59:15
ใครจะพลาด
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 10 หน้า 3 (02-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 13-07-2015 22:40:41
มายังอ่ะ อยากอ่านแล้ว
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 10 หน้า 3 (02-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 14-07-2015 11:19:53
เพิ่มได้อ่าน น่าติดตามทีเดียว เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะ

ปล.เรื่องไหนที่เราตามอ่านเรื่องนั้นจะอัพช้ากว่าปกติสองเท่า แต่ไอ้เรื่องที่เราไม่ได้อ่านเห็นว่าอัพเร็วโคตร
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 10 หน้า 3 (02-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-07-2015 11:46:23
เหมือนกานต์จะมีอดีตอะไรบางอย่างร่วมกันกับกลุ่มเฟยมาก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 16-07-2015 03:19:12
บทที่ 11
หลังจากกลับมาจากน้ำตก  กานต์ก็กลับไปเป็นแบบเดิม  ส่วนผมนั้นก็ทำตัวปกติไม่สนใจบรรยากาศอึมครึมที่กานต์ปล่อยออกมา  นอกจากบรรยากาศขมุกขมัวที่ปล่อยออกมาจากตัวของกานต์แล้ว เขาก็ไม่ได้มีทีท่าหาเรื่องหรือป่วนผมแต่อย่างใด
แต่กานต์ก็ไม่ปล่อยให้ผมสบายใจได้นานนัก  เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นในเช้าวันอาทิตย์ ขณะที่ผมกำลังแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวออกไปทำรายงานกับพวกไอ้ปาย
“กานต์ว่าไง” ผมทัก


“วันนี้กานต์ไปเดินจตุจักรเป็นเพื่อนเราหน่อยนะ” เสียงของกานต์ไม่ได้ดูเชิญชวนหรือออดอ้อนอย่างที่มันควรจะเป็นเลย


“แต่เฟยต้องไปทำงานกับพวกไอ้ปายนะ” ผมว่า


“ไว้ค่อยไปตอนบ่ายก็ได้นี่” กานต์พูดตอบกลับผมมาแทบจะในทันที


“งั้น  ไว้ไปกันตอนบ่ายได้ไหม” ผมย้อนถามกานต์  ผมจะไม่ยอมให้กานต์มาป่วนผมวันนี้  ผมจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายควบคุมกานต์บ้าง


“ไม่เฟย  เราจะไปตอนสิบเอ็ดโมง” กานต์เสียงแข็ง  ท่าทางคงจะไม่ยอมง่ายๆ


“ก็หลังจากที่เฟยทำงานเสร็จแล้วไม่ได้เหรอ” ผมย้อมถามกานต์อีกครั้ง


“เฟย” กานต์เพียงแต่เรียกชื่อผมด้วยเสียงเรียบนิ่ง  แต่ผมกับรู้สึกถึงการบังคับที่แผ่ออกมา


ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะรู้ว่าคงจะไม่ง่ายที่จะทำให้กานต์ยอมอยู่ภายใต้การควบคุมของผม


“กานต์  กานต์จะมาป่วนเฟยวันนี้ไม่ได้  เฟยต้องไปทำรายงานกับพวกไอ้ปาย  มันสำคัญ” ผมพูดโดยพยามยามเน้นประโยคสุดท้ายเผื่อว่ามันจะทำให้กานต์เข้าใจ


“ไปทีหลังก็ได้  เราคิดว่าปายจะเข้าใจ” กานต์ว่า


“ถ้ากานต์จะโกรธเรื่องวันนั้นเฟยก็เข้าใจนะ  แต่จะมาป่วนเฟยแบบนี้ไม่ได้” ผมเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว


“รู้ด้วยเหรอว่าเราโกรธ” กานต์ย้อนกลับผม


“แล้วถ้ารู้ว่าเราโกรธ  ทำไมถึงไม่รู้หล่ะ ว่าควรจะต้องทำอะไร” กานต์พูดต่อ


“กานต์คนที่เขาเป็นแฟนกัน  เขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกนะ” นอกจากจะรู้สึกโมโหแล้วตอนนี้ยังรู้สึกเหนื่อยใจอีกด้วย


“หึ” เสียงของกานต์หัวเราะในลำคอลอดโทรศัพท์ออกมา


“ยังไงเฟยก็ต้องมารับเราที่หอตอนสิบเอ็ดโมง” กานต์ว่า


“ได้” ผมรับปากอย่างเซ็งๆ


                                                                               *****

ผมเดินตามหลังกานต์เข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนถึงเวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง  กานต์ก็ไม่มีท่าทีอยากกลับแต่อย่างใด  แต่ที่มันน่าโมโหไปมากกว่านั้นคือกานต์ไม่ได้ซื้อของเลยสักชิ้น
“มึงมัวทำอะไรอยู่  ทำไมไม่มาสักที” นอกจากเสียงไอ้ปายแล้วยังมีเสียงบ่นของคนอื่นๆลอดออกมาจากโทรศัพท์ด้วย


“กูบอกมึงไปแล้วไงว่ากูมาจตุจักรกับกานต์” ผมพูดจบ มันก็ถอนหายใจกลับมาให้ผมทันที  ผมเองก็เหนื่อยใจไม่แพ้ไอ้ปายมันเลย 


“เดินอะไรกันตั้งหลายชั่วโมงว่ะ” ไอ้ปายถามผม


“มึงอยากจะลองถามกานต์เองดูไหม  เดี๋ยวกูจะได้เอาโทรศัพท์ให้กานต์” ผมย้อมมัน


“กานต์ไม่รู้เหรอว่ามึงต้องมาทำรายงานกับกู” ไอ้ปายถามผมอีกครั้ง


“รู้  แต่เขายังโกรธเรื่องที่น้ำตกอยู่” ผมตอบมันด้วยเสียงเซ็งๆ  แต่สายตาผมจับอยู่ที่กานต์ซึ่งกำลังเลือกเสื้ออยู่ในร้าน  โดยไม่สนใจผมเลยแม้แต่น้อย


“แล้วเมื่อไหร่กานต์จะหายโกรธว่ะ” เสียงปายเริ่มอ่อนลง


“กูก็ไม่รู้” ผมตอบมันตามจริง เพราะผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะเลิกโกรธผม อาจจะเป้นหลังจากจบวันนี้หรือไม่ก็ยังจะโกรธไปเรื่อยๆ


“เออ  งั้นถ้าเสร็จแล้วมึงก็รีบมาแล้วกัน” ไอ้ปายว่าแล้วก้ตัดวางสายไป

กานต์ยังคงเดินดูของไปเรื่อยๆจนกระทั่งสี่โมงเย็น  ตอนนี้กานต์ทิ้งผมไว้ริมทางตรงหน้าร้านขายของร้านหนึ่ง ส่วนเขาเดินไปซื้อน้ำ  อากาศร้อนๆของจตุจักรที่มีคนมากมายเบียดเสียดกัน มันทำให้ความโมโหของผมพุ่งขึ้นไปอีก
“น้ำ” กานต์พูดพร้อมกับยื่นขวดน้ำเย็นมาให้ผม  แต่ผมแค่ส่ายหัวปฏิเสธไป


“เป็นอะไรหรือปล่าเฟย” น้ำเสียงปราศจากซึ่งความเป็นห่วง


“หน้าตาดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่เลยนะ” กานต์พูดกับผม  มีรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา

ผมมองกานต์นิ่งพร้อมหายใจออกยาวๆเพื่อระบายความโมโหให้ออกไปบ้าง  ส่วนกานต์ยังคงยืนยิ้มน้อยเหมือนสะใจอยู่เหมือนเดิม  โดยไม่รับรู้ว่าผมโมโหเขาอยู่
“ไปกันต่อเถอะ” กานต์บอกผมพร้อมกับตั้งท่าจะออกเดิน


“ไม่” ผมพูดจบ แล้วก็หันหลังเดินกลับไปทางลานจอดรถ


กานต์ไม่ได้เดินตามผมมาแต่อย่างใด  แต่เขาโทรมาหาผมแทน


“เฟยกลับมา” ผมเพียงแค่ฟังอย่างเดียวไม่ได้พูดตอบอะไรกลับไป


“เราไม่ยอมหรอกนะฟย....” เหมือนว่ากานต์จะยังพูดอะไรต่อ แต่ผมกดตัดสายก่อน

หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงเรียกเข้าหรือแม้แต่เสียงข้อความเข้าอีกเลย  แต่พอผมเข้าไปนั่งในตัวรถแล้วไอ้ปายก็โทรมา
“มึงไม่ต้องมาแล้วเฟย  กูส่งงานส่วนของมึงไปให้ที่เมล์มึงแล้ว” ไอ้ปายบอก


“อ้าว” ผมกำลังจะเริ่มพูดแต่ก็ถูกไอ้ปายตัดบทเสียก่อน


“กูกำลังแยกย้ายกันแล้ว  ไม่เป็นไรมึง” แล้วไอ้ปายก็วางสายไป
                                                                                     *****

เช้าวันจันทร์ทุกอย่างปกติ  ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ผมก็ยังคงไปรับกานต์ในตอนเช้าและแน่นอนกานต์ก็ยังคงความเงียบและแผ่ความอึมครึมออกมาเหมือนเดิม  ระหว่างทางมามหาลัยผมแอบมองกานต์หลายครั้ง โดยที่เขาเพียงแค่นั่งเฉยๆหันหน้าออกไปทางกระจกโดยไม่สนใจผมเลย  ถึงแม้ว่าการทิ้งกานต์แล้วหนีกลับไปเมื่อวานจะเป็นเรื่องไม่สมควร  แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะขอโทษเขา เพราะผมไม่ได้เป็นฝ่ายผิด กานต์ต่างหากที่ผิด เขาไม่ควรที่จะทำตัวงี่เง่าอย่างนั้น
พอถึงมหาลัยกานต์ก็เดินขึ้นตึกเรียนไปเลยโดยที่ไม่ได้รอผม  และกว่าจะเจอกันอีกทีก็ตอนเย็นเพราะผมกับกานต์เรียนคนละเซค  ส่วนตอนกลางวันกานต์ก็จะไปกินข้าวกับกลุ่มของเขา นานๆทีถึงจะมากินรวมกันเพราะว่าคณะผมคนมันน้อยรู้จักกันหมด ส่วนไปกินข้าวด้วยกันสองคนมีแค่ครั้งเดียว

ตกเย็นผมเลิกเรียนแล้วก็ลงมานั่งรอกานต์ที่ใต้ตึกของคณะ  ไม่นานนักกานต์ก็ลงมาแต่แทนที่เขาจะมาหาผมเขากลับรีบเดินออกจากตัวตึกไป  ผมก็ไม่ได้คิดที่จะรีบตามไป จนเช่เดินลงมาทัก
“เฟย วันนี้ไม่ไปส่งกานต์เหรอ”  เช่ถาม เหมือนว่าจะดุผมมากกว่า



“ไปดิ” ผมตอบ



“อ้าวแต่กานต์มันลงมาตั้งนานแล้วนะ” เช่ว่า



“ก็ใช่ไง” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นจะเดินออกไป โดยที่มีเช่ยืนมองอย่างงงๆ

ในขณะที่ผมกำลังเดินจะถึงลานจอดรถ ผมก็เหลือบไปเห็นกานต์กำลังยืนคุยกับใครบางคนอยู่  ซึ่งพอเดินเข้าไปใกล้อีกหน่อยก็เห็นว่าเป็นเพื่อนของกานต์ที่เคยมาหาก่อนหน้านี้และมันก็ทำหน้ากวนใส่ผมอีกด้วย  ผมจึงไม่รอช้าที่จะเดินเขาไปหาทั้งคู่
กานต์ซึ่งยืนหันหลังไม่ผมอยู่เลยไม่รู้ว่าผมกำลังเดินไปหา  ส่วนเพื่อนของกานต์ก็มัวแต่คุยกับกานต์อยู่เลยไม่ได้สนใจผมเหมือนกัน แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะเดินไปถึงทั้งคู่ เพื่อนของกานต์ก็ยกมือขึ้นไปขยี้หัวกานต์โดนที่กานต์ไม่ได้มีท่าทีปัดป้องแต่อย่างใด


“กานต์กลับกันหรือยัง” ผมพูดเสียงเข้าสายตามองไปยังเพื่อนของกานต์ที่ยังคงเอามือวางบนหัวกานต์อยู่



“อือ กลับเลยก็ได้” กานต์หันตัวมาหาผม เพื่อนของกานต์ก็เลยเอามือออกจากหัวกานต์



“กลับก่อนนะ” กานต์หันไปบอกลาเพื่อน แล้วก็หันหน้าเดินผ่านผมไป



“อือ” เพื่อนของกานต์พยักหน้ารับรู้  แต่มันก็ไม่ลืมที่จะมองหน้าผม
และเพื่อที่จะไม่ได้เป็นการน้อยหน้ากันผมเลยมองตามันกลับบ้างพร้อมกับหัวเราะมุมปากเล็กน้อย  แต่แล้วการแข่งขันจ้องตากันระหว่างผมกับมันก็จบลงเพราะกานต์ที่คงเดินย้อนกลับมาดึงแขนลากผมให้เดินออกมา  พอเดินมาไม่กี่ก้าวกานต์ก็ปล่อยแขนผม ซึ่งผมก็ได้แต่เดินตามเงียบๆไม่พูดอะไร สายตาของผมจับอยู่ที่ท้ายทอยของเขา
“สวัสดีกานต์” เสียงคุ้นหูผมดังขึ้น เมื่อผมเปลี่ยนโฟกัสจากท้ายทอยของกานต์ก็เห็นป๊อบยืนยิ้มอยู่



“สวัสดีป๊อบ” กานต์ทัก



“สวัสดีเฟย” ป๊อบทักผมพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ ผมเองก็ส่งยิ้มกว้างกลับไปให้เหมือนกัน
แต่ก่อนที่ผมจะทักป๊อบกลับ กานต์ก็พูดขัดขึ้นมาก่อน



“ขอตัวก่อนนะ” กานต์พูดแล้วก็เดินผ่านป๊อบไป



“ไว้คุยกันนะ” ผมเดินตามกานต์ไปอย่างเสียไม่ได้  ทั้งๆที่อยากจะหยุดคุยกับป๊อบมากกว่านี้

พอเราทั้งคู่ขึ้นรถ ความอิ่มใจที่ได้เจอป๊อบก็หายไปเพราะรังสีของกานต์  และมันก็ช่วยกระตุ้นความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ได้ ผมเลยหันหน้าไปตั้งคำถามกับกานต์
“ใครอ่ะกานต์ ผู้ชายที่กานต์คุยด้วย” ผมถาม  แต่กานต์หันหน้ามาแล้วทำหน้าประหลาดใจ



“ก็เพื่อนกานต์ไง  เฟยก็เคยเห็นแล้วไม่ใช่เหรอ” กานต์ตอบแต่ยังไม่เลิกทำหน้าสงสัย



“หมายถึงชื่ออะไร” ผมยังคงถามต่อ



“แก็ป” กานต์ตอบ ยังทำหน้าสงสัยเหมือนเดิม



“เฟยถามทำไม” กานต์ถามผมกลับบ้าง



“เปล่าไม่มีอะไร” ผมตอบก่อนจะออกรถ

                                                                                     *****

สัปดาห์แห่งการสอบปลายภาคมาถึงแล้วในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม  หลายคนก็มีสภาพเหมือนเข้าสู่สนามรบกันมาเพราะหลังจากออกจากห้องสอบแล้วแต่ละคนก็ดูยับเยินและเหนื่อยอ่อน  ผมก็เช่นกันวิชาสุดท้ายของวันนี้เล่นเอาผมแทบคลานออกมา  เพราะว่าคำตอบที่เขียนไปนั้นต้องใช้การเค้นสมองอย่างมาก  แต่ก็ไม่ได้มีเวลาให้ผมได้หยุดพักผ่อนเท่าไหร่นักเพราะว่าต้องทบทวนเพื่อเตรียมสอบสำหรับวันพรุ่งนี้ต่อไป

นอกจากจะเป็นช่วงสอบแล้วยังจะตรงกับวันเกิดของผมอีกด้วย มันเลยทำให้เหมือนผมลืมวันเกิดของตัวเองไปเลยเพราะต้องเตรียมสอบสอบหนักมาก นอกจากป๊า แม่ และไหมซื้อเค้กมาให้กับเพื่อนๆอวยพรในเฟสบุ๊ค วันเกิดปีนี้ของผมก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ  แต่กานต์เองดูเหมือนว่าจะลืมผมไปเหมือนกัน

ช่วงที่ผ่านมาผมคิดว่าไม่ค่อยจะได้คุยกับกานต์แล้ว  ช่วงนี้เรียกว่าไม่ได้คุยกันเลยดีกว่า  เพราะเวลาที่อยู่บนรถด้วยกันกานต์ก็จะนั่งเงียบๆมองออกไปนอกหน้าต่าง ส่วนผมก็ไม่มีเรื่องอะไรจะชวนคุย หรือบางวันกานต์ก็กลับไปก่อนที่ผมจะออกจากห้องสอบโดยส่งเพียงแค่ข้อความบอกผมเท่านั้น

แต่วันนี้ไม่มีข้อความใดๆจากกานต์ผมจึงนั่งรอกานต์ที่ใต้ตึก   ระหว่างนั้นก็คุยเรื่องข้อสอบที่เพิ่งผ่านพ้นไปกับพวกไอ้ปายและคนอื่นๆ  โดยที่วันนี้ไอ้อัพดูพังมากที่สุดเพราะว่าเมื่อคืนมันนอนตั้งแต่หัวค่ำ โดยแค่คิดว่าจะงีบแค่แป็บเดียว แต่มันรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่แฟนมันโทรมาปลุกตอนเช้าแล้ว  ผมได้แต่นั่งดูมันบ่นไปเรื่อยๆ  โดยที่มือผมขยี้ผมไปเรื่อยๆอย่างไม่มีเหตุผล  ไม่นานกานต์ก็เดินลงมาและเดินตรงมาทางผม
“เป็นไงบ้างกานต์” ไอ้ปายรีบทักกานต์



“ก็พอได้” กานต์ยิ้มให้ไอ้ปายอย่างใจดี



“ดีอ่ะกานต์  เราว่าเราต้องแย่แน่ๆ” ไอ้อัพหันไปบอกกานต์



“ไม่เป็นไรหรอกอัพ ใจเย็นๆ” กานต์พูด พร้อมกับตบบ่าอัพเบาๆ  แต่ไอ้อัพเอามือไปจับมือกานต์พร้อมกับหันไปมองกานต์ด้วยตาเยิ้มๆ



“กานต์ใจดีจัง” ไอ้อัพพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผม



“ตกแน่มึง” ผมหันไปพูดกับไอ้อัพก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวกลับ



“กานต์ ไอ้เฟยมันร้ายกับอัพจังเลย” ไอ้อัพพูดไปและยังคงไม่ปล่อยมือกานต์  ผมเลยเอื้อมมือไปปัดมือไอ้อัพแล้วก็ดึงมือกานต์มาก่อนจะลาเพื่อนๆ แล้วก็เดินมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถ



“ทำไมวันนี้หัวเฟยยุ่งๆ” กานต์พูดเมื่อเราทั้งสองมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว 



“ก็ไม่นี่” ผมหันไปพูดกับกานต์ ซึ่งกานต์กำลังเอามือมาจัดผมให้ผมอยู่  กานต์ค่อยๆสางผมอย่างเบามือโดยสายตาจับจ้องอยู่ที่หัวของผม แต่พอกานต์เลื่อนสายตาลงมาประสานกับสายตาผมที่มองเขาอยู่  กานต์จึงค่อยเอามือออก



“เราขอโทษ”  กานต์พูด สีหน้าเจื่อนๆเล็กน้อย  กานต์คงคิดว่าผมไม่พอใจที่มาเล่นหัวผม แต่เปล่าเลยผมไม่ได้มองกานต์ด้วยความไม่พอใจ  แต่ผมมองเขาเพราะเขาดูอ่อนโยนและใส่ใจผม ไม่เหมือนเวลาที่เขาป่วนผม และที่เขาทำนั้นทำให้ผมรู้สึกผิดเล็กๆอีกครั้งกับสิ่งที่ผมทำไม่ดีกับเขา

ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร  แต่เวลาที่กานต์แสดงด้านนี้ออกมาผมรู้สึกดีจนผมคิดไปว่ามันก็คงไม่แย่หรอกถ้าจะทนเป็นแฟนกานต์ต่อไป



“สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะ ขอโทษที่บอกช้าไป” กานต์บอกผมก่อนที่จะลงจากรถ



“ไม่เป็นไร” ผมยิ้ม



“ขับกลับดีดีนะ” กานต์บอกลาแล้วก็ลงจากรถไป

                                                                                       *****

ในที่สุดวันสอบวันสุดท้ายกับวิชาสุดท้ายก็ผ่านพ้นไป ผมออกมาจากห้องสอบด้วยสีหน้าสดชื่นที่จะได้พักผ่อนเสียที  ส่วนคนอื่นก็คงไม่ต่างกัน  ในระหว่างที่สูบบุหรี่อยู่บนชั้นดานฟ้าของตึกเรียน ผมก็เปิดอ่านข้อความจากในโทรศัพท์ไปด้วย แล้วจึงเห็นว่ากานต์ขอตัวกลับไปก่อนแล้ว  ผมพ่นควันบุหรี่ออกมากลุ่มใหญ่  พอผมดูดบุหรี่เสร็จก็เดินลงมาใต้ตึกก็เห็นพวกเพื่อนๆกำลังรวมตัวกันอยู่
“เช่  กานต์อ่ะ” ผมถามเช่ทันทีเมื่อเดินไปถึงโต๊ะที่เช่นั่งอยู่



“กลับไปแล้ว มันไม่ได้บอกมึงเหรอ” เช่ตอบ พร้อมขมวดคิ้ว



“บอก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมรีบกลับ” ผมบอก



“เห็นว่ารีบกลับบ้าน” เช่ตอบผม



“มึงนี่แปลกๆเนอะ เป็นแฟนกันแท้ๆ แต่มึงก็ไม่โทรถามกัน”เช่ส่ายหัวก่อนจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนๆตามเดิม


วันหยุดของผมผ่านไปอย่างเชื่องช้า  ผมใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่  นอนตื่นสายได้ตามเท่าที่ต้องการ  ไม่ออกไปข้างนอกวันๆก็นั่งๆนอนอยู่แต่ในบ้าน  รอวันที่จะไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวซึ่งครอบครัวผมทำอย่างนี้ทุกปีตั้งแต่สมัยผมยังเด็ก 
วันนี้ผมเลยเริ่มเก็บกระเป๋าเพราะว่าเมื่อคืนแม่ถามแล้ว ซึ่งอันที่จริงก็ช้ามากแล้วเพราะผมจะต้องออกเดินทางคืนนี้แล้ว  ผมเลือกเสื้อผ้าไปเรื่อยๆก็ไปเจอกล่องของขวัญของกานต์อยู่ในตู้  พอเปิดกล่องดูเสื้อที่กานต์ให้ก็ยังคงนอนอยู่ในนั้น  ผมเลยโยนเสื้อตัวนั้นลงกระเป๋าไปด้วยเพราะอย่างน้อยกานต์ก็ซื้อมาให้ผมแล้วจะไม่ได้เสียความตั้งใจของเขา  แต่พอผมมองเสื้อตัวนั้นอีกครั้งผมรู้สึกเหมือนอยากจะคุยกับกานต์ขึ้นมาจึงยืนนิ่งสักพักหนึ่ง เพื่อที่ว่าความรู้สึกนี้จะหายไป แต่พอเวลาผ่านไปผมก็หยิบโทรศัพท์และกดโทรออกหากานต์เรียบร้อยแล้ว
“สวัสดีเฟย” กานต์ทักผมเสียงใส



“สวัสดีกานต์” ผมทักกลับ



“มีอะไรหรือเปล่า” กานต์ถามผม



“เปล่า” ผมตอบ กานต์ได้แต่หัวเราะกลับมา



“เฟยละเมอหรือเปล่าเนี่ย” กานต์ถามพร้อมกับขำด้วยเล็กน้อย



“เปล่าไม่ได้ละเมอ” ผมตอบในหัวเหมือนจะมึนไปหมด



“คืนนี้เฟยจะบินแล้วนะ”ผมบอก



“อ่อ ไปเที่ยวเหรอ” กานต์พูดหลังจากที่เงียบไปสักพักหนึ่ง คงเพราะกำลังคิดว่าผมพูดเรื่องอะไร



“เฟยเอาเสื้อที่กานต์ให้ป็นของขวัญวันนั้นไปด้วยนะ” ผมบอกในใจหวังจะให้กานต์ดีใจว่าอย่างน้อยผมก็เอาของที่เขาให้มาใช้แล้ว



“อือ” กานต์ตอบผม



“งั้นเดินทางปลอดภัยนะเฟย เราไปก่อนแม่เรียก” กานต์ว่า



“อือ สวัสดีครับ” ผมบอกลา



“อือ สวัสดี” กานต์ลาผมกลับ แต่ผมยังคงเอาโทรศัพท์แนบหูจนกระทั่งกานต์กดวางสาย

ผมรู้สึกเหมือนว่าจะดีใจแต่มันไม่เหมือนกับเวลาที่ผมได้คุยกับป๊อบ ผมเลยไม่ค่อยเข้าใจว่าที่ผมรู้สึกนั้นมันคืออะไรกันแน่







ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: yanggi ที่ 16-07-2015 04:04:51
เหมือนมีเงื่อนงำไรสักอย่าง .แต่ก็มาๆหายๆ .ตกลงกานเป็นใรรกันแน่ ต้องการอะไรจากเฟย 
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-07-2015 04:12:27
ไม่ค่อยเข้าใจว่าเล่นเกมอะไรกันอยู่
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-07-2015 09:24:41
ลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้ว
ว่ากานต์ต้องการอะไร
แล้วแก๊ปเป็นใครกันแน่
เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-07-2015 09:28:17
อยากอ่านพาร์ทกานต์อ่ะค่ะ  :ruready
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 16-07-2015 10:05:18
ดีใจมากๆมาแล้ว มาแล้ว สนุกคับ สนุก สองคนนี้ต้องมีปมอะไรแน่ๆ มาลงนิยายเรื่องนี้บ่อยๆนะคับผู้แต่ง สนุกดีคับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-07-2015 11:14:14
เฟยเหมือนจะรู้สึกอะไรกับกานต์มากขึ้นเรื่อย ๆ ละ
แต่กานต์ดูยากมาก  คิดว่าการเข้าหาเฟยต้องไม่ใช่เรื่องปกติแน่
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Porttgas D. Acs ที่ 16-07-2015 11:41:00
มันอึมครึมในความรู้สึกยังไงไม่รู้ ตัวละครแต่ละตัวไม่แสดงความรู้สึกหรือต้องการที่ชัดเจนเลยสักคน แต่ยังรอตอนหน้านะสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-07-2015 13:03:30
สองคนนี้มันยังไง มันต้องมีอะไรแน่ๆ ทำไมเพื่อนเฟยถึงคุ้นหน้ากานต์
รอตอนต่อไปจ้ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-07-2015 13:04:03
ไม่รู้มุมมองของกานเลย ทำเหมือนชอบเฟย แต่ก็แปลกๆ ไม่รู้สิ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 16-07-2015 13:32:44
ตามอ่านรวดเดียวเลยค่ะ  สนุกมากกกกก  ไม่เข้าใจมากกกกกก  และค้างมากกกกก :katai1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 11 หน้า 3 (16-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 16-07-2015 14:03:53
กานต์มีลับลมคมใน? อึมครึมทั้งเรื่องจริงๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 12 หน้า 4 (23-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 23-07-2015 00:10:26
บทที่ 12
ผมใช้เวลาสองอาทิตย์กว่าๆในการท่องเที่ยวกับครอบครัว ครั้งนี้ป๊าผมใจดีเป็นพิเศษเลยพาเที่ยวหลายประเทศ ผมมีความสุขมากและรู้สึกว่าได้ชาร์จแบตจนเต็มอีกครั้ง


ตลอดช่วงเวลาที่ท่องเที่ยวอยู่นั้น ผมจะให้ความสนใจกับสถานที่ต่างๆที่ได้ไป แต่ทุกครั้งที่ผมออนไลน์เพื่ออัพรูปหรืออะไรก็ตามแต่ แล้วไม่เห็นว่ากานต์ออนอยู่หรือไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆของกานต์ผมก็จะรู้สึกขัดใจเล็กๆ ยิ่งวันที่ผมใส่เสื้อตัวที่กานต์ให้ผมเป็นของขวัญ เขาก็ไม่แม้แต่จะมากดถูกใจให้ผม ผมแทบจะโทรไปหาเขาอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าเวลาที่นี่กับที่ประเทศไทยมันต่างกันผมก็คงจะรีบโทรไปแล้ว  แต่พอมาคิดดีๆว่ามันจะดูแปลกๆถ้าโทรไปหากานต์แล้วโมโหเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ ผมก็รู้สึกว่าดีแล้วที่ผมไม่บุ่มบ่ามโทรไป


และในที่สุดผมก็กลับมา แม้จะยังเหนื่อยจากการเดินทางไกลแต่ก็มีความสุขมากเช่นกัน ไฟล์ทของผมมาถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิตอนกลางดึกและกว่าจะถึงบ้านเวลาก็ล่วงเข้าวันใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว พอมาถึงบ้านผมก็รีบอาบน้ำและทิ้งตัวลงที่นอนทันที แต่แทนที่ผมจะหลับเลยกลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหากานต์

“เฟยกลับมาถึงแล้วนะ” ผมกดส่งข้อความก่อนที่จะหลับไป
ผมตื่นขึ้นในบ่ายของอีกวัน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่า นอกจากจะไม่มีสายโทรเข้าจากกานต์แล้ว ข้อความที่ส่งไปเมื่อคืนก็ไม่ถูกอ่านด้วย ผมไม่รอช้าที่กดโทรศัพท์โทรออกหากานต์ ในครั้งแรกผมได้แต่ฟังเสียง ตืด -- ตืด-- จนผมยอมแพ้และกดวางไป แต่พอโทรครั้งที่สองกานต์ก็รับสาย แต่กว่าจะรับผมก็ฟังเสียงตืด--รอสายจนเกือบจะถอดใจ
“ว่าไงเฟย” กานต์ทักผมเสียงใสเหมือนเคย  แต่ผมกลับเงียบไปเพราะเหมือนว่าอยู่ๆก็ลืมไปว่าโทรหากานต์เพราะอะไร


“เฟย” กานต์เรียกชื่อผม


“เฟย ได้ยินเราไหม” กานต์เรียกชื่อผมซ้ำอีกครั้ง


“ได้ยิน” ผมตอบ


“ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบ ยังไม่ตื่นเหรอ” กานต์ถามผม


“ตื่นแล้ว” แม้ว่าผมยังจะรู้สึกงัวเงียก็เถอะ


“เมื่อคืนเฟยส่งข้อความไปกานต์ไม่เห็นเหรอ” ผมถามเสียงเรียบๆเหมือนที่กานต์ชอบทำ


“เมื่อเราไม่ได้จับโทรศัพท์เลยเฟย พอเข้าห้องก็นอนเลย” กานต์บอกผมเสียงอ่อยๆ


“เราขอโทษนะเฟย” กานต์พูด แต่ผมเงียบไม่ยอมพูดอะไรกลับไป


“ไปเที่ยวเป็นยังไงบ้าง” กานต์เปลี่ยนเรื่อง


“ก็สนุกดี” ผมยังคงพูดเสียงเรียบๆเหมือนเดิม


“โกรธอะไรเราหรือเปล่าเฟย” กานต์ถาม


“ก็” ผมกำลังคิดว่าจะพูดอะไรต่อดี


“เปล่า” หลังจากพูดปฏิเสธไปผมกลับรู้สึกขัดใจตัวเอง


“งั้นแค่นี้ก่อนนะเฟย เราไปช่วยแม่ทำงานก่อนนะ” กานต์พูดจบก็วางสายไป


“อ้าว” ผมพูดกับตัวเอง

ผมคิดว่าผมไม่ได้โกรธหรือโมโหอะไรกานต์ทั้งนั้น  แต่มันเหมือนมีจุดเล็กๆที่ทำให้ผมรู้สึกขัดใจเวลาที่กานต์ทำเหมือนไม่สนใจผม  ไม่ใช่ว่าผมอยากให้เขามาคอยตามสนใจผมไปทุกเรื่อง แต่กานต์เป็นคนพูดเองว่าผมกับเขาเป็นแฟนกัน  แต่กานต์กลับทำเหมือนไม่สนใจผม เหมือนเมินกัน ผมแค่รู้สึกไม่ชอบแค่นั้น

ช่วงเวลาปิดเทอมที่เหลือผมใช่ไปอย่างศูนย์เปล่า  ทุกวันผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งผมคิดว่านั่นคือการหยุดปิดเทอมที่ถูกต้อง และจากวันนั้นผมก็ไม่โทรหากานต์อีก ส่วนกานต์ก็ไม่ได้โทรหาผมเหมือนกัน และผมก็ไม่รู้ความเคลื่อนไหวใดๆของกานต์ได้เลย

อีกไม่ถึงสองสัปดาห์ก็จะเปิดเทอม  เพื่อนๆหลายคนที่อยู่ต่างจังหวัดก็ทยอยกลับเข้ามากรุงเทพกันแล้ว เพราะว่าบางคนต้องมาเตรีมงานรับน้อง  และผมเองในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ถือคฑานำขบวนตอนกีฬามหาวิทยาลัยก็ถูกเรียกตัวไปช่วยงานเช่นกัน

ผมดีใจที่ได้มามหา’ลัย เพราะจะได้มาเจอเพื่อน และยังมีนู่นนี่ให้ทำ หลังจากที่ปล่อยให้ตัวเองว่างมานานจนรู้สึกเบื่อ
“ไปเที่ยวมาเป็นยังไงบ้างเฟย” ป๊อบถามผมในวันหนึ่งหลังจากทีเสร็จจากการโชว์ตัวแก่น้องๆนักศึกษาที่กำลังจะขึ้นปี1ที่เข้ามาร่วมกิจกรรมรับน้องของทางมหาลัย


“สนุกดีแล้วก็หนาวดี” ผมหันไปยิ้มให้ป๊อบ


“ดีจังเราก็อยากไปหลายๆที่เหมือนเฟยบ้าง แต่พ่อเราไม่ยอมพาไป” ป๊อบทำหน้างเซ็งๆ  แล้วหลังจากนั้นป๊อบก็เราเรื่องชีวิตตอนปิดเทอมของเธอให้ผมฟัง

ป๊อบยังคงน่ารักเหมือนเดิม  เหมือนตอนที่ผมเจอเธอครั้งแรกตอน ม.5 ตอนที่ไปเป็นทีมเยือนไปแข่งบอลที่โรงเรียนของป๊อบ  และผมก็ยังชอบป๊ฮบอยู่แม้ว่าเธอจะปฏิเสธผมไปเมื่อปีที่แล้ว
“เฟยยังอยู่หรือเปล่า” ป๊อบขำเล็กน้อย


“อือ  ยังอยู่” ผมยิ้ม


“กานต์ไม่มาเหรอ  เราไม่เห็นเลย” ป๊ฮบพูดพร้อมกับมองหน้าผม


“ยังไม่กลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัดเลย” พอพูดถึงกานต์ก็รู้สึกเซ็งๆขึ้นมาทันที

อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว ในที่สุดกานต์ก็มากรุงเทพแล้ว โดยที่เขาโทรมาบอกผมหลังจากที่เขากลับมาถึงหอพักของเขาแล้ว  และยังบังคับให้ผมพาออกไปหาอะไรกินอีกด้วย
“ไม่อร่อยเหรอ” กานต์เงยหน้าถามผม  เพราะผมหยุดกินมาได้สักพักแล้ว


“เปล่า” ผมตอบ  แต่กานต์วางอุปกรณ์การกินลงก่อนจะมองหน้าผมเหมือนจะดูว่าผมไม่เป็นอะไรจริงไหม


“มีอะไรหรือเปล่า” กานต์ถาม ส่วนผมได้แต่ถอนหายใจ


“เฟยรู้สึกเหมือนถูกเมิน” ผมพูดออกมาในที่สุดหลังจากที่เก็บความรู้สึกนี้ไว้กับตัวเอง  ส่วนกานต์ที่ได้ฟังก็ทำหน้าสงสัยเล็กน้อย


“เมินเหรอเฟย” กานต์ทวนสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดไป เหมือนว่าเขากำลังไม่เข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร


“ใช่  กานต์เห็นหรือเปล่าว่าเฟยเอาเสื้อที่กานต์ให้มาไปใส่ที่นู่นด้วย” ผมบอกกานต์เผื่อเขาจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง


“เอ่อ” กานต์อ้ำอึ้ง


“มันไม่แฟร์เลยกานต์  ที่ให้เฟยต้องทำตัวเป็นแฟนที่ดีอยู่คนเดียว” ผมบอกกานต์


“เราขอโทษ” กานต์บอกผมเสียงอ่อยๆ



                                                                            *****
   



พอเปิดเทอมและงานรับน้องผ่านไป ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผมยังคงรับและไปส่งกานต์เกือบทุกวันเหมือนเดิมและหนึ่งวันต่ออาทิตย์ผมก็ยังต้องพากานต์ไปหาอะไรกินกันสองคน  แต่หลังจากวันนั้นกานต์ก็เลิกแผ่รังสีอึมครึมออกมาจากตัวแล้ว แม้ว่าเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนเขาจะไม่ค่อยได้พูดอะไรกับผมก็ตาม  แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลย
   แต่งานใหญ่งานแรกกำลังจะมาถึง นั่นก็คือละครเรื่องแรกของปีนี้  ซึ่งแม่งานก็คือรุ่นพี่ปีสี่ แต่อย่างไรก็ตามผมและพวกเพื่อนก็ไปช่วยทำนู่นจับนี่เพราะว่าคนที่คณะผมมีไม่เยอะและด้วยความเป็นพี่น้องกัน และแน่นอนกานต์ก็มาช่วยด้วยเหมือนกัน
   กานต์มักจะไปขลุกตัวอยู่กับฝ่ายที่ทำฉากหรือไม่ก็ฝ่ายกำกับเวที  คอยเป็นลูกมือให้พี่คนนั้นบ้าง คนโน้นบ้าง แล้วแต่จะมีคนใช้ แต่ดูเหมือนเขาจะมีความสุขดี และอาจจะมีความสุขขมากไปหน่อย
   “มึงยิ้มอะไรกานต์” ผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าพี่เม้งพี่รหัสผมกำลังพูดกับกานต์ซึ่งกำลังยิ้มให้พี่เม้งอยู่


   “ก็ยิ้มเฉยๆครับ” กานต์ตอบ โดยที่มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือแปรงทาสีกำลังเกาหัวแก้เขินอยู่


   “เฟยมึงมาดูแฟนมึงซิ กูว่าเมากลิ่นสีแล้ว” พี่เม้งหันมาพูดกับผม  ก่อนจะส่ายหัวแล้วเดินจากไป

ผมมองกานต์ที่กำลังนั่งก้มหน้าทาสีอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหา
   “กานต์ยิ้มอะไรเหรอ” ผมถาม


   “ก็ยิ้มไปเรื่อยเปื่อย” กานต์มองเงยหน้ามาตอบผมโดยที่ยังนั่งอยู่ท่าเดิม

ผมมองหน้ากานต์ที่ตอนนี้เปลี่ยนจากหน้ายิ้มกลายเป็นหน้าสงสัยแทน  ก่อนที่ผมจะส่ายหัวและเดินกลับไปทำงานของผมเหมือนเดิม

ตอนเย็นพวกผมไปรวมตัวกันที่ร้านอาหารร้านประจำที่พวกผมมักจะมาบ่อยๆ  คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีก็คือรุ่นพี่ปีสี่ที่ใช้ข้ออ้างว่ามาฉลองเปิดเทอมกัน  งานเลี้ยงงานฉลองก็มีแอลกอฮอล์เป็นปกติ แต่วันนี้ผมไม่ค่อยดื่มเพราะว่าจะต้องไปส่งกานต์กลับหออีก ซึ่งกานต์ก็ไม่ค่อยดื่มเหมือนกันส่วนใหญ่จะเน้นเป็นกับแกล้มมากกว่า
“แหมไอ้เฟย มึงไม่ต้องโอบไอ้กานต์ก็ได้มั้ง มันไม่หนีมึงไปไหนหรอก” พี่เม้งพูดกับผม


“เปล่านี่พี่” ผมพูดกับพี่เม้ง  แต่ยังคงเอาแขนซ้ายวางผาดไปบนเก้าอี้ของกานต์เหมือนเดิม


“ถามจริงๆเถอะ พวกมึงไปชอบกันตอนไหนว่ะ” พี่เม้งถาม จากตอนแรกที่คนอื่นๆต่างคุยกันอยู่ แต่พอพี่เม้งถามทุกคนหยุดคุยและหันมาสนใจผมกับกานต์แทน


“ไม่รู้เหมือนกัน” ผมพูดกับมองหน้ากานต์ที่หันมามองผมเหมือนกัน


“เฟยยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย กานต์ตอบแล้วกันเนอะ” ผมกระซิบบอกกานต์


“เอ่อ คือ” กานต์อ้ำอึง แต่ทุกคนดูตั้งใจอย่างจดจ่อรวมถึงผมด้วย


“คือผมไปบอกชอบเฟย แล้วเฟยก็ตอบตกลงแค่นั้น” กานต์เล่า


“งั้นก็แสดงว่าเมื่อก่อนแกแอบชอบไอ้เฟยมาก่อนเหรอ” เช่ที่นั่งถัดจากกานต์ไปถามขึ้น


“อือ” กานต์พยักหน้า


“แล้วทำไมมึงตอบตกลงว่ะ” คราวนี้เป็นไอ้อัพที่ตั้งคำถามกับผมบ้าง


“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เฟยแค่บอกว่าลองคบไปดูกันก่อนก็ได้ ไม่เป็นไร” กานต์ตอบแทนผม ส่วนผมก็พยักหน้าหงึกหงักไปทางไอ้อัพ


“แล้วมึงไม่กลัวไอ้เฟยเปลี่ยนใจเหรอ” พี่เม้งหันไปถามกานต์


“ไม่กลัวครับ” กานต์ตอบ


“เนอะ” กานต์หันหน้ามาพูดกับผม  ผมก็จึงหยักหน้ารับไป


“กานต์แอบชอบเฟยจริงๆเหรอ” ผมกระซิบที่ข้างหูกานต์อีกครั้ง แต่พอผมพูดจบกานต์ก็หันหน้ามาขมวดคิ้วให้ผมแล้วก็ส่ายหัว  แต่หน้ากานต์แดงไปทั้งหน้าเลยผมเลยไม่แน่ใจว่ากานต์โกรธผมหรือเขินผมกันแน่



                                                                             *****


การแสดงเริ่มขึ้นในวันเสาร์ซึ่งจะแสดงเพียงแค่วันเดียวแต่มีสองรอบ  ผมได้ไปแสดงเป็นตัวประกอบเล็กๆไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนัก  ส่วนกานต์ก็คอยช่วยเหลือทีมงานอยู่ด้านหลังเวที  ทั้งยกของ ช่วยจัดเสื้อให้นักแสดง และก็อื่นๆ  แต่กานต์ก็ยังดูสนุกเหมือนเคย  แต่เพราะว่างานค่อนข้างยุ่งมากผมเลยไม่มีโอกาสได้คุยกับกานต์เลย  แม้ว่าผมพักในช่วงรอขึ้นแสดงรอบต่อไป กานต์ก็ยังไม่ว่างอยู่ดี
แต่ในระหว่างเตรียมตัวขึ้นแสดงรอบสุดท้าย ผมเกิดมีปัญหากับกระดุมเม็ดบนตรงปกคอเสื้อ ซึ่งทำยังไงผมก็ไม่สามารถติดกระดุมเม็ดนี้ได้  ผมเลยออกเดินหาคนมาช่วยผม จนเจอกานต์ที่กำลังเดินถือของผ่านผมไป ผมจึงเรียกเขาไว้
“กานต์ช่วยติดกระดุมเม็ดนี้ให้เฟยหน่อย” ผมพูดพร้อมเงยหน้าขึ้นเพื่อให้กานต์เห็นเม็ดกระดุมเจ้าปัญหาได้ชัดเจน  กานต์ไม่ได้พูดว่าอะไรแต่เดินเข้ามาหาผมและเริ่มต้นพยายามติดกระดุมให้ผม


“ติดไม่ได้เหรอกานต์” ผมถามและก้มหน้าลงมาตามเดิมแล้ว  เลยทำให้หน้าของผมกับกานต์ห่างกันไม่เท่าไหร่


“กานต์” ผมเรียกกานต์ และพอกานต์เงยหน้ามา เหมือนกานต์จะตกใจ เพราะเขาสะดุ้งแล้วก็ถอยหลังไปชนกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่กำลังจะเดินผ่าน  ก่อนที่กานต์จะเซกลับมาชนผมอีกที จนผมเสียหลักหงายหลังล้มจนหัวไปโขกกับกำแพง โดยมีกานต์ล้มทับผมอีกที


“เฮ้ย พวกมึงทำอะไรกัน” รุ่นพี่ที่กานต์เซไปชนตะโกนขึ้นเสียงดัง จนทุกคนต่างพากันหันมามอง  ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับขำเล็กน้อย  ส่วนผมเมื่อมองไปรอบๆก็เห็นหลายคนกำลังขำอยู่เหมือนกัน  ส่วนกานต์ลุกขึ้นจากตัวผมแล้วและกำลังยื่นมือมาให้ผม
“เล่นอะไรก็ไม่รู้” กานต์ว่าผมหลังจากที่ดึงผมให้ลุกขึ้นมาได้แล้ว


“เขินเฟยเหรอ” ผมแซว แต่กานต์กลับรีบเดินหนีผมไป

หลังจากการแสดงรอบสุดท้ายจบ  ทางทีมงานทุกคนก็มีเวลาดีใจเพียงไม่นานก่อนที่จะต้องหันไปช่วยกันเก็บของให้เรียบร้อย และในระหว่างที่ผมกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าป๊อบก็เดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้เล็กๆหนึ่งช่อ  เธอยื่นช่อดอกไม้มาให้ผมพร้อมกับรอยยิ้ม
“เรามาแสดงความยินดี” ป๊อบพูด ส่วนผมก็ยื่นมือออกไปรับช่อดอกไม้จากเธอ


“ก็แค่มาช่วยแสดงเฉยๆ” ผมบอกป๊อบ แต่ก่อนที่ป๊อบจะพูดอะไรต่อ ผมเหลือบไปเห็นกานต์กำลังยื่นมองผมกับป๊อบอยู่  แต่พอเขาเห็นว่าผมก็มองเขาอยู่เหมือนกัน  กานต์ก็เดินหนีไปอีกทาง


“ขอบคุณนะ” ผมพูดกับป๊อบ แล้วก็รีบเดินตามกานต์ไป
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางที่กานต์เพิ่งจะเดินผ่านไป  แต่ก็ไม่เจอกานต์เลย  แต่พอผมเดินหาไปเรื่อยๆก็เจอกานต์กำลังช่วยรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งถือของอยู่
“เฟยไปเปลี่ยนชุดก่อน” เสียงใครบ้างคนเรียกผมจากข้างหลังแต่ฟังแล้วก็คงเป็นเป็นรุ่นพี่ฝ่ายเสื้อผ้า แต่ผมไม่ได้หันไปมอง เพราะผมมัวแต่มองกานต์อยู่  ซึ่งเงยหน้ามามองผมครู่หนึ่งก่อนจะกลับไปสนใจยกของตามเดิม


“ไอ้เฟย” รุ่นพี่ขึ้นเสียงเรียกอีกครั้ง  ผมเลยต้องหันหลังแล้วเดินตามพี่เขาไปเปลี่ยนเสื้ออย่างเลี่ยงไม่ได้

กว่าที่ทุกคนจะเก็บของเสร็จก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว  ผมยืนรอกานต์ที่ประตูทางออก แต่พอกานต์เดินออกมาเขากลับเดินผ่านผมไปโดยไม่หันมามองผมเลย  ผมจึงออกวิ่งตามกานต์ไป แม้ว่าผมจะตามเขาทันแล้วก็ตามแต่กานต์ก็ยังคงนิ่งเฉยไม่สนใจผม
“กานต์ไปหาอะไรกินกันก่อนกลับไหม” ผมถามขณะที่เราทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปทางลานจอดรถ


“ไม่ไป” กานต์ตอบ


“กานต์” ผมเรียกพร้อมกับหยุดเดินก่อนจะดึงแขนกานต์ไว้ เขาหันมาหาผมตามแรงดึงแต่สายตาไม่ได้มองที่ผม


“กานต์ เฟยกำลังทำตัวเป็นแฟนที่ดีตามที่กานต์อยากได้อยู่นะ” ผมพูด กานต์เริ่มมองหน้าผม


“แต่เฟยก็ยอบรับตรงๆว่า เฟยยังชอบป๊อบอยู่” ผมพูด กานต์เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง


“แต่ก็ไม่มากเท่าเมื่อก่อนแล้ว” กานต์มองหน้าผมนิ่งๆไม่พูดอะไร


“เฟยปล่อยมือเรา” กานต์พูดพร้อมกับพยายามดึงแขนออกจากการจับของผม


“กานต์อย่าเปลี่ยนเรื่อง” ผมพูดเสียงเข้ม


“รู้แล้ว” กานต์บอก


“งั้นก็เลิกงอนเฟยได้แล้ว” ผมพูดแต่ยังคงไม่คลายมือจากแขนของกานต์


“ไม่ได้งอน” กานต์บอกผมแต่ไม่มองหน้า


“งั้นก็หึงเฟยเหรอ” ผมยิ้ม


“เปล่า” การทำเสียงไม่สบอารมณ์  แต่แสงไฟบริเวณทางเดิน ทำให้ผมเห็นว่ากานต์หน้าแดงมากแค่ไหนแล้ว


“งั้นก็กำลังเขินเฟยอยู่” ผมแหย่

“เปล่า” กานต์ยังคงทำเสียงไม่สบอารมณ์เหมือนเดิม


“งั้น” ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค กานต์ก็เอามืออีกข้างขึ้นมาบีบแก้มผมเต็มแรง


“โอ๊ย” ผมร้อง


“ปล่อยมือเรา” กานต์ว่า


“ออกอาอ่อน อ่าเอินเอยอือเอ่า (บอกว่าก่อนว่าเขินเฟยหรือเปล่า)” แต่ยิ่งผมพูดกานต์ก็ยิ่งบีบแก้มผมแรงขึ้น


“ปล่อยเรา” กานต์ทำเสียงเข้มใส่ผม


“ออมแอ้วๆ(ยอมแล้วๆ)” ผมปล่อยมือที่จับแขนกานต์ก่อนจะเอามือมาลูบแก้มตัวเองซึ่งตอนนี้กานต์ก้ปล่อยมือจากแก้มผมแล้วเช่นกัน  ผมมองกานต์อย่างเคืองๆ แต่กานต์กำลังยิ้มให้ผมอยู่


“สมน้ำหน้า” กานต์ว่า


“กลับกันเถอะ” กานต์พูดก่อนจะเดินนำหน้าผมไป






ขอบคุณครับ



หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 12 หน้า 4 (23-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 23-07-2015 00:54:31
เหมือนกานต์กันเฟยจะแสดงความรู้สึกต่อกันมากขึ้น

รู้สึก ตอนนี้บรรยากาศมันแหว๋วๆขึ้นนิดหน่อย ชอบอ่ะ

เป็นกำลังใจให้นะ มาอัพอีกเร็วๆนะ. อย่าปล่อยให่รอนานนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 12 หน้า 4 (23-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-07-2015 02:11:49
ยังงงๆในความรู้สึกและความสัมพันธ์
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 12 หน้า 4 (23-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 23-07-2015 02:23:13
บรรยากาศระหว่างเฟยกับกานต์ดีขึ้นมากๆเลย รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ 
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 12 หน้า 4 (23-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 23-07-2015 06:00:18
เหมือนว่าเฟยจะเริ่มรู้สึกอะไรมากขึ้น

แต่เหมือนกานต์ก็เว้นระยะห่างพอตัว

แต่อย่างน้อยตอนนี้กานต์ก็แสดงอาการหึงบ้างไรบ้างตามภาษาล่ะนะอิอิ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 12 หน้า 4 (23-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-07-2015 09:28:15
ปัจจุบันเหมือนจะต่างฝ่ายต่างรู้สึกกันมากขึ้น
แต่เราอยากรู้อดีตมากๆ อยากรู้กว่าอนาคตอีก 555
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 12 หน้า 4 (23-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-07-2015 10:14:33
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 12 หน้า 4 (23-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 23-07-2015 11:25:54
ปิดเทอมไม่เจอกันก็มีเหงาๆบ้างอ่ะเนอะ
บรรยากาศมุ้งมิ้งกว่าเดิม ไม่อึมครึมแบบเมื่อก่อนแล้ว
ดีจัง
มีพัฒนาการขั้นสุดดด
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 12 หน้า 4 (23-07-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 27-07-2015 23:13:08
มาต่อได้แล้ววววววววววววว อยากอ่านแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 13 หน้า 4 (27-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 27-08-2015 01:40:04
บทที่ 13
“ท่าทางจะไม่หยุดตกง่ายๆนะเนี่ย” กานต์พูดขึ้นระหว่างทางที่ผมกำลังขับรถไปส่งเขาที่หอ


“แล้วรถก็จะยิ่งติด” ผมเสริม


“แล้วเฟยจะถึงบ้านกี่โมงเนี่ย” กานต์หันหน้ามาพูดกับผม  ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจในคำตอบเหมือนกัน ว่าผมจะถึงบ้านกี่โมงแต่เพราะว่าไม่มีธุระอะไรต้องทำเลยไม่ต้องรีบ


“นั่นสิเนอะ งั้นคืนนี้เฟยค้างที่หอกานต์แล้วกัน” ผมยิ้มไปด้วยระหว่างที่พูดแต่ก็ไม่ได้หันมามองกานต์เพราะมัวแต่สนใจมองไปที่ถนนอยู่ แต่พอเห็นว่ากานต์ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมาผมเลยต้องอาศัยจังหวะรถติดหันไปหาเขา ซึ่งก็เจอกานต์กำลังจ้องผมตาเขม็ง


“มีอะไรเหรอกานต์” ผมถามเลิกคิ้วขึ้นสูง


“อยากจะขึ้นหอเราทำไม” กานต์พูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร


“เปล่านี่ไม่มีอะไร เฟยคิดว่าคนที่เป็นแฟนกันเขาก็ทำกันอย่างนี้ ไม่ใช่เหรอ?” ผมปิดท้ายด้วยประโยคคำถาม


“คิดว่าไม่นะ” กานต์พูดหลังจากจับตามองผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสนใจข้างทาง จนกระทั่งถึงหอของเขา


“ขับกลับดีดีนะ” กานต์บอกลาคำเดิม


“เดี๋ยวก่อน” ผมว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปจับแขนกานต์ไว้


“มีอะไรหรือเปล่า” กานต์ถามผม


“เสาร์หน้าไปดูคอนเสิร์ตกัน” ผมชวน


“คอนเสิร์ต? วงไหนเหรอ?” กานต์ถาม ผมเลยล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบตั๋วคอนเสิร์ตก่อนจะยื่นให้เขาแทนคำตอบ


“เราไม่รู้จักวงนี้เลย” กานต์บอกผมหลังจากพลิกตั๋วไปมาเพื่ออ่านชื่อวง


“ไม่เป็นไร” ผมบอก


“ไม่เอาหรอกเฟย เดี๋ยวจะพาลพาให้เฟยไม่สนุกไปด้วย อีกอย่างบัตรก็ไม่ใช่ถูกๆ เอาไปชวนคนที่เขาเป็นแฟนคลับไม่ดีกว่าเหรอ” กานต์พูดยาวยืด


“ไม่เป็นไรยังพอมีเวลาอีกสัปดาห์กว่า กานต์ก็ไปฟังเพลงของวงนี้ อย่างน้อยๆพอถึงวันจริงกานต์ก็คงรู้จักบางเพลงแล้ว” ผมบอก


“ไม่ดีกว่าเฟย” กานต์ยังคงยืนยันที่จะปฏิเสธผมอยู่


“เฟยอยากให้กานต์ไปด้วย” ผมบอกเขา


“จริงๆ จำได้ไหม Welcome to my world” ผมยิ้มให้กานต์


“อือ ก็ได้” กานต์ตกลงแต่หน้าแดงไปยันหู


“ขับกลับดีดีนะ” กานต์บอกลาผมอีกครั้งแล้วก็ลงจากรถไป


“กานต์” ผมเรียก เขาหมุนตัวกลับมาก่อนจะก้มตัวลงเพื่อให้คุยกับผมได้สะดวก


“ว่าไง” กานต์ถาม


“ไม่ให้เฟยค้างที่หอจริงๆเหรอ” ผมถาม


“รีบขับกลับบ้านไปเลย” กานต์ปิดประตูรถผมหลังจากพูดจบประโยค ก่อนจะรีบเดินเข้าหอไป

                                                                                 *****

เย็นวันนี้ฝนก็ยังคงตกเหมือนเดิม แต่หนักกว่าเมื่อวานหนักจนไม่มีใครสามารถเดินออกไปได้แม้แต่คนที่พกร่มมาก็ยังไม่กล้าเสี่ยงออกไป จึงมีคนอยู่ที่ใต้ตึกจำนวนมาก
ผมเองกำลังนั่งฟังเพลงจากโทรศัพท์อยู่กับพวกกลุ่มเพื่อนของผม โดยมีกานต์นั่งรวมอยู่ด้วย เขานั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ฝั่งตรงข้ามผม
“กานต์ฟังเพลงของวงนั้นแล้วหรือยัง” ผมถาม


“ฟังแล้ว” กานต์ตอบโดยที่ไม่ยอมเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูนเลย


“เป็นยังไงบ้าง” ผมถามต่อ


“ก็เพราะดี  แต่เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” กานต์ตอบ เล่นเอาผมแอบใจเสียเล็กๆ


“ห้ามเปลี่ยนใจนะกานต์” ผมว่า


“รู้แล้ว” กานต์ยิ้มให้ผม

พอกานต์พูดจบอัพที่นั่งอยู่ข้างๆกานต์ก็ทิ้งหัวลงที่ไหล่ของกานต์ ก่อนจะถูหัวไปมา กานต์แค่มองและดูเหมือนว่าไม่รู้จะทำยังไงดี
“กานต์ครับเมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกครับ” อัพมันถามกานต์เสียงออดอ้อน


“กานต์จะไปรู้ได้ยังไงฮะ” ผมบอกอัพเสียงเข้ม


“ดุกูทำไมเนี่ย” อัพมันบอกผม ผมเลยชี้หน้ามัน


“กานต์เฟยมันร้ายกับผม มันนิสัยไม่ดี กานต์ต้องจัดการให้ผมนะ” อัพหันไปอ้อนกานต์แทนแต่ยังไม่ยอมยกหัวออกจากไหล่กานต์ กานต์ก็ได้หัวเราะอย่างเดียว


“เฟย เอาจริงๆ ไหล่กานต์นิ่มมากเลย มึงว่าอย่างนั้นไหม?” อยู่ดีดีอัพมันก็เปลี่ยนประเด็นมาพูดถึงเรื่องไหล่ของกานต์


“ไม่รู้ดิ ยังไม่เคยลอง” ผมพูดตามความจริง มองหน้ากานต์ที่ตอนนี้มองไปทางอื่นอยู่


“มึงพลาดแล้ว” อัพบอกผม ก่อนจะขยับหัวไปมาหน้าตามีความสุข กานต์ก็ยังคงแค่หัวเราะเหมือนเดิม

ฝนตกเบาลงแล้ว ผมกับกานต์จึงพากันเดินออกจากตัวตึกไปที่จอดรถ แม้ว่าฝนจะเบาลงแล้วแต่กว่าผมกับกานต์จะเดินมาถึงรถก็เล่นเอาตัวชื้นๆไปทั้งตัวเหมือนกัน
“หู่ววว หนาว” กานต์พูดพร้อมกับเอามือปรับทิศทางของแอร์ให้หันไปทางอื่น


“เอาเสื้อเฟยไปคลุมก่อน” ผมพูดพร้อมกับยื่นเสื้อสีน้ำเงินตัวเก่งของผมไปให้กานต์


“ไม่เป็นไร” กานต์ปฏิเสธ


“หรือจะให้เฟยคลุมให้” ผมว่าพร้อมกับขยับตัวเข้าไปใกล้ พอกานต์เห็นแบบนั้นก็รีบดึงเสื้อจากมือผมไปหห่มตัวเองทันที


“วันนี้ไปหาอะไรกินกันก่อนกลับหอไหม” ผมถามระวังขับรถออกจากมหาวิทยาลัย


“ไม่ดีกว่า ตัวเปียกอย่างนี้ ไม่อยากไปไหนเลย” กานต์บอก


“อีกอย่าง ตัวเฟยก็เปียกรีบกลับบ้านดีกว่าเดี๋ยวจะไม่สบาย” กานต์เสริม


“เป็นห่วงเฟยเหรอ” ผมแหย่


“เฟยคิดว่าอย่างนั้นเหรอ” กานต์ย้อนผม

                                                                                 *****

“ไหมเดี๋ยวเฟยขอแวะรับเพื่อนก่อนนะ” ผมบอกพี่สาวที่พยักหน้ารับรู้เพราะมัวแต่กดโทรศัพท์แชทคุยกับเพื่อนอยู่ แต่พอรถมาจอดที่หน้าหอกานต์ ไหมก็เริ่มมองนู่นนี่ด้วยความสงสัย

กานต์ยืนรอผมที่หน้าหออยู่แล้ว พอรถเทียบจอดกานต์ก็เปิดประตูและเข้านั่งที่เบาะหลัง เพราะว่าไหมนั่งอยู่ที่เบาะข้างๆผมอยู่แล้ว
“สวัสดีครับ” กานต์ทักไหม


“หวัดดีเฟย” กานต์หันมาทักผม


“ไหมนี่กานต์ กานต์นี่ไหมพี่สาวของเฟย” ผมแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน ก่อนที่ผมจะออกรถ


“ไม่ได้เรียนมัธยมที่เดียวกับกานต์ใช่ไหม พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย” ไหมหันหน้าไปถามกานต์


“ใช่ครับ มารู้จักเฟยที่มหา’ลัยครับ” กานต์ตอบ


“ชอบวงนี้เหมือนกันเหรอ” ไหมถามต่อ


“เอ่อ อันที่จริงเพิ่งรู้จักวงนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเองครับ” กานต์ตอบน้ำเสียงดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่


“อ้าว” ไหมร้องออกมา


“ความจริงเฟยเองแหละที่เป็นคนลากกานต์ให้มาด้วยกัน” ผมบอกไหม


“หือ เป็นคนเผด็จการสินะ” ไหมเบะปากใส่ผม


“คราวหลังไม่ต้องตามใจเฟยมากนะ” ไหมบอกกกานต์ ซึ่งกานต์ยิ้มกลับไปโดยไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นเราทั้งสามก็คุยกันเรื่อยเปื่อยไปตลอดทาง จนมาถึงสถานที่จัดคอนเสิร์ต
พอเราทั้งหมดลงจากรถ ไหมก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยมีกานต์ขอตามไปด้วยอีกคน ระหว่างที่ผมยืนรอทั้งคู่อยู่นั้น ผมก็หันไปเจอป๊อบซึ่งกำลังเดินเข้ามาหาผม ผมจึงยิ้มทักทายเธอและป๊อบก็ยิ้มตอบกลับมา
“ว่าแล้วเฟยจะต้องมา” ป๊อบพูด พร้อมกับเอามือเสยผมด้านหน้า


“แน่นอนอยู่แล้ว” ผมว่า สายตาของผมมัวแต่จ้องป๊อบจนเธอต้องสะกิดเพื่อเรียกสติผม


“มีอะไรติดหน้าเราหรือเปล่า ถึงได้มองหน้าเรานานขนาดนั้น” ป๊อบถาม


“เปล่า” ผมตอบ เกาหัวแก้เขิน


“งั้นเราไปหาเพื่อนก่อนนะ” ป๊อบบอกลาแล้วเดินจากไป


ผมมองตามแผ่นหลังที่เดินห่างออกไป กลิ่นน้ำหอมของป๊อบยังคงอบอวลอยู่ตรงนี้ที่ผมยืนอยู่ แต่ก่อนที่ผมจะหลงใหลไปกับกลิ่นน้ำหอมมากกว่านี้ ไหมก็เดินออกมาจากทางไปห้องน้ำพอดี ตามหลังมาด้วยกานต์กับใครอีกคน พอผมมองดีๆก็เลยรู้ว่าเป็นเพื่อนกานต์คนนั้นที่ผมไม่ค่อยชอบหน้ามัน
“เดี๋ยวรอพวกเหื่อนไหมตรงนี้แหละ” ไหมบอกผม แต่ผมมัวแต่สนใจกานต์ที่ยืนคุยอยู่กับเพื่อนของเขา


“เฟย” ไหมเรียกผม


“เฟย” ไหมเรียกผมซ้ำ


“ว่า” ผมตอบไหมแต่ตาผมยังคงมองไปที่เดิม


“จ้องอะไรอยู่เฟย” ไหมถาม แทนที่ผมจะหันกลับไปตอบแต่ผมเดินไปหากานต์แทน


“กานต์ไปยังไหมรออยู่” ผมพูดกับกานต์ แต่หันไปมองหน้าเพื่อนของกานต์แทน


“อืม” กานต์หันมาพูดกับผม


“ไปก่อนนะ” กานต์หันไปพูดกับเพื่อนของเขา ที่พยักหน้ารับก่อนจะหันมามองหน้าผม


“ไว้คุยกันวันหลัง” มันพูดก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวกานต์


“ใครอ่ะกานต์” ผมถามระหว่างที่เดินจากไอ้หมอนั่นมา


“แก็ปไง เราเคยบอกเฟยไปแล้วนะ” กานต์ว่า


“เหรอ” ผมจำไม่ได้ว่ากานต์เคยบอก


“เป็นเพื่อนสนิทกันเหรอ” ผมถาม


“เปล่า แค่อยู่โรงเรียนเดียวกันเฉยๆ” กานต์ตอบไม่ได้แม้แต่จะหันมามองหน้าผม


“แล้วทำไมต้องยอมให้มันเล่นหัวด้วย” ผมถามกานต์ แต่เขากลับวิ่งไปหาพล็อตกับนัทที่เพิ่งจะมาถึง


“ไม่ยักรู้ว่าชอบวงนี้ด้วย” ผมถามนัทเมื่อเดินมาถึง แล้วก็หันไปพยักหน้าทักทายพล็อต


“ก็ไม่ได้อยากมาหรอกแต่ไอ้พล็อตมันลากมา” นัทบ่นพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ ส่วนพล็อตก็ทำนิ่งไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ

ระหว่างที่พวกผมคุยกันอยู่ กลุ่มเพื่อนของไหมก็มาสมทบอีก 4 คน ซึ่งเป็นจังหวะพอดีที่ประตูคอนเสิร์ตเปิดให้เขาไปด้านในฮอลล์
บัตรที่พวกผมซื้อเป็นบัตรยืนซึ่งจะอยู่ด้านหน้าสุดติดกับเวที ที่เลือกซื้อในโซนนี้เพราะว่าจะได้ใกล้ชิดกับศิลปินที่ชอบมากยิ่งขึ้น แต่พอรู้ว่าเป็นบัตรยืนนัทก็ทำหน้ายู่หันไปว่าพล็อตทันที ผมเห็นแบบนั้นก็เริ่มใจไม่ดีกลัวกานต์จะไม่ชอบใจเหมือนกันเพราะผมลืมบอกกานต์ไปด้วยว่าจะต้องยืนตลอดคอนเสิร์ต แต่พอมองไปที่กานต์ก็เห็นว่าเขากำลังมองนัทและพล็อตพร้อมกับยิ้มอยู่ด้วย ผมจึงโล่งอกแต่ก็รู้ด้วยว่ากานต์คงคิดว่าระหว่างพล็อตกับนัทต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน
“มันสองคนไม่ได้เป็นแฟนก็หรอก” ผมกระซิบที่ข้างหูกานต์


“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย” กานต์แก้ตัว


“เฟยรู้หรอก” ผมบอก


“รู้แล้ว แต่เฟยไม่เห็นต้องมากระซิบบอกเราที่ข้างหูเลย” กานต์เขยิบหนีออกห่างจากผม ผมก็ยิ้มกลับไปให้

คอนเสิร์ตเริ่มไปเรื่อยๆ จากเสียงกรี๊ดตอนรับศิลปินในตอนแรกก็กลายเป็นเสียงร้องคลอไปตามเพลงต่างๆที่ศิลปินเล่น และผมแอบเห็นว่าบางเพลงกานต์สามารถร้องตามได้ด้วย
พอถึงเพลงโปรดของผม ซึ่งพูดถึงการรอคอยคนรักถึงแม้ว่าจะนานเท่าไหร่เขาก็ยังจะรออยู่ที่เดิม ที่เขาและคนรักได้เจอกันครั้งแรก ซึ่งมันตรงกับชีวิตของผมในช่วงหนึ่ง ทุกคนในฮอลล์ยังคงร้องคลอไปตามเพลงเหมือนเดิม ส่วนกานต์ก็ร้องได้เช่นกัน เขายืนอยู่ข้างๆผมโยกตัวไปมาตามเพลง ผมคงมองเขานานไปเพราะกานต์กำลังหันมามองหน้าผมและทำหน้าสงสัยใส่ผม

“ร้องได้ด้วยเหรอ” ผมกระซิบถามที่ข้างหูกานต์อีกครั้ง


“เก่งใช่ไหมหล่ะ” กานต์ยิ้ม ผมเอามือขยี้หัวเบาๆด้วยความเอ็นดู ก่อนจะโอบไหล่กานต์แล้วโยกไปตามเพลง

หลังจากนั้นผมยังคงยืนโอบกานต์เหมือยเดิมโดนที่กานต์ไม่ได้พยายามที่จะขัดขืนผมแต่อย่างใด และพอถึงเพลงสุดท้าย ทุกคนต่างเปิดแฟลชจากมือถือส่องไปทางเวทีร่วมถึงผมด้วย แล้วก็มีกระดาษเปเปอร์ชู๊ตถูกปล่อยลงมาจากด้านบนทั่วทั้งฮอลล์ ผมมัวแต่สนใจทางเวทีอยู่ พอหันไปหากานต์อีกครั้งก็เห็นว่าเขากำลังยันตัวขึ้นจากพื้นอยู่ ผมเลยเขาใจว่ากานต์ล้มลงไป

“เมื่อยเหรอ” ผมกลั้นขำ


“เปล่า เราสะดุดขาตัวเอง” กานต์ตอบ ผมปล่อยเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด นั่นทำให้กานต์ทำหน้าบึ้งใส่ผม


“เพลงมันขนาดที่กานต์เต้นจนสะดุดขาตัวเองเลยเหรอ” ผมแซวซึ่งอันที่จริงเพลงไม่ได้สนุกขนาดที่เต้นได้แต่แค่พอโยกหัวไปมาเท่านั้น


“เราแค่หมุนดูกระดาษที่มันปลิวลงมา แล้วก็สะดุดขาตัวเองล้มแค่นั้น” กานต์บอกผมคิ้วขมวด


“หยุดหัวเราะได้แล้ว” กานต์ว่า


“อ่อย” กานต์บีบแก้มผม


“เฟย หยุดหัวเราะได้แล้วนะ” กานต์ดุ ผมเลยต้องเม้มปากเพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะหลุดออกมา กานต์ถึงจะยอมปล่อยมือจากแก้มผม แต่เขายังคงทำหน้าบึ้งใส่ผมเหมือนเดิม


“ชอบไหม” ผมถามหลังจากที่ศิลปินลงไปจากเวทีแล้ว


“สนุกดี” กานต์ยิ้ม

                                                                                 *****

“ไหมไม่เคยเห็นเพื่อนเฟยคนนี้เลย” ไหมถามผมหลังจากที่ส่งกานต์ที่หอเรียบร้อยแล้ว


“ใช่ เพิ่งจะมาสนิทกันช่วงหลังๆ” ผมตอบ


“ไหมว่ากานต์แอบชอบเฟยนะ” ไหมว่า


“ไหมคิดอย่างนั้นเหรอ” ผมถาม ไหมพยักหน้ารับ


“ไหมเห็นเวลากานต์มองเฟยนะ” ไหมบอก


“แล้วก็ดูเหมือนว่าเฟยเองก็ไม่ได้คิดกับกานต์แค่เพื่อน” ไหมเสริม


“เหรอ” ผมพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป เพราะผมไม่มีทางที่จะโกหกไหมได้เลยตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว ซึ่งการเงียบคือหนทางเดียวที่ดีที่สุด


“แต่ไหมก็โอเคนะ ถ้าเฟยจะคบกับคนนี้” ไหมพูดพร้อมกับยิ้ม ซึ่งมันเป็นยิ้มที่ผมผสมกันระหว่างความเจ้าเล่ห์กับผู้ที่รู้ทุกสิ่ง





-v- ขอบคุณครับและขอโทษครับที่รอบนี้มาอัพช้ามากๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 13 หน้า 4 (27-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-08-2015 02:39:48
ทำไมเรามองความรู้สึก รัก ในเรื่องนี้ไม่ออกเลยน่ะระหว่างเฟยกับกานต์ อาจจะคิดและรู้สึกไปเองหรือเปล่ามันเหมือนเป็นการเอาคืนอะไรสักอย่าง
ดีใจที่มาต่อสักทีหลังจากหายไปนาน
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 13 หน้า 4 (27-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 27-08-2015 05:32:09
พี่สาวคนสวยก็เปิดทางให้แล้ว


ใจเฟย์ก็เปิดรับกานต์แล้ว


เพราะอย่างงั้นก็เริ่มจีบกานต์อย่างจริงจังสักที


กานต์จะได้ไม่รู้สึกว่าที่คบกันเพราะตัวเองบังคับ


ทำให้เฟย์ต้องทำอะไรต่อมิอะไรเพราะกานต์ขู่ทุกครั้ง


คราวนี้ตาเฟยต้องตามจีบตามง้อแล้วแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ให้มากขึ้น


เผื่อกานต์จะแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ตามเฟย์และเปิดใจมากกว่านี้ด้วย
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 13 หน้า 4 (27-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-08-2015 08:55:20
กานต์ค่อยๆซึมซับโลกของเฟยทีล่ะนิดๆ
แต่รู้สึกว่าเฟยแทบไม่รู้จักโลกของกานต์เลยแฮะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 13 หน้า 4 (27-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 27-08-2015 22:27:20
เริ่มดีขึ้น ไม่อึมครึมเหมือนช่วงแรกๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 13 หน้า 4 (27-08-15)
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 29-08-2015 14:32:19
 :mew1:

อ้าาาา รู้สึกฟิน
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 10-09-2015 02:11:44
บทที่ 14

ผมนั่งหมุนโทรศัพท์เล่นอยู่อย่างนี้มาได้สองวันแล้ว กดเบอร์ของกานต์แต่ก็ไม่กล้ากดโทรออก ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวันนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับกานต์อีกเลย ผมยอมรับตรงๆเลยว่าผมไม่กล้า แต่ผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันเพราะทั้งๆที่ปกติแล้วผมจะค่อนข้างเป็นคนที่ตรงไปตรงมา ผมไม่ได้กลัวว่ากานต์จะมีแผนหรือข้อเสนออะไรอีก แต่ผมแค่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับกานต์ดี
ย้อนกลับไปเมื่อเย็นวันพฤหัสบดีของอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเลิกเรียนช้าพอลงมาที่ใต้ตึกก็เห็นกานต์นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนอยู่แล้ว แต่เขากำลังนั่งคุยงานกับเพื่อนๆของเขาอยู่ผมเลยเลือกนั่งที่โต๊ะถัดมา เพราะวันนี้ไม่ได้มีธุระอะไรให้ต้องรีบ ผมเลยนั่งฟังเพลงรอกานต์คุยงานไปเรื่อยๆ
“กลับก่อนได้นะเฟย คงอีกสักพักใหญ่ๆเลยกว่าจะเสร็จ” กานต์เดินมาบอกผมด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ


“ไม่เป็นไรเฟยรอได้” ผมตอบกานต์ เขายิ้มให้ผมนิดหนึ่งก่อนจะเดินกลับไปคุยงานเหมือนเดิม


“เสร็จแล้วเหรอ” ผมถามกานต์เพราะเขาเดินมาหาผม หลังจากที่ผ่านไปแล้วชั่วโมงกว่าๆ


“ใกล้เสร็จแล้วหล่ะ เฟยไปรอเราที่รถเลยก็ได้ไม่เกินห้านาที” กานต์ว่า


“โอเค งั้นเดี๋ยวเฟยไปรอกานต์ที่รถก็ได้” ผมบอกกานต์เสร็จก็เริ่มเก็บของ

ผมเดินทอดน่องจากใต้ตึกคณะมุ่งไปลานจอดรถ มองนู่นนี่ไปเรื่อยๆแต่ในระหว่างนั้นตาผมก็ไปสะดุดชายหญิงคู่หนึ่งที่มีท่าทางเหมือนทะเลาะกันอยู่  ทั้งคู่ดูคุ้นๆเหมือนว่าผมจะรู้จักทั้งสอง แต่จากจุดที่ผมอยู่ค่อนข้างไกลจากทั้งคู่ผมเลยไม่ค่อยแน่ใจนัก พอผมเริ่มเดินเข้าไปใกล้ก็เริ่มได้ยินเสียงของทั้งคู่ที่ตะโกนใส่กัน และเมื่อผมเข้าใกล้พอจะเห็นได้ชัดเจนก็รู้ว่าฝ่ายหญิงนั้นคือ “ป๊อบ” ส่วนฝ่ายชายคือ “ไอ้แก็ป” ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้รู้จักกันมาก่อน แต่ในระหว่างที่ผมยืนสงสัยอยู่ ไอ้แก็ปก็เอื้อมมือไปดึงแขนป๊อบ ซึ่งอีกฝ่ายก็สะบัดแขนอย่างแรงเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุ่ม แต่ก็เปล่าประโยชน์
“ปล่อยเรา” ผมได้ยินเสียงป๊อบตะโกนใส่ไอ้แก็ป


“ไม่” ไอ้แก็ปไม่ว่าเปล่าแต่ยังออกแรงลากป๊อบให้เดินตามมันไปด้วย

เมื่อผมเห็นอย่างนั้นก็รีบออกวิ่งไปทางทั้งคู่ทันที และพอไปถึงผมก็พุ่งเข้าชนไอ้แก็ปจนมันเซออกจากป๊อบ มือที่จับแขนป๊อบอยู่ก็พลอยหลุดตามเจ้าของไปด้วย มันมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ก็เปลี่ยนเป็นสีหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างทันทีเมื่อมันมองมาที่ผม
“ทำอะไรของมึง” มันถามผม


“แล้วมึงหล่ะทำอะไร” ผมย้อนมัน


“เรื่องของกูไม่เกี่ยวกับมึง” ไอ้แก็ปตอบผมและเดินเข้ามาจะลากตัวป๊อบอีกครั้ง แต่ผมปัดมือมันได้ก่อน


“มึงจะเสือกอะไรเนี่ย” มันเดินเข้ามาหาผมแทน


“ทำไมกูจะเสือกไม่ได้” ผมผลักอกมัน


“หึ ก็เพราะว่ากูกับป๊อบเป็นแฟนกันไง เพราะฉะนั้นมึงอย่างเสือก” มันพูด


“แก็ป” ป๊อบเรียกชื่อไอ้แก็ป


“แล้วยังไง ในเมื่อผู้หญิงเขาไม่อยากไปกับมึง มึงก็ไม่มีสิทธิ์บังคับเขาหรือเปล่าวะ?” ผมเป็นฝ่ายเดินเข้าหามันบ้าง  ผมเริ่มมีอารมณ์โมโหขึ้นมาบ้างแล้ว ไอ้แก็ปไม่สนใจคำถามผมแต่เดินเลี่ยงไปดึงตัวป๊อบแทน


“กูบอกให้ปล่อยไง” ผมไม่พูดเปล่า แต่หมัดของผมพุ่งออกไปด้วยตามแรงเหวี่ยงสู่หน้าของไอ้แก็ป มันเซไปเล็กน้อย


“มึง” ไอ้แก็ปพุ่งหมัดเข้าใส่ผมบ้าง แต่ผมไม่รอให้หมัดของมันถึงตัว ผมก็ส่งอีกหมัดออกไปเข้าที่ข้างหัว ส่วนหมัดของมันก็เข้าที่ข้างแก้มของผมเต็มๆ


“แก็ป เฟย หยุด” ผมได้ยินเสียงป๊อบตะโกน นั่นทำให้ผมเสียสมาธิเล็กน้อยเลยโดนไอ้แก็ปซัดจนล้มลง มันกำลังตั้งท่าจะคร่อมผมแต่ผมถีบมันได้ทันเวลาจนมันเซถลาไป ผมรีบลุกขึ้นและพุ่งหมัดขวาตรงใส่ไอ้แก็ปจนมันล้มไป ผมกำลังจะวิ่งไปซ้ำมันอีกสักหมัด แต่ป๊อบวิ่งเข้ามาขวางไว้เสียก่อน ผมกำลังจะเบี่ยงตัวหลบป๊อบแต่ก็ถูกมือของใครบางคนดึงไว้


“เฟย” กานต์นั่นเองที่ดึงผมไว้ ผมสะบัดแขนออกจากมือเขา ก่อนจะหันไปทางไอ้แก็ปก็เห็นว่าป๊อบกำลังเข้าไปช่วยพยุงมันให้ลุกขึ้นมาอยู่


“ป๊อบจะไปช่วยมันทำไม” ผมว่าและกำลังจะพุ่งเข้าใส่ไอ้แก็ปอีกครั้ง


“เฟย แก็ปเป็นแฟนเรานะ” ป๊อบพูดจบผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่


“เฟยทำอย่างนี้ทำไม” ป๊อบว่ามีสีหน้าโกรธผม แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เธอยืนมองหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะพยุงไอ้แก็ปเดินจากไป


“เฟย” กานต์เรียกผม แต่ตอนนี้ผมโมโหเกินกว่าจะหันไปฟังกานต์บ่น ผมเลยเดินหนีออกไปจากตรงนี้ ผมโมโหทุกอย่าง โมโหที่ไอ้แก็ปมันทำร้ายป๊อบ โมโหที่ป๊อบยังไปช่วยมันทั้งๆทีมันทำร้ายตัวเธอเอง และโมโหที่ป๊อบมีแฟนแล้ว


“เฟย” กานต์เรียกผม


“อะไร” ผมตวาด


“เฟย ทำอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ” กานต์ว่าผม


“ไปต่อยคนอื่นอย่างนั้น” กานต์มองหน้าผม ส่วนผมไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจคำพูดขอกานต์ก็เลยหันไปมองทางอื่น


“เขาสองคนเป็นแฟนกัน” กานต์เน้นทุกคำที่พูด


“รู้แล้ว เฟยเห็นแล้ว” ผมพูดเสียงเข้ม


“เฟยจะทำแบบนี้ไม่ได้ เฟยไม่ได้เป็นอะไรกับป๊อบนะ” กานต์ยังคงพูดต่อไป ผมไม่รู้ว่าเขาจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา ยิ่งเขาพูดผมก็ยิ่งรู้สึกโมโหเพิ่มมากขึ้น


“ใช่ แล้วเฟยกับกานต์ก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นปล่อยเฟยอยู่คนเดียวเถอะ เฟยรำคาญจะแย่แล้ว” ผมว่าพร้อมกับจ้องหน้ากานต์ เขาถอนหายใจเหนื่อยๆครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินจากผมไป

กว่าผมจะอารมณ์เย็นลงก็ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง และก็สำนึกได้ว่าไม่ควรพูดกับกานต์อย่างนั้นไปเลย จนกระทั่งวันอาทิตย์แล้วผมก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับกานต์เลย ทำได้แค่นั่งจับโทรศัพท์อยู่อย่างนี้        ถ้าเป็นเมื่อก่อนกานต์คงพยายามบังคับให้ผมทำนู่นนี่สักอย่างแล้ว แต่พอเขาเงียบๆไปผมกลับรู้สึกไม่ดีซะอย่างนั้น
“โทรไปซะจะได้จบ” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะกดโทรออกหากานต์ แต่ผมก็ได้ฟังแค่เสียงรอสาย ผมฟังอยู่สามรอบก่อนจะถอดใจเลิกโทร
ผมเดินวนรอบบ้านไปเรื่อยๆ เปลี่ยนจากห้องนั่งเล่นไปห้องนอน จากห้องนอนไปโต๊ะที่สนามหญ้าข้างบ้าน แล้วก็เปลี่ยนไปยืนที่หน้าบ้าน ก่อนจะไปในครัว แล้วก็วนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เท้าก็เดินไป มือก็เลื่อนโทรศัพท์ดู Facebook กับ IG ของกานต์เพื่อเช็คความเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆเลย
“เป็นอะไรเฟย” แม่ผมยื่นหน้าออกมาถามจากระเบียงที่เชื่อมกับสวนซึ่งเป็นที่ผมหยุดยืนอยู่


“เปล่าครับ” ผมหันไปตอบแม่


“แต่แม่เห็นเฟยเดินไปเดินมานานแล้วนะ” แม่ถามต่อ


“ถ้าโทรแล้วไม่ติดก็แสดงว่าเขาอาจจะติดธุระเลยไม่ว่างรับโทรศัพท์ แต่ถ้าไม่มั่นใจ ทำไมไม่ลองไปหาเขาดูล่ะ?” แม่ผมพูดเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่านี่คือความสามารถบางอย่างที่สืบทอดไปให้ไหม


“งั้นเฟยไปหาเพื่อนก่อนนะครับ” ผมตอบหลังจากอึ้งกับความสามารถของแม่ก่อนจะวิ่งไปสตาร์ทรถ

ผมยังคงเดินวนไปมาเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนจากบ้านผมเป็นหน้าหอกานต์แทน ผมโทรหากานต์หลายรอบแล้วตั้งแต่มาถึง แต่เขาก็ยังไม่รับสายเหมือนเดิม จนผมแอบคิดด้วยความโมโหว่ากานต์อาจจะตายอยู่ในห้องแล้วก็เป็นได้

“คุณมาหาใครหรือเปล่าครับ ผมเห็นคุณเดินไปเดินมานานแล้ว” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหอเดินเข้ามาถามผม


“ผมมาหาเพื่อนครับ แต่เขาไม่รับโทรศัพท์ผมเลย” ผมว่า


“เอ่อ พี่รู้จักคนที่ชื่อกานต์หรือเปล่าครับ” ผมพยายามค้นรูปถาพของกานต์ในโทรศัพท์เพื่อยื่นให้พี่เจ้าหน้าที่ดู เผื่อว่าพี่เขาจะรู้จัก


“ถ้าเพื่อนคุณไม่ลงมารับผมก็คงให้คุณขึ้นตึกไม่ได้หรอกนะครับ มันเป็นกฎ” พี่เจ้าหน้าที่บอกผม ผมเลยเปลี่ยนจากค้นรูปเป็นอธิบายลักษณะของกานต์แทน แต่เหมือนพี่เจ้าหน้าที่เขาจะไม่อยากสนใจผมเท่าไหร่


“เฟย” เสียงกานต์เรียกผมจากด้านหลัง


“มาทำอะไร” กานต์ถามผม ขณะที่ผมกำลังเดินไปหาเขา


“ทำไมไม่รับโทรศัพท์เฟย” ผมถาม


“เราไปซื้อราดหน้ามา แต่ลืมเอาโทรศัพท์ติดไปด้วย” กานต์ตอบ


“แต่เฟยโทรมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ” ผมเริ่มจะอารมณ์เสียนิดๆแล้ว


“มีธุระอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์ถามผมกลับแทนที่จะตอบคำถามของผม และนั่นทำให้ผมสะดุดนิดหนึ่งเพราะไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรดี


“ก็แค่สงสัยว่าทำไมกานต์ไม่ยอมรับโทรศัพท์เฟย” ผมแถ


“แล้วมีธุระอะไรถึงโทรมาหาเรา” กานต์ต้อนผมซะจนมุม ผมเลยได้แต่เงียบ พอผมเงียบกานต์ก็เงียบด้วย บรรยากาศอึมครึมก็กลับมาหลังจากหายไปนาน


“กานต์อย่าเงียบสิ” ผมว่า


“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมเฟย งั้นเราขึ้นห้องนะ” กานต์บอกผมแล้วก็เดินผ่านผมเพื่อจะเดินขึ้นหอ


“กานต์” ผมหันไปคว้าแขนเขาไว้


“ว่า” กานต์หันมาถามผม คิ้วขมวดเล็กน้อย


“กานต์โกรธเฟยเหรอ?ที่เฟยไปต่อยไอ้แก็ปมัน” ผมถาม


“แล้วเฟยไปต่อยแก็ปทำไม” กานต์ถามผมกลับอีกแล้ว ผมเกาหน้าผากเพราะไม่รู้จะตอบกานต์ว่าอะไรดี แถมยังโมโหเพิ่มกว่าเมื่อสักครู่ด้วย


“ก็มันกำลังลากป๊อบอยู่” ผมตอบ


“อือ” กานต์พูดแค่นั้นก่อนจะหันหน้าจะเดินขึ้นหอ แต่ผมยังคงจับแขนเขาไว้ไม่ยอมปล่อย


“กานต์ เลิกโกรธเฟยเถอะ” ผมว่า


“เฟยทำไปเพราะว่าเป็นเพื่อนกันแค่นั้น” ผมว่า


“เหรอ” กานต์ดูไม่เชื่อผมเลย


“ปล่อยเราเถอะ เราจะขึ้นห้องแล้ว” กานต์บอกผม แต่ผมไม่ยอมปล่อยมือจากแขนของเขา กานต์มองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะเอาถุงราดหน้าวางลงบนมือของผม


“กานต์ เฟยร้อน” ผมบอกแต่ยังไม่ยอมปล่อยแขนกานต์ ส่วนมืออีกข้างของผมก็พยายามดึงมืออีกข้างของกานต์ที่กดถุงราดหน้าให้ออกไป


“กานต์” ผมเสียงอ่อย และยอมแพ้ปล่อยมือจากแขนของเขา พอหลุดจากมือผมไปแล้วกานต์ก็เดินเข้าหอไปโดยไม่หันกลับมามองผมเลย

                                                                            *****

เช้าวันจันทร์มือของผมที่โดนถุงราดหน้ายังมีรอยแดงๆหลงเหลืออยู่เลย แต่ผมไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากกานต์ได้เลย เพราะเขาไม่ได้มีท่าทีสนใจผมเลย แม้ว่าผมจะขับรถไปรับเขาที่หอก็ตาม

“เฟยมือมึงไปทำอะไรมาว่ะ” ปายถามผมระหว่างที่เดินเข้าตึก


“คนแถวนี้แม่งใจร้าย เอาถุงราดหน้าวางนาบบนมือกู” ผมบอกปายแต่ตามองไปที่กานต์ที่เดินนำหน้าผมทั้งสองขึ้นตึกเรียนไปแล้ว


“จริงอ่ะ” ปายถามผม ผมจึงพยักหน้าให้แทนคำตอบ

ตกเย็นผมมานั่งรอกานต์ที่ใต้ตึกเหมือนเดิม พอกานต์เดินลงมาจากตึกผมก็บอกลาเพื่อนและเดินไปหากานต์ทันที ผมยังคงไม่ได้รับความสนใจจากกานต์เหมือนเดิม แต่ก็จะแค่เฉพาะตอนนี้เท่านั้น เพราะผมได้มีแผนเตรียมไว้แล้ว

“กานต์วันนี้ไปกินข้าวเย็นที่บ้านเฟยนะ” ผมบอกเขาหลังจากเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว


“ว่าไงนะ” กานต์พูดเสียงดัง


“เฟยบอกว่า วันนี้ไปกินข้าวเย็นที่บ้านเฟยนะ” ผมพูดทวนช้าๆเน้นทุกๆคำเพื่อให้กานต์ฟังได้ชัดเจน


“ไม่ไป เราไม่ไป” กานต์พูดทันทีหลังจากผมพูดจบ


“คงจะไม่ได้ เพราะเฟยบอกแม่ไปแล้วว่าวันนี้กานต์จะไปกินข้าวเย็นด้วย” ผมบอก


“ป่านนี้แม่เฟยคงทำกับข้าวรอไว้แล้วมั้ง” ผมเสริม


“แต่” กานต์พูดออกมาแค่คำเดียวก่อนจะเงียบไป และเงียบไปตลอดทาง แต่ไม่ได้แสดงอาการลุกลี้ลุกลนหรือประหม่าอะไร แต่ผมก็พอจะรู้ได้ว่าเขาแอบประหม่าเล็กๆเพราะว่าผมสังเกตุว่ามือทั้งสองข้างของกานต์ผลัดกันบีบไปมาตลอดทาง


“ถึงแล้วกานต์” ผมจอดรถที่หน้าบ้านก่อนจะลงไปเปิดประตูบ้าน


“หนีไม่ได้แล้วนะกานต์” ผมยิ้มให้เขา


“เราไม่ชอบที่เฟยทำแบบนี้เลย” กานต์ขมวดคิ้วใส่ผม


“จริงๆ” กานต์เสริม ผมได้ยักไหล่ให้เขา


“เข้าบ้านกันเถอะ” ผมพูดชวนกานต์ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป แต่กานต์ใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนจะลงจากรถตามผมเข้าไปในตัวบ้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่แม่ของผมเดินออกมาพอดี


“สวัสดีครับ ผมกานต์ครับ” กานต์รีบพูดพร้อมกับยกมือไหว้แม่ผม


“สวัสดีจ๊ะ” แม่ผมทัก


“คนนี้ไงแม่ ที่เฟยบอกว่าจะชวนมากินข้าวด้วยเย็นนี้” ผมหันไปพูดกับแม่


“ต้องขอรบกวนด้วยนะครับ” กานต์พูดกับแม่ผม


“จ๊ะ” แม่ผมว่า พร้อมกับยิ้ม


“งั้นตามสบายนะจ๊ะ แม่ไปทำกับข้าวต่อก่อนนะ” แม่พูด


“ครับ” ผมกับกานต์พูดพร้อมกัน แล้วแม่ก็เดินเข้าครัวไป ผมเลยพากานต์ไปที่ห้องรับแขกก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้อง

พอผมลงมาก็เจอไหมนั่งคุยกับกานต์อยู่ ผมไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน แต่กานต์ดูมีท่าทีตื่นๆแม้ว่าจะกำลังยิ้มอยู่ก็ตาม ไหมหันมาทางผมเพราะว่ากานต์กำลังมองผมอยู่ แต่ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปหาทั้งคู่ ไหมก็ลุกขึ้นเดินมาหาผมแล้วก็ลากผมออกไปยังสวนข้างบ้าน

“เฟย คนนี้เหรอที่ว่าจะพามาบ้าน? ที่บอกไหมเมื่อวันนั้น” ไหมถาม ผมแค่ยักคิ้วกลับไปแทนคำตอบ


“แล้วเม่อกี้คุยอะไรกัน” ผมถามบ้าง


“ก็แค่คำถามทั่วไป” ไหมตอบ


“แล้วไหมว่าไงบ้าง” ผมถามเพราะอยากรู้ว่าพี่สาวของผมจะมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับกานต์


“ไหมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่แม่กับป๊าอันนี้ไหมตอบไม่ได้หรอก โดยเฉพาะป๊า” ไหมทิ้งท้ายทำเอาผมหนาวๆร้อนๆเหมือนกัน


“ว่าแต่จริงจังขนาดไหน” ไหมมองหน้าผม


“ทำไมเหรอ” ผมสงสัยที่ไหมถาม


“อย่าไปหลอกใครเขามันไม่ดี” ไหมว่า


“รู้แล้ว” ผมบอก แล้วจึงเดินเข้าไปในบ้าน ไปหากานต์ที่นั่งเงียบๆคนเดียว มองนั่นมองนี่ไปรอบๆ

มื้อเย็นวันนี้ป๊าของผมไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วยเพราะติดงาน แต่ก็คงจะเป็นเรื่องดีสำหรับกานต์ เขาจะได้ไม่เกร็งไปมากกว่านี้ เพราะนอกจากจะยิ้มอย่างเดียวแล้ว ก็มีแค่ตอบคำถามเฉพาะเวลาที่มีคนถามเท่านั้น
“ไม่ต้องเกร็งแล้วนะกานต์” แม่ผมพูดพร้อมกับตักกุ้งให้


“ครับ ขอบคุณครับ” กานต์พูด


“กานต์เพิ่งมาสนิทกับเฟยที่มหาลัยเหรอ?” แม่ผมถาม


“ครับ” กานต์ตอบแม่ผม


“ดูเรียบร้อย ไม่ซนอย่างเฟยเลย” แม่หันมาหาผม


“แม่” ผมลากเสียงยาว


“อยู่มหาลัยเฟยเกเรบ้างไหมกานต์” แม่ผมถามต่อ


“ไม่ครับ จะมีก็นิสัยเถื่อนๆหน่อย แต่ก็ไม่ได้เกเรอะไร” กานต์บอก


“แต่ตอนนั้นก็เห็นบังคับให้ไปดูคอนเสิร์ตอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” ไหมพูดขึ้น


“ไม่ดีเลยนะเฟย” แม่หันมาดุผม


“อ้าว แม่ซะอย่างนั้น” ผมบ่น ผมสังเกตว่ากานต์ดูจะผ่อนคลายมากขึ้น


“อร่อยมากเลยครับ” กานต์พูดกับแม่ผมระหว่างที่ช่วยยกจานไปให้แม่ผมในครัว


“อร่อยก็มาบ่อยๆสิ” แม่ผมบอก


“ขอบคุณครับ” กานต์ยิ้ม


“ใช่ ก็มาบ่อยๆสิ” ผมเสริม แต่กานต์หันมาทำหน้าดุใส่ผม

หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ กานต์นั่งเล่นต่ออีกสักพัก ก่อนจะขอตัวกลับบ้าน ตอนแรกผมจะขับรถไปส่งกานต์ที่หอแต่เขาไม่ยอม ผมเลยได้แค่เดินไปส่งเขาที่หน้าปากซอยแทน

“ความจริงให้เฟยไปส่งที่หอดีกว่า” ผมยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปส่งกานต์ที่หอ แม้ว่าจะเดินมาได้เกินครึ่งทางแล้ว


“ไม่เป็นไร” กานต์บอกผม


“ไม่ต้องเกรงใจเฟยหรอก” ผมว่า แต่กานต์ไม่ได้ตอบอะไร

ผมกับกานต์เดินกันไปเงียบๆ บรรยากาศอึมครึมเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่ากานต์เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้วหรือเปล่า เพราะว่าเวลาไปกินข้าวด้วยกันหรือตอนอยู่บนรถ กานต์ก็จะเงียบๆไม่พูดอะไร แต่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนั้นก็คงไม่ใช่เพราะว่าก่อนหน้าที่ผมจะมีเรื่องกับไอ้แก็ปไอ้บรรยากาศอึมครึมพวกนี้มันก็หายไปแล้ว  ผมไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนช่วงแรกที่กานต์บังคับให้ผมคบกับเขา

กานต์เดินนำหน้าผมไปแล้ว ผมเลยรีบตามไปเดินข้างๆ ก่อนจะจับมือของกานต์ไว้ เขาตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ามาหาผม ผมจึงส่งยิ้มหวานไปให้เขา

“ปล่อยมือเราเฟย” กานต์บอกผม นั่นทำให้ผมต้องหุบยิ้มเพราะว่ามันไม่ได้ผลเลย กานต์ยังคงโกรธผมอยู่ แต่ผมยังดื้อไม่ยอมปล่อยมือ แถมเดินต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับแกว่งแขนข้างที่มือผมจับมือกานต์ไว้ จนเราทั้งคู่มาถึงหน้าปากซอย ผมโบกแท็กซี่ให้กานต์พร้อมกับเปิดประตูให้


“วันนี้เป็นไงบ้าง ถือว่าเฟยทำได้ดีไหม” ผมถาม


“เฟย เราไม่ชอบที่เฟยทำแบบนี้เลย” กานต์พูดทำเอาผมต้องหุบยิ้มอีกครั้ง


“เราไม่ชอบเซอร์ไพส์อย่างนี้เลย” กานต์เสริม ก่อนที่จะเข้าไปในตัวรถแล้วปิดประตู


“อ้าว” ผมว่า ได้แต่มองตามแท็กซี่ที่ค่อยๆห่างออกไป




ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 10-09-2015 05:32:19
ทำไมเฟยชอบทำให้กานต์รู้สึกไม่ดีตลอดฟร่ะ


แบบว่าตอนที่ไม่มีป๊อปมาเกี่ยวข้องก็ทำท่าจะดีขึ้น


แต่พอมีเรื่องของป๊อปมาเกี่ยวข้องก็ต้องพลอยทำให้กานต์กับเฟยทะเลาะกันทุกที


เมื่อไรเฟยจะเลิกให้ความสนใจป๊อปในเมื่อป๊อปก็มีแฟนไปแล้ว


แล้วตอนนี้ก็กำลังจะเปิดใจให้กานต์


ลองคิดเล่น ๆ นะว่าให้กานต์เหนื่อยจนทนไม่ไหวขอเลิกเองสักทีก็ดีเผื่อเฟยจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองชอบกานต์ไปแล้ว


คราวนี้ต้องเป็นเฟยที่ตามง้อตามจีบกานต์บ้างล่ะ เพราะกานต์ทำมาเยอะแล้ว!!!  :katai4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-09-2015 08:41:05
ป๊อปไม่รู้เหรอว่าเฟยชอบตัวเอง
มิน่าแก็ปถึงได้ไม่ค่อยชอบเฟย
เพราะแฟนตัวเองไปลันล้ากับเฟย
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 10-09-2015 10:17:59
ก็ยังไม่เข้าใจกานต์อยู่ดี
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-09-2015 10:44:19
 เขารักกันแน่หรือ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: DLuciFer ที่ 10-09-2015 11:18:07
ทำไมรู้สึกเหมือนว่า กานต์เข้ามากันเฟยออกจากป๊อปเพื่อแก๊ปเลยอ่ะ อาจจะแอบชอบเฟยแต่ไม่ได้เข้ามาเพราะชอบ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 18-09-2015 07:35:25
แวะมาปูเสื่อ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 18-09-2015 23:15:39
เฟยกับกานต์ปากหนักทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 09-10-2015 23:22:49
รอ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 10-10-2015 11:01:21
เหมือนไม่ได้รักกัน  รึคิดไปเอง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 10-10-2015 11:13:33
งงๆ กับสองคนนี้ = =' โดยเฉพาะกานต์ คิดอะไรอยู่
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 10-10-2015 12:58:49
อ่านแล้วยังไงไม่รู้
แต่ไม่อยากให้เฟยคบกับกานต์เลย
รอตอนต่อไปครับ

บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-10-2015 13:38:16
มาต่อได้แล้วค่ะ อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 29-10-2015 19:39:28
มาต่อเถอะ รอนานแล้ว
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: yanggi ที่ 29-10-2015 20:14:49
อยากรู้จัง ตกลงตอนนี้ใครชอบใครกันแน่ คนนึงขอคบแต่ไม่ใส่ใจ
อีกคนใส่ใจ แต่ก็ยังสับสนอยู่ โอ้ยยยยยย
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 31-10-2015 19:48:04
มารอจ้า
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 03-11-2015 23:21:55
รอครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 03-11-2015 23:46:43
รอ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 14-11-2015 02:57:41
บทที่ 15

เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับกานต์ต่อไปดี ทั้งๆที่คิดว่าถ้าพาไปกินข้าวที่บ้านแล้วกานต์คงจะหายงอนผม แต่พอกลายมาเป็นแบบนี้ผมก็รู้สึกท้อใจเหมือนกัน
ผมไม่เข้าใจว่ากานต์จะโกรธอะไรผมนักหนา ทั้งๆที่ทั้งหมดก็เพื่อให้เขาเห็นว่าผมพยายามแสดงว่าเขาเป็นแฟนผมอย่างที่เขาต้องการ กานต์บอกว่าไม่ชอบกานเซอร์ไพรส์ เขาคงคิดว่าผมกำลังจะแกล้งเขา แต่พอสุดท้ายแล้วมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วทำไมเขายังถึงโกรธผมอยู่
ผมขับรถไปเรื่อยๆพร้อมกับความคิดในหัวที่วนไปวนมา จนกระทั่งมาถึงหอกานต์ ผมเห็นเขายืนรออยู่ที่หน้าหอ พอรถผมเทียบจอดเขาก็เปิดประตูรถเข้ามานั่งโดยที่ไม่พูดอะไรกับผมเลยสักคำและยังคงไม่สนใจผมจนถึงมหาวิทยาลัย ผมไม่ชอบบรรยากาศอย่างนี้เลยจริงๆ อุตส่าห์หาไปตั้งนานแล้วไม่น่ากลับมาอีกเลย ผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังจะเป็นบ้า ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมแล้ว ผมจะไม่ปล่อยให้กานต์เป็นฝ่ายกระทำเพียงฝ่ายเดียว
“กานต์” ผมเรียกหลังจากที่เราทั้งคู่ลงมาจากรถแล้ว แต่กานต์เดินนำผมไปเลยโดยไม่มีทีท่ารับรู้ว่าผมเรียกแต่อย่างใด ผมจึงวิ่งเข้าไปหาและดึงแขนกานต์ไว้


“กานต์ไม่ได้ยินเฟยเรียกเหรอ” ผมถามแต่เขาแค่หันมามองผมเฉยๆ


“บอกเฟยหย่อยได้ไหม ว่าเฟยทำอะไรผิด” ผมว่า


“เมื่อวานเราก็บอกเฟยไปแล้วไงจำไม่ได้เหรอ” กานต์ตอบ


“เฟยจำได้แต่เฟยไม่เข้าใจ” กานต์เงียบเหมือนไม่สนใจสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไปเลย


“เฟยรู้ว่าเฟยผิดที่ไปต่อยไอ้แก็ปมัน เฟยรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเฟยที่จะเข้าไปยุ่ง แต่กานต์จะให้เฟยทนดูไอ้แก็ปมันลากป๊อบอย่างนั้นเหรอ” แต่กานต์ก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม


“แค่เพื่อนจริงๆ” ผมเสริม


“แล้วเราหล่ะเฟย จำได้ไหมว่าวันนั้นโมโหแล้วพูดอะไรกับเรา” กานต์ถามผมเสียงจริงจัง


“ก็เพราะรู้ไงว่านั้นเฟยทำไม่ดีกับกานต์ ก็เลยพาไปกินข้าวเป็นการขอโทษไง” ผมว่าเสียงอ่อน แต่การเบือนหน้าหนีหันไปทางอื่น


“เฟยขอโทษสำหรับทุกอย่างที่เคยทำไม่ดีกับกานต์ เฟยยอมแล้วจะให้ทำอะไรก็ได้ แต่หายโกรธเฟยเถอะนะ” ผมว่า ส่วนกานต์แค่หันมามองผม เสยผมที่ปิดหน้าเขาไว้ก่อนจะหันหน้าทางอื่นอีกครั้ง

ผมหยุดพูดเพราะหวังกานต์จะพูดอะไรออกมาบ้างแต่เขาแค่ถอนหายใจเท่านั้น ผมมองเขาที่กำลังทำเป็นไม่สนใจอยู่ ผมต้องทำยังไงถึงกานต์ถึงจะพอใจ ที่ผ่านมาผมรู้ว่ามันยังดีไม่พอแต่ผมก็พยายามอยู่เขาน่าจะเห็นใจผมบ้าง

“ไหนกานต์ว่าอยากจะให้กานต์ทำตัวเป็นแฟนกับกานต์ไม่ใช่เหรอ” ผมเริ่มพูดอีกครั้ง


“เฟยกำลังตั้งใจทำอยู่ มันอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวกันบ้าง แต่ทำไมเหมือนว่าเฟยทำอยู่แค่ฝ่ายเดียว” ผมมองหน้ากานต์ที่ตอนนี้หันมามองผมแล้ว สายตาที่เขามองผมก็ดูอ่อนลง


“บางทีเฟยก็รู้สึกเหนื่อย” ผมพูดจบก็เดินมุ่งหน้าขึ้นตึกเรียนโดยไม่ได้หันมามองว่ากานต์มีปฏิกิริยาอย่างไร

*****
“มึงทะเลาะกับกานต์มาเหรอว่ะ” ปลายถามผมระหว่างที่กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน


“อือ” ผมตอบ


“งั้นเย็นนี้ไปหาเบียร์เย็นๆกินกันดีกว่า” ผมส่ายหัวให้มันเพราะหลงนึกกว่ามันจะให้คำปรึกษาหรือพูดแสดงความเห็นใจกับผม


“ได้” แต่ผมก็ตอบตกลงมันโดยไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป เมื่อผมเดินออกมาพ้นประตูก็เจอกานต์ยืนรออยู่แล้ว พอกานต์เห็นผมเขาก็รีบเดินเข้ามาหา


“วันนี้ไปกินชาบูกันไหม” กานต์ยิ้ม


“คงไม่ได้วันนี้เฟยมีนัดกับพวกไอ้ปลายแล้ว” ผมพูดจบก็เดินผ่านกานต์ไปเลย


“เฟย” กานต์ดึงแขนเสื้อผมไว้


“มีอะไร” ผมหันมาหากานต์แต่ไม่ได้มองหน้าเขาเลย


“เฟย” กานต์ชื่อผมซ้ำเสียงอ่อน แต่พอผมไม่ได้พูดตอบอะไรกานต์เลยปล่อยมือที่จับแขนเสื้อผม จากนั้นผมก็เดินจากานต์อีกครั้งโดยไม่พูดอะไรเลย

   ตกเย็นผมไปกินเบียร์กับพวกไอ้ปลายตามที่ตกลงไว้ ร้านที่ผมไปก็เป็นร้านที่พวกผมไปประจำเวลาที่นัดกันไปดูบอลหรือเวลาที่อยากจะนั่งคุยกันเพราะร้านเป็นแบบเปิดโล่ง เลยไม่อึดอัดเหมาะแก่การนั่งชิลฟังเพลง จิบเบียร์ไปเรื่อยๆ แต่วันนี้ผมเน้นเป็นผู้ฟังเพราะไม่ค่อยมีอารมณ์อยากจะพูดสักเท่าไหร่

   “มึงยังไม่ได้เคลียร์กับกานต์อีกเหรอวะ” ไอ้ปลายหันมาถามผม


   “ทำไมวะ” ผมย้อมถามมันกลับ


   “ก็กูเห็นกานต์เมื่อตอนเย็น ดูหน้าจ๋อยๆ พอกูทักก็ยิ้มแหยๆมาให้” ปลายว่า ผมได้แต่ฟังไม่ได้ตอบอะไรมันไป แค่กระดกเบียร์ดื่ม

   ปกติเวลาผมมีเรื่องไม่สบายใจส่วนใหญ่ผมก็จะเราให้พวกมันฟังเพราะเราสนิทกันมากแต่สำหรับเรื่องนี้คงไม่ได้จริงๆ เพราะผมไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง แค่พวกมันไม่ว่าอะไรที่อยู่ดีดีผมก็มีแฟนเป็นผู้ชายผมก็รู้สึกโล่งใจมากแล้ว แต่จะให้ผมไปบอกว่าทั้งหมดที่เป็นแบบนี้เพราะกานต์ขู่ผมว่าจะปล่อยคลิปหากไม่ยอมตกลงคบกันเป็นแฟน คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

   ผมเริ่มมึนๆบ้างแล้ว จึงขอตัวกลับก่อน แต่ความจริงแล้วผมไม่ได้กลับบ้าน ผมตั้งใจจะไปหากานต์ เพราะอยากจะเคลียร์ปัญหาให้มันจบๆไป ผมขับรถมาไม่นานก็มาถึงหอของกานต์ พอผมจอดรถเรียบร้อยก็เดินมาที่ประตูทางเข้าพร้อมกับกดโทรศัพท์โทรออกหากานต์

   “ว่าไงเฟย” กานต์ทักผม


   “มีอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์เมื่อผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรเขาไป


   “คืนนี้เฟยของค้างหอกานต์นะ” ผมบอก


   “ทำไมล่ะ” กานต์ถาม


   “เฟยอยู่ข้างล่างหอแล้ว ลงมาเปิดประตูให้เฟยหน่อย” ผมพูดต่อโดยไม่สนใจที่กานต์ถาม เขาเงียบคงจะกำลังคิดว่าผมจะทำอะไรถึงมาขอค้างที่หอคืนนี้


   “งั้นรอเราแป็บหนึ่งนะ” กานต์บอกผมก่อนจะกดวางสายไป

   ไม่นานกานต์ก็ลงมาเปิดประตูให้ผม เขาขมวดคิ้วนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าผมมีอาการมึนๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร กานต์เดินนำผมไปยังห้องเงียบๆโดยผมก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน

   “ตามสบายเลยนะ” กานต์หันมาบอกผมก่อนจะเดินเข้าห้องไป

   ผมเดินตามหลังกานต์เข้าห้อง ครั้งนี้จะนับเป็นครั้งที่สองก็ได้ที่ผมมาที่ห้องนี้ถึงแม้ว่าครั้งแรกผมจะจำอะไรไม่ค่อยได้ก็ตาม ผมมองไปรอบๆห้องระหว่างที่เดินมาที่โต๊ะจีนตัวเล็กที่ตั้งอยู่เยื้องๆกับเตียงนอน ห้องกานต์ไม่ได้ใหญ่มากนักแต่มีห้องน้ำในตัว แถมยังมีระเบียงเล็กอยู่ด้วย ข้างๆเตียงมีโต๊ะหนังสือซึ่งพอผมมองดีก็รู้สึกว่ากล้องที่ถ่ายผมคืนนั้นก็จะตั้งอยู่บนโต๊ะตัวนี้ แต่ตอนนี้มีเพียงโน้ตบุ๊กกับกองหนังสือวางอยู่

   “บอกที่บ้านแล้วหรือยังว่าจะมานอนห้องเรา” กานต์มองหน้าผมสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย


   “บอกแล้ว” ผมตอบ


   “งั้นอาบน้ำก่อนดีกว่า จะได้หายมึน” กานต์พูดจบก็ลุกขึ้นไปค้นเอาผ้าขนหนู เสื้อ กางเกงและแปรงสีฟัน ออกมาให้ผมจากตู้เสื้อผ้า


   “โชคดียังเหลือแปรงสีฟันที่เราซื้อมาอยู่” กานต์ยื่นของทั้งหมดให้ผม

   ผมรับของแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป น้ำเย็นๆช่วงไล่อาการมึนไปได้บ้าง ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก พอออกมาผมก็เห็นกานต์นั่งเล่นโน้ตบุ๊กอยู่ ผมเดินผ่านกานต์มานั่งเช็ดหัวที่ปลายเตียง

   “ให้เราเช็ดหัวให้ไหม” กานต์หันมาถามผม ผมพยักหน้าแทนคำตอบ กานต์จึงหยิบผ้าขนหนูจากมือผมไปแล้วเริ่มต้นเช็ดหัวให้ผม


   “ขับรถทั้งที่เมาๆอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ” กานต์บ่น ผมแค่ฟังอย่างเดียวไม่ได้ตอบอะไรทั้งที่ผมคิดว่าผมไม่ได้เมาอะไรแค่มึนๆเฉย แต่ยอมรับว่าไม่ดีที่ขับรถในสภาพที่ไม่พร้อมอย่างนี้


   “หิวข้าวหรือเปล่า” กานต์ถาม แต่มือเขายังคงขยี้ผมของผมไปเรื่อยๆ


   “เฟย ยังไม่หายโกรธเราเหรอ” กานต์ถามผมหลังจากที่ผมไม่ได้ตอบอะไรเขาเลย


   “เรางี่เง่ามากไปเองแหละ” กานต์ว่า


   “เราขอโทษนะ” กานต์พูดก่อนจะเงียบไป

   หลังจากนั้นทั้งห้องก็มีแต่ความเงียบและความรู้สึกอึดอัด แต่ผมรู้สึกว่าครั้งนี้คนที่ปล่อยรังสีความอึมครึมก็คือผมไม่ใช่กานต์

   “ผมแห้งแล้ว เดี๋ยวเราเอาผ้าไปตากก่อนนะ” กานต์ว่าก่อนจะลุกออกไปที่ระเบียง ผมมองตามกานต์ไปแล้วก็ถอนหายใจเพราะรู้สึกโมโหตัวเองที่ทำตัวงี่เง่า ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะมาเคลียร์ปัญหาแต่ตัวผมเองกลับทำตัวเป็นปัญหาไม่ยอมพูดเสียเอง


   “ถ้าง่วงก็นอนก่อนได้เลยนะ หรือถ้าจะดูโทรทัศน์ รีโมตอยู่ตรงหัวเตียงนะ” กานต์ยิ้มเจื่อนๆให้ผม ก่อนจะหันไปหาโน้ตบุ๊ก ผมนั่งอยู่แบบนั้นสักพักแล้วก็ล้มตัวลงนอนมองดูกานต์แล้วก็หลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่กานต์เขย่าตัวปลุกผมในตอนเช้า

   “ตื่นได้แล้วเฟย” กานต์เรียกผม


   “อือ” ผมครางตอบ


   “ตื่นได้แล้วเฟย” กานต์ว่าพร้อมเขย่าตัวผม


   “ขออีกห้านาที” ผมบอกกานต์แล้วก็พลิกตัวคว่ำหน้านอนต่อ
*****

   การคัดตัวผู้ถือคฑาเดินนำขบวนสำหรับกีฬามหาวิทยาลัยปีนี้มาถึงแล้ว ผมเองในฐานะที่เป็นตัวแทนเมื่อปีที่แล้วจึงมีหน้าที่มาช่วยในการคัดเลือกและการซ้อมอย่างเลี่ยงไม่ได้ และนั่นทำให้ผมกลับมาเจอป๊อบอีกครั้ง เราต่างไม่ได้พูดคุยอะไรกันเพียงแค่ยิ้มทกทายกันเท่านั้น ผมหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้และสถานการณ์ที่จะก่อให้เกิดการสนทนา ส่วนป๊อบเองถึงแม้ว่าจะไม่ได้เมินผมไปเลยสักทีเดียวแต่เขาก็ระวังตัวไม่เข้ามาใกล้ผมเช่นกัน แต่ผมก็รู้สึกว่ามันดีแล้วที่เป็นอย่างนี้ เพราะอย่างน้อยกานต์ก็จะไม่ได้เอาป๊อบมาเป็นสาเหตุในการหาเรื่องผมอีก ซึ่งอันที่จริงผมต่างหากที่กำลังทำตัวมีปัญหาอยู่

   พอผมต้องมาใช้เวลาเกือบทุกเย็นมาฝึกซ้อมให้ผู้ถือคฑารุ่นใหม่ บางวันกานต์จึงต้องกลับบ้านเองอย่างเสียไม่ได้ และผมก็ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกับเขาเลย
   “กานต์วันนี้รีบกลับหรือเปล่า” ผมถามระหว่างที่เรากำลังกินข้าวกลางวันกันอยู่


   “ไม่ได้รีบไปไหนนะ” กานต์เงยหน้าขึ้นมามองผม


   “งั้นวันนี้รอเฟยได้ไหม เฟยจะได้ขับรถไปส่งกานต์ที่หอ” ผมว่า


   “ไม่ดีกว่า” กานต์ตอบแทบจะทันที ผมได้แต่มองหน้ากานต์อย่างเงียบๆ รู้สึกน้อยใจเล็กๆที่ถูกปฏิเสธ ผมเลยตั้งหน้าตั้งตากินข้าวโดยไม่พูดกับกานต์อีกเลย จนกว่าเขาจะรู้ตัวก็ระหว่างที่เรากำลังเดินกลับตึกเรียนกัน


   “เฟย รีบไปไหนเนี่ย” กานต์เรียกถามผมจากด้านหลังเพราะว่าผมเดินนำหน้าเขาอยู่ ผมได้ยินที่กานต์เรียกแต่ไม่ได้หยุดเดิน


   “เฟย” กานต์คว้ามือผมไว้ ผมเลยต้องหันไปหาเขาตามแรงดึก


   “เปล่า” ผมตอบแต่กานต์ยังคงจับมือผมอยู่


   “งอนอะไรเราเนี่ย” กานต์ถาม ส่วนผมแอบยิ้มในใจ


   “เฟย” กานต์เรียกผมเสียงอ่อน


   “ก็น้อยใจนิดหน่อย” ผมพูดเร็ว


   “น้อยใจเหรอ” กานต์ทวน


   “ก็กานต์ไม่เห็นจะสนใจเฟยเลย เมินเฟยตลอด อีกอย่างตั้งแต่เกิดเรื่องกานต์ไม่เห็นถามเฟยสักคำว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ผมว่า


   “แถมยังมาโกรธเฟยอีก” ผมเสริม


   “เราขอโทษที่งี่เง่าเรื่องที่เฟยพาไปกินข้าวที่บ้าน” กานต์ว่า


   “แต่เรื่องที่เฟยไปต่อยกับแก็ป เราไม่สนใจหรอกนะว่าเฟยจะเจ็บหรือเปล่า” กานต์เสริมเสียงดุ


   “ทำไม เพราะเฟยไปต่อยไอ้แก็ปใช่ไหมหรือว่าเพราะป๊อบ” ผมถาม


   “ไม่เกี่ยวกับป๊อบแล้วก็ไม่ใช่เพราะแก็ป แต่เป็นเพราะว่าเฟยไม่รู้จักระงับอารมณ์ตัวเอง คิดบ้างไหมเฟย ว่าถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่มันไม่ดีกับตัวเฟยเองเลยนะ เราก็แค่เป็นห่วง” กานต์จบประโยคด้วยเสียงเบา แต่ผมได้ยิน


   “เป็นห่วงเฟยเหรอ” ผมยิ้ม พยายามมองตากานต์ที่ตอนนี้เบือนหน้าหนีผมอยู่


   “งั้นเย็นนี้กลับพร้อมเฟยนะ” ผมกลับมาเรื่องเดิมเมื่อเห็นโอกาส


   “ไม่” ผมอยากจะเอาหัวลงไปโขกกับพื้นเหลือเกินหลังจากฟังที่กานต์ตอบผม


   “ทำไม” ผมขมวดคิ้วใส่


   “ก็กว่าเฟยจะเลิกก็เย็น เฟยจะได้ตรงกลับบ้านไปเลยไม่ต้องแวะส่งเราที่หอไง” กานต์อธิบาย แต่ผมไม่อยากฟังเลยหมุนตัวหันหลังให้เขา


   “เฟย” กานต์เรียกผม พร้อมกับเอามือสอดเข้ามาที่มือของผมอีกครั้ง ผมเลยจับมือกานต์ไว้แน่นแล้วจึงหันหน้าไปหาเขา


   “นะกานต์” ผมขอเสียงอ้อน คิดว่ากานต์คงจะเห็นใจผมบ้าง แต่กานต์กลับทำหน้าลำบากใจแล้วก็ส่ายหน้า  ผมยังไม่ยอมแพ้จึงเบะปาก ทำหน้าจ๋อยกลับไป


   “ตกลงเฟย” กานต์กำลังกลั้นขำอยู่
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 14-11-2015 03:00:11
สุดท้ายตอนเย็นกานต์ก็ไปนั่งรอผมที่ข้างสนาม แต่เขาไม่ได้สนใจผมเลยเพราะมัวแต่คุยกับแบมอยู่
   “ดีกันแล้วเหรอว่ะ” อัพถาม ระหว่างที่ผมกำลังมองกานต์อยู่


   “ฝีมือใช่ไหมหล่ะ” ผมยักคิ้วใส่มัน

   พอซ้อมเสร็จผมก็เดินตรงไปหากานต์ทันที แต่เขาก็ยังคงมัวแต่คุยอยู่เลยไม่ได้สังเกตว่าผมนั่งลงที่ข้างๆตัวของเขาแล้ว ผมก็เลยได้แต่นั่งรอเงียบๆรอให้กานต์คุยเสร็จก่อน หลังจากนั้นเกือบสามสิบนาทีแบมก็ขอตัวกลับ กานต์ถึงได้หันมาหาผม

   “กลับกันเลยเนอะ” กานต์หันมาพูดกับผม


   “รอจนง่วงแล้วเนี่ย” ผมบ่น กานต์ส่ายหัวก่อนจะลุกขึ้นยืน แต่พอผมไม่ได้ลุกขึ้นตามเขาจึงหมุนตัวหันมาหาผม ผมเลยชูมือขึ้นหวังให้กานต์ช่วยดึงให้ผมลุกขึ้น กานต์ส่ายหัวอีกครั้งแต่ก็ยอมดึงผมให้ลุกขึ้น   
   ผมวนรถไปจอดยังลานจอดรถของหอกานต์ และนั่นทำให้กานต์หันมาทำหน้าสงสัยใส่ผม

   “จะขึ้นไปบนห้องก่อนเหรอ” กานต์ถาม ผมพยักจึงพยักหน้าเป็นคำตอบ


   “เราว่ารีบกลับดีกว่านะเฟย เดี๋ยวมันจะดึก” กานต์พูดต่อ


   “ไม่รีบหรอก เพราะคืนนี้เฟยจะค้างที่หอกานต์ไง” ผมยิ้มให้เขา และกานต์ส่ายหัวอีกครั้งแล้วก็เดินลงจากรถเดินนำผมเข้าหอไป

   พอเข้าห้องผมก็ล้มตัวลงนอนคว่ำหน้ากับเตียงทันที ผมเอาหน้าขยี้กับหมอนสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นกานต์กำลังวางกระเป๋าตังค์บนโต๊ะข้างๆเตียงที่มีโน๊คบุ๊กวางอยู่ เมื่อกานต์เห็นผมมองอยู่เขาจึงค่อยๆนั่งลงข้างๆผม

   “จะลงไปกินข้าวก่อนหรือว่าจะอาบน้ำก่อน” กานต์ถามผม ระหว่างที่ผมกำลังพลิกตัวนอนหงายผมไม่ได้ตอบอะไรแต่ใช้มือข้างซ้ายซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับที่กานต์นั่งจับมือขวาของกานต์มากุมไว้ตรงหน้าอก


   “ว่าไงเฟย” กานต์ถามผมอีกครั้ง


   “กินข้าวก่อนดีกว่า” ผมใช้มืออีกข้างยังตัวขึ้นโดยที่มือซ้ายยังคงจับมือกานต์อยู่ ผมค่อยๆเลื่อนตัวเข้าใกล้กานต์ หน้าผมเข้าใกล้เขามากขึ้นๆ กานต์ขมวดคิ้วใส่ผมก่อนจะดึงมือของเขาออกล้วลุกขึ้นยืน


   “ลุกขึ้นเร็ว” กานต์ว่าแล้วเดินไปยังประตูห้อง ผมจึงต้องรีบลุกตามไป

   หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็ขึ้นห้องแล้วก็อาบน้ำ เวลาก็ล่วงไปถึงห้าทุ่มกว่าๆแล้ว ผมนอนอยู่บนเตียงส่วนกานต์นั่งดูโทรทัศน์อยู่พื้นตรงปลายเตียง โดยที่หลังของกานต์พิงเตียงอยู่ ผมเลยเปลี่ยนท่าหันหัวไปทางกานต์แทนก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆกานต์อีกครั้ง ผมนอนคว่ำตัวแต่ตั้งหัวขึ้นเพื่อมองดูโทรทัศน์ สลับกับมองกานต์ ผมทำแบบนี้สักพักจนกานต์ทักผม

   “มีอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์ถาม


   “เปล่า” ผมตอบ

   พอหนังที่ดูจบกานต์ก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำส่วนผมก็เปลี่ยนมานอนปกติเหมือนเดิม พอกานต์เดินกลับมาก็เดินมาขึ้นเตียงนอนเลย

   “ปิดไฟเลยนะ” กานต์ถามผม


   “อือ” ผมตอบ

   พอกานต์ดับไฟเสร็จ ทั้งห้องก็มืดสนิท ผมต้องใช้เวลาสักพักกว่าสายตาจะชินกับความมืด และแสงไฟจากข้างนอกที่เล็ดลอดผ้าม่านเข้ามาทำให้ผมพอมองเห็นบ้าง กานต์ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะนิ่งไป ผมพลิกตัวไปทางกานต์แต่เขานอนหันหลังให้ผม ไม่รู้ว่าเขาหลับไปแล้วหรือยัง

   “กานต์หลับแล้วหรือยัง” ผมลองหยั่งเชิงถาม


   “ว่าไง” กานต์ตอบ


   “เฟยขอถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่า” ผมถาม


   “ได้สิ” กานต์อนุญาต


   “ไอ้แก็ปมันเป็นเพื่อนสนิทของกานต์เหรอ” ผมเริ่ม


   “เปล่า แค่จบจากโรงเรียนเดียวกันเฉยๆ” กานต์ตอบ


   “แล้วทำไมมันชอบเข้ามาคุยกับกานต์บ่อยๆ” ผมถามต่อ


   “ก็ไม่เห็นแปลกนี่ ก็ทักทายกันปกติ” กานต์ตอบ แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะผมเคยเห็นไอ้แก็ปลูบหัวกานต์ด้วย ผมรู้สึกว่าแค่ทักทายไม่เห็นจำเป็นจะต้องลูบหัวเลย


   “แล้วกานต์มีเพื่อนมาเรียนที่นี่บ้างไหม” ผมเปลี่ยนเรื่อง


   “ไม่มีเลย เพื่อนเราพากันหนีไปต่างจังหวัดกันหมด” กานต์ตอบ แต่ยังคงหันหลังให้ผมเหมือนเดิม


   “แล้วกานต์ไม่อยากตามเพื่อนไปเหรอ” ผมถามต่อ


   “ก็อยากอยู่นะ แต่พอดีมีเรื่องบางอย่างต้องทำที่นี่” กานต์ว่า


   “เรื่องอะไรเหรอ” ผมสงสัย


   “ขอไม่ตอบแล้วกันเนอะ” กานต์ว่า ก็เป็นอันว่าหัวข้อนี้ต้องเป็นอันจบไป


   “งั้นเปลี่ยนเรื่องดีกว่า” ผมบอกกานต์


   “อือ” กานต์ว่า


   “กานต์ชอบไอ้แก็ปหรือเปล่า” ผมถามพยามยามทำให้น้ำเสียงดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กานต์เงียบไปหลังจากที่ผมถามสักพัก


   “ไม่ได้ชอบนะ” กานต์ตอบ


   “แล้วไอ้แก็ปมันมาจีบกานต์หรือเปล่า” ผมถามเพราะแค่อยากรู้ แต่ไม่ได้อยากให้ไอ้แก็ปมาชอบกานต์หรือให้กานต์ไปชอบไอ้แก็ปหรอก ทั้งๆที่มันน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าสำหรับเรื่องที่เป็นอยู่ แต่ผมไม่ได้อยากให้เป็นไอ้แก็ป ไม่รู้ทำไม ผมรู้แค่ว่าผมไม่ชอบมัน


   “เปล่านะ” กานต์ตอบ


   “แล้วกานต์ชอบคนแบบไหนเหรอ” ผมถามต่อ


   “อือ ไม่รู้เหมือนกัน” กานต์ว่า


   “แล้วคนที่กานต์เคยคบหล่ะ” ผมถาม


   “เราไม่เคยมีแฟน” กานต์ตอบทันทีที่ผมถามจบ


   “เหรอ” ผมว่า


   “แล้วกานต์ชอบเฟยบ้างแล้วหรือยัง” ผมถามทั้งๆที่รู้ว่ายังไงคำตอบก็คือ “ไม่” เพราะว่าหากกานต์ตอบว่า “ชอบ” หรือ “รัก” ทุกอย่างก็จะจบ ตามที่กานต์บอกไว้ ผมเคยแอบคิดว่าเขาอาจจะชอบผมแล้วหรือไม่ก็แอบชอบผมตั้งแต่แรก  หรือกานต์อาจจะไม่ได้ชอบผมเลยตามที่เขาแสดงออกมาในเวลาปกติ  แต่สุดท้ายหลังจากที่ผมถามกานต์ไป เขาก็ไม่ได้ตอบผม ผมจึงถือว่าเป็นอันสิ้นสุดการสนทนาสำหรับคืนนี้

   ผมยังคงนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาแผ่นหลังของกานต์อยู่โดยไม่รู้เลยว่าเขาหลับไปแล้วหรือยัง ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ๆกานต์ ก่อนจะยกแขนขวาผาดข้ามตัวกานต์ไปแล้วค่อยๆลดระดับลง หวังที่จะลองกอดกานต์ดูบ้าง กอดในแบบที่ไม่ใช่ที่ผมทำตอนที่พากานต์ไปหัวหิน แต่พอแขนของผมค่อยๆลดระดับลงจนเกือบจะถึงตัวกานต์ ผมก็หยุดแขนผมไว้อย่างนั้น ก่อนจะยอมแพ้ชักแขนกลับมา แล้วก็พลิกตัวนอนหงาย ผมพยายามที่จะทำแล้วแต่ก็ยังทำไม่ได้ มันคงจะต้องใช้เวลาหรือไม่ก็คงต้องหาวิธีอื่น

*****
“เฟยวันนี้เราต้องรีบกลับนะคงไปรอเฟยซ้อมไม่ได้” กานต์บอกผมระหว่างทางมามหาลัย


   “อ้าว” ผมว่า


   “เราต้องรีบกลับไปแก้งาน ต้องส่งวันพรุ่งนี้แล้ว” กานต์ถอนหายใจ


   “อันที่จริงแก้มาสองวันแล้วแต่ยังไม่เสร็จเลย” กานต์เสริม


   “ให้เฟยไปช่วยไหม” ผมเสนอตัว


   “ใจดีมากเลยเฟย แตไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” กานต์ว่า


   “เหรอ” ผมว่า

   แต่พอหลังจากผมช่วยซ้อมคฑากรตอนเย็นเสร็จ ผมก็ขับรถตรงไปหอกานต์ทันที เมื่อไปถึงหอกานต์เขาก็ลงมานับโดยที่หัวยุ่งๆเหมือนคนเพิ่งจะตื่นนอน

   “เฟยมากวนหรือเปล่า” ผมถามระหว่างเดินตามกานต์ไปยังหอของเขา


   “เปล่าไม่ได้กวน ที่หัวยุ่งๆเนี่ยเราแค่เผลอหลับไป” กานต์หันมายิ้มให้ผม

   พอเราทั้งคู่เดินเข้าห้อง กานต์ก็เดินตรงไปทำงานที่โต๊ะเขียนหนังสือทันที ส่วนผมก็ลงนอนที่เตียงข้างๆกานต์

   “เราขอทำงานอีกแป๊บหนึ่งเดียวลงไปหาอะไรกินกัน” กานต์หันมาพูดกับผม
   ผมมาถึงห้องกานต์ตอนประมาณหกโมงเย็น แต่ตอนนี้เกือบจะสามทุ่มแล้วกานต์ก็ยังคงนั่งทำงานอยู่

   “กานต์” ผมเรียก


   “แป๊บหนึ่งนะเฟย ขออีกนิดเดียว” กานต์ตอบผมแต่ตายังคงจ้องแต่โน๊ตบุ๊ก


   “เอาอย่างนี้เดี๋ยวเฟยช่วย” ผมพูดจบก็หยิบเอกสารที่กานต์ใช้ประกอบในการทำงานมาดู


   “เฟย ไม่เป็นไร” กานต์ร้อง พร้อมกับเอื้อมมือจะเอาเอกสารคืนจากผม แต่ผมโยกตัวหลบด้วยความรวดเร็ว


   “เดี๋ยวเฟยช่วย” ผมลุกขึ้นจากเตียงเพราะกานต์กำลังลงมาที่เตียงเพื่อจะแย่งเอกสารไปจากมือผม


   “เฟยเอาคืนมา” กานต์ไม่พูดเปล่า แต่กระโจนใส่ผมและพยายามแย่งเอกสารคืน แต่ผมก็สามารถหลบจากการจับกุมของกานต์ได้อีกครั้ง


   “เฟย” กานต์ทำเสียงดุ คิ้วขมวดชนกัน ทำให้ผมรู้ตัวว่าเวลาเล่นหมดลงแล้ว เพราะกานต์คงจะกำลังโมโหอยู่ ผมจึงต้องยื่นเอกสารคืนให้แต่โดยดี

   พอกานต์ได้เอกสารไปก็รีบกลับไปนั่งที่ตกทำงานต่อทันที ส่วนผมได้แต่นั่งเงียบๆอยู่บนเตียงเพราะรู้ตัวว่าโดนโกรธเข้าให้แล้ว

   ผ่านไป 20 นาทีกานต์ก็ปิดโน้ตบุ๊ก เป็นสัญญาณว่ากานต์ทำงานเสร็จแล้ว

   “เฟย” กานต์เรียก


   “ครับ” ผมตอบ ไม่แน่ใจว่ากานต์หายโกรธผมแล้วหรือยัง


   “ขอโทษนะที่ทำให้รอนาน” กานต์ยิ้มให้ผม ผมจึงส่งยิ้มกลับไปให้ และรู้สึกโล่งใจว่าเขาหายโกรธผมแล้ว


   “แต่อย่าทำอย่างนั้นอีกนะเฟย” กานต์บอกผมเสียงเข้ม


   “ขอโทษครับ” ผมพูดเสียงอ่อย พร้อมทำหน้าสำนึกผิดหวังให้กานต์เห็นใจ แต่กานต์ทำหน้าอ่อนใจและส่ายหัวแค่นั้น


   “ไปหาอะไรกินดีกว่า เราหิวแล้ว” กานต์ชวน

   วันนี้เราเลือกเป็นร้านอาหารตามสั่งที่ตั้งอยู่ริมทางเท้าใกล้ๆหอกานต์ และกานต์คงจะหิวมากจริงๆเพราะสั่งอาหารมาหลายอย่างมาก กานต์มีสีหน้าที่ดูขึ้นคงจะเป็นเพราะว่าแก้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมไม่รู้ว่ากานต์มีปัญหาเรื่องการเรียนมากน้อยแค่ไหน แต่จากตอนที่ผมแหย่กานต์ก็พอจะบอกได้แค่ว่าเขาค่อนข้างจะเป็นคนจริงจังกับการเรียนในระดับหนึ่ง แต่กานต์ไม่เคยเล่าเรื่องปัญหาการเรียนให้ฟัง จริงๆแล้วกานต์แทบจะไม่เราเรื่องของเขาให้ผมฟังเลย ส่วนใหญ่เวลาอยู่ด้วยกันถ้าไม่คุยเรื่องทั่วไป ก็คุยถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราทั้งคู่ในเวลานั้น หรือไม่ก็ต่างคนต่างเงียบ

   ผมเองก็เพิ่งจะรู้สึกว่าหิวมากเหมือนกันก็ตอนที่อาหารทยอยมาเสิร์ฟ เราทั้งคู่ลงมือกินโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก จนผมหยุดกินน้ำก็เห็นว่ากานต์กำลังนั่งมองผมอยู่

   “มีอะไรติดหน้าเฟยหรือเปล่า” ผมถาม


   “เราขอโทษนะที่ปล่อยให้ต้องรอจนหิว” กานต์บอกผม


   “ไม่เป็นไร” ผมตอบแล้วเริ่มกินต่อ

   หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็เดินตามกานต์เข้าร้านสะดวกซื้อ กานต์แยกออกไปหยิบของอีกโซนหนึ่ง ส่วนผมยืนจ้องตู้ไอศกรีมอยู่ ในจังหวะที่กำลังยืนตัดสินใจว่าจะเลือกกินรสไหนดี กานต์ก็มาสะกิดไหล่ผม ผมเลยยกเลิกการกินไอศกรีมและเดินตามกานต์ไป

   “ขับรถกลับดีดีนะ” กานต์บอกลาผมเมื่อเดินกลับมาถึงหน้าหอ แต่ผมส่ายหัวให้กานต์


   “จะขึ้นหอก่อนเหรอ แต่นี่ก็ดึกมากแล้วนะ” กานต์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา


   “ใครบอกว่าเฟยจะกลับ คืนนี้เฟยจะนอนค้างที่หอกานต์” ผมยิ้ม


   “เฟยมาค้างหอเราบ่อยไปแล้วนะช่วงนี้” กานต์มองผมอย่างสงสัย ผมเลยคว้ามือกานต์เพื่อเดินเข้าหอ เขาเลยต้องเดินตามผมมาตามแรงดึงแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

   หลังจากกานต์อายน้ำเสร็จ ผมก็เข้าไปอาบน้ำต่อ ผมออกจากห้องน้ำในสภาพที่ถอดเสื้อ มือข้างหนึ่งถือผ้าขนหนูไว้ มีเสื้อยืนสำหรับใส่นอนผาดอยู่บนบ่า ผมเดินตรงเข้าไปหากานต์ที่นั่งขยี้ผมอยู่บนพื้นตรงปลายเตียง

   “เช็ดหัวให้เฟยหน่อย” ผมพูดพร้อมกับยื่นผ้าขนหนูไปให้


   “ได้สิ นั่งลง” กานต์ว่า ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ส่วนผมก็นั่งลงตามที่กานต์บอกแต่หันหน้าเข้าหากานต์


   “ทำไมไม่หันหลังหละ แล้วเราจะเช็ดหัวได้ยังไง” กานต์ว่า


   “เช็ดได้สิ ไม่เป็นไรหรอก” พอเห็นว่าผมพูดอย่างนั้น กานต์ก็เลยเอาผ้าขนหนูคลุมหัวผมแล้วเริ่มขยี้หัวผมเบาๆ มือของกานต์ค่อยๆคลึงไปทั่วหัวของผม จากด้านหลังไปด้านบนและค่อยขยับมาด้านหน้า สลับกันไป ผมยอมรับว่าผมรู้สึกดีมาก  ทั้งๆที่ปกติไม่ค่อยชอบให้ใครมาจับหัวก็เลยไม่เคยรู้ว่าเวลาที่มีคนมาเช็ดหัวให้จะรู้สึกอย่างไร แต่พอผมได้มาลองแล้วผมอย่างจะล้มตัวนอนลงไปเลย


   “พอแล้วเหรอ” ผมถามกานต์ เมื่อเขาหยุดและเอาผ้าขนหนูออกจากหัวของผม


   “ก็แห้งแล้วนะ” กานต์บอก


   “ยังเลย นี่ยังชื้นๆอยู่เลย” ผมสางผมด้านหน้าให้กานต์ดู กานต์เลยนั่งลงแล้วค่อยๆใช้มือสางไปตามเส้นผม

   เมื่อผมของผมแห้งแล้วกานต์ก็ลุกเดินไปที่ระเบียงเพื่อเอาผ้าขนหนูไปตาก ผมไม่รอช้ารีบเดินตามไป ก็เห็นกานต์กำลังหันหลังให้ผมอยู่ ผมค่อยเดินเข้าไปใกล้ๆ

   “มีอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์ผมทั้งๆที่ยังหันหลังให้ผมอยู่


   “เปล่า” ผมบอก สงสัยว่าทำไมกานต์ถึงรู้ตัวทั้งๆที่กำลังหันหลังแถบยังมัวแต่ตากผ้าขนหนูอยู่อีกต่างหาก


   “แล้วทำไมยังไม่ใส่เสื้ออีก” กานต์ถาม หลังจากที่หันหน้ามาหาผม ผมเลยรีบวิ่งไปหยิบเสื้อที่เตียงมาใส่ แต่พอจะวิ่งกลับไปที่ระเบียงกานต์ก็เดินเข้ามาในห้องแล้ว


   “มีอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์ถามผมอีกครั้ง


   “ทำตัวแปลกๆนะ” กานต์เสริม แถมยังมองผมไม่วางตาในระหว่างที่กำลังเดินไปนุ่งที่ปลายเตียงเพื่อดูโทรทัศน์

   ผมทำตัวแปลกอย่างที่กานต์ว่านั่นแหละ แต่เป็นเพราะผมแค่อยากให้กานต์สัมผัสตัวผมบ้าง อันที่จริงผมอยากที่จะสัมผัสตัวกานต์มากกว่า เหตุผลก็เพราะว่าไอ้ความไม่กล้าในคืนนั้นที่มันค้างคาใจผมอยู่ ทั้งๆที่ผมรู้สึกว่าอะไรๆมันเริ่มดีขึ้นมากแล้ว แต่ผมก็ยังไม่สามารถที่จะกอดกานต์ได้ เลยอยากให้กานต์เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ไม่รู้ว่าจะพูดกับกานต์ว่าอย่างไร กลัวว่าถ้าขอกานต์ไปแล้วและไม่กล้ากอดหรือทำให้กานต์โกรธขึ้นมาอีก ผมอาจจะต้องกลับไปสู่บรรยากาศอึมครึมอีกครั้งซึ่งผมไม่อยาก

   “กานต์” ผมเรียกก่อนจะนั่งลงข้างๆเขา


   “ว่า” กานต์หันมาหาผมสีหน้าเป็นกังวล


   “เฟยเป็นอะไรหรือเปล่า” กานต์ถาม


   “กอดเฟยหน่อยสิ” ผมบอก กานต์ชงักไปนิดหนึ่งหลังผมพูดจบ


   “ทำไมหละ” กานต์ถาม


   “ก็เฟยอยากให้กานต์กอด” ผมโครตจะรู้สึกอายเลยที่ขอไปอย่างนั้น


   “แค่กอด” ผมเสริม


   “รู้แล้ว แค่กอด” กานต์ทวนคำผมก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ๆผม เขาสอดแขนทั้งสองข้างผ่านช่องระหว่างแขนกับตัวผมไป กานต์กระชับตัวเข้ามาใกล้มาขึ้น เขาวางมือทั้งสองของเขาไปที่แผ่นหลังของผม ส่วนคางเกยอยู่ที่ไหล่ข้างขวา และมือของผมวางไว้ที่บริเวณสะโพกของกานต์ ตัวของกานต์ยังนิ่มเหมือนครั้งนั้นที่เขาโผเข้ากอดผมตอนที่อยู่ที่สถานีตำรวจ ไม่ได้นิ่มขนาดตัวของผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้แข็งเหมือนของผม ผมกดจมูกลงที่ไหล่ของเขาได้กลิ่นของสบู่อ่อนๆ กลิ่นที่เหมือนกับของผม มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังดมตัวเองอยู่มากกว่า


   “เป็นยังไงบ้าง” กานต์ถามขึ้น หลังจากเงียบกันไปพักใหญ่ๆ


   “รู้สึกแปลกๆ” ผมตอบออกไปตามความรู้สึกจริงๆ เพราะว่าไม่ได้รู้ดีแต่ก็ไม่ได้รู้แย่ แต่แค่รู้สึกว่าทำไมต้องมาทำอะไรอย่างนี้ รู้สึกว่าตัวเองฝืนใจที่จะทำ กานต์ยิ้มเจื่อนๆให้ผมก่อนจะหันหน้าไปสนใจโทรทัศน์เหมือนว่าเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

*****
   
หลังจากวันนั้นผมก็ยังไม่ได้ไปค้างที่หอกานต์อีก เพราะว่ายังคงสับสนกับตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่เลยอยากจะรอลองเว้นระยะจากานต์ดูบ้างแต่ยังคงไปรับและส่งกานต์เหมือนเดิม กานต์เองก็ไม่ได้ว่าอะไรหรือโกรธที่ผมตอบไปว่า ”รู้สึกแปลกๆ” ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกให้กานต์ฟังว่าอย่างไรดี ผมอยากอธิบายให้เขาฟังมากกว่านี้ แต่ผมเองก็ยังบอกตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร ก็เลยจนปัญญาที่จะอธิบายออกไปจริงๆ

   กานต์ดูเงียบๆไปเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เพราะผมสังเกตว่าเวลาที่เขารอผมซ้อมตอนช่วงเย็นกานต์มักจะมองไปไกลๆ แม้กระทั่งเวลาที่กำลังคุยกับผมอยู่ จนผมคิดว่าเขาโกรธผมแล้วแน่ๆ แต่พอชวนไปไหนหรือหาอะไรกินกานต์ก็ดูตอบรับผมดีและไม่มีบรรยากาศอึมครึม

   “เป็นอะไรเฟย” ไหมถามผมระหว่างที่นั่งกันอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์


   “ทำไมเหรอ หน้าเฟยดูเหมือนว่าเป็นอะไร” ผมย้อนไหม


   “เฟย” ไหมดุ


   “ก็แค่งงอะไรนิดหน่อย” ผมบอก


   “งงเหรอ?” ไหมทำหน้าเหมือนรู้อะไรบางอย่าง


   “ลองกลับไปทำซ้ำดูสิเดี๋ยวก็ได้คำตอบเองแหละ” ไหมว่า


   “แต่ถ้ามันไม่เวิร์คก็คงต้องเลิก” ไหมเสริมพร้อมกับพยักหน้าก่อนจะลุกเดินหนีไป

*****

   ช่วงบ่ายวันเสาร์หลังจากที่ผมช่วยซ้อมเสร็จ ผมก็แวะไปหากานต์ที่หอ ผมตกลงกับกานต์ไว้ก่อนแล้ว่าเย็นนี้จะไปกินชาบูกัน แล้วคืนนี้ผมจะค้างที่หอกานต์ แต่เรื่องหลังนี้ผมยังไม่ได้บอกกานต์

   ผมนอนกลิ้งอยู่บนเตียง ในระหว่างที่กานต์นั่งคิ้วขมวดทำงานอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นตรงปลายเตียง

   “หิวไหม เดี๋ยวเราลงไปซื้อขนมให้กินดีกว่า” กานต์หันมาพูดกับผม


   “ไม่เป็นไร” ผมปฏิเสธ แต่กานต์ไม่ได้ฟังผมเลยเพราะตอนนี้เขาเดินลุกขึ้นไปที่หน้าประตูแล้ว


   “งั้นเฟยไปด้วย” ผมลุกขึ้นจะเดินตามไป


   “ไม่เป็นไร เฟยรออยู่นี่แหละ” กานต์ยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป

   ผมถูกทิ้งให้อยู่ในห้องตามลำพัง ผมก็เลยกลับลงไปนอนกลิ้งกับเตียงเหมือนเดิม ผมมองไปรอบๆแล้วสายตาผมก็ไปสะดุดเข้ากับโน้ตบุ๊กของกานต์ที่เปิดค้างทิ้งไว้ มันทำให้ผมนึกถึงคลิปวิดีโอนั้นและผมต้องลบมันทิ้งซะ ไวเท่าความคิดผมเคลื่อนตัวลงจากเตียงไปที่โน้ตบุ๊กและเริ่มค้นหาตามโฟลเดอร์ต่างๆ ผมใช้เวลาไม่นานนักก็เจอคลิปวิดีโอที่ตามหา ผมเริ่มโหลดโปรแกรมลบไฟล์อย่างถาวรมาก่อน โปรแกรมใช้เวลาโหลดไม่นานมากนักแต่มันก็นานมากจนผมแทบจะรอไม่ไหว ระหว่างที่รอโหลดโปรแกรมอยู่นั้นผมก็ลองหาดูว่ากานต์ได้ทำสำเนาวิดีโอนี้เก็บไว้ที่ไหนอีกหรือไม่ แต่ก็ไม่เจอสำเนาของวิดีโอนี้เลย และโปรแกรมก็โหลดเสร็จพอดี ผมไม่รอช้ารีบกดลบไฟล์ทันทีก่อนจะทำการถอนการติดตั้งโปรแกรมลบไฟล์ถาวรออก แต่ในระหว่างที่ผมกำลังลุกขึ้นจากพื้นขึ้นไปบนเตียง ผมก็หันไปเห็นกานต์ยืนอยู่ที่หน้าประตูกำลังยืนจ้องผมอยู่

   “อ้าว ทำไมไม่ได้ซื้อขนมมาหละ?” ผมถาม พยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด เพราะไม่รู้ว่ากานต์เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน


   “เฟยทำอะไร” กานต์เดินเข้ามาหาผม


   “ก็ช่วยดูงานของกานต์ให้ไง” ผมขยับมานั่งตรงปลายเตียง


   “แต่งานเราไม่ได้อยู่ในโฟลเดอร์นี้” กานต์ชี้นิ้วไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างอยู่ ซึ่งเป็นหน้าโฟลเดอร์ที่ผมลืมปิด


   “เฟยลบคลิปวิดีโออันนั้นไปแล้วเหรอ” กานต์หันมาพูดกับผมหลังจากค้นไฟล์ในโน้ตบุ๊กสักพัก


   “มันสำคัญยังไงกานต์ ก็เฟยกับกานต์ก็เป็นแฟนกันแล้วไง” ผมถาม


   “แล้วถ้ามันไม่สำคัญเฟยจะลบทำไม” กานต์เริ่มพูดเสียงดัง คงด้วยโมโห


   “อ๋อ” กานต์พูดเหมือนว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง


   “เฟยทำทุกอย่างก็เพื่อวันนี้ใช่ไหม” กานต์มองหน้าผม


   “มาค้างหอเราเพราะรอจังหวะจะลบคลิปใช่ไหม” กานต์เสริม


   “ไม่ใช่นะกานต์” ผมบอก แต่กานต์ไม่ได้สนใจที่ผมพูดเลย


   “ถ้าไม่ใช่แล้วลบคลิปทำไม” กานต์เน้นทุกคำที่พูดออกมา


   “เราคิดว่าเฟยจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่เฟยก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่รักษาสัญญา” กานต์ว่า ผมก็เริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน


   “หลอกกันได้ยังไง ไม่เคยคิดจะพยายามทำอะไรให้มันดีขึ้นเลยใช่ไหม” กานต์ยังคงพูดต่อไป


   “เฟยเหรอไม่พยายาม แล้วที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร” ผมเสียงดังใส่กานต์บ้าง


   “ใช่พยายามมากเลย พยายามมาลบคลิปจากโน้ตบุ๊กเรานะ” กานต์ประชด


   “แล้วจะให้เฟยทำยังไงในเมื่อเฟยไม่ได้รักกานต์เลย” ผมว่า กานต์จ้องหน้าผมตาเริ่มแดง


   “แล้วจะยอมตกลงเป็นแฟนกับเราทำไม” กานต์ถาม ผมเงียบไม่ตอบอะรพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่


   “เราไม่ยอมหรอกนะเฟย” กานต์ว่า


   “แล้วกานต์จะให้เฟยทำยังไง” ผมถามเสียงเข้ม เหมือนเดิมกานต์ก็ยังไม่ฟังที่ผมพูด เขาลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมเตียงไปยังโต๊ะเขียนหนังสือ


   “หึ เฟยคิดเหรอว่าเราจะเก็บคลิปไว้ที่ในโน้ตบุ๊กที่เดียว” กานต์พูดระหว่างที่เดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ก่อนจะหันหน้าจอที่มีคลิปวิดีโอกำลังเล่นอยู่หันมาทางผม ผมพุ่งเข้าใส่กานต์เพื่อแย่งโทรศัพท์จากมือกานต์

   ผมแย่งโทรศัพท์จากานต์มาได้สำเร็จ แต่กานต์ยังไม่ยอมแพ้ เขาเอาตัวกระแทกผมลงบนเตียง และพยายามแกะมือผมออกจากโทรศัพท์ของเขา

   “ปล่อยนะเฟย” กานต์ว่า ก่อนที่โทรศัพท์จะลื่นหลุดออกจากมือผมเพราะเหงื่อ กานต์ไวกว่าจึงคว้าโทรศัพท์ไว้ได้ก่อน เขากระโดดลงจากเตียงและวิ่งไปที่ประตู ผมกระโจนตามไปแล้วใช้แขนล็อกคอกานต์จากด้านหลัง กานต์พยามยามใช้มือที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์แกะแขนของผมออก ส่วนอีกมือนั้นพยายามหลบมือของผมที่พยายามคว้าโทรศัพท์อยู่ กานต์พยายามดิ้นจนหลุดออกจากแขนของผมที่ล็อกคอเขาได้สำเร็จ แต่ยังโดนผมจับแขนไว้อยู่หนึ่งข้าง

   ผมคว้าโทรศัพท์ได้แต่กานต์ยังคงจับโทรศัพท์ไว้อยู่เหมือนกัน ผมพยายามดึงกานต์ก็เช่นกันแต่กานต์ใช้มืออีกข้างจิกเล็บลงบนมือผม เพราะความเจ็บผมจึงเหวี่ยงมือออกไปและนั่นส่งผลให้กานต์ปลิวไปพร้อมกับโทรศัพท์ที่อยู่ในมือข้างซ้าย ก่อนจะล้มลงโดยใช้มือขวาท้าวลงกับพื้นก่อนที่ตัวจะถึงพื้น

   “กานต์” ผมชงักเพราะเห็นกานต์ทำหน้าเจ็บตอนตัวกระแทกลงกับพื้น

       
        “พอกันทีเฟย เราปล่อยคลิปแน่” กานต์ว่าเสียงดัง


   “เออ อยากจะทำอะไรก็ทำ” ผมตะโกนใส่กานต์ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วก็เดินออกจากห้องของกานต์ไป








ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: yanggi ที่ 14-11-2015 03:02:57
หวานซะงั้น  :katai1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 14-11-2015 04:02:53
 :z3: :z3: :z3:


ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


มาต่อตอนต่อไปเร็วๆได้ไหม???
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: mefayysuju ที่ 14-11-2015 09:52:49
แย่ลงไปอีก... มาต่อเร็วๆนะ ;-;
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 14-11-2015 11:16:06
             อ้าาาาา ค้างมากๆ มาต่อตอนใหม่เร็วๆนะคับ อยากอ่าน อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 14-11-2015 13:25:40
ค้างมาก มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-11-2015 14:33:21
ลุ้นต่อไปว่ากานจะปล่อยอะไร
ระหว่างปล่อยคลิปกับปล่อยเฟย

มาต่อเร็วๆนะ มันค้างมากมายก่ายกอง
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 14-11-2015 14:58:48
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเดาตอนต่อไปไม่ถูก
55555555

บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 15-01-2016 22:46:24
รออยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-01-2016 23:24:14
มาต่อเถอะนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: frainnee ที่ 16-01-2016 00:26:55
เอะอะก็เอาคลิปมาขู่ เอาจิงๆถ้าเป็นเราคงรักได้ไม่สนิทใจหรอก กานต์จะมีเหตุผลอะไรก็ตามแต่วิธีนี้ไม่ดีเลย ความรู้สึกของเฟยเลยก้ำกึ่ง มันไม่สุด เพราะจุดเริ่มต้นมันไม่ดี พล็อตไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ลูปมาก
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 16-01-2016 08:19:47
หายไปนานจัง.  หลับหลายตื่นแล้ว รีบมานะครับพวกเรารออยู่ฃ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 16-01-2016 10:27:04
ยิ่งอ่านยิ่งดราก์ ทำไมกานต์กับเฟยเป็นแบบนี้ฟร่ะ

กานต์ก็ชอบทำตัวลึกลับ ไม่แสดงอาการหรือความรู้สึกเลย

ส่วนเฟยก็ใจร้อนไม่เปิดใจ โว้ยยย!!  :ling1:

ยิ่งอ่านยิ่งดราม่าอ่ะ T^T ขอไปจิกหัวตัวเองแปป :serius2:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 01-02-2016 02:59:11
บทที่ 16

   ผมมายืนอยู่หน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ผมนัดเพื่อนไว้ จะเรียกเพื่อนก็ไม่เชิงแต่อย่างน้อยผมและเขาก็มีเป้าหมายเดียวกันหากจะเรียกเพื่อนก็คงไม่ผิดนัก แต่ผมไม่ได้มาเพื่อสังสรรค์หรือกินดื่มแต่อย่างใด ผมมาด้วยเหตุผลอื่น ผมกดโทรศัพท์โทรออกเพื่อนสอบถามว่าเขานั่งอยู่จุดไหน เมื่อยืนยันโต๊ะที่นั่งเรียบร้อยแล้วผมก็เดินเข้าไปในร้าน แสงไฟที่สลัวจนมองหน้ากันไม่ชัดเจนและจำนวนคนที่เบียดเสียดเต้นกันอยู่นั้นก็ทำเอาลำบากเอาการที่จะค่อยแทรกตัวผ่านไป

   “นึกว่าจะไม่มา” เขาทักเมื่อผมมาถึงโต๊ะ ผมพยักหน้าตอบก่อนจะนั่งลงข้างๆเขาหันหลังให้กำแพง หันหน้าไปสู่ผู้คนในร้าน

   “มันนั่นอยู่ทางโน้น” ผมมองไปตามที่เขาบอก เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นผู้ชายกำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ แต่มีหนึ่งคนในนั้นที่กระดกแก้วเหล้าถี่ๆเหมือนกับว่าเขากระหายน้ำมากๆ โดยมีหญิงสาวนางหนึ่งคอยเติมเหล้าให้เรื่อยๆ และเขาก็คือเป้าหมายของผม

   “แม่งกินขนาดนั้นกูว่าคงอีกไม่นานหรอก” หูผมฟังอยู่ แต่สายตายังคงจับจ้องไปยังคนที่กระดกแก้วเหล้าอยู่

   “อ่ะ เอาไว้ใช้” มือที่มีซองที่บรรจุถุงสีขาวอยู่ภายในถูกยื่นมาให้ผม

   “มันคืออะไรแก็ป” ผมถามแต่ก็เก็บถุงนั้นใส่กระเป๋า

   “ตัวช่วยไง คืนนี้จะได้ไม่พลาด” แก็ปบอก ผมพยักหน้าแสดงให้รู้ว่าผมเข้าใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร

   เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เป้าหมายของผมเริ่มมีการเคลื่อนไหว เขากำลังมุ่งหน้าไปห้องน้ำโดยมีผู้หญิงคนนั้นช่วยประคองอยู่ แก็ปพยักหน้าให้ผมเตรียมตัวส่วนเขาก็สั่งเก็บเงิน แล้วเราทั้งคู่ก็เดินตามไป

   “ขอบใจนะ เดี๋ยวไว้ตอบแทนทีหลัง” แก็ปพูดกับผู้หญิงที่เป็นคนพยุงเป้าหมายของผมมา เธอพยักหน้าให้แก็ปทีหนึ่ง ก่อนจะหันมามองผม แล้วก็เดินจากไป

   “อ้าวเฟย” ผมแกล้งทักเมื่อเป้าหมายของผมเดินโซเซออกมาจากห้องน้ำ เขาหันมามองผมก่อนจะส่งยิ้มแบบเมาๆมาให้ผม

   “กานต์” เฟยทักผม

   “ไหวหรือเปล่าเนี่ยกลับบ้านไหมเดี๋ยวเราไปส่ง” ผมพูดพร้อมเข้าไปประคองไหล่เพราะเฟยยืนโยกเยกไปมา

   “อือ” เฟยพูดพร้อมกับยืนกุญแจรถของเขามาให้ผม ผมรับกุญแจมาก่อนจะส่งต่อให้แก็ปแล้วจึงค่อยประคองเฟยเดินไปยังรถของเขา โดยมีแก็ปเดินตามหลังมาติดๆ

   แก็ปเป็นคนขับรถให้ ผมนั่งอยู่ข้างๆอีกด้านของแก็ป ส่วนเฟยนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ผมแกะซองยาแล้วค่อยๆเทลงในขวดน้ำที่ผมหยิบติดมือมาจากผับก่อนจะเขย่า ระหว่างนั้นผมหันไปเรียกเฟยให้ดื่มน้ำขวดนี้ เฟยยอมรับขวดน้ำไปดื่มแต่โดยดี ก่อนจะเอนหลังแล้วหลับตาลง

   “เฟยคืนนี้ไปค้างหอกานต์แล้วกันนะ” ผมหันไปถามเฟยซึ่งยังคงหลับตาอยู่

   “อือ” เฟยตอบ

   ระหว่างทางไปหอผมไม่มีใครพูดอะไร ผมได้แต่มองออกไปทางหน้าต่าง ในหัวความคิดระหว่างทำต่อกับเลิกทำตีกันไปหมด เหมือนว่าภายในหัวผมกำลังแบ่งออกกันเป็นสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างกำลังขุดเหตุผลมาเถียงกันอยู่

   “มาถึงขนาดนี้แล้ว จะมาเลิกไม่ได้นะ” แก็ปพูดขึ้น เขาคงจะรู้ว่าผมกำลังเป็นกังวลอยู่

   “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะ” แก็ปเสริม ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่แก็ปพูด อย่างน้อยผมก็จะได้ตอบแทนที่เขาเคยช่วยผมไว้ อย่างน้อยผมก็จะได้เอาคืนคนที่เห็นผมเป็นของเล่น อย่างน้อยผมก็อยากจะให้เขาจำได้ว่าเขาเคยทำอะไรกับผมไว้

   “เดี๋ยวยาคงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว” แก็ปบอกผม ผมจึงหันไปหาเฟยที่ตอนนี้เริ่มมีเหงื่อผุดออกตามใบหน้าแล้ว

   เมื่อถึงหอ ผมก็พยุงเฟยขึ้นห้องส่วนแก็ปก็กลับไป ผมกับแก็ปแค่พยักหน้าให้กันตอนที่จะแยกย้ายกัน ไม่มีใครต้องการจะพูดอะไรกัน และผมก็คิดว่ามันไม่ใช่ช่วงเวลาที่สมควรพูดให้กำลังใจกัน ระหว่างทางไปห้องผมเฟยบ่นตลอดว่ารู้สึกร้อน แต่ผมไม่ได้รู้สึกร้อนอย่างที่เขาบ่นเลย เขาหายใจแรงขึ้น ผมคิดว่าคงเป็นเพราะฤทธิ์ยา แต่ผมก็แอบกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูห้องของผม ผมพิงเฟยไว้กับกำแพงก่อนจะหยิบกุญแจออกมาเพื่อไขประตู

   “เฟย” ผมหันไปเรียกเมื่อไขประตูเสร็จ เขายืนหลับตาพิงกำแพงนิ่งไม่ได้ตอบอะไร

   “เฟย” ผมเรียกซ้ำ เขาถึงจะลืมตาขึ้นมามองผม

   “กานต์ยกโทษให้เฟยแล้วเหรอ” เฟยยื่นมือมาจับแขนผมไว้

   “เป็นอะไรหรือเปล่าเฟย” ผมเรียกชื่อเฟยเพื่อเป็นการเช็ค เพราะกลัวว่าเขาจะมีอาการผิดปกติอะไรจากยาที่ผมผสมน้ำให้เขาดื่ม

   “เฟยรู้สึกว่ามันร้อนไปหมดเลย” เฟยตอบ

   “แล้วก็รู้สึกว่าตัวกานต์หอมดี” เฟยไม่พูดเปล่า เขากดจมูกลงที่ซอกคอผมจากด้านหลัง ผมตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันหลังไปเพื่อจะดันตัวเฟยให้ถอยห่างจากตัวผม แต่ปากผมถูกประกบแทน มือของเฟยเริ่มคลำไปทั่วและเริ่มเลิกเสื้อของผมขึ้น ผมต้องใช้มือทั้งสองจับมือทั้งสองข้างของเขาไว้ก่อนจะดันตัวเขาออก

   “ตรงนี้ไม่ได้นะเฟย” ผมบอกก่อนจะเดินนำเฟยเข้าห้อง

   พอประตูถูกปิดตามหลังเฟย เขาก็เริ่มเข้ามาประชิดตัวผมและเริ่มต้นจูบอีกครั้ง เฟยดึงผมเข้าไปแนบชิดกับตัวเขามากขึ้น จนรู้สึกได้ถึงความดุนดันจากส่วนล่างของเฟย ผมเริ่มเคลิ้มไปกับจูบของเขา

   “เดี๋ยวก่อนเฟย” ผมผละออกจากเขาอีกครั้ง เขามองผมเหมือนเวลาที่เราเสียดายตอนทำขนมตกพื้น  ดวงตาสีแดงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จ้องมองผม เฟยเดินเข้ามาและพยายามเอือมมือมาดึงผมเข้าไปกอด แต่ผมเลี่ยงเดินมาอีกทางเพื่อหยิบกล้อง

   “เราขอถ่ายวิดีโอนะ” ผมหันไปถามเฟย เขาพยักหน้าเป็นคำตอบ ผมจึงเริ่มตั้งกล้องที่โต๊ะข้างเตียงนอนทันที แต่ผมคงใช้เวลามากไปเพราะเฟยเดินเข้ามาและช่วยเซ็ทกล้องให้แทน

   “จะได้กลับไปต่อไวๆ” เฟยหันมาบอกผม ผมไม่รู้ว่ายาที่ผมผสมให้มันทำให้เขาเป็นแบบนี้หรือความจริงเขาก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เพราะผมรู้สึกอายจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด

   พอเสร็จจากกล้องเฟยก็เขาประชิดตัวผมอีกครั้ง ความเก้ๆกังๆก็เกิดขึ้นกับผม คือผมไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงดี เฟยกระหน่ำจูบผมจากริมฝีปากก็เลื่อนมาที่ใบหู เฟยดันผมลงบบนเตียงโดยที่ตัวเขาเองก็ล้มตัวลงตามเช่นกัน ผมพยายามยันตัวขึ้นในจังหวะที่เฟยกำลังถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออก แต่เฟยก็กดผมลงด้วยริมฝีปากของเขาอีกครั้ง มือข้างหนึ่งของเขากำลังเลิกเสื้อยืดของผมขึ้น มือข้างเดียวกันนั้นก็คลึงไปทั่วหน้าอก ส่วนใบหน้าซุกไซร้อยู่ที่บริเวณคอของผม เฟยแทรกตัวระหว่างขาทั้งสองข้างของผม บดเบียดช่วงล่างเข้าแนบชิดมากขึ้น เขาส่งเสียงในลำคออย่างพอใจ ผมเองก็รู้สึกคล้อยตามไปกับเฟยเช่นกัน

   “กานต์ เฟยขอโทษนะ” เฟยกระซิบบอกผม พร้อมกับมองจ้องเขามาที่ดวงตาของผม ผมประหลาดใจที่เขาบอกขอโทษผม หรือว่ายาที่ผมผสมใส่น้ำเป็นจะยาฟื้นฟูความทรงจำ เรามองตากันอีกสักพัก เฟยก็ก้มลงจูบผมอีกครั้ง
                                                                           *****

        เฟยเหวี่ยงประตูปิดตามหลัง เสียงดังไปทั่วทั้งชั้น เป็นครั้งทิ้งสองที่เขาทิ้งผมไว้ในห้องของผมเอง ผมพยายามจะยันตัวขึ้นโดยทิ้งน้ำหนักลงที่มือข้างซ้าย แต่ผมกลับรู้สึกเจ็บแปล๊บจนเผลอร้องออกมา ผมจึงเปลี่ยนไปใช้มือข้างขวาแทน ผมเดินไปล็อคประตูให้เรียบร้อยก่อนจะเริ่มจัดเตียงให้เรียบร้อย เพราะตอนนี้หมอนและผ้าห่มต่างกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ระหว่างนั้นก็เกิดความรู้สึกหน่วงๆที่หน้าอกเหมือนกับที่รู้สึกเมื่อวันลอยกระทง พอทุกอย่างขึ้นมาอยู่บนเตียงเรียบร้อยผมก็ทิ้งตัวลงคว่ำหน้าลงกับเตียง แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาตามใบหน้าลงสู่ผ้าห่มที่รองใบหน้าผมอยู่ แต่มันเป็นแค่ความรู้สึกที่เจ็บมือข้างซ้ายไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเฟยแต่อย่างใด

   เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ถ้าหากจะพูดว่าเป็นความตั้งใจของผมก็คงจะไม่ผิดมากนัก ตลอดช่วงเวลาที่เฟยมาค้างที่หอผม ผมก็คิดว่าเขาคงมีเป้าหมายที่จะลบคลิปวิดีโอเจ้าปัญหาอันนั้นแน่ๆ เพื่อที่เขาจะได้เป็นอิสระจากผม ประจวบกับที่ผมเริ่มรู้สึกเบื่อเฟยแล้ว เพราะเขาเหมือนว่าจะจำไม่ได้เลยว่าเขาเคยทำอะไรกับผมไว้ เลยไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรั้งเขาไว้ แล้วทำไมถึงไม่ปล่อยคลิปไปล่ะ? ผมเฝ้าถามคำถามนี้กับตัวเองหลายครั้ง แต่มันคงเป็นเพราะตั้งแต่แรกผมก็ไม่คิดว่าจะปล่อยคลิปอยู่แล้ว ซึ่งเป็นความเหยาะแหยะอันเป็นนิสัยเสียของผม แต่ผมก็ต้องยอมรับในความพยายามของเฟยเหมือนกัน เพราะเขาพยายามมากที่จะทำให้ผมตายใจ  ผมก็แค่ช่วยนิดๆหน่อยๆโดยการเอาไฟล์วิดีโอมาไว้ในที่ที่หาได้ง่ายๆ พร้อมกับเปิดโอกาสให้เขาบ้างเล็กๆน้อยๆ ส่วนเรื่องคลิปวิดีโอที่อยู่ในมือถือนั้นเป็นเรื่องโกหก ผมก็แค่ยั่วให้เขาโมโหอีกสักนิดแค่นั้น เขาควรจะต้องรู้สึกเกียจผมในช่วงสุดท้ายนี้ เพราะผมเองก็จะได้รู้สึกเกียจเฟยได้โดยสนิทใจซักที

   เช้าวันอาทิตย์ผมตื่นมาพร้อมกับอาการเจ็บที่ข้อมือข้างซ้าย และพอก้มดูก็พบว่ารอบข้อมือบวมเป่งและเป็นสีแดงแค่เอานิ้วไปแตะเบาๆก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที ผมรีบอาบน้ำอย่างทุลักทุเลแล้วออกไปหาหมอ ซึ่งสรุปแล้วหมอแจ้งว่ากระดูกข้อมือร้าวจนต้องใส่เฝือกไว้

   พอผมกลับมาที่ห้องก็กินยาที่หมอจัดมาให้แล้วก็นอนนิ่งๆบนเตียง โดยที่พยามยามยืดแขนข้างซ้ายออกไปให้ไกลจากช่วงตัวมาที่สุดเพราะกลัวว่าจะเผลอกลิ้งไปทับ และไม่นานผมก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยา ผมตื่นขึ้นมาตอนตีหนึ่งครึ่ง เพราะลมที่พัดมาจากระเบียงที่ลืมปิด พัดกลิ่นของเฟยมาด้วย ผมรีบลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆห้องแต่ก็ไม่เจอเฟย คงอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยาที่ทำให้ผมเบลอจนได้กลิ่นตัวของเฟย ผมลงจากเตียงเปิดไฟ ก่อนจะเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าให้หายเบลอ แล้วก็ลงไปร้านสะดวกซื้อเพื่อหาอะไรใส่ท้อง ระหว่างทางกลับขึ้นหอผมก็ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้เช้าผมจะไม่ไปเรียนเพราะยังรู้สึกเจ็บที่ข้อมือข้างซ้าอยู่

                                                                           *****

   ผมใช้เวลารอรถเมล์ค่อนข้างนานเพื่อจะรอคันที่คนไม่ค่อยเยอะเพราะว่าข้อมือซ้ายจะรู้สึกเจ็บอยู่แม้ว่าจะผ่านมาสองวันแล้ว

   “ไปทำอะไรมาทำไมแขนถึงได้ใส่เฝือก” เช่ถาม เมื่อเข้ามาถึงห้องเรียนแล้วนั่งข้างๆผม

   “ลื่นล้มตอนไปซื้อของ” ผมตอบยิ้มแหยๆ

   “ไม่เกี่ยวอะไรกับไอ้เฟยใช่ไหม” เช่ถามเสียงเข้ม ผมส่ายหัวกลับไป ด้วยความที่เช่เป็นคนที่ใส่ใจคนที่อยู่รอบๆตัวเองมาก ผมก็เลยไม่แปลกใจที่เช่จะถาม แถมยังเป็นเพื่อนกับเฟยเพราะเคยอยู่เซคเดียวกันมาก่อน ถ้ารู้ว่าผมกับเฟยเลิกกันแล้วเช่คงไปจัดการเฟยแน่ๆ

   “แล้วทำไม เมื่อวานเล่าไปถามเฟย มันถึงไม่รู้ว่ากานต์ไปไหน” เช่เค้นถามผม แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงน่ารักมุ้งมิ้งสไตล์ แต่อาจจะเป็นคนนิสัยลุยๆเวลาโมโหเลยดูน่ากลัวสำหรับผม

   “เราลืมบอก” ผมตอบ เช่ถอนหายใจและเลิกถามคำถาม แต่ยังคงมองผมเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมบอก

   ช่วงพักเที่ยงผมลงไปกินข้าวกับเพื่อนๆโดนพยายามหลบตามหลังเพื่อนเพราะไม่อยากเจอเฟยในตอนนี้  ผมรีบกินข้าวเพื่อจะรีบขึ้นห้องเรียน

   “ถามจริงๆทะเลาะกับไอ้เฟยหรือเปล่า” เช่ถาม ก่อนที่ผมจะลุกจากโต๊ะไป

   “เปล่าเช่ ไม่ได้ทะเลาะกัน” ผมตอบ

   “เราไม่เป็นอะไรเช่ เราโอเค” ผมยิ้มให้เช่อย่างจริงใจ ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะไป

   คาบบ่ายผ่านไปอย่างปกติ เช่เลิกถามนู่นนี่นั่นแล้ว แต่ตอนที่เช่มาที่ห้องมีปลายวิ่งตามมาด้วย ปลายมาทักผมนิดหน่อยก่อนจะโดนสายตาอาฆาตของเช่จ้องมองจนปลายต้องกลับออกไป ผมสงสัยว่าเช่ไปทำอะไรมาทำไมปลายถึงวิ่งตามเช่มาอย่างนี้ แต่เหนืออื่นใดผมเริ่มสงสัยแล้วว่าเช่กับปลายคบกันอยู่หรือเปล่า

   แต่พอกำลังจะเลิกเรียนผมสังเกตว่าเฟยมายืนอยู่ที่หน้าห้องเรียนอยู่ ผมรีบเก็บของอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ออกไปพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ ระหว่างที่กำลังจะออกจากห้องเช่ก็สะกิดผมแล้วชี้ไปที่เฟย ผมหันไปหาเช่พยักหน้าให้ แต่ก็รีบเดินปะปนกับเพื่อนคนอื่นๆลงจากตึกเรียนไปได้สำเร็จ พอออกมาจากตึกเรียนได้สักระยะหนึ่งผมก็คิดว่าพ้นจากเฟยแล้วเลยผ่อนฝีเท้าลง แต่พอผมหันกลับไปมองทางด้านหลังอีกครั้งก็เห็นว่าเฟยกำลังวิ่งตามมาอยู่ ผมรีบเร่งฝีเท้าขึ้นแต่เฟยไวกว่าผม เขาคว้าแขนผมไว้ได้ผมจึงหมดสิทธิ์หนี

   “ไปทำอะไรมาอีก” เฟยถามคำถามที่ผมไม่เข้าใจ แถมยังทำเสียงดุอีก ไปโมโหอะไรมาจากไหน

   “อะไร” ผมถามกลับโดนใช้เสียงเหวี่ยงบ้าง

   “เช่ บอกว่าใส่เฝือก ไหน” เขามาถามผมด้วยเรื่องนี้ เช่คงไปหาเรื่องเฟยเมื่อตอนพักกลางวันมาแน่ๆ แต่ผมก้ยังไม่เข้าใจว่าเขาจะโมโหใส่ผมทำไม

   “นี่ไง” ผมว่า พร้อมกับชูมือข้างที่ใส่เฝือกให้เฟยดู

   “ของปลอมหรือเปล่าเนี่ย” ผมมองหน้าเฟยอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ถ้าเขาคิดว่าผมใส่เฝือกปลอมแล้วเขาจะมาตามถามผมทำไม อยากจะได้อะไรจากผมอีก

   “ใช่ของปลอม” ผมประชด พร้อมกับสะบัดมือเฟยที่จับแขนผมไว้ออก

   “พอใจยัง” ผมว่าก่อนจะหันหลัง เตรียมจะเดินหนี  รู้สึกโหวงๆในอกเหมือนจะร้องไห้

   “เฟยขอโทษ” เฟยพูดกับผมหลังจากที่รีบวิ่งมาดักหน้าผมไว้

   “อยากได้อะไรอีก เราลบคลิปไปแล้ว” ผมถาม สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อไล่ความรู้สึกอยากจะร้องไห้

   “แต่มือกานต์เจ็บ” อยู่ดีดีเฟยก็เปลี่ยนโทนเสียงเป็นปกติ แต่ผมยังยังคงเสียความรู้สึกกับเขาเหมือนเดิม

   “นั่นมันเป็นเรื่องของเรา” ผมว่า

   “แต่เฟยเป็นคนทำให้มือกานต์เจ็บนะ” เฟยพูดต่อ

   “แล้วจะยังไง อยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหรอ” ผมพูด ส่วนเฟยได้แต่เงียบฟัง

   “มันจบแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” เฟยยังคงเงียบไม่พูดอะไร พอผมพูดจบผมก็เดินหนีจากเขาไป

                                                                             *****
      หลังจากที่คุยกันวันนั้นเฟยก็หายไป ผมก็กลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ แต่แค่อาจจะต้องคอยระวังเวลาที่ขึ้นรถเมล์นิดหน่อยเท่านั้น ผมยังคงพยายามหลีกเลี่ยงการต้องพบเจอเฟยอยู่เหมือนเดิม แต่ยังคงเจอเพื่อนคนอื่นๆของเฟยอยู่บ้าง ผมก็ยังคงยิ้มทักทายอย่างปกติ ส่วนเช่เองก็เลิกถามผมและถล่มพวกเฟยแล้ว และเย็นวันหนึ่งเฟยก้กลับมาอีกครั้ง เขามารอผมที่หน้าหอ ผมรีบเดินผ่านเขาไปโดยทำเป็นไม่สนใจ เฟยเองก็ไม่ยอมง่ายๆเหมือนกัน เขาเดินตามมาและคว้าแขนข้างซ้ายผมได้ ผมรู้สึกเจ็บจากแรงกดของเฟยจึงสะบัดแขนอย่างแรง ก่อนจะส่งสายตาเคืองๆไปให้เฟย

   “จะทำอะไร” ผมถาม

   “เจ็บเหรอ” เฟยถาม แต่ผมไม่ตอบ

   “เฟยขอโทษ” เขายังคงพูดต่อ ส่วนผมก็แค่มองเขาอย่างสงสัย ผมไม่รู้ว่าเขาอยากจะได้อะไรอีก ผมไม่ได้อยากให้เข้ามารับผิดชอบอะไร ผมไม่ได้ลำบากอะไร

   “ป่ะ ไปกันเถอะ” เฟยส่งยิ้มมาให้ผม

   “ไม่” ผมเน้นเสียง

   “ก็ได้ ถ้ากานต์ไม่ยอมไปมอกับเฟย เฟยก็ยืนขวางไม่ให้กานต์ไปไหนทั้งนั้น” เฟยพูดพร้อมกับเดินเข้ามาหาผมอย่างคุกคาม ผมเลยถอยหลังหนี

   “แล้วกานต์ก็จะสาย” เฟยพูดต่อ

   “ก็ได้” ผมตอบ เพราะถ้ายังมัวแต่เถียงกับเฟยคงจะสายอย่างที่เฟยว่าแน่ๆ

   ตกเย็นเฟยก็ลากผมไปนั่งรอเขาที่ข้างสนามกีฬาเพราะเขาไปช่วยซ้อมผู้ถือคฑาสำหรับกีฬามหาลัยปีนี้ พอผมตั้งท่าว่าจะไม่ไป เฟยก็เอาชื่อเพื่อนคนอื่นมาเป็นข้ออ้าง

   “จะได้ไปเจอแบม กับพี่มายค์ด้วยไง” เฟยว่า

   “เฟย เลิกทำอย่างนี้เถอะ” ผมพูดกับเฟยด้วยความอ่อนใจ

   “ทำไมล่ะ” เฟยถาม

   “ทำไมเฟยอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก เรารู้นะว่าเฟยเบื่อเรามากแค่ไหน อาจจะเกลียดเราด้วยมั้ง แล้วยังจะมายุ่งกับเราอีกทำไม” ผมว่า ซึ่งอยู่ดีดีเสียงก็สั่นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

   “ที่เฟยลบคลิป เฟยตั้งใจทำ อันนี้เฟยยอมรับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพอเฟยลบคลิปแล้วเฟยก็จะเลิกกับกานต์นี่” เฟยพูดกับผมเสียงจริงจัง

   “แต่เราไม่ได้อยากกลับไปคบกับเฟยแล้ว”  ผมบอกเฟย

   “เราทำไม่ดีกับเฟยนะ” ผมพูดต่อ

   “แต่เฟยทำไม่ดีกับกานต์ยิ่งกว่า” เฟยว่า

   “เฟยอยากจะขอแก้ตัว เฟยยังไม่เคยทำตัวเป็นแฟนที่ดีอย่างที่กานต์ขอเลยนะ” เฟยมองมาที่ผมไม่วางตาเหมือนจะพยายามอ่านใจผม

   “ไม่” ผมพูด และเริ่มออกเดิน แต่เฟยขยับตัวมาขวางทางผมไว้

   “งั้นก็แค่ในระหว่างที่กานต์จะใส่เฝือกอยู่ก็ได้” เฟยว่า แต่ผมไม่อยากให้เฟยมาคบกับผมอีก เขาอาจจะทำด้วยสามัญสำนึกที่ดี แต่ในเมื่อเขายังจำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรกับผมไว้ ผมก็ไม่อยากให้เขาแสร้งว่าเป็นแฟนกับผม และในท้ายที่สุดกลัวว่าจะมีผมคนเดียวเท่านั้นที่เสียใจ

   แต่สุดท้ายผมก็ยอมเฟยไปนั่งรอเขาที่ข้างสนาม นั่งมองกลุ่มคนในสนามที่พากันซ้อมควงคฑากันอยู่ แบมกับพี่มายด์แวะมานั่งคุยบ้าง ทั้งคู่ถามไถ่เรื่องแขนแม้ว่าผมจะรู้จักเขาทั้งสองไม่นานแต่ก็รู้สึกขอบคุณที่เป็นห่วง ผมลุกขึ้นไปซื้อน้ำมาไว้ให้เฟยเพราะเห็นว่าเขาเหงื่อออกมากแบบที่เสื้อเปียกไปทั้งตัว ทุ่มเทมากขนาดไหนถึงได้เหนื่อยขนาดนั้น ผมนิ่งเงียบใส่เฟยอีกครั้ง บรรยากาศอึมครึมที่เคยอยู่รอบๆตัวกลับมาอีกครั้ง ระหว่างทางกลับบ้านผมได้แต่มองออกไปที่หน้าต่าง เฟยเปิดเพลงจากเครื่องเล่นคงจะพยายามทำลายม่านหมอกแห่งความอึดอัดที่เกิดอยู่นี้ ผมเองก็เริ่มจะทนกับไอ้บรรยากาศแบบนี้ไม่ไหวแล้ว ตั้งรถที่กำลังติดอยู่แบบที่ว่าขยับไปนิดหนึ่งก็หยุดๆ ส่วนเฟยเองกำลังเคาะนิ้วกับพวงมาลัยไปตามจังหวะเพลงอย่างสบายอารมณ์ ผมหายใจเข้าช้าไม่อยากพาลโมโหเฟย

   “เราลงตรงนี้แหละ เฟยจะได้ตีรถกลับบ้านไปเลย” ผมทำลายความเงียบ เฟยหันมามองผมแบบงงเหมือนไม่คาดคิดว่าอยู่ดีดีผมจะพูดขึ้นมา

   “ไม่ได้ยินที่เราพูดเหรอ” ผมถามซ้ำเพราะเฟยไม่ยอมตอบอะไร

   “ได้ยิน” เฟยพูดเรียบๆ

   “แล้วทำไมไม่ตอบ” ผมดุ ยอมรับว่าพร้อมที่จะโมโหใส่เฟยแล้ว

   “ก็ไม่อยากตอบ” เฟยพูดพร้อมกับเหยียบคันเร่งเพื่อให้รถขยับไปข้างหน้า ก่อนจะหยุดลง เขามองนั่นมองนี่ไม่สนใจผม

   “เดี๋ยวจอดริมทางข้างหน้านะเราจะลง” ผมยังยืนยันที่จะลง

   “ไม่” เฟยหันมาทำหน้ากวนใส่ผม

   “อยากจะกลับถึงบ้านตอนเที่ยงคืนหรือยังไง” ผมถามกลับ

   “ก็ดีคืนนี้จะได้นอนหอกานต์ไง” เฟยยังคงลอยหน้าลอยตาใส่ผม

        “ไม่” ผมรีบปฏิเสธ เฟยผิวปากตามเพลง

   “หยุดผิวปาก” ผมหันไปว่าเฟย เขาหยุดผิวปากแต่ดูเหมือนจะไม่สนใจว่าผมกำลังโมโหเขาอยู่

   “คนอะไรเอาแต่ใจชะมัดเลย” เฟยพูดเหมือนบ่ยลอยออกมา ผมอยากจะกระโจนเข้าไปเขย่าคอเขาจริงๆ แต่ติดที่ผมเจ็บแขนอยู่ เลยได้แต่กลับไปนั่งหันมองออกไปนอกหน้าต่าง

   สี่ทุ่มกว่าค่อนไปเกือบห้าทุ่มแล้ว รถของเฟยเพิ่งจะมาเทียบจอดที่หน้าหอของผม ผมเรียบออกจากตัวรถ

   “ขับกลับดีดีนะ” ผมรีบบอกก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าหอโดยไม่หันกลับไปมองเฟยเลย

                                                                          *****

   
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 01-02-2016 02:59:51
วันเสาร์เฟยมารับผมที่หน้าหอเพราะเขาชวนผมไปดูหนัง ซึ่งผมก็ตอบตกลงอย่างไม่อิดออด เพราะรู้ว่ายังไงเฟยก็ไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆเป็นแน่ ไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ ผมรู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจเท่าไหร่

   ผมนั่งรถไปกับเฟยโดยไม่ได้สนใจว่าเขาจะพาไปไหน ไม่ได้พูดคุย เฟยเองก็เหมือนกันนิ่งเงียบไม่ชวนคุย และไม่กวนใดๆ  พอมาถึงจุดหมายปลายทางเฟยก็เดินนำผมไปยังหน้าโรงหนัง เขามาหยุดอยู่ที่บริเวณบอร์ดที่แสดงรอบหนังที่เข้าฉายวันนี้

   “ดูเรื่องอะไรดีกานต์” เฟยหันมาถามผม

   “แล้วแต่เฟยเลย เราไม่ได้อยากดู” ผมตอบมองไปที่บอร์ด

   “งั้นไปที่อื่นกัน” เฟยพูดแล้วก็จูงมือผมเดินออกจากบริเวณโรงหนัง เขามือของผมแน่นมากคงจะกำลังโมโห ผมแอบยิ้มเยาะเล็กน้อย เพราะคิดว่าความอดทนของเฟยคงกำลังจะหมดเร็วๆนี้

   “หาหนังสือสักเล่มแล้วกัน แล้วค่อยไปหาอะไรกิน” เฟยขมวดคิ้วใส่ผม ก่อนจะเดินหายเข้าไปในร้านหนังสือ ผมยิ้มอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปในร้านหนังสือบ้าง

   ผมเดินเลือกหนังสือไปเรื่อยๆ หยุดตามชั้นต่างแล้วก็หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน ผมมองเฟยเป็นระยะๆ เขาเดนตามผมห่างๆ คงกลัวว่าผมจะหนีกลับบ้าน เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแต่ผมเลือกหนังสือไม่ได้สักเล่มเลย ซึ่งอันที่จริงยังไม่มีหนังสือที่อยากได้

   “อ้ายอั๋งอื๋ออัง (ได้หนังสือยัง)” เฟยเดินเข้ามาถามผมพร้อมกับหาวไปด้วย

   “ไม่ได้เลย” ผมตอบ

   “งั้นกลับเถอะ” ผมว่า

   “ไม่เอาอ่ะ เฟยหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” แล้วผมก็โดนเฟยจูงมือเดินไปต่อหลังจากที่เขาพูดเสร็จ

   เฟยพาผมเข้าร้านยากินิกุร้านหนึ่ง พนักงานพาเราเข้าไปนั่งที่โต๊ะพร้อมยื่นเมนูมาให้ ผมอ่านเมนูทั้งสองหน้าก็พบว่ามีแต่เนื้อวัว มิน่าถึงรูปวัวอยู่ที่หน้าร้าน แต่นอกจากเนื้อวัวก็มีแค่ผักและเครื่องเคียงอีกสองสามอย่าง ผมเหลือบมองเฟยที่กำลังสั่งอาหารอยู่สลับกับพนักงานที่กำลังจดออร์เดอร์

   “ไม่สั่งเหรอกานต์” เฟยถามผม

   “เราไม่กินเนื้อวัว” ผมพูดจบ เฟยก็ทำหน้าตกใจ

   “อ้าว” เฟยว่า ก่อนจะรีบหันไปขอโทษพนนักงานและขอยกเลิกออร์เดอร์ที่สั่งไปทั้งหมด

   “ขอโทษด้วยนะครับ” ผมกล่าวขอโทษพนักงานก่อนจะเดินนำหน้าเฟยออกจากร้านไป

   “เฟยขอโทษที่ไม่ได้ถามก่อน” เฟยพูดกับผมทำหน้าจ๋อย

   สุดท้ายเราทั้งคู่ก็มาลงเอยที่ร้านชาบูใกล้ๆร้านยากินิกุนั้น เราต่างคนต่างกินโดยไม่พูดอะไรกัน เฟยชำเลืองมองผมเป็นระยะ คงพยายามจะดูว่าผมจะโกรธเขาหรือเปล่า อยู่ดีดีเฟยก็ไอเหมือนสำลักอาหารมือก็รีบคว้าหาแก้วน้ำเป็นการใหญ่ แต่เป็นผมที่ยื่นแก้วน้ำของผมให้เพราะมองหาแก้วน้ำของเฟยไม่เจอ เฟยดูดน้ำอึกใหญ่ ก่อนที่ผมจะรับกระดาษทิชชู่ที่ผมยื่นไปให้

   “ขอบใจนะกานต์” เฟยบอกผม แต่ตายังคงแดงๆอยู่

   ขากลับรถทั้งมีแต่เสียงเพลงที่ออกมาจากเครื่องเล่น เฟยขับรถนิ่งๆไม่มีท่าทีหลุกหลิกเหมือนตอนมา ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมอยากให้เขารู้แย่ที่วันนี้ทุกอย่างพังทั้งหมดเพราะผมทำให้มันเป้นอย่างนั้นแม้ว่าเรื่องที่ผมไม่กินเนื้อจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม เขาจะได้เลิกมายุ่งกับผมสักที

   “ขับกลับดีดีนะ” ผมไม่ลืมหันไปบอกลาเฟย แต่จังหวะที่ผมกำลังจะลงจากรถเฟยก็คว้าแขนผมไว้

   “มีอะไรหรือเปล่า” ผมถาม

   “กานต์มีอะไรอยากให้เฟยทำอีกไหม” ผมฟังที่เฟยพูดแล้วก็เหนื่อยใจ ไม่เข้าใจว่าทำไม่เมื่อก่อนไม่เห็นเคยจะพยายามขนาดนี้ เมื่อก่อนทั้งคู่ ทั้งบังคับก็ยังไม่ยอมทำตามที่พูดที่ขอ แต่พอมาเดี๋ยวนี้ทำไมถึงใจสู้ขนาดนี้

   “เลิกยุ่งกับเราสิ” ผมบอกเฟย

   “แต่แขน” เฟยพูดพร้อมกับมองมาที่แขนข้างที่ใส่เฝือก

   “แขนเราไม่เจ็บแล้วเฟย ทำไมไม่เลิกยุ่งกับเราสักที เรายอมปล่อยเฟยแล้วนะ” ผมถาม

   “แล้วกานต์ล่ะ ทำไมถึงอยากให้เฟยเลิกยุ่งมากขนาดนี้” เฟยย้อนผม เสียงดังขึ้นเล็กน้อยเหมือนว่าเขาเริ่มจะโมโห

   “เฟยรักเราเหรอ” เขาเหวอไปนิดหนึ่งหลังจากที่ผมพูด

   “ก็ไม่ ถูกไหม แล้วยังจะอยากให้เรามาคอยยุ่งวุ่นวายกับเฟยอีกทำไม” ผมถาม

   “แต่ที่กานต์ทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็เพราะว่าเฟยไม่ใช่เหรอ” เฟยพูเสียงอ่อน ผมมองหน้าเขานิ่งๆ

   “เราไม่สนใจแล้วเฟย เรื่องมันผ่านไปแล้ว” ผมยังคงจ้องที่หน้าเฟยอยู่ ซึ่งเขาเองก็จ้องกลับมาเช่นกัน แต่สีหน้าเขาดูเหนื่อยๆ

   “เลิกยุ่งกับเราซะ” ผมว่า ก่อนจะตั้งท่าจะลงจากรถ

   “ไม่” เฟยพูดทันทีหลังจากที่ผมพูดจบ ผมหันไปมองเขาก่อนจะลงจากรถ

   ผมไม่เข้าใจเฟยเลย เมื่อก่อนตอนที่โดนบังคับให้มาคบกัน เวลาอยากให้ทำอะไรแต่ละอย่างก็ไม่ค่อยเต็มใจอยากจะทำ ไม่เคยสนใจว่าจะรู้สึกยังไง ผมยังจำได้ดีที่เขาทิ้งผมไว้ที่งานลอยกระทงแล้วไปเที่ยวกับป๊อบ ตอนผมหลงป่าก็ไม่พูดอะไรกับผมสักคำ แล้วพอตอนนี้ทำเป็นว่าจะมารับผิดชอบที่เคยทำไม่ดีกับผม ทั้งๆที่ลืมไปแล้วว่าเคยทำอะไรไว้กับผม ผมยังจำมันได้ดี แม้ว่ามันจะดูเหมือนเรื่องไร้สาระก็ตาม แต่ผมไม่เคยลืมมันเลย

                                                                           *****

        “คบกันไหม” ผมนั่งจ้องข้อความในแชทบ็อกอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะไม่คิดว่าคนที่อยู่ในสถานะอากาศอย่างผมจะมีคนมาสนใจ

   “เฟยเป็นเกย์เหรอ” ผมพิมพ์ถามเขากลับ เพราะเฟยดูเป็นผู้ชายมากๆ เขาเป็นผู้ชายที่ลักษณะคล้ายๆเด็กช่างแต่เรียนสายสามัญ สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบปลายๆ สูงกว่าผมไม่มากนัก หุ่นลีน หน้าตาเหมือนพร้อมจะหาเรื่องตลอดเวลา มักจะพกกล้องมาด้วยเสมอเวลาที่ผมเจอตอนที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษ ผมไม่ค่อยกล้ามองไปที่พวกของเฟยแบบตรงๆ เพราะอย่างที่บอกเหมือนว่าเขาเป็นเด็กช่างมากกว่า และผมกับเขาก็ไม่เคยคุยกันเลย

   “เฟยก็ไม่รู้เหมือนกัน” เขาพิมพ์ตอบกลับมา

   “แต่เฟยชอบกานต์จริงๆนะ” ผมยิ้มให้กับข้อความที่อยู่ตรงหน้า หัวใจพองโต และรู้สึกว่าหน้าเป็นสีแดง

   “ตกลง” ผมตอบ

   หลังจากนั้นทุกวันก็เป็นที่สดใสสำหรับผม ผมตื่นเช้าไปโรงเรียนและรอเวลาไปเจอเฟยตอนเย็น หลังจากเลิกเรียนพิเศษเราก็จะไปเดินเล่นด้วยกันบ้าง ไปหาอะไรกินกันบ้าง และก็จะจบวันด้วยการที่เฟยไปส่งผมที่ป้ายรถเมล์

   เฟยเป็นคนน่ารักและเป็นสุภาพบุรุษมาก ผิดกับสิ่งที่ผมรู้สึกตอนแรกเมื่อเจอเขา และเป็นที่นิยมไม่น้อย เขาเล่าให้ผมฟังว่าเขามีวงดนตรีที่โรงเรียนของเขา ผมก็เลยไม่แปลกใจที่ใครๆจะชอบเฟย แต่เขาไม่เคยมีท่าทีเจ้าชู้เลย ส่วนผมเองก็ทำตัวไม่งี่เง่าหรือจู้จี้จุกจิกเพราะกลัวว่าเฟยจะรำคาญ แต่ก็ไม่กล้าทำตัวมุ้งมิ้ง แอ๊บแบ๊วเหมือนกันเพราะรู้ว่ามันไม่เหมาะกับตัวผมเลย

   ไม่นานผมกับเฟยก็คบกันเข้าเดือนที่สาม ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน และเฟยไม่เคยทำให้ผมไม่สบายใจ ผมรู้ดีว่าโชคดีจริงๆที่ได้เป็นแฟนเฟย เขามักจะชอบถามผมบ่อยว่ารักเขาไหม ชอบเขาหรือเปล่า ผมเองเมื่อเขาถามผมก็ตอบกลับไปแทบจะทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก

   แต่ในที่สุดความสุขก็จากผมไป เมื่ออยู่ดีๆเฟยก็ทิ้งผมไปทำกลางความมืด

   หลังเลิกเรียนในเย็นวันหนึ่ง เฟยชวนผมไปถ่ายรูปบนตึกร้างแห่งหนึ่ง ผมไม่มีทางปฏิเสธคนที่ผมรักอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีแค่ผมกับเฟยเพราะเฟยชวนกลุ่มเพื่อนของเขาไปด้วย ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใสและหัวเราะคิกคักอยู่ตลอดเวลาเหมือนว่ามีเรื่องตลกอะไรสักอย่าง ผมก็ได้แต่ยิ้มๆไปด้วยแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเขาหัวเราะเรื่องอะไรกัน เว้นก็แต่เพื่อนของเฟยคนหนึ่งที่ไม่ได้หัวเราะเลย เขากลับมองผมเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

   “เฟยมีอะไรจะให้” เฟยพูดกับผมหลังจากที่เราพากันขึ้นมาบนตัวตึกแล้ว ซึ่งสูงมากแต่ผมไม่แน่ใจว่าชั้นที่เท่าไหร่ เขาจูงมือผมมาอีกด้านของชั้นห่างจากกลุ่มเพื่อนๆของเขา

   เฟยขอยืมโทรศัพท์มือถือของผมไปเปิดเพลงที่เขาเคยโหลดให้ผมเมื่อก่อนหน้านี้ ก่อนจะยื่นกลับมาให้ผมถือไว้ แล้วเขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าก่อนจะเอามาปิดตาผมไว้

   “พอเพลงจบแล้วค่อยเปิดตานะ” เฟยกระซิบบอกผม

   ผมยืนโยกตัวตามจังหวะเพลง ในหัวก็มัวแต่คิดว่าเปิดตามาจะเจออะไรนะ อะไรคือสิ่งที่เตรียมไว้เซอร์ไพรส์ผม จนผมไม่สามารถหุบยิ้มได้ เมื่อเพลงจบผมค่อยๆแกะผ้าเช็ดหน้าที่ปิดตาผมอยู่ออก เมื่อผมลืมตาก็เจอแต่ความมืดรอบตัวเพราะว่าสายตายังปรับสภาพไม่ทัน ผมกระพริบตาเพื่อพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงสักพัก แต่ในระหว่างนั้นผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนๆเฟยก็เงียบไปแล้ว และพอสายตาผมเริ่มชินกับแสงจากภายนอกที่ส่องเข้ามาแล้วผมก็ไม่เห็นใครบนชั้นนี้เลย ผมค่อยเดินไปทั่วทั้งชั้นเพื่อตามหาเฟยและคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเขาไปเตรียมเซอร์ไพรส์ผมกันตรงไหน ผมเดินจนทั่วชั้นก็พบว่ามีแต่ผมคนเดียวที่อยู่บนนี้

   ผมรีบกดโทรศัพท์หาเฟยทันที แต่ไม่ว่าจะโทรเท่าไหร่ก็จะโดนตัดสายทิ้งทุกครั้ง ผมเริ่มใจคอไม่ดี เพราะทั้งชั้นมืดไปหมด มีเพียงแสงจากตึกไกลที่ส่องเข้ามา แม้จะรู้สึกกลัวแต่ก็ยังแอบคิดว่าเฟยคงจะซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งในตึกนี้ แต่พอเดินลงมาได้สักระยะก็เข้าใจแล้วว่าผมถูกทิ้งไว้แล้วจริง น้ำตาเริ่มไหลเพราะความกลัวเพราะรู้สึกว่าเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงชั้นล่างสักที เสียงรองเท้าที่สะท้อนไปมาทำให้รู้สึกหลอนขึ้นไปอีก ผมพยายามโทรหาเฟย แต่ก็เหมือนเดิมยังคงโดนตัดสาย ผมโทรกลับไปหาแม่แต่แม่ก็ไม่ได้รับสายคงกำลังติดธุระอยู่

   ผมหยุดกลางคันเพราะได้ยินเสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นดังก้องไปทั่วตึก แต่นั่นไม่ใช่เสียงจากรองเท้าของผม เสียงนั้นดังมาจากชั้นล่างและกำลังวิ่งขึ้นมาเรื่อยๆ ผมรีบวิ่งไปซ่อนหลังเสาโดยที่พยายามให้เกิดเสียงน้อยที่สุด ในที่สุดเสียงรองเท้าก็ดังมาถึงชั้นที่ผมอยู่แล้วก็เลยขึ้นไป

   “เฮ้ย” เสียงตะโกนเรียกดังอยู่เหนือหัวผม เจ้าของเสียงคงอยู่ชั้นบน

   “มึงอยู่ไหนเนี่ย” เขาตะโกนซ้ำ ผมไม่แน่ใจเลยว่าควรจะตะโกนตอบไปดีไหม เลยยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิม เสียงรองเท้าดังย้อนลงมายังชั้นที่ผมหลบอยู่

   “เฮ้ย” เขาตะโกนอีก ผมชั่งใจอยู่นาน แต่ความกลัวที่จะอยู่บนตึกมืดๆแบบนี้คนเดียวก็ชนะ

   “อยู่ตรงนี้” ผมออกจากที่ซ่อนพร้อมตะโกนบอก เสียงฝีเท้าเริ่มชัดขึ้นพร้อมกับแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ

   “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามผมพร้อมกับหอบหายใจ แต่สิ่งที่ผมทำได้คือพยักหน้าตอบและร้องไห้

                                                                           *****

   “เฟยไม่ได้เป็นเกย์ แล้วก็ไม่เคยชอบกานต์เลย” นี่คือสิ่งที่ออกมาจากปากเฟยเมื่อผมเข้าไปถามเขาว่ามีเหตุอะไรถึงทิ้งผมไว้บนตึกร้างนั้น ผมรีบเดินออกมาเพราะความเสียใจ ไม่รู้ว่าทำไมเฟยถึงต้องทำกับผมแบบนี้ มีเพียงเสียงหัวเราะที่ไล่หลังผมมาเท่านั้น

         หลังจากวันนั้นผมก็หายจากสถาบันสอนพิเศษภาษาอังกฤษที่นั่นไป ลบเบอร์ เปลี่ยนอีเมล์ เปลี่ยนเฟสบุ๊ก แต่ยังคอยติดตามความเคลื่อนไหวของเฟยอยู่เป็นระยะ ด้วยความรู้สึกที่ยังคงรักเฟยอยู่ จนกระทั่งผมสอบเข้าคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกับเฟยได้ แต่เขาไม่ได้มีท่าทีว่าจำผมได้เลย เขาดูมีความสุขดี ไม่รับรู้ว่าผมคือคนที่เขาเคยหลอกอะไรไว้ แม้ว่ามันจะดูเหมือนเรื่องไร้สาระสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมแค่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ผมเริ่มแผนเอาคืนเฟย โทษฐานที่ลืมกัน





ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 01-02-2016 09:39:08
แค่นี้ยังไม่ได้ครึ่งที่เฟยทำไว้เลยกานต์ คราวนี้กานต์ก็เสียใจมากกว่าอยู่ดีไม่ใช่เหรอ   :hao5:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-02-2016 13:35:34
ทำไมอดีตเฟยต้องทำกับกานต์แบบนั้น
แล้วมีอะไรเฟยถึงจำกานต์ไม่ได้ล่ะ
ไม่ใช่แค่คนที่เคยโดนสวนกันเท่านั้นนะ
เฟยเคยหลอกและทำร้ายกานต์มาหนักขนาดนั้น
ว่าแต่ใครย้อนกลับมาช่วยเฟยกันนะ
หรือว่าจะเป็นแก๊ป แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้

มาต่อเร็วๆนะ ปมเพิ่มอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 01-02-2016 17:58:46
สงสารกานต์
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-03-2016 14:56:52
มาต่อเถอะนะคนเขียน
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 11-03-2016 03:29:25
รออยู่นะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 25-03-2016 21:54:50
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านและแอดมินครับ

ผมใคร่ขอแจ้งว่าจะพักการอัพนิยายเรื่องนี้สักระยะ(อันที่จริงพักมานานแล้ว) เนื่องจากติดภาระกิจสำคัญ

และจะกลับมาอัพใหม่อีกครั้งประมาณกลางเดือนเมษายนปีนี้

ขอบคุณสำหรับการติดตามและโอกาสครับ

ศศิธร

25.3.16
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-03-2016 21:56:51
รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 11-04-2016 22:19:30
รอนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 28-04-2016 01:44:58
ตอนที่ 17

   ผมนั่งมองเฝือกที่แขนกานต์ระหว่างที่เจ้าตัวนั่งอ่านหนังสืออยู่ ผมรู้ว่าผมเองเป็นสาเหตุที่ทำให้กานต์เจ็บ แต่เมื่อวันนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไรดลใจทำให้ผมไปปากเสียใส่กานต์ กานต์ก็เลยกลับมาเป็นเวอร์ชั่นดั้งเดิม


   
กานต์ขอให้ผมเลิกยุ่งกับเขา แต่ผมไม่ยอม เหตุผลคงจะเป็นเพราะว่าแขนกานต์ที่ยังใส่เฝือกอยู่

 
   
   ผมไม่รู้ว่าทำไมไม่ยอมเลิกกับกานต์ทั้งๆที่ได้โอกาสแล้ว แม้ว่าผมจะอ้างเรื่องแขนของกานต์ทุกครั้งที่มีคำถามนี้เกิดขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ จนหัวผมจะผุดคำถามเดิมๆขึ้นมาซ้ำๆเวลาสมองว่างๆ ตลอดเวลาที่ผ่านผมไม่รู้ว่ากานต์คิดอะไรอยู่ หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกานต์ก็เลยเป็นฝ่ายเจ็บปวดเอง ผมคิดว่าอย่างนั้น ผมไม่คิดว่ากานต์จะรักผมแล้วจะปล่อยผมไปตามที่เคยตกลงกันไว้ จากที่ผมสังเกตเหมือนกานต์ยอมแพ้ผม แต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร ยังไงก็ตามผมจะยังไม่ยอมเลิกกับกานต์ง่ายๆ เพราะผมทำผิดกับกานต์หลายเรื่องเกินไป ผมอยากขอเวลาชดใช้ให้กานต์บ้าง


   ผมยังจำวันที่กานต์หลงป่าได้ดี ดวงตาที่ก่ำเหมือนว่าเพิ่งจะผ่านการร้องไห้มา ผมกลับไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ว่าจะในฐานะแฟนหรือในฐานะอื่นๆ ผมโมโหที่กานต์เอาแต่ใจที่กานต์บังคับผมให้พาเขาไปซื้อของในวันที่ผมมีทำรายงาน แต่เป็นผมต่างหากที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง มีแต่ความไม่พอใจกานต์ แต่ไม่เคยคิดอยากจะรู้เลยว่ากานต์คิดอะไรหรือรู้สึกอะไร กว่าจะมาคิดได้ก็ตอนที่กานต์ขอเลิกแล้ว


   
วันนี้ผมชวนเขาออกมาข้างนอก กานต์ก็ยอมแต่โดยดีแต่ไม่ได้พูดอะไรกับผมเลย มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก



   “ต้องใส่เฝือกอย่างนี้นานเท่าไหร่นะกานต์” ผมถามพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบเฝือก



   “สามเดือน เราไม่แน่ใจ” เขาไม่ได้แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองผมเลย



   “แล้วหมอจะนัดอีกทีเมื่อไหร่” ผมถามต่อ



   “วันเสาร์นี้” กานต์ตอบ


   “งั้นเดี๋ยวเฟยจะเป็นคนพาไปหาหมอเอง” กานต์ปิดหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม สาตาที่มองมานั้นเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ผมเตรียมตัวคิดหาคำพูดมาแย้งเพราะคิดว่าเขากำลังจะบอกปัดไม่ให้ผมพาไป แต่แล้วกานต์ก็กลับไปเปิดหนังสืออ่านเหมือนเดิม



                                                                                *****
   “พี่ เฟยไปก่อนนะ เฟยมีธุระ” ผมก้มมองดูนาฬิกา ซึ่งมันกำลังบอกว่าจวนจะถึงเวลาที่ผมนัดจะพากานต์ไปหาหมอแล้ว



   วันนี้ผมมาช่วยดูน้องๆรุ่นใหม่ที่จะมาเดินถือคฑานำขบวนกีฬามหาวิทยาลัยปีนี้ ตามคำขอของรุ่นพี่ ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่สามารถปฏิเสธได้ และผมกำลังจะสายซึ่งสำหรับกานต์ในตอนนี้แค่เล็กน้อยอาจจะส่งผลแย่กว่าเดิมก็ได้



   “เฟย กูขออีก 10 นาที” พี่เตรุ่นพี่ผู้ถือคฑารุ่นก่อนผม 2 ปี หันมาบอกกับผม ผมได้แต่ส่ายหัวก่อนจะวิ่งไปดูน้องๆอีกที



   “กานต์ เฟยกำลังรีบไป” ผมพูดรัวกรอกโทรศัพท์ระหว่างที่วิ่งไปเอารถ และเป็นเวลาอีก 10 นาที ก็จะถึงเวลาที่ผมนัดกานต์ไว้



   “อือ” มีแค่นั้นที่กานต์ตอบกลับมา

 

   กว่าผมจะมาถึงหน้าหอกานต์ก็เลยเวลานัดไปแล้ว 20 นาที  และกานต์ก็ไม่อยู่รอผมแล้ว ผมโทรหากานต์หลายสายแต่เขาก็ไม่รับ ผมคิดว่ากานต์คงจะกำลังพบกับหมออยู่ ถ้าผมรู้ว่ากานต์ไปหาหมอที่โรงพยาบาลไหนผมก็คงจะตามไป และผมพลาดอีกครั้งที่ไม่เคยถามกานต์

 

   ผมนั่งรอกานต์ที่หน้าหอนานจนผมเลิกนับเวลาไปแล้ว ในที่สุดกานต์ก็กลับมาพร้อมกับใส่เฝือกเหมือนเดิม ผมรีบวิ่งเข้าไปหา ยิ้มอย่างจริงใจที่สุดไปให้ แต่ก็ได้แค่สีหน้านิ่งๆของกานต์ที่มองกลับมา ผมรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นไปอีก ผมคว้าถุงยาจากมือกานต์มาถือไว้เองแล้วก็เดินตามกานต์เข้าหอไป


   
       “วันนี้เฟยขอค้างห้องกานต์นะ” ผมขอ ซึ่งไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ากานต์จะยอมให้ผมค้างคืนนี้หรือไม่ เพราะว่าหลังจากทะเลาะกันวันนั้นผมก็เพิ่งจะได้กลับขึ้นมาบนหอก็วันนี้



   “ถ้าเฟยจะค้าง ก็ตามใจเฟยเถอะ” ฟังดูไม่เหมือนว่ากานต์เต็มใจให้ผมค้างเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ไล่ผมตรงๆ

 

   ผมนอนกลิ้งไปมาบนเตียง เล่นเกมส์จากโทรศัพท์ ดูโทรทัศน์ แล้วก็กลับไปกลิ้งมากลิ้งไปเหมือนเดิม แต่กานต์สนใจแต่โน้ตบุ๊กจนตกเย็น



   “ไปกินข้าวกันเถอะกานต์” ผมลุกขึ้นไปจับไหล่กานต์ เขาก็เลิกเล่นโน้ตบุ๊กแล้วก็ลงไปกินข้าวด้วยกัน



   ผมยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดที่กานต์เงียบแบบนี้ ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยแต่ครั้งนี้คงต้องยอมเพราะคนเจ็บยังไม่หายงอน

 
   
   หลังจากกินข้าวอิ่ม กานต์ก็กลับขึ้นมานั่งสนใจแต่หน้าจอโน้ตบุ๊กเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเขาดูอะไรอยู่ ผมอยากจะถามเหมือนกันแต่รู้ว่าคงจะเป็นการขัดใจกานต์เสียเปล่าๆ


   
ผมเข้าไปอาบน้ำก่อน เสร็จแล้วก็โทรไปบอกแม่ว่าคืนนี้จะนอนค้างที่ห้องกานต์ และพอผมเดินกลับมาจากระเบียงกานต์ก็กำลังมองผมอยู่



   “เราว่าเฟยกลับบ้านจะดีกว่า” ผมยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรกานต์ก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน



   “ทำไม” ผมย้อน



   “เราเปลี่ยนใจแล้ว เราไม่อยากให้เฟยนอนค้างแล้ว” กานต์หันหน้ามาทางผมก็จริงแต่ หลบตามองพื้นไม่มองหน้าผม



   ผมเกาหัวตัวเองแล้วก็เดินไปนั่งลงบนเตียงข้างๆกานต์ คงต้องพูดกันให้รู้เรื่องไปเลย คงปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้



   “เฟยว่าเรามาคุยกันดีดี ดีกว่า” ผมพยายามก้มตามกานต์เพื่อจะได้สบตาเขา



   “เราไม่อยากคบกับเฟยแล้ว” ผมรู้สึกตกใจ ไม่ใช่เพราะคำพูดของกานต์ แต่เป็นเพราะน้ำตาของกานต์ที่คลออยู่ที่เบ้าตา

 

   “แต่” พูดได้แค่นี้เพราะผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไร



   “เราผิดเองแหละที่เป็นคนเริ่มเรื่อง แต่ตอนนี้เราอยากจะพอแล้ว” ไม่ได้มีท่าทีประชดประชันอะไรจากกานต์เลย มีแต่ความเหนื่อยอ่อน และดูยอมแพ้เหมือนคำที่เขาสื่อออกมา



   “เฟยไม่เข้าใจ” ผมเอื้อมไปจับมือกานต์มาถือไว้ ผมอยากให้กานต์บอกผมว่าทำไมถึงยอมแพ้


   
“ก็แค่เลิกยุ่งกับเรา กลับบ้านไปเถอะเฟย” กานต์พยายามแกะมือผมออกจากมือของตัวเอง น้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ ผมดึงกานต์เข้ามากอดไว้

 

   “เฟยขอโทษ” กานต์นิ่งฟังผมไม่ได้พยายามขัดขืนตอนผมกระชับกอดให้แน่นขึ้น เขายังคงเพียงแค่เอาหน้าซุกกับอกผมไว้



   “ขอโทษเรื่องอะไร” กานต์พูดเสียงอู้อี้



   “ขอโทษทุกเรื่องเลย ทุกเรื่องที่เฟยเคยทำไม่ดีกับกานต์” ผมค่อยๆลูบหัวกานต์เบาๆ



   กานต์ดันตัวเองขึ้นมาจากอกผม ผมเอื้อมมือไปปาดน้ำตาที่ซึมออกมาจากหางตาของกานต์ แต่เขาก็เบือนหน้าหนี



   “กานต์เป็นแฟนกับเฟยนะ” กานต์หันหน้ามามองผม น้ำตาไหลลงมาที่ข้างแก้มสีหน้าเจ็บปวด กานต์ส่ายหัวปฏิเสธ ผมดึงกานต์มากอดไว้อีกครั้ง



   “ขอเฟยแก้ตัวได้ไหม” ผมกดจมูกลงบนหัวกานต์ แต่กานต์ยังส่ายหัวเหมือนเดิม



   “เราไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว” กานต์เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม ความยับเยินที่ผมจ้องมองอยู่นี้ ผมต้องทำอย่างไรมันถึงจะหายไป ผมทำร้ายกานต์ไปมากแค่ไหน จะมีวิธีไหนที่จะปลอบประโลมให้เขากลับมายิ้มได้บ้าง ผมกดจูบลงบนริมฝีปากของกานต์ กานต์พยายามหลบผมแต่เมื่อผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ผมก็ได้สัมผัสกับริมฝีปากนุ่มๆอีกครั้ง



   “เฟยจะไม่ทำอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว เฟยสัญญา” ผมกดจูบลงบนหน้าผากกานต์



                                                                                *****
   

   
        “เลิกยุ่งกับเด็กคนนั้นซะ”  ผมทำหน้าสงสัยเพราะไม่รู้ว่าป๊าหมายถึงใคร



   “ป๊าเห็นคลิปวิดีโอกับข้อความที่เด็กคนนั้นส่งมาหาเฟยหมดแล้ว” กานต์นั่นเองที่ป๊าพูดถึง ผมไม่ได้ตอบอะไรใดๆออกไป  แม้ว่าที่ป๊าพูดจะไม่ใช่คำสั่ง แต่ผมรู้ดีว่าไม่ควรขัดใจ ผมอุตส่าห์พยายามทำให้กานต์กลับมาไว้ใจผมได้ในที่สุด และวันนี้เขาก็เพิ่งกลับไปหลังจากกินข้าวเย็นที่บ้านผม  ผมจะทำยังไงดี



   “แต่” ผมเริ่มคิดหาข้ออ้างต่างๆมาสู่กับป๊า แต่ก็โดนป๊าดักคอไว้ก่อน



   “อย่าทำให้แม่เสียใจ” ป๊าพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป



                                                                               *****

   ผมยังคงไปรับ – ส่ง กานต์เหมือนเดิม แม้ว่าจะยังคงคิดซ้ำไปซ้ำมากับคำพูดของป๊าในวันนั้น แต่กานต์ก็ไม่ได้มีท่าทีบึ้งตึงใส่ผมแล้ว ก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีที่จะบอกเลิกยุ่งกับกานต์เลย


   “เป็นอะไรหรือเปล่าเฟย” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ



   “แต่เราเห็นทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่มาจะเป็นอาทิตย์แล้วนะ” กานต์พูดต่อ เอื้อมมือมาบีบมือผมเบาๆ



   “ไม่มีอะไรหรอก” พูดจบผมก็ออกรถมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัย



   หลังเลิกเรียนผมก็ลงมาที่ใต้ตึกอย่างปกติเหมือนเคย แต่พอลงมาถึงก็เห็นว่ากานต์กำลังนั่งคุยกับไอ้แก็ปอยู่ ผมไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปและนั่งลงข้างๆกานต์



   “มึงมาทำอะไร” ผมถามมันอย่างหาเรื่อง



   “เฟย” กานต์ทำเสียงดุ แต่ไอ้แก็ปแค่ยักคิ้วให้ผม



   “กลับกันเถอะกานต์” ผมพูดชวนกานต์แต่สายตายังคงมองไปที่มัน สงสัยว่ามันมาทำอะไรที่นี่ ไม่เข้าใจว่ากานต์ไปเป็นเพื่อนกับไอ้แก็ปได้ยังไง



   “งั้นเรากลับก่อนนะ” กานต์บอกลาไอ้แก็ป ซึ่งผมร็สึกไม่อยากให้กานต์ทำแบบนั้นเลย



   “โมโหอะไรเนี่ย” ผมหันไปหากานต์แต่ไม่ตอบอะไร เพราะรู้สึกโมโหไอ้แก็ป แค่เห็นมันก็อยากจะส่งหมัดตรงเข้าที่หน้ามันแล้ว



   “ทำไมต้องไปเป็นเพื่อนกับมัน” กานต์ทำหน้าเหวอตอนที่ผมถาม ก่อนจะยิ้มพร้อมกับส่ายหัว



   “เฟย” เสียงเหมือนเหนื่อยใจกับผมแต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร


   
        ไอ้แก็ปยังคงมาหากานต์ที่คณะเรื่อยๆ ผมไม่เข้าใจว่ามันจะมาทำไมบ่อยๆ พอลองถามกานต์ดู กานต์ก็บอกว่ามันมารอป๊อบ แต่ทำไมมันถึงไม่ไปรอที่ใต้คณะที่ป๊อบเรียน บางวันผมต้องนั่งรอกานต์กับมันคุยกันให้เสร็จถึงจะกลับบ้านได้ และผมก็จะรู้สึกอยากจะต่อยหน้ามันทุกครั้งเพราะมันมักจะยิ้มเย้ยมาให้ทุกครั้งที่มีโอกาส วันนี้ก็เหมือนกันไอ้แก็ปยังคงมานั่งทำหน้าไม่สนโลกที่ใต้ตึก แต่วันนี้กานต์ยังไม่ลงมา


        “มึงจะมาทำไมบ่อยๆวะ” ผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามมัน



        “ทำไม” ทั้งน้ำเสียงและหน้าตา กวนตีนอย่างที่สุด



         “กูก็แค่อยากจะมาคุยกับไอ้กานต์ ไม่ได้หรือไง” มันถาม



         “กูว่ามึงไปรอป๊อบที่อื่นเถอะ กานต์เขาไม่ได้อยากคุยกับมึงหรอก” ผมว่า



         “มึงกลัวว่ากูจะจีบไอ้กานต์” ผมมองหน้ามัน



         “หรือมึงกลัวว่าไอ้กานต์จะชอบกู” ไอ้แก็ปยิ้มเย้ยใส่ผม



        “ไม่แปลกหรอกถ้าไอ้กานต์มันจะชอบกู ก็กูเป็นคนที่พามันลงมาจากตึกเมื่อวันนั้น มึงจำได้ไหม” ผมนิ่งไปหลังจากที่มันพูด 



        “กูยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมไอ้กานต์ไม่ปล่อยคลิปออกไป” มันยิ้มเยาะผมอีกครั้ง



        “มึงรู้” ผมถามมัน



        “ใช่” ผมกระโจนเข้าใส่มัน แต่มีคนมาดึงผมไว้ก่อนที่หมัดผมจะถึงมัน



        “เฟย” กานต์ลากผมออกจากใต้ตึกไปยังรถของผมที่จอดอยู่ ผมยังคงอารมณ์เสียอยู่จึงสะบัดมือของกานต์ที่จับแขนผมอยู่ออก


        “เฟยใจเย็นๆ” คนพูดมีสีหน้าเหมือนกลัวผม ผมไม่รู้ว่าไอ้แก็ปมันมีความสัมพันธ์กับกานต์มากน้อยเท่าไหร่กันแน่ ผมรู้สึกไม่ไว้ใจทั้งมันและกานต์



        “กลับกันเถอะเนอะ” สิ้นคำชวนของกานต์ผมก็เดินไปเปิดประตูและขึ้นรถทันทีโดยไม่พูดอะไรอีกเลย แม้ว่าจะลงจากรถตอนถึงหอแล้วก็ตาม



                                                                                *****

         “วันอาทิตย์นี้ไปกินข้าวกันไหม” กานต์ชวนผมระหว่างที่นั่งอยู่ในโรงอาหารตอนพักเที่ยง



         “เฟยไม่ว่าง” กานต์หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมายิ้มให้ผมเหมือนเดิม



         “มาช่วยซ้อมเหรอ” ผมไม่ตอบอะไร แล้วกานต์ก็เงียบไป ไม่พูดอะไรเลยตอลอดทาง



         ทำไมไอ้แก็ปมันถึงรู้เรื่องคลิปนั้น ไม่ใช่ว่ากานต์กับมันร่วมมือกันเหรอ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้ก็ยังเป็นแผนของกานต์ใช่ไหม



                                                                                *****

        “อีกสองอาทิตย์ เราก็จะเอาเฝือกออกแล้วนะ” กานต์เล่าให้ผมฟังระหว่างทางกลับบ้าน ผมเพียงแค่พยักหน้ารับรู้เพราะในหัวยังคงคิดแต่เรื่องกานต์กับไอ้แก็ป



        “เฟยถามจริงๆนะกานต์” ผมใช้จังหวะที่รถติดอยู่นี้ถามสิ่งที่ค้างคาในใจ



        “ไอ้แก็ปกับกานต์เป็นอะไรกัน” กานต์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบคำถามผม



        “แก็ปเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเก่า อยู่คนละห้อง แต่แก็ปเคยช่วยเราไว้ครั้งหนึ่ง ก็เลยสนิทกัน” กานต์เล่า



        “สนิทกันขนาดที่ว่าให้มันมาช่วยถ่ายคลิปเมื่อวันนั้นหรือเปล่า” กานต์อึ้งไป



        “ใช่ แก็ปเป็นคนช่วยเราเรื่องนั้นด้วย” กานต์หลบตาลงไม่กล้าสบตากับผม



        “แต่แค่ช่วยขับรถเฟยมาที่หอเราแค่นั้น ที่เหลือเราเป็นคนจัดการเอง ทั้งเรื่องถ่ายคลิปแล้วก็แผนทั้งหมด” กานต์มองผมด้วยตาที่เอ่อคลอด้วยน้ำตา



        “แล้วตอนนี้ยังเป็นแผนของกานต์อยู่ไหม” ผมถาม ผมรู้สึกเสียใจเหมือนกันตอนนี้ที่สงสัยกานต์ ทั้งๆที่ผมควรจะเชื่อใจเขา



        “เปล่า” คำพูดแผ่วเบาจนผมแทบจะไม่ได้ยิน



        แล้วกานต์ก็กลับไปห่อเหี่ยวเหมือนเดิม พยายามยิ้มให้ผมบ่อยๆแต่พอผมทำเพียงแค่หน้านิ่งๆใส่รอยยิ้มนั้นก็เจื่อนลง ผมอยากจะต่อยตัวเองเหลือเกินที่อยู่ดีดีก็มาเย็นชาใส่กานต์แบบนี้ แต่ผมเชื่อกานต์ไม่สนิทใจจริงๆว่ากานต์ไม่ได้วางแผนอะไรอีกแล้ว

 

        “เฟย” กานต์เอ่ยชื่อผมในเย็นของสุดสัปดาห์ ตอนที่รถผมมาจอดอยู่ที่ใต้หอเขา



        “คืนนี้จะค้างหอกานต์ไหม” กานต์ยิ้ม



       “ไม่” แล้วรอยยิ้มก็เจื่อนลง ผมสงสารกานต์เหมือนกัน แต่ช่วงนี้คงมาค้างหอกานต์ไม่ได้เดี๋ยวป๊าจะว่าเอา ผมกลัวว่าป๊าจะจัดการอย่างที่ป๊าว่า



       “ขับกลับดีดีนะ” แล้วกานต์ก็ลงจากรถไป ผมยังจอดอยู่ที่เดิม มองกานต์เดินเข้าหอไป



        ผมซบหน้าลงกับพวงมาลัย เอาหัวกระแทกสองสามทีเผื่ออะไรจะดีขึ้น แต่ก็ไม่ ในหัวผมมีแต่เรื่องที่ไม่อยากทำให้กานต์เสียใจ กลัวป๊า แถมยังเรื่องที่ไม่สามารถเชื่อกานต์ได้สนิทใจ ผมวนเข้าไปจอดใต้หอกานต์ กอ่นจะโทรให้กานต์ลงมาเปิดประตูให้ เขาดูตกใจนิดหน่อยที่ผมเปลี่ยนใจที่จะมาค้างหอเขาคืนนี้



       “มีอะไรบอกกานต์ได้ไหม” กานต์พูดกับผมที่นอนแผ่ลงบนเตียง



       “เฟยไม่รู้จะเริ่มยังไง” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่



       “กานต์เข้าใจนะ ถ้าเฟยจะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทัน” ผมหลับตาไม่อยากหันไปมอง ไม่อยากเห็นว่ากานต์กำลังเจ็บปวดแค่ไหน



       “เฟยไม่ได้อยากเลิกกับกานต์ แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงเลิกคิดไม่ได้ว่ากานต์ยังมีแผนอะไรอยู่อีก” ผมพูดทั้งๆที่หลับตา



       “เฟยเลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มันรู้สึกบอกไม่ถูก” ผมพยายามอธิบายความรู้สึกให้กานต์ฟังแต่ไม่รู้จะหาคำอะไรมาใช้ มันอื้อไปหมด



       “ยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากไอ้แก็ป” ผมว่า



       “เฟยกลัวว่ามันจะมาเอาคืน กลัวว่ามันจะมาจีบกานต์ กลัวว่ากานต์กับมันมีแผนอะไรอีก” ผมลุกขึ้นนั่งหันหน้าไปกานต์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง



       “เราขอโทษ” ผมไม่รู้ว่ากานต์ขอโทษเรื่องอะไร เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเองต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายพูดขอโทษ



       “มานั่งข้างเฟยได้ไหม” กานต์ลุกมานั่งข้างๆผมตามคำขอ



       “เฟยขอเวลาหน่อยนะ” ผมกอดกานต์



                                                                                 *****

       “วันอาทิตย์หมอนัดไปเอาเฝือกออก เฟยอยากไปด้วยกันไหม” กานต์ถามผมในขณะที่เขายื่นขวดน้ำมาให้ระหว่างช่วงพักของการซ้อมควงคทา



       “งั้นวันเสาร์เฟยไปค้างกานต์แล้ววันอาทิตย์เฟยจะพาไปหาหมอ” กานต์ยิ้ม



        ผมยังไม่สามารถเชื่อกานต์ได้สนิทใจ แต่ผมอยากจะทำทุกอย่างให้กานต์สบายใจ ทุกอย่างที่ผมทำได้  กานต์ก็ไม่ได้มีท่าทีเร่งผมแต่อย่างใด ไม่เศร้าแต่ก็ไม่ได้สดใส ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกผิด








ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 28-04-2016 02:07:27
รอตอนต่อไปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-04-2016 02:09:25
ตั้งแต่อ่านมา ยังไม่เคนรู้สึกถึงคำว่า รัก ระหว่างกันเลย เห็นได้ชัดเจนคือความระแวง ความสับสนในความสัมพันธ์ คือตกลงว่า มันรักกันจริงใช่ไหม หรือเป็นการวางแผนเพื่อหวังแก้แค้นอะไรบางอย่างของใครสักคน (นี้คือสิ่งที่เรารู้สึก)
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 28-04-2016 08:04:41

เป็นความสัมพันธ์ที่มีแต่ความอึดอัด
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-04-2016 09:22:11
พลาดกันไปมาจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-04-2016 22:08:52
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 29-04-2016 11:14:59
อ่านแล้วอึดอัดตามอ่าาาา
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 29-04-2016 13:44:47
2 นี่ยังไง พลัดกันเข้าใจผิดพลัดกันงอน พลัดกันโกธร
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 05-05-2016 21:00:57
กลับมาอ่านอีกรอบ ยังคงอึมครึมอยู่
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 03-06-2016 03:12:49
ตอนที่ 18

“ทำไมกานต์ต้องทำกับเฟยอย่างนี้” ผมไม่ได้ตอบคำถามแม่ ได้แต่นิ่งเงียบ ป๊าคงเป็นคนบอกแม่เอง



“ไหนป๊าบอกว่าจะไม่บอกแม่” ผมหันไปหาป๊าที่นิ่งเงียบไม่ต่างจากผมเวลาที่แม่ตั้งคำถาม



“ไม่ต้องเลยเฟย” แม่ดุ



“แม่คิดว่ากานต์เป็นเด็กดี คิดไม่ออกเลยว่าทำไมกานต์ถึงทำแบบนี้” แม่มองหน้าผมเหมือนรอให้ผมพูดอะไรบ้าง



“แม่จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรลูกของแม่หรอกนะ” แม่มองผมตาเขม็ง ผมควรจะเล่าให้ทุกๆคนฟังว่าอย่างไรดี เหมือนว่าเรื่องราวจะไปกันใหญ่แล้ว



“แม่ เฟยขอเวลาอีกหน่อย เฟยสัญญาว่าจัดการเรื่องทั้งหมดเอง” แม่จ้องผมครู่หนึ่งก่อนจะลุกเดินจากไป และก็ตามด้วยป๊าที่ส่ายหัวน้อยก่อนลุกไป



ผมขอเวลากับแม่ แต่ผมไม่รู้ว่าผมจะขอไปทำไม ผมไม่กล้าทิ้งกานต์ตอนนี้แน่ๆ ยิ่งเห็นดวงตาที่คลอด้วยน้ำใสๆยิ่งแล้วใหญ่



“กานต์เป็นคนไม่ดีแน่เหรอเฟย” ไหมที่ยังนั่งอยู่ถามขึ้น ผมส่ายหัว แต่ก็ต้องยอมรับว่าการแบล็คเมล์ผมนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง



“ความจริงเฟยไม่ต้องทำอะไรเลยรู้เปล่า เดี๋ยวกานต์ก็จะยอมแพ้ไปเอง” ถูกของไหม กานต์ยอมแพ้ไปแล้ว แล้วคนที่ขอโอกาสกานต์อีครั้งก็คือตัวผมเอง



“แล้วกานต์จะไม่เสียใจเหรอไหม” ผมถาม



“มันมีด้วยเหรอเฟยคนที่เลิกกันแล้วจะไม่เสียใจ เว้นแต่ว่าไม่ได้รักกัน” พูดจบไหมก็ลุกไป ผมไม่รู้ว่าผมจะเสียใจไหมถ้าเลิกกับกานต์ ผมรู้แค่ว่าผมไม่อยากเห็นแววตาหมองๆนั้นอีก ผมสงสารกานต์

                                                                                *****


“เฟย” กานต์เอือมมือมาจับมือผม ระหว่างที่เราทั้งคู่นั่งอยู่ที่ใต้ตึกคณะ



“มีอะไรหรือเปล่า เล่าให้เราฟังได้นะ” กานต์ยิ้มแต่ไม่เต็มยิ้มนัก ผมบีบมือกานต์เบาๆ



“ไม่มีอะไรหรอกกานต์” ผมโกหก แม้ว่ากานต์ดูเหมือนจะไม่เชื่อที่ผมพูดแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรผมอีก ช่วงหลังไอ้แก็ปไม่ได้มาที่คณะแล้ว กานต์คงไปบอกมัน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้าง แม้ว่าผมจะคอยบอกตัวเองว่าไม่ให้คิดมาก ผมต้องยอมรับว่าการเห็นไอ้แก็ปมาป้วนเปี้ยนอยู่กับกานต์มันทำให้ผมเชื่อกานต์ไม่ได้สนิทใจ



หลังจากคืนนั้นผมกับกานต์มักจะเงียบๆเวลาอยู่ด้วยกัน จะพูดกันเมื่อเวลาชวนกันกลับบ้าน กินข้าว แค่นั้น  ไม่ใช่ว่าผมอยากจะให้ทุกอย่างแย่ลงเลยทำเป็นไม่พูดไม่จา แต่เพราะว่าไม่รู้จะพูดอะไรดีกับต้องใช้ความคิดเยอะ เลยไม่ค่อยจะได้พูดอะไร แต่สำหรับกานต์ผมไม่แน่ใจ เหมือนเขากำลังเตรียมรับมือกับบางสิ่งบางอย่าง เขาอาจจะกำลังคิดว่าผมจะบอกเลิกเขาในวินาทีใดวินาทีหนึ่งที่ผมเอ่ยปากพูด เพราะว่าเวลาผมเริ่มพูดอะไรสักอย่าง กานต์จะมีสีหน้าตื่นๆเล็กน้อย ผมไม่ได้มีความสุขเลยกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้แย่จนผมรู้สึกอยากหนีไปจากกานต์



“เฟย วันอาทิตย์หมอนัดเราไปเอาเฝือกออกแล้วนะ” กานต์บอกผมแล้วก็กลับไปสนใจหนังสือเหมือนเดิม คงอยากทำให้เหมือนว่าเป็นเรื่องเล่าทั่วๆไปหรือเปล่า



“ครบสามเดือนแล้วเหรอ” ผมประหลาดใจนิดหน่อยไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้



“อยากไปด้วยกันไหม” กานต์ไม่สบตาผมเลยตอนที่ถาม



“เฟยอาจจะไม่ว่าง” แววตากานต์นิ่งไปกับคำตอบผมเสี้ยววินาที ก่อนจะส่งยิ้มกลับมาให้ผม



“มะ ไม่เป็นไรเฟย” กานต์กระพริบตาถี่ๆ ก้มหน้าลงไม่สบตาผม



“ผิดหวังเหรอ” ผมถามออกไปตรงๆ



“เปล่า ระ เราแค่ถามดู” เขาส่งยิ้มแหยๆมาให้



“เดี๋ยววันเสาร์นี้เฟยไปค้างหอกานต์ แล้ววันอาทิตย์เฟยจะพาไปหาหมอ ดีไหม” ผมบอก



“ไม่เป็นไรเฟย ถ้าเฟยมีธุระ” กานต์ว่า



“เฟยไปได้ ไม่มีปัญหา” ผมย้ำเพื่อให้กานต์มั่นใจ



“หมอนัดกี่โมงนะ” ผมถามต่อ



“สิบ หมอนัดสิบโมง” กานต์ตอบผมสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อสักครู่



“แล้วต้องตื่นกี่โมง” ผมยิ้ม กานต์ยิ้มตอบ ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือตามเดิม


                                                                                *****

แม้ว่าต่อหน้ากานต์ผมจะพยายามทำให้กานต์สบายใจ แต่พอกลับมาที่บ้าน พอเห็นหน้าทุกคนโดยเฉพาะแม่ ก็ทำให้ผมต้องคิดเรื่องบอกเลิกกานต์อีกครั้ง


หากผมบอกเลิกกานต์ตอนนี้ เขาจะเป็นอย่างไร มันจะง่ายขึ้นไหมหากผมจะบอกเลิกกานต์ในวันที่เขาเอาเฝือกออก



“แม่ครับวันเสาร์เฟยไปค้างหอเพื่อนนะ” ผมไม่กล้าบอกตรงๆว่าไปค้างหอกานต์ เพราะกลัวแม่จะโกรธ



“กานต์ใช่ไหม” แม่ผมจับได้ ผมก็ได้แต่พยักหน้ายอมรับแต่โดยดี



“ต่อให้แม่ห้ามไม่ให้ไป เฟยก็จะไปอยู่ดี แม่รู้” แม่ว่า



“แต่แม่ เฟยสัญญากับกานต์ไว้แล้วว่าจะพาไปหาหมอ” ผมอธิบายหวังว่าแม่จะเข้าใจ



“แล้วจะมาขอแม่ทำไม” เหมือนว่าแม่ผมจะไม่เข้าใจ

                                                                               *****

“คิ้วขมวดอีกแล้วเฟย มีอะไรหรือเปล่า” กานต์ถามผมขณะรถติดไฟแดงระหว่างทางไปมหาวิทยาลัย



ตอนนี้ผมอยากจะเล่าทุกอย่างให้กานต์ฟังและขอเลิกกับกานต์ แต่ตอนนี้กานต์กลับมาสดใสเหใอนเดิมแล้วก็ไม่อยากไปทำร้ายให้หม่นหมองอีก



“บางทีคืนวันเสาร์นี้เฟยอาจจะไปค้างหอกานต์ไม่ได้นะ” กานต์มองหน้าผมแต่ไม่มีแววตาผิดหวังแต่อย่างใด แถมยังทำหน้าเบื่อๆใส่ผมอีก



“เรื่องนี้เหรอที่ทำให้เฟยทำหน้าเหมือนอมทุกข์” กานต์ถาม



“ใช่” ผมตอบ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด



“ไม่เป็นไรเฟยเรื่องแค่นี้เอง” หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส



“อาจจะรวมไปถึงวันอาทิตย์ด้วยนะ” กานต์ถอนหายใจหลังผมพูดจบ



“ทำไมถึงคิดว่าเราจะไปหาหมอคนเดียวไม่ได้” กานต์ไม่พูดเปล่า เอามือมาบีบแก้มผมด้วย



“กลัวกานต์โกรธ” ผมเอามือจับมือกานต์อีกที



“ไม่โกรธหรอก” กานต์เอามือออกจากแก้มผมแล้ว แต่ผมยังไม่ปล่อยมือที่กุมมือของกานต์



“แต่” ผมกำลังจะพูดต่อแต่ถูกกานต์ห้ามไว้ด้วยริมฝีปากของเขา กานต์ถอนจูบออกจังหวะเดียวกับที่ไฟเขียวพอดี ผมไม่เข้าว่าทำไมไฟเขียวจะนานกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรือไง



“เราไม่โกรธจริงๆ” กานต์หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง ผมมองเห็นแค่ใบหูที่แดงๆของเขา ผมเลียริมฝีปากลิ้มรสจูบที่ยังหลงเหลืออยู่

                                                                                *****

ผมนั่งอยู่ใต้คณะกับกานต์และเพื่อนๆเหมือนเดิม แต่จูบของกานต์ยังคงติดอยู่ในความคิด เหมือนว่าอยากจะทำอีกครั้ง ผมลอบมองปากของกานต์ตลอดเวลาพร้อมกับเอามือลูบปากตัวเองไปด้วย กานต์คงจะรู้ตัวเพราะเงยหน้าจากหนังสือมามองผมแต่พอเห็นว่าผมเอามือลูบปากอยู่ก็รีบก้มหน้าหนีทำเป็นอ่านหนังสือ ผมยิ้มให้กับหูของกานต์ที่แดงขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่ต้องไปช่วยพี่มายด์ซ้อมแล้วเหรอ” กานต์ถามระหว่างเดินไปขึ้นรถผม



“พรุ่งนี้เฟยว่าจะแวะเข้าไปดูอยู่” ผมตอบ



“แต่ความจริงก็ไม่ค่อยมีอะไรแล้ว เฟยไม่ต้องไปช่วยก็ยังได้” ผมเสริม



“กานต์” ผมสอดคว้ามือกานต์มากุมไว้



“ว่า” กานต์หันมาหาผม



“คืนนี้เฟยไปค้างหอกานต์นะ” กานต์หรี่ตามองผมเหมือนจับผิด



“ไม่ เราไม่ให้ค้าง” กานต์บอกผมตอนที่เราทั้งคู่เขามานั่งในรถแล้ว



“เรารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง” ผมรู้ว่ากานต์หมายถึงอะไร



ผมแกล้งถอนหายใจก่อนจะสตาร์ทรถ ผมตีหน้าขรึมไม่พูดไม่จาตลอดทาง ผมเห็นจากหางตาว่ากานต์หันมามองผมบ่อยๆ หลายครั้งที่ผมหันไปก็เห็นกานต์มองผมอยู่ แต่ผมก็ยังไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น

“เฟยไม่อยากได้แค่ ขับกลับดีดีนะ จากกานต์แล้ว” ผมพูดก่อนที่กานต์จะเอ่ยปากบอกลาผมอย่างทุกที



“ยังไง” กานต์ถาม ทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ใส่ผม



“จูบไง เฟยอยากได้จูบลา” ผมยิ้ม



“ไม่” เสียงกานต์เหมือนโมโห แต่หน้าแดงมาก



“งั้นเฟยค้างหอกานต์นะ” ผมพูดต่อ



“เฟย” กานต์ขมวดคิ้ว ทำหน้าเคร่งขรึม แต่ผมไม่กลัว



“ทีเมื่อเช้า กานต์ยังจูบเฟยได้เลย” ผมปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วขยับเข้าไปใกล้ๆกานต์



“แค่หอมแก้มได้ไหม” กานต์เขยิบถอยหลัง



“ไม่” ผมตอบ



“งั้นถอยกลับไปนั่งดีๆ” กานต์ดุ

ผมกลับไปนั่งดีดีอย่างที่กานต์พูด กานต์เองจึงเป็นฝ่ายค่อยๆขยับเข้ามาหาผม หน้าของกานต์เลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นที่ละนิดๆ ผมจ้องเข้าไปในดวงตาแม้ว่าจะทำเหมือนว่ามั่นใจแต่ผมก็พอจะเห็นแววของความประหม่า และมันทำให้ผมรู้สึกได้ใจมาก ในที่สุดริมฝีปากของกานต์ก็แตะโดนริมฝีปากของผม แต่เพียงแค่เอาปากประกบไว้เฉยๆ ในจังหวะที่กานต์กำลังจะถอยหลังกลับผมเอามือรั้งตัวกานต์ไว้และเป็นฝ่ายรุกไล่กานต์เอง ผมดูดดื่มความหวานจากปากของกานต์แต่มันเหมือนยังไม่พอ ผมจึงสอดลิ้นเข้าไปหาความหวานเพิ่มเติม แต่ยังไม่ทันจะได้ลิ้มรสกานต์ก็ผลักหัวผมออกจนหน้าหงายไปโดนพนักพิง

“กานต์” ผมทำสีหน้าตำหนิ



“ไม่ต้องเลย” กานต์ดุ

ผมขยับเข้าหากานต์โดยไม่สนใจที่กานต์ทำหน้าดุใส่ผม แล้วผมก็ได้รับการบีดแก้มมาเป็นรางวัล เจ็บจนน้ำตาคลอ

“อาน เอยอ๋อโอ้ด” ผมจับมือกานต์ข้างที่บีดแก้มผมอยู่



“หื่นนักใช่ไหม” กานต์บีดแก้มผมอีกครั้งก่อนจะปล่อยมือ



“ขับกลับดีดีนะ” กานต์พูดจบก็ลงจากรถไป



“จะต้องเอาคืนให้ได้” ผมพูดกับตัวเองพร้อมยิ้มไปด้วย

                                                                              *****

“ตื่นยัง” ผมโทรหากานต์ตอนสิบโมงเช้าวันเสาร์



“ยัง” เสียงตอบกลับมาเต็มไปด้วยความงัวเงีย แถมยังหาวอย่างจริงใจผ่านโทรศัพท์มาให้ผมได้ยิน 


   
   “เฟยยืนรออยู่ข้างล่างแล้ว ลงมารับเฟยหน่อย” ผมบอก หลังจากนั้นไม่นานกานต์เดินงัวเงียลงมาเปิดประตูให้ผมแล้วก็ก็เดินงัวเงียกลับไปห้องโดยไม่สนใจจะพูดกับผมเลย



   “ทำไมมาหาเราแต่เช้าเลย มีอะไรหรือเปล่า” กานต์พูดกับผม แต่เหมือนพูดกับหมอนมากกว่า



   “อ้าว ก็คืนนี้จะมาค้างหอกานต์แล้วพรุ่งนี้จะพาไปหาหมอไง จำไม่ได้เหรอ” ผมมองกานต์ที่นอนหลับตาอยู่



   “อ๋อ” กานต์พูดเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ แต่ยังคงนอนหลับตา ผมเห็นอย่างนั้น ก็ล้มตัวลงนอนข้างๆกานต์



   “เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนนะ” อะไรกันพอผมล้มตัวลงนอนข้าง เขาก็รีบลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป

   หลังจากกานต์แต่งตัวเสร็จเขากับผมก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารข้างๆหอกานต์ พอกินกันอิ่มแล้วก็กลับขึ้นห้องทันที กานต์ทิ้งให้ผมนอนดูโทรทัศน์อยู่คนเดียวเพราะกานต์มัวแต่เตรียมเสื้อเพื่อเอาลงไปซักที่ด้านล่างหอ ผมรีบลุกไปช่วยตอนเห็นกานต์ลากตะกร้าผ้าไปทางหน้าประตู

   “ทำไมไม่เรียกเฟย” ผมดุ



   “เรายกเองได้น่า” ไม่ได้สนใจที่ผมพูดเลย



   “เหรอ” ผมดึงตะกร้ามาถือไว้เองคนเดียว

   
   กานต์จัดแจงเอาเสื้อผ้าทั้งหมดเทใส่ถังซัก ใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วกดตั้งเวลาเป็นลำดับสุดท้าย เขายืนดูเครื่องซักผ้าที่เริ่มทำงานสักพัก ก่อนจะหันมาหาผม


   “อยากไปไหนไหม” กานต์ถามผม



   “ไม่ได้อยากไปไหนอ่ะ” ผมส่ายหัว แต่กานต์ยังคงมองหน้าผมอยู่เหมือนไม่เชื่อในคำตอยของผม



   “เรากลัวเฟยเบื่อ เอาไว้ผ้าซักเสร็จไปเดินเล่นกัน” กานต์ว่า



   “ไม่เอาอ่ะ นอนดูหนังที่ห้องดีกว่า” ผมตอบแล้วก็เดินนำกานต์ขึ้นห้องเพื่อตัดบทสนทนา


   แล้วผมก็ได้นอนดูหนังตามที่ผมพูดเอาไว้ แต่หนังที่ผมดูกานต์เป็นคนเลือก ซึ่งอันที่จริงเป็นซีรีส์เกาหลีที่เขาดูค้างอยู่ต่างหาก ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรแต่มันจะดีกว่านี่ถ้ากานต์ยอมให้ผมนอนหนุนตัก ไม่ใช่ผลักหัวผมอย่างแรงตอนที่ผมล้มตัวลงนอน ตอนนี้ผมก็เลยได้แต่นอนเซ็งๆบนเตียงส่วนกานต์นั่งอยู่ปลายเตียง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับซีรีส์ที่เปิดจากโน้ตบุ๊ก


   วันทั้งวันไม่มีอะไรเลย ผมช่วยกานต์ตากผ้าที่ระเบียง ลองแกล้งเข้าไปใกล้ก็โดนผลักออกมาเหมือนเดิม ตกเย็นก็ออกไปหาอะไรกินอีกครั้ง

   “เราอาบน้ำก่อนนะ” กานต์บอกผมตอนที่เราทั้งคู่เข้ามาถึงห้อง เขายืนเก้ๆกังๆถอดเสื้ออยากลำบากเพราะติดแขนข้างที่ใส่เฝือก



   “ไม่เป็นไร เราถอดเองได้” กานต์พูดพอเห็นผมเดินเข้าหา ก่อนจะถอยกรูดเข้าห้องน้ำไป ผมไม่เข้าใจว่าจะเขินอะไรผมนักหนา ไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้เลยจริงๆ วันนี้ผมต้องคลุกวงในให้ได้ผมสัญญากับตัวเอง เอาคืนที่บิดแก้มผมเมื่อวันนั้น

   
   
   “เช็ดหัวให้เฟยหน่อย” ผมปีนเตียงขึ้นไปหากานต์พร้อมกับยื่นผ้าขนหนูให้



   “ใส่เสื้อก่อนเร็ว” ตากานต์มองตัวผมที่มีหยดน้ำเกาะอยู่



   “เดี๋ยวเสื้อเปียก” ผมตอบพร้อมกับเขยิบเข้าไปใกล้ๆอีก



   “รีบเช็ดหัวให้เฟยเร็ว” ผมเร่งกานต์  เขาจึงต้องเริ่มเช็ดหัวให้ผมอย่างเสียไม่ได้ ผมสังเกตว่ากานต์หลบตาผมตลอดเวลา



   “ไม่อยากให้เฟยเข้าใกล้เหรอ” ผมถาม



   “เกียจเฟยแล้วเหรอ” ผมถามต่อ



   “เปล่า” กานต์ตอบ


   
“งั้นเฟยจูบได้ไหม” ผมรุกถาม แต่กานต์ส่ายหัวปฏิเสธไปมา



“ทำไมล่ะ” ผมขยับเข้าหากานต์ที่ถอยหนีไปจนหลังติดกำแพงตรงหัวเตียง

 
   
“เฟยพูดเหมือนกำลังจะหลอกฟันเด็กเลยนะ” กานต์ยิ้มแหยๆ




“ไม่ไว้ใจเฟยเหรอ” ผมยกแขนข้างซ้ายที่ใส่เฝือกของกานต์คล้องคอผมไว้ เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้กานต์มากขึ้น



“เฟยสัญญาจะไม่ทำให้กานต์เสียใจ” ผมแตะปากลงบนริมฝีปากของกานต์ ผมรู้สึกว่าจูบเท่าไหร่ก็ไม่พอ ยิ่งได้สัมผัสก็อยากจะสัมผัสมากขึ้น



“ฟะ เฟย” เสียงสั่นๆของกานต์ กระตุ้นผมให้ตื่นตัวเต็มที่ ผมเร้าจูบให้ร้อนแรงยิ่งกว่าเดิมกานต์เองก็ตอบสนองได้ดี มืออีกข้างบีบต้นแขนผมไว้แน่น ใจผมเต้นรัวจนตกต้องผละออกจากริมฝีปากของกานต์ กานต์เองก็หายใจแรงไม่แพ้กัน เราทั้งคู่มองตากันครู่หนึ่งก่อนผมจะจู่โจมใส่กานต์อีกครั้ง

                                                                                *****

เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าดังปลุกผม ผมค่อยขยับตัวเพราะไม่อยากให้กานต์ที่นอนกอดผมอยู่ตื่นเสียก่อน

“ครับแม่” ผมพูด



“กลับบ้านเลยได้ไหมเฟย ไปธุระเป็นเพื่อนแม่หน่อย” แม่ผมพูดเสียงสดใส ซึ่งดูสดใสมากกว่าปกติที่แม่เป็น



“แต่วันนี้ผม” ผมเริ่มจะอธิบาย แต่ถูกแม่ขัดไว้ก่อน



“นะเฟย” แม่ว่า



“ครับ” ผมรับปากอย่างเสียไม่ได้ หลังจากรับปากแม่ว่าจะไปธุระเป็นเพื่อนแม่แน่นอน ผมก็กดวางสาย

ผมหันไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง ร่างกายที่ตอบสนองผมอย่างดีเมื่อคืนนี้ถูกคลุมด้วยผ้าห่มตั้งแต่หัวไหล่ลงไป เหมือนจะกำลังเรียกให้ผมล้มตัวลงไปนอนข้างๆ  แต่ผมทำได้แต่ยืนมองเพราะกลัวว่าถ้าลงนอนตามที่ใจอยากก็จะไม่ได้ลุกจากเตียงง่าๆแน่ เมื่อคืนผมตักตวงความสุขจากกานต์มามาก มากจนผมรู้สึกผิดที่จะปล่อยให้กานต์ไปหาหมอคนเดียว แต่ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธแม่ได้

“มีอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์ตื่นขึ้นมาพอดีระหว่างที่ผมยืนคิดนู่นนั่นอยู่นี้



“เฟยต้องไปธุระกับแม่วันนี้ คงไปกับกานต์ไม่ได้แล้ว” ผมพูด



“บอกแล้วไง ว่าไม่เป็นอะไร” กานต์ว่า



“ทำไมถึงไม่เลิกเป็นกังวลซักที” กานต์พูดต่อ



“แต่” แม้ว่าสีหน้ากานต์จะสดใสแต่ผมก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้



“ไม่เป็นไรจริงๆ” กานต์ทำเสียงดุ



“ครับๆ งั้นไว้เฟยโทรหานะ” ผมโน้มตัวจูบกานต์เนิ่นนาน



“ไปได้แล้ว” กานต์ผลักผมออก แต่ผมจูบอีกครั้งก่อนจะไปอาบน้ำ

                                                                                *****

“สีแขนเราไม่เท่ากันจริงๆนะเฟย” กานต์พูดเรื่องนี้มาตั้งแต่บนรถระหว่างทางที่ผมไปรับกานต์ตอนเช้าวันจันทร์ จนตอนนี้พักกลางวันก็ยังพูดอยู่



“เดี๋ยวก็กลับมาเหมือนเดิม” ผมส่ายหัว ให้กับคนตรงหน้าที่ก้มมองแขนตัวเองไปมา



   “กานต์อาจารย์เรียกที่ห้องอ่ะ” ไอ้อัพพูดตอนนี้มาถึงโต๊ะที่ผมกับกานต์นั่งอยู่



   “เหรอ” กานต์หน้าเหวอเล็กน้อย



   “ขอบใจมากนะอัพ” กานต์หันไปพูดกับอัพ



   “มีอะไรหรือเปล่ากานต์” ผมถาม



“อาจจะโดนแก้งานอีก” กานต์ทำหน้ามุ่ย



“ไว้เจอกันตอนเย็นเลยแล้วกันนะ” แล้วกานต์ก็ลุกขึ้นวิ่งออกไป ผมสังเกตว่าไอ้อัพมองตามกานต์ไปจนกานต์ขึ้นตึกไป แล้วมันก็หันมาหาผมทำหน้าเหมือนมีอะไรอยากจะพูดกับผม



“มีอะไรมึง” ผมถาม



“ที่มึงคบกับกานต์ เพราะมึงโดนแบล็คเมล์เหรอว่ะ” ผมนิ่งไปกับคำถามของไอ้อัพ



“อะไรของมึง” ผมถามมันกลับโดยไม่ตอบว่าใช่หรือไม่



“ก็กูเข้าไปห้องอาจารย์ แล้วก็ได้ยินพ่อแม่มึงคุยกับอาจารย์เรื่องนี้อยู่” ไอ้อัพเล่า



“เขาเลยให้กูมาตามกานต์นี่แหละ” จบคำพูดไอ้อัพผมก็รีบลุกวิ่งตามกานต์ไป






ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-06-2016 06:27:59
เรื่องยิ่งขยายใหญ่ขึ้น
มีแต่ความเป็นไปที่จะเลิกกัน
แต่เฟย มีท่าว่าจะชอบกานต์ซะแล้ว
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 03-06-2016 11:29:02
เอาใจช่วยกานต์อันเป็นที่รักน้าาาา
สู้ๆ ขอให้เรื่องร้ายๆผ่านไปไวๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 03-06-2016 14:49:49

อยากอ่านต่อแล้วววววววววววว!
กานต์จะโดนไล่ออกมั้ย?
ความจริงจะโทษพ่อแม่ก็ไม่ได้อ่านะ ท่านทำถูกแล้วที่ปกป้องลูก
แต่พออ่านในมุมมองของคนสองคนแล้วมันก็ช่างขัดใจเหลือเกิน
โถ่ คุณพ่อคุณแม่คะ ยุ่งไรด้วยเนี่ย555
ทำแบบนี้นี่เท่ากับทำลายอนาคตน้องกานต์เลยนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-06-2016 17:21:16
สุดท้ายเฟยก็ไม่ได้ทำให้กานต์รู้สึกดีขึ้น
ยิ่งบานปลายหนักขึ้นไปอีก พ่อแม่เฟยใจร้ายไปนะ
ทำไมไม่ลองมาพูดกับกานต์ก่อนล่ะ อยู่ๆก็มาตัดอานาคตกันเลย
นึกภาพไม่ออกว่ากานต์จะเสียใจแค่ไหน แล้วถ้าพ่อแม่เฟยรู้ว่า
เฟยเคยทำอะไรกับกานต์ไว้บ้าง จะกล้ามาขอโทษกานต์มั้ยนะ

อย่าให้ค้างนานนะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 03-06-2016 18:27:55
 จริงๆเป็นผู้ใหญ่ น่าจะกระทำอะไรให้สุขุมรอบคอบกว่านี้นะคะ ถ้าซักเรื่องราวละเอียดก็น่าจะเข้าใจมากขึ้นนะ ว่าเรื่องคลิประหว่างเด็กสองคนมันถูกลบไปแล้ว แถมลูกคุณอยู่มหาลัยแล้วนะ มีท่าทีอ่อนโอนแบบนั้นก็ควรเอามาคุยก่อนป๊ะ? จะบอกไม่ให้มายุ่งกับลูกหรือขู่จะเเจ้งตำรวจก็ว่าไป เพราะกานต์ไม่ได้ไปตามเล้าหรือขู่ๆๆๆ แบล็คเมลๆๆๆ นี่นา ถึงกับต้องตัดอนาคตกันเลย น่าโมโหนะคะ ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ หรือจะเพราะเราอ่านในมุมของเด็กๆเค้าล่ะมั้งถึงไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพ่อแม่ แต่แค่คุยกับลูกยังไม่คุยคุยไม่รู้เรื่องเลย ไม่คิดอะ...(@#$%^&*)  บ่นยาว 555 แบล็คเมล์แล้วไง ขู่แล้วไง อัดคลิปแล้วไง สุดท้ายคนที่เสียเปรียบ ช้ำทั้งตัว ช้ำทั้งใจก็เฟยชัดๆ แม่งงงง #คนอ่านอินมาก อย่าได้ใส่ใจ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-06-2016 21:34:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 03-06-2016 21:46:39
ให้ตายเถอะ หลงเข้ามาอ่านแล้วไม่คิดเลยว่าจะติดหนักขนาดนี้
อ่านมาเรื่อยๆแล้วชอบความหน่วงของเรื่องมากๆ
จนถึงตอนสุดท้ายที่เริ่มพีคขึ้นเรื่อยๆนี้ละค่ะ
พ่อแม่เฟยก็นะ เฮ้ออออ  :เฮ้อ:
เฟยเริ่มชอบแล้วอ่ะ อีกอย่างที่จริงเหมือนเฟยก็จะจำเรื่องที่ตัวเองทิ้งกานต์ไว้บนตึกได้นะ
จะมีหรอ จำเหตุการณ์ได้ว่าตัวเองทิ้งคนไว้บนตึกได้แต่จำไม่ได้ว่าทิ้งใคร ไม่น่าจะมีหรอก
ยังไงก็ตาม เฟยก็ต้องแก้เรื่องนี้ให้ได้
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-06-2016 22:47:37
จะโดนอะไรต่อ!!!!!!
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 04-06-2016 01:55:05
เย้ๆกลับมาแล้ว กานต์จะเป็นยังไงบ้างอะ คงจะได้เลิกกับเฟยรึป่าว
รอ รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 23-06-2016 11:47:27
จะเป็นยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 23-06-2016 15:33:30
ถึงขนาดตัดอนาคตกันเลยเหรอ มากเกินไปไหม ความเป็นผู้ใหญ่อยู่ที่ไหน อย่างน้อยก็น่าจะมีการสอบถามกันก่อน แต่สำหรับเราเฟยเองก็นิสัยใช้ไม่ได้เช่นกัน
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 04-07-2016 03:30:21
ตอนที่ 19

   ผมยืนเท้าตายอยู่หน้าห้องอาจารย์ที่ปรึกษาชั้นปีไม่สามารถเปิดประตูก้าวเข้าไปหรือว่าหันหลังแล้ววิ่งหนีไปได้ มีการตะลุมบอนกันในความคิด อยากจะเปิดประตูเข้าไปเพราะมันอาจจะช่วยกานต์ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเปิดเข้าไปแล้วจะพูดอะไรดี
   



“โธ่โว้ย” ผมสบถให้ตัวเอง ไม่รู้ว่าผมกลายเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่



จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออกโดยกานต์ เขามองหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีไป ผมทันมองเห็นสีหน้าเรียบเฉยของเขา ไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วกานต์ก็เดินจากผมไปโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดอะไรเลย แต่พอผมจะตะโกนเรียกกานต์ประตูก็ถูกเปิดอีกครั้งแล้วป๊ากับแม่ผมก็เดินออกมา



   “เฟย” แม่ทักผม



   “ป๊า แม่ มาทำอะไรกันครับ” ผมรู้ว่าทั้งคู่มาทำอะไรกันแต่อดที่จะถามไม่ได้



   “มาทำในสิ่งที่เฟยไม่ยอมทำ” ป๊าพูดเสียงเข้ม ผมถอนหายใจ



   “งั้นเฟยไปเข้าเรียนก่อนนะครับ” ผมหมดคำพูดเพียงเท่านี้พูดจบก็หันหลังเดินหนีจากคนทั้งคู่ ผมต้องเก็บความรู้สึกผิดหวังไว้ก่อน สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือคุยกับกานต์ ผมวิ่งไปที่ห้องเรียนที่กานต์จะเรียนในตอนนี้แต่พอไปถึงหน้าห้องอาจารย์ก็เข้าสอนแล้ว ผมยืนอยู่หน้าห้องสักพักส่งข้อความหากานต์เพื่อให้เขาออกมาหาผม แต่เหมือนจะเปล่าประโยชน์เพราะกานต์ไม่ตอบข้อความผมเลย ผมจึงตัดใจกลับไปที่ห้องเรียนของผม ไว้ค่อยคุยกับกานต์ตอนเย็น



   แต่คาบบ่ายผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมไม่มีสมาธิที่จะฟังอาจารย์สอนเลยเพราะมัวแต่ส่งข้อความหากานต์ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมาเหมือนเดิม ผมรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมอยากจะออกจากห้องไปตอนนี้เลย และเมื่ออาจารย์บอกเลิกชั้นเรียนผมเป็นคนแรกที่พุ่งออกจากห้องเรียนมุ่งหน้าไปที่ห้องเรียนของกานต์อีกครั้ง แต่ผมมาช้าไปชั้นเรียนของกานต์เลิกเรียนกันแล้วเพราะทุกคนออกมาจากห้องเรียนกันหมดแล้ว

   “เช่” คนถูกเรียกหันมาด้วยสีหน้ารำคาญอย่างเป็นที่สุดเพราะผมตะโกนเรียกเสียงดัง



   “ทะเลาะกันอีกแล้วใช่ไหม” ผมพยักหน้าให้กับการหยั่งรู้ของเช่



   “ลงจากตึกไปแล้วมั้ง พอเลิกเรียนปุ๊บก็รีบเก็บของออกไปเลย” เช่บอกผมพลางยักไหล่



   “ขอบใจ” ผมพูดพร้อมกับออกวิ่งอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะวิ่งตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอกานต์ที่ตรงไหนเลย ผมได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกานต์อีกหรือถ้ากานต์จะไม่มาเรียนผมก็รู้จักหอเขา

                                                                            *****

   บรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวช่วงเย็นค่อนข้างอึดอัด เหมือนทั้งป๊าและแม่ต้องการจะพูดบางอย่างกับผม แต่ผมไม่อยากฟัง ผมรู้สึกผิดหวังที่ทั้งคู่ไม่ไว้ใจผม

   “ผมอิ่มแล้วครับ” ผมรวบช้อนส้อม ยกจานจะไปเก็บที่อ่างล้างจานในครัว



   “นั่งลงก่อน ป๊ามีอะไรจะพูดด้วย” ป๊าเองก็รวบช้อนกับส้อมเช่นเดียวกัน อีกสองคนที่เหลือก็พลอยต้องเลิกกินไปด้วย เหมือนเตรียมตัวกับอะไรบางอย่างที่จะตามมา แต่สำหรับผมตอนนี้ ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น



   “มีอะไรจะพูดก่อนไหมเฟย” ผมมองหน้าป๊ากำลังจะพูดสิ่งที่คิดอยู่ แต่ก็เปลี่ยนใจ ผมอยากขึ้นห้อง ผมไม่พร้อมคุยตอนนี้ อาการต่อต้านครอบครัวตอนสมัยมัธยมกลับมาอีกแล้ว



   “อยากกลับไปยุ่งกับเด็กคนนั้นอีก” ป๊าพูดออกมา ทุกคำชัดเจน



   “แค่นี้ใช่ไหมครับ” ผมลุกขึ้นตรงขึ้นห้อง ทิ้งตัวลงบนเตียง อยากจะออกไปหากานต์ตอนนี้เลย แต่รู้ดีว่าถ้าทำอย่างนั้นจะต้องทะเลาะกับป๊าแน่นอน และนั่นคือสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น ผมจำได้ดีว่าป๊าโมโหแค่ไหนตอนช่วงม.5ที่ผมเกเรจนผลการเรียนออกมาแย่ และผมก็จำได้ว่าแม่เสียใจแค่ไหน แต่ตอนนั้นมันมีแค่ผมไม่เหมือนกับตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้กานต์จะเป็นอย่างไรบ้าง

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องนอนผมดังขึ้น ผมได้แต่มอง



   “ไหมเข้าไปนะ” เสียงไหมลอดผ่านประตูเข้ามา



   “อือ” ผมบอก



   “กานต์ ทำแบบนั้นจริงๆเหรอ” ไหมพูดหลังจากนั่งลงบนเตียงของผม



   “ใช่” ผมตอบทั้งๆที่นอนอยู่ แอบหวังให้ไหมอยู่ข้างผม



   “ไหมว่ากานต์ทำผิด” ผมลุกขึ้นมานั่งมองหน้าไหม ผมเตรียมจะบอกให้ไหมออกจากห้องผมซะแต่ถูกไหมพูดตัดหน้าเสียก่อน



   “แต่ไหมไม่คิดว่า กานต์มีเจตนาจะทำร้ายเฟยจริงๆหรอก” ไหมจ้องหน้าผม เขาคงกำลังอ่านใจผมอยู่



   “แล้วไหมว่าเฟยควรทำยังไง” ผมถาม



   “ไปขอโทษป๊าแม่ก่อน แล้วก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ทั้งคู่ฟัง” ไหมยักไหล่



   “แต่เฟยไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” ผมเถียง



   “แต่ป๊ากับแม่เห็นว่ากานต์ทำผิดนะ” ไหมทำสีหน้าเหมือนรำคาญผมนิดหนึ่ง



   “ถ้าไม่เล่าให้เขาฟัง เขาก็จะเข้าใจผิดๆ” ไหมว่า



   “หรือไหมเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า” ผมไม่เข้าใจที่ไหมพูดเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าไหมพูดถึงอะไร



   “เอาไว้ก่อนแล้วกัน” ผมพยักหน้าให้ไหม



   “ป๊ากับแม่หวังดีกับพวกเราเสมอแหละเฟย แม้ว่าบางทีเขาอาจจะดูเหมือนไม่ไว้ใจเรา มันก็เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าความจริงมันคืออะไร” ไหมจ้องหน้าผม



   “ถูกไหม” ไหมพูดกระตุ้นให้ผมตอบ



   “อือ” ผมตอบ



   “พร้อมเมื่อไหร่ก็จัดการซะ แต่อย่าให้นานนักหละ มันไม่ดี” ไหมลุกขึ้นเตรียมตัวออกจากห้อง



   “หมายถึงเรื่องกานต์ด้วยนะ” ไหมเดินออกจากห้องไป ทิ้งผมให้นั่งขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น

                                                                            *****

   ความจริงผมอยากไปดักรอกานต์ที่ใต้หอเขา แต่คิดว่าถ้ากานต์เจอผมอยู่ใต้หอก็คงจะหนีขึ้นหอไปแล้วก็จะไม่ได้คุยกัน ผมจึงเลือกไปรอเจอกานต์ที่มหาลัยเพราะอย่างน้อยๆหากกานต์วิ่งหนีผมก็จะวิ่งตามได้

   ผมถอยรถเข้าตามปกติแต่สายตาไปสะดุดเข้ากับกานต์ที่ยืนคุยอยู่กับไอ้แก็ปอยู่ ผมไม่รอช้ารีบจอดรถแล้วเดินปรี่ตรงเข้าไปหาทั้งคู่

   “มึงมาทำอะไร” ผมหันไปถามมันอย่างหาเรื่อง



   “ทำไม” ไอ้แก็ปตอบกลับมา น้ำเสียงและหน้าตากวนอารมณ์ผมเป็นที่สุด


   “กูว่ามึงกลับไปดีกว่า” ผมก้าวเข้าหามัน



   “มึงเป็นยามหรือไงมาไล่กู” ไอ้แก็ปก็ก้าวเข้าหาผมเช่นเดียวกัน แต่กานต์เข้ามาแทรกระหว่างผมกับมัน ผมมองกานต์ที่เอามือทาบกับอกไอ้แก็ปไว้กันไม่ให้เดินเข้าหาผม



   “กลับไปก่อนเถอะแก็ป ขอบใจที่มาส่ง” กานต์ดันอกมันเบาเพื่อให้ถอยไป



   “ไว้เจอกัน” พอมันพูดกับกานต์เสร็จก็หันมายักคิ้วใส่ผม



   “ขับกลับดีดีนะ” ไอ้แก็ปพยักหน้าน้อยๆให้กานต์ก่อนจะเดินกลับรถ ส่วนผมยืนจ้องหลังของกานต์อยู่ คำที่กานต์พูดกับผมทุกครั้งที่เขาลงจากรถ เขาเอามาใช้กับมัน ผมนึกว่าเขาพูดกับผมคนเดียวเสียอีก



   “เดี๋ยว” ผมกระชากแขนกานต์ที่กำลังจะเดินหนีผมไป



   “ทำไมต้องให้มันมาส่ง” ผมถามเสียงแข็ง



   “แล้วทำไมถึงจะให้แก็ปมาส่งไม่ได้” เสียงกานต์ก็แข็งไม่แพ้กัน ผมไม่ได้ตอบอะไรไป ผมแค่ไม่ชอบหน้าไอ้แก็ป ไม่ชอบที่กานต์ไปยุ่งกับมัน ไม่ชอบที่กานต์ไม่พูดกับผม ไม่ชอบที่มัยมาส่งกานต์ ผมแค่ไม่ชอบทุกอย่างที่เป็นไอ้แก็ป



   “ปล่อยเรา” กานต์ตีมือผมที่จับแขนเขาอยู่



   “เราถูกทำทัณฑ์บนยังไม่พอใช่ไหม หรือต้องให้เราโดนไล่ออกก่อน เลิกยุ่งกับเราได้แล้ว” ผมปล่อยมือกานต์ลง ไม่คิดว่าเขาจะโดนทำทัณฑ์บน



   “พอใจแล้วหรือยัง” กานต์ยิ้มให้ผม แต่เป็นยิ้มฝืนๆเหมือนประชดกัน



   “ผิดแผนเลยใช่ไหม” ผมโมโหจากไอ้แก็ปจนลืมไปแล้วว่าอยากจะคุยกับกานต์



   “ไอ้แก็ปมันว่ายังไงบ้างหละ หรือมีอีกคลิปเอาไว้ขู่มันเหมือนกัน” ผมรู้สึกอยากจะจับกานต์มาเขย่าๆ เพราะเขาไม่ได้มีท่าทีเสียใจเลย ผมไม่ชอบที่เขาทำสีหน้าเรียบเฉย



   “หมดเรื่องจะพูดแล้วใช่ไหม” พูดจบกานต์ก็รีบเดินตรงไปยังตึกเรียน พอกานต์เดินหนีไปผมก็เพิ่งสำนึกได้ว่าตัวผมปากเสียขนาดไหน



   “โธ่โว้ย” ผมสบถให้ตัวเองอีกครั้ง อยากจะชกตัวเองจริงๆ


   ผมเดินเข้าตึกหลังจากอัดบุหรี่ไปสองมวน อารมณ์กรุ่นๆผมลดลงมาเล็กน้อยแต่อารมณ์เกลียดตัวเองยังคงเดิม แต่พอเดินเข้าตึกมาก็เริ่มรู้สึกถึงบางอย่างแปลกๆ ทุกคนหยุดพูดคุยแล้วหันมาทางผมเมื่อผมก้าวเข้ามาที่ใต้ตึก ผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ผมเดินไปนั่งโต๊ะประจำที่พวกเพื่อนของผมนั่งกันอยู่ พวกมันทำหน้าตาเลิกลัก จนผมรู้สึกรำคาญ

   “มีอะไร” ผมถาม



   “มึงโดนไอ้กานต์แบล็คเมล์จริงๆเหรอวะ” ไอ้ปลายเป็นคนถาม



   “มึงเอามาจากไหน” ผมตั้งใจหันไปหาไอ้อัพเพราะมันเป็นคนที่รู้เรื่อง



   “กูเปล่านะ” ไอ้อัพปฏิเสธ



   “กูได้ยินคนอื่นเขาพูดกัน” ไอ้ปลายบอก

                                                                           *****

   เรื่องเล่าจากปากต่อปากมักไปไวเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนตอนที่ข่าวเรื่องผมกับกานต์คบกันแพร่ออกไป หลากหลายคนที่เข้ามาถามบ้าง แสดงความเห็นใจบ้าง ผมเพียงแค่รับฟัง ตอบคำถามบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะแค่พยักหน้าแล้วนิ่งฟังอย่างเดียว มันไม่ได้มีความหมายใดๆกับผมเลย ผมไม่ได้รู้สึกเป็นผู้เสียหายที่ต้องการคนเห็นใจหรือสงสาร ผมต้องพยายามสงบอารมณ์ไม่ให้โมโหใส่คนที่เข้ามาไถ่ถาม

   ส่วนกานต์นั้นเหมือนว่าจะรับกับเสียงซุบซิบได้ดี เขามักจะมองข้ามหัวของผู้คนในบริเวณที่เขาเดินผ่านไป ไม่สนใจคำพูดใดๆที่ดังรอบๆตัวเขา ไม่มีความหวั่นไหวหรือเสียงใจในแววตา มีแต่ความเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกใดๆ เขาคงไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาคงไม่รู้สึกอะไรเลยและผมก็ทนไม่ได้ที่เขาไม่รู้สึกอะไร

   “ไง วันนี้ไอ้แก็ปไม่มารับเหรอ” ผมทักกานต์ที่ยืนหลบฝนอยู่ที่ชายคาของตึก เขาไม่ตอบอะไรกลับมาเหมือนเดิม มีแค่สายตาเย็นชาที่ถูกส่งมาให้ผมก่อนจะวิ่งตากฝนออกไป

   ผมตลกตัวเองที่ไม่สามารถพูดดีกับกานต์ได้ทั้งๆที่รู้ว่ายิ่งทำแบบนี้มันยิ่งเป็นการผลักไสให้กานต์ไปไกลจากผมมากขึ้น แถมยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน ผมอยากบอกเขาว่าผมไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆเลย แต่อีกใจหนึ่งผมก็รู้สึกดีที่เป็นแบบนี้ แม้ว่าที่ผ่านมากานต์จะคอยวุ่นวายอยู่กับผม ไม่ว่าผมจะทำอะไรกับเขา เขาก็ไม่เคยหนีผมไป ผมเคยคิดว่ากานต์คงจะชอบผมจริงๆ แต่พอมาเห็นว่ากานต์ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรก็รู้สึกโหวงๆในท้อง กับจุกบริเวณอกไปพร้อมๆกัน

   เวลาผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์อยู่ดีๆก็มีงานนิทรรศการเกี่ยวกับจรรยาบรรณของบุคลากรในสาขานิเทศถูกจัดขึ้น ตอนแรกผมเข้าใจว่างานถูกจดขึ้นเพราะช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมของสื่อที่ไม่เหมาะสม แต่เปล่าเลย ผมรู้สึกว่าทุกๆกิจกรรมกำลังโจมตีกานต์

   จากที่เคยมองผ่านเสียงซุบซิบนินทา ตอนนี้ระดับสายตาของกานต์กลับลดต่ำลง ไม่กินข้าวกลางวันที่โรงอาหารของคณะ ไม่นั่งใต้ตึกคณะ แล้วกานต์ก็ค่อยๆหายไป

   “เป็นยังไงบ้างมึงชอบไหม คิดว่าพวกกูทำได้ดีหรือเปล่า” ผมที่บังเอิญเห็นกานต์ตอนกำลังเดินเข้าตึกพอดีเลยแอบเดินตามอยู่ห่างๆ แต่ก็ต้องมาหยุดกะทันหันเพราะกานต์โดนพี่เม้งดักไว้ พี่เม้งกำลังยัดโปสเตอร์ใบหนึ่งใส่มือกานต์



   “ทำไมมึงไม่ชอบเหรอ” กานต์ก้มหน้าเหมือนอ่านโปสเตอร์ แต่ผมไม่คิดว่าเขากำลังสนใจโปสเตอร์ที่เขาถืออยู่



   “อ้าวเฟย มึงชอบหรือเปล่า” พี่เม้งหันหน้ามาหาผม



   “ก็ดีครับ” พี่เม้งยิ้มให้ผม



   “แต่แฟนมึง เอ่ย อดีตแฟนมึงเขาเหมือนจะไม่ชอบวะ” ผมไม่ได้รู้สึกร่วมกับพี่เม้งเลย



   “เขาไม่รู้สึกอะไรหรอกพี่ อย่าไปยุ่งเลย” ผมโอบไหล่อีกฝ่ายให้เดินไปอีกทาง

   นิทรรศการถูกจัดยาวนานเกือบสองอาทิตย์ เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าเรียนที่คณะนี้ที่ผมไม่ได้รู้สึกสนุกหรืออยากมีส่วนร่วมด้วยเลย หลายส่วนของงานที่พูดถึงการแบล็คเมล์

   กานต์ก้มหน้าก้มตาตลอดเวลาที่ผมเห็นเขา แทบจะเรียกได้ว่ามองพื้นอยู่ตลอดเวลา ไม่มีแล้วความเฉยชาที่เคยมี และไม่นานผมก็ไม่เจอกานต์อีก แต่ผมคิดว่าเขาแค่หลบเลี่ยงเก่งแค่นั้น ไม่ได้คิดว่าเขาจะลาออก ผมไปถามอาจารย์ที่ปรึกษาเรื่องการลงโทษกานต์แล้ว และได้คำตอบว่ากานต์โดนทัณฑ์บนพร้อมกับถูกสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับผม เพื่อแลกกับการที่ได้เรียนต่อและไม่ถูกดำเนินคดี

   “เช่ได้คุยกับกานต์บ้างหรือเปล่า” ผมถามด้วยเสียงเบาๆ ระหว่างที่นั่งอยู่กับเช่สองคน



   “ไม่ได้คุย” เช่ส่ายหัว



   “แล้วจะถามถึงมันทำไม” เช่ย้อนถาม



   “เปล่า ก็แค่ไม่ค่อยเห็น” ผมตอบตามตรง



   “ก็ไม่แปลกเจออย่างนี้ถ้ากล้าเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ ก็จะหน้าทนเกินไปแล้ว” ผมพยักหน้ารับรู้


   
   “ก็ทำตัวเองนี่นะ” ปลายที่เดินมาพูดขึ้น มันคงได้ยินที่ผมกับเช่พูดกัน



   “มึงแน่ใจเหรอ” นัทที่เดินตามหลังไอ้ปลายมาพูดขึ้น



   “อะไรวะนัท” ปลายหันไปหานัทที่ดูเหมือนโมโหอะไรสักอย่าง อันที่จริงมันแวะมาหาผมพร้อมกับไอ้พล็อตและดูอารมณ์เสียตั้งแต่มาถึงแล้ว



   “ก็ถามว่ามึงแน่ใจแล้วเหรอ ว่ากานต์มันผิด” นัทถามเสียงเข้ม ในขณะที่คนอื่นต่างนั่งลงรอบโต๊ะ พล็อตเดินไปจับแขนนัทเหมือนจะปรามไม่ให้นัทโมโห แต่เหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่สนใจ



   “ก็มันหลอกไอ้เฟยให้ไปมีอะไรกับมันแล้วก็อัดคลิปไว้ แถมยังเอามาขู่ไอ้เฟยให้เป็นแฟนกับมันอีก” ปลายเถียง



   “เหรอ” นัทมองหน้าทุกคนแล้วมาหยุดที่ผม



   “มึงคิดว่ากานต์ผิดจริงๆเหรอ” นัทเหมือนจะถามผมมากกว่า



   “แล้วถ้าไอ้กานต์ไม่ได้ทำจริงแล้วแม่กับพ่อไอ้เฟยจะมาเอาเรื่องทำไม” ปลายยังคงเป็นผู้ตอบคำถามอยู่



   “ใจเย็นๆนัท” พล็อตดึงแขนนัทเบาๆ



   “พวกมึงนี่ตลกดีว่ะ” นัทยิ้มเย้ย



   “โดยเฉพาะมึงเลยเฟย ทำเหี้ยๆกับเขาไว้ พอเขามาเอาคืนก็ทำเป็นดิ้น” นัทหันมาหาเรื่องผมแทน



   “กลับนัท” ตอนนี้พล็อตเริ่มออกแรงดึงแขน แต่นัทก็พยายามรั้งไว้



   “อะไรของมึงเนี่ยนัท” ปลายถาม



   “และที่เหี้ยที่สุดคือมึงแกล้งทำเป็นลืมเรื่องที่มึงทำ พวกมึงด้วย” แล้วนัทก็เดินออกไปโดยมีพล๊อตวิ่งตามไปติดๆ คนที่เหลือต่างมองหน้ากันไปมา ต่างคนต่างสงสัยว่าที่นัทพูดหมายความว่าอะไรแล้วทำไมเขาต้องโมโหขนาดนั้น แต่สำหรับผมนัทพูดถูกทั้งหมดผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว

                                                                              *****

   “แม่ไปคุยกับพ่อให้หนูหน่อย” ผมที่เบื่อๆเลยขึ้นมาที่ดาดฟ้าของตึกเรียน ต้องสะดุดเข้ากับเสียงกานต์ที่กำลังพูดอยู่ระหว่างที่ผมกำลังเปิดประตู



   “หนูรู้สึกว่าหนูไม่ได้ชอบเรียนนิเทศแล้ว” ผมไม่รู้มาก่อนเลว่าเขาไม่ชอบเรียนนิเทศ



   “แม่ หนูสัญญาว่าจะหาพิเศษทำด้วย” ผมฟังจากรูปประโยคแม่กานต์คงไม่ยอม



   “โธ่ แม่หนูไม่ได้อ้าง” ผมที่แอบฟังอยู่หวังในใจว่าอย่าให้แม่กานต์ใจอ่อน กานต์จะต้องอยู่ต่อ



   “อ้าว แม่ แม่” เสียงกานต์เรียกแม่ซ้ำ คงโดนตัดสายไปแล้ว ผมยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเปิดประตูออกไป

   กานต์สะดุ้งตกใจเพราะผมตั้งใจผลักประตูให้โดนกำแพงจนเกิดเสียงดัง เขาหันมามองทางผม ก่อนจะรีบเร่งเก็บของและเดินตรงเข้ามา  ผมคว้ามือกานต์ไว้ก่อนระหว่างที่เขากำลังเดินผ่านผม

   “มีอะไรจะพูดกับเฟยไหม” ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่พูดกับกานต์ดีดี



   “เลิก ยุ่ง กับ เรา ซะ” กานต์พูดเน้นทุกคำให้ชัดเจน แต่ไม่มองหน้าผมเลย



   “ทำไมกลัวไอ้แก็ปมันว่าหรือไง” ผมยังไม่เลิกพาลเรื่องไอ้แก็ป



   “ปล่อย” กานต์ดิ้นแถมยังตีเข้าที่มือผม

   ผมปล่อยให้กานต์ดิ้นไปเรื่อยแม้ว่าจะเจ็บตรงที่โดนกานต์ตีด้วย แต่ผมก็ไม่อยากปล่อย กลัวว่าถ้าปล่อยไปครั้งนี้แล้วกานต์จะไม่กลับมาหาผมอีกเลย

   “อยากได้อะไรจากเราอีก” ในที่สุดกานต์ก็ยอมพูดกับผม



   “เฟย” ผมพยามยามเค้นสมองหาคำตอบ ตำตอบที่จะทำให้กานต์ไม่หนีจากผมไป



   “เฟยอยากให้กานต์อยู่ต่อ” กานต์ยิ้มเยาะผม



   “อยู่ทำอะไรหล่ะ  ไม่เห็นเหรอว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้” กานต์ว่า



   “เราไม่ต่างอะไรจากโดนคว่ำบาตร เพื่อนไม่อยากคบ อาจารย์ก็ไม่อยากรับงาน” กานต์พูดต่อ



   “สมใจเฟยแล้วสิ ใช่ไหม” กานต์คงกำลังเขาใจผิดคิดว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับนิทรรศการ



   “ไม่ใช่นะกานต์” กานต์ยิ้มเยาะเย้ยผมอีกครั้ง



   “เฟยรู้อะไรไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอเฟยที่นี่จนวันนี้เฟยไม่ได้เปลี่ยนไปเลย” ผมตั้งใจฟังกานต์ แววตาเจ็บปวดจ้องมองผม



   “ตลอดเวลาเฟยแกล้งทำเป็นลืมเรา ลืมว่าเคยทำอะไรกับเราไว้ ทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น” กานต์ว่า



   “เฟยคิดว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นเองใช่ไหม” ผมส่ายหน้า



   “ที่เรากลับมาแล้วทำทั้งหมดก็เพื่ออยากจะเห็นว่าเฟยสำนึกสักนิดว่าเคยทำอะไรกับเราไว้ แต่ก็เปล่าเลย” น้ำตาเออปริ่มที่ขอบตาของกานต์



   “เราพลาดเองเฟย” กานต์สูดหายใจเข้าก่อนจะพูดต่อ



   “เราพลาดเองที่กลับมา พลาดเองที่คิดว่าจะเปลี่ยนเฟยได้” กานต์เสียงเริ่มสั่นเล็กน้อย



   “เราเข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่กานต์ถึงต้องทำแบบนั้นแม้จะเสียใจแต่ไม่มากเท่า” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ฟังกานต์เงียบๆ



   “ไม่มากเท่าที่เห็นว่าเฟยไม่ได้คิดจะทำอะไรเลย” แค่ยืนฟังก็รู้สึกเกียจตัวเองมากแล้ว ผมจึงปล่อยมือที่จับแขนกานต์ไว้ ผมคงต้องปล่อยกานต์ไปจริงๆ

                                                                            *****






ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-07-2016 04:12:02
จุกอกแล้วความรู้สึกรังเกียจเฟยและทุกคนตีตื้นขึ้นมาทันทีที่อ่านจบสงสารและเห็นใจกานต์มาก *** ตอนต่อไปมาต่อเร็วเถอะคะ อารมณ์ร่วมยังคงทำงานอยู่เต็มที่ จะได้ร่วมลงแรง  :z6: เฟยและเพื่อนทัน
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 04-07-2016 09:31:17
เฟยนี่น่ารังเกียจจริงๆ คือนิสัยไม่แมน ปกป้องใครไม่ได้ คนแบบนี้อย่าไปยุ่งด้วยดีที่สุด ขี้ขลาดเกิ๊น :m16:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-07-2016 10:43:29
เฟยลืมจริงหรือแกล้งลืม
กานต์น่ารักเวลาคุยกับแม่
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 04-07-2016 16:28:39
สนุกมากๆตับลุ้นๆ กานต์จะเปนไงต่อ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: yanggi ที่ 04-07-2016 21:47:28
อ่านแล้วรู้สึกแย่กับเฟยมากอ่ะ. สิ่งที่เคยทำกับกานค์. ทำให้เจ็บ. มันวนกลับมาเป็นลูป. ไม่จบอ่ะ. แย่จัง
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 04-07-2016 22:11:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 17-07-2016 11:34:12
ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: yanggi ที่ 17-07-2016 16:40:32
อ่านแล้วก็รู้เสียใจ   เฟยไม่ทำอะไรให้มันดีขึ้นเลย  แสดงว่ารู้อยู่ว่ากานต์เป็นใครแต่ตัวเองก็ยังเฉย  :m31: :m16: :fire:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 18-07-2016 12:24:43
เฟย แกไม่ออกมาพูดอะไรเลยยย นี่แน่ะ  :beat:

ทำอะไรเพื่อกานต์บ้างสิ เอาแต่รออย่างเดียวไม่ได้นะคะ  :m31:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 19-07-2016 15:49:21
เฟยไม่แมนเลยย
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 20-07-2016 23:13:31
สงสารกานต์
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 21-07-2016 05:23:55
อื้ออหื้ออออออ เฟย์นี่เป็นคนที่น่ารังเกียจมากปากบอกเดี๋ยวจัดการเอง เดี๋ยวเคลียร์เองแต่ไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง ไม่เคยสำนึกผิดอย่างจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำลงไป ปากก็บอกแต่ว่า. ขอโทษๆ อยู่แบบนั้น อ้างนู้นนี้ตลอดเวลาเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่ผิด สงสารกานต์จับใจ จะมาแก้แค้นทั้งทีก็ทำได้ไม่สุดเพราะในในมันยังรักตัว.... อยู่ กับสิ่งที่พ่อแม่เฟย์ทำ มันไม่ผิดถ้าเขาจะปกป้องลูก แต่ควรเรียกมาคุยกันก่อน อันนี้จะถือว่าที่ท่านลงมือทำแบบนี้อจจะด้วยเพราะเฟย์แม่งเอาแต่พูดอย่างเดียวด้วย เช่ เพื่อนที่ว่าสนิทที่สุดยังต้องขอบายแบบนี้ใครมันจะไปทนว่ะ ตอนอ่านนี่สบทด่าเฟย์ตลอดเลย ปายอีกคนตอนที่หลอกกานต์ไปน้ำตกด้วย ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ...อยากถีบอิเพื่อนคู่นี้ออกไปไกลๆ ตอนนัทมาจะมาเปิดทุกอย่างนี่พล็อตจะมาขัดทำไมคะ??????? โมโห!!! กลับไปเรื่องบนตึกอีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรอยากขอบคุณแก็ปมากที่มาพากานต์ออกไป โดนแบบนั้นบ้างคนที่ช็อคตาย ไม่ก็เป็นบ้าได้เลยนะ อย่างน้อยก็ต้องฝั่งใจไปจนตายอ่ะ.....อ่านแล้วหร่วงมาก ขอบคุณค่ะ หุหุ  :D
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 21-07-2016 09:46:00

เพิ่งเห็นว่ามาอัพแล้ว!!
นั่นๆ แกล้งทำเป็นลืมกันจริงๆด้วยสินะ
คงจะประมาณว่าเป็นช่วงอดีตที่มืดมน(คล้ายช่วงจูนิเบียว)เลยลืมๆมันไปซะดีกว่างั้นสิ?
ขัดใจตรงที่เฟยไม่ทำอะไรสักอย่างเหมือนกันค่ะ
ตัดจากกานต์ก็ไม่ตัด ห้ามพ่อแม่ก็ไม่ห้าม
จะอธิบายกับอาจารย์ก็ได้ แต่นางก็ดันปอดแหก งี่เง่า ไร้ประโยชน์จริงๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: tararatart ที่ 21-07-2016 11:54:25
ตกลงเฟย์แกล้งลืมจริงๆใช่ไหม ช็อคสุดตอรจบไม่ได้คาดหวังอะไีรเลยดูจากชื่อเรื่องแล้วแกมันไม่คู่ควรกับใครเลยเฟย์ปกป้องใครไม่ได้ขี้ขลาดแม้แต่ความคิดตัวเองยังไม่กล้าทุ่จะยืนยัน อยากรู้ถ้าตอนจบรักกันได้จริงๆครหา เหน็บแนม เพื่อนไม่คบ อาจารย์ไม่เอา ความเดียวดานที่กานต์ต้องสู้เพียงลำพังแกจะชดใช้ยังไง ไม่เคยเกลียดพระเอกเรื่องไหนเท่าแกล่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 22-07-2016 23:11:06
 :ling1:  สงสารกานต์
เฟยนี่ขี้ขลาดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 24-07-2016 22:16:36
ชอบกานต์มาก เข้มแข็งนะลูก อย่าไปสนใจเลยผู้ชายแบบนี้  :hao5: :ling3:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: orangesmooty ที่ 25-07-2016 01:36:53
ตกลงเฟยทำอะไรไว้?? ทิ้งไว้บนตึก???
เอาจริงๆ เราก็ยังไม่เข้าใจว่ากานต์ต้องการอะไร
คิดว่าคงจะชอบเฟย แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งงงเหตุการณ์
ที่พูดเหมือนมันเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าทิ้งไว้บนตึก
มีอะไรมากกว่านั้น??? นี่งงจริงจังมาก
เฟยก็ทำตัวมึนๆ ปล่อยไหลไปเรื่อยๆ
ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่อยากให้กานต์รู้ร้อนรู้หนาว ...
เป็นคนที่สารเลวใช้ได้เลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
เริ่มหัวข้อโดย: XXIXII ที่ 25-07-2016 22:09:07
สงสารกานต์มาก กานต์เข้มแข็งแล้วก็อดทนกับเฟยมาตลอด
เฟยเป็นคนที่แย่นะ ไม่ทำอะไรสักอย่าง จนเรื่องมันเลยเถิดมาขนาดนี้
อยากให้กานต์ไปจากเฟยอ่ะ โดนคนอื่นมองไม่ดี ขนาดเพื่อนอย่างเช่
ยังเทกานต์เลย
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 26-07-2016 01:36:31
ตอนที่ 20

ผมจำกานต์ได้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับเขา และกานต์เองก็ดูเหมือนจะจำผมไม่ได้ ผมรู้สึกว่าดีแล้วที่เป็นอย่างนี้
ส่วนสาเหตุที่ผมแกล้งทำเป็นลืมกานต์นั้นสืบเนื่องมาจากเมื่อสมัยผมอยู่มัธยมปลายผมเกเรามาก และกานต์เป็นหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจากความเกเรของผม ผมจำได้ดีว่าแม่เสียใจแค่ไหน น้ำตาของแม่ทำให้ผมเริ่มปรับเปลี่ยนตัวให้ดีขึ้น ผมจึงตัดสินใจที่จะลืมเรื่องราวที่ไม่ดีทั้งหมดที่ผ่านมารวมไปถึงเรื่องที่ผมทำไว้กับกานต์ด้วย
ผมยังจำได้ดีถึงวันที่ตื่นมาบนเตียงของกานต์เมื่อวันนั้น ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ไม่ได้ทำให้ผมจำอะไรไม่ได้ แต่ที่ทำจำได้ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ภาพความทรงจำขาดๆหายๆไม่ปะติดปะต่อกัน แต่สติผมกลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับข้อความนั้นจากกานต์ ผมไม่คิดว่ากานต์จะใช้แผนนี้ แม้ว่าผมจะไม่เต็มใจนักที่ถูกบังคับแต่ลึกแล้วก็หวังอยากให้กานต์ยกโทษให้จึงยอมทำตาม
ผมไม่ได้เป็นแฟนที่ดีอย่างที่กานต์ขอหรืออย่างที่สมควรจะเป็น อารมณ์ของกานต์ขึ้นๆลงๆจนทำให้ผมอึดอัด แต่พอรู้จักกันมาเรื่อยๆกานต์ก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ผมคิดว่ากานต์ยังรักผมอยู่และผมก็พยายามตอบแทนความรักของเขาเช่นเดียวกัน ผมจึงขอกานต์เป็นแฟน ขอโอกาสให้ผมได้แก้ตัว แต่ก็เท่านั้นเพราะสุดท้ายผมก็เป็นได้แค่คนขี้ขลาดที่ไม่สามารถปกป้องคนที่ตัวเองเรียกว่าแฟน
เกือบจะหนึ่งสัปดาห์กว่าที่ผมจะรู้ว่ากานต์ลาออกไปแล้ว ผมไม่รู้ว่ากานต์ขอพ่อกับแม่ของเขาได้สำเร็จหรือเขาแค่ดื้อดึงที่ลาออกโดยไม่สนใจใคร ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้สึกอะไรกับเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเสียงที่เคยซุบซิบนินทาเรื่องกานต์นั้นก็เงียบตามไปด้วย
“กานต์ลาออกแล้วนะครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังเล่าเรื่องทั่วๆไป ระหว่างอาหารมื้อเย็น

“ตอนนี้หนะเหรอ” ผมไม่แปลกใจที่ไหมถามเพราะกานต์ลาออกไปช่วงต้นของเทอม 2 ปี 3

“ใช่” ผมตอบ รอบมองสังเกตสถานการณ์รอบๆตัว

“เฟยกำลังจะหาว่าแม่เป็นคนผิดใช่ไหม” แม่วางช้อนกับส้อมลง

“เปล่าครับ เฟยแค่คิดว่าทุกคนน่าจะได้รู้กันเลยเอามาบอก” ผมกินข้าวต่อทำเป็นไม่สนใจ

“มีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่า” ป๊าถาม

“เฟยจะไปตามหากานต์” ผมตอบ

“และต่อให้ป๊ากับแม่จะห้าม เฟยก็จะไม่ยอมเปลี่ยนความคิด” ผมพูดเสริม

“ดี” ป๊าพูดแล้วก็หันไปกินข้าวต่อ

“แต่เด็กคนนั้นเขาทำไม่ดีกับเฟยนะ” แม่หันปทางป๊าเพื่อของเสียงสนับสนุน

“แม่ครับ ความจริงแล้วคนที่ทำไม่ดีคือเฟย ไม่ใช่กานต์” แม่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนเป็นเงียบไม่พูดอะไรในที่สุด

“เฟยไม่อยากเป็นคนขี้ขลาดที่คอยหลบอยู่หลังแม่กับป๊า” ผมมองทั้งคู่สลับไปมา

“และเฟยยังไม่พยายามทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นอย่างที่เฟยควรจะทำ” ผมหันไปมองไหมที่ยิ้มมาให้ผม คำพูดของไหมจริงจนผมไม่สามารถเถียงได้

“เฟยแค่อยากจะให้ทุกคนเชื่อใจเฟย” ผมหันไปหาแม่เพราะผมพูดประโยคนี้เพื่อแม่โดยเฉพาะ

“แม่คงพูดอะไรไม่ได้สินะ” แม่พูดจบก็หันไปกินข้าวอีกครั้ง

แต่ผมไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับกาต์เลย ซึ่งเป็นเรื่องตลกที่ผมขำไม่ค่อยจะออก ทางเดียวที่ผมนึกออกตอนนี้คือ “ไอ้แก็ป” เพื่อนคนเดียวของกานต์ที่ผมรู้จัก แม้ว่าจะรู้สึกขัดใจที่จะต้องไปขอความช่วยเหลือจากมัน แต่ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ผมขอให้ป๊อบโทรนัดวัน เวลาและสถานที่ให้ โดยผมเสนอเลี้ยงข้าวให้ป๊อบเป็นการตอบแทน และผมรู้สึกแปลกใจมากที่ไอ้แก็ปยอมมาเจอผมแต่โดยดี ผมไม่ลืมที่ขอเบอร์ไอ้แก็ปมาเผื่อมันเบี้ยวจะได้ตาม หรือไม่ก็เอาไว้โทรถามมันแทนในกรณีที่มันกวนไม่อยากจะเจอผม
“มึงจะอยากตามหามันทำไม” แม้ว่ามันจะยอมมาเจอผมแต่ความกวนของมันไม่ได้ลดลงเลย

“ก็กานต์เป็นแฟนกู” ผมพูดจบมันก็หัวเราะเยาะเย้ยผม

“แต่มึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยเนี่ยนะ” ผมพยายามจะไม่โมโหมัน

“เออ” ผมตอบหน้านิ่ง

“กูก็ไม่รู้ว่ะ” มันตอบ

“ห๊ะ” ผมร้องเสียงดัง

“แต่มึงเป็นเพื่อนกันนะ” ผมถามมัน

“มึงไม่มีสิทธาว่ากู” มันย้อน

“แต่ถึงกูจะรู้กูก็ไม่บอกมึงหรอก” ไอ้แก็ปลอยหน้าลอยตาใส่ผม ก่อนจะเดินจากไป

“ขอบใจที่มา” ผมขอบคุณมันเบาๆ ผมรู้ว่ามันไม่ได้ยิน และไม่ต้องการให้มันได้ยิน เพราะผมเกลียดมัน
                                                                            *****
ผมเคว้งคว้างไร้จุดหมาย พยายามคิดเค้นหาหนทางแต่ก็มืดแปดด้าน ไม่ประสบความสำเร็จใดๆ หลายวันผ่านไปผมเสียสมาธิไปกับการคิดหาวิธีที่จะติดต่อกับกานต์ และยังกลับไปที่หอกานต์อีกหลายครั้งเพราะแอบหวังว่ากานต์อาจจะยังอยู่ที่หอไม่ได้ย้ายไปไหน ถึงขนาดต้องซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปให้พวกพี่ๆยามที่เฝ้าหอที่กานต์อยู่เพื่อสอบถามข้อมูล แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา
ผมมัวแต่คิดเรื่องกานต์จนลืมเรื่องสัญญาที่ว่าจะเลี้ยงข้าวป๊อบจนเจ้าตัวต้องเดินมาตามถึงที่คณะ ผมจึงต้องพาเธอไปเลี้ยงข้าวในเย็นวันนั้นเลยอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เรื่องที่เฟยไปคุยกับแก็ปมีอะไรเกี่ยวกับกานต์หรือเปล่า” ผมไม่รู้ว่าป๊อบถามทำไม แต่ผมก็พยักหน้ายอมรับไป

“กานต์คงต้องชอบเฟยมากเลยนะ ถึงได้ทำแบบนั้น” ผมเดาไม่ออกว่าป๊อบกำลังรู้สึกอะไรอยู่

“ไม่ใช่กานต์หรอกที่เป็นคนทำเรื่องทั้งหมด เป็นเฟยเองต่างหาก” ผมยิ้มให้ป๊อบ

หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาเกี่ยวกับกานต์อีกเลย ป๊อบยังคงมีความน่ารักเหมือนเดิม แต่ก็แค่นั้นผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับป๊อบเลย ไม่เหมือนเมื่อก่อน กลิ่นหอมๆจากป๊อบไม่ได้ทำให้ผมสดชื่นอีกแล้ว

“ไว้เฟยไปส่งเราที่บ้านบ้างนะ” ป๊อบบอกตอนที่เรากำลังจะแยกกัน

“ถ้าเฟยว่างนะ” ผมพยายามตอบแบบที่จะไม่ผูกมัดตัวเอง ป๊อบทำอ้าปากเหมือนจะพูโอะไรบางอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจเป็นโบกมือลาก่อนจะเดินไปยังรถของเขา

ป๊อบยังคงแวะเวียนมาหาผมที่คณะบ้าง ผมถามทุกครั้งว่ามีธุระอะไรถึงได้มาที่นี่ แต่ป๊อบก็แค่ยิ้มกลับมาจนสุดท้ายผมก็อ่อนใจเลิกถามไปเอง เพื่อนๆต่างคิดว่าผมกับป๊อบกำลังคบกันอยู่ ทุกคนดูยินดียกเว้นนัท ซึ่งหลังจากที่โมโหใส่ผมเมื่อวันนั้น นัทก็ไม่พูดกับผมอีกเลย แม้ว่าจะถูกพล็อตลากมาทุกครั้งที่พวกเรานัดกัน
“นัทมันยังโกรธกูอยู่หรือว่ะ” ผมกระซิบถามพล็อตระหว่างที่เรานัดกันออกมาสังสรรค์กัน

“คงงั้นแหละ” พล็อตตอบ

“นัทมึงเป็นอะไรว่ะ” ผมถามขึ้นระหว่างที่พล็อตลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมใช้โอกาสนี้เขยิบเข้าไปหามัน

“มึงดูมีความสุขดีนะ” นัทไม่ได้ตอบคำถามผม แต่พูดประชดผมแทน

“กูก็ปกติ” ผมตอบเสียงเข้ม

“ก็ดีแล้ว กานต์มันจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่ที่เกลียดมึง” นัทว่า

“มึงทะเลาะอะไรกันอีกเนี่ย” ปลายพูดแทรกขึ้นมา

“มีอะไรกัน” พล็อตที่เดินกลับมาทันได้ยินที่ปลายพูดถามขึ้น

“กูไม่มี แต่เหมือนไอ้นัทมันจะมี” ผมหันไปพูดกับพล็อต

“ใช่กูมี” ผมเป็นเพื่อนกับนัทมานาน ไม่บ่อยนักที่มันจะโมโหเพราะปกติมันจะเป็นคนที่มีเหตุผล

“มึงคงจะสบายใจมากสินะ ที่กานต์มันออกไปจากชีวิตมึงได้สักที” นัทเริ่ม

"มึงหมายถึงอะไรว่ะนัท กูว่าจะถามมึงตั้งนานแล้ว” ปลายแทรกขึ้นอีกครั้ง และตอนนี้ทั้งกลุ่มหันไปหานัทเพื่อรอคำตอบ

“พวกมึงจำกันไม่ได้จริงๆเหรอว่ะ” นัทกวาดตามองทุกคนรอบโต๊ะแล้วมาหยุดลงที่ผมด้วยสายตาตำหนิ

“กานต์คือคนที่กูเคยแกล้งเมื่อตอนมัธยม” ผมเลือกเป็นคนตอบเอง ทุกคนทำหน้านึกเว้นแต่นัทที่ยังคงมองผมเหมือนเดิม

“ที่มึงไปแกล้งจีบแล้วก็หลอกเขาไปทิ้งไว้บนตึกใช่ไหม” ผมพยักหน้าให้ปลาย

“มิน่า กูถึงว่าหน้าคุ้นๆ” พล๊อตเสริม

“งั้นที่กานต์ทำทั้งหมดก็เพราะอยากแก้แค้นมึง ใช่ไหม” ปลายถามต่อ

“ตอนแรกกูก็คิดว่าอย่างนั้น แต่หลังกูก็เริ่มไม่แน่ใจ” ผมหันไปหานัท หวังว่ากานต์อาจจะเคยไปพูดอะไรบางอย่างกับนัท

“แต่ตอนนี้กูคิดว่ากานต์ต้องเกลียดมึงมากๆแล้วว่ะ คนอย่างมึงมัน” นัทหยุดพูด

“เหี้ย” ผมพูดต่อให้

“ใช่กูรู้ว่ากูโคตรจะเหี้ย ตอนนี้กูสำนึกแล้วกูอยากจะแก้ไข” สีหน้าของนัทดูเป็นมิตรขึ้นมานิดหนึ่ง

“ตอนนี้กูพยายามตามหากานต์อยู่ แต่เหมือนว่ากูจะเจอทางตันแล้วว่ะ” ผมถอนหายใจก่อนจะยกแก้วที่เต็มไปด้วยเบียร์ขึ้นดื่ม

“สมน้ำหน้ามึง” นัทว่าผมก่อนจะลุกออกไป

เหมือนยกภูเขาออกจากอกไปอีกหนึ่งลูก หลังจากบอกความจริงให้ทุกคนฟัง ผมให้ความสำคัญกับเพื่อนเป็นอันดับต้นๆ ผมจึงหวังว่าสักวันในเร็วๆนี้นัทมันจะหายโกรธผม เพราะมันเป็นเพื่อนผมและผมคงต้องขอให้มันช่วยเรื่องกานต์
แต่เมื่อปลายรู้เรื่องทั้งหมดนั่นก็หมายความว่าเช่ก็จะต้องรู้

“กานต์มันคงเกลียดกูไปแล้วมั้งเนี่ย” เช่หอบหายใจหลังกระหน่ำตีผมชุดใหญ่

“มึงนี่มันเลวจริงๆ” เช่ตีผมอีกครั้ง ผมรู้สึกแสบไปหมดตรงบริเวณที่โดนตี ไม่รู้ว่าปลายมันทนมือทนเท้าเช่มันได้อย่างไร

“กานต์มันเคยเล่าว่าบ้านมันอยู่ที่นครปฐมมั้ง” เช่ ทำท่านึก

“มึงนี่มันเลวจริงๆ” เช่เริ่มตีผมอีกครั้ง

และเหมือนว่าโชคจะเริ่มเข้าข้างผม เมื่อปลายยื่นแผ่นกระดาษขนาดเอสี่มาให้ บนกระดาษเขียนรายละเอียดที่อยู่ไว้ ผมเห็นก็เดาได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นที่อยู่ของบ้านกานต์ ปลายเล่าว่าเช่เป็นคนไปขอคัดลอกจากฝ่ายทะเบียน

“ทำไมกูถึงนึกไม่ออกว่ะ” ผมมองไปทางปลายที่มีเช่ยืนอยู่ข้างๆ

“เพราะมึงมันเลวไง” เช่คว้าโอกาสที่จะด่าผมได้

“ขอบใจ” ผมยิ้มให้ทั้งคู่อย่างจริงใจ

“ไม่เป็นไรแค่ขอให้กานต์ยกโทษให้พวกกูก็พอ” ปลายสั่งผม

“เข้าใจแล้ว” ผมพยักหน้ารับทราบ

                                                                            *****
“พรุ่งนี้เฟยจะไปนครปฐมนะครับ” ผมพูดขึ้นระหว่างมื้อเย็นวันศุกร์ อาจจะเหมือนการขออนุญาตแต่ความจริงคือการแจ้งให้ทราบเท่านั้น

“ดีเลย ซื้อขนมตาลมาฝากไหมด้วยนะ” ไหมว่า

“ส้มโอด้วยนะ ป๊าไม่ได้กินมานานแล้ว” ป๊าเข้ามาร่วมวงคุยด้วย มีเพียงแม่คนเดียวที่ทำไม่สนใจ

เช้าวันเสาร์ผมออกจากบ่ายตั้งแต่เก้าโมงเช้า โดยอาศัยการนำทางจากจีพีเอส ตามที่ผมดูบ้านของกานต์อยู่เลยจากตัวเมืองนครปฐมไปไม่ไกลนัก แต่พอผมขับมาถึงหมู่บ้านที่คาดตามจีพีเอสว่าบ้านกานต์จะตั้งอยู่ที่นี่ ปัญหาก็เกิดเพราะผมไม่รู้ว่าบ้านหลังไหนคือบ้านของกานต์ถึงแม้ว่าจะมีบ้านเลขที่แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมต้องขับรถวนหมู่บ้านถึงสองรอบ เข้าซอยนั้นออกซอยนี้ พยายามเล็งหาบ้านเลขที่ของบ้านกานต์แต่ก็ไม่เจอ พอจะถามทางจากคนแถวนี้ก็ไม่เจอใครเลยสักคน สุดท้ายผมจึงแวะจอดรถที่หน้าร้านขายของชำร้านหนึ่งเพราะผมหิวน้ำมากและจะได้ถามทางกับเจ้าของร้านด้วย

“ผมจอดรถไว้ข้างร้านได้ใช่ไหมครับลุง” ผมบอกคุณลุงเจ้าของร้าน อันที่จริงลุงก็ดูไม่ได้แก่กว่าป๊าเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เรียกอย่างอื่นก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่

“ได้ ไม่เป็นไร” ลุงบอกเสียงเข้ม

“ลุงครับ ลุงพอจะรู้จักคนที่ชื่อกานต์ไหมครับ” ผมถามในขณะที่ลุงกำลังนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ขายของ

“เป็นผู้ชาย ตัวสูงประมาณผมนี่แหละครับ” ผมพยายามอธิบายแต่เหมือนคุณลุงจะไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถาม ได้แต่มองหน้าผมนิ่งๆ ผมเห็นท่าไม่ดีจึงก้มหัวแสดงการขอโทษก่อนจะไปนั่งดูดน้ำเงียบๆที่โต๊ะม้าหินหน้าร้าน

หลังจากหายเหนื่อยผมตัดสินใจว่าพอแค่นี้ก่อนสำหรับวันนี้ ไว้เสาร์หน้าผมจะกลับมาใหม่

ผมกลับมาอีกสองครั้งวนรถหาเหมือนเดิม และก็ไม่เจอบ้านกานต์เหมือนเดิม และตอนนี้ผู้คนบริเวณนี้เริ่มมองหน้าผมแปลกๆจนผมไม่กล้าเข้าไปถามทาง แต่ในครั้งที่สามที่ผมกลับไปผมก็ทำสำเร็จ

ผมแวะร้านขายของชำเหมือนทุกครั้งเพื่อซื้อน้ำก่อนที่จะกลับบ้าน คิดว่าครั้งหน้าจะลากเพื่อนๆมาด้วย เพราะหลายหัวช่วยกันคิดน่าจะดีกว่าหัวเดียว แต่วันนี้ไม่ใช่คุณลุงที่มาขายของ แต่เปลี่ยนเป็นคุณน้าผู้หญิงแทน ใบหน้าดูเป็นมิตรและยิ้มแย้มแจ่มใสมากกว่า

“คุณน้ารู้จักคนนี้ไหมครับ” ผมถามพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ที่ตอนนี้มีรูปกานต์โชว์อยู่ไปให้คุณน้าดู

“หนุ่มมาหากานต์เหรอ” คุณน้าถามด้วยน้ำเสียงใจดีพร้อมกับยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม

“ครับ” ผมพยักหน้า รู้สึกดีใจมาก

“แต่ตอนนี้กานต์ไม่ได้อยู่บ้านหรอกนะ” คุณน้าพูดต่อ

“กานต์ไปไหนหรือครับ พอจะบอกได้ไหมครับว่ากานต์ไปไหน ผมอยากเจอเขาครับ” ผมถาม

“บวชจ้ะ” ผมฟังไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่

“คุณน้าว่าอะไรนะครับ” ผมถามเพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน

“ตอนนี้กานต์บวชอยู่จ้ะ” คุณน้าใจดีทวนให้ช้าๆ

“งั้นเหรอครับ” ผมว่า

“แล้วคุณน้าพอจะทราบไหมครับว่าบ้านกานต์อยู่ตรงไหนครับ” ผมถามต่อ

“นี่แหละจ้ะบ้านกานต์ น้าว่าน้าบอกหนุ่มแล้วนะ” คุณน้าว่า

“งั้นคุณน้าก็เป็น” ผมอึกอัก

“จ้ะ น้าเป็นแม่ของกานต์” ผมตาโตก่อนจะเดินถอยหลังแล้วพนมมือสวัสดี

“สวัสดีครับผมชื่อเฟย เป็นเพื่อกานต์ที่มหาวิทยาลัย” ผมพูดเสียงดัง

“เออ กานต์บวชตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ผมเริ่มถามอีกครั้ง

“นานแล้วจ้ะ กานต์ไม่ได้บอกเหรอลูก” แม่กานต์เปลี่ยนจากเรียกผมว่า “หนุ่ม” เป็น “ลูก”

ผมคุยกับแม่กานต์ต่ออีกนิหน่อย ก่อนจะขอตัวกลับโดยที่ไม่ลืมที่จะขอที่อยู่วัดที่กานต์อยู่ ผมดีใจมากที่หาบ้านกานต์เจอ แม้ว่าจะยังไม่เจอหน้า ยังไม่ได้พูดคุย แต่ผมก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ผมคงจะไปพูดกับกานต์ตอนนี้คงไม่เหมาะผมจึงต้องพักเรื่องที่จะปรับความเข้าใจกับกานต์ไว้ก่อน

                                                                            *****

ผมกลับมาเล่าให้สมาชิกในครอบครัวฟังว่าตอนนี้กานต์กำลังบวชอยู่หลังจากที่ได้ฟังทุกคนก็มีอาการที่แตกต่างกันไป ป๊าแค่พยักหน้ารับรู้ ไหมเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่าง ส่วนแม่ดูนิ่งไป แต่ผมก็ไม่ได้หวังอะไรจากการที่เล่าให้ฟัง แค่อยากเล่าให้ฟังเท่านั้น

“แล้วเฟยจะไปหาพระที่วัดหรือเปล่า” ไหมถาม

“อยากไปอยู่นะ แต่คิดว่าคงจะยังไม่เหมาะ” ผมตอบ

“แต่แค่ไปทำบุญใส่บาตรน่าจะได้อยู่นะ” ไหมเสนอ ผมก็คิดอยู่บ้างว่าอาจจะไปทำบุญแต่คิดว่ากานต์คงจะยังไม่พร้อม

“ตอนนี้คงยังไม่ไปเจอน่าจะดีกว่า” ผมบอกไหม

“งั้นถ้าเฟยจะไปเมื่อไหร่ บอกไหมด้วยนะ ไหมจะไปด้วย” ผมพยักหน้ารับรู้

ส่วนพอมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง พวกมันก็ตกใจกันทั้งหมด คิดไปกันว่ากานต์คงจะเสียใจมากๆจนต้องบวชเพื่อให้จิตใจสงบและกานต์อาจจะไม่สึกเลย และผมก็ไม่พลาดที่จะถูกเช่จัดการ

“เลว เลว เลว เลว เลว” เช่ทุบมือลงที่แขนผมทุกครั้งที่พูด แม้จะพยายามปัดป้องแล้วแต่เช่ก็สามารถหาที่ลงฝามือได้อยู่ดี

“แล้วมึงจะไปหาพระหรือเปล่า” นัทที่วันนี้โดนพล็อตลากมาหาผมที่คณะพูดขึ้น

“กูว่าคงยังไม่เหมาะ” ผมยังยืนยันในความคิดตัวเอง

“แต่ถ้ามึงไปกับกูด้วยน่าจะโอเค” ผมบอกนัท

“กูคงช่วยอะไรมึงไม่ได้หรอก พระก็คงเกลียดกูไปพร้อมพวกมึงแล้วหละ” หลังจากนัทพูดจบเล่นเอาพวกผมต่างเงียบกันไปหมด เพราะต่างคนต่างรู้ดีว่าช่วงที่กานต์เจอปัญหาไม่มีใครสักคที่ยื่นมือไปช่วย

“กูว่าก็เพราะเหตุผลนี้ไง พวกเราถึงต้องไปหาพระ จะได้ขอให้พระอโหสกรรมให้” ปลายพูดสีหน้าจริงจัง

สุดท้ายผมจึงตกลงกันว่าจะไปหาพระกานต์ในวันเสาร์หน้า โดยผมแวะไปแจ้งข่าวกับแม่ของกานต์ก่อน

พอถึงวันนัดผมแวะเข้าไปรับพ่อกับแม่ของกานต์ก่อนที่เข้าไปที่วัด ผมปล่อยให้ไหมชวนพ่อกับแม่กานต์คุยไปในระหว่างที่ผมขับรถ กานต์มีสีหน้าเรียบเฉยเมื่อเดินมารับพวกผม ไม่รู้ว่ากานต์อยู่ในสถานะที่ต้องสำรวมหรือเขาไม่อยากเจอผมกันแน่

หลังจากถวายภัตตาหารและพระฉันเสร็จแล้ว พวกผมก็มีโอกาสได้นั่งคุยกับกานต์โดยที่พ่อกับแม่กานต์ขอตัวไปผมเจ้าอาวาสก่อน

“พระจะไม่กลับไปเรียนที่คณะแล้วเหรอค่ะ” เช่ถาม กานต์พยักหน้าน้อยๆ

“เราว่าเราไม่ได้เหมาะกับคณะนิเทศ เราอยากเรียนอย่างอื่นมากกว่า เราไม่ลาออกเพราะเราโกรธพวกโยมหรอกนะ” กานต์ยิ้ม ผมเห็นทุกคนยิ้มเขินๆไปให้

“แต่กว่าจะขอโยมพ่อได้ก็เอาเรื่องเหมือนกัน” กานต์เสริม

“แล้วพวกโยมเป็นอย่างไรกันบ้าง โยมพี่ไหมสบายดีนะ” กานต์หันมาหาไหม

“โดยรวมก็สบายดีค่ะ แต่เฟยไม่ค่อยสบายเท่าไหร่” ไหมหันมาหาผม แต่กานต์ไม่ได้พูดอะไรต่อ

พอตกบ่ายพวกผมก็เตรียมตัวจะเดินทางกลับ ผมจึงเดินไปหากานต์เพื่อขอคุยเป็นกานต์ส่วนตัว แม้ว่ารู้ว่าไม่เหมาะสมแต่ไม่รู้ว่าจะหาโอกาสคุยได้อีกเมื่อไหร่ เพื่อนๆและไหมต่างเป็นใจพากันเดินไปในทิศตรงข้ามพร้อมกับชวนพ่อและแม่ของกานต์คุยไปด้วย

“ผมอยากขอให้พระอโหสิกรรมให้เพื่อนๆแล้วก็ผมครับ” ผมว่า

“เราไม่ได้โกรธอะไรใคร แต่ถ้าโยมไม่สบายใจเราก็จะอโหสิกรรมให้” กานต์บอกผม

“อันที่เราต่างหากที่ต้องขออโหสิกรรมกับโยมกับพ่อแม่ของโยม” ผมมองกานต์ที่กำลังมองผมอยู่เช่นกัน

“ผมอโหสิกรรมให้ ส่วนคนอื่นผมจะไปบอกให้ครับ” กานต์ยิ้ม

“ขอบใจนะ เอาไว้เราจะขึ้นไปขอขมากับพ่อแม่ของโยมด้วยตัวเองอีกที” กานต์ว่า

ผมแวะส่งพ่อกับแม่ของกานต์ โดยที่แม่กานต์ขนผลไม้และขนมชุดใหญ่ให้ผมกลับมาเป็นของฝาก

“พระว่ายังไงบ้างเฟย” ไหมถามขณะที่มือกำลังส่งขนมทองหยอดเข้าปาก

“พระบอกว่าจะแวะเข้าไปขอขมาป๊ากับแม่ที่บ้าน” ผมตอบ

“ดีแล้วแม่จะได้ดีใจ” ไหมว่า

“ดีใจ” ผมทวน

“ใช่เฟย แม้ว่าที่แม่ทำจะวู่วามไปหน่อยแต่ที่ทำไปก็เพราะเป็นห่วงเฟยนะ อีกอย่างพอแม่รู้ว่ากานต์จะลาออกเขาก็เริ่มใจอ่อน ยิ่งพอรู้ว่ากานต์บวชก็ใจไม่ดี แม่เขาก็ไม่ได้ยินดีหรอกนะที่ทำกับกานต์” ไหมยังคงส่งขนมเข้าปากอย่างไม่หยุดยั้ง

“ไหม” ผมเรียก

“นี่ไม่คิดจะเหลือไว้ให้ป๊ากับแม่เลยใช่ไหม” ไหมชะงักก่อนจะหันมามองค้อนใส่ผม

                                                                            *****
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งเดือนกานต์ก็มาหาป๊ากับแม่ตามที่เคยบอกกับผมไว้ พร้อมกระเช้าผมไม้และขนม ก่อนหน้านั้นกานต์ได้โทรมานัดวันกับผมไว้แล้ว พอแม่ผมรู้ก็รีบจัดแจงให้ป๊าเคลียร์งานทุกอย่างทำตัวให้ว่างที่สุด แล้วพอถึงวันที่กานต์จะมาก็เตรียมทำอาหารชุดใหญ่

“ผมขอโทษนะครับคุณลุงคุณป้าที่ผมทำไม่ดีกับเฟย แล้วทำให้คุณลุงคุณป้าไม่สบายใจ” กานต์พูดพร้อมก้มหัวลงพนมมือขอโทษ

“หึ” ป๊าหัวเราะในลำคอ กานต์หน้าเสียเล็กน้อย

“ไม่เป็นอะไรเลย เฟยมันก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย อีกอย่างป๊าก็ทำตามที่แม่สั่งเฉยๆ ถ้าป๊าไม่ทำแม่เขาก็จะโกรธป๊าเข้าใจใช่ไหม” กานต์พยักหน้าน้อย กระพริบตาปริบๆคงไม่รู้ว่าจะหัวเราะดีไหม

“คุณคะ” แม่ร้อง

“แม่ก็ทำเกินไปจริง ไม่โกรธแม่ใช่ไหม” แม่เอื้อมไปจำมือกานต์ที่ส่ายหัวไปมา

“ไม่โกรธครับ” กานต์ตอบ

“งั้นไปกินข้าวกันดีกว่าไหมหิวแล้ว” ไหมยิ้มให้กานต์

“แล้วจะเอายังไงต่อ” ป๊าถามระหว่างที่เหลือแค่ผมกับป๊าสองคน

“กานต์คงยังโกรธเฟยอยู่” ป๊ายิ้มให้ผม

“สมน้ำหน้า” แล้วป๊าก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น

แม้ว่ากานต์จะไม่ค่อยได้พูดอะไรมากนักแต่ก็ดูยิ้มแย้มแจ่มใสดี ผมสั้นๆที่ไม่ค่อยคุ้นตาทำให้ผมอยากลองเอามือไปจับดู มีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากพูดกับกานต์แต่ผมหาโอกาสไม่ได้เลย

พอกินข้าวกลางวันเสร็จเราทั้งหมดก็ย้ายออกไปนั่งกันที่สวนข้างบ้าน โดยที่กานต์ช่วยแม่ยกขนมกับผลไม้มาเสิร์ฟ ไม่นานนักป๊ากับแม่ก็ขอตัวเข้าไปในบ้านก่อนเพื่อดูโทรทัศน์อ้างว่ารายการโปรดกำลังจะมา แล้วจู่ๆไหมก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีงานที่ทำค้างอยู่ จึงเหลือแค่ผมกับกานต์ที่นั่งอยู่ในสวนตอนนี้

“อร่อยมากเลย” ผมชูชิ้นฝรั่งให้กานต์ดูก่อนจะส่งเข้าปากตัวเอง

“อือ” กานต์ตอบ

“กานต์” ผมเรียกชื่อเขาเพื่อเป็นการเกริ่นก่อนจะเริ่มพูด แต่เหมือนว่ากานต์จะรู้ทัน

“เรากลับก่อนดีกว่า” กานต์พูแล้วก็ลุกหนีผมเข้าไปในบ้าน ผมรีบเดินตามเข้าไป ก็เห็นกานต์กำลังไหว้ลาทุกคนอยู่

“ให้เฟยไปส่งไหม” ผมพูดระหว่างเดินไปทรงกานต์ที่หน้าบ้าน แต่กานต์ส่ายหัวปฏิเสธ

“ให้เดินไปส่งหน้าหมู่บ้านก็ได้” กานต์ก็ยังส่ายหัวเหมือนเดิม

“เฟย” กานต์เรียกผม

“อย่าตามหาเราอีกเลย ต่อให้กานต์รู้จักบ้านเราแล้ว ก็อย่าไปหาเราอีก” กานต์ว่า

“ทำไมหล่ะ” ผมดึงมือกานต์ไว้

“เพราะเราไม่อยากเกลียดเฟย” กานต์ว่า

กานต์เกลียดเฟยเหรอ” ผมถาม

“ตอนนี้ยัง แต่เรากลัวว่าสักวันหนึ่งเราอาจจะเกลียดเฟย” ผมเหมือนจะหมดแรงหลังฟังกานต์พูด

“ถ้ากานต์จะเกลียดก็เกลียดเลย แต่เฟยจะไม่เลิกกับกานต์แน่ๆ” ผมพูโจบก็รีบเดินหนีเข้าบ้านเพราะไม่อยากทะเลาะกับกานต์เพราะรู้แน่ว่ากานต์ก็คงไม่ยอมผมแน่ๆ

“เอาเรื่องเหมือนกันนะเด็กคนนี้” ป๊ายิ้มเย้ยผม

“เฟยไม่ยอมแพ้หรอกป๊า” ผมว่า

“ดีมาก” ป๊าตบบ่าหนักสองครั้ง ก่อนจะปล่อยให้ผมเดินผ่านไป
                                                                             *****



ขอบคุณครับ

ปล.ตั้งแต่ตอนหน้าเป็นต้นไป ขออนุญาตเปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่องจากแบบเล่าจากบุคคลที่1 อย่างเดี่ยว จะเปลี่ยนไปเป็นแบบมุมมองจากบุคคลที่3 นะครับ ขอบคุณครับ

หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 26-07-2016 01:40:48
ป๊าบบบบบบบบ ดีนะที่ยังไม่นอน ไปอ่านก่อน

*******************
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 26-07-2016 01:50:48
เราร้องไห้เลย สงสานกานต์มาก ขอให้มีชีวิตใหม่ที่ดีเถอะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-07-2016 03:24:24
ร้องไห้สงสารกานต์มาก
อีกปีกว่าๆจะจบแล้วนะ
กานต์มีแต่เรื่องแย่ๆเข้ามาหา
เฟยปล่อยกานต์ไปเถอะ
ถ้ายังไม่มั่นใจว่ารักกานต์หรือแค่รู้สึกดีๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 26-07-2016 07:44:59
อย่าทำอะไรต่อไปอีกเลยเฟย ถ้าแค่รู้สึกผิด
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 26-07-2016 22:25:30
ตอนนี้สนุกมากกกก สะใจมากๆด้วยคับ
สงสารกานต์มากกคับ ง้อกานต์ให้ได้นะ
รอ รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-07-2016 22:51:00
จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้ว่าเป็นกานต์คนเดียวที่ต้องรับกรรมทั้งหมด โดยที่คนอื่นๆ...
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 27-07-2016 00:10:58

"ผมจำกานต์ได้ตั้งแต่แรก และตัดสินใจจะไม่เข้าไปยุ่งด้วย"
โอ้โห! ฉันควรรู้สึกยังไงกับสิ่งที่ผ่านๆมาทั้งหมดดีเนี่ย!?

ส่วนตัวคิดว่ากานต์น่าจะบวชให้นานกว่านี้ สักปีสองปีสามสี่ห้าปี
เอาให้เหล่าคนใจบาปนั่งไม่ติดเก้าอี้
เอาให้มันแน่ชัดว่ากาลเวลาไม่ได้ทำให้เฟยดีแตกแบบที่เคยอีก
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: yanggi ที่ 31-07-2016 22:53:13
อ่านแล้วรู้สึกสงสารกาน  นางคงจะหลุดพ้นแล้วสักที  งงว่าทำไมเฟต้องอยากกลับไป  คือรักอยากกลับไป  หรือแค่รู้สึกผิด ถ้าแค่รู้สึกผิด ไม่ต้องมาก็ได้ป่ะ  ก็ถือว่าเลิกแล้วต่อกันอ่ะ  คนเขาไม่อยากเจอจะยิ่งไปหาทำไม  :angry2:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-08-2016 22:59:25
มีตัวเลือกพระเอกคนอื่นไหมคะ ._____.  เฟยจำได้แต่แรกแทนที่จะไปขอโทษให้มันจบๆ นี่ไม่อยากยุ่ง โห หมดคำพูดเลย ถ้าจะมาง้อกานต์เพราะรู้สึกผิดก็อย่าเลย เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: XXIXII ที่ 14-08-2016 00:33:36
แอบมาดูทุกวันเลย รออ่านอยู่นะคะ :)
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-08-2016 00:48:07
มีความมึนงงสูงลิบเลยค่ะ ทั้งมึนงง ทั้งอึมครึม
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: CIndY59 ที่ 14-08-2016 23:08:16
อ่านแล้ว แอบงงที่เฟยจำกานต์ได้
ตอนแรกคิดว่าจะมีเหตุอะไรที่จำไม่ได้ หรือลืม แต่พอบอกว่าจำได้ ก็เลยงงๆว่าทำไมถึงยอม ให้กานต์ทำนู้นทำนี่ คือถ้ารู้ ควรรุ้ได้ว่ามันเป็นแผนที่กลับมาแก้แค้นสิ ไม่ควรลังเล

ถ้าเป็นเราคงแย่มากกว่านี้อ่ะ ใกล้จบแล้วต้องมาลาออก
แถมโดนคนนินทา เกลียดทั้งมหาลัย เราว่าดูให้อภัยง่ายไป
และจิตใจกานต์ดูกลับมาดีเร็วไป มันควรหดหู่ แย่ ไปเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 21-08-2016 14:29:39
ยิ่งอ่านยิ่งหน่วงค่ะ วิ่งที่บ้านเฟยทำกับกานต์เราว่ามันค่อนข้างหนักอยู่ รู้ว่าเพราะเป็นห่วงเฟยแต่พอวันที่กานต์มาขอขมาที่บ้านยังคุยปกติกันนี่ไม่รู้ว่าเพราะมารยาทหรืออะไร แต่ไม่เห็นด้วยที่กานต์จะกลับไปคบกับเฟยค่ะ อยู่ด้วยกันมีแต่เรื่องให้ช้ำใจ เพราะความที่ไม่คิดจะลงมือทำอะไรสักอย่างของเฟยต้องทำกานต์เสียใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

ตอนนี้มีโอกาสเดินออกมาแล้วก็อย่าใจอ่อนหันหลังกลับไปนะ เชิดหน้าขึ้นแล้วก้าวออกไปหาแสงสว่างเถอะ อย่าจมกับอดีตเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 21-08-2016 15:39:31
คนแต่หายอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 13-09-2016 18:50:46
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ

ผมยังไม่ได้หายไปไหนนะครับ แต่กำลังเค้นแต่งตอนล่าสุดอยู่ แต่เหมือนว่ามันจะตัน เพราะว่าลบทิ้งไปแล้วสามรอบ

แต่ว่าจะมาต่ออย่างแน่นอนครับ

ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 13-09-2016 20:35:39
รอน้าาาาา
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 24-09-2016 17:21:00
+1 ให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-10-2016 06:11:09
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ

ผมยังไม่ได้หายไปไหนนะครับ แต่กำลังเค้นแต่งตอนล่าสุดอยู่ แต่เหมือนว่ามันจะตัน เพราะว่าลบทิ้งไปแล้วสามรอบ

แต่ว่าจะมาต่ออย่างแน่นอนครับ

ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ขอบคุณครับ

รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 20 26/7/16 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 14-10-2016 20:11:22
รอร้อรอ
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 21 01/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 01-11-2016 02:45:21
ตอนที่ 21
เฟยเทียบรถจอดที่ข้างร้านขายของชำอีกครั้งแม้ว่าลูกชายเจ้าของร้านจะเคยบอกตนไม่ให้กลับมาอีก
บรรยากาศบ้านสวนหลังฝนตกช่างเย็นสบาย ชายหนุ่มหายใจเอาอากาศเข้าไปเต็มปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวออจากตัวรถตรงไปสวัสดีผู้เป็นแม่ของกานต์อย่างคุ้นเคย

“สวัสดีครับแม่” เฟยเอ่ยเรียกอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม ส่วนอีกฝ่ายพอเห็นร่างหนาเดินเข้ามาก็ยิ้มตาปิด


“กินน้ำก่อนเดี๋ยวแม่ยกมาให้” พูดจบก็เดินเข้าไปในตัวบ้านแล้วเอาน้ำออกมาต้อนรับแขก


“กานต์อ่านหนังสืออยู่ข้างบนนะ อยากให้แม่ไปเรียกให้ไหม” เฟยมองตามมือแม่กานต์ขึ้นไปยังบันไดที่นำไปสู่ชั้นสอง


เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยในปีหน้า แม้จะรู้ว่าจะเป็นการรบกวนที่มาหาอีกฝ่ายบ่อย แต่ก็อดใจไว้ไม่ไหวจริงๆ


“ครับ” เฟยเอ่ยแสดงการรับรู้ แต่ยังคงนั่งเล่นอยู่กับแม่ข้างล่าง


“ได้นอนบ้างหรือเปล่าลูก ทำไมใต้ตาคล้ำอย่างนี้” ไม่พูดเปล่าแต่เอามือไปลูบใต้ตาอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาสี่สิบกว่าปี เธอรับรู้ได้ว่าเฟยกับลูกชายของตนนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์แค่เพื่อนกันเท่านั้น แต่แค่ไม่อยากกระโตกกระตากมากไปเพราะกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่หากว่าผู้เป็นสามีรู้


“แล้วลุงเข้าสวนเหรอครับ” เฟยถามเพราะว่าไม่เห็นชายหนุ่มมีอายุอยู่ภายในบ้านเลย


“จ๊ะ” อีกฝ่ายหันมายิ้มตอบ


“งั้นเฟยขอเข้าไปหาลุงที่ในสวนได้ไหมครับ” เฟยรู้สึกได้ว่าพ่อของกานต์คงไม่ค่อยชอบใจเขานัก แม้ว่าแม่ของกานต์จะดูเอ็นดูเขาก็ตาม ดังนั้นแทนที่จะเข้าจู่โจมใส่กานต์เลย เฟยคิดว่าการพยายามชนะใจคนในบ้านน่าจะเป็นหนทางที่มาช่วยเกื้อหนุนเขาได้


หลังจากได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของแล้วเฟยจึงมุ่งหน้าไปยังสวนส้มโอซึ่งอยู่บริเวณหลังบ้าน บริเวณท้องร่องกว้าง 15 ไร่ เต็มไปด้วยต้นส้มโอแม้ว่าจะมีลูกติดต้นเหลือน้อยแล้วก็ตาม เพราะพอเข้าสู่เดือนตุลาคมก็เป็นช่วงสุดท้ายสำหรับการเก็บผลผลิต


ร่างหนาเดินตามท้องร่องไปเรื่อยๆ มองหาเจ้าของที่อาจจะถูกซ้อนไว้หลังกิ่งก้านของต้นส้มโอต้นใดต้นหนึ่ง


“อ้าวมาทำอะไรเนี่ย” เสียงเข้มตะโกนถามจากแถวต้นส้มโออีกฝากหนึ่ง


“สวัสดีครับ” เฟยรีบหันไปพนมมือสวัสดีให้กับชายร่างหนาแบบคนทำงานหนัก โดยที่อีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อยให้ ก่อนจะหายเข้าไปหลังกิ่งส้มโออีกที


“มาช่วยเก็บส้มโอเรอะ” เสียงห้วนๆถามเฟยอีกครั้ง


“ครับ” คำตอบสั้นจากคนอายุอ่อนกว่า ทำให้ต้องมองลอดใบไม้มองดูพิจารณาอีกฝ่าย


“งั้นก็ข้ามมานี่ มาเก็บแถวนนี้ แถวนั้นไม่มีแล้ว” เพียงแค่ตะโกนเรียกไป เด็กหนุ่มชาวกรุงก็รีบวิ่งมาหา


ผู้เป็นเจ้าของสวนไม่ได้หวงวิชาความรู้ในการทำสวนส้มโอ เพียงแต่ลูกชายเพียงคนเดียวไม่ได้มีที่ท่าว่าอยากจะสืบต่อสวนที่เขาใช้ชีวิตเกือบทั้งชีวิตในการทำ พอมีเด็กหนุ่มที่นิสัยคล้ายๆตนมาสนใจก็รู้สึกดีใจ แต่เก็บอาการไว้เพราะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มนั้นจะจริงจังแค่ไหน


เขาแทรกการสอนเล็กๆน้อยให้กับอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ แล้วก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายก็ตั้งใจที่จะเรียนรู้เหมือนกัน


“พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวไปกินข้าวกลางวันแล้วค่อยกลับมาขนอีกที” มือหนาๆตบลงบนบ่าเฟย ก่อนจะเดินนำไป


เฟยเดินตามหลังไปติดๆ ตรงไปยังเพิงเล็กๆตรงด้านหน้าของสวนส้มโอ มีคนงานเกือบสิบคนกำลังเตรียมนั่งล้อมวงเพื่อจะกินข้าว โดยมีแม่ของกานต์กำลังง่วนตักแกงใส่ถ้วยส่งให้ใครคนหนึ่งจัดแจงวางลงตรงกลางของเหล่าคนงาน


เขาพยายามเดินเลียบๆเคียงๆเข้าไปใกล้ๆ แต่เหมือนว่ากานต์จะสัมผัสได้ว่าเฟยกำลังเข้ามาจากด้านหลังจึงรีบยืดตัวขึ้นตรงหันมาประจันหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะรีบเดินกลับไปยังตัวบ้าน ไม่มีประโยชน์ที่เฟยจะเดินตามไปเขาจึงนั่งลงแล้วเริ่มต้นกินข้าวกลางวัน


สุดท้ายก็หมดไปแล้วอีกหนึ่งวันโดยที่ไม่ได้คุยกับกานต์เลยสักคำ

                                                                                *****


“แม่ถามจริงๆเถอะ กานต์กับเฟยทะเลาะอะไรกันมา” กานต์หันมามองผู้เป็นแม่ เขาไม่กล้าบอกแม่ในสิ่งที่เขาทำไป หากเขาบอกเรื่องที่เขาทำกับเฟย นั่นหมายความว่าเขาต้องยอมรับว่าเขาชอบผู้ชายด้วยกัน และนั้นคงจะทำให้ทั้งพ่อและแม่เสียใจเป็นอย่างมาก


“ไม่มีอะไรหรอกแม่ หนูแค่ไม่รู้จะคุยอะไร” กานต์ตอบเสียงค่อย


“ไม่มีอะไรแล้วทำไมถึงไม่คุย” กานต์ตกใจเล็กน้อยเพราะลืมไปว่าพ่อนั่งดูโทรทัศน์อยู่ใกล้ๆ


“ไปทำอะไรไว้ใช่ไหม เกี่ยวอะไรกับที่แกมาขอฉันเปลี่ยนมหา’ลัยหรือเปล่า” กานต์ไม่กล้าสบตาพ่อตรงๆ แต่สัมผัสได้ว่าพ่อกำลังจ้องเขาอยู่


“เปล่าครับ” เสียงค่อยกว่าตอนที่ตอบแม่เสียอีก


“หึ คิดว่าฉันไม่รู้อะไรล่ะสิ” พูดจบก็หันไปดูโทรทัศน์ ทำเป็นไม่สนใจลูกชายที่นั่งนิ่งจ้องพื้นด้วยความกลัว


กานต์นั่งเงียบอยู่สักครู่ก่อนจะค่อยๆเดินขึ้นห้องนอนไป


“พ่อทำไมไม่พูดกับกานต์ดีดีหน่อย” หลังสิ้นเสียงประตูห้องนอนลูกชายปิดลง หญิงเดียวในบ้านก็เริ่มทำหน้าที่เจ้าของบ้านที่แท้จริง


“แม่พร” จากเสียงเข้มที่ใช้พูดก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นออดอ้อน เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังไม่ค่อยสบอารมณ์นัก


“ไม่ต้องเลยค่ะ คุณชาตรี” เสียงประชดประชันออกมาจากปากเรียวสวย ไม่บ่อยนักที่เธอจะเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อจริงอย่างนี้


“แม่มีลูกอยู่แค่คนเดียวนะ แม่ไม่อยากทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่รักแก” เพียงแค่เอื้อมมือไปจับมืออีกคนก็ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งได้


“รู้จ้าแม่ พ่อรู้ พ่อเองก็ไม่ได้อยากทำให้กานต์มันรู้สึกไม่ดี แต่พ่ออยากให้มันเข้มแข็ง อดทน เลยไม่อยากจะอ่อนโยนมาก” มองเข้าไปในแววตา หวังให้อีกฝ่ายเข้าใจ


มีแต่เสียงถอนหายใจเบาๆจากหญิงวัยเลยห้าสิบปี เพราะรู้สึกหนักใจกับลูกชายของตน
 
                                                                                *****

วันเสาร์ต่อมาเฟยก็กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้เมื่อว่าโชคดีจะเข้าข้างเขา เพราะเมื่อก้าวเข้ามาในส่วนของหน้าบ้านที่เป็นร้านขายของก็เจอกานต์นั่งเฝ้าร้านอยู่


เฟยยืนมองกานต์ที่กำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสืออยู่โดยไม่ทันสังเกตว่าเขาได้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว


“รับอะไรดีครับ” พอรู้สึกว่ามีคนอยู่ตรงด้านหน้า ก็รีบพูดต้อนรับโดยยังไม่เงยหน้าขึ้นมามอง


“งั้นเป็น หัวใจก็ได้ครับ” เฟยว่าจบ กานต์ก็เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมสายตาเย็นเฉียบ


“พ่ออยู่ในสวน เชิญ” พูดจบก็กลับไปก้มอ่านหนังสือต่อ


“เฟยตั้งใจมาหากานต์นะ แต่เหมือนกานต์ไม่อยากเจอเฟยเท่าไหร่” เฟยยืนพูดอยู่ที่เดิม


“ก็รู้แล้วนี่ แล้วจะมาอีกทำไม” กานต์ว่า


“เฟยไม่ยอมง่ายๆหรอกนะ” เขายื่นหน้าเขาไปใกล้ๆหน้ากานต์ ก่อนจะยักคิ้วใส่


เฟยเดินตรงเขาไปในสวนส้มโอ คราวนี้ไม่มีส้มโอให้เก็บแล้ว เพราะหมดฤดูแล้วสิ่งที่ต้องทำจึงเป็นการตัดแต่งกิ่ง ให้ปุ๋ย ให้น้ำ


“วันนี้อย่างเพิ่งรีบกลับนะ อยู่กินเบียร์กันก่อน” คำชวนจากเจ้าของสวน ทำให้เฟยรู้สึกใจชื่นขึ้นมาเพราะคิดว่าตนคงได้รับการยอมรับบ้างแล้ว


เสียงพูดคุยเสียงดังจากชั้นล่าง ทำให้คนที่อ่านหนังสืออยู่ที่ชั้นสองตรงเดินลงมาดูว่าใครมาทำอะไรกันอยู่


ภาพที่เห็นคือ ข้างบ้านมีกลุ่มคนประมาณหกคนกำลังนั่งกินเบียร์กันอยู่ สองคนในนั้นมีพ่อและเฟย แม้ว่ากานต์ไม่อยากจะสนใจนักแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะว่าเฟยจะต้องขับรถกลับบ้าน


“แม่” กานต์เดินเข้าไปหาแม่ที่กำลังเดินยกกับข้าวไปให้วงเบียร์


“ว่า” แม่หยุดเดินหันมาหาเขา


“ทำไมอยู่ดีดีถึงมากินเบียร์กันหล่ะแม่” กานต์ถาม


“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” พูดจบก็เดินไป


กานต์ที่ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือจึงลงมานั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ชั้นล่าง พร้อมกับช่วยแม่เก็บร้าน พอหลังจากเก็บร้านไม่นานพ่อก็เลิกกินเบียร์ทั้งวงก็แยกย้ายกันไป กานต์เห็นพ่อเดินโยกเยกเข้ามาในบ้านพร้อมกับกอดคอเฟยมาด้วย แม้จะไม่เมามากเท่าพ่อแต่ตาก็ปรือเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์


“ถ้ามาบ่อยๆเดี๋ยวจะยกสวนให้ เพราะมีลูกชายคนเดียวมันก็เหมือนไม่อยากทำ” พูดออกไปเพราะความเมา กานต์ที่ได้ยินแม้ว่าจะรู้สึกน้อยใจแต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมา


“แต่อยากจะฝากดูแลลูกชายให้ด้วย” พูดพร้อมกับเดินมานั่งลงที่โซฟาหน้าทีวี  เฟยกับกานต์มองตากันครู่หนึ่งก่อนกานต์จะเบือนหน้าหนี เฟยที่นั่งลงพร้อมกับพ่อค่อยๆคลายท่อนแขนที่พาดไหล่ตนออก


“เฟยกลับก่อนนะ” เขาบอกลากานต์พร้อมลุกขึ้นแล้วออกเดิน


“เฟยลูก” แม่เรียกเฟยจังหวะที่เขากำลังจะเดินออกจากบ้านไป


“ขับรถกลับไม่ไหวหรอกลูกนอนที่นี่แหละ” แม่กานต์เดินเขามาจับไหล่รั้งเฟยไว้


“แต่ผม” เฟยที่แม้จะยังมึนๆอยู่กำลังพยายามจะปฏิเสธเพราะรู้สึกเกรงใจอีกฝ่าย อีกอย่างเขารู้ว่ากานต์คงไม่เต็มใจเท่าไหร่


“ไม่มีแต่จ้ะ” แม่กานต์ว่า


“เดี๋ยวนอนห้องกานต์ก็ได้ไม่เป็นไร” แม่ว่า


เฟยรู้สึกว่าวันนี้เขาโชคดีจริงๆ


“กานต์พาเฟยขึ้นไปหน่อย” แม่หันมาพูดกับกานต์ ที่ถอนหายใจนิดหนึ่งก่อนจะเดินมาจูงเฟยออกเดิน


“ไม่ต้องเดินเบียดได้ไหม รู้หรอกว่าไม่ได้เมามาก” กานต์หยุดระหว่างบันไดหันไปดันเฟยที่เดินเบียดเขาอยู่ให้ถอยออกไป


“กานต์อย่าผลักเฟยเดี๋ยวตกบันได” เฟยว่า แต่กานต์ไม่ได้ตอบว่าอะไร


ห้องนอนกานต์ไม่ได้กว้างมากนัก กำแพงเป็นสีขาวทั้งหมด มีเตียงนอนอยู่ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าสีน้ำตาลที่มีการะดาษสีๆติดเต็มไปหมด


“เอานี่ชุดกับผ้าขนหนู ไปอาบน้ำซะ” กานต์ยืนของทั้งหมดมาให้เฟยซึ่งรับมาไว้แต่โดยดี


“อย่าลืมโทรไปบอกที่บ้านนะเดี๋ยวพ่อกับแม่เฟยเขาจะเป็นห่วง” พูดจบกานต์ก็เดินออกจากห้องไป


เฟยโทรศัพท์หาที่บ้านตามที่กานต์บอกก่อนจะลงไปอาบน้ำที่ชั้นล่าง พอชำระร่างกายเสร็จแล้ว ความมึนก็เริ่มจางลงเพราะน้ำเย็นๆ เขาเจอกานต์ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นไปบนห้องซึ่งในมือถือเสื้อผ้าและผ้าขนหนูอยู่


กานต์บอกไม่ถูกว่าตนรู้สึกอย่างไร อารมณ์หลากหลายผสมปนเปกันไปหมด ทั้งโกรธที่เฟยกล้ากลับมาหาเขา ทั้งรำคาญที่เฟยดื้อด้าน ทั้งน้อยใจกับสิ่งที่พ่อพูดออกมา ทั้งเป็นห่วงเฟย ทั้งดีใจที่เฟยดื้อด้านและกล้ากลับมาหาเขา


หลังจากอาบน้ำเสร็จ กานต์ดึงเวลาโดยหนังดูโทรทัศน์อยู่ข้างล่างจนห้าทุ่มเขาจึงเดินขึ้นห้องไป หวังแต่เพียงให้อีกฝ่ายหลับไปแล้ว


เฟยนอนคว่ำอยู่ด้านนอกของเตียงตอนที่กานต์เดินเข้ามา กานต์ค่อยๆคลานขึ้นไปบนเตียง เขาดึงผ้าห่มให้อีกฝ่ายที่หลับไปแล้ว ก่อนจะล้มตัวลงนอนบ้างโดยหันหลังให้


“กานต์” เสียงกระซิบดังบริเวณด้านหลังหัวของกานต์ พร้อมกับมือที่ค่อยพาดโอบตัวเขา


“ปล่อยเฟย” กานต์พยายามขยับหนีแต่อีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาใกล้จนหลังกานต์ชิดกับอกของเฟย


“ขอเฟยกอดหน่อยนะ” เสียงอ้อนไม่ได้หยุดกานต์ที่พยายามแกะมือเฟยออก


“หรือเฟยจะลงไปนอนกับพื้น” กานต์ลุกขึ้นนั่งทำให้มือของเฟยที่พยายามกอดกานต์ไว้หลุดออก


“กานต์ไม่รักเฟยแล้วเหรอ” คำถามจากเฟยกระตุ้นทั้งความโกรธและความเสียใจของกานต์


“แล้วเฟยหล่ะเคยรักกานต์เหรอ” กานต์ถามกลับ


“เมื่อก่อนอาจจะไม่ แต่ตอนนี้เฟยคิดว่าเฟยรักกานต์แล้วนะ” เฟยที่ลุกขึ้นนั่งเหมือนกันดึงกานต์เข้ามาหาตัว กดหัวให้ซบลงที่ไหล่


“เราไม่เชื่อหรอกเฟย” กานต์ผละออกจากไหล่เฟยแล้วล้มตัวลงนอน


“เฟยจะพิสูจน์ให้เห็นเอง สัญญา” เฟยว่าก่อนจะล้มตัวลงนอนเช่นกัน







ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 21 01/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: beedy ที่ 01-11-2016 06:42:18
ขอบคุณที่มาต่อครับ :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 21 01/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 01-11-2016 20:05:22
สงสารกานต์ที่สุดเลย :sad4: แต่เฟยก็สุ้ๆนะทำให้กานต์หายโกรธให้ได้
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 21 01/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-11-2016 23:55:47
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 21 01/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 02-11-2016 03:17:17
คือ อยากถามนะคะตกลงจะให้คนนิสัยแบบเฟยเป็นพระเอกนิยายจริงหรอคะ
นี้แค่อ่านช่วงสามสี่ตอนหลังๆยังรับไม่ได้ที่จะให้คนสันดารแบบนี้เป็นพระเอกนิยาย
เชื่อขนมกินได้เลยเดี๋ยวแปปๆแม่งก็คืนดีกัน

แล้วแบบสิ่งที่พ่อกานต์พูด นี้คือความคิดผู้ใหญ่หรอ?
แล้วสิ่งที่พ่อแม่เฟยทำนี้ก็คือความคิดผู้ใหญ่
รู้สึกโชคดีที่ตัดสินใจไม่อ่านตั้งแต่ต้น
คือถ้าสรุปจบแบบมาง้อนิดง้อหน่อยคืนดีก็ ...คะ
ขอประทานโทษที่ว่าแรงแต่บอกตรงๆรู้สึกแย่กับการกระทำของตัวละครทั้งหมดคะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 21 01/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-11-2016 10:40:20
สงสัยว่าตอนโน้นทำไมเฟยถึงแกล้งกานต์ได้ขนาดนั้น
แล้วตอนกานต์กลับมาอีกครั้ง เฟยไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 21 01/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-11-2016 16:45:48
ยังไงเราก็ไม่ให้อภัยเฟย กานต์ต้องใจแข็งนะ อย่าไปอ่อนข้อให้ เป็นเรื่องที่เราต้องการ Bad end มากค่ะ อยากให้เฟยเจ็บให้หนัก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 22 15/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 15-11-2016 02:10:09
ตอนที่ 22
กานต์กำลังเสียพลังงานทั้งหมดให้กับสมรภูมิการสอบที่เริ่มขึ้น ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่เขาต้องจมอยู่กับกองหนังสือและตัวอย่างข้อสอบอีกมากมาย แต่เมื่อถึงเวลาสอบแล้วก็ไม่ได้ง่ายอย่างใจหวังเลย แม้ว่าจะเคยสอบมาแล้วครั้งหนึ่งก็ตาม เหมือนวิญญาณถูกดูดลงไปในกระดาษคำตอบและตัวหนังสือ
เฟยยังคงมาหาเหมือนเดิม แม้ว่าช่วงที่ผ่านกานต์มัวแต่อยู่ในห้องเพื่ออ่านหนังสือก็ตาม แม้ไม่ได้พูดคุยก็ตาม เขารู้สึกดีว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้ถูกไล่ให้กลับไปแล้ว
ลมเอื่อยของต้นเดือนพฤศจิกายนหอบเอาฝนสุดท้ายมาด้วย กานต์นั่งดูสายฝนที่ตกลงมาอยู่ที่หน้าร้าน อากาศเย็นช่วยเขาได้มากในการเติมพลังชีวิต
เสียงเฟยและพ่อวิ่งเข้ามาในตัวบ้านพร้อมตัวที่เปียกโชกไปทั้งตัว กานต์แค่หันไปมองแล้วรีบเมินหน้าหนีก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมามอง ทั้งคู่ดูเขากันได้ดีในสายตาของกานต์ จนอดเอาคำที่พ่อพูดในวันนั้นมาคิดไม่ได้ ถึงแม้จะรู้ว่าพ่อพูดไปด้วยความเมาก็เขาก็น้อยใจ ยิ่งถ้ารู้ว่าเขาเป็นอะไรแล้วทำอะไรกับเฟยไว้ นอกจากพ่อกับแม่จะเสียใจแล้ว ทั้งคู่คงจะโกรธเขาไม่น้อยเลย
“เฟยนั่งด้วยนะ” กานต์เพียงแค่หันมามองเท่านั้น เฟยจึงนั่งลงข้างๆ

“สอบเป็นยังไงบ้าง” เขารู้ดีว่าน้อยครั้งที่กานต์จะตอบเขา แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
เมื่อไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย เฟยจึงได้แต่นั่งมองโดยไม่ถามอะไรต่อ
“เฟยกำลังคิดอะไรอยู่” กานต์ถามขึ้น

“ยังไงเหรอ” เฟยถามกลับเพราะว่าไม่ได้ทันตั้งตัวเลยตามคำถามกานต์ไม่ทัน

“เรารู้ว่าเฟยไม่ได้รักเรา” กานต์พูดเสียงเบาลง ก่อนจะหันไปดูว่าพ่อกับแม่อยู่ในรัศมีที่จะได้ยินหรือไม่

“เฟยไม่ได้รู้สึกดีใจเลยนะกับเรื่องที่เกิดมาทั้งหมด” เฟยตอบ

“แต่ก็ไม่ได้เสียใจใช่ไหมล่ะ” กานต์สวน

“เฟยไม่ได้ร้องไห้นะ แต่ก็รู้สึกเสียใจนะที่กานต์ต้องลาออก” เป็นคำตอบที่ไม่ได้เรื่องเลยในความคิดของตัวเอง
กานต์นิ่งเงียบไปเพราะกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง แม้ว่าเฟยจะอธิบายยังไงเขาก็จะรู้สึกโกรธอยู่ดี จนไม่แน่ใจว่าจริงแล้วเหตุผลที่โกรธคืออะไรกันแน่ระหว่างเฟยไม่ได้รักเขาหรือสิ่งที่เฟยทำทั้งหมด แต่ไม่ว่าจะรู้สึกโกรธเฟยมากเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกรักเฟยอยู่
กานต์ยังรักเฟยไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ตาม เขาไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรหากเขาไม่กลับมาหาเฟย  เขาอาจจะไม่ต้องเจ็บอยู่อย่างนี้ มันยากมากที่จะยอมให้เฟย และมันก็ยากที่จะต้องทนเป็นอยู่อย่างนี้
“แต่ถ้ากานต์อยากจะรู้ว่าเฟยรักกานต์ไหม” เฟยเว้นวักหายใจก่อนจะพูดต่อ

“เฟยยังตอบไม่ได้” กานต์หันขวับมามองเฟยด้วยสายตาที่มีทั้งความโมโหแล้วเสียใจปนกัน

“แล้วจะกลับมาหาเราทำไม” เสียงแข็งออกมาจากปากของกานต์แต่ตาเริ่มมีน้ำใสคลออยู่

“กลับไปซะ” พูดจบกานต์ก็ปึงปังเดินขึ้นห้องไป

   ลมหนาวพัดมาพร้อมกับความประหลาดใจของเฟยเมื่อวันจันทร์ถัดมาเขาได้รับโทรศัพท์จากกานต์ น้ำเสียงสดใสที่ลอดออกมาจากโทรศัพท์ทำให้เฟยอดดีใจไม่ได้ว่ากานต์คงหายโกรธเขาแล้ว
“เฟยอยากเที่ยวงานลอยกระทงที่วัดแถวบ้านเราไหม” ถึงจะแปลกใจเล็กน้อยแต่รู้สึกดีใจมากกว่า
 
“อยากสิ” เฟยตอบโดยแทบไม่คิดเลย

“แต่มันตรงกับวันจันทร์นะ ไม่เป็นไรแน่เหรอ” เฟยรีบส่ายหัวปฏิเสธ

“ไปเที่ยวเสร็จแล้วค่อยขับรถกลับหรือไม่ก็ขอกานต์ค้าง” ยิ้มอย่างมีความหวัง

“เราก็ไม่ว่าหรอกเพราะอย่างไงพ่อเขาก็ชอบเฟยอยู่แล้ว” กานต์ว่า

“แต่อย่าลืมบอกที่บ้านนะ” เฟยพยักหน้ารับ

เย็นวันลอยกระทงเฟยมาถึงบ้านกานต์ช้าเพราะเลิกเรียนช้ากว่าปกติบวกกับรถติดด้วย เขากลัวว่าคนออกปากชวนจะโมโห แต่พอมาถึงก็สบายใจเพราะอีกฝ่ายดูยิ้มแย้มแจ่มใส
“เดี๋ยวเราพาไปลอยกระทงที่วัด” พูดจบกานต์ก็ออกเดินไปจับรถมอเตอร์ไซต์

“กานต์จะซ้อนเฟยไปเหรอ” เฟยถาม

“หรือว่าเฟยอยากจะเป็นคนขี่” กานต์ถามแต่เฟยส่ายหัว ไม่ใช่เพราะว่าไม่สามารถขี่มอเตอร์ไซต์แต่อยากให้กานต์เป็นคนพาเขาไป

บรรยากาศงานวัดครื้นเครงไปด้วยผู้คนมากมาย เฟยแวะซื้อกระทงให้ตัวเองกับกานต์ก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายพาเดินไปที่ท่าน้ำ
“อธิฐานว่าอะไรเหรอ” เฟยหันไปหากานต์ที่เพิ่งจะปล่อยกระทงลงน้ำไป

“ก็ขอให้สมปรารถนาในทุกเรื่อง” กานต์ยักไหล่

ทั้งคู่เดินขึ้นไปไหว้พระในโบสถ์ก่อนจะเดินเตร่ชมงานวัดไปเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณท้ายสุดของร้านขายของ มีเสียงกลุ่มคนพูดคุยเสียงดัง เฟยหันไปมองเห็นกลุ่มวัยรุ่นที่จับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ สัญชาติญาณในตัวเฟยบอกว่าเขาถูกพวกนั้นจับตามองอยู่
“อยากเล่นปาลูกโป่งไหม” กานต์หยุดอยู่หน้าร้านปาลูกโป่งหันมาถาม

“อยากได้ตุ๊กตาตัวไหน เดี๋ยวเฟยปาให้” เฟยหันมาคุยกับกานต์แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่ายังคงถูกจับตามองอยู่

เขาเคยผ่านการมีเรื่องมามาก จึงคิดว่าไม่น่าจะดีเท่าไหร่หากจะหยุดอยู่ตรงนี้นานๆ แต่เมื่อรับปากคำขอของกานต์ไปแล้วเขาก็ไม่สามารถเดินหนีไปได้

“งั้นเอาตัวนี้ดีกว่า” กานต์ชี้ไปที่ตุ๊กตาหมีตัวสีน้ำตาล

“ได้ครับ” เฟยบอกกานต์แล้วเดินเข้าไปซื้อลูกดอกกับคนขาย พร้อมกับตั้งใจปา ซึ่งระหว่างนั้นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กลุ่มวัยรุ่นเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านที่ทั้งคู่ยืนอยู่

“เฮ้ย มากับแฟนเหรอ” เฟยได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลัง เสียงนั้นไม่ได้ตั้งใจพูดกับเขาแต่กำลังพูดกับกานต์

“ทำไม” เฟยหยุดปาหันไปหากานต์ที่ยืนหันไปคุยกับหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นนั้น

“แหมไปเรียนกรุงเทพแป๊บเดียวก็พาหนุ่มกรุงเทพมาไหว้พ่อมึงเลยเหรอ” เฟยเดินเข้าไปยืนชิดหลังกานต์พลางมองหน้าคนพูดอย่างหาเรื่อง

“ตลกดี ทำไมถึงพูดเหมือนละครหลังข่าว นี่เพี้ยนใช่ไหม” กานต์หัวเราะในลำคอ

“มึง” พูดจบอีกฝ่ายก็เข้ามากระชากคอเสื้อกานต์ แม้ว่ามือจะกำเสื้อของกานต์ได้ แต่ขอมือก็ถูกเฟยบีบจับไว้เช่นเดียวกัน

“ปล่อย” เสียงเข้มถูกส่งออกมาจากริมฝีปากของเฟย

“ได้” พูดจบก็ปล่อยมือ ก่อนจะสวนหมัดเข้าใส่เฟย

    ผู้คนรอบๆต่างแตกฮือตกใจเพราะเกิดการตะลุมบอลขึ้น แม้ว่าเฟยจะโดนรุมแต่เขาก็ส่งหมัดทั้งซ้ายและขวาคืนอีกฝ่ายได้หลายหมัดเช่นกัน

   “พอได้แล้ว” เสียงกานต์ตะโกนขึ้น ทำให้กลุ่มคนที่รุมกันหยุด วัยรุ่นอีกฝ่ายยืดตัวขึ้นหันมามองหน้ากานต์ พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   “เฟย” กานต์จับหน้าอีกฝ่ายด้วยความเบามือ

   “มันทำอะไรกานต์หรือเปล่า” เฟยถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะโมโหที่โดนรุมอย่างไรเหตุผลแต่เป็นห่วงคนข้างหน้ามากกว่า

   “กลับกันเถอะ” กานต์ว่า

   พอถึงบ้านพ่อกับแม่ก็รับรู้เพราะยังไม่ได้ขึ้นนอน แม่รีบกุลีกุจอหาผ้ากับน้ำแข็งมาประคบเย็นให้กับเฟย ส่วนพ่อก็พยายามเค้นถามกับกานต์ด้วยเพราะอยากรู้ว่ากลุ่มวัยรุ่นนั้นเป็นใคร

   “หนูไม่คุ้นหน้าเลย” กานต์ส่ายหัว

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคงแค่ไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาเอง” เฟยหันมายิ้มให้กานต์

   “เฟยขับรถกลับไหวไหม หรือจะค้างที่นี่” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฟย แทบจะลืมความเจ็บ

   “เฟยขอค้างได้ไหม” เฟยยังคงยิ้ม แต่เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคนจึงรีบหันไปขออนุญาตผู้เป็นเจ้าของบ้าน

   “ผมขอค้างที่บ้าน คืนนี้นะครับ” ไม่ต้องเดาคำตอบเลย เพราะว่าทั้งสองต่างเต็มใจอยู่แล้ว

   “งั้นผมขอตัวไปโทรบอกที่บ้านก่อนนะครับ” ขออนุญาตเสร็จก็เดินออกไปหน้าบ้านเพื่อโทรศัพท์

   พอโทรบอกทางบ้านเสร็จ เฟยก็ขึ้นไปบนห้องนอนของกานต์เพื่อเตรียมตัวจะอาบน้ำ เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นกานต์กำลังจัดเสื้อผ้าให้เขา

   “แม่เฟยโกรธหรือเปล่า” กานต์ยื่นของที่ตนเพิ่งจัดเสร็จให้เฟยด้วยสีหน้าเป็นกังวล

   “เฟยยังไม่ได้บอก” เฟยยอมรับตามตรง เหตุผลที่ไม่บอกเพราะเขากลัวว่าถ้าบอกไปแม่จะต้องเป็นห่วงแน่ๆและเขาไม่อยากทำให้แม่เป็นกังวล

   “ถ้าแม่เฟยรู้เขาต้องโกรธกานต์แน่ๆเลย ที่พาเฟยมาโดนอะไรแบบนี้” พูดไปน้ำตาก็เริ่มคลอ

   “แม่เขาไม่โกรธกานต์หรอก เผลอๆจะโกรธเฟยนี่แหละ” เขายิ้มเพื่อให้อีกฝั่งคลายกังวล ก่อนจะถือวิสาสะดึงกานต์เข้ามากอดไว้

   เมื่อเห็นว่าไม่มีการขัดขืนแต่อย่าใด เฟยจึงจูบลงบนเรียวปากของอีกฝ่าย ลิ้มรสเอาความหวานอยู่นานจนกานต์ต้องผลักออก

   “เฟย” กานต์ก้มหน้าหนีเพราะเขินอายแต่ก็ยังทำเป็นเรียกชื่อเฟยด้วเสียงดุๆ

   “แผลเฟยจะได้หายไวๆไง” พอรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังเขินก็ยิ่งได้ใจ จึงอออดอ้อน

   “ไปอาบน้ำได้แล้ว” กานต์ผลักเฟยให้เดินออกจากห้องไป เมื่อเฟยเลิกขัดขืนแล้วเดินออกจากห้องไป กานต์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก

   “พรุ่งนี้เจอกันที่ตลาด” เสียงเรียบนิ่งบอกปลายสายก่อนจะกดวาง






ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 22 15/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 15-11-2016 02:24:30
แผนของกานต์อีกแล้วเหรอ  กานต์ต้องการพิสูจน์ใช่มั้ย
 รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 22 15/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-11-2016 06:59:23
เจ็บตัวคราวนี้คุ้มมั้ยนะ
แต่กานต์คิดอะไรอยู่
ถ้าครั้งนี้เป็นแผน
สงสัยว่ารักเฟยจริงเหรอ
ทำใจได้เหรอที่เห็นคนที่รักเจ็บ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 22 15/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 15-11-2016 07:40:17
ยังไงเนี่ยยยย :katai4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 22 15/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-11-2016 15:11:59
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 22 15/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 15-11-2016 20:20:29
ทำไมรู้สึกว่าอะไรๆมันไม่ขยับไปไหนเลยล่ะคะ? แหะๆ
พ่อแม่เฟยก็ง่ายจัง แค่ขอโทษ+เลี้ยงข้าวมื้อนึงนี่ถือก็ว่าหายกันละ?
บ้านกานต์ก็อีก สังเกตคำพูดคำจาตั้งแต่ตอนที่กานต์โทรไปขอซิ่วละ ถ้ารักลูกก็ดูแลลูกดีๆสิคะ
(อยากรู้ปฏิกริยาของพ่อกานต์ตอนที่รู้ว่าบ้านเฟยทำอะไรกับลูกชายตัวเองไปบ้างเหมือนกันนะ)
ตัวกานต์เอง ก็ถือว่าผ่านเรื่องมาเยอะพอสมควรนะ คิดเหรอว่าแผนนี้จะดีกับใจตัวเอง?
ไม่อยากบอกว่านายเอกโง่ แต่มันก็ดูเป็นการกระทำที่งี่เง่าจริงๆ ...
ส่วนเฟย ... ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ก็ยังไม่รู้สึกชอบนางอยู่ดี ...
คือถึงนางจะตามมาง้อกานต์(ในส่วนนี้เราก็ขอชมว่านางมีความตั้งใจดี) แต่เราก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงความรัก ความสำนึกผิด ความจริงจัง ความจริงใจหรืออะไรก็ตามที่พระเอกควรรู้สึกต่อนายเอกจากเฟยได้เลย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะภาษาของเรื่อง หรือเป็นเพราะนิสัยของเฟยจริงๆกันแน่
เฮ้อออออออออออออออออออ! //ถอนหายใจยาวๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 22 15/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: CocoaSmoothie ที่ 24-11-2016 05:08:16
มาต่อเถอะนะคะ / กราบบบบบ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 22 15/11/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 12-12-2016 07:31:06
สนุกดีค่า ติดตามเนอะะะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 23 23/12/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 23-12-2016 02:29:53
ตอนที่ 23

หากจะเรียกการที่เข้าเรียนปีหนึ่งอีกครั้งในมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ของกานต์เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็คงจะเรียกได้ไม่เต็มปากนัก เพราะว่าเฟยยังคงมารับและส่งกานต์อยู่ทุกวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

กานต์รับรู้ได้ถึงการพยายามเอาใจเขาของเฟย กานต์รู้ดีว่าอีกไม่นานตนเองคงจะใจอ่อน และเขากลัวว่าจะต้องเจ็บอีกครั้ง

มันแปลกมากที่เขาเลือกที่จะกลับมาเอาคืนเฟย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเขาเองที่เป็นเจ็บปวด

กานต์จะหยุดคิดเรื่องเฟยได้ตอนที่ทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย เขาปล่อยจิตใจให้สนุกกับกิจกรรมรับน้อง แม้ว่าจะไม่ใช่คนอัธยาศัยดีนักแต่ก็เริ่มจับกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นๆบ้างแล้ว

ตกเย็นเฟยมักจะมารอกานต์ที่ใต้ตึกคณะ นั่งรออย่างใจเย็นจนกว่ากานต์จะปรากฏตัวให้เห็น ชายหนุ่มจะรอให้อีกฝ่ายเป็นคนเห็นเขาเองเพราะคิดว่าคงจะไม่ถูกใจกานต์นักหากเข้าไปขัดระหว่างที่กำลังคุยกับเพื่อนๆ
“วันนี้กินอะไรดีกานต์” เฟยใช้เสียงสดใสเพราะหวังให้คนข้างๆสดใสขึ้นบ้าง

“อาหารตามสั่งใต้ตึกแล้วกัน”

หากเป็นเมื่อก่อนทั้งรถคงเต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึมไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่มีความรู้สึกกดดัน อึดอัด หรืออึมครึมใดๆ ความรู้สึกของเฟยคล้ายกับเวลาที่เรานั่งโดยสารบริการขนส่งสาธารณะ ที่ผู้คนต่างสนใจที่จะให้ไปถึงจุดหมายปลายทางของตนโดยไม่ค่อยจะสนใจคนข้าง ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

แม้ว่าเฟยจะถูกอนุญาตให้มารับและส่งกานต์ทุกวันที่กานต์มีเรียน และบางเสาร์อาทิตย์ที่กานต์ยอมให้เขารับไปเที่ยว แต่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปบนหอกานต์เลย

ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าไปไหนเลยแม้จะผ่านไปนานแล้วสามเดือนหลังจากเปิดเทอม กิจกรรมที่มหาลัยของกานต์เริ่มลดน้อยลง แต่งานของเฟยกลับเพิ่มมากขึ้นเพราะปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้ว ซึ่งนั่นทำให้บ้างวันเขาไม่สามารถไปรับกานต์ที่มหาลัยได้ เฟยจะโทรไปบอกกานต์ล่วงหน้าเสมอ แต่นอกจากคำตอบที่แสดงการรับรู้จากานต์แล้ว เฟยก็ไม่ได้รับสื่ออะไรจากกานต์เลย

จนเย็นวันนี้ เฟยเสร็จการคุยงานเพื่อจะทำรายงานเสร็จเร็วจึงรีบตรงไปรับกานต์ที่มหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้โทรไปบอกกานต์ก่อนเพราะมั่นใจว่าตนเองจะไปทันก่อนที่กานต์จะกลับบ้าน

เฟยเขามารอในตึกเป็นปกติ เป็นจังหวะเดียวกับที่กานต์เดินลงมาจากตึกเรียนพอดี แต่ที่ไม่ปกติก็คือแทนที่กานต์จะเดินตรงมาหาเขา กานต์กลับเดินไปหาใครคนหนึ่ง คนที่เฟยคิดว่าคงไม่กลับมายุ่งเกี่ยวกับกานต์อีกแล้ว

“มึงมีธุระอะไรกับกานต์หรือเปล่า” ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเขาต่างหันมามองเฟยกันเป็นตาเดียว แต่ไม่ได้มีความประหลาดใจบนใบหน้าของกานต์และแก็ปเลย

“เปล่า” แก็ปเป็นฝ่ายตอบ

“ก็แค่กานต์บอกให้กูมารับ กูก็มา” แก็ปหันมาพูดกับเฟย ปล่อยให้ดพื่อนกานต์บอกลากานต์แล้วเดินจากไป

“ทำไมหละกานต์”

“ก็เฟยมารับเราไม่ได้ เราก็แค่ให้แก็ปมารับก็แค่นั้น”

พูดจบกานต์ก็เดินออกจากตัวตึกไปเพราะเริ่มมีหลายคนหันมาสนใจมากขึ้น แต่ร่างบางไม่ได้เดินออกมาเพื่อจะย้ายที่ เขาเดินไปที่รถของแก็ปรอให้เจ้าของรถเดินมาซึ่งใช้เวลาหลังจากนั้นไม่นาน

*****
รุ่งขึ้นเฟยมารับกานต์ซึ่งทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สำหรับเฟยแล้วเขาไม่สามารถปล่อยไปได้เลย
“ทำไมต้องให้ไอ้แก็ปมารับ” น้ำเสียงที่ไม่พอใจหลุดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

“เฟยจะถามเอาอะไร”

“ก็ในเมื่อเฟยมารับเราไม่ได้” คำพูดง่ายๆแต่เสียดแทงเข้าไปในตัวของคนฟัง

“เฟยขอโทษกานต์ที่ไปรับไม่ได้ แต่เฟยติดธุระจริงๆ”

“แล้วเราไม่เข้าใจตรงไหน”

เฟยหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามสงบสติอารมณ์ เขาไม่อยากโมโหเพราะมันใจว่าตนกำลังโดนยั่วโมโหอยู่ ซึ่งถ้าเขาแพ้ให้กับความใจร้อนของตนแล้ว กานต์จะต้องหาช่องทางขอเลิกกับเขาเป็นแน่

“ถ้าเฟยเบื่อก็เลิกทำซะ” คำพูดเด็ดเดี่ยวแต่แววตาวูบไหวแอบแฝงด้วยความเจ็บปวด

“กานต์จะไม่ยอมให้โอกาสเฟยเลยจริงๆเหรอ” รู้สึกจนปัญญาจนต้องพูดตัดพ้อออกมา

“บอกได้ไหมว่าเฟยต้องทำยังกานต์ถึงจะยอมยกโทษให้”

“ไม่มี” น้ำตาเออคลอในแววตาเศร้า

ปัญหาเวียนวนอยู่ในหัวตลอดทั้งวัน จนเรียนแทบจะไม่รู้เรื่อง คิดจนหัวจะระเบิดเพราะเจอทางตัน เฟยรู้เพียงแต่ว่าไม่สามารถปล่อยมือกานต์ไปได้ เขาไม่อยากเป็นคนที่ไม่เอาไหนที่ไม่คิดจะแก้ปัญหาอะไรเลย ถึงแม้จะคิดได้ช้าก็ตาม
“เป็นอะไรว่ะสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบาย” เช่เป็นฝ่ายถามเมื่อสังเกตเห็นอาการของเพื่อนตั้งแต่เช้า

“ถ้ามึงเป็นกานต์มึงจะทำยังไงกับกูว่ะ”

“กูจะทำให้มึงเจ็บมากเท่าที่จะมากได้ ไม่ทางกายก็ต้องทางจิตใจ หรือไม่ก็ทั้งสองทาง”

“โหดไปแล้วเช่” ปลายที่นั่งฟังอยู่ด้วยพูดปรามขึ้น

“ก็จริงนี่หว่า นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเจอกานต์จะทำหน้ายังไง โดนเกลียดแล้วแน่ๆ ขนาดที่ไปเจอเมื่อตอนนั้นยังแอบรู้สึกเจื่อนๆเลย”

“หรือบางทีมึงต้องยอมปล่อยกานต์ไป” ทั้งสามหันไปหาอัพที่นั่งเงียบอยู่นาน

“ทำไมว่ะ” เฟยหันไปถามเพราะเขาก็มีความคิดแบบนี้เช่นเดียวแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

“มึงดูไม่มีความสุขแล้วกูก็คิดว่ากานต์เองก็คงจะไม่มีความสุข มึงลองคิดดูว่าที่มึงทำอยู่เพราะอะไรกันแน่”

ได้แต่รู้สึกเกลียดตัวเองที่พอฟังอัพพูดแล้วก็คิดไปว่าแค่รู้สึกผิดเท่านั้นจึงอยากจะแก้ไขไม่ได้มีความรู้รักใดๆเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง

เฟยไม่คิดเลยว่าการคะนองในวัยเด็กจะทำให้เขาเจอปัญหามาได้จนเดี๋ยวนี้ แต่มันแย่กว่าตรงที่เขากลับไม่ได้รับบทเรียนหรือบทลงโทษใดๆเลย

ตกเย็นเฟยยังคงไปรับกานต์เหมือนเดิม และก็เหมือนเดิมพอกานต์ขึ้นรถก็มีแต่ความเงียบ เงียบจนเฟยต้องเปิดเพลง
“ไปกินข้าวเย็นบ้านเฟยไหม”

“ไม่”

“งั้นเสาร์อาทิตย์นี้ไปหัวหินกันไปไหม ค้างหนึ่งคืนวันอาทิตย์ค่อยกลับ”

“ถ้าเฟยอยากไป เราไปก็ได้”

ฟังเหมือนคล้ายว่าจะยอมตกลงแต่ก็ดูไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่

“ยังโกรธเฟยเรื่องเมื่อวานอยู่เหรอ”

“เปล่า”

“เฟยแค่กลัวว่ากานต์จะเปลี่ยนใจไปชอบไอ้แก็ป”

“เฟยรักกานต์นะ”

คำพูดออกจากปากเฟยไปไร้คำตอบใดๆกลับมา

“งั้นเสาร์นี้ไปหัวหินกันนะ”
*****
แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบพื้นทะเลระยิบระยับจนแสบตา กานต์ยืนอยู่ริมระเบียงที่ยื่นหันออกไปสู่ทะเล
“ลงไปเล่นน้ำกันไหม”

“ไม่”

“กานต์ตอบเฟยแค่ไม่ ไม่ แล้วก็ไม่”

“ไม่เบื่อเหรอ” เฟยส่งยิ้มไปให้

“ไม่”

เฟยส่ายหัวก่อนจะเดินเข้าไปยืนข้างๆกานต์ เอาแขนสองข้างวางลงบนราวระเบียงก่อนจะวางคางลงทับมองออกไปยังทะเล
“เฟยไม่เบื่อเหรอ”

“ไม่หรอก”

กานต์ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ยังไงว่าเขารู้สึกทั้งรักทั้งชังอีก เขารู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่อยู่ใกล้เฟยมากกว่าที่จะรู้สึกรัก ไหนจะความรู้สึกกลัวว่าวันหนึ่งเฟยจะเบื่อแล้วเดินจากเขาไป เขาจะบอกอย่างไรว่าเขาไม่มีความสุขเลยแต่ก็ไม่สามารถไล่ให้เฟยออกไปจากชีวิตเขาได้

แม้จะพยายามคิดหาวิธีต่างๆมาเพื่อทำให้เฟยเป็นคนเดินจากไป กานต์รู้แก่ใจดีว่าถ้าวันนั้นมาถึงตัวเองคงจะเสียใจไม่น้อย แต่เขาอยากจะให้มันเกิดขึ้นเร็วหน่อยเพราะมันอาจจะต้องใช้เวลานานในการทำใจ
“ป่ะลงไปเล่นน้ำกันเถอะ” เฟยพูดจบก็จูงแขนกานต์ให้เดินตามเขาลงไปยังชายหาด

เฟยพยายามจะทำให้กานต์สนุก แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากแม้ว่าในใจอยากจะอุ้มกานต์แล้วโยนลงทะเลก็ตาม ตอนนี้เลยทำได้แค่เพียงเดินจูงมือกันเดินเตะน้ำทะเลไปเรื่อยๆตามความยาวของชายหาด ไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงแต่มือเขาที่กอบกุมมือกานต์ไว้

เป็นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นแล้วตอนที่กานต์ทิ้งเฟยให้เดินตามลำพังส่วนเขาก็แวะไปตามแอ่งน้ำต่างๆ  ในสายตาของเฟย ร่างบางตรงหน้าเหมือนจะวางเรื่องราวต่างๆระหว่างทั้งสองไว้ชั่วคราว รอยิ้มเล็กๆปรากฏบนใบหน้ากลมตอนที่จับปูตัวเล็กขึ้นมาจากทรายได้
มาทะเลครั้งนี้เฟยไม่ได้พกกล้องมาด้วยเพราะเขาไม่อยากสนใจสิ่งอื่นนอกจากกานต์ เขากลัวที่จะทำแก้วบางๆที่เรียกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกานต์แตกอีกครั้ง เฟยจึงได้แต่ถ่ายรูปกานต์ไว้ด้วยกล้องจากโทรศัพท์มือถือ

“กานต์หิวหรือยังครับ”

เสียงเรียกของเฟยดึงกานต์กลับมาจากความสุขที่ได้สำรวจว่าแต่ละแอ่งน้ำมีตัวอะไรอยู่บ้าง เขาพยักหน้าน้อยๆเป็นการแสดงว่ารับรู้ ก่อนจะเดินไปหาเฟยที่เอือมมือมาจับมือกานต์แล้วพากันเดินขึ้นคอนโดเพื่อล้างมือและเท้า

“กานต์อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ”

เฟยเอ่ยบอกกานต์ที่เปิดดูเมนูไปเรื่อยๆ คนถูกถามสั่งอาหารไปเพียงแค่สองอย่างก็คือต้มยำน้ำข้นกับปลาหมึกนึ่งมะนาว ส่วนที่เหลือเฟยเป็นคนสั่งซึ่งไม่ได้มากมายอะไรแค่สั่งเพิ่มอีกสามอย่างเท่านั้น

ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะกลิ่นหอมชวนหิว ทำให้ลืมปัญหาไปชั่วคราว ระหว่างที่กำลังกินข้าวกันอยู่ กานต์ลอบสังเกตเฟยที่พยายามแกะปูนึ่งอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจแต่ดูเหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ จึงทำให้ได้กินแค่เนื้อบริเวณส่วนตัวปูเท่านั้นแต่ช่วงก้ามนั้นแทบจะแกะไม่ได้เลย มือเรียวเอื้อมไปหยิบปูมาหนึ่งตัวก่อนจะบรรจงแกะด้วยช้อนสั้นก่อนจะวางเนื้อที่แกะได้ลงไปที่จานของเฟย

“ขอบคุณครับ”

กานต์ไม่ได้สนใจคำขอบคุณจากเฟย เขาเพียงแค่หยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือก่อนจะกลับไปกินข้าวตามเดิม

แต่สิ่งที่กานต์ทำนั้นกลับทำให้หัวใจของเฟยรู้สึกพองโตขึ้นมา ชายหนุ่มคิดว่าในที่สุดสิ่งที่เขาทำก็เริ่มส่งผลไปในทางที่ดี
*****
กานต์นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงตอนที่เฟยเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ บริเวณปลายเตียงยวบลงตอนที่เฟยนั่ง

“กานต์เช็ดผมให้เฟยหน่อยได้ไหม”

มุกเดิมถูกขุดกลับมาใช้อีกครั้ง

คนถูกขอก็ยอมทำตามคำขอแต่โดยดี กานต์หยิบผ้าขนหนูจากมือเฟยก่อนจะเริ่มขยี้ผมเฟยอย่างเบามือ เพลินเพลิดจนเคลิ้มไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ริมฝีปากประกบกับปากของอีกฝ่าย เฟยหยุดเว้นระยะเผื่อว่ากานต์ต้องการจะห้ามเขา แต่เมื่อเห็นว่ากานต์ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด เขาจึงกดริมฝีปากลงไปลิ้มรสชาติอีกครั้ง

ร่างกายที่บดเบียนกันเปลี่ยนถ่ายความรู้สึกรุ่มร้อนจากอีกคนสู่อีกคน ทั้งคู่ตกลงสู่ดินแดนลึกล้ำ ริมฝีปากร้อนผ่าวกดย้ำลงแสดงความรักทุกๆการขยับร่างกาย

ร่างเปลือยเปล่าของกานต์นอนอยู่บนตัวเฟยโดยมีแขนโอบเขาไว้หลวมๆอีกที มองฝ่าไปในความมืดอย่างไม่ได้จับจ้องจุดใดเป็นพิเศษ ในใจพลางนึกตลกตัวเองที่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับความรักที่มีต่อเฟย

รุ่งเช้าเฟยตื่นขึ้นเพราะแสงแดดที่ส่องลอดเข้ามาผ่านรอยแยกของผ้าม่าน มองไปยังที่ข้างๆก็ผมว่าไม่มีใครนอนอยู่ เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเพราะคิดว่ากานต์คงอยู่ในห้องน้ำ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อจะรายงานอีกคนว่าตนตื่นแล้ว แต่ในห้องน้ำกลับไม่มีใครอยู่ และเมื่อเขาได้มองสำรวจห้องดีๆก็พบว่ากระเป๋าของกานต์ไม่อยู่แล้ว
*****
ด้วยความร้อนใจเฟยใช่เวลาเพียงแค่ชั่วโมงกว่าๆในการพาตัวเองให้มาถึงหอกานต์ เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปบนหอกานต์จึงทำได้เพียงแค่รออยู่ที่ด้านล่างเท่านั้น เฟยโทรหากานต์หลายสายแต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะกานต์ไม่รับ แต่ในขณะที่เขากำลังร้อนใจอยู่นั้นกานต์ก็เดินออกมาจากหอพักพร้อมกับแก็ป
“ทำไมกานต์กลับมาก่อนเฟยหล่ะ”

“เราต้องรีบมาทำธุระกับแก็ป เราเลยลืมบอก” คำพูดของกานต์ช่างเย็นชาสำหรับเฟย

“เราไปก่อนนะ”

หลังจากกานต์พูดจบก็เดินจากไปพร้อมแก็ปโดนไม่หันมามองคนที่ยืนมองตามโดยที่ไม่รู้จะหาวิธีอะไรมารั้งไม่ให้กานต์ไป

เป็นครั้งแรกที่เฟยรู้สึกเจ็บแปลบที่ในอก ไม่ใช่ความรู้สึกผิดต่อกานต์ที่เขารู้สึกมาตลอด แต่เป็นความรู้สึกพ่ายแพ้และหมดหวัง เขาเสียใจที่ตัวเองไม่สามารถทำให้กานต์กลับมารักตนได้อีก และเจ็บยิ่งกว่าที่ตนเองนั้นเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด

“กูว่ามึงเลิกทำเถอะว่ะ” กานต์ปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาตอนที่แก็ปพูด

“เบื่อจะช่วยแล้วหรือไง”

“เออ ก็ส่วนหนึ่ง แต่ดูมึงจะเสียใจมากเลยนะ”

“แล้วจะให้เราทำยังไง เราเลิกคิดจะเอาคืนไปแล้ว ที่ทำอยู่ตอนนี้ทั้งหมดก็เพื่อให้เขาขอเลิกกับเรา”

“แต่ก็ทำไม่ได้ ทำไม่ได้ทั้งยอมกลับไปรักเขาเหมือนเดิม หรือยอมที่เป็นฝ่ายบอกให้เขาเลิกยุ่งกับเรา”

“แล้วจะเอายังไง บวชอีกทีดีไหม”

แก็ปหัวเราะให้กับมุกของตัวเองก่อนจะขับรถออกจากหอ

ส่วนเฟยที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เขาตัดสินใจกลับบ้านหลังจากรถของแก็ปเลี้ยวออกถนนไป พยายามทำอะไรต่างเพื่อจะไม่ได้คิดมาก ต่ก็ทำไม่ได้ และสุดท้ายเขาก็กลับมากานต์ที่หออีกครั้ง

“ถึงหอแล้วหรือยังกานต์ เฟยรออยู่ใต้หอกานต์นะ” ชายหนุ่มพยายามเค้นเสียงให้ดูมีความสุขมากที่สุด

“มีอะไรหรือเปล่า”

“เฟยรอกินข้าวอยู่นะ”

“อืม เดี๋ยวเราลงไปหา”

หลังกานต์วางสายไปไม่นานเขาก็ลงมาหาเฟย รอยยิ้มจริงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฟย เป็นรอยยิ้มที่เก็บเอาความทุกข์ไว้

“ไปกินข้าวกับพวกเช่นะวันนี้” เฟยเกริ่นนำ เขารู้ดีว่ากานต์ยังไม่อยากจะเจอใครในตอนนี้ แต่เขาคิดว่าบรรยากาศของเพื่อนๆอาจจะช่วยทำให้กานต์ใจอ่อนลง แล้วหลังจากนั้นเขามีเรื่องอยากจะพูดกับกานต์

“อืม”

ภายใต้แสงไฟสีส้มสลัวของร้านอาหารกานต์สามารถเก็บงำสีหน้าอึดอัดที่เขารู้สึกได้เป็นอย่างดี ความรู้สึกที่ห่างเหินกับผู้คนเหล่านี้และเรื่องราวที่เกิดเมื่อครั้งนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกโกรธใครแต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่นักที่ต้องกลับมาเจอ
“เราไปห้องน้ำก่อนนะ” กานต์พูดเบาๆก่อนจะลุกขึ้น

“ฉันไปด้วย” เป็นเช่ที่รีบตะโกนบอกแล้วลุกเดินตามกานต์มา

หญิงสาวพอจะจับความรู้สึกบางอย่างได้จากเพื่อนที่ตนไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายยังคิดว่าเขาเป็นเพื่อนอยู่หรือไม่
“แกดูไม่ค่อยสนุกเลยนะ”

“ไม่มีอะไรหรอก เราแค่เป็นกังวลเรื่องควิซพรุ่งนี้หนะ” กานต์พูดปดอันที่จริงเขาไม่มีควิซอะไรให้กังวลหรอก แต่แค่ไม่อยากให้เช่เป็นกังวล

กานต์เองก็พอจะเข้าใจได้ว่าเช่เองก็รู้สึกไม่ดีนักที่ปล่อยให้กานต์ต้องเผชิญปัญหาเพียงลำพังแต่เขาก็ไม่ได้พาลคิดโทษเช่แต่อย่างไร

“แกโกรธฉันหรือเปล่าว่ะ”

“เราไม่ได้โกรธ”

แม้จะไม่ได้รู้สึกโกรธเช่ตามที่พูดออกไป แต่เขาก็ไม่อยากให้เช่ต้องมารื้อฟื้นความหลังอีกจึงแกล้งหันมองทางอื่น แต่เขาก็ต้องหันกลับมามองเช่ เพราะได้ยินเสียงสะอื้นเหมือนคนร้องไห้
“ฮึก”

“ฉันขอโทษที่ไม่ถามแกก่อน” น้ำตาล่วงหล่นจากดวงตา

กานต์ไม่ชอบเห็นใครร้องไห้โดยเฉพาะกับผู้หญิง เพราะมันทำให้เขาใจอ่อน

“เดี๋ยวเช่ หยุดร้องก่อน” กานต์เอื้อมมือไปแตะไหล่เช่เพื่อจะปลอบแต่กลับกลายเป็นว่าเช่ปล่อยโฮออกมาหนักกว่าเดิม

“เราไม่ได้โกรธอะไรเช่เลย ดังนั้นหยุดร้องไห้เถอะ”

ใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าที่หญิงสาวจะสงบสติอารมณ์ได้ แม้จะมีอาการสะอื้นอยู่บ้างก็ตาม

กานต์จูงเช่เดินกลับไปยังโต๊ะ พอทุกคนเห็นหน้าของเช่ที่มีคราบน้ำตาก็ตกใจกันยกใหญ่ โดยเฉพาะปลาย
“เช่เป็นอะไร”

“กลัวกานต์จะเกลียดเฉยๆ” พูดจบเช่ก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีไหล่ของปลายช่วยซับน้ำตา ปลายนั่งปลอบเช่อยู่นานแต่ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นเลย จึงตัดสินพาเช่กลับบ้านก่อน

“งั้นกูพาเช่กลับก่อนดีกว่า” ปลายว่าเมื่อผ่านไปสักพักเช่ยังคงไม่หยุดสะอื้น

ทุกคนบอกลาคนทั้งคู่ และหลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ เมื่อล่ำลากันเสร็จกานต์ก็เดินมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถโดยมีเฟยเดินนำอยู่ด้านหน้า แต่ก่อนที่จะถึงตัวรถเท้าของกานต์ก็หยุดเคลื่อนไหว ปล่อยให้เฟยเดินต่อไป กว่าที่เฟยจะรู้ตัวเขาก็มาถึงประตูฝั่งคนขับเสียแล้ว เฟยตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบกวาดตามองหากานต์และพบว่ากานต์ยืนหยุดอยู่กลางระหว่างทาง เฟยรีบวิ่งไปหาแต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยถามอะไรกานต์ก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
“เฟยกลับไปเถอะ เราขอกลับเอง” โดยไม่ได้รอคำตอบจากอีกฝ่าย กานต์ก็หันหลังเตรียมตัวอออกเดิน แต่โชคดีที่เฟยคว้าข้อมือไว้ได้ทัน

“ถ้ายังไม่อยากกลับไม่เป็นไร อยากไปไหนต่อเดี๋ยวเฟยพาไป”

ช่วงเวลาหยุดพักช่างแสนสั้น มวลความตรึงเครียดเริ่มก่อตัวอีกครั้ง

กานต์ไม่ได้ตอบอะไรเฟยกลับไป เขาสะบัดมือออกแล้วก็เดินออกไปยังริมถนน โดยไม่มีทางเลือกเฟยจำต้องเดินตามกานต์ไป

ถนนยามกลางคืนรถบางตาลงมากแล้ว และหลายคันก็เร่งความเร็วเพิ่มมากขึ้น ทุกครั้งที่มีรถวิ่งผ่านทั้งคู่ไปจะมีลมและเสียงพุ่งปะทะ แต่เขาทั้งคู่ต่างยังคงมุ่งหน้าเดินต่อไป เหมือนว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเดิน โดยเฉพาะกานต์ที่ตั้งใจเดินโดยไม่สนใจเฟยที่เดินตามหลังเลย

เป็นเพราะความว้าวุ่นใจทั้งหมดของกานต์ทำให้เขาต้องเดินอยู่อย่างนี้ แม้จะบอกกับทุกคนไปแล้วว่าไม่ได้คิดโกรธอะไรใคร แต่ในใจลึกๆแล้วนั้นกลับมีก่อนความโกรธเล็กซ่อนอยู่ นั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้า เขาอยากที่จะตะโกนออกมาดังหรือไม่ก็หันไปไล่คนที่กำลังเดินตามแรงๆ แต่เขากลัวว่าหากได้เริ่มทำเช่นนั้นแล้ว เขาอาจจะหยุดไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่เดินกำมือแน่นๆเท่านั้น
“เฟยเราขอหละ เราจะกลับเอง”

“เฟยปล่อยกานต์กลับเองไม่ได้หรอก”

“ให้เฟยไปส่งนะ สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรกวนใจ”

น้ำตาเอ่อคลออีกครั้ง

“เราไม่ไหวแล้วเฟย เราพอแล้ว เราพอแล้วจริงๆ”

น้ำตาไหลพรูออกมา ทั้งจากความกดดันที่สร้างขึ้นเองและความเศร้าที่เกาะกิน เมื่อได้เห็นดังนั้นชายหนุ่มรีบดึงร่างบางมาโอบกอดไว้ กดจูบลงบนผมแผ่วหวังที่จะปลอบใจอีกฝ่าย เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาจากบริเวณหัวไหล่ของเขา ร่างกายที่สั่นจากการร้องสะอื้นก็กานต์ทำให้เฟยรู้สึกเศร้าใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เข้าใจมากขึ้นยิ่งกว่าครั้งไหนๆว่าเขาทำร้ายคนในอ้อมกอดนี้มากเท่าไหร่ แต่แล้วกานต์กลับผลักเฟยออกเต็มแรงจนเฟยเซ่ถลาออกไป พอสบโอกาสกานต์จึงรีบวิ่งหนีไป แต่ก็ถูกเฟยวิ่งตามทัน

“กานต์” เสียงอ่อนใจที่ออกมาแค่ฟังดูก็รู้ว่าคนพูดเหนื่อยใจมากแค่ไหน

“กานต์บอกเฟยได้ไหม ว่าทำไมเฟยควรเลิกกับกานต์”

“เพราะเรารักเฟย”

“แต่เฟยไม่เคยรักเราเลย”

สิ้นคำพูสุดท้ายกานต์สะบัดมือหลุดจากการกอบกุมที่อ่อนแรง ด้วยแรงเหวี่ยงทำให้ร่างของกานต์เซถลาลงไปบนถนน มีเสียงบีบแตรยาวที่ทำให้เขารู้ว่ามีรถกำลังวิ่งเข้ามา แม้จะพยายามจะวิ่งขึ้นฟุตบาทแต่ก็รู้ดีว่าอย่างไรก็คงไม่ทัน

ในช่วงเสี้ยวเวลาที่รอให้ร่างรับแรงปะทะกลับรู้สึกเหมือนร่างถูกดึงกระชากให้กระเด็นขึ้นไปทางฟุตบาท เมื่อร่างกระแทกลงที่พื้นพร้อมกับได้ยินเสียงเหมือนฟ้าผ่าดังสนั่น เมื่อลืมตาขึ้นมาเบื้องมีรถจอดนิ่งสนิทอยู่ กับร่างของเฟยที่นอนอยู่บนพื้น

ไวเท่าความคิดสองขาพากานต์มาหยุดลงตรงข้างเฟยที่นอนอยู่ ร่างกายฝั่งขวาดูผิดรูปจนเขาไม่กล้ามอง ตัวสั่นไปด้วยความกลัว

“เฟย”

เสียงเรียกแหบพร่าทำให้คนเจ็บค่อยลืมตาขึ้นมามอง กานต์ขยังเข้าไปใกล้ๆเอื้อมือไปแตะที่ตัวเฟยเบาๆเพราะกลัวคนเจ็บจะเจ็บมากกว่าเดิม

“กานต์”

เฟยขยับปากเรียก กานต์สังเกตเห็นฟองเลือดตรงมุมปาก จึงได้แต่ส่ายหัวไม่อยากให้เฟยพูดอะไร น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง เขากลัว กลัวเหลือเกินว่าเฟยจะตาย

“เราขอโทษ เราขอโทษเฟย”

“เฟยต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่ทำให้กานต์ร้องไห้ใหญ่เลยวันนี้”

“หยุดร้องไห้เถอะนะ”

มือหนาค่อยยกขึ้นมาปาดน้ำตาจากแก้มของกานต์ รอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม ก่อนที่มือนั้นจะร่วงหล่นลงไปแน่นิ่งอยู่บนพื้น

หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 23 23/12/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 23-12-2016 07:23:36
เฟยยยยยย :sad4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 23 23/12/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-12-2016 10:21:12
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 23 23/12/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-12-2016 13:53:01
รักแต่ทำให้ตัวเองเชื่อใจเฟยไม่ได้
กานต์คงทรมานกับความรู้สึกแบบนี้มากๆ
หวังว่าเฟยจะไม่เป็นอะไรมากหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 23 23/12/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-12-2016 15:49:52
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 23 23/12/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 23-12-2016 18:04:17
ในที่สุดก็มาต่ออออออออออออออออออออออ !
รอมาตลอดเลยนะจะบอกให้
 :o8: :o8: :o8:
อ่านจบแล้วแบบ... นั่นไง น่านไง! อยู่กันดีๆไม่ได้จริงๆด้วยคู่นี้ !!
จากคำบรรยายคิดว่าเฟยไม่น่าจะรอด
ไม่ใช่ว่าตอนจบ เฟยตาย กานต์กลับไปบวชอีกรอบ ไรงี้นะ
อุตส่าห์ร่วมลุ้น ร่วมอึดอัด ร่วมร้องไห้ด้วยกันมาตั้งนาน
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 23 23/12/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 24-12-2016 11:45:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 23 23/12/16 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 29-01-2017 02:19:22
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: sasithron ที่ 11-02-2017 02:57:14
ตอนที่ 24 (จบ)
ร่างบางนั่งนิ่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินสายตาจ้องตรงไปข้างหน้าแต่ไม่โฟกัสที่จุดใดๆเลย เพราะกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิด สองมือกอบกุมไว้แน่น กานต์ไม่รู้เลยว่าอีกคนที่รับการรักษาภายในห้องเบื้องหน้าอาการเป็นอย่างไรบ้าง ภาพที่รถยนต์พุ่งเขาปะทะกับร่างของเฟยยังคงฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัวกานต์อย่างหยุดไม่ได้ น้ำตาใสๆไหลออกมาเอื่อยๆ
เสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามาดึงกานต์ให้กลับมาสู่ปัจจุบัน เขาเงยหน้าขึ้นไปยังต้นเสียงของฝีเท้าก็พบกับครอบครัวของเฟย
ผู้เป็นแม่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆกานต์ แม้ว่าเธออยากจะเอ่ยปากถามถึงอาการของเฟยใจจะขาด แต่พอมองเห็นเด็กหนุ่มที่มีดวงตาเจื่อไปด้วยน้ำใสๆก็ต้องกลืนคำถามที่มีลงหายไปในลำคอ
มือเรียวของผู้อาวุโสกว่าคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมไว้ พร้อมกับบีบเบาๆ

“ผะ ผมไม่ได้ตั้งใจ  หะ ให้เป็นแบบนี้ครับ” เสียงพูดของกานต์สะดุดเป็นช่วงๆ

แม่ของเฟยไม่เข้าใจที่กานต์พูดเลยสักนิด เธอไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มตรงหน้ากับลูกชายขอตนเท่าไหร่นัก รู้เพียงแค่ว่าทั้งคู่คบกันในฐานะแฟน และช่วงหลังดูเหมือนทั้งคู่จะมีปัญหากัน

“อยากกลับบ้านก่อนไหมเดี๋ยวแม่ให้ไหมไปส่ง”

“ยะ ยังครับ ผมอยู่รอครับ”

บริเวณด้านหน้าห้องฉุกเฉินมีแต่ความเงียบ นานๆทีก็จะมีพยาบาลวิ่งเข้าและออกห้องฉุกเฉินทีหนึ่ง แสงสว่างสีขาวจ้าจากหลอดไฟ ไม่ได้ช่วยให้คนทั้งหมดดูมีสีหน้าสดใสขึ้นตาม แต่กลับกลายเป็นเหมือนกลุ่มก้อนหมอกสีดำปกคลุมพวกเขาอยู่
การรอคอยช่างยาวนานเสียเหลือเกินในความรู้สึกของคนเป็นแม่ โดยเฉพาะในเวลานี้ ในเวลาที่ลูกชายของตนจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เธอปล่อยให้สามีไปจัดการเรื่องคดีความกับทางตำรวจ ส่วนเธอนั่งรออยู่ที่หน้าห้องโดยมีลูกสาวโอบกอดอยู่ไม่ห่าง ผู้เป็นแม่เห็นแผลบนตัวของลูกชายที่เกิดจากความคึกคะนองจนชินแต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลอย่างนี้ เธอไม่มีความรู้สึกอยากจะไปตำหนิใครหรือทำอะไรทั้งนั้น เธอขอเพียงแค่ให้ลูกชายของเธอปลอดภัยเท่านั้น
เวลาล่วงไปเป็นเวลาตีสามของวันใหม่ ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกพร้อมต้อนรับให้ญาติเข้าไปเยี่ยมคนไข้ได้
เฟยที่ในตอนนี้นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการมาของทุกคน แม่ของเขาใช้มือปัดปอยผมด้านหน้าเบาๆเหมือนกลัวว่าปอยผมนั้นจะรบกวนการนอนหลับ ที่ขาและแขนด้านขวาของเขามีเฝือกปูนสีขาวห่อหุ้ม
ทางด้านกานต์เองแม้จะใจชื้นขึ้นมาที่เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ายังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ยังไม่คลายกังวลไปเสียทีเดียวเพราะเฝือกที่ขาและแขนของเฟย ร่างบางรู้ดีว่ามันจะต้องเป็นอุปสรรคให้กับคนที่นอนหลับอยู่เป็นอย่างมากแน่นอนแล้วไหนจะเรื่องเรียนอีก แค่คิดน้ำตาก็เออขึ้นมาที่ตา

“เฟยไม่เป็นไรแล้วนะกานต์”

แม่ของเฟยหันไปพูดกับกานต์ที่ทำจมูกฟุดฟิดเพราพยายามสูดจมูกไม่ให้น้ำมูกไหลออกมา

“แม่ว่ากานต์กลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมเฟยใหม่”

“ครับ”

กานต์อ้อยอิ่งเล็กน้อย แต่ก็ยอมบอกลาทุกคนก่อนจะเดินออกจากห้องมา มีไหมเดินออกมาส่ง

“อยากให้พี่ไปส่งหรือเปล่า”

“ขอบคุณครับ แต่ผมกลับเองดีกว่า”

หญิงสาวยิ้มให้กานต์อย่างอ่อนโยน เธอพอจะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่ไม่อยากจะไปก้าวก่ายมากนัก แต่อีกใจหนึ่งเธอก็หวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้ให้น้องชายของเธอโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง

ไหมยืนรอเป็นเพื่อนกานต์จนมีรถแท็กซี่เข้ามารับ เธอยืนรอจนรถเลี้ยวออกไปจึงเดินกลับเข้าไปรวมตัวกับพ่อและแม่

                                                                             *****
วันต่อมาแพทย์ผู้ดูแลอาการของเฟยก็เข้ามาตรวจเฟยอีกครั้งพร้อมกับรายงานอาการของเฟยให้ทางครอบครัวฟัง ซึ่งมีเพียงกระดูกที่ขาและแขนขวาหักเท่านั้น ส่วนอาการอื่นๆไม่มีสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด แต่จะต้องพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งสัปดาห์
แค่เพียงรู้ว่าเฟยปลอดภัยแม่ของเขาก็รู้สึกโล่งใจเป็นปลิดทิ้ง แต่คงจะมีเพียงเรื่องเดียวที่ค้างคาใจอยู่ซึ่งก็คือความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายของตนกับกานต์ แต่เธอคงจะไม่เข้าไปยุ่งแล้วจากบทเรียนครั้งก่อน เธอได้เรียนรู้แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นบอบบางมากแค่ไหน จะต้องเป็นลูกชายของเธอเท่านั้นที่เธอจะต้องพูดคุยด้วย
แสงจากพระอาทิตย์ยามสิบโมงเช้าส่องเข้ามาในตัวห้องพักฟื้น ปลุกให้เฟยตื่นจากการหลับใหล อาการเจ็บที่คงค้างอยู่และความหนักทำให้เขาพอเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองเพดานสีขาวสะอาด พอกวาดตามองไปทางซ้ายนอกจากจะเห็นแขนและขาที่ใส่เฝือกอยู่แล้ว ก็พบว่าแม่ของตนนั่งอ่านหนังสืออยู่ ฉับพลันความรู้สึกกระหายน้ำก็เกิดขึ้น
“แม่ เฟยหิวน้ำ”

สิ้นเสียงเฟยเธอก็ลุกขึ้นหยิบแก้วที่มีน้ำอยู่ภายในเดินตรงมาหาลูกชายของเธอ ก่อนจะช่วยปรับเตียงให้เฟยอยู่ที่ในท่าเกือบนั่งเพื่อจะดื่มน้ำ

“เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม” ผู้เป็นแม่ถามหลังจากลูกชายของเธอดื่มน้ำเสร็จแล้ว

“เจ็บอยู่นิดๆครับ”

“งั้นแม่เรียกหมอนะ”

ไม่นานหมอก็เขามาตรวจอาการ แต่ไม่ได้มีอาการใดๆน่าเป็นห่วงเพียงแต่เป็นอาการตามปกติของผู้ที่บาดเจ็บอยู่แล้ว แพทย์ผู้ดูแลเพียงแค่ให้ยาบรรเทาอาการเพิ่มเท่านั้น

“หายซ่าเลยไหมล่ะ”

“โห แม่เฟยไม่ได้ไปซ่าที่ไหนสักหน่อย”

“แล้ว  คนอื่นล่ะแม่”

แม้คำที่พูดไปจะหมายถึงทุกๆคนโดยรวมๆแต่จริงๆแล้วเฉพาะเจาะจงไปที่กานต์

“ไหมกับป๊าจะมาตอนเย็นๆ”

“ส่วนกานต์ แม่ยังไม่เห็นเลย”

เฟยเพียงแค่พยักหน้ารับรู้

“เฟยแม่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”

เธอรู้ดีว่าตอนนี้อาจจะไม่เหมาะนักที่จะถาม แต่ด้วยความเป็นห่วงของตนซึ่งเป็นแม่นั้น ทำให้ไม่สามารถรอให้นานกว่านี้ได้

“ระหว่างเฟยกับกานต์”

เธอหยุดเพื่อนึกคำที่จะพูดออกมาครู่หนึ่ง

“ทะเลาะกันใช่ไหม”

“ครับ” เฟยถอนหายใจเฮือกใหญ่

ชายหนุ่มเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆให้กับผู้เป็นแม่ฟัง แม้ว่าจะเคยเล่าให้ฟังไปแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยินดีที่จะทำ

                                                                              *****
ภายในห้องพักสี่เหลี่ยมแสงแดดส่องแสงผ่านม่านเข้าไปกระทบร่างบางที่นอนคู้อยู่บนเตียง เหตุการณ์ของเมื่อคืนยังชัดเจนในหัวของกานต์ เขาหลับไปได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แม้จะเป็นเช้าวันจันทร์แต่เขาก็ไม่ได้ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน
กานต์รู้สึกเหนื่อยมากจนรู้สึกเพียงแค่อยากจะนอนอยู่แบบนี้ไปนานๆ เขาไม่รู้เลยว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะจบลงที่ตรงไหน
เป็นเวลาบ่ายสองโมงครึ่งแล้วตอนที่กานต์ตัดสินใจลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะมุ่งหน้าไปเยี่ยมคนป่วย
“ก๊อก ก๊อก” เสียงมือของกานต์กระทบกับประตูห้องพักผู้ป่วย

กานต์เดินเข้าประตูมาก็พบกับแม่ของกานต์ที่กำลังเดินตรงมาหาเขา

“สวัสดีครับ” กานต์ยกมือไหว้

“ไหว้พระเถอะลูก”

เสียงพูดที่อ่อนโยนทำให้กานต์รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง เพราะเขารู้สึกกังวลอย่างมากว่าครอบครัวของเฟยจะโกรธเขาที่เป็นต้นเหตุให้เฟยต้องบาดเจ็บ

กานต์สบตาเฟยที่นอนอยู่บนเตียง ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างให้เขาแทนคำทักทายหัวใจกลับมาสดชื่นอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายมาเยี่ยม แต่กานต์เพียงส่งยิ้มน้อยกลับมาให้เท่านั้น

แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรแม่ของเฟยก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“งั้นแม่ฝากกานต์ดูเฟยก่อนนะ แม่ขอกลับไปบ้านก่อนนะ”

กานต์ตกปากรับคำอย่างเสียไม่ได้ และพอสิ้นเสียงปิดประตูความเงียบก็แผ่ลงปกคลุมทั้งคู่

“ก่อนกานต์พูดอะไร เฟยขออะไรอย่างได้ไหม” แค่เพียงมองหน้าของกานต์ก็รู้ได้ว่ายังคงรู้สึกเจ็บปวดเหมือนเดิมและคงยืนยันที่จะเดินจากตนไป 

กานต์พยักหน้าเป็นคำตอบว่าตกลง แม้จะไม่รู้ว่าสิ่งที่เฟยขอนั้นจะเป็นอะไรแต่สภาพของเขาทำให้กานต์ไม่คิดจะปฏิเสธ

“อยู่กับเฟยก่อนนะ”

เหมือนเป็นแค่เพียงคำธรรมดาทั่วไปแต่สำหรับกานต์ที่เป็นผู้ฟังแล้วมันช่างมีอิทธิพลกับเขาเสียเหลือเกิน หรือในความจริงแล้วผู้พูดต่างหากที่มีอิทธิพลกับเขา

เฟยเผ้ามองสีหน้าของกานต์ที่ดูเหมือนกำลังสับสน แววตาเป็นวาวใสเมื่อมีน้ำตาเอ่อคลออยู่ภายใน  อีกครั้งที่เขาต้องทำให้กานต์เสียใจ มันอาจจะเป็นการเห็นแก่ตัวที่ขอให้กานต์ต้องทนอยู่กับเขา แต่เขาไม่อยากให้กานต์หนีเขาไป

กานต์ค่อยๆลากเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียงผู้ป่วย

“แล้วเราจะเป็นยังไงกันต่อไป”

กานต์เอ่ยถามเพราะมองไม่เห็นหนทางข้างหน้าว่าตัวเองและเฟยจะคบกันต่อไปได้ยังไงโดยที่ตัวกานต์เองจะไม่รู้สึกเจ็บปวด

“เป็นอะไรก็ได้ตามที่กานต์อยากเป็น เฟยแค่ขอให้กานต์อยู่กับเฟยก่อน”

“มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อเฟยไม่ได้รักเรา”

“เฟยไม่มีอะไรจะเถียงหรอก แต่เพียงแค่ขอให้กานต์อยู่กับเฟยก่อน”

“แค่ช่วงที่เฟยยังรักษาตัวก็พอ”

กานต์ไม่เข้าใจว่าตอนนี้คนตรงหน้าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่เข้าใจว่าคนที่ไม่เคยแสดงว่ารักกันทำไมถึงอยากจะให้เขาอยู่ต่อ

กานต์ส่ายหน้าเพราะไม่เห็นด้วยกับคำขอของเฟย

“เฟยขอให้ลืมเฟยในอดีตไปก่อนได้ไหม”

เฟยยังไม่ลดความตั้งใจที่จะยื้อกานต์ไว้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ทำนี้คือความรักไหม เขารู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เวลานี้เขายังไม่พร้อมจะเสียกานต์ไป

“เป็นเพียงแค่เฟยกับกานต์ในปัจจุบัน”

“ถ้ามันง่ายเราก็จะไม่มาหาเฟยตั้งแต่แรกหรอก”

กานต์ตัดพ้อ เขาเสยผมที่ปิดหน้าของตนขึ้นก่อนจะใช้มือข้างเดียวกันท้าวหัวโดยวางข้อศอกลงบนเตียงพลางใช้ความคิด

สำหรับกานต์เพราะเจ็บปวดที่โดนหลอกจึงกลับมาหาเฟยเพื่อเอาคืน แต่ในใจลึกๆแล้วอยากทำให้เฟยหันมารักเขาจริงๆ แต่เพราะความคาดหวังในเหตุผลข้อหลังเขาจึงเจ็บปวดอย่างที่เป็นอยู่ ดังนั้นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กานต์เจ็บปวดก็คือตัวเขาเอง

“กานต์อยากให้เฟยทำอะไรให้ เฟยยอมหมด”

“สภาพอย่างนี้เนี่ยนะ”  กานต์ขำออกมาเล็กน้อย เพราะสภาพของเฟยดูไม่สามารถทำได้อย่างที่เจ้าตัวพูดเลย

“แล้วถ้ามันไม่ดีขึ้นหละ”

“เฟยก็คงได้ใส่เฝือกอีกครั้ง” พูดจบก็หัวเราะให้กับมุกของตัวเอง

“นั่นไม่ใช่เรื่องดีเลยนะเฟย”

เฟยส่งยิ้มมาให้กานต์เพราะเขารู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายของอีกฝ่าย แต่กานต์ไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายยิ้มเรื่องอะไร

“ยิ้มอะไรเฟย”

“ก็นี่ไง แค่เฟยกับกานต์ในปัจจุบัน” 

กานต์ทำท่านึกเพราะยังไม่เข้าใจที่เฟยพูด

“กำลังหลอกอะไรเราอยู่เนี่ย”

“เปล่า ไม่ได้หลอกอะไรทั้งนั้น”

เหมือนมีลมพัดเอาหมู่เมฆสีหม่นออกไป เหลือแต่แสงอาทิตย์สว่างส่องอยู่ กานต์แปลกใจที่รู้สึกโล่งใจ ไม่ได้เป็นกังวลหรือรู้สึกปวดใจแต่อย่างใดต่างกับเมื่อคืนหรือแม้กระทั่งเมื่อตอนที่เปิดประตูเข้ามาเยี่ยมเฟย

 “ได้สิ”

กานต์รับปากเฟยหลังจากพอจะเข้าใจสิ่งที่เฟยขอขึ้นมาเล็กน้อย

เฟยยิ้มรับ ตาวาวเป็นประกายด้วยความดีใจที่อีกฝ่ายเริ่มเข้าใจและยอมรับคำขอ แม้ว่าจะไม่มีใครบอกได้ว่ากานต์จะอยู่กับเขาไปอีกนานเท่าไหร่และวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่เขาก็ดีใจที่วันนี้กานต์ไม่เดินหนีจากเขาไป







ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-02-2017 05:38:45
ห๊ะ จบแล้วเหรอ
ต้องใช้เวลากับทั้งคู่ซินะ
กานต์ก็ใช้เวลาฟื้นฟูความรู้สึกให้สามารถเชื่อใจเฟย
เฟยก็ใช้เวลาทบทวนความรู้สึกทั้งหมด ให้แน่ใจว่ารักกานต์ ให้มั่นใจและบอกรักกานต์ด้วยความรู้สึกรัก
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-02-2017 07:34:50
จบ เหมือนไม่จบ......
แต่ไม่ว่าจบแบบไหน
อนาคตไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว
จะทำให้ความรักมั่นคง หรือไม่
อยู่ที่เฟย กับกานต์ แล้ว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์ นะ กับเรื่องนี้   :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 11-02-2017 15:07:09
จบแบบปลายเปิด ชอบค่ะ เวลาเป็นสิ่งที่ทั้ง2คนต้องการจริงๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 11-02-2017 20:47:09
จบแล้ว จบแบบให้คนอ่านคิดต่อเองว่าเป็นไง เหมือนจะมีภาคต่อ แต่จบแบบนี้ก็ดีคับ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-02-2017 00:23:18
ง่าาาา. จบแบบนี้เหรอออ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-02-2017 17:42:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Themamo ที่ 20-02-2017 20:32:34
ปกติอ่านอย่างเดียวไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น...แต่เรื่องนี้จำได้ว่าเคยตั้งแต่ยังไม่จบแล้วทิ้งไปพึ่งมาอ่าน
จะว่าโลกสวยก็ได้นะแต่พระเอกเรื่องนี้มันเหี้ย :z6:จริงๆ!!!โคตรเห็นแก่ตัวเลย :katai1: :katai1:ไม่อินกับความรักแบบนี้ นายเอกก็ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 22-02-2017 16:42:27
นี่มันคือ ฟิคแนวAbstract ชัดๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 06-03-2017 05:10:41
555 โอ๊ย คือ หน่วง ตอนจบ คือ เหมือนเฟยก็ไม่ได้รัก แต่อยู่เพราะรีบผิดชอบเลยอะ สงสารกานต์ เกลียดแม่เฟย ตลกดี

แถมสงสัยด้วยว่า ถ้ากานต์ปล่อยคลิปจริง มันก็เสียหายทั้งสองคนปะวะ แม่เฟยตลกอะ มิน่าเฟยถึงเหี้ย ไม่แปลกใจหรอก

อยากรู้นะว่ากานต์ฆ่าเฟย ทำร้ายเฟยหรอ ถึงต้องทำกับกานขนาดนี้ นี่ดับอนาคตเด็กคนหนึ่งเลยอะ เลวไปอีก ผู้ใหญ่ดี

เป็นอะไรที่เฟยไม่เหมาะคู่ควรกับพระเอกเลย
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 07-03-2017 23:45:11
จบแบบ to be continued
หน่วงวนไป ดราม่าวนไป
เขียนโออยู่นะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 12-03-2017 20:03:49
เรื่องนี้เป็นอะไรที่เซอร์ไพรซ์มาก อย่างนี้ก็ได้เหรอ แต่ก็แต่งดีนะ อินดี ขอบคุณสำหรับนิยายนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-08-2017 01:22:15
ตามมาอ่านจนจบแล้วนะ

ปล. น่ะ เขียนแบไม่ใช่ หนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 16-08-2017 14:29:33
ความผิดของเฟยไม่มีใครออกมาว่าไม่มีใครประณาม แต่พอเป็นความผิดของกานต์ โดนเพื่อนทั้งคณะประณาม โดนออกจากมหาลัย เสียอนาคต ทั้งๆที่เป็นฝ่ายโดนกระทำ แบบนี้ก็ได้หรอ?...
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 18-08-2017 01:12:59
จบหน่วงมากๆๆๆ
อะไรคือที่ยังยื้อต่อ
จบเหมือนไม่จบ
ค้างคามาก
แล้วชื่อพลาดรักนี่
หมายถึงกานต์ที่พลาดไปรักเฟยสินะ
หน่วงทั้งเรื่อง บีบคั้นทั้งเรื่องมาก
จะมีภาค2ต่อหรอคะ
หรือมีตอนพิเศษต่อคะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: unnonym ที่ 04-03-2018 18:27:46
ตามมาจากรีวิว ตอนแรกคิดว่าจะดราม่าใสๆไม่ซับซ้อน

ปรากฏว่าหน่วงกว่าที่คิด สนุกมากค่ะ ดูเป็นมนุษย์ มีความเห็นแก่ตัว

ขอบคุณนะคะ จะรอติดตามเรื่องอื่นๆนะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 16-03-2018 23:55:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 17-03-2018 13:29:28
ขอสูดเอาอากาศเพิ่มพลังแปป  :sad4:

อ่านเรื่องนี้เสียพลังไปมากเลย...ใจบางไปแล้ว :hao5:

ทั้งหน่วง ทั้งเศร้า ทั้งเสียน้ำตา  :m15:

จบแบบนี่เลยจะขอประนามเฟย....เลวมาก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: HPG ที่ 17-03-2018 17:37:47
จบแล้วเหรออออออออ ~
งืออออ ค้างคาเลเวลแปด 5555
เอาจริงๆตอนเริ่มอ่านสงสารกานต์นะ
แต่พออ่านไปเรื่อยๆคือสงสารเฟย
กานต์งี่เง่าอ่ะ 555 ชีวิตต้องโกออนสิลู๊กกกกก หนูจะมานั่งสับสนว่าใครรักไม่รักแบบนี้ไม่ด๊ายยยยยย ถ้าสับสนหนูหาสามีใหม่สักคนเปรียบเทียบเลยค่ะ #เดี๋ยวๆ 55555+ 
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 17-03-2018 22:05:04

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรั

หน่วงอารมณ์จริงๆ

หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 12-04-2018 16:23:21
จบแบบนี้เลยหรอ  :sad4:

อึมครึมมากเลยเรื่องนี้ อ่านแล้วอึดอัดจัง ไม่รู้เรื่องราวจะดำเนินไปยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 12-04-2018 23:58:45
 :a5: ห๊ะ!! จบ คงจะเป็นอย่างที่นักเขียนตั้งใจ
มันอึมครึมแบบไม่เคลียร์
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 01-05-2018 20:09:43
แงงงงงง เป็นเรื่องที่หน่วงและอึ้มครึม แถมอึดอัดด้วยง่ะ สงสารทั้งสองคนเลย ขอให้รักกันน้าาา
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 24-06-2018 03:49:18
หายใจไม่ทั่วท้องทั้งเรื่องเลยค่ะ แต่รวมๆก็สนุกดี จบแบบนี้ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องหาข้อสรุปของความสัมพันธ์ เว้นช่องว่างไว้ให้เรียนรู้กัน แบบใช่เวลาเป็นตัวตัดสิ้น สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 24-06-2018 11:25:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: bnmshhhhhhh ที่ 01-02-2020 03:17:52
คือแบบที่พ่อแม่เฟยพูดคือได้แต่แบบ...อิหนังวะ!!!คือทำคนอื่นเสียอนาคตอ่ะ!!โดนเพื้อนโดนอาจารย์เทจนต้องลาออกอ่ะ มันเคว้งนะเว้ยไม่มีใครอยู่ข้างๆอ่ะ ละลูกตัวเองเป็นคนไปเสียบเค้านะ!!!อิพอ.ก็จำได้ว่าเคยทำอะไรกับเค้าไว้ก็ไม่บอกพ่อแม่ตัวเองจนเรื่องมันเลยเถิดก็ยังไม่บอก โมโหๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 20-02-2020 22:08:19
อ่านแล้วก็สงสารกานต์นะที่โดนแกล้งตอนนั้นแต่กานต์ก็แค้นยึดติดไม่มูฟออนแล้วรอมาแก้แค้นเรื่องมันเลยออกมาเป็นแบบนี้และก็เป็นกานต์เองไม่ใช่หรอที่เป็นคนไปบอกพ่อเฟยเรื่องเลยบานปลายไปอีก คนแต่งเขียนดีมากทำให้เราเห็นในมุมมองของแต่ละคนถ้าเราเป็นคนนอกที่มองเข้ามากานต์ก็ดูแย่จริงแต่เรื่องทั้งหมดก็เพราะกลุ่มเพื่อนเฟยและเฟยแกล้งกานต์ก่อนคนโดนทำร้ายมันจำไม่ลืมแต่ก็ต้องปล่อยวางมองไปที่อนาคตที่ดี เรื่องนี้ก็ทำให้ได้เรียนรู้ถึงความผิดพลาดจริงๆ พลาดรักสมชื่อ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-02-2020 04:45:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 21-02-2020 13:00:27
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Mrfoxx ที่ 21-02-2020 16:45:29
ให้คะแนน -50/100 เล่าวนไป
ไม่สมเหตุผล
ที่แรกพระเอกบอกจำไม่ได้
ตอนหลังบอกจำได้
ควรทบทวนเส้นเรื่อง
หลอกให้ไปติดในตึก แต่บังคับให้เป็นแฟน ข้ามปี
ใครควรผิดมากกว่ากัน
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 25-08-2020 23:02:00
เอิ่มมม นั่งเกาหัวแกรกๆ 55555 ตอนแรกก็สงสารเฟยนะโดนแบล๊คเมล์ ยัดเยียดจากกานต์งี่เง่ามาก แต่พอรู้เหตุผลว่าทำไปเพราะแก้แค้น คราวนี้สงสารกานต์ ไม่ชอบเฟย ตอนกานต์บอกให้เฟยเลิกตามง้อ ก็นึกสะใจเฟยดี แต่ได้ไม่นานก็เดินไปตกหลุมที่ตัวเองขุดไว้ซ้ำๆวนๆ เป็นเอาตัวเองไม่ออกมาจากจุดนั้นเอง ไอ้ความรู้สึกทั้งรักทั้งชังเนี้ย จะแก้แค้นก็แค้นไม่สุด เขาพูดดีหน่อย คืนดีแหละ ดูๆไปคือ กานต์ทำตัวเองนะ แต่ทั้งเฟยและกานต์ อะไรก็ม่ายยยยรู้ววววว แต่ตรูอ่านจนจบ แฮะๆ 55555555  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 13-10-2020 17:58:21



   “แต่เรื่องที่เฟยไปต่อยกับแก็ป เราไม่สนใจหรอกนะว่าเฟยจะเจ็บหรือเปล่า”
วนมาเรื่องเดิมอีกแล้ว ลำไยเต็มทีแล้ว เดี๋ยวดึงเดี๋ยวผลัก เอาไงแน่
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 30-11-2020 06:43:52
 o13
หัวข้อ: Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 30-11-2020 13:36:51
 :pig4: