~ Saturday Night Life The Story~
คืนวันเสาร์ คือคืนที่หลายคนรอคอย บางคนก็พักผ่อน อยู่ที่บ้าน มีกิจกรรม เล็กๆ กับครอบครัว หรือ กับคนรัก บางคนก็ออกไปสังสรรค์ เฮฮากับกลุ่มเพื่อน หลากหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันเสาร์ ผมว่ามันมีเสนห์อย่างหนึ่ง มันเป็นกิจกรรมชีวิตที่แตกต่างออกไปจากวันอื่นๆ เรื่องราวที่ผมจะถ่ายทอดต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวชีวิตในคืนวันเสาร์ ช่วงเวลาสั้น ของคนหลายคน แต่กลับมีหลายสิ่งที่น่าสนใจ ที่หากย้อนมองดูแล้ว เราก็เหมือน เป็นคนในกลุ่นนั้นด้วย ลองสัมผัสชีวติของผู้คนเหล่านี้ดูสิครับ แล้วคุณจะรู้สึกว่า คุณก็เคยเป็นส่วนหนึ่ง ในคืนวันเสาร์คืนนั้น เหมือนกัน
***************************************************************
~ Alone ~
วิโรจน์ พยายามข่มตาหลับตั้งแต่ สามทุ่มแล้ว แต่เก็ยังหลับไม่ลง เขานอนมองพัดมลมเพดานที่ยังคงหมุนทำหน้าที่คลายความร้อนภายในห้องนาทีแล้วนาทีเล่า หันไปมองนาฬิกาที่ข้างเตียง เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เขาพยายามข่มตัวเองให้หลับมาเกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ชายหนุ่มคิดว่าคงทนข่มตาหลับให้ลงไม่ได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจลุกจากเตียง เดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนเสื้อผ้า เซ็ทผมให้ดูดี ฉีดน้ำหอมกลิ่นกรุ่นเพิ่มเสน่ห์ของกลิ่นกาย ชายหนุ่มยืนส่องกระจกสำรวจตัวเอง จนพอใจ
“นอนไม่หลับ ก็ไม่ต้องนอนมัน ไปเที่ยว..แ ่ง เลย ..”
หลังจากที่ทนข่มตาหลับไม่ได้ วิโรจน์ เลยตัดสินใจอออกไปเที่ยว คืนวันเสาร์แบบนี้ สถานที่เขากำลังมุ่งหน้าไปนั้น คนคงหนาตาพอสมควร เวลาขนาดนี้แล้วคงคราคร่ำไปด้วยนักเที่ยว ที่ต่างคนก็มุ่งไปเพื่อดื่มด่ำกับเสียงดนตรี และสังสรรค์กันอย่างสนุกสนานกับเพื่อนฝูง แต่สำหรับ วิโรจน์ นั้นเขาไปดื่มด่ำกับเสียงดนตรีก็จริง แต่ เขาไม่ได้มีเพื่อนเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ หรือว่ามีคู่เที่ยวเหมือนคนอื่นๆ เพราะเขาไป ...คนเดียว ...
วิโรจน์ อยู่คนเดียวมาตั้งแต่อายุ 13 แล้ว ชีวิตเขาส่วนใหญ่ คือโรงเรียน หอพัก มหาวิทยาลัย หอพัก ที่ทำงาน หอพัก cแต่ถึงอย่างนั้น ใช่ว่าเขาจะไม่มีเพื่อน เขามีคนรู้จักอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยนิสัยส่วนตัว ที่ไม่อยากจะรบกวนใคร และไม่ชอบการรอการตัดสินใจของคนกลุ่มใหญ่ เวลาไปไหนกันจะต้องรอคนนั้นคนนี้ เขาไม่ค่อยจะอดทนรอได้ วิโรจน์ จึงไม่ค่อยได้ไปสังสรรค์ที่ไหนกับเพื่อนๆบ่อยนัก จะมีบ้างก็เวลางานบริษัท หรือ เพื่อนขอร้องจริงๆ นอกเหนือจากนั้นเขาก้ไปไหนมาไหนคนเดียวเป็นประจำ ทั้งดูหนัง ไปเที่ยวกลางคืน หรือ แม้แต่ไปเที่ยวพักร้อน เขาก็ยังไปคนเดียว แต่ก็ใช่ว่า วิโรจน์ เขาจะเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ในทางตรงกันข้าม เพื่อนร่วมงาน หรือคนที่รู้จักเขากลับชอบเขาเสียด้วยซ้ำ เพราะ เขาเป็นคนมีน้ำใจ ขยันทำงาน ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานเสมอ ทุกคนจะเข้าใจเขาดี เขามีนิสัยแบบนี้ หลายคนก็เลยไม่ค่อยจะรบเร้าให้เขาไปไหนมาไหนด้วย แต่ถึงแม้จะไม่มีใคร วิโรจน์ก็ยังคงมีความสุขในตามแบบของเขา
“สถานีสีลม .... Silom Please mind the gap between train and platform” เสียงประกาศของรถไฟฟ้าใต้ดินแจ้งให้ผู้โดยสารทราบว่าถึงสถานีที่หมายแล้ว วิโรจน์ ก้าวผ่านประตูรถออกมา เดินมุ่งหน้าสู่สถานบันเทิงที่อยู่เหนือสถานนีนี้ เขาสังเกตุเห็นว่า มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์คนนอนดึกอีกหลายคนที่กำลงัตบเท้าไปยังจุดหมายเดียวกันกับเขา บ้างก็มากันเป็นคู่ บ้างก็เดินมาคนเดียว แต่ก็อาจจะไปเจอกับกลุ่มเพื่อนๆที่อรออยู่แล้วก็ได้ ส่วนเขาไม่มีใครรอเขา และ เขาก็ไม่ได้รอใคร เพราะ ที่ที่เขาจะไป เขาไป ... คนเดียว ....
ถนนสีลม ถนนสายบันเทิงที่ไม่เคยหลับไหล ถนนสายนี้ มีผู้มาเยือนทั้งคนไทย และต่างชาติ จะเรียกว่าเป็นถนนสายโลกีย์ ที่รวมทุกเหล่าเพศไว้ก็ได้ สำหรับวิโรจน์ แล้ว จุดมุ่งหมายของเขาก็คือ ซอย 2
เสียงดนตรีเร้าใจดังมาจากในซอย ผู้คนเดินเข้าออกกันอย่างขวักไขว่ วิโรจน์ รู้สึกถึงความเป็นเอกเทศของซอยนี้ เพราะ จะมีนักเที่ยวที่มีรสนิยมเพศแบบเดียวกับเขาเป็นส่วนใหญ่ เป็นส่วนน้อยที่ จะมี ต่างเพศ เข้ามาปะปนอยู่บ้าง แต่นั่น ก็เป็นเพียง “เพื่อนสาว” สำหรับ กลุ่มคนอย่างพวกเขาใช้เรียกหญิงสาวที่เข้ามาเที่ยวในซอยนี้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปในซอย 2 เสียงเพลงเร้าใจเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่ม หน้าตาดี แต่งตัวน่ามองหลายคน ยืนอยู่กันเป็นกลุ่ม บ้างก็ยืนเต้นรำกันอยู่หน้าร้าน เพราะข้างในร้านไม่มีที่ให้ยืนเต้นรำได้แล้ว ผู้คนเริ่มเบียดเสียดในซอยมากขึ้น เพราะซอยเล็กๆ แต่มีร้านทีให้ความบันเทิงอยู่ถึง 6 ร้าน บางคนก็นั่งอยู่หน้าร้านคุยกันอย่างสนุกสนาน ช่วงนี้ใกล้เที่ยงคืน ผู้คนจะหนาตา และมากกว่าเวลาอื่นๆ เพราะ หลายคนมีจุดประสงค์ จะเข้ามาดู โชว์ที่บรรดาสาวประเภทสองจะจัดแสดงช่วง เที่ยงคืน เป็นโชว์ เรียกน้ำย่อย แต่สำหรับวิโรจน์ เขาไม่ค่อยจะสนใจโชว์พวกนั้นสักเท่าไหร่ เพราะ ทุกวันก็แสดงแบบเดิมๆ และเขาก็ไม่ชอบที่จะไปเบียดเสียดกับคนเยอะๆ เพราะรู้สึกอึดอัด ในซอยนั้นจะมีอยู่ร้าหนึ่งที่เขาชอบไปนั่งฟังเพลงเป็นประจำ เพราะ จะเป็นร้านเดียวในซอย 2 ที่มีนักร้องมาร้องเพลงและให้แขกในร้านนั่งฟัง ไม่ได้เปิดเพลงดังกระหึ่มเปิดเพลงเร้าใจเหมือนร้านอื่นๆ วิโรจน์ คิดว่า ไปสถานที่ทีเต้นรำ ไปคนเดียวมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา สู้มานั่งฟังเพลง สบายๆ นั่งดื่ม และเพลินเพลินปล่อยอารมณ์ไปตามเพลงจะดีกว่า เพราะที่แบบนี้ เขาสามารถจะ นั่ง... คนเดียว.... ได้โดยที่ไม่ต้องมาแชร์ความสุข หรือ ความสนุกสนานกับใคร
เด็กในร้าน ยกมือสวัสดีตั้งแต่ เขาเปิดประตูผ่านเข้าไปในร้าน คืนนี้คนในร้านเยอะเหมือนเคย นั่นคงเป็นเพราะคืนวันเสาร์ และ ร้านอื่นๆ คนเต็มร้านเหมือน หลายคน จึงหลบ การเบียดเสียด มาฟังเพลง สบายๆ ในร้าน ทุกครั้งที่เดินเข้ามาในร้าน วิโรจน์ จะรู้สึกได้ ถึงสายตาที่มองมาที่เขา มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสถานที่แบบนี้ หลายคน ต่างก็มีจุดประสงค์ ในการมอง การมอง เป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนที่มาเที่ยว เพราะ มีคนหน้าตาดีๆ แต่งตัวมาให้ได้มอง อยู่มากมายเหลือเกิน แม้จะทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้เข้ามาพุดคุย เพียงแค่ได้มอง ก็เป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง
วิโรจน์เดินไปยังบาร์ที่เป็นที่ประจำของเขา แม้ที่บาร์ จะถูกคนจับจองไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้ ชายหนุ่มค่อยเบียดกายเข้าไปให้ใกล้กับบาร์มากที่สุดเพื่อบอกให้ เด้กที่บาร์ รู้ว่า เขามาแล้ว เด็กในบาร์จะรู้ว่าเขาฝากเหล้าไว้ เพราะ เขาก็ถือว่าเป็นลูกค้าประจำของร้านเหมือนกัน
หลังจาก เด็กในร้านผสมเครื่องดื่มให้เขาเรียบร้อย วิโรจน์ จึงมองหา มุมดีๆ เขาถือแก้วเหล้า เดินมายืนที่ว่างตรงริมทางเดินขึ้นชั้นสอง เสียงปรบมือ ให้กับนักร้องที่ร้องเพลงถูกใจคนฟัง เพลงในร้านส่วนใหญ่ ก็เป็นเพลงช้าๆ ฟังสบายๆ บ้างก็มีจังหวะเร้าใจให้รู้สึกคึกคักสนุกสนานได้บ้าง สลับกันไป มุมที่ วิโรจน์ยืนนั้นสามารถมองเห็นบริเวณได้เกือบทั้งหมด ทั้งบริเวณบาร์ หรือ รอบๆ ร้าน วันนี้ที่นั่งในร้านเต็มทุกร้าน ลูกค้าในร้านบ้างก็นั่งฟังเพลง บ้างก็นั่งคุยกันกับเพื่อนๆ อย่างออกรสออกชาติ วิโรจน์ ยืนมอง เพื่อนร่วมเวลาและสถานที่ของเขา คืนวันเสาร์ที่เขานอนไม่หลับ หากเขาอยู่ในห้องคนเดียวก็คงเบื่อหน่าย และหลับตาไม่ลง แต่มาถึงที่นี่ อย่างน้อย แม้จะยืนอยุ่ คนเดียว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย เพราะ เขายังรู้สึกว่า ที่ๆ เขายืนอยู่ยังมีคนรักเวลาค่ำคืนอันสุนทรีย์แบบนี้อยู่
ขณะที่เขาเพลิดเพลิน กับการมองดูความเป็นไปของผู้คนในร้าน ชายหนุ่มรู้สึกถึงการถูกสายตาจับจ้องจากใครบางคน เขาค่อยๆ หันไปตามความรู้สึกนั้น วิโรจน์ เห็นเจ้าของสายตานั้นนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา คนนั้นเขาไม่ได้สนใจกับนักร้องที่ร้องเพลงอยู่เลย หากแต่สายตากลับมองมาที่เขา เป็นระยะๆ บ้างก็ หลบสายตาลงไปคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะ แล้วก้เปลี่ยนมามองเขาอีก วิโรจน์ยังไม่ละสายตาไปจากชายคนนั้น แต่ระดับสายตาของเขาก้ดูไม่น่าเกลียดถึงขั้นเป็นการจ้อง หากมองดุผิวเผินก้เหมืนเขามองผ่านๆ แต่ความเป็นจริงแล้ว สายตาของเขาก็จับอยู่ที่ชายหนุ่มคนนั้นเช่นกัน เมือตาประสานตา วิโรจน์ ยิ้มที่มุมปาก เป็นการหยั่งเชิง เหมือนเป็นการเข้าใจกันโดยอัตโนมัติ เขายกแก้ว เป็นการเชื้อเชิญดื่มกับวิโรจน์ ชายหนุ่มจึงตอบรับด้วยการยกแก้วตอบเช่นกัน ทั้งสองประสานสายตากันอยู่สักพัก ชายหนุ่มที่โต๊ะนั้นก้ลุกขึ้น แสดงท่าทางบอกเพื่อนว่าจะขึ้นชั้นบนไปเข้าห้องน้ำ แต่สายตานั้นยังคงมางมาที่วิโรจน์ อยู่ วิโรจน์ แอบยิ้มอย่างผู้มีชัย ว่าในสุด การมา คนเดียว ของเขาก็ไม่ได้สูญเปล่า เพราะในที่สุด คืนนี้ เขาก็จะะมีเพื่อนคุย ชายหนุ่มคนนั้นเดินมุ่งมาที่วิโรจน์ ด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร เป็นการบอกสัญญญาณว่อยากรู้จัก แต่เพื่อเป็นการหยั่งเชิง และไม่ให้เพื่อนๆ ของเขาที่โต๊ะแซว เขาจึงเดินเลยขึ้นไปชั้นสองก่อน วิโรจน์เข้าใจการกระทำของเขาดี เขาจึงไม่แสดงอการกระโตกกระตาก แต่ตาก็ยังคงเหลือบมองตามชายหนุม่คนนั้นไปบ้าง เพื่อเป็นการบอสัญญาณของความสนใจ และ รออยู่ ชายหนุ่มยืนฟังเพลงอยู่ได้สักพัก เขาก้รู้สึกได้ว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆ เขาคนนั้นนั่นเอง วิโรจน์หันมายิ้มให้ เขายิ้มตอบ ปราศจากคำพูดใดๆ ทั้งสองคน ทักทายด้วยการชนแก้วกันก่อน แล้วชายหนุ่มคนนั้น ก็เป็นคนเริ่มบทสนทนา เาโน้มหน้า เข้ามาใกล้หูของวิโรจน์ แล้วเอ่ยคำทักทาย
“หวัดดีครับ”
“ครับ” วิโรจน์ ตอบรับ ด้วยการยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เหมือนกัน
“มา คนเดียว เหรอครับ ผมเห็นคุณยืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว”
“ครับ ... ผมมา คนเดียว ครับ”
“มาคนเดียว แล้วสนุกเหรอครับ เหงาแย่ มายืนฟังเพลงคนเดียว”
วิโรจน์ นึกในใจ ถ้าไม่มาคนเดียว แล้วนายจะกล้ามอง กล้าเข้ามาคุยกับเราอย่างนี้เรอะ . ... แต่เขาก็ตอบแบบรักษาท่าที
“ไม่เหงาหรอกครับ จะเหงาได้ไง คนนั่งในร้านออกเต็ม เพลงก็เพราะ เพลินดีครับ”
“อ้อ ... ครับ .. ..เออ ผม ต้นครับ”
“โรจน์ ครับ”
ปราศจากคำพุดใดๆ หลังจากนั้น แต่ ต้นชายหนุ่ใคนนั้นก็ยังคงยืนอยู่ข้างๆ เขาไม่ไปไหน เพื่อนที่โต๊ะตรงข้ามเริ่มเห็นเขาแล้วว่า ยืนอยู่ข้างๆ วิโรจน์ บ้างก็ทำท่า แซว บางคนถึงขั้นเดินเม้ามา คุยกับต้น แล้วแซว แล้วก็เดินขึ้นไปเข้าห้องน้ำที่ชั้นบน วิโรจน์ รู้สึกเขินนิดๆ แต่ เขาก็ไม่ได้อายอะไร เพราะ เขาไม่ได้อะไรเสียหาย กลับรู้สึกภูมิใจในตัวเองเสียอีกที่มีคนมาสนใจ
“มาคนเดียวแบบนี้ .... กลับบ้านคนเดียวไม่เหงาแย่เหรอครับ” ต้นยิงคำถามแรกหลังจากเงียบมานาน
“ถามแบบนี้ ... จะกลับเป็นเพื่อนผมหรือไงครับ” วิโรจน์ ตอบกลับด้วยคำถามเด็ดเช่นกัน เป็นการบอกให้รู้ว่า เขารู้จุดประสงค์ว่ารู้นะคิดอะไรอยู่
“ก็อยู่ที่โรจน์ ต้องการเพื่อนกลับด้วยหรือเปล่าละครับ”
วิโรจน์ ยิ้มตอบ แต่ไร้คำพูดใดๆ แต่ต้นก็รู้คำตอบในทีจากสายตาของวิโรจน์ที่ตอบกลับมาแล้ว
.... ไปเที่ยวคนเดียว .... แต่ คืนวันเสาร์คืนนี้ วิโรจน์ คงไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว ... วิธีการแก้อาการนอนไม่หลับของเขานี่ได้ผลดีจริงๆ ...
~ The Dancer ~
“พ่อครับ วันนี้ผมไปติวหนังสือบ้านเพื่อนนะครับ” บาส ขออนุญาตพ่อของเขาออกไปติวหนังสือบ้านเพื่อนเย็นวันเสาร์ตามปกติ ซึ่งพ่อของเขาก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด บาสเป็นเด็กเรียนดี ผลการเรียน ติด Top Ten อยู่ทุกภาคเรียน ทุกวันเสาร์ บาสมักจะขออนุญาตพ่อของเขาไปติวหนังสือบ้านเพื่อนเสมอ และพ่อของเขาก็ไว้ใจให้ไปได้ เพราะคิดว่า บาส เป็นเด็กผู้ชาย และโตพอที่จะรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว
“ไปเถอะ ... พ่อรู้อยู่แล้วว่าทุกวันเสาร์ ลูกต้องไปบ้านเพื่อน แต่ก็อย่าหักโหมมากนักนะลูก เดี๋ยวจะเครียดเกินไป” บัญชาภูมิใจในตัวลูกชายมาก และบาสก็ไม่เคย หาเรื่องหนักใจมาให้เขาเลย บัญชาจึงวางใจและไว้ใจลูกชายคนนี้
“บาสเดี๋ยวพ่อไปส่งนะ เพราะเดี๋ยวจะเลยไปงานเลี้ยงบริษัทด้วย” บัญชาบอกลูกชาย
“ได้ครับ ผมขอไปเก็บกระเป๋า แล้วก็เตรียมของก่อนนะครับ”
บัญชาขับรถมาส่งลูกชายที่บ้านเพื่อนๆ แถวๆ สาทร เขาไม่ค่อยได้ถามไถ่เรื่องราวของเพื่อนลูกชายมากนัก แต่เขาก็ยัง เชื่อใจลูกชายว่า บาสคงจะเลือกคบคนที่ไว้ใจได้ และไม่พาเขาเถลไถลไปไหน
“ดูแลตัวเองนะลูก อย่าหักโหมมาก” เขาบอกลูกชายก่อนที่ บาสจะเปิดประตูลงจากรถ บาสหันมายิ้มให้พ่อ ก่อนไหว้ขอบคุณ และ กล่าวลาพ่อของเขา
“ขอบคุณครับพ่อ....พ่อขับรถดีๆนะครับ วันนี้พ่อต้องไปงานเลี้ยงของบริษัทใช่ไหม อย่าดื่มมากนะครับ”
บาส ลงจาก รถยืนมองรถพ่อวิ่งไปจนลับตาแล้ว เขาจึงเดินไปที่หน้าบ้านของเพื่อน แล้ว กด กริ่ง บาสยืนรออยู่ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงคนวิ่งมาเปิดประตู
“ พ่อมาส่ง เหรอบาส” เสียงเด็กหนุ่ม ทักบาส ก่อนเปิดประตูให้
“อืม..” บาส ตอบสั้น ๆ ก่อนเดินเข้าไปข้างในและปิดประตูบ้าน
“เล็ก .. กินข้าวยัง แล้ววันนี้ จะออกไปกี่โมง” บาส ถามเด็กหนุ่มที่มาเปิดประตูให้
เล็ก คือเพื่อนที่พ่อของบาส เข้าใจว่า เขาเรียนหนังสือด้วยกัน และ บาสจะมาติวหนังสือที่บ้านของเล็กทุกวันเสาร์
“ให้พ่อมาส่งอย่างนี้ ไม่กลัวว่าพ่อจะรู้เหรอ ว่าจริงๆ แล้วไม่ได้มาติวหนังสือ” เล็กถามบาส หลังจากที่เข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว เพราะรู้สึกไม่สบายใจที่ บาสไม่บอกความจริงกับพ่อ
“แล้วจะให้เราบอกพ่อยังไงล่ะ...เราไม่รู้ว่าพ่อจะรู้สึกยังไงที่เรา ไปทำงานแบบนั้น” บาส ถาม เล็ก ด้วยสีหน้า เป็นกังวล เพราะเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน ที่เขาปิดบังเรื่องนี้ กับพ่อของเขามา เกือบ 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ เข้าเรียนมหาวิทยาลัย
“เฮ้ย แต่งานที่แกทำมันไม่ได้ ไปปล้นใครกินซะหน่อย อีกอย่างก็เพราะ งานที่แกทำอยู่นี่ไม่ใช่เหรอที่มันส่งแกให้เรียนได้ แบบนี้” เล็ก ออกความเห็นเพราะ เขาก็เห็นว่า งานที่ บาส กับเขาทำอยู่นั้น มันไม่ได้ สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ในทางกลับกัน พวกเขากลับสร้างความสุขให้กับลูกค้าด้วยซ้ำ
“แต่ ... เรากลัวพ่อเราเสียใจที่เราไปทำงานแบบนั้นนี่นา ” บาส ยังห่วงความรู้สึกของพ่อ เพราะเขารู้ดีว่า พ่อนั้น ภูมิใจในตัวเขามากแค่ไหน แต่ งานที่เขาทำมันก็ช่วยให้เขาได้เรียนมาจนทุกวันนี้ และยังไม่ทำให้พ่อต้องลำบากด้วย
“เอ้า.. ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เราก็ไม่รู้ว่านายจะปิดพ่อได้นานแค่ไหน เอาเป็นว่า แล้ว แต่นายละกัน ไปเถอะไปแต่งตัว เดี๋ยวที่ร้านจะรอ วันนี้ เจ๊สองเขาบอกว่ามีลูกค้าเหมาห้อง VIP ด้วย วันนี้ คงทิปหนัก เพราะ แต่ละคนท่าทางจะมือหนักทั้งนั้นด้วย” เล็ก เปลี่ยนเรื่องที่ทำให้บาสไม่สบายใจ และ บอกเรื่องงานที่จะไปทำในคืนนี้
“เหรอ ... ก็ดี แต่วันนี้คงเหนื่อยแน่ๆ ถ้าลูกค้า เยอะแบบนี้” เด็กหนุ่มตอบรับ แต่สีหน้ายังเซ็งๆ เพราะไม่วายกลับไปคิดถึงพ่อ
บาสกับเล็ก เดินออกจากบ้าน และ เรียกแท็กซี่ที่ผ่านมา
“ไป สีลม ครับพี่” เล็กบอกกับคนขับรถ เสียงติ๊ดของมิเตอร์ดังขึ้นหลังจาก คนขับรถทราบจุดหมายปลายทาง แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไป
“สวัสดีครับเจ๊สอง .”. เอกกับบาส ยกมือขึ้นไหว้ เจ๊สอง หญิงเจ้าของร้าน ขณะที่เดินเข้าไปที่ห้อง ล็อคเกอร์ เพื่อเปลี่ยน เครื่องแต่งกายของร้าน
“สวัสดีจ้า เด็กๆ แหม สองหนุ่มวันนี้มาถึงแต่หัววันเชียวนะ” เสียง ที่ดูเกินจริตหญิง ทำให้รู้ได้ว่า เจ๊สอง หญิงวัยกลางคนเจ้าของร้านที่ทั้งสองทำอยู่นั้น เป็น “หญิงไม่แท้”
บาส ได้งานนี้ โดยการแนะนำจากเล็ก บาสรู้จักกับเล็กผ่านเพื่อนของเขาที่มหาวิทยาลัยอีกที บาส เคยคุยกับเพื่อนว่าอยากหางานทำ เพราะเขาไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ ในวันหยุดสุดสับปดาห์ อย่างน้อยก็เป็นการหารายได้พิเศษ โดยไม่ต้องรบกวนพ่อ บาส เป็นเด็กหน้าตาดี รูปร่างสมส่วน เป็นที่ดึงดูดตาได้ทั้ง เด็กสาว สาวรุ่น หรือแม้ แต่ บรรดา เกย์ เพราะหน้าตาที่คมเข้ม และดูดี เขารู้จักงานนี้จากเล็ก เพราะเล็กทำอยู่ก่อนแล้ว เล็กไม่ไเป็น เกย์ แต่เขาทำงานแบบนี้ เพราะเห็นว่า ได้เ งิน มากและเร็ว หากรู้จักเก็บ และไม่ปล่อยตัวถลำลึกไปกับสิ่งยั่วยวนเหล่านั้นก็ไม่เป็นปัญหา
ในครั้งแรก เด็กหนุ่มก็รู้สึกไม่ดีกับงานที่ทำ แต่เพราะ รายได้ ที่ได้ในแต่ละครั้งทำให้เขาต้องหวนกลับมาทำทุกครั้ง และเพราะบาสไม่ได้ มาทำงานทุกวัน บาส จึงเหมือนเป็นเด็กหน้าใหม่ของร้าน เพราะแขกเห็นไม่บ่อยนัก และ เพราะรูปลักษณ์ที่ชวนมองของเขานั่นเอง
“วันนี้ ทำให้เต็มที่นะจ๊ะ บาส เจ๊รับรองว่า ลูกค้า ที่จะมาร้านเราวันนี้ มือเติบ แน่นอน ใส่ให้เต็มที่ วันนี้ เจ๊ยกให้ บาส เป็นดาวเด่นของงานเลย” เจ๊สอง เข้ามาคุยกับทั้งสองในห้องล็อคเกอร์ เด็กหนุ่มทั้งสอง แต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไม่เคอะเขิน เพราะความคุ้นเคย และ เจ๊สองนั้น ก็ เห็นทุกซอกทุกมุมของพวกเขาหมดแล้วก่อนที่เข้ามาทำงานที่ร้าน
“ครับ เจ๊สอง ผมจะทำให้เต็มที่” บาส ยิ้มรับ เขาพยายามสลัดเรื่องของพ่อ ออกจาก ใจแล้วนึกถึง รายได้ เป็นกอบเป็นกำวันนี้ที่เขาจะได้จากแขกที่มาในร้าน เขาไม่สนใจหรอกว่า ใครจะมาแทะโลมด้วยสายตา หรือว่าจับต้องร่างกายทุกสัดส่วนของเขายังไง เพราะลูกค้าทำได้เพียงแค่นั้น เป็นเรื่องดีเสียอีก เพราะ ทุกครั้งที่ลูกค้าทำแบบนั้นเขาก็ได้ทิปติดตัวมาด้วยทุกครั้ง และคืนนี้ เขาก็จะทำหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุด
เวลายิ่งดึก ลูกค้ายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ภายในร้านนั้น จะมี ฟลอร์ อยู่ตรงกลาง และมีบาร์ จัดให้ลูกค้าได้นั่งชม แบบ ริงไซด์ ส่วนใครที่ไม่อยากชม แบบริงไซด์ ก็จะมีโต๊ะอยู่รอบๆ และในร้านก็จะมีห้องพิเศษ ให้ลูกค้า VIP ชมกันแบบส่วนตัว และ ถึงใจมากกว่า วันนี้ บาส รอรับลูกค้า VIP ในห้องพิเศษเท่านั้น ส่วนนอกห้อง VIP นั้น เด็กหนุ่มหลายคนต่างก็ต้อง โชว์ลีลาให้เป็นที่ถูกใจ เหล่าลูกค้า ที่มานั่งชม เพื่อ เรียกความสนใจในการ เรียกไปนั่งดริงก์ หรือให้ทิปในการสร้างความพอใจของลูกค้า ที่นั่งดู บางคนใจถึง แบบถึงเนื้อถึงตัวลูกค้า ให้ จับได้ทุกสัดส่วน เพื่อหวังว่าจะได้ เม็ดเงิน เป็นค่าตอบแทน
“บาสจ๋า เตรียมตัวนะจ๊ะ ตอนนี้ แขก VIP ของเจ๊ มาแล้ว” เจ๊สอง เข้ามา บอก บาส ล่วงหน้า เพื่อให้บาส เตรียมตัว
“ครับ เจ๊สอง” บาส เดินไปเปิดเพลงที่อีกด้านของเวที ถอดเสื้อคลุมที่ใส่อยู่ออก ผ้าน้อยชิ้นที่บดบัง บางส่วนของร่างกายเผยออก ให้เห็น ถึงรูปร่างอันล่ำสันงดงามของเขา ตอนนี้บาสมีเพียง ผ้าผืนเล็กบดบัง ความเป็นชายของเขาอยู่เท่านั้น บาสเดินขึ้นไปบนฟลอร์ เตรียมรอรับลูกค้าที่จะเปิดประตูเข้ามา ดนตรีเริ่ม เขาเริ่มขยับร่างกาย เต้นไปตามจังหวะของเพลง ประตูห้อง VIP ถูกเปิดออก เสียงของเจ๊สองแทรกดังเข้ามาภายในห้อง แข่งกับเสียงดนตรีในห้อง บาสยังปล่อยเรือนร่างให้เคลื่อนไหว ไปตามเสียงเพลงเร้าใจที่เขาเปิดอยู่ เสียง ผิวปาก เสียงปรบมือ พอใจ กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ของลูกค้า VIP ของเจ๊สองดังขึ้น ตอนนี้ ลูกค้า 3-4 คน เริ่มมานั่งใกล้ฟลอร์ และ เริ่มนั่งมอง บาส ตาเป็นมัน บาส ส่งยิ้มทักทาย พร้อมทั้งขยับกายเต้นเข้าไปใกล้ ส่งสายตาเย้ายวน ชวนหวั่นไหว ให้กลับลูกค้าวัยกลางคนที่นั่งชมได้ชุ่มชื่นหัวใจ ลูกค้า VIP เข้ามาครบหมดแล้ว บาส เต้นได้สักพัก ก็เริ่มได้ยินเสียงเชียร์ จากลูกค้า รอบๆ
“ถอดเลย น้องจ๋า ถอดอกเลย ปิดไว้ทำไม ถอดออกให้พี่ๆ ดูเลย” เสียงของลูกค้าคนหึ่งเชียร์ขึ้น บาส เดินเข้าไปใกล้ๆ เขาค่อยๆ โน้มตัวเข้าไปใกล้ลูกค้าคนนั้น แล้วทำท่าเย้ายวนใส่ และทำท่าจะถอดผ้าผืนน้อยชิ้นนั้น ออก แต่ก็ยังไม่ปล่อยให้หลุดไป เหมือนลูกค้าคนนั้นจะเข้าใจ เขาจึงหยิบแบงก์สีม่วงออกมา 2-3 ใบ โบกไปมาให้บาส เห็นเป็นเชิงว่า สนใจใบนี้ใช่ไหม ถ้าสนใจก็ปล่อยผ้าผืนน้อยนั้นซะ เมื่อบาส มองตาลูกค้า และเข้าใจจุดประสงค์ของการโชว์แบงก์นั้นแล้ว เขาก็ค่อยๆ ปล่อยผ้าผืนน้อยนั้น ออกจากตัว ผ้าผืนน้อยนั้นหลุดไปแล้ว แต่ร่างอันเปลือยเปล่าของบาสยังคงเต้นไปตามจังหวะเพลง แบงก์สีม่วง เหล่านั้นอยู่ในมือของบาสเรียบร้อย ถือเป็นของกำนัลจากลูกค้าที่ขอให้บาสโชว์เรือนร่างเปลือยเปล่า แล้วก็มีลูกค้าอีกหลายคนเรียกให้เขาไปเต้นตรงหน้า และ บาสก็ได้รับค่าเหนื่อยจากทุกคน เสียงหัวเราะ เสียงโห่ร้องชอบใจของลูกค้าที่มานั่งดูร่างอันเปลือยเปล่า และได้สัมผัสทุกสัดส่วนของเรือนร่างเด็กหนุ่ม ยังคงไม่เงียบหาย แข่งกับเสียงเพลงที่เปิดอย่างเร้าใจ บาสนั้นยังคงต้องเต้นเอาใจลูกค้าต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เวลาผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง เจ๊สองก็เข้ามาในห้อง ทักทายแขกอีกครั้ง ถามคนโน้น คนนี้ว่า เด็กที่จัดให้เป็นยังไง ถูกใจแค่ไหน ซึ่งในเวลานี้ ถือว่าเป็นช่วงพักของ บาส เด็กหนุ่มเดินไปหยิบผ้าคลุมมาเพื่อปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่า อีกครึ่งชั่วโมงเขาต้องเตรียมตัวขึ้นโชว์ สำหรับแขก VIP ในห้องถัดไป เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องไป เพื่อจะไปเตรียมตัวกับลูกค้า VIP ห้องใหม่ ระหว่างทางเดินนั้น เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังจะเดินสวนกับเขา ซึ่งคล้ายๆว่าเขาจะรู้จัก เมื่อชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ บาสใจหายวูบ ความรู้สึกเหมือนอะไรวิ่งเข้าชนเขาอย่างจัง ด้วยพื้นที่ที่แคบของทางเดินทำให้บาสไม่สามารถหลบไปไหน และชายคนนั้นก็เข้าใกล้เขาระยะประชิดตัวแล้ว ชายคนนั้นจ้องบาส ไม่ลดละเช่นกัน บาสยืนตัวแข็งทำอะไรม่ถูก มือข้างหนึ่งยังคงกำเงินที่ได้มาจากแขก VIP ห้องนั้นอยู่แน่น เขาหลบไปไหนไม่ได้แล้ว
“พ่อ” บาส เอ่ยขึ้นเบาๆ และชายคนนนั้นก็เช่นกัน “บาส”
สองพ่อลูกยืนมองกันอยู่อย่างนั้น ต่างคนต่างปราศจากคำพูดที่จะพูดต่อ .....
เสียงเพลงทั้งจากในห้อง VIP ห้องอื่นๆ เสียงหัวเราะ เสียงปรบมืออย่างสนุกสนานของแขกในร้านยังคงดังอยู่ แต่เสียงในใจที่จะพูดออกมาของสองพ่อลูกที่เจอกันในร้านนั้นเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ได้ .......
**********************************************
ชอบวันเสาร์จังๆๆ
ชอบวันเสาร์เหมือนกัน ได้หยุด ฮ่าๆ :m23:
เรื่องสั้น แต่สนุกครับ :L1: