พิมพ์หน้านี้ - หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Vermilion Bird ที่ 12-04-2018 14:24:51

หัวข้อ: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 12-04-2018 14:24:51
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: 1/1 12/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 12-04-2018 14:34:25
สวัสดีคะ
(หนี้ชีวิต..Secrets’debt)
ถูกย้ายมาจากกระทู้เดิม เนื่องจากคนเขียนลืมเมล์และรหัสผ่านตัวเอง แย่มากๆ เลยมาเปิดกระทู้ใหม่และเปลี่ยนชื่อจาก (KT_MVD) มาเป็น (Vermilion Bird)  ตอนเดิมจะถูกนำมาลงใหม่ด้วย ใครที่อ่านแล้วก็อย่าเพิ่งเบื่อเน้อ ส่วนใครที่ยังไม่เคยอ่าน ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ขอบคุณคะ^^

                                          ................................................................

                                                       ...หนี้ชีวิต...(Secrets'debt)
                                                           By..Vermilion Bird

คนหนึ่งคนเลือกที่จะเป็นหนี้ทั้งที่ชีวิตนี้ไม่เคยกู้หนี้ยืมสิน เพื่อมาใช้ในยามจำเป็นโดยที่ไม่รู้เลยว่าหนี้ก้อนนี้จะทำให้เขาต้องเจอกับอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยคาดคิดจากที่เป็นแค่ “หนี้เงิน”กลับกลายมาเป็น “หนี้ชีวิต” ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาจะยังต้องการหนี้ก้อนนี้อยู่หรือเปล่า
                                   
                           “กูจะหาเงินมาใช้มึงให้ครบทุกบาททุกสตางค์จะได้จบสิ้นกันสักที”
           
                                                “ถ้ากูไม่อนุญาต มึงก็ไปไหนไม่ได้!”


                                   ............................................................................
หัวข้อ: ตอนที่1..จะหาเงินจากไหน 12/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 12-04-2018 14:44:03
1.จะหาเงินจากไหน

ชีวิตหลังเรียนจบก็คือชีวิตทำงานแต่ละคนก็มีทางเดินที่ต่างกันทั้งที่พอใจทำและทนทำหรืออะไรก็แล้วแต่
“บาส!”
เมื่อรู้ว่าถูกเรียกเจ้าของชื่อที่กำลังวุ่นอยู่กับเอกสารปึกใหญ่คว้าหมวกแก๊ปสีดำที่มีตัวหนังสือสีแดงคำว่า(QC Engineer)ประจำตำแหน่งที่ลืมไม่ได้ไปตามเสียงเรียก ไปถึงก็ถูก ถาม บ่น ตำหนิ ปะปนกันไปเป็นแบบนี้ประจำถามมาต้องตอบได้ถึงจะไม่ใช่งานในความรับผิดชอบของตัวเองก็ตาม แต่ละวันต้องเดินตามฟังคนตำแหน่งสูงกว่าพูดไม่ว่าจะอยู่หรือทำอะไรอยู่ส่วนไหนของโรงงานก็ต้องรีบมาถ้าถูกเรียก
หลังจากเรียนจบบาสก็เข้าทำงานที่โรงงานนี้ตามคำชักชวนของรุ่นพี่ซึ่งเป็นโรงงานผลิตอิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งของญี่ปุ่นชื่อ “ไดซูมิ”มาได้ปีกว่าแล้วในตำแหน่ง(QC Engineer)หรือวิศวะกรการผลิต ทำหน้าที่ควบคุมการผลิตให้มีของเสียน้อยที่สุดกำหนดและปรับวิธีการการทำงานให้ใช้เวลาน้อยที่สุดแต่ได้งานดีที่สุด การใช้เครื่องจักรในสายการผลิตตรวจหาสาเหตุและแก้ไข้ปัญหาเมื่อพบงานเสีย
แต่เขากลับต้องทำหลายอย่างจนเกินตำแหน่งหน้าที่...
“คุณมาวินขอเชิญที่แอสเซมบลีหนึ่งคะ”
(Assembly line (แอสเซมบลี ไลน์) คือ งานผลิตสายการประกอบ)
ที่โรงงานนี้มีทั้งหมดแปดแอสเซมบลีแต่ละแอสเซมบลีมีพื้นที่กว้างและพนักงานในสายการประกอบไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน บาสจะอยู่ประจำการที่แอสเซมบลีหนึ่งแต่ละแอสเซมบลีจะมีวิศวกรการผลิตแบบบาสแอสละห้าถึงเจ็ดคน
อีกแล้ว...
เสียงประกาศผ่านไมค์ทำให้คนที่เพิ่งกินข้าวไปได้สามคำถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเดินกึ่งวิ่งออกไป
“บาสมาหรือยัง!”
“มาแล้วครับ” คนที่ยืนอยู่ด้วยพูดขึ้นหลังจากเห็นคนที่กำลังรอวิ่งมาแต่ไกล
“ครับพี่บง”
คนที่เพิ่งมาถึงพูดถึงจะเหนื่อยขนาดไหนก็ต้องเก็บไว้
“พี่อยากรู้ว่าเมื่อไรพี่จะได้ข้อมูลของแผนงานใหม่คะพี่รอตั้งแต่เช้านี้เที่ยงแล้ว”
“กำลังรอข้อมูลที่รวบรวมเมื่อเช้าครับผมจะรีบนำมาให้ก่อนบ่ายโมง”
คนถูกจี้ถามรีบพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดยอมรับแต่โดยดี
“พี่จะรอ” คนตำแหน่งสูงกว่าพูดแล้วเดินออกไปพร้อมกับคนเดินตามสองคน
“โดนคนเดียวอีกแล้วไอ้บาสเอ้ยยยยย”
“คลัง” ชายที่มีศักดิ์เป็นเพื่อนพูดขึ้นมองตามคนที่ยืนบ่นเมื่อครู่แล้วหันมองคนข้างๆเขาก็ทำตำแหน่งเดียวกันกับบาสไม่ใช่แค่เขาแต่มีอีกห้าคนแต่บาสมักจะถูกว่าก่อนเสมอเวลามีปัญหาอะไร
“กูช่วย”
“ไปกินข้าวไปเวลายิ่งน้อยๆอยู่” บาสโบกมือไล่เพื่อนแล้วเดินไปหยิบเอกสารขึ้นดู
“รอทำตอนพวกกูมาก็ได้ไปกินข้าวเหอะมึงไหนๆก็โดนแล้ว”
“ทำให้เสร็จๆก็สบายตัว”
คลังมองเพื่อนตัวเองแล้วหมดปัญญาพวกเขาจะสบายไปแล้วทุกวันนี้บาสทำเยอะกว่าตั้งเท่าไรเหมือนเอาเปรียบเพื่อนยังไงไม่รู้
“เอาไรไหม”
ตะโกนถามเพื่อนตัวเองที่กำลังสนใจเอกสารสิ่งที่ได้กลับมาคือ
“กูกินแล้วสามคำ”
คลังถอนหายใจแล้วหันหลังเดินตอนนี้ไม่มีใครอยู่หรอกพักกลางวันมีแต่เพื่อนเขานี้แหละที่ทำงานอยู่คนเดียวเป็นภาพที่ทุกคนเห็นเป็นประจำเวลากลับเข้ามาทำงานที่จะเห็นบาสทำงานอยู่ก่อนคนอื่น
คุณบงกชหรือที่ทุกคนในแอสเซมบลีหนึ่งเรียกพี่บงเป็นผู้หญิงอายุเยอะที่ดำรงตำแหน่งผู้จัดการของแอสเซมบลีนี้ ทำงานเก่ง มีระเบียบ สายตาหลักแหลม รักษาภาพลักษณ์ของหัวหน้าไว้ได้ไม่มีพลาด คำพูดเชือดเฉือดตรงไปตรงมาจนทุกคนกลัวยิ่งเป็นพนักงานใหม่เข้ามาได้ยินเสียงครั้งแรกต้องมีสะดุ้ง ไม่ใช่ว่าบงกชจะโหดร้ายหรือไม่ชอบบาสแต่ที่เวลามีปัญหาอะไรจะเรียกบาสก่อนเสมอเพราะบาสทำงานเก่ง มีความรู้หลายด้าน พูดไปครั้งเดียวรู้เรื่องตอบคำถามได้ทุกครั้งที่ถามถึงแม้จะไม่อยู่ในความรับผิดชอบของตัวเองบงกชจะคุยกับบาสแล้วรู้เรื่องกว่าคนอื่นเลยเป็นอย่างที่เห็น
ที่โรงอาหารเต็มไปด้วยพนักงานนับร้อยนับพันคลังซื้อข้าวมาแล้วแต่ยังหาที่นั่งไม่ได้กำลังมองหา
“ไอ้คลัง”
เสียงเรียกทำให้ต้องมองหาแล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่คนๆหนึ่งกำลังโบกมือเรียกคลังจึงเดินเข้าไปหาเป็นเพื่อนต่างแอสเซมบลีนี้เองแต่ทำไมถึงมากินข้าวที่นี้ละไกลจะตาย
“มาทำไรวะไอ้ไนท์”
“มาดูงานเลยแวะกิน”
“ไอ้ทิคไม่มาด้วยหรอ”
คลังถามหาเพื่อนรู้จักไนท์จากทิคที่เป็นเพื่อนสนิทอีกที
“มาโน้น”
คลังหันมองตามสายตา
“หล่อมาแต่ไกลเลยนะมึง”
คนถูกทักยักคิ้วให้แล้ววางแก้วกาแฟลงเป็นจุดสนใจเหลือเกินมองแล้วซุบซิบกันใหญ่อย่างว่า“ทิคแอสเซมบลีห้า”คนดังมาเยือนทั้งทีคนที่เคยได้ยินแต่ชื่อได้มาเจอตัวจริงก็ต้องตื่นตาตื่นใจส่วนคนที่เคยเจอแล้วก็ยังประทับใจไม่รู้เบื่อ
“จะรีบกินไปไหนวะ”
“กูต้องรีบไปช่วยเพื่อนวะมันทำงานอยู่คนเดียว”
“เวลาพักเนี้ยนะ”
ไนท์ถามอย่างข้องใจ คลังกระดกน้ำลงคออึกใหญ่แล้วพูด
“พี่บงแกจะเอางานมันเลยต้องอยู่ทำ”
ไนท์และทิคหันมองหน้ากัน
“สมคำลำลือจริงๆเจ้บงกชบุญกูกับมึงจริงๆให้ทิค”
“แล้วคนอื่นละ” ทิคถามบ้าง
“มันทำเก่งแล้วก็เข้าใจภาษาพี่บงอยู่คนเดียวพวกกูก็ตัวประกอบไปวันๆ”
“ไม่ไหวๆระบบงานพวกมึง”
“เออ กูไปละจะไปซื้อของไปให้มัน”
“เดี๋ยวไปด้วยกูต้องไปเอาแฟ้มมึงไปก่อนเลยก็ได้ไอ้ไนท์”
ทิคพูดขึ้นขณะคลังกำลังจะลุกทั้งสามเลยนำจานไปเก็บพร้อมกัน ไนท์แยกออกไปส่วนทิคกับคลังก็เดินไปด้วยกันระหว่างทางก็คุยไปเรื่อยเรื่องงาน
“เชี้ยปวดขี้!”
คลังพูดขึ้นแล้วรีบเดินเพื่อให้ถึงห้องน้ำเร็วขึ้น
“ถือดิ๊”
ยัดถุงใส่มือทิคแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไม่วายโพล่หน้าออกมา
“ไอ้ทิคมึงเอาไปให้เพื่อนกูให้ก่อนดิเดี๋ยวมันกินไม่ทัน”
“แล้วกูจะรู้ได้ไงว่าคนไหน”
“โอ้ย!ทั้งแอสเซมบลีก็มีมันอยู่คนเดียวแหละ”
พูดจบก็หายเข้าไปในห้องน้ำ ทิคมองของในมือแล้วเดินต่อเพื่อไปยังจุดหมาย แต่ละแอสเซมบลีไม่มีประตูหรือเป็นห้องอะไรเป็นลานกว้างที่มีป้ายติดด้านหน้าว่าแอสเซมบลีนั้นแอสเซมบลีนี้เดินเข้าไปก็จะมีลานสายพานไว้สำหรับให้พนักงานประกอบชิ้นงานส่วนที่ทำงานสำหรับพวกเขาหรือหัวหน้าจะอยู่ข้างหลัง ทิคเดินเข้าไปเรื่อยๆมองหาเพื่อนที่คลังบอกก็ไม่เห็นแม้เงามีแต่เสียงเครื่องที่ดังอยู่จึงเดินเข้าไปอีกเอกสารยังถูกกางวางไว้แสดงว่าคนๆนั้นต้องอยู่ว่าแต่ตอนนี้อยู่ไหน เสียงกึกกักจากตู้เอกสารทำให้ทิคต้องเดินเข้าไปดูซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คิดมีคนกำลังนั่งรื้อเอกสารอยู่ใส่หมวกเหมือนกับเขาก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนที่คลังบอก ตาก็มองเอกสารข้างล่างอีกมือหนึ่งก็ยื่นมาดึงแฟ้มชั้นข้างบนด้วยความไม่ระวังทำให้แฟ้มที่ถูกเสียบอยู่ด้วยจะหล่นแต่ทิคไวกว่ายื่นมือไปจับไว้ได้ก่อน คนที่นั่งอยู่รีบลุกขึ้นทันทีเป็นจังหวะที่หันหน้ามาเผชิญกับทิคที่ยืนอยู่ในระยะใกล้มือข้างขวาของทิคที่ดันแฟ้มไว้เป็นว่ามันขังบาสไว้จนหลังติดตู้ ต่างฝ่ายต่างมองกัน ทิคดันแฟ้มให้เข้าไปในชั้นเหมือนเดิม
“มะ.มีอะไรหรือเปล่าครับ”
บาสถามออกไปด้วยเสียงติดขัดมองคนตรงหน้าเพราะไม่เคยเห็นหน้าคงมาจากแอสอื่น
ทิคจึงยื่นถุงในมือให้
“คลังให้เอามาให้”
บาสพยักหน้าเข้าใจแบบงงๆแล้วรับถุงมาทำธุระเสร็จก็เดินไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยบาสมองตามคนแปลกหน้าแล้วได้แต่คิดในใจแปลกคนจริงๆแล้วละสายตาหันมาสนใจแฟ้มเอกสารที่เพิ่งไปค้นมา
งานผ่านไปได้ด้วยดีส่งบงกชได้ทันเวลาถึงจะไม่ได้รับคำชมแบบตรงๆแต่บงกชมักจะยิ้มให้เป็นอันรู้ว่าหมายถึง “ทำได้ดีมาก”แล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งวันที่แสนจะวุ่นวายขึ้นรถได้ก็ทิ้งหัวชนกับเบาะพักสายตา บาสขึ้นรถรับส่งพนักงานกลับบ้านเหมือนพนักงานธรรมดาทั่วไปถึงใครจะมองว่าเป็นถึงระดับเอ็นจิเนียร์ยังขึ้นรถรับส่งพนักงานก็เถอะเขาไม่สนใจหรอกอะไรที่ประหยัดเขาทำหมดรถจอดจนจะถึงบรรไดบ้านอยู่แล้วสะดวกสะบายดีจะตาย มาถึงบ้านถอดรองเท้าแล้วตรงเข้าบ้าน
“แม่”
“กลับมาแล้วหรอบาส”
เสียงแม่ตะโกนมาจากในครัวพร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารลอยมาบาสตรงเข้าไปในครัวแล้วกอดแม่จากทางด้านหลัง
“หอมจัง”
“ไข่เจียวธรรมดาหอมอะไรกัน”
“บาสหมายถึงแม่ต่างหาก” พูดจบก็หอมแก้มฟอดใหญ่จนผู้เป็นแม่หัวเราะเสียงดัง
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปจะได้มากินข้าว”
บาสพยักหน้ายิ้มให้แม่แล้วเดินออกจากครัวขึ้นห้องอาบน้ำแล้วถึงลงมา แม่ตักข้าวเตรียมไว้ให้เรียบร้อยเมนูวันนี้มีแกงจืด ไข่เจียว และน้ำพริกผัดหมูของโปรด
“อร่อยเหมือนเดิม”
ตักเข้าปากคำแรกก็ชมแม่ยิ้มให้ลูกชายแล้วตักใส่จานให้
“อร่อยก็กินเยอะๆนะลูก”
แค่มองลูกกินผู้เป็นแม่ก็อิ่มแล้ว
“แม่ไม่กินละ” บาสเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นแม่เอาแต่มองจึงถามออกไปแม่ยิ้มบางให้แล้วก้มลงตักข้าวในจานขึ้นกิน
“มีอะไรหรือเปล่าแม่”
“ไม่มีอะไรหรอกลูก”
“…………”
“แม่”
บาสเรียกผู้เป็นแม่ดูจากหน้าตอนนี้ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าแม่กำลังมีอะไรซ่อนอยู่เราอยู่กันแค่สองคนมานานเกินพอที่จะรู้กันเขาสงสัยมาสักพักแล้วว่าแม่ไม่สดใสเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา
“บาส”
แม่เรียกชื่อแล้วสบตาบาสมองแม่อย่างรอคำพูด
“โรงซ่อมของพ่อจะถูกรื้อ”
“ทำไมละแม่!” บาสถามออกไปด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เราไม่ได้จ่ายค่าเช่ามานานแล้วตั้งแต่พ่อตายเจ้เขาจะรื้อให้คนอื่นเช่าต่อ”
“ทำไมแม่ไม่เคยบอกบาส”
“แค่นี้บาสก็รับผิดชอบหลายเรื่องแล้วลูกจริงๆเอาไว้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้วให้คนอื่นได้ใช้ประโยชน์ดีกว่า”
จึงจะพูดแล้วยิ้มแต่เสียงของแม่เศร้าเหมือนจะร้องเขารู้ดีว่าโรงซ่อมของพ่อมีความหมายกับแม่ขนาดไหนพ่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตมาได้สองปีแล้วแต่แม่ยังคงเก็บรักษาโรงซ่อมของพ่อที่เช่าที่เปิดไว้รับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดหน้าหมู่บ้านที่เขาเรียนด้านนี้เพราะสานต่อความฝันของพ่อนั้นเองแต่พ่อกลับไม่ได้อยู่ในวันสำเร็จของเขาแม่ยังคงไปทำความสะอาดโรงซ่อมทุกวันเหมือนว่ายังมีพ่ออยู่มันมีความหมายกับแม่มากจริงๆคนแถวนี้จะรู้ดี
บาสกลับขึ้นมาบนห้องแล้วนั่งลงที่เตียงนึกถึงคำพูดที่คุยกับแม่
(เราต้องหาเงินไปให้เจ้แสนหนึ่งแลกกับโรงซ่อมของพ่อ)
บาสเปิดลิ้นชักเอาสมุดบัญชีธนาคารออกมาดูตอนนี้เขามีเงินเหลือแค่หมื่นกว่าๆเพราะเพิ่งไปจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านกับพาแม่ไปโรงพยาบาลรักษาอาการของโรคซึมเศร้าที่ต้องไปประจำทุกเดือน เจ้ให้เวลาแค่สิ้นเดือนนี้แล้วเขาจะไปหาเงินเป็นแสนได้จากที่ไหนอีกอาทิตย์เดียว เขาอยากรักษาของรักของแม่ไว้เพราะตั้งแต่พ่อจากไปแม่ก็ทนทุกข์มากพอแล้วสิ่งนี้คือเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้แม่ถ้าพ่อป่วยแล้วจากไปคงมีเวลาให้ทำใจแต่นี้พ่อจากไปกระทันหันเกินไปถ้าพ่อยังอยู่ฐานะทางบ้านคงดีเหมือนแต่ก่อน
จะหาเงินเป็นแสนได้จากไหนขายทั้งบ้านยังไม่พอครึ่งเลยบาสทิ้งตัวลงนอนกับเตียงมองเพดานอย่างหมดหนทาง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต 1..จะหาเงินจากไหน 12/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 12-04-2018 16:07:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 1..จะหาเงินจากไหน 12/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-04-2018 17:00:01
รอนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 1..จะหาเงินจากไหน 12/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-04-2018 18:14:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณที่แจ้งข่าว และมาอัพใหม่

กระทู้เก่านี่โละทิ้งได้เลยใช่ไหม?

ส่วนกระทู้นี้ จะทยอยอัพไปเรื่อย ๆ รายวัน รายสัปดาห์ หรือ อัพจนทันของเดิมที่เดียวรวดครับ?
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 1..จะหาเงินจากไหน 12/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-04-2018 18:28:37
รอพบกันที่กาญ อะเครเนอะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 1..จะหาเงินจากไหน 12/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-04-2018 20:09:04
 :L2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 1..จะหาเงินจากไหน 12/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-04-2018 23:41:50
 :mc4:


ลงต่อรัวๆ เลยน๊าาา

รอๆๆ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 1..จะหาเงินจากไหน 12/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-04-2018 06:22:12
ลงใหม่ก็อ่านใหม่จ้า  :L2:

รออ่านตอนใหม่อยู่จ้า :L1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 2..เจ้าของเงิน 13/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 13-04-2018 14:16:37
2..เจ้าของเงิน

ต่อให้จะเครียดหรือมีปัญหาชีวิตแค่ไหนเมื่อก้าวเข้ามาในโรงงานนี้แล้วคุณต้องวางมันไว้ข้างหลังแล้วจดจ่ออยู่กับงานเพราะมีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ บาสมองบัตรพนักงานของตัวเองที่แขวนอยู่ที่คอในกระจกแล้วยิ้มให้ตัวเองสู้อีกสักวันแล้วเดินออกจากห้องน้ำซึ่งวันนี้จะเจออะไรอีกก็ไม่รู้
“ได้แดกข้าวพร้อมกันทั้งทีต้องดีขนาดไหนวะ”
คลังเข้าไปต่อแถวซื้ออาหารพูดแล้วกอดคอบาสวันนี้เจ้บงสายโหดปล่อยเพื่อนเขาเป็นอิสระทั้งที
“มึงก็เวอร์ไป”
บาสส่ายหัวในความเล่นใหญ่ของเพื่อน ทั้งคู่ซื้อข้าวแล้วเดินไปหาที่ว่างนั่ง
“กูว่าจะลาพักร้อนสักสองวันไปพักสมอง”
บาสพยักหน้าให้เพื่อนแล้วตักข้าวเข้าปาก
“มึงควรขัดกูไหม”
คลังพูดไปเมื่อไม่เห็นอารมณ์ร่วมของเพื่อน เห็นแบบนั้นเลยหันมาสนใจข้าวในจานต่อแต่สายตาก็ไปเจอเข้ากับของชอบ
“เฮ้ยๆคนนี้แม่งโครตน่ารักเลยมึง เด็กใหม่ๆ”
คลังตาลุกวาวสะกิดให้เพื่อนมองสาวที่ตนเล็งไว้ สาวเจ้ากำลังเดินมากับเพื่อน
“มันใช่อะมันใช่!”
เมื่อเห็นบาสไม่ตอบอะไรจึงหันมอง บาสกำลังเขี่ยข้าวในจานไปมาเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูด
“ไอ้บาส!”
“หะ” บาสสะดุ้งเมื่อคลังตบโต๊ะ
“เป็นไรวะ”
“เปล่า ไม่ได้เป็นไร”
แต่ดูเหมือนคลังจะไม่เชื่อและดูออกว่าเขากำลังมีอะไร
“ไอ้บาส”
เสียงกดๆและสายตาที่ส่งมาทำให้บาสรู้ว่าเขาคงต้องพูด
“โรงซ่อมพ่อกูจะโดนรื้อ”
“ทำไมวะ”
“กูไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าที่”
บาสยิ้มเจือนกลบเกลื่อนเห็นแล้วเศร้ากว่าทำหน้าเครียดเสียอีก ก้มลงมองข้าวในจานตัวเอง
“เท่าไรวะ”
“แสนหนึ่ง”
“แสนหนึ่ง!!”
คลังพูดดังจนคนหันมามองเมื่อรู้ว่าเป็นจุดสนใจจึงลดเสียงลด
“เยอะขนาดนี้จะไปหาจากไหนได้วะ”
บาสส่ายหัวตอบ
“ถึงยังไงก็ต้องหาให้ได้ กูอยากรักษาของๆพ่อให้แม่มึงก็รู้ว่าโรงซ่อมมันมีความหมายกับแม่ขนาดไหน”
คลังเครียดไปกับบาสเลยทีเดียว เขาก็ใช่ว่าจะมีเงินเก็บขนาดนั้นก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าพนักงานโรงงานไม่ได้รายได้มากมายอะไร นี้ขนาดตำแหน่งพวกเขาดีขนาดนี้นะ อีกอย่างอายุงานพวกเขาก็ยังน้อยเด็กจบใหม่ปีกว่าๆเอง พวกที่ดูรวยก็มีพื้นฐานมาจากทางบ้านทั้งนั้นแหละ
“กูก็ไม่มีให้ยืมวะ”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร”
บาสยิ้มให้ อย่างน้อยคลังก็เป็นห่วงแค่นี้ก็ดีใจแล้ว
“อย่าไปหากู้หนี้นอกระบบนะมึง!เห็นข่าวไหม”
“ไปเหอะกูต้องไปเคลียร์งานต่อ”
บาสยิ้มไม่ตอบคำถามแต่เปลี่ยนประเด็นแล้วทำเหมือนไม่ได้เครียด กระปรี้กระเปร่าจะไปทำงาน แต่ทำไหมจะดูไม่รู้ว่ากำลังกลบเกลื่อน บาสก็เป็นแบบนี้ทุกทีเวลามีปัญหาอะไรเก็บเก่งเหลือเกินความรู้สึก แต่เวลาเพื่อนมีปัญหาก็ช่วยซะอย่างกับเป็นปัญหาของตัวเอง คลังมองเพื่อนอย่างจนปัญญา
“เอาจานไปเก็บให้กูด้วย”
“มึงจะไปไหน”
“ไปซื้อยาแก้ปวดแดก!มึงทำกูเครียดเนี้ย”
พูดจบก็เดินส่ายหัวออกไปเลย บาสมองตามเพื่อนแล้วถือจานไปเก็บ
ส่วนคลัง เดินตรงเข้ามินิมาร์ทแล้วหยิบสิ่งที่ต้องการเพิ่มเติมคือเครื่องดื่มชูกำลัง
“ซื้อไปให้ถ้าเขาไม่เอาจะไม่หน้าแตกหรอแก”
“คนอย่างพี่ทิคเขาไม่ทำร้ายน้ำใจใครหรอก”
!
ชื่อในบทสนทนาทำให้คลังหูผึ่ง แอบฟังสองสาวข้างๆที่กำลังเลือกของกันอยู่
“ดูจะจริงจังมากนะแกเนี้ย”
“แน่นอน จะปล่อยไปได้ไงทั้งหล่อทั้งรวย”
ทั้งหล่อ ทั้งรวย
รวย
รวย
รวย
ใช่!
ลืมไปได้ยังไงนะมีเพื่อนรวยนี้หว่า!
คลังรีบจะออกจากมินิมาร์ท แต่ก็ยังอุตส่าห์วิ่งเอาของมายื่นให้สองสาว
“ฝากเก็บที่เดิมด้วยนะครับ”
หนึ่งในสองสาวรับมาแบบงงๆส่วนคลังวิ่งออกจากร้านตรงเข้าไปกอดคอบาสที่ยืนรออยู่หน้าร้านจนเจ้าตัวที่ยืนหันหลังอยู่ตกใจ
“ปะ”
“ไหนยาอะ” บาสถามหลังจากเห็นเพื่อนตัวเปล่า
“ยาของกูต้องไปเอาที่แอสห้า”
“หะ”
“เออน๊า..ไปเหอะจะรีบไปเคลียร์งานไม่ใช่หรอ”
คลังยิ้มแล้วกอดคอลากให้บาสเดิน เกือบจะถึงอยู่แล้วแต่คลังกลับขอแยกไปเข้าห้องน้ำโดยบอกให้บาสไปก่อนเมื่อเข้ามาแล้วปิดประตูล็อคเรียบร้อยคลังจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเพื่อนสนิทต่างแผนก
“ว่า”
รับได้เท่มาก!
“เลิกงานคุยไรกับกูหน่อยดิว่างไหม”
“ได้ดิที่ไหน”
เหยดดดดดดดด
“ลานจอดรถก็ได้เอาง่ายๆเจอกันรถมึงแล้วกัน”
“อืม”
คลังวางสายแล้วยิ้มชื่นใจขึ้นมาหน่อยจะให้หรือไม่ให้อย่างน้อยก็ได้คุยละกัน
ออดดังเป็นสัญญาณของการเลิกงานคลังรีบเก็บของเพื่อไปที่จุดนัดหมายกว่าจะถึงก็ใช่ย่อยเดินจนขาลากรถเป้าหมายหาไม่ยากเพราะหรูดูแพงเด่นกว่าคันไหนยืนรอสักพักเจ้าของรถก็เดินมาแต่ไกล
“ไอ้ทิค!”
เจ้าของชื่อมองเพื่อนที่ยืนโบกมืออยู่ที่รถของตนแล้วเดินเข้าไปหา
“มานานแล้วหรอวะ”
พูดแล้วกดรีโมทรถมาแต่ไกลเดินอ้อมไปเปิดประตูแล้วโยนเสื้อเข้าไปไว้เบาะหลังรถ
“ยังๆ”
“มีไรว่ามาเลย”
“เอาตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยนะ ยืมตังค์หน่อย”
“เท่าไร”
“แสนหนึ่ง”
ทิคหันมองเพื่อนด้วยหน้าตานิ่งและเฉยเหมือนเงินหนึ่งแสนไม่มีค่า ไม่ตกใจ ไม่แสดง ไม่อะไรเลย!
“เอาไปทำไร”
“ไม่ใช่กู กูจะยืมไปให้เพื่อน”
“เพื่อน”
ทิคทวนคำแล้วคิดในใจ เพื่อนอะไรจะยอมยืมเงินให้กันจำนวนมากขนาดนี้
“ใช่!เพื่อน เพื่อนที่กูรักมากคนหนึ่ง”
ทิคมองสายตาจริงจังของคลังแล้วไม่พูดอะไร
“มันกำลังเดือดร้อนถ้ากูมีกูคงไม่มารบกวนมึงหรอกเพราะเงินเป็นแสน แต่มึงไว้ใจได้นะมันเป็นคนดีกูเอาหัวเป็นประกันเลยมึงได้คืนทุกบาททุกสตางค์แน่ๆ”
“เอาเลขบัญชีมา”
คลังที่กำลังจะพูดต่อด้วยหน้าตาเศร้าสร้อยเปลี่ยนเป็นหน้าตาตื่นขึ้นมาทันที
“มึงจะให้หรอ!”
ทิคพยักหน้าตอบแล้วปิดประตูรถที่เปิดค้างอยู่
“จริงหรอวะ!”
คลังเดินไปหยุดหน้าเพื่อนให้หันมาสนใจตน
“เออ”
“จะคืนหมดเมื่อไรก็ไม่รู้นะเพราะมันก็ไม่มีเงิน ภาระมันก็เยอะ”
“เออ”
“โหย!ไอ้ทิคมึงแม่งโครตใจอะ บุญกูจริงๆที่ได้คบมึง”
ทิคส่ายหัวยิ้มๆให้กับความเล่นใหญ่ของเพื่อนตัวเอง คลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งหมายเลขบัญชีของตัวเองให้ทิค
“ดีใจแทนมันกับแม่จริงๆเลยวะ”
ตอนแรกไม่สนใจหรอกว่าจะเป็นใครแต่คลังพูดถึงจนเริ่มอยากรู้
“เพื่อนคนไหนกูรู้จักไหม”
“ก็คนที่กูให้มึงเอาของไปให้มันเมื่อวันก่อนไง”
“ไอ้บาสอะ”
บาส..
(มะ.มีอะไรหรือเปล่าครับ)
ประโยคสนทนา น้ำเสียง และท่าทางตื่นตระหนกของคนๆนั้นแล่นเข้ามาในหัวทิคทันทีที่นึกออก คนที่เกือบจะเอ๋อเพราะแฟ้มตกใส่หัวนี้เอง
“ทำไมต้องให้มึงมายืมทำไมไม่มายืมเอง”
“มันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูมายืมมึงให้ เห็นมันเครียดแล้วสงสารวะพูดตรงๆเลยแม่งเป็นคนเวลามีปัญหาอะไรไม่ค่อยขอความช่วยเหลือแต่พอปัญหาของคนอื่นแม่งก็ช่วยยังกับเป็นปัญหาตัวเองขอแค่เอ่ยปากขอ ถ้ามึงได้รู้จักมันลึกๆมึงก็จะทำแบบกูมันก็ไม่ได้ขอความช่วยเหลือกูหรอกแต่กูอยากช่วยมันเพราะกูมีหนทาง แต่มันไม่”
ทิคพยักหน้าเข้าใจแต่ก็แค่ผ่านๆไม่ได้อินกับคลังหรอก
“บรรยายสรรพคุณมาซะขนาดนี้ถ้ากูไม่ได้เงินคืนมึงต้องรับผิดชอบนะ”
“มึงไม่ต้องห่วงหรอกน๊า กูบอกแล้วว่าเพื่อนกูคนนี้ดี!ไว้ใจได้”
“ก็ดี แต่ถ้ากูไม่ได้คืนมึงต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด”
ทิคชี้หน้าคาดโทษแบบไม่ได้จริงจังอะไร
“โว๊ะ!” คลังปัดมือทิคออกจากตรงหน้า
“แล้วจะให้กูบอกให้มันมาคุยกับมึงไหม”
“คุยอะไร”
“เอ้าไอ้นี้!ก็ที่มึงให้ยืมเงินไงเพื่อพวกมึงมีอะไรตกลงกันเพิ่ม”
“ไม่อะ มึงจัดการเลย”
 “ไอ้นี้เงินเป็นแสนทำเป็นเล่น”
“กูไปละเจอกันพรุ่งนี้”
ทิคยิ้มเหมือนไม่คิดอะไรโบกมือลาแล้วขึ้นรถขับออกไป
คลังมองตามรถเพื่อนตัวเองแล้วไม่รู้จะพูดคำไหน หันมาสนใจรีบโทรหาบาสเพื่อจะบอกข่าวดี แต่บอกว่าจะไปหาที่บ้านแล้วจะบอก
“ว่าไงข่าวดีมึงนะ…จะแต่งงงานหรอ”
“หาเมียยังไม่ได้เลยจะแต่งกับผีไง!”
บาสหัวเราะแล้วเปลี่ยนมาจริงจัง
“แล้วมีไรละถ้างั้น”
คลังยิ้มให้บาสลุ้นแล้วพูดออกไป
“กูหาเงินให้มึงได้แล้วนะ”
“เงินอะไร”
“ก็แสนหนึ่งที่มึงต้องการไง”
บาสหุบยิ้มขำจากตอนแรก เปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจังทันที
 “พูดจริงหรอคลัง”
“จริง”
“มึงไปเอามาจากไหน” บาสถามสีหน้าเครียดแล้วขยับเข้าหา
“เพื่อนกู”
“ใคร!แล้วเขาจะคิดดอกเท่าไร ต้องเอาอะไรไปเป็นหลักทรัพย์ไหมกูไม่มีนะ”
“เออวะ มันไม่ได้พูดเรื่องดอกเบี้ยอะไรเลย มึงเอาเบอร์มันไปโทรคุยเองไหมจะได้ตกลงอะไรกันให้เรียบร้อย”
“ได้ๆ”
ทั้งคู่จัดการแลกเบอร์กันแต่บาสยังไม่ได้โทรทันทีเพราะอยากจะคุยและเทคแคร์คลังก่อน อุตส่าห์มาหาถึงบ้านแล้วยังเป็นธุระเรื่องเงินให้อีก บาสกับแม่ทำกับข้าวแล้วนั่งทานด้วยกันสามคน บาสยังไม่ได้บอกแม่เรื่องเงินรอให้แน่ใจก่อนจนคลังเรียกไปคุยหลังบ้านหลังจากทานข้าวเสร็จ
“เอาเลขบัญชีมึงมา”
“เอาไปทำไม”
“จะโอนเงินให้ เพื่อนกูมันโอนเข้าบัญชีกูให้ตั้งแต่ตอนคุยกันเสร็จแล้ว”
“ทำไมเขาให้ง่ายจังวะคลัง เงินตั้งเป็นแสน คนยืมตัวจริงก็ยังไม่ได้เจอ หลักทรัพย์อะไรก็ไม่มี”
บาสอดสงสัยไม่ได้จริงๆอะไรที่ได้มาง่ายๆเขากลัวเหลือเกินว่าตอนท้ายมันจะมีปัญหา
“ก็กูนี้ไงหลักค้ำชั้นหนึ่งตามมึงไม่ได้ก็กูเนี่ยแหละ”
“มันจะโอเคหรอวะ”
บาสถามสีหน้าเครียดมันง่ายไปหรือเปล่ามันรู้สึกแปลกๆ
“ไม่ต้องคิดมากเพื่อนกูคนนี้ไว้ใจได้ มีกูทั้งคนไม่ต้องกลัว” คลังพูดแล้วตบไหล่เมื่อเห็นเพื่อนเครียด บาสได้ยินแบบนั้นก็สบายใจขึ้นแล้วยิ้มให้
“ขอบใจนะมึง ทั้งที่มันเป็นปัญหาของกู”
“คิดมากทำไมวะมึงเพื่อนกูนะเว้ยมึงมีปัญหาจะให้กูเฉยทั้งที่พอมีทางช่วยได้ไง”
บาสยิ้มให้คลังยิ้มตอบ แล้วตบไหล่พาเดินเข้าบ้าน คลังอยู่บ้านบาสจนเกือบสามทุ่มถึงกลับเก็บข้าวของเก็บจานทำความสะอาดแล้วขึ้นห้องไปอาบน้ำจนพร้อมจะนอนถึงรู้ว่าลืมโทรไปคุยกับเจ้าของเงิน มองนาฬิกาจะสี่ทุ่มแล้วโทรไปตอนนี้เขาจะด่าหัวไหม แต่ไม่โทรก็นอนไม่หลับมันค้างคาใจบาสมองโทรศัพท์ในมืออยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจจิ้มลงไป ไม่รู้ละโทรไปแล้วไม่รับไม่เป็นไร รับก็คุยแค่นั้น
“ฮัลโหล”
เสียงจากโทรศัพท์ทำให้คนที่กำลังคิดเพลินๆสะดุ้ง จะเริ่มยังไงก่อนดี ชื่อก็ไม่รู้ไอ้คลังไม่ได้บอก
“ฮัลโหล”
“ครับ”
ปลายสายเงียบไปหลังจากบาสตอบ
“ใครครับ” แล้วถามกลับ
“ผมคือ….ผมเป็นเพื่อนคลังคนที่คุณให้ยืมเงินครับ”
“…………”
เงียบอีกแล้ว เงียบทำไม หรือว่าจะโดนด่าที่โทรไม่ดูเวล่ำเวลา
“คือ..ผมรู้ว่าไม่ควรโทรมาเวลานี้ผมร้อนใจมากเกินไปวางสายเลยก็ได้นะครับเดี๋ยวผมโทรหาใหม่พรุ่งนี้”
“…………”
“แต่ถ้ามันไม่เหมาะที่จะคุยทางโทรศัพท์เพราะเป็นเรื่องใหญ่…เรานัดเจอกันก็ได้นะครับ”
“…………”
“ฮัลโหล”
“…........”
“ยัง…ฟังอยู่ไหมครับ”
“ถ้าอยากคุยผมจะนัดเองผมไม่ค่อยมีเวลา”
เอาซะไปไม่เป็นเลย แต่ได้ตอบรับอย่างถ่อมตน
“ครับ”
“งั้นผมไม่รบกวนแล้ว ขอโทษนะครับที่โทรมาดึกขนาดนี้”
“ครับ ไม่เป็นไร”
บาสมองโทรศัพท์ในมือที่เพิ่งวางสายแล้วถอนหายใจ
“ทำไมเย็นชาจังวะ แบบนี้ตอนทวงหนี้จะโหดไหมเนี้ย”
แค่คุยทางโทรศัพท์ยังไม่น่าคุยด้วย แล้วถ้าคุยตัวเป็นๆจะไม่อกแตกตายหรือไง
แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณถ้าไม่ได้เขาคงแย่

ทางด้านทิคที่กำลังนั่งดูงานในโน้ตบุ๊คอยู่บนเตียงพอมีสายเรียกเข้าก็ยกโทรศัพท์แนบหูโดยที่ไม่ได้มองเบอร์แต่พอรู้ว่าเป็นบาสก็แปลกใจหน่อยๆสงสัยคงนำเบอร์มาจากคลังโทรมาดึกขนาดนี้คงร้อนใจอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ แล้วดูเสียงสิร้อนรนอะไรขนาดนั้น พูดน้ำไหลไฟดับอยู่คนเดียว
แล้วนัดคุยหรอ
คุยอะไรละ เรื่องการคืนเงินหรือพวกดอกเบี้ยอะไรนั้นหรอเขายังไม่ได้คิดเลย
ทิคส่ายหัวไล่เรื่องลูกหนี้ออกจากหัวแล้วหันมาสนใจงานในหน้าจอต่อ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 3..ทำไมถึงชอบสั่ง 14/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 14-04-2018 13:21:28
3..ทำไมถึงชอบสั่ง

เช้าวันใหม่บาสตื่นเช้ากว่าทุกวันเพื่อที่จะมาใส่บาตรร่วมกับแม่และจะบอกข่าวดีด้วย
“พ่อคงดีใจที่ได้กินแกงฝักทองของโปรด”
แม่พูดแล้วยิ้มมองตามพระที่เดินไปแล้วหันมาจัดแจงคอเสื้อลูกชายที่ยังไม่เรียบร้อยพร้อมกับยิ้มให้ ถึงจะเสียคนรักไปและฐานะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ได้รางวัลที่ดีที่สุดอย่างบาสมา บัวผู้เป็นแม่รู้สึกโชคดีที่สุด
บาสยิ้มให้แม่แล้วจับมือมากุมไว้
“แล้วพ่อก็ต้องดีใจถ้ารู้ว่าเรารักษาโรงซ่อมของพ่อไว้ได้”
“บาส..ว่าอะไรนะลูก”
แม่เปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจ
“แม่ไม่ต้องห่วงแล้วนะวันนี้บาสจะเอาเงินไปให้เจ้”
“ลูกไปเอาเงินมาจากไหนบาส”
แม่ถามสีหน้าเคร่งเครียดถึงจะดีใจแต่ก็รู้ว่าคงไม่พ้นไปกู้หนี้ยืมสินมา
“เพื่อนบาสให้ยืม”
“ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้แค่นี้ภาระลูกก็มากพออยู่แล้ว”
บาสยิ้มให้แม่แล้วบีบมือแน่น
“ไม่เป็นไรแม่ บาสยังมีกำลังเป็นหนี้ก็ต้องมีวันใช้หมดแม่ไม่ต้องเครียดไม่ต้องคิดมากนะ”
ถึงจะพยายามกลั้นแต่น้ำตาก็ยังไหลออกมาเธอมองลูกชายด้วยความตื้นตัน
“ขอบคุณนะลูก”
แล้วดึงบาสเข้าไปกอดด้วยความรู้สึกรักและภูมิใจเต็มเปี่ยม จะหาลูกดีๆแบบนี้ได้จากไหนกันของขวัญชีวิตจริงๆ
บาสนำเงินไปให้เจ้เจ้าของที่ซึ่งตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมบาสกับแม่ถึงต้องเก็บโรงซ่อมเก่าๆไว้ทั้งที่ไม่ได้ใช้งานใครเห็นก็คงคิดเหมือนเจ้แต่สำหรับเขากับแม่มันคือความสุขที่ได้เห็นมันยังมีอยู่แม่ทีความสุขที่ได้ไปทำความสะอาดดูแลเหมือนตอนพ่ออยู่ส่วนบาสก็มีความสุขที่เห็นแม่มีความสุข
คลังเดินฝ่าฝูงชนเหล่าพนักงานที่กำลังจะเข้าโรงงานเข้าไปชนไหล่เพื่อน
“เดินยิ้มมาแต่บ้านเลยมั้งเพื่อนกู”
“ให้กูได้ยิ้มบ้างเถอะ”
บาสยิ้มให้คลังยิ้มตอบเป็นอันรู้กันว่าเรื่องอะไรโดยไม่ต้องพูด
“กูเอาเงินไปให้เจ้แล้วต่อไปนี้ที่ตรงนั้นเป็นของบ้านกู”
บาสพูดแล้วยิ้มกว้างสดใส นานมากแล้วที่คลังไม่ได้เห็นเพื่อนยิ้มกว้างขนาดนี้
“ยิ้มเยอะๆจะได้มีเมียกับเขาสักทีทำหน้าเครียดตลอดเวลาหญิงที่ไหนเขาจะกล้าเข้ามาหาวะ”
“กูไม่อยากพาใครมาลำบากกับกูหรอก”
“ทำไหมคิดแบบนั้นวะถึงฐานะมึงจะไม่ดีแต่มึงอะโคตรจะดีนะเว้ยขยันก็ขยันหล่ออีกใครได้โชคดีไปทั้งชีวิต”
บาสยิ้มให้เพื่อนเขาปลงกับชีวิตแล้วละจะมีคู่หรือไม่มีก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้แล้วแค่ทำงานก็ไม่มีเวลาจะกินข้าวแล้วบางวัน ผู้หญิงที่ไหนจะอยากมาอยู่กับคนจืดชืดเอาใจคนไม่เป็นทำแต่งานแบบเขากัน ตอนนี้คิดแค่ว่าจะทำยังไงให้แต่ละวันผ่านไปได้ด้วยดีก็พอแล้ว
วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวันงานเข้ามาไม่ขาดสายเดี๋ยวถูกเรียกไปดูโน้นถูกตามไปดูนี้แทบไม่มีเวลากินข้าวเหมือนเคย บาสโทรบอกแม่ว่าไม่ต้องรอทานข้าวเพราะจะต้องอยู่โอเพื่อคุยปัญหางานให้กะดึก เรียนจบปริญญาทำงานตำแหน่งดีๆเห็นเดินไปเดินมาใครคิดว่าสบายไม่ใช่เลย
“ไปไหนวะบาส”
บาสที่กำลังจะเดินออกจากไลน์ถูกภูมิเพื่อนร่วมงานเรียกถาม ตอนนี้เป็นเวลาพักจะไปหาอะไรกินสักหน่อยเมื่อกลางวันได้กินแค่กาแฟไปแก้วเดียวเองใกล้หมดแรงแล้ว
“มินิมาร์ทเอาไรไหม”
“ดีๆเอากาแฟมาให้กูแก้วนะ”
“เออ”
พยักหน้าตอบไปแล้วเดินต่อบีบตาตัวเองเพื่อหวังว่าจะลดความเมื่อยล้าได้บ้างปวดไปหมดทั้งตัวจริงๆ
เดินวนหากาแฟที่กินเป็นประจำเจอแล้วกำลังจะหยิบกลับมีมือของใครสักคนที่จะหยิบเหมือนกันส่งมาด้วยความที่เป็นคนขี้เกรงใจจึงโค้งหัวให้คนๆนั้นนิดๆเป็นเชิงว่าเอาไปเลยแบบไม่ได้มองหน้าแล้วยอมสละมันไปแย่กว่านั้นคือมันเป็นกระป๋องสุดท้ายที่เหลืออยู่ เมื่อความตั้งใจแรกไม่ได้บาสจึงเปลี่ยนไปยังจุดชงกาแฟให้เพื่อนและของตัวเองทำธุระเสร็จก็เดินออกจากร้านมินิมาร์ทมั่วแต่ดูของในถุงพอเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจเมื่อมีกาแฟกระป๋องยื่นมาตรงหน้าบาสจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ
คนนี้คือคนที่เอาของไปให้เขาแล้วบอกว่าคลังฝากมาให้นิ
แล้วคราวนี้คืออะไร?
คลังฝากมาหรอ?
แต่มันไม่ได้อยู่โอนิ
เมื่อเห็นว่าบาสไม่รับไปสักทีเอาแต่มองทิคจึงยื่นให้อีกเจ้าตัวถึงได้สติแล้วรับไปแบบหน้าตางงๆ
“ไม่น่ารอด”
ทิคบ่นแล้วส่ายหัวเมื่อเห็นสภาพคนตรงหน้า เอาวิญญาณมาด้วยไหม
“เดี๋ยวก่อนครับ”
บาสเรียก เมื่อเห็นทิคหยุดจึงเดินเข้าไปหามองกาแฟในมือแล้วพูด
“อันนี้…”
“ให้”
“ให้ ทำไม..ถึงให้ละครับ”
ไม่ได้กวนนะก็คนไม่รู้จักกันอยู่ดีๆมาให้ของ
“ไม่เอาใช่ไหม”
ทิคกระฉวยกาแฟจากมือเล่นเอาเจ้าตัวงงมองตามละห้อยเข้าใจว่ามันไม่ใช่ของตนเจ้าของเขาจะเอาคืนก็ได้แต่ก็นะ..อยากกินยี่ห้อนี้
ส่วนทิคเห็นแบบนั้นก็ถึงกับต้องส่ายหน้านี้เขาส่ายหน้าให้กับความมึนของบาสกี่ครั้งแล้วนะตั้งแต่เจอกัน
“มาสิ”
“ไปไหนครับ” อยู่ๆก็เรียกให้เดินตามก็งงนะสิ
“แล้วจะเอาของเข้าไปกินในไลน์หรอ”
บาสมองถุงในมือตัวเองแล้วถึงเข้าใจลืมไปเลย จึงเดินตามทิคไปอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะก็ต้องไปที่เดียวกันอยู่แล้วมันคือจุดพักด้านนอกที่มีไว้สำหรับให้รับประทานอาหารก่อนเข้าไปในไลน์การผลิตนอกจากโรงอาหาร
เปิดประตูไปรับรู้ถึงแรงลมทำให้รู้สึกเย็นนิดๆคนค่อยๆทยอยออกเพราะเบรกแรกใกล้เวลาเข้างานแล้ว บาสกับทิคนั่งหันหน้าเข้าหากันเพราะเป็นเก้าอี้ยาวแบบหันหน้าเข้าหากันนั้นเอง สิ่งที่รู้สึกตอนนี้คือเย็นและอึดอัด ต้องรีบกินแล้วรีบไปจากตรงนี้ บาสหยิบแซนวิทขึ้นมาแกะแล้วกัดไปคำหนึ่งเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจเมื่อเห็นทิคกำลังมองอยู่
ส่วนทิคที่มองไม่ใช่เพราะพิศวาสอะไรหรอกแค่สงสัยว่าคนเป็นลูกหนี้จะไม่ทักหรือคุยอะไรกับเจ้าหนี้หน่อยหรอเมื่อวานยังจะนัดคุยอยู่เลยหรืออายเพราะอยู่ในที่ทำงานมีหมวกค้ำคออยู่หรอหรือหยิ่งหรืออะไร
คนถูกมองกลืนแซนวิทลงคอแล้วถาม
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เรารู้จักกันไหม”
“!!!!!!”
อะไรของเขาเนี้ย อยู่ดีๆมาถามว่ารู้จักกันไหม แล้วมานั่งจ้องอีกบาสคิดในใจแต่ก็ตอบไปตามความจริง
“ผมรู้แค่ว่าคุณเป็นคนที่คลังฝากของมาให้วันนั้นแต่ไม่รู้ชื่อหรือมากกว่านั้นครับ”
ทิคกระตุกยิ้มทันทีที่ได้ยิน
 “คลังเขาไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับผมเลยหรอแม้กระทั้งชื่อ”
“ครับ”
บาสได้แค่ตอบรับไปแบบไม่เข้าใจเท่าไรแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ส่วนทิคเมื่อรู้แบบนั้นก็พยักหน้าเข้าใจคลังคงไม่ได้บอกเรื่องเงินแน่ๆแต่ก็ดีเพราะเขายังไม่พร้อมคุย
“ไอ้บาส”
เสียงเรียกไม่ใช่ทำให้แค่บาสที่หันมองทิคก็ด้วยเป็นผู้ชายตำแหน่งเดียวกับพวกเขานี้แหละวิ่งเข้ามาหาบาส
“ฝากดูนี้ทีดิกูต้องไปดูเครื่องวะ”
เขายื่นเอกสารปึกหนาให้ด้วยท่าทีร้อนรน
“เป็นไรวะเดี๋ยวกูไปด้วย” ทำท่าจะเก็บของแต่เพื่อนรีบห้ามไว้
“ไม่ต้องพักบ้างเหอะมึงนะพวกกูดูเอง”
บาสพยักหน้าให้เพื่อนแล้วทิ้งก้นลงนั่งเหมือนเดิม
“ไอ้ภูมิละ”
“ไปด้วยกันนี้แหละมันไปเอาของอยู่”
“ฝากกาแฟให้มันหน่อยมันฝากซื้อ”
ว่าแล้วก็หยิบแก้วกาแฟยื่นให้เพื่อนรับไปแล้วเดินกึ่งวิ่งออกไป บาสวางแซนวิทลงแล้วหันหัวเอกสารให้ถูกทางแล้วดึงปากกาที่เสียบอยู่ที่แขนเสื้อออกมา แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ดีๆเอกสารก็ถูกดึงไป
“กินให้หมดเถอะเดี๋ยวดูให้” ทิคพูดหน้านิ่งโดยไม่สบตา
“แต่…”
“ทำไม ดูหมวกด้วย”
เขาเงยหน้ามองพูดเสียงนิ่งจนบาสเงียบ ก็จริงอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกันถึงจะอยู่คนละแอสแต่มันก็ไม่ใช่ไงที่จะให้คนอื่นมาทำงานให้ บาสแสดงท่าทีไม่สบายใจจนทิคต้องพูดอีก
“กินไปก่อน หมดแล้วค่อยเอาก็ได้เป็นปึกขนาดนี้ไม่เสร็จง่ายหรอก”
พูดขนาดนี้คงไม่ให้บาสเลยโค้งหัวขอบคุณแล้วหยิบแซนวิทขึ้นมากินต่อ กินแซนวินไม่พอต่อด้วยขนมปังอีกห่อจิบกาแฟไปด้วยดูท่าทางหิวจนไม่สนใจอะไรขนาดทิคมองยังไม่รู้ตัวเลย
คงอย่างที่คลังเคยบอกว่าบาสชอบรับผิดชอบงานให้คนอื่นทำงานส่วนรวมจนไม่นึกถึงตัวเองนี้ไงสาเหตุที่เขาเอางานมาทำให้เพราะนี้เป็นเวลาพักไม่ใช่เวลางาน
อยู่ดีๆทิคก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปบาสมองตามแต่ก็ไม่ได้อะไรเป็นจังหวะที่กินเสร็จเรียบร้อยแล้วพอดีจึงลุกขึ้นไปหยิบเอกสารมาดู แล้วเขาจะต้องทำอะไรละในเมื่อทิคทำเสร็จแล้วตรงไหนที่ต้องแก้ไขก็เขียนให้หมดแล้วบาสเปิดดูทุกหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองถึงทิคจะไปนานแล้วก็เถอะ
ทำไมเก่งจังใช้เวลาแปปเดียวเอง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 3..ทำไมถึงชอบสั่ง 14/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 15-04-2018 12:22:04
รออ่านตอนใหม่จ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 4..เยือนถิ่น 15/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 15-04-2018 13:52:18
4..เยือนถิ่น

ผ่านไปสองวันเจ้าหนี้ก็ไม่ติดต่อมาทำให้บาสรู้สึกไม่สบายใจนี้มันจะแปลกไปแล้วไม่อยากได้เงินคืนหรือไง คลังมาพอดีบาสจึงเดินเข้าไปหาที่โต๊ะทำงาน
“คลัง”
“ว่า”
คนที่เพิ่งมาตอบรับแบบไม่ได้มองหน้าวางกระเป๋าและเอกสารบนโต๊ะ
“ทำไมคนที่ให้ยืมเงินเขาไม่ติดต่อมาเลย”
“มึงโทรไปแล้วหรอ”
“อืม คุยกันสองวันที่แล้ว”
“แล้วว่าไง”
“เขาบอกว่าถ้าอยากคุยเมื่อไรจะนัดเอง”
คลังหันมาหาบาส
“ก็ตามนั้นแหละมันคงยุ่งลืมแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“จะลืมได้ยังไงเงินเป็นแสนนะเว้ยไม่อยากได้คืนหรือไง”
“โอ้ย!บ้านมันรวยมันไม่อะไรมากหรอก”
คลังพูดแล้วดูดกาแฟอึกใหญ่หันไปสนใจงาน
“แต่กูร้อนใจ ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้ยังไงเท่าไรจะสิ้นเดือนแล้วจะได้เตรียมทัน”
“ถ้ามันไม่ติดต่อมาสักทีมึงก็ไปหามันเลยแอสห้าอะ”
“เขาทำงานอยู่นี้หรอ!” บาสถามน้ำเสียงตกใจ
“เออ กูลืมบอก”
“อ้าวไอ้นี้”
“มันชื่อทิคเป็นเอ็นจิเนียร์เหมือนกูกับมึงเนี้ยแหละอยู่แอสห้า ถ้าไม่มีใครให้ถามดูเอาใครหล่อสุดในนั้นก็คนนั้นแหละ”
บาสคิดตามแล้วเดินกลับมานั่งที่เพราะถามอะไรไปคลังก็คงไม่สนใจคุยอยู่ดีเพราะกำลังทำงาน
ทิคหรอ ชื่อแปลกแบบดูมีอะไรที่อธิบายไม่ถูกจัง บาสส่ายหัวไล่ความคิดแล้วหันมาสนใจงาน
“ไอ้บาสแม่มึงเรียก”
“มีไรวะ”
“ไม่รู้..รู้แค่ว่าอารมณ์บ่จอย”
ภูมิตบไหล่บาสเป็นเชิงล้อเลียนให้กำลังใจแล้วเดินไปนั่งที่ ส่วนบาสถอนหายใจพร้อมสำหรับที่จะเจอ คว้าแฟ้มที่ต้องมีติดตัวตลอดเวลาไปด้วย เดินยังไม่ทันถึงก็ได้ยินเสียงซะแล้ว
“การทำงานตามขั้นตอนที่กำหนดไว้มันจะทำให้งานไม่พลาดเห็นหรือยังคะว่าการไม่ทำงานตามที่วางไว้เป็นยังไง”
บงกชพูดเสียงดังใส่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นพนักงานใหม่ดูจากป้ายที่ติดอยู่หน้าเสื้อคงไม่พ้นทำงานเสียโดยมีเอ็นจิเนียร์และคิวเอ(ผู้ตรวจสอบคุณภาพงาน)ยืนอยู่ด้วย
“พี่บงครับ”
บงกชหันมาหาบาสแล้วใส่ไม่ยั้ง
“พี่อยากรู้ว่าตอนที่คิวซีเอ็นจิเนียร์ไปตรวจไม่เห็นหรือไงว่าน้องทำงานยังไง”
บาสหันมองน้องที่ยืนกำชายเสื้อก้มหน้าตาแดงเหมือนจะร้องแล้วหันไปตอบ
“น้องเพิ่งลงงานได้สองวันปกติจะมีรีดเดอร์คอยดูคงเป็นช่วงที่รีดเดอร์ไม่อยู่ด้วยความใหม่น้องเลยพลาด ทั้งหมดเป็นความผิดพลาดของพวกผมเองครับที่ไม่ตรวจสอบให้ดีและชะล่าใจเกินไป ขอโทษครับ”
“ครั้งนี้พี่จะปล่อยแต่ถ้ามีอีกพี่เล่นทุกคนที่เกี่ยวข้องจัดการให้พี่ด้วย”
บงกชพูดเสียงนิ่งแบบกดๆแล้วเดินผ่านไปตามด้วยคนที่ยืนอยู่เดินตาม บาสมองตามแล้วหันมาหาคนที่ยืนอยู่
“ไม่เป็นไรนะ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนและรอยยิ้มของบาสก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
“พี่ก็โดนประจำ”
บาสเบาเสียงเหมือนกระซิบท่าทางตลกจนหญิงสาวยิ้มออก
“หนูคิดว่าดูดีแล้วแต่มันก็พลาด”
“อย่าคิดมากเลยคนเราพลาดกันได้เรายังใหม่เดี๋ยวนานๆไปก็เก่ง ไปเอาคู่มือจุดที่เราทำมานะเดี๋ยวพี่สอน”
“คะ”
เธอเดินหายเข้าไปในไลน์การผลิตสักพักก็วิ่งกลับมา
“เราต้องมาทบทวนกันนะเพราะเราจะต้องไปสอบ”

เมื่อทำงานพลาดเจ้าของจุดต้องทำการสอบคู่มือทบทวนให้แน่ชัดเพื่อป้องกันการทำงานพลาดอีก
บาสสอนเรื่อยๆไม่รีบไม่เข้าใจตรงไหนให้ถามเธอสงสัยอะไรก็ตอบหมดอย่างเป็นกันเอง แบ่งความรู้ให้แบบไม่มีหวงจุดไหนมีเคล็ดลับทำยังไงให้ได้เร็วและงานไม่เสียตำแหน่งคิวซีเอ็นจิเนียร์ของบาสถึงจะไม่ได้ลงมาทำงานในไลน์การผลิตแต่ก็ต้องรู้ทุกจุดเพื่อตรวจสอบคุณภาพงานและบุคลากร
“พี่สอนหนูเข้าใจขึ้นเยอะเลยสอบผ่านแน่ๆ”
สาวเจ้าพูดขณะกำลังเดินไปกับบาส
“งั้นถ้าใครถามบอกไปเลยว่าเด็กพี่บาส”
บาสพูดเชิงตลกเพราะอยากให้น้องไม่เครียด
“พี่ชื่อบาสหรอคะ”
บาสหันไปยิ้มให้คนข้างๆแล้วตอบ
“ใช่ครับ”
“หนูชื่อหวานนะคะ”
สาวเจ้าแนะนำตัวแล้วแอบมองบาสยิ้มๆ
บาสเป็นผู้ชายที่ดูดีมากไม่ใช่แค่รูปลักษณ์และตำแหน่งแต่นิสัยและการวางตัวทำให้คนหลงได้ง่ายๆโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
หวานเขินขึ้นมาเพราะรู้สึกปลื้มบาสเข้าแล้ว
“นี้เรากำลังจะไปไหนหรอคะ”
“ไปสอบที่แอสห้าไกลหน่อยนะ เหนื่อยหรอ”
“ไม่เลยคะ”
หวานยกมือโบกปฏิเสธพันละวัน แต่ใจจริงก็เหนื่อยพอตัว
“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
บาสยิ้มให้กำลังใจ เมื่อมีโทรศัพท์เข้าจึงหันไปสนใจคุยงาน
ทั้งคู่เดินมาจนถึงบริเวณลานกว้างที่มีพนักงานกำลังยืนทำงานเหมือนแอสหนึ่งทุกอย่าง
“มาทำอะไรถึงนี้บาส”
ผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่กำลังยืนดูงานหันมาทัก เธอคือพิมพ์เป็นคิวเอทั้งคู่รู้จักกันตอนมาสมัครงานแล้วได้ไปอบรมพร้อมกัน
“พาน้องมาสอบ” บาสชี้ไปหาหวาน
“อ้าวเดี๋ยวนี้เขาให้มาสอบรวมกันหรอ”
“เปล่าที่แอสรื้อไลน์ใหม่กำลังวุ่น เลยพาน้องมาสอบนี้เขาบอกว่ากำลังจะสอบน้องพอดี”
“อ่อ โน้นไง”
พิมพ์ชี้ไปที่กลุ่มคนสามคนที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลมาก
“หวานเดินไปหาสามคนนั้นนะเขาต้องสอบเหมือนกัน”
หวานมองตามมือบาสไปที่กลุ่มชายสามคนแล้วหันกลับมาพยักหน้าให้ บาสมองหวานที่เหมือนกล้าๆกลัวๆถึงไม่พูดก็ดูออก
“มะ พี่พาไป”
ได้ยินแค่นั้นหวานก็ยิ้มออก บาสเดินไปส่งแล้วเดินออกมาเดินดูการทำงานของพนักงานแอสนี้ฆ่าเวลาแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี้เป็นที่ทำงานของเจ้าหนี้จึงเริ่มมองหา

(ถ้าไม่มีใครให้ถามดูเอาใครหล่อสุดในนั้นก็คนนั้นแหละ)

บาสมองหาตามคำพูดของคลังแต่ไม่ยักเห็นเอ็นจิเนียร์ของแอสนี้เลยสักคน
“ขอโทษนะจ๊ะ”
คนที่กำลังคิดเพลินๆต้องหันมองเมื่อมีคนเรียก เป็นป้าแม่บ้านที่ถูพื้นมายังจุดที่บาสยืนอยู่บาสจึงโค้งหัวขอโทษแล้วขยับให้ แต่เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ลองดูไม่เสียหาย
“คุณป้าครับ”
“จ๊ะ”
“คุณป้ารู้จักคนชื่อทิคที่เป็นเอ็นจิเนียร์อยู่แอสนี้ไหมครับ”
ป้าแม่บ้านทำหน้าไม่เข้าใจบาสเลยเรียบเรียงคำพูดใหม่
“พวกวิศวะนะครับ”
ก็ยังงงอยู่
“ที่ใส่หมวกดำแบบผมแล้วก็เดินดูเครื่องดูงานในนี้นะครับ”
“อ่อ พวกเด็กหน้าตาดีๆป้าเพิ่งมาทำงานได้ไม่นานไม่รู้หรอกว่าเขาเรียกใครแบบไหน”
บาสพยักหน้าเข้าใจ
“เมื่อกี้หนุ่มถามคนชื่ออะไรนะ”
“ทิคครับ”
“รู้จักไอ้หนุ่มคนหล่อๆ”
ป้าแม่บ้านมองหาครู่หนึ่งแล้วชี้ให้บาสดู
“โน้นไงเดินมานั้นแล้ว”
บาสมองตามมือไปหยุดอยู่ตรงที่เพิ่งไปส่งหวานสอบมา มีเอ็นจิเนียร์กำลังยืนดูน้องสอบอยู่สามคน
แล้วคนไหนละ
“คนไหนครับ”
“ที่ยืนหันหลังสูงๆนะ”
บาสหันมองอีกครั้งตามคำบอก
ยืนหันหลังแล้วจะรู้ไหมเจอตัวแล้วยังไม่เห็นหน้าอีก แต่ทำไหมคุ้นจัง หุ่น การแต่งตัว ลักษณะท่าทาง ดูคุ้นไปหมดเหมือนเคยเจอ
จะเข้าไปหาก็อยู่ในเวลางานคงไม่เหมาะแต่ไหนๆก็เจอตัวแล้วคุยเลยก็น่าจะดี ความคิดบาสตีกันอยู่ในหัวแต่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วจึงก้าวเท้าเข้าไปหา
“คุณมาวินเชิญที่แอสเซมบลีหนึ่งเวลานี้คะขอบคุณคะ”
เสียงประกาศชื่อตัวเองจากไมค์ทำให้ต้องหยุดเท้า
แล้วเบี่ยนเข็มชั่งใจมองหลังเจ้าหนี้อย่างเสียดายแล้วตัดใจหันหลังกลับ

ทิคและพวกกลับมาจากดูเครื่องที่มีปัญหาและงานที่ถูกตีกลับเดินมาหยุดอยู่จุดที่กำลังทำการสอบดูแล้วก็คุยถึงปัญหาไปด้วย
“คุณมาวินเชิญที่แอสเซมบลีหนึ่งเวลานี้คะขอบคุณคะ”

เสียงประกาศผ่านไมค์ทำให้หันมองทุกคนจะรู้จักชื่อกันดีในแอสเพราะประกาศบ่อย แต่ครั้งนี้ชื่อแปลกเลยสงสัยประกาศจากแอสนี้แสดงว่าคนๆนั้นก็ต้องอยู่ที่นี้ ตอนนี้
คนอื่นแยกย้ายไปแล้วแต่ทิคยังคงยืนมองไปทั่วจนสายตาไปเจอเข้ากับใครสักคนซึ่งเป็นจังหวะที่คนๆนั้นหันหลังไปพอดีแต่เห็นแค่นั้นก็รู้ว่าใคร
ลูกหนี้ของเขา มาทำอะไรที่นี้

แรงสะกิดที่หลังทำให้วิศวะหนุ่มที่กำลังคิดหันมอง
“เมื่อกี้มีคนมาถามหาเจอกันหรือยัง”
ป้าแม่บ้านมาจากไหนไม่รู้มาโผล่ข้างๆ
“ใครหรอครับ”
“ป้าไม่รู้จักหรอกเขามาถามหา หล่อด้วยนะใส่หมวกเหมือนกับพ่อทิคเลย”
คงเป็นใครไปไม่ได้
ทิคยิ้มให้ป้าแม่บ้านแล้วหันกลับไปมองจุดที่เห็นบาสเมื่อครู่
“เห็นพี่หมวกดำที่มากับหนูไหมคะ”
เสียงพูดทำให้ทิคที่กำลังยืนคิดหันไปมอง เป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยกำลังคุยกับตี๋เพื่อนของเขา
“น้องมาจากแอสไหนครับ”
“แอสหนึ่งคะหนูมากับพี่บาสคนที่ใส่หมวกแบบพี่”
“สงสัยกลับไปแล้วเมื่อกี้เขาประกาศเรียกคนกลับแอสหนึ่ง”
หวานพยักหน้าเข้าใจด้วยหน้าตาเสียดายแล้วกล่าวขอบคุณ
“ไปด้วยกันไหมผมกำลังจะไปแอสหนึ่ง”
ทิคเดินเข้าไปทักหวานหันมามองถึงกับชะงักในรูปลักษณ์อันหล่อเหลาและรอยยิ้มชวนฝันของทิค
“คะ”
หวานตอบรับไปแบบติดขัดอยู่ดีๆมีคนหล่อมาคุยด้วยเป็นใครก็ต้องตั้งสติ
ทิคยิ้มให้แล้วหลีกทางให้หวานเดินก่อน ตั้งแต่เดินมาหวานเอาแต่มองแล้วยิ้มมองแล้วยิ้มจนทิคสงสัยถามด้วยน้ำเสียงติดหัวเราะ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“โรงงานนี้เขาเอาแต่คนหล่อๆมาทำตำแหน่งแบบพี่หรอคะ”
ทิคถึงกับกลั้นหัวเราะเมื่อได้ยินคำถาม
“จริงๆนะคะเห็นกี่คนก็เท่หมด”
“โดยเฉพาะ..พี่กับพี่บาส”
สาวเจ้าแสดงท่าทางเขินอายเมื่อพูดถึงเขาและเพ้อฝันเมื่อพูดถึงคนที่มีศักดิ์เป็นลูกหนี้ของเขา
“คงจะหล่อน่าดู”
“ไม่ใช่แค่หล่อนะคะ ใจดี พูดเพราะ อ่อนโยน เป็นกันเอง หื้อดีทุกอย่างเลย”
หวานบิดมือตัวเองไปมาเมื่อพูดถึงลูกหนี้เขา
“ไม่ต้องตกใจนะคะหนูก็เป็นคนตรงๆบ้าคนหล่อแบบนี้แหละ”
ทิคยิ้มให้ เขาไม่ได้คิดอะไรหรอกไม่เห็นดูน่าเกลียดอะไรตลกดีด้วยซ้ำ
“เขาเป็นคนแบบไหนหรอพี่บาสของน้องนะ”
“ดีคะ ถึงจะรู้จักกันแค่วันเดียวแต่ก็ดูออกว่าพี่เขาไม่ได้เสแสร้งแต่พี่เขาเป็นคนแบบนั้นจริงๆ”
ดีหรอ ทำไมใครๆก็บอกว่าเขาดีแล้วที่บอกว่าดีนี้ดีแบบไหนนะ…อยากจะรู้แล้วสิ
“หนูเข้าไลน์ก่อนละ ขอบคุณนะคะที่ชวนมาด้วย”
เดินคุยกันมาเรื่อยๆจนถึงแอสหนึ่งหวานจึงหันมาขอบคุณ
“ครับ”
“พี่ชื่ออะไรหรอคะ”
“ทิคครับ”
“หวานนะคะ”
ทิคพยักหน้ายิ้มให้ หวานเดินแยกเข้าไปในไลน์การผลิตส่วนเขาเดินตรงไปยังจุดทำงานของเอ็นจิเนียร์เพื่อคุยงาน

พนักงานทำงานผิดคำสั่งของเครื่องทำให้เครื่องเออเร่อบาสถูกตามตัวมาดูและตามคนที่เกี่ยวข้องมาดูเหมือนกันกว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติและเครื่องทำงานได้ก็ปาไปสองชั่วโมง บาสเดินคุยถึงปัญหากับวิศวะเครื่องโดยเฉพาะมาเรื่อยแล้วแยกกันตรงกลางไลน์
“มึงไม่อยู่เมื่อกี้ไอ้ทิคมันมา”
คลังหมุนเก้าอี้มาหาเมื่อบาสเข้ามาในห้องทำงาน บาสหันมองทันที
“มาหรอ”
“เออ”
“มาทำไม”
“มาคุยงานกับพี่บง”
บาสพยักหน้าเข้าใจแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ หันเก้าอี้กลับไปทำงาน
ทำไมเจอตัวยากจัง คนนี้ไปคนนั้นมาแล้วเมื่อไรจะได้คุยกัน
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 4..เยือนถิ่น 15/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-04-2018 01:11:36
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 5..เปิดหน้ากาก 16/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 16-04-2018 11:42:37
5..เปิดหน้ากาก

วันนี้ประธานบริษัทเดินทางมาจากญี่ปุ่นเพื่อดูโรงงานเหมือนทุกปีคนที่มีตำแหน่งสูงและพวกเขาจึงต้องมารวมตัวกันในหอประชุมเพื่อฟังนโยบายและเป้าหมายของปีนี้พูดคุยถึงปัญหาที่เจอและหาทางแก้ไขเหมือนทุกปี
“ทิคไปดูงานให้ทีนะที่ห้องเก็บงานเสีย”
พี่มานพผู้จัดการแอสห้าของเขาเดินเข้ามาหาขณะเดินออกจากหอประชุม
“เป็นอะไรหรอครับ”
“แผงวงจรไฟฟ้าไม่ทำงานเจอบ่อยเกินไปแล้วไปดูให้พี่หน่อยพี่อยากรู้สาเหตุ”
“ได้ครับ”
ทิครับคำสั่งมาแล้วเดินแยกออกไปตรงไปห้องเก็บงานเสียที่มีไว้เพื่อนำงานที่เสียหรือมีปัญหามาเก็บไว้วิเคราะห์สาเหตุพูดคุยกับแอสอื่นแลกเปลี่ยนความคิดกันแล้วก็หาทางแก้ไข เปิดประตูเข้าไปก็พบเอ็นจิเนียร์แอสอื่นกำลังก้มๆเงยๆจับโน้นแกะนี้หาสาเหตุอยู่ก่อนแล้ว
“เป็นไงวะ”
“สายไฟมันขาดไม่รู้เพราะพนักงานกดแรงหรือเพราะมันโดนเหล็กเขี้ยวนี้เกี่ยว”
ดินเอ็นจิเนียร์แอสสามที่สนิทกันหันมาพูด ทิคก้มมองใกล้ๆตามคำบอกเพื่อน
“แต่มันเจอแบบนี้บ่อยพนักงานจะทำพลาดบ่อยขนาดนี้ได้หรอวะทำงานเสียถึงไม่บอกหัวหน้าถ้างานมีปัญหาตัวเองก็ต้องโดนอยู่ดี”
“นั้นดิกูถึงแยกเป็นสองประเด็นเรื่องเหล็กเขี้ยวนี้ด้วย”
ตำแหน่งที่ดินชี้เป็นจุดที่มีเขี้ยวเหล็กไม่ใหญ่มากที่มีไว้นำสายไฟไปเกี่ยวเก็บทั้งคู่ยืนวิเคราะห์อยู่นานสักพักก็มีเอ็นจิเนียร์จากแอสอื่นมาร่วมด้วย

ส่วนบาสวิ่งไปดูงานในไลน์แล้วก็ต้องวิ่งไปอีกอาคารเพื่อดูงานเสียตามคำสั่งของผู้จัดการแอสเล่นเอาหอบเลยจริงๆ
บาสเดินขึ้นบรรไดด้วยความเหนื่อยล้าเปิดประตูเข้าไปในห้องเพราะมาช้ากว่าแอสอื่นเลยต้องเข้าไปถามแต่ดีที่เขาเป็นคนเข้าใจง่ายและมีความรู้เลยใช้เวลาไม่นานที่จะตามทัน ตัวแทนเอ็นจิเนียร์แต่ละแอสต่างเขียนรายงานปัญหาที่มาดูเพื่อส่งให้ผู้จัดการแอสตัวเองแล้วแยกย้ายกันกลับแอสตอนนี้เหลือไม่กี่คนแล้ว
บาสคือหนึ่งในนั้นยืนแคะเขี่ยงานดูเขียนไปด้วยเพื่อให้เข้าใจมากขึ้นเพราะพี่บงคงถามไม่ใช่น้อย บาสเดินไปอีกฝ่ากหนึ่งของห้องซึ่งเป็นตู้เก็บแฟ้มเอกสารขนาดใหญ่เป็นล็อกๆที่มีไว้เก็บรายงานบันทึกงานเสียและปัญหาที่เคยเจอแต่ละครั้งซึ่งมันจะมีวิธีตรวจสอบแก้ไขไว้มาดู เดินหาหัวข้องานที่เจอวันนี้ไปเรื่อยแต่ละล็อก ซึ่งตอนนี้มีคนหาอยู่ก่อนแล้วด้วย
“ไปเหอะไอ้ทิค!”
เสียงตะโกนจากด้านนอกทำให้บาสต้องหันมองประโยคที่ว่าน่าสนใจแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าตอนนี้น่าสนใจมากกว่า!
เพราะคนที่นั่งหาเอกสารอยู่ตรงหน้าบาสลุกขึ้นทันทีที่ได้ยิน เขาคนนั้นหันหน้ามาบาสที่ยืนมองอยู่แล้วจะเป็นอะไรไปได้…นอกจากสบตากันทันที ถึงจะมองไม่ค่อยชัดเพราะชั้นเอกสารขนาดใหญ่บังแสงไฟจากด้านนอกแต่ก็มองเห็น
ทุกอย่างเงียบ..คนสองคนต่างจ้องตากัน
“คุณคือ..ทิคใช่ไหม”
บาสถามออกไปด้วยเสียงขาดๆหน้าตาตอนนี้ทั้งตกใจและแปลกใจ

“ใช่ ผมนี้แหละทิค”

คำตอบเสียงเรียบเฉยของคนตรงหน้าทำเอาแฟ้มแทบหล่นจากมือ คนหนึ่งหน้าตาตกใจสุดขีดแต่อีกคนกลับหน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“ทำไมถึงไม่บอก”
เจอกันหลายครั้งแล้ว ทำไม บาสยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ถึงเวลาก็ได้เจอเอง”
“เราต้องคุยกันนะครับ”
บาสรีบเรียกเมื่อทิคจะเดินหนี
“เรื่องอะไรครับ”
“ก็เรื่องเงินที่ผมยืมคุณ”
“ดูท่าคุณจะอยากใช้หนี้เหลือเกิน”
“ครับ เราถึงต้องคุยกันไง”
ทิคมองบาสด้วยสายตาที่หาชื่อเรียกไม่ถูกครู่หนึ่งแล้วพูด
“ก็ได้ครับ วันนี้เลิกงานรอผมที่ทางออกประตูหนึ่ง เราจะคุยกัน”
ทิคสบตาแล้วเดินออกไป
บาสมองตามด้วยความโล่งอกดีใจที่ได้เจอตัวสักทีถึงจะคิดไม่ถึงก็เถอะว่าคนๆนี้คือทิคเจ้าหนี้ของเขา
เมื่อกลับมาถึงแอสสิ่งแรกที่ทำคือเล่าสิ่งที่เจอกับเพื่อนสนิท
“คลัง!”
“อะไร”
“กูเจอคนชื่อทิคแล้ว”
“เออ ดีใจด้วยสักทีเหอะมึง”
คลังที่กำลังตรวจงานพูดทั้งที่ไม่ได้มองหน้าเพราะมองงานอยู่
จะไม่ถามหน่อยหรอว่าเจอกันที่ไหนอะไรยังไง ได้คุยหรือยัง คงมีแต่เขาที่ตื่นเต้นอยู่คนเดียวหรือว่าเขาจะโอเวอร์เกินไป
บาสเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานทบทวนเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อครู่หนึ่งแล้วเลิกคิดหันมาสนใจงาน

วิ่งวุ่นทำงานทั้งวันถึงเวลาเลิกงานก็ยังไม่ได้เลิกจนเวลาเลยมาถึงสองทุ่มกว่าๆถึงได้เป็นอิสระและนึกได้ว่ามีนัดบาสรีบเก็บของและวิ่งสุดชีวิตโรงงานก็ใช่ว่าจะเล็กกว่าจะถึงประตูทางออกก็ใช้เวลาพอสมควร
มาถึงก็มีแต่ความว่างเปล่ามีเพียงเสียงลมพัดที่อยู่เป็นเพื่อน ก็ใช่มันเลยเวลานัดมาจะสองชั่วโมงแล้วใครเขาจะรอ บาสหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงยืนลังเลว่าจะโทรดีหรือเปล่าไหนจะดึกไหนจะเบี้ยวนัดเขาจะด่าเอาไหมก็ไม่รู้ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยอย่างน้อยก็ขอให้ได้โทรไปอธิบายก็ยังดี
ตรู๊ด…ตรู๊ด…
ไม่มีการตอบรับอะไรเลยเขาคงไม่รับ บาสกำลังจะวางสายแต่มีเสียงตอบรับมา
“ฮัลโหล”
“ครับ!”
“มีอะไรครับ”
ทำไมถามแบบนี้ ไปไม่เป็นเลย อาการดีใจเมื่อกี้หายหมดเลย
“คือ..ผมขอโทษที่ไม่ได้มาตามนัดนะครับผมทำงานจนลืมขอโทษจริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับ เพราะผมก็ไม่ได้รออะไร”
“ครับ”
ตอบรับไปด้วยเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด
“คุณพอจะมีเวลาให้เราได้คุยกันอีกไหมครับ”
“...............”
“มันเป็นหน้าที่ของคุณแล้วละครับที่จะต้องหาทางคุยกับผมเอง ผมมีธุระขอตัววางสายนะครับ”
บาสหยุดคิดจากคำพูดของคนในสายเก็บโทรศัพท์ลงแล้วมองไปข้างหน้า
“นี้ตกลงใครเจ้าหนี้ใครลูกหนี้กันแน่”
บาสเลิกคิดแล้วเดินหอบของพะรุงพะรังกลับบ้าน

ห่างไปไม่ไกลมากเจ้าของรถคันหรูนั่งคุยโทรศัพท์และมองคนที่ยืนอยู่ที่ประตูทางออกสังเกตและวิเคราะห์คนๆนี้ตามนิสัยของวิศวะไปด้วย ที่บอกว่าไม่ได้รอไม่จริงเลย เขารอบาสตั้งแต่เลิกงานจนถึงตอนนี้ที่บาสเพิ่งจะวิ่งมาถึง เมื่อเห็นบาสออกไปแล้วทิคจึงออกรถไปเช่นกัน

ผ่านไปอีกสองวันทิคก็เงียบไปเหมือนเคยโทรไปครั้งหนึ่งแล้วแต่ไม่รับบาสจึงไม่กล้าโทรอีกจะสิ้นเดือนแล้วจริงๆคราวนี้จะยังไงก็ไม่พูด ถามคลังก็ช่วยอะไรไม่ได้
ทำงานก็แปลกไม่เดินสวนกันไม่เจอกันเลยเข้าใจว่าโรงงานมันใหญ่แต่ทำตำแหน่งเหมือนกันอย่างน้อยก็ต้องเจอกันบ้างเอ็นจิเนียร์คนอื่นยังเจอเลยยกเว้นเจ้าหนี้นี้แหละ

ตอนนี้หัวหน้าเอ็นจิเนียร์ใหญ่เรียกประชุมเอ็นจิเนียร์ของทุกแอสแต่กลับไม่มีทิคมาร่วมประชุม บาสมองดูเบอร์แอสแต่ละคนที่มีติดอยู่ที่หมวกว่าอยู่แอสไหนเมื่อเห็นคนที่ติดแอสห้าแล้วจึงขยับเข้าไปถามทำเนียนเหมือนรู้จักสนิทชิดเชื้อกับทิค
“ทิคละครับ”
“ตรวจงานอยู่ในไลน์ครับ”
“อ่อ ครับ”
บาสพยักหน้ารับรู้แล้วยิ้มให้ หันหน้าไปฟังหัวหน้าแต่ในใจคิดเรื่องอื่น
วันนี้ละที่เขาจะบุกแอสห้าอีกครั้งไปถึงที่จะไม่เจอให้รู้ไปต้องคุยให้ได้ คิดแล้วทำเลยเลิกประชุมบาสเดินแยกไปทางซ้ายซึ่งเป็นทางไปแอสห้าด้วยความเร็วตามแบบฉบับเขาเพราะทุกวันก็ต้องเดินเร็วแทบจะวิ่งดูงาน

แอสเซมบลี3

แอสเซมบลี4

แล้วก็

แอสเซมบลี5!

บาสยืนหอบหายใจนิดๆมองป้ายด้านหน้าที่เป็นเป้าหมายแล้วเดินตรงไปข้างในด้วยความแน่วแน่ตรงไปด้านหลังที่เป็นจุดทำงานของเอ็นจิเนียร์มองซ้ายมองขวามองจนทั่วก็ไม่เห็นเจ้าหนี้ เอ็นจิเนียร์คนหนึ่งเดินผ่านมาพอดีจึงเรียกถาม
“ขอโทษนะครับ”
คนที่กำลังเดินดูเอกสารมาเงยหน้าขึ้นตอบ
“ครับ”
“ทิคอยู่ไหมครับ”
“มันไปดูงานเสียที่ห้องเก็บงานเสียเมื่อกี้เองครับ”
บาสกัดฟันตัวเองเนียนๆจนคนตรงหน้าดูไม่ออกเก็บอารมณ์ไว้ข้างในแล้วโค้งหัวขอบคุณไป พอคนๆนั้นเดินผ่านไปถึงได้ปล่อยอารมณ์ออกมาทางสีหน้า
เห๊อะ!ให้ตายเหอะให้มันได้แบบนี้


ทิคที่กำลังยืนดูพนักงานทำงานหันมองกลุ่มเพื่อนเอ็นจิเนียร์ที่เพิ่งกลับมาจากการประชุมแล้วหันกลับไปดูงานต่อ
“ไอ้คุณชายเพื่อนมึงถามหา”
ทิคหันมองนนที่เดินแยกออกมาจากกลุ่มมาหาเขา
“ใครวะ”
“เอ็นจิเนียร์แอสหนึ่ง”
ใคร…คลังหรอ
คำถามทุกอย่างกระจ่างโดยไม่ต้องมีคนตอบเมื่อสายตามองไปเจอเข้ากับ…ลูกหนี้ของเขาที่กำลังยืนอยู่หน้าแอส
นนเดินไปแล้วตี๋ยืนอยู่แถวนั้นพอดีทิคจึงเดินเข้าไป
“กูไปดูงานเสียที่ห้องเก็บงานนะ”
“เออๆ”
ตี๋ที่กำลังให้ความสนใจเอกสารในมือตอบรับมาแบบไม่มองหน้าเพื่อน ในไลน์การผลิตไหนจะคนไหนจะเครื่องจักรอะไรหลายๆอย่างทำให้แต่ละส่วนถ้าไม่มองดีๆก็หากันไม่เจอนั้นเป็นข้อดีสำหรับตอนนี้ เขาเดินไปบาสเดินมาทิคมองบาสในระยะที่ไม่ไกลมากแล้วเหยียดยิ้มมุมปากหันกลับไปมองทางอื่นอย่างไม่ใยดี

จะเจอกันได้ก็ต่อเมื่อเขาพอใจที่จะเจอเท่านั้นและวันนี้เขาก็พอใจที่จะเจอแล้ว แต่ไม่ใช่ที่นี้ตอนนี้เวลานี้
มาดูความพยายามของลูกหนี้คนนี้กัน

ทิคเดินอย่างใจเย็นเพื่อไปห้องเก็บงานเสียระหว่างทางก็ยิ้มทักทายตลอดทางเวลามีคนยิ้มให้อย่างว่าคนหล่อดังของโรงงานใครๆก็รู้จักและอยากทักทาย
เขาเปิดประตูเข้าไปแล้วเดินตรงไปที่ริมห้องที่เป็นกระจกเพื่อมองลงมาข้างล่างเคาะนิ้วกับขอบหน้าต่างตามจังหวะเข็มนาฬิกาอย่างมีความสุขไม่นานก็มีคนๆหนึ่งกำลังเดินแทบจะวิ่งตรงมาทางนี้ในมือถือแฟ้มประจำตัวมาด้วย วิศวะหนุ่มที่ยืนมองลงไปจากหน้าต่างยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วหันกลับเดินไปเปิดเอกสาร
แกล๊ก!
เสียงเปิดประตูแรงแต่ก็ยังไม่ดังเท่าเสียงหอบเหนื่อย

ทั้งคู่สบตากันในระยะไกลทิคที่ยืนอยู่กลางห้องบาสที่ยืนจับลูกบิดประตูค้างอยู่ และเป็นบาสที่เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา
“ทำไมคุณถึง”
อารมณ์ที่มาเต็มต้องไปไม่ถูกเมื่อเห็นหน้าตาที่ไร้อารมณ์ร่วมของคนตรงหน้าสรรหาคำมาพูดไม่ออกเลย
“ผมทำไม”
เสียงเรียบเฉยไร้อารมณ์แบบนี้ซื้อทิ้งได้ไหม อยากจะต่อว่าแต่ก็ทำไม่ได้ในเมื่อไม่ได้บอกเขาว่าจะมาหาก็ไม่ผิดที่จะไม่เจอบาสพยายามเก็บอารมณ์
“ทำไมเหงื่อเยอะแบบนี้ละ”
ทิคขยับเข้ามาใกล้ถอดหมวกบาสออกแล้วใส่หมวกของเขาเข้าไปแทน
!
บาสกำลังจะพูดแต่ก็ต้องหยุดและตกใจผงะหดตัวหนีเมื่อคนตรงหน้าเลื่อนจากหมวกบนหัวมาโดนแก้มและเลยไปถูกผมและหูของเขา บาสรีบยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าและลำคอตัวเองลวกๆถึงแม้จะตกใจขนาดไหนก็รีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ
“คุณพอจะมีเวลาคุยกับผมไหม”
“ว่ามาเลย”
ทิคยิ้มแล้วตอบรับ ได้ยินแบบนั้นบาสก็ชื่นใจขยับเข้าหา
“เรื่องเงินคือผมอยากรู้ว่าผมต้องใช้คืนยังไง”
“ผมต้องการแสนหนึ่งคืนภายในเดือนหน้าได้ไหม”
“…………”
คนที่กำลังจะพูดต่อหยุดเงียบเมื่อได้ยินคำพูดของทิค
“ผม..ไม่มี”
บาสพูดเสียงอ่อนอย่างจนปัญญา
“ฉะนั้นคุณก็ไม่ต้องวิ่งตามผม ผมจะให้คุณใช้ยังไง แบบไหน เมื่อไรผมจะบอกเอง ไม่ต้องรีบหรอกคุณได้ใช้แน่ๆ”
เสียงออดดังเป็นสัญญาณของการพักกลางวัน ทิคคว้าแฟ้มเอกสารที่วางอยู่ขึ้นถือแล้วหันมาพูดกับบาส
“หมดเวลาแล้ว”
แล้วเดินออกไปจากห้องทิ้งให้บาสที่ยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมคนเดียว
เขาชักจะไม่อยากคุยกับคนๆนี้แล้ว



สวัสดีคะ มาถามความคิดเห็นว่าควรจะลงตอนใหม่ได้หรือยัง ใครอยากอ่านบ้างนะ จะได้ทยอยลงตอนเก่าวันละสองตอนจะได้เร็วขึ้น^^
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 5..เปิดหน้ากาก 16/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-04-2018 13:16:23
อยากอ่านตอนใหม่จ้า :mew2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 5..เปิดหน้ากาก 16/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 16-04-2018 16:33:34
ลงตอนเก่าแบบรวดเดียวไปเลยก็ดีนะคะ เพราะรออ่านตอนใหม่อยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 5..เปิดหน้ากาก 16/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-04-2018 19:13:38
เห็นด้วยกับรีพลายด้านบนเป็นอย่างยิ่ง 

น่าจะอัพรวดเดียวไปจนครบตอนล่าสุดบวกด้วยตอนใหม่ไปเลย

แบบว่า  ลงแดง แล้ว
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 5..เปิดหน้ากาก 16/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 16-04-2018 22:39:49
หื้ออออออเราใจหายมากกลัวเป็นอะไรกลัวจะไม่ได้อ่านต่อแล้วรอเป็นเดือนๆดีใจมากที่คนแต่งยังอยู่ดีเป็นกำลังใจให้นะคะเราชอบเรื่องนี้มากจริงๆเป็นแนวที่ชอบพล็อตเรื่องดีน่าติดตามมากรออ่านตอนต่อไปค่ะ  :katai2-1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 6..ของๆใครเขาก็รัก ถ้าเอามาก็ต้องคืน 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 16-04-2018 23:56:12
6..ของๆใครเขาก็รัก ถ้าเอามาก็ต้องคืน

บาสเดินคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มาเรื่อยๆแต่ก็คิดไม่ออกกับการกระทำของทิคว่าต้องการอะไรกันแน่ คนถูกยืมเงินใครเขาก็อยากได้คืนเร็วๆแต่ทิคนี้แปลกแล้วก็ชอบพูดอะไรกำกวมให้ต้องคิดตลอด
“ไปไหนมาวะจะไปกินข้าวกูก็หาไม่เจอ”
คลังพูดทั้งที่ขนมยังเต็มปากเมื่อเห็นบาสเพิ่งมา
“ดูงานมา” บาสพูดแล้วเดินไปนั่งที่
“แล้วกินยัง”
“หึ ไม่หิว”
ว่าแล้วหยิบเอกสารขึ้นมากางเริ่มทำงานทั้งที่ยังไม่หมดเวลาพัก
“เดี๋ยวก็ตายคาโรงงานหรอกไอ้นี้ แล้วนี้อะไรมึงอยู่แอสห้าหรอ”
“อะไร” บาสถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“ก็หมวกมึงเนี้ย”
!!!!
บาสยกมือขึ้นจับหมวกบนหัวทันทีลืมไปเลยว่าทิคเปลี่ยนหมวกเขาไปจะเอาคืนตั้งแต่ตอนนั้นก็ตกใจจนลืม
“อะ.อ่อคือ..ห้องเก็บงานแอร์มันเสียวะเลยพากันถอดหมวกสงสัยหยิบสลับกัน ดีนะที่มึงทักเนี้ย”
คลังพยักหน้ารับรู้ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วเดินไปนั่งที่
บาสเหล่มองนิดๆเมื่อเห็นว่าคลังกำลังก้มหน้าก้มตาสนใจเกมส์ในมือถือจึงค่อยๆทำเนียนแล้วรีบออกมาไปหามุมไม่มีคนแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร ร้อนใจเมื่อปลายสายไม่รับสักทีจนในที่สุดก็รับ
“ฮัลโหล”
“คุณผมขอหมวกคืนด้วยครับ”
เสียงหัวเราะไม่ดังมากดังเข้ามาในสาย แล้วเงียบไปแปปหนึ่งถึงพูดตอบมา
“ทำยังไงดีละตอนนี้ผมกำลังยุ่ง”
“เดี๋ยวผมไปเอาเองตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
“เกทสาม”
“ห๊ะ!”
แค่ได้ยินชื่อก็ถึงกับต้องอุทานเสียงหลง มันไกลเป็นประเทศเลยนะแต่ละวันนี้จะอยู่ไปทุกจุดของโรงงานเลยหรือไง เสียงออดดังขึ้นขัดจังหวะเป็นเวลาของการเข้างาน
“แค่นี้นะครับได้เวลาทำงานแล้ว”
บาสมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัวแล้วหัวเสีย ทำยังไงดีตัวหนังสือแอสห้าก็เด่นหลาไหนจะรหัสพนักงานอีกด้านอีกถ้าไม่มีใครสังเกตก็ดีไปแต่ถ้าเห็นต้องถามแน่ๆ
บาสต้องตัดใจทิ้งเรื่องนี้แล้วเดินกลับเข้าไปทำงานเดินเข้าไปก็เหล่มองคนอื่นไปด้วยว่ามีใครมองหมวกบนหัวไหมถ้าคลังไม่บอกก็คงดีจะได้ไม่ต้องมาระแวงแบบนี้ บาสเดินเข้าไปในไลน์การผลิตเพื่อดูการผลิตงานเหมือนทุกวันเวลาว่างจากงานอื่น
พนักงานสาวกลุ่มหนึ่งหันมาซุบซิบเมื่อเห็นบาสยืนดูงานอยู่ในระยะไกลและกำลังเดินมาทางนี้
“แฟนกูมา!”
หนึ่งในนั้นรีบจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมตัวเองแล้วหันให้เพื่อนดูให้
“มึงถามเขายังว่าเขาจะเป็นกับมึงไหมอีส้ม”
“โอ้ย!กูยังไม่ได้กระพริบตาใส่เฉยๆหรอก”
“เป็นตั้งระดับนั้นเขาไม่มองพนักงานต่ำๆจบไม่สูงแบบเราหรอกตื่น!”
“ใช่ พวกนี้เขาก็คบกับคนที่เหมาะสมจบสูงตำแหน่งดีๆแบบเขาวันๆเดินสวยๆไปมาโน้น”
“พวกมึงนี้ซ้ำเติมกูดีจริงๆนะเป็นเพื่อนกูกันจริงๆไหมเนี้ย!”
คนถูกรุมเบ้ปากจิกตาใส่เพื่อนแล้วหันไปมองวิศวะหนุ่มที่ตนหมายปองมาตลอดและชอบคิดเองเออเองว่าเป็นแฟน แต่ยิ่งมองก็ยิ่งดูห่างไกลเธอถอนหายใจอย่างปลงๆแล้วหันกลับมาทำงานต่อ สักพักก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง
“ทำไมจับงานแบบนั้นละครับ”
หันไปมองก็ถึงกับต้องตกใจจนแทบลืมหายใจเมื่อเป็นบาสที่ยืนอยู่และมองมาที่เธอ อารมณ์แบบแอบชอบใครมากๆแล้วเขาเข้ามาคุยด้วยนั้นแหละ
บาสเอียงคอมองเมื่อพนักงานสาวไม่ตอบสักที คนที่ยืนอึ้งอยู่นานได้สติมองมือตัวเองแล้วตอบแบบติดขัด
“ละ..เหล็กงานมันโดนคะเลยจับไม่ถนัด”
บาสมองผ้าผันแผลสีขาวที่มือเธอแล้วถาม
“เป็นแผลเลยหรอครับ”
“ค่ะ”
จุดของส้มต้องยกงานยิ่งงานต้องทำด้วยความเร่งรีบเลยทำให้พลาดโดนจนเกิดแผลบ่อยๆ
บาสมองด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วมองหาอะไรไม่รู้ส้มและเพื่อนมองหน้ากันอย่างสงสัย
“รีดเดอร์ครับ”
บาสมองหารีดเดอร์หรือหัวหน้างานที่ดูแลจุดนี้นั้นเอง
“พนักงานโดนเหล็กที่งานจนเป็นแผลช่วยดูให้ด้วยนะครับ”
“น้องเขาต้องยกงานดูนะคะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเหมือนกัน”
รีดเดอร์สาวพูดด้วยสีหน้าเครียด บาสคิดครู่หนึ่งแล้วพูด
“หาถุงมือให้เขาใส่ได้ไหมครับเอาแค่ข้างที่ต้องยกงานก็ได้”
“พี่บงจะไม่ว่าหรอคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมพูดกับพี่บงเองหรือถ้าคิวเอมาตรวจก็บอกชื่อผมไปได้เลย”
รีดเดอร์สาวพยักหน้ารับคำแล้วทั้งคู่ก็เดินคุยงานกันออกไป
“ทำไมเขาดีแบบนี้วะ”
ส้มพูดกับเพื่อนมองตามบาสตาเยิ้มเหมือนเอาสติเธอตามไปด้วย
“เออไม่เห็นมีใครมาสนใจเลยมึงเป็นตั้งนานละ ใส่ใจดีแท้”
“ต้องมีบุญเก่าขนาดไหนวะจะมีผัวแบบนี้”
“นั้นดิบุญกูจะถึงเขาไหม”
ส้มยังมองตามบาสไม่ละสายตาจากที่ชอบอยู่แล้วยิ่งประทับใจไปใหญ่ที่ได้คุยจังๆและได้ยินเสียงบาสใกล้ๆครั้งแรกและที่สำคัญบาสยังมาสนใจและเป็นห่วงเธออีก
“แต่ตอนนี้กูว่าทำงานเหอะก่อนที่แม่มึงจะมา”
เมื่อพูดถึงบงกชส้มก็ต้องเบ้ปากชั่งใจจากการมองบาสแล้วหันมาทำงานต่อ

การทำงานดำเนินไปเหมือนทุกวันทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองจนถึงเวลาเลิกงาน
บาสเดินด้วยความเหนื่อยล้าไปทาบบัตรเลิกงานแล้วเดินต่อไปยังล็อคเกอร์ถอดป้ายพนักงานออกจากคอและของที่ไม่นำกลับบ้านใส่ไว้ แต่เมื่อถอดหมวกออกมาก็ต้องยืนมองแล้วนึกถึงเหตุการณ์วันนี้ไม่รู้คิดอะไรเอามาดม
“สะอาดน่าดู”
บาสเลิกคิดโยนหมวกเข้าล็อคเกอร์แล้วล็อคกุญแจ


ทางด้านทิคกลับมาถึงบ้านก็ตรงขึ้นห้องเรื่องข้าวเย็นลืมไปได้เลยอยู่คนเดียวถ้าไม่กินก่อนเข้าบ้านก็คือไม่กินเลยนานๆทีจะทำอาหารทานเอง บ้านหลังนี้เขาซื้อเพราะใกล้กับโรงงานบ้านอีกหลังหนึ่งที่เป็นบ้านของครอบครัวอยู่ค่อนข้างไกลจากนี้มากหลังนั้นจะมีพ่อแม่และพี่สาวที่เป็นหมอเกี่ยวกับกระดูกอยู่ซึ่งทิคจะกลับทุกวันหยุด
เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำเหลือบเห็นหมวกที่วางอยู่จึงเดินเข้าไปหยิบขึ้นดูแล้วกระตุกยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนี้

เช้าวันสุดท้ายของการทำงานของสัปดาห์นี้พนักงานทุกตำแหน่งต่างเดินเข้าโรงงานเยอะจนต้องรอคิว ทุกคนต่างเร่งรีบเข้าโรงงานแต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยังยืนอยู่หน้าทางเข้านั้นคือบาสเองที่ยืนอยู่ไม่ใช่อะไรรอทิคเพื่อที่จะเอาหมวกคืนมองหาอยู่นานก็ไม่เจอยังไม่มาหรือมาแล้วเข้าไปแล้วก็ไม่รู้เพราะคนเยอะมองไม่ทันหรอกหรือจะไปเข้าประตูอื่นก็ไม่รู้อีก นานเกินไปจนต้องโทรหา
สายแรกไม่รับบาสจึงโทรใหม่คอยนานจนแทบจะวางสายครั้งที่สองแต่ในที่สุดก็รับ
“ฮัลโหล!” ดีใจจนพูดออกไปด้วยเสียงตื่นเต้น
“อยู่ไหนครับคือผมจะคืนหมวก”
“ผมอยู่ห้องธุรการ”
ไปยังไง!ตอนไหน!ทำไมไม่เห็น!
“ช่วยรอก่อนนะครับ ผมจะรีบไป”
วางสายปุ๊บบาสก็เดินแล้ววิ่งสลับกันไป แวะไปเอาของที่ล็อคเกอร์แล้วยังต้องมาเสียเวลาต่อคิวทาบบัตรเข้างานอีก เมื่อมาถึงก็พบกับสิ่งที่กลัวมาตลอดทางคือไม่เห็นทิค มองหาจนทั่วแล้วถึงกับคอตก
“คุณมาช้านะ”
บาสหันไปมองตามเสียงแต่เมื่อหันมาก็ต้องตกใจจนถอยหนีเมื่อทิคมายืนอยู่ข้างหลังในระยะใกล้ รายนั้นเมื่อเห็นบาสกลัวก็ยิ้มขำ
“ขอโทษครับที่มาช้า”
กล่าวคำขอโทษแล้วนึกถึงจุดประสงค์ได้ บาสรีบยื่นหมวกคืนให้เจ้าของ ทิคเห็นแบบนั้นจึงคืนหมวกให้เช่นกัน บาสรับมาแล้วรู้สึกถึงความผิดปกติจึงทำเนียนยกขึ้นดม ทำไมหอม
“คุณซักหรอ”
“ใช่”
ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกอายหน่อยๆมันคงสกปรกจนทิครับไม่ไหวจริงๆ เขาก็ไม่ได้เป็นคนสกปรกนะแค่มันทำงานจนไม่มีเวลาต่างหากจะเอาไปซักทีไรก็ลืม
ทิคใส่หมวกเรียบร้อยแล้วแต่บาสยังไม่ใส่สักทีเขาจึงดึงมาจากมือของบาสแล้วใส่ให้ขยับที่รัดด้านหลังให้พอดีกับหัวบาสจัดแจงให้เสร็จสรรพเล่นเอาบาสยืนนิ่งเป็นหุ่น
ทั้งคู่สบตากันทิคมองด้วยสายตาแน่นิ่งส่วนบาสมองด้วยสายตากล้าๆกลัวๆ
“ทิค”
!
เสียงเรียกทำให้ทั้งคู่ละสายตาจากกันและถอยออกห่าง
“ไปกันเถอะ”
ทิคพยักหน้ายิ้มให้ผู้หญิงตรงหน้าที่เพิ่งเดินเข้ามาแล้วเดินไปด้วยกันโดยที่ไม่ได้หันมาบอกอะไรบาส
เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยอย่างกับดาราและดูภูมิฐานเดินไปด้วยกันแล้วเหมาะมากๆ บาสเลิกสนใจแล้วหันกลับมาทางเดิมเพื่อรีบกลับแอสต้องไปให้ถึงก่อนที่บงกชจะเข้า
“อีกสองวันก็จะเป็นไทยแล้วไปแดกกัน!”
คลังกอดคอเพื่อนสนิทขณะกำลังจะเดินไปกินข้าวเที่ยงคิดโปรแกรมไว้รอเงินเดือนออก
“ไปไหนละหนี้สินรออยู่ท่วมหัว”
“ไอ้ทิคมันไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอกมึงก็อย่าคิดมากเลย”
“มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้นค่าใช้จ่ายกูเยอะมึงก็รู้”
บาสพูดแล้วเดินเข้าไปต่อแถวร้านที่จะกินคลังยังไม่วายเดินเข้าไปกอดคออีกรอบ
“แต่กูเลี้ยงนะ”
พูดด้วยสีหน้าท่าทางล้อตาล้อใจ แต่หาใช้ได้กับเพื่อนไม่
“สิ้นเปลืองเปล่าๆมึง”
บาสพูดแล้วหันไปสั่งของตัวเองและของคลังจ่ายเงินให้พร้อมถือมาให้เสร็จสรรพ
“สิ้นเปลืองอะไรวันเกิดกูทั้งทีนะ”
คนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากชะงักทันที
“วันเกิดมึง”
บาสหันบัตรพนักงานที่คอไปด้านที่มีปฏิทิน
“เออใช่!กูลืมขอโทษวะ”
“กูเข้าใจคิดเรื่องงานกับเรื่องที่บ้านมึงก็ประสาทจะแดกพอแรงละ ตกลงไปนะ”
“เออวันเกิดมึงนิ”
“ดีมากทำตัวน่ารัก”
คลังหัวเราะอย่างถูกใจแล้วลงมือกินข้าว กินเสร็จแล้วก็แวะซื้อเครื่องดื่มชูกำลังเตรียมพร้อมสำหรับตอนบ่ายแล้วถึงกลับแอส
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 7..ซื่อ 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 16-04-2018 23:57:54
7..ซื่อ

และแล้ววันที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยก็มาถึงวันนี้เงินเดือนออกภาพที่จะเห็นเป็นประจำคือตู้กดเงินทุกจุดของโรงงานจะเต็มไปด้วยผู้คนที่มายืนต่อคิวยาวเหยียดแต่ในเมื่อเอาเงินเขามาใช้ก็ต้องทำงานให้เขาและบาสกำลังทำสิ่งนั้นอยู่ เดินเขียนแผนงานของเดือนใหม่กับเพื่อนเอ็นจิเนียร์ด้วยกันจนแทบหัวระเบิดไม่มีเวลาตื่นเต้นเรื่องเงินเดือนเลยบงกชเรียกประชุมเคร่งเครียดเรื่องเป้าหมายของเดือนนี้อีกรับหลายเรื่องแต่เช้าเลย
“จะเอาไงกับปัญหามอเตอร์ที่คิวเอเจอวะบาส”
“เดี๋ยวไปดูสภาพงานก่อนดีกว่าแล้วค่อยมาคุยกันอีกทีว่าจะเอาไง”
“โอเค”
บาสแยกกับปิงเอ็นจิเนียร์ในแอสที่เข้ามาถามงานต่างคนต่างวิ่งวุ่นกันไปคนละทาง บาสนำรายงานปัญหาไปให้บงกชแล้วเดินตามไปดูการทำงานของพนักงานพร้อมกับคลังด้วย วันนี้ทั้งวันยุ่งอยู่กับปัญหาที่พนักงานทำงานเสียเลยต้องเดินดูและคอยให้คำแนะนำ
“รีบๆนะ”
“เออ”
บาสและคลังแยกกันตรงที่ทาบบัตรเพราะบาสจะต้องเอาเอกสารไปให้ฝ่ายจัดส่งก่อนคลังเลยจะไปรอที่รถ
จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็รีบออกจากตึกไปลานจอดรถเพื่อจะไปฉลองวันเกิดคลังนั้นเอง
“พวกไอ้ปิงละ”
“เดี๋ยวตามไป”
บาสพยักหน้าเข้าใจแล้วคาดเข็มขัด
ร้านที่คลังจองไว้เป็นร้านที่มาค่อนข้างบ่อยเวลาสังสรรค์ เพื่อนทยอยมาจนเกือบครบตอนนี้มีคลังบาสและเอ็นจิเนียร์ในแอสคือปิงและลูป
“ไม่รอนะมึง!”
เสียงทำให้ทุกคนหันมองหลังจากดื่มกันได้ครู่ใหญ่แล้ว
“มาช้าวะ” คลังพูดแล้วกวักมือเรียก
“เคลียร์งานอะดิ”
คนมาใหม่เบ้หน้าบ่นแล้วเดินแทรกผ่าวงมาหยิบแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นดื่ม
“พนักงานดีเด่นวะฮ่าๆ”
คนมาใหม่ยื่นมือไปผลักหน้าลูปเพื่อนเอ็นจิเนียร์ในแอสอย่างดูสนิทสนมคงมีแต่บาสที่นั่งเงียบเพราะไม่รู้จักจนคนๆนั้นหันมาทางเขาแล้วสะกิดถามคลัง
“ใครวะ”
“ไอ้บาส”
“อ๋อ นี่นี้เองบาสแอสหนึ่งที่เขาล่ำลือ”
ไนท์พูดแล้วมองบาสไปด้วย
“กูไนท์นะเป็นเอ็นอยู่แอสห้า”
บาสยิ้มแล้วโค้งหัวให้ให้อย่างเป็นมิตร
“ดีๆแบบนี้ไม่น่ามาอยู่กับพวกนี้ให้แปะเปื้อนเลยวะ”
“อ้าวไอ้นี้” คลังมองไนท์สายตาเคืองๆแบบขำๆ
“แล้วไอ้คุณชายมันไปไหน”
“ไม่รู้เดินตามตูดกูมาดีๆ”
ไนท์พูดแล้วมองหา
“โน้นไอ้ห่าเดินหล่อมาโน้นละ”
“ไอ้ทิค!”
!!!
บาสที่นั่งเงียบมานานเงยหน้าขึ้นมองทันทีและก็เป็นอย่างที่คิด....เจ้าหนี้ของเขาเอง
ทั้งคู่มองกันตั้งแต่ทิคอยู่ในระยะไกลจนเดินมาถึงโต๊ะทิคจึงเปลี่ยนไปหากลุ่มเพื่อน
“มึงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกของวันนี้หรือไงวะ” คลังโวยวาย
“แล้วกูพอจะเป็นได้ไหมวะ”
“พูดงี้มึงถีบหน้ากูเถอะ”
เพื่อนพากันหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจ
“มานั่งๆ”
คลังกวักมือเรียกทิคให้ไปนั่งข้างๆที่เหลืออยู่นิดหน่อยบาสเห็นแบบนั้นก็ขยับให้ ทิคเดินเข้ามานั่งลงตรงจุดที่ถูกจัดแจงไว้ให้
“หมดแก้ว!”
คลังยกแก้วแอลกอฮอล์วางลงหน้าทิคเสียงดัง เสียหน้าได้ที่ไหนคนถูกท้ายกขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้วเรียกเสียงโห่จากเพื่อนได้เป็นอย่างดี
“ชนแก้วหน่อยไอ้บาส”
ไนท์ยื่นแก้วข้ามหน้าเจ้าของวันเกิดและทิคไปหาบาสที่นั่งตัวลีบอยู่หลังทิค
“มันไม่กินเว้ยเอามานี้ กูกินเอง” คลังจะดึงแก้วจากมือแต่ไนท์ไม่ยอมหันไปหาบาส
“ไม่แดกเหล้าหรอวะ”
“ใช่”
“เหยด”
“เพื่อนกูดีทุกอย่างเหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบเมียไม่เอาขยันหมั่นเพียรเป็นที่รักของทู้กคน”
ไม่พูดเปล่าคลังยื่นมือมาดึงคอบาสหวังจะให้เข้ามาใกล้ๆแต่มีทิคนั่งกั้นอยู่เลยทำให้คอบาสที่ถูกดึงมาแนบกับหน้าอกทิค บาสพยายามทั้งแกะทั้งตีมือเพื่อนให้ปล่อยแต่คลังหาได้สนใจไม่ดึงคอบาสค้างไว้แต่หันไปโฆษณาบาสให้ไนท์ฟังจนทิคเป็นฝ่ายดึงออกให้ถึงได้เป็นอิสระ

อย่างที่รู้ว่าผับและร้านเหล้าก็ต้องมีสาวควบคู่มาด้วย ไนท์กับคลังมองสาวๆกลุ่มหนึ่งต่างฝ่ายต่างมองกันไปมาเป็นสาวๆที่เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา
“ขอชนแก้วหน่อยได้ไหมคะ”
หนึ่งในสามของกลุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเชื้อเชิญ
“เป็นเกียรติมากครับ”
ไนท์ลุกขึ้นแล้วยื่นแก้วไปชนครบสองคนยกเว้นคนสุดท้ายที่สวยสุดในกลุ่ม
“ขอโทษนะคะ”
เธอพูดขอโทษเรื่องอะไรไม่รู้แล้วหันไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่และชี้ไปที่บาส
“ขอชนกับคนนั้นได้ไหมคะ”
เล่นเอาค้างกันทั้งวง ไนท์มองแล้วหัวเราะ
“ได้เลยครับ”
เดินผ่าวงเข้าไปกอดคอบาสให้ลุกขึ้น
“ชื่อบาสครับไม่ใช่มีดีแค่หล่อเป็นวิศวะยังไม่พอนิสัยดีสุดๆสิ่งมึนเมาไม่แตะและที่สำคัญยังไม่มีคู่ชีวิต”
“รับประกันว่าดีจริงครับ”
คลังลุกขึ้นกอดคอบาสอีกฝั่งคนกลางทำได้แค่ยืนตัวลีบโยกไปโยกมาตามแรงลาก
สาวสวยได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับต้องยิ้มจ้องมองบาสที่เอาแต่หลบตา
“เพื่อนเราชื่อใบหม่อนตอนนี้เป็นบัญชีการงานก็ดีนิสัยก็เริ่ดแฟนไม่มีเหมือนกัน”
คนที่เดินเข้ามาขอชนแก้วคนแรกแนะนำเพื่อนตัวเองบ้าง
“เหมาะสม!เอาไงไอ้บาส”
คลังถามเพื่อนตัวเองแต่บาสไม่ได้ตอบอะไรเกี่ยวกับคำถามเลย
“กูไปเข้าห้องน้ำแปปนะ”
บาสดิ้นออกจากแขนเพื่อนทั้งสองแล้วเดินออกมาทุกคนไม่ได้สนใจอะไรเพราะกำลังสัมภาษณ์สาวใบหม่อนกับเพื่อน บาสเดินเข้าห้องน้ำทำธุระเสร็จแล้วเดินไปล้างมือที่อ่างเดินออกจากห้องน้ำแต่ไม่ได้กลับเข้าไป
บาสเดินออกไปสูดอากาศนอกร้านสักพักแล้วถึงจะเข้าไปบรรยากาศเงียบๆทำให้คิดเรื่องเมื่อครู่นึกถึงคำพูดที่เพื่อนของใบหม่อนแนะนำ เธอเพอร์เฟคขนาดนั้นเขาไม่คู่ควรด้วยหรอกยอมรับว่าก็ถูกชะตาเธอไม่น้อย
“ทำไมไม่เข้าไป”
คนทีกำลังคิดเพลินๆหันมองคนที่เข้ามายืนข้างๆเมื่อรู้ว่าเป็นทิคก็ตกใจหน่อยๆแต่ก็ปรับตัวได้แล้วตอบออกไป
“สักพักครับ”
เสียงกดไฟแช็คทำให้ต้องหันมองอีกครั้ง บาสมองขั้นตอนการสูบบุหรี่อย่างเผลอตัวจนทิคที่กำลังพ่นควันหันมามอง
“อย่าไปคิดลองละ”
คนที่กำลังมองได้สติรีบหันไปทางอื่นที่มองไม่ใช่อะไรไม่คิดว่าคนที่ดูวางตัวดีและดูสุขภาพดีอย่างทิคจะสูบบุหรี่ ยืนเงียบกันไปสักพักก็มีผู้หญิงสวยคนหนึ่งเข้ามา ไม่ได้มาหาเขานะมาหาทิคต่างหาก
“อากาศดีนะคะ”
“ครับ”
ทิคตอบไป เมื่อรู้ว่าเริ่มเป็นส่วนเกินบาสจึงขยับออกห่าง
“มาคนเดียวหรอคะ”
“เปล่าครับ”
พูดจบก็จับแขนบาสดึงเข้ามาใกล้ๆ
“มากับเขา”
เธอสบตากับทิคแล้วยิ้มหันมามองบาส รายนั้นเป็นคนยิ้มกะทะละลายอยู่แล้วคนยิ้มมาก็ยิ้มตอบ
“น่ารัก”
เธอพูดทั้งที่ยังมองบาสอยู่แล้วหันกลับไปหาทิค
“ใช่ครับ…น่ารักมาก”
ทั้งคู่ยิ้มให้กันเธอคนนั้นหัวเราะอีกแล้วบาสได้แต่ยืนงงมองทั้งคู่
เธอโค้งหัวให้นิดๆแล้วเดินจากไป ทิคหันมาเห็นบาสมองอยู่แล้วถึงกับกระตุกยิ้มบ่นลอยๆ
“ทำเป็นอยู่หน้าเดียวหรือไง”
“ครับ ว่าอะไรนะ”
ยัง ยังไม่เลิกงงอีก
“ใช่ ผมกะจะเอาเงินไปให้คุณแต่ไม่รู้ต้องใช้เท่าไรได้เจอพอดีเลย”
บาสพูดสิ่งที่คิดมานานออกไปแต่นึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้กดเงินสดมาแต่พูดไปแล้วบาสหันมองจนทั่วสายตาก็ไปเจอเข้ากับตู้กดเงินที่อยู่อีกฝั่งถนนพอดี
“คุณรอก่อนนะครับ”
พูดแล้วก็วิ่งไปแบบไม่รออะไร
ทิคมองตามดูว่าบาสจะทำอะไร
ไม่รู้เพราะความรีบหรือเพราะเป็นคนไม่ระวังบาสไม่มองรถที่กำลังขับมาคนเดินตามไปหันมองด้วยความตกใจดีที่เป็นคนมีไหวพริบทิครีบวิ่งเข้าไปดึงแขนบาสให้กลับมาแรงจนบาสเซตามแรงดึงจนเกือบล้ม

!!!!!

ต่างคนต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองตามรถที่ขับผ่านไปมีเพียงเสียงหายใจแรงๆที่ได้ยินตอนนี้
“ทำบ้าอะไรหะ!”
ทิคตะคอกเสียงดังพร้อมกับบีบแขนจนบาสตกใจมองอึ้งๆ
“อยากตายหรือไง!”
ทิคบีบแขนแรงขึ้นอีกส่วนบาสยังคงตกใจจนพูดไม่ออก
“ผมไม่ทันมอง”
ได้ยินคำตอบทิคถึงกับต้องหันหน้าหนีเพื่อยับยั้งอารมณ์
“ขอบคุณนะครับ”
จะต่อว่าต่อพอได้ยินคำขอบคุณกับหน้าตาใสซื่อตรงหน้าก็พูดไม่ออก
“กลับเข้าไปเหอะ”
ทิคพูดเสียงแข็งแล้วเดินนำ
“เดี๋ยวแล้วเงินละ”
ได้ยินแค่นั้นทิคก็หันกลับมาเผชิญหน้าแล้วพูดเสียงดัง
“ก็ได้!”
“พรุ่งนี้รออยู่ที่แอส ผมจะให้คุณคุยจนพอใจ”
ทิคจ้องหน้าบาสที่หยุดกึกอยู่แล้วเดินเข้าร้านด้วยความเร็ว
คนที่ยืนอยู่ทำได้แค่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
เขาทำให้ทิคโกรธอีกแล้ว เจอหน้ากันทีไรสร้างแต่ความลำบากใจให้ ทิคคงไม่ชอบเขาเพิ่มขึ้นอีกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 7..รู้จักให้มากขึ้น 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 16-04-2018 23:59:43
8..รู้จักให้มากขึ้น

เมื่อคืนกว่าจะได้กลับก็เกือบเที่ยงคืนเมากันแทบเป็นโจ๊กเอาจริงๆทั้งกลุ่มเหลือแค่บาสกับทิคที่ยังเหมือนเดิมถึงเวลาที่สมควรแล้วถึงแยกย้าย ไนท์กลับกับทิคเพราะมาด้วยกันปิงกลับกับลูปส่วนบาสรับภาระคือคลัง เขาขับรถไม่เป็นจะทำยังไงได้นอกจากเรียกแท็กซี่กลับ ฝากรถคลังไว้ที่ร้านแล้วพามานอนค้างที่บ้าน
วันนี้เลยต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาเอารถนี้แหละ
“ปวดหัววะมึง”
“กินไม่ดูกำลังก็เงี้ย”
“ก็มันนานๆที”
คลังเบ้ปากแล้วนึกขึ้นได้
“แล้วเมื่อคืนพวกนั้นกลับไง”
“มายังไงก็กลับแบบนั้นแหละ”
“หรอ”
คลังทำหน้านึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วหันมาสนใจขับรถ
ทั้งคู่ออกเดินทางเพื่อไปโรงงานแต่เพราะมาเช้ากว่าปกติเลยไปนั่งทานข้าวเช้าที่โรงอาอารที่ร้อยวันพันปีจะได้มานั่งทานสักครั้ง บาสเลือกกินข้าวผัดส่วนคลังนาทีนี้ต้องข้าวต้มร้อนๆ
“โอ้ย!ร้อนๆ”
“เฮ้อมีแรง”
เป่าไปบ่นไป
บาสเห็นสภาพเพื่อนแล้วส่ายหัวอาการน่าเป็นห่วง
“เดี๋ยวกูไปซื้อเอ็มร้อยกับกาแฟให้ เข้าไปสภาพนี้มีหวังพี่บงกินหัวมึงแน่”

บาสลุกขึ้นหายไปสักพักแล้วกลับมาพร้อมเครื่องดื่มชูกำลังและของที่จะสามารถทำให้คลังตื่นได้ขนมาทุกอย่าง คลังเปิดถุงค้นๆดูแล้วถึงกับตาโต
“กินหมดนี้กูจะตายไหมเนี้ย”
“เห็นพิษของเหล้าหรือยังว่ามันมีแต่เสียกับเสีย”
“สาธุ”
คลังยกมือขึ้นพนมพร้อมกับทำหน้าทำตาเรียบร้อยล้อเลียนจนบาสต้องส่ายหน้าหนีให้กับความกวนของเพื่อน นั่งกินกันสักพักถึงเดินไปทาบบัตรแล้วตรงไปแอสของตัวเองปล่อยให้คลังนั่งตั้งสติอยู่ที่โต๊ะ
บาสใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุดไหนๆก็ว่างเลยถือโอกาสเดินตรวจเครื่องในไลน์การผลิตที่ต้องตรวจก่อนเริ่มงานทุกวันอยู่แล้ว
“ขยันจังเลยนะครับพี่บาส”
พนักงานรุ่นน้องในไลน์ที่กำลังเตรียมตัวจะเข้างานทัก
“เหมือนกันนะมาแต่เช้าเชียว”
“รถพามาครับ”
ทั้งคู่หัวเราะใส่กันแล้วพูดคุยเรื่องงานว่ามีอะไรให้ช่วยหรือต้องการถามอะไรหรือเปล่า
บาสเดินดูและเช็คเครื่องไปเรื่อยจนมาเจอเข้ากับพนักงานอีกคนที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่ เป็นคนที่มือเป็นแผลจากการยกงานวันนั้นนั่นเอง
“เป็นยังไงบ้างครับแผลหายหรือยัง”
วิศวะหนุ่มถามด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“อ่อ..ค่ะ”
เพราะมั่วแต่มองเพลินพอได้สติส้มจึงรีบตอบยกมือตัวเองให้บาสดูจากตอนแรกต้องใช้ผ้าผันแผลตอนนี้ใช้เป็นพลาสเตอร์แทนแล้ว
บาสยิ้มให้แล้วหันไปดูเครื่องต่อ ส้มยืนลังเลอยู่นานถึงกล้าเรียก
“คุณคะ”
บาสหันมาแล้วยิ้มให้เมื่อถูกเรียก
“เรียกบาสก็ได้ครับ”
ส้มอึ้งหน่อยๆไม่คิดว่าบาสจะให้ความเป็นกันเองกับเธอขนาดนี้
“ค่ะ บาส”
บาสยิ้มให้ทันทีที่ได้ยิน
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยเรื่องนี้”
ส้มยกมือข้างที่เป็นแผลให้บาสดูอีกรอบ
“ไม่เป็นไรครับ มีอะไรบอกได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”
“ค่ะ”
ส้มมองบาสที่เดินผ่านไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งชอบ ชื่นชม และหลงใหล จากที่ชอบอยู่แล้วก็ชอบขึ้นไปอีกเรื่องนี้คงเป็นประเด็นให้พูดกับเพื่อนไปอีกนาน

การทำงานก็ดำเนินไปปกติเหมือนทุกวัน วันนี้ไม่มีเรื่องให้เครียด เวลาพักช่วงบ่ายบาสจึงได้ออกมานั่งจิบกาแฟ
แรงสั่นของโทรศัพท์ทำให้ต้องหยิบขึ้นมาดู

(หวังว่าจะไม่ลืม)

เป็นข้อความจากเจ้าหนี้ของเขาเอง

(ครับ)

กดตอบไปแล้วได้แต่มองข้อความที่โชว์อยู่หน้าจออยู่อย่างนั้นจนได้เวลาเข้างาน

ถึงเวลาเลิกงานพนักงานในไลน์หรือแม้แต่กระทั่งตำแหน่งอื่นต่างพากันทยอยออกไปบาสยังคงเดินเคลียร์งานแต่ก็ไม่ใช่งานเร่งรีบอะไรทำรอเวลานัดเท่านั้นเองทำไปเรื่อยๆทิคก็ยังไม่มาจนไม่มีงานทำบาสจึงออกมายืนคอยหน้าแอส รอสักพักจนเห็นทิคกำลังเดินมาแต่ไกล
“จะไปไหน..ครับ”
บาสเรียกเสียงดังแต่ผ่อนเสียงคำสุดท้ายเมื่อเห็นว่าทิคกำลังจะเดินผ่าน
คนถูกเรียกหันหน้ามามองด้วยสายตานิ่งเฉย
“ก็ไปคุยไง”
“เราไม่คุยที่นี้หรอครับ”
“ไม่”
“ทำไมละครับ”
“ไม่อยาก”
คำเดียวรู้เรื่อง
พูดจบก็เดินลิ่วๆไปแบบไม่รอบาสต้องรีบเดินตาม
โรงงานตอนนี้คนเริ่มซาลงเพราะกลับบ้านกันหมดแล้วมีรอกะดึกเข้างานต่อเดินอยู่ไม่กี่คน เดินไปได้ไม่นานทิคก็แวะเข้ามินิมาร์ทคนมาด้วยทำได้แค่ยืนรออยู่ข้างหน้าจนทิคออกมาพร้อมกับเอ็มร้อยในมือเปิดแล้วยกขึ้นดื่มตรงนั้นทันทีทิคกินรวดเดียวหมดขวดแล้วยืนนิ่งเหมือนเรียกสติครู่หนึ่งถึงเดินเอาขวดไปทิ้ง
บาสมองภาพตรงหน้าก็พอจะดูออกว่าทิคกำลังเหนื่อยเพราะเขาเป็นบ่อยวันไหนงานเยอะก็อาการประมาณนี้ เสื้อผ้าทิคก็เปื้อนเต็มไปหมดมองดูเสื้อผ้าสายตาก็ไปเจอเข้ากับแผลตรงข้อศอก
“แขนเป็นอะไรครับ”
ทิคหันมองบาสด้วยสาวตานิ่งๆแล้วหันแขนตัวเองข้างซ้ายดู ตรงข้อศอกมีเลือดไหลคงเป็นตอนตรวจเครื่องก่อนเลิกงานรู้สึกเจ็บนะตอนนั้นแต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะกำลังยุ่งจนลืมไปเลย
“ไปห้องพยาบาลก่อนไหม”
“แผลแค่นี้ไปทำไม ห้องพยาบาลอยู่ตั้งไกล”
“ไกลตรงไหนตรงนี้ก็มี”
บาสเสียงดังกลับบ้างเมื่อทิคตะคอกใส่อย่างลืมตัว อยู่โรงงานนี้ไม่รู้หรอว่าห้องพยาบาลเขามีแทบจะทุกจุดหรือรู้แต่ไม่อยากไป
ทิคหันหน้าหนีบาสแล้วเดินนำเมื่อมาถึงห้องพยาบาลก็หันมาโยนเสื้อแขนยาวที่ถอดออกใส่บาสจนแทบคลุมหัวพร้อมกับกระเป๋าเอกสารดีนะที่บาสรับไว้ทัน คนที่มารยาทดีอย่างบาสอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อยคนไม่สนิทกันเพื่อนกันก็ไม่ใช่ทำไมถึงกล้าโยนของใส่แบบนี้ฝากดีๆก็ได้
เขาเลิกคิดแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องพยาบาลรอเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลาไปด้วย
“มาทำอะไรหรอบาส”
ฟ้าสาวบัญชีของแอสสองที่พอจะรู้จักแต่ไม่ถึงกับสนิทเดินผ่านมาพอดี
“พาเพื่อนมาห้องพยาบาลครับ”
“คิดว่าเป็นอะไร”
บาสยิ้มให้แล้วถามต่อ
“อยู่โอหรอ”
“ใช่ บาสก็อยู่หรอ”
“เปล่ากำลังจะกลับแวะพาเพื่อนมานี้ก่อน”
“อ่อ งั้นฟ้าไปละไว้เจอกันนะ”
“ครับ”
บาสมองตามแล้วนั่งลงเหมือนเดิมหันมองเข้าไปในห้องเมื่อเห็นว่ายังไม่มีใครออกมาจึงหันกลับมามองเอกสารทิคในมือแล้วเปิดดูฆ่าเวลาไม่นานประตูก็เปิดออกพร้อมกับทิคที่เดินมานั่งลงข้างๆบาสมองคนข้างๆแล้วถาม
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“แสบ”
ถึงกับต้องหลุดยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบมองแผลที่ข้อศอกของทิค
“โดนเครื่องหรอครับ”
“รู้ได้ไง”
“ผมโดนประจำ”
พูดแล้วก็เปิดกระเป๋าเสื้อหยิบพลาสเตอร์ที่มีอยู่สามสี่อันออกมาให้ดูทิคเห็นแล้วถึงกับต้องหันหน้าหนีแล้วยิ้ม รู้ตั้งแต่วิ่งไม่ดูรถเมื่อวานแล้วละว่าเป็นคนซุ่มซ่ามขนาดไหน
“เราจะไปคุยกันที่ไหนหรอครับ”
“ยังไม่รู้”
“คุยตรงนี้ไหมครับ มีเก้าอี้ให้นั่งพอดี”
บาสยิ้มกว้างให้ทิคมองแล้วยิ้มตามแบบหลบๆนั่งเงียบกันอยู่นานทิคจึงเป็นฝ่ายพูดก่อน
“จะใช้หนี้เงินพอใช้หรอ”
เขาพูดโดยที่มองไปข้างหน้ามือสองข้างอยู่ในกระเป๋าที่ถามไปแบบนั้นไม่ได้คิดที่จะดูถูกบาสแต่ที่ถามเพราะก็พอจะรู้อยู่มีคงไม่ต้องยืม
“ถึงไม่พอแต่เอามาก็ต้องคืน”
บาสพูดโดยที่สายตามองไปข้างหน้าเหมือนกัน
“แต่ละเดือนเอาเงินไปทำอะไรบ้าง เล่าได้ไหม”
ทิคหันมองตรงประโยคหลัง
“แต่ก่อนก็พอมีเงินเก็บแต่พอแม่มาป่วยก็ต้องพาไปหาหมอทุกเดือนผมไม่มีเงินเก็บเป็นก้อนเยอะขนาดนั้น เลยต้องหายืม”
“แม่เป็นอะไร”
“เบาหวานกับโรคซึมเศร้า”
มองสายตาของบาสตอนนี้แล้วรู้สึกแย่ไปด้วย
“อยู่กับแม่สองคนหรอ”
“ครับพ่อผมเสียแล้ว นี้แหละสาเหตุของโรคซึมเศร้า”
ทิคไม่ถามอะไรต่อเลือกที่จะเงียบไปสักพัก ลมเย็นๆกับอากาศเงียบๆแบบนี้ทำให้คิดอะไรได้เยอะจริงๆ
“เงินที่ยืมไปเอาไปทำอะไร”
ทิคถามอีกหลังจากที่เงียบไปนาน
“พ่อผมเช่าที่เปิดโรงรับซ่อมของ มันเป็นที่เล็กๆไม่ได้ใหญ่อะไรผมไม่เคยรู้เลยว่าต้องให้เงินเจ้าของที่ด้วยจนแม่บอกว่าเจ้าของที่เขาจะให้คนอื่นเช่าต่อซึ่งผมก็ไม่มีเงินเป็นแสนขนาดนั้นตอนนี้”
“ถึงมันจะไม่ได้ใช้งานแต่มันก็เป็นความทรงจำของพ่อที่แม่อยากรักษาไว้มันมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับพวกเรา”
พูดจบบาสก็หันมายิ้มให้ทิคที่มองอยู่ก่อนแล้วเป็นยิ้มที่ไม่ได้บ่งบอกถึงความสุขเลย ทิคจ้องเข้าไปในตาของคนตรงหน้าเพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริง
“เรื่องเงินผมไม่รีบ มีแค่ไหนใช้แค่นั้นไม่ไหวไม่ต้องฝืน"
บาสมองทิคอย่างไม่เข้าใจ ยอมรับว่าคิดไม่ทันจริงๆว่าทิคทำแบบนี้แล้วได้อะไร
“คุณ..ไม่กลัวผมโกงหรอ”
“คิดจะทำไหมละ”
บาสมองตาทิคที่มองมา
“ผมไม่รู้ว่าเมื่อถึงจุดที่ใกล้จะตายผมจะทำไหม”
“คุณกำลังทำให้ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ดีอย่างที่ใครคิด”
บาสยิ้มเจือนเมื่อได้ยินคำพูดทิค
“ทุกคนเห็นแค่เปลือกที่ดูดีและดูมีพร้อมไม่มีใครรู้ความจริง”
“เราต่างมีเปลือกที่หันเข้าหากัน”
บาสหันมองคนข้างๆเมื่อได้ยินสิ่งที่ทิคพูด
“คุณดูเป็นคนจริงใจนะ”
ทิคหันมาสบตาบาส
“ถ้าถอดเปลือกออกตัวตนที่ผมซ่อนไว้ไม่มีใครคาดถึงหรอก”
บาสมองเข้าไปในตาทิครู้สึกหวั่นแปลกๆแต่เก็บความรู้สึกไว้
“เรื่องเงินมันไม่ใช่ปัญหาขอแค่คุณซื่อสัตย์กับผม แบบไหนถึงเวลาคุณจะคิดได้เอง”
ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไรต่อ ทิคหมายถึงอะไรบาสไม่สามารถรู้ได้ซึ่งเขาก็ไม่อยากถามเซ้าซี้เพราะคงอย่างที่ทิคพูดถึงเวลาก็คงรู้เอง

ทั้งคู่เดินออกจากหน้าห้องพยาบาลไปตามทางเรื่อยๆแบบเงียบตลอดทางไม่รู้จะหาอะไรมาพูดกันจริงๆ
แต่จะให้กลับเฉยๆก็คงไม่ได้
บาสพาทิคไปตู้กดเงินและกดเงินให้ไปหนึ่งหมื่นห้าพันบาทอย่างที่ตั้งใจไว้ เดือนนี้เขาเหลือเท่านี้จริงๆซึ่งทิคก็ไม่ขัดอะไร
เสร็จธุระแล้วต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับบ้านโดยที่ไม่มีใบสัญญาการกู้ยืมหลักทรัพย์หรืออะไรที่การกู้ยืมเงินเขามีกันทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 9..เพราะอะไร 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 00:01:18
9..เพราะอะไร

ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบทิคก็ถูกโรงงานไปเลือกตัวไว้ล่วงหน้าเพื่อจะให้มาทำงานที่นี้เมื่อเรียนจบจะเป็นแบบนี้ทุกปีที่โรงงานไดซูมิจะเข้ามาเลือกตัวนักศึกษาที่มีผลการเรียนและการปฏิบัติตัวที่ดีไป ตั้งแต่เข้ามาทำงานทิคก็เป็นที่รักของทุกคนทั้งที่เขาไม่เคยแสดงหรือทำตัวเข้าหาเพื่อให้คนอื่นรักแต่เขากลับเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและเจ้านายและเป็นที่หมายปองของผู้หญิงแทบทุกคน รูปร่างหน้าตาที่หล่อ การปฏิบัติตัว ของที่ใช้ และหน้าที่การงาน ความเก่งในการทำงาน ทุกอย่างทำให้ทิคดูสมบูรณ์แบบสมาร์ทและมีภูมิฐาน ทิคเป็นคนนิ่งแต่ไม่ดูหยิ่งคนจึงกล้าเข้าหาทุกคนต่างรักที่เขาเป็นเขาเมื่อได้คุยได้ใกล้จะรู้สึกดีด้วย เป็นเรื่องธรรมดาที่คนหล่อจะเป็นที่รู้จักไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ที่ไดซูมิแห่งนี้ก็เหมือนกันไม่มีใครไม่รู้จัก(ทิคเอ็นจิเนียร์แอสห้า)ไม่ว่าจะคนเก่าหรือคนใหม่ก็ตามไม่ใช่มีดีแค่หน้าตาการทำงานก็เป็นที่กล่าวขานเหมือนกันเด็กหนุ่มไฟแรง

การทำงานวันนี้วุ่นวายในระดับหนึ่งเพราะมีอะไรหลายๆอย่างเข้ามากะทันหัน
“ช่วยไปกระจายข่าวให้พี่ด้วยนะ”
“ครับ”
ทิคโค้งหัวให้มานพผู้จัดการแอสรับคำสั่งแล้วเดินดูเอกสารมาตรงจุดกลางที่ทำงานของเอ็นจิเนียร์เพื่อเรียกประชุมเพื่อนเอ็นจิเนียร์ในแอส
“เดี๋ยวมันจะมีองค์ประกอบในงานเปลี่ยนเยอะอยู่พอสมควรนะ”
“อะไรวะ”
ไนท์ถาม ตอนนี้หน้าตาเขาไม่เหลือเคล้าความขี้เล่นเลยเวลาทำงานทุกคนจะจริงจัง
“มอเตอร์ สายไฟ แล้วก็แผงเหล็ก อีกสามวันเขาจะเอารายละเอียดมาให้อีกทีเขาให้มาบอกเพื่อรู้ไว้ก่อน”
“ทำไมเปลี่ยนวะ” ตี๋ถามบ้าง
“เขาจะทำให้ชิ้นงานมันเล็กลงเพื่อประหยัดเวลานะที่ฟังมา” ทิคอธิบาย
“วอท!”
ตี๋เล่นใหญ่ทำหน้าทำตาแบบไม่เข้าใจ จนทิคยิ้ม
“ไปๆ”
ทุกคนแยกย้ายเมื่อทิคพูดจบเว้นแต่เพื่อนสนิทเขานั้นแหละ
“กูอยากกินยำมาม่า”
“ไอ้นี้”
ทิคยื่นมือไปผลักหัวไนท์นึกว่าจะคุยเรื่องงาน แล้วเดินหนีไปดูเอกสาร
“เลิกแล้วไปกินร้านเจ้หนิงกันเหอะ”
ไนท์ยังไม่เลิกเดินตาม
“เลิกเหล้าหันมากินข้าวแล้วไง”
ทิคหันไปมองเพื่อนตัวเองเมื่อเห็นเพื่อนตามเซ้าซี้ไม่เลิก
“เลิกห่าไรละก็เพราะกินแต่เหล้าแต่เบียร์นี้ไงกูถึงหิวข้าวหิวปลาแบบนี้ เหนื่อยแม่ง”
“เออๆ”
ทิคตอบตกลงมองเพื่อนอย่างหมั่นไส้แล้วเดินแยกไปเพราะต้องไปเอาแฟ้มเอกสารที่แอสสาม ไปถึงก็คุยเรื่องงานกับเอ็นจิเนียร์แอสนั้นเพลินจนออดเวลาเลิกงานดังถึงเดินหอบแฟ้มเอกสารกล่องใหญ่เพื่อที่จะกลับแอส
แต่เดินมาได้ครึ่งทางก็พบเข้ากับบาสเขาเห็นลูกหนี้แต่ไม่รู้ว่าลูกหนี้เห็นเขาหรือเปล่า เพราะบาสกำลังก้มสนใจเอกสารในมือ เห็นแบบนั้นก็เกิดความรู้สึกอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าอยากกลั่นแกล้งเขาเดินเข้าไปหาเนียนๆหวังจะให้บาสเห็น แต่เป็นจังหวะที่บาสหันหลังกลับไปมองอะไรไม่รู้บวกกับบาสเป็นคนเดินเร็วและเขาเดินเข้าไปหาด้วย ต่างฝ่ายต่างเข้าหากันด้วยความเร็วทำให้บาสหันมาชนเข้ากับเหลี่ยมแฟ้มที่ใหญ่เกินกล่องออกมาอย่างจัง

!!!!!

ทุกอย่างตกกระจัดกระจายบาสทิ้งเอกสารในมือแล้วใช้มือทั้งสองข้างกุมตาข้างขวาตัวเองทันทีทิคมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ บาสนั่งลงด้วยความเจ็บใช้ความพยายามที่มีฝืนตาขึ้นมองสบตากันได้ครู่เดียวบาสก็ก้มหน้ากุมตาตัวเองเหมือนเดิม
ทิคมองตาแดงๆและเลือดที่ออกตรงหางตาของบาสก็ยิ่งตกใจ เห็นเลือดที่ค่อยๆไหลแล้วนิ่งเหมือนถูกสาป
“เป็นยังไงบ้างคะ!”
มีคนวิ่งเข้ามานั่งลงข้างๆถามบาสและก็มีอีกสองคนวิ่งเข้ามาสมทบ
“เลือดออกด้วยไปห้องพยาบาลเถอะ!”
คนหนึ่งพูดอีกสองคนจึงช่วยกันพยุงบาสให้ยืนขึ้น บาสตอนนี้ยังไงก็ได้เพราะเจ็บมากจริงๆทุกคนเดินผ่านไปแล้วทิคยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมสักพักแล้วเดินด้วยความเร็วไปโดยไม่ได้เก็บของที่ตกอยู่ไปด้วย

เขาไม่ได้ตั้งใจ

เขาไม่ได้อยากให้บาสเจ็บขนาดนั้น

มันเป็นอุบัติเหตุ

เขาไม่ได้ตั้งใจ

ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

ทิคเดินตรงไปที่รถเปิดประตูแล้วโยนเสื้อไปเบาะข้างๆเข้าไปนั่งปิดประตูสุดแรงแล้วบีบพวงมาลัยรถเพื่อระบายอารมณ์ด้วยมือสั่นๆ
ภาพเลือดของบาสยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
ทำไมยิ่งใกล้ ยิ่งคุย ยิ่งรู้จัก และเวลาคนๆนั้นยิ้มให้ มันยิ่งทำให้ความรู้สึกเดิมที่รู้สึกมาตลอดมันยิ่งเพิ่มพูนขึ้น บางครั้งก็สงสารแต่ความสงสารมันมักจะหายไปในเวลาอันรวดเร็วและความคิดร้ายๆจะเข้ามาแทนที่เสมอ เหมือนเขามีสองคนในตัว มันผิดปกติแล้ว

ทิคออกรถไปด้วยความเร็วตลอดทางคิดแต่เรื่องนี้เขาจะปล่อยไว้แบบนี้หรอหรือจะหาทางแก้ไง
ต้องทำยังไง

แต่ไม่รู้จะยังไงต่อเพราะตอนนี้เขายืนอยู่หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้ว ทิคเดินไปนั่งที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ด้วยใจลอยๆนั่งให้ลมเย็นๆพัดผ่านตัว
“รอนานไหม”
เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่นั่งลงข้างๆเธอคือทับทิมพี่สาวของเขาเองเธอเป็นหมอเกี่ยวกับกระดูกเป็นผู้หญิงอายุย่างเลขสามที่ยังสวยและดูดีไม่ต่างจากน้องชาย
“ทับ”
“ฮึ”
เธอขานรับยกกาแฟในมือขึ้นดื่มแล้วหันมองน้องชายตัวเอง
“เรารู้สึกแปลกๆ”
“อะไร”
“บอกไม่ถูก”
ทับทิมมองน้องชายด้วยสายตาอ่อนโยนเหมือนให้รู้ว่าเธอพร้อมที่จะรับฟัง
“พูดมาพาสทซิมเพิลเทนสฉันเก่งนะสมัยเรียน”
ทิคยิ้มเจือนให้กับความขี้เล่นของพี่สาว แล้วเปลี่ยนเป็นหน้านิ่ง
“เรารู้จักคนๆหนึ่งมาสักพัก”
“อืม” ทับทิมตอบรับพยักหน้ารับรู้
“เป็นคนที่โรงงาน”
“ดีแล้วนิมีเพื่อนใหม่ๆ”
ที่พูดแบบนี้เพราะเธอรู้ดีว่าน้องชายของเธอเป็นคนไม่ค่อยคบใครอยู่แต่กับเพื่อนที่รู้จักกลุ่มเดิมเท่านั้น เธออยากให้ทิคเข้าสังคมมากกว่านี้
“มันไม่ใช่”
ทับทิมได้ยินแบบนั้นบวกกับหน้าตาของน้องชาย จึงส่งมือไปจับมือน้อง
“มันยังไง เล่าพี่ได้ไหม”
เธอเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงจริงจังแบบอ่อนโยน
ทิคเงียบไปครู่ใหญ่แล้วถึงพูดโดยที่ยังมองไปข้างหน้า
“เราอยากแกล้งคนนั้น”
พูดจบก็หันมาหาพี่สาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงลนลาน
“มันไม่ใช่แกล้งธรรมดานะทับ!เราอยากแกล้ง แกล้งแรงๆ อยากทำอะไรก็ได้ให้เขาเจ็บเคยคิดถึงขนาดเลือดตกยางออกเลยก็มี อยากให้เขาเห็นเราแล้วต้องยอม ต้องฟังเรามากกว่าคนอื่นทับเข้าใจไหมเราต้องมาก่อนทุกคน!”
หมอสาวมองน้องชายตัวเองอย่างพูดไม่ออกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ทิค”
เธอเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
“เราเป็นโรคจิต”
“ทำไมพูดแบบนั้น”
เธอถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เรารู้ตัวดี!คนปกติที่ไหนเขาคิดแบบนี้กับคนอื่นกัน นอกจากพวกโรคจิต!”
ทิคพูดเสียงดังมีน้ำกลิ้งอยู่ในตาแต่ไม่ไหลออกมาเขาพยายามข่มอารมณ์ไว้ ทับทิมเห็นน้องชายตัวเองแล้วทำอะไรไม่ถูก เธอยื่นมือไปจับหน้าน้องชายให้มองเธอ
“น้องชายพี่จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง อย่าเพิ่งคิดไม่ดีกับตัวเองจนกว่าจะได้คำยืนยันจากหมอสิ”
ทิคส่ายหัว
“ทำยังไงดีทับ มันยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน เรากลัวว่าสักวันเราจะทำอะไรไม่ดี”
“พี่แกเป็นหมอนะทิค ไม่ต้องกลัว”
เธอพูดแล้วดึงน้องชายเข้ามากอด ไม่ว่าสิ่งที่น้องชายเธอคิดจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตามเธอจะหาทางช่วยสุดความสามารถที่มี มันคงสุดๆแล้วจริงๆทิคถึงมาปรึกษาเพราะปกติมีปัญหาอะไรทิคจะเก็บไว้คนเดียว

ทั้งคู่นั่งสงบอารมณ์กันสักพักแล้วถึงเดินไปที่รถทิค
“ขับดีๆไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นถึงแล้วโทรหาพี่ด้วย”
ทิคพยักหน้าให้พี่สาว
“กลับบ้านบ้างนะทิค”
เธอพูดทิคหันมามองแล้วพยักหน้าให้อีกครั้งทับทิมเห็นแบบนั้นก็ยิ้มให้ ปิดประตูรถให้น้องชายแล้วยืนมองตามรถทิคจนสุดสายตา
ที่บ้านรู้ดีว่าทิคเป็นเด็กโลกส่วนตัวสูงไม่ค่อยมีเพื่อนเยอะเพราะสมัยเด็กๆครอบครัวต้องย้ายตามพ่อไปทำงาน ทิคเลยต้องย้ายโรงเรียนบ่อย ทิคเป็นคนเงียบเก็บอารมณ์และความคิดเก่งบ้างครั้งจะอารมณ์ร้อนมาก ง่ายๆคือเด็กเก็บกดนั่นเองเล่นกับเพื่อนแรงจนไม่มีใครเล่นด้วยก็เคย บ้างทีทิคจะแสดงอารมณ์ที่ทำให้ตกใจเหมือนกันแต่ทุกคนจะไม่พูดและปล่อยผ่านเพราะกลัวทิคคิดมาก ไม่มีใครเห็นด้านมืดของทิคนอกจากครอบครัวแม้แต่เพื่อนสนิท

มันหายไปนานแล้ว

ทำไมมันถึงกลับมา

คนๆนั้นคือใครกันที่ทำให้น้องชายเธอกลับมาเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 10..จะหนีกันไหม 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 00:02:30
10..จะหนีกันไหม

ทิคนำป้ายพนักงานคล้องคอ ใส่หมวกแล้วถือเอกสารลงจากบันไดเดินตามทางเพื่อไปที่แอส เป็นสิ่งที่ทำวนทุกวัน
เช้านี้รู้สึกเหนื่อยจริงๆไม่เคยเป็นแบบนี้เลยตั้งแต่ทำงานมา ยอมรับว่าคิดเรื่องบาสทั้งคืนหาคำตอบว่าทำไมถึงรู้สึกกับบาสแบบนั้นเขาไม่ได้อยากแกล้งหรือทำไม่ดีพูดไม่ดีกับบาสแต่ทุกครั้งที่เห็นหน้า การกระทำและคำพูดมันจะไปเองโดยอัตโนมัติ
“ไอ้ทิค!”
แรงดึงที่แขนทำให้ทิคที่กำลังคิดเพลินได้สติ เป็นตี๋นั้นเองที่ยืนหน้าตาตื่นอยู่ตรงหน้า
ทิคหันมองจุดที่ตนถูกตี๋ดึงมือออกมาถ้าตี๋ไม่มามือเขาคงเจ็บหนักถึงขั้นขาดเลยก็ได้เพราะมันเป็นเครื่องจักรในไลน์การผลิตเขากำลังเปิดเครื่องตรวจเหมือนทุกวันแต่เมื่อกี้คิดจนใจลอย
“ระวังหน่อยสิวะ เป็นอะไรไม่สบายหรอ”
ตี๋มองหน้าจืดๆของเพื่อนแล้วถามด้วยความเป็นห่วงพนักงานดีเด่นอย่างทิคไม่เคยทำงานพลาดและใจลอยแบบนี้มาก่อนเลยเขาเพิ่งเห็นครั้งแรก
“กูง่วงนิดหน่อย”
ทิคยิ้มให้เพื่อน ตี๋ได้ยินแบบนั้นบวกกับยิ้มของทิคก็เข้าใจและเดินแยกไป

เขาเป็นอะไรทำไมถึงเอาแต่คิดแบบนี้
แล้วบาสจะเป็นยังไงบ้าง มันจะแย่ไปไหมถ้าไม่ไปดูเขาหรือถามอาการเขาเลย แต่จะเข้าไปยังไงเพราะเขารู้ตัวดีว่าถ้าเห็นหน้าบาสความคิดร้ายๆมันก็จะเกิดขึ้นอีก บาสทำให้คนที่ไม่เคยกลัวอะไรแบบเขาเป็นแบบนี้ได้ยังไง
ทิคพยายามเลิกคิดแล้วหันมาสนใจงานมันไม่ใช่นิสัยของเขาแล้วที่จะเอาเรื่องส่วนตัวมาคิดเวลางาน
แต่ทำยังไงมันก็ไม่หายออกไปจากหัวอยู่ดีเขาเดินมาเรื่อยๆจนถึง…แอสหนึ่ง
ไม่ได้คิดจะมาหาบาส รู้แค่ว่าอยู่ดีๆสมองก็สั่งให้เดินมาที่นี้
ทิคยืนอยู่หน้าแอสหนึ่งมองเข้าไปข้างในความคิด ความรู้สึก อะไรหลายๆอย่างโถมเข้ามา ดีที่ตอนนี้พักกลางวันเลยไม่ค่อยมีคนไม่งั้นคงต้องคอยตอบคำถามว่ามาทำไมเป็นแน่ เขาถอนหายใจจะหันหลังกลับเมื่อไม่รู้ว่าจะมาทำไมแต่ก็มีอะไรบางอย่างทำให้ต้องหยุดทุกอย่าง

เป็นบาสที่ยืนถือแฟ้มอยู่กลางไลน์การผลิตมองมาที่เขา เหมือนบาสจะตกใจไม่น้อยที่เจอเขาที่นี้
ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรมีเพียงเสียงเครื่องเท่านั้นที่ดังอยู่ ตาข้างขวาของบาสถูกปิดด้วยผ้าก๊อซสีขาวเห็นแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกแย่

เขาต้องทำยังไง

จะไปขอโทษ

หรือทำเป็นไม่สนใจโลกแบบที่ชอบทำ

ทิคตัดสินใจจะก้าวขาเข้าไปหาแต่ก็หยุดเท้าลงเมื่อคิดอะไรได้ ถ้าเข้าใกล้เขาก็ต้องทำเรื่องร้ายๆกับบาสอีกแน่

“เป็น..ยังไงบ้าง”
ถามไปด้วยเสียงไม่ดังมากแต่ระยะห่างของพวกเขาก็พอได้ยิน
บาสอั้มอึ้ง ทิคจึงถามอีก
“แผลนะ”
“ไม่เป็นไรครับ” บาสตอบแบบไม่เต็มเสียง
ทิคได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรต่อจึงยืนเงียบกันทั้งคู่
“ไปหาหมอกัน”
ทิคพูดขึ้นบาสที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้ามองทันที
“ผมไปหามาแล้ว”
“ที่ไหน”
“ห้องพยาบาลเมื่อวาน”
ทิคถอนหายใจเมื่อได้ยินคำตอบ
“ไปหาหมอเฉพาะทาง”
“ไม่ต้องหรอกครับเดี๋ยวก็หาย”
“เลิกงานไปรอผมที่ลานจอดรถ”
ทิคพูดด้วยเสียงเรียบเฉยแล้วหันหลังเดินออกไปโดยที่ไม่รอคำตอบอะไรทั้งนั้น
บาสมองหลังเจ้าหนี้ถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงนั่งด้วยความเหนื่อยใจ

เหตุการณ์เมื่อวานคืออะไรมันเป็นอุบัติเหตุใช่ไหม แล้วทำไมไม่คิดจะขอโทษกันเลย
บาสเลิกคิดแล้วใช้มือดันเข่าตัวเองลุกขึ้นยืนตั้งสติแล้วทำงานต่อด้วยความลำบากการมองตาเดียวมันทำอะไรไม่เต็มที่เลย ความเจ็บจากตาข้างขวาก็มีเป็นระยะๆมันทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดน้อยลง

เลิกงานบาสเคลียร์งานทุกอย่างแล้วตรงไปยังจุดนัดพบไม่มีความรู้สึกอยากไปเลยสักนิดแต่ก็ต้องมาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องยอม
อ่อ..ใช่สิเป็นหนี้เขาอยู่นิ
มาถึงลานจอดรถก็ต้องยืนนิ่งไม่รู้เลยว่ารถทิคคือคันไหน บาสแสยะยิ้มให้ความโง่ของตัวเองแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างตึกแถวๆนั้นนั่งก้มหน้าด้วยความเหนื่อยงานวันนี้ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันช่วงบ่ายวิ่งให้วุ่น
นั่งอยู่ครู่ใหญ่ก็มีใครสักคนเดินมาหยุดตรงหน้า บาสมองเท้าคนๆนั้นแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง
เจ้าหนี้ของเขาไม่พูดอะไรแค่มองหน้าแล้วหันหลังเดินไป บาสมองตามแล้วถอนหายใจรอบที่ร้อยของวันใช้มือดันเข่าตัวเองให้ยืนขึ้นด้วยความเหนื่อยเดินตามทิคไปรถของทิคหรูสมกับเจ้าของ บาสเลิกมองแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่ง
รถแล่นไปด้วยความเงียบไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเปิดเพลงไม่อะไรทั้งนั้น

ทั้งคู่มาถึงโรงพยาบาลทิคเข้าไปติดต่อบาสไม่รู้จะไปไหนจะทำอะไรจึงยืนอยู่เฉยๆทิคเดินเขาก็เดินตาม คนก็เยอะตาก็มองไม่ชัดทำให้เดินได้ช้ามั่วแต่เพ่งตามองจนรู้สึกถึงแรงดึงที่มือจึงหันมอง ทิคยื่นมือมาจับมือบาสให้เดินตามทั้งคู่เดินฝ่าฝูงชนไปด้วยความลำบากจนมาถึงห้องตรวจ แต่เพราะต้องรอคิวจึงต้องนั่งรอ
“คุณมาวินเชิญค่ะ”
พยาบาลเรียกชื่อบาสลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องตรวจ
ใช้เวลาอยู่พอสมควรในการตรวจ ออกมาก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นทิค บาสเดินไปนั่งลงที่เดิมมองหาแล้วนั่งคอยต่างคนต่างทำเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน
น้ำแก้วหนึ่งถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้าบาสเงยหน้าขึ้นมองสบตากับทิคแล้วรับมา ทิคนั่งลงข้างๆแล้วถาม
“เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นอะไรมากครับ ตาอักเสบนิดหน่อย”
ทิคได้ยินแล้วมองผ้าปิดตาที่ถูกเปลี่ยน
“ทำไมไม่หยุดงานสักสองวัน”
บาสหันมองแล้วยิ้มให้แบบเหนื่อยๆ
“เสียดายเบี้ยขยัน”
ทิคได้ยินคำตอบแล้วอึ้ง เชื่อเขาเลย
“มันเท่าไรกันผมจะให้สักสองเท่า”
“คุณมาวินเชิญรับยาที่ช่องหนึ่งคะ”
ชื่อถูกเรียกก่อนไม่งั้นบาสคงโดนอีกไม่น้อย ทิคลุกขึ้นเดินไปยังจุดรับยา บาสมองตามไปก็เห็นกำลังคุยกับเภสัชจ่ายยาใช้เวลาแปปเดียวก็เดินกลับมาแล้วเดินนำไปเลยบาสเห็นแบบนั้นก็ลุกเดินตาม ทั้งคู่เดินออกมาด้วยกันต่างฝ่ายต่างเงียบเหมือนอยู่กันคนละโลก
“หยอดตาทุกวัน ยาแก้อักเสบก็กินจนกว่าจะหมดยาแก้ปวดถ้าไม่ปวดไม่ต้องกินก็ได้ ส่วนยาหลอดเล็กๆเอาไว้ทาแผลตรงหางตา”
ทิคพูดขึ้นโดยที่ไม่มองหน้า
บาสก็รับฟังโดยที่ไม่ได้มองหน้าเช่นกัน ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง

“ขอโทษนะ”

บาสหยุดเท้าลงทันทีที่ได้ยินหันกลับไปสบตากับทิค
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นอุบัติเหตุ” (ใช่ไหม)
บาสคิดแต่ไม่ได้พูดคำในวงเล็บออกไปเขาเดาใจทิคไม่ถูก เขาดูทิคไม่ออกจริงๆ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทิคเลย ทิคเป็นคนยังไงกันแน่ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่อุบัติเหตุหรือความตั้งใจ บางครั้งทิคก็ดูใจดีแต่บางครั้งก็ทำให้รู้สึกไม่อยากอยู่ใกล้
“คุณคงกำลังกลัวผม”
บาสดึงสติออกมาจากความคิดของตัวเองเมื่อได้ยินคำพูดของทิค สบตาทิคแล้วถามออกไป
“แล้วคุณจะทำอะไรให้ผมกลัวอีกไหม”
ในเมื่อต่างฝ่ายต่างรู้ความคิดของกันก็ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บและปิดบังอะไร
“ผมไม่รู้”
ได้ยินคำตอบก็เกือบเข่าอ่อน หน้าตาดูใจดีแต่คำพูดของทิคทำไมถึงเย็นแบบนี้
บาสเข้าใจทุกอย่างแล้วเขายิ้มให้ทิคแบบที่ชอบยิ้ม
“กลับกันเถอะ”
ทิคมองอย่างไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มและความจริงใจที่บาสส่งมาให้จึงยิ้มตอบ ทั้งคู่เปลี่ยนจากที่เดินไม่รอกันมาเป็นเดินไปพร้อมกัน มือของพวกเขาถูกกันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าสถิตทั้งคู่ชักมือออกห่างจากกันทันที ต่างคนต่างไม่พูดอะไรทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เดินไปได้ไม่นานมือก็ถูกกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีใครชักมือกลับ มือหนึ่งมีถุงยาอยู่ในมือ มือหนึ่งมีกุญแจรถอยู่ในมือเดินไปก็ถูกกันไป เป็นความรู้สึกที่หาคำอธิบายไม่ถูกรู้แค่ว่ามันทำอะไรๆที่เจอมาดีขึ้น
คนหนึ่งไม่รู้ตัวเองว่าจะทำอะไรอีกเมื่อไร คนหนึ่งรู้แต่ไม่คิดหนี ไม่กลัว และพร้อมจะช่วยเหลือ โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าที่ทำไปแค่เพราะความรู้สึกอยากช่วยเพื่อนคนหนึ่ง
หรือเพราะความรู้สึกอะไรกันแน่…
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 11.ความซื่อสัตย์ 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 00:04:46
11..ความซื่อสัตย์

การได้คุยเปิดใจวันนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของบาสและทิคดีขึ้นมาก ดีในที่นี้ไม่ใช่ถึงขนาดเป็นคนสนิทชิดเชื้อไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทั้งคู่ไม่ได้คุย ไม่ได้เจอกันทุกวันเหมือนแต่ก่อนนั้นแหละ
เพียงแค่รู้สึกเข้าใจกันมากขึ้นเท่านั้นเอง…
“ขอเชิญเอ็นจิเนียร์แอสเซมบลีหนึ่งทุกคนพร้อมกันที่บอร์ทค่ะ”
เอ็นจิเนียร์ทุกคนที่ได้ยินคำประกาศจากไมค์ต่างละจากสิ่งที่ทำอยู่แล้วไปยังจุดรวมพล ทุกคนมาพร้อมกันแล้วกำลังพูดคุยกันพอบงกชมาต่างรีบหันกลับมาทำตัวให้เรียบร้อยที่สุดเพื่อรอฟัง เมื่อเห็นคนที่มากับบงกชต่างพากันซุบซิบ
“ที่พี่เรียกมาวันนี้อย่างที่รู้กันดีว่าทุกปีเราจะมีนักศึกษาฝึกงานมาปีนี้ก็เช่นกันมีมาสองคนนะคะพี่จะให้น้องๆแนะนำตัว เชิญค่ะ”
บงกชหันไปหานักศึกษาฝึกงานสาวหน้าตาน่ารักสองคนให้แนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ รมิดา การเจริญ ชื่อเล่นชื่อบริ้งค่ะ”
“สวัสดีค่ะ เมษา คุนำพร ชื่อเล่นชื่อใจฟ้าค่ะ”
สาวๆแนะนำตัวไปสร้างรอยยิ้มให้หนุ่มๆเอ็นจิเนียร์ได้ไม่น้อย นานๆทีจะมีสาวๆมาลงแอสตัวเองก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา สองสามปีที่ผ่านมามีแต่ผู้ชายที่มาตกแอสหนึ่งเพราะแต่ละปีนักศึกษาฝึกงานที่เข้ามาจะถูกจัดให้ลงแอสละสามถึงสี่คนแล้วแต่
“บาสพี่ฝากน้อง..หนูชื่ออะไรนะ” บงกชหันไปหาคนที่ยืนใกล้เธอ
“บริ้งค่ะ”
“บริ้ง พี่ฝากบริ้งด้วยนะ”
“ครับ”
บาสรับคำสั่ง ทุกปีเขาจะได้รับมอบหมายให้ดูแลคอยให้คำปรึกษานักศึกษาฝึกงานอยู่แล้ว
“ส่วนน้องใจฟ้า…คลังแล้วกัน”
“ครับ”
คลังรับคำสั่งแล้วยิ้มถูกใจหันไปเยาะเย้ยเพื่อนคนที่ไม่ได้รับมอบหมาย เขาเว้นจากการได้รับหน้าที่ดูแลน้องปีหนึ่งแล้วต่างจากบาสที่ได้รับหน้าที่ตั้งแต่เข้ามาทำงานตลอด
“ถึงยังไงก็ปรึกษาพี่ๆเขาได้ทุกคนนะ”
“ค่ะ”
สองสาวรับคำสั่ง
“เรียบร้อยค่ะ เชิญ”
บงกชพูดจบการประชุมทุกคนต่างแยกย้ายไปทำงาน
บาสหันมายิ้มให้คนที่ยืนรอตนเซ็นเอกสารอยู่
“พี่ชื่อบาสนะมีอะไรปรึกษาได้เลย”
“ค่ะ”
บริ้งพูดแล้วยิ้มให้ ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน
“ไปดูงานในไลน์กัน”
บาสพาบริ้งเดินดูงานให้คำตอบเมื่อสงสัย การทำงานที่นี้ทำยังไง ควรทำอะไร หรือไม่ควรทำอะไร ให้คำปรึกษาอย่างเป็นกันเอง
“อีส้มๆ”
เฟิร์นเพื่อนหนึ่งในสองของส้มพนักงานในไลน์การผลิตเรียกหลังจากที่บาสกับบริ้งเดินผ่านไป
“ใครวะ!”
ส้มถามหน้าตาบูดเบี้ยว
“นักศึกษาฝึกงานไง”
เพื่อนไขข้อสงสัยให้ ส้มหันมองตามด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นบริ้งยิ้มมองบาสตลอด
“นังเด็กนี่ไม่น่าไว้ใจ”
“คนอย่างบาสใครจะไม่ชอบ”
“อีแก้ว!”
ส้มตวัดตามองเพื่อนที่เรียบร้อยสุดในกลุ่ม แก้วเห็นแบบนั้นก็ทำท่าไม่สนใจหันหน้าไปสนใจงาน
“ไม่ใช่แค่เด็กฝึกงานนั้นหรอกที่ไม่น่าไว้ใจ การมาของนางทำให้รู้ว่าบาสของมึงมีคนจ้องเยอะขนาดไหน”
เฟิร์นสะกิดให้ส้มดูพนักงานสาวในไลน์การผลิตหลายคนกำลังมองตามบาสกับนักศึกษาฝึกงานแล้วซุบซิบกันเกือบทั้งไลน์
ส้มหันมองให้ทั่วแล้วหน้าบูดหน้าเบี้ยวหันกลับไปทำงานเพราะคิวเอดูงานกำลังเดินมา
“คร่าวๆก็มีเท่านี้แหละต้องดูอีกทีว่าพี่บงจะให้บริ้งลงจุดไหนเป็นพิเศษ”
บาสหยุดเดินแล้วหันไปหาบริ้งหลังจากพาเดินดูงานครบทั้งแอสแล้ว
“คะ”
บริ้งพยักหน้ายิ้มตอบ
เสียงออดดังขึ้นบาสจึงก้มมองนาฬิกาข้อมือ พักกลางวันแล้ว
“ไปกินข้าวได้เลยนะ”
บาสพูดยิ้มให้แล้วเดินแยกออกมา
“พี่บาสจะไปไหนหรอคะ!”
บริ้งเรียกถาม บาสที่กำลังก้มดูเอกสารในมือเงยหน้าขึ้นมอง
“ไม่ไป..ทานข้าวหรอคะ”
บริ้งถามออกไปแบบไม่เต็มเสียงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองทำเรื่องบ้าอะไรไป
“พี่ต้องไปดูเครื่องในไลน์ครับ”
“ไม่ทานข้าวหรอคะ”
“เอ็นจิเนียร์พักหลังคนอื่น20นาที”
บริ้งพยักหน้าเข้าใจ บาสเห็นแบบนั้นก็หันหลังเดินเข้าไลน์เมื่อรู้สึกว่ามีเสียงวิ่งอยู่ด้านหลังจึงหันไปมอง
“บริ้งไปด้วยนะคะ”
“ไม่ไปกินข้าวละครับ”
“ก็พี่บาสเพิ่งพูดเองว่าวิศวะกินข้าวหลังบริ้งก็เป็นวิศวะเหมือนกันให้บริ้ง..อยู่ด้วยนะคะบริ้งอยากดูการทำงาน”
บาสได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยิ้มแล้วพยักหน้าให้ บริ้งยิ้มกว้างอย่างพอใจแล้วเดินตามหลังบาสไปแบบติดๆ
ทั้งคู่เดินเข้าไปในไลน์บาสทำแบบที่ทำทุกวันส่วนบริ้งก็ดูการทำงานและจดบันทึกสิ่งที่เป็นประโยชน์ไปด้วย
“คิดยังว่าจะกินอะไรน้องบริ้ง”
บาสเดินเข้าไปหาเพราะเห็นบริ้งกำลังยืนอยู่หน้าแอส
“ยังไม่รู้เลยค่ะใจฟ้าก็ไปกินกับพี่คลังแล้ว”
“อ้าว งั้นไปกับพี่ไหม”
บาสถามออกไปด้วยความเป็นห่วงน้องเพิ่งมาวันแรกคงยังไม่ค่อยรู้อะไร
“ค่ะ ไป”
บริ่งตอบไปด้วยอาการอึ้งๆไม่คิดว่าบาสจะชวนเธอไปด้วย
บาสยิ้มให้แล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าไปกันเถอะ
ตลอดทางทั้งคู่กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน บาสคนดังเดินกับสาวสวยใครๆก็ต้องให้ความสนใจ บาสนะไม่ต้องห่วงรายนั้นไม่สนใจอะไรแบบนี้อยู่แล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเขากำลังให้ความสนใจ
ส่วนบริ้งก็ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเหมือนกันเพราะ…เธอมองแต่บาสแล้วเอาแต่อมยิ้ม
“นั่งรอตรงนี้นะเดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้คนเยอะ”
บริ้งพยักหน้ารับคำแล้วนั่งลงตรงจุดที่บาสบอก มองตามคนที่กำลังต่อแถวซื้อข้าวแล้วต้องยิ้มออกมา
เธอปลื้มรุ่นพี่คนนี้เข้าแล้ว รู้จักกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่บาสสามารถทำให้เธอปลื้มได้อย่างไม่น่าเชื่อ คำพูด การกระทำ รอยยิ้ม การแสดงความให้เกียรติ ของบาสทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงเป็นจังหวะๆและเขินอย่างไม่รู้สาเหตุ
บาสกลับมาพร้อมกับข้าวสองจานในมือวางลงแล้วดึงเก้าอี้ออกมานั่ง บริ้งหยิบช้อนและส้อมที่เธอไปเตรียมมาวางในจานให้บาสแล้วหันให้ถูกทางเพื่อที่บาสจะได้หยิบง่าย
“ขอบคุณครับ”
เธอยิ้มรับคำขอบคุณจากรุ่นพี่แล้ววางช้อนส้อมลงในจานตัวเองบ้าง
“ร้านนี้อร่อยสุดสำหรับพี่แล้วพี่ไม่รู้ว่าบริ้งชอบอะไรไว้วันหลังลองดูนะว่าชอบอะไร”
บาสพูดแบบที่ไม่ได้มองหน้าเพราะกำลังคลุกอาหารในจานให้เข้ากันเป็นข้าวราดแกงง่ายๆ
“บริ้งกินอะไรก็ได้ค่ะพี่บาสบอกว่าอร่อยก็ต้องอร่อยสิ”
เธอตักอาหารเข้าปากเคี้ยวๆแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“อร่อยจริงๆด้วย”
ทั้งคู่ยิ้มให้กันแล้วลงมือทานข้าวต่อตลอดมื้อก็พูดคุยกันอย่างถูกคอ

“เดี๋ยวกูไปหาหนมกินก่อนนะ”
ทิคพยักหน้าให้ไนท์ที่เดินแยกออกไป ส่วนเขากำลังยืนมองเครื่องดื่มในตู้อย่างใช่ความคิด หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออก…
โทรไปสามสายแต่ก็ไม่มีการตอบรับถ้าเป็นเมื่อก่อนคงอารมณ์พุ้งแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อไม่มีการตอบรับทิคจึงหยิบนมและน้ำผลไม้มาแต่ไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนจะถูกใจไหม เขาจึงกวาดมาห้าหกกล่องตามประสาคนมีเงินที่ไม่ต้องคิดไปจ่ายเงิน
“ซื้อไปทำไมเยอะแยะวะ”
ไนท์ที่เพิ่งออกจากร้านตามหลังมาเคี้ยวขนมมองของในมือแล้วถามเพื่อนตัวเองด้วยความสงสัย
“ให้น้อง”
ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อทิคก็เดินหนีไปเลย ไนท์ที่ยืนงงอยู่เลยทำได้แค่เดินตามแบบไม่สงสัยอะไรต่อเพราะเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะซื้อของให้เพื่อนพี่น้องกินไม่ใช่แค่พวกเขาตำแหน่งไหนๆเขาก็ทำกันที่จะซื้อของให้ลูกน้องหรือซื้อเลี้ยงกัน
“ไปก่อนเลยเดี๋ยวกูรอเอาของให้น้องก่อน”
ทิคพูดเมื่อเดินเข้ามาสักพักไนท์พยักหน้าตกลงแล้วเดินนำหน้าไป
ทิคเดินแบบไม่รีบจนมาถึงแอสหนึ่ง เขามองเข้าไปข้างในก็ไม่เห็นคนที่ชอบทำงานเกินเวลาจ้างเหมือนเคย เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรอีกรอบ….
แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับอยู่ดี เขาใจเย็นขึ้นมากจึงไม่อะไรมาก ปลายสายคงไม่ได้ยิน
ทิคยกถุงในมือขึ้นมองยิ้มแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับแอสหนึ่งรอ
รอไปได้สักพักก็เกิดความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำจึงเดินไปเข้าห้องน้ำใกล้ๆ ทำธุระเสร็จแล้วจึงออกมา
“…………”
ภาพตรงหน้าทำให้รอยยิ้มของทิคหายไปในพริบตา
บาสกำลังเดินมากับผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งคู่พูดคุยหัวเราะดูสนิทสนมกันซะเหลือเกิน
ทิคไม่ได้ยืนหลบหรือแอบอะไรทั้งนั้นเขายืนทนโท่แต่บาสกลับมองไม่เห็นหรือเห็นแต่ทำเป็นไม่สนใจเดินยิ้มไปกับผู้หญิงคนนั้น

ทิคกำถุงในมือแน่นแล้วทิ้งมันลงถังขยะอย่างไม่ใยดีหันหลังเดินออกมาเปลี่ยนจากหน้าตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มในตอนแรกเป็นหน้านิ่งสายตาแหลมคมจนดูเย็นชาเดินผ่านแอสหนึ่งเพื่อกลับแอสห้าของตัวเอง

อยู่กับเธอคนนั้นจนไม่รับสายเขาหรอหรืออะไร
ไม่เห็นหรือเห็นแต่ไม่รับ
เขาจะไม่โทรไป
มาดูกันว่าเห็นเขาโทรไปไม่รับหลายสายขนาดนั้นบาสจะโทรกลับไหม

ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้เลิกงาน บาสก็ไม่โทรกลับมันทำให้อารมณ์ของทิคพุ้งถึงขีดสุด
“นายทำตัวเอง”
ทิคกำโทรศัพท์ในมือแน่นแล้วพูดกับตัวเอง
คนอย่างทิคพนักงานดีเด่นผู้ทำงานเก่งจนเป็นที่กล่าวขานจะพูดหรือทำอะไรก็ไม่มีใครขัด เขามีอิทธิพลขนาดไหนถึงสามารถบอกให้ประชาสัมพันธ์ของบริษัทประกาศได้โดยที่ทุกคนไม่สงสัย

“คุณมาวิน สารสิน เอ็นจิเนียร์แอสเซมบลีหนึ่งขอเชิญที่ห้องเก็บงานเสียเวลานี้ค่ะ”

คนที่กำลังเก็บของพร้อมที่จะกลับบ้านชะงักเมื่อได้ยินชื่อสกุลของตัวเองประกาศออกมา
คลังหันมองเพื่อนตัวเองด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน
“มีอะไรวะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
บาสตอบด้วยหน้าตาใช้ความคิด นี้มันเลิกงานแล้วนิ
“เดี๋ยวกูไปดูก่อนมึงไปก่อนเลย”
บาสพูดพร้อมกับลงมือเก็บของต่อจนเสร็จแล้วหันไปยิ้มให้คลัง เขากับคลังนัดว่าจะไปกินข้าวด้วยกันบาสจึงให้คลังไปที่รถก่อน
บาสเดินจากแอสของตนไปยังห้องเก็บงานที่ไม่ใช่ใกล้ๆด้วยความเหนื่อยใช้เวลาพอสมควรเมื่อมาถึงก็เดินขึ้นบันไดแล้วเปิดประตูเข้าไปไม่มีงานเสียที่ตั้งอยู่กลางห้องเหมือนทุกครั้ง
มีเพียง…ทิคที่ยืนมองมาที่เขาบาสแปลกใจไม่น้อยที่เจอทิคอยู่ที่นี่แต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มให้เพราะคิดว่าทิคคงถูกตามมาเหมือนกัน
“ยังไม่มีใครมาหรอครับ”
บาสถามแล้วยิ้มให้ แต่รอยยิ้มค่อยๆจางลงเมื่อทิคไม่ยิ้มตอบแต่เดินหน้านิ่งเข้ามาหาในระยะประชิด
“ทำไมไม่รับสายผมละ”
ทิคถามด้วยเสียงนิ่งไม่มีท่าทีของความไม่พอใจสักนิด
“อ่อ ผมชาร์จแบตไว้ที่โต๊ะนะ”
“ผมโทรไปหลายสายเลยนะ ไม่คิดจะโทรกลับเลยหรอ”
ทิคขยับเข้าหาอีกจนบาสเริ่มรู้สึกไม่เป็นตัวเองหลบตาทันที
“ผมเห็นว่ามันเลยเวลาพักแล้วเลยไม่อยากโทรไปกลัวคุณทำงานอยู่”
พูดแล้วหดตัวหนีแต่ถูกทิคจับแขนดึงเข้าใกล้เหมือนเดิม
“เวลาพักที่นี้มันมีแค่ตอนเที่ยงหรือไงกัน”
บาสหาคำตอบมาพูดไม่ถูก ทำไมทิคถึงจี้แบบนี้
“ขอโทษครับคุณมีธุระอะไรหรอครับ”
“ต้องมีธุระ”
ทิคพูดโดยที่ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่หน้าตาบ่งบอกถึงการถาม
บาสเงียบไม่ตอบอะไรไปไม่ถูกกับคำถาม
“ไปเถอะผมจะไปส่ง”
ทิคพูดแล้วเดินนำหน้าไป บาสยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่เดินตาม
“ผมเคยบอกว่าคุณควรซื่อสัตย์กับผมถ้าคุณคิดได้ คำพูดเมื่อกี้คุณจะรู้ว่าควรทำยังไง”
บาสเงยหน้าขึ้นมองหลังทิคคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้ เดินตามไป
ทั้งที่เป็นทางที่เดินทุกวันแต่เมื่อเดินตามทิคกลับทำให้บาสรู้สึกแปลกๆทำไมยิ่งเดินตามไปความรู้สึกมันเหมือนกับกำลังเดินไปในที่ที่ไม่รู้จัก เหมือนมันไม่มีจุดหมาย ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดที่ตรงไหน
รู้แค่ว่าต้องเดินตามไป เพราะอะไร….
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 12..คุณเป็นคนทำมันพัง 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 00:06:31
12..คุณเป็นคนทำมันพัง

คนเดินก็เดินไปแบบไม่รอ คิดจะเลี้ยวก็เลี้ยวคิดจะแวะเซ็นเอกสารก็แวะ คนเดินตามทำได้แค่ยืนยิ้มให้คนที่มองมา การเดินด้วยกันสองคนจะเป็นจุดสนใจเสมอ ทั้งคู่เดินออกจากประตูทางออกอย่าเรียกว่ามาพร้อมกันเลยเพราะเดินทิ้งห่างกันมาก ทิคกดรีโมทกุญแจรถเมื่อใกล้ถึง บาสเดินตามมาหันไปมองอีกฝ่ากลานจอดรถเห็นแล้วก็ถึงต้องตกใจ

คลัง!

คลังกำลังยืนพิงรถก้มมองโทรศัพท์อยู่เขาลืมไปเลยว่าให้คลังรอ เร็วกว่าความคิดบาสก้าวเท้าเดินเพื่อจะไปหาเพื่อนแต่แขนกลับถูกดึงไว้จนทำให้เขาหันกลับไปมอง เขาสบตากับทิค ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาบาสก้มหน้าลงต่ำทิคปล่อยมือจากแขนแล้วเดินไปเปิดประตูขึ้นรถ บาสเงยหน้ามองไปที่เพื่อนแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า
“เออ มึงอยู่ไหนเนี้ยกูรอจนรากแก้วกูจะงอกแล้ว!”
รับสายปุ๊บก็ใส่ไม่ยั้ง
“ขอโทษวะ ยังเคลียร์ไม่เสร็จเลยมึงกลับไปก่อนนะ”
พูดไปมองคลังไป
“อ้าว ไหมวะเดี๋ยวกูเข้าไปหา”
“ไม่ต้อง!”
บาสเผลอพูดเสียงดังออกไป
“มึงกลับไปก่อนเลย..วันนี้กูอยู่ทำพรุ่งนี้ก็ถึงคิวมึงอยู่ทำบ้างไง มีงานให้เคลียร์อีกเยอะ”
บาสมองดูปฏิกิริยาของคลังในระยะไกลด้วยความลุ้น
“เอางั้นหรอ”
“อืม ขอโทษที่ให้รอวะกลับดีๆนะ”
“เออๆแต่ถ้าไม่มีรถกลับโทรหากูนะ”
“มีอยู่ เดี๋ยวกูกลับกับแอสอื่น”
“เคๆแค่นี้แหละ อย่าอยู่ดึกนะมึง”

บาสวางสายแล้วยืนมองจนคลังขับรถออกไป
ทำไมต้องกลัวคลังรู้ในเมื่อคลังก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นหนี้ทิค
บาสคิดทบทวนสิ่งที่ทำลงไปด้วยความไม่เข้าใจตัวเอง เดินกลับมาที่รถทิคยืนมองเงาตัวเองที่สะท้อนจากแสงไฟที่กระจกรถแล้วคิดในใจ
(นี้มึงหรอบาส ทำไมเหมือนไม่ใช่ตัวเอง เกิดอะไรขึ้นกับมึง)

ตลอดทางก็เงียบเหมือนทุกครั้งไม่รู้มันเป็นอะไรหนักหนา มีแต่ความอึดอัดไม่เป็นตัวเองพอเลิกคิดถึงเริ่มรู้ถึงความผิดปกติ
“บ้านผมไม่ได้ไปทางนี้นะครับ”
บาสพูดแล้วหันมองคนขับ
“ผมไม่ได้บอกว่าจะไปส่งคุณที่บ้าน”
“คุณจะพาผมไปไหน”
บาสถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทิคกำลังทำให้เขาไม่อยากอยู่ใกล้อีกแล้ว
“………..”
ทิคเงียบทำเหมือนคำพูดของบาสไม่มีตัวตน
บาสกำลังจะพูดต่อแต่มีสายเรียกเข้าเขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“ฮัลโหล”
“บริ้ง..นะคะพี่บาส”
“ครับ”
เมื่อรู้ว่าเป็นรุ่นน้องบาสจึงเปลี่ยนเสียงให้ปกติให้ได้มากที่สุด
“คือบริ้งมีเรื่องอยากถามเรื่องมอเตอร์ที่พี่บาสให้แผนผังมาดูคะพี่บาส…ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ ถามมาได้เลย”
รถหักเข้าข้างทางกระทันหันจนตัวบาสเซไปชนเข้ากับกระจกรถอย่างจังโทรศัพท์ล่วงจากมือทันที
“เงียบสักทีได้ไหม!”
ทิคกัดฟันแล้วเอื้อมตัวมาจับแขนบาสบีบ คราวนี้บาสไม่ยอมสะบัดแขนแรงจนหลุดแต่ทิคก็จับใหม่แล้วบีบแรงกว่าเดิมทั้งคู่ยื้อยุดกันอย่างไม่ยอมกัน
“นายกำลังทำให้อารมณ์ฉันพุ้ง!”
“เป็นบ้าอะไรของคุณ!”
บาสใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักทิคออก
ทิคหันกลับมาด้วยสายตาดุดันแล้วพุ้งเข้าชาร์จตัวบาสอีกครั้ง ดึงป้ายพนักงานของบาสที่คอหันให้เจ้าตัวดู
“นายไม่มีสิทธิ์พูดหรือคิดอะไรทั้งนั้นถ้าอยู่กับฉัน รู้ตัวไว้ว่าคนที่จะบังคับหรือสั่งนายได้คือฉัน!ที่เป็นเจ้าชีวิตนาย!”
“นาย..มันบ้า..ไปแล้ว”
บาสพูดด้วยน้ำเสียงติดขัด คอตอนนี้ขมไปหมดความรู้สึกจะร้องก็ร้องไม่ออกน้ำมันกลิ้งอยู่ในตาอยู่อย่างนั้น เขาพยายามแกะมือทิคออกเพราะทิคดึงสายป้ายพนักงานที่คอแน่นจนเริ่มหายใจไม่ออก
ทิคกำสายในมือแน่นสุดแรงเกิดด้วยความโมโหมองตาบาสที่เหมือนกำลังอ้อนวอนด้วยความรู้สึกหลากหลาย

เขาเคยบอกแล้วว่าจะเห็นใครสำคัญกว่าเขาไม่ได้
เขาต้องมาที่หนึ่งเสมอ
อะไรที่เขาไม่ชอบมีสิทธิ์อะไรถึงกล้าทำ

บาสใช้ความพยายามที่เหลือยื่นมือไปดึงเสื้อพนักงานทิคดึงหวังให้ปล่อยเขาจนกระดุมเสื้อหลุด ทิคได้สติปล่อยมือจากสายป้ายพนักงาน บาสรีบหายใจเอาอากาศเข้าปอดทันทีใช้มือสั่นๆของตัวเองเปิดประตูรถออกจนล้มลงไปกับพื้นใช้มือจับคอตัวเองแล้วรีบลุกขึ้นวิ่ง
ทิครีบเปิดประตูฝั่งคนขับลงตาม วิ่งเข้าไปหาบาสที่วิ่งไปไหนไม่ได้ไกลเพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวย เขาจับแขนบาสดึงเข้าหาตัวแล้วดึงให้เดินกลับมาที่รถ
“ปล่อย!ปล่อยผม!”
บาสยื้อไว้สุดชีวิต เขาไปไม่ได้ ทิคน่ากลัวเกินไป เขากลัวจริงๆ เมื่อทิคหันกลับมาบาสจึงต่อยเข้าที่หน้าทิคอย่างจัง ทิคค้างใช้มือปาดเลือดที่มุมปากตัวเองแล้วหันมองคนที่ทำให้เลือดเขาออก ปล่อยมือจากแขนบาสมาจับคอเสื้อพนักงานดึงด้วยความโมโหง้างมือจะต่อย
แต่เมื่อเห็นสายตาลนลานและน้ำตาที่ไหลออกมาข้างหนึ่งของบาส
เขาก็เริ่มได้สติและอ่อนลง ทิคก้มหน้าลงต่ำทั้งที่ยังจับคอเสื้อบาสอยู่หลับตาเพื่อระงับอารมณ์ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับบาส
“กลับไปขึ้นรถ”
พูดโดยที่ไม่มองหน้าปล่อยมือจากคอเสื้อบาสแล้วลากแขนให้เดินตาม
บาสเดินตามอย่างหมดทางสู้ จะทำอะไรก็ทำเถอะเขาไม่มีแรงแล้ว
ยัดบาสเข้าไปในรถแล้วปิดประตูทิคเดินมาหยุดอยู่ที่ท้ายรถกำมัดแน่นหลับตาเพื่อระงับอารมณ์
เขารู้ตัว เขาพลาดไปแล้ว มันจะไม่มีวันย้อนกลับได้

ส่วนบาสทำได้แค่ยกแขนเสื้อพนักงานเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเหลืออดอยู่ในรถ ไม่ได้ร้องกับสิ่งที่ทิคทำกับเขา แต่ร้องเพราะความอ่อนแอและความขี้ขลาดของตัวเอง ชีวิตเขาต้องแพ้ให้คนอื่นต้องยอมให้คนอื่นแบบนี้ไปทั้งชีวิตเลยใช่ไหม อีกนานแค่ไหนที่เขาจะกล้าพูด กล้าทำในสิ่งที่อยากทำ อีกนานแค่ไหนที่จะเลิกเป็นบาสลูกไก่ที่อ่อนแอ่ในสายตาคนอื่นสักที

ต่างฝ่ายต่างอยู่กับตัวเอง
ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้ว…ตลอดกาล
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 13..สัตว์เลี้ยง 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 00:08:20
13..สัตว์เลี้ยง

หลังจากแยกกันสงบสติอารมณ์พักใหญ่ ทิคที่ยืนพิงท้ายรถอยู่เดินมาเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งในรถ บาสนั่งนิ่งเงียบไม่พูดหรือแม้แต่หันมองคนข้างๆ ทิคสตาร์ทรถถอยรถให้อยู่ในทางตรงแล้วขับออกไป ตลอดทางเงียบเหมือนเคย ไม่ได้ยินแม้กระทั่ง…เสียงหายใจ
รถแล่นไปเรื่อยๆใช้เวลาไม่นานมันถูกจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ปานกลางหลังหนึ่ง
ทิคเปิดประตูลงจากรถโดยไม่บอกกล่าวสักคำ บาสมองผ่านกระจกดูสภาพแวดล้อมที่แปลกตา ประตูรถถูกเปิดออกพร้อมกับทิคที่ยืนอยู่ บาสยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ
ทิคยื่นมือมาจับแขนแบบที่ชอบทำแล้วดึงให้ลงจากรถแต่ทำไม่แรง บาสลงจากรถตามความต้องการ เขาเดาใจทิคไม่ถูกไม่รู้ว่าถ้าขัดใจจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง
บาสมองสิ่งรอบตัว
ที่นี้คือที่ไหน
ถ้าเข้าไปแล้ว…เขาจะได้กลับออกมาอีกหรือเปล่า
ทิคหยิบคีย์การ์ดออกมาแล้วทาบมันลงกับประตูบ้านเสียงสัญญาณดังขึ้นจึงเปิดประตูเข้าไป
บาสมองไปรอบๆในความมืดทุกอย่างเงียบและมืดจนทำให้กลัว ไฟสว่างขึ้นที่ละจุดจนทั่วทั้งบ้าน บาสหันมองหาคนที่พามาทิคเดินออกมาจากมุมๆหนึ่ง มองหน้าบาสแล้วเดินเข้ามาหาตรงไปนั่งลงที่โซฟาบาสเห็นแบบนั้นจึงทิ้งตัวลงนั่งบ้างเว้นระยะห่างกันเหมือนอยู่คนละโลก ทั้งคู่นั่งเงียบต่างฝ่ายต่างทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ทิคลุกขึ้นเดินหายไปแล้วกลับมาพร้อมกับกล่องยาในมือ เขาไม่ได้นั่งลงที่เดิมแต่ขยับมานั่งใกล้บาสจับแขนข้างขวาที่เป็นแผลถลอกคงเกิดจากตอนที่เปิดประตูแล้วตกจากรถ
บาสรีบใช้มือข้างซ้ายดันมือทิคออกจากแขนตนโดยที่ไม่มองหน้า ทิคเจอแบบนั้นก็จับมาอีกแล้วจัดการใช้ชิทชู่เปียกเช็ดดินที่ติดมาด้วยออกจนแผลสะอาดแล้วถึงจัดการปฐมพยาบาลขั้นตอนไป
“ผมอยากกลับบ้าน”
คำพูดแรกในรอบหลายชั่วโมงของทั้งคู่หลุดออกมาจากปากบาส ทิคชะงักมือจากการทำแผลเงยหน้าขึ้นมอง
“พรุ่งนี้”
พูดจบทิคก็ลุกขึ้นเดินออกไป บาสเห็นแล้วอ่อนใจทิ้งตัวลงนั่งลงกับโซฟาเหมือนเดิม
ทิคเดินออกมาสูบบุหรี่อัดนิโคตินเข้าปอดไปหลายม้วนเครียดทำให้อยากสูบ ก้มมองบัตรพนักงานของลูกหนี้ในมือ
รอยยิ้มจางๆแต่ดูสดใสจนยิ้มตามแบบในบัตรมันหายไปแต่ตั้งเมื่อไร
หรือตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในชีวิต
เขาเกือบพลั้งมือฆ่าคนๆหนึ่ง เขากลายเป็นคนเลวร้ายขนาดนี้ได้ยังไง เพราะอะไรเขาถึงทำแบบนั้นเพียงเพราะบาสให้ความสนใจสิ่งอื่นมากกว่าเวลาอยู่กับเขาหรอหรือเป็นเพราะอยากแกล้งเฉยๆ

กลับกันอีกคนหนึ่งเอาแต่นั่งในความมืดอยู่กับพื้นเหยียดขาข้างหนึ่งพับข้างหนึ่งมองออกไปที่หน้าต่างด้วยใจล่องลอยเหมือนเหลือแต่ร่างที่ไร้วิญญาณ
โลกเราโหดร้ายเกินที่จะคาดถึงคนที่ช่วยชีวิตเราในวันนั้น  กลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายเราได้มากที่สุด
บ้านของเขาจะเป็นยังไงบ้าง แม่คงกำลังเป็นห่วงและรอเขากลับบ้านเหมือนทุกวัน บาสควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงกระเป๋าเสื้อหาทั้งตัวก็ไม่เจอจนนึกขึ้นได้ว่ามันตกตอนอยู่บนรถบาสถอนหายใจปลงกับชีวิต แต่ต้องละจากสิ่งที่กำลังคิดหันเงยหน้ามองเมื่อเห็นเงาของการมาเยือน
“ลุกขึ้น”
บาสไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับคำพูดของทิค แต่ถามกลับโดยไม่มองหน้า
“ทำแบบนี้ทำไม”
“…………..”
“ถ้าเป็นเพราะเรื่องเงินที่ผมคืนคุณน้อยเกินไป เดือนหน้าผมจะพยายามหามาใช้ให้ได้มากที่สุด”
“…………...”
“แต่ถ้าจะให้ผมใช้คืนทั้งหมดตอนนี้…ผมไม่มีปัญญาจริงๆ”
“ไปนอนได้แล้ว”
ทิคพูดแล้วหันหน้าเดิน
“ช่วยให้ความเวทนา…ตอบคำถามผมหน่อยเหอะ”
บาสพูดตามหลังด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าอ้อนวอน
ทิคยืนนิ่งครู่หนึ่งแล้วหันกลับมา
“อย่าเพิ่งรีบพูดขอความสงสารเวทนาตอนนี้เลย ไม่นานนายจะได้ใช้มันจนกว่าใครจะตายจากไป"
“นายมันน่ากลัวจนไม่อยากเข้าใกล้ รู้ตัวหรือเปล่า”
บาสพูดสิ่งที่เก็บมาตลอดออกไปอย่างไม่กลัวอะไรทั้งนั้น พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน
ทิคมองมาด้วยสายตานิ่งเฉย
“ก็เท่านั้นแหละอย่างที่พูดไป…จนกว่าใครจะตายจากไป”
กำลังบอกว่า ไม่มีทางหนีพ้นใช่ไหม
ทั้งคู่สบตากันในความมืดที่ยังพอทีแสงให้มองเห็นอยู่ครู่หนึ่งและเป็นทิคที่เดินออกไป
บาสมองตามแล้วหลับตาลงทำมันหวังช่วยให้ความรู้สึกแย่ๆตอนนี้ดีขึ้นแต่เปล่าเลย…

เช้าที่สดใสและอากาศดีบรรยากาศสองข้างทางเต็มไปด้วยวัฏจักรแบบที่เห็นทุกวัน รอยยิ้มของเด็กน้อยที่ถูกแม่จูงมือไปส่งโรงเรียนไม่ได้ทำให้ยิ้มตามได้เลย
เพราะบรรยากาศที่น่าอึดอัด…จนไม่อยากหายใจบนรถคันหรูตอนนี้
บาสเปิดประตูลงจากรถทันทีที่รถจอดเดินไปได้สองก้าวรู้สึกถึงแรงดึงที่แขนเขาหันหน้าช้าๆกลับไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยากไปให้พ้นที่สุดตอนนี้
ทิคเปลี่ยนสายบัตรพนักงานที่ขาดของบาสออกนำสายของตัวเองมาเปลี่ยนให้แล้วคล้องมาที่คอ บาสก้มมองบัตรที่คอตัวเองแล้วหันหน้ากลับเพื่อเดินต่อ

ความรู้สึกไม่ต่างอะไรจากสัตว์เลี้ยง….

ที่อยู่ในบ้านปล่อยโซ่ แต่พอออกนอกบ้านก็ล่ามโซ่

ทั้งคู่เดินไปพร้อมกันแต่ทิ้งระยะห่างจากกันจนดูไม่รู้ว่ามาด้วยกันเดินปะปนไปกับหลายร้อยชีวิตที่กำลังเดินเข้าโรงงาน
บ้างเดินคนเดียว
บ้างเดินกับคนรักคู่ชีวิตพูดคุยกระหนุงกระหนิง
บ้างก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ในมือ
บ้างเดินงัวเงีย
บ้างกำลังเอร็ดอร่อยกับของในถุง
บ้างส่องกระจกเพื่อความมั่นใจ

จะมีใครรู้…ว่าคนสองคนมีความสัมพันธ์กันแบบไหนและภายใต้รอยยิ้มที้ส่งให้คนที่เข้ามาทักแท้จริงแล้วข้างในมันซ่อนความทุกข์และความขมขื่นไว้มากขนาดไหน…
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 14..คู่กัน 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 00:09:51
14..คู่กัน?

บาสเดินอย่างไม่รอ ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจใคร เขาแยกกับทิคแล้วไม่ใช่เพราะเดินหนีมาได้หรอกแต่เพระทิคไม่อยากจะตามแล้วมากกว่า บาสเลี้ยวเข้าห้องน้ำฝั่งตรงข้ามแอสตรงไปที่อ่างล้างหน้าเปิดก๊อกแล้วกวักน้ำใส่หน้าไปหลายครั้งเงยหน้ามองตัวเองในกระจก ความรู้สึกมากมายที่ถ่าโถมเข้ามาตอนนี้มันทำให้รู้สึกไม่ดี ไม่สดชื่น มองอะไรทำอะไรก็รู้สึกแย่ไปหมด ไล่ทุกอย่างออกจากหัวแล้วเดินออกจากห้องน้ำ
กิจวัตรประจำวันที่ต้องทำคือเช็คสภาพเครื่องจักรบาสถือแฟ้มเดินออกจากห้องทำงานไปในไลน์การผลิต เดินดูไปเรื่อยๆเมื่อเห็นจุดผิดปรกติก็ดึงปากกาที่เหน็บอยู่ที่แขนเสื้อออกมาเขียนแล้วลงมือจัดการแก้ไข
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์กูวะ”
คลังเดินเข้ามาหาในมือถือแก้วกาแฟขึ้นดื่มไปด้วย
คนที่กำลังทำงานชะงัก จะรับได้ยังไงโทรศัพท์อยู่ไหนเขายังไม่รู้เลย
“โทรศัพท์กูเสีย”
เอาตัวรอดไปก่อนแล้วกัน
“มันได้เวลาซื้อใหม่แล้วมั่ง รุ่นยุคหินของมึงนะเขาหาอะไหล่ไม่มีแล้ว”
คลังบ่นแล้วยกกาแฟขึ้นดื่มแสดงว่าเชื่อ
“เออน๊า”
บาสพูดตัดจบแล้วเดินหนีเพราะกลัวคลังจะถามอะไรแต่ก็ไม่พ้น
“เมื่อคืนมึงไปไหน”
คนถูกถามหยุดเท้าทันที ตั้งสติแล้วหันไปหาเพื่อนตัวเอง
“แม่โทรมาหากูว่าอยู่กับมึงไหม”
“กว่างานจะเสร็จก็ดึก บ้านเขากับกูก็ไกลกันกูเกรงใจเลยค้างบ้านเขาเลย โทรศัพท์ก็เสียเลยไม่ได้โทรบอกแม่”
คลังมองมาด้วยสายตานิ่งเฉย จนบาสเริ่มจะทำตัวไม่ถูก
“อืมๆ”
เมื่อเห็นคลังพยักหน้าแบบนั้นบาสจึงรีบเลี่ยงออกมาทันที เขากลับไปที่ห้องทำงานแล้วหยิบโทรศัพท์ส่วนรวมขึ้นกดหมายเลขที่คุ้นเคยแล้วโทรออก
“สวัสดีคะ”
“แม่..”
“บาสหรือลูก!”
“ครับ”
“อยู่ไหนแม่เป็นห่วงมากรู้ไหมทำไมไม่รับสายแม่เลย”
เมื่อรู้ว่าแม่เป็นห่วงขนาดนี้ก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“บาสขอโทษบาสไปค้างบ้านเพื่อนโทรศัพท์เสียเลยไม่ได้โทรไปบอกแม่”
“ไม่เป็นไรแม่ก็สบายใจ แล้วนี้กินข้าวกินหรือยังลูก”
“กินแล้วครับแม่ไม่ต้องห่วง ลูกชายแม่เป็นหนุ่มแล้วเน้อ”
ได้ยินเสียงหัวเราะของแม่ก็ทำให้มีแรงสู้ต่อ
“บาสรักแม่นะ”
“จ๊ะ แม่ก็รักบาส”
บาสยิ้มออกอย่างอิ่มเอมและชื่นใจ
“ตั้งใจทำงานนะลูก”
“ครับ”
“แม่ไปตลาดมาเมื่อเช้าได้ผักสดๆมาเยอะเลยแม่จะทำเมี่ยงปลาทูให้กินดีไหม”
“ครับ บาสจะรีบกลับนะ”
วิศวะหนุ่มวางสายจากแม่ยิ้มให้โทรศัพท์แล้วหายใจเข้าเรียกกำลังพร้อมลุยงานต่อ คว้าแฟ้มแล้วเดินออกจากห้องทำงาน
“บาสช่วยไปดูเครื่องให้พี่หน่อยสิ”
พี่แนนหนึ่งในรีดเดอร์ของแอสเดินหน้าเครียดเข้ามาหาบาสที่กำลังยืนดูพนักงานทำงาน
“เป็นอะไรครับ”
“สายพานมันไม่เดินงานไปต่อไม่ได้”
บาสพยักหน้าให้รุ่นพี่รีดเดอร์แล้วเดินไปด้วยกัน
เหล่าเอ็นจิเนียร์กำลังหาสาเหตุของปัญหาสรุปคือน็อตในงานหลุดล่วงไปติดในสายพราน แก้ปัญหาเสร็จก็พากันเดินกลับห้องทำงานเพราะถึงเวลาพักพอดี
“บาสโทรศัพท์”
คนที่กำลังจะนั่งต้องชะงักเดินไปหาปิงที่ยืนถือโทรศัพท์อยู่
“ใครวะ”
ปิงส่ายหน้า บาสจึงรับโทรศัพท์มา
“บาสครับ”
“มาที่ห้องเก็บงานหน่อย”
จากที่ลืมเรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่ได้แล้ว กลับต้องมารู้สึกอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงในสาย
“มีอะไร”
“บอกให้มาก็มาเถอะ”
ใส่อารมณ์เสร็จก็วางสาย บาสถอนหายใจอย่างเหลืออดกับความเอาแต่ใจของทิค
วางโทรศัพท์ลงแล้วเดินกลับไปนั่งที่เปิดเอกสารดูแต่…ก็ทำได้ครู่เดียวเพราะเรื่องทิคยังวนอยู่ในหัว
ถ้าไม่ไปเกิดบ้ามาตามถึงแอสจะทำยังไง
เขาไม่อยากให้ทุกคนรู้เรื่องของเขากับทิค
“กูไปห้องน้ำนะ”
บาสพูดกับคลังแล้วดันประตูเดินออกมาอย่างไม่รอคำตอบ ห้องเก็บงานก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ตลอดทางก็ต้องโค้งหัวยิ้มให้คนที่ทักทายมาต้องรีบเดินให้ถึง มาถึงเปิดประตูเข้าไปก็พบเข้ากับเจ้าหนี้ยืนหันหลังอยู่
“ให้ผมมาทำไม”
ทิคหันมาสายตาที่มองมาทำเอาต้องหลบตามองไปทางอื่นถุงพลาสติกถูกยัดมาที่หน้าอกแล้วปล่อยทันทีดีนะที่บาสจับไว้ทัน
“อะไรครับ”
ทิคไมตอบบาสจึงเปิดถุงดูเอง เห็นของในถุงแล้วก็ต้องแปลกใจมันคือกล่องโทรศัพท์ยี่ห้อดังและราคาสูงลิ่วรุ่นใหม่ล่าสุด
“คืออะไรครับ”
“เอาไปใช้”
“ผมไม่มีเงินซื้อหรอก คุณเอาคืนไปเถอะ!”
บาสลนลานยื่นถุงคืนให้ทิค ให้ซื้อโทรศัพท์แพงขนาดนี้เอาเงินไปทำอย่างอื่นได้ตั้งเยอะ
“ซื้อให้แล้วจะซื้ออีกเพื่อ”
บาสมองทิคตาโต
“ไม่เอาหรอกครับ”
หนี้เก่ายังใช้ไม่หมดจะหาหนี้เพิ่มให้ตัวเองได้ยังไงมันครึ่งแสนเลยนะ
“แล้วมีใช้แล้วหรือไง”
“ขอโทรศัพท์ผมคืนด้วยครับ”
“มันเสีย ใช้ไม่ได้ เข้าใจไหม”
“ผมจะเอาไปซ่อมเอง”
บาสแบมือขอ แต่สิ่งที่ได้มาคือถุงที่คืนไปเมื่อกี้
“ทิ้งไปแล้ว”
พูดเหมือนไม่มีค่า บาสถอนหายใจแล้วยื่นถุงคืนให้ทิคอีกรอบ
“มันแพงเกินไป”
ทิคดึงถุงมาจากมือบาสแล้วทิ้งมันลงถังขยะตรงนั้นอย่างไม่ใยดี
“ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา”
บาสมองของในถังขยะอย่างเก็บอารมณ์เงยหน้าขึ้นสบตากับทิค
“ทำอะไรรักษาความรู้สึกกันหน่อยได้ไหม”
“ฉันซื้อมาให้ นายยังไม่คิดจะรักษาน้ำใจฉันเลย”
“มันสองบาทสามบาทหรือไงผมไม่มีปัญหาหามาใช้คืนหรอกนะ”
“ฉันพูดหรือยังว่าจะให้นายคืน!ฉันไม่คิดเอามารวมกับหนี้หรอกเลิกกลัวได้แล้ว”
“แล้วคุณซื้อให้ผมทำไม”
คำถามเรียบเฉยไม่ได้พูดดังของบาสกลับทำให้ทิคหยุดทุกอย่างทันที หน้าตางงงวยของบาสที่มองมาทำให้ทิคหาทางไปไม่เจอ เขาก็ไม่รู้แค่อยากซื้อให้มันต้องหาเหตุผลด้วยหรอ
“ไม่เอาก็ทิ้งแค่นั้นแหละ”
ทิคพูดแล้วเดินหนีออกไปจากห้อง บาสมองตามอย่างจนใจหันกลับมามองถุงในถังขยะแล้วก้าวไปหยิบขึ้นมา
จะเล่นแง่อะไรกับเขาอีก ของราคาตั้งหลายหมื่นไม่ได้เป็นอะไรกันจะซื้อให้ทำไม
“คุณ!”
บาสตะโกนเรียก แต่คนข้างหน้าไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกลับเดินเร็วกว่าเดิม
“ทิค!”
คราวนี้ทิคหยุดแล้วหันมา บาสเดินเข้าไปหาแต่เว้นระยะห่างยื่นถุงในมือให้ ทิคมองด้วยหางตาหันไปทางอื่นแล้วหันกลับมามองบาสใหม่
“ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ”
“ทำไม”
ทิคยืนกอดอกถามสีหน้าจริงจัง
“มันจะเป็นปัญหาของแพงขนาดนี้ถ้าใช้คลังมันต้องสงสัยแน่ๆไหนจะแม่ผมอีก”
“ก็บอกไปสิว่าฉันซื้อให้”
“แล้วถ้าเขาถามว่าทำไมคุณซื้อให้ผมละ”
“ก็อยากซื้อให้จะทำไม นายจะบอกใครยังไงจะทำแบบไหนมันก็เป็นเรื่องของนาย ฉันรู้แค่ว่าฉันต้องเห็นนายใช้”
บาสเบ้หน้าก้มหน้าลงต่ำทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย
“ใช้แล้วโทรเข้าเบอร์ฉันด้วย”
ทิคหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาเคาะหน้าผากบาส ยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันสีเดียวกันเข้าไปอีก เครื่องเก่าที่เห็นใช้ก็เพิ่งออกมาได้ไม่นานก็เปลี่ยนมาใช้รุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว
นี้สินะ…วิถีคนรวย
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 15..ปีกกล้าขาแข็ง 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 00:12:11
15..ปีกกล้าขาแข็ง

แล้วมันทำยังไงละเนี้ย เขาลืมทำที่ใส่ซิมมาหรือเปล่า ทำไมมันหาไม่เจอ บาสจับโทรศัพท์ในมือพลิกไปพลิกมา บอกตามตรงไม่กล้าจับแรงเลย ถ้ามันลำบากขนาดนี้เอาไปคืนได้ไหม…
“ไอ้บาส”
“เฮ้ย!”
ของในมือแทบล่วง รีบลนลานยัดใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหันไปยิ้มให้คลังแต่มือแอบดันกล่องข้างหลังซ่อน
“ตกใจเชี้ยไรวะ”
“ตกใจอะไรเล้า”
บาสพูดแก้สถานการณ์แล้วหันไปทำท่าเก็บเอกสารบนโต๊ะ คลังปล่อยมือจากประตูที่เปิดค้างอยู่แล้วเดินเข้ามาในห้อง
“ไปแอสห้ากับกูหน่อยดิ”

!!!!!!!!

“กูไม่ว่าง!ไอ้ปิงไอ้ลูปโน้นไป”
ใครจะเอาตัวเองไปฆ่า ทุกวันนี้แค่อ่านเจอชื่อได้ยินชื่อก็หลอนพอแรงละ
“ไปกับกูหน่อยดิ พี่บงให้กูไปตามผังอาทิตย์นี้”
“กูทำงานอยู่”
บาสก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสาร ไม่ไป ไปไม่ได้เด็ดขาด เขาจะไม่มีทางพาตัวเองไปอยู่ในที่อึดอัดแบบนั้น
“มากับกูเลย”
“ไอ้คลัง!ไม่ไป!”
“ปล่อยกู!”
แต่หาได้ต้านไหวไม่ บาสถูกคลังกอดคอลากออกจากห้องทำงานถ้าขัดขืนต้านกันไปมาก็จะคลายเป็นจุดสนใจของพนักงานบาสจึงต้องจำยอมเดินตามแรงลากของคลังอย่างว่าง่าย
“กูรออยู่นี้นะ”
บาสจะเดินแยกออกมาแต่คลังดึงไว้
“อะไรเข้าไปกับกูเลย”
“ไม่เอา”
บาสยื้อไว้จนคลังยอมปล่อยแล้วมองมาด้วยสายตาสงสัย
“มึงเป็นอะไร ทำไมถึงไม่อยากมาแอสห้าขนาดนี้หะ กลัวไอ้ทิคมันทวงเงินหรอ”
“เออ!”
บาสตอบแบบไปที..มึงจะไปรู้อะไรคลัง
“มันไม่ทวงหรอกคนไม่มีถ้ามีใครมันจะไม่อยากคืน ลองทวงมาสิกูจะตบปากให้”
คลังลากบาสเดินเข้าแอสห้า
สมแล้วที่ได้รางวัลแอสดีเด่นประจำปีทุกอย่างมันดูเป็นมืออาชีพการทำงานที่รวดเร็วเหมือนคนเป็นหุ่นยนต์ดูดีไปซะหมดแอสนี้

ทั้งสองเดินเข้ามาคลังมองหาอะไรก็ไม่รู้แล้วโบกมือบาสหันมองบ้างทำให้รู้ว่าที่แท้ก็หา…ทิค
ทั้งคู่โบกมือให้กันทิคกำลังยืนถือแฟ้มคุยงานอยู่ในไลน์แบบที่เขาทำ
แต่อยากรู้จริงๆเวลาเขาทำงาน…จะเท่แบบนี้ไหมนะ ทิคดูเก่ง น่าเกรงขาม ขนาดยืนอยู่ไกลๆไม่ได้ยินเสียงดูแค่ปากยังน่าเชื่อถือกับคำพูดทิคเลย นี้เราอายุเท่ากันใช่ไหมนิดูเก่งก้าวกระโดดเหลือเกิน
ความคิดทุกอย่างหายไปเมื่อราชสีห์แห่งแอสห้ากำลังเดินมา
“ว่าไง”
“เอาผังอาทิตย์นี้ให้หน่อยดิ”
“เขายังไม่เอาไปให้หรอวะ” ทิคถามสีหน้าแปลกใจ
“ยัง”
“แปป”
เหมือนเขาเป็นส่วนเกิน คลังกับทิคเดินหายไปในห้องทำงาน บาสจึงเดินดูการทำงานในแอสห้าฆ่าเวลาไปเรื่อย

ตุ๊บ!

เสียงของหล่นทำให้ต้องหันมอง บาสเก็บแฟ้มเอกสารสองแฟ้มขึ้นจากพื้นแล้วยื่นคืนให้เจ้าของ แต่เมื่อสบตากันกลับทำให้รู้สึกคุ้น
“ขอบคุณค่ะ”
ผู้หญิงหน้าตาสวยคนนี้คุ้นมากจริงๆ
“ครับ”
ได้สติบาสรีบคืนของในมือให้เจ้าของ เธอยิ้มให้บาสจึงยิ้มตอบ
“มาจากแอสหนึ่งหรอคะ”
“ครับ”
เธอยิ้มให้อีกครั้ง สวย สวยมาก เธอเป็นวิศวะด้วย
“มีอะไรหรอชมพู”
เสียงทำให้ทั้งสองหันมอง เป็นทิคกับคลังที่เดินเข้ามา
“ไม่มีอะไร ชมพูทำของตกได้คุณคนนี้ช่วยเก็บ”

บาสเริ่มเห็นลางไกลๆเธอคือคนที่มาตามทิควันที่พวกเขานัดคืนหมวกกันที่หน้าห้องธุรการนี่เอง

ทิคหันมามองบาสรายนั้นพอรู้ตัวว่ากำลังถูกมองจึงถอยออกมายืนข้างคลัง
“เสร็จยัง”
“เออ”
“กลับกันเถอะ”
“อืม”
คลังพยักหน้าตอบเหมือนจะเป็นคลังคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไร บาสหันไปโค้งหัวให้…ชมพูใช่ไหม นั้นแหละ แล้วเดินออกมากับคลัง
“เชี้ย!อย่างสวยอะมึงจีบเขาหรอ”
“จีบบ้าอะไรละ!รีบๆดิ”
บาสดึงแขนคลังที่กำลังหันไปมองชมพูให้รีบเดิน
“เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้คลัง!”
“กูผิดอะไรเนี้ย”
บาสจับหัวตัวเองอย่างเหลืออด
“เดี๋ยว”
ทั้งสองหันไปมองตามเสียง ทิคเดินเข้ามามองคลังแล้วหันมาหยุดที่บาส
“คุยด้วยหน่อยสิ”

อย่านะ! ห้ามนะ!

“ใคร”  คลังถาม

“ลูกหนี้กู”

จนได้!

คลังพยักหน้าตอบ หัวใจบาสหล่นไปอยู่ตาตุ่มทันที
“กูไปก่อนนะ”
บาสยื่นมือไปดึงแขนคลังทันที
“รอไปพร้อมกันดิวะ”
คลังกรอกตาคิดเหมือนจะเอนเอียงตาม แต่!ก็เอนกลับเมื่อทิคพูด
“คุยนานวะมึงกลับไปก่อนเลย…เดี๋ยวกูไปส่งเพื่อนมึงเอง”
เมื่อคลังพยักหน้าให้ทิค บาสรู้สึกหมดหวังทันที ทำได้แค่มองตามเพื่อนด้วยใจห่อเหี่ยว
“ไม่เอาไปฆ่าหรอกกลัวอะไรหนักหนา”
ทิคพูดเบาๆเมื่อเห็นกิริยาบาส เจ้าตัวได้ยินถึงกับหันมอง
“ทำไมต้องให้ตามบอกให้โทรเข้าเครื่องไง อย่าอ้างว่าจำเบอร์ไม่ได้ไม่มีเบอร์”
“ผมทำไม่ได้ ทำไม่เป็น”
บาสตอบไปอย่างเหลืออด ไม่เคยใช้ของแพง! ไม่รู้! ไม่เคย! จะซ้ำเติมทำไม!

ทิคอมยิ้มมุมปากมอง บาสถอนหายใจคอตกแล้วหันหลังจะเดินแต่ทิคจับมือไว้

!!!!!

ปกติทิคจะดึงแขน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จับมือ บาสหันมองด้วยความตกใจนิดๆ
“ไปจะทำให้”
ลากไปได้สามก้าวบาสก็แกะมือออก
“เดินกับฉันมันน่าอายตรงไหน”
“ไม่ได้อาย”
แต่มันเด่นเข้าใจไหมมมมมมมมมมม
ทิคเลิกสนใจแล้วเดินนำ บาสต้องจำใจเดินตามไปห่างๆ
ทิคพาบาสเดินมาร้านมินิมาร์ทเข้าไปแบบไม่บอกไม่กล่าวแล้วออกมาพร้อมกับของในมือซึ่งก็มองไม่ชัดว่าคืออะไรแล้วก็เดินออกไปแบบไม่บอกไม่กล่าวเหมือนเคยไปนั่งโต๊ะแถวๆนั้น
“เอามา”
“อะไรครับ”
ทิคถอนหายใจแล้วเงยหน้ามอง
“โทรศัพท์!”
บาสล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์เครื่องแพงส่งให้ทิคแล้วนั่งลงข้างๆ
“พูดมาสิทำไม่เป็นตรงไหนหะ”
“ผมหาที่ใส่ซิมไม่เจอ”
“ห๊ะ”
ถึงกับต้องอุทาน ทิคกระตุกยิ้มอย่างเหลือเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน มองหน้าได้เฉยมาก เชื่อเขาเลย เขาผิดเองที่ไม่ให้ร้านทำให้เรียบร้อยแต่แรก ใครจะไปรู้ว่ามันยังเหลือคนแบบนี้อยู่บนโลก คิดถูกแล้วที่พามาซื้อซิม
“ถามจริง จบวิศวะมาได้ไง”
“ผมจบวิศวะอุตสาหการไม่ได้จบวิศวะไฮเทคเทคโนโลยีอะไร จะได้ตามทันโลกทุกก้าว”
กล้าต่อปากต่อคำแต่ไม่กล้าสู้หน้าเขานะ
ทิคตบปีกหมวกคนตรงหน้าด้วยความหมั่นเขี้ยวจนมันหล่นลงมาปิดหน้า บาสรีบจับให้มันกลับสู่สภาพเดิมไม่พอใจอยู่นะแต่จะทำอะไรได้
หน้าตาบู้บี้ของบาสตอนนี้ทำให้ทิคยิ้มออก เขาดีใจที่เห็นบาสกล้าสู้ กล้าต่อปากต่อคำคนแล้ว ถ้ากล้าสู้กับเขาแล้วก็คงกล้าสู้กับคนที่เอาเปรียบตัวเองบ้าง ไม่ใช่จะเป็นบาสลูกไก่อ่อนที่น่าเกรงขามแค่ตำแหน่ง

ทิคหันมาสนใจกับโทรศัพท์แกะซิมที่ซื้อมาจากมินิมาร์ทเมื่อกี้แล้วทำให้บาสดู
“ทำไมไม่บอก ผมซื้อเองก็ได้มันคนละเครือข่ายกับแม่ผมค่าโทรมันแพงนะถ้าต่างเครือข่าย”
ทิคตวัดสายตาใส่บาสแล้วถอนหายใจรอบที่ล้าน
“งกอะไรไม่เข้าเรื่อง”
เปล่าหรอก จริงๆที่ซื้อเครือข่ายนี้เพราะมันเครือข่ายเดียวกันกับเขาต่างหาก
ทิคหันกลับมาสนใจโทรศัพท์ ทำมันอย่างคล่องแคล่วบาสมองดูด้วยความสนใจ โทรศัพท์แพงๆเขาทำกันแบบนี้นี่เอง บาสมองอย่างไม่ละสายตาตื่นเต้นอย่างลืมตัว
ทิคยื่นมาให้เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย บาสเงยหน้าสบตา ทิคพยักหน้าให้เขาจึงรับมา
“มันปลดล็อกด้วยหน้า”
บาสหันมองทันที
“หน้านายนั้นแหละ”
ก็ยังงงอยู่ดี
ทิคดึงโทรศัพท์มาแล้วจัดการให้ บาสยิ้มกว้างตื่นตากับของเล่นใหม่ ทิคปล่อยให้เด็กน้อยสนุกกับของเล่น ตั้งแต่รู้จักกันเขาเพิ่งเห็นรอยยิ้มกว้างจนตาหยีของบาส แสงไฟจากหน้าจอที่สาดมากระทบกับหน้าเนียนไร้จุดบ่กพร่องตรงหน้าทำให้ละสายตาไม่ได้เลย
คนที่เผลอตัวดีใจจนเกินไปหันมาเมื่อเห็นทิคกำลังมองอยู่จึงหุบยิ้มแล้วทำหน้านิ่งไร้ความรู้สึกเหมือนเคย
“ผะ.ผมจะทยอยใช้คืน”
พูดไปด้วยความเหวอ อายหน่อยๆ
“ถ้านายอยากคืน…แต่ไม่ใช่ด้วยเงินนะ”
บาสเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมาดื้อๆ
“เลิกงานไปรอที่ลานจอดรถ”
“ผมต้องกลับบ้าน”
บาสโพล่งขึ้นมาทันที
“เรื่องของนาย”
“แม่ผมรอกินข้าว”
ทั้งคู่สบตากัน แต่ไม่มีท่าทีว่าทิคจะยอม
“ผมขอ ขอวันนี้วันเดียววันหลังผมจะไปด้วย”
“ก็แค่นั้น”
ทิคยิ้มแล้วลุกเดิน เขาดีใจที่บาสกล้าพูดความต้องการของตัวเอง ไม่ใช่เอาแต่เงียบเหมือนเมื่อก่อน จริงๆเขาแค่อยากมีเพื่อนกินข้าวเย็น แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลของบาสก็เข้าใจ

นายพูดเองนะบาส…ว่าวันหลัง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 16..ต้องมนต์ 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 00:15:33
16..ต้องมนต์

วิศวะหนุ่มถอดรองเท้าเพื่อที่จะรีบเข้าบ้าน กลิ่นปลาทูทอดลอยมาแต่ไกลทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวบาสลงมานะแม่!”
บาสตะโกนบอกลอยๆแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน นำเอกสารที่หอบมาด้วยวางลงบนโต๊ะทำงาน ถอดทุกอย่างออกจากตัวคลำเจอของในกระเป๋ากางเกงจึงหยิบออกมา มันคือโทรศัพท์เครื่องแพงกว่าชีวิตของเขานั้นเอง
บาสมองของในมือ ยิ้มอ่อนให้มันแต่เมื่อหน้าเจ้าของตัวจริงลอยเข้ามาก็หุบยิ้มแล้ววางมันลงที่โต๊ะ
“หอมจัง!”
บาสเดินลงบันไดพร้อมกับส่งเสียงเรียกแซวแม่ตัวเองไปด้วย แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องครัวก็ต้องตกใจเมื่อเห็นกระทะมีควันโขมง บาสรีบก้าวไปปิดวาล์วแก๊สใช้มือแตะๆด้ามจับของกระทะด้วยความกลัว เมื่อมันไม่ร้อนมากจึงจับแล้วโยนลงไปที่อ่างล้างจานแล้วเปิดน้ำใส่
“แม่”
บาสเรียกแม่ตัวเอง เมื่อไม่มีการตอบรับเขาจึงเดินออกจากห้องครัวไปหาจุดอื่น เดินไปหน้าบ้านมองหาจนทั่วก็ไม่เจอจึงกลับเข้ามาในบ้านแล้วตรงไปหลังบ้าน
“แม่!”
บาสตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาวิ่งเข้าไปประคองศีรษะแม่ที่นอนหมดสติอยู่ข้างเครื่องซักผ้าขึ้นมา
“แม่เป็นไร!”
บาสจับหน้าแม่เขย่าเพื่อเรียกสติ
“ได้ยินบาสไหม!”
“แม่!”
บาสเริ่มใจไม่ดีความรู้สึกขมคอตีขึ้นมา กลัวจนน้ำตาจะไหล เขาอุ้มแม่ตัวเองขึ้นด้วยความลำบากออกมาหน้าบ้านมองซ้ายมองขวาสมองคิดอะไรไม่ทันตอนนี้ คิดได้บางอย่างบาสอุ้มแม่ไปหยุดอยู่หน้าบ้านหลังข้างๆแล้วตะโกนเรียก
“ป้าแวว!ลุงไม้!”
สักพักประตูบ้านข้างๆก็ถูกเปิดพร้อมกับเสียง
“ใครนะ”
“ช่วยแม่ด้วยครับ แม่เป็นอะไรไม่รู้!”
บาสตะโกนบอกไป หญิงวัยห้าสิบกว่าๆเดินออกมาพร้อมกับสามีของเธอ
“บาส”
“ช่วยแม่ด้วยครับ ช่วยแม่ด้วย!”
ป้าแววรีบวิ่งมาเปิดประตูรั้วบ้านตัวเอง เข้ามาช่วยบาสประคองแม่
“ลุงจะไปเอารถออก”
ลุงไม้วิ่งเข้าไปในบ้านแล้ววิ่งออกมาตรงไปที่รถสตาร์ทรถแล้วถอยออกจากโรงรถ ป้าแววเปิดประตูหลังแล้วขึ้นไปนั่ง บาสอุ้มแม่ขึ้นรถโดยมีป้าแววคอยรับ ประตูรถถูกปิดรถจึงออกตัว
“แม่”
บาสเรียกคนในอ้อมกอดด้วยเสียงเครือจูบศีรษะแม่แล้วกระชับกอด
อย่าเป็นอะไรนะ ไปหาหมอกันนะแม่
ป้าแววที่กำลังบีบแขนบีบมือแม่ของบาสให้เลือดไหลเวียนส่งมือข้างหนึ่งมาจับมือบาสบีบ
รถถูกจอดลุงไม้เปิดประตูลงแล้ววิ่งมาเปิดประตูรถให้ บาสอุ้มแม่ลงจากรถมีพยาบาลวิ่งเข้ามาเตียงถูกลากเข้ามาบาสวางแม่ลงบนเตียงแล้วจับมือแม่ตามไม่ยอมปล่อย
คนคอยได้แต่หวังให้แม่ไม่เป็นอะไร บาสยืนมองห้องที่แม่หายเข้าไปอย่างไม่ละสายตา
“แม่ไม่เป็นอะไรหรอกบาสถึงมือหมอแล้ว”
บาสละสายตาจากห้องฉุกเฉินตามเสียงพูด
“ป้าแวว”
เขาเรียกป้าข้างบ้านด้วยเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอเบ้า
“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร”
ป้าแววเห็นแบบนั้นถึงกับน้ำตาไหลดึงบาสเข้ามากอด สงสารจับใจ เธอกับสามีไม่มีลูกเธอรักบาสเหมือนลูกมาตั้งแต่แบเบาะ เพราะบาสเป็นเด็กน่ารัก มีสัมมาคารวะ เก่งและขยันเคยถึงขั้นขอบาสไปเลี้ยง มาเห็นบาสร้องไห้เธอก็ร้องไห้ตามด้วยความสงสาร เธอละกอดจากบาสแล้วลูบหน้าลูบตาให้บาส ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดบาสรีบก้าวเข้าไปถามอาการผู้เป็นแม่
“แม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“คนไข้ปลอดภัยแล้วคะ ไม่ได้เป็นอะไรมากที่หมดสติไปเพราะร่างกายอ่อนเพลียเป็นเพราะโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้วด้วย”
บาสพยักหน้าเข้าใจ โล่งใจที่แม่ไม่ได้เป็นอะไร
“คุณหมอให้นอนให้น้ำเหลือดูอาการก่อนนะคะ เดี๋ยวเชิญติดต่อด้านนี้ค่ะ”
บาสหันมายิ้มให้ป้าแววลุงไม้แล้วเดินตามพยาบาลไป จัดการเรื่องนอนโรงพยาบาลของแม่
บาสอยากจะให้แม่ได้นอนห้องพิเศษดีๆนะ แต่ค่าใช่จ่ายแพงเกินไป เลยต้องอยู่ห้องรวม
“ให้ป้าอยู่เป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ป้าแววกับลุงไม้กลับไปพักผ่อนเถอะครับ บาสอยู่ได้”
บาสเก็บความทุกข์ไว้ยิ้มให้ผู้มีพระคุณอย่างซึ้งใจ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงจริงๆ
“พรุ่งนี้ป้าจะมาหานะ”
“ครับ”
“อย่าเครียดนะบาส พักผ่อนนะลูก แม่ปลอดภัยแล้ว”
“ครับ”
ทั้งคู่ยิ้มให้กันแล้วกอดให้กำลังใจก่อนไป
“ลุงไปนะบาส”
“ขอบคุณนะครับลุงไม้”
ชายวัยห้าสิบปลายๆยื่นมือมาตบไหล่ให้กำลังใจตามประสาผู้ชาย บาสยิ้มตอบมองตามทั้งสองเดินออกไป
แล้วหันกลับมาหาคนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง นั่งลงบนเก้าอี้จับมือแม่มากุมไว้
“เมี่ยงปลาทูบาสยังไม่ได้กินเลยนะ”
พูดพร้อมกับจับปอยผมของแม่ไปไว้ข้างๆ เขาทิ้งหน้าลงบนท้องแม่ ไม่อยากห่างไปไหนเลย อยากอยู่ตรงนี้ ใกล้ๆ ตลอดเวลา ไม่อยากทิ้งแม่ไปไหนแล้ว…

“ตื่นได้แล้วรูปหล่อของแม่”
คนนอนสะดุ้งตาเปิดก็เห็นพยาบาลกำลังทำอะไรกับสายน้ำเกลือเตียงฝั่งตรงข้าม หันกลับมาอีกทางก็สบสายตาเข้ากับรอยยิ้มที่แสนเคยชิน
“แม่!”
บาสเรียกแม่เสียงตื่น จับมือแม่มาบีบ
“แม่หายแล้วใช่ไหม ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”

ผู้เป็นแม่เห็นท่าทีแสดงออกของลูกชายก็ถึงกับต้องยิ้มพยักหน้าให้ บาสโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ คนหนึ่งดีใจที่ได้คนรักกลับมา คนหนึ่งดีใจที่ได้กลับมาหาคนรัก เป็นกอดที่พูดแทนทุกความรู้สึกได้เป็นอย่างดี
“ได้นอนบ้างไหมลูก”
แม่ยื่นมือทั้งสองข้างมาจับหน้าลูกชาย จับผมปัดให้ไปในทิศทางเดียวกัน

บาสพยักหน้ายิ้มให้แม่ ทั้งที่ร่างกายตอนนี้อ่อนล้าใกล้จะหมดแรงเต็มที พยาบาลเข็นรถแจกข้าวมาพอดี บาสลุกขึ้นไปช่วยถือมาวางลงแล้วจัดการให้แม่
“แม่ห้ามเครียดนะไม่ต้องทำงานเยอะๆด้วย”
“ทุกวันนี้แม่ก็ไม่ได้ทำงานอะไรมากมายเลยนะลูก แม่ไม่เป็นอะไรหรอก คนแก่ก็แบบนี้แหละโรครุมเร้า”
ผู้เป็นแม่ยิ้มให้ลูกชาย บาสจึงยิ้มตอบ
“แม่อยู่คนเดียวก่อนนะ บาสจะกลับไปดูบ้าน”
“กลับไปนอนก่อนเถอะบาส แม่อยู่ได้”
“บาสจะรีบกลับมานะ”
แม่พยักหน้ายิ้มให้ลูกชายเมื่อรู้ว่าต่อให้พูดยังไงบาสก็คงรีบกลับมา มองลูกชายที่กำลังเก็บจานข้าวด้วยความรู้สึกภูมิใจ

ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงถึงถึงบ้าน บาสเดินเข้าไปในบ้านมองบ้านที่ว่างเปล่าและเงียบอย่างหดหู่ใจ เขาเดินตรงไปที่ครัว มองร่องรอยของการไหม้ที่เหลืออยู่แล้วนึกถึงแม่ขึ้นมาทันที โชคดีขนาดไหนที่กลับมาทัน บาสถอนหายใจยิ้มให้ตัวเองแล้วจัดการเก็บกวาด ทำในครัวเสร็จก็ตามด้วยซักผ้าในเครื่องที่แม่ซักค้างไว้ กวาด ถู ทำทุกอย่างที่แม่เคยทำ เสร็จทุกอย่างแล้วบาสจึงเดินขึ้นห้อง เปิดหน้าต่างทุกบานให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกขึ้น
“ไอ้บาส”
เสียงเรียกทำให้บาสชะงักหันมอง แล้วเดินออกจากห้อง ไม่ต้องสงสัยว่าใคร เขาจำเสียงเพื่อนตัวแสบได้ดี เพราะเวลามาคลังชอบตะโกนเรียกเสมอเวลาหาเขาไม่เจอ
บาสเดินลงจากบันไดลงมาก็เจอคลังกำลังยืนอยู่กลางบ้าน
“มาหาถึงบ้านมีอะไร”
“อยากมา”
บาสส่ายหัวให้กับความกวนของเพื่อนตัวเอง คลังหันซ้ายหันขวาจนบาสมองตาม
“แม่ไปไหนวะ”
จนคลังพูดบาสถึงนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกคลังเรื่องแม่เข้าโรงพยาบาล
“แม่เข้าโรงบาล”
“เฮ้ย! แม่เป็นไรวะ เมื่อไร”
 คลังถามเสียงและสีหน้าแตกตื่น
“เมื่อวาน”
“เป็นอะไรวะ”
“โรคเดิม เมื่อวานกูกลับมาเจอแม่นอนอยู่ข้างเครื่องซักผ้า ป้าแววกับลุงไม้เป็นคนไปส่ง”
ภาพความทรงจำแย่ๆกลับมาอีกครั้ง คลังรับฟังด้วยสีหน้าเห็นใจ
“แล้วตอนนี้แม่เป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีใช่ไหมวะ”
“อืม ไม่เป็นอะไรแล้ว”
คลังเบ้หน้าให้บาส
“ทำไมมึงไม่บอกกูวะ นี้ถ้ากูไม่มาก็คงไม่รู้”
“กูตกใจจนลืม โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป”
“แล้วแม่อยู่โรงบาลไหนอะ”
“นี้ไง กูอาบน้ำแล้วจะไป”
“รีบๆเลย”
คลังโบกมือไล่ บาสแสยะยิ้มให้เพื่อนแล้วเดินขึ้นห้อง คลังตามขึ้นไปนอนกลิ้งบนเตียงบาส รอบาสที่ลงไปอาบน้ำ นอนไปนอนมาสายตาก็ไม่สบเข้ากับสิ่งของบนโต๊ะ
โทรศัพท์เครื่องแพง ลุ้นใหม่ล่าสุด
“กินไรมายัง”
บาสพูดพร้อมกับเดินเช็ดผมเข้ามา
“ซ่อนรูปหรอวะ เล่นซะครึ่งแสนเลยมึง”
“อะไรของมึง”
บาสหันไปถามไม่เข้าใจคำพูดของคลัง
“ก็นี้ไง”
คลังหยิบโทรศัพท์เครื่องแพงขึ้นมา บาสใจหายแว๊บหยุดมือจากการเช็ดผม
“ไปเอาเงินจากไหนมาซื้อวะ กูคิดคำนวณยังไม่กล้าซื้อเลยแม่งแพงเกิ๊น”
คลังจับโทรศัพท์พลิกไปพลิกมาสำรวจ บาสกลืนน้ำลายลงคอ คิดหาคำพูด
“คนอย่างกูจะไปมีปัญญามีเงินซื้อได้ไง ผ่อนเอาดิ”
คลังหันมามอง บาสรีบพูดต่อ
“ก็มึงพูดเอง ว่ารุ่นกูมันไม่มีอะไหล่แล้วไม่ใช่หรอ ไหนๆก็ไหนๆกูก็เลยซื้อดีๆไปเลย”
บาสพูดจบแล้วหันหน้าหนีหลบสายตาคลัง เพราะเขาเป็นคนโกหกไม่เก่งขืนสบตามีหวังคลังจับพิรุธได้แน่

แม่ไม่เหงาเลย มีทั้งคลังและป้าแววลุงไม้ที่มาเยี่ยม ทุกคนอยู่จนบ่ายถึงกลับ ระหว่างนั่งรอแม่หลับบาสก็เอาเอกสารที่นำมาด้วยขึ้นมาเคลียร์ต่อให้เสร็จ
วันนี้วันอาทิตย์พรุ่งนี้แม่ก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว
บาสตื่นไปเข้าห้องน้ำเดินกลับมาเห็นแม่ทำท่าทางแปลกๆแต่ไกลจึงรีบเดินกลับ แต่เมื่อจับไปที่แขนก็ต้องตกใจเมื่อรับรู้ถึงความร้อนในตัวแม่ บาสใช้มืออังหน้าผากแม่จับตัวก็ทำให้รู้ถึงความผิดปกติ จึงเรียกพยาบาลมาดูอาการ
สรุปคือแม่มีไข้ คงเป็นเพราะร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว เห็นแบบนี้แล้วไม่มีกะใจทิ้งแม่ไปทำงานเลยทั้งที่จะได้กลับบ้านอยู่แล้วกลับมาเป็นเพิ่ม
บาสคิดดีแล้วเขาโทรไปลางานกับบงกช ซึ่งบงกชก็เข้าใจและบอกให้บาสลาจนกว่าแม่จะหายดีด้วยซ้ำแต่บาสขอดูอาการแม่ก่อนถ้าหายดีจะรีบกลับไปทำงาน


วันนี้ประชุมเอ็นจิเนียร์ใหญ่ประจำเดือนทุกคนมารวมตัวกัน
ยกเว้นลูกหนี้ของเขา…
ทิคมองหาตลอดการประชุม จะถามจากคลังก็ขี้เกียจตอบคำถาม ทิคจึงเลือกถามจากคนอื่นแทน
“บาส..ไปไหนครับ”
คนที่ทิคถามไม่ใช่ใครที่ไหนปิงนั้นเอง
“บาสไม่ได้มาทำงานสามวันแล้วครับ”
คำตอบทำให้ทิคแปลกใจ
“เขาไปไหนครับ”
“แม่เขาเข้าโรงพยาบาลครับ เขาลาไปดูแม่หลายวันแล้ว”
ทิคได้ยินคำตอบแล้วชะงัก


เพราะร่างกายแม่อ่อนแออยู่แล้ว เชื้อโรคจึงเข้าได้ง่าย ผ่านไปห้าวันของการอยู่โรงพยาบาลและสามวันของการลางาน ใช้ชีวิตอยู่โรงพยาบาลจนคนแถวนี้เริ่มจำหน้าได้แล้ว
“หนึ่งร้อยยี่สิบห้าบาทค่ะ”
บาสยื่นเงินให้พนักงานร้านสะดวกซื้อแล้วรอเงินทอน เรียบร้อยแล้วจึงถือของออกจากร้าน ทั้งสองมือเต็มไปด้วยของ นมสองแพ็ค ขนมปัง ผลไม้ และของที่จำเป็น เดินออกมาที่ถนนรอให้รถผ่านแล้วจึงรีบวิ่งข้าม
แต่สิ่งที่อยู่อีกฝ่ากของถนนทำให้บาสชะงัก ต่างฝ่ายต่างมองกันไม่ละสายตา ทิคมองบาสตั้งแต่หัวจรดเท้า คนที่เคยดูดีจนใครเห็นต้องหลง ทำไมตอนนี้กลับดูโทรม ซูบผอม หน้าตาไม่สดใส จนน่าสงสาร
และเป็นทิคที่เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา
“ไม่คิดจะบอกกันหน่อยหรอ”
มันจำเป็นต้องบอกหรอ เราไม่ได้สนิทกันขนาดต้องบอกเล่าเรื่องส่วนตัว บาสได้แต่คิดในใจ
“ไปคุยกันหน่อยไหม”
ทิคพูดเสียงไม่ได้บังคับ แต่ก็ไม่ได้ขอร้อง แล้วบาสจะขัดได้ไหมละ
“ผมขอเอาของไปให้แม่ก่อน..ได้ไหม”
บาสขอไปอย่างไม่เต็มเสียงอย่างหวั่นๆ
ทิคพยักหน้าให้ บาสจึงเดินนำออกไป
คนเดินตามหลังมองคนที่อยู่ข้างหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาไม่เคยเห็นบาสแต่งตัวแบบนี้ กางเกงวอร์มที่เหมือนจะผ่านการใช้งานมาเยอะเสื้อยืดธรรมดากับรองเท้าสวมแบบสบายๆไม่ได้ทำให้ความดูดีของบาสลดน้อยลงเลย กลับดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ ทิคเดินตามบาสไปเรื่อยๆตลอดทางก็มองสิ่งรอบตัวไปด้วย คนป่วยที่นอนอยู่ทำให้รู้สึกหดหู่ไม่น้อย จนบาสหยุดเดิน
ทิคมองบาสที่กำลังนำของที่ซื้อมาวางยังจุดที่มีไว้ให้แล้วหันไปจัดแจ้ง
ผ้าห่มให้คนที่น่าจะเป็นแม่ที่กำลังหลับอยู่ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความรัก มองไปรอบๆสิ่งที่เห็นคือคนป่วยและญาติเต็มไปหมด แล้วลูกหนี้ของเขาอยู่ยังไง นอนยังไง ทำทุกอย่างอยู่ในนี้หรอ
“ปล่อยให้แม่นอนสบายๆเถอะ”
ทิคพูดแล้วจับแขนบาสให้ลุกขึ้น คนถูกดึงแขนหน้าตาเลิ่กลั่กแต่ก็ปล่อยให้ทิคลากตามใจชอบ
ทิคพาบาสมาที่ร้านอาหารไม่ใกล้ไม่ไกล ความจริงบาสขัดเพราะไม่อยากทิ้งแม่ไปนานๆแต่หาได้ขัดทิคได้ไม่ จนถูกลากมาที่นี้แหละ มาถึงก็สั่ง สั่ง แล้วก็สั่ง ไม่รู้หิวมาจากไหน คนถูกลากมาทำได้แค่นั่งมองเงียบๆ
อาหารถูกนำมาเสริฟ์แต่ก็ไม่มีใครกิน จนทิคพูด
“กินสิ”
บาสที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นสบตากับทิค
“คุณไม่กินละ”
“ตอนแรกหิว แต่ตอนนี้ฉันไม่หิวแล้ว”
บ้าหรือไง อาหารเยอะแยะขนาดนี้แล้วราคาแต่ละจานก็ไม่ใช่ถูกๆ
“งั้นก็ให้เขาห่อให้สิครับ”
“ฉันให้นายกิน”
 อยู่กับทิคมานานจนบาสรู้ดี ว่าเสียงกดๆนี้คือคำสั่ง
“รีบกินจะได้รีบกลับไปหาแม่”
ได้ยินแค่นั้นบาสก็เห็นด้วย ใช่ รีบๆกินให้เสร็จๆ บาสหยิบส้อมขึ้นมาแล้วเลือกแทงไปที่น่องไก่ทอดแล้วนำเข้าปาก เคี้ยวไปคำแรกก็รับรู้ถึงความอร่อย กินอย่างไม่รู้ตัวจนหมดชิ้น จะเอาชิ้นใหม่แต่เพราะนึกได้จึงยั้งมือเหลือบมอง เมื่อเห็นทิคเอาแต่นั่งก้มหน้ากดโทรศัพท์จึงจัดการ

คนที่ทำท่าเล่นโทรศัพท์แอบมองคนตรงข้ามเป็นระยะแล้วอมยิ้ม บาสกินจนไม่อายเหมือนตอนแรกแล้ว แต่อมยิ้มได้ไม่นานก็ต้องหยุดมันลงเมื่อเกิดความคิดบางอย่าง
มันอร่อยหรือหิวเพราะไม่ได้กินมาหลายวัน ใต้ตาช้ำๆนั้นเกิดจากอะไร แล้วแผลที่นิ้วนั้นเป็นอะไรมา
“ทำไมไม่พาแม่ไปอยู่ห้องพิเศษ”
คำพูดของทิคทำให้คนที่กำลังอร่อยกับการกินชะงัก สายตามองต่ำอยู่นานถึงเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่ใช่รอยยิ้มของความสุข
“มันแพง อยู่ห้องรวมดีจะตายมีเพื่อนเยอะ แม่จะได้ไม่เหงา”
“ย้ายห้องให้แม่ซะ”
“ทิค”
บาสเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างเหลืออดเพราะไม่รู้จะพูดยังไง
คนถูกเรียกกลับไม่ฟัง วางเงินแบงค์สีเทาสองใบลงบนโต๊ะแล้วลุกเดินออกไป
“เลิกทำเหมือนผมเป็นตัวอะไรที่น่าสงสารสักที”
ทิคหยุดเท้าลงเมื่อได้ยิน
“พอสักทีเหอะ”
ทิคหันหลับไปเผชิญหน้ากับบาสเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่
“ผมจะเอาเงินทั้งหมดไปคืนคุณวันศุกร์ ขอบคุณที่ช่วยเหลือมาตลอด”
ทิคเดินเข้าไปหาบาสทันที
“วันศุกร์ฉันไปดูงานต่างจังหวัด”
“ผมจะฝากคลังไปให้…ผมยังไม่รู้อนาคต”
“หมายความว่าไง”
“ผมจะลาออก”
ทิครุกเข้าหาบาสในระยะประชิดทันที จับแขนบาสบีบสุดแรงเกิด
“คิดจะหนีหรอ! นายคิดว่าจะหนีฉันพ้นหรือไง!”
“ผมไม่ได้หนี ในเมื่อผมจะคืนเงินคุณทั้งหมด”
“นายไม่มีสิทธิ์คิดจะไปไหนทั้งนั้น!”
บาสใช้แรงที่มีผลักทิคออกจากตัว
“คุณต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!ผมยอมมามากพอแล้ว พอสักที ผมไปเราก็จะไม่ได้เจอกันอีกมันจะได้จบๆไง”
อยู่ดีๆทิคก็ปล่อยมือจากแขนบาส แต่จ้องตาอย่างไม่ลดละ
“ทุกอย่างมันกำลังจะดี ฉันกำลังพยายามแต่นาย..พังมัน”

เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง พยายามทำดี พยายามดูแลเอาใจใส่ พยายามเอาใจเขามาใส่ใจเราแบบที่ไม่เคยทำ ทุกอย่างมันดีขึ้นแล้ว แต่บาส บาสกลับพังมัน คิดจะไปจากชีวิตเขา

บาสไม่พูดอะไรแต่กลับจะเดินหนีไป ทิคหันไปขว้าแขนไว้แล้วลากให้เดินตาม ไม่มีคำพูดคำด่าทออะไรทั้งคู่ใช่การกระทำแทน ยื้อยุดกันจนเกือบจะชกต่อย บาสสู้ทิคไม่ไหวจนถูกลากกลับมาที่รถ
“เข้าไป!”
ทิคตระโกนเสียงดังจนคนแถวนั้นหันมอง บาสถูกยัดเข้าไปในรถแต่พยายามจะออกทิคจึงขึ้นคร่อมบาสที่นั่งดิ้นอยู่บนเบาะแล้วปิดประตูล็อค
“มึงหยุดบ้าสักที!”
“มึงนั้นแหละที่บ้า!”
คำพูดของบาสทำให้ทิคโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขามีสิทธิ์พูดคนเดียวบาสกล้าดียังไงถึงพูดคำว่ามึงออกมา แต่ก็ดีเหมือนกันในเมื่อจะเล่นบทนี้..ก็ได้
“เอาเลย!จะฆ่าก็เอาเลย บ้าอยู่แล้วนิ!”
คนที่อยู่ใต้ร่างไม่กลัวเลยด้วยซ้ำกลับท้าทาย
ทิคก้มหน้าลงมาใกล้จนจมูกสัมผัสกัน
ไม่รู้ว่าลมหายใจของบาสร้อนจนรู้สึกได้ไหม แต่ตอนนี้ลมหายใจของทิคสัมผัสกับใบหน้าบาสจนรับรู้ถึงความอุ่น
บาสหยุดการกระทำทุกอย่าง มันทำให้ทิครู้ว่าบาสไม่กลัวการกระทำแรงๆอะไรเลย
แต่กลัวการถูกเข้าใกล้และการถูกสัมผัส… แต่หน้าตาไม่ได้บ่งบอกถึงความกลัว บาสยังคงสู้หน้าอย่างไม่ลดเลิกทั้งที่จริงๆแววตาเลิ่กลั่กนั้นกำลังบ่งบอกถึงความกลัว ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่ยอมกัน ทิคก้มหน้าลงเข้าใกล้บาสหดหน้าหนีทันที บาสตกใจไม่รู้ว่าเบาะถูกเอนตอนไหนเป็นว่าตอนนี้บาสนอนอยู่ข้างล่างโดยมีทิคคร่อมอยู่ด้านบน
ทิคเห็นแบบนั้นก็ไม่ยอมหยุดได้ใจส่งมือไปจับเสื้อยืดบาสตรงท้องเลิกขึ้น
“จะทำอะไร!”
บาสถามเสียงดังปัดมือทิคออกแล้วเริ่มดิ้นอีกครั้ง จนทิคก้มลงเข้าใกล้อีกครั้งถึงหยุด
รถที่ไม่ได้สตาร์ทเครื่องร้อนจนแทบขาดใจ แต่อารมณ์ของคนสองคนตอนนี้ร้อนยิ่งกว่า เสียงหายใจรวยรินจากความเหนื่อยของการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะ เหงื่อที่เริ่มเปียกกายของทั้งคู่
หน้าบาสเต็มไปด้วยเหงื่อจากหน้าผากไหลลงมาตามไรผมจนมาถึงคอ เม็ดเหงื่อที่เกาะกลุ่มบนปากระหว่างจมูก
ทำให้ทิคละสายตาไม่ได้เลย เขามองมันอยู่อย่างนั้น จนลามมาที่ปากเผยอๆนั้น เหงื่อที่ไหลตามคอ ทุกอย่าง ทุกอย่างตอนนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน เหงื่อจากปลายจมูกของทิคหยดลงบนหน้าบาส จิตใจมันร้อนรุ่ม ร่างกายมันหายใจเร็วจนหายใจตามไม่ทัน ทิคไม่ใช่คนโง่ไร้เดียงสาขนาดจะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะหาย
!
ทิคก้มลงประกบปากตัวเองกับปากบาสอย่างไม่บอกไม่กล่าว
เขาคิดผิด มันไม่ได้ทำให้หาย แต่กลับทำให้ทุกอย่างทวีคูณขึ้น กำลังจะขยับปากแต่บาสผลักออกแล้วต่อยเข้ามาที่หน้าเต็มแรง
ช่วงเวลาต้องมนต์ ทิคกำลังหลงใหลกับรอยจูบแต่ได้สติทันดันบาสที่พยายามจะลุกให้นอนลงอีกครั้ง และครั้งนี้เขาไม่พลาด ทิคประกบปากตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือดจากการกระทำของบาสให้เจ้าตัวได้ลิ้มรสเช่นกัน ทิคขยับปากรู้จังหวะอย่างช่ำชองจนบาสตามไม่ทัน จับหน้าบาสล็อคให้อยู่ในองศาที่จูบได้ถนัด คนที่ขัดขืนตอนแรกเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ ทิครับรู้แบบนั้นจึงเปลี่ยนจากที่ล็อคหน้ามาใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าบาสไว้แล้วถอนจูบออก บาสที่ไม่ประสีประสาเรื่องนี้รีบหายใจเอาอากาศเข้าปอด ทิคไม่รั้งรอก้มลงประกบจูบอีกครั้ง ไม่อ่อนหวาน นุ่มนวล แต่เป็นจูบที่ร้อนแรงและสอนงานให้คนที่ไม่เป็นไปในตัว ลิ้นร้อนถูกส่งไปทุกซอกทุกมุมของปากบาส ทิคจับหน้าบาสประคองเต็มสองมือ จูบอยู่อย่างนั้นอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด คนอยู่ล่างเริ่มหายใจไม่ทันอีกครั้ง บิดหน้าหนีจนทิครับรู้ว่าควรปล่อยและค่อยๆถอนจูบ
ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน สิ่งที่เหมือนกันคือเสียงหายใจที่แรงเพราะความเหนื่อยทั้งคู่ ทิคก้มลงอีกครั้งบรรจงจูบลงที่ผมบริเวณหูเบาๆแล้วละออก

สำหรับบาส…มันอาจจะทำให้ความรู้สึกทุกอย่างเปลี่ยนไป
แต่สำหรับทิค…ความรู้สึกใหม่มันกำลังเริ่ม
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 17..ไม่ปล่อย 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 00:17:06
17..ไม่ปล่อย

คนถูกขโมยลมหายใจปิดประตูรถด้วยความอ่อนแรง แข้งขาอ่อนแรงไปหมด เหมือนถูกดูดวิญญาณไป บาสเดินหายใจแรงจนอกเพื่อม เดินจนมั่นใจว่าพ้นรถทิคจึงหยุดเดินแล้วใช้มือยันผนังอาคาร
“ถ้ายังคิดจะไป ก็ลองดู”
คำพูดเย็นเยือกของทิคตามมาหลอกหลอนอยู่ในหัว โดนอะไร ได้แต่หลอกตัวเอง ทั้งที่ใจจริงก็พอจะรู้ว่าทิคหมายถึงอะไร บาสกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวั่นวิตก ทิคทำกับเขาแบบนี้มันน่ากลัวยิ่งกว่าทำร้ายร่างกายหรือทำท่าทีเหมือนจะฆ่าเสียอีก

“บาส”
สัมผัสที่มือทำให้คนที่กำลังเหม่อได้สติ บาสหันหน้ามาหาแม่
“เป็นอะไรหรือเปล่า แม่เรียกตั้งหลายรอบ”
“ปะ..เปล่าครับบาสคิดเรื่องงานเพลินไปหน่อย”
“ใช่สิ บาสขาดงานตั้งหลายวันแล้ว กลับไปทำงานเถอะลูก”
แม่วางหนังสือที่อ่านลงแล้วหันมาพูดจริงจัง
“ไม่เป็นอะไรหรอกแม่ พี่บงเขาเข้าใจ ถึงบาสจะไม่ได้ไปแต่บาสก็ทำได้”
บาสชูเอกสารบนตักให้แม่ดู
“แต่ถึงยังไงบาสก็ขาดมาหลายวันแล้ว กลับไปทำงานเถอะ แม่อยู่ได้เพื่อนเยอะแยะเลย”
แม่พูดสีหน้าจริงจังจนเห็นทีบาสจะขัดไม่ได้ จึงได้แต่พยักหน้าตอบแม่ไป
เขาจะบอกแม่ยังไงดีว่าจะลาออก แม่ชอบที่เขาทำงานโรงงานนี้ แม่ยิ้มทุกครั้งที่เห็นเขาใส่ชุดพนักงานวิศวะ
แต่ยังไงก็ต้องหาโอกาสและเหตุผลบอก ใจมันไปแล้วยิ่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่อยากไปอีกยิ่งไปกันใหญ่

“มึงกลับมาแล้วไอ้บาส ไม่มีมึงมึงรู้ไหมพี่บงจะกินหัวพวกกูทุกวันเลย!”
ตี๋เข้ามากอดเขย่าๆตัวบาสพร้อมกับพูดน้ำเสียงและสีหน้าเหมือนคนต้องการความรักและไม่ได้เจอกันมาสิบปี
“เออๆปล่อยก่อน”
บาสดันตัวเพื่อนร่วมงานออกห่าง ตี๋ยิ้มแฉ่งให้อย่างไม่สะทกสะท้าน
“มึงมานี้เลย มาแก้งานดิพวกกูคิดจนหัวจะระเบิดแล้วเนี้ย แล้วเครื่องแม่งอยู่มาร้อยพันปีไม่เสียมาเสียวันที่มึงไม่อยู่ จะไปตามไอ้ทิคมาดูให้แม่งก็ไปดูงะ..”
!!!!
แก้วกาแฟที่คลังตั้งไว้บนโต๊ะหกลงมาใส่เอกสารจนคลังต้องรีบยกขึ้นสลัดๆ
“ขอโทษๆกูไม่เห็น!”
บาสรีบหันไปหยิบทิชชู่มาเช็ดให้ เพราะได้ยินชื่อทิคทำให้ตกใจขึ้นมากระทันหัน
“โทษฐานที่ทำเลอะ มึงเอาไปทำ”
คลังพูดแล้วยิ้มแฉ่งชูเอกสารในมือที่มีรอยเปื้อนจากกาแฟยื่นให้บาส ส่วนรายนั้นรับมาแล้วกลับไปนั่งที่เพื่อสงบสติอารมณ์ เจ้าหนี้ชักจะมีผลกับชีวิตเขามากไปแล้ว

ผ่านไปสองวันของการกลับมาทำงาน รู้สึกดีขึ้นมากเพราะไม่ได้เจอทิคเลย
“วันนี้ทำไมเค็มวะ”
คลังเบ้หน้าบ่นหลังจากกินไปได้สองคำ บาสนั่งมองเพื่อนตัวเองชั่งใจอยู่นานถึงติดสินใจพูด
“ไอ้คลัง”
คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมองทั้งที่ในปากยังเต็มไปด้วยข้าว
“กูมีเรื่องจะบอก”
“อะไร”
คลังตอบแล้วก้มลงตักข้าวในจานต่ออย่างไม่ได้สนใจ
“กูจะลาออก”
“หรอ”
คลังลากเสียงยาวล้อเลียนไม่สนใจ
“กูพูดจริง”
มือคลังชะงักจากการตักข้าวทันที เงยหน้าขึ้นสบตากับบาส
“กูจะลาออก”
“อะไรของมึง”
“กูจะไปหางานใกล้ๆบ้านทำ กูอยากอยู่ใกล้ๆแม่”
“ทำที่นี่มึงก็ได้เลิกกลับไปหาแม่ทุกวันอยู่แล้ว ออกไปมึงจะไปทำที่ไหน”
ก็พูดยื้อไปงั้น คนเก่งประวัติดีอย่างบาสไปสมัครที่ไหนเขาก็พร้อมจะอ้าแขนรับ แต่เขาไม่อยากให้เพื่อนไป
“มีอะไรมึงปรึกษากูได้นะไอ้บาส เราคุยกันทุกเรื่องไม่ใช่หรอวะ”
คลังพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กูคิดดีแล้ว”
“ไอ้บาส”
“ถึงกูจะออกแต่เราก็ยังเจอกันได้นี่หว่า”
“กูไม่ให้ออก”
คลังพูดน้ำเสียงจริงจังอีกรอบ
“กูคิดดีแล้ว มึงก็รู้ว่าร่างกายแม่อ่อนแอขนาดไหน ทำงานที่นี้จะได้เลิกเวลาก็ไม่แน่นอน เข้าใจกูนะ”
คลังมองหน้าเพื่อนแล้วหันหนีอย่างอ่อนใจ พูดมาขนาดนี้คงรั้งไม่อยู่จริงๆ
“สิ้นเดือนนี้ก่อนกูถึงจะยอมให้มึงออก”
คลังยื่นคำขาด บาสพยักหน้าให้ไม่ลืมนำสิ่งที่เตรียมมายื่นให้คลัง
“อะไรวะ”
คลังถามมองของตรงหน้าโดยที่ยังไม่รับไป
“กูฝากคืนทิคหน่อย”
คลังเลิกคิ้วมองแล้วรับซองมาเปิดดู
“มึงไปเอาเงินมาจากไหน”
คลังถามน้ำเสียงแปลกใจ เมื่อเห็นของในซอง
“ป้าแววให้กูยืมก่อน”
“ไอ้ทิคมันทวงมึงใช่ไหม!”
คลังถามน้ำเสียงจริงจังเหมือนโกรธ
“เปล่า กูแค่อยากคืนให้มันจบๆ”
บาสรีบแย้ง ทั้งคู่สบตากัน คลังพยักหน้ารับรู้แล้วลงมือกินข้าวต่อ อาหารมื้อนี้ไม่อร่อยซะแล้ว แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อต่างคนต่างอยู่กับความคิดตัวเอง

“บาส!”
คนที่กำลังตรวจหาปัญหางานเงยหน้าแล้วฝากฝังงานให้คนอื่นทำต่อ วิ่งไปตามเสียงเรียก
“เป็นแบบนี้อีกแล้วสาเหตุคืออะไร ไม่ดูกันหรือไง วิศวะมีกันตั้งกี่คน มั่วทำอะไรอยู่!”
บงกชใส่ไม่ยั้งเสียงดังจนกลบเสียงเครื่องในไลน์ ชี้ไปที่งานเสีย พนักงานจุดนั้นหน้าเสียไปเป็นแถว พนักงานจุดอื่นต่างพากันแอบมองเป็นระยะๆ
“ขอโทษครับพี่บง ผมจะรีบแก้ไข”
“จัดการให้พี่ด่วน”
คำพูดสั่งตายถูกพ่นออกมาแล้วเจ้าตัวก็เดินออกไป บาสหันกลับมาแล้วยิ้มให้พนักงานจุดนั้น
“ไม่เป็นไรครับ ทำงานต่อเถอะ”
ยิ้มให้คนอื่นสบายใจแต่ข้างในตัวเองเต็มไปด้วยความทุกข์ บาสเขียนรายงานชิ้นงานที่เสียแล้วนำไปที่ห้องที่มีอุปกรณ์การตรวจสอบครบครันห้องเก็บงานเสียนั้นเอง
บาสมากับปิงทั้งคู่ต่างเคร่งเครียดหาแนวทางแก้ไขปัญหาของชิ้นงานได้สักพักแล้ว เสียงโทรศัพท์ประจำห้องดังปิงจึงละจากงานไปรับสาย
“เออ เดี๋ยวไป”
“บาส กูไปช่วยพวกมันข้างล่างก่อนนะ”
ปิงวางโทรศัพท์แล้วหันมาพูดหน้าเครียดกับบาสที่กำลังก้มดูงานอยู่
“ไปเหอะ”
ทั้งคู่พยักหน้าให้กันเป็นอันเข้าใจ ปิงเดินมาหยิบแฟ้มและหมวกที่ถอดไว้ขึ้นมาใส่
“เดี๋ยวรีบมา”
ปิงเดินออกไป บาสยังคงให้ความสนใจงานต่อต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนเที่ยง สปริงมันหลุดและเล็กมากบาสพยามยามใส่อยู่นานก็ยังใส่ไม่ได้เพราะงานมันประกอบเสร็จแล้วเลยทำได้ลำบาก
เสียงเปิดประตู บาสจึงพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามองเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนตัวเอง
“ช่วยจับหน่อยดิ”
กำลังใช้แรงง้างชิ้นงานแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อถูกปัดมือออก
บาสเงยหน้าขึ้นหมายจะมองแต่เมื่อสายตาไปประทะเข้ากับบัตรพนักงานที่ห้อยลงมาก็ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมอง
!
ไม่ใช่ปิงเพื่อนเขา
แต่เป็นทิคที่กำลังจับชิ้นงานพลิกไปพลิกมาอย่างคล่องแคล่ว
“ทำแบบมึงชาตินี้ก็ทำไม่ได้หรอก”
เสียงแกร๊กดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างลงล็อค ทิควางชิ้นงานลงบนโต๊ะแล้วหันมาสบตากับบาส
บาสไม่พูดอะไรยืนนิ่งอยู่กับที่ ทิคขยับเข้ามาบาสถอยหลังอัตโนมัติ คนถูกทำเหมือนรังเกียจแสยะยิ้มแล้วดึงแขนบาสเข้าหา บาสยื้อไว้อย่างไม่ยอม บาสถูกดันให้ไปชิดผนังห้องเพื่อตัดกำลังแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
ตุ๊บ!
เสียงของหล่นดังมาจากนอกห้อง และเสียงเหมือนคนกำลังคุยกัน ทำให้บาสหันมองแต่ทิคกลับไม่สนใจอะไรเลยเอาแต่จ้องและล็อคบาสไว้ บาสหันกลับมามองทิคแล้วหันกลับไปมองประตูด้วยความกลัว
“ปล่อย”
ทิคไม่ตอบเอาแต่แสยะยิ้ม
บาสเห็นแบบนั้นก็ร้อนใจ ความกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็น มันไม่มีทางเลือก เร็วกว่าความคิดบาสจับแขนทิคแล้วลากเข้าไปหลบในชั้นเก็บเอกสารอีกมุมของห้อง ทิคไม่ขัดขืนอะไรปล่อยให้บาสลาก เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าบาสจะทำยังไง เขาไม่สนโลกอยู่แล้วใครจะเห็นก็ชั่ง บาสเป็นคนกระวนกระวายเอง ก็ต้องแก้ปัญหาเอง
เฉียดฉิว ประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับเสียงพูด
“เอาวางไว้ต้องนี้แหละ เดี๋ยวรอฝ่ายบัญชีมาตรวจ”
เสียงผู้หญิงพูด
“แปป..เอาแฟ้มไปไว้ก่อน”
เสียงเดินดังเข้ามาใกล้ บาสบีบแขนทิคด้วยความลุ้น คงมีแต่ทิคที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย
นอกจากจะไม่ช่วยแล้วทิคยังทำท่าจะเดินออกไปจนบาสต้องรีบดึงให้กลับมาอยู่ที่เดิม
“ขอร้องละ”
บาสกระซิบหน้าตาอ้อนวอน ทิคทำหน้าตาไม่รับรู้จะเดินออกไปอีก จนบาสต้องดึงเข้าหาตัวอีก จากที่ใกล้อยู่แล้วตอนนี้เป็นว่าตัวชิดกันโดยที่บาสอยู่ในทิคอยู่นอก จนรับรู้ถึงลมหายใจกัน
“อยู่เป็นเหมือนกันนิ”
ทิคพูด บาสหันกลับมามองด้วยความไม่พอใจแต่ก็เลือกที่จะไม่ต่อความเพราะอยากเงียบให้ได้มากที่สุด
“ไม่ต้องหรอกกานต์ วางไว้กับของนี้แหละเขาจะได้หาง่ายๆ”
เสียงพูดดังขึ้นอีกครั้ง แล้วเงียบไปพร้อมกับเสียงเปิดประตูออกไป

บาสแอบมองจากช่องว่างของชั้นเอกสาร เมื่อเห็นว่าออกไปแล้วถึงกับถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความโล่ง
แต่พอหันกลับมากลับเจอหน้าทิคอยู่ใกล้จนตกใจ บาสผลักทิคออกห่างแล้วออกมาจากที่ซ่อนแ
คนแกล้งยิ้มอย่างผู้ชนะที่แกล้งบาสได้แล้วเดินตามออกมา บาสถูกจับไหล่ให้หันมาหาแล้วถูกยัดของบางอย่างมาในกระเป๋าเสื้อ บาสหยิบขึ้นมาดู..มันคือพวงกุญแจรูปดอกไม้สีเหลือง
“กูไปดูงานที่เชียงรายมา ดอกคำปุ๊จุ๊มันเป็นดอกไม้ที่มีเยอะที่นั้น”
มันเป็นดอกไม้สีเหลืองเอาง่ายๆก็คือดอกดาวเรืองดีๆนี้เอง บาสมองของในมือแล้วพูดออกไป
“ผมฝากเงินไปกับคลังแล้ว”
ทิคเงยหน้าขึ้นมอง จากที่กำลังอารมณ์ดีหายไปในพริบตา
ส่วนบาสก้มหน้ามองต่ำแล้วหันไปหยิบของเดินออกไป
“ถ้าคิดว่ามันจะจบ มึงคิดผิด”
เสียงพูดหนักแน่นดังตามหลังมา บาสหยุดเท้าแล้วหันกลับไปมองด้วยสายตาเอือมระอา
“เพื่ออะไร!คิดอะไรอยู่ จะทำอะไร บ้าไปแล้วหรือไง!”
บาสถามออกไปเสียงดังอย่างอดกลั้น
“กูเคยบอกไปแล้ว มึงไม่มีสิทธิ์อยากรู้ อยากทำ ไม่มีสิทธิ์คิดอะไรทั้งนั้นเวลาอยู่กับกูถ้ากูไม่อนุญาติ”
“มึงต่างหากทิค!ที่ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับกู”
บาสพูดไปอย่างเหลืออดอีกครั้ง มองหน้าทิคด้วยความรังเกียจ สู้ไม่ยอมแพ้
“กูคืนเงินไปทุกบาททุกสตางค์แล้ว เราไม่มีอะไรต่อกันอีก”
บาสพูดเสียงนิ่งสบตากับทิคทิ้งท้าย แล้วหันหลังเดิน
“เมื่อไรที่มึงรับไม่ไหว มันเป็นเพราะมึงเริ่มเกมส์นี้ขึ้นมาเอง จำคำพูดกูไว้”
ทิคพูดแล้วชิงออกไปก่อน
บาสยืนนิ่งกำหมัดแน่นระงับอารมณ์ ไม่เข้าใจว่าทิคกำลังคิดอะไร ทำแบบนี้ทำไม เขาไปทำอะไรให้ หรือเป็นเพราะเรื่องยืมเงิน แต่มันต้องคิดแค้นกันขนาดนี้เลยหรือไง

คนลงมาก่อนผลักประตูเปิดเต็มแรงแล้วปล่อยมันอย่างไม่กลัวว่าจะเสียงดัง เดินหน้านิ่งกำเอกสารในมือแน่นด้วยความโกรธ

คิดแต่จะไปจากเขา มันไม่ง่ายหรอก เขาจะไม่ปล่อยเด็ดขาด
“ไอ้ทิค”
เสียงเรียกทำให้ทิคหันกลับไปมอง เป็นคลังที่ยืนยิ้มอยู่เมื่อเห็นทิคหยุดคลังจึงเดินเข้าไปหา
“บาสมันฝากเงินมาคืน”
คลังยื่นซองสีน้ำตาลให้ ทิคมองของตรงหน้าไม่ได้รับไปแต่ถามกลับ
“เขาไปเอาเงินมาจากไหน”
“มันยืมญาติมา”
“หาหนี้มาใช้หนี้”
ทิคแสยะยิ้มพูดเสียงเบากับตัวเอง อยากจบกับเขาขนาดนี้เลยหรอ ทิครับซองมาแล้วพูด
“บอกเขา มีอะไรให้ช่วยก็บอก”
“กูไปนะ ไว้คุยกัน”
เขายิ้มให้คลังแล้วหันหลังเดิน
“มันเพื่อนกู”
คำพูดของคลังทำให้ทิคหยุดเท้า
“เป็นคนที่กูรักที่สุดเหมือนน้อง”
คลังพูดอีก
ทิคที่ยืนหันหลังอยู่นานหันกลับไปเผชิญหน้า หน้าคลังตอนนี้นิ่งไม่แสดงอาการใดๆจนผิดนิสัย
“ขอบคุณนะเว้ยที่ช่วยมัน”
แล้วเปลี่ยนมายิ้มแย้ม
“ไปก่อนเว้ยเดี๋ยวพี่บงกินหัว”
ทำหน้าตาล้อเลียนตบไหล่ทิคแล้วเดินออกไป

ทิคที่ยืนนิ่งอยู่นานหันกลับไปมองตามหลังคลัง...มันแปลกไป หรือเขาคิดไปเอง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 18..หมดกำลังที่มี 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 00:19:16
18..หมดกำลังที่มี

“เดี๋ยวเราส่งให้ในเมล์นะ”
“โอเค”
คู่สนทนาหยุดเดินหลังจากเดินคุยกันมาตลอดทาง เอกสารถูกพับกลับมาหน้าเดิมเป็นอันว่าคุยเสร็จเรียบร้อย บาสและมัดหมี่ฝ่ายบัญชียิ้มให้กันหลังจากคุยงานเสร็จ
มัดหมี่แยกออกไป บาสยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาแล้วเดินต่อ มีคนเดินออกมาจากห้องน้ำกระทันหันเหมือนจะรีบออกมาจนบาสและคนๆนั้นผงะหยุด

!

ส้ม...พนักงานในไลน์การผลิตนั้นเอง
เธอตกใจขีดสุด หูตาเลิ่กลั่กไม่อยู่นิ่งยกมือมาจับผมด้านหน้าแล้วทิ้งมือลงไปถูกางเกงทำงาน บาสยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแต่ส้มยังคงเขินอยู่ทำตัวไม่ถูกไม่คิดว่าจะเจอบาส
“ทำไมมาเข้าห้องน้ำไกลจังครับ”

!

คนที่ตัวเองแอบชอบมาพูดด้วยแบบไม่ได้ตั้งตัวมันทำให้ส้มไปไม่เป็นเอาแต่ยืนเฉยจนบาสมองด้วยสีหน้าสงสัย

“อะ..อ่อ คือ..มาห้องพยาบาลค่ะเลยแวะเข้า”

“ไม่สบายหรอครับ”

!

(เขาเป็นห่วงฉันใช่ไหม! หรืออะไร!)
ส้มคิดในใจด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
(หรือแค่ถามตามมารยาท)
“คือ..คือ..ท้องเสียค่ะ”
รีบดึงสติกลับมาแล้วตอบ รู้สึกอายมากที่พูดเรื่องน่าอายแบบนี้กับคนที่ชอบ
“แล้วดีขึ้นหรือยังครับ กินยาหรือยัง”
!
(อีกแล้ว!เขาเป็นห่วงฉันอีกแล้ว!)
ส้มกรี๊ดในใจมือกำเกงเกงตัวเองแน่น
“ค่ะ กินแล้ว”
บาสพยักหน้าหลังจากฟังคำตอบส้ม
“ไปพร้อมกันไหมครับ ผมกำลังจะกลับแอสพอดี”

!

“ค่ะ”
ตอบรับไปแบบไม่ต้องคิด บาสส่งยิ้มพิฆาตมาให้ทำเอาสติสตางค์ส้มกระเจิง

(ทำไมนะ ทำไมน่ารักแบบนี้ ทำไมดีแบบนี้ ตายๆตายแน่ๆอีส้ม!)

ส้มคิดในใจแล้วเดินไปพร้อมบาส เดินไปเก้ๆกังๆเขินจนทำตัวไม่ถูก ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้อยู่ใกล้คนที่ชอบแบบที่มีแค่เราสองคนแบบนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งมีแต่อยู่ในไลน์การผลิตคนเยอะๆ เจอเหตุการณ์ตอนนี้แทบจะบ้า
ตลอดทางคนสองคนได้แต่เงียบ บาสยิ้มให้คนที่ยิ้มทักมาตลอดทาง
ส้มทำตัวไม่ถูกที่ได้เดินเคียงคู่กับคนดังของบริษัทและเป็นคนที่ตัวเองชอบ แอบมองบาสเป็นระยะตลอดทาง
และแล้วสิ่งที่ไม่อยากให้มาถึงก็มาในที่สุดก็ถึงแอส วันนี้เป็นวันแรกที่ส้มอยากให้แอสอยู่ไกลกว่านี้ ทั้งคู่ยิ้มโค้งหัวให้กันแล้วแยกย้าย ส้มแอบหันไปมองบาสที่กำลังเดินเปิดเอกสารดูด้วยความรู้สึกร้อนรุ่มและใจเต้นแรง

“ส้มครับ”

!

เสียงเรียกทำให้ส้มหัวใจแทบหยุดเต้นหันกลับไปดู
“ผมมีเกลือแร่อยู่จะเอาไหมครับ”

!

“ค่ะ..”

(เขายิ้มให้ฉัน!เขาเป็นห่วงฉัน!บาส!บาส!บาส!)

ส้มคิดในใจรอบที่ร้อยยิ้มแบบเขินๆโค้งหัวให้บาสอีกครั้งแล้ววิ่งเข้าไลน์การผลิต
บาสหันกลับแล้วเดินต่อ เดินเข้าไปใกล้ถึงห้องทำงานเอ็นจิเนียร์แล้ว
แต่เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับคนที่กำลังยืนคุยกับบงกชก็ต้องชะงักเท้า ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

มาทำอะไรถึงนี้..
แล้วกำลังคุยอะไรกับพี่บง..

“มาพอดีเลย บาสมานี้หน่อย”

!

บงกชหันมาเรียก
ทิค..ก็หันมาเหมือนกัน
บาสมองทั้งคู่ที่กำลังมองมาที่ตนด้วยความรู้สึกไม่ดี จำใจเดินเข้าไปหาก้มหน้ามองต่ำเหมือนเจียมตัว แต่มือบีบแฟ้มแน่น
“ทิคมาขอตัวบาสไปร่วมทีมดูงานที่กาญจนบุรี”

!

บาสเงยหน้าขึ้นมองบงกชทันทีใจล้นไปอยู่ตาตุ่ม
“พี่อนุญาต บาสละมีปัญหาอะไรไหม”
บาสไม่ตอบอะไร จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วตอนนี้
“บาสไปดีนะพี่ว่า จะได้เอาความรู้มาช่วยในแอส ช่วงนี้งานลงตัวไม่ต้องห่วง”
บงกชมองมาที่บาสรอคำตอบ คนถูกจัดแจงเรียบร้อยจะทำอะไรได้ เขาเป็นนาย
“ครับ”
“งั้นตกลงตามนี้ คุยรายละเอียดกันเองนะ”
บงกชยิ้มอย่างพอใจ หันไปยิ้มให้ทิคด้วยแล้วเดินแยกออกไป
บาสกำแฟ้มในมือแน่นหันมาหาทิคที่ยืนยิ้มอยู่ถามไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเสียงเบาแบบกดๆ
“ไปพูดอะไรกับพี่บง!”
ทิคยิ้มมุมปากมอง
“พูดอะไรของมึง”
“ไม่งั้นเขาไม่อยากให้ไปขนาดนี้หรอก”
แต่ละวันถึงไม่มีงานก็ต้องมาให้เห็นหน้า ไม่มีปัญหาก็ให้เดินตามเฉยๆจะลาแต่ละครั้งก็แทบไม่ได้ ไม่มีทางที่พี่บงจะให้ออกไปไหนง่ายๆแน่ คราวนี้ทำไมถึงยอมจะไม่ให้คิดได้ยังไง
ทิคแสยะยิ้มอีกครั้ง เดินเข้าไปใกล้บาสแล้วพูดเสียงเบาชวนกระซิบ
“เห็นหรือยังว่ากูทำได้ทุกอย่าง…ที่กูต้องการ”

!

“อ้อ!ลืมบอกพี่บงเรื่องที่มึงจะลาออกไปเลย”
“พี่บงครับ!”
“ทิค!”
บาสพูดเสียงดังแล้วดึงแขนทิคที่หันหน้าไปกลับมา ทิคยิ้มเย้ยอย่างผู้ชนะแต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มร้าย
“อยู่ให้เป็นแบบที่ทำนะดีแล้ว อย่าทำให้ตัวเองตายเลย”
ทิคจับบัตรพนักงานที่คอบาสขึ้นมาแล้วปล่อยลง เดินออกไปไม่ปล่อยโอกาสให้บาสได้พูดสักคำ
“อีกสามอาทิตย์บาส สามอาทิตย์”
บาสพูดให้กำลังใจตัวเองนับวันรอวันที่จะได้ไปจากที่นี้ อดทนรออีกนิด
แรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทำให้บาสต้องล้วงขึ้นมาดู
(พรุ่งนี้เจ็ดโมงที่ทางออกหนึ่ง ไปสองวันมึงควรรู้ว่าต้องทำยังไง)
บาสอ่านข้อความแล้วกำโทรศัพท์ในมือแน่น ทำไมกระทันหันแบบนี้ เขาคิดว่าจะไม่ใช่เร็วๆนี้ซะอีก

ผู้ชนะเดินกลับแอสตัวเองด้วยความอารมณ์ดี เห็นหน้าบาสเมื่อกี้แล้วรู้สึกชนะคงกำลังแค้นเขาอยู่แน่ๆ เขารู้ว่าบาสไม่อยากไปและเกลียดเขาขนาดไหน
แล้วยังไง ก็แค่นั้น หึ!


ย้อนไปเมื่อเช้า…

ทิคถูกหัวหน้าเอ็นจิเนียร์เรียกไปพบ
“ทีมวิศวะขององค์กรใหญ่จะมาดูงานโรงที่กาญจนบุรีพรุ่งนี้ มันกระทันหันมากคงสื่อสารกันพลาดเราเลยรู้ช้า ผมอยากให้คุณไปร่วมดูงานกับเขาเพราะทุกโรงในเครือค่ายประเทศเราจะส่งตัวแทนที่ดีที่สุดของตัวเองไป”
“ครับ”
ทิคตอบรับ ไม่ได้เหลิงที่หัวหน้าเลือกตนเพราะเก่งสุด แต่มันคือการรับคำสั่งที่ต้องทำ
“คุณคิดว่าใครเหมาะที่จะไปทำงานนี้กับคุณ”
หัวหน้าเอ็นจิเนียร์ถาม ทิคมองด้วยความไม่เข้าใจ
“ผู้ใหญ่จะจับตาดูถ้าพอใจ คงมีข่าวดี”
ทิคเข้าใจความหมายที่หัวหน้าต้องการสื่อ บอกตามตรงเขาไม่ได้ตื่นเต้นอะไร…แต่ถ้าแบบนี้
คงเป็นผลดีกับคนที่เขาจะเลือก
ทิคเงยหน้าขึ้นยิ้มให้หัวหน้า
“มาวินแอสสามครับ”
“บาสนะเหรอ”
หัวหน้าถามกลับ ทิคพยักหน้ายิ้มตอบ
“เขาใช้ความเก่งของตัวเองเงียบๆเขามีความสามารถและปฏิบัติตัวดีเสมอหัวหน้าน่าจะทราบ”
หัวหน้าเอ็นจิเนียร์พยักหน้าเห็นด้วย
“ควรให้พื้นที่เขาได้แสดงศักยภาพครับ เขามีอะไรอีกเยอะที่ควรได้รับการสนับสนุน”
หัวหน้าเอ็นจิเนียร์ยิ้มให้กับคำพูดทิค
“ตกลง บาสจะไปกับเราฝากคุณไปคุยรายละเอียดกับเขาด้วยนะ”
“ครับ”
คนถูกตบไหล่ยิ้มรับแล้วโค้งหัวให้หัวหน้าที่เดินจากไป นึกถึงหน้าคนที่ชอบมองเขาว่าเป็นปีศาจแล้วยิ้มออกมา

“กูจะผลักมึงไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้”


ในบ้านหลังไม่ใหญ่มากหลังหนึ่งสองแม่ลูกกำลังช่วยกันทำอาหาร พูดคุยกันยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข
แม่กำลังเจียวไข่ ส่วนบาสกำลังตักข้าวใส่จานเตรียมทาน
“แล้วที่อยู่ที่กินเขาดีใช่ไหมลูก”
“ครับ”
บาสตอบไปก่อน จริงๆเขาก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย เอาง่ายๆคือไม่รู้!อะไรเลย! แต่ต้องตอบไปแบบนั้นให้แม่สบายใจ
“เดี๋ยวแม่เตรียมยาไปให้เพื่อไปแพ้ไปเป็นอะไรที่นั้น”
“จ๊ะ”
บาสยิ้มแฉ่งให้แม่ แล้วจับแม่มานั่งเลื่อนชามข้าวมาวางตรงหน้าให้
“กินเยอะๆพรุ่งนี้ต้องเดินทาง”
แม่ตักไข่เจียวมาวางในจานบาส
“แม่ก็เหมือนกัน อยู่คนเดียวดูแลตัวเองนะเสร็จงานบาสจะรีบกลับมา”
บาสตักผัดผักวางในจานให้แม่บ้าง
“กาญจนบุรีบ้านเกิดพ่อ”
แม่พูดขึ้นมา บาสต้องเงยหน้าขึ้นมองแล้วยื่นมือไปจับมือแม่
แม่พยักหน้าให้จับมือบาสกลับบอกให้รู้ว่าแม่ไม่เป็นไร
“มีเรื่องดีๆเพียงเรื่องเดียวที่ผู้ชายทิ้งไว้ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง…ก็คือลูก”
ผู้เป็นแม่ยิ้มแล้วจับหน้าลูกชายตัวเอง ลูกชายคนนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเธอ
“บาสรักแม่นะแม่รักบาสไหม”  บาสถามอย่างโหยหาความรัก
“รักสิ รักมาก”
แม่ตอบมองหน้าตาน่ารักน่าชังของลูกชายตัวเองเมื่อไรก็มีความสุขทุกครั้ง
“แม่ต้องกินผักเยอะๆ”
บาสตักผักใส่จานแม่อีก
“ส่วนหมูบาสกินเอง”
ทั้งคู่หัวเราะใส่กันแล้วลงมือกินข้าวต่อ ไม่มีที่ไหนมีความสุขเท่าที่บ้าน และต่อจากนี้ไปครอบครัวนี้จะมีแต่ความสุข

ทั้งคู่ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวและใสบาตร
“เอาน้ำเต้าหู้ไปกินระหว่างทางลูก”
แม่เดินมาส่งหน้าบ้านพร้อมกับยื่นถุงน้ำเต้าหู้ให้ บาสรับมาแล้วเข้าไปกอดลา
“บาสไปนะ ถ้าบาสไม่โทรมาแม่ก็ต้องโทรไปนะ”
“จ๊ะ”
บาสหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่แล้วโบกมือลา มองของในมือแล้วยิ้ม

บาสมาถึงที่นัดก่อนเวลาเกือบชั่วโมง กินน้ำเต้าหู้แม่ไปแล้วนะแต่มันย่อยไปแล้วเริ่มหิวขึ้นมาซะแล้ว
แล้วทำไมต้องมาหิววันนี้ ตอนนี้ ถ้าไปแล้วไอ้มนุษย์น้ำแข็งมาแล้วไม่เจอต้องบ้าขึ้นมาอีกแน่
ใช่!
คิดอะไรออกบาสก็รีบกดโทรศัพท์โทรออกเบอร์ที่โทรบ่อย รอสายพักหนึ่งถึงมีการตอบรับ
“มึงอยู่ไหนคลัง”
(บนรถกำลังไป)
“ซื้อของมาให้กินหน่อยดิ”
(เอาไรอะ)
“อะไรก็ได้ที่มันกินได้อะ”
(เออๆ)
(มึงอยู่ไหนเนี้ย ยังไม่ไปหรอวะ)
“ยัง กูอยู่ประตูทางออกหนึ่งนะ”
(เออ)
วางสายแล้วยืนรอต่อ มีคนเริ่มมาแล้วประปราย ต้องคอยยิ้มให้จนเมื่อยปาก ไม่รู้จะทำอะไรจึงเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลารอไปพลางๆจนเห็นเพื่อนตัวเองกำลังเดินมาแต่ไกล
“เอาไป”
คลังยื่นถุงจากเซเว่นให้บาสยิ้มให้เพื่อนแล้วรับมา
“รู้ใจกูจริงๆเลย”
เห็นของในถุงแล้วต้องยิ้ม
“มึงกินอยู่ไม่กี่อย่างในเซเว่น กูคงไม่รู้มั้ง”
บาสหยิบขนมปังใส้ทูน่าขึ้นมาแกะแล้วกัดไปคำใหญ่
“จะไปไหนวะ”
“เข้าไปข้างใน”
“อยู่เป็นเพื่อนกูก่อนดิ”
อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อย เพื่อนมึงมันน่ากลัวนะคลัง
“มึงก็รอไปสิ กูจะไปขี้!”
“ไปละโชคดี”
“ไอ้คลัง!”
ยื้อยังไงก็เอาไม่อยู่ คลังเดินเข้าโรงงานไปแล้ว บาสมองตามหน้าตาบูดเบี้ยวหันมาสนใจกัดขนมปังในมือต่อ กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยแต่เมื่อเห็นใครบางคนแล้วถึงกับต้องอิ่ม
ทิคกำลังเดินมา ดูดีมาแต่ไกล
“เร็ว”
สวัสดี
กินข้าวมายัง
พูดไม่เป็นหรือไงคำพูดดีๆเป็นมิตรนะ
“แล้วคนอื่นละ!”
บาสเรียกถามเมื่อเห็นทิคเดินออกไป
“ไปนอนฝันเอาหรือไง กูบอกหรอว่าจะมีใครไปด้วย”

อะไรนะ!

“มึงจะยืนทางในอีกนานไหม”
ทิคถามด้วยหน้าตามีปัญหาส่ายหัวให้บาส
ส่วนบาสได้สติทันทีที่มือถูกจับ สลัดมือทิคออกจากมือตัวเอง
“เป็นห่าไร”
“..................”
“มึงไม่ต้องกลัวหรอก...สองวันเอง”
ทิคจงใจเน้นคำว่าสองวัน มองบาสที่ยืนหน้าจืดอยู่แล้วรู้สึกชนะ

สองวัน…ทำอะไรได้ตั้งเยอะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 5..เปิดหน้ากาก 16/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-04-2018 00:31:09
 :katai2-1:


ขอบคุณน๊าาาา
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 00:46:44
19..อีกก้าว

ตลอดทางก็มีแต่ความอึดอัดแบบที่เป็นทุกครั้งที่ขึ้นรถด้วยกัน เปิดเพลงก็แล้ว ปิดเพลงก็แล้ว ก็ยังอยู่ไม่ถูกเหมือนเดิมรถเลี้ยวเข้าปั๊มโดยที่เป็นไปตามความต้องการของเจ้าของรถคนนั่งมาด้วยแค่ตัวประกอบ
!
เงินถูกโยนมาที่ตักจนบาสต้องหันไปถามคนทำ
“อะไร”
“มึงไม่รู้จักเงินหรอ”
ได้ยินคำตอบแล้วถึงกับไมเกรนขึ้น สงบสติอารมณ์แล้วถามออกไป
“รู้ แต่โยนมาทำไม”
“ไปซื้อของในเซเว่นให้หน่อย”
ทิคพูดความประสงค์ในที่สุด
“ทำไมไม่ไปเอง”
ทิคหันมองคนข้างๆอย่างเอาเรื่องบาสก็มองไม่หลบตา แต่ใจจริงก็หวั่นๆ
“กู ขี้ เกียจ”
เห๊อะ! เชื่อเขาจริงๆ
บาสมองคนข้างๆที่ทำหน้าทำตาไม่รู้สึกอะไรอย่างเหลือเชื่อ เลิกต่อปากต่อคำแล้วถอดเข็มขัดเตรียมจะลงจากรถ
“จะเอาอะไร”
“อะไรก็ได้ที่กินได้”
บาสเลิกสนใจเมื่อรู้ว่ายังไงก็ไม่ได้ประโยชน์จากคำตอบเปิดประตูลงจากรถ ไม่อยากพูดด้วยเยอะทำให้มันจบๆ

คนสั่งได้นั่งยิ้มอย่างผู้ชนะอยู่บนรถ มองคนเบอะบะที่เกือบเดินไปชนรถชาวบ้านเขาสงสัยมั่วแต่กำลังด่าเขาอยู่จนไม่มองรถ ทำเอาการจราจรในปั๊มติดขัด
“มันเป็นวิศวะเก่งๆกับเขาได้ไงวะ”
บ่นยิ้มๆแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นรอ

ถุงเซเว่นถูกวางลงตรงช่องใส่เกียร์ บาสรัดเข็มขัดตัวเองให้เรียบร้อยหันกลับมาจมูกก็ชนเข้ากับแซนด์วิชที่ตัวเองซื้อมาจังๆจนต้องหันมองตัวการถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเพราะคิดว่าทิคจงใจแกล้งแน่ๆ
“ทำบ้าอะไร”
“ยื่นของให้ไง ไม่รู้จักการยื่นของหรอ”
บาสมองทิคด้วยอารมณ์ไม่พอใจ แล้วหันหน้าหนีเพราะรู้ว่าทำอะไรไม่ได้
“กินสิ ไม่หิวหรือไง”
ทิคพูดแล้วแกะแซนด์วิชของตัวเองทาน บาสก็แกะอันที่ถูกยื่นมาให้แล้วกัดไปเต็มคำอย่างอ่อนใจ ไม่อยากขัดใจอะไรจริงๆขี้เกียจเจอกับปัญหา
ทิคแอบมองคนข้างๆที่กัดแซนด์วิชไปสามคำเกือบหมดยิ้มๆ สงสัยเพราะแรงโกรธสนุกจริงๆเวลาเห็นบาสโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้

ทั้งคู่ถึงโรงงานที่จะมาดูงานเป็นที่เรียบร้อย เข้าไปรายงานตัวแล้วก็พบปะตัวแทนของโรงงานแต่ละจังหวัดคอยต้อนรับคนจากองค์กรใหญ่ประเทศญี่ปุ่น ทานข้าวด้วยกันเป็นอันจบงานวันแรกแล้วถึงแยกย้ายไปที่พักของแต่ละคน

ที่พักที่ทิคจองไว้เป็นรีสอร์ตที่ไม่ไกลมากจากโรงงาน ต่างคนต่างเอาสัมภาระของตัวเองลงจากรถแล้วตรงเข้าไปด้านใน
“จองไว้ในนามไดซุมิครับ”

บาสเดินมองหมายเลขแต่ละห้องโดยมีทิคเดินตามมาด้วยจนเจอ แต่...จะไขกุญแจแล้วทิคก็ยังอยู่

อย่าบอกนะว่า...ต้องนอนห้องเดียวกัน!

บาสตัดสินใจหันกลับไปเผชิญกับทิคแต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรทิคก็พูดขึ้นก่อน
“คิดว่ากูจะนอนด้วยหรอ”
พูดด้วยสีหน้ากวนโมโห จนบาสไปไม่เป็น
“ขอโทษนะ...โลกส่วนตัวสูงวะ”
พูดเยาะเย้ยทิ้งท้ายแล้วเดินไปไขกุญแจห้องข้างๆ
บาสมองตามอ้าปากค้างตามเหตุการณ์ไม่ทัน
“บ้าอะไรวะเนี้ย”
บ่นกับตัวเองหันมองห้องของทิคแล้วหันมาสนใจไขกุญแจห้องตัวเอง เมื่อเข้ามาในห้องก็วางทุกอย่างลงแล้วหันมองผนังห้องข้างๆ
“เลิกเป็นอย่างหนึ่งก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง คนบ้าอะไรวะ”
บาสยืนเท้าเอวบ่นกับผนังที่กั้นระหว่างห้องตนกับห้องทิคอย่างไม่เข้าใจ
เคยบ้าจนจะฆ่าคนได้แต่ตอนนี้กลับกวนโมโห ขี้แกล้งเหมือนไม่ใช่ทิคคนเก่า จะเอายังไงกันแน่
เลิกคิดแล้วไปอาบน้ำ ก่อนนอนก็ขอโทรหาแม่ให้ชื่นใจก่อน คุยกันอยู่นานถึงวางสายเตรียมตัวนอน
บาสทิ้งตัวลงนอนกางแขนกางขามองเพดานบนเตียงใหญ่ๆนุ่มๆแอร์เย็นอย่างกับอยู่ฟินแลนด์

เฮ้อออ ห้องใหญ่โตมาก มากจนอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกว้าเหว่ทุกอย่างมีพร้อม สุขสบายอย่างกับราชาราคาคงแพงหูชีก ถ้าให้ออกเงินเองอย่าหวังเลยว่าเขาจะเสียเงินกับเรื่องพวกนี้
ขีวิตคนรวยทำงานอย่างไม่ต้องลุ้นเงินเดือนแต่ละเดือนเพราะยังไงก็มีใช้ ฟีลมันเป็นยังไงนะ
นอนมองเพดานคิดฟุ้งซ่านอยู่นานแล้วนอนตะแคงหลับไปในที่สุด

นาฬิกาปลุกดังขึ้นตามที่ตั้งไว้ บาสลุกขึ้นอาบน้ำแปรงฟันทำทุกอย่างให้เรียบร้อยให้ทันเวลาที่ทิคนัดเพื่อที่จะไปดูงานที่โรงงานต่อ แต่บาสเสร็จก่อนเวลาจึงเปิดทีวีดูฆ่าเวลา
ใกล้เวลาแล้วจึงเปิดผ้าม่านดูแต่ก็ยังไม่มีวี่แววทิคจึงกลับมานั่ง จนเลยเวลานัดมาห้านาทีทิคก็ยังเงียบบาสร้อนใจไม่รู้ว่าทิคจะเล่นแง่อะไรกับตนอีก ตัดสินใจออกจากห้องตัวเองไปห้องข้างๆ คิดอยู่ครู่หนึ่งถึงตัดสินใจเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก
“..............”
เมื่อเห็นเงียบจึงเคาะอีก
ก๊อก ก๊อก กะ...
แกล๊ก!
ประตูถูกเปิดบาสผงะถอยออกห่างจากประตูทันที

!!!

ทิคยังอยู่ในชุดนอนผมเผ้ารุงรังเหมือนเพิ่งตื่นจนบาสพูดไม่ออก
“ทำไมยังไม่แต่งตัว”
ทิคมองบาสด้วยสายตานิ่งตามแบบฉบับแล้วถามกลับ
“จะรีบไปไหน”
“ก็นัดแปดโมง”
ทิคเงียบแล้วมองด้วยสายตานิ่งแบบเดิม
“รอก่อน”
พูดแล้วปิดประตูทั้งที่บาสยังยืนอยู่หน้าตาเฉย บาสงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คืออะไร แกล้งกันใช่ไหม แกล้งให้เขาตื่นเช้าๆแต่ตัวเองนอนหลับสบายเฉยหรอ
บาสยืนมองประตูห้องอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับไปรอที่ห้องตัวเอง

“เข้าไปก่อน”
“จะไปไหน”
บาสรีบเรียกถามเมื่อเห็นทิคกำลังจะเดินไปไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ทางเข้าโรงงานแล้ว
“ไปทำธุระ”
บาสพยักหน้าเข้าใจแบบค้างคา มองทิคที่เดินแยกออกไปจนสุดลูกตาถึงเดินเข้าโรงงาน
เอาเข้าจริงอยู่คนเดียวก็เขวเหมือนกัน งานเริ่มมาสักพักแล้วทิคก็ยังไม่มาบาสไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกกลัวทิคจะแกล้งอะไร จนมีคนมาเรียกถึงต้องละความคิดไปสนใจงาน
“ระบบนี้น่าจะโอเคขึ้น”
“ครับ ผมก็คิดแบบนั้น”
บาสคุยงานกับเอ็นจิเนียร์ที่มาดูงานด้วยกันหัวเราะอย่างถูกคอได้แลกเปลี่ยนความคิดกันหลายเรื่อง จนสายตาไปปะทะเข้ากับคนที่หายไปนานสองนานกำลังยืนมองเขาอยู่ที่ประตู เห็นแบบนั้นบาสจึงขอตัวจากคนที่คุยด้วยแล้วเดินเข้าไปหา
“ไปไหนมา”
“ไปทำธุระไง”
“ธุระอะไร”
ทิคยิ้มแล้วมองมาอย่างไม่รู้เหตุผลจนบาสต้องนิ่วหน้า
“เดี๋ยวนี้กล้าอยากรู้อยากเห็นนิ”
ทิคยิ้มแล้วยื่นมือมาเคาะปีกหมวกบาสสองครั้งจนบาสต้องถอยนี้ด้วยความไม่พอใจ เป็นอะไรกับหมวกเขามากไหมนะชอบจับชอบตี
“ทำงานๆ”
พูดแล้วเดินหนีไป บาสหันมองตามด้วยความงงงวยตามอารมณ์ไม่ทัน

วันนี้ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด ทุกคนต่างพยายามเก็บเกี่ยวความรู้จากคนขององค์กรใหญ่ให้ได้มากที่สุดได้ความรู้ใหม่ๆเยอะ ตอนนี้กำลังยืนดูงานแต่ละชิ้นที่มักเจอปัญหาโดยมีคนขององค์กรใหญ่ยืนอธิบายอยู่บนเวทีและประจำจุดอยู่ข้างล่างด้วย
“ความเด็ดเดี่ยวเท่านั้นค่ะที่จะทำให้เราเป็นวิศวะการผลิตที่สมบูรณ์แบบได้ คุณคิมุระฝากไว้เท่านี้ค่ะ”
ล่ามแปลจากที่คนขององค์กรใหญ่พูด บาสมองอยู่อย่างนั้นแล้วก้มลงจดมันลงในสมุดโน๊ต
“รู้ไหมว่าเขาต้องการสื่ออะไร”
บาสหันมองทิคที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วตอบ
“พอเข้าใจ”
“เป็นวิศวะการผลิตไม่ใช่ต้องมีเฉพาะความรู้ในตำราเรียน สิ่งที่ควรมีคือการตัดสินใจที่เด็ดขาด”
บาสชั่งมือจากการจดหันมองทิคอีกครั้ง
“เวลาเจองานมีปัญหา จะมั่วเปิดตำราคิดกระวนกระวายว่าจะทำยังไงไม่ได้เพราะงานพวกนี้มันต้องเดินตลอดเวลาจุดมึงหยุดทุกจุดก็ต้องหยุดด้วย ตั้งสติตัดสินใจให้เด็ดขาดแล้วลงมือจัดการเลย บอกตัวเองไว้ มึงเอาอยู่”
“ความรู้กูไม่ถึงขนาดนั้น”
บาสพูดแล้วยิ้มเจือนมองต่ำ
“ใครบอก”
บาสเงยหน้ามองทิคอีกครั้ง และหาคำตอบให้คำถามของทิคไม่ได้ เพราะไม่เคยมีใครบอกอย่างที่ทิคถาม
“รู้ไหมทำไมกูถึงเป็นทิคที่ทุกคนเชื่อได้เหมือนทุกวันนี้”
บาสมองทิคไม่ละสายตารอฟังสิ่งที่ทิคจะพูด
“เพราะกูไม่เคยคิดอะไรที่ทำให้ตัวเองรู้สึกด้อยไง”
ทิคพูดแล้วยิ้มให้ บาสที่มองอยู่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มตามจากที่หน้าเครียดในตอนแรก
“ไป”
ทิคดันบาสให้ออกไป เมื่อบนเวทีประกาศหาคนที่จะมาสรุปงานวันนี้ขึ้นมาบนเวที บาสหันมาหาทิคแล้วส่ายหน้าแต่ทิคยิ้มให้ บาสจึงหยุดมองหน้าแล้วยอมขึ้นไป

ทิคมองดูบาสจากข้างล่างแล้วยิ้มออก ดีใจที่เห็นทุกคนยิ้มชื่นชมและปรบมือให้บาส ดีใจที่เห็นบาสยิ้มได้กว้างขนาดนี้ ดีใจที่เห็นบาสกล้าแสดงออก มันทำให้รู้ว่าความรู้และความสามารถที่บาสเก็บไว้มีไม่ใช่น้อย
แรงสั่นที่กระเป๋ากางเกงทำให้ทิคละสายตาจากบาสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสายเรียกเข้าจากพี่สาวทิคจึงเดินออกมาด้านนอกหาที่เงียบๆคุย
“ว่าไงทับ”
(ทำอะไรอยู่ว่างไหม)
“ว่าง คุยได้”
(แม่บอกว่าไปดูงานที่กาญหรอ)
“ใช่ พรุ่งนี้ก็กลับ”
(ฉันจะได้ของฝากจากน้องชายสุดที่รักไหมนะ)
ทิคยิ้มกับคำพูดของพี่สาวตัวเอง
“ก็กลับบ้านบ้างสินอนอยู่แต่โรงบาลจนคนที่นั้นเขาคิดว่าไม่มีบ้านแล้วมั้ง”
(ไม่มีเวลายะ ไม่ได้อาบน้ำมาสองวันละ)
“เป็นผู้หญิงผู้หยางดูพูดเข้า”
ทั้งคู่ต่างหัวเราะใส่กันเป็นคู่พี่น้องที่ชอบคุยอะไรตลกๆตลอด
ทิคเดินออกมาจนไม่มีเสียงดังรบกวน เงียบกันไปครู่หนึ่งจนทิคต้องเรียกคิดว่าพี่สาววางสายไปแล้ว
“ทับ”
“..........”
“ยังอยู่ไหมเนี้ย”
(อยู่)
“เห็นเงียบไป”
(ทิค)
“อื้ม ว่า”

(กลับมาแล้วถ้าว่าง...มาหาหมอนะ)

รอยยิ้มที่มีความสุขหายไปทันที ทิคกำโทรศัพท์ในมือแน่นกลืนน้ำลายลงคอ หายใจติดขัดด้วยความยากลำบาก
แรงจับกะทันหันที่แขนทำให้ทิคสะบัดออกเต็มแรงทันที แต่เมื่อหันไปดูก็ต้องตกใจ บาสมองมาที่เขาด้วยสายตาหวั่นๆจนทิคทำตัวไม่ถูก ความเงียบระหว่างเขาสองคนก่อตัวขึ้นทันที แต่บาสยิ้มแล้วยื่นมือมาตรงหน้า
“คุณคิมุระเขาบอกว่าชอบแนวคิดบ้าๆของกูด้วยทิค เขาเลยให้เหรียญมา เขาบอกว่าคนญี่ปุ่นเชื่อว่าเหรียญห้าเยนจะนำความโชคดีมาให้”
ทิคมองเหรียญในมือบาสที่แบอยู่ตรงหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นมองบาสที่กำลังยิ้มให้
“กูให้”
“.............”
ทิคเงยหน้าขึ้นมองบาสอีกครั้ง บาสยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิม ทิคกลืนน้ำลายขมๆของตัวเองลงคอแล้วฝืนพูดให้ปกติที่สุด
“ให้ทำไม ของดีๆแบบนี้เก็บไว้เองสิ”
บาสยิ้มให้ แต่ยิ้มครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่น
“ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
ทิคยิ้มจางให้บาส แล้วก้มลงหยิบเหรียญจากมือบาสมา กำมันไว้แน่นแล้วใส่ลงอีกด้านของซองบัตรพนักงานที่คอ มองตามหลังบาสที่เดินนำไป แล้วเดินตาม

ใช่...ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้วอย่างที่บาสบอก



ชอบมาตอนดึกๆมาแบบเซอร์ไพรส์ ตามคำขอ อัพรัวๆและแถมด้วยตอนปัจจุบันให้คนอ่านที่น่าร๊ากกกกทุกคนแล้วเน้อ  ตอนหน้าเราก็จะมาแบบดึกๆอีก555+

หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61 (ตอนปัจจุบันแล้วนะคะ)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-04-2018 01:11:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณมากมายที่อัพรัว ๆ ให้ จนถึงตอนล่าสุด

มิเช่นนั้นคงลงแดงแน่ ๆ    คิดดูสิ วันละหนึ่งตอน ที่ยังต้องลงกว่าจะถึงตอนล่าสุดก็ราว ๆ สองสัปดาห์เลยนะ

แทงคิ้วหลาย
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61 (ตอนปัจจุบันแล้วนะคะ)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 17-04-2018 02:10:15
บาสน่ารัก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61 (ตอนปัจจุบันแล้วนะคะ)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-04-2018 03:12:39
 :katai2-1:


น่าจะกอดกันสักที
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61 (ตอนปัจจุบันแล้วนะคะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-04-2018 08:58:15
น่าร้ากกกก~ :hao5:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61 (ตอนปัจจุบันแล้วนะคะ)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 17-04-2018 09:17:16
ตามอ่านจนทันแล้วววววว

ทิคควรจะทำตามที่พี่สาวบอกนะ เพื่อตัวเองและคนรอบข้าง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61 (ตอนปัจจุบันแล้วนะคะ)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-04-2018 09:27:45
ขอบคุณจ้า..ตอนเก่าๆ ไม่ได้เม้นอะไรไปเพราะว่าเม้นไปหมดแล้ว
ก็รอตอนใหม่ มาเสียทีขอบคุณอีกครั้งนะ รู้สึกว่าความรู้สึกของ
ทั้งสองคนหลังจากมาด้วยกัน จะอ่อนๆ ลงทั้งคู่แล้วนะ
ว่าแต่ทิคต้องไปโรงพยาบาลทำไมนะ ต้องรออีกแล้ว....
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61 (ตอนปัจจุบันแล้วนะคะ)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 17-04-2018 10:15:32
รอตอนต่อไป มาอัพรัวๆ อีกนะคะ ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61 (ตอนปัจจุบันแล้วนะคะ)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-04-2018 15:24:14
ทิคป่วยเป็นโรคอะไรหว่า?

เดาว่าเป็นโรคที่เกี่ยวกับอาการทางจิต  แต่ไม่รู้ว่าโรคอะไร  ร้ายแรงขนาดไหน

แต่ความรู้สึกบอกว่า  น่าจะเป็นคนที่มีสองบุคลิก อ่ะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61 (ตอนปัจจุบันแล้วนะคะ)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-04-2018 15:40:15
บาสและทิค ต่างกันสุดขั้ว
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61 (ตอนปัจจุบันแล้วนะคะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 17-04-2018 17:07:35
ในที่สุดก็ได้อ่านตอนใหม่ ขอบคุณคนแต่งนะที่มาลงตอนใหม่
นึกว่าจะไม่มาแล้ว เห็นหายไปนานมากๆ

บางโมเม้นที่ทิคแกล้งบาสแบบเรื่องกุญแจห้อง
ก็แอบยิ้มนะ แบบกวนดีจริง

ประเด็นทิคป่วย คงน่าจะอาการทางจิตเวชที่ไม่น่ารุนแรงเนอะ
จะรอดูถ้ากลับจากกาญจะเป็นไงต่อ
อีกอย่างบาสก็ใช้เงิน 1 แสนไปแล้วด้วย หึ

หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61 (ตอนปัจจุบันแล้วนะคะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 17-04-2018 17:48:33
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณนะคะที่มาต่อตอนใหม่
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 20..หมดเวลาแล้ว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 17-04-2018 22:45:03
20..หมดเวลาแล้ว

ช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง กินเลี้ยงอาหารเย็น แทบจะเป็นกินเลี้ยงอำลางานครั้งนี้เลยก็ได้เพราะพรุ่งนี้แค่มาทานอาหารเช้าด้วยกันรับใบประกาศนียบัตรแล้วก็กลับทุกคนจึงเต็มที่กับอาหารมื้อนี้
ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันครึ่งแต่ทุกคนดูสนิทสนมกันมากคงเป็นเพราะมีแต่ผู้ชายเลยคุยกันได้ง่ายสนุกสนาน
“ขอบคุณครับ”
ทิคยิ้มกล่าวขอบคุณรับแก้วเหล้ามาจากเอ็นจิเนียร์โรงอื่น แล้ววางมันลงที่โต๊ะ
คนมาขอชนแก้วเรื่อยๆแต่ทิคก็ยังไม่ดื่มคนมาชวนไปเต้นก็ไม่ไป จนบาสที่นั่งข้างๆสังเกตว่ารู้สึกแปลกไป แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
อยู่ดีๆทิคก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปแบบไม่บอกกล่าวจนบาสต้องมองตามด้วยความสงสัยครู่หนึ่งแล้วถึงหันกลับไปเหมือนเดิม

ผ่านไปนานพอสมควรทิคก็ยังไม่กลับมาจนบาสอดไม่ไหวลุกออกไปดู บาสหาอยู่นานจนมาเจอทิคนั่งอยู่ที่ระเบียง
เขาหยุดเท้ามองหลังทิคด้วยความอุ่นใจว่าเจอแล้ว หอบด้วยความเหนื่อยนิดๆมองกระป๋องเบียร์สามกระป๋องที่วางอยู่ข้างๆตัวทิคแล้วเดินเข้าไปหา
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
ถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ใช่ เป็นห่วงจริงๆทิคเงียบเกินไปมันไม่ใช่นิสัยของคนๆนี้
คนนั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มเจือนให้
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
ทั้งคู่สบตากัน และเป็นบาสที่เดินเข้าไปหา ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเว้นระยะห่างอย่างเก้ๆกังๆ เพราะเป็นคู่อริและไม่ได้รู้สึกดีต่อกันขนาดจะมานั่งปรับทุกข์ด้วย มันก็เลยทำตัวไม่ถูก
“ไม่สบายหรอ”
ถามมาแบบนี้แสดงว่าบาสไม่เชื่อว่าไม่ได้เป็นอะไร ทิคหันกลับไปมองข้างหน้าแล้วถอนหายใจตอบเบาๆ
“อืม”
“เสร็จงานแล้วก็ไปหาหมอสิ”
“ไม่เป็นไร”
บาสมองทิคยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มไปจนหมดกระป๋องด้วยความรู้สึกหลายอย่างในหัว
“มึงไม่ได้เก่งไปซะทุกเรื่องนะ พึ่งคนอื่นบ้างก็ได้ ไม่สบายก็ควรพึ่งหมอ”
ทิคไม่พูดอะไรตอบแค่ชะงักจากการเปิดเบียร์กระป๋องใหม่ครู่หนึ่งแต่ก็เปิดมันในที่สุด บาสกระชากมันจากมือทิคแล้วยกขึ้นดื่มไปอึกหนึ่ง แต่ก็ต้องบี้หน้าด้วยความขมและไม่ชินกลืนลงคอแล้วยกมือขึ้นเช็ดปากตัวเอง
ทิคมองภาพตรงหน้าค้างอยู่อย่างนั้นแล้วหันไปมองข้างหน้า
“การอยู่คนเดียวมันดีที่สุดสำหรับกู...แล้วก็ดีสำหรับคนอื่น”
ทิคพูดพร้อมกับมองไปข้างหน้า นี้คือสิ่งที่คิดมาตลอด ถึงไม่อยากมีใครและไม่อยากเอาใจไปผูกกับใครเพราะถ้าวันหนึ่งคนๆนั้นรู้ตัวตนของเขาขึ้นมา คงทิ้งเขาไป
“สักวันมึงจะเจอคนที่รับการใช้ชีวิตแปลกๆของมึงได้ เขาจะรักมึงมากแล้วก็อ่อนโยนกับมึงมากๆเช่นกัน”
ทิคหันมองเมื่อได้ยินสิ่งที่บาสพูด และบาสยังคงมีรอยยิ้มให้เขาเสมอ
“อย่าเลย กูไม่อยากทำร้ายคนที่กูรัก”
“ก็อย่าทำร้ายเขาสิ”
ทิคจ้องเข้าไปในตาบาส
“จะเกิดมาหล่อรวยสมบูรณ์แบบแล้วตายไปไม่ได้นะเว้ย”
ยิ้มจนตาหยีของบาสทำให้ทิคยิ้มตาม ทั้งคู่หันไปมองข้างหน้าแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง
“ชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนมันเป็นยังไง”
ทิคเงียบไม่ตอบอะไร แล้วพูดขึ้น
“แล้วชีวิตที่มีความสุขมันเป็นยังไง”
ทั้งคู่หันมาสบตากันต่างฝ่ายต่างหาคำตอบให้กันไม่ได้
“ถ้าวันหนึ่งกูไม่อยู่แล้วอย่าลืมที่กูบอกตลอดนะบาส อย่าให้ใครเอาเปรียบ มึงต้องสู้คน”
บาสแทบลืมหายใจกับคำพูดของทิค
“งานที่ไม่ใช่หน้าที่ตัวเองทำได้ แต่ถ้าไม่ไหวก็พูดออกไป อะไรที่ไม่ใช่ความผิดตัวเองก็อย่ายืนให้เขาว่า อะไรรู้สึกไม่ชอบรู้สึกแย่ก็พูดออกไป”

ไม่รู้อยู่ดีๆทำไมทิคถึงพูดแบบนี้ แต่มันทำให้รู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก ใช่ เงินคืนไปแล้ว คงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาอยู่ด้วยกัน ยอมรับว่าอยู่กับทิคแล้วเขาเป็นตัวของตัวเองและกล้าแสดงออกมากขึ้น ทิคทำให้เขาเข้มแข็งและรู้ในมุมที่เขาไม่เคยรู้หลายอย่างบนโลก ใจหนึ่งก็เกลียดเวลาทิคทำอะไรแย่ๆใส่ แต่ใจหนึ่งก็โกรธไม่ลงและสงสารในบางครั้ง
คืนเงินไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องติดค้าง ถ้าวันหนึ่งพวกเขาจะกลายเป็นแค่คนรู้จักที่เดินสวนกันในโรงงาน ก็คงทำอะไรไม่ได้อย่างน้อยเงินก้อนนี้ก็ทำให้ได้เพื่อนดีๆคนหนึ่ง

บาสเงียบมองตาทิค แล้วฝืนยิ้มเจือนๆให้
“กูโตแล้ว”
“อาจจะมีคนที่ร้ายกว่ากูที่มึงจะต้องเจอ”
“ก็มีแต่มึงแหละที่ชอบแกล้งกู”
บาสพูดแล้วหันไปมองข้างหน้า
แต่ทิคยังคงมองบาสอยู่
ที่ทำไปเขาไม่ได้แกล้ง มันคือนิสัยและตัวตนของเขาต่างหาก เขาห้ามตัวเองไม่ได้ และมันจะเป็นความลับตลอดไป บาสจะต้องไม่มีวันรู้ ให้เข้าใจว่าที่ทำไปเพราะแกล้งเฉยๆนะดีแล้ว
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 20..หมดเวลาแล้ว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-04-2018 22:59:09
 :pig4: :pig4: :pig4:

ต่างฝ่ายต่างอยากได้อยากเป็นในสิ่งที่ไม่เคยสัมผัส

บาสอยากเป็นแบบทิคผู้ซึ่งใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยที่ไม่ต้องดิ้นรน

ทิคอยากเป็นแบบบาสผู้ซึ่งมีความสุขทั้งกับตัวเองและเผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้างเสมอ



no one is perfect.



หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 20..หมดเวลาแล้ว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-04-2018 23:26:01
ทิคเป็นโรคซึมเศร้าหรอ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 20..หมดเวลาแล้ว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 18-04-2018 00:55:49
ทิค สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 20..หมดเวลาแล้ว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 18-04-2018 06:06:07
สู้ๆ นะทิค :hao3:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 20..หมดเวลาแล้ว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 18-04-2018 10:02:12
เอ็นดูทั้งคู่  :sad4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 20..หมดเวลาแล้ว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 18-04-2018 11:49:12
บาสน่ารัก
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 20..หมดเวลาแล้ว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-04-2018 13:09:23
จริงแล้วคนเราไม่ได้สมบูรณ์แบบไหมหมดหรอกนะ
ถ้าทั้งคู่ถอยมาอยู่ตรงกลาง และพยายามเข้าใจตัวตน
ของกันและกัน ก็จะช่วยอีกฝ่ายได้ ที่สำคัญต้องมี
ใจรักด้วยนะ สู้ๆ ๆจ้า
 :3123:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 20..หมดเวลาแล้ว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-04-2018 18:35:45
อย่าหายไปนานแบบนี้สิ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 20..หมดเวลาแล้ว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 20-04-2018 20:18:10
อารมณ์เหมือนจะห่างๆ กันเลย
ชอบทิคนะ ลองเว้นระยะได้ทบทวนอะไรๆ ก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 20..หมดเวลาแล้ว 17/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-04-2018 00:09:21
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 21-04-2018 23:22:23
21..ถือว่าขอ

งานเลิกแล้วทั้งคู่จึงเดินทางกลับที่พัก ตลอดทางทิคก็เงียบตลอด ไม่แกล้งหรือทำอะไรเหมือนที่เคยทำ หน้าตาก็ดูเหนื่อยๆจนน่าเป็นห่วง
รถเลี้ยวเข้ารีสอร์ตในที่สุด บาสถอดเข็มขัดออกแล้วหยิบเอกสารและของลงจากรถ ทั้งคู่เดินมาด้วยกันโดยที่บาสเดินนำตลอดทางไม่มีคำพูดแม้แต่คำเดียว จนรู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก

เดินมาถึงห้องบาสหยุดที่ห้องตัวเองแต่ไม่ไขกุญแจเข้าห้อง ยืนบีบลูกบิดประตูอยู่อย่างนั้นเฮือกสุดท้ายตัดสินใจแน่นอนแล้วหันไปหาทิคที่กำลังจะเดินผ่านไป

“นอนด้วยกันไหม”

ทิคหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง บาสยืนนิ่งมองกลับแล้วหลบตา ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน รู้แค่ว่าพูดออกไปแล้ว แล้วมันก็ย้อนคืนไม่ได้
จะให้ทำยังไง ป่วยเป็นอะไรก็ไม่รู้ถามจะตอบไหมอีก มันเงียบเกินวิสัยทิคจนน่าเป็นห่วง มียากินหรือเปล่าก็ไม่รู้เขามีที่แม่เตรียมมาให้ นอนคนเดียวเกิดเป็นอะไรกลางคืนจะทำยังไงมาต่างถิ่นด้วย อย่างน้อยนอนด้วยกันก็พอช่วยกันได้ถ้าเกิดอะไร

ทิคเงียบมองมาอยู่อย่างนั้นบาสเริ่มทำตัวไม่ถูกรู้สึกอยากตบปากตัวเอง จึงยิ้มแห้งๆจับคอตัวเองแก้เก้อแล้วพูดออกไป
“จริงๆแล้วพูดเล่น คือ..มึงโลกส่วนตัวสูงใช่มะ งั้นก็นอนคนเดียวน่าจะดีกว่าเนอะ กูก็ว่างั้นแหละ”
ยิ้มแห้งๆให้ไปแล้วหันหลังจะเข้าห้อง

“แต่กูอยากนอนกับมึง”

บาสหยุดมือที่กำลังจะเปิดประตูเมื่อได้ยิน แล้วค่อยๆหันกลับไปหาทิคกระพริบตามองปริบๆแล้วตอบ
“อืม”
ยิ้มตอบให้ไป ทิคก็ยิ้มกลับมาแต่เป็นยิ้มที่ไม่เต็มที่นัก
บาสหันกลับไปแล้วไขกุญแจเข้าห้อง ยืนคิดอยู่หน้าประตูอยู่อย่างนั้น ที่ทำไปมันโอเคใช่ไหม แต่ก็ไม่เห็นเป็นไรเพื่อนผู้ชายด้วยกันเพื่อนมีปัญหาเราก็ต้องช่วย ถึงทิคจะเคยทำไม่ดีกับตัวเองก็เถอะแต่ตอนนี้ทิคเปลี่ยนไปแล้ว

บาสอาบน้ำแล้วใช้เวลาที่เหลือเก็บของบางส่วนให้เรียบร้อยพร้อมเก็บใส่กระเป๋าพรุ่งนี้ เสียงโทรศัพท์เข้าทำให้บาสต้องหันหายกกองเสื้อผ้าตรงหน้าที่กำลังพับรื้อจนไปเจออยู่ใต้กองผ้า

บริ้งนี่...มีอะไรหรือเปล่า คิดสงสัยแล้วกดรับไป
“ครับ ว่าไงน้องบริ้ง”
(พี่บาส...ทำอะไรอยู่คะ)
“กำลังเก็บเสื้อผ้าครับ”
(บริ้งโทรมากวนหรือเปล่าคะ)
บริ้งถามเสียงตื่น
“ไม่เลยๆคุยได้”
บาสรีบพูดกลัวคนในสายเข้าใจผิด
“ว่าแต่โทรหาพี่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
(คือ..จริงๆก็..ไม่มีอะไรหรอกค่ะบริ้งโทรมาเล่นด้วยเฉยๆ..เราไม่ได้เจอกันนานแล้วเนอะ)
“ช่าย ก็บริ้งไปเรียนงานตั้งเกือบอาทิตย์พี่ก็มาดูงานด้วย เลยไม่ได้เจอกันเลย”
พูดไปมือก็พับผ้าไปด้วยจนรู้สึกถึงความไม่สะดวก
“แปปนะบริ้ง”
(ค่ะ)
บาสมองหาหูฟังจนไปเจออยู่บนเตียงเลยเอื้อมไปหยิบมาเสียบกับโทรศัพท์แล้วใส่หูฟังทั้งสองข้างกับหู
“โอเคครับ”
(พี่บาสกลับมาเมื่อไรคะ)
“พรุ่งนี้ละ สายๆ”
(อ่อ)
(งั้น..บริ้งไม่กวนละ ไว้เจอกันที่โรงงานนะคะ)
“ครับ”

บริ้งเงียบไป จนบาสต้องเอาออกจากหูมาดู ก็ยังไม่วางสายนิจนต้องเอามาแนบหูอีกครั้ง

(พี่บาสคะ)
“ครับ”
(ฝันดีนะคะ)
“ครับ ฝันดีครับ”

บาสยิ้มให้โทรศัพท์ล่ำลากันแล้ววางสายดึงหูฟังออกจากหูหันจะเอาโทรศัพท์ไปไว้บนเตียงก็ต้องตกใจเมื่อเจอทิคยืนอยู่หน้าประตู
“มาตั้งแต่เมื่อไร”
บาสถามออกไปด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เพราะมึงมั่วแต่คุย”
บาสนิ่งมองคนที่ยืนกอดอกอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอียงสายตาหนีรีบลุกขึ้นเก็บของตรงหน้ารวมกันแล้วเอาไปไว้ที่อื่นก่อน เสร็จแล้วจึงหันมาหาทิคแต่ไม่รู้จะทำอะไรจึงยิ้มแล้วถามออกไป
“นอนเลยไหม...หรือดูหนังก่อน”
“มึงง่วงหรือยัง”
ทิคถามกลับ
“ก็..ยังไม่ค่อย”
“ดูหนังไปก่อนสิ เดี๋ยวค่อยนอนก็ได้”
“ไม่รีบพักผ่อนละไม่สบาย”
บาสถามหน้าตาซื่อด้วยความเป็นห่วง
“ห้องมึงจะทำอะไรก็ทำเถอะ”
“งั้น..ดูเนอะ”

ดีเหมือนกันมันเงียบไป ทั้งคู่สบตากันนานจนบาสเป็นฝ่ายหันหน้าหนีเดินไปอยู่ที่เตียง
“นอนฝั่งนี้นะ ฝั่งนั้นแอร์มันลง”
บาสพูดไปด้วยจัดแจงผ้าบนเตียงไปด้วย ทิคยืนมองบาสทำอย่างตั้งใจแล้วยิ้มแต่เป็นยิ้มที่ไม่เต็มที่นักเพราะเหนื่อยๆและรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ แต่ก็คือยิ้มที่มีความสุขจริงๆ

แสงจากโทรทัศน์ทำให้ทิคตื่นหลังจากเผลอหลับไป เสียงดังถึงจะไม่ได้หันไปมองก็รู้ว่าคงเป็นรายการวาไรตี้โชว์สักรายการ ทิคเปลี่ยนจากที่นอนตะแคงมานอนหงายแต่เมื่อหันมาก็พบเจ้าของห้องที่นอนหลับด้วยท่าแปลกๆอยู่ข้างๆ

บาสนั่งเอาหลังพิงกับหัวเตียงกอดหมอนใบใหญ่สีขาวเอาหน้าหนุนบนหมอนที่กอดหลับจนหน้าบูดเบี้ยว ทิคเห็นแล้วถึงกับต้องอมยิ้มมอง

“นอกจากเป็นคนแปลกๆแล้วมึงยังนอนแปลกๆอีกหรอวะ”

ทิคพูดยิ่งมองก็ยิ่งยิ้ม หันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้มาดูเวลาเห็นว่าดึกแล้วจึงหันจะมาปลุกบาสให้นอนดีๆแต่...เมื่อคิดอะไรได้จึงชักมือกลับ เขาเปิดโหมดกล้องแล้วถ่ายรูปบาสที่นั่งหลับหน้าตาบูดเบี้ยวไว้หลายรูป เมื่อทำสิ่งที่ต้องการเสร็จแล้วทิคจึงหันไปวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม แล้วหันมามองบาสที่ยังนอนหลับไม่ใช่สิต้องเรียกว่านั่งหลับไม่รู้เรื่องอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงยื่นมือไปผลักหัวบาสที่นั่งกอดหมอนหลับอยู่ จนบาสเอียงตามแรงผลักผงะตื่น
ลืมตามาบาสก็หน้ามุ่ยใส่ตัวการที่ทำตนแล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ทำอะไรเนี้ย!”
“มึงอะทำอะไรเขามีให้นอนดีๆนั่งนอนเพื่อ”
เจอคำพูดของทิคไปบาสก็เถียงไม่ออก ลุกขึ้นไปเก็บหมอนที่ตกอยู่แล้วหันมาถามทิคที่นั่งอยู่บนเตียง
“จะดูต่อไหม”
“ถามตัวเองเถอะ”
แต่ละคำเจ็บๆทั้งนั้นแค่นั่งหลับมันผิดมากหรือไง! แต่ก็ได้แค่คิด.....
“งั้นปิดนะ”
บาสพูดแล้วเดินไปปิดโทรทัศน์แล้วเดินกลับมาที่เตียง คราวนี้ห้องเงียบจริงๆแต่ดีที่มืดเลยทำตัวไม่ลำบาก
บาสที่ง่วงอยู่แล้วห้องเงียบและมืดแถมเย็นอีกแบบนี้ยิ่งส่งเสริมการนอนทิ้งหัวลงก็หลับเป็นตาย

แรงขยับที่เตียงทำให้บาสขยับตามแต่เมื่อมันนานๆเข้าก็เริ่มตื่นนิดๆจนแรงยุบของเตียงที่หนักขึ้นทำให้บาสลืมตาในความมืดทำให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากคนข้างๆ บาสยันตัวขึ้นแล้วรีบหันไปหา
“ทิค”
ไม่มีการตอบรับใดๆคราวนี้บาสจึงส่งมือไปจับไหล่ทิคที่นอนตะแคงอยู่
“ทิค เป็นอะไร”
ทิคหันมาตามแรงจับแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“ไม่สบายตัวเลยวะ”
บาสได้ยินแบบนั้นก็ไม่สบายใจหันไปควานหาโทรศัพท์ในความมืดแล้วเปิดโหมดไฟฉายส่อง เห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นไปเปิดไฟเมื่อห้องสว่างจึงทำให้รู้ว่าหน้าตาทิคตอนนี้ทรมานขนาดไหน บาสเดินกลับไปที่เตียงฝั่งทิคแล้วก้มลงถาม
“มันเป็นยังไง”
“แน่นท้อง..เหมือนจะอ้วก เวียนหัว ไม่รู้”
ทิคพูดแค่นั้นก็หันหนียกแขนตัวเองขึ้นก่ายเพื่อปิดแสงไฟ บาสเห็นแบบนั้นก็ไม่ถามอะไรต่อ เดินไปรื้อกระเป๋าตัวเองแล้วเปลี่ยนไปที่กองของที่เก็บไปตอนทิคเข้ามา เสื้อผ้าที่ถูกพับไว้อย่างดีถูกรื้อกระจัดกระจายด้วยตัวเจ้าของเอง เหมือนจะหาไม่เจอบาสโกรธตัวเองยืนหน้าเครียดอยู่กลางห้อง แต่เมื่อคิดอะไรได้จึงเดินไปที่กระเป๋าเดินทางอีกครั้งหันมันไปมาแล้วเปิดซิปช่องหนึ่งและเจอของที่ตามหาอย่างที่คิดไว้...ถุงยาที่แม่เตรียมมาให้
บาสแกะปมที่ถูกมัดด้วยความร้อนใจแล้วเททุกอย่างลงเขี่ยหาจนเจอของที่ต้องการ
“เดี๋ยวมานะ รอแปปหนึ่ง”
บาสเดินไปบอกทิคที่นอนส่ายอยู่บนเตียงแล้วเดินมาเปิดประตูออกจากห้องไป และไม่นานก็กลับมาพร้อมแก้วในมือ
“ทิค”
บาสเข้าไปจับแขนทิคให้หันมา
“กินยานะ”
แล้วจับให้ลุกขึ้นนั่ง นำแก้วที่มียาลดกรดแก้ท้องเฟ้อที่ถูกละลายมาให้ทิคดื่มและตามด้วยยาแก้ท้องอืดน้ำสีขาวที่ทุกบ้านต้องมีตามไปด้วย บาสส่งขวดน้ำที่เตรียมมาให้ทิคดื่มหลังจากกินยาเสร็จ ทิครับไปด้วยสีหน้าบูดเบี้ยวแล้วดื่มน้ำไปครึ่งขวด บาสรับมาวางแล้วเปิดฝายาดมยื่นให้ ทิครับไปแล้วสูดเต็มปอดแล้วทิ้งตัวลงนอนเหมือนเดิม
ถึงจะไม่ได้หายทันทีแต่ก็ดีขึ้นทิคเริ่มสงบลงจนเคลิ้มใกล้หลับ แต่แรงบีบที่แขนทำให้ทิคที่หลับตาไปได้ครู่เดียวลืมตาขึ้นมอง

บาสเอาเก้าอี้ของโต๊ะเครื่องแป้งมานั่งข้างๆเตียงฝั่งเขาจับแขนเขาบีบไปมาจนไล่ไปถึงมือ
“นวดแบบนี้เลือดมันจะไหลเวียนดี เดี๋ยวจะดีขึ้น”
ทิคเอียงคอมองภาพตรงหน้าอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่มีคำพูดใดๆ
“ดีขึ้นยัง”
บาสเงยหน้าขึ้นมาถาม ทิคที่เงียบอยู่นานพยักหน้าตอบช้าๆ
“เพราะมึงไม่สบาย เครียด แล้วยังจะกินเหล้าอีก มันเลยเป็นแบบนี้ไง”
“จะยอมให้ว่าวันหนึ่ง”
ทิคพูดด้วยเสียงเหนื่อยๆ บาสได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าจากการนวดขึ้นมามอง
“ฆ่าทิ้งตอนนี้เลยก็ได้นะเนี้ยไม่มีแรงสู้ดี”
ทิคยิ้มจางให้บาสที่นั่งพูดอยู่ เป็นจังหวะที่บาสกำลังนวดมืออยู่พอดีทิคจึงจับมือบาสกุมหมับ จนเจ้าตัวตกใจเงยหน้ามองอีกครั้ง
“...................”
“ไปนอนเถอะ”
บาสสบตาทิคด้วยความตกใจค้างอยู่ครู่หนึ่งถึงได้สติตอบ
“ไม่เป็นไร นวดไปเรื่อยๆก่อนเถอะ”
ที่ตกใจไม่ใช่อะไร กำลังพูดกวนๆเขาเรื่องฆ่าแล้วเขามาจับมือหมับก็ตกใจสิ คิดว่าทิคโกรธและเอาจริง พอรู้ว่าไม่ใช่ก็โล่งอกไป
“บาส”
จ้องแล้วเรียกชื่อ
“หื้ม”
บาสตอบรับทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง
“มึงมีใครหรือยัง”
คำถามของทิคทำให้บาสเงยหน้าขึ้นมอง
“หมายถึงอะไร”
“มึงมีแฟนไหม”
บาสสบตาคนถามอย่างไม่เข้าใจเพราะอยู่ดีๆก็ถามแต่ก็ตอบไป
“ไม่มี”
“คนที่คุยอยู่ละ”
คุย?
คุยอะไร?
คุยกับใคร?
บาสทำหน้านึกหาแล้วตอบด้วยหน้าตาซื่อๆตามความจริง
“ไม่มี”
“มึงไม่มีคนที่ชอบหรือคนที่เขามาชอบมึงหรอ”
“ไม่มี”
ตอบแล้วมองหน้าทิคด้วยสีหน้าจริงจัง
“กูไม่เอาใครมาลำบากด้วยหรอกเลยไม่กล้าคิดชอบใคร ไม่มีอะไรดี แถมไม่ได้เรื่อง ใครเขาจะมาชอบ”
พูดแล้วยิ้มเย้ยตัวเองขำในโชคชะตา แล้วหันไปตั้งใจนวดต่อ

ทิคมองบาสแล้วคิดในใจ บาสกำลังคิดไปเอง คนที่ชอบมีมากมายแต่บาสดูไม่ออก คนที่โทรมาวันนี้ก็คนหนึ่งละ เขาไม่รู้เรื่องอะไรแค่ฟังบทสนทนาที่บาสคุยยังรู้เลยว่าคนๆนั้นชอบบาส
“แอร์เย็นไปไหม”
“พอดีแล้ว”
ทิคตอบแล้วมองอยู่อย่างนั้น มันเกิดความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกผิด ผิดที่ทำไม่ดีกับบาสมาตั้งเท่าไรแต่บาสกลับยังคงดีกับตน เขาตอนนี้คงดูน่าสงสาร น่าสมเพชมาก จนบาสต้องดูแลขนาดนี้
“ทิค”

ทิคที่กำลังคิดและมองไปทางอื่นหันกลับมามองคนที่นั่งนวดแขนเขาอยู่ข้างเตียงส่งสายตามองว่ามีอะไร บาสมองมาด้วยสายตากังวลกล้าๆกลัวๆจนทิคต้องพูด
“พูดมาเลย”
“เมื่อเช้าที่ตื่นสายเพราะไม่สบายใช่ไหม”
ยอมรับว่าแปลกใจ ไม่คิดว่าบาสจะถามคำถามนี้
“ใช่”
“แล้วตอนนั้นที่หายไปก่อนเข้างานก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
“ใช่”
เพราะรู้สึกแย่หดหู่ตั้งแต่ตอนตื่น ยาคลายเครียดที่กินประจำก็ดันลืมเอามา ทิคเลยแยกออกไปหาร้านขายยาแถวนั้นซื้อ
“ทำไมไม่บอกกันบ้างว่าเป็นอะไร กูก็ช่วยได้นะถ้ามึงต้องการ”
บาสพูดยาวเหยียดหยุดมือจากการนวดมองหน้าทิคจริงจัง
ทิคยิ้มมุมปากแล้วยื่นมือไปผลักหัวบาส
“เบอะบะอย่างนี้เนี้ยนะ”
บาสหน้ามุ่ยทันทีที่ได้ยินแล้วพูดเสียงดังด้วยความไม่พอใจ
“แล้วใครละที่อดหลับอดนอนตั้งแต่ตีสามจนตีสี่ดูแลมึง!”

ทิคยิ้มจนตาหยีแบบที่ไม่เคยยิ้มมาก่อนจนบาสที่กำลังพูดด้วยอารมณ์ร้อนๆค้างกับสิ่งที่เห็น
“เออ ขอบคุณ”
ได้ยินคำนี้จากปากทิคยิ่งค้างไปกันใหญ่ บาสได้สติหันหน้าหนีครู่หนึ่งแล้วหันมาหาทิคใหม่ ทั้งคู่เงียบมองหน้ากันอยู่นานจนบาสเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“มึงป่วยเป็นอะไรหรอทิค”
คำถามของบาสทำให้ทิคที่พร้อมจะพูดด้วยเมื่อครู่หุบยิ้ม หน้าตาใสซื่อที่มองมาเพราะอยากรู้ทำให้ทิคต้องทำตัวให้ปกติแล้วพูดออกไป
“โรคประจำตัวแหละ”
บาสพยักหน้าเข้าใจอย่างไม่ติดค้าง เพราะคลังก็มีโรคประจำตัวคือโรคหอบเหมือนกันคนที่มีโรคประจำตัวก็ป่วยออดๆแอดๆแบบนี้แหละ

“มึงมันดื้อ กลับไปก็ไปหาหมอนะ ถือว่ากูขอ”

หน้าตาใสซื่อของบาสที่ส่งมาทำให้ทิคต้องฝืนยิ้มให้ ทั้งที่ในใจตอนนี้มันพังไปหมดแล้ว

บอกความจริงไปถ้าบาสรับไม่ได้ละ ใครจะอยากอยู่กับคนจิตไม่ปกติ

มันเป็นความลับ และมันจะเป็นความลับตลอดไป บาสจะไม่มีวันรู้ แล้วเขาก็จะต้องหาย ทุกอย่างมันต้องดีอย่างที่หวัง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: swasdee ที่ 21-04-2018 23:36:42
คือคุยกับสมอลล์ทอล์คแล้วจะเอาโทรศัพท์แนบหูอีกทำไมอ่า :mew5:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-04-2018 23:53:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-04-2018 23:56:25
ระวังนะบาส เห็นทิคเงียบๆอย่างนั้น คือเสือซุ่มนะ อย่าได้เผลอเชียว เป็นห่วง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-04-2018 00:01:04
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 22-04-2018 00:46:27
บอกบาสตามตรงมั้นทิค บาสจะได้เข้าใจ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 22-04-2018 02:35:57
ทิคสู้ๆนะ ป่วยเป็นโรคจิตเภทแน่เลย
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 22-04-2018 07:13:51
ทิคน่าสงสารเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-04-2018 13:14:37
สงสารทิคอ่า บาสก็ซึนเกิ๊นนน
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-04-2018 19:55:05
บาสทำไมมองค่าตัวเองต่ำจิงคร้า.  อย่าทำร้ายตัวเองซิลูก บาสหน้าตาดี นิสัยดี แต่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ส่วนทิคก็มั่นในตัวเองซะเกินไป ต่างกันสุดขั้ว
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: kman2527 ที่ 30-04-2018 19:25:58
รอๆๆๆๆๆ :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 30-04-2018 21:18:13
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-04-2018 21:50:05
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 30-04-2018 22:11:26
รอๆ อยากอ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-05-2018 00:58:50
รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 21..ถือว่าขอ 21/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 02-05-2018 17:34:15
เกาะขอบจอรอติดตาม o13
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 22..คำ (เชื้อ) เชิญ 05/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 05-05-2018 16:42:09
22..คำ (เชื้อ) เชิญ

เฮ้อ วันจันทร์ที่แสนเหนื่อย เป็นคนขี้เกียจทำงานตั้งแต่เมื่อไรนะ

บาสยืนมองโรงงานแล้วกระดกเครื่องดื่มชูกำลังจนหมดขวดทิ้งลงถังขยะแล้วขยับหมวกให้เอาที่เข้าทางเดินเข้าโรงงาน

จากที่เปิดดูแฟ้มเอกสาร อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ไฟไหม้อีกแล้วมีงานต้องเคลียร์เยอะเลย

เข้ามานั่งในห้องได้ไม่นานคลังก็โผล่หน้าเข้ามาหา

“รับทรัพย์ครับคุณเพื่อน”

คลังโผล่มาแค่หน้าพร้อมกับยื่นสลิปเงินเดือนให้ บาสยิ้มให้แล้วรับมา ส่วนคลังคงเอาสลิปไปแจกคนอื่นต่อ

แต่เมื่อเปิดดูก็ต้องตกใจ เงินเดือนขึ้น!

เฮ้ย! มันเพิ่มมามากจำนวนหนึ่งเลย ทำเอาบาสตกใจดูอีกรอบให้แน่ใจ ไม่มีวี่แวว ไม่รู้อะไรเลย ทำไมเงินถึงขึ้นเยอะขนาดนี้

บาสเก็บความแปลกใจไว้ในใจแล้วออกไปทำงาน

“กำหนดตรวจเช็คสภาพเครื่องประจำปีวันเสาร์นี้เหมือนเดิมนะครับ ไม่เปลี่ยนแล้ว”

“ครับ”

บาสพูดกับพนักงานประจำเครื่องให้เตรียมตัวแล้วยืนดูเขาทำงาน

“บาส”

บาสหันกลับไปตามเสียงเมื่อเห็นว่าเป็นบงกชจึงเดินเข้าไปหา

“ครับพี่บง”

“สี่โมงเดี๋ยวไปประชุมกับพี่นะ”

“ครับ”

บาสรับคำสั่ง บงกชยิ้มเย็นแบบฉบับของเธอให้แล้วเดินผ่านไป

“พี่บงครับ”

บาสเรียก บงกชจึงหันกลับมา บาสเดินเข้าไปหาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจถามออกไป

“ผมรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรเอามาพูด แต่ผมอยากรู้จริงๆ”

บาสพูดถึงแค่นั้นก็หยุดไป จนบงกชพูด

“พูดมาเถอะ”

บาสสบตาบงกชแล้วตัดสินใจถามออกไป

“ทำไมเงินเดือนผมถึงขึ้นเยอะขนาดนั้นครับ”

บงกชไม่ตอบคำถามแต่ถามกลับ

“แล้วมันไม่ดีหรอ”

“มันเยอะเกินความสามารถที่ผมมี”

บงกชมองมานิ่งๆแล้วเดินเข้ามาหา

“เธอดูถูกตัวเองมากเกินไปแล้วนะบาส ถ้าเธอไม่มีความสามารถ จะมาเป็นมือขวาพี่ได้หรอ”

ทั้งคู่สบตากันบงกชยิ้มบาสจึงยิ้มตาม นี้เป็นครั้งแรกที่บงกชยิ้มให้บาสกว้างขนาดนี้

“ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณความสามารถตัวเองเถอะ อย่าลืมขอบคุณทิคเขาด้วยนะ”

ทิค

บาสหุบยิ้มทันทีมองบงกชด้วยสายตาไม่เข้าใจและบงกชดูออกเธอจึงไขข้อสงสัยให้

“วิศวะที่ได้ไปดูงานที่กาญครั้งนี้ไม่ใช่ว่าได้ไปเฉยๆผู้ใหญ่เขาคัดแล้วว่ามีความสามารถแล้วทิคเขาก็สนับสนุนเธอมากเลยนะ เธอโชคดีมากนะที่มีเพื่อนดีแบบทิค”

บงกชเดินไปแล้วแต่บาสยังยืนอยู่ที่เดิม

คำพูดของบงกชทำให้เขาแปลกใจมาก ที่เขาได้ไปเพราะทิคหรอ ที่เงินเดือนขึ้นก็เพราะทิคหรอ

ทำไมทิคไม่เคยบอก


“พี่บาส”

“พี่บาสคะ!”

แรงสะกิดที่แขนทำให้บาสหลุดจากภวังค์มอง เป็นบริ้งที่ยืนมองเขาด้วยสายตาสงสัย

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“ปะ..เปล่าครับพี่คิดอะไรเพลินๆไปหน่อย”

บริ้งพยักหน้าเข้าใจแล้วยิ้มให้

“วันนี้บริ้งขอเลี้ยงข้าวพี่บาสนะคะ”

“หือ เนื่องในโอกาสอะไร”

บาสยิ้มถาม

“บริ้งสอบทดสอบได้คะแนนที่หนึ่งของนักศึกษาฝึกงานแหละ”

“จริงหรอ! เก่งมากๆ”

บาสยิ้มกว้างให้อีกรอบยกนิ้วโป้งให้คนตรงหน้า

“เด็กพี่บาสซะอย่าง ถือว่าบริ้งเลี้ยงขอบคุณคำปรึกษาและความรู้ที่พี่บาสบอกสอนบริ้งมาตลอดนะคะ”

“เอ๊ กินอะไรดีน๊า”

“ให้เวลาคิดถึงเที่ยงนะคะ”

บริ้งพูดแล้วยิ้มให้ ทั้งคู่จึงยิ้มขำใส่กันแล้วแยกกันไปทำงานของตัวเอง

บาสยังคงวุ่นอยู่กับการดูเครื่องและตอนนี้ทำอยู่กับคลังโดยแบ่งหน้าที่กัน บาสคนทำ คลังคนเช็คลงแฟ้ม

“เร็วมึงกูหิว”

“หิวแล้วทำอะไรได้มันยังไม่ถึงเวลาพัก”

“ก็แอบกินสิวะ!”

บาสหันมองคลังส่ายหน้าเอือมๆให้แล้วหันกลับไปตั้งใจดูเครื่องต่อ

“เออว่า”

“เอ้าหรอ เห็นกำหนดยังไม่แน่นอน”

รู้ว่าคลังคุยโทรศัพท์แต่บาสก็ไม่ได้สนใจ

“เคๆเดี๋ยวกูบอกให้”

“เออไอ้ทิค กูลืมสมุดไว้บนโต๊ะมึงอะ เห็นปะเล่มสีน้ำเงิน”

ชื่อของทิคทำให้บาสชะงักมือ แล้วแอบฟังเนียนๆ

“เออ เก็บไว้ให้ด้วย กูไปทำงานแอสมึงแล้วไปนั่งเขียนที่โต๊ะมึงดิเลยลืมไว้  มึงจะเห็นกูได้ไงมึงไปดูงานกับไอ้บาส เออๆแค่นี้แหละ”

พอคลังวางสายบาสจึงรีบหันกลับไปทำงานต่อ แต่ได้ครู่หนึ่งก็หยุดมืออีก แล้วหันไปหาคลังที่กำลังเขียนอยู่

“คลัง”

“ว่า”

คลังตอบรับแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจดจ่อกับการเขียน

“ทิคมีโรคประจำตัวอะไรวะมึงรู้ไหม”

คลังเงยหน้าขึ้นสบตากับบาสที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว

“โรคประจำตัว”

บาสพยักหน้าเมื่อคลังทวนคำถาม คลังเหมือนจะคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงตอบ

“มันก็ไม่เคยบอกนะ แต่มันก็ไม่เห็นป่วยเป็นอะไร มันเครียดบ่อยเลยทำให้มันดูหงอยบางช่วงเฉยๆมั้ง”

ไหนทิคบอกว่ามีโรคประจำตัว แล้วทำไมคลังที่เป็นเพื่อนถึงไม่รู้

“มีอะไรหรือเปล่า”

คำถามของคลังทำให้บาสหันกลับไปหา

“เปล่า ไปดูงานด้วยกันแล้วกูเห็นทิคกินยาเยอะอะ เลยสงสัย”

บาสเบี่ยงประเด็นไม่อยากให้คลังรู้ว่าทิคไปไม่สบายที่นั่น

“ยาแก้เครียดของมันละมั้ง มึงก็น่าจะพอรู้ว่ามันเป็นคนจริงจังทุกเรื่องคนเก่งเด็กเรียนแบบมันก็เหมือนจะบ้าแบบนั้นแหละ แต่จริงๆไม่มีอะไรหรอก”

คำพูดของคลังทำเอาบาสหันมอง อุทานด้วยน้ำเสียงตกใจ

“บ้า”

“กูพูดเล่นไอ้นี้”

คลังตะคอกใส่แล้วพูดต่อ

“พี่มันเป็นหมอเลยนะเว้ยจะบ้าได้ยังไง สวยอย่างนี่!”

คลังพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งการันตี

โห..ครอบครัวโคตรสมบูรณ์แบบอะ การงานดีกันทั้งบ้าน ฐานะก็ดี เขาเพิ่งรู้ว่าทิคมีพี่เป็นหมอ ที่คลังพูดก็น่าจะจริงลูกทำงานดีคงเรียนดีๆมาพ่อแม่คงเป็นคนรวยที่จริงจัง สมัยเรียนทิคคงเป็นเด็กเรียนน่าดูถึงทำงานเก่งขนาดนี้

อ่อ! แบบนี้สินะถึงทำให้ทิคเป็นคนจริงจังแข็งทื่อไม่ค่อยเข้าหาใคร เพราะครอบครัวเขามีครบให้อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องพึ่งใคร

บาสคิดแล้วแอบเบะปากด้วยความหมั่นไส้เมื่อคิดถึงสิ่งที่ทิคทำกับเขา

“กูหิวไม่ไหวแล้วไปหาของกินก่อน แล้วก็ตามไปนะมึง!”

คลังโพล่งขึ้นแล้วลุกขึ้นยืนยื่นแฟ้มให้บาสเดินออกไปโดยที่ไม่รอคำตอบจากบาสเลย บาสเห็นแบบนั้นก็ตะโกนตามหลัง

“ระวังพี่บงดีๆนะมึง!”

“แม่จะรู้เพราะมึงเนี้ยแหละไอ้บาส!”

คลังตะโกนกลับมาทำเอาบาสหัวเราะ เขามองตามคลังจนสุดสายตาแล้วหันกลับมาทำงานต่อเหลืออีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว

เกลียดการเช็คสายไฟอะไรเยอะๆแบบนี้มาก มากที่สุดในแปดโลก ยุ่งยาก วุ่นวาย ละเอียด บาสคิ้วผูกโบว์ด้วยความเครียดกับความละเอียดของงาน เขากลายเป็นคนขี้บ่นกับงานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร


“ใครเขาบอกให้ทำแบบนั้น”


เสียงที่ดังมาจากบนหัวทำให้บาสเงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่พอใจ คนยิ่งเครียดๆอยู่ใครมาพูดแบบนี้ ทำแบบนี้แล้วมันยังไง แบบนี้มันถูกตามที่เรียนมาแล้วก็ปฏิบัติอยู่ทุกวันมันผิดตรงไหน

แต่พอเงยหน้าก็มองก็ต้องตกใจเมื่อคนๆนั้นคือทิค

ทิคยืนมองสบตากับบาสอยู่ครู่หนึ่งแล้วนั่งยองๆลงข้างๆปัดมือทิคออกจากสายไฟที่จับค้างอยู่

บาสมองทิคทำแล้วอึ้งนิดๆทิคก็ทำแบบที่เขาทำนั้นแหละ แต่มันเร็วและดูชำนาญมากทิคพับสายไฟเก็บสวยอย่างกับใช้เครื่องจักร ยอมรับเลยว่าเขาพับสายไฟเก็บไม่ค่อยสวยตั้งแต่สมัยเรียน

“ประหยัดเวลาได้ตั้งเยอะ แล้วยังไม่ต้องเสี่ยงมือเป็นแผลด้วย”

ทิคพูดพร้อมกับทำไปด้วย

มึงจะหล่อไปไหนเนี้ย!!!

“มหาลัยมึงสอนแบบนี้ด้วยหรอ”

เรียนมหาลัยคนรวยมาแน่เลย

“เปล่า คิดเอง”


กูดูโง่เลย!!!


บาสแอบเบะปากด้วยความหมั่นไส้

“เรียนมารู้จักต่อยอดเองบ้างก็ดีนะ มึงนะ”

“ทำงานตามขั้นตอนเว้ย คิวเอมาตรวจถึงไม่เคยได้กิน”

ทิคแสยะยิ้มมองคนแถไปเรื่อยในเมื่อที่เขาทำก็ทำตามขั้นตอน บาสยิ้มเยาะกลับ ทั้งคู่ยิ้มแล้วจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น และเป็นทิคที่หลบตา

“ไปไกลๆเหม็นเหงื่อ”

ทิคดันตัวบาสที่นั่งยองๆแค่เบาๆบาสก็เสียหลักไปแล้ว บาสไม่ยอมดันตัวเองขึ้นแล้วผลักทิคคืนแต่ฝ่ายนั้นมีสติอยู่ตลอดเวลาจึงจับแขนบาสไว้เซกันไปทั้งคู่แต่ไม่ถึงกับล้ม

“กูดูเครื่องมาเป็นชั่วโมงร้อนก็ต้องมีเหงื่อไหม”

ตั้งแต่กลับมาจากกาญรู้สึกว่าพวกเขาจะคุยกันได้สนิทใจมากขึ้น ไม่ใช่เจอหน้ากันแล้วคุยแต่เรื่องจริงจังเครียดไปซะหมด

“มาทำไร”

“มาหาไอ้คลัง”

บาสพยักหน้าเข้าใจ คงที่คุยโทรศัพท์กันเมื่อกี้

“มันไปหาของกิน ไปหาดิ”

บาสชี้บอกแล้วก้มลงจดที่เพิ่งจัดการเสร็จลงแฟ้มแทนคลัง

แต่เมื่อรู้สึกว่าทิคยังนั่งอยู่ที่เดิมทั้งที่บอกไปแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมอง

“มีไร”

บาสเลิกคิ้วถามยิ้มๆเมื่อทิคยังนั่งอยู่ที่เดิม

“นั่งเฉยๆทำไม”

เอาที่มึงสบายใจ!!

“เออ! คลังมันเล่าว่ามึงมีพี่เป็นหมอสวยด้วย จริงอ่อ”

บาสถามด้วยสายตาและน้ำเสียงติดเล่น

“จริง”

“หูย ครอบครัวมึงน่าสนใจ พี่มึงมีแฟนยังอ๊า”

ทิคกระตุกยิ้มมองคนที่เหมือนจะอยากรู้มากครู่หนึ่งแล้วตอบ

“ไปบ้านกูไหมละ”

คำพูดของทิคทำให้บาสหันมอง

“มึงจะรู้ ว่ามีคนที่น่าสนใจมากกว่าพี่กูอีก”

ทิคยิ้มให้ทิ้งท้ายแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเลย บาสได้แต่มองตามด้วยความไม่เข้าใจ อะไรของเขา พวกฉลาดๆนี้ชอบพูดอะไรให้คิดเนอะ





สวัสดีทู้กคนนนนนน

งื้อออ หายไปนานนมมาก เขาติดทำอะไรหลายๆอย่างเลยไม่มีเวลาได้มาลงสักที วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดีสักที ดีใจมากอะที่ถึงไม่ได้ลงก็ยังมีคนอ่านที่น่ารักยังเข้ามาทวงให้รีบมาลง

เขาหายไปนานๆอย่าเพิ่งโกรธหรือรำคาญเน้อ เขาพยายามแล้ว



หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 22.คำ (เชื้อ) เชิญ 05/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-05-2018 22:11:41
 :pig4: :pig4: :pig4:

มาแล้ว  ดีใจจัง

พัฒนาการดีขึ้นนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 22.คำ (เชื้อ) เชิญ 05/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 05-05-2018 22:51:03
เชิญชวนเก่ง ขายของสุดๆเลยทิค เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ สู้ๆรอตอนต่อไปค่ะด่วนๆ555
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 22.คำ (เชื้อ) เชิญ 05/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-05-2018 23:11:32
 :z13:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 22.คำ (เชื้อ) เชิญ 05/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-05-2018 23:40:07
รอติดตามตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 22.คำ (เชื้อ) เชิญ 05/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-05-2018 11:06:05
นี่อ่อย ใช่ไหมทิค แหมๆๆ อย่างน้อยบาสก็ติดกับละว้า มาต่ออีกเร็วๆ อยากรู้แล้วละ
 :katai4: :katai4:
มุ้งมิ้งดีตอนนี้ +1
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 22.คำ (เชื้อ) เชิญ 05/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: kman2527 ที่ 14-05-2018 17:13:50
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: รออยู่ครับ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 22.คำ (เชื้อ) เชิญ 05/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-05-2018 01:20:13
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 22.คำ (เชื้อ) เชิญ 05/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 15-05-2018 09:53:51
 :L2:  :pig4: :L2:  :pig4: :L2:  :pig4: :L2:  :pig4: :L2:  :pig4: :L2:  :pig4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 22.คำ (เชื้อ) เชิญ 05/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-05-2018 10:07:42
เข้าบ้านทิค น่าจะเป็นพ่อแม่ พาว่าที่สะไภ้ฝากเนื้อฝากตัว บาสต้องหลงกลแน่นอน
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 23..พลาสเตอร์ในกระเป๋าของคุณ 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 28-05-2018 22:31:11
23..พลาสเตอร์ในกระเป๋าของคุณ

จะนั่งงงอะไรกันหนักหนา ทิคแอบหันไปมองบาสแล้วยิ้มขำ แค่ชวนไปบ้านด้วยประโยคแค่นั้นยังไม่เก็ทเลย มันเรียนวิศวะมากับเขาได้ไง


ตุ๊บ


“แม่มึง!”

คนที่กำลังตักมาม่าเข้าปากสะดุ้งอุทานด้วยความตกใจเมื่อสมุดถูกโยนมาตรงหน้า

แค่ก แค่ก

คลังไอเพราะตอนนั้นกำลังยกคัพมาม่าขึ้นซดรีบเช็ดปาก แต่พอเงยหน้าขึ้นมองเมื่อรู้ว่าเป็นเพื่อนตัวเองจึงโล่งใจแต่ก็ต่อว่า

“กูตกใจหมดไอ้นี้!”

“ตกใจอะไร”

ทิคถามเสียงเรียบแล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟา

“มันนึกว่าเป็นแม่อะดิ กลัวแต่ก็ยังทำ”

ปิงที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะตัวเองหมุนเก้าอี้มาพูด

“กูมีความสามารถเว้ยไม่มีวันนั้นหรอก”

คลังว่าแล้วยกน้ำขึ้นดื่มแก้อาการน้ำมาม่าลงคอเมื่อครู่ ปิงกับทิคสบตาขำให้กัน แล้วปิงถึงหันกลับไปทำงานต่อ

“เอาไป”

คลังเดินมายื่นเอกสารสองใบให้ ทิครับมาแล้วตรวจเช็คดู

“กูไปละ”

“เฮ้ยๆมึงมาแค่นี้แล้วก็กลับเลยหรอ ไม่คิดจะอยู่คุยกับเพื่อนกับฝูงเลยหรือไง”

คลังรีบเรียกถามเมื่อทิคลุกจะออกไป

“ไม่อะ”

ทิคพูดเสียงและหน้าตานิ่งเฉย จนคลังอ้าปากค้าง

“ไอ้นี้”

“กูต้องรีบไปเคลียร์งาน เย็นนี้ต้องไปประชุมกับพี่มานพ”

ทิคยิ้มแล้วพูดความจริงออกไป

“เกินเบอร์แล้วมึงนะ จะไปกู้ชาติหรอ ไอ้บาสมันก็ต้องไปกับพี่บงมันไม่เห็นต้องเตรียมตัวอะไรแบบมึงเลยนั่งหัวฟูอยู่กับเครื่องโน้น”

คลังเบะปากใส่ทิคหยิบแก้วน้ำจะมากินอีกแต่มันดันหมดเลยแก้เก้อเดินเอาไปทิ้งถังขยะ ทิคเห็นแบบนั้นก็ยิ้มแตกเดินเข้าไปกอดคอ

“ขี้งอนเป็นเมียเลยนะมึง”

“ปล่อยเลย เหม็นกลิ่นความหล่อ!”

คลังปัดมือทิคออกจากคอเบะปากใส่อีกรอบแล้วเดินไปนั่งที่ ทิคยิ้มให้ครู่หนึ่งแล้วเดินออกมาเพราะรู้ว่าคลังไม่ได้งอนอะไรจริงจัง


ไอ้เบ๊อะก็ไปด้วยหรอ

ได้ออกหน้าออกตาเยอะขึ้นแบบนี้..ดีจัง



ทิคเปิดประตูให้มานพเข้าก่อนแล้วเข้าตามไปนั่ง แอสอื่นก็กำลังทยอยกันเข้ามา จนมาถึงแอสที่เขารอ

แอสหนึ่งที่มาพร้อมนางพญาและลูกของเขา

มาถึงมองมาเห็นเขาก็ยิ้มกว้างเท่าจักรวาลให้ ทิคทำได้แค่นั่งแอบยิ้มรักษาภาพพจน์ต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งที่ใจจริงอยากจะเดินไปจับปากนั้นหุบ

การประชุมเต็มไปด้วยเรื่องเคร่งเครียดมีปัญหาเกิดขึ้นหลายอย่างในเดือนนี้ ทุกคนตั้งใจฟังกันอย่างขะมักเขม้น และตบท้ายด้วยการถามถึงปัญหาที่แต่ละแอสเจอเหมือนทุกครั้ง

“พรุ่งนี้สิบโมงให้ทุกคนคอยพี่อยู่ที่บอร์ด”

บงกชหันมาพูดกับบาสทันทีที่เดินออกจากห้องประชุม

“ครับ”

เมื่อได้คำยืนยันว่าบาสรับรู้บงกชจึงหันกลับไปเดินต่อ ส่วนบาสกำลังดูเอกสารทำให้เดินช้าทิ้งห่าง

“โอเคนะ”

บาสที่กำลังก้มดูเอกสารในมือเงยหน้าขึ้นมองเมื่อมีเสียงดังขึ้นข้างๆ

เป็นทิคที่มาเดินข้างๆเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

“โอเคอะไร”

บาสถามหน้าตาเลิ่กลั่ก

“เป็นปลาทองหรอ บ้านกูไง”

“บ้านมึง”

บาสทวนคำทำหน้านึกแล้วพูดออกไป

“จะให้ไปทำไม”

“มึงอยากเห็นพี่กู”

“กูพูดเล่นเฉยๆ”

“กูชวน มึงควรขัดหรอ”

“อะไรของมึงเนี้ย”

บาสถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ

“เดี๋ยวนี้กล้าขัดกูนะ”

บาสหันไปมองทิค มองสายตาที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกแก๊ปสีดำแล้วพูดออกไป

“ก็มึงไม่น่ากลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว”

ทิคสตั้นไปกับคำพูดของบาส แล้วยิ้มในใจ คำพูดแค่นี้ก็ทำให้เขาหัวใจพองโตขึ้นมาดื้อๆ

“กูหล่ออะดิ”

ทิคพูดพร้อมกับเลิกคิ้วใส่แล้วเดินจากไป บาสได้แต่ยืนอ้าปากค้างมองตาม

“ใครบอกมึง!”

แล้วตะโกนตามหลัง คนถูกตะโกนว่าทำเพียงโบกมือให้แบบไม่หันมา

บาสเดาะลิ้นตัวเองอย่างเหลือเชื่อ ทิคหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า ถึงจะหล่อจริงก็เถอะ ก็ไม่ควรมั่นใจขนาดนั้นไหม เขายังไม่ได้พูดอะไรเฉียดคำว่าหล่อเลยนะเมื่อกี้ อะไรทำให้คิด!



เมื่องานเกิดปัญหาวิศวะอย่างทิคจึงถูกเรียกตัวมา ทำงานกับเครื่องจักรมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เสมอ และนี้ก็เป็นอีกครั้งของอีกวันที่มือเป็นแผลจากเครื่อง แต่แผลเล็กน้อยจะมาหยุดงานโอดครวญไม่ได้ จึงเลือกที่จะทำงานต่ออย่างไม่สนใจ

“เสร็จเบรกนี้หยุดเครื่องก่อนนะครับ”

“ครับ”

พนักงานประจำจุดรับคำจากวิศวะหนุ่มแล้วหันไปทำงานต่อ ทิคหยิบโทรศัพท์ประจำตำแหน่งจากกระเป๋าเสื้อออกมากดโทรออก

“โอม เดี๋ยวพักเบรกต่อกะมาดูเครื่องสแกนสปริงให้ด้วยนะ”

“เค ตามนั้น”

ทิควางสายจากวิศวะเครื่องกลเฉพาะทางเมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นวิศวกรการผลิตอย่างเขาคงแก้ไขได้ไม่ดีเท่าคนที่มีความรู้ด้านนี้โดยตรง เขาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อเหมือนเดิมแล้วเขียนรายงานลงแฟ้ม เมื่อจุดนี้เรียบร้อยจึงเดินไปจุดต่อไป

“จุดนี้ถ้าจะเอาคนมาลงเพิ่มให้จะโอเคไหมครับ”

“ดีเลยครับ เพราะโมเดลใหม่ละเอียดแล้วงานก็มาเร็วผมสองคนทำทันก็จริงแต่กลัวงานเสียจะหลุดไปเพราะไม่มีเวลาดูให้ละเอียด”

พนักงานประจำจุดหนึ่งในสองพูดกับทิคถึงปัญหา

“งั้นผมจะเอาคนมาให้คนหนึ่งนะครับ มาคอยเช็คงานก่อนปล่อยไปจุดต่อไป”

“ครับ”

พูดคุยไปด้วยเขียนไปด้วยเคลียร์ปัญหาเสร็จทิคจึงยิ้มให้พนักงานประจำจุดแล้วเดินแยกออกมา ทิคเดินเข้าไปหาพนักงานที่ทำงานมานานและทำเป็นแทบทุกจุดแล้วพูดจุดประสงค์ออกไป

“พี่เอครับ ผมจะให้พี่เอไปประจำจุดA14นะครับช่วยไปคอยเช็คงานให้หน่อยจนกว่าโมเดลใหม่จะเสร็จ เดี๋ยวจุดนี้ผมจะให้เด็กใหม่มาลงแทน”

“ได้ครับ”

ชายวัยสามสิบปลายๆหันมายิ้มให้ทิคด้วยท่าทีขะมักเขม้น ทิคจึงยิ้มตอบแล้วเดินออกมาจากจุดนั้น

ไม่มีโอแต่อยู่เกินเวลางาน มันอาจดูแปลกๆแต่คือสิ่งที่วิศวะอย่างเขาเจอประจำ คุณจะกลับเมื่อถึงเวลาเลิกเลยก็ได้ แต่ถ้างานมีปัญหาแล้วคุณยังจะกลับ มันก็ดูแย่นะว่าไหม

“ลงบอร์ดไว้ให้กูเลยนะไอ้ตี๋”

นนหันไปพูดกับตี๋ที่นั่งอยู่แล้วหยิบเอกสารลุกขึ้น

“เค”

ตี๋รับคำแล้วหันไปทำงานต่อ พรุ่งนี้โรงที่สมุทรปราการจะมาดูงานพวกเขาเลยต้องวางแผนวันพรุ่งนี้ให้เรียบร้อย

“เอากาแฟไหมมึง”

ตี๋หันมาถามทิคที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูจะไปเข้าห้องน้ำจะแวะไปชง”

ตี๋พยักหน้าเข้าใจแล้วเดินออกจากห้องไป เลยเวลาเลิกงานหกโมงมานานแล้วแต่พวกเขายังคงทำงานอยู่

ทิคถอดหมวกประจำตำแหน่งเสยผมตัวเองด้วยอาการเหนื่อยล้าเขียนงานนิดหน่อยแล้วหยิบหมวกใส่กลับที่เดิมลุกออกจากห้อง เขาทำธุระในห้องน้ำเสร็จแล้วเมื่อเห็นว่าช่วงนี้กะเช้าเลิกงานและรอกะดึกเข้าแทนพอดีคนไม่เยอะจึงตรงไปที่ร้านมินิมาร์ทตอนแรกว่าจะชงกาแฟกินแต่ตอนนี้รู้สึกว่าได้เครื่องดื่มชูกำลังสักขวดก็คงดี

เครื่องดื่มชูกำลังถูกเปิดฝาเสียงดังแกร้ก ทิคยกมันขึ้นดื่มอึกใหญ่ แต่เมื่อนึกอะไรขึ้นได้จึงหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวในกระเป๋ากางเกงออกมาโทรออก

“อยู่ไหน”

(แอส)

“ไม่ได้ไปแล้วนะบ้านกูนะ”

(เออ กูก็ไม่ได้อยากไปอยู่แล้วเหอะ)

ทิคยิ้มให้กับคำพูดของคนในสาย

(แปปนะ)

บาสพูดขึ้นแล้วเสียงก็หายไป ทิคใช้เวลาที่รอยกเครื่องดื่มชูกำลังดื่มจนหมดขวด

(เออ)

“แล้วทำอะไรอยู่ทำไมยังไม่กลับ”

(เคลียร์งานกำลังจะกลับ แล้วอยู่ไหนเนี้ย)

“โรงงาน”

(อ้าวหรอ)

“พรุ่งนี้โรงที่สมุทรปราการเข้าดูงานเข้าแอสมึงไหม”

(หึ เข้าแค่แอสมึงนะเพราะแอสมึงดีสุด พี่บงบอกแบบนั้น”

ทิคคลายข้อสงสัยถอนหายใจยาวเหยียด จนคนในสายต้องถาม

(เป็นไร)

“เหนื่อย”

ไม่รู้ทำไมเขาถึงไว้ใจพูดคำว่าเหนื่อยให้คนอื่นได้ยิน ทั้งที่ทั้งชีวิตไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้กระทั่งคนในครอบครัว แต่เขากลับกล้าที่จะพูดมันกับบาสอย่างไม่เขินอาย

(โตแล้ว อดเอาดิ)

“รู้”

แค่อยากบ่นให้ได้ยิน

การกระทำของทิคตอนนี้ไม่ต่างจากคนที่กำลังคุยกับคนรัก คุยไปเดินยิ้มไป บทสนทนาเงียบลง ทิคยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดู เหลือเวลาอีกตั้งเกือบยี่สิบนาที คิดบางอย่างได้จึงพูดออกไป

“จะกลับแล้วมาหาก่อนดิ”

(ทำไมอะ)

“บอกให้มาก็มาเถอะน๊า”

(เบื่อมึงจังวะ...แล้วอยู่ไหน)

ทำเป็นบ่นแต่ก็ขัดไม่ได้อยู่ดี ทิคยิ้มให้กับความชนะของตัวเองแล้วตอบออกไป

“หน้าร้านมินิมาร์ทใกล้โรงอาหาร”

(อืมๆแค่นี้นะ เก็บของก่อน)


วางสายจากโทรศัพท์ก็ยิ้มหน้าบาน ทิคเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วนั่งลงกับเก้าอี้แถวนั้นรอ อาการเหนื่อยๆเมื่อกี้หายเลย

“ยังไม่กลับหรอคะทิค”

สาวฝ่ายบัญชีของแอสสองที่พอจะรู้จักหยุดทัก เธอเดินเข้ามาคงมาเข้ากะดึก

“เคลียร์งานนะ อีกเดี๋ยวก็กลับแล้ว”

“ขยันจัง”

ทิคยิ้มให้คนชม

“เข้ากะหรอ”

“ใช่ งั้นแนนไปก่อนนะ”

“ครับ”

ทั้งคู่ยิ้มให้กันแล้วแยกย้าย ทิคนั่งลงเหมือนเดิมครู่เดียวคนที่กำลังรอก็เดินมาแต่ไกลพร้อมกับเอกสารในมือพะรุงพะรังบ้าหอบฟางไม่เคยเปลี่ยน

“มีไร”

มาถึงก็ยิงคำถามทันที

“ไม่มี”

“ห๊ะ ว่าไงนะ!”

บาสถามเสียงฉุนมองทิคที่นั่งอยู่

“นั่งลงดิ๊ บังลม”

ทิคว่าแล้วก็ดึงเสื้อบาสกระตุกแรงจนเจ้าของเสื้อเซนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆเขา

“ไม่มีอะไรกูจะได้รีบกลับบ้าน”

“ขอพลาสเตอร์หน่อย”

พูดจบก็ยื่นมือข้างที่เป็นแผลจากเครื่องไปหาบาส

“อยู่ตั้งหน้าร้านมินิมาร์ทแทนที่จะเข้าไปซื้อไหมวะ”

บาสถามอย่างไม่เข้าใจ

“ทำไมต้องซื้อ ของมึงก็มี มึงเคยบอกเองว่าพกติดตัวตลอดหรือไม่ใช่”

บาสตระตุกยิ้มเอือมๆเหลือเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

“เชื่อมึงเลยวะ”

บาสพูดแล้วเปิดกระเป๋าเสื้อทำงานหยิบพลาสเตอร์ที่พกติดตัวไว้ตลอดออกมาหนึ่งอัน แกะซองออกแล้วลงมือแปะลงบนนิ้วโป้งข้างขวาที่มีแผลอยู่ให้ทิค

“ที่หลังก็ควรใส่ถุงมือไหม”

“ตัวมึงยังไม่ใส่เลยเบ๊อะ”

“ใครเบ๊อะ พูดให้มันดีๆ!”

บาสเงยหน้าจากมือทิคมองเจ้าตัวหมายเอาเรื่อง คิ้วที่ชนกันและปากที่ขยิบไปมาเหมือนคนเวลาโกรธทั่วไปของบาสทำให้ทิคเผยยิ้ม

“กลับไปได้แล้วไป”

ทิคพูดดึงมือตัวเองกลับมาแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินออกมาโดยไม่รอให้บาสได้พูดอะไร

“มึงบ้าป่ะเนี้ย”

เสียงบาสดังมาตามหลัง ทิคไม่ได้หันกลับไปมอง เขาเดินต่อไป ยกมือข้างที่มีพลาสเตอร์แปะอยู่ขึ้นดูแล้วยิ้ม หลอกง่ายกว่าเด็ก ก็วิศวะที่ชื่อบาสนี้แหละ

และอย่าคิดว่าเรื่องจะพาไปบ้าน...เขาจะล้มเลิกนะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 23..พลาสเตอร์ในกระเป๋าของคุณ 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-05-2018 00:36:00
 :a1:


มาแล้วๆๆ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 23..พลาสเตอร์ในกระเป๋าของคุณ 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-05-2018 00:46:25
บาสโดนทิคจับกินแน่ 555
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 23..พลาสเตอร์ในกระเป๋าของคุณ 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 29-05-2018 01:31:15
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 23..พลาสเตอร์ในกระเป๋าของคุณ 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-05-2018 01:46:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่  เจ้าเล่ห์จังนะ  นุ้งทิค
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 23..พลาสเตอร์ในกระเป๋าของคุณ 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-05-2018 07:10:34
คนหนึ่งโคตรเจ้าเล่ห์เลย อีกคนก็น่ารักตลอด มิน่ากำลังใจของทิคอยู่ที่บาสนี่เอง
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 23..พลาสเตอร์ในกระเป๋าของคุณ 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 29-05-2018 07:48:33
ดูสดใสขึ้นเยอะนะ ดีแล้วละ
ทิคก็เจ้าเล่ห์ ฮ่าๆ รอวันพาบาสเข้าบ้านนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 23..พลาสเตอร์ในกระเป๋าของคุณ 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-05-2018 10:07:02
รอวันที่เขาจัรักกันนะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 23..พลาสเตอร์ในกระเป๋าของคุณ 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 01-06-2018 00:13:24
ตอนนี้คือfeel goodมากๆ ทิคนี่คือร้ายไม่เปลี่ยนจอมวางแผนนักนะ555 รอให้บาสเข้าบ้านอยากอ่านรู้จะเป็นยังไง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 24..ถ้าเธอไม่รู้สึก 03/06/18
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 03-06-2018 21:29:15
24..ถ้าเธอไม่รู้สึก

“ถ้าไม่ใช่เพราะสมองเป็นเลิศอันชาญฉลาดของกูนะ เสียหายไปหลายแสน”

คนเล่าพูดด้วยท่าทีประกอบฟอร์มยักษ์อย่างกับหนังกู้โลก แต่ปากที่ดูดเจเล่บิวตี้ช่างขัดกับภาพที่กำลังเล่าเหลือเกิน

ปิง ลูป และบาส มองคลังที่กำลังเล่นใหญ่อยู่ข้างหน้าสุดของกลุ่มแล้วพากันยิ้มเป็นอันรู้กันว่าปล่อยไป ตอนนี้กำลังพากันเดินกลับแอสหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ

ที่คลังกำลังเล่าเรื่องใหญ่ไฟกระพริบอยู่ คือเมื่อเช้าเกิดเหตุขัดข้องของสายพานในแอสและคลังเป็นคนจับสังเกตเห็นและทำการแก้ไขทันท่วงทีเลยทำให้คุณเขาภูมิใจอยู่นี้แหละ แต่จริงๆที่คลังภูมิใจในตัวเองก็ถูกนะเพราะคลังทำดีจริงๆเมื่อเช้า

“อะไรของมึงอีก”

ลูปถามเมื่อคนเดินนำหน้าหยุดลงกะทันหันทำให้ทั้งกลุ่มต้องหยุดตาม คลังหันไปมองอะไรบางอย่างนอกอาคารที่เป็นกระจกใสมองเห็นข้างนอกได้

“กูกับไอ้ทิคนี้เหมาะสมแล้วที่คบกัน เพราะมันเก่งกูก็เก่ง เฮ้อออ”

ทุกคนหันมองตามคลังผ่านกระจกอาคาร ทำให้รู้ว่าคลังพูดถึงอะไร

ทิคและเอ็นจิเนียร์แอสห้ากำลังพาเอ็นจิเนียร์ของโรงงานสาขาสมุทรปราการที่มาดูงานเดินดูงาน โดยมีทิคเป็นคนเดินงานเป็นหลัก

“แม่งโคตรเจ๋งอะกูยอมรับเลย”

ปิงพูดมองทิคด้วยสีหน้าชื่นชม

“ติดต่อมันให้น้องกูดีไหมวะ!”

ปิงพูดแล้วหันกลับมาแต่ข้างๆคือบาส บาสเลยยิ้มตอบไป

ป่านน้องสาวปิงจะว่าไปก็เหมาะสมกับทิคเหมือนกันตอนนี้น่าจะเรียนอยู่ทันตะปีสี่แล้วถ้าจำไม่ผิด สวย เรียนเก่ง ฐานะทางบ้านดี เหมาะสมกันดี

“เออ ลองดิ น้องมึงสวยมันยังไม่มีแฟนพอดี”

คลังพูดเสริมแล้วกอดคอปิง

“อ้าว แล้วชมพูที่อยู่แอสห้าไม่ใช่แฟนทิคหรอวะ”

ลูปพูดถึงสาวสวยเลอค่าประจำแอสห้าที่ดูสนิทสนมกับทิคจนคนทั้งโรงงานคิดว่าเป็นแฟนกันทั้งที่ไม่เคยมีใครถามจริงๆจังๆถึงความสัมพันธ์นะแต่ดูจากการกระทำของทั้งคู่เอา

บาสเงียบฟังที่ลูปพูดแล้วคิดตาม ชมพูเขาเจอเธอสองครั้งแล้ว ตอนนัดคืนหมวกที่มาตามทิคและที่แอสห้าเขาช่วยเธอเก็บของที่เธอทำตกคราวนั้น

ทุกคนเดินต่อ บาสหันไปมองทิคอีกครั้งแล้วเดินตามเพื่อนไป


มันมีจริงๆนะไอ้ความรู้สึกด้อยกว่า มันทำให้ความรู้สึกเราดาวน์อย่างบอกไม่ถูก

วันนี้อากาศมันร้อนเกินไปหรือเปล่า ทำไมรู้สึกกระวนกระวาย ทำอะไรก็ไม่มีอารมณ์

เอกสารบนโต๊ะที่วางไม่เป็นที่ถูกเจ้าของโต๊ะเก็บรวมจัดโต๊ะตัวเองให้เรียบร้อย โทรศัพท์ประจำตำแหน่งในกระเป๋าเสื้อที่สั่นทำให้คนทำละมือจากของหยิบมันออกมากดรับ

“บาสครับ”

(ทำไร)

ตัววุ่นวาย...

บาสถอนหายใจเบาๆไม่ให้คนในสายได้ยินแล้วตอบคำถาม

“ไม่ได้ทำอะไร วันนี้ไม่วุ่นเท่าไร”

พูดไปมือก็เก็บโต๊ะไปด้วย

(เออ เดี๋ยวตามไป)

เสียงทิคตะโกนบอกใครสักคน บาสจึงเงียบให้ทิคพูดก่อน

(กำลังจะไปกินข้าว)

บาสยกข้อมือดูนาฬิกา เลยเวลากินข้าวมาเกือบชั่วโมงแล้วเพิ่งได้กินข้าวหรอ

“เขาห้ามใช้โทรศัพท์โรงงานคุยเรื่องส่วนตัว ไม่รู้หรอ”

บาสพูดประชด ตั้งแต่โทรมาทิคพูดแต่เรื่องไม่ใช่งาน

(กูรวย ค่าโทรมันจะเท่าไรกันจะเสียให้ทั้งบริษัทเลย)

หมดคำจะพูดจริงๆ

“แล้วพาเขาดูงานเสร็จแล้วหรอ”

(อีกนิดหน่อย)

(มึง)

“ว่า”

(ตกลงวันนี้ ไปบ้านกูนะ)

บาสละมือจากการเก็บโต๊ะ มาพูดกับทิคจริงจัง

“อยากให้ไปอะไรนักหนา คิดจะแกล้งอะไรอีก”

(คนเลวร้ายมันก็คิดอะไรเลวร้ายตลอดเนอะ)

“มึงนะสิ!”

บาสพูดกลับเสียงฉุน

(เลิกงานแล้วเดี๋ยวโทรหาถ้าไม่โทรไปก็โทรมา เข้าใจ)

“เออ”

บาสลากเสียงยาวประชดให้รู้ไปเลย

“ไปกินข้าวไป จะไปเช็คไลน์แล้ว”

ตู๊ด ตู๊ด...

อ้าว!

มันจะรีบวางไปไหม เขาควรเป็นคนวางก่อนสิ

บาสมองโทรศัพท์ในมือแล้วแยกเขี้ยวให้ใส่มันลงกระเป๋าเหมือนเดิมแล้วหันมาตั้งใจเก็บโต๊ะ เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมจึงลุกขึ้นหยิบแฟ้มเดินออกจากห้องเพื่อไปตรวจไลน์การผลิต

ทำเหมือนทุกวันเดินดูการทำงานไปเรื่อย แต่ดีวันนี้ไม่มีเหตุขัดข้องอะไร บาสเดินเข้าไปหยิบน็อตที่พนักงานทำหล่นส่งคืนให้เจ้าของแล้วพูดด้วยสายตาเปื้อนยิ้ม

“ระวังครับ คิวเอมานู้นแล้ว”

พนักงานคนนั้นยื่นมือมารับน็อตจากมือบาส ยิ้มให้แล้วโค้งหัวขอบคุณนิดๆ หันไปมองคิวเอตรวจสอบงานหน้าขรึมประจำแอสที่กำลังเดินมาทางนี้

สิ่งที่ทำมันไม่ถูกก็จริงในเชิงการทำงานที่เห็นความผิดแต่ปกปิดให้ แต่บาสคิดเสมอว่าถ้ามันไม่ได้เกิดความเสียหายอะไรแล้วคนๆนั้นไม่ได้ตั้งใจทำไมต้องทำให้เกิดปัญหาละ ช่วยกันได้ก็ช่วยไป แบบนี้ไงถึงทำให้บาสเป็นที่รักของทุกคนในแอสคนอายุเท่ากันก็ยอมรับและชื่นชมคนอายุเยอะก็เอ็นดู

“โมเดลใหม่มาโอเคอยู่ใช่ไหมครับ”

บาสเดินเข้าไปหาพนักงานอีกจุดหนึ่งถาม เปลี่ยนโมเดลไปเรื่อยพนักงานก็ต้องใช้เวลากว่าจะเคยชิน

“ลงตัวแล้วค่ะ สองสามวันแรกร่างแทบแยกเหมือนกัน”

พนักงานสาวยิ้มให้คนถามมือก็ทำงานไปด้วย

“อดทนหน่อยน้า เดี๋ยวก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว”

บาสพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนยิ้มให้กำลังใจ รู้ดีว่าเวลาเปลี่ยนโมเดลใหม่พนักงานจะเหนื่อยมาก

“เห็นหน้าพี่บาสก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ”

พนักงานใกล้ๆยื่นมือมาผลักไหล่คนพูดแล้วซุบซิบกันขำ ส่วนบาสได้แต่ยืนยิ้ม

“อะไรเล่า จะอายทำไม”

คนพูดแซวบาสพูดกับเพื่อนตัวเอง แล้วหันมาหาบาสที่ยืนเขียนรายงานลงแฟ้มอยู่

“พี่บาสมีแฟนหรือยังคะ”

“ไปเรียกเขาแบบนั้นได้ไง เขาเป็นคิวซีเอ็นจิเนียร์เลยนะเว้ย”

เพื่อนเธอพูดขัดขึ้นสะกิดคนที่ถามบาส

“ไม่เป็นไรครับเรียกบาสเฉยๆแหละดีแล้ว เราน่าจะห่างกันไม่กี่ปีนะ”

บาสพูดเสียงอ่อนหน้าอ้อนบอก ไม่อยากให้คนอื่นทำตัวห่างเหินกับเขาทำงานร่วมกันจะได้สบายๆ

คนถามยิ้มแฉ่งหันไปมุ่ยหน้าใส่เพื่อนตัวเอง แล้วหันกลับมาหาบาส

“สรุปพี่บาสมีแฟนหรือยังคะ”

“มีหรือไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวกับงานที่กำลังทำอยู่หรอก”

ไม่ใช่บาสที่พูด

ทุกคนหันมองบุคคลที่สี่โดยพร้อมเพรียง


!


เป็นบงกชที่ยืนหน้านิ่งมองมา


ช็อคกว่าได้คำตอบว่าบาสมีแฟนแล้วซะอีก


“เปลี่ยนคิวซีเอ็นจิเนียร์คงจะดี”

“อย่านะคะพี่บง!”

เธอยกมือขึ้นห้ามบงกช แล้วยิ้มแห้งๆพูดออกไป

“จะตั้งใจทำงานแล้วค่ะ”

เธอยิ้มเจือนให้บงกชยกมือขึ้นพนมแล้วหันกลับไปทำงาน

“ถ้าตั้งใจทำงานให้เท่าแทะเล็มคนหล่อนี้แอสคงขึ้นที่หนึ่งไปแล้ว”

บงกชหันไปพูดเสียงดังจงใจให้ทุกคนได้ยิน ทำเอาพนักงานสาวๆคนอื่นที่กำลังแอบมองอยู่หลบตากันเป็นแถว พูดจบก็เดินจากไป

บาสแอบยิ้มขำกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เขาอยู่กับบงกชมานานจนรู้ว่าเมื่อครู่บงกชไม่ได้โกรธอะไร ออกแนวแกล้งให้กลัวมากกว่า ส่วนเรื่องที่ถูกแซวนั้นเป็นเรื่องปกติที่เจอประจำจนชิน ถ้าเป็นพวกป้าๆก็จะเข้าไปเล่นด้วย แต่ถ้าเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันก็จะยิ้มเขินหน่อยๆ

“สรุปมีไหมคะ แฟนนะ”

เห็นบงกชเดินจากไปเธอก็หันมาถามอีก

“ยังไม่เข็ดหรอแวว!”

เพื่อนคนเดิมหันมาตะคอกเบาๆ ตาก็เหลือบมองบงกชไปด้วย ดึงหน้าเพื่อนตัวเองกลับไป บาสได้แต่ยิ้มกับสิ่งที่เห็น



“ตรงเวลาเหลือเกินนะ”

รับโทรศัพท์ปุ๊บก็ยิงคำประชดทันที

(เคลียร์อีกนิดหน่อยก็เสร็จแล้ว ไปรอลานจอดรถเลยนะ)

“เออ ไม่มีอะไรงั้นแค่นี้นะ”

(อืม)

บาสเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าลงมือเก็บทุกอย่างบนโต๊ะให้เรียบร้อย แล้วตรงออกจากห้องไปจุดนัดพบ เดินกดโทรศัพท์ไปเรื่อยเพราะของที่เต็มมือและความไม่ระวังทำให้โทรศัพท์ตก เล่นเอาเจ้าของเครื่องตกใจรีบหยิบขึ้นมาดูทันที

“เชี้ย!”

บาสอุทานเสียงหลงพลิกโทรศัพท์ลูบๆคลำๆไปมา และพบว่าตรงมุมโทรศัพท์แตกไม่รู้ว่าแตกแค่ฟิล์มหรือแตกไปถึงตัวเครื่อง ว่าจะรักษาเท่าชีวิตแล้วเชียวอยากจะตัดนิ้วตัวเอง

“เบ๊อะ เร็ว”

เสียงเรียกทำให้คนที่กำลังนั่งจับโทรศัพท์อยู่ที่เก้าอี้ลานจอดรถเงยหน้าขึ้นมอง

“มึง”

ทิคเดินเข้าไปหาแล้วถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าบาส

“เป็นไร”

“กูทำโทรศัพท์ตก แตกเลยว่ะ”

บาสหน้ามุ่ยพูดแล้วก้มมองโทรศัพท์อีกครั้ง

“เวอร์ไปไหม”

“ของแพงขนาดนี้ทำเสียก็ต้องเสียใจไหมวะ”

บาสเงยหน้าขึ้นพูดเสียงห้วนใส่ทิค

“ซื้อใหม่ก็ได้”

“มึงจะบ้าหรอ เงินเดือนกูสองเดือนยังไม่พอเลย”

ทิคเห็นท่าทีจริงจังของบาสแล้วขำนั่งลงข้างๆ

“ทำงานโรงงานมันรายได้น้อย มาเป็นแฟนกูดิรายได้ดีนะ”

บาสได้ยินแบบนั้นก็ละมือจากโทรศัพท์มองทิค กระตุกยิ้มเบะปากให้

“เก็บไว้เลี้ยงตัวเองตอนแกเถอะ”

พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป คนถูกพูดใส่ได้แต่มองตามยิ้มๆ


ไม่ใช่ง่ายๆเลยคนนี้


รถแล่นไปตามทางเรื่อยๆคนในรถก็คุยตลอดทาง แปลกดีที่แต่ก่อนนั่งรถไปด้วยกันจะเงียบ แต่ทุกวันนี้คุยกันแทบไม่มีเวลาว่าง เรื่องไร้สาระยังยกมาคุยกันเลยบางที เช่นเรื่องอาหารในโรงอาหารไม่อร่อยและปากกาที่ชอบเลอะกระเป๋าเสื้อ

จนรถถูกจอดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่มีรั้วใหญ่มหึมากั้นอยู่หลังหนึ่ง

บาสมองออกไปนอกกระจกรถแล้วถามออกไปด้วยความสงสัย

“ไหนบอกจะพาไปบ้านมึงไง”

คนขับที่กำลังถอดเข็มขัดหันมาตอบคำถาม

“ก็ใช่ไง”

“แต่..”

บาสหยุดคำพูดแค่นั้น แล้วนึกในใจแทน มันไม่ใช่หลังที่ทิคเคยพาไปนิ

“ที่เคยพาไปนั้นบ้านกู แต่หลังนี้บ้านของครอบครัว”

เหมือนทิคจะรู้ว่าบาสกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเดินนำเข้าไปในบ้าน

“เข้ามาดิ”

ทิคหันไปพูดเมื่อบาสไม่เดินตามมา บาสได้ยินแบบนั้นจึงเดินตามเข้าไป


บ้านใหญ่มาก เหมือนบ้านคนรวยในหนังเลย จะก้าวแต่ละก้าวก็แทบไม่กล้ามันเกร็งไปหมด


“ทิค”

เสียงดังมาจากฝั่งซ้ายหันไปดูทำให้รู้ว่าเจ้าของเสียงคือผู้หญิงมีอายุที่ยังดูดีมากคนหนึ่ง ใส่ผ้ากันเปื้อนเดินออกมาจากห้องที่น่าจะเป็นห้องครัว เดินเข้ามาหาทิคทั้งคู่จึงสวมกอดกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“แม่ครับ นี้เพื่อนทิค”

ทิคชี้มาหาบาสที่ยืนเงียบอยู่ รายนั้นเมื่อถูกพูดถึงจึงยิ้มให้

“นี้แม่กู”

พอได้ยินแบบนั้นบาสจึงกล่าวคำทักทายตามมารยาทไทยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“สวัสดีครับ”

แม่ทิคยิ้มมาที่บาสอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวคำทักทายกลับ

“สวัสดีจ้ะ”

ผู้เป็นแม่แปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะทิคบอกว่าจะกลับบ้านแต่ไม่ได้บอกว่าจะพาเพื่อนมาด้วย และที่แปลกใจว่านั้นคือ รู้ดีว่าลูกชายของเธอเป็นคนโลกส่วนตัวสูงและมีเพื่อนน้อยและยิ่งเพื่อนที่จะพามาบ้านยิ่งน้อย เพื่อนทุกคนของทิคแม่จะรู้จักแต่คนนี้ไม่เคยเห็นเลย

“พาเพื่อนไปนั่งรอที่โต๊ะนะลูก แม่เหลืออีกอย่างเดียวก็เสร็จแล้ว”

ทิคพยักหน้ายิ้มให้แม่ แล้วหันมาหาบาสพาเดินต่อ

ยิ่งเข้ามาในบ้านลึกเท่าไร บาสยิ่งทำตัวไม่ถูกมากเท่านั้น ที่นี้มันแตกต่างจากบ้านเขาสุดขั้ว ทุกอย่างเหมือนถูกวาดขึ้นมาเลย บ้านคนรวยเขาเป็นแบบนี้นี่เอง

“พ่อละครับ”

ทิคเงยหน้าถามเมื่อกำลังยื่นมือไปรับจานอาหารจากแม่มาวางลงบนโต๊ะอาหาร

“มีงานด่วนนะ บอกให้กินไปก่อนเลยคงกลับดึก”

แม่พูดแบบเสียดายถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้

“ส่วนทับ...”

“อยู่เวร”

ทิคแทรกขึ้นเพราะคุยกับพี่สาวมาแล้ว

“เมื่อไรจะพร้อมหน้าพร้อมตาก็ไม่รู้”

“เหงาละสิ”

ทิคพูดหยอกแม่ด้วยสายตาล้อเลียน

“รู้ว่าแม่เหงาก็ไม่มาอยู่กับแม่”

ทิคยิ้มอ่อนให้ผู้เป็นแม่ เขาไม่ค่อยอยากคุยเรื่องกลับมาอยู่บ้านเท่าไร ซึ่งแม่ก็เข้าใจดีและไม่ได้อะไรแค่พูดหยอกไปเท่านั้นเพราะรู้ดีว่าทิคเป็นคนตัดสินใจอะไรแล้วไม่ย้อนกลับ ออกไปอยู่ข้างนอกทิคอาจจะอยู่กับตัวเองได้ดีกว่า

“ทำตำแหน่งเดียวกับทิคหรอจ้ะ”

บาสที่นั่งเงียบฟังบทสนทนาระหว่างทิคกับแม่อยู่นานเงยหน้าขึ้นมองยิ้มและตอบไป

“ครับ”

“ไม่ต้องเกร็งนะ ทำตัวตามสบายเลย”

แม่พูดเสียงอ่อนโยนแล้วตักผัดผักมาวางลงบนจานให้ บาสจึงยิ้มให้ ทั้งคู่มองตากันด้วยสายตาเข้าใจถึงความรู้สึกกันแบบรู้สึกได้ บาสก้มมองของในจานยิ้มแล้วตักมันพร้อมข้าวขึ้นเข้าปาก

“ลองแกงพะแนงของแม่สิ ใครกินก็ต้องติดใจ”

แกงพะแนงถูกตักมาวางในจานให้อีก

“ขอบคุณครับ”

บาสยิ้มให้แม่ แล้วตักขึ้นกิน


ทิคที่มองเหตุการณ์อยู่ยิ้มออกมา ดีใจที่บาสเข้ากับแม่ได้ ดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดหวังไว้

กินข้าวเสร็จทิคก็พาบาสเดินขึ้นบันไดไปอีกชั้นหนึ่งของบ้านแล้วหยุดลงที่หน้าห้องๆหนึ่ง

“รออยู่ในห้องก่อนนะกูจะไปคุยกับแม่ก่อน”

“อืม”

บาสตอบรับแล้วเข้าไปในห้องตามคำบอกของทิค ประตูถูกปิดลงเดินเข้ามาแล้วรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ทุกอย่างในห้องเต็มไปด้วยสีดำและสีเทา เดินเข้าไปอีกก็พบกับเตียงที่มีผ้าห่มพับไว้และหมอนหนึ่งใบเหมือนไม่ได้ใช้งานมานานแล้วในห้องแทบไม่มีอะไรเลย ให้ความรู้สึกโล่งจนรู้สึกเคว้งเมื่อหันกลับไปที่ปลายเตียงก็พบเข้ากับแสงสว่างเดียวของห้อง

รูปขนาดใหญ่ถูกแขวนไว้กับผนังและมีไฟส่องลงมาที่รูปโดยเฉพาะ รูปครอบครัวที่มี พ่อ แม่ พี่สาว และน้องชาย แม่นั่งที่เก้าอี้โดยมีพ่อยืนโค้งตัวมาจับมือแม่และพี่สาวที่ยืนกอดคอน้องชายตัวเล็กที่ยิ้มจนตาหยี เป็นรูปที่เห็นแล้วอบอุ่นเหลือเกิน ทำให้คิดถึงครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ของตัวเอง

“กูอุ่นใจและหลับสบายทุกครั้งที่มองมาปลายเตียง แล้วเห็นรูปครอบครัวของกู”

บาสหันมองคนข้างๆที่กำลังยืนมองภาพที่เขากำลังมองอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ครอบครัวมึงดูดีทุกคนเลยเนอะ”  บาสเอียงคอมายิ้มให้ทิค

“พี่กูสวยละสิ”

บาสละสายตาจากรูปมาหา

“มึงหล่อเหมือนพี่”

“แล้วระหว่างกูกับพี่ มึงชอบใครมากกว่ากัน”

ทั้งคู่สบตากันนิ่ง

ทั้งที่คำถามนี้ไม่ใช่คำถามที่ตอบยากเป็นผู้ชายก็ต้องผู้หญิงอยู่แล้วยิ่งสวยๆแบบนี้อีก

แต่บาสกลับให้คำตอบไปทันทีไม่ได้ สายตาของทิคที่มองมามันทำให้กลัวถ้าจะพูดคำตอบที่คิดออกไป

หรือจริงๆแล้ว...ในใจเขาไม่ได้อยากตอบคำตอบนั้นต่างหาก

“มึงจะหลับสบายได้ยังไง ในเมื่อห้องมันใหญ่เกินที่คนเดียวจะนอน มีแต่สีดำ มองไปทางไหนก็หดหู่”

บาสไม่ตอบคำถามเลี่ยงไปพูดอีกเรื่อง เดินดูห้องไปพร้อม

“คำถามมันตอบยากหรอ”  แต่ทิคไม่ยอมจบ

“จริงจังไปป่ะ”

บาสหันมาถามด้วยสีหน้าสงสัย

“ตอบมาก็จบ เลือก”

“ก็ต้องเลือกผู้หญิงสวยๆไหมวะ”

บาสพูดออกไปเสียงไม่พอใจหน่อยๆ ทิคหยุดมองนิ่งแล้วเดินเข้าไปหาใกล้เข้าไปทุกทีจนบาสต้องถอยหนี

“อ่อ เข้าใจแล้ว”

คำว่าเข้าใจแล้วกับการกระทำของทิคมันเหมือนจะขัดกัน เข้าใจแล้วก็ควรหยุดสิ ทำไมถึงยังเข้ามาใกล้อีก

“จะเข้ามาใกล้ทำไมนักหนา”

พูดไปด้วยเสียงเบาหวิว บาสพยายามหลบตาทั้งที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องหลบ

“จูบกันไหม”

“ห๊ะ!”

บาสอุทานเสียงหลงเงยหน้ามองทิคด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดทันทีที่ได้ยิน

“จูบกันไหม”

“มึงบ้าหรอ จูบอะไร จูบทำไม แกล้งอะไรพิเรนทร์ๆวะ!”

บาสโพล่งใส่เสียงดังหน้าตาเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก จะเดินหนีออกมาทางหน้าห้องแต่ทิคดึงแขนไว้

“ก็แค่จูบ”

“มึงจูบกับใครไปทั่วหรอ กับใครก็ได้”

บาสถามหน้าเครียด รู้สึกไม่โอเคกับคำที่ทิคพูดเขาไม่มีประสบการณ์เรื่องความรักก็จริงแต่ก็รู้ว่าการที่คนจะจูบกันก็ต้องรักกันหรือรู้สึกดีๆต่อกันสิ

“ไม่”

“แล้วมึงจะมาจูบกับกูทำไม ในเมื่อเราไม่ได้เป็นแฟน คนรัก หรือมีความรู้สึกดีต่อกัน”

“กูรู้ กูถึง...”

ทิคเงียบไป เขาไม่รู้จะพูดออกมายังไง ไม่รู้จะอธิบายให้บาสฟังยังไง เพราะขนาดตัวเขายังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย แต่นิสัยยอมอะไรง่ายๆไม่ใช่นิสัยของเขา นิสัยวอนขอก็ไม่ใช่นิสัยของเขา ทางเดียวที่เขาจะต้องทำก็คือ เอานิสัยก้นบึ้งแท้จริงที่เก็บไว้ออกมาใช้อีกครั้ง

“กูทำอะไรให้มึงบ้าง”

คำพูดที่ไม่ต้องมีรูปประโยคสวยหรูและยาวเหยียด แค่พูดมาเท่านี้ก็รู้แล้วว่าเจ้าของคำพูดหมายถึงอะไร

“ต้องการให้กูตอบแทนแบบนี้หรอ”

บาสถามด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ทิคเดินหน้านิ่งเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยเสียงเรียบเฉย

“ถ้ามึงรู้และคิดได้ว่ากูทำอะไรหะ...”

!

ทุกอย่างหยุดไปกะทันหัน เมื่อปากทิคถูกปิดด้วยปากของบาส มือทั้งสองข้างของบาสยื่นมาจับหน้าทิคเก้ๆกังๆประคองหน้าจูบ ทิคเหลือบต่ำมองคนที่กำลังหลับตาจับหน้าเขาจูบแบบปากชนปากธรรมดาไม่ได้ดูดดื่มอยู่อย่างนั้นด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าบาสจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแบบนี้ บาสละจูบออกช้าๆก้มหน้ามองต่ำไม่สบตากับทิคที่มองอยู่

ทิคมองภาพตรงหน้าอย่างไม่มีคำพูดใดๆ สิ่งเดียวที่มีอารมณ์ร่วมก็คือ ใจเขาที่เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ก้าวเข้าไปประกบจูบบาสแบบไม่ให้เจ้าตัวได้ทันตั้งตัว ทิคใช้มือข้างซ้ายจับหน้าบาสให้อยู่ในองศาที่เหมาะสมแต่แค่มือข้างเดียวก็มีแรงบังคับมากพอที่จะทำให้หน้าบาสเป็นไปตามในทิศทางที่เขากำหนดได้ จูบที่บรรจงลงมาเบาๆทั่วบริเวณปากมันนุ่มนวล เป็นจังหวะ จนคนถูกจูบเคลิ้มตาม แต่ลิ้นที่พยายามเหมือนจะเข้ามาในปากทำให้บาสลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ

!

บาสใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักทิคออก เมื่อทิคเริ่มจะเกินเลยไปแล้ว เขาหายใจแรงจนอกกระเพื่อมมองหน้าทิคที่กำลังมองมาเหมือนกัน

เหมือนทิคจะไม่ยอมหยุด ก้าวเข้ามาจะจับหน้าบาสไปจูบอีกแต่บาสดันอกไว้

“พอแล้ว”

บาสพูดก้มมองต่ำไม่สบตาทิค มันเกินเลยมากไปแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาทำกัน ผู้ชายที่ไหนเขาจูบกัน

“กะ.กูลงไปรอข้างล่างนะ”

บาสพูดด้วยเสียงติดขัดแล้วหันหลังเดิน

“ไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ”

มือที่กำลังเปิดประตูชะงักทันที บาสเงียบไม่หันกลับไปโต้ตอบอะไรมือกำลูกบิดประตูแน่น

“แต่กูรู้สึกนะ”

ทั้งคู่สบตากันเมื่อบาสหันกลับไปหา ความเงียบเข้ามาปกคลุมไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา มีแค่ความเงียบและความรู้สึกที่สื่อถึงกันทางสายตาเท่านั้น

บาสเดินเข้าไปหา แล้วหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ทิค

“ปิงฝากมาให้ มันอยากให้มึงลองคุยกับน้องมันดู”

รอยยิ้มบนหน้าทิคหายไปทันทีเมื่อได้ฟังสิ่งที่บาสพูด เขาก้มมองเศษกระดาษในมือบาสที่ยื่นมาค้างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรับมันมากุมไว้ในมือ

หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 24..ถ้าเธอไม่รู้สึก 03/06/18
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-06-2018 22:21:21
ทิคจู่โจมเร็วไปไหม บาสซื่อๆ ยังไม่รู้สึกตัวหรอกนะ ทำอย่างนี้ตื่นหมดรู้ไหม อิอิอิ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 24..ถ้าเธอไม่รู้สึก 03/06/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-06-2018 22:56:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 24..ถ้าเธอไม่รู้สึก 03/06/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-06-2018 23:33:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยังไง ๆ

บาสรู้สึกยังไงหนอ?
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 24..ถ้าเธอไม่รู้สึก 03/06/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-06-2018 00:03:50
 :hao3:

ปล้ำเลย จบๆ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 24..ถ้าเธอไม่รู้สึก 03/06/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-06-2018 10:01:55
งานนี้มีงอนกันแน่ๆ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 24..ถ้าเธอไม่รู้สึก 03/06/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 04-06-2018 11:54:45
ทิครุกแรงมากบาสตกใจหมดแล้ววว :mew4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 24..ถ้าเธอไม่รู้สึก 03/06/18
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 04-06-2018 14:08:19
เขาจูบ!!!!!!กันแล้ว
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 24..ถ้าเธอไม่รู้สึก 03/06/18
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-06-2018 16:25:04
ทิคจู่โจมเร็วดี นี่ล่ะ ทิคมีพร้อมทุกอย่างแล้ว เลี้ยงดูบาสได้สบายๆ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 25..ทิ้งไม่ลง 04/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 04-07-2018 12:48:17
25..ทิ้งไม่ลง

ความรู้สึกถ้าถูกเปลี่ยนไปแล้ว มันจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกมันจริงๆนะ อะไรที่เราหวังมากๆแล้วมันไม่เป็นอย่างที่หวังมันจะกัดกินความรู้สึกเราเสมอ

เกือบสองอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุย ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ยินเสียง ต่างฝ่ายต่างหายไปจากชีวิตของกันและกัน

ทิคให้ใจบาสไปเต็มสูบจริงๆให้มากกว่าทุกคนที่เคยให้มา แต่บาสกลับผลักไสให้เขาไปคุยกับคนอื่น กล้าดียังไงถึงกล้าคิดแทนว่าเขาควรคุยกับใครไม่ควรคุยกับใคร แต่เรื่องไร้สาระพวกนี้จะปล่อยให้มามีผลกับชีวิตไม่ได้ชีวิตต้องดำเนินต่อไป

“ถ้ามีอะไรบอกพี่ได้ตลอดนะ”

คนพูดเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารในมือที่เขียนเสร็จขึ้นมองคู่สนทนา

“ขอโทษนะครับพี่ทิค”

คนพูดๆด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มองรุ่นพี่ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรงานพวกนี้มันพลาดกันได้ พี่ยังเคยพลาดตั้งหลายครั้ง”

ทิคยิ้มให้ต้นนักศึกษาฝึกงานที่มาประจำแอดห้าด้วยสายตาอ่อนโยน เข้าใจความรู้สึกดีว่าเป็นยังไงเพราะเขาก็เคยผ่านจุดนี้มาเหมือนกัน

“จะทำยังไงต่อดีครับ”

ต้นพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า โมเดลเก่าก็ยังไม่ทันรู้หมดโมเดลใหม่มาอีกพยายามแล้วแต่ก็ยังพลาดอยู่ดี

“เดี๋ยวพี่จัดการให้ ไปทำงานต่อเถอะ”

“ขอบคุณนะครับพี่ทิค”

ทิคยิ้มให้ต้นตบไหล่ให้กำลังใจแล้วเดินแยกออกมาต้องรีบจัดการก่อนที่มานพจะออกมา มานพกำลังคุยงานกับผู้จัดการแอสอื่นอยู่ในห้องประชุมของแอสห้าตั้งแต่เช้าแล้ว และความสามารถระดับทิคแก้ไขปัญหาไม่ใช่เรื่องยากใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อย

“สวัสดีครับพี่บง”

“สวัสดีจ้ะ”

บงกชยกโทรศัพท์ออกจากหูมาพูดกับทิคแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้งแล้วเดินออกไปด้วยใบหน้าตรึงเครียดจนทิคต้องมองตามจะรีบไปไหนมองเขามองผ่านกระจกก็ยังเห็นผู้จัดการแอสอื่นยังคุยกับมานพอยู่เลยทิคเลิกสนใจแล้วหันกลับมาดูเอกสารในมือจะเดินต่อตรงไปที่ห้องทำงานแต่ถูกเรียกไว้ซะก่อน

“ทิค”

“ครับ”

“ทุกอย่างโอเคดีนะ”

“มีปัญหานิดหน่อยแต่เรียบร้อยแล้วครับ”

ทิครายงานให้ผู้เป็นหัวหน้าที่เดินเข้ามาถามฟัง มานพพยักหน้ายิ้มให้แล้วเดินแยกออกไปทิคจึงหันกลับไปเดินต่อ

“เอ้อ ทิค”

คนที่เดินไปได้ไม่ถึงก้าวหันกลับไปตามเสียง แล้วเดินเข้าไปหาคนเรียก

“ช่วงนี้โมเดลใหม่ลงงานหนักก็จริงแต่ถ้าไม่ไหวบอกนะอย่าหักโหมบาสก็แย่ไปแล้วคนหนึ่ง”

ได้ยินชื่อในบทสนทนาก็ทำให้ตกใจทิคอุทานชื่อไปด้วยความไม่แน่ใจ

“บาส”

“ใช่ บงกชรีบกลับไปดูเมื่อกี้เองคนที่แอสโทรมาบอก”

ทิคกำแฟ้มในมือแน่นเก็บความรู้สึกแล้วพยายามถามออกไปด้วยเสียงติดขัด

“เขา..เป็นอะไรหรอครับ”

“เห็นว่ายืนคุยงานอยู่ดีๆก็ล้มไปเลย”

ทิคไม่พูดอะไรต่อนิ่งไปทันที

“ยังไงก็รักษาสุขภาพ”

“ครับ”

ทิคตอบรับไป เมื่อมานพเดินออกไปถึงปล่อยความรู้สึกออกทางสีหน้าอย่างกังวล

เป็นอะไรอีก ไปทำอะไรมา หรือใครทำอะไร

เร็วกว่าความคิดคือสมองที่สั่งการให้ขาก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็หยุดลงกลางคัน

จะไปทำไมจะเป็นจะตายก็เรื่องของใครสิ มันไม่มีผลกับชีวิตสักนิด ทิคเลี้ยวกลับและรีบเดินกลับห้องทำงาน

แต่เชื่อไหม ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ทั้งวันในหัวคิดแต่เรื่องบาสคิดเรื่องงานได้ครู่เดียวก็วนเข้าเรื่องบาสโดยอัตโนมัติไม่มีสมาธิกับการทำงานแบบนี้ไม่ใช่นิสัยเขาเลย

“ไปไหนมาว่ะ”

ตี๋ถามออกไปเมื่อทิคเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดีกับจังหวะที่ตนกำลังจะออกไปพอดี เขากับนนตามหาโทรหาก็แล้วเพื่อที่จะไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน

“ไปดูคลังของมา”

ทิคตอบเสียงเหนื่อยๆแต่ฝืนยิ้มนิดๆให้เพื่อนสบายใจว่าเขาไม่มีอะไร

“แล้วกินข้าวยัง”

“กินที่แอสสามมาแล้ว”

ทิคโกหก เขายังไม่ได้กินอะไรเลยต่างหากแม้แต่น้ำสักหยด สภาพจิตใจมันเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไร

“ป่ะ”

นนเดินเข้ามาสมทบ หลังจากเคลียร์ตัวเองเสร็จ

“ไปไหนกัน”

“ห้องเก็บงานจะแวะไปดูไอ้บาสเพื่อนไอ้คลังด้วย เออมึงรู้ป่ะเนี้ยว่ามันไม่สบาย”

นนถามด้วยสีหน้าสงสัย ทิคชะงักแต่ก็เปลี่ยนเป็นทำเป็นตกใจ

“อ้าวหรอ เป็นอะไรอะ”

“เขาพูดกันว่ามันเป็นลมไปกลางไลน์เลย เห็นว่าควงกะต่อกันหลายวัน ไปดูมันด้วยกันไหมห้องพยาบาล”

“..............”

“ไอ้ทิค”

ทิคสะดุ้งจากภวังค์เมื่อถูกเรียกชื่อเสียงดัง

“ห๊ะ”

“ไปไหม”

“ไปไหน”

“ไปดูไอ้บาสไง มึงฟังกูป่ะเนี้ย”

นนถามด้วยน้ำเสียงข้องใจ มองทิคด้วยสายตาจริงจัง

“กูต้องไปทำงานให้พี่บง พวกมึงไปเถอะเดี๋ยวกูถามจากไอ้คลังเอา”

“เออๆ พวกกูไปนะ”

ตี๋พูดพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินออกไปกับนน ทิคมองตามเพื่อนแล้วหันกลับมา

เป็นหนักขนาดนั้นเลยหรอ ยิ่งเหมือนคนขี้โรคตัวซีดๆอยู่เบ๊อะบ๊ะรู้เรื่องอะไรไหมนั้นนะ

ทิคหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองมันอยู่อย่างนั้น ควรถามหรือไม่ถาม แต่ภาพบาสที่ดูแย่ที่เคยเห็นมาทำให้ยิ่งไม่สบายใจ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“แต่ร้านแถวนั้นก็มีนะ กูเคยไปแต่มันนานแล้วว่ะ”

ตี๋กับนนเดินคุยกันเข้ามาหลังจากที่หายไปเกือบสองชั่วโมงทิคจึงหันไปมอง นนเปลี่ยนจากคุยกับตี๋มาหาทิค

“พี่บงไปไหนวะ”

“ขึ้นไปตึกแปดกับล่ามญี่ปุ่น”

นนพยักหน้ารับรู้แล้วเดินไปนั่งที่ ส่วนตี๋เดินออกไปจากห้องอีกรอบ ทิคคิดอยู่ครู่ใหญ่ถึงตัดสินใจถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

“กูจะโทรถามข่าวจากไอ้คลังก็ไม่มีเวลา...อาการบาสเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ได้คุยหรอกมันหลับๆตื่นๆเลยไม่อยากกวน พวกไอ้คลังดูอยู่”

นนหันมาตอบปากก็ดูดกาแฟไปด้วย ทิคพยักหน้าทำเป็นรับรู้เหลือบมองนนนิดๆแล้วถามต่อ

“แต่โอเคอยู่ใช่ไหม”

“มันก็ดูซูบลงเยอะอะหรือว่าเพราะกูไม่ได้เจอนานก็ไม่รู้ แต่เห็นไอ้คลังบอกว่าถ้าหลังบ่ายไม่ดีขึ้นพี่บงจะพาไปโรงพยาบาล แกคงรักไอ้บาสมาก”

“มันเป็นคนดี ไม่คิดร้ายกับใคร วันๆทำแต่งานเป็นบ้าเป็นฝัน พี่บงเขาจะไม่รักได้ไง”

ทิคพูดตามที่ได้เห็นและสัมผัสจากการอยู่กับบาสมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเจือนๆ

“แกคงเอ็นดูมันมากเนอะ พี่บงภายนอกดูร้ายแต่จริงๆแล้วกูว่าแกก็ใจดีอยู่นะ คงมีแต่ไอ้บาสที่ทนอยู่กับแกได้”

นนพูดทิ้งท้ายแล้วหันไปดูดกาแฟทำงานต่อ ทิคเองก็หันกลับมา ยังดีที่มีคนรักและห่วงใยขนาดนี้คงไม่มีอะไรต้องห่วง

“ทิค ไปกับพี่หน่อย”

“ครับ”

ทิคหันไปตระโกนตอบรับมานพแล้วหันกลับมาพูดสั่งกับรุ่นน้องที่คุยกันค้างอยู่แล้วรีบเดินแยกออกไปหามานพ

“ต้องเอาไปให้ฝ่ายจัดซื้อดูก่อนจะได้ประเมินถูก ผมกำลังไป โอเค”

มานพพูดกับคนในสายแล้วตั้งใจเดินด้วยความเร็วแสง ทิครีบเดินตามไปติดๆ

“พรุ่งนี้ช่วยไปดูน้องฝึกงานสอบทดสอบแทนพี่ด้วยนะพี่ติดธุระจะเข้าช่วงบ่าย”

มานพหันมาพูด ทิคจึงตอบรับไป

“ครับ”

แล้วเดินต่อด้วยความเร่งรีบทั้งคู่ คุยงานกันไปตามระเบียบกว่าจะเรียบร้อยก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง ทิคกับมานพแยกกันหลังคุยเสร็จเพราะมานพจะขึ้นไปหาผู้ใหญ่ทิคจึงแยกกลับแอสก่อน เพราะฝ่ายจัดซื้อต้องเดินผ่านห้องพยาบาลมันทำให้ทิคหยุดเท้าลงกลางคันใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อคิดถึงสิ่งที่จะต้องเดินผ่าน เขาหายใจเข้าเรียกสติแล้วก้าวเท้าเดินต่อแต่ๆละก้าวมันเชื่องช้าเหลือเกิน ควรหยุดแล้วเข้าไปดูหน่อยไหมหรือเดินผ่านไปเหมือนไม่มีอะไร

แกล๊ก!

ประตูห้องพยาบาลถูกเปิดออก ทิคหยุดเท้าลงทันทีและคนที่โผล่ออกมาจากประตูทำให้ทิคยิ่งใจเต้นไปกันใหญ่ บาสเปิดประตูออกมาแล้วปิดมันลงทุกอย่างทำไปด้วยความเชืองช้าแต่เมื่อหันมาปะทะสายตากับทิคบาสก็ชะงักจนเห็นได้ชัดไปเหมือนกัน

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ทั้งคู่จ้องตากันอยู่อย่างนั้นต่างฝ่ายต่างใจเต้นแรงเพราะความรู้สึกหลากหลายมันกำลังตีกันอยู่ในหัว ไม่ได้เจอกันมาเกือบสองอาทิตย์มันทำให้ลืมสิ่งที่คุ้นเคยไปเหมือนกัน บาสดูซูบไปเยอะมาก มากจนน่าตกใจ แค่จะยืนตรงๆยังทำไม่ได้เลยต้องใช้มือยันผนังไว้ประคองตัว ทิคเอียงสายตาหนีแล้วเดินผ่านไปเหมือนบาสเป็นแค่อากาศ

บาสกำมือข้างขวาที่ยันผนังแน่นจนมือสั่นเก็บความรู้สึก จะเป็นแบบนี้ใช่ไหม ทำไมถึงเป็นแบบนี้เราไม่ได้ทะเลาะกันไม่ใช่หรอ ทิคเป็นฝ่ายหายไปไม่ใช่หรือไงเขาไม่รู้อะไรเลย ไม่เคยรู้อะไรเลย มีหน้าที่แค่ตาม ตามให้ทันความคิดของทิค แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันมันชัดเจนและทำให้รู้ว่าที่หายไปเพราะมีอะไรจริงๆไม่ต้องคิดบ้าบอไปคนเดียว บาสใช้แรงที่มียันผนังเดินต่อเมื่อรู้ว่าคิดไปก็ไม่มีประโยชน์

“จะไปไหน”

แต่เสียงที่ดังตามหลังมาทำให้เท้าหยุดลง บาสยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งทำใจให้กล้าถึงหันกลับไปหาต้นตอเสียงที่รู้ดีว่าเป็นใคร ทิคมองมาด้วยสายตาแน่นิ่งเหมือนที่ชอบทำเมื่อก่อน

“กลับแอส”

“เขาให้มึงกลับแล้วหรอ”

คำถามของทิคทำบาสเงียบ เพราะเขาแอบออกมาไม่บอกใครไม่อยากนอนอยู่เฉยๆงานกำลังรออยู่

“กูไม่ได้เป็นอะไร”

บาสตอบแบบไม่เต็มเสียงไม่สบตา แล้วหันหลังกลับไปเดินต่อแต่แขนกลับถูกดึงไว้จนต้องหันกลับไปมอง

“มึงดูสภาพตัวเองบ้างเหอะว่ามันน่าสมเพชขนาดไหน”

คำพูดเย้ยหยันและรุนแรงทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของทิคทำให้บาสจะสะบัดแขนออกจากมือทิคแต่ทำไม่ได้

“ปล่อย กูจะไปทำงาน”

“อยากได้มากหรอห๊ะเงินนะ มึงอยากได้มากใช่ไหม อยากได้เท่าไรบอกกูมาเลยกูจะให้เอง!”

ทิคตะโกนสุดเสียงใส่บาส มือบีบแขนบาสแรงโกรธจนตัวสั่น

“จะตายยังห่วงแต่เงิน ชีวิตมึงมีแต่คำนี้ใช่ไหม!”

“เออ!”

บาสตะโกนกลับอย่างเหลืออด นี้ทิคคิดว่าที่เขารีบกลับไปทำงานเพราะเงินหรอ เห็นเขาเป็นคนเห็นแก่เงินขนาดนั้นเลยใช่ไหม ที่เขารีบกลับไปเพราะอยากกลับไปช่วยงานที่แอสที่กำลังวุ่นเพราะตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมากก็เท่านั้น

“มึงอย่าพูดอะไรที่มึงไม่รู้จริงเลยชีวิตมึงมันมีครบไม่ต้องปากกัดตีนถีบไม่ต้องดิ้นรนไม่ต้องรับผิดชอบอะไร มึงไม่รู้หรอก!”

“ลองมาเป็นกูไหม ลองมาเป็นกูมึงจะได้รู้ว่ากูต้องทำอะไรบ้าง ต้องพยายามขนาดไหนถึงจะมาอยู่ตรงนี้ได้”

บาสพูดสิ่งที่เก็บไว้ออกมาจนหมดอย่างเหลืออด รู้สึกขมคอเหมือนกำลังจะร้องแต่ต้องข่มไว้

“ในเมื่อมันต่างกันมากก็อย่ามายุ่งกันเลย”

บาสพูดด้วยเสียงเย็นลงแต่แผ่วเบาแกะมือทิคออกจากแขนตัวเองแล้วเดินออกมา

“กูแค่อยากให้มึงดูแลตัวเองดีๆ”

คำพูดของทิคทำให้บาสหยุดเดินอีกครั้ง

“แต่กู..ไม่รู้ว่าต้องพูดยังไง”

เสียงทิคอ่อนลงจนน่าเห็นใจเมื่อได้ยิน

“ไม่ไหวก็หยุดสิวะทำไมต้องฝืน”

มือข้างซ้ายของบาสกำกางเกงตัวเองแน่นกับสิ่งที่ได้ยินน้ำตาข้างขวาไหลออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว บาสรีบใช้มือเช็ดมันลวกๆ

“กูไม่เป็นไร...ขอบคุณที่เป็นห่วง”

บาสพูดแต่ไม่หันไปแล้วเดินต่อ ทิคมองแล้วได้แต่หันหน้าหนีเก็บอารมณ์แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อเห็นสภาพบาสเอามือยันผนังเดิน

“ไปหาหมอ”

ทิคตะโกนตามหลังอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นว่าบาสหยุดเดินจึงเดินเข้าไปจับมือจนบาสหันมองด้วยสีหน้าสงสัย

“ไปหาหมอกับกูเถอะ”

พูดอย่างไม่ฟังอะไรแล้วลากบาสให้เดินตาม

“พี่บงจะพากูไปเอง”

“ไปกับกู! ไปหาหมอที่ดีที่สุดแพงที่สุดกี่บาทกูก็จะเสีย”

“ทิค”

บาสยื้อไว้อย่างอ่อนแรง แต่ทิคกลับไม่ฟัง บาสจึงโพล่งออกไปเสียงดังด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มี

“คิดหน่อยได้ไหม! เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคนนะจะทำอะไรคิดถึงผลที่ตามมาหน่อยจุดของเราทำอะไรตามอำเภอใจได้หรอ”

“กูไม่เคยสนใครอยู่แล้ว”

ทิคหันมาพูดเสียงแข็งน่าเครียดใส่บาสอย่างไม่แยแส

“มึงเปลี่ยนไปแล้วทำไมถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิมทิค”

ทิคหยุดการลากบาสลงทันทีเมื่อได้ยิน เขาหยุดนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นแล้วหันกลับมาหาบาสที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ

“ใช่กูเปลี่ยน เพราะมึง”

“กูเปลี่ยนทุกอย่างที่มันไม่ดี อะไรที่ดีกูพยายามจะทำ คนดีเขาทำกันยังไงกูก็พยายามเป็น แต่มึง มึงไม่เคยเห็นค่าสิ่งที่กูทำ กล้าดียังไงถึงคิดให้กูไปคุยกับใครไม่คุยกับใคร!”

ทิคพูดสิ่งที่คิดออกมาจนหมด บาสทำได้แค่ยืนนิ่งมองหน้าทิคด้วยแววตาสั่นไหว

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

“แล้วจะให้กูคิดยังไง”

ทิคถามด้วยเสียงอ่อนใจ มองหน้าบาสอย่างขอความเห็นใจ

“กูไม่ได้คิดแบบนั้น กูแค่อยากให้มึงได้ลองคุยกับคนที่ดี”

ทิคข่มอารมณ์เมื่อได้ยินสิ่งที่บาสพูดออกมา จ้องหน้าบาสเขมง

“กูจะเป็นคนเลือกเองว่าใครดีสำหรับกู”

ทั้งคู่จ้องหน้ากันอย่างไม่ละสายตา

“ไปหาหมอกับกูเกิดอะไรขึ้นกูรับผิดชอบเอง”

พูดจบก็จับมือบาสลากให้เดินต่อคำพูดทุกอย่างจึงเงียบไปทันที ตลอดทางทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในโรงงานที่เดินผ่านไปมาตลอดทางทิคไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งนั้นอารมณ์เขาตอนนี้ไม่มีอะไรหยุดได้ทั้งนั้น

บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบเหมือนที่เป็นมาเมื่อก่อนมีแค่เสียงหายใจแรงๆของบาสที่ดังมาเป็นระยะๆเพราะหายใจไม่ถนัดทิคมองเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วงจนมาถึงโรงพยาบาล

เขาส่งบาสเข้าห้องตรวจเรียบร้อยแล้วก็อุ่นใจ ใจจดจ่ออยู่หน้าห้องตรวจอย่างไม่ลดละเพราะก่อนเข้าห้องพยาบาลตรวจบาสมีไข้สูงมากจนน่าเป็นห่วง นั่งลงที่เก้าอี้รอจึงคิดได้ว่าควรโทรบอกผู้เป็นหัวหน้าของบาสตัวของเขาไม่เป็นไรหรอกเขาหาทางแก้ไขได้แต่ไม่อยากให้บาสเกิดปัญหาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดหาเบอร์หัวหน้าบาสที่มีอยู่ในเครื่อง

ตรู๊ด..ตรู๊ด..

รอสายอยู่ครู่หนึ่งปลายสายก็ตอบรับ

“ทิคนะครับพี่บง”

(ว่าไงทิค)

“ผมไปดูบาสที่ห้องพยาบาลแล้วเห็นว่าเขาอาการน่าเป็นห่วงผมเลยรีบพามาหาหมอ เลยโทรมาบอกพี่บงนะครับ”

(บาสอยู่โรงพยาบาลหรอ)

เสียงบงกชบ่งบอกถึงความตกใจ

(พี่มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานไม่มีเวลาได้ดูบาสเลย คิดว่าจะพาไปหาหมออยู่เหมือนกัน)

“ตอนนี้อยู่ในห้องตรวจแล้วครับ ไม่เป็นอะไรมากแล้วพี่บงไม่ต้องห่วงนะครับ”

(ดีหน่อยที่ไม่เป็นอะไรมาก)

“ครับ ขอโทษนะครับที่ทำอะไรด้วยพละการไม่ได้พี่บงก่อน”

ทิคพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

(ไม่เป็นไรทิค ต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่ทิคเป็นธุระให้แล้วนี่บอกมานพหรือยัง)

“ยังเลยครับ”

ชื่อของผู้เป็นหัวหน้าทำให้ทิคพูดเสียงอ่อย

(เดี๋ยวพี่จัดการให้ ฝากบาสด้วยนะทิค ช่วยดูแลเขาให้พี่หน่อย)

“ครับ”

ทิควางสายแล้วมองไปที่หน้าห้องตรวจรออย่างไม่เบื่อและไม่คิดจะไปไหน

มาตั้งแต่บ่ายสามทำเรื่องตรงนั้นตรงนี้เอาตัวบาสออกจากห้องตรวจไปห้องพักคุยกับหมอเวลาก็ล่วงเลยมาถึงห้าโมงเย็นแล้วที่ทิควิ่งวุ่นจนทุกอย่างเรียบร้อยถึงได้มาหาบาสที่ห้องพัก แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปสายตาก็ปะทะกับสายตาบาสที่มองมา ทิคจึงรีบเดินเข้าไปหาที่เตียงบาสเอาแต่จ้องหน้าจนทิคต้องถามออกไปด้วยเสียงอุ่นๆ

“มองทำไมหนักหนา”

“กินข้าวยัง”

น้ำเสียงเหนื่อยๆของคนที่นอนอยู่บนเตียงทำให้ทิคอึ้งไป แปลกที่คำถามธรรมดาๆแค่นี้ทำให้เขารู้สึกมีแรงขึ้นมาขนาดนี้

“กินแล้ว”

โกหกออกไปเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง บาสพยักหน้ารับรู้ช้าๆ ทิคยิ้มให้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงมองหน้าซีดๆของบาสเลยไปถึงแขนที่มีสายน้ำเกลือติดอยู่แล้วถามออกไป

“เป็นไงบ้าง”

บาสพยักหน้าให้ก่อนแล้วตอบ

“เหนื่อย”

“เหนื่อยก็นอนสิ”

“นอนไม่หลับ หายใจไม่ค่อยออก”

บาสพูดแล้วมองไปรอบห้อง ทิคเห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นยืนดูใกล้ๆ

“เป็นมากไหม ไหวหรือเปล่าไปตรงระเบียงไหมรับลม”

บาสพยักหน้าให้ ทิคจึงค่อยๆพยุงตัวบาสให้ลุกขึ้นนั่งเอาเก้าอี้หลบทางจับเสาน้ำเกลือที่มีสายระโยงระยางให้เข้าที่แล้วช่วยบาสขยับตัวหย่อนขาลงจากเตียงตรงไปที่ระเบียงพื้นที่ก็มีไม่เยอะเป็นระเบียงพื้นที่เล็กๆทั้งคู่จึงนั่งลงกับพื้น

ลมเย็นๆที่ปะทะเข้ากับหน้าไม่ใช่แค่ทำให้คนป่วยรู้สึกดีทิคก็รู้สึกสดชื่นไปด้วย แต่เมื่อหันมองคนข้างๆก็ทำให้รู้ว่าบาสมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้วทิคจึงมองกลับเป็นเชิงถามว่ามีอะไร

“มึงโกรธกูหรอ”

“รู้ตัวด้วยหรอ”  ทิคถามกลับ

“อยู่ดีๆมึงก็หายไป มาเจอกันก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ โกรธกูเรื่องอะไร”

บาสถามด้วยเสียงเบาหวิวจากพิษป่วย มองทิครอคำตอบ

“ไม่รู้จริงๆหรอว่ากูโกรธเรื่องอะไร”

บาสพยักหน้าให้กับคำถามของทิค เจ้าของคำถามเห็นแบบนั้นก็อ่อนใจจ้องตาบาสจริงจังแล้วพูดออกไป

“เอาเบอร์น้องเพื่อนมึงมาให้กูทำไม”

บาสนิ่งไปกับคำถามของทิคไม่คิดว่าเป็นประโยคนี้

“ปิงมันฝากมาให้ มันแค่อยากให้มึงลองคุยกับน้องมันดู แต่ถ้ามันทำให้มึงรู้สึกแย่ กูขอโทษนะ”

บาสเสียงแผ่วไปตรงท้ายประโยคด้วยความกลัวและรู้สึกผิดหลายอย่างปนเปย

ทิคนิ่งเงียบไปกับสิ่งที่บาสพูด รู้สึกแย่จนทำอะไรไม่ถูก จูบ การกระทำ คำพูด รอยยิ้ม ทุกอย่างที่ทำให้กัน มันไม่มีอะไรพิเศษเลยหรอ เขาคิดไปเองทั้งนั้นบาสไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลยถึงติดต่อเขาให้คนอื่น

“รีบนอนนะ”

ทิคพูดเปลี่ยนประเด็นบทสนทนาดื้อๆพูดทั้งที่ไม่มองหน้าบาสลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกมาอย่างไม่มีคำกล่าวลาอะไรสักคำ

ลมจากการลุกผ่านของทิคตีเข้ากระทบหน้าบาสที่นั่งนิ่งอยู่อย่างจัง มีเพียงตาที่สั่นระริกและปากที่ถูกตัวเองเม้มจนบูดเบี้ยวเท่านั้นที่มีปฏิกิริยา น้ำลายถูกกลืนลงคออย่างยากลำบากมือขยุมเสื้อตัวเองแน่นที่สุดเท่าที่ขยุมได้ ทุกอย่างเขาทำเพื่อเก็บความรู้สึกที่แสนยากลำบากไว้ บาสใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดดันตัวเองลุกขึ้นมือจับเสาน้ำเกลือแน่นเพื่อยึดหายใจเรียกสติเข้าแรงๆและปล่อยออกแล้วหันกลับเข้าห้อง เป็นแบบนี้มันดีแล้วจริงๆ แบบนี้มันถูกแล้ว มึงทำถูกแล้วบาส ถูกแล้ว...

ทุกอย่างค่อยๆเลือนหายไปเมื่อตาค่อยๆปิดลงด้วยความเหนื่อยล้า เหนื่อยจนแค่วางหัวลงก็หลับ

ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไรหรือนานแค่ไหน รู้แค่ว่าความรู้สึกแปลกๆที่ถูกรบกวนทำให้บาสต้องฝืนตาหนักๆขึ้นดู

“ตื่นทำไม หลับ”

“...............”

“กลับมาหากูหรอ”

บาสถามออกไปมองหน้าทิคในความมืด ทิคมานอนข้างๆเขาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร

“กูไม่ได้ไปไหนเลยตั้งหาก”

ทิคพูดพร้อมกับยืนมือไปจับหน้าผากบาสไล่ผมที่ตกลงมาปกหน้าให้ เขาเฝ้าบาสอยู่หน้าห้องตลอดไม่ได้ไปไหน ต้องพูดว่าทิ้งไปไหนเลยไม่ได้ต่างหาก ทำใจแข็งไปงั้นแต่ก็ทิ้งไม่ลง

“กอดกันนอนไหม”

บาสไม่ตอบคำขอของทิค แต่กลับขยับเข้าไปใกล้ทิคจากที่ใกล้อยู่แล้ว ใกล้จนทิคดึงเข้าไปกอดแน่นบาสเองก็กอดตอบเป็นว่าทั้งคู่นอนตะแคงหันหน้ากอดเข้าหากันอยู่บนเตียงคนป่วย

“เรากอดกันนอนได้หรอ”

นอนเงียบไปสักพักบาสก็พูดขึ้นทำร้ายความเงียบ

“กอดใครๆเขาก็ทำไหม”

ทิคพูดเสียงเรียบมือก็จับผมบาสเล่นไปด้วย

“เพื่อนที่ไหนก็ไม่เห็นเขาทำนะ”

“ก็เราพิเศษกว่าเพื่อนปกติ”

บาสเงยหน้าจากช่วงอกทิคที่ซุกอยู่ขึ้นมองหน้าทิคด้วยสายตาสงสัย

“ยังไง”

ทิคยิ้มกับคำถามบาส

“จูบกันก็จูบแล้ว กอดกันก็กอดแล้ว จับมือกันก็จับแล้ว ซื้อของให้กันก็ทำแล้ว ไปบ้านกันก็ไปแล้ว ทุกอย่างแล้วนะ”

ทิคร่ายยาวตามทุกอย่างที่สมองคิด บาสได้แต่อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันในความมืด

“มึงรู้ไหมเขาเป็นแฟนกันได้เลยนะที่พูดมา”

หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 25..ทิ้งไม่ลง 04/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-07-2018 16:16:33
“มึงรู้ไหมเขาเป็นแฟนกันได้เลยนะที่พูดมา”

อ๊ากกกกก ทุกบรรทัดที่อ่านมา เจอคำนี้เข้าไปกลบส่วนอื่นไปหมด
ตายแล้ว ๆ ๆ ๆ คนอ่านใจไม่ดี ทิคนี่หมัดตรงเลยนะ ไหนบอกว่าพูดไม่เป็น
 :hao6: :hao6: :hao6:
+1 เพราะประโยคนี้เลย
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 25..ทิ้งไม่ลง 04/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-07-2018 16:35:42
ทิคจีบบาสได้ซึนมาก  น่าร้ากกก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 25..ทิ้งไม่ลง 04/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 04-07-2018 20:39:34
บาสใจอ่อนลงซักทีเถอะ สงสารทิคถึงแม้ทิคจะแข็งกระด้างแต่กลับบาสทิคยอมได้ทุกอย่างนะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 25..ทิ้งไม่ลง 04/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-07-2018 23:18:17
 :pig4: :pig4: :pig4:


งุย ๆ   เข้าใจทั้งบาสและทิคนะ  ต่างฝ่ายต่างมีปม

คนนึงก็มั่นมากแต่ปากร้ายปากหนัก

อีกคนก็ถ่อมตนขี้เกรงใจและเจียมตัว
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 25..ทิ้งไม่ลง 04/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 05-07-2018 18:35:04
รมันคือความระมุนจริงๆแกเอ้ย
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 25..ทิ้งไม่ลง 04/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-07-2018 23:18:48
 :กอด1:



กอดๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 25..ทิ้งไม่ลง 04/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 08-07-2018 00:32:24
เขินมากกกไม่ไหวแล้ว ตอนนี้หลากหลายอารมณ์มากแต่เขินที่สุดงื้ออออออออออ :-[ :o8: เค้าต้องคบกันได้แล้วววว
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 25..ทิ้งไม่ลง 04/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-07-2018 11:37:04
รักลงตัวดีเนอะ ทิค ชายผู้มีความมั่นใจสูงเสียดฟ้า มาตกหลุมความเบอะบะของบาส
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 25..ทิ้งไม่ลง 04/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-07-2018 16:25:02
รอตอนต่อไปอยู่นะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 26..ชาไข่มุก 15/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 14-07-2018 22:18:00
26..ชาไข่มุก

หนังสือการ์ตูนในมือถูกอ่านไปหลายหน้าจนเกินครึ่งเล่มทิคนำมาให้อ่านฆ่าเวลาระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาล บาสนั่งอ่านอยู่บนเตียงอยู่อย่างนั้นอย่างไม่รู้เบื่อ เขาก็เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่บ้าของเล่นเกมส์และการ์ตูน แต่ตั้งแต่พ่อจากไปเรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้เข้ามาในชีวิตเขาอีกเลยเพราะแต่ละวันก็แทบไม่มีเวลาว่างทำอะไรมีแต่งานและงาน นี่มันเป็นโอกาสดีที่ได้กลับมาระลึกถึงวัยเด็กอีกครั้ง

แกล๊ก!

เสียงเปิดประตูทำให้บาสละสายตาจากหนังสือในมือขึ้นมอง

“วัดไข้นะคะ”

เป็นพยาบาลหญิงอายุเยอะชื่อคุณมะลิคนเดิมที่ดูแลเขาตั้งแต่เข้ามาที่โรงพยาบาลนั้นเองที่เดินยิ้มมาแต่หน้าประตู

“วันนี้ยังปวดหัวอยู่ไหมเอ่ย”

“ไม่แล้วครับ ผมดีขึ้นแล้ว”

บาสตอบด้วยเสียงสดใสพร้อมกับยิ้มหวานจับใจจนนางพยาบาลต้องอมยิ้มมอง

“ยิ้มสดใสแบบนี้คงจะจริง”

เธอพูดพร้อมกับถอดสายวัดความดันออกจากแขนบาสและเก็บมันพร้อมกับปรอทวัดไข้

“ไม่มีไข้แล้วนะคะ”

“งั้นผมกลับบ้านได้เลยไหมครับ”

บาสรีบยิงคำถามทันที

“ต้องรอคุณหมอมาตรวจก่อนนะคะเพราะคนไข้เป็นไข้หวัดใหญ่เลยนะไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา แต่คงไม่ใช่วันนี้เพราะหมอชาคินออกเวรไปแล้ว”

นางพยาบาลหันมาพูดดักอย่างรู้ทันยิ้มๆแล้วหันไปสนใจอยู่กับกระปุกน้ำเกลือที่อุตส่าห์ดีใจที่มันจะหมดแต่ดันถูกเปลี่ยนเป็นกระปุกใหม่ซะงั้น

“ทำไม...ถึงไม่ให้หมอคนอื่นมาตรวจก็ได้ละครับ”

บาสเบาเสียงบ่นๆประโยคหลังอย่างเสียดาย

“ต้องคุณหมอเจ้าของไข้เท่านั้นค่ะ หลับฝันดีนะคะ”

เธอหันมายิ้มให้บาสแล้วเดินออกจากห้องไป บาสทำได้แค่มองตามเซ็งๆ

เบื่ออาหารโรงพยาบาล ไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลเลยจริงๆ เบื่อการนั่งๆนอนๆไปวันๆอยากกลับบ้านแล้วโกหกแม่แบบนี้รู้สึกไม่ดีเลยเพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วงเลยต้องโกหกว่ามีงานด่วนต้องไปต่างจังหวัดสองสามวัน แต่ที่ไหนได้มานอนเดี้ยงอยู่โรงพยาบาล

แต่จริงๆ...

มันก็ดีอีกอย่าง เพราะไม่เคยมีเวลานอนเยอะๆแบบนี้มานานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ชนิดที่ว่าวางหัวลงหมอนก็หลับเป็นตาย

ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไรรู้แค่ว่าเสียงเหมือนคนคุยกันจุกจิกทำให้ต้องลืมตาขึ้นมอง

“ให้นอนดูอาการอีกสักวันก่อนนะผมอยากมั่นใจว่าไม่มีเชื้อแล้ว กลับบ้านเลยก็ได้ครับเดี๋ยวผมจัดการต่อเอง”

“แย่งงานกันอีกแล้วนะคะหมอ”

“ดึกแล้วคุณฝนรีบกลับเถอะครับมันอันตราย”

“เอางั้นหรอคะ”

“ครับ”

“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะคะหมอ ขอบคุณนะคะ”

บาสเพ่งสายตามองเหตุการณ์ข้างเตียง มีเสียงคนกำลังคุยกันเมื่อลืมตาขึ้นมองดีๆก็ทำให้รู้ว่ามีคนกำลังยืนจับสายน้ำเกลือของเขาดู มือข้างขวาที่มีสายน้ำเกลือติดอยู่ของบาสถูกจับไปโดยคนแปลกหน้าทำให้บาสตื่นตัวด้วยความตกใจ

“จะทำอะไรครับ คุณเป็นใคร”

ถึงจะตกใจขนาดไหนก็ยังไม่ลืมนิสัยมารยาทดีพูดลงครับค้าเหมือนเดิม บาสรีบจะดันตัวเองขึ้นจากเตียงแต่ก็ถูกคนแปลกหน้าเข้ามาประชิดตัวแล้วดันให้เขานอนลงกับเตียงเหมือนเดิมยิ่งเพิ่มความตกใจให้บาสไปอีก

“อย่าดิ้น”

นั่นเป็นประโยคแรกของคนแปลกหน้าที่พูดออกมา แต่มีหรือที่บาสจะฟังใครก็ไม่รู้มาทำอะไรแบบนี้กับตัวเองดึกๆดื่นๆเป็นใครก็ต้องตกใจ

“นั่นคุณจะทำอะไร”

บาสถามเสียงตื่นเมื่อคนแปลกหน้ากำลังจะฉีดอะไรเข้าสายน้ำเกลือของเขา

“ผมเป็นหมอครับ ไม่ต้องตกใจ”

“หมอ!”

สายตาและน้ำเสียงของบาสทำให้คนที่อ้างว่าเป็นหมอไขข้อสงสัยให้โดยที่บาสไม่ต้องขอ เขาล้วงบัตรอะไรสักอย่างออกมาให้ดูบาสเห็นแบบนั้นจึงยื่นหน้าเข้าไปมอง

นายแพทย์ ชาคิน มานะสิงห์

(แต่คงไม่ใช่วันนี้เพราะหมอชาคินออกเวรไปแล้ว)

คำพูดของคุณพยาบาลมะลิแล่นเข้ามาในหัวทันที

นายแพทย์ ชาคิน มานะสิงห์

กับ

คุณหมอชาคินของคุณพยาบาลมะลิ

เขาคือหมอเจ้าของไข้ที่คุณพยาบาลมะลิบอกหรอ บาสเงยหน้ามองคนตรงหน้าอีกครั้งหลังจากประมวลผลในสมองคนเดียวอยู่นาน

“ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นหมอ”

แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรครับ ไม่แปลกที่คุณจะเข้าใจผิดเพราะผมแต่งตัวไม่เรียบร้อยเป็นผมก็ต้องตกใจเหมือนกันที่อยู่ดีๆใครก็ไม่รู้จะมาฉีดอะไรให้”

หมอหนุ่มพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้เพราะตนเป็นฝ่ายผิดที่ไม่ใส่เสื้อกาวน์หรืออะไรที่บ่งบอกถึงการเป็นหมอเพราะจริงๆแล้วตนออกเวรไปแล้วแต่ผ่านมาทางโรงพยาบาลเลยแวะเข้ามาดูคนไข้ในความดูแลเลยได้เข้ามาดูบาสด้วย

“เพราะคุณดิ้นเลยทำให้เลือดออก”

หมอพูดถึงสิ่งที่ตามมาที่ห้ามบาสดิ้นไปตอนแรกพร้อมกับจับสายน้ำเกลือที่มือบาสดูตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมาจนเห็นผ่านสายแล้ว บาสมองมือตัวเองแล้วเป็นอย่างที่หมอบอกจริงๆ

“หมอจะฉีดอะไรให้ผมครับ”

บาสรีบยิงคำถามอีกเมื่อเห็นหมอกำลังจับเข็มที่ถูกวางไว้จากตอนแรกขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกไม่อุ่นใจกับหมอคนนี้ยังไงไม่รู้เพราะเจอกันครั้งแรกก็เจอสถานการณ์ไม่ค่อยดี

“ยาฆ่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ครับ”

บาสมองสายตาจริงจังของคนตรงหน้าและการกระทำตลอดเวลา มองเข็มที่ถูกดันยาลงไปในสายน้ำเกลือตัวเอง

“เปลี่ยนผ้าพันแผลนะครับ”

หมอพูดพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ทำแผลมาแล้วนั่งลงกับเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย

นี้คงเป็นหมอที่คุณพยาบาลมะลิบอก หรือจะไม่ใช่เพราะเธอบอกว่าวันนี้หมอออกเวรไปแล้ว

“หมอ..เป็นหมอเจ้าของไข้ผมใช่ไหมครับ”

“ครับ”

หมอตอบแบบไม่มองหน้ากำลังให้ความสนใจแผลที่มืออยู่ บาสมองดูการทำแผลของหมอที่ทำอย่างรวดเร็วและดูชำนาญอย่างเพลินตา

“ไปโดนอะไรมาครับ”

บทจะเงียบก็เงียบ บทจะคุยก็พูดขึ้นมาดื้อๆเล่นเอาแทบตามไม่ทัน แต่ถึงจะอายในความโก๊ะของตัวเองแค่ไหนก็ต้องตอบไป

“จะเป็นลมในห้องน้ำนะครับ ตอนนั้นมันตกใจจะยื่นมือไปจับผนังแต่ดันไปตีเข้ากับกระจก”

เพราะวันนั้นไม่สบายสติสตางค์ไม่ค่อยจะมี จริงๆจะเป็นลมตั้งแต่ไปเข้าห้องน้ำแล้วแต่ก็ไม่ได้บอกใครออกมาทำแผลแล้วฝืนไปทำงานต่อ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด

“หมอครับ ผมเวียนหัวเหมือนจะอ้วกยังไงไม่รู้..มันแปลกๆ”

บาสเล่าอาการความผิดปกติของตัวเองด้วยอาการงัวเงียรู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังไม่ค่อยมีสติพูดอะไรวนไปวนมา

“มันเป็นผลข้างเคียงของฤทธิ์ยาฆ่าเชื้อที่หมอฉีดให้ไม่ต้องกังวลนะหลับไปเลยครับตื่นมาก็หาย”

หมอไขข้อข้องใจให้ บาสได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจตาจะปิดซะให้ได้แต่ปากก็ยังคุยต่อ

“ผมจะกลับบ้านได้เมื่อไรครับ”

“ขอนอนดูอาการถึงพรุ่งนี้อีกวันถ้าไม่มีอะไรก็กลับได้ครับ”

หมอหนุ่มพูดแบบไม่มองหน้าก้มหน้าสนใจอยู่กับการทำแผลที่มือ

“พรุ่งนี้หมอจะมาใช่ไหมครับ”

คราวนี้หมอเงยหน้ามามองแล้วถามกลับ

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ถ้าหมอไม่มาผมก็ไม่ได้กลับ”

หมอเผยยิ้มทันทีเมื่อได้ยินที่บาสพูดแล้วพูดด้วยเสียงติดหัวเราะ

“มาครับ หมอมาทุกวันแต่คนไข้หลับ”

ดูเป็นคนใจดี คำพูดก็นุ่มหู มือเบากว่าพยาบาลประจำห้องพยาบาลที่โรงงานที่เป็นผู้หญิงซะอีก

“ล้างแผลจนกว่ามันจะแห้งสนิทนะครับคลินิกใกล้บ้านก็ได้ถ้าไม่อยากมาถึงโรงพยาบาล”

“ทำเองได้ไหมครับ”

หมอหันมายิ้มให้บาสแบบกลั้นยิ้มแล้วตอบ

“ได้ครับ”

ทั้งคู่เงียบไปหลังบทสนทนาจบลง หมอก็ทำแผลตามหน้าที่ส่วนบาสก็เคลิ้มใกล้หลับและก็หลับไปในที่สุดยาทำให้ง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น

คงเป็นคืนในรอบสามปีที่ได้นอนหลับสบายอย่างไม่ต้องคิดว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง...

“หมดน้ำเกลือขวดนี้ก็น่าจะกลับได้แล้วนะ”

“รอหมอชามาตรวจอีกทีก่อน”

“แล้วตามไปนะ”

“อืม”

เสียงคนคุยกันปลุกให้คนป่วยบนเตียงค่อยๆลืมตาขึ้นมอง แต่ขนาดนอนมาทั้งคืนยังง่วงจนอยากนอนต่อเลยยาหมอดีจริงๆคงจะดีถ้าได้ไปใช้เวลามีเรื่องเครียดจนนอนไม่หลับ

บาสหันมองข้างๆก็เห็นพยาบาลคนหนึ่งกำลังเขียนอะไรอยู่ข้างเตียงหันมาเจอบาสมองจึงยิ้มให้

“หลับสบายดีใช่ไหมคะ”

บาสพยักหน้ายิ้มอ่อนให้คนถาม นางพยาบาลจึงหันไปสนใจเขียนอะไรลงแฟ้มต่อ

“ผมกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับวันนี้”

“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะได้กลับค่ะ”

ได้รับคำตอบบาสจึงไม่เซ้าซี้อะไรต่อ หันออกไปมองนอกหน้าต่างด้วยอาการเบื่อหน่าย เคยคิดว่าอยากอยู่เฉยๆไม่อยากทำงานแต่พอได้สัมผัสจริงๆแล้วมันไม่โอเคเอาซะเลย



แกล๊ก!

“มึง กูมีอะไรมะ...”

เสียงต้องขาดหายไปเมื่อไม่เห็นสิ่งที่คิดมาตลอด ทิคเดินเข้าไปใกล้เตียงเดินเข้าไปดูในห้องน้ำ หน้าระเบียง ก็ไม่เห็นบาสจึงได้แต่ยืนคิดด้วยใบหน้าสงสัย

บาสไปไหน

เขาเดินถือของในมือออกจากห้องแล้วมองหาคนที่พอจะให้คำตอบได้

“ขอโทษนะครับ”

“ค้ะ”

“คนไข้ห้องนี้ไปไหนหรอครับ”

“คนไข้ออกมาเดินเล่นอยู่เมื่อกี้นะคะ อาจจะอยู่แถวนี้ เดี๋ยวช่วยตามหาให้นะคะ”

พยาบาลสาวพูด ทิคพยักหน้ายิ้มให้ทั้งคู่จึงแยกย้ายกันตามหา ทิคเดินหาตามทางไปเรื่อยๆแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาบาสจนเริ่มใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่รู้เพราะอะไรดลใจทั้งที่เดินผ่านไปแล้วแต่สมองกลับสั่งให้ถอยหลังกลับไปมองประตูที่ถูกเปิดอ้าไว้เพียงเล็กน้อยเหมือนปิดไม่สนิท ทิคมองมันอยู่ครู่หนึ่งถึงตัดสินใจเดินเข้าไปและเดินตามบันไดไปเรื่อยๆจนไปโผล่ที่ๆหนึ่งทำให้รู้ว่ามันคือดาดฟ้าเมื่อก้าวขาออกจากประตูออกไปมองไปข้างหน้าสายตาก็ไปพบเข้ากับใครคนหนึ่งที่กำลังนั่งหันหลังมาทางนี้ ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าใครและถึงจะใส่เสื้อปิดไว้อีกก็เถอะคือคนที่เขากำลังตามหาอยู่

ทิคยืนมองหลังบาสอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไปหาช้าๆเงียบๆเมื่อถึงตัวแล้วจึงยื่นมือที่มีแก้วชาไข่มุกที่เหลือความเย็นอยู่น้อยนิดไปแนบแก้มคนที่นั่งเหม่อลอยอยู่จนเจ้าตัวสะดุ้งโย้งหันมองทันทีแต่เมื่อทั้งคู่สบตากันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนหน้าทั้งคู่ถ้าเป็นทิคคนเก่าคงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟแล้วแต่ตอนนี้แค่เห็นหน้ายิ้มแป้นของบาสก็ว่าอะไรไม่ลงจริงๆ

“ทำไมหากูเจอ”

“มึงหนีกูไม่พ้นหรอก”

ทิคว่าแล้วนั่งลงข้างๆบาส ยื่นแก้วชาไข่มุกในมือที่แนบแก้มบาสเมื่อกี้ให้เจ้าตัว บาสยิ้มรับไปแล้วดูดลงคอไปอึกใหญ่ปากมุบมิบไปมาเพราะเคี้ยวไข่มุก

เหมือนฉากในหนังยังไงยังงั้นแสงอาทิตย์ตอนเช้ากระทบกับหน้าใสๆของบาสที่มีหมวกฮู้ดของเสื้อแขนยาวสีดำใส่อยู่มองข้างๆแล้วมันทำให้หลงได้แต่มองค้างไม่สามารถละสายตาไปไหนได้เลย

คนถูกมองหันมาเจอได้แต่มองด้วยสายตาสงสัย

“มองทำไม”

ทิคไม่ตอบเอาแต่อมยิ้มมองอยู่อย่างนั้นจนบาสต้องอมยิ้มกลับสงสัย

“ไปเอาเสื้อที่ไหนมาใส่”

(ทำไมใส่แบบนี้แล้วมึงน่ารักละ)

ทิคคิดในใจยิ้มอยู่คนเดียว ว่าแล้วก็จับหมวกฮู้ดบนหัวบาสดู

“คุณมะลิ เขาเป็นพยาบาลอยู่ที่นี่ใจดีมากนะมึง”

“ไปอยู่ไหนก็มีแต่คนรักเนอะ”

บาสหันมาทำหน้าเอ๋อใส่ด้วยความสงสัยจนทิคได้แต่ส่ายหัวปลงๆประโยคแค่นี้มันมีอะไรน่าตามไม่ทันห๊ะถามหน่อย

“แล้วไม่ไปทำงานหรอ”

“เดี๋ยวเข้าไป”

“กว่าจะเข้าไปก็สายแล้วนะเว้ยคิดว่าตำแหน่งสูงแล้วจะมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นหรอ”

“เยอะแล้วมึงบาส”

ทิคว่ายิ้มๆแล้วยื่นมือไปผลักหัวบาส

“ความจริง ระวังเด้อจะโดนลดตำแหน่ง”

“จะลดไปอยู่ไหนกูก็หล่อเหมือนเดิมแหละ”

“ไอ้ขี้โม้ หลงตัวเอง”

บาสบุ้ยปากใส่ทิคแล้วหันมาดูดชาไข่มุกในมือ

“หรือมึงจะปฏิเสธว่ามันไม่จริง”

บาสไม่ตอบสิ่งที่ทิคถามได้แต่เบ้ปากไปมาด้วยความหมั่นไส้อยู่คนเดียว แต่นั้นมันทำให้ทิคหมั่นเขี้ยวเมื่อเห็น

“โอ้ยยยย ทำเชี่ยไรเนี้ย!”

บาสตะโกนเสียงดัง เมื่อทิครูดสายเชือกหมวกฮู้ดที่เขาใส่แน่นจนหน้าบูดเบี้ยว

“ไอ้ทิค ปล่อยมันเจ็บ!”

แต่เหมือนคำขอร้องจะไม่มีผลเมื่อเจ้าตัวเอาแต่ยิ้มด้วยความสนุก บาสทำได้แค่ตีมือแรงๆให้ทิคปล่อย

“ตอบมาก่อนว่ากูหล่อไหม”

“ปล่อยกูก่อนดิ๊!”

“ตอบกูก่อนดิ”

ไม่มีใครยอมใครจริงๆนาทีนี้

“เออๆ หล่อ!”

และเป็นบาสที่เป็นฝ่ายแพ้ทุกครั้งพูดด้วยน้ำเสียงแดกดันและหน้าตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไร ทิคเห็นแล้วได้แต่อมยิ้ม

“ตอบแล้วก็ปล่อยดิ หน้าชาไปหมดแล้วเนี้ย”

บาสทวงสิทธิ์เมื่อทิคไม่ทำตามที่ตกลงแถมยิ่งรูดสายหมวกฮู้ดให้แน่นขึ้นอีก

“ไอ้ทิค!”

“เดี๋ยว”

ทิคว่าเบรกแล้วเปลี่ยนมือขวาที่จับสายไว้มาเป็นมือซ้าย ส่วนมือขวาล้วงไปเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดเข้าโหมดกล้องแล้วถ่ายรูปบาสที่หน้าบูดเบี้ยวไว้หลายรูปจนพอใจแล้วถึงปล่อย คนถูกกระทำพอเป็นอิสระก็รีบคลี่หมวกแคบๆออกและถอดมันออกจากหัวไปเลยแต่ยังไม่วายหันไปเอาเรื่องทิค

“เล่นบ้าอะไรวะ”

“เดี๋ยวนี้มึงมันดื้อไง”

“ดื้ออะไรพูดอย่างกับกูเป็นเด็ก อายุจะครึ่งคนแล้วนะ แล้วรูปจะถ่ายไปแกล้งใช่ไหมลบเลยนะ”

“จะเอาไว้ดู ไม่แกล้ง”

“ถ่ายดีๆก็ได้ไหมงั้นอะ เมื่อกี้มันทุเรศ”

บาสขมวดคิ้วพูด

“น่ารักจะตาย”

!

คนที่กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงต้องหยุดทุกอย่างเมื่อได้ยิน มองหน้าคนพูดที่ก็มองมาด้วยสีหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรแล้วต้องเป็นฝ่ายหลบตาเอง อยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กง้องแง้งยังไงไม่รู้

“เขาบอกยังจะได้กลับบ้านเมื่อไร”

ทิคเปลี่ยนประเด็นสนทนาเมื่อรู้ว่ากำลังทำให้บาสเขิน

“วันนี้แหละแต่ต้องรอหมอมาตรวจก่อน เออ!ว่าแล้วก็ลงไปเหอะเดี๋ยวหมอมาแล้วคลาดกัน”

บาสพูดเสียงตื่นเมื่อนึกขึ้นได้ลืมเรื่องที่กำลังไปต่อไม่เป็นเมื่อกี้ไปเลย รีบลุกขึ้นแล้วพาทิคลงจากดาดฟ้าเพื่อกลับไปห้องเพราะกลัวคลาดกับหมอแล้วไม่ได้กลับบ้านอีก

“ทีหลังก็โหมอีกแล้วกันงานนะจะได้มานอนสักอาทิตย์”

“ไม่เอาแล้วเหอะเข็ด...”

พูดยังไม่ทันจบก็ต้องหยุดลงเมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป

บงกชกับเอ็นจิเนียร์ของโรงงานรวมทั้งพวกคลังกำลังยืนอยู่หน้าห้องเขา

“พี่บงมานิ”

บาสว่าแล้วหันมาหาทิคที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วรีบก้าวเท้าเข้าไป

“มึงไปเถอะ”

บาสหันมองทิคทันทีที่ได้ยินด้วยความไม่เข้าใจจนต้องถามออกไป

“ไม่ไปด้วยกันหรอ”

“ไม่ดีหรอก มันจะเป็นประเด็นเปล่าๆมันจะมีอะไรอีกหลายอย่างตามมา”

ทิคพูดน้ำเสียงนิ่งๆแต่ก็มีรอยยิ้มจางๆให้บาสเป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแต่แค่ไม่อยากให้ใครรู้เท่านั้น

บาสพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ทิค มันเป็นสัญญาณว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ทิคกำลังบอกจนทิคอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปขยี้ผม เขาเองก็ไม่อยากจากบาสตอนนี้เหมือนกันอยากอยู่ด้วยนานๆ

“ไหวนะ”

“เออ ไม่เป็นไรขับรถดีๆ”

“จะกลับแล้วโทรบอกนะจะมาแอบดู”

บาสยิ้มให้อีกครั้งทิคจึงยิ้มตอบและแยกย้ายกันด้วยความค้างคาในใจ ต่างรู้ดีว่าไม่อยากจากกัน

“คิดว่าหนีกลับไปแล้วซะอีก”

“ถ้าหมอไม่มาคงต้องเป็นแบบนั้นแน่”

แต่เสียงที่คุ้นเคยทำให้ทิคหยุดเท้าแล้วหันกลับไปมองด้วยความสงสัยและยืนมองอยู่ห่างๆ

บาสคุยกับใคร



สวัสดีทุกคนนนนน

หายไปนานมากกกกก เพราะไม่มีเวลาเลย เจียดเวลามาแต่ละตอนสุดๆแล้ว เขาพยายามแล้วจริงๆนานๆมาทีก็อย่าเพิ่งเบื่อกันน๊า อย่าทิ้งทิคกับบาสไปไหนเน้ออยู่ด้วยกันก่อน (ถึงคนเขียนจะหายไปแต่ละครั้งนานๆก็เถอะ^^)
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 26..ชาไข่มุก 15/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-07-2018 23:22:27
ระวังทิคหึงเด้อ!!
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 26..ชาไข่มุก 15/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-07-2018 00:50:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

สงสัยจะหึงแม้กระทั่งหมอเจ้าของไข้กระมัง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 26..ชาไข่มุก 15/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 15-07-2018 03:01:10
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 26..ชาไข่มุก 15/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-07-2018 04:56:41
รอจ้าไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนติดตามอ่านตั้งแต่อ่านตั้่งแต่ตอนลงครั้งแรกจนคุณนักเขียนเอามาลงใหม่รอบสอง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 26..ชาไข่มุก 15/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-07-2018 11:31:12
รอจร้า บาสน่ารัก ทิคเปลี่ยนตัวเองเพื่อบาส บาสคือคนสำคัญของทิค
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 26..ชาไข่มุก 15/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-07-2018 19:39:02
ตอนนี้ทำไมฟรุ้งพริ้งจังเลย ทิคชมบาสน่ารักตลอดเลยนะ
ว่าแต่นั่นหมอนะ ทิคอย่าหึงไปเรื่อยเปื่อยละ
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 26..ชาไข่มุก 15/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-07-2018 01:15:52
 :katai2-1:


หมอ ?
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 26..ชาไข่มุก 15/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 16-07-2018 12:54:36
ยังไงก็รอแน่นอนครับ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 26..ชาไข่มุก 15/07/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 28-07-2018 21:36:15
ฮื้อออ ทิคต้องหึงแน่ๆเลย อย่ากลับไปโหดอีกนะสงสารบาสแล้วว
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า 01/09/18
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 01-08-2018 21:43:01
27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า


“ถ้ามีปัญหาอะไรอยากให้รีบบอกนะเพราะถ้าเกิดขึ้นแล้วมันจะเสียทั้งเวลาแรงและทรัพยากร”

ตรืด!

แรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทำให้บาสที่กำลังตั้งใจฟังหัวหน้าเอ็นจิเนียร์พูดต้องละมาสนใจมันแทนแต่ก็ไม่ได้อะไรเพราะกำลังอยู่ในเวลางาน

ตรืด!

ตรืด!

คิดว่ามันจะเงียบไปแต่ไม่ใช่ กลับยิ่งสั่นรัวๆจนบาสต้องเงยหน้ามองบรรยากาศรอบข้างเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังให้ความสนใจคนพูดบาสจึงวางปากกาลงกับแฟ้มที่ถืออยู่แล้วแอบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู

สาเหตุของแรงสั่นคือการแจ้งเตือนของไลน์และไม่ใช่จากใครที่ไหน

TIK01

(กินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ)

บาสอ่านแล้วเงยหน้ามองเจ้าของข้อความที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาขุ่นๆ

มันใช่เวลาไหมเนี่ย!

ทิคกำลังยืนอยู่หลังมานพเหมือนที่เขายืนอยู่หลังบงกช รายนั้นพอเห็นบาสมองก็ยักคิ้วเป็นเชิงรอคำตอบส่งมา บาสมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใครมองมาจึงแอบกดข้อความส่งกลับไป

B_Bas

(รอดูงานก่อน)

กดตอบแบบสั้นๆรีบๆแล้วรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง

ตรืด!

แต่ยังไม่ทันได้จับปากกาเลยโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีก บาสถอนหายใจแล้วหันไปหาทิคที่ส่งสายตากวนมา

TIK01

(ไอ้งานมันเป็นใครทำไมต้องรอดูมัน?)

ได้อ่านข้อความแล้วต้องรีบกดตอบเร็วๆด้วยความโมโหในความกวน

B_Bas

(ไปคุยกับขี้ไป!)

TIK01

(พูดจาไม่เพราะเลย)

ไอ้ข้อความกวนๆนะไม่เท่าไร แต่ไอ้สติ๊กเกอร์รูปหมีน้อยหน้าตาน่าสงสารที่ถูกส่งมาทิ้งท้ายนี่สิมันทำให้อารมณ์พุ่ง

B_Bas

(เลิกกวนตั้งใจฟังเขาดิ๊!)

TIK01

(ก็กูเก่งอยู่แล้วจะให้ฟังไปทำไมพูดก็พูดเรื่องเดิมๆ)

(จดอะไรไปทำไมเยอะแยะไก่กาเห็นนานละไม่รู้อะไรก็บอก)

(จะพาไปติวที่..บ้าน)

ข้อความถูกส่งมารัวๆจนหาจังหวะแทรกไม่ได้แต่เมื่อได้อ่านแล้วบาสถึงกับต้องหันมองทิคชูโทรศัพท์ในมือให้ทิคดูแล้วเก็บมันลงกระเป๋าอย่างไม่ใยดีด้วยสายตาชนะแล้วหันไปสนใจฟังงาน

ฝั่งทิคเห็นท่าทางที่บาสจงใจแสดงให้เห็นแล้วถึงกับต้องแสยะยิ้มมองแล้วเก็บโทรศัพท์บ้าง

“งั้นวันนี้พอแค่นี้ ยังไงฝากทุกคนด้วยนะ”

เสียงปิดท้ายการพูดคุยสิ้นลงเสียงพูดคุยจึงดังขึ้นแทน เป็นเสียงของการพูดคุยหารือถึงสิ่งที่ได้พูดคุยกันวันนี้นั้นเองทุกคนต่างพากันแยกย้ายแตกกลุ่มเสียงดังจอแจ

บาสก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังจะกลับแอสตัวเองเพราะบงกชล่วงหน้าไปแล้วแต่แรงกระชากที่แขนแรงจนเกือบทำแฟ้มตกทำให้ต้องนิ่วหน้าหันมอง

“เจ็บหรอ ขอโทษ”

ทิครีบปล่อยมือแล้วพูดขอโทษด้วยเสียงอ่อนและหน้าตารู้สึกผิดลืมนึกไปว่าบาสเพิ่งหายป่วย ส่วนบาสตอนแรกก็กะจะหันไปว่าแต่เมื่อเห็นว่าเป็นทิคและหน้าตารู้สึกผิดของทิคเห็นแล้วต้องเปลี่ยนเป็นยิ้มให้

เดี๋ยวนี้ทิครู้จักห่วงความรู้สึกคนอื่นมากขึ้น แค่นี้ก็เป็นสัญญาณที่ดีแล้ว

“ไม่ได้เจ็บแค่ตกใจ”

หน้าตาทิคดูคลายความเครียดลงเมื่อได้ยินและยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลมาให้บาส

“อะไร”

“วิตามินซี อาหารเสริม แคลเซียม เยอะอะไรเขาว่าดีกูเอามาหมดแหละ”

บาสเงยหน้าจากถุงตรงหน้าขึ้นมองทิคทันที

“เอามาให้ทำไมเยอะแยะเปลืองตัง”

“เปลืองอะไรพี่กูเป็นหมอเขาเอามาให้”

คิดไว้แล้วแหละว่าบาสต้องพูดเรื่องนี้แต่เสียใจทั้งหมดนี้ไปปล้นมาจากพี่สาวจริงๆนะอะไรเขาว่าดีเอามาให้หมด

“แผลเป็นไงบ้าง”

ทิคถามหลังจากเห็นแผลเมื่อบาสยื่นมือมารับถุงยาไป

“ดีขึ้นแล้ว ทู้กกกกอย่างในตัวดีหมดแล้วไม่ต้องห่วง”

บาสพูดลัดแบบล้อเลียนคิดว่าทิคต้องถามนู่นถามนี่อีก

“ใครบอกว่ากูห่วงมึง”

แต่คำพูดที่ได้กลับมาทำให้หน้าแตกยิ่งกว่าแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นจนต้องทำหน้าเจือนๆแก้เก้อทันที

“กูหวงต่างหาก”

นี่มันตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ บาสเผยยิ้มแทบจะหุบไม่ทันมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้มองไปทางอื่นถึงจะทำเป็นพูดเบาๆลอยๆแต่ก็รู้นะว่าจงใจให้ได้ยิน

“กินข้าวให้ตรงเวลากูต้องไปล่ะ”

ทิคพูดแล้วยิ้มให้มองดูรอบๆเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจจึงรีบยื่นมือมาวางลงบนหมวกบาสแล้วขยี้เบาๆสองสามครั้งแล้วรีบเดินจากไป

บาสยืนยิ้มบางๆกับสิ่งที่ถูกกระทำเมื่อครู่หันไปมองตามทิคที่เดินกึ่งวิ่งออกไปแล้วหันกลับมามองถุงยาในมือ

“เป็นเพื่อนกันหรอครับ”

!

เสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้บาสตกใจหันกลับไปมอง ใครก็ไม่รู้ที่กำลังยืนมองมา

“คุณ หมายถึงใครหรอครับ”

“คุณกับทิค”

เขาพูดแล้วหันไปพยักหน้าทางทิคที่เดินจากไปแล้วไกลๆ

รู้จักทิคด้วย ไม่ได้ใส่ชุดพนักงาน แล้วเป็นใคร

“ครับ”

แต่ถึงจะงงงวยขนาดไหนก็ตอบคำถามที่เขาถามออกไป คนแปลกหน้าพยักหน้ารับรู้

“ผมมาร์คนะ”

เขาแนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือมาหา บาสจึงยื่นมือไปจับและแนะนำตัวตามมารยาทกลับ

“ผมบาสครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ เดี๋ยวเราคงได้เจอกันบ่อยขึ้น”

“คะ.ครับ”

ตอบรับไปแบบงงๆคืองงได้อีก อะไรของเขาตั้งแต่มาจนจากไปก็ยังคงทิ้งความค้างคาใจให้ไม่เลิก


ขณะกำลังเลิกงานจะกลับบ้านสายตาก็เหลือบไปเห็นพี่มานพกำลังยืนคุยอยู่กับคนที่เข้ามาแนะนำตัวกับเขาเมื่อเช้า บาสเพ่งสายตามองดูจนแน่ใจว่าใช่แต่ก็ไม่ได้อะไรหันกลับมาสนใจเดินไปที่รถซึ่งทิคกำลังรออยู่ เขาต้องไปล้างแผลที่คลินิกจนกว่าแผลจะแห้งตามคำบอกของหมอนั้นเอง ทิคจึงอาสาเป็นคนไปส่งทุกครั้ง

“อ่ะ”

พอปิดประตูรัดเข็มขัดบาสก็ยื่นน้ำผลไม้กระป๋องที่เปิดให้เรียบร้อยให้ทิคซึ่งเขาแวะกดจากตู้กดน้ำที่มีอยู่ทั่วโรงงานของคนญี่ปุ่นเสร็จแล้วก็หยิบของตัวเองขึ้นมาเปิดดื่มบ้าง

“อื้ม เมื่อเช้ามีคนมาถามด้วยว่าเราเป็นเพื่อนกันหรอ”

ยกดื่มไปได้อึกหนึ่งบาสก็พูดเรื่องที่นึกขึ้นได้เล่าให้ทิคฟัง

“หรอ”

“เขารู้จักมึงด้วยนะ”

“ใคร”

ทิคถามแบบไม่ได้มองเพราะกำลังให้ความสนใจเลี้ยวรถออกจากที่จอดรถ

“เขาบอกชื่ออยู่ แต่กูจำไม่ได้ อะไรน๊า”

ทิคแสยะยิ้มเสียงดังแล้วพูดออกไป

“กูเห็นประโยชน์จากยาที่กูขนมาให้มึงวันนี้ลางๆแล้วละ”

“กวนละๆ”

บาสว่ากลับเมื่อรู้ว่าทิคกำลังพูดว่าตนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อหันมาสนใจเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ส่วนทิคก็ขับรถ



หลังจากโทรไปกำชับไอ้เบอะให้กินยากินข้าวให้ตรงเวลาเสร็จทิคจึงวางสายเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วถือแฟ้มออกจากห้องพร้อมไปลุยงานวันนี้

“ทิค”

แต่ยังไม่มันจะได้เดินเข้าไปในไลน์ก็ถูกเรียกซะก่อนจึงต้องหันกลับไป

“ครับพี่มานพ”

“เดี๋ยววันนี้จะมีเอ็นจิเนียร์คนใหม่ที่จะมาอยู่กับเรามาดูงานนะ จริงๆก็มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วละแต่พี่ยังไม่ได้พาเข้าแอส ยังไงพี่ฝากทิคช่วยดูแทนพี่ด้วยนะวันนี้พี่ยุ่งคงได้เข้าแอสเย็นๆเลย”

“ได้ครับ”

ทิคยิ้มรับคำสั่ง มานพยื่นมือมาตบไหล่ ทิคเป็นลูกน้องที่สั่งงานแล้วได้ดั่งใจที่สุดและไม่เคยทำพลาดสักครั้ง

“พูดถึงก็มาพอดี มาร์คทางนี้”

มานพเอนสายตาไปตะโกนมองจากด้านหลังเขา ทำให้ทิคต้องหันมองตาม

!!!

หันไปมองก็แทบช็อค

คนที่กำลังเดินมาแต่ไกลทำให้ทิคแทบจะหยุดหายใจเมื่อรู้ว่าใช่แน่ๆชาตั้งแต่หัวยันเท้าเมื่อได้เจอสิ่งที่ไม่อยากเจออีกมาตลอดชีวิต

ต่อให้เห็นแค่ปลายเล็บเขาก็จำได้

จำได้ไม่มีวันลืม


ไอ้มาร์ค


“สวัสดีครับพี่มานพ สวัสดีครับ..ทิค”

คนมาใหม่หันไปกล่าวสวัสดีผู้มีตำแหน่งสูงกว่าแล้วหันมาหาทิคที่ยืนนิ่งอยู่ ทิคแอบกำหมัดแน่นเก็บอารมณ์เมื่อคิดว่าตัวเองมีสติพอแล้วจึงเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้านิ่งๆ

“วันนี้พี่ติดธุระพี่ฝากมาร์คให้ทิคช่วยดูแลแล้วไม่ต้องห่วงนะทิคเป็นคิวซีเอ็นจิเนียร์มือหนึ่งของโรงงานเลยก็ว่าได้”

มานพว่าอย่างภูมิใจในตัวลูกน้องที่ตัวเองปลุกปั้นขึ้นมาให้คนใหม่ฟัง

“ผมเชื่อครับ...เพราะผมรู้จักมานาน”

“อ้าว รู้จักกันหรอ”

มานพถามด้วยสีหน้าแปลกใจมองทั้งสองคนสลับไปมา

ทิคเอาแต่ยืนเงียบไม่ตอบคำถามผู้เป็นหัวหน้าไม่แสดงอาการอะไรร่วม มาร์คมองยิ้มมุมปากแล้วเป็นฝ่ายพูดออกไป

“เปล่าครับ ผมหมายถึงผมพอจะรู้จักคนที่ทำงานเก่งแบบคุณทิคมาเหมือนกัน”

มาร์คพูดพร้อมกับมองหน้าทิคที่ยืนก้มหน้าไปด้วยแล้วหันไปยิ้มให้มานพ

“งั้นขอให้ทุกคนตั้งใจพี่ต้องไปแล้ว”

มานพเงยหน้าจากนาฬิกาข้อมือขึ้นยิ้มให้ทั้งคู่แล้วเดินจากไป มาร์คหันไปมองส่งตามมารยาทแล้วหันกลับมาหาคนที่ยืนนิ่งอยู่

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..เพื่อนรัก”

“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

ทิคไม่สานต่อคำพูดของมาร์ครีบตัดบทแล้วเดินไปทันที

“อย่ามายุ่งกับกู!”

ทิคหันกลับไปตะคอกเสียงแข็งแบบกดๆกัดฟันกรอดๆเก็บอารมณ์
เมื่อแขนถูกดึงไว้

“ทำไมต้องเสียงดังวะเพื่อนหรือว่า...ยังไม่หายหรอ”

“ไอ้มาร์ค!”

ทิคเรียกชื่อเสียงแข็งมองคนตรงหน้าเหมือนจะฆ่าให้ตายตรงนี้ แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์ไว้แล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นก่อนที่จะทนไม่ไหว

เขารีบเดินกลับไปที่ห้องทำงานเปิดลิ้นชักด้วยมือสั่นๆจนของตกระเนระนาดควานหาตลับยาที่พี่สาวจัดมาให้เมื่อเจอแล้วก็รีบเปิดฝาเทมันลงบนฝ่ามือส่งเข้าปากแล้วรีบกลืนลงคอคว้าขวดน้ำที่วางไว้มากระดกลงคอจนเกือบหมดขวด แล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานตรงไปที่ห้องน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


“มึงยังไม่หายจริงๆด้วย”

มาร์คพูดกับตัวเองด้วยใบหน้านิ่งไร้ความรู้สึกหลังจากที่แอบมองการกระทำของทิคอยู่ห่างๆ



ซ่า!!!


น้ำจากก๊อกของอ่างล้างหน้าถูกเปิดและถูกกวักขึ้นใส่หน้าแรงๆไปหลายครั้งจนเปียกไปถึงผม ทิคมองตัวเองในกระจกเมื่อเริ่มสงบลงชุดทำงานเปียกไปครึ่งตัวเพราะน้ำเขากำหมัดแน่นไม่ใช่เพราะโกรธแค้นอะไรแต่ทำเพื่อเก็บอารมณ์

มาทำไม!

มันมาทำอะไรที่นี่ ในเมื่อก็รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่

ต้องการอะไร!

มาอยู่ด้วยกันเขาจะเก็บอารมณ์ไว้ได้นานแค่ไหนสักวันมันต้องระเบิดออกมาและคนทั้งโรงงานต้องรู้

บาสก็จะรู้ด้วย

ไม่ได้!

ไม่ได้เด็ดขาด!

เขาต้องจัดการเรื่องนี้ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่องว่ามันต้องการอะไร



“ทิค”

“.........”

“ทิค”

เสียงเรียกครั้งที่สองทำให้คนที่นอนเอาแขนรองหน้าตัวเองอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหลังอาคารลืมตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นบาสที่ยืนมองอยู่จึงค่อยๆเหยียดตัวขึ้นไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนรู้แค่มึนเพราะฤทธิ์ยาแน่ๆ

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า”

ทิคยิ้มจางๆให้เมื่อบาสมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง

“ทำไมหน้าซีดๆวะทิค”

บาสถามด้วยสีหน้ากังวลอีกครั้งเมื่อมองดีๆหน้าทิคซีดจนเห็นได้ชัด

“วิ่งงานในไลน์ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยถึงให้มึงซื้อมาให้กินไง”

ทิคยิ้มให้อ้อนๆดึงแขนบาสให้นั่งลงแล้วเปิดถุงที่บาสซื้อมาดู

“ไหนได้ไรมากิน”

“ให้กูเดินมาหาเนี่ยคิดว่ากูเหนื่อยไหม แอสมึงกับแอสกูห่างกันเป็นประเทศ”

ปากบ่นมือก็แกะกล่องข้าวไปด้วย ทิคมองบาสยิ้มๆแล้วยื่นมือไปรับช้อนส้อมที่บาสแกะยื่นมาให้

“แล้วก็แสดงว่าห่วงกูยังงั้นห่วงกูยังงี้เพราะป่วยอยู่ แต่ให้กูเดินข้ามประเทศมาหา”

ยัง ยังไม่เลิกบ่น แต่ปากบ่นมือก็ทำให้ทุกอย่างอยู่ดีขวดน้ำถูกเปิดฝาพร้อมหลอดส่งมาให้

“กูก็ป่วยนะ”

ทิคพูดเสียงเบาบ่นลอยๆ

“หรอ ป่วยเป็นอะไร”

บาสถามสีหน้าหาเรื่องว่าคุณชายจะมาไม้ไหน

“ก็เพราะหิวข้าวไง”

ทิคพูดออกไปแล้วตักข้าวขึ้นกิน บาสเบ้หน้าให้เมื่อได้ยินคำตอบหันมากินของตัวเอง

ทิคแอบเงยหน้ามองคนข้างๆที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยใบหน้านิ่งๆเผลอมองนานจนบาสหันมาเจอ

“ข้าวไม่อร่อยหรอ กูไม่รู้ว่ามึงจะกินอะไรอะ”

“เปล่า อร่อยมาก เป็นข้าวมื้อที่กินแล้วมีแรงที่สุดเลย”

ทิคพูดจากความรู้สึกจริงๆแต่บาสคิดว่าทิคพูดเล่นจึงส่ายหัวเอือมๆให้

“ถ้ามันอร่อยมากขนาดนั้น งั้นก็กินๆเข้าไป”

บาสว่าแล้วไสของทุกอย่างบนโต๊ะไปหาทิคยังไม่พอตักผัดกระเพราของตัวเองให้ทิคอีก เล่นกันหัวเราะไปมาจนเลิกเล่นไปไหนที่สุด

แต่ถึงอย่างนั้นทิคก็ยังไม่เลิกแอบมองบาสอยู่ดี


รู้ว่าไกล รู้ว่าเหนื่อย ขอโทษนะ

แต่อยากให้มาอยากเจอหน้าขอต่อกำลังพอให้พ้นวันนี้ไปก็พอ

กูป่วยจริงๆนะบาส กูไม่ได้พูดเล่น...

หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า 01/09/18
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-08-2018 22:44:10
ตัวละครใหม่มาอีกละ ทิคมีเรื่องอะไรเป็นความลับนะ
มาต่อเร็วๆ เลย ทำให้คนอ่านกังวล
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า 01/09/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-08-2018 00:16:57
หวั่นใจกับตัวละครใหม่จัง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า 01/09/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-08-2018 07:09:14
 :hao4:


ตัวละครลับมาอีก
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า 01/09/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-08-2018 07:38:58
 :pig4: :pig4: :pig4:

คงจะเป็นโจทก์เก่าสินะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า 01/09/18
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 02-08-2018 08:57:51
ทิคสู้ๆ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า 01/09/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 02-08-2018 11:35:40
ทิคป่วยเป็นอะไรอยากรู้ มาร์คมาร้ายแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า 01/09/18
เริ่มหัวข้อโดย: ปูนา555 ที่ 03-08-2018 08:04:17
เป็นโรคซึมเศร้าแน่เลยอั
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า 01/09/18
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-08-2018 11:22:19
มาร์คเพิ่มสีสันในด้านร้าย ให้คู่รักซิเนอะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า 01/09/18
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 03-08-2018 12:21:53
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า 01/09/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-08-2018 14:52:24
สาเหตุทีาทิคป๋วยเพราะมาร์คใช่ไหมท่าทางมาร์คคงนิสัยแย่ขี้แย่งแน่เลย
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 28..เงาตามตัว 09/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 09-08-2018 21:45:05
28..เงาตามตัว

กว่าจะผ่านวันนี้ไปได้แทบจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่มาร์คไม่ได้พูดกวนประสาทหรือทำอะไรให้ แต่แค่เห็นหน้า แค่ได้ยินเสียง คนมันไม่ชอบมันก็ไม่ชอบทั้งนั้น มันอึดอัดและน่าขยะแขยงที่ต้องทำเป็นยินดีปรีดาที่ได้ร่วมงานกันต่อหน้าคนอื่น ทั้งที่ในใจรู้ดีว่ารู้สึกยังไงต่อกัน

การโกหกบุพการีไม่ดีสิ่งนั้นเขารู้ หลังๆมานี่เขากลับมาอยู่บ้านตามคำขอแม่แต่ความรู้สึกแย่ๆวันนี้ทำให้ไม่มีความอยากอาหารจนต้องโกหกว่าทานมาจากข้างนอกแล้ว ได้แต่บอกว่าวันนี้เหนื่อยเลยขออาบน้ำนอนเร็ว


อึก

เฮือก

จากที่นอนดิ้นขยับตัวไปมาเฉยๆตอนนี้เริ่มดิ้นแรงจนผ้าห่มหลุดออกจากตัว มือยกขึ้นจับหัวตัวเองเสียงครวญครางดังขึ้นเรื่อยๆเพราะสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัว


“ทิค”

“ทิค!”

“โอ้ย อึก ไม่ ไม่!”

“ทิค ลืมตา!”

“ไม่ได้ทำ ไม่!”

“ทิค!”


เสียงเรียกชื่อครั้งสุดท้ายดังจนทำให้ลืมตาไม่รู้ว่าเสียงจากความคิดหรือจากไหน แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นคนที่รู้ว่าอยู่ด้วยแล้วจะปลอดภัยก็ทำเอาต้องซุกตัวเข้าหา

“พ่อ”

“ใช่ พ่อเองลูก พ่อเอง”

คนเป็นพ่อดึงลูกชายเข้ามาไว้ในอกแน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้พร้อมกับลูบหัวปลอบ

“ทิคไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำจริงๆ”

คำพูดปนเสียงสะอื้นดังออกจากอกทั้งที่ตายังหลับอยู่แต่มีน้ำตาคลออยู่ตรงหางตาสภาพลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตอนนี้ทำให้คนเป็นแม่ที่ยืนกุมมือข้างซ้ายลูกชายอยู่ต้องร้องไห้ตามเมื่อเห็นลูกเจ็บปวด คนเป็นหัวหน้าครอบครัวทำได้แค่ดึงคู่ชีวิตมากอดไว้อีกคนทั้งที่อกยังคาลูกชายอยู่

“ไม่เป็นไร ลูกไม่เป็นไร”

ได้ยินสามีพูดแบบนั้นน้ำตาก็ยิ่งไหล เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นประจำที่กลางคืนจะมีเสียงโหยหวนทรมานถ้าทิคกลับมานอนบ้านนี่คือเหตุผลที่อยากให้กลับมาอยู่บ้านด้วยกันกลางคืนถ้านอนฝันร้ายจะมีใครปลอบอยู่ที่นี่ยังมีเธอและสามีคอยปลอบแต่ลูกชายก็ยังยืนยันจะออกไปอยู่คนเดียวโดยอ้างว่าโตแล้วอยากลองใช้ชีวิตเองแต่ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าลูกชายไม่อยากให้คนในครอบครัวต้องมารับรู้เรื่องแบบนี้เพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าตัวเองอ่อนแอและน่าสมเพชนี่คือความคิดของลูกชายเธอรู้ดี

“คุณไปนอนเถอะเดี๋ยวผมอยู่กับลูกเอง”

คนเป็นสามีพูดขึ้นหลังจากที่ลูกสงบไปแล้ว

“ฉันอยากอยู่กับลูก”

เธอสบตาสามีแล้วหันมามองลูกชายที่ถูกสามีกอดไว้คาอก คนเป็นสามีพยักหน้าเห็นด้วยแล้วค่อยๆดึงตัวลูกออกจากอกนอนลงกับหมอนช้าๆทั้งคู่นอนคนละฝั่งโดยที่ลูกนอนอยู่ตรงกลางคนเป็นพ่อหันไปปิดโคมไฟคนเป็นแม่ก็จับมือลูกไว้ไม่ปล่อย


“ทิค”

“ทิค ตื่นเถอะลูก”

เสียงเรียกพร้อมกับแรงจับที่แขนทำให้คนที่กำลังจมอยู่ในห้วงนิทราลืมตาขึ้นกระพริบตามอง

“ไหวไหมลูกหยุดพักสักวันไหม”

แม่ก้มลงถามเสียงแผ่วพร้อมกับใช้มือเสยผมลูกชายขึ้นอย่างเบามือ ทิคส่ายหัวไปมาปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรแม่ ทิคไหว”

แม่มองด้วยสายตาเป็นห่วงแต่ก็ไม่อยากขัด

“งั้นเดี๋ยวแม่ลงไปต้มข้าวต้มให้ กินอะไรร้อนๆจะได้มีแรง”

ทิคพยักหน้า แม่ยิ้มให้ทิ้งท้ายแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินออกจากห้องไป

คนอยู่บนเตียงดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างถอนหายใจออกยาวเหยียด แล้วหันกลับมาหย่อนขาลงลุกขึ้นจากเตียงตรงเข้าห้องน้ำ



“สวัสดีค่ะ”

ทิคที่กำลังก้มหน้าก้มตาเดินไปแอสต้องเงยหน้าขึ้นกล่าวคำทักทายกลับเมื่อมีคนกล่าวทักทายมา

“สวัสดีครับ”

เมื่อยิ้มให้กันพอเป็นพิธีเสร็จแล้วต่างฝ่ายต่างรีบเดินต่อ มือหนึ่งถือแฟ้มมือหนึ่งก็ยกขึ้นจับท้ายทอยตัวเองบีบเพื่อหวังว่าจะทำให้คลายความกังวลลงบ้างแต่อยู่ดีๆก็มีกาแฟปริศนาแก้วหนึ่งยื่นมาตรงหน้าจนทำให้ต้องหยุดเดินแต่เมื่อหันมองที่มาก็ทำเอาคิ้วทิคขมวดทันที

“มาทำงานสายแบบนี้ได้กาแฟสักแก้วจะได้ตื่น”

“ไม่จำเป็น!”

ทิคปัดแก้วกาแฟในมือมาร์คออกห่างจนมันตกลงพื้นมาร์คมองกาแฟของตัวเองที่หกอยู่ที่พื้นและมือตัวเองที่ถูกกาแฟร้อนๆลวกแล้วตวัดตามองตามทิคที่กำลังจะเดินหนีด้วยความโกรธ

“ทำไมพนักงานดีเด่นถึงมาทำงานสายละหรือว่า...เครียดจนโรคกำเริบ”

ทิคหยุดเดินหันกลับไปมองมาร์คด้วยสายตาแข็งกร้าวแล้วเดินเข้าไปประชิดตัวมาร์ค

“หุบปากหมาๆของมึงเดี๋ยวนี้!”

“หึ”

มาร์คสถบเสียงขึ้นจมูกแล้วจ้องทิคกลับด้วยสายตายิ้มแย้มและเป็นมิตร

“ก็แค่เป็นห่วงเห็นเพื่อนร่วมงานป่วยจนหน้าตาทรุดโทรม ก็แค่นั้น”

“มึงต้องการอะไรมึงพูดมาเลยดีกว่าไอ้มาร์ค!”

ทิคถามออกไปเสียงแข็งอย่างเหลืออดเขาทนเล่นสงครามประสาทกับมาร์คไม่ไหวแล้วร้ายใส่กันตรงๆสิมาทำดีใส่เพื่ออะไร ต้องการอะไร

มาร์คยิ้มมองกลับด้วยใบหน้าเป็นมิตร แต่มันกลับค่อยๆจางลงและหายไปในที่สุดและเปลี่ยนมาเป็นใบหน้านิ่งไร้ความรู้สึกและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“บอกไปมันก็ไม่สนุกสิ สู้สะกิดมึงทีละนิดให้มึงอยู่ไม่สุขสนุกกว่าตั้งเยอะ”

ทิคดึงคอเสื้อมาร์คทันทีพร้อมกับอ้ามือที่กำหมัดพร้อมต่อยขึ้น แต่ก็ชะงักไว้แค่นั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังหลงกลมาร์คจึงได้แต่ค้างมือไว้กลางอากาศและกัดฟันด้วยความโกรธ

มาร์คเห็นแบบนั้นก็ยิ้มเยาะเย้ยเมื่อทิคทำอะไรตัวเองไม่ได้เขายกมือขึ้นจับแขนทิคที่จับคอเสื้อเขาไว้ออกสะบัดเสื้อตัวเองที่ยับให้เข้าที่แล้วเดินยิ้มจากไป ทิคทำได้แค่มองตามกำหมัดแน่นโกรธจนตัวสั่นกับสิ่งที่ถูกกระทำเมื่อครู่แต่เมื่ออยู่ในที่ทำงานก็ต้องเก็บเรื่องส่วนตัวไว้จึงรีบปรับอารมณ์ให้เข้าที่แล้วเดินต่อ

“ไหวเปล่ามึง ทำไมไม่หยุดไปเลยวะ”

ทันทีที่ถึงห้องทำงานตี๋กับนนก็ปรี่เข้ามาหาและถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อรู้จากมานพเมื่อเช้าว่าทิคจะเข้าโรงงานสายเพราะไม่ค่อยสบาย

“โอเคแล้ว”

ทิคยิ้มให้เพื่อนแล้วหันกลับไปสนใจเอกสารค้างบนโต๊ะ

“โอเคแน่นะ ช่วงนี้มึงดูซึมๆไปนะทิค”

นนถามเป็นคำถามที่ทำเอาทิคชะงักนิดๆ แต่ก็ปรับสถานการณ์กลับไปยิ้มให้เพื่อน

“โมเดลใหม่ทำพิษเฉยๆไม่มีไร พวกมึงจะสันนิษฐานโรคให้กูอะไรกันนักเนี่ย”

ทิคปัดมือตี๋ที่กำลังจับหน้าเขาหันไปมาออกพร้อมกับโบกมือไล่

“ไปทำงานไป”

“เออ พวกกูอุตสาห์เป็นห่วง อย่ามาตายทิ้งงานให้พวกกูแล้วกัน”

“ไม่ได้ห่วงกูเลย”

ทิคส่ายหัวยิ้มๆให้เพื่อนทั้งสองแต่ระหว่างที่กำลังเล่นกันอยู่นั้นประตูก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับคนมาใหม่ที่ทำให้รอยยิ้มบนหน้าหายไปทันที

“ผมซื้อกาแฟมาฝากครับ”

“ขอบคุณครับ ไปช่วยเขาถือดิไอ้นน”

ตี๋ยิ้มแป้นให้มาร์คแล้วสะกิดนนที่ยืนเฉยอยู่ข้างๆให้ไปรับกาแฟสามแก้วจากมือมาร์คมา

“เกลือแร่ของคุณทิคนะครับ”

มาร์คพูดถึงหนึ่งในสามแก้วที่แตกต่างนนมองแก้วในมือตัวเองที่มีแก้วหนึ่งเป็นน้ำสีเหลืองแล้วเข้าใจเดินเอาไปให้ทิคที่นั่งนิ่งหันหลังให้อยู่

“ใส่ใจเพื่อนร่วมงานดีจังเลยนะครับขนาดเพิ่งมาใหม่แท้ๆ”

ตี๋พูดพร้อมกับยิ้มให้ มาร์คจึงยิ้มตอบแบบเขินๆจากนั้นต่างก็แยกย้ายกัน

ทิคกำปากกาในมือแน่นหลับตาข่มอารมณ์กับสิ่งที่มาร์คกำลังแสดงละครเป็นคนแสนดี

“รีบๆกินนะครับเดี๋ยวไม่มีแรงสู้”

ทิคหันขวับไปตามเสียง

“งาน”

รอยยิ้มบนหน้ามาร์คที่ส่งมามันแสนจะเสแสร้งจนน่าขยะแขยงสิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คือออกไปจากที่ๆน่าอึดอัดนี้คิดแค่นั้นทิคก็คว้าแฟ้มประจำตัวแล้วลุกออกจากห้องไป



“จริงๆถ้ามันไม่ได้เคลื่อนจากค่าเดิมมากก็พอทำต่อได้นะครับแต่ไม่ควรเกินสิบเครื่อง”

“ครับ แต่บางทีมันก็กลับไปค่าเดิมแล้วน็อตก็ลงไม่ตรงล็อกบ่อยๆ”

“อืม”

บาสลากเสียงเมื่อฟังปัญหาจากพนักงานประจำจุด

“เครื่องนี้ปัญหาเยอะเกินแล้วต้องให้วิศวะเครื่องมาดูให้แน่ชัดอีกที”

บาสจดรายงานปัญหาลงแฟ้มที่ถืออยู่แล้วเดินแยกออกมาหลังจากเคลียร์ปัญหาเสร็จ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องแปลกใจเมื่อเจอทิคยืนอยู่ไกลๆมองมาเขาจึงยิ้มให้แล้วเดินเข้าไปหา

“มาทำไร”

“มาหา”

บาสขมวดคิ้วมองทิคทันที

“กูหรอ”

“อื้ม”

ทิคตอบสั้นๆแล้วยิ้มให้ บาสจึงคลายคิ้วในตอนแรกแล้วยิ้มตอบถามอีกรอบ

“มีอะไร”

“อยากเห็นหน้าเฉยๆ”

ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันจนทิคพูดขึ้น

“ได้เห็นแล้ว กลับละ”

พูดเสร็จก็ยิ้มให้แล้วหันหลังเดินกลับออกไป

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

เท้าหยุดเดินทันทีที่ได้ยินคำถาม ทิคตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งถึงหันกลับไปหาบาสรอยยิ้มเสแสร้งที่สร้างขึ้นมาค่อยๆหุบลง เขาพยักหน้ายอมรับคำถามช้าๆถ้าเป็นเมื่อก่อนคนหยิ่งทะนงไม่ให้ใครเห็นว่าตัวเองอ่อนแออย่างเขาคงปฏิเสธไปแล้วแต่ครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่กำลังเจอมันไม่ไหวจริงๆ

“แย่มากเลยหรอ”

บาสถามอีกครั้ง ทิคพยักหน้าเป็นคำตอบก้มหน้ามองต่ำด้วยใบหน้าซึมๆบาสรับรู้ถึงความทุกข์ความกังวลของทิคทันทีว่าคงมากเกินรับไหวจริงๆเพราะทิคไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

อยากจะจับมือมาบีบแรงๆให้กำลังใจก็ทำไม่ได้เพราะสถานที่ๆอยู่ตรงนี้มันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนคุยอยู่ห่างๆเหมือนเพื่อนร่วมงานทั่วไป

“ทนให้พ้นวันนี้ไปได้ไหม”

ทิคเงยหน้าขึ้นมองบาสที่กำลังส่งยิ้มบางๆมาให้ถึงจะไม่ใช่ยิ้มแป้นตาหยีแต่ก็เป็นยิ้มที่รู้ว่าบาสกำลังให้กำลังใจเขาอยู่

“ทำให้กูได้หรือเปล่า”

บาสถามอีกครั้งมองทิคไม่ละสายตา

“ได้ กูทำได้”

ทิคพูดจบรอยยิ้มก็ปรากฏบนหน้าคนทั้งสองแต่ยิ้มให้กันได้ไม่นานก็ต้องละจากเมื่อเสียงบงกชเริ่มดังมาแต่ไกลบาสหันไปมองแล้วหันกลับมาหาทิคมองตาก็รู้กันเขาค่อยๆถอยหลังที่ละก้าวโดยที่สายตายังไม่ละจากทิคเดินถอยหลังไปได้สี่ห้าก้าวถึงหันกลับไปเดินเต็มตัวแล้ววิ่งไป

ทิคมองตามหลังบาสแล้วยิ้มบางๆกับตัวเองจนบาสหายไปจนสุดสายตาถึงหันกลับไปเดินบ้างแต่เมื่อกลับมาแอสตาก็เหลือบไปเห็นมาร์คกำลังคุยอยู่กับพิมพ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มโดยมีตี๋และนนอยู่ด้วย

ทุกคนดูมีความสุขเมื่ออยู่กับมาร์คมากกว่าเขาเสียอีกอยู่กับเขาคงจริงจังเรื่องงานมากเกินไปบางทีเพื่อนเล่นมาก็ไม่เล่นกลับอยู่ในโหมดส่วนตัวของตัวเองประจำ แต่สำหรับมาร์ค มาร์คดูเข้าได้กับทุกคนและเหมือนทุกคนจะรักมาร์คแล้วถึงจะมาได้ไม่นาน

ในใจทิคเริ่มหวั่น ว่ามาร์คจะพูดเรื่องของเขาให้ทุกคนรู้ความกลัวเริ่มเข้ามาปกคลุมเป็นเหมือนเงาคอยตามตัวเขาตลอดเวลามาร์คคุยหรืออยู่กับใครทำอะไรเขาก็กังวลไปหมดจนไม่มีสมาธิกับงาน


“กูโอเคขึ้นแล้ว”

(ไม่เป็นอะไรแน่นะ)

“อื้ม”

(งั้นก็ดีแล้วได้ยินแบบนี้กูก็หายห่วง)

“ขอบคุณนะ”

(เออ รีบกลับไปพักผ่อนละ)

“มึงเหมือนกัน”

(อื้ม กลับดีๆ)


ทิคทิ้งโทรศัพท์ออกจากหูเมื่อวางสายจากบาส เขายังไม่กล้าพอที่จะให้บาสรับรู้เรื่องราวของเขา เขาจึงเลือกที่จะโกหกอีกครั้งและอีกครั้ง ทิคไม่ได้กลับบ้านอย่างที่บอกบาสเขาตรงไปโรงพยาบาลที่พี่สาวทำงานอยู่ต่างหาก

แต่ถึงจะมาถึงแล้วแต่เพราะพี่สาวติดคนไข้ทิคจึงต้องมารอในห้องทำงานของพี่สาวรอ

“ว่าไงคุณน้องชายลมอะไรหอบมา”

ผู้เป็นพี่เปิดประตูเข้ามาในห้องก็ร้องถามทันทีเพราะนานๆทีน้องชายจะมาหาถึงที่

“ทับ”

“ว่า”

คนเป็นพี่ตอบรับคำเรียกจากน้องชายทันที

“ไอ้มาร์คมันกลับมา มันไปทำงานกับเราที่โรงงานทำยังไงดี ทำยังไงดีทับ”

“ใจเย็นทิค”

ผู้เป็นพี่พูดเบรกน้องชายที่กำลังพูดด้วยน้ำเสียงและหน้าตาตื่นตระหนก

“มันต้องคิดจะทำอะไรแน่ๆ”

ทิคพูดด้วยหน้าตาตึงเครียดจนผู้เป็นพี่ต้องยื่นมือไปจับมือน้องชาย

“มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะทิคอย่าเพิ่งคิดไปก่อนเลย”

“มันถามว่าเรายังไม่หายใช่ไหม มันว่าเรายังไม่หายบ้าทับ มันว่าเรา มัน..”

“ทิค”

ทับทิมร้องเรียกชื่อน้องชายเมื่อเห็นหน้าตาเหมือนจะร้องของน้อง เธอดึงหัวน้องชายเข้ามาตรงท้องกอดไว้แล้วลูบหัวปลอบ

“มันเล่นสงครามประสาทกับเราจนเราจะเป็นบ้าแล้วทับมันตีสนิทกับทุกคน มันเข้ากับทุกคนได้เรากลัวมันบอกคนอื่น...เรากลัว”

ทับทิมกระชับกอดทิคแน่นขึ้นอีก

“ถ้าใครเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเราแล้วเขารับไม่ได้ทั้งที่เราทำดีกับเขามาตลอดทิคก็อย่าเอาความรู้สึกไปผูกกับเขาเลยแสดงว่าเขาไม่ได้จริงใจและมองตัวตนจริงๆของทิค มีครอบครัวเราที่รักทิคก็พอแล้วต้องแคร์ใคร”

“เราไม่อยากเจอมัน เราไม่อยากเจออะไรที่ทำให้เรากลับไปรู้สึกแบบเดิมอีก”

“เราไม่ได้...บ้านะทับ”

ทิคพูดด้วยเสียงติดขัดจะร้องแต่ข่มไว้กระชับกอดเอวพี่สาวแน่น

“เราปกติเหมือนคนอื่น เราเหมือนคนอื่น”

“พี่รู้ พ่อก็รู้แม่ก็รู้”

ผู้เป็นพี่พูดแล้วดึงน้องชายที่กำลังกอดเธอออกจากเอวแล้วก้มลงไปมองหน้าน้องชาย

“อย่าอ่อนแอให้เขาเห็นเขาจะทำอะไรทิคไม่ได้ถ้าทิคเข้มแข็ง สติเท่านั้นทิค วันนี้ทิคยังทำได้เลยทำไมวันต่อๆไปทิคจะทำไม่ได้ จริงไหม”

ทับทิมใช้มือทั้งสองข้างของเธอจับหน้าน้องชายให้สบตาเธอยิ้มให้กำลังใจแล้วดึงเข้ามากอดอีกรอบ เธอรู้ว่าน้องชายตัวเองต้องเจอกับอะไรบ้างความทุกข์ของน้องมันมากจนถ้ารับมาไว้กับตัวเองได้เธอก็อยากรับมันมาไว้เอง ตัวตนที่แท้จริงทิคเป็นเด็กน่ารักแต่ที่ต้องทำตัวร้ายแข็งกระด้างไม่สนใจโลกก็เพราะอยากปิดปมด้อยของตัวเอง ภายนอกดูร้ายแต่ใครจะรู้ว่าข้างในน้องชายเธออ่อนไหวยิ่งกว่าปุยนุ่น ภายนอกดูเพียบพร้อมยิ่งกว่านิยายใครจะรู้ว่าภายในน้องชายเธอโดดเดี่ยวเหมือนยืนอยู่ริมหน้าผาคนเดียวนั้นคือสิ่งที่เธอรับรู้มาตลอด


“บาส”

เจ้าของชื่อที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องๆหนึ่งไม่ได้หันไปหาคนเรียก จนคนเรียกต้องเดินเข้ามาหา

“แม่ตามหาตั้งนาน มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ลูก”

“บาส”

“.......”

“บาสลูก”

บาสสะดุ้งหันมองเมื่อแม่เรียกอีกครั้งพร้อมกับยื่นมือมาจับแขน

“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”

แม่ถามด้วยความสงสัยเมื่อบาสไม่ตอบอะไรเลยเอาแต่ยืนนิ่งจนดูแปลกไป

“เปล่าครับ”

บาสตอบเสียงเรียบมองแม่แล้วถามกลับ

“แม่เสร็จแล้วหรอ”

“จ้ะ กลับกันเถอะ”

บาสพยักหน้าให้แม่แล้วรับถุงยาในมือแม่มาถือแม่ยิ้มให้แล้วจับมือลูกชายเดินออกมา

บาสหันกลับไปมองห้องๆนั้นที่เขาจากมาอีกครั้ง แต่ก็ต้องหันกลับมาเมื่อแม่ชวนคุยจนไม่ได้หันกลับไปมองอีกเลย...


หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 28..เงาตามตัว 09/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 09-08-2018 22:01:10
ขอให้บาสรับได้ด้วยเถิดทคเป็นคนน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 28..เงาตามตัว 09/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 09-08-2018 22:41:36
สู้ๆทิค  :L2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 28..เงาตามตัว 09/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-08-2018 22:50:42
โอ้ยยย อยากอ่านต่อแล้ว เรื่องมันเป็นมายังไงนะ
น่าสงสารทิคมาก ว่าแต่บาสจะเข้าใจผิดหรือเปล่านะ
ที่เห็นทิคอยู่กับพี่สาว
 :hao4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 28..เงาตามตัว 09/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-08-2018 22:51:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

บาสคงเห็นทิคเดินเข้าไปในห้องหมอ (ซึ่งเป็นพี่สาว) สินะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 28..เงาตามตัว 09/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-08-2018 23:06:35
 :katai1:

ขอสักคน
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 28..เงาตามตัว 09/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 10-08-2018 00:34:51
เชื่อว่าบาสจะต้องเยียวยาจิตใจของทิคให้หายได้ สู้ๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 28..เงาตามตัว 09/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 10-08-2018 00:36:25
มาร์คมันทำอะไรให้ทิคต้องผวาอยากรู้จริง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 28..เงาตามตัว 09/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-08-2018 10:00:28
บาสต้องอยู่ข้างๆทิคนะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 15-08-2018 00:22:37
29..ภาพจำ

“ยังหาชุดไม่ได้เลยอะ เลิกงานแล้วพาไปหาหน่อยนะ”

“ใส่ชุดไหนก็เหมือนๆกันแหละ”

“ก็ต้องสวยที่สุดไหม ปีนี้ฉันจะเอาดาวเด่นฝ่ายหญิงให้ได้”

สองสาวเอ็นจิเนียร์ที่กำลังกดน้ำจากตู้พูดคุยกันดังจนคนที่กดอยู่ตู้ข้างๆได้ยิน คงไม่พ้นเรื่องงานปาร์ตี้ในเครือเอ็นจิเนียร์ประจำปีที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้

“พรุ่งนี้ไปไหมนิ”

ทันทีที่เดินกลับมาแล้วยื่นกาแฟกระป๋องให้คลังก็ถามขึ้นทันทีไม่ต้องถามก็รู้ว่าเรื่องอะไร

“ไม่ว่ะ”

ทิคตอบอย่างไม่ต้องคิดเปิดกาแฟกระป๋องขึ้นดื่มแล้วเดินแยกออกมา ทุกปีที่อดทนอยู่ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เพราะคนอื่นบังคับโดยอ้างว่ามีปีละครั้งถึงได้ยอมอยู่ไม่ชอบงานครื้นเครงคนเยอะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแย่ปีนี้มีคนที่ไม่อยากเห็นหน้ามาร่วมด้วยยิ่งไปกันใหญ่

“ปีหนึ่งหนหนึ่งนะ นี่กูมาหามึงเพราะจะมาชวนให้ไปงานเลยนะ”

คลังเดินตามไปพูดติดๆ

“กูตัดสินใจแล้ว กลับไปทำงานไป”

ทิคเลี้ยวเข้าแอสตัวเองคลังจะเดินเข้าตามก็ถูกมือทิคดันหน้าไว้แล้วผลักออกจนเจ้าตัวผงะ

“เมียก็ไม่เอา สังคมก็ไม่เข้า ระวังสมองแตกตายคาโรงงานแล้วกัน ไอ้เพื่อนเวร!”

เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ทำได้แค่ตระโดนด่าตามหลัง เมื่อเห็นมือของทิคโบกไล่ทั้งที่ไม่หันหน้ามาคลังถึงกับต้องเบะปากมองตาม


“ตามนี้เลยนะครับ”

ทิคพูดจบก็ยื่นแฟ้มให้ฝ่ายตรวจสอบแล้วเดินแยกออกมาแต่แรงสั่นของโทรศัพท์ประจำตำแหน่งในกระเป๋าเสื้อทำให้ต้องหยิบออกมากดรับ

“ทิคครับ”

(ยุ่งอยู่หรอ)

แค่ได้ฟังเสียงก็รู้ว่าใครอย่างไม่ต้องถาม

“เปล่า”

(หรอ...)

(คลังมันกลับมาบ่นให้ฟังว่าอุตส่าห์ไปชวนถึงแอสให้ไปงานเอ็นปีนี้แต่มึงไม่ไป)

“ขี้ฟ้องจริงๆ”

ทิคเผยยิ้มมุมปากตาก็มองแฟ้มในมือไปด้วยระหว่างเดินคุย

(ทำไมไม่ไปละปีหนึ่งมีครั้งหนึ่งนะถือโอกาสคลายเครียดที่ทำงานหนักมาตลอดเลยด้วยไง)

“ไอ้คลังมันไปเป่าหูให้มึงมาโน้มน้าวกูใช่ไหม”

(ไม่ใช่ กูมาพูดเองคนอื่นเขาไปหมดจะไม่ไปมันก็ดูไม่เหมาะนะหัวหน้าเราก็ไปอีกกูก็ไม่ค่อยอยากไปแต่ก็ต้องไป)

บาสพูดยาวเหยียด ทิคฟังถึงตรงนี้ก็ละความสนใจจากแฟ้มในมือหยุดเดินแล้วคุยดีๆ

“มึงจะไปหรอ”

“อื้ม”

“กูจะไป”

ทิคพูดออกไปเสียงจริงจัง ถึงจะไม่อยากไปเจอหน้ามาร์คก็จริงแต่ยิ่งบาสไปแล้วมาร์คก็ไปยิ่งน่าห่วงมาร์คอาจจะใช้โอกาสนี้เข้าหาบาสก็ได้มาวันแรกก็เข้าไปถามเลยว่าเป็นเพื่อนกันหรอแสดงว่ามาร์ครู้อะไรมาพอสมควร ไม่ได้ จะปล่อยโอกาสให้มาร์คไม่ได้


“พรุ่งนี้จะไปงานหรือเปล่า”

เสียงจากด้านหลังทำให้ทิคตกใจนิดๆหันกลับไปมอง มาร์คที่ในมือถือแฟ้มเหมือนเขากำลังมองมาที่เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่ช่างน่าสะอิดสะเอียนสิ้นดี

“คิดว่าไงละ”

ทิคถามกลับด้วยตาหน้าไม่เป็นมิตรแสดงออกชัดเจนจนมาร์คเห็นแบบนั้นถึงกับต้องกระตุกยิ้มแล้วพูดต่อ

“คิดว่าสมควรไปนะ”

“กูก็คิดว่า...ควรจะไป”

ทิคพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้านิ่งชัดมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยามแล้วเดินแยกออกไป มาร์คมองตามทิคด้วยใบหน้านิ่งจนดูน่ากลัวเช่นกัน



“ใครมาถึงแล้วก็มาลงชื่อไว้ด้วยนะครับ เดี๋ยวจะพลาดของรางวัลสุดพิเศษจากเรา”

เสียงพิธีกรของงานประกาศออกไมค์เสียงดังก้องไปทั่วทั้งงานคนในงานกำลังคุยกันอย่างออกรสไม่มีแบ่งแยกแอสเพราะนี่ถือเป็นโอกาสที่จะได้พบปะกันวันนี้ต่างสวยหล่อกันจัดเต็มมากเพื่ออีกรางวัลคือรางวัลดาวเด่นของงานที่จะได้รางวัลสุดพิเศษจากหัวหน้าเอ็นจิเนียร์ใหญ่สุดของโรงงาน

“นั่งได้ไม่ต้องแบ่งแอสเลยครับวันนี้เราจะเป็นหนึ่งอันเดียวกัน เอาเป็นว่าชอบใครรักใครเล็งใครเข้าไปนั่งกับเขาเลยครับ ถ้าเจ้าของเขาไม่อยู่ในงาน”

เสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งงานหลังจากได้ยินประโยคสุดกวนของพิธีกรทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างออกรสถือว่าเป็นวันปลดปล่อยขนาดคนเคร่งขรึมอย่างบงกชยังดูสนุกกับวันนี้เลย


รถดับไฟลงเมื่อเข้ามาถึงบริเวณโรงแรมที่เป็นที่จัดงานแต่เจ้าของรถยังคงนั่งอยู่ในรถไม่ยอมลง ทิคนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเมื่อนึกถึงว่าต้องเข้าไปเจอกับอะไรบ้างยกนาฬิกาข้อมือดูก็พบว่าเลยเวลางานมานานแล้วปล่อยให้เจ้านายรอนานไปไม่ดีจึงยอมลงจากรถเพราะมัวแต่เดินก้มหน้าดูโทรศัพท์พอเงยหน้าขึ้นมาเจอคนที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าก็ต้องแปลกใจจนถามออกไป

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”

“รอมึงนั้นแหละ”

บาสพูดยิ้มอ่อนๆให้ทิคจึงยิ้มตอบแล้วเดินเข้าไปจับมือบาสเดินเข้าไป ได้แค่นี้ก็เอาถึงด้านในค่อยปล่อยก็ได้

“ทิค”

เสียงเรียกทำให้ทิคหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปหามองด้วยสีหน้าถามว่ามีอะไร บาสมองนิ่งอยู่อย่างนั้นจนทิคต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“วันนี้มึงหล่อมากเลยนะ”

คิ้วที่เลิกค้างอยู่ถูกคายลงและแทนที่ด้วยรอยยิ้ม ทิคก้มดูชุดตัวเองแล้วเงยหน้ายิ้มให้บาสชุดแบบนี้เขาไม่ค่อยได้ใส่เท่าไรเสื้อเชิ้ตลายทางสีน้ำเงินขาวกับกางเกงสแลคขาเก้าส่วนแบบที่เกาๆเขาใส่กัน พี่สาวเขาซื้อให้นานแล้วเพราะพี่อยากเห็นน้องใส่อารมณ์ค้างจากซีรี่ย์แล้วมาลงที่น้อง เพราะไม่คิดจะมาไม่ได้เตรียมชุดไว้เลยหยิบมาใส่

“เป็นครั้งแรกเลยนะที่มึงชมกูว่าหล่อ ทุกครั้งมีแต่กูชมตัวเองให้มึงฟัง”

ทิคพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆมองตา บาสมองตาทิคกลับแล้วพูดออกไป

“อะไรที่ไม่เคยพูดออกไปไม่ใช่ว่าไม่คิดนิ”

“งั้นแสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มึงคิดว่ากูหล่อมาตลอดอะดิ”

“ใช่”

ทั้งที่ทิคถามแบบขำๆแต่บาสกลับตอบจริงๆจนเจ้าตัวต้องชะงักแล้วยิ้มกว้างออกมา บาสปล่อยมือจากการจับกุมของทิคแล้วเดินหนีเข้างานไปก่อนจนทิคได้แต่มองตามยิ้มๆ

“ไอ้คุณชาย ไหนมึงบอกจะไม่มาไง!”

ทันทีที่เข้ามาในงานก็ถูกคลังวิ่งเข้ามาหาแล้วถามด้วยน้ำเสียงสีหน้าเอาเรื่องทิคได้แต่ทำหน้านิ่งใส่อย่างไม่แยแส

“ก็มึงไม่สำคัญ”

“เหยด”

คลังสถบตามหลังทิคที่เดินหนีไปด้วยสีหน้าเหลือเชื่อปากบิดปากเบี้ยวมองตาม เชื่อเขาจริงๆเลยคนชื่อทิคเนี่ย

“ทิค”

เสียงเรียกชื่อทำให้ทิคที่กำลังยืนมองคนอื่นกำลังสนุกหันมองตี๋กำลังโบกมือให้อยู่ที่โต๊ะๆหนึ่ง

แต่คนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับพวกตี๋ทำเอาทิคไม่อยากไปเพราะยืนอยู่กับที่อยู่อย่างนั้นจนตี๋ต้องเดินมาหาเองแล้วลากแขนทิคให้ไปที่โต๊ะ

“ทำไมวันนี้มึงหล่อจังวะ”

นนถามทันทีเมื่อได้ทิคมานั่งร่วมโต๊ะ

“มันก็หล่อทุกวันอยู่แล้วไหมวะ”

ตี๋สวนขึ้นแล้วดันทิคให้นั่งลงกับเก้าอี้แต่ดันเป็นที่ข้างๆมาร์คจะพูดหรือแสดงออกอะไรออกไปก็ไม่กล้าไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกไม่ดีจึงได้แต่จำนน

“เฮ้ยๆน้องฟ้าแอสสองมาแล้วไปๆ”

ตี๋พูดเสียงตื่นเต้นตาลุกวาวลากนนที่นั่งเอ๋ออยู่ให้ลุกขึ้นตามแล้วเดินออกจากโต๊ะไปเพราะดาวเด่นของงานวันนี้กำลังเดินเข้างานมา

เมื่อขาดตัวสร้างสีสันโต๊ะก็เงียบขึ้นทันทีเหลือแค่ทิคกับมาร์คที่นั่งเงียบมองไปคนละทางเหมือนไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกันทิคยกแก้วเหล้าที่ตี๋ชงไว้ให้ขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้วและชงมันขึ้นใหม่จนมาร์คที่นั่งอยู่กระตุกยิ้มมุมปาก

“กูดีใจนะที่มึงมา”

ประโยคแรกออกจากปากมาร์คที่พูดแบบไม่มองมาทางทิคแต่มองไปข้างหน้า ทิควางแก้วเหล้าที่เพิ่งดื่มไปหมดแก้วที่สองกับโต๊ะแล้วพูดตอบแบบไม่มองไปทางมาร์คเช่นกัน

“อยู่สองคนเลิกแสดงเหอะ กูสะอิดสะเอียน”

“หึ”

เสียงสถบจากมาร์คดังขึ้นหลังจากได้ยินประโยคตอบกลับของทิค

“อย่ารีบเมาไปเลย”

มาร์คพูดทั้งที่ตามองการแสดงบนเวทีเมื่อทิคดื่มไม่หยุด แต่หันไปมองเมื่อจะพูดประโยคถัดมา

“คืนนี้มีอะไรที่น่าตื่นเต้นอีกเยอะรออยู่”

มาร์คพูดจบก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินจากไป ทิคมองตามมาร์คที่เดินเข้าไปหาเอ็นจิเนียร์จากแอสอื่นหัวเราะชอบใจกันอย่างถูกคอ มาไม่กี่วันก็เข้ากับคนได้หมดแล้ว เก่งจริงๆ


“เอาละครับ ในเมื่องานก็ดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาประกาศผู้ชนะดาวเด่นฝ่ายชายและฝ่ายหญิงของงานในค่ำคืนนี้กันเลยดีกว่า”

เสียงพิธีกรดังขึ้นอีกครั้งเรียกความสนใจจากทุกคนในงานที่กำลังสนุกสนานกันอยู่ให้หันไปสนใจได้เป็นอย่างดีเสียงพูดคุยดังขึ้นเพราะต่างพากันพูดว่าใครจะได้ตำแหน่งไป

“ผลอยู่ในมือผมแล้วครับ”

พิธีกรพูดพร้อมกับโชว์ซองกระดาษในมือโบกไปมาทำท่าทางและเสียงน่าตื่นเต้นให้ดูลุ้นแล้วค่อยๆเปิดซองออกมา

“มึงว่าใครจะได้วะ”

ปิงถามขึ้นช่วงที่พิธีกรกำลังทำท่าทางจะประกาศแต่ไม่ประกาศสักที

“ทิคดิจะใคร”

ลูปตอบกลับทันที เมื่อได้คำตอบจากลูปแล้วปิงจึงหันไปหาคลังบ้างเพื่อขอความเห็น

“ไอ้ทิค”

คลังตอบแบบไม่ต้องคิดเพราะทุกปีก็ทิคอยู่แล้วและวันนี้ทิคก็หล่อและดูดีสุดในงานด้วย

“มึงละไอ้บาส”

และมาจบที่บาสที่นั่งเงียบอยู่

“ก็อย่างที่คิดกันนั้นแหละ”

บาสตอบแล้วหันไปมองเวที ตอนนี้ทุกคนต่างรอผลที่จะออกมา

“และดาวเด่นฝ่ายชายได้แก่”

“ทิค!”

“พี่ทิค!”

“น้องทิค!”

เสียงตะโกนดังขึ้นต่างเป็นเสียงเดียวว่าอยากให้ใครได้ พิธีกรเปิดซองออกมาดูยิ้มแป้นแล้วประกาศผลออกไป

“ทิคจากแอสห้าคร้าบ”

ผลถูกประกาศออกไปสร้างเสียงฮือฮาและเสียงปรบมือได้เป็นอย่างดีเมื่อผลออกมาตามที่ทุกคนคิด

“ไปเร็วมึง!”

ตี๋ดันทิคให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อเพื่อนเอาแต่นั่งนิ่งเหมือนไม่ดีใจอะไรเลยที่ตัวเองได้รางวัล

ทิคมองไปรอบๆก็เห็นทุกคนกำลังมองมาที่ตนเขาจึงต้องจำใจลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปที่เวทีอย่างจำใจ ไม่ได้อยากได้ ไม่ได้ดีใจ ไม่อะไรเลย

“ทู้กปี หล่อจริงอะไรจริงครับคนนี้”

เมื่อขึ้นไปยืนบนเวทีพิธีกรก็พูดด้วยใบหน้าชื่นชมทิคทำแค่ยิ้มบางๆออกมาตามมารยาทอยากลงจากเวทีเต็มแก่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมึนเพราะฤทธิ์เหล้าที่ดื่มไปพอสมควรแล้วเหมือนกัน

“ในเมื่อได้ฝ่ายชายมาแล้วเราก็ควรประกาศฝ่ายหญิงใช่ไหมครับ”

“ใช่!”

หวี้ด!

เสียงฮือฮากรี๊ดร้องดังขึ้นอีกรอบเมื่อพิธีกรพูดถึงดาวเด่นฝ่ายหญิงพิธีกรเปิดซองออกดูช้าๆคนเดียวแล้วปิดมันลงพร้อมกับยิ้มแป้นแล้วพูดออกไมค์

“ฝ่ายหญิงได้แก่...”

“น้องฟ้า!”

“ฟ้า!”

ตี๋ก็ร่วมตะโกนกับเขาด้วย

“น้องพราวจากแอสสามคร้าบบบ”

เฮ้!

หวี้ด!

“น้องใหม่สดๆร้อนๆเลย เชิญบนเวทีเลยครับ น้องพราวครับ”

ทุกสายตาต่างมองหาเจ้าของชื่อเสียงฮือฮายังคงดังอยู่และทางมุมซ้ายสุดของห้องจัดเลี้ยงค่อยๆแหวกทางออกเมื่อคนที่ทุกคนรอกำลังจะเดินออกมา ทิคที่ไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกว่าจะเป็นใครหันไปมองตามคนอื่นแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

แต่...

ใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ร่วมตลอดเวลาที่อยู่บนเวทีหายไปทันทีเมื่อสายตาเขาไปกระทบเข้ากับแสงจากวัตถุบางอย่างที่กำลังส่งแสงระยิบระยับเพราะสะท้อนกับไฟในงาน

ดวงตาทิคเบิกกว้างมองสิ่งๆนั้นไม่ละสายตาเมื่อยิ่งมาใกล้ ยิ่งชัด ใจยิ่งเต้นเร็ว

เธอคนนั้นกำลังเดินเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆทุกแสงสว่างต่างสาดไปที่เธอพร้อมกับเสียงฮือฮาชื่นชมตลอดทางจนเธอได้แต่ใช้มือทัดผมตัวเองกับหูด้วยความเขินอาย


กิ๊ฟดอกแก้วบนผมข้างขวาของเธอ

กับชุดเดรสสีครามน้ำทะเลชุดนั้น


หญิงสาวมองของในมือชายตรงหน้าที่ยื่นมาให้ค้างอยู่แล้วเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสงสัย

“อะไรหรอ”

“เปิดดูสิ”

แต่เมื่อไม่ได้คำตอบที่ถามเธอจึงมองคนตรงหน้าด้วยสายตาสงสัยแบบตลกๆแล้วทำตามคำสั่งหยิบกล่องสีขาวที่มีโบว์ติดอยู่บนกล่องจากมือคนตรงหน้ามาแต่เมื่อเปิดดูก็ต้องตกใจตาโตแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า

“สุขสันต์วันเกิด”

ชายตรงหน้าพูดแล้วยิ้มให้ เธอค่อยๆคลายใบหน้าตกใจลงแล้วเผยยิ้มออกมาแทนแล้วก้มลงหยิบของในกล่องขึ้นมามองมันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“จากนี้ต่อไปขอให้ส่องแสงสวยงามเหมือนดอกแก้วดอกนี้นะ”

หญิงสาวกำกิ๊ฟรูปดอกแก้วสีเงินที่มีเพชรระยิบระยับในมือแน่นมองมันแล้วน้ำตาคลอเบ้าออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ขอบคุณนะทิค เราชอบมาก ชอบมากจริงๆ เราจะติดมันไว้กับตัวตลอดเลย”

พูดจบเธอก็ติดมันไว้ที่ผมข้างๆหูข้างขวาทันทีเรียกรอยยิ้มให้กับคนให้ได้เป็นอย่างดี


“ทิคชอบสีอะไรที่สุด”

“สีม่วง”

คนถูกถามตอบแบบไม่ได้มองหน้าคนถามเพราะกำลังสนใจบรรจงสีลงในกระดาษที่กำลังเรียนอยู่

“เราชอบสีน้ำเงิน”

เธอพูดทั้งที่ไม่ได้ถามแล้วใช้พู่กันจิ้มสีน้ำเงินกับสีม่วงมาผสมกันวนๆมันจนกลายเป็นอีกสีหนึ่ง

“แต่ต่อไปนี้เราจะชอบสีคราม”

เธอพูดขึ้นหลังจากสีที่เธอวนพู่กันไปมาผสมกันจากสองสีกลายเป็นสีเดียวแล้วหันไปมองคนที่กำลังสนใจอยู่กับการระบายสีของตัวเองด้วยใบหน้าเคร่งเครียดจนเธอได้แต่แอบยิ้มมอง


“บัวแก้ว”


ทิคพูดคำๆหนึ่งออกไปอย่างแผ่วเบากับตัวเอง มองคนที่กำลังเดินขึ้นมาบนเวทีด้วยใจสั่นไหวเธอหันมาสบตาเขาเมื่อมาถึงบันไดทางขึ้นเวทีแล้วส่งยิ้มมาให้

เสียงไมค์ที่เคยดังจนแสบแก้วหูเสียงผู้คนพูดจาจนน่ารำคาญที่รู้สึกมาตลอดหายไป มีเพียงเสียงหวี้ดๆอยู่ในหูเหมือนหูดับไปชั่วขณะเหมือนตอนนี้ในห้องนี้มีแค่เขากับเธอที่กำลังเดินยิ้มเข้ามาหาเขาแค่สองคน เธอยิ้มมาตลอดระยะทางที่เดินเข้ามาหาและหยุดลงตรงหน้าเขาแต่รอยยิ้มยังคงถูกส่งมาให้


ไม่รู้ว่าทำอะไรไปบ้าง ไม่รู้ว่าเขาให้อะไร ให้ถ่ายรูปกับใคร ให้ไปยืนตรงไหน เขาเหมือนไม่มีวิญญาณอยู่กับตัวจิตใจมันล่องลอยไร้ที่ยึดเหนี่ยวเหมือนทุกอย่างดับลงไปหลังจากเห็นเธอ สายตาเขามองอยู่แค่ที่เธอคนเดียวถึงจะไม่มีสติอะไรเลยก็เถอะเขามองเธอยิ้ม มองเธอหัวเราะ มองเธอเขินอาย มองเธอใช้มือทัดผมกับหูข้างขวาแบบที่ชอบทำ สายตาเขาอยู่แค่กับสิ่งพวกนั้น

สติเริ่มจะกลับมาเมื่อเธอคนนั้นกำลังจะลงไปจากเวทีเขามองและจะตามไปแต่ถูกกักตัวไว้ถ่ายรูป

เธอเริ่มออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆจนเขากลัวว่าเธอจะหายไปจนต้องทิ้งทุกอย่างไปอย่างไม่แยแสแล้วรีบวิ่งลงจากเวทีตามเธอไป

แสงสว่างจากเพชรกิ๊ฟดอกแก้วที่กระทบไฟยังคงส่องแสงให้เขาเดินตามไปเรื่อยๆเดรสสีครามตัวนั้นยังคงพริ้วไหวตามแรงลมเขาเดินตามเธอออกไปเรื่อยๆเรื่อยๆและเรื่อยๆอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดมือข้างขวาถูกยื่นออกไปหมายจะจับเธอให้หยุดเดินแล้วหันกลับมาหาเขา


“ทิค”


แต่มือข้างซ้ายกลับถูกจับไว้พร้อมกับเสียงเรียกชื่อ

แต่ไม่ได้ทำให้เขาหันกลับไปสนใจได้เลยเมื่อจิตใจเขาจะตามเธอไปอย่างเดียวเขาแกะมือที่จับมือเขาอยู่สะบัดออกแรงๆทั้งที่ไม่หันกลับไปมองสายตาจับจ้องตามเธอคนนั้นแล้วเดินตามไป

“ทิค”

ชื่อถูกเรียกอีกรอบแต่เขาก็ไม่สนใจอยู่ดี รีบก้าวเท้าให้ยาวขึ้นเพื่อหวังจะตามเธอให้ทัน

“ทิค!”

ครั้งนี้ชื่อถูกเรียกดังกว่าทุกครั้งพร้อมกับแรงกระชากที่มือให้หันกลับไปแรงจนเขาต้องหันตามแรงกระชาก

“บัว กูจะไปหาบัว”

ทิคพูดกับบาสที่มองตาเขาอยู่ด้วยน้ำเสียงสั่นๆน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวเขาแกะมือบาสที่จับมือตัวเองอยู่ออกแล้วหันกลับไปเดินตามเธอคนนั้นบาสมองตามทิคด้วยใจสั่นไหวแล้วเดินตามเข้าไปดึงทิคให้หันกลับมา

“ปล่อย”

ทิคพูดทั้งที่ไม่หันกลับไปมองแกะมือบาสออกจากมือตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จจนต้องตะคอกออกไป

“บอกให้ปล่อยไง!”

“มีสติหน่อยสิวะ!”

แต่กลับถูกบาสตะคอกกลับแล้วดึงมือไว้จนทิคเงียบมองตาบาสที่กำลังจ้องตาเขาอยู่กลับด้วยสายตาอ้อนวอนขอร้อง

“ปล่อยกูเถอะบาส ขอร้อง กูต้องไป กูต้องไปหาบัว กูต้องขอโทษบัว ต้องขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจกู...”

ประโยคถูกกลืนไปแล้วแทนที่ด้วยเสียงร้องไห้น้ำตาไหลออกมาเป็นทางบาสทนเห็นทิคตอนนี้ไม่ได้จนต้องดึงเข้าไปกอดแน่น

“แล้วกูละทิค ไม่รักกูแล้วหรอ”

ประโยคคำถามของบาสทำให้น้ำตาทิคยิ่งไหลเสียงร้องไห้ของชายผู้แข็งแกร่งดังไปทั่วบริเวณ

“อย่าไป...กูขอร้อง”

เสียงบาสติดขัดเมื่อรู้สึกขมคอแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่ให้ทันตั้งตัวเขากระชับกอดทิคแน่นขึ้น

“เขาไม่มีอยู่จริงทิค...เขาไม่มีอยู่จริง”

สิ้นคำพูดของบาสทิคหันกลับไปมองอีกครั้ง แต่ความว่างเปล่าทำให้เขาต้องรีบหลับตาลงหนีมัน ไม่มีใคร ไม่มีเธอคนนั้น ไม่มีอย่างที่บาสบอก

เสียงร้องไห้ทิคดังขึ้นพร้อมกับกระชับกอดบาสแน่น บาสทำได้แค่กอดทิคกลับไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้และเขาจะไม่ปล่อยจนกว่าทิคจะเป็นฝ่ายอยากจะปล่อยจากเขาไปเอง


หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 15-08-2018 01:00:52
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-08-2018 01:02:44
จะรอตอนต่อไปชอบมากเรื่องนี้บัวแก้วคงเป็นรักแรกสินะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-08-2018 01:08:41
 :pig4: :pig4: :pig4:

คืออะไร ยังไง?

สรุปมีผู้หญิงคนนั้นไหม?

หรือทิคตาฝาดมโนไปเอง?
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-08-2018 01:12:20
แงๆ ปมแน่นจัง ยังไม่ชัดเจน ขอบคุณน้องบาสที่อยู่เคียงข้างทิค
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-08-2018 01:14:42
 :katai1:


ทำไมถึงทำกันได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-08-2018 01:23:25
บัวแก้วตายเพราะทิคหรอ?
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 15-08-2018 01:51:38
 :ling1: :ling1: :ling1: ฮือออมันยังไง อยากรู้ว่าทิคเคยทำอะไรไว้คนที่ชื่อบัวยังมีชีวิตอยู่ไหมนะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-08-2018 08:19:53
โอ้ยยย ปมเยอะจัง แต่ก็น่าติดตามนะ อดีตของทิคเริ่มเผยมาเรื่อยๆ สู้ๆ น้าาาา
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 20-08-2018 22:55:29
แล้วบาสรู้เรื่องบัวแก้วด้วยเหรอ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 29-08-2018 14:02:54
30..คุณจะปิด ผมจะเปิด

เป็นเวลากว่ายี่สิบนาทีแล้วที่ทิคยืนอยู่หน้าแอสเซมบลีสาม เขาไม่รู้ว่าควรเริ่มตรงไหน ควรทำอะไร และจะเจอคนที่อยากเจอได้ยังไงจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนี้

ที่มาเพราะอยากมาดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นเมื่อคืนเป็นอย่างที่เห็นจริงๆหรือแค่คิดฟุ้งซ่านไปเองถ้าไม่เห็นให้ชัดกับตาว่าใช่หรือไม่ใช่เขาคงไม่มีกะใจทำอะไรต่อไป

“ขอโทษนะครับ”

“คะ”

พนักงานฝ่ายการผลิตที่กำลังจะเดินเข้าแอสหยุดเดินแล้วหันมาหาเมื่อถูกทิคเรียกไว้เธอมองมาที่เขาด้วยสีหน้าสงสัยเมื่อทิคเรียกแล้วเงียบไม่พูดอะไรต่ออยู่ครู่หนึ่ง

“คือ...ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนถามหน่อยได้ไหมครับรีบหรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ มีอะไรหรือคะ”

“ที่นี่มีเอ็นจิเนียร์ที่เพิ่งมาใหม่ชื่อ...บัวแก้วไหมครับ”

“บัวแก้ว”

เธอทวนชื่อที่ได้ยินด้วยใบหน้านึกคิด

“ไม่มีนะคะ”

เมื่อไม่ได้สิ่งที่หวังทิคจึงยิงคำถามใหม่อีกอย่างใจร้อนรน

“แล้วพราวละครับ”

“พราวมีค่ะ เพิ่งมาใหม่”

คำตอบของเธอทำให้ทิคหายใจลำบากคิ้วขมวดปมด้วยความกังวลทันทีแต่ก็ไม่ลืมโค้งหัวขอบคุณคนตรงหน้าเธอจึงเดินจากไป


กิ๊ฟดอกแก้วที่เขาสั่งทำพิเศษให้บัวแก้วไม่มีทางที่จะมีใครมี ชุดสีครามน้ำทะเลเหมือนคืนนั้นอีก มันไม่มีทางที่ทุกอย่างจะเหมาะเจาะขนาดนั้น

เขาต้องเห็นกับตาให้ได้ว่าไม่ใช่จริงๆ

คิดแค่นั้นทิคก็เดินเข้าไปในแอสเซมบลีสามทันทีหลังจากที่ยืนอยู่ด้านหน้าอยู่นานโชคดีที่เข้าไปก็เจอกับเอ็นจิเนียร์แอสสามที่พอจะรู้จักกันพอดี

“อ้าวทิค มาทำไร”

คนๆนั้นร้องทักแล้วเดินเข้ามาหาทิคจึงถามออกไปทันทีอย่างไม่รั้งรอ

“พราวที่ได้รางวัลเมื่อคืนอยู่หรือเปล่า”

“แหม่...ไปสปาร์คอะไรกันตอนไหนเนี้ยมาตามหาน้องเขาถึงแอสเชียว”

“ตอบมาเถอะ!”

ทิคเผลอขึ้นเสียงไปจนคนตรงหน้าที่กำลังทำท่าทางล้อเลียนแบบสงสัยต้องหยุดไปทันที

“นะ..น้องเขาไปตรวจสต๊อกพาสอยู่...”

ยังพูดไม่ทันจบทิคก็เดินหนีออกไปจนคนๆนั้นได้แต่หันมองตามงงๆ

ไม่ต้องบอกว่าไปทางไหน ที่ไหน เพราะที่เก็บพาสชิ้นส่วนงานอยู่ส่วนเดียวกันเหมือนกันทุกแอสทิครีบเดินไปที่นั้นอย่างไม่สนใจว่าระหว่างทางใครจะทักทายอะไรมาจนมาถึงห้องดังกล่าวในที่สุดเขาหยุดยืนนิ่งหายใจแรงจนอกกระเพื่อมมือจับลูกบิดประตูค้างอยู่อย่างนั้น

ถ้าเปิดเข้าไปแล้วไม่ใช่คนที่เขาหวังละจะรับไหวใช่ไหม

หรือถ้าเปิดเข้าไปแล้วคือคนที่เขาคิดจริงๆละ...จะทำยังไงต่อ

ทิคตัดสิ้นใจเปิดเข้าไปในที่สุดและทันทีที่ประตูเปิดออกก็เป็นจังหวะที่คนในห้องหันมาดูพอดีทำให้ทั้งคู่สบสายตากันทันที


ไม่ใช่


ไม่ใช่...บัวแก้ว


ทิคปล่อยมือจากลูกบิดประตูแล้วทิ้งแขนลงข้างตัวอย่างอ่อนแรง เขาเดินเข้าไปหาคนๆนั้นด้วยแข้งขาที่แทบจะไม่มีแรงจนเธอหันมาเต็มตัวเพื่อมองเขาดีๆด้วยใบหน้าสงสัย

“คุณ...คือใคร”

คำถามของทิคทำเอาเธอมองด้วยสีหน้าสงสัยกว่าเก่าเพราะเมื่อคืนก็เจอกันบนเวทีแล้วทิคจำไม่ได้หรอ

“ผมถามว่าคุณคือใคร!”

ทิคตะโกนเสียงดังจนก้องไปทั่วห้องก้าวเข้าไปหาแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างเธอบีบแรงกระชากไปมาจนเธอกรีดร้องด้วยความตกใจทิ้งแฟ้มในมือตกลงสู่พื้น

“พราว ฉันชื่อพราว”

เธอพูดตอบทั้งที่ยังหลับตาด้วยความกลัวจนตัวสั่นทิคเห็นแบบนั้นก็เริ่มได้สติค่อยๆคลายมือจากไหล่จนเธอมีโอกาสถอยห่างออกไป

“ผมขอโทษ คุณเจ็บหรือเปล่า”

ทิคพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารู้สึกผิดจับใจเธอมองมาเมื่อเห็นว่าสายตาทิคตอนนี้เปลี่ยนไปจากตอนแรกเหมือนคนละคจึงค่อยๆส่ายหัวตอบ

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งคู่ ทิคใช้สมองคิดเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสายตาสั่นไหวแล้วเงยหน้าขึ้นถามเธออีกครั้ง

“กิ๊ฟดอกแก้วอยู่ไหน คุณมีมันได้ยังไง ไปเอามาจากที่ไหน”

เธอมองทิคด้วยสีหน้าไม่เข้าใจแต่ก็ตอบคำถามแต่โดยดี

“ฉันคืนเจ้าของไปแล้วเพราะมันราคาแพงเกินไปฉันรับไว้ไม่ได้”

“เจ้าของ”

ทิคทวนคำอย่างไม่เชื่อหูมองคนตรงหน้าด้วยคิ้วขมวดปม

“ใคร เจ้าของคือใคร ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”

“ฉันไม่รู้”

เธอตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิดแล้วพูดต่อ

“ก่อนวันงานสองวันมีคนส่งกล่องของขวัญมาให้ฉันที่แอสเขาบอกว่าเขาปลื้มฉันตั้งแต่เข้ามาทำงานวันแรกเลยส่งของขวัญมาให้พอเปิดดูก็เป็นชุดกับกิ๊ฟนั้นแล้วเขาก็เขียนการ์ดมาว่าให้ฉันใส่มันไปในวันงานกินเลี้ยงเมื่อคืนถ้าอยากรู้ว่าเขาคือใครฉันรู้แค่นี้ รู้แค่นี้จริงๆ”

เธอร่ายยาวหมดเปลือกตามความจริงทิคละสายตาจากเธอด้วยสายตาสั่นไหวแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทิ้งให้เธอมองตามด้วยความไม่เข้าใจตามไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



“ครับพี่มานพ ครับ จะจัดการให้ครับ ไม่เป็นไรครับ สวัสดีครับ”


ตุบ!


ไหล่ถูกดึงจนต้องหันไปตามแรงจนโทรศัพท์ในมือหล่นไปกับพื้นเมื่อเงยหน้าขึ้นดูหมายจะต่อว่าก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อหน้าของเขาถูกต่อยจนหน้าหันเซเสียหลัก

“มึงทำแบบนี้ทำไม มึงทำทำไมไอ้มาร์ค!”

ทิคตะโกนเสียงดังใส่หน้ามาร์คจับคอเสื้อมาร์คขยำแน่นขึ้นแล้วต่อยไปอีกครั้งแรงจนมาร์คล้มไปกับพื้น มาร์คดันตัวเองลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปต่อยทิคกลับเต็มแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าโกรธแค้นไม่ต่างกัน

“มึงจะได้ไม่ลืมไง มึงจะได้ไม่ลืมว่ามึงเป็นคนฆ่าเขา!”

“กูไม่ได้ฆ่าบัว กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้ทำ กูไม่ได้ทำ!”

ทิคสวนหลับเสียงดังจ้องตามาร์คกลับอย่างไม่ลดละแต่นัยน์ตาตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตาที่สั่นกลิ้งไปมา

“มึงจะไม่มีวันหนีความจริงพ้นไม่ว่าครอบครัวมึงจะใช้ความรวยปกปิดความเลวของลูกตัวเองยังไง แต่กูจะไม่มีวันปล่อยให้มึงลืมสิ่งที่มึงทำกับบัว กูจะไม่มีวันปล่อยให้มึงลืมว่ามึงฆ่าเขา บัวจะไม่มีวันหายไปจากชีวิตมึง!”

ของบางอย่างถูกปาใส่หน้า ทิคได้แต่ยืนนิ่งเขาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อดห้ามมัน

“มึงต้องตายทั้งเป็น มึงต้องรับรู้ความรู้สึกของบัว”

คำพูดของมาร์คทำให้ทิคต้องหลับตาหนีจนไม่อยากลืมตาเสียงรถสตาร์ทแล้วขับออกไปไม่ต้องลืมตาดูก็รู้ว่าเขาถูกทิ้งไว้ตรงนี้คนเดียวแล้ว

แต่พอลืมตาขึ้นแสงจากของที่ตกอยู่ที่พื้นกำลังส่องแสงระยิบระยับจนเขาต้องเดินเข้าไปหาช้าๆด้วยขาที่ไร้เรี่ยวแรงทิคนั่งลงแล้วยื่นมือไปหยิบกิ๊ฟดอกแก้วที่หักไปจนไม่เหลือความสวยงามเหมือนเดิมขึ้นมากำไว้ในมือแน่นไปแนบกับอก

“ขอโทษ..เราขอโทษ”

เขาพูดด้วยเสียงติดขัดขมเพราะจะร้องกำของในมือแน่นน้ำตาเม็ดโตล่วงจากตาและไหลไม่หยุดจนกลายเป็นร้องไห้จนตัวสั่นเจ็บปวดจนแทบขาดใจเมื่อนึกถึงเจ้าของกิ๊ฟในมือ




ซู่...

เสียงน้ำไหลจากก๊อกลงสู่จานชามที่กำลังล้างทุกอย่างทำไปอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญจนเสร็จเรียบร้อยแล้วบาสจึงสลัดน้ำออกจากมือแล้วหันไปเช็ดกับผ้าที่แขวนไว้เช็ดมือเขาเพิ่งทานข้าวกับแม่เสร็จไปจึงอาสาเก็บกวาดเองไล่ให้แม่ขึ้นไปทานยาให้ตรงเวลา

“พรุ่งนี้อย่าลืมเอาบัวลอยในตู้เย็นไปให้คลังนะบาส”

เสียงแม่ตะโกนลงมาจากชั้นบน

“คร้าบ”

บาสตะโกนตอบรับไปแล้วเดินออกมาจากครัวเพื่อที่จะปิดไฟแล้วขึ้นชั้นบนแต่พอไฟในบ้านดับก็เห็นแสงสว่างจากด้านนอกชัดขึ้นทำให้เห็นว่ามีอะไรสักอย่างอยู่ตรงรั้วบ้านบาสจึงเดินไปมองตรงหน้าต่างรถคันหรูที่คุ้นเคยที่จอดอยู่ทำให้เขาต้องรีบตรงไปที่ประตูบ้านแล้วเดินออกไปดู

เป็นอย่างที่คิดทิคกำลังจะเปิดประตูรถเหมือนกำลังจะกลับทำให้บาสรีบพูดออกไป

“มาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน”

เสียงทำให้ทิคหยุดการกระทำแล้วหันไปหา

ทั้งคู่สบตากันค้างอยู่ครู่หนึ่งทิคจึงปิดประตูรถที่เปิดค้างไว้ลงแล้วหันไปหาบาสเต็มตัว

“มันดึกแล้วไม่อยากกวน”

“ไม่เห็นกวนตรงไหนทำไมคิดแบบนั้น”

คิ้วที่ขมวดเป็นปมของบาสทำให้ทิคเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับยิ้มบางๆบนหน้า

“ไม่คิดก็ไม่คิด แต่ตอนนี้เข้าบ้านเถอะยุงเยอะกูจะกลับแล้วเหมือนกัน”

ทั้งคู่สบตากันหลังจากทิคพูดจบ บาสพยักหน้าให้ตอบตกลงทิคจึงค่อยๆถอยหลังแล้วหันกลับไปเดินเพื่อที่จะไปขึ้นรถ

!

แต่มือที่กำลังจะเปิดประตูรถต้องชะงักเมื่อหลังของทิคถูกกอดจากทางด้านหลัง ทุกอย่างหยุดนิ่งไปทันทีรอบกายตอนนี้ได้ยินแค่เสียงลมพัดจากความเงียบในตอนกลางคืนเท่านั้นมือต้องกำที่เปิดประตูรถที่จับค้างอยู่แน่นเมื่อเอวถูกกระชับกอดแน่นขึ้นอีกและความรู้สึกของหลังที่ถูกใบหน้าแนบชิด

“เป็นอะไร”

ทิคถามเสียงติดหัวเราะพร้อมกับยกมือขึ้นมาจับมือบาสที่คล้องกันอยู่ที่ท้องของตนแล้วเอียงคอเหลือบมองคนที่เอาแต่กอดตนอยู่นิดๆ

บาสไม่ตอบคำถามแต่การกระชับกอดให้แน่นขึ้นก็เป็นคำตอบได้อย่างดีมือบาสที่ถูกทิคจับไว้ถูกบาสหงายมันแล้วสอดประสานมือตนกับมือทิคเข้าด้วยกันแล้วบีบแน่น

“มีอะไรบอกกูได้ มึงรู้ใช่ไหม”

บาสพูดเสียงอู้อี้อยู่กับหลัง ทิคหมุนตัวกลับไปหาแล้วพูดออกไปด้วยเสียงเบาหวิว


“มึง...รู้อะไรใช่ไหม”

บาสมองสายตาสั่นไหวที่บ่งบอกถึงความกังวลของทิคตอนนี้แล้วพูดออกไป

“หรือว่าที่กูคิดจะเป็นเรื่องจริง”

ทันทีที่บาสพูดจบทิคเงยหน้าขึ้นสบตาบาสทันทีแต่ใบหน้าบาสที่เคร่งเครียดในตอนแรกกลับเปลี่ยนเป็นระบายยิ้มกว้างออกมาแทน

“มึงไปทำผู้หญิงท้องใช่ไหม”

บาสพูดพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าทิคคาดโทษแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อทิคค่อยๆเปลี่ยนจากหน้าเครียดในตอนแรกมาเป็นค่อยๆเผยยิ้มบางออกมาพร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธไปมาเบาๆ

ทั้งคู่ยืนหัวเราะใส่กันขำอยู่ครู่หนึ่งและเป็นบาสที่เป็นฝ่ายพูดออกไป

“ไป รีบกลับบ้านไปได้เล่าดึกแล้ว”

ทิคยกข้อมือตัวเองที่มีนาฬิกาขึ้นมองแล้วเงยหน้าพยักหน้าให้บาส

“ไปนะ”

“อืม”

“รีบเข้าบ้านไปสิ”

ทิคพูดพร้อมกับเชิดหน้าไปทางบ้าน

“จะรอส่ง”

แต่พอได้ยินคำพูดของบาสก็ยิ้มกว้างแทบแก้มปลิ

“กลับไปได้แล้ว”

บาสพูดแล้วโบกมือไล่กลายๆทิคพยักหน้ายิ้มให้แล้วเดินแยกออกมาเดินตรงไปที่รถ

“ทิค”

แต่เสียงเรียกทำให้คนที่กำลังเดินต้องหันกลับไปมองด้วยความสงสัย แต่คนเรียกเอาแต่ยืนเงียบไม่พูดอะไรต่อจนเจ้าของชื่อต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรด้วยสีหน้าสงสัย

“กลับไป...ต้องนอนนะ”

เสียงหัวเราะดังออกจากลำคอทิคเมื่อได้รู้จุดประสงค์ว่าบาสเรียกทำไมแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงติดหัวเราะ

“ก็ต้องนอนสิ ไม่นอนแล้วจะให้ทำอะไรเบอะ”

เมื่อยิ้มให้กันเสร็จแล้วทิคจึงหันกลับไปเดินต่อคราวนี้กลับจริงๆบาสยืนมองไฟรถที่ค่อยๆห่างออกไปจนสุดลูกตาอยู่ตรงนั้น

“กูจะเข้าถึงมึงได้ยังไงทิค”

บาสพูดกับตัวเองด้วยใบหน้านิ่งแต่เต็มไปด้วยความกังวลไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไงตอนนี้

รู้แค่ว่าคืนนี้หวังว่าทิคจะนอนหลับได้สนิทจริงๆ



“กาแฟไม่ควรจะกิน ควรจะอาบเอาเลยแม่ง!”

เสียงคลังที่เดินนำหน้าไปกำลังทะเลาะกับกาแฟแก้วเดียวในมืออีกแขนก็คล้องถุงบัวลอยที่แม่ให้เอามาให้ด้วยดังมาให้คนที่เดินตามหลังได้ยิน

“ตีป้อมเมื่อคืนทำพิษกูมากวันนี้ต้องเสนองานกับพี่บงอีก ตายแน่เลย ตายกู”

บาสหยุดเท้าลงมองหลังคลังอยู่ครู่หนึ่งแล้วเรียกชื่อออกไป

“คลัง”

คนถูกเรียกละจากการบ่นเพ้อพกอยู่คนเดียวหันกลับไปหาคนเรียกด้วยสีหน้าสงสัย

“มึงเป็นเพื่อนกับทิคมานานแล้วใช่ไหม”

“เออ”

คลังตอบด้วยสีหน้าเฉยๆกับคำถามพร้อมกับยกกาแฟในมือขึ้นจิบต่อ

“รู้จักคนชื่อบัวไหม...เขาเป็นใคร”




หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-08-2018 15:47:24
บาส ต้องช่วยทิคได้
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-08-2018 16:15:46
 :pig4: :pig4: :pig4:

มาร์ค  มึงนี่แม่ง

รู้ไหมว่าแต่ละคนก็มีทุกข์ของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ  ใช่ว่ามึงทุกข์คนเดียวซะเมื่อไร
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-08-2018 16:51:35
คลังต้องช่วยทิคกับบาสนะ ถ้าทำได้เราจะสมัครเป็นแฟนคลังเอง
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-08-2018 19:55:21
มาร์คเลวมาก มาร์คชอบบัวเหรอถึงต้องทำขนาดนี้
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 29-08-2018 20:22:25
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 29-08-2018 20:40:55
  :pig4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 30-08-2018 13:36:40
บาสจะเยียวยาทิคให้หายเอง  :mew2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-09-2018 01:32:57
 :hao5:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 27-10-2018 20:27:55
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-10-2018 07:13:53
หายไปนานจังเลย
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-10-2018 22:29:00
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 29-10-2018 11:59:50
อยากรู้วววววววว :katai4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: benicezii ที่ 29-10-2018 21:14:41
ตามอ่านรวดเดียวเยย สงสารทิคจังงงง
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 30-10-2018 15:00:42
ขอบคุณครับ +1 ให้กำลังใจคนเขียนครับ o13
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 04-12-2018 11:33:13
รอเรื่องนี่อยู่นะคะ :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: kman2527 ที่ 04-12-2018 19:53:31
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-12-2018 22:20:18
 :z13:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 30..คุณจะปิด ผมจะเปิด 29/08/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-12-2018 22:21:41
 :call: :call: :call:

กลับมาเถอะนะคนดี  คนดีหายไปนานแล้วนะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Vermilion Bird ที่ 12-12-2018 13:59:57
31..ไม่มีวันลบออก

“บัว”

“มึง ไม่รู้จักหรอ”

“ไม่อะ”

“แต่เขา น่าจะเป็นเพื่อนทิคนะ”

“หรอ กูไม่ยักเคยผ่านหูหรือได้ยินมันพูดถึง”

“มึงลองนึกดูดีๆสิ”

“เพื่อนที่เรียนเก่ามันหรือเปล่า”

“มึงกับทิคเรียนที่เดียวกันมาไม่ใช่หรอ”

“กูกับมันจบที่เดียวกันก็จริง เออกูลืมเล่าไปอย่างทิคมันเพิ่งย้ายมาตอนเกือบจบปีหนึ่งเองจริงๆมันเป็นเด็กนอกนะโว้ยแต่ไม่รู้ทำไมถึงกลับมาเรียนที่ไทยทั้งที่ไปได้ไม่ถึงเทอม”

“ย้ายกลับมากลางคันหรอ”

“ใช่”

“ทำไมละ”

“กูก็ไม่เคยถามเซ้าซี้มันหรอกเพราะเคยถามไปครั้งหนึ่งแต่มันเหมือนไม่อยากตอบก็เลยปล่อยเลยตามเลย มึงก็น่าจะพอรู้ว่ามันเป็นคนยังไงไม่เล่าก็คือไม่อยากให้รู้”

บาสคิดตามสิ่งที่ได้ฟังมาอย่างใช้ความคิดตลอดทางที่เดินมาหลังจากแยกกับคลัง

ทำไมทิคถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากเมื่อก่อน ดูซึมเศร้าเหมือนมีเรื่องอะไร

ทิคเคยไปเรียนเมืองนอกแต่ย้ายกลับมาไทยกะทันหันและเหมือนไม่อยากให้ใครรู้เหตุผล

ทั้งๆที่พิธีกรก็ประกาศว่าผู้หญิงคนนั้นชื่อพราวแต่ทิคกลับเรียกเธอว่าบัว หรือเพราะคืนนั้นดื่มมากเกินไปเลยทำให้ตาฝาด แต่ไม่น่าจะแค่ตาฝาดเพราะทิคดูเชื่อฝั่งใจมากๆว่าเธอชื่อบัว

แล้วคนชื่อบัว ทิคไม่ได้ตั้งใจทำอะไรกับเธอและทำไมต้องอยากขอโทษ ขอโทษเรื่องอะไร

ต้นเหตุที่ทำให้ทิคแปลกๆไปเพราะเธอคนนี้หรอหรือเรื่องอะไร


ความคิดที่กำลังล่องลอยหายไปทันทีเมื่อมาถึงแอสแล้วเห็นบงกชกับมานพวิ่งผ่านไปเหมือนจะรีบไปไหนผู้จัดการแอสอื่นแตกกลุ่มยืนคุยกันด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเห็นแบบนั้นบาสจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหาปิงที่อยู่แถวๆนั้น

“เขาประชุมกันเสร็จแล้วหรอ แล้วมีอะไรกันวะ”

“ทิคโดนเครื่องประกอบพาสตีแขนไม่รู้เป็นอะไรมากหรือเปล่าพี่มานพแกเลยรีบไปดูพี่บงก็ไปด้วย”

ได้ยินแค่นั้นก็หายใจลำบากขึ้นมาทันทีบาสตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งอย่างทำอะไรไม่ถูกเขาหันกลับไปทางที่เพิ่งมาแล้วออกตัววิ่งด้วยความเร็ว

“ไปไหนอะ”

ปิงตะโกนตามหลังเมื่ออยู่ดีๆบาสก็วิ่งออกไปไม่บอกไม่กล่าวแต่ก็ไม่มีการตอบรับเขาจึงได้แต่มองตามด้วยความไม่เข้าใจ

เสียงลงเท้าวิ่งหนักๆดังไปทั่วบริเวณเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นรู้แค่ว่าต้องถึงแอสห้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่เมื่อมาถึงก็มีแต่ความว่างเปล่าจึงต้องเดินหาที่เกิดเหตุให้ทั่วจนไปเจอบริเวณเกือบท้ายไลน์ที่มีคนกำลังยืนคุยกันอยู่กลุ่มใหญ่จึงรู้ว่าต้องเป็นจุดนั้นแน่ๆ

เท้าต้องหยุดลงเมื่อเข้าไปใกล้แล้วเห็นรอยเลือดที่เลอะอยู่เต็มบริเวณ เลือดเยอะขนาดนี้แล้วคนเจ็บจะเป็นขนาดไหน

“ทิคละครับ”

บาสหันไปถามคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยเสียงร้อนรนและหน้าตาซีดเซียว

“ถูกส่งโรงพยาบาลแล้วครับห้องพยาบาลเอาแผลไม่อยู่”

เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนบาสหายใจเข้าออกช้าๆแต่แรงจนอกกระเพื่อมด้วยความยากลำบากเสียงพูดของคนตรงนั้นไม่เข้าหูเลยได้แต่ก้มมองรอยหยดเลือดที่พื้นอยู่อย่างนั้น

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงเกิดกับเขา เขาจะเป็นอะไรมากไหม ตอนนี้อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร




น้ำเกลือที่อยู่ในกระปุกยังทำหน้าที่ของมันหยดลงที่ละหยดที่ละหยดอย่างไม่รู้จักเหนื่อยคงมีแต่คนบนเตียงที่กำลังนอนหลับใหลหายใจเชื่องช้าสม่ำเสมออย่างดูเหน็ดเหนื่อย เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงที่อยู่ในห้องฉุกเฉินกว่าจะได้ออกมาและถูกนำตัวมาพักฟื้น บาดแผลเป็นที่ช่วงแขนแต่กลับต้องถูกสั่งให้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากแพทย์พบว่าร่างกายของเขาอ่อนแอมากเกินที่จะปล่อยไป

“เดี๋ยวผมออกไปคุยกับทางบ้านทิคครู่หนึ่งนะ”

บงกชพยักหน้าให้มานพแล้วหันไปหาทิคที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเป็นห่วงแล้วเดินออกจากห้องไปไม่ใช่มีแค่สองคนที่อยู่ที่นี่เพื่อนร่วมงานเอ็นจิเนียร์ก็มาเช่นกันแต่ต่างพากันรออยู่ด้านนอกเพราะกลัวจะรบกวนคนป่วย

ทิคหลับไปนานอย่างไม่มีท่าทีว่าจะตื่นง่ายๆเมื่อเห็นว่าทิคได้ย้ายมาอยู่ห้องพักฟื้นแล้วก็โล่งใจจึงค่อยๆพากันทยอยกลับครอบครัวทิคคงไม่ได้มาถึงง่ายเพราะพ่อทิคเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศแม่ติดตามไปด้วยแต่เมื่อมานพโทรไปแจ้งก็ได้ทราบว่าท่านทั้งคู่จะเดินทางกลับไทยในวันพรุ่งนี้


คนที่แอบมองห้องผู้ป่วยพิเศษอยู่นานหลายนับชั่วโมงแอบเลียบมองดูเมื่อเห็นว่าคนเริ่มทยอยออกห่างห้องก็ใจชืนที่จริงแล้วเขาสามารถเข้าไปหาทุกคนและเยี่ยมคนป่วยเหมือนคนอื่นๆก็ได้ไม่แปลกด้วยซ้ำ แต่เขากลับไม่กล้า ไม่รู้ว่ากลัวอะไร รู้แค่ว่าอยากเข้าไปดูตอนที่อยู่คนเดียวมากกว่าและช่วงเวลาที่รอคอยมานานก็มาถึงบาสหันมองหน้ามองหลังจนมั่นใจว่าไม่มีใครแล้วเขาถึงรีบออกจากที่กำบังแล้วก้าวยาวๆตรงไปที่ห้องผู้ป่วยพิเศษหมายเลข1403แต่แทนที่จะเข้าไปเลยบาสกลับจับลูกบิดประตูค้างอยู่อย่างนั้น

“ทำไมไม่เข้าไปละคะ”

เสียงปริศนาจากด้านหลังทำให้บาสหันมองด้วยความตื่นตัวเป็นผู้หญิงหน้าตาดีจัดว่าสวยมากกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าสงสัย

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

เธอถามอีกครั้งทำเอาคนที่เอาแต่ยืนเงียบสะดุ้งออกจากภวังค์นิดๆ

“เปล่าครับ”

บาสตอบแล้วเผยยิ้มให้เธอจางๆตบท้ายเธอเห็นแบบนั้นจึงพยักหน้าเข้าใจ

“เป็นเพื่อนทิคหรอคะ”

“ครับ”

“งั้นเข้าไปข้างในด้วยกันสิคะ”

เธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มสวยมาให้ บาสหันตามเธอช้าๆแต่ไม่ได้เดินตามจนเธอที่เปิดประตูเข้าไปแล้วครึ่งตัวหันกลับมาดู

“คือผมมีธุระด่วนกะทันหัน ไว้จะแวะมาเยี่ยมใหม่ ขอโทษนะครับ”

บาสพูดแค่นั้นก็โค้งหัวให้เธอแล้วหันหลังเดินออกมาโดยไม่รอให้เธอได้ตอบอะไรเขาเดินก้าวเท้ายาวๆเพื่อให้ออกมาจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด บาสรู้อยู่แก่ใจว่าทำไมถึงกลัวเพราะเขาไม่บริสุทธิ์ใจเหมือนเพื่อนร่วมงานปกติไงใจเขารู้ดีว่าเขารู้สึกยังไงและยิ่งเห็นผู้หญิงที่สวยและดูเพรียบพร้อมแบบนี้มาอยู่ใกล้ทิคด้วยแล้วยิ่งรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก



หมอสาวมองตามคนที่เดินหายไปจนลับสายตาด้วยความเร็วอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากปล่อยมือจากประตูที่จับค้างไว้ปิดลงแล้วหายเข้าไปในห้อง ทันทีที่เห็นหน้าน้องชายหัวแก้วหัวแหวนเธอรีบวางกระเป๋าใบหรูลงกับโต๊ะอย่างไม่ใยดีก้มหน้าไปใกล้น้องชายที่กำลังหลับใหลแล้วยื่นมือไปเสยผมที่ตกลงมาปะหน้าน้องชายขึ้นอย่างทะนุถนอมอย่างกลัวน้องเจ็บแต่เบามือไปก็เท่านั้นเมื่อคนนอนรับรู้ได้ถึงสิ่งรบกวนทำให้เขาตื่นจากการหลับลืมตาขึ้นมอง คนเป็นพี่รู้สึกผิดนิดๆที่ทำให้น้องตื่นถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“เจ็บมากไหมทิค”

 คนป่วยพยักหน้าขึ้นลงช้าๆสิ่งนั้นเรียกน้ำตาของคนเป็นพี่ได้เป็นอย่างดี

“เจ็บตรงไหนบอกมาเลย พี่จะดูให้ พี่แกเป็นหมอนะไอ้แสบ”

คนเป็นพี่พูดทั้งน้ำตามือข้างหนึ่งจับมือน้องชายไว้อีกข้างก็เสยผมแล้วเลื่อนลงมาจับหน้าสภาพน้องชายตอนนี้เป็นภาพที่น่าสงสารสำหรับคนเป็นพี่ยิ่งกว่าอะไรเธอเลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่แขนน้องชายที่มีผ้าผันแผลสีขาวขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ไปเกินครึ่งแขนและสายที่เจาะเข้าเนื้อของน้องชายแล้วได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“ทับอย่าร้อง”

เสียงแหบและเบาหวิวของทิคถูกเปร่งออกมาเขาพยายามที่จะยกมือมาเช็ดน้ำตาให้พี่สาวแต่มันแทบจะไม่มีแรงจนคนเป็นพี่ต้องยื่นมือไปรับมือน้องมากุมไว้เธอพยายามกลั้นน้ำตาและหยุดร้องตามที่น้องขอ

“ถ้าไม่อยากให้พี่ร้องไห้ทิคก็ต้องดูแลตัวเองดีๆอย่าป่วยหรือเป็นอะไรแบบนี้อีก ไม่ใช่แค่พี่ที่จะร้อง พ่อกับแม่ก็เหมือนกันพวกเราใจจะขาดถ้าทิคเจ็บรู้ไหม”

หมอสาวพูดความในใจออกมาจนหมด คนเป็นแม่โทรมาจากต่างประเทศร้องไห้เหมือนใจจะขาดเมื่อรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเจ็บบอกให้เธอมาอยู่กับน้องอย่าทิ้งน้องไว้คนเดียวถ้าเป็นไปได้ท่านทั้งคู่อยากจะหายตัวมาอยู่กับลูกตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

“เราขอโทษ”

ทิคพูดด้วยเสียงรู้สึกผิดหน้าตานิ่งๆดูไร้พิษภัยของทิคตอนนี้น่าเอ็นดูสำหรับคนเป็นพี่จนอดใจไม่ไหวที่จะยื่นมือไปลูบหัวเบาๆ

“แค่ทิคปลอดภัยก็พอแล้ว”

”พ่อกับแม่จะกลับพรุ่งนี้ ตอนนี้ทิคนอนเถอะพักผ่อนเยอะๆร่างกายจะได้ฟื้นตัวไว้ๆพี่จะไปคุยกับหมอสักหน่อย”


หมอสาวพูดยิ้มทิ้งท้ายให้น้องชายแล้วหันไปหยิบกระเป๋าพร้อมออกจากห้อง

“ทับ”

แต่เสียงเรียกจากน้องทำให้เธอหันกลับไปด้วยความสงสัย

“เป็นอะไร เจ็บแผลหรอ”

คนเป็นพี่ถามด้วยเสียงตื่นรีบวางกระเป๋าลงที่เดิมเดินเข้าไปหา ทิคเงียบไปครู่หนึ่งถึงตอบ

“หิวข้าว”

คำตอบของคนเป็นน้องทำเอาพี่สาวหัวเราะออกมาเบาๆอย่างกลั้นไม่อยู่

“พี่ลืมไปเลย”

เธอพูดแล้วเดินออกไปหน้าห้องเพื่อจะดูว่าหมอสั่งงดอาหารหรือไม่

“ของใคร”

เสียงของพี่สาวที่ดังอยู่หน้าห้องทำให้ทิคหันมองด้วยความสงสัยจนพี่สาวกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับชูถุงกระดาษขึ้นทิคจึงมองตาม

“ใครเอาของมาวางไว้หน้าห้องก็ไม่รู้”

ทิคมองถุงในมือพี่สาวด้วยสีหน้าสงสัยไม่แพ้กันแต่ก็ต้องละสายตาเมื่อพี่สาวจับถุงไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง

“แต่ทิคน่าจะไม่อิ่ม หมอไม่ได้สั่งงดอาการรอแปปนะพี่จะลงไปซื้อของกินมาให้”

ทิคพยักหน้าให้คนเป็นพี่แล้วมองตามเธอเดินออกจากห้องอีกรอบ

เมื่ออยู่คนเดียวความเงียบก็เข้ามาปกคลุมทิคหันมองมือตัวเองที่มีผ้าพันแผลสีขาวลามไปเกือบครึ่งแขนของตัวเอง ความเจ็บยังคงมีอยู่มันทำให้แทบจะไม่อยากขยับแขนเลยด้วยซ้ำทำได้แค่ถอนหายใจแล้วละสายตาจากมันมานอนมองเพดานสีขาวด้วยอาการเบื่อหน่ายได้แต่คิดหัวเราะตัวเองในใจ

คนอย่างทิค ธีปากร วิศวะเกียรตินิยมอันกับหนึ่งมาถึงจุดนี้ได้ยังไงมานอนเป็นไอ้ง่อยแขนพิการใช้งานไม่ได้แบบนี้มันใช่หรอ

“ทำไมให้เรากินอะไรเป็นคนป่วยแบบนี้ละเราอยากกินอะไรเผ็ดๆ”

คนป่วยบ่นปากยุบยิบคนข้าวต้มในถ้วยไปมา

“นอนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้เขาไม่ได้เรียกคนปรกตินะคะคุณน้องชายเขาเรียกคนป่วย”

คนเป็นพี่พูดหรี่ตามองน้องชายที่กำลังนั่งหน้ามุ่ยกับถ้วยข้าวต้มที่ตนซื้อมาให้

“กินอะไรอ่อนๆไปก่อนทิคเพิ่งฟื้นตัวเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะซื้อของที่ทิคอยากกินทุกอย่างมาให้เลยจะกินอะไรบอกมาเลย”

“หลอกฝัน”

ทิคแซวพี่สาวแล้วตักข้าวต้มเข้าปากอย่างจำใจคนเป็นพี่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มขำ

ต่อให้จะทำตัวร้ายต่อหน้าใครเท่าไรแต่สำหรับเธอทิคคือน้องที่น่ารักที่สุด ยิ่งโตใช่ว่าเธอจะรักน้อยลงแต่กลับกัน ยิ่งโตเธอยิ่งรักน้องขึ้นทุกวันเพราะเธอรู้ดีว่าน้องไม่เหมือนคนอื่นยิ่งน้องป่วยแบบนี้ด้วยแล้วเธอยิ่งรักและทะนุถนอมน้อง

“ปวดแผลไหม ไหนพี่ดูหน่อย”

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้หมอสาวชะงักมือที่กำลังดูแผลน้องชาย เธอหันไปหยิบโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุดขึ้นมากดรับ

“ฮัลโหล”

“ได้คะ ได้ๆ จะรีบไป ฝากดูก่อนนะคะ”

หมอสาวพูดเสียงตื่นจนคนเป็นน้องละความสนใจจากข้าวต้มขึ้นถามด้วยความสงสัย

“มีอะไรหรอทับ”

“มีเคสด่วนนะ”

คนเป็นพี่พูดด้วยเสียงแตกตื่นกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนหมอด้วยกันให้ช่วยไปดูให้ก่อน

“ทับไปเถอะ”

สีหน้ากังวลของพี่สาวทำให้ทิคพูดออกไป

“ไม่ต้องห่วงเราหรอกที่นี่หมอพยาบาลอยู่เต็มไปหมด”

คนเป็นพี่มองหน้าน้องชายด้วยสีหน้ากังวล

“ย้ายไปอยู่โรงพยาบาลพี่ดีไหม พี่อยากเป็นคนดูทิคเอง”

คำพูดของพี่สาวทำเอาน้องชายขำออกมา

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ทับรีบไปเถอะคนป่วยรอแล้ว”

คนเป็นพี่ถอนหายใจยาวเหยียดอย่างรู้สึกเสียดายที่ต้องทิ้งน้องชายไว้คนเดียว

“ถ้าทุกอย่างโอเคพี่จะกลับมานอนเฝ้านะ”

“คร้าบคุณหมอ แต่ถ้าเหนื่อยแล้วไม่ต้องมานะ ถ้ามาโกรธ”

ทิคล้อเลียนยิ้มๆตอนแรกแล้วตบท้ายด้วยสีหน้าเคร่งโบกมือให้พี่สาวที่เตรียมถือกระเป๋า

“อย่าขับรถเร็วนะ ค่อยๆไป”

“รีบนอนนะ”

เสียงตะโกนดังแว่วมาคนป่วยได้แต่มองตามด้วยรอยยิ้มเมื่อพี่สาวออกไปพ้นประตูจึงหันกลับมาสนใจข้าวต้มที่แสนจะกล้ำกลืนกินตักเข้าปากอีกคำ

แต่เพราะตาเหลือบไปเห็นถุงกระดาษที่พี่สาวบอกว่ามีคนเอามาวางไว้หน้าห้องวางอยู่ ด้วยความอยากรู้ว่าคืออะไรทิคจึงวางช้อนลงแล้วพยายามด้วยความยากลำบากเอื้อมตัวไปหยิบถุงใบดังกล่าวมาดู และสิ่งที่อยู่ในถุงทำให้เขาแปลกใจนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่งแล้วล้วงมือไปหยิบของในนั้นออกมา



นมแลคตาซอย



“เฮ้ย ไปเอามาจากไหนวะ!”

“เมื่อวานกูไปซุปเปอร์แถวบ้านเขาเอาของไทยมาขาย มึงเคยบอกว่าชอบกิน”

“เออ ชอบมาก! ไม่คิดว่าเมืองนอกจะมี”

คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ทิ้งมันอย่างไม่ใยดีหันมาสนใจนมกล่องสีฟ้าในมือด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดขีดไม่รอช้าแกะหลอดออกจากข้างกล่องแล้วใช้ปากฉีกพลาสติกจิ้มมันลงไปที่กล่องแล้วดูดอึกใหญ่จนแก้มตอบคนมองดูเห็นแล้วกลัวลมหายใจเจ้าตัวจะหมดสะจริงๆ

“กูเชื่อละว่ามึงชอบจริง”

“เอามะ”

คนที่มีหลอดคาปากอยู่เอ่ยถามมือยื่นไปหยิบอีกกล่องในถุงมายื่นให้คนข้างๆ

“ไม่อะ กูไม่ใช่เด็ก”

“อ้าวไอ้นี่!”

คนถูกว่าหันมองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

“ไปละ”

แต่คนว่ากลับไปสนใจลุกขึ้นยืนแล้วเดินหนีไปจนคนที่นั่งอยู่ต้องรีบเก็บของแล้ววิ่งตามไปทั้งที่ปากยังดูดนมคาอยู่

“รอด้วยดิ!”


น้ำตาที่หยดลงมาอย่างไม่รู้ตัวทำให้ทิคหลุดจากความคิด เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มข้างขวาตัวเองลวกๆก้มมองนมกล่องสีฟ้าในมืออีกครั้งแล้วยกมันขึ้นดูดทั้งน้ำตาอย่างกล้ำกลืน



หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-12-2018 15:28:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

เย้ ๆๆๆ  กลับมาแล้ว  ลืมไปแล้วว่าตอนก่อนหน้าทิ้งท้ายไว้อย่างไร  สงสัยต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่

เอ...ความทรงจำเรื่องนมแลคตาซอยนี่....
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-12-2018 18:54:21
หายไปนานนะ คิดถึง สงสารทิคจัง
เข้าใจบาสนะ เมื่อก่อนดูเข้มแข็ง แต่พอมาเจอทิคกลับกลายเป็นคนที่อ่อนแอไปเลย
สู้ๆ นะทั้ง 2 คน
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-12-2018 21:29:38
สงสารทั้งสองคนอ่าาา :hao5:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-12-2018 15:10:59
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-12-2018 16:15:27
 :L2: :กอด1: :pig4: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 13-12-2018 21:07:24
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 14-12-2018 20:18:57
เศร้า ทิคบาดเจ็บ บาสเข้าใจผิดเรื่องหมอทับ นมแล็คตาซอยอร่อย
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 20-12-2018 00:21:24
มาร์คเอานมมาให้หรอ สงสารทิคอยากให้บาสดูแลเยอะๆ :mew2:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 16-01-2019 09:17:10
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 16-01-2019 10:52:21
หายไปเป็นเดือนแล้วนะ มาต่อด่วนๆครับ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 17-01-2019 16:53:30
รออยู่นะคะ   :hao3:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: kman2527 ที่ 17-01-2019 19:25:59
 :call: :hao4: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 19-02-2019 05:55:12
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: kman2527 ที่ 19-02-2019 15:42:29
รออยู่ครับ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-02-2019 17:37:24
รออยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-02-2019 01:59:22
รออยู่เน้อ~
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-02-2019 02:03:30
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-03-2019 00:54:06
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-03-2019 00:44:10
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 08-04-2019 19:03:39
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: kman2527 ที่ 08-04-2019 19:16:22
รอๆๆๆๆๆๆๆ :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-05-2019 22:57:24
 คิดถึงนะ อยู่ไหนเอ่ย...
 :o11:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: kman2527 ที่ 11-05-2019 10:00:57
รอๆๆๆ :sad11: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-05-2019 18:57:30
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 19-05-2019 19:24:22
หายไปจะครึ่งปีแล้วนะ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: kman2527 ที่ 20-05-2019 13:16:51
ยังรออยู่ครับ :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-05-2019 17:50:25
รออยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 28-05-2019 03:23:30
รออยู่นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-05-2019 13:46:51
สนุกอ่าาาา รออยู่เด้อ
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: kman2527 ที่ 28-05-2019 21:02:47
มาสักทีเถอะครับ :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 25-09-2019 08:09:46
ยังรออยู่นะครับ :ling2: