พิมพ์หน้านี้ - วิหารจันทรา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: บุหรง ที่ 16-07-2008 09:45:47

หัวข้อ: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 16-07-2008 09:45:47
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0ี่)

************************
(http://img.photobucket.com/albums/v428/tumty/Thai%20Boys%20Love/prelude.jpg)

พบกับนิยายเรื่องใหม่ของผมได้ ในวันเพ็ญที่จะถึงนี้

ตัวอย่างหนังสือ
(http://i1227.photobucket.com/albums/ee425/nikky69/page.jpg)

เปิดรับสั่งจองหนังสือแล้วครับ พร้อมตอนพิเศษ ๒ ตอนยาวจุใจ ตอนอดีตกาลและตอนปัจจุบันกาล
รายละเอียดที่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28372.msg1652844#msg1652844
ขอฝากไว้บนช้นหนังสือของเพื่อนๆด้วยนะครับ  o1
*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 16-07-2008 10:06:32
 :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 16-07-2008 10:08:17
ตำหนักจะทำพิธีเปิดคืนจันทร์เต็มดวง  :m13:

จะรออ่านนะครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 16-07-2008 10:23:42
มาต้อนรับเรื่องใหม่  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 16-07-2008 11:03:59
เย้ๆๆ  ดีใจมีเรื่องใหม่มาให้อ่าน :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 16-07-2008 11:12:31
เข้ามารอติดตามผลงานใหม่ ของคุนบุหรง   :oni1:


"วิหารแห่งจันทรา"

ร่างทรงแห่งจันทรา ..อึม เห็นคำเกริ่นนำ  แล้วนึกถึงการ์ตูนที่เคยอ่านอยู่เรื่องนุง  คึคึ 

รออ่านๆ ค่ะ น่าติดตาม   
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-07-2008 11:24:29
นิยายแฟนตาซี  :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
รอด้วยคนค๊าบบบ  :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 16-07-2008 11:26:41
มาทับทรงรอครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 16-07-2008 13:00:31
เป็ดน้อยคอยเวลา
เทพจันทราจะลงสรง
ยามอาทิตย์อัสดง
รอบุหรงร่ายรำแพน

กิ๊วก๊าวว เรื่องใหม่ๆ
 :oni1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 16-07-2008 16:24:13
มาเป็นกำลังใจให้น้องตั้ม   :L2:
 :a2: fighting ๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 16-07-2008 16:56:19
ลงชื่อรอไว้อีกคนค่ะ ตั้ม
 :L2: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 16-07-2008 18:27:00
 :mc4: เย่ๆมาแล้ว
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 16-07-2008 20:29:53
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

เย้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ได้อ่านเรื่องใหม่ตาตั้มแร้ว

 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 17-07-2008 01:00:52
 :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตำนานแห่งหมู่บ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 17-07-2008 06:57:32
๐๑

ลึกเข้าไปภายในหุบเขา ที่ลำน้ำวังไหลผ่าน มีหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ชาวหมู่บ้านล้วนมีร่างกายสูงสง่า หน้าตางดงามทั้งชายและหญิง ชาวหมู่บ้านปลูกผัก ปลูกผลไม้ เลี้ยงผึ้งป่า เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เพื่อเป็นอาหารยังชีพ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ถักทอจากฝ้ายที่ปลูกไว้ ทำเครื่องใช้จากดินเผาเพื่อใช้กันในหมู่บ้าน ส่วนที่เหลือกินเหลือใช้ รวมทั้งบรรดาของป่า อันได้แก่หนัง เขี้ยว กระดูกของสัตว์ป่า สมุนไพรบางชนิด จะนำไปแลกเปลี่ยนกับข้าวสาร อาหารแห้ง อุปกรณ์เครื่องใช้บางอย่าง กับหมู่บ้านอื่นๆที่อยู่ห่างออกไป ความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย แม้ไม่เจริญรุ่งเรืองทางวัตถุมากนัก แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสุขสงบ

หมู่บ้านแห่งนี้ ดูแลโดยหัวหน้าหมู่บ้าน และผู้เฒ่าทั้งสี่ อันถือพร้อมด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ ทั้งสี่เป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ต่างๆกันไป เหล่าผู้เฒ่าจะเป็นผู้ให้คำปรึกษาต่างๆแก่หัวหน้าหมู่บ้าน เป็นผู้ให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้เจ็บป่วย และเป็นผู้ให้การศึกษาแก่เด็กในหมู่บ้าน ในศาสตร์ด้านต่างๆ รวมทั้งอบรมคุณธรรม จริยธรรมในการอยู่ร่วมกัน ชาวหมู่บ้านจึงล้วนอ่านออกเขียนได้กันทุกคน

หมู่บ้านแห่งนี้ มีความนับถือในจันทราเทพ อันจะมีผู้เป็นร่างทางของพระองค์ถือกำเนิดขึ้น เมื่อจันทร์เพ็ญแรกแห่งฤดูหนาว เวียนครบ ๑๒ รอบ เป็นครั้งที่ ๑๒ และเมื่อวาระนั้นมาถึง เด็กทารกผู้จะถือกำเนิดขึ้นในคืนเพ็ญแรกของฤดูหนาว พร้อมกับรอยปานรูปพระจันทร์เสี้ยวกลางหน้าผาก อันเป็นสัญลักษณ์ของผู้จะมาเป็นร่างทรงแห่งจันทราเทพ และปานนั้นจะค่อยๆจางหายไป หลังจากที่ผ่านคืนเดือนเพ็ญครั้งนี่ ๑๒ นับแต่ทารกนั้นถือกำเนิด แต่รอยปานรูปจันทร์เสี้ยวนั้น จะกลับมาปรากฏอีกครั้งหนึ่ง เมื่อจันทราเทพเสด็จลงมาประทับทรง เป็นหนึ่งเดียวกับร่างทรงของพระองค์ ในคืนเพ็ญแรกของฤดูหนาวครั้งที่ ๑๒

เด็กชายผู้ถือกำเนิดขึ้นเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่ร่างทรงแห่งจันทราเทพถือกำเนิด จะถือเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกไว้เพื่อเป็นตัวแทนแห่งองค์สุริยาเทพ  หากเมื่อถึงเวลา บุรุษแห่งสุริยาเทพที่แท้จริง มิได้ถูกส่งมายังหมู่บ้านในเวลาที่กำหนดไว้

ผู้เป็นร่างทรงแห่งจันทราเทพ จะได้รับการอบรมสั่งสอนความรู้ในศาสตร์ต่างๆ จากผู้เฒ่าทั้งสี่เฉกเช่นเดียวกับเด็กผู้อื่น จนเมื่อฤดูหนาวที่ ๑๐ เวียนมาถึง เด็กผู้นั้นจะถูกส่งไปยังวิหารจันทรา เพื่อใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น วิหารจันทรา อันเป็นถ้ำใหญ่ภายในหุบเขา ห่างจากตัวหมู่บ้านไปไม่ไกลนัก ผนังภายในถ้ำสลักเต็มไปด้วยตัวอักษร เชื่อกันว่านั่นคือความรู้ต้องห้ามอันศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงผู้ที่จะมาเป็นร่างทรงแห่งจันทราเทพเท่านั้น ที่จะสามารถอ่านและเข้าใจในความหมายของตัวอักษรเหล่านั้นได้

เมื่อถึงคืนเพ็ญแรกแห่งฤดูหนาวที่ ๑๒ พิธีต้อนรับจันทราเทพ ที่จะเสด็จลงมาประทับรวมกับร่างทรงแห่งพระองค์ จะถูกจัดขึ้นในยามต้น ชาวหมู่บ้านต่างเฉลิมฉลองกันด้วยความปิติยินดี ต่างพากันดื่มกิน ร้องเพลง เต้นรำกันเป็นที่สนุกสนาน ภายในลานกว้างกลางหมู่บ้าน ก่อนจะพากันแห่แหนไปยังสถานที่ทำพิธี ณ ลานกว้างหน้าวิหารจันทรา

ลานกว้างโรยไปด้วยทรายเนื้อขาวละเอียด แวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ ณ ที่นั้น แท่นบูชาที่จัดวางไว้ด้วยผลไม้นานาชนิด ประดับด้วยบุปผานานาพันธ์ ขาดมิได้คือไหบรรจุน้ำผึ้งป่า และไหบรรจุสุราอันหมักดองจากน้ำผึ้งอันหอมหวน เก้าอี้ไม้หน้าแท่นบูชา นั่งไว้ด้วยผู้เป็นร่างทรงแห่งเทพจันทรา ในชุดเสื้อคลุมยาวสีขาวบริสุทธิ์ ล้อมรอบด้วยผู้เฒ่าทั้งสี่ ยืนอยู่ทั้งสี่ทิศ ต่างพากันท่องบทสวดศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นบทบูชาสรรเสริญจันทราเทพ และบทสวดอัญเชิญให้พระองค์ เสด็จลงมาประทับยังร่างทรงที่นั่งอยู่

เมื่อจันทร์เพ็ญตรงศรีษะในเวลาเที่ยงคืน รอยปานสีขาวรูปจันทร์เสี้ยว จะค่อยๆปรากฏขึ้น ณ กลางหน้าผากของผู้เป็นร่างทรงแห่งพระองค์ จนเห็นเด่นชันและส่องแสงเรืองเป็นประกายอย่างน่าอัศจรรย์ นั่นหมายความว่า องค์จันทราเทพได้เสด็จลงมาประทับ เป็นหนึ่งเดียวกับร่างทรงแห่งพระองค์แล้ว

เมื่อถึงเวลานั้น คำถามอันมิมีผู้ใดตอบได้ จักได้รับคำตอบ โรคร้ายจักได้รับการชี้แนะในการรักษา ผลผลิตแห่งพืชผลจะได้รับคำทำนาย ภัยพิบัติจะได้รับคำตักเตือน ผู้มีใจคดจะได้รับคำประณามและสาปแช่ง และคู่รักจะได้รับอวยพร

เมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวปีที่ ๒๐ เข้าสู่ฤดูร้อน ชาวหมู่บ้านต่างก็ตั้งใจรอคอยบุรุษผู้จะมาเยือน
บุรุษผู้ถูกส่งมาจากองค์สุริยาเทพ
บุรุษผู้มีปานแดงรูปวงกลมสถิตย์อยู่กลางแผ่นอก รอยปานอันเป็นสัญลักษณ์แห่งองค์สุริยาเทพ
บุรุษผู้ถูกส่งมาเพื่อทำหน้าที่ร่วมกัน กับร่างทรงแห่งจันทราเทพ

แต่หากว่าสิ้นสุดฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน บุรุษผู้นั้นมิได้มาเยือน ชายหนุ่มผู้ถูกคัดเลือกไว้เป็นตัวแทนแห่งองค์สุริยาเทพ จะเป็นผู้ทำการนั้นแทน

ตัวแทนแห่งเทพทั้งสอง ร่างทรงแห่งจันทราเทพ และบุรุษแห่งสุริยาเทพ จะหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง และอาศัยอยู่ร่วมกันภายในวิหารจันทรา จวบจนสิ้นสุดฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำ เมื่อถึงคืนเพ็ญแรกแห่งฤดูหนาว ทั้งสองจะต้องกลับคืนสู่ที่มา โดยการนำพาของวารีเทพ
.................................................................
................................
...............
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา: ตำนานแห่งหมู่บ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-07-2008 08:34:28
งงเรื่องเวลาเล็กน้อย เข้าใจอย่างนี้ถูกมะ
เด็กที่เกิดในวันจันทร์เพ็ญ แล้วมีปานกลางหน้าผาก ถือเป็นตัวแทนจันทราเทพ แล้วปานจะจางหายไป
อีก 12 ปี ต่อมา ปานจะปรากฏอีกครั้ง คราวนี้ได้อัพเกรดเป็นร่างทรงตัวจริง
อีก 8 ปี (คือ 20 ปี) จะมีคู่ครองเป็น สุริยาเทพ อยู่ด้วยกัน 1 ปี แล้วก็พากันกลับไปสู่ที่มา (เข้าใจว่าถูกจับถ่วงน้ำ  :laugh:)

ส่วนสุริยาเทพ ตัวแทนคือเด็กคนสุดท้ายที่เกิดก่อนวันจันทร์เพ็ญ  พอครบ 20 ปี จะมีคนมาเยือนพร้อมสัญลักษณ์สุริยาเทพ หากไม่มีคนมา เด็กคนนั้นก็จะปฎิบัติหน้าที่แทน หากมีคนมา ก็ทำหน้าที่ร่วมกัน

อืม ชักเริ่มเข้าเค้า  :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา: ตำนานแห่งหมู่บ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 17-07-2008 08:42:40
งงเรื่องเวลาเล็กน้อย เข้าใจอย่างนี้ถูกมะ
เด็กที่เกิดในวันจันทร์เพ็ญ แล้วมีปานกลางหน้าผาก ถือเป็นตัวแทนจันทราเทพ แล้วปานจะจางหายไป
อีก 12 ปี ต่อมา ปานจะปรากฏอีกครั้ง คราวนี้ได้อัพเกรดเป็นร่างทรงตัวจริง
อีก 8 ปี (คือ 20 ปี) จะมีคู่ครองเป็น สุริยาเทพ อยู่ด้วยกัน 1 ปี แล้วก็พากันกลับไปสู่ที่มา (เข้าใจว่าถูกจับถ่วงน้ำ  :laugh:)

ส่วนสุริยาเทพ ตัวแทนคือเด็กคนสุดท้ายที่เกิดก่อนวันจันทร์เพ็ญ  พอครบ 20 ปี จะมีคนมาเยือนพร้อมสัญลักษณ์สุริยาเทพ หากไม่มีคนมา เด็กคนนั้นก็จะปฎิบัติหน้าที่แทน หากมีคนมา ก็ทำหน้าที่ร่วมกัน

อืม ชักเริ่มเข้าเค้า  :oni2: :oni2:
ช่ายค๊าบ แต่พออายุ ๑๒ นี่ไม่ใช่แค่ร่างทรงแล้วครับ เป็นร่างแทนเลย คือว่ายังไงดี เดี๋ยวรออ่านแล้วกันอะครับ อิ อิ  :-[
อันสุดท้ายนี่ผิดนิดหนึ่ง คือถ้าตัวจริงมา ตัวสำรองหมดหน้าที่ค๊าบ ขืนปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันนี่แย่แน่  :try2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา: ตำนานแห่งหมู่บ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-07-2008 11:16:16

ไม่ค่อยชอบกับคำว่า ร่างทรง ที่ ปรากฏซ้ำเยอะมาก

ลอง หลากคำ เป็น อณูแห่งมหาเทพ   ผู้ผ่านกิจของมหาเทพ  ละอองแห่งไอทิพย์  อะไรทำนองนี้  พอไหวไหมคะ

ร่างทรงๆๆๆๆๆ  หลายครั้ง มันยังไงไม่รู้


แล้วจะตามอ่านต่อนะคะ

ชอบผลงานของคุณน้องนะคะ

อิเจ้  กระเทยสวยไม่สร่าง
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา: ตำนานแห่งหมู่บ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 17-07-2008 12:07:33
 o2
เพิ่มเติมจากอิเจ้ข้างบน...
ลักษณะการเขียนยังไม่ค่อยปะติดปะต่ออ่ะคับ แต่ขอชมว่าโครงเรื่องน่าสนใจ
แทนที่จะบอกกฎกติกาการบังเกิดขององค์ตัวแทนทั้งสองมาเป็นข้อ ๆ แบบนี้
ถ้าเปลี่ยนเป็นค่อย ๆ สอดแทรกเข้ามาทีละนิดพร้อมการเดินเรื่องของตัวละคร
จะทำให้มีลักษณะของการเป็นนิยายมากกว่านะ... :a2:

ปล. มีดูฤกษ์ยาม post นิยายกันด้วยยยย +1 ให้เป็นกำลังใจครับบบบ

ปล of ปล. สวยหรือเมาเจ้ที่ไม่สร่างอ่ะ  :m20:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา: ตำนานแห่งหมู่บ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-07-2008 14:07:55
อุ้ยยยยย

อณูแห่งมหาเทพ

เลิศ อิเจ้ นึกถึงธุวตาราอะ

ใช้โอษฐ์แห่งเทวะก็น่าจะได้นะครับ เพราะทำหน้าที่สื่อสารกะเทวะ

เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา: ตำนานแห่งหมู่บ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 17-07-2008 21:06:19
 :m13: :m13: อ่านแร้วแอบงงนิดหน่อยอ่า

แต่ก็จะรออ่านต่อไปคับ  :m4: :m4:

ว่าแต่ ในหุบเขานี่มีบุรุษหน้าตาดีด้วยหรือ

ไปอยู่มั่งดีก่า  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา: ตำนานแห่งหมู่บ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 17-07-2008 23:05:57


ขอแมะไว้ก่อนนะ  เดี๋ยวตามมาอ่านจ้า   :a1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา: สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 18-07-2008 12:44:12
๐๒ สัมมนาวิชาการ

“ใจความจากบันทึกทั้งหมดที่เราพบเจอ เกี่ยวกับหมู่บ้านจันทรา ก็พอจะสรุปใจความสำคัญได้ ตามที่กล่าวมาข้างต้น”

ชายหนุ่มใหญ่วัยกลางคน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บรรยายในการสัมมนาครั้งนี้กล่าวสรุป
“มีใครมีข้อสงสัยต้องการจะถามไหมครับ”
หญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่แถวหน้ายกมือขึ้นสูง
“เชิญครับ” ผู้บรรยายกล่าวเชิญ
“ช่วงวันเพ็ญแรกของฤดูหนาว พอจะระบุได้ไหมค่ะว่าเป็นช่วงเดือนไหน”
“คิดว่าน่าจะเป็นวันเพ็ญเดือนสิบสอง ตามปฏิทินทางจันทรคตินะครับ เพราะเป็นช่วงต้นฤดูหนาวพอดี และเป็นช่วงที่พระจันทร์สว่างชัดที่สุด คงพอเรียกได้ว่า เป็นช่วงที่พระจันทร์มีอิทธิฤทธิที่สุด ก็พอจะได้ครับ” ผุ้บรรยายพูดยิ้มๆ มีเสียงหัวเราะเบาๆมาจากกลุ่มคนที่นังฟัง
หญิงสาวอีกคนหนึ่งยกมือขึ้นบ้าง
“เชิญครับ”
“จากในบันทึกบอกว่า มีตัวอักษรจารึกอยู่ในถ้ำที่เรียกกันว่า วิหารจันทรา และถือว่าเป็นความรู้ต้องห้าม มันคือความรู้เกี่ยวกับอะไรเหรอค่ะ”
หญิงสาวลุกขึ้นถาม และนั่งลงเมื่อถามจบ
“เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก จากบันทึกต่างๆ ทำให้เราคาดว่าหมู่บ้านจันทราแห่งนี้ ตั้งอยู่ในบริเวณที่กลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากการสร้างเขื่อน ดังนั้นวิหารจันทราแห่งนั้น จึงจมอยู่ใต้แอ่งน้ำไป” เสียงพึมพัมด้วยความเสียดายดังขึ้นมาจากผู้ฟัง
“แต่ทางเราคิดว่า ความรู้เหล่านั้น อาจจะเป็นศาสตร์เกี่ยวกับโหราศาสตร์ การพยากรณ์ รวมทั้งตำรานรลักษณ์ พวกเราคิดว่าการที่ร่างทรงของเทพจันทรา สามารถทำนายเหตุการณ์ต่างๆ เช่นภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือสามารถบ่งบอกชะตากรรมบางอย่างของคนได้ อาจจะเป็นเพราะได้รับความรู้เกี่ยวกับศาสตร์เหล่านี้”

ชายหนุ่มคนหนึ่งยกมือ และลุกขึ้นยืนถามคำถาม หลังจากที่ผุ้บรรยายกล่าวเชิญ
“คำว่า หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความหมายถึงอะไรครับ”
“ก็คง...” ผู้บรรยายหยุดคิดนิดหนึ่ง เหมือนจะคิดคำที่เหมาะสม “คงจะหมายถึงแต่งงานกันน่ะครับ มีตำนานของหลายชนเผ่า ที่กล่าวว่า เทพแห่งพระอาทิตย์ และเทพแห่งพระจันทร์ มีความสัมพันธ์กันฉันสามีภรรยา และมีลูกหลานสืบต่อกันมาเป็นชนเผ่าต่างๆ ดั้งนั้น คำว่าหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน คงจะมีความหมายคล้ายๆแบบนี้”
“แสดงว่า ร่างทรงแห่งจันทราเทพ เป็นผู้หญิงสินะครับ เพราะบุรุษแห่งสุริยาเทพ คงเป็นผู้ชายแน่นอน” ชายคนเดิมถามอีก
“คิดว่าคงเป็นแบบนั้นครับ”
“ทำไมถึงใช้คำว่า คิดว่า ล่ะค่ะ ทำไมถึงไม่ระบุไปเลยว่า ร่างทรงของเทพจันทรานั้น เป็นผู้หญิง” หญิงสาวคนหนึ่ง ยกมือขึ้นถาม
“ที่เราไม่ระบุไปอย่างแน่ชัด เป็นเพราะว่า ไม่มีบันทึกฉบับไหนเลย ที่ระบุเพศที่แน่นอน หรือใช้คำที่ระบุถึงเพศของคนที่เป็นร่างทรงแห่งจันทราเทพ” ผู้บรรยายเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง
“คงเป็นที่ทราบกันนะครับว่า คำว่าร่างทรงนั้น มีปรากฏอยู่ในบันทึกของหลายชาติ หลายชนเผ่า ซึ่งก็มีทั้งหญิงและชาย ในจำนวนนั้นมีไม่น้อยเลย ที่ร่างทรงที่เป็นชาย เป็นร่างทรงของเทพสตรี และในทำนองเดียวกัน ก็มีร่างทรงหญิงไม่น้อย ที่เป็นร่างทรงของเทพบุรุษ และเทพบางองค์ ก็มีร่างทรงทั้งหญิงและชาย”
“ถ้าอย่างนั้น ร่างทรงแห่งจันทราเทพ อาจจะเป็นผู้ชายก็ได้สิคะ” หญิงสาวคนเดิมถามอีกครั้ง
“ในช่วงเวลาที่หมู่บ้านจันทรายังมีอยู่ ก็คงมีคนที่เป็นร่างทรงของจันทราเทพ เกิดขึ้นมาไม่น้อย ก็อาจจะมีทั้งหญิงและชายก็เป็นได้ครับ บันทึกถึงได้ไม่ระบุเพศที่แน่นอนเอาไว้”

“เชิญครับ” ผู้บรรยายกล่าวเชิญ เมื่อเห็นผุ้ชายคนหนึ่งทางด้านหลังห้อง ยกมือขึ้นสูง
“ถ้าร่างทรงของจันทราเทพเป็นผู้ชาย แล้วจะหล่อหลอมกันได้ยังไงล่ะครับ” จบคำถามก็มีหลายคนหัวเราะขึ้นมา
“ผมคิดว่า เรื่องของความสัมพันธ์แบบนี้ มีปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ของหลายท้องที่ โดยเฉพาะในสังคมของชนชั้นสูง หรือในสังคมของทหารบางชนชาติ ดังนั้นผมคิดว่ามันเป็นไปได้ โดยที่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในปัจจุบัน เราก็พบเห็นความสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย มีให้เห็นกันทั่วไป จนในบางสังคมก็ยอมรับกันแล้วว่า มันคือเรื่องปรกติของสังคมในปัจจุบัน”
เสียงพึมพัมดังขึ้นอีกครั้งภายในห้องสัมมนา สักครู่ใหญ่ๆก็มีคนยกมือขึ้นถามคำถามอีก

“เชิญครับ”
“แล้วที่บอกว่า ตัวแทนของเทพทั้งสองจะกลับคืนสู่ที่มา โดยการนำพาของวารีเทพ หมายความว่าอย่างไรครับ”
“สำหรับคำว่า กลับคืนสู่ที่มา คงจะหมายถึงดวงวิญญาณของทั้งสองกลับคืนสู่องค์เทพ อันหมายถึงความตายนั่นเอง แต่เนื่องจากมีการระบุช่วงเวลาเอาไว้ด้วย ว่าเป็นคืนจันทร์เพ็ญครั้งแรกของฤดูหนาว จึงอาจจะหมายถึงพิธีการรมของการสังเวย หรือการบูชายันด้วยชีวิตของคนทั้งสอง” มีเสียงอุทานมาจากผู้ฟังบางคน “ส่วนคำว่า การนำพาของวารีเทพ อาจจะหมายถึง การทำให้ถึงแก่ชีวิตด้วยสายน้ำ เช่นการถ่วงน้ำ หรืออาจจะหมายถึงการนำร่างซึ่งเสียชีวิตแล้วของคนทั้งสอง ทิ้งลงไปในแม่น้ำแทนการกลบฝังก็เป็นไปได้”

นั่งฟังถึงตอนนี้ รพีพันธ์ ก็ต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ออกไปจากห้องจัดการสัมมนา ความจริงเขาเข้ามาฟังการสัมมนาครั้งนี้ เพียงเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นเอง โดยเนื้อหาแล้วเขาก็คิดว่ามันแปลกและน่าสนใจดี เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำของโรงแรม เมื่อเสร็จจากการทำธุระส่วนตัวแล้ว ก็เดินมาล้างมือที่อ่างล้างมือ เสร็จแล้วก็ส่องกระจกด้วยความเคยชิน เงาร่างของชายหนุ่มที่มีเรือนร่างสูงถึง ๑๘๕ เซนติเมตร รูปร่างค่อนข้างสมส่วนเพราะการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ผิวค่อนข้างคล้ำ ใบหน้าดูเนียนใส คิ้วเข้มหนา ดวงตายาวรี นัยน์ตาสีดำเข้มเป็นประกาย ยิ่งทำให้วงหน้ารูปไข่ของชายหนุ่มชวนมองยิ่งขึ้น สายตาไล่ไปตามลำคอ ก็หยุดอยู่ที่รอยปานกลางหน้าอก ที่โผล่พ้นเสื้อเชิตที่ไม่ได้กลัดกระดุมสองม็ดบน

ปานสีแดงเข้มรูปวงกลม ดูเด่นอยู่บนแผ่นอกที่นูนเป็นสัน แสดงถึงความกำยำของบุรุษเพศ ทำให้ รพีพันธ์ คิดถึงคำบรรยายในการสัมมนา ที่ได้ฟังมาเมื่อสักครู่นี้

... บุรุษผู้มีปานแดงรูปวงกลมสถิตย์อยู่กลางแผ่นอก รอยปานอันเป็นสัญลักษณ์แห่งองค์สุริยาเทพ ...

“บุรุษแห่งสุริยาเทพเหรอ ฟังดูเท่ห์ไม่หยอก” เขาหัวเราะให้กับเงาของตัวเองในกระจก แล้วก็ต้องหยุดหัวเราะเพราะคิดอะไรขึ้นมาได้
“รพีพันธ์ ... ผู้สืบสายจากดวงอาทิตย์ ... บุรุษแห่งสุริยาเทพ” เขายิ้มให้เงาในกระจกอีกครั้งหนึ่ง
“เหลวไหลหว่ะ” เขาส่ายหน้าแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้องน้ำ

บนบานกระจกที่เมื่อสักครู่สะท้อนเงาของปานแดงนั้น กลับเปล่งประกายสีแดงวูบวาบอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆหรี่หายไป

 “หายไปแล้วหล่ะพี่อัศ” เด็กหนุ่มรูปร่างบอบบาง บอกกับเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง เมื่อส่องกระจกดูใบหน้าของตัวเองบริเวณหน้าผาก
“เหรอ งั้นไปกันเหอะ เดี๋ยวพ่อเสร็จงานสัมมนาออกมาไม่เจอ จะเป็นห่วง” เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่พูดพลางยิ้มให้ “ป่ะ ... ไอ้กะทิ” พูดแล้วก็จูงมือเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง พากันเดินออกไปจากห้องน้ำ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 18-07-2008 13:22:00
 :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 18-07-2008 17:50:24
ว้าวววววๆๆๆๆๆ   :m4:
ที่แท้ก็เพิ่งจะเดินเรื่องงงงงง บทแรกเป็นเอกสารสัมนาวิชาการหรอกเหรอ
บุรุษผู้มีปานแดงสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์กลางหน้าอก  :m1:
เท่ห์จังเลยยยย กรี๊ดดดดดด  ต่อ ๆๆๆๆๆ หลงรักพระเอกซะแย้ววววว
 :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 18-07-2008 19:46:42
 :m13: :m13: ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นแร้ว

ว่าแล้ว ที่ระพีพันธ์เนี่ย พระเอก หรือ นายเอกหว่า

 :m32:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 18-07-2008 23:46:58
 :o สงสัยพระเอกมาแล้ว...  เพ็ญแรกฤดูหนาว? ประมาณลอยกระทงเปล่าครับ?
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 19-07-2008 06:32:53
:m13: :m13: ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นแร้ว

ว่าแล้ว ที่ระพีพันธ์เนี่ย พระเอก หรือ นายเอกหว่า

 :m32:
สงสัยจะนายเอก ดูหุ่้นเค้าสิ ...  :laugh:
อ้างถึง
เงาร่างของชายหนุ่มที่มีเรือนร่างสูงถึง ๑๘๕ เซนติเมตร รูปร่างค่อนข้างสมส่วนเพราะการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ
:o สงสัยพระเอกมาแล้ว...  เพ็ญแรกฤดูหนาว? ประมาณลอยกระทงเปล่าครับ?
คงจะประมาณนั้นแล  :try2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: centinel ที่ 19-07-2008 10:35:36
คุณ บุหรง เก่งจังคับ

อ่านแล้วได้บรรยายกาศขลังๆ ยังงัยไม่รู้

 o13 o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 19-07-2008 12:34:52
เรื่องใหม่ของคุณตั้ม แนวแฟนตาซีนี้น่าสนใจมากๆ

 :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: ++Mizuki++ ที่ 19-07-2008 12:53:17
มาแว้วๆ นิยายเรื่องใหม่ของคุณบุหรง รอติดตามอยู่เจ้าค่ะ  :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 19-07-2008 14:13:46


กว่าจะหนีบเอาความขยันอยากจะอ่าน ให้ตัวเองได้เอิ้กๆ  คุนบุหรงก้อลงไปตอนที่ 2 แล่ว แหะๆ  :m23:

มาอ่านช้า แต่ มาอ่านค่า อิอิ 


แล่ะแล้ว เทพแห่งดวงอาทิตย์ก้อปรากฎ ขึ้นแล้วเนาะ


เอิ่ม... “รพีพันธ์ ... ผู้สืบสายจากดวงอาทิตย์ ... บุรุษแห่งสุริยาเทพ”  << อ่านแล้ว ก้อ แอบมีคำถาม หน่อย

ผู้สืบเชื้อสายมาจากดวงอาทิตย์  ใช้คำว่า สุริยา หรือ สุริยะ   เหมือนกันมะคะ แหะๆ
คำว่า บุรุษแห่งสุริยาเทพ   น่าจะเป็น บุตรแห่งสุริยา(ยะ)เทพ  แค่ นึกตามความรู้สึกตัวเองอ่ะค่ะ น่าจะเรียกแบบนั้น
ใครรู้ช่วยบอกซินทีเอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 19-07-2008 18:36:47


เอิ่ม... “รพีพันธ์ ... ผู้สืบสายจากดวงอาทิตย์ ... บุรุษแห่งสุริยาเทพ”  << อ่านแล้ว ก้อ แอบมีคำถาม หน่อย

ผู้สืบเชื้อสายมาจากดวงอาทิตย์  ใช้คำว่า สุริยา หรือ สุริยะ   เหมือนกันมะคะ แหะๆ
คำว่า บุรุษแห่งสุริยาเทพ   น่าจะเป็น บุตรแห่งสุริยา(ยะ)เทพ  แค่ นึกตามความรู้สึกตัวเองอ่ะค่ะ น่าจะเรียกแบบนั้น
ใครรู้ช่วยบอกซินทีเอิ้กๆ

คำว่า สุริย เป็นคำบาลี-สันสกฤต แปลว่าดวงอาทิตย์ พอไทยนำมาใช้ก็มีการแผลงคำ (หรืออะไรสักอย่าง จำมะได้แล้ว  :o11: ) ให้ได้รูปเสียงต่างๆกันไป อย่าง สุริยา สุริยะ สุริยน สุริยัน  และอาจจะมีอีกหลายคำ นึกมะออก แต่ทุกคำแปลว่า พระอาิทิตย์ หรือดวงอาทิตย์ หรือดวงตะวัน
ส่วนคำว่า รพี รพิ รวี รวิ รำไพ คำพวกนี้ก็เป็นคำที่มาจาก บาลี-สันสกฤต เหมือนกัน และแปลว่า พระอาทิตย์ หรือดวงอาทิตย์
การนำคำมาใช้ก็แล้วแต่ชอบและบริบทครับ

คำว่า พันธ์ ก็แปลคล้ายกับคำว่า พงศ์ คือ เชื้อสาย, เทือกเถา, เหล่ากอ, สกุล ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นบุตรค๊าบ ผมถึงเลือกใช้ีคำอธิบายว่า ผู้ถูกส่งมาโดย หรือ บุรุษแห่งสุริยาเทพ เพราะไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร สำคัญที่สัญลักษณ์ที่ติดตัวมากกว่า

แต่คำในภาษาบาลี-สันสกฤต จริงๆ ต้องมีการผันรูปสระท้ายให้มีความหมายแตกต่าง ผมก็จำไม่ค่อยได้แล้ว อย่างสุริยะ สุริโย แค่นี้ก็แปลต่างกันแล้วครับ
สุริยะ อันว่าดวงอาทิตย์
สุริโย ซึ่ง-สู่-ยัง-สิ้น (ใช่หรือเปล่าหว่า  :try2: )
แต่พอมาเป็นคำไทย คงจะใช้ในความหมายเดียวกัน เพราะเรามีคำมากกว่านั่นเองครับ

ที่อธิบายมาไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เพราะคืนอาจารย์ไปเยอะแล้ว ถ้าผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยนะค๊าบ  o1
*แอบมาเพิ่มเติมนิดนุง
อ้างถึง
“รพีพันธ์ ... ผู้สืบสายจากดวงอาทิตย์ ... บุรุษแห่งสุริยาเทพ” เขายิ้มให้เงาในกระจกอีกครั้งหนึ่ง
มานเป็นคำพูดของตัวละคร อย่าสนจายยยย 
ตา รพีพันธ์ เอ๊ย...แต่ชื่อตัวเองก็แปลมะถืกกกก  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 19-07-2008 19:20:16
 :a4: :a4: :a4: :a4:  จิ้ม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ตั้ม

กระจ่างเชียวคับ

 :a11: :a11: :a11: :a11:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 19-07-2008 20:56:32
 :m13:
แอบปลื้มเรื่องนี้ด้วยคน

อิอิ

 :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : สัมมนาวิชาการ
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 20-07-2008 17:56:15
 :m22: :m22: :m22:  หายไปไหนหว่า

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 20-07-2008 19:12:20
๐๓

“เฮ้ย จะมาถึงกันกี่โมงวะ” รพีพันธ์กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์มือถือ
“สงสัยจะมืดเลยหว่ะ อาจจะดึกเลยด้วย นี่ช่างกำลังซ่อมอยู่ อาจจะเสร็จเย็นๆ แล้วพวกกูจะรีบบึ่งไปหาเอ็งเลย” เพื่อนเขาตอบกลับมา
“เออ รีบมาแล้วกัน แล้วนี่กูจะทำอะไรดีวะ เซ็งเลย”
“ใครให้เอ็งเจือกนั่งเครื่องบินไปล่ะวะ ไอ้คุณชาย บอกให้นั่งรถตู้มาด้วยกันก็ไม่ยอม”
“แล้วรถตู้ก็ไปเสียกลางถนนเนี่ยนะ กูนั่งตากแอร์อยู่นี่สบายกว่าหว่ะ”
“เอางี้ เอ็งไปรอที่เชื่อนเลยแล้วกัน จะได้เข้าไปเตรียมที่พักไว้ให้พวกกูด้วย พอไปถึงเอ็งก็บอกชื่อกูไป เพราะกูติดต่อไว้เรียบร้อยหมดแล้ว”
“เออ ... ดีเหมือนกันหว่ะ งั้นเดี๋ยวกูไปรอที่โน่นเลย”
พูดจบ รพีพันธ์ ก็กดปุ่มวางหูโทรศัพท์ เดินไปเอากระเป๋าเดินทางใบย่อมที่ฝากไว้ที่แผนกรับฝากของ แล้วไปสอบถามที่ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม เพื่อสอบถามวิธีการเดินทางไปยังเขื่อน แล้วเขาก็เลือกวิธีที่สบายที่สุด นั่นคือเช่ารถของทางโรงแรม
.............................................................
...........................
รพีพันธ์ หรือชายหนุ่มที่มีชื่อเล่นว่า อาทิตย์ พร้อมกับเพื่อนๆและแฟนสาวของเขา พากันเดินทางมาเที่ยวยังเขื่อนใหญ่ทางภาคเหนือของประเทศ เพื่อเป็นการฉลองการสอบเสร็จ ในภาคเรียนสุดท้ายของชีวิตนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และเป็นการฉลองการได้งานทำในบริษัท ที่แต่ละคนผ่านการสัมภาษณ์งาน และได้รับการตอบรับให้เข้าทำงานภายในต้นเดือนหน้า

ด้วยความที่ไม่อยากนั่งรถเป็นระยะทางไกล และใช้เวลาหลายชั่วโมง เขาจึงโดยสารเครื่งบินมาในตอนสาย หลังจากที่เพื่อนๆออกเดินทางด้วยรถตู้ตั้งแต่ตอนเช้า เมื่อมาถึงเขาเช่ารถจากสนามบินเข้ามายังตัวเมือง ฝากกระเป๋าเดินทางไว้กับแผนกรับฝากของของโรงแรมใหญ่ แล้วไปรับประทานอาหารกลางวัน ในห้องอาหารที่ค่อนข้างหรูของโรงแรมนั้น หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปนั่งฟังสัมมนาทางวิชาการ ที่เขาเห็นป้ายประกาศโดยบังเอิญ

จากการที่เขาโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบเวลาที่เพื่อนๆจะมาถึง ทำให้ได้รู้ว่า รถตู้ที่เพื่อนๆขับกันมาจากกรุงเทพฯนั้น จู่ๆเครื่องก็ดับไปเมื่อเข้าสู่ตัวจังหวัดตาก อีกเพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้นเองก็จะมาถึงลำปาง อาการของรถคงจะหนักเอาการ ทำให้ต้องเสียเวลาซ่อมหลายชั่วโมง ทำให้ไม่มาสามารถมาถึงได้ในเวลาที่คาดกันไว้ เขาจึงต้องเดินทางไปยังเขื่อน แล้วเข้าสู่ที่พักตามลำพัง
.............................................................
...........................
บรรยากาศยามเช้าบนเรือนแพ ทำให้ รพีพันธ์ รู้สึกสดชื่นมาก แสงแดดอ่อนๆที่กระจายลงมา สะท้อนอยู่บนริ้วคลื่นเล็กๆในกระแสน้ำ ส่องแสงระยิบระยับเป็นประกาย ตัดกับสีเขียวของทิวไม้ที่ทอดยาวอยู่ตามริมน้ำ สายลมอ่อนๆยิ่งทำให้บรรยากาศสดชื่น เป็นบรรยากาศที่คงจะหาไม่ได้ในตัวเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพฯ ที่เขาใช้ชีวิตอยู่ เมืองแห่งความสับสนวุ่นวาย ที่เขาปลีกตัวออกมาชั่วคราว เพื่อนๆพากันทยอยออกมายืนชมธรรมชาติกับเขา หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อย เมื่อทุกคนพร้อมหน้าแล้ว ก็พากันไปยังห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช้า


“เฮ๊ย สองคนนั้นน่ะยืนชิดๆกันหน่อย” เจ้าแว่น เรียกพลางยกกล้องขึ้น เตรียมจะถ่ายรูป รพีพันธ์ ในชุดเสื้อโปโลสีแดงสด กางเกงขาสั้นสีเทา รองเท้าสาน ขยับตัวเข้าไปโอบไหล่แฟนสาวของเขา เพื่อให้เพื่อนของเขาถ่ายรูป เสร็จแล้วต่างก็ชี้ชมธรรมชาติริมฝั่งน้ำ ที่เรือแพกำลังล่องผ่านไปอย่างช้าๆ เพื่อนเขาบางคนใช้กล้องส่องทางไกล ส่องดูนกที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ไกลๆ โดยที่เจ้าแว่นไล่ถ่ายรูปคนโน้นคนนี้ อย่างเพลิดเพลิน
“ทิตย์ นั่งแบบนั้นเดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” จันทิรา แฟนสาวของ รพีพันธ์ พูดอย่างเป็นห่วง เมื่อเขาดันตัวขึ้นไปนั่งบนราว ที่ทำกั้นไว้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ที่อาจเกิดขึ้นบนเรือแพ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ทำไว้แข็งแรงดีออก” รพีพันธ์ พูดพลางขย่มตัวไปบนแผ่นไม้ที่นั่งอยู่ “เห็นมะ” เขาพูดย้ำ

แกร๊ก ... เสียงบางอย่างดังขึ้นเบาๆ
เป๊าะ .......................ตูม ..............
“ว๊ายยยยยยยย” จันทิรา กรีดร้องเมื่อแผ่นไม้นั้นหักลง ร่างของ รพีพันธ์ หงายร่วงหล่นลงไปในน้ำ เสียงโวยวายจากบรรดาเพื่อนๆที่มาด้วยกัน ดังขึ้น เจ้าหน้าที่สองคนที่มากับเรือแพ พุ่งตัวลงไปในสายน้ำ แล้วดำน้ำลงไป สักครู่หนึ่งก็โผล่ตัวขึ้นมาหายใจ พลางมองไปรอบๆแล้วดำลงไปอีกครั้ง เป็นแบบนี้อยู่หลายรอบ ท่ามกลางความวิตกกังวลของทุกคน
“ไม่เจอเลยครับ ไม่รู้โดนพัดไปทางไหน” เจ้าหน้าที่พูดอย่างอ่อนใจ หลังจากที่ดำลงไปค้นหาอยู่หลายรอบ
.............................................................
...........................
รพีพันธ์ รู้สึกตกใจอยู่เหมือนกัน ที่จู่ๆร่างของเขาก็ร่วงหล่นลงมาในน้ำ ยังดีที่เขาพอมีสติอยู่บ้าง จึงรีบกลั้นหายใจได้ทันท่วงที แต่ในขณะที่เขาพยายามถีบตัวขึ้นไปบนผิวน้ำ กลับรู้สึกว่ากระแสน้ำรอบตัวพัดตัวเขาให้หมุนวน จนไม่รู้ว่าทิศไหนเป็นทิศไหน แล้วก็ต้องตกใจมากขึ้น เพราะเขารู้สึกตัวว่า เขากำลังจะหมดความสามารถในการกลั้นหายใจไว้เสียแล้ว และมันก็เริ่มเป็นอย่างที่เขาวิตก เมื่อเขากลั้นหายใจไว้ไม่ได้ ปากและจมูกก็เริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ แต่แทนที่จะเป็นอากาศ กลับเป็นน้ำที่ไหลเข้าไปตามปากและจมูก ทำให้เริ่มสำลักและเริ่มหมดสติ แต่แล้วเหมือนมีแสงสว่างลูกใหญ่ปรากฏขึ้น กลางแสงนั้นมีคนคนหนึ่ง คนคนนั้นว่ายน้ำเข้ามาใกล้แล้วรวบตัวเขาเข้าไว้ ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลงไป เขามองเห็นรอยปานสีขาวกลางหน้าผากของผู้ที่มาช่วยเหลือเขา
 
... รอยปานสีขาวรูปจันทร์เสี้ยว ...
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 20-07-2008 19:26:57
 :o
อาทิตย์มีแฟนแล้ววววววว งอนนนนนน
พระจันทร์มาช่วยพระอาทิตย์แล้วววว  :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 20-07-2008 21:59:26
มาแล้ว รอยปานรูปจันทร์เสี้ยว

อยากรู้เรื่องต่อ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 20-07-2008 22:06:25
 :m15: มีแฟนแร้วซะงั้น

ว่าแต่ใครมาช่วยไว้หว่า

รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อคับ

 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: εїзป่วงน้อยεїз™ ที่ 20-07-2008 22:57:14
ย้อนอดีตแน่ๆเลย มารอตอนต่อไปค่า  :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 20-07-2008 23:59:06
แล้วชื่อของอีกคนจะหมายความถึงพระจันทร์ด้วยซินะ  :m12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 21-07-2008 00:36:38
เจอกันแล้ว  :m1:


ผมว่าน่าจะเป็นสุริยเทพ ส่วน สุริยาเทพคล้ายว่าจะเป็น สุริยะ+อะ+เทวะ  o2 งง เหมือนกัน ไม่แน่ใจนะครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 21-07-2008 17:27:59
 :m22: :m22: :m22: ยังไม่มาอีกหรอค๊าบ....... รออ่านอยู่น๊า.......

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 22-07-2008 13:46:12
๐๔

“อืม ...” รพีพันธ์ ส่งเสียงครางเบาๆ รู้สึกหนักไปทั่วทั้งตัว แม้แต่ตาก็ลืมไม่ขึ้น
“ท่านปลอดภัยแล้ว” เสียงนุ่มๆเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน แว่วเข้ามาในหู
“หากรู้สึกไม่สบายก็หลับเสียก่อนเถิด” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง รู้สึกว่ามือข้างหนึ่งของเขา ถูกกุมเอาไว้ด้วยมือที่อ่อนนุ่มและอบอุ่น
“หลับเถิดท่าน พักให้สบาย ข้าจักดูแลท่านเอง” สำนวนการพูดแปลกๆ แต่ก็ทำให้เขาหลับลงไปได้ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย

แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนหลับๆตื่นๆอีกหลายครั้ง ทุกครั้งที่เขาส่งเสียงเหมือนรู้สึกตัว ก็จะมีเสียงนั้นคอยพูดปลอบโยน มือก็ได้รับการเกาะกุมด้วยมืออันอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา บางครั้ง เหมือนมีของเหลวหวานๆป้อนให้กับเขา ตามด้วยน้ำอีกเล็กน้อย มือนุ่มๆนั้น ลูบใบหน้าเขาอย่างอ่อนโยน เป็นบางคราว

“หนาว”
รพีพันธ์ ส่งเสียงเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้นอกจากอาการหนักตามร่างกายแล้ว เขายังรู้สึกหนาวคล้ายจับไข้ แล้วร่างกายท่อนบนของเขาก็ถูกยกขึ้น แล้ววางอิงไว้กับร่างกายที่อบอุ่น
“ดื่มสักหน่อย ยานี้จักช่วยให้อาการไข้ลดลง” เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้นอีกครั้ง แล้วเหมือนมีอะไรแข็งๆมากระทบกับริมฝีปาก เขาเผยอปากขึ้นเล็กน้อยตามสัญชาติญาณ ของเหลวหวานๆปนขมเล็กน้อย ก็ค่อยๆไหลรินเข้าปากทีละนิด เขาค่อยๆกลืนมันลงไป ความชุ่มชื้นรสหวานปนขมนั้น ทำให้ลำคอที่แห้งผากของเขาชุ่มชื่นขึ้น เมื่อหมดลง ก็ตามมาด้วยน้ำเปล่า แล้วร่างของเขาก็ถูกวางลงให้นอนหงายตามเดิม

“หนาว” รพีพันธ์ ร้องครางเบาๆอีกครั้ง
สักพักหนึ่ง ก็รู้สึกเหมือนผ้าห่มที่คลุมร่างเขาอยู่ถูกเลิกขึ้น มีคนเข้ามานอนข้างๆเขา แล้วห่มผ้าลงเช่นเดิม ศรีษะเขาถูกยกขึ้นเล็กน้อย แขนข้างหนึ่งก็สอดเข้ามาใต้ศรีษะ แล้วโอบเข้าไปซบลงกับไหล่ของใครบางคน  ร่างกายถูกดึงให้นอนตะแคงก่ายแขนไปกับร่างนั้น เขาโอบแขนกอดร่างนั้นเหมือนจะแสวงหาความอบอุ่น ในยามที่ร่างกายรู้สึกหนาว ขาของเขาก็ก่ายเกยร่างกายของคนคนนั้น จากสัมผัสที่แนบชิด ทำให้เขารู้ว่าร่างกายของเขา และร่างกายของคนคนนั้น เปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ แขนอีกข้างหนึ่งของคนคนนั้นกอดเขาไว้ พลางลูบไหล่ของเขาเบาๆ
“หนาวเพราะพิษไข้ มิเป็นไรดอก ข้าจักทำให้ท่านอบอุ่น พักผ่อนเถิดหนา หลับให้สนิท ตื่นขึ้นมาจักได้หายไข้ จักได้สบายขึ้น” เสียงนุ่มๆ สำนวนแปลกๆ ที่เริ่มจะคุ้นหู กระซิบอยู่ริมหู

รพีพันธ์ ซุกใบหน้าลงไปยังอ้อมอกที่อบอุ่น มือเขาก่ายกอดพลางลูบหลังของคนคนนั้นเบาๆ รู้สึกสบายใจและอบอุ่นที่มีคนอยู่ข้างๆในยามที่รู้สึกไม่สบาย และยังได้กลิ่นหอมอ่อนจาง คล้ายกลิ่นดอกไม้จากผิวนุ่มๆที่เขาได้สัมผัส เขารู้สึกเหมือนหายหนาวไปมาก แล้วเขาก็ค่อยๆหลับไหลไปอีกครั้ง
..........................................................................
.....................................
รพีพันธ์ เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ความรู้สึกแรกของเขาคือ ความแห้งผากของริมฝีปากและลำคอ
“น้ำ ... อืม ... ขอน้ำ” เราพูดเบาๆ
ร่างกายท่อนบนของเขาถูกยกขึ้น แล้วความอบอุ่นอันคุ้นเคยมาให้เขาพิงตัวไว้ มีบางอย่างที่แข็งและเย็นมาแตะริมฝีปากของเขา
“ดื่มน้ำเสีย จักได้สบายขึ้น” เสียงคุ้นหูดังขึ้นเบาๆทางด้านหลัง เขาอ้าปากขึ้นเล็กน้อย ความเย็นฉ่ำของน้ำก็ไหลรินเข้าสู่ปาก เขารีบกลืนอย่างกระหาย
“อย่าได้รีบร้อนนัก เดี๋ยวจักสำลักได้ ค่อยๆดื่มเถิดไ เขารู้สึกได้ถึงความห่วงใย ที่แฝงมากับกระแสเสียง
“ขออีก” เขาพูดสั้นๆ แล้วเขาก็ได้รับในสิ่งที่ต้องการ เหมือนกับเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว
“ขอบคุณ” เมื่อเขาดื่มน้ำหมด เขาก็หายใจแรงๆ ๒-๓ ที ก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจลง
“นอนพักอีกสักครู่เถิด ให้สบายขึ้นอีกนิด จึงค่อยลุกเดิน” เสียงนั้นดังขึ้นอีก แล้วก็รู้สึกว่าตัวเขาค่อยๆถูกวางให้นอนลงอย่างนุ่มนวล สักพักหนึ่งเมื่อเริ่มปรับสายตาได้แล้ว จึงค่อยๆมองไปรอบๆตัว หลังคาด้านบนมุงไว้ด้วยกิ่งไม้ ผนังทั้งสามด้านก็เช่นกัน ตัวเขานอนอยู่บนเตียงไม้ มีของนิ่มๆรองอยู่ใต้ร่าง ปูทับด้วยผ้าอีกทีหนึ่ง ส่วนตัวเขานั้นมีผ้าห่มค่อนข้างหนาคลุมอยู่ เมื่อหันไปมองอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นว่าเป็นด้านที่เปิดกว้างไว้ ไม่มีฝาผนัง มองออกไปด้านนอก ก็เห็นคนรูปร่างสูง ในชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้ม คล้ายชุดของชาวชนบททางเหนือ สวมรองเท้าที่คล้ายรองเท้าสานแบบรัดข้อ  กำลังเดินไปนั่งที่หินใหญ่ริมต้นไม้ มีกรอบไม้ขนาดใหญ่ที่ขึงผ้าสีแดงสดขึงไว้ คนคนนั้นนั่งลงบนก้อนหิน แล้วทำอะไรสักอย่างกับผ้าที่ขึงไว้

“คนนี้มั๊งที่ช่วยเราไว้” รพีพันธ์ พึมพำเบาๆ แล้วมองไปที่คนคนนั้นอีกครั้ง พลางคิดถึงสัมผัสอันอ่อนนุ่ม และร่างกายที่อบอุ่น ที่เขาได้รับในตอนที่เขารู้สึกตัวอย่างเลือนราง แล้วเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาตอนนี้เปลือยเปล่าอยู่ รพีพันธ์ ตกใจนิดหน่อย แล้วยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆอีกครั้ง ก็มองเห็นเสื้อผ้าของเขาพับไว้อย่างเรียบร้อย วางไว้บนโต๊ะตัวเล็กๆที่อยู่ทางด้านปลายเตียง จึงค่อยๆลุกขึ้นไปหยิบมาสวมใส่ โดยที่ยังมีผ้าห่มพันร่างกายท่อนล่างเอาไว้
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 22-07-2008 14:10:18
ตกน้ำตูม...แล้วหลุดไปอยู่ในช่วงเวลาไหนเนี่ย รพีพันธ์  :m29:

ได้เจอกันเร็วกว่าที่คิด  แต่จะมีอะไรตามมาอีกป่ะ
เหมือน รพีพันธ์หลุดเข้าไปอยู่ ในอีกช่วงเวลาหนึ่งเลยนะ ชิมิ คุนบุหรง  
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 22-07-2008 15:20:41
 :m13:

อ่ะนะ นายเอกเราไม่ค่อย...เรย

เจอกันครั้งแรกก้อจับพระเอกเปลื้องผ้าซะแระ

คริๆ

ป.ล. ลุ้นอยุ่ว่านายเอกจะชื่อจันทรา หรือ พระจันทร์ รึป่าว อิอิ

ติดตามผลงานคุณบุหรงมานานค้าบ  เรื่องนี้รออ่านอยุ่น้า

มาอัพไวๆนะคับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 22-07-2008 22:19:12
 :o โดนลักหลับเปล่าเนีย
 
:a11:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 22-07-2008 23:36:23
:o โดนลักหลับเปล่าเนีย
 
:a11:

แหม่ คิดไปด้ายนะเนี่ย แต่ก็  :m20: :m20:

ขอบคุณคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊า.....

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 22-07-2008 23:53:05


ตามมาอ่านแล้วจ้า   :a1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 23-07-2008 12:36:48
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 23-07-2008 22:42:52
 :m22: :m22: หายไปไหนน๊า.........

คิดถึง จัง

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 24-07-2008 00:26:06
 :o11: สงสัยไม่มา
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๕ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 24-07-2008 19:34:47
๐๕

“กินอาหารเสียหน่อย ท่านคงหิวแล้ว หากมีอะไรสักครู่ค่อยสนทนากัน”
รพีพันธ์ หันมาตามเสียงเรียกเมื่อเขาแต่งตัวเสร็จ ก็มองเห็นถาดไม้วางไว้บนเตียง ภายในถาดวางไว้ด้วยถ้วยหลายใบ พร้อมกับอ่างดินเผาใบเล็กๆวางอยู่นอกถาดอีกใบหนึ่ง ส่วนคนที่นำของเหล่านั้นมาวาง ก็เดินกลับไปนั่งที่ก้อนหินก้อนเดิม

รพีพันธ์ เดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นว่าในถ้วยบนถาด บรรจุไว้ด้วยข้าวต้ม เนื้อสัตว์ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ไข่เค็ม ผักดอง กล้วยน้ำว้าสองผล ถ้วยบรรจุน้ำผึ้ง และถ้วยน้ำสะอาด ในอ่างใบเล็กก็เป็นน้ำเปล่า มีผ้าผืนเล็กๆพับพาดไว้ที่ขอบอ่าง เขาคิดว่าคงจะเป็นน้ำสำหรับล้างมือนั่นเอง พอเห็นแล้วเขาก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที

ข้าวต้มอุ่นๆ เนื้อที่เป็นเนื้อไก่ปรุงรสหวานๆเค็มๆ ผักดองรสเปรี้ยว แทรกไว้ด้วยความเผ็ดเล็กน้อย กับไข่เค็ม เขากลับรู้สึกเอร็ดอร่อยกับมันมาก ถึงแม้จะเป็นอาหารพื้นๆก็ตาม นึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะปรกติอาหารเช้าของเขาอาจจะเป็นข้าวต้มเครื่องอย่างดี หรืออเมริกันเบรคฟราส ข้าวต้มกับเครื่องเคียงพื้นๆแบบนี้ ไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาเลย เสร็จจากอาหารคาว ก็ตามด้วยผลไม้ เขาค่อยๆปอกเปลือกกล้วยน้ำว้า แล้วจุ่มกินกับน้ำผึ้ง
“อร่อยดีเหมือนกันนี่หว่า ถ้าเป็นกล้วยหอมทอดนะ .... เจ๋ง” เขาพึมพำกับตัวเอง
พอกินเสร็จเรียบร้อย ก็ล้างมือในอ่างน้ำใบเล็กนั้น แล้วใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดมือ

“พอดีอิ่มหรือไม่ หากไม่ ยังพอมีกล้วยน้ำว้าอีกหลายผล” เสียงนุ่มๆดังขึ้นอีกครั้ง แล้วร่างสูงโปร่งก็มายืนอยู่ข้างๆเขา พลางก้มตัวหยิบถาดอาหารและอ่างน้ำออกไป ตอนนั้นเองที รพีพันธ์ ได้มองเห็นคนผู้นั้นอย่างชัดเจน

เรือนร่างสูงโปร่ง ผิวสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวบาง ดวงตากลมโต จมูกโด่งเป็นสันเล็กน้อย ริมฝีปากบางเบาเป็นสีแดงเรื่อ มุมปากเหมือนจะมีรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่เสมอ อายุคงจะน้อยกว่าเขาหลายปี

... ผู้ชาย ... รพีพันธ์ คิดขึ้นมา เมื่อมองสำรวจไปตามส่วนต่างๆของร่างกายคนคนนั้น

ชายคนนั้นเดินออกไปนอกเพิง สักครู่ก็เดินกลับเข้ามา แล้วนั่งลงบนเตียง หันหน้ามาทาง รพีพันธ์
“ยังรู้สึกปวดหัวอยู่หรือไม่” เสียงนุ่มใส แฝงไว้ด้วยความห่วงใย
“ไม่แล้ว แต่เหมือนจะมีไข้เหลืออยู่หน่อย” รพีพันธ์ พูดพลางเอามือแตะไปตามลำคอของตัวเอง “แต่ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณนะ”
รพีพันธ์ มองไปรอบๆอีกครั้ง เหมือนจะมองหาใครสักคน
“คนที่ช่วยผมไว้ล่ะ ผมอยากจะขอบคุณเค้าซะหน่อย”
“มิต้องขอบคุณดอก เป็นเรื่องที่ข้าต้องกระทำอยู่แล้ว”
 “คุณน่ะเหรอที่เป็นคนช่วยผม” เขาถามออกไปอย่างสงสัย และยังสงสัยถึงสำนวนพูดแปลกๆ ของชายหนุ่มตรงหน้า
“ข้าเอง”
“แต่ผมจำได้นี่นา ว่าคนที่ช่วยผมไว้ ดูเหมือนจะมีปานสีขาวที่หน้าผาก ... ปานสีขาวรูปจันทร์เสี้ยว” ชายหนุ่มพูดพลางมองไปที่หน้าผากอันเนียนเรียบ ไร้รอยตำหนิใดๆของคนที่อยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มให้ รพีพันธ์ อย่างอ่อนโยน ... เจือไปด้วยความอ่อนหวานในความรู้สึกของชายหนุ่ม
“คุณ ... เอ้อ ... คุณชื่ออะไร” รพีพันธ์ รู้สึกว่าหน้าเขาแดงขึ้น ด้วยความขัดเขินอย่างที่หาสาเหตุไม่ได้
“จันทริ คือนามของข้า ... ท่านเล่า”
“ผมชื่อ รพีพันธ์ เรียกผมว่า อาทิตย์ ก็ได้”
“รพีพันธ์” จันทริ ทวนคำ “ผู้สืบสายจากองค์เทพแห่งสุริยา”
ดวงตาของ จันทริ เป็นประกายแวววาว
“บุรุษแห่งสุริยาเทพ ข้าขอต้อนรับท่านสู่วิหารจันทรา”

“วิหารจันทรา” รพีพันธ์ ทวนคำ พลางทำท่าคิด เพราะเหมือนกับว่า เขาเคยได้ยินคำเหล่านี้มาก่อน
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๕ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-07-2008 20:04:19
 o13 o13 o13

ว่างๆ ต้องหาเวลาไปอ่านอีกเรื่องของคุณบุหรงซะแล้ว

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๕ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 24-07-2008 20:12:01
ดำเนินเรื่องได้เร็วดี  สนุกค่ะ

รอนะคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๕ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 24-07-2008 22:37:30
เข้ามาลงชื่อติดตามผลงานค่ะ

เห็นชื่อเรื่องหลายวันแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านซักกะที ชื่อเรื่องเพราะจังค่ะ น่าสนใจ

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอ่านนะคะ + ๑ ให้กับคุณบุหรงไว้ก่อน

เป็นกำลังใจให้นะคะ   :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๕ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 24-07-2008 22:39:34
 :m4: :m4: มาต่อแระดีใจจัง

ว้าว เริ่มเข้มข้นแร้ว

รออ่านต่อไปค๊าบ......
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๕ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 24-07-2008 23:42:54
อ่านอร่อยจริงๆ  ^-^
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๕ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 25-07-2008 00:50:55
 :o หุหุพระเอกเราไฮโซจัง  :m12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๕ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 25-07-2008 14:52:15
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๕ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 25-07-2008 17:05:42
ผมว่าชื่ออาทิตย์ดูไม่เหมาะเป็นชื่อเล่นน่ะครับ
น่าจะใช้คำพื้น ๆ ธรรมดา  อย่างเช่นคำว่า 
ตาวัน, วัน, ทิว(า) ที่มีความหมายเกี่ยวพันน่าจะดูสมจริงกว่าครับผม

ส่วนจันทรินี่  ถ้าชื่อเล่นว่า โสม  ก็น่าจะดีแฮะ  เพราะหมายถึงสุราด้วย  ดื่มแล้วเมา(รัก)  อิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๕ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 25-07-2008 17:19:55
ผมว่าชื่ออาทิตย์ดูไม่เหมาะเป็นชื่อเล่นน่ะครับ
น่าจะใช้คำพื้น ๆ ธรรมดา  อย่างเช่นคำว่า 
ตาวัน, วัน, ทิว(า) ที่มีความหมายเกี่ยวพันน่าจะดูสมจริงกว่าครับผม

ส่วนจันทรินี่  ถ้าชื่อเล่นว่า โสม  ก็น่าจะดีแฮะ  เพราะหมายถึงสุราด้วย  ดื่มแล้วเมา(รัก)  อิอิ
เรื่องของชื่อ ผมคิดว่า ชื่อก็คืำอคำใช้เรียกบุคคล จะใช้คำอย่างไรก็ได้ และคำว่า อาทิตย์ คือคำที่สามัญที่สุด ในความหมายของ พระอาทิตย์ มันชัดดีครับ ที่สำคัญคือ แปลมาจาำกชื่อจริงชือ รพี แล้วต้องการจะใช้ในความหมายอื่นอีกในตอนอื่น
จันทริ ไม่มีชื่อเล่นครับ เพราะเป็นคนที่อยู่คนละยุค แล้วที่ผมเลือกใช้ชื่อนี้ เดี๋ยวตอนจบจะรู้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๖ - แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 25-07-2008 20:32:36
๐๖

รพีพันธ์ ค่อนข้างสับสน ตั้งแต่ก่อนจะเดินลงมาจากไหล่เขา ผ่านมาตามทางเดินค่อนข้างกว้าง ที่ได้รับการตัดถางอย่างดี สองฟากข้างมีทั้งต้นไม้ใหญ่ และพุ่มไม้เตี้ยๆ มองดูร่มรื่น ไม่นานนักก็ถึงตัวหมู่บ้าน ที่มีบ้านเรือนเรียงรายกันอยู่หลายสิบหลังคาเรือน ตัวบ้านมีลักษณะเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง คล้ายบ้านตามชนบทที่เขาเคยเห็น ใต้ถุนบ้านจัดวางด้วยเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่างๆกันไป บางหลังมีคนทอผ้าอยู่ในบริเวณใต้ถุนบ้าน บ้างก็ทำงานจิปาถะกันอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนสูงอายุเสียเป็นส่วนมาก เสื้อโปโลแขนสั้นสีแดงสด กางเกงขาสั้นสีเทา รองเท้าสานอย่างดี ที่เขาสวมใส่ กลายเป็นการแต่งกายที่ค่อนข้างประหลาด เพราะคนที่เขาเห็นล้วนแต่งตัวด้วยเสื้อกางเกง ตัดเย็บจากผ้าดิบย้อมสีน้ำเงินเข้ม หรือสีดำ รพีพันธ์สังเกตว่าหลายคนที่มองมายังเขานั้น มีสายตากึ่งยำเกรง กึ่งหวาดกลัวอยู่บ้าง

“คนไปไหนกันหมด” รพีพันธ์ ถามคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้า
“คน...” จันทริ หยุดเดิน หันตัวมามอง รพีพันธ์ แล้วมองไปรอบๆก่อนจะหันกลับมาพูดอีกครั้ง “แล้วที่ท่านเห็นอยู่นั่น มิใช่หรือไร”
... เออนะ พูดแบบนี้ กวนนี่หว่า ... รพีพันธ์ คิดในใจ แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าของ จันทริ ที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย พลางขมวดคิ้วแนบแน่น เขาก็อดหัวเราะเบาๆไม่ได้
“ผมหมายถึงคนหนุ่มสาว แล้วก็พวกเด็กๆน่ะ” รพีพันธ์ พูดยิ้มๆ
“อ้อ” จันทริ ถึงได้เข้าใจ “คนหนุ่มสาวและคนที่พอจะทำงานได้ ต่างออกทำงานที่ไร่ท้ายหมู่บ้าน บ้างก็เข้าป่าล่าสัตว์ หาสมุนไพร ส่วนเด็กๆนั้น เวลานี้เป็นเวลาร่ำเรียน”
เมื่อเห็น รพีพันธ์ พยักหน้าเหมือนเข้าใจ จันทริ ก็หันกลับเดินนำ รพีพันธ์ แล้วเดินเข้าไปยังใต้ถุนบ้านหลังหนึ่ง

“แม่เฒ่า ข้านำผ้าปักมาให้” จันทริ ทักทาย แล้วนั่งลงข้างๆหญิงชรา ที่นั่งอยู่บนเสื่อ และกำลังจัดด้ายสีต่างๆให้เป็นกลุ่ม
“เสร็จแล้วหรือ” หญิงชรายื่นมือรับผ้าสีสดหลายผืน มาวางไว้ข้างๆตัว หยิบผ้าผืนบนสุด คลี่กางออกแล้วชูขึ้นดู
“งามเช่นเคย” หญิงชรายิ้มอย่างพอใจ เมื่อมองเห็นลายปักรูปดอกไม้หลากสี ที่ดูเด่นอยู่บนผืนผ้าสีเหลืองสด
“พรุ่งนี้ข้าจักให้คนนำผ้าใหม่และด้ายสี นำขึ้นไปให้ท่าน” หญิงชราพูดพลางค่อยๆพับผ้า
“ใยมิให้ข้านำไปเองวันนี้เสียเลย”
“ผ้าที่ย้อมไว้ยังมิแห้งสนิทดี” หญิงชราหันมาตอบ “ท่านเองก็เถิด มิจำเป็นต้องนำลงมาส่งให้ ด้วยตนเองเช่นนี้” หญิงชราพูดด้วยสีหน้าเกรงใจ
“หาเป็นไรไม่ ข้าเองก็อยากลงมาเยี่ยมเยียนพบหน้าพวกท่านบ้าง มิได้พบกันนานวัน ข้าคิดถึงมิน้อย”
หญิงชราได้ฟัง ก็ยิ้มพลางมอง จันทริ ด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเคารพ แล้วเหลือบสายตาไปที่ รพีพันธ์
“เขาอยากมาดูให้เห็น ว่าที่นี่เป็นสถานที่เยี่ยงใดกันแน่”
จันทริ พูดพลางมอง รพีพันธ์ ด้วยสายตาห่วงใย แล้วหันกลับมาพูดกับหญิงชราด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน แต่แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม
“นับแต่นี้ไปสามราตรี ผู้เดินทางไกลจักกลับมาในยามเที่ยง”
“จริงรึ” หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นท่าทางที่เคารพ และนอบน้อมต่อคนเบื้องหน้าเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมองเห็นประกายแสงอ่อนๆ ปรากฎขึ้นกลางหน้าผากของ จันทริ

รพีพันธ์ ยืนฟังคำพูดคุย ที่ใช้ถ้อยคำและรูปประโยคแปลกๆ ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
... นี่เขาหลงมิติมาเหรอ ... เมื่อเขาถาม จันทริ ว่าวันนี้เป็น วันเดือนปี อะไร ก็ไม่ได้รับคำตอบ นอกจากสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ในสิ่งที่เขาถาม
“จังหวัดและประเทศคือสิ่งใดหรือ” เป็นคำตอบของ จันทริ เมื่อเขาถามไปว่า ที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้ เป็นพื้นที่ของจังหวัดอะไร และอยู่ในประเทศไหนกัน
รพีพันธ์ แทบจะทำใจให้เชื่อไม่ได้จริงๆ ว่าเขาอาจจะหลงมาอยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่ง ของห้วงเวลาในอดีต เหมือนในภาพยนต์หลายเรื่องที่เขาเคยดู แต่ตอนนี้สิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง รู้สึกใจชื้นอยู่บ้าง ที่ภาษาของที่นี่ยังเป็นภาษาไทย ถึงแม้คำที่ใช้และการเรียงประโยค จะดูแปลกๆ แต่ก็ยังพอจะสื่อสารกันได้ เรื่องของการดำเนินชีวิต คงจะไม่ลำบากเท่าใด เขาคงจะได้รับการช่วยเหลือ จากคนในหมู่บ้านนี้ตามสมควร แต่สิ่งที่เขากังวลเป็นอย่างมาก ก็คือเขาจะยังมีโอกาสกลับไปยังโลกเดิมของเขาหรือไม่ จะเป็นไปได้ไหมที่เขาพบหน้าพ่อแม่ เพื่อนๆ รวมทั้งคนรักของเขาอีกครั้ง

“หน้าท่านขาวซีด รู้สึกไม่สบายที่ใดหรือไม่” รพีพันธ์ หันไปตามเสียงด้วยความตกใจ จันทริ นั่นเอง ไม่รู้ว่าลุกเดินมายืนอยู่ข้างๆเขาตั้งแต่ตอนไหน
“เอ้อ ... ผมคิดอะไรเพลินๆไปหน่อย ไม่เป็นอะไรหรอก”
“มิเป็นไรดอก มิต้องเป็นกังวลในสิ่งใด” กึ่งกลางหน้าผากของ จันทริ เหมือนส่องประกายสีขาวออกมา
“ท่านจักได้กลับคืนสู่ถิ่นฐานของท่านอย่างแน่นอน ท่านจักกลับคืนสู่บุคคลอันเป็นที่รักของท่าน เมื่อถึงเวลาอันสมควร มินานนักดอก”

รพีพันธ์ ยกมือขึ้นขยี้ตา เขาแทบไม่เชื่อสายตาของตนเอง รอยสีขาวรูปจันทร์เสี้ยว ปรากฏวูบขึ้นมาบนกึ่งกลางหน้าผากของ จันทริ จันทร์เสี้ยวดวงนั้นส่องประกายสว่างอยู่ชั่วครู่ แล้วค่อยๆจางหายไป

และในช่วงเวลานั้น หากมีใครมองมาที่ รพีพันธ์ จะเห็นแสงสีแดงส่องสว่างลอดผ่านเนื้อผ้า บริเวณหน้าอกของชายหนุ่ม แสงนั้นสว่างวูบวาบอยู่พักหนึ่ง แล้วค่อยๆจางหายไป พร้อมๆกับการหายไปของจันทร์เสี้ยว กลางหน้าผากของ จันทริ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๖ - แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 25-07-2008 21:37:41
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๖ - แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 25-07-2008 23:19:36

มาอ่านด้วยคนน่ะ อิอิอิ  :a5:  :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๖ - แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 26-07-2008 00:24:57
 :m29: สงสัยจังตอบจบจะได้อยู่ด้วยกันไมเนีย

๐๖

รพีพันธ์ ค่อนข้างสับสน ตั้งแต่ก่อนจะเดินลงมาจากไหล่เขา ผ่านมาตามทางเดินค่อนข้างกว้าง ที่ได้รับการถากถางอย่างดี สองฟากข้างมีทั้งต้นไม้ใหญ่ และพุ่มไม้เตี้ยๆ มองดูร่มรื่น ไม่นานนักก็ถึงตัวหมู่บ้าน

ดูจากบริบทแล้วน่าจะเป็น ถาง หรือ แผ้วถาง หรือเปล่า?  :confuse:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๖ - แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 26-07-2008 18:18:26


จะต้องมีอะไรสำคัญเกิดขึ้น เป็นแน่แท้ชิมิ   รพีพันธ์ ถึงได้หลุดมาอยู่ ที่หมู่บ้านจันทรา ได้  
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๖ - แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 27-07-2008 10:41:13
 :oni2: อ่านทันแล้ว  o7

หมู่บ้านจันทรา อยู่ตรงไหน อ่านแล้วอยากหลงไปอยู่บ้างจัง ท่าทางจะดูสงบดี  :laugh:

รอลุ้นตอนต่อไปว่า “นับแต่นี้ไปสามราตรี ผู้เดินทางไกลจักกลับมาในยามเที่ยง” จะเป็นใคร?

เป็นกำลังใจให้คุณบุหรงต่อไปค่ะ  :L2:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๗ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 27-07-2008 20:15:04
๐๗

“ดื่มนี่เสีย” จันทริ ยื่นถ้วยดินเผาใบเล็กๆให้ รพีพันธ์ ในถ้วยบรรจุด้วยน้ำผึ้ง แต่มีสีขุ่นๆและกลิ่นแปลกๆปนอยู่ คงจะมีอย่างอื่นผสมอยู่ด้วย
“อะไร” รพีพันธ์ ถามอย่างระแวง
“ท่านยังมีไข้อยู่ ดื่มยานี้เสียหน่อย จักได้หายขาด” จันทริ พูดพลางยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นอ่อนหวาน จน รพีพันธ์ แทบจะลืมไปว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ เป็นผู้ชาย สายตาที่เปี่ยมไปด้วยไมตรีจิตร และความจริงใจ ทำให้ รพีพันธ์ ดื่มยาในถ้วยจนหมด

จันทริ ถือถาดอาหารและอ่างล้างมือออกไปนอกเพิง แล้วกลับเข้ามา พร้อมกับอ่างดินเผาที่บรรจุน้ำสะอาดไว้เกือบเต็ม นำไปวางไว้บนโต๊ะปลายเตียง แล้วหันไปพูดกับชายหนุ่ม
“มานั่งตรงนี้” รพีพันธ์ ได้ยินก็เขยิบตัวมานั่งที่ปลายเตียง
“ข้าจะเช็ดตัวให้ ท่านจะได้สบายตัว” พูดแล้ว จันทริ ก็เอื้อมมือมาจับที่ชายเสื้อ เหมือนจะถอดเสื้อของชายหนุ่มออก
“ผมทำดีกว่า คุณ ... เอ้อ ... คุณรอข้างนอกก็ได้” รพีพันธ์ พูดอย่างขัดเขิน ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
“เช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย เสื้อผ้าพวกนี้ท่านคงพอใส่ได้” จันทริ เอื้อมมือไปหยิบผ้าผืนย่อม มาวางไว้ข้างๆอ่างน้ำ พลางชี้ไปที่เสื้อผ้าที่วางอยู่อีกด้านของโต๊ะ
“ข้าจะไปอาบน้ำสักครู่ แล้วจะรีบกลับมา” พูดแล้ว จันทริ ก็เดินออกไปจากเพิง

รพีพันธ์ค่อยๆถอดเสื้อผ้าออก เหลือไว้เพียงกางเกงใน แล้วเอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ ค่อยๆเช็ดไปตามใบหน้าและร่างกาย เมื่อเสร็จแล้วก็แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้ม มีแม้กระทั่งกางเกงขาสั้นที่คล้ายกางเกงในบอกเซอร์ จากนั้นเขาก็เดินออกมาสูดอากาศนอกเพิง จากที่เขาทราบ ช่วงนี้เป็นช่วงกลางฤดูร้อน อากาศภายในหมู่บ้านมีความร้อนอบอ้าวอยู่บ้าง แต่ภายในบริเวณที่เขายืนอยู่นี้ กลับเหมือนมีลมอ่อนๆพัดให้รู้สึกสบายอยู่ตลอดเวลา ช่วงนี้เป็นเวลาพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า มองลอดไประหว่างเงาไม้ เห็นแสงสีส้มอ่อนๆเลือนลาง เสียงร้องแว่วๆของเหล่านกที่เริ่มบินกลับรัง และเสียงจิ้งหรีดเรไรที่กรีดร้องกันอยู่เบาๆ ฟังดูแล้วช่างน่ารื่นรมย์นัก

“เฮ้อ....” เขาถอนหายใจยาว แล้วรู้สึกว่าหนังตาเริ่มหนักขึ้น
“ทำไมง่วงแล้ววะ เพิ่งจะเริ่มมืดเอง” เขาบ่นออกมาเบาๆ
“เพราะยาที่ข้าให้ท่านดื่ม” เสียงเบาๆดังขึ้นที่ด้านหลัง รพีพันธ์ หมุนตัวไปด้วยความตกใจ ก็พบว่าเป็น จันทริ นั่นเอง เขาขยี้ตาตัวเองเบาๆ เพราะเหมือนกับว่าเขาเห็นร่างของ จันทริ มีแสงส่องออกมาเป็นประกายอยู่รอบตัว
“เข้าไปพักผ่อนเถิด ยาที่ข้าจัดให้จักทำให้ท่านหลับสบาย ตื่นมาวันพรุ่ง ความเจ็บป่วยจักได้หายไปสิ้น”
จันทริ เอื้อมมือมาจับมือของ รพีพันธ์ เอาไว้ เขาเพ่งตามองอีกครั้ง ก็เห็นว่าแสงเรืองๆที่เหมือนกระจายออกมาจากร่างของ จันทริ นั้น หายไปแล้ว เหลือแต่หยดน้ำเล็กน้อย ที่หยดจากเส้นผมที่เปียกชื้น กับใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน เขาเดินตาม จันทริ ที่จูงมือเขาเข้าไปในเพิง แล้วนั่งลงบนเตียง จันทริ ขยับตัวไปจัดหมอนให้เข้าที่
“นอนเถิดท่าน มิต้องกังวลเรื่องใด ข้าจักดูแลท่านเอง”

ด้วยความง่วงงุนที่เริ่มจู่โจม รพีพันธ์ จังเอนตัวลงนอน จันทริ คลี่ผ้าห่มผืนบางคลุมตัวเขาไว้ แล้วนั่งลงข้างๆ
“อยู่ข้างๆผมนะ อย่าไปไหน” รพีพันธ์ พูดเบาๆพลางเอื้อมมือไปจับมือของ จันทริ ไว้ เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายังมีความกลัวอยู่บ้าง เพราะตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่า เขาอยู่ในที่ที่เขาไม่รู้จัก ที่ที่เขาไม่มีใครเลย นอกเสียจากคนที่อยู่กับเขาตอนนี้ ... จันทริ
“วางใจเถิด ข้าจะอยู่ข้างๆท่าน” จันทริ พูดพลางใช้มืออีกข้างหนึ่ง ลูบไปตามปอยผมบริเวณกกหูของ รพีพันธ์ อย่างแผ่วเบา
“มิต้องกังวลสิ่งใด ที่แห่งนี้ท่านจักปลอดภัย ไม่มีอันตรายใดคุกคามต่อท่านได้ ทุกผู้คนล้วนยินดีในการมาถึงของท่าน และจะให้ความเคารพต่อท่าน เฉกเช่นที่พวกเขามีต่อข้า แล้ววันหนึ่ง ท่านจะได้กลับคืนสู่บ้านของท่าน ข้าให้สัญญา”

บ้าน ... รพีพันธ์ คิดแล้วรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาลืมตามองดูหน้า จันทริ อีกครั้ง รอยยิ้มนั้นอบอุ่น อ่อนโยน ทำให้เขาอุ่นใจจนขยับตัวเปลี่ยนไปนอนหนุนตักของ จันทริ โดยที่ไม่รู้ตัว ก่อนที่เขาจะหลับตาลง ก็มองเห็นแสงอ่อนๆปรากฏขึ้นอีกครั้งที่หน้าผากของ จันทริ แสงสว่างของจันทร์เสี้ยว คำพูดของใครบางคนผุดขึ้นมาในความคิดของ รพีพันธ์ ก่อนที่เขาจะหลับไป

... ปานรูปจันทร์เสี้ยวสีขาว สัญลักษณ์ของร่างทรงแห่งจันทราเทพ ...
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๗ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 27-07-2008 20:19:51
มาต่อตอนใหม่เร็วๆนะครับ  :m4:  :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๗ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 27-07-2008 20:27:08
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๗ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 27-07-2008 22:08:13

น่าติดตามยิ่งนัก จันทริ  อิอิอิ :m1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๗ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 27-07-2008 22:22:59
 :m1: หุหุอาทิตย์อ้อนจันทร์
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๗ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-07-2008 22:43:48
สุริยัน - จันทรา

ถึงจะคู่กัน แต่ก็อยู่กันคนละเวลา

อย่าเป็น sad story นะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๗ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 28-07-2008 08:40:41
น่าสนุกมากๆครับรีบมาต่อนะครับผม :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๗ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 28-07-2008 09:34:49
 :m13: :m13: หุหุ  นอนหนุนตักกันด้วย อิอิ

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๘ - แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 28-07-2008 18:50:18
๐๘

“ตื่นแล้วหรือ” เสียงทักทายดังขึ้นมาจากทางปลายเตียง เมื่องัวเงียตื่นขึ้นมา “ล้างหน้าเสียก่อน ข้าจะจัดเตรียมอาหารเช้ามาให้” พูดจบ จันทริ ก็เดินออกไปจากเพิง

รพีพันธ์ ลุกจากเตียงเดินมาที่โต๊ะ หยิบกิ่งข่อยที่ทุบด้านหนึ่งจนแหลกมาแปรงฟัน แล้วใช้ถ้วยใบเล็กตักน้ำในอ่างน้ำขึ้นมาบ้วนปาก บ้วนน้ำลงไปในอ่างเปล่าอีกใบหนึ่ง จากนั้นก็ตักน้ำขึ้นมาอีกเทน้ำใส่มือ เพื่อชำระล้างไปตามใบหน้าและลำคอ จากนั้นก็เช็ดหน้าด้วยผ้าสะอาดที่พับเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย
“กินมื้อเช้าเสียก่อน ให้แดดออกพออุ่นขึ้นอีกสักนิด ข้าจะพาไปอาบน้ำชำระกาย” จันทริ บอกเขาในขณะที่กำลังวางถาดอาหาร และอ่างน้ำสำหรับล้างมือลงบนเตียง
... อาบน้ำเหรอ ดีเหมือนกัน ได้แต่เช็ดตัวมาหลายวันแล้ว ... รพีพันธ์ คิดพลางเดินไปนั่งลงบนเตียง มองไปที่ถาดอาหารก็เห็นเป็นอาหารง่ายๆเช่นเคย ผลไม้ของมื้อนี้ เป็นมะละกอสุก ที่หั่นเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ
“กินอาหารคล้ายๆกันมาหลายมื้อ เบื่อบ้างหรือไม่ หากต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ ก็บอกมา จะได้ลองจัดหามาให้” พอฟังสำเนียงการพูดแปลกๆ ที่เริ่มคุ้นเคยมากขึ้น รพีพันธ์ รับรู้ถึงความห่วงใย ความเอาใจใส่ที่แฝงมาในคำพูดนั้น
“คุณล่ะ กินข้าวเช้าแล้วเหรอ” เขาถามพลางตักผักดองเข้าปาก ตามด้วยข้าวต้มอีกคำ
“ข้ากินแล้ว” จันทริ พูดยิ้มๆ พลางนั่งเงียบๆ มองดูชายหนุ่มกินอาหารจนเสร็จ แล้วเก็บถาดอาหารและอ่างล้างมือออกไป แล้วเดินไปนั่งปักผ้าที่ก้อนหินใหญ่ใต้ต้นไม้ ที่เดิมที่เขาเห็นตลอด ๓ วันที่ผ่านมา

รพีพันธ์ ได้รับการดูแลและการปรนนิบัติอย่างดีจาก จันทริ มาตลอดช่วง ๓ วัน อาหารทุกมื้อจะถูกส่งมาจากหมู่บ้านข้างล่าง รวมทั้งเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ต้องผลัดเปลี่ยน ภาชนะที่ใช้แล้วและเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว จะถูกนำลงไปทำความสะอาดโดยคนในหมู่บ้าน นอกจากอาหารมื้อหลักแล้ว ด้านนอกของเพิงยังมีแคร่วางของเล็กๆ วางไว้ด้วยผลไม้นานาชนิด และกระปุกเคลือบบรรจุผลไม้แห้ง ผลไม้เชื่อม ผลไม้แช่อิ่ม หรือ เมล็ดแตง เมล็ดทานตะวัน ให้ได้กินเล่นในบางเวลาด้วย และยังมีไหน้ำผึ้งอีกไหใหญ่ที่เขามักจะเห็น จันทริ ใช้ถ้วยใบเล็กๆตักขึ้นมากินอยู่บ่อยๆ

บางวัน จันทริ จะพาชายหนุ่มเดินไปดูรอบๆบริเวณหมู่บ้าน ดูคนทำงานในสวนผลไม้ สวนผัก สวนฝ้าย หรือดูผึ้งที่คนในหมู่บ้านลี้ยงไว้ บางครั้งก็เข้าไปพูดคุยกับคนในหมู่บ้าน พาไปนั่งในศาลาใหญ่ที่ใช้เป็นที่เรียนหนังสือของเด็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ทั้งสี่ทิศของหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านล้วนแต่มีรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่ ผู้ชายสูงพอๆกับเขา บางคนสูงกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ ส่วนผู้หญิงก็สูงประมาณ ๑๗๐ เซนติเมตรเป็นส่วนใหญ่ ใบหน้าทุกคนล้วนประดับด้วยรอยยิ้ม แสดงถึงความเป็นมิตร ถึงแม้จะมีแววแตกตื่นกันอยู่บ้างเมื่อเห็นชายหนุ่มในวันแรกๆ บางที จันทริ ก็พาชายหนุ่มไปเดินเล่นริมแม่น้ำใหญ่ ที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก จากที่เขาเห็นหมู่บ้านแห่งนี้นับเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ทีเดียว การใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติอันสุขสงบ ทำให้เขาลืมความวุ่นวายใจไปได้บ้างเหมือนกัน

ความวุ่นวายใจอันเนื่องมาจากความแปลกที่ แปลกถิ่น แปลกทั้งการดำเนินชีวิต และอนาคตที่มองไม่ออกเลยว่าจะเป็นเช่นไรต่อไป
“เฮ้อ...” รพีพันธ์ ถอดหายใจยาว แล้วลุกเดินออกจากเพิง ไปนั่งลงที่พื้นข้างๆก้อนหินใหญ่ที่ จันทริ นั่งอยู่ พลางชำเลืองมองผ้าสีแดงสดในกรอบไม้ขนาดใหญ่ ที่กำลังปักเป็นรูปนกยูงกำลังรำแพนหาง สีเขียวสดแกมน้ำเงิน
“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะ” รพีพันธ์ ถามขึ้น
“ตรงนึ้นั่งสบาย”
“ไม่ใช่” ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะเบาๆ “ผมหมายความว่า ทำไมคุณมาปลูกเพิงอาศัยอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ไปอยู่กับคนในหมู่บ้าน”
“ที่นี่มิใช่ที่พำนักของข้า” จันทริ ตอบพลางหันมายิ้มให้ “ข้าพำนักอยู่ด้านบนของเนินเขาแห่งนี้ นับแต่ข้าอายุได้ ๑๐ หนาว”
... ๑๐ หนาว คงหมายถึงอายุ ๑๐ ปีมั๊ง ... รพีพันธ์ คิดพลางจ้องมอง จันทริ อย่างตั้งใจ ว่าจะพูดอะไรต่อไป
“ส่วนเพิงแห่งนี้ ปลูกขึ้นมาเพื่อเป็นที่พำนักชั่วคราว ของผู้ที่จะเดินทางมา ... คนผู้นั้นคือท่าน”
“แปลว่าตอนนี้ ที่นี่เป็นบ้านของผมเหรอ”
“มิใช่บ้าน เป็นเพียงแต่ที่พำนักชั่วคราวเท่านั้น”
“ชั่วคราว” รพีพันธ์ ทวนคำด้วยความสงสัย “ถ้าอย่างนั้นต่อไปผมต้องย้ายไปอยู่ที่ไหน”
จันทริ ปักเข็มค้างไว้กับผ้า แล้วเอื้อมมือมาจับมือ รพีพันธ์
“ไปอยู่ยังที่พำนักของข้า ไปอยู่ร่วมกับข้า ท่านรังเกียจหรือไม่”
“อยู่กับคุณน่ะเหรอ ... ก็ดีเหมือนกันนะ กลัวแต่คุณจะเบื่อที่ต้องดูแลผมน่ะสิ” รพีพันธ์ พูดยิ้มๆ
“มันเป็นหน้าที่ของข้า” พูดแล้วใบหน้าของ จันทริ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ แววตาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานกว่าปรกติ
 “เอ้อ...” พอเห็นท่าทางแบบนี้แล้ว รพีพันธ์  รู้สึกเหมือนตัวเองหน้าแดงไปด้วยอีกคน
“ว่าแต่ บ้านคุณอยู่ตรงไหนล่ะ”
“ที่พำนักของข้าอยู่ด้านบนของภูเขานี้ เมื่อเดินขึ้นไป จักเป็นถ้ำใหญ่ นั่นแหละที่พำนักของข้า”
“ถ้ำเหรอ” รพีพันธ์ ขมวดคิ้วอีกครั้ง “ถ้ำอะไร จะอยู่ได้ยังไง”
“เมื่อท่านเห็น ท่านจะทราบ”
“แล้วถ้ำนั้นมีชื่อรึเปล่า”
“ย่อมมี ถ้ำอันเป็นที่พำนักของข้านั้น เรียกว่า วิหารจันทรา”
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๘ - แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 28-07-2008 21:50:17

ปลาไหล จะเข้าถ้ำแร้ววววววว อิอิอิ :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๘ - แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 28-07-2008 22:41:49
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๘ - แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-07-2008 23:16:32
หุหุ  :m32: :m32:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๘ - แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 29-07-2008 11:51:55
 :o8:
สำนวนหวานดีจัง...อ่านแล้วเหมือนล่องลอยในความฝัน  
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๘ - แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 29-07-2008 12:06:13
หุหุหุ  ปลาไหลหรือมังกรเดี๋ยวรู้กัน  อิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๘ - แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 29-07-2008 12:14:44
อ๊ากก จะพากันไปเป็นมนุษย์ถ้ำแล้ว  :o8:

จันทริแม่บ้านแม่เรือนดีจริง ๆ ทั้งการบ้านการเรือนมิได้ขาด ปักผ้า อาหารการกิน ดูแลรพีพันธ์ตลอด

รอลุ้นตอนต่อไปนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๘ - แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 29-07-2008 12:15:55
น่ารักทั้งคู่เลยครับ :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๘ - แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 29-07-2008 18:37:45
 :m4: :m4: :m4:

แอบสงสัยจัง ว่าใคร เป็น รุก ใคร เป็นรับหว่า   :m20: :m20: :m20:

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊า......

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๘ - แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-07-2008 19:06:23

แอบสงสัยจัง ว่าใคร เป็น รุก ใคร เป็นรับหว่า   :m20: :m20: :m20:

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊า......
ช่วยอธิบายหน่อยได้มั๊ยค๊าบ ว่ามีฉากไหนทำให้คิดแบบนั้น ...  o1
คือ อยากได้ไว้เป็นข้อมูลน่ะครับ  :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๙ - แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-07-2008 20:18:15
๐๙

“วิหารจันทรา” รพีพันธ์ พูดเบาๆกับตัวเอง ขณะที่แช่ตัวอยู่ในสายน้ำ
ชายหนุ่มเรียบเรียงความคิด ช่วงก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุตกลงไปในแอ่งเก็บน้ำ แล้วฟื้นขึ้นมาในสถานที่ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ เขานั่งเครื่องบินไปรอเพื่อนที่ตัวจังหวัดลำปาง แต่รถตู้ที่เพื่อนๆโดยสารล่วงหน้ามาก่อน เกิดอุบัติเหตุขึ้นที่จังหวัดตาก เขาจึงต้องเดินทางไปยังเขื่อนกิ่วลมตามลำพัง เพื่อจัดการเรื่องที่พักให้เรียบร้อย แล้วเพื่อนๆของเขาก็ตามมาถึงในช่วงดึกของวันเดียวกัน วันรุ่งขึ้นเขานั่งเรือแพเพื่อชมทัศนียภาพของบริเวณแอ่งเก็บน้ำ แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น

... แต่ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในตัวเมืองลำปางนั้น เขากลับจำไม่ได้เลยว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ...

“น้ำเย็นสบายดีหรือไม่” เสียงนุ่มๆถามขึ้นทางด้านหลัง
รพีพันธ์ หันตัวกลับไป ก็พบ จันทริ ยืนอยู่บนฝั่งไม่ไกล กำลังมองไปตามร่างกายเขาด้วยความชื่นชม
“ขึ้นมาใส่เสื้อผ้าเถิด มิเช่นนั้นจะไม่ทัน”
“ไม่ทันอะไรเหรอ” รพีพันธ์ ถามขณะที่เดินขึ้นมาจากน้ำ แล้วยื่นมือรับผ้าผืนใหญ่ที่ จันทริ ส่งให้ นำมาพันร่างกายท่อนล่างไว ถอดกางเกงที่เปียกน้ำออกมา แล้วยื่นมือไปรับผ้าอีกผืนหนึ่งจาก จันทริ มาเดไปตามใบหน้า เส้นผม และร่างกายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ
“เที่ยงนี้ เหล่าผู้เดินทางจักกลับถึงบ้าน นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว” จันทริ ตอบพลางยื่นเสื้อผ้าให้ รพีพันธ์ สวมใส่ที่ละชิ้น จนกระทั่งชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จ
จันทริ เก็บรวบรวมผ้าที่เปียกน้ำบิดหมาดๆ แล้วนำมาห่อรวมกันไว้ ด้วยผ้าผืนที่ รพีพันธ์ ใช้เช็ดตัว จากนั้นก็นำมาถือไว้แล้วชักชวน รพีพันธ์ เดินไปยังหมู่บ้าน

“ทำไมวันนี้คนเยอะจัง” รพีพันธ์ พูดพึมพำเมื่อเห็นว่า ในหมู่บ้านเต็มไปด้วยผู้คน ซึ่งปรกติจะออกไปทำงานตามไร่
“ข้าบอกท่านแล้ว ผู้เดินทางจักกลับมา ทุกคนจึงอยู่พร้อมกันเพื่อต้อนรับ”
มีเด็กหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาคนทั้งสอง จันทริ ยื่นห่อผ้าในมือให้ เด็กหญิงรับไว้แล้วยิ้มกว้างให้ ก่อนที่จะวิ่งหายลับไปอีกทางหนึ่ง ทั้งสองพากันเดินมาจนถึงลานกว้างกลางหมู่บ้าน ซึ่งมีชายชราสี่คนยืนอยู่ก่อนแล้ว

... ผู้เฒ่าทั้งสี่เป็นผู้อาวุโสของหมู่บ้าน พวกท่านละทิ้งนามเดิม ดำรงไว้แต่นามอันสืบทอดมาแต่ผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้น วายุ อัศนี วรุณ อัคนี นามซึ่งผู้อื่นมิอาจนำมาใช้เป็นนามแห่งตนได้ ... เป็นคำบอกเล่าเกี่ยวกับชื่อของชายชราทั้งสี่ ที่ชายหนุ่มได้ฟังมาจาก จันทริ

ปู๊น~~~~~~~~~~~
เสียงดังเหมือนเสียงเป่าเขาดังมาจากทางเหนือของหมู่บ้าน สักพักใหญ่ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น ขบวนรถเข็นที่ลากมาด้วยลาประมาณ ๑๐ คันรถ และชายฉกรรจ์ราวๆ ๓๐ กว่าคน เดินเข้ามาในลานกว้าง ผู้เฒ่าทั้งสี่ก็เดินออกไปต้อนรับ และยืนสนทนาอยู่กับชายวัยกลางคน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้นำของกลุ่ม รพีพันธ์ มองดูกลุ่มคนที่เพิ่งมาถึง มีทั้งคนหนุ่มและคนวัยกลางคน ต่างล่ำสันแข็งแรง มีคนหนึ่งดูสะดุดตาเป็นพิเศษ เป็นคนที่ยืนอยุ่ด้านหลังของชายวัยกลางคนที่คุยกับผู้เฒ่าทั้งสี่อยู่ ชายหนุ่มร่างสูงพอๆกับเขา ผิวคล้ำ รูปร่างล่ำสันเต็มไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าประดับด้วยคิ้วดกหนา ดวงตากลมโต ริมฝีปากหนาแต่แดงเรื่อ ชายหนุ่มคนนั้นหันหน้ามามองที่เขาและ จันทริ อยู่บ่อยครั้ง สักพักหนึ่งชายวัยกลางคนนั้นก็เดินออกจากกลุ่มมาหา จันทริ ในขณะที่ผู้เฒ่าทั้งสี่หันไปสนทนากับคนอื่นต่อ

“ยินดีต้อนรับสู่บ้าน ท่านหัวหน้า” จันทริ พูดทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “การเดินทางลำบากมากหรือไม่”
“ราบรื่นดี แลกของมาได้มากมาย ว่าแต่ว่า ...” ชายกลางคนหันไปมองที่ รพีพันธ์
“ผู้นี้คือหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านกรินทร์” จันทริ หันไปบอกกับ รพีพันธ์
“นี่คือผู้เดินทางมาจากถิ่นไกล รพีพันธ์ บุรุษที่พวกท่านรอคอย” จันทริ หันกลับไปบอก กรินทร์
“จริงรึ” กรินทร์ ถามด้วยสีหน้ายินดี
“ย่อมจริงแน่นอน สัญลักษณ์นั้นประจักษ์แก่ข้าแล้ว และพวกท่านจะได้เห็นเองในคืนเพ็ญ”
กรินทร์ เดินกลับไปหากลุ่มคนแล้วเหมือนจะพูดอะไร ๒-๓ ประโยค แล้วก็มีเสียงตะโกนด้วยความยินดีของผู้คน
“เฮ....”
“พวกเค้าดีใจอะไรกัน” รพีพันธ์ หันไปถาม จันทริ ด้วยความสงสัย
“ดีใจในการมาถึงของท่านไงเล่า ข้าเคยบอกท่านแล้ว ว่าทุกคนที่นี่จะยินดีต่อการมาของท่าน และจะให้ความเคารพต่อท่าน”

รพีพันธ์ ยังคงงุนงงไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ จันทริ พูดเท่าไรนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเข้าใจคือ ท่านกลางความยินดีของผู้คน กลับมีคนคนหนึ่ง ที่มองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ ปนไปด้วยความเกลียดชัง
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๙ - แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 29-07-2008 20:45:18
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:


จิ้ม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  ก่อนไปอ่านค๊าบ.......

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอ&#
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 29-07-2008 20:54:34
ตอนแรกรีบมาจิ้มไปหน่อย เลยไม่เห็นคำถามค๊าบ.....

“อยู่กับคุณน่ะเหรอ ... ก็ดีเหมือนกันนะ กลัวแต่คุณจะเบื่อที่ต้องดูแลผมน่ะสิ” รพีพันธ์ พูดยิ้มๆ
“มันเป็นหน้าที่ของข้า” พูดแล้วใบหน้าของ จันทริ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ แววตาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานกว่าปรกติ

ประโยคนี้มันเหมือนฝ่ายรับอ่ะ เพราะไม่คิดว่าผู้ชายหรือฝ่ายรุกจะหน้าแดงเพราะประโยคนี้อ่า

แต่ตอนแรกที่อ่านเลยเนี่ย คิดว่า จันทริ เป็นรุกอ่า

ผมแค่คิดเฉย ๆ น๊า........

 :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอ&#
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-07-2008 21:19:09
ตอนแรกรีบมาจิ้มไปหน่อย เลยไม่เห็นคำถามค๊าบ.....

“อยู่กับคุณน่ะเหรอ ... ก็ดีเหมือนกันนะ กลัวแต่คุณจะเบื่อที่ต้องดูแลผมน่ะสิ” รพีพันธ์ พูดยิ้มๆ
“มันเป็นหน้าที่ของข้า” พูดแล้วใบหน้าของ จันทริ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ แววตาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานกว่าปรกติ

ประโยคนี้มันเหมือนฝ่ายรับอ่ะ เพราะไม่คิดว่าผู้ชายหรือฝ่ายรุกจะหน้าแดงเพราะประโยคนี้อ่า

แต่ตอนแรกที่อ่านเลยเนี่ย คิดว่า จันทริ เป็นรุกอ่า

ผมแค่คิดเฉย ๆ น๊า........

 :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:

อ้อ ที่แท้ งง ที่ จันทริ นี่เอง  :laugh3:
เพราะตอนแรกๆที่ตัวละครนี้ออกมา ดูจะเป็นฝ่ายปกป้องดูแล รพีพันธ์
ส่วน รพีพันธ์ ก็ดูออดอ้อนเกิน ... ประมาณนี้รึเปล่า  :laugh:

คือตอนที่เขียน คิดว่า รพีพันธ์ คงตกใจ และกลัว จนบางครั้งคุมสติไม่ค่อยอยู่
แล้วคิดว่าคนที่พอจะพึ่งได้ มี จันทริ คนเดียว การแสดงออกเลยเป็นแบบนั้น
ส่วนจันทริ ที่หน้าแดงเป็นเพราะ ..... เดี๋ยวอ่านไปก็รู้ อิ อิ  o22
ส่วน จันทริ เปลี่ยนบทมาเป็น สาวเสียบ ดีมะ กร๊ากกกกกกก  :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๙ - แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 29-07-2008 22:01:43
   ว่าแต่..ว่า ไปอยู่ในถ้ำกันสองคนอ่ะ เพื่อ ทำพิธีหรืออะไรกันเหยอ     :o8:

อยากรุๆ คึคึ    :a3:


เข้ามาอ่านทีเดียว 3 ตอนรวด แหะๆ


.....

อ๊า คุนบุหรง เล่นมาพูดงี๊ ยิ่งอยากรู้น๊า...  :m23:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๙ - แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 29-07-2008 22:23:13
 :o สงสัยตัวอิจฉาปรากฎ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๙ - แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 29-07-2008 23:32:09
ตอนแรกรีบมาจิ้มไปหน่อย เลยไม่เห็นคำถามค๊าบ.....

“อยู่กับคุณน่ะเหรอ ... ก็ดีเหมือนกันนะ กลัวแต่คุณจะเบื่อที่ต้องดูแลผมน่ะสิ” รพีพันธ์ พูดยิ้มๆ
“มันเป็นหน้าที่ของข้า” พูดแล้วใบหน้าของ จันทริ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ แววตาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานกว่าปรกติ

ประโยคนี้มันเหมือนฝ่ายรับอ่ะ เพราะไม่คิดว่าผู้ชายหรือฝ่ายรุกจะหน้าแดงเพราะประโยคนี้อ่า

แต่ตอนแรกที่อ่านเลยเนี่ย คิดว่า จันทริ เป็นรุกอ่า

ผมแค่คิดเฉย ๆ น๊า........

 :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:

อ้อ ที่แท้ งง ที่ จันทริ นี่เอง  :laugh3:
เพราะตอนแรกๆที่ตัวละครนี้ออกมา ดูจะเป็นฝ่ายปกป้องดูแล รพีพันธ์
ส่วน รพีพันธ์ ก็ดูออดอ้อนเกิน ... ประมาณนี้รึเปล่า  :laugh:

คือตอนที่เขียน คิดว่า รพีพันธ์ คงตกใจ และกลัว จนบางครั้งคุมสติไม่ค่อยอยู่
แล้วคิดว่าคนที่พอจะพึ่งได้ มี จันทริ คนเดียว การแสดงออกเลยเป็นแบบนั้น
ส่วนจันทริ ที่หน้าแดงเป็นเพราะ ..... เดี๋ยวอ่านไปก็รู้ อิ อิ  o22
ส่วน จันทริ เปลี่ยนบทมาเป็น สาวเสียบ ดีมะ กร๊ากกกกกกก  :laugh:

 :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๙ - แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 29-07-2008 23:37:20


หุหุหุหุ  ถึงตอนนั้น ผลัดกัน จิ้ม ก้ได้นะ ไม่ต้องแย่งซีนกันล่ะ อิอิอิ

แร้วราตรีใดจะบูชายันต์จ้ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๙ - แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 29-07-2008 23:53:33
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๙ - แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 30-07-2008 14:10:54
สรุปใครรุกอ่ะครับเนี้ย :m23:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 30-07-2008 18:37:01
๑๐

“นึกว่าจะมีปาร์ตี้ซะอีก ที่แท้ก็แค่กินข้าวกลางวันด้วยกันเอง” รพีพันธ์ พูดดังๆระหว่างทาง ที่เดินกลับสู่เพิงที่พัก
“ปาร์ตี้” จันทริ หยุดเดินหันกลับมาถามด้วยสีหน้างุนงง “คือสิ่งใด”
“แหม ... ก็งานเลี้ยงไง งานเลี้ยงฉลองน่ะ” รพีพันธ์ บอกพลางหัวเราะเบาๆ “แค่นี้ก็ไม่รู้” ผ่านมาหลายวัน เขาเริ่มรุ้สึกคุ้นเคย พอที่จะพูดจาหยอกล้อกับ จันทริ ได้บ้าง
“แค่เดินทางกลับมาถึงโดยปลอดภัย มิถึงกับต้องจัดงานฉลองดอก มิสำคัญถึงขนาดนั้น” จันทริ บอกยิ้มๆ
“แล้วคุณน่ะ เป็นมังสวิรัตเหรอ”
“มังสิวิรัติ คือสิ่งใด” จันทริ ขมวดคิ้วอีกครั้ง
“คุณนี่ ไม่รู้จักอะไรเลย” รพีพันธ์ พูดพลางกลั้นหัวเราะ “มังสวิรัติ ก็พวกที่ไม่กินเนี้อสัตว์ไง กินแต่ผัก ผลไม้ เหมือนที่คุณกินเมื่อกี้ แล้วคุณกินแบบนั้นทุกมื้อรึเปล่า”
“มิใช่ บางมื้อข้าก็กินข้าวบ้าง” จันทริ ตอบยิ้มๆ รู้สึกดีใจที่เห็นชายหนุ่มรื่นเริงขึ้นบ้างในวันนี้ และนึกขันที่หาว่าเขาไม่รู้อะไรเลย
“แล้วทำไมคุณไม่กินเนื้อสัตว์เลยล่ะ จะว่าพวกเทพที่คุณนับถือห้ามก็คงไม่ใช่ เพราะผมเห็นคนอื่นเขาก็กินกันเป็นปรกติ”
“พวกเรานับถือจันทราเทพ ท่านมิได้ห้ามไว้  ความจริงเมื่อก่อนข้าก็กินเนื้อสัตว์เป็นปรกติ จนกระทั่งข้าอายุได้ ๑๒ หนาว ข้ากินได้แต่ผัก ผลไม้ น้ำผึ้ง”
“ว่าไปมันก็ดีเหมือนกันนะ เพราะกินแต่อาหารแบบนั้นมั๊ง ตัวคุณถึงได้มีกลิ่นหอมๆ” รพีพันธ์ พูดพลางคิดถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของร่างกายที่คอยให้ความอบอุ่นแก่เขา เมื่อตอนที่เขาไม่สบาย จันทริ ยังคงมองชายหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยนและรอยยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ตอบคำ
“แล้วทำไมคุณถึงแยกไปอยู่คนเดียวนอกหมู่บ้านล่ะ แล้วผมไม่เห็นคุณออกไปทำงานในไร่เหมือนคนอื่น” รพีพันธ์ ถามคำถามที่เขาสงสัยมานาน
“เพราะข้าแตกต่างจากผู้อื่น” จันทริ ตอบช้าๆ
“นั่นสิ ... ผมก็ว่าอย่างนั้น” รพีพันธ์ พูดแล้วมอง จันทริ ไปทั่วทั้งตัวแล้วกลับมามองที่ใบหน้าอย่างพิจารณา “ใบหน้าคุณก็แปลกกว่าพวกเค้า คนในหมู่บ้านส่วนมากหน้าผากกว้าง กรามใหญ่ คิ้วหนา ตาชั้นเดียว ปากหนาเทอะทะ ตัวก็สูงใหญ่ ขนาดผู้หญิงยังดูล่ำบึก ตัวสูงปรี๊ด ดูมือดูเท้าก็ใหญ่ไปหมด ผมก็เส้นหนา แต่ดูคุณสิ”

รพีพันธ์ มองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า เรือนร่างสูงเพรียว ผิวเป็นสีน้ำตาลอ่อน ต่างกับผิวสีคล้ำของคนในหมู่บ้าน อาจเป็นเพราะคนเหล่านั้น ต้องออกไปทำงานในไร่ทุกวัน โครงร่างของชายหนุ่มดูบอบบาง ท่อนแขนกลมกลึง มองไล่ไปยังมือที่มีนิ้วมือเรียวยาว ที่เขาเคยสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มและอบอุ่น วกสายตากลับขึ้นไปมองที่ใบหน้ารูปไข่ หน้าผากมน คิ้วบางที่โค้งเรียวยาวจรดหางตา ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ดูแวววาวแจ่มใส อยู่ใต้เปลือกตาสองชั้น จมูกโด่งเป็นสันเล็กน้อย ริมฝีปากบางที่แดงเรื่อ และเส้นผมที่เล็กละเอียดยาวปรกต้นคอ

“คุณต่างจากพวกนั้นจริงๆ” รพีพันธ์ พูดเบาๆพลางจ้องหน้า จันทริ อย่างไม่ยอมวางตา “แตกต่างอย่างไม่น่าเชื่อ นี่ถ้าเป็นผู้หญิงนะ ผมต้องจีบคุณแน่ๆ”
“จีบ” จันทริ ทวนคำ  “คือสิ่งใดอีก” ท่าทางที่เต็มไปด้วยความสงสัย ทำให้ รพีพันธ์ อดหัวเราะเบาๆไม่ได้
“จะว่ายังไงดี คือ ... เหมือนกับการแสดงออกให้รู้ว่าชอบ ว่ารัก อยากจะได้มาเป็นแฟน”
จันทริ ยิ่งทำหน้าสงสัยมากขึ้นอีก ทำเอา รพีพันธ์ ชักรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ จนต้องยกมือขึ้นเกาหัว
“แบบว่า อยากได้มาเป็นภรรยา อะไรแบบเนี๊ย” พูดจบเขาก็หัวเราะเบาๆ
“ถ้าเช่นนั้นมิต้องดอก มิมีความจำเป็น” จันทริ พูดพลางก้มหน้าลงต่ำ
“อ้าว” รพีพันธ์ อุทานออกมา ... จะโดนด่ามั๊ยวะเนี่ย จู่ๆไปบอกว่าอยากได้เค้ามาเป็นเมีย ...
“ข้าถูกกำหนดให้เป็นของท่านอยู่แล้ว และเพราะเหตุนี้ ท่านจึงได้ถูกนำพามายังที่แห่งนี้”
รพีพันธ์ สังเกตเห็นใบหน้าที่แดงเรื่อของ จันทริ ที่เงยหน้าขึ้นมามองเขาแว่บหนึ่ง ก่อนจะหันเดินต่อไป เขายืนนิ่งด้วยความงุนงงอยู่พักหนึ่ง แล้วเดินตาม จันทริ  กลับไปยังเพิงอันเป็นที่พักของทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 30-07-2008 21:28:59
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 30-07-2008 21:42:04
โอ้วดีมาก ไม่ต้องเสียเวลาจีบ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 30-07-2008 21:51:45
อร๊ายยยยยยย ยังไม่ถึงถ้ำ  :o8:

แหม ๆ จันทริกินแต่ ผัก ผลไม้ น้ำผึ้ง ถึงตัวหอม ต้องลองกินบ้างซะแล้ว เอิ๊กกกก

แอบอยากดมจันทริบ้างจัง เอิ๊กกกกก  :m1:

อ้างถึง
“ข้าถูกกำหนดให้เป็นของท่านอยู่แล้ว และเพราะเหตุนี้ ท่านจึงได้ถูกนำพามายังที่แห่งนี้”

ประโยคนี้ นายอาทิตย์ยังงงอยู่อีกเหรอ รีบเลย เค้าอุตส่าห์บอกความเป็นนัยแล้ว

เป็นกำลังใจให้คุณบุหรงนะคะ  :L2:

ปล.ไม่เอาจันทริเป็นสาวเสียบนะคะ รับไม่ด๊ายยยย  :serius2:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 30-07-2008 22:17:02
 :laugh:
เด็กพวกนี้...นวนิยายเสียหายหมด จะมาอยากรู้ทามมายยยย
ใครจะเสียบ รึใครจะโดนเสียบ  จะมีรึเปล่ายังไม่รู้เลยยยย...  :m20:

เป็นตัวแทนแห่งเทพซะขนาดนั้น...
เค้าอาจจะชวนกันไปนั่งวิปัสสนากันที่วิหารจันทราก็ได้ใครจะรู้

อย่าไปคอยแต่ฉากจิ้มอย่างเดียวสิ...ดื่มด่ำไปกับเรื่องราวดีกว่า
รอคนแต่งกับตอนต่อไปค๊าบบบบ....หนุกหนาน ๆๆๆ  :m1:

ปล. ใครจะเสียบหรือใครจะโดนเสียบ เค้าก็ชอบท้างน้านนนน  :m25:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 30-07-2008 22:34:48

สงสัยพอเข้าถ้ำ  ก็พากันเดินจงกรม แหงมๆ   :m20:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 30-07-2008 23:22:54
 :m13: :m13:  แหม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ มีจีบกานด้วยอ่ะ

อิอิ.......

ขอบคุณนะคับคุณบุหรง  :pig4: :pig4:

รออ่านตอนต่อไปอยู่เน้อ

 :L2: :L2: :L2: :L2:

ว่าแต่ ตอนนี้ทำไมสั้นจัง
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 31-07-2008 00:24:20
 :m1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 31-07-2008 14:59:23
จันทริไม่ได้เป็นสาวเสียบแล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 31-07-2008 15:50:22
ที่แท้ ก้อเป็นอย่างนี้ นี่เอง คึคึ     :a2:
ไม่ต้องเสียเวลาจีบจริงๆด้วย ฮ่าๆ   :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 31-07-2008 16:31:16
 :m1: :o8:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๑ - แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 31-07-2008 19:00:08
๑๑

รพีพันธ์ นั่งมองคนสองคนที่คุยกันอยู่ด้านนอกมาพักใหญ่แล้ว จันทริ นั่งอยู่บนก้อนหินใต้ต้นไม้ที่เคยนั่งอยู่เป็นประจำ ส่วนชายหนุ่มอีกคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นเบื้องหน้า จันทริ ทั้งสองคนดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ บางครั้งชายหนุ่มคนนั้นจะเอื้อมมือไปจับอยู่ที่ข้อเท้าของ จันทริ อยู่บ่อยๆ และเป็นฝ่ายพูดเสียเป็นส่วนมาก ส่วน จันทริ ได้แต่นั่งฟัง นานๆจะพูดโต้ตอบไปสักครั้ง แต่สีหน้าก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เสียจนเขาอดหมั่นไส้ไม่ได้

ชายหนุ่มคนนั้นรูปร่างสูงพอๆกับเขาทีเดียว แต่รูปร่างค่อนข้างบึกบึนกว่า ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม หน้าผากกว้าง กรามใหญ่จนเป็นสัน  คิ้วดกหนา ดวงตากลมใหญ่เป็นประกาย จมูกโด่ง ริมฝีปากค่อนข้างหนา โดยรวมแล้ว นับว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาคมคายไม่น้อย และชายหนุ่มคนนี้เอง ที่มอง รพีพันธ์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา
... สงสัยเจ้าหนุ่มนี่มันหึงเรา ... รพีพันธ์ คิดแล้วก็อดขำไม่ได้
สักพักเขาก็เห็นชายหนุ่มคนนั้น ยื่นอะไรบางอย่างให้ จันทริ แต่เหมือนว่า จันทริ ปฏิเสธที่จะรับไว้ ชายหนุ่มต้องพูดอยู่นาน จน จันทริ พยักหน้ายอมรับ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน สวมของนั้นลงบนลำคอของ จันทริ ... สายสร้อยนั่นเอง และดูเหมือนจะมีจี้ร้อยอยู่กับสายสร้อยเส้นนั้นด้วย ชายหนุ่มโน้มตัวลงพูดอะไรกับ จันทริ อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินจากไป คงจะกลับลงไปยังหมู่บ้าน พอชายหนุ่มคนนั้นเดินหายไปแล้ว รพีพันธ์ ก็เดินไปยืนข้างๆ จันทริ

“แหมปลื้มใหญ่เลยสิท่า” รพีพันธ์ พูดล้อเลียนเมื่อเห็นว่า จันทริ ลูบคลำจี้ที่ห้อยคออยู่ไปมา พลางยิ้มเหมือนมีความสุข “ไหนดูหน่อยสิว่าอะไร”
รพีพันธ์ โน้มตัวลงไปจับดูจี้ ที่ร้อยอยู่กับสายสร้อยที่ถักจากเชือกสีแดงขึ้นมาดู
“โธ่ นีกว่าอะไร ที่แท้ก็เปลือกหอยมุก” พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ เพราะเขาคิดว่า น่าจะเป็นอะไรที่เป็นของมีค่า มากกว่าแค่เปลือกหอยธรมมดา
“ท่านรู้จักของสิ่งนี้”
“อื้อ ... ก็แค่เปลือกหอยทะเล เอามาขัดให้ขึ้นเงาแค่นั้นเอง”
“สำหรับที่ที่ท่านมา มันคงเป็นของที่หาได้โดยง่าย”
“แน่นอน มีขายเยอะไป ราคาก็ไม่เท่าไหร่หรอก”
“แต่สำหรับที่นี่ ของที่มาจากทะเลจักมีราคาสูงมาก” จันทริ พูดพลางมองเขาเหมือนจะเยาะเย้ย  แต่ รพีพันธ์ ไม่ทันได้เห็น เพราะมัวแต่ให้ความสนใจกับสายสร้อยสีแดง ที่ถักจากการนำเชือกสีแดงเส้นเล็กๆ ๓-๔ เส้นมาถักร้อยเข้าด้วยกัน และจี้สีฟ้าครามที่ถูกตัดเป็นรูปจันทร์เสี้ยวด้วยฝีมือประณีต  “ของสิ่งนี้จึงมีราคาสูงยิ่ง แต่สำหรับข้า การที่ อัสสะ มีความตั้งใจนำมันมามอบให้นั้น มีค่ามากยิ่งกว่าราคาของมันเสียอีก”
“อ้อ ... ชื่อ อัสสะ” รพีพันธ์ พูดยิ้มๆ “คงดีใจสิ ที่แฟนเอาของมาฝาก”
จันทริ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆ...” ชายหนุ่มนึกขันในท่าทางที่เต็มไปด้วยความสงสัยของ จันทริ “แฟนก็คนรักไง อัสสะ น่ะ ... คนรักของคุณใช่มั๊ยล่ะ ผมว่าแล้วเชียว เมื่อกลางวันมองผมตาเขียว”
สีหน้าของ จันทริ หม่นหมองลง แล้วถอนหายใจแรง
“อัสสะ เป็นสหายที่ดีของข้า เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ข้าหวังว่าต่อไปภายหน้าเมื่อข้าจากไป อัสสะ จะได้ภรรยาที่ดี และบุตรที่ดี”
“คุณจะไปไหน” รพีพันธ์ ถามอย่างแปลกใจในคำพูดของ จันทริ
จันทริ ไม่ตอบคำ ได้แต่ยิ้มด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย
.............................................................................
......................................


อากาศในคืนนี้เย็นกว่าที่เคย คงเป็นเพราะสายฝนที่พร่างพรมอยู่ปรอยๆ

... ยังมิต้องนำข้าวสารอาหารแห้งออกมา คืนนี้จะมีฝน ... ชายหนุ่มได้ยิน จันทริ บอกกับ กรินทร์ ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านเมื่อตอนบ่าย

“จันทริ” รพีพันธ์ เรียกคนที่นอนอยู่ข้างๆ
“จันทริ” ชายหนุ่มเรียกอีกครั้ง พลางตะแคงตัวหันไปหา จากแสงจันทร์ที่ส่องสว่างในคืนข้างขึ้น เขามองเห็น จันทริ ลืมตาหันหน้ามาหา
“คุณรู้ได้ยังไงว่าคืนนี้จะมีฝนตก”
“มิใช่ข้าที่รู้”
“ก็ผมได้ยินคุณพูดเมื่อตอนบ่ายนี่นา” จันทริ ขยับปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ รพีพันธ์ ก็ถามต่อทันที “อย่างกับพวกผู้หยั่งรู้ พวกนักพยากรณ์แน่ะ  ผมอยากรู้จังว่าตอนนี้คุณรู้แจ้งอะไรอีก” รพีพันธ์ พูดขำๆ
“ท่านอยากรู้อะไรเล่า”
“ผมเหรอ” รพีพันธ์ นิ่งเงียบไปสักครู่ “เฮ้อ...” ชายหนุ่มถอนหายใจ พลางพลิกตัวนอนหงายเหมือนเดิม
“ท่านกำลังกังวล ท่านคิดถึงบ้าน” จันทริ พูดช้าๆ
“ใช่ ผมคิดถึงบ้าน” ชายหนุ่มนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ “พ่อกับแม่จะเป็นยังไงบ้างไม่รู้ ผมหายมาแบบนี้ตั้งหลายวัน แล้วยัง...” รพีพันธ์ ถอนหายใจยาวอีก
“จันทริ” รพีพันธ์ ตะแคงตัวเหมือนเมื่อสักครู่
 “จันทริ” เขาเรียกคนข้างๆอีกครั้ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงขานตอบ
“อะไรหรือ”
“ผม ... เอ้อ ... คุณ” รพีพันธ์ ตะกุกตะกัก
“บอกข้ามาเถิด” เสียงของ จันทริ อ่อนโยน
“กอดผมหน่อยได้มั๊ย เหมือนตอนที่ผมไม่สบาย”
ไม่มีคำตอบ แต่แขนของ จันทริ สอดเข้ามาใต้ศรีษะของชายหนุ่ม พร้อมกับดึงศรีษะเข้าไปแนบอก ชายหนุ่มกอดร่างบางๆแนบแน่น พลางสูดความหอมอ่อนๆที่เขาได้กลิ่นเข้าไปเต็มปอด

“หลับเสียเถิด มิต้องกังวลใดๆ มินานดอกท่านจักได้กลับบ้าน ข้าสัญญา” เสียงพูดปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน พร้อมกับมือที่ลูบเบาๆไปตามปอยผม ทำให้รพีพันธ์รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๑,๑๒ - แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 31-07-2008 20:50:07
๑๒

“อืม...”
รพีพันธ์ งัวเงียตื่นขึ้นมากลางดึก อากาศค่อนข้างเย็นเนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูฝน และมีฝนตกต่อเนื่องกันมาหลายวัน ชายหนุ่มพลิกตัวนอนตะแคง เอื้อมมือหวังจะกอดก่ายคนที่นอนอยู่ด้านข้าง เหมือนที่เคยทำมา แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบกับความว่างเปล่า

“จันทริ” ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง แล้วเรียกหาพลางมองไปรอบๆ จากแสงจันทร์ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้ค่อนข้างชัดเจน
“จันทริ” รพีพันธ์ เรียกอีกครั้ง รู้สึกกังวลใจขึ้นมา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา จันทริ จะอยู่ข้างๆเขาเสมอเมื่อเขาตื่นขึ้นมาในเวลาดึก อย่างเช่นตอนนี้ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียง สวมรองเท้าแล้วเดินออกไปนอกเพิงที่พัก มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของ จันทริ แล้วคิ้วของชายหนุ่มก็ต้องขมวดเข้าหากัน เพราะได้ยินเสียงบางอย่างแว่วมาแต่ไกล

เสียงขลุ่ย ผสานกับเสียงของเครื่องสาย กับเครื่องเคาะจังหวะ ดังแผ่วเบาอยู่ในอากาศ รพีพันธ์ มองขึ้นไปบนภูเขาที่เป็นที่มาของต้นเสียง ด้วยความสงสัยเขาก้าวขาเดินขึ้นเขาไปตามทางเดิน
... หากมิมีความจำเป็น อย่าได้ขึ้นไปบนเขา หากพลัดหลงไปจักลำบาก ... จันทริ เคยบอกเขาไว้ และเขาก็ปฏิบัติตามมาตลอด

รพีพันธ์เดินขึ้นไปตามทางเดิน เสียงดนตรีเริ่มดังชัดเจนขึ้น และเริ่มมองเห็นแสงไฟเป็นจุดๆอยู่เบื้องหน้า แต่อยู่ๆเสียงดนตรีก็เงียบลงไป แต่ชายหนุ่มก็พบจุดหมายที่เขาต้องการแล้ว เมื่อเดินไปถึงที่นั้น เขาจึงมองเห็นลานกว้างที่เหมือนกับปูไว้ด้วยทรายสีขาวสะอาดตา ลึกเข้าไปข้างในเป็นผนังหินขนาดใหญ่ มีคบไฟอยู่บนเสาไม้ ที่ตั้งอยู่รอบๆลานแห่งนั้น จากแสงจันทร์เพ็ญและแสงสว่างจากคบไฟ ทำให้เขาเห็นคนเป็นจำนวนมากนั่งอยู่ที่ลานกว้างนั้น ที่ด้านหน้า มีเก้าอี้วางอยู่สองตัว ตัวทางขวามือของเขาว่างเปล่า ส่วนเก้าอี้ทางด้านซ้ายนั้น นั่งไว้ด้วย จันทริ ที่มีใบหน้าเคร่งขรึมแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน จันทริ ก้มหน้าลงพูดอะไรอยู่กับ กรินทร์ ซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ส่วน อัสสะ ที่ยืนอยู่ข้างๆ จันทริ และผู้เฒ่าทั้งสี่ที่ยืนเป็นแถวอยู่หลังเก้าอี้ มีทีท่าสำรวม และนิ่งฟังในสิ่งที่ จันทริ พูดอยู่เช่นกัน สักพักหนึ่ง กรินทร์ ก็ลุกขึ้นยืนหันหน้ากลับมาหากลุ่มคน ทำมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนลุกขึ้นยืน และแบ่งเป็น ๒ ฟาก เว้นที่ตรงกลางไว้เหมือนเป็นทางเดิน จันทริ เงยหน้าขึ้นมา ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาที่เขา

ชายหนุ่มขยี้ตาเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ทั่วตัวของ จันทริ เหมือนมีแสงเรืองรองออกมารอบๆ รอยจันทร์เสี้ยวที่เขาเคยเห็น ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งที่กึ่งกลางหน้าผาก และเปล่งแสงสีทองอยู่เรืองรอง ท่าเดินที่เหมือนลอยละลิ่วเคลื่อนมาตามพี้น คล้ายเดินด้วยความรวดเร็ว แต่เสื้อแขนยาวสีขาว ที่ชายเสื้อยาวลงมาถึงเข่านั้น กลับไม่ไหวสั่นเลยแม้แต่น้อย แล้วยังมีสีหน้าที่เคร่งขรึมแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน จนเขาคิดว่านี่ไม่ใช่ จันทริ ที่เขารู้จัก

จันทริ หยุดยืนอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม สายตามองนิ่งอยู่กับปานแดง ที่ปรากฏพ้นออกมาจากเสื้อคอลึกที่เขาสวมอยู่ สักครู่ก็เปลี่ยนมามองที่ใบหน้าของชายหนุ่ม ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนเหมือนที่เคยเป็น
“มาแล้วหรือ รพีพันธ์ พวกข้ากำลังรอท่านอยู่”

แสงสว่างที่อยู่รอบๆตัวของ จันทริ หายไปแล้ว จันทร์เสี้ยวกลางหน้าผาก เหลือไว้เพียงรอยสีขาวเหมือนรอยปาน

จันทริ ยื่นมือซ้ายออกมาจับมือขวาของชายหนุ่มไว้ แล้วพาเดินไปยังด้านหน้าของกลุ่มคน รพีพันธ์ กวาดสายตามองดูรอบข้าง เห็นทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึมและสำรวมอย่างยิ่ง ราวกับว่ากำลังประกอบพิธีสำคัญอยู่ จันทริ หยุดยืนเมื่อเดินมาถึงที่หมาย ด้านหน้าของเก้าอี้ทั้งสองตัว ชายหนุ่มเห็นผู้เฒ่าสองคนถือชามขนาดย่อมอยู่คนละใบ ยืนอยู่ข้างเก้าอี้ทั้งสองตัวนั้น

“รพีพันธ์ ...  ดวงอาทิตย์ของข้า” จันทริ หันมาพูดกับเขา “นับแต่นี้ข้าจักเป็นจันทราของท่าน”
พูดจบ จันทริ ก้มหน้าลงจูบที่รอยปานสีแดงกลางหน้าอกของ รพีพันธ์ อย่างแผ่วเบา ตอนนั้นเอง รอยปานนั้นก็ส่องแสงสีแดงเรืองรองออกมา แล้วค่อยๆหรี่ลง จนดับแสงไป
“นี่...นี่....” รพีพันธ์ รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก
“มิต้องตกใจ” จันทริ พูดเบาๆ “เชื่อใจข้าสิ”
รพีพันธ์ มองตาของ จันทริ แล้วรู้สึกไว้วางใจขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
“จูบข้าสิ จูบลงที่ดวงจันทรา” จันทริ พูดเบาๆพลางยื่นศรีษะเข้ามา รพีพันธ์ มองจันทร์เสี้ยวดวงนั้นอย่างลังเล
“มิเป็นไรดอก มันเป็นเพียงพิธีกรรม ไม่มีอันตรายใดๆทั้งสิ้น” จันทริ พูดจบก็หลับตาพริ้ม

รพีพันธ์ ค่อยๆก้มหน้าลง จูบลงไปเบาๆที่ดวงจันทร์เสี้ยวนั้น แสงนวลสีขาวเปลี่ยนเป็นแสงสีทอง เรืองรองออกมาเป็นประกายอีกครั้ง แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวนวล และหายไปในที่สุด
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๑,๑๒ - แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: WEERACHOT ที่ 31-07-2008 20:56:32
>>>เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๑,๑๒ - แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 31-07-2008 22:13:23
 :m4: :m4: ทำไมจันทริถึงเศร้าอ่ะค๊าบ.........

งง...... แล้ว พิธีกรตอนสัมนาไปไหนหว่า

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปน๊า......

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๑,๑๒ - แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 31-07-2008 22:33:38
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๑,๑๒ - แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 31-07-2008 23:55:22
 :L2:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๓ - แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 01-08-2008 15:16:02
๑๓

“เฮ...” เสียงชาวหมู่บ้าน โห่ร้องอย่างยินดี แล้วเสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ เป็นท่วงทำนองที่ค่อนข้างครื้นเครงสนุกสนาน
“นั่งลงเถิด” จันทริ พูดแล้วจูงมือพา รพีพันธ์ ไปนั่งที่เก้าอี้ เมื่อนั่งลงแล้ว ผู้เฒ่าทั้งสองก็ยื่นชามที่ถืออยู่นั้น ให้เขาและ จันทริ ชายหนุ่มมองดูของเหลวสีเหลืองใส มีกลิ่นหอมๆของน้ำผึ้งอยู่จางๆ ปนกับกลิ่นฉุนๆคล้ายกลิ่นเหล้า
“เป็นสุราที่หมักจากน้ำผึ้ง” จันทริ หันมาบอก แล้วยกชามเหล้าขึ้นจิบ
รพีพันธ์ เห็นอย่างนั้นก็ยกขึ้นจิบบ้าง สุรารสหวานหอม  ผสมด้วยรสที่คล้ายเบียร์เล็กน้อย เมื่อรู้ถึงรสชาดแล้ว เขาจึงดื่มอย่างวางใจ และเริ่มรู้สึกถึงความอร่อยของมันแล้ว ก็ยกชามดื่มเข้าไปจนเกือบหมด เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปยังหมู่ชาวบ้าน ก็เห็นทุกคนกำลังยกชามสุราชวนกันดื่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ยังกับมีพิธีฉลอง”
“ปาร์ตี้”
รพีพันธ์ หันไปมองคนพูดด้วยความสงสัย
“ท่านเคยบอกข้ามิใช่หรือ ว่างานฉลองเรียกว่าปาร์ตี้” จันทริ พูดยิ้มๆ
“ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มหัวเราะ “อื้อ ใช่ ... ว่าแต่พวกคุณฉลองอะไรกันน่ะ”
“วิวาหะ”
“วิวาหะ ... แต่งงานน่ะเหรอ” รพีพันธ์ ทวนคำอย่างสงสัย แต่แล้วก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจ มอง จันทริ ที่กำลังยิ้มอย่างขบขัน ด้วยความตกตะลึง
“อย่าบอกนะว่า ... เอ้อ...”
“อย่างที่ท่านคิด” จันทริ สีหน้า จันทริ เหมือนกลั้นหัวเราะไว้อย่างเต็มที่ “วิวาหะของท่านกับข้า”
“อะไรนะ” รพีพันธ์ พูดเสียงดัง เบิกตาค้างด้วยความตกใจ จน จันทริ ก้มหน้าลงไปหัวเราะเบาๆ

“วันมงคล สมควรดื่มให้เต็มที่” กรินทร์ นั่นเองที่เดินเข้ามาหา รพีพันธ์ พลางรินเหล้าน้ำผึ้งจากไหใบย่อม ลงไปในถ้วยในมือชายหนุ่ม
“ท่านอย่ารินให้มากนัก เขายังต้องดื่มอีกมาก” จันทริ พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม กรินทร์ จึงต้องหยุดรินเหล้าทั้งๆที่เพิ่งจะรินลงไปได้เพียงครึ่งชาม
“ดื่มให้หมด ดื่มให้แก่ท่าน ดื่มให้แก่จันทริ ฮ่าๆๆ” พูดจบ กรินท์ก็เอาชามเหล้าในมือมาชนกับชามเหล้าของ รพีพันธ์ แล้วยกขึ้นดื่มจนหมดชาม
... ต้องหมดถ้วยสินี่ เอาก็เอาวะ ... รพีพันธ์ คิดพลางยกถ้วยขึ้นดื่มบ้างจนหมดถ้วย ทั้งๆที่ยังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่
ต่อจากนั้น ผู้เฒ่าทั้งสี่ก็เข้ามารินสุราดื่มกับเขาทีละคน จนเขาเริ่มมึนศรีษะนิดๆ
“แรงเหมือนกันนี่ เห็นหวานๆแบบนี้” รพีพันธ์ บ่นพึมพำ
“ข้าขอดื่มให้แก่ท่าน” อัสสะ เข้ามารินเหล้าให้ รพีพันธ์ จนเต็มถ้วย “ดื่ม” อัสสะ ชนถ้วยแล้วยกถ้วยขึ้นดื่ม รพีพันธ์ จึงต้องดื่มบ้าง
“ความจริงคนที่บนนั่งบนเก้าอี้นี้ ควรเป็นข้า” อัสสะ พึมพำเบาๆ
“อะไรนะ” รพีพันธ์ ได้ยินแว่วๆแต่จับใจความไม่ค่อยได้ เพราะเริ่มจะเมาได้ที่
“อัสสะ ท่านมาหาข้า” จันทริ เรียกเบาๆ อัสสะ จึงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า
จันทริ เอื้อมมือหยิบไหจากมือของ อัสสะ แล้วรินเหล้าลงไปในถ้วยของชายหนุ่ม
“ข้าดื่มให้ท่าน” จันทริ พูดยิ้มๆ
“ดื่มให้ข้าหรือ” อัสสะ พูดด้วยสีหน้างุนงง
“ดื่มให้แก่อิสระของท่าน นับแต่นี้ท่านมิต้องเป็นตัวแทนของผู้ใดอีกต่อไป” แสงสีทองเปล่งประกายแวววับออกมาจากจันทร์เสี้ยว ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและสำรวม ดูน่าเกรงขาม “จันทริ ต้องการให้ท่านมีความสุข” เสียงนั้นเยือกเย็นและสุขุม “แม้แต่จันทรายังมีขึ้นแรม ตัวข้าก็ยังเป็นเช่นนี้ เจ้าก็อย่าได้หลงติดกับภาพลวง”
“แต่ข้า ... ข้า” อัสสะ เหมือนจะแย้ง
“ข้ารู้ ... จันทริ ก็รู้ในสิ่งที่ท่านจะพูด แต่ท่านต้องทำใจยอมรับ มันเป็นชะตาที่มิอาจเปลี่ยนแปลง ตอนนี้พวกข้าขอดื่มให้ท่าน ต่อแต่นี้ขอให้ท่านคิดในสิ่งที่จะเป็นอนาคตของตัวท่าน” พูดจบ จันทริ ก็เอาชามในมือชนกับชามในมือของ อัสสะ แล้วดื่มเหล้าในชามจนหมด อัสสะ เองก็ดื่มเหล้าในถ้วยของตนเองจนหมดเหมือนกัน
“อัสสะ สหายรักของข้า ขอให้ท่านจงมีแต่ความสุข และต่อไป ท่านจงอย่าได้เปลี่ยนคำเรียกหาระหว่างเราท่าน มิว่าอย่างไร ท่านนับเป็นสหายที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของข้า ” น้ำเสียงของ จันทริ เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน สีหน้าแย้มยิ้ม แสงสีทองเรืองรองตอนนี้หายไปแล้ว เหลือไว้เพียงดวงจันทร์เสี้ยวสีขาวนวล

รพีพันธ์ มองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงง เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกิริยาที่แตกต่างกันเช่นนี้จาก จันทริ เหมือนกับว่ามีบุคคล ๒ คน ที่มีกิริยาอาการแตกต่างกัน ๒ แบบ อยู่ในตัวของ จันทริ ซึ่งจะสลับกันออกมาปรากฏตัว

จันทริ ที่เขารู้จักนั้น มักจะดูเฉยเมยเหมือนไม่ค่อยยินดียินร้าย หรือให้ความสนใจต่อสิ่งรอบข้าง แต่มักมีรอยยิ้มและท่าทีที่อ่อนโยนให้กับผู้อื่นที่เข้ามาหาเสมอ
จันทริ ที่เขาเห็นในวันนี้ มีท่าทางน่าเกรงขาม สีหน้าที่เคร่งขรึม และน้ำเสียงที่เอาการเอางาน เปี่ยมไปด้วยอำนาจ และพลังบางอย่างที่เขาไม่อาจบอกได้
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๓ - แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 01-08-2008 15:45:51
 :o แต่งแล้วจะเข้าหอเลยไหม หุหุ
 :m22: จะได้แอบดูใครรุกใครรับ  :m25:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๑,๑๒ - แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 01-08-2008 16:43:37
:m4: :m4: ทำไมจันทริถึงเศร้าอ่ะค๊าบ.........

งง...... แล้ว พิธีกรตอนสัมนาไปไหนหว่า

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปน๊า......

 :L2: :L2: :L2: :L2:
ที่เศร้าเพราะว่า ... เพราะว่าอารายดีอะ รออ่านอีกหลายๆตอนแล้วกัน  :laugh3:
ส่วนพิธีกรตอนสัมมนา ไม่ได้ตกน้ำตามมาด้วยอะฮับ ตอนนี้คงเปิดสัมมนาอยู่ที่ไหนสักแห่ง ฝากตามหาด้วยน๊า  :o8:
:o แต่งแล้วจะเข้าหอเลยไหม หุหุ
 :m22: จะได้แอบดูใครรุกใครรับ  :m25:
โหย ยังคาใจไม่หายอีกเหรอ  :try2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๓ - แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 01-08-2008 21:17:40
 :m20:
ดูเหมือนพ่อพระเอกของเราจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยยยยย
จะเข้าหออยู่ร่อมร่อแล้วยังไม่รู้ตัวอีก... :m25:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๓ - แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 01-08-2008 22:25:10


ให้ลุ้นจนถึงกระทั่งเข้าห้องหอเลยชิมิ คุนบุหรง เอิ้กๆ

เริ่มชักไม่แน่ใจ  ใคร จะรุกใคร ฮ่าๆ   :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๓ - แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 02-08-2008 07:01:00
:o แต่งแล้วจะเข้าหอเลยไหม หุหุ
 :m22: จะได้แอบดูใครรุกใครรับ  :m25:



ให้ลุ้นจนถึงกระทั่งเข้าห้องหอเลยชิมิ คุนบุหรง เอิ้กๆ

เริ่มชักไม่แน่ใจ  ใคร จะรุกใคร ฮ่าๆ   :laugh:

ทำมายสงสัยกันเยอะจังหว่า  o2

เดี๋ยวให้ลุ้นกันอีกหลายๆตอนดีกั่ว  :laugh:

หรือทำเป็นทายปัญหาชิงรางวัลดี  :teach:
คิดว่า รพีพันธ์ เป็นรุก กด 1  :o8:
คิดว่า จันทริ   เป็นรุก กด 2   :-[
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๓ - แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 02-08-2008 07:55:24
 :m4: :m4:

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ

ส่วนพิธีกรเนี่ย นอนอยู่กับผมนี่แหละค๊าบ.....  :m20: :m20: :m20:

ไปดีฟ่า  :m32: :m32: เดี๋ยวโดน  :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๓ - แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: WEERACHOT ที่ 02-08-2008 07:55:58
>>>เป็นกำลังใจให้เจ้าของเรื่อง :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๓ - แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 02-08-2008 11:10:06
ในที่สุดก็ตามอ่านทันจนได้ o7

หุหุ ในที่สุดก็ได้แต่งสักที

รอตอนเข้าหอต่อ  :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๓ - แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 02-08-2008 19:14:36
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๔ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 02-08-2008 19:59:18
๑๔

รพีพันธ์ หันกลับไปมอง ‘เตียง’ ที่เขานอนอยู่เมื่อคืนนี้ แท่นหินสี่เหลี่ยมพื้นผิวด้านบนราบเรียบ กว้างพอที่จะนอนได้ ๒ คนอย่างสบาย ปูไว้ด้วยผ้านวมผืนใหญ่และหนา ผนังที่อยู่ด้านนั้นเป็นลอนเหมือนผ้าม่านที่ถูกรวบมัดไว้ แล้วมองไปที่ก้อนหินที่เป็นเหมือนโต๊ะตัวใหญ่ซึ่งอยู่กลางถ้ำ มีก้อนหินที่เป็นเก้าอี้รายรอบอยู่ ๔ ตัว ตำแหน่งนั้นสว่างไสว เพราะแสงที่อาทิตย์ลอดผ่านโพรงขนาดใหญ่บริเวณเพดานถ้ำ ชายหนุ่มมองขึ้นไป ก็มองเห็นบริเวณปากโพรงนั้นมีต้นไม้เล็กๆขึ้นอยู่โดยรอบ

“ล้างหน้าที่ตรงนี้”ชายหนุ่มหันกลับมามอง ก็เห็นก้อนหินขนาดย่อม ๒ ก้อน ก้อนหนึ่งสูงระดับเอว ด้านบนวางอ่างขนาดย่อม บรรจุน้ำสะอาดไว้เกือบเต็ม มีกิ่งข่อยและถ้วยเล็กๆวางอยู่ข้างๆ หินอีกก้อนหนึ่งเตี้ยกว่าก้อนแรกที่อยู่ติดกันเกือบครึ่ง สามารถใช้แทนเก้าอี้ได้
“ล้างหน้าที่นี่เหรอ แล้วจะบ้วนน้ำตรงไหนล่ะ” รพีพันธ์ ถามอย่างสงสัย เพระปรกติแล้วจะมีอ่างเปล่าไว้สำหรับน้ำทิ้งด้วย
“ที่ร่องน้ำด้านนี้” จันทริ ชี้ไปด้านใน ชายหนุ่มเดินเข้าไปดู ก็เห็นเป็นร่องน้ำเล็กๆมีน้ำไหลอยู่ มองไปทางต้นน้ำก็เป็นแอ่งน้ำเล็กๆขนาดใหญ่กว่าอ่างอาบน้ำเล็กน้อย มีน้ำไหลมาจากร่องน้ำที่อยู่ถัดขึ้นไปอีก เขาสังเกตเห็นไอน้ำบางเบาลอยกรุ่นอยู่เหนือน้ำในแอ่งน้ำนั้น เขาจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆด้วยความสงสัย พลางจุ่มมือลงไปในน้ำ
“บ่อน้ำร้อนนี่” ชายหนุ่มอุทาน เมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิของน้ำ และมองเห็นพรายน้ำผุดขึ้นมาจากหลุมเล็กๆ ๒-๓ หลุมจากก้นแอ่ง
“ท่านจะอาบน้ำที่นี่เลยก็ได้ ปรกติข้าก็อาบที่นี่”
“ดีเหมือนกัน งั้นผมแปรงฟันก่อน”

ชายหนุ่มเดินกลับมาแปรงฟัน เมื่อเสร็จแล้วก็ถอดเสื้อออก วางลงไปบนก้อนหิน แล้วเตรียมจะถอดกางเกงออก แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักลงเหมือนคิดอะไรได้
“จันทริ ขอผ้าให้ผมหน่อย ผมจะนุ่งอาบน้ำ” เขาตะโกนบอก จันทริ ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหิน
จันทริ หันมามองด้วยใบหน้าแสดงความสงสัย แล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้ามาจากบริเวณปลายเตียง เดินมายื่นให้เขา
“มิเห็นจำเป็นต้องผลัดผ้า ที่นี้ไม่มีใครเข้ามาดอก มิเหมือนที่แม่น้ำ” จันทริ พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ก็มีคุณอีกคนนี่ จะให้ผมแก้ผ้าต่อหน้าคุณได้ยังไง” ชายหนุ่มพูดพลางเอาผ้าพันร่างท่อนล่างไว้ แล้วเริ่มถอดกางเกงออก แต่ก็เอะใจในความเงียบ จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก็เห็น จันทริ ขมวดคิ้ว
“หรือคุณจะให้ผมแก้ผ้าให้คุณดู” ชายหนุ่มถามยิ้มๆ
“มีอันใดมิได้” จันทริ พูดอย่างสงสัย “ร่างกายส่วนใดของท่านที่ข้ามิเคยเห็น”
“เฮ๊ย...” ชายหนุ่มร้องอย่างตกใจ พลางเอามือกุมผ้าไว้อย่างไม่รู้ตัว “คุณว่าอะไรนะ คุณเห็นอะไรผม แล้วเห็นได้ยังไง”
“ข้าบอกว่า ข้าเห็นร่างกายของท่านหมดทุกส่วนแล้ว มีอันใดประหลาด” จันทริ ยังคงทำหน้าสงสัยอยู่ “ตอนที่ข้านำท่านขึ้นมาจากสายน้ำ ข้าเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ท่าน เป็นคนทำความสะอาดร่างกายท่าน และตลอดเวลาที่ท่านนอนป่วยอยู่ ข้าก็คอยเช็ดตัวให้ท่านทุกวัน”
ขณะที่พูดนั้น น้ำเสียงของ จันทริ นั้นบริสุทธิ์จริงใจ และแววตาใสซื่อ ทำให้ รพีพันธ์ หน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วจู่ๆ จันทริ ก็ก้มหน้าหัวเราะด้วยความขบขัน
“คุณหัวเราะอะไร”
“ข้าเข้าใจแล้ว” จันทริ มองหน้าชายหนุ่ม พลางยิ้มให้ แล้วเอามือปิดปากหัวเราะเบาๆอีกครั้ง “ท่านกำลังเขินอายข้านั่นเอง ถ้าเช่นนั้นท่านอาบน้ำให้สบายเถิด ข้าจะไปอยู่ทางด้านนั้น” พูดจบ จันทริ ก็เดินกลับไปที่โต๊ะหิน แล้วหยิบกรอบผ้าบนโต๊ะขึ้นมา แล้วหันมาหัวเราะให้ รพีพันธ์ อีกครั้ง ก่อนจะนั่งหันหลังให้
“ฮึ ... หัวเราะเข้า ไม่โดนมั่งให้มันรู้ไปสิ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ แล้วก็เดินไปแช่ตัวในแอ่งน้ำ “อุ่นกำลังดีเลยนะเนี่ย”

รพีพันธ์ แช่น้ำอุ่นอย่างสบายใจ พลางขัดถูร่างกายไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นก็เริ่มคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืนนี้
หลังจากที่ดื่มเหล้ากันไปอีกสักพักหนึ่ง จนเขารู้สึกว่าเมาพอสมควร จันทริ ก็ลุกขึ้นประคองให้เดินไปทางผนังผา จึงได้เห็นว่า มีปากถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง เมื่อเดินเข้าไป ก็พบกับถ้ำกว้าง สว่างไสวเพราะแสงจันทรท์ที่ส่องผ่านโพรงขนาดใหญ่ด้านบน สะท้อนกับผนังที่เป็นประกายแวววาว จันทริ ประคองเขาไปนอนที่เตียงหิน ถอดรองเท้าให้อย่างเรียบร้อย แล้วถอดรองเท้าตนเองก่อนจะขึ้นมานั่งลงบนตียง
“ที่นี่ที่ไหน” เขาถามออกไป
“วิหารจันทรา ที่อยู่ของข้า ตอนนี้จักเป็นที่อยู่ของท่านด้วย” จันทริ ตอบมาเบาๆ
“วิหารจันทรา เหรอ ... เหมือนผมเคยได้ยินมาก่อนนี้นะ”
“ข้าเคยพูดให้ท่านฟังครั้งหนึ่ง เมื่อท่านมาถึงที่นี้ใหม่ๆ”
“ไม่ใช่ ก่อนหน้านั้นอีก แต่ผมนึกไม่ออก”
“มิเป็นไรดอก เมื่อถึงเวลาท่านคงคิดขึ้นได้ ดึกแล้วท่านพักผ่อนเถอะ”
“คุณบอกว่าพวกเราแต่งงานกันแล้วเหรอ”
“ใช่” เสียงตอบอย่างแผ่วเบา
“ฮ่าๆๆ... อย่างนั้นคุณรู้มั๊ยคู่แต่งงานเค้าทำอะไรกันบ้าง” เขาถามด้วยความคะนองจากความเมา
“ทำอะไรหรือ”
แทนคำตอบ เขารวบร่าง จันทริ ลงมากอดแนบอก แล้วพลิกตัวขึ้นทาบทับ พลางซุกจมูกไปที่ซอกคอ ที่กระจายกลิ่นหอมอ่อนๆ แล้วลากไล้จมูกไปตามลำคอ
“หอมจัง” เขาพึมพัม
... แล้วเขาก็หลับไป ในขณะที่ซบใบหน้าอยู่กับซอกคอของ จันทริ แบบนั้น ...

“เฮ้ย ... เวรแล้ว” รพีพันธ์ อุทานเบาๆเมื่อคิดมาถึงตอนนี้ เพราะร่างกายบางส่วนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
“เอาไงดีวะ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆ พลางหันหน้าไปมอง จันทริ ซึ่งกำลังนั่งปักผ้าอยู่ที่โต๊ะหิน
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๔ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 02-08-2008 21:21:44
๑๔
“เอาไงดีวะ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆ พลางหันหน้าไปมอง จันทริ ซึ่งกำลังนั่งปักผ้าอยู่ที่โต๊ะหิน


ต่อให้จบครับ เป็นคำตอบสุดท้าย  :laugh:


 :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๔ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 02-08-2008 22:11:57
 :m30: เกิดอะไรขึ้นง่ะ 

เสียความบริสุทธิ์แล้ว?  o2
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๔ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 02-08-2008 22:15:47
:m30: เกิดอะไรขึ้นง่ะ 

เสียความบริสุทธิ์แล้ว?  o2
ยังงงงงงงง..... o12
เพราะว่า
อ้างถึง
.. แล้วเขาก็หลับไป ในขณะที่ซบใบหน้าอยู่กับซอกคอของ จันทริ แบบนั้น ...
เมาหลับซะก่อง ...  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๔ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 03-08-2008 13:28:57
 :m4: :m4:  แชมป์ว่าวป่าวหว่า  :m20: :m20: :m20:

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊า.......
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๔ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 03-08-2008 16:59:46
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๕ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-08-2008 18:50:35
๑๕

รพีพันธ์ กวาดสายตามองไปรอบๆถ้ำกว้างใหญ่แห่งนั้น แสงสว่างที่ลอดผ่านมาจากโพรงขนาดใหญ่ด้านบน สะท้อนกับฝาผนังบางส่วนที่เป็นประกายแวววาว ทำให้ถ้าแห่งนี้สว่างไสวกว่าที่ควรจะเป็น มิหนำซ้ำยังไม่มีความอับชื้น หรือความร้อนเลย บรรยากาศกลับเย็นฉ่ำน่าสบาย ทั้งๆที่ด้านหนึ่งของถ้ำเป็นบ่อน้ำร้อน ชายหนุ่มหันหน้ากลับไปหา จันทริ ที่นั่งอยู่ตรงข้ามบนโต๊ะหิน

“นี่น่ะเหรอ วิหารจันทรา ที่คุณเคยพูดถึง”
จันทริ ไม่ตอบอะไร แต่ยังยิ้มให้ รพีพันธ์ อย่างอ่อนโยนเหมือนปรกติ
“จันทริ” ชายหนุ่มหยุดคิดชั่วครู่ในสิ่งที่จะถาม “หมู่บ้านนี้ผู้ชายแต่งงานกันได้เป็นเรื่องปรกติเหรอ”
“มิใช่ บุรุษย่อมแต่งงานกับสตรี นั่นจึงเป็นเรื่องปรกติ”
“แล้วทำไม ...” รพีพันธ์ หยุดคำถามไว้แค่นั้น
จันทริ ได้ยินก็หัวเราะน้อยๆ แล้วลุกขึ้นเอื้อมมือไปจับมือชายหนุ่ม
“ท่านมาดูทางนี้กับข้า” จันทริ พูดพลางดึงมือให้ รพีพันธ์ ลุกขึ้น แล้วจูงเดินไปที่ผนังถ้ำด้านหนึ่ง

เมื่อเดินไปถึง รพีพันธ์ ก็มองเห็นรูป ๒ รูป และลายเส้นที่คล้ายตัวอักษร สลักอยู่เต็มผนังถ้ำด้านนั้น รูปนั้นเป็นรูปของคนสองคน ขนาดประมาณสองในสามของคนจริง คนทางด้านซ้ายเป็นชาย นุ่งผ้ายาวถึงหัวเข่า มีสัดส่วนของร่างกายที่งดงาม ที่สะดุดตา คือมีรอยแต้มสีแดงเป็นรูปทรงกลม อยู่กลางหน้าอก อีกรูปหนึ่งเป็นรูปคนนุ่งผ้ายาวถึงหัวเข่าเช่นกัน แต่ครึ่งร่างทางซีกซ้าย เป็นครึ่งร่างของบุรษรูปร่างบอบบาง ซีกขวา กลับเป็นครึ่งร่างของสตรี ที่ค่อนข้างอวบอัด กลางหน้าผากมีรอยแต้มสีขาวเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ยิ่งกว่านั้น ยังมีรูปคนตัวเล็กๆ นั่งชันเข่าอยู่บนศรีษะ ชายหนุ่มมองรูปทั้งสองด้วยความงุนงง พลางยกมือขึ้น ลูบบริเวณหน้าอกของตนเองโดยไม่รู้ตัว

“นี่คือรูปของตัวแทนแห่งเทพ ที่หมู่บ้านของเรานับถือ” จันทริ พูดออกมาเบาๆ “จันทราเทพ และสุริยาเทพ”
“นี่คงเป็นสุริยาเทพ” รพีพันธ์ พูดพลางชี้ไปที่รูปผู้ชาย ที่มีรอยแต้มสีแดงกลางหน้าอก “แล้วจันทราเทพทำไมถึงเป็นแบบนี้ อีกอย่าง รูปคนเล็กๆบนหัวนี่มันอะไรกัน”
“ไปนั่งก่อนเถิด ข้าจะค่อยๆบอกเล่าให้ท่านฟัง” จันทริ มองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาอ่อนโยน แล้วพากันเดินไปนั่งที่โต๊ะหินอีกครั้ง

“ตัวอักษรบนผนังที่ท่านเห็น เป็นเรื่องของตัวแทนแห่งเทพ ที่จะมายังหมู่บ้านของเรา เมื่อจันทร์เพ็ญแรกแห่งฤดูหนาว เวียนครบ ๑๒ รอบ เป็นครั้งที่ ๑๒” จันทริ เริ่มพูดขึ้น
... ๑๔๔ ปี... รพีพันธ์ คิดด้วยความรวดเร็ว
“เมื่อครบวาระ จะมีทารกผู้หนึ่งกำเนิดขึ้นมาในคืนเพ็ญแรกของฤดูหนาว ทารกผู้กำเนิดขึ้นมาพร้อมกับจันทร์เสี้ยวกลางหน้าผาก ส่องประกายสีทอง ดังจะล้อกับดวงจันทร์เพ็ญกลางฟากฟ้า ทารกผู้มีร่างกายเพียงหนึ่ง แต่กำเนิดมาพร้อมกับดวงวิญญาณสองดวง ดวงหนึ่งคือวิญญาณของทารกนั้น อีกดวงหนึ่งคือดวงวิญญาณที่มีพลังแห่งจันทราเทพ อันจะหลับใหลไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ตื่นขึ้น เมื่อทารกนั้นมีอายุได้ ๑๒ หนาว”
“เดี๋ยวนะ  เหมือนผมจะคิดอะไรออก” รพีพันธ์ ขัดจังหวะ “ร่างทรงแห่งจันทราเทพ ผู้เกิดมาพร้อมกับรอยปานสีขาวรูปจันทร์เสี้ยวกลางหน้าผาก เด็กนั่นก็คือร่างทรงของจันทราเทพ”
“ร่างทรง” จันทริ ทวนคำด้วยความสงสัย
“ก็คือคนที่สามารถเชิญให้เทพเจ้ามาประทับ ... เอ้อ ... เข้ามาสิงอยู่ในร่างของตัวได้ชั่วขณะ แล้วตอนนั้นจะมีพลังเหนือธรรมชาติหลายๆอย่าง คุณพอจะเข้าใจที่ผมบอกมั๊ย”
“อาจจะคล้ายกับสิ่งนั้นในภาษาของถิ่นที่ท่านมา” จันทริ ตอบหลังจากที่คิดอยู่สักครู่ “แต่คงจะมิเหมือนกันทีเดียว เนื่องเพราะผู้เป็นตัวแทนแห่งจันทราเทพนั้น มีวิญญาณแห่งเทพสิงสถิตย์อยู่ด้วย นับตั้งแต่กำเนิดมา แต่จะหลับอยู่ในร่างนั้น และเมื่อถึงเวลา เมื่อดวงวิญญาณแห่งเทพตื่นขึ้น ก็จะใช้ร่างนั้นร่วมกับดวงวิญญาณอันแท้จริง”
“โห วุ่นวายตายเลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตอนไหนเป็นใคร” รพีพันธ์ ถามด้วยสีหน้ายุ่งๆ จน จันทริ อดหัวเราะไม่ได้
“ดวงจันทราบนหน้าผาก” จันทริ ตอบ “เมื่อใดที่ดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ใช้ร่างนั้นอยู่ ดวงจันทร์เสี้ยวจักปรากฏขึ้นกลางหน้าผากของคนผู้นั้น”
“จันทริ” รพีพันธ์ เรียกชื่อพลางมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข่างๆแน่วนิ่ง “ผมเคยเห็นแสงรูปจันทร์เสี้ยวบนหน้าผากคุณ หรือว่าคุณ...”
“อย่างที่ท่านคิด ข้าคือคนผู้นั้น”
“แต่ผมไม่เห็นว่าคุณจะแตกต่างจากคนอื่นตรงไหนเลย ผมหมายถึง คุณดูไม่เหมือนคนที่มีพลังอำนาจวิเศษอะไรเลย” รพีพันธ์ พูดพลางมอง จันทริ ไปทั่วทั้งตัว “แล้วสุริยาเทพล่ะ เป็นผมเหรอ”
“ใช่ ... ท่านคือผู้เป็นตัวแทนของสุริยาเทพ บุรุษผู้มีสัญลักษณ์แห่งองค์เทพสถิตย์อยู่กลางหน้าอก”
“แต่ทำไมต้องเป็นผม คงไม่ใช่แค่ไอ้ปานบนหน้าอกผมหรอกนะ”
“เรื่องนี้ข้าก็ตอบท่านไม่ได้ ข้าทราบแต่เพียงว่า ในฤดูร้อนที่ผ่านมา สุริยาเทพจักต้องส่งตัวแทนของพระองค์ มายังหมู่บ้านแห่งนี้ และท่านก็มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ พร้อมกับสัญลักษณ์ของพระองค์”
“เพื่ออะไร” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย
“ประการแรก เพื่อการวิวาหะของตัวแทนแห่งเทพทั้งสอง”
“แค่นั้นเองน่ะเหรอ ถึงกับต้องลากผมมาถึงนี่” รพีพันธ์ พูดขัดขึ้นมาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนที่ จันทริ จะอธิบายต่อ
“มันคือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว” จันทริ ตอบเบาๆ
“แล้วถ้าถึงเวลาแล้วคนที่มาไม่ใช่ผม หรือไม่มีคนถูกส่งมาล่ะ”
“ถ้ามิใช่ท่าน ข้าก็ต้องเข้าพิธีกับคนผู้นั้นเช่นกัน แต่ถ้าไม่มีผู้ใดถูกส่งมา” จันทริ หยุดพูดพลางถอนหายใจยาว “ข้าจักต้องเข้าพิธีกับ อัสสะ”
“ถอนหายใจแบบนี้ เพราะคุณเสียใจล่ะสิ ที่เป็นผม ไม่ใช่อัสสะ” ชายหนุ่ม อารมณ์เสียมากขึ้น โดยที่หาสาเหตุให้ตัวเองไม่ได้
“สำหรับข้า เป็นผู้ใดก็ได้ที่องค์เทพส่งมา แต่ข้ามิต้องการให้เป็น อัสสะ”
“ใครก็ได้งั้นเหรอ” รพีพันธ์ พูดเสียงดังจนเกือบเป็นตวาด
“ข้ารู้ว่าท่านไม่พอใจ ที่ต้องมาที่นี่ และต้องมาเข้าพิธีวิวาหะกับข้า ท่านมิต้องใส่ใจกับเรื่องนี้ก็ได้ มันเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น”
“ใครว่าล่ะ ผม ... ผม ...”
รพีพันธ์ พูดไม่ออกเ ขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังอารมณ์เสียด้วยเรื่องอะไร แต่ไม่ใช่เพราะไม่พอใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้แน่นอน และเขาก็รู้สึกไม่พอใจมากขึ้น เมื่อสายตาไปกระทบกับสิ่งหนึ่งบนลำคอของ จันทริ

สายสร้อยถักด้วยเชือกสีแดง ร้อยไว้ด้วยจี้รูปจันทร์เสี้ยวสีคราม ที่ทำมาจากเปลือกหอยมุก
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๕- ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 03-08-2008 19:06:33
นายอาทิตย์นี่น้า

ทำเป็นไม่พอใจนะ แต่กลบหึงซะงั้น  :m12:

+1 ให้กำลังใจคนแต่งค่ะ ขยันลงได้ใจคนอ่านมากมาย :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๕- ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 03-08-2008 19:50:32
 :m13: :m13:  นั่นนะสิ  เกลียดนัก ไอ้พวกไม่รู้ใจตัวเองเนี่ย  :m20: :m20:

ขอบคุณนะค๊าบที่มาต่อ อิอิ.....

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๕- ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 03-08-2008 21:49:54

หึงละซี้ ระพีพันะ :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๕- ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 03-08-2008 23:19:36
 :m23: โล่งอกนึกว่าจะพลาดซะแล้ว 
 
 o12 น่าลักหลับจริงๆ ตอนสำคัญๆสลบอีก 
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๕- ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 04-08-2008 10:31:42
พ่อพระเอกฉันทำไม :serius2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๕- ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 04-08-2008 13:09:22
คิคิ  อัสสะมาทางนี้   :oni3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๖- ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 04-08-2008 20:10:05
๑๖

ปรกติ จันทริ ไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้ว ยิ่ง รพีพันธ์ เป็นฝ่ายนิ่งเงียบไม่ชวนคุยเหมือนที่ผ่านมา ก็ยิ่งไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปาก จันทริ  แต่ก็ยังคงดูแลเรื่องต่างๆของชายหนุ่มเป็นอย่างดี ไม่ว่าเรื่องการเตรียมของใช้ต่างๆ อาหาร หรือแม้กระทั่งคลี่ผ้าห่มคลุมกายให้ ในเวลาที่ชายหนุ่มเข้านอน นับเป็นคืนที่ ๓ แล้วที่ จันทริ ออกไปนั่งอยู่กลางลานกว้างหน้าถ้ำตลอดทั้งคืน ชายหนุ่มรู้ตั้งแต่คืนแรกที่ จันทริ ทำแบบนั้น เพราะเขาตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วเดินออกมาดูภายนอกถ้ำ เมื่อเห็นว่า จันทริ ไม่ได้นอนอยู่ข้างๆเหมือนเช่นเคย

คืนนี้ก็เช่นกัน ชายหนุ่มเดินออกมาที่ปากถ้ำ ยืนมอง จันทริ ที่นั่งชันเข่า หลังเหยียดตรง อยู่กลางลานแห่งนั้น เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“เฮ้อ ...” รพีพันธ์ ถอนหายใจยาว ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้นแล้วว่า ทำไมตอนนั้นเขาถึงได้อารมณ์เสีย จนถึงกับตวาด จันทริ ไป
ชายหนุ่มตัดสินใจเดินออกจากถ้ำไปหา จันทริ ที่นั่งอยู่ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินไปนั้น ก็สังเกตเห็นแสงเรืองๆสีแดงเล็กๆสองจุด อยู่ในหมู่ไม้ด้านหนึ่งของลานกว้าง และดูเหมือนว่ากำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา มันดูเล็กและมีระดับต่ำกว่าจะเป็นคบไฟ ขณะที่เขากำลังจะเดินไปถึงตัว จันทริ ก็ต้องหยุดนิ่งและตะลึงในสิ่งที่ปรากฏออกมาจากหมู่ไม้

“จันทริ” ชายหนุ่มเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา จันทริ เงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วลุกขึ้นยืน
รพีพันธ์ รวบตัว จันทริ เข้ามากอดไว้ แล้วกระซิบเบาๆ
“อยู่นิ่งๆนะ ค่อยๆเดินมากับผม”
ชายหนุ่มพูดจบก็ค่อยๆเดินถอยหลัง สายตายังจ้องอยู่ที่สิ่งนั้น รู้สึกว่ามือทั้งสองของตนเองเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ แต่เมื่อเดินถอยหลังได้เพียงไม่กี่ก้าว จันทริ ก็ขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินตามอีก
“จันทริ เดินสิ” รพีพันธ์ พูดเบาๆ รู้สึกว่ามีเหงื่อหยดลงมาจากหน้าผาก
จันทริ ยังฝืนตัวไว้ไม่ยอมเดิน แล้วยังค่อยๆแกะมือที่กอดรัดตนเองไว้ แต่รพีพันธ์ ไม่ยอมคลายวงแขนที่กอดรัดไว้แม้แต่น้อย
“รพีพันธ์ ... ดวงอาทิตย์ของข้า ท่านเป็นอะไร ทำไมท่านมีเหงื่อออกมากมายเช่นนี้” จันทริ ถามเบาๆ พลางขยับใบหน้าที่อยู่แนบกับไหล่ออกมามองหน้าชายหนุ่ม แต่ รพีพันธ์ ยังคงจ้องมองไปตรงจุดเดิมแน่วนิ่ง จันทริ จึงขยับตัวเพื่อจะหันหลังไปดูว่า ชายหนุ่มจ้องมองอะไรอยู่ไม่วางตา
“อย่าหันไปนะ ค่อยๆเดินตามผมมา” รพีพันธ์ พูดย้ำอีกครั้ง แต่ จันทริ ไม่ฟังขืนตัวหันหลังไปจนได้
แต่แทนที่จะตกใจ จันทริ กลับหันหน้ามายิ้มให้ชายหนุ่ม
“สหายของข้าเอง”
“อะไรนะ” รพีพันธ์ เบือนสายตามามองหน้า จันทริ ด้วยความแปลกใจ “เสือเนี่ยนะ ... เพื่อนคุณ”
“มาสิ” จันทริ เอื้อมมือแกะมือที่กอดตัวเองไว้ แล้วจูงมือชายหนุ่มเดินเข้าไปหาเสือตัวนั้น
เสือโคร่งตัวใหญ่ กะด้วยสายตามีความยาวของลำตัวมากกว่า ๒ เมตร ยืนนิงอยู่ไม่ไกลนัก รพีพันธ์ เดินตามแรงจูงของ จันทริ ไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจนักในความปลอดภัย จนไปยืนอยู่เบื้องหน้าของเสือตัวนั้น ห่างเพียงแค่มือเอื้อมถึง ยิ่งกว่านั้น กลิ่นสาปสัตว์ของเสือตัวนั้นยังโชยมาเข้าจมูกเขาเสียด้วย
“มิต้องกังวลหรอก สหายข้าไม่ทำอะไรท่าน” จันทริ พูดพลางเอามืออีกข้างมาลูบมือ ที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของชายหนุ่มเบาๆ
“ไม่กังวลได้ไงล่ะ เสือนะเนี่ย ไม่ใช่แมว” รพีพันธ์ เอียงตัวไปกระซิบ
เสือโคร่งตัวนั้นเปลี่ยนเป็นนั่งลง แล้วคำรามเบาในลำคอ ๒-๓ ครั้ง
“พยัคฆา ทักทายท่าน” จันทริ หันมายิ้มให้ชายหนุ่ม
“ง่า... หวัด..หวัดดี” รพีพันธ์ พูดออกไปตะกุกตะกักจน จันทริ อดหัวเราะเบาๆไม่ได้
คราวนี้เจ้าเสือโคร่งอ้าปากคำรามเบาๆ
“เหวอ....” ชายหนุ่มสะดุ้ง ยืนชิด จันทริ มากขึ้น
เสือโคร่งคำรามเบาๆอีก ๒-๓ ครั้ง ลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในพุ่มไม้ แล้วก็เดินหายไป
“พยัคฆา อวยพรให้พวกเรา”
รพีพันธ์ ฟังแล้วก็หันมามองหน้า จันทริ ด้วยความแปลกใจ เขามองเห็นแสงเรืองๆสีขาวกลางหน้าผากของ จันทริ ค่อยๆหรี่จางลงแล้วหายไป
“คุณรู้ได้ไง ว่าเสือตัวนั้นบอกอะไร”
“จันทรา ให้ข้ายืมพลัง พลังนั้นทำให้ข้าฟังออก” จันทริ หันมายิ้มให้
“แล้วทำไมมันต้องอวยพรให้พวกเรา”
จันทริ ไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้ รพีพันธ์ อย่างอ่อนโยนเช่นเคย
“ดึกมาแล้ว ท่านกลับเข้าไปพักผ่อนเถิด”
“อื้อ” รพีพันธ์ รับคำพลางหันตัวเดินกลับไปที่ถ้ำ แต่ก็ต้องหยุดชะงักไป เพราะ จันทริ ขืนตัวไว้เมื่อเขาจับมือให้เดินตามมาด้วย “คุณก็ควรพักผ่อนด้วย ผมรู้นะ ว่าคุณแทบไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว”
รพีพันธ์ ดึงมือให้ จันทริ เดินตามไปอีกครั้ง คราวนี้ จันทริ เดินตามมาอย่างว่าง่าย เมื่อเข้ามาถึงถ้ำ ที่มีแสงสว่างเลือนลางจากแสงจันทร์ ที่ส่องลอดโพรงด้านบน มากระทบผนังจนเป็นประกายอ่อนๆ ชายหนุ่มดึงตัว จันทริ ให้นั่งลงด้วยกันบนเตียงหิน
“คราวหลังคุณอย่าออกไปไหนตอนดึกๆ โดยที่ไม่บอกผมอีกนะ ผมเป็นห่วง”
จันทริ ก้มหน้า ไม่ตอบคำ
“นอนเถอะ”
รพีพันธ์ ถอดรองเท้า ขยับตัวเข้าไปนอนลงด้านใน จันทริ ก็ถอดรองเท้าออก เข้ามาคลี่ผ้าห่มคลุมร่างชายหนุ่มไว้ แล้วล้มตัวลงนอนอยู่ข้างชายหนุ่ม เหมือนที่เคยทำมาเป็นปรกติ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๖ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-08-2008 22:09:23
สงสารจันทริ รักเขาข้างเดียวแน่เลย

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๖ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 04-08-2008 22:16:26
จันทริมีเสื่อเป็นเพื่อนเนี่ยนะ  :m29:

ท่าทางเรื่องนี้กว่าพระอาทิตย์กับพระจันทร์จะรู้ใจกันคงอีกนาน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๖ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 05-08-2008 11:53:25
 :m4: :m4:  ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊า.....

แล้วเมื่อไหร่จะรักกันล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๖ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ครูคนเมือง ที่ 05-08-2008 11:59:09
อยู่กันคนละภพ เหตุใดหนอจึงได้พบสบตา


 :m15:
 :m15:
 :m15:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๖ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 05-08-2008 12:31:18
 :เฮ้อ:กลุ้มใจกับของคุ๋นี้จังเลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๖ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 05-08-2008 13:38:09
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน มัวไปงมโข่งอยู่ :o8:

สนุกมาฮับ  o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๗ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 05-08-2008 20:37:44
๑๗

รพีพันธ์ พลิกตัวไปมา ดึกแล้วเขายังคงลืมตาอยู่ คงเป็นเพราะเมื่อคืนนี้เขาตื่นเต้นกับ ‘สหาย’ ของ จันทริ จนนอนไม่หลับ แล้วมาใช้เวลาช่วงกลางวันนอนชดเชยไปเยอะ ชายหนุ่มนอนคิดเรื่อยเปี่อยถึงเรื่องต่างๆ ตอนนี้เพื่อนๆจะทำอะไรอยู่ พ่อแม่เป็นอย่างไรบ้าง แล้วแฟนสาวของเขาเล่า

คิดมาถึงตอนนี้ ความคิดเริ่มพลุ่งพล่านเพราะความรู้สึกบางอย่าง จนร่างกายบางส่วนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ความต้องการตามธรรมชาติทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดเล็กน้อย เขาพลิกตัวนอนตะแคง มองคนที่นอนอยู่ข้างๆอย่างใช้ความคิด

... งานแต่งงานของท่านกับข้า ...  คำพูดของ จันทริ ผ่านวูบเข้ามาอีก

ชายหนุ่มยันตัวขึ้น พลางขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ แล้วค่อยๆก้มหน้าลงไป หมายจะ ... แต่แล้วก็ต้องชะงักลง

... สำหรับข้า เป็นผู้ใดก็ได้ที่องค์เทพส่งมา ... เขาคิดถึงคำพูดของ จันทริ ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

“เฮ๊อะ ...” รพีพันธ์ แค่นเสียงด้วยความไม่พอใจ แล้วยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“ท่านไม่พอใจสิ่งใดหรือ” เสียงดังขึ้นข้างๆ จันทริ นั่นเองที่ลุกขึ้นมานั่งพูดกับเขา
“ผมข้องใจ วันก่อนนั้นที่คุยกับเรื่องแต่งงาน คุณบอกว่าคุณจะแต่งกับใครก็ได้” รพีพันธ์ พูดอย่างไม่พอใจ
“ถูกต้อง ข้าต้องวิวาหะกับผู้ใดก็ตาม ที่สุริยาเทพส่งมาเป็นตัวแทนของพระองค์”
“ใครก็ได้ งั้นเหรอ” ชายหนุ่มหันหน้ามาถามอีกครั้ง น้ำเสียงไม่พอใจมากกว่าเดิม
“ข้ามีสิทธิเลือกหรือ” จันทริ ถามกลับ “ในเมื่อข้าเป็นตัวแทนของ จันทราเทพ ตามกฎของหมู่บ้าน ข้าก็ต้องวิวาหะกับผู้ใดก็ตาม ที่มีสัญลักษณ์ของสุริยาเทพ ... ข้าจะเลือกผู้ใดได้”
“แล้วอัสสะ” รพีพันธ์ ถามไปถึงคนคนนั้น “ทำไมคุณถึงบอกว่า ถ้าไม่มีใครคุณจะแต่งงานกับอัสสะ แบบนี้ยังบอกว่าคุณไม่มีทางเลือกอีกเหรอไง”
“อัสสะก็เป็นผู้ถูกเลือกไว้ ตามกฎแห่งหมู่บ้านเช่นกัน” จันทริ ตอบพลางมองหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัยของ รพีพันธ์
“ทารกชาย ผู้กำเนิดก่อนหน้าทารก ผู้เป็นตัวแทนแห่งจันทราเทพ ทารกชายผู้นั้นจักถูกเลือกให้เป็นผู้แต่งงานกับ ตัวแทนแห่งจันทราเทพ หากว่าไร้ซึ่งการมาถึง ของบุรุษผู้เป็นตัวแทนแห่งสุริยาเทพ” จันทริ อธิบายช้าๆ “อัสสะ ก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน แต่ อัสสะ ภูมิใจที่จะได้ทำหน้าที่นั้น เพราะถือว่าเป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์”
รพีพันธ์ ฟังแล้วก็นิ่งอึ้งไป
“แต่ข้ามิต้องการเช่นนั้น ถึงแม้ อัสสะ จะเต็มใจก็ตาม” จันทริ พูดพลางถอนหายใจ
“ทำไมล่ะ เท่าที่ผมเห็น เค้าเหมือนจะรักคุณมาก”
“เพราะกฎของหมู่บ้าน ทำให้ อัสสะ คิดว่ารักข้า อีกไม่นาน อัสสะ ก็จะรู้ตัวเอง” รพีพันธ์ ได้ฟังก็นิ่งคิดตาม
“ท่านโกรธข้าเพราะเรื่องนี้ดอกหรือ” จันทริ เปลี่ยนเรื่อง “ข้าคิดว่าท่านโกรธที่ต้องมาเข้าพิธีแต่งงานกับข้า โดยที่ท่านไม่เต็มใจ”
“คุณล่ะ”
“ข้าบอกแล้ว ข้าไม่มีสิทธิ์เลือก แต่ข้าดีใจที่คนผู้นั้นเป็นท่าน” จันทริ ยิ้มให้ รพีพันธ์ อย่างอ่อนโยน “ท่านสง่างาม ท่านอ่อนโยนต่อข้า”
“ผมก็เคยบอก ว่าถ้าคุณเป็นผู้หญิง ผมคงอยากได้คุณมาเป็นภรรยา” รพีพันธ์ พูดพลางเอื้อมมือไปจับมือของ จันทริ มากุมไว้
“ตอนนี้ข้าเป็นแล้ว แต่ข้ามิใช้สตรี ท่านรังเกียจข้าหรือไม่” จันทริ พูดพลางจ้องมองดวงตาของ รพีพันธ์ แน่วนิ่ง
แทนคำตอบ รพีพันธ์ รวบตัว จันทริ เข้ามากอดไว้ ใช้มืออีกข้างหนึ่งลูบไหล่บาง ฝังจมูกลงไปบนปอยผมนิ่ม สูดความหอมเข้าไปเต็มปอด แล้วค่อยๆเลื่อนใบหน้า ประทับริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากบาง ดูดดื่มความหอมหวานอยู่เนิ่นนาน มือของชายหนุ่มเริ่มลูบไล้ไปตามร่างกายของ จันทริ อย่างแผ่วเบา รพีพันธ์ ไม่อาจหักห้ามความต้องการของตัวเองได้อีกต่อไป เขาดันร่างบางให้นอบราบลงบนเตียงหิน แล้วทาบทับตัวลงไป ทุกอย่างเริ่มดำเนินไปตามความต้องการของชายหนุ่ม ในระหว่างที่ รพีพันธ์ กำลังเคลื่อนไหวร่างกายอยู่บนร่างบางของ จันทริ ไปตามอารมณ์ปรารถนา คำพูดหลายประโยคก็ผ่านแวบเข้ามาในความคิด

... ตัวแทนแห่งเทพทั้งสอง ร่างทรงแห่งจันทราเทพ และบุรุษแห่งสุริยาเทพ จะหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง และอาศัยอยู่ร่วมกันภายในวิหารจันทรา ...
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอ&#
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 05-08-2008 21:16:00
 :m4: :m4: :m4:  จิ้่มอีก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ไปอ่านก่อนดีก่า

555+  แระแร้วก็......
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๗ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 05-08-2008 21:21:26
เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ต่อไปจะเป็นยังไงล่ะ อยากรู้
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๗ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 05-08-2008 21:32:12
 :m25: สุริยันจันทรารวมเป็นหนึ่ง
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๗ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 05-08-2008 23:12:19

ทำซึ้งกันแร้วววว อิดฉาจังเลย อิอิอิ  :m13:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๗ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 06-08-2008 00:56:47
ในที่สุดก็  :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๗ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 06-08-2008 01:39:47
 :m25:

มาแร้ว  ไฮไลต์ของงาน อิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๗ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 06-08-2008 09:31:14
รวมร่าง :a1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๗ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 06-08-2008 14:12:32
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๗ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 06-08-2008 16:37:48

ไม่มีข้อสงสัยอันใดแย้วค๊าบบบบบบบบบ ท่านบุหรง ฮี่ๆ  :m23:

สุริยา กับ จันทรา รวมร่างเป็นหนึ่งเดียว...กรี๊ดดดดดดดด....ด    :o8:

รอแต่จะลุ้นต่อว่า .... หลังจากนั้นล่ะ จะเป็นยังไงต่อไป     o7
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๘ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 06-08-2008 20:27:12
๑๘

“ท่านบอกว่าอยากอาบน้ำที่แม่น้ำมิใช่หรือ” จันทริ ถามคนที่นั่งโอบกอดตนอยู่ด้านหลัง
“เดี๋ยวค่อยอาบ” พูดจบ รพีพันธ์ ก็ฝังจมูกลงไปบนแก้มของคนที่อยู่ในอ้อมกอด
“อย่าได้ช้านัก เห็นเมฆฝนนั่นหรือไม่” จันทริ พูดพลางหันหน้าไปดูเมฆฝนซึ่งตั้งเค้ามาแต่ไกล
“ถ้าฝนตกก็อาบน้ำฝนซะเลยไง” รพีพันธ์ พูดกลั้วหัวเราะ แล้วฝังจมูกลงไปบนลำคอของ จันทริ
“อืม...” จันทริ ครางในลำคอ พลางทิ้งน้ำหนักตัวลงไปบนแผงอกกว้าง ของคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง

เสียงนั้นทำให้ รพีพันธ์ ยิ่งเคลื่อนไหวทั้งจมูก ปาก และมือมากขึ้น แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปบนริมฝั่งแม่น้ำนั่นเอง เพราะ จันทริ ไม่เคยขัดใจเขาเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนหรือเมื่อไร ที่ รพีพันธ์ เกิดความต้องการขึ้นมา จนกระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไป ชายหนุ่มยังคงซอกซอนจมูกไปตามลำคอระหง สูดกลิ่นหอมอ่อนๆอย่างไม่รู้เบื่อ
“จันทริ รู้มั๊ย ตัวคุณทั้งหอมทั้งนุ่ม จนผมจะคลั่งใจตายอยู่แล้ว” รพีพันธ์ กระซิบเสียงกระเส่า ท่ามกลางฝนที่เริ่มตกปรอยๆ
.................................................................
............................
“ทำไมท่านไม่สวมสร้อยที่ข้ามอบให้”
อัสสะ ถามขึ้น หลังจากนำอาหารเย็นและสิ่งของเครื่องใช้บางอย่าง เข้าไปเก็บในถ้ำเรียบร้อยแล้ว และเดินออกมาคุยกับ จันทริ ที่ปากถ้ำ ในขณะที่เพื่อนอีก ๓ คนที่นำสิ่งของมาด้วยกัน เดินกลับหมู่บ้านไปก่อน
“รพีพันธ์ ไม่พอใจที่ข้าสวมมัน แต่ข้ายังเก็บไว้เป็นอย่างดี” จันทริ ตอบพลางยิ้มให้
“จันทริ ข้า...” ชายหนุ่มพูดพลางจ้องตา จันทริ ด้วยสายตาที่ปวดร้าว
“ข้ารู้ถึงความรู้สึกของท่านเป็นอย่างดี อัสสะ ... ข้าคงทำได้แต่เพียงขอบคุณท่าน”
ชายหนุ่มจับมือของ จันทริ ขึ้นมาลูบอย่างแผ่วเบา
“เขาดีต่อท่านหรือไม่” อัสสะ ถามด้วยแววตาที่ห่วงใย จันทริ ได้ฟังก็ยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“ข้าเชื่อว่า หากเป็นท่าน ก็จะดีต่อข้าเฉกเช่นเขาในตอนนี้ รพีพันธ์ ทั้งอ่อนโยนต่อข้า และห่วงใยข้า เช่นเดียวกับที่ท่านปรารถนาจะเป็น”
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็วางใจ” อัสสะ พูดแล้วก็ก้มหน้าถอนหายใจ
“เจ้ามิต้องกังวล หรือมิรู้ว่าข้าย่อมไม่ยอมให้ผู้ใดทำอะไร จันทริ ได้” น้ำเสียงที่อ่อนโยน เปลี่ยนเป็นเสียงที่แข็งกร้าว อัสสะ เงยหน้าขึ้นมองหน้าของ จันทริ แล้วก็ต้องตกใจรีบปล่อยมือของ จันทริ ออก แล้วยืนห้อยมือด้วยความสำรวม
“นี่คือความแตกต่างของเจ้ากับ รพีพันธ์ หากเป็นเขา จะไม่ทำกิริยาเช่นนี้” คิ้วของ จันทริ ขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ กลางหน้าผากมีรอยจันทร์เสี้ยวสีทองเปล่งประกายแวววาว

“จันทริ ผมหิวแล้ว” เสียงของ รพีพันธ์ ตะโกนออกมาพร้อมกับตัวที่เดินออกมาจากถ้ำ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็เปลี่ยนเป็นงุนงง เมื่อเห็นท่าทางของคนทั้งสอง “คุยอะไรกันน่ะ ท่าทางซีเรียสจัง”
จันทริ หันหน้ามอง รพีพันธ์ ด้วยความสงสัย ประกายสีทองบนหน้าผาก ค่อยๆอ่อนจางลงจนหายไป
“ผมหมายความว่า พวกคุณคุยกันดูจริงจังน่ะ” พูดจบก็หัวเราะเบาๆ แล้วก็ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความเก้อเขิน
“มิมีใด ข้ากำลังจะกลับ” อัสสะ ตอบพลางหันไปหา จันทริ “แล้วข้าจะหมั่นขึ้นมาเยี่ยมเยียนท่าน”
จันทริ หันมายิ้มให้ก่อนที่ อัสสะ จะเดินลงเขาไป
“กินข้าวเหอะ ผมหิวแล้ว” รพีพันธ์ เดินเข้ามาโอบเอว จันทริ แล้วทั้งสองคนก็พากันเดินเข้าไปในถ้ำ
.................................................................
............................
“อะไรกัน คุณอิ่มแล้วเหรอ” รพีพันธ์ ถามขึ้นเมื่อเห็น จันทริ กินอาหารได้เพียงเล็กน้อยก็อิ่มเสียแล้ว
จันทริ ได้แต่ยิ้มน้อยๆไม่ตอบอะไร
“๒-๓ วันมานี่คุณกินน้อยนะ ไม่สบายรึเปล่า” พูดจบ รพีพันธ์ ก็เอื้อมมือไปแตะที่หน้าผาก จันทริ

นับตั้งแต่คืนที่ทั้งสองมีความสัมพันธ์กัน เฉกเช่นสามีภรรยา ก็ผ่านมาได้เกือบสิบวันแล้ว รพีพันธ์ บอกให้ จันทริ กินอาหารพร้อมๆกับเขาทุกมื้อ จันทริ ยังคงกินแต่ผัก ผลไม้ น้ำผึ้ง บางมื้อก็กินข้าวบ้างเล็กน้อย ชายหนุ่มเคยคะยั้นคะยอให้ลองกินเนื้อสัตว์ แต่พอ จันทริ กินไปได้ไม่นาน ก็อาเจียรทุกอย่างออกมาจนหมด

“ข้ามิเป็นไร เพียงแต่ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยอยากกินอะไรเท่านั้นเอง”
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป”
รพีพันธ์ มองหน้า จันทริ ด้วยความห่วงใย สักพักก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ จน จันทริ ต้องมองด้วยความสงสัย
“ผมกำลังคิดว่า ถ้าคุณเป็นผู้หญิง คุณจะใช้ชื่อว่าอะไร”
“นามของข้าเป็นเช่นเดียวกับนามของผู้เฒ่าทั้งสี่ เป็นนามอันมีไว้แต่บุคคลเฉพาะ บุคคลอื่นมิสามารถนำไปใช้เรียกขานตนได้” จันทริ บอกช้าๆ “ผู้เป็นตัวแทนแห่งเทพจันทรา หากเป็นชายจะใช้นาม จันทริ เช่นดังข้า”
“อืม...” รพีพันธ์ ทำท่าคิด “ถ้าเป็นผู้หญิงก็ใช้ จันทรา หรือเปล่า”
“มิใช่ จันทรา นั้นเป็นนามของวิญญาณอีกดวงหนึ่ง ดวงวิญญาณอันมีพลังแห่งเทพสถิตย์อยู่ แต่นามของสตรีอันเป็นร่างของดวงวิญญานนั้น จักใช้นามว่า จันทิรา”
“จันทิรา” รพีพันธ์ ทวนคำด้วยความงุนงงปนไปด้วยความตกใจ

เขาคิดไปถึงหญิงสาวรูปร่างกลมกลึง ผมดำขลับยาวสยาย ใบหน้าคมขำ หญิงสาวอันเป็นที่รักของเขา ... จันทิรา
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๘ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 06-08-2008 20:53:17
จันทริจะมีน้องหรือเปล่า  5555 คิดไปได้นะเรา

หวานดีจัง สุริยันจันทรา
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๘ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 06-08-2008 21:22:41

รู้สึกสงสารจันทริ อีกแระ ไม่ชอบมาพากล :oni3: กลัวเป็นแม่ม่ายอ่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๘ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 06-08-2008 22:17:26
 :m4: :m4: น่าสงสัยขึ้นทุกวัน ๆ เลยนะ
 
ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊า.....
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๘ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 06-08-2008 23:12:20
 :m28: งงเหมือนจะลืมอะไร...

 :m31: รวมร่างล่ะ!   :dont2: ... ขอรวมร่างด้วย~  o18

 o12 อัสสะนี้สงสารดีไหมเนีย มาแอบตอดเล็กตอดน้อยอยู่ได้

 :o หรือว่าในอนาคต...

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๘ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 06-08-2008 23:22:42
เหมือนจะมีอะไรคาใจแหะ  :m29:
หวังว่าจะ happy end นะ :m13:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๘ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 07-08-2008 08:46:52
ในที่สุดก็อ่านทัน

 :a2:

จะติดตามต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 07-08-2008 21:51:49
๑๙

แสงจันทร์กระจ่างของคืนพระจันทร์เต็มดวง ส่องสว่างไปทั่วลานกว้าง บนลานนั่งเต็มไปด้วยชาวหมู่บ้าน ทางด้านหน้า กรินทร์ และผู้เฒ่าทั้งสี่ กำลังสนทนากับ จันทริ ที่นั่งอยู่เคียงคู่กับ รพีพันธ์ บนเก้าอี้คนละตัว นี่นับเป็นครั้งที่สาม ที่ชายหนุ่มได้เห็นพิธีกรรมในคืนเพ็ญของหมู่บ้านนี้

“ทุกสิ่งทุกอย่างข้าบอกพวกท่านจนหมดแล้ว จะปฏิบัติหรือไม่ จะปฏิบัติเช่นไร ขึ้นอยู่กับพวกท่าน” จันทริ พูดอย่างเป็นงานเป็นการ จันทร์เสี้ยวกลางหน้าผากทอประกายสีทองแวววาว ราวกับจะล้อกับดวงจันทร์เพ็ญกลางฟ้า
“พ้นราตรีนี้ไป ข้าจักหลับไหลไปจนกว่าจะสิ้นวสันต์” จันทริ พูดด้วยเสียงที่ดังพอจะได้ยินกันทั่ว
..............................................................
.................................
“ที่คุณพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง” รพีพันธ์ ถามขึ้นมาเมื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสอง ภายในถ้ำใหญ่
“ท่านหมายถึงเรื่องใด” จันทริ ถามพลางมองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัย
“ที่บอกว่าจะหลับไปจนกว่าจะหมดฤดูฝนน่ะ อะไรจะนอนยาวขนาดนั้น ตั้ง ๒-๓ เดือนเชียวนะ” รพีพันธ์ พูดกลั้วหัวเราะเหมือนจะให้เป็นเรื่องตลก
“มิใช่ข้า แต่เป็น จันทรา” จันทริ พูดยิ้มๆ “นางต้องการพักผ่อน”
“ก็เหมือนกันนั่นแหละ จะ จันทริ หรือ จันทรา ก็คือตัวคุณ” ชายหนุ่มพูดพลางจับมือขวาของ จันทริ มากุมไว้ “ผมเป็นห่วงนะ”
“ดวงวิญญาณที่มีพลังแห่งเทพสถิตย์อยู่ เมื่อต้องมาอยู่ในร่างมนุษย์ ย่อมมิอาจดำรงไว้ซึ่งพลังนั้นตลอดไป พลังย่อมสูญสลายไปตามกาลเวลา ตอนนี้ จันทรา เหลือพลังอยู่ไม่มากนัก ดังนั้น นางต้องการพักผ่อน” ขณะที่ จันทริ พูด จันทร์เสี้ยวสีขาวนวล ก็ปรากฏขึ้นที่กลางหน้าผาก “แต่นางยังคงรับรู้ทุกอย่าง ยังคงได้ยิน ยังคงสนทนากับผู้ที่นางต้องการได้ ดังเช่นตอนนี้ นางกำลังขอบคุณในความห่วงใยของท่าน”

รพีพันธ์ เหม่อมองจันทร์เสี้ยวดวงนั้นอย่างเหม่อลอย สิ่งหนึ่งที่เขาสงสัยมานานแล้ว นั่นคือ ทำไมบางครั้งจันทร์ดวงนี้เปล่งแสงสีขาวนวลตา แต่บางครั้งกลับเปล่งแสงสีทองเป็นประกายเรืองรอง

ยามที่ปรากฏแสงนวลขาวของจันทร์เสี้ยวนั้น จันทริ ยังคงอ่อนโยน พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แต่เมื่อใดที่จันทร์เสี้ยวนั้นเปล่งแสงสีทอง จันทริ จะเคร่งขรึม ดูมีอำนาจ การพูดจาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ไม่อาจแข็งขืน แม้แต่สีหน้า ยังเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม ... หรือว่านั่นคือ จันทรา ดวงวิญญาณอีกดวงหนึ่งในร่างของ จันทริ

“แล้วถ้าเมื่อไหร่ที่ จันทรา หมดพลังล่ะ คุณจะเป็นยังไง” รพีพันธ์ ถามพลางขมวดคิ้วด้วยความกังวล
“พวกข้าย่อมกลับไปสู่ที่มา ท่านก็เช่นกัน”
“หมายความว่ายังไง”
จันทริ ไม่ตอบ แต่ซุกใบหน้าลงบนแผ่นอกของ รพีพันธ์
ชายหนุ่มกระชับวงแขนกอดร่างบางไว้แนบแน่น พลางถอนหายใจด้วยความห่วงใย

กว่าสองเดือนแล้วที่ รพีพันธ์ หลงเข้ามาอยู่ในที่แห่งนี้ ความประหลาดใจ ความวิตกกังวล เปลี่ยนเป็นความคุ้นเคย กับการใช้ชีวิตในสถานที่แห่งนี้ ช่วงแรกๆ จันทริ ก็ติดตามเขาไปทุกหนทุกแห่งที่เขาต้องการไป แต่เมื่อเริ่มคุ้นเคยกับชาวหมู่บ้าน จันทริ จึงยอมให้ชายหนุ่มไปยังสถานที่ต่างๆตามลำพัง บางวันเขาไปทำงานภายในไร่ บางวันไปนั่งตกปลาอยู่ริมแม่น้ำ บ้างก็เล่นกับเด็กๆในหมู่บ้าน เคยแม้กระทั่งออกไปเดินป่ากับชาวหมู่บ้าน ที่ไปหาของป่า ค้างแรมอยู่ในป่าหลายคืน

รพีพันธ์ คิดถึงบ้านน้อยลง คิดถึงการที่จะได้กลับไปยังโลกเดิมของเขาน้อยลง เคยคิดแม้แต่การสร้างบ้าน อาศัยอยู่ที่นี่อย่างถาวร ภายในหมู่บ้านแห่งนี้ เขาคงมีความสุขกับชีวิตอันเรียบง่าย เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่จริงใจของผู้คนในหมู่บ้าน โดยเฉพาะ ‘ภรรยา’ ของเขา ... จันทริ ...

เพียงเรื่องเดียวที่เขากังวลคือ ... ลูก

ชายหนุ่มเคยลองพูดถึงเรื่องนี้กับ จันทริ เหมือนกัน
“ถ้าผมอยากมีลูกจะทำยังไงดีล่ะ”
“ท่านก็แต่งงานกับสตรีที่ท่านรัก ท่านจักมีบุตรดังที่ท่านต้องการ” จันทริ ตอบด้วยรอยยิ้ม
“คุณยอมเหรอ”
จันทริ ยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอ่อนโยนมากกว่าเดิม
“เป็นเรื่องธรรมดา ภายภาคหน้า ท่านย่อมได้แต่งงานกับสตรีอันเป็นที่รักของท่าน และสตรีนั้นก็รักท่านเยี่ยงชีวิต ท่านจะมีบุตร มีครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุขมากยิ่งกว่าอยู่กับข้าเพียงลำพัง ณ ที่นี้”
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 07-08-2008 22:06:14

เพิ่งจะหายสงสัยไปหยก ๆ
มีเรื่องสงสัยเข้ามาอีกแล้ว ....

จันทริ  กับ จันทิรา อึมๆๆๆ  น่าคิดๆๆๆ  :o9:

จะมีเงื่อนงำอันใดต่อไปอีกหนอ.....   :a3:


*เมื่อจันทราหมดพลัง ต่างคน ต่างต้องกลับไปยังที่มา ของแต่ละคน ใช่มะ
โฮกกกกกกกส์.... พบ เพื่อ พราก...จากเพื่อ เจอ กันในที่ใหม่  ต่างหน้าที่ ต่างสถานะ หรือเปล่า  ?   :m13:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 07-08-2008 22:11:03

“เป็นเรื่องธรรมดา ภายภาคหน้า ท่านย่อมได้แต่งงานกับสตรีอันเป็นที่รักของท่าน และสตรีนั้นก็รักท่านเยี่ยงชีวิต ท่านจะมีบุตร มีครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุขมากยิ่งกว่าอยู่กับข้าเพียงลำพัง ณ ที่นี้”


 o7  :o12:  :sad2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 07-08-2008 22:22:06
ไม่น่าเริ่มสงสัยอะไรเล้ยยยยยยยยยยย

ตอนนี้เลยมีเรื่องน่าสงสัยเพื่มมาอีกจนได้  :เฮ้อ:

จันทริ-จันทรา  หวังว่าจะใช่นะ  :m13:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 07-08-2008 22:30:43
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 07-08-2008 22:36:02
 :m13: :m13:  เอ่อ คน แต่งนี่ เป็น คนแต่ง CSI หรือป่าวหว่า  :m20: :m20:

สงสัยได้ทุกตอนสิน่า

เป็นกำลังใจให้คับ

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 07-08-2008 22:43:53
:m13: :m13:  เอ่อ คน แต่งนี่ เป็น คนแต่ง CSI หรือป่าวหว่า  :m20: :m20:
วัดไทยทำด้วยอิฐ วัดอังกฤษทำด้วยปูน เอ๊ย ... มะช่ายยยย  :o8:
วัดอีดอิด ... CSI คืออะไรหนอ  o2
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 08-08-2008 09:07:33
สงสัยด้วยคน

จันทริ-จันทรา-จันทิรา

แล้วก็...

ขอถามคุณบุหรงว่า จันทริ อ่านว่า จัน-ทิ ถูกมั๊ยคะ

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 08-08-2008 11:37:22
สงสัยด้วยคน

จันทริ-จันทรา-จันทิรา

แล้วก็...

ขอถามคุณบุหรงว่า จันทริ อ่านว่า จัน-ทิ ถูกมั๊ยคะ


อ่านแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ถ้าจะให้ดี จัน-ทริ มี ร ควบกล้ำด้วยจะดีครับ   :try2:
หรือถ้าจะอ่านว่า จัน-ทะ-ริ ก็ได้ครับ เดี๋ยวถ้าได้สร้างเป็นหนังค่อยตัดสินใจ ว่าเอาแบบไหนดี  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 08-08-2008 13:51:00
CSI: Crime Scene Investigation หรือ CSI (ในประเทศไทย ซีรีส์ชุดนี้ถูกเรียกว่า ทีมงานตามล่าความจริง ตามที่ออกฉายในช่อง AXN ของ True Visions และช่อง7 ถูกเรียกว่า ไขคดีปริศนา) คือชื่อของรายการซีรีส์ออกฉายทางโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับการทำงานของตำรวจที่เป็นที่นิยม (ในสหรัฐอเมริกา) หน่วยนี้จะสืบสวนสอบสวนการเสียชีวิตที่เป็นปริศนา ผิดธรรมดา และบางครั้งก็น่าสยดสยอง เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและความเป็นมาของผู้ที่เสียชีวิต พวกเขายังสอบสวนอาชญากรรมร้ายแรงอื่น ๆ ด้วย แต่แกนสำคัญส่วนใหญ่ของเรื่องมักจะเป็นการฆาตกรรม

ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/CSI:_Crime_Scene_Investigation
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 08-08-2008 15:37:00
CSI: Crime Scene Investigation หรือ CSI (ในประเทศไทย ซีรีส์ชุดนี้ถูกเรียกว่า ทีมงานตามล่าความจริง ตามที่ออกฉายในช่อง AXN ของ True Visions และช่อง7 ถูกเรียกว่า ไขคดีปริศนา) คือชื่อของรายการซีรีส์ออกฉายทางโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับการทำงานของตำรวจที่เป็นที่นิยม (ในสหรัฐอเมริกา) หน่วยนี้จะสืบสวนสอบสวนการเสียชีวิตที่เป็นปริศนา ผิดธรรมดา และบางครั้งก็น่าสยดสยอง เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและความเป็นมาของผู้ที่เสียชีวิต พวกเขายังสอบสวนอาชญากรรมร้ายแรงอื่น ๆ ด้วย แต่แกนสำคัญส่วนใหญ่ของเรื่องมักจะเป็นการฆาตกรรม

ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/CSI:_Crime_Scene_Investigation
:o :o :o :o :o
กรรม มะช่ายเรื่องฆาตรกรรมแน่นอนอะเรื่องนี้ ...
... ไว้เรื่องต่อไป ดีมะ  :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 08-08-2008 16:56:00
CSI: Crime Scene Investigation หรือ CSI (ในประเทศไทย ซีรีส์ชุดนี้ถูกเรียกว่า ทีมงานตามล่าความจริง ตามที่ออกฉายในช่อง AXN ของ True Visions และช่อง7 ถูกเรียกว่า ไขคดีปริศนา) คือชื่อของรายการซีรีส์ออกฉายทางโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับการทำงานของตำรวจที่เป็นที่นิยม (ในสหรัฐอเมริกา) หน่วยนี้จะสืบสวนสอบสวนการเสียชีวิตที่เป็นปริศนา ผิดธรรมดา และบางครั้งก็น่าสยดสยอง เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและความเป็นมาของผู้ที่เสียชีวิต พวกเขายังสอบสวนอาชญากรรมร้ายแรงอื่น ๆ ด้วย แต่แกนสำคัญส่วนใหญ่ของเรื่องมักจะเป็นการฆาตกรรม

ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/CSI:_Crime_Scene_Investigation

ขอบคุณนะคับที่หาข้อมูลให้   :m1: :m1: :m1: :m1:


CSI: Crime Scene Investigation หรือ CSI (ในประเทศไทย ซีรีส์ชุดนี้ถูกเรียกว่า ทีมงานตามล่าความจริง ตามที่ออกฉายในช่อง AXN ของ True Visions และช่อง7 ถูกเรียกว่า ไขคดีปริศนา) คือชื่อของรายการซีรีส์ออกฉายทางโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับการทำงานของตำรวจที่เป็นที่นิยม (ในสหรัฐอเมริกา) หน่วยนี้จะสืบสวนสอบสวนการเสียชีวิตที่เป็นปริศนา ผิดธรรมดา และบางครั้งก็น่าสยดสยอง เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและความเป็นมาของผู้ที่เสียชีวิต พวกเขายังสอบสวนอาชญากรรมร้ายแรงอื่น ๆ ด้วย แต่แกนสำคัญส่วนใหญ่ของเรื่องมักจะเป็นการฆาตกรรม

ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/CSI:_Crime_Scene_Investigation
:o :o :o :o :o
กรรม มะช่ายเรื่องฆาตรกรรมแน่นอนอะเรื่องนี้ ...
... ไว้เรื่องต่อไป ดีมะ  :o8:

ที่บอกเนี่ย ไม่ใช้เรื่องฆาตกรรมค๊าบ........ แต่ แต่งเรื่องได้ซับซ้อนได้ใจเลย

55555++++

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๒๐ - ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 08-08-2008 20:30:42
๒๐

ตามปรกติ รพีพันธ์ จะกลับขึ้นไปบนเขาในช่วงเวลาเย็น พร้อมกับคนที่จะนำอาหาร และเครื่องใช้บางอย่าง ขึ้นไปให้ตัวขาและ จันทริ แต่วันนี้ เขามองเห็นเมฆฝนมืดครึ้มตั้งเค้ามาแต่ไกล
... อาจจะมีฝนตกหนักหลังจากที่ไม่มีฝนมา ๓-๔ วัน ...
ชายหนุ่มตัดสินใจกลับขึ้นเขา หลังจากที่กินอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี ฝนเริ่มลงเม็ดเมื่อเขาเดินมาได้เพียงครึ่งทาง และหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มจึงเร่งฝีเท้าจนกลายเป็นวิ่ง จนไปถึงถ้ำที่เป็นที่พักอาศัย ด้วยร่างกายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน

“มิน่า เมื่อวาน จันทริ ถึงได้บอกให้คนเอาเสื้อผ้ามาสามชุด เมื่อตอนเช้า”
รพีพันธ์ พูดเบาๆกับตัวเอง เขาเลิกสงสัยกับคำพูดแปลกๆของ จันทริ เสียแล้ว เพราะเขารู้แล้วว่า มันคือคำเตือนของ จันทรา ที่บอกผ่านมาทาง จันทริ ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเอง พลางคิดว่า ภายในถ้ำคงเปียกไปด้วยน้ำฝน ที่เข้ามาทางโพรงเหนือเพดานถ้ำ แต่เมื่อเข้าเดินเข้าไปภายใน ก็ต้องพบกับความประหลาดใจ

ภายในถ้ำยังคงแห้งสนิท อากาศยังคงเย็นสบาย เหมือนมีสายลมอ่อนๆพัดวนอยู่ภายใน ไม่มีน้ำฝนผ่านเข้ามาทางโพรงเหนือเพดานถ้ำ แม้แต่หยดเดียว มีเพียงแสงอ่อนๆของดวงอาทิตย์ ที่ส่องผ่านเข้ามากระทบกับผนังถ้ำ ที่เหมือนมีผลึกแก้วเล็กๆกระจายอยู่ทั่ว คอยสะท้อนทั้งแสงอาทิตยื และแสงจันทร์ ทำให้ภายในถ้ำมีแสงสว่างตามสมควร รพีพันธ์ เดินเข้าไปกลางถ้ำ พลางจ้องมองโพรงตรงเพดานถ้ำ ที่เขาไม่เคยให้ความสนใจเลยอย่างไม่วางตา จนสามารถมองเห็นภาพท้องฟ้าที่อยู่เหนือโพรงแห่งนั้นอย่างชัดเจน

เมฆฝนก้อนใหญ่สีเทาเข้ม แต่กลับแหวกเป็นช่องใหญ่เป็นวงกลม ใจกลางนั้นมองเห็นดวงอาทิตย์ลอยเด่น แสงอาทิตย์ส่องผ่านช่องของก้อนเมฆ ส่องเข้าทาทางโพรงเหนือถ้ำ เพื่อให้ความสว่างแก่ถ้ำแห่งนี้ ถ้ำอันเป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้าน ... วิหารจันทรา

รพีพันธ์ รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันที

“จันทริ” ชายหนุ่มคิดถึง จันทริ ขึ้นมาทันที เพราะทุกครั้งเพียงแค่เขาก้าวเท้าเข้ามาในถ้ำแห่งนี้ รอยยิ้มอันอบอุ่นก็จะปรากฏให้เขาเห็นทันที
“จันทริ” เขาเรียกอีกครั้งหนึ่งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม พลางกวาดสายตาไปทั้ว แล้วเขาก็มองเห็นร่างหนึ่งนอนอยู่บนเตียงหิน
รพีพันธ์ เดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็น จันทริ นอนนิ่งอยู่บนเตียงหิน
“จันทริ” เขาเรียกพลางลูบเบาๆที่ไหล่ของร่างที่นอนอยู่
“จันทริ” ชายหนุ่มเรียกอีกครั้ง แต่ร่างนั้นนิ่งสนิท ไม่มีแม้แต่การขยับของหน้าอกที่แสดงถึงอาการหายใจ เขาจึงค่อยๆเอานิ้วชี้จ่อที่จมูก ด้วยใจระทึก
“เฮ้อ ...” รพีพันธ์ ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อพบว่ามีลมจากจมูก กระทบกับนิ้วของเขาอย่างแผ่วเบา
“จันทริ” เขาเรียกอีกครั้ง พลางเขย่าไหล่ของ จันทริ แรงขึ้น
แต่ยังคงเงียบ ไม่มีปฏิกิริยาใดเกิดขึ้น ชายหนุ่มนิ่งคิดสักครู่ ก็ตัดสินใจหันหลัง เตรียมจะออกจากถ้ำลงไปยังหมู่บ้าน
“มิเป็นไรดอก เพียงแต่หลับไปเท่านั้น ถึงตอนเย็นก็จะตื่นขึ้นเอง” เสียงของ จันทริ ดังขึ้นข้างหลัง
ชายหนุ่มหันกลับไปทันที แต่ก็ยังเห็น จันทริ นอนนิ่งอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผิดไป

จันทร์เสี้ยวสีทอง ส่องประกายแวววาวอยู่กลางหน้าผากของ จันทริ ชายหนุ่มค่อยๆเดินไปนั่งลงบนเตียง
“จันทรา คุณเหรอ” รพีพันธ์ ถามออกไปเบาๆ
ไม่มีเสียงตอบ นอกจากประกายสีทองที่กระพริบวิบวับ เหมือนตอบคำถามของเขา
“งั้นผมจะเชื่อคุณ” พูดแล้วก็จับมือของ จันทริ ขึ้นมาจูบอย่างแผ่วเบา “จันทริ คุณอย่าเป็นอะไรนะ”

ไม่มีคำตอบใดๆออกมาเช่นเดิม จันทร์เสี้ยวสีทอง เปลี่ยนเป็นสีขาวนวลตา แล้วค่อยๆจางหายไป
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๐ - ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 08-08-2008 22:25:32
ทำไมเธอทำอย่างนี้
ทำไมมันสั้นอย่างนี้  o7   :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๐ - ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 08-08-2008 23:14:14
จันทริเป็นอะไรล่ะนี่  o2

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๐ - ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 08-08-2008 23:42:58
 :o สงสัยใช้พลังมากเลยเหนื่อย...  :a12: นอนดีกว่า
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๐ - ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 09-08-2008 12:17:41
 :เฮ้อ: นึกว่าจะเป็นไรไปซะอีก

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ  :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๐ - ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 09-08-2008 13:45:00
หวังว่าจันทริ คง ไม่... พอหมดพลังจันทรา ร่างกาย ก้อจะ หมดไปด้วยนะ  งืมๆๆๆ :m13:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๐ - ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 09-08-2008 14:28:59
มาต่อเร็วๆนะคะ  กำลังสนุก
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๑ - ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 09-08-2008 19:05:16
๒๑

“ข้าไม่เห็นท่านลงมาเสียหลายวัน” อัสสะ เดินเข้ามาทักทาย “ดูท่านไม่ค่อยสบายใจ”
พูดจบก็นั่งลงข้างๆ รพีพันธ์ ที่นั่งพักอยู่บนขอนไม้ ในไร่ซึ่งปลูกผลไม้ไว้หลายชนิด
“คงมิใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ จันทริ ใช่หรือไม่” อัสสะ ถามอีกเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบ
รพีพันธ์ ได้ยินก็หันไปมองด้วยความแปลกใจ
“คุณรู้ได้ยังไง” เขาถามอย่างอดไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นบ้าง”
… ปรึกษาใครบ้างก็ดี ท่าทาง อัสสะ คงรู้อะไรมากเหมือนกัน ... รพีพันธ์ นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“จันทริ กินน้อยลง แล้วช่วงบ่ายก็นอนหลับตลอด หลับสนิทเลย” พูดจบก็ถอนหายใจยาว ... หลับขนาดว่าเรียกยังไงก็ไม่ตื่น มันผิดปรกติ ...
“มีอย่างอื่นอีกหรือไม่”
“ไม่มี นอกนั้นปรกติทุกอย่าง”
“แม้กระทั่งความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา ของพวกท่านด้วยหรือ” อัสสะ พูดยิ้มๆ
“ก็ ... อื้อ ปรกติ” รพีพันธ์ ตอบไม่ค่อยถนัดนัก อยากจะบอกไปเหมือนกันว่า ดียิ่งกว่าดีเสียอีก คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“ฮ่าๆๆ” อัสสะ หัวเราะพลางยิ้มกว้าง “ถ้าเช่นนั้นคงมิมีสิ่งใดดอก”
รพีพันธ์ หันไปมองพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ท่านคงรู้ มีดวงวิญญาณสองดวงในร่างของ จันทริ” อัสสะ เปลี่ยนมาพูดด้วยเสียงเป็นงานเป็นการ “ในเมื่อพลังของวิญญาณดวงหนึ่งอ่อนแอลง ร่างกายย่อมมิอาจเป็นปรกติเช่นที่เคยเป็น”
รพีพันธ์ นิ่งคิด ... นั่นสินะ อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่ว่า ถ้าหากว่า ...
“แล้วถ้าวิญญาณนั้นมันหมดพลังล่ะ จันทริ จะเป็นยังไง” เขาหันหน้าไปถามด้วยสีหน้ากังวล
“ท่านรัก จันทริ หรือไม่” อัสสะ ถามแทนที่จะตอบคำถาม
“บอกตรงๆนะ ตอนแรกที่ผมมาถึงที่นี่ ผมคิดแค่ว่า จันทริ น่ารักดี แล้วก็เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้ว รู้สึกอบอุ่นใจ” รพีพันธ์ ตอบยิ้มๆ “แต่ตอนนี้ ผมคิดว่ารักเค้าไม่น้อยกว่าคนที่ผมรัก ก่อนที่ผมจะมาที่นี่”
“ท่านมีคนรักอยู่แล้ว” อัสสะ ถามพลางขมวดคิ้วแนบแน่น
“อื้อ ... แต่ตอนนี้มันคงไม่มีความหมายอะไรแล้ว” รพีพันธ์ มองท้องฟ้า ทอดสายตาไปไกล “ตอนนี้ผมอยู่กับ จันทริ”
“หากท่านได้กลับไปยังที่ของท่าน ได้กลับคืนสู่คนรักของท่าน ท่านจะคิดถึง จันทริ หรือไม่”
“กลับไปเหรอ ... ถ้ากลับไปได้จริงๆก็ดีน่ะสิ” พูดแล้วก็หัวเราะในลำคอ “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมจะพา จันทริ กลับไปด้วยกัน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง” ประโยคสุดท้าย เขาลดเสียงลงพูดเพียงแผ่วเบา ก้มหน้านิ่งไป สักครู่ก็เงยหน้าหันไปมอง อัสสะ
“คุณยังไม่บอกผมเลย ที่ผมถามว่า จะเป็นยังไง ถ้าวิญญาณอีกดวงของ จันทริ หมดพลังลง”
“ท่านมิต้องกังวล ท่านจะมิได้เห็นวันนั้น” พูดจบ อัสสะ ก็ถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นไปทำงานต่อ ทิ้งให้ รพีพันธ์ นั่งอยู่คนเดียว พลางมองตาม อัสสะ ไปด้วยความงุนงง

“อารายวะ จู่ๆก็ลุกหนีไปซะเฉยๆอย่างงั้นแหละ” รพีพันธ์ พูดพลางเกาหัวด้วยความเคยชิน
..........................................................................
................................
“ข้ารู้มาว่าท่านกินอะไรไม่ใคร่ได้ และได้แต่นอนหลับในยามบ่าย” อัสสะ ถามพลางมองคนตรงหน้าด้วยความห่วงใย
“เป็นเรื่องปรกติ เวลาใกล้มาถึงแล้ว ผ่านคืนเพ็ญนี้ไป ก็จักเข้าสู่ฤดูหนาว”
“มันจักเป็นดังนั้น จริงหรือ” อัสสะ พูดด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ย่อมต้องเป็นไปตามนั้น” จันทริ ตอบพลางยิ้มน้อยๆ “ท่านมิควรโศกเศร้า ทุกอย่างล้วนกำหนดไว้แล้ว ท่านควรจะยินดี ที่มิต้องมาร่วมชะตากรรมนี้กับข้า”
“แต่ข้ายังคงปรารถนาเช่นนั้น จันทริ” อัสสะ คว้ามือนุ่มมาจับไว้อย่างลืมตัว “ข้าเติบโตมาพร้อมกับเจ้า ข้ายินดีกลับคืนไปพร้อมกับเจ้า”
อัสสะ ยกมือข้างนั้นขั้นมาแนบไว้กับแก้ม
“จันทริ ข้ารักเจ้า จันทริ ดวงใจของข้า”
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๑ - ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 09-08-2008 19:12:05
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๑ - ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 09-08-2008 19:35:16
 :L2:

เริ่มเข้าช่วงเศร้าแล้วซินะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอ&#
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 09-08-2008 20:02:47
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:  อารายกานอีกเนี่ย

สับสน มึนงง  :m13: :m13:

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ อิอิ....


๒๑


“แม้กระทั่งความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา ของพวกท่านด้วยหรือ” อัสสะ พูดยิ้มๆ
“ก็ ... อื้อ ปรกติ” รพีพันธ์ ตอบไม่ค่อยถนัดนัก อยากจะบอกไปเหมือนกันว่า ดียิ่งกว่าดีเสียอีก คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“ฮ่าๆๆ” อัสสะ หัวเราะพลางยิ้มกว้าง “ถ้าเช่นนั้นคงมิมีสิ่งใดดอก”



ไหนบอกว่าปกติ แต่ไม่เห็นมีบทนั้นเลยอ่ะ  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๑ - ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 09-08-2008 20:06:43

๒๑


“แม้กระทั่งความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา ของพวกท่านด้วยหรือ” อัสสะ พูดยิ้มๆ
“ก็ ... อื้อ ปรกติ” รพีพันธ์ ตอบไม่ค่อยถนัดนัก อยากจะบอกไปเหมือนกันว่า ดียิ่งกว่าดีเสียอีก คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“ฮ่าๆๆ” อัสสะ หัวเราะพลางยิ้มกว้าง “ถ้าเช่นนั้นคงมิมีสิ่งใดดอก”

ไหนบอกว่าปกติ แต่ไม่เห็นมีบทนั้นเลยอ่ะ  :m20: :m20: :m20:
ละไว้ในฐานที่เข้าใจ  :laugh: :laugh:
บอกแย้ว ป๋มเขียนฉากแบบนั้นม่ายค่อยเป็งงงงง ... :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๑ - ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 09-08-2008 21:06:59
 :m13: :m13: :m13: :m13:  ซักหน่อยก็ดีนะคุณตั้มคุง

 :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:


ไม่เป็นไรค๊าบ..... เขียนไรมาก็อ่านหมดแหละค๊าบ.....
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา: ตำนานแห่งหมู่บ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 09-08-2008 21:37:09
งงเรื่องเวลาเล็กน้อย เข้าใจอย่างนี้ถูกมะ
เด็กที่เกิดในวันจันทร์เพ็ญ แล้วมีปานกลางหน้าผาก ถือเป็นตัวแทนจันทราเทพ แล้วปานจะจางหายไป
อีก 12 ปี ต่อมา ปานจะปรากฏอีกครั้ง คราวนี้ได้อัพเกรดเป็นร่างทรงตัวจริง
อีก 8 ปี (คือ 20 ปี) จะมีคู่ครองเป็น สุริยาเทพ อยู่ด้วยกัน 1 ปี แล้วก็พากันกลับไปสู่ที่มา (เข้าใจว่าถูกจับถ่วงน้ำ  :laugh:)

ส่วนสุริยาเทพ ตัวแทนคือเด็กคนสุดท้ายที่เกิดก่อนวันจันทร์เพ็ญ  พอครบ 20 ปี จะมีคนมาเยือนพร้อมสัญลักษณ์สุริยาเทพ หากไม่มีคนมา เด็กคนนั้นก็จะปฎิบัติหน้าที่แทน หากมีคนมา ก็ทำหน้าที่ร่วมกัน

อืม ชักเริ่มเข้าเค้า  :oni2: :oni2:

 :m29:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๑ - ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 09-08-2008 22:23:01
๒๑
“แต่ข้ายังคงปรารถนาเช่นนั้น จันทริ” อัสสะ คว้ามือนุ่มมาจับไว้อย่างลืมตัว “ข้าเติบโตมาพร้อมกับเจ้า ข้ายินดีกลับคืนไปพร้อมกับเจ้า”
อัสสะ ยกมือข้างนั้นขั้นมาแนบไว้กับแก้ม
“จันทริ ข้ารักเจ้า จันทริ ดวงใจของข้า”

หมายความว่าไงล่ะนี่??  :m29:

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๑ - ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 09-08-2008 22:41:49
เริ่มจะเศร้าอีกแล้วหรือนี่

จากกันไปแล้วมาพบกันอีกก็ไม่เลวนะ 555555 (งงกับตัวเองเหมือนกันนะ)
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๑ - ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 09-08-2008 22:47:16
เริ่มจะเศร้าอีกแล้วหรือนี่

จากกันไปแล้วมาพบกันอีกก็ไม่เลวนะ 555555 (งงกับตัวเองเหมือนกันนะ)
จากไปแ้ล้วกลับมาได้พบกัน เหมือน ตั้ม กับ ปอ   o7
ม่ายยยยยย ............. เดี๋ยวคนอ่านหาว่าคนเขียนนี่หากินกะมุขเดิม  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๑ - ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 09-08-2008 23:17:19

จันทราหมดพลังเพราะว่า ปลาไหลมันเข้าถ้ำบ่อยล่ะซี้ อิอิอิ  :m20:  :m4:

เค้าสงสาร อัสสะอีกและ   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๑ - ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 09-08-2008 23:56:13
แววเศร้า มาลางๆ    :m13:

ยิ่งได้แนบชิดกันเท่าไหร่ พลังของจันทริ ก้อจะยิ่งถดถอยลงไปเรี่อยๆ  ชิมิ

กลับคืนไปยังที่มาของแต่ละคน ....  ยิ่งเม้น ยิ่งมึน  o2   มึนก่าเม้นตัวเอง เอิ้กๆ  :laugh:

ในเมื่อคุนบุหรงบอกว่า ไม่ย้อนรอยเดิม ใช่ป่ะ

ในเมื่อ จันทริ ต้องกลับคืนไปยัง ที่มา ....ก้อให้จันทริ ถือกำเนิดใหม่ซะเลย เอิ้กๆ

งานนี้พระเอกคงรอ.. จนเหี่ยว แน่ๆ  ฮ่าๆ   :m20:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๑ - ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 10-08-2008 20:03:36

ในเมื่อคุนบุหรงบอกว่า ไม่ย้อนรอยเดิม ใช่ป่ะ

ในเมื่อ จันทริ ต้องกลับคืนไปยัง ที่มา ....ก้อให้จันทริ ถือกำเนิดใหม่ซะเลย เอิ้กๆ

งานนี้พระเอกคงรอ.. จนเหี่ยว แน่ๆ  ฮ่าๆ   :m20:
ทำ poll ซะเลยดีมะ ว่าอยากให้จบแบบไหน จากกันนิรันทร์ หรือ มาพบกันอีก  :laugh:
ว่าแต่ มันแทรก poll ในกระทู้ได้หรือเปล่าหนอ  o2
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๒ - ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 10-08-2008 20:19:38
๒๒

“คุยอะไรกันตั้งนาน” รพีพันธ์ ถามขึ้นทันทีที่ จันทริ กลับเข้ามาในถ้ำ และเดินไปนั่งลงบนเตียงหิน
“สหายที่ไม่พบกันนานวัน ย่อมมีเรื่องมากมายสนทนากัน เป็นธรรมดา” จันทริ ตอบยิ้มๆ
“ผมเห็นนะ” รพีพันธ์ พูดพลางเดินจากโต๊ะหินที่นั่งอยู่ มานั่งลงข้างๆ จันทริ “จับไม้จับมือ แล้วยังเอามือไปแนบแก้มอีก” ชายหนุ่มพูดด้วยความไม่พอใจ
“ข้าและ อัสสะ เติบโตมาด้วยกัน ย่อมสนิทสนมกันมากเป็นธรรมดา”
“ผมไม่ชอบ ทำแบบนี้ต้องลงโทษกันหน่อยแล้ว” พูดแล้วก็จ้องมอง จันทริ ด้วยสายตาแวววาว
จันทริ เห็นก็รู้ว่า รพีพันธ์ คิดอะไรอยู่ ต้องหน้าแดงขึ้น แล้วหลบสายตาด้วยความเขินอาย รพีพันธ์ ขยับตัวเข้าไปชิด ฝังจมูกลงไปบนแก้ม แล้วไล้ช้าๆลงมาประกบริมฝีปาก มือก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตามร่างที่สั่นน้อยๆ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่ม

ศรีษะเล็กบอบบาง ซบอยู่บนแผ่นอกกว้าง มือใหญ่แข็งแรงลูบปอยผมเส้นบางนุ่ม ด้วยความทะนุถนอม
“ผมว่าจะถามคุณนานแล้ว พ่อกับแม่คุณล่ะ”
“หาชิวิตไม่ตั้งแต่ข้ายังเล็ก”
“จันทริ” ชายหนุ่มครางเบาๆ “ผม ... ผมขอโทษ”
“หาเป็นไรไม่ ชีวิต ... มีกำเนิดย่อมมีดับ ถึงแม้นตอนนั้นข้ามีพลังของจันทรา ข้าก็คงมิอาจยับยั้งชะตาของมนุษย์ได้”
“เอาอีกแล้ว พูดเป็นพวกปรัชญาแก่ๆเชียว” รพีพันธ์ พูดพลางลูบผมของ จันทริ เล่น “อัสสะ ดูสนิทกับคุณมาก”
“เมื่อบิดามารดาข้าเสียชีวิต กรินทร์ และภรรยา ก็เลี้ยงดูข้ามาพรัอมกับ อัสสะ ผู้เป็นบุตรชาย จนกระทั่งข้าขึ้นมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้”
“มิน่าล่ะ ... แล้วกับคนอื่นล่ะ ผมหมายถึงเด็กคนอื่นๆ ที่อายุพอๆกับคุณในตอนนั้น”
“ข้ามิใช่ทารกธรรมดา ข้าแตกต่างกับทารกอื่น เกือบทุกคนหวาดเกรงข้า มีเพียงอัสสะ ที่เอ็นดูข้าราวพี่น้อง ถึงแม้ข้าจะมาอยู่ยังที่นี้ อัสสะ ยังลอบขึ้นมาหาข้าบ่อยๆ ด้วยความห่วงใย”
........................................................................................
...........................................
“คุณก็เลยแอบขึ้นไปหา จันทริ บนเขาเหรอ”
“หากเป็นท่าน ท่านจะกระทำเช่นข้าหรือไม่ ทารกน้อย อายุเพียง ๑๐ หนาว ต้องไปอยู่เพียงลำพังผู้เดียวในสถานที่เช่นนั้น มีเพียงผู้ที่นำอาหารและเครื่องใช้ขึ้นไปให้ วันละ ๓ มื้อ แล้วกลับลงมาเมื่อหมดหน้าที่ ในตอนนั้นข้ายังมิเข้าใจ ว่า จันทริ ทนอยู่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร และใยจึงมิกลัวอันตรายจากสัตว์ร้ายบ้าง”
“นั่นสิ ดูง่ายๆ ผมยังทนไม่ได้เลย ต้องลงมาบ่อยๆ”
“แล้ววันหนึ่ง ข้าก็ได้รู้คำตอบ ว่า จันทริ มิได้อยู่เพียงลำพังผู้เดียว ทั้งยังมิมีสัตว์ร้ายใด หรือกระทั่งผู้ใด สามารถทำอันตรายต่อ จันทริ ได้ ตราบเท่าที่ ผู้พิทักษ์ ยังอยู่ข้างกาย จันทริ”
“ผู้พิทักษ์ ... องครักษ์เหรอ” รพีพันธ์ หัวเราะในลำคอ “ใครกันน่ะ ผมอยู่มาตั้งนานยังไม่เห็นมีใครซักคนเลย”
“มิใช่คน ... แต่เป็นพยัคฆ์” อัสสะ พูดด้วยเสียงหวาดๆ “พยัคฆ์ตัวมหึมา ทั้งแข็งแรง และแข็งแกร่ง ข้าเคยเห็นมาแล้วกับตาข้าเอง แม้แต่อาวุธปืนไฟของผู้บุกรุก ก็ยังมิอาจทำอันตรายแก่พยัคฆ์ตัวนั้น”
“คุณหมายถึง พยัคฆา น่ะเหรอ” รพีพันธ์ ถามด้วยความสงสัย
“ท่านเคยเห็น” อัสสะ หันมามอง รพีพันธ์ ด้วยความสงสัย
“อื้อ ครั้งนึง หลังพิธีแต่งงาน ๒-๓ วัน แต่ พยัคฆา มาหา จันทริ บ่อยๆ ผมเองไม่ค่อยได้พบหรอก บอกตรงๆว่าผมกลัว ต่อให้ดูเหมือนจะรู้ภาษาคนยังไงก็เถอะ ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี”
“หึ หึ ... ท่านมิต้องกลัวสิ่งใด หากพยัคฆ์นั้นจะทำร้ายท่าน คงทำตั้งแต่พบท่านครั้งแรก แต่ จันทริ คงมิยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้น จันทริ จักใช้พลังปกป้องท่าน”
“บอบบางขนาดนั้นน่ะนะ จะปกป้องอะไรผมได้ แค่ พยัคฆา เขี่ยเบาๆ เนื้อคงหลุดเป็นแถบๆแล้ว”
“นั่นเพราะท่านยังมิรู้ถึงพลังที่แท้จริงของ จันทริ”

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๒ - ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 10-08-2008 22:03:05
แววเศร้ากำลังมาแล้ว

แต่ที่จันทริหลับช่วงบ่ายบ่อย ๆ เนี่ยะ เพราะว่าใกล้จะมีการกำเนิดของชีวิตใหม่อ๊ะเปล่า  :o8: เดาไปเรื่อย

รอลุ้นตอนต่อไป เป็นกำลังใจให้คุณบุหรงนะคะ  :L2:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๒ - ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 10-08-2008 22:09:13
 :m4: รอดูต่อไป
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๒ - ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 11-08-2008 00:28:47
 :m13: :m13:  จะเป็นไงต่อไปหว่า รออ่านอยู่น๊า......  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอน ๑๙ - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 11-08-2008 09:55:46
สงสัยด้วยคน

จันทริ-จันทรา-จันทิรา

แล้วก็...

ขอถามคุณบุหรงว่า จันทริ อ่านว่า จัน-ทิ ถูกมั๊ยคะ


อ่านแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ถ้าจะให้ดี จัน-ทริ มี ร ควบกล้ำด้วยจะดีครับ   :try2:
หรือถ้าจะอ่านว่า จัน-ทะ-ริ ก็ได้ครับ เดี๋ยวถ้าได้สร้างเป็นหนังค่อยตัดสินใจ ว่าเอาแบบไหนดี  :laugh: :laugh: :laugh:

เข้าใจแล้วค่ะ

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๓ - ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 11-08-2008 19:15:00
๒๓

หมู่บ้านแห่งนี้ ได้รับการเรียกขานจากชาวหมู่บ้านอื่นว่า หมู่บ้านจันทรา มีการเล่าขานกันในหมู่ผู้ทำการค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้ากับหมู่บ้านนี้ รวมทั้งผู้มาเยี่ยมเยือน ถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่มาแห่งนามของหมู่บ้านนี้ ... วิหารจันทรา

วิหารจันทรา ... ถ้ำหินขนาดใหญ่ บนภูเขามิห่างจากหมู่บ้าน สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติอันมีค่า ทั้งทองคำและอัญมณี วิหารจันทรา อันเป็นที่อยู่ของจันทราเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ เทพผู้คุ้มครองดูแลหมู่บ้าน ผู้มีพลังวิเศษ ควบคุมได้แม้แต่วายุในอากาศ ควบคุมได้แม้แต่สายน้ำในห้วงนที

จันทราเทพ ผู้มีอำนาจหยังรู้ถึงความเป็นไปของสรรพสิ่งในแผ่นฟ้า และทุกสรรพสิ่งบนแผ่นดิน

“โห ... อะไรจะเวอร์ขนาดนั้น” รพีพันธ์ พูดพลางส่ายหน้าไปมา แล้วก็ต้องหัวเราะ เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของ อัสสะ “ผมหมายถึง พูดอะไรเกินความจริงน่ะ สมบัติอะไรกัน แค่แก้วซักชิ้น ผมยังไม่เห็นเลย แล้ว จันทริ ก็แค่คนธรรมดา ที่มีอาจจะมีพลังหยั่งรู้ ... ผมหมายถึงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้านิดหน่อย แล้วก็มีอะไรแปลกๆบ้างเท่านั้นเอง”
“คำล่ำลือในหมู่ผู้เดินทาง มักกล่าวขานจนเกินจริง แต่พลังของ จันทริ ท่านยังมิเคยเห็น” อัสสะ พูดยิ้มๆ “หมู่บ้านในหุบเขา มีแม่น้ำอยู่ใกล้ และรายล้อมไปด้วยป่าใหญ่ ท่านสงสัยบ้างหรือไม่ ว่าทำไมจึงสงบสุขเช่นนี้”
“ทำไมล่ะ ผมก็ว่าปรกตินี่นา”
“ภัยธรรมชาติ และการบุกรุกของสัตว์ป่าอันดุร้าย ไฉนจึงไม่เคยมีปรากฏ” อัสสะ ถามยิ้มๆ

... นั่นสินะ จะว่าไปก็น่าแปลกเหมือนกัน อย่างน้อยน่าจะมีสัตว์ป่าหลงเข้ามาให้เห็นบ้าง ... รพีพันธ์ มองหน้า อัสสะ เหมือนจะถามว่า ... ทำไม

“เพราะ จันทริ” อัสสะ ตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น “เมื่อก่อนนี้ บิดาข้าเคยบอกต่อข้าเช่นนี้ แต่ก็ก็มิได้เชื่อ ... ดังเช่นท่านในตอนนี้ ข้ามิเคยเชื่อเลยว่า จันทริ สามารถทำให้พายุพัดผ่านหมู่บ้าไป โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้ามิเคยเชื่อว่า สายน้ำเชี่ยวกราก ที่ไหลมาจากต้นแม่น้ำ จะอ่อนแรงลงได้เพราะ จันทริ ไม่สิ ... ต้องบอกว่า ด้วยพลังของ จันทรา ดวงวิญญาณแห่งเทพ ภายในร่างของ จันทริ” สายตาของ อัสสะ ทอดไปไกล เหมือนคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
“ข้ามิเคยเชื่อมาก่อน จนกระทั่งข้าได้เห็นพลังของ จันทรา ด้วยตาของข้าอง เมื่อตอนที่ข้าอายุได้ ๑๗ หนาว ตอนนั้นข้ากำลังคึกคะนอง มิหวาดกลัวต่อสิ่งใดทั้งสิ้น”
......................................................................
...................................
“ท่านจาง คือหัวหน้าขบวนพ่อค้าในครั้งนี้”
หม่า ผู้เป็นล่าม บอกกับ กรินทร์ เมื่อนำขบวนผู้คนราวๆ ๓๐ คน เข้ามายังลานกว้างกลางหมู่บ้าน โดยจอดรถม้าทั้ง ๑๐ คันไว้ภายนอกหมู่บ้าน กรินทร์ เดินเข้าไปทักทายกับ ท่านจาง หัวหน้าขบวนของผู้เดินทางมาจากดินแดนทางเหนือ ที่จะเข้ามายังหมู่บ้านแห่งนี้ปีละประมาณ ๒ ครั้ง เพราะเป็นทางผ่านเพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านทางใต้ เพื่อทำการค้าขาย การแวะมายังหมู่บ้านแห่งนี้ เป็นเพียงการเข้ามาขอพำนักชั่วคราว ๒-๓ วัน เพื่อบรรเทาความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกล เนื่องเพราะหมู่บ้านนี้ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ด้วยอาหาร อยู่ติดแม่น้ำ และที่สำคัญ ชาวหมู่บ้านยินดีให้การต้อนรับแต่ผู้เดินทาง ด้วยไมตรีจิต

ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ชาวหมู่บ้านต่างก็ให้การต้อนรับผู้มาเยือน ด้วยอาหารและที่พักตามสมควร จะผิดไปก็คือตามปรกติพวกพ่อค้าจะก่อกองไฟนอนกัน ณ ลานกว้างกลางหมู่บ้าน แต่ครั้งนี้กลับก่อกระโจมที่พักกันอยู่ที่ริมแม่น้ำ กรินทร์ เองก็กำชับชาวหมู่บ้านไว้ว่า ไม่ให้เข้าไปใกล้ที่พักของเหล่าพ่อค้า หากไม่จำเป็น

“ทำไมล่ะท่านพ่อ ทุกครั้งท่านมิเคยห้าม” อัสสะ ถามบิดาด้วยความสงสัย
“จันทริ สั่งไว้แต่เมื่อหลายวันก่อน ข้าเองก็รู้สึกว่า ผู้มาครั้งนี้ต่างจากพ่อค้าทั่วไป มิแน่นัก ท่านจาง ที่เป็นหัวหน้าขบวนในครั้งนี้ อาจมิใช่พ่อค้าธรรมดาสามัญ”
“อย่างไรหรือ”
“ข้าเดินทางมาก็มาก เห็นผู้คนมาก็เยอะ ท่านจาง ผู้นี้ดูมีสง่าราศีผิดไปจากคนธรรมดา อาจจะเป็นบุคคลสำคัญของหมู่บ้านในดินแดนทางเหนือ อีกประการหนึ่ง” กรินทร์ หยุดพูด พลางไตร่ตรองว่า ควรจะบอกผู้เป็นบุตรหรือไม่
“มีอะไรอีกหรือท่านพ่อ” อัสสะ ถามอย่างกระตือรือร้น ตามวิสัยอยากรู้อยากเห็นของคนหนุ่ม
“รถม้าเหล่านั้น รอยล้อตื้นเขิน ราวกับมิได้บรรทุกสินค้ามากมาย ดังที่เห็นภายนอก”
“ถ้าเช่นนั้น ทำไมเราไม่ไปดูให้เห็นชัด”
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่า จันทริ ห้ามไว้ มิหนำซ้ำยังกำชับอย่างหนักแน่น ข้าว่าพวกเราคอยดูไปก่อนจักดีกว่า”

กรินทร์ พูดเหมือนกับอึดอัดอยู่บ้าง เพราะในใจก็อยากทำอย่างที่บุตรชายบอกเหมือนกัน แต่ไม่อาจขัด ‘คำสั่ง’ ของ จันทริ ได้
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๓ - ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 11-08-2008 19:36:21
 :serius2: ค้างอ่ะ

คนแต่งใจร้าย

 :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๓ - ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 11-08-2008 19:40:35
 :m4: :m4: :m4:  ขออีกตอนได้ป่าวเนี่ย กำลังอยากรู้เลยอ่า

น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย จันทริ

ขอบคุณคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปคับ

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๓ - ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 11-08-2008 22:05:57


กำลังเจ้มจ้น... เอ๊ย...กำลังสนุก  รอลุ้นต่อ ค่ะคุนบุหรง

จะทำโพล เหรอคะ  คึคึ เอาแบบไหนดีน๊า...

แต่ที่แน่ๆ... จากกันชั่วนิรันดร์ .... ม่ายอ๊าววววววววววววววววววว....ว   :serius2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๓ - ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 11-08-2008 22:51:12
 :o จะมาีดีหรือมาร้ายอ่ะ

หรือจะมีฉากพระเอกเราบู้  :confuse: น่าจะดี  :oo1: เพราะปะยุทธกะจันทริก็ปิดถ้ำ ให้รพีสำแดงพลังสุริยเทพหน่อยจิคุณตั้ม  :laugh:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๓ - ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 12-08-2008 20:54:55
 :m22: :m32: :m22: :m32: :m22: :m32: :m22: :m32: :m22: :m32:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๓ - ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 12-08-2008 22:36:09
 :o11: หายไปไหนอ่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๓ - ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 13-08-2008 12:44:00
เอ่อ... พลังของจันทรินี่น่ากลัวดีป่ะนี่ :m29:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๓ - ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 13-08-2008 14:18:50
จันทริสุดยอด :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๔ - ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 14-08-2008 18:44:03
๒๔

“บิดา ... จันทริ ให้ข้านำความมาบอก”
“นี่เจ้าแอบขึ้นไปบนเขาอีกแล้วรึ” กรินทร์ พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิผู้เป็นบุตร
“ก็ข้าเป็นห่วง จันทริ” อัสสะ พูดอย่างไม่ยินยอม “คนพวกนั้นพากันขึ้นไปเดินวนเวียนอยู่บนภูเขา เหมือนจะค้นหาสิ่งใด ทำเช่นนั้นมา ๓ วันแล้ว ข้าจึงขึ้นไปดูว่า จันทริ ปลอดภัยดีหรือไม่”
“เจ้ามิต้องเป็นห่วงไป มิมีผู้ใดทำอันตรายต่อ จันทริได้” กรินทร์ พูดพลางลูบศรีษะบุตรชายด้วยความเอ็นดู “ว่าแต่ จันทริ ฝากความใดมา”
“จันทริ บอกว่า วันพรุ่ง คนเหล่านั้นจักบังคับให้บิดาพาขึ้นไปยังวิหารจันทรา ให้ท่านจงปฏิบัติตาม อย่าได้ขัดขืน อาจจะมีอันตรายได้ ทุกสิ่งต่อจากนั้น จันทริ จะเป็นผู้จัดการ”
......................................................................
..................................
เช้าวันรุ่งขึ้น หม่า พา ท่านจาง พร้อมทั้งคนประมาณ ๒๐ คนล้วนถืออาวุธครบมือ เข้ามาในหมู่บ้าน และขอพบ กรินทร์
“ท่านจาง ต้องการให้ท่านพาพวกเขาไปยัง วิหารจันทรา” หม่า บอกกับ กรินทร์
“นั่นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้านเรา พวกท่านเป็นคนนอก มิอาจเข้าไปได้” กรินทร์ ตอบอย่างไม่พอใจ
หม่า หันไปแปลคำพูดนั้นให้ ท่านจาง ฟัง และหันกลับมาเมื่อ ท่านจาง พูดจบ
“ถ้าเช่นนั้นท่านจงเลือกเอา ระหว่างการพาพวกเราไป กับชีวิตของท่านและชาวหมู่บ้าน” จบคำพูด พลปืนราว ๑๐ คนของ ท่านจาง ก็หันกระบอกปืนไฟไปที่ กรินทร์
“ได้ ข้าจักพาพวกท่านไป แต่หาใช่เพราะคำข่มขู่ของพวกท่านไม่” กรินทร์ พูดพลางมองด้วยสายตาเหมือนจะเย้ยหยัน ราวกับรู้ชะตาของคนเหล่านี้ “ข้าจักพาพวกท่านไป เพราะเป็นประกาศิตของ จันทริ”

อัสสะ แอบเดินตามหลังคนเหล่านั้นไปห่างๆ
แกร๊ก ... แกร๊ก ...
เด็กหนุ่มได้ยินเสียงบางอย่าง ย่ำอยู่บนใบไม้ที่ร่วงอยู่เต็มพื้นทางด้านหลัง จึงหยุดเดิน เสียงนั้นก็เงียบหายไป เด็กหนุ่มจึงก้าวเท้าเดินอีกครั้ง
แกร๊ก ... แกร็ก ...
เสียงเดิมดังขึ้นอีก จน อัสสะ แปลกใจ จึงหยุดเดินอีกครั้ง เสียงนั้นก็เงียบไปอีก เป็นอย่างนี้อยู่อีก ๒-๓ ครั้ง อัสสะ จึงตัดสินใจหยุดเดินและหันตัวกลับไปทางด้านหลัง แล้วก็ต้องตกตลึงอ้าปากค้างเมื่อเห็นสิ่งที่เดินตามมา

เสือโคร่งตัวมหึมา ... กำลังจ้องมองเขาอยู่ และแยกริมฝีปากราวจะยิ้มให้ แต่เป็นยิ้มที่เกือบจะทำให้หัวใจของ อัสสะ หยุดเต้น

“อัสสะ มิต้องกลัว พยัคฆา เป็นมิตรกับข้า และเป็นมิตรกับท่านเช่นกัน พยัคฆา เกรงว่าจะมีคนทำร้ายท่านทางด้านหลัง จึงคอยคุ้มครองให้แก่ท่าน ตอนนี้ท่านจงรีบมาหาข้าเถิด”  เสียงดังขึ้นราวกับคนพูดยืนอยู่ข้างๆเขา อัสสะ หันหน้าไปมามองดูรอบๆตัว แต่ไม่มีใครอยู่เลย
“จันทริ” เด็กหนุ่มครางเบาๆ เพราะนั่นเป็นเสียงที่เขาจำได้ดี มองไปอีกครั้ง เสือโคร่งตัวนั้นก็หายไปเสียแล้ว อัสสะ ตัดสินใจหันหลังกลับ แล้วรีบเดินต่อไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
มิใช่เป็นความหวาดกลัว แต่เป็นความเชื่อมั่นบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจ ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นผู้กล้า เป็นผู้พิทักษ์ ที่จะไปคุ้มครองบุคคลอันเป็นที่รัก

... จันทริ ดวงใจของข้า ข้าจะปกป้องเจ้าด้วยชีวิต ด้วยดวงวิญญาณของข้า ...
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๔ - ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 14-08-2008 18:56:59
จะเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย  :m29:

เอา  :L2: มาฝากคนแต่งจ้ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๔ - ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 14-08-2008 23:50:52
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๔ - ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 15-08-2008 10:33:53
 :m13: :m13: ทำไมมันสั้นนักล่ะนี่  :m13: :m13:

รออ่านอยู่นะค๊่าบ.......
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๔ - ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 15-08-2008 11:36:27
 :เฮ้อ: หวังสมบัตินี้เอง
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 15-08-2008 19:13:09
๒๕

บนลานกว้าง ซึ่งปูไว้ด้วยทรายสีขาวละเอียด ด้านในเป็นหินผาขนาดใหญ่ หน้าปากถ้ำ จันทริ ในชุดเสื้อแขนยาวสีขาวสะอาด ชายเสื้อยาวคลุมลงมาถึงเข่า กางเกงสีเดียวกัน ขากางเกงยาวลงมาถึงข้อเท้า ใบหน้ายังประดับไว้ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน จันทร์เสี้ยวส่องประกายสีขาวนวลตา อยู่ ณ กึ่งกลางหน้าผาก ทำให้เหล่าผู้มาเยือนต่างตลึงมองด้วยความแปลกใจ และประกายตาของบางคน ที่ส่อถึงความต้องการเป็นเจ้าของ

“กรินทร์ อัสสะ พวกท่านมาอยู่กับข้าทางนี้” จันทริ ขยับปากพูด ถึงแม้ อัสสะ จะซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ห่างออกมาไกล ก็ยังได้ยินเสียงเรียกอย่างแจ่มชัด เขาจึงออกจากที่ซ่อนวิ่งไปยืนอยู่เคียงข้าง จันทริ ทางด้านซ้าย ด้วยความรวดเร็ว
“อัสสะ จับมือข้าไว้” จันทริ ยื่นมือซ้ายให้ "จับมือบิดาท่านไว้ด้วย มิว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น ท่านห้ามปล่อยมือผู้ใดโดยเด็ดขาด”
อัสสะ ได้ยินก็ใช้มือขวาจับมือของ จันทร แล้วเอื้อมมือซ้ายออกไปจับมือขวาของ กรินทร์ ไว้
“เมื่อสักครู่ ท่านถามข้าว่า ทำไมตลอด ๓ วันที่ผ่านมา พวกท่านจึงไม่สามารถมาถึงที่นี้ได้ ทั้งที่พวกท่านพยายามค้นหาจนทั่วทั้งภูเขาลูกนี้” จันทริ หันไปพูดกับเหล่าผู้มาเยือน
อัสสะ นึกแปลกใจ เมื่อเห็นคนเหล่านั้นเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ จันทริ พูด
“ท่านพูดภาษาของพวกเราได้” ท่านจาง พูดด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่ กรินทร์ และ อัสสะ กลับแปลกใจยิ่งกว่า

... ทำไมถึงได้เข้าใจในสิ่งที่คนต่างถิ่นพูด หรือว่า นี่เป็นเพราะพลังอำนาจของ จันทริ พลังอำนาจแห่งจันทราเทพ ...

“นั่นเพราะพวกท่านมาที่นี่ด้วยเจตนาที่มิชอบ พวกท่านมาเพราะความโลภ ป่าจึงมิยินยอมให้พวกท่านมาถึงที่แห่งนี้”
“แต่ตอนนี้ พวกข้าก็มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว” ท่านหม่า พูดพลางหัวเราะในลำคอ
“นั่นเพราะพวกท่านคิดทำร้ายคนในหมู่บ้าน ข้าจึงยินยอมให้พวกท่านได้มาเห็น”
“เจ้าคือ จันทราเทพ งั้นหรือ”
“ข้าคือ จันทริ ผู้ที่ท่านต้องการพบ” จันทริ ยังคงยิ้มน้อยๆในใบหน้า “ข้าขอให้ท่านพาคนของท่านกลับไปเสีย ต่อไปภายหน้า หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงต้อนรับพวกท่านเหล่าผู้ผ่านทาง เหมือนเช่นที่เคยเป็น”
“หึ หึ ... กลับไปอย่างนั้นหรือ” ท่านจาง ยิ้มที่มุมปาก อัสสะ คิดว่านั่นช่างเป็นรอยยิ้มที่น่าชังยิ่งนัก “ข้าย่อมกลับแน่ แต่ต้องกลับไปพร้อมกับสิ่งที่ข้าต้องการ”
“สมบัติอย่างนั้นหรือ” จันทริ ถามพลางยิ้มมากขึ้นกว่าเดิม “หรือว่าตัวข้า”
“ทั้งสองอย่าง ข้าจะนำเจ้ากลับไปพร้อมกับข้า รวมทั้งสมบัติทั้งหมดภายในถ้ำนั้น” ท่านจาง พูดพลางมอง จันทริ ตลอดทั้งตัว “เจ้างดงามกว่าที่ข้าคิด”
“ความโลภจักนำมาซึ่งความวิบัติ สมบัติอันมิใช่ของตน ย่อมมิอาจครอบครองไว้ได้อย่างยั่งยืน ข้าขอเตือนท่านอีกครั้ง ... จงกลับไปเสีย”
ท่านจางหัวเราะเสียงดัง จ้องมอง จันทริ ด้วยสายตาแวววาว แล้วก้าวเท้าเข้าไปหา จันทริ

โฮก........
เสียงคำรามดังกระหึ่มก้อง เงาร่างใหญ่โตกระโจนออกมาจากหมู่ไม้ ยืนขวางหน้า จันทริ ไว้ หันหน้าไปทางผู้บุกรุก
เสือโคร่งตัวมหึมา สีส้ม เหลือง ลายสีดำ ส่งประกายมันขลับ แววตาดุร้าย ส่งเสียงคำราเบาๆอยู่ในลำคอ กลุ่มคนในลานกว้าง ต่างอุทานด้วยความตกใจ ไม่เว้นแม้แต่ กรินทร์ และ อัสสะ
“ปืนไฟ”
ท่านจาง ร้องสั่งเมื่อตั้งสติได้ คนราว ๑๐ คนที่ถือปืนไฟ วิ่งออกมาตั้งแถวหน้ากระดานหน้า ท่านจาง แล้วนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง ประทับปืนไฟด้ามยาวไว้บนบ่า เล็งไปที่เสือโคร่งตัวนั้น
โฮก .....
พยัคฆา คำรามเสียงดังอีกครั้ง พลางเดินเข้าไปหาพลปืนอย่างช้าๆ
“ยิง”
ปัง ... ปัง ... ปัง
สิ้นเสียงสั่ง ปืนทุกกระบอกต่างพากันยิงไปยังเสือโคร่งยักษ์ เห็นได้ชัดว่า กระสุนทุกนัดยิงโดนเป้าหมายอย่างแม่นยำ แต่กระสุนแหล็ก หมือนกับกระทบเข้ากับวัตถุที่แข็งแกร่ง ล้วนกระดอนร่วงหล่นลงสู่พื้นน

ไม่มีแม้แต่การชะงักงัน พยัคฆา เดินเข้าไปหาหมู่ศัตรูเร็วขึ้น ท่านจาง ถอยหลังกรูดไปหลายก้าว พร้อมกับพลปืน คนที่ถือดาบ ๑๐ กว่าคน ขึ้นมาเป็นกองหน้าแทน ดาบยาวถูกยกขึ้น ต่อต้านเสือร้าย แต่คมดาบกลับไม่อาจทำอันตรายต่อมันได้แม้แต่ขนสักเส้น แต่ยามที่อุ้งเท้าของ พยัคฆา กวาดไปที่ใด คนก็ล้มลง แต่เหมือนไม่มีเจตนาทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิต กงเล็บอันแหลมคมจึงไม่ได้กางออกมา แต่เพียงแค่แรงตบของอุ้งเท้ามหึมา ก็ทำให้หลายคนถึงกับสลบไป
“เล็งเป้า จันทริ” ท่านจาง สั่งด้วยเสียงอันดัง และสั่นน้อยๆด้วยความหวาดกลัว พลปืนต่างประทับปืนบนบ่า เล็งไปที่ จันทริ
“ยิง”
ปัง ... ปัง ... ปัง

อัสสะ ตกใจตั้งแต่ตอนที่ได้ยินให้พลปืนเล็งปืนไฟมาที่ จันทริ ทันทีที่สิ้นเสียงสั่งยิง มือทั้งสองข้างสะบัดมือที่จับไว้อยู่อย่างแรง อัสสะ ก้าวเท้าด้วยความรวดเร็วไปข้างหน้า เอาตัวบัง จันทริ ไว้

โฮกกกกกกกกก......
พยัคฆา คำรามก้องด้วยความโกรธแค้น กงเล็บแหลมคมถูกกางออกจากอุ้งเท้า พลางพุ่งตัวเข้าหาพลปืนและ ท่านจาง ด้วยความดุร้าย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 15-08-2008 20:03:14
โลภจริงๆ เล้ย  :เฮ้อ:

งานนี้เชียร์พยัคฆานะ จัดการไปเลย  :m16:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 15-08-2008 20:14:39
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 15-08-2008 20:32:12
 :เฮ้อ: ค้างอีกแระอ่า  อีกตอน ได้ป่าวเนี่ย  :m20: :m20:

ขอบคุณคับที่มาต่อ รออ่านอยู่ค๊าบ......

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 15-08-2008 23:47:01
 :m4:
ยิ่งอ่านยิ่งมันส์ พะย่ะค่ะ  :laugh:
ว่าแต่พ่อพระเอกฉันหายไปไหนนนนน
ปล่อยให้อัสสะแมนอยู่คนเดียวววววว
ปัดเดี๋ยวเปลี่ยนตัวพระเอกซะเลยยย ชิส์  o12
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 16-08-2008 10:03:51

อ่านไปลุ้นไป  ลุ้นระทึก 
แถมยังปล่อยให้ค้างคา อีกนะเนี่ย.. คุนบุหรง คึคึ

ถ้าซินเข้าใจมิผิด  ตอนนี้เป็นเรื่องที่ อักสะ เล่าให้ รพีพันธ์  ฟัง ชิมิ  :m23:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 16-08-2008 17:00:11
  :laugh5: เห็นพลังจันทราหรือยังพวกโจร โฮ่ๆๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 16-08-2008 19:28:03
:m4:
ยิ่งอ่านยิ่งมันส์ พะย่ะค่ะ  :laugh:
ว่าแต่พ่อพระเอกฉันหายไปไหนนนนน
ปล่อยให้อัสสะแมนอยู่คนเดียวววววว
ปัดเดี๋ยวเปลี่ยนตัวพระเอกซะเลยยย ชิส์  o12

อ่านไปลุ้นไป  ลุ้นระทึก 
แถมยังปล่อยให้ค้างคา อีกนะเนี่ย.. คุนบุหรง คึคึ

ถ้าซินเข้าใจมิผิด  ตอนนี้เป็นเรื่องที่ อักสะ เล่าให้ รพีพันธ์  ฟัง ชิมิ  :m23:
๒-๓ ตอนที่ผ่านมา และอีก ๒-๓ ตอนที่จะลงต่อ เป็นเรื่องที่ อัสสะ เล่าให้ รพีพันธ์ ฟังน่ะครับ เป็นเรื่องตอนที่ อัสสะ อายุได้ ๑๗ และได้เห็นถึงพลังที่แฝงอยู่ในตัว จันทริ รวมทั้งได้เข้าใจใน 'ตัวตน' ของ จันทริ มากขึ้น

... ก็เลยยังไม่มีบทของ รพีีัพันธ์ ครับ  :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 16-08-2008 19:30:27
 :m13: :m13: อ้าว นึกว่ามาต่อ ซึม  :m13: :m13:

รออยู่นะค๊าบ.......
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 16-08-2008 20:01:56
เพิ่ง เข้า ม  อ่านเรื่อง นี้ อะ

รอตอนต่อ ไป นะค่ะ


 :oni3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 16-08-2008 23:11:06
นิยายสนุกมากค่ะ มาเป็นกำลังใจคนอ่านค่ะ ชอบอ่านแนวลึกลับแบบนี้แหละ

อ่านนิยายแล้ว อ่านเมนท์ของแต่ละคน ตลกดี

เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกที่มีเมนท์ถามคำถามมากมาย

คนแต่งก็ใจดีมาก มาตอบแทบทุกคำถามเลย

แม้บางทีจะอึ้งกับคำถามก็ตาม  :m4:


เอาไป ๑ จิ้มเลย มาอัพบ่อยๆนะค๊ะ กำลังสนุกเลย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 17-08-2008 15:49:58
พยัคฆากินมันเลย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 17-08-2008 19:57:22
แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ไม่มาต่อหรือเพค่ะ  :m20: :m20:

รออ่านอยู่นะค๊าบ..........

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๕ - ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 17-08-2008 22:19:42
 :a12: นอนรอ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 18-08-2008 17:13:44
๒๖

เสียงร้องโหยหวนด้วยความจ็บปวด หยดเลือดสาดกระจายไปบนลานสีขาวสะอาด แต่สิ่งที่ทำให้ อัสสะ ตกตะลึง ไม่ใช่ภาพของการไล่โจมตีใส่เหล่าพลปืน อย่างโหดร้ายของ พยัคฆา และไม่ใช่ภาพของโลหิตจากร่างของเขา ที่ควรจะถูกกระสุนจากปืนไฟยิงเข้าใส่

... ไม่มีแม้แต่ความเจ็บปวดอย่างที่เขาคิด

ภาพของกระสุนเหล็กนับสิบลูก หยุดค้างอยู่กลางอากาศ ห่างจากตัวเขาเพียงแค่เอื้อมมือถึง ราวกับว่าตรงนั้นมีกำแพงแก้วกั้นขวางอยู่ ทำให้ลูกกระสุนเหล็กไม่สามารถพุ่งผ่านได้ จากนั้น ลูกกระสุนเหล็กค่อยๆร่วงลงสู่พี้นอย่างช้าๆ ราวกับมีคนค่อยๆจับวางลงทีละลูก ตามมาด้วยภาพของคน ๕-๖ คนเงื้อดาบยาวในมือขึ้นสูง วิ่งตรงเข้ามาพร้อมกับเสียงตะโกนอย่างโกรธแค้น แต่ก็ต้องหยุดชะงัก แขนที่ถือดาบเงื้อง่าค้างอยู่ในอากาศ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นจับแขนของคนเหล่านั้นไว้ สีหน้าที่มองมาเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกและหวาดกลัว ตอนนั้นเองที่ อัสสะ สังเกตว่าทางด้านขวาของเขา มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลัง

มือขาวสะอาด นิ้วเรียวยาว กำอยู่กลางอากาศ เหมือนกับรวบกำบางอย่างไว้ในมือ เมื่อมือนั้นเคลื่อนไหวเหมือนโยนของในมือออกไป เหล่าคนที่ถือดาบเงื้อง่าอยู่ในอากาศ ก็กระเด็นออกไปคนละทาง ราวกับโดนจับเหวี่ยงไปด้วยกำลังแรง จนถึงกับสลบไสลไป อัสสะ หันหน้ากลับไปทางด้านหลัง สายตาของเขา ก็กระทบเข้ากับประกายสีทอง

ประกายสีทองของจันทร์เสี้ยว กลางหน้าผากของจันทริ และประกายตาที่กราดเกรี้ยว อย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

“พยัคฆา อย่าได้เข่นฆ่าจนเป็นบาปติดตัวเจ้าไป พอแต่เพียงเท่านี้เถอญ”
เสียงพูดเบาๆ แต่ดังก้องอยู่ในอณูของอากาศ พัยคฆา คำรามก้อง แล้วกระโจนเข้าไปในหมู่ไม้หายลับไป บนลานกว้างเหลือเพียงร่างของคนที่บาดเจ็บ และสลบไสล  เหมือนจะมีเพียง หม่า เท่านั้นที่ไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย แต่ก็นั่งกองอยู่กับพื้น ร่างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว จันทริ พูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ อัสสะ ไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะนั่นเป็นภาษาของเหล่าผู้มาเยือน ขณะที่กำลังงุนงง ก็รู้สึกว่ามือขวาถูกมือข้างหนึ่งกุมไว้ เมื่อก้มลงมองดู ก็พบว่าเป็นมือของ จันทริ ตอนนั้นประกายสีทองของจันทร์เสี้ยวนั้น เปลี่ยนเป็นสีขาวนวลตา
“บอกแก่ ท่านจาง ผู้นำของท่าน หากยังมิสามารถเดินทางได้ ก็จงพักรักษาตัวเสียก่อน พวกเรายังคงยินดีให้การดูแลพวกท่าน จนกว่าจะสามารถเดินทางได้”
อัสสะ เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ตอนนี้เขาฟังออกว่า จันทริ พูดอะไรบ้าง
“แต่อย่าได้กระทำเช่นนี้อีก” จันทริ พูดต่อ “หาก จันทรา พิโรธมากกว่านี้ ข้าเองก็คงมิอาจห้ามได้เช่นครั้งนี้”
พูดจบก็เบือนหน้ามาทาง อัสสะ พูดเบาๆพอได้ยินกันเพียงสองคน
“ชะตาชีวิตของคน ข้าคงได้แต่เตือนสติไว้ แต่หากยังดื้อรั้น มิฟังคำ” จันทริ ถอนหายใจยาว ปล่อยมือ อัสสะ แล้วหันหน้าไปทาง กรินทร์
“จงดูแลรักษาผู้บาดเจ็บให้ดี และจัดหาอาหารให้การต้อนรับเช่นที่เคยทำมา”
................................................................
........................
“คนพวกนั้นคงกลับไปแต่โดยดีล่ะสิ”
“มิใช่” อัสสะ ตอบด้วยสีหน้าหวาดหวั่น “คนเหล่านั้นถูกสายน้ำคร่าชีวิตไปเกือบหมดสิ้น ข้ายังจำได้ติดตา ความพิโรธของ วารีเทพ ต่อผู้มุ่งร้ายต่อ จันทราเทพ และชาวหมู่บ้าน ความโกรธของ จันทรา และความโศกเศร้าราวจะขาดใจของ จันทริ”
................................................................
........................
สิบกว่าวันที่เหล่าผู้มาเยือนด้วยความโลภในทรัพย์ พักรักษาตัวจนอาการดีขึ้น และพากันเก็บกระโจมที่พัก รวามทั้งข้าวของต่างๆเพื่อเดินทางกลับ จันทริ ผู้เฒ่าทั้งสี่ กรินทร์ อัสสะ และชาวหมู่บ้านราวสิบกว่าคน พากันมาส่งผู้เดินทาง ณ ริมแม่น้ำ
“ท่านจาง ขอขอบคุณในความมีน้ำใจของท่าน และจะขอเป็นมิตรกับพวกท่านตลอดไป” หม่า บอกกับชาวหมู่บ้านหลังคำพูดอันยืดยาวของ ท่านจาง
“ขอพวกท่านจงเดินทางคืนสู่ถิ่นฐานโดยสวัสดิภาพ พวกเรายินดีต้อนรับการมาเยือนฉันมิตรของพวกท่านทุกเมื่อ” กรินทร์ พูดในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน

หลังการกล่าวอำลา เหล่าผู้เดินทางต่างพากันทยอยขึ้นรถม้า ซึ่งจอดเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ เตรียมจะเดินทาง ทันใด อัสสะ ก็รู้สึกว่ามือของตนถูกกุมไว้ ด้วยมือของ จันทริ
“กุมมือบิดาท่านไว้ และให้บิดาท่านกุมมือเหล่าผู้เฒ่าและชาวบ้าน ต่อๆกันไป”
ทุกคนทำตามที่ จันทริ สั่งด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ต้องหายแปลกใจ เมื่อได้ยินเสียงพูดที่แผ่วเบา แต่แฝงไว้ด้วยความเคียดแค้น ออกมาจากปากของ ท่านจาง
“เฮ๊อะ ...ข้าจะจดจำความอัปยศในครั้งนี้ และครั้งหน้า ข้าจะกลับมาพร้อมกับกองทัพ เพื่อบดขยี้หมู่บ้านนี้ให้ราบ ดูสิว่า เมื่อเวลานั้นมาถึง มันจะปกป้องหมู่บ้านของมันไว้ได้อย่างไร”
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 18-08-2008 17:32:16
 :m4: :m4: ยังไม่เข็ดอีกนะ ไอ้พวกนี้นี่ ให้เสือจับกินให้หมดเลย  :m16: :m16:

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปนะคับ

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 18-08-2008 18:42:06
ความโลภ ไม่ใช่ของๆตัว

ไม่ได้ยังจะมาแค้นเค้าอีก เหอะๆๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 18-08-2008 19:48:47
อ่านไปใจเต้นไป ลุ้นระทึกไปด้วย  :o8:

ทำไมหนอยังไม่เข็ดอีกหรือ โดนขนาดนี้แล้ว

หรือความโลภเข้ามาบดบังทำให้ลืมทุกอย่างไปสิ้น แม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง

รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ

+ 1 เป็นกำลังใจให้คุณบุหรงนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 18-08-2008 20:22:34
 :m23:
ลืมมมม อัสสะเล่าให้ฟังหรอกเหรอ...
มิน่าไม่มีฉากพระเอกเลยยยยย  :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 18-08-2008 20:44:24
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 18-08-2008 21:00:28
สนุกมากเลยค่ะ ตื่นเต้นดี
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 18-08-2008 21:57:35


ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้น ถึงตัว ทันตาเห็น  ชิมิ     o7
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 18-08-2008 22:08:15
สนุก ตื่นเต้น มากค่ะ แนวผจญภัย ลึกลับ ซับซ้อน มีครบทุกรสชาด

มาให้กำลังใจคุณบุหรงค่ะ

 
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 19-08-2008 01:37:39
โลภจริงๆ เลยน๊า คนเรา  :เฮ้อ:

มาให้กำลังใจคนแต่งจ้า  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 19-08-2008 13:39:48
กรรมของคนเราจริงๆปราณีไว้ชีวิตแล้วไม่จะสำนึก :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 20-08-2008 08:59:46
หายไปไหนน๊า...  :m32: :m32: :m32:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 20-08-2008 20:20:01
เข้ามาแอบดู  :m22:

คุณบุหรงหายไปไหนน๊า สู้ ๆ ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 20-08-2008 20:53:16
เอ้า ยังไม่เข็ด ครั้ง นี้


ก็ สั่งสอน ให้ ตาย ไป เรย


 :angry2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 20-08-2008 21:24:11
ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ พอดีว่าช่วงนี้ยุ่งๆนิดหน่อย ก็เลยไม่ค่อยได้มาอัปเดท เดี๋ยวพรุ่งนี้(พฤหัสฯ) มาลงเพิ่มเติมแน่นอนครับ  o2 o2 o2
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๖ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 20-08-2008 23:47:28
ไม่เป็นไรจ้า  :m1:

ยังไงก็รอ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 21-08-2008 18:44:06
๒๗

สายน้ำที่ไหลเอื่อยอยู่ในลำน้ำ พลันก็ส่งเสียงซ่าดังกระหึ่ม และหมุนวนเป็นเกลียวดุจวังน้ำวน แต่แทนที่จะเป็นวังวนที่ดิ่งแกนลึกลงไปใต้น้ำ กลับม้วนตัวสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า กลายเป็นเป็นเสาน้ำมหึมา ขณะที่ทุกคนต่างตกตลึงกับเสียงดังสนั่น และภาพของเสาน้ำนั้น ปลายยอดของเสาน้ำพลันแยกออกจนมองดูคล้ายนิ้วของมือมหึมา และโดยที่ไม่คาดคิด มือนั้นก็กวาดลงมายังขบวนรถม้า ที่จอดเรียงรายอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ทั้งรถม้าและเหล่าผู้ที่เตรียมจะเดินทางไกล ต่างถูกกวาดลงสู่กระแสน้ำจนหมดสิ้น แต่ยังไม่ทันที่คนที่เหลืออยู่จะหายตกตลึง หม่า และคนอีก ๕ คน ถูกกระแสน้ำช้อนตัวกลับขึ้นมาอยู่บนฝั่งอีกครั้ง แต่คนที่เหลือนั้นหายไปพร้อมกับมือยักษ์ และกระแสน้ำที่กลับมาไหลเอื่อยๆเช่นเดิม

“หม่า” จันทริ พูดกับเหล่าคนที่ต่างทรุดตัวลงนั่งอยู่บนพื้นด้วยความหวาดหวั่น “ท่านต้องพาคนเหล่านี้มา เพราะท่านมิอาจขัดต่อคำสั่งของ ท่านจาง ได้ ส่วนพวกท่านทั้ง ๕ ล้วนมีจิตใจดีงาม ตอนที่มีคำสั่งให้ทำร้ายข้า พวกท่านล้วนไม่ลงมือ จันทริ มิปรารถนาให้พวกท่านต้องรับเคราะห์ เพราะความโลภและความแค้นในครั้งนี้ กรินท์ จักจัดหาสิ่งของจำเป็นในการเดินทางให้แก่พวกท่าน รวมทั้งพาหนะ หากว่าพวกท่านต้องการ เมื่อกลับไปถึงถิ่นของพวกท่านแล้ว ก็แล้วแต่ว่าพวกท่านจักจัดการต่อเรื่องนี้เช่นไร”
ประกายสีทองของจันทร์เสี้ยวส่องประกายแวววาว จันทริ พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หากพวกท่านต้องการทำลายล้างหมู่บ้านแห่งนี้ ข้าอาจปกป้องไว้มิได้ แต่ข้าให้คำสัญญาต่อพวกท่าน ต่อคนของข้า ต่อวารี ต่อแผ่นฟ้า ต่อผืนแผ่นดิน ข้าจักทำลายผู้รุกราญให้สิ้น มิเว้นแม้แต่ชีวิตเดียว และจะติดตามไปทำลายถิ่นของมันผู้นั้น ให้พินาศสิ้นทั้งเผ่าพัันธ์  เช่นเดียวกับที่มันผู้นั้น คิดจะกระทำต่อหมู่บ้านของข้า”
เมื่อพูดจบ จันทริ ก็ปล่อยมือจาก อัสสะ แล้วหมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้ กรินทร ์เป็นผู้จัดการเรื่องต่างๆที่ค้างคาอยู่ อัสสะ ได้แต่ยืนงุนงงอยู่สักครู่ ก็หมุนตัววิ่งตาม จันทริไป แต่ไม่ว่าเขาจะวิ่งด้วยความรวดเร็วเพียงใด ก็ไม่สามารถติดตาม จันทริ ที่เดินอยู่เบื้องหน้าได้ทัน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้สะกิดใจ ยังคงวิ่งตามหลังไป จนร่างเบื้องหน้าเดินหายเข้าไปในถ้ำศักดิ์สิทธิ์

... วิหารจันทรา ... สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหมู่บ้าน นอกจากผู้มีหน้าที่ต้องกระทำ มิว่าผู้ใดก็มิอาจล่วงล้ำเข้าไป นั่นคือ ‘กฎ’ แห่งหมู่บ้าน

หากเป็นเมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจใน ‘กฎ’ นี้เลย แต่หลังจากที่เขาได้เห็นถึง ‘พลัง’ ของ จันทริ ทำให้เขาลังเลที่จะเข้าไปอย่างที่เคยกระทำ

“ฮึ่ม ....”
เสียงเบาๆดังขึ้นทางด้านหลัง เมื่อ อัสสะ หันไปมองก็พบกับเสือโคร่งตัวมหึมา ยืนห่างจากเขาไปไม่ไกลนัก
“พยัคฆา” เด็กหนุ่มเรียกเบาๆ ถึงจะรู้ว่าเป็นมิตร แต่ก็ยังอดรู้สึกกลัวจนต้องกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
“ฮึ่ม ...” พยัคฆา คำรามเบาๆในลำคอ พลางส่ายหัวขึ้นลง เหมือนเป็นสัญญาณบอกให้เขาเข้าไปในถ้ำ
“เจ้าต้องการให้ข้าเข้าไปหรือ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
พยัคฆา ทำท่าเหมือนพยักหน้าแทนคำตอบ
อัสสะ หันหน้ามองเข้าไปภายในถ้ำสักครู่ แล้วหันหน้ากลับมาอีกครั้ง แต่เสือโคร่งตัวนั้นหายไปเสียแล้ว เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเดินเข้าไปภายในถ้ำ
...................................................................
............................
“เสียงสะอื้นไห้ดังอยู่แผ่วเบา เมื่อข้าเดินเข้าไปภายในถ้ำ ที่ข้าเห็นคือ จันทริ นอนฟุบหน้าอยู่บนเตียงหิน ร่างกายสั่นสะท้าน กำลังร่ำไห้ราวจะขาดใจ”
“คงเสียใจที่มีคนต้องตาย” รพีพันธ์ พูดขัดขึ้น “จันทริ เป็นคนอ่อนโยน ถึงแม้คนพวกนั้นสมควรตาย แต่ จันทริ ก็คงเสียใจมากที่ทำแบบนั้นลงไป”
“มันมิใช่เพียงแค่นั้น” อัสสะ หันมาบอกยิ้มๆ
...................................................................
............................
อัสสะ เดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงหิน เอื้อมมือไปจับไหล่ที่สั่นสะท้านของร่างบอบบาง ที่กำลังฟุบหน้าร้องไห้อยู่บนเตียงหิน
“จันทริ เจ้าร้องไห้ทำไม”
“อัสสะ” เสียงเรียกแผ่วเบา ร่างนั้นยันตัวลุกขึ้นนั่ง พลางเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามา ดวงตาแดงช้ำ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ทำให้เด็กหนุ่มคิดไปถึงเด็กน้อยที่รำไห้ด้วยความเสียใจ เมื่อรู้ถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของบิดามารดา เมื่อหลายปีก่อน จนอดไม่ได้ที่จะนั่งลงไปข้างๆ แล้วรวบร่างบางเข้ามาแนบอก มือหนึ่งลูบเบาๆที่ไหล่ อีกมือลูบศรีษะ ที่ปกคลุมด้วยเส้นผมอันอ่อนนุ่มอย่างเบามือ ดุจจะปลอบโยน เหมือนที่เขาเคยทำบ่อยๆเมื่อหลายปีก่อน
“มิต้องเสียใจไป หากเป็นข้า ก็คงทำเช่นนั้นเช่นกัน”
“ข้ามิได้เสียใจในสิ่งที่กระทำลงไป แต่ข้าเสียใจเมื่อคิดไปถึงเหล่าญาติพี่น้องของคนเหล่านั้น ว่าจักเสียใจสักเพียงใด เมื่อรู้ว่าคนที่พวกเขารอคอย มิอาจกลับไปอยู่ร่วมกันเช่นเดิมได้อีกแล้ว”
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 21-08-2008 20:08:21
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปน๊า.......


ปล. ไม่เป็นไรคับ ยังไงก็รอได้ัคับพี่ตั้ม
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 21-08-2008 21:21:29
อืม เรื่องราวเริ่มกระจ่างแ้ว

มาให้กำลังใจคนแต่งนะคะ

เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 21-08-2008 23:54:05
 :m29: ซักจะกลัวๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 22-08-2008 00:28:42
หวังว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำซ้อนอีกนะ   :เฮ้อ:

จันทริ จิตใจดี อ่อนโยน  ขนาดนี้  เมื่อถึงเวลาที่ต้อง....กลับคืน ไปยังที่มา

แล้วแยกจาก รพีพันธ์ จันทริมิเจ็บปวดยิ่งกว่านี้เหรอ  :m13:


ง่า... เห็นแววความเศร้ามาอีกป่ะเนี่ย   :sad2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 22-08-2008 08:56:32
ขอบคุณนะครับกระจ่างและตอนนี้ชักเริ่มกลัววันที่ทั้งคู่ต้องจากกัน :sad2:คงเศร้าสุดๆเลย :sad2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 22-08-2008 10:01:16
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 22-08-2008 10:09:39
สงสารจันทริ  :m15:

เป็นกำลังใจให้คุณบุหรงนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 22-08-2008 14:17:05
สงสารจันทริจังเลยอ่ะ :o12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 22-08-2008 20:37:54
 :m4:
อ่านแล้วนึกถึงเซลามูนจัง...ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเอง  :laugh:
เป็นร่างทรงของจันทรามาตั้งหลายปี...ก็ต้องมีการฝึกจิตฝึกใจกันบ้าง
จันทริไม่น่าสงสารหรอก...สงสารตัวเองมากกว่า...อยากรู้เรื่องต่ออ่ะ
 :m23:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 22-08-2008 22:51:48
 :serius2: :sad2: :o12:

รอตอนต่อ ไป นะค่ะ

 :oni3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๗ - แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 23-08-2008 00:40:10
ตามอ่านจนจบแล้วดูๆไปตอนจบต้องเศร้าแน่ๆเลยงะ :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๘ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 23-08-2008 19:17:40
๒๘

“นั่นสินะ จันทริ ต้องเสียพ่อแม่ไป ตอนนั้นคงเสียใจมาก” รพีพันธ์ พูดพลางถอนหายใจ
“แล้วท่านเล่า เสียใจหรือไม่ที่ต้องจากบิดามารดามาอยู่ ณ ดินแดนแห่งนี้”
“ก็ ... แรกๆน่ะนะ มันก็ต้องมีบ้าง” รพีพันธ์ หันไปยิ้มให้คู่สนทนา “จะให้บอกว่าตอนนี้ไม่คิดแล้วก็คงเหมือนโกหก เอาเป็นว่ารู้สึกคิดถึงบ้านน้อยลงกว่าเมื่อก่อน ผมคุ้นเคยกับชีวิตที่นี่ ผมมีเพื่อนอย่างคุณ แล้วก็มี ... จันทริ” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง
“แต่ท่านก็คงอยากกลับคืนสู่ถิ่นเดิมของท่าน ใช่หรือไม่” อัสสะ ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็...” ชายหนุ่มก้มหน้าลง “มีใครบ้างที่ไม่อยากกลับบ้าน” รพีพันธ์ เงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาอีกครั้ง “แต่หากได้กลับไปจริงๆ ผมคงคิดถึงที่นี่น่าดู”
“พวกข้าก็คงคิดถึงท่านเช่นกัน เมื่อเวลานั้นมาถึง” อัสสะ พูดแล้วเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าอย่างเศร้าสร้อย “แต่ข้าคงคิดถึง จันทริ มากกว่า”
รพีพันธ์ ได้ฟังแล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้ถามอะไรต่อไป เพราะ อัสสะ ชิงลุกหนีไปเสียก่อน
..............................................................
.................................
“หมู่นี้คุณแทบจะไม่กินอะไรเลยนะ ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า” รพีพันธ์ ถามพลางใช้มือลูบเรือนผมนุ่ม ของศรีษะที่นอนแอบอิงอยู่บนอกเขา อย่างแผ่วเบา
“ข้ามิเป็นไรดอก เพียงแต่ไม่อยากกินอะไรเท่านั้นเอง” จันทริ ตอบไปเบาๆ พลางเลื่อนตัวขึ้นแนบหน้าผาก ไว้กับคางของชายหนุ่ม
“รพีพันธ์ ... ดวงอาทิตย์ของข้า วันข้างหน้าท่านจักคิดถึงข้าบ้างหรือไม่”
“ถามอะไรอย่างนั้นล่ะ” รพีพันธ์ จูบเบาๆที่หน้าผากของ จันทริ “ถามยังกับว่าจะแยกจากกันอย่างนั้นแหละ”
“ข้าหมายความว่า เมื่อท่านได้กลับคืนไปสู่ถิ่นของท่าน ท่านจักคิดถึงข้าบ้างหรือไม่”
“กลับบ้านเหรอ” รพีพันธ์ ถอนหายใจยาว ภาพใบหน้าของพ่อแม่ วูบผ่านเข้ามาในความคิด “ถ้าได้กลับนะ”
“อีกมินานดอก อาทิตย์ ของข้า” จันทริ ยันตัวขึ้นมาจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม จ้องมองใบหน้า รพีพันธ์ แน่วนิ่ง “ข้าเคยบอกต่อท่านแล้ว ว่าท่านจักได้กลับคืนสู่ที่ที่ท่านมา และอีกมินานดอก ... ที่เวลานั้นจักมาถึง”
“กลับยังไงล่ะ ... หรือว่าผมจะกลับบ้านได้ด้วยพลังของคุณ” รพีพันธ์ ถามยิ้มๆ
จันทริ ไม่ตอบได้แต่ยิ้มน้อยๆ
“อัสสะ เล่าอะไรให้ผมฟังหลายอย่าง” พูดแล้วก็ดึงตัว จันทริ ให้ลงมานอนแนบอกเขาเหมือนเดิม “แต่ตอนนี้ ผมอยากให้คุณเห็นพลังของผมก่อน ท่าจะดี”
พูดจบ ชายหนุ่มก็จับร่าง จันทริ ให้พลิกลงนอนหงาย แล้วทาบทับตัวลงไปบนร่างบาง ประกบริมฝีปากลงจูบอย่างดูดดื่มและยาวนาน
..............................................................
.................................
“ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดปรกติแน่ๆ” รพีพันธ์ พูดแล้วก็ขมวดคิ้ว “หลายวันนี้ จันทริ นอนหลับตั้งแต่ตอนสายๆ ไปจนกระทั่งตะวันตกดิน” พูดจบก็หันหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เหมือนจะขอคำปรึกษา
“คงมิเป็นไร เพียงแต่เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว” อัสสะ ตอบช้าๆ
“เวลา” รพีพันธ์ ทวนคำ “เวลาอะไร”
“นี่ก็เข้าสู่เหมันต์แล้ว อีกมิกี่ราตรีก็จะถึงคืนวันเพ็ญแรกแห่งฤดู”
“วันที่ จันทรา จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งน่ะเหรอ” รพีพันธ์ ขมวดคิ้ว “ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“จันทรา ยังคงตื่นอยู่เสมอ พลังของนางยังคงอยู่รอบๆกายท่านตลอดเวลา เพียงแต่ท่านมิรู้ตัว เพราะเหตุนี้ ร่างกายของ จันทริ จึงต้องการการพักผ่อนมากกว่าเดิม”
“ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้งงนะเนี่ย” รพีพันธ์ ยกมือขึ้นเกาศรีษะ
“พลังแห่งการรับรู้ พลังที่ทำให้ท่านเข้าใจในสิ่งที่พวกข้าพูด และทำให้พวกข้าเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูด”
“คุณพูดอะไรของคุณ พวกเราก็คุยกันรู้เรื่องดีนี่นา” พูดจบ รพีพันธ์ ก็หัวเราะอย่างขบขัน
“หึ หึ” อัสสะ หัวเราะในลำคอ “ท่านคิดว่าข้าพูดกับท่านด้วยภาษาของท่าน หรือท่านกำลังพูดกับข้าด้วยภาษาของข้า”
“หมายความว่ายังไง”
รพีพันธ์ ถามด้วยความงุนงง มองดูอีกฝ่ายยกมือขึ้นมาชึ้ที่ปากของตัวเอง
“ท่านจงดูให้ชัด” อัสสะ พูดช้าๆ รพีพันธ์ จึงเริ่มสังเกตริมฝีปากของผู้พูด “ท่านคิดว่าตอนนี้ข้ากำลังพูดด้วยภาษาของข้า หรือ ของท่าน”

รพีพันธ์ เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้เขาจะไม่รู้เรื่องการอ่านริมฝีปาก แต่ที่เขาเห็นในตอนนี้ ริมฝีปากของ อัสสะ ขยับอย่างไม่สัมพันธ์กับเสียงของคำพูดที่เปล่งออกมา เหมือนเขาได้ดูภาพยนต์ต่างประเทศที่กำลังพากย์ไทยอยู่ไม่มีผิด
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๘ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 23-08-2008 19:46:44
แววเศร้าเริ่มมาละ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๘ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 23-08-2008 23:35:30
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๘ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 23-08-2008 23:45:37
 :sad5: ใกล้จะต้องจากกันหรือเนีย Oh No!  :o12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๘ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 24-08-2008 00:06:06
พลังแห่งจันทรา น่ากลัว   

เริ่มจะเศร้าแล้วซินะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๘ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 24-08-2008 14:03:25
โอ๊ย น่้ากลัวอ่ะ จะเกิดไรขึ้นเนี่ย  :m13: :m13:

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปน๊า....  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๘ - แรม ๗ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 25-08-2008 15:37:51
เวลาแห่งการจากลาใกล้มาถึงแล้วสินะ   :m13:

จาก...เพื่อพบกันใหม่ .. :กอด1:

หรือว่า...จากลาชั่วนิรันดร์      :o12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 26-08-2008 20:27:39
๒๙

“เอาสร้อยนี่มาใส่ทำไม” รพีพันธ์ ถามอย่างไม่ค่อยพอใจนัก เมื่อมองเห็นสายสร้อยที่ถักจากเชือกสีแดง ร้อยไว้ด้วยจี้รูปจันทร์เสี้ยว ที่ทำจากเปลือกหอยมุก ส่งประกายสีน้ำเงิน อยู่บนลำคอของ จันทริ
“ข้าขอสวมไว้จนสิ้นคืนเพ็ญที่จะมาถึงนี้ได้หรือไม่” จันทริ พูดเสียงอ่อนๆพลางใช้มือลูบจี้เบาๆ
“แต่ผมไม่ชอบ” น้ำเสียงและสีหน้าของชายหนุ่ม แสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ถือเสียว่าข้าวิงวอนต่อท่านได้หรือไม่” สายตาของ จันทริ เต็มไปด้วยความอ้อนวอน “อีกเพียงแค่สองราตรีเท่านั้น หลังจากนั้น ข้าจะไม่สวมมันอีกต่อไป”
“แหม ...” รพีพันธ์ ลากเสียงยาว “ทำเป็นน้อยใจไปได้ คุณอยากใส่ก็ใส่เถอะ แต่อย่าบ่อยนักแล้วกัน” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับตัวจี้ พลิกไปมาอย่างสนใจ “ว่าไปก็สวยดีนะ อัสสะ นี่เข้าใจหาของมาให้คุณ ไว้ถ้ามีโอกาสนะ ผมจะหาอะไรให้คุณใส่เล่นบ้าง”
จันทริ ฟังแล้วก็ยิ้มน้อยๆ พลางส่งสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก สบกับสายตาของอีกคนหนึ่ง ที่มองมาด้วยความขบขัน แฝงไว้ด้วยความรักและเอ็นดู
“ข้าอยากออกไปเดินเล่น” จันทริ พูดเบาๆ
“ก็ดีสิ คุณไม่ได้ออกไปข้างนอกมานานเลยนะ ว่าแต่ว่า ...” รพีพันธ์ ยกมือขึ้นลูบที่แก้มเนียนเบาๆ “อย่าไปหลับตอนอยู่ข้างนอกล่ะ หลับไม่รู้สึกตัวแบบนั้น ผมไม่อุ้มคุณกลับมาหรอกนะ” พูดจบก็หัวเราะด้วยความขบขัน
“มิเป็นเช่นนั้นดอก ข้าพักผ่อนพอแล้ว ข้าอยากออกไปดูทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่”
รพีพันธ์ ได้ยินแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว มอง จันทริ ด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
“ข้าหมายถึง เวลาที่เหลืออยู่ ก่อนคืนเพ็ญจักมาถึง” จันทริ ยิ้มน้อยๆ แต่ รพีพันธ์ รู้สึกเหมือนรอยยิ้มนั้น แฝงไว้ด้วยความเศร้า “ลงไปยังหมู่บ้านกันเถิด ข้าอยากพบทุกคนเต็มทีแล้ว”
พูดจบก็เอื้อมมือไปจูงมือ รพีพันธ์ พาเดินออกจากถ้ำไป
..............................................................................
...........................................
เมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวปีที่ ๒๐ เข้าสู่ฤดูร้อน ชาวหมู่บ้านต่างก็ตั้งใจรอคอยบุรุษผู้จะมาเยือน
บุรุษผู้ถูกส่งมาจากองค์สุริยาเทพ
บุรุษผู้มีปานแดงรูปวงกลมสถิตย์อยู่กลางแผ่นอก รอยปานอันเป็นสัญลักษณ์แห่งองค์สุริยาเทพ
บุรุษผู้ถูกส่งมาเพื่อทำหน้าที่ร่วมกัน กับร่างทรงแห่งจันทราเทพ

แต่หากว่าสิ้นสุดฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน บุรุษผู้นั้นมิได้มาเยือน ชายหนุ่มผู้ถูกคัดเลือกไว้เป็นตัวแทนแห่งองค์สุริยาเทพ จะเป็นผู้ทำการนั้นแทน

ตัวแทนแห่งเทพทั้งสอง ร่างทรงแห่งจันทราเทพ และบุรุษแห่งสุริยาเทพ จะหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง และอาศัยอยู่ร่วมกันภายในวิหารจันทรา จวบจนสิ้นสุดฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำ เมื่อถึงคืนเพ็ญแรกแห่งฤดูหนาว ทั้งสองจะต้องกลับคืนสู่ที่มา โดยการนำพาของวารีเทพ

ภาพของห้องโถงใหญ่ในโรงแรม ภายในห้องมีการสัมมนาเชิงวิชาการ ผู้บรรยายหลายคนนั่งอยู่ที่โต๊ะยาวด้านหน้า ปรากฏอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม ตัวเขาเองนั่งอยู่บริเวณที่นั่งสำหรับผู้เข้าฟังในแถวหลังๆ การบรรยายผ่านไปจนจบ ต่อจากนั้นก็มีคนลุกขึ้นถามปัญหาต่างๆที่สงสัย หลายๆคำถามผ่านไป บางคำถามทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความครื้นเครง แต่ผู้บรรยายก็สามารถควบคุมสภาพในห้อง ให้กลับมาสู่ความเป็นการสัมมนาเชิงวิชาการเช่นเดิม

“แล้วที่บอกว่า ตัวแทนของเทพทั้งสองจะกลับคืนสู่ที่มา โดยการนำพาของวารีเทพ หมายความว่าอย่างไรครับ”
“สำหรับคำว่า กลับคืนสู่ที่มา คงจะหมายถึงดวงวิญญาณของทั้งสองกลับคืนสู่องค์เทพ อันหมายถึงความตายนั่นเอง แต่เนื่องจากมีการระบุช่วงเวลาเอาไว้ด้วย ว่าเป็นคืนจันทร์เพ็ญครั้งแรกของฤดูหนาว จึงอาจจะหมายถึงพิธีการรมของการสังเวย หรือการบูชายันด้วยชีวิตของคนทั้งสอง” มีเสียงอุทานมาจากผู้ฟังบางคน “ส่วนคำว่า การนำพาของวารีเทพ อาจจะหมายถึง การทำให้ถึงแก่ชีวิตด้วยสายน้ำ เช่นการถ่วงน้ำ หรืออาจจะหมายถึงการนำร่างซึ่งเสียชีวิตแล้วของคนทั้งสอง ทิ้งลงไปในแม่น้ำแทนการกลบฝังก็เป็นไปได้”

รพีพันธ์ สะดุ้งขึ้นสุดตัว ทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว พลางเหลียวมองไปรอบๆตัว
... ไม่ใช่นี่ ที่นี่ไม่ใช่ห้องสัมมนา ... ชายหนุ่มคิด พลางหอบหายใจ เขาฝันไป แต่ความฝันนั้นเหมือนจริงเหลือเกิน
“เป็นอะไรไปหรือ ถึงได้ตกใจขนาดนี้” จันทริ ลุกขึ้นนั่ง พลางลูบต้นแขนของชายหนุ่มเบาๆ
“ผมฝัน” ขณะที่พูด สายตาของชายหนุ่ม มองไปยังโพรงเหนือถ้ำ มองเห็นพระจันทร์ลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า
“ความฝัน คือการเห็นถึงความปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจท่าน เป็นภาพมายา ท่านอย่าได้กังวลเลย”
รพีพันธ์ หันหน้ามามอง จันทริ ที่อยู่ข้างๆ
“จันทริ ... ผมกลัว”
“มิต้องกลัวสิ่งใด” จันทริ พูดพลางเอื้อมมือไปจับมือแข็งแรงของชายหนุ่ม มากุมไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง “ข้าเคยบอกต่อท่าน ที่นี่ไม่มีผู้ใดคิดร้ายต่อท่าน มิมีสิ่งใดทำอันตรายต่อท่านได้”
“จันทริ” รพีพันธ์ เรียกด้วยเสียงแผ่วเบา “กอดผมหน่อยนะ กอดผมไว้เหมือนตอนที่ผมมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ”

ไม่มีคำตอบ นอกจากการรั้งตัวชายหนุ่มให้นอนลงไปแนบอกของร่างบาง วงแขนอ่อนนุ่มโอบกระหวัดร่างแกร่งไว้อย่างนุ่มนวล ชายหนุ่มโอบเอวของร่างบางไว้หลวมๆ แนบใบหน้าไว้กับอกอุ่น พลางหลับตาลง ดื่มซับกับความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาทั้งร่างกายและหัวใจ จนหลับไหลไปในที่สุด
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 26-08-2008 20:40:34
ไหงมันเริ่มเศร้าๆๆ อะ

รอตอนต่อ ไป นะค่ะ


 :oni3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 26-08-2008 21:27:27
รอลุ้นคืนวันเพ็ญ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 26-08-2008 22:56:54
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 27-08-2008 08:17:28
เสียงว่า...

จะเศร้า

 :serius2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 27-08-2008 08:31:18
แววเศร้ามาอีกแล้วอ่ะ :sad2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 27-08-2008 09:08:21
 :m15: :m15:  ทำไมออกแนวเศร้านะ !!!!!!!!!!!!!  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: pseudoboy ที่ 27-08-2008 14:27:14
เศร้าอ่ะ :sad2:

จันทริต้องตายจริงเหรอ :o12:

ขอให้มีการหักมุม  จันทริต้องไม่ตาย :oni3:

ขอบคุณนะคะที่มาต่อ  เขามารอทุกวันเลยค่ะ 
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 27-08-2008 23:30:08
 :o12: ใกล้แล้วเหรอเนีย  :sad2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 28-08-2008 01:51:02
 :a11:รอลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 28-08-2008 12:25:37
 :m29:

เริ่มเศร้าละ  :serius2:

 :o12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 28-08-2008 21:56:26
 :m15: :m15: :m15: :m15:เศร้างะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๒๙ - แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 29-08-2008 14:55:04
ลุ้นกันตัวโก่งงงงงงงง
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-08-2008 16:35:09
๓๐

ภาพความฝันที่ผ่านมาเมื่อคืน ติดตามอยู่ในความคิดของชายหนุ่มมาตั้งแต่เช้า จนกระทั่งเขาได้เห็นการตัดไม้ท่อนใหญ่ นำมาใช้เชือกมันให้ติดกันเป็นแผ่น
“นั่นเขาทำอะไรกันน่ะ” รพีพันธ์ ถามออกไป
“แพ” จันทริ ตอบ
“แพ ... เอาไว้ทำอะไร” ชายหนุ่มถามด้วยความไม่สบายใจ คำพูดในความฝันผ่านเข้ามาในความคิด
... บูชายัญ ด้วยการทำให้เสียชีวิต แล้วทิ้งร่างลงในน้ำ ...
“หมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อมีผู้หมดลมหายใจ จักนำร่างของผู้นั้นวางลงบนแพ ปล่อยให้ล่องไปตามกระแสน้ำ ถือเป็นการส่งวิญญาณของผู้นั้น กลับไปยังที่ที่ส่งให้มากำเนิดบนผืนดิน”
รพีพันธ์ รู้สึกว่า มีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผาก
“ใคร จะมีใครตายเหรอไง” เขาถามออกไป สายตาจับจ้องอยู่ที่แพ ซึ่งกำลังถูกผูกให้เป็นรูปร่างชัดเจนขึ้น
“ท่านหวาดกลัวสิ่งใดหรือ” มือของ จันทริ ลูบเบาๆบริเวณหลังมือของชายหนุ่ม
“พวกคุณจะทำอะไรผม พรุ่งนี้เป็นคืนวันเพ็ญ พวกคุณจะจับผมบูชายัญใช่มั๊ย” รพีพันธ์ ถามด้วยความหวาดหวั่น
“การบูชายัญด้วยสิ่งมีชีวิต เป็นเรื่องโหดร้าย พวกเรามิเคยคิดจะกระทำ” จันทริ ตอบด้วยเสียงอ่อนโยน จันทร์เสี้ยวสีขาวปรากฏขึ้น ส่องแสงนวลตา “ท่านกำลังหวาดวิตก ท่านกำลังคิดในสิ่งเหลวไหล ท่านควรพักสักนิด”

จันทริ กวาดมือผ่านใบหน้าของชายหนุ่ม ฉับพลันสติของชายหนุ่มก็ดับวูบลง จันทริ โอบร่างหนาของ รพีพันธ์ ไว้ ก่อนที่จะล้มลงกับพื้น
............................................................................
...................................
รพีพันธ์ ค่อยๆลืมตาขึ้น ก็พบว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงหินภายในถ้ำ ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบใคร เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนโพรงเหนือถ้ำ ก็เห็นว่าฟ้าเริ่มมืดสลัว คงเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน เขาค่อยๆนึกถึงสิ่งต่างๆในความทรงจำที่เพิ่งจะระลึกขึ้นได้ กับความเป็นจริงที่เขาเห็น พลางคิดว่าเขาควรจะทำอย่างไรดี

... หนี ... ถ้าสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเขาเป็นความจริง แต่จะหนีไปที่ไหน ถ้าหนีไปจากที่นี่แล้ว จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
แล้วถ้ามันไม่ใช่ความจริง ... แพนั้นถูกสร้างขึ้นมาทำไม

จันทริ คงเป็นคนเดียวที่จะให้คำตอบกับเขาได้ ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขารู้สึกได้ว่า จันทริ ไม่เคยคิดร้ายต่อเขา มิหนำซ้ำยังมีแต่ความอ่อนโยน ความอบอุ่น โอนอ่อนผ่อนตามเขาทุกอย่าง คงเป็นไม่ได้เด็ดขาดที่จะคิดร้ายต่อเขา คิดแล้ว รพีพันธ์ ก็ลุกขึ้นจากเตียงหิน เดินไปยังช่องทางที่จะออกไปจากถ้ำ และเมื่อเขาก้าวเท้าออกมาสู่ลานกว้าง เขาก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น

จันทริ นั่งคุกเข่ากอดคออยู่กับ พยัคฆา ที่ยื่นขาหน้าข้างหนึ่งออกมาโอบไหล่ของ จันทริ ไว้ ราวกับจะโอบกอดร่างบางไว้
“ฮึ่ม....” พยัคฆา คำรามเบาๆในลำคอ พลางลดขาหน้าที่โอบ จันทริ ไว้ลงบนพื้น
จันทริ ลุกขึ้นยืน หันหน้ายิ้มน้อยๆให้ รพีพันธ์ พลางกวักมือเรียก ชายหนุ่มเห็นแล้วก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ เพราะยังนึกหวาดกลัวเสือโคร่งตัวมหึมานั้นอยู่บ้าง
“ฮึ่ม...” พยัคฆา คำรามเบาๆในลำคออีกครั้ง
“พยัคฆา บอกให้ท่านคุกเข่าลง” จันทริ พูดยิ้มๆ
รพีพันธ์ มอง จันทริ สลับกับมอง พยัคฆา
“กระทำเถิด หาไม่หาก พยัคฆา มิพอใจ อาจวิ่งชนใส่ท่านสักครั้ง” พูดจบ จันทริ ก็หัวเราะด้วยความขบขัน
... เอาวะ ทำอะไรก็ทำ แค่คุกเข่าคงไม่เป็นไรน่า ... คิดแล้ว รพีพันธ์ ก็คุกเข่าลง โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ปานแดงที่กลางหน้าอก ส่องแสงทะลุเนื้อผ้าของเสี้อที่สวมอยู่ ออกมาเป็นแสงเรือง
พยัคฆา เดินเข้าหาชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ จนศรีษะใหญ่โตปกคลุมด้วยขนละเอียดอันอ่อนนุ่ม แนบเข้ากับศรีษะของชายหนุ่ม ขาหน้าข้างหนึ่งยกขึ้นมาโอบร่างชายหนุ่มไว้ เหมือนกับที่ทำกับ จันทริ

“รพีพันธ์ อาทิตย์ที่สถิตอยู่ในใจของ จันทริ ผู้เปรียบดังบุตรของข้า ข้าขอขอบคุณท่านที่ทำให้ จันทริ มีความสุข ขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดี ขอความเจริญจงมีแก่ท่านต่อไปเทอญ”
เสียงที่เปี่ยมอำนาจ ราวเสียงของชายผู้เหี้ยมหาญ ดังอยู่ในหัวของชายหนุ่ม และระหว่างที่ รพีพันธ์ กำลังตกตะลึง พยัคฆา ก็ถอยตัวห่างออกไป แล้วหันหลังเดินเข้าไปในหมู่ไม้ หายลับจากสายตาไปในที่สุด
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 29-08-2008 17:09:17
จิ้มมม คนแต่ง

แต่สั้นจังอ่ะ  :sad2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 29-08-2008 17:18:41
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-08-2008 17:27:31
จิ้มมม คนแต่ง

แต่สั้นจังอ่ะ  :sad2:
รีบมาลงน่ะครับ เดี๋ยวดึกๆจะมาลงอีกตอนนะครับ รอนิดนึง กำลังปั่นต้นฉบับ ของเขียนให้จบอีกซักตอนก่อนนะครับ

ลงสั้นไปหน่อย แต่เนื้อหาคงพอจะใช้ได้ไม่น่าเบื่อนะครับ อิ อิ :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๐ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 29-08-2008 18:44:44

ใกล้ถึงเวลาจริงๆแล้วสินะ   :sad2:



ส่งกลับคืนไปยังที่มา...กลับคืนทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่  คงเป็นรพีพันธ์


แต่จันทรินี่สิ.... จะกลับคืน ไปยังที่มา ทั้งๆที่ยังมีลมหายใจอยู่หรือเปล่าหนอ?   :m13:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๑ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-08-2008 19:05:13
๓๑

“คำล่ำลือ มักผิดไปจากความเป็นจริง ข้าเคยบอกต่อท่านหลายครั้งแล้ว ว่าท่านจักปลอดภัย มิมีผู้ใดคิดทำอันตรายต่อท่าน” จันทริ พูดช้าๆ
“แต่ แพนั่น ... คุณบอกผมเองว่าทำไว้ลอยศพคนตาย”
“แต่มิใช่ท่าน ท่านเป็นผู้มีชีวิต ข้ามิเข้าใจว่าท่านกำลังวิตกในเรื่องใด”
“พรุ่งนี้เป็นคืนเพ็ญแรกของฤดูหนาว ร่างทรงแห่งจันทราเทพ และบุรุษแห่งสุริยาเทพ จะต้องกลับคืนสู่ที่มา โดยการนำพาของวารีเทพ” รพีพันธ์ พูดออกมาราวกับคำท่องจำ
“ท่านทราบได้อย่างไร” สีหน้าของ จันทริ เต็มไปด้วยความสงสัย
“เคยมีคนพูดให้ผมฟัง มันเป็นความจริงใช่มั๊ย” รพีพันธ์ ถามพลางจับไหล่ทั้งสองข้างของ จันทริ ไว้
“ท่านเข้าใจข้อความเหล่านั้นมากน้อยเพียงใด ผู้ที่บอกต่อท่าน บอกถึงความหมายของข้อความนั้นว่าอย่างไร”
“คุณและผมจะถูกบูชายัญ ด้วยการถ่วงลงแม่น้ำ”
จันทริ ได้ฟังก็ต้องหัวเราะด้วยความขบขัน
“ถ่วงน้ำ ... ช่างแปลความไปได้ถึงเพียงนั้น คนผู้นั้นคิดว่าข้าเป็นใครกัน” สีหน้าของ จันทริ เหมือนจะเย้ยหยัน รอยยิ้มอย่างเหยียดหยามผุดขึ้นมาที่มุมปาก
... จันทรา นี่เป็นบุคลิคของ จันทรา ไม่ใช่ จันทริ ... รพีพันธ์ คิดเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น
“ข้าคือร่างแห่งจันทราเทพ ข้าคือผู้มีพลังของจันทราเทพสถิตอยู่ ผู้ใดทำอันตรายต่อข้า มันผู้นั้นย่อมพบกับความวิบัติ สำหรับท่าน”
สายตาของ จันทริ เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน แม้กระทั่งรอยยิ้ม ก็เป็นยิ้มน้อยๆเหมือนที่เคยเป็น ในยามที่มองชายหนุ่ม
“รพีพันธ์ บุรุษผู้เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งสุริยาเทพ บุรุษผู้เป็นดวงใจแห่งข้า ผู้ใดคิดร้ายต่อท่าน ย่อมหมายถึงมันผู้นั้นคิดร้ายต่อข้า มันผู้นั้นย่อมพบกับความวิบัติเฉกเช่นเดียวกัน”
พูดจบ จันทริ ก็เข้าไปกอด รพีพันธ์ ไว้ ซบใบหน้าลงกับไหล่กว้าง
“เช่นนี้แล้ว ท่านยังเกรงว่า จักมีผู้ใดทำร้ายท่านอีกหรือ”
“แต่ว่า แพนั่น” หากเป็นเวลาปรกติ ชายหนุ่มคงโอบกอดร่างบางไว้แนบอก “ยังไงผมก็เป็นคนต่างถิ่น ผมอดกลัวไม่ได้”
“ข้าเข้าใจ” จันทริ คลายวงแขน เลื่อนตัวออกมามองหน้าชายหนุ่ม “ถ้าเช่นนั้น ท่านก็รอดูในคืนพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
พูดจบ จันทริ ก็หันหลังเดินไปยังทางออกจากถ้ำ
“คุณจะไปไหน” รพีพันธ์  คว้าข้อมือ จันทริ ไว้
“ท่านมิไว้ใจข้า ท่านหวาดกลัวข้า ข้าจะไปอยู่เบื้องนอก”
แล้ว จันทริ ก็ดึงมือออกจากมือของชายหนุ่ม เดินออกไปยังภายนอกถ้ำ ปล่อยให้ รพีพันธ์ อยู่ภายในถ้ำเพียงลำพัง
.....................................................................
...............................
ดวงจันทร์กลางฟ้า ที่เขามองเห็นผ่านโพรงใหญ่เหนือถ้ำ คงเป็นเวลาราวๆเที่ยงคืน รพีพันธ์ เดินออกมาภายนอกถ้ำ ก็มองเห็น จันทริ นั่งอยู่กลางลานกว้าง เขาจึงเดินเข้าไปหา
“ดึกมาแล้ว ทำไมท่านมิพักผ่อน” เสียง จันทริ พูดเบาๆเมื่อ รพีพันธ์ ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“แล้วคุณล่ะ ไม่ง่วงเหรอ”
“ข้าพักผ่อนพอแล้ว ข้าอยากฟังเสียงลม เสียงสัตว์ป่า ข้าอยากฟังทุกสรรพสำเนียง ในขณะที่ยังมีเวลา”
รพีพันธ์ ได้ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ ราวกับคนตรงหน้ากำลังจะลับหายไป อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจับมืออ่อนนุ่ม มาเกาะกุมไว้แนบแน่น
“ความจริง ข้าอยากใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับท่านมากกว่า” พูดจบ จันทริ ก็เอนตัว ซบศรีษะลงบนไหล่ของชายหนุ่ม
รพีพันธ์ รับรู้ได้ถึงความรักที่ จันทริ มีต่อเขา รู้สึกเสียใจไม่น้อย ในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายและตอนหัวค่ำ ชายหนุ่มจึงยกแขนขึ้นโอบไหล่ของร่างบางไว้หลวมๆ
“รพีพันธ์ อาทิตย์ของข้า วันเวลาเบื้องหน้า ท่านจักจดจำข้าไว้ในใจบ้างหรือไม่” จันทริ ถามเบาๆ
“พูดอย่างกับว่าคุณจะไม่อยู่กับผมแล้ว”
“มิมีผู้ใดรู้ว่า วันเวลาข้างหน้าจักเป็นเช่นไร ต่อให้รู้ ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงชะตา ข้าเคยบอกต่อท่านแล้ว สักวันหนึ่งท่านจักได้กลับคืนสู่ถิ่นของท่าน เมื่อถึงเวลานั้น ท่านจักระลึกถึงข้าบ้างหรือไม่”
“แล้วคุณล่ะ” ชายหนุ่มถามกลับ แทนที่จะให้คำตอบ
“รพีพันธ์ อาทิตย์ที่สถิตอยู่กลางใจข้า ท่านจักอยู่ในใจข้า ตราบจนสิ้นลมหายใจสุดท้าย”
“ผมก็เหมือนกัน”
รพีพันธ์ จับร่างของ จันทริ ให้นั่งตรง แล้วสบตาแน่วนิ่ง
“จันทริ ผมรักคุณ”
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๑ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 30-08-2008 10:41:30
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๑ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 30-08-2008 17:25:43
 :m13:




 




:o12:  เตรียมวิ่งร้องไห้ออกจากกระทู้
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๑ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 30-08-2008 18:16:47
 :m24:
แอบถ่ายคลิปก่อนจากกัน
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๑ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 30-08-2008 19:46:53
ไหงมานเริ่มเศร้า อ่า

ม่ายอมนร้า  อยาก อ่านแบบ หวานๆๆ

 :serius2:

รอตอนต่อ ไป นะค่ะ


 :oni3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๑ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 31-08-2008 04:20:06
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๑ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 31-08-2008 06:30:13
เข้ามาทักทายคุณตั้ม ในที่สุุดก็อ่านทันแล้วหลังจากเข้าเล้าไม่ได้สามอาทิตย์

มาอัพตอนต่อไปเร็วๆนะคะ  :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๑ - แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 31-08-2008 17:37:46
ลุ้นนะนี่ :a5:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 31-08-2008 20:06:12
๓๒

พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว จันทร์เพ็ญลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า จันทริ และ รพีพันธ์ กำลังแต่งตัวอยู่หลังจากที่อาบน้ำชำระกายอีกครั้งในยามดึก เสื้อผ้าของ จันทริ ยังคงเป็นชุดกางเกงสีขาวขายาวกรอมข้อเท้า เสื้อแขนยาวสีขาว ชายเสื้อยาวลงมาถึงเข่า เครื่องประดับชิ้นเดียวบนร่างกาย คือสายสร้อยที่ถักจากเส้นเชือกสีแดงสด ร้อยไว้ด้วยจี้สีน้ำเงินเข้มรูปจันทร์เสี้ยว

“ทำไมต้องให้ผมแต่งชุดนี้ด้วย” รพีพันธ์ ถามขึ้น เมื่อ จันทริ ยื่นเสื้อผ้าชุดที่เขาสวมใส่ในวันแรกเมื่อเขามาถึงที่แห่งนี้ เสื้อโปโลแขนสั้นสีแดงสด กางเกงขาสั้นสีเทา รองเท้าสานอย่างดี
จันทริ ไม่ตอบมีแต่เพียงรอยยิ้มเช่นเคย ชายหนุ่มจึงแต่งตัวจนเสร็จ
“ของสิ่งนี้คงเป็นของสำคัญสำหรับท่าน” จันทริ ยื่นกระเป๋าสตางค์ใบย่อม ที่ทำจากหนังอย่างดีให้ชายหนุ่ม
รพีพันธ์ รับมาด้วยความงุนงง เมื่อเปิดดูภายในก็พบว่า มีทั้งธนบัตร เครดิตการ์ด บัตรประชาชน และบัตรสำคัญอื่นๆที่เขาจำได้ ทุกอย่างยังคงอยู่อย่างครบถ้วน และยังอยู่ในสภาพดี
“ไปกันเถิด ทุกคนกำลังรอพวกเราอยู่”
จันทริ เดินนำไป ในขณะที่ รพีพันธ์ เก็บกระเป๋าสตางค์ของเขาไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วเดินตามออกไปทั้งๆที่ยังรู้สึกงงอยู่ไม่หาย

หน้าวิหารจันทรา อันเป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้าน จัดวางไว้ด้วยเก้าอี้ไม้สองตัวเหมือนเช่นเคย ลานกว้างที่โรยไว้ด้วยทรายสีขาวสะอาดตา อาบไว้ด้วยแสงสว่างของแสงจันทร์ในคืนเพ็ญ และแสงจากคบไฟบนเสาที่ปักไว้รอบๆ ภายในลานกว้างยืนไว้ด้วยผู้คนภายในหมู่บ้าน ยืนนำด้วย กรินทร์ ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ยืนเคียงคู่ด้วย อัสสะ โดยมีผู้เฒ่าทั้งสี่ยืนอยู่ด้านหลังของคนทั้งสอง

เมื่อ จันทริ และ รพีพันธ์ นั่งลงบนเก้าอี้ กรินทร์ ก็เริ่มต้นการสนทนา ด้วยคำพูดของภาษาที่ รพีพันธ์ ฟังไม่ออกเลยแม้แต่น้อย กรินทร์ และ จันทริ พูดโต้ตอบกันไปมาหลายประโยค ช่วงเวลานั้น อัสสะ คอยมองดู รพีพันธ์ ที่มีสีหน้างุนงงอยู่ตลอดเวลา จึงพูดอะไรออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก ซึ่ง จันทริ ก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เศร้าสร้อย อีกสิ่งหนึ่งที่ ชายหนุ่มเริ่มสัมผัสได้ ก็คือบรรยากาศที่เกิดขึ้นภายในลานกว้างนั้น เหมือนจะเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมที่แฝงไว้ด้วยความโศกเศร้า ของผู้คนที่อยู่ในลานกว้าง

ตอนนั้นเอง ที่ รพีพันธ์ คิดถึงเรื่องบางอย่างที่ อัสสะ เคยอธิบายให้เขาฟัง
“นี่คุณทำให้ผมไม่เข้าใจว่าพวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่ อย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มหันหน้าไปถาม จันทริ
“เพื่อตัวของท่านเอง” จันทริ หันมาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “สิ่งที่พวกเราพูดกัน อาจทำให้ท่านไม่สบายใจได้ แต่ข้าขอรับรอง มิมีเรื่องใดที่เป็นการทำร้ายต่อท่าน” จันทร์เสี้ยวกลางหน้าผากของ จันทริ ส่องแสงนวลตา
“อัสสะ” จันทริ หันหน้าไปถาม “ของที่ท่านมอบให้แก่ข้านี้ ข้าขอมอบให้แก่ รพีพันธ์ ได้หรือไม่”
อัสสะ ไม่ตอบคำ แต่พยักหน้าช้าๆ แล้วหันหลังให้คนทั้งสอง แว่บหนึ่งที่ รพีพันธ์ คล้ายจะเห็นว่ามีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ อยู่ในเบ้าตาของชายหนุ่มผู้เข้มเข็ง

จันทริ ลุกขึ้นยืน ถอดสายสร้อยบนลำคอ เดินเข้าไปสวมลงบนลำคอของ รพีพันธ์
“ขอให้ท่านถือว่ามันคือตัวแทนของข้า” จันทริ ยิ้มบางๆให้ชายหนุ่ม “ข้าหวังว่ามันคงจะไม่เสียหาย เมื่อท่านเดินทางถึงถิ่นอันเป็นบ้านของท่าน”
“เดินทาง ... หมายความว่ายังไง” รพีพันธ์ ถามด้วยความงุนงง
ยังไม่ทันที่ จันทริ จะตอบอะไร สองในสี่ผู้เม่า นำถ้วยบรรจุสุราที่หมักจากน้ำผึ้ง ยื่นให้คนทั้งสอง
“พวกข้าขอดื่มให้แก่ท่านทั้งสอง พวกเราจะจดจำและระลึกถึงท่าน” กรินทร์ พูดเสียงกังวาน
“ดื่มเถิด ดื่มเสียให้หมด” จันทริ หันไปบอก รพีพันธ์ แล้วยกถ้วยขึ้นดื่ม ชายหนุ่มก็ทำตาม แต่ยังคงมึนงงไม่หาย ผู้เม่าสองคนมารับถ้วยจากมือชายหนุ่มและ จันทริ แล้วส่งต่อให้คนด้านหลังนำไปเก็บ

“มาเถิด รพีพันธ์ อาทิตย์ของข้า ถึงเวลาแล้วที่ข้าและท่าน จักต้องกลับคืนสู่ที่มาแห่งตน”
จันทริ จับมือ รพีพันธ์ แล้วพาเดินเข้าไปในถ้ำ ชายหนุ่มเดินตามไปด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่า จันทริ จะทำอะไร มีกรินทร์ อัสสะ และผู้เฒ่าทั้งสี่ เดินตามเข้าไป จนถึงโต๊ะหินกลางถ้ำ จันทริ นำ ชายหนุ่มให้ก้าวขาเหยียบเก้าอี้หิน แล้วขึ้นไปหยุดยืนอยู่บนโต๊ะหิน ผู้เฒ่าทั้งสี่พากันแยกย้ายยืนอยู่รอบโต๊ะหินตามทิศทั้งสี่ กรินทร์ และอัสสะ ยืนอยู่ห่างไปเล็กน้อย
“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ” รพีพันธ์ ขมวดคิ้วแนบแน่น
“ท่านรู้หรือไม่ ยามที่ท่านมาถึงที่แห่งนี้ ข้ามิได้ช่วยท่านขึ้นมาจากลำน้ำ ดังที่ท่านเข้าใจ แต่ท่านปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าข้า ณ วิหารจันทราแห่งนี้”
“ที่นี่น่ะเหรอ” รพีพันธ์ อุทานเบาๆ แล้วมองไปรอบๆ “เป็นไปได้ยังไง ตอนนั้นผมจมน้ำนะ น้ำในทะเลสาบใหญ่ด้วย”
“ในกาลเบื้องหน้า ผู้คนจักสร้างกำแพงใหญ่กั้นลำน้ำไว้ สายน้ำที่ถูกกักจนกลายเป็นบ่อน้ำมหึมา หมู่บ้านของข้าจักจมอยู่ใต้น้ำ รวมทั้งวิหารจันทราแห่งนี้ และในคืนนี้ เวลานี้ ข้าจักส่งท่านกลับคืนสู่ที่ที่ท่านมา เพียงแต่ช่วงเวลาที่ท่านกลับไปถึง อาจผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่คงมิทำให้ท่านลำบากนัก” จันทร์เสี้ยวกลางหน้าผากของ จันทริ ส่องแสงสีขาวนวล สลับกับสีทองแวววาว
“อะไรกัน คุณจะให้ผมไปไหน” รพีพันธ์ ถามด้วยความสงสัย “ที่มาอะไร”
“ข้าจะส่งท่านกลับคืนสู่บ้าน ... บ้านที่ท่านถวิลหา บ้านที่ท่านต้องการจักกลับคืนไปสู่”
“เดี๋ยว ... คุณจะทำอะไรกันแน่ คุณอย่าบอกนะว่าคุณจะทำให้ผมกลับบ้านในตอนนี้น่ะนะ” รพีพันธ์ พูดแล้วหัวเราะเบาๆในลำคอ “คุณอย่าล้อผมเล่นแบบนี้สิ มันไม่สนุกเลยนะ”

จันทริ ไม่ตอบคำ ได้แต่ยิ้มเศร้าๆ รพีพันธ์ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เงียบผิดปรกติ ไม่ได้ยินแม่แต่เสียงลมพัดใบไม้ยามต้องลม ที่มักดังลอดเข้ามาทางโพรงเหนือถ้ำ ชายหนุ่มจึงละสายตาจากใบหน้าของ จันทริ มองไปรอบตัว แล้วก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 31-08-2008 20:12:37
โว้ววว...
มาต่ออีกเร็วๆน๊า :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 31-08-2008 20:14:47
กรีสๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ค้าง อย่างรุนแรงอะ


มาต่อด่วนเรย

ม่า อยาก อ่านตอนเศร้าๆๆ

 :serius2: :sad2: :o12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 31-08-2008 20:23:23
 :sad2: :sad2: :sad2:

แล้วจะได้เจอกันอีกมั้ยง่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: nongyuna ที่ 31-08-2008 20:30:06
ค้างแบบนี้ หลับไม่ลงนะค๊าบบบ

ไม่งั้นผมจะไปโดดเขื่อนไปถามกลับเวลาไปถามเอง  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 31-08-2008 21:06:48
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 31-08-2008 21:20:50
 :m15: :m15:  ค้างอ่ะพี่ตั้ม มาต่ออีกตอนดิ อย่าปล่อยให้ค้างคาแบบนี้นะ  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 31-08-2008 21:25:04
ถ้าได้ reply ที่ 300 ก่อนสี่ทุ่มครึ่ง จะมาต่อให้ดีมะ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 31-08-2008 21:38:13
คุณตั้ม รีบมาต่อด่วนเถอะค่ะ เรื่องกำลังเข้มข้น

อยากอ่านแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 31-08-2008 22:03:14
สงสารจัทริและรพีพันธ์  ต้องจากกันแล้ว

 :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 31-08-2008 22:49:43
ร่วมด้วยช่วยอีกหนึ่ง reply
ไม่งั้นนอนไม่หลับแหง๋เลยยยย
 :serius2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: nongyuna ที่ 31-08-2008 22:53:37
เย้ยย มีการขู่ด้วยรี แต่นี่มาน 5 ทมุ่มแล้วอ่า  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: pajaa ที่ 31-08-2008 23:01:12


 :laugh:เกิดอะไรขึ้นรึคับ




อ่านไปหน่อยนึงหล่ะ ชอบคับแนวนี้ ถูกใจอย่างแรง :m4:


 +1 ให้เลย

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 31-08-2008 23:24:47
 :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 01-09-2008 05:35:07
ถ้าได้ reply ที่ 300 ก่อนสี่ทุ่มครึ่ง จะมาต่อให้ดีมะ  :laugh: :laugh: :laugh:

มาเห็นโพสนี้ตอน ตีห้าอ่ะ มันจะทันไหมเนี่ย  :m20: :m20:

รอตอนต่อไปคับ คิกคิก......
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๒ - ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 01-09-2008 21:17:35
แอร๊ยยยยยยย... มาอ่านช้าอ่ะ  อดเลยดู สิ

คุนบุหรงมาต่อได้แล้ว .   ...  เอาให้เศร้า ต่อเนื่องนะ  ไม่งั้นไม่ยอม    :m13:    (อ้าว...)  
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 01-09-2008 21:27:50
๓๓

ราวกับว่าเขาและจันทริ อยู่ภายในกึ่งกลางของลูกบอลขนาดใหญ่ อากาศรอบๆจับตัวกันจนเห็นรูปร่างเป็นริ้วสีขาว วิ่งวนอยู่รอบกาย และจับตัวกันหนาขึ้น จนกลายเป็นเหมือนเปลือกสีขาวขุ่นของลูกบอลขนาดยักษ์ ที่มีคนทั้งสองอยู่ภายใน ขณะที่เขากำลังตกใจกับสิ่งที่เห็น จันทริ กอดชายหนุ่มไว้แนบแน่น ยื่นใบหน้าเข้าไปแนบริมฝีปากจูบอย่างแผ่วเบา แล้วคลายอ้อมกอด ค่อยๆเดินถอยหลัง ห่างออกไปจากชายหนุ่ม

“ข้ารักท่าน รพีพันธ์ อาทิตย์ของข้า ข้าจักระลึกถึงท่านตราบสิ้นลมหายใจสุดท้าย” จันทริ พูดพลางเดินถอยหลัง จนออกไปจากลูกกลมนั้น ไปอยู่บนพื้น ยืนอยู่เบื้องหน้า กรินทร์ และ อัสสะ
“ไม่นะ จันทริ ทำไมคุณทำแบบนี้ ... คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ จันทริ ... ไม่” รพีพันธ์ เริ่มเข้าใจแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชายหนุ่มตะโกนก้อง พยายามจะเดินตาม จันทริ ออกไปจากลูกกลม แต่ก็ไม่สามารถเดินผ่านกำแพงสีขาวขุ่นออกไปได้

ภาพรอบตัวของชายหนุ่มเริ่มมืดสลัวลงจนมืดมิด ภาพสุดท้ายที่เขาเห็น คือร่างของ จันทริ ที่ค่อยๆทรุดลงกับพื้น อัสสะ ตรงเข้าไปกอดร่างนั้นไว้อย่างแนบแน่น พลางตะโกนอะไรบางอย่างออกมา อัสสะ แนบใบหน้าลงกับใบหน้าของ จันทริ ไหล่บึกบึนแข็งแรงสั่นสะท้าน ราวกับกำลังร้องไห้ จากนั้นเขาก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย

“ไม่” อัสสะ ตะโกนก้อง พุ่งตัวเข้าไปกอด จันทริ ที่ค่อยๆทรุดร่างลงกับพื้น “จันทริ ... ดวงใจของข้า” อัสสะ พึมพำเบาๆ ไหล่สั่นสะท้านจากการกลั้นน้ำตาไว้ แต่ก็ไม่อาจหยุดน้ำตาที่เริ่มคลออยู่ในเบ้าตาได้ ชายหนุ่มแนบใบหน้า ลงบนแก้มนุ่มของร่างบอบบาง
“อัสสะ สหายรักผู้เปรียบดังพี่ชาย ถึงเวลาแล้วที่ข้าต้องกลับไป” เสียงของ จันทริ แผ่วเบาลง “อย่าลืมที่ข้าเคยบอกต่อท่าน ข้าปรารถนาจะให้ท่านใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข อย่าได้คิดถึงข้าจนละเลยต่อตนเอง” จบคำพูด จันทริ ก็หลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆที่ผุดขึ้นมุมปาก
“จันทริ” อัสสะ เรียกด้วยเสียงสั่นสะท้านกอดร่างที่แน่นิ่งไว้แนบแน่น สักพักก็เบือนหน้ามองไปยังลูกกลมขนาดใหญ่สีขาวขุ่น ที่ค่อยๆลอยตัวสูงขึ้น จนสูงขึ้นไปถึงโพรงใหญ่เหนือถ้ำ แล้วค่อยๆเลือนหายไปในอากาศ

“ไปเถิด อัสสะ พวกเราควรนำ จันทริ ไปส่ง” กรินทร์ พูดพลางจับไหล่ของ อัสสะ พลางบีบเบาๆ ราวกับจะปลอบโยน
อัสสะ ค่อยๆโอบอุ้มร่างบางไว้ แล้วยืนขึ้น เดินช้าๆออกจากถ้ำ เมื่อมาถึงลานกว้างก็นำร่างของ จันทริ วางราบไปบนแคร่ที่เตรียมไว้ ผู้เฒ่าทั้งสี่พากันแยกย้ายอยู่ที่มุมทั้งสี่ของแคร่ แล้วค่อยๆยกขึ้น พากันเดินลงจากเขา โดยมี กรินทร์ และ อัสสะ เดินนำไปยังแม่น้ำ ติดตามด้วยขบวนของคนในหมู่บ้าน

ริมแม่น้ำ มีแพขนาดเล็กวางอยู่บนริมฝั่ง หลังจากที่แคร่ถูกวางลงกับพื้น อัสสะ ก็โอบอุ้มร่างของ จันทริ วางลงบนแพนั้น จัดท่าทางให้เหมือนกับนอนอยู่ในสภาพที่สบายที่สุด แล้วนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ
“จันทริ ดวงใจของข้า หากการกำเนิดใหม่มีจริง ข้าจักขอติดตามไปกำเนิดพร้อมกับเจ้า ข้าจักขอดูแลปกป้องเจ้าให้มีความสุข ตราบจนข้าหมดสิ้นลมหายใจ” พูดจบก็ก้มหน้าลงจูบริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยน เมื่อผละริมฝีปากออกมา อัสสะยังคงจ้องมองใบหน้าที่เหมือนคนหลับไหลอยู่นั้นอย่างแน่วนิ่ง พลางเอื้อมมือลูบเรือนผมอ่อนนุ่มอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าร่างนั้นจะตกใจตื่นขึ้นจากนิทราอันเปี่ยมสุข
“สมควรแก่เวลาแล้ว อัสสะ” เสียง กรินทร์ บอกเบาๆ
อัสสะเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อ แล้วมองไปยังจันทร์เพ็ญที่ลอยเด่นอยู่กลางฟ้า พลางยกมือขึ้นปาดหยดน้ำตาที่เริ่มรื้นขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มค่อยๆดันแพไม้ลงสู่ลำน้ำ พลางเดินตามแพไม้ที่ลอยอยู่ในสายน้ำไป มือข้างหนึ่งจับตัวแพไว้แน่น อีกมือหนึ่งเอื้อมไปกุมมือของร่างบางบนแพไว้ไม่ยอมปล่อย จนร่างอันล่ำสันของชายหนุ่มจมอยู่ในลำน้ำถึงหน้าอก

“อัสสะ” กรินทร์ ตะโกนเรียกเสียงดัง “เจ้าลืมที่ จันทริ กล่าวแก่เจ้าครั้งสุดท้ายแล้วหรือ”
เหมือนสติจะกลับมาสู่ชายหนุ่มอีกครั้ง ร่างของ อัสสะ หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“อัสสะ หากเจ้ายังมิอาจตัดใจ จันทริ ก็มิอาจกลับคืนไปได้ ดวงวิญญาณคงจักต้องวนเวียนมิมีที่ไป” กรินทร์ ตะโกนบอกหลังจากเวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ พลางยกมือขึ้นป้ายน้ำตา ด้วยความสงสารบุตรชาย
“จันทริ ดวงใจของข้า ... ไปเถิด ข้าขอส่งเจ้าแค่นี้ แล้วข้าจักติดตามเจ้าไปเมื่อถึงเวลาของข้า”
อัสสะ พูดเบาๆแล้วปล่อยมือทั้งสองออกสิ่งที่ยึดจับไว้ ปล่อยให้แพไม้ลอยช้าๆไปตามกระแสน้ำ จนลับหายไปกับสายตา

“โฮก ...”
เสียงคำรามดังก้องมาจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวิหารจันทรา เสียงนั้นโหยหวนน้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้า เสียงนั้นยิ่งทำให้หัวใจของ อัสสะ แทบแหลกสลาย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 01-09-2008 22:15:12
 :m15:
จะฟื้นไม๊อ่ะ...อารัยกันพระเอกจะไม่ช่วยจันทริหน่อยเลยเหรอ...
อ่านไปอ่านมาเนื้อเรื่องส่งให้ภาพพจน์พระเอกเห็นแก่ตัวชะมัด
มาตักตวงเอาความสุขแล้วก็ไป... :เฮ้อ:
จะว่าไปมันก็เป็นไปตามความต้องการของจันทริเองด้วยนี่เนอะ
สงสารก็แต่อัสสะ... :serius2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: nongyuna ที่ 01-09-2008 22:22:58
สั้นไปไหมมมมมมมมมม  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: pseudoboy ที่ 01-09-2008 22:34:38
ไม่ยอมมม :sad2:

จันทริต้องไปเกิดใหม่แล้วก็ต้องเจอกับพระเอกของเราด้วย :oni3:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 01-09-2008 22:47:32
มาต่อแล้ว ขอบคุณนะคะ

สนุกมากๆ เลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้คุณบุหรงค่ะ

+1 ให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 01-09-2008 22:50:53
จะบอกว่า เขียนจบมาหลายวันแล้ว แต่กำลังตรวจอักษรอยู่ ตอนตรวจก็พบที่ที่จะต้องแก้ไขหลายจุดเลย ตอนนี้เรียบร้อยแล้วครับ แล้วจะค่อยๆทยอยมาลงนะครับ  :oni1:
:m15:
จะฟื้นไม๊อ่ะ...อารัยกันพระเอกจะไม่ช่วยจันทริหน่อยเลยเหรอ...
อ่านไปอ่านมาเนื้อเรื่องส่งให้ภาพพจน์พระเอกเห็นแก่ตัวชะมัด
มาตักตวงเอาความสุขแล้วก็ไป... :เฮ้อ:
จะว่าไปมันก็เป็นไปตามความต้องการของจันทริเองด้วยนี่เนอะ
สงสารก็แต่อัสสะ... :serius2:
รพีพันธ์ นี่คงต้องเห็นใจเขาหน่อย ตอนจะมาก็ไม่ได้เต็มใจ ตอนจะให้กลับ ก็ไม่บอกล่วงหน้าซะอีก ตอนหน้าก็คงได้รู้ครับว่า รพีพันธ์จะเป็นยังไงต่อไป

ส่วนอัสสะ ทีแรกตั้งใจจะเขียนให้เป็นตัวร้ายคอยหาเรื่อง รพีพันธ์ เพราะมาแย่ง 'ตำแหน่ง' ของตัวเอง แต่คิดแล้ว 'ความเกรง' ที่มีต่อ จันทริ คงคิดแบบนั้นไม่ได้แน่ แล้วตอนจบคงจะไม่น่าสงสารแบบนี้ ก็เลยเปลี่ยนมาแสดงออกด้วยการยอมรับ และเป็นมิตรกับ รพีพันธ์
สั้นไปไหมมมมมมมมมม  :serius2: :serius2: :serius2:
เดี๋ยวลงยาวๆ ก็ให้ลงอีกกกกกกกกกกก....อีกนั่นแหละ  :laugh: :laugh: :laugh:
ไม่ยอมมม :sad2:

จันทริต้องไปเกิดใหม่แล้วก็ต้องเจอกับพระเอกของเราด้วย :oni3:
ตอนแรกที่ตั้งใจไว้ จะให้ รพีพันธ์ กลับมาแล้วแต่งงานกับจ้นทิรา แล้ว อัสสะ กับ จันทริ มาเกิดใหม่เป็นลูกฝาแฝด ของทั้งสองคน  :o8:
... แต่คงมีหลายคนบอกแบบนี้แหง ===>>>  :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: nongyuna ที่ 01-09-2008 22:57:52
ตอนแรกที่ตั้งใจไว้ จะให้ รพีพันธ์ กลับมาแล้วแต่งงานกับจ้นทิรา แล้ว อัสสะ กับ จันทริ มาเกิดใหม่เป็นลูกฝาแฝด ของทั้งสองคน  :o8:
... แต่คงมีหลายคนบอกแบบนี้แหง ===>>>  :angry2: :angry2: :angry2:

กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :m31: :m31:

ม่ายได้นะค่ะ  :serius2: :serius2:

รพีพันธ์ จะสุขสบายไปไหม ได้จันทิ แล้วยังมาได้จันทิราอีก เยอะแยะค่ะ ไม่ชอบ   :m16: :m16:

ต้องไม่หลายใจนะค่ะ คนเดียวพอค่ะ  :m14: :m14: :m14:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 01-09-2008 23:08:48
เอาจันทริกลับมา~  :dont2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 01-09-2008 23:29:52


โฮกกส์ .... นั่นปะไร   ขอเศร้าก้อได้เศร้า  แล้วไง  :sad2:

ส่งจันทริ ไปเกิดใหม่ ในร่างใหม่ ท่าจะดี คึคึ  ... แต่ กว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง พระเอก คงจะหง่อมแล้วล่ะเอิ้กๆ

รพีพันธ์ เมื่อกลับไปแล้ว จะลืมเลือน จันทริได้ อย่างไร แล้วยัง สร้อยเส้นนั้นอีก มีความหมายอะไร
มากกว่านั้นหรือเปล่าหนอ?

กลับไปแล้ว อะไรๆ คงไม่เหมือนเดิม แล้วใช่ป่ะ
...หรือว่าคราวนี้ รพีพันธ์ จะเป็นฝ่ายต้องออกตามหา จันทริ  ซะเอง หรือเปล่า? :เฮ้อ:

งึมงำๆ  แล้วก้อ วิ่งออกจากกระทู้ ไปทำใจ   :o12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 02-09-2008 11:34:25
 o7 แล้วจะได้พบกันอีกไหมคะ  สงสารจัง
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 02-09-2008 11:38:50
 :serius2:

แง.... เศร้าอ่ะ   :sad2:

ตอนแรกที่ตั้งใจไว้ จะให้ รพีพันธ์ กลับมาแล้วแต่งงานกับจ้นทิรา แล้ว อัสสะ กับ จันทริ มาเกิดใหม่เป็นลูกฝาแฝด ของทั้งสองคน  :o8:
... แต่คงมีหลายคนบอกแบบนี้แหง ===>>>  :angry2: :angry2: :angry2:
^
^
^
 :m31:

แต่ขอไม่เอาตอนจบแบบนี้นะ  ไม่งั้นเค้าจะ  :o12: จริงๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 02-09-2008 11:41:48
 :m13: :m13: สงสัยจะมาเจอกันในชาตินี้แน่ ๆ เลย  :m13: :m13:

ใช่ป่าว พี่ตั้ม
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 02-09-2008 12:29:58
เอาทั้งคู่กลับมาได้ไหมอ่ะ :o12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 02-09-2008 16:59:35
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 02-09-2008 18:42:59
๓๔

รพีพันธ์ รู้สึกปวดหูคล้ายกับตอนที่เขาขึ้นเครื่องบิน แล้วเครื่องบินกำลังจะบินขึ้นสู่อากาศ แล้วจู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนกระจกแตก ความมืดมิดรอบๆตัวเปลี่ยนเป็นสว่างวูบขี้นมา ทั่วทั้งตัวเปียกโชก จากภาพที่สายตาเห็นอย่างเลือนลาง เนื่องจากความสว่างที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน ทำให้พอจะรู้ได้ว่าเขาอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหนสักแห่ง ชายหนุ่มพยายามตะเกียดตะกาย พยุงตัวในสายน้ำ แต่คล้ายกับว่าร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทำให้ร่างของเขาค่อยๆจมลงไปในสายน้ำ

“เฮ้ยๆๆ ... คนจมน้ำ ช่วยกันเร็ว” รพีพันธ์ ได้ยินคล้ายเสียงคนตะโกนอยู่ไม่ห่างนัก ตามด้วยเสียงเหมือนของชิ้นใหญ่หล่นลงน้ำหลายหน สักพักก็รู้สึกเหมือนถูกคนจับตัวไว้จากทางด้านหลัง แขนแข็งแรงลอคคอเขาไว้ แล้วพาว่ายน้ำไปไม่ไกลนัก จากนั้นก็เหมือนมีคนหลายคนดึงตัวเขาขึ้นจากน้ำ หลังจากนั้นเขาก็หมดสติไป
...........................................................................
..............................
“หนาว ... จันทริ ผมหนาว”
รพีพันธ์ ส่งเสียงครางเบาๆ สักพักรู้สึกเหมือนมีของหนาหนักมาคลุมตัวเขาไว้จนถึงคอ แล้วเขาก็หมดสติไปอีกครั้ง
..........
......
..
“น้ำ จันทริ .... น้ำ ผมหิวน้ำ”
รพีพันธ์ รู้สึกตัวอีกครั้ง พร้อมกับลำคอที่แห้งผาก
“นี่จ๊ะหลอด ค่อยๆนะลูก เดี๋ยวสำลัก”
หลอดถูกวางลงบนริมฝีปาก ชายหนุ่มดูดน้ำผ่านหลอดด้วยความกระหาย
“เอาอีกมั๊ย ลูก” เสียงคนพูดสั่นเครือ พร้อมกับสัมผัสที่อ่อนโยนลูบไปทั่วเรือนผม
“แม่” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียก เมื่อเห็นคนตรงหน้าอย่างเลือนราง แต่ยังพอจดจำได้ แล้วหลับตาลงไปสักพักก็ลืมตาขึ้นมาใหม่ มองผู้หญิงกลางคนตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น
“แม่จริงๆด้วย นี่ผมอยู่ที่ไหน แล้ว จันทริ ล่ะ ... จันทริ” ชายหนุ่มพยายามดันตัวลุกขึ้น แต่ก็รู้สึกปวดไปทั่วตัว
ไม่มีเสียงตอบจากผู้บังเกิดเกล้า มืออวบนุ่มลูบไปบนแก้มของชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน น้ำตาของผู้เป็นแม่หลั่งไหลพร้อมกับรอยยิ้ม
“โถ ลูก ... ไปอยู่ไหนมา รู้มั๊ยพ่อกับแม่เป็นห่วงแค่ไหน หายไปตั้ง ๓ ปี กลับมานี่แม่ดีใจแค่ไหนรู้มั๊ยลูก”
พูดจบผู้เป็นแม่ก็กอด รพีพันธ์ ไว้แน่น พลางร้องไห้ออกมาอย่างหยุดไม่ได้
... ๓ ปี นี่เขาฟังผิดไปหรือเปล่า ... รพีพันธ์ นิ่งคิดอย่างงุนงง
...........................................................................
..............................
น้ำตาของผู้เป็นพ่อไหลอาบแก้ม ขณะที่กอดลูกชายไว้แน่น ไม่มีคำถาม ไม่มีคำปลอบประโลม มีเพียงคำพูดสั้นๆ
“กลับมาปลอดภัยก็ดีแล้ว หมดทุกข์หมดโศกกันซะที”
รพีพันธ์ ได้แต่ตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก ตั้งแต่มองเห็นร่างกายที่เคยอุดมสมบูรณ์ เต็มไปดวยมัดกล้าม กลับผ่ายผอมลงไปอย่างน่าใจหาย

จากคำบอกเล่าของบิดามารดา หลังจากที่เขาเกิดอุบัติเหตุตกลงไปในน้ำวันนั้น ไม่มีใครพบศพของเขา จึงไม่มีใครยอมเชื่อว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว บุพการีทั้งสองรอคอยการกลับมาของเขา จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนล่วงไปเป็นปี จนผ่านพ้นปีที่สอง จึงพากันตัดใจ เพราะไม่มีแม้แต่การติดต่อจากเขา จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งสองคนได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาลประจำจังหวัดลำปาง ว่าได้ชีวิตเขาขึ้นมาจากทะเลสาปของเขื่อนกิ่วลม พ่อกับแม่ของเขาจึงได้เดินทางไปรับตัวมารักษาในโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ รวมเวลาแล้วเขาหายสาปสูญไปถึง ๓ ปีกว่า

“แม่ครับ แล้วข้าวของของผมล่ะ” รพีพันธ์ ถามขึ้นเมื่อมารดามาเยี่ยมในตอนเช้าก่อนไปทำงาน
“ก็ไม่มีอะไรนอกจากเสื้อผ้ากับกระเป๋าสตางค์ แม่เชคดูแล้ว บัตรสำคัญทุกใบของลูกอยู่ครบ พวกบัตรเครดิต ก็เป็นบัตรหมดอายุไปแล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการนำมาใช้ ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกลูก”
รพีพันธ์ อมยิ้มเมื่อได้ฟังคำตอบของผู้เป็นแม่
“เอ้อ ... แล้วสร้อยคอของผมล่ะครับ”
“สร้อยอะไรเหรอลูก” แม่เขาถามอย่างสงสัย
“สายสร้อยที่ถักจากเชือกสีแดงน่ะครับ มีจี้รูปจันทร์เสี้ยวร้อยอยู่กับสร้อย” รพีพันธ์ถามพลางจ้องมองหน้ามารดานิ่ง
“อ๋อ สร้อยนั่นน่ะเหรอ” แม่ของเขาตอบยิ้มๆ “แม่เก็บไว้กับกระเป๋าสตางค์ของลูกนั่นแหละ”
“งั้นแม่ช่วยเอามาให้ผมด้วยนะครับ ตอนที่แม่แวะมาอีกตอนเย็น” ชายหนุ่มส่งสายตาวิงวอน
“อะไรกัน ตาทิตย์ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้กลับบ้านแล้ว แม่ค่อยหยิบให้พรุ่งนี้ก็ได้นี่นา” แม่เขาพูดเสียงดุๆ แต่สีหน้ายิ้มแย้ม
“น่าแม่” ชายหนุ่มส่งเสียงออดอ้อน “จริงๆผมอยากได้ตอนนี้ซะด้วยซ้ำไป”
“อะไรจะเป็นของสำคัญขนาดนั้นเชียว สายสร้อยก็เชือกธรรมดา จี้ก็เปลือกหอยราคาไม่เท่าไหร่”
“แต่มันเป็นของสำคัญสำหรับผม ราคาของมันอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่มันมีค่ามากสำหรับคนที่ให้ผมมา”
“นั่นแน่ะ หายตัวไปนี่ไปอยู่กับสาวมาหรือไง สงสัยสาวคนนั้นให้มาล่ะสิ” แม่เขาหัวเราะเบาๆ
“ไม่ใช่หรอกแม่ คนที่ให้ผมมาน่ะ เป็นคนที่ช่วยผมไว้ แล้วดูแลผมมาตลอด แล้วยังส่งผมกลับมาด้วย”
“แล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะ แม่อยากจะขอบคุณเค้าซะหน่อย”
“คงไม่ได้พบเค้าอีกแล้วหล่ะแม่ ไม่ได้พบอีกตลอดไป” ชายหนุ่มก้มหน้าลงพูดเสียงเบา ผู้เป็นแม่จึงไม่เห็นแววตาที่เศร้าสลดของเขา
“แม่ไปทำงานก่อนนะลูก เดี๋ยวจะสาย” พูดแล้วแม่เขาก็เก็บของออกไปจากห้องพยาบาล

รพีพันธ์ ถอนหายใจยาว หันหน้ามองออกไปภายนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย และหยาดน้ำตาที่เริ่มรื้อ คลอหน่วยอยู่ในเบ้าตา
“จันทริ ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้”
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๓ - ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 02-09-2008 18:49:38
เอา แล้ว ไง ว่า แล้ว ว่า มัน แปลกๆๆ

ทามมาย มาน เศร้า จัง

อย่า จบแบบ เศร้านะ

รับไม่ได้

 :sad2: :serius2: :o12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 02-09-2008 20:33:46
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 02-09-2008 21:09:57
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 02-09-2008 21:21:10
 :m15: :m15: :m15:

จะเจอกันไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 02-09-2008 21:49:28
อ้างถึง
“บุหรง  ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้”  :o

"จันทริ"ซี้แหงไปแล้ว จะมาเจอกับรพีพันธ์ยังง้ายยยย
ต่อด่วนครับ  :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 02-09-2008 22:00:33
อ้างถึง
“บุหรง  ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้”  :o
:m30:
ขออภัย ตอนนี้ผู้เขียนป่วยหนัก เพราะสำลักกาแฟ และปวดท้องอย่างแรงจากการหัวเราะ อันเนื่องมาจากรีพลายด้านบน
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 02-09-2008 22:10:22
 :sad2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 02-09-2008 22:27:29
 :m31: รีบออกไปตามหาจันทริเลย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 02-09-2008 23:46:14
ง่ะ... คนเขียน สำลักกาปไปซะแล่ะ เอิ้กๆ   :laugh:

จะได้เจอกันอีกมะน่อ..... รพีพันธ์ กับ จันทริ   ถ้าเจอกัน จะเจอกันในรูปแบบไหนหว่า? น่าคิดเนอะ   :a3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: pupper ที่ 03-09-2008 00:32:55
ขอมาฝากตัวเป็นแฟนคลับหน่อยนะครับ ชอบมากนิยายแนวนี้ อ่านมารวดเดียว 34 ตอนเลย อ่านแล้วไม่อยากหยุด สงสารรพีพันธุ์จังนะครับ แต่เศร้ามากมาย ขออย่าจบแบบเศร้านะครับ ไม่อยากเสียน้ำตาไปอีกแล้วอะนะครับ คุณบุหรง
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 03-09-2008 00:48:05
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:

เดี๋ยวก็เจอกัน 555+

เข้าข้างตัวเอง คิก... คิก....
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 03-09-2008 08:42:13
โอ๊ยยยยยยย

อยากรู้ว่า...รพีพันธุ์กับจันทริ

จะได้เจอกันอีกรึเปล่า

จะได้เจอกันแบบไหน

 :serius2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 03-09-2008 09:01:32
ยังไงก็คงต้องได้เจอกัน :m13:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-09-2008 18:13:09
๓๕

๓ ปี คงไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนานนัก แต่มันคงจะยาวนานเกินไป สำหรับการรอคอยคนรักที่หายสาบสูญ หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเขาเพียง ๑ ปี จันทิรา หญิงคนรักของเขาได้ตัดสินใจแต่งงานกับเพื่อนชายในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งหลงรักเธออยู่

... ถ้าผมอยากมีลูกจะทำยังไงดีล่ะ ...
... ท่านก็แต่งงานกับสตรีที่ท่านรัก ท่านจักมีบุตรดังที่ท่านต้องการ ...  จันทริ ตอบด้วยรอยยิ้ม
... คุณยอมเหรอ ...
จันทริ ยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอ่อนโยนมากกว่าเดิม
... เป็นเรื่องธรรมดา ภายภาคหน้า ท่านย่อมได้แต่งงานกับสตรีอันเป็นที่รักของท่าน และสตรีนั้นก็รักท่านเยี่ยงชีวิต ท่านจะมีบุตร มีครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุขมากยิ่งกว่าอยู่กับข้าเพียงลำพัง ณ ที่นี้ ...

รพีพันธ์ ยังจดจำคำสนทนาระหว่างเขาและ จันทริ ได้ แต่ตอนนี้ มันคงไม่มีความหมายเสียแล้ว เขาสูญเสียสตรีที่เขาเคยคิดจะร่วมชีวิตด้วย และตอนนี้เขาอยู่ตามลำพัง ... โดยไม่มี จันทริ

“จันทร์ ขอโทษนะ ตอนนั้น จันทร์ คิดว่า ทิตย์ตายไปแล้ว” จันทิรา พูดกับเขาในวันที่เจอกันในคอฟฟี่ชอปของโรงแรมแห่งหนึ่ง
“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่คิดจะโทษคุณ เป็นใครก็คงตัดสินใจแบบนั้น” รพีพันธ์ ตอบยิ้มๆ “คุณมีความสุขมั๊ย”
“อื้อ” หญิงสาวยิ้มไปทั้งใบหน้าและดวงตา
“ฝากทักทายมันด้วยแล้วกัน แล้วว่างๆค่อยนัดมาเจอกันให้ครบทีมเหมือนเมื่อก่อน” รพีพันธ์ พูดแล้วค่อยๆลุกขึ้นยืน “ผมไปก่อนนะ แล้วไว้เจอกัน”

ชายหนุ่มนิ่งคิด พลางยกแก้วเบียร์ขึ้นมาจิบ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะหันหลังให้กับทางเข้าร้านอาหาร บรรยากาศร่มรื่นของเรือนแพที่ทำเป็นร้านอาหาร ในบริเวณเขื่อนกิ่วลม ไม่ได้ทำให้จิตใจของเขาเย็นชื่นขึ้นเลย หรือเขาตัดสินใจผิด ที่เดินทางมาที่นี่อีกครั้ง สถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่าง สองปีที่ผ่านมาเขานับว่าประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และใช้ชีวิตที่ค่อนข้างมีความสุขกับบิดาและมารดา แต่หัวใจเขายังโหยหาสิ่งหนึ่งอยู่อย่างมิเสื่อมคลาย ชายหนุ่มลูบคลำสายสร้อยสีแดงที่อยู่ในมือ แล้วเลื่อนนิ้วไปลูบไล้ตัวจี้สีน้ำเงินเข้มเบาๆ

แล้วความเงียบสงบของยามบ่าย ก็ถูกเสียงฝีเท้าหนักๆของคนหลายคนทำลายลง ตามด้วยเสียงลากเก้าอี้ไม้ ในบริเวณโต๊ะที่ไม่ห่างจากโต๊ะที่เขานั่งอยู่นัก

“ไอ้ม๋ากะทิ เอ็งมานั่งให้ดีๆก่อน วิวน่ะไว้ดูที่หลัง” เสียงห้าวๆของเด็กหนุ่มหนุ่มดังขึ้นมา รพีพันธ์ขมวดคิ้ว เพราะรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้
“ไอ้อัศ เอ็งเรียกให้มันดีๆหน่อยสิวะ เรียก กะทิ กะทิ เดี๋ยวคนเค้าก็นึกว่าเป็นหมาขี้เรื้อน” เสียงห้าวๆของเด็กหนุ่มอีกคนดังแว่วมา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ และเสียงเลื่อนเก้าอี้เบาๆ
“พี่อัศ ทิหิวจังเลย ทิขอกินไอศรีมราดน้ำผึ้งนะ” เสียงเด็กหนุ่มที่ฟังดูแผ่วเบา และอ่อนโยน ผิดกับสองคนแรก แต่เป็นเสียงที่เขาคุ้นหูเสียเหลือเกิน เป็นเสียงที่เขาไม่เคยลืมเลือน และปรารถนาที่จะได้ยินเสียงนั้นอีกสักครั้ง จึงอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปดู

เด็กหนุ่มสี่คน คงจะเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษา เด็กหนุ่มสองคนที่หันหน้ามาทางเขา มีรูปร่างสูงโปร่งคล้ายนักกีฬา ส่วนคนที่นั่งหันหลังให้เขานั้น คนที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือรูปร่างสูงใหญ่ คงจะสูงกว่าเขาเสียอีก และดูบึกบึนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ตรงข้ามกับคนที่นั่งข้างๆ ซึ่งดูแล้วยิ่งบอบบางลงไปอีก เมื่อนั่งอยู่ด้วยกันกับเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่นั้น
“กินข้าวก่อนสิ ขืนกินไอศครีมตอนนี้ เดี๋ยวก็กินข้าวไม่ลงหรอก” เสียงของเด็กหนุ่มตัวใหญ่เหมือนจะดุ
“งั้น ทิ ขอกินน้ำผี้งนิดนึงนะ เพราะกว่าข้าวจะมา หิวจนปวดท้องพอดี” เสียงนุ่มๆออดอ้อน พูดขึ้นมาเบาๆ
“นิดเดียวพอนะ งั้นเดี๋ยวพี่สั่งให้เค้ายกมาให้ก่อน” พูดแล้วก็หันหน้าหาคนข้างๆ พลางยกมือขึ้นลูบเรือนผมเส้นบางซึ่งตัดแต่งทรงให้ยาวระต้นคอ ด้วยความเอ็นดู
“อัสสะ” รพีพันธ์ อุทานขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มร่างใหญ่ทางด้านข้าง
เสียงนั้นดังพอจะทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นหันหน้ามามอง รพีพันธ์ ด้วยใบหน้าแสดงความสงสัย แล้วหันกลับไป

... ใช่แน่ๆ นั่นคือ อัสสะ ถ้าอย่างนั้นอีกคนหนึ่งล่ะ คนที่เรียกตัวเองว่า ทิ ... รพีพันธ์ คิดพลางรู้สึกว่าปลายนิ้วมือเย็นเฉียบ

รพีพันธ์ คิดว่าความคิดของเขาคงเป็นไปไม่ได้ คงไม่มีอะไรบังเอิญขนาดนั้น ชายหนุ่มหันหน้ากลับ พลางยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว เรียกพนักงานของร้านมาเก็บเงินค่าเครื่องดื่ม เสร็จแล้วก็เก็บสายสร้อยเส้นที่เขาหวงแหนลงไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกไปจากร้าน แต่ด้วยทางเดินที่ค่อนข้างคับแคบ ชายหนุ่มจึงต้องเดินเฉียดเข้าไปใกล้โต๊ะของเด็กหนุ่มกลุ่มนั้น อย่างเลี่ยงไม่ได้ ในใจเขาคิดอยากจะมองดูหน้าของเด็กหนุ่มร่างบางนั้นสักครั้ง แต่คิดดูแล้วคงไม่เหมาะสมนัก กับการที่จะหันหลังก้มมองดูหน้าคนอื่นเมื่อเดินผ่านแบบนั้น

ระหว่างที่เขาเดินผ่านโต๊ะของเด็กหนุ่มทั้งสี่นั้นเอง อย่างที่ไม่คาดคิด สายสร้อยในกระเป๋าเสื้อที่สายของมันโผล่พ้นขอบกระเป๋าออกมา ก็เลื่อนหล่นลงไปบนตักของเด็กหนุ่มร่างบางอย่างพอเหมาะ โดยที่ รพีพันธ์ ไม่รู้สึกตัวเลย เด็กหนุ่มก้มลงจ้องมองสายสร้อยที่ถักจากเชือกสีแดงสด ร้อยไว้ด้วยเปลือกหอยมุกที่ถูกตัดแต่งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว แล้วหยิบขี้นมาดู ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสดใสของเด็กหนุ่ม เต็มไปด้วยความประหลาดใจ และยินดีอย่างที่เจ้าตัวเองก็บอกไม่ถูก ... ว่าทำไม

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าคนที่เป็นเจ้าของนั้นเดินหายลับไปเสียแล้ว
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 03-09-2008 18:23:48
เย้ย พี่ตั้ม ไมมาต่อแค่นี้อ่ะ

โห งอลนะเนี่ย

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: pupper ที่ 03-09-2008 19:01:36
เจอกันแล้ว ในที่สุดก็กลับมา ลุ้นกันอีกจนตัวโก่ง ในเมื่อ อัสสะ ก็ตามมาด้วย คงได้เกิดศึกชิงนายเอกอีกแน่ๆเลย ตอนอ่านก็คิดว่า ถ้ากลับไปจะทำไง เมื่อจันทิรายังอยู่ แต่ตอนนี้โล่งไปแล้ว เหอะๆๆ ลุ้นกันต่อ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 03-09-2008 19:17:49
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 03-09-2008 19:17:56
 :o
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 03-09-2008 19:18:25
อ้างถึง
“บุหรง  ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้”  :o
:m30:
ขออภัย ตอนนี้ผู้เขียนป่วยหนัก เพราะสำลักกาแฟ และปวดท้องอย่างแรงจากการหัวเราะ อันเนื่องมาจากรีพลายด้านบน
อ่า สำลักกาแฟเลยหรือครับ
ดื่มระวังๆ หน่อยนะครับ






เดี๋ยวคอมฯ โดนน้ำกาแฟแล้วช็อต
กลัวอดอ่านเรื่องนี้
 :oni1:

 :L2:

ปล. จันทิราถูกกำจัดจากตำแหน่งคนรักภายในวรรคเดียว  :laugh:  รวดเร็วมาก
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-09-2008 19:29:28
ปล. จันทิราถูกกำจัดจากตำแหน่งคนรักภายในวรรคเดียว  :laugh:  รวดเร็วมาก
น้อยไปเหรอครับ  :confuse:
งั้นมาย้อนรอยติดตามเบื้องหลังของ จันทิรา กันอีกซักสิบยี่สิบตอนดีมะฮับ 
:laugh3: :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 03-09-2008 19:48:07
อ้างถึง
น้อยไปเหรอครับ  :confuse:
งั้นมาย้อนรอยติดตามเบื้องหลังของ จันทิรา กันอีกซักสิบยี่สิบตอนดีมะฮับ 
:laugh3: :laugh3: :laugh3:

 :o    :o          :o                 :o                                  :o

อ้างถึง
“บุหรง  ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้”  :o
(เอามา reuse จะได้ไม่เปลืองมุข)
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 03-09-2008 21:36:23
เกือบเจอกันแล้ว

สงสัยในคำทำนายจัง ว่าจะได้แต่งงานกับสตรีอันเป็นที่รักมีลูกด้วย

 :m28:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-09-2008 21:55:58
เกือบเจอกันแล้ว

สงสัยในคำทำนายจัง ว่าจะได้แต่งงานกับสตรีอันเป็นที่รักมีลูกด้วย

 :m28:
อย่างที่เคยบอกน่ะครับ ว่าตั้งใจจะเขียนให้ตอนจบ รพีพันธ์ ได้แต่งงานกับ จันทิรา แล้วได้ลูกแฝด ก็เลยเขียนไว้แบบนั้น :try2:
แต่เขียนไปเขียนมา รู้สีกว่าอยากให้มาเจอกันอีกแบบมากกว่า ก็เลยให้คิดว่า
๑) เป็นคำปลอบโยนของ จันทริ เพื่อให้ รพีพันธ์ รู้สึกดีขี้น o18
๒) เป็นข้อผิดพลาดของผู้เขียนเอง ขออภัยไว้ ณ ที่นี้  o1
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๔ - ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 03-09-2008 21:57:11
ปล. จันทิราถูกกำจัดจากตำแหน่งคนรักภายในวรรคเดียว  :laugh:  รวดเร็วมาก
น้อยไปเหรอครับ  :confuse:
งั้นมาย้อนรอยติดตามเบื้องหลังของ จันทิรา กันอีกซักสิบยี่สิบตอนดีมะฮับ 
:laugh3: :laugh3: :laugh3:

เอ่อออออออ.. :m31: :m31:

ไม่เอาน๊า.....  

มาต่อเร็วๆ น๊า จะรอ ทิตย์เจอกับทินะจ้ะ  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 03-09-2008 21:57:49
งั้นมาต่ออักตอนแนะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 03-09-2008 22:25:17

แอบเข้ามาอ่านของบุหรง ตั้งนานและ ไม่ค่อยได้เม้นท์เลย หนุกมากๆชอบเรื่องนี้จังค้าบบ (น้องทิ มาแร้วว)

เรื่องของตัวเองเพิ่งแต่งได้5 ตอนเอง สนทางอีกยาวไกล อิอิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 03-09-2008 22:39:09
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 04-09-2008 08:45:24
กรี๊ดดดด กรี๊ดดดดด

น้องทิ อิ๊ อิ๊ อิ๊

ดีใจจนเสียจริต

 :laugh5:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 04-09-2008 09:10:20
กรี๊ดดดด กรี๊ดดดดด

น้องทิ อิ๊ อิ๊ อิ๊

ดีใจจนเสียจริต

 :laugh5:

โห เข้าขั้นจิง ๆ แฮะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 04-09-2008 09:39:42
คู่กันแล้วไม่แคล้วกันหรอกน่า :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 04-09-2008 13:49:00
 กำลังคิดอยู่ว่า คุนบุหรง จะผูกเรื่องต่อยังไง
ให้ คู่นี้เขามาเจอกันได้อีก ....แล้วก้อมิทำให้ผิดหวังจริงๆ กรี๊ดดดดดดด....ด  :oni2:

มาทั้งอัสสะ ทั้งกะทิ เอ๊ย...จันทริ พร้อมกันเลย คึคึ   :m4:

รพีพันธ์ ไม่ต้องรอจนหง๋อม ...แต่แค่ ต้องเลี้ยงต้อยแค่นั้นเอง ฮ๋าๆ    :m20:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 04-09-2008 15:10:28
 :m29: จะกลายเป็นรัก3เศร้าหรือเปล่าเนีย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๖ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 04-09-2008 18:13:55
๓๖

“ไม่มีนะครับ ผมลองสอบถามดูแล้ว ไม่มีพนักงานคนไหนในร้าน เห็นสายสร้อยลักษณะที่คุณว่าเลยครับ” เสียงตอบกลับมาจากกระบอกหูโทรศัพท์ ภายในห้องพัก
“งั้นไม่เป็นไรครับ ผมคงทำตกที่อื่น ขอบคุณครับ” พูดจบ รพีพันธ์ ก็วางหูโทรศัพท์ไป
“โอ๊ย ... ทำไงดีวะ” ชายหนุ่มยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมหัว เมื่อคิดถึงสร้อยเส้นนั้น สายสร้อยที่เป็นเหมือนตัวแทนของคนที่เขาโหยหา
สายสร้อยสีแดงพร้อมจี้รูปจันทร์เสี้ยว ที่เขาเก็บไว้เป็นดุจดังเป็นตัวแทนของ จันทริ
............................................................
.............................
พระอาทิตย์ตกดินแล้ว รพีพันธ์ เดินออกมาจากที่พักด้วยความหงุดหงิด เดินตรงไปยังร้านอาหารเพื่อทานอาหารเย็น คนในร้านบางตาเหมือนเมื่อช่วงกลางวัน เพราะไม่ใช่ช่วงที่เป็นวันหยุดตามปรกติ หรือช่วงฤดูการท่องเที่ยว เขาได้ยินเสียงพูดคุยดังมาแว่วๆ เมื่อมองไปก็เห็นว่าเป็นกลุ่มของเด็กหนุ่มทั้งสี่คน ที่เขาเห็นเมื่อตอนกลางวันนั่นเอง แต่ไม่ว่าจะมองยังไง เขาก็มองไม่เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มร่างบางคนนั้นอยู่ดี เพราะร่างนั้นถูกบังไว้ด้วยร่างที่สูงหนา รพีพันธ์ถอนหายใจ แล้วเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง แล้วสั่งอาหารกับพนักงานบริการ

“ขอโทษนะครับพี่” เสียงที่ฟังดูคุ้นเคยดังขึ้นข้างๆ เมื่อ รพีพันธ์ เงยหน้าจากจานอาหารขึ้นมอง ก็เห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นั่นเอง
“อัสสะ” เขาเผลอเรียกชื่อนั้นออกไปโดยไม่รู้ตัว
“เอ๊ะ ...” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว
“เอ้อ ... ขอโทษครับ พอดีเห็นน้องแล้วพี่คิดถึงเพื่อนคนนึงขึ้นมา” รพีพันธ์ ยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างเป็นมิตร “มีอะไรเหรอครับ นั่งก่อนสิ”
“คืองี้ครับ” เด็กหนุ่มพูดพลางขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง “น้องผมเก็บไอ้นี้ได้ เค้าบอกว่าคงเป็นของพี่ เพราะมันหล่นลงมาบนตักเค้า ตอนที่พี่เดินผ่าน”
พูดจบ เด็กหนุ่มก็ยื่นสายสร้อยสีแดงร้อยไว้ด้วยจี้รูปจันทร์เสี้ยว ให้ รพีพันธ์ ซึ่งรับไว้ด้วยสีหน้าที่ดีใจอย่างปิดไม่มิด
“จันทริ” รพีพันธ์ พูดเบาๆหลังจากรับสร้อยนั้นมาไว้ในมือ แล้วกำไว้แนบแน่น สีหน้าแดงกล่ำ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความดีใจ
“เอ๊ะ! พี่รู้ชื่อน้องผมได้ไง แล้วเมื่อตอนกลางวันเหมือนพี่จะเรียกชื่อผมด้วย” เด็กหนุ่มถามด้วยสีหน้าแสดงความสงสัย
“ว่าไงนะครับ” รพีพันธ์ ย้อนถามด้วยความประหลาดใจ
“ก็เมื่อกี้พี่เรียกชื่อน้องผม เค้าชื่อ จันทิรักษ์ ส่วนผมชื่อ อัศวิน เรียกผม อัศ เฉยๆก็ได้ครับ”
หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงขึ้น เมื่อได้ยินชื่อของคนทั้งสอง

อัศวิน ... อัสสะ
จันทิรักษ์ ... จันทริ

“พี่น้องกันเหรอครับ” รพีพันธ์ ถามพลางรอคำตอบ เพราะคำว่า พี่-น้อง สำหรับเด็กหนุ่มสมัยนี้ มีหลายความหมายนัก
“ฮ่าๆๆ ... ผมรู้นะว่าพี่คิดไร” อัศวิน อมยิ้ม “พี่น้องกันแท้ๆครับ พ่อแม่เดียวกัน” เด็กหนุ่มพูดราวกับคุ้นเคยกับเขามาเป็นแรมปี
“งั้นก็ขอโทษด้วยนะครับ เพราะเมื่อกลางวันพี่เห็นท่าทางแล้ว มันชวนให้คิดได้หลายอย่าง พูดตรงๆแบบนี้คงไม่ว่านะครับ เพราะสมัยนี้มันธรรมดาซะแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ทิ มันขี้อ้อน แล้วผมก็โอ๋น้องมากด้วย จนมันเสียนิสัย” พูดจบ ทั้งสองคนก็พากันหัวเราะเบาๆ
“เอ้อ งั้นพี่อยากจะขอบใจน้องเค้าซะหน่อย” รพีพันธ์ พูดด้วยสายตาแวววาว
“น้องผมเค้าขี้อายครับ” อัศวิน พูดแล้วหัวเราะ “ไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้า เดี๋ยวผมจะบอกให้ครับ แล้วนี่พี่มาคนเดียวเหรอครับ”
“อื้อ มาพักผ่อนน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้ว ถ้าไม่มีอะไรทำ พี่ไปนั่งคุยเล่นกับพวกผมสิครับ พวกผมพักอยู่ที่เรือน ๙” อัศวิน เอ่ยชวน ด้วยความรู้สึกเป็นมิตรกับคนตรงหน้า
“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวสักพักพี่จะไปหานะ จะได้ไปขอบใจน้องเค้าด้วย”
“งั้นผมไปก่อนนะครับ พี่อย่าลืมไปให้ได้นะครับ จะได้นั่งคุยเล่นกันให้สนุก”
พูดจบ อัศวิน ก็ลุกเดินไปหากลุ่มเพื่อนที่รออยู่ แล้วก็พากันเดินออกไปจากร้านอาหาร โดยมี รพีพันธ์ มองตามเงาหลังของเด็กหนุ่มร่างบางไป จนลับสายตา
................................................................
......................
รพีพันธ์ ยืนอยู่หน้าประตูของเรือน ๙ ซึ่งเป็นเรือนแพขนาดย่อม ข้างในเหมือนมีเสียงกีตาร์และเสียงเพลงแว่วออกมา หัวใจของชายหนุ่มเต้นระทึก สักพักจึงตัดสินใจ ยกมือขึ้นเคาะบนบานประตูไม้

ก๊อก ... ก๊อก ... ก๊อก

ไม่นานนักแต่สำหรับ รพีพันธ์ ราวกับว่าเวลาแทบจะหยุดนิ่งในระหว่างที่รอคอย แล้วประตูก็ถูกเปิดขึ้น หัวใจของ รพีพันธ์ แทบจะหยุดเต้น เมื่อมองเห็นใบหน้าของคนที่เปิดประตูอย่างชัดเจน

… ใบหน้ารูปไข่ หน้าผากมน คิ้วบางที่โค้งเรียวยาวจรดหางตา ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ดูแวววาวแจ่มใส อยู่ใต้เปลือกตาสองชั้น จมูกโด่งเป็นสันเล็กน้อย ริมฝีปากบางที่แดงเรื่อ และเส้นผมที่เล็กละเอียดยาวปรกต้นคอ ผมด้านหน้าถูกหวียาวลงปิดบังหน้าผากเอาไว้ ...
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอ&#
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 04-09-2008 18:44:10
ทิ่มตูดก่อนไปอ่าน

มาต่อได้สั้นอีกแระ

เอ้อ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

เย้ย ๆ ๆ ๆ เจอกานแร้วอ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ทำไมไม่ต่ออีกอ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ

โป้ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอ&#
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 04-09-2008 18:49:16
ทิ่มตูดก่อนไปอ่าน

มาต่อได้สั้นอีกแระ

เอ้อ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

เย้ย ๆ ๆ ๆ เจอกานแร้วอ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ทำไมไม่ต่ออีกอ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ

โป้ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เน้นคุณภาพมากกว่าขนาด ... เอ๊ย...ความยาว...เอ๊ย...ปริมาณ...เอ๊ย...
ไปม่ายถูกซะและ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๖ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 04-09-2008 19:20:04
 o13
เจอกันแล้วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๖ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 04-09-2008 20:05:12
โอยยตามอ่านรวดเดียวหลายตอนเลย  o2

มีทั้งสุข มีทั้งเศร้า หลากหลายรสชาดมากค่ะ

ตอนล่าสุดอ่านจนถึงบรรทัดสุดท้ายแล้ว รู้สึกว่าเปิดปากยิ้มกว้างได้เต็มที่จริง ๆ

หัวใจเริ่มพองโตแล้ว เค้าได้เจอกันแล้ว อาทิตย์และจันทรา  :oni2:

+ 1 ให้คุณบุหรงนะคะสำหรับผลงานดี ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๖ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 04-09-2008 20:19:47
มาทำให้อยาก ...แล้วก้อเลี้ยวจากดูซิ คุนบุหรงเนี่ย ...  :serius2:

ได้เจอกันแล่ว... โฮ่ะๆ ไม่มี สามเส้า กรี๊ดดดดด   :oni2:

อัศวิน ....  อัสสะ   จันทิรักษ์...จันทริ  เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน คึคึ

ทางโล่งโปร่งสบายแล้ว นายรพีพันธ์เอ๋ย อิอิ  :mc4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๖ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 04-09-2008 22:00:35
ทิ่มตูดก่อนไปอ่าน

มาต่อได้สั้นอีกแระ

เอ้อ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

เย้ย ๆ ๆ ๆ เจอกานแร้วอ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ทำไมไม่ต่ออีกอ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ

โป้ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เน้นคุณภาพมากกว่าขนาด ... เอ๊ย...ความยาว...เอ๊ย...ปริมาณ...เอ๊ย...
ไปม่ายถูกซะและ  :laugh: :laugh: :laugh:

ส่อนะเนี่ย พี่ต้้ม

รอตอนที่ ๓๕ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ นะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๖ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: pupper ที่ 04-09-2008 22:27:58
คุณบุหรงครับ เล่นทิ้งไว้แค่นี้คนอ่านค้างอย่างแรงนะครับ อาจจะค้างจนอนไม่หลับได้นะครับ อ่านมาตั้งแต่แรกๆชอบมากๆเลยครับ เรื่องนี้ใช้ภาษาไพเราะดีครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๖ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 05-09-2008 00:01:22
(http://i239.photobucket.com/albums/ff173/love_u_ja/web/12thaiboy-1.jpg) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5905.0)

คลิ๊กที่รูปโปสเตอร์เพื่อเข้าสู่กระทู้
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๕ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 05-09-2008 08:39:33
กรี๊ดดดด กรี๊ดดดดด

น้องทิ อิ๊ อิ๊ อิ๊

ดีใจจนเสียจริต

 :laugh5:

โห เข้าขั้นจิง ๆ แฮะ


ทิ่มตูดก่อนไปอ่าน

มาต่อได้สั้นอีกแระ

เอ้อ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

เย้ย ๆ ๆ ๆ เจอกานแร้วอ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ทำไมไม่ต่ออีกอ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ

โป้ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ


ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่

 :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๖ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: pupper ที่ 05-09-2008 12:43:47
ดีใจตรงที่เป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันจริงๆ ประโยคนี้ทำให้หัวใจพองโต ไม่มีอะไรกีดขวางอีกแล้วละมั้ง เตรียมหวานกันต่อไป ดีใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๖ - ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 05-09-2008 12:59:17
 :mc4:อย่างงี้ต้องฉลอง :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 05-09-2008 18:12:40
๓๗

“จันทริ”
ชายหนุ่มเรียกด้วยเสียงเครือ พลางจ้องมองใบหน้านั้นแน่วนิ่ง สายตาบ่งบอกถึงความรักและความคิดถึงอย่างปิดไม่มิด คนที่ถูกเรียกชื่อมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อ และก่อนที่ รพีพันธ์ จะคว้าร่างบางนั้นเข้ามากอด ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา
“อ้อ พี่น่ะเอง เข้ามาข้างในสิครับ” อัศวิน นั่นเอง เดินเข้ามาโอบไหล่ จันทิรักษ์ ไว้
รพีพันธ์ หันไปยิ้มให้ แล้วเดินเข้าไปในเรือนพัก ที่เป็นห้องโถงใหญ่ มีเตียงขนาดใหญ่อยู่ด้านในสองเตียง เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งนั่งอยู่บนพี้น มีแก้วน้ำ และถุงขนมหลายถุงวางเรียงรายอยู่ หนึ่งในนั้นถือกีตาร็ไว้ในมือ อีกคนถือหนังสือเพลงเล่มใหญ่อยู่
“นั่งสิครับพี่” อัศวิน ชี้ไปที่เก้าอี้ รพีพันธ์ ก็นั่งลง “นั่นเจ้าติก แล้วที่ถือกีตาร์นั่น เจ้าปอม แล้วนี่น้องผมเจ้ากะทิ ที่เก็บสร้อยของพี่ได้”
“ขอบใจมากนะครับ สร้อยเส้นนั้นเป็นของสำคัญสำหรับพี่มากเลย” รพีพันธ์ หันไปพูดกับ จันทิรักษ์ ด้วยประกายตาแวววาว
“เอ้อ ... ไม่เป็นไรครับ” เสียงนุ่มๆตอบมาเบาๆ “ที่จริงผมควรจะคืนพี่ตั้งแต่ตอนเก็บได้ แต่มัวดูจนเพลิน เงยหน้ามาอีกที พี่ก็เดินหายไปแล้ว”
“เฮ้ย ไอ้ทิ พูดยาวๆกับคนแปลกหน้าเป็นด้วยหว่ะ” ปอม พูดขึ้น แล้วพากันหัวเราะร่วนไปกับ ติก
“ให้พี่เรียกว่า น้องทิ ได้มั๊ยครับ” รพีพันธ์ ไม่สนใจกับเสียงล้อเลียน แต่ถามด้วยแววตาอ่อนโยน “พี่ชื่อ รพีพันธ์ เรียกพี่ว่า อาทิตย์ ก็ได้นะครับ”
“ครับ พี่อาทิตย์” เด็กหนุ่มตอบเบาๆ พลางยิ้มให้ชายหนุ่ม ด้วยแววตาและรอยยิ้มที่ รพีพันธ์ จดจำได้ไม่เคยลืม

เวลาที่ผ่านไป ทำให้ รพีพันธ์ ได้รู้จักเด็กหนุ่มกลุ่มนี้พอสมควร ทั้งสี่คนเป็นนักศึกษาปีที่ ๓ ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงพากันมาเที่ยวที่เขื่อนกิ่วลม และที่น่าแปลกใจคือ อัศวิน กับ จันทิรักษ์ นั้นไม่ได้เป็นแค่พี่น้องกันธรรมดา แต่เป็นพี่น้องฝาแฝดที่เกิดจากไข่คนละใบ และ จันทิรักษ์ เกิดในเวลาเที่ยงคืน ของคืนเพ็ญแรกในฤดูหนาวของปีนั้น

ชายหนุ่มเริ่มสนิทสนมจนลงมานั่งร้องเพลง กับกลุ่มที่นั่งอยู่กับพื้น สายตาของเขามักเหลือบมองไปยังร่างบางอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบเข้ากับตาเขา ดวงตาคู่นั้นก็จะเปี่ยมไปด้วยความเป็นมิตร กับรอยยิ้มอันอ่อนโยน และใบหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ เมื่อรู้สึกได้ถึงความรักและคิดถึงในแววตาของชายหนุ่ม

“พี่อัศ ... ทิ อยากออกไปดูพระจันทร์” ร่างบางนั้นหันไปหาพี่ชาย แล้วพูดขึ้นเบาๆ
“อะไรอ๊ะ กำลังสนุก” อัศวิน พูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั๊ยครับ พวก อัศ เค้าจะได้สนุกกันต่อ” รพีพันธ์ รีบเสนอตัว
“เอ้อ...” จันทิรักษ์ หันหน้าไปมองเหมือนจะให้คนเป็นพี่ตัดสินใจ
“ทิ ไปกับพี่เค้าแล้วกัน แล้วอย่าไปกวนพี่เค้ามากล่ะ” อัศวิน พูดแล้วหันไปยิ้มให้ รพีพันธ์ “พี่อย่าพากันไปไกลนักนะครับ”
รพีพันธ์ ยิ้มตอบพลางลุกขึ้น เดินนำไป โดยมี จันทิรักษ์ ลุกขึ้นเดินตามไปช้าๆ
“เฮ้ย จะดีเหรอวะ ไอ้อัศ” ติกเอียงหน้าเข้าไปพูดเบาๆกับ อัศวิน
“ทำไมวะ” อัศวินถามยิ้มๆ
“เดี๋ยว ไอ้ทิ ก็โดนแดร็กหรอก ไม่เห็นเหรอวะ พี่เค้ามองยังกับจะกลืนมันลงไปทั้งตัว”
“นั่นดิวะ” ปอม พูดขึ้นบ้าง เมื่อคนทั้งสองออกไปจากห้องพักแล้วปิดประตูลง
“กูเชื่อใจพี่เค้าหว่ะ” อัศวิน บอกเพื่อนๆพลางยิ้มพราย “แล้วถ้า พี่ทิตย์ เค้าอยากได้ ไอ้ทิ จริงๆนะ กูยกให้” พูดแล้วก็หัวเราะด้วยความรื่นเริง
“ได้ไงวะ ทีกูขอ ... มึงทำยึกยัก อ้างมาได้ว่ามีคนจองน้องมึงไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว” ติก พูดเหมือนจะโมโห แต่ก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
“ก็นี่ไงวะ เจ้าของเค้ามาแล้ว ไม่ให้เห็นจะไม่ได้หว่ะ” อัศวินพูดพลางมองทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง มองเห็นเงาของคนสองคนเดินไปยังริมน้ำ ไม่ห่างจากที่พักนัก
.......................................................
.......................
“คืนนี้พระจันทร์ สวยนะ”
รพีพันธ์ พูดพลางเงยหน้าขึ้นมองจันทร์เพ็ญบนท้องฟ้า แล้วหันหน้ามองดูเด็กหนุ่ม ที่นั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นหญ้าข้างๆเขา
จันทิรักษ์ หันมายิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งยืดขาตามสบาย พลางเอามือยันไปด้านหลัง แล้วเงยหน้าขึ้นมองจันทร์เพ็ญที่ส่องสว่างอยู่กลางฟ้า พลางยกมือขึ้นเสยผมด้านหน้าที่ปรกหน้าผากอยู่

จันทร์เสี้ยวสีขาวจางๆ ปรากฏขึ้นในสายตาของชายหนุ่ม รพีพันธ์ จ้องมองจันทร์เสี้ยวนั้นอย่างตกตะลึง

“จันทริ” ชายหนุ่มครางออกมาเบาๆ ตั้งตัวขึ้นนั่งตรง แล้วขยับเข้าไปจนชิดเด็กหนุ่ม
“จันทริ อย่าจากผมไปไหนอีกนะ” รพีพันธ์ คว้ามือนุ่มมาเกาะกุม พลางจ้องมองด้วยสายตาอ้อนวอน
“ครับ” จันทิรักษ์ รับคำเบาๆอย่างงุนงง “ดึกขนาดนี้แล้ว รถก็ไม่มี ไปไหนไม่ได้หรอกครับ” พูดแล้วก็รู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว
“ฮ่าๆๆ...” รพีพันธ์ หัวเราะเบาๆ “ขอโทษที น้องทิ ไม่ว่านะครับถ้าพี่พูดอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องออกไป” ชายหนุ่มยิ้มเก้อๆ
จันทิรักษ์ อมยิ้มไม่ตอบคำ หันหน้าไปมองสายน้ำในทะเลสาบ ผิวน้ำสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายวาววับ และไม่มีมีท่าขัดขืนเมื่อ รพีพันธ์ บีบมือเด็กหนุ่มเบาๆ และกุมมือนุ่มนั้นไว้ไม่ยอมปล่อย จันทิรักษ์ กลับรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด เมื่อมือของตนถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือใหญ่และแข็งแรงนั้น

ลมยามดึกเริ่มพัดเย็นขึ้น จันทิรักษ์สูดหายใจแรงๆเข้าปอด ยกมืออีกข้างลูบต้นแขนตัวเองเบาๆ
“น้องทิ หนาวเหรอครับ” รพีพันธ์ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็ ... เย็นๆนิดหน่อยครับ” จันทิรักษ์ ตอบพลางหันมายิ้มให้ชายหนุ่ม
รพีพันธ์ เลื่อนตัวไปนั่งซ้อนหลังร่างบาง ยกแขนขึ้นกอดเด็กหนุ่มไว้หลวมๆ
“อุ่นรึยังครับ” ชายหนุ่มชะโงกหน้าข้ามไหล่บอบบางไปถามเบาๆ ราวกระซิบ
เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ อมยิ้มไม่พูดอะไร เพราะรู้สึกว่าอบอุ่นไปถึงหัวใจ โดยที่เจ้าตัวเองก็ยังนึกแปลกใจ
“ดูดาวดวงนั้นสิครับ สว่างเชียว” รพีพันธ์ ชี้ชวนให้ จันทิรักษ์ ดูดวงดาวบนท้องฟ้า แล้วชวนคุยเรื่องต่างๆ
ทั้งสองคนสนทนากันเบาๆ เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่มีใครรู้ตัว จนกระทั่งเสียงของคนในอ้อมกอดเงียบไป รพีพันธ์ ก้มหน้าลงไปก็พบว่า ร่างบางในอ้อมกอดนั้นหลับไปเสียแล้ว
สายสร้อยสีแดงร้อยไว้ด้วยจี้รูปจันทร์เสี้ยว ถูกถอดออกจากลำคอของ รพีพันธ์ ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงสวมมันลงบนลำคอของคนที่หลับไหลอยู่แนบอก จันทิรักษ์ ขยับตัวเบาๆ แล้วเอียงศรีษะอิงแอบลงไปบนอกล่ำสัน ใบหน้ายามหลับยิ้มน้อยๆเหมือนกำลังมีความสุข ชายหนุ่มก้มหน้าฝังจมูกลงไปบนเรือนผมนุ่ม แล้วสูดดมกลิ่นหอมจางๆเข้าไปจนเต็มปอด จากนั้นก็แนบใบหน้าลงกับศรีษะบอบบาง พลางหลับตาลงแย้มยิ้มด้วยความสุข

... จันทริ ในที่สุดเราก็ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง คราวนี้ผมจะไม่ยอมพรากจากคุณอีกแล้ว จันทริ ดวงใจของผม...

รอยยิ้มที่อ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยความสุข ฉายออกมาบนใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าเรือนแพ เมื่อมองไปยังคนทั้งสอง ที่นั่งโอบกอดกันอยู่ไม่ไกลนั้น
... จันทริ ดวงใจของข้า หากการกำเนิดใหม่มีจริง ข้าจักขอติดตามไปกำเนิดพร้อมกับเจ้า ข้าจักขอดูแลปกป้องเจ้าให้มีความสุข ตราบจนข้าหมดสิ้นลมหายใจ ...
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: pupper ที่ 05-09-2008 18:20:05
มาจิ้มตอยจบครับ ในที่สุดก็จบลงสักที สมรักกัน แต่น่าสงสารอัสสะนะครับ เกิดมาเพื่อปกป้องคนรักจริงๆ แต่ก็จบได้มีความสุขจริงๆแต่ความจริงอยากจะให้ยาวกว่านี้นะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 05-09-2008 18:32:55
สมหวังในความรัก

 :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 05-09-2008 20:43:43
 :mc4:
จบแล้วววววว Happy กันไปอีกหนึ่งเรื่องงงงงงงงง
ยังสงสารอัสสะเหมือนเดิม...จะตามเค้ามาทามมาย
แต่ไม่เป็นไรอาทิตย์ดูแลจันทริไป เดี๋ยวฉานจะดูแล
อัสสะเองงงงงง  :o8:

+1 ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกสนานคร๊าบบบบบบบ
 :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 05-09-2008 21:19:40
 :m4:
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 05-09-2008 21:44:14
 :L2:
 :o มีจันทร์เสี้ยวด้วย คงไม่ซี้แหงเร็วเหมือนชาติก่อนนะ น้องทิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 05-09-2008 22:22:51
ขอบคุณครับ
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 06-09-2008 00:20:18
 :L2:    และแล้วก้อจบแบบแฮปปี่ เอนดิ๋ง     :L2:


เป็นฝาแฝดกันซะ จริงๆด้วย เอิ้กๆ  อัสสะ กับ จันทริ   ตามมาดุแล จันทริ จนได้เนอะ   :m4:


อาทิตย์ กับ จันทรา ได้กลับมาคู่กัน อีกครั้ง... :m1:

หวังว่า คงจะมิแยกจากกันเร็ว เหมือนครั้งที่แล้วชิมิ 


 :L2:ขอบคุณคุนบุหรง สำหรับ นิยายน่าอ่าน นะคะ  :กอด1:

หวังว่า จะมีตอนพิเศษ  คิคิ    :o8:  เอาให้หวานฉ่ำ รับหน้าฝน ไปเลยค่ะ   :oni2:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 06-09-2008 01:40:55
 :m1: มีความสุข  :m2:  ขอบคุณครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 06-09-2008 09:57:49
จบแบบมีความสุขจิง ๆ

ขอบคุณนะคับพี่ตั้มที่นำเรื่องราวดีดี มาให้ได้อ่านกัน

ไงก็รออ่านเรื่องต่อไปน๊า.......


ปล....  ว่าแต่ทำไมมันสั้นนักล่ะ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 06-09-2008 18:15:53
หลายคนคงคิดว่า อัสสะ น่าสงสาร แต่ผมคิดว่า อัสสะ มีความสุข
เพราะความสุขของ อัสสะ คือการเห็นคนที่ตนรักมีความสุข
..........................
..............
.......
...
ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตาม และคอยให้กำลังใจมาตลอด รวมทั้งคำติ-ชม อาจจะเป็นนิยายขนาดสั้น หลายคนอาจจะไม่จุใจ แต่ก็พยายามให้ออกมาดีที่สุด ขอบคุณอีกครั้งครับ  o1

ช่วงนี้ก็เป็นช่วงเทศกาลโหวตรางวัล คงต้องขอไปอ่านเรื่องที่อ่านค้างไว้ให้หมดซะที ดองไว้หลายเรื่องแล้ว  o2 o2 o2
ส่วนเรื่องใหม่ ตอนนี้เริ่มต้นเขียนแล้วครับ คงจะเริ่มลงในช่วงเตือนตุลาคม ให้ช่วงโหวตหมดไปก่อน
แล้วจะมาบอกอีกทีนะครับว่าเป็นเรื่องแนวไหน
 o3 o3 o3
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 06-09-2008 18:21:44
จบแล้ว แบบมีความสุขด้วย อิอิ :m4:

ขอบคุณตั้มนะคะที่แต่งเรื่องดีๆ มาให้อ่าน  :m1:

จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 06-09-2008 19:38:07
จบได้ประทับใจ ในที่สุดก็แฮปปี้เอนดิ้ง 

น่ารักกันทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 06-09-2008 20:05:11

ขอบคุณบุหรงที่นำความสุขมาให้เราน่ะ   o13  :o8:  :m1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 07-09-2008 01:04:41
สนุกมาๆเลยครับผมตามอ่านจบแล้ว
รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้ความยาวกำลังพอดี :m12: :m12:

อ่านแล้วไม่เอียน
บางเรื่องที่ยาวเกินผมว่ามันดูอืดๆจนน่าเบื่อแต่เรื่องนี้ตามอ่านจนจบได้อย่างไม่น่าเบื่อเนื้อหาทุกตัวอ่านเข้าใจง่ายตัวละครไม่มากจนเกินไปดีครับ
ชอบมากๆเลยครับผมเป็นกำลังใจให้นะครับแล้วจะมาค่อยติดตามเรื่องใหม่นะครับ

ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆมาให้พวกเราได้อ่านกัน

ขอบคุณครับผม :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: pupper ที่ 07-09-2008 19:05:52
คุณบุหรงครับ ไม่ทราบว่าจะมีตอนพิเศษไหมอะครับ อยากให้มีจัง
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 07-09-2008 19:23:12
คุณบุหรงครับ ไม่ทราบว่าจะมีตอนพิเศษไหมอะครับ อยากให้มีจัง
ต้องขอโทษนะครับ คงไม่มีตอนพิเศษ
ปรกติตอนพิเศษ ผมจะเขียนเพื่อเพิ่มเติมเนี้อหาที่อาจจะหายไป แล้วอาจจะแทรกอยู่ระหว่างตอนต่างๆ ที่เหตุการณ์นั้นล่วงเลยไปแล้ว
เมื่อใดที่เรื่องถึงตอนอวสาน ผมคิดว่าเรื่องนั้นจบโดยสมบูรณ์แล้ว

สำหรับเรื่องนี้ ผมก็คิดว่า ตัวละครทุกตัว ถึงจุดที่เป็นความสมบูรณ์แล้วในระดับหนึ่ง
รพีพันธ์ กับ จันทิรักษ์ จะมีความสุขกันหรือไม่ อย่างไร และนานแค่ไหน
อัสสะ จะดำเนินชีวิตต่อไปเช่นไร
ขอฝากไว้ให้เป็นจินตนาการของทุกคนแล้วกันครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ สำหรับทุกกำลังใจ
 o1
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 07-09-2008 19:50:50
จบแย้ววววว วู้วๆๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 07-09-2008 23:23:31
จบแล้ว และจบได้ถูกใจคนอ่านมากๆ

ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านค่ะ

รออ่านเรื่องใหม่นะคะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Huo_To ที่ 07-09-2008 23:40:01

ขอบคุณ คุณตั้ม มากๆเลยค่ะ  จบแบบอิ่มเอม  :กอด1:


ตามอ่าน ครบทั้งสามเรื่องแล้ว ชอบสำนวนการเขียนของคุณบุหรงมากจริงๆ (แม้บางคำจะต้องไปหาคำแปลต่อก็ตาม แหะๆ )

แล้วจะแอบซุ่มติดตามผลงานเรื่องใหม่ต่อไปนะค่ะ  :m32:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 08-09-2008 09:21:18
ตามอ่าน ครบทั้งสามเรื่องแล้ว ชอบสำนวนการเขียนของคุณบุหรงมากจริงๆ (แม้บางคำจะต้องไปหาคำแปลต่อก็ตาม แหะๆ )
สงสัยไปหาคำแปลชื่อตัวละครในเรื่องนี้แหงเลย  :try2:
ตัวละครชื่อโบราณไปหน่อย แบบนี้แหละเลยมีน้อย  :laugh3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 08-09-2008 09:37:26
^
^
^
จิ้มคุณตั้ม ขอบคุณนะคะที่ทำให้เรื่องจบอย่างแฮ็ปปี้มีความสุข จะตามอ่านเรื่องต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 08-09-2008 10:01:19
^
^
^
^
จิ้มคุณ BeePed ทะลุไปถึงคุณบุหรง

ขอบคุณนะคะ

จะติดตามเรื่องต่อไป

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: beboy ที่ 09-09-2008 22:28:19
ขอบคุณมากครับ
สนุกเหมือนเดิมเลยครับ
จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Ryuse ที่ 10-09-2008 01:41:56
 o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7

แบบว่าอยากให้มีต่ออีกนิดสสสสสสสสสสสสสสสนึงน่ะครับ เป็นเรื่องอ่านสั้นๆแต่กินใจครับ

ชอบคนแต่งที่สุดเลย แต่งอีกเยอะๆนะ แล้วจะรออ่านอย่าเหมือนปองคุงนะครับ ดองข้ามปีแข่งกะแม่ยาย

สมาคมไทยวายสตูดิโอของกระผม อิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 10-09-2008 14:54:19
๓๕(เก่า)

๓ ปี คงไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนานนัก แต่ รพีพันธ์ ไม่แน่ใจว่ามันยาวนานเกินไปหรือไม่ สำหรับการรอคอยคนรักที่หายสาบสูญ

รพีพันธ์ ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ ลังเลที่จะกดกริ่งหน้าประตู จนกระทั่งรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด พลางบีบแตรเสียงดัง จน รพีพันธ์ ตื่นจากภวังค์ ชายหนุ่มหันไปมองรถคันนั้น ทันใดประตูด้านคนขับก็ถูกเปิดออก พร้อมกับวงหน้าที่แสดงอาการตื่นแต้น และคิ้วขมวดด้วยความสงสัย รพีพันธ์ มองหน้าหล่อนยิ้มๆ
“ทิตย์” หญิงสาวอุทาน “ทิตย์ จริงๆเหรอ” หญิงสาวเรียกพลางค่อยๆเดินเข้าหาชายหนุ่ม
“จันทร์ ผมเอง ผมกลับมาแล้ว” รพีพันธ์ ตอบแล้วยิ้มกว้างให้หญิงสาว
น้ำตาของหญิงสาวรื้อขึ้นมาเอ่อเบ้าตา ผวาเข้าไปกอดร่างหนาของชายหนุ่มแนบแน่น
“ทิตย์ คุณกลับมาแล้วจริงๆ จันทร์ไม่เคยเชื่อเลยเวลาที่มีคนบอกว่าคุณตายไปแล้ว”
รพีพันธ์กอดร่างของหญิงสาวไว้แน่น จูบลงไปบนหน้าผาก
“ผมกลับมาแล้ว จันทิรา ผมกลับมาหาคุณ”
“ค่ะ จันทร์ รู้ ... จันทร์รู้ว่าวันนึง ทิตย์ ต้องกลับมา จันทร์รู้” จันทิราย้ำคำ
........................................................................
...........................
ติ๊ดๆๆ...ติ๊ดๆๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะตรงหัวเตียงดังขึ้น รพีพันธ์รีบคว้าขึ้นมารับสายด้วยความตื่นเต้น
“ครับแม่ เป็นยังไงบ้างครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“แกได้ลูกแฝด เพิ่งทำคลอดเสร็จตอนเที่ยงคืนพอดี๊ พอดี”
“จริงเหรอครับ” ชายหนุ่มดีใจ ยิ้มจนแก้มแทบปริ
“สงสัยจะแฝดไข่คนละใบนะตาทิตย์ ไม่เหมือนกันเลย เห็นปราดเดียวก็แยกออกเลยว่าใครเป็นตาเอก ใครเป็นตาทิ”
“ตาเอก ตาทิ” รพีพันธ์ ทวนคำ
“ก็ลูกแกไง ผู้ชายทั้งคู่ แม่เรียกอย่างนี้ไปก่อน ตาเอกคนโต เอกแปลว่าหนึ่ง ส่วนคนรองแม่เรียก ตาทิ แปลว่าสอง” แววตาของ รพีพันธ์ ยิ่งแวววาว “แม่เรียกชื่อนี้ไปก่อน ไว้แกกลับมาค่อยตั้งชื่อกันอีกที”

แม่ของเขายังคงพูดโน่นพูดนี่ต่อไปอีกพักใหญ่ จึงได้ยอมวางสายไป ชายหนุ่มเหลือมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบๆจะตีหนึ่ง จึงเดินไปปิดไฟ ล้มตัวลงนอนคิดอะไรเรื่อยเปี่อยไปเรื่อยๆ

ปลายปีที่เขากลับมานั้นเอง ที่เขาเข้าพิธีแต่งงานกับ จันทิรา ชีวิตคู่มีความสุข แต่ รพีพันธ์ ก็ไม่เคยลืม จันทริ ผ่านไป ๒ ปี จันทิราก็เริ่มตั้งครรภ์ในตอนต้นปี หน้าที่การงานในตำแหน่งผู้จัดการของเขาก็เป็นไปด้วยดี ช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงวันลอยกระทง เขาต้องเดินทางขึ้นมาประชุมกับบริษัทในเครือทางภาคเหนือ ซึ่งจัดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ และยังจะต้องเดินทางไปประชุมกับบริษัทในเครืออีกหลายจังหวัด รวมแล้วเป็นเวลาอีกเกือบสัปดาห์ทีเดียว แรกๆเขาไม่อยากเดินทางมาเลย เพราะจันทิราอยู่ในช่วงใกล้กำหนดคลอด แล้วเมื่อสักครู่นี้เองที่ได้รับข่าวดีจากแม่ของเขา

รพีพันธ์ คิดถึงคำพูดของ จันทริ ขึ้นมา

... ถ้าผมอยากมีลูกจะทำยังไงดีล่ะ ...
... ท่านก็แต่งงานกับสตรีที่ท่านรัก ท่านจักมีบุตรดังที่ท่านต้องการ ...  จันทริ ตอบด้วยรอยยิ้ม
... คุณยอมเหรอ ...
จันทริ ยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอ่อนโยนมากกว่าเดิม
... เป็นเรื่องธรรมดา ภายภาคหน้า ท่านย่อมได้แต่งงานกับสตรีอันเป็นที่รักของท่าน และสตรีนั้นก็รักท่านเยี่ยงชีวิต ท่านจะมีบุตร มีครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุขมากยิ่งกว่าอยู่กับข้าเพียงลำพัง ณ ที่นี้ ...

........................................................................
...........................
“ตาทิตย์ กลับมาไวจริงนะแก ไหนว่ากลับพรุ่งนี้” พ่อเขาที่นั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ ทักขึ้นทันทีที่เขาเดินเข้ามาในบ้าน ในเวลาเกือบสี่ทุ่ม
รพีพันธ์ หันไปบอกให้คนรับใช้นำกระเป๋าเดินทางใบเล็ก และกระเป๋าเอกสารไปเก็บ ก่อนจะหันไปทักทายบิดา
“พอดีหาตั๋วเปลี่ยนได้น่ะครับพ่อ แม่ล่ะครับ”
“อยู่กับหลานแน่ะ เห่อน่าดู แกรีบไปดูสิ”
“ตาทิตย์ กลับมาแล้วเหรอลูก” เสียงแม่ของเขาดังมา พร้อมๆกับตัวที่ค่อยๆเดินมาจากด้านในของบ้าน
“ครับแม่ ผมขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะครับ”
“ย่ะ จะไปอาบน้ำหรือทำอะไรก็เร็วๆเข้า แล้วรีบลงมาล่ะ”
“อ้าวทำไมล่ะครับ”
“แหมตาทิตย์นี่ หนู จันทร์ ไม่ได้อยู่ห้องข้างบนหรอ คนเพิ่งคลอดขึ้นลงบันไดมากๆไม่ดี แม่เลยจัดห้องพักแขกข้างล่างให้อยู่ไปก่อน”
“เหรอครับ งั้นผมไปหาจันทร์ กับลูกก่อนดีกว่า”
“ย่ะ รีบๆไปเหอะ ตาเอก กับ ตาทิ จะได้เห็นหน้าพ่อซะที”
“อ้อ แม่ครับ” รพีพันธ์ พูดเหมือนคิดขึ้นได้ “ชื่อเล่นลูกผมว่าชื่อนี้ก็ดีนะครับ ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ส่วนชื่อจริงค่อยคิดอีกที ยังพอมีเวลาใช่มั๊ยครับ” พูดจบ รพีพันธ์ ก็รีบเดินไปห้องนอนแขกที่อยู่ด้านในของบ้าน

รพีพันธ์ เคาะประตูก่อนที่จะค่อยๆเปิดเข้าไปอย่างเบามือ มองเห็นภรรยาของเขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพี้น เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดก็หันมามอง
“ทิตย์ กลับมาแล้วเหรอคะ” จันทิรา ส่งเสียงทักทาย พลางลุกขึ้นเดินเข้าไปหา
“อื้อ ประชุมเสร็จก็รีบขึ้นเครื่องมาเลย” รพีพันธ์ กอด จันทิรา ไว้หลวมๆ แล้วหอมแก้มเบาๆ “ไหนล่ะ ตาเอก ตาทิ”
จันทิรา จูงมือ รพีพันธ์ ไปนั่งลงข้างๆเบาะขนาดใหญ่ ร่างเล็กๆสองร่างนอนหลับไหลอยู่ แต่มือของทารกน้อยทั้งสอง จับกันไว้หลวมๆ

รพีพันธ์ มองดูร่างเล็กๆตรงหน้า ผิวสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าเหลี่ยม คิ้วหนา ปากหนา ดวงตาหลับไหล แล้วเมื่อมองไปยังร่างเล็กๆอีกร่างหนึ่ง รพีพันธ์ ถึงกับใจเต้นแรง จนแทบกระดอนออกมาจากอก

ใบหน้าน้อยๆรูปไข่ คิ้วเรียวบาง ปากนิดจมูกหน่อย อะไรก็ไม่สำคัญเท่า จันทร์เสี้ยวสีขาวเล็กๆบนหน้าผาก

มือของรพีพันธ์ สั่นเทา เอื้อมมือไปลูบไล้จันทร์เสี้ยวนั้นเบาๆ แล้วก็ต้องคิดถึงคนอีกคนหนึ่งขึ้นมา จึงหันไปพิจารณาใบหน้าทารกอีกคนหนึ่งอีกครั้ง
“ปานน่ะค่ะ หมอบอกว่าโตขึ้นอีกหน่อยคงจะจางไปเอง ถึงจะไม่หายไปก็ไม่เป็นไรนะ จันทร์ ว่ามันสวยดีออก” จันทร์ พูดยิ้มๆพลางมองหน้าทารกน้อย แต่สักพักก็รู้สึกผิดปรกติ เพราะไม่มีเสียงตอบมาจากผู้เป็นสามีเลย
“ตายแล้ว ทิตย์ คุณร้องไห้ทำไม” หญิงสาวตกใจ เมื่อเห็นหยดน้ำตาของชายหนุ่มค่อยๆไหลริน
“เปล่าๆ” รพีพันธ์ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “ผมดีใจน่ะ ขอบคุณนะ จันทร์”
“คุณดูสิ” จันทิรา พูดพลางหันไปมองร่างน้อยๆทั้งสองอีกครั้ง “ตาเอกนะ ถ้าจับแยกไม่ให้อยู่กับน้อง เป็นอาละวาด แล้วตอนนอนต้องจับมือน้องไว้อีก โตขึ้นต้องดูแลน้องได้ดีแน่ๆ”
“จันทร์” รพีพันธ์ กอด จันทิรา ไว้หลวมๆ “ผมคิดชื่อลูกได้แล้ว”
“ชื่ออะไรคะ”
“อัสสะ... ตาเอกชื่อ อัสสะ ส่วน ตาทิ ชื่อจันทริ”
“อัสสะ ... จันทริ” จันทิรา ทวนคำ “เพราะดีนะคะ” หญิงสาวยิ้ม ไม่แสดงออกว่าขัดข้อง

รพีพันธ์ คลายมือจากการกอดหญิงสาว เอื้อมมือไปจับมือน้อยๆของทารกทั้งสองไว้ แล้วลูบเบาๆ
“อัสสะ จันทริ” รพีพันธ์ ก้มหน้าลงไปหอมแก้มทารกน้อยเบาๆทีละคน
“ลูกรักของพ่อ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”

จบบริบูรณ์
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 10-09-2008 15:17:49
เง้อ หายไปแว๊บเดียวจบซะแล้ว

สัญญาว่าจะตามอ่านให้ทันนะ

 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก
เริ่มหัวข้อโดย: pseudoboy ที่ 10-09-2008 16:36:04
แบบที่พึ่งลงน่ารักจังเลย  :m1:  ครอบครัวอบอุ่น ๆ

แต่ก็จิ้นคู่ทิตย์กับจันทริไม่ได้แล้วซิ

 :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-09-2008 20:01:37
จบแบบนี้ก็น่ารักอบอุ่นดี  ตรงตามคำทำนายเป๊ะเลย

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 10-09-2008 21:02:22
พ่ออาทิตย์ต้องลำเอียง รักลูกไม่เท่ากันแหง คงทั้งรัก ทั้งหวงลูกจันทริ :laugh:

เห็นด้วยกะรีบน จบแบบนี้น่ารักอบอุ่น ตรงตามเนื้อเรื่อง :m4:

แต่จบแบบเดิมก็  :m1:  เพราะสมหวังแบบนิยายY :oni2:

 :pig4: คนเขียนค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก+poll
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 10-09-2008 21:38:11
ไหนไหน ก็ ไหนไหนแล้ว ขอทำ poll ด้วยเลยนะครับ แบบว่าอยากรู้น่ะอิอิ
 :oni3:
โอม จงคลิ๊ก จงคลิ๊ก
 :oni3: :oni3: :oni3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก+poll
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 10-09-2008 22:43:47
รพีพันธ์ได้รักกับจันทิรักษ์  :o8: โหวตแล้วครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก+poll
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 11-09-2008 09:26:57
จบแบบเก่านี้ก็ดี เป็นครอบครัว ดูอบอุ่นสมบูรณ์ดี

แต่จบแบบที่รพีพันธ์ได้กับจันทิรักษ์ก็เริ่ด

แง แง

เลือกไม่ได้ง่า

คุณบุหรงทำให้เราเป็นคนสองใจ

ขอกลับไปอ่านใหม่ทั้งสองแบบก่อน

บ่ายๆมาโหวตนะค้า

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก+poll
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 11-09-2008 10:04:20
โหวดแบบแรกอ่ะคับ เจอน้องทิ

น่ารักดี............

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก+poll
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 11-09-2008 10:58:51
หลายคนอาจจะสงสัยเหมือนกันว่า ... คนเขียนล่ะ ชอบตอนจบแบบไหน  :m28:
ความจริงตอนจบในแบบที่ รพีพันธ์ ได้กลับมาพบกับ จันทิรักษ์ ก็ดูเหมือนจะเป็นที่ต้องการของคนอ่านโดยส่วนใหญ่ ทุกคนดูจะมีความสุข
ไม่ต้องพูดถึงความสุขของ รพีพันธ์ กับ จันทิรักษ์ แม้แต่ จันทิรา ซึ่งดูเหมือนจะเป็๋นตัวประกอบที่เล็กเสียเหลือเกิน ก็ได้รับความสุขด้วย แต่ อัสสะ ล่ะ

ผมเคยบอกว่า อัสสะ มีความสุขเช่นกันในแบบของเขา ความสุขของการได้เห็นคนที่ตนรักมีความสุข
ความสุขของเขาคือความสุขของคนที่ตนรัก
ความรักของ อัสสะ เหมือนเป็นความรักที่เปี่ยมไปด้วยความเสียสละ
เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่อีกแบบหนึ่ง

แต่ตามความรู้สึกของผม มันยังเทียบไม่ได้เลยกับความรักของบุพการี
ความรักที่มีให้กับลูก เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

ผมจึงชอบตอนจบที่เขียนไว้ในครั้งแรกมากกว่าครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก+poll
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 11-09-2008 13:36:25
ไม่ว่าจบแบบไหน ก็ต้องแล้วแต่คนแต่ง เพราะคนแต่งเป็นคนนำเสนอ  คนส่วนมากแสวงหาคนสุข
แม้จะเป็นเรื่องสมมุติก็ปราถนาให้ตัวละครอันเป็นที่รักมีความสุข ไม่ว่าแบบใดแบบหนึ่ง

 :m4:

เรื่องใหม่เหรอครับ มีแย้มๆมายั่วด้วย  :serius2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก+poll
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 11-09-2008 20:25:09
จบเรื่องได้น่ารักมากเลยค่ะ

ได้อ่านทั้ง 2 แบบเลย ความรู้สึกแตกต่างกัน แบบแรกที่ระพีพันธ์กับจันทิรักษ์ได้มาพบกัน อ่านแล้วรู้สึกว่าน่ารัก เหมือนที่ได้คาดหวังไว้

ส่วนแบบหลังที่อัสสะและจันทริได้เกิดมาเป็นลูกของระพีพันธ์กับจันทิรา ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่น ให้ความรู้สึกถึงคำว่าครอบครัวแบบสมบูรณ์

แต่ยังไงก็ดีทั้งสองแบบค่ะ

ขอบคุณคุณบุหรงสำหรับเรื่องดี ๆ นะคะ แล้วจะรอติดตามผลงานชิ้นต่อไปนะคะ  :L2:

+ 1 เป็นกำลังใจให้คุณบุหรงนะคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก+poll
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 11-09-2008 21:17:56
คุนบุหรง มาลงอีกเวอร์ชั่น

จะบอกไป ชอบ ทั้งสองเวอร์ชั่น แต่ชอบเวอร์ชั่น รพีพันธ์ และ จันทิรักษ์  มากกว่า คิคิ  :t2:

เวอร์ชั่น ที่ จันทริ กับอัสสะ เกิดมาเป็นลูกของรพีพันธ์ กับ จันทิรา  ก้อดีไปอีกแบบนึง
อ่านแล้วนึกถึงหนังสือของพี่โจ มณฑานี อ่ะ 

Soulmate ไม่จำเป็นต้องเกิดมา เป็นคู่กัน ทุกชาติไป บางทีอาจจะเกิดมาเป็นพ่อลูกกันเป็นพี่น้องกัน ก้อได้

ขอบคุณค่ะคุณบุหรง ที่ทำมาให้อ่าน ทั้งสองเวอร์ชั่น  จบแบบไหน ก้อมีความสุข โนะ   :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก+poll
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 11-09-2008 21:45:32
เข้ามาหนับหนุนเม้นต์ของหนูซิน

แล้วกดหนึ่งบวกให้คนแต่งจ้า  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก+poll
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 13-09-2008 20:05:12
 :L2: สำหรับคุณบุหรงค่ะ ให้ไปแล้ว +1

 :m1: แบบว่าชอบมากอ่ะค่ะ อ่านแล้วขนลุกเลยอ่ะ ชอบมากมาย แต่งเก่งจิงๆ

 :sad2: แต่ว่าแอบเศร้านะคะ ร้องไห้แทบขาดใจ ปวดหัวเลยอ่ะ แฮ่ๆ

 :impress:ชอบรพีพันธ์กับจันทริมากมาย เค้าน่ารักมากอ่ะค่ะ จันทริแบบอ่อนโยนมากๆ รพีพันธ์ก็น่าร้ากกกกก อ่านแล้วอบอุ่นดีอ่ะค่ะ

 o7สงสารอัสสะน้อ ชอบฉากที่อัสสะนั่งคุยกับจันทริ แล้วยื่นมีไปจับข้อเท้าอ่ะค่ะ ความรู้สึกเหมือนรักและเทิดทูนมากๆ แต่ไม่กล้า แล้วก็ฉากที่อัสสะจับแพรไปส่งจันทริ โหฉากนั้นสงสารมากร้องไห้แบบสุดๆ เหมือนเค้าอยากจะตายตามไปเลยทีเดียว

 :a1: สำหรับตอนจบก็ดีทั้งคู่นะคะ แต่นู๋ชอบแบบที่เค้าได้รักกันมากกว่า อย่างว่าอ่ะค่ะถ้าแบบที่ตอนแรก มันเหมือนกับอาทิตย์จะ เห็นแก่ตัวเกินไป ที่พอไปจากจันทริแล้วก็ได้ไปมีความสุขกับจันทริรา สงสารจันทริอ่ะค่ะ แฮ่ๆ

 :m1: อยากให้มีตอนพิเศษจังเลย ยังไม่อยากให้จบเลย มันรู้สึกค้างๆคาๆอ่ะ แบบว่ายังไม่รู้เลยว้าจันทริที่มาเกิดใหม่จะรู้ตัวรึป่าว เค้าจะรักกันได้ยังไงอ่ะค่ะ อยากรู้กมาย ถ้าคุรบุหรงพอจะมีเวลาก็ช่วย แต่งออกมาหน่อยน้า จารอ อิอิ

 :กอด1: ชอบมากมายอ่ะค่ะ อ่านลวดเดียวจบเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๗ อวสาน - ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ เพิ่มเติมตอนจบที่คิดไว้แต่แรก+poll
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 14-09-2008 11:29:14
คลิ๊กแล้วค่ะ ดูคะแนนแล้วรู้เลยว่าเลือกแบบไหน :m23:
พร้อม+1   :pig4: คนเขียนค่ะ  :L2:
แต่อยากอ่านตอนพิเศษของรพีพันธ์ กับ จันทิรักษ์ เพิ่มอีกนิดเหมือนกันค่ะ  :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๘ (ตอนพิเศษ) แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 15-09-2008 20:39:30
๓๘

“เป็นไงมั่งพี่ เจ้าทิ มันกวนพี่รึเปล่า” อัศวิน ถามแล้วนั่งลงข้างๆ รพีพันธ์ ดวงตาจับอยู่บนใบหน้าที่หลับใหลอย่างมีความสุข ก่อนจะเปลี่ยนไปยิ้มให้ชายหนุ่ม
“ไม่หรอกครับ” รพีพันธ์ ตอบพลางคลายวงแขนที่โอบกระชับร่างบางไว้ ให้คลายออก เป็นโอบกอดไว้อย่างหลวมๆ
“ดูสิ หลับไปแล้ว ปลุกดีกว่าครับ ให้เข้าไปนอนข้างใน ขืนอยู่ข้างนอก อากาศมันเย็น เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“อย่าปลุกเลยครับ กำลังหลับสบาย เดี๋ยวพี่อุ้มเข้าไปเอง”

รพีพันธ์ ค่อยๆขยับตัวอย่างแผ่วเบา ถึงแม้จะทุลักทุเลเล็กน้อย แต่ก็สามารถโอบอุ้ม จันทิรักษ์ ขึ้นมาได้ ชายหนุ่มเดินช้าๆ กลับไปยังเรือนพัก อัศวิน เปิดประตูให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปข้างใน  รพีพันธ์ ค่อยๆวางร่างบางลงบนเตียงที่ว่างอยู่อย่างแผ่วเบา เหลือบไปดูอีกเตียงหนึ่ง ซึ่ง ติก กับ ปอม นอนหลับใหลอย่างอบอุ่น อยู่ใต้ผ้าห่มหนานุ่ม

“สองคนนั่นมันกินง่าย นอนง่าย หัวถึงหมอนก็หลับแล้ว”
“พี่เลยทำให้ อัศ ต้องออกไปตาม ต้องขอโทษด้วยนะ” รพีพันธ์ มองดู อัศวิน ที่ค่อยๆบรรจงถอดรองเท้าให้น้องชายฝาแฝด จากนั้นก็คลี่ผ้าห่มคลุมร่างของ จันทิรักษ์ อย่างเบามือ

รพีพันธ์ มองกลับมาที่ใบหน้าที่หลับใหลอยู่ของ จันทิรักษ์ โน้มตัวเข้าไปใกล้ เอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าผากอยู่เบาๆ มองดูจันทร์เสี้ยวนั้นด้วยสายตาถวิลหา แวบหนึ่งในความทรงจำ เขาระลึกได้ว่า ไม่เคยเห็นใบหน้าในยามหลับของผู้ที่เขาถวิลหาเลย ทุกครั้งที่เขาตื่น คนคนนั้นจะมองดูเขาด้วยสายตาอ่อนโยน และอบอุ่น อยู่เสมอ จนกระทั่งถึงเวลาที่เขาเข้าสู่นิทรา

“จันทริ” ชายหนุ่มรำพึงเบาๆ พลางคิดในใจ ... ใบหน้าเวลาที่นอนหลับของคุณ จะมีความสุขแบบนี้มั๊ยนะ ...

อัศวิน จับจ้องกิริยาของ รพีพันธ์ แล้วต้องเผยอยิ้มที่มุมปาก ดวงตาฉายแววพึงพอใจ เมื่อได้ยินชื่อนั้น

“ดึกแล้ว พี่กลับไปพักเถอะครับ”
รพีพันธ์ ยืดตัวตรง หันหน้าไปมอง อัศวิน อย่างเก้อเขิน แล้วมองกลับไปมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างเปี่ยมสุข อย่างอาวรณ์
“พวกเรายังอยู่กันอีกหลายวันน่ะพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ตื่นเช้าๆนะ จะได้ไปเดินสูดอากาศด้วยกัน รายนี้น่ะนะ...” อัศวินพยักเพยิดไปที่ จันทิรักษ์ “ชอบเดินสูดอากาศยามเช้า อยู่บ้านนะ ตื่นมารดน้ำต้นไม้แต่มืดทุกวันเลย”
“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เจอกันครับ” พูดจบ รพีพันธ์ ก็ค่อยๆเดินออกจากห้องพักไปอย่าแผ่วเบา

อัศวิน เดินตามไปปิดประตู ใส่กลอนและลอคกุญแจห้อง ปิดไฟ แล้วเดินกลับมาซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม สอดแขนเข้าไปโอบศรีษะของ จันทิรักษ์ เข้ามาอิงแอบกับอก
“พี่อัศ” เสียงเรียกอย่างแผ่วเบา จากคนที่อยู่ในอ้อมกอด
“หือ” เขาจะรู้อยู่แล้ว ว่า จันทิรักษ์ ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่เขาห่มผ้าให้
“พรุ่งนี้ พี่อาทิตย์ เค้าจะมาหาพวกเราอีกมั๊ย”
อัศวิน เอื้อมมือไปจับแขนเล็กๆ ให้มากอดเอวเขาไว้  ก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผาก
“ทิ อยากให้มามั๊ยล่ะ”
“อื้อ ... ทิ รู้สึกสนิทสนมกับพี่เค้ายังไงก็ไม่รู้ เหมือนเคยเจอ เคยอยู่ด้วยกันมาก่อน”
“เนื้อคู่มั๊ง” พูดแล้ว อัศวิน ก็หัวเราะเบาๆอย่างอดไม่ได้
เงียบ ... ไม่มีเสียงตอบ แต่ อัศวิน รู้ว่าน้องของเขากำลังหน้าแดง
“เค้าต้องมาสิ นอนเถอะ เชื่อพี่นะ พรุ่งนี้ก็ได้เจอพี่เค้าอีก”
“อื้อ ... พี่อัศ ... ทิรักพี่จัง”
“เออ พี่ก็รักแก ไอ้ม๋ากะทิ” พูดจบก็หัวเราะเบาๆ

อัศวิน เอาคางแนบไว้กับหนาผากของ จันทิรักษ์ แล้วทั้งคู่ก็ค่อยๆผลอยหลับไป
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๘ (ตอนพิเศษ) แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: akike ที่ 15-09-2008 20:56:19
 :o8:หวานๆๆๆชอบจังเรย

ทำไมหน้ารักงี้อ่า

แต่เคืองนะเนี่ยพี่อัศทำไมไม่กอดนู่กอดแต่น้องทิได้ไง

น้องทิเค้าของพี่รพีนะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๘ (ตอนพิเศษ) แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 15-09-2008 21:04:02
 :m4: เย้ๆๆๆๆๆมีตอนพิเศษด้วย น่ารักจัง รอๆๆๆๆๆๆ

 :L2: ขอบคุณ คุณบุหรงมากนะคะ  :pig4: อิอิ

 :กอด1: อ่ะให้เลยอีก 1
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๘ (ตอนพิเศษ๑) แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 15-09-2008 23:20:55
กรี๊ดดดดๆๆๆๆๆๆ  :oni2:  :oni2:  :oni2:   คนสวยสติหลุดค่า    :t2:
ตอนพิเศษๆๆ   :o8:  อะไร จะหวานอบอุ่นได้เยี่ยงนี้ ... รพีพันธ์ กับ จันทริ 
ไหนจะ อัสสะ พี่ชาย ที่แสนใจดี๊ ใจดี   :m4: 

ตอนหน้า จะหวานฉ่ำกว่านี้ชิมิคะ คุนบุหรง    :m1:

 :L2:  ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ   


ปล. จันทิรักษ์ ให้ความรู้ สึก อยากปกป้องมากๆ  ชาตินี้ กรี๊ดดดดดด....ด   :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๘ (ตอนพิเศษ๑) แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 16-09-2008 08:17:34
พี่อัศ

น่าร๊ากกกกกกกก

 :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๘ (ตอนพิเศษ๑) แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 16-09-2008 09:04:19
 :m13: :m13:  โอ๊ย ๆ ๆ ๆ ๆ ไม่ไหว น่ารักจัง  :m13: :m13:

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะค๊าบ.........


หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๘ (ตอนพิเศษ๑) แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 16-09-2008 10:20:37
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๘ (ตอนพิเศษ๑) แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 16-09-2008 10:27:23
น่ารักจังเลยตอนพิเศษ  :m1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๙ (ตอนพิเศษ๒) แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 16-09-2008 18:44:42
๓๙

ติก นั่งคุยอยู่กับ ปอม บนพื้นหญ้าริมน้ำ ใกล้ๆนั้น อัศวิน ยืนโอบไหล่ จันทิรักษ์ ไว้ ชี้ชวนดูโน่นดูนี่กันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม รพีพันธ์ มองเห็นแล้ว ก็เดินตรงเข้าไปหา

“อรุณสวัสดิ์ครับ ทุกคน” รพีพันธ์ ส่งเสียงทักทาย
“ดีเพ่” ติก ส่งเสียงทักทายอย่างยียวน ส่วน ปอม ยิ้มทักทายชายหนุ่ม
“อรุณสวัสดิ์พี่ อากาศตอนเช้าที่นี่ดีจังนะครับ” อัศวิน หันมาทักทาย
“เอ้อ...” จันทิรักษ์ ยิ้มให้ชายหนุ่ม เหมือนมีอะไรจะพูด แต่ไม่กล้าพูด
“น้องทิ มีอะไรเหรอครับ” รพีพันธ์ ถามแล้วเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่ม
“สร้อยคอของพี่น่ะครับ ทำไมมัน ...” มือของ จันทิรักษ์ จับไปที่หน้าอก ทำให้ รพีพันธ์ รู้ว่า เด็กหนุ่มสวมสร้อยเส้นนั้นไว้ อยู่ภายใต้เสื้อยืดตัวหลวมโคร่งนั่นเอง
“อ๋อ ...” ชายหนุ่มรีบพูดตอบ “พี่ใส่ให้เองครับ” รพีพันธ์ ยิ้มกว้างให้เด็กหนุ่ม ดวงตาฉายแววอ่อนโยน
“แต่มันเป็นของสำคัญของพี่ไม่ใช่เหรอครับ” คราวนี้ จันทิรักษ์ พูดด้วยความรวดเร็ว สีหน้าแสดงออกถึงความเกรงใจ
“ทำไม น้องทิ ทำหน้าแบบนั้นล่ะ ไม่เป็นไรหรอก” เขาอยากจะบอกเหลือเกินว่า ... สร้อยเส้นนี้เป็นของคุณไง จันทริ ... แต่ตอนนี้ เขาคงบอกได้แต่เพียงว่า “น้องทิ บอกว่ามันสวยดีใช่มั๊ยครับ แล้วพี่ว่ามันดูเหมาะกับ น้องทิ มากๆเลย”
“แต่ ...” สีหน้าของ จันทิรักษ์ ยังแสดงความไม่สบายใจ หันหน้าไปหาพี่ชายคู่แฝด เหมือนจะขอความช่วยเหลือ
“พี่เค้าว่าแบบนั้น ก็ใส่ไว้ก่อนแล้วกัน แล้วพอพี่เค้าจะกลับ ค่อยถอดคืนพี่เค้า” พูดจบ อัศวิน ก็หันไปยิ้มให้ รพีพันธ์ ซึ่งก็ยิ้มแสดงความขอบใจให้เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่
“เฮ๊ย! กูหิวข้าวหว่ะ ไปกินข้าวเหอะ” ติก ตะโกน แล้วผลุนผลันลุกขึ้นเดินไปร้านอาหาร ปอม รีบลุกเดินตามไป
“เป็นอะไรของเอ็งวะ ไอ้เสือ จู่ๆทำเป็นอารมณ์เสีย” ปอม ถามงงๆ
“กูหมั่นไส้หว่ะ” ติก บอกเสียงขุ่นๆ
“หมั่นไส้เหรอ ... หมั่นไส้ใครวะ”
“ไอ้อัศ มันทำท่ายังกะจะเอา ไอ้ทิ ใส่พานถวาย ไอ้พี่อาทิตย์ อะไรนั่นน่ะ”
“อ้าวมึงนี่ ... พระจันทร์ ก็ต้องคู่กับ พระอาทิตย์ สิวะ” ปอม พูดแล้วก็หัวเราะชอบใจ “เอ็งทำไมยังตัดใจไม่ได้อีกเหรอไงวะ ไหนว่าเคลียร์แล้วไง”
“เออ ... เคลียร์แล้ว” คราวนี้เสียงของ ติก เสดงออกถึงความน้อยใจ “เอ็งคิดดูดิ๊ กูนะ ทั้งตาม ทั้งเทคแคร์ สารพัดจะทำ ตั้งปีกว่า ยังไม่สนใจกูเลย แล้วไอ้พี่นี่เพิ่งโผล่มาเมื่อวาน”
“ของอย่างนี้กูว่า มันพูดยากหว่ะ”
“กูว่ามันต้องมีอะไรซักอย่าง  มันเหมือนจะคุ้นๆอยู่ในหัวกูนี่แหละ แต่กูคิดไม่ออก” ติก เคาะขมับของตัวเอง แล้วส่ายหน้าเมื่อคิดไม่ออกว่า สิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจนั้น คืออะไร
.................................................................
..........................
“รู้มั๊ยครับ ว่าที่นี่มีตำนาน” รพีพันธ์ ชวนคุยระหว่างรับประทานอาหารเช้า
“ตำนานอะไรเหรอพี่” ปอม ถามอย่างสนใจ
“ตำนานของหมู่บ้านแห่งนึงน่ะครับ พี่เคยฟังมาจากการสัมมนาเมื่อหลายปีก่อน” รพีพันธ์ หันไปตอบยิ้มๆ
“หมู่บ้านเหรอพี่” อัศวินถามบ้าง
“ครับ ชื่อหมู่บ้านจันทรา เป็นหมู่บ้านที่นับถือจันทราเทพ เป็นเทพเจ้าของหมู่บ้าน”
“พี่อัศ ...” จันทิรักษ์ เรียกพี่ชายเบาๆ
อัศวิน หันไปยิ้มให้ แล้วหันไปพูดกับรพีพันธ์
“มันเป็นยังไงเหรอครับพี่ ตำนานของหมู่บ้านนี้”

รพีพันธ์ เริ่มเล่าเรื่องตำนานของหมู่บ้านจันทรา ตามที่เขาได้ยินมาจากการสัมมนา เมื่อหลายปีก่อน ระหว่างที่เล่าเรื่องนั้น ชายหนุ่มรู้สึกว่านอกจากใบหน้าที่แสดงความสนใจของ ปอม ท่าทีที่ไม่ค่อยสนใจนักของ ติก รอยยิ้มของอัศวิน ที่ไม่ชวนให้คิดอะไร ก็มีสีหน้าและท่าทางของ จันทิรักษ์ นี่แหละ ที่เขารู้สึกว่ามันผิดปรกติ เพราะสายตานั้นก้มมองแต่จานอาหาร ที่กำลังรับประทานอยู่ตรงหน้า บางทีก็เหลือบสายตาขึ้นมองชายหนุ่มด้วยแวตาประหลาด
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๙ (ตอนพิเศษ๒) แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 16-09-2008 19:31:49
^
^
^
จิ้ม จิ้ม จิ้ม

ตอนพิเศษ 1 หวานมากค่าาา  :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๙ (ตอนพิเศษ๒) แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 16-09-2008 19:37:39
 :mc4:    อดจิ้มคุนบุหรงเยย  มัวแต่เม้าท์ เอิ้กๆ 

รพีพันธ์ เล่า ตำนาน ให้ จันทิรักษ์ฟัง  ...จันทิรักษ์คนเดียวที่ยังไม่รู้ตัวใช่ป่ะ

จริงๆแล้ว เหมือนอัศวิน เขาจะรู้อยู่แล้วชิมิ  เพราะ ความ มุ่งมั่น ตั้งจิตอธิษฐานแน่วแน่ ตั้งแต่ ชาติที่แล้ว อ๊ะป่ะ  
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๙ (ตอนพิเศษ๒) แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 16-09-2008 20:06:28
 :m1: :m1:  เริ่มจะรู้เรื่องราวแล้ว เฮ้อ จะเป็นไงต่อไปหว่า

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปน๊า .......... 

รออ่านเรื่องใหม่ ตุลาคมนี้ด้วยคับ พี่ตั้มมมมมมมมมมมมม

 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๙ (ตอนพิเศษ๒) แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 16-09-2008 20:21:50
 :m3: ขอบคุณนะคะ มาต่อแล้วเย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :m21: เอทำไมจันทิรักษ์ต้องก้มหน้าก้มตาด้วยน้า เอ๊ะ :o หรือว่า......... จันทิรักษ์ ก็รู้ถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ว้าวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วเรื่องจะเป็นไงต่อไปนี่ หุหุ

 :L2: น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกก รอๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๙ (ตอนพิเศษ๒) แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 16-09-2008 20:35:50
อย่าค้างซิคุณตั้ม  อยากรู้เรื่องต่อ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๙ (ตอนพิเศษ๒) แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: akike ที่ 16-09-2008 20:55:41
ขอจิ้มด้วยคน

แร้วมันจาไงต่ออ่าเนี่ย

น้องทิเปงของพี่รพีมาตลอดตั้งแต่อดีตและตลอดไป

เย้ๆๆๆๆๆๆ

ไม่ค่อยจาบ้าเรยเรา :a1: :a1: :a1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๙ (ตอนพิเศษ๒) แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 16-09-2008 21:22:05
 :m4:  :m4: ได้อ่านตอนพิเศษแล้ว
 ขอบคุณ คุณบุหรง ค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
   :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๙ (ตอนพิเศษ๒) แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 16-09-2008 22:49:16
 :o8: ตอนพิเศษ ชอบจังเลยครับ ต่ออีกๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๙ (ตอนพิเศษ๒) แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 17-09-2008 09:06:32
ชอบตอนพิเศษมากมาย

ขอบคุณคุณบุหรงค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๓๙ (ตอนพิเศษ๒) แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 17-09-2008 15:27:33
 :m13: รออย่างใจจดใจจ่อ อิอิ ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๐ (ภาคเสริม๓) แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 17-09-2008 18:45:58
๔๐

“ร่างทรงแห่งจันทราเทพ กับบุรุษแห่งสุริยาเทพ ... ฟังแล้วยังกับเทพนิยายหลอกเด็ก” ติก เบ้หน้า
“แล้วไอ้ที่สลักอยู่ในถ้ำมันอะไรกันแน่ ใช่อย่างที่เขาบอกเหรอพี่” ปอม ตั้งคำถามด้วยความสงสัย
“อักษรพวกนั้นมันไม่ใช่ความรู้ในเรื่องต่างๆ อย่างที่เข้าใจกันหรอกครับ มันเป็นเหมือนคำพยากรณ์ ของตัวแทนแห่งจันทราเทพกับ บุรุษแห่งสุริยาเทพ”
“แล้วไอ้ที่เรียกว่าร่างทรงแห่งจันทราเทพเนี่ย มันเหมือนพวกทรงเจ้าเข้าผีที่เห็นๆกันมั๊ยพี่” ปอมถามอีก คราวนี้ รพีพันธ์ หัวเราะเบาๆ
“ไม่เหมือนเลยครับ ที่เข้าใจว่าเป็นร่างทรงนี่ ถ้าจะเปรียบคงคล้ายๆพระรามที่เป็นอวตารของพระนารายณ์ เป็นร่างที่แบ่งภาคมาเกิด เพียงแต่ร่างจันทรทาเทพที่ว่านี่ จะมีสองวิญญาณ สองสภาวะในตัวคนเดียว สภาวะของคนธรรมดา กับสภาวะของจันทราเทพที่มีพลังวิเศษ แต่บางครั้งสองสภาวะก็ปะปนกันจนแยกไม่ออก”
“วุ่นตายเลย จะรู้มั๊ยว่าตอนไหน ใครเป็นใคร” ติก แสดงความคิดเห็น
“ก็คงจะพอแบ่งแยกได้ เพราะบุคลิคมันแตกต่างกัน คิดซะว่าเป็นฝาแฝดที่นิสัยต่างกัน การแสดงออกต่างกัน คงจะพอได้” รพีพันธ์ ตอบยิ้มๆ
“แต่ตอนจบมันน่ากลัวเกินไปหน่อยมั๊งพี่ บูชายัญเนี่ย” ติกท้วง
“ไม่ใช่บูชายัญหรอกครับ แต่การกลับสู่ที่มา มันคือการกลับจริงๆ” ใบหน้าของ รพีพันธ์ เศร้าลง “สำหรับร่างของจันทราเทพนั่น คงเป็นการรู้ล่วงหน้าถึงความตายของตัวเอง ส่วนบุรุษแห่งสุริยาเทพ ก็จะถูกส่งกลับไปยังที่ที่เขาเดินทางมา เรียกว่าถูกส่งกลับคืนสู่บ้านจะดีกว่า”
“โห ... แบบนี้ก็น่าสงสารพระจันทร์สิครับ ที่ต้องตายน่ะ เหลือแต่พระอาทิตย์” ปอม ทำท่าไม่เห็นด้วย
“แล้วไม่คิดว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่เสียใจบ้างเลยหรือครับ ที่ต้องพรากจากคนอันเป็นที่รัก” พูดแล้ว รพีพันธ์ ก็หันไปมองหน้า จันทิรักษ์ ที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาพอดี

เหมือนมีแม่เหล็กดึงดูดเข้าหากัน ทั้งสองคนสบตากันแน่วนิ่ง คนหนึ่งมีแววตาแสดงออกถึงความถวิลหา  ในดวงตาอีกคู่หนึ่งทอแววอ่อนโยนและเขินอายอยู่ในที

“ความคิดเห็นของพี่นี่เข้าท่านะครับ” อัศวิน พูดยิ้มๆ “เพราะจริงๆแล้ว เรื่องนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ หลักฐานต่างๆก็หายากเหลือเกิน ตัวหมู่บ้าน รวมทั้งวิหารจันทราเองก็จมอยู่ใต้ทะเลสาบหมดแล้ว ส่วนเอกสารต่างๆที่ได้มา ก็มาจากชนเผ่าอื่นทั้งนั้น ไม่ใช่เอกสารที่ได้มาจากหมู่บ้านนั้นโดยตรง”
“เอ๊ะ ... ทำไม อัศ ถึงรู้ล่ะครับ” รพีพันธ์ ถามด้วยความสงสัย
“ทิ” อัศวิน ไม่ตอบ แต่หันหน้าไปหาคู่แฝด “ทิ จำได้มั๊ย เมื่อหลายปีก่อน วันที่ตามพ่อขึ้นมาลำปางน่ะ ทิยังชี้ให้พี่ดูเลย คนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วหน้าอกเค้ามีแสงวูบๆทะลุเสื้อออกมาน่ะ”
“อื้อ ทิ พอจำได้ แต่จำหน้าคนนั้นไม่ได้หรอกนะ เพราะตอนนั้นมองแต่แสงวูบๆนั่น ยังนึกว่าของเล่นเลย” จันทิรักษ์ พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ “ยังงอแงให้ พี่อัศ หามาให้เล่น”
อัศวิน ยกมือขยี้ผมตรงท้ายทอยน้องชายเบาๆ
“แต่พี่จำได้แล้ว พี่อาทิตย์ คนนี้แหละ ที่ ทิ เห็นตอนนั้น” อัศวิน หันหน้าจ้องหน้า รพีพันธ์ พูดด้วยคำพูดที่มีความหมาย “ผมเพิ่งระลึกได้เมื่อคืนนี้เอง ว่าพวกเราเคยเจอกันมาก่อน ... ในอดีต”

รพีพันธ์ สะดุดใจในคำพูดนั้นอยู่เหมือนกัน เขาสะดุดใจมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น อัศวิน แล้ว แต่ยังสงสัยว่าเมื่อหลายปีก่อน เขาเคยเจอคนทั้งสองด้วยหรือ

“อัศ กับ ทิ เคยเจอพี่เหรอครับ” ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ
“คืองี้นะพี่ เมื่อ๕ปีก่อน คุณพ่อพวกเราขึ้นมาร่วมสัมมนาที่ลำปาง เรื่องหมู่บ้านจันทรานี่แหละ พ่อผมเป็นคนหนึ่งในทีมงานค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้ พวกผมก็ตามขึ้นมาด้วย มาเที่ยวน่ะพี่ กะว่าพอพ่อเสร็จงานก็จะได้เที่ยวกันต่อ”
“เรื่องที่พี่เล่าเมื่อกี้น่ะ พวกเราฟังมาจากพ่อจนเบื่อแล้ว พ่อยังเอาเรื่องนี้มาล้อผมบ่อยๆเลย เรื่องปานเนี่ย” จันทิรักษ์ พูดยิ้มๆ ยกมือขึ้นมาลูบปานบนหน้าผากของตัวเอง อัศวินมองหน้าน้องชายฝาแฝด แล้วเอื้อมแขนไปโอบไหล่ จันทิรักษ์
“แต่อย่างว่าแหละพี่ งานสัมมนาน่ะ มันน่าเบื่อจะตาย พวกเราเลยออกมาเดินเล่น ดูโน่นดูนี่กัน แล้วจู่ๆ ปานของ เจ้าทิ มันกลายเป็นสีเหลืองทอง ก็นึกว่าเปื้อนอะไร ผมเลยจะพาไปล้างหน้า ก็พอดีนั่นแหละ พี่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี แล้วมีอะไรวูบๆตรงหน้าอก เจ้าทิ มันเห็นเข้าก็เลยชี้ให้ดู แล้วพอพี่เดินหายลับตาไป ปานของ เจ้าทิ ก็เป็นเหมือนเดิม ตอนนั้นผมยัง งงๆ อยู่เลย”

รพีพันธ์ ตกตะลึงกับคำบอกเล่าของ อัศวิน ... นี่เขาเคยเจอกับทั้งสองคนนี้มาก่อนแล้วหรือ แต่ทำไมตอนนั้น อัสสะ หรือ อัศวิน ในตอนนี้ถึงจำเขาไม่ได้ล่ะ ...

เหมือนว่า อัศวิน จะรู้ความคิดของชายหนุ่ม
“ตอนนั้นพวกเราเพิ่งจะ๑๕ กันเอง แล้วเรื่องบางเรื่องมันยังไม่เกิดขึ้น ผมก็เลยยังจำอะไรไม่ได้หรอก หลังจากวันนั้นแล้ว ผมก็เริ่มจำอะไรขึ้นมาได้บ้างอย่างเลือนลาง แล้วตอนที่เข้าไปคุยกับพี่ครั้งแรกเมื่อวานนี้ ผมก็ยังนึกถึง ‘เรื่องที่เราเคยเจอกัน’ ไม่ออก เพียงแต่รู้สึกคุ้นเคยกับพี่มากๆเท่านั้นเอง แต่เมื่อคืนนี้ ตอนที่ผมออกมาตามพี่กับ เจ้าทิ ตอนที่ผมเห็นพวกพี่ไกลๆนั้นแหละ ผมถึงได้จำ ‘ทุกอย่าง’ ได้หมด” อัศวินเน้นคำว่า ... ทุกอย่าง ... เป็นพิเศษ
“ทุกอย่าง เหรอครับ” รพีพันธ์ ทวนคำ
“ ครับ ... ทุกอย่าง” อัศวิน ยิ้มอย่างมีความหมาย “ทุกอย่าง ... ที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต”

... ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต ... รพีพันธ์ ทบทวนคำนั้นอีกครั้งในหัว เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ คงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดหรอกนะ

“พี่เข้าใจถูกแล้วหล่ะครับ ผมจำได้ทุกอย่างจริงๆ” อัศวินยิ้มอีกครั้ง พลางหันไปมอง จันทิรักษ์ ที่มองหน้าเขาด้วยความงุนงง แล้วหันไปมอง ติก ที่ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง เพราะสงสัยในท่าทางแปลกๆในระหว่างคุยกันของคนทั้งสอง
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๐ (ภาคเสริม๓) แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: akike ที่ 17-09-2008 19:45:56
อัสจำได้ทุกอย่างแร้ว

โฮะๆๆๆๆ

แร้วน้องทิจำไม่ได้บ้างเรยหรือไงน๊า
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๐ (ภาคเสริม๓) แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: pantanakan ที่ 17-09-2008 22:20:29
นั่นสิคะ  น้องทิจำอะไรได้บ้างไหม 

พรหมลิขิตช่างเล่นตลก   
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๐ (ภาคเสริม๓) แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 18-09-2008 00:11:08
 อัสสะ - อัศวิน จำได้ ทุกอย่าง จริงๆด้วยโนะ   :m4:

แต่นู๋ทิ นี่จิ... อาจจะเป็นความผูกพันแต่ในอดีต ทำให้รู้สึกคุ้นเคยกับ รพีพันธ์  และค่อยๆ ระลึก ได้ ภายหลังหรือเปล่า

ที่แท้ เจอกันมา ตั้งก่า 5 ปีก่อน   แล้ว ตอนนั้น...โอ้วววว...ว รพีพันธ์หายไป 3ปี 

งั้น...ก้อแปลว่า...เจอกันก่อน ที่ รพีพันธ์ จะตกน้ำจมหายไปชิมิ  หรือไงง คน สวย แอบงง ค่ะ เอิ้กๆ   :t2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๐ (ภาคเสริม๓) แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 18-09-2008 00:15:53
 :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๐ (ภาคเสริม๓) แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 18-09-2008 06:13:29

ที่แท้ เจอกันมา ตั้งก่า 5 ปีก่อน   แล้ว ตอนนั้น...โอ้วววว...ว รพีพันธ์หายไป 3ปี 

งั้น...ก้อแปลว่า...เจอกันก่อน ที่ รพีพันธ์ จะตกน้ำจมหายไปชิมิ  หรือไงง คน สวย แอบงง ค่ะ เอิ้กๆ   :t2:
ช่ายเลย.....ประมาณนั้นเลย  :try2:
คงพอจำได้ในตอนที่ ๒
รพีพันธ์ เดินออกจากห้องสัมมนา ไปเข้าห้องน้ำ ปานที่หน้าอกเปล่งแสงแล้วดับไป โดยที่ตัวเขาเองไม่ได้สังเกต ตอนที่เดินออกมาจากห้องน้ำนั่นแหละครับ ที่ อัศวิน กับ จันทิรักษ์ อยู่แถวนั้นพอดี

แต่ไม่มีเขียนบรรยายไว้ เพราะไม่ได้คิดจะเขียนภาคเสริมนี้  o22

สงสัยต้องไปเขียนแก้ตอนนั้นอีกซะละม๊างงงง...  o2 o2 o2

นอกจาก อัสสะ กับ จันทริ แล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งที่อาจจะคาดไม่ถึง ติดตามมาจากอดีตด้วย
ลองทายกันเล่นๆดีไหมครับ ถ้าทายถูกเมื่อไหร่  จะลงตอนสุดท้ายให้ อิ อิ อิ  :laugh3: :laugh3: :laugh3:

แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะครับ ว่าทำไมถึงได้ตกลงใจเขียนภาคเสริมขึ้นมาอีก ๔ ตอน(สั้นๆ  :laugh: :laugh: :laugh:)
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๐ (ภาคเสริม๓) แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 18-09-2008 08:19:30
ขอทายว่า

เป็น ท่านจาง หัวหน้าผู้มาเยือนหมู่บ้านจันทรา

ที่โดนน้ำพัดไป

แล้วก็กลับชาติมาเกิดเป็นติก

เอ๊ะ รึจะเป็นพยัคฆา

 :m30:

เดาล้วนๆ มั่วกว่านี้ได้อีก จินตนาการล้ำเลิศจริงเรา
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๐ (ภาคเสริม๓) แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 18-09-2008 08:37:23
ขอทายว่า

เป็น ท่านจาง หัวหน้าผู้มาเยือนหมู่บ้านจันทรา

ที่โดนน้ำพัดไป

แล้วก็กลับชาติมาเกิดเป็นติก

เอ๊ะ รึจะเป็นพยัคฆา

 :m30:

เดาล้วนๆ มั่วกว่านี้ได้อีก จินตนาการล้ำเลิศจริงเรา
ถึงจะเดาล้วนๆ แต่..........................................................ถูก  :o

โปรดรอสักครู่ จะได้อ่านตอนต่อไป  :sad2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๐ (ภาคเสริม๓) แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 18-09-2008 08:44:57
 :m13: :m13:  ยกขบวนรอ ค๊าบพี่น้อง........   :m13: :m13:


หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 18-09-2008 08:55:57
๔๑

ห้าปีก่อน ... รพีพันธ์ เดินทางมาที่จังหวัดนี้ นั่งฟังการบรรยายในการสัมมนา เรื่องหมู่บ้านจันทรา
ห้าปีก่อน ... ในเวลา และสถานที่เดียวกัน จันทิรักษ์ ได้เห็นชายหนุ่ม เห็นการเปลี่ยนแปลงของ ‘สัญลักษณ์’ กลางหน้าอกของเขา พร้อมกันนั้น ‘สัญลักษณ์’ กลางหน้าผากของเด็กหนุ่ม ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
ห้าปีก่อน .. สัญลักษณ์ทั้งสอง อาจจะส่งสัญญาณร้องเรียกหากัน เมื่อรู้ว่าได้มาอยู่ใกล้กัน

นั่นคงเป็นแรงผลักดันให้กงล้อแห่งชะตากรรม ที่หยุดนิ่งอยู่ ให้เริ่มทำงานตามหน้าที่ของมัน
กงล้อแห่งชะตากรรม ที่นำพาให้ชายหนุ่มถูกส่งตัว ... หรืออาจจะถูกดึงตัว กลับไป ... สู่อดีต
... อดีตอันมีผลให้เกิดปัจจุบัน

อดีต ที่เขามักจะถูกมองด้วยสายตาอันอ่อนโยน  เปี่ยมไปด้วยความรัก
ปัจจุบัน เขาปรารถนาจะใช้ดวงตาของเขามองคนตรงหน้า เหมือนอย่างที่เขาเคยเห็นและรู้สึกได้จากแววตานั้น

อดีต ที่เขาถูกห่อหุ้มด้วยความรู้สึกอันอันอบอุ่น และถูกโอบกอดด้วยวงแขนที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในยามค่ำคืน
ปัจจุบัน เขาปรารถนาจะใช้วงแขนของเขา โอบกอดคนตรงหน้านี้ ให้ได้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เหมือนที่เขาเคยได้รับ

“ไอ้ติก มึงเป็นอะไรวะ เอาแต่จ้องพี่เค้าแล้วหน้าบูดเป็นหมาเน่าแบบเนี๊ย” ปอน กระซิบถาม
ตอนนี้พวกเขาอยู่บนเรือแพ ที่กำลังล่องช้าๆอยู่ในทะเลสาบ รพีพันธ์ กำลังชี้ชวนให้ จันทิรักษ์ ดูสภาพอันสวยงามในมุมต่างๆ
“กูไม่ค่อยสบายใจหว่ะ” ติก ตอบกลับเบาๆ
“ทำไมวะ มึงยังไม่เลิกหึงอีกเหรอไง” ปอนพูดแล้วก็อดขำไม่ได้
ผั๊วะ ... ติก ตบลงไปบนศรีษะของ ปอน แรงพอดู แต่ ปอน ไม่กล้าโวยวาย ได้แต่เบ้หน้า แล้วคลำศรีษะบริเวณที่ถูกตบป้อยๆ
“ไม่ใช่เว๊ย เอ็งทำเป็นลืมรึไงวะ ไอ้ทิ น่ะ มันมีปานที่หน้าผาก”
“แล้วไงวะ”
“เชี๊ยะนี่ ... ต้องให้บอกละเอียดทุกเรื่องเลยหรือไงวะ คิดต่อเองมั่งดิ๊”
“มึงก็บอกๆมาให้หมดสิวะ ขยักไว้ทำไม ต้องให้กูคิดอีก ... เสียเวลา” ปอม ไม่ลดละ
“ปานของ ไอ้ทิ มันเป็นรูปจันทร์เสี้ยว มันเกิดวันพระจันทร์เต็มดวง ตรงกับวันลอยกระทงพอดี ก็เป็นเพ็ญแรกของฤดูหนาว แล้วตอนนี้มันอายุ๒๐ ... มึงต้องให้กูบอกอีกมะ ว่ากูกลัวอะไร”
“กร๊าก ...” ปอม หัวเราะเสียงดัง “นั่นมันตำนานนะเว๊ย เหมือนพวกตำนานท้าวผาแดงกับนางไอ่ ตอนนี้มึงลองไปจับกระรอกมากิน บ้านมึงจะโดนน้ำถล่มมะ”
“แล้วไง ... ยังไงกูก็กลัวหว่ะ แล้วที่กูหงุดหงิดเนี่ย เพราะกูไม่เข้าใจทำไมกูถึงกลัว ทั้งๆที่กูก็คิดว่ามันเป็นแค่ตำนาน”
“ใช่มันเป็นแค่ตำนาน” อัศวิน เดินเข้ามากอดคอเพื่อนทั้งสองคนไว้ ลากตัวไปใกล้ รพีพันธ์ กับ จันทริ “ใช่ป่ะพี่ ตำนานมันก็เรื่องเก่า มันผ่านไปแล้ว แล้วก็คงไม่เกิดซ้ำอีก ไม่งั้นมันก็ไม่เรียกว่าตำนาน ปัจจุบันก็อีกเรื่อง จันทราในตำนานน่ะ ตายเพราะใช้พลังไปกับการช่วยเหลือหมู่บ้าน จนหมดพลังชีวิต ในเวลาที่สมควร แต่นี่ ไอ้ทิ”
อัศวิน คลายวงแขนจากเพื่อนทั้งสอง เดินมาโอบไหล่ฝาแฝดแทน จันทิรักษ์ เองก็โอบเอว อัศวิน เอาไว้ ด้วยรอยยิ้ม
“แต่ไอ้นี่น่ะ” อัศวินชี้หน้าน้องชาย “ไอ้ม๋ากะทิ ไม่เห็นมันทำอะไรได้เลย นอกจากกินกับนอน มันไม่เป็นอะไรหรอก ยังอยู่ให้เอ็งปกป้องไปอีกหลายปี ไม่ต้องห่วงหรอกเว๊ย ไอ้เสือ” คำสุดท้าย อัศวิน ยื่นหน้าเข้าไปหา ติก พลางทำตาโตใส่ ทำเอา ติก ถึงกับหน้าแดงขึ้นมา
“ไอ้นี่น่ะ ไอ้เสือไงพี่” อัศวิน หันไปยิ้มให้ รพีพันธ์ “ชื่อจริงมันชื่อ  พยัคฆินทร์ บางทีพวกเราเลยเรียกมัน ไอ้เสือ”
“ไอ้เสือ !!!” ชายหนุ่มทวนคำ พลางขมวดคิ้ว ยังไม่ค่อยแน่ใจในความหมายที่ อัศวิน บอก
“ใช่พี่ ไอ้เสือตัวนั้นน่ะแหละ” พูดแล้ว อัศวิน ก็หัวเราะในลำคอเบาๆ
รพีพันธ์ แทบไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ ... ติก คือ พยัคฆา เสือโคร่งตัวมหึมา ที่รักและปกป้อง จันทริ ราวกับเป็นลูก ...
ชายหนุ่มหันไปมอง ติก ซึ่งกำลังงงว่าสองคนนี้พูดถึงอะไรกันแน่ เช่นเดียวกับสายตาของ จันทิรักษ์ ที่หันไปมองหน้าพี่ชาย เพราะสงสัยในสิ่งเดียวกันกับ ติก
............................................................................
...............................
“พี่ทิตย์ ครับ พรุ่งนี้เช้าพี่ก็กลับแล้ว ผมคืนสร้อยให้พี่นะครับ” จันทิรักษ์ ทำท่าจะถอดสายสร้อยสีแดงออกจากลำคอ
“ไม่ต้องหรอกครับ” รพีพันธ์ ห้ามแล้วยกมือจับจี้ที่ร้อยอยู่กับสายสร้อย ลูบคลำอย่างแผ่วเบา
จันทิรักษ์ นั่งพิงหลังอยู่แนบอกของ รพีพันธ์ เหมือนเมื่อคืนนี้ ในบริเวณสนามหญ้าแห่งเดิม ช่วงเวลาเดิม
“พี่อยากให้ น้องทิใส่ไว้” รพีพันธ์ บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“แต่มันเป็นของสำคัญของพี่ไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ครับ เป็นของสำคัญมาก แต่ น้องทิ คงจำไม่ได้ มันเป็นของสำคัญของ น้องทิ ก่อนที่จะมาอยู่กับพี่”
“เอ๊ะ...จริงเหรอครับ ทำไม ทิ จำไม่ได้” จันทิรักษ์ขมวดคิ้ว หันหน้ามาถามชายหนุ่ม
“จำ ‘เรื่องในอดีต’ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ ถือซะว่าพี่เอามาคืนให้แล้วกัน น้องทิ ต้องรักษามันไว้ดีๆ สัญญากับพี่นะครับ” รพีพันธ์ มองตาเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน
“ครับ” จันทิรักษ์ พูดได้แค่นั้น รู้สึกเขินอายจนต้องก้มหน้าลง เมื่อสบตากับชายหนุ่ม

รพีพันธ์ เบี่ยงตัวให้นั่งอยู่ด้านข้างของ จันทิรักษ์ แล้วเอื้อมมือไปเชยคางของเด็กหนุ่มให้เงยขึ้น วงหน้าที่แดงเรื่อ ดวงตาของ จันทิรักษ์ หลุบต่ำ ชายหนุ่มค่อยๆเคลื่อนใบหน้าลงไป
จันทิรักษ์ หลับตาพริ้ม เรือนร่างสั่นน้อยๆ ด้วยความอุทัจ
ริมฝีปากของชายหนุ่มประทับลงไปบนริมฝีปากบาง สัมผัสได้ถึงความสั่นไหว
ชายหนุ่มประทับจูบไว้ นิ่ง นาน
เมื่อถอนริมฝีปากออก ก็รวบร่างบางเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก
“น้องทิครับ พรุ่งนี้พี่กลับไปก่อน แล้วอีก ๒-๓ วันเราเจอกันนะครับ”
“ครับ”
“พี่จะไปรับออกมาเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ พี่จะดูแล น้องทิ ให้ดีที่สุด พี่สัญญา”
“ครับ”
“เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะครับ”

คราวนี้ไม่มีเสียงตอบ แต่แขนบอบบางยกขึ้นกอดเอวของร่างหนาไว้หลวมๆ  รพีพันธ์ รู้สึกได้ว่าบริเวณหน้าอก ถูกสัมผัสด้วยริมฝีปากนุ่ม ชายหนุ่มจึงกระชับอ้อมแขน กอดร่างบางไว้แนบแน่น แล้วจูบลงไปบนจันทร์เสี้ยวกึ่งกลางหน้าผากของ จันทิรักษ์ อย่างแผ่วเบา

จบบริบูรณ์
...................................................................................
...........................................
.............
....
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 18-09-2008 09:25:26
ขอบคุณครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 18-09-2008 11:28:10
 :m4: :m4:  จบลงไปอย่างประทับใจ เย้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  :m4: :m4:

ขอบคุณพี่ตั้ม สำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่นำมาให้ได้อ่านกันนะคับ

แล้วจะรออ่านเรื่องต่อไปของพี่ตั้มนะค๊าบ........

+1 เป็นกำลังใจให้ค๊าบ.......


หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 18-09-2008 11:55:28
 :m4: เย้ๆๆๆๆๆๆ จบได้อย่างสวยงามจริงๆ ชอบมากค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่เอามาให้อ่านนะคะ อิอิ

 :L2: อย่างนี้เอาไปเลย +1 หุหุ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 18-09-2008 12:20:08
ขอบคุณมากค่ะ

รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ

 :กอด1:

ปอลอ เดาถูกด้วยอ่า ดีใจ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 18-09-2008 13:08:20
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ นึกว่าจบไปแล้วยังมรภาคพิเศษอีก

อ้อ ไม่รู้ช้าไปป่าว ชอบแบบที่สองมากกว่า ที่ให้ อาทิตย์ กับจันทริรักษ์มาเจอกันอีกค่ะ

เพราะมันตรงคอนเซป Boy's love ค่ะ

รออ่านเรื่องต่อไปด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 18-09-2008 20:35:42
 :m13: :mc4:

จบแล้วจริงๆนะครับ อิอิ

ขอบคุณมากๆเลยครับชอบมากๆเลย

ติดตามเรื่องต่อไปนะครับผม


 :bye2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: akike ที่ 18-09-2008 21:02:06
 :laugh: :o8:น่าร๊ากกกกกกกกกกกกมากมาย

แต่ได้คีบจาเอาศอก

ขอต่ออีกหน่อยได้ม๊าาาาาาา

อยากเจอไอม๋าทิกินกับนอนอีกอ่า

แต่เปงอาทิตย์เลี้ยงไม่ช่ายพี่ชาย

จบได้เกินคาดเน้อ  ติกเปงพยัค  ว้าว  เล่นเอาอึ้งเหมือนกาน
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 18-09-2008 21:06:10
 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 18-09-2008 21:42:19
 :t2:   ไม่ทันได้ทาย แต่มีคน มาตอบถูกก่อนแล้ว
แต่ทันได้อ่าน ตอนจบ  :o8: 

แฮปปี้ หลั่นล๊า...ไปแล่ะคนอ่านเอิ้กๆ

ที่แท้ ติก คือ พยัคฆา นี่เอง มิน่า หวงจันทิรักษ์ ยังก่า จงอางหวงไข่  ฮ่าๆ   :laugh:

ตามกันมาหมดเลย แต่คนที่จำได้ คืออัสสะคนเดียว  เอิ้กๆ  สองหนุ่มแอบเสียเปรียบนะ เพราะจำอะไรไม่ได้ คิคิ :m12:


ขอบคุณค่ะ  :L2:  คุนบุหรง  สำหรับตอนพิเศษเสริม ที่ทำให้อมยิ้มได้ทุกตอนนะคะ    :กอด1:
จะรอติดตามผลงาน ชิ้นใหม่ๆต่อไปค่า   :m1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 18-09-2008 22:14:01
 :o8: มีความสุขจริงๆ  :m1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 19-09-2008 11:52:11
"จบแบบนี้เหรอ!!?" อึ้งไปซักพัก "มันก็ดีนะ แต่ชั้นว่า มันน่าจะต่ออีกหน่อย"
"ทำไมล่ะ"  :o
"ก็ไอ้จุดนี้แหละ มันเป็นจุดขาย เวลาทำหนังน่ะ คนดูเค้าก็อยากจะดู อยากจะรู้ว่าจะจีบกันยังไง จะรักกันได้ยังไง จะบอกรักกันแบบไหน แล้วมัมมีอะไรมาจากอดีตอีกรึเปล่า"
"เอางั้นเลยเหรอ  o2 ... แต่เราว่าแบบนี้ จะให้เค้าจิ้นกันเอง"
"ชั้นเข้าใจ มันก็จิ้นได้แหละ แต่เขียนดีกว่า อีกนิ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด......นึง"  :oni3:
...ลากเสียงนิดซะยาว ตกลงให้เขียนอีกนิด ๑ ตอน หรือนิดหลายๆตอนฟร๊ะ ... :serius2:
"ก็ได้ งั้นอีกนิดดดดดดดด" แล้วกัน

^^^^^^^^^^^^^^^^
IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII

นั่นคือบทสนทนากับเพื่อนที่อยู่ในวงการทำละครโทรทัศน์ ในตอนเย็นวันอาทิตย์ ในซิสเลอร์ เซนทรัลลาดพร้าว
ชิมไป-เมาส์ไป นินทาชาวบ้านแทรกไปด้วย  :laugh: :laugh: :laugh:
ซุบ๒ถ้วยใส่ชีสกับเบคอนเต็มที่ สลัด๒รอบ เมนดิกส์ เยลลี่๑ชอคโกแลตมูส๒ อ้อ ไสปร์ทรีฟีลอีก
ปรากฏว่านอนไม่ได้ มันอืดดดดดดดดดดดดดดดด
ระหว่างรอให้หายอืด ก็เลยออกมาเป็นตอนเสริมให้สมบูรณ์อีก ๔ ตอนด้วยประการฉะนี้แล
 :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 19-09-2008 12:13:50
 :m4: :m4:  ดีใจจัง ได้อ่านอีก 4 ตอน รึป่าวหว่า  :m4: :m4: :m4:

อิอิ กินซะขนาดนั้น หลับลงก็.........

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 19-09-2008 12:39:41
:m4: :m4:  ดีใจจัง ได้อ่านอีก 4 ตอน รึป่าวหว่า  :m4: :m4: :m4:

อิอิ กินซะขนาดนั้น หลับลงก็.........


หมายถึ ๔ ตอนที่ลงเพิ่มไปแล้วอะ มะช่ายจะลงต่ออีก  :o :o :o
คิดปายด๊ายยยยยย  :laugh: :laugh: :laugh:
ขอเก็บมุกไว้ใช้กับเรื่องใหม่มั่งซิ เดี๋ยวคิดมะออกพอดี  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 19-09-2008 13:11:27
 :m4: :m4:  อ้าวหรอ  :m4: :m4:

อิอิ  รอเรื่องใหม่แล้วกานนะ

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: WEERACHOT ที่ 19-09-2008 13:18:43
 :m13:

ดันคนเขียน...
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 19-09-2008 13:36:49
:m13:

ดันคนเขียน...
ง่า ... เปลี่ยนเป็นดันเรื่องแทนได้มะครับ  :sad3:
... ดันคนเขียน ... มาน ... แบบว่า .... หวาดเฉียวอะ  :try2:







กลัวตกบอร์ด  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 19-09-2008 14:10:04
 :mc4: เย้ๆ แถมอีกเลยครับชอบๆ  :m4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: LiliLiN ที่ 19-09-2008 15:07:39
 o13 o13 o13
เพิ่งอ่านจบ ประทับใจมากๆๆๆๆค่ะ   :L2: :L2: :L2:

จะคอยชมผลงานเรื่องใหม่ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 19-09-2008 22:19:00

ชื่นชมๆ ชอบจังเรื่องนี้ จุ้บๆ  o13 o13 o13  :mc4: :m1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 21-09-2008 20:51:55
 :m4: :m4:
 ถ้าไม่ติดคำำทำนาย ที่ว่าพระเอกจะได้แต่งงาน + มีลูก
ก็ถือว่า้จบแบบนี้สมบูรณ์แบบจริงๆ
 +1 ขอบคุณ คุณบุหรง อีกครั้ง  :L2: :pig4: :L2:
 จะรออ่านเรื่องต่อไปค่ะ  :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: minkking ที่ 21-09-2008 22:25:45
โอ้กอดดดดดดดดด

เป้นนิยายที่อยากเขียนให้ได้แบบนี้

หวานละมุนละไม........

ทำไมดิชั้นแต่งมีแต่แนว ฮาร์ดคอร์

ปล. ครือ เราแต่งแต่ ชาย-หญิง จร้า มิเคยโพสที่นี่
เน้นแต่งส่งสำนักพิมพืสนองนี๊ดผู้อ่าน แต่มาอ่านที่บอร์ดนี้ สนองนี๊ดตัวเอง 55555+
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 21-09-2008 22:39:59
:m4: :m4:  ดีใจจัง ได้อ่านอีก 4 ตอน รึป่าวหว่า  :m4: :m4: :m4:

อิอิ กินซะขนาดนั้น หลับลงก็.........


หมายถึ ๔ ตอนที่ลงเพิ่มไปแล้วอะ มะช่ายจะลงต่ออีก  :o :o :o
คิดปายด๊ายยยยยย  :laugh: :laugh: :laugh:
ขอเก็บมุกไว้ใช้กับเรื่องใหม่มั่งซิ เดี๋ยวคิดมะออกพอดี  :o8: :o8: :o8:

:L2: :L2: :L2: ขอบคุณนะคะที่มาต่อตอนพิเศษอย่างหวานให้ผู้อ่านได้อิ่มเอมกัน

แต่.... :angry2: :angry2: ทำไมมันไม่มีฉากอย่างว่าระหว่างน้องกะทิกับพี่อาทิตย์บ้างฟะ :m25: รออ่านอยู่นะคะ ขัดใจจริงๆเลย ทำไมคุณตั้มไม่ค่อยเขียนฉากอย่างว่าบ้างเลยอ่ะ หรือว่า.....ไม่เคย  :laugh: :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 21-09-2008 23:11:03
:m4: :m4:  ดีใจจัง ได้อ่านอีก 4 ตอน รึป่าวหว่า  :m4: :m4: :m4:

อิอิ กินซะขนาดนั้น หลับลงก็.........


หมายถึ ๔ ตอนที่ลงเพิ่มไปแล้วอะ มะช่ายจะลงต่ออีก  :o :o :o
คิดปายด๊ายยยยยย  :laugh: :laugh: :laugh:
ขอเก็บมุกไว้ใช้กับเรื่องใหม่มั่งซิ เดี๋ยวคิดมะออกพอดี  :o8: :o8: :o8:

อ่านรีพลายแล้วนึกเหมือนกันว่าจะมีตอนต่ออีกนิ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด......นึง :o
 :o12:เค้าถูกล่อลวง
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 22-09-2008 05:57:45

:L2: :L2: :L2: ขอบคุณนะคะที่มาต่อตอนพิเศษอย่างหวานให้ผู้อ่านได้อิ่มเอมกัน

แต่.... :angry2: :angry2: ทำไมมันไม่มีฉากอย่างว่าระหว่างน้องกะทิกับพี่อาทิตย์บ้างฟะ :m25: รออ่านอยู่นะคะ ขัดใจจริงๆเลย ทำไมคุณตั้มไม่ค่อยเขียนฉากอย่างว่าบ้างเลยอ่ะ หรือว่า.....ไม่เคย  :laugh: :laugh: :laugh:


o12 o12 o12 ชิส์... โดนัทไม่ต้องเคยกินก็รู้ว่าหวาน
ไม่เคยจริงๆน่ะแหละ  :laugh: :laugh: :laugh:
แต่เรื่องต่อไป จะลองเขียนดู อาจจะไม่เห็นภาพชัดแจ๋วแบบที่หลายๆคนเขียน  เพราะไม่ค่อยถนัดใช้คำบรรยายแบบนั้นเท่าไหร่ เอาไว้ลองอ่านแล้วกันนิ  :laugh3:
:m4: :m4:  ดีใจจัง ได้อ่านอีก 4 ตอน รึป่าวหว่า  :m4: :m4: :m4:

อิอิ กินซะขนาดนั้น หลับลงก็.........


หมายถึ ๔ ตอนที่ลงเพิ่มไปแล้วอะ มะช่ายจะลงต่ออีก  :o :o :o
คิดปายด๊ายยยยยย  :laugh: :laugh: :laugh:
ขอเก็บมุกไว้ใช้กับเรื่องใหม่มั่งซิ เดี๋ยวคิดมะออกพอดี  :o8: :o8: :o8:

อ่านรีพลายแล้วนึกเหมือนกันว่าจะมีตอนต่ออีกนิ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด......นึง :o
 :o12:เค้าถูกล่อลวง
ง่า  :try2: ก็เคยบอกเอาไว้ว่าจะมาเล่าให้ฟังว่าทำไมถึงได้เขียนตอนที่ลงใหม่ ก็ทำตามที่บอกแล้วหง่ะ  :o11:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 22-09-2008 10:59:44
^
^
^
งั้นต้องมีเรื่องใหม่มาให้อ่านเร็วๆ นะ  :man1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 22-09-2008 11:22:31
งั้นต้องมีเรื่องใหม่มาให้อ่านเร็วๆ นะ  :man1:
เรื่องใหม่กำลังเขียนอยู่ครับ เป็นนิยายขนาดสั้นเหมือนเดิม เขียนไปได้ประมาณ ๒๘ ตอน(สั้นๆเช่นเคย :laugh: )
ตั้งใจว่าจะลงประมาณเดือนตุลาคม แต่ขอโหวตหน่อย ถ้ามีเสียงหนับหนุนเยอะๆ อาจมาลงก่อน อิ อิ :oni3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 22-09-2008 11:57:39
 :laugh: :laugh:  เอามาลงด่วนเลยพี่ตั้ม  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 22-09-2008 14:33:54
 :pig4: น้องตั้มสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้ค่ะ
อ่านรวดเดียวจบเลย  ชอบจันทริจัง
แต่เรื่องมานสั้นไปหน่อยนะคะ   :a5: กะลังมันส์ๆเลย  จบซะละ
น่าจะให้อาทิตย์ตามจีบน้องทินานๆหน่อย
ก็แหม...ชาติที่แล้ว  จันทริก็เกิดมาเพื่อจะเป็นของอาทิตย์อยู่แล้ว 
เหมือนเป็นหมูอยู่ในอวยเรยยยยย    :L1:
ได้เจอกันอีกที  อยากเห็นตาทิตย์เป็นฝ่านงอนง้อขอความรักมั่ง
ให้น้องทิเล่นตัวซักปี - 2ปี  (เราจะได้อ่านเยอะๆไง อิอิ)
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 22-09-2008 17:21:38
ได้เจอกันอีกที  อยากเห็นตาทิตย์เป็นฝ่านงอนง้อขอความรักมั่ง
ให้น้องทิเล่นตัวซักปี - 2ปี  (เราจะได้อ่านเยอะๆไง อิอิ)
หวัี๋ยยย ... จิ้นกันตาเหลือกแน่  :sad3:
เดี๋ยวระวังตอนที่ ๔๒ จะขึ้นต้นว่า ...
๒ ปีผ่านไป ...
 o22
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 22-09-2008 19:21:15
เนื้อเรื่องตอนพิเศษเป็นบทสรุปที่น่ารักมากเลยค่ะ

อ่านแล้วยิ้มได้เต็มที่เลย

ขอบคุณมากนะคะสำหรับผลงานดี ๆ ที่เขียนให้อ่านกัน  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Money_LovE ที่ 22-09-2008 21:32:56
นิยายใสๆ สบายๆ สนุกดีครับ

อ่านแล้วอารมดีจัง

เอามาต่ออีกนะครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 22-09-2008 22:00:48
ได้เจอกันอีกที  อยากเห็นตาทิตย์เป็นฝ่านงอนง้อขอความรักมั่ง
ให้น้องทิเล่นตัวซักปี - 2ปี  (เราจะได้อ่านเยอะๆไง อิอิ)
หวัี๋ยยย ... จิ้นกันตาเหลือกแน่  :sad3:
เดี๋ยวระวังตอนที่ ๔๒ จะขึ้นต้นว่า ...
๒ ปีผ่านไป ...
 o22

^
^
 อย่าช้านะคะ... คุณบุหรง

ถ้าเขียนตอน 42 จริง .... 2 ปี ผ่านไป คนอ่าน ก้อรออ่านนะคะ โฮ่ะๆ  :laugh:

รีบต่อเลยค่ะ อิอิ   :t2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirasyung ที่ 22-09-2008 22:14:30
 
ได้เจอกันอีกที  อยากเห็นตาทิตย์เป็นฝ่านงอนง้อขอความรักมั่ง
ให้น้องทิเล่นตัวซักปี - 2ปี  (เราจะได้อ่านเยอะๆไง อิอิ)
หวัี๋ยยย ... จิ้นกันตาเหลือกแน่  :sad3:
เดี๋ยวระวังตอนที่ ๔๒ จะขึ้นต้นว่า ...
๒ ปีผ่านไป ...
 o22

^
^
 อย่าช้านะคะ... คุณบุหรง

ถ้าเขียนตอน 42 จริง .... 2 ปี ผ่านไป คนอ่าน ก้อรออ่านนะคะ โฮ่ะๆ  :laugh:

รีบต่อเลยค่ะ อิอิ   :t2:

รอด้วยคนจ้ะ
+ 1 ให้คุณบุหรง
มาต่อให้ที อยากอ่านต่ออ่ะจ้ะ  :oni2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 24-09-2008 20:50:58
เย้ๆๆ  ตามต่อจนจบแล้ว

ดีใจๆๆๆๆ  รักกันหวานชื่นนนนนนนนนนนน

เด๊ยวไปติดตามผลงานเรื่องต่อไปน้า

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 26-09-2008 05:13:21
งดงาม..  :a2:

รอแบบคนข้างบน  :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบจริงๆแล้วนะ -*- แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 28-09-2008 06:45:37
 :m1:
ชอบมากเลยค่า
จบได้งดงาม

เราชอบจบแบบนี้ดีกว่าให้จิ้นเองจริงๆนั่นล่ะ
จบให้จิ้นแล้ว แล้วมันรู้สึกค้างคาใจ แหะๆ

ชอบมากๆ
ขอบคุณมากเลยค่า o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: MayMaMee ที่ 04-10-2008 23:16:55
จบแล้ว ซาบซึ้งมากกก

ชอบมันก็ชอบนะ ชอบมากด้วย ติดตามมันให้ครบทุกเรื่องของคุณบุหรง

แต่ มันไม่ดีต่อผิดหน้าโดยเฉพาะใต้ตาด้วยสินี่ เฮ้อออ

แต่งเก่งจิงๆ แต่ติดอยู่อย่าง ไม่เก่งตอน... 555
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-10-2008 05:38:39
 o13 เขียนได้ดีมากเลยค่ะ

+1 สำหรับตอนจบที่ประทับใจมากๆ อ่านแล้วมีความสุข  :m1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 06-10-2008 04:23:56
 :m23: ถึงจะเข้ามาอ่านช้าไปหน่อยแต่ก็ชอบนิยายเรื่องนี้มากครับ  ดูโบราณดีคล้ายกับเรือนมยุราหรือทวิภพเลย  ก็จะเป็นกำลังใจให้นะครับแล้วจะติดตามนิยายเรื่องใหม่ต่อไป
 o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: Plabu ที่ 06-10-2008 12:20:52
อิอิ :mc4: :mc4: :mc4:
แฮปปี้ซ้าที :m32: :m32: :mc4:
ในที่สุดอาทิตย์ก็ได้เจอกับจันทริ :m25: :m25:
แต่เราว่ามีน่าจะมีอีกคู่นะ :o8:
อัศวินกับน้องเสือไง :m1: :m1:
อิอิ
555555555+
 :mc4: :mc4:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 06-10-2008 18:14:57
 :t3:ยังอ่านไม่จบเลย
เหอะๆๆๆๆๆๆ
เพิ่งเข้ามาในบอร์ดคับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 06-10-2008 19:33:54
แต่เราว่ามีน่าจะมีอีกคู่นะ :o8:
อัศวินกับน้องเสือไง :m1: :m1:
อิอิ
555555555+
 :mc4: :mc4:
 :bye2:
:o :o :o :o :o :o :o :o :o :o :o

ไม่หวายอะ คู่นี้ จิ้นมะออก  :sad2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 08-10-2008 15:56:24
เพิ่งได้มาอ่าน
เรื่องสนุกดีครับ ชอบๆ

ขอบคุณผู้แต่งมากๆนะครับ ที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: Heater ที่ 15-10-2008 12:55:53
มาอ่านด้วยคนน่ะ สนุกดีครับ
แต่งเก่งจิงๆ  :c5: :c5:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: __ .iMzii3 ที่ 17-10-2008 00:09:30
สุดยอดมากๆเลยครับ
ผมอ่านรวดเดียวจบเลย

แบบ สุดยอดมากๆ


ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะฮะ ^^


+1 ๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: life_fracture ที่ 19-10-2008 12:37:41
อ่านจบนานแล้วแต่ไม่มีโอกาสเม้นต์เลย

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ค่ะ

แล้วก็ถือโอกาสแสดงความยินดีด้วยนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 19-10-2008 21:28:33
^
^

 :oni2: โหม่งรีบน


ยินดีด้วยนะคะคุณบุหรงสำหรับรางวัลที่ได้รับจากเรื่องนี้  :L2:  :L2:   :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 19-10-2008 22:07:08
 :o :o :o
ได้รางวัลเจงๆด้วย เพิ่งเข้าไปดูมา

ขอบคุณทุกๆท่านที่โหวตให้นะครับ
แล้วก็...แล้วก็ พูดมะออกแย้ว
ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 22-10-2008 02:02:28
 :oni2:โหม่งๆๆๆๆทะลุไปถึงหน้าก่อนนี้เรย!!! ขอโหม่งคุณบุหรงซ้าทีเฮ้อ!!!

เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกก็ได้โหม่งแระ ดีจายยยย :m1:

(เอ๊ะ ..ไม่ชอบให้โหม่งหรอคะ ....งั้นก็

^^
^^
^^
จิ้มๆๆๆๆๆๆละกัน ชอบรึยังล่ะฮึ 55+)

เรื่องนี้หนุกมากเลย อ่านแล้วเคลิ้มไปกับสำนวนที่ใช้ สมแย้วที่ได้รางวัล :mc4:
แต่ก็นั่นแหระ อดหื่นปิดท้ายเรยย (ชริๆ ไม่เป็นราย ข้าพเจ้าแอบไปอ่านใหม่ของคุณมาแระ ที่ยังไม่ได้เม้นท์เพราะยังตามอ่านไม่ทัน เลยมาเม้นท์เรื่องนี้ก่อน)

ป.ล.รู้สึกเรื่องใหม่จะบรรยายถึงใจดีนะเคอะฉากเรียกเลือดอ้ะ แอบไปซุ่มฝึกภาคปฏิบัติก่าใครมารึเปล่าเอ่ยยย ฮุๆๆ :m20: แล้วก้อ :pig4:ที่อุตส่าห์แต่งเรื่องดีๆให้ชาวเล้าได้อ่านกันนะคร้า ...

รักมากมาย บ๊ายบายจุ๊บจุ๊บ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: Akiizz ที่ 24-10-2008 02:19:21
สนุกดีคับ



อ่านรวดเดียวจบเลยย


มีนิยายเรื่องไหม่จามาติดตามอีกนะคับบ


เรื่องนี้ก้อ่านแล้วแปลกดีน่าติดตาม


แต่สั้นไปนิดด



ไปนอนละคับ  :a12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 12-12-2008 22:58:30
ช่วงที่ย้อนกลับไปยุคโบราณ ชอบภาษาจังค่ะ...อ่านแล้วมันเย็นใจดี ...

ชอบจบแบบมาเจอกันใหม่มากกว่าแบบกลับมาแต่งงานกับคนรักเก่านะคะ ....แบบนั้นมันผิด bl ไปหน่อย...

ชอบมากๆ ค่ะ ^-^b
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: kyoshiro ที่ 13-12-2008 00:53:38
อ่านรวดเดียวจบเลย o13
เรื่องหน้าขเป็นแนวคู่กรรม
แต่เปลี่ยนพระเอกเป็นหนุ่มไทยนะคับ  o18อยากเห็นหนุ่มญี่ปุ่นเป็นนายเอก เอิ๊กๆๆ :z1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: wickedwoman ที่ 13-12-2008 20:30:22
พึ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกค่าเรื่องนี้

สนุกมากๆเลยค่ะ เลยนั่งอ่านซะตาแฉะ วันเดียวจบเลย

ใช้ภาษาได้ดีมากเลยค่ะ แถมน้องจันทริก็น่ารักน่าหยิก

อ่อนโยนกับพี่อาทิตย์ซะขนาดนั้น

ดีใจนะค้าที่เค้าทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้ง :o12:

ตอนจากกันนี่น้ำตาหยดแหมะๆเลย กลัวจะไม่ได้เจอกันอีก อิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: โพ่มือคลี่ ที่ 14-12-2008 08:45:55
อ่านจบแล้วละ รวดเดียวแบบไม่นอนอ่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ สรรค์สร้างมาให้อ่านอีกนะครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: npn* ที่ 22-12-2008 18:01:37
อา สนุกๆๆๆๆ มากกๆๆๆเลยอ่า

ชอบมากมายย > <



เด๋วมาอ่านต่อ ไปอ่านหนังสือสอบก่อน อิอิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: npn* ที่ 24-12-2008 15:39:27
จบแล้วววววววว!!!


ชอบมากๆๆเลยอ่า > <

สนุกมากกกกก จันทริน่ารัก น้องทิน่ารัก  อิอิอิอิ


พี่อัศนี่เป็นตัวแปรสำคัญเลยนะเนี่ย เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 27-01-2009 16:01:00
ชอบอ่านคุณบุหรงมากเลย
เนื้อเรื่องน่าติดตามดี ขอบคุณน้า
 :L1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: in_blu ที่ 29-01-2009 03:47:39
สั้นๆ อ่านแบบรวดเดียวชอบ

แล้วเดินอมยิ้มออกไป พร้อมคิดในใจว่า ชอบจังว่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: baroona59 ที่ 29-01-2009 23:01:03
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13


 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13


 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13


 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 31-01-2009 18:33:31
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:






รวดเดียวจบ




ช๊อบชอบ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: first117 ที่ 01-02-2009 16:17:26
สุดยอดไปเร้ยยยยยยยยยยยย ชอบมากมายเลยครับ เพิ่งได้เข้ามาอ่าน  o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: BABOO ที่ 07-02-2009 10:50:27
ขอบคุณมากคับ

ไม่แปลกใจเลยที่ได้รางวัล

สำนวนที่ใช้ดีมากคับ

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: pazon ที่ 28-02-2009 21:57:22
ขอบคุณ มากมายครับ สำหรับเรื่องดีๆ

อ่านไปลุ้นไปนะครับเนี่ย

 o13  o13  o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 24-03-2009 14:55:03
แปะและ :z13:ไว้ก่อนนะ

เดี๋ยวไปอ่านก่อน :mc4:

เป็นแรงใจให้เหมือนเดิม :L2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: 1st prince ที่ 23-04-2009 20:05:18
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13  o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 28-05-2009 19:59:41
มาเพิ่มเติมตอนท้ายของ ตอนที่๒ ไป๓บรรทัดครับ  :haun5:
เพื่อความสมบูรณ์ในตอนท้ายของเรื่อง ว่าจะเข้ามาทำนานแล้ว แต่มัวแต่ไปทำอย่างอื่น เพิ่งนึกขึ้นได้เนี่ย  :sad2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 28-05-2009 20:18:50

 :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 06-06-2009 22:55:19
ความตั้งใจของคนแต่งคงอยากให้จบอีบแบบนึ่งแน ๆ เพราะบางตอนมันดูกักๆ ไว้ เหมือนอ่านตำตาลที่จบด้วยความเศร้าแล้วฝันต่อจนจบเป็นฝันดี
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: i_lost in.. ที่ 03-08-2009 12:46:10
จ่อคิวอ่านเรื่องถัดไปค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: pug5 ที่ 20-08-2009 23:34:41
ดีมากเลย อ่านแล้วสนุก แล้วก็ซึ่งไปด้วยเลย :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L1: :3123: :3123: :L2: :L2: :L2: :L2: :3123: :3123: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: condolence ที่ 24-08-2009 00:25:39
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:



น่ารักอ่ะ



-*-

ขอบคุณน่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: Letm3diE ที่ 11-09-2009 23:31:32
สนุกมากค่ะ

อ่านแล้วรู้สึก

 :m1:

 :o7:

 :oni1:

 :mc3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: AcHii3acHoTheR ที่ 24-10-2009 23:32:20
เป็นนิยายที่อ่านแล้ว ได้หลายรสชาติ,, !

แตกต่างจากเรื่องอื่นจริงๆ,, อ่านแล้ว รู้สึกว่า

เจ๋งอะ,, !  o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: beernf ที่ 08-11-2009 21:19:17
เพิ่งมาครับ
ออ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลย

บอกได้ คำเดียวว่า สุดยอดครับ สนุกมาก ๆ เลยครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: Qweemz ที่ 03-01-2010 23:40:57

น่ารักจัง :-[ :-[
ขอปรบมือให้ คุณ บุหรง สามล้านที่
แปะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ชอบมากๆๆๆเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับ นิยายดีดีค่ะ
รอเรื่องต่อไปนะคะ

 :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 23-01-2010 23:49:15
เพิ่งอ่านครั้งแรก อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: srikoon ที่ 24-01-2010 20:33:49
ลุ้นเหมือนกัน

นึกว่าผิดหวังแล้ว

ขอบคุณนะครับ

ขอเรื่องใหม่ด้วยครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 28-01-2010 20:04:56
อ่านแบบ non stop

สนุกมากเลย

 o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 30-01-2010 03:06:30
ว่าจะอ่านตั้งแต่ปีที่แล้ว
กลายเป็นได้อ่านเมื่อคืนนี้
สมกับที่ได้รางวัล เยี่ยมมาก    :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 15-04-2010 18:34:48
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
เป็นนิยายที่สุดยอดจริงๆค่ะ
ตอนอ่านคิดถึงเรื่องอวตารนิดๆค่ะ
จบดีมากเลยค่า  ^___^
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 21-04-2010 20:16:49
 :mc4: อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
อ่านตอนแรกๆ แอบมีงง บ้างเล็กน้อย
ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุกค่ะ
ดีใจมากเลยที่อาทิตย์คู่กับจันทริ  :กอด1:
ถ้าเกิดคู่กับจันทรา สงสัยเกิดอาการแบบนี้แน่เลย  :serius2:
ขอบคุณมากนะค่ะ
ที่แต่งเรื่องดีดีมาให้อ่าน
เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: phoeniix ที่ 15-06-2010 00:11:16
อ่านรวดเดียว สนุกมาก ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหมีน้ำแดง ที่ 10-07-2010 14:32:40
อ่านไปลุ้นไป กลัวผิดหวัง

สรุปจบ :-[

ขอบคุณ คุณบุหรงค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 10-07-2010 18:42:19
เฮ้ออออ นึกว่าผิดหวังงง

จบแบบอบอุ่น

หุหุ ขอบคุณค้าบ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: หวานเย็น ที่ 11-07-2010 19:25:48

สนุก

เป็นนิยายของคุณบุหรงเรื่องที่สองที่อ่าน

ภาษาสวย

อ่านแล้วตราตรึง จันทริ อาทิตย์

 o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: sarama ที่ 13-07-2010 20:03:25
 o13 ขอบคุณค่ะ สำหรับนิยายดีๆ

อ่านไปลุ้นไป พล็อตเรื่องก็น่าสนใจ(แอบเชียร์ในจันทริคู่อาทิตย์มากกว่า)

  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: yumekun ที่ 17-07-2010 13:40:45
ชอบจันทริมากเลยยย



ขอบคุณกับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 17-07-2010 16:15:14
อ่านจบแล้วชอบมากมายขอรับ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 11-08-2010 21:08:34
ประทับใจอะ ประทับใจมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 12-08-2010 20:50:21
 o13 ขอบคุณนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: pppp ที่ 12-08-2010 23:59:07
สนุกมากมายเลยค่ะ แอบน้ำตาปริ่มๆ นิดนึง
ภาษาสวยมาก อ่านไหลลื่นดีค่ะ
แอบดีใจ ที่มีพี่เสือด้วย
ดีใจจัง ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: half-clear ที่ 14-08-2010 23:17:36
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แต่งออกมาให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา : ตอนที่ ๔๑ จบบริบูรณ์ - แก้ไขเพิ่มเติม ตอนที่๒
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 17-08-2010 00:25:30
ชอบจังเลยค่ะ แนวออกโบราณๆแฟนตาซีแบบนี้

ภาษาที่ใช้ก็สวยอ่านไม่สะดุดเลยล่ะค่ะ

ใจต่ายชอบจบแบบจิ้นได้มากกว่าแต่จบแบบเป็นลูกของอาทิตย์ก็แปลกไปอีกแบบนะคะ ^^

ความรักของอัสสะ...ไม่แน่ใจว่ารักแบบคนรักหรือรักแบบพี่ชายที่รักน้องมาก...แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นตัวละครที่ชอบที่สุดเลยล่ะค่ะ~

ขำตรงติกคือเสือตัวนั้น...โถๆ แล้วเมื่อไหร่จะรู้ตัวเนี่ยว่ารักกะทิแบบไหนนนนนนนนน

รู้สึกว่าเรื่องจะอืดๆไปบ้าง อาจจะเพราะลงแต่ละครั้งจะดูสั้นๆบวกกับเหตุการณ์ไม่ค่อยมีอะไรนักก็ได้ แต่โดยรวมก็สนุกดีค่ะ

ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: uoupoptot ที่ 01-10-2010 22:11:10
สนุกมากคร้า

ว่าแต่อัสสะรู้ได้ไงเนี้ยว่าคนรักแต่ชาติก่อนมาตามแล้วอะ  :o8:

อยากอ่านแนวนี้อีกจัง   o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 03-10-2010 14:48:22
 :L2: :L2:

อ่านรวดเดียวจบเลย ลุ้นๆดี 555 กว่าจะได้อยู่ด้วยกัน เล่นเอาลุ้นซะเหนื่อยเลย หุหุ ไรท์เตอร์เก่งๆๆๆ

แต่ขำติกจริงๆนะ ถ้าจำอดีตได้ก็คงจะดีนะ จะได้รู้ว่ารักหนูจันทริแบบไหน 555
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: tomodaging ที่ 03-10-2010 20:15:12
สนุกเหลือจะพรรณนา
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 04-10-2010 13:15:29
สนุก
ภาษาสวย
ชอบครับ
ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Rina ที่ 08-10-2010 05:35:19
ชอบทั้งสองแบบนะคะ แต่ว่าชอบแบบแรกมากกว่า
เพราะสื่อถึงว่าในที่สุดอาทิตย์ก็คู่ดับจันทราน่ะคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: momoko_1144 ที่ 14-10-2010 01:53:06
 o13 o13 o13

สนุกมากๆค่ะ

ติดตามอ่าน แบบว่า ลุ้นกันเลยทีเดียว

ตอนแรก แอบเศร้านะคะ แต่ก็มาเจอกันจนได้ เลยแฮปปี้ไป อิอิ

เนื้อเรื่องน่าติดตามค่ะ ภาษาอ่านง่าย ไม่สะดุดเลย

ยอดเยี่ยมค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Cressent ที่ 02-12-2010 12:18:46
ปลื้มคนอ่านนน  :กอด1:

ขอบคุณจ้า o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 05:27:00
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: info001 ที่ 29-12-2010 19:46:47
ชอบเค้าโครงเรื่องมีปริศนา ลึกลับ น่าสนใจ
ชอบเนื้อเรื่องที่เป็นรักใสซื่อ บริสุทธิ์ ไม่เน้นฉากNC  ดูคลาสสิกดี ฉีกแนวจากนิยาย Y ทั่วไป
ชอบภาษา และคำพูดของตัวละครที่สุภาพ อ่อนโยน และอบอุ่น
ชอบความกระชับของเนื้อหา ไม่สั้นหรือยาวเกินไป
รวมแล้วชอบมาก และขอบคุณที่ถ่ายทอดผลงานดีๆ อย่างนี้ออกมาให้ได้อ่านกัน
เป็นกำลังใจ และรอคอยผลงานชิ้นต่อๆ ไปครับ :pig4: 
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 30-12-2010 00:48:23
 o13 อ่านไปยิ้มไป รัยรู้ได้ถึงคำว่ารัก o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: lastlover ที่ 10-05-2011 21:35:29
จบได้ซาบซึ้งมากค่ะ ว่าแล้วเชียวว่าติกต้องเป็นใครในอดีตมากเกิดแน่ๆแต่เดาผิดไม่คิดว่าเป็นจะเป็นเสือมาเกิดนะเนี่ย
แต่อยากค่ะ อยากให้มีตอนต่อแบบว่าอ่านแล้วสนุกมากบวกกับชอบด้วยเลยอยากให้มีตอนต่อค่ะ
การบรรยายได้ลึกซึ้งดีค่ะแต่ตอนแรกแอบงงเล็กๆ อ่านเท่าไหร่ก็งงค่ะ เพราะความไม่เข้าใจในบางช่วงทำให้ช่วงแรก
อ่านแล้วแปลกๆ(คิดว่าเป็นอยู่คนเดียว) จะรอผลงานในเรื่องต่อๆไปนะคะ   ขอบคุณค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 20-05-2011 20:51:53
แหม พออ่านหาทเสปเชียล เพลงื่อนนี้มันลอยมาบนหัวเลยอะ "แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่รอเธอมา"
ในที่สุดก็ได้เจอกันนะ
ขำตอนตาอัศ บอกว่า ไอเสือไงพี่ ไอเสือ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: nco1236 ที่ 21-05-2011 18:06:15
ว่าง ๆ ต้องไปเที่ยวเขื่อนบ่อย ๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 22-05-2011 18:58:47
สนุกมากกกกกกกกกกกกกก อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆเลยค่ะกับเรื่องนี้ ชอบวิธีการดำเนินเรื่องที่ไม่อืดไปแล้่วก็ไม่สั้นกระชับจนตัดทอนเนื้อหาเล็กๆน้อยๆออกจนหมด

ขอบคุณสำหรีับนิยายดีๆนะคะ o13

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: doonut_kabpom ที่ 19-07-2011 16:04:59
นิยายน่ารักดีครับ แต่ตอนท้ายงงๆ ยังไงไม่รู้สิครับ  :n1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: dxxppos ที่ 29-09-2011 19:35:39
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ จะเก็บนิยายเรื่องนี้ไว้ในความทรงจำ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-09-2011 20:05:03
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ จะเก็บนิยายเรื่องนี้ไว้ในความทรงจำ
เก็บไว้บนชั้นหนังสือก็ได้นะครับ  :-[
ทางเล้าเป็ดกำลังเปิดสั่งจอง รวมเล่มพร้อมตอนพิเศษอีก ๒ ตอน จะใจกว่า ๔๐ หน้า
ฝากไว้บนชั้นหนังสือของเพื่อนๆด้วยนะครับ  o1
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 02-10-2011 17:34:47
สนุกมากค่ะ
คุณบุหรงแต่งนิยายสุดยอด
พล๊อตเรื่องเจ๋งมาก อะไรก็เกิดขึ้นได้
น่าทำเป็นละครที่สุด
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: GaIta ที่ 02-10-2011 19:48:21
เมล์ไปจองแล้วนะค่ะ แต่ยังไม่ได้รับเมล์ตอบกลับเลยค่ะ^^
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 02-10-2011 20:42:35
เมล์ไปจองแล้วนะค่ะ แต่ยังไม่ได้รับเมล์ตอบกลับเลยค่ะ^^


เหมือนกันเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 03-10-2011 12:36:26
เมล์ไปจองแล้วนะค่ะ แต่ยังไม่ได้รับเมล์ตอบกลับเลยค่ะ^^

เหมือนกันเลยค่ะ
แจ้งทางทีมงานไปแล้วครับ คงมีการติดต่อกลับเร็วๆนี้ครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 03-10-2011 15:00:25
ประทับใจมาก



:L2: :L2:ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 03-10-2011 15:31:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: DasHimmel ที่ 03-10-2011 18:48:02
สนุกมากเลยค่า!!!~
ตอนแรกลุ้นมาก กลัวจบไม่แฮปปี้
แต่สุดท้ายก็ยิ่งกว่าโอเค
แอบอยากให้อัสสะมีคู่กะเค้าบ้าง >//< อิอิ
ขอบคุณสำหรับวิหารจันทรานะค๊าคุณบุหรง :)
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: CHADMM ที่ 03-10-2011 22:31:14
อ่านจบแล้วค่า  สนุกมากกกกกกกกกกก ชอบที่จบแบบนี้อ่ะ ที่อาทิตย์กับจันทริกลับมาเจอกันอีกครั้ง+รักกันด้วยย(ตอนจบที่มามีลูกกับจันทิรา อ่านแล้วไม่ใช่ไม่ชอบนะคะ แต่อือ...  เค้าจะเอาจันทริอ้ะ ฮ่าๆ )  ตอนที่อ่านมาได้สักครึ่งเรื่องนี้คิดว่าต้องจบเศร้าแน่เลย กะจะกลับลำพับเรื่องนี้ไว้อ่านทีหลังแล้วเชียวว  แต่แอบมาอ่านเม้นของเพื่อนๆในเม้นท้ายๆ รู้ว่าจบแฮปปี้เลยกลับไปอ่านต่อ  (แฮ่ๆ เค้ามีภูมิต้านท้านเรื่องแซดเอนดิ้งน้อยอ่ะ >.<) อ่านจบแล้วมีความสุข เรื่องนี้อ่านแล้วไม่งงนะตั้งแต่ตอนแรกๆ ยิ่งอ่านเรื่องมันเหมือนเฉลยเรื่องออกมาเรื่อยๆ ภาษาก็อ่านสบายมากเลยค่ะ  ,,,  สุดท้ายตอนพิเศษในเล่มขอหวานๆน้า  เรื่องนี้อุดหนุนแน่นอน

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ (ขอไปอ่านหนังสือก่อนและ สอบไฟนอล3-4วันติดเลย พรุ่งนี้  T^T)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
:: edit :: 
ส่งเมลล์สั่งซื้อไปแล้วเรียบร้อย!! ตื่นเต้นๆ อยากอ่านตอนพิเศษไวๆจังง ~ // +1 ให้นะคะ เป็นกำลังใจให้นะ  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 30-10-2011 02:38:16
^-^ อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากๆ
อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขมากๆเลยจร้า
กำลังคิดอยู่เลยว่าจะจบเศร้าหรือเปล่า
ถ้าจบเศร้า เราต้องร้องไห้แน่ๆเลย T-T
ชอบรพีพันธ์กับจันทิรักษ์มากๆ น่ารักสุดๆ
เป็นคู่ที่เหมาะสมกันแบบกิ้งทองใบหยก
ส่วนอัสสะ ไม่ซิต้องเรียกอัศแล้วเนอะ
กลายมาเป็นพี่น้องที่รักกันมากๆ ปลื้ม
เสื่อน้อยก็น่ารักๆ แอบลุ้นให้ได้คู่กับ อัศ
พออ่านเรื่องนี้จบแล้วอดยิ้มตามไม่ได้
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 30-10-2011 18:49:49
อ่านรีพลายของเพื่อนๆที่คาดหวังในตอนพิเศษในหนังสือแล้วเหงือตกเล็กน้อย  :sad4:
เพราะตอนพิเศษทั้งสองตอนเป็นเรื่องของ จันทริ อัสสะ และพยัคฆิน

อดีตกาล ... ช่วงเวลาในวัยเด็กของจันทริที่สูญเสียบิดามารดา ได้เข้ามาอยู่ร่วมกับครอบครัวของอัสสะ จนกระทั่งถึงเวลาที่จันทราเทพลงมาสถิตย์ การพบกันครั้งแรกและช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันของจันทริและพยัคฆิน ก่อนที่จะมาพบกับรพีพันธ์

ปัจจุบันกาล ... การพบกันอีกครั้งของพยัคฆินกับอัสสะและจันทริในมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะได้กลับมาพบกับรพีพันธ์อีกครั้งหนึ่ง

ต้นฉบับตอนละประมาณ ๑๐ หน้ากระดาษ A4
อาจจะไม่หวานเหมือนที่คิด แต่ขอรับรองในความจุใจ
ขอบคุณทุกความคิดเห็น และทุกกำำลังใจครับ
 o1
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 13-11-2011 20:00:58
อ่านรวดเดียวจบ   แถมลุ้นตัวโก่งว่าจะได้เจอกันอีกรึป่าว                                                                                   
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Angel.JS~ ที่ 14-11-2011 01:09:12
สนุกมากเลยค่ะ  o13 o13
ชอบมากๆเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบ
ชอบมากๆจริงๆ ชอบๆๆๆ
(คนเขียน:จะบอกทำไมหลายรอบแวร้)

อ่านแล้วก็หน่วงๆแบบพองๆ ฟูๆ อ่านแล้วล่องลอย แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยย
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบ  :กอด1: :กอด1:

จะอ่านเรื่องอื่นๆของคนเขียนอีกแน่ๆค่ะ  :fire: :fire:
นักเขียนในดวงใจอีกหนึ่งคน  :dad4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: JunnieTM ที่ 16-11-2011 18:11:13
เพิ่งอ่านจบค่ะ
ประทับใจมากค่ะ ชอบจันทริ น่ารักและอ่อนโยนมากๆ
แอบอยากอ่านต่อ อยากให้เพิ่มอีกนิด ตอนที่หลังจากอาทิตย์เจอจันทริอีกครั้ง แบบว่าอยากเห็นว่าจะรักกันหวานขนาดไหน เพราะน้องทิก็จำอดีตไม่ได้ ก็เลยอยากอ่านต่ออีกสักนิด ฮ่าฮ่า แต่ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็ประทับใจแล้ว สนุกมาก แบบย้อนอดีตด้วย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: QUE1 ที่ 17-11-2011 05:10:48
หลังจากใช้เวลาเกือบทั้งคืนอ่านเรื่องนี้จบ
ก็รีบทำการ ส่งเมลจองหนังสือทันทีเลยค่ะ
ชอบจัง น้องทิ คงจำไม่ได้สินะว่า พี่ทิตย์้เป็นใคร...
แต่พี่อัสสะคงจำได้อย่างดี แหม....ว่าแต่คุณพยัคเมฆาก็ตามมากับเขาด้วยนะคะ....
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา เปิดรับสั่งจองหนังสือพร้อมตอนพิเศษ รายละเอียดหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: princessl ที่ 17-11-2011 12:05:50
สุดปลื้มมากมาย

ขอบคุณเรื่องดีๆจ้า  หนุกมากก  ชอบอ่ะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 23-11-2011 21:46:25
ได้คุยกับทีมงานเล้าเป็ดเรื่องหนังสือ ก็เลยเอามาแจ้งให้ทราบครับ
เรื่องแรกคือเรื่องการสั่งจองหนังสือ ทีแรกคิดว่าจะเปิดให้สั่้งจองกันถึงช่วงเดือนพศจิกายน แต่ด้วยสถานการณ์น้ำท่วม ทีมงานบางส่วนต้องทำการอพยพหนีน้ำ และทางโรงพิมพ์เองก็ประสบปัญหาน้ำท่วมด้วย จึงต้องเลื่อนการสั่งจองออกไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ส่วนจะกำหนดวันปิดการสั่งซื้อวันไหน จะมาแจ้งให้ทราบกันอีกครั้งครับ

เรื่องที่สองคือเรื่องรูปปกครับ ตอนนี้ก็เสร็จไปในระดับหนึ่ง ก็เลยเอามาให้ดูกันครับ
(http://img.photobucket.com/albums/v428/tumty/ThaiBoysLove/cover.jpg)
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: indyska ที่ 24-11-2011 23:14:44
พ่อเสือสวาท มามะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 25-11-2011 08:53:06
กลับมากันครบเลย

แล้วปอมอ่ะ

เพื่อนของจันทิ ชาติที่แล้วด้วยช่ายป่ะ
ออกมาตอนเดียวเลยตอนนั้น

น่าจะมีตอนอัสะมีคู่บ้างอ่ะ

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 25-11-2011 17:51:24
ปกสวยอ่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 25-11-2011 23:15:09
ปกหนังสือตอนขยาย ยังไม่สมบูรณ์นะคะ

(http://i1227.photobucket.com/albums/ee425/nikky69/lap2com2.jpg)
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ [ตัวอย่างหนังสือ P.1]
เริ่มหัวข้อโดย: Way ที่ 24-01-2012 22:48:04
ชอบเรื่องของบุหรงจัง ตามอ่านมาเป็นเรื่องที่3 ก็ยังติดใจ เป็นกำลังใจให้ผลงานชิ้นต่อไนะครับ (ตามไปอ่านเรื่องต่อไป)
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๑๖ กพ ๕๕
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 16-02-2012 15:54:22
ตอนนี้ต้นฉบับหนังสือได้ส่งเข้าโรงพิมพ์แล้วครับ คาดว่าจะใชเเวลาในการพิมพ์ ๑-๒ สัปดาห์ เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วทางทีมงานจะรีบจัดส่งโดยเร็วที่สุด ซึ่งน่าจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้ครับ
ขออภัยในความล่าช้าด้วยนะครับ o1
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๑๖ กพ ๕๕ (Reply 563)
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 16-02-2012 16:18:37
รอได้คะ นานแค่ไหนก็รอคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๑๖ กพ ๕๕ (Reply 563)
เริ่มหัวข้อโดย: wasawath ที่ 18-02-2012 11:05:19
สนุกอ่ะเรื่องนี้
น่าเสียดายที่พึ่งเข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๒๓ กพ ๕๕ (Reply 566)
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 23-02-2012 08:47:26
เมื่อวานนี้ (๒๒ กพ ๕๕) ได้คุยกับทีมงานเล้าเป็ด แจ้งว่าโรงพิมพ์ได้ส่งหนังสือให้ทางทีมงานแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการบรรจุหีบห่อ คาดว่าจะเริ่มจัดส่งได้ในต้นสัปดาห์หน้านะครับ  o1
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๒๓ กพ ๕๕ (Reply 566)
เริ่มหัวข้อโดย: akazu ที่ 23-02-2012 13:44:26
 :laugh:มาแล้ว มาแล้ว รับทราบค่ะ ได้เมื่อไหร่จะมาแจ้งเหมือนกันค่ะ ขอบคุณสำหรับการแจ้งข่าวเสมอ ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๒๓ กพ ๕๕ (Reply 566)
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 23-02-2012 18:53:33
จะรอค่า :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๒๓ กพ ๕๕ (Reply 566)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 24-02-2012 23:25:21
 :3123:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๒๓ กพ ๕๕ (Reply 566)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 25-02-2012 17:11:05
ประทับใจเรื่องนี้มากเลย ชอบมากค่ะ :L1:


เนี่ยน๊าาา..สงสัยอัสสะจะจิตตั้งมั่นมาก ถึงเป็นคนเดียวที่ระลึกชาติได้ o13


ปล.อยากมีเก็บไว้ที่ชั้นหนังสือเหมือนกันอ่ะ มีให้ไอสักเล่มไหมคะ? หรือวางแผงขายที่ไหนไหม? ไอจะไปซื้อมาสักเล่ม~~

 :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๒๓ กพ ๕๕ (Reply 566)
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 25-02-2012 23:34:30

ปล.อยากมีเก็บไว้ที่ชั้นหนังสือเหมือนกันอ่ะ มีให้ไอสักเล่มไหมคะ? หรือวางแผงขายที่ไหนไหม? ไอจะไปซื้อมาสักเล่ม~~

 :pig4:
ลอง pm ถามคุณหนึ่ง (Poes) ดูนะครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๒๓ กพ ๕๕ (Reply 566)
เริ่มหัวข้อโดย: YYY ที่ 28-02-2012 18:21:12
ได้รับหนังสือแล้ว ขอบคุณค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๒๓ กพ ๕๕ (Reply 566)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 09-03-2012 10:06:17
ได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วนะคะ ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา แจ้งข่าวคืบหน้าเรื่องหนังสือ ๒๓ กพ ๕๕ (Reply 566)
เริ่มหัวข้อโดย: อีเรียม ที่ 09-03-2012 12:26:36
ชอบการแต่งครับ ใช้คำสวยมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 22-03-2012 17:22:46
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: dek_jun_rai ที่ 01-05-2012 02:28:17
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: dekthuem ที่ 01-05-2012 16:19:16
เรื่องนี้น่ารักดีชอบๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: PookPick ที่ 02-06-2012 01:57:13
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ อ่านแล้ว เต็ม,,อุ่นไปในหัวใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: yumsonteen ที่ 03-06-2012 14:08:58
 o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 05-06-2012 07:10:29
 :-[
ชาตินี้ตอนสุดท้าย ยังได้แต่งงานตามพิธีกรรมอีกครั้งด้วย



 :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 12-08-2012 16:39:12
สนุกมากเลยค่ะ
อ่านแล้วประทับใจ ~
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: เทพมังกร ที่ 12-08-2012 18:15:05
อ่านรวดเดียวจบเลย เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆค่า ชอบมากๆเลย ซึ้งไปกับอาทิตย์ :-[
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: srikoon ที่ 13-08-2012 05:37:19
กลับมาอีกครั้งนะครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: platoniclove ที่ 14-08-2012 19:43:25
รักคนเขียนจ๊ะ   :กอด1: :กอด1: :กอด1: ชอบมากเลย  :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 01-12-2012 12:35:10
อะไรที่ทำให้ผมผ่านชื่อเรื่องนี้ข้ามไปมาร่วม 2 ปี ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเข้าเล้าแต่ไม่กดเปิดมาอ่านสักทีนะ

คงเป็นเพราะโชคชะตากำหนดให้ผมได้อ่านเรื่องนี้ในหนาวที่3 หลังจากรู้จักเล้านี้หล่ะมั๊งครับ :teach:

เรื่องนี้เป็นแนวที่ผมชอบมากๆ ขอบคุณคุณนักเขียนที่ถ่ายถอดออกมาได้งดงามขนาดนี้นะครับ

อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขไปกับทุกตัวละครมากๆ ภาษาสวยงาม ทุกอย่างดูดีลงตัวไปหมด o13


ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะครับ :pig4: +1
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 05-12-2012 21:15:27
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: gustova ที่ 12-12-2012 20:59:13
 o13
ขอบคุณครับผม สนุก+น่ารัก
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 17-02-2013 08:14:24
ชอบเรื่องแนวนี้ ยิ่งภาษาเขียนที่ละเมียดละไมด้วยแล้วยิ่งอยากได้หนังสือ ไม่รู้ว่ามาอ่านช้ามากเกินกาลหรือเปล่า
สนับสนุนให้เขียนแนวนี้อีก
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 20-02-2013 21:42:25
สนุกมากๆ  เรื่องราวน่าลุ้น น่าติดตามสุดๆ
คุณจันทริหวาน นุ่ม อบอุ่น ละมุนละไม น่าทะนุถนอมมากๆ น่ารัก แต่ก็ทำให้คนอ่านเศร้าไปด้วยได้
ดีใจที่ตอนจบ คุณจันทริกับรพีพันธ์ได้กลับมาเจอกันอีก  :o8:
ชอบ4ตอนพิเศษช่วยเคลียร์ทุกประเด็นให้ได้ใสกระจ่างมากๆ

ขอบคุณผู้เขียนนะคะ  ประทับใจมากๆคะ  :pig4:
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ร่วมกันโหวตให้จบแบบแฮปปี้นะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 21-02-2013 17:59:09
นั่งอ่านเมื่อคืน จนปวดตาแต่ก็อ่านจนจบเพราะติด 55 เขียนดีมากค่ะ
อ่านไปแรกๆก็สงสารจันทริมากมาย ทำเพื่อรพีพันธ์เสมอ
แต่ในที่สุดก็จบแบบมีความสุขกันล่ะนะ
ขอบคุณนะคะ นิยายสนุกมาก ^^
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: piyaphong ที่ 29-04-2013 01:49:20
ตอนแรกที่อ่านต้นๆเรื่องดูเหมือนจะไม่ใช่แนวผมที่ชอบอ่าน กะว่าจะกดปิดออกเรื่องนี้ แต่คิดไปคิดมาขี้เกียจหาเรื่องอื่นอ่าน ก็เลยอ่านมาเรื่อยๆ จนอ่านจนจบเลยแหละคร๊าบบ อยากจะบอกว่าชอบมากแล้วก็สนุกมากเลยนะครับ นานๆจะหาแนวนี้อ่านเจอ ผม +1ให้เลยคร๊าบ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 15-08-2013 19:01:28
เนื้อเรื่องน่ารักมากๆ :mew1:
สงสารทั้งคู่แต่ก็ดีแล้วที่ได้คู่กัน
ตอนจากลาเล่นเอาน้ำตาร่วงเลย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 17-08-2013 22:12:17
วิหารจันทรา i like this :)


ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 18-08-2013 20:29:12
อ่านรวดเดียวจบทั้งเรื่องเลยค่ะ ไม่ผิดหวังเลย สมชื่อคุณบุหรงจริงๆค่ะ ชอบบทบรรยายต่างๆมากเลย อ่านแล้วรู้สึกลื่นไหลมากเลยค่ะ

ส่วนเรื่องตอนจบนี่ก็ปลื้มมากกกกกกก รู้สึกว่าค่อยเป็นตอนจบที่จบบริบูรณ์หน่อย ดีใจไปกับพ่ออาทิตย์ด้วยเลย 5555

โดยส่วนตัวเราว่าเราอ่านเข้าใจดีนะคะ ทั้งเรื่องช่วงเวลา เรื่องราวต่างๆ บทรุกและรับ(ฮา)
ชอบมากเลยค่ะ สมแล้วที่ได้รางวัล ยินดีด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Mee-Kiz69 ที่ 29-08-2013 22:36:18
สนุกมากๆๆเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบ
พึ่่งสมัครไอดีเข้ามา เห็นเรื่องนี้ รีบคลิกเข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลยค่ะ
เราชอบเรื่องแนวพีเรียดอยู่แล้ว ภาษาสวยๆยิ่งชอบมากเลยค่ะ
เรื่องนี้ตอบโจทย์ทุกอย่างที่เราต้องการเลย
คุณบุหรงใช้ภาษาสวยงามมาก
เป็นเรื่องที้อ่านแล้วหลงไหล
เนื้อเรื่องเรียบเรียงได้ดี อ่านแล้วไม่ติดขัด ชอบมาก
รู้สึกได้ทุกอารมณ์ หลงรักมาก
ตอนแรกอ่านแล้วรู้สึกแหม่งๆค่ะ
เพราะชื่อพระเอก เหมือนชื่อน้าเราเป๊ะเลย
อ่านแล้วหน้าน้าแกลอยเข้ามาในหัวทุกที...
ใช้เวลาปรับตัวนานพอสมควรเลยค่ะ ๕๕๕

ปล.ส่วนตัวเชียร์ให้คุณ บุหรง แต่งแนวนี้อีก ชอบบมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: soteen94 ที่ 05-09-2013 02:53:40
ชอบ ชอบมาก ชอบทั้งชื่อเรื่อง ชื่อตัวละคร เนื้อหา บทพูด อ่านเรื่องแรกของคุณ บุหรง เพราะลองไปอ่านเม้นของเรื่องผู้มาเยือนยามวิกาล แล้ว ไม่กล้าอ่าน กลัวช้ำในตาย  :m15:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: FlOriN ที่ 17-10-2013 10:53:57
ตามอ่านจนจบแล้วค่ะ
บอกได้เลยว่าเป็นนิยายที่ประทับใจมาก
อินไปกับทุกตอน ฉากที่มีความสุขเราก้ยิ้มตาม
ขอบคุณพี่บุหรงมากค่ะ ที่สร้างสรรค์ผลงานดีดีออกมาให้ได้ติดตาม

หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: miyuujung ที่ 27-11-2013 20:09:01
การใช้ภาษา ใช้คำ งดงาม สละสลวย อลังการ มากๆ เก่งมากๆค่ะ
เนื้อเรื่องดำเนินเร็ว ไม่ยืดเยื้อ อ่านไปตื่นเต้นไปลุ้นไป ติดที่...

จันทริกับอาทิตย์ใช้เวลาอยู่ด้วยกันน้อยปายย น่าจะให้อยู่ด้วยกันครบ 3 ปีตามเวลาที่อาทิตย์จากมาจากโลกปัจจุบัน มีฉากสวืทหวานกันให้เยอะกว่านี้ อัสสะผู้แสนดีน่าจะมีคู่ สรุปคือ....

หนูอยากอ่านต่อค่ะ ขอตอนพิเศษด้วยย แงงงงง

คุณบุหรงแต่งดีมากค่ะ จะคอยติดตามผลงานเรื่องต่อไปๆนะคะ ขอบคุณคุณบุหรงสำหรับนิยายดีๆแบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 27-11-2013 21:15:10
ประทับใจ  :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 28-11-2013 04:23:30
ประทับใจมาก หวานละมุนแบบแสงจันทร์จริงๆ เีรียกว่าได้เป็นตำนาน(รัก) ตามที่เอ่ยไว้ในเรื่องเลย
หลายครั้งที่อ่านความหวานในนิยาย แล้วรู้สึกถึงความเอื่อยเฉื่อย แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้
ด้วยความที่โครงวางแน่นมา ทำให้รับรสความหวานเอิบอาบ ไม่มีเบื่อเลย...รู้สึกว่าจบเร็วไปด้วยซ้ำ
ขอบคุณงานประมูลของเล้าฯ ประจำปี 2556 ที่ทำให้ได้รู้จักและตามมาอ่านเรื่องนี้ในที่สุด, มีความสุขก่อนนอน สบายใจ
ขอบคุณคุณตั้ม บุหรง จะติดตามอ่านงานอื่นของคุณต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 28-11-2013 23:14:19
 :mew1:

เรื่องราวน่ารักมากเลยค่ะ

ดีใจมากที่ได้เข้ามาอ่าน

สนุกค่ะ สนุกมากจริงๆ

ชอบมากเลยค่ะ เนื้อเรื่องน่ารักสุดๆ

แอบหวั่นๆตอนจบนิดๆ กลัวจบไม่แฮปปี้

แต่ก็ไม่ขัดใจคนอ่านค่ะ  น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 29-11-2013 11:29:53
อ่านแล้วชอบมากเลยค่ะ เรื่องราวอบอุ่น ซึ้งกินใจ
อัสสะ นายได้ใจเราไปเลย เป็นคนที่ดีมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 12-05-2014 07:44:49
โรแมนติกมาก แบบ น่ารัก ชอบที่จบแบบ พี่อาทิตย์ กับน้องทิ ชอบแบบนี้มากมาย คือ อย่างน้อยก็กลับมารักกัน คิคิ มีความสุขคะ มีความสุข
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: sm37an2j2 ที่ 12-05-2014 11:43:22
 :angry2: :angry2:ลบตอนจบเก่า ออกไปเลย รับไม่ได้เศร้า :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: sm37an2j2 ที่ 12-05-2014 11:47:37
เข้ามาครั้งแรกกดโหวตให้จบแบบมีลูกแฝดเพราะชอบจบแบบหักมุม แต่ตอนนี้รับไม่ได้ อยากย้อนอดีตไปแก้ไข
 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 13-05-2014 02:11:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 13-05-2014 16:13:12
สนุกมากๆ ขอบคุณจ้า ^^
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: oishinutty ที่ 23-09-2014 21:00:04
ไม่เอา จะให้ พระเอก คู่ กับ จันทิ อ่ะ T-T โหด ร้ายยยยยยยยยยยยยยย :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 01-10-2014 06:46:59
ขอบคุณนะคะ เรื่องน่ารักมากเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 11-10-2014 09:40:25
ชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 16-10-2014 11:58:26
 :heaven :heaven :heaven :heaven o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 16-10-2014 18:32:32
สนุก ประทับใจ ขอบคุณมากค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: minniez ที่ 18-10-2014 08:58:38
อ่านแบบงงๆ จบแบบงงๆ เอ้ยจบแล้ว แบบเน๋ย อยากได้ยาวกว่านี้ 55 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 22-11-2014 22:42:58
จบซะและ เสียดาย อยากให้มาต่ออีก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 24-11-2014 15:31:26
น้ำตาแตกดราม่าไปตั้งหลลานตอน :ling1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Pednoiinnocent ที่ 24-11-2014 22:05:21
ชอบมากครับ  ตื่นเต้นดี
จะรออ่านนิยายเรื่องต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 02-12-2014 00:06:36
สนุกมากเลยจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 03-12-2014 13:19:45
สนุกมาก ชอบมากครับ เนื้อเรื่องแปลกใหม่ อ่านแล้วมีความสุข

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 12-12-2014 00:02:13
ในที่สุดก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง  ในเมื่อเป็นคู่กันแล้ว ย่อมไม่แคล้วกันเนอะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 04-02-2015 17:08:22
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านนะคะ สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 08-02-2015 15:48:47
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 08-02-2015 17:26:10
พระอาทิตย์กับพระจันทร์ งื้อออออ  :hao7:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: BoJuNg ที่ 20-07-2015 21:27:50
หลงมาค่ะะะะ  ฮ่าๆๆ



คือสนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ชอบนายเอกอ่ะ  ดูแบบไม่เยอะ  และไม่น้อยไป 

ส่วนพระเอกดูนิสัยเด็กๆ  คงเพราะมาจากโลกอนาคต(?) เลยดูทำอะไรตามใจตัวเอง

แต่ตอนกลับมา ปัจจุบันคือ ชอบมากกกๆ  แบบดูโตขึ้น 


พล็อตเรื่องน่าติดตามมากค่ะ  เรื่อยๆ  ดำเนินเรื่องเร็ว ไม่ยืดเยื้อ แต่ก็ดูไม่รวบรัด

สรุป คือมันดีอ่ะ 

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 17-01-2017 23:47:49
พล็อทเรื่องดีมากๆค่า
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-01-2017 23:17:23
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 24-01-2017 08:01:44
อยากอ่านต่อ :ling1:  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 04-04-2017 19:47:43
อ่านแล้วอยากไปอยู่ที่หมู่บ้านนี้จัง.      ธรรมชาติและอากาศ. คงเต็มร้อย.     เป็นเนื้อเรื่องที่อ่านสบายๆๆ.   ชอบภาษาที่ใช้แล้วรู้สึกตัวเราหลงไปอยู่ด้วย.  เพราะคงไม่มีในยุคนี้อะ.   12. หนาว.  จันทร์เพ็ญแรก.   มีให้ไปอยู่มะเนี่ย.    ขอบคุณคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 05-04-2017 20:03:27
สนุกค่ะ ชอบมาก เพิ่งหลงเข้ามาเจอเรื่องนี้ อยากได้หนังสือจังเลยค่ะ ถ้าจัดพิมพ์ใหม่จะเป็นพระคุณอย่างมากค่ะ ขอบคุณค่ะ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: HisokaK ที่ 03-05-2017 02:37:29
มาไม่ทันหนังสือ อยากให้รีปรินท์อีกค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: nalovey ที่ 06-05-2017 18:25:05
ผ่านตา ว่าอ่านเจอจันทริเกิดในยุคนี้ก่อนที่พระเอกจะย้อนอดีตนี่นา  :mew2:
แล้วถ้าเจอกัน จันทริจะจำได้ไหมน้าาาา :sad4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 12-07-2017 17:18:25
ฮรือออออ ชอบมากกกกกกก ชอบแนวนี้มากกกก
คุณบุหรงแต่งภาษาสวยมากค่ะะะ หวานซึ้งงง แงงงง๊ ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 07-01-2018 23:37:38
เพิ่งเข้ามาอ่าน..สนุกมาก  o13  :man1:

แต่แอบเชียร์พี่อัสสะมากกว่าพี่อาทิตย์  :laugh:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: romeo2000 ที่ 16-01-2018 10:11:25
รักเรื่องนี้ หวานมากกกกก... ชอบมากกก... ขอบคุณมากกกค่ะ สำหรับเรื่องหวานๆ อบอุ่นหัวใจแบบนี้  ทำให้รู้สึกอิจฉาคนรักกัน แต่ก็ดีใจสุดๆ ที่เขาได้รักและมีความสุขกัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 18-01-2018 07:42:53
 :hao6: :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 20-01-2018 19:20:33
สนุกมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ
ชอบมากเลย
ดีจังที่จบแฮปปี้เอนดิ้ง
ทิตย์ได้คู่กับน้องน้อยจันจริ
นี่ถ้ากลับมาเร็วกว่านี้ 3 ปี
ทิตย์อาจโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ได้นะ 55555
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 22-01-2018 21:29:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 10-12-2018 14:17:37
เคยอ่านผ่านๆครั้งนึงแต่จำเรื่องไม่ได้ ในที่สุดก็ได้กลับมาอ่านอีกครั้ง น้ำตาจะไหลด้วยความดีใจ
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 13-03-2021 14:54:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 02-04-2021 02:08:21
 :-[
หัวข้อ: Re: วิหารจันทรา
เริ่มหัวข้อโดย: BoJit ที่ 28-08-2021 01:23:24
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ