พิมพ์หน้านี้ - ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Pz_ready ที่ 02-09-2013 21:42:22

หัวข้อ: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 02-09-2013 21:42:22
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



*************************************



เรื่องแรกสำหรับในเว็บนะคะ เคยคิดอยากจะเขียนนิยายแนวนี้มานานมากแล้ว แต่ก่อนเคยแต่ทำตัวเป็นเงาอ่านในเว็บ พอได้เขียนเรื่องนี้ของเอามาแชร์ซักหน่อย

มีอะไรก็แนะนำได้นะคะ ฝากตัวด้วยค๊า  :mew1:

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่1 [ 2 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 02-09-2013 21:44:10

ตอนที่ 1


เมื่อความรักที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นที่ยอมรับจากสังคม...ถูกกีดกันและแบ่งแยกและถูกบัญญัติคำต่างๆขึ้นมาให้กับความรักนั้น...แต่ความรักยังไงก็คือความรัก รักเพราะพันผูก รักเพราะโชคชะตา รักเพราะสงสาร หรืออะไรก็ตาม แต่ยังไงรักก็คือรัก


เหมือนกันกับอดุลย์หรือปิงปอง วัยยี่สิบเอ็ด ชายผู้ที่สภาพใจเป็นผู้หญิง เขาจึงพยายามเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูเหมือนกันกับจิตใจของตัวเอง เพื่อปกปิดความรู้สึกไม่ครบที่ใครๆต่างยัดเยียดมาในหัวของเขา ทั้งที่แต่ก่อนอดุลย์ไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าที่ตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่ากระเทยแบบนี้จะเป็นสิ่งที่ไม่ดี


...สังคมและคนรอบตัวย้อมความคิดสีขาวจนกลายเป็นสีเทา...


อดุลย์ใช้ชีวิตสีเทาเรื่อยมา...แม้จะไม่ได้สุขสบายเพราะงานที่พอจะเข้าใจในสิ่งที่อดุลย์เป็นคืองานกลางคืน แต่โชคดีที่มีสิ่งที่ทำให้อดุลย์ยังคงมีรอยยิ้มกับชีวิตตัวเองได้นั้นคือชายคนหนึ่ง ชายคนที่เป็นนักร้องนำของวงในผับที่ตนทำงานอยู่


รพี...คือชื่อของเขาคนนั้น คนที่อดุลย์ได้ลอบมองทุกคืนวันศุกร์และวันอาทิตย์ คนรอบตัวของอดุลย์มักจะบอกเสมอว่าสองวันนี้คือวันที่อดุลย์ทำงานได้ดีมาก เขาได้แต่ส่งยิ้มที่แต่งแต้มสีแดงสดไปให้ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าทำไม


เพราะว่ารักนั้นก็คือรัก...เป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องแสดงออก


อดุลย์จึงได้รักอย่างนั้นเรื่อยมาเป็นปีๆ


หากแต่ตอนนี้สิ่งที่กำลังเรียกว่ารักมันเปลี่ยนไป เพราะเขาดันไปได้ยินบทสนทนาของรพีกับแฟนสาวที่เห็นบ่อยๆว่ามากับวงดนตรี


“ซัน!! ทำไมซันพูดอย่างนี้!!”รวิวรรณพูดอย่างอ่อนแรง ดวงตาที่แต่งเติมจนดูเด่นในยามค่ำคืนแต่ตอนนี้กลับหม่นแสงอย่างเห็นได้ชัด ปากบางกดเม้มเข้าหากันอย่างกดกลั้นอารมณ์โกรธ ไม่ต่างกันกลับชายหนุ่มร่างสูงที่แม้จะหน้านิ่งแต่แผ่บรรยากาศที่ชวนขนลุกออกมาจากทั่วทั้งร่าง


“แล้วจะให้พูดยังไง? หรือว่าไม่จริงที่นิวไม่เคยนอนกับเพื่อนซัน อย่ามาอ้างว่าไอ้เด็กนั้นเป็นลูกซัน!! ทำไม?? เพราะว่าซันรวยที่สุดเลยกะจับหรือไง ทำไมผู้หญิงทุกคนต้องคิดว่าท้องแล้วจะจับผู้ชายได้ว่ะ”รพีตอบอย่างหัวเสีย พลางสะบัดมือขาวที่เกาะอยู่ของหญิงสาวทิ้งไป 


“นิวไปเอามันออกไปซะ...แล้วระหว่างเราก็จบ อย่ามาให้เห็นหน้าอีก..นี่เงิน แค่นี้คงพอนะ”ร่างสูงชูธนบัตรสีเทาหลายใบให้เธอดู แถมมองด้วยสายตาที่เหยียดหยามที่สุดในชีวิต


“จะบ้าเหรอซัน!! นิวท้องได้หกเดือนแล้วนะ!! มันนานไปแล้วจะเอาออกได้ยังไง!!?”


“กูไม่รู้เว้ย!! ไม่ใช่ปัญหาของกู มึงได้ยินมั้ยว่าไม่ใช่เรื่องของกู!!!”รพีพูดก่อนจะฟาดเงินสดจากในกระเป๋าทิ้งลงพื้นทำให้หญิงสาวตรงหน้าที่เริ่มร้องไห้ปล่อยโฮเสียงดัง ไม่เพียงแค่ระวิวรรณเท่านั้นที่ร้องไห้ แต่อดุลย์ที่ได้ยินเรื่องโดยบังเอิญก็น้ำตาไหลไม่ต่างจากหญิงสาว


ด้วยเพราะเป็นคนที่อ่อนไหวและรู้สึกผิดหวังจากคนที่ตนรู้สึกรัก...


อดุลย์มองดูระวิวรรณนั่งร้องไห้เสียใจ ร่างบางของหญิงสาวดูคล้ายกับไร้เรี่ยวแรง ไหล่เล็กๆไหวขึ้นลงด้วยแรงสะอื้น น้ำตาใสของสาวน้อยผู้เดียงสาไหลรินอย่างไม่ขาดสาย ไหลลงมาอยู่นาน...นานพอที่จะทำให้นักท่องเที่ยวยามค่ำคืนออกไปจากสถานที่แห่งนี้จนหมด


อดุลย์มองที่ระวิวรรณอย่างวิตก คิดไปต่างๆนานาว่าหญิงสาวจะทำตามที่ผู้ชายใจร้ายคนนั้นบอกหรือไม่ ถ้าเขาผู้ซึ่งเป็นใครไม่รู้เข้าไปขอร้องเธอจะยอมเก็บเด็กไว้หรือเปล่า และนาทีที่ความวิตกเปลี่ยนเป็นความกลัวจนขั้วหัวใจ เมื่อหญิงสาวที่อดุลย์ลอบมองกว่าข่อนคืนหยุดร่ำไห้ลุกขึ้นยืนด้วยแววตาที่หมายมั่นอะไรบ้างอย่าง


อดุลย์จะไม่กลัวขนาดนั้นถ้าในมือของระวิวรรณไม่หยิบเงินที่รพีฟาดใส่ให้ไปเอาเด็กออก จะไม่รู้สึกเหน็บหนาวเลยถ้าไม่เห็นหญิงสาวใช้มือขาวบางๆนั้นลูบท้องของตัวเองที่ไม่สังเกตดีๆคงคิดว่าผู้หญิงคนนี้แค่เป็นหญิงร่างอวบนิดๆเท่านั้น และอดุลย์คงจะไม่รู้สึกชาไปทั้งตัวถ้าปากบางๆของเธอไม่พูดคำว่า


....แม่ขอโทษ....


สมองที่ว่างเปล่าของอดุลย์ที่เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าสั่งให้เขาเดินตามหญิงสาวคนนั้นไปเพื่อช่วยเธอ หากแต่จะช่วยอย่างไร ใช้วิธีไหนที่จะช่วยทั้งเธอและเด็ก ทำอย่างไร...ทำอย่างไร...ไม่มีคำตอบให้คำถามนั้นของอดุล ได้เพียงแต่เดินตามเธอไปในความมืดของท้องถนนยามค่ำคืน...


ปรี๊ดดด ปรี๊ดดดด ปรี๊ดดดด!!!
   

เสียงแตรของจักรยานยนต์หลายคันส่งเสียกันดังกระหึ่มท่ามกลางแสงไฟสีส้มที่ไฟไม่อาจสว่างได้ทั่วทั้งบริเวณ หญิงสาวที่เดินเหม่อลอยไปเรื่อยเริ่มได้สติ แต่คงไม่ทันการณ์เมื่อตอนนี้เธอตกอยู่กลางวงล้อมของเด็กวัยรุ่นชายบนรถจักรยานยนต์นับสิบคัน


“มาทำอะไรมืดๆคนเดียวจ้ะน้องสาว”เหงื่อเม็ดใสเริ่มผุดขึ้นเมื่อระวิวรรณเริ่มตะหนักว่าตัวเองกำลังตกอยู่ใน สถานการณ์แบบไหน เสียงของผู้ชายที่ดูจะเด็กกว่าเธอพูดโอ้โลม พร้อมกับเสียงหัวเราะจากรอบตัวกับแสงไฟที่สาดส่องมาที่เธอเพียงคนเดียว


หญิงสาวเริ่มมองหาทางออกที่ปลอดภัย ดวงตาดำขลับสอดส่ายไปมาอย่างวิตก ยแต่เหมือนว่ากิริยาแบบนั้นจะทำให้ชายวัยกลัดมันส์ทั้งหลายเริ่มรู้สึกสนุกเมื่อเห็น เสียงเชียร์เสียงโห่ร้องดังมากขึ้นไปอีกเมื่อมีผู้ชายคนนึงจอดรถตัวเองแล้วเดินไปขวาเข้าที่ตัวระวิวรรณ


“ปล่อยนะไอ้สวะ!!! ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!”แผดเสียงใส่คนที่เข้ามาจับตัวอย่างจาบจ้วง สายตาเหยียดหยามมองไปที่ผู้ชายคนนั้นอย่างถือดี อารมณ์โกรธที่ถูกดูพุ่งสูง ฝ่ามือที่ใหญ่กว่าใบหน้าขาวนั้นฟาดเข้าจนดังสนั่น


เพี้ยะ!!!!


ตรงหน้าคือภาพที่ผู้หญิงตัวเล็กๆถูกทำร้าย แต่คนรอบข้างกับส่งเสียเฮอย่างสนุกสนาน ต่างจากชายร่างอรชรที่ยืนดูในมุมมืดห่างๆ สีหน้าวิตกกับภาพตรงหน้า จะเข้าไปช่วยก็ไม่กล้า กลัว...อดุลย์ก็แค่คนๆหนึ่งที่รู้สึกกลัวเป็น


และเมื่อความกลัวถูกผลักดันด้วยความถูกต้อง ร่างของอดุลย์ก็โผไปในวงล้อมผลักผู้ชายที่จับระวิวรรณหวังจะช่วยเธอเอาไว้ให้ได้ เพราะตอนนี้ระวิวรรณไม่ใช่แค่คนคนเดียว แต่ยังมีเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยอีกคน


“เฮ้ย!! อีตุ๊ดนี่มันมาจากไหนว่ะ”เสียงของใครซักคนร้องออกมาอย่างไม่พอใจ


“มึงมาจากไหนกลับไปทางนั้นอีกตุ๊ด อย่ามาเสือกเรื่องไม่เป็นเรื่องถ้าไม่อยากเจ็บตัว!!”คำขู่ที่ทำเอาอดุลย์สั่นด้วยความกลัว ใช่ว่าไม่เคยโดนทำร้ายร่างกาย มีบ่อยสมัยเด็กๆที่โดนแกล้งจากเพื่อนในโรงเรียน แต่ตอนนี้คงไม่จบแค่แผลถลอก...


“พวกน้อง...อย่าทำอะไรผู้หญิงคนนี้เลยนะ”   


“ทำไม มันเป็นเมียมึงรึไง กูพึ่งรู้ว่ะว่าเดี๋ยวนี้ตุ๊ดแม่งเอาผู้หญิงเป็นด้วยว่ะ”เกิดเสียงหัวเราะกึกก้องไปทั่ว หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นพูดตอบอดุลย์อย่างไม่นึกใส่ใจคำขอ


“ปล่อยมา!! เป็นตุ๊ดก็ไม่ต้องมาเสือกเรื่องผู้หญิงผู้ชาย เสียดายพวกกูไม่นิยมตูด ไม่งั้นคงช่วยมึงได้บ้าง”พูดพร้อมกับถลาเข้ามาคว้าหญิงสาวที่หลบอยู่หลังร่างที่บอบบางไม่ต่างกัน


“ไม่นะ!! ช่วยด้วย!!”ระวิวรรณสะบัดตัวหวังจะหลุดออกจาการเกาะกุมของอีกฝ่าย อดุลย์เองก็ช่วยพยายามแกะมือใหญ่นั้นออกแต่ก็ไร้ผลเมื่อเรี่ยวแรงมันต่างกันมากกมายขนาดนี้ แต่ถึงจะไม่เป็นปัญหากับผู้ชายร่างใหญ่ก็สร้างความรำคาญให้กับเขาได้ไม่น้อย


เพี้ยะ!!


“โอ้ย!!”อดุลย์ถูกฟาดเข้าที่แก้มขาวเข้าอย่างจัง ร่างทั้งร่างล้มคลุกลงไปกับพื้นคอนกรีต ข้อศอกรู้สึกถึงความเจ็บแสบขึ้นมาแต่เขาก็ยังฝืนตัวเองลุกขึ้นมาช่วยหญิงสาวต่อ


“อีตุ๊ดนี่ท่าจะอยากตายจริงๆ!! เฮ้ย พวกมึงมาช่วยกระทืบอีตุ๊ดนี่ทีกูจะได้พวกอีนี่ไปขึ้นสวรรค์ซักที!!”สิ้นคำก็เหมือนโลกมันหมุนเคว้งไปทั่ว ทั้งมือทั้งเท้าของใครก็ไม่รู้ต่างประเคนเข้ามาที่ร่างของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน


“อย่า!! หยุดนะ!! อย่าทำร้ายเขา!!”หูของอดุลย์ได้ยินเสียงแว่วๆของระวิวรรณแต่ก็ไม่สามารถมองภาพตรงหน้าได้


“เฮ้ยพี่!! เลือด!! เลือดพี่!! อีนี่มึงเลือดไหลเต็มเลย!!”ประโยคสุดท้ายก่อนที่สติของอดุลย์จะดับลง ในใจของเขายังสวดภาวนา...ภาวนาให้กับระวิวรรณอย่าให้โดนไอ้พวกสารเลวพวกนั้นทำร้าย...ภาวนาให้กับลูกในท้องของเธอให้รอดและปลอดภัยอย่าให้ต้องโดนพรากชีวิตทั้งๆที่ยังไม่ได้ลืมตาลืมโลก...


อดุลย์ภาวนา...ภาวนาด้วยความหวังเพียงน้อยนิด...ขออย่างให้เกิดอะไรเลวร้าย...กว่านี้...อีกเลย



 เดาแนวเรื่องกันออกเนอะ คิคิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่1 [ 2 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 02-09-2013 23:23:36
อ่านจากชื่อแล้วก็เดาว่าจะเป็นเรื่องของสาวประเภทสอง ซึ่งก็ใช่จริง
อ่านแล้วอึ้งตาม รวิวรรณจะเป็นอะไรไหม อดุลย์ด้วย ติดตามอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 2 [ 3 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 03-09-2013 18:04:29


ตอนที่ 2



“คุณพ่อคร๊าบบบบบ”เสียงของเด็กน้อย...ตะวัน...ร้องลั่นรับยามเช้าตรู่ของวันใหม่ เช้าวันที่ไม่ได้สดใสอะไร บรรยากาศคล้ายว่าฝนจะตก เมฆดำลอยละลิ่วจนพอมองออกไปนอกหน้าต่างยังเหมือนกันว่าพระอาทิตย์ไม่ขึ้นทั้งๆที่ตอนนี้ก็เกือบจะเจ็ดโมงเช้าแล้ว


“ตะวันหิวแล้ว...แล้ววันนี้คุณพ่อต้องไปโรงเรียนกับตะวันด้วยน้า ฮิฮิ”เด็กชายพูดกับผู้เป็นพ่อด้วยท่าทีร่าเริง อดุลย์มองเด็กน้อยที่ร้องเรียกตัวเองแล้วยิ้มรับจางๆ


“รู้แล้วครับผม นี่พ่อก็กำลังแต่งตัวอยู่นี่ไงครับ”อดุลย์ตอบกลับด้วยความแจ่มใสไม่ต่างกัน จะสิบปีแล้วซินะนับจากเหตุการณ์โชคดีนั้นเกิดขึ้นมา อดุลย์มองตัวเขาเองในกระจกแล้วยิ้มอีกครั้ง


สภาพของเขาตอนนี้เป็นเหมือนผู้ชายทั่วไป ผู้ชายปรกติ อดุลย์เปลี่ยนแปลงตัวเองหมดทุกอย่าง ผมที่เคยไว้ยาวสวยก็ตัดจนสั้นเกรียน หน้าตาที่แต่งเติมจนหนาเหลือแค่แป้งเด็กเพียงฝามือเดียว  กิริยาท่าทางคำพูดทุกอย่างเปลี่ยนใหม่หมดเพื่อเด็กน้อยชื่อตะวัน


จากที่เคยใช้ชีวิตเป็นเด็กเสิร์ฟเหล้าไปวันๆก็นึกตระหนักได้ว่าเมื่อไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวแล้วยังมีเด็กทารกตัวน้อยๆให้คอยดูแลเลี้ยงดูอีกคน อดุลย์กลับมาเรียนอีกครั้งหนึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เรียนทางไปรษณีย์ แล้วเปลี่ยนมาทำงานรับจ้างทั่วไปอยู่กับบ้าน แม้จะลำบากแต่โชคดีที่น้าสาวที่เป็นญาติคนสุดท้ายที่รู้จักขายบ้านไม้หลังเล็กๆให้ด้วยราคาไม่แพงเพราะเจ้าของบ้านนึกสงสารหลานที่ลำบากมาตั้งแต่เด็ก 


เขากับตะวันอยู่ด้วยกันมาจะสิบปี...แม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ความผูกพันที่มีก็ไม่ต่างกัน อดุลย์ยังจำวันแรกได้ดี วันแรกที่เขาได้พบได้สบตากับดวงตาน้อยๆของเบิกกว้างเพียงแค่แวบเดียวราวกันจะมองเขา


วันแรกที่ได้เจอ...ลูก


••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••


กลิ่นยาฆ่าเชื้อพุ่งเข้ามาในจมูกทันทีที่สติของอดุลย์เริ่มฟื้นขึ้นมา เปลือกตากระพริบถี่เมื่อรีบลืมตาขึ้นกลับเจอแสงสีขาวพุ่งเข้าจนแสบตา จนเมื่ออยากขยับตัวก็พบกับความขัดยอกตามร่างกาย เลยนึกขึ้นได้ว่าตนผ่านเหตุการณ์อะไรมา


อดุลย์ลุกขึ้นนั่งกับเตียงบรรดาพยาบาลสาวก็ต่างกรูเข้ามาดูอาการเบื้องต้น ตอนนี้เขาอยู่ในห้องพักรวมของโรงพยาบาลที่ไหนซักแห่ง มองจากด้วยนอกคงสายน่าดู เขาพ้นค่ำคืนที่น่ากลัวนั้นมาได้อย่างไร คงจะมีแต่ต้องถามเท่านั้น


“ขอโทษนะคะ คือ..ชั้น มาที่นี่ได้ยังไง”เอ่ยถามกับพยาบาลที่ง่วงกับการวัดความดันตรวจชีพจรและอาการบาดเจ็บตามเนื้อตัว


“ตำรวจมาส่งนะค่ะ”อดุลย์ร้องอ่อขึ้นมาในใจ โชคดีที่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในวงล้อมนั่นอดุลย์โทรแจ้งความไว้ก่อนแล้ว แต่จากที่ที่เกิดเหตุคงไกลจากสถานีตำรวจอยู่เหมือนกันอดุลย์เลยตัดสินใจออกไปช่วยหญิงสาวก่อน


“แล้วมีผู้หญิงมาด้วยหรือเปล่าคะ”


“ค่ะ ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องพักฟื้นค่ะ เดี๋ยวดิชั้นขออนุญาตโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนนะคะว่าคุณฟื้นแล้ว เขาสั่งไว้นะค่ะ”พยาบาลสาวเอ่ยบอกด้วยความสุภาพ อดุลย์นึกโล่งใจที่หญิงสาวอีกคนปลอดภัย อยู่ในห้องพักฟื้นอย่างที่พยาบาลบอก


ไม่นานเท่าไรเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินเข้ามาภายในห้องพักผู้ป่วย เรียกสายตาของผู้ป่วยคนอื่น ทำเอาอดุลย์เกิดความประหม่าเพราะสายตาสอดรู้สอดเห็นของทุกคน คล้ายว่าคนคิดว่าเขาเป็นผู้ต้องหาอะไรซักคดีแน่ๆ


“สวัสดีครับคุณอดุลย์...ขอโทษที่ต้องดูบัตรประชาชนก่อนนะครับ”


“ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ”นายตำรวจร่างท้วมยิ้มตอบ รู้อยู่แล้วว่าคนคนนี้เป็นยังไงจึงไม่ได้รู้สึกแปลกๆที่ฟังคำที่ดูเป็นผู้หญิงจากคนคนนี้


“คุณเป็นคนที่โทรแจ้งความใช่มั้ยครับ ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดได้มั้ย”อดุลย์พยักหน้าตอบแล้วเริ่มเล่าเรื่องราวเพียงแค่ช่วงที่โดนแก๊งค์จักรยานยนต์มาก่อกวน นายตำรวจตรงหน้านั่งฟังและจดอะไรบ้างไปเรื่อยๆจนจบแล้วนายตำรวจหนุ่มจึงขอตัวกลับไปทำงานต่อ


“เอ่อ...ขอโทษนะคะคือชั้นอยากไปเยี่ยมคุณระวิวรรณ...ผู้หญิงที่มากับชั้นน่ะค่ะ”อดุลย์ที่นึกเป็นห่วงอีกคนตัดสินใจขัดความปวดตามกล้ามเนื้อลุกไปถามที่พยาบาลคนเมื่อครู่


“เกรงว่ายังเยี่ยมไม่ได้ค่ะ เธอพักอยู่ที่ไอซียู และคุณหมอก็ห้ามเยี่ยมค่ะ เธอพึ่งออกจากห้องผ่าตัด”อดุลย์ตาโตด้วยคำพูดของพยาบาลตรงหน้า


“แต่ถ้าเป็นเด็กคงเยี่ยมได้ค่ะ แต่ก็คงได้แค่มองนะค่ะเพราะเด็กอยู่ในตู้อบค่ะ”


“เด็ก?”


“ค่ะ คุณระวิวรรณถูกทำร้ายจนแท้ง โชคดีที่ถึงโรงพยาบาลทันแต่อายุครรภ์แค่หกเดือนเศษ ยังอันตรายอยู่ค่ะ”อดุลย์พูดอะไรไม่ออกได้แต่เดินตามพยาบาลไปตามทางเรื่อยๆ จนกระทั้งถึงห้องหนึ่งที่มีป้ายปลอดเชื้อแขวนข้างๆกันเป็นกำแพงกระจกใสมองเห็นเครื่องมือแพทย์มากมายรายล้อมอยู่ข้างใน


และยังเห็นร่างสีแดงเล็กๆ ที่เล็กเทียบเท่าฝ่ามือของตัวเอง น้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหนไหลออกมากตาคู่โต พยาบาลข้างๆมองอย่างสงสารเพราะเธอก็เชื่อว่าไม่ว่าใครมาเห็นสภาพเด็กแบบนี้คงไม่มีใครกลั้นน้ำตาไว้อยู่


แต่นาทีที่อดุลย์ผู้ซึ้งร้องไห้อยู่ตราตรึงไปทั้งชีวิต เมื่อดวงตาของเด็กน้อยตัวเล็กเปิดขึ้นทั้งสองตาอย่างปาฏิหาริย์ แถมยังมองสบตามาที่อดุลย์อีกด้วย เขาหยุดร้องไห้...และเชื่อว่าเด็กคนนี้ต้องรอดอย่างแน่นอน


••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••


บรรยากาศครึกครื้นของโรงเรียนเล็กๆใกล้ชุมชนที่แออัด เด็กส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่พวกผู้ปกครองเองก็มักจะรู้จักกัน ดังนั้นวันงานสำคัญหนึ่งของประเทศอย่างวันแม่จึงดูคึกคักราวกับสมาคมแม่บ้านมาเอง


อดุลย์มองไปยังรอบๆ มีโอกาสไม่บ่อยนักที่เขาได้มาดูสถานศึกษาของตะวัน เพราะชีวิตช่วงเช้าของเขาหมดไปกับการทำงานที่ตอนนี้ได้งานเป็นพนักงานขายที่ห้างดังใจกลางเมือง ถึงจะเริ่มงานด้วยค่าแรงไม่มากมายแต่ตอนนี้เขาทำงานมาได้เกือบห้าปี ก็ถือว่าเงินที่ได้พออยู่พอกินสำหรับตอนนี้ แต่อดุลย์เองก็ไม่วายคิดถึงอนาคตของเด็กชายตัวเล็กที่ยืนยิ้มเกาะกุมมือของอยู่ข้างๆ


“สวัสดีค่ะ คุณพ่อของตะวัน”คุณครูมาลีสาวสูงวัยผู้ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของตะวัน และเธอเป็นผู้เลือกให้ตะวันเป็นหนึ่งในห้าของตัวแทนของห้องที่จะนำไหว้แม่ในวันแม่


“สวัสดีครับคุณครู”อดุลย์ยิ้มเขินให้กับครูสูงวัยตรงหน้า เขารู้จักกับครูมาลีมามากกว่าอายุของตะวันซะอีก แน่นอนว่าครูมาลีรู้ว่าแต่ก่อนอดุลย์ใช้ชีวิตอย่างไร แต่เธอไม่เคยคิดจะพูดหรือดูถูกแม้แต่น้อย


“เชิญคุณพ่อไปทางด้านเสาธงก่อนนะค่ะ”อดุลย์รับคำ ยิ้มส่งลูกชายที่โบกมือให้ก่อนจะเดินไปที่ที่เตรียมไว้ให้กับคุณแม่ทั้งหลายที่นั่งรออยู่ด้านข้างเสาธง

“เฮ้ยยยย!! ไอ้หัวกลม เขาให้มึงพาแม่มาไม่ใช่เหรอว่ะ”ทันทีที่ไร้เงาของผู้ใหญ่จากบริเวณเสียงเล็กๆของเด็กผู้ชายโพล่งดังออกมาทันที


“ก็คนมันไม่มีแม่ มันจะเอาแม่มาจากไหนเล่าไอ้บอส ฮ่าๆๆๆ”อีกเสียงที่ตอบโต้กับเด็กชายบอสตอบแทนคนที่ถูกถาม ตะวันกำมือแน่นอย่างอดกลั้น เคยโดนด่าโดนว่าเรื่องกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก เขาอาละวาดจนทำให้ผู้เป็นพ่อถูกเรียกมาที่โรงเรียน แต่พ่อปิงปองของเขาไม่เคยโกรธ มักจะยิ้มให้เขาเสมอ


แต่ตะวันรู้ว่าพ่อไม่ได้ยิ้มเพราะดีใจ ดังนั้นตะวันจึงไม่อยากจะทำให้พ่อต้องรู้สึกแย่


“แต่แม่กูบอกว่าพ่อมันเป็นตุ๊ด!! มึงรู้จักหรือเปล่าตุ๊ดอ่ะ ผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิงอ่ะ”เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างไม่รู้จะหยุดตอนไหน คำปรามาสใหม่ที่ตะวันได้ยินบวกกับเสียงหัวเราะที่ทำเอาอารมณ์ขุ่นขึ้นทันตา


หมัดเล็กๆง้างขึ้นเหนือหัวเตรียมจะซัดลงไปยังเพื่อนที่ดูถูกพ่อของตัวเอง  แต่ต้องชะงักเพราะโดนมือที่ใหญ่กว่าจับเอาไว้ ตะวันหันไปมองคนมาใหม่ที่เข้ามาขัดขวางเอาไว้อย่างเคืองๆ


“พวกมึงไปไกลๆไป ก่อนที่กูจะปล่อยให้ไอ้ตะวันซัดพวกปากหมาอย่างพวกมึง”


“มึงซิปากหมา!! กูพ่อความจริง พ่อไอ้เหี้ยตะวันเป็นตุ๊ด!! โอ้ยๆ ไปๆๆ หนีเว้ย!!”


“ไอ้ดำ!! มึงจะมาขวางกูทำไมเนี่ย!!”ตะวันโวยวายใส่เพื่อนที่ตัวเองเรียกว่าดำทั้งๆที่จริงเขาชื่อว่า ทานตะวัน แต่เพราะชื่อเหมือนกับตะวันเกินไปเลยถูกตั้งฉายาใหม่ตามสีผิวของตัวเองทันที แต่ทานตะวันก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรกับชื่อที่เพื่อนเรียก ด้วยความชิน...เขาถูกตะวันเรียกว่าดำตั้งแต่อายุสี่ขวบแล้ว


“มึงไม่อยากไหว้พ่อมึงแล้วรึไงล่ะ? มีเรื่องก่อนแบบนี้มีหวังถูกเรียกผู้ปกครองแน่ แถมไม่ต้องเสียเวลาด้วยพ่อมึงอยู่ที่นี้แล้ว”ตะวันหน้ายู่แต่ก็เห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนตัวใหญ่กว่า


ทั้งคู่เดินไปเข้าแถวด้วยกันเมื่อถึงเวลา มีกิจกรรมหน้าเสาธงก่อนนิดหน่อยก่อนจะถึงกิจกรรมวันแม่ ตะวันถูกเรียกออกมาเข้าแถวใหม่เพื่อเตรียมตัวที่จะขึ้นไปไหว้พ่อปิงปองบนเวทีหน้าเสาธงชาติ


...พ่อมึงเป็นตุ๊ด....


คำพูดที่ติดอยู่ในหัวมันดังขึ้นอีกรอบเมื่อเด็กชายมองไปที่พ่อของตนที่กำลังส่งยิ้มสดใสมาให้เขาอย่างเคย ตะวันเคยเห็นเพื่อนผู้ชายที่ชอบแอบเอารองเท้าส้นสูงของแม่ตัวเองมาใส่ แต่งหน้าทาปากอย่างน่าเกลียด และเขาโตพอจะรู้ได้ว่าคนประเภทนั้นเรียกว่ากระเทย


แต่เขาไม่เคยเห็นพ่อของเขาทำแบบนั้น ถึงจะดูบอบบางกว่าพวกผู้หญิงที่นั่งรายล้อม แต่พ่อดูเป็นผู้ชาย แถมยังเท่ห์มากๆสำหรับตัวตะวัน


ไม่มีทางเด็ดทางที่พ่อจะเป็นอย่างที่ไอ้พวกนั้นพูด ไม่มีทาง!!!!




หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 2 [ 3 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 04-09-2013 00:41:40
เจ็บปวดอะ อ่านแล้วเจ็บปวด นึกถึงละครเรื่องนึงที่พี่ออฟเล่นเป็นพ่อกระเทยเลยคะ
ตะวัน อย่าเลยนะ อย่าทำร้ายคุณพ่อที่รักตะวันเลยนะ
ปล.แล้วรวิวรรณ?
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 2 [ 3 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 04-09-2013 10:54:17

แค่สองตอนแต่ว่ามันสนุกมากกกกก

คนแต่งบรรยายได้ดีอ่ะ---รู้สึกร่วมไปกับตัวละครเลย
แต่ตอนท้ายตอนที่สองดูท่าทางจะมีปัญหาแน่ๆเลย

ขออย่างเดียว---ช่วยแต่งต่อจนจบด้วยนะ

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 3 [ 4 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 04-09-2013 12:44:24



ตอนที่3



เวลาแห่งความสุขล่วงมาอีกห้าปี เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเด็กอย่างตะวัน ด้วยความลำบากด้านการเงินที่มีมาตั้งแต่แรก ทำให้ตะวันที่พึ่งจบมัธยมต้นมาหมาดๆคิดจะไม่เรียนต่อแล้วออกมาช่วยพ่อของตนทำงาน เพราะรู้มาตลอดว่าพ่อทำงานหนักขนาดไหน ได้เงินมาก็หมดไปกับเขาอย่างเดียว


หากอดุลย์ไม่ได้ต้องการแบบนั้น เขาพร่ำบอกลูกชายให้เรียนต่ออยากให้ตะวันเรียนสูงๆ ไม่ต้องมาลำบากเหมือนตัวเอง เพราะถึงจะจบอนุปริญญาแต่ด้วยสมัยนั้นมีตะวันที่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆอาศัยอยู่ด้วย จึงต้องพลาดจากงานดีๆเงินเดือนสูงๆอยู่หลายงาน จนมาจบที่พนักงานขายเครื่องสำอางในห้างใหญ่


“ตะวัน...ไม่เห็นเหรอว่าการที่พ่อเรียนน้อยพ่อถึงลำบากขนาดไหน ตะวันคงไม่อยากเป็นเหมือนพ่อหรอกนะ”เสียงพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจที่เห็นตะวันไม่ยอมไปสมัครเรียนตามเพื่อนๆซักที ครั้นจะให้บังคับก็คงยากเพราะอดุลย์ก็เลี้ยงตะวันมาแบบตามใจอยู่พอควร


“พ่อครับ แต่ตะวันไม่อยากเป็นภาระ”เด็กหนุ่มที่เริ่มเข้าสู่วัยเจริญเติบโต แขนขาที่เคยสั้นกุดเริ่มยืดยาว เพียงแค่อายุสิบห้าปลายๆตะวันก็สูงเกินพ่อเขาไปแล้ว ยิ่งหน้าตายิ่งแล้วใหญ่ หน้าตาคมเข้มกับกลุ่มผมสีอ่อนนั้นคล้ายกับคนในอดีตเหลือเกิน


...ระพี...


“ทำไมตะวันถึงพูดแบบนี้ ตะวันไม่เคยเป็นภาระของพ่อเลยนะ”มือเล็กที่เริ่มมีริ้วรอยบ่งบอกว่าคนๆผ่านเรื่องยากลำบากมาไม่น้อยเอื้อมไปลูบบนศรีษะของลูก ตะวันหลับตาพริ้มรับสัมผัส นึกชอบทุกคนที่พ่อทำแบบนี้กับตัวเอง


“...ถ้าแม่ยังอยู่ด้วยคงจะดี...”เสียงแผ่วเบาราวกับพูดกับตัวเองพูดออกมาทำให้ผู้เป็นพ่อนิ่งงัน เผลอนึกถึงเรื่องของผู้เป็นแม่แท้ๆของตะวันที่ตนเองก็ลืมไปนานแล้ว แต่พอตะวันพูดขึ้นมาก็อดที่จะนึกถึงเธอไม่ได้จริงๆ


ผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้น



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



ความวุ่นวายของโรงพยาบาลที่ดูจะเป็นเรื่องปรกติของคนที่นี่แต่กับคนที่ไม่ค่อยได้แวะเวียนมาบ่อยนักอย่างอดุลย์มันเป็นเรื่องที่ดูน่ากลัวและน่าหวาดหวั่นที่สุด


ในรุ่งขึ้นของอีกวันที่อดุลย์ตื่นขึ้นมายังโรงพยาบาลที่เขาและระวิวรรณมารักษาตัว อดุลย์นึกอยากจะเขาไปเยี่ยมหญิงสาวที่ห้องไอซียูที่พยาบาลเมื่อวานบอกไว้ เขาเดินมาดูชื่อผู้ป่วยที่หน้าห้องจึงพบชื่อของคนที่อยากมาเยี่ยม แต่เมื่อเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อเขาได้ยินเสียงโวยวายและเสียงร่ำไห้ของผู้หญิงแว่วเข้ามาในหู


ในตอนนั้นเขายังอธิฐานขอให้ไม่มีใครเป็นอะไร


แต่พออดุลย์เดินเข้าไปในส่วนของผู้ป่วย สีหน้าขาวกลับซีดราวกับไม่มีเลือด เตียงผู้ป่วยที่เขาจำหมายเลขที่หน้าประตูกำลังถูกรายล้อมด้วยเหล่าพยาบาลในชุดปลอดเชื้อเช่นเดียวกับเขา ม่านสีเขียวเข้มถูกดึงกั้นไว้แต่ไม่อาจปิดมิด ข้างๆเตียงมีหญิงสูงวัยกำลังร้องไห้


เสียงที่เขาได้ยินคือ...นี่งั้นเหรอ


อดุลย์ยืนนิ่งอยู่ได้ไม่นานเนื่องจากต้องการรู้เรื่องราว เขาตัดสินใจเดินเขาไปหาหญิงที่กำลังร้องไห้อย่างหนักแล้วทรุดตัวลงข้างๆเธอ มือบางเอื้อมไปกอดไหล่ที่กำลังสั่นอย่างวิสาสะแต่คนที่เสียใจไม่ได้สนใจกับสัมผัสนั้นแม้แต่น้อย เธอยังคงมองไปที่ร่างของหญิงสาวบนเตียงอย่างหมดกำลังใจ


“คุณป้าคะ...”เอ่ยเรียกอยู่สามครั้งคนที่เรียกถึงจะหันมามองด้วยน้ำตาที่นองเต็มใบหน้า


“หนูเป็นเพื่อนของระ...นิวน่ะค่ะ ทำไม...ทำไมนิว”อดุลย์เองก็เสียงสั่นไม่แพ้กัน อยากจะถามว่าทำไมนิวถึงเป็นแบบนี้ทั้งๆที่เมื่อวานคุณพยาบาลก็บอกว่าปลอดภัยแล้ว แต่รู้ว่าคนตรงหน้าก็ไม่อยากจะพูดอะไรในตอนนี้เหมือนกัน


“หัวใจหยุดเต้น เตรียมทำซีพีอาร์ทีคุณนิด”คุณหมอหนุ่มสีหน้าเคร่งเครียดหันมาบอกพยาบาลข้างๆ อดุลย์และหญิงข้างๆเองที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งช็อคไปทั่วร่าง


“นิวววว!!! ฮืออ ไม่นิวววลูกแม่!!”ร่างที่ตั้งใจจะโผเข้าไปกอดลูกสาวกลับถูกกั้นไว้ด้วยพยาบาลผู้หญิงที่หน้าเครียดไม่แพ้คุณหมอเหมือนกัน


“เชิญคุณแม่ออกไปด้านนอกก่อนดีกว่านะคะ...นะคะ”เธอพูดย้ำเมื่อไม่เห็นท่าทียอมของคนตรงหน้า อดุลย์ที่พอจะมีสติเข้าไปโอบแม่ของระวิวรรณ ออกแรงพาร่างที่ดูเหมือนไร้วิญญาณนั้นออกมาด้านนอกด้วยความจำใจ


นานชั่วกัปกัลป์นความคิดของทั้งสองที่ต้องออกมารออยู่ด้านนอก แต่เมื่อความจริงที่มาถึงมันกับทำร้ายจนความหวังที่รออยู่มลายหายจนหมดสิ้น แพทย์หนุ่มที่เห็นเมื่อครู่เดินออกมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยพร้อมกับคำพูดที่ว่า


...เสียใจด้วยครับ คุณระวิวรรณเสียแล้ว...


สาเหตุด้วยเพราะติดเชื้อในช่องคลอดและอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ไม่ได้เข้ามาในหูของผู้เป็นแม่ที่เพิ่งสูญเสียลูกสาวไป คนที่ได้สติมากที่สุดจึงเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้ทำหน้าที่ต่างๆที่ผู้เป็นแม่ของผู้ตายทำไม่ได้


อดุลย์ถือวิสาสะนำบัตรประชาชนของระวิวรรณที่ได้มาจากแม่ของเธอที่เหมือนสติหลุดไปแล้ว เขานำไปขอหลักฐานการเกิดของเด็กชายรวมถึงการตายของผู้เป็นแม่เพื่อไปแจ้งทำตามกฏหมาย


“เอ่อ ขอโทษนะคะ”พยาบาลผู้ที่กำลังรับเรื่องนึกสงสัยในช่องรายละเอียดของบิดา...รูปในบัตรประชาชนของผู้ที่แจ้งว่าเป็นบิดาของเด็กน้อย คือคนตรงหน้าไม่ผิดแน่


และ...ไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ


“คุณเป็นพ่อของเด็กเหรอคะ”รู้ว่าเสียมารยาทแต่อดที่ถามไม่ได้ อดุลย์ได้ฟังแล้วยิ้มจางๆให้คนถาม เขาเข้าใจเพราะตัวเขาดูไม่ต่างอะไรกับกระเทยธรรมดาคนหนึ่ง...แต่ ต่อแต่นี้ไปจะไม่ใช่อีกแล้ว


“...ครับ ผมเป็นพ่อของเด็ก”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



“ขอโทษนะครับ”ตะวันเอ่ยขึ้นหน้าอู่รถขนาดกลางๆใกล้กับตัวบ้านของเขา วันนี้เขาไปสมัครเรียนที่โรงเรียนช่างที่ไม่ไกลนัก ด้วยเพราะเห็นว่าทนเรียนอีกสามปีอย่างน้อยแถมยังได้ทักษะอาชีพ ได้เรียนตามที่พ่อต้องการและได้ทำงานอย่างที่ตนเองอยากทำ


“เออ มาทำไรไอ้หนู”


“หวัดดีครับลุงโชค ผมมาสมัครงาน ลุงพอมีงานให้ผมทำมั้ยครับ นี่ผมพึ่งไปสมัครช่างมานะเนี่ย”ตะวันพูดเจื้อยแจ้วอย่างเคย กับลุงโชคเจ้าของอู่รถเองก็รู้จักเห็นกันมาตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ แถมจักรยานของตะวันเองก็แวะเวียนมาใช้บริการที่นี้บ่อยๆ


“จริงรึ!! เออๆ ดีๆ แต่ข้าไม่ได้รวยนะเว้ย จะเอาเงินไหนไปจ้างเอ็ง”ชายหนุ่มใหญ่ตอบพลางหัวเราะร่วน นึกเอ็นดูตะวันอยู่ไม่น้อย ที่จริงเขาก็เอ็นดูตั้งแต่พ่อของตะวันแล้ว สมัยก่อนที่อดุลย์มาพักอยู่กับน้าสาวก็เห็นว่าเป็นเด็กเรียบร้อยที่ชอบเล่นกับเด็กผู้หญิง การพูดการจาก็นอบน้อม ผู้ใหญ่ทุกคนที่รู้จักก็พาลเอ็นดูกันทุกคน


“แฮ่...ลุงช่วยจ้างผมหน่อยไม่ได้เหรอ ถึงผมยังไม่เป็นงาน แต่ผมรับรองนะว่าผมขยันสุดๆ!! สอนผมไม่นานผมก็เป็นช่างมือทองเลยนะลุง คุ้มกับคุ้ม ฮ่าๆๆ”


“ฮึ ไอ้เด็กกวนตีนอย่างเอ็งน่ะนะจะมาเป็นช่างมือทอง  เออๆ จ้างก็จ้าง แต่ข้าคงจ้างได้ไม่แพงนะ เดี๋ยวอีกหน่อยโรงเรียนเอ็งสอนซ่อมของเล็กๆน้อยๆ ข้าจะไปแบ่งงานซ่อมไปให้ รำคาญไอ้พวกช่างนอกเหมือนกัน รับงานให้แม่งยังชอบเล่นตัว”ลุงโชคบ่นไปเรื่อยเรียกรอยยิ้มของเด็กน้อยได้อย่างง่ายดาย


“งั้นมา!! เริ่มงานวันนี้เลยดีกว่าจะได้คุ้มๆ ว่าแต่เอ็งบอกกับพ่อเอ็งรึยังว่าจะมาทำงานแบบนี้ ไม่ใช่ว่าให้พ่อเอ็งมาถอนหงอกข้านะเว้ย”


“บอกแล้วครับลุง แต่ลุงยังไม่มีหงอกซะหน่อย ออกจะหนุ่มหล่อขนาดนี้ ฮ่าๆๆ”หัวเราะกันสองคนแล้วก็เดินตามเจ้าของอู่เข้าไปข้างใน


เสียงเครื่องมือดังไปทั่วทั้งบริเวณ มีชายหนุ่มหลายคนที่กำลังง้วนอยู่กับรถคันที่ตัวเองรับผิดชอบ ตะวันละลานตากับยี่ห้อรถที่ตนเองเคยเห็นแค่บนถนนตอนที่นั่งรถเมล์ แต่ตอนนี้รถสวยหลายๆคันมาจอดให้ยลกันอยู่ตรงหน้า


“คันนี้เป็นอะไรเหรอลุงโชค”ตะวันลูบมือไปยังรถสีขาวคันสวยยี่ห้อคล้ายๆกับยี่ห้อจักรยานเขาเลย ความใฝ่ฝันของชายหนุ่มคือมีรถสวยๆซักคัน บ้านใหญ่ๆซักหลัง เพื่อพ่อปิงปองของเขาจะไม่ต้องลำบากอีก


“ขาจรน่ะ สงสัยไปกวนตีนไอ้พวกขี้ยาหลังตลาดมา โดนเจาะยางซะสีล้อเลย”


ตะวันยังเดินดูเดินทำความรู้จักกับช่างคนอื่นๆที่ดูจะเข้ากันได้ดีเมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่เดือนตะวันจะกลายเป็นรุ่นน้องโรงเรียน คิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกจะเรียนต่อด้านช่าง แม้จะไม่ได้เจอไอ้ดำแล้ว...เพราะฝ่ายนั้นฝันอยากเป็นหมอ คิดไปก็ใจหาย อยู่ด้วยกันตั้งแต่อนุบาลหนึ่ง


“มารับรถ”เสียงเข้มของชายวันกลางคนเอ่ยไม่ใกล้ไม่ไกลเขา ตะวันมองตามด้วยเพราะรู้สึกคุ้นใบหน้านั้นอย่างประหลาด ทั้งดวงตา จมูก หน้าผาก และริมฝีปาก คุ้นมากจริงๆ


เหมือน...ว่าเห็นคนๆนี้...ทุกวัน


ตะวันมองตามคนนั้นจนเขาไปหยุดที่รถ BMW สีขาวที่ตนนึกชอบ และเสี้ยววินาทีที่ดวงตาคมนั้นหันมามองเขาด้วยเช่นกัน ความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นมาในอก ความรู้สึกแบบเดียวกับตอนที่พ่อปิงปองของเขาลูบหัว


...ใครกัน?...





รับรองว่าจบแน่นอนค่ะ เพราะพลอตที่คิดไว้มันไม่ยาวเลย
ปล. ใครหน้อ คิคิ :mew3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 3 [ 4 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 04-09-2013 15:05:06
หวังว่าคงไม่ได้จบแบบพ่ออดุลย์มาม่าชามโตนะ ขอนะจ๊ะคนเขียน ขอจบแบบสุขนาฏกรรม
อดุลย์ทำดีมาตลอด ขอความดี/ความสุขจงสนองอดุลย์ด้วย
ความดี/ความสุขในความหมายของคนอ่านคนนี้ ไม่ได้หมายถึงว่า
ต้องให้อดุลย์กับซัน(พ่อของตะวันใช่ป้ะ)ได้รักกันนะ(ไม่ชอบผู้ชายไร้ความรับผิดชอบและหลงตัวเอง)
แต่หมายถึงว่า ให้ตะวันกับอดุลย์เป็นพ่อลูกที่รักกันอบอุ่น และเข้าใจกันตลอดไปน่ะ
ถ้าเป็นแบบว่า พอตะวันรู้ว่าอดุลย์เป็นแบบนี้แล้วรับพ่อที่เป็นแบบนี้ไม่ได้ คนอ่านคง... :sad11: :monkeysad: :m15:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 3 [ 4 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 04-09-2013 16:05:42
ขออย่างเดียวขอให้ได้อ่านเรื่องนี้จบนะคะ  คิดว่าคนเขียนคงไม่โหดร้ายกับคนดีๆ อย่างอดุลย์เกินไปหรอกค่ะ ส่วนตะวันน่าจะได้คู่กับดำนะ แต่อดุลย์ไม่แน่ใจว่าพระเอกยังเป็นรพีหรือเปล่า (อาจจะมีม้ามืดก็ได้)
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 3 [ 4 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arovera ที่ 04-09-2013 16:40:44
ว้าว!!!ดร่ามาของโปรด อ่านแล้วคนเขียนพาเข้าถึงตัวละครจัง ไม่ขออะไรมากแต่ขอดร่าม่ายาวๆไปทุกวันอย่าได้ขาดเท่านั้นพอ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 3 [ 4 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 04-09-2013 17:02:50
เรื่องนี้น่าติดตามมาก

ชอบปิงปอง เป็นคนที่ดีจริงๆ

รอตอนต่อไปนะจ๊ะ ตะวันเจอพ่อจริงๆแล้วจะเป็นยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 3 [ 4 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 04-09-2013 21:43:30
ตะวัน ขอร้องนะ ขอร้องเลย อย่าทำให้ปิงปองเสียใจ
แต่สังหรณ์จริงๆว่า คนที่จะทำให้ปิงปองเสียใจ คือตัวปิงปองเอง...
T_T
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 4 [ 5 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 05-09-2013 00:10:17



ตอนที่ 4



บ้านหลังใหญ่โตที่ใครๆต่างรู้จักกันในนาม คฤหาสน์เรืองรัตนโยดมผู้ครอบครองที่ดินในเมืองหลวงมากกว่าร้อยไร่ บ้านที่ใครๆต่างรู้จักดีหากเอ่ยเพียงแค่นามสกุล ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ทายาทคนโตของตระกูลพึ่งหย่าเป็นรอบที่สอง...เนื่องจากไม่ใช่แค่ทายาทคนโตเท่านั้นแต่ยังเป็นนายห้างใหญ่ของห้างสรรพสินค้าธุรกิจตั้งต้นของครอบครัวก่อนที่จะแตกแขนงไปทำธุรกิจอย่างอื่น


รพี เรืองรัตนโยดมหนุ่มใหญ่อายุสามสิบเจ็ด เขาเป็นที่จับตามองในวงการธุรกิจเมื่อศูร เรืองรัตนโยดมผู้เป็นพ่อของตนวางมือและแต่งตั้งลูกชายคนโตขึ้นบริหารห้างสรรพสินค้าและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือด้วยเพียงอายุแค่ยี่สิบห้า


รพีจำใจทำงานเพราะถูกดัดหลังให้ขึ้นมาทำงานซักที เด็กชายที่ไม่เคยคิดรู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวงานบริหารและไม่สนใจธุรกิจถูกจับตามองจากทั้งผู้ร่วมหุ้นและสื่อสิ่งพิมพ์ทุกแขนงในประเทศ เพราะถึงก่อนหน้าเขาจะยังไม่เป็นที่รู้จักไม่เคยออกสังคม แต่นามสกุลที่โชว์หราทำให้ทุกคนรู้จักตัวเขาอยู่เนืองๆ


เพียงพอแล้วกับชีวิตยี่สิบห้าปีที่ผู้เป็นพ่อมองมันไร้ค่า ลูกชายคนโตที่เป็นความหวังทำตัวเสเพลจนเขาที่เป็นนักธุรกิจดังอับอายทุกครั้งที่ต้องพูดถึงลูกชายที่ชื่อว่ารพี ข่าวคราวและคาวต่างๆมากมายเข้าหูของผู้เป็นพ่อทุกเรื่อง เพราะรพีถูกจับมองอยู่ทุกเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร


“ดูซะ”เสียงมีอำนาจของชายวัยกลางคนตอนปลาย ที่มีอายุกว่าหกสิบปีแต่ร่างกายยังคงดูสุขภาพดีไม่เสื่อมถอยตามกาลเวลา จะมีแต่ดวงตาที่เหมือนจะหม่นแสงไม่ดำขลับเหมือนช่วงวัยหนุ่ม


“อะไรครับ”เสียงที่คล้ายคลึงถามกลับ สายตาคมมองไปยังซองเอกสารสีน้ำตาลที่ศูรผู้เป็นพ่อโยนมาที่โต๊ะทำงานของเขา นึกในใจว่าคงเป็นเรื่องค่อนข้างสำคัญเพราะคนพ่อไม่ค่อยย่างกรายเข้ามาในบ้านหลังใหญ่เท่าไรนักหลังจากยกมันให้เขาแล้ว


รพีหยิบซองเอกสารเปิดดู ภายในมีภาพถ่ายบางรูปเก่าขนาดที่ว่ากรอบของรูปไหม้เป็นสีดำตาลดำๆ บางรูปก็สีสดราวกับพึ่งอัดมาใหม่ๆ รพีมองไล่ตามรูปไปเรื่อยๆ คิ้วเข้มเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่อยู่ ภาพเบื้องหน้าของเขาเป็นรูปเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกถ่ายตั้งแต่สมัยเด็กๆจนถึงปัจจุบันที่โตเป็นหนุ่มน้อยวัยน่ารัก


รพีจะไม่ข้องใจหากไม่มีเอกสารยืนยันจากทางโรงพยาบาลยืนยันความสัมพันธ์ว่าเด็กที่ชื่อว่าตะวันเป็นลูกของเขา ด้วยความรอบคอบที่จำเป็นต้องมีเมื่อทำงานมาสิบกว่าปี รพียังไม่ปักใจเชื่อกับเพียงแค่กระดาษใบเดียว เขากลับมาสนใจเหล่ารูปถ่ายอีกครั้ง


ส่วนใหญ่เป็นรูปของเด็กชายที่ถูกอ้างว่าเป็นลูกของเขากับชายตัวเล็กผิวขาวอีกคนหนึ่ง แต่มีรูปหนึ่งที่รพีข้องใจมากที่สุด...รูปที่คนหน้าตาคลับคล้ายคลับคลากับคนตัวเล็กนั่นเพียงแต่ผมยาว แต่งหน้า ทาปาก


“นี่มันอะไรครับพ่อ?”ทั้งๆที่ในใจก็รู้จุดประสงค์ของผู้เป็นพ่อแต่จำเป็นต้องถามเพื่อความกระจ้างแจ้งอีกครั้ง เพราะแม้จะรพีจะรู้จักพ่อของตนมาสามสิบเจ็ดปี แต่บ้างครั้งเขาก็เหมือนไม่รู้จักคนตรงหน้าแม้แต่น้อย


“นั่นลูกของแกกับผู้หญิงที่ชื่อรวิวรรณ ดูอีกแฟ้มซิ”ศูรย์ตอบเรียบๆ มองดูปฏิกิริยาของลูกชายอยู่เงียบๆ


รพีหยิบเอกสารอีกสารมาแกะดูด้วยความร้อนรนต่างจากตอนแรก สิ่งที่ปรากฏในนั่นคือภาพงานศพของใครซักคนและภาพขาวดำของหญิงสาวที่ตนเพียงแค่นึกหน้าออกว่าเป็นหนึ่งในคู่ควงสมัยก่อน แต่เขาไม่สามารถจำชื่อของเธอได้แล้ว ตาคมเหลือบไปมองใบสำเนาของใบมรณะบัตรที่แจ้งชื่อว่ารวิรรณ คุณไท กับใบประวัตการรักษาจากโรงพยาบาลที่แจ้งสาเหตุการตาย


...คลอดก่อนกำหนดและติดเชื้อ...


“ไง...ผลงานของแก ทำเรื่องอะไรไว้ไม่เคยรู้เลยซินะ”


“ผมว่าเราก็ไม่ต่างกันหรอกนะครับ คุณพ่อคงรู้เรื่องแต่แรกแล้วแต่ก็ทำเป็นไม่รู้เหมือนเคย”คำพูดก้าวร้าวทำให้ศูรเบิกตากว้างหวังจะปรามลูกชาย ใช่ว่าเขาจะรู้ทุกเรื่อง เขาแค่รู้ว่าผู้หญิงที่มาอ้างว่าท้องกับลูกชายคนโตตายลง แต่เขาคิดว่าตายทั้งแม่ทั้งลูกเลยไม่คิดจะฟื้นฝอย จนเมื่อเร็วๆนี้ที่เขาได้ไปเจอกับเด็กหนุ่มที่หน้าละม้ายคล้ายตัวของเขา...อันที่จริงคล้ายกับลูกชายคนโตด้วย ทำให้รู้สึกเอะใจกับใบหน้าที่คล้ายกันเกินไป


“มันคงมีอะไรผิดพลาด คุณพ่อก็รู้ว่าผมเป็นหมันแล้วจะไปมีลูกได้ยังไง”รพีพูดอีกครั้งไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับแววตากร้าวของผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อย


“ฮึ...ก่อนที่แกจะทำผู้หญิงคนนั้นท้องแกอาจไม่เป็นหมันก็ได้ แกอย่าลืมว่าตอนแกอายุยี่สิบสามแกผ่านอะไรมา หรือถ้าแกไม่รู้ว่าเสพย์ยาหนักๆมันทำให้เป็นหมันก็รู้ไว้ซะ แล้วอีกอย่างเอกสารตรวจดีเอ็นเอขนาดนั้นแกยังจะมานั่งเถียงอะไรอีก”คนลูกไม่ได้ตอบอะไร เขาเงียบอย่างใช้ความคิด นึกช่วงเวลาที่เขาเสพย์ยาขนาดหนักกับเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อรวิวรรณ ในหัวลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านมา


จะเป็นไปได้เหรอ...


“แล้วไอ้ผู้ชายคนนี้เป็นใครครับ”เงียบอยู่นานก่อนจะเอ่ยถาม ศูรมองที่รูปที่ลูกชายโชว์ให้ดู ผู้ชายที่ยิ้มแย้มอย่างสดใส แม้จากประวัติที่ให้สืบมาจะทำให้เจอเรื่องราวที่ดูไม่น่าไว้ใจ แต่เมื่อศูรเห็นรูปถ่ายแต่ละรูปที่ถ่ายติดรอยยิ้มอ่อนโยนของชายตัวเล็กคนนั้นเสมอ ยิ้มที่สักจะส่งให้เด็กชายอีกคนที่เป็นหลานแท้ๆของเขา


“พ่อตามกฎหมายของตะวัน...ลูกของแก”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



“ผมไปเรียนก่อนนะครับพ่อ แล้วเดี๋ยวเย็นนี้ผมซื้อกับข้าวเข้ามาเอง พ่อเดินทางไปทำงานดีๆนะ”ตะวันเอ่ยปากบอกพ่อเมื่อทานข้าวเช้าบนโต๊ะอาหารเล็กๆเสร็จ ตอนนี้ตะวันขึ้นเรียนชั้น ปวช มาได้เกือบเดือนแล้ว แม้ตอนแรกอดุลย์นึกกลัวกับชื่อเสียงที่ไม่ดีของสถาบันแต่ลูกชายไม่แสดงท่าทีเกเรหรือโดนรังแกแถมยังพูดถึงเพื่อนๆที่โรงเรียนให้ฟังเขาก็เบาใจไปหนึ่งเปราะ


“ทำไมวันนี้ไปเร็วล่ะลูก”เอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะส่วนใหญ่ตะวันจะออกจากบ้านราวๆเจ็ดโมงครึ่งเวลาเดียวกับเขาเพราะห้างที่เขาทำงานต้องต่อรถเมล์สองต่อจึงต้องออกเช้าหน่อยแม้จะเริ่มเข้างานตอนสิบโมงเช้า


“แวะอู่ลุงโชคก่อนครับ จะเอามอเตอร์พัดลมไปให้อาจารย์ที่วิทยาลัยดูให้ครับ”สิ้นคำบอกเล่าเสียงถอนหายใจของอดุลย์ก็ดังอย่างลืมตัว แม้จะยอมให้ตะวันทำงานที่อู่แต่ลึกๆในใจของอดุลย์ก็รู้สึกผิดหวังกับตัวเองที่เลี้ยงตะวันไม่ดีเท่าที่ควรจนทำให้ตะวันนึกอยากทำงานช่วยหาเงินอีกคน


ตะวันมองทางคนที่ถอนหายใจ ดวงตาของผู้เป็นพ่อกำลังเศร้าด้วยเรื่องอะไรทำไมเขาจะไม่รู้ ตะวันรู้ว่าพ่อไม่เคยคิดว่าการเลี้ยงตนจะเป็นเรื่องลำบาก พ่อภูมิใจที่เลี้ยงเขามาได้ด้วยตัวคนเดียว และการที่เขาลุกขึ้นมาทำงานหาเงินก็เหมือนไปบั่นทอนความภูมิใจนั้น


อ้อมกอดที่คว้าเอวบางของผู้เป็นพ่อเข้ามากอดอ้อนๆ อดุลย์ตกใจหน่อยๆที่อยู่ๆก็ถูกกอด แต่พอรู้ตัวก็คลียิ้มอย่างเคยให้กับลูกชายขี้อ้อนคนนี้


“พ่อน่ะผ๊อมผอม กอดทีกระดูกพ่อก็ทิ่มตะวันเจ็บไปหมด...ตะวันแค่อยากให้เราอยู่สบายขึ้นกว่านี้ ไม่อยากให้พ่อทำงานหนักเหมือนเดิม แต่ยังไงซะตะวันก็ยังต้องพึ่งพ่อปิงปองของตะวันอยู่ดี ถ้าไม่มีพ่อ...ตะวันคงไม่รู้จะใช้ชีวิตยังไง”อดุลย์ยกมือขึ้นมาจับมือของลูกชายที่ถูกกอด อีกมือก็เอื้อมไปลูบหัวของตะวัน


เมื่อไรกัน...เมื่อไรกันนะที่ลูกชายตัวเล็กๆของเขาโตขึ้นขนาดนี้ ตัวสูงโปร่งจนเขาต้องยกมือขึ้นกว่าครึ่งแขนถึงจะลูบหัวทุยๆของเด็กน้อยได้ เมื่อไรกันฝ่ามือเล็กๆที่แต่ก่อนเคยจับเคยหอมใหญ่จนมือเขาทาบไม่มิด


ตะวันโตแล้ว...ไม่ใช่เด็กๆอย่างก่อน...อดุลย์คิดได้จึงยิ้มกับตัวเอง เขาเองก็แก่ลงทุกวันแต่ยังหาความมั่นคงให้ชีวิตไม่ได้เท่าที่หวัง อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ที่ให้ตะวันโตขึ้นในแบบที่เขาอยากจะเป็น ที่จริงอดุลย์ก็รู้ว่าตะวันคิดดีที่หางานทำ เพียงแต่ความรู้สึกน้อยใจตัวเองก็เท่านั้น


“ไปเถอะ เดี๋ยวเข้าเรียนสายนะ ถ้าเกรดไม่ดีพ่อจะไม่อนุญาตให้ไปเที่ยวเล่นกับน้องทานแล้วนะ”คนโดนขู่ยิ้มรับ นึกถึงน้องทานของพ่อปิงปองหรือไอ้ดำของเขาก็คิดถึงขึ้นมาหน่อยๆ อาทิตย์หนึ่งจะแวะมาชวนเขาออกไปเที่ยวเล่นครั้งหนึ่งเพราะฝ่ายนั้นขยันเรียนตามความฝันของตัวเองเหมือนกัน


ตะวันผละออกจากผู้เป็นพ่อยิ้มลาไม่ลืมที่สวัสดีก่อนออกจากบ้าน อดุลย์มองส่งลูกชายที่ปั่นจักยานคันเก่าที่ซื้อให้ตั้งแต่อยู่ประถมจนลับตา แล้วจึงมาจัดการจานข้าวที่ลูกชายวางไว้ที่ที่ล้างจานก่อนจะกวาดสายตาไปรอบตัวบ้านมองว่าปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าครบถ้วนแล้วหรือยัง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยจึงหยิบกระเป๋าสะพานข้างขึ้นเตรียมตัวไปทำงาน


พอร่างบางของอดุลย์เดินออกมานอกบ้านต้องแปลกใจ รถหรูที่ไม่น่าจะมาปรากฏในซอยเล็กๆจอดอยู่หน้าบ้านของเขาพอเห็นรถสวยๆก็อดนึกถึงลูกชายที่พึ่งออกไปไม่ได้ กับรายนั้นตั้งแต่ได้ไปทำงานที่อู่รถมักจะกลับมาอวดเสมอว่าตนเองได้ไปนั่งรถหรูๆมา พอดูออกว่าลูกชายชอบรถยนต์ขนาดไหน


และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเขาจะเก็บพอที่จะดาวน์รถยนต์มือหนึ่งคันเล็กๆให้ลูกได้ซักคัน อดุลย์ยิ้มอย่างหมายหมาดกับความคิดของตัวเอง


แต่รอยยิ้มนั้นกลับต้องจางหายไปอย่างรวดเร็ว...เพียงแค่คำพูดคำเดียวจากชายที่อดุลย์ไม่เคยเจอมาตลอดสิบห้าปี


เป็นคำพูดธรรมดาจริงๆ แต่ก็เป็นคำพูดธรรมดาที่ทำให้คำฟังถึงกับเหงื่อซึมด้วยความหวั่นกลัว เป็นคำพูดธรรมดาที่ทำให้อดุลย์อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล เป็นคำพูดธรรมดาที่ทำให้แขนขาหมดเรี่ยวแรง


คำพูดธรรมดา....


“สวัสดีครับ คุณอดุลย์....คุณพ่อตามกฎหมายของตะวัน”






คนเขียนเองก็ไม่นิยมโศกนาฏกรรมเหมือนกันค่ะ ไม่ต้องกังวลแต่จะจบแบบไหนรออ่านกันนะจ้า
ขอบคุณคำชมค่ะ ชื่นใจและเป็นกำลังใจในการเขียนมั๊กๆ

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 4 [ 5 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 05-09-2013 02:42:44
ตามอ่านจ้าา

ดราม่าหนักๆไปเลย แต่ขอจบแฮปปี้นะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 4 [ 5 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-09-2013 06:53:46
ชีวิตไม่เที่ยงแท้ สู้ๆ นะพ่อปิงปอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 4 [ 5 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 05-09-2013 07:46:40
นึกว่าคนที่เจอตะวันคือ รพี ซะอีก

คราวนี้ที่มาหาปิงปองจะใช่รพีหรือเปล่า

จะเอาลูกไปหรอ เหมือนจัเศร้าอ่า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 4 [ 5 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 05-09-2013 14:12:51

พออ่านตอนที่สามจบ
แอบมีความรู้สึกว่าพ่อ-ลูกจะมีซัมติงกันรึเปล่านะ
เพราะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันด้วย---แต่ก็ไม่น่าจะใช่---มั้ง

ส่วนปิงปองกับรพียังไม่เห็นว่าจะอะไรยังไงกันได้เลย
หรือปิงปองจะกลับไปเป็นสาวอีก---ถ้าอย่างนั้นตะวันคงรับไม่ได้แน่ๆเลย

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 4 [ 5 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 05-09-2013 14:37:47
ชื่นใจและใจชื้น เมื่อได้รับคำยืนยันว่า ผู้เขียนเองก็ไม่นิยมแบบโศกนาฎกรรม :mew1:
ดังนั้นแม้จะมีมาม่าชามโตและรสชาติจัดจ้าน จนอาจทำให้ผู้บริโภคน้ำตาไหลพราก ก็ไม่เป็นไรจ้ะ
เพราะจริงๆแล้วสุข-ทุกข์ เศร้าใจ-เสียใจ คือสัจธรรมของชีวิตเนอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 4 [ 5 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 06-09-2013 02:55:04
นึกว่ามาต่อแล้วเสียอีก เฮอเศ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 4 [ 5 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 06-09-2013 03:15:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 4 [ 5 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 06-09-2013 08:26:50
พยายามเมนต์ในมือถือหลายรอบมากอะไม่ติด ฮือ มาเมนต์ในคอมก็ได้
ระร้องไห้ ช่วงท้ายของตอนสะเทือนใจเหมือนเราเป็นพ่อปิงปองเองเลย เอาจริงๆก็ทั้งตอนที่แอบยิ้มกับอุ่นๆในใจกับพ่อปิงปองกันลูกตะวัน ต่างกับพ่อรพีกับรพีเลย เฮ้อ
ห้างดังที่พ่อปิงปองทำกับห้างดังที่รพีบริหารคงเป็นห้างเดียวกันสินะ
รพีอย่านะโว๊ย ห้ามกดดันพ่อปิงปองของเรานะ!!!
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 4 [ 5 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 06-09-2013 09:41:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 5 [ 6 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 06-09-2013 17:48:00



ตอนที่ 5



เสียงเอะโวยวายภายในโรงเรียนยามเช้าถือว่าเป็นเรื่องปรกติในทุกๆวันยิ่งเป็นโรงเรียนที่ส่วนมากผู้เรียนจะเป็นชายหนุ่มวัยคะนองซะมากยิ่งทำให้เสียงพูดคุยดังกว่าปรกติไปกันใหญ่


ตะวันเดินถือหนังสือเรียนกับถุงที่บรรจุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ชำรุดมาให้อาจารย์ที่สนิทช่วยสอนวิธีซ่อมแซม ตลอดทางเดินเข้ามาหลายอดที่จะมองตามชายหนุ่มไม่ได้ ด้วยหน้าตาคมสันตาดูดีรูปร่างสูงโปร่งและผิวพรรณที่สว่างใสไม่แปลกเลยที่ตะวันจะกลายเป็นชายหนุ่มสุดป๊อบในระยะเวลาเดือนกว่าๆที่เข้ามาเรียนที่นี่


หากแต่เมื่อมีคนรักย่อมต้องมีคนชัง ชังในความโดดเด่นเกินใครจนอคติคิดเอาเองว่าตะวันคือศัตรู มีบ้างที่ถูกเขม่นหรือถูกแกล้งเล็กๆน้อยๆ เพียงแต่ตะวันไม่ได้สนใจจะมีเรื่องมีราว เขามาเรียนที่นี่เพื่อใฝ่หาความรู้และทักษะประกอบอาชีพ เรียนเสร็จแต่ละวันเขาก็รีบไปทำงานต่อในทันที


“สวัสดีครับอาจารย์เม่น”ตะวันทักอาจารย์สอนเกี่ยวกับวงจรเครื่องมือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตีสนิทเอาไว้หวังกอบโกยความรู้เข้าตัว อาจารย์หนุ่มที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้หยักหน้าตอบทันที


“นี่ครับอาจารย์มอเตอร์พัดลมที่บอก ผมลองพันสายทองแดงใหม่มันก็ยังไม่ได้ อาจารย์ช่วยดูให้หน่อยนะครับ”พูดอย่างสุภาพอ่อนน้อมจึงทำให้ตะวันเป็นที่รักของบรรดาอาจารย์ทั้งหลาย อีกทั้งเด็กหนุ่มดูสนใจใคร่ความรู้จึงเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่อาจารย์ทุกคนอยากช่วยกันรดน้ำพรวนดิน


“ตอนกลางวันมาที่ห้องพักแล้วกัน เดี๋ยวครูจะดูไว้ให้”ผู้เป็นอาจารย์ตอบอย่างใจดี ตะวันมอบมอเตอร์ชำรุดให้อาจารย์ก่อนจะขอตัวไปหาเพื่อนที่อยู่ไม่ไกล


“ว่าไง แดน ว่าไง กัน”ยกมือขึ้นทักทายเพื่อนใหม่ที่คบมาได้เดือนกว่าๆ ดนัยหรือแดนกับกิตติหรือกันเพื่อนใหม่สองคนที่ค่อนข้างจะสนิทด้วย แม้ว่าตัวตะวันจะไม่มีเที่ยวเล่นทำความรู้จักกันมากขึ้นแต่ในเวลาก็นั่งเรียนข้างกันตลอดสามคน อีกทั้งทั้งสองคนยังเป็นคนฐานะพอๆกัน เรียนไปทำงานไปทั้งสองคน แต่ตะวันคงโชคดีกว่าดนัยและกิตติซักหน่อยที่เขายังมีพ่อ แต่ทั้งสองคนไม่มีทั้งพ่อและแม่แล้ว


“เออ มาสายเชียวไอ้ตะวัน เป็นถึงดวงอาทิตย์ทำไมถึงไม่เคยมาเช้าซักที”ดนัยว่าล้อชื่อเพื่อน


“แวะไปเอาของมาให้อาจารย์เม่นดูหรอกไม่งั้นวันนี้กูมาก่อนพวกมึงอีกเถอะ”


“มึงจะมาก่อนพวกกูได้ไง พวกกูเดินแค่สิบก้าวก็เถอะวิท’ลัยแล้ว”กิตติตอบโต้อีกคน จนคนเถียงไม่ออกหน้ายู่อย่างขัดใจพอเห็นแบบนั้นเพื่อนทั้งสองก็หัวเราะจนท้องแข็ง พลางคิดในใจว่าถ้าไม่รู้เรื่องครอบครัวของตะวันจากปากเจ้าตัวคงได้คิดว่าตะวันเป็นลูกคุณหนูตระกูลดังซักตระกูลแน่ๆ


คุยกันได้ไม่นานก็ถึงเวลาต้องเข้าเรียนพวกเขาทั้งสามคนจึงเดินไปรอยังห้องเรียน ช่วงเช้าของวันนี้ตะวันต้องเรียนภาคทฤษฎีก่อนที่สองชั่วโมงในตอนบ่ายจะเป็นภาคปฏิบัติที่ตะวันรอคอย


ตะวันคิดว่าตัวเขาคิดไม่ผิดที่เลือกเรียนสายอาชีพ ตอนแรกอาจจะเป็นเพราะอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อปิงปองแต่พอได้เขามาเรียนเขากลับชอบที่จะเรียน รู้สึกประหลาดใจกับการต่อวงจรต่างๆ รู้สึกทึ้งกับการทำงานของเครื่องจักรทั้งหลาย


การเรียนจึงไม่เคยน่าเบื่อเลยสำหรับตะวัน...


ช่วงเช้าผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มของตะวันเลือกเดินออกมาจากวิทยาลัยมาทานข้าวข้างนอก เป็นร้านข้าวราดแกงธรรมดาที่ราคาแสนจะถูก


“ฮัลโหลว่าไงไอ้ดำ”ตะวันหยิบโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ราคาค่อนข้างแพงที่พ่อของเขาคะยั้นคะยอซื้อให้เป็นของขวัญที่เรียนต่อ แม้เขาจะไม่อยากจะพกโทรศัพท์เหมือนกับตอนอยู่มัธยมต้นแต่ก็โดยความเผด็จการเล็กๆของพ่อตัวเองที่ยัดโทรศัพท์ใส่มือเขาพร้อมกับบอกว่าถ้าไม่ใช้โทรศัพท์ที่ซื้อให้จะไม่ยอมให้ทำงานที่อู่แน่ๆ


“ตะวัน....เรียนอยู่หรือเปล่า”


“เปล่ากินข้าวอยู่ มีไรวะ”เสียงของเพื่อนสนิทที่สุดแปลกๆไป คิ้วเรียวแต่คมเข้มขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยในน้ำเสียง ปรกติเพื่อนคนนี้ของตะวันมักจะทำเสียงดุใส่เขา


แต่ตอนนี้...เหมือนกับตกใจอะไรซักอย่าง


“มึงมาที่โรง’บาลที่หน้าโรงเรียนกูได้มั้ย”สิ่งที่คนในสายพูดยิ่งทำให้ตะวันตกใจขนาดลืมตัวลุกขึ้นยืนและตบโต๊ะเสียงดังกลางร้านอาหาร ปากบางกำลังจะตะคอกถามว่าเพื่อนของเขาเป็นอะไรทำไมถึงอยู่โรงพยาบาลได้ แต่ทานตะวันกลับบอกสิ่งที่ตะวันจะถามออกมาก่อน


ร่างเพียวที่เมื่อครู่ลุกขึ้นยืนตบตีโต๊ะด้วยความตกใจกลับอ่อนแรงไหลลงกองกับพื้นคอนกรีตสากๆ


“พ่อปิงปองถูกรถชน”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



บนท้องถนนยามเช้าของเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯแน่นขนัดไปด้วยรถต่างๆนานา ร่วมถึงรถร่วมบริการที่ถ้าเป็นปกรติทุกวันอดุลย์คงเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น แต่วันนี้ร่างเล็กๆของเขานั่งอยู่บนเบาะหนังสีแดงของรถสปอตยี่ห้อหรูที่อดุลย์เองก็ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้นั่ง


รพี...ผู้ชายที่หายไปจากชีวิตของเขามากว่าสิบห้าปี แม้จะได้พอเห็นข่าวอยู่บ้างแต่เวลาในชีวิตประจำวันของเขาไม่ได้มีมากขนาดนี้จะนั่งอ่านข่าวดูข่าวสายบันเทิงหรือสังคมธุรกิจ


มือทั้งสองข้างกอบกุมกันเองเพราะมันสั่นอยู่ตลอดเวลาที่ถูกพาขึ้นมาบนรถ อดุลย์เองก็รู้และพอจะคิดได้ว่าคนๆนี้ต้องการอะไร เพราะแม้อดุลย์จะรู้จักรพีแต่อีกคนนั้นแม้จะจำเขาก็ยังจำไม่ได้แม้ซักนิด จุดเชื่อมโยงที่ทำให้คนไม่รู้จักกันมาเชิญขึ้นรถพร้อมบอกว่าจะมาส่งที่ทำงานคงมีแค่อย่างเดียว


...ตะวัน...


รถคันหรูของที่นั่งมาเลี้ยวเข้าในห้างที่เป็นที่ทำงานของอดุลย์ แม้ตอนเช้าแบบนี้ห่างจะยังไม่เปิดมีที่ว่างให้ได้จอดรถอยู่พอสมควร แต่เจ้าของรถกลับเลี้ยววนขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงชั้นจอดรถพิเศษ


และสิ่งที่ทำให้มือคู่เล็กสั่นไม่หยุดอีกรอบก็เมื่อรถที่เขานั่งอยู่เข้ามาจอดในพื้นที่ที่กั้นไว้สำหรับ...ผู้บริหาร


อดุลย์ทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองอยู่ใกล้คนที่อยากจะอยู่ไกลมากขนาดนี้ ไม่เคยนึกเอะใจกับชื่อเจ้าของห้างที่ชื่อ รพี เรืองรัตนโยดมว่าเป็นคนคนเดียวกับรพี หนุ่มเพลย์บอยคนนั้น


“เอาล่ะ...มาว่าเรื่องของเรากันซักที”เมื่อจอดรถเรียบร้อยเสียงเข้มพูดขึ้นทำเอาอีกคนที่ฟังสะดุ้งตกใจ


“นายตะวัน ทองทา...เป็นลูกของคุณจริงๆเหรอครับ”ทั้งๆที่อดุลย์ก็รู้อยู่แล้วว่าคนที่ถามมาคงรู้ความจริงมาแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าตา ปฏิเสธความจริงที่ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจ


ด้วยเพราะความกลัวที่จะสูญเสียดวงใจของตัวเอง


“...”พอได้รับการปฏิเสธจากอดุลย์ อีกฝ่ายจึงหยิบเอกสารต่างๆที่ได้จากศูรผู้เป็นพ่อให้อดุลย์ดู มือเล็กที่ยังไม่เลิกสั่นหยิบมาเปิดดู เอกสารยืนยันว่าทั้งสองเป็นพ่อลูกกับแฟ้มประวัติของเขาของตะวันและของรวิวรรณหญิงสาวที่ล่วงลับไป


“ผมจะขอพูดตามตรงเลยแล้วกัน”พอเห็นว่าอดุลย์เงียบไป พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ รพีก็เริ่มจุดประสงค์ที่จริงของตัวเองขึ้นมา เขาไม่ชอบน้ำตา...เพราะรู้สึกว่ามันอ่อนแอและ.......น่ารำคาญ


“ผมต้องการทายาทของผมคืน ผมไม่มีทายาทที่จะสืบทอดธุรกิจ น้องสาวของผมก็หนีออกจากบ้านไปแต่งงานกับไอ้หัวทองที่ไหนไม่รู้หนีเข้ากลีบเมฆหาตัวไม่เจอไปแล้ว...แล้วธุรกิจพวกนี้จะยกให้พวกน้าๆ อาๆมันก็คงไม่ใช่เรื่อง”รพีพูดเรียบๆราวกับมันเป็นเรื่องง่ายๆ น้ำเสียงเย็นชาที่พูดทำให้อดุลย์รับรู้ถึงความเลือดเย็นของคนข้างๆได้ไม่ยาก


“ผมต้องการทายาท...ลูกชายของผม ผมจะจ่ายเงินให้คุณเป็นค่าเลี้ยงดูหรือถ้าต้องการอะไรที่มันไม่มากไปก็บอกเพราะจากที่ผมอ่านในประวัติ ตะวันเป็นเด็กดี กตัญญู เขาคงไม่ยอมให้คุณลำบากแน่ๆ”ทั้งๆที่อดุลย์ข่มความกลัวเพื่อจะเลื่อนมือเย็นเชียบของตัวเองไปปลดสายนิรภัยออกแต่เพราะประโยคที่รพีพูดถึงตะวันทำให้อดุลย์หันมองคนพูดอย่างลืมกลัว


“...คุณก็รู้จักตะวันแค่ในกระดาษไม่กี่แผ่น ลูกของผม...ตะวัน...เป็นมากกว่าทายาทของธุรกิจบ้าบอของคุณ!!!”อดุลย์ตวาดออกไปก่อนจะหมุนตัวไปเปิดประตูวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว


ไม่แม้จะหันกลับไปมอง ไม่แม้จะเสียใจกับคำพูดคำสุดท้ายนั่น เพราะตะวันสำหรับเขาเป็นมากกว่านั้นจริงๆ 


อดุลย์วิ่งมาจนถึงแผนกเครื่องสำอางที่ตัวเองทำงานอยู่พร้อมกับยิ้มให้กับเพื่อนร่วมงานทุกคนอย่างเคย ถึงจะมีคนสงสัยที่เห็นรุ่นพี่อย่างอดุลย์วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีตื่นกลัว แต่ด้วยเพราะใกล้จะถึงเวลาทำงานทุกคนจึงมาสนใจกับงานตัวเองมากกว่า


หลายชั่วโมงผ่านไปความกังวลในใจไม่ได้สูญหายไปตามเวลายิ่งกลับทวีขึ้นมากกว่าเดิม เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าของและเจ้านายของเขา ถ้าถูกไล่ออกตอนอายุสามสิบห้า...จะไปหางานที่ไหนได้อีก


“พี่ปิงปอง ไปทานข้าวได้แล้วค่ะ”เพื่อนร่วมงานวัยสามสิบเอ่ยบอกอดุลย์เมื่อตัวเองกลับมาจากพักทานข้าว


อดุลย์ที่ตั้งใจออกมาทานข้าวตามสั่งที่ร้านข้างถนนเหลือบไปเห็นหนังสือหางานที่วางอยู่บนแผงหนังสือฝั่งตรงข้าม...ด้วยความวิตกในเรื่องงาน ไม่ทันรู้ตัวขาคู่เล็กนั่นก็พาเจ้าของร่างเดินไปทันทีโดยไม่ได้นึกตริตรองถึงสิ่งรอบตัว


หากระหว่างที่กำลังเหม่อมองไปที่หนังสือเล่มที่หมายจะซื้อ หูกับแว่วได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทผิวสีแทนของลูกชายของตะวัน ครั้นพอหันไปมองก็เห็นสีหน้าตกใจพร้อมตะโกนกับโบกสะพัดเหมือนกับให้หลบอะไรซักอย่าง


โครม!!!!!!!!


ไม่ทันได้ตั้งสติ ภาพที่เห็นก็หมุนเคว้งหลายรอบจากภาพหมุนที่ดูไม่รู้เรื่องค่อยๆมืดลงช้าๆ หูที่ได้ยินเสียงคนเอะอะก็เริ่มอื้ออึงจนฟังไม่รู้เรื่อง ปากบางพึมพำอะไรบางอย่างที่เบาจนคนฟังไม่รู้เรื่อง


“ตะวัน...ลูกพ่อ”
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 5 [ 6 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 06-09-2013 18:02:36
 :z3: :z3: อะไรเนี่ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 5 [ 6 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 06-09-2013 22:39:25
ทำเอาค้างเลย มาต่ออีกๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 5 [ 6 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 06-09-2013 23:04:58
ค้างมากเลยขอบอก

รพีเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากเลยนะ

ตอนแรกก็จะให้รวีวรรณทำแท้ง

พออย่างนี้กลับจะมาแย่งตะวันไปจากปิงปองเพื่อหาคนสืบตระกูล

ขอบอกเลยว่า สุดยอดแห่งความเห็นแก่ตัว

สงสารปิงปอง อย่าเป็นอะไรน้า :mew4:

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 5 [ 6 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 06-09-2013 23:21:39
คนเขียน...เอามีดมาจิ้มคนอ่านเลยไหมคะ?
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 5 [ 6 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 07-09-2013 16:43:05

ตะวันคงไม่ยอมง่ายๆหรอก

ไม่เคยใส่ใจใยดีกันมาก่อนแต่จู่ๆก็จะมาเอาตัวคืนเพียงเพราะเรื่องเงินๆทองๆ---ทุเรศว่ะ
นี่ถ้าไม่เป็นหมันแล้วมีลูกอยู่แล้วก็คงจะไม่สนใจรับรู้ว่ามีลูกอีกคนสินะ

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 5 [ 6 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-09-2013 21:48:37
เป็นเพราะความต้องการของรพี ไม่สนใจหัวใจที่มีความรักระหว่าง พ่อปิงปองลูกตะวัน เจ็บแบบค้างๆ ขอบใจจร้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 5 [ 6 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-09-2013 22:15:19
 :monkeysad: :monkeysad:แง แง...พ่อปิงปองของน้องตะวัน อย่าเป็นอะไรมากนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 5 [ 6 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 07-09-2013 22:22:03
รอติดตามนะครับ เรื่องแปกใหม่ดีชอบมาก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 6(50%) [ 8 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 08-09-2013 01:03:33



ตอนที่ 6



 บรรยากาศของโรงพยาบาลทั่วไปที่มักจะมีกลิ่นน้ำยาถูกพื้นที่พอดมแล้วให้ความรู้สึกสะอาดแต่ไม่คุ้นจมูกอบอวลไปทั่วทั้งห้องพักฟื้นผู้ป่วย ที่เจอตอนนี้กำลังมีเสียงเฮฮาผิดกับตอนแรกที่ได้ข่าวว่าคนป่วยถูกรถชน


อดุลย์มองลูกชายที่กำลังต่อว่าเพื่อนตัวโตใหญ่ผิวสองสีอย่างทานตะวันอย่างนึกขำ ด้วยเพราะอดุลย์โดนรถชนเพียงแต่คงโชคที่ที่หน้าห้างที่ทำงานอยู่เป็นจุดที่รถค่อนข้างติด ทำให้คนโดนชนยังคงยิ้มแย้มไม่ได้สาหัสอย่างที่คิด มีแค่อาการกระดูกขาร้าวเท่านั้น


“ทำกูใจเสียหมด เสียงมึงสั่นอย่างกับ...”ตะวันไม่อยากจะเอ่ยคำที่ถือว่าเป็นคำแช่งออกมา แค่คิดถึงก็ไม่อยาก เขายังจำความหวาดหวั่นตอนที่ได้ยินทานตะวันบอกว่าพ่อของถูกรถชนได้ดี แขนขาที่พากันหมดเรี่ยวแรงและก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายบีบแรงจนรู้สึกปวดไปหมด...ความกลัวที่จะสูญเสียเป็นแบบนี้เอง ตะวันก็พึ่งจะเข้าใจเป็นครั้งแรก


“กูก็ไม่รู้ แล้วน้าปิงปองก็เล่นลอยข้ามรถที่ชนเลยนะ แล้วดันสลบกูก็กลัวเหมือนกันเลยรีบโทรหามึงก่อน”เพื่อนตัวโตว่าแก้ต่างให้ตัวเอง ภาพติดตาของอุบัติเหตุยังจำได้ดี


“แล้วพ่อไปทำไงให้โดนรถชนได้ล่ะ”ตะวันหันมาถามผู้ป่วยที่นั่งยิ้มอย่างเคยอยู่บนเตียง สายตาค้อนของลูกชายแค่เห็นก็นึกเอ็นดูได้ไม่ยาก คงโกรธที่เขามีอุบัติเหตุ...อีกนัยหนึ่งคือกลัวอดุลย์จะบาดเจ็บมากกว่า


“ก็...พ่อแค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ”ไม่รู้จะตอบคำถามว่าอย่างไรเลยตอบตามความเป็นจริงแต่ไม่หมดทุกอย่าง ตอนนั้นอดุลย์ก็คิดอะไรเพลินๆจริงๆ เขาคิดเรื่องงานใหม่...และ...เรื่องบางเรื่อง


“ตะวันโกรธจริงๆนะคราวนี้ พ่อทำให้ตะวันหัวใจแทบวาย แถมไอ้แดนไอ้กันเห็นตะวันร้องให้ด้วย”ตะวันพูดด้วยความเอาแต่ใจเล็กๆของตัวเอง หากคนอื่นมาเห็นคงนึกแปลกใจที่เห็นมุมนี้ของเขา แต่กลับอดุลย์และเพื่อนสนิทอย่างทานตะวันแล้วเห็นตะวันในมุมนี้ปล่อยชินนึกขันซะมากกว่า


“หืม...แล้วตะวันจะเอาอะไรล่ะครับคราวนี้ คราวที่แล้วที่พ่อทำให้โกรธก็เอารองเท้าผ้าใบไปแล้ว”อดุลย์พูดตอบอย่างใจดี จนทำให้หน้าที่ยู่เมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มฉีกเต็มใบหน้า พ่อปิงปองไม่เคยมีซักครั้งที่จะขัดใจ ขออะไรก็พยายามหามาให้


“ติดไว้ก่อน ตะวันยังไม่อยากได้อะไร ตอนนี้แค่อยากให้พ่อปิงปองของตะวันหายไวๆ เท่านั้นเอง”ร่างโปร่งเดินมาทรุดตัวลงข้างเตียงผู้ป่วยก่อนจะซบหน้าลงกับท้องแบนของผู้เป็นพ่อ และเหมือนกับอดุลย์เองก็รู้ว่าตะวันต้องการอะไรเขาจึงยกมือขึ้นลูบหัวอย่างเคย


“พ่อต้องอยู่กับตะวันไปตลอดเลยนะ ห้ามทิ้งตะวันไปไหนนะ...ห้ามนะครับ”เสียงสั่นที่รับรู้ได้เรียกน้ำตาของผู้เป็นพ่อได้ไม่ยาก ไม่บ่อยที่จะเห็นคนที่พยายามเข็มแข็งเพื่อจะเป็นหลักยึดให้เขาร้องไห้ ตะวันอยากจะเข้มแข็งให้ได้อย่างพ่อ อยากจะดูแลไม่ให้พ่อต้องทำงานหนัก


เพราะแบบนั้นจึงจำเป็นที่ต้องมีพ่อปิงปองอยู่ด้วยกัน...ไม่อย่างนั้นความฝันของเขาคงไม่มีวันเป็นจริง


“พ่อขอโทษ...พ่อ...”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูขัดจังหวะบทสนทนาของพ่อลูก ทานตะวันที่นั่งอยู่เฉยๆจึงอาสาเป็นคนเดินไปเปิดประตูให้เอง ร่างสูงของเด็กชายเดินไปเปิดเจอคนหน้าประตูเกิดอาการประหม่าทันที


เพราะ...ตาคม หน้าคม ผมสีน้ำตาล ... เหมือนตะวันเพื่อนสนิทของเขาจริงๆเพียงแต่คนตรงหน้าดูมีอายุและดูนิ่งกว่าและดูดุ...ดูน่ากลัว


รพีไม่ได้รอให้คนที่เปิดประตูเชื้อเชิญเข้ามาข้างในก็ถือวิสาสะเข้ามาเอง เขาเดินผ่านห้องน้ำเล็กๆจนมาเจอเตียงที่มีเด็กหนุ่มหน้าละหม้ายตัวเองที่เคยเห็นแต่ในรูปถ่ายกำลังนอนหนุนผู้ชายตัวเล็กที่พึ่งเจอกันเมื่อเช้าบรรยากาศที่ชวนให้ไม่ชอบใจทำให้ต้องเปิดปากทำลายบรรยากาศดีๆนั้นเสีย


“...สวัสดี”อดุลย์เงยมองคนมาใหม่เช่นเดียวกันกับตะวันที่พลิกหน้ามามอง แต่ปฏิกิริยาทั้งต่างกันโดยสิ้นเชิง อดุลย์มองด้วยความตกใจและวิตกว่ารพีจะพูดอะไรออกมา หากแต่ตะวันมองด้วยความสงสัยว่าคนตรงหน้าคือใคร จะว่าเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักของพ่อคงเป็นไปได้ยาก ดูจากการแต่งตัวคงมีฐานะ...เขาไม่เคยรู้ว่าพ่อรู้จักสนิทสนมกับคนรวยที่ไหนถึงขนาดมาเยี่ยมยามเจ็บไข้


“สวัสดีครับคุณรพี”เสียงสั่นตอบตามมารยาท แต่ลูกชายกลับนิ่งเฉยเพราะหัวสมองกำลังคิดอยู่ว่ารพีคือใคร อดุลย์จึงต้องสะกิดเบาๆให้ตะวันกล่าวสวัสดีตามมารยาท


“น้องทาน...น้าวานไปซื้อน้ำมาให้คุณรพีหน่อยได้มั้ย...เอาตะวันไปด้วยนะ”อดุลย์เอ่ยขอ เขายังกลัว กลัวว่ารพีจะพูดให้ตะวันรู้ความจริง


เด็กหนุ่มทั้งสองรับปากก่อนจะเดินออกไปจากห้องทิ้งไว้เพียงแค่อดุลย์กับรพีที่มองตามตะวันออกไปจนประตูปิด ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรอดุลย์จึงต้องกันไม่ให้ตะวันอยู่ในห้อง


และก็ถือว่าอดุลย์ฉลาดที่รู้ทัน...เพราะรพีคิดจะพูดมันออกจริงๆ


“เป็นอย่างไรบ้าง”รพีถามตามมารยาทแต่ไม่แม้จะส่งสายตาเป็นห่วง แค่ถามเพราะต้องถามเท่านั้นอย่างไรอดุลย์ก็ถือเป็นพนักงานแถมยังเลี้ยงดูลูกของเขามาตั้งสิบห้าปี อย่างน้อยความเอื้ออาทรเล็กๆเขาก็พอจะมีให้บ้าง


“ไม่เป็นอะไรมากครับ”อดุลย์ตอบหวาดๆ ใจนึกอยากไล่คนตรงหน้าให้ไปพ้นๆ ติดแค่เขาไม่กล้าพอ ไม่กล้าจริงๆ


“เมื่อกี้...ลูกของผมซินะ”


“ไม่ใช่!!”ตอบตวาดแทบจะทันที อดุลย์หน้าเสียนึกขึ้นมาได้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร หากแต่คนที่โดนตวาดกลับยิ้มขำท่าทางหวาดกลัวตัวเองของคนป่วย


ไม่ใช่ขำเพราะนึกเอ็นดู


ไม่ใช่ขำเพราะนึกสนใจ


หากแต่ขำเพราะกำลังสนุกที่เหมือนกำลังล่าเหยื่อให้จนมุมก่อนที่จะยิงทิ้ง...เพื่อความสนุก



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



ตามทางเดินของโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยผู้คน เด็กชายสองคนกำลังเดินไปซื้อของตามที่คนที่ป่วยสั่ง ตะวันทำตามอย่างไม่ได้สงสัยเกี่ยวคนมาเยี่ยม หากแต่อีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทนั้นข้องใจจนอดไม่อยู่


“ญาติมึงเหรอตะวัน?”ทานตะวันเอ่ยถามเพื่อนสนิท อดคิดไม่ได้ว่าคงเป็นญาติของตะวัน อาจเป็นญาติฝั่งแม่ที่ไม่เคยได้เจอมาก่อน เพราะหน้าตาละหม้ายกันจริงๆ


“ไม่ใช่หรอก กูไม่มีญาติที่ไหนมึงก็รู้ แล้วคุณเขาก็ดูรวยจะตาย ถ้ากูมีญาติรวยๆก็ดีซิ”ตอบอย่างไม่ได้คิดอะไรมากมาย ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินไปซื้อของแล้วจะได้รีบกลับไปอ้อนพ่อปิงปองต่อ


“แต่เขาหน้าเหมือนมึงมากเลยนะ อาจจะเป็นญาติฝั่งแม่รึเปล่า”ตะวันชะงักหยุดกับคำถามของเพื่อนผิวสี จะว่าไปเขาก็ไม่เคยติดต่อกับญาติทางฝั่งของแม่เลยซักครั้ง แค่รู้เรื่องราวของแม่คร่าวๆจากปากพ่อเท่านั้น นอกจากนั้นพ่อไม่เคยพูดถึงแม่ของเขาเลยซักครั้ง ซึ่งตะวันเองก็ไม่คิดจะซักถามเพราะคิดว่าพ่อคงไม่อยากพูดถึง


เด็กหนุ่มส่ายหน้าไล่ความคิดออกจากหัว ไม่มีเหตุผลที่จะคิดมากเพราะถึงเป็นญาติฝั่งแม่จริงๆก็ดี หรือไม่เป็นก็ดีทุกวันนี้เขาอยู่กันสองคนกับพ่อปิงปองก็เพียงพอแล้วไม่ได้ต้องการอะไรเพิ่มมาอีก


พอเห็นเพื่อนตัวเล็กกว่าไม่สนใจจะตอบแถมยังเพิ่มความเร็วในการเดินจนเหมือนว่าจะหนีจนคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังกลัวเหลือเกินว่าเพื่อนสนิทจะไปเดินสะดุดหกล้มอะไรเข้า


“โอ๊ะ!!”คิดไม่ทันไรคนตกหายก็ไปเดินชนชายหนุ่มวัยกลางคนที่ดูหนุ่มคนหนึ่ง ทานตะวันรีบเดินตามไปสมทบเพื่อนส่งมือให้จับเพื่อดึงตะวันให้ลุกยืน พร้อมกับยิ้มหน่อยๆที่เห็นความซุ่มซ่ามของตะวัน


“ขอโทษครับ”กล่าวขอโทษโดยไม่ได้เงยมองคนถูกชน ง่วงอยู่กับการสำรวจตัวเองอยู่


“ไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย...อ้าวตะวัน”ชายแปลกหน้าที่ถูกชนถามก่อนจะอุทานแปลกใจ ส่งให้คนที่เอาแต่ปัดเนื้อตัวอยู่ต้องเงยขึ้นมาแปลก คิ้วเข้มของตะวันขมวดนิดหน่อยเพราะคนตรงหน้าเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน


“ครับ...เรา รู้จักกันเหรอครับ”คนถูกถามยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับหลานแท้ๆ ศูรมาที่โรงพยาบาลหลังจากรู้เรื่องว่ามีพนักงานห้างถูกรถชนและรู้ว่าคนคนนั้นคืออดุลย์จึงคิดจะมาเยี่ยมและแนะนำตัว ก่อนจะพูดเรื่องหลานชายที่เขาเองก็พึ่งรู้ว่ามี


“เรียกชั้นว่าปู่ก็ได้...แล้วถ้าอยากรู้อะไรค่อยไปถามนายอดุลย์อีกทีแล้วกันนะ”ตอบกลางๆเพราะ แม้จะถือว่าเป็นนักธุรกิจใจหินกับพ่อใจยักษ์ที่ตัดขาดลูกสาวอย่างไม่ใยดี แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปศูรเองก็เป็นแค่คนแก่คนหนึ่งที่ขี้เหงาเท่านั้น ถึงแม้จะอยากบอกความจริงกับตะวันแต่ก็เห็นใจคนที่เลี้ยงดูหลานของตนมากว่าสิบห้าปี


“....”ตะวันไม่ได้ตอบอะไร เพราะแน่ใจว่าพ่อของตนไม่มีญาติที่ไหนนอกจากน้าสาวที่ขายบ้านที่ตนอยู่ตอนนี้ให้ แล้วผู้ชายคนนี้บอกว่าเป็นปู่แสดงว่าต้องเป็นญาติฝั่งพ่อ...


“เอาไว้ค่อยคุยกันแล้วกัน แล้วนี่จะไปไหนกันรึ...ไปห้องพักอดุลย์หรือเปล่า ปู่กำลังจะไปเยี่ยมเขาพอดี”ศูรถามเพราะเห็นแววตาขัดข้องของหลานชาย พลางให้ไปมองเพื่อนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างๆตะวัน จนทานตะวันนึกสะดุ้งเพราะกำลังคิดเพลินๆว่าทำไมวันนี้คนหน้าตาละหม้ายเพื่อนตัวเองถึงโผล่มาเยอะแยะอย่างนี้


“...ไปซื้อน้ำครับ”คนเป็นปู่พยักหน้ารับคำก่อนจะเอ่ยขอร่วมทางไปด้วย เสี้ยวหนึ่งของจิตใจที่แห้งเหี่ยวตามอายุขัยของศูรรู้สึกอิ่มเอิบเพียงแค่ได้เห็นหลานชายของตน ความรู้สึกรักและเอ็นดูผุดขึ้นมาแม้จะไม่เคยเลี้ยงดูเลยก็ตาม


ทั้งสามคนเดินไปซื้อของด้วยกันโดยไม่มีบทสนทนา ศูรเดินตามหลังมองตะวันไปเรื่อยๆ รอยยิ้มที่ไม่มีบนใบหน้าของเขาเกิดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ต่างจากตะวันและเพื่อนสนิทที่เดินไปเกร็งไปตลอดทางเพราะคนข้างๆคือคนแปลกหน้าที่ไม่สนิทชิดเชื้อด้วยอีกทั้งผู้สูงอายุยังมองและยิ้มแปลกๆให้กับตะวันถึงจะไม่ใช่ยิ้มที่ดูร้ายกาจหรือน่ากลัวแต่อย่างใดก็ตาม


กว่าจะซื้อของและเดินกลับมาถึงห้องพักเวลาก็ผ่านไปอยู่พอสมควร ตะวันกำลังจะคว้าลูกบิดประตูเปิดห้องพักของผู้เป็นพ่อ แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่คนข้างในเปิดออกมาเช่นกัน


รพีผงะนิดหน่อยที่คนตรงคือศูรที่ยืนอยู่กับตะวันและเพื่อนสนิท แต่แค่ไม่นานดวงตาคมก็กลับเป็นนิ่งและดูน่ากลัวเช่นเดิม คนพ่อเองก็ไม่ต่างไปจากรพี เพียงแค่เขากำลังรู้สึกถึงเรื่องไม่ดีที่กำลังจะเกิดไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณของคนแก่ แต่เป็นเพราะรู้นิสัยเลวๆของลูกชายคนนี้ดีมากกว่า


ไม่มีทางที่รพี...จะมาเยี่ยมพ่อของตะวันอย่างเดียวแน่ๆ


“มาทำไม”เสียงเข้มของศูรพูดจนคนข้างๆเกร็งไหล่ เป็นเสียงที่ทรงอำนาจและดูมีพลังกดดัน เพียงแต่คนถูกถามเจอแบบนี้มาตลอดชีวิตจึงไม่ได้แสดงความเกรงกลัวออกมาแม้แต่น้อย จะมีก็เพียงแต่อาการไหวไหล่กว้างอย่างไม่ใส่ใจ


“แค่มาเยี่ยมครับ...ผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันสวัสดีครับคุณพ่อ”รพีกล่าวลาผู้เป็นพ่อก่อนจะหันไปหาตะวันที่เป็นลูกชายแท้ๆของตัวเอง พึ่งจะเห็นหน้าชัดๆตอนนี้เองว่าหน้าตาเหมือนตัวเองขนาดไหน ยิ่งมองก็รู้สึกเหมือนมองรูปถ่ายของตัวเองในสมัยก่อน และไพล่คิดไปถึงคนที่พึ่งสนทนากันเมื่อครู่ คนตัวเล็กที่ไหล่สั่นด้วยความกลัว คนที่ร่ำไห้ด้วยคำพูดของเขา


“แล้วเจอกันนะ...ตะวัน”





มาต่อจนจบแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 6(50%) [ 8 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arovera ที่ 08-09-2013 12:45:15
มาต่อไวไวน้า :z13:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 6(50%) [ 8 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 08-09-2013 14:34:02

ที่ต้องการตะวันไม่ใช่เพราะว่ารักลูก
แต่แค่ไม่มีทายาทสืบสกุลก็เลยจะมาเอาตัวคืน

ทุเรศสิ้นดี---อย่าไปยอมนะ

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 6 (อัพครบแล้วอยู่เมนต์เดิม) [ 8 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 08-09-2013 15:55:54
สงสารปิงปองที่เลี้ยงตะวันไว้เพราะรัก

แต่อีกคน อยากได้เพราะเอาไปสืบสกุล

เศร้านะ :sad4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 6 (อัพครบแล้วอยู่เมนต์เดิม) [ 8 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 08-09-2013 22:33:27
เมนต์ในมือถือไม่ได้อีกละ คงเป็นที่มือถือเราอ่ะ อะฮึก
ฮืออออออออออออ ร้องไห้ อยากยิงรพีทิ้ง ได้ไหมคะ?
สนุกเนอะ เหยื่อเรอะ อยากตายใช่ไหมรพี?
ปู่น่ารักอ่ะ ชอบมากกว่ารพีไปแล้ว หึ
ตะวันรีบเข้าไปหาพ่อปิงปองเร็วๆ โฮ พ่อปิงปองร้องไห้แย่แล้ว โฮ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 6 (อัพครบแล้วอยู่เมนต์เดิม) [ 8 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 10-09-2013 01:14:25
สนุกน่าติดตามตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 6 (อัพครบแล้วอยู่เมนต์เดิม) [ 8 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 10-09-2013 20:10:26
อุ๊ย..ฉันหมั่นไส้นายระพีมากกกกกก...จนเกือบจะถึงขั้นเกลียดแล้วนะ
ดูเหมือนจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ที่ทำให้แต่คนอื่นเขาเสียใจและเป็นทุกข์นะนายระพี
ฉันจะรอดูวันที่ผลจากการกระทำของนายสนองคืนนาย วันที่นายต้องเจ็บต้องทุกข์บ้าง นายระพี
แล้วฉันจะหัวเราะเยาะนายเป็นภาษาฮิบรูเลย :hao6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 6 (อัพครบแล้วอยู่เมนต์เดิม) [ 8 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 11-09-2013 20:59:48
ใจร้าย ใจร้าย ใจร้าย ใจร้าย ใจร้าย  ขอบใจจร้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 6 (อัพครบแล้วอยู่เมนต์เดิม) [ 8 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 11-09-2013 23:27:28
สงสารปิงปอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 6 (อัพครบแล้วอยู่เมนต์เดิม) [ 8 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 12-09-2013 01:09:28
ทำไมไม่มาสักที :z3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 12-09-2013 17:44:54



ตอนที่ 7  [50 %]



เสียงรอบห้องพักผู้ป่วยสี่เหลี่ยมเล็กๆถูกดูดกลืนหายไปจนหมด เมื่อศูร ตะวันและทานตะวันเดินเข้ามาพบกับคนป่วยที่ก้มหน้าก้มตาส่งเสียงสะอื้นราวกับจะขาดใจอยู่ตรงหน้า เด็กน้อยทั้งสองดูจะไม่รู้เรื่องราวว่าทำไมอดุลย์ถึงเสียน้ำตาออกมา หากแต่ผู้ใหญ่คนเดียวในห้องนั้นรู้อยู่เต็มอก


ศูรนึกสังหรณ์ไม่ผิดกับท่าทางที่พึ่งเจอลูกชายคนเดียวหน้าห้องเมื่อครู่เพราะเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่ม...ศูรเองก็เคยเป็นคนเลือดเย็นและเหย่อหยิ่งมากยิ่งกว่าใครๆเช่นกัน


ผู้ใหญ่สุดในห้องมองดูหลานชายแท้ๆของตัวเองเดินเข้าไปหาผู้ที่ตนคิดว่าเป็นพ่อด้วยท่าทางร้อนรน พยายามดึงหน้าของคนที้องไห้ให้เงยหน้าพร้อมกับพร่ำถามว่า...พ่อเป็นอะไร...เจ็บแผลตรงไหน...พอฟังแล้วก็เกิดนึกสลดและเสียใจกับสิ่งที่แม้ไม่ใช่ตัวเองทำแต่คนทำก็คือลูกชายที่ถูกถ่ายทอดพฤติกรรมของเขาไปทั้งสิ้น


อดุลย์ยังคงร้องไห้อยู่แบบนั้น ถึงจะรู้ว่าตะวันเข้ามาแล้วแต่เขาก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาของความเกรงกลัวไว้ได้อีกต่อไป กลัวเพราะคำพูดร้ายกาจที่ได้ฟังเมื่อครู่ กลัวจนไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถเงยหน้าไปมองลูกชายของตัวเองได้อีกหรือไม่...


“พ่อ...พ่องปิงปอง...ฮึก...พ่อเป็น...อะไร...ฮึก”เสียงกลั้นสะอื้นของตะวันทำให้ร่างเล็กบนเตียงรู้ตัว...เงยหน้ามองที่คนสำคัญที่เหลือเพียงแค่คนเดียวในชีวิต บนใบหน้าขาวใสนั้นกำลังมีหยดน้ำเลอะจนดูไม่ได้


อดุลย์กลั้นหายใจหยุดตัวเองให้เลิกร้องไห้...แม้จะไม่สามารถขจัดความกลัวออกไปจากใจ แต่เพียงสิ่งเดียวที่ตนไม่อยากจะทำ เป็นสิ่งที่ตนเองยึดมั่นมาตลอด


...ไม่อยากทำให้ลูกตะวันต้องเสียน้ำตา...


“พ่อ...ไม่เป็นอะไร...”ตอบพร้อมกับยิ้มอย่างเคยพลางยกมือซีดของตัวเองที่แม้จะสากระคายแต่ตะวันกลับชอบความรู้สึกเมื่อฝามือของพ่อลูบศรีษะของเขาเช่นตอนนี้


“แล้วพ่อร้องไห้ทำไม?”แม้น้ำตาจะยังไม่หยุดไหลแต่เสียงของตะวันถามอย่างเอาเรื่อง


“...พ่อ...เจ็บแผลน่ะ”อดุลย์ยกข้ออ้างเท่าที่จะคิดได้ หากเป็นปรกติลูกชายคนนี้คงจะไม่เชื่อเพราะพ่อปิงปองไม่เคยบ่นแม้จะบาดเจ็บซักแค่ไหน แต่คราวนี้เพราะไม่ปรกติ เพราะพ่อถูกรถชน...เพราะพ่อร้องไห้อย่างกับจะขาดใจไปตรงหน้า


“งั้นเดี๋ยวตะวันให้ไอ้ดำไปเรียกพยาบาลมาดูให้นะ...ไอ้ดำไปเรียกพยาบาลให้หน่อยดิ บอกว่าพ่อกูเจ็บแผล”ท้ายประโยคตะวันหันไปสั่งเพื่อนสนิททำให้อดุลย์เองต้องหันไปมองตาม


ทันทีที่เห็นอีกคนดวงตากลับเบิกกว้างขึ้นมากว่าเก่า...ศูร เรืองรัตนโยดม...เขารู้จักคนคนนี้ดี เวลาห้างจัดงานเลี้ยงพนักงานอดุลย์ก็จะเห็นอยู่เสมอ ทั้งๆที่วางมือจากธุรกิจไปอยู่บ้านเฉยๆแล้วแท้ๆ ผิดกับเจ้าของห้างตัวจริงที่ไม่เคยออกงานของพนักงานชั้นล่างเลยซักครั้ง


มือเล็กซีดรีบยกมือทันทีที่เจอหน้า พลางด่าว่าตัวเองว่าทำไมถึงไม่รู้ จะหน้าตาหรือรูปร่างก็คล้ายกันจนถ้ามองผ่านๆคงคิดว่าคนๆเดียวกัน ทำไมถึงไม่รู้ว่าที่ที่ตัวเองทำงานอยู่คือที่ของคนที่จะมาเอาลูกไปจากเขา


ศูรพยักหน้ารับไหว้ พยายามยิ้มอย่างที่คิดว่าจริงใจและใจดีสุดๆให้กับคนตรงหน้า เพราะเมื่อคู่ตาคมของเขาเห็นแวววิตกและกลัวเกรงออกมาอย่างเห็นได้ชัด อดุลย์คงรู้แล้วว่าเขามาเยี่ยมตนเรื่องอะไร


เพียงแต่ที่ศูรกังวลไม่ใช่เรื่องตะวันแม้แต่นิดเดียว...แต่กลับเป็นอดุลย์เองต่างหากที่กังวล


“คุณปู่เป็นปู่ของไอ้ตะวันจริงๆเหรอครับ”เพื่อนสนิทที่ยืนนิ่งอยู่นานเอ่ยถาม อดุลย์ได้ฟังเกิดอาการเกร็งไหล่ทันที พลางหันไปจ้องหน้าคนที่ถูกถาม ด้วยความหวังเพียงเล็กน้อยว่าตะวันอาจจะยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด


“น้องทาน...พาตะวันออกไปก่อนได้ไหม น้าขอคุยธุระหน่อยนะ”ไม่ทันที่ศูรจะเอ่ยปากตอบ เป็นอดุลย์เองที่ชิงพูดตัดหน้า พลางคะยั้นคะยอให้รีบพากันออกไปข้างนอกให้เร็ว ศูรที่เห็นท่าทางกลัวความจริงจะเปิดเผยแบบนี้ของร่างเล็กถึงได้เข้าใจ


เข้าใจว่าทำไมลูกชายของตัวเองถึงทำให้คนๆนี้ถึงกับร้องไห้ เพราะอดุลย์ดูลนลานจนเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตาสอดส่ายหาทางหนี...เหมือนกับลูกกวางที่กำลังวิ่งหนีลูกกระสุนของนายพราน


“หวังว่าตะวันกลับมาอีกคราวนี้พ่อจะไม่เจ็บแผลมากขึ้นหอกนะครับ”ก่อนจะออกจากห้องตะวันทิ้งไว้เพียงแค่ข้อความเตือน ใครว่าจะไม่รู้ว่าพ่อเขาผิดปรกติอะไรบ้าง ปฏิกิริยาของพ่อปิงปองตอนเจอกับคนที่บอกว่าเป็นปู่เหมือนกับคนที่มาเยี่ยมก่อนหน้าไม่มีผิด ใจจริงตะวันไม่อยากห่างพ่อไปไหน แต่ก็รู้ดีว่าเรื่องที่พ่อคุยคงสำคัญถึงขนาดที่เขารู้ไม่ได้


อดุลย์มองลูกชายกับเพื่อนสนิทเดินออกไป จึงหันมามองคนอีกคนในห้องอย่างช้าๆ รอยยิ้มที่พยามยามปลอบขวัญคนป่วยยังคงประดับอยู่บนใบหน้าของชายสูงอายุ


“คุณ...ศูรใช่มั้ยครับ”


“อืม...เราเคยเจอกันแล้วซินะ?”


“ครับ...คุณ...ฮึก...”ไม่ทันจะได้ถามไถ่ในสมองกลับมีแต่ความกลัวที่จะสูญเสียตะวันเต็มไปหมด น้ำตาเม็ดโตหยดลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ศูรหน้าเหวอเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะร้องไห้ขึ้นมาแบบนี้ทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไรแท้ๆ


“เฮ้ๆ อย่าร้องไห้ซิ เดี๋ยวตะวันมันเขามาก็นึกว่าชั้นเป็นคนทำให้แผลเกิดเจ็บอีก”พูดขำๆด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ หากแต่ไม่สามารถที่จะหยุดคนร้องให้ได้เลย


“เอาล่ะอดุลย์...หยุดร้องไห้ก่อน...แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชั้นฟัง...”เสียงพูดเล่นพูดหัวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนอย่างฉับพลัน ศูรจับไหล่คนตรงหน้าอย่างที่จะให้ความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองจะพูด


“...เล่ามาทั้งหมด ชั้นจะได้หาทางช่วยให้เธอ...”




ตอนนี้คุณปู่ศูรหล่อมากกกกกกก เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่ออีกครึ่งนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 12-09-2013 20:51:52
มาเร็วๆนะคะ ค้างอย่างแรง ปิงปองจะเจ็บแผลเพิ่มป่ะ  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 12-09-2013 21:38:58
แง แง   :ling1::ling1:ครานี้โดนคนเขียนแกล้งอ้ะ ตัดฉับเลย
รอ ด้วยความกระวนกระวาย+กังวลใจ ไปกับพ่อปิงปอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 12-09-2013 23:27:58
 :o8:  ชอบบันทึกนี้ครับ  จะติดตามและตามติดตลอดไป ไป ไป ....... :katai5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arovera ที่ 12-09-2013 23:40:48
 :katai1: อ่า50%จริงอะทำไมสั้นจัง ง่าห์อยากอ่านอยากอ่านเค้าจะเอายาวๆ ฮืออออ :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 13-09-2013 00:49:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 13-09-2013 01:02:44
พระเจ้าช่วย เชียร์ปู่ศูรกับพ่อปิงปองแทนได้ไหม!!!
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 13-09-2013 12:35:36
ขอให้ปู่ศูรช่วยปิงปองได้

น่าสงสารอีกแล้ว อย่าบีบคอรพีให้ตายไปเลย

รพีเป็นคนที่ใจร้ายใจดำมาก ฮือ~
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 13-09-2013 15:23:10
สงสารปิงปองมากอ่ะ ชีวิตจะรันทดไปไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 13-09-2013 19:46:57
อีกครึ่งหนึ่งของตอนขอเลื่อนเป็นวันเสาร์นะค่ะ โดนอาจารย์สั่งงานด่วนส่งก่อนเที่ยงคืน
ขอโทษที่ผิดนัดค่ะ


 :mew2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 13-09-2013 22:30:06
เอ้ยยยยย ชอบเรื่่องนี้มากกกกกกก รอติดตามต่อค่ะ อยากเชียร์คุณปู่จริงๆนะ 5555+ รพีจะเป็นพระเอกจริงหรอ อ๊ากกกกก เลวววว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 [ 12 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 14-09-2013 09:41:13
พ่อปิงปองมีโอกาสเป็นพ่อของตะวันตลอดไป แน่นอน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 (ครบ) [ 14 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 14-09-2013 17:05:09


ตอนที่ 7 (ตอนหลัง)

บ้านหลังใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นที่อยู่ของครอบครัวเรืองรัตนโยดมเกิดบรรยากาศแช่มชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็น เมื่อนายใหญ่เจ้าของบ้านจริงๆอย่างศูร เรืองรัตนโยดมขับรถสีขาวคันโปรดเข้ามาจอดพร้อมกับเดินออกจากรถยนต์ของตัวเองด้วยรอยยิ้มที่ไม่ค่อยจะประดับบนหน้านอกจากเวลาออกงาน


เขาพึ่งกลับจากไปเยี่ยมอดุลย์และรับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่ส่วนใหญ่เขาเองก็รู้แล้วจากปึกกระดาษเอกสารที่จ้างคนสืบมาให้ หากแต่ในกระดาษนั้นไม่มีเรื่องราวของตะวันที่อดุลย์เป็นคนเล่าในวันนี้


เรื่องเมื่อตอนตะวันพูดคำแรกว่า...หม่ำหม่ำ วันไหนที่ตะวันเดินได้ครั้งแรก เรื่องตอนไปโรงเรียนวันแรกตะวันร้องไห้อยากกลับบ้านจนคนไปส่งต้องลางานครึ่งวันเพื่ออยู่ที่โรงเรียนกับลูกชาย ตอนตะวันป่วยเพราะโกรธที่อดุลย์ไม่ยอมพาไปเที่ยวตอนวันเกิดครบเจ็ดขวบ และอะไรหลายๆเรื่องของตะวัน...ที่คนเป็นปู่ไม่เคยรู้


ศูรคิดถึงเรื่องที่นั่งฟังอยู่นานแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้ ตะวัน...หลานของเขาดูจะเป็นเด็กที่ดี และศูรก็ยอมรับว่าอดุลย์เลี้ยงตะวันได้ออกมาดีจริงๆ


พอคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าคมที่มีริ้วรอยตามอายุก็สลดลงไปทันตา อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเขาไม่ปล่อยปะละเลยเรื่องที่คู่นอนคนหนึ่งของลูกชายตายในสมัยก่อนเขาอาจจะเป็นคนที่เลี้ยงดูตะวัน แต่เพราะเป็นเรื่องที่มีคนตายและเขาเองก็ไม่อยากจะเสียชื่อเสียง


ชายสูงอายุสะบัดหน้าไล่ความคิดเห็นแก่ตัวออกจากสมอง มันน่าจะดีกว่าก็จริงที่ถ้าเขาเป็นคนเลี้ยงดูตะวัน


แต่...ถ้าเป็นเขาในตอนนั้น...ตะวันคงจะไม่ใช่ตะวันในตอนนี้


อาจจะเป็นเหมือนรพี...และตัวศูรเองในอดีต


“สวัสดีค่ะ อารมณ์ดีอะไรมาคะคุณพ่อ”เสียงเรียกทักจากเด็กสาวเรียกทักศูรทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของลูกชายที่ตนยกให้ ศูรหันไปพยักหน้ารับให้กับปรางทิพย์ผู้หญิงคนใหม่ของลูกชายที่ไม่รู้ไปคว้ากันมาจากไหน เพราะเรื่องส่วนตัวของรพีศูรไม่ยุ่งวุ่นวายตั้งแต่ที่รพีเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจ และก็เป็นปรางทิพย์คนนี้ที่ทำให้เกิดคดีฟ้องหย่าของภรรยาคนที่สองจนเกิดเรื่องอื้อฉาวมากมาย


“รพีอยู่ไหน”ถามสิ่งที่ต้องการจะรู้ทันที ไม่ได้ตอบคำถามอะไรที่ปรางทิพย์อยากรู้


“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ หนูพึ่งกลับมาจากช้อปปิ้ง”ตอบเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างคนที่ไม่คิดก่อนพูด เป็นอีกเรื่องที่ศูรไม่ชอบใจผู้หญิงคนนี้ และเหมือนรพีจะรู้ว่าพ่อของตนไม่ชอบใจกับปรางทิพย์


นั้นคือเหตุผลที่ทำไมปรางทิพย์ถึงยังได้อยู่ในบ้านหลังนี้...


“ได้เงินมาจากรพีก็หัดเก็บไว้บ้าง ถึงวันไหนที่โดนเขี่ยทิ้งแล้วจะได้ไม่ลำบาก”ผู้สูงอายุกว่าพูดเรียบๆก่อนจะเดินไปในบ้าน ทิ้งให้เด็กสาวยืนปากค้างกับคำพูดที่เหมือนจะสั่งสอน หากแต่ไม่ใช่...ศูรตั้งใจจะบอกว่าอีกไม่นานเธอก็จะโดนรพีทิ้งต่างหาก


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


รพีเงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้าขึ้นมามองไปทางประตูห้องทำงาน และนึกแปลกใจอีกครั้งเมื่อคนที่เข้ามาคือพ่อของตัวเอง ที่ช่วงนี้จะเดินมาหาเขาก่อนเป็นว่าเล่น และเรื่องที่จะคุยคงไม่พ้น...เรื่องลูกของเขา


“พ่อมีอะไรหรือเปล่า...เหมือนเราพึ่งจะเจอกันไม่ใช่หรือครับ?”เป็นประโยคคำถามที่คงจะธรรมดาหากไม่ใช่รพีเป็นคนพูด


“ชั้นจะมาหาแกไม่ได้เลยรึไง?”ศูรยวนกลับไม่ต่างกัน


“ก็ได้ครับ ว่าแต่มีเรื่องอะไรพิเศษหรือเปล่า ถ้าเรื่องหลานชายพ่อผมจัดการให้แล้ว คิดว่าคงไม่มีอะไรผิดพลาด”รพีบอกก่อนจะก้มลงไปสนใจเอกสารตรงหน้าต่อ ชีวิตของเขาจะเหลวแหลกขนาดไหนแต่ก็มีงานพวกนี้แหละที่ยังทำให้เขาเป็นที่เชิดชูของวงสังคม 


“จัดการ...จัดการโดยที่ไปขู่พ่อของเด็กเนี้ยนะ”เสียงเข้มเอ่ยถาม หากแต่คนที่หมกหมุ่นกับงานไม่ได้สนใจ สายตายังคงไล่อ่านพร้อมกับปากที่เฉลยความอยากรู้ของผู้เป็นพ่อ


“เขาเรียกว่ากดดันครับ”


“แต่ชั้นเรียกว่าขู่...แกไปขู่ว่าถ้าไม่ยอมบอกความจริงพร้อมกับส่งตะวันคืนแกจะไล่เขาออก”คนถูกกล่าวหาเงยหน้ามายิ้มให้กับศูร แต่ไม่ใช่ยิ้มที่ดูจริงใจกลับเป็นยิ้มที่ดูยั่วโทสะ


“เขาบอกพ่อแค่นั้นเหรอครับ?...”ถามด้วยเสียงขำๆ ก่อนจะพูดต่อเพราะไม่เห็นว่าผู้เป็นพ่อตอบคำถาม


“ที่จริงผมบอกไปอีกว่าจะดิสเครดิตเขา จะไม่ให้เขาไปหางานทำที่ไหนได้อีก จะฟ้องศาลเพราะหลักฐานทางเราก็มีครบ แต่ถึงไม่ครบผมก็มีอำนาจมากพอที่จะทำให้ขาวเป็นดำ...อ้อ แล้วผมก็จะประจาน”เสียงกลั้วหัวเราะหยุดดูปฏิกิริยาของพ่อ ดวงตาคมเบิกกว้างเป็นสัญญาณบอกว่าอดุลย์คงเล่าให้ฟังไม่หมด


แค่นึกก็ทำให้ยกยิ้ม...ที่ไม่พูดไม่บอกทั้งหมดเพราะคงจะกลัวเขาอยู่ไม่น้อยเหมือนกันซินะ


“ประจานเรื่องที่เขาเป็นกระเทย”


“รพี!!!!”เสียงตวาดดังก้องไปทั่วทั้งห้องทำงาน คนถูกเรียกมองศูรออกอาการโกรธจนถึงกับขึงตามองเขาด้วยความโกรธ ทั้งๆที่ข้อมูลทั้งหมดนั้นก็ศูรไม่ใช่หรือที่เป็นคนหามาให้เขา


“พ่อจะโกรธไปทำไมครับ ผมแค่ก็อยากจะให้เรื่องมันจบไวๆก็เท่านั้น”


“ทำไมแกทำแบบนั้น!! ถึงเขาจะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งแต่อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่เลี้ยงลูกแกนะ!!”ตวาดเสียงใส่ก่อนจะเดินออกไปจากห้องด้วยความโกรธเกรี้ยว


สายตาคมมองดูแผ่นหลังที่พึ่งหายไปพร้อมกับเสียงปิดประตูที่ดังสนั่น คิ้วเข้มของรพีขมวดกับคำพูดของผู้เป็นพ่อเมื่อครู่


นี่คือศูร เรืองรัตนโยดมแน่หรือ


“ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะพ่อนี่ครับ...ผมแค่ทำตามความต้องการของพ่อ...กับคำสอนของพ่อ”


“ทำ....มาโดยตลอด”





หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 (ครบ) [ 14 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 14-09-2013 17:59:16
อยากอ่านตินต่อปายยยย 5555+ ขอบคุณมากเลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 (ครบ) [ 14 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 14-09-2013 18:23:40
รพีOMG ทำไมเป็นคนแบบนี้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 (ครบ) [ 14 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 14-09-2013 20:32:33
พ่อสอนลูก แสดงว่ารพี เชื่อฟังพ่อช่ายยยยย มั๊ยยยยยย เลือดเย็น เอาความสุขส่วนใหนมาเติมเต็มให้ชีวิตหว่า จิตใจหมานุดบางจำพวกเป็นแบบนี้ ศูรรักตะวันแล้วเนอะ พ่อปิงปองรักตะวัน ตะวันรักพ่อปิงปอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 7 (ครบ) [ 14 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 15-09-2013 01:31:39
ฉิบ รู้สึกผิดกับตัวเองที่คิดสงสารรพีขึ้นมากนิดหน่อย...
รพีร้าย แต่มันเป็นปกติของโลกที่จะใช้จุดอ่อนมา่นงานเพื่อให้ๆด้สิ่งที่ต้องการ และเราเป็นคนหนึ่งที่คิดว่ามันไม่ผิด แม้มันจะเรียกว่าถูกไม่ได้ก็ตามที
รอ ว่าต่อไปจะเป็นยังไง
ปล.พี่รู้ไม๊ ชั้นมารอพี่ที่บอร์ดทุกวันเลย...
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 18-09-2013 20:51:00



ตอนที่ 8 (50%)


ชายหนุ่ม ร่างสูงพร้อมกับชุดสูททำงานสีดำดูภูมิฐานกำลังเดินหน้ามุ้ยอย่างไม่พอใจจนคนที่เดินผ่านนึกหวาดหวั่น สำหรับพนักงานระดับล่างอาจจะคิดว่าผู้บริหารที่นี่คงใจดีดูจากสวัสดิการต่างๆที่ได้รับ แต่สำหรับพนักงานระกลางขึ้นไปที่ค่อนข้างจะคลุกคลีกับผู้บริหารบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า...ไม่ใช่


รพี เรืองรัตนโยดมผู้บริหารคนนี้น่ากลัวกว่าที่ใครๆคิด ยิ่งพอเห็นคนที่ปรกติหน้านิ่งกลับกลายเป็นหน้าโกรธเหมือนตอนออกจากห้องประชุมยิ่งไม่มีคนกล้าเข้าไปใกล้ให้เจ้าของห้างคนนี้ไม่พอใจกันเข้าไปกันใหญ่


สาเหตุที่ขัดใจคนอย่างรพีในช่วงนี้คงเป็นเรื่องเรื่องเดียว...นายอดุลย์


รพีทราบมาจากเลขาที่สั่งให้ไปตามเรื่องของคนที่ถูกรถชนเมื่อวานซืน แต่กลับได้คำตอบที่ทำเอาคิ้วขมวดอย่างลืมตัว คำตอบที่ได้คือทางฝั่งนั้นชิงลาออกไปก่อนแล้ว


สมองที่มักจะทันเกมธุรกิจอดคิดไม่ได้ว่านี่คือคำสั่งของศูรผู้เป็นพ่อ ดูท่าทางพ่อของเขาคงจะอยากรับตะวัน...ลูกของรพีมาเป็นหลานอย่างถูกกิจจะลักษณะเอาจริงๆ และก็คงหวงห่วงความรู้สึกของหลานคนใหม่คนนี้อย่างมากที่สุด ถึงขนาดที่หาวิธีทางที่จะรับตะวันมาโดยที่ไม่ทำให้จิตใจของฝ่ายนั้นบอบช้ำ


ความอ่อนโยนของผู้เป็นผู้ให้กำเนิด...ความเอื้อเฝือของผู้ที่เป็นผู้ปกครอง


...ทำไมศูรถึงไม่มีให้กับรพีบ้าง...


ร่างสูงสะบัดหัวเล็กน้อยให้เลิกคิดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง พร้อมดึงประตูห้องทำงานของตัวเองออก ดวงตาคมหรี่ลงอย่างพินิจเมื่อคนตรงหน้า เป็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอในตอนนี้


“สวัสดีซัน”หญิงสาวในห้องหันมองเอ่ยสวัสดีเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด ผมยาวสลวยกับผิวขาวใสละเอียดช่วยปกปิดอายุจริงของเธอได้ไม่ยากเท่าไรนัก


 “มีเรื่องอะไรนลิน? ทำไมไม่ติดต่อผ่านทนายผม”น้ำเสียงเย็นชาพูดกับนลิน...หญิงสาวผู้เป็นภรรยาคนที่สองของรพีที่กำลังเป็นเรื่องเป็นราวให้ขึ้นศาลจนต้องวุ่นวายอยู่ไม่เว้นวัน


“แค่ผ่านมาเยี่ยม ลินไปเยี่ยมคุณพ่อมา แล้วก็แวะมาบอกเรื่องศาลนัดไกล่เกลี่ยครั้งหน้า”นลินอยู่เนือยๆ นึกขยาดกับความไร้หัวใจของคนตรงหน้าเต็มทน เมื่อก่อนไม่รู้อะไรมาบังตาถึงได้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับชายคนนี้ อาจเพราะรพีดูเป็นคนไม่รักใครจริง สัญชาตญาณของเธอที่อยากเอาชนะและทำให้รพีมารักตนให้ได้ แต่เธอก็พบกับความจริง


ว่ารพีนั้นมีหัวใจ...แต่หัวใจนั้นถูกย้อมด้วยสีดำที่เต็มไปด้วยคราบโคลนเต็มไปหมด...


“ผู้หญิงหน้าเงินเหมือนกันหมด”คำพูดของรพีทำเอานลินถึงกับหน้าชา ก่อนจะขึ้นสีด้วยความโกรธ แต่กลั้นข่มความโกรธนั้นลงไปเพราะไม่ได้อยากจะมามีเรื่องมีราว


“ซันคิดจริงๆเหรอว่าที่ลินฟ้องหย่ามันเป็นเรื่องเงิน ลินบอกซันไว้เลยนะว่าไม่ใช่...ลินแค่อยากกู้ศักดิ์ศรีกลับมา ซันเอาใครไม่รู้มาหย่ามหน้าไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้แล้วลินจะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนล่ะ กลับกันถ้าลินทำบ้างซันจะรู้สึกอย่างไร?”นลินพูดยาวแล้วถามคำถามที่รพีหันไปมองด้วยตาคมที่แสนจะเย็นชา คำตอบภายในดวงตานั้นชัดเชนแจ่มแจ้งจนคนถามคำถามสะอึกซะเอง


เพราะแววตาของรพีตอบว่า...ไม่รู้สึกอะไรเลย


ติ๊ดดดดดดดดด


“ขอโทษค่ะ คุณศูรโทรหาค่ะคุณพี”รพีกดอินเตอร์โฟนฟังข้อความของเลขาหน้าห้อง ก่อนบอกว่าให้วางสายของผู้เป็นพ่อไปเลยแล้วจึงหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตัวเองขึ้นดูเห็นมิสคอลของพ่อแค่หนึ่งสายจึงกดโทรกลับทันที


“งั้นลินขอตัวกลับก่อนแล้วกัน ยังไงจะให้ทนายติดต่อมาอีกที...”เหมือนคำพูดไม่ได้เข้าหูคนฟังซักคำ นลินเลือกจะเดินออกมาเมื่อรู้ว่ารพีกำลังโทรหาใคร ช่วงเวลาสองปีที่ได้อยู่ด้วยกันทำให้นลินรู้จักรพีดีขึ้น...รู้ในเรื่องที่บางทีรพีเองยังไม่รู้...เพราะถ้าเป็นเรื่องของศูร รพีจะรีบจัดแจงทันทีทันใด สำหรับรพีคงเป็นเรื่องปรกติ


หากแต่กับคนนอกมันไม่ใช่ กับคนนอกอย่างนลินที่พบว่าใจของรพีเป็นสีดำ...ใจที่เต็มไปด้วยโคลน...ที่เรียกร้องหาน้ำสะอาดจากศูรมาชะล้างตลอดเวลา


“มีอะไรครับ”ถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย


“ไปจัดการเอายัยปรางทิพย์ออกจากบ้านแกด้วย”เสียงเข้มปลายสายทำเอารพีข้องใจ ไม่บ่อยที่พ่อจะใช้คำพูดแนวบังคับแบบนี้กับเขา แม้จะไม่พอใจก็มักจะปล่อยผ่านอย่างไม่นึกสนใจมากกว่า


“มีเรื่องอะไรครับ?”


“จัดการตามที่บอกเถอะ ชั้นไม่อยากให้ลูกแกมีแม่ใหม่แทบจะเท่าตัวเองหรอก”รพีเงียบไม่ส่งเสียงตอบรับหรือส่งคำถามอะไรต่อ คนที่พูดสายพูดด้วยอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เห็นได้ยินเมื่อพูดประโยคแปลกๆที่พาดพิงถึงตะวัน...


“ชั้นจะให้ตะวันมาอยู่ที่บ้าน อยู่กับแก”


“ผมก็ไม่ได้อะไรติดขัดหรอกครับ แต่เรื่องนายอดุลย์นั้นละ หรือที่เขาลาออกเป็นเพราะพ่อ...”พูดเองก็แปลกใจเอง ถึงจะเข้าใจว่าพ่อของตนนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเขาที่ถ้าต้องการก็พร้อมจะทำทุกอย่างให้ได้มา...หากแต่นั้นมันเป็นอดีต ท่าทีของศูรที่เห็นทำให้ไม่คิดว่าพ่อจะเป็นคนไล่อดุลย์ออกไปด้วยตัวเอง


“ใช่ชั้นให้เขาออกจากงานเอง.....ชั้นจะให้เขาไปอยู่บ้านเดียวกับแก”ตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจกับคำของผู้เป็นพ่อ อุทานคำหยาบออกมาอย่างลืมตัว ศูรเองก็รู้ปฏิกิริยาของลูกชายอยู่ก่อนแล้วไม่ได้จึงไม่ถือสา


“พ่อนึกอะไรอยู่ นี่ความคิดพ่อหรือความคิดของไอ้กระเทยนั่น มันจะเข้ามากอบโกยเพราะเลี้ยงเด็กลูกเศรษฐีไว้ใช่มั้ย!!?”น้ำเสียงโกรธาไม่ได้ต่างอะไรจากที่ศูรคิด แต่คำปรามาสถึงผู้ชายที่ดูเป็นคนดีในสายของศูรทำเอาชายสูงวัยเดือดขึ้นมาจริงๆ


“ชั้นนี่แหละเป็นคนคิด ชั้นจะให้เขามาดูแลหลานชั้นเพราะแกคงเป็นพ่อที่ดีของตะวันไม่ได้ ทำตามที่ชั้นบอก เย็นนี้ให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากบ้านแก จะเลี้ยงต่อชั้นไม่ว่า”เสียงเข้มของศูรที่พูดสิ่งที่ทำให้ต้องยกยิ้มเยาะให้กับตัวเอง ก่อนจะเอ่ยใส่คนปลายสายอย่างอดกลั้นเฉกเช่นเดียวกับอีกฝ่าย


“หึ...พ่อรู้ได้ไงว่าไอ้อดุลย์นั้นมันจะเป็นพ่อที่ดี...ในเมื่อพ่อไม่เคยเป็นพ่อในแบบนั้นเลย!!”





หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 18-09-2013 21:40:09
 :beat:  รพี เนี่ยปากดีจัง

            แต่เลวแบบ ไม่มีช่องว่างเลย     :z6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 18-09-2013 22:38:46
คุณศูร มีแผนอะไรล้ำลึกก่วาที่ทำให้เห็นอยู่นี่รึเปล่า
แต่จะอย่างไรๆ เราก็ยังทำใจรับตัวตน/พฤติกรรม/ความคิดของรพีไม่ได้อยู่ดีแหละ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 18-09-2013 23:14:20
รพีช่างน่าสงสารหัวใจมืดปอดไปถึงเมื่อไหร่

มาต่อไวไวนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 18-09-2013 23:21:08
แย่ จะบอกว่ายิ่งอ่านก็ยิ่งสงสารรพี เฮ้อ
พ่อปิงปองยอมได้ยังไงถามจริง? ไม่สิทนได้ยังไง เป็นเราจะทนไม่ได้และไม่ทนด้วย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 19-09-2013 00:39:34
ชอบอะ รีบมาต่อเร๊วๆนะครับ ผมจะรอทุกวัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 19-09-2013 02:51:36
ครอบครัว เป็นแบบอย่างที่ดีแต่อย่าดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพ่อศูร รพีเฮ้อ ขอบใจจร้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 19-09-2013 03:15:22
 :z3: :z3: สนุกมากๆ ค่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 19-09-2013 10:01:22
คุณรพี ต้องขาดความอบอุ่นมากๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 19-09-2013 11:41:42

กรี๊ด สนุกมาก คิดถูกจริงๆที่เข้ามาอ่าน
เกลียดรพีวะ คนอะไรทำไมเลวขนาดนี้
สงสารพ่อปิงปองของตะวัน
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 19-09-2013 14:09:43
อ๊ากกกก เห็นความทุกข์ของพ่อปิงปองลางๆละ มันต้องมีเรื่องมากมายในบ้านแน่ๆเลย T^T
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: how to ที่ 19-09-2013 19:43:10
ทำไมมันสั้นจัง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 19-09-2013 22:15:18
แล้วพ่อสองคนก็ลงเอยกันสินะ :ling1:
 ไม่เอาแบบนี้นะไม่เอา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (50%) [ 18 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 20-09-2013 22:55:34
แรงมากที่รพีพูดกับพ่อตัวเอง!

ครวนี้จะเป็นยังไงต่อ มาอยู่บ้านเดียวกัน

กลัวปิงปองจะอยู่อย่างไม่มีความสุข :mew4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 22-09-2013 13:52:35



ตอนที่ 8 (ครึ่งหลัง)





ในเวลาไม่ต่างกันนักในบ้านไม้หลังเล็กๆ อดุลย์กำลังยกกับข้าวจานแล้วจานเล่าออกมาวางที่โต๊ะอาหารไม้เหลือใช้ที่ตะวันเป็นคนต่อให้ สีหน้าของร่างเล็กเดี๋ยวดำเดียวขาวอย่างกังวลใจ


คำขอร้องของชายสูงอายุที่ยากจะปฏิเสธแม้ตัวเองไม่อยากจะทำตาม แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่กว่า และว่ากันตามความจริง...ฝ่ายนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมาขอร้องเขาแบบนี้เลย


ศูรขอให้บอกเล่าเรื่องราวให้ตะวันรับรู้ บอกว่าที่จริงแล้วตะวันคือใคร เป็นคำขอที่ฟังดูเห็นแก่ตัวหากไม่ได้พูดร้องขอด้วยน้ำเสียงติดแหบหน่อยๆที่ปรกติเคยมีอำนาจไม่ต้องอ้อนวอนใคร หากไม่ใช่เป็นความปรารถนาของปู่ที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับหลาน


อดุลย์คง...ไม่ตัดสินใจแบบนี้


“หือ...ใครจะมาบ้านเราเหรอครับพ่อ”เสียงใสของตะวันบอกเมื่อเดินเข้ามาหลังจากเรียนเสร็จเจอกับกับข้าวนานาชนิดวางเรียงรายอยู่ต่อหน้า ช่วงนี้เขาขอลางานจากอู่เพื่อรีบกลับมาดูแลพ่อ ถึงพ่อปิงปองของเขาจะไม่ได้เจ็บมากมายแต่ด้วยความเป็นตะวัน...ก็ยังไม่ไว้ใจปล่อยพ่อทิ้งไว้คนเดียวในบ้านนานๆ


“ไม่มีหรอก ทำไม? พ่ออยากทำกับข้าวให้ลูกชายกินไม่ได้หรือ ของชอบตะวันทั้งนั้นเลยนะ”แกล้งดุไม่จริงจังเรียกรอยยิ้มจากลูกชายได้ไม่ยาก ตะวันฉีกยิ้มเดินไปดูกับข้าวให้ชัดๆก็พบว่าตามที่พ่อปิงปองพูดเป็นจริง มีแต่ของชอบของตัวเองทั้งนั้น


กับข้าวฝีมือพ่อ...คือของโปรดของตะวัน


“พ่อหยุดอยู่บ้านแบบนี้ก็ดีไปอย่าง ช่วงนี้มีแต่คนทักว่าตะวันอ้วนขึ้น ดูมีเนื้อมีหนังไม่เหมือนแต่ก่อน สงสัยว่าเพราะแต่ก่อนกินแต่กับข้าวถุงแน่ๆ ไม่อร่อยเท่าอาหารที่พ่อปิงปองทำซักอย่าง”พูดเจื้อยแจ๋วไม่ได้เอะใจกับสีหน้าของอดุลย์ที่ถอดสี พลางคิดว่าแต่ก่อนเป็นอย่างที่ตะวันพูดจริงๆ เขาเองทำงานกับมาตอนเย็นก็แทบจะไม่มีนอนแล้ว แต่ละมื้อก็มีแต่อาหารถุงสำเร็จรูปจนเหมือนเป็นเรื่องปรกติไปแล้วที่จะทานอาหารแบบนั้น


“ตะวัน...ถ้าลูกรวย...มีเงินมากมาย...มีคนทำอาหารให้กินทุกวัน ไม่ต้องกินแกงถุง...มันจะดีกว่านี้มั้ย”คนที่กำลังเพลินกับการสำรวจอาหารหันกลับไปมองพ่อด้วยความแปลกใจ น้ำเสียงสั่นๆของพ่อก็ฟังแล้วแปลกหู


“มันก็ต้องดีกว่าซิครับ ตะวันรวย พ่อก็ต้องรวยด้วยไง แล้วทีนี้ตะวันก็จะให้พ่อไม่ต้องทำงาน อยู่บ้านทำกับข้าวให้ตะวันกินจนอ้วนเป็นหมูไปเลย”เด็กน้อยๆของอดุลย์ยิ้มตอบคำถามแม้จะรู้สึกแปลกกับน้ำเสียงผู้เป็นพ่อ แต่ตะวันยังคงอ้อนทำให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าได้ไม่ยากเท่าไร


“งั้นกินข้าวเถอะ พ่อพึ่งทำเสร็จเลย กินร้อนๆ อร่อย”นึกอยากจะอ้อนต่อว่าถึงเย็นชืดแต่ฝีมือพ่อปิงปองของตะวันก็ไม่ได้อร่อยน้อยลง แต่พอคนพูดชวนทานข้าวพูดจนก็หันกลับไปหยิบจานช้อนในครัวไม่ได้อยู่ให้อ้อน


มื้ออาหารที่มีเสียงพูดของเด็กชายที่พูดไม่หยุด เรื่องราวที่วิทยาลัยถูกส่งให้อดุลย์ได้รับรู้ เรื่องราวที่ตลกบ้างหรือแสนแสบบ้างจนนึกอยากจับลูกชายขึ้นมาตีเบาๆที่มือเหมือนตอนยังเด็ก


“เดี๋ยวตะวันล้างจานให้”เมื่อทานเสร็จคนลูกอาสาหากแต่คนเป็นพ่อแตะมือเบาๆส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ


“เอาไว้อย่างนี้ก่อน...พ่อขอคุยกับตะวันหน่อย”ตาคมมองหน้าพ่อ ไม่ได้นึกแปลกใจเท่าไรเพราะคิดว่าพ่อคงมีเรื่องอะไรแต่แรกแล้ว ที่ทำอาหารให้ทานคือเอาใจเล็กๆน้อยๆก่อนเท่านั้น


ตะวันยิ้มหน่อยๆให้พ่อก่อนจะรับคำแล้วเดินตามพ่อไปนั่งประจันหน้ากันที่โซฟาผ้าตัวเล็กกลางบ้าน อดุลย์ขมวดคิ้ว หนักใจกับเรื่องที่ตัดสินใจจะพูดออกมา ผิดกับคนตรงหน้าที่ใจจดใจจ่อว่าพ่อมีเรื่องอะไรจะบอก


เป็นหลายนาทีที่อดุลย์ปล่อยให้ลูกนั่งมองหน้าอยู่อย่างนั้นมีเพียงเสียงจากเครื่องโทรทัศน์ที่เปิดไว้ก่อนหน้าเท่านั้นที่ยังทำให้บ้านหลังนี้ไม่เงียบไปซะที่เดียว อดุลย์เองถึงจะเงียบแต่ในใจนั้นไม่ใช่...เขากำลังทะเลาะกับตัวเองอย่างเสียงดังภายในใจ


ลึกๆเขาไม่อยากเสียลูกชายคนนี้ให้ใครไป...ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตาม


แต่ด้วยความสงสาร ด้วยความที่เข้าใจความเหงาที่ต้องโดดเดียว แม้จะต่างกันที่อดุลย์โดดเดี่ยวเพราะถูกทอดทิ้งแต่ศูรโดดเดี่ยวเพราะเลือกจะทอดทิ้ง แต่ความเหงา...คือความเหงา และมัน...ทรมาน


“พ่อ...”ตะวันครางเรียกพ่อ สีหน้ากังวลไม่ต่างกัน เพราะพ่อไม่ยอมพูดแถมยังทำสีหน้าอย่างกับจะร้องไห้อยู่ตรงหน้าทำให้รู้ว่าเรื่องที่จะพูดคง...ไม่ดี หัวสมองก็คิดไปถึงว่าตัวเองทำอะไรลงไปหรือเปล่า


“ตะวัน...พ่อ...ถ้า...ถ้าบอกว่าพ่อ...ไม่ใช่พ่อ”อดุลย์หยุดเงียบไม่กล้าจะพูดต่อ น้ำเสียงเบาหวิวไม่มั่นใจที่จะพูดออกมา ตะวันหน้าเกร็งไหล่เกร็ง ภาวนาอย่าให้เป็นเรื่องเดียวกับที่พึ่งโดนไอ้ดำเพื่อนสนิทแซวมา...ขอร้อง...


“ถ้าพ่อ...ไม่ใช่พ่อของตะวัน...”


พรึ่บ!!!!


ไม่ทันได้พูดจบร่างสูงเพรียวของลูกชายก็ยืนเต็มความสูง อดุลย์เงยหน้ามองอย่างกล้าๆกลัว ตาโตสบกับตาคมของลูกชายแล้วน้ำตาพาลไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว


ในดวงตาคู่คมกำลังสั่นไหวราวกับผิดหวังและเสียใจ...ตาคู่คมที่เคยมีความฝันความหวังกลับหม่นแสงไม่สะท้อนสีใดๆออกมา อดุลย์ตัวชาเมื่อได้เห็น


คิดว่าตะวันจะโวยวาย...กลัวไปก่อนว่าลูกจะโกรธมากมายแค่ไหน แต่ไม่เลย...ไม่เคยคิดเลยว่าลูกจะไม่โวยวาย ไม่แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยว  แต่...อดุลย์อยากให้ตะวันโกรธมากกว่าที่จะเป็นแบบนี้


“พ่อจะบอกอะไร!! ไอ้ดำมันพึ่งแซวตะวันมาว่าตะวันไม่ใช่ลูกพ่อ!! เพราะตะวันหน้าตาไม่เหมือนพ่อเลยแต่เหมือนผู้ชายที่มาเยี่ยมพ่อมากกว่า...ไม่จริงใช่มั้ยครับ ไอ้ดำมันเพ้อเจ่อใช่มั้ยครับพ่อ...พ่อปิงปองคือพ่อของตะวัน...ตะวัน...เป็นลูกพ่อใช่มั้ย”น้ำเสียงเหมือนพายุในตอนแรก แต่ท้ายประโยคกลับเป็นเสียงที่อ่อนแรง


อดุลย์เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น น้ำตาจากตาคู่คมไหลออกมาโดยไม่สะอื้น แต่เขาจะทำอะไรได้...ทำได้แค่ก้มหน้าพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆให้ลูกชายได้ยิน และเป็นเหมือนคำตอบที่ทำให้ใจดวงเล็กๆสลาย


ร่างสูงไม่รอฟังให้คนเป็นพ่อพูดเรื่องราวอะไรออกมาอีก ขายาวพาตัวเองออกจากบ้านหลังเล็กอย่างไร้จุดหมาย ไม่หันกลับไปมองด้านหลังเพราะด้วยกำลังเสียใจ แม้จะได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อตัวเองตามหลังด้วยเสียงที่ราวกับขาดใจ


“ตะวัน....พ่อ...ขอโทษ”



หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 22-09-2013 14:11:22
ใจคนเป็นพ่อคงแทบขาด


รอตอนต่อไป มาไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arovera ที่ 22-09-2013 14:44:43
 กระซิกๆ  ไรเตอร์มาต่อไวไวนะ :o12:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 22-09-2013 18:39:13
เศร้าอีกแล้ว สงสารปิงปอง :mew6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 22-09-2013 20:35:37
 :o12:ใจคนอ่านร้าวรานตามตะวัน สู้ๆ นะคะ เข้ามาดูทุกวัน รออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 22-09-2013 21:08:07
ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกผู้ใหญ่ทำอะไรกัน ไม่ถามถึงใจเด็กบ้าง
อยากเอาตัวตะวันไป เคยถามตะวันบ้างรึเปล่าว่าอยากไปไหม
เห็นแก่ตัวจริงๆ เฮ้อออ สงสารพ่อปิงปองด้วย
จะทำไงดีละทีนี้  ตะวันจะเตลิดไปไหนรึเปล่าละเนี่ยะ
กลุ้มใจจัง รออ่านตอนต่อไปนะคะ
เราชอบเรื่องนี้มากเลย สู้นะคะ เป็นกำลังใจให้จ้าาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-09-2013 23:06:04
พ่อปิงปองใจสลายแล้ว ตะวันต้องเข้าใจและยอมรับ เพื่อความรักของพ่อปิงปองนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mwsign3639 ที่ 23-09-2013 11:00:41
 :sad4: :hao5: :hao5: :hao5: รีบมาอัพเร็วนะคะ สงสารพ่อปิงปอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: baroona59 ที่ 23-09-2013 12:45:48
 :hao5: :hao5: :hao5:

รีบมาต่อนะคร๊าบ รออ่านอยู่

 :pig4: :mc4: :call: o18
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 23-09-2013 12:58:46
ใจคนเป็นพ่อยิ่งกว่าเศร้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 23-09-2013 14:21:47
เจ็บปวด

 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 24-09-2013 00:50:44
เศร้าทั้งคู่แบบสุดๆ ฮือ ร้องไห้ ถ้าไม่รีบมาต่อจะปาถังน้ำตาใส่คนแต่ง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 24-09-2013 03:26:12
รีบมาต่อนะคับ อ่านแล้วค้างอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 27-09-2013 10:00:31
อ๊ากกก ตะวันอย่าโกรธพ่อปิงปองนะ ตะวันอย่าเปลี่ยนไปนะรักพ่อให้เหมือนเดิม ไม่งั้นพ่อตะวันจะน่าสงสารมากอ่ะ T^T
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 28-09-2013 09:24:22
อ๋า มาต่อเร็วๆเถอะนะ
ใจมันสั่นอ่ะ อยากรู้
สงสารพ่อปิงปองกะตะวันที่สุด
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 02-10-2013 22:39:58
 คุณนักเขียนคับทำไมหายไปเลยละคับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arovera ที่ 05-10-2013 12:34:35
 :angry2: ไปแจ้งคนหายกันไรเตอร์หายไปแว้ว  :serius2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 05-10-2013 21:19:07
 :mew6:
แต่งได้ดีมากมาย รอๆๆๆ มาต่อไวๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 08-10-2013 02:37:32
เราจะร้องไห้ T^T
ไม่ใช่ซึ้งนะไม่มีไห้อ่านต่อ....อ่าว?
เรื่องนี้เข้มข้นมากมายอ่านไปก็กดดันในจิตใจไป
ไม่คิดว่าความจริงจะมาเร็วขนาดนี้
รับไม่ได้เหมือนกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่คิดว่า ตะวันไม่ควรทำคือเดินหนีไปจากพ่อปิงปองนะ
เพราะความรู้สึกของคนที่เป็นพ่อ(ไม่แท้)ก็คงเจ็บปวดไปไม่น้อยกว่ากัน เศร้ามาก
เกลียดรพี 18เท่า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 09-10-2013 00:23:50
คือทำไมไม่มาต่อเสียทีนอ อยากอ่านแล้ว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Hooh ที่ 09-10-2013 10:15:15
เรื่องมันเศ่าเพราะคนแต่งหาย  :o12: o22
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 17-10-2013 21:06:37
โอ้วววว อินอย่างแรง สนุกมากกก
ไหนจะตะวันเจ็บปวดกับความจริงจากพ่ออดุลย์
ไหนจะรพีกับบาดแผลเรื้อรังที่เกิดจากพ่อศูร
เดาว่า ต่อไปก็จะต้องมีคดีระหว่าง ตะวันกับรพี
และที่สุดๆก็ รักต้องลุ้นของ "อดุลย์กับรพี" กรี๊ดๆๆๆ
รออ่านอยู่นะคะุ ชอบมากๆ โดนใจ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 24-10-2013 00:45:18
เจ้าของนิยายไม่มาต่อแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: chocolate_ness ที่ 31-10-2013 09:07:21
คนเขียนหายไปเลย อยากอ่านต่อแล้วอะคะ เรื่องบาดใจ สนุกมากก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 31-10-2013 11:15:29
รอเช่นกันค่ะ :katai3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 05-11-2013 01:25:18
ผมหวังทุกวันว่าคุณจะกับมา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 8 (ครบ) [ 22 / 9 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 06-11-2013 22:09:29
กลับมาเร็วๆเถอะหนา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 9 [ 8 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 08-11-2013 22:00:57
**** ที่หายไปนานเพราะตอนแรกติดสอบ สอบเสร็จกลับบ้าน น้ำท่วมอีกค่ะ ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันนะ :mew1: ****





ตอนที่ 9



ท่ามกลางความมืดมิดของคืนเดือนดับ ภายในสวนสาธารณะที่สว่างจากดวงไฟสีส้มแค่บางจุด มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดของโซ่เหล็กจากชิงช้าสีชืดเสียดสีไปมาเบาๆทำให้รู้ว่าที่แห่งนี้ยังมีคนอยู่ ร่างของเด็กชายที่นั่งไกวตัวเองบนชิงช้าตัวเล็กดูไม่เหมาะกับตัวของตนแล้วทำให้คนที่ออกมาตามอย่างทานตะวันหยุดมองดูอยู่เงียบๆ


เมื่อไม่กี่นาทีก่อนทานตะวันรับโทรศัพท์จากพ่อของเพื่อนสนิทพร้อมกับรับรู้เรื่องบางเรื่องของเพื่อนที่ตัวเองก็คิดไว้แต่ก็ไม่ได้อยากจะให้มันเป็นไปตามที่คิดเลย เป็นทานตะวันที่อาสาออกตามหาตะวัน เพราะรู้ดีว่าเกิดเวลาแบบนี้ที่แห่งเดียวที่ตะวันจะมาอยู่คือที่ไหน


สวนสาธารณะที่ไม่ไกลจากบ้านของตะวัน ความจริงคือสวนเด็กเล่นของหมูบ้านที่อยู่ในละแวกมากกว่า หากมีเรื่องทุกข์ใจคงมีแต่ที่แห่งนี้ที่ตะวันจะมาอยู่ แม้ชายหนุ่มผิวสีจะไม่รู้เหตุผลแต่ก็เดาไม่ยาก


ตอนที่ทั้งคู่ยังเด็ก...อดุลย์ยังไม่ได้มีเงินเก็บมากมาย เงินที่ได้มาก็มักจะหมดไปกับค่าอยู่ค่ากินและยังต้องออมเพื่อค่าเทอมที่แพงขึ้นทุกปีๆที่ตะวันโตขึ้น  เพราะแบบนั้นสนามเด็กเล่นจึงเป็นที่โปรดปรานของตะวันมาตลอด เป็นที่โปรด...ที่เต็มไปด้วยความสุขกับเครื่องเล่นเล็กๆ


...ความสุขที่...ได้อยู่กับพ่อ...


น้ำตาหยดเสียงสะท้อนแสงสีส้มจนเห็นชัดเจนออกมาจากดวงตาคู่คม ภาพของพ่อปิงปองที่กำลังไกวชิงช้าให้สูงขึ้น...สูงขึ้นฉายชัดขึ้นมา ภาพที่พ่อคอยระแวดระวังภัยเมื่อตัวเองกำลังปีนป่ายเครื่องเล่นที่ทั้งสูงและอันตราย ภาพที่พ่อวิ่งเข้ามาด้วยความร้อนรนเมื่อตัวเองเพียงแค่หกล้มเพียงเล็กน้อย


พ่อ...ที่ตะวันคิดว่าเป็น...พ่อ


เด็กหนุ่มกลั้นร้องไห้อย่างสุดกลั้น ฟันขาวกัดกับริมฝีปากล่างจนห้อเลือดแต่ความเสียใจก็ไม่อาจกลั้นได้หมด คำสะอื้นก้อนโตหลุดออกมาจนคนที่แอบมองถึงกับชาวาบไปทั้งตัวพาลนึกโทษตัวเองที่ก็มีส่วนทำให้ตะวันเป็นถึงขนาดนี้


“ตะวัน...”ครางเสียงเบาแต่ในความเงียบกลับได้ยินชัดเจน คนถูกเรียกไม่ได้หันกลับไปมองด้วยจำเสียงของเพื่อนได้


“...ไอ้ดำ...กู...กูไม่ใช่ลูกของพ่อ...ฮึก”อยากจะบอกเล่าเรื่องราวให้คนอีกคนรับรู้หกากแต่พอพูดถึงเรื่องนี้กลับทำให้พูดไม่อะไรไม่ออก ความเสียใจและผิดหวังพุ่งขึ้นมาจนแน่นไปทั้งอก


ทานตะวันไม่ได้พูดอะไรปลอบมีเพียงแค่สงสองมือออกไปโอบกอดร่างที่เล็กกว่าให้เข้ามาหวังปลอบประโลม ด้วยเพราะความอบอุ่นทำให้เสียงที่เป็นแค่สะอื้นเบาๆแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร่ำไห้ด้วยความเสียใจ



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



แสงไฟหลากสีสลับกับส่องแสงพร้อมๆกับเสียงเพลงจังหวะเร็วที่พร้อมใจช่วยกันมอมเมาอารมณ์ให้ผู้คนติดอยู่กับความสนุกสนานตรงหน้า


สถานบันเทิงแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องของผู้ที่มาเที่ยวว่ามีแต่คนหน้าตาดีและคนมีฐานะดีจึงไม่แปลกนักที่แม้ค่ำมืดเพียงใดหญิงสาวหน้าตาดีก็มากเท่านั้น หากแต่คืนนี้จุดมุ่งหมายของสาวกลางคืนหลายๆคนไม่ใช่เด็กหนุ่มน้อยใจแตกบ้านรวยธรรมดา แต่คงเป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่ยังคงความหล่อไว้ได้ทุกกระเบียดนิ้ว


รพียกแก้วแล้วแก้วเล่าอย่างไม่นึกใส่ใจกับสายตานับสิบที่อยู่รอบข้าง ในใจมีแต่ความคับอกคับใจกับคำสั่งของผู้เป็นพ่อที่สั่งตนราวกับเป็นแค่เด็กอมมือ เท่าที่รพีเข้าใจ ศูรต้องการหลานชายของตัวเองกลับมาดูแลเท่านั้น ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรแม้แต่น้อยที่จะให้ไอ้เจ้าคนที่ชื่ออดุลย์ย้ายเขามาคอยดูแลด้วย

ตะวัน...ลูกของตัวเองก็ไม่ใช่เด็กทารกตัวเล็กแล้วด้วยซ้ำไป


“ไงซัน ไม่ได้มานานเลย งานยุ่งเหรอ?”เสียงชายอายุไล่เลี่ยกับรพีเอ่ยถาม คนถูกถามเพียงแค่พยักหน้าตอบอย่างเซ็งๆให้กับเพื่อนเก่า


ไตรหรือไตรเทพเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนเป็นเพื่อนแค่คนเดียวที่ยังติดต่อกับบ่อยๆโดยไม่ได้หวังเรื่องธุรกิจ ไตรเทพเป็นเจ้าของผับที่รพีนั่งดื่มอยู่ตอนนี้ แต่ก่อนร้านนี้เป็นร้านที่สมัยรพีกับเพื่อนๆรวมถึงไตรเทพมาเล่นดนตรีกลางคืนอยู่ ช่วงห้าปีก่อนไตรเทพได้ธุรกิจตรงนี้มาลงทุนต่อ จึงเป็นเหมือนที่พักผ่อนหยอนใจของรพีด้วยกลายๆ


“เป็นไรของมึงว่ะ เครียดเรื่องเมียฟ้องหย่าเรอะ”


“ไม่ใช่เว้ย”ตอบเสียงแข็งจนเพื่อนถึงกับส่ายหน้าระอา เพราะเป็นเพื่อนกันมานานจึงรู้ได้โดยทันทีว่าคงไม่พ้นเรื่องของพ่อ...


“ทะเลาะกับลุงศูรมาอีกหรือไง แก่จนป่านนี้แล้ว กูไม่รู้หรอกนะว่ามันเรื่องอะไร แต่มึงก็ยอมๆพ่อมึงบ้างเถอะเขาจะอยู่ให้มึงทำตัวหมาๆใส่ได้อีกกี่ปีกันเชียว...นี่กูไม่ได้แช่งพ่อมึงนะเว้ย”ไตรเทพเตือนโดยมีตาคมที่น่ากลัวนั้นหันมาจ้องมอง ถ้าเป็นคนอื่นคงหยุดพูดแล้วหนีไปให้ไกล แต่ไตรเทพไม่ใช่ เขารู้ดีว่ารพีเป็นคนอย่างไร


รู้ว่ารพีนั้นไม่ได้เกลียด...อย่างที่ปากว่าแม้แต่น้อย


“ถ้ามึงจะทำให้กูเซ็งมากกว่าเดิมก็ออกไปไกลๆตีนดูไอ้ไตร ไปดูแลลูกดูแลเมียมึงที่บ้านไป!!!”ตะคอกเสร็จมือแกร่งก็คว้าแก้วใสขึ้นซดน้ำสีอำพันจนหมดแก้ว ก่อนยังวางแก้วลงพื้นเคาเตอร์ดัง ปึ๊ก!! ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเจ้าของผับ


“ลูกกูนอนแล้ว เมียกูก็คงนอนกับลูก กูอยู่ดูแลมึงดีกว่า มึงน่าห่วงกว่าเยอะรู้มั้ยไอ้ซัน”รพีไม่ตอบกลับแค่คว้าแก้วใหม่ที่ถูงบริกรเติมให้ขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับไตรเทพที่ไม่ได้พูดเหย้าแหย่อะไรอีกแค่รอให้ไอ้เพื่อนคนนี้เมาได้ที่เดียวก็จะพรั่งพรูเรื่องในใจให้เขาช่วยคิดอย่างเคย



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




“มึงก็คิดมากไอ้ซัน...พ่อมึงเขาก็แค่หาคนมาดูแลลูกมึงแท้ๆ แล้วไม่ดีเหรอให้ไอ้คนนั้นมาดูแลน่ะ เขาดูแลลูมึงมาตั้งสิบกว่าปี กูว่าลุงศูรคงคิดแค่ว่าคงดีมากกว่าถ้าให้ไอ้นั่นเลี้ยงต่อก็แค่นั้นมั้ง”ไตรเทพพูดสิ่งที่ตัวเองคิดเมื่อได้ยินเรื่องราวของเพื่อน ยอมรับว่าตัวเองก็ตกใจนิดหน่อยกับเรื่องที่ได้ยิน


ไม่ได้ตกใจกับเรื่องลูกชายของเพื่อน แต่ตกใจกับเรื่องของหญิงสาวผู้โชคร้ายที่ตกเป็นเหยื่อจากความเสเพลของผู้ชายคนหนึ่งต่างหาก


“แต่กูไม่เข้าใจ!! มึงรู้มั้ยว่าไอ้อดุลย์นั่นมันไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ กูเห็นรูปมันแต่ก่อนนี่กระเทยชัดๆ!! แต่วันก่อนกูไปเจอมันมากับตัวมันแต่งตัวเป็นผู้ชายปรกติไม่มีอะไรผิดเพี้ยน น่าสงสัยจะตายคนแบบนี้!!”เสียงติดตะคอกหน่อยๆหากแต่คนฟังไม่ได้ถือสาหาความ รพีเป็นแบบนี้บ่อยๆเมื่อเริ่มคงสติไว้ไม่อยู่จากการดื่มสุรา


“พวกกระเทยกลับใจเป็นผู้ชายเยอะแยะไป..”


“แต่นี่ไม่ใช่!! กูรู้สึกว่ามันหลอกลวงมันยังเป็นกระเทยอยู่แน่ๆ แล้วจะให้กูอยู่บ้านเดียวกับอีกระเทยนี่เนี้ยนะ!!”


“ทำไมว่ะ? กระเทยก็คนนะเว้ยซันมึงอย่าลืม หรือมันหน้าตาหน้าเกลียดเหมือนพวกหื่นกามมากหรือไงถึงขยะแขยงขนาดนี้”ถามตลกกลับด้วยหวังดับอารมณ์คนตรงหน้าที่เหมือนจะเริ่มฉุดไม่อยู่ เข้าใจอยู่ว่ารพีไม่ชอบเพศที่สามมาแต่ไหนแต่ไร แต่ไม่ได้รังเกียจอะไรขนาดนั้น ซ้ำยังเคยมีประสบการณ์รุมโทรมกระเทยที่เกาะติดด้วยความคะนองของวัยรุ่น


รพีไม่ได้ตอบอะไรแค่มุ้ยหน้าไม่พอใจที่โดนขัดใจพลางหยิบรูปถ่ายที่จิดอยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตออกมาให้เพื่อนดู


“เฮ้ย!! ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนี่หว่า น่ารักเลยนะเนี่ย นี่รูปตอนนี้ใช่เปล่าวะแล้วรูปที่มึงบอกว่าเป็นกระเทยล่ะ?”ถามเพราะนึกสนใจ ภาพของคนตรงหน้าไตรเทพไม่ได้คนน่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่จินตนาการไว้ในตอนแรกที่ได้ฟังเรื่องราวจากรพี แต่กลับกัน เป็นผู้ชายร่างเล็กแล้วยิ่งดูเล็กไปกันใหญ่เมื่อยืนคู่ชายหนุ่มสูงโปร่งที่เดาออกทันทีว่าเกียวข้างอะไรกับรพี


ซ้ำหน้าตายังดูเกลี้ยงเกลาแบบธรรมชาติ ถึงจะมีริ้วรอยเพราะขาดการดูแลแต่ถ้าคนตรงหน้าไม่ได้เป็นคนถ่ายรูปขึ้นก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่น่ารักคนหนึ่งเลยทีเดียว คงเพราะดวงตากลมกับหน้าผากสวยนั่น นึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าคนๆนี้แต่งหน้าทาปากจนเพื่อนของเขาเรียกว่ากระเทย...จะสวยขนาดไหน


โทรศัพท์หรูถูกยืนให้ไตรเทพดูตรงหน้า เพราะรูปที่ได้มาค่อนข้างเก่า รพีจึงสั่งให้คนก๊อปไฟล์รูปลงมือถือไว้สำรอง ไตรเทพมองรูปตรงหน้าด้วยความแปลกใจ รูปตรงหน้าไม่ได้ต่างจากที่ตัวเองคิดมาก แต่เพราะรูปมันเก่าสีจึงทำให้คนในรูปดูไม่เท่าที่คิดไว้ แต่ด้วยปากที่แต้มสีกับด้วยตากลมที่เขียนให้คมชัดบวกกับผมยาวที่รวบมัดไว้ด้านหลัง


ถ้ารพีไม่บอกว่ากระเทย...เขาคงคิดว่านี่เป็นรูปผู้หญิงคนหนึ่ง


“เฮ้...เดียวนะ...หน้าตาเขาคุ้นๆอยู่นะมึงว่าป่ะ”รพีจ้องหน้าเพื่อนรวดเร็วเมื่อได้ยินเรื่องที่น่าสนใจ ไตรเทพแย่งมือถือไปถือพร้อมเพ่งอยู่นานก่อนจะอุทานจนรอฟังผงะนิดหน่อย


“เฮ้ย!! ถ้าจำไม่ผิดนี่มันชุดพนักงานของร้านนี้สมัยที่เรายังเล่นดนตรีอยู่เปล่าว่ะซัน”คนถูกถามแย่งมือถือคืนแล้วเพ่งมองอย่างพิจารณาบ้าง แม้ความจำจะไม่ดีเท่าเพื่อนคนข้างๆ แต่พอมองจริงๆแล้วก็คลับคล้ายคลับคลาอยู่ไม่น้อย


ถ้าหากอยู่ในสภาพปรกติรพีคงสั่งให้คนสืบเรื่องของอดุลย์ให้มากกว่านี้....แต่ตอนนี้รพีมึนเมาเพราะฤทธิ์ของเครื่องดื่มที่ดื่มไปหลายต่อหลายแก้ว สติของเขาสั่งแค่ว่าให้ลุกขึ้นแล้วตรงไปจัดการให้ถึงที่


...ไอ้กระเทยนั่นต้องรู้จักเขามาก่อน...


...ไอ้กระเทยนั่นต้องรู้ว่าตะวันเป็นลูกของเขา...


“มึงโดนแน่!!”เสียงคำรามลั่นทำเอาหลายคนสะดุ้งเฮือก หญิงสาวหลายคนที่หวังทอดสะพานให้ถอยหนีอย่างรวดเร็วได้แค่มองตามหลังของรพีที่เดินออกไปราวกับยักมาร...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



“หยุดร้องไห้แล้วนะ?”ชายหนุ่มผิวสีถามคนในอ้อมกอดได้รับคำตอบเพียงพยักหน้าหงึกๆที่อกของตัวเองเลยปล่อยร่างเพื่อนออก เวลาที่ผ่านไปเพื่อนสนิทคนนี้ทำเพียงแค่ร้องไห้ออกมาเท่านั้น


“ถ้างั้นก็กลับบ้านเถอะ”


“ไม่เอา!!”ปฏิเสธเสียงกร้าวพร้อมชักสีหน้าไม่พอใจ


“ทำไม?...อย่าบอกนะว่ามึงโกรธน้าปิงปอง”


“กู...ถ้าเป็นมึงไม่โกรธหรือไง?”แทนที่จะตอบคำถามแต่กลับถามคำถามที่คนฟังนึกระอา ทานตะวันส่ายหน้าใส่เพื่อนสนิทก่อนจะเขกหัวเบาๆอย่างที่ชอบทำเวลาเตือนสติตะวันมาตลอด


“ถ้าเป็นกู...อาจจะโกรธ แต่คงไม่เดินหนีหายมาแบบมึงแน่ๆ กูจะกลับไปคุยกันให้รู้เรื่อง”น้ำเสียงเย็นๆค่อยๆสอนค่อยๆบอกหวังว่าคนฟังจะได้สติ เขาเชื่อว่าพ่อของเพื่อนคนนี้มีแต่เจตนาดีให้กับตะวัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรคงไม่เป็นผลเสียกับตะวันแน่ๆ


“มึงพูดง่ายไอ้ดำ!! ลองมาเป็นกูบ้างมั้ยล่ะ ลองให้คนที่มึงเรียกว่าพ่อมาตลอดจู่ๆก็บอกว่าไม่ใช่พ่อแท้ๆมึงจะเป็นยังไง!!”ตะวันยังตวาดไม่เลิก เข้าใจถึงสิ่งที่เพื่อนบอกก็จริง...แต่ความเสียใจมันทำให้ถือทิฐิมากกว่า


“กู...กูเสียใจ...ไม่เข้าใจ...เขาไม่รักกูเหรอว่ะ ทำไมเขาไม่โกหกกูต่อว่ากูเป็นลูกเขา ไม่ต้องบอกความจริงกูก็ได้....ทำไมว่ะ ทำไม!!”


“มึงสงสัยแล้วทำไมไม่ไปคุยให้รู้เรื่องว่ะ?”ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับชิงช้าตัวเดิม ตาคมก้มมองพื้นไกวตัวเองเบาๆก่อนจะตอบคำถามด้วยเสียงสั่นๆ ที่เป็นสิ่งยืนยันคำที่พูดไป


“กูกลัว...กลัวว่าพ่อจะไม่รักกูจริงๆ กลัวว่าพ่อจะเบื่อที่จะมีกูเป็นลูกแล้ว พ่อถึงบอกความจริงกับกู”มือใหญ่ของคนที่ยืนมองคนพูดเอื้อมไปวางบนหัวมนเบาๆ


“ถ้ากูเป็นมึงนะ กูจะไม่กลัวเลย มึงเองน่าจะรู้ว่าน้าปิงปองเขารักมึงมากขนาดไหน สิบหกปีที่เขาเลี้ยงมึงมายังไม่ทำให้มึงรู้อีกเหรอว่าพ่อมึงรักมึงหรือเปล่า เลี้ยงเด็กคนหนึ่งมันยากนะเว้ย ขนาดพ่อแม่กูช่วยกันเลี้ยงกูมาเขายังบ่นเหนื่อยเช้าเหนื่อยเย็น นี่น้าปิงปองเลี้ยงมึงมาคนเดียวนะ เขาต้องลำบากมากแน่ๆแต่กูยังไม่เคยเห็นเขาบ่นว่าเหนื่อยซักครั้ง”ตะวันคิดตามที่ได้ฟัง ภาพอดีตที่ปรากฏมามีเพียงแค่รอยยิ้มสดใสของผู้เป็นพ่อเท่านั้น ไม่เคยมีเลยที่พ่อปิงปองของเขาจะทำหน้าตาเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายใส่เขา ไม่ว่าจะดื้อหรือเกเรขนาดไหน


ไม่ใช่เพราะว่าตะวันรู้ว่าพ่อรักตัวเองมากหรอกหรือถึงกล้าทำตัวดื้อขนาดนั้น?


แล้วที่ครั้งนี้ที่เขาทำตัวดื้อและไม่น่ารักพ่อจะยังยิ้มและให้อภัยเขาเหมือนทุกครั้งหรือเปล่า เขาจะยังได้รับการอภัยอยู่ใช่มั้ย พ่อ...จะยังรักเขาอยู่...ใช่มั้ย???


ใช่มั้ยครับ..พ่อ


หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 9 [ 8 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 08-11-2013 22:46:14
ได้อ่านสมใจอยากแหละ ขอบคุณมากนะคับ แล้วบัดนี้ต้องมาต่อให้ได้เรือยๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 9 [ 8 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: chocolate_ness ที่ 09-11-2013 07:36:18
ว้าวว ได้อ่านแล้ว ขอบคุณมากนะคะ รอตอนต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 9 [ 8 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 09-11-2013 09:12:43
เย้ มาต่อแล้ว ยังไม่จุใจเลย
มาต่อไวๆนะคะ รออ่านอยู่น้าา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 9 [ 8 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 09-11-2013 09:25:02
ดีใจจังมาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 9 [ 8 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 09-11-2013 14:47:23

ขอบคุณที่มาต่อ

ทั้งพ่อ(ตัวจริง)ทั้งลูกท่าทางจะสันดานเดียวกันเลยนะ
นี่ขนาดไม่ได้อยู่กับพ่อที่แท้จริงมาก่อนนะเนี่ย---เชื้อมันแรงจริงๆ

เดี๋ยวต้องโดนหาว่าเลี้ยงลูกให้เพราะหวังสมบัติแน่ๆเลย

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 9 [ 8 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 09-11-2013 20:43:13
ยังสงสารปิงปองเหมือนเดิม

เมื่อไหร่รพีจะสำนึกกับการกระทำของตัวเองสักทีนะ :mew4:

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 9 [ 8 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-11-2013 23:05:05
พ่อ คำเดียว คือความสุข ขอบใจจร้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 9 [ 8 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 10-11-2013 22:48:57
แอบสงสารนายเอกแฮะ
แต่ชอบอ่ะ! 55
มาต่อเร็วๆนะค่า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 9 [ 8 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 11-11-2013 12:47:37
 :katai4: :katai4: :katai4: ขอแบบยาวๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 11-11-2013 23:41:39



ตอนที่ 10


ภายในบ้านไม้หลังเล็ก ร่างบางของอดุลย์นั่งไม่ติดที่มาเป็นชั่วโมง ความรู้สึกที่ถูกตะวันเดินหนีไปโดยไม่หันกลับมามองช่างปวดร้าวหัวใจ ไม่นึกโทษลูกชายซักนิดเพราะว่าอดุลย์เข้าใจลักษณะนิสัยของตะวันดี...ตะวันใจร้อน และมักควบคุมสติไม่อยู่ แต่ไม่เป็นไรหรอก...อดุลย์ปลอบตัวเองอยู่แบบนั้น เพราะอีกเดี๋ยวตะวันคงกลับมากอดและอ้อนขอโทษเขาอย่างที่เคยเป็น


แสงไฟหน้ารถฉายเข้ามาในตัวบ้านจนต้องยกมือขึ้นป้อง อดุลย์พยายามมองลอดแสงสีส้มสว่างของรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน แต่ยังไม่ทันได้รู้ว่าเป็นใครเสียงบีบแตรรถก็ดังสนั่นจนร่างเล็กสะดุ้งสุดตัว แต่เหมือนว่าปฏิิกิริยาของอดุลย์ไม่ทันใจ เสียงครั้งที่สองและสามจึงตามมาอย่างรวดเร็วก่อนจะเป็นเสียงแตรรั่วๆจนอดุลย์ต้องรีบวิ่งไปดูด้วยความวิตก


สีหน้าของอดุลย์ซีดลงกว่าเดิมเมื่อเห็นว่ารถที่ส่งเสียงรบกวนอยู่หน้าบ้านคือรถของใคร ลึกๆเขายังคงกลัวรพีจนแทบไม่อยากเจอหน้า แต่อดุลย์ก็เกรงใจเพื่อนบ้านที่โผล่มาดูความเป็นไปของเสียงดังยามค่ำคืนแบบนี้จึงจำใจเปิดประตูรั่วเหล็กเก่าๆให้รถหรูเหยียบคันเร่งจนแทบจะชนคนเปิดประตูอยู่รอมร่อ


“ทำอะไรอยู่ว่ะ ชักช้า!!”ตวาดเสียงใส่คนที่กำลังจะปิดประตูจนสะดุ้งโหยงอดุลย์ค่อย    ๆหันไปสบตากับร่างใหญ่ที่ก้าวขาเข้ามาหาเรื่อยๆ กลิ่นของแอลกฮอล์ฉุนโชยออกมาจากคนข้างหน้าพร้อมกับตาขวางๆที่ดูน่ากลัวนั่น คงเดาไม่ยากว่ารพีมาที่นี่ด้วยเพราะอะไร


“ขอโทษครับ”พูดเสียงเบาก่อนจะถอยเท้าเลี่ยงไปด้านซ้าย รู้ว่าระยะแค่นี้คงช่วยอะไรไม่ได้เท่าไร


“คุณรพีมาหาตะวันหรือครับ”มีเพียงสิ่งเดียวที่อดุลย์นึกออกเท่านั้นที่เป็นเหตุให้รพีมาเหยียบที่บ้านของเขา คนถูกถามยังคงใช้สายตาคมมองคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ยิ่งเห็นยิ่งไม่สบอารมณ์ ไอ้ใบหน้าซื่อๆกับท่าทางที่ดูระแวดระวังเหมือนกลัวคนรอบข้างแบบนั้น


ทั้งๆที่คนน่ากลัวและมีเล่ห์นัยแบบตัวเองมากกว่าที่คนอื่นควรจะกลัว


“เลิกทำท่าทางกลัวกูจับหักคอแบบนั้นซักที!!”


“ขะ...ขอโทษครับ”หน้าถอดสีทันทีเมื่อถูกตวาดอีกครั้งใกล้ๆ มือบางเผลอกำแน่นเกร็งด้วยความตกใจ สายตาสอดส่ายพยายามหาทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อน เพราะรู้ว่าคนสติขาดเพราะความมึนเมาน่ากลัวขนาดไหน ยิ่งเป็นคนที่เกลียดขี้หน้าแล้วคงน่ากลัวขึ้นอีกเป็นเท่าตัว


อดุลย์เองใช้ชีวิตผ่านความโหดร้ายของคนมาก็มาก ช่วงที่ต้องทำงานกลางคืนก็แทบเอาตัวไม่รอดอยู่หลายครั้งแต่คงเป็นเพราะโชคเลยรอดมาได้ตลอด และภาวนาให้ครั้งนี้ก็เป็นเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา


“เฮอะ!! มึงใช้ความตอแหลของมึงหลอกคนมากี่คนแล้ว? กูอยากรู้จริงๆเชียวว่ามึงวางแผนมาก่อนหรือเปล่าที่เลี้ยงลูกของกู”สายตาคมมองสำรวจด้วยความขัดตา จะให้มองกี่ครั้งรพีก็ยังคงรู้สึกขัดตาขัดใจ  มันเป็นเหมือนเจอเตาแก๊สวางไว้ในห้องนอน ความรู้สึกไม่ถูกที่ถูกทางทำให้หงุดหงิดจนแม้ตัวเองยังบอกไม่ถูก


“ผม...ไม่เข้าใจ”เงยหน้ามองคนว่ากล่าวอย่างเอาเรื่อง เหมือนถูกดูถูกเรื่องที่ไวต่อความรู้สึกมากที่สุด แต่ความกลัวในตัวรพียังไม่หายไป ทันทีที่สบสายตาคู่นั้นก็หลุบตาหนีอย่างรวดเร็ว ทำได้แค่จิกเนื้อขาตัวเองแรงๆข่มความรู้สึกแย่เอาไว้


อยากโกรธจริงๆ...แต่ก็กลัว...ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไร


“มึงต้องการอะไร? ห๊ะ!!!!”


“โอ้ย!! ปะ..ปล่อยครับ”ถึงจะถอยห่างแล้วแต่ก็ไม่ทันคนตัวใหญ่อย่างที่คิด มือหนาเอื้อมมาคว้าไหล่บางบีบพลางดันถอยหลังไปชนกำแพงจนดังสนั่น อดุลย์ร้องเสียงหลงเพราะความเจ็บที่ได้รับหากแต่คนกระทำไม่ได้สนใจแต่กลับดูจะยิ่งสะใจจนกดแรงหนังกว่าเดิม


“มึงรู้จักกูอยู่แล้วอีตุ๊ด!! แล้วมึงก็คงรู้ว่าไอ้เด็กนั้นเป็นลูกกู มึงต้องการอะไรจากกู มึงต้องการอะไรจากครอบครัวกูห๊ะ!!”


“ค...คุณรพี..ปล่อยก่อนครับ...ผม...ผมเจ็บ”พยายามอ้อนวอนและบิดตัวหนีแต่ก็ไม่อาจรอดจากความแข็งแรงของคนตรงหน้าที่ออกกำลังกายอย่างหนักมาตลอด แล้วคนที่เอาแต่วิ่งทำงานหาเงินข้าวปลายังแทบไม่ค่อยจะได้กินครบสามมื้อะเอาเรี่ยวแรงจากไหนไปสู้ด้วย


“โอ้ยยยย!! เสียงดังโว้ยยยยยย!!!”เสียงด่าจากบ้านข้างๆดังขึ้นมาขัดจังหวะ รพีหันไปมองตามเสียงพร้อมกับกร่นด่าไปด้วยความเมา ก่อนจะเปลี่ยนจากกุมไหล่ไปคว้าคอเสื้อเชิ๊ตตัวบางสีฟ้าแล้วกระชากแรงจนแสบคอให้อดุลย์เดินตามเข้ามาในตัวบ้าน


ตุบ!!


ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวร่างบางก็ถูกเหวี่ยงลงพื้นทันทีที่เข้ามาในตัวบ้านได้ ความเจ็บค่อยๆริ้วขึ้นมาจนน้ำตาคลอเบ้า แต่กลับส่งผลให้รพียิ่งถูกใจที่ได้ทำร้ายคนตรงหน้า


ร่างตรงหน้าที่เผยให้เห็นหน้าอกขาวนวลเพราะกระดุมเสื้อที่ขาดคามือของคนกระชาก รอยแดงที่รอบคอเริ่มขึ้นชัดเจนเพราะความขาวของผิวกาย คนมองนึกอะไรบางอย่างที่ร้ายกาจเมื่อได้เห็นอดุลย์ที่ดูหมดหนทางหลบหนี


บางอย่างที่ร้ายกาจขนาดที่ดวงตาที่โกรธเกรี้ยวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่บ่งบอกความต้องการออกมาอย่างชัดเจน อดุลย์มองดวงตาคู่นั้นแล้วตัวชาวาบไปหมด


เคยเจอมาก่อน...สายตาที่ทำให้รู้สึกขยะแขยงแบบนี้


“จะไปไหน!!!”ไม่ทันให้ได้หนี ทันทีที่ลุกขึ้นอดุลย์ก็ถูกคว้าเข้าที่คอแล้วดันไปติดกำแพงอีกครั้ง แล้วถูกประกบจูบอย่างรุนแรงไม่มีจังหวะให้ได้ทักท้วง


ถ้าเป็นเมื่อสิบกว่าปีก่อนเขาจะดีใจแค่ไหนนะที่ได้รับจูบจากคนที่แอบรักแอบปรารถนา เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่เขายังใช้ชีวิตของเพศที่สามที่แต่งหญิงจนหลายๆคนนึกรังเกียจ  ถ้าเป็นตอนนั้นเขาจะดีใจแน่เหรอที่ได้สิ่งนี้...จากคนๆนี้


ปากหนาไล่จูบอย่างละลาบละล้วง ตามขบกัดปลายลิ้นเล็กที่ถดหนีอย่างสนุกสนาน พลางใช้มือใหญ่รวบเอามือของอดุลย์ที่พยายามทุบตีออกด้วยความรำคาญก่อนจะใช้เขาตัวเองแทรกเรียงขาคนตรงหน้าอย่างถือสิทธิ์


อารมณ์ความต้องที่พุ่งสูงของรพีทำเอาเจ้าตัวยังตกใจแต่ก็สลัดความคิดทิ้งออกไปอย่างรวดเร็วเพราะข้างหน้ามีทำให้สติที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วกระเจิงได้ง่ายๆ


กลิ่นแป้งฝุ่นที่มีขายตามตลาดลอยฟุ้งไปทั้งจมูก ผสมกลิ่นเหงื่อที่ไหลออกมาเพราะความตระหนกทำเอารพีนึกชอบใจกับกลิ่นของอดุลย์ ความเป็นชายของเขารู้สึกจนพองคับแน่นไปทั้งส่วนล่าง เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีความรู้สึกอยากมากขนาดนี้ ยิ่งแก่ตัวความรู้สึกทางเพศก็ยิ่งลดลงตามไปด้วย บวกกับความเครียดในการทำงานยิ่งทำให้ความต้องการยิ่งลดลงไปอีก ไม่แปลกที่ครั้งนี้รพีจะตื่นเต้น ได้แต่คิดว่าคงเพราะความแปลกใหม่ที่กำลังจะได้ลิ้มลอง


เพราะคนตรงหน้าเป็นผู้ชาย...เท่านั้น


“มะ..ไม่...ปล่อยนะ!!”ตวาดเสียงอย่างไม่เคยทำ แต่ไม่ทำให้คนที่กำลังหมกมุ่นกับร่างกายของตัวเองหยุดเลยแม้แต่น้อย รพีเพิ่มแรงสัมผัสให้หนักหน่วงมากกว่าเดิมพลางใช้มืออีกข้างของตัวเองที่ยังวางอยู่ปลดซิบกางเกงปล่อยความเป็นชายออกมา


อดุลย์ดิ้นอย่างแรงทันทีที่รู้สึกว่าโดนแก่นกลางที่แข็งตัวเต็มที่ของรพีดุนดันอยู่ที่ระหว่างขาอ่อนของตัวเอง น้ำตาไหลร่วงอย่างเจ็บใจเพราะจะดิ้นแรงขนาดไหนก็ไม่สามารถสู้ได้เลยซักนิด และยิ่งเจ็บใจมากขึ้นไปอีกเมื่อคนที่ทำร้ายตัวเองคือรพีคนที่อดุลย์นึกรักด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์


“ฮึก...คุ..ณรพีอย่า...ฮึก..อย่าทำอะไร...ฮึกผมเลย”สะอื้นไปพลางขอร้อง แต่เหมือนจะสร้างความรำคาญให้มากกว่าจะเป็นเห็นใจ ร่างใหญ่จึงประกบจูบก่อนจะกัดที่ปากล่างจนห้อเลือด


แคว๊ก!!!!!


เสื้อเชิ้ตตัวบางที่มีรอยขาดอยู่แล้วจึงไม่ยากเลยที่จะออกแรงเพียงน้อยนิดมันจะหลุดคามือของรพี สายตาบ่งบอกความพอใจเมื่อได้เห็นร่างกายของคนอดุลย์ เอวคอดเล็กๆที่ดูยั่วยวนนั่น...ถ้าไม่ได้เห็นทั้งหมดของคนตัวเล็กนี่คงไม่รู้เลยว่าซ่อนรูปได้ขนาดนี้


“หึ...”หัวเราะในลำคออย่างถูกใจก่อนจะลงมือขืนถอดกางเกงที่ยังเหลือติดเป็นสิ่งสุดท้ายอยู่บนร่างกายของอดุลย์ท่ามกลางเสียงสะอื้นที่พยายามร้องขอความเห็นใจ แต่ด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูงเกินจะควบคุมรพีมีแต่ความต้องการจะปลดปล่อยและครอบครองร่างตรงหน้าเท่านั้นอยู่ในหัว ถึงจะมีความสงสารแวบเข้ามาในเสี้ยวหนึ่งของความคิดก็ไม่อาจหยุดได้อีกแล้ว

ไม่อาจหยุด...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



“แฮ่ก...แฮ่ก”เสียงหอบหายใจของเด็กหนุ่มร่างโปร่งตาคมเพราะรีบวิ่งกลับมาทันทีที่คิดได้ว่าตัวเองทำตัวแย่ขนาดไหนกับผู้ที่ตัวเองเรียกว่าพ่อ หลังจากโดนเพื่อนสนิทเขกหัวพร้อมกับเตือนสติไปถึงพึ่งนึกออกว่าความรักที่ได้มาตลอดไม่ใช่เรื่องหลอกลวง พอคิดได้ก็สั่งขาให้รีบวิ่งกลับบ้านโดยไว


สายตาส่ายมองหาพ่อปิงปองไปทั่วทั้งบ้าน ไม่อยากส่งเสียงเรียกเพราะห่วงว่าพ่อจะนอนหลับไปแล้ว ตอนที่วิ่งหนีไปด้วยความโกรธจนถึงตอนนี้ก็นับเกินสี่ชั่วโมง แต่ถึงคิดว่าคนที่อยากขอโทษอาจนอนแล้วก็อยากจะรีบวิ่งกลับมาไวๆอยู่ดี


จากที่กวาดดูชั้นล่างจนทั่วแล้วไม่เจอตะวันเลยรีบวิ่งขึ้นไปหาที่ห้องนอนของพ่อปิงปอง เพราะพ่อเปิดไฟทิ้งไว้ทั่วบ้านบางทีพ่ออาจจะยังรอเขากลับไปขอโทษแล้วกอดให้ความรู้สึกอบอุ่นอยู่ก็เป็นได้


“พ่อครับ...นอนรึยัง?”โผล่หัวเข้าไปถามด้วยในห้องนอนปิดไฟมืดสนิทต่างจากข้างนอก ร่างดำๆในความมืดสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกบอกว่าคนที่นอนอยู่ยังไม่หลับตะวันจึงถือวิสาสะเข้าไปในห้องนอนทันที


“ตะวัน...กลับมาแล้วเหรอลูก”เพราะปิดไฟตะวันจึงไม่เห็นพ่อแต่น้ำเสียงแหบๆบ่งบอกให้รู้ว่าพ่อต้องร้องไห้แน่ๆ พอคิดถึงเหตุที่พ่อต้องร้องไห้จึงก้มหน้าด้วยความละอายทันที


“พ่อครับ...ตะวันขอโทษ”อดุลย์ยิ้มในความมืด แม้ความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจที่ทำให้ต้องร้องไห้ยังไม่จางหายไปแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้อดุลย์ไม่ได้รู้สึกแย่เท่าที่ควรจะเป็น


ก่อนที่ตะวันจะเข้ามาอดุลย์เอาแต่โทษโชคชะตาที่ทำให้เรื่องเลวร้ายนี่เกิดขึ้นกับตัวเอง เอาแต่โทษความใจง่ายของตัวเองที่ไปรักคนที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยงอย่างรพี


แต่...


ถ้าเขาไม่รักคนอย่างรพี...เขาคงไม่ได้เห็นเรื่องราวของรพีกับรวิวรรณ...คงไม่ได้เดินตามรวิวรรณไปจนเจอเหตุการณ์นั่น....คงไม่ได้พบเจอตะวัน...เด็กที่ราวกับปาฏิหาริย์ในชีวิตของตัวเขาเอง


“ตะวันไม่โกรธพ่อนะครับ”เสียงระโหยโรยแรงทำเอาคนที่เคยประกาศกับเพื่อนสนิทเมื่อครู่ว่าจะไม่ร้องไห้อีกแล้วต้องผิดสัญญาทั้งๆที่ยังไม่พ้นยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ


“ตะวันไม่โกรธแล้ว...ตะวันกลัวพ่อโกรธมากกว่า ตะวันงี่เง่า พ่อยังรักตะวันอยู่รึเปล่าครับ”


“ฮ่ะๆ ทำไมถึงคิดว่าพ่อจะไม่รักตะวันล่ะครับ?”


“ก็ตะวันทำตัวไม่ดีใส่พ่อ งี่เง่าไม่ฟังอะไรเลย...ตะวันขอโทษ”เด็กหนุ่มพูดเสียงหงอยๆเรียกรอยยิ้มจางๆขึ้นมาอีกรอบ


“ถ้าตะวันทำแบบนั้นแล้วพ่อจะไม่รัก...พ่อว่านะ...พ่อคงไม่รักตะวันนานแล้วมั้ง”


“....พ่ออ่า....”คำพูดขี้เล่นของอดุลย์ส่งให้ตะวันเงยหน้ามาทำหน้าขัดใจเล็กๆใส่แล้วทำหน้าค้อนใส่เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากทั้งคู่ ก่อนที่ตะวันจะทรุดตัวลงนั่งกับเตียงแล้วเลื่นตัวไปกอดพ่อปิงปองของตัวเองพลางเอาหัวคลอเคลียกับหัวไหล่เล็กๆอย่างที่ชอบทำ


พอแล้ว...แค่มีพ่อปิงปองคนนี้ก็พอแล้ว ถึงความจริงเขาจะมีพ่ออีกคน


แต่...แค่นี้ก็พอแล้ว...พอแล้วจริงๆ



หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 12-11-2013 00:59:44
นึกว่าภาพหลอน5555
ยังเผ็นนิยายที่เต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึกแบบเดิมเลย ดีใจมากที่มาต่อ แต่เฮ้อ อ่านไปถอนหายใจไปคะ
พ่อตะวันสู้ๆนะคะ เพื่อตะวัน
แต่จะดีกว่าถ้าพ่อทำเพื่อตัวเองบ้างนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 12-11-2013 01:07:20
ึ้ค้างมากๆ มาต่อด้วย ดีใจจัง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 12-11-2013 08:26:13
 :katai1: สงสารพ่อปิงปองงง ฮือออ
ไอ้รพี ไอ้ชั่ว ไปตายซะ!!!!!!!!
คอยดูเถอะจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น หึ
อยากอ่านต่ออีกจัง  มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 12-11-2013 09:09:46
ปิงปองอดทนไว้นะ

อ่านไปน้ำตาซึมไป T_T
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-11-2013 09:30:31
ชีวิตของพ่อปิงปองทำเพื่อลูกตะวัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 12-11-2013 13:41:06

คราวนี้ก็คงจะเต็มใจให้ไปอยู่ที่บ้านแล้วสินะ
เพราะจะได้มีที่ระบายความงุ่นง่าน
ถ้าตะวันรู้จะเป็นยังไงนะ

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 12-11-2013 14:30:04
สงสารปิงปองจัง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 12-11-2013 14:54:46
เพิ่งมาอ่านค่ะ อยากบอกว่าไม่มีตอนไหนที่น้ำตาไม่ซึมเลย  :mew4:

แต่งได้กินใจมาก ๆ  o13 

ปิงปองน่าสงสารอ่ะ  :hao5:

รพีก็เลวเกิน มีปมสินะเรื่องที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อถึงโตมาเป็นแบบนี้ ไหนว่าเกลียดแล้วไปกดไปทำร้ายปิงปองทำไม เข้าข่ายเกลียดตัวกินไข่อ่ะ

อ่านเริ่มแรกนึกว่าตะวันจะเป็นคู่หลักซะแล้ว แต่ไม่เป็นไรมาจิ้นกับทานตะวันได้  :hao6:

จะรออ่านตอนต่อไปนะคร้า  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 12-11-2013 18:46:40
ชีวิตของปิงปองช่างน่ารันทดจริงๆ
รอกรรมตามสนองเจ้ารพี โคตรชั่วเร็วๆ
 :ปวด: :ปวด: :ปวด:

คนเขียนอย่าหายไปนานซิเดี๋ยวคนอ่านหายบ้างนะ คึคึ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 12-11-2013 21:11:27
รพีเลวที่สุดเลย สงสารปิงปอง :mew4:

ไม่คิดโทษตัวเอง แต่โทษคนอื่นตลอด

ทำไมคนดีๆอย่างปิงปองถึงเจอแต่อะไรแบบนี้

เศร้านะ ตอนจบจะแฮปปี้ใช่ไหม :sad4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arovera ที่ 12-11-2013 22:25:25
สงสารคะ...หนูไม่รู้จะพูดอะไร พูดไม่ออก :mew2:

ปิงปองพึ่งถูกรพีกดมา แค่ดีก็จะตายแล้วดีนะตะวันกลับมาปลอบทันไม่งั้น


บ้านหนูได้ท่วมน้ำตาแน่คะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Joe ที่ 12-11-2013 22:36:51
รพี ใจร้ายสุดๆ สงสารปิงปองจัง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 13-11-2013 03:32:47
รพีจงหลงสเน่ห์สะ
คิดเลยว่ารพีต้องติดใจปิงปองแน่
เอาละทีนี้ตะวันจะมีทั้งพ่อและแม่ครบเบยงิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 14-11-2013 23:35:29
ง่า พ่อปิงปองงงงงงง น่าสงสาร ไอ้ชั่วไอ้เมา ไอ้บ้า กลัวว่าถ้าตะวันรู้ว่าพ่อปิงปองไม่ใช่ชายแท้แล้วจะโกรธอ่ะ ไม่เอานะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 16-11-2013 00:58:24
มาต่อไวๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 18-11-2013 23:58:08
ได้แต่ รอ รอ รอ เธอกลับมา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 19-11-2013 01:12:16
ยังไม่มาอีกหรือ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 20-11-2013 00:10:17
หลายวันและนาคับยังไม่มา;(
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 22-11-2013 00:31:18
โอยยยยย คิดถึงคนเขียนจังทำไมไม่มาชักทีนอ รอนานแล้วนะครับ :(
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 22-11-2013 12:08:42
 :call: :call: :call:คนเขียนจงมา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: baroona59 ที่ 23-11-2013 01:43:41
 มารออ่านต่อนะคร๊าบ

 o13 o13 o13

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 23-11-2013 20:52:54
รพี เลวมาก เกินบรรยาย
สงสารปิงปอง โดนทำร้ายทั้งกาย ทั้งใจ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 23-11-2013 22:50:42
วันนี้ก็ไม่มาอีกแล้ว อยากร้องไห้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yamanaiame ที่ 24-11-2013 23:45:08
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน รู้สึกชอบเรื่องนี้ นะ เพราะ ผมชอบ แนว ดราม่า อยู่แล้ว นั่งอ่านน้ำตาชึมตลอด จะรอติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 27-11-2013 00:39:03
คิดถึงมากกกกกกกกก กลับมาได้แล้วครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 07-12-2013 04:59:35
ลืมไปเลยว่าเคย แต่ง -*-
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-12-2013 09:04:32
ความอดทนมีเกิน เพื่อ  รอ  พ่อปิงปอง ขอรออยู่ตรงนี้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 14-12-2013 00:44:36
ความอดทนใกล้จะหมดไปกลายเป้นความบ้าคลั่งแทน
ไมได้อ่านเสียที ลืมวิธีเข้าเล้าไปแล้วชิมิ -*-
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 17-01-2014 18:32:28
โอม จงลงงงงงงงงงงงงง
กำลังเข้มข้น รออยู่นะคุณ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 17-01-2014 22:24:05
ตะวันควรเกลียด ไม่สิ ไม่ชอบแบบตั้งแง่กะ รพีนะ แบบนั้นจะดีกว่า สะใจด้วย
ให้รพีเหมือนหมาหัวเน่า 555
ปล คนแบบพ่อปิงโง่มากกกก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 17-01-2014 23:17:43
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 18-01-2014 02:07:53
รอค่ะ อ่านแล้วหยุดไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 18-01-2014 04:15:54
ข้ามปีไปแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 18-01-2014 09:52:48
หลงเข้ามาอ่านละถอนตัวไม่ขึ้น  :hao7:

แต่ดูวันที่อัพล่าสุดแล้ววเงิบบ. จะมาต่ออีกไหมน้า
รอนะค่ะรออออ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 26-01-2014 23:20:53
ทำไม ทำไม ยังไม่มาอีกนอ โกรธเจ้าของกะทู้แล้ว ฮือๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 01-02-2014 08:44:24
ลืมกันแล้วหรืออย่างไร ส่งข่าวคราวบ้างก็ได้นะ คนเขียนยุ่งเหรอ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 28-03-2014 18:22:51
 :hao5: :hao5: งือออ คุณพ่อปิงปอง คนเขียนลืมเรื่องนี้แล้วเหรอคะ  :o12:

 :m15:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ปมด้อย MTC73 ที่ 28-03-2014 19:00:34
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 28-03-2014 20:30:43
คนเขียนหายไปไหน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 24-04-2014 10:36:13
 :call: :call: :call:
จงมาๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 24-04-2014 16:31:38
คนเขียนหายไปไหนค๊าบบบบบ มาต่อเถอะ พลีสสสสสส
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 24-04-2014 19:35:52
คิดถึงพ่อปิงปองงงงงงงงง  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 19-05-2014 00:43:50
 :sad4: คนเขียนรออยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 19-05-2014 03:51:34
สงสารคนอ่านเถอะ
ขอร้องต่อหน่อยจ้า
เงียบหายเลยมาส่งข่าวก็ยังดี
ทุกคนให้อภัยแล้วครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 01-07-2014 21:00:22
ทิ้งกัน ไม่เหลือใย เชอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 10-07-2014 12:25:15
คนเขียนหายไหนอ่ะ มาต่อด่วน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 22-07-2014 10:00:19
 :call:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 22-07-2014 11:27:21
คนแต่งหายไปนานมากแล้ว วานพี่ๆมาช่วยกันเขียนต่อให้จบทีครับเรื่องนี้ดีมาก :call:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 05-09-2014 12:18:58
คนเขียนไปไหนอยากให้มาต่อมากๆเลย
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 05-09-2014 12:27:13
ดูทรงแล้วคงจะไม่ได้อ่านต่อแล้วละ เลิกหวังแล้ว อีก 2เดือนจะครบปีพอดี เหอะๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 05-09-2014 17:58:34
ชอบอะ ฮื้อ สงสารปิงปอง จับรพี นั่งยางเลย :z6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 05-09-2014 20:58:03
อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 10 [ 11 / 11 / 2556 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-09-2014 21:17:34
คิดถึงกันบ้างมั๊ย อยากบอก ว่าคิดถึงมากที่สุด
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 11 [ 20 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 20-09-2014 23:08:28
“ถึงแล้วครับ”เสียงบอกกล่าวของคนขับรถแท็กซี่หนุ่มบอกกับสองพ่อลูกว่าถึงปลายทางที่พวกเขาจ้างวานให้มาส่งแล้ว อดุลย์หยิบธนบัตรสีม่วงจ่ายก่อนจะรับเงินทอนคืนแค่ไม่กี่ร้อยบาทคืน ก่อนจะออกมายืนอยู่เคียงข้างลูกชายที่สูงนำหน้าไปเป็นคืบแล้ว

เบื้องหน้าของทั้งคู่คือคฤหาสน์องตระกูลเรืองรัตนโยดมอันโด่งดัง อดุลย์หายใจเข้าปอดอึกใหญ่เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเองพร้อมกับกระชับมือของเด็กหนุ่มข้างตัวให้เดินเข้าไปข้างในประตูที่เปิดกว้างราวกับรอรับพวกเขาอยู่แล้ว

ตะวันเดินตามผู้เป็นพ่อเข้าไปอย่างว่าง่าย หลังจากเมื่ออาทิตย์ก่อนได้ปรับความเข้าใจกับพ่อปิงปอง พ่อก็ได้บอกว่าทางนี้อยากให้พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ด้วย...จะเพื่ออะไรก็แล้วแต่ตะวันไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เขาคิดแค่อย่างเดียว

อย่างเดียวที่มีประโยชน์ในการย้ายบ้านคือความสุขของพ่อปิงปองของเขา

ความคิดเด็กๆที่คิดว่าถ้าหากได้มาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ๆ มีเงินใช้ มีข้าวอร่อยๆกินทุกมื้อพ่อคงจะมีความสุข...ตะวันคิดเพียงแค่นั้น

“คุณอดุลย์กับคุณหนูตะวันใช่มั้ยครับ?”ชายชรารูปร่างสูงหากแต่ผอมเพราะอายุเลยเข้าเลขเจ็ดเอ่ยทักทายพร้อมกับยิ้มแย้มให้คนคู่ที่พึ่งก้าวเข้ามาในตัวบ้าน

“ผมชื่อโชน เป็นคนดูแลสวนของบ้านคุณศูรครับ คุณท่านบอกให้ผมมารอพวกคุณเห็นว่าจะมากันสายๆ แต่เล่นสั่งกำชับให้ผมตื่นมาคอยตั้งแต่พระยังไม่เริ่มบิณฑบาตด้วยซ้ำ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”คนสูงวัยพูดอย่างอารมณ์ดีพาลทำให้ทั้งอดุลย์และปิงปองยิ้มและคิดตามเรื่องที่ตาโชนเล่าให้ฟัง

“พอดีรถติดน่ะครับ ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ”อดุลย์กล่าวขอโทษอย่างสุภาพ พร้อมก้มหัวให้เล็กน้อยทำเอาคนที่ถูกขอโทษนึกแปลกใจระคนเอ็นดูไปพร้อมๆกัน

ท่าทางจะไม่เกินไปนักที่คุณศูรท่านบอก...พ่อของคุณหนูคนใหม่ที่บ้านเรืองรัตนโยดมจะทำให้กลายเป็นบ้านจริงๆ

“ไม่เป็นไรเลยครับ คนแก่ตื่นเช้าเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว แล้วมีของอะไรมาบ้างครับจะได้เรียกให้เด็กในบ้านมาขนไป”

“ไม่รบกวนดีกว่าครับคุณลุงโชน เดี๋ยวผมกับลูกถือไปกันเองได้ มีแค่เสื้อผ้ากับหนังสือเรียนของตะวันเท่านั้นเอง”

“เอ๋...ทำไมถึงน้อยนักล่ะครับ”ที่คุณท่านโม้ไว้คือหลานชายที่พึ่งเจอจะมาอยู่เป็นการณ์ถาวร ทำไมถึงมีแค่กระเป๋าสามใบ?

“ของเราสองคนไม่มีอะไรมาก ค่อยๆเอามาก็ไม่ลำบากอะไร”อดุลย์ตอบอย่างเลี่ยงๆเพราะตะวันเองก็ยืนฟังอยู่จะให้ตอบตามความคิดจริงๆคงไม่ได้ ว่าตัวเองคิดจะอยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้น

เมื่อใดที่ตะวันปรับตัวกับบ้านหลังนี้ได้เขาก็คงจะขอตัวลากลับไปอยู่บ้านของเขา

แต่ก็หวังไว้ว่าตะวันจะใช้เวลานานซักหน่อย...เพื่อที่จะได้อยู่กับลูกนานขึ้น...สักนิด

“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะครับ คุณท่านคงชะเง้อรออยู่นานแล้ว ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”

“ชอบมั้ยครับ”กระซิบเสียงเบาของพ่อปิงปองเรียกให้เด็กชายที่กำลังตาวาวราวกับได้ของเล่นใหม่หันมาพยักหน้ารัวๆ ตะวันมองไปที่สวนกว้างที่เขียวมีต้นไม้ใหญ่เต็มไปหมด แถมยังมีน้ำตกตกแต่งอยู่ที่ริมด้านซ้ายของตัวบ้าน มันเป็นอะไรที่ตะวันไม่เคยคาดคิดว่าจะยกมาไว้ในบ้านคนจริงๆได้เลย

“แต่ตะวันชอบบ้านของเรามากกว่า”คำตอบเอาใจของลูกชายทำให้อดุลย์ยิ้มกว้างแล้วยกมือมาบิดแก้มแน่นอย่างหมั่นเขี้ยว ดูก็รู้ว่าเป็นคำประจบเพราะตะวันมองไปรอบตัวบ้านด้วยประกายตาวาววับ คนที่เลี้ยงมาอย่างเขาหรือจะไม่รู้ว่าตะวันชอบที่นี่มากแค่ไหน

ก็ดีแล้ว...

เดินเข้ามาไม่นานคฤหาสน์หลังใหญ่ก็มาตั้งอยู่หน้าของทั้งสามคน ตัวบ้านเป็นปูนทั้งหลัง มีลวดลายของโรมันขนาดใหญ่บ่งบอกฐานะรับกับประตูไม้สักสีน้ำตาลเข้มที่แกะสลักเป็นรูปเถาบัวเลื้อยไปมาอย่างสวยงาม  พอเดินเข้ามาในตัวบ้านที่ปูด้วยหินอ่อนทั้งหลังก็ยิ่งอดนึกขึ้นมาในใจไม่ได้ว่าเฉพาะแค่บ้านหลังนี้มูลค่ามันเท่าไรกัน

“อ้าว!! มากันแล้ว มาๆ รีบเข้ามาเถอะ นี่ทานข้าวกันมาหรือยัง..โชนไปบอกพวกในครัวให้เตรียมตั๊งโต๊ะอาหาร ทำกับข้าวเพิ่มสักสี่ห้าอย่าง เร็วๆด้วยล่ะ”เสียงกระตือรือร้นของเจ้าของบ้านดังขึ้นทันทีที่พวกเขาเล่นเข้ามาในส่วนของห้องที่คาดว่าเป็นห้องนั่งเล่น ดูจากโซฟาหนังสองชุดกลางห้องกับทีวีเครื่องใหญ่

“คุณศูร...สวัสดีครับ”

“...สวัสดี..ครับ”อดุลย์และตะวันยกมือขึ้นไหว้

“รอแปบนะตะวัน หิวรึเปล่าลูก?”ศูรรับไหว้ด้วยใบหน้าที่ยกยิ้มกว้าง ก่อนจะถามด้วยความห่วงใย ตะวันเพียงแค่ส่ายหัวตอบเล่าความเท็จ ทั้งๆที่หิวจนตาลาย ตั้งแต่เช้าพอตื่นก็ถูกพ่อปิงปองเร่งให้รีบมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย

“หืม...”เป็นพ่อปิงปองของเขาที่ทำหน้าล้อเลียน นึกแปลกใจที่ลูกชายตัวแสบทำตัวมีมารยาท...ไม่ใช่ไม่ชอบ ที่ตะวันดูเป็นเด็กเรียบร้อยแค่ยังไม่ชินเท่านั้นเอง

“งั้นเอาข้าวของไปเก็บก่อนนะ ดาวววว!!”เสียงทรงอำนาจตะโกนเสียงดัง เรียกสาวรับใช้ที่เป็นคนรับธุระจัดห้องนอนให้ผู้มาใหม่ทั้งสองคน

“พาหลานชั้นไปดูห้องเร็ว”คิ้วเข้มกระตุกหน่อยๆที่ศูรบอกแค่ให้พาหลานหรือก็คือตนไปดูห้อง นึกไม่ชอบใจเลยที่มองข้ามพ่อปิงปองเป็นครั้งที่สองตั้งแต่เข้ามา

ทั้งสามคนเดินขึ้นมาบนชั้นสองของตัวบ้านที่ยกขึ้นสูงจากชั้นแรกมามากพอตัว แค่นับบันไดก็คงจะเกือบสามสิบขั้นจนคนที่ชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอย่างอดุลย์อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากแก่ตัวไปจะเดินขึ้นลงอย่างไรไหว ก่อนจะสะบัดหัวแล้วหัวเราะเบาๆ

...ไม่ได้อยู่จนแก่ซะหน่อย

“อันนี้ห้องคุณผู้ชายค่ะ ส่วนของคุณหนูอยู่บนชั้นสาม เดินขึ้นบันไดด้านนี้ค่ะ”ดาวคนที่ศูรใช้ให้นำทางบอกด้วยเสียงเรียบๆแต่แฝงด้วยความเจียมตัว

“ผมชื่อปิงปองครับเรียกพี่ปิงปองก็ได้ผมน่าจะแก่กว่าดาวไม่มากเท่าไรนัก”ดาวยิ้มรับไม่ตกลงหรือปฏิเสธอดุลย์จึงไม่ได้ต่อความยาวอะไร แค่รู้สึกแปลกๆที่มีคนมาเรียกว่าคุณผู้ชาย ปรกติมีแต่ตัวเขาเองนั้นแหละที่เรียกเวลาขายของให้กับลูกค้า

“งั้นไปดูห้องตะวันก่อนดีกว่า นอนชั้นสามเลยนะ”ตะวันเอ่ยบอกด้วยความตื่นเต้น

“ไปสิ”

ได้รับคำตอบตะวันเลยดันหลังพ่อปิงปองขึ้นบันไดด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที ทำให้ทั้งคู่คงลืมสังเกตสายตาที่แอบมองมาจากบานประตูห้องฝั่งตรงข้าม...พร้อมกับคำพูดแผ่วเบาที่ลอยออกมาจากปากหนา

...เสแสร้งเก่งจริงเชียว...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




บนโต๊ะอาหารตัวยาวสุดหรูที่เคยมีโอกาสเห็นอยู่ในทีวีบ่อยๆทำให้อาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะดูน่าทานขึ้นไปอีกเท่าตัวที่สำคัญยังมีแต่ของชอบของคนที่เด็กสุดในบ้านทั้งนั้น เพราะศูรเตรียมตัวมาอย่างดี ให้คนไปถามอดุลย์ตั้งแต่ยังไม่ได้ย้ายมาว่าหลานชายชอบอะไรไม่ชอบอะไร

“พ่อๆ ยำตะไคร้ของโปรดพ่อล่ะ”ตะวันพูดพร้อมกับตักไปใส่ในจานของพ่อปิงปอง ก่อนจะตักใส่ปากของตัวเองคำโต เพราะก็เป็นของชอบของตัวเองเหมือนกัน จะว่าไปก็เป็นเพราะตะวันชอบเลยหาซื้อมาบ่อยจนลูกชายคิดว่าตัวเองชอบนั้นแหละ

“ทานกันเยอะๆนะ”ศูรบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นานแล้วที่โต๊ะอาหารตัวนี้ไม่ถูกใช้งาน ทั้งๆที่ซื้อมาด้วยเงินถึงแปดหลักแต่เป็นเหมือนเครื่องประดับในตัวบ้านมากกว่า จะมีก็แค่คราวนี้ที่ทำให้นักธุรกิจเก่ารู้สึกถึงความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

“เออ ใช่สิ...นี่อดุลย์บอกตะวันหรือยังเรื่องที่จะให้ตะวันย้ายโรงเรียน”

...เคร้ง...

ไม่ทันพูดจบเสียงช้อนที่ถูกปล่อยจากมือของเด็กชายก็ดังจนห้องทั้งห้องเงียบงัน ตะวันหันมามองศูรด้วยสีหน้านิ่งเรียบ

“เรื่องนั้นผมจะไม่ย้าย”

“แต่...”

“ผมอยากเรียนสายอาชีพ ผมคุยกับพ่อแล้วและจะไม่ย้ายที่เรียนหรืออะไรทั้งนั้นครับ แม้กระทั้งอนาคตผมก็จะไม่เรียนสายบริหารอย่างที่ ‘คุณ’ ต้องการแน่ๆ”ตะวันตอบอย่างใส่อารมณ์ทำเอาอดุลย์เหงื่อตก รู้อยู่ว่าลูกชายใจร้อนขนาดไหน และอีกฝ่ายก็เป็นผู้ใหญ่กว่ามาก ไม่อยากให้ตะวันต้องเสียมารยาทกับศูร

ฝ่ายศูรก็แค่ยิ้มมุมปากนิดๆ นึกค่อนขอดตัวเองในใจว่าทั้งนิสัยกับลักษณะท่าทางของตะวันแบบนี้ถอดแบบมาจากทั้งเขาและรพีมาทั้งนั้น

อันที่จริงศูรก็ไม่ได้จะบังคับให้หลานชายเรียนสายสามัญหรืออย่างไร ก็แค่เสนอแนวทางใหม่ให้เท่านั้นถ้าไม่เปลี่ยนศูรก็ยอมตามใจแต่ถ้าเปลี่ยนก็ดี เพราะอนาคตตะวันคือคนที่ก้าวขึ้นไปแทนในจุดๆเดียวกับที่รพีอยู่ตอนนี้

“คือตะวันชอบเรื่องซ่อมๆสร้างๆน่ะครับคุณศูร ให้โอกาสแกเรียนทางด้านนี้เถอะนะครับ”อดุลย์ออกตัวแทนเพราะกลัวลูกชายจะเสียมารยาทใส่คนเป็นปู่ ยิ่งทำให้ศูรต้องยิ้มกว้างมากขึ้น

“ชั้นก็ไม่ได้อะไรหรอก ไม่ย้ายก็ไม่ย้ายสิ ไม่เป็นไรหรอก ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ อย่าถือสาคนแก่เลยนะตะวัน”

“ทานกันต่อเถอะ”จบคำทั้งสามคนจึงเริ่มทานข้าวต่อ อดุลย์ลอบถอนหายใจทิ้งเบาๆที่ศูรไม่ได้เป็นคนอย่างที่เคยได้ยินมา สมัยก่อนตอนที่เขาเข้าไปทำงานที่ห้างใหม่ๆ ศูรยังคงนั่งแท่นผู้บริหารอยู่ ใครๆก็บอกว่านายใหญ่ของห้างทั้งหน้ากลัวทั้งน่าเกรง แต่มาเห็นวันนี้กลับเป็นแค่คุณปู่ที่เห่อหลานชายคนใหม่ อะไรก็ยอมไปเสียทุกอย่างมากกว่า

“มีความสุขกันจังนะ”เสียงเข้มของเจ้าของบ้านอีกคนเอ่ยขัดบรรยากาศขึ้น ดวงตาคมที่ขอบตาคล้ำช้ำเนื่องจากการอดนอนที่ใครหลายคนคงคิดว่าทำตัวเสเพล แต่แท้จริงแล้วเขาอดนอนเพราะเคลียร์เอกสารงานที่กองเป็นภูเขาจนแทบจะทับตัวเองตายอยู่แล้ว

“อ้าว ไม่ได้ออกไปข้างนอกหรือ เห็นรถไม่อยู่”ศูรพูดด้วยน้ำเสียงที่ปรับเป็นนิ่งเรียบจนคนฟังเองยังชะงัก แล้วไอ้น้ำเสียงระรื่นเมื่อครู่คืออะไร...

“หึ...ผมทิ้งไว้บริษัท”พูดพลางมองไปรอบๆ ข้างๆศูรคือเด็กหนุ่มที่หน้าตาละหม้ายตัวเองอย่างกับพิมพ์เดียวกัน แถมดวงตาคมที่จ้องมองมาไม่วางตานั้นที่มองมาราวกับไม่ไว้ใจและไม่ต้องการจะคนถูกมองให้เข้าใกล้ยิ่งทำให้ต้องหัวเราะเบาๆกับตัวเอง

แค่วันแรกก็ดูจะเข้ากันไม่ได้เสียแล้ว...

รพีมองกลับมาที่ตรงข้ามของเด็กชาย คนที่นั่งหันหลังให้เขากำลังไหล่สั่นด้วยความกลัว หึ...กลัวเข้าไป รพียิ้มถูกใจที่เห็นอาการคนตรงหน้า ถึงจะเห็นแค่ข้างหลังก็พอรู้ว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ตอนนี้

“ดาวไปเอาจานมาให้ชั้นที หิว”พูดเรียบๆก่อนจะดึงโต๊ะข้างๆอดุลย์ออกมานั่ง ร่างเล็กข้างๆสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็จับสัมผัสได้ เป็นความสนุกอย่างไม่รู้สาเหตุของรพีที่เห็นอดุลย์กลัวเขามากมาย แต่ด้วยอคติที่มีร่างสูงก็คิดเพียงแค่ว่า ถ้าไม่มีเรื่องผิดทำไมต้องทำเป็นกลัวขนาดนี้

ยังไงเขาก็ไม่ไว้ใจ...ไม่ไว้ใจนายคนนี้แน่ๆ



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




ช่วงบ่ายของวันตะวันขอตัวออกไปสำรวจที่ทางใกล้ๆตัวบ้าน พอเห็นว่าลูกชายกำลังสนุกอดุลย์เลยปล่อยเลยตามเลย แต่ก็กำชับด้วยความห่วงใยว่าอย่าไปไกลเพราะไม่รู้ว่าแถวนี้มีอันตรายอะไรบ้าง

อดุลย์นั่งจัดข้าวของของตัวเองเข้าตู้เสื้อผ้าขนาดไหน ที่ขนาดเขาใส่เสื้อผ้าที่เอามาทั้งหมดเข้าไปยังไม่ได้เศษหนึ่งส่วนสิบของตู้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งขนาดของห้องนอน เตียงนอน เฟอร์นิเจอร์ต่างๆยิ่งทำให้รู้สึกแปลกๆ แต่ก่อนอยู่บ้านถึงจะไม่เล็กแต่ด้วยข้าวของต่างๆนานาก็ทำให้ที่มีเหลือแค่พอใช้สอย ไม่ชินเสียเลยกับพื้นที่ที่กว้างจนขนาดเดินกางแขนกางขาก็ยังไม่ชนอะไร

ติ๊ดดดดดดด

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอเป็นสายจากเพื่อนสนิทของลูกชายตัวดี อดุลย์กดรับสายด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

“ว่าไงครับน้องทาน ตะวันไม่อยู่นะออกไปเดินเล่นน่ะ”

“อ้อครับ ผมไม่ได้จะโทรหาตะวันหรอกครับ พอดีจะโทรหาน้าปิงปอง จะถามเรื่องบ้านใหม่ที่น้าย้ายเข้าไป”

“หืม มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ที่จริงแถวนั้นกับบ้านผมมันใกล้กัน มีซอยตัดตรงไปถึงแถวนั้นพอดี แล้วไอ้ตะวันรู้มันเลยบังคับให้ผมไปหามันพรุ่งนี้ที่นู้น”ปลายสายพูดด้วยเสียงออกจะติดเสียอารมณ์หน่อยๆจนคนฟังถึงกับหัวเราะเบาๆ นึกออกเลยเวลาที่ลูกชายชอบออกคำสั่งเพื่อนสนิทตัวโตผิวแทน

“แล้ว??”

“คือผมไปได้ใช่มั้ยครับ ถามตะวันมันก็บอกไปได้ แต่ผมไม่แน่ใจกลัวไปแล้วเขาจะไม่เปิดบ้านให้เข้าพิกล”

“ได้สิ เจ้าของบ้านเขาใจดีนะ แล้วน้องทานก็แค่มาหาตะวันเองนี่ครับ แต่ถ้ากังวลเดี๋ยวน้าจะให้ตะวันไปขออนุญาตเจ้าของบ้านเขาไว้ก่อนแล้วกันนะ”

“นี่ผมกลัวจริงๆนะครับน้าปิงปอง เคยผ่านไปแถวละแวกนั้นบ้านแต่ละหลังใหญ่จนทำเอาผมไม่กล้าผ่านเลย”

“น้าก็เหมือนกัน”ทานตะวันส่งเสียงหัวเราะมาตามสาย อดุลย์เองก็หัวเราะตาม คุยกันอีกสองสามประโยคอีกฝ่ายก็ขอตัววางสายพร้อมสัญญาว่าพรุ่งนี้จะเอาขนมที่แม่ตนทำไปฝากถึงที่บ้าน

อดุลย์วางสายแล้วยิ้มจางๆพร้อมกับพับผ้าที่เอาออกมาจากกระเป๋าต่อ ดีใจแทนลูกชายที่คงไม่ต้องทนบ่นถึงเพื่อนสนิทตัวโตบ่อยๆอีกแล้ว

“หึ หน้าระรื่นเชียว นี่ลูกมันรู้มั้ยว่าคนที่มันเรียกว่าพ่อเป็นสิบๆปีจะวิตปริตขนาดนี้”จู่เสียงเข้มที่ทำเอาหวาดหวั่นก็ดังขึ้นจากข้างหลัง อดุลย์หันไปมองพร้อมภาวนาว่าขอให้เป็นแค่หูแว่ว แต่ก็ไม่เป็นตามคำขอเพราะร่างสูงใหญ่ตรงหน้าคือรพีตัวจริงๆ

“...อะ..เอ่อ คุณ..รพีมีอะไรหรือเปล่า...ครับ”

“หึ มึงนี่มันทำหน้าใสซื่อเก่งจริงเชียว กูอยากรู้นักว่ามึงต้องการอะไรกันแน่”คำถากถางจากคนตรงหน้าไม่ได้ทำให้เจ็บเท่ากับแรงบีบจากมือใหญ่ที่กรามของอดุลย์ ใบหน้าเล็กบิดเบี้ยวด้วยความเจ็มแต่ก็ร้องออกมาไม่ออก

“ลูกกูรู้รึเปล่าว่ามึงเป็นตุ๊ด นี่ไม่ใช่ว่าเลี้ยงลูกกูหวังจะเอาลูกกูหรอกนะ!!”แรงบีบที่เพิ่มขึ้นขนาดที่ว่าปิดกั้นช่องทางหายใจทั้งหมด มือเล็กของคนที่ถูกกระทำเริ่มพยายามแกะมือของรพีออก แต่ก็ทำอะไรมือนั้นไม่ได้จนสุดท้ายรพีก็ปล่อยออกมาเองพร้อมกับยืนมองร่างเล็กที่หอบหายใจเข้าอย่างสุดความสามารถ

“ตอบกูมา!!”เสียงเข้มเร่งเอาคำตอบ

“ผม...เปล่า ผมแค่...”

“แค่อะไร”

“...”อดุลย์เลือกจะเงียบลงไป เขาไม่รู้จะตอบอะไรให้คนตรงหน้าฟัง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาแค่รักรพีมากแต่ตั้งแต่เจอกับเด็กชายตะวันเหตุผลก็เปลี่ยนไป เพราะเขาอยากเป็นพ่อให้ตะวัน ถ้าตอบแบบนี้...

“ผมแค่อยากเป็นพ่อ...”

“เหอะ!! เป็นตุ๊ดยังเสือกอยากเป็นพ่อ!! มึงบอกความจริงมาเถอะว่ามึงหวังสมบัติของพวกกูถึงตั้งใจเอาไอ้เด็กนั่นไปเลี้ยงน่ะ!!”รพีตวาดเสียงดัง ใบหน้าขาวขึ้นสีด้วยความโกรธ ขัดใจที่ร่างบางตรงหน้าทำสำออย ร่างที่สั่นด้วยความกลัวกับหยดน้ำที่เอ่อรอเวลาจะไหลออกมายิ่งทำให้หงุดหงิด  เลยเลือกเดินหนีออกไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ

ทำตัวเหมือนเขาเป็นยักษ์เป็นมาร...แล้วคนที่หวังจะปอกลอกคนอื่นมันจะเรียกว่าอะไร!!

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 11 [ 20 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 20-09-2014 23:50:40
อิ(ท)รพี  :z6: :beat: :z6:


ปาดเปล่าหว่า  :a5: 

ปล.ดีใจนะที่ตะเองกลับมาอัพ  :-[ :o8: :laugh:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 11 [ 20 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 20-09-2014 23:52:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ดีใจมากที่มาต่อ ส่วนรพีแกจะร้ายไปไหน ว่าเค้าไม่ดี
แต่แกก็เสียบเค้าแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 11 [ 20 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-09-2014 06:57:22
ดีใจมาก คนเขียนจ๋า พี่จุ๊บทีนึง  โอ้ว โอ้ว พ่อปิงปองจะทนรพีได้รึเปล่าล่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 11 [ 20 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 21-09-2014 07:39:27
นี้่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหมว่ากลับมาต่อแล้ว จริงๆ
ตอนแรกถอดใจแล้วนะ เห้นมาต่อดีใจเป็นล้นพ้น
อย่าหายไปอีกนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 11 [ 20 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-09-2014 08:13:21
ตบอี(ท)รพีรัวๆ

มโนเก่งจริงๆ

 :fire:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 11 [ 20 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 21-09-2014 11:49:10
+1 ให้คนเขียน อ่านเพลินเลย
อยากรู้ว่าเรื่องราวจะดำเนินไปยังไงต่อ
อย่าหายไปนานๆอีกน๊า แล้วจะรออ่านต่อนะจ๊ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 11 [ 20 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 21-09-2014 12:31:11
จุดพลุดีใจที่ได้อ่าน

แล้วจุดธุปต่อว่าขอให้ได้อ่านต่อจนจบด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 21-09-2014 14:27:57
กว่าสัปดาห์แล้วที่สองพ่อลูกอดุลย์และตะวันย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านใหม่ที่หลังกว่าเดิมหลายเท่าตัว แม้ตัวอดุลย์จะไม่ชินกับการที่มีคนมาคอยทำอะไรให้จนอยากจะลุกขึ้นมาทำเองบ้าง แต่ทุกคนในบ้านกลับไม่ยอมให้ได้ทำตามใจ ตะวันที่ไปเรียนเช้ากลับเย็นก็แซวทุกวันว่าอีกหน่อยพ่อตนคงจะกลายเป็นหมูตอน เพราะนอกจากช่วยลุงโชนดูแลสวนรดน้ำต้นไม้เล็กๆน้อยๆ อดุลย์ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

มีบ้างบางวันที่แอบกลับไปที่บ้านหลังเดิมเพื่อทำความสะอาด แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความเบื่อหน่ายลดลง อดุลย์อยากทำงานบ้าง จะให้ไปคุยกับศูรที่อยู่คนละบ้านก็ไม่กล้าเพราะเกรงใจ แต่จะให้ขอช่วยงานของรพียิ่งไปกันใหญ่เพราะอีกฝ่ายน่ากลัวกว่าศูรร้อยเท่าพันเท่า อีกอย่าง...ตั้งแต่วันนั้นรพีก็ไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลย

ที่จริงอดุลย์ก็อยากจะนึกโล่งใจกับที่คนที่ตั้งแง่กับตัวเองไม่อยู่คอยทำร้ายกันอีก แต่ด้วยจิตใจที่มักนึกถึงคนอื่นก่อนเสมอก็พร่ำบอกว่าเป็นเพราะตัวเองที่เข้ามาอยู่ที่นี่อาจทำให้เจ้าของที่รังเกียจ แต่จะไล่ก็ไม่ได้เพราะศูรเป็นคนพาเข้ามา

ตัวเขาหรือเปล่าที่สร้างความลำบากให้เจ้าของบ้าน?

เสียงเครื่องรถยุโรปเคลื่อนที่เข้ามาภายในตัวบ้าน ผ่านร่างบางที่ยืนรดน้ำต้นไม้ด้วยท่าทีเหม่อลอย ดวงตากลมโตที่มีริ้วรอยของกาลเวลามองไปที่ต้นไม้ที่ตัวเองกำลังให้น้ำหากแต่ไม่ได้มองว่าปริมาณน้ำที่ตัวเองให้ไปมันเยอะจนดินแถวนั้นกักเก็บไม่ทันเอ้อล้นนองเต็มพื้น

รพีที่นั่งรถเข้ามามองภาพนั้นอย่างนึกขำเผลอหลุดยิ้มจางๆที่ริมฝีปาก จนคนขับรถยังแปลกใจ หลายวันมานี่รพีอยู่ค้างที่ออฟฟิตให้แค่คนขับรถมาเอาเสื้อและชุดทำงานที่บ้านเท่านั้น ด้วยเพราะไม่พอใจกับคนที่เข้ามาอยู่ใหม่ประกอบช่วงนี้หุ้นของบริษัทกำลังตกเพราะเรื่องราวหย่าร้างของตน ทุกวันต้องประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจจนรพีเองยังนึกหน่ายที่ต้องพูดอะไรซ้ำๆซากๆทุกวัน

“ตะวันล่ะ”ทันทีที่เดินเข้าบ้านมาได้ก็เอ่ยถามหาลูกชาย ไม่ได้นึกพิศวาสอยากจะเจอหลังจากกลับมาเหนื่อยๆจากที่ทำงานหรอก เพียงแต่มีธุระที่จะพูดด้วยเท่านั้น

“คุณหนูไปเรียนยังไม่กลับมาเลยค่ะคุณรพี ส่วนใหญ่คุณหนูกลับประมาณอาหารเย็นพอดีค่ะ”ดาวตอบกลับด้วยสิ่งที่ตัวเองรู้ รพีพยักหน้ารับคำตอบก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง

มือหนาค่อยๆปลดกระดุมเสื้อในขณะที่เดินไปยังห้องนอนของตัวเองพลันขายาวก็สะดุดเมื่อเห็นประตูห้องฝั่งตรงข้ามปิดไม่สนิท ที่จริงห้องฝั่งทางนี้ไม่ใช่ห้องใหญ่ที่สุดที่ควรจะเป็นของเจ้าของบ้านหากแต่เป็นห้องเก่าของรพีและพี่ของตัวเองในสมัยก่อน และตอนนี้เป็นห้องของอดุลย์ พ่อตามกฎหมายของลูกชายตามสายเลือดของเขา

จากเป้าหมายคือห้องของตัวเองรพีเปลี่ยนไปอีกห้องทันที พอก้าวขาเข้าไปก็บ่นเจ้าของห้องในใจ ทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศก็มีทำไมไม่รู้จักเปิดทิ้งไว้...มันร้อน!!

บ่นคนเดียวเสร็จก็เดินไปกดรีโมทเปิดพร้อมๆกับกดเปิดผ้าม่านผืนใหญ่แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างที่ไม่ต่างกันกับห้องของตัวเอง พร้อมกับรอเหยื่ออันโอชะด้วยความใจเย็น ดวงตาคมหรี่มองในความมืดด้วยความนึกสนุก แค่ความคิดของตัวเองก็ทำให้หลุดเสียงหัวเราะในลำคอออกมาอย่างลืมตัว

หึหึ...ก็ไม่แย่นักหรอกนะที่จะมีนายบำเรออยู่ในบ้านแบบนี้



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




เวลาบ่ายอ่อนๆของวัน อดุลย์ทำงานที่ตัวเองยึดมารับผิดชอบไว้จนหมดสิ้นแล้วกำลังนั่งคุยเล่นกับลุงโชนอยู่ที่ชิงช้าไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวน ลุงโชนเป็นคนคุยสนุกแถมยังชอบเล่าเรื่องความหลังสมัยแกยังหนุ่มๆให้ได้หัวเราะ อดุลย์นั่งฟังไปก็หัวเราะไป นึกในใจว่าเย็นนี้จะไปเล่าต่อให้ตะวันฟัง

“นั่งคุยอยู่นาน จนผมลืมเลย วันนี้ผมต้องไปช่วยคุณท่านลงต้นไม้ที่บ้านฝั่งนู้น ยังไงขอตัวก่อนนะครับคุณปิงปอง”อดุลย์พยักหน้ายิ้มรับคำ อยากจะไปช่วยผู้อาวุโสปลูกต้นไม้อยู่เหมือนกัน ติดอยู่แค่ตอนนี้เหนียวเนื้อเหนียวตัวอยากจะอาบน้ำมากกว่า ร่างบางลุกจากชิงช้าสะบัดเอาเศษฝุ่นออกก่อนจะตรงเข้าไปที่บ้านหมายจะชำระร่างกายให้สะอาดก่อนแล้วค่อยไปช่วยตามที่คิดเอาไว้

ระหว่างทางเดินตาโตเหลือบไปมองเห็นรถคุ้นตาที่เห็นทุกกลางวันจอดอยู่ในโรงรถ เผลอถอนหายใจเบาๆด้วยคิดว่าวันนี้รพีอาจจะไม่กลับมาอีกก็ได้ คนขับรถคงมาเอาเสื้อผ้าให้ตามเคย...คงรอดไปอีกวันที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับคนที่ทำให้กลัวไปทั้งตัว

 อดุลย์เดินทอดน่องเรื่อยๆไปตามทางก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูห้องของตัวเองก่อนจะเปิดเข้าไปโดยไม่นึกฉุกใจเลยสักนิดที่ประตูห้องปิดเรียบร้อยทั้งที่ปรกติจะเป็นคนชอบเปิดแง้มเอาไว้ตลอด เป็นนิสัยที่ติดมาช่วงที่เลี้ยงตะวันตอนยังตัวเล็กๆ สมัยก่อนที่ทำงานรับจ้างทั่วไปพวกงานพับถุงเย็บตุ๊กตาเขาต้องออกมานั่งทำที่ส่วนของกลางบ้านเลยต้องเปิดแง้มประตูฟังเสียงร้องของลูกชายตัวเล็กตลอดเวลา

ถึงจะไม่ฉุกใจเรื่องประตูแต่ทันทีที่เข้ามาในห้องนอนก็พบสิ่งผิดปรกติ ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศกับผ้าม่านที่ถูกปิดสนิทจนไม่มีแสงเล็ดลอดเข้ามาได้ ทำให้ต้องนิ่งคิด

จะว่าลืมปิดก็คงไม่ใช่เพราะตั้งแต่มาอยู่นี่อดุลย์ไม่เคยเปิดแอร์เลยซักครั้ง ยิ่งผ้าม่านยิ่งแล้วใหญ่เพราะมันเป็นระบบไฟฟ้าที่ใช้รีโมทเป็นตัวควบคุมเขาเลยไม่คิดอยากจะแตะต้องเลยด้วยกลัวจะทำของบ้านคนอื่นพัง

ในขณะที่นิ่งคิดพร้อมๆกับมือบางคว่ำหาสวิตไฟที่คล้ายว่าจะจำได้ว่ามันอยู่ด้านซ้ายของประตู ร่างบางทั้งร่างก็ถูกกระชากเข้าหากำแพงที่มีเนื้อหนัง ปากที่จะร้องตกใจก็ถูกปิดด้วยมือใหญ่ สัมผัสหยาบโลนจู่โจมทันทีไม่ทันให้ได้ตั้งตัวไล้มาตั้งแต่ลำคอยันกกหู

“...ปะ...ปล่อยย..ปล่อย!!!”พยายามตวาดเสียงเท่าที่จะทำได้แต่ก็ไม่ได้ต่างกับเสียงแมวขู่เท่าไรนัก รพีไม่ได้นึกสนใจ ยังคงซอกไซร้ร่างกายที่มีแต่กลิ่นของเหงื่ออย่างสนุกสนาน 

“คุณรพี!! ปล่อย!!”อดุลย์ยังทำตวาดใส่ จนคนโดนตวาดอดรำคาญขึ้นมาไม่ได้

เพี้ยะ!!!

“หุบปาก!! อย่าทำเหมือนไม่เคย มันไม่ได้ทำให้ตัวมึงดูมีราคาขึ้นมาหรอก!!”ทั้งแรงตบและคำด่าส่งให้น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ได้รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่โดนผลักลงบนเตียงพร้อมกับจูบแรงๆที่หน้าอกที่ตามมาอย่างรวดเร็ว

“อยู่นิ่งๆแต่แรกก็สิ้นเรื่องสิ้นราว เสร็จธุระกูจะได้ไปนอนพัก”คำพูดที่เข้าหูกับสัมผัสที่เริ่มถึงเนื้อถึงตัวทำให้อดุลย์รู้สึกตัวอีกครั้ง แม้เสื้อจะหลุดหายไปแล้วและกางเกงเองก็แทบจะหลุดออกจากสะโพกกลมก็ตามที

“ปล่อยนะ!! ปล่อย บอกให้ปล่อย!! ช่วยด้วยใครก็ได้ อื้อออ!!!”เสียงเรียกให้ช่วยถูกกลืนหายไปกับปากหนาของร่างใหญ่ที่อยู่บนตัว ถึงรพีจะมั่นใจก็เถอะว่าเวลานี้ไม่มีคนมายุ่งย่ามบนชั้นสอง แต่ไอ้เสียงเล็กๆแหบๆมันน่ารำคาญน้อยเสียเมื่อไร

ตุ๊บ!!!

อั๊ก!!!

เสียงของคนตัวหลุดหลุดออกมาด้วยความเจ็บปวดทันทีเมื่อถูกต่อยอย่างแรงเข้าที่ท้อง ความรู้สึกตอนนี้เหมือนทั้งร่างไร้เรียวแรงได้แต่นอนตัวสั่นกลัวคนที่ยิ้มร้ายอย่างสะใจ

“ฮือ..ปะ..ปล่อย...อ...ไอ้เลว”ด่าทั้งๆที่ยังร้องไห้แบบนั้นยิ่งทำให้คนฟังยิ้มเยาะเย้ย...เลวแล้วยังไง ตลอดชีวิตที่ผ่านมาก็ไม่เคยมองว่าเขาเป็นคนดีซักครั้ง จะมีคนมองว่าเลวอีกซักคนก็ไม่ได้ลำบากอะไรไปมากกว่านี้อีก

“เลวก็เลว...เลวก็ผัวมึงได้เหมือนกัน”พูดไปก็เตรียมพร้อมส่วนกลางของตัวไป คราวก่อนที่บุกไปปลุกปล้ำอดุลย์ถึงที่บ้านแม้จะด้วยความเมาก็ยังพอรู้สึกตัวนิดหน่อย ยังจำได้ว่าร่างบางให้ความรู้สึกตอบสนองดีขนาดไหน

ดีขนาดที่ทำให้หนุ่มใหญ่วัยเกือบจะเข้าเลขสี่รู้สึกเลือดซูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง คึกคะนองกว่าตอนที่ลองกินยาปลุกสูตรต่างๆที่เคยกินเพื่อเพิ่มสมรถภาพ ตื้นเต้นกว่าตอนที่ไปซื้อบริการจากพวกหญิงสาวเด็กๆด้วยซ้ำไป

“นี่...หยุดร้อง หยุดโวยวายแล้วกูจะทำเบาๆ”ปากที่พร่ำดูดดุนที่ลำคอขาวเลือนมากระซิบปากเบาๆที่ข้างหูและทิ้งรอบจูบไว้ก่อนจะลากกลับมาที่ปากเล็กๆจัดการมอบจูบที่รุนแรงเร้าร้อนพอที่จะทำให้อีกฝ่ายไม่ขัดขืน

ปฏิกิริยาของอดุลย์ดูโอนอ่อนตามแรงอารมณ์ที่ถูกคนตัวใหญ่สร้างให้ทำให้รพีถูกอกถูกใจแก่นกายที่พองตัวมากขึ้นกว่าเก่าเป็นตัวบ่งบอกความพอใจในร่างกายตรงหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ตั้งแต่เกิดมาเจ้าของความเป็นชายแท่งนี้รู้สึกว่าวันนี้เจ้าแท่งนี้ทั้งร้อนทั้งแข็งกว่าทุกวันและสั่นระริกต้องการปลดปล่อยกว่าทุกครั้ง

เมื่อเป็นอย่างนั้นคงไม่ใช่แค่รอบเดียวในวันนี้

และ...ไม่จบแค่ครั้งนี้...วันพรุ่งนี้...มะรืน...จนกว่าจะพอใจนั้นแหละ



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



ตรู๊ดดดด ตรู๊ดดดด

เสียงรอสายที่ฟังรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้หากแต่ไม่มีคนยอมรับสายซักทีทำเอาตะวันที่เฝ้าโทรหาพ่อปิงปองตั้งแต่เลิกเรียนเกิดอาการกังวลใจ วันนี้วันจันทร์เขาเรียนเสร็จตั้งแต่บ่ายแล้วเลยมานั่งรออยู่หน้าโรงเรียนของไอ้ดำเพื่อนสนิท และคงจะไม่ได้กลับไปกินข้าวเย็นเลยต้องโทรบอกก่อน

แต่โทรเท่าไรพ่อก็ไม่ยอมรับสายซักที ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าพ่อปิงปองเป็นพวกไม่ชอบพกโทรศัพท์เท่าไร ยิ่งอยู่บ้านเฉยๆมีหวังวางทิ้งไว้ในห้องอีกตามเคย เขาเองก็ลืมเมมเบอร์โทรของที่บ้านใหม่เอาไว้ซะด้วย

จนแล้วจนรอดพ่อปิงปองก็ไม่ยอมรับสายซักทีตะวันเลยเลิกโทรไปเอง พลางคิดว่าพ่อคงคุยอยู่กับลุงโชน กลับไปวันนี้พ่อคงมีเรื่องของลุงโชนมาเล่าให้ฟังเยอะแยะ ที่จริงลุงโชนแก่กว่าคนที่ตะวันควรเรียกว่าปู่เสียอีกแต่ตะวันก็เรียกลุงโชนตามพ่อปิงปองดูถนัดปากมากกว่า ส่วนศูรที่เป็นปู่ถ้าเลี่ยงได้ตะวันก็จะเลี่ยงไม่พูดคุย เขาเองรู้สึกไม่สนิทใจกับสายแท้ๆ แม้จะไม่มีใครบอกเหตผลว่าทำไมเขาถึงได้เป็นลูกพ่อปิงปอง แต่ตะวันก็ไม่อยากจะถาม

ที่จริงไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้ด้วยซ้ำ

ตะวันไม่รู้ชอบใจศูรเพราะเหมือนอีกฝ่ายชอบเสนออะไรที่ตะวันไม่ชอบให้ทำอยู่เรื่อย ถึงไม่ได้บังคับแต่ก็ไม่ชอบใจอยู่ดี ส่วนอีกคนที่ตะวันรู้ว่าเป็นพ่อที่แท้จริงของตัวเองยิ่งแล้วใหญ่ หน้าตายังแทบจำไม่ได้ ถ้าไม่ติดว่าทุกครั้งที่เดินเข้าบ้านแล้วจะมีรูปของคนคนนั้นติดอยู่ก็คงลืมไปแล้ว

แต่ที่ตะวันไม่ชอบใจที่สุดคงเพราะเขาคนนั้นเคยทำให้พ่อปิงปองต้องร้องไห้ ถึงเป็นพ่อแท้ๆของตัวเองก็ไม่ยอมอภัยให้แน่ๆถ้ามีครั้งต่อไปอีก

“ไงไง เศรษฐีใหม่”คำเอ่ยแซวจากเพื่อนตัวสูงผิวแทนทำเอาตาคมหันขวับไปมองอย่างไม่พอใจ หากเป็นคนนอกคงนึกเกรงกับตาคมๆที่ดูดุแต่กับคนที่อยู่ด้วยกันมานานรองจากพ่อปิงปองอย่างทานตะวันไม่ออกอาการกลัวแม้ซักนิด กลับกันยังหัวเราะชอบใจคนยุง่ายอีกต่างหาก

“กวนตีน มาก็ช้า”คนรอบ่นออกมา ตะวันเห็นพวกเด็กในโรงเรียนทยอยกันเดินออกมาสักพักแล้วเจ้าเพื่อนตัวสูงดำนี่พึ่งจะโผล่มา แถมยังแซวเรื่องนี่อีก

ก็จริงที่ว่าเหมือนตอนนี้ตะวันจะสบายขึ้น ศูรเอาบัตรทั้งเครดิตและเดบิตที่มีเงินฝากในบัญชีอยู่มากโขมาให้เขาติดตัว และถึงจะไม่ใช่คนใช้เงินมือเติบแต่ก็ถือว่าใช้เงินคล่องกว่าแต่ก่อนเยอะ เวลาจะซื้อจะใช้ก็แค่คิดว่ามันคุ้มมั้ย ต่างจากแต่ก่อนที่นอกจะคิดว่าคุ้มมั้ยยังต้องคิดต่ออีกว่าถ้าซื้ออันนี้แล้วเงินจะพอใช้หรือเปล่า

“คุยเรื่องงานกลุ่มกับเพื่อนอยู่”ทานตะวันตอบกลับก่อนจะเดินไปสั่งน้ำผลไม้ปั่นที่หน้าเคาเตอร์ร้าน ตามทางเดินที่ก้าวไปมีแต่คนคอยจดจ้องมอง ว่าตามจริงทานตะวันไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไร รูปร่างสูงใหญ่ราวกับคนยุโรปใหล่กว้างหน้าเรียวยาว แต่กลับมีผิวสีแทนบวกผมสีดำสนิทและใบหน้าตาหูจมูกปากเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเป็นคนเอเชียขนานแท้

“ไง จะไปไหนนึกถ่อมาหาถึงที่นี่”ทานตะวันเริ่มเปิดบทสนทนาพลางดูดน้ำปั่นที่ซื้อ

“อยากได้หนังสือ พาเข้าศูนย์หนังสือจุฬาฯหน่อย”เพราะเพื่อนสนิทเรียนโรงเรียนในรั้วใกล้ๆแถวนั้น ทั้งอยากเจอเพื่อนและก็ไม่อยากเดินซื้อของคนเดียวด้วย

“เอาดิ จะหาดูหนังสือเหมือนกัน”คุยกันเสร็จสรรพทั้งคู่ก็ตัดสินใจเดินไปผ่านผู้คนและรวงร้านค้ามากมายตามรายทาง พลางนึกว่าก็ดีเหมือนกันที่มีเงินใช้แบบนี้ ตั้งแต่โตพอรู้เรื่องรู้ราวก็เหมือนว่าตะวันจะกดความรู้สึกอยากเที่ยวอยากเดินเล่นของตัวเองไว้ตลอด รู้ดีว่าถ้าขอพ่อก็จะได้แต่ก็ไม่อยากจะทำให้พ่อลำบาก

“แล้วมึงเป็นไงบ้าง สบายดีป่ะ เข้ากับบ้านนู้นได้หรือยัง?”ทานตะวันถามเรียบๆพวกเขาคุยกันทุกเรื่อง ขนาดว่าแต่ก่อนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันยังคุยกันได้ทุกวันจนเหมือนกับว่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น

“ก็ดี พ่อก็ดูมีความสุขดี ไม่ต้องทำงานพ่อก็ไม่เหนื่อย แถมกูยังได้กินกับข้าวฝีมือพ่อทุกวันด้วย”...แต่ในใจก็ไม่ชอบ ตะวันบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทั้งๆที่ทุกอย่างมันดีขึ้น ความสุขก็มี...แต่แค่ไม่เท่าตอนอยู่กับพ่อสองคน

“ก็ดีแล้ว ว่าไปชีวิตมึงนี่อย่างกับนิยาย เคยเห็นแต่ในหนัง”

“หนังเรื่องไร?”ทำหน้าสงสัยใคร่รู้ความจริงพร้อมทำตาปริบๆใส่ จนโดนคนตัวใหญ่กว่าเขกหัวแรงๆไปหนึ่งที

“กวนตีน”และทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาจนคนรอบข้างหันมองด้วยความสงสัย

สุดท้ายตะวันก็ได้หนังสือเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าที่อาจารย์ที่วิทยาลัยแนะนำให้ไปหาอ่านมาไว้ครอบครอง ตะวันชวนเพื่อนสนิทเดินเล่นกันต่อรอเวลาเย็นๆแล้วค่อยหาอะไรกินกันต่อ คนถูกชวนเลยโทรไปบอกที่บ้านโดนซักถามเพียงแค่ว่าไปกับใครพอบอกชื่อตะวันไปทุกอย่างก็ผ่านฉลุย สมัยก่อนตอนวันหยุดเสาร์อาทิตย์ไหนที่พ่อต้องไปทำงานตะวันก็จะไปคลุกอยู่บ้านเพื่อนตลอดสนิทกันจนเรียกได้เต็มปากว่าเป็นอีกคนในครอบครัวก็ว่าได้

ติ๊ดดด ติ๊ดดด

“ฮัลโหลพ่อ ทำไรอยู่ครับ ตะวันโทรหาตั้งแต่บ่ายไม่ยอมรับสาย”ชายหนุ่มหน้าขาวรับสายด้วยเสียงร่าเริงทันทีที่รู้ว่าพ่อโทรเข้ามา

“พ่อลืมโทรศัพท์ไว้บนห้องครับ”เสียงแหบตอบออกมาเบาๆ

“ตะวันอยู่ไหน”เสียงเข้มที่พูดแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ทำเอาคนที่ถูกถามถึงนึกแปลกใจ จะว่าจำเสียงนั้นได้ติดหูก็ไม่แปลกทั้งๆที่พึ่งเคยคุยกันแค่สองครั้ง แถมแต่ละครั้งก็ไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเสียทีเดียว  แต่กลับเป็นเสียงที่ฟังแล้วจำได้ในทันที

...รพี...พ่อ

“ตะวันอยู่ไหนลูก คุณรพีเขามีเรื่องจะคุยกัน กลับมาทันข้าวเย็นมั้ย?”อดุลย์ถามอีกครั้ง

“อยู่ข้างนอกกับน้องทานของพ่อนั้นแหละครับ งั้นตะวันพาไอ้ดำไปกินข้าวที่บ้านนะ”

“..พ่อว่า..พาน้องทานมาวันหลังมั้ยครับ คุณรพีเขาจะคุยกับตะวันเรื่อง...ค่อนข้างส่วนตัว พ่อว่าน้องทานจะอึดอัดนะ”

“เรื่องสำคัญอะไรครับพ่อปิงปอง ก็ไว้ค่อยคุยหลังทานข้าวก็ได้นี่ ตะวันนัดกับไอ้ดำไว้แล้วด้วย”คนข้างๆทีถูกยกเข้ามาในหัวข้อสนทนาเริ่มเดาเรื่องราวออก พยายามจะบอกเพื่อนว่าไม่เป็นไรวันอื่นค่อยนัด แต่เจ้าเพื่อนตัวดีไม่ฟังความอะไร พยายามจะเอาชนะแบบเด็กๆ

“ว่าไงครับพ่อ...เขามีเรื่องอะไรจะคุยกับตะวัน?”

“...เอ่อ...”

“เรื่องไรอ่ะพ่อ ไม่งั้นตะวันไม่รีบกลับนะ นัดไอ้ดำไว้แล้วด้วย”

“...คุณรพีเขาจะคุยกับตะวันเรื่องจะให้ตะวัน...”





“................เปลี่ยนนามสกุล”



หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 21-09-2014 15:36:16

ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ต่อ
แล้วก็หวังว่าจะได้อ่านต่อจนจบเลยนะ

ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดนะที่มาอยู่บ้านเดียวกัน
เพราะดูท่าทางความสัมพันธ์ของพ่อ---ลูก---หลาน
ไม่ได้ดีขึ้นมาซักเท่าไหร่เลยแถมยังจะแย่ลงกว่าเดิมซะอีก

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 21-09-2014 17:13:11
 :hao5: ทำไมรพีต้องทำอยางนี้นะ
ข่มขืนเขาแล้วยังบังคับให้ลูกเปลี่ยนนามสกุลตามอีก
แล้วจะรออ่านต่อน๊า ^^
ขอให้คนเขียนขยันลงแบบนี้ไปเรื่อยนะจ๊ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 21-09-2014 17:38:44
ขอบคุณคนเขียนค่ะ ในที่สุดก็มาต่อจนได้
สงสารอดุลย์มาก เหมือนกำลังโดนบีบให้ต้องเสียสิ่งสำคัญไปหมดทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 21-09-2014 19:31:38
ปิงปองน่าสงสารอ่ะ รพีนี่ก็เลวจริง โมโหแทน!!!
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 21-09-2014 20:37:36
 :impress3: :impress3: :monkeysad: :m15: ดีใจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ คิดว่าจะไม่มาอัพต่อแล้ว ขอบคุณมากนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1: งือออออออ ในที่สุดก็ได้อ่านพ่อปิงปองต่อแล้วววว  :really2: :really2:

รพีก็เลวเห้ๆ เหมือนเดิม ทำไมไม่ดูตัวเองบ้างว่าทำอะไรเค้าไว้!!! แล้วมาบอกว่าทำไมต้องกลัว หนอยยยยยยยยยย....อิบ้า!!!!  :z6: :beat:  :angry2: ทำเค้าไว้ขนาดนั้นใครจะไม่กลัวฟร่ะ!!! แล้วนี่โมโหใส่เค้าจะไม่วายน่าเรื่องทำร้ายอย่างคราวที่แล้วอีกเรอะ!!  :m31:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: supermyrainbow ที่ 21-09-2014 21:12:36
ดีใจมาก  อยากจะร้องไห้ที่คนแต่งกลับมาแต่งต่อ

ดีใจที่ได้อ่านเรื่องสนุกๆแบบนี้ต่อ

อยากตะโกนว่าดีใจโว้ย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-09-2014 21:13:41
ฮูเล ฮาฮ๊า ดีใจฝุดๆ ต่อวันละตอน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: beautjang ที่ 21-09-2014 22:32:34
ไม่เห็นทางที่จะรักกันได้เลยอ่ะ ดราม่าๆ เต็มไปหมดเบยยยย

 :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 21-09-2014 23:09:28
ขอให้มาสม่ำเสมอนะชอบมากเรื่องนี้
รพีอึกหน่อยต้องหลงเค้าแน่นอน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 21-09-2014 23:37:26
เฝ้ารอมานานแสนนานได้อ่านซะที
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-09-2014 19:17:56
รพีชอบรังแกปิงปองจังนะ
เราก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบอยู่เฉยๆอ่ะ ฉะนั้นคนเขียนควรจะหางานอะไรซักอย่างให้ปิงปองทำนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 12 [ 21 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 22-09-2014 20:34:55
บรรยากาศบนโต๊ะทานข้าวเป็นไปอย่างเงียบสงบ ทุกคนรวมตั้งแต่ศูร รพี อดุล ตะวันและเพื่อนสนิทอย่างทานตะวันทานข้าวโดยไม่พูดไม่จากับใคร รพีแค่ไม่อยากจะพูดเฉยๆไม่ได้นึกหนักใจแทนคนอื่น ส่วนศูรที่เงียบเพราะเขาก็เป็นหนึ่งเสียงที่สนับสนุนให้ตะวันเปลี่ยนนามสกุลเป็นเรืองรัตนโยดม ในเมื่อซักวันตะวันต้องเป็นคนที่รับช่วงต่อธุรกิจ คงจะไม่เหมาะถ้าทายาทจะให้นามสกุลที่ไม่มีใครรู้จัก

ตะวันที่ยังหน้าบึ้งตึ่งสุดท้ายก็ลากเพื่อนตัวใหญ่กลับมาบ้านด้วย แค่ฟังเรื่องจากในโทรศัพท์ก็นึกโกรธคนพูดอย่างพ่อปิงปองแต่ที่ไม่โวยวายเพราะเหตุการณ์คราวก่อนที่เขาน้อยใจพ่อปิงปองทำพ่อเสียใจสอนให้เขาควบคุมสติมากขึ้น อีกทั้งคำพูดของเพื่อนที่ทำให้รู้ว่าพ่อปิงปองรักตนมากขนาดไหนก็ยังจำได้อยู่ติดหูตลอดเวลา

จะโกรธก็ญาติที่พึ่งเพิ่มมาใหม่ทั้งสองคน ไม่พ้นศูรและรพีเท่านั้นที่เป็นคนคิดจะให้เขาเปลี่ยนนามสกุล

อดุลย์มองลูกชายกลัวว่าตะวันจะโกรธ รู้อยู่ว่าลูกเป็นพวกเลือดร้อน ใช่ว่าอดุลย์จะไม่เข้าใจเหตุผลที่รพีบอก เขายอมรับได้ถ้าตะวันจะไม่ใช้นามสกุลเดียวกับตัวเอง ถึงจะรู้สึกใจหายแต่ก็พร่ำบอกตัวเองว่ามันเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องยอมรับความจริง

ความจริงที่ตะวันคือ ตะวัน เรืองรัตนโยดม

“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวไปส่งเพื่อนก่อนนะครับ”ตะวันลงขึ้นก่อนจะพยักหน้าให้เพื่อนที่นั่งข้างๆลุกตาม

“เดี๋ยวตะวัน...จะไปส่งน้องทานยังไง ให้พ่อไปส่งเป็นเพื่อนมั้ย”อดุลย์ถามประจบลูกชายทั้งๆที่ความจริงร่างกายของตัวเองตัวนี้ไม่ค่อยจะสมประกอบเท่าไร พยายามนั่งพยายามเดินให้ไม่ผิดปรกติก็ลำบากพอแรงอยู่แล้ว

“เดี๋ยวตะวันยืมมอ’ไซลุงโชนไปส่งเอาครับพ่อ”

“เดี๋ยวให้คนรถไปส่ง ชั้นมีเรื่องจะคุยด้วย”คนที่เงียบมาตลอดมื้ออาหารพูดขึ้น อย่างไรเสียตนก็เป็นพ่อแท้ๆ จะให้มาข้ามหัวแบบนี้คงไม่เหมาะ แววตาคมทั้งคู่สบตากันไม่มีแววของความผูกพันกันแม้แต่น้อย

“ไม่ครับ”ตอบกลับเสียงเรียบ ไม่สนใจคำสั่งจนคนสั่งนึกขัดใจ

“ชั้นไม่ได้พูดไม่ได้บอกธรรมดา แต่ชั้นสั่ง”

“เดี๋ยวรพี แกไม่เห็นต้องรีบคุยอะไร หลานมันพึ่งเข้ามาอยู่จะรีบเปลี่ยนไปทำไม ชั้นไม่เห็นว่าต้องรีบร้อนอะไร..”ผู้อาวุโสสุดพยายามจะออกความคิดเห็น ไม่เข้าใจว่าทำไมรพีไม่ยอมพูดกับตะวันดีๆ ศูรเชื่อว่าตะวันเป็นเด็กดีมีเหตุผลเพราะถูกเลี้ยงมาแบบนั้น คงมีแต่ตัวเองล่ะมั้งที่เลี้ยงลูกมาไม่ดี

“ไม่ครับ ผมไม่เปลี่ยนนามสกุล”

“เอ่อ ผมว่าเดี๋ยวค่อยพูดเรื่องนี้ทีละ...”

“คนนอกไม่ต้องเสือก!!”เสียงตวาดดังทั้งๆที่อดุลย์ยังพูดไม่จบประโยคคนถูกตวาดสะดุ้งจนตัวโยน แต่คนที่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกลับเป็นตะวัน

ปัง!!

“พ่อปิงปองไม่ใช่คนนอก!! ถ้าพวกคุณไม่พอใจผมกับพ่อจะย้ายกลับเลยก็ได้!!”มือขาวทุบลงบนโต๊ะอาหารเสียงดังอย่างหยุดอารมณ์ไม่อยู่ ขนาดที่ว่าเพื่อนสนิทคอยสะกิดบอกเตือนให้ควบคุมสติก็ไม่สามารถทำได้

ตะวันโกรธรพีจริงๆที่กล้ามาขึ้นเสียงใส่พ่อปิงปองแถมยังว่ากล่าวอีก แต่โกรธพ่อปิงปองมากกว่าที่ไม่ทำอะไรตอบโต้เลย แม้จะรู้ว่าพ่อจิตใจดีแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยเห็นพ่อยอมคนถึงขนาดนี้

“ตะวันอย่างก้าวร้าว ไม่น่ารักเลย”อดุลย์ปรามเสียงเข้ม

“ก็พ่อดูพวกเขาซิ!! เขามาว่าพ่อนะ พ่อยอมได้ยังไง พ่อไม่ใช่คนนอกซักหน่อยพวกเขาต่างหากไม่ใช่เหรอที่เป็นคนนอก ที่เอาตัวผมกลับมาผมรู้หรอกว่าไม่ใช่เพราะรักพวกเขาแค่อยากได้เพราะผมมีสายเลือดเดียวกับเขาเท่านั้น!!”ตะวันตวาดไม่ไว้หน้าใคร มองตรงมาที่รพีอย่างไม่กลัวเกรง

“ไม่ใช่นะตะวัน ปู่แค่ไม่รู้ว่ามีหลานอยู่”

“ใครจะเชื่อ!! คุณอย่ามาทำพูดดี พวกคุณมันก็พวกเห็นแก่ได้เหมือนกันทั้งพ่อทั้งละ..!!!”

เพี้ยะ!!!!

เสียงกระทบของฝ่ามือใหญ่ดังสนั่นส่งให้เสียงรอบข้างเบาบางลง เป็นรพีที่ลงมือตบหน้าเพื่อหวังจะให้ตะวันหยุดพูดจาสาวหาว

“อย่าลามปาม พ่อชั้นไม่ใช่เพื่อนเล่นนาย!!”เสียงเข้มบอกด้วยอารมณ์โกรธ ถึงจะเป็นลูกแท้ๆแต่ไม่ได้มีความผูกพันอะไรอยู่แล้ว จะให้ทำร้ายมากกว่านี้รพีก็ทำได้เพื่อสั่งสอน

!!!!

“เฮ้ยตะวันอย่า!!”เพื่อนสนิทตัวใหญ่คว้าตะวันไว้ทั้งตัวเมื่อเห็นว่าคนที่ถูกตบหน้ากระโจนเข้าหาร่างของพ่อแท้ๆตัวเองที่ยื่นนิ่งราวกับไม่กลัวพายุอารมณ์ของลูกชายแม้แต่น้อย ทั้งๆที่เห็นว่าเด็กตรงหน้ากำลังเงื้อมือใส่ ดวงตาดุดวงนั้นยังไม่กระพริบหลบซักนิด

“น้องทาน พาตะวันออกไปก่อน...ตะวัน ออกไปก่อน”อดุลย์เดินเข้าไปขว้างช่วยอีกคนจนตะวันต้องส่งสายตาราวกับจะร้องไห้ให้เมื่อพ่อปิงปองไม่เข้าตัวเอง

“นะตะวัน เดี๋ยวพ่อคุยให้นะ...นะครับ เชื่อพ่อสิ”แม้จะยังไม่พอใจแต่คนที่กำลังโมโหก็สะบัดมือของเพื่อนเดินกระทืบเท้าออกไปจากห้องทานอาหารในที่สุด

“หึ...ไหนว่าเลี้ยงกันมาดี แบบนี้หรือครับคนดีของคุณพ่อ”รพีพูดใส่ศูรด้วยท่าทีเรียบๆก่อนจะเดินออกจากห้องไปอีกคนเหลือไว้เพียงศูรที่ถอนหายใจทิ้งอย่างหนักอกกับอดุลย์ที่เฝ้าขอโทษขอโพยอยู่อย่างนั้น



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ใคร”เจ้าของห้องตัวสูงใหญ่เงยหน้ามองไปที่เสียงเคาะประตู เวลาสองทุ่มกว่าทำให้คิ้มเข้มขมวดสงสัยว่าใครกันที่มาเคาะประตูเรียก

“ผมอดุลย์ครับคุณรพี”เสียงแหบเล็กที่เป็นเอกลักษณ์ของคนที่อยู่ด้านนอกดังเข้ามา รพีละออกจากกองเอกสารไปเปิดประตูเผยให้เห็นร่างของคนที่ตัวเองพึ่งใช้งานไปอย่างหนักเมื่อช่วงบ่ายกำลังก้มหน้ามองพื้น ทั้งๆที่เป็นคนมีธุระมาแท้ๆ

“มีอะไร ชั้นจะทำงาน”

“ผมขอเวลาสักครู่ครับ เรื่องของตะวัน”อดุลย์บอกเหตที่ทำให้ต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่อยากเลี่ยง

“...เข้ามาซิ”ดวงตากลมมีแววไม่มั่นใจเล็กน้อย เงยหน้ามองที่อนุญาตให้เข้าไปในห้องก็เจอแต่ความนิ่งเรียบไม่เหมือนเมือตอนบ่าย เท้าเล็กจึงตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้องที่มีแค่แสงสีส้มจากโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยแฟ้มและเอกสารจำนวนมาก อีกทั้งแว่นตาที่วางไว้ทำให้รู้ว่ารพีคงทำงานอยู่จริงๆ

“มีเรื่องอะไรว่ามา”รพีเปิดประเด็นเข้าเรื่องอย่างรวดเร็วไม่อยากเสียเวลาอ่านเอกสารที่พรุ่งนี้ต้องเข้าประชุม ที่วันนี้ว่างก็เพราะประชุมเลื่อนไปพรุ่งนี้แทน ถึงจะเป็นถึงประธานฯแต่ก็ต้องอ่านรายละเอียดต่างๆที่จะประชุมให้พร้อมก่อน ยิ่งเมื่อกลางวันเสียเวลาไปกับกิจกรรมบางอย่างกับคนตรงหน้า ยิ่งทำให้เวลาเตรียมตัวน้อยลงไปอีกมาก

...แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร...

“เรื่องตะวัน...ผมจะมาขอโทษที่ลูกผมก้าวร้าวใส่ ที่จริงเขาไม่ใช่เด็กไม่ดีหรอกนะครับ”คนฟังฟังนิ่งๆ ถึงจะขัดหูกับคำว่า ลูกของผม แต่ก็ไม่แย้งอะไรออกมา

“เรื่องที่จะเปลี่ยนเขามาเป็นเรืองรัตนโยดมผมจะค่อยๆพูดกับตะวันเอง คุณรพีให้เวลาแกหน่อยได้มั้ยครับ”

“นายแน่ใจเหรอว่าจะเปลี่ยนใจเด็กนั่นได้ ท่าทางโอ๋มากจนเคยตัวแบบนั้น นี่ทำอะไรผิดก็ให้นายที่เป็นผู้ปกครองมาตามขอโทษตลอดเลยหรือไง? ถึงชั้นจะไม่สนใจว่าเด็กนั้นจะเป็นชั้นเป็นพ่อหรือเปล่าก็เถอะ...แต่อย่างน้อยชั้นก็แก่กว่ามัน แก่กว่าคนที่มันเรียกว่าพ่อด้วยซ้ำ”คำตำหนิที่ถูกส่งมากทำเอาอดุลย์แก้ตัวไม่ถูก จะว่ารพีพูดถูกก็ใช่...แต่ว่า

“ผมเชื่อว่าเด็กที่ผมเลี้ยงมาเป็นเด็กดีครับ ถึงจะเป็นคนโมโหง่ายเลือดร้อน แต่ตะวันเป็นเด็กมีเหตุผลและเชื่อฟังผมเสมอ ถ้าลองพูดด้วยเหตุผลตะวันก็จะรับฟังนะครับ”

“นี่นายว่าชั้นเป็นพวกไม่มีเหตุผลงั้นสิ?”รพีถามกลับพร้อมจ้องตากลมหวังรอคำตอบ

“เอ่อ...ผมแค่...ผมแค่หมายถึงทำไมคุณถึงไม่พูดดีๆกับตะวันแค่นั้นเอง”

“...”รพีไม่พูดตอบ พอรู้ตัวอยู่เหมือนกันที่เมื่อค่ำใส่อารมณ์มากเกินไปทั้งๆที่เรื่องมันไม่น่าจะเป็นเรื่องราว เพียงแต่เห็นท่าทางกระด้างกระเดืองของคนที่ขึ้นว่าเป็นลูกชายก็พาลหัวเสียขึ้นมา แถมยังเห็นศูรที่คอยเอาใจใส่หลานชายคนใหม่ยิ่งเกิดความอิจฉาขึ้นมาจนคุมตัวเองไม่อยู่แสดงอาการพาลขึ้นมา

“นะครับ ถือว่าผมขอร้อง อย่างไรตะวันก็ลูกคุณ...ถ้าไม่มีผมเขาก็เหลือแค่คุณกับคุณท่าน”อดุลย์อ่อนอกอ่อนใจขอร้อง ถ้าไม่ใช่ว่านี่เป็นเรื่องของลูกชายเขาคงไม่บากหน้ามาขอร้องคนที่ทำร้ายทางกายตัวเองขนาดนี้

“หมายความว่ายังไง? ถ้าไม่มีนาย?”คิ้วเข้มขมวดอย่างสงสัย คำพูดแปลกๆมาพร้อมกับรอยยิ้มเศร้าๆที่ปรากฏเพียงครู่เดียวบนใบหน้าสะกิดใจให้รู้สึกแปลกๆ

“ผมไม่คิดจะอยู่ที่บ้านหลังนี้ไปตลอดหรอกครับ พอตะวันปรับตัวได้ผมจะกลับไปอยู่บ้านของผม”เสียงเศร้าหน้าเศร้าทำให้จิตมืดบอด...สงสาร...ขึ้นมาชั่วครู่

แต่เพราะด้วยชีวิตที่เคยผ่านมาทำให้สร้างกำแพงมาปิดกั้นความรู้สึกไปจนหมด อคติที่ถูกสร้างขึ้นจากกลเกมธุรกิจทำให้รพีไม่ได้เชื่อในท่าทางที่น่าสงสารนั้นอย่างสนิทใจ

“หึ กับชั้นนายไม่ต้องแสร้งเป็นคนดีอะไรหรอก ชั้นขยาดพวกที่หน้าไหวหลังหลอกเต็มทน”

“...ผมเปล่า”ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธพลางคิดว่าทำไมผู้ชายคนที่ตนเคยหลงใหลถือได้เป็นคนที่มองโลกด้วยแง่ร้ายได้ขนาดนี้กัน

“ช่างเถอะ เพราะไม่ว่านายคิดจะทำอะไร ชั้นจะไม่ยอมปล่อยให้นายสมหวังแน่ๆอดุลย์”เสียงกดเข้มบ่งบอกว่าคนพูด พูดจริงทำจริง แต่คนฟังทำได้แค่ส่ายหัวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ไม่เข้าใจคนตรงหน้าจริงๆ

“มีธุระแค่นี้ใช่มั้ย ชั้นกำลังทำงาน ไม่อยากอารมณ์เสีย”อดุลย์ฟังคนพูดแล้วตาโตขึ้นเหมือคนคิดอะไรบางอย่างออก

...ไม่อยากอารมณ์เสีย...

จริงซินะ ตั้งแต่เจอกันทั้งสี่ห้าครั้งที่ผ่านมา คนตรงหน้ามาด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวอย่างกับพายุลูกใหญ่ แต่ครั้งนี้ตอนนี้รพีดูนิ่งเรียบขนาดที่เขาพูดเหมือนตำหนียังไม่ตะคอกกลับ...บางทีถ้าพูดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ไม่ควรตอนนี้...อาจจะ

“เอ่อ...คุณรพีครับ”

“อะไรอีก?”เสียงเข้มตอบกลับนิ่งๆไม่บ่งบอกอารมณ์ อดุลย์กลืนน้ำลายลงดังคออึก ก่อนจะเริ่มพูด

“เรื่องเมื่อตอนกลางวัน....”หากแต่พอจะพูดร่างบางกับอายที่จะพูดออกจากปาก หน้านวลที่มีริ้วรอยขึ้นสีอย่างเขินอาย อายุก็ขึ้นเลขสามมาหลายปี แต่ก็อดจะอายไม่ได้จริงๆ

คนที่เห็นปฏิกิริยาของอดุลย์ลอบยิ้มนึกขันในใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงขำกับท่าเขินๆอย่างกับสาวแรกรุ่นแต่ก็ไม่ได้ดูขัดหูขัดตาเท่าไรนัก

“ทำไม? หรือนายอยากได้อีก? ถึงเป็นชั้นก็ไม่ไหวหรอกนะ เมื่อกลางวันก็เสร็จไปตั้งหลายรอบแล้ว”คำพูดล้อทำเอาเลือดฝาดแล่นริ้วไปทั่วใบหน้ายิ่งกว่าเดิม รพีหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว

“ปะ...เปล่าครับ...”

“แล้วทำไม มีอะไร?”

“ผมแค่...ไม่อยากให้คุณทำแบบนั้นกับผมอีก”ใบหน้าที่ผ่อนคลายจากการขำคนเขินกลับมาตึงอีกครั้ง จนอดุลย์ก้าวขาหลบไปด้านหลังครึ่งก้าว

“....”

“ผมว่ามันไม่เหมาะที่คุณจะทำแบบนั้นกับผม ที่ผ่านมาสองครั้งผมเรียกมันว่าการข่มขื่นครับ และผมไม่อยากให้มันมีครั้งที่สาม”เสียงแหบเล็กแบบความต้องการของตัวเอง ที่ผ่านมาเขาที่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้เพราะไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องราว ไม่อยากให้ตะวันรู้และผิดหวังกับพ่อปิงปองที่ลูกแทบจะเห็นเป็นตัวอย่าง

“ถ้าคุณไม่เชื่อใจผม กลัวว่าผมจะมาปอกลอก...ผมก็ไม่รู้จะแก้ไข้ความระแวงนั้นยังไง แต่ผมยืนยันนะครับว่าผมเคยคิดร้ายอะไรกับพวกคุณทั้งนั้น”

“ถือว่าสงสารผมเถอะครับคุณรพี อย่าทำร้ายผมแบบนั้นอีกเลย”

“หึ...จะบอกว่านายไม่ชอบเหรอ? ชั้นเห็นครางซะแทบจะขาดใจตาย”คนพูดหน้านิ่งทั้งๆที่ในใจกำลังคิดว่าคนตรงหน้ากล้ามาจากที่มาพูดแบบนี้กับเขา ถ้าเขาต้องการไม่ว่าสิ่งนั้นจะสูงค่าหรือเป็นแค่เศษดินเขาก็จะเอามาให้หมด

“แล้วไง? แล้วนายจะอยู่บ้านนี้เฉยๆรอวันที่นายออกไปเหรอ? ไม่ไร้ค่าไปหน่อยหรือไง ถ้านอนกับชั้นอย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเมียของเจ้าของบ้าน ก็ยุติธรรมดีแล้วไม่ใช่หรือ จนกว่านายจะออกไปจากบ้านนี้ นายก็ยอมนอนกับชั้น...งานง่ายๆไม่ชอบหรือไง”ร่างบางที่ได้ฟังขมึงตาขึ้นมองลืมกลัวไปชั่วขณะ คำพูดของรพีพยายามสื่อว่าตัวเองเป็นพวกขายตัว

“...มากเกินไปหรือเปลาครับ...ผมทำอะไรให้คุณมากมายหนักเหรอ คุณไม่ขอบคุณที่ผมเก็บลูกที่คุณไม่ต้องการไปเลี้ยงผมไม่เคยว่า จะเอาลูกไปจากผมผมก็ยอมขอแค่ให้รักและเลี้ยงดูตะวันให้ดีๆ แต่ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นค่าของผม คุณกลับเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำอีก ขนาดว่าผมเองยังไม่เข้าใจเลยว่าเคยไปทำอะไรคุณไวถึงขนาดที่คุณต้องแก้แค้นผมคืนขนาดนี้”อดุลย์พูดเสียงเข้ม จ้องมองคนตัวสูงสื่อถึงความจริงจังในคำพูด

“เรื่องงาน...ระหว่างอยู่ที่นี่ผมจะช่วยงานบ้านทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ถ้าไม่พอหรืออยากให้ผมทำอะไรก็สั่งมาได้เลยครับ แต่ผมจะไม่ทำอย่างที่คุณบอก เพราะผมเองก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคน”

“....”

“และผมก็ขอยืนยันคำเดิมว่าผมไม่เคยต้องการอะไรจากคุณทั้งบ้านทั้งเงินทองหน้าที่การงาน....แม้กระทั้งตัวคุณ ผมก็ไม่อยากได้”พูดจบร่างเล็กก็เดินออกจากห้อง ไม่สนใจใบหน้าขมึงและตาคมที่จ้องมองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

...ที่อดุลย์บอกมาทั้งหมดหมายความว่าอดุลย์ไม่ต้องการตัวเขาใช่มั้ย..???

...ได้...

...แล้วเราจะได้รู้กันว่าใครกันแน่ที่ต้องเป็นคนเรียกร้องอีกฝ่าย!!...



หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 13 [ 22 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 22-09-2014 21:00:36
นายโตมาตัวเท่าควายได้ไงเนี่ยรพี

โอ้ยไม่อยากเอาควายมาเปรียบ

สงสารควาย (-_-)





ปล.อินไปหน่อยนะ5555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 13 [ 22 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 22-09-2014 21:01:19
รู้สึกบ้างป่ะว่าเค้าไม่ต้องการ สำนึกบ้างนะ คุณรพี
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 13 [ 22 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 22-09-2014 21:31:00
แหม มันไม่มีแม้แต่ความสงสารเลยหรือไง
เอาง่ายๆ นะ ปิงปอง กลับบ้านเถอะ
ยังไงลูกก็โตแล้วคงดูแลตัวเองได้
หรือไม่ลูกอยากจะกลับบ้านก็กลับสิ รอไห้โตกว่านี้ก็ได้
ค่อยไปบ้านนั้น
อย่าไปอยู่ให้คุณค่าความเป้นคนลดลงเลย จริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 13 [ 22 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 22-09-2014 21:46:17
อยากเชียร์ให้ปิงปองคู่กับคนอื่นจริงๆ ขัดใจอิตารพี น่าจับโยนทิ้งทะเลซะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 13 [ 22 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ma Lullaby ที่ 22-09-2014 21:55:00
ศรีจะไม่ทนพีแล้วนะคะ

 :katai1:

ดุลย์สู้ๆนะจ้ะ :กอด1:

ปล.เปนกำลังใจให้คนแต่งนะเจ้าคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 13 [ 22 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-09-2014 21:56:31
โอ้วยังเป็นคนได้ไง อิจฉา กระทั่งลูกตัวเอง. รพีหน้าปลากะโห้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 13 [ 22 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 22-09-2014 23:10:22
รพี  :katai1: :katai1: ไหวป่ะะะะะะะะะะะะะะะะะ คืออะไรรรรร....บ้าบอจัง เหมือนคนไม่มีความคิด ดีแล้วพ่อปิงปองงง เข้มแข็งอย่างนี้นานๆ นะคะ ไม่รู้ว่ารพีจะงัดไม้ไหนมาเล่นอีก  :z3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 13 [ 22 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ใบโพธิ์ ที่ 22-09-2014 23:50:29
ทำไมเรารู้สึกว่ารพีรักพ่อศูรจัง ที่จริงๆแล้วรพีรักพ่อมากไม่ใช่เหรอ ที่ยอมให้คนที่ตัวเองตั้งแง่รังเกียจเข้ามาอยู่ด้วยก็เพราะอยากให้พ่ออยู่กับหลาน ที่ด่าลูกก็เพราะลูกลามปามพ่อ

แย่จัง เราอ่านแล้วเราเห็นใจรพี ซึ่งจริงๆไม่อยากเห็นใจเลย
ทั้งๆที่เป็นคนที่ขาดทำไมต้องทำร้ายคนอื่นต่อ
ทั้งๆที่ตัวเองก็อยากได้ความรักไม่ใช่เหรอ

รพีเอ้ย นายต้องให้ความรักคนอื่นก่อนนะถึงจะได้ความรักกลับมา จำไว้ๆ

เฮ้อออ

ปล. ปิงปองก็ไม่ได้ดูเป็นนางเอกเจ้าน้ำตานี่ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นเหมือนดาวพระศุกร์
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 13 [ 22 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 22-09-2014 23:52:24
วิกฤติวัยกลางคนเหรอ แบบไม่รู้ว่าชีวิตนี้อยู่เพื่ออะไรอ่ะ

40 แล้วแต่คิดได้แค่นี้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 13 [ 22 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 23-09-2014 00:00:01
 o22 รพี มีความคิดไม่เหมือนคนที่จะบริหารงานใหญ่ๆได้เลยนะ
คนจะเป็นผู้บริหารต้องมองการณ์ให้ออกนี่มองแต่ตัวเองเป็นสำคัญ
อะไรขัดใจ ไม่ตรงใจ ก็ใช้อารมณ์เข้าจัดการตลอด
คนเราบางครั้งศักดิ์ศรีก็มีค่าเกินจะถูกย่ำยีได้ตลอดหลอกนะ
แล้วจะรออ่านต่อจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 14 [ 23 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 23-09-2014 22:35:38
เช้าวันใหม่ที่เริ่มต้นด้วยแสงแดดอ่อนๆของดวงอาทิตย์ที่ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้ามาไม่เต็มดวง อดุลย์ตื่นขึ้นแล้วลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันในทันที ทุกเช้าเขาขออาสาเป็นคนทำอาหารให้ตะวันทานเอง ส่วนตอนเย็นจะเป็นหน้าที่ของแม่บ้านกันไป เพราะบ้านของศูรที่อยู่ตรงข้ามกันก็มีแม่บ้านประจำ และศูรเองก็จะมาทานข้าวด้วยแค่ตอนเย็นเท่านั้น

วันนี้ร่างบางตั้งใจจะทำหมูทอดกับข้าวผัด เป็นเมนูง่ายๆที่สามารถทำเองได้ ที่จริงอดุลย์ไม่ได้มีทักษะด้านงานครัวเท่าไรนัก คงจะมีแต่เด็กหนุ่มลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาเท่านั้นที่มักจะชมฝีมือการทำอาหารของเขา

แต่ก่อนการจะเข้าครัวทำอาหารเป็นอะไรที่ต้องค่อนข้างในโอกาสพิเศษหรือเป็นวันหยุดของอดุลย์เท่านั้น ส่วนใหญ่เขาเลือกจะซื้อกับข้าวสำเร็จจากข้างนอกมาเลยมากกว่า ทั้งสะดวกและประหยัดทั้งเงินและเวลา

“วันนี้ทำอะไรทานค่ะคุณปิงปอง”เสียงของดาวแม่บ้านหลักของบ้านหลังนี้เอ่ยถามอยู่ด้านหลัง อดุลย์หันไปยิ้มน้อยๆตอบ

“ข้าวผัดกับหมูสามชั้นทอดน่ะ ของโปรดของตะวัน”

“ฮ่ะฮ่ะ คุณหนูนี่มีของโปรดหลายอย่างจังเลยค่ะ ดาวเห็นคุณปิงปองทำแต่ของโปรดของคุณหนูทุกวัน ยังไม่ซ้ำกันซักวันเลย”ดาวล้อเลียนยิ้มแย้มให้กับคนที่ถือว่าเป็นเจ้านายคนใหม่ ซึ่งความจริงดาวคงจะไม่กล้าทำอย่างนี้กับเจ้านาย หากแต่เจ้านายคนใหม่ตรงหน้าไม่ถือตัว ไม่เคยเห็นว่าดาวเป็นคนใช้ ดาวรู้สึกได้ว่าอดุลย์มองตนเป็นเสมือนเพื่อนเหมือนน้องสาวตนจึงกล้าที่จะหยอกล้อพูดคุย

“เห็นผอมๆแบบนั้น ตะวันกินเก่งมากเลยนะดาว สมัยตอนเด็กๆ บดกล้วยหมดไปไม่ต่ำกว่าสองลูกตลอดเลย ป้อนหายป้อนหายไม่รู้ว่าท้องเด็กหรือหลุมดำกันแน่ ฮ่าๆ”พูดพลางแล้วทำให้คิดถึงสมัยตอนที่ตะวันยังเป็นทารก เขาเองก็ไม่เคยเลี้ยงเด็ก โชคดีที่แถวนั้นเป็นชุมชนที่มีคนสูงอายุอยู่พอควร ก็ได้พี่ๆป้าๆแถวนั้นแนะนำตลอด

“เหรอคะ คงน่ารักน่าเอ็นดูมากเลยนะคะ “

“ใช่ดาว ตอนสองสามขวบคุณหมอถึงกับเตือนเลยนะกลัวตะวันจะเป็นภาวะเด็กอ้วน ตอนนั้นก็แค่คิดว่ายังเด็ก อยากกินเราก็ป้อน ป้อนไปป้อนมาจากคนกลายเป็นหมูเฉยเลย ดีหน่อยตอนเข้าโรงเรียนได้เพื่อนเล่นเลยค่อยๆลดลงน่ะ”แววตาเป็นประกายยอมเล่าทำให้คนฟังเชื่อสนิทใจเลยว่าอดุลย์คงมีความสุขกับการได้เลี้ยงดูแลให้ตะวันเติบใหญ่ขึ้นมา

“ตอนนั้นไปไหนมาไหนมีแต่คนเข้ามาขอถ่ายรูป มาหยอกตะวันกันทั้งนั้น เด็กอ้วนๆขาวๆแถมแก้มยังเป็นพ่วง คนเข้ามานี่หยิกกันทุกคน ไอ้เราก็กลัวว่าลูกจะไม่ชอบหรือเปล่า แต่กลับกันเลยนะ ตะวันชอบมากเลยล่ะ เขาชอบเล่นกับคนอื่นตั้งแต่เด็กแล้ว”

“ไม่ต้องเดาเลยค่ะว่าคุณหนูคงต้องพูดเก่งมากแน่ๆ”

“ใช่ๆ พูดจนเหนื่อย คนฟังนะไม่ใช่คนพูด ฮ่ะๆ ผมยังเคยขอร้องเขาเลยนะว่าให้หยุดพูด คิดดูนะดาว ผมไปรับตะวันจากโรงเรียนตอนบ่ายสามตะวันพูดไปจนข้าวเย็นเลย พอเราทำทางไม่สนใจไม่ฟังก็กระโดดขึ้นตักแล้วก็พูดต่อ เรียกร้องความสนใจจากเราให้ฟัง สุดๆเลยล่ะ”

“หวา...เล่าเพลินหมูจะไหม้แล้วดาว!!”อุทานเสียงหลงเพราะกำลังสนุกที่นินทาลูกชายให้ดาวฟังจนหมูสามชั้นที่อยู่กระทะส่งกลิ่นขึ้นมาถึงได้รู้ตัวหันไปสนใจงานตรงหน้าแทน

หญิงสาวใช้ยืนมองอดุลย์ด้วยความชื่นชม เธอพอรู้มาจากลุงโชนที่รู้มาจากคุณท่านอีกทีว่าก่อนหน้าอดุลย์เป็นแค่พนักงานขายเครื่องสำอางธรรมดา ฐานะทางบ้านก็ไม่ใช่ว่าจะร่ำรวยแต่ก็ยังเลี้ยงดูคุณหนูมาอย่างดีทั้งๆที่ก็ไม่ใช่ลูกของตัวเอง

“แล้วมีอะไรให้ดาวช่วยมั้ยคะ”

“เรียบร้อยหมดแล้วดาว ยังไงตอนดาวกับเด็กๆในบ้านจะกินข้าว รบกวนไปเรียกผมด้วยนะ ส่วนนี่ของตะวันผมแยกไว้แล้วเห็นว่าวันนี้จะออกไปเรียนไวหน่อยมีสอบเก็บคะแนนตอนเช้า ถ้าตะวันลงมาบอกให้กินให้เรียบร้อยนะดาว เดี๋ยวผมขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อน”

“ได้ค่ะคุณปิงปอง”

อดุลย์ยิ้มขอบคุณส่งไปให้แขวนผ้ากันเปื้อนกำลังจะหมุนตัวออกจากครัว เหมือนว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ ที่จริงก็ไม่อยากจะสนใจแต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายมาต่อว่าเขาได้อีก

“เออ แล้วคุณรพีเขากินอะไรล่ะดาว หรือดาวกำลังจะทำให้ผมช่วยหรือเปล่า จะได้อาบน้ำทีเดียวหลังทำงานเสร็จเลย”

“อ่อ ไม่เป็นไรค่ะคุณปิงปอง ปรกติคุณผู้ชายจะรับแค่กาแฟตอนเช้า”

“...แก่แล้วทำไมไม่รู้จักกินข้าวเช้า ถึงว่าสมองไม่ปรกติ”

“อุ้ย คุณปิงปองก็แซวคุณรพีระวังนะคะ คุณผู้ชายได้ยินเข้าจะโกรธเอา”ดาวบอกขำๆ ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก

“คงจะได้ยินหรอก คุณผู้ชายของดาวคงไม่เข้ามาในครัวหรอกมั้ง ป่านนี้ไม่รู้จะตื่นหรือยังเมื่อคืนผมลงมากินน้ำตอนเที่ยงคืนยังเห็นไฟในห้องเปิดอยู่เลย”บอกพลางทำเบะปากใส่ ถึงจะกลัวอีกฝ่ายแต่ตอนนี้อดุลย์อยู่ในที่ปลอดภัย ก็ขอเอาคืนเล็กๆน้อยๆถึงอีกฝ่ายจะไม่รู้ก็ทีเถอะ

“ค่ะ นั้นแหละค่ะคุณผู้ชายของแท้เลย ทำงานหามรุ่งหามค่ำมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อสิบปีกว่าปีก่อนที่ดาวเข้ามาทำงานที่นี่นะ คุณผู้ชายน่าสงสารนะค่ะ ลุงโชนเล่าว่าตอนนั้นคุณเธออยากเรียนด้านวาดรูปหรือยังไงนี่แหละค่ะ แต่ก็ต้องเปลี่ยนมาเรียนเกี่ยวกับธุรกิจตามที่คุณท่านเธอสั่ง ตอนที่เข้าไปทำงานใหม่ๆก็เหมือนกัน โดนคุณท่านทั้งด่าทั้งตำหนิออกจะบ่อย  กว่าจะมาถึงจุดนี้คุณผู้ชายเธอก็ต้องตรากตรำมาเยอะเหมือนกันค่ะ ดาวอยู่ในบ้านนี้ดาวก็เห็นทุกอย่าง แต่ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ ทำได้แค่เข้าใจเวลาคุณผู้ชายเธอโกรธเกรี้ยวมาจากข้างนอก”ดาวบอกเรียบๆ ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าอดุลย์เองก็ออกจะนึกเกรงในตัวเจ้านายของเธอ จากมุมคนนอกที่เห็นแต่ความร้ายกาจของรพีแต่คนใกล้ชิดที่เห็นว่าแท้จริงที่มาที่ไปคืออะไร

เห็นมาตลอดว่าอะไรทำให้รพี...ร้ายขนาดนี้

“...งั้น...ถ้าคุณรพีลงมาดาวก็ลองตักกับทานนี่ไปให้เขากินซิ ทำงานหนักๆก็น่าจะกินให้ครบสามมื้อนะ”

“ผมไปอาบน้ำก่อนนะดาว ฝากด้วยนะ”ร่างบางหมุนออกไปจากห้องครัวอย่างเร็ว ในใจนึกถึงคำพูดของดาวเมื่อครู่ ที่ตนกลัวรพีเพราะรพีแสดงแต่ความน่ากลัวให้ตนเห็นตลอดเวลา ถ้าแท้จริงแล้วรพีไม่ใช่คนที่เลวไปซะหมด บางทีเขาก็อาจจะตัดสินคนไวเกินไป..บางทีรพีอาจไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นก็ได้



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




เสียงทีวีเครื่องใหญ่ที่ตั้งอยู่ในส่วนของห้องนั่งเล่นดังขึ้น พร้อมๆกับที่ป่านสาวใช้อีกคนในบ้านหลังนี้เดินเข้ามาบอกกับดาวที่กำลังง่วนอยู่กับการทำความสะอาดภายในห้องครัว

“พี่ดาวๆ คุณผู้ชายจะเอากาแฟค่ะ”

“อืม เดี๋ยวพี่จัดการเอง ป่านไปจัดห้องคุณหนูไป”

“ค่ะ”สาวใช้ร่างเล็กเดินไปจ่อที่เครื่องทำกาแฟก่อนจะลงมือชงกาแฟอย่างชินมือ ไม่นานแก้วกาแฟเล็กๆสองใบก็วางอยู่ในถาดพร้อมๆกับเลม่อนหนึ่งซีกแบบที่รพีชอบดื่ม เมื่อเรียบร้อยดาวจึงยกออกไปโดยไม่ลืมกับข้าวที่มีคนสั่งให้ลองยกไปเสิร์ฟ

“กาแฟกับข้าวเช้าค่ะคุณผู้ชาย”คิ้วเข้มขมวดเข้าหาทั้งๆที่ยังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ร่างสูงในชุดพร้อมออกไปทำงานมองลอดผ่านแว่นตากรอบสี่เหลี่ยนเจอกาแฟแบบที่เคยดื่มทุกเช้า แต่ต่างจากทุกที่เพราะวันนี้มีข้าวผัดสีทองกับหมูสามชั้นทอดที่สีติดไหม้หน่อยๆมาด้วย

“ชั้นจำไม่ได้ว่าสั่งให้เอาข้าวมาด้วย”

“คุณปิงปองเธอทำไว้น่ะค่ะ ทำเผื่อพวกเด็กๆในบ้านด้วย”ดาวบอกอย่างซื่อๆ

“...ชั้นก็จำไม่ได้อยู่ดีว่าสั่งให้ทำให้ชั้น”รพีบอกเรียบๆ หยิบกาแฟสีดำก่อนจะใส่เลม่อนลงไปทั้งชิ้น แล้วยกขึ้นดื่มหันไปสนใจหนังสือพิมพ์ในมือต่อไม่มีท่าทีว่าจะสนใจกับข้าว

“คุณปิงปองบอกให้เอามาเสิร์ฟค่ะ เธอบอกว่าคนทำงานหนักควรทานให้ครบสามมื้อ เธอเป็นห่วงคุณผู้ชายนะคะ”สาวใช้ไม่ย้อท้อพยายามตื้อให้รพีทานข้าวให้ได้ ไม่อยากให้คนทำต้องเสียน้ำใจ แล้วก็คิดว่ารพีน่าจะชอบเพราะลูกชายแท้ๆอย่างตะวันทานไปก็ชมไปไม่ขาดปากบอกว่าอาหารของพ่อปิงปองอร่อยที่สุดในโลก

“หึ นึกอะไรของเขาถึงลุกขึ้นมาทำอะไรแต่เช้าแบบนี้”ปากหนายกยิ้ม เหลือบมองดูกับข้าวพื้นๆอีกครั้ง

“คุณปิงปองเธอทำทุกตัวตั้งแต่เข้ามาอยู่แล้วค่ะ ทำให้คุณหนูทานก่อนไปเรียน พวกเด็กๆในบ้านก็พลอยโชคดีมีของอร่อยๆทานด้วย”ดาวบอกเสียงใส แต่ก่อนคนที่บ้านนี้จะต้องหากินเอง บ้างก็ทำเองจากของในครัว หรืออาจจะเป็นอาหารที่ยังเหลือจากเมื่อวานตอนเย็น

“ชั้นไม่กินข้าวเช้าก็รู้อยู่ วันหลังถ้าทำอะไรก็ไม่ต้องยกมาหรอก เสียเวลาเปล่าๆ”

“ไม่รับซักหน่อยหรือคะ คนทำจะเสียน้ำใจแย่นะคะ นี่คุณปิงปองลงมาทำตั้งแต่เช้า...”

“ชั้นไม่ยักรู้ว่าเธอช่างพูดขนาดนี้นะดาว”โดนเจ้านายดุเสียงเข้มทำเอาหญิงสาวต้องก้มหน้าเก็บคำพูดตามเดิม ที่จริงวันนี้ดาวพูดมากไปจริงๆ อาจเพราะความสนิทที่ปิงปองให้ทำให้เธอรู้สึกทำตัวสบายเกินไป

“เอาไปเก็บไป ชั้นไม่ชอบกินข้าวเช้า เธอก็น่าจะรู้”

“ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย”สุดท้ายจานอาหารที่เปี่ยมไปด้วยความหวังดีก็ไม่ถูกแตะต้องแม้แต่นิดเดียว หญิงสาวลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเทขายฟัดลงกระทะตามเดิม เสียดายน้ำใจของอดุลย์ที่ทำกับทาน แม้จะไม่ได้ตั้งใจทำให้รพีแต่ก็เอยปากบอกให้ยกไปให้ทานแท้ๆ



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




เย็นย่ำของวันเดียวกันผู้คนภายนอกกำลังเดินทางกลับบ้านเพราะเป็นเวลาเลิกงานของใครหลายคน แต่ภายในสำนักงานใหญ่ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังกำลังเคร่งเครียดอยู่กับการประชุมรอบที่สองของวัน

รพีนั่งอยู่ฟังลูกน้องเล่ารายละเอียดพร้อมกับแผนงานที่จะเพิ่มรายได้ขึ้นในไตรมาสต่อไปเพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้กับบรรดาผู้ถือหุ้นที่กำลังเกรงว่าราคาหุ้นที่เคยสูงมาตลอดตกลงมานิดหน่อยเพราะข่าวฉาวของผู้บริหาร

เมื่อเช้าเขาก็นัดผู้ถือหุ้นมาประชุมไปแล้วหนึ่งรอบ และรอบนี้เป็นรอบตอนบ่าย ทำให้ทั้งวันเขาต้องจมอยู่แต่ในห้องประชุม เสียงน้ำย่อยในท้องที่หมุนวนทำเอาปวดท้องขึ้นมาเล็กน้อย

“มีใครสงสัยหรือมีคำแนะนำกับแผนการตลาดนี้มั้ยครับ”ชายหนุ่มที่เสนอแผนงานเอ่ยหลังจากนำเสนอเสร็จ แต่ไม่มีใครที่แสดงตัวที่จะพูดอะไรต่อ รพีจึงข่มความปวดทำหน้าสุขุมลุกขึ้นพูด

“ผมขอขอบคุณความเชื่อมั่นของทุกคนครับ ขอให้มั่นใจว่าบริษัทของเราไม่มีทางจะเกิดวิกฤตแน่นอนผมในฐานะทั้งที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นประธานกรรมการขอยืนถึงความมั่นคงของทางเรา และหวังว่าทุกคนจะเชื่อใจผมแบบนี้ตลอดไป ขอบคุณนะครับ”เสียงปรบมือดังขึ้นทันทีที่ร่างสูงพูดจบ ใบหน้าเอาจริงเอาจังที่พยายามสื่อให้คนฟังเชื่อตามที่พูดได้ผลดีเยี่ยม แต่ภายในใจกลับรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่เป็นอยู่เต็มทน

“ขอบคุณมากนะครับคุณรพี”เหล่าคนที่มาร่วมประชุมแห่เข้ามาร่วมกล่าวขอบคุณอย่างไม่มีสาเหตุ ร่างสูงนึกรู้ทันที่เข้ามาคงหวังจะเข้ามาทำความรู้จักกับเขา แต่ก็เพราะมันเป็นหน้าที่จึงได้แต่ปั้นหน้ายิ้มตอบกลับคนแล้วคนเล่า

“ท่านประธานจะกลับเลยหรือเปล่าครับ?”ชายหนุ่มที่เป็นเลขาของรพีเอ่ยถาม

“อืม วัชร...พรุ่งนี้ชั้นมีนัดหรือเปล่า”

“ครับ พรุ่งนี้ภรรยาเก่าท่านขอนัดคุยเรื่องคดีฟ้องหย่าครับ”วัชรตอบกลับไม่ต้องดูเครื่องช่วยจำ เขาจำรายละเอียดยิบย่อยได้เป็นอย่างดี เลยทำให้ทำงานกับรพีมาได้เข้าปีที่ห้าแล้วหลังจากเลขาเก่าแก่ที่เคยเป็นเลขาของศูรลาออก

“หึ ทำไมช่วงนี้ชีวิตชั้นมีแต่อะไรน่าวุ่นวายเต็มไปหมด”

“เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปครับ เหมือนที่ท่านเคยผ่านมันไปได้ทุกครั้ง”วัชรเอ่ยให้กำลังใจ ในขณะที่รพีทำหน้านิ่งตอบรับในลำคอ ไม่ได้สนใจคำปลอบโยนเพราะตัวเขาเองก็เชื่อมั่นในตัวเองว่าต้องแก้ปัญหาทุกอย่างได้ทั้งหมด

“วันไหนว่างๆนายเข้าไปที่บ้านชั้นหน่อย มีคนจะให้นายทำความรู้จักไว้”

“ครับ? ใครหรือครับ”วัชรคิดพลางมองที่เจ้านายของตัวเอง คนที่บ้านของรพีก็รู้จักหมดอยู่แล้วด้วยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ จึงต้องรู้ทุกเรื่องและทุกคนที่อยู่รอบตัวของเจ้านาย

“ลูกชายชั้น แล้วเดี๋ยวชั้นจะให้นายคอยดูแลเขา แล้วจะเพิ่มเงินพิเศษให้”ตาตี๋ของเลขาหนุ่มเบิกกว้างเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่ทำงานมาก็พอรู้อยู่ว่าเจ้านายไม่สามารถมีลูกได้

“...”

“ไปเอาแฟ้มในห้องชั้นไปอ่าน แฟ้มสีน้ำตาลวางอยู่ในลิ้นชักตรงกลาง เขาอายุสิบห้าอีกหน่อยจะให้นายช่วยสอนงาน แต่งานใหญ่ที่คงต้องทำก่อนเลยคือต้องหางานเปิดตัวว่าเขาเป็นทายาทของเรืองรัตนโยดม”รพีพูดไปเดินไปส่วนคนฟังถึงจะสงสัยจนอยากเดินไปหาแฟ้มที่ว่ามาอ่านแต่ก็ยังยืนฟังคำสั่งไปเรื่อยๆ

“ครับ ยังไงผมจะดูให้นะครับ แล้วยังไงพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปที่บ้านท่านประธานนะครับ พรุ่งนี้คุณไปพบภรรยาผมเลยว่าง”ร่างสูงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ส่วนตัวไปยังรถของตัวเองที่จอดรออยู่ในที่จอดส่วนตัวของตัวเอง

“กลับเลยใช่มั้ยครับ”คนรถประจำตัวถามขึ้น รพีพยักหน้าตาก่อนจะปลดเนกไทที่คอแผ่ตัวลงที่เบาะหลังด้วยความเหนื่อยล้า มือใหญ่ยกขึ้นมากดที่สันจมูกโด่งส่วนอีกมือก็กดไว้ที่ท้องเพราะเหมือนน้ำกรดจะเล่นงานอีกครั้งแต่ก็ได้แต่กดความเจ็บปวดนั้นก่อนจะเผลอหลับไป

ด้วยจราจรที่ติดขัดในช่วงหัวค่ำของเมืองหลวงนานกว่าสองชั่วโมงรถยุโรปคันหรูก็เคลื่อนตัวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ไฟในบ้านบ่งบอกว่าทุกคนคงแยกย้ายไปที่ห้องของตัวเองหมดแล้วเพราะมีแค่ไฟที่ชั้นหนึ่งเท่านั้นที่เปิดทิ้งไว้ ยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็พบว่าเวลาเลยมาเกือบๆจะห้าทุ่มอยู่แล้ว

“ดาว...ดาว!”ทันทีที่เข้ามาในบ้านรพีก็ตะโกนเรียกสาวใช้ ร่างกายรู้สึกหิวจนแสบท้องไปหมด

“พวกเด็กๆเข้านอนแล้วครับ คุณรพีต้องการอะไรหรือเปล่าครับ”เสียงแหบเล็กเอ่ยตอบพร้อมกับปรากฏตัวในชุดกางเกงเลกับเสื้อยืดที่ใส่นอนประจำ

“ทำไมถึงนอนกันหมด ชั้นให้คนโทรมาบอกว่าวันนี้ชั้นกลับบ้าน ทำไมไม่รอปิดบ้าน”เสียงเข้มเอ่ยอย่างขัดใจ หงุดหงิดที่ต้องทนแสบท้องเพราะขี้เกียจหาของกินข้างนอก แล้วยังต้องมาหงุดหงิดเพราะเจอหน้าของคนที่ไม่ถูกใจอีก

“พรุ่งนี้พวกเขาต้องตื่นไปจ่ายตลาดแต่เช้าครับ ผมเลยอาสาอยู่คอยปิดบ้านให้เอง”อดุลย์ตอบ นึกหวาดๆคนตรงหน้านิดหน่อย ทั้งสีหน้าและท่าทางของรพีดูไม่ปรกติ อดุลย์กลัวว่าจะถูกทำร้ายจึงพยายามยืนคุยให้ห่างที่สุดพลางสอดสายตาหาทางหนีไว้พร้อมๆกัน

“ไปปลุกพวกนั้นมา ชั้นหิว ไปบอกพวกนั้นว่าไปหาอะไรมาให้ชั้นกินเดี๋ยวนี้”

“...ถ้ายังไงผมทำให้ก็ได้นะครับ”

“...”ร่างสูงไม่ตอบจ้องไปที่ตากลมของคนที่เสนอตัวทำอาหารให้ทาน ถึงจะไม่อยากกินอาหารที่คนตรงหน้าทำเหมือนเมื่อตอนเช้าแต่ความหิวกำลังเล่นงานอย่างหนักเลยทำให้ต้องพยักหน้าส่งๆไปให้

“ครับ...งั้นซักครู่นะครับ”ร่างบางเดินหลบเข้าไปในห้องครัวทำเอาคนที่หิวลืมแสบท้องไปชั่วขณะ ปากหนายกยิ้มขำๆที่เห็นอดุลย์กลัวตัวเองขนาดที่ว่าทางไปห้องครัวต้องเดินผ่านรพีไปแต่อดุลย์กับเดินอ้อมไม่เดินผ่านเขาซะอย่างนั้น

ไม่นานเกินรอข้าวผัดกับไข่เจียวฟูร้อนๆก็มาเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะอาหารตัวยาว ไม่ทันที่คนทำจะได้วางจานดีๆคนรอทานก็ตักข้าวคำแล้วคำเล่าเข้าปาก อดุลย์จึงเลี่ยงเดินไปเทน้ำเปล่ามาวางให้

“คุณรพีไม่ได้ทานข้าวเย็นหรือครับ”เพราะมันเงียบเกินไปคนที่ยืนห่างๆรอดูว่ารพีต้องการอะไรอีกจึงชวนคุย ร่างสูงเงยหน้ามองก่อนจะพยักหน้า แต่ปากร้ายก็ไม่วายกัดกลับไปนิดหน่อย

“ชั้นมีการมีงานต้องทำ ไม่ว่างเหมือนนายที่อยู่เฉยๆก็มีข้าวกับครบสามมื้อหรอกนะ”

“...”

“ทำไมนายถึงชอบทำข้าวผัด?”รพีเปลี่ยนเรื่องเพราะอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ ยอมรับคำว่ากล่าวของเขาเฉยๆ

“พอดีข้าวเมื่อเย็นเหลือน่ะครับแล้วดาวเอาใส่ตู้เย็นไว้ผมไม่อยากให้คุณรพีรอหุงข้าวใหม่”

“ที่จริงชั้นชอบข้าวหุงสุกใหม่ๆ เอาเถอะถ้าเลือกกินอีกก็คงไม่ได้กินอะไรเหมือนเมื่อตอนกลางวัน”คำบอกเล่าเหมือนพูดขึ้นมาลอยๆทำเอาคนฟังต้องแปลกใจพร้อมกับสงสัยไปพร้อมๆกัน

“นี่คุณรพีไม่ได้ทานอะไรทั้งวันเลยเหรอครับ”คำถามจากร่างบางทำให้คนที่ทานข้าวอยู่รู้ตัวว่าเผลอพูดเรื่องส่วนตัวออกมา

“ใช่เรื่องที่นายต้องรู้หรือไง”

“...ผมว่าคุณรพีควรทานให้ครบสามมื้อนะครับ อย่างที่คุณบอกว่าคุณมีการมีงานทำคุณก็ควรทานเยอะและทานให้ครบซิครับ”หน้าคมหันไปจ้องคนพูด ดวงตากลมพยายามสื่อถึงสิ่งที่ตัวเองพูดว่าเป็นเรื่องสำคัญ

“นายย้อนชั้นหรือไง...ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องสนใจ”มือหนารวบช้อนไว้ตรงกลางจานที่มีข้าวเหลือแค่ไม่กี่คำกับเศษไข่เจียว ยกน้ำขึ้นดื่มก่อนจะลุกออกไปจากห้องอาหารไม่สนใจจะบอกขอบคุณคนที่ทำอาหารให้ทานเลยซักคำ

แต่สำหรับอดุลย์ก็ไม่ได้ถือว่าแย่นัก...ถึงรพีจะไม่พูดดีๆด้วยแต่แค่ไม่ทำร้ายแค่นั้นก็ถือว่าดีถมไปแล้ว


หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 14 [ 23 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 23-09-2014 23:04:01
รพีปากร้ายตลอด!!!
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 14 [ 23 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 23-09-2014 23:29:51
 :katai2-1: อ่านตอนนี้ค่อยรู้สึกว่ารพีดูเป็นการเป็นงานขึ้นมาหน่อย
แต่แบบก็ยังอดสงสารอดุลย์ไม่ได้อยู่ดี  :เฮ้อ: ต้องมาได้กับคนแบบนี้
สงสัยต้องใช้เวลาอีกเป็น 10 ตอนกว่าจะเริ่มคิดได้ 555+
แล้วจะรออ่านต่อนะจ๊ะ ^^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 14 [ 23 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 23-09-2014 23:40:47
 :katai4: :katai4: จิกกัดตลอดๆ รพีนี่ปากจัดกว่าผู้หญิงอีกนะ ชอบที่พ่อปิงปองแอบเบะปากใส่ด้วยอ่ะ 555  o13 อิอิ แล้วพรุ่งนี้วัชรมาที่บ้านต้องเจอพ่อปิงแล้วแอบปิ๊งแน่ๆ หึหึ จะได้เติมเชื้อไฟให้รพีร้อนนนนนน  :hao7: :hao7: มโนจัง 555555555

ให้พ่อปิงปองสู้ๆ อย่างนี้ไปเรื่อยน้าา เดี๋ยวรพีนางไม่ค่อยร้ายแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 14 [ 23 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 24-09-2014 00:18:57
ใช้ชีวิตแบบนี้น่าเป็นโรคกระเพาะควบกรดไหลย้อนตั้งแต่ 30

ไหนจะเล่นยาจนเป็นหมัน.... เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหน่อยน่าจะแจ่ม
สภาพร่างกายน่าจะอ้วนลงพุง ไม่ควรจะหล่อเหลานะบอกตรง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 14 [ 23 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 24-09-2014 06:38:11
พูดดีๆเป็นไหม
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 14 [ 23 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 25-09-2014 02:23:45
 :hao5: วันนี้รอเก้อเลย 5555  :กอด1: เป็นกำลังใจให้คนเขียนน้าา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 14 [ 23 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-09-2014 07:01:15
เอิ่ม........เป็นนักธุรกิจใหญ่โตแต่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง

หาคนมาช่วยดูแลสิก๊ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 14 [ 23 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 25-09-2014 08:19:07
ยังๆ ยังไม่เห็นความดีของเขาอีก ชิส์
เด๋วปั๊ดเหนี่ยวหน้าไห้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 14 [ 23 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 25-09-2014 09:46:23
ช่วงนี้คนเขียนขยันปล่อยของบ่อย ขอบคุณค่ะ 
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 14 [ 23 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-09-2014 12:45:35
รพีเริ่มหวั่นไหวรึยังล่ะ เมื่อไหร่จะทำดีกับปิงปอง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 25-09-2014 12:51:35
บ้านไม้สองชั้นทรงโบราณที่ปลูกตรงข้ามกับคฤหาสน์หลังงามแต่เป็นเจ้าของเดียวกัน ศูรกำลังนั่งทานข้าวเช้าในตอนที่มีเพลงชาติดังเอื้อยๆมาจากวิทยุที่ลูกน้องคนสนิทเปิด โต๊ะกลมเล็กๆในสวนที่เขาลงมือทำเองทุกอย่างเป็นโต๊ะทานข้าวในทุกมื้อเช้า

เสียงออดดังขึ้นเรียกความสนใจจากทั้งเจ้านายและลูกน้องที่นั่งอยู่ไม่ไกล ศูรมองหน้าโชนและพยักหน้าบอกให้ไปดูว่าใครเป็นคนมาแต่เช้า

“สวัสดีครับคุณท่าน”ชายหนุ่มรูปร่างไม่เตี้ยไม่สูงติดออกจะโปร่งบางไปซักหน่อยกล่าวสวัสดีเจ้าของบ้าน มือใหญ่ของศูรยกขึ้นรับไหวจำได้ว่าคนที่มาเป็นลูกน้องของรพีที่บริษัท เคยเห็นหน้าคราตากันอยู่บ้างเพราะน้องจากเป็นเลขาและรพียังคอยให้ช่วยเรื่องต่างๆนานาในชีวิตประจำวันอยู่ด้วย

“เลขารพีรึ มีอะไรล่ะมาแต่เช้า”เสียงทุ้มที่ยังคงทรงอำนาจอยู่พูดถาม

“ผมวัชรครับคุณท่าน พอดีผมเข้ามาคุยกับคุณอดุลย์และก็คุณตะวันตามคำสั่งของท่านประธารน่ะครับ”แจ้งเหตุผลที่เข้ามาที่นี่ แต่ที่นี่แต่ตามมารยาทต้องมากล่าวสวัสดีหัวเรือใหญ่ของบ้านเสียก่อน

“พึ่งทะเลาะกันเมื่อวันก่อน ไม่รู้มันจะใจร้อนไปไหน แล้วนี่มันให้เธอเข้ามาคุยเรื่องอะไร”คนอายุมากกว่าทำหน้าขัดใจ ว่ากล่าวลูกชายออกมาเพียงเพื่อไม่อยากให้หลานชายกับลูกชายมาทะเลาะกัน วัชรยิ้มอ่อนเมื่อเห็นท่าทีที่ไม่เห็นด้วยของศูรส่วนตัวของขาเขาเข้าใจรพีเพราะทำงานด้วยกันมากว่าห้า เจ้านายของเขาก็แค่อยากให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งก็พลาดอะไรบางอย่างที่สำคัญไป

“ท่านประธานให้ผมเข้ามาทำความรู้จักเฉยๆครับ เห็นว่าจะให้ผมคอยจัดการเรื่องต่างๆของลูกชายท่านน่ะครับ แต่เท่าที่ผมอ่านประวัติก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จะมีก็แค่เรียนวิทยาลัยที่คุณตะวันเรียนมันค่อนข้างจะอันตรายไปซักหน่อยครับ”ด้วยความอยู่รู้เรื่องราวที่สงสัยอยู่แล้ววัชรจึงนั่งอ่านแฟ้มที่เอามาจากรพีอย่างละเอียดถี่ถ้วน แถมยังหาข้อมูลที่พอจะหาได้จากทางอินเตอร์เน็ทประกอบไปด้วย อย่างพวกพวกเรื่องนักเรียนยกพวกตีกันหรือข่าวว่ามีในวิทยาลัยถูกทำร้ายจากต่างสถาบันก็ทำให้วัชรอดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้

“ตะวันไม่อยากเปลี่ยน เขาอยากเรียนสายช่างชั้นก็จนปัญญาจะไปบังคับ เหมือนกันเหลือเกินพ่อลูก ขนาดไม่เคยอยู่ด้วยกันยังเอานิสัยกันมานึกไม่ออกว่าถ้าอยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดไม่รู้จะเหมือนกันขนาดไหน”ทั้งๆที่เป็นเหมือนคำว่ากล่าวแต่คนฟังสามารถจับน้ำเสียงของความเอ็นดูได้ในนั่น หนุ่มตี๋ยิ้มอ่อนๆส่งไปให้ ถ้าเรื่องของศูรที่เขาพูดกันในบริษัทเป็นความจริง

...ก็คงเหมือนกันมาตั้งแต่ปู่เลยไม่ใช่เหรอ...

“ยังไงก็ดูแลหลานชั้นดีๆแล้วกัน...โชนมาพาเจ้าหนุ่มนี่ไปหาอดุลย์ทีไม่แน่ใจว่าวันนี้ตะวันออกไปเรียนหรือยัง”ทิ้งบทสนทนาไว้แค่นั้น วัชรรับคำสั่งแล้วเดินตามลุงคนสวนที่ใบหน้าเป็นมิตรวนกลับไปทางที่เข้ามาเพราะต้องไปบ้านที่อยู่ตรงกันข้าม

ทั้งสองเดินข้ามถนนเล็กๆในหมูบ้านเข้าไปยังประตูของบ้านที่หลังใหญ่กว่าเมี่อครู่อยู่โขหาก ในโรงรถไม่ปรากฏรถคันโปรดที่เจ้านายของวัชรใช้ประจำทำให้รู้ว่ารพีคงออกไปตามที่นัดหมายแต่เช้า นึกโล่งใจที่เจ้านายไม่เบี้ยวนัดของอดีตภรรยาอย่างคุณนลินที่วันนี้นัดมาไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเลี้ยงดูหลังจากการหย่า

“คุณปิงปองครับ คุณปิงปอง”โชนตะโกนเรียกอีกฝ่ายทันทีที่เข้ามาในตัวบ้าน ประจวบเหมาะกันคนที่ถูกเรียกเดินลงมาหลังจากไปอาบน้ำที่ห้องนอนบนชั้นสองพอดี

“สวัสดีตอนเช้าครับลุงโชน มีธุระอะไรหรือเปล่าครับมาแต่เช้าเลย...อ่าวนั้นคุณวัชร?”อดุลย์มองคนมาใหม่งงๆก่อนจะเบิกตากว้างอย่างลืมฉุกคิด

“สวัสดีครับคุณอดุลย์”วัชรบอกนอบน้อม นึกขำอีกฝ่ายที่ยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน แต่ก่อนเป็นอดุลย์ที่ชอบทำตัวนอบน้อมกับเขาและคนอื่นๆมากกว่าด้วยเพราะตนเป็นแค่พนักงานชั้นล่างทั้งๆที่แก่กว่าคนที่ไหว้ซะอีก

“รู้จักกันแล้วหรือเปล่า”

“อ้อ ครับ ก็คุณอดุลย์ทำงานอยู่ที่ห้างของเรานี่ครับ เคยมีโอกาสคุยกันบ้างน่ะครับ บางทีผมก็ไปซื้อของที่บูธที่คุณอดุลย์เขาขายอยู่”คำบอกเล่าของวัชรทำให้ผู้ที่อาวุโสสุดพยักหน้าเข้าใจก่อนจะขอตัวกลับไปที่บ้านหลังของศูรหลังจากที่เห็นว่าผู้มาเยื่อนรู้จักกันดีอยู่แล้ว

“คุณวัชรมามีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”พาหนุ่มหน้าตี๋ไปนั่งที่โต๊ะโซฟาภายในห้องนั่งเล่นที่อยู่เยื่องด้านซ้ายของตัวบ้าน ก่อนหน้าที่รู้จักวัชรเพราะอีกฝ่ายเป็นเลขาของประธานฯ มักชอบลงมาเดินดูในตัวห้างบ่อยๆ แถมเครื่องสำอางยี่ห้อประจำของเจ้าตัวก็เป็นแบรนด์ที่อดุลย์รับหน้าที่ขายอยู่

ทำให้ได้เคยคุยกันอยู่หลายครั้งแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับแนะนำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เท่านั้น เวลาเดินสวนกันอดุลย์ก็จะยกมือไหว้ก่อนจะเดินผ่านกันไปเฉยๆ ถึงจะเคยได้ยินพี่ๆน้องๆที่แผนกเม้าส์กันว่าวัชรเป็นทั้งเด็กเส้นและเด็ก...โปรดของท่านประธานฯเพราะไม่เคยมีใครทำงานกับประธานฯที่ว่าได้มานานอย่างวัชรอีกแล้ว

แต่ตอนนั้นอดุลย์ไม่ได้สนใจเรื่องของคนอื่น ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าประธานฯที่ว่าน่ะเป็นใคร เขาแค่มาทำงานทำเสร็จก็กลับบ้านไปดูแลลูกชายก็มีเวลาไม่พอใช้อยู่แล้ว

“คุณรพีส่งผมครับ ท่านจะให้ผมมาคอยช่วยดูแลจัดการเรื่องต่างๆของทั้งคุณและคุณตะวัน ว่าแต่คุณตะวันไปเรียนหรือยังครับ?”วัชรตอบเรียบๆ มองสีหน้าตกใจของคนตรงหน้าที่ยังไม่หายไปไหน

“อ้อ เอ่อ ตะวันน่าจะเรียนแล้วครับ พอดีเห็นบ่นว่าถ้าออกช่วงสายๆรถมันจะติดน่ะครับ”

“อ้อ ใช่ครับทางไปวิทยาลัยของคุณตะวันจากแถวนี้รถติดจริงๆ”

“แล้ว...”อดุลย์ยังคงไม่เข้าใจว่าที่บอกว่าจัดการเรื่องต่างๆน่ะมันเรื่องอะไร เกิดมาก็ไม่เคยมีพี่เลี้ยงหรือคนดูแล และก็ไม่เข้าใจด้วยว่าเด็กอายุที่พึ่งทำบัตรประชาชนไปไม่ถึงปีทำไมต้องมีคนดูแลราวกับเลขาฯด้วย

 “งั้นขอคุยกับคุณอดุลยก่อนแล้วกัน นี่ผมเรียกว่าพี่แบบแต่ก่อนได้มั้ยครับ”วัชรเอ่ยถาม พอจะรู้นิสัยที่แท้จริงของคนตรงหน้าอยู่บ้างถึงจะดูเป็นคนพูดน้อยแต่ก็อัธยาศัยดีมากๆคนหนึ่ง ตอนที่ตนเข้าไปขอคำแนะนำเรื่องผลิตภัณฑ์ก็ดูแลเขาอย่างดี แถมกับเพื่อนร่วมงานก็ไม่เคยมีประวัติว่าไม่มีใครไม่ชอบขี้หน้าเลยซักคน ผลประเมินของฝ่ายบุคคลก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก

“อ้อๆได้ครับคุณวัช”ยิ้มบางตอบกลับพร้อมเรียกด้วยชื่อที่เคยเรียกมาตลอด ที่จริงแล้ววัชรมีชื่อเล่นจริงๆอยู่แต่ตั้งแต่เข้ามามหาวิทยาลัยก็มักถูกเรียกว่าวัชเขาเลยมักบอกให้ใครๆเรียกเขาว่าวัชด้วยความที่ว่ามันก็เรียกง่ายดี

“ครับ...งั้นเรื่องแรกเลยนะ ผมอยากคุยเรื่องนามสกุลน่ะครับ ผมพอทราบมาว่าที่จริงทานประธานฯคุยไปแล้วแต่คงไม่ประสบความสำเร็จ ที่จริงท่านก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับ ที่ท่านอยากให้เปลี่ยนเพราะว่าคิดจะเปิดตัวให้สังคมรู้ว่าคุณตะวันเป็นลูกชายของท่านเป็นทายาดของเรืองรัตนโยดมน่ะครับ”วัชรพูดยืดยาว มองคนฟังที่ฟังอย่างตั้งใจ

“ผมเข้าใจครับ ผมเองก็พยายามบอกลูกชายแต่ตะวันเขาใจร้อนแถมยังเป็นเด็กขี้ดื้อด้วย เขาบอกว่าเขาไม่ยอมลูกเดียวยังไงก็ไม่ยอมคนละนามสกุลกับผม ผมเองก็อ่อนใจ...”ไม่ทันจะพูดจบหนุ่มหน้าตี๋ก็ขัดทัพขึ้นมากลางปล้อง

“ก็ไม่ยากนี่ครับ”


“....พี่ก็เปลี่ยนมาเป็นเรืองรัตนโยดมซะก็สิ้นเรื่อง”

“หา...เอ่อ ผมว่าไม่เหมาะหรอกมั้ง”ตาโตเบิกกว้างกับข้อเสนอใหม่ ทำเอาคนตรงหน้ายิ้มขำ เขาไม่ได้พูดเล่นแต่พูดจริงๆ ถึงจะไม่ใช่คนในตระกูลแต่ก็เชื่อว่ารพีและศูรก็ยอมยกนามสกุลของตัวเองให้อดุลย์แน่นอนเพราะที่ได้ตามมาคือลูกและหลานชายรวมถึงทายาดของธุรกิจอีกด้วย

“ผมจะโดนเจ้านายคุณระแวงอีก แค่นี้เขาก็คิดว่าผมจะปอกลอกเขาจะแย่แล้วครับ”อดุลย์บ่นทำหน้าหนักใจ เป็นความหนักใจเดียวที่อยู่ที่นี่ เขาไม่อยากให้ใครมองเขาไม่ดีเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะหาวิธีอะไรมาแสดงความบริสุทธิ์ใจที่มี

“ฮ่ะๆ คงโดนท่านประธานฯว่ามาเยอะซินะครับ พี่อย่าใส่ใจกับท่านเลย คนแบบท่านน่ะเป็นพวกกระหายความสำเร็จครับ ทำได้ทุกอย่างขอแค่ให้สิ่งที่ตัวเองต้องทำออกมาสำเร็จก็พอ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่จริงๆก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกนะครับ พี่ลองตีสนิทท่านซิจะได้รู้ว่าจริงๆท่านน่ะไม่มีอะไรเลย ชีวิตมีแค่งานเท่านั้นเอง”วัชรบอกอย่างที่คนสนิทรู้ อดุลย์เองก็เผลอเห็นด้วยในหลายๆอย่างที่รพีสามารถทำได้จริงๆเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ

อดุลย์เงียบไม่ได้พูดอะไรต่อส่วนวัชรก็รู้ท่าทีของคนตรงหน้า เขาไม่อยากให้อดุลย์มองรพีในแง่มุมที่ร้ายเกินไปนัก แม้จริงๆรพีจะไม่ได้ได้ดีแต่ถ้าจะมองว่าร้ายก็น่าสงสารเกินไป

ในระหว่างที่เกิดความเงียบ ดาวก็เดินถือถาดน้ำมาวางให้สองแก้ว

“คุณปิงปองจะให้จัดโต๊ะอาหารเลยมั้ยคะ”...หืมม อดุลย์หันไปมองหน้าคนถามงงๆ ปรกติข้าวเช้ากับกลางวันเขาก็แค่เดินไปในครัวตักใส่จานแล้วหาที่นั่งกินในครัวไม่ก็ออกไปนั่งกินในสวนหน้าบ้าน แต่พอนึกขึ้นได้ว่าดาวคงคิดว่าวัชรเป็นแขกจึงถามแบบนี้กับเขา

“คุณวัชทานข้าวเช้ามาหรือยังครับ?”

“อ้อ เรียบร้อยแล้วครับ พอดีเมื่อวานประชุมลากยาวจนดึกกว่าจะกลับถึงห้องผมก็สลบคาที่ ตื่นเช้ามาเลยโซ้ยแหลกหมดข้าวมันไก่กับหมูปิ้งไปสิบไม้เลยครับ”วัชรบอกแต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ที่จริงหลังจากกลับถึงห้องเขายังอ่านเอกสารเกี่ยวกับอดุลย์กับตะวันจนลืมหิวมากกว่า

“ทำงานหนักๆแบบนี้กันบ่อยหรือครับ?”

“อ้อ ไม่หรอกครับ ช่วงนี้มีปัญหาภายในนิดหน่อยเลยต้องประชุมทุกวัน พึ่งเสร็จเมื่อวานนี่เองครับ”ตอบเลี่ยงๆถือคติเก็บรักษาความลับเป็นสำคัญแม้ว่าตอนนี้อดุลย์จะถือว่าเป็นหนึ่งในครอบครัวของเจ้านายก็เถอะ

“คุณวัชอย่าอดอาหารแบบเจ้านายแล้วกันนะครับ ไม่ดูแลตัวเองแล้วพาลอารมณ์เสียใส่ลำบากคนอื่นแย่ แล้วทำงานหนักแต่ไม่ยอมดูแลตัวเองแบบนี้อย่าถือว่าผมแช่งนะ ผมแค่ไม่อยากให้ลูกชายผมเขาต้องกำพร้าพ่อหรอกนะครับ”

“ฮิฮิ คุณปิงปองนี่ชอบนินทาคุณรพีจริงๆ น่ารักดีนะคะ”หญิงสาวที่นั่งรอคำตอบแต่กลับได้ฟังคำบ่นของอดุลย์หัวเราะออกมา ยิ่งนับวันที่อดุลย์อยู่ที่นี่ยิ่งชอบบ่นเจ้านายของเธอได้ทุกวัน แต่พอเจอหน้าจริงๆก็เงียบเป็นเป่าสาก แถมยังชอบทำท่าทางกลัวอีกฝ่ายด้วย

ลิงหลอกเจ้าชัดๆนี่น่า...

“หวา ขอโทษทีนะดาวนินทาเจ้านายด้วยอีกล่ะ งั้นรบกวนดาวจัดโต๊ะอาหารหน่อยนะสองที่”

“อ้าว...”

“กินเยอะๆไงคุณวัช ทำงานเยอะๆก็ต้องกินเยอะๆ ไม่ใช่เอาแต่ทำงาน ชอบทำงานขนาดนั้นตายขึ้นมานี่อดทำงานเลยนะครับ”หนุ่มตี๋สะอึกเหมือนโดนด่าเข้าซะเองได้แต่ยิ้มกลับไปให้

“นี่นอกจากงานคุณรพีเขาทำอะไรบ้างมั้ยครับ”อดุลย์เปลี่ยนเรื่องทันทีที่เห็นยิ้มแหย้ๆของคนตรงหน้า เผลอตัวพูดทำให้วัชรคงหนักใจเพราะคนที่ตัวเองว่าไปก็เจ้านายของวัชรทั้งนั้น

“ส่วนใหญ่ก็สังสรรค์ตามงานสังคมครับ แล้วก็ตีกอล์ฟ แต่ถ้ามีวันหยุดจริงๆท่านชอบไปตั้งแคมป์คนเดียวน่ะครับ แต่ที่ไหนผมก็ไม่เคยไป ช่วงหลังๆนี่ท่านไม่ได้ไปนานแล้วเหมือนกัน”

“อืม..ก็ไม่ได้ทำแต่งานนี่ครับ”ยังไม่วายพูดออกมา

“โธ่ พี่ก็”อดุลย์ขอโทษขอโพยที่นินทาเจ้านายคนตรงหน้า พลางชวนลุกขึ้นไปทานข้าวเช้าด้วยกันวันนี้เขาตื่นเช้ากว่าทุกวันมาหุงข้าวสุกใหม่ๆ แล้วก็ผัดผักคะน้าฮ่องกงซอสเห็ดหอมและต้มจืดเต้าหู้ไข่กับไส้กรอกทอดที่ทำเยอะเพราะด้วยดาวกับป่านพึ่งซื้อของสดมาใส่ตู้เย็นเลยเกิดคันมืออยากทำขอโปรดของตะวันทั้งนั้น และก็ทำเผื่อคนที่บอกชอบกินข้าวหุงร้อนๆด้วย แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับอีกหนึ่งวัน

...ก็ช่าง...ไหนๆเขาก็ทำข้าวเช้าทุกวันอยู่แล้ว ทำเผื่อๆไปก็ไม่เสียหายอะไร ยังไงก็เป็นของของเจ้าของบ้านอยู่แล้ว...

...จะกินไม่กินก็ช่าง...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




ช่วงสายของวันภายในสี่เหลี่ยมที่มีโต๊ะไม้ตัวใหญ่อยู่ตรงกลางห้อง อากาศเย็นเชียบจากเครื่องทำความเย็นยังเย็นไม่เท่าใบหน้าคมที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงที่กาลเวลาไม่สามารถทำร้ายเธอได้...นลิน

รพีไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลยแม้แต่น้อยทุกอย่างเป็นหน้าที่ของทนายส่วนตัวของเขาเป็นคนจัดการ เขาแค่มีหน้าที่มานั่งฟังเรื่องราวเท่านั้น

จนกระทั้งทนายฝ่ายอดีตภรรยายื่นข้อเสนอที่ให้รพีไม่ใช่แค่เสียเงินแต่ร่วมถึงเสียหุ้นในบริษัทด้วยร่างสูงถึงกับยืนตบโต๊ะดังกังวานไปทั้งห้อง มองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวตรงข้ามที่พยายามเบือนหน้าหนี

นลินรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรยุ่งกับรพีคือครอบครัวหรือก็คือศูรและบริษัท แต่ด้วยเธอเองก็ไม่มีหลักประกันอะไรเลยแม้เงินที่ฟ้องหย่าจะมีมูลค่ามากขนาดที่คนธรรมดาทั่วไปไม่เคยจะคิดฝันว่าจะได้ครอบครอง แต่ยังไงหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ของรพีก็สามารถสร้างได้ทั้งเงินทอง และพื้นที่บนสังคมให้กับเธอได้

“เธออย่าคิดว่าการที่เธอถือไพ่เหนือกว่าชั้นและจะเรียกร้องอะไรก็ได้นะนลิน”เสียงเย็นเชียบดังจากปากหนาคู่นั้น จริงอยู่ที่ที่โดนฟ้องหย่าเพราะพฤติกรรมเที่ยวผู้หญิงของรพี เวลาสังสรรค์ในวงสังคมมักจะมีผู้หญิงหน้าใหม่ๆติดมือมาด้วยเสมอ ละเลยคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาจนถูกฟ้องหย่า แต่รพีก็รู้ว่านลินก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้เพราะไม่อย่านั้นคงฟ้องหย่าตั้งแต่หกเจ็ดปีก่อนไปแล้ว

“ถ้าเธอยื่นขอเสนอแบบนี้ก็ไม่ต้องนัดชั้นมาไกล่เกลี่ยมันทำให้ชั้นอารมณ์เสีย เธอน่าจะรู้ดีว่าชั้นโมโหร้ายแค่ไหนนะนลิน”

“ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องเจอกันในศาล”ไม่ใช่นลินเป็นคนพูดแต่กลับเป็นทนายข้างๆที่พูดออกมาแทนเรียกความสนใจจากใบหน้าที่ดุกว่าสัตว์ร้ายให้หันไปมอง

“เอาซิ ถ้าอยากรู้จักอำนาจเงินให้ถ่องแท้ก็เอาเลย แล้วจะได้รู้กันว่าวิชาความรู้หรือประสบการณ์ต่างๆมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยในกรณีนี้ ยังไม่เคยเห็นใช่มั้ยไอ้ทนายหน้าอ่อน”

“...ด้านมืดของเงินน่ะ...”คำขู่ทำเอาขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว รพีมองจ้องไม่กระพริบตากับหนุ่มหน้าอ่อนที่ดูคงพึ่งจะเป็นทนายเต็มตัวมาได้ไม่นาน นลินคงไม่มีเงินจ้างทนายแพงๆมาแน่ ในเมื่อทุกบาททุกสตางค์ที่เขาเคยให้ตอนที่แต่งงานกันเธอใช้มันไปหมดแล้ว

“ทำไมคุณถึงใจร้ายกับชั้นอย่างนี้ล่ะซัน ชั้นไม่เคยว่าอะไร ไม่เคยเรียกร้องอะไร คุณกลับยิ่งทำร้ายชั้นหนักขึ้นทุกวัน พอวันนี้ชั้นมาขอกู้ศักดิ์ศรีชั้นคืนคุณยังคิดจะเหยียบย่ำมันอีกเหรอ ใจคุณทำด้วยอะไรกันแน่ซัน”หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องพูดออกมาแต่ก็ยังไม่หันมามองหน้าคนที่พูดด้วย เรื่องที่พูดมาเป็นความรู้สึกจริงๆในใจของเธอ

ครั้งหนึ่งเธอเคยรักรพีมาก มากขนาดที่ว่าใช้กลอุบายเข้ามาในช่วงรอยต่อของชีวิตของรพี ช่วงที่รพีต้องสร้างทั้งความเชื่อมั่นในบริษัทและสร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวเอง ตอนนั้นเธอก็เป็นแค่ลูกสาวของบก. นิตยสารหัวเก่าที่พอมีหน้าตาในสังคมอยู่บ้าง เจอรพีในงานจนต่อความสัมพันธ์ ใช้สื่อที่มีอยู่ในมือออกข่าวต่างๆจนคิดว่ารพีไปไม่รอดมือเธอแน่ๆ คิดว่าเธอคือคนกุมทุกอย่าง

แต่เปล่าเลย...ถ้ารพีจะแก้ข่าวด้วยเม็ดเงินที่มีก็ทำได้แต่เป็นเธอเองที่ถูกรพีใช้เป็นเครื่องมือ

เธอรู้มาตลอดว่ารพีไม่เคยรักเธอ แต่ก่อนเคยคิดว่าซักวันชายหนุ่มอาจจะรักเธอตอบจนเวลาผ่านไปความรักที่เธอให้รพีเปลี่ยนเป็นความรักที่มีให้ ‘เงิน’ ของรพี และเมื่อรู้ตัวว่าถ้าวันหนึ่งวันใดเธอถูกเขี่ยทิ้งจากตำแหน่งที่ยื่นเธอคงไม่เหลืออะไรเลย

“หึ ชั้นพึ่งรู้ว่าศักดิ์ศรีที่เธออยากได้นักหนาสามารถตีค่าเป็นเงินทองได้ แบบนี้เรียกว่าขายศักดิ์ศรีกินหรือเปล่า?”ปากร้ายยกยิ้มอย่างที่ชอบทำพร้อมๆกับยืนเต็มความสูงมือหน้าเอื้อมไปจับคางเรียวแล้วออกแรงหันให้มาสบตาอย่างแรงจะนลินร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“จำเอาไว้ว่าถ้าเธอยังโลภ...เงินซักแดงเธอก็จะไม่ได้จากชั้น”

“นังโสเภณี!!”









**********

เดี๋ยวคนเขียนต้องไปดูงานที่ สปป ลาวนะค่ะ กลับวันอังคาร
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 25-09-2014 15:24:19
เปลี่ยนน้ำสกุลก็ดีนะ ลองให้คุณรพีพูดซิ บางที่ปิงปองอาจใจอ่อน
เดินทางปลอดภัยนะคะคนเขียน
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 25-09-2014 15:26:55

ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะจ๊ะ

ตัวละครเกือบทุกตัวไม่มีใครยอมกันเลยจริงๆ

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 25-09-2014 16:30:55
 :katai2-1: กำลังมันเลยจ๊ะ น่าดูชมนักเชียวว่าศึกใน หรือ ศึกนอกอันไหนจะมันกว่ากัน
ถ้าเผอิญว่าศึกนอกไม่จับเอาอดุลย์ กับ ตะวัน มาใช้เป็นเครื่องมือด้วยก็ดีสินะ
แล้วจะรออ่านต่อจ๊ะ ^^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 25-09-2014 16:46:49
เข้มข้นๆ o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-09-2014 17:59:21
คุณวัชรน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 25-09-2014 18:20:19
 o13 o13 o13 o13 o13 :pig4: :pig4: :heaven
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-09-2014 18:37:16
รพีปากร้ายใจร้าย เชอะ. คนเขียนจ๋า สปป.ลาว อินเตอร์เน็ต แร็งส์ กว่า ไทยมากโข จะรอนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 25-09-2014 20:03:45
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-09-2014 21:46:20
ติดตามจ้า
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 26-09-2014 00:41:05
ติดตามมมมมมมมม

รพีนี่ร้ายจริงๆ :z6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 26-09-2014 01:50:22
 o13 o13 สู้ๆ นะคะ ขอบคุณมากๆ น้าา ตอนนี้เรื่องกำลังเข้มข้นแล้ววว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 26-09-2014 03:54:26
จี๊ดเลยๆ
นังโส โอโหแม่งร้าย 555+
เอามันไห้ตาย
อย่าร้ายแบบนี้กับปิงปองนะ น่ากลัวไป
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ใบโพธิ์ ที่ 26-09-2014 17:24:56
ถามจริงๆแกโตมาด้วยอะไรรพี
ปากนี่หมาสุดๆ สงสารอดุลที่ต้องมาลงเอยกับผู้ชายปากหมา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: poochai ที่ 27-09-2014 20:12:38
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 15 [ 25 / 9 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 29-09-2014 20:08:44
เข้ามารอ คิดถึงพ่อปิงปองแล้ว >_<
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 01-10-2014 01:10:55
กว่าหนึ่งเดือนที่ไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นภายในบ้านหลังใหม่ของอดุลย์ ตอนนี้เขากำลังเริ่มหาอะไรใหม่ๆทำในบ้านหลังนี้ ถ้านับจริงๆคนทำงานในบ้านหลังใหญ่มีกันแค่ไม่กี่คน ดาวกับป่านทำหน้าที่ดูแลในบ้านและงานครัวทั้งหมด ส่วนงานสวนก็มีลุงโชนและบริษัทที่จ้างมาตัดแต่งที่เข้ามาสองอาทิตย์ครั้งตามคำสั่งของเจ้าของบ้าน ส่วนบรรดาคนรถก็เป็นคนที่ขึ้นกับบริษัทไม่ได้พักอาศัยอยู่

เพราะแบบนั้นงานที่มีให้ทำในบ้านหลังนี้จึงมีค่อนข้างเยอะพอสมควรทีเดียวถ้าไม่ติดว่าดาวกับป่านชอบมาบ่นว่าปิงปองแย่งทำไปเสียหมด แต่ด้วยบ้านที่ทำความสะอาดอยู่แล้วทุกวันอยู่แล้ว งานบ้านส่วนใหญ่จึงเสร็จไม่เกินบ่ายของแต่ละวัน งานที่เหลือก็แค่ข้าวเย็นซึ่งเขาไม่ยุ่งด้วยกลัวว่าเจ้าของบ้านจะพาลไม่กินเหมือนมื้อเช้า

อดุลย์ยังคงทำข้าวเช้าแบบง่ายๆตามสไตล์ทุกเช้าเผื่อรพี และเช่นกันว่ารพีก็ไม่เคยรับข้าวเช้าเช่นกันทุกวัน แรกๆดาวโดนบ่นเรื่องที่เอามาเสิร์ฟแต่หลายๆวันเข้าไม่รู้ว่ารำคาญที่ดาวไม่สนใจคนค้านหรือเบื่อที่จะบ่นมากกว่ารพีเลยแค่มองว่าวันนี้คนทำทำอะไรทานและก็หยิบกาแฟขึ้นดื่มเหมือนในทุกๆวัน

ส่วนความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างรพีกับตะวันยังคงเหมือนเดิม อาจเพราะรพีกับตะวันไม่เคยหยุดที่นั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวไม่เคยทำความรู้จักกันแม้จะอยู่ด้วยกันมาเกือบๆจะสองเดือนแล้วก็ตาม

จะรู้เรื่องราวกันก็ผ่านทางวัชรเลขาฯส่วนตัวกันมากกว่า หลังจากวันที่วัชรเข้ามาคุยก็ได้พบกับตะวันในตอนบ่ายของวันนั้น เด็กหนุ่มคุยกับเลขาฯตาตี๋อย่างดีไม่มีอาการโกรธเกรี้ยว และยอมที่จะเก็บเรื่องเปลี่ยนนามสกุลไปคิดอีกด้วย

ส่วนด้านรพีถึงจะกลับมาทานข้าวเย็นบ้างและนอนที่บ้านทุกวันไม่ได้ค้างที่ออฟฟิตแล้วแต่ก็แทบจะไม่เจอกัน เช้ามาตะวันจะออกจากบ้านแต่เช้าก่อนทุกคน และรพีก็กลับช้ากว่าทุกคน เสาร์อาทิตย์ก็ออกไปตีกอล์ฟกับก๊วนธุรกิจหรือไม่ก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนเก่า

อย่างเช่นแบบในวันนี้

“คุณรพีตื่นหรือยังครับคุณปิงปอง”เสียงลุงโชนทักขึ้นมา อดุลย์ส่ายหัวตอบยิ้มๆพลางรดน้ำต้นไม้แบบที่ทำอยู่ทุกวัน

“อะไรกันเป็นคนนัดเองแท้ๆ แต่ยังไม่ตื่นแย่ซะจริง”
“ไงไง คุณอดุลย์สินะครับ”อดุลย์หันมองคนที่อยู่ข้างๆของลุงโชน มือบางทั้งสองข้างวางจากงานที่กำลังทำก่อนที่ตาโตจะเบิกกว้างออก ชื่อในอดีตผุดขึ้นมาในหัวแทบจะทันที

“...คุณ...เทพ”ปากบางพึมพำ ถึงไตรเทพจะเปลี่ยนไปมากจากแต่ก่อน มีริ้วรอยของอายุและรูปร่างจากการที่ดื่มแอลกอฮอล์บ่อยๆไม่เฟิร์มเหมือนก่อน แต่ใบหน้าของคนตรงหน้ายังเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน โครงหน้ากลมยาวเหมือนแตงกวาคิ้วเข้มที่ตัดกับผิวขาวดาวตาโตกับไรหนวดตามสันคางที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนา

“หือ...รู้จักกันด้วย?”คำพูดคำจาขี้เล่นไม่เคยเปลี่ยนแปลง อดุลย์จำไตรเทพได้ดีพอๆกับรพีเพราะไตรเทพเป็นหนึ่งในนักดนตรีที่เล่นในผับที่อดุลย์เคยทำงานอยู่ ซ้ำยังเป็นคนที่คุยเล่นกับพนักงานคนอื่นไปทั่ว กับอดุลย์ที่ตอนนั้นแต่งหญิงไตรเทพก็เคยเข้ามาแซวเล่น

“...”อดุลย์เลือกจะไม่ตอบคำถาม แต่ยิ้มส่งกลับไปให้แทน

“ขอเข้าไปรอมันในบ้านแล้วกันนะ แย่จริงๆทั้งๆที่มันชวนไปตั้งแคมป์แท้ๆตัวเองกับไม่ยอมตื่นซะนี่”คำบ่นของไตรเทพทำให้คนที่รู้เหตุผลอดจะแก้ตัวแทนไม่ได้

“เมื่อคืนคุณรพีกลับดึกครับเห็นว่ามีงานเลี้ยง กลับราวๆตีหนึ่ง”

“งานของเครือ xxx เชิญมาเหมือนกันแต่ขี้เกียจไป ยังไงขอไปรอในบ้านก่อนแล้วกันนะครับ”อดุลย์ยิ้มตอบก่อนจะเดินไปวางสายยางไว้ก่อนเดินนำผู้มาเยือนเข้ามาในตัวบ้าน

ไตรเทพมองตาหลังคนที่เดินนำหน้า คนที่รพีเคยเอาเรื่องมาบ่นให้ฟัง เห็นว่าสมัยก่อนเป็นกระเทยแบบที่แต่งหญิงเต็มตัว ไม่รู้อีท่าไหนถึงได้ไปเลี้ยงลูกแท้ๆของเพื่อนสนิทไปได้ แถมจะบอกว่าคนคนนี้ไม่รู้จักตะวันคงจะโกหกเกินไปหน่อยเพราะจากที่รพีเอารูปให้ดู คนตรงหน้าเคยทำงานในผับที่รพีและเขาเคยเล่นดนตรีอยู่ ดูจากช่วงเวลาก็ช่วงเดียวกัน

จะว่าน่าสงสัยก็น่าสงสัยแต่บางทีความบังเอิญมันก็เกิดขึ้นมาได้เหมือนกัน

“นี่คุณอดุลย์”

“ครับ?”

“อย่าว่าผมละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคุณเลยนะ ถามหน่อยซิว่าแต่ก่อนคุณเป็นกะเทยใช่มั้ย แล้วคุณก็รู้จักรพีมาก่อนใช่มั้ยอย่าปฏิเสธนะเมื่อกี้คุณเรียกชื่อผมทั้งๆที่ผมไม่เคยเจอคุณนะ”คนถูกถามหน้าเจื่อนลงทันตาเห็น ไม่แน่ใจว่าไตรเทพจำตัวเองได้หรืออย่างไร แต่อดุลย์ไม่อยากพูดถึงอดีตที่ผ่านมาเท่าไรนัก ยิ่งเป็นอดีตที่ก่อนจะเจอกับตะวันเขายิ่งไม่อยากพูด

“...คือ”

“...เฮ้ย ไม่ต้องทำหน้าตาซีเรียสแบบนั้นดิ ผมถามเพราะแค่สงสัยไม่ได้ถามเพราะระแวงหรืออะไรหรอกนะ พอดีไอ้ซัน...รพีน่ะมันเคยเอารูปคุณสมัยคุณแต่งสาวให้ผมดู ผมจำได้นะเครื่องแบบที่คุณใส่ ดูประวัติก็ใช่คุณเคยทำงานที่ผับที่พวกเราเคยทำงานอยู่”

“ผมขอไม่ตอบได้มั้ยครับคุณไตรเทพ ผมไม่รู้จะตอบอะไรจริงๆ แต่ผมไม่เคยคิดร้ายใครนะครับอันนี้ผมจริงจัง”ตากลมโตพยายามสื่อความนัยของตัวเองให้คนตรงหน้ารับรู้และเชื่อในคำพูด

ไตรเทพไม่ใช่คนที่ขี้ระแวงแบบรพี แถมไม่ได้เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายอย่างเพื่อนด้วย ช่วงวัยรุ่นรพีผ่านอะไรมาเขาก็รู้เพราะเขาเองก็ไม่ต่างกัน โชคร้ายหน่อยตรงที่ในวันที่รพีแย่สุดๆรพีไม่มีใครคอยจับมือในลุกขึ้นเหมือนตัวไตรเทพ

“ยังงั้นก็ได้ ที่จริงผมก็ไม่คิดว่าคนตัวเล็กๆบางๆอย่างคุณจะทำอะไรเจ้าซันได้หรอกนะ เจ้านั่นน่าสงสารกว่าที่คิดนะถึงจะชอบทำตัวให้น่าหมั่นไส้ก็เถอะ”

“คึ”อดุลย์เกือบจะหลุดหัวเราะกับคำพูดค่อนแคะเพื่อนของไตรเทพกับสีหน้าที่แสดงออกชัดเจนว่าเบื่อหน่ายขนาดไหนรวมทั้งน้ำเสียงของคำพูดที่ทำเอาอดุลย์นึกภาพออกเลยว่ารพีชอบทำตัวน่าหมั่นไส้แบบไหนบ้าง

“เห็นด้วยใช่มั้ยล่ะ...เออ!! จริงซิมาบ้านนี้ทั้งที ผมขอเจอหลานชายผมหน่อยได้มั้ย”เหมือนจะพึ่งนึกขึ้นออก ไตรเทพร้องหาและหันมองไปรอบๆหวังจะเจอเด็กที่เป็นลูกชายของเพื่อนสนิท

“เดี๋ยวคุณไตรเทพนั่งอยู่ตรงนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปตามตะวันมาหา แล้วเดี๋ยวจะให้ดาวเอาน้ำมาเสิร์ฟนะครับ”อดุลย์บอกเสียงนอบน้อมก่อนจะหันหลังเดินออกแยกไปอีกทาง ให้ไตรเทพไปหัองรับแขกคนเดียวน่าจะไหว อีกฝ่ายเองก็เหมือนจะรู้จักบ้านหลังนี้ดีพอควร

อดุลย์เดินขึ้นมาบนตัวบ้านเดินเลยไปชั้นสามที่มีแค่เฉพาะส่วนด้านซ้ายของตัวบ้าน อดุลย์ไม่รู้หรอกว่าชั้นเดี่ยวๆนี่เจ้าของบ้านสร้างไว้ทำไม ตะวันเองก็ชอบใจห้องนอนของตัวเองจนไม่เคยนึกถามหาความเป็นมาเหมือนกัน

“ตะวันครับ ตื่นหรือยัง?”เคาะประตูสองสามครั้งก่อนจะเอ่ยถาม ได้ยินเสียงกุกกักในห้องนอน แปบเดียวลูกชายที่ตัวสูงกว่าเกือบคืบก็มายืนอยู่ตรงหน้าหน้าชี้ฟูทำให้มือบางอดไม่ได้ที่ต้องยกขึ้นลูบอย่างเอ็นดู

“วันเสาร์นะคร้าบพ่อ ปลุกตะวันอะไรแต่เช้าเลย”เสียงยานครางบอก สีหน้าขัดใจหน่อยๆแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร

“คุณไตรเทพ เพื่อนของคุณรพีเขาอยากคุยกับตะวันน่ะ”

“หือ ใครอีกล่ะ ไม่ไปได้มั้ยครับง่วงอ่ะ”หนุ่มน้อยร่างโปร่งงอแงจนได้มะเหงกของพ่อปิงปองแทน สุดท้ายตะวันก็จำยอมเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะเดินกอดเอวพ่อปิงปองตามพ่อไปหาคนที่ต้องการจะพบ

คนที่รออยู่นั่งอยู่บนโซฟาคู่กับเจ้าของบ้านที่ไม่รู้ว่าตื่นมาตอนไหน บนโต๊ะมีกาแฟและข้าวเช้าที่วันนี้อดุลย์ทำน้ำพริกหมูผัดกับปลาสลิดทอดทานกับข้าวร้อนๆ ก็เหมือนทุกวันที่รพีไม่แตะกับข้าวของเขาเลยหากแต่วันนี้มีคนช่วยจัดการอาหารตรงหน้าแทน

“สวัสดีครับ”เด็กหนุ่มยกมือสวัสดีทั้งพ่อแท้ๆและเพื่อนของพ่อก่อนจะกลับมาเกาะเอวพ่อปิงปองของเขาต่อ รพีหันมามองลูกชายแล้วนึกตำหนิในใจกับท่าทางที่เหมือนลูกลิงเกาะแม่ลิง

“อ้าวๆ สวัสดีครับตะวัน ลุงชื่อลุงเทพนะเป็นเพื่อนของพ่อเรา ยินดีต้อนรับนะ หล่อเหมือนมึงอยู่นะซัน สำเนานี่ลอกกันมาเป๊ะๆเลย”ตะวันยิ้มรับต่างจากอีกคนที่ถูกชมแบบอ้อมๆ ลุงเทพคนนี้ท่าทางจะเป็นคนเฮฮา พูดจาเอะอะเสียงดังแต่ก็ดูจริงใจดี ท่าทางจะสนิทกับ...เขามากพอสมควร

“ลุงเทพมีอะไรกับตะวันหรือเปล่าครับ เห็นพ่อปิงปองบอกลุงเทพอยากคุยด้วย”

“อ้อ เปล่าๆ แค่อยากเห็นหน้าน่ะ รู้ข่าวจากพ่อของเรามาสักพักแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมเลย วุ่นเลี้ยงลูกน่ะ เมียลุงพึ่งคลอดคนที่สามเมื่อเดือนก่อนนี่เอง เลี้ยงเด็กอ่อนมันยุ่งยากมากเลย ขนาดนี่คนที่สามแล้วก็ยังไม่ชินซักที”คำบ่นของเพื่อนขัดหูคนที่นั่งจิบกาแฟ บ่นไปตักข้าวใส่ปากไปหุ่นเลยเหมือนเสี่ยขึ้นทุกทีทุกที

“ถ้ายุ่งขนาดนั้นแล้วคุณตกลงไปแคมป์กับผมทำไมไตร ไม่ไปเลี้ยงลูกคุณซะละ”ไตรเทพเบ้หน้าใส่เพื่อน ดูก็รู้ว่าสร้างภาพเป็นคนสุภาพต่อหน้าคนไม่คุ้นเคย ทั้งๆที่ปรกติก็มึงมาพาโวยตลอด ถึงคำพูดแบบนี้จะไม่เหมาะกับคนวัยสี่สิบก็เถอะ

“แล้วคุณชวนผมทำส้นตีนอะไรครับ พูดหมาๆเดี๋ยวกูไม่ไปด้วยมึงจะร้องไห้กลับบ้านเถอะ”

“พูดไร้สาระ”รพีส่ายหัวเหนื่อยหน่ายยกกาแฟขึ้นดื่มพลางอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยๆ

“แล้วนี่มีมึงไปกับกูสองคนเหมือนเดิม?...ไม่ชวนลูกมึงกับคุณอดุลย์ไปด้วยล่ะ”
“ไปด้วยกันมั้ยตะวัน ไปมั้ยครับคุณอดุลย์”

“เอ้อ...ไปไหนกันเหรอครับ”ไม่ได้สนใจจะตามไปด้วยหรอก แต่ที่เอ่ยถามก็เหมือนถามตามมารยาทเท่านั้น รพีมองหน้าอดุลย์ไม่ได้ตอบคำถาม แต่รพีก็ไม่ได้บอกห้ามคนชวน

มองไม่ออกจริงๆว่าคนๆนี้ต้องการอะไร

“ไปเขาใหญ่ใกล้ๆนี่แหละ ไปนอนที่อุทยานฯ นอนกลางดินกินกลางป่าสนุกนะ”

“น่าสนใจอ่ะพ่อ ไปกันเถอะ...ไปได้ใช่มั้ยครับ?”ตะวันหันไปถามคนที่จ้องมองพ่อปิงปองของตนอยู่ ตาคมทั้งสองหันมาสบตากันก่อนที่บรรยากาศจะหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ราวกับทุกคนพร้อมใจกันหยุดหายใจอย่างไรอย่างนั้น

“ตามใจ...ถามนายไตรเอาแล้วกันว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง”ว่าแค่นั้นก่อนจะยกกาแฟทั้งหมดซดลงคอแล้วลุกขึ้นกลับไปบนห้องเพื่อเตรียมตัวออกทริปที่ปรกติเป็นทริปเงียบๆ

“ตะวันจะไปจริงๆเหรอ”ตะวันพยักหน้าแรงๆ บ่งบอกความต้องการของตัวเอง ความจริงก็ไม่อยากขัดใจลูก รู้ว่าลูกคงอยากเที่ยวเล่นแบบนี้มานานแล้ว แต่ติดอยู่ที่คนที่ต้องไปด้วยนี่สิ...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




เวลาช่วงบ่ายแก่ๆรถกระบะที่ส่วนใหญ่ลุงโชนจะเอาไว้ไปซื้อต้นไม้ก็มาถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระหว่างทางมีแค่เสียงของลุงและหลานคนใหม่คุยกันมาตลอดทั้งทาง จะมีเสียงของอดุลย์แทรกขึ้นมาบ้างนิดหน่อย แต่ที่เหมือนไม่ได้มาเลยก็คงหนีไม่พ้นรพีที่นั่งหน้าคู่กับคนขับอย่างไตรเทพ

อดุลย์พึ่งรู้วันนี้นี่แหละว่าที่จริงแล้วงานอดิเรกของรพีคือการมาเที่ยวป่าเพื่อที่จะมาวาดรูปเป็นอีกเรื่องที่คนฟังอดทึ่งไม่ได้ ไตรเทพเล่าให้ฟังว่าฝีมือวาดรูปของรพีเข้าขั้นระดับอาจารย์ได้เลย ถึงจะไม่เคยเรียนสายด้านนี้มาแต่เพราะด้วยความชอบส่วนตัวและพอมีเวลาว่างเมือไรรพีก็จะมาเที่ยวป่าเพื่อจะมาวาดรูปสัตว์รูปวิวตลอด

คนที่ถูกพูดถึงไม่ได้เอยขัดอะไร ทำเสียงขัดใจที่ไตรเทพถือวิสาสะเล่าเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้คนอื่นรับรู้ แต่ไม่อยากโวยวายทำตัวไม่สมอายุต่อหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกแท้ๆ

...ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน...

“เราพักกันที่นี่เหรอครับลุงเทพ”เสียงสดใสของตะวันเอ่ยถาม ดูๆไปมีตะวันนี่แหละที่ตื่นเต้นมากที่สุด อดุลย์เข้าใจว่าทำไมตะวันถึงแสดงท่าทีดีใจแบบนี้ก็ตลอดมาเขาแทบจะไม่เคยพาลูกมาเที่ยวเลยซักครั้ง

“ใช่ๆ ถึงบอกว่าตั้งแคมป์ก็เถอะแต่ที่จริงจองบ้านพักไว้น่ะ คนที่จะไปนอนเต็นท์มีแค่พ่อของตะวันนั้นแหละ”ไตรเทพบอกพลางขนของลงบ้านพักที่จองเอาไว้
“ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงเที่ยว อากาศก็ไม่ได้หนาวมากเท่าไร แต่ช่วยไม่ได้นะถ้าเป็นซีซั่นหวังไปเถอะว่าหมอนั่นจะมา”

“จะหยุดพูดได้หรือยังไตร ผมว่าคุณหยุดพูดบ้างก็ดี หรือว่าจะไม่พูดอีกแล้ว?”ไตรเทพไม่ได้สนใจปากร้ายของเพื่อนสนิทหันไปสนใจสองพ่อลูกแทน ช่วงเวลาสามชั่วโมงที่เดินทางกันมาทำให้พอจะตัดสินได้ว่า

อดุลย์ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวซักนิด ติดออกจะเป็นคนซื่อๆด้วยซ้ำ ยิ่งเวลาที่พูดถึงตะวันเสียงที่บ่งบอกถึงความภูมิใจนั่นทำให้ไตรเทพอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ เขาเข้าใจอดุลย์ดีเพราะเขาเองก็มีลูก

เสียดายแทนเพื่อนสนิท...รพีไม่มีโอกาสที่จะมีความสุขที่แลกด้วยความเหนื่อยกายที่ต้องเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมา

“ตะวันอยากไปนอนเต็นท์บ้าง พ่อปิงปองนอนกับตะวันนะ”เด็กหนุ่มเข้ามาอ้อนคนเป็นพ่อ ก็อยากจะตามใจหรอกแต่

“มันต่างกันตรงไหนตะวัน ตั้งเต็นท์หน้าบ้านกับนอนในบ้าน...”เหมือนสิ่งที่พูดจะไปกระทบกับคนที่ตั้งใจจะนอนในเต็นท์เข้าเต็มๆ ตาคมมองจ้องอย่างดุๆ

“นอนในบ้านไปนั้นแหละ มีแค่เต็นท์เดียวชั้นไม่ชอบนอนกับคนอื่น”เสียงนิ่งราวกับไม่ได้โกรธ แต่ตาดุยังคงจ้องไม่เลิก

สุดท้ายตะวันก็ไม่ถูกตามใจ เลยต้องมาช่วยเก็บของในบ้านจนกระทั้งของทุกอย่างถูกจัดเข้าที่อย่างเรียบร้อยแดดภายนอกก็ร่มลงแล้ว ภายนอกบ้านมีเต็นท์ผ้าใบสีเขียวใบใหญ่กางอยู่หน้าบ้าน กับขาตั้งวาดรูปที่ยังไม่มีกระดาษติดไว้วางอยู่ ส่วนเจ้าของเต็นท์กำลังนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านพัก

ไม่นานรพีก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงนอนสองใบในมือตะวันเลยเดินเข้าไปหาใกล้ๆ

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ”เด็กหนุ่มเอ่ยถาม ถูกพ่อปิงปองสอนมาตั้งแต่เด็กว่าให้ช่วยเหลือคนอื่น แล้วตะวันก็โตพอที่จะรู้ว่ารพีคือพ่อแท้ๆจะทำปั่นปึ่งใส่กันก็มีแต่พาลจะทำให้พ่อปิงปองไม่ดีใจ

“...”รพีชะงักมองคนที่เข้ามาพูดด้วย เกือบสองเดือนไม่ใช่ว่าไม่เคยคุยกันแต่จะเรียกว่าคุยก็พูดได้ไม่เต็มปากในเมื่อครั้งแรกคือทะเลาะกันเรื่องนามสกุลส่วนครั้งต่อๆมาคือรพีออกคำสั่งให้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆตลอด

“เอาไว้ตรงไหนครับ”ร่างโปร่งที่เตี้ยกว่ารพีหลายเซ็นต์แย่งของในมือมาถือไว้แล้วถาม เมื่อเห็นว่าพ่อแท้ๆของตัวเองไม่ตอบเลยเดินไปวางไว้ที่เต็นท์นอนของรพีแทน

“อยากได้อะไรถึงมาช่วย? จะนอนเต็นท์หรือ?”เสียงเข้มเอ่ยถาม ด้วยอะไรๆที่ผ่านมาทำให้สมองคิดหาเหตุผลรองรับการกระทำของคนอื่นตลอดเวลา ไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่ทำอะไรให้ใครแล้วไม่ต้องการอะไรตอบแทน

“ที่จริงก็อยากนอนครับ แต่อยากนอนกับพ่อปิงปองมากกว่า”ตอบตามที่ใจคิด คิ้วเข้มของคนที่สูงกว่าชะงักเล็กน้อยกับคำพูดของตะวัน

พ่อปิงปอง...

ทำไมรู้สึกคันหัวใจแปลกๆ...

“เอาถุงนอนไปซะ เมื่อคืนฝนตกคืนนี้ก็น่าจะตกถึงในห้องมันมีผ้าห่มแต่คงหนาวชั้นขอมาเผื่อนายกับพ่อของนาย”ตะวันพยักหน้าทำตามคำสั่งของคนที่สั่งเสร็จก็เดินหนีไปจัดของที่เต็นท์ตัวเองต่อ

จะคิดว่านี่คือความห่วงใยได้หรือเปล่า? ตะวันคิดคำถามขึ้นในใจแต่ก็ไม่อยากคิดต่อเลยสะบัดหน้าคลายความคิดพลันหางตาเห็นแสงไฟสีขาวกระพริบเพียงแค่วูบเดียวแล้วก็ดับไปตะวันหันไปพยายามมองแต่ก็ไม่เห็นอะไร คิดขำๆว่าตอนเย็นๆแบบนี้คงไม่มีเรื่องเนื่องสามัญสำนึกหรอกมั้ง

...อาจจะจริงที่ไม่มีสิ่งลี้ลับ...

...เพราะต้นตอของแสงที่เด็กชายเห็นเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ถ่ายภาพ...

...และดวงตาของคนที่ไม่ประสงค์ดีเท่านั้น...




หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 01-10-2014 01:57:51
พ่อปิงปองมาแล้ว  :oni1:

ตัวละครใหม่ออกได้เห็นอีกมุมของรพี  แหมเด็กโข่งมีปม แต่ก็ยังไม่เห็นใจนะเพราะทำไว้เยอะ :hao4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-10-2014 06:33:52
คนแก่ปากแข็งงงงงงง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 01-10-2014 06:39:42
 :really2: เย้ๆๆ มาแล้ววว =w= รพีเหมือนจะเริ่มเปิดใจนิดๆ นิดเดียวเท่านั้นนะ!
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 01-10-2014 08:54:51
ดีใจฝุดๆๆ รพีเหมือนดีขึ้นนิดนึง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-10-2014 09:19:34
เย้ๆ คนเขียนมาต่อแล้ว
อ่านๆไปก็รู้สึกว่ารพีก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ
ทิ้งท้ายไว้งี้แสดงว่าจะมีดราม่าอะไรต่อรึเปล่า
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า

ปล. คนอ่านรออ่านอยู่นะ ชอบเรื่องนี้มาก คนเขียนสู้ๆ เอ้า ฮึบๆๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 01-10-2014 10:47:28
เมียเก่าชิมิผู้ไม่ประสงค์ดีนั้นนะ
ปล.ตอนนี้คำผิดเต้มเลย อ่านบางจุดแล้วจะงงหน่อยๆ
ยกตัวอย่างอันนี้
" แถมจะบอกว่าคนคนนี้ไม่รู้จักตะวันคงจะโกหกเกินไปหน่อยเพราะจากที่ตะวันเอารูปให้ดู คนตรงหน้าเคยทำงานในผับที่ตะวันและเขาเคยเล่นดนตรีอยู่ ดูจากช่วงเวลาก็ช่วงเดียวกัน "
ตรงชื่อตะวันจริงๆต้องรพีใช่หรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 01-10-2014 13:02:05
 :katai4: :a5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 01-10-2014 17:40:31
 :z3: นังนั่นกลับมาอีกแล้วสินะ จะมาแบบไหนละอยากรู้จริงเชียว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 01-10-2014 19:16:21
ทริปกระชับความสัมพันธ์รึเปล่าเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 01-10-2014 20:24:57
เพราะตะวันอยากเที่ยว พ่อปิงปองเลยใจอ่อน. แล้วจะเชื่อมใจเป็นครอบครัวได้รึเปล่า. จากการทิ้งท้ายว่ามีผู้ประสงค์ร้าย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 16 [ 01 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 01-10-2014 23:47:31
มาต่อแว้วว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 02-10-2014 09:41:28
เมื่อความมืดมาเยือนบ้านพักบนอุทยานฯใหญ่ก็มีแค่แสงไฟหรี่ๆที่เปิดอยู่หน้าบ้านกับกองไฟที่ไตรเทพเป็นคนก่อให้เอาบรรยากาศเท่านั้นไม่ได้หวังพึ่งมันไล่สัตว์แมลงแต่อย่างใด

คนตัวเล็กสุดในกลุ่มกำลังยิ้มแย้มหัวเราะสดใสกับเรื่องเล่าของไตรเทพที่กำลังเล่าเรื่องตอนที่ตัวเองไปทำงานอยู่ทางใต้จนได้เมียแต่ฝ่ายพ่อตาหมายมั่นให้ลูกสาวรับช่วงต่อสวนยางแต่เขาไม่อยากอยู่ในที่ที่เวลาแค่ทุ่มกว่าๆก็ปิดไฟนอนกันหมดแล้วเลยพาเมียที่กำลังท้องอ่อนๆหนีปืนพ่อตาขึ้นมาอยู่ที่กรุงเทพฯด้วยกัน

“นี่กว่าที่พ่อจะยอมให้ตาลมาอยู่นี่นะต้องปั้มลูกคนที่สองมาช่วยอ้อนอีกแรง”คนเล่ายิ้มไปพูดไป นึกถึงตอนนั้นแล้วก็อึดคิดถึงไม่ได้ สิบกว่าปีก่อนที่พอต้องก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ด้วยตัวไตรเทพไม่ได้ร่ำรวยแบบเพื่อนสนิท แต่เหมือนโชคดีมีคนรู้จักชวนไปทำบริษัททัวร์เล็กๆที่จังหวัดเกาะทางภาคใต้ จนพอมีเงินเก็บก็เริ่มที่จะหาอย่างอื่นทำต่อ ประกอบช่วงนั้นเจอคนรักก็เริ่มคิดจะก่อร้างสร้างตัวให้มั่นคงกว่าเดิม

ท้ายที่สุดไตรเทพก็ได้เป็นเจ้าของผับทำเลดีในกรุงเทพและบริษัทนำเที่ยวในประเทศรายใหญ่

“ลูกๆลุงไตรอายุเท่าไรกันบ้างครับ”ตะวันถามอย่างสนใจ คุณลุงคนใหม่เป็นคนคุยสนุก มีเรื่องตลกๆของตัวเองเยอะแยะไปหมด

“คนโตหก คนรองสาม คนเล็กพึ่งเกิด ห่างกันคนละสามปีพอดี ลุงวางแผนเอาไว้แล้วเจ๋งป่ะละ”มียักคิ้วโชว์ตามตอนพูดจบเรียกเสียงเฮฮาเพิ่มขึ้นได้อีกมาก

“ฮ่าๆๆ สุดยอดเลยครับ”ตะวันหัวเราะสดใส อดุลย์ที่มองตามก็พลอยมีความสุขไปด้วย เขาไม่ค่อยมีโอกาสพาลูกไปเที่ยวเท่าไร อย่างมากก็พาทะเลแถบสัตหีบเพราะพาตะวันไปไหว้กระดูกแม่ของเจ้าตัวที่เป็นคนท้องถิ่นแถวนั้น

เวลาผ่านไปเรื่อยๆในค่ำคืนที่มีแต่ความสุขแบบนี้ ขนาดอีกคนที่นั่งดื่มนั่งชมบรรยากาศเงียบๆยังพลอยมียิ้มที่มุมปากขึ้นมา อากาศดีๆก็ทำให้อารมณ์ดีตามไปด้วยจริงๆ

“งั้นขอตัวไปนอนก่อนแล้วกัน ไม่ไหวพอแก่แล้ว หัวค่ำหน่อยก็ง่วงซะแล้ว”ไตรเทพพูดขี้เล่นตามประสา แท้จริงแล้วที่แยกย้ายให้ไปนอนเพราะพรุ่งนี้มีนัดรวมกันแต่เช้า เห็นว่าเจ้าหน้าที่จะพาไปดูสัตว์เลยต้องตื่นเช้าเสียหน่อย

“ตะวันเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวพ่อเก็บตรงนี้ก่อน”อดุลย์บอกลูกชายตัวดีที่นั่งตาแป๋วอยู่ข้างๆรพีด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ ส่วนอีกคนก็ดูไม่ได้อึดอัดอะไรที่มีตะวันนั่งอยู่ด้วย

ตะวันพยักหน้าตอบก่อนจะลุกขึ้นแล้วตรงเข้าไปในบ้านพักที่อยู่ไม่ไกลเท่าไร ตรงนี้เลยเหลือแค่สองคน รพีมองอดุลย์ที่กำลังก้มๆเงยๆเก็บแก้วที่ใช้แล้วเข้าลังที่เตรียมไว้ข้างๆ มองอยู่นานจนคนถูกมองรู้สึกตัวถึงได้หันไปมองตอบ

“มี...อะไรหรือเปล่าครับ”จะว่าเป็นครั้งแรกเลยหรือเปล่านะที่ได้คุยกันตัวต่อตัวหลังจากวันที่เขาเข้าไปขอร้องให้เลิกทำร้ายกันซักที

“...”รพียังไม่ตอบแต่ก็ยังมองคนที่ตัวเล็กกว่าที่มีสีหน้าเหมือนหวาดๆตัวเองด้วยความถูกใจ เป็นความรู้สึกของคนที่อยู่เหนือกว่าคนตรงหน้า

“เอ่อ...”

“นอนกับชั้นมั้ย?”

“!!!”ทั้งๆที่คนที่ถามก็ถามเสียงเรียบๆแต่คนฟังกระโดดถอยหลังด้วยปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ พลางหันซ้ายขวาเพื่อหาทางรอดเอาไว้อีกทาง

“หึ ไม่เห็นต้องทำท่ากลัวขนาดนั้น ก็แค่ถามเผื่อเพื่อนายจะติดใจชั้น ใครจะรู้”รพีพูดขำๆ เลิกมองหน้าอีกฝ่ายแต่มองไล่ลงมาตั้งแต่คอขาวๆจนถึงสะโพกที่ทำเอาในหัวมีแต่คิดเรื่องลามก

“ม..ไม่...ไม่มีทางหรอกครับ!”เผลอตอบเสียงดังขึ้นมาหน่อย รพีฟังแล้วก็หัวเราะเบาๆออกมา

ใช่ว่าเดือนกว่าๆที่ผ่านไปเขาจะไม่เคยสังเกตคนที่น่าสงสัยคนนี้ ทั้งส่งเลขาฯให้มาทำความรู้จักดูพฤติกรรมต่างๆผ่านวัชร ก็ไม่ได้ดูแตกต่างจากที่อีกฝ่ายแสดงออก อีกทั้งแค่เวลาเดือนกว่าๆคนใช้ในบ้านทั้งหมดก็ชอบพออดุลย์มากขึ้นมากขึ้นจนเหมือนกับเป็นเจ้านายอีกคนของบ้านทั้งๆที่ก็เป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้น

สุดท้ายเลยคือศูร...ช่วงเดือนที่ผ่านมาศูรเข้ามาทานอาหารเย็นที่บ้านใหญ่ด้วยทุกวันไม่มีขาด ศูรดูมีความสุขมากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่พ่อของเขาจะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม้ทำแต่สวนกับลุงโชนหรือไม่ก็ออกไปดูพันธ์ไม้แค่คนเดียว

ถ้าการมาอยู่ของอดุลย์ไม่ได้ก่อเรื่องเลวร้ายซ้ำยังเป็นผลดี...ก็คงมีแต่ต้องคอยระวังกันต่อไป

อย่างไรซะรพีก็ไม่เชื่อใจใครง่ายๆ

“ทำเป็นพูดดี สองครั้งก่อนยังร้องครวญครางไม่หยุดจนเสร็จด้วยซ้ำไป”วาจาหยาบจ้วงทำเอาใบหน้าขาวเริ่มแสดงสีออกมาด้วยความโกรธปนอับอาย

“คุณมันบ้า!..อ..โอ้ย!!”ไม่ทันได้ต่อว่ามากไปกว่านั้นร่างเล็กก็ถูกบีบกรามจนถึงกับต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“พ่อครับ เป็นไร?”เสียงตะวันดังออกมาจากในตัวบ้าน อดุลย์มองไปตามเสียงไม่เห็นตัวลูกชายก็โล่งใจไปหนึ่งเปราะ กลัวตะวันจะรู้เรื่องไม่ดีไม่งามจะที่เคยเกิดขึ้น

“ป..เปล่า พ่อสะดุดกิ่งไม้”ตะโกนตอบกลับในขณะที่ปากยังถูกบีบจากมือใหม่แต่ผ่อนแรงไม่ได้เจ็บแบบคราแรกที่มือนั้นลงแรงมา

“หึ จะว่าไปชั้นมีเรื่องให้บังคับนายเยอะแยะเต็มไปหมดเลยนะ แต่เอาเถอะชั้นก็ไม่อยากโดนหาว่าข่มขื่นอีกแล้ว”รพีปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระ พลางยิ้มถูกใจที่ได้แกล้งอีกฝ่าย ใจจริงก็นึกแค่อยากจะกวนโทสะอีกฝ่ายเท่านั้น เห็นทั้งวันมานี่มีความสุขมากเกินไป

...เลยทำให้อารมณ์บูดเล่นๆ...

...ก็สนุกดี...

“ถามจริงๆนะครับ...”อดุลย์ยืนนวดกรามตัวเอง เดินถอยไปให้ห่างจากคนที่ทำร้ายร่างกายเมื่อครู่ด้วยสีหน้าหวาดๆ ที่กล้าคุยต่อไม่หนีไปคงเพราะบรรยากาศรอบตัวของคนตรงหน้าไม่เหมือนครั้งก่อนๆที่โดนทำร้าย

“...?”

“ทำไมต้องทำร้ายผมแบบนั้น”...ผมก็มีหัวใจ...ประโยคหลังอดุลย์ไม่ได้พูดออกไป กลัวคนที่ชอบคิดระแวงจะรู้สึกแปลกกับคำของตัวเอง

คนถูกถามเงียบไปชั่วครู่ ในหัวกำลังคิดย้อนกลับไปในวันที่เข้าไปข่มขื่นคนตรงหน้าทั้งสองครั้ง จะว่าเกลียด...ก็ไม่ใช่เพราะความรู้สึกของรพียังไม่รุนแรงถึงขนาดนั้น

ครั้งแรกที่บ้านเก่าของอดุลย์ อาจจะเพราะด้วยความเมาและถูกศูรออกคำสั่งให้เรื่องที่จะให้สองพ่อลูกย้ายเข้ามาในบ้านของเขา รวมถึงอคติเมื่อรู้ว่าอดุลย์น่าจะเคยรู้จักตัวเองมาก่อนจนเกิดความระแวงขึ้นมา พอไปโวยวายเรื่องราวจึงเลยเถิด

ส่วนครั้งที่สอง...เขาก็แค่อาจจะกลับมาจากงานเหนื่อยๆ แค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเข้ามาเกาะเขากินก็ควรจะทำงานให้เขาบ้าง...และบางทีเวลานั้นเขาก็อาจจะมีความต้องการงานบนเตียง

“...”พอคิดไปคิดมารพีเองก็ไม่รู้สาเหตุแน่นอนเหมือนกัน ร่างสูงละที่จะไม่ตอบแต่ก็ไม่วายจะพูดกวนอารมณ์อีกฝ่ายด้วยวาจาที่ไม่เป็นมิตรเสียเลย

“ก็นะ...นายเป็นกะเทยชั้นก็นึกว่านายจะคุ้นเคย ขอใช้มาบริการชั้นนิดๆหน่อยๆก็ไม่น่าจะเป็นไร...แต่ ไม่ได้ก็บอก”บอกแล้วหันหลังเดินกลับเข้าเต็นท์ของตัวเอง ทิ้งคนที่ยืนน้ำตาคลอด้วยความอับอายและเจ็บใจไว้ข้างหลัง โดยที่ไม่รู้เลยว่ายิ่งตัวเองแสดงท่าทีอ่อนแอเท่าไร คนทำก็ยิ่งรู้สึกสนุกขึ้นมากเท่านั้น

รู้สึกดีที่ได้เห็นว่าคนที่เป็นที่รักของคนอื่นโกรธตัวเองที่ทำอะไรเขาไม่ได้

...ดีพอๆกับตอนอยู่บนเตียงเลยล่ะ...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




กลางดึกที่มีเสียงสัตว์แว่วมาได้ยินอยู่เป็นระยะๆ ร่างบางของอดุลย์ลืมตาขึ้นมาด้วยเพราะนอนไม่หลับ ในหัวยังคิดมากกับคำล้อเลียนของคนที่คงนอนหลับอยู่ในเต็นท์หน้าบ้านพัก ใบหน้าขาวหันไปมองลูกชายข้างๆตัวแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้

คำล้อจากรพีสร้างความหนักใจให้ตัวอดุลย์มาก ไม่ใช่เพราะคนที่พูดคือรพี แต่เรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริง...เป็นอดีตของอดุลย์ที่ไม่อยากให้ใครรับรู้ ที่สำคัญ...ไม่อยากให้ตะวันรู้เลย

ถึงช่วงนี้รพีมีท่าทีอ่อนลงกับเขามากก็ตาม แต่ไม่มีอะไรจะมารับประกันได้ว่ารพีจะไม่เอาเรื่องที่เคยขู่ขึ้นมาทำเป็นเรื่องจริง ไม่รู้ว่าวันไหนรพีเกิดบ้าขึ้นมาแล้วแฉเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกได้รับรู้

ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าตะวันรู้แล้วจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน

ความเถิดทูนที่เคยมีมาจะหายไปหรือเปล่า

แล้วความรักที่ลูกเคยมีให้จะหมดลงใช่มั้ย

อดุลย์ไม่รู้...เขาจึงกลัวเหลือเกินที่จะให้ตะวันได้รู้ความจริง

สองขาเล็กๆพาอดุลย์มาหยุดหนังอยู่หน้าบ้านพัก รอบตัวมีแต่ความมืดมิดมีแค่แสงไฟหรี่ๆจากบ้านพักหลังอื่นที่ตั้งอยู่ไกลๆเท่านั้น อากาศคืนนี้หนาวไม่หนาวมากอย่างที่ไตรเทพบอก แต่ก็หนาวกว่าปรกติอยู่ดี สองแขนกระชับกอดตัวเองเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย พลางเบาลมออกจากปากคลายความหนาวเหน็บอีกทาง

“นอนไม่หลับเหรอครับ?”เสียงปริศนาดังขึ้นอยู่ข้างหลัง อดุลย์หันไปมองก็เป็นเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนพามาที่บ้านพัก

“อ่าว คุณณรงค์ยังไม่นอนเหรอครับ”

“มาตรวจดูไฟน่ะครับ เสร็จแล้วก็จะไปนอนแล้ว”อดุลย์พยักหน้าตอบ ยิ้มอ่อนๆให้คนตรงหน้า
“แล้วนี่สรุปทำไมยังไม่นอนล่ะครับ อากาศแบบนี้น่านอนสบายดีนะครับ”

“ไม่ค่อยชินมั้งครับ แล้วผมก็ไม่ชอบอากาศหนาวๆเท่าไร พาลนอนไม่หลับเอา”บอกพลางทำตัวหนาวสั่นยืนยันคำพูด ณรงค์เห็นท่าหนาวตลกๆก็หัวเราะเสียงดังอย่างลืมตัว

“อย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ คุณก็รีบนอนนะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงจะไปเที่ยวนะ”อดุลย์พยักหน้าอีกครั้งก่อนจะณรงค์จะเดินเลี่ยงกลับออกไป

ส่วนอดุลย์เองก็ตัดสินใจกลับเข้าไปในบ้าน ไปข่มตานอนคงจะดีกว่ามายืนมืดๆอยู่แบบนี้ เมื่อกี้ที่สั่นไม่ใช่เพราะหนาวอย่างเดียวหรอก แต่สั่นตกใจตอนที่อีกฝ่ายทั้งด้วยมากกว่า

ลับร่างบางที่เดินหายเข้าไปในตัวบ้าน คนที่คิดว่านอนหลับสบายใจอยู่ในเต็นท์นั่งฟังบทสนทนาของทั้งคู่อยู่ในเต็นท์เงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างคนที่ไม่ได้อย่างใจ

อีกแล้ว...เกิดอยากจะไปกวนอารมณ์ใส่อดุลย์อีกแล้ว ไม่ชอบเลยที่เห็นอีกฝ่ายมีความสุข...ไม่ชอบ...ไม่ชอบ



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




เสียงซู่ซ่าจากมวลน้ำที่ตกกระทบกันดังไปทั่วทั้งบริเวณ ข้างหน้าของกลุ่มนักท่องเที่ยวตอนนี้คือน้ำตกเหวสุวัต คนที่ตื่นเต้นที่สุดคงไม่พ้นหนุ่มน้อยที่สุดในกลุ่มนี้

ตะวันเบิกตากว้างเดินไปเดินมาด้วยความชอบใจก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือที่ที่พ่อปิงปองซื้อให้ตอนที่เข้าเรียนวิทยาลัยขึ้นมากระหน่ำถ่ายรูป

อดุลย์เองก็ตื่นตาตื่นใจเช่นกัน เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกของตัวเขาเองที่ได้เห็นอะไรสวยงามแบบนี้ทั้งธรรมชาติที่รายล้อม มีสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยตามต้นไม้ที่อยู่รอบๆ

“ถ่ายรูปมั้ยครับพี่ปิงปองผมถ่ายให้”ณรงค์ถามร่างบางที่ยืนยิ้มอยู่ เจ้าหน้าที่หนุ่มเรียกสรรพนามใหม่กับอดุลย์ด้วยเพราะได้คุยกันอีกรอบตอนเช้า และเขาก็ได้รู้ว่าอดุลย์อายุเยอะกว่าตัวเองเกือบห้าปี

“ขอบคุณนะครับ”ยืนมือถือของตัวเองให้ พลางเรียกลูกชายเข้ามาถ่ายรูปด้วยกัน นึกเสียดายที่ไม่ได้เอากล้องดิจิตอลมาด้วยเพราะไม่รู้ว่าจะได้เจออะไรสวยๆแบบนี้

“ไงซัน มีอะไรจะวาดยัง”ไตรเทพถามเพื่อนสนิทข้างๆ ทั้งเขาและรพีมากันบ่อยจนรู้แทบทุกอย่างเลยไม่ค่อยมีอาการอะไรเท่าไร

“...”ไตรเทพที่มองไปเรื่อยๆหันกลับมามองคนที่เอ่ยถามไปเมื่อครู่แต่เหมือนว่ารพีไม่ได้สนใจฟัง ไม่มีคำตอบอะไรจากร่างสูงข้างๆที่มองไปยังกลุ่มคนที่กำลงสนุกสนานกับการเก็บภาพลงมือถือ

“มองไรว่ะ”ถามทั้งๆที่เห็น นึกหวาดๆกับสายตาที่จ้องไป ทั้งเย็นเชียบและไร้ความรู้สึกจนอ่านไม่ออกว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้กำลังคิดอะไรอยู่

ให้ทายว่าคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก

“คิดจะทำอะไรคุณอดุลย์เขาอีกละ แค่ชอบทำหน้ายักษ์เขายังกลัวมึงไม่พออีกเหรอ กูล่ะสงสารเขาจริงๆต้องมาอยู่กับคนแบบมึงเนี่ย”

“...ยังไง”รพีหันมาให้ความสนใจกับคนข้างๆจนได้ ตลอดเวลาที่ไตรเทพพูดเขาได้ยินหมดทุกอย่าง แต่แค่ไม่สนใจจะตอบโต้ด้วยก็เท่านั้น

“เฮ้อ กูรู้ว่ามึงไม่ชอบใจคุณอดุลย์เขา คงคิดว่าเขาจะเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่มึงลองมองดีๆซิกูว่าเขารักตะวันอย่างจริงใจไม่มีอะไรแอบแฝง กูเป็นพ่อคนเหมือนกันกูดูออกว่าเขารักลูกมึงแค่ไหน”ไตรเทพถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองคนที่พูดด้วยด้วยแววตาเหนื่อยล้าแทน จะว่าสงสารก็ใช่

“กูอยากเห็นมึงมีความสุขซักทีนะซัน”เพื่อนสนิทบอกจริงใจ

“เออ...ตอนนี้กูก็ไม่ได้ทุกข์อะไร”ไตรเทพส่ายหัวช้าๆ มึงไม่เข้าใจซัน...มีความสุข...กับไม่มีความทุกข์มันต่างกัน ตลอดมารพีก็บอกว่าตัวเองไม่เคยทุกข์ร้อนอะไร แต่ก็ไม่เคยเห็นเจ้าตัวมีความสุขซักครั้ง

ครั้งสุดท้ายที่ร่างสูงคนนี้ยิ้มกว้างจนเหมือนปากจะฉีก...เมื่อไรกันนะ?

“โอ้ย!!!”

“พ่อ!!”จู่ๆก็มีเสียงร้องเข้ามาขัดความคิดของไตรเทพ ทั้งสองคนมองไปยังต้นตอของเสียง เจอร่างขาวบางที่นั่งทำเสียงหน้าเจ็บปวดพลางลูบที่สะโพกเบาๆ

“ฮ่ะๆ เปล่าๆครับตะวัน พ่อแค่โพสท่ายากไปหน่อย สะดุดก้อนหินล้มเลย”ตอบเสียงใสเรียกเสียงหัวเราะทั้งจากลูกชาย เพื่อนสนิทของเขาและก็...เจ้าหน้าที่คนนั้น

“ไม่เป็นอะไรนะครับพี่ปิงปอง”มือหนากว่ายื่นหวังจะช่วยให้ลุกยืน แต่ไม่ทันอีกมือที่ยื่นไปคว้าคอเสื้อแล้วออกแรงดึงเบาๆร่างเล็กทั้งร่างก็ลอยหวือขึ้นมายืนอย่างง่ายดาย

“เอ้อ”ด้วยความงงไม่หาย อดุลย์ไม่ทันได้บอกขอบคุณรพีที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรอีกฝ่ายก็เดินกลับไปนั่งที่เดิมสอดส่ายหาวิวสวยๆเพื่อเก็บภาพไปเป็นแรงบันดาลใจในรูปวาดของตัวเอง

“พ่อไม่เป็นไรนะครับ แก่แล้วทำไมไม่ระวังหน่อยกระดูกกระเดี้ยวหักมาลำบากน้า”ตะวันกระโดดเหยียบก้อนหินมาหาพ่อปิงปองถามล้อเลียน เห็นภาพเมื่อกี้แล้วยังงงไม่หาย

ตะวันที่อยู่ไกลจากคนเจ็บที่สุดเห็นตอนที่รพีลุกจากที่ที่ตัวเองนั่งอยู่ด้วยความเร็วก่อนจะเดินไวๆเข้าถึงตัวพ่อปิงปองเพียงแค่ไม่กี่วินาที

“พ่อยังไม่แก่ขนาดนั้นซะหน่อย”แจกมะเหงกให้ลูกชายตัวดี จะวันทำหน้ามุ้ยกลับร้องโอดโอยทั้งๆที่พ่อปิงปองทำเบาๆเท่านั้น

“ไปถ่ายรูปต่อไปเดี๋ยวพ่อไปขอบคุณคุณรพีเขาเสียหน่อย”

“ครับ ที่จริงเขาก็ใจดีเหมือนกันนะครับ”ตะวันร้องบอกอย่างคนที่เห็นเหตุการณ์ ถึงพ่อแท้ๆของตัวเองจะชอบทำหน้านิ่งใช้แค่สายตาคมดุๆจ้องมองจนพ่อปิงปองเกิดความกลัว แต่เมื่อกี้ก็ดูจะห่วงคนล้อไม่ใช่เล่น แถมยังพาพวกเขามาเที่ยวป่าแบบนี้ถึงจริงๆแล้วจะไม่ได้เป็นคนชวนก็ตามที

“ก็คงเป็นอย่างนั้นล่ะมั้ง”เห็นแววตาที่ลูกชายมองรพีต่างออกไป แต่ก่อนตะวันมักจะมองผู้เป็นพ่อด้วยสายที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร ด้วยการพบเจอกันครั้งแรกไม่ค่อยน่าจดจำนัก แต่ตอนนี้สายตาตะวันเริ่มจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

รพีเริ่มพูดคุยกับตะวันมากขึ้น

ตะวันเองก็เริ่มเปิดใจให้กับพ่อคนใหม่ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ

...รู้สึกเหมือน...

...เวลาความสุขของตัวเองใกล้จะหมด...ยังไงไม่รู้...




แก้คำผิดตอนที่แล้วแล้วค่ะ ใครเจออะไรที่ผิดจนเนื้อเรื่องแปลกๆก็บอกกันได้ค่ะ คนเขียนเขียนๆไปก็ลงเลยไม่ค่อยได้นั่งทวนอ่าน เอาไว้มีวันหยุดยาวๆจะนั่งอ่านแล้วทยอยแก้คำผิดค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 02-10-2014 10:02:26
สงสารปิงปองจัง กลัวลูกจะรู้อดีต
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 02-10-2014 11:35:54
อยากอ่านต่ออออ

ทำไมเพิ่งได้อ่านเรื่องนี้

สนุกมากเลยค่ะ
อัพต่อให้จบนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 02-10-2014 12:14:01
โอ้ย...อยากเดินเข้าไปกอดปิงปอง :'(
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 02-10-2014 12:37:13
มันชักยังไงๆแล้วนะ555+
โอ้ยอ่านเรื่องนี้แล้วแบบว่าเกิดอาการหยุดไม่ได้อะ
อยากอ่านต่อเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 02-10-2014 13:08:47
มาม่าอืดเต็มหมอล่ะ

ขอ​ของหวานบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 02-10-2014 13:26:12
o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 02-10-2014 14:45:48
สนุกมาก อ่านรวดเดียวแบบ non-stop
รพีอย่าใจร้ายนักสิ สงสารปิงปองบ้าง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 02-10-2014 16:51:25
ที่ตะวันมองรพีดีขึ้นก็ไม่ใช่อะไรหรอก ก็แค่เห็นมาดีกับอดุลย์นะแหละ ^^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-10-2014 18:13:41
คำที่พิมพ์ผิดจ๊ะ
"เป่า" ลมออกจากปาก
ห่วงคน"ล้ม" ไม่ใช่เล่น (บรรทัดที่ 7 นับจากข้างล่าง)

เป็นกำลังใจให้คนเขียน  :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 02-10-2014 19:47:09
ถ้าตะวันรู้เรื่องในอดีตไม่อยากให้ตะวันโกธรพ่อปิงปองเลย สงสารพอปิงปอง T^T
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 02-10-2014 20:27:30
มีห่วงใย ปิงปองด้วย เท่านี้ก็ดี เริ่มทีละนิด เดี๋ยวก็เต็มหัวใจ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 02-10-2014 23:14:46
รู้สึกเหมือนรพีหึงพ่อปิงปองเลยอ่ะ อิอิ แต่สงสารพ่อปิงปอง ไม่อยากให้ทิ้งตะวันไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 17 [ 02 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 04-10-2014 00:30:40
แหะๆ วันนี้คิดว่าจะมาโพสดึกๆ อีกค่ะ  :katai2-1: รีเฟรชบ่อยมากอ่ะบอกตรง 5555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 18 [ 04 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 04-10-2014 21:04:35
ทริปตั้งแคมป์ที่เขาใหญ่ผ่านพ้นไปเรียบร้อย แม้จุดประสงค์ของคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีจะพลาดไปซักหน่อยเพราะสองวันที่ในป่ารพีไม่ได้วาดรูปเลยแม้ซักรูปแต่กลับใช้เวลาไปกับการเที่ยวชมผืนป่าใหญ่ที่เขาเองก็มาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

คนที่ดูจะได้ผลประโยชน์สุดคงไม่พ้นเด็กชายวัยอยากรู้อยากเห็น ตะวันได้มาเห็นอะไรมากมายที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนในชีวิต บ้างอย่างเห็นแคในรายการที่แนะนำที่ท่องเที่ยว แค่ดูในโทรทัศน์ก็รู้สึกอยากไปบ้างดูซักครั้ง ยังมีอีกหลายที่ที่เคยเห็นแล้วอยากไป ไว้มีโอกาสจะลองไปขอให้...พ่อพาไป

พ่อรพี...

ตะวันเรียกรพีว่าพ่อในใจ นึกรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ใช้เวลาร่วมกัน ก่อนหน้าด้วยอคติมากมายทำให้เขาไม่ค่อยอยากจะเรียกรพีว่าพ่อเท่าไร ยิ่งรพีเองไม่ได้เรียกร้องหนำซ้ำยังมีท่าทีไม่สนใจเขาเลยคิดว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ต้องการเขาเป็นลูกเท่าไร

แต่สองวันหนึ่งคืนที่ผ่านมาทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกขอบคุณที่อีกฝ่ายยอมให้มาเที่ยวด้วยจนทำให้ตัวเองผิดวัตถุประสงค์ของตัวเองแต่ก็ไม่บ่นอะไรออกมาซักคำ ขอบคุณที่พาตนมาเปิดหนูเปิดตา

และขอบคุณที่...ดีกับพ่อปิงปอง

“งั้นกูกลับเลยนะซัน กลับก่อนนะครับคุณอดุลย์ บายๆนะตะวัน”ไตรเทพโบกมือไปๆมาๆให้สามคนตรงหน้าอยู่ในโรงรถของบ้านหลังใหญ่ คนตัวสูงยืนหน้านิ่งมือถือข้าวของสัมภาระทั้งของตัวเองและอีกสองคน คนตัวเล็กที่ยืนข้างๆกันยิ้มให้เขาพร้อมกับโบกมือกลับข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็ถือเฟรมวาดรูปอันใหญ่ไว้ ส่วนคนที่เด็กสุดที่ยืนยิ้มหน้าแป้นก็อ้อนบอกให้พาไปเที่ยวอีก

ภาพตรงหน้า...ทำให้รู้สึกว่ามีความสุขลอยอบอวลอยู่เต็มไปหมด

“ขับรถกลับดีๆนะครับคุณเทพ”อดุลย์บอกพร้อมกับขอบคุณที่อีกฝ่ายพาไปเที่ยว อีกฝ่ายดูอ่อนล้าสุดๆเพราะเป็นคนขับรถทั้งขาไปและขากลับ แถมยังคอยดูแลดูอธิบายและพาเที่ยวตลอดแถมยังต้องขับรถกลับบ้านตอนดึกๆแบบนี้หลังจากมาส่งพวกเขาอีก

“ลุงเทพอย่าลืมที่สัญญากับตะวันไว้นะ”เด็กชายพูดเสียงร่าเริง ยิ้มแย้มลืมเวลาง่วงทั้งๆที่เวลามันเกือบจะเที่ยงคืนพรุ่งนี้ต้องตื่นฝ่ารถติดไปเรียนแต่เช้าอีกต่างหาก

“หือ สัญญาอะไรกัน ตะวันไปกวนอะไรลุงเขาหรือเปล่าฮึ”พ่อปิงปองถามใบหน้าขาวอมยิ้มน้อยๆรู้สึกดีที่เห็นตะวันเข้ากับคนบ้านนี้รวมถึงคนสนิทของครอบครัวนี้ได้โดยไว

“ความลับ!!”ลูกชายตัวดีบอกทะเล้นก่อนจะวิ่งหนีไปหัวเราะไป ทิ้งให้ความข้างหลังหัวเราะตามกับความร่าเริงของวัยรุ่น

“งั้นขอตัวจริงๆล่ะ ฝันดีนะครับ ฝันดีเว้ยซัน”

“เออ รีบกลับไปหาลูกหาเมียได้ล่ะ”คนที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นมา เริ่มรู้สึกหนักขึ้นมาเรื่อยๆคิ้วเข้มขมวดขัดใจเด็กในบ้านที่ไม่ยอมออกมาดูพวกเขาเสียทีครั้นจะให้คนอื่นช่วยถือก็ดู...ไม่ดี

“ฝันดีครับคุณเทพ”ร่างบางข้างๆบอก รพีหันมามองคนพูดเห็นสีหน้ายิ้มๆแล้วหงุดหงิด ไม่ค่อยเข้าใจพวกที่ชีวิตเต็มไปด้วยความสุขเท่าไรนัก คนที่ยิ้มให้กับเรื่องทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นคนแบบไหน ใช้ชีวิตมาแบบไหน มองโลกอย่างไร

แล้วทำยังไงถึงได้เป็นแบบนั้น

ไม่ทันได้รู้ตัวในหัวของร่างสูงก็คิดแต่เรื่องของอดุลย์เต็มไปหมด ขนาดที่เขาเองก็ไม่ได้ฉุกใจหยุดคิดว่าทำไมต้องคิดเรื่องอีกฝ่ายได้มากขนาดนั้น แค่เห็นอดุลย์ยิ้มให้คนอื่นที่เพียงแค่เดินผ่านก็สงสัยว่ายิ้มทำไม แล้วขนาดเขาเองที่เคยทะเลาะกันมาอีกฝ่ายยังดูแลเขาใส่ใจเขา ทำไมถึงไม่โกรธแล้วแสดงธาตุแท้ของมนุษย์ออกมา

“ให้ผมช่วยถือมั้ยครับ”ร่างสูงสะดุ้งตัวเล็กน้อย เผลอคิดเรื่องคนข้างๆมากไปจนไม่รู้ตัวว่าเพื่อนขับรถออกไปตอนไหน ตรงหน้าคือรอยยิ้มที่นึกสงสัย

“ไม่เป็นไร”บอกแค่นั้นก่อนจะหันตัวเดินเข้าไปในบ้าน แต่ไม่ทันจะเข้าถึงตัวบ้าน ดาวก็รีบกุลีกุจ่อออกมาช่วยถือเป็นการใหญ่ หญิงสาวเอ่ยขอโทษที่ออกมาช้าเพราะตัวเองทำธุระส่วนตัวอยู่

รพีพยักหน้ารักคำไม่ได้พูดอะไรต่อ วางของทั้งหมดให้สาวใช้ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องหมายที่จะพักผ่อน

“เดี๋ยวค่ะคุณผู้ชาย!!”เสียงตะโกนเรียกของสาวใช้ที่ตอนนี้แบกช่วยกันแบ่งกันถือของกับอดุลย์เรียกไว้ มองชายหนุ่มอีกคนที่รื้อดูข้าวของว่าเป็นของใครก็นึกขัดใจ ทั้งๆที่ตนถือของมาทั้งหมดปฏิเสธให้อีกฝ่ายช่วยแต่สุดท้ายก็ไปแย่งหน้าที่ที่ดาวอีก

วุ่นวายซะจริงผู้ชายคนนี้

“...??”

“คุณวัชรมาฝากจดหมายไว้ให้คุณผู้ชายค่ะ”ดาวยื่นสิ่งที่เรียกว่าจดหมายแต่ที่จริงเป็นแค่กระดาษเอสี่พับซ่อนข้อความไว้ข้างในเท่านั้น

“เมื่อไร?”เสียงนิ่งเอ่ยถาม คิ้วขมวดอย่างเคยตัว เรื่องด่วนอะไรที่ที่ให้เลขาฯของเขาต้องฝากเรื่องไว้ในเมื่อพรุ่งนี้ก็ต้องทำงานต้องเจอกันอยู่แล้ว

“วันนี้ตอนเที่ยงๆค่ะ”รพีพยักหน้าหยิบกระดาษในมือของสาวใช้แล้วหมุนตัวกลับเดินขึ้นบันไดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ถึงห้องนอนรพีจัดการเปิดโทรศัพท์มือถือทันที เป็นที่รู้กันว่าถ้าเขาใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุดเขาจะปิดรับการสื่อสารจากทุกๆทาง

มือหนากดเบอร์หาวัชรทันทีที่เปิดเครื่องติด ไม่ได้นึกถึงเวลาเท่าไรเพราะวัชรทำงานให้เขาได้มากยิ่งกว่าเวลาเปิดของร้านสะดวกซื้อเสียอีก

“ครับท่านประธาน”เสียงปลายสายออกจะแหบนิดหน่อยจากการตื่นนอนกลางดึก แต่น้ำเสียงก็ไม่ได้นึกรำคาญคนที่เข้ามาแม้แต่นอน อีกฝ่ายยินดีทำงานให้รพีแม้เนื้องานจะไม่เกี่ยวกับงานเลขาฯหรือล่วงเวลามากแค่ไหน เพราะเงินที่ได้รับตอบแทนมันสูงสมค่าเหนื่อย

“พรุ่งนี้เตรียมทีมบัญชีใหม่มาให้ผมด้วย ขอทีมไม่มีส่วนข้องเกี่ยวกับแผนกของนายการิน”เสียงเข้มเอ่ยบอกทันทีไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรให้มากความ คนปลายสายก็รู้ใจท่านประธานพอที่ไม่ถามไถ่อะไรเพราะวัชรเองเป็นคนเขียนบอกไปเอง

แต่สงสัยว่าท่านประธานเองก็คงจะรู้อะไรมาก่อนเขาอยู่แล้วบ้าง เพราะในข้อความที่ให้ไปเขาแค่เขียนไปว่า

...ฝ่ายจัดเลี้ยงมีปัญหา...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




ตึกเล็กๆเบื้องหลังโรงแรมที่ตั้งอยู่ข้างๆห้างสรรพสินค้าชื่อดังในเครือเรืองรัตนโยดมเป็นตึกที่ทำงานที่แยกส่วนออกมา แผนกต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับห้างสรรพสินค้าจะถูกรวมเอาไว้ที่นี่ทั้งหมด

รายได้ส่วนใหญ่ของโรงแรมแห่งนี้มาจากห้องจัดเลี้ยงที่ว่ากันว่าทั้งไฮเทคฯและกว้างขวางหรูหราที่สุดในประเทศ ไม่แปลกที่เหล่างานสังสรรค์ต่างๆถึงอยากจะเข้ามาจัดงานในห้องใดห้องหนึ่งในโรงแรมนี้ เพราะแค่ชื่อที่จัดงานก็สามารถเรียกให้ผู้คนสนใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ภายในห้องทำงานส่วนตัวขนาดใหญ่ของประธานกรรมการฯ รพีและวัชรกำลังนั่งจ้องตัวเลขที่ปรากฏในแฟ้มสีน้ำเงินเข้มขนาดใหญ่ ทว่าจนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถหาจุดผิดปรกอะไรเจอในแฟ้มนี่เลย

“เย็นแล้วนะครับท่านประธาน”วัชรที่ก็ทำงานจนลืมเวลาเอ่ยเตือนเจ้านาย ที่ช่วงนี้งดรับใบเชิญไปงานสังคมเพราะต้องกลับไปทานข้าวเย็นที่บ้าน เว้นแต่งานไหนที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆรพีจึงต้องตกลงไป

“นายแน่ใจนะว่าทีมบัญชีทีมนี้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับนายการิน”ร่างสูงเงยหน้าตรง ถอดแว่นสายตายาวออกก่อนจะบีบนวดที่ดั้งโด่งเบาๆเป็นการคลายความเมื่อยล้าทางสายตา

“แน่ใจครับ ทีมนี้ไว้ใจได้แน่นอนเป็นทีมของคุณนิลครับ”วัชรเอ่ยชื่อบุคคลที่เป็นหนึ่งในคนที่เจ้านายของเขาไว้ใจในที่ทำงาน นิลเป็นนักบัญชีที่ทำงานในส่วนของโรงแรมโดยตรง ดูบัญชีในส่วนของแขกที่เข้าพักเป็นส่วนใหญ่ ส่วนบัญชีในส่วนห้องจัดเลี้ยงจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งเป็นคนจัดการ

เมื่อเช้าหลังจากที่รพีก้าวเข้ามาในห้องทำงานที่วัชรมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เลขาหนุ่มชีแจ้งเรื่องที่ตนเขียนข้อความบอกเจ้านายไว้เมื่อวาน ด้วยเพราะคุณแทนไทหัวหน้าฝ่ายบุคคลเอาเรื่องปรึกษาว่าในหมู่พนักงานมีข่าวลือมาว่าการิน ผู้จัดการแผนกจัดเลี้ยงรวยขึ้นผิดหูผิดตา เงินเดือนครึ่งแสนที่ได้ในแต่ละเดือนไม่น่าจะมีเงินพอให้ออกรถสปอตสัญชาติยุโรปป้ายแดงได้

คุณแทนไทไม่เอาเรื่องนี้มาคุยแม้จะเป็นวันหยุดเพราะเขาต้องจัดการเรื่องข่าวลือ เพราะแม้แต่พนักงานเพียงคนเดียวก็สามารถสร้างผลกระทบมากมายมหาศาลได้ต่อบริษัท ถ้ามีข่าวออกไปว่าหัวหน้าระดับสูงคดโกงบริษัทคงไม่เป็นผลดีเท่าไรนัก

วัชรเองรับฟังแล้วจัดการขับรถไปแอบดูบ้านของคนที่ถูกกล่าวหา หมู่บ้านจัดสรรขนาดกลางข้างนอกมีรถเก๋งเก่าๆที่วัชรจำได้ว่าเป็นของเจ้าของบ้าน ส่วนพื้นที่จอดรถในบ้านถูกจับจองด้วยรถสปอตตามที่ข่าวลือว่าไว้

แบบนี้มันผิดปรกติ...จนน่าจะเป็นไปได้ว่าการินโกงเงินของบริษัท?

“แต่ตัวเลขพวกนี้มันไม่ผิดปรกติเท่าไร”ถอนหายใจก่อนจะโยนแฟ้มหนาลงพื้นอย่างอารมณ์เสีย วันนี้ทั้งวันเขายังไม่ได้พักกายพักสมองเลยแม้ซักนิด ช่วงเช้าพอรู้เรื่องก็สั่งให้วัชรสั่งให้ฝ่ายบัญชีตรวจสอบย้อนหลังแบบเร่งด่วนแล้วสรุปตัวเลขส่งให้เขาก่อนตัวเองจะไปประชุมต่อในตอนเช้า ตกบ่ายก็นั่งอ่านตัวเลขที่ถูกสรุปมาอย่างถี่ถ้วน

ตัวเลขที่สรุปมาก็มีเงินที่ถูกยักยอกไปบ้างนิดหน่อย แต่เป็นหน่วยระดับไม่กี่พันบาทเป็นความคลาดเคลื่อนของตัวราคาประเมินที่รพีเองไม่ได้ซีเรียสตรงนั้นเท่าไรนัก แต่ถ้าโกงกันแค่นี้ไม่มีทางที่จะออกรถหรูได้แน่ๆ

หรือ...กำลังมองข้ามอะไรไป?

“วัชร...ไปเอาแฟ้มข้อมูลลูกค้าย้อนหลังมา ไปใส่ไว้หลังรถชั้น”คนถูกสั่งทำตาตี๋ๆโตอย่างตกใจ

“เอ่อ...ผมว่าเดี๋ยวผมช่วยท่านประธานดูดีกว่ามั้ยครับ”รพีส่ายหน้า

“นายดูบัญชีต่อไป ไปถามแทนไทว่าการินสนิทกับใครในบริษัทบ้างแล้วตรวจสอบการเงินพวกนั้นให้หมด”คำสั่งเสียงเข้มบอกถึงความเด็ดขาดในคำพูด วัชรรับคำก่อนจะเดินออกไปจากห้องเจ้านายพลางยิ้มอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

เจ้านายของเขาคนนี้ถึงไม่ใช่คนที่ที่เก่ง ไม่ได้ถูกจับตามองด้วยความสามารถ แต่ใครจะรู้ว่าท่านประธานทุ่มเทมากขนาดไหนความมานะของรพีไม่มีใครเกิน ถึงไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผู้บริหารโดยสัญชาติญาณแต่รพีเป็นผู้บริหารได้เพราะสามัญสำนึกโดยแท้จริง

ลับหลังเลขาหนุ่มร่างสูงปล่อยตัวลื่นไหลไปตามพนักเก้าอี้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างกังวลในใจ ด้วยความที่ต้องอยู่ในโลกที่ต้องระแวงทุกคนมานาน ความรู้สึกบางอย่างว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องโกงเงินธรรมดาผุดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ถ้าไม่ใช่ว่านายการินเป็นน้องชายของนลินภรรยาเก่าที่ไม่กี่วันก่อนเขาด่าว่าอย่างแรงไปคงไม่ต้องกังวลขนาดนี้ ร่างสูงไม่ได้กลัวว่าฝ่ายนั้นจะมาร้าย ถึงร้ายมาก็ทำอะไรคนอย่างเขาไม่ได้เขามั่นใจ

แต่กังวลเรื่องถ้ามีข่าวที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทในช่วงนี้คงจะไม่ดีเท่าไรนัก ยังไม่ผ่านเรื่องข่าวหย่าร้างถ้ามีเรื่องที่มีเรื่องโกงกันเกิดขึ้นอีกคงแย่ขึ้นอีกเท่าตัว

ถึงรพีไม่ได้รักการเป็นประธานฯ...แต่เขารักบริษัทแห่งนี้

เพราะมันเป็นสมบัติที่ศูรมอบให้...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




เวลาหกโมงครึ่งทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะอาหารในบ้านหลังใหญ่ ศูรนั่งอยู่หัวโต๊ะขนาบข้างด้วยรพีและตะวันและอดุลย์ที่นั่งอยู่ข้างๆตะวันอีกทีหนึ่ง บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวน่าตาน่าทาน วันนี้อดุลย์ลงมาดาวกับป่านทำกับข้าวตอนเย็นเพราะตะวันโทรมาอ้อนเขาว่าอยากกินทับทิมกรอบเป็นของหวาน ครั้นจะมาทำแค่ของหวานให้ลูกอย่างเดียวก็ดูไม่ดีเท่าไรร่างบางจึงอาสาช่วยทำกับข้าวอีกแรง กับข้าววันนี้เลยดูน่าทานขึ้นมาเป็นพิเศษ

“วันนี้นึกครึ้มอะไรยัยดาว ทำหล่นปูซะด้วย ทำเป็นด้วยรึไม่เคยเห็นทำซักที”ศูรถามพลางมองถ้วยแก้วที่บรรจุหล่นปูสีขาวน่าทานวางพร้อมกับผักเคียงหลากชนิด

“หล่นปูคุณปิงปองทำค่ะคุณท่าน วันนี้มีทับทิมกรอบเป็นของหวานฝีมือคุณปิงปองเหมือนกันค่ะ”ถามหนึ่งตอบหลายอย่างนี่แหละนิสัยของดาว

“ฮือ อร่อยด้วย หัดทำมาจากไหนหรือดุลย์”ตักชิมแล้วร้องออกมาด้วยความพึงใจ

“ขอบคุณนะครับคุณท่าน สมัยก่อนผมอยู่คนเดียวก็ทำอาหารกินเองตลอดน่ะครับ ทำเป็นบ้างแต่ไม่อร่อยหรอกครับ”อดุลย์ตอบยิ้ม ภูมิใจในอกที่มีคนนึกชมอาหารที่เขาทำ

“อย่าทานเยอะครับ กะทิทั้งนั้น”เสียงเรียบเอ่ยขัด แต่เหมือนคนพูดไม่ได้สนใจอะไร ตักกับข้าวอย่างอื่นมาทานท่ามกลางรอยยิ้มเล็กๆที่บอกถึงความดีใจของคนเป็นพ่อ

“คุณทะ...คุณปู่กินกะทิไม่ได้เหรอครับ”ด้วยเพราะไม่ชินตะวันเลยลืมว่าพ่อปิงปองสอนให้เรียกศูรว่าคุณปู่ แต่บ่อยครั้งเขาก็หลงๆลืมๆ แต่ศูรดีกับพ่อปิงปองมากกว่าอีกคนเลยไม่ตะขิดตะขวงที่จะเรียกว่าปู่เท่าไรนัก

“อืม เป็นไขมันกับความดันน่ะโรคคนแก่”ศูรตอบยิ้มกว้างกว่าเดิม รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจจากครอบครัวมันเป็นแบบนี้...นานแล้วนะที่ไม่ได้รับความรู้สึกอย่างนี้มาให้หัวใจมีแรงมีกำลังจะเต้นต่อไป

“แย่จังเลยครับ ผมเองก็ไม่ทันสังเกตว่าดาวไม่เคยทำของมันๆทอดๆเท่าไร ถ้าคุณท่านชอบไว้เดี๋ยวคราวหน้าผมจะใช้นมแบบไร้ไขมันแทนกะทิสดนะครับ”อดุลย์ตำหนิตัวเองพูดยืดยาว ศูรรับคำด้วยรอยยิ้มที่ยังปรากฏไม่จางหายไป

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างแช่มชื่น ส่วนใหญ่เป็นบทพูดคุยของพ่อปิงปองและตะวัน ที่ลูกชายเล่าเรื่องนู้นนี่ในวิทยาลัยให้ฟัง พลอยให้คนอื่นๆบนโต๊ะอาหารได้ยินตามไปด้วย

และก็เหมือนได้เริ่มเป็นส่วนหนึ่งในช่วงการเติบโตของ...ลูก...

“แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตะวันจะขอตัวไปดูหนังสือพวกโปรแกรมคอมฯกับไอ้ดำนะครับพ่อ”เสียงเจื้อยแจ้วของคนที่อายุน้อยที่สุดบอกเสียงใส

“หืม คิดยังไง ไหนว่าตะวันจะเรียนโปรแกรมเทอมหน้าไงครับ ที่มาขอพ่อซื้อคอมฯ?”คิ้วเข้มลืมตัวขมวดเข้าหากันเหมือนทุกที สะดุดคำพูดที่ว่าตะวันมาขอให้อดุลย์ซื้อคอมฯให้ ทั้งๆที่เงินในบัตรที่ตะวันถือไว้จะซื้อมากี่เครื่องก็ไม่มีปัญหา

“ก็พอดีไอ้หนึ่งสองมันเรียนคอมฯกันเทอมฯนี้ แล้วเขาให้เขียนโปรแกรมส่งเป็นงานไฟนอลครับ ที่นี่พวกที่ทำเองไม่ได้ก็ไปจ้างให้คนนอกทำให้แล้วมีเพื่อนในห้องคนหนึ่งมันโคตรฉลาดเลยครับแต่แกมโกงไปเยอะ!!”เล่าเสียงตื่นเต้นจนคนที่นั่งฟังเงียบๆยังแอบสนใจไปด้วย

“แล้วยังไงต่อครับ?”

“ก็มันแกล้งทำเป็นว่ารับงานจากเพื่อนคนหนึ่งที่ฉลาดคิดแต่เขียนโปรแกรมไม่เป็นครับ ก็คุยรายละเอียดเกี่ยวกับตัวโปรแกรมที่ไอ้เพื่อนคนนั้นอยากทำเรียบร้อย สุดท้ายมันก็ขโมยไอเดียไปทำเองเฉยเลย มีเรื่องกันยกใหญ่เลยครับ”

“...หือ นิสัยไม่ดีเลยนะ ตะวันอย่าทำแบบนี้นะ”อดุลย์สั่งสอนลูกชายที่รับคับยิ้มแย้มก่อนจะเรียกร้องหาของหวานยกใหญ่ แต่ร่างสูงที่นั่งตรงข้ามนิ่งเงียบอย่างใช้สมาธิ

ในหัวกำลังครุ่นคิดเรื่องที่ตะวันพึ่งเล่าไปเมื่อครู่

...มันแกล้งทำเป็นว่ารับงานจากเพื่อนคนหนึ่ง...

...ก็คุยรายละเอียดเกี่ยวกับตัวโปรแกรมที่ไอ้เพื่อนคนนั้นอยากทำเรียบร้อย...

...ขโมยไอเดียไปทำเองเฉยเลย...





ไอ้การิน!!!!!!!!!






ขอบคุณที่ให้ทุกกำลังใจค่ะ หลายคนพิมมาว่าให้กำลังใจคนเขียน จะพยายามไม่หายไปนานอีกนะคะ
จะพยายามมาต่อให้ได้ทุกวัน แต่บางทีก็ไม่ได้อย่างเมื่อวาน
พอดีลูกสาวป่วยค่ะเป็นมือเท้าปาก เห็นคนอื่นเขาฮิตกันเลยเป็นซักหน่อย ฮ่าาา
ใครมีลูกมีหลานระวังกันนะค่ะช่วงนี้เป็นกันเยอะมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 18 [ 04 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: beautjang ที่ 04-10-2014 22:13:15
ชอบเรื่องนี้มากกกกกก(ลากยาวๆ)55
สู้ๆนะค้าาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 18 [ 04 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 04-10-2014 23:13:36
รออ่านทุกวันอ่ะค่ะ ชอบมาก ขอให้น้องหายป่วยไวๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 18 [ 04 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 05-10-2014 00:44:41
เริ่มเป็นครอบครัวอบอุ่น
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 18 [ 04 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-10-2014 00:54:44
ครอบครัวอบอุ่นจัง :)

รพีไปรบรากับเรื่องบริษัทก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 18 [ 04 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-10-2014 01:24:37
คนเขียนมีลูกแล้วอ่ะ ขอให้ครอบครัวอบอุ่น   ถ่ายทอดความอบอุ่นผ่านในเนื้อเรื่องนี้นะคร้าบ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 18 [ 04 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 05-10-2014 02:18:10
อ๋าาา  :กอด1: :กอด1: ขอบคุณคนเขียนที่มาอัพให้นะคะ ให้ลูกสาวหายไวๆ นะคะ อ่านตั้งแต่แรกคิดว่ายังเรียนอยู่ค่ะ พอบอกไปดูงาน เอ้าทำงานแล้ว =w= คราวนี้เซอร์ไพรสมีลูกสาวแล้วอ่ะ สู้ๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 18 [ 04 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 05-10-2014 06:16:37
โอ้ มีลูกสาวแล้ว
ขอให้น้องเขาหายไวๆนะครับ
แอบฮาเล็กน้อย ตรงเห้นเขาฮิตกันเนี้ย555+
แล้วก็ขอบคุณมากครับที่กลับมาต่อ รู้สึกมีความสุขที่ได้อ่าน
สู้ๆครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 18 [ 04 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-10-2014 07:29:58
และแล้วรพีก็นึกออก  o13
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
ปล.ขอให้คุณคนเขียนสุขภาพแข็งแรงแล้วก็คุณลูกสาวหายป่วยเร็วๆจ้า...
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 18 [ 04 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 05-10-2014 12:06:46
เฮ้อกลัวจังเลย เรื่องของทั้งสองคนจะโดนเปิดเผย
ทำให้บริษัทอยู่ในคราวลำบากไปด้วย มีมาแอบถ่งแอบถ่าย
แล้วจะรออ่านต่อน๊า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 19 [ 05 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 05-10-2014 20:52:36
“นี่พี่ชั้นไม่อยากจะทำแล้วนะ ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้เลยชั้นกลัวนะพี่”

“แกมากลัวอะไรเอาตอนนี้ เงินจากแผนชั้นชั้นก็ไม่เคยเอาจากแกจนแกเอาไปดาวน์ไอ้รถคันใหม่ของแกได้ แกได้เงินแล้วคิดจะพอ แล้วชั้นล่ะ ของที่ชั้นต้องการ ชั้นก็มีสิ่งที่ชั้นอยากได้เหมือนกัน”

“แล้วพี่ต้องการอะไร เงินที่พี่ควรได้มันก็เยอะ ชั้นว่าพี่อย่าไปอยากได้อะไรเกินตัวเลย”

“แกไม่เข้าใจชั้นกาน...ไม่เข้าใจ”

“แล้วพี่เนยอยากได้อะไรจากเขา เขาน่ากลัวนะพี่ พี่อยู่กับเขามาตั้งหลายปีน่าจะรู้ว่าเขาน่ากลัวขนาดไหน ชั้นทำงานให้เขามาชั้นรู้ดี”

“ชั้นไม่สน!!!”

“แล้วพี่ต้องการอะไร ชั้นไม่เอานะ ชั้นกลัว ถ้าถูกไล่ออกจากที่นั่นชั้นจะไปหางานที่ไหนทำได้อีกเล่า!!”

“เฮอะ!! งานที่นั่นก็เพราะชั้นแกถึงได้มีงานมีเงิน นี่คิดจะเนรคุณกันรึไงห่ะ!!”

“ชั้นไม่คิดแบบนั้นนะพี่ ชั้นรักพี่แต่ชั้นก็กลัว ผู้ชายคนนั้นน่ากลัวเขาไม่เคยรักใครหรอกพี่”

“ไม่หรอก...เขามีของที่เขารัก”

“....??”

“เขามี เขาไม่ใช่คนที่ไม่รักใคร ชั้นรู้ดี ชั้นรักเขาชั้นรู้ดี ชั้นมองเขามาตลอด ชั้นเห็นว่าอะไรที่เขารัก”

“...อะไรเหรอพี่?”

“บริษัทนั้นไง ชั้นต้องเอามาให้ได้ ชั้นต้องได้ของที่เขารัก!!”

กริ๊งงงง กริ๊งงงงง

“ฮัลโหล”

“คุณนลินครับ ผมครเอง”

“ว่าไง”

“คุณนลินเปิดดูภาพที่ผมส่งไปให้หรือยังครับ”

“ยัง เดี๋ยวจะเปิดดูเดี๋ยวนี้”

“....”

“...นี่อะไร?”

“...ลูกชายของคุณรพีครับ”

“ม...ไม่มีทาง!!!”

“ที่จริงแค่หน้าตาก็น่าจะตอบได้อยู่แล้วครับ แล้วผมตามไปตอนที่เด็กคนนี้ไปเจอกับนายวัชร”

“ไหนรูป!!”

“ไม่มีครับ ผมนั่งติดพวกเขา...นายวัชรเรียกเด็กคนนี้ว่าคุณหนู”

“.....มันชื่ออะไร”

“ตะวันครับ”

“...”

“จะให้ผมตามเด็กคนนี้หรือตามนายรพีครับ”

“...หันไปตามรพี คอยดูว่าตอนนี้เขาทำอะไร แล้วให้คนอื่นตามเด็กคนนี้ ชั้นต้องการรู้ความสัมพันธ์จริงๆของพวกเขา!!”

“ครับ”

ปึก!!!!

“มีอะไรพี่เนย?”

“...ชั้นไม่ยอม!!”

“ไม่ยอมอะไรพี่?”

“...เขาจะรักอย่างอื่น...ชั้นไม่ยอม...ไม่ยอม...ชั้นจะทำให้เขาไม่เหลือสิ่งที่รัก...ในเมื่อรักชั้นไม่ได้...”





“ก็ห้ามรักอะไรทั้งนั้น!!!!!”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




สันนิษฐานของรพีมีความเป็นไปได้ที่นาจะเป็นเรื่องจริง หลังจากข้าวมื้อเย็นรพีก็เข้ามาอ่านเอกสารที่สั่งให้วัชรไปหามาอย่างเร่งด่วน และนั่งอ่านภายในห้องนอนจนเวลาล่วงเลยมาจนขึ้นวันใหม่ไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว

ข้อมูลตรงหน้าเป็นข้อมูลที่ในระยะครึ่งปีที่ผ่านมา ลูกค้าที่ใช้บริการส่วนมากเป็นคอนเนกชั่นกับโรงแรมเท่านั้น ส่วนลูกค้ารายย่อยอื่นๆปรากฏน้อยจนผิดปรกติ

ถึงรายได้จะไม่ได้ลดลงไปแต่ในระยะยาวก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าจะไม่สูญเสียลูกค้าไปให้ที่อื่น ร่างสูงต่อสายเข้าหาเลขาฯทันทีที่แน่ใจในคำตอบของตัวเอง

“ครับท่านประธานฯ”ปลายสายตอบเสียงแข็งขันเพราะวัชรเองก็ยังไม่ได้นอนเช่นเดียวกัน เขากำลังนั่งเช็คดูการเงินของการินและคนรอบข้าง แต่ก็ยังหาจุดน่าสงสัยไม่เจอ

“ชั้นว่าชั้นพอจะรู้สาเหตุแล้ว”คำพูดเริ่มเรื่องของเจ้านายทำเอาหนุ่มตาตี๋เบิกตาลืมความง่วง หันมาสนใจเต็มทีกับเรื่องที่คนที่โทรมากำลังจะพูดต่อ

“สงสัยว่านายการินจะขายงานต่อให้โรงแรมอื่น”

“หา...แล้วทำแบบนั้นมันจะไม่เสี่ยงที่จะดิสเครดิตตัวเองเกินไปหรือครับ ถ้ารับงานที่โรงแรมเราแต่ขายงานให้ไปจัดที่อื่น...ผมว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้นะครับ”วัชรแจ้งข้อขัดแย้ง ไม่น่าเชื่อว่าการินจะสิ้นคิดทำอะไรแบบนั้น คนที่รู้จักของท่านประธานมีเยอะแยะ แล้วคนที่อยากมาจัดงานที่โรงแรมในเครือเรืองรัตนโยดมก็เพราะอยากได้ความสนใจจากสื่อ...สื่อ?

“หรือว่า??”

“ชั้นไม่แน่ใจ นายให้เพื่อนนายที่เป็นนักข่าวไปสืบให้ชั้นที”รพีสั่ง ไม่เสียแรงที่ชื่นชมมันสมองของเลขาคนนี้ เขาไม่ต้องบอกอะไรก็พอจะเดาเรื่องราวได้เอง

ถ้าเป็นอย่างที่คิด คนที่อยู่เบื้องหลังคงหนีไม่พ้นอดีตภรรยาที่กำลังฟ้องร้องเรื่องหย่ากันอยู่ นลินคงจะใช้อำนาจสื่อที่มีอยู่ในมือการันตีงานทุกงานที่การินเสนอ ติดอยู่ตรงที่โรงแรมไหนกันที่เป็นเบื้องหลังของคนทั้งคู่อีกหนึ่งต่อ

“ได้ครับ ผมจะจัดการให้ครับ เอ่อ..แล้วท่านประธานจะจัดการอย่างไรครับ”

“ที่จริงการินมันไม่ได้ทำความผิดอะไร ไม่ได้โกงอะไรเรามันก็แค่ไม่มีจรรยาบรรณในการทำงาน ถ้าอยากเอาผิดต้องหาหลักฐานการรับเงินจากที่ที่มันขายงานไปให้ ซึ่งชั้นว่ามันคงไม่ใช้ชื่อมันแน่ๆ”รพีคิดเป็นฉากๆ ร่างสูงถอนหายใจนึกเบื่อความยุ่งยากที่พากันทยอยเข้ามาในชีวิต

“ก่อนอื่นไปหาโรงแรมที่ว่าก่อน ไม่น่าจะเป็นโรงแรมกิ๊กก๊อก บางทีเจ้าของอาจไม่รู้ ถ้าอย่างนั้นก็เล่นง่าย”เสียงเข้มบอกเลขาฯยิ้มเหยียดชั่วร้ายขึ้นมาในพริบตา ไม่มีเจ้าของธุรกิจที่ไหนจะอยากเข้ามาเสี่ยงกับตระกูลของเขามากนัก

“ครับ ผมจะหามาให้ได้ไวที่สุดครับ”

“อืม...แล้วช่วงนี้เด็กตะวันเป็นไงบ้าง”คนฟังสะดุดตัวกึก จู่ๆเจ้านายก็เปลี่ยนเรื่องคุย ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ให้เงินเดือนคงแซวกลับไปว่าอยู่บ้านเดียวกันไม่ใช่หรือ?

“ก็ดีนี่ครับ อาทิตย์ก่อนผมพึ่งเอาหนังสือที่ตะวันอยากได้ไปให้ แล้วก็คุยกันเรื่องจะให้เรียนภาษาเพิ่ม ตะวันก็ดูเป็นเด็กที่เข้าใจง่ายดีครับ ผมบอกอะไรก็รับฟังแต่ยังไม่ได้ตอบรับไปซะทุกอย่าง”วัชรแจ้งแก่คนถาม ที่จริงทุกครั้งที่เจอกับลูกชายของเจ้านายเขาก็แจ้งแก่รพีทุกครั้ง

“แล้วเรื่องเงินเขามีปัญหาอะไรมั้ย”

“อ้อ ไม่นะครับ ตะวันมีบัตรเอทีเอ็มที่คุณศูรให้ไป แต่เท่าที่ดูตะวันค่อนข้างประหยัดครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ”อดที่จะถามไม่ได้ ไม่คิดว่าเรื่องเงินจะเป็นเรื่องที่รพีสนใจจริงๆ

“...แน่ใจนะว่าบัตรที่พ่อชั้นให้...อยู่กับตะวัน”รพีอึกอัก ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรออกไป ไม่อยากพูดกล่าวหาอดุลย์แต่ก็อดอคติไม่ได้ว่าบัตรเงินนั่นจะอยู่กับอีกฝ่าย ก็เมื่อตอนทานข้าวเขาได้ยินอดุลย์บอกว่าตะวันร้องขอคอมฯจากตน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปขอ

“อยู่ครับ ผมถามตะวันเรื่องค่าใช้จ่ายเขาก็โชว์บัตรให้ผมดูแล้วบอกว่า ผมรวยแล้วครับพี่”วัชรหัวเราะเบาๆ ตะวันเป็นเด็กร่าเริง หน้าตาที่ละม้ายกับรพียิ้มแย้มแจ่มใสแถมยังไม่ถือตัวบอกให้วัชรที่เรียกตะวันว่าคุณหนูให้เรียกชื่อเฉยๆ อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเจ้านายของตนยิ้มและแสดงความใจดีแบบนี้ก็คงดีไม่น้อย

“ช่างเถอะ พรุ่งนี้ชั้นเข้าบริษัทสายๆ แค่นี้แหละ”มือหนากดวางสายโยนโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะไม้สีโอ๊คอย่างไม่นึกใส่ใจ ก่อนจะหลับตาบิดคอไปมาคลายความเหนื่อยล้า เลิกคิดเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้ไปก่อน ยังมีเรื่องใหญ่กว่าให้จัดการ...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

คิ้วเข้มขมวดลืมตามองไปที่บานประตูใหญ่ เวลาตีหนึ่งทำไมถึงยังมีคนมาเคาะประตูห้องนอนของเขาอีก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คุณรพีครับ”เสียงติดแหบที่เป็นเอกลักษณ์ของคนที่เผลอนึกถึงดังมาจากหน้าประตูทำให้ต้องสงสัยมากขึ้นไปกว่าเดิม ไม่รอให้ตัวเองต้องคิดไปมากกว่านั้นขายาวของพาตัวเองมาเปิดประตูประชันหน้าคนร่างบางที่ถือถาดอลูมิเนียมที่มีแก้วนมสีขาวข้นวางอยู่

“มีอะไร?”เสียงเข้มเอ่ยถาม ทั้งๆที่เป็นคนมาเคาะประตูห้องเขาเองแท้ๆ พอเปิดประตูออกมาเหมือนกับเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ ขาที่สั้นกว่าก็ก้าวเขยิบหนีไปด้านหลังครึ่งก้าวทันที

“ผมเห็นไฟเปิดไว้ คิดว่าคุณรพีน่าจะยังทำงานอยู่เลยอุ่นนมมาให้ครับ”ร่างบางบอกเจตนาของตนออกไป ปรกติอดุลย์มักจะคอแห้งกลางดึกบ่อยครั้ง เพราะคืนนี้ลืมเตรียมน้ำมาไว้ดื่มกลางดึกเลยต้องเดินลงไปที่ห้องครัว และเพราะแสงไฟห้องตรงกันข้ามยังมีแสงลอดออกมาบอกว่าเจ้าของห้องยังไม่นอนหลับเลยตัดสินใจชงนมผงขึ้นมาให้ เคยได้ยินว่าทำงานเครียดจะมีผลกระทบต่อกระเพาะอาหาร ยิ่งทำงานแล้วท้องว่างก็อาจเป็นโรคกระเพาะได้

“หึ...ชั้นก็นึกว่านายอยากกลับคำมาใช้บริการชั้นซะอีก”ริมฝีปากหนายิ้มถูกใจ ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมอดุลย์ต้องมาทำดีกับตัวเขาเอง และเขาก็ไม่ได้อยากให้อดุลย์มาทำดีด้วยซักเท่าไร

แต่...การได้มีคนห่วงใยก็ทำให้คลายความเมื่อยล้าลงไปได้บ้าง ถึงจะไม่แน่ใจว่าจะเป็นความห่วงใยจากใจจริงหรือเปล่า

“ป..เปล่านะครับ!!”ปฏิเสธเสียงสั่นพร้อมถอยหลังอีกครึ่งก้าว จนรพีหลุดหัวเราะในลำคอมาจนได้

“ปฏิเสธแต่ที่ทำนี่มันตรงข้ามนะ แบบนี้มันทอดสะพาน ร้ายเหมือนกันนะนายเนี่ย”ใบหน้าแดงขึ้นด้วยคำหยอกล้อ ทั้งๆที่คิดเจตนาดีแต่อีกฝ่ายดันมาบอกว่าเขาคิดยั่วยวนอีกฝ่าย อยากจะนึกโกรธแต่เขาก็ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดแบบนั้นจริงๆ

“...งั้นผมขอตัวล่ะครับ”ร่างบางถอยหนีไม่ลืมจะวางถาดนมร้อนๆไว้ที่หน้าประตู แต่ไม่ทันเจ้าของห้องที่คว้าเข้าที่แขนเล็กๆแล้วลากเข้าห้องไม่ได้สนใจแก้วที่วางไว้แม้แต่น้อย

“ป..ปล่อย..ปล่อยครับ..คุณจะทำอะไร!!”อดุลย์โวยวายเสียงดังพยายามสะบัดมือให้หลุดจากการกอบกุมของเจ้าของห้องตัวโตแต่ดูเหมือนไม่เป็นผลอย่างที่ต้องการหนำซ้ำแรงบีบรัดดูจะแน่นขึ้นอีก


“จะโวยวายทำไม เป็นคนมาเสนอตัวเองแท้ๆ”รพีลากคนขัดขืนตรงไปที่เตียงกว้าง ออกแรงเหวี่ยงแค่นิดหน่อยร่างเล็กๆก็ปลิ้วไปกองอยู่ที่บนที่นอนเรียบร้อย ดวงตาคลอด้วยน้ำตาตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ อดุลย์กลัวไปหมดทั้งหัวใจแค่คิดว่าจะถูกทำร้ายเหมือนสองครั้งที่ผ่านก็กลัวจนทำอะไรไม่ถูก

คนที่เห็นอาการยิ้มพอใจ สนุกกับที่เห็นคนตรงหน้าสั่นเพราะตัวเอง เขาไม่ได้คิดจะรังแกอดุลย์จริงๆก็แค่แกล้งเล่นเท่านั้น ปรกติทำตัวเงียบขรึมไม่แสดงท่าทีอะไรมากในชีวิตจริง แต่ในอดีตรพีก็เหมือนคนทั่วไป มีช่วงเวลาที่เล่นสนุกไปวันๆ ช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไร แค่เก็บเกี่ยวความสุขตรงหน้าก็พอ

“ผม...ม..ไม่...คุณรพีอย่าทำอะไรผมเลย..นะ...นะครับ”น้ำตาที่คลอร่วงไหลตามแก้มขาวที่เริ่มใสขึ้นทุกวันทุกวันตั้งแต่ร่างบางเริ่มอยู่สบายในบ้านหลังใหญ่ มือสองข้างยกขึ้นมาไหวขอร้องยักษ์มารตรงหน้า แต่ไม่มีอะไรตอบสนองมามีเพียงแค่รอยยิ้มที่อ่านไม่ออก แต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่มองแล้วทำให้โล่งใจเลย

“หึหึ...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”จู่ๆคนตัวสูงก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังกลบเสียงร้องไห้อ้อนวอนไปหมด ตาคมหรี่ลงด้วยเพราะปากที่เปิดกว้างเพื่อเบ่งเสียงให้เข้ากับอารมณ์ภายในที่รู้สึกสนุกกับคนตรงหน้า

กลัวไปซิ...มันทำให้เขารู้สึกดีสุดๆไปเลย

“...”อดุลย์มองคนที่หัวเราะไม่มีท่าทีว่าจะหยุด น้ำตาที่ไหลลงมายังคงหลั่งไหลอยู่ ดวงตาโตมองรพีอย่างไม่เข้าใจ นึกงงงันกับบรรยากาศที่จู่ๆก็เปลี่ยนไป...หรือว่าเมื่อกี้เขาโดนแกล้ง?...

...แกล้งกันแรงไปแล้วนะ...กลัว...กลัวจริงๆนะ...

“เซ็กส์ชั้นมันไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ หึหึ”ยิ่งพูดยิ่งเป็นเรื่องที่อดุลย์ไม่ได้นึกอยากฟัง ตัดสินใจลุกจากเตียงกว้างแต่ก็ถูกคนที่ยืนดักหน้าผลักให้ล้มลงไปกองกับที่นอนอีกครั้ง

“ว่าไงเซ็กส์กับชั้นไม่ดีเหรอ?”

“ม..ไม่...”

“หึหึ แน่ใจนะ ลองพิสูจน์มั้ยชั้นว่าชั้นทำได้ดีนะ หึหึ ในเรื่องนั้นน่ะ”

“...”ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร แต่ไม่กล้าตอบอะไร

“ไม่ตอบอะไรแปลว่าตกลงซินะ...แน่ล่ะชั้นมั่นใจพอตัวล่ะนะไม่แปลกที่นายจะติดใจ ทั้งผู้หญิงและเพศที่สามอย่างนายก็อยากได้ชั้น...ไม่แปลกอะไรเลย หึหึ”ยิ้มเยาะอย่างร้ายกาจ หน้าตาล้อเลียนอย่างสนุกสนานเพียงแค่คนเดียว

“...แกล้งผมมันทำให้คุณมีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอครับ”อดุลย์ถามเสียงสั่น น้ำตาหยุดไหลตั้งแต่มั่นใจว่ารพีแค่ไม่ตั้งใจจะทำร้ายตนจริงๆ รพีสะดุดลมหายใจ หุบยิ้มลงทันทีที่ได้ยินอดุลย์พูดประชดประชัน

...นี่...เรา...กำลังมีความสุข...เหรอ?

“นายกลับไปได้แล้ว ชั้นอยากพักผ่อนเต็มที”ท่าทีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแต่อดุลย์ไม่ได้มีเวลามาสนใจเท่าไร พอได้ยินคำไล่ออกจากปากของเจ้าของห้อง คนตัวเล็กก็ลุกขึ้นเร็วๆแล้วก้าวเท้าให้ยาวที่สุด อยากออกจากห้องนี้ไวๆ

รพีมองตามคนที่แทบจะวิ่งออกจากห้องแถมยังลืมปิดประตูห้องนอนทำให้เขาต้องเดินตามมาปิดเอง ตาคอมมองไปที่ประตูห้องนอนฝั่งตรงข้ามนิ่งๆ ในหัวกำลังคิดแต่เรื่องคนที่อยู่ในห้องนั้น

...คุณรพีมีความสุขมั้ยค่ะ...เสียงของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาเก่าที่เคยถามเขาตอนที่เคยกินอยู่ด้วยกัน รพีก็แค่พยักหน้าตอบไปนิ่งๆทั้งๆที่ในใจว่างเปล่า

...ซัน แกมีความสุขดีนะ?...คำถามที่ไตรเทพมักจะถามบ่อยๆอย่างเป็นห่วง ก็ได้รับคำตอบแค่คำว่าอืม...ไม่เคยตอบว่ามีความสุขออกจากปากเขาซักครั้ง

...เมื่อไรแกจะปล่อยวาง แล้วมีความสุขเหมือนคนอื่นซักที...คำพูดของศูรผู้เป็นพ่อที่พูดมาเมื่อไม่นานมานี้ รพีเองก็เลี่ยงไม่ตอบทั้งๆที่อยากจะตอกกลับให้ช้ำใจว่าคนที่ริบความสุขของรพีไปก็คือศูรทั้งนั้น

“ความสุข...คนอย่างชั้นเนี่ยนะมีความสุข?”คำพูดลอยๆของร่างสูงพูดเบาๆ ก่อนจะละสายตาจากบานประตูแล้วเดินเข้าห้องตัวเองทิ้งตัวลงบนที่นอนกว้าง นอนหลับตาทั้งๆที่ในหัวยังมีคำพูดของคนเมื่อครู่อยู่เต็มไปหมด

...ไร้สาระ...

...นายไม่มีทางที่จะเป็นความสุขของชั้นได้หรอก...อดุลย์...
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 19 [ 05 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-10-2014 21:09:37
อย่าหลอกตัวเองจนความสุขหายไปนะเออ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 19 [ 05 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-10-2014 21:12:36
รพี นายจงทุกข์ จนหมดลมหายใจ เชอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 19 [ 05 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: beautjang ที่ 05-10-2014 21:17:32
แหม่เหมือนรพีจะน่ารักขึ้นมานิดนึง
นิดเดียวจริงๆนะ555 เอาอีกๆๆ ดีดดิ้น:ling1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 19 [ 05 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 05-10-2014 21:22:02
 :เฮ้อ: รพี ความสุขมันก็อยู่รอบๆตัวนะแหละจะไปปิดกั้นมันทำไม
เปิดใจให้กว้าง หัดไว้ใจคนที่ไว้ใจได้ เชื่อใจคนอื่นบ้างนะ
บางครั้งความหวาดระแวงมีแต่จะทำให้ตัวเองทุขเองไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 19 [ 05 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 05-10-2014 22:36:55
รพี เปิดใจให้กว้างกว่านี้หน่อยได้มั้ย เครียดแทนพ่อปิงปอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 19 [ 05 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-10-2014 23:06:27
หวังว่ารพีจะรู้ใจตัวเองก่อนจะสายไปนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 19 [ 05 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 05-10-2014 23:15:43
มีความสุขก็ยอมรับซะเถอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 19 [ 05 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 06-10-2014 10:10:42
สงสารรพีแล้วอ่ะ เข้าใจแล้วว่าทำไมเป็นแบบนี้ หวาดระแวงตลอดเวลาเหมือนเป็นเกราะป้องกันเลยทำให้ไม่เปิดใจกับใครซักคน พอรู้สึกพอใจ มีความสุขก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมีความสุข แถมไม่ยอมรับด้วย  :เฮ้อ:

แต่ชอบโมเม้นตอนที่แกล้งพ่อปิงปองอ่ะ ทำให้รู้สึกว่าจริงๆ รพีเป็นพวกชอบใครแล้วจะแกล้งให้ร้องไห้ แล้วทำให้คนนั้นฟังแค่ชั้นคนเดียวอะไรแบบนี้ =w= นางก็มีมุมน่าเอ็นดูนะ ความจริงชอบตั้งแต่ตอนก่อนที่ไม่ยอมให้ช่วยถือกระเป๋าให้จนคนรับใช้มาเห็นปิงปองมาช่วยถืออีกก็หงุดหงิด น่าร๊ากกกกกก ก ก กก  :impress2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 19 [ 05 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 06-10-2014 15:21:48
แล้วปิงปองจะเสนอเข้าไปยุ่งกับเขาทำไมละ -*-
เอ้อ ถ้าจะโดนดูถูกจากคนนิสัยยังนี้ก็ไม่แปลก างทีก็มองโลกในแง่ร้ายบ้างก็ได้
ปากบอกกลัวๆแต่การกระทำกับตรงข้ามสะงั้น
ไม่แปลกที่รพีจะมองว่า เสนอตัวยั่ว
จะว่ารพีเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะปิงปองทำแบบนั้นจริง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 20 [ 07 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 07-10-2014 19:33:33
วันหยุดสุดสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดธรรมดาจนตะวันนึกเบื่อหน่าย เพราะถ้าเทียบกับวันหยุดเมื่ออาทิตย์ก่อนที่เขาได้ไปเที่ยวที่เขาใหญ่แล้ววันนี้มันแทบจะไม่มีอะไรทำ จนต้องชวนเพื่อนสนิทตัวสูงผิวเข้มออกมาเดินเล่นทั้งๆที่ทานตะวันโอดครวญว่าใกล้สอบเต็มทีแต่ก็ยอมตามใจเพื่อนสนิทคนนี้ตลอด

ที่ที่พวกเขามาเดินเที่ยวก็เป็นแหล่งรวมของวัยรุ่นทั่วไป ถึงจะมาบ่อยๆจนรู้ทุกตรอยซอกซอยแล้วก็ตามแต่ก็นึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหนกันดี ให้ไปเดินตลาดนัดยอดฮิตคนก็เยอะจนน่าเวียนหัวแถมพวกเขาสองคนก็ไม่ได้มีอะไรที่อยากซื้อ แค่ออกมาหาอะไรทำเท่านั้น

“แล้วมึงสอบเสร็จเมื่อไร”ตะวันถามเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามในร้านเบเกอรี่ในขณะรอออเดอร์ที่สั่งไป

“อีกสองอาทิตย์ แต่ตอนโรงเรียนปิดต้องไปเข้าค่ายเก็บตัว”คนสูงกว่าตอบเรียบๆ ตายังมองหาเมนูน่าทานต่างๆในสารบัญเมนู พอมองรูปขนมก็พาลนึกอยากอาหาร อดคิดไม่ได้ว่าถ้ากินไปคงน้ำหนักขึ้นแล้วต้องเหนื่อยไปลดอีก ยิ่งช่วงนี้ไม่ได้ซ้อมมวยอย่างเคยเพราะโค้ชให้หยุดสอบ

“โห...อย่างเซ็ง อยากเป็นหมอหรือจะเป็นนักมวยกันแน่”ทิ้งตัวแรงๆลงพนักพิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห็นเพื่อนซ้อมมวยมาตั้งแต่ขึ้นม.ต้น ทำให้มันทั้งสูงทั้งถึกแถมผิวเข้มๆนั่นอีกนี่ขนาดอายุสิบหกแต่สูงเกือบๆร้อยแปดสิบเซ็นฯแล้ว

“ทำไมว่ะ เป็นทั้งสองอย่างไม่ได้หรือไง?”ว่าขำๆ หัวเราะก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งขนมที่ตัดใจกินซักมื้อ เรื่องน้ำหนักสำหรับทานตะวันค่อนข้างเป็นปัญหาสำหรับการแข่งขัน เพราะน้ำหนักเขาแทบจะหายากในอายุรุ่นๆเดียวกัน ส่วนใหญ่ขึ้นชกแต่กับพวกแก่กว่าทั้งนั้น ประสบการณ์ที่สูงไม่ได้ทำให้แพ้กลับมาบ่อยๆ

“ก็รู้หรอกว่ามึงเก่งไปหมด อิจฉาว่ะ กูหัวขี้เรื่อยฉิบหายอ่ะ เมื่อวันศุกร์เลขาฯพ่อกูเขาพาไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษแล้วให้กูเทส แมร่ง รู้สึกตัวเองโง่ขึ้นมาทันตาเวลาไม่มีมึงให้หลอก”เสียงใสพูดเล่าเรื่องของตัวเองให้ทานตะวันฟังยิ้มๆ ทั้งคู่รู้จักกันมานาน คุยเรื่องราวในชีวิตของตัวเองให้อีกฝ่ายฟังจนเหมือนได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา

“กูมากกว่ามั้ยต้องอิจฉามึง อยู่ๆก็รวยอย่างกับถูกลอตเตอรี่ซักหมื่นชุด”ถึงปากจะบอกเชิงล้อเลียนแต่ดวงตาโตนั่นไม่ใช่ ในแววตาที่ไม่เคยมีใครสังเกตแอบแฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้...เพราะทานตะวันรู้สึก...เกินเอื้อม

“เออ แล้วไม่ดีเหรอกูรวยเนี่ย มีตังมาเลี้ยงพ่อปิงปองเลี้ยงมึงนะ”

“ทั้งชีวิตเลยป่ะล่ะ”ยักคิ้วกวนกลับให้จนแข้งแข็งๆโดนเท้าอีกคนถีบเบาๆ

“กวนตีน อยากให้เลี้ยงทั้งชีวิตก็มาเป็นเมียกูเถอะ”

“โธ่น้องตะวัน ตัวเท่าลูกหมา ริอยากเป็นผัวพี่เหรอน้อง”ไม่รอให้พูดจบตะวันก็ร้องฮึ่ยๆอย่างขัดอารมณ์ก่อนจะลุกจากเก้าอี้หมายจะวิ่งไปเตะซักทีที่คนกวนอารมณ์สุดๆ แต่ใช่ว่าทานตะวันจะยอม ตอนนี้เลยเหมือนเด็กๆมาวิ่งไล่กันรอบโต๊ะกลมเล็กๆ ไม่ได้สนใจสายรอบๆแม้แต่น้อย

จนขนมที่สั่งไปมาเสิร์ฟตะวันก็ยังแก้แค้นอีกคนไม่ได้ ชี้หน้าคาดโทษแล้วทิ้งตัวลงแรงๆที่เก้าอี้นวมของตัวเอง อาการหอบปนกับรอยยิ้มบ่งบอกว่าไม่ได้โกรธอะไรจริงจัง ทานตะวันยิ้มแล้วนั่งลงตามแต่ไม่วายมีแรงกระแทกเล็กๆจากใต้โต๊ะตามมาทันที

“อร่อยว่ะ”คนชื่นชอบอะไรง่ายๆโดยเฉพาะของกินเอ่ยบอก ทานตะวันไม่ได้นึกเชื่อ เพราะตะวันกินเก่งอะไรอะไรก็บอกอร่อย และอร่อยมากขึ้นเมื่อเป็นของที่พ่อปิงปองทำให้ อายุสิบห้าจะสิบหกยังติดนิสัยอ้อนพ่ออยู่เลย

“แล้วเป็นไงบ้างช่วงนี้”ทานตะวันชวนคุยพลางตักครีมเนื้อสีขาวเข้าปาก

“ก็เรื่อยๆว่ะ”

“แล้วเรื่องเปลี่ยนนามสกุล?”

“ก็คงตามนั้น พ่อปิงปองก็เห็นด้วยนะ เขามีเหตุผลว่าทำไมกูต้องเปลี่ยน พี่วัชเขากำลังเตรียมเอกสารเห็นว่าจะให้คุณ...พ่อรพีรับกูเป็นลูกบุญธรรมพร้อมกันเลย แต่พี่วัชเขาบอกช่วงนี้เขายุ่งๆ”ทานตะวันพยักหน้า เขาชอบที่จะคอยถามคอยให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องหนักใจ ชอบที่จะเป็นคนที่รับฟังเรื่องราวของตะวัน

ไม่นานนักของกินของทั้งคู่ก็หมดลง ตะวันร้องอยากไปเดินเที่ยวต่อเพราะกลับไปตอนนี้คงไม่มีอะไรทำ พึ่งจะช่วงเที่ยงๆพ่อปิงปองคงกำลังออกไปช่วยพี่ดาวพี่ป่านซื้อของเตรียมกับข้าวตอนเย็น ถ้าโชคดีพ่อปิงปองก็จะลงมือทำกับข้าวเอง

ช่วงแรกๆพ่อมักบ่นเบื่อๆให้เขาฟังบ่อยๆ เคยบ่นว่าคิดถึงบ้านให้เขาได้ยินก็หลายครั้ง เขารู้ว่าจริงๆพ่อไม่ได้อยากมาอยู่ที่บ้านหลังนั้นแต่พ่อหวังดีกับตนจึงอยากให้ตนมาอยู่อย่างสุขสบาย

แต่ช่วงหลังมานี่พ่อไม่แสดงความเบื่อหน่ายเพราะไม่มีอะไรทำมาอีกแล้ว บางวันพ่อก็เล่าว่าไปช่วยปู่ลงต้นไม้ที่บ้านสวน ทั้งยังแอบนินทาเจ้าของบ้านสวนด้วยว่าเป็นคนแก่ที่หวงบ้านสุดๆ เพราะขนาดพวกเขาทำสวนกันอยู่นอกบ้าน ศูรยังไม่วายคล้องกุญแจดอกใหญ่ที่ประตู บางวันพ่อก็ออกไปซื้อของกินของใช้กับพวกพี่ดาว เมื่อไม่กี่วันก่อนมานี่เห็นพ่อเล่าว่าพ่อทำบล็อกให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางต่างๆ

พ่อปิงปองเก่งสุดๆ เก่งมากๆสำหรับตะวัน ไม่ว่างานอะไรพ่อก็ทำได้ไปหมดทุกอย่าง พ่อเคยเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางค์เลยรอบรู้เกี่ยวกับมัน

...ขนาดพ่อเป็นผู้ชาย...

...เป็นผู้ชายที่หน้ากระจกมีแค่กระปุกแป้งฝุ่นที่มีขายทั่วไปแค่กระปุกเดียวเท่านั้น แต่พ่อก็รู้ในสิ่งที่พ่อไม่เคยใช้...

...พ่อปิงปองสำหรับเขาเก่งที่สุด...

“....?”เดินเล่นไปพลางคิดอะไรเพลินๆไปพลาง จู่ๆคนตัวสูงกว่าข้างตัวก็หยุดเดินกะทันหัน ก่อนจะดึงตัวตะวันเดินกลับไปทางที่พึ่งเดินมาอย่างรวดเร็ว คิ้วเข้มขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของเพื่อนสนิท

“อะไรว่ะ? ลืมซื้อไรเหรอ?”ตะวันเอ่ยถาม มองหน้าไอ้ดำของตัวเองแล้วก็งงงัน สีหน้าของทานตะวันดูเคร่งเครียดและจริงจังแปลกๆ หันซ้ายขวาตลอดทาง แต่เหมือนไม่ได้มองเข้าไปในรวงร้านเลยซักนิด เหมือนมองหาคนมากกว่า

“...กูว่า มีคนตามเราว่ะ”เสียงที่ปรกติจะนุ่มนวลเอ่ยเครียด

“...!!??”เหมือนปฏิกิริยาอัตโนมัติตะวันหันซ้ายขวารวมทั้งหันหลังแทบจะทันทีที่เพื่อนบอก

“มึงแน่ใจเหรอว่ะแล้วตามทำไมว่ะ”

“แน่ใจดิ กูเห็นเสื้อกันหนาวสีเหลืองๆตั้งแต่ตอนอยู่ร้านขนมล่ะ แต่ไม่สังเกตหน้าตา แต่กุเห็นแม่งอยู่หางตาเดินเล่นมาจะครึ่งชั่วโมงล่ะกุก็เห็นตลอด...แม่งตามใครว่ะ”ทานตะวันหันมองทาง ดูทางหนีทีรอดไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่าแต่หางตาของเขาเห็นชุดเหลืองๆมาตลอดทาง แต่พอพยายามมองก็ไม่เห็นแม้แต่อะไรที่ใกล้เคียง

“มึงไปมีศัตรูอะไรที่วิทยาลัยป่ะเนี่ย”ถามคนที่อยู่สถาบันที่ที่มีชื่อเสียงในด้านไม่ดี ตะวันส่ายหัวรัวๆ จะเอาเวลาไหนไปมีเรื่องกับใครได้วันๆเรียนเสร็จก็เข้าช็อปช่วยอาจารย์ดูนู้นดูนี่ฝึกทักษะไปกลายเป็นคนที่เพื่อนๆเรียกว่าบ้าเรียนคนหนึ่ง

คนนอกชอบคิดว่าทุกคนที่อยู่วิทยาลัยเขามักจะมีศัตรูมักจะยกพวกตีกัน แต่มันอยู่ที่แต่ละคน ซึ่งคนอย่างตะวันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน

“ม..มึงคิดมากไปป่ะเนี่ย”แม้จะนึกหวาดๆเพราะสีหน้าจริงจังพวกเพื่อนแต่ก็ไม่อยากจะคิดมาก

“มึงซิคิดน้อย”ว่าแค่นั้น มือใหญ่ก็ลากอีกคนที่ตัวปลิวตามแรง ขาของตะวันแทบจะขัดกันเองเพราะตามคนเร็วของคนลากไม่ทัน

“อ๊ะ..แกๆนี่ไง...เดี๋ยวค่ะ!!”จู่ๆเสียงของผู้หญิงก็ตะโกนเรียกแล้วยังวิ่งมาตัดหน้าพวกเขา ทั้งสองหนุ่มมองกลายเป็นกลุ่มของหญิงสาวสี่คน รูปร่างคลายกันทั้งกลุ่มคือสูงได้แค่ครึ่งหนึ่งของเพื่อนตัวดำ แล้วหนึ่งในกลุ่มนั้นก็ใส่ชุดกันหนาวดีไซน์สวยสีเหลืองสดมีเลขสิบสามตัวใหญ่ติดอยู่หลังเสื้อ

“ครับ...?”เพราะโดนยืนขวางตะวันเลยถามไปงงๆ

“เอ่อ...ขอโทษนะคะ พอดีว่าอยากรู้จัก แลกไลน์กันได้มั้ยคะ”คิ้วเรียวยาวของทานตะวันเลิกขึ้น ตากลมโตกลายเป็นขวางขึ้นมาอย่างขัดใจ

“คนไหนครับ?”เป็นตะวันที่ถามกลับ น้ำเสียงดูดีขึ้นมานิดหน่อยไหล่ที่เมื่อครู่เกร็งแน่นคลายลงเมื่อเรื่องตรงหน้าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรอย่างที่ทานตะวันคิดไปเอง

เสื้อสีเหลือง...ก็แค่เด็กผู้หญิงธรรมดา

“คือเราอยากได้ไลน์เธอแหละ เราชื่อส้ม ส่วนนี่ตอง ใหม่ และก็จิ๊ด”หญิงสามเสื้อเหลืองตรงหน้าพูดยิ้มๆ อย่างมั่นใจ

“ตะวันครับ นี่ทานตะวัน”ตะวันตอบกลับสุภาพ

“เป็นพี่น้องกันหรือค่ะ ชื่อคล้ายกันเลย”คนชื่อส้มเป็นคนถาม

“เปล่าๆครับ เป็นเพื่อนน่ะ”คนหน้าคมตาคมพูดปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ทานตะวันหันมองคนข้างๆด้วยสายตาเรียบๆก่อนจะหันมองพิจารณากลุ่มตรงหน้าอีกครั้งแล้วถอนหายใจเงียบๆ

“อ้อ แล้วได้มั้ย ไว้คุยกัน”

“เอ่อ...ได้ๆ”ที่จริงตะวันไม่อยากจะให้เท่าไร เพราะเขาไม่ได้เป็นคนติดโทรศัพท์โปรแกรมแชทนี่ก็พึ่งจะใช้ได้ไม่กี่เดือนก่อนตอนที่พ่อปิงปองบังคับให้ซื้อโทรศัพท์ให้นั้นแหละ

หญิงสาวตรงหน้าออกอาการดีใจแล้วเอามือถือออกมาแลกไลน์ไอดีเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขอตัวไปกันทั้งกลุ่มเพราะเวลาหนังที่จองไว้จะฉายแล้ว แต่ไม่วายหันมาบอกว่าแล้วจะทักไป

พอแยกย้ายจากกลุ่มคนที่พึ่งรู้จัก ตะวันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่มองค้อนๆไปที่คนที่ยืนมองตะวันนิ่งๆดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี ไอ้ดำของตะวันดูออกง่าย คนอื่นชอบบอกว่าเป็นคนขรึมแต่ที่จริงไม่ใช่ ไอ้ดำมันจะนิ่งตอนที่มันไม่มีอารมณ์บูดเท่านั้น

“ไงพ่อนักสืบ ทำกูตกใจหมด กูหัวใจแทบวาย”ตะวันพูดยิ้มๆ ไม่รู้ว่าเพื่อนอารมณ์บูดเฉยๆขึ้นมาเพราะอะไร อาจจะเหนื่อยที่ต้องวิ่งเข้าตรอกนู้นซอยนี้

“...”

“...ไรว้า อย่างอนดิ หรือโกรธที่เขาขอแค่ไลน์กูไม่ได้ขอของมึงด้วย โอ๋ๆ นิ่งนะๆเดี๋ยวเลี้ยงหนม”มือของตะวันโบกไปมาที่หน้าองอีกฝ่ายอย่างเอาใจ แต่กลับโดนอีกคนตบเบาๆที่หัวกลมอย่างรำคาญแล้วลุกเดินหนีไปแน่นอนว่าตะวันยังเดินตามต้อยๆพันขาพันขาง้อเพื่อนที่ยังหน้าเครียดอยู่

...ไม่ใช่...

...ความรู้สึกมันบอกว่าเสื้อเหลืองที่ทานตะวันสงสัยไม่ใช่คนเมื่อครู่ที่มาจีบเพื่อนสนิท...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




“คุณปิงปองเก่งจังเลยค่ะ”เสียงของดาวเอ่ยชมเมื่อมองดูตัวเองในกระจกแล้วเห็นว่าหน้าตาของตัวเองสวยขึ้นจนแทบเป็นคนละคน คิ้วที่ถูกกันจนเป็นเรียวสวย ริมฝีปากอวบอิ่มและผิวสีน้ำผึ้งเรียบเนียนที่ถูกเนรมิตจากเครื่องสำอางธรรมดาที่ปรกติดาวก็ใช้ของพวกนี้อยู่ทุกวันแท้ๆ

“หน้าดาวสวยแล้วผิวก็เนียนอยู่แล้ว”คำพูดชมคืนจากร่างบางที่ยิ้มพอใจกับสาวสวยคนใหม่ตรงหน้า ข้างๆมีป่านที่ร้องให้อดุลย์แต่งหน้าให้เธอพร้อมกับสอนเธอบ้าง

วันก่อนนู้นเขาได้รับการติดต่อจากเพื่อนสาวประเพศสองที่ตอนนี้ทำเว็บไซด์ขายของออนไลน์ในอินเตอร์เน็ต มาขอร้องให้เขาเขียนบทความเกี่ยวกับเครื่องสำอางให้ ถึงเป็นเพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานแต่อดุลย์ก็ยินดีทำให้โดยไม่ได้เรียกร้องอะไร

เรื่องการเขียนก็เป็นเรื่องที่อดุลย์ห่างหายไปนาน แต่ก็ไม่ถึงขั้นลืมวิธีการ เขาเรียนจบคณะมนุษย์ฯจากมหาวิทยาลัยเปิด มีประสบการณ์เรื่องเขียนบทความมาบ้าง ช่วงนั้นต้องเลี้ยงตะวันไปเรียนไป ต้องหางานพิเศษทำหลายอย่างสุดท้ายก็ลงเอ่ยที่งานขายเครื่องสำอาง พอมีโอกาสทำอะไรแบบเก่าๆก็เกิดคันไม้คันมือไม่ได้

แล้วพอตกลงทำงานให้เลยขอยืมใบหน้าของดาวมาเป็นตัวอย่างในบทความที่เขียน ดาวเองก็ยินดีถึงจะแปลกใจในตอนแรกแต่พอเห็นฝีมือการแต่งหน้าของผู้ชายร่างเล็กคนนี้ก็อดตะลึงไม่ได้

“คุณปิงปองน่าจะเปิดร้านเสริมสวยนะคะ”อดุลย์ยิ้มจางๆไปให้คนบอก เคยคิดเหมือนกันตอนที่พอเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งหลังจากทำงานในห้าง แต่แค่พนักงานขายยังเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านแถวนั้นที่ไม่รู้เรื่องราวพูดกันอยู่แล้ว ถ้าขืนเปิดร้านเสริมสวยเขาก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าตะวันต้องทนฟังคำพูดคำนินทาขนาดไหน

“ขายเครื่องสำอางมาตั้งหลายปีนี่หน่า ใช้ไม่เป็นลูกค้าก็ไม่ซื้อซิดาวป่าน”คำตอบเลี่ยงๆของอดุลย์ไม่ได้ทำให้หญิงสาวทั้งสองคนสงสัย เอาความสนใจทั้งหมดไปยังใบหน้าสวยๆราวกับไม่ใช่ตัวเองต่อ

“อ๊ะ เสียงรถ?”เสียงร้องของป่านดังเมื่อได้ยินเสียงหึ่มๆดังอยู่หน้าบ้าน ไม่มีเสียงกริ่งแสดงว่าคนที่มาคงเป็นเจ้าของบ้านหรือไม่ก็เป็นศูรที่มักจะขับรถมาชวนอดุลย์ไปดูต้นไม้ที่อยู่แถวๆบ้านของอดุลย์บ่อยๆ

“คุณผู้ชายกลับบ้านตอนกลางวันค่ะพี่ดาว บอกว่าให้ทำอะไรง่ายๆให้ทานค่ะ”เสียงป่านบอกหลังจากออกจากครัวไปดูว่าใครเป็นคนเข้ามา

“อ๊าย...ป่านทำให้พี่หน่อยสิ พี่พึ่งแต่งหน้าไม่อยากให้หน้าเยิ้มเลย อยากเอาหน้าสวยๆไปเดินซื้อของที่ตลาดซักหน่อย”ดาวร้องโวยวาย ปล่อยแขนสองข้างลงข้างตัวอย่างขัดใจ

“โอ้ย มีหวังคุณผู้ชายเอาจานข้าวปาหัวหนูซิพี่ กับข้าวฝีมือหนูแย่มากๆนะ”ปากบอกแล้วหัวเราะดาวยกใหญ่ อดุลย์เองก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย

“คุณปิงปองค๊า”เรียกเสียงหวานทำให้ตากลมโตหันไปมอง หญิงสาวกระพริบตาปริบๆยกมือบางพอๆกับตัวเองขึ้นมากุมอย่างออดอ้อน

“ทำกับข้าวให้คุณผู้ชายหน่อยได้มั้ยค่ะ ดาวขอร้องล่ะ”

“ไม่ไหวหรอกดาว คุณผู้ชายของดาวเคยกินอาหารที่ผมทำที่ไหน”หลักฐานคือข้าวเช้าทุกวันที่ถูกเมินเฉยให้เย็นชืดจนนึกเสียดายที่มีคนมองไม่เห็นคุณค่าของมัน

“ใช่ที่ไหนค่ะ คราวก่อนที่คุณปิงปองทำหล่นปู คุณผู้ชายยังยอมกินเลย แถมยังกินข้าวตั้งสองจาน”เหรอ...? นึกคอดข่อนคำพูดของดาวในใจ

“นะคะนะนะนะ”

“มีเรื่องขึ้นมาผมไม่รู้นะดาว”สุดท้ายอดุลย์ก็ยอมทำให้ผู้อื่นเหมือนทุกครั้ง หญิงสาวร้องเย้ลั่นในครัวแล้วถามเมนูที่อดุลย์จะทำจะได้ช่วยเตรียมวัตถุดิบ

“แล้วคุณผู้ชายดาวเขารีบมั้ย?”

“ไม่ค่ะ คุณผู้ชายบอกจะลงมาทานตอนบ่ายๆ”ป่านที่รับคำสั่งมาเป็นคนตอบ อดุลย์พยักหน้ารับยกข้อมือดูเวลาในนาฬิกาเห็นว่ายังเหลือเวลาอยู่อีกชั่วโมงกว่าๆ

“ทำต้มยำกระดูกหมูกับผัดคะน้ามั้ยดาว”ถามความคิดเห็นจากแม่ครัวประจำก็ได้รับการพยักหน้ามาอย่างง่ายดาย ที่จริงอดุลย์เคยสังเกตว่าสองเมนูนี้ถูกตั้งบนโต๊ะอาหารบ่อยๆ

กว่าชั่วโมงที่ในครัวเต็มไปด้วยความสนุกสนาน อดุลย์ทำกับข้าวไปยิ้มไปกับเรื่องที่ดาวและป่านเล่าให้ฟัง เล่าไปเรื่อยจนบางทีก็เผลอเล่าเรื่องซ้ำๆออกมาเพราะจำไม่ได้ว่าตัวเองพูดเรื่องนี้ไปแล้ว

“เดี๋ยวหนูไปเรียกคุณผู้ชายเลยนะคะ”

“อืม เดี๋ยวพี่ตั้งโต๊ะเอง เสร็จแล้วจะได้ไปซื้อของวันนี้ป่านอยู่บ้านนะ เผื่อคุณผู้ชายเธอเรียกใช้”ดาวบอกป่านที่เบะปากล้อเลียน

“พี่จะเอาหน้าสวยๆไปเดินอวดก็บอกหนูมาเถอะ เชอะ คุณปิงปองอย่าลืมสัญญาที่จะแต่งหน้าหนูบ้างนะคะ”กระงอดกระงอดนิดหน่อยก่อนจะโดนไล่ให้ไปตามเจ้านายลงมาทานข้าว หญิงสาวจึงเดินทำหน้างอนๆออกไปท่ากลางเสียงหัวเราะของสองคนที่อยู่ในห้องครัว

โต๊ะอาหารที่มีถ้วยต้มที่ยังมีควันลอยเป็นไอจากๆเหนือผิวน้ำกับผัดผัดคะน้าสีสดรอให้คนลงมาทาน ไม่นานร่างสูงก็เดินลงมาตาคมมองไปที่อาหารสองจานก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวประจำ หางตาเห็นสิ่งผิดปรกติที่ไม่เหมือนในทุกวันเลยหันไปดู

“...?”

“เอ่อ แหะๆ พอดีคุณปิงปองแต่งหน้าให้ดาวน่ะค่ะ”ดาวตอบยิ้มแห้งๆให้เจ้านายที่ทำหน้าตาสงสัยพลางจ้องเขม็งมาที่หน้าของตน คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ แต่พอในใจนึกได้ว่าเมื่อก่อนคนตัวบางเคยเป็นอะไรมาก่อนริมฝีปากก็ยกยิ้มเหยียดๆ

“...หึ ก็สวยดี”ถึงในใจค่อนแขะใส่อคติกับอีกฝ่ายแต่ก็อดชมฝีมือแต่งหน้าไม่ได้จริงๆ หญิงสาวใช้ที่เห็นหน้าตากันทุกวันดูเปล่งปลั่งและสวยขึ้นผิดหูผิดตา

“ขอบคุณค่ะ”

“แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ? ไม่มาทานด้วยกันรึไง”ปากเอ่ยถามพลางสนใจอาหารตรงหน้า น้ำย่อยในท้องเรียกร้องตั้งแต่ได้กลิ่นหอมๆลอยเข้ามาในจมูก

“อ้อ คุณปิงปองทำกับข้าวเสร็จก็ไปเปลี่ยนชุดค่ะ เดี๋ยวคุณเขาจะออกไปจ่ายตลาดกับดาวด้วยคุณผู้ชายอยากได้อะไรหรือเปล่าคะ”คนที่พึ่งตักข้าวเข้าปากไปไม่กี่คำชะงักนิดหน่อย

อาหารตรงหน้าเป็นฝีมือของร่างบางคนนั้น นึกแปลกใจในตอนแรกอยู่แล้วที่รสมือของดาวเปลี่ยนไป ปรกติดาวจะปรุงติดหวานไปเสียหน่อย แต่นี่ออกรสเค็มกับเปรี้ยวจะว่าถูกปากมากกว่า...ก็ไม่ได้เกินไปนัก

“ไม่ล่ะ...”ว่าแค่นั้นก่อนจะลงมือทานข้าวต่อ แต่ไม่รู้ว่ารสชาติที่ถูกใจกว่าครั้งก่อนหรือเป็นอาหารโปรดกันแน่ที่ทำให้ตลอดทั้งมื้อมีรอยยิ้มเล็กๆจุดอยู่ที่มุมปากหนาตลอดเวลา

หรือบางทีอาจไม่ใช่ทั้งสอง....


หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 20 [ 07 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-10-2014 21:07:09
น้องทาน รักตะวัน สูงเกินเอื้อม ตะวันจะโน้มลงมารักน้องทานเองนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 20 [ 07 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-10-2014 21:47:14
ตะวันยังไม่รู้สินะว่าทานชอบตัวเอง ทานก็ทนเจ็บไปก่อนแล้วกันนะจ๊ะ
พ่อรพีเริ่มชอบพ่อปิงปองทีละนิดแล้วอ่ะดิ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 20 [ 07 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 07-10-2014 22:21:57
เหมือนนายรพีจะเริ่มดีขึ้น(รึเปล่า?)
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 20 [ 07 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 07-10-2014 23:28:18
ตกลงพระเอกไม่รู้ใจตัวเองรึนี่ ยิ้มแล้วๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 20 [ 07 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-10-2014 23:36:22
มีแอบยงแอบยิ้ม 55555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 20 [ 07 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 08-10-2014 00:02:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 20 [ 07 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 08-10-2014 01:34:51
อั้ยยยย ส่อแววไปในทางที่ดีแล้ววว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 20 [ 07 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 08-10-2014 10:48:13
เค้าค่อยๆซึมซับกันและกันอย่างช้าๆ โอ้ย สนุกจังเลย ชอบๆๆๆๆๆๆ
รออ่านอยู่ตลอดนะคะ นอกจากลุ้นรุ่นพ่อ ยังรอลุ้นรุ่นลูกด้วย
แต่ไม่ทันจะอะไร ...เจ้าทานตะวันมันดันเริ่มฝ่อซะแล้วนี่สิ 5555
เด็ดดอกฟ้าไปเลยค่ะหนู ยากดี มีคุณค่า
ปล. ขอด่ายัยนลินย้ำอีกทีว่า อีบ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 20 [ 07 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 09-10-2014 04:39:38
เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวเลยที่ทำให้เข้ามาดูทุกวัน
อย่างแรกที่เข้ามาจะนึกถึงเรื่องนี้และจะเปิดหา
....เพราะเรื่องที่ชอบๆเขาไม่มาแต่งต่อสะที 5555+
ล้อเล่นจ้า ติดเรื่องนี้งอมแงมแล้ว
อยากจะรู้จริงๆรพีจะจัดการยังไงกับความรุ้สึกของตัวเอง
รวมทั้งอีเมียเก่าบ้านั้นด้วย
ไม่แคล้วว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับตะวัน
บ้อบอสิ้นดี
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 20 [ 07 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 09-10-2014 07:02:57
คุณรพีนี่ หนุ่มซึนชัดๆ o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 10-10-2014 00:28:38
เย็นวันจันทร์ในวิทยาลัยสายอาชีพที่ตะวันเรียนอยู่ วันนี้อาจารย์เม่นที่เอ็นดูคอยมอบวิชาความรู้นอกตารางเรียนให้มาโดยตลอด วันนี้ก็เช่นกันที่เรียกให้ตะวันมาดูตอนที่ตัวเองเชื่อมเหล็กดัดที่ทางวิทยาลัยวานให้อาจารย์เม่นช่วยทำ

งานตรงหน้าทำให้ตาคมเบิกตาตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็น อาจารย์คนโปรดเชื่อมเหล็กเส้นแต่ละเส้นเข้าด้วยกันทั้งเส้นเล็กเส็นใหญ่ปะปนกันจนออกมาตามแบบ ตลอดเวลาที่อาจารย์ทำก็คอยสอนเทคนิคตามของตัวเองไปด้วยทั้งยังลองให้ตะวันทำให้ส่วนของชิ้นเล็กๆแม้จะเสียเวลามากขึ้นแต่ในฐานะคนเป็นครู เห็นคนที่รักเรียนรู้ก็อดที่จะสอนอย่างเต็มที่ไม่ได้ แถมยังสัญญากับลูกศิษย์ว่าคราวหน้าจะลองให้ทำแบบที่ใหญ่กว่านี้

หน้าคมยิ้มกว้างทันทีที่อาจารย์พูด ถึงตอนนี้ไม่มีความจำเป็นเรื่องการเงินอีกแต่ตะวันก็ค้นพบตัวเองว่าชอบทางด้านนี้จริงๆ จากตอนแรกคิดไว้ว่าจะเรียนแค่ปวช แล้วจะออกมาทำงานหาเงินให้ไวที่สุด

แต่ตอนนี้ความคิดของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป อยากจะเรียนให้สูงที่สุดในด้านนี้ วิศวะ...คำนี้ฟังดูเท่ห์ในจิตใจของตะวัน และถ้าทำได้พ่อปิงปองคงจะภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้แน่ๆ

“อ่าวเย็นขนาดนี้แล้วเหรอ”อาจารย์เม่นเงยหน้ามองดูนาฬิกาที่ห้องปฏิบัติงานพบว่าเข็มสั้นมันเลยเลขหกไปเกือบจะถึงเลขเจ็ดอยู่รอมร่อ ทำงานจนลืมเวลา ส่วนลูกศิษย์ข้างๆก็เรียนอย่างลืมเวลาเช่นกัน

“กลับไปก่อนไป แล้วนี่โทรบอกที่บ้านหรือยัง”

“บอกเรียบร้อยแล้วครับอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นผมลานะครับ ขอบคุณอาจารย์มากๆนะครับ”บอกขอบคุณอาจารย์พร้อมไหว้อย่างสวยงามและจริงใจ ก่อนจะเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม มีความสุขกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในหัวกำลังทบทวนทุกอย่างที่อาจารย์สอนให้เมื่อครู่ซ้ำไปซ้ำมา

“ฮัลโหลครับพ่อ...ครับกำลังจะกลับ พ่อมีอะไรให้ตะวันกินบ้าง”ทันทีที่ออกมาจากวิทยาลัยร่างโปร่งก็กดมือถือโทรหาพ่อปิงปองบอกว่ากำลังจะกลับบ้าน ไม่วายอ้อนถามหาของกินอย่างที่เคยทำ

“มีต้มปลา ผัดหมี่ เดี๋ยวพ่อทอดไข่เพิ่มให้นะกับข้าวส่วนใหญ่พวกพี่ดาวกินกันหมดแล้ว”อดุลย์ตอบกลับ เรียกดาวว่าพี่ดาวแทนคำพูดของตะวันอย่างเอ็นดู

“วันนี้คุณศูรบ่นด้วยนะว่าตะวันเริ่มไม่กลับมาทานข้าวเย็นด้วย”ได้ยินคนแก่บ่นน้อยใจว่าตะวันคงติดเพื่อนเลยไม่กลับมาทานข้าวเย็นกับตัวเอง ตะวันหัวเราะขำๆกลับไม่ได้พูดอะไรต่อ

“อาจารย์เม่นเรียกไปสอนเชื่อมเหล็กดัด สนุกมากเลยพ่อ”

“ดีแล้วครับ ว่างๆพ่อจะทำกับข้าวไปฝากขอบคุณอาจารย์ของตะวันนะ ฝากถามทีว่าอาจารย์ชอบทานอะไร”อดุลย์บอกเสียงใสนึกขอบคุณอาจารย์อีกคนที่เอ็นดูลูกชายของตัวเอง ได้ยินตะวันพูดถึงอาจารย์คนนี้อยู่บ่อยๆ เห็นว่าคอยสอนอะไรมากมายนอกตำราเรียน

“ครับ เดี๋ยววันหลังตะวันถามให้นะ”

“แล้วนี่จะถึงบ้านตอนไหน รถจะติดมั้ยให้พ่อไปรอที่หน้าหมูบ้านมั้ยจะได้ไม่ต้องนั่งรอรถมอไซด์เข้ามา?”ดูเวลาก็ทุ่มหนึ่งแล้วถึงจะยังไม่ดึกแต่กว่าตะวันจะกลับมาถึงหมู่บ้านคงซักสองทุ่ม แล้วลูกชายก็บ่นว่าเวลานั้นหารถรับจ้างยากเพราะคนใช้บริการเยอะ

“คงติดครับเดี๋ยววันนี้ตะวันว่าจะนั่งรถเมล์กลับขี้เกียจไปต่อรถหลายรอบพ่อไม่ต้องมารอหรอก”ตะวันบอก วันนี้เหนื่อยเกินกว่าจะไปต่อรถไฟฟ้าลงใต้ดินแล้วต่อรถเมล์อีกสองป้ายตามปรกติทุกวันแต่ถ้านั่งรถตู้ที่หน้าวิทยาลัยจะมีสายที่นั่งไปถึงแถวหน้าหมู่บ้านได้ แล้วค่อยต่อรถรับจ้างเข้าไป

“โอเคครับ จะถึงแล้วโทรมาบอกพ่อนะเดี๋ยวพ่อเตรียมทำอาหารไว้ให้ อยากกินอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ”

“ไม่เป็นไรครับพ่อ เดี๋ยวพ่อจะเหนื่อยเปล่าๆ”ตะวันตอบเอาใจคนเป็นพ่อก่อนจะวางสายเมื่อเห็นว่ารถเมล์คันที่ตัวเองต้องขึ้นกำลังมาถึงป้ายในไม่ช้า ยังได้รับคำอวยพรบอกให้กลับบ้านอย่างปลอดภัยแบบในทุกๆวัน

ตะวันเดินขึ้นรถเมล์สายที่ปรกติไม่ค่อยจะได้ใช้บริการเท่าไรนักนอกจากวันที่ไม่อยากไปติดฝูงคนในเวลาตอนหัวค่ำแบบนี้ รถเมล์สายนี้เหมือนจะนั่งอ้อมไปซักหน่อยแต่ก็ดีกว่าจะเหนื่อยเบียดกับคนอื่น

 บนรถมีผู้คนไม่มากเท่าไรนัก พอจะมีที่นั่งพอให้ตะวันได้นั่งแอบงีบหลับได้อยู่ ดีกว่ารถคันนี้เป็นรถเอกชนเป็นรถแอร์ค่าโดยสารแพงนิดหน่อยถ้าเทียบกับระยะเวลาที่ต้องเสียไป

ทันทีที่ได้ที่นั่งตะวันก็นั่งหลับตาทันที ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันทำให้ไม่ยากที่ทำให้ร่างกายต้องการการพักผ่อน แม้จะหลับๆตื่นๆตลอดเวลาที่รถจอดหรือมีคนเดินผ่าน

และพอไม่ถึงครึ่งทางคนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นก็ได้ตื่นเต็มๆตา เสียงโวยวายของกลุ่มเด็กผู้ชายเกือบสิบคนกำลังขึ้นมาบนรถที่ตะวันนั่งอยู่ ผู้คนรอบข้างเริ่มกระซิบกระซาบอย่างกังวล

...เด็กวิทยาลัยช่างเหมือนเขาแต่คนละสถาบัน...

ถึงคนตาคมไม่ได้กังวลถึงเรื่องที่เพื่อนส่วนใหญ่ชอบมาบ่นให้ฟัง เพราะเรียนมาจนจะขึ้นเทอมที่สองก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับเขาซักที เคยได้ยินข่าวมาเหมือนกันว่าคนในสถาบันไปมีเรื่องชกต่อยกับอีกทีที่เป็นอริกัน แต่ตะวันก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไกลตัวเองเสียเหลือเกิน

“เห้ยไอ้ปืน! นั่นมันใช่ไอ้คนที่มีข่าวว่าเป็นหัวหน้าแก๊งค์ของวิทลัยนู้นป่ะวะ”เสียงของชายที่พึ่งขึ้นมาบนรถตะโกนคุยกับเพื่อนที่ชื่อปืนทั้งๆที่ก็ยืนอยู่ไม่ไกลกัน ทันทีที่คนพูดพูดจบทุกสายก็มองมาที่คนที่พึ่งตื่น

ไหล่ของตะวันเกร็งขึ้นด้วยความระวังภัย ตาสายเริ่มสอดส่ายมองหน้ากลุ่มคนที่มองมายังตัวเองทีละคนทีละคนเพื่อพิจารณาว่าเคยเห็นกลุ่มคนตรงหน้าหรือไม่ แต่ก็พบว่าตัวเองไม่เคยรู้จักพวกนี้แม้เลยซักคน

“เห้ย!! อย่ามามีเรื่องกันบนรถ”คำตวาดของชายคนขับรถดังอย่างไม่นึกเกรงกลัว และด้วยผู้คนที่เริ่มยกมือถือตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปถ่ายวิดีโอหรือแม้กระทั้งโทรหาคนที่พอจะมาช่วยยืนยันความปลอดภัยของตัวเองทำให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นเงียบและเดินเลยตะวันไปนั่งอยู่ท้ายสุดของรถ

“เฮ้อ...”เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของตะวันดังทันทีที่กลุ่มชายพวกนั้นเดินไปนั่งเรียบร้อย รู้สึกถึงสายตาที่มองมาอยู่ด้านหลังแต่ก็ไม่ได้กังวลมากเท่าไร เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ทำอะไรตัวเองเพราะแน่ใจว่าไม่รู้จักกันแน่ๆ อีกอย่างคนในรถก็มีอยู่เยอะอย่างไรเขาคงปลอดภัย

แต่ตะวันไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจว่าตลอดมาตัวเองอยู่ในที่ที่ปลอดภัยมาตลอด

แต่ตั้งแต่ตะวันเข้ามาเป็นเรืองรัตนโยดม...เป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรจะเป็นที่รักของรพี

ตะวัน...ก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




ท่ามกลางงานเลี้ยงสังสรรค์เปิดตัวคอนโดใหม่ภายใต้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ รพีแสดงใบหน้ายิ้มเรียบๆอยู่ภายในงานที่เลี่ยงไม่ได้เนื่องจากเจ้าของบริษัทเป็นคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ แถมยังเป็นคู่ค้าคนสำคนของเรืองรัตนโยดมอีกด้วย

ในงานเต็มไปด้วยเหล่าคนดังมากมายทั้งในวงการธุรกิจและวงการโทรทัศน์ รวมถึงสื่อมากมายที่มารวมทำงานในงานนี้ รพีเป็นหนึ่งในบุคคลที่สื่อให้ความสนใจเพราะเรื่องหย่าร้างที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นที่สามารถทำข่าวได้ แถมฝ่ายหญิงยังคลุกคลีอยู่ในวงการสื่อ ทำให้ในงานรพีถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยกล้องถ่ายรูป พึ่งจะแยกตัวออกมาได้เพราะมีดาราที่กำลังเป็นข่าวดังเข้ามาในงาน

วัชรที่ถูกบังคับให้มาทำงานนอกเวลาด้วยยื่นแก้วน้ำเปล่าที่ยังมีไอเย็นให้เจ้านาย บางทีก็หนักใจแทนคนแบบรพี ที่โดนสื่อจ้องจะถามข่าวแทบจะฉีกร่างสูงอยู่แล้ว

“เหนื่อยหน่อยนะครับ แล้วเดี๋ยวคุณภาวิดาจะขอคุยด้วยน่ะครับ”รพีพยักหน้ารับ ภาวิดาเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งยังเป็นเจ้าของงานนี้ แถมยังเป็นเพื่อนรุ่นน้องของศูร รู้จักกันมานานแต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากนัก ส่วนใหญ่จะเจอกันในงานแบบนี้เท่านั้น

“แล้ว...คุณนลิน เธอมางานนี้นะครับ”คิ้วเข้มขมวดอย่างขัดใจ แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอกคนนั้น ต่อหน้าพูดถึงแต่ความรักที่มีให้เขา ลับหลังกับจ้องทำลาย

คงหวังเพียงแค่เงิน...ผู้หญิงแบบนี้มันก็ได้เท่านี้

“มาในฐานะอะไร?”คำถามเหยียดๆจากรพีเล่นเอาวัชรถึงกับยิ้มแห้งๆ แค่ฟังก็รู้สึกถึงความหยิ่งยะโสของคนพูดได้แล้ว เจ้านายเขาก็เป็นแบบนี้กับอะไรที่ตัวเองไม่ชอบหรือเกลียดก็ไม่เคยจะสนใจและจะดูถูกเหยียดหยามแบบสุดๆ

แต่กับสิ่งที่รพีชอบ...ไม่รู้สิหนุ่มตาตี๋เองก็ไม่เคยเห็นซักที

“คงได้รับเชิญเหมือนกันครับอย่างน้อยเขาก็เคยเป็นหนึ่งในสื่อที่มีอิทธิพลมาก”...แถมถ้าเชิญคู่สามีภรรยาที่กำลังจะหย่าร้างกันมางานเดียวกันพวกสื่อเองก็คงแห่กันมาแบบไม่ต้องนัดเลย...วัชรไม่ได้พูดออกไป กลัวรพีเวลาเจอกับเจ้าของงานจะแสดงท่าทีไม่พอใจให้เสียงานซะเปล่าๆ

“หึ...”หัวเราะลงคอ ไม่ได้นึกใส่ใจการมาของอดีตภรรยามากนัก ผิดกับวัชรที่นึกระแวงเมื่อกี้ที่เจอใบหน้าสวยของนลินดูมีความสุขเอ่อล้นแม้ในยามที่ให้สัมภาษณ์เรื่องหย่า ใบหน้าที่ดูไม่ได้เป็นคนแพ้เลยซักนิด

“สวัสดีครับคุณรพี มางานนี้ด้วยเหรอ”เสียงทักของชายที่เข้ามาทักอย่างสนิทสนมทำให้ร่างสูงต้องหันไปให้ความสนใจ คนที่เข้ามาทักมีสองคน คนข้างๆคนที่ทักเป็นผู้หญิงสาวที่ดูแล้วคงเป็นลูกของนายศรันย์ เคยถูกแนะนำให้รู้จักครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะจำ

“ครับคุณศรันย์ เป็นอย่างไรบ้างครับ”ทักกลับอย่างสุภาพแม้ใบหน้าจะไม่ได้ยิ้มแย้มซักเท่าไร แต่ก็ไม่มีใครถือสาเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ารพีเป็นเสือยิ้มยากขนาดไหน

“สบายดีครับ เกดสวัสดีพี่เขาซิ”หญิงสาวข้างๆสวัสดีสวยงาม ยิ้มแย้มมาให้ รพีก็แค่พยักหน้ารับเท่านั้น รู้สึกแปลกไปซักหน่อยที่จะให้คนที่อายุไม่น่าจะถึงยี่สิบห้ามาเรียกคนที่จะอายุสี่สิบอีกไม่กี่ปีว่าพี่

“แล้วคุณรพีเป็นยังไงบ้างครับ เรื่องหย่าถึงไหนแล้ว เมื่อครู่ผมเห็นคุณนลินอยู่ทางนู้น ยังสวยไม่สร่างจริงๆ”คำพูดไปเรื่อยของคนตรงหน้าทำให้รพีนึกขัดใจขึ้นมานิดหน่อย

“ก็ดีครับ”ร่างสูงเลี่ยงตอบคำถาม หันไปมองหน้าวัชรที่ส่งยิ้มแห้งๆให้ สายตาเจ้านายบ่งบอกว่าให้เขาหาเรื่องพาตนออกไปจากตรงนี้ แต่วัชรเองก็หนักใจเหมือนกันเพราะเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าเป็นเรื่องเอกสารงานต่างๆวัชรพร้อมจะรับมือ ให้มาสู้รบกับสิ่งมีชีวิตแบบนี้หนุ่มตาตี๋คงขอลา

“ถ้าหย่าเสร็จเมื่อไรอย่าลืมน้องเกดนะครับคุณรพี นี่พอเห็นรายชื่อแขกว่ามีคุณรพีมาด้วยยัยเกดก็เร้าๆให้ผมพามาด้วยปรกติก็ไม่เห็นจะชอบมางานแก่ๆแบบนี้เท่าไร”รพีขมวดคิ้วอย่างเคย รำคาญนายศรันย์นี่เต็มทน พูดจาอะไรออกมาเหมือนเป็นคนไม่มีมารยาท เรื่องที่พูดออกมาคิดยังไงก็ไม่สมควรพูดออกมา

“...”

“โอ้ นี่เกดอยากลองทำงานที่ห้างคุณรพีมั้ย ลองขอพี่เขาซิ”เสียงจิ๊ปากที่ลอบทำดังเล็ดลอดออกมา คงมีแต่หนุ่มตาตี๋ที่ยิ้มไม่ค่อยจะออกที่ยืนอยู่ข้างๆเท่านั้นที่ได้ยิน

“เอ่อ...ขอโทษนะครับแต่เหมือนว่าได้เวลาที่งานจะเปิดตัวแล้วครับ ขออนุญาตพาคุณรพีไปที่โต๊ะก่อนนะครับ”วัชรเอ่ยปากพลางขอโทษขอโพยคนคู่ตรงหน้า ส่วนคนเป็นเจ้านายเดินหนีไปทันทีที่ลูกน้องเอ่ยขัดบทสนทนาแล้ว

คิ้วเข้มขมวดขัดใจอย่างที่เคยทำไม่ชอบใจกับพวกที่เข้ามาเสนอตัวลูกสาวอย่างกับพวกแม่เล้าพ่อเล้า ขนาดแต่ก่อนเขามีภรรยาเป็นตัวเป็นตนก็ยังมีมาเรื่อย ทำตัวเหมือนพวกปลิงที่อยากมาเกาะดูดคนที่มากไปด้วยทรัพย์สินเงินทองแบบรพี

แค่เจอหน้าเขาก็ออกอาการสั่นระริกอยากเข้าใกล้จนตัวสั่น...ถ้าทำตัวแบบไอ้คนหน้าขาวตัวบางที่พอเจอมีแต่ไหล่เกรงถิยหนียังจะดูน่ารักซะกว่า

...ป่านนี้คงนั่งดูทีวีรอให้เขากลับแล้วปิดบ้านเองเพราะไล่ดาวกับป่านไปนอนก่อนอย่างทุกที...

ทันทีที่ในกระหวัดนึกไปถึงอดุลย์ก็สั่นหัวแรงๆไล่ความคิดที่ช่วงนี้ชอบเผลอนึกไปถึงอีกคนบ่อยๆ รพีคิดว่าก็คงเป็นแค่เจอหน้ากันทุกวันแถมช่วงนี้ก็ชอบมาทำให้เขาไม่เข้าใจตัวเองบ่อยๆซะอีก

“ว่าไงซัน สบายดีเหรอค่ะ”ทันทีที่นั่งลงคำทักทายที่เจอมาตลอดตั้งแต่เข้ามาในงานเกิดขึ้นอีกหนึ่งครั้ง ต่างแค่ตอนนี้คนที่ทักทายเป็นอดีตภรรยาที่ใบหน้ายิ้มแย้มเท่านั้น ทันทีที่เห็นว่าเป็นใครก็เกิดเสียงแปะเนื่องจากการตัวหน้าผากตัวเองเบาๆของวัชร

...เมื่อกี้พึ่งจะอารมณ์เสียจากสองพ่อลูก...

...ขออย่างให้เจ้านายหลุดกลางงานเถอะ...

 “....”

“ไม่ทักทายกันหน่อยเลยเหรอซัน”เสียงเว้าวอนจากคนตรงหน้าบอก นัยตาคู่สวยฉ่ำไปด้วยความรักที่มีแม้จะเลิกร้างแต่หญิงสาวตรงหน้าก็คงยังยึดติดกับสิ่งที่ตนคิด

“...”

“เอาเถอะ ซันคงเกลียดลินแล้วซินะ เพราะลินไปอยากได้หุ้นของบริษัทที่ซันรักเหรอ?”เสียงออดอ้อนของนลินทำให้ตาคมต้องจ้องมองเหยียดๆ ผู้หญิงตรงหน้าทำท่าใสซื่อได้เสแสร้งจริงๆ

“ทำไมเธอถึงมานั่งแถวเดียวกันชั้น”คำตอบที่ไม่ตรงคำถามแถมยังกลายเป็นคำถามกลับคืนอีกฝ่าย สร้างความไม่พอใจเล็กน้อยให้หญิงสาวข้างๆ

“อะไรกัน อย่างน้อยลินก็ยังไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลนี่ จะให้ลินไปยืนไม่มีโต๊ะแบบนั้นคุณภาวิดาคงไม่อยากให้ใครมาดูถูกคนรักของคุณล่ะมั้ง”

“...ชั้นไม่เคยรักเธอ...”คำพูดเย็นชาที่ทำให้คนที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ถึงกับหุบยิ้มลง ทั้งๆที่นลินเตรียมใจมารับคำถางถากของรพีอยู่แล้วแต่ใจรักก็ทนไม่ได้เมื่อได้คำที่ทำร้ายกันซึ่งๆหน้าแถมหน้าตาคนพูดยังบ่งบอกว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน

“อย่าสำคัญตัวผิดไป ถึงจะเป็นภรรยาก็ไม่ได้แปลว่าชั้นรัก”

“...พ..พอเถอะ อย่าทำร้ายลินแบบนี้ คิดถึงใจคนที่รักคุณบ้าง”

“รักชั้น?...หรือรักเงินของชั้น?”คำแล้วคำเล่าที่ทำให้หัวใจต้องเจ็บช้ำ หน้าเรียวของนลินก้มลงมองมือที่จิกเนื้อตัวเองอย่างอดกลั้นความโกรธไม่ให้พวยพุ่งออกมา เลือดที่ซึ่มออกมาเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ก่อนที่หน้าสวยจะเงยหน้ามองคนที่ตัวเองรักอย่างหน้ามืดตามัวอีกครั้ง

“...ลินรักคุณจริงๆนะซัน รักจนคุณอาจจะคิดไม่ถึงเลยล่ะ”น้ำเสียงที่แปลกไปจากเมื่อครู่มาพร้อมกับรอยยิ้มพิศวงที่ไม่เคยเห็น รพีอาจจะมองว่าที่นลินแต่งงานเพราะอยากได้เงิน

...แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด

“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระกับชั้น และอย่าหวังว่าจะได้อะไรจากชั้น”รอยยิ้มขมๆที่ยิ้มทันทีที่รพีบอก

“คุณรู้จักผู้หญิงน้อยไปนะซัน ถ้าผู้หญิงอยากได้อะไรก็ต้องได้”

“คนอย่างเธอจะทำอะไรได้”คำปรามาสกับรอยยิ้มเหยียดดูถูกเต็มที่ส่งไปให้หญิงสาวที่เพียงแค่หัวเราะเบาๆ ดวงตาที่ปรากฏไฟลุกโชนอยู่ภายในบ่งบอกว่านี่คือธาตุแท้จริงๆของผู้หญิงคนนี้

“ไม่รู้สิ...แต่ถ้าเป็นเอาภาพของเด็กบางคนที่เรียนช่างไปปล่อยข่าวว่าเป็นศัตรูกับอีกโรงเรียนช่างอีกทีแค่สร้างข่าวที่ทำให้คนคนนั้นไม่ได้รับความปลอดภัย...ลินว่าลินทำได้นะ”นลินพูดเยาะเย้ยก่อนจะลุกอย่างเสียมารยาทเพราะงานกำลังดำเนินงานทำให้ทุกคนจ้องมองคนที่ลุกพรวดพราดออกจากห้องอย่างสงสัย

...นลิน...พูดถึงใคร?

ครืนน ครืนน

ไม่ทันได้นึกสงสัยอะไรเสียงสั่นของโทรศัพท์ก็ดังมาจากเลขาฯที่นั่งอยู่ข้างๆ

“คุณอดุลย์โทรเข้ามาครับ?”วัชรเอ่ยบอกรพี ที่รู้สึกจิตใจพะว้าพะวงแปลกๆ หน้าคมพยักหน้ารับโทรศัพท์ขึ้นมาป้องปากรับสาย แต่สิ่งที่คนโทรเข้ามาพูดทำให้มือหนาไร้เรี่ยวแรงขนาดที่ปล่อยโทรศัพท์ตกลงพื้นจนหน้าจอแตก




....ฮึก...ค...คุณรพี....ช่วยด้วยครับ...ตะ...ตะวัน...ฮึก...ตะวันถูกทำร้ายที่หน้าหมู่บ้าน....




หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 10-10-2014 01:16:54
ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย  :ling1: ตะวันนนน ฮือออ อย่าเป็นอะไรนะลูกกก  :o12:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: IRIS ที่ 10-10-2014 01:18:44
นางเป็นชะนีโรคจิตสินะ แบบนี้ต้องจับถ่วงทะเลซะให้สิ้น :z6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-10-2014 06:57:33
ชะนีแก่น่ารำคาญ ฮึ่มๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 10-10-2014 07:58:45
เกลียดชะนีนลิน หน้าด้านมาก
ปล.ตะวันอย่าเป็นอะไรมากนะ  :katai4: :ling3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 10-10-2014 08:50:19
นลินเธอเป็นโรคจิตใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 10-10-2014 09:21:34
นลิน  ผญ.โรคจิต
ตะวันนนน~ :mew4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-10-2014 10:32:30
เห็นด้วยกับความคิดเห็นก่อนหน้า(หลายๆความคิดเห็น) นลินคงจะเป็นโรคจิตอ่อนๆ(หรืออาการเริ่มต้น/แอบแฝง)สินะ
ตะวันจะเป็นอะไรมากมั้ย ก็คิดอยู่ว่าไม่กล้าทำตอนอยู่บนรถ แต่ถ้าลงรถแล้วคงถูกรุมอ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 10-10-2014 14:33:59
 :katai4: อยากกระโดดถีบนังลินทำไมทำตัวร้ายกาจได้ขนาดนี้นะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 10-10-2014 18:48:47
เกลียดนังนลิน ทำร้ายตะวันได้ไง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 11-10-2014 04:46:00
นี้ไงสิ่งเลวร้าย
ที่จะตกมาสู่ลูกมาแล้ว
การทำร้ายกันของผู้ใหญ่ที่จะต้องลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา
เห่อ
อินี้มันน่าตบล้างน้ำจริงๆ.......
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 11-10-2014 05:26:55
ตะวันนนนนน  :mew2:   :serius2:

 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 11-10-2014 18:23:53
เกลียดผู้ใหญ่ รังแกเด็ก ตะวันอย่าเป็นอะไรมากนะ รพีจัดการลินให้ย่อยยับซะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 11-10-2014 22:37:28
ยัยป้านลินมาทำร้ายน้องตะวันของชั้นได้ยังไง ขอสาปแช่งแก  :ling1: :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 21 [ 10 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: saymillo ที่ 12-10-2014 19:44:21
ค่ะ สำหรับเรื่องนี้นะคะ...หนูว่ามีการดำเนินเรื่องดี และสนุกมากๆเลยค่ะ
(แหะๆ...พึ่งแสดงความคิดเห็นหลังเป็นนักอ่านเงามานาน?)

พี่รู้ไหมคะ...หนูสมัครมาเพื่อแสดงเป็นกำลังใจให้พี่โดยเฉพาะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 12-10-2014 22:51:21
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานพยาบาลลอยอบอวลไปทั่วทั้งห้อง บนเตียงมีร่างของเด็กชายที่เป็นดวงใจของทุกคนนอนหลับอยู่ ร่างกายมีผ้าพันแผลพันไว้หลายที โดยเฉพาะใบหน้าที่ตอนนี้ออกสีม่วงบวมมีเลือดคลั่งอยู่ภายในสร้างความสงสารให้คนที่นั่งอยู่โซฟาข้างๆ
 
ร่างบางนั่งน้ำตาซึมมองดูตะวันที่นอนหายใจเบาๆอยู่เงียบๆ เขาใจแทบสลายตอนมีพลเมืองดีใช้มือถือของตะวันโทรมาหาเขาแล้วแจ้งบอกว่าตะวันถูกทำร้ายอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน ทันทีที่รู้ก็รีบวิ่งออกไปทันที เห็นสภาพของตะวันก็ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
 
มือสั่นปากสั่นทำอะไรไม่ถูก หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาเบอร์ของรพีที่พึ่งโทรมาสั่งว่าวันนี้กลับดึกสั่งให้ดาวรอปิดบ้าน หลังจากนั้นอดุลย์ก็เหมือนไม่รู้ตัว จำอะไรไม่ได้ ในใจมีแต่ความกลัวที่จะเสียลูกไป จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนั่งรถมูลนิธิที่มารับตะวันไปส่งโรงพยาบาล ไม่รู้ว่ามีร่างสูงของอีกคนมายืนอยู่ข้างๆหน้าห้องฉุกเฉินตอนไหน
 
รู้ตัวอีกทีก็อีกเกือบชั่วโมงต่อมาตอนที่หมอออกมาบอกว่าตะวันปลอดภัยไม่ได้เป็นอะไรมาก เหมือนสติทุกอย่างกลับเข้ามาพอรับรู้สิ่งรอบตัวก็พบว่ามีคนที่บ้านมากันครบทั้งศูร รพี ลุงโชน ดาวกับป่านก็มา แถมยังมีวัชรมาด้วยอีกคน
 
แต่ตอนนี้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนหมดเพราะตะวันเองก็ยังไม่ฟื้น อดุลย์อาสาจะเฝ้าลูกชายเองและเขาก็ทำหน้าที่นั้นจริงๆเพราะอดุลย์นั่งจ้องลูกชายเงียบๆตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อเช้าจนตอนนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นมาเข็มนาฬิกาชี้เลขเจ็ดแล้ว
 
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
 
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเรียกความสนใจตาตากลมโตที่บวมช้ำและนัยน์ตาสีแดงเนื่องจากการอดนอน รพีเดินเข้ามามอไปที่ลูกชายที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก่อนจะหันมองพ่ออีกคนของลูกที่นั่งตาแดงอยู่ที่โซฟาข้างๆ
 
“ได้นอนบ้างหรือเปล่า”
 
“...”อดุลย์ไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่ก้มหน้าทำตาเศร้าสร้อยราวว่าเจ็บปวดกว่าคนเจ็บที่นอนอยู่เสียอีก แบบนั้นยิ่งทำให้รพีรู้สึกแย่มากขึ้นไปกันใหญ่ เขาไม่รู้ว่าจริงๆแล้วสาเหตุที่ตะวันถูกทำร้ายเนื่องมาจากสาเหตุอะไร แต่ที่นลินพูดเมื่อคืนทำให้...ทำให้คิดได้แต่ว่าที่ตะวันโดนทำร้าย...ก็เพราะตัวของเขา
 
หลังจากเมื่อคืนได้รับโทรศัพท์จากอดุลย์ รพีมีความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดมาก่อน มือชาเท้าชาไปชั่วขณะ รู้สึกราวกับว่าโดนของแข็งทุบที่หัวเข้าอย่างจัง ยิ่งได้ยินเสียงสะอื้นปานจะขาดใจของปลายสายยิ่งรู้สึกมากเข้าไปกันใหญ่

มาถึงโรงพยาบาลเห็นคนที่ตาลอยร้องไห้จนหน้าเปรอะเปื้อนไปหมดยิ่งรู้สึกสงสัยจนเจ็บในใจ ทำไมอดุลย์ถึงรักตะวันที่ไม่ได้เป็นลูกชายแท้ๆของตัวเองได้มากมายขนาดนั้น สิ่งที่ไม่เข้าใจที่สุดคือตัวเขา

...ทำไมความรู้สึกห่วงใยที่พวยพุ่งในอกมันคืออะไร...

“ตำรวจติดต่อมาว่าพอตะวันฟื้น เขาจะขอเข้ามาสอบปากคำ”

“ครับ”คำตอบรับจากร่างบางทำให้ใจชื้นว่าไม่ได้คุยอยู่คนเดียว

“ชั้น...”

“...?”เพราะคำพูดที่ไม่ได้ต่อให้เต็มประโยค อดุลย์เลยหันไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่ รพีมีท่าทางอึกอัก ตกใจตัวเองที่เมื่อกี้จะเอ่ยคำว่าขอโทษออกไปเพียงเพราะคิดว่าที่ตะวันเป็นแบบนี้เป็นเพราะตนเอง

“ชั้น...เฮ้อ ชั้นจะจัดการทุกอย่างเอง นายดูแลตะวันให้ดีๆ”อดุลย์พยักหน้ารับก่อนจะหันกลับไปมองคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ต่อ กว่านาทีที่ทั้งห้องเงียบเชียบจนน่าอึดอัด

“ชั้นไปซื้อกาแฟก่อนนะ”อีกครั้งที่อดุลย์หันมาสนใจรพีที่ไม่ยอมนั่งซักที พอทวนประโยคของรพีในใจจึงพอนึกได้ หันมองดูนาฬิกาที่แขวนบนผนังอุทานเบาๆอย่างตกใจ  เจ็ดโมงเช้าปรกติรพียังไม่ลงมาจากข้างบนห้องด้วยซ้ำ

“เอ่อ เดี๋ยวผมไปซื้อให้มั้ยครับ”อดุลย์ยังคงเป็นตัวเอง เสนอตัวเองคอยช่วยคนอื่นเสมอ แถมตอนนี้เขาก็ลืมกลัวร่างสูงเหมือนที่ทีที่อยู่ด้วยกันสองคน ไหล่ไม่เกร็งเหมือนกัน แม้กระทั้งสายตาก็ไม่กรอกไปมาอย่างหวาดๆ

อดุลย์สนใจแค่ความเจ็บปวดของลูกชายทั้งหมด

“รบกวนด้วยแล้วกัน”เสียงเข้มพูดบอก หยิบยื่นทั้งกระเป๋าสตางค์ให้อดุลย์ มือบางชะงักนิดหน่อยที่จะรับของแต่ดูเหมือนรพีจะไม่อยากสนทนาด้วยเพราะหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับที่อ่านไปแล้วเมื่อเย็นวานขึ้นมาอ่าน และอดุลย์เองก็ไม่มีเงินติดตัวซักบาท

“เอ่อ คุณรพีครับถ้ายังไงผมขอยืมเงินก่อนซักพันหนึ่งนะครับ ผมไม่ได้พกกระเป๋าสตางค์มา”อดุลย์ตัดสินใจบอกรพีเมื่อหยิบกระเป๋าเงินของคนๆนั้นขึ้นมาแนบอก ลงไปทั้งทีก็จะไปหาซื้อของใช้ในห้องน้ำมาติดไว้ ไม่อยากเป็นภาระของคนที่บ้านให้ขนมาให้

“ใช้ๆไปเถอะ ถ้าเงินไม่พอก็กดในบัตรรหัส 2519”พูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วหันไปอ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่อ ร่างบางจึงกล่าวขอบคุณแล้วเดินเลี่ยงออกไปจากห้องตรงไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่หน้าโรงพยาบาล

พอพ้นร่างบางที่พึ่งออกไป รพีจึงวางหนังสือพิมพ์ที่ตัวเองอ่านไปแล้วลง ขายาวลุกขึ้นพาตัวเองมาเดินหยุดอยู่ที่ข้างๆเตียงคนไข้ที่ยกราวกั้นขึ้นสูง มือหนาวางลงเบาๆที่ราวเหล็ก

ภาพเบื้องหน้าของเขาคือเด็กที่ใบหน้าปูดโปนสีม่วงช้ำน่ากลัว ผ้าผันแผลมีเลือดซึมออกมาถึงพอรู้ว่าแผลที่อยู่ตามแข้งขาเป็นแผลถลอกธรรมดาก็ตามก็ยังอดห่วงไม่ได้...ห่วง

ความรู้สึกห่วงงั้นเหรอ...ใช่ว่ารพีจะไม่เคยมีความรู้สึกนี้มา เขาเคยมีแต่มันนานมากแล้ว นานจนเขาเองยังแทบจะลืมมันไป...ความห่วงขนาดที่ว่าอยากเจ็บแทนแบบนี้

ทำไมถึงเกิดขึ้นกับคนที่ไม่เคยมีความผูกพันมาก่อน จะว่าเป็นเพราะความเป็นลูกเป็นพ่อ...งั้นเหรอ?

“อึก...อึก”รพีสะดุ้งเฮือกใหญ่ที่ระหว่างกำลังมองตะวันพลางคิดอะไรในหัว ร่างของคนเจ็บก็บิดไปมาเล็กน้อย ส่งเสียงในลำคอเบาๆก่อนจะลืมตาช้าๆขึ้นมามอง

“...”ไร้เสียงพูดอะไรไปชั่วครู่ ตะวันมองพ่อแท้ๆของตัวเองอย่างบอกความรู้สึกไม่ถูก ความทรงจำฉายชัดขึ้นมาว่าเมื่อวานตนโดนทำร้ายอะไรไป พอตื่นมาก็เป็นหน้าของรพีมายื่นเกาะราวเหล็กกั้นเตียงทำเหมือนกับรอการฟื้นของเขาอย่างไรอย่างนั้น

“พ่อนายพึ่งลงไปซื้อของข้างล่าง ซักพักนั้นแหละถึงจะขึ้นมา”เสียงเข้มบอกก่อนจะวางฟอร์มเก็บสีหน้าเหร่อหราเมื่อครู่เดินกลับไปนั่งลงที่โซฟาตัวเดิมที่นั่งอยู่เมื่อครู่

“เอ่อ...”

“...? จะเอาอะไรหรือเปล่า”รพีถาม เห็นคนที่พึ่งฟื้นทำอึกอักอยู่บนเตียงเลยถามออกไป

“คือผม..คอแห้ง”เสียงแหบที่ผิดปรกติบ่งบอกว่าคนพูดไม่ได้โกหก รพีลุกยืนอีกคนเดินไปที่ข้างเตียงที่มีเหยือกน้ำกับแก้วที่คว่ำอยู่ก่อนจะเทน้ำใส่แล้วยื่นให้คนที่ร้องขอ

“ขอบคุณครับ”ตะวันกล่าวขอบคุณแล้วรับน้ำมาดื่นแก้กระหายอย่างรวดเร็ว จนทำให้ปากหนาเกือบจะเผลอพูดเตือนออกไปว่าให้ดื่มช้าๆเดี๋ยวสำลัก...แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

“เจ็บตรงไหนมั้ย? จะเอาอะไรอีกหรือเปล่า”

“ไม่แล้วครับ ขอบคุณนะครับ”แม้คำพูดจะดูห่างเหินแต่ตะวันก็ยิ้มอ่อนใยนให้รพี ร่างสูงชะงักนิดๆเหมือนจะเห็นริ้วสีแดงขึ้นมาบนใบหน้าหน่อยๆ

“ขับรถเป็นหรือเปล่า?”จู่ๆร่างสูงก็เอ่ยเปลี่ยนบทสนทนาดื้อๆ ตะวันจึงหุบยิ้มทำหน้าตาสงสัย ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆด้วยสีหน้าบูดเบี้ยวด้วยความปวดระบมไปหมดทั้งตัว แค่ขยับหน้าก็สะเทือนไปหมด

“ทำไมหรือครับ”

“งั้นเดี๋ยวไปเรียนขับรถ แล้วต่อไปนี้ใช้รถส่วนตัวเอาหรือไม่ก็หาคนรถรับ-ส่ง”

“ดะ...เดี๋ยวครับคือผมไม่”ตะวันตั้งท่าจะขัด คนที่ยืนอยู่ส่งสายตาคมที่เหมือนกันราวกับคนเดียวมองขู่มาที่ตะวัน

“ชั้นสั่งเพื่อความปลอดภัยทั้งนั้น”ตะวันหน้าบูดเบี้ยวแม้จะยังอ่อนล้าแต่ในดวงตาก็ฟ้องว่าไม่เห็นด้วยกับคนตรงหน้า

“ผมไม่อยากให้มันวุ่นวาย คราวนี้ผมว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ผมยังอยากไป-กลับด้วยตัวเอง”เสียงแข็งตอบอย่างไม่ยอมแพ้กับอีกคนที่เข้าไม่ค่อยถูกทางกับตะวันซักเท่าไร ทั้งๆที่เมื่อกี้รู้สึกดีด้วยแล้วแท้ๆ แต่เพราะตัวตะวันไม่ชอบให้ใครมาชี้นิ้วบังคับ

ขนาดพ่อปิงปองยังต้องหาเหตุผลร้อยแปดคำขู่สารพัดอย่างมาใช้กับเขาถ้าอยากให้เขาทำอะไรที่ไม่อยากทำซักอย่าง

“ถ้าชั้นบอกว่าไม่ได้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด จะยอมทำตามที่ชั้นพูดหรือเปล่า”ใบหน้าจริงจังของรพีทำเอาตะวันต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ การที่บอกว่าไม่ได้เป็นเรื่องเข้าใจผิดแสดงว่าตัวเขากำลังถูกจ้องทำร้ายอยู่อย่างนั้นหรือ

เป็นไปไม่ได้...เขาไม่เคยไปมีเรื่องกับใครมาก่อนเลย

“แต่...”

“ชั้นไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นอีก นายไม่เห็นด้วยกับชั้นก็ถือว่าสงสาร...พ่อของนายแล้วกัน...ตะวัน”ประโยคของคนตรงหน้าบอกออกมา ชั่วแว่บตะวันรู้สึกเหมือนว่ารพีพูดมันออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูน่าสงสาร

ราวกับ...อิจฉา

“พ่อ...พ่อปิงปองน่ะเหรอครับ”

“ใช่ เขาห่วงนายจนชั้นก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่เจ็บกันแน่”ตะวันนึกภาพออก แต่ก่อนเขาเคยทะเลาะกับไอ้ดำ ต่อยกันหน้าบวมทั้งคู่แต่ก็ยังกอดคอกันกลับมามาให้พ่อปิงปองช่วยทำแผลให้ทั้งน้ำตา

“...ครับ แต่ผมขอไว้คุยกับพ่อก่อนได้มั้ยครับ”คำตอบรับเสียงแผ่วของตะวันทำให้รพีรู้สึกพอใจที่สั่งคนในอาณัติได้ก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ขัดใจทุกทีที่ตะวันเรียกอดุลย์ว่าพ่อ

“เอ่อ...แล้ว...ไม่ไปทำงานหรือครับ”ตะวันถามพลางมองดูเวลา เขาไม่รู้หรอกว่ารพีไปทำงานตอนไหนส่วนใหญ่เขามักจะออกจากบ้านเป็นคนแรกอยู่แล้ว แต่บ่อยครั้งเห็นรพีไปทำงานวันเสาร์หรืออาทิตย์อีกฝ่ายจะแกจากบ้านราวๆแปดโมงเช้า นี่ก็เจ็ดโมงครึ่งแล้ว

“การที่ชั้นอยู่เฝ้านาย...ไม่ได้ทำให้เสียงงานมากนักหรอก เดี๋ยวจะให้ตำรวจเข้ามาสอบปากคำ ชั้นก็อยู่รอฟังด้วย”เป็นคำพูดเรียบๆที่แฝงด้วยความหยิ่งที่ไม่ระคายหู

เพราะถ้าฟังดีๆมันจะเต็มไปด้วยความรู้สึกด้านบวกเต็มอยู่ภายใน และตะวันก็สามารถรับรู้ได้ถึงมัน

แอ๊ด

“ต..ตะวัน!!”ทันทีที่ประตูเปิดออกร่างบางคนที่เข้ามาก็ตาโตทันที พร้อมๆกับร่างทั้งร่างวิ่งมาสวมกอดเต็มๆที่ลูกชาย น้ำตาที่หยุดไหลไปได้ซักพักก็หยดแหยะมาจากตาคู่ที่ยังช้ำแดงไม่หาย

“พ่อ...พ่อเป็นห่วง..กลัว”คำพูดไม่เป็นคำของอดุลย์ทำเอาคนสองคนฟังไม่รู้เรื่อง ตะวันกอดตอบพ่อปิงปองความรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นคนทำให้พ่อต้องร้องไห้ตีตื้นขึ้นมา ดวงตาคู่คมเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาด้วยเวลาไม่ถึงวินาที

“ผ...ผมขอโทษ”คำขอโทษทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนบาดเจ็ดยิ่งทำให้อดุลย์ร้องไห้หนักกว่าเก่า

รพีมองคนสองคนที่กอดกันแน่นแล้วร้องไห้พูดจาไม่รู้เรื่องกันทั้งคู่นิ่ง ถ้าเป็นแต่ก่อนคงนึกรำคาญเรื่องราวน้ำเน่าของคนอื่นแบบสุดจะทน แต่ตอนนี้รู้สึกสงสารปนเสียใจทำเขาเป็นคนที่ทำให้ทั้งสองต้องเสียน้ำตาแถมตะวันยังโดนทำร้ายอีก

นานหลายนาทีที่สองพ่อลูกกอดแล้วกล่าวขอโทษกันอยู่อย่างนั้น จนเมื่ออดุลย์ผละออกมาจากตัวลูกชายถึงได้เห็นว่ามือของตัวเองถือถุงกระดาษของร้านกาแฟยี่ห้อดังอยู่ในมือพร้อมๆกับถุงพลาสติกที่มีของใช้ส่วนตัวของเขาอีก

“เอ่อ...ขอโทษครับคุณรพี นี่ครับกาแฟ”

“ขอบใจ”รพีรับถุงมาถือไว้ ความร้อนที่ออกมาจากถุงทำให้นึกอยากกาแฟขึ้นมาทันที พอเปิดออกดูคิ้วเข้มก็ขมวดหากันแต่ไม่ทันได้ถามอะไรออกไปก็มีจานแก้วที่มาพร้อมกับเลม่อนสีเหลืองฝานบางๆมาตรงหน้า

“นี่ครับ”กาแฟแบบตรงหน้าคือกาแฟแบบที่เขากินทุกเช้าที่บ้าน ที่จริงก็ไม่ได้เรื่องมากเพราะเวลาทานกาแฟข้างนอกเขาดื่มอะไรก็ได้ขอแค่เป็นกาแฟร้อน การที่ได้กาแฟแบบที่ดื่มทุกวันทั้งๆที่ซื้อกินเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย

“ขอบใจ”ปากน้อยยกยิ้มเล็กๆที่ไม่มีใครได้เห็นก่อนจะรับของไป

“เอ่อ...พ่อครับ...เออะ”เสียงจากคนป่วยดังขึ้น แต่ก็ต้องทำหน้าตาเหร่อหราแท้เพราะคนที่หันมาที่ปรกติควรมีแค่คนเดียวแต่วันนี้มีคนหันมาถึงสอง

มันก็ไม่ผิดอะไร...เพราะทั้งคู่ก็เป็นพ่อด้วยกันจริงๆ

“เอ่อ...พ่อปิงปองครับ”

“ครับ..?”รพีหน้านิ่งก่อนจะก้มลงสนใจกาแฟต่อพอรู้ว่าไม่ได้เรียกตัวเอง

“คือ...เรื่องรถที่เราเคยคุยกันไว้”ตะวันเริ่มขึ้นต้นไม่ค่อยถูก สมัยก่อนเคยคุยเรื่องที่จะมีรถคันเล็กๆไว้ใช้ในบ้านเหมือนกัน ถึงตอนนี้จะเปลี่ยนสถานะแต่ตะวันก็ยังคงเป็นตะวันคนเดิม ยังคิดจะทำอะไรยังไงก็ต้องเริ่มต้นที่พ่อปิงปองก่อนคนแรกเสมอ

“คือ...”

“ชั้นจะให้ตะวันใช้รถไปเรียน หรือไม่ก็จ้างคนขับรถมา”พอเห็นว่าคนพูดพูดไม่ออกรพีจึงบอกแทนง่ายๆ

“เอ่อ จะดีเหรอครับ”เสียงหัวเราะในลำคอของคนที่พึ่งยกกาแฟขึ้นมาจิบเบาๆ ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มที่ทำเอาคนที่คุยด้วยชะงัก รพีกำลังยิ้ม...ยิ้มที่ไม่ได้ดูร้ายอย่างที่เคยเป็นมา

“คุยกันเองแล้วกัน ชั้นคุยกับตะวันแล้ว”เพราะความเหมือนของทั้งคู่ทำให้รพีนึกขำ ตะวันได้นิสัยแบบอดุลย์มาเต็มๆ

“คือพ่อว่าไงอ่ะ ตะวันแล้วแต่พ่อ”ถึงจริงๆเขาจะอยากได้ไว้ใช้เหมือนกันแต่ตะวันไม่ใช่เด็กเอาแต่ใช้ที่อยากได้ก็ต้องได้ เขาอยากได้รถมาใช้แต่ก็ไม่ใช่ว่าพอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังโตมีเงินทองมีรถรามากมายตะวันจะหยิบมาใช้อย่างสนิทใจ

...ตะวันเป็นเด็กแบบนั้น...

“...พ่อก็เป็นห่วงตะวันเหมือนกันนะ งั้นเอางี้มั้ย เดี๋ยวพ่อดาวน์รถมือสองซักคัน แล้วเดี๋ยวพ่อคอยรับส่งตะวันเองนะ”รพีขมวดคิ้วขัดใจ ก่อนจะแทรกกลางปล้องอย่างเสียมารยาท

“ชั้นเป็นคนสั่งให้ตะวันใช้รถ ถ้าอยากได้รถใหม่เดี๋ยวชั้นซื้อเอง ส่วนนายไม่ได้ทำหน้าที่เป็นคนขับคนอยากได้ก็จ้างคนที่บริษัทเอา”บอกออกไปอย่างหงุดหงิดแบบไม่เข้าใจสาเหตุ แค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของอดุลย์ที่จะทำแบบที่อดุลย์เองเป็นคนเสนอ

ทั้งๆที่เขาก็ไม่รู้ว่าหน้าที่อดุลย์คืออะไรกันแน่

“ไม่ต้องถามอะไรมาก ชั้นสั่ง แค่ทำตามก็พอ”คนที่เอาแต่ใจมาตลอดพูดจบบทสนทนา สองพ่อลูกมองหน้ากันงงๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาปล่อยให้มีแต่บรรยากาศเงียบๆแต่ไม่ชวนอึดอัดไม่เหมือนคราวก่อนๆ ที่ต้องอยู่ในสถานที่เดียวกับรพี

“เอ่อ พ่อครับ”อีกครั้งที่พอตะวันเรียกแล้วผู้ชายที่อยู่ในห้องหันมามองเขาในเวลาพร้อมกัน

“ขอบคุณนะครับ”ตะวันพูดเสียงราบเรียบ ก่อนจะยิ้มอย่างสุดปากจนตาหยี

“...พ่อ...ซัน”








ที่จริงกะจะอัพวันพรุ่งนี้เพราะวันนี้พึ่งพาเด็กๆไปซาฟารี่มา ร่างกำลังจะพัง แต่พอเข้ามาอ่านเม้นแล้วก็เลยนั่งพิมอย่างกับคนบ้า
ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับกำลังใจ
ปล. คนเขียนยังไม่แก่นะคะ เป็นคุณแม่ยังสาว  :o8:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 12-10-2014 23:21:10
บอกตามตรงว่าหลงเข้ามา  :hao7:

เขียนได้ดีนะคะ ชอบสำนวน อ่านง่ายไม่สะดุด

จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 12-10-2014 23:26:55
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 12-10-2014 23:38:29
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 12-10-2014 23:43:42
อดุลย์เลี้ยงลูกได้ดีมากเลย จะดีใจมากถัารวมเล่ม
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-10-2014 23:45:03
รพีเริ่มหงุดหงิดงุ่นง่านแล้วสิ
เริ่มรู้สึกถึงครอบครัวแล้วสินะ คุณปู่ศูรตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 12-10-2014 23:50:25
 :katai2-1:  :impress2: :impress2: มันกำลังจะดีๆๆๆ  :man1: รพีแบบไม่ยอมให้ปิงปองทำอะไรเลยอ่ะ หวงหราาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 13-10-2014 01:33:20
ขอบคุณนะคะ อ่านตอนนี้แล้วยิ้มปากแทบฉีกเหมือนตะวันเลย 5555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 13-10-2014 06:59:58
ใกล้แล้วๆ
อีกแค่นิดเดียว เวลาของคำว่าครอบครัวก็จะมาแล้ว
แต่พอถึงเวลานั้นกลัวปิงปองจะคิดว่าตัวเองคงไม่จำเป้นจนต้องเป้นฝ่ายไปแน่ๆ(แต่รพีคงไม่อยมหลอก 555+)
ยิ่งตะวันเรียกว่าพ่อซันด้วยแล้ว ปิงปองต้องดีใจปนเศร้าใจแน่ๆที่เวลาของตัวเองใกล้จะหมด
แต่ก็ดีนะ ยิ่งทำให้รพีรู้ตัวเร็วขึ้น
รีบๆเก็บของกลับบ้านเก่าเลย ปิงปอง อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 13-10-2014 08:36:20
ขอบคุณครับ พ่อซัน :hao7: o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 13-10-2014 09:10:40
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: saymillo ที่ 13-10-2014 09:14:53
พ่อซัน... :hao5: ...เขินแทนง่าาาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 13-10-2014 10:56:05
ลูกเรียกพ่อแล้ว......พ่อซัน

ฟินเลยสิ555

แอบฮาตอนเรียกพ่อแล้วหันมาทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-10-2014 18:32:40
แน๊คนเขียนอวยตัวเองอ่ะ คุณแม่ยังสาว สาววัยใหนน๊อ. อิอิ  กำลังจะอบอุ่น เป็นครอบครัวสมบูรณ์. แล้วจะให้พ่อปิงปองอยู่ในฐานะอะไรล่ะพ่อซัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 13-10-2014 19:03:14
ตอนนี้แลดูเป็นครอบครัวดีแท้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 13-10-2014 23:40:44
 :katai2-1: คำว่า "ครอบครัว" ใช่ว่าสร้างกันได้ง่ายๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ค่อยๆกำจัดพวกโรคจิตออกไปด้วย ^^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 22 [ 12 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 14-10-2014 00:03:10
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้

ชอบมากเลยค่ะ

ปิงปองเลี้ยงตะวันได้ดีมากเลย

แต่ตะวันก็แอบใจร้อนเหมือนรพีนะเนี่ย

รอตอนต่อไปค่ะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 14-10-2014 22:09:30
หลายวันผ่านไปจนกระทั่งตะวันได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วแต่รพีก็ยังติดต่ออดีตภรรยาไม่ได้ ด้านตำรวจเองก็สรุปคดีความว่าเป็นเรื่องทำร้ายร่างกายธรรมดา แต่รพีเองไม่อยากจะขัดเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายอะไรออกไปเช่นกัน

ในใจเชื่อมั่นว่านลินเป็นคนที่มีส่วนทำให้...ลูกชาย...ได้รับบาดเจ็บแน่ๆ

ลูกชาย...เป็นคำที่แม้แค่คิดก็รู้สึกเต็มตื้นไปหมดในหัวใจ เหมือนเช้าวันนั้นที่ร่างสูงได้รับรอยยิ้มของเด็กที่ใบหน้าบวมช้ำน่าเกลียดพร้อมๆกับคำเรียกว่าพ่อ ในใจเต้นรั่วเร็วจนตัวเองหวาดหวั่น ทำตัวไม่ถูกและก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรออกไป เพียงแค่รับคำอืมในลำคอ

ความต้องการที่เคยอยากได้มาตั้งแต่เด็กๆ อยากได้จากศูรมาตลอดคือความผูกพันของพ่อและลูก แต่รพีเองไม่เคยได้รับจนคิดมาตลอดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องมี เขาจึงไม่เคยหยุดที่จะพูดคุยกับลูกชายแม้แต่น้อย

แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมามันทำให้รู้สึกอะไรหลายๆอย่าง เป็นเหมือนสิ่งจุดประกายเล็กๆในจิตใจ

ตอนที่ถูกเรียกว่าพ่อ...รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความสุขแบบตอนเด็กๆที่นานๆครั้งศูรจะออกจากห้องทำงานมานั่งเล่นของเล่นกับเขาและพี่สาว เหมือนตอนที่สมัยประถมที่ศูรเคยไปดูเขาเตะบอล...ถึงแม้จะแค่ครั้งเดียวและครั้งนั้นเขาก็แพ้กลับมาด้วย

รพีฉุกใจคิดถึงวันวาน เขาคอยแต่จะเรียกร้องหาความสนใจจากผู้เป็นพ่อ คอยแต่จะเอาแต่ความสุขสบายใจของตัวเอง คิดเพียงแต่ว่าศูรไม่เคยใส่ใจพวกตน กระทั้งพี่สาวแท้ๆของรพีหนีหายไปยังไม่มีท่าทีจะสนใจ

แต่จริงๆแล้ว...คนเป็นพ่อ...คนที่ถูกเรียกว่าพ่อจะเป็นแบบนั้นจริงๆหรือ จะไม่สนใจลูกตัวเองจริงๆหรือ ขนาดอดุลย์...ไม่ใช่ลูกแท้ๆเพียงแค่เลี้ยงดูมาแต่เกิดยังรักและห่วงใยตะวันได้ขนาดนั้น

แล้ว...ศูรล่ะ ทั้งเลี้ยงพวกเขาเองมากับมือ ทั้งยังเป็นสายเลือดเดียวกัน...แล้วศูร...พ่อจะไม่ต้องการเขาอย่างที่เขาคิดมาตลอดจริงน่ะเหรอ?

การได้ฉุกใจคิดทำให้รพีค่อยๆเปลี่ยนมุมมองทีละนิด แม้จะนิดเดียวจนคนรอบข้างไม่ทันสังเกตก็ตาม นับแต่วันนั้นรพีเองมาเยี่ยมตะวันที่โรงพยาบาลทุกวัน มีวันหนึ่งเป็นคนขับรถพาศูรมา ถึงมันจะเป็นเรื่องปรกติ แต่สำหรับคนที่รู้จักรพีมาทั้งชีวิตบอกได้เลยว่าแปลกใจ

ศูรแปลกใจที่เห็นท่าทีที่โอนอ่อนของลูกชายคนเดียว ตลอดมาเขาเลี้ยงรพีมาแบบกดดัน ซึ่งเขาคิดว่าแบบนั้นมันถูก การที่ไม่ใส่ใจเพราะมีภาระมากมายต้องทำ สิ่งเดียวที่พอทดแทนกันได้คือเงินทองที่เพียรหามา

แต่ศูรเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรเหมือนกัน เมื่อไรกัน...ที่ได้ยินคำพูดอ่อนหวานเรียกตัวเองว่าคุณพ่อ รู้ตัวอีกทีก็มีแต่น้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ จะกลับตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว

เพราะแบบนั้นศูรเลยแปลกใจระคนยินดีที่เห็นรพีเอาใจใส่ลูกชายของตัวเองไม่เหมือนกันที่เขาเคยทำ ไม่ถึงขนาดคุยจ้ออย่างอดุลย์แต่ก็ไม่ได้เงียบเฉยแบบที่ผ่านมา

คิดไม่ผิดจริงๆที่ขอร้องให้อดุลย์เขามาอยู่ด้วย

เคยได้ยินว่าการอยู่ใกล้ๆคนจิตใจดีจะถูกความดีนั้นขัดเกลาจิตใจตนเช่นกัน ศูรเชื่อเหลือเกินว่าอดุลย์เป็นคนดีแบบที่ตนต้องการ การได้อดุลย์และตะวันเข้ามาอยู่ในบ้านทำให้บ้านที่เคยสงบราบเรียบเกินไปกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง

ที่สำคัญ...ชีวิตของรพีเองก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งเช่นกันหลังจากที่ถูกเขา...ฆ่าไปเองกับมือ

“หมดเคราะห์หมดโศกนะตะวัน”ศูรลูบหัวกลมของหลานชาย อวยพรอวยชัยหลังจากที่รออยู่หน้าบ้านหลังใหญ่มานาน อยากจะไปรับหลานชายที่โรงพยาบาลแต่เขาแกแล้วจะเดินเหินก็ลำบากกลัวจะไปเป็นภาระคนอื่นเปล่าๆ

“ขอบคุณครับปู่”ตะวันพนมมือรับพร ใบหน้าของเขาตอนนี้หายแทบหมดมีแค่รอยช้ำใต้ตาหน่อยๆเท่านั้น ที่หนักสุดคงจะเป็นแผลที่ลำตัว เวลาจะลุกจะเดินเจ็บเสียดไปหมด

“เข้าบ้านเถอะ”คำพูดของรพีที่ถือข้าวของจากโรงพยาบาลเต็มสองมือทำให้ศูรยิ้ม แต่ก่อนถ้าลูกชายนึกจะเข้าบ้านก็ไม่มาเสียเวลาพูดแบบนี้หรอก

“ครับ”ตะวันรับคำก่อนจะเดินเคียงคู่ไปกับปู่ของตัว เข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่มีดาวและป่านยืนรออยู่ในตัวบ้าน รพีเองกระชับของในมือตัวเองก่อนจะเดินตามเข้าไปบ้าง

“กลับมาแล้วเหรอตะวัน”อดุลย์ทักเสียงใส เขาไม่ได้ออกไปรับตะวันด้วยตัวเองเพราะเตรียมกับข้าวไว้ให้ลูกชายทานฉลองออกจากโรงพยาบาล ตะวันยิ้มกว้างรับ ก่อนจะเดินขัดๆเข้าไปกอดอ้อนพ่อปิงปองของตัวเองอย่างที่เคยทำ

“ตะวันหิวอ่ะพ่อ พ่อซันบอกว่าให้รอกลับมากินที่บ้าน บอกว่าพ่อทำอาหารไว้รอแล้ว”ตะวันบอกเล่าร่าเริง อดุลย์พลางมองไปที่คนที่ลูกชายเรียกว่าพ่อซัน เห็นเดินหิ้วข้าวของเต็มไม้เต็มมือ ส่วนหนึ่งเป็นของที่โรงพยาบาลให้มา อีกส่วนเป็นของที่เขาหาซื้อไปไว้ให้ลูกกินทั้งนั้น

“ฮ่าฮ่า กลับมาก็ถามหาแต่ของกิน เดี๋ยวเถอะอ้วนเป็นหมูแน่ๆ หมูตะวัน”อดุลย์หยิกเข้าที่แก้มนิ่มของตะวันอย่างหมั่นไส้ ขนาดว่าพอโตแล้วแก้มที่เคยมีเป็นพ่วงหายไปเยอะแล้วแต่นี่ก็ยังเต็มไม้เต็มมืออยู่

“หู้ยพ่ออ่ะ พูดเหมือนไอ้ดำเลย ดูนะมันซื้อของมาเยี่ยมไข้แต่ดันซื้อทองม้วนมาให้ มันก็รู้ว่าตะวันเกลียดทองม้วนมันบอกดีแล้วกินของเกลียดๆจะได้ไม่อ้วน”อดุลย์หัวเราะกิ๊ก เขาเองก็อยู่ในวันที่น้องทานเพื่อนสนิทของลูกชายมาเยี่ยม ไม่รู้เพราะอะไรแต่ทานตะวันซื้อของมาแกล้งให้ตัวเองโดนโวยวาย แถมยังงอนใส่อดุลย์ด้วยบอกว่าไม่โทรบอกว่าตะวันเข้าโรงพยาบาลซะตอนออกเลยล่ะครับ...จะว่าไปเขาก็ลืม วันแรกยังตกใจส่วนวันที่สองก็นั่งฟังตำรวจมาสอบสวนตะวัน บอกข้อสงสัย จนพอเห็นมิสคอลของทานตะวันเลยโทรกลับ

“แล้วนี่โทรบอกน้องทานหรือยังว่าออกวันนี้ เดี๋ยวจะพาลโกรธพ่ออีก”

“บอกแล้ว โดนบ่นมาด้วยว่าหายดีแล้วหรือยังไง ทำไมไม่นอนให้นานกว่านี้ ขี้บ่นเหมือนพ่อเดี๊ยะเลย...โอ๊ย”ตะวันทำเสียงใหญ่เลียนพูดให้เหมือนที่เพื่อนสนิททำ ไม่วายแกล้งพูดหยอกล้อพ่อปิงปองเลยโดนบิดแก้มยุ้ยมากกว่าเดิม

ภาพตรงหน้าทำให้คนในบ้านยิ้มออกมาทุกคนไม่ยกเว้นคนที่เคยหน้านิ่ง รพีมองทั้งสองคนด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ แต่ก่อนเขาอาจมองด้วยอคติว่าอดุลย์ไม่จริงใจกับใคร ด้วยเพราะปิดบังเรื่องในอดีตและอีกหลายๆอย่างที่น่าสงสัย แต่พอเปลี่ยนวิธีคิดเปลี่ยนวิธีมองก็เห็นว่าอดุลย์ก็เหมือนพ่อคนอื่นทั่วไป ที่รักลูกห่วงใยลูกไม่มีผิดแผกจากใคร

มีแต่เขาเองที่ไม่เคยเห็นหรือได้รับสิ่งแบบนั้นมาก่อน

“ทานข้าวกันเถอะ ปู่หิวมากแล้ว”ศูรเอ่ยขัดความสุขตรงหน้ายิ้มๆ เดินนำไปที่โต๊ะทานข้าวโต๊ะใหญ่ที่ปรกติไม่เคยใช้ แต่เพราะวันนี้มีกับข้าวเยอะมากไปหน่อยเจ้าของบ้านเลยสั่งให้ใช้ห้องอาหารที่นี่แทน

“โอ้ววว สวรรค์ของตะวันแท้ๆเลย”คำอุทานของเด็กชายผู้มีของโปรดหลายอย่างดังขึ้นก่อนจะมีเสียงหัวเราะของคนอื่นๆตามมา อดุลย์เหลือบมองไปที่คนตัวสูงที่อยู่ไม่ไกล รอยยิ้มของปากหนาเผยออกมาให้เห็นเล็กน้อย แต่เหมือนเจ้าของรอยยิ้มจะรู้ตัวว่าถูกมองเลยแกล้งเป็นไอกระแอมเบาๆเอามือป้องปาก

อดุลย์มองภาพนั้นด้วยความดีใจ ในอดีตแม้จะเคยหลงรักคนๆนี้แต่ความรู้สึกนั้นมันตกผลึกไปตามกาลเวลา ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกอยากรักอยากใคร่รพี แต่ที่ดีใจเพราะเห็นว่าตั้งแต่ตะวันและรพีมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น ตะวันเองก็มีความสุขมากขึ้น บ้านนี้ก็จะเป็นที่ที่อบอวลด้วยความสุข

อดุลย์อยากให้ตะวันอยู่ในสถานที่แบบนั้น



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••





สี่ทุ่มของวันเดียวกัน ในตอนที่ทุกคนแยกย้ายกันไปเข้าห้องนอนของใครของมันกันหมดแล้ว มีเพียงรพีเท่านั้นที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าห้องนอนของตัวเอง

ใบหน้าคมสันกำลังดูเคร่งเครียดอย่างตัดสินใจ สายตามองไปยังบานประตูที่อยู่ตรงกันข้ามกับห้องนอนของตัวเอง มือที่ยกขึ้นแล้วเอาลงหลายรอบยังคงทำแบบนั้นอยู่ซ้ำไปซ้ำมา

ในตอนหัวค่ำที่ทุกคนนั่งเล่นพูดคุยอยู่ข้างล่างเพราะเพื่อนสนิทของลูกชายมาเยี่ยมที่บ้าน เขาที่ไม่คุ้นเคยปลีกตัวมาพักผ่อนในห้อง และเมื่อไม่กี่นาทีก่อนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมๆกับเสียเปิดปิดประตูของห้องตรงข้าม

พลันความคิดของรพีก็พาร่างของตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้ เขาคิดกับตัวเองมาซักหลายวันแล้วเรื่องที่จะพูดกับอดุลย์ เขาอยากจะคุยเรื่องตะวัน อยากรู้เรื่องราวของลูก...เขาเคยแต่รับรู้ผ่านเอกสาร หรือคำบอกเล่าของเลขาฯแต่มีคนหนึ่งเคยบอกเขาไว้ว่า

ตะวันเป็นมากกว่ากระดาษพวกนั้น...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

พอตัดสินใจได้ก็เคาะลงไปหนักๆ ไม่นานเกินรอเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดประตูให้สีหน้างงๆ พอเห็นเขาก็เหมือนจะเป็นท่าทีที่เคยทำ อดุลย์ก้าวเท้าหนีไปข้างหลังครึ่งก้าว แม้ไม่ได้มีสีหน้าหวาดกลัวก็ตามที

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณรพี?”อดุลย์ถามสงสัย คนตัวสูงจ้องอดุลย์นิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร

“ขอชั้นเข้าไปหน่อยมีเรื่องจะคุยด้วย”

“ครับ?”แบบนั้นยิ่งเพิ่มความสงสัย ร่างบางคิดเสมอว่าตัวตนของเขาสำหรับรพีนั้นค่อยข้างติดลบ อีกฝ่ายอคติกับเขาในหลายๆเรื่อง เรื่องที่เขาเคยแต่งหญิงนั้นก็เป็นอีกเรื่องที่รพีคงไม่ชอบใจนัก

“เรื่องของตะวัน...ช่วยเล่าเรื่องของตะวันให้ชั้นฟังหน่อยได้มั้ย เรื่องที่เขาชอบ ของที่เขาชอบ อะไรบ้างที่เขาอยากได้ เขาอยากเป็นอะไร...”เหมือนคำพร่ำเพ้อของคนที่พึ่งตกหลุมรักอะไรซักอย่าง อดุลย์หัวเราะเล็กๆให้กับคนตรงหน้า

“ขำอะไร?”

“ข..ขอโทษครับ แค่ดีใจน่ะครับ”

“ดีใจ?”

“ครับ ดีใจที่คุณรพีใส่ใจตะวัน ผมกังวลมาตลอดเวลาว่าตะวันจะเข้ากับคุณไม่ได้ ตะวันเป็นเด็กใจร้อนครับ แต่ก็มีเหตุผล เขาพูดด้วยง่ายแต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ เพราะแบบนั้นผมเลยกลัวว่าเขาจะ...เอ่อขอพูดได้มั้ยครับ”รพีฟังสิ่งที่คนตรงหน้าพูดอย่างตั้งใจ แต่พอเหมือนอดุลย์รู้ตัวว่าพูดมากไปเลยขออนุญาต รพีพยักหน้าก่อนจะเดินเข้ามาในห้องอย่าถือวิสาสะ อดุลย์เดินตามเข้ามาโดยเปิดประตูค้างไว้แบบนั้น

“พูดได้ ชั้นมาขอให้นายพูดเอง”รพีบอกก่อนจะนั่งลงที่โซฟาสีฟ้า สายตามองไปรอบๆไม่ได้เข้ามาในห้องนี้เสียนาน ไม่มีเฟอร์นิเจอร์เดิมอยู่เลยแต่ชิ้นเดียว

“ผมกลัวเขาไม่ชอบคุณน่ะครับ...คือคุณรพีค่อนข้างจะ...เอ่อ”

“จะบอกว่าชั้นชอบบังคับซินะ”คนตาคมพูดขัด ตาจ้องไปที่คนที่อยู่ห่างส่งยิ้มแห้งๆมาให้

“ครับ...ก็ประมาณนั้น ในวันหนึ่งที่ผมไม่ได้อยู่กับตะวันที่บ้านหลังนี้แล้ว ผมอยากให้ตะวันเข้ากับทุกคนได้ อยากให้เขามีความสุขแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ครับ พอเห็นคุณดีกับตะวัน...ผมเลยดีใจมาก”อดุลย์เล่าไปยิ้มไปไม่ได้ความนัยแฝง แต่คนฟังกลับรู้สึกลมหายใจสะดุดไปชั่วครู่

...ถ้าไม่อยู่บ้านหลังนี้...อย่างนั้นเหรอ

“นายคิดว่านายออกไปแล้วตะวันจะมีความสุขเหรอ ทุกวันนี้ชั้นเห็นตะวันยิ้มแต่กับนายคนเดียว”เป็นคนพูดแต่กับงงงันในคำพูดตัวเองคิ้วเข้มขมวดไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้น

“ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ทิ้งตะวันไปไหน เพียงแค่ไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ต่อเท่านั้น”อดุลย์ยิ้มแล้วตอบ เขาคิดทุกอย่างอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว ถ้าทุกอย่างเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆเขาคงได้กลับไปอยู่บ้านอย่างวางใจ

“คือ...ถ้าไม่เป็นการขอมากเกินไป ผมก็อยากมาหาตะวันบ้างบางวันที่ผมว่าง”

“หมายความว่ายังไง”

“ก็ถ้ากลับไปอยู่บ้านผมก็คงจะหางานทำครับ”รพีมองคนตรงหน้าอย่าพินิจดีๆอีกครั้ง รอยยิ้มจริงใจแบบนั้นมีอะไรมากมายซ่อนไว้ ที่จริงคนตรงหน้าไม่ใช่คนไม่มีความคิดอะไรเลย

“ชั้นไม่เห็นด้วย”เสียงขึ้นจมูก จู่ๆก็รู้สึกขัดใจกับคำพูดตรงหน้า ทั้งๆที่ก็เป็นคนที่ดูพูดจริงทำจริง ไม่ได้หยิบหย่งอะไรแถมยังคิดดีแต่ก็ไม่ชอบใจไม่รู้ทำไม

“...”

“ถ้าอยากทำงานก็กลับไปทำที่ห้าง ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะออกจากบ้านหลังนี้”

“คือ...”อดุลย์อยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาเองก็มีที่ที่เขาควรอยู่และที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา แต่ปากบางเลือกจะเงียบเพราะสีหน้าที่เริ่มบูดบึ้งของคนตรงหน้าเริ่มไม่น่าไว้ใจ กลัวจะทำให้อีกฝ่ายโกรธจนทำร้ายตัวเองอีก

“บ้านชั้นไม่ใช่โรงแรม อยากมาอยู่ก็มาอยากจะไปก็ไป อย่าเรื่องมากไม่งั้นนายลำบากแน่ คงไม่ลืมนะว่าชั้นทำอะไรได้”อารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นจนเสียงนิ่งเริ่มกระชากอย่างน่ากลัว

“...”

“ชั้นจะแบล็คลิสนาย จะทำให้นายทำงานที่ไหนไม่ได้อีกเลย”ร่างสูงทิ้งคำขู่ที่เคยขู่อดุลย์เมื่อนานมาแล้วไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์เสีย รพีรู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่ขู่...เขาทำแน่ๆ เขาจะทำแน่ๆ

ยังไงรพีก็เป็นนักธุรกิจที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาได้อย่างที่คาดหวัง

เพราะแบบนั้นถ้าอดุลย์ออกไปจากบ้านนี้จริงๆ ทิ้งลูกของเขาไปจริงๆ เขาจะลงโทษอดุลย์ทุกวิธีทาง ทำให้อดุลย์ไม่สามารถหางานได้ ไม่มีจุดยืนอยู่บนสังคม





และซมซานกลับมาอยู่ในบ้านหลังนี้...!!!!!!
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 14-10-2014 22:23:38
แหม ไม่อยากให้เขาออกก็บอกไปซิพ่อซัน ทำโหดโวยวายนะ แหม่ :z6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 14-10-2014 23:29:32
อยากให้เค้าอยู่ใกล้ๆ อิเดะ อิอิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 14-10-2014 23:56:53
อินี่.....มันซึนแตกเกินไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 15-10-2014 00:53:30
ก็ขอร้องให้เค้าอยู่สิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 15-10-2014 01:14:42
พ่อซันบอกดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องขู่เลยยยย
กลัวเขาจะหนีหรออออ :hao3: :impress3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 15-10-2014 01:39:54
ไม่อยากให้เค้าไป ก็บอกเค้าดีๆสิ  :angry2:
อย่ามาทำตัวซึนนะพ่อซัน  :m20: :z2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 15-10-2014 01:51:33
ซึนเข้าไปเถอะรพี

ถ้าเกิดปิงปองไม่อยู่ขึ้นมาเดี๋ยวจะซึนไม่ออก อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 15-10-2014 07:15:50
พ่อซัน.. ซึนจิงๆ :ling2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-10-2014 09:31:14
ซึนตัวพ่อ

อารมณ์แปรปรวน

ยิ่งกว่าอาร์ตตัวแม่อีก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 15-10-2014 12:29:11
 :katai2-1: น่าดูชมเสียทีเดียว นายรพี นายแน่มาก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 15-10-2014 23:12:46
อยากให้เค้าอยู่ต่อก็บอกดีๆ สินายรพี
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 23 [ 14 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-10-2014 23:28:44
โอ้ย คนบ้าแบบพ่อซัน ต้องโดนจระเข้ฟาดหาง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 17 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 16-10-2014 23:59:55
39 ปีก่อน...

ในโรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นชื่อที่สุดในขณะนั้น เสียงของความวุ่นวายดังไปทั่วทั้งบริเวณ หน้าห้องกระจกที่กั้นไม่ให้คนที่ร้อนลุ่มจิตใจเข้าไปข้างใน ร่างสูงใหญ่ของชายที่เป็นเจ้าของศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเดินไปเดินมาราวหนูที่ติดจั่น แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาเยือนสถานที่และสถานการณ์แบบนี้ก็ตาม แต่คราวนี้มันพิเศษกว่าครั้งไหนตรงที่คนที่กำลังจะเกิดมาเป็นลูกชายคนแรก

ครอบครัวของศูรเป็นครอบครัวคนจีน ถูกปลูกฝั่งในเรื่องของบุตรชายสืบสกุลมาตั้งแต่รุ่นก่อน และเขาเองก็ปรารถนาจะมีลูกชายมาตั้งแต่แรกแต่สวรรค์คงไม่เข้าข้าง ลูกคนแรกจึงกลายเป็นผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ่มที่อยู่เกาะขากางเกงพ่ออยู่ข้างๆ

“คุณพ่อขา...เมื่อไรน้องจะออกมา”เสียงเล็กของเด็กสาวข้างตัวร้องเรียก ผู้เป็นพ่อก้มลงมองแล้วยิ้มกว้างส่งให้พลางย่อตัวลงนั่งยองมือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวเล็กอย่างเอ็นดู

“รออีกเดี๋ยวนะลูกจันทร์ เดี๋ยวน้องก็จะออกมาแล้วนะ”เสียงเข้มที่ยามทำงานดุดันแต่ยามนี้กลับอ่อนโยนราวคนละคน

“ค่ะ หนูอยากเจอน้องไวไว น้องจันทร์จะรักน้องให้มากๆ รักสุดๆไปเลยค่ะ”เด็กสาวพูดร่างเริงพลางกระโดดเกาะกระจกอย่างรอคอย ในดวงตากลมเล็กนั้นเปี่ยมไปด้วยความสุขที่รอคอย รอที่จะเจอเด็กที่จะมาเป็นน้องชายของเขา

“พ่อก็จะรักทั้งลูกจันทร์และน้องให้มากครับ”ชายหนุ่มยิ้มดีใจ ถึงจะตื่นเต้นกับการเกิดของลูกชายแต่เพราะมีลูกสาวตัวเล็กอยู่ด้วยเขาเลยไม่ได้เข้าไปให้กำลังใจภรรยาแบบครั้งก่อน

“แล้วคุณพ่อตั้งชื่อน้องไว้หรือยังค่ะ”

“เรียบร้อยแล้วครับผม”เด็กสาวตาแป๋วรอคำตอบของผู้เป็นพ่อจนคนที่หยุดรอจังหวะพูดแอบขำเล็กน้อย

“เด็กชายรพี...น้องของเด็กหญิงลูกจันทร์ ลูกของพ่อศูรและแม่ศรีนวล”

35 ปีก่อน...

เสียงร่ำไห้ในงานที่ทุกคนในงานร่วมกันพร้อมใจใส่เสื้อสีขาวดำมาทุกคน ใบหน้าโศกเศร้าในการจากไปของหญิงอันเป็นที่รักและเคารพ บุคคลสำคัญในแวววงธุรกิจมากล่าวคำอำลาเป็นครั้งสุดท้าย

ศรีนวล เรืองรัตนโยดม

ผู้หญิงที่เป็นทั้งแม่ของลูกทั้งสองอย่างดีที่สุด ผู้หญิงที่เป็นศรีภรรยาอย่างที่มีแต่คนอิจฉาคู่ครอง ผู้หญิงที่เป็นนักธุรกิจที่มีแต่คนนับหน้าถือตา ผู้หญิงที่แกร่งทั้งกายและใจ

ศูรยืนนิ่งหลับตาพยายามบังคับไม่ให้น้ำตาที่กำลังจะไหลรินออกจากดวงตามันรดออกมา การจากไปอย่างกะทันหันทำให้เขาทำตัวไม่ถูก อุบัติเหตุทางรถยนต์คราชีวิตของผู้เป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ

และวันนี้เป็นวันที่จะส่งเธอผู้เป็นที่รักกลับสู่ที่ที่เธอจากมา

“พ่อ...พ่อ...”เสียงเด็กชายวัยสี่ขวบเรียกร้องหาชายที่ทำหน้าตาเศร้าสร้อย มือเล็กกางออกบ่งบอกว่าอยากให้ศูรอุ้มขึ้นมา ผู้เป็นพ่อยิ้มจางๆสะกดกลั้นน้ำตาก่อนจะยกตัวเล็กๆของลูกชายขึ้นมาแนบอก

“หิวจัง...น้องซันอยากกินวุ้นเส้น คุณแม่หายไปไหน...ไม่มาพาน้องซันไปกินซักที”ลูกชายตัวเล็กร้องเรียกหาสิ่งที่คนเป็นแม่สัญญาไว้เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ รพียังเล็กเกินกว่าจะรับรู้ว่าแม่ของตนจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา ต่างจากลูกสาวคนโตที่ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด

“เดี๋ยวพ่อพาไปกินนะ”ศูรพูดออกมาได้แค่นั้น เขาไม่รู้จะหาคำอะไรมาบอกลูก ทุกๆคำมันจุกอยู่ในอก

“พี่จันทร์ก็ไป น้องซันก็ไป คุณพ่อก็ไป คุณแม่ก็ไป”คำพูดเจื้อยแจ้วทำให้น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ทะลักทลายออกมาฉุดไม่อยู่ ร่างสูงที่เคยนิ่งขรึมมาตลอดแต่บัดนี้เข่าอ่อนหมดแรง ความอดทนที่ทนมาจนวันสุดท้ายของงานหมดไปเสียดื้อๆ

“ครับ...ไปกันทุกคน”โกหกคำโตที่พูดออกมาทำให้เล็กน้อยดีใจจนร้องเต้นไม่สนใจบรรยากาศ รอยยิ้มของชายที่น้ำตายังไหลอาบแก้มบังเกิดออกมา พลางสายตาคมหันมองไปที่รูปหน้าโรงศพสีทอง บอกถ้อยคำสัญญากับคนในรูป

...พี่จะดูแลลูกเอง นวลหลับให้สบายเถอะนะ แม้จะต้องลำบากขนาดไหนพี่ก็จะทำให้ลูกสบายที่สุด พี่จะพยายาม จะพยายามแทนส่วนของนวลด้วย...ที่ผ่านมา...ขอบคุณนะที่รัก พี่จะรักนวลคนเดียว...ตลอดไป

24 ปีก่อน...

ในบ้านหลังใหญ่ที่เป็นสมบัติตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นบ้านของตระกูลเรืองรัตนโยดมที่สิบปีที่ผ่านมานี้เงียบเหงาลงไปอย่างไม่เหมือนว่าเป็นบ้าน เจ้าของบ้านทำงานอย่างไม่ลืมหูลืมตา ยิ่งช่วงที่ผ่านมาเกิดวิกฤตธุรกิจของประเทศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลก ศูนย์การค้าที่ทำอยู่เริ่มทำกำไรได้ลดลงในขณะที่รายจ่ายทุกๆด้านเพิ่มขึ้น

ความเครียดที่สั่งสมมาหลายปีบวกกับความคิดที่ว่าลูกๆจะมีความสุขถ้าพวกเขาอยู่สบายทำให้ศูรละเลยหน้าที่ที่ควรทำมากที่สุด ทั้งๆที่ลูกๆก็แค่อยากให้พ่อมีเวลาให้ตนเองบ้าง ศูรคิดแทนลูกทุกอย่างและตอนนี้ก็เช่นกัน

เบื้องหน้ารพีที่เริ่มโตเป็นหนุ่มในวัยสิบห้าปี คือเสียงเอะอะของพี่สาวกับพ่อของตัวเอง ทั้งคู่ทะเลาะกันจนบ้านแทบลุกเป็นไฟ เมื่อปีก่อนศูรส่งลูกจันทร์ไปเรียนต่อด้านบริหารที่ต่างประเทศ แต่เมื่อใบทรานสคริปของปีแรกที่ถูกส่งมาที่ประเทศไทยกลับเป็นไม่มีชื่อรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับงานบริหารเลยซักอย่าง

“แกไปผลาญเงินชั้นเป็นล้านๆเพื่อไอ้ดนตรีบ้าบออะไรของแกเนี่ยนะ!!”เสียงตวาดโกรธเกรี้ยวของชายวัยกลางคนที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นปรากฏบนใบหน้า ตาคมที่ดุเป็นปรกติยิ่งเวลาทำตาขึงโกรธยิ่งทำให้ไม่เคยมีใครกล้ามาขวางอารมณ์คนตรงหน้า

“ลูกจันทร์บอกคุณพ่อแล้วว่าลูกจันทร์อยากเรียนดนตรี”คำพูดยะโสที่ถ่ายทอดมาจากผู้เป็นพ่อออกมาจากลูกสาวคนโต ใบหน้าที่ละหม้ายคล้ายตัวเองยิ่งตาคมนั้นบอกถึงความเชื่อมั่นใจตัวเองอย่างถึงที่สุด

“ชั้นก็เคยบอกแกแล้วว่าชั้นไม่สนใจ แกต้องเรียนบริหาร!!”

“นี่ตัวลูกจันทร์ !!”

“แต่ชั้นเป็นพ่อแก!!”

สองเสียงทะเลาะอย่างไม่ยอมกันอยู่แบบนั้น ยิ่งเวลานานไปไฟยิ่งโหมแรงขึ้น ลูกจันทร์ที่ได้รับลักษณะภายในมาจากผู้เป็นพ่ออย่างเต็มเปี่ยม ยิ่งไปได้ใช้ชีวิตที่อยู่นอกกรอบมาหนึ่งปีเต็มๆที่ต่างเมืองยิ่งทำให้ความต้องการที่จะมีชีวิตของตัวเองเด่นชัดขึ้นมาจนเกินกว่าที่ศูรจะเข้าใจ

“พ่อเป็นพ่อทำไมไม่เข้าใจลูกจันทร์ ถ้าแม่ยังอยู่ แม่ไม่ทางที่จะบังคับลูกจันทร์แบบนี้ พ่อแย่ที่สุด ทำไมคนที่อยู่ตรงนี้ไม่เป็นแม่ทำไมต้องเป็นพ่อ!!!”

เพี้ยะ !!

ใบหน้าขาวหันไปตามแรงตบที่แรงชนิดที่ว่าดังสนั่นก้องไปทั้งบ้าน ทั้งคนที่ตบถูกตบและคนที่ยืนดูตกใจไม่ต่างกัน ลูกจันทร์ยกมือกุมแก้มตัวเองรู้สึกถึงไอร้อนจางๆ น้ำตาพาลไหลออกมาไม่รู้ตัวแต่ถึงอย่างนั้นก็นั้นมาส่งสายตาไม่ยอมแพ้กับพ่อของตัวเองจนศูรเกิดโทสะขึ้นมากกว่าเดิม

“ไป!! ถ้าอยากชั้นแย่นักก็ไป ไปเลย”คนพ่อตวาดก่อนจะหันหลังเดินหนีไปเพื่อดับโทสะ รู้ว่าตัวเองกำลังโกรธแบบสุดๆและไม่อยากทำร้ายลูกไปมากกว่านี้จึงเลือกเป็นคนเดินหนีไปก่อน

หญิงสาวทรุดกายลงกับพื้นหินอ่อนร้องไห้เสียงดัง เด็กชายรพีเดินขาสั่นๆเข้าไปหาพี่สาวหวังจะปลอบโยนพี่สาวให้เหมือนแต่ก่อนที่พี่สาวเคยปลอบตัวเอง

“พี่จันทร์...”ลูกจันทร์เงยหน้ามองคนเรียกก่อนโผร่างเข้าหาน้องชาย ปีหนึ่งที่ไม่ได้เจอกัน ถ้าเป็นเหตการณ์ปรกติคงมีเรื่องราวมากมายให้ได้คุย แต่ตอนนี้กลับมีแค่เสียงของความเสียใจ

“พี่จันทร์ไม่ร้องนะพี่ เดี๋ยวซันจะช่วยพูดกับพ่ออีกแรง”รพีพยายามปลอบแต่คนร้องไห้ส่ายหน้ารัว

“ไม่...พ่อไม่ยอมหรอก พวกเราต่างรู้จักพ่อดี...พี่...จะไป”น้ำเสียงแน่วแน่จนคนฟังหวาด

“...พี่จันทร์ล้อเล่นใช่มั้ย พี่จะไม่ทิ้งซันใช่มั้ย”รพีพูดเสียงสั่น แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร มีเพียงรอยยิ้มสุดเศร้าที่ปนไปกับน้ำตาที่เปื้อนเต็มใบหน้า รอยยิ้มที่รพีจำติดตาเพราะ...มันเป็นรอยยิ้มครั้งสุดท้ายของพี่สาวที่เขาได้เห็นก่อนที่ลูกจันทร์จะหายไปจริงๆ

10 ปีก่อน...

งานแต่งงานที่เป็นที่โจษจันไปทั่วประเทศ เป็นงานแต่งงานของลูกชายทายาทห้างที่ใหญ่ที่สุดและตั้งอยู่กลางใจเมือง และเป็นที่รู้กันว่าเป็นทายาทเพียงคนเดียวของเรืองรัตนโยดม ตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้นๆของประเทศ

เจ้าบ่าวร่างสูงยืนทำหน้าตายอยู่บนเวที รพีในวัยสามสิบปีในชุดสูทสีขาวสะอาดเข้าพิธีแต่งงานกับลูกสาวบก.หนังสือชื่อดังในขณะนั้น แม้ฝ่ายสาวจะไม่เป็นที่รู้จักกันมากเท่าไรในวงสังคมชั้นสูง แต่รพีเห็นแนวทางในการใช้ประโยชน์จากสื่อที่กำลังเริ่มเติบโต จึงตัดสินใจยอมตกลงกับหญิงสาวที่ชื่อนลิน...แม้จะไม่ได้รักก็ตาม

ในงานที่มีแต่รอยยิ้มเว้นเพียงแต่เขาและศูรเท่านั้นที่ยืนนิ่งๆอยู่บนที่แห่งนี้ราวกับตัวประกอบเท่านั้น พิธีกรที่กำลังพูดคุยเรื่องราวความรักที่ถูกแต่งมาให้คนมางานได้รับฟังและซาบซึ้งกับเรื่องปลอม

ตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนวันที่ศูรทะเลาะและไล่พี่สาวของรพีออกจากบ้าน พี่ลูกจันทร์ก็หายไปเลยจริงๆ ไม่เคยกลับมาบ้านแม้เพียงซักครั้งเดียว หลังจากนั้นบ้านก็เงียบเหงาไม่เหมือนบ้าน รอยยิ้มไม่เคยปรากฏขึ้นมาให้เห็นอีกเลย

ยิ่งรพีที่ถูกชะตากรรมเดียวกับพี่สาวยิ่งแล้วใหญ่ ต่างกันตรงที่เขาไม่ได้ขัดขืน แต่เขายอมรับมันง่ายๆ ก่อนหน้าเด็กหนุ่มเคยเรียกร้องความสนใจจากศูรทำตัวเสเพล ติดเหล้าเมายาหนักจนเกือบตายมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็ทำให้รพีพบว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็เรียกร้องอะไรจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้

“ต่อไปนี้ขอเชิญคุณศูร พ่อของคุณรพีออกมากล่าวคำอวยพรหน่อยนะครับ”พิธีกรหนุ่มกล่าว ผายมือเชิญนักธุรกิจใหญ่ตาดุออกมาพูดอวยพรในวันวิวาห์ของลูกชาย

ศูรเดินออกมาอย่างสง่า เวลาที่ผ่านไปยิ่งทำให้ความน่าเกรงขามของคนคนนี้มีมากขึ้นมากกว่าเดิม

“ผมยินดีที่ลูกชายของผมมีวันนี้ ขอบใจนลินที่จะเข้ามาดูแลรพี ผมหวังว่านลินจะทำให้ลูกชายของผมมีความสุข ขอให้เป็นแบบนั้น...วันนี้เป็นวันดี ผมไม่มีอะไรดีๆจะมอบให้ในวันที่ดีมากๆแบบนี้นอกจาก...”รอยยิ้มเล็กๆที่ไม่เคยเห็นมานานปรากฏออกมาให้ทุกคนได้เห็น

“...นอกจากสิ่งที่ผมรักมากที่สุด”

“...ผมขอมอบหุ้นในชื่อของผม บ้านและทุกอย่างที่เป็นของผมให้รพี”ศูรบอกก่อนจะเกิดเสียงฮือฮาดังทั้งห้องจัดเลี้ยง การที่ศูรพูดแบบนั้นหมายถึงการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเครือเรืองรัตนโยดม

แต่ในความหมายของชายชราที่ไม่เคยมีใครเข้าใจ...

เขาหมายถึง...เขามอบทุกอย่างในชีวิตของเขาให้กับรพี...ทุกอย่าง



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




35ปีก่อน...

เสียงร้องไห้ดังจ้าของเด็กทารกที่พึ่งเกิดมาใหม่ในบ้านไม้โทรมๆหลังเก่า เด็กตัวแดงถูกห่อด้วยผ้าถุงบางๆ ไม่ใช่ว่าไม่นึกคำนึงถึงความสะอาด แต่เพราะผ้าผืนนี้เป็นผ้าที่สะอาดที่สุดในบ้านหลังนี้แล้ว

หญิงสาวใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬเต็มไปทั้งหน้าหอบหายใจก่อนจะอุ้มเด็กทารกตัวเล็กขึ้นมาไว้ในอก หวังจะเด็กเงียบเสียงลงแต่ก็เปล่าประโยชน์

“พี่แดง...เสียงอะไรน่ะพี่”ผู้หญิงอีกคนที่โผล่เข้ามาในบ้านหลังเก่า เป็นผู้หญิงร่างอวบอายุยี่สิบต้นๆ ได้ยินเสียงร้องไห้งอแงของเด็กอยู่ข้างบ้านจึงเดินมาดู ก่อนตาจะโตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เด็กทารกที่ยังเปื้อนเลือดสีแดงเต็มตัว กับแม่ของเด็กที่เป็นพี่สาวข้างบ้านที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ากำลังมีครรภ์

“เฮ้ย อะไรว่ะพี่ อะ...อะไรเนี่ย...โรงบาล...”ร่างอวบทำอะไรไม่ถูก มองซ้ายมองขวาหาทางออกแต่ก็คิดไม่ออก พลันสายตาไปเจอโทรศัพท์บ้านจึงคิดได้ว่าต้องพาคนเจ็บพร้อมเด็กไปโรงพยาบาล

“อร...”เสียงของคนที่พึ่งเป็นแม่เรียกสาวร่างอวบอย่างระโหยโรยแรง

“ไรพี่ อย่างพึ่งพูดๆ เดี๋ยวชั้นไปหาพามาเช็ดลูกพี่ก่อน...พี่ไปท้องใครมาพี่ อะไรเนี่ยชั้นงงไปหมด”อรโวยวายตามนิสัย แต่แดงไม่นึกโกรธรู้จักกันมานานเพราะเป็นเพื่อนบ้านตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ อรเป็นคนขี้โวยวายแต่ก็จริงใจเป็นที่สุด

“ลูกพี่...ปลอดภัยใช่มั้ย”

“ร้องไห้จ้าขนาดนี้ ไม่เป็นไรแน่ๆพี่แดง สรุปมันลูกใครเนี่ยพี่ พ่อมันอยู่ไหนทำไมไม่พาพี่ไปคลอดโรงบาลว่ะ”อรยังไม่เลิกสงสัย แม้จะเดาเรื่องได้แต่ก็อดถามไม่ได้เพราะเธอไม่เคยเห็นผู้ชายเข้ามาบ้านนี้เลยซักคน

“ไม่มีหรอก...ลูกพี่คนเดียว...พี่ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยอร ลูกพี่ชื่อไรดี”พยายามเปลี่ยนเรื่องและได้ผล คนขี้โวยวายหันมาเพ่งพินิจเด็กทารกอย่างสนใจ

“ตัวมันกลมๆแดงๆอย่างกะลูกปิงปองเลยพี่ เอาชื่อปิงปองมั้ย”

“ฮ่าๆ พี่อยากได้ชื่อจริง แกนี่...”แดงหัวเราะเบาๆพร้อมๆกับอร

ปิงปอง...ลูกของแม่

25ปีก่อน...

อีตุ๊ด!!

อีกระเทย!!

อีผิดเพศ!!

สารพัดคำล้อเลียนของเพื่อนร่วมรุ่นต่างล้อเลียนเด็กชายอดุลย์หรือปิงปองของแม่แดง ปิงปองก้มหน้าฟังคำเหล่านั้น กัดปากเน้นจนกลายเป็นเส้นตรง โกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ตั้งแต่รู้ความจำเรื่องราวได้ในจิตใจของเด็กชายกับรู้สึกแปลกในร่างกายของตัวเอง เวลาเห็นแม่แดงใส่เสื้อผ้ากระโปรง รองเท้าส้นสูงก็อยากจะหยิบเอามาใส่ พูดค่ะพูดขาก็รู้สึกดีกว่าครับ

แม่แดงไม่ได้ว่ากล่าวอะไรที่ปิงปองเป็นแบบนี้ แม่มักจะไล่ตะเพิดคนที่มาล้อเลียนปิงปองเสียทุกครั้ง แม่บอกว่าปิงปองไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นเขาพูดกัน แต่ปิงปองเป็นลูกแม่...ไม่ใช่อะไรเลย

“อีตุ๊ดอย่ามาใกล้กู”เด็กผู้ชายตวาดใส่ปิงปองทันทีที่เดินเข้าไปต่อแถวรอซื้ออาหารในโรงอาหารของโรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้าน

“...ข..ขอโทษ”เพราะท่าทางตุ๊งติ๊ง คบแต่เพื่อนผู้หญิงร่วมทั้งใบหน้ากลม ผิวขาวตาโตยิ่งเหมือนผู้หญิงเข้าไปกันใหญ่ ปิงปองชอบที่จะเป็นแบบนี้แต่ไม่ชอบตรงที่มีคนมาแต่คอยจะรังเกียจกัน

“ปิงปองๆ มาทางนี้จ้า”เพื่อนผู้หญิงเรียกเสียงใส ปิงปองเดินไปหาคนเรียกด้วยรอยยิ้ม

ถึงจะมีคนที่คอยรังเกียจ...แต่ปิงปองก็ยังมีคนที่คอยยอมรับเหมือนกัน

ปิงปองจะไม่เป็นอะไรก็ตามที่คนที่เกลียดยัดเยียดให้เขา

แต่ปิงปองจะเป็นปิงปองของแม่แดง...ของน้าอร...ของเพื่อนๆ...ของทุกคนที่เข้าใจปิงปอง

20ปีก่อน...

“น้าไปก่อนนะปิงปอง ดูแลตัวเองดีๆนะลูก ถ้ามีปัญหาอะไรโทรหาน้านะ ถึงน้าจะไม่ค่อยมีแต่น้าจะช่วยเต็มที่”อรที่ยังคงเป็นผู้หญิงร่างอวบพูดบอกกับหลานชายสุดที่รักของตัวเอง...ที่ตอนนี้คงเรียกหลานชายได้ไม่เต็มปาก เพราะมีวิกผมยาวดูขัดตากับเครื่องสำอางค์จางๆแต่งเติมใบหน้าให้ดูสวยสะพรั่ง

“หนูอยู่ได้ค่ะน้าอร พอมีเงินเหลืออยู่ หนูจะไปหาห้องเช่าแล้วค่อยหางานทำ”เพราะที่ดินที่บ้านตัวเองเคยอยู่ถูกเวนคืน แม้จะอยู่มานานหลายสิบปีแต่ก็ไม่ใช่ที่ของตัวเอง เมื่อเจ้าของต้องการคืนก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้

“ที่จริงไปอยู่กับน้าก็ได้ บ้านเก่าของญาติน้าเอง เขาให้น้าไปอยู่ อยู่หลายคนแต่ก็คงพออยู่ได้ ไปอยู่กับน้าเถอะน้าเป็นห่วง แกเป็นอะไรขึ้นมาพี่แดงแกลุกจากหลุมมาบีบคอน้าแน่ๆ”อรพูดขำๆ ปิงปองยิ้มขำ แม่แดงของตนเสียไปได้สามปีแล้ว ตลอดมาก็น้าอรช่วยเหลือมาตลอด ดีตรงที่มีที่ซุกหัวนอน และก็ไปรับจ้างเข็นของในตลาดใกล้ๆหลังเลิกเรียน บางวันก็ไปช่วยน้าอรขายของได้ค่าแรงมาพอกินพออยู่

“ไม่เป็นไรค่ะน้าอร หนูอายุสิบห้าแล้วนะ แค่นี้สบายมาก”สุดท้ายก็ไม่ได้ย้ายตามน้าสาวไป ขอบคุณน้าอรมาตลอดจนนับถือว่าเป็นแม่อีกคนของตัวเอง

แต่ได้เวลาแล้วที่ปิงปองคนนี้จะได้ใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาใคร จะไม่มีคำว่าไม่รอด...ไม่มีทางที่จะทำให้ชีวิตที่แม่เลี้ยงดูมาต้องเสียเปล่า...

16ปีก่อน...

เสียงเพลงดังอึกทึกครึกโครมของผับดังในย่าน ร่างอรชรเดินเข้ามาอย่างกล้าๆกลัวเข้ามาในร้านตอนหัวค่ำที่พนักงานกำลังวุ่นวายในการเปิดร้าน

“เอ่อ...มาสมัครงานค่ะ”ปิงปองที่ตอนนี้ผมยาวจนถึงกลางหลัง และใบหน้าที่สวยหวานด้วยจากการแต่งหน้าจึงไม่ทำให้เขอะเขินที่จะพูดจาเหมือนหญิงสาว

หากแต่เสียงแหบๆของตัวเองทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่หญิงสาวแท้ๆ

“พี่เขียนไว้ว่ารับสมัครสาวเสิร์ฟนะน้อง”

“เอ่อ...”

“กลับไปๆ”โดนไล่แบบที่เคยโดนบ่อยๆ หายากเหลือเกินงานที่ยอมรับเขา งานก่อนหน้าก็เป็นเด็กเสิร์ฟที่เจ้าของร้านพอจะเข้าใจยอมรับ แต่ก็มีลูกค้าที่รังเกียจคนแบบเขา สุดท้ายเขาก็ต้องออกมาหางานใหม่เนื่องจากเพศที่ไม่ตรงตามกฏธรรมชาติ

“มีไรเฮีย เด็กเสิร์ฟใหม่เหรอ น่ารักนี่หว่า”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างหลัง

“อ่าวมาแล้วเหรอไอ้ไตร ไม่ได้รับหรอก กูอยากได้สาวเสิร์ฟเรียกลูกค้าผู้ชาย”

“อ่าว...แสดงว่า โห้ยยยย เสียดายว่ะ น่ารักมากเลยนะเนี่ย”คนทะเล้นพูดล้อ พลางมองหน้าของคนตัวเล็กสุด แต่ก็โดนหลบสายตาอายๆ

“ยังงั้นก็ต้องไล่วงผมออก ไอ้ต้ามือเบสมันเป็นเกย์”เสียงนิ่งๆพูดขึ้นมา เรียกสายตากลมโตให้หันไปมอง เป็นชายหนุ่มร่างสูงตาคมดุ คิ้วเข้มน่ามอง

“เห้ยต่างกันสิ”

“ต่างยังไง ไม่รับไอ้นี่ก็ต้องไม่ให้ไอ้ต้าทำงานด้วย”พูดแค่นั้นก่อนจะเดินหนีหายไปทิ้งให้ทุกคนมองตามแล้วคนทะเล้นก็หัวเราะเสียงดัง

และแบบนั้นปิงปองเลยได้งานทำแบบงงๆ แต่ในใจก็นึกชื่นชมคนๆนั้น คงเป็นคนที่ไม่รังเกียจคนแบบเขา

...รพี...







หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 17 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 17-10-2014 01:33:54
มาแล้ววว สงสารรพีจังที่ต้องโดนบังคับมาตลอด

โดยไม่รู้ว่าพ่อหวังดีเลยทำให้รพีเป็นแบบนี้สินะ

อยากให้พ่อลูกได้ปรับความเข้าใจกันซักทีนะ

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 17 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-10-2014 05:14:31
รพี!!!!นายเคยเป็นเด็กอ่ะ!!!!

นายเคยมีคำพูดดีๆอ่ะ!!!


//ตกใจแปบ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 17 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 17-10-2014 06:15:48
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 17 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 17-10-2014 08:08:16
มันเป็นยังงี๊นี้เอง
แต่การลำดับเหตุการณ์ แบบย้อนไปย้อนมาแลดูจะทำให้งงๆนะ 555+
ดูมันสลับไปสลับมา น่าจะให้เป้นปีๆตามลำดับ
แต่ก็พอเข้าใจนะ(ตกลงยังไง 555+)
ที่แท้ปิงปองก็รู้สึกชอบรพีเพราะเหตุนี้นี้เอง
แล้วตกลงลูกจันทร์ไปอยู่ที่ไหน
ตอนแรกๆตกใจนึกว่าปิงปองจะเกี่ยวอะไรด้วย 555+
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 17 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 17-10-2014 08:44:07
รู้แล้วว่าทำไมถึงรักคุณรพี เรื่องราวน่าสงสารทั้งคู่เลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 17 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 17-10-2014 11:36:11
 :katai2-1: อ่านทั้งตอน ประทับใจที่สุดคือ "ซัน อยากกินวุ้นเส้น" 555+
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 17 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 17-10-2014 12:19:57
ทุกคนต่างมีปมของตัวเอง แต่อยู่ที่ว่าใครคิดได้  :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 17 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 17-10-2014 14:28:38

ชอบตอนนี้จังเลย

มีมากมายหลากหลายอารมณ์

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 18-10-2014 23:06:35
นับตั้งแต่วันที่อดุลย์ถูกทิ้งไว้ให้งงงันพร้อมคำขู่แปลกๆจากเจ้าของบ้าน เหมือนว่าเวลาเขาทำอะไรก็มักจะขัดหูขัดตาอีกฝ่ายไปซะหมด ได้ยินเสียงจิ๊ปากรำคาญทุกครั้งที่เจอหน้ากันแต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น รพีแค่หงุดหงิดด้วยสาเหตุอะไรก็เกินกว่าเขาจะคาดเดาได้ คิดว่าคงเพราะเขาจะฝ่าฝืนคำสั่งเลยเกิดความไม่ชอบใจ

อดุลย์เลยคงได้พับแผนการที่จะใช้ชีวิตของตัวเองไปอีกซักระยะ เขาไม่อยากจะมีปัญหาอะไรยอมได้คงต้องยอมไปก่อน ในซักวันหนึ่งที่เขาคงจะหมดความสำคัญกับบ้านหลังนี้คงมาถึง

“วันนี้ทำอะไรกินครับพ่อ”เสียงทักทายยามเช้าตรู่ของตะวันส่งมา ทั้งดาวและป่านหันกลับไปยิ้มทักทายคุณหนูของบ้านที่เดินมากอดรัดฟัดเหวี่ยงพ่อปิงปองของตัวเองอย่างที่เคยทำประจำ

“ทำไมตื่นเช้าจัง”อดุลย์ถามกลับแปลกใจ ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นดีด้วยซ้ำ เขากับเด็กๆในบ้านกำลังทำอาหารเช้าง่ายๆแบบในทุกวัน ตอนนี้เหมือนเป็นหน้าที่ของอดุลย์รับผิดชอบไปเสียแล้ว

“ว่าจะไปไวหน่อยครับ อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้ไปเรียนทั้งอาทิตย์เพื่อนบอกว่ามีงานเพียบ เลยว่าจะแวะหอพวกเพื่อนลอกงานก่อน”ตะวันยิ้มตอบ ซบหน้าลงคลอเคลียราวลูกแมวเมื่อถูกมือบางยกขึ้นลูบหัวอ่อนโยน

“แล้วจะไปยังไง ให้พ่อไปส่งมั้ยเดี๋ยวยืมรถลุงโชนไปส่งก็ได้”

“ไม่เป็นไรครับ พี่วัชจะไปส่ง”

“คุณวัชรอ่ะเหรอ?”

“ครับ เห็นว่าวันนี้จะเข้ามาคุยกับพ่อด้วย เลยอาสามารับตะวันเพราะยังไงก็ต้องมาบ้านนี้อยู่แล้ว”เมื่อคืนคนที่อาสาโทรมาหาตะวันแจ้งกำหนดว่าตัวเองจะเข้ามาให้ฝากบอกพ่อปิงปองของตะวันด้วย เพราะวัชรไม่มีเบอร์ของอดุลย์

“ไม่ลำบากพี่เขานะตะวัน”คนตัวเล็กส่งสีหน้ากังวลออกมา ว่าด้วยเนื้องานของวัชรเป็นเลขาฯของรพี จะให้มาไปส่งตะวันก็กลัวว่าเจ้านายฝ่ายนั้นรู้จะพลาดเขม่นเขาอีก

“ชิว พี่วัชเขาใจดีนะ”พูดพลางหัวเราะเสียงใสก่อนจะขอตัวออกไปไม่ขัดขวางการทำอาหารของพ่อต่อ เห็นแว่บๆว่าวันนี้พ่อทำพะโล้ให้ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

ของโปรดอีกแล้ว...

ไม่นานเท่าไรนักแขกของบ้านก็เข้ามาเยือน หนุ่มหน้าตี๋บอกเชื้อชาติยิ้มรับแสงสีส้มอ่อนๆในเช้าวันใหม่ เดินเข้ามาในครัวอย่างสนิทชิดเชื้อ

“สวัสดีครับคุณปิงปอง”คำเรียกแทนตัวที่ดูสนิทสนม อดุลย์ยิ้มพร้อมๆกับรับไหว้

“สวัสดีครับคุณวัชร”พร้อมๆกับดาวและป่านที่เอ่ยทักทายอย่างนอบน้อมแม้จะอายุมากกว่าอีกฝ่ายก็ตาม

“ตะวันตื่นหรือยังครับเนี่ย”

“อ้อ เดี๋ยวก็ลงมาครับ เมื่อกี้มาร้องตะแน่วๆหาของกินแล้ว ตอนนี้คงกำลังไปแต่งตัวอยู่ คุณวัชรทานข้าวเช้ามาหรือยังครับ”หนุ่มหน้าตี๋ส่ายหน้า มือขาวลูบที่ท้องตัวเองเพื่อยืนยันอีกทาง

“งั้นทานด้วยกันกับตะวันนะครับ ผมจะได้จัดให้เพิ่ม”

“งั้นรบกวนด้วยนะครับ”วัชรตอบอารมณ์ดี คนตรงหน้าอัธยาศัยดียิ้มแย้มตลอดเวลา ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นลูกน้องแม้ตัวเองจะอยู่ในฐานะที่เป็นครอบครัวของเจ้านายเขาก็ตาม

ซักพักพอตะวันลงมาดาวก็จัดโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อย วันนี้โต๊ะอาหารยามเช้าดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ปรกติจะมีแค่ตะวันคนเดียวที่นั่งบนโต๊ะ บางทีก็กินจากในครัวเลยด้วยซ้ำเพราะเขาออกจากบ้านแต่เช้า

แต่วันนี้พอมีผู้ร่วมโต๊ะอาหารคนใหม่มา อดุลย์เลยมานั่งเป็นเพื่อนด้วยแม้ว่าจะไม่ได้ร่วมทานด้วยกัน เพราะมันเช้าเกินไปเขารอทานพร้อมๆกับพวกดาวและป่านเสมอ

“น่าทานทั้งนั้นเลยนะครับ”หนุ่มตาเล็กพูดชมเอาใจ แต่ก็ไม่ได้เกินความจริง คนที่ยกอกขึ้นภูมิใจไม่ใช่คนทำแต่เป็ลลูกชายตัวแสบ

“อยู่แล้วพี่วัช พ่อปิงปองทำอาหารเก่งที่สุด”ตะวันพูดโอ้อวด

“อืม อร่อยจริงๆ ทำไมถึงไม่ลองทำร้านอาหารล่ะครับ”อีกครั้งที่ได้ยินคำถามแบบนี้ ที่จริงกับข้าวที่ทำไม่ได้รสชาติดีเลิศขนาดนั้น แต่คงเป็นเพราะมันเป็นรสที่ถูกปากมากกว่า อดุลย์ใส่ใจคนรอบข้างเสมอ รู้ว่าใครชอบทานอะไรแบบไหน ที่วัชรชมคงเพราะรสปากเดียวกับลูกชายที่ชอบรสจืดนิดๆ ถ้าเป็นศูรฝ่ายนั้นชอบพวกอาหารพื้นเมืองพวกน้ำพริก ส่วนรพีก็ชอบพวกผัดผักกับต้มยำ

“ไม่มีทุนขนาดนั้นหรอกครับ ถ้าเป็นแต่ก่อนเคยทำอยู่นะครับ ทำใส่ถุงไปเดินขายในตลาด แต่กำไรน้อยแล้วก็ต้องมีเวลา”อดุลย์บอกกลับยิ้มๆ สมัยตอนเด็กๆเคยช่วยแม่ของตัวเองทำกับข้าวเดินขายตามตลาดตามโรงงานแถวบ้าน ตอนที่เลี้ยงตะวันก็เคยทำไปขายในตลาดเหมือนกัน

“นี่ไงครับ ทำให้ห้างของเรา ทุนไม่ต้องหา กำไรเน้นๆ”คำพูดเล่นเรียกเสียงหัวเราะร่า แต่วัชรพูดจริง วันนี้ที่เข้ามาหาอดุลย์ก็เพราะได้รับคำสั่งแปลกๆจากเจ้านายให้มาคุยเรื่องหาอะไรให้คนในบ้านตัวเองทำ ถึงไม่เข้าใจเหตุผลก็เถอะ แต่ก็ต้องทำตามอย่างเดียว

“พูดเป็นเล่นไป ค่าเช่าที่ห้องยูนิตหนึ่งแพงกว่าเงินเดือนรวมค่าคอมฯของผมอีกนะครับ”

“นั้นมันแต่ก่อนนี่ครับ ทำได้จริงๆนะครับ ท่านประธานไม่หวงที่หรอกครับ ไม่เชื่อลองไปถามท่านได้นะครับ”เพราะฝ่ายนู้นบอกมาเองว่าถ้าอดุลย์อยากทำอะไรก็ให้วัชรจัดหาให้ วัชรคิดให้ใจขำๆ

“เหอะๆ”ยิ้มแห้งๆกลับ ให้ตายก็ไม่กล้าพูดหรอก แต่โดนคำขู่คราวที่แล้วก็ไม่อยากทำอะไรขัดใจอีกฝ่าย ถ้ามาขอที่ขอทางมีหวังคิดว่าเขาจะกอบโกยอีกแน่ๆ

“ไม่เอาหรอก พ่ออยู่ทำกับข้าวให้ตะวันคนเดียวก็พอแล้วเนอะ พ่อไปเปิดร้านก็ไม่มีเวลาทำกับข้าวสิเนอะพี่ป่านพี่ดาว”ตะวันขัดกลางปล้อง ไม่เห็นด้วยที่จะให้ไปพ่อไปทำงาน อยากให้อยู่สบายๆมากกว่า สองสาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ร้องรับคำแข็งขัน ไม่ได้มีความคิดเห็นอะไร

“โห้ย อายุตั้งเท่าไรแล้วตะวันลูกแหง่นี่หน่า มีของอร่อยสมควรแบ่งปันนะ”

“พ่อปิงปองไม่ใช่ของกินนะพี่ เนอะพ่อเนอะ”เถียงตาใสแกล้งทำไม่รู้เรื่องทำเอาคนคนอื่นหัวเราะร่าไม่เว้นแม้แต่คนล้อเลียน

“....วัชร? มาทำอะไรแต่เช้า”เสียงเข้มดังขัดเสียงหัวเราะของคนในห้อง ดาวกับป่านพอเห็นว่าใครเป็นคนพูดก็เอ่ยขอตัวไปชงกาแฟให้เจ้าบ้าน รพีเดินเข้ามาให้ห้องอาหารห้องเล็กที่มีสามคนกำลังยิ้มแย้ม บนโต๊ะมีอาหารสามอย่างที่รู้ว่าฝีมือใครวางอยู่

ตื่นเช้าลงมาก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะคิกคักเลยเดินเข้ามาดู เห็นรอยยิ้มของคนร่างบางที่เกิดจากลูกน้องของตัวเองก็รู้สึกขัดใจ ตั้งแต่วันนั้นที่ขู่อดุลย์ไปเขาก็พยายามเลี่ยงอีกฝ่ายมาตลอด ไม่เข้าใจตัวเองอยู่นานจนสุดท้ายก็สรุปได้

...ว่าคงเป็นเพราะตัวเองหวงของ ในเมื่ออดุลย์เป็นคนของเขา  ก็ไม่มีสิทธ์หนีหายไปไหนโดยพลการโดยที่เขาไม่อนุญาต...

“ผมจะมาคุยธุระกับคุณปิงปองครับ”

“ธุระมันต้องมาเช้าขนาดนั้นเลยหรือไง”เสียงเข้มถามอย่างขัดใจ เลขาหน้าตี๋มองเจ้านายงงๆ รู้สึกตัวเองกำลังทำอะไรให้ท่านประธานโกรธ แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกัน

“เอ่อ ก็ผมอาสาไปส่งตะวันน่ะครับ ผมยังไม่ได้จัดการเรื่องรถเลยอาสามาก่อน”

“แล้วเรื่องรถว่าไง ดูแล้วใช่มั้ยว่าจะเอารุ่นไหน”หันมาถามคนเป็นลูก ตะวันส่ายหน้าหวือ

“คือตะวันไม่อยากขับรถ ยังไม่มีใบขับขี่ไม่อยากให้วุ่นวาย”

“แล้วจะเอายังไง?”

“ก็ไปกลับแท็กซี่เอาได้มั้ยครับ?”ยื่นข้อเสนอไป ตะวันรู้ว่าทุกคนเป็นห่วง แต่เขาไม่อยากทำตัวราวกับคุณหนูมีคนคอยรับส่ง ทุกวันนี้เพื่อนที่รู้ว่าตะวันขยับฐานะก็มีแค่ทานตะวันกับเพื่อนที่วิทยาลัยอีกสองคนเท่านั้น

“มันไม่สะดวก”รพีขัดเสียงเข้ม เป็นนิสัยไปแล้วที่ไม่ชอบคนขัดใจ

“เอ่อ...งั้นเดี๋ยวผม”อดุลย์จะบอกความคิดเห็นแต่ถูกสายตาคมหันตวัดมาจ้องใส่จนสะดุ้งน้อยๆ

“นายไม่ต้องหาเรื่องลำบาก ถ้าไม่อยากขับเองกลัวผิดกฎหมายก็ให้เอาคนขับที่บริษัทไป มีลูกจ้างก็ต้องใช้ ชั้นจ่ายเงินเดือนไม่ได้ให้พวกนั้นทำงานฟรีๆ”รพีรู้ว่าอดุลย์จะพูดอะไรเลยพูดขัด ไม่พ้นว่าอีกฝ่ายเสนอตัวมาขับรถรับส่งให้ลูกชายแน่ๆ

วัชรมองบทสนทนาตรงหน้าเงียบๆ รู้สึกอึ้งปนขำอยู่ในใจ ก็รู้อยู่หรอกว่าท่านประธานเป็นคนที่มักจะบังคับอะไรๆให้ได้อย่างใจตัวเอง ไม่ชอบคนขัดใจ แต่ก็ไม่ได้บังคับทั้งๆที่มีบรรยากาศอ่อนหวานแบบนี้ เป็นการบังคับที่แสดงออกถึงความห่วงใยแบบสุดๆ

“หัวเราะอะไรวัชร?”หนุ่มหน้าตี๋สะดุ้งตัว ไม่รู้ตัวว่าเขาเผลอหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ

“ปะ...เปล่าครับ”

รพีไม่ได้สนใจอะไรในคำตอบ พอดีกับที่ดาวและป่านยกถาดกาแฟเข้ามารพเลยเลือกนั่งลงที่หัวโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง แต่คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นสิ่งที่สาวใช้ยกมา

...กาแฟดำกับนมสองแก้ว กับเลม่อนฝานหนึ่งซีก...

ที่จริงเขาก็ดื่มแบบนี้ปรกติทุกวัน แต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิมตรงที่

ทำไม...กับข้าวที่เขาไม่เคยแตะต้องถึงไม่ถูกยกมาด้วย

“ท่านประธานไม่ทานข้าวด้วยกันเหรอครับ”วัชรถามเมื่อเห็นเจ้านายมีแค่แก้วกาแฟสองแก้วเล็กๆ กลับต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อถูกสายตาดุตวัดมองมาที่ตัวเอง คิ้วเข้มขมวดแบบนั้น...อารมณ์เสียอยู่แน่ๆ

“เอ่อ...”

“กินเสร็จหรือยังชั้นมีเรื่องจะคุยกับนาย”รพีพูดโพล่งออกมาแล้วเดินฉับออกจากห้อง เป็นเชิงว่าให้คนที่ถูกถามตามไปทั้งๆที่ยังไม่รอฟังคำตอบ วัชรเดินตามออกไปงงๆ ช่วงนี้ถึงเป็นเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ของรพีซักเท่าไร

“มีอะไรหรือเปล่าครับท่านประธาน?”วัชรเอ่ยถามเมื่อเดินตามเข้ามาในห้องรับแขกที่อยู่ใกล้ๆ รพีนั่งอยู่ที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ แหงนหน้าขึ้นมองวัชรขัดใจ

“เรื่องนลิน”

“ที่ว่าคุณนลินมีส่วนเรื่องที่ตะวันถูกทำร้ายใช่มั้ยครับ”

“ใช่...แล้วเรื่องที่เพื่อนนายไปสืบมาว่าการินมันเอางานลูกค้าไปขายให้โรงแรมของคุณสมยศด้วย”

“ครับ”วัชรรับคำเสียงแข็งขัน ด้วยว่าเพราะเป็นเรื่องงานที่เขารับผิดชอบ แม้จะยังไม่เข้าใจว่าทำอะไรขัดใจเจ้านายก็ตาม

“ชั้นพยายามติดต่อนลินแล้ว แต่ติดต่อเธอไม่ได้ เพราะงั้นนายจัดการให้ทนายจัดการซะยื่นเงินให้เธอตามสมควร ชั้นอยากได้ใบหย่าเร็วที่สุด แต่รู้ใช่มั้ยว่าขอบเขตที่ฝ่ายนู้นสมควรได้อยู่ตรงไหน”วัชรพยักหน้าเข้าใจ เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ตะวันถูกทำร้ายเขาก็ถูกใช้ให้ติดต่อภรรยาเก่าของเจ้านาย เขาก็พอเดาเรื่องราวได้ ที่รพีตัดสินใจเสียเงินคงอยากตัดปัญหาเรื่องนี้

“ส่วนเรื่องการิน ชั้นไปคุยกับคุณสมยศแล้ว คุณสมยศไม่ได้รู้เรื่องราวอะไร แต่เขารับปากแล้วว่าจะจัดการคนของเขาที่รับงานกับนายการินให้ ชั้นเองก็จะทำเป็นไม่รู้ แต่ถ้ามันไม่ยังไม่หยุดก็ไล่มันออกไปซะ”

“ท่านประธาน...จะปล่อยมันไปจริงเหรอครับ?”วัชรแปลกใจอีกครั้ง ที่เห็นรพีตัดสินใจแบบนี้ ตอนที่รู้เรื่องราวรพีดูโกรธเป็นฝืนเป็นไฟแสดงท่าทางว่าต้องจัดการคนที่มาคดโกงตนเสียงให้ได้

“ถ้ามันทำให้ทุกอย่างไม่ลามไปมากกว่านี้ ชั้นก็โอเค”เขาไม่รู้ว่านลินคิดจะทำอะไรตะวันอีกหรือเปล่า เท่าที่รู้มีข่าวว่าตะวันเป็นหัวโจกในวิทยาลัยที่ตัวเองเรียนอยู่ รูปใบหน้าตะวันถูกเผยแพร่ในวิทยาลัยช่างมากมายในกรุงเทพฯ แม้จะมีบางคนที่ไม่เชื่อข่าวพวกนี้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อ

“เรื่องเปิดตัวตะวันก็เลื่อนไปก่อน ให้ตะวันเรียนจบหรือพร้อมที่จะเข้ามาทำงานค่อยเปิดตัว”

“ครับ”วัชรยิ้มรับคำสั่ง ดีใจที่ท่านประธานของตัวเองแสดงท่าทีอ่อนโยนออกมาให้เห็น คิดไม่ยากว่าทุกอย่างที่ท่านประธานคิดและทำก็เพื่อลูกชายทั้งนั้น

ที่ปล่อยอีกฝ่ายเท่าที่จะปล่อยได้ก็เพื่อไม่อยากให้ความโกรธแค้นของอีกฝ่ายมาทำอะไรใครอีกอย่างที่ตะวันโดนมา

ที่ไม่เปิดตัวตะวันว่าเป็นทายาทเพราะไม่อยากให้ตะวันกลายเป็นจุดสนใจ

“ผมจะจัดการให้เร็วที่สุดนะครับ”รพีพยักหน้าบอกเป็นเชิงว่าหมดธุระจะคุยด้วย

“ครับ ท่านประธานจะเอาอะไรอีกมั้ยครับ เดี๋ยวผมจะกลับไปห้องอาหาร”

“งั้นฝากไปยกกาแฟมาให้ชั้นด้วย........เดี๋ยว!!!”รพีบอกเรียบๆ จนวัชรเกือบจะเดินออกไปจากห้องแล้วแต่ก็ถูกเสียงเข้มตะโกนเรียกเสียก่อน

“...ครับ?”คนเป็นเจ้านายเดินเข้ามาหาก่อนจะยื่นธนบัตรแบงค์สีเทาให้ลูกน้องที่ทำหน้าสงสัยใส่

“ค่าน้ำมันไปส่งตะวัน...แล้วก็ไปหาอะไรกินข้างนอกซะ”คำสั่งดุดันจนคนฟังเกรงไหล่

“แต่...”

“รีบไป แล้วหาอะไรกินมาเลย บ้านชั้นไม่ใช่ร้านอาหาร ถ้าหิวก็ไปหาอะไรกินซะ”เป็นอีกคำสั่งที่ฟังไม่เข้าใจ วัชรได้แต่ทำหน้างงพร้อมๆกับเงินที่ยัดเข้ามาในมือแบบแรงๆ มองแบงค์ที่ยับยู่ยี้แล้วเงยมองหน้าเจ้านายอีกรอบ

ถึงรพีจะเป็นคนที่ถือตัว แม้ไม่บ่อยครั้งแต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาทานข้าวที่บ้านหลังนี้ อาจจะเป็นครั้งที่สาม...ตั้งแต่ที่ทำงานด้วยกันมา

“ไปได้แล้ว”หนุ่มตาตี๋พยักหน้าแล้วกล่าวลาเจ้านาย เดินออกไปจากห้องเพื่อจะไปส่งลูกของเจ้านายไปเรียนในตอนเช้า พลางคิดไปตลอดทางว่าเขาทำอะไรให้ท่านประธานไม่พอใจหรือเปล่า

แต่...ตอนคุยเรื่องงานก็ปรกติดีทุกอย่าง...

ทั้งๆที่ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเคยเข้าใจว่าเขาเป็นเลขาที่เข้าใจรพีมาตลอด...นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ไม่เข้าใจ

แล้วสรุป...เขาทำอะไรผิดกันเนี่ย 





ช่วงนี้เนื้อเรื่องเบาๆ ให้คนอ่านได้พออ่านแบบไม่ต้องเครียดบ้าง
เปรียบเหมือนฟ้าสงบก่อนพายุจะเข้า หือออออออ????
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 18-10-2014 23:27:25
รพีหึงลูกน้องตัวเองใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 19-10-2014 00:11:13
รพี... โคตรงกเลยหวงของเกินเหตุมาก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 19-10-2014 00:43:56
รพีเนี่ยหวงจริงๆเลยนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 19-10-2014 01:09:57
ขี้หวง ขี้หึง ขี้น้อยใจ นี่รพีเลยอ่ะ ขนาดยังไม่ลงเอยกันั่ข้าวที่ปิงปองทำยังหวง ถ้าตอนสวีทนี่จะขนาดไหนนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 19-10-2014 03:36:31
ไม่กินแต่หวงข้าว ขอโทษทีนะ พ่อซันน่ะหมาหวงก้างชัดๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 19-10-2014 09:50:00
คนแก่ขี้หึงงงงงงงงง :P
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 19-10-2014 10:08:52
อือหือ
อาการมาแล้วๆ
หึงแล้วสินะๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 19-10-2014 13:01:46
หึงเบาๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 19-10-2014 19:13:24
คุณคนเขียนกำลังจะบอกว่าหลังจากนี้เตรียมซดดราม่าหนักๆสินะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 19-10-2014 23:16:50
พายุอะไรจะเข้าเนี่ย อย่าให้ลูกใหญ่มากก็พอ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-10-2014 02:37:49
ไม่คิดว่าจะสนุกขนาดนี้ ข้ามไปข้ามมาไม่อ่านตั้งนาน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 20-10-2014 07:10:15
ก้พ่อซันหวงพ่อปิงปองอ่
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 20-10-2014 20:08:15
วัชรเอ๋อแดรก อิอิ เดาใจเจ้านายไม่ถูกซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่24 [ 18 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-10-2014 21:04:08
รพีหึง หวงรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของปิงปองไงคุณวัชร
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 21-10-2014 19:14:32
ในวันที่แสนวุ่นวายของหลายๆคน แต่เหมือนเป็นวันสบายๆของชายร่างบางที่ติดรอยยิ้มติดใบหน้าขาวใสไปด้วยทุกทีที่ตัวเองไป แม้วัยจะล่วงเกือบจะถึงเลขสี่แต่ช่วงนี้เพราะมีความเป็นอยู่ดี อาหารการกินก็ดีไม่ต้องทำงานเหนื่อยอย่างแต่ก่อนทำให้ความเปล่งปลั่งกลับมาอีกครั้งเหมือนเมื่อคราวที่ยังดูแลตัวเองอย่างดี

อดุลย์เดินฉีกยิ้มช่วยดาวซื้อของจ่ายตลาดในบ่ายของวัน เขามาช่วยเดินซื้อของบ่อยๆในช่วงนี้ พอได้เริ่มสนิทกับคนในบ้านก็เริ่มอยากทำอะไรหลายๆอย่างเท่าที่พอจะทำได้

หลังๆศูรกับลุงโชนก็ไม่ค่อยได้ออกไปซื้อต้นไม้มาเพิ่มเนื่องจากคงเต็มบ้านเต็มเรือนไปหมด หลักๆคงได้แค่รดน้ำต้นไม้ซึ่งศูรก็ขอไว้ให้คนแก่ๆอย่างเขามีอะไรทำบ้างไม่ให้อดุลย์เข้าไปแย่งเขาเลยไม่ได้เข้าไปช่วยบ้านนู้นซักเท่าไร

ในตลาดสดแถวๆบ้านตอนนี้กำลังวุ่นวาย คนมาจับจ่ายซื้อของสดเลือกจะมาที่แห่งนี้เพราะจะได้ของที่สดเท่าที่ตัวเองต้องการ ได้พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าเพิ่มอรรถรสในการซื้อ แถมยังมีวัตถุดิบแปลกๆที่น่านำไปทำเมนูอาหารได้อีกหลายอย่าง

อดุลย์กำลังยืนเลือกไก่บ้านตัวใหญ่ที่ดูน่ากินอยู่ เป็นไก่บ้านที่เป็นพ่อค้าแผงเล็กๆ แต่ดูสะอาดสะอ้านน่าซื้อ

“คุณปิงปองจะทำอะไรทานเหรอค่ะ”ดาวถามพลางมองไก่บ้านที่อยู่ในมือของอดุล ถึงไก่บ้านจะไม่ได้หาซื้อยากแต่เพราะว่ากลัวเนื้อที่ค่อนข้างเหนียวจะไม่ถูกปากของเจ้านายจึงไม่เคยคิดจะทำเมนูเกี่ยวกับสิ่งนี้เลย

“ทอดน้ำปลาน่ะ อร่อยนะ แต่ก่อนเคยทำไก่พันธุ์แต่เนื้อมันเยอะไปถ้าไก่บ้านน่าจะอร่อยเดี๋ยวผมจะเอาไปลองทำดู ตะวันน่าจะชอบ”อดุลย์ตอบซื่อๆ เขาเองก็ไม่เคยทำหรอกเพียงแต่คิดว่าลูกชายน่าจะชอบเลยอยากจะลองทำดูเท่านั้นเอง

“อ้อ ที่จริงจะว่าไปแล้วคุณผู้ชายเธอก็ชอบทานเนื้อไก่ที่สุดนะคะ คุณปิงปองลองเอาขึ้นโต๊ะวันนี้มั้ยคะเผื่อเธอชอบ”

“เหรอ...ถ้าไม่ถูกปากล่ะ เดี๋ยวมีโวยวายว่าใครทำอีก ผมนี่ขนลุกเลยนะเมื่อตอนที่ทำผัดแขนงขึ้นโต๊ะให้”อดุลย์กรอกตาพูด คิดในใจถึงตอนที่ตนเคยทำผัดแขนงน้ำมันหอยเห็นว่าเป็นเมนูง่ายเลยอาสาทำให้ ปรากฏว่าเย็นนั้นรพีถามดาวว่าใครทำ แต่พอได้คำตอบก็แค่หันมามองเขาที่ไหล่เกร็งตัวตรงแต่ก็เท่านั้น ก่อนที่รพีจะตอบรับแค่อืมในลำคอแล้วทานข้าวต่อ

“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณปิงปองช่างนินทาคุณผู้ชายอ่ะ ดาวล่ะกลัวเธอมาได้ยินซะจริง มีหวังเงินเดือนดาวหายเกลี้ยงแน่”ดาวบอกขำๆ บ่อยครั้งที่อดุลย์นินทาแถมทำท่าว่าจะไม่ชอบอีกฝ่ายเอามากๆ แต่การกระทำกลับตรงข้ามเพราะอดุลย์ก็ใส่ใจเอามากๆเหมือนกัน รู้กระทั้งของชอบของรพี รู้ว่าวันนี้จะกลับช้าหรือเปล่า บางทีก็อาจจะรู้เยอะว่าเธอที่อยู่มาหลายปีด้วยซ้ำ

“คุณผู้ชายดาวไม่มาเดินตลาดนี้หรอกน่า สบายใจได้เงินเดือนยังครบเต็มหน่วยแน่ๆ”

“ฮ่าๆ ค๊าๆ คุณปิงปองขี้เม้า”คำล้อเลียนเรียกรอยยิ้มอ่อนของอดุลย์ ดาวถือเป็นคนที่เขาคุยด้วยมากที่สุดในบ้านหลังนั้นเนื่องจากดาวจะทำงานในส่วนที่ได้เจอกับเขามากกว่าต่างจากป่านที่ส่วนใหญ่รับหน้าที่พวกทำความสะอาด ซักผ้าหรืออะไรที่ไม่ค่อยได้ออกมาบริการคนในบ้านหรือแขกซักเท่าไร

ยิ่งคุยยิ่งรู้สึกได้เหมือนว่าคุยกับเพื่อน ดาวคุยค่อนข้างจะคุยเก่ง แต่ก็มีสัมมาคารวะ นิสัยส่วนใหญ่คล้ายๆกันเลยเข้ากันได้ง่าย

“นี่ถ้าคุณผู้หญิงของบ้านนี้เหมือนคุณปิงปองก็ดีนะคะ”ดาวรำพึงด้วยความลืมตัว ที่จริงก็ไม่ชอบจะพูดเรื่องเจ้านายมากเท่าไรถือเป็นเรื่องที่ไม่ควร

“ทำไมเหรอดาว”แต่พอถูกคนให้คามสนใจดาวก็ไม่ได้ยับยั้งชั่งใจจะไม่พูด หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มพูด

“ที่จริงดาวไม่รู้จักคุณผู้หญิงมากเท่าไรหรอกค่ะ เข้ามาทำงานได้ไม่กี่ปี เธอก็ถูกคุณผู้ชายไล่ออกจากบ้าน เห็นลุงโชนบอกว่าเธอชอบไปยุ่งวุ่นวายเรื่องในบริษัท”ดาวบอกไปตามที่เห็น จำได้ว่าเข้ามาก็ไม่ได้เห็นรพีจะรักอะไรคุณนลินเท่าไร ไม่เคยทานข้าวร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนห้องเดียวกัน

“แต่คนเป็นภรรยาก็แค่อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระหรือเปล่าดาว?”

“ไม่รู้ค่ะ แต่ลุงโชนบอกว่าคุณนลินเธอเข้าไปยุ่งเกินไป เห็นว่าไปไล่คนของคุณผู้ชายออก แล้วก็มีเรื่องอะไรอีกดาวก็ไม่รู้สุดท้ายคุณผู้ชายก็ไล่เธอออกจากบ้านแล้วก็หาผู้หญิงเข้ามาแทน แต่ดาวว่าแย่กว่าเดิมอีกค่ะ”

“ยังไงเหรอ?”

“ก็ว่าคุณนลินเธอไม่เอางานบ้านงานครัวอะไรแล้ว ทำตัวไม่ดีกับพวกดาวเท่าไรแต่ก็ไม่ถึงขั้นดุด่า ก็แค่ไม่เคยทำดีด้วย แต่ผู้หญิงที่มาต่อจากคุณนลินสองคนทำตัวแย่ที่สุดเลยค่ะ ไม่เคยช่วยงานไม่ว่าแถมยังตัวสกปรกกินอะไรวางทิ้งเรี่ยราดสกปรกจนทับทิมคนงานเก่าน่ะค่ะลาออก แล้วป่านก็เข้ามาทำงานแทน”คิดไปถึงตอนนั้น ขนาดดาวเองยังมีความคิดอยากลาออกจากบ้านหลังนี้เลยด้วยซ้ำ ทำงานเป็นคนรับใช้แต่คนที่ถือเป็นเมียของเจ้านายกับทำเหมือนเธอเป็นขี้ข้ารองมือรองเท้า

“มันต่างกันนี่ดาว พวกเขาเป็นคนรักของคุณรพี ส่วนผมนี่แค่คนอาศัยนะ”อดุลย์บอกกลับยิ้มๆ ก้มลงไปสนใจผักปลาตรงหน้าแต่ในใจก็รู้สึกเจ็บแปลบๆในอกเมื่อได้ยินเรื่องที่ดาวเล่า

“ดาวว่าคุณผู้ชายไม่ได้รักหรอกค่ะ ลุงโชนเคยพูดว่าคุณผู้ชายแค่ต้องการจะประชดคุณท่าน เพราะตอนที่มีปัญหาเรื่องหย่ากับคุณนลินคุณท่านทะเลาะกับคุณผู้ชายใหญ่โตเลย หลังจากนั้นคุณผู้ชายก็เอาผู้หญิงเข้ามาให้บ้านส่วนคุณท่านก็ไม่ค่อยมาที่บ้านหลังใหญ่ค่ะ”คนฟังทำหน้าสงสัย เห็นท่าทีสองพ่อลูกก็รู้อยู่ว่าไม่ค่อยถูกกันแต่ไม่คิดว่าคนอย่างรพีจะทำประชดอะไรเป็นเด็กๆมากกว่า

“คุณผู้ชายดาวนี่ทำอย่างกับเด็กขาดความอบอุ่น”เผลอปากพูดไปจนอีกคนแสดงสีหน้าเคร่งเครียด ส่งเสียงอืมเบาๆดวงตาหญิงสาวสลดลงอย่างนึกสงสาร

“ดาวก็รู้สึกว่าคุณผู้ชายเธอขาดความอบอุ่นเหมือนกันค่ะ ที่จริงดาวไม่รู้เรื่องในบ้านหลังนั้นมาก แต่พอรู้ว่าคุณท่านมีลูกสาวอีกคนหนึ่งแต่ลูกเธอหนีออกจากบ้านไปเพราะทะเลาะกับคุณท่าน คุณผู้ชายเลยกลายเป็นคนเดียวที่ต้องแบกรับทุกอย่างค่ะ ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้ชอบไม่ได้รักอะไรเลย”ดาวว่าอย่างสงสาร หลายปีที่ทำงานมาเห็นแต่ความอึมครึ่มของบ้านหลังใหญ่หลังนี้มาตลอด

“ไม่หรอกดาว ผมว่าคงไม่มีใครที่จะทนอยู่กับของที่ตัวเองไม่ได้รักมาเป็นสิบปีแบบนี้หรอกนะ คุณรพีเองก็คงเหมือนกันนะ ทำอะไรที่ไม่ได้รักมันไม่มีทางที่ออกมาดีหรอก แต่บริษัทเองก็มีแต่ความก้าวหน้ามาตลอด”อดุลย์บอกอีกแง่มุมให้ดาวได้รู้ หญิงสาวคิดคล้อยตามเห็นถึงความเห็นด้วยกับสิ่งที่อดุลย์บอกก็ยิ้มแย้มอย่างดีใจ

ถ้าเป็นแบบที่คุณปิงปองเธอว่ามาก็ดีใจ...ที่ตลอดมาคุณผู้ชายไม่ต้องระทมทุกกับสิ่งที่ไม่ได้รัก

“คุณปิงปองดูเข้าใจคุณผู้ชายจัง ดาวดีใจค่ะที่คุณปิงปองเข้ามาอยู่ในบ้านในชีวิตของคุณผู้ชาย”เป็นคำที่ไม่ได้คิดก่อนพูดแต่ทำให้คนฟังถึงกับหน้าขึ้นสีเป็นริ้วที่แก้มขาวอย่างปิดไม่มิด

“รีบซื้อของกันเถอะดาว เดี๋ยวแดดแรงกว่านี้ตอนกลับบ้านจะร้อนนะ” ดาวเห็นว่าจะจริงอย่างที่คนพูดว่า เพราะผิวขาวกลายเป็นแดงร้อนเห่อ สงสัยเป็นเพราะอากาศร้อนของยามหลังเที่ยงของวันแน่ๆ

 กว่าจะได้ของที่ต้องการครบแดดที่อดุลย์กังวลกลับไม่มีมาเลยซักนิด มีแค่ลมแรงและเมฆฝนที่ดำทะมึนลอยอยู่บนหัว ทั้งสองคนเร่งตัวเองให้รีบเดินกลับแต่ก็ไม่ทัน

สายฝนตกลงมาอย่างแรงไม่ทันให้ตั้งตัว พวกเขาไม่ได้ใช้รถมาซื้อของเพราะตลาดอยู่ใกล้บ้านเดินมาใช้เวลาแค่ไม่ถึงสิบนาที และที่จอดรถก็หายาก และของที่ซื้อไม่ได้มากมายเพราะซื้อวันต่อวันเลยใช้แรงกายไม่พึ่งแรงยนต์มาตลอด

สองคนเจ้านายและสาวใช้ยืนหอบหายใจจากอาการเหนื่อยที่วิ่งหนีฝนมาหลบใต้กันสาดหน้าร้านของชำที่วันนี้ไม่ได้เปิดร้าน อดุลย์ตรวจเช็คข้าวของในมือว่ามีอะไรได้รับความเสียหายหรือเปล่าจนครบก็ยืนมองฟ้าสีมืดไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก

“ดาวโทรบอกลุงโชนให้เอารถออกมารับดีกว่า”หญิงสาวเสนอแนวทาง อดุลย์พยักหน้าเห็นด้วย ฝนตกตอนบ่ายแบบนี้แถมยังหนักขนาดนี้ถ้ารอจนหยุดมีหวังข้าวเย็นไม่ได้ทำกันพอดี

ดาวยกโทรศัพท์ขึ้นมากดแต่ไม่ทันจะโทรออกแสงไฟของรถเก๋งคันสวยที่แปลกตาก็สาดเข้ามาที่พวกเข้าทั้งคู่จนต้องยกมือบังแสงที่เข้าตา

บริ๊นนนนน

เสียงบีบแตรยาวของรถตรงหน้าทำเอาสะดุ้งตัวโยน อดุลย์หันหน้ามองคนข้างๆอย่างขอความคิดเห็นแต่ดาวก็แค่เพียงส่ายหน้าอย่างไม่รู้เหมือนกัน

“ขึ้นมาซิชั้นจะไปส่งที่บ้าน”เสียงหญิงสาวที่โผล่หน้าออกมาจากรถตะโกนบอก เป็นผู้หญิงที่ดูสวยสง่าและคุ้นตาของอดุลย์แต่กับดาวจำได้ขึ้นใจว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร

“...คุณนลิน”

“ขึ้นมาซิ! เดี๋ยวไปส่ง!”เสียงเริ่มเปลี่ยนจากตอนแรกคล้ายว่าพูดธรรมดากลายเป็นตะคอกขึ้นมาหน่อยๆ ขัดใจที่เป็นแค่คนใช้แต่ก็สั่งแค่ครั้งเดียวไม่เข้าใจ ทำให้หัวตัวเองต้องเปียกละอองฝนอยู่แบบนี้

ดาวใช้เวลาคิดอยู่สักพักแต่ก็โดนสายตาที่ดูจะโกรธจากอีกฝ่ายจึงให้อดุลย์ตัดสินใจแทน

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง...ไปก็ได้จะได้ไม่ต้องรบกวนลุงโชน”อดุลย์ตัดสินใจให้ คิดว่าคงไม่มีอะไรอีกฝ่ายก็คงแค่ผ่านมาเจอและจำดาวได้จึงอยากจะช่วยเหลือเท่านั้น

บนรถเก๋งสัญชาติญี่ปุ่นมีแต่ความเงียบ ดาวขึ้นมานั่งหน้าเคียงคู่คนขับและอดุลย์ขึ้นไปเบาะหลัง แต่คนที่ชวนขึ้นมาก็ไม่ได้แตะคันเร่งเคลื่อนย้ายรถออกไปจากจุดๆเดิมเสียที

“ดาว...”เรียกเสียงหวานแต่ดูเป็นน้ำเชื่อมเคลือบยาพิษ ดาวสะดุ้งตัวที่โดนเรียกหันไปเจอเจ้านายเก่ายิ้มให้แล้วรู้สึกหวาดหวั่น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่นลินมาทำแบบนี้ด้วย

“ค...ค่ะ?”

“ชั้นมีเรื่องจะถามเธอหน่อย”นลินมองคนที่ตัวเองไม่เคยคิดจะพูดดีด้วย แต่เพราะไม่มีทางที่จะหาข่าวของรพีได้อีกแล้ว อีกฝ่ายปิดกั้นทุกทางที่เธอสามารถทำได้ หลายวันก่อนการินติดต่อมาหาเธอที่พยายามเก็บตัวอยู่เงียบๆจากเรื่องราวที่ตัวเองก่อไว้

เรื่องของตะวัน...เธอไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะโดนหนักขนาดที่ถูกทำร้าย นลินแค่หวังไว้ว่าอยากให้ภาพลักษณ์ของตะวันติดลบ กลายเป็นเด็กเลวในสายตารพี

ให้เป็นสิ่งที่รพีไม่ควรรัก

แต่กลายเป็นว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นรพีกลับยื่นเงินจำนวนมหาศาลมาให้ ดูก็รู้ว่าหวังให้ตัวเธอหยุดการกระทำทุกอย่างที่ยุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนั้น แค่นั้นก็ทำให้หญิงสาวเกิดความริษยา

“ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง...?”

“ก...ก็เรื่อยๆค่ะ”ดาวไม่ใช่คนที่ชอบพูดเรื่องเจ้านายอยู่แล้ว ยิ่งกับนลินดาวก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย

“แล้ว...ไอ้เด็กที่ชื่อตะวัน...ลูกของรพีจริงๆหรือเปล่า?”ผู้ชายคนเดียวบนรถคิ้วกระตุกเมื่อชื่อลูกชายของตัวเองโผล่มาในบทสนทนา

“เอ้อ”ดาวไม่รู้จะใช้คำพูดแบบไหน หันมองหน้าอดุลย์อย่างขอความช่วยเหลือท่ามกลางสายตาคู่สวยแต่กดดันของอีกคน นลินเบี่ยงสายตามาหาอดุลย์เล็กน้อย ผู้ชายร่างบางผิวขาวหน้านวล...

หึ เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอดังขึ้นอย่างเหยียดๆ ดูแค่แว่บแรกก็มองเห็นเพศแท้จริงของผู้ชายคนนี้ถึงจะใส่ชุดปอนๆดูเป็นผู้ชายก็ตามที

“คนสวนใหม่เหรอ? คงทำสวนได้สวยพิลึกดีนะ”ว่าขำๆแต่เพราะทั้งสองไม่เข้าใจเจตนาจึงไม่ได้นึกเคืองโกรธอะไร

“แล้วตกลงว่ายังไง เรื่องของเด็กตะวัน”

“....ค่ะ ลูกแท้ๆของคุณผู้ชาย”อดุลย์พยักหน้าให้กำลังใจสาวใช้ ตัวเองเลือกจะเงียบต่อไป ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรแต่คงไม่ได้หวังดีกับลูกรักของเขาแน่ๆ ยิ่งเป็นอดีตคนรักของรพีกลิ่นของความไม่น่าไว้วางใจยิ่งโชย

ไม่น่าขึ้นมาเลย...

“เอ้อ...คือคุณจะกรุณาไปส่งพวกเราหน่อยได้มั้ยครับ?”อดุลย์แทรกกลาง

“ชั้นพูดกับเธอเหรอ!”เสียงแหลมกระชากใส่เล็กน้อย หันไปใช้สายตาจ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ดาว...ลงเถอะเดี๋ยวผมโทรให้ลุงโชนมารับดีกว่า...โอ้ย”ไม่ทันจะได้พูดจับผมสั้นๆของตัวเองก็โดนดึงอย่างแรง นลินทั้งดึงทั้งจิกลงหนังศรีษะของอดุลย์อย่างแรงพร้อมกระชากมาเข้าหาตัวอย่างอารมณ์เสีย

“อีนี่มึงแส่เหลือเกินนะ!! ชั้นไม่ได้คุยกับแก หุบปากแล้วอยู่เฉยๆ!!”เสียงตวาดดังจนกลบเสียงฝนกระทบรถอยู่ภายนอก ดาวตะโกนเรียกอดุลย์อย่างเป็นห่วง อ้อนวอนให้นลินปล่อยเจ้านายใหม่ของตนที่หน้าตาบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บ ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ดูแล้วคุณปิงปองสู้ผู้หญิงที่กำลังโกรธเกรี้ยวอย่างนลินไม่ได้แน่ๆ

“ไอ้เด็กห่านั้นมันเป็นใครดาว!!?? ทำไมจู่ๆซันถึงมีลูกโผล่มา แม่มันล่ะ...อีผู้หญิงร่านนั้นมันอยู่ไหน!!!”เสียงตวาดของคนที่เริ่มเกิดความไม่สวยบนใบหน้า ถึงรู้มาก่อนว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของคนที่รักแต่พอได้ยินทีไรก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้

“...ป..ปล่อยคุณปิงปองนะคะ”

“ชั้นถามก็ตอบ!!!”

“ม..ไม่!! คุณนลินต้องปล่อยคุณปิงปองเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นดาวจะแจ้งตำรวจ!!”ดาวพูดกล้าๆกลัวๆ มือของตัวเองถูกคว้ามาบีบแต่ก็คงดีกว่าอีกคนที่ถูกจิกหัวร้องโอดโอยน่าสงสาร

“แกขู่ชั้นเหรออีกขี้ข้า!! แกนึกว่าแกเป็นใครกล้ามาขู่คนอย่างชั้น!!”

เพี้ยะ!!! ปึก!!!

นลินเกิดโทสะขึ้นทันตา ปล่อยมือที่จิกหัวอดุลย์แล้วมาตบหน้าของสาวใช้ดังสนั่น อดุลย์ตาโตตกใจกับความโหดร้ายตรงหน้า ใบหน้าของดาวหันไปตามแรงตบของมือเรียวจนไปกระทบกับคอนโซลรถอย่างแรงจนถึงกับสลบ มุมปากมีเลือดไหลเล็กน้อยแต่ไม่น่าห่วงเท่าหน้าผากที่บวมแดงขึ้นมาทันที

“ดาว!!”อดุลย์ตะโกนเรียกสุดเสียงเมื่อเห็นว่าคนที่เปรียบเป็นเพื่อนโดนทำร้าย ร่างบางพยายามยืดตัวข้ามตัวไปที่ฝั่งด้านหน้ารถหวังจะไปดูอาการของดาว

“...ช...ชั้นเปล่า...ชั้น...ไม่ได้ตั้งใจนะ”

“คุณตั้งใจ!!!”อดุลย์หันไปตวาดคนที่ปากสั่นตัวสั่นอย่างลืมตัว ไม่ได้สนใจว่าคนตรงหน้าเป็นใครอีกต่อไป

“แก!! ชั้นเปล่า ชั้นบอกว่าชั้นเปล่า!!”นลินตวาดกลับ มือบางยกขึ้นหมายจะฟาดเข้าที่หน้าขาวที่บังอาจอวดดีมาเถียงตัวเอง แต่นิ้วของอีกฝ่ายที่ยกมาชี้หน้าพร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความโกรธทำให้มือของเธอไปไม่ถึงที่หมายไว้

“คุณมันเลวร้ายที่สุด!! ทำไมถึงต้องทำร้ายดาว ดาวเขาไปทำอะไรให้คุณ เราขึ้นมาบนรถคุณเพราะนึกว่าคุณจะมีน้ำใจช่วยเหลือเราไปส่งที่บ้านแต่กลับกลายเป็นว่าเราขึ้นมาให้คุณทำร้ายเหรอ”อดุลย์ว่าหัวเสีย

“นี่คุณเห็นพวกเราเป็นตัวอะไร คิดว่าเราเป็นคนจนเลยจะทำอะไรก็ได้เหรอ แสดงว่าคุณคงยังไม่เคยเจอมือเจอตีนคนจนซินะถึงได้แต่คิดว่าพวกเราจะไม่ตอบโต้...ลองซักหน่อยมั้ยห่ะ!!!”

“กรี๊ดดดดดดด!! อย่านะ อีบ้า ลงไปจากรถชั้นเลยไป ไป๊ กรี๊ดด”นลินกรีดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นผู้ชายตรงหน้ายกมือหมายจะทำร้ายตน ไล่ตวาดให้ลงจากรถของตัวเองอย่างไว อดุลย์เองก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมามีเรื่องตัดสินใจลงจากรถออกมายืนเปียกปอนนอกรถก่อนจะพาร่างของดาวที่สลบออกมาด้วยความทุลักทุเล

ดีตรงทีพอออกมาข้างนอกรถร่างกายของดาวโดนสายฝนความเปียกชื้นคงทำให้ดาวได้สติลืมตาตื่นมองอดุลย์งงๆ พร้อมๆกับเสียงรถที่รีบขับออกไป

“ไปเลย รีบไปตายซะอีบ้า อย่าได้พบได้เจออีกเลยคนประเภทนี้ รถคว่ำตายโค้งหน้าไปเลย”ดาวที่พึ่งตื่นเห็นอดุลย์สาปแช่งรถคันสวยที่หายไปพร้อมกับสายฝนก็ขำลืมเจ็บ อดุลย์พอรู้ว่าดาวขำตัวเองก็ส่งสายตาค้อนวงใหญ่ไปให้ แต่กลับทำให้ดาวขำหนักกว่าเดิม

...ตลอดมาอดุลย์ดูสุภาพอ่อนโยนกับทุกคนรอบตัว จนดาวลืมไปว่าพื้นฐานอดุลย์ก็มาจากพื้นเพคล้ายกับตัวเอง ไม่ได้รวยสบายจนได้ทุกอย่างที่ต้องการ ปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เล็ก...

บางทีที่คิดว่าคุณปิงปองบอบบาง...คงเป็นความคิดที่คิดไปเองซินะ

ดีแล้ว...ไม่อย่างนั้นคงได้ตกเป็นเหยื่อของผู้หญิงบ้าคนนั้นแน่ๆ




หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 21-10-2014 19:39:34
นังนลิน น่าจะโดนปิงปองตบสักฉาดสองฉาด   :beat:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 21-10-2014 20:06:25
ก็ว่างั้น โดนตบซักทีเผื่อจะคิดอะไรได้บ้าง
แต่ท่าทางจะยากว่ะ เหอๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-10-2014 20:08:56
คุณผู้หญิงคะ

ไปพบหมอจิตเวชบ้างก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 21-10-2014 22:10:49
 :z3:
เพิ่งเข้ามาอ่าน
รวดเดียวเลย

สนุกมากค่ะ ชอบตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้เลย
ชอบรพีด้วย ซึนๆ น่ารักดี รอลุ้นว่าเมื่อไรจะยอมรัยใจตัวเองสักที
ลุ้นให้ตะวันรับอดีตของพ่อตัวเองได้ด้วยอีกคน

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยน้าาาาา
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sowza3366 ที่ 21-10-2014 22:25:17
จิตเวชแน่ๆ :katai4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 21-10-2014 22:47:36
นลินเนี่ยโรคจิตป่ะ?? ขาดความรักหรอคะ?
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 21-10-2014 22:55:48
นังนลินโรคจิตแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-10-2014 23:58:39
ต้องโดนหนักๆ นลินต้องสิ้นหนทางทุกสิ่ง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 22-10-2014 00:06:41
นลินเป็นบ้าไปแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-10-2014 00:19:28
อาการหนักแล้วผู้หญิงคนนี้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 22-10-2014 01:49:42
่อ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุด ชอบมาก พระเอกปากแข็ง :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 22-10-2014 02:28:22
นรินไปรพ.เถอะนะ เป็นโรคขาดความรักแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 22-10-2014 04:41:27
มันน่าจะตบสักฉาดสองฉาด
ปล่อยไห้มันมาดึงผมได้ยังไร 555+
ว่าแต่กลับบ้านไปรายงานเลยนะ
ถ้าเก้บไว้ไม่พูดนี้คงไม่ใช่แล้วละ
อย่าลืมว่ามันคิดจะเล่นงานลูกอย่าทำตัวเป้นคนดี พอดีลูกตายสะก่อนเหอะ
เห่อ
อีนั้นก็บ้าไม่รุ้เรื่อง ตบสั่งสอนสะทีสองที
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 22-10-2014 06:25:33
เอายัยนี่ไปเก็บเถอะค่ะ จะที่โรงบาลหรือที่ไหนก็ได้ แต่ไปไกล ๆ ที อ่านแล้วอี๋ความคิดกับพฤติกรรมมาก

เข้าใจว่ารักว่าชอบ แต่แบบ แบบนี้ก็ไม่ไหวมั้งคะ

แทนที่จะได้เงินก้อนนั้น ระวังจะไม่ได้อะไรไปเลย แถมเสียอีก หมดโอกาสชีวิตเข้าให้จะร้องไห้ไม่ออกนะคะ!
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 22-10-2014 08:14:37
อีบ้านลิน เกลียดที่สุด  :ling3: :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 22-10-2014 10:14:17
ตามมาจาก "นิยายแนะนะ...เรื่องนี้ต้องอ่าน"

สนุกอ่ะ

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 22-10-2014 10:46:22
นลินเหมือนคนที่เพิ่งหลุดมาจากโรงบาลบ้า

5555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 22-10-2014 11:39:08
เพิ่งเข้ามาอ่าน  ว่าแต่เรื่องนี้รพีจะรู้ไหม  และจะจัดการยังไง  อยากรู้จัง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ชุน ที่ 22-10-2014 12:36:35
ตามมาจาก "นิยายแนะนำ...เรื่องนี้ต้องอ่าน" เหมือนกันค่ะ

ที่จริงก็ไม่ชอบพระเอกแนวนี้เท่าไหร่
แต่ชอบเรื่องนี้ค่ะ มีอะไรหลายๆ อย่างที่ชอบ

เป็นต้นว่า นายเอกเคยเป็นกะเทย ลูกชายน่ารักมากๆ
ชอบความสัมพันธ์ระหว่างปิงปองกับตะวัน
ชอบที่ถึงจะเสียตัวไปแล้วก็ไม่ได้เสียหัวใจให้ไปด้วย ไม่ได้เก็บมาคิดมาก

ชอบที่ในขณะที่ความรักของปิงปองตกผลึกไปแล้ว ความรักของรพีเพิ่งจะเริ่มต้น...และมากขึ้นทุกทีๆ

คือไม่ชอบแนวนายเอกเจ็บปวดน่ะค่ะ จะเจ็บตัวแค่ไหนก็ได้ แต่ต้องไม่เสียหัวใจให้
เรื่องที่ว่า ถึงนายจะเลว ฉันก็ยังรักนาย ตัดใจจากนายไม่ได้นี่เป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจเอาเสียเลยน่ะค่ะ
คือคนเรามันต้องมีอะไรดีสิ ถึงจะทำให้คนอื่นมารักได้ อ่านตอนพิเศษแล้วก็โอเคล่ะค่ะ ว่าปิงปองเคยรักเพราะอะไร

ตอนแรกก็ดีใจว่าเข้ามาอ่านตอนที่คนเขียนกลับมาเขียนอีกครั้ง ถ้าอ่านก่อนที่จะเว้นช่วงเขียนไปนานล่ะก็ ค้างแย่เลย
แต่ไปๆ มาๆ ก็ลงเอยที่เดิม คือค้างอยู่ดีค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 22-10-2014 13:40:40
 :z6: :beat: :katai4: ตบเลยยยยย พ่อปิงปองตบนังนลินไปเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 22-10-2014 13:57:54
อ่านทันแล้ว :a5:
ดาวฟ้องรพีให้หมดอย่าให้ตกหล่นนะ
รพีจะได้จัดการยัยชะนีบ้าอย่างนลินซะ! :m16:

คนนิ่มๆก็ปรี๊ดได้นะเออ :hao7:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 22-10-2014 19:10:07
ต ต ต ตามอ่านทันแล้วค่าาา  :impress3:
 อะเฮือกกกก  รู้สึกอยากจิกหัวแล้วจับโขกกับพวงมาลัยรถจุงเบยยยยย  :z6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 22-10-2014 19:58:31
ตามมาจากหน้านิยายแนะนำ ไม่ผิดหวังจริงๆ

พ่อปิงปองงงงงงงงง ดีใจกับตะวันที่มีพ่อแบบนี้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 22-10-2014 20:32:59
ตามมาจากนิยายแนะนำเหมือนกัน สนุกมาก อ่านรวดเดียวเลย ให้กำลังใจคนแต่งจ้าาาา;))
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 22-10-2014 21:44:53
 :เฮ้อ: นังนลินกลับมาอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 23-10-2014 01:36:28
สนุกมาก

อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุด ภาษาดี โครงเรื่องน่าติดตาม

เจอคำผิดบ้าง
ข่มขื่น >> ข่มขืน

ถ้าเจออีกจะบอกนะ

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวที่อ่านเพลินขนาดนี้

 
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 23-10-2014 08:25:08
อ่านทันละเง้อนลินเป็นไรมากปะเนี่ย



น่ากลัวจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 23-10-2014 10:55:54
ตามมาอ่านจากแนะนำนิยายเหมือนกัน
แต่คนแนะนำสปอยล์ซะเยอะมาก ฮิฮิ
เรื่ิองนี้สนุกมาก เราชอบอ่านพลอตแบบนี้อยู่แล้ว
อยากให้ปิงปองมีความสุขกับเค้าบ้าง รู้ใจตัวเองเร็วๆนะคุณซัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 23-10-2014 12:42:48
ชอบอ่านพลอตเรื่องแนวนี้เหมือนกันรอๆๆ;))
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่25 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 23-10-2014 17:43:51
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 21 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 24-10-2014 00:27:15
รถยนต์คันหรูคันคุ้นตาเคลื่อนตัวเข้ามาในบ้านของตัวเองอย่างช้าๆ รพีเดินออกมาจากรถพร้อมกับชุดสูทที่แขวนพาดไว้ที่แขนขวา วันนี้รพีขับรถกลับบ้านด้วยตัวเองไม่ได้ใช้บริการคนขับอย่างทุกวัน เพราะคืนนี้ต้องไปงานเลี้ยงต่อต้องขับรถไปเองอยู่แล้ว

ทันทีที่ขายาวก้าวเข้ามาในตัวบ้านบรรยากาศของความไม่น่ารื่นรมย์ก็เกิดขึ้นทันที ในห้องรับแขกใหญ่มีทั้งเจ้านายใหญ่ของบ้านอย่างศูรนั่งอยู่ทำหน้าตาเคร่งเครียดใช้ตาคมดุจ้องมาที่เขาอย่างเอาผิด ส่วนคนที่นั่งอยู่ใกล้กันคืออดุลย์ที่นั่งก้มหน้าก้มตาถัดมาคือดาวที่ใบหน้าแปลกตาไป

รพีตาโตขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อจ้องมองใบหน้าของสาวใช้ดีๆ หน้าผากบวมช้ำเริ่มออกสีคล้ำบวกกับริ้วสีแดงเป็นรอยนิ้วที่ใบหน้าเด่นชัด แม้ใบหน้านั้นจะไม่แสดงสีหน้าท่าทางว่าเจ็บปวดกับบาดแผลแต่ดูจากอาการสาวใช้คงกดความรู้สึกเอาไว้เสียมากกว่า

“ไปโดนอะไรมาดาว?”รพีเอ่ยถามเสียเข้ม สะกิดใจที่ศูรมานั่งเหมือนรอตัวเองกลับบ้าน สงสัยว่าคงไม่พ้นเรื่องที่เกี่ยวกับเขาแน่ๆ

“จะอะไร...เมียแกน่ะซิ ชั้นบอกแล้วใช่มั้ยรพีว่าจะก่อเรื่องอะไรชั้นไม่ว่าแต่อย่าให้มาเดือดร้อนอะไรกับที่บ้านหรือคนในบ้าน”แม้จะใช้โทนเสียงที่ราบเรียบแต่ในอกของชายชราคุกกรุ่นด้วยความโกรธ

“นลิน?”

“หรือมีคนอื่นอีก?”รพีจิ๊ปากใส่คำประชดประชันของผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินเลี่ยงไปหาสาวใช้คนที่บาดเจ็บไม่วายสายตาเหลือบมองผู้ชายที่นั่งใกล้ๆกันว่ามีร่องรอยความเสียหายอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง พอพบว่าอดุลย์ไม่มีอาการจึงเบาใจไปหนึ่งเปราะ

“เขามาทำอะไรเธอ?”ร่างสูงนั่งลงจ้องตาของดาวใกล้ๆ หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวอะไร แค่หันมองหน้าหานายใหญ่ของบ้านแล้วได้รับพยักหน้ายอมให้พูดเรื่องราวก่อนจะเอ่ยปากบอก

“คุณนลินเธอมาชวนพวกเราขึ้นรถของเธอ เพราะเห็นว่าฝน...”ดาวเริ่มเล่าไม่เท่าไรบางหนาก็ยกขึ้นมาให้หยุดพูด

“พวกเรา?...ใคร?...เธอกับป่าน?”รพีเอ่ยถามตาคมยิ่งดูดุและกดดันเข้าไปกันใหญ่

“ป...เปล่าค่ะ ดาวกับคุณปิงปอง”พอได้คำตอบคนถามก็หันคออย่างเร็วที่คนข้างๆกันอย่างลืมตัว ตาคมพินิจทั้งตัวของอดุลย์อีกครั้งแต่ก็ไม่พบอาการบาดเจ็บอะไรทั้งๆที่ดาวดูเหมือนคนทำร้ายอย่างหนัก

“ทำไมนายไม่เป็นอะไร?”

“แกถามเหมือนอยากให้อดุลย์เขาโดนเมียแกตบงั้นซิ”ศูรขัดคออย่างนึกอารมณ์เสีย รพีหันมองหน้าพ่อขัดใจคิ้วเข้มขมวดอย่างอดไม่อยู่ ไม่ใช่เป็นแบบที่ศูรหมายถึง เขาก็แค่กังวล...ที่จริงควรจะถามว่าอดุลย์ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย

“เอาเถอะไม่เป็นอะไรก็ดี...เล่าต่อซิดาว”เพราะไม่อยากจะต่อความยาว รพีจึงเลือกที่จะตัดบท รู้สึกแปลกหน่อยๆที่รู้สึกร่างบางตรงหน้าแบบที่ตัวเองไม่เคยนึกจะห่วงใคร

“ค่ะ...คือพอเราขึ้นไปนั่ง คุณนลินเธอก็ถามเรื่องของคุณหนูตะวัน ว่าใช่ลูกของคุณผู้ชายจริงๆหรือเปล่า พอดาวตอบตามความจริงไปเธอก็อาละวาดในรถแล้วก็ทำร้ายดาวจนหัวดาวไปโขลกกับหน้ารถ ดีที่คุณปิงปองช่วยไว้ค่ะไม่งั้นดาวก็ไม่รู้จะโดนอะไรหนักกว่านี้หรือเปล่า”ดาวเล่าเท่าที่เล่าให้ศูรฟัง คนฟังดูมีปฏิกิริยากับเรื่องที่เล่าอยู่มากโข เสียงฟันที่ขบกัดแน่นจนได้ยินเสียงกิ๊ด

“มันคิดว่ามันเป็นใครถึงกล้ามายุ่มย่ามเรื่องของหลานชั้นแถมยังทำร้ายคนในบ้านของชั้นอีก มันคิดว่ามันมีนามสกุลเรืองรัตนโยดมหรือยังไง ไปบอกเมียแกด้วยว่าถ้ายังเป็นแบบนี้...รับรองว่าชั้นไม่ปล่อยเอาไว้แน่ๆ”ศูรว่าอย่างโกรธแค้น พร้อมพูดสิ่งที่แม้แต่คนที่ฟังยังนึกขนลุก กับคนที่รู้จักศูรคงรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ชายเพียงคนเดียวจะพาธุรกิจของที่บ้านมาไกลได้ขนาดนี้ ศูรมีทั้งอำนาจเงินและอำนาจต่อรองในหลายๆด้านอยู่ในมือ

“เขาไม่ใช่เมียผมครับ ผมกำลังจะหย่า”

“แล้วไม่ใช่เพราะเวรกรรมที่แกทำหรือไงอะไรอะไรมันเลยมาลงเอ่ยแบบนี้!”เสียงดังขึ้นเกือบถึงขั้นตวาด อีกสองคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งแต่รพีกลับนิ่งเฉยหันมองหน้าคนพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัว

“ถ้าพ่อจะคิดแบบนั้น”รพีหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน งานจากนอกบ้านก็หนักหนามากอยู่แล้วงานในบ้านกลับหนักยิ่งกว่า ที่ศูรพูดมาก็มีส่วนถูก อาจจะเป็นเพราะความผิดพลาดในอดีตของเขาก็ได้ที่ทำให้ต้องมีเรื่องวุ่นวายแบบที่เป็นทุกวันนี้

“...ขอโทษนะดาว ขอโทษนะครับพ่อ ชั้นขอโทษนะ”รพีว่าขอโทษกับเรื่องราวที่ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ทำแต่ศูรกับมองว่าตัวเองก่อขึ้น ท่ามกลางอดุลย์ที่เงยหน้ามองรพีด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้รพีต้องเหมือนถูกต่อว่ากับความสับสนของศูรและดาวที่เห็นท่าทีอ่อนแรงของคนที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จนคนที่ต่อว่ารู้สึกสะอึกกับคำขอโทษที่ไม่เคยได้ยิน

“ยังไงเดี๋ยวผมจะจัดการให้ครับ...ขอตัวขึ้นไปพักก่อน เย็นนี้ไม่ต้องตั้งโต๊ะเผื่อผมนะ มีงานข้างนอก”ก่อนที่ร่างสูงจะเดินหันหลังจากไปอย่างเงียบๆ

ศูรมองลูกชายก่อนจะที่มือเหี่ยวจะยกขึ้นกุมขมับของตัวเองด้วยความเสียใจ จะกี่ครั้งกี่คราเวลามีเรื่องเขาก็มักจะดุจะด่ารพีพอเสร็จสิ้นก็มานั่งเสียใจกับสิ่งที่พูดออกไปเสมอ

แต่คราวนี้ความรู้สึกเสียใจกลับรุนแรงมากกว่าในทุกครั้งเมื่อได้ยินคำว่าขอโทษออกมาจากปากของลูกชายกับเสียงเหนื่อยล้าแบบนั้นก็ยิ่งสะเทือนใจคนที่ต่อว่า

“อดุลย์..”เสียงที่ทุ้มเข้มเมื่อครู่กลับอ่อนลงในยามนี้ราวคนละคน

“ครับ?”

“ชั้น...มันเป็นพ่อที่แย่มากใช่มั้ย...ถ้าชั้นเป็นพ่อที่ดีแบบเธอได้...รพีคงไม่เป็นคนแบบนี้ซินะ”อดุลย์มองคนสูงอายุพูดคำพวกนั้นด้วยใจที่สงสาร เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อได้ดี แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมศูรถึงเลี้ยงรพีมาแบบนั้น

แต่สำหรับความรักของพ่อแล้ว...ก็คงเหมือนกับเขาที่มีให้ตะวัน...แค่อยากให้ลูกได้สิ่งดีๆเท่าที่ตัวเองจะหามาให้ได้

ที่ต่างคงเป็นมุมมองเรื่องการตีความหมายของคำว่า ‘สิ่งดีๆ’

“ไม่หรอกครับคุณท่าน”อดุลย์ตอบให้กำลังใจ แต่ก็เหมือนว่าศูรไม่ได้ฟังอะไร หญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องรู้ตัวว่าตรงนี้ไม่ควรอยู่จึงได้ถอยฉากออกไปจากห้องนี้

“ชั้นคิดนะว่าเป็นเพราะชั้น รพีเลยกลายเป็นคนที่ไม่ดีแบบนี้ ถ้าชั้นรักเขาให้มากกว่านี้เขาอาจจะไม่เป็นอย่างที่เขาเป็น ถ้าแม่เขายังอยู่รพีอาจจะเป็นคนที่ยิ้มแย้มได้ทุกวัน”ศูรยังคงพร่ำบอกเรื่องที่อดุลย์เองก็ไม่รู้จะพูดปลอบอย่างไรได้มากกว่านี้ แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาอยากจะบอกกับศูรเกี่ยวกับความคิดของศูรเอง

“...คุณท่านครับ ขอผมพูดซักอย่างได้มั้ยครับ”ศูรมองหน้าชายหน้าขาวที่ดวงตาซุกซ่อนบางอย่างที่เขาไม่มีก่อนจะพยักหน้าช้าๆอนุญาติให้อดุลย์พูด

“ผมไม่อยากให้คุณท่านคิดว่าคุณรพีเป็นคนไม่ดีครับ คุณรพีอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณท่านคิดไว้ แต่ไม่ได้หมายความสิ่งที่คุณรพีเป็นมันไม่ใช่ว่าไม่ดีไม่ใช่หรือครับ”อดุลย์บอกยิ้มบางๆ ใจก็กลัวศูรจะโกรธที่พูดเหมือนสั่งสอนคนที่มีอายุคราวพ่อแต่สิ่งที่ได้ยินศูรพูดออกมาก็อดไม่ได้ที่จะพูดเหมือนกัน

“ผมเข้าใจว่าคุณท่านคงหวังไว้ว่าคุณรพีเป็นคนอย่างในอุดมคติ เพราะผมเองก็เคยวาดฝันให้ตะวันเองเรียนสายสามัญต่อมหาวิทยาลัยดีๆ แต่พอตะวันเลือกเรียนสายช่างผมก็ไม่ได้มองว่าตะวันไม่ดีหรือดื้อไม่ยอมรับความหวังดีของผมเลย”ศูรเริ่มมองคนที่พูดอย่างเต็มตา เหมือนโดนแทงใจดำเข้าอย่างจัง แม้เรื่องของตะวันกับเรื่องที่รพีที่เคยก่อไว้ในอดีตจะต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่...นานเท่าไรแล้วที่เขามองว่ารพีเป็นเด็กไม่ดีและชอบดื้อกับเขา

“ไม่ว่ายังไง...เมื่อก่อน ตอนนี้หรือว่าพรุ่งนี้ ตะวันจะยังคงเป็นเด็กที่ดีสำหรับผมเสมอครับ”อดุลย์บอกจนครบใจความที่อยากจะพูด ก่อนจะยิ้มจางๆแล้วเดินออกจากห้องรับแขกห้องใหญ่นั้นไปเงียบๆ ทิ้งให้ชายชราที่นั้นกุมหน้าไว้คนเดียว

กับน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างหยุดไม่อยู่



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจคนที่กำลังจัดเนกไทอยู่หน้ากระจกด้วยสีหน้าราบเรียบ ก่อนที่ประตูจะเปิดออกพร้อมเสียงที่ช่วงนี้ติดจะคุ้นเคยที่ขออนุญาตเข้ามาในห้อง

“มีอะไรหรือเปล่า?”รพีถามขึ้นเมื่อเห็นร่างบางที่เดินเข้ามา หันมาแต่งตัวต่อแม้จะเหลือเวลากว่าจะต้องไปงานเกือบราวๆสามชั่วโมงแต่เพราะโพล่งไปแล้วว่าวันนี้ไม่ร่วมทานข้าวเย็นที่บ้าน คงต้องออกไปหาทานข้างนอกแทน

“ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ?”

“ไม่...มีอะไรพูดมาเลย ชั้นต้องออกไปข้างนอกอีก”รพีถามไม่แสดงสีหน้าหงุดหงิด แค่มองหน้าคนถามธรรมดา

“เรื่องเมื่อครู่น่ะครับ...คือผม...”อดุลย์ประหม่าเมื่อต้องพูดเรื่องที่ตั้งใจจะพูดขึ้นมา เรื่องที่พึ่งผ่านมาทำให้รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย ยิ่งเห็นคนที่เคยหยิ่งยโสและถือตัวสุดๆ เอ่ยคำขอโทษออกมาง่ายๆก็รู้สึกว่าต้องมาพูดอะไรด้วยซักอย่าง

...และยังมีเรื่องของตะวันอีกเรื่องที่อยากจะปรึกษา...

“ชั้นก็ขอโทษนายไปแล้วอยากจะเอาอะไรอีก?”คำถามประชดประชันทำเอาความรู้สึกไม่สบายใจพาลจะหายไปดื้อๆ

“ผมไม่ได้อะไรครับ ที่จริงคุณรพีไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรเลย”

“....?”รพีไม่เข้าใจ อดุลย์ต้องการอะไรจากเขาอีก การที่ทุกคนนั่งรอเขากลับบ้านเพื่อแจ้งเรื่องราวก็เป็นเรื่องบอกอยู่แล้วว่าอยากได้ความรับผิดชอบจากเขา นี่เขาก็สัญญาแล้วว่าจะจัดการให้

“ที่จริงเรื่องที่เขามาทำร้ายผมทำร้ายดาวเป็นเรื่องอีกเรื่องแต่ที่จริงแล้ว...เขามาเพราะเรื่องของตะวัน”อดุลย์บอกเรื่องที่ติดค้างคาใจ สีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันทีที่พูดเรื่องนี้

“คือไม่รู้ว่าคิดมากไปหรือเปล่า แต่เพื่อนสนิทของตะวันบอกผมมาว่าตอนที่เขาไปเดินเที่ยวกันรู้สึกมีคนตาม แต่พอเกิดเรื่องกับตะวันเมื่อคราวก่อนเลยคิดว่าเป็นเด็กวิทยาลัยช่างอื่น แต่...”

“นายจะว่ากำลังสงสัยว่านลินกำลังจ้องจะทำร้ายตะวันซินะ”

“ครับ”ร่างสูงมองอดุลย์ที่สีหน้าไม่ดีนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจช้าๆหลับตาคมลงอย่างตัดสินใจอะไรบางอย่างในใจเงียบๆซักพักก่อนจะลืมตามองอดุลย์อีกครั้ง

“ถ้าชั้นบอกว่าใช่...นายจะว่าอย่างไง”เสียงเข้มพูดนิ่งๆแต่คนฟังตาโตอย่างตกใจ

“อะไรกับครับ...แล้วมาเกี่ยวอะไรกับตะวัน?”งงงันกับเรื่องที่สงสัย ถึงสะกิดใจเรื่องพวกนี้มานิดหน่อยแต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าผู้หญิงที่ดูสวยคนนั้นทำไปทำไม

“คงเพราะตะวันเป็นลูกของชั้น”

“แล้วมันยังไง เกี่ยวอะไรกัน บ้าหรือเปล่าตะวันเป็นลูกคุณแล้วเกี่ยวอะไรกันล่ะครับ เรื่องอะไรเอาเรื่องของผู้ใหญ่มาหาเรื่องกับเด็ก”อดุลย์เผลอพูดรัวออกมาอย่างลืมตัว นึกเป็นห่วงความปลอดภัยจนอยากจะโทรไปเช็คว่ากลับบ้านถึงไหนแล้ว

“...”

“เฮ้อ...ขอโทษครับ ผมไม่ควรโวยวายกับคุณ คุณเองก็คงเป็นห่วงตะวันเหมือนกัน”พอเห็นคิ้วหนาเริ่มขมวดคิ้วก็รู้สึกตัวว่าพูดมากเกินไป

“ชั้นบอกว่าจะจัดการให้ ชั้นก็จะทำให้ไว้ใจได้ว่าตะวันจะไม่ได้รับอันตรายจากผู้หญิงคนนั้นอีก”รพีพูดเสียงเข้มขึ้น รู้สึกโกรธคนตรงหน้าขึ้นมานิดๆ แต่ก็ยังพอคุมอารมณ์ได้

กับคนตรงหน้าพอเป็นเรื่องของลูกชายทีไรก็มักจะเผลอทำตัวกล้ากับเขาขึ้นมาทันที

“หมายความว่ายังไงครับ...ที่ว่าไม่ได้รับอันตรายอีก...อย่าบอกนะว่าคราวที่แล้วเป็นฝีมือของเมียคุณ!!”ขึ้นเสียงใส่ลืมตัวอีกครั้ง แต่เหมือนว่าครั้งนี้แม้จะรู้ตัวแต่อดุลย์ก็ไม่มีท่าทีอ่อนลง

“...อืม”ไหนๆก็ตัดสินใจบอกเรื่องปัญหาของนลินกับอดุลย์แล้วเลยไม่ปิดบังเรื่องราวทั้งหมดแต่เหมือนว่าคิดผิดเพราะร่างบางที่เคยดูหงิมกับตะโกนเสียงดังจนรพียังตกใจ

“อีบ้า!!! เจอที่ไหนกูจะกระทืบแม่ง!!!”เท้าเล็กกระทืบพื้นดังปึ่ง!! ริมฝีปากถูกกัดแน่นจนห้อเลือด

“หึหึ...หึหึหึ”ถึงจะดูว่าก้าวร้าวแต่กับดูน่าขำขันกับคนมอง

“ข...ขอโทษครับ”ใบหน้าขาวขึ้นริ้วสีเขินอายกับสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่ พอลืมตัวเวลาโมโหก็รู้อยู่ว่าเขาจะก้าวร้าวขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีใครที่ทำให้อดุลย์ได้โมโหง่ายๆ

ตั้งแต่เกิดมาเคยโมโหคนอื่นอยู่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นในชีวิตเพราะอดุลย์ใช้คำที่แม่เคยสอนเตือนสติตัวเองมาเสมอ

...เวลาโกรธ หน้าหนูจะน่าเกลียดน่ากลัว เพราะฉะนั้นอย่าพยายามโกรธเลยนะปิงปองลูกแม่ โกรธไปก็ไม่ทำให้เราได้อะไร แต่มีจะทำให้เราเสีย อย่างหนึ่งที่ปิงปองลูกแม่จะเสียคือ ความสวย ถ้าหนูโกรธมากๆหนูจะไม่สวยนะลูก...

“หึ เอาเถอะ ก็ไม่ใช่ว่าน่าเกลียดอะไร”...อย่างน้อยก็พอจะทำให้หัวเราะออกมาได้

“แต่ถ้าเจอกันจริงๆอย่าไปทำไรเลย เขาจะหาว่านายรังแกผู้หญิงซะเปล่าๆ”รพีล้อเลียนยิ้มๆ หันเข้าหาโต๊ะเครื่องแป้งเลือกนาฬิกาที่จะใส่ไปในงานในวันนี้

“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”พอถูกหัวเราะใส่ก็เหมือนเรื่องที่จะอยากจะพูดหายไปหมด ร่างบางของตัวออกจากห้องแต่ไม่ทันจะก้าวเท้าไปไหนก็ถูกคำถามของรพีรั้งไว้เสียก่อน

“นายว่านาฬิกาอันไหนเหมาะกับชุดนี้ดี”พอถูกถามก็อดชะโงกหน้าไปดูถาดใส่นาฬิกานับสิบเรือนไม่ได้ พอร่างสูงเห็นว่าอีกฝ่ายต้องใช้ความพยายามกับคำตอบที่เขาถามก็เบียงตัวออกให้อดุลย์ได้เดินเข้ามาดูและออกความคิดเห็น

ทำให้บัดนี้ทั้งสองยืนคู่กันอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก

“อันนี้มั้ยครับ สีเข้ากับสูทพอดี”คำตอบที่รพีเผลอลืมฟัง แต่กำลังใช้ความคิดสะระตะกับกลิ่นที่เตะจมูกอยู่ตอนนี้

“...คุณรพีครับ”ร่างสูงสะดุ้งเมื่อโดนเรียก กระพริบตาเรียกสติอยู่สักพักก็ส่งเสียงอืมรับความคิดเห็นแล้วหยิบเรือนที่อีกคนเลือกให้แบบที่ไม่สนใจจะดูเองด้วยซ้ำ

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”อดุลย์ก้าวเท้าถอยหลังถอยห่างจากอีกคนก่อนเอ่ยขอตัวอีกครั้งและก็เป็นอีกครั้งที่ถูกรั้งเอาไว้

“ได้ยินมาว่านายชอบเรื่องเครื่องสำอาง?”

“...ครับ?”อดุลย์ตอบรับงงๆ แต่อีกคนกลับเข้าใจว่าเป็นคำตอบที่เขาถาม

“ถ้ามีงานเกี่ยวกับพวกเครื่องสำอาง ไว้ชั้นจะพานายไปด้วย”รพีว่าเรียบๆแล้วหันหน้าหนีไปสนใจกำเครื่องแต่งตัวของตัวเองต่อ แต่อดุลย์ที่ได้ฟังจากที่ตอนแรกงงๆ แต่พอคิดว่าได้ไปงานเกี่ยวกับสิ่งที่ค่อนข้างชอบก็ยกยิ้มกว้างดีใจ

เดินออกจากห้องไปแบบลืมถามทำไมอีกคนถึงได้ใจดีด้วย ไม่คิดถึงคำถามนั้นด้วยซ้ำ ทิ้งรพีให้ส่ายหน้ายิ้มอ่อนๆกับสิ่งที่ตัวพึ่งทำลงไปเมื่อครู่

...เห็นว่าโกรธ...ถือว่าทำเพื่อเอาใจเสียหน่อย...





หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 24-10-2014 00:36:05
สนใจเค้าแล้วสิ ถึงจะพาไปงานที่เค้าสนใจ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 24-10-2014 00:37:20
ปิงปองของขึ้นนน เพิ่งเคยเห็น อิอิ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 24-10-2014 00:41:01
ครอบครัวนี้คงจะมีความสุขขึ้น

เพราะมีตะวันและอดุลย์เป็นกาวใจ


ฮิ้วววววววงงงงงงงงง~~~~
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 24-10-2014 02:01:49
 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven



ซันเริ่มจะแคร์ปิงปองมากขึ้นแล้วล่ะสิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 24-10-2014 02:06:45
ขำกร๊ากเลย ตอนพ่อปิงปองของขึ้น5555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-10-2014 02:43:58
ดีขึ้นมานิดหนึ่ง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 24-10-2014 02:56:35
หวังว่าจะจัดการได้จริงนะ แต่แหมคู่นี้ค่อยๆเริ่มหวานละนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-10-2014 06:23:51
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ มันดราม่าดีจริงๆเลย o13
พ่อปิงปองกับพ่อซันเริ่มหวานกันละ :o8:
ยัยนลินสมควรโดนจัดการขั้นเด็ดขาดนะฮะ :m16:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-10-2014 06:27:32
พ่อซันเขินเหรอ. ชวนพ่อปิงปองเองนะนั่น. จะได้ออกงานคู่แล้วมั๊ง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 24-10-2014 06:51:09
อั้ยยยยย ซันเริ่มน่ารักแล้ววว  :กอด1: งุ้งงิ้งๆ มีการเอาใจด้วย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-10-2014 07:38:35
รพี๊... ตอนนี้น่ารักอ่ะ มีเอาใจปิงปอง(เพราะเห็นว่าโกรธ)ด้วย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 24-10-2014 08:08:47
แอบหวานปะเนี่ย


จะจัดการยังไงกับนลินละเนี่ย


รออ่านตอนต่อไปคร้าบ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 24-10-2014 08:30:08
พ่อซันนนนน นับวันยิ่งน่ารักนะเราอ่า
ชอบพ่อปิงปองมาก :o8:

 
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 24-10-2014 09:09:45
 :hao7: o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 24-10-2014 09:27:08
กรี๊ด ชอบมาก ความหวานเริ่มมาแล้วสิ
อ่านแล้วยิ้มได้ รพีอ่อนลงไปเยอะแล้ว
อยากอ้านเอ็นซีคู่นี้อีก ขอเวอร์ชันหวานนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 24-10-2014 10:26:36
 :hao3:

ชอบตอนปิงปองด่ายัยนลินจัง

ยัยนั่นน่ะโรคจิตแน่ๆ

 :z3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-10-2014 10:34:38
หวังว่ารพีจะจัดการเรื่องของเมียเก่าได้ทันก่อนที่นางจะสร้างปัญหาให้อีกนะ
ไม่ห่วงปิงปอง  แต่ห่วงตะวัน ... คราวก่อนก็เจ็บตัวไปทีนึงละ
น่าจะเอาคืนเจ็บ ๆ ซักหน่อยนะ  ยายคนนี้น่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 24-10-2014 14:21:41
อ่านตอนนี้แล้วถึงกับยิ้มเลยอะ 555+
ว่าแต่ไม่บอกหน่อยเหรอว่าโดนจิ๊กหนังหัวด้วยอะ
เพื่อเป็นแรงจูงใจไห้รพียิ่งโมโหยัยบ้านั้น 5555+
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 24-10-2014 16:22:08
 :pighaun:ขอบคุณมากนะคับและแล้วนักเขียนของเราก็มาคิดถึงมากๆนะคับมาต่ออีกนะคับโชกดีมากๆที่ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 24-10-2014 16:36:36
หลังๆอ่านแล้วฟิ๊นฟิน อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 24-10-2014 16:43:07
อยากอ่านต่ออ่ะ

ยิ่งอ่านนิ่งน่ารัก
อร๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 24-10-2014 17:48:21
เค้าเลือกนาฬิกาให้กันด้วยยย ฮิ้ววววว
เหมือนปิงปองมีลูก 2 คนให้ดูแล 555555555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 24-10-2014 18:31:20
เริ่มอบอุ่นเป็นครอบครัวมากขึ้นแล้ว
พ่อซันนี่ก็แอบหวานแต่เก็กเหลือเกิน
 จะทำอะไรให้ปิงปองแต่ละทีก็หาเหตุผลโน่นนั่นนี่มาอ้าง
เรารู้ทันนายนะ :hao3:

เพิ่งรู้ว่าปิงปองโหดได้ด้วย นี่เป็นเรื่องคนสำคัญซินะ ถึงหลุด
ฮามากกับคำพูดตอนของขึ้น
แต่คนข้างๆนี่ไม่ฮาอย่างเดียว ออกจะเอ็นดูด้วยใช่ป่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 24-10-2014 19:00:39
ชอบรพีตอนนี้จัง ดูเป็นคนดีขึ้นมา(นิดนึง)
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 24-10-2014 20:11:43
ลูกข้าใครอย่าแตะ5555555
รพีถ้าจะพาปิงปงออกงานจะไปในฐานะอะไรล่ะ หืม?
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 24-10-2014 20:21:09
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
เริ่มนารักแล้วนะค่ะ
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 25-10-2014 00:10:30
อ่านไปกอดหมอนข้างไปฟินนนนน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 25-10-2014 00:26:12
ชอบอ่าาาาา รพีเหมือนจะดีขึ้น

เมื่อไหร่รพีกับพ่อจะเข้าใจกันนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 25-10-2014 00:40:58
วันนี้จะมาต่ออีกหรือป่าวนอ คิดถึงมากรอกันมาตั้งปีหนึ่งแล้วเนาะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 25-10-2014 12:29:06
ตามมาจากแนะนำนิยาย

สนุกขอรับ

นายรพีช่างซึนจริงๆ

แอบจิ้น

น้องทานกับตะวัน

มาต่อไวๆนะขอรับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 25-10-2014 16:41:35
สนุกมากเลย ปกติเราไม่อ่านนายเอกที่ใจเป็นหญิง
แต่อดุลนี่สุดยอดมากๆอ่ะ ยอมกลับเป็นชายเพื่อเลี้ยงลูก
แต่ตะวันยังไม่รู้ใช่ป้ะว่าพ่อตัวเองเคยตุ้งติ้ง?
รพีนี่เป็นคนขาดความรักจากพ่อและโดนกดดันมากๆ ไม่ได้เลวโดยสันดาน เดี๋ยวก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
ปู่ดูลก็ใจดีกับลูกชายหน่อยเถ้ออออ
ความอิจฉาริษยานี่มันน่ากลัวเน้อะ ขอให้ไม่มีอะไรเลวร้ายทีเถอะ


มาต่อๆ เรารออ่านนะ
ทานตะวันชอบตะวันสินะ ♡
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 25-10-2014 21:27:42
ชอบอ่า เราไปอยู่ไหนมา ถึงไม่เคยกดอ่านเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่26 [ 24 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dezzerr ที่ 25-10-2014 21:51:20
ชอบมากเลยค่ะ แอบตามมาจากกระทู้นิยายแนะนำ
บางตอนถึงกับร้องไห้เลย  o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 26-10-2014 00:26:38
ไม่นานเกินไปงานที่รพีเอ่ยคำสัญญากับอีกคนก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ไม่ได้เป็นงานที่เชิญรพีไปร่วมงานโดยตรงแต่เป็นงานที่จัดขึ้นในโรงแรมของรพีเป็นงานเปิดตัวของสินค้าตัวใหม่ของแบรนเครื่องสำอางชั้นนำของประเทศ เป็นแบรนที่ค่อนข้างจำกัดกลุ่มผู้ใช้ที่มีกำลังเงินมากพอที่จะจ่ายเงินกับสินค้าสิ้นเปลืองพวกนี้

วัชรถูกส่งให้มารับตัวอดุลย์ตอนบ่ายของวันให้มาเลือกชุดสูทที่เหมาะกับเจ้าตัวพร้อมกับสอนงานนิดหน่อยให้อดุลย์เพราะด้วยเหตุผลที่วันนี้คนที่เป็นผู้ช่วยของรพีไม่ใช่เขาแต่เป็นคนร่างบางอย่างอดุลย์

เจ้านายของเขาไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมถึงออกคำสั่งแบบนี้เฉกเช่นทุกครั้งที่สั่งการ ยอมรับว่าแปลกใจแต่ก็ไม่ถามอะไร เห็นด้วยเนื้องานของงานเลี้ยงวันนี้ค่อนข้างใกล้ตัวกับอดุลย์เลยพอจะเข้าใจได้ว่าทำไมรพีถึงให้อดุลย์ติดตามไปด้วย

ที่แปลกใจมากกว่าคือ ปรกติรพีไม่เคยออกงานพวกเปิดตัวสินค้าแบบนี้เลยซักครั้งมากกว่า

“สูทตัวนี้ดูเหมาะกว่านะครับ”วัชรพูดพร้อมชูเสื้อตัวกะทัดรัดในมือเป็นตัวที่อดุลย์พึ่งลองสวมใส่ไปเมื่อซักครู่ ตอนนี้พวกเขากำลังลองเสื้อกันอยู่ในห้องเสื้อประจำตัวของรพี

“ผมก็ว่าอย่างนั้น ผมใส่ตัวนี้แล้วอย่างกับหวานเย็น”อดุลย์บอกขำ วัชรหัวเราะเบาๆพร้อมยิ้มแย้ม ไม่ได้รู้สึกขัดตาอะไรกับสูทที่อดุลย์ใส่อยู่ตอนนี้ แต่ว่าสูทตัวสีขาวเทาที่อยู่ในมือดูเหมาะกว่าตัวนั้นจริงๆ

“ไม่ได้น่าเกลียดหรอกครับคุณปิงปอง หน้าตาแบบนี้จะใส่สีอะไรก็ดูดี แต่ตัวนี้ค่อนข้างไปแนวเดียวกับท่านประธาน วันนี้ท่านประธานใส่สูทสีเทาเข้มครับ”คำบอกของเลขาหนุ่มทำให้อดุลย์พยักหน้าขอบคุณที่อีกฝ่ายชม ตอนแรกที่วัชรขับรถเข้าไปในบ้านแล้วแจ้งเรื่องงานตอนเย็นกับเขาก็ตกใจนิดหน่อย กังวลหน่อยๆเรื่องว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี แต่ก็โดนหว่านล้อมเชิงบังคับออกมาจนได้

“ถ้าเสร็จจากร้านนี้ไปตัดผมหน่อยนะครับ”

“ต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณวัช ชักประหม่าแล้วซิผมไปงานแบบนั้นได้แน่เหรอ”อดุลย์เกร็งขึ้นทันทีที่พอเห็นความเนี๊ยบของเลขาหนุ่ม ตัวเองก็ไม่เคยไปงานอะไรพวกนี้ด้วย เอาเข้าจริงก็เริ่มไม่อยากจะไปงานแล้วกลัวว่าตัวเองจะไปทำอะไรน่าเกลียดๆในงาน

“ได้ซิครับ ก็ท่านประธานซะอย่างสบายหายห่วง”หนุ่มหน้าตี๋บอกยิ้มแย้ม ยกกระเป๋าเงินขึ้นจ่ายเงินฟ้อนใหญ่ให้พนักงานในร้าน วันนี้ท่านประธานใจปล้ำสุดๆให้เงินมาจัดการกับอดุลย์ห้าหมื่นแถมเกือบให้บัตรเงินสดอีกหนึ่งใบด้วยกลัวว่าจะไม่พอ จนเลขาหนุ่มบอกว่าเสื้อผ้ามันไม่ได้แพงขนาดนั้นเลยรพีเลยทำหน้าเขม็งรีบเก็บบัตรคืนทันที

“สวัสดีค่ะ ทำอะไรคะ”หญิงสาวหน้าร้านทำผมเอ่ยต้อนรับเสียงใส อดุลย์กับวัชรเดินเข้ามาในร้านตัดผมย่านเดียวกับร้านสูทด้วยไม่อยากเสียเวลากลับไปที่ห้างที่ทำงานของพวกเขา

“ตัดผมคนนี้ครับ”วัชรตอบชี้ไปทางอดุลย์ที่ยื่นยิ้มเก้ๆกังๆ ปรกติเข้าร้านตัดผมชายตัดหัวละไม่กี่สิบบาท นี่วัชรพาเข้าร้านดังแค่ค่าบริการที่แปะไว้หน้าร้านก็ทำเอารู้สึกเสียดายเงินแล้ว

“มีช่างประจำหรือเปล่าคะ”อดุลย์ส่ายหน้าหวือ

“งั้นเชิญไปสระผมทางนี้คะ แล้วคุณน้องผู้ชายจะตัดผมด้วยมั้ยค่ะ”วัชรส่ายหน้ายิ้ม ผลักให้อดุลย์ตามพนักงานไปส่วนด้านในของร้านเพื่อรับบริการ

ไม่กี่นาทีร่างบางเดินออกมาพร้อมกับผ้าที่โพกหัวเปียกของตัวเองไว้ ถูกนำมาทิ้งไว้ที่เก้าตัดผมตัวเล็กหน้ากระจกบานใหญ่มองดูตัวเองก็พาลขำหน่อยๆ นานแล้วที่ไม่เคยทำผมแบบนี้ ไม่เคยเข้าร้านสระผม

...ก็ตั้งแต่ตัดผมสั้น...

จู่ๆก็ปรากฏร่างของหญิงอวบในกระจกซ้อนด้านหลังของอดุลย์ ตากลมเบิกกว้างขึ้นอย่างประหลาดใจ ร่างบางหันตัวขวับไปมองคนที่อยู่ด้านหลังก่อนพินิจมองหน้าอีกฝ่าย

“...ริชชี่?”หญิงร่างอวบเลิกคิ้วขึ้นมองผู้ชายสะอาดสะอ้านข้างหน้าอย่างงงๆ ผู้ชายคนนี้เรียกชื่อเธอแต่เธอไม่ยักจะรู้จักคนคนนี้เลย แม้จะดูคุ้นตาแต่ก็จำไม่ได้

“ปิงปองไงริชชี่ จำกันไม่ได้เหรอ?”อดุลย์ว่าเสียงใส ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยประถม อยู่บ้านในละแวกเดียวกัน ไม่เจอกันมากว่ายี่สิบปีแต่อดุลย์จำได้ทันทีที่เห็นเพราะใบหน้าที่คงเดิมกับไฝเม็ดโตใต้คางที่เป็นเอกลักษณ์

“ปิงปอง...ห๊า!!! แก...ปิงปองเหรอ?”

“ใช่ๆ เราเอง จำกันไม่ได้เหรอริชชี่ เรายังจำเธอได้เลยนะ”แกล้งอมลมเป่าปากแบบขัดใจ เรียกเสียงหัวเราะแกมหมั่นไส้จากเพื่อนเก่าแก่ ไม่แปลกหรอกที่เธอจะจำอดุลย์ไม่ได้ รู้จักกันมาตั้งแต่อดุลย์ยังเด็กๆ ใบหน้ารูปร่างเปลี่ยนไปมาก พอจบม.สามอีกฝ่ายก็เลิกเรียนแถมยังเปลี่ยนที่อยู่ สมัยก่อนติดต่อกันไม่ได้ง่ายดายอย่างปัจจุบัน

แต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกันคนตรงหน้าผมยาวสวยใบหน้าหวานทำเอาเธอที่เป็นผู้หญิงยังอาย

แต่ตอนนี้เพื่อเก่าคนนี้เหมือนผู้ชายผิวขาวตัวเล็กสุขภาพดีธรรมดา ไม่มีเครื่องสำอางซักอย่างบนใบหน้านั้น

“เฮ้ย!! เป็นไงมาไงเนี่ย ไปอยู่ไหนมาทำไมเราไม่ได้เจอกันเลย ยังอยู่ในกรุงเทพฯหรือเปล่า?”หญิงสาวถามเสียงตื่นเต้น

“ยังอยู่ๆ แต่เราไม่ค่อยได้ไปไหนน่ะ วันนี้พอดีมีงานเลยอยากตัดผม โชคดีจริงนะที่ได้เจอแกอ่ะ เราคิดถึงแกมาตลอดเลยริชชี่”เพราะเป็นเพื่อนหนึ่งในไม่กี่คนที่ยอมรับคนแบบเขาในแบบที่อดุลย์เป็น เป็นเพื่อนแท้...

“เออจริงซิ อยากได้ทรงไหน ชั้นจะตัดให้เป็นพิเศษรับรองสวยสมใจแน่”พูดเอาใจเพื่อนรู้ว่าเพื่อนรักสวยรักงามแค่ไหน

“เอาเรียบร้อยๆนะริชชี่”แล้วอดุลย์ก็ชี้ทรงผมที่ตัวเองเปิดเลือกดูในหนังสือที่มีคนเอามาไว้ให้ให้เพื่อนเก่าดู คิ้วเรียวจากการขีดเขียนเลิกขึ้นอย่างสงสัย ทรงผมที่อดุลย์เลือกค่อนข้างจะธรรมดาและดูเป็นผู้ชายเชยๆ แต่ก็ไม่เลือกจะถามคำถามอะไรออกไป สงสัยตั้งแต่การแต่งตัวของเพื่อนแล้ว แต่ก็คิดว่าระยะเวลาที่ไม่เจอกันมานานอาจจะมีอะไรๆให้อดุลย์ต้องเป็นแบบนี้ก็ได้

“จัดให้เลย”หญิงสาวว่าแบบนั้นก่อนจะลงมือตัดผมอย่างสุดความสามารถ

ไม่นานเกินรอศรีษะที่เคยปกคลุมด้วยเส้นนุ่มก็ดูบางตาขึ้นมาทันที ทรงผมที่ถูกตัดออกมาดูค่อยข้างแตกต่างจากที่ตั้งใจเอาไว้ ริชชี่ตัดไปก็ปรับเปลี่ยนใส่ความคิดของตัวเองเข้าไปด้วย ผมหน้าถูกตัดสั้นจนเผยหน้าผากกว้างนูนสวยจอนถูกกันเป็นเส้นตรงสวยงามด้านข้างและด้านหลังก็สั้นเผยใบหูและลำคอขาวมาโชว์สายตาผู้คน

“ดูดีมากเลย ชอบมั้ย”อดุลย์พยักหน้ารับ รู้สึกดีกับทรงผมใหม่อยู่มาก ตั้งแต่เข้ามาอยู่บ้านใหม่ผมเผ้าก็ไม่เคยสนใจเลย มันเลยยาวรุงรังจะเกือบถึงไหล่ พอตัดมาก็รู้สึกสบายหัวดี

“แปบนะริชชี่ เดี๋ยวโทรหาคนอื่นเดี๋ยว กระเป๋าเราอยู่กับเขาน่ะแล้วค่าตัดผมเท่าไร”อดุลย์บอกทันทีที่เสร็จ วัชรกำชับบอกให้อดุลย์โทรหาเมื่อเสร็จธุระแล้วตัวเองขอออกไปทำธุระของตัวเองเหมือนกัน

อดุลย์ยกโทรศัพท์โทรหาวัชรบอกว่าตัวเองตัดผมเสร็จแล้ว รู้สึกเขินหน่อยๆที่เหมือนว่าต้องให้อีกคนมาจ่ายค่าใช้จ่ายให้ สักพักคนที่โทรหาก็เดินมาแต่มีอีกคนที่เดินมาเคียงข้างกัน

“ว้าว ดูดีมากๆเลยครับ แล้วค่าทำผมเท่าไรครับเนี่ย”วัชรเอ่ยชมจริงใจ อยากจะตะโกนชมตั้งแต่เห็นอยู่ไกลๆแล้วถ้าไม่ติดว่าเกรงใจคนอื่น ใบหน้าขาวโดดเด่นมากเมื่อตัดผมที่เข้ากับตัวเอง

“สี่ร้อยค่ะ...นี่แฟนแกเหรอปิงปอง”ริชชี่ศอกเบาๆเข้าสีข้างล้อเลียนเพื่อนเก่า เห็นบอกโทรหาคนอื่นที่ว่าไพ้นผู้ชายตาตี๋ที่เดินคู่มากับผู้ชายหน้าตาดีอีกคน แถมหนุ่มตี๋ยังจ่ายเงินค่าผมให้อีกเลยอดจะแซวไม่ได้

“บ้า ว่าไปแกเดี๋ยวคุณวัชเขาจะเสียหาย แค่นี้เขาก็บ่นแล้วว่าผู้หญิงไม่มาสนใจ”อดุลย์พูดกลับกับเพื่อนไม่ได้เขินอายแต่ยังล้อกลับวัชรที่เคยได้ยินคำโอดครวญถึงหญิงสาวที่ตัวเองแอบชอบแต่โดนเมินใส่ ก่อนจะหัวเราะเสียงใสพร้อมกับใบหน้าง้ำงอของเลขาหนุ่ม

“...ชั้นไปรอที่รถนะ เสร็จแล้วก็รีบตามมา”เสียงคนที่เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นมาเสียงเข้ม ก่อนจะหันตัวกลับไปทางเดิมที่เดินมาทันที

“...อะไรของเขา”วัชรมองร่างสูงของเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ รู้สึกกังวลมาบ่อยๆในช่วงนี้เพราะหลังๆเขาเริ่มเดาความคิดของเจ้านายไม่ออกบ่อยๆ กลัวว่าตัวเองจะทำงานกับรพีได้ไม่นาน

“คุณรพีเป็นอะไรเหรอครัวคุณวัช”อดุลย์ได้ยินเสียงบ่นเบาๆของวัชรเลยถามด้วยความเป็นห่วง พลางมองด้านหลังของรพีที่กำลังเดินออกห่างไป

“ไม่รู้ครับ เมื่อกี้พวกผมก็พึ่งเดินมาจากรถ ยังงงอยู่เลยว่าท่านเป็นอะไรเดินมาถึงก็เดินกลับรถ...สงสัยอยากออกกำลังกายมั้งครับ”คำตอบล้อเลียนเรียกเสียงหัวเราะของวัชรทำให้ลืมสีหน้าโกรธของชายหนุ่มที่พึ่งเดินจากไป อดุลย์ลาเพื่อนเก่าพร้อมแลกเบอร์ติดต่อแล้วเดินตามวัชรไปที่ลานจอดรถที่มีใครบางคนรออยู่



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




ในงานเลี้ยงที่ล่วงเลยมาจนถึงช่วงสุดท้าย ผู้คนเริ่มเดินพูดคุยกันเองกันซะมากกว่าจะดูตัวสินค้าที่มาเปิดตัว ในงานเป็นงานที่เป็นงานปิด แขกที่ถูกเชิญมาส่วนใหญ่เป็นคนดังในแวดวงต่างๆพร้อมกับนักข่าวสำนักต่างๆ

อดุลย์ในชุดสูทที่เทาอ่อนตั้งแต่เข้างานมาก็ดูออกจะตื่นเต้นและเกร็งจนลืมสนใจอารมณ์ของคนข้างๆ ตั้งแต่ออกจากร้านทำผมจนไปทานอาหารในร้านอาหารญี่ปุ่นจนล่วงเลยมาถึงตอนนี้รพียังไม่เอ่ยปากพูกับอดุลย์ซักคำ แต่ร่างบางกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องปรกติเพราะรพีก็ไม่ค่อยชอบที่จะพูดกับตัวเองอยู่แล้ว

ร่างบางยืนเปิดๆแตะๆสินค้าทดลองที่ได้รับฟรีที่อยู่ในมืออย่างสนุกสนาน แป้งรองพื้นขนาดเหมาะมือแถมเนื้อแป้งที่เนียนแบบนี้ทั้งชีวิตอดุลย์ยังไม่เคยได้ใช้ แค่ว่าลองใช้นิ้วเกลี่ยดูยังรู้สึกว่าแป้งเบามาก ถ้าใช้ทาที่หน้าคงรู้สึกว่าไม่ได้แต่งหน้าอยู่แน่ๆ

อดุลย์ยังคงตื่นเต้นกับของในมือไม่ได้มองรอบตัวเลยแม้แต่น้อย เขากลายเป็นจุดสนใจของคนในงานไม่น้อย ไม่ใช่ว่าเป็นชายหน้าตาดีหรืออะไร แต่เพราะเป็นคนที่เดินเข้ามาพร้อมๆรพี เจ้าของธุรกิจเครือเรืองรัตนโยดม นักธุรกิจที่เป็นที่สนใจอยู่ในกระแสตลอดเวลา

จะบอกว่าเป็นเลขาฯคนใหม่ก็ไม่น่าใช่ เพราะร่างบางในสูทเทาอ่อนไม่เคยแทรกตัวเข้ามาอยู่ในบทสนทนาของรพีเวลาคุยกับนักธุรกิจคนอื่นซักครั้ง แม้แต่กับรพีเองก็ยังไม่คุย เหมือนเป็นคนที่เข้ามาชมงานอย่างเดียวมากกว่า

แต่ก็ไม่เคยอยู่ห่างกายของรพีแม้แต่ซักวินาทีเดียว...

“สวัสดีครับคุณรพี ขอเวลาหน่อยได้มั้ยครับ”ผู้ชายที่ดูไม่แก่เดินเข้ามาคุยกับรพี เหลือบตามองที่คนข้างๆอย่างสนใจใคร่รู้ รพีมองคนตรงหน้านิ่งๆก่อนจะพยักหน้าให้เมื่อจำได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นนักข่าวของสำนักข่าวใหญ่

“นี่นามบัตรผมครับ คือคุณรพีสนใจจะไปออกรายการของเรามั้ยครับ ที่จริงเราติดต่อไปตลอดแต่ทางคุณก็ยังไม่มีเวลาให้เราเลย”เข้าเรื่องอย่างรวดเร็วสมเป็นนักข่าว

“ถ้าไปออกรายการอาจจะยาก ถ้าเป็นสกู๊ปสั้นๆผมพอมีเวลา”เสียงเข้มเอ่ยตอบสั้นๆ แม้จะไม่อยากรักษามารยาทกับพวกนักข่าวที่ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับตัวเองก็ตาม แต่ถ้าทำไปเขาก็จะเสียประโยชน์มากมายเหมือนกัน

“คือเราอยากให้คุณรพีทบทวนอีกครั้งครับ เราอยากให้คุณออกรายการเราจริงๆ คุณกำลังเป็นที่สนใจ แถมช่วงนี้บริษัทกำลังมีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นไม่ใช่เหรอครับ ผมว่าถ้าคุณรพีเลือกที่จะมาออกรายการของเรา จะเพิ่มความเชื่อมั่นได้นะครับ”รพีมองคนตรงหน้า จ้องเข้าไปในดวงตาที่ดูไม่ค่อยจะหวั่นเกรงใคร แต่คำพูดกับดูนอบน้อมอย่างมีชั้นเชิง

“...”

“ยังไงเดี๋ยวเราจะติดต่อไปนะครับ หรือถ้าคุณรพีตัดสินใจอยากออกรายการเราติดต่อผมตามนามบัตรได้เลยนะครับ”ชายหนุ่มพูดสุภาพจนรพีไม่สามารถบอกปัดต่อหน้าได้ตรงๆ เรื่องออกรายการทีวีคงเป็นไปไม่ได้สำหรับเขา และรพีเองก็คิดว่ามันไม่ได้จำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น

“แล้วผู้ชายที่อยู่ข้างๆคุณรพีนี่ใครครับ?...”เพราะไม่คุ้นหน้าและสนใจอยากรู้จักตั้งแต่งานเริ่ม คนที่เดินเข้ามากับรพี เรืองรัตนโยดม อาจจะเป็นผู้บริหารในบริษัท...อาจจะขอสกู๊ปเกี่ยวข่าวธุรกิจได้

“...เพื่อน”นักข่าวหนุ่มสะกิดใจในคำตอบ หันไปมองคนที่อยู่ข้างๆรพีอีกครั้ง ใครๆก็รู้กันทั่วว่าคนอย่างรพีจะออกงานแต่ละทีก็ยากแสนยากแค่ไหน แต่ละงานที่ออกถ้าไม่ฉายเดียวก็พอแค่เลขาที่หน้าตี๋ๆไปด้วยเท่านั้น

รพี เรืองรัตนโยดม ไม่เคยมีคู่ควร...ขนาดตอนที่รักกันดีกับภรรยาอย่างนลินยังไม่เคยมีซักครั้งที่ออกงานคู่กัน

“แล้วเขาทำธุรกิจอะไรเหรอครับ ขอผมสัมภาษณ์ได้มั้ยครับ”

“เขาไม่ใช่นักธุรกิจ...เรื่องที่จะคุยกับผมมีแค่นี้ใช่มั้ย ขอตัวก่อนนะ”ร่างสูงเอ่ยรวดเดียว ก่อนจะหันไปคว้าเอาข้อมือบางออกแรงลากออกไปทิ้งให้นักข่าวหนุ่มมองตามมือใหญ่ที่เกาะกุมแขนเล็กนั้นด้วยสัญชาติญาณของนักข่าวที่อยากรู้อยากเห็นแบบเต็มเปี่ยม

รพีลากอดุลย์ที่เดินตามแรงลากมาเรื่อยๆจนถึงลานจอดรถใต้ดิน ที่แทบจะโล่งทั้งชั้นเพราะสำหรับคนที่มางานในโรงแรมจะมีที่จอดรถอีกส่วนจัดไว้ให้ ลานนี้จึงเปรียบเสมือนลานจอดรถของเหล่าพนักงานเสียซะเป็นส่วนใหญ่

“โอ้ย!!”เพราะเดินตามคนที่ลากมาไม่ทันขาบางขัดกันเองจนล้มปุ๊กอยู่กับพื้นคอนกรีต รพีชะงักปล่อยมือบางออก

“เป็นอะไรมากมั้ย”ถามพลางก้มลงมาจับไหล่หันซ้ายขวาดูร่องรอยตามตัว

“ไม่ครับ ขอบคุณครับ”ปฏิเสธพร้อมกับขอบคุณอีกฝ่ายที่ช่วยพยุงขึ้นให้ลุกยืน อดุลย์ปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้ากังวลถึงเรื่องว่าเสื้อสูทจะมีรอยเปื้อนหรือเปล่า ถ้ามีคงเสียดายแย่ที่ทำเสื้อใหม่ๆเป็นรอย

“...งานนี้”ระหว่างที่ร่างบางก้มหน้ามองตามเนื้อตัวของตัวเอง รพีก็พูดขึ้นเรียกให้ใบหน้าขาวเงยขึ้นมามอง

“ครับ?”

“มางานนี้สนุกหรือเปล่า?”หน้านิ่งถามเรียบๆ จนพอคนที่ถูกถามตอบคำถามด้วยการพยักหน้าพร้อมยิ้มกว้างคนหน้านิ่งถึงกับรู้สึกเหมือนสะอึก

“สนุกมากเลยครับ ผมไม่เคยมางานแบบนี้ เครื่องสำอางนี้ก็ของดีมากเลยครับ เดินแบบก็สนุกดี เคยเห็นในทีวียังเคยคิดว่ามันจะไปดูสนุกตรงไหนคนมาเดินเข้าๆออกๆ แต่จริงๆก็สนุกดีนะครับ”บอกเล่าเสียงใส รู้สึกตื้นเต้นกับเรื่องราวใหม่ๆในชีวิตเหมือนกับเด็ก

“ก็ดีแล้ว”รพียกยิ้มหน่อยๆ ความรู้สึกดีใจตามคนตรงหน้าผุดขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว

“ขอบคุณคุณรพีมากนะครับ ขอบคุณจริงๆครับ”ตาโตบอกความจริงใจ อดุลย์ขอบคุณจากใจจริง รู้สึกเหมือนกันว่ารพีดีกับเขามากขึ้นตั้งแต่ตะวันเกิดเรื่อง และถ้าไม่รู้สึกไปเองเขาก็รู้สึกว่ารพีไม่ค่อยอคติเรื่องที่ว่าเขามาหวังกอบโกยหรือหลอกลวงอะไรจากครอบครัวแล้ว

“อืม...”รพีพยักหน้าทั้งๆที่ยังมียิ้มเล็กๆติดอยู่ที่ใบหน้า

“ถ้าอยากขอบคุณจริงๆ ชั้นขออะไรอย่างแล้วกัน”

“ครับ? อะไรเหรอครับ?”อดุลย์ถาม แต่กลับไม่ได้คำตอบนอกจากใบหน้าคมสันของคนตรงหน้าที่โน้มลงมาจนจะชนกับหน้าของตัวเอง

ราวกับถูกสะกดด้วยตาคู่คมที่จ้องมอง อดุลย์ลืมที่จะหลบเลี่ยงใบหน้าและริมฝีปากหนานั้น จนในที่สุดปากของรพีก็ทาบทับลงมาพร้อมกับลิ้นหยุ่นที่เคลื่อนไหวช้าๆกวาดต้อนอีกฝ่ายภายในปากบางของอีกฝ่าย

แม้ไม่ใช่เวลานานที่ทั้งคู่ใกล้ชิดแต่กลับให้ความรู้สึกที่ยาวนานสำหรับพวกเขา ร่างบางหลับตารับสัมผัสอย่างเผลอไผล ปากเล็กเผย่อออกมาราวกับรอการรุกเร้ารพี ทั้งคู่ลืมหมดสิ้นทั้งสติและความคิด

คิดแค่ว่ารอบข้างมีแค่อากาศที่บางเบาราวปุยนุ่น กับกลิ่นที่หอมหวานราวกลีบกุหลาบ

ทั้งๆที่มัน...ไม่ใช่อย่างที่คิด









หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 26-10-2014 00:33:32
 :impress2:  ฟินเฟว่อร์งี้ต้องพาออกงานบ่อยๆนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 26-10-2014 00:42:12
นั่นนนน จูดุ้บเป็นรางวัล มีคนอื่นเห็นแน่ๆ
งานแบบนี้ถ้าสนใจก็สนุกแน่ๆ ถ้าไม่ได้สนใจนี่คงจะน่าเบื่อหล่ะนะ

พนจะมาต่ออีกมั้ยอ่ะ รออ่านนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 26-10-2014 00:44:26
รพีนี่อารมณ์แปรปรวนเนอะ
นักข่าวคนนั้นคงไม่ได้ตามมาหรอก นะ

 :katai3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tequila04 ที่ 26-10-2014 00:50:31
ทนไม่ไหวแล้วว ชอบเรื่องนี้มาก ไม่มีอะไรขัดใจสักอย่าง จนต้องมาตอบเลยค่ะ ชอบรพีกะปิงปองงมากก. คุณเขียนสุดยอดจริงๆค่ะ อยากอ่านต่อแล้ว ที่รีเฟชทั้งวันก็เพื่อเรื่องนี้เลยย ลุ้นนนนน สู้ๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 26-10-2014 01:21:31
เขินๆ
รพีชักควบคุมตังเองไม่ไหว :-[
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 26-10-2014 01:33:51
ดีใจมากๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-10-2014 01:41:32
งื้อออ เป็นข่าวแน่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-10-2014 03:14:39
ลานจอดรถ จะมีใครแอบถ่ายรูปหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 26-10-2014 04:50:50
คือมาจูบกันตรง ลานจอดรถเนี้ยอะนะ -*-
โอ้ยพระเจ้าประเจิดประเจ้อมากอะ รพี
แล้วปิงปองคือแบบว่า -*- ทำไมถึงยอมไห้เขาจูบง่ายๆยังงั้นละ เวรกรรม
แล้วนักข่าวนั้นจะถ่ายเก็บไว้หรือป่าว
หนักกว่านักข่าวอาจจะเป้นยัยเมียเก่า ซวยเลยทีนี้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 26-10-2014 05:44:23
เป็นข่าวนี่ทำไงอ่ะ
ตะวันล่ะ ;__________;

แต่ชอบมากกกกก
คอนนี้อ่านแล้วฟินมากๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-10-2014 05:51:56
แหงะ จะมีภาพหลุดไหมเนี่ย  :katai1:
จะไปขอรางวัลทำไมไม่กลับไปขอที่บ้านอ๊า เผื่อได้ชุดใหญ่ :hao6:
แต่ตอนนี้กังวลแทน กลัวนักข่าวตามมา :z3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 26-10-2014 05:55:05
พรุ่งนี้เป็นข่าวชัวร์
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 26-10-2014 07:27:39
ข่าวใหญ่แน่ๆงานนี้




ตายๆๆๆแล้วตะวันจะคิดมากไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-10-2014 07:31:52
เขาจูบกันด้วยล่ะ

ฟินขอรับ

แอบกังวลว่า....

นักข่าวคนนั้นจะทำเสียเรื่องรึเปล่า

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 26-10-2014 07:41:04
นักข่าวคนนั้นดูคุกคาม
ต้องตามมาเก็บภาพจุ๊บไปทำข่าว เชิงบังคับให้ไปออกรายการแหงมๆ
รพีต้องทำการบ้านหนักอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-10-2014 08:27:00
งานงอกแน่ ๆ เลย เหวย ยังไม่ได้จัดการกับเมียเก่าเลย มีโจทย์เพิ่มอีกละ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 26-10-2014 08:59:43
งานเข้าแล้วละปิงปอง งานนี้เรื่องวุ่นวายตามมาไม่หยุดแน่
ทำไมไม่รอให้ถึงบ้านก่อนแล้วค่อยจูบ หรือจะมากกว่าจูบก็ไม่มีใครว่าใครเห็น
แต่นี่มันที่สาธารณะ ต้องกระทบถึงบรษัทรพีแน่นอน
จะอ่านต่อ :hao7:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 26-10-2014 10:09:56
ตามมาจากกระทู้แนะนำค๊าาาา
ตอนแรกเห็นนายเอกเราออกสาวจนถึงขนาดทำตัวสาวก็คิดว่าจะตัดใจ ไม่ได้ชอบแนวนี้ แต่พออ่านไปเรื่อยๆ ก็สนุกมากเลยค่ะ
มาลงชื่อรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 26-10-2014 10:55:38
เขาจูบกันด้วย อิอิ
 
แต่ประโยคทิ้งท้ายนี่แสดงว่าจะมีเรื่องตามมาไหมนะ

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 26-10-2014 12:14:02
กรี๊ดดดดดดดด
จูบบบบบบบบ :-[
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 26-10-2014 13:53:26
จูบกันแล้ว เขินจัง >_<

พออ่านบรรทัดสุดท้ายเหมือนพายุลูกใหญ่กำลังจะมาเลยแหะ ขอหวานๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก่อนไม่ได้หรอ T^T
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 26-10-2014 14:35:14
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
คุณรพีเริ่มแล้วครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่27 [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dezzerr ที่ 26-10-2014 15:32:50
ตอนนี้หวานมากๆ เลยค่ะ เขินนน
แต่ต้องเป็นข่าว แน่ๆเลยเพราะนายนักข่าวคนนั้น ฮึ่ย  :m16:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 26-10-2014 16:01:11
ภายในบ้านหลังใหญ่ของเรืองรัตนโยดมเงียบเชียบราวกับป่าช้าทั้งๆที่มีคนนั่งอยู่สามคน แต่กลับไม่มีใครเปิดปากเอื้อนเอ่ยคำพูดอะไรออกมาซักคำ ศูรนั่งเคียงคู่โทรศัพท์เฝ้ากดโทรออกหาหลานชายที่ไม่มีท่าทีว่าจะรับ ส่วนลูกชายของบ้านอย่างรพีนั่งมองหน้าของร่างบางที่ก้มหน้าก้มตามองแค่มุมตัวเองที่กุมแน่นกันอยู่ที่ตัก

เป็นเพราะข่าวที่ออกมาเมื่อช่วงกลางวันของวันนี้ แต่กลับกลายเป็นเรื่องทอคออฟเดอะทาวน์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงกับภาพหลุดของชายสองคนที่จูบกันภายในลานกว้างของลานจอดรถแห่งหนึ่ง

ในรูปไม่เห็นแน่ชัดว่าผู้ชายตัวสูงนั้นคือใครราวกับคนที่กดถ่ายภาพพยายามใช้มุมกล้องปกปิดใบหน้าอีกคนเอาไว้จะมีเด่นชัดก็แค่ใบหน้าของชายอีกคนที่ตัวเล็กกว่า กำลังรับตาพริ้มรับสัมผัสอ่อนไหว ดูเป็นภาพที่เป็นเพียงภาพคู่รักของชายกับชายธรรมดาถ้าไม่ติดว่าหัวข่าวถูกจั่วว่า นักธุรกิจใหญ่เจ้าของห้างใหญ่พลอดรักกลางที่จอดรถหลังพากันมาสวีทหวานในงานเปิดสินค้าแบรนดัง...

ดูเหมือนพาดหัวข่าวจะเป็นที่พูดถึงว่าผู้ชายในภาพอีกคนคือใคร แต่สำหรับคนใกล้ชิดไม่ต้องเดาให้ยาก ทุกคนเลยต้องมานั่งเครียดกันอยู่ในห้องรับแขกภายในบ้านหลังใหญ่แบบนี้

และแม้จะกังวลเรื่องข่าวมากขนาดไหนแต่ทว่าตอนนี้ทั้งสามคนเป็นห่วงเรื่องของหัวแก้วหัวแหวนของบ้านหลังนี้มากที่สุด

ตั้งแต่ข่าวและภาพแอบถ่ายของอดุลย์กระจายออกไป ก็ยังติดต่อตะวันไม่ได้เลย

“อดุลย์...พอจะคิดออกมั้ยว่านอกจากเด็กที่ชื่อทานตะวัน...มีใครอีกที่ตะวันน่าจะอยู่ด้วยตอนนี้”ศูรถามเสียงอ่อน อดุลย์ส่ายหน้าอย่างคิดอะไรไม่ออก กังวลเรื่องลูกไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก โทษก็ต้องโทษตัวเองไปเผลอตัวทำเรื่องน่าเกลียดแบบเมื่อไม่กี่วันก่อนเข้าเอง

ศูรมองคนที่ส่ายหน้าน้อยๆก็ถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้ หันไปมองลูกชายที่เอาแต่จ้องอดุลย์ส่งผ่านความห่วงใยแบบนั้นก็ยิ่งกลุ้ม ตอนไหนกันที่รพีให้ความสนใจกับอดุลย์...แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้...เป็นเพราะเขาไม่ใส่ใจหรือเปล่าถึงเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา

“รพี...แกโทรหาวัชรถามข่าวคราวที”ศูรเอ่ยบอก ก่อนหน้ารพีสั่งให้วัชรไปตามหาลูกชายที่หอเพื่อนที่วัชรเคยไปส่ง เวลาล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแต่วัชรก็ยังไม่ติดต่อกลับมา

“ครับ”รพีรับคำ ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหาปลายสายแต่ตายังไม่วายมองอดุลย์อยู่ ความเป็นห่วงเป็นใยผุดออกมาจากหัวใจ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกระวนกระวายแทนคนที่ตรงหน้า หนักใจและกังวลใจกลัวแทนไปต่างๆนานา

“ได้เรื่องว่าไงบ้างวัชร”รพีเอ่ยถามทันทีที่ปลายสายรับ เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องที่อดุลย์เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาของรพี ร่างบางรอฟังคำตอบที่เป็นข่าวดีแต่กลับไม่ใช่อย่างที่หวัง

“กำลังตามหาอยู่ครับ เพื่อนของตะวันไปทำงานพิเศษไม่อยู่ที่ห้องซักคน ผมกำลังไปหาพวกเขาที่ที่ทำงานครับ”

“โอเค ได้เรื่องยังไงบอกชั้นด้วย”กดวางสายแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“ผมขอออกไปตามตะวันนะครับ ให้นั่งอยู่แบบนี้ผมไม่ทำไม่ได้”ร่างบางผุดขึ้นยืนก่อนจะจะรีบก้ามเท้าออกจากห้อง ได้ยินจากวัชรว่าไม่มีข่าวของตะวันยิ่งร้อนใจ ทำไมเขาจะไม่รู้นิสัยของตะวัน

ตะวันใจร้อนมาก แล้วตอนนี้คงเห็นภาพที่เป็นข่าวแล้วแน่นอน เวลาลูกชายเจออะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจจะหนีหายไปช่วงหนึ่งพอถึงเวลาที่คิดได้ก็จะเดินกลับบ้านต้อยๆเข้ามาอ้อนอดุลย์อย่างที่เคยทำ แต่คราวนี้มันน่ากลัวเกินไปสำหรับอดุลย์ที่จะไม่ออกตามหา

กลัวเหลือเกินว่าตะวันจะไม่กลับมาขอโทษที่ทำตัวไม่ดี...กลัวว่าตะวันจะหนีหายจากชีวิตเขาไปตลอดกาล

“เดี๋ยวชั้นไปด้วย”รพีที่รีบลุกตามอดุลย์มาคว้าเข้าที่ข้อมือบางหวังจะรั้งไม่ให้อดุลย์ต้องออกไปคนเดียว

“...ไม่เป็นไรครับ ผมไปคนเดียวดีกว่า”คนตัวเล็กกว่าพยายามจะแกมือหนาที่กุมข้อมือตัวเองไว้แน่นแต่ก็ไร้ความหมาย รพีออกแรงดึงอีกคนไปที่รถของตัวเอง ใจเขาก็เป็นห่วงตะวันไม่ตายกันแต่ที่ตามมาก็เพราะเป็นห่วงอดุลย์เช่นกัน

“ปล่อยครับคุณรพี...ปล่อย!!”ขึ้นเสียงแทบจะตวาดจนคนที่ลากจูงชะงักตัวหันมามองอดุลแต่ก็ยังไม่ปล่อยตามคำขอร้อง อารมณ์ที่ปะปนกันมั่วไปหมดทั้งกลัว กังวลสับสนและความไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่างทำให้คนที่มักจะกดเก็บอารมณ์ระเบิดอย่างง่ายดาย

อดุลย์สะบัดข้อมืออีกทีอย่างแรงเพื่อจะให้หลุดจากอีกคน และคราวนี้หลุดออกมาอย่างง่ายดาย

“อย่ามายุ่งกับผม!! แค่นี้เรื่องมันก็วุ่นวายมากแล้ว!! ผมจะบ้าตายแล้วนะ!!”ตวาดใส่คนตรงหน้าที่ยืนน้ำนิ่งไม่แสดงอารมณ์ทั้งๆที่ในใจมีไฟลุกโชน ถึงจะเป็นห่วงหรือนึกถึงใจอดุลย์มากเท่าไรแต่รพีก็ยังมีความเป็นรพี ไม่ชอบให้ใครมายืนด่ายืนว่าไล่เป็นหมูหมาแบบนี้

“แล้วนายจะไปยังไง มีรถขับหรือไง ตะวันมีรถป่านนี้เตลิดไปไหนไกลขนาดไหนไม่มีใครรู้”รพีพยายามพูดด้วยเหตุผลแม้จะรู้สึกอยากจะยกมือขึ้นมาบีบคอคนตรงหน้ามากขนาดไหน แต่อีกเสี้ยวในใจบอกห้ามเอาไว้เลยยังยอมอยู่แบบนี้

สิ่งที่รพีพูดยิ่งทำให้อดุลย์เม้มปากแน่น เพราะสิ่งที่รพีบอกเป็นเรื่องจริง ตะวันมีรถยนต์ส่วนตัว ทุกวันจะมีคนขับรถที่เป็นลูกจ้างในบริษัทของรพีเป็นคนขับให้ แต่วันนี้หลังเกิดเรื่องเป็นข่าวใหญ่โต รพีให้วัชรโทรหาคนขับรถคนนั้นก็ได้คำตอบว่าตะวันบอกว่าเขาจะขับรถเองเลยไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่เที่ยงแล้ว

“ยังไงคุณก็ไม่ต้องยุ่ง!!”อดุลย์ยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้เช่นเดิม และรพีเองก็ไม่อยากโดนคนตรงหน้าไล่ไปมากกว่านี้ มือหนายกขึ้นบีบคอเล็กอีกฝ่ายแบบตั้งใจพร้อมกับผลักอดุลย์จนหลังชนเข้ากับรถเก๋งด้านหลัง แม้ไม่ได้ออกแรงบีบมากแต่ด้วยความสูงที่แตกต่างทำให้อดุลย์รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เชิดหน้าขึ้นตามมือที่บีบคอตัวเอง และพยายามสะบัดหน้าหาทางหลีกเลี่ยง

“อย่าพูดกับชั้นแบบนั้น!! ชั้นไม่ใช่ลูกของนายอดุลย์ ชั้นไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งนาย นายต่างหากที่มีแต่ต้องทำตามคำของชั้น!!”เสียงเข้มตวาด ไหล่บางเกร็งตามคำเสียงดังของรพี ความรู้สึกกลัวอีกฝ่ายที่ไม่ปรากฏมานานก่ออีกครั้งในจิตใจ หน่วยตาคลั่งไปด้วยหยาดน้ำตารอจะไหลรินออกมาหากแต่เจ้าของพยายามสะกดกลั้นเอาไว้

ทว่าความเจ็บและความกลัวก็ผลักดันให้ร่างบางต้องร่ำไห้ออกมาแบบสุดกลั้น

“เงียบ!! ชั้นบอกให้เงียบ!!”รพีตวาดเสียงดัง ขัดใจคนตรงหน้าที่ร้องไห้ ตอนนี้มือหนาปล่อยให้คอเล็กของอีกฝ่ายเป็นอิสระแล้ว ร่างบางล้มลงไอโครกพร้อมๆกับเสียงร้องไห้เสียใจกับน้ำตาที่ราวเขื่อนแตก

“โธ่เว้ย!! จะร้องหาอะไรห๊ะ!!”เพราะอารมณ์ตัวเองก็ร้อนไม่แพ้ใคร ยิ่งเห็นน้ำตาของอดุลย์กับรอยนิ้วแดงบนคอขาวยิ่งอารมณ์เสียขึ้นเป็นเท่าตัว

“...ลุก!! จะไปหาลูกมั้ยห๊ะ!! หรือจะนั่งร้องไห้อยู่แบบนี้”

“ม...ไม่!! ยังไงผมก็ไม่ไปกับคุณ”อดุลย์เงยหน้าที่นองด้วยน้ำตา แต่ก็ยังขัดขื่นอีกฝ่ายให้ได้อารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก

“ทำไม!!”

“ไม่ใช่เพราะคุณเหรอที่ทำให้มีไอ้รูปบ้าๆนั้น ที่ตะวันต้องหายไปแบบนี้ ตะวันต้องผิดหวังในตัวผมมากขนาดไหน...เกลียดผมหรือเปล่า...เขาจะเกลียดผมมากขนาดไหน...จะมองหน้าผมอีกหรือเปล่า...”แรกเหมือนอดุลย์ยังโกรธเคืองแต่พอนึกถึงความรู้สึกลูกชายน้ำเสียงก็แผ่วลง น้ำลายในคอเหนียวหนืดขึ้นมาทันทีจนฟังแทบไม่เป็นคำ

“ตะวัน...เขาผิดหวังขนาดไหนตอนที่รู้ว่าผมเป็นพ่อเขาคุณรู้หรือเปล่า ตอนนั้นคุณก็เป็นคนทำกับมือ ถ้าตะวัน...ตะวันรู้...รู้ว่าผมเป็น...เขาจะผิดหวังขนาดไหน ทำไม!! ทำไมถึงเป็นคุณที่ต้องเป็นคนทำลายมันทุกครั้ง!!”ร่างบางลุกยืนประชันหน้ากับอีกคน ตอนนี้แม้จะกลัวโดนทำร้ายแต่อดุลย์ไม่สนใจ เขาระเบิดทุกอย่างที่กดเก็บออกมาตอกใส่หน้าอีกคนที่ใช้ตาคมมองดุตัวเองอยู่

“...คุณมัน...เป็นตัวทำลายความสุขของคนอื่นชัดๆ!!”อดุลย์ตวาดใส่หน้ารพพีเสียงดัง ไม่ได้มองท่าทีที่เปลี่ยนไปของร่างสูงเลยซักนิด ทันทีที่คำสุดท้ายหลุดออกจากปากบางสีสวย ร่างของรพีเกร็งตึงไปทั้งตัว ดวงตาคมที่ดูดุไม่ฉายแววอะไรในนั้น แสงนัยน์ตาดูอ่อนลงจนดูหม่นหมอง

“...ชั้นคิดว่านายจะต่างจากคนอื่น คิดว่า...บางทีนายอาจจะเป็นคนที่มองเห็นชั้น แต่ก็เปล่า นายเองก็มองว่าชั้นเป็นแค่ตัวปัญหา...ก็จริงที่ว่าชั้นมันทำลายความสุขของนาย แต่นายเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือเปล่า นายเอาทุกอย่างมาโยนให้ชั้นทั้งๆที่นายเองก็โกหกมาตลอด...”รพีพูดเสียงอ่อน หลับตาลงไม่อยากเห็นอะไรในตอนนี้ ความรู้สึกวูบในอกเมื่อได้ยินถ้อยคำเมื่อครู่ยังตราตรึงอยู่ภายในหู





“บอกชั้นทีอดุลย์...คนอย่างชั้น...มันไม่สมควรมีความสุขเลยใช่หรือเปล่า”









เดี๋ยวมาต่อให้ตอนดึกค่ะ (รอลูกนอนก่อน)
ไม่รู้เป็นอะไร พอเข้าโหมดดราม่าคนเขียนมักจะเขียนไวกว่าตอนปรกติ
ตอนนี้เลยมาต่อไว

ตอนที่ผ่านๆมาไม่ได้พูดคุยทักทายกล่าวขอบคุณกันเลย
ที่จริงแอบตกใจที่เห็นคนติดตามเรื่องเขาเราเยอะขึ้น ขอบคุณคนที่ชอบ คนที่เอาเรื่องไปแนะนำ
(แอบเข้าไปดูมา เขียนสโคปเรื่องเราได้สุดยอดมากๆ)
ขอบคุณอีกครั้งที่ให้กำลังใจค่ะ บางตอนอาจไม่ได้กล่าวขอบคุณเพราะกว่าจะพิมเสร็จก็ดึกมาก
ส่วนใหญ่เราจะพิมหลังสี่ทุ่มหลังจากเอาลูกนอนแล้ว พอเสร็จก็ดึกมากแล้วง่วงเลยก๊อปแปะโพสแล้วก็นอนเลย
วันนี้ว่างหน่อยเลยได้พร่ำเพ้อเยอะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-10-2014 16:08:23
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย

โอยไม่นะ

เข้าใจกันเร็วๆนะขอรับ

คนอ่านใจจะขาด

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 26-10-2014 16:38:53
โอยยย ตอนที่แล้วกำลังจะดีอยู่แล้วนะ

สงสารรรพีนะ ปิงปองไม่น่าพูดแบบนั้นเลย

แตาก็เข้าใจปิงปองนะ

แล้วตะวันจะเป็นยังไงบ้าง

รอๆๆๆๆๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 26-10-2014 16:43:28
วันนี้ได้อ่านเรื่องนี้ 2รอบ แล้วดึกๆจะมาอีกรอบ
Love loveคนแต่งมากๆๆๆ
ตามมาจากห้องแนะนำเหมือนกันค่ะ ต้องขอบคุณคนแนะนำ
เล่าเรื่องย่อได้น่าสนใจมาก สนุกจริงกำลังเข้มข้นน่าติดตาม

ขอตินิดเดียวเรื่องตัวสะกด แต่ก็เข้าใจชีวิตคุณแม่
 นับว่าเก่งมากที่สามารถแต่งนิยายภายใต้ข้อจำกัดใหญ่หลวง
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 26-10-2014 16:57:41
ตอบรพีแทนอดุลย์กลับประโยคสุดท้าย "ใช่"
แกมันตัวมาร เห็นแก่ตัว ไม่คิดถึงความรู้สึกคนอื่น
สมแล้วที่ถูกคนอื่นมองว่าเป็นตัวมารขวางความสุข
มองว่าแกเป็นตัวทำลายความสุขของคนอื่นเค้า สมน้ำหน้า!!!
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-10-2014 17:00:38
ดราม่าคำโต
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 26-10-2014 17:19:13
เง้อเอาแล้วดราม่าน้ำตาแตกแน่ๆ



รออ่านต่อไปคร้าบ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tequila04 ที่ 26-10-2014 17:23:37
ไม่นะ อย่าทำงี้สิปิงปอง โดยส่วนตัวไม่รู้สึกเกลียดรพีเลย ไม่รู้ทำไม ทำไมปิงปองพูดง้านน จะร้องแทนรพีแล้วนะ TT
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-10-2014 17:27:50
ตะวันเอ๊ยยยยย  รีบกลับมาเถอะนะ สงสารพ่อปิงปอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 26-10-2014 17:32:04
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
มาม่ากำลังมาหรือเปล่าขออย่าให้มีนะ
ตอนนี้หลงรักรพีอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 26-10-2014 17:40:45
โอ้ย มาม่า อย่าทำร้ายกันมากกว่านี้เลย เมื่อไหร่จะมีความสุขซักที
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 26-10-2014 17:44:11
หน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ถูกปิดลงโดยการกระชากปลั๊กไม่กลัวการเสียหายของอุปกรณ์ ตะวันหันขวับใช้ตาคมมองดุคนที่มีปลั๊กคอมพิวเตอร์อยู่ในมือแบบโกรธเคือง ทานตะวันถอนหายใจอ่อนอกอ่อนใจกับเพื่อนของตัวเองเหลือเกิน

เมื่อช่วงบ่ายของวันตะวันขับรถมาที่โรงเรียนของเขาพร้อมกับเรื่องราวใหญ่โตจนต้องทำให้เขาแอบหนีโรงเรียนออกมากับตะวัน เรื่องที่ว่าคือเรื่องที่เป็นประเด็นกันอยู่ในตอนนี้ ภาพที่ตะวันเอาให้เขาดูคือภาพของน้าปิงปองกำลังจูบอยู่กับชายอีกคน เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใครหรอกแต่ตะวันบอกกับเขาว่าเป็นพ่อซัน...พ่อแท้ๆของตะวัน

ตั้งแต่ตอนนั้นตะวันก็เอาแต่นั่งอยู่หน้าคอมตามดูข่าวในเว็บต่างๆในอินเตอร์เน็ต แถมยังบอกให้เขาโกหกน้าปิงปองด้วยว่าไม่เจอตะวัน เสียงตอนที่น้าปิงปองโทรมาได้ยินทีไรก็อดจะสะเทือนใจตามไม่ได้ ทุกครั้งเวลาตะวันทะเลาะหรืองอนอะไรพ่อตัวเองจนหนีมาเล่นกับเขา น้าปิงปองจะโทรหาด้วยน้ำเสียงราวจะขาดใจทุกครั้งไป

แต่ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องโกหกอีกฝ่ายด้วยเพราะตะวันในตอนนี้น่าจะยังไม่พร้อมที่จะเผชิญเรื่องอะไร เขารู้นิสัยตะวันดีพอๆกับอดุลย์ เพื่อนสนิทคนนี้ชอบที่จะวิ่งหนีจนกว่าจะกล้าพอที่จะเผชิญหน้า และตอนนี้ทานตะวันเป็นที่พึ่งเดียวของตะวัน ถ้าเขาบอกน้าปิงปองไปจนบีบให้เพื่อนที่ยังไม่พร้อมรับรู้เรื่องราว เขากลัวว่าตะวันจะเตลิดหายไปที่ไหนที่เขาหาไม่เจอ

“พอได้แล้ว ถ้าอยากรู้ทำไมไม่คุยกับน้าปิงปองตรงๆ”ในฐานะเพื่อนคนผิวสีแทนก็ได้แต่ให้คำแนะนำกลางๆ เรื่องที่เป็นข่าวเขาเองก็ค่อนข้างสับสนอยู่ไม่น้อย

“กู...ไม่พร้อมว่ะ”ทานตะวันพยักหน้าเข้าใจ เรื่องมันพึ่งเกิดและด้วยนิสัยของตะวันเองด้วย ร่างสูงเข้มเดินมาแตะไหล่ของตะวันหวังจะถ่ายทอดกำลังใจให้อีกฝ่าย

“ไอ้ดำ...มึงว่าพ่อปิงปอง...จะเป็นอย่างที่ในข่าวบอกหรือเปล่า”ตะวันเปิดตามเว็บติดตามข่าวที่แพร่ออกไปรวดเร็วกว่าไฟล่ามทุ่ง คนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นพูดกันไปต่างๆนานา ราวถึงการวิจารณ์ถึงรูปลักษณ์อรชรของพ่อปิงปองด้วย บอกว่าไม่พ้นกลุ่มชายรักชายแรงสุดก็เรียกพ่อว่ากระเทย...

“มึงต้องไปคุยกับน้าปิงปองนะตะวัน พ่อมึงโทรมาหากู แต่กูบอกไปว่ามึงไม่อยู่กับกู ตอนนี้เขาคงกำลังตามตัวมึงจนวุ่นวาย มึงจำคราวที่แล้วได้มั้ย ตอนที่มึงรู้ว่าน้าปิงปองไม่ใช่พ่อมึง...มึงคิดอะไรได้ตอนนั้นมึงลืมไปหรือยังตะวัน”คนที่ตัวเล็กกว่าสายหน้าตอบ เขาไม่ลืมช่วงเวลาตอนนั้น เขาไม่ลืมแน่นอน

“กูจำได้ และคิดเสมอว่าพ่อปิงปองประเสริฐกว่าใครทั้งหมด เลี้ยงกูทั้งๆที่กูไม่ใช่ลูกของเขา แต่...เรื่องนี้มันไม่เหมือนกัน”ตะวันบอกความรู้สึกไม่เข้าใจและสับสันยังปิดกั้นจิตใจของตัวเองอยู่

“เฮ้อ...ไปกินข้าวเหอะแล้วค่อยคิดต่อ แม่ให้กูมาตามมึงไปกินข้าว”ทานตะวันบอกก่อนจะหันหลังออกจากห้องเล็กของตัวเอง ตะวันมองตามเพื่อนที่มักจะเตือนสติเขาทุกครั้งแล้วถอนหายใจเดินตามทานตะวันออกไป

บนโต๊ะทานข้าวทรงกลมขนาดเล็กมีเพียงน้าพฤกษ์กับน้าเนตรพ่อและแม่ของเพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่ ตะวันสนิทสนมกับทั้งคู่ดีจนถูกยกให้เป็นอีกคนในครอบครัวเล็กๆหลังนี้

พ่อของทานตะวันยังอยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจมีดาวสามดวงติดอยู่บนบ่า ส่วนแม่ของเพื่อนสนิทเป็นคุณครูโรงเรียนประถมและเป็นโรงเรียนที่ทั้งสองคนจบมา

“น้องตะวันทานข้าวลูก”เนตรนภาเรียกเพื่อนลูกชายเสียงอ่อน เธอชื่นชอบตะวันที่ใบหน้าที่ดูน่ารักมาตั้งแต่ตอนเด็ก เพราะอยากมีลูกที่มีหน้าตาน่ารักตัวเล็กจะได้จับแต่งตัวสวยๆ แต่ทานตะวันตอนเด็กอ้วนฉุ พอขึ้นม.ต้นได้ปีสองปีก็สูงเอาสูงเอา

“ครับ”ตะวันรับคำเรียบๆลืมยิ้มอย่างที่เคยทำจนผิดสังเกต เนตรนภาและพฤกษ์มองท่าทีแปลกของเพื่อนลูกชายแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร จนตะวันและทานตะวันนั่งลงที่โต๊ะอาหารก่อนจะลงมือทาน เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นขัดจังหวะ เป็นทานตะวันที่อาสาเดินออกไปดู

ร่างสูงผิวเข้มเดินออกมาก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่มายืนกดออดหน้าบ้านของเขาคือน้าปิงปองที่มีใบหน้าร้อนร้นอย่างปิดไม่มิด เข้าใจความรู้สึกของพ่อเพื่อนสนิทเพราะแสงของพระอาทิตย์ก็หมดไปซักพักแต่ก็ยังติดต่อตะวันไม่ได้เป็นใครก็ต้องเป็นกังวลเป็นธรรมดา

“น้องทาน...”เสียงอ่อนระโหยโรยร้องของอดุลย์ทำให้เผลอคิดว่าก่อนที่น้าปิงปองจะมาที่นี่เขาไปตามหาตะวันที่ไหนมาก่อนแล้วบ้างกันนะถึงได้มีท่าทีอ่อนแรงได้ขนาดนี้

“ครับน้าปิงปอง”

“น้องทานบอกน้านะว่าตะวันอยู่ไหน”อดุลย์ไม่เหลือที่ที่คิดว่าตะวันจะไปได้อีกนอกเหนือจากที่บ้านหลังนี้ เขาไปมาหมดทุกที่แล้วตั้งแต่บ้านเก่าของเขา สวนสาธารณะที่ตะวันมักจะไป โรงเรียนเก่าที่ตะวันชอบไปนั่งเรียนหอพักของเพื่อนตะวันที่โทรถามจากวัชร แม้กระทั้งโทรหาแม่ของรวิวรรณแม่ของตะวันให้ช่วยไปดูที่วัดที่มีกระดูกของรวิวรรณอยู่ก็ไม่มี

“...”ทานตะวันไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เขาพูดไม่ออก ถ้าเป็นแค่คุยโทรศัพท์เขาพอจะปฏิเสธออกไปได้ แต่พอเห็นตรงหน้าเขาพูดโกหกไม่ลง

“ตะวันอยู่นี่ใช่มั้ยน้องทาน”อดุลย์เห็นทานตะวันอึกอักก็พอจะรู้ ดวงตาโตผลุบลงมองพื้นเมื่อเผลอคิดมาว่าตะวันอาจจะไม่อยากเจอหน้าเขาแล้วก็ได้

“น้องทานบอกน้าเถอะ น้าแค่อยากรู้ว่าตะวันอยู่ไหน”

“ครับน้าปิงปอง ตะวันอยู่ในบ้าน”สิ้นคำพูดของทานตะวันคนนอกรั่วก็ยิ้มกว้างอย่างพอใจในคำตอบ พยักหน้ารัวๆให้อีกคนที่ยืนมองอย่างสะท้อนใจ

แม้จะยิ้มแต่ดวงตาโตกลับมีแต่ความเศร้า...

“น้าฝากบอกตะวันทีนะน้องทาน...บอกให้เขากลับบ้านเถอะ คนที่บ้านเป็นห่วงทุกคน คุณปู่ของตะวันร้อนใจจนจะแจ้งความอยู่แล้ว...พ่อของเขาเองก็ไล่ตามหาตะวันอยู่”

“ครับน้า...”

“บอกตะวันด้วยนะว่าน้าเองก็รอตะวันอยู่ ตะวันพร้อมจะคุยกับน้าเมื่อไรก็กลับมานะ น้าจะรออยู่ที่..บ..บ้าน”พูดไม่จบประโยคดีน้ำตาใสก็ไหลล่วงอาบแก้ม ทานตะวันร้อนร้นเมื่อเห็นน้ำตาของอดุลย์ใบหน้าดูทรมานสิ้นหวังใจแต่ในคำความหวังเล็กๆ

หวังให้ลูกชายกลับมาพูดคุยออดอ้อนกับเขาเช่นเดิม...กลับมาเป็นลูกชายของเขา...หวังให้ลูกชายไม่เกลียดเขา...ไม่เกลียดคนที่โกหกตะวันมาตลอด

แต่ก็เบาใจที่รู้ว่าลูกชายปลอดภัยดีอยู่ในที่ที่เขารู้จัก

“น้าไปก่อนนะน้องทาน...”อดุลย์เดินออกหายไปในความมืด ทานตะวันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้าน เนตรนภาถามลูกชายว่าใครมาทานตะวันก็บอกความจริง ทันทีที่รู้ว่าใครมาตะวันเผลอตัวหันหน้าไปทางประตูหน้าบ้านชะเง้อคอมองก็ก็พบแค่ความมืดมิด

“น้าอดุลย์ไปแล้วฝากบอกมึงว่าให้กลับบ้านทุกคนเป็นห่วง”พูดเพราะหมั่นไส้เพื่อนที่ทำเรื่องให้คนเป็นพ่อต้องเสียใจจนร้องไห้ เขาสะเทือนใจแค่ไหนที่เห็นน้ำตาของคนที่เขาเองก็รู้ว่าคนคนนั้นรักตะวันมากขนาดไหน ไม่ต้องคิดเลยว่าน้าปิงปองคงเจ็บปวดใจแค่ไหนที่ลูกชายหลบหน้าแบบนี้

“มีปัญหาอะไรกับพ่อหรือเปล่าลูก?”เนตรนภาถามด้วยความเป็นห่วง เธอรู้จักพ่อของตะวันเคยเจอกันบ่อยๆสมัยตอนที่ลูกชายอยู่อนุบาล

“น...นิดหน่อยครับ”ตะวันไม่อยากสบตาคนถาม ด้วยเพราะเคยเป็นครูประจำชั้นของตัวเองแถมยังเป็นแม่ของเพื่อนสนิท ตะวันเองก็นับถือเนตรเหมือนแม่อีกคน

“นิดหน่อยอะไร เรื่องใหญ่มากครับแม่”ทานตะวันทนไม่ไหวเล่าเรื่องราวหนักใจของเพื่อนสนิทจนหมดเปลือก พ่อและแม่ของทานตะวันฟังเรื่องจากปากลูกก็ตกใจไม่น้อย

แต่ด้วยความเป็นครูของเนตรนภาเธอค่อนข้างจะไม่พอใจเด็กที่ตัวเองนึกชื่นชมมากกว่า

“ตะวัน...หนูคิดว่าถ้าพ่อของหนูเป็นตามข่าวจริงๆ หนูจะทำยังไง?”เนตรนภาถามเสียงเข้มคล้ายตอนที่ทำหน้าที่ครูสอนเด็กให้อยู่ในโอวาท

“ม...ไม่รู้ครับ”

“ผิดหวังมั้ย?”ตะวันเงยหน้ามองคนถาม ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ เขาผิดหวังจริงๆ...พ่อปิงปองดูเท่ห์มากในความคิดเขา เขารักและเชิดชูพ่อมาตลอด

“แล้วที่ตะวันทำแบบนี้...คิดว่าพ่อของหนูจะผิดหวังกับหนูมั้ยลูก”เนตรนภาถามกลับ แต่ตะวันดูจะไม่เข้าในคำถาม

“พ่อของหนูคงหวังว่าหนูจะเข้าใจเขา แต่ก็ไม่เข้าใจ น้าเองก็ไม่รู้ว่าพ่อหนูเขาต้องผิดหวังอะไรกับหนูบ้าง แต่น้าว่าเขาคงจะผิดหวังที่หนูหนีปัญหาแบบนี้”ผู้หญิงคนเดียวบนโต๊ะอาหารพูดออกมาหวังจะเตือนสติให้เด็กตรงหน้า ด้วยความเป็นครูอยู่แล้วบวกกับความเอ็นดูส่วนตัวเธอไม่อยากให้ตะวันต้องทำตัวแบบนี้ต่อไป

“น้าว่าเขาพ่อของหนูประเสริฐมากตั้งแต่เขาไม่ใช่พ่อของหนูแท้ๆแล้ว แต่น้ากลับรู้สึกยกย่องเขามากขึ้นไปอีกถ้าพ่อของหนูมีรสนิยมอย่างในข่าวจริงๆแต่กลับคอยเลี้ยงหนูมาอย่างที่ผู้ชายปรกติทำกัน”

“ตะวันลองคิดดูนะลูกว่าเขาทำแบบนั้น...หลอกทุกคนรวมทุกตะวันทำไม”

“ถ้าไม่ใช่ว่าพ่อหนูเขาทำเพื่อตัวของหนูเอง”สิ้นคำของเนตรนภาตะวันก็โผล่เข้ากอดร่างของคุณครูเก่าที่นับถือเหมือนแม่ร้องไห้เสียงดัง ท่ามกลางรอยยิ้มอ่อนโยนของทุกคน ดีใจที่ตะวันร้องไห้ออกมา...แสดงว่าตะวันคงจะคิดอะไรมาได้บ้างแล้ว



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




ภายในซอยของหมู่บ้านจัดสรรเก่า อดุลย์กำลังเดินออกจากหมูบ้านเพื่อหาทากลับบ้านหลังจากรู้ว่าลูกชายอยู่ดีและปลอดภัยอยู่ที่บ้านของเพื่อนสนิท ใบหน้าคลายความกังวลออกไปจนหมดสิ้น ขอแค่รู้ว่าไม่เกิดอะไรขึ้นกับตะวันก็พอใจแล้ว

เรื่องต่อไป...ก็คงต้องแล้วแต่การตัดสินใจของตะวัน...ปล่อยให้ลูกชายตัดสิน

ว่า...เขาควรจะเป็นพ่อของตัวเองอยู่หรือเปล่า

หลังจากที่ทะเลาะกับรพีที่ลานจอดรถของบ้าน แม้จะรู้สึกผิดกับคำพูดของตัวเองที่ใช้อารมณ์พูดออกไป คงไปสะกิดปมอะไรซักอย่างในใจของอีกฝ่ายเข้า รพีถึงได้มีสีหน้าเจ็บปวดแบบนั้น

แต่ก็ไม่ได้มีเวลามาเสียใจกับคำที่ปากพล่อยพูดไป อดุลย์ตัดสินใจเดินออกจากบ้านหลังใหญ่มาโบกแท็กซี่เป้าหมายแรกคือบ้านหลังเก่าของพวกเขา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ จากหนึ่งที่ไปสู่อีกหนึ่งที่จนความหวังที่จะเจอตะวันเริ่มริบหรี่

ความหวังสุดท้ายคือที่บ้านของเพื่อนสนิทของลูกชายที่โทรถามไปแล้วเมื่อตอนกลางวัน

และที่นั่นก็ไม่ทำให้อดุลย์เสียใจ ทานตะวันยอมบอกความจริงให้เขาได้เบาใจ

ร่างบางยกมือถือขึ้นมากดโทรเข้าบ้านของเรืองรัตนโยดมหมายจะโทรบอกว่าตะวันปลอดภัยดีและพักอยู่ที่ไหนเพื่อที่ศูรจะได้ไม่ต้องร้อนใจจนทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต แต่ไม่ทันที่จะมีคนรับสาย รถเก๋งคันสวยที่จำได้ขึ้นใจแม้จะเคยขึ้นไปนั่งได้แค่ครั้งเดียวก็มาจอดเทียบอยู่ข้างๆ






....นลิน....





จะหกโมงลูกยังไม่ตื่น
บอกแม่ทีว่าคืนนี้ลูกจะนอนกี่โมง หืออออ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 26-10-2014 17:48:40
 :hao5: :hao5: ฮือออ สงสารทั้งคู่ ตะวัน...รีบกลับมาคุยกับคุณพ่อทั้งสองเร็ว

ดีใจมากเลยค่ะที่วันนี้อัพเร็วมากกก =w= ถึงจะมีดราม่าแต่ชอบมากๆ รอนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ืnonny chaneepah ที่ 26-10-2014 18:05:12
เห้อ เศร้า แทน
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 26-10-2014 18:06:37
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
เมื่อไหร่จะมีความสุข
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 26-10-2014 18:39:26
...........นลิน................

อินี้โผล่มาแบบนี้แสดงว่า มาม่ายังมีอีกหลายถ้วยแน่นอน

ติดตามแบบติดจอ จะรอร้อรอตอนต่อไป พ่อปิงปอง ไฟท์
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pulovely ที่ 26-10-2014 18:40:07
สงสารรพีก่อนอันดับแรก ปิงปองไม่น่าปากไวว่ารพีถึงขนาดนั้น
รพีคงเสียใจมาก เรื่องกำลังจะไปได้ดีอยู่แล้ว ไม่น่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย
ส่วนน้องตะวันก็เลิกโกรธคุณพ่อได้แล้วนะคะ แค่นี้พ่อปิงปองก็จะขาดใจตายแล้ว
กลับมาคุยปรับความเข้าใจกันเถอะนะ :mew6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 26-10-2014 18:41:36
นลินโผล่มาอีกแล้วววว

จะเกิดเรื่องไรอีกเนี่ยยย :hao4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงฝัน ที่ 26-10-2014 18:50:17
บีบคั้นหัวใจ   :m15:   สงสารทั้ง รพี   สงสารทั้ง ปิงปอง  สงสารทั้ง ตะวัน

แต่_______นลิน_________ :seng2ped:   นางมาพร้อมกะความซวยยยยย

ตอนหน้าคงได้แต่เอาใจช่วยปิงปองแล้ว   :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (50%) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-10-2014 18:54:35
ดราม่่าจัดหนัก

ตะวันกลับบ้านเถอะลูกก T.T
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 26-10-2014 19:15:24
พ่อปิงปองงงงงง :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 26-10-2014 19:17:47
ยัยนลินอะไรนี่อีกแล้ว ทำให้ภาพพจน์เพศแม่เสียหายหมด
ปิงปองได้โอกาสแก้แค้นแล้ว ตบมันเลยค่ะ
สงสารซัน อารมณ์ทำอะไรก็ไม่เคยถูกนี่เคยเจอเหมือนกัน

+1 +เป็ดให้ค่ะ มีคนกดลบไว้ก่อนคะแนนเลยไม่ขึ้น ใครใจร้ายจริงๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 26-10-2014 19:33:13
นลินอีกแล้ว
ปิงปองเจอนางครั้งนี้ จะมีแรงตื๊บเขารึเปล่าหืมม?

ส่วนคุณรพี อย่าเพิ่งดราม่าน้อยใจซิคะ
ก็เวลาปิงปองเข้ามาคุณปฏิบัติกับเขายังไง
จะให้คนเขาเห็นใจคงจะยากหน่อยนะ
รีบแก้ปัญหาทำคะแนนเพิ่มดีกว่า
ไม่งั้นจะเสียคนสำคัญไปอีกนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 26-10-2014 19:37:30
สงสารจัง  ตะวันช่วยกลับมาแก่ปัญหาด้วยเลยนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 26-10-2014 19:39:19
นลินมาแล้ว
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 26-10-2014 19:52:23
สงสารมากแล้วนลินจะมาตามราวีอีกหรือนี่



เรื่องใหญ่แล้วปะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 26-10-2014 19:55:51
แล้วคนบ้าก็ได้โพล่มาแล้ว555

รอตอนต่อไปจ้าาา ไม่อยากให้มาม่าเลย

 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-10-2014 20:05:42
เมื่อไรจะมีความสุขเสียที
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 26-10-2014 20:26:08
อย่าโทษว่าเป็นความผิดของใครกันเลยนะ ปัญหามันเกิดขึ้นมาแล้ว             

หันหน้ามาคุยกันดีกว่า   :z3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 26-10-2014 20:36:42
อ้ากกกกกก อิชะนีนั่นมาทำม้ายยยยย!!!!!! :katai1:

จะบอกว่าเราก็ตามมาจากตรงนิยายแนะนำนั่นแหละ อิอิ


พนมาต่ออีกๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tequila04 ที่ 26-10-2014 21:04:34
ไม่โอเคเลยที่พูดเหมือนเรื่องนี้รพีผิด เราว่าไม่จริง ปิงปองพูดแรงไปนะ  โอ๋เอ๋นะรพี ดีกันไวๆน้า ยัยนลินนี่ต่างหากที่น่าเอาเรื่อง สู้ๆน้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-10-2014 21:25:43
อีกแล้วรึ

ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าไว้ใจจริงๆ

ว่าแต่คราวนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีก

อืดท้องเล้วขอรับ

รับมาม่าเยอะเกิน

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 26-10-2014 21:33:04
กำลังเข้มข้นเลย

ไหนๆเรื่องต่างๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว

สะสางทุกเรื่องให้จบไปเลยดีกว่า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-10-2014 21:51:14
พ่อปิงปองจะโดนนลินทำร้าย อีกแล้วซินะ เรื่อง ปัญหา คงอีกมากมาย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 26-10-2014 22:01:30
อดุลย์น่าสงสาร :sad4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 26-10-2014 22:38:51
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-10-2014 23:06:31
ยังยิ้มได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องมาร้องไห้อีกแว้วววว :sad4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 26-10-2014 23:20:13
สงสารทุกคน

และเริ่มรำคาญอีโรคจิต
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 26-10-2014 23:58:48
ค้างมากแต่ก็รอติดตามนะคับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 27-10-2014 00:22:59
ความวัวยังไม่หายความชะนีก็เข้ามาแทรก
ช่วงนี้นี่นายเอกเรามีเรื่องตลอด
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 27-10-2014 01:29:22
ค้างงงงงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 27-10-2014 02:08:32
อะไรอีกยัยนลินนี่ คงไม่ใช่ว่าจะมาทำร้ายปิงปองหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงฝัน ที่ 27-10-2014 05:22:15
อยากให้ ปิงปอง ได้มีโอกาส ทำในสิ่งที่เป็นตัวตนของเค้าจริง ๆ จัง   ที่ผ่านมาทำเพื่อตะวัน  ปกปิดตัวเอง

ทั้ง ๆ ที่ใจจริงนั้น  รักสวยรักงามมากแค่ไหน  แค่ได้ไปงานเปิดตัวเครื่องสำอางค์ ยังตื่นเต้นขนาดนี้

จะมีโอกาสได้แต่งหญิง  เหมือนเมื่อก่อน หรือเปล่าคะ ไรเตอร์   :mew2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 27-10-2014 08:45:59
อย่าดราม่ามากนัก

หัวใจเราไม่ค่อยแข็งแรง  :mew6:

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 27-10-2014 09:09:25
ยัยนลินแกจะทำอะไรปิงปองห๊ะ! :angry2:

สงสารตะวัน
สงสารปิงปอง
สงสารรพี
แต่เกลียดยัยชะนีนลิน
ถ้าทำอะไรปิงปองนะ!แกตาย! :m31:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วเจ้าจอม ที่ 27-10-2014 11:03:32
นลิน ได้โปรดอย่าทำร้ายปิงปองและตะวันอีกเลย เตือนด้วยความหวังดีก่อนที่อิชั้นนจะไม่ทน!!
กินมาม่ารสน้ำตา...เค็มกำลังดี
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่28 (ครบตอน) [ 26 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 27-10-2014 15:25:31
หัวใจมันร้าว เมื่อได้ยินคำพูดของรพี...
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 27-10-2014 16:22:26
“นี่ผมเป็นนักสืบนะคุณไม่ใช่มือปืน ทำไมถึงให้ผมทำอะไรแบบนี้”เสียงทุ้มบอกว่าเป็นผู้ชายโวยวายอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ก็ดังพอจะฟังรู้ว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่

“ชั้นเป็นนายจ้าง สั่งอะไรแกก็ต้องทำ ยังไงแกก็ทำลงไปแล้วจะมาบ่นตอนนี้มันไม่สายไปหรือไง”เสียงผู้หญิงอีกคนแว๊ดกลับเสียงดัง

“พี่พอเถอะ เดี๋ยวข้างบ้านก็ได้ยินได้ซวยกันหมดพอดี”ชายอีกคนพูดออกมาเสียงเบาที่สุดเกรงกลัวสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้

อดุลย์กระพริบตาถี่ปรับสายตากับความมืดที่รายล้อมอยู่รอบตัว ความปวดหนึบที่ใบหน้าด้านขวากับที่หลังคอทำให้ระลึกถึงเหตุการณ์น่ากลัวที่พึ่งผ่านมา

ตอนกำลังเดินกลับจากบ้านของทานตะวันที่อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรขนาดกลาง รถของหญิงสาวน่ากลัวที่เคยทำร้ายตัวเองก็มาจอดเทียบเคียงพร้อมกันตะโกนเรียกอดุลย์เสียงดังอย่างโกรธเกลียด

ถึงจะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยแต่อดุลย์ก็หนีออกไปจากตรงนั้นไม่ทัน ในขณะที่กำลังก้าวเท้าจะถอยหลังหันตัวกลับก็โดนกระชากเข้าที่คอเสื้อจนรั้งคอขาวของตัวเอง คนที่เป็นคนดึงเป็นผู้ชายดูมีอายุคนหนึ่งที่เขาเคยเห็นหน้าตาอยู่บ้าง ถ้าจำไม่ผิดเป็นผู้บริหารระดับล่างในส่วนของโรงแรม ได้คลุกคลีกับพนักงานธรรมดาอย่างเขาบ้างแต่ไม่เคยได้คุยกันส่วนตัว

การิน...

ดวงตาโตเบิกกว้างเมื่อเห็นคนที่จับตัวเองไว้ หางตาเห็นผู้หญิงหน้าตาขึงโกรธก้าวเท้าลงมาจากรถ ดวงตาของอดุลย์สบเข้ากับดวงตาของนลินที่มีแค่ความเกลียดชังคนตรงหน้า

ไม่ทันทีได้พูดอะไรก็โดนมือเรียวสวยของอีกฝ่ายกระทบที่หน้าอย่างแรงจนรู้สึกเหมือนหัวจะหลุดจากตัว ตาเบลอมองไม่ชัดและไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนทุบอีกครั้งที่หลังศรีษะก่อนที่สติจะดับวูบไปทันที

อดุลย์นึกถึงเรื่องที่พึ่งเกิด กระพริบถี่ๆอีกครั้งก่อนจะหันหน้าไปมามองสิ่งรอบตัวทันทีที่สายตาพอจะชินกับความมืด

รอบตัวเขาตอนนี้เป็นห้องรับแขกเล็กๆธรรมดาๆของบ้านหลังหนึ่ง มีโซฟาตัวใหญ่ที่เขานอนสลบอยู่ข้างๆและทีวีเครื่องใหญ่ตั้งอยู่ตรงข้าม ข้างกันเป็นโทรศัพท์บ้านที่ตั้งอยู่

ราวกับเห็นทางออก อดุลย์พยายามขยับตัวไปที่โทรศัพท์แต่ก็ยากลำบาก

“...อ๊ะ...โอ้ย”ร้องครางเสียงเบา เมื่อความเจ็บปราดเข้ามาทันทีที่ขยับตัว แถมยังขยับตัวไม่ได้ถนัดด้วยถูกเชือกไนลอนมัดมือไว้ แล้วจากสติที่พอนึกออกว่าถูกทำร้ายสองทีก็คงจะไม่ใช่ เพราะรู้สึกเจ็บปวดตามตัวไปหมด ไม่รู้ว่าหลังจากเขาสลบถูกมือถูกเท้าอีกฝ่ายไปมากขนาดไหน

อดุลย์พยายามคลานตัวเองไปเบาๆเรื่อยๆ จนมาถึงที่ที่หมาย ก่อนจะกัดฝันทนความเจ็บช่วงท้องยกเท้าที่เป็นอิสระหนีบที่หูโทรศัพท์แล้วยกขึ้นจนสำเร็จ ก่อนที่จะเริ่มเกร็งเท้าของตัวเองกดเลขหมายที่จำได้ขึ้นใจ แล้วกลับตัวนอนราบกับพื้นเอาหูแนบหูฟังโทรศัพท์ฟังสัญญาณรอสาย

ปึ่ง ปึ่ง

เสียงฝีเท้าของคนเดินดูเหมือนจะใกล้เข้ามาจนน่ากังวล เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากนวลเพราะความกลัว เสียงรอสายจากปลายสายยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง

“รับสิตะวัน...ช่วยพ่อด้วย...”พึมพร่ำในลำคอ ภาวนาให้ลูกชายรับโทรศัพท์เบอร์แปลกเบอร์นี้เสียที

“มันจะตื่นหรือยัง”เสียงหญิงสาวสวยแต่น่ากลัวในความคิดของอดุลย์ดังอยู่หลังกำแพงที่กั้นห้องที่เขาอยู่ไว้ ร่างบางสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียง ตัดสินใจใช้เท้ากดโทรออกอีกหนึ่งรอบแล้วคลานกลับไปที่ที่ตัวเองอยู่ในตอนแรก

พอดีกับแสงไฟที่เปิดพรึ่บ ห้องสว่างจ้าทันทีจนต้องหรี่ตา

“แก!!”เหมือนเป็นคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทันทีที่เห็นหน้าของอดุลย์หญิงสาวคนเดียวก็แทบจะวิ่งเข้ามาทำร้ายคนที่ถูกมัดอีกครั้ง อดุลย์เห็นท่าทีของนลินก็งอตัวทำตัวคุดคู้กลัวจะโดนทำร้าย พร้อมร้องโอดโอยเนื่องจากความบอกช้ำจากแผลเก่า

คนที่เข้ามาใหม่มีสามคน สองคนคือคนที่เขาเห็นก่อนที่หมดสติส่วนอีกคนเป็นผู้ชายอายุไม่มากเท่าไร แต่ดูน่ากลัวที่สุดคงเป็นเพราะรูปร่างที่ใหญ่กว่าทุกคน มือของผู้ชายคนนั้นก็แทบจะเท่าใบลาน ถ้าโดนฟาดทีเดียวเขาคงแย่ ขนาดมือของนลินยังทำให้เขาถึงกับสลบถ้าโดนมือคู่นั้นเขาคงรอดยากแน่

“พี่!! คุมสติหน่อย แค่นี้มันก็ปางตายแล้ว”การินตะโกนบอกพี่สาวท่ามกลางสีหน้าเหนื่อยหน่ายของผู้ชายอีกคน

“ตายซิดี ตายไปเลย!!”ความโกรธเกรี้ยวของคนตรงหน้าทำเอาขนลุกเกรียว ไม่แม้แต่อดุลย์แต่การินผู้เป็นน้องยังรู้สึกกลัว พี่สาวของเขาดูผิดปรกติมากขึ้นไปทุกทีตั้งแต่รู้เรื่องราวว่ารพี...สามีของพี่มีลูกชายแท้ๆอายุสิบห้าโผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้

แถมภาพข่าวเมื่อกลางวันที่เธอคงดูออกว่าชายหนุ่มในรูปเป็นใครยิ่งโกรธแค้นหนักขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

“มันเป็นใคร กล้าดียังไง แกเห็นมันแกเห็นซันในรูปมั้ย มีความสุขแบบนั้นกับมันเนี่ยนะ!! ชั้นไม่ยอม!!”การินอยากตอบพี่สาวใจแทบขาดว่าเอาตาส่วนไหนบอกว่ารพีในรูปมีความสุข เพราะรูปมองยังไงก็เห็นแค่เสี้ยวหน้าของรพีเท่านั้น

“พอแล้วน่าพี่!!”การินตวาดอย่างเหลืออด ผลักพี่สาวร่างบางไปล้มจุกอยู่ที่โซฟาแต่คนพี่ไม่วายใช้เท้าพยายามทำร้ายอดุลย์อยู่ดี

“พวกคุณต้องการอะไร...จับผมมาทำไม”อดุลย์ถามแทรกเสียงสั่น แอบเงยหน้าลอบมองหน้าทุกคนให้ได้มากที่สุดๆทั้งๆที่กลัวจนตัวสั่นแต่พยายามจะหาทางรอดให้ได้

“หุบปาก!! ทำไมแกนี่ชอบแส่จริงนะ!! คราวก่อนชั้นน่าจะตบให้ตายๆไปซะ ถ้ารู้ว่าแกคือคนของซันชั้นไม่ปล่อยแกไว้แน่!!”หญิงสาวนึกเกลียดชัง คราวก่อนที่เจอกันนึกว่าเป็นคนใช้ธรรมดา ใครจะไปนึกไปฝันว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของตัวเองจะไปยุ่งกับของผิดแปลกแบบนี้

“ผมไม่ยุ่งหละ ไม่ใช่เรื่องของผมแท้ๆ คราวหลังถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องสืบข่าวไม่ต้องเรียกหาผม แต่ผมว่าอย่าได้มีคราวหน้าดีกว่า”ผู้ชายตัวใหญ่สุดในห้องเอ่ยปากแล้วเดินออกไป ทิ้งให้นลินแหกปากโวยวายเรียกให้กลับมาอย่างอารมเสีย

เห็นแบบนั้นก็ทำให้อดุลย์ลอบถอนหายใจทิ้งออกมาแบบโล่งใจ ในใจเขากลัวผู้ชายคนนั้นมากที่สุดรองจากนลิน

“โอ้ยยย พี่เงียบทีเถอะ ชั้นไม่อยากให้ข้างบ้านมันด่า”

“สรุปพวกคุณจับผมมาทำไม ทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ”อดุลย์เริ่มใจกล้าที่จะพูดขู่กลับ

“เฮอะ!! กฎหมายอะไรจะมาช่วยแกได้อีตุ๊ด!!”

“พ...พอเถอะพี่”การินห้ามเสียงสั่นขึ้นเล็กน้อย พอโดนอดุลย์พูดขู่ถึงตำรวจก็เกิดอาการเกิดขึ้นมา การินเป็นพวกขี้กลัวและค่อนข้างจะไม่ชอบทำอะไรให้ตัวเดือดร้อน แต่ที่ทำทุกอย่างลงไปก็เพราะพี่สาวเป็นคนสั่ง พี่สาวที่มีพระคุณกับเขามากที่สุดการินเลยปฏิเสธไม่ได้แม้ไม่อยากจะทำก็ตามที

“ที่จริงพวกเราอยากจะคุยกับนายดีๆ...ต...แต่ขอโทษนะที่พี่สาวชั้นทำร้ายนาย นายอย่าเอาเรื่องพวกชั้นเลยนะ”ว่าอย่างเห็นแก่ตัวท่ามกลางเสียงโวยวายของนลินที่ถูกน้องชายกดไหล่ให้นั่งอยู่เฉยๆ

“ค..คุยอะไร...ผมไม่มีอะไรต้องคุยกับพวกคุณ”

“นายกับคุณรพีเป็นอะไรกัน”สิ้นคำถามของการินทำให้อดุลย์นิ่งไป พอคิดตามคำถามก็เกิดความว่างเปล่าในหัว เขาก็คิดเพียงแต่ว่าเขาเป็นเพียงคนอาศัย แต่สาเหตุที่โดนจับมาเพราะรูปบ้าๆใบนั้น พยายามคิดหาคำตอบที่ดีที่สุดแต่ก็คิดไม่ออก

“ตอบซิ!! ตอบ!!”

“เห้ยพี่อย่า!!”การินตะโกนร้องห้ามเสียงดังเมื่อเห็นในมือเรียวของพี่สาวกำแจกันเซรามิคใบย่อมไว้ในมือ หมายจะขว้างใส่คนที่อึกอักไม่ยอมตอบคำถามที่ต้องการจะรู้

“...ผม...เป็น...เป็นเมีย...ผมเป็นเมียคุณรพี!!!”อดุลย์โพล่งตอบไปเสียดังกว่าที่เคย พลางจ้องมองกลับด้วยสายตาที่เหนือกว่าอีกฝ่ายราวยั่วยุ รอยยิ้มที่เคยแต่เผยยิ้มหวานบัดนี้มีแค่ยิ้มเพียงมุมปากด้วยสายมาพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะในลำคอ

“แกกกกกกกกกก!!!”ราวกับเส้นด้ายที่ขึงแน่นขาดผึงในทันที นลินตวาดเสียงดังก่อนจะเกิดเสียงเพล้ง!! การินหลับตาปี๋กลัวเหตุการณ์ตรงหน้า แต่ก็ไม่ลืมโผเข้าไปกอดรัดควบคุมตัวของพี่สาวให้อยู่กับที

ผ่านไปไม่กี่วินาทีการินตัดสินใจลืมตามองแล้วหันไปที่คนถูกทำร้ายก่อนจะถอนหายใจโล่งอกที่เศษแจกันแตกอยู่ใกล้ๆอดุลย์ โชคดีที่นลินเขวี้ยงพลาด ไม่อย่างนั้นจากคดีเล็กๆคงกลายเป็นคดีฆาตกรรม

อนาคตเขาคงย่อยยับแน่ๆ...

“ฮึก...ฮึก..ฮือ...กาน แก...แกดูมันบอกชั้น...ฮึก...มันบอกมันเป็นเมียซัน...ฮึก แปลว่า...ฮึกตลอดมา..ฮึก ที่เขาไม่เคยรักชั้นเพราะเขาไม่ชอบผู้หญิงเหรอกาน...ฮึก...ฮืออออ”จากเสียงแว๊ดโวยวายแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นอย่างน่าสงสาร หญิงสาวร้องไห้น้ำตาไหลรินจนหน้าขาวเปรอะเปื้อนด้วยสีดำของเครื่องสำอางที่ทาไว้ใต้ตา แต่เจ้าของใบหน้าก็ไม่ได้สนใจ เอาแต่ร้องไห้ปานจะขาดใจ ซบลงที่อกแบนราบของน้องชาย

การินไล่ลูบผมยาวของพี่สาวด้วยความเห็นใจ เขาไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับสามีเป็นยังไง แต่ช่วงแรกที่แต่งงานพี่ดูมีความสุข ก่อนที่แทบจะเหมือนคนบ้าคลั่งรักอย่างทุกวันนี้

อดุลย์ไม่ได้มีเวลามามองหรือสนใจคนที่ร้องไห้เป็นเผาเต่า เมื่อครู่ที่แกล้งกวนอารมณ์ของนลินเพราะเห็นอาวุธในมือของนลิน ใช้ความโกรธของอีกฝ่ายให้เป็นประโยชน์แล้วค่อยเสี่ยงดวงเอาว่าจะหลบแจกันนั้นได้หรือเปล่า และเหมือนโชคเข้าข้างอดุลย์แทบไม่ต้องหลบเพราะนลินปามามั่วๆ

เขาค่อยๆขยับมือที่ถูกมัดไขว้หลังไปหยิบเศษแก้วใกล้ๆตัว ปากบางขบกัดกลั้นไม่ให้เสียงของความเจ็บหลุดรอดเมื่อนิ้วบางถูกจิ้มด้วยเศษคมที่มองไม่เห็น แต่ก็กลั้นใจหยิบเศษแตกที่ทิ่มนิ้วมากำไว้ทั้งมือ

เชือกที่ถูกมัดไว้ค่อยๆหลุดไปทีละเส้นทีละเส้นจนมือบางเป็นอิสระ ตาโตสอดส่ายรอจังหวะดีๆที่จะวิ่งหนี แต่ความจุกเสียดที่ท้องก็เหมือนไม่เป็นใจ ขยับตัวแค่เพียงนิดหน่อยก็ร้าวถึงกระดูก

“เขาหลอกชั้น...เขาหลอกชั้นมาเป็นสิบปี...ฮึก..ฮือ...ทำไมกาน..ฮึก..ทำไมซันถึงมีเมียเป็นผู้ชาย..ฮือ”นลินยังคงพูดเพ้อถึงเรื่องอดีตที่ตรึงใจ ยิ่งคิดว่าถูกหลอกยิ่งร้องไห้ คำพูดกับรอยยิ้มเหยียดหยามของอดุลย์เมื่อครู่ยังคงไม่จางหายจากความทรงจำ

“เพราะเขาเป็นเกย์ไง นี่คุณไม่รู้เหรอ น่าสงสารจังเลยนะ”คำพูดเหมือนฝืนที่โยนเข้ากองไฟพร้อมกับกระพือลมพัดเข้าไปอีกรอบ นลินหันขวับไปที่คนพูด ใบหน้าน่าหมั่นไส้ที่ไม่น่าจะได้เห็นจากผู้ชายปรกติยิ่งตอกย้ำคำพูดของอีกฝ่ายได้อย่างดี

“อยู่กันมาตั้งนาน ไม่รู้เหรอว่าผัวของคุณเขาเอาผู้ชายไปทั่วนั้นแหละ คุณมันก็แค่ผู้หญิงโง่ๆที่ถูกหลอก น่าสมเพชนะต้องมาถูกเกย์หลอกมาแต่งงานเพื่อบังหน้า คุณรพีคงเห็นว่าคุณมันน่าโง่หลอกง่ายเลยใช้คุณให้เป็นประโยชน์ซินะ”เมื่อเลือกจะเริ่มโกหกคำโตแต่แรกก็ต้องโกหกไปให้ถึงที่สุด ใบหน้าที่เขาเองก็ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ก็ทำ เสียงหัวเราะที่เคยไม่ชอบเพราะเป็นเสียงหัวเราะเวลามีคนมาเหยียดเรื่องเพศของเขาแต่ตอนนี้เขากลับทำมันอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

“หุบปาก!!! หุบปากนะ!!!”นลินโวยวายเสียดังสะบัดตัวจนน้องชายที่นั่งข้างๆกระเด็นออกจากโซฟา

“หึ...รับความจริงไม่ได้เหรอ...เอาเถอะไหนๆก็ไหนๆแล้วผมจะบอกให้เอาบุญอีกอย่าง”อดุลย์ว่าเสียงเย็น นึกในใจขออโหสิกรรมในสิ่งที่จะพูดออกไปต่อจากนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะใส่ร้ายใครจริงๆ 





“...น้องชายคุณน่ะ ก็เป็นเมียผัวของคุณ คุณไม่รู้จริงๆเหรอ เขารู้กันทั้งบริษัทแล้วนะ!!”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




กริ๊งงง กริ๊งงง

“สวัสดีค่ะ บ้านเรืองรัตนโยดมค่ะ”

“พี่ป่าน”เสียงปลายสายพูดขึ้นมาทำให้คนที่รับโทรศัพท์เบิกตาโตกว้างก่อนจะตะโกนลั่นบ้าน

“คุณหนูตะวัน!!”คนที่นั่งอยู่แถวนั้นหันมามองคนที่รับโทรศัพท์ แม้เวลาจะดึกดื่นเกือบจะเข้าวันใหม่เข้าไปทุกทีแค่ไหนก็ตาม แต่คนในบ้านยังคงรวมตัวกันอยู่ในบ้านหลังใหญ่

“ตะวันหรือ ตะวันหรือป่าน”เสียงร้อนล้นของศูรที่ผุดลุกขึ้นทันทีเดินจ้ำเข้ามาหาสาวใช้ที่พยักหน้าตอบ

“ตะวัน! ปู่เองนะ”

“...ครับ...”ตะวันรับเสียงอ่อยได้ยินเสียงอีกฝ่ายที่แสดงความห่วงใยก็รู้สึกแย่กับตัวเอง

“ตะวันอยู่ไหน ปลอดภัยดีหรือเปล่า”ศูรถามขณะเดียวกับร่างสูงของรพีเดินมาเทียบเคียงข้างๆ รอรู้เรื่องราวของตะวันด้วยอีกคน

“ตะวันอยู่บ้านเพื่อนครับ...พ่อ...พ่อปิงปองอยู่มั้ยครับ ตะวันขอคุยกับพ่อหน่อย”เพราะโทรไปไม่มีคนรับ ตะวันเลยโทรเข้ามาที่บ้านแทน

“อดุลย์ยังไม่กลับมาเลย เขาออกไปตามตะวันอยู่ข้างนอก”คิ้วเข้มของเด็กชายเลิกขึ้น

“ก็ตอนหัวค่ำพ่อมาหาตะวันแล้วก็กลับไปนานแล้วนะครับ”

“อ้าว...แล้วอดุลย์หายไปไหน”รพีหายใจสะดุดเมื่อบทสนทนามีชื่อของคนที่ตัวเองก็คอยชะเง้อมองว่าเมื่อไรจะเดินเข้ามาในบ้านตลอด แล้วในบทสนทนาดูเหมือนว่าคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร รพีเลยขอคุยกับตะวันเองศูรจึงยกหูโทรศัพท์ให้

“ตะวัน...”

“...ครับพ่อ”

“อยู่ไหน...ทำไมทำตัวแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่มาคุยกันให้เรียบร้อย หนีไปแบบนี้เดือดร้อนกันไปทั่วไม่รู้เหรอ”เสียงเข้มดุลูกชาย ตะวันรับคำเสียงหง่อยแม้จะไม่รู้สึกผิดกับรพีมากนักแต่ก็ไม่อยากเถียงเพราะเขาทำเรื่องวุ่นวายเองจริงๆ

“เดี๋ยวผมกลับพรุ่งนี้ครับ...ถ้าพ่อปิงปองมาให้โทรกลับหาตะวันด้วยนะครับ”

“...เขาออกไปตั้งแต่กลางวัน ยังไม่ติดต่อมาเลย”รพีบอกเสียงเครียด นึกถึงตอนที่ทะเลาะกันแล้วก็ขัดใจปนน้อยใจอีกฝ่ายจนได้แต่รอทั้งคนพ่อและคนลูกอยู่แบบนี้ไม่ยอมโทรหาตามให้กลับ

“ก็พ่อเขามาผมที่นี่แล้วตั้งแต่หัวค่ำ น่าจะถึงที่บ้านนานแล้วนะครับ”

“โทรหาไม่ติด?”

“ครับ...พ่อไม่รับ”รพีเริ่มตงิดในใจ เรื่องราวเริ่มไม่น่าไว้ใจขึ้นมาทันที

“เขากลับบ้านเดิมหรือเปล่า โทรไปหรือยัง”

“ที่บ้านเก่าไม่มีโทรศัพท์แล้วครับ...เดี๋ยวนะครับพ่อมีเบอร์แปลกโทรมาสองแล้วรอบอาจแล้วจะเป็นพ่อปิงปอง”ปลายสายว่าแบบนั้นก่อนจะกดพักสายให้เขาได้ยินเสียงดนตรีที่คงจะมีเจตนาให้ฟังฆ่าเวลาระหว่างรอ แต่ใช้ไม่ได้กับรพีตอนนี้

ร่างสูงรู้สึกเป็นกังวลมากอย่างไม่รู้สาเหตุ อดุลย์จะโกรธเขามากจนไม่อยากกลับบ้านหลังนี้หรือเปล่า...แล้วถ้าเป็นแบบนั้น ถ้าอดุลย์ออกจากบ้านหลังนี้ไปจริงๆ

คำขู่...

คำขู่ที่เขาเคยขู่กับอดุลย์ไว้...เขาจะทำได้อย่างที่เคยเอ่ยปากหรือเปล่า ตอนนี้...เขาจะทำร้ายอดุลแบบนั้นได้อีกหรือเปล่า

รพีเองก็ยังไม่รู้เลย

คิดอะไรเพลินๆกดเสียงติ๊ดดังขึ้นในหู ร่างสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะสะดุ้งแรงขึ้นเมื่อปลายสายตะโกนเข้ามาด้วยน้ำเสียงร้อนลน

“พ่อ!! พ่อครับ ช่วยด้วย ช่วยพ่อปิงปองด้วย!! มีเบอร์โทรเข้ามา มีเสียงเหมือนพ่อโดนทำร้าย!! ช่วยพ่อด้วย ช่วยพ่อของตะวันด้วย!!”









หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-10-2014 16:43:26
เฮ้ออออออออออออ  ถอนหายใจยาว ๆ หวังว่าจบเหตุการณ์นี้แล้ว
จะหันหน้าคุยกันดี ๆ นะ  ใครจะอภัยหรือไม่อภัยให้กัน  จะช่างหัว
ตอนนี้เด็ดหัวนังนลินก่อน  มันบ้าไปแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 27-10-2014 16:45:16
ช่วยให้ทันน้าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 27-10-2014 16:50:35
 :z3: :katai4: o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 27-10-2014 16:51:51
อดุลย์สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 27-10-2014 16:56:53
เอ้าาา แล้วจะรู้ได้ไง ว่าอยู่ที่ไหน ถ้ารพีได้ยินที่อดุลพูดมีหวัง ..
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 27-10-2014 16:59:06
หื้มๆๆ นลิน :m16:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-10-2014 17:07:39
เอ่อมมมมม นางนลินนี้โรคจิตสุดๆเลยอะ สมควรตาย :fire:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 27-10-2014 17:22:45
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 27-10-2014 17:24:53
ว่าว่าครั้งนี้เรื่องคงถึงตำรวจนะ เอาอีนี่ไปฉีดยาจับขังแยกกรงไว้ด้วย
แล้วก่อนจะหนีมาได้หรือมีคนไปช่วยฝากอดุลย์ตบอีบ้าซักทีสองทีให้คนอ่านได้สะใจด้วยเถ๊อะ สาธุ  :beat: :beat:  :beat:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 27-10-2014 17:33:15
อย่าโหดร้ายกะเค้านัก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 27-10-2014 17:35:32
นังนลินโรคจิต
ชอบที่ปิงปองพอจะช่วยเหลือตังเองได้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 27-10-2014 17:38:18
ค้างกว่าตอนที่แล้วอีก :ling1: :ling3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-10-2014 17:46:17
ค้างๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 27-10-2014 17:50:06
รีบมาต่อนะครับ   กำลังสนุกครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 27-10-2014 18:13:36
ตัดฉับ
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
เร็ววววววววววววปิงปองสู้ๆๆๆๆๆ
 :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 27-10-2014 18:19:18
กำลังเข้มข้นสุดๆ  นังนลินนี่เป็นเอามาก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 27-10-2014 18:21:58
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พ่อปิงปองเข้มแข็งมาก
เฮ้ยพวกเอ็ง รีบไปช่วยพ่อปิงปองเดะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 27-10-2014 18:29:10
บางทีพ่อปิงปองอาจจัดการนลินเรียบร้อยแล้วก็ได้นะ  :z1:
มองโลกในแง่ดี แต่ซันไปช่วยเร็วๆหน่อยนะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 27-10-2014 18:35:35
ชะนีนางนี้มันน่าโดนตบให้หน้ายับ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 27-10-2014 19:15:23
ค้างงงง
หวังว่าแผนของปิงปองจะช่วยให้รอดพ้นจากนลินนะ
นางบ้าไปแล้ว ถ้าเกิดตีกับน้องแล้วหันมาทำร้ายปิงปองอีก คราวนี้คงรอดยาก
ได้แต่หวังว่าพระเอกขี่ม้าขาวจะไปช่วยทัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 27-10-2014 19:21:01
รพีต้องไปช่วยปิงปองให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 27-10-2014 20:02:09
 :jul1:อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 27-10-2014 20:03:58
แอบเห็นใจยัยนลินเหมือนกันนะรักใครไม่รักมารักรพี
ตอนแต่งงานคงหวังไว้มากละซิว่ารพีจะต้องรักเธอบ้างน่ะ

พ่อปิงปองแอบร้ายนะ5555
มีการโยนไปให้กานด้วย
อย่างนี้มีหวังยัยนลินได้เป็นบ้าอย่างสมบูรณ์แบบแหง๋
ระวังด้วยล่ะปิงปองคนบ้าคลั่งรักเขาทำได้ทุกอย่าง

รอครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 27-10-2014 21:20:23
พ่อปิงปองสุดยอด
ตีกันเองให้ตายเลยนะ
สองพ่อลูกรีบไปช่วยพ่อปิงปองด่วนๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 27-10-2014 21:57:45
แผนของปิงปองมันก็เสี่ยงอยู่เหมือนกันนะ
เผลอๆเดี๋ยวโดนฆ่าตายซะหรอก นางอาการกำเริบ แบบคุมสติไม่อยู่แล้ว
รีบไปช่วยเมียตัวเองให้ไวเลยนะคุณรพี
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 27-10-2014 22:40:16
จิ้มก่อน  ค่อยมาอ่าน เห็นเขาว่าสนุกกันค่ะ :z13:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 27-10-2014 22:57:42
ตอนนี้สั้นหน่อยนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ




เสียงเครื่องยนต์เสียงดังกระหึ่ม ล้อหมุนวนบดกับถนนอย่างไม่สนสถานที่ ความเร็วของตัวรถยังไม่เท่ากับความร้อนใจที่แน่นอยู่ในอกหนาของตัวเองตอนนี้

หลังจากที่ลูกชายพูดบอกในสาย หัวใจของเขาก็บีบแน่นกลัวว่าจะเกิดอันตรายอะไรกับอดุลย์ แต่ยังพอมีสติมากพอจะไต่ถามเบอร์ที่โทรเข้ามากับลูกชาย ก่อนจะส่งต่อให้วัชรตรวจสอบทันที

และคำตอบที่เลขาบอกกลับมาเพียงไม่กี่นาทีต่อมาคือ...เบอร์ของบ้านนายการิน...

ความกังวลมากขึ้นไปอีกเมื่อเรื่องเข้าไปเกี่ยวข้องกับภรรยาเก่าอย่างนลินที่แสดงท่าทีเป็นภัยกับตนเองอย่างมาก คิดไปคงไม่พ้นเรื่องรูปที่เผยแพร่ออกไป ไม่อย่างนั้นเป้าหมายของนลินคงไม่ใช่อดุลย์เป็นแน่

วืดดดดดด

ร่างสูงหักเลี้ยวรถอย่างไม่ชะลอความเร็วลงแม้แต่น้อย ตอนนี้เขามาถึงหมู่บ้านจัดสรรที่เป็นที่ตั้งที่วัชรบอกมา หน้าคมมองซ้ายขวาพยายามมองป้ายข้างถนนสองเลนสลับกับแผ่นกระดาษขาวภายในมือตัวเอง ที่อยู่ที่จดมาคือซอยหก บ้านเลขที่สามแปดแปด...

คนร้อนใจเริ่มเบาความเร็วของรถลงเมื่อใกล้ถึงที่หมาย ไม่รู้แน่ชัดว่าบ้านหลังไหนมีแต่ต้องไล่ดูไปทีละหลังเรื่อยๆ นึกถึงเลขาผู้ที่สามารถทำได้ทุกอย่างอย่างวัชร ถ้าอีกฝ่ายมาด้วยคงจะเร็วกว่านี้

แต่เพราะว่าไม่สามารถทนรอได้ ทันทีที่รู้ก็รีบออกรถมาทันทีศูรขอตามมาเขาก็ปฏิเสธ ตะวันยิ่งแล้วใหญ่รายนั้นขอที่อยู่บอกว่าจะไปหาพ่อปิงปองของตัวเอง เขาก็บอกปัดก่อนจะกดตัดสายแล้วหนีออกมาคนเดียวทันที

ในขณะที่คนในรถกำลังมองซ้ายขวาหาบ้านเลขที่ที่ตรงกับที่ต้องการอยู่ บนถนนมีร่างของชายคุ้นตาวิ่งเขย่งขาด้วยความเจ็บออกมาอยู่กลางถนน ไม่ทันที่จะร่างนั้นจะหนีไปไหน หญิงสาวอีกคนก็ตามออกมาจากบ้านทางด้านซ้ายมือ

ใบหน้าของหญิงสาวที่เคยสวยงามบูดบึ่งบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรงและด้วยความรีบตามคนที่ป่วนอารมณ์ตัวเองจนลืมสวมรองเท้า

รพีเห็นคนที่ตามหาก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่ตัวเองเคยทำบาปกรรมเอาไว้ เพราะไฟสีส้มข้างถนนทำให้เห็นอดุลย์ที่ดูสะบักสะบอมอย่างมาก อารมณ์โกรธก็ผุดขึ้นมาในกาย ยิ่งเห็นสีหน้าหวาดกลัวของร่างบางมองไปที่นลินที่ไล่ตามมาด้านหลังก็ยิ่งนึกโกรธมากขึ้น

“หยุด!!”ตวาดเสียงกร้าวทันทีที่ลงมาจากรถ ทันท่วงทีก่อนที่นลินจะถึงตัวอดุลย์ หญิงสาวหยุดชะงักตามเสียงคำสั่งแล้วหันมองมาทางรพี สีหน้าแดงด้วยความโกรธแค้นซีดขาวลงทันที ดวงตาคู่นั้นกลับกลายเป็นดวงตาที่ฉายแววหวาดกลัวเสียเอง

“ซัน..”เสียงสั่นปากสั่นเมื่อเห็นว่าใครมายืนอยู่ตรงหน้า หันมองสลับไปมาระหว่างคนที่มาใหม่กับผู้ชายที่ตัวเองกำลังไล่ทำร้ายยิ่งย้ำถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่

ถึงขนาดรพีออกมาช่วยด้วยตัวเองขนาดนี้...

“ท...ทำไม...ทำไม...กรี๊ดดดดด!!!”เสียงหวีดดังจนทำให้บ้านรอบๆเริ่มเปิดไฟตื่นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น รพีมองผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาด้วยความแวดระวัง ด้วยตัวเขาอยู่ห่างจากทั้งคู่อยู่มาก ถ้านลินทำอะไรอดุลย์ตอนนี้เขาคงเข้าไปไม่ทัน แต่ดูตามมือตามตัวของนลินแล้วก็โล่งใจที่ไม่มีอาวุธอะไร

“คุณรพี...ช่วยผมด้วย...”พูดไปหอบไปด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนที่จะหนีออกมาได้ก็แทบจะหวิดไม่รอดเสียหลายรอบ พอหลุดออกมาจากในตัวบ้านได้ก็ถูกตามอีก จากสภาพร่างกายของเขาตอนนี้คงหนีไม่พ้นนลินแน่ๆดังนั้นพอเห็นรพีก็เผลอดีใจขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“ฮึ!! ใครจะช่วยแกได้อีตอแหล ร้ายมากนะมึง ร้ายมากนะมาปั่นหัวกูให้กูกับน้องต้องทะเลาะกันเอง!!”มือบางยกขึ้นหมายจะฟาดลงที่หน้าขาวที่มีรอยช้ำอยู่จำนวนหนึ่ง ความเกลียดแค้นที่มีอยู่เป็นทุนเดิมบวกกับเมื่อครู่โดนปั่นหัวด้วยคำพูดและท่าทางของอดุลย์ยิ่งทำให้โกรธมากขึ้นหลายเท่าตัว

เมื่อก่อนหน้านี้ซักสิบนาที อดุลย์โยนคำโกหกคำโตใส่นลินและน้องชาย การินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หันมองหน้าคนพูดอย่างอดุลย์ด้วยสีหน้างงงัน ไม่ทันจะทำอะไรได้มากกว่าตกใจใบหน้าเขาก็ถูกพี่สาวแท้ๆฟาดลงมาอย่างไม่ทันตั้งใจ

และแม้จะปฏิเสธอะไรก็เหมือนว่านลินไม่ยอมฟัง เธอสติหลุดเหลือเพียงความโกรธเท่านั้นในใจ กว่าที่เธอจะได้สติการินก็นอนพังพาบเนื้อตัวมอมแมมเสื้อผ้าถูกฉีกขาดไปหมดโหนกแก้มแดงช้ำ ปลายคิ้วแตกหมดสภาพสิ้น

อดุลย์ใช้ช่วงเวลานั้นแอบเล็ดลอดสายตาของนลินจนหนีมาได้ถึงหน้าบ้านแต่หญิงที่อาละวาดก็รู้ตัวเสียก่อนแล้วตามมาจนถึงหน้าบ้านจนพบกับรพี

“หยุดนะนลิน!!”เสียงตวาดดังกว่าเสียงกรี๊ดของหญิงสาวเสียอีกจนทั้งคนที่โดนตวาดและคนที่กำลังจะโดนทำร้ายสะดุ้งตัวพร้อมกัน รพีใช้ช่วงเวลานั้นรีบเดินเข้าไปจนถึงตัวก่อนจะคว้าแขนบางของภรรยาก่อนจะออกแล้วผลักจนเธอถอยหลังไปไกลแล้วเอาตัวเองไปบังอดุลย์เอาไว้ราวจะปกป้อง

ยิ่งเห็นก็เหมือนยิ่งเพิ่มแรงแค้น นลินลุกขึ้นกำมือแน่น

“ทำไม!! ทำไม!! ทำไม !!”พร่ำตะโกนอยู่แค่คำเดียว ไม่อยากเห็นไม่อยากเข้าใจและจะทำทุกอย่างที่จะไม่ต้องเห็นภาพตรงหน้าแบบนี้

นลินโผเข้ามาหมายจะทำร้ายคนที่ถูกปกป้องอยู่ข้างหลัง แต่รพีก็ทั้งปัดป้องและป้องกันมือเล็กแต่เต็มไปด้วยแรงแค้นหมดทุกทาง อดุลย์เองก็เอาแต่เกาะไหล่แกร่งตรงหน้า

“ทำไม...ฮึก...คุณมัน...ฮึกก”จู่ๆน้ำตาที่แห้งไปเมื่อครู่ก็ไหล่อาบแก้ม ในอกจุกแน่นและร้าวราวทีละนิดตั้งแต่เห็นรพีคอยปกป้องคนข้างหลัง บอกได้เป็นนัยว่าคนข้างหลังสำคัญมากขนาดไหน

เรี่ยวแรงที่เคยมีด้วยความโกรธค่อยๆหายตามดวงใจที่ค่อยๆแตกทีละนิด นลินทรุดลงนั่งกองอยู่กับพื้นหมดท่าหมดทุกอย่าง มือที่กำแน่นยกมือหน้าตาแล้วร้องไห้จนตัวโยน

“ทำไมถึงหลอกชั้นได้...ใจ...ฮึกใจคุณมันทำด้วยอะไร ฮึก...ที่ผ่านมาเห็นชั้นเป็นตัวอะไร...ชั้นมันเป็นตัวอะไร”ราวกับถูกแทงใจดำ รพีสะเทือนใจเมื่อเห็นอาการพร่ำเพ้อของผู้หญิงตรงหน้า ที่นลินร้ายกาจแบบนี้เขาเองมีส่วนอย่างมาก เพราะเขายอมแต่งงานกับเธอ ใช้ความรักที่เธอให้เป็นเครื่องมือ...

“ชั้นขอโทษ...แต่เธอควรพอได้แล้วนลิน”รพีพูดเสียงเข้ม ถึงจะรู้สึกสำนึกแต่ก็ไม่แสดงท่าทีอ่อนโยนอะไรออกไป ดวงตายังคงคอยระแวงกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาอีก

“คุณมันไม่ยุติธรรม...ตลอดมา ฮึก ...ตลอดมาชั้นคิดว่าคุณไม่เคยรักใคร...มีแต่พ่อกับบริษัทบ้าๆของคุณที่คุณรัก ฮึก...ชั้นอยากได้ของรักของคุณมาไว้ในมือ...เพื่อ..ฮึก..เพื่อคุณจะรักชั้นบ้าง...แต่นี่อะไร!! นับวันคุณจะมีคนที่คุณรักเพิ่มขึ้นมา คุณมีลูก คุณมีเมียเป็นผู้ชาย...คุณหลอกชั้น!!”ความในใจที่บอกออกมาคือทั้งหมด นลินคิดเสมอว่าถ้าเธออยากได้หัวใจของรพีมีทางเดียวคือเธอจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่รพีรัก เลยพยายามจะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับที่บริษัท แต่ก็ไม่ใช่...ทันทีที่เธอไปยุ่งย่ามรพีก็ไล่เธอราวกับหมูกับหมา

พยายามทำทุกอย่างทุกวิธีทางให้ได้กลับเข้าไปอยู่ใกล้รพี ถึงจะหย่าแต่ก็ทำเรื่องฟ้องหย่าขอส่วนแบ่งหุ้นในบริษัท สร้างข่าวลือทั้งจริงและปลอมเพื่อที่จะทำให้บริษัทเสียเครดิสมากที่สุดรพีจะได้ตัดสินใจยอมได้ง่ายๆ แต่ก็ไร้ประโยชน์ทั้งหมด

ทุกอย่างที่ทำมาไร้ค่า...

“ชั้นไม่เคยหลอกเธอ...ชั้นไม่เคยพูดว่ารักเธอ มีเรื่องเดียวที่ชั้นผิดต่อเธอ...คือชั้นยอมแต่งงานกับเธอ”ร่างสูงบอกเสียงเรียบ เรียกน้ำตาของนลินให้เอ่อล้นมาได้อีกครั้ง แม้แต่คนที่ไม่มีบทพูดอะไรอย่างอดุลย์ยังรู้สึกวูบไหวกับคำพูดของรพี

เป็นคำพูดที่บ่งบอกว่าคนพูดเหมือนคนไม่มีหัวใจ

“ชั้นจะปล่อยเธอไป ทั้งเธอและน้องชายชั้นจะไม่เอาเรื่อง แต่เธอต้องไปอยู่ที่อื่น ที่ไหนก็ได้ที่ไกลจากชั้นและครอบครัวของชั้น”ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งกรีดลงไปในหัวใจที่เต็มไปด้วยรอยแผล

หากแต่รพีไม่สนใจ เขารู้เขาผิด...แต่นลินมาทำร้ายคนสำคัญเขาหลายครั้งหลายครา แค่นี้ร่างสูงก็รู้สึกว่าตัวเองเมตรามากพออยู่แล้วด้วยซ้ำไป

“กลับเถอะอดุลย์”หันไปพูดกับคนที่เกาะไหล่ตัวเองอยู่ข้างหลัง คนร่างบางพยักหน้าอ่อนแรงอย่างง่ายดาย อยากไปจากจุดๆนี้ให้ไวที่สุด ร่างกายที่ผ่านการโดนทำร้ายมาทั้งบอบช้ำมากอยู่แล้ว ไหนจะต้องใช้แรงหนีออกมา ไม่สนใจแล้วว่าใครจะร้องไห้หนักแค่ไหน ไม่สนใจว่าต้องเจ็บปวดอะไร

รพีเห็นท่าทีอ่อนแรงของอดุลย์ ลอยสำรวจตามเนื้อตัวใกล้ๆอีกทีพบร่องรอยการถูกทำร้ายพอสมควร ในกดเก็บความโมโหไม่ให้ระเบิดออกมา ตัดสินใจว่าสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือพาอดุลย์กลับไปให้ไวที่สุด

“ใครบอกให้พวกแกไป...!!!?”หญิงสาวหนึ่งเดียวตวาดขึ้นอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ยังนองด้วยคราบน้ำตา แต่ทว่าคราวนี้เสียงของเธอดูเย็นเชียบขึ้น ก่อนที่มือบางจะหยิบวัตถุที่อยู่ในกระเป๋าข้างของเดรสตัวสั้นของตัวเอง

“!!!”ทันทีที่เห็นว่านลินหยิบอะไรตาคมเบิกกว้างแล้วดันให้อดุลย์หลบไปที่หลังตัวเองเช่นเดิม มือบางของคนตรงหน้าถือปืนพกขนาดเล็กไว้ด้วยมือที่สั่นเทา แต่ระยะที่ห่างแค่นี้ไม่มีทางที่จะยิงพลาด รพีมองจ้องที่ปลายกระบอกปืนกดดันคนตรงหน้าด้วยสายตาคมดุ

“อย่ามองชั้นแบบนั้นนะ!!”นลินตวาดกลับเมื่อโดนมองรังเกียจ

“คุณมันเลวซัน...แต่เลว...ชั้นก็รักคุณ...”นลินพูดตาลอยเหมือนคนไม่มีสติ ร่างสูงยังคงจ้องคนที่คลั่งแบบนั้นพร้อมกับตัวหนาที่พยายามบังตัวของคนข้างหลังให้มิดมากที่สุด

“พอเถอะนลิน เธอทำอะไรไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะยังไงเธอก็เปลี่ยนคนอย่างชั้นไม่ได้”

“ได้สิค่ะ...ชั้นทำได้...ชั้นรู้แล้ว ถึงทำอะไรไอ้ผู้ชายคนนั้นไปก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้”นลินยกมืออีกข้างขึ้นมาช่วยประคองมือที่สั่นเทาให้มั่นคง เล็กปลายกระบอกปืนไปยังร่างสูงตรงหน้าพร้อมยิ้มกว้าง

“ถ้าคุณไม่ได้รักชั้น คุณก็ไม่ควรรักใครแต่ชั้นห้ามคุณไม่ได้”

“ชั้นทำได้แค่นี้...แค่ทำให้คุณไม่อยู่...ทำให้คุณไม่ต้องรักใครทั้งนั้น”







ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!





เหมือนจะค้างหนักกว่าเดิม  :mew3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 27-10-2014 23:04:57
 :z3: :ling1: :serius2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 27-10-2014 23:09:57
ยิ่งอ่านยิ่งเพลินนนนนน เรื่องสนุกมาก มีหลากหลายอารมณ์
เล่าเรื่องดีเลยค่ะ การแต่งแบบว่าลื่นไหล ชอบรพีมากกกก บอกเลย อิอิ  :impress2:
ตอนนี้นลินเป็นบ้าไปแล้ว บ้าเพราะความรัก รักมากจนทุกข์
จะว่าไปก็สงสารนางนะเนี่ย  :mew2:
รอชมตอนต่อไปว่าใครจะโดนยิง?

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 27-10-2014 23:13:05
 :katai4: :katai4: :katai4:
อย่ามีใครเป็นอะไรนะ ครอบครัวสุขสันต์กำลังจะมา ตะวันจะมีทั้งพ่อทั้งแม่
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tequila04 ที่ 27-10-2014 23:15:48
ม่ายยยยยย รพีของช้านนน แต่ก็ดีนะ จะได้คอยดูแล คิคิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 27-10-2014 23:16:42
กรี๊ดดดด!!

ใครโดนยิง!!  :a5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 27-10-2014 23:22:42
ค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 27-10-2014 23:25:33
ม่ายยยยยยยยยยยยยยย
ค้างกว่าเดิมอีก โอ้ยยยยย ยิงใคร ปลอดภัยมั้ย งื้ออออออ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-10-2014 23:27:16
สุดๆอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 27-10-2014 23:28:19
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 27-10-2014 23:30:28
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 27-10-2014 23:32:57
โิ๊อ๊ย สงสารอีบ้านลินไม่ลงจริงๆ ค้างมากจริงๆค่ะ มาต่อเร็วๆเถอะพลีสสส
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fenrilo ที่ 27-10-2014 23:39:06
นลิน นางสติแตกสุดขอบจักรวาลแล้ว

 :mew5:  :mew5:  :mew5:
 
 :katai1:  :katai1:  :katai1:

 :serius2:  :serius2:  :serius2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 27-10-2014 23:49:59
หากจะมีใครตายสักคน ขอให้เป็นนลินแล้วกันนะ
นางร้ายมาพอสมควรแล้ว ควรจะพบจุดจบได้แล้วนะ
ครอบครัวจะได้สุขสันต์กันสักที.
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 27-10-2014 23:54:09
2เม้นที่ผ่าน​มา
-ค้างงงง
-ค้างงงงงงมากกว่าเดิม
เม้นนี้
-ค้างงงงงงงงงงมากกกกกกmaxxx
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 28-10-2014 00:00:23
ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :ling1: :ling1:  :ling3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 28-10-2014 00:08:52
ตามคำลงท้าย นักเขียน เนอะ มากที่สุด
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 28-10-2014 01:01:01
ไม่จริงๆๆๆๆๆๆ ตามอ่านมาถึงตอนล่าสุด
เจอ "ปัง!!!!!!!" เข้าไป
ค้างอย่างแรงเลยพี่น้อง
ขออย่าให้คุณรพีหรืออดุลย์เป็นไรนะ
รักทั้งสองคน ขอร้องนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 28-10-2014 01:08:25
จริง ค้างหนักกว่าเดิมอีก แง้~

 :katai1: :katai1: :katai1:
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 28-10-2014 03:16:55
ขอบคุณมากครับ  ที่มาแต่งเพิ่มให้อ่าน
สนุกครับ  จะรอคอยตอนต่อไปครับ




หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 28-10-2014 05:26:10
ค้างนลินบ้าไปแล้ว



ยิงเลยเหรอนี่โอ้ยๆ



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 28-10-2014 06:54:44
รักมาก รักไม่ลืมหูลืมตา

สงสารนางนะ ว่าแต่จะมีคนโดนยิงไหม

คิดว่าผ่านเรื่องนี้ไปคงทำให้ความสัมพันธ์กระชับขึ้น
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 28-10-2014 07:42:07
นลิน นางไปไกลแล้ว
ตกลงใครโดนยิงอ่ะ หวังว่าจะเป็นตำรวจยิ่งสกัดให้นะ
หรือจะให้รพีโดนดี จะได้เรียกคะแนนสงสารเพิ่มอีก 555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 28-10-2014 08:39:24
ซะงั้้นนนนนนนนนนนนน
ขออย่าให้มีใครเป็นอะไรเลยนะคะ
รอตอนต่อไปค่ะ เรื่องนี้สนุกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 28-10-2014 09:41:44


ขอสามคำ

ค้างมากมาย

ไม่อยากรอเลยขอรับ

ขอเลยได้ไหม

อยากอ่านต่อแล้ว

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 28-10-2014 10:16:36
อ๊ายยย ไม่นะ ขอให้อย่าเป็นอะไรเลย
เพี้ยง! ค้างมากค่ะ :z13: รอร๊อรอ :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 28-10-2014 10:22:13
นลินผู้หญิงโรคจิต :fire:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 28-10-2014 10:50:01
ขอภัยคนเขียนเป็นอยางมากที่มาอ่านเรื่องนี้ช้ามากกกก รู้สึกพลาดมากมายที่ไม่ได้อ่านเรื่องที่สนุกมากขนาดนี้ แต่เราก็มาทันใช่มั้ยคะหวังว่าจะยังไมจบเนอะ ขอให้มีอีกนาน ๆ และก็รวมเล่มเถอะค่ะ จองล่วงหน้าเลย

เราอยากให้นลินหายป่วยนะ นางเป็นแบบนี้เพราะตัวนางเองก็จริงแต่ซันก็เป็นส่วนหนึ่งให้อาการป่วยนางกำเริบมากขึ้นไปอีก อยากให้ครอบครัวนางพาไปรักษาอย่างจริงจังจนหายและคิดได้กลับตัวกลับใจเพื่อที่ซันจะได้ไม่บาปมากขึ้นไปอีก ส่วนตะวันยังอยู่ในวัยสับสนต้องมีคนเตือนสติ ยังดีที่หนีไปอยู่บ้านทานตะวันเลยได้บุคคลที่เคารพเหมือนแม่ช่วยเตือนได้ พ่อปิงปองเป็นคนที่น่านับถือมากจริง ๆ ที่ทิ้งความเป็นตัวเองทิ้งไปเพื่อลูกชายของตัวเองได้ตะวันเป็นตนน่าอิดฉามาก ๆ เลยนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 28-10-2014 10:53:17
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 28-10-2014 11:00:00
ค้างหนักกว่าเดิมจริงๆแหละ555555555555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 28-10-2014 11:22:31
ุลบๆๆ ลบตอน30 ออก ลบออกจากหัวเราไปก่อน ทำเหมือนไม่ได้อ่าน จะได้ไม่ค้าง เดี๋ยวตอนหน้ามาค่อยกูข้อมูลคืน
ค้างแบบไม่รู้จะค้างยังไงแล้วค่ะ โถ่วววววว

ซันถ้าซันโดนยิงก็ถือว่าชดใช้กรรมที่ตัวเองทำเถอะนะ คึคึ

แต่ถ้าหักมุมกลายเป็นปิงปองโดนยิง ง๊าาาาาา ซัน เธอคงเข้าใจคำว่าหัวใจสลายก็ตอนนี้เอง

ตะๆ แต่ แต่แว่ถ้าหักมุมยิ่งกว่า นลินถ้าเธอหันปืนมายิงตัวเอง ..ขอให้ไปสูสุขตินะคุณนาย สงจริง กรั่กๆ

เอ๊ะ มีความเป็นไปได้ว่าการินผู้ถูกน็อคไปแล้วอาจจะลุกขึ้นมาแล้วห้ามเลยถูกยิง นลินก็จะเป็นบ้ายิ่งกว่าเดิม

หรือเป็นเราเองที่บ้ากว่านลิน ฮ่าๆๆๆ กลับไปที่ซันถูกยิง โถ่วววว ลงสารปิงปองง่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 28-10-2014 15:18:00
อีนี้บ้าไปแล้ว
เนะนำโรงพยาบาลด่วนๆ
ไม่ก็บทคงตายไม่ก็บ้าไปเลย
ปล.ตึ๊งตึงตึงตืง คุณนลิน เชิญรับยาได้ที่ช่องสองค่ะ.....♥
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 28-10-2014 17:21:44
รอร้อรอใจจดใจจ่อ :ling1: :ling1:
ชอบเรื่องนี้มากด
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 28-10-2014 17:57:37
ศรีธัญญาต้อนรับเธอเสมอนะนลิน


ปิงปองอย่าลืมผลักซันให้พ้นวิถีกระสุนล่ะ
เอาแค่ถากๆก็ได้ :hao4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 28-10-2014 19:05:58
เผลอเข้ามาอ่านตอนที่ 30 ไม่น่าเลยยยยย >_<
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 28-10-2014 19:45:29
ไม่น่าเข้ามาอ่านเลย พลาดมาก พลาด ค้างกว่าเดิมอีก หยุดไว้ที่ตอน 27ก็พอแล้ว ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 28-10-2014 19:50:16
อย่ายิงโดนใครเลยนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 28-10-2014 20:41:02
คนเขียนใจร้ายปล่อยให้ค้างเฉย  :ling3: :ling2: :katai4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 28-10-2014 21:42:00
ตอนที่ 31 อยู่ไหนนนนน  :katai4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 28-10-2014 22:13:24
ค้างสุดๆ มาต่อด่วนๆเด้อค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่29 หน้า17 + ตอนที่30 หน้า 18 [ 27 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 28-10-2014 22:42:01
คนเขียนขา จะครบวันแล้วน๊าาาาา มาต่อเร็วววว
มัน ค้าง อย่าง แรงงงงงง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 28-10-2014 23:22:04
กลิ่นยาที่คละคลุ้งลอยขึ้นมาเตะจมูกของร่างบางที่เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ดวงตากลมเบิกขึ้นก่อนจะหลับลงอย่างรวดเร็วเมื่อถูกแสงไฟที่ตั้งอยู่ด้านบนส่องแสงแยงจนแสบตา เสียงครางเบาๆเมื่อพยายามจะขยับตัวมองรอบข้างแต่ก็พบว่าตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะทำได้

เหตุการณ์ก่อนหน้าย้อนเข้ามาให้หัวจนเป็นกังวล ก่อนที่เขาจะสลบไปแล้วตื่นขึ้นมาในห้องสีขาวสว่างตาแบบนี้ อดุลย์จำได้ว่าตัวเขาหลบอยู่ด้านหลังกว้างของรพี ที่บดบังตัวเองให้ปลอดภัยจาก...กระบอกปืน

ดวงตากลมโตขึ้นอีกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนหมดสติพวกเขาตกในอันตรายเช่นไร ความเป็นห่วงใยชายคนที่ปกป้องตัวเองไว้ก็ผุดขึ้นมาจนเอ่อล้น ในช่วงที่เสียงของปืนที่ดังสนั่นเป็นช่วงเดียวกับที่รพีหันหน้ามากอดเขาไว้ทั้งตัว ก่อนจะทรุดทับตัวอดุลย์ไว้แต่ก็ยังกกกอดราวแม่ไก่กกไข่ ไม่ยอมให้แม้แต่ส่วนใดของร่างกายของร่างบางเล็ดลอดออกไปให้เป็นอันตราย

หลังจากนั้น...เขาก็จำอะไรไม่ได้อีก

มือบางยกขึ้นกดปุ่มสีแดงเรียกพยาบาลข้างๆเตียง พลางมองหานาฬิกาและพบว่าตอนนี้เข็มสั้นชี้เล็กสี่ พอมองที่ด้านนอกก็พบแต่ความมืดก็พอจะอนุมานได้ว่าตอนนี้คงเป็นเวลาตีสี่ แต่ก็ไม่รู้ว่าวันที่เท่าไร

ไม่นานร่างของหญิงสาวที่เหมือนจะรีบร้อนเข้ามาภายในห้องสีขาว อดุลย์ยิ้มกว้างทักทายคนมาใหม่และได้ยิ้มหอบๆกลับมา

“รู้สึกผิดปรกติตรงไหนบ้างหรือเปล่าคะ”พยาบาลเอ่ยถามตามหน้าที่ อดุลย์ส่ายหน้าตอบ จะมีก็แค่อาการเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงไม่มีแรงพอจะยกตัวขึ้นก็เท่าไร

“ยังไงเดี๋ยวเราจะแจ้งญาติให้นะคะพอดีว่าญาติคุณอดุลย์อยู่กันที่หน้าห้องผ่าตัด”

“ค...ใครเป็นอะไรเหรอครับ”ถึงจะพอรู้คำตอบแต่ก็อดถามคำถามที่ดูไร้สาระไม่ได้ ก็แค่หวังไว้ว่านางพยาบาลสาวตรงหน้าจะตอบให้ขัดกับความคิด แค่หวัง...

และสุดท้ายก็ผิดหวัง

“คือผู้ชายที่มาพร้อมคุณถูกยิง กระสุนฝั่งอยู่ข้างในค่ะ ตอนนี้ทีมแพทย์กำลังผ่าตัดกันอยู่”หน้าขาวซีดลงทันทีที่ได้รับคำตอบ นางพยาบาลที่เห็นก็แอบรู้สึกผิดที่พูดความจริงตามหน้าที่ออกมา

“ง...งั้น...รบกวนถามอาการของเขาทีได้มั้ย...ครับ”พูดขาดช่วงเพราะน้ำลายที่เหนียวหนืดอยู่ในคอจนกระแอมไอด้วยความระคาย พยาบาลจึงรีบรินน้ำในขวดที่วางอยู่ที่หัวเตียงยกขึ้นให้อดุลย์ดื่มดับกระหาย

“รบกวนด้วยนะครับคุณพยาบาล”

“ค่ะ”รับคำอย่างหมายหมั่น จิตสำนึกในหน้าที่ลุกโชนเต็มเปี่ยมเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของคนไข้ ก่อนที่จะขอตัวออกไปจัดการเรื่องคำขอร้องของคนไข้ที่น่าสงสาร

ไม่นานเท่าไรหลังจากที่สาวพยาบาลคนนั้นออกไป ประตูบานเล็กก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังไม่เกรงใจสถานที่ คนที่เข้ามาคือคนที่อดุลย์คุ้นหน้าตาดี หนึ่งคือเพื่อนสนิทของลูกชาย และอีกคนคือลูกชายที่รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอหน้ากันมานานแสนนาน

“พ่อครับ!!”เสียงตะโกนดังลั่นก่อนจะโผไปเกาะที่ราวเตียงแบบรีบร้อน ความเป็นห่วงเป็นใยแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างปิดไม่มิด พร่ำร้องเรียกหาแต่พ่อทั้งๆที่คนที่เรียกหาอยู่แค่ตรงหน้า เพียงแค่ไม่ได้ตอบกลับเพราะเขาเอาแต่ยิ้มอย่างดีใจที่ได้เจอลูกชาย

ดีใจเหลือเกิน...ที่ตะวันยังตะโกนเรียกตัวเขาเองว่า...พ่อ

“พอแล้วตะวัน ตะโกนแบบนี้เดี๋ยวพยาบาลก็มาไล่ให้ออกไปจากโรงพยาบาลหรอก”เป็นทานตะวันที่เดินมาวางมือบนไหล่ของเพื่อนแล้วออกปากเตือน อดุลย์เงยหน้าขึ้นจากใบหน้าลูกชายเล็กน้อย ยิ้มทักทายทานตะวัน

“พ่อเป็นอะไรมากมั้ยครับพ่อ พ่อเจ็บตรงไหน ตะวันใจไม่ดีเลย เห็นพ่อแล้วตะวันกลัวไปหมด”เด็กชายเริ่มเสียงสั่นใส่ผู้เป็นพ่อ นึกถึงสภาพของพ่อตอนที่มาเห็นที่โรงพยาบาลใหม่ซึ่งก็ไม่ต่างมากจากตอนนี้ เข่าของตะวันแทบทรุด ร่างกายของพ่อปิงปองเหมือนเป็นร่างไร้วิญญาณ มือห้อยสะบัดไปมาตามแรงเข็นของรถพยาบาล

แถมยังมีเรื่องพ่อซันอีกคน...

“พ่อสบายดีครับ ตะวันหยุดโวยวายก่อนเดี๋ยวเป็นแบบที่น้องทานพูดขึ้นมาจริงๆจะแย่เอานะ”อดุลย์พูดพลางขบขัน ยกมือข้างที่พอขยับได้ลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน

“ช่วยขยับเตียงพ่อหน่อยซิตะวัน”ร้องขอให้ลูกชายช่วย แต่ลูกชายตัวดีกลับหันไปมองเพื่อนสนิทแล้วออกคำสั่งให้ทานตะวันทำแทน คนถูกสั่งก็ไม่มีท่าทีอิดออดยอมทำแต่โดยดี

“พ่อไม่เป็นอะไรแน่นะครับ”ถามย้ำอีกครั้งเรียกความเชื่อมั่น อดุลย์พยักหน้าตอบในขณะที่ไม่หลุดมือลูบหัวกลม จนเกือบจะลืมเรื่องร้ายอีกเรื่องแต่ก็นึกขึ้นมาได้ก่อน

“แล้วคุณรพีเป็นยังไงบ้างตะวัน...พ...พ่อได้ยินว่าเขายังผ่าตัดอยู่”อดุลย์ถามเสียงเครียด ตะวันเองก็แสดงสีหน้าเครียดไม่ต่างกันเมื่อได้รับคำถาม

“พ่อซันเข้าห้องผ่าตัดเกือบสามชั่วโมงแล้วครับ ยังไม่ออกมาเลย”ตะวันบอก ตอนที่รถพาพ่อทั้งสองของเขามา เขาไม่ทันเห็นพ่อซันก่อนจะเข้าห้องผ่าตัด แต่ทางโรงพยาบาลบอกว่าสาเหตุที่ต้องผ่าตัดเพราะกระสุนฝั่งอยู่ในจุดสำคัญแถมเลือดยังไหลออกมาเยอะ จนเป็นอันตรายถึงชีวิต

พอดีกับศูรและคนในบ้านทั้งหมดรวมถึงวัชรเดินทางมาถึงโรงพยาบาลพวกเขาตะวันจึงตัวมาดูอาการพ่อปิงปองที่ทำแผลเสร็จกำลังรอจะไปที่ห้องพักพิเศษ

พ่อปิงปองหมดสติขนาดที่ว่าถูกบุรุษพยาบาลยกตัวขึ้นไปนอนบนเตียงเดี่ยวพ่อยังไม่รู้สึกตัว แต่เด็กชายก็เบาใจเพราะพยาบาลบอกเขาว่าอดุลย์อาการไม่น่าเป็นห่วง แค่เพราะอ่อนล้ามากเกินไปแถมร่างกายยังถูกทำร้ายจึงทำให้หลับลึกไม่รู้ตัว

เขาเลยตัดสินใจไปรอผลผ่าตัดของพ่อซันที่หน้าห้องผ่าตัดจนกระทั่งมีคนโทรมาบอกว่าพ่อปิงปองฟื้นมาแล้ว

“เขาต้องไม่เป็นอะไรใช่มั้ยตะวัน”เสียงสั่นพูดอย่างหวาดกลัว ตะวันมองท่าทางของพ่อด้วยสีหน้าสับสน พอเห็นพ่อแสดงอาการห่วงใยแบบนี้ เหมือนว่าเสียงของคำพูดหนึ่งที่พึ่งได้ยินมาก็ดังเข้ามาให้หูอีกครั้ง

...ผมเป็นเมียคุณรพี...

ตะวันมองพ่อที่แสดงอาการเป็นห่วงเป็นใยด้วยความสับสน พ่อบอกว่าเป็นเมียของพ่อซัน...คำว่าเมีย...แปลว่าพ่อปิงปองกับพ่อซันเกินเลยกันแล้ว...ตอนไหน...เมื่อไร...

...ได้อย่างไร??...

“พ่อร...รักพ่อซันเหรอครับ?”ถามทั้งๆที่กลัวคำตอบ อดุลย์มองหน้าลูกชายก็พบว่าลูกของเขาตอนนี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มือบางที่ลูบหัวลูกชายไม่หยุดไล้ลงมาที่พ่วงแก้มขาวของตะวันออกแรงบีบเบาๆอย่างใส่ใจ

“ตะวัน...ที่พ่อถามเพราะคุณรพีเขาเอาตัวบังพ่อไว้นะ...ถ้าไม่มีเขา คนที่โดนยิงคงเป็นพ่อ คนที่อยู่ในห้องผ่าตัดคงเป็นพ่อ”อดุลย์บอกเสียงอ่อนโยนหวังให้คนเป็นลูกเข้าใจ แต่เหมือนตะวันยังไม่หายคาใจ

“ตะวันมีอะไรจะถามพ่อหรือเปล่าครับ”อดุลย์เอ่ยปากเบิกทางให้ลูกชาย เตรียมตัวและเตรียมใจจะคุยกับตะวันร่างบางคิดในใจว่าต่อจากนี้เขาจะไม่ปิดบังอะไรตะวันอีกแล้ว เขาจะยอมรับทุกอย่างกับลูกชาย

และให้ตะวันเป็นคนตัดสิน...ทุกอย่าง

“พ่อกับพ่อซัน...รักกันเหรอครับ”ตะวันดูเหมือนจะเลี่ยงใช้คำพูดที่ดูไม่ดี ทานตะวันที่ยื่นนิ่งเงียบๆเห็นว่าเป็นเรื่องในครอบครัวจะเดินออกจากห้องแต่ก็ถูกคนตัวเล็กกว่าที่อยู่ด้านหน้าคว้ามือไว้ก่อน ตอนนี้ตะวันต้องการกำลังใจ ถ้าให้อยู่กับพ่อแค่สองคนเขาก็ไม่รู้จะทำอะไรให้พ่อต้องเสียใจ อย่างน้อยเพื่อนตัวดำก็ช่วยเตือนสติเขามาตลอด และตอนนี้เขาก็หวังให้ทานตะวันทำเช่นเดิม

“ไม่ใช่หรอก...พ่อกับคุณรพีเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”อดุลย์ตอบเสียงเรียบ แต่รู้สึกไหววูบในอกอย่างแปลกประหลาด

“แล้ว...”อดุลย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่จนเจ็บซี่โครง แต่ก็ทนฝืนเล่าต่อ

“ตะวัน...พ่อมีอะไรจะเล่าให้ฟัง”อดุลย์บอกลูกชายที่ตาแป๋วรอฟังอยากมีความหวัง เขารู้ว่าลูกหวังจะให้เขาเป็นพ่อปิงปองคนเดิม แต่เขาคงต้องทำลายความหวังของลูก...เขาจะบอกทุกอย่าง

“เริ่มตั้งแต่สาเหตุที่เราได้มาเป็นพ่อลูกกัน...สมัยก่อนพ่อเคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่สถานบันเทิงครับ ตอนนั้นพ่อรู้จักกับคุณรพี แล้วไปบังเอิญได้ยินแม่ของลูกทะเลาะกับคุณรพีเขา...เรื่องของลูก”อดุลย์เริ่มพูดยากเมื่อเป็นเรื่องที่น่าจะสะเทือนใจตะวัน แต่ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่โกหกได้แต่ใช้คำที่หลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด

“หลังจากนั้นแม่ของลูกก็เดินหนีไปเจอกับพวกกลุ่มคนไม่ดี พวกนั้นพยายามจะทำร้าย พ่อไม่รู้จะช่วยยังไงได้แต่โทรเรียกตำรวจแล้วก็ออกไปช่วย แต่ก็ไม่สำเร็จ ทั้งพ่อและเธอถูกทำร้ายทั้งคู่สุดท้ายลูกก็ต้องคลอดก่อนกำหนด เป็นเหตุให้แม่ของลูกต้องตาย”น้ำในตากลมเริ่มเอ้อล้นเมื่อนึกถึงอดีต ตะวันมองหน้าพ่ออย่างเถิดทูนกับเรื่องที่พ่อเล่าให้ฟัง

“พ่อตัดสินใจรับลูกมาเลี้ยง เลี้ยงจนลูกเจอกับคุณศูร...จนพวกเขาสืบเรื่องราวทุกอย่างของลูกและพ่อ คุณรพี...เขาไม่ค่อยพอใจพ่อเท่าไร เขาคิดว่าพ่อจะแอบปิดบังและเอาลูกมาเลี้ยงเพราะพ่อมีเจตนาไม่ดีเพราะเขารู้ว่าพ่อเคยรู้จักกับเขามาก่อน”อดุลย์หลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่มีเสียงสะอื้น

“และที่เขาไม่เชื่อใจพ่อที่สุดคงเป็นเรื่องที่พ่อไม่ใช่ผู้ชายปรกติทั่วไป...ทุกคนในสมัยนั้นเรียกพ่อว่า”





“กระเทย....”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••





หน้าห้องผ่าตัดมีกลุ่มคนนั่งรอผลการผ่าตัดด้วยความใจจดใจจ่อ คนในบ้านเรืองรัตนโยดมทั้งศูร ลุงโชน ดาวและป่านมากลับครบทั้งป่าน รวมถึงวัชรที่พอรู้เรื่องก็ตามมาสมทบที่บ้านของเจ้านายทันที

ชายชราผู้เป็นเจ้านายใหญ่ชะเง้อมองไปยังบานกระจกสีหม่นที่มองไม่เห็นภายในแต่ก็ยังจ้องมองอย่างไม่ละสายตา การรอคอยที่มากกว่าสามชั่วโมงแต่ในความรู้สึกของเขารู้สึกอย่างกับเวลามันราวชั่วกับชั่วกัลป์ นานยิ่งกว่าเวลาทั้งชีวิตของเขา

ตอนที่โทรศัพท์โทรมาแจ้งความเป็นความตายสาวรับใช้ที่บ้านเป็นคนรับแต่ป่านกับปากสั่นตัวสั่นไม่พูดไม่จาจนเขาโมโหคว้าโทรศัพท์ไปคุยเอง และในที่สุดศูรเองก็มีอาการไม่ต่างกับป่านก่อนหน้าเท่าไรนัก

พอมาถึงโรงพยาบาลหัวใจของชายที่ใช้ชีวิตมาหลายรอบแบบเขารู้สึกแตกสลายเป็นฝุ่นผง อาการของลูกชายที่มีโอกาสตายมากกว่าเป็นทำให้ร่างของศูรทรุดลงกองกับพื้นจนคนรอบข้างต้องกรูเข้าไปช่วยทันที

“คุณหมอออกมาแล้วครับ”โชนที่นั่งมองอยู่บอกเสียงรีบเมื่อเห็นคนชุดเขียวมีผ้าคลุมผมเดินออกมาจากในห้องนั้น ศูรผุดลุกขึ้นยืนแล้วถลาไปหน้าห้องทันที ลืมนึกสนใจกับอาการวิงเวียนที่ลุกเร็วเกินไป

“ลูก...ลูกผมเป็นไงบ้างครับหมอ”ร่างเล็กตรงหน้าเปิดผ้าปิดปากออกเผยเห็นว่าภายในเป็นผู้หญิงมีอายุ และเป็นเพียงแค่พยาบาลแต่ก็ไม่มีใครนึกสนใจ

“ใครมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับคนไข้บ้างคะ”พยาบาลถามด้วยความรีบร้อน วินาทีเป็นวินาทีตายอยู่ที่เวลาที่พวกเธอใช้

“ผมครับ ผมเป็นพ่อผมเลือดกรุ๊ปเอกรุ๊ปเดียวกับลูก”พยาบาลร่างเล็กมองชายชราตรงหน้าอย่างวิเคราะห์ สีหน้าเครียดด้วยความที่กำลังใช้ความคิดพิจารณา

“มีคนอื่นกรุ๊ปเอมั้ยคะ เกรงว่าคุณพ่อจะให้เลือดได้ไม่พ่อ ด้วยอายุและตอนนี้พวกคุณอดนอนความดันน่าจะไม่ดีคงจะให้เสียเลือดคราวละมากๆไม่ได้”หญิงชุดเขียวบอกเหตุผล พลางมองไปรอบๆแต่ก็ไม่มีใครที่บอกเสนอตัวเองซักคน

“คนไข้เสียเลือดมาก คุณพ่อพอจะติดต่อคนในครอบครัวหรือใครที่เป็นญาติที่มีกรุ๊ปเดียวกับคนไข้ได้มั้ยคะ ภายในยี่สิบนาทีนะคะ”ว่าเสียงเครียดแต่คนที่เครียดกว่าคือคนที่อยู่ตรงหน้า

“ผ...ผมได้มั้ย...ครับ?”เสียงของชายปริศนาดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่ ก่อนที่สายตาของคนที่รู้จักจะเบิกกว้างด้วยความแปลกใจระคนตกใจ

...การิน...

“นายมาที่นี่ได้ยังไง!!!”ศูรคำรามเสียงต่ำจนคนที่รู้ถึงอำนาจบารมีของศูรอย่างการินสะดุ้งตัวสั่นเขยิบหนีไปข้างหลังหลายก้าว เนื้อตัวของการินมีผ้าพันแผลเต็มตัวจากการโดนทำร้ายแต่ก็ไม่ได้สาหัสมากเท่าไร

“ผ...ผมมาพ...พร้อมกับ...คุณรพีครับ...พ...พี่สาว...พี่นลินก็มา..ด้วย”ว่าเสียงสั่นและน้ำตาคลอไปพร้อมกันเมื่อนึกถึงพี่สาวคนเดียวของตัวเองที่ตอนนี้

ตอนนี้....นอนไร้ชีวิตอยู่บนเตียงสีขาว...ภายในห้องดับจิตของโรงพยาบาลแห่งนี้

หลังจากเสียงปืนนัดแรกทำให้การินที่นอนสลบจากการถูกทำร้ายาสะดุ้งตัวตื่น ก่อนที่สติจะนึกถึงพี่สาว ความเป็นห่วงกลัวพี่สาวจะเป็นอันตรายด้วยเสียงปืนเสียงนั้นทำให้การินดันตัวเองลุกขึ้นแล้ววิ่งไปตามทางของเสียง

ภาพข้างหน้าเขาตอนนั้นคือพี่สาวที่ยืนถือปืนสั้นกระบอกเล็กในมือ เล็งปลายกระบอกปืนไปยังร่างของใครไม่รู้ที่หันหลังคุกเข่ากับพื้นท่าทางเหมือนกันอะไรไว้อยู่ในอ้อมอก

ก่อนที่ตาของเขาจะเบิกกว้างพร้อมกับปากที่ตะโกนร้องเรียกชื่อพี่สาวเสียงลั่นเมื่อเห็นผู้หญิงที่ถือปืนยัดปลายกระบอกปืนเข้าในปากบาง...และ...บังเกิดเสียงปืน

...นัดสุดท้าย...

“ห...ให้ผมช่วย..นะ..นะครับ...ถือว่าไถ่โทษ...ให้พี่...พี่สาว”แม้จะกล้าๆกลัวๆแต่การินก็แอบยืนฟังอยู่ทุกอย่าง จนกระทั้งตัดสินใจเผยตัว

ศูรมีท่าทางคิดมากไม่นาน สุดท้ายก็นึกถึงความปลอดภัยของลูกชายเป็นสำคัญก่อนจะพยักหน้าอนุญาตให้พยาบาลและเธอก็รีบเร่งเตรียมทุกอย่างให้พร้อมกับสำหรับทั้งสองคน

เวลาผ่านไปเกือบอีกครึ่งชั่วโมงศูรผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงสีเขียว ภาวนาให้ลูกชายปลอดภัยเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ของวัน พลางมองไปยังการินที่นอนอยู่ข้างๆ ดวงตาคมจ้องดุอย่างโกรธเกลียดก่อนจะส่ายหน้าพยายามละทิ้งอารมณ์พวกนั้นไป

“พี่สาวนาย...”

“...ตายแล้วครับ”การินหันมองหน้าศูรแล้วก้มหน้ามองพื้นหลบตาคมดุน่ากลัว แล้วตอบเสียงสั่น

“...ขอบใจที่มาช่วยลูกชายชั้น และเสียใจด้วย”ศูรว่าแบบนั้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป ถึงในใจเขาไม่รู้สึกตามที่พูดออกไป ไม่อยากขอบคุณคนที่มีส่วนให้ลูกชายต้องเข้าไปอยู่ในห้องห้องนั้น แถมยังรู้สึกสะใจที่อีกฝ่ายตายเสียด้วยซ้ำไป

ในขณะเดียวกันกับที่ศูรเดินออกจากห้องแล้วกลับมานั่งรอที่ที่เดิมที่มีคนมากมายรอคนคนเดียวอยู่ คนชุดเขียวก็ออกจากภายในมาอีกครั้ง และทุกคนก็กรูเข้าไปหาอย่างเดิม

“ลูกผมเป็นไงบ้างครับ...คุณอยากได้เลือดอีกหรือเปล่า”ศูรพูดร้อนล้น เมื่อครู่เหมือนว่าทางโรงพยาบาลจะเอาเลือดของเขาไปใช้แค่นิดหน่อย ส่วนมากจะเป็นของนายการินซะมากกว่า

“ไม่ต้องแล้วครับคุณพ่อ ตอนนี้เราผ่าตัดเอากระสุนออกได้แล้ว คนไข้เองก็ไม่มีอาการช็อคจากการขาดเลือดแล้ว อาการตอนนี้ปลอดภัยกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ครับ”เสียงทุ้มที่ผ่านออกมาจากผ้าปิดปากบอก เรียงเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของทุกคนจนดังก้องไปทั่วทั้งชั้น

“แต่ว่า...”คุณหมอเสื้อเขียวพูดขัดความสบายใจของทุกคน

“อะไรครับหมอ?”

“คือกระสุนยิงเฉียดกระดูกสันหลังไปฝั่งอยู่แถวบริเวณปอด...อาจจะมีผลกระทบกับเส้นประสาท...”

“หมายความว่ายังไงครับคุณหมอ?”ศูรถาม ไม่กี่วินาทีที่หมอตรงหน้าพูดเหงื่อในมือก็ไหลจนเปียก...เขาเป็นคนไม่ใช่ไม่มีความรู้ สิ่งที่หมอพูดมา...ศูรพอรู้...






“คนไข้...มีโอกาสจะพิการครับ”







คือว่าคนเขียนต้องรอลูกหลับ พึ่งหลับตอนสามทุ่มเกือบสี่ทุ่มค่ะ แล้วก็พรุ่งนี้พาลูกเข้ากรุงฯนะคะ
กว่าจะกลับคงดึกอาจไม่ได้มาต่อ
บอกไว้ก่อน แต่ถ้าเขียนไหวก็จะพยายามค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-10-2014 23:25:05
 ขอจิ้มก่อน
เม้นต์ไม่ออกอะตอนนี้ ลุ้นจนเหนื่อย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 28-10-2014 23:28:52
มายังงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 28-10-2014 23:40:02
 :jul1: :ling1: :ling3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dezzerr ที่ 28-10-2014 23:42:13
เป็นกำลังใจให้นะคะคนเขียน
ขอให้พ่อซันปลอดภัย และรักกับพ่อปิงปองหวานชื่น เพี้ยงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 28-10-2014 23:43:04
เศร้าจัง. T_T
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 28-10-2014 23:43:20
รอฟีดแบคของตะวันหลังจากรู้ความจริง แต่อดุลไม่เล่าตอนโดนปล้ำ -3-
ขอให้รพีปลอดภัย พิการก็กายภาพจนหาย เพี้ยงงง

เดินทางปลอดภัยจะรออ่านน้าาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nueng_w ที่ 28-10-2014 23:48:27
คับขอบคุณมากนะคับแล้วรีบมาต่อด้วยนะคับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 28-10-2014 23:52:58
อ้ากกกกกกไม่นะ :a5: :sad4: :sad4: :hao5:อย่าเป็นอะไรมากเลยนะรพี แงๆเค้าไม่อยากให้มาม่ามันอืดในท้องน้าา สู้ๆค่ะ :o12: :mew6: :katai4: :z2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 29-10-2014 00:05:18
พ่อปิงปองสุดยอดมากที่กล้าเล่าให้ตะวันฟัง

เป็นตอนที่ลุ้นมาก แล้วก็ใจหายแทนปู่ศูร ไม่อยากให้ซันเป็นอะไรนะ ไม่งั้นพ่อปิงปองงานเข้าอีก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-10-2014 00:05:40
สงสารรพีจัง ถึงจะเคยเลว แต่เขาก็น่าจะได้รับโอกาสปรับตัวนะ :sad4:
ตอนที่พ่อปิงปองสารภาพความจริงกับตะวัน จะเป็นไงน้อ :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 29-10-2014 00:14:27
ม่ายยยยยยย รพี  :ling3:
อย่าพิการเยอะเลยนะ สุดท้ายก็อดสงสารนลินไม่ได้
คิดแล้วว่าจุดจบนางต้องเป็นแบบนี้ อโหสิกรรมกันเนอะ
ต่อๆไปอาจจะมีบทหวานรพีละ คิคิ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: grazeir ที่ 29-10-2014 00:19:53
มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้  ตรงประโยคที่ว่า "คนสมัยนั้น เรียกพ่อว่า... กระเทย"
มัน แบบ จะบอกว่าไงดี  มัน... ไม่ชิน  ไม่คุ้นหู  ไม่ค่อยได้พูดรูปประโยคแบบนี้ มั้งคะ
ถ้า พูดว่า "ตอนนั้น พ่อเป็น กระเทย" มันเป็นคำง่ายๆ ให้ความหมายเหมือนกัน จะดูเหมือนปกติมากกว่า
จริง ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  แบบ คำว่า "คนสมัยนั้น" เนี่ย 
หนูนึกไปถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอะไรยังงั้นเลยแบบเก่ามั่กๆ อะไรประมาณนี้ (จินตนาการล้ำ555)

ปล.ชอบเรื่องนี้มากๆเลย มันดูครอบครัวอบอุ่นดี  o13  o13 o13
 
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 29-10-2014 00:20:38
ไม่ค้างแต่ชอคแทนนน
เป็นกำลังใจให้คับยังไงลูกก็ต้องมาก่อน o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 29-10-2014 00:23:39
ปลอดภัยแล้ววว
แต่ให้ลุ้นต่ออีกน้ออ รพีจะอาละวาดเปล่า?  :katai1:
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 29-10-2014 00:23:39
รพีอย่าเป็นอะไรเลยนะ

โอ้ยยย ค้างงงงง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-10-2014 00:26:48
ง่าาาา ดราม่ามาเต็ม  :m15:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 29-10-2014 00:35:46
บีบคั้นหัวใจเหลือเกิน ฮื่ออออออ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 29-10-2014 00:56:14
คิดว่ารพีไม่เป็นไรหรอกครับ  รู้ใจคนแต่งครับ
ขอบคุณที่มาลงให้อ่านติดต่อกัน ครับ



หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 29-10-2014 01:15:34
การินน่าสงสารอยู่แฮะ

ฮืมมม พ่อปิงปองมาดูแลรพีหน่อยนะ

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 29-10-2014 01:21:11
 :sad4: :sad4: มันต้องดีๆๆๆ ฮืออออ ตะวันจะเป็นยังไง พ่อปิงปองที่เท่ห์ที่สุดของตะวัน โถ่
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 29-10-2014 01:32:46
เรารู้ว่ารพีไม่เป็นไรหรอก ถ้ารพีเป็นขึ้นมานะ  o18
รพีสู้ ต้องหายแล้วมาเลิฟๆ กะพ่อปิงปองนะ
"ร่วมกันต่อต้านดราม่า "ไม่เอา ไม่เอา  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 29-10-2014 03:52:17
ก็ถือซะว่าชดใช้กรรมเน๊าะซัน ไปข่มเหงเขาไว้มากก็ี้ล่ะ

ฝั่งพ่อปิงปองเป็นไงบ้างงงงงง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 29-10-2014 05:33:44
เง้อรอดตายแต่จะพิการ



โอ้ยๆตายๆสงสารอะ



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 29-10-2014 06:01:56
ขอให้ซีฃันปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 29-10-2014 07:01:27
เศร้าจังเลย :monkeysad: :m15:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 29-10-2014 07:30:01
ขออย่าให้รพีเป็นอะไรเลย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 29-10-2014 08:20:55
นี่คือข้อพิสูจน์รักแททททททททททททท้ สินะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 29-10-2014 09:28:16
ไม่นะ  :sad4:

สงสารรพี
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 29-10-2014 10:12:49

ไม่นะ.....

อ่านจบก็ร้องไปสามบ้าน แปดบ้าน

รพีไม่เป็นอะไรหรอก

แต่ถึงอย่างไร พ่อปิงปองก็คงจะดูแลใช่ไหม (ทำหน้ามีความหวัง)

มาต่อไวๆนะขอรับ

อยากอ่านต่อใจจะขาดรอนๆ

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 29-10-2014 10:25:26
กรี๊ดดดดดด ค้างงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 29-10-2014 11:45:21
ถ้ารพีต้องพิการจริงๆ เชื่อว่าอดุลย์จะไม่ทิ้งรพีแน่นอน
เพราะรพีเป็นคนปกป้องไม่ให้อดุลย์ได้รับบาดเจ็บ
จะได้รู้ใจตัวเองก็งานนี้แหละ
สำหรับนางร้ายนลิน สมควรแล้วที่ตายไป เราไม่อโหสิกรรมให้หรอก
ไปชดใช้ความชั่วต่อในนรกเลยนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 29-10-2014 13:22:55
ไม่นะ โถ่ คุณรพี   :ling3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 29-10-2014 14:31:56
 :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8:
ไม่นะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 29-10-2014 17:21:14
เวร.... ปลอดภัยเถอะรพี :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 29-10-2014 18:00:36
แค่มีโอกาส อาจไม่พิการก็ได้ใช่ป่ะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 29-10-2014 20:15:57
มองผ่านเรื่องนี้มานาน ไม่นึกเลยว่าจะสนุกมากๆๆขนาดนี้ เเงง ข้าน้อยผิดไปเเย้ว
หวังว่าคุณรพีจะไม่เป็นไรนะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-10-2014 20:42:00
พ่อซันจะพิการเหรอ เป็นหน้าที่ของพ่อปิงปองแล้วล่ะเนอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่31 [ 28 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 29-10-2014 20:58:26
แล้วรพีจะหายมั๊ยยย   :sad4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 30-10-2014 09:14:14
เสียงเอะอะโวยวายดังสนั่นจนทุกคนต้องเข้ามาดูสาเหตุของเสียง ทั้งข้าวของทั้งอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องถูกโยนเข้าข้างฝาผนังจนพังยับไม่มีชิ้นดี เศษแก้วเศษจากที่แตกหล่นเกลื่อนกลาดไปทั่วห้องจนหาที่เดินยังยาก

ความวุ่นวายบนเตียงคนไข้ที่มีบุรุษพยาบาลตัวใหญ่กว่าสามคนล้อมรอบช่วยกันจับคนที่ดีดดิ้นรุนแรงอยู่บนเตียง แม้จะยากลำบากแต่คนที่พึ่งฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีแรงพอจะสู้จนถูดมัดแขนติดไว้กับเตียงทั้งสองข้างก่อน

“คุณศูรคะ หมอเกรงว่าคงต้องใช้ยากล่อมประสาทให้คุณรพี”แพทย์หญิงเจ้าของไข้ดูพลางมองประเมินคนไข้บนเตียงที่อาละวาดไม่ยอมหยุด ศูรถอนหายใจพยักหน้าตอบให้กับคนที่ขออนุญาต

“ลูกผมจะหายมั้ยครับคุณหมอ”ถามด้วยใจที่หนักอึ้ง มองดูลูกชายที่เริ่มสงบสติอารมณ์ก็ยิ่งรู้สึกว่าใจสลาย

“มีโอกาสหายค่ะ แต่ต้องใช้เวลา ที่สำคัญตอนนี้คือคนไข้ คุณศูรต้องหาทางคุยกับคุณรพีให้ยอมรับสภาพของเขาตอนนี้ให้ได้เสียก่อน”แพทย์หญิงบอกพร้อมให้กำลังใจทางสีหน้า เคสแบบนี้เธอเจอมาค่อนข้างจะเยอะ อาการป่วยไม่ได้รุนแรงขนาดว่าจะรักษาไม่หาย หากเป็นที่คนไข้ต่างหากที่ไม่มีกำลังใจจะรักษาตัว

“ครับคุณหมอ”ศูรว่าเศร้าถอนหายใจอีกรอบ

หลังจากที่รพีถูกพาตัวออกจากห้องผ่าตัดแล้วถูกพักไว้ในห้องผู้ป่วยหนักก่อนที่แพทย์จะอนุญาตให้ย้ายมาในห้องพิเศษได้ มีศูรเพียงคนเดียวที่รอคอยลูกชายให้ฟื้นขึ้นมาอยู่ข้างๆโดยไม่ได้ไปไหน เนื่องจากคนอื่นก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องไปทำ พวกสาวใช้และโชนก็กลับไปหยิบข้าวของจำเป็นที่บ้าน ส่วนวัชรเลขาหนุ่มหน้าตี๋ดูจะงานหนักสุดเมื่อได้รับคำสั่งให้ไปจัดการเรื่องปิดข่าวทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นข่าวการตายของนลินหรือแม้กระทั้ง...ประธานกรรมการของบริษัทเครือเรืองรัตนโยดม...อัมพาตช่วงล่าง

ความรู้สึกมืดแปดด้านเกิดกับชายผู้ที่เก่งไปเสียทุกอย่างในวัยเกือบแปดสิบ ศูรกุมขยับดูลูกชายที่สงบนิ่งไปแล้ว ข้อมือแดงช้ำเพราะแรงเสียดสีกับผ้าที่มัดไว้กับราวเตียง

เมื่อตื้นขึ้นมาในโรงพยาบาล คนแรกที่รพีเห็นหน้าคือพ่อของตัวเอง อดไม่ได้ที่สอดส่ายสายตามองดูรอบข้างหาคนที่เห็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจำอะไรไม่ได้ เมื่อไม่เจอจึงเลือกที่จะสอบถามจากคนเดียวที่อยู่ในห้องนี้

ก่อนจะได้คนตอบว่าอดุลย์พักอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกันแต่อยู่กันคนละตึกคนละแผนก รพีจึงจะลุกขึ้นเดินไปหาคนที่ถามถึงเพื่อดูอาการด้วยความเป็นห่วงกลัวจะเป็นอะไรหนักหนากว่าที่ศูรว่าไว้

แต่...

ทันทีที่พยายามจะลุก ร่างกายส่วนล่างของเขาไม่ได้ยอมรับคำสั่งจากสมอง ความรู้สึกด้านชาที่ขาทั้งสองข้างราวกับว่าไม่มีขาทำให้ตาคมดุเบิกค้างด้วยความตกใจ มือใหญ่ของตัวเองค่อยๆเปิดผ้าห่มที่คลุมตัวเองอยู่ออกด้วยมือที่สั่นเทา เหนือเม็ดใหญ่ผุดออกจากหน้าผาก ก่อนจะพบว่าตัวเองยังมีขาไม่เป็นแบบที่คิดไว้ แต่เมื่อใช้มือจิกลงที่เนื้อกลับไม่พบว่ามีความรู้สึกเจ็บปวดอะไร

หน้าคมนิ่งช็อคทันทีที่รู้ตัวว่าเป็นอะไร ศูรมองดูด้วยความเป็นห่วงอยู่ใกล้ๆ เขาเองก็พูดไม่ออกก่อนที่ร่างชราของตัวจะรีบถลาเมื่อรพีออกแรงทุบขาตัวเองดังปั่ก! ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่เขาทุบรั่วจนศูรใจเสียกลัวลูกจะเจ็บไปมากกว่านี้

รพีเริ่มร้องโวยวายและทำลายข้าวของจนคนเฝ้าคนเดียวคุมไม่อยู่ด้วยเขาเองก็แก่มากแล้วจึงต้องขอแรงจากทางโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ได้คิดว่ารพีจะโดนมักขึงไว้ขนาดนี้

สภาพของคนเป็นลูกทำให้เขารู้สึกแย่ที่สุดตั้งแต่มีชีวิตเกิดมา

“ซัน...ซันต้องหายนะลูกเชื่อพ่อ”ศูรบอกกลับลูกชายพลางลูบไล้ตามชายผมเปียกด้วยเหงื่อของรพีด้วยความรักใคร่ ตอนที่อยู่ลูกอยู่ในห้องผ่าตัด ศูรถึงจะคิดได้ว่าตัวเขาพลาดอะไรหลายสิ่งไป ตอนนั้นเขาภาวนาให้รพีมีชีวิตรอดเพื่อเขา

เพื่อที่เขาจะได้บอกรักลูกมากขนาดไหน...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออกเผยเห็นร่างบางของคนที่คนที่พึ่งหลับจากฤทธิ์ยากำลังเป็นห่วง อดุลย์เดินเข้ามาด้วยขาข้างเดียวกับไม้พยุงส่วนอีกข้างเป็นแผลจากตอนที่หนีออกจากบ้านของการิน แล้วไปเผลอเหยียบก้อนหินแหมเข้า

“อดุลย์”ศูรครางเรียกคนเข้ามาใหม่เสียงอ่อน ชะเง้อไปด้านหลังหวังจะเห็นหลานชายแต่ก็ไม่พบ

“ค่อยยังชั่วหรือยัง”ศูรเอ่ยถาม อดุลย์สะดุดลมหายใจไปชั่วครู่ก่อนจะระบายลมพร้อมความอึดอัดที่อยู่ในอกออกมาพร้อมกันในคราวเดียว

“ดีขึ้นแล้วครับคุณท่าน...แล้วคุณรพี”อดุลย์มองไปที่คนบนเตียงแล้วตาโตต้องเบิกกว้างตกใจ เมื่อเห็นสภาพห้องภายในใกล้ๆเตียงเละเทะไม่มีชิ้นดี คนบนเตียงเองก็ถูกมัดไว้สภาพดูน่าอนาถ

“ค...คุณรพีเป็นอะไรไปครับ”ถามพลางรีบเขย่งพาตัวเองเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูก่อนจะเข้ามาดูรพีใกล้ๆ

“เขาอาละวาด”ศูรตอบก้มต่ำมองที่พื้นที่เกลือนกลาดไปด้วยข้าวของ ร่างบางหันมามองผู้สูงวัยด้วยความเป็นห่วง ความหมองเศร้าบนใบหน้าทำให้ตัวเองรู้สึกกังวลบวกรู้สึกผิดที่กับเรื่องที่จะมาพูดในตอนนี้

เมื่อคืนหลังจากอดุลย์ฟื้นและได้พูดคุยกับตะวันเสร็จ...เขาก็นอนพักหลับจนลึกต่อด้วยความเพลีย จนกว่าจะตื่นขึ้นมาก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว พบก็เพียงแต่โน้ตกระดาษแผ่นหนึ่งของลูกชายที่เขียนทิ้งไว้ เป็นสาเหตุให้เขาต้องเดินข้ามตึกมาหารพี

“...รพีเขา...อัมพาต”อดุลย์เบิกตามากที่สุดในชีวิต หัวใจเหมือนโดนตีด้วยของแข็ง เจ็บปวดกว่าตอนที่โดนทำร้ายหลายเท่า น้ำตาไหลรินลงมาอย่างไม่รู้ตัว

“...โธ่”ครางเสียงอ่อนก่อนจะจับที่ราวเตียงยืนมองพินิจรพีด้วยความสงสารปนรู้สึกผิด

“อดุลย์...นายช่วยชั้นได้มั้ย”ศูรพูดด้วยเสียงที่ไม่เหมือนแต่ก่อน ความมีอำนาจในเสียงหายไปจนหมดสิ้นที่เหลืออยู่ตรงนี้เป็นเพียงพ่อแก่ๆคนหนึ่งที่สงสารลูกแต่ก็แสร้งไม่ร้องไห้ออกมาด้วยกลัวว่าลูกจะเห็นแล้วไม่มีแรงใจจะต่อสู้

“ชั้นไม่รู้เรื่องราวระหว่างเธอกับซัน...ลูกชายชั้น ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอเป็นยังไง แต่ช่วยชั้นได้มั้ยอดุลย์ ตอนนี้ซันมีโอกาสรักษาหาย แต่เขาคงกำลังเสียใจ นายช่วยเป็นกำลังใจให้เขาทีนะ”ขอร้องด้วยเสียงของคนที่สิ้นแล้วทุกอย่าง ขอเพียงให้คนที่รักหายศูรยอมทุกอย่าง

“ท..ทำไม...ถึงเป็นผมล่ะครับ”ผมเสียงแผ่ว รู้สึกแย่กับตัวเองตัวนี้ที่สุด

“ชั้นมองออก...รู้มั้ยอดุลย์ ตั้งแต่เธอกับตะวันย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน บ้านของชั้นก็มีชีวิตชีวามากขึ้น ลูกชายชั้นเองก็ถูกความอบอุ่นนั่นกะเทาะเปลือกนอกจนหมด เขากลับมาเป็นคนที่มีความรู้สึกดีๆให้กับคนอื่น ไม่ด้านชาและไร้หัวใจ...”

“...คนๆนั้นคือเธอนะ อดุลย์”ตัวร่างบางชาวาบกับคำพูดของศูร พอลองย้อนคิดไปถึงแม้รพีจะทำร้ายเขามามากแต่หลายเดือนมานี่รพีดีกับเขามากเช่นกัน

และสาเหตุที่ทำให้ร่างบางรู้สึกผิดที่สุดคงไม่พ้นเรื่องที่รพีมานอนพิการแบบนี้เป็นเพราะปกป้องตัวเขาเอาไว้

“ขอโทษนะครับ..ฮึก..ผมขอโทษ”อดุลย์ร้องไห้ออกมา ขอโทษกับคนที่ทำหน้างงไม่รู้เรื่องราวว่าเขาร้องไห้ทำไม

“ที่คุณรพีเป็นแบบนี้เพราะเขาปกป้องผม...ฮึก...ถ้า..ถ้าหากว่าไม่มีเขาผมคงถูกยิงตายไปแล้ว..แต่ผมกลับ”เสียงพูดปนสะอื้นฟังดูไม่ค่อยชัดแต่ก็จับใจความได้ ใบหน้าขาวร้องไห้จนน้ำตาเปรอะทั่วใบหน้าเพียงเวลาแค่ไม่กี่วินาที

“ไม่หรอกอดุลย์ เธอไม่ผิด รพีเขาเป็นแบบนี้เพราะเป็นสิ่งที่เขาควรทำ เพราะเขาปกป้องสิ่งสำคัญของเขา”ยิ่งศูรพูดก็ยิ่งเหมือนบาดลึกในใจของตัวร่างบาง อดุลย์ทรุดตัวลงกองกับพื้นกุมหน้าตาไว้ร่ำไห้ออกมา

“อย่าเสียใจเลยอดุลย์ ซันต้องหาย แค่เธอช่วยดูแล...”

“...ฮึก..ไม่ได้ครับ ผมดูแลคุณรพีไม่ได้”เสียงติดแหบด้วยความเหนียวคอพูดขัดศูรจนคนพูดสะดุดลมหายใจตัวเอง มองดูคนที่ร้องไห้ทรมานอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่คนตรงหน้าพูดออกมา

“ผมดูแลไม่ได้...ผม...ผมกับลูกจะย้ายออก..ฮึก..ออกจากเรืองรัตนโยดม”ราวกับความหวังสุดท้ายหลุดรอด ในหัวของชายชรามีแค่ความว่างเปล่า





“ผมขอโทษ”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••





นิ้วยาวที่แผ่อยู่บนเตียงสีขาวขยับบ่งบอกถึงการที่คนที่หลับใหลด้วยฤทธิ์ยากำลังจะรู้สึกตัว ก่อนที่ดวงตาคมจะเปิดออกแล้วกระพริบถี่ไล่น้ำตาที่ติดอยู่ข้างดวงตา

ในยามบ่ายของวันเดียวกันรพีตื่นขึ้นมามองดูรอบๆก็พบว่าแตกต่างจากตอนที่ก่อนเขาจะหลับไป ห้องถูกจัดใหม่หรืออาจจะเป็นเขาที่ย้ายมาห้องใหม่ มองไล่ตามมือตัวเองก็ถูกพบว่าโดนมัดอย่างแน่นหนาที่ขอบเตียง ก่อนจะพบชายชราที่ใบหน้าอิดโรยนั่งหลับอยู่ที่โซฟาตัวเล็กอยู่ไม่ไกล

ความทรงจำก่อนที่จะถูกทำให้หลับตีตื้นขึ้นมาพร้อมกับอาการเหมือนคนไม่มีเท้าทำให้จิตใจรู้สึกห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง รู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งใบที่เขาเคยอยู่มันพังทลายไปหมดแล้ว รู้สึกแย่กับตัวเอง

ตัวเองที่เป็นแค่คน...พิการ

ปึ่งงงง!!! เสียงเหล็กของราวเตียงสั่นไหวกระทบเกิดเสียงดังปลุกให้คนที่พึ่งได้หลับสะดุ้งตื่นก่อนจะมองมาที่เตียงคนไข้มาเป็นอันดับแรก และพบว่าตอนนี้ลูกชายของเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว มือใหญ่ของรพีพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุม

“อย่าทำแบบนั้น...ซัน...”เพียงคำพูดเรียกชื่อตัวเองทำให้รพีถึงกับหยุดกึก นานแค่ไหนแล้วที่พ่อไม่เคยเรียกชื่อเล่นของเขาแบบนี้ รพีหันไปมองพ่อด้วยความรู้สึกร้าวราน ความเจ็บปวดของลูกชายที่แม้ปากหนักไม่พูดออกมาแต่เขาก็เข้าใจได้ว่าตอนนี้ลูกเขาเจ็บปวดแค่ไหน

“พอได้แล้วนะซัน...ลูกจะหาย เชื่อพ่อ...พ่อจะทำให้ลูกหาย”คำสัญญาเสียงคลอของศูรทำให้รพีจ้องมอง เขาไม่เคยเห็นพ่อในมุมนี้ เคยเห็นแต่พ่อที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ มีอำนาจชื่อเสียงและเป็นคนที่น่าเกรงขามมาโดยตลอด

ชั่วครู่ภาพในอดีตก็ถูกย้อนเข้ามาในสมอง

ภาพของงานศพของผู้หญิงที่ตนแทบไม่มีความทรงจำร่วม...แม่

ภาพของชายหนุ่มที่ร้องไห้ราวกับไม่มีอะไรเหลือในชีวิต...พ่อ

ความทรงจำที่ถูกลืมย้อนกลับมาให้นึกขึ้นได้ พ่อของเขาไม่ใช่คนที่มีแค่ภาพลักษณ์ในด้านที่ตนเคยเห็น พ่อเสียใจเป็นและตอนนี้พ่อก็กำลังเสียใจที่สุดเช่นเดียวกับตอนที่เสียแม่ไป

“ผม...เป็นอะไร”คำพูดแรกของลูกชายที่เริ่มสงบนิ่งเรียกความชื้นใจให้ผู้เป็นพ่อ

“ไม่เป็นอะไร...แค่ผลข้างเคียงจากที่ลูกถูกยิง หมอบอกว่ามันหายได้ขอแค่ทำตามที่หมอสั่ง”รพีนิ่งเงียบฟังไม่มีเหตุผลที่เขาต้องทำอะไรที่เป็นการทำให้พ่อเสียใจ

แม้ก่อนหน้าเขาจะรู้สึกเหมือนว่าอยากตายไปให้พ้นๆ แต่พอจำภาพที่พ่อร้องไห้เสียใจตอนที่แม่ตายไปได้ก็รู้สึกไม่อยากตาย

เพียงเพราะไม่อยากให้พ่อต้องร้องไห้แบบนั้นอีกแล้ว

“แล้ว...อดุลย์”ไม่ทันได้ถามจบประโยคดี ศูรก็หลบสายตาลูกชายอย่างเป็นที่น่าสงสัย ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะหยิบกระดาษเอสี่สีขาวที่มีรอยข้อความสีน้ำเงินอยู่เต็มแผ่น





“คุณรพีครับ ผมอดุลย์นะครับ ผมขอบคุณทุกอย่างที่คุณทำให้ผม ถ้าไม่มีคุณวันนั้น ตอนนี้อาจเป็นผมที่กลายเป็นแบบคุณแทน

หรือไม่แน่ถ้าไม่มีคุณ ผมอาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ สิ่งที่คุณทำให้กับผม...ผมรู้สึกดีกับมันมากๆครับ

ในตอนที่คุณอ่านจดหมายนี้ ผมคงไม่ได้อยู่พูดบอกคุณด้วยตัวเอง แต่ผมมีเรื่องจะเล่าให้คุณฟัง เป็นเรื่องที่คุณเองก็สงสัยมาตลอด

ในอดีต...ผมเคยรู้จักคุณ คุณเป็นนักร้องในที่ทำงานของผมตอนนั้น คุณคงจำคนแบบผมไม่ได้ แต่ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็ได้คุณช่วยเอาไว้

คุณพูดให้เจ้าของร้านรับผมเข้าทำงาน ทำให้ผมมีชีวิตเดินต่อไปได้ ทำให้ผม...หลงรัก...

ผมเฝ้ามองคุณมาตลอด แต่ก็ไม่กล้าจะบอกเพราะผมเป็นแค่กระเทยคนหนึ่งเท่านั้น คุณที่ผมรู้จักเป็นคนที่ใจดี มีความสามารถ

เราไม่เคยคุยกันแต่ผมชอบที่แอบฟังเวลาคุณคุณกับคนอื่น ทำให้ผมรู้ถึงเรื่องที่คุณทำกับรวิวรรณ

ผมเสียศรัทธาในตัวคุณแต่ผมก็ไม่สามารถปล่อยให้เด็กเป็นอันตราย ผมจึงรับตะวันเป็นลูกของตัวเอง

จนกระทั้งเราได้มาพบกันอีกครั้ง ผมที่ซึ่งเสียศรัทธาในตัวคุณไปแล้วกลับรู้สึกถึงความดีที่ซ่อนอยู่ในตัวของคุณ

คุณปกป้องผมและลูกมาตลอด ให้ความใส่ใจเรามาตลอด หลายคนบอกว่าคุณเย็นชาและเจ้าอารมณ์ ไม่เหมือนกับตอนที่คุณยังเด็ก

แต่ผมก็ยังเห็นคุณเป็นคนคนเดิมเสมอ

ผมขอโทษสำหรับวันนั้น ที่ผมว่าว่าคุณทำลายความสุขของผม

ที่จริงแล้ว...คุณและตะวันเป็นความสุขของผม...

ผมรู้สึกผิดที่จะไม่ได้อยู่กับคุณคอยทดแทนกับสิ่งที่คุณปกป้องผม แต่ผมจะเป็นกำลังใจให้คุณเสมอ ขอให้คุณหายขาดไวๆ

ผมจะรอฟังข่าว...

ขอบคุณและ...

ผมรักคุณ”



ทันทีที่อ่านข้อความในกระดาษจบร่างกับมือไร้เรี่ยวแรง ก่อนที่เสียงเหล็กกระทบจะดังขึ้นอีกครั้งด้วยแรงจากรพีเช่นเดิม ดวงตาคมดุแสดงอาการโกรธอย่างไม่ปิดบัง

“ทำไม!!”เสียงคำรามกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัว ไหนว่ารักกันแล้วทำไมถึงจากไป ทั้งๆที่เขารัก...ทั้งๆที่รักขนาดนี้แท้ๆ

“อดุลย์เขามีความจำเป็น”ศูรบอกเล่าเสียงเรียบ ก่อนหน้าเขาได้พูดคุยกับคนที่หายหนีไปแล้ว ความจำเป็นของอดุลย์ทำให้เขาพูดไม่ออก

“ไม่!! ผมไม่ยอม ไปตามมันกลับมา!!”ศูรยืนมองลูกชายที่อาละวาดขึ้นอีกครั้ง ส่งเสียงดังไม่เกรงกลัวสถานที่

“ผมบอกให้ไปตามมันกลับมา!!”เสียงดุดันยิ่งดังกว่าเดิมแต่ทว่ากลับมีเสียงตุแปลกลอยอบอวนเต็มห้อง ศูรทำจมูกฟุดฟิดด้วยความที่กลิ่นมันฉุนก่อนจะพบว่าสาเหตุจากกลิ่นมาจากลูกชายที่นอนอาละวาดอยู่บนเตียง

ชายชราเห็นแบบนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำถือกะลังมังใส่น้ำที่เตรียมไว้ออกมา ก่อนจะลงมือถอดกางเกงผ้าของลูกชายออกอย่างเบามือ บรรจงจุงตามง่ามขาที่มีของเหลวข้นสีเหลืองติดอยู่เป็นจุดๆ ท่ามกลางความเงียบงันในห้องที่มีกลิ่นเหม็นลอยไปทั่ว

รพีหยุดนิ่งตั้งแต่ตอนที่ศูรเดินมาถอดกางเกง มองตามการกระทำของผู้เป็นพ่อก่อนจะน้ำตาจะไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ได้ยินแค่คำพูดของพ่อที่ตักเตือนเขาเท่านั้นที่ทำให้หัวใจทรมานขึ้นเป็นเท่าตัว





“...ซันอย่าดิ้นเยอะ...ผ้าออมมันหลุด แล้วลูกจะเปื้อนนะ”










รู้สึกเหมือนว่าคนเขียนจะโดนเกลียดมากกว่านลินซะแล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 30-10-2014 09:34:26
กรี๊ดๆ ได้จิ้มคนเขียน

นี่สินะรักแท้ของพ่อ ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง จะทำผิดอะไร คนเป็นพ่อก็พร้อมจะยืนอยู่เขียงข้างเสมอไม่ไปไหน
เราไม่เข้าใจอดุลย์ว่ามีความจำเป็นอะไร แต่คนรักกันเขาทำอย่างนี้เหรอ ทิ้งคนที่รักในยามที่เขาลำบาก ไม่ว่านายจะจำเป็นอะไรมันก็เหมือนว่าอดุลย์ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณคน ถึงเรื่องราวจะเกิดขึ้นเพราะซันก็ตามทีเถอะ ช่วงนี้คือช่วงที่ซันต้องการกำลังใจจากคนที่รัก อดุลย์กลับเลือกที่จะไปในช่วงนี้ เราเสียความรู้สึกกับอดุลย์มากเลย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 30-10-2014 09:49:07
ก็เป็นโอกาสที่ดี ที่พ่อลูกจะได้ปรับความเข้าใจ ได้แสดงออกถึงความรักอีกครั้ง
แต่ปิงปองมีเหตุผลอะไร ถึงต้องไปจากบ้านใหญ่
ทำไมถึงไม่คอยดูแลซันล่ะ??
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 30-10-2014 09:50:28
ทำไมเป็นแบบนี้  :z3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 30-10-2014 09:53:22
แงงงงง ปิงปองงงง อย่าทำแบบนี้  :m15:
ซันไม่เหลือใครละนะ มาดูแลซันเถอะ ขอร้องงงง
คนเขียนค้าาาา ฮือๆ สงสารอ่ะ

รอชมตอนหวานๆนะคะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 30-10-2014 09:54:45
ขอเหตุผลของอดุลด่วนนนนน!!!
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: eamjungza ที่ 30-10-2014 10:03:04
โอ้ยยยยยยยย เรื่องมันเศร้า ชขอเหล้า สองเป๊ก  :z3: :z3: :z3: :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 30-10-2014 10:04:02
ตะวันนนนนนนนนนนนนนนน
เหตุผลเดียวที่ทำให้ปิงปองต้องไปมีแค่ตะวันเท่านั้นแหละ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pulovely ที่ 30-10-2014 10:10:57
ใจร้ายที่สุดเลยนะอดุลย์ สารภาพรักทางจดหมาย แต่กลับทิ้งรพีไป
มีเหตุผลความจำเป็นอะไร ถึงได้ทิ้งรพีได้อย่างเลือดเย็น
ทั้งที่ในตอนนี้รพีต้องการกำลังใจจากนายมากที่สุด
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 30-10-2014 10:15:02
 :z3: :z3: :z3:
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 30-10-2014 10:29:06
พ่อลูกจะได้โอกาสปรับความเข้าใจกันแล้ว

ปิงปองงงไปไหนอ่ะ มีเหตุผลอะไร บอกทีนะ T.T
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tequila04 ที่ 30-10-2014 10:49:57
เริ่มจะหงุดหงิดกะปิงปองตะวันละนะ เหตุผลอะไรทำให้มีความจำเป็นอะไรขนาดนั้น ตะวันจะอะไรนักหนา ชักหงุดหงิด- -*
ถึงไม่ใช่คนเลี้ยงแต่ก็เป็นพ่อนะ แล้วก็ดูรักตะวัน อะไรๆก็ดีขึ้นแล้ว แทนที่จะมาดูซะหน่อยกลายเป็นจะหนีไปซะงั้น
เห๊อะ อย่าบอกว่ารับไม่ได้อีกอะ จะเอามีดไปกรีดหน้าให้ แง่งง

ขออภัยที่ลงกับตะวันค่ะ พอดีรักรพีมากไปหน่อย  :o8:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 30-10-2014 10:54:31
รพีน่าสงสาร

ปิงปองกลับมาเถอะนะมาดูแลรพี

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 30-10-2014 11:05:45
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงฝัน ที่ 30-10-2014 11:15:19
ถ้าให้ทายที่ ปิงปอง ต้องไป   เพราะ  ตะวันงี่เง่า อีกแล้วแน่แน่

 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 30-10-2014 11:17:41
สงสารซันเลย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 30-10-2014 11:23:04
ทำไม อดุลย์ ทำงี้อ่ะ   :sad4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 30-10-2014 12:36:49
ความจำเป็นอะไรนะพ่อปิงปอง ฮืออออออ สงสารพ่อซัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 30-10-2014 12:39:34
คนเขียนเขียนแบบนี้

ฆ่าเค้าเลยดีกว่า :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 30-10-2014 13:55:01
ที่อดุลย์ต้องไปเป็นเพราะตะวันรึป่าว
ถ้าเป็นเพราะตะวันรับไม่ได้ คนที่เสียใจที่สุดคงเป็นอดุลย์
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 30-10-2014 14:00:29
 :o12: รพีจะต้องผ่านมันไปให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 30-10-2014 14:56:39
 :jul1:บีบคั้นหัวใจ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-10-2014 15:00:55
มารอฟังเหตุผลคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 30-10-2014 15:04:46
ความจำเป็นอะไร ไปทั้งสองเลยหรอ
ตอนนี้เป็นช่วงพ่อลูกกลับมารักกันสินะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 30-10-2014 15:23:09
อืม หรือว่าจะเป็นเพราะตะวันเหมือนที่เม้นท์บนๆว่า อดุลย์เลยต้องออกจากบ้านไป
ทั้งที่ในใจอยากดูแลรพีให้กลับมาเป็นปกติ ถ้าเหตุผลคือตะวันจริงๆ ตะวันคือลูกชายที่เห็นแก่ตัวมาก
ทำลายความสุขของพ่อทั้งสองคน คิดให้ได้เร็วๆนะเด็กน้อย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 30-10-2014 15:33:36
อดุลย์นายทำไม่ถูก จะรู้สึกผิดอะไรนักหนา เค้าเดี้ยงเพราะนาย ยิ่งต้องมาคอยดูแลซิ แต่สะใจที่ในที่สุดพระเอกก็มีวันที่ต้องดวงตกซะที
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: roitra ที่ 30-10-2014 15:44:03
สนุกมากเลยมาต่อไวไวน้า อยากให้ปิงปองมาพยาบาลคุณรพี :mew4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 30-10-2014 15:49:12
ม่ายยยยยยยย ทำไมถึงจากไปปปป :ling1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 30-10-2014 16:15:11
 :o12:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 30-10-2014 16:47:18
บ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนหลังเล็กที่ปล่อยร้างผู้คนมาได้หลายเดือนแต่เพราะเจ้าของบ้านมักจะแวะเวียนมาทำความสะอาดบ่อยๆเลยไม่ทำให้บ้านหลังนี้ดูโทรมลงไปเลยซักนิด เพื่อนบ้านต่างแวะเวียนเข้ามาถามถึงเมื่อเห็นเจ้าของบ้านกลับมาอยู่เป็นปรกติได้สองวัน

อดุลย์นั่งดูงานตามหนังสือพิมพ์รวมถึงเปิดอินเตอร์เน็ตหางานที่กำลังรับสมัครหลังจากป้าข้างบ้านพึ่งออกไปไม่นาน ลมเย็นจากบรรยากาศหลังฝนตกทำให้รู้สึกหนาวจนจับขั่วหัวใจ ก่อนที่ดวงกลมจะมองดูพระอาทิตย์สีส้มที่ฉายแสงในตอนเย็นจนเผลอคิดถึงใครอีกคน

รพี...เป็นชื่อคนที่กำลังนึกถึง เป็นคนคนเดียวที่ทำให้อดุลย์ตกหลุมรักถึงสองครั้ง อาจเพราะสิ่งที่อยู่ในตัวของผู้ชายคนนั้นพิเศษกว่าใคร...ก่อนที่ร่างบางจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ทิ้งละทิ้งความคิดที่มักจะเข้ามาในสมองบ่อยๆ

เมื่อสองวันก่อนอดุลย์ได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดกับลูกชายอย่างตะวันฟัง ทั้งเรื่องการพบกันแห่งโชคชะตาของเขาสองคน เรื่องเพศที่แท้จริงของเขา รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ทั้งหมดของเขากับรพี

อดุลย์บอกหมดทุกอย่างอย่างไม่มีปิดบัง ตะวันแน่นิ่งไปทันทีที่เขาเล่าจบ ดวงตาสั่นระริกด้วยความสับสนก่อนวาจาที่เหมือนเป็นการเฉือนหัวใจทิ้งครึ่งดวงก็พูดออกมา

...พ่อกลับเป็นพ่อของตะวันคนเดิมไม่ได้หรือครับ...

เพียงแค่คำพูดของลูกชายที่พูดออกมาด้วยสีหน้าและแววตาที่สับสนเขาก็พร้อมที่จะทุกอย่างให้ เช้าวันนั้นอดุลย์เดินไปเผื่อที่จะลารพีเป็นครั้งสุดท้ายแต่การที่พบว่ารพีต้องพิการเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน

แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งรพีมา...เพราะตะวันสำคัญมากกว่าใครทั้งหมด...มากกว่ารพี

หรือแม้กระทั่งใจของอดุลย์เองก็ตาม

“หนาวมั้ยครับพ่อ”อดุลย์สะดุ้งตัวเมื่อมีผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวเองไว้ ตะวันยิ้มแย้มราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนอดุลย์คิดว่าบางทีการเป็นเด็กก็น่าอิจฉา...ไม่จำเป็นต้องคิดมากหรือรับผิดชอบอะไรหนักหนา

ตะวันมองดูพ่อที่พยายามกลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยใจที่รู้สึกแย่ เขาเป็นคนบอกให้พ่อกลับมาเป็นพ่อคนเดิมของตะวัน กลับมาเป็นพ่อปิงปองที่แสนเท่ห์คนนั้น

พ่อปิงปองทำให้เขาได้ทุกอย่าง กลายเป็นพ่อแบบเดิมที่เขารู้จัก

แต่พ่อ...ไม่มีความสุข

หลังจากฟังเรื่องราวของพ่อความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นมาคือโกรธ...พ่อซันทำไมถึงทำร้ายพ่อปิงปองนั้นคือสิ่งที่เขาคิด ถึงพ่อซันจะดีกับเขาและพ่อมากขึ้นมากก็ตามหลังจากนั้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะโกรธไม่ได้

ความรู้สึกที่ไม่อยากอยู่บ้านหลังเดียวกับคนที่ทำร้ายพ่อตัวเองจึงเกิดขึ้น

ตะวันลืมถามความคิดเห็นคนอื่น อยากให้พ่อกลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนที่จะรู้จักกับคนที่บ้านนั้น พ่อจะไม่ถูกรังแก ไม่รู้เอาเปรียบหรือโดนทำร้ายอะไรอีก

ตะวันที่รู้ทุกอย่างที่อดุลย์ราวให้ฟังนึกโกรธแทนพ่อผู้เป็นที่รัก

หากแต่เขาไม่รู้อยู่อย่างเดียวนั้นคือ...พ่อทั้งสองของเขารักกัน...

ถึงที่ผ่านมาก่อนหน้าจะไม่ได้เรียกมันว่าความรัก เป็นเพียงแค่การกลั่นแกล้งจากคนที่มีอำนาจเหนือกว่าอย่างรพี แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้กันคือรัก...อย่างไม่ผิดเพี้ยน

“กลับมาตอนไหนลูก”ยกมือลูบหัวที่กลุ่มผมดำอย่างรักใคร่ ไล่ความคิดถึงใครอีกคนในหัวให้หมดไปก่อนจะคิดแต่เรื่องของลูกชายตรงหน้า แค่มีตะวัน...ชีวิตของเขาก็เพียงพอแล้ว

“เมื่อกี้ครับ เห็นพ่อนั่งเหม่อแล้วทำตัวสั่นเลยหยิบผ้ามาให้”ตะวันบอก ยิ้มกว้างที่แสร้งขึ้นมาค่อยๆหุบลงจนเป็นปรกติ

“กินอะไรหรือยัง พ่อลืมทำกับข้าวไว้เลย”พูดเสียงแผ่วพลางจะลุกขึ้นไปหาอะไรให้ลูกชายกินรองท้องแต่มือเรียวของลูกก็คว้าเรียกตัวไว้เสียงก่อน

“ไม่ต้องก็ได้ครับพ่อ ตะวันยังไม่หิวแล้วเราก็ไม่ค่อยมีเงินกันนะครับ ไม่ต้องกินเปลืองแบบแต่ก่อนก็ได้”เด็กชายบอกเสียงใสแต่คนที่เป็นพ่อกลับสะดุดกับคำพูด จริงอยู่ว่าตอนนี้เขาไม่มีงานทำแถมเงินเก็บก็มีอยู่เพียงน้อยนิด หากแต่ทำให้ลูกกินอิ่มเขาก็พร้อมจะทำ

“มันจะเปลืองอะไรเท่าไรกันเชียวตะวัน ลูกก็ตัวเท่านี้เองถ้าตัวเท่าน้องทานก็ว่าไปอย่างนะ”ลูกชายหน้าบูดเมื่อโดนคำแซวก่อนจะหัวเราะร่าทั้งพ่อและลูก

ก่อนที่เสียงหัวเราะจะหุบลงเมื่อมีเสียงรถดังอยู่หน้าบ้านที่ไม่ไกลกัน รถที่มาจอดเป็นคันที่ค่อยข้างจะคุ้นเคยเฉกเช่นคนที่เดินลงมาจากรถก็เป็นคนที่คุ้นเคยกันดี

หนุ่มหน้าตี๋ที่มาด้วยเสียงหน้าเรียบเฉยต่างจากปรกติที่เคยเจอกันที่วัชรจะพกพารอยยิ้มจริงใจจนตาแทบจะปิดมาด้วยเสมอ

“สวัสดีครับคุณวัชร”

“สวัสดีครับพี่วัช”อดุลย์และตะวันเอ่ยทักทาย

“ครับ...คุณปิงปองว่างหรือเปล่าครับผมมีเรื่องจะปรึกษา...เรื่องของท่านประธาน”คิ้วเรียวสวยกระตุกกึกทันที่ที่ได้ยินชื่อ เช่นเดียวกับตะวันที่พอได้ยินชื่อพ่อซันก็เริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจ มายืนบังหน้าพ่อคั่นกลางระหว่างสองคนอย่างเสียมารยาท

“มีอะไรก็คุยกับผมได้ครับพี่วัช พ่อผมจะไม่ยุ่งอะไรกับบ้านหลังนั้นอีกแล้ว”ตะวันพูดเสียงแข็งบอกความรู้สึกของลูกที่จะไม่ยอมให้พ่อถูกทำร้ายอีกครั้ง

“ตะวัน...”อดุลย์ครางเสียงอ่อนพลางส่ายหน้าไม่ให้ตะวันทำตัวไม่น่ารักต่อคนที่ดีกับลูกชายมาตลอด วัชรเห็นท่าทางของคนที่คิดว่าเป็นน้องชายก็อดที่จะถอดหายใจมาไม่ได้

“ผมจะไม่อ้อมค้อมนะครับ คุณปิงปองช่วยกลับไปดูท่านประธานหน่อยนะครับ สงสารท่านเถอะครับ”วัชรเอ่ยบอกเข้าเรื่องทันที สีหน้าของคนเป็นลูกน้องวิตกกังวล ที่เขามาวันนี้ก็เพราะเขามาด้วยตัวเองด้วยความที่ทนเห็นคนที่รักเคารพป่วยทั้งใจและกายอยู่แบบนั้นไม่ได้

หนุ่มหน้าตี๋พึ่งไปเยี่ยมพร้อมทั้งขนเอกสารไปให้ศูรพิจารณาที่โรงพยาบาล เนื่องจากปรับเปลี่ยนบอร์ดผู้บริหารโดยที่ศูรกลับขึ้นมาเป็นประธานอีกครั้งโดยไม่แจ้งใครทราบก็เกิดเรื่องวุ่นมากมาย เอกสารต่างๆก็เยอะขึ้นตามตัว

สิ่งที่เขาเห็นที่โรงพยาบาลทำให้อดรนทนไม่ไหว กระดาษแผ่นขาวที่ถูกวางไว้เหมือนทิ้งที่ข้างเตียงแต่พอจะเก็บใส่ถังขยะรพีก็ตวาดเสียงดังใส่ พอแอบอ่านก็ทำให้เขารู้สาเหตุแท้จริงที่ทำให้คนที่เคยมีรูปร่างดูเกรงขามกลายเป็นผีตายซากเพียงเวลาไม่กี่วัน

สิ่งเดียวที่เขาจะทำได้คือขอร้องให้อดุลย์และตะวันกลับไป เพราะเขาเชื่อเหลือเกินว่ารพีจะหายไม่ได้ถ้าไม่มีทั้งสองคนนี้อยู่ด้วย

“ไม่ไป!! ไปทำไม ไปให้พ่อปิงปองโดนผู้ชายคนนั้นทำร้ายทำไม!!”ตะวันตวาดเสียงกร้าว ชี้หน้าใส่วัชรราวกับวัชรคือคนที่ตัวเองกล่าวถึง ความโกรธแค้นที่แสดงออกมาเดาไม่ยากว่าเป็นสาเหตุของการออกมาจากทั้งสองคน

เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าอดุลย์ถูกรพีทำร้ายอย่างไร ที่เขารู้มีเพียงว่ารพีปกป้องอดุลย์จนตัวเองต้องเป็นอย่างทุกวันนี้

“ทำไมตะวันพูดแบบนั้น พี่ผิดหวังกับตะวันจริงๆ พี่คิดว่าเราเป็นเด็กดีกตัญญูรู้คุณคน ท่านประธานเป็นพ่อแท้ๆของตะวันทำไมถึงคิดไม่ดูดำดูดีท่านหน่อย”วัชรเอ่ยเสียงดุอย่างที่ไม่เคยเป็น

“ก็เขาไม่ใช่เหรอที่ทำร้ายพ่อปิงปองก่อน!!”เด็กหนุ่มตะโกนกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“แต่ก็เพราะท่านประธานไม่ใช่เหรอที่ปกป้องคุณปิงปองเอาไว้ จนเขาถูกยิงจนพิการแบบนี้ แล้วทำไม...!!”วัชรดูเหมือนเกือบจะอารมณ์แตกกระเจิงถ้าไม่ใช่อดุลย์ที่ยกมือขึ้นมาห้ามจนหนุ่มตี๋ชะงักคำพูด

“คุณวัชรกลับไปก่อนนะครับ ตะวันเองก็ขอโทษพี่เขาเสียนะ เราเป็นเด็ก พ่อไม่เคยสอนให้ตะวันทำตัวแบบนี้”อดุลย์พูดเสียงดุก่อนจะหันไปหาลูกชายที่ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ตั้งแต่เมื่อครู่

ถ้าเมื่อกี้ได้ยินไม่ผิด...พ่อซัน...พิการ??

“คุณปิงปองช่วย...”

“กลับไปก่อนนะครับคุณวัชร ขอโทษแทนตะวันด้วยเขาค่อยข้างใจร้อน ส่วนเรื่องนั้นผมตัดสินใจไม่ได้ ทุกอย่างของผมขึ้นอยู่กับลูกชายครับ”อดุลย์พูดเสียงอ่อน แสร้งยิ้มกลบเกลื่อนความอ่อนไหวในหัวใจ วัชรเห็นแบบนั้นก็อดถอนหายใจหนักๆก่อนจะเหวี่ยงสายไปมองตะวันอีกครั้งทิ้งคำพูดไว้ก่อนจะเดินกลับออกไปจากบ้าน

“คิดให้ดีตะวัน ถ้าท่านเป็นอะไรไปจริงคนที่เสียใจมากที่ไม่ใช่ใคร แต่เป็นตัวตะวันเอง”

“...พ่อครับ”ตะวันเอ่ยเรียกเมื่อเสียงรถหายไป อดุลย์หันมองหน้าลูกชายที่คงรู้สึกแย่กับสิ่งที่เป็นอยู่

“พ่อซันเขาเป็นอะไร”เอ่ยถามเสียงสั่น

“อัมพาตช่วงล่างครับ แต่ตะวันไม่ต้องห่วงนะคุณศูรบอกว่ามีทางรักษาหายแน่”สิ่งที่ร่างบางบอกยิ่งทำให้ใจเหมือนถูกบีบ ในขณะที่พ่อแท้ๆกำลังทรมานเขากลับนึกโกรธเกลียด

“ตะวัน...เลวมากมั้ยครับพ่อ”อดุลย์ส่ายหน้าตอบ เขาเข้าใจตะวัน เขาใจว่าลูกไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่ตะวันไม่รู้เท่าถึงการณ์และใจร้อนเกินไปเท่านั้น

“พ่อจะโกรธตะวันหรือเปล่า”อดุลย์ส่ายหน้ารัวๆพร้อมกับรับแรงกอดจากลูกชายที่เข้ามากอดซุกในตัว ที่หน้าอกบางรู้สึกเหมือนความเปียกชื้นแขนเล็กจึงกระชับกอดให้แน่นขึ้นเพื่อปลอบประโลม

“พ่อเข้าใจตะวัน พ่อเชื่อว่าคุณรพีเขาก็เข้าใจตะวันเหมือนกัน”

“...ตะวันอยากไปเยี่ยมพ่อ”เสียงลูกชายบอกอู้อี๋อยู่ในอกทำให้อดุลย์ยิ้มด้วยความดีใจ ไม่ใช่ว่าเขาจะได้เจอรพี แต่เพราะดีใจที่ลูกชายยังเป็นเด็กดีอย่างที่เขาสอน รู้จักกตัญญูแม้จะยังโกรธรพีอยู่ก็ตามที

“แต่ตะวันไม่อยากให้พ่อกับพ่อซันเจอกันเลย”อดุลย์ชะงักกับคำพูดลูกชายก่อนจะลูกหัวลูกที่ซุกที่อกต่อ

“งั้นพ่อก็จะไม่ไปครับ”คำตอบที่ไม่ใช่คำตอบเอาใจอีกฝ่าย แต่เป็นคำตอบที่มาจากใจจริงๆของร่างบาง อย่างที่บอกมาตลอดว่าเขาให้ตะวันได้ทุกอย่าง

“พ่อ...ไม่อยากไปเยี่ยมพ่อซันจริงๆเหรอครับ”ตะวันผละออกจากตัวพ่อขึ้นมามองหน้า ที่หางตาคมมีน้ำตาเม็ดใสติดอยู่

“ก็ตะวันไม่ให้พ่อไป พ่อก็จะไม่ไป พ่อตามใจตะวันเพราะพ่อรู้ว่าตะวันเป็นเด็กมีเหตุผลพอ ที่ไม่อยากให้พ่อไปก็เพราะเหตุผลของตัวตะวัน”คนฟังรู้สึกแทงใจดำทันทีที่ได้ฟัง ตะวันไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากไปกว่า

...กลัวพ่อจะเปลี่ยนไป...

“พ่อไม่อยากไปจริงๆเหรอครับ ถ้าพ่ออยากไป ตะวันก็ไม่ว่าอะไร”เด็กน้อยพูดเสียงใส แต่อดุลย์ดูออกชัดเจนว่าเด็กน้อยตรงหน้าต้องการให้เขาตอบปฏิเสธ มือบางไล่มาจับมือของลูกชายไว้แน่นพลางจ้องตาคมด้วยความแน่วแน่เพื่อจะบอกความนัยผ่านทางสายตา

“ตะวัน...ตั้งแต่ได้เจอลูก พ่อก็ไม่ได้รู้สึกต้องการอะไรอีก พ่อไม่อยากแต่งตัวสาวๆ ไม่ต้องการจะไปทำหน้าแต่งผม ไม่ต้องการความรัก ไม่ต้องการอะไรเลยทั้งนั้น”

“พ่อต้องการแค่อย่างเดียว”







“พ่อแค่อยากเป็นพ่อของตะวัน”




มาตอนสั้นหน่อยนะคะ
ปล ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ไม่อยู่นะคะ ไป สปปลาว (อีกแล้ว)
ปลสอง ไม่ได้ไปเที่ยวนะคะ อัพไม่ได้ชัวร์ๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 30-10-2014 16:53:07
ฮือออสงสารรพีๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 30-10-2014 17:20:57
น้องทาน ทำให้ตะวันยอมรับหน่อยน้า
สงสารทุกพ่อเลย ฮือออ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-10-2014 17:21:23
จุก..... และยังคงเป็นไปอีก 3-4 วัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 30-10-2014 17:25:53
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ตะวัน ช่วยเข้าใจซักทีเถอะว่าพ่อๆ เค้ารักกัน
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 30-10-2014 17:30:54
เศร้าจังง

ขอให้ตะวันคิดได้เร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tequila04 ที่ 30-10-2014 17:31:00
โอ้ยยยยย แม้งงงงงงง(โทษค่ะ)
บอกตามตรงเลยอ่านตอนนี้แล้วเกลียดตะวัน เกลียดแบบเกลียดจริงจัง- -
ไม่เข้าใจอะไรตะวันเลยสักอย่างเดียวค่ะ แล้วก็จะไม่พยายามเข้าใจด้วย
ตะวันเห็นแก่ตัว น่าเกลียดมาก เป็นลูกแบบนี้มันแย่นะคะ
เอาจริงเราว่าปิงปองก็ทำไม่ถูกเท่าไหร่ เอาใจลูกมากไปแบบนี้ก็ไม่ดีนะ
ถ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วอะไรๆจะดีขึ้นแล้วแต่เหอะ
แต่ขออย่างเดียวรพีหายไวๆนะ มันไม่สนใจก็ช่างมัน สู้ต่อไปรพี
(อินจัดไปหน่อย)

รีบกลับมานะคะจะรออย่างใจจดใจจ่อ อยากได้อีกสักตอนจุง แฮ่ๆT^Tไม่งั้นกลับมาลงรวดชดเชยห้าตอนก็ได้นะคะ คิๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 30-10-2014 17:45:52
ตะวันเอ้ยยยยย เด็กน้อยของป้า T^T

เข้าใจตะวันนะ คงหวงพ่อปิงปองด้วยแหล่ะ

ปล. งืดดดดดดด จะไม่ได้อ่านจนกว่าจะวันจันทร์ ฮื่ออออออออ #ร้องไห้แป๊บ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 30-10-2014 17:57:38
ซึ้งจริงๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 30-10-2014 18:00:05
ปิงปองพ่อสุดแสนประเสริฐ ทำได้ทุกอย่างเพื่อลูกที่รัก
ยอมแม้กระทั่งให้หัวใจตัวเองถูกทำลาย ไม่รู้ตอนนี้ซันจะเป็นยังไงบ้าง
โดนททอดทิ้งยิ่งกว่าคนไร้ญาติ คิดซะว่าเป็นเวรกรรมที่เคยทำไว้กับสายเลือดแล้วกันนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 30-10-2014 18:16:50
 :o12: :o12: :o12: ฮืออออออออออ โกรธๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :ling1: :ling1: :ling1:  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: โกรธตะวันนนนน ถึงจะบอกว่างั้น แต่โกรธธธธธธธธธ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โชติกา บุญเติม ที่ 30-10-2014 18:39:39
เซ็งตะวัน
รู้ว่ารพีอาการหนักขนาดนี้ยังไม่ยอมให้ปิงปองไปเจอ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 30-10-2014 18:47:15
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 30-10-2014 18:49:47
เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้น น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 30-10-2014 19:02:21
ตามใจลูกมากไปก็ไม่ไหวนะปิงปอง

แล้วยังไม่เล่าเรื่องให้หมดอีก แบบนี้ปิงปองเห็นแก่ตัวไปหน่อย
เหมือนไม่อยากรับรู้ก็ปัดความรับผิดชอบให้ตะวัน นั่นเป็นเด็กนะ ถ้าไม่ใช่พิการชั่วคราวแต่รุนแรงจะทำไง?
ถ้าอาการทรุดทำไง

เป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อต้องสอนลูกไม่ใช่เหรอ ความหนักเบาของเรื่องราว
อะไรที่สำคัญกว่า ความต้องการของคนคนเดียวหรือภาพรวมของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 30-10-2014 19:06:05
ไม่ค่อยเข้าใจและไม่ค่อยชอบใจกับสิ่งที่ตะวันกระทำนะ
แต่ก็ไม่ได้เกลียดตะวันหรอก

อาจจะเป็นเพราะทั้งชีวิตของตะวันมีแค่พ่อปิงปองคนเดียว
พอรู้ความจริงว่าซันทำร้ายปิงปองก็เลยโกรธ
แต่คงไม่ถึงกับเกลียด
ถึงซันจะเป็นพ่อแท้ๆแต่ความผูกพัน
ย่อมน้อยกว่าคนที่เลี้ยงเรามาสิบกว่าปีอยู่แล้ว
เข้าใจนะแต่ถ้าตะวันรู้ว่าจริงๆแล้วพ่อปิงปองกับพ่อซันรักกันอะไรๆอาจจะดีกว่านี้ก็ได้

รอครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 30-10-2014 19:21:14
ตะวันนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :angry2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 30-10-2014 19:42:24
โน้วววววววว ศ ส อา จะไม่มีนิยาย ฮือออออออ

พ่ออดุลตามใจตะวันมากไปแล้ว ทำตามใจตัวเองบ้าง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 30-10-2014 20:13:25
หวังว่าตะวันจะเข้าใจ
ตะวันที่ถูกเลี้ยงมาโดยพ่อปิงปอง ยังไงก็เป็นคนจิตใจอ่อนโยนนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 30-10-2014 20:15:07
สงสารคุณรพี  :ling1: :katai4: o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 30-10-2014 20:22:50
สงสารจังคุณรพ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-10-2014 20:32:42
ก็เข้าใจอารมณ์ตะวันอยู่นะ คือไม่รู้ว่าทั้งสองคนรักกันใช่ป่ะ
เลยคิดในมุมมองของตัวเอง ว่าพ่อปิงปองถูกทำร้าย(โดยรพี)บ่อยๆ เลยไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
มั่นใจว่าอีกหน่อย ถ้าตะวันได้รู้อะไรมากขึ้น หรือคิดได้ หรือเปิดใจ ก็คงไม่ขัดขวางอีก เพราะโดยเนื้อแท้แล้วตะวันไม่ได้ใจร้าย
ฉะนั้นก็ คนอ่านรออยู่นะจ๊ะตะวัน...
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 30-10-2014 20:46:14
สงสารทุกคนเลย เฮ้อ
และสงสารตัวเองด้วย แงงงง

ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ ;-)
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 30-10-2014 20:55:48
สงสารซัน  :mew6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 30-10-2014 21:25:39
 :katai2-1: แวะมาลุ้นว่าตอนหน้าหลังจากตะวันไปเยี่ยมแล้วจะเปลี่ยนใจไหมน๊า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 30-10-2014 21:39:20
เดี๋ยวนะ.......

ขอทำใจแปป

ขอสามคำ

เรื่องมันเศร้า

ตะวันต้องให้น้องทานมาเตือนสติสักหน่อย

ทำอย่างนี้ไม่ดีนะขอรับ

ขอให้เข้าใจกันไวๆขอรับ

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 30-10-2014 21:48:26
โอ้ย หน่วง  โว้ย!!#ขอใช้คำไม่สุภาพสักนิดค่ะ :sad4:
เศร้าอ่าาาา :hao5: :o12: สู้ๆค่ะคนเขียน :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 30-10-2014 21:49:14
ตะวันยอมเถอะลูกครอบครัวจะได้สุขสันต์
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 30-10-2014 22:19:06
สงสารทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 30-10-2014 22:57:23
เห็นพ่อปิงปองทำเพื่อเราขนาดนี้ ตะวันก็มั่นใจเถอะนะว่าสำคัญที่สุด ไม่เคยเปลี่ยน
หวังว่าการได้รับความรักขนาดนี้ จะทำให้ตะวันยอมใจอ่อนแบ่งปันความรักให้พ่อรพีบ้างนะ
แล้วเราจะได้รับความรักจากคนอื่นกลับมาอีกด้วย
ให้เวลาเด็กน้อยคิดทบทวนละกันเนอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 30-10-2014 23:00:21
ถามคำดิปิงปอง ถ้าตะวันมันอยากให้ปิงปองฆ่ารพี ก็จะทำให้ใช่ไหม รักลูกผิดไปปะ ไม่มีเหตุผล เอาซะเลย ต่อให้เข้าใจตะวัน แต่รับไม่ได้ว่ะ ตะวันเด็กไม่มีเหตุผล โลกทั้งใบจะถล่มหรือไง ถ้าพ่อเป็นกะเทย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 30-10-2014 23:09:15
เดินทางสะดวกสบายปลอดภัยเน้

เจอกันวันจันทร์

 :bye2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: IRIS ที่ 30-10-2014 23:09:59
ก็เห็นอยู่ว่าพ่อไม่มีความสุขก็ยังจะรั้นนะเด็กบ้า เพราะปิงปองเลี้ยงลูกแบบนี้ไง เลยกลายเป็นเด็กชอบหนีปัญหา ถ้าไม่มีรพีพ่อแกตายไปแล้วมั้ง โกรธตะวันนะ แต่โกรธปิงปองยิ่งกว่าเป็นผู้ใหญ่ซะป่าวคิดไม่เป็น
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 30-10-2014 23:42:29
สงสารพ่อปิงปองที่สุด  น้องตะวันคิดได้สักทีนะ อย่าไปโกรธพ่อซันเลย 
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 31-10-2014 00:15:15
ตะวันไม่ได้เลวหรอกลูก ตะวันก็แค่เห็นแก่ตัว
ลูกโตขนาดนี้แล้วยังตามใจมันไม่ใช่นะปิงปอง ถ้าหากวันหนึ่งปิงปองไม่อยู่แล้วตะวันจะทำยังไง
การตามใจลูกปิงปองอาจจะว่ามันดีนะ แต่ถ้าลองมองกลับไปในอนาคตมันจะเหมือนกับพ่อแม่รังแกฉัน
ตะวันเป็นลูกชายที่ไม่ค่อยได้เรื่องเลย พ่อแท้ๆ ของตัวเองเป็นอะไรยังไม่รู้ ถามจริงนะ ตะวันเคยไปเยี่ยมรพีตอนรพีเข้าโรงพยาบาลรึเปล่า เราอยากฟังคำแก้ตัวของตะวัน
เราเสียความรู้สึกกับปิงปองนะ แต่เราเสียความรู้สึกกับตะวันยิ่งกว่าอีก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-10-2014 01:08:11
มาม่า มาเต็ม  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: moneza ที่ 31-10-2014 02:12:46
อ่านมาจนถึงตอนนี้คิดได้ว่าปิงปองเลี้ยงตะวันแบบผิดๆ เราว่าปิงปองอยากมีลูกมากไปจนไม่กล้าดุ ตอนสุดท้ายไม่ใช่ครั้งแรกที่ตะวันทำตัวไม่น่ารัก แต่หลายครั้งที่ตะวันใจร้อนพูดจาไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ปิงปองก็เอาแต่อ้างว่าตะวันแค่ใจร้อนตะวันมีเหตุผล ปิงปองทำถูกที่ไม่เคยบังคับลูกแต่ปิงปองควรสอนให้ลูกเลิกใจร้อนเรารู้ว่ายากที่จะสอนเด็กแต่ยังงัยก็ต้องบอกอันนี้เหมือนรอตะวันคิดได้เอง ซึ่งโอเคมันดีนะแต่ถ้าไม่มีคนแนะหรือตะวันคิดได้เองช้าไปบางครั้งมันอาจจะสายเกินไป ซึ่งปิงปองที่รักลูกมากลืมคิดถึงจุดนี้ ถ้าตามใจจนไม่กล้าสอนลูกตะวันจะไม่น่ารักนะปิงปองคนเป็นพ่อไม่ใช่แค่อยากเป็นที่รักของลูกแต่ต้องเป็นคนบอกคนเตือนด้วย อันนี้เรื่องรพีเราเข้าใจได้นะแต่พฤติกรรใก่อนนี้หลายอย่างของตะวันเราว่าพ่อต้อฃสอนบ้างนะแต่ชอบเรื่องนี้มากกกซึ้งใจในความรักของพ่อกะรพีน้ำตนอฃฝุดๆมาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 31-10-2014 05:44:02
เง้อสงสารรปิงปอง


ก็เข้าใจตะวันนะแต่เง้อ



มันเศร้าจัง



เดินทางปลอดภัยครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 31-10-2014 08:22:09
ทำไมปิงปองต้องตามใจตะวันขนาดนี้ :serius2:

ตามใจตัวเองบ้าง :sad4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: primmi ที่ 31-10-2014 22:27:58
พ่อแม่รังแกฉันแท้ๆ
ไม่แปลกเลยทำไมทั้งที่ปิงปองก็ให้ความรักตะวันเต็มที่ขนาดนี้ ยังโตมาเป็นคนจิตใจคับแคบได้อีก
ปิงปองคงรักเลี้ยงดูมาแบบตามใจเกินจนลืมสั่งสอนอะไรผิดถูก ความเห็นอกใจเห็นใจ การให้อภัย ความกตัญญู บลาๆๆๆขาดหมดๆๆ
แถมปิงปองก็แอบร้ายไม่ยอมบอกตะวันว่ารพีเป็นอัมพฤกษ์ช่วงล่าง..ทำไมอะ???
นี่รพีเป็นงี้เพราะใครไม่มีสำนึกบุญคุณ แล้วยังมารำพึงรำพันว่ารักอีก ตกรระเพี้ยนหมดพ่อลูก
อ่านตอนนี้แล้วหงุดหงิดพ่อลูกคู่นี้จริงๆ

สงสารรพีชีวิตนี้เกิดมาไม่เคยดี ตายๆเหอะ นี้รันทดแทน5555

ปล.อย่าให้มีฉากรพีต้องมาง้อ2พ่อลูกนี่เลยนะ รพีไม่ผิดเลยย คนแต่งสงสารรพีกะแม่ยกรพีบ้างงง5555 ชีวิตอาภัพเกินจะกล่าวแล้ว555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 31-10-2014 22:45:15
ที่จริงแล้วเป็นแผนของปิงปองใช่มั๊ย... :mew5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 31-10-2014 23:07:36
เศร้าอะ สองตอนรวด
มาตอนนี้ ตะวันยังเด็กมากๆ ความเป็นเด็กหวงพ่อปิงปองมาเต็ม
แล้วพ่อซันละลูก รักพ่อเขาไหม คิดถึงใจพ่อซัน พ่อปิงปองด้วยนะลูก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 01-11-2014 00:21:20
เฮ้อ~~ และแล้วก็อ่านจนทัน
หนุกดีนะเรื่องนี้ แอบค้างนิดๆ
กลับมาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 01-11-2014 14:50:51
ไม่ได้อ่านแค่ 2-3วัน
รพีพิการไปสะชิ๊บ
เวรกรรมแท้ๆ เห่อ น่าสงสาร
ตะวันอย่าทำร้ายพ่อตัวเองไปมากกว่านี้เลยนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: leejane ที่ 01-11-2014 18:19:04
โอ้ยย เข้ามาอ่านรวดเดียวจบ
มันบีบหัวใจมากเลย
สงสารพ่อซันกับพ่อปิงปอง แต่ก็เข้าใจน้องตะวัน
รีบมาต่อน๊าาาาาา เค้ารออยู่
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 01-11-2014 19:03:46
คนเป็นพ่อ รักลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข

แล้วลูกละ รักท่านแค่ไหนกัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่32 หน้า 20 + ตอนที่33 หน้า21 [ 30 / 10 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 02-11-2014 13:44:54
สงสารพ่อซัน ปิงปองกลับไปดูแล กลับไปเป็นครอบครัวเถอะนะ
ตะวันยังเด็ก บางทีก็เอาแต่ใจ
พ่อปิวปองนี่รักลูกแบบสุดหัวใจจริงๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 03-11-2014 17:01:27
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่พร้อมสรรพด้วยเครื่องและความสามารถทางการแพทย์ ร่างสูงที่ไม่ได้ลุกขึ้นยืนด้วยขาตัวเองกำลังถูกเข็นไปตามทางเดินสุดยาวของทางโรงพยาบาลที่รายล้อมไปด้วยพรรณไม้ดอกไม้ประดับที่สวยงามเป็นที่ที่ให้ผู้ป่วยไข้และญาติที่กำลังเครียดกับภาวะการเจ็บไข้ได้ผ่อนคลายลงบ้างซักนิดก็ยังดี

แต่กลับรพี สวนรอบข้างไม่ได้น่าสนใจจนทำให้เขามอง รพีแค่หันหน้าไปด้านข้างอย่างไม่รู้จะมองอะไร ปล่อยให้ดอกไม้ดอกแล้วดอกเล่าผ่านตาไปอย่างไม่มีจุดหมาย นางพยาบาลพิเศษที่ศูรจ้างมาดูแลก็จนปัญญาจะทำให้ผู้ป่วยคนนี้ร่าเริงขึ้นมาได้แต่เข็นชมธรรมชาติที่พ่อของคนไข้บอกว่าลูกชายชอบได้ช่วยบรรเทาจิตใจ

กว่าอาทิตย์ที่ผ่านมารพีต้องทนทุกข์ทรมานจิตใจกับเรื่องที่เขาพิการ แม้จะมีพ่อที่ดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ศูรต้องมารับช่วงต่อจากเขา ทำให้มีแค่ตอนดึกเท่านั้นที่ศูรจะมานอนเฝ้าและได้พูดเจอกัน

เขาเริ่มจะเข้าใจพ่อขึ้นมาบ้างแล้ว ที่พ่อต้องทำงานไม่ใช่ว่าพ่อรักงานมากกว่าตัวเขา

เพียงแต่พ่อรักเขาเลยต้องทำงาน...และที่จริงพ่อเองก็ไม่อยากจะห่างเขา

เพียงแต่พ่อมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำ เหมือนที่ทุกคนมีหน้าที่ที่เป็นของตัวเอง...ศูรเองจำเป็นต้องห่างเหินเขาในวัยเด็ก...วัยที่เขาไม่พยายามจะเข้าใจพ่อเลยซักครั้ง จนกระทั้งมันเกินที่จะฟังซึ่งกันและกันกลายเป็นสาเหตุที่เขากับพ่อ...ไม่เข้าใจกัน

“คุณรพีอยากจะนั่งพักตรงนี้มั้ยค่ะ”พยายามสาวถามด้วยความใส่ใจ เธอนึกสงสารคนตรงหน้าด้วยเพียงแค่ไม่กี่วันที่รับจ้างงานนี้

ผู้ชายคนนี้เธอเคยเห็นบ่อยๆในโทรทัศน์ แต่ตอนนี้ร่างสูงที่ดูสง่ากลับกลายเป็นที่คนมีแววตาเลื่อนลอย กลับใบหน้าที่ซูบเซียวลงไปทุกวันทุกวัน เธอเองไม่รู้ถึงสาเหตุว่าทำไมรพีถึงพิการ แต่ในข่าวก็ไม่มีออก ตอนที่รับงานเธอเองก็ให้คำสัตย์ว่าจะปิดเรื่องรพีเป็นความลับ และโรงพยาบาลนี้ก็มีมาตรการรักษาความเป็นส่วนตัวมากพอคนวงนอกถึงไม่รู้ความเป็นไปของนักธุรกิจที่น่าสงสารคนนี้ซักคน

“เข็นชั้นไปที่ห้องเถอะ ชั้นเหนื่อย”รพีพูดเสียงเนิบนาบ ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์เกินไปของที่แห่งนี้พาลทำให้คิดถึงตอนที่ไปเที่ยวเขาใหญ่

...ตะวัน...อดุลย์...

“ค่ะ”นางพยาบาลรับคำก่อนจะเข็นรถไปช้าๆ จนกระทั้งถึงหน้าห้องพักที่มีดาวกำลังถือกระเช้าผลไม้สีสดใสอยู่ในมือ คิ้วเข้มขมวดมองกระเช้าธรรมดาอย่างสงสัย ท่าทางของสาวใช้ที่มาอยู่คอยช่วยเหลือเขาอีกแรงเหมือนพึ่งกลับมาจากข้างนอกห้อง แต่ถือกระเช้าที่เขาไม่เคยเห็นแสดงว่ามีคนมาหาเขาเหรอ?

“ใครมา”รพีเอ่ยถามเสียงเข้มขึ้น มีคนน้อยมากที่รู้ว่าเขาป่วยอยู่ที่นี่ นอกจากวัชรและไตรเทพศูรก็ไม่อนุญาตให้บอกใครนอกจากนี้ และสองคนนั้นก็มาเยี่ยมเขาแล้ว แถมมาเกือบทุกวันด้วยซ้ำไป

“เอ้อ...”

“ดาว...”หญิงสาวใช้มองสอดส่ายสายตามองซ้ายทีขวาทีอย่างออกพิรุธ แล้วพอคนที่นั่งอยู่ในรถเข็นเรียกก็สะดุ้งตัวทันที

“คือ...คุณหนูตะวันมาค่ะ”

ตึ่ง!!!!!!

“คุณผู้ชาย!!/คุณรพี!!”
ทันทีที่สาวใช้บอกคำตอบ รพีก็ลืมตัวพยายามจะดันตัวขึ้นจากรถเข็นเพื่อไปตามหาคนที่มาเยี่ยมแต่ด้วยเพราะส่วนล่างที่ใช้การไม่ได้ ทำให้เสียหลักร่างหล่นจากรถเข็นลงไปกองกับพื้นจนทำให้หญิงสาวสองคนตกใจเสียงดัง พร้อมกับพยายามพยุงร่างสูงขึ้นมาท่ามกลางเสียงโวยวายอย่างไม่สนใจสถานที่

“ตะวันล่ะ!! ตะวันอยู่ไหน ดาว!! ปล่อยให้ตะวันไปทำไม ทำไมไม่ให้อยู่พบชั้นก่อน...แล้วอดุลย์ล่ะ อดุลย์มาหรือเปล่า ดาว!! ชั้นถามทำไมไม่ตอบ ไปตามพวกเขากลับมาหาชั้นก่อน ไปสิดาว!!ไม่ต้องมาช่วยชั้น ไปตามพวกเขามา!!”เสียงโวยวายของชายที่สะบัดแขนไม่ยอมรับการช่วยเหลือใดๆจากคนทั้งสองที่อยู่ล้อมหน้าล้อมหลัง ดาวอึกอักที่ไม่รู้จะฟังคำสั่งของผู้เป็นนายหรือทำอย่างที่ควรทำคือช่วยให้รพีลุกมานั่งได้เสียก่อน

แต่ไม่ทันที่ใครจะคิดอะไร...มือขาวเรียวที่ยืนมาสอดใต้รักแร้ของคนที่ล้มกองพร้อมร่างเพรียวที่สอดเข้ามาคลุกวงในแล้วพยายามใช้แรงที่ตัวเองมีทั้งหมดยกรพีขึ้นมาในทีเดียว

“....ตะวัน....”ครางราวกับเห็นความฝัน เสียงของรพีทำให้คนที่เข้ามาช่วยสะอึกในใจ น้ำเสียงที่ดูอ่อนระโหยโรยแรงแบบนี้ ถึงเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพ่อแท้ๆมากนัก แต่พอได้ยินก็รู้สึกแย่ไม่ได้ที่เขามีส่วนให้พ่อต้องมาเป็นแบบนี้

เมื่อครู่ตะวันมาเยี่ยมพ่อและถือผลไม้ที่อดุลย์จัดกระเช้าด้วยตัวเองมาด้วย เขามาเพียงคนเดียวเพราะยังสับสนกับเรื่องของพ่อทั้งสองของเขา แต่พอมาถึงกลับเจอเพียงแต่พี่ดาวในห้องเลยฝากกระเช้าแล้วของตัวกลับทันที ดาวเองก็เดินตามมาตื้อให้อยู่ต่อแต่เขาก็รั้นไม่อยากรอ อีกฝ่ายจึงเดินกลับไปพร้อมของฝาก

...แต่...เด็กชายที่กำลังจะกลับเห็นชายที่นั่งรถเข็นอยู่หน้าโรงพยาบาล เป็นชายที่ค่อนข้างแก่ เขานั่งอยู่คนเดียวเพียงลำพังใช้สองมือของตัวเองเข็นรถเอง แม้มีคนเข้ามาช่วยแต่ชายคนนั้นก็กล่าวปฏิเสธ

คนอื่นอาจมองเห็นความเข้มแข็ง...แต่ไม่ใช่กับตะวัน...เด็กน้อยเห็นแค่ความโดดเดี่ยวจนน่าสงสาร ด้วยความเผลอนึกถึงพ่อแท้ๆของตัวเอง ขาของเขาก็มีหยุดอยู่ตรงที่ที่มีแต่เสียงโวยวายของคนที่อยากมาเจออีกครั้ง

“เข้าข้างในนะครับพ่อ เดี๋ยวตะวันพาไป”ตะวันเอ่ยบอกก่อนจะพยุงคนที่เอาแต่มองลูกชายด้วยความนึกถึง ตลอดมาเขาไม่เคยรู้สึกต้องการลูกมากขนาดนี้ แต่พอตะวันและอดุลย์หายไปจากชีวิจกลับรู้สึกว่าแทบจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ หากไม่มีศูรเขาเองก็อยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไปด้วยซ้ำ

“สบายมั้ยครับ”รพีพยักหน้าเมื่อถูกยกไหล่มานอนที่เตียง เอาแต่มองหน้าลูกชายแบบนั้น จ้องเข้าที่ดวงตาที่คล้ายตัวเองจดจำใบหน้าที่ไม่เคยสนใจจะมองจริงๆ เผื่อ...ไม่มีโอกาสได้มองอีก

“พี่ดาวกับพี่พยาบาลออกไปก่อนได้มั้ยครับ ตะวันอยากคุยกับพ่อ”ตะวันหันมามองพร้อมยิ้มเรียบๆให้ ดาวพยักหน้าดีใจที่ตะวันมาเยี่ยมเจ้านายของเธอเสียที แม้ไม่มีปิงปองมาด้วยแต่รพีก็น่าจะดีขึ้นถ้าได้กำลังใจจากลูกชาย ส่วนนางพยาบาลก็พยักหน้ารับ ถึงนึกสงสัยในใจแต่ก็ไม่เอ่ยปากถามเพราะเกินกว่าที่หน้าที่ต้องรู้

“พ่อซันสบายดีนะครับ”

“เห็นชั้นสบายดีเหรอ...พิการแบบนี้คือสบายดีหรือเปล่าล่ะ”รพียังไงก็คือรพี แม้จะดีใจแค่ไหนเขาก็ไม่แสดงออกไป ปากร้ายใช้คำพูดที่ทำให้ลูกชายอยากจะลุกหนีกลับทันที

“ตะวันถามดีๆ”รพีถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้ตัวว่าเผลอใช้คำไม่ดีกับลูกชาย

“ชั้น...พ่อไม่สบาย”คำแทนตัวใหม่ทำให้เด็กชายสะดุดในใจ รพีไม่เคยแทนตัวเองว่าพ่อ ถึงเขาจะพยายามอ้อนแล้วอ้อนเล่าแต่รพีก็ยังคงนิ่งเงียบแบบเดิมตลอดมา

“ตะวันขอโทษ”เพราะรู้ว่าอะไรคือสาเหตุ...เพียงแต่เขาก็แค่อยากมาคุยให้เข้าใจ

“ไม่จำเป็น...ลูกไม่ผิด”แค่คำพูดนี้จบลงน้ำตาใสก็หล่นลงมาจาตาคม รู้สึกเสียใจและรู้สึกอยู่ในทีเดียวกัน พลางคิดว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นเด็กที่ทำแต่เรื่องให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่ร่ำไป แต่ทุกคนก็ไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของเขาซะคนเดียว

“ตะวัน...อยากฟังจากพ่อซัน...เรื่องทั้งหมด”ตะวันบอกถึงความต้องการของตัวเองออกมาทั้งที่น้ำตานองหน้า รพีมองลูกชายที่ร้องไห้อย่างไม่เข้าใจ และไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรออกมาก่อน เขาไม่รู้อะไรเลยทั้งเหตุผลที่อดุลย์พาตะวันหนีเขาไปหรือแม้แต่ทำไมวันนี้ตะวันถึงมาหาเขา

“ตะวันฟังมาจากพ่อปิงปอง...พ่อซันข่มขืนพ่อปิงปอง”ตะวันเอ่ยเล่าเรื่องที่อดุลย์บอกมาแก่เขาทั้งหมดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อของตะวันทั้งสองคน

แต่ถึงพ่อปิงปองบอกว่าพ่อซันใช้กำลังข่มเหง ใช้อารมณ์รุนแรงกับพ่อแต่พ่อซันก็ยังปกป้องพ่อ ในความรู้สึกของปิงปองเขาเองก็ไม่เข้าใจรพีเหมือนกัน ปิงปองเล่าแค่มุมมองที่ตัวเองเห็น ทั้งความดี...และไม่ดี

“พ่อ...ขอโทษ”คำที่ออกมาบ่อยเหลือเกินในช่วงนี้ รพีก้มหน้าฟังเรื่องในมุมของคนที่เขาข่มเหงแล้วรู้สึกเสียใจอยู่ในใจ เป็นคนจริงทั้งหมดที่ตะวันบอก เข้ารังแกอดุลย์ทั้งหมด ทำร้ายทั้งจิตใจและร่างกาย...

“เพราะแบบนั้นเขาถึงทิ้งพ่อไปเหรอ?”รพีถามเสียงเศร้าพลางเงยหน้ามองลูกชาย ด้วยจิตใจที่โศกเศร้า

“เปล่าครับ...แต่เป็นตะวัน ตะวันบอกให้พ่อออกจากบ้านหลังนั้น บอกให้พ่ออย่าเอ่ยชื่อคนบ้านหลังนั้นมาอีก”ตาคมเบิกกว้างเมื่อได้คำตอบ ก่อนจะหรี่ลงอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทำไมตะวันถึงทำแบบนั้น

ลูกชายเขาคงจะ...เกลียดเขาซินะ

“ผมโกรธพ่อซันที่ทำร้ายพ่อปิงปอง โกรธคนบ้านนั้นที่ไม่ดูแลพ่อปล่อยให้พ่อต้องถูกรังแก โกรธกระทั้งตัวเองที่ไม่รู้เรื่องราวแม้ซักนิดเดียว”เสียงที่ซ่อนความคับแค้นใจไม่มิดบอกมา

“ทั้งชีวิตของตะวันมีแค่พ่อปิงปอง เรามีกันแค่สองพ่อลูกมาตลอด ตะวัน...”

“ไม่ต้องพูดแล้วตะวัน...พ่อเข้าใจ พ่อผิดเอง”รพีพูดแทรก รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นช้าลงไปจนแทบไม่ได้ยินเสียง อากาศรอบข้างก็ดูเบาบางลงจนหายใจไม่ออก

“ไม่ครับพ่อซัน...ที่ผิดคือตัวตะวัน”รพีเงยหน้ามองลูกชายด้วยคิ้วขมวดแสดงความสงสัยในคำพูดของเด็กตรงหน้า

“ตะวันโกรธพวกพ่อแทนพ่อปิงปอง แต่ตะวันลืมถามพ่อปิงปองว่ารู้สึกยังไง บอกให้พ่อปิงปองออกมาจากทุกคน เพราะตะวันเอาแต่คิดว่าพ่อต้องไม่มีความสุข”รพีมองลูกชายอย่างตั้งใจ ดวงตาที่คล้ายเหลือเกินกำลังสื่อความรู้สึกทั้งหมดที่มี

“แต่พอไม่กี่วันหลังออกมา ตะวันก็รู้ได้ว่าตะวันคิดผิด”

“พ่อดูไม่มีความสุขเลยซักวัน ถึงพ่อจะยังยิ้มให้ตะวัน ทำให้ตะวันมีความสุขแต่พอพ่ออยู่คนเดียวพ่อดูเศร้า พ่อปิงปองบอกตะวันไว้ว่า สมัยก่อนพ่อเคยตกหลุมรักพ่อซันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ความรักนั้นพ่อก็ลืมไปหมดแล้ว”หัวใจของรพีเริ่มเต้นแรงขึ้นทันทีที่ได้ฟังเรื่องที่ตะวันกำลังจะพูด รู้สึกตื้นเต้นจนเผลอกำผ้าปูเตียงจนยับคามือ

“แต่...พอพ่อซันพาพ่อไปงานเลี้ยง บางครั้งก็ยิ้มให้พ่อ บางครั้งก็คุยดีด้วย และครั้งสุดท้ายคือที่พ่อซันปกป้องพ่อปิงปอง...พ่อปิงปองบอกว่าเขาก็...รักพ่อขึ้นมาอีกครั้ง”ไม่ทันได้รู้ตัว ริมฝีปากหน้าบนใบหน้าที่ซูมโทรมก็ยกยิ้มอย่างลืมตัว ใบหน้าที่ซีดเซียวดูมีสีสันขึ้นราวกับมีชีวิตใหม่

“แล้วพ่อล่ะครับ...พ่อรักพ่อปิงปองเหมือนกันหรือเปล่า”เพราะถึงอดุลย์บอกมาแล้วว่ารักรพี แต่อดุลย์เองก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่รพีทำให้ตัวเองคืออะไรเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมา...กับรพีก็ไม่ได้ดีกันมากเท่าไร

“....”

“ว่าไงครับพ่อ”

“พ่อ...รักอดุลย์”ความรู้สึกที่กลั้นกรองออกมาจากจิตใจตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าอีกฝ่ายทิ้งตนไปทำให้รู้ถึงความในใจของตัวเอง รพีบอกลูกชายด้วยความมั่นใจ

“....ตะวันก็คิดอยู่แล้วว่าพ่อต้องตอบแบบนี้”เด็กชายถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกปั่นป่วนในใจแต่ก็ไม่รู้ความหมายของสิ่งนั้น เขาไม่อยากให้พ่อซันรักพ่อปิงปองเลย

...ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้ที่พ่อทั้งสองจะเป็นแบบนี้...แต่ตะวันเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน

“ตะวัน...เสียใจ...”

“ไม่เป็นไร พ่อเข้าใจ”รพีตอบ แม้ใจจริงจะไม่เข้าใจความคิดลูกชายเท่าไร แต่แค่ได้ยินว่าอดุลย์รักเขาและไม่ได้อยากทิ้งเขาไปก็มีกำลังใจมากขึ้นมากแล้ว ไหนจะได้เจอหน้าลูกชายที่ไม่คิดว่าจะโหยหาได้ขนาดนี้อีก

ท่ามกลางความเงียบงัน มือใหญ่ที่แนบข้างลำตัวของรพีก็ยกขึ้นลูบหัวลูกชายด้วยมือที่สั่นเทาด้วยความหวั่นไหว ตะวันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสที่แปลกใหม่ของพ่อซันที่ทำเหมือนกับที่พ่ออีกคนชอบทำ

“...ถ้าไม่ฝืนใจลูกเกินไป...พ่อขอให้พ่อได้เจออดุลบ้างได้มั้ย”มือหนาที่ยกลูบหัวกลมพลางพูดคำขอร้องที่ในชีวิตไม่ค่อยจะได้ใช้ ตะวันมองกลับไปที่รพีดวงตาคมของพ่อดูเว้าวอนมากจนปฏิเสธไม่ลงต้องพยักหน้ารับอย่างเดียว

“ขอบคุณนะตะวัน”

“ครับ...งั้นตะวันกลับก่อน วันหน้าจะมาใหม่นะครับ...พ่อรักษาตัวดีๆนะครับ”ตะวันผละออกจากมือหนาที่ยกค้างไว้อย่างเสียดาย รพีพยักหน้าให้นิ่งๆ แม้เสียดายที่ตะวันมาแค่แปปเดียวก็ตาม

“พ่อฝากอะไรถึงอดุลย์หน่อยได้มั้ยตะวัน”

“ครับ?”

“....พ่อสัญญา ถ้าคราวหน้ามีโอกาสได้ทานข้าวเช้าฝีมือเขาอีก พ่อจะรับ...จะไม่ปฏิเสธอีกแล้ว...”





หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 03-11-2014 17:25:56
ดีมากพ่อซัน ใช้เวลานี้ทบทวนชีวิต ยอมรับความจริง เข้าใจคนอื่นบ้าง
หวังว่าชีวิตหลังจากนี้จะเข้าใจกันได้ทุกคนนะ
 ขาใช้ไม่ได้ ยังเหลือครึ่งบนอีกตั้งครึ่ง สมองมีรุ้จักใช้ หัวใจก็อยู่ ปากยังมีพูดกับเขาดีๆนะ
มีความสุขได้สบายหน่ะ

ขอบคุณคนแต่ง กลับมาอย่างไว น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 03-11-2014 17:37:10
ถ้าให้เรามองในมุมของตะวัน ในฐานะลูกคนนึงเราเข้าใจตะวันนะ
และถ้าเราเป็นตะวันเราก็คงทำแบบเดียวกัน พราะถ้าให้เลือกระหว่าง
พ่อแท้ๆแต่ไม่เคยดูแลซำ้ยังปากเสียและไม่ได้แคร์ไม่สนใจตัวเองกับ
พ่อไม่แท้ที่เลี้ยงดูเรามารักและดูแลเราตลอดยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อลูก
เราก็คงเลือกพ่อไม่แท้นะ เพราะแค่เราฟังที่ตะวันเล่าถึงที่รพีทั้งข่มขืน
ทำร้ายร่างกายและจิตใจของอดุลย์มามากมยขนาดนั้นเป็นใครๆก็โกรธ
อย่าว่าแ่เป็นพ่อลูกเลย ถ้าเป็นแค่เพื่อนแล้วโดนคนอื่นแม้จะเป็นคนที่เพื่อนเราแอบรัก
มาทำแบบนั้นเรายังทนไม่ได้ คงได้มีการบอกบังคับหรือกีดขวางทุกอย่างเหมือนกัน

ปล.แม้รพีจเอาตัวบังกะสุนจนพิการแล้วหลายๆคนมองว่าอดุลย์เป็นสาเหตุนี่เราว่าคนๆนั้นโคตรใจร้ายเลยนะ
เพราะถ้าให้มองจริงๆเรากลับมองว่ารพีเป็นตัวต้นเหตุ เป็นต้นเรื่องของเรื่องเลวร้ายทั้งหมด เพราะรพี
รู้มาตลอดว่าอีเมียยเก่าโรคจิตเป็นคนยังไงและมันทำอะไรบ้าง แต่แทนที่จะจัดการขั้นเด็ดขาดสักที
กลับไม่ทำอะไรเรื่องเลยเป็นแบบนี้ซึ่งเราว่าให้รพีโดนยิงมันก็สาสมแล้วนะดีกว่าให้อดุลย์ที่ไ่รู้เรื่องอะไรเลย
ซ้ำยังเป็นแต่ผู้ถูกกระทำไม่ว่าจะจากอีเมียบ้าแล้วยังต้องมารองรับอารมณ์ของรพีอีก
ซึ่งเราว่าถ้าเป็นแบบนั้นคงจะโหดร้ายมากเกินไปสำหรับอดุลย์ แต่ที่รพีโดนแบบนี้เรายังพอเข้าใจได้ว่าเป็นเวรกรรม
ที่รพีเคยข่มขืนดูถูกเหยียดหยามอดุลย์(ซึ่งเรามองว่าที่อดุลย์เจอและถูกกระทำมาตลอดมันยังมากมายกว่าที่รพีเจอตอนนี้ด้วยซ้ำ)
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 03-11-2014 17:45:59
พ่อซันรีบหายเร็วๆ จะได้ไปง้อพ่อปิงปองด้วยตัวเองนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 03-11-2014 18:04:01
หายเร็วๆนะพ่อซัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 03-11-2014 18:07:30
ความรู้สึกที่ชัดเจนขึ้น

อาจเพราะตะวันไม่ชินกับการที่ต้องแบ่งปันความรักของพ่อปิงปองให้คนอื่น

ขอให้จบลงด้วยดีเถิดนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 03-11-2014 18:31:38
เข้าใจกันแล้วเนอะ พ่อซันกับลูกตะวัน  :hao4:  :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-11-2014 18:32:03
เริ่มใจอ่อนแล้วตะวัน สงสารปิงปองที่สุด :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-11-2014 18:36:19
อย่างน้อยตะวันก็ไม่เห็นแก่สมบัติ และให้ความสำคัญกับความรู้สึกของพ่อปิงปอง
ตอนนี้ยังอาจจะตกใจและสับสน แต่ต่อไปคงคิดได้ว่าคนเราไม่สามารถเอาความคิดเห็นของตนเองไปกะเกณฑ์ความคิดเห็น ความรู้สึกและการกระทำแทนคนอื่นได้

อยากอ่านตอนบรรยากาศพ่อ-พ่อใส่ใจดูแลกันแล้วอ้ะ คงอบอุ่นน่าดู อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 03-11-2014 18:41:07
 :hao5: :hao5: ฮือออ มันกำลังจะดีๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-11-2014 18:43:29
ดีกันเร็วๆน่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 03-11-2014 18:45:15
ตะวันกำลังค่อยๆยอมรับในตัวพ่อทั้งสอง กำลังค่อยๆทำความเข้าใจกับความเป็นจริง ^^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-11-2014 19:04:41
ศูรเป็นพ่อที่ยิ่งใหญ่
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 03-11-2014 19:15:57
 :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8:
น่าสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 03-11-2014 19:42:47
ที่ตะวันไม่อยากให้ซันกับปิงปองรักกัน เพราะว่ากลัวรึป่าว
กลัวว่า ปิงปองจะรักซันมากกว่าตัวเองน่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 03-11-2014 19:45:51
ตะวันอย่าเห็นแก่ตัวเองเลย  เห็นแก่พ่อแท้กับพ่อที่เลี้ยงดูแลมาดีกว่า
ทุกคนจะได้มีความสุขนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 03-11-2014 19:54:04
ตะวันนายรับรู้เรื่องราวและความรู้สึกของพ่อทั้งสองคนแล้วก็พยายามทำความเข้าใจและให้อภัยพ่อซันนะ
มันอาจจะยากซักหน่อยแต่ก็พยายามเข้าล่ะ
มีอีกสองชีวิตที่รอมีความสุขกับความรักอยู่นะ
พ่อปิงปองเขารักพ่อซันก็จริง
แต่ใช่ว่าเขาจะเลิกรักนายนะตะวัน
อืมมม..ลองถามๆน้องทานดูก็ได้เรื่องความรักระหว่างชาย-ชายน่ะ
น้องทานน่าจะรู้ดี คิคิ

รออีกครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 03-11-2014 20:18:34
ดีใจที่ตะวันคิดได้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 03-11-2014 20:34:21
รีบหายนะซัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 03-11-2014 20:35:06
ตะวันเข้าใจพ่อซันกับพ่อปิงปองแล้วใช่ไหม เห็นแก่ความสุขของพ่อเถอะนะ
พ่อปิงปองทำเพื่อตะวันมาทั้งชีวิตแล้ว ให้พ่อปิงปองได้มีความสุขกับคนที่เขารักบ้าง
อย่าทำลายความสุขของพ่อๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: grazeir ที่ 03-11-2014 20:39:48
อยากอ่านต่อแล้นนนน  ค้างงค่าาา

อยากอ่านตอน พ่อซันเจอกับ พ่ออดุลย์

ขอ ไรต์เตอร์เขียนออกมาโดยไว  กิ้สสสสส

  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: eobankzapp ที่ 03-11-2014 20:44:27
ไรเตอร์ทำซึ้งอีกแล้ว เชื่อว่า ปิงปองจะต้องดีใจมากกกกกกกกก  :katai5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 03-11-2014 20:49:13
มันหน่วงๆแต่ก็มีความสุข
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 03-11-2014 20:58:19
ดีๆๆๆๆๆๆ กำลังเข้าใจกันอย่าได้มีอะไรมาขัดขวางเลย o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 03-11-2014 21:30:29
พ่อปิงปอง มาหาพ่อซัน หน่อยนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-11-2014 21:41:24
ตะวันใจอ่อนแล้วใช่ม้าาา

พาพ่อๆมาเจอกันเถอะ :)
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 03-11-2014 22:10:27
เรื่องราวกถลังจะดีขึ้นใช่ไหมขอรับ

รู้สึกอืดท้องมากๆ

มาม่าเหลือเกิน

รออ่านตอนที่ฟ้าสดใสขอรับ

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 03-11-2014 22:36:23
ซันเหลือตัวเล็กนิดเดียวในตอนนี้ น่าสงสารมากค่ะ ตะวันเข้าใจสองพ่อมากขึ้นแล้ว
พาพ่อปิงปองมาเยี่ยมคนป่วยเร้ว เขาคิดถึงกันจะแย่แล้ว

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 03-11-2014 22:41:16
 :o8:รอสนุกมากคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 03-11-2014 22:47:32
มาแล้ววน่ารักมากสมกับการรอคขอบคุณมากกหหคับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 03-11-2014 22:57:58
เก่งมากตะวัน ที่ยอมรับความรักของพ่อพ่อได้ ทีนี้ก็ให้อดุลยมาหารพีแล้วกายภาพซะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โชติกา บุญเติม ที่ 03-11-2014 22:59:47
อ่านตอนนี้แล้วสงสารพ่อซันมากเลยค่ะ
หวังว่าต่อไปคงจะไม่มีมาม่าแล้วนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: leejane ที่ 04-11-2014 10:04:07
ตอนหน้าจะแฮปปี้ใช่ไหม..
ตอนนี้มีความสุขแบบหน่วงๆยังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 04-11-2014 11:34:29
ตะวัน....

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 04-11-2014 15:10:51
น้ำตาจะไหล
ขอให้ได้ทานข้าวซักมื้อ เห่อ
งี๊และมักจะเห็นค่าก็ต่อเมื่อจะเสียมันไป
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่34 [ 3 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 04-11-2014 17:18:10
เชียร์รพี



ตะวันเริ่มเข้าใจ



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 05-11-2014 00:03:08
เสียงดังก้องกังวานของพระสงฆ์หลายรูปกำลังท่องบทสวดด้วยทำนองที่ฟังแล้วทำให้จิตใจสงบอย่างประหลาด ในงานเผาศพที่ไม่เหมือนงานเผาศพทั่วไปเพราะมีแค่ชายหนุ่มหน้าตาเศร้าสร้อยเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มายืนอยู่หน้าเตาเผาส่งคนที่รักเป็นครั้งสุดท้าย

การินยืนมองประตูขนาดเล็กที่กั้นกลางระหว่างเขาและร่างของพี่สาวที่คงกำลังมอดไหม้ด้วยเปลวไฟภายในนั้น นึกสงสารพี่สาวคนเดียวของตนสุดใจ แต่ก็โทษใครไม่ได้...เป็นเพราะพี่สาวของเขาทำตัวเองทั้งนั้น

ได้แต่ขอให้พี่...ไปสู่สุขคติ

การินถอนหายในก่อนจะเดินผละออกมาจากบรรยากาศที่ร้อนรุ่มหน้าเตาไฟ ถึงจะบอกว่าเป็นงานศพแต่ก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่มาเผาผีพี่ ไม่มีใครรู้ถึงการตายของนลินเพราะศูรสั่งให้ปิดไว้ทุกอย่าง

ศูรสั่งให้คนสร้างหลักฐานปลอมว่านลินเดินทางไปต่างประเทศ ไปในที่ที่ไม่มีใครเอะใจสงสัย และบังคับให้น้องชายอย่างเขารอคอยเวลาที่จะแจ้งให้พี่เป็นบุคคลสูญหาย ชายชราที่สั่งการด้วยความเย็นชาทำให้การินไม่กล้าจะต่อความด้วย ได้แค่ตกลงด้วยความข่มขื่น

แต่แค่นี้ก็ถือว่าฝ่ายนั้นเมตราพวกเขามากแล้ว ถึงไม่มีงานสวดศพใหญ่โต แต่ศูรก็อนุญาตให้การินเอาศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลเงียบๆ ในวัดที่ห่างไกลผู้คน จนกระทั้งครบเจ็ดวันเขาจึงได้เผาศพส่งพี่กลับคืนสู่ความว่างเปล่า

“หลับให้สบายนะครับพี่”การินเอ่ยบอกครั้งสุดท้ายแล้วเดินลงบันไดลงมา ก่อนที่ตาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออยู่ตรงหน้า

“...คุณรพี”การินครางเรียกชื่อคนที่นั่งอยู่ในรถเข็น ข้างหลังมีพยาบาลกับไตรเทพที่เป็นเพื่อนสนิทของรพี เคยเห็นแค่ครั้งเดียวตอนงานแต่งพี่นลินแต่ได้ยินชื่อจากพี่สาวบ่อยจนจำได้ขึ้นใจ

“ชั้นมาขออโหสิ”รพีบอกเรียบๆ ใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆออกมา การินมองคนที่พูดเมื่อครู่ด้วยสีหน้าแปลกใจ ถึงไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายนักแต่เขาก็รู้ดีว่ารพีเป็นผู้ชายที่ถือตัวขนาดไหน

“...ครับ”

“พาชั้นไปหาพี่สาวนายหน่อย”รพีบอกออกมาพร้อมจ้องหน้าอีกฝ่ายจนการินสะดุ้งตกใจ ดวงตาดุดวงนั้นน่ากลัวกว่าจะน่าหลงใหล ไม่เข้าใจว่าพี่ไปชอบคนที่มีตาแบบนั้นบนใบหน้าได้อย่างไร การินพยักหน้ารับคำสั่งเจ้านายเก่าและเพื่อนสนิทของเข้าก่อนจะเดินนำไปกลับไปทางที่พึ่งลงมา

จนเมื่อถึงหน้าบันได ร่างสันทันของไตรเทพก็ออกแรงยกประคองเพื่อนสนิทขึ้นมาทั้งตัว ใบหน้าคมสันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บเสียดที่ปากแผลที่ถูกยิง การินหันมองด้วยความสงสัยก่อนจะตาค้างด้วยคิดถึงความเป็นไปได้เมื่อเห็นว่าที่รพีนั่งรถเข็นไม่ใช่เพราะบาดเจ็บเล็กน้อยแต่เพราะขาที่ลู่ลงราวไม่มีแรงนั้นไม่สามารถจะใช้การเหมือนปรกติ

มือยกขึ้นปิดปากด้วยความตกใจพร้อมสายตาที่รู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองก็มีส่วนเหมือนกัน

“ขอบใจไตร”ไตรเทพพยักหน้ารับรพีที่บอกขอบคุณเมื่อเพื่อนอุ้มเขาขึ้นมาจนถึงหน้าเตาไฟภายในเมรุหลังไม่ใหญ่ เสียงดังฟู่ของไฟภายในบ่งบอกว่ากำลังถึงขั้นตอนอะไรอยู่ รพีมองตรงไปราวกับจะมองทะลุเข้าไปภายใน หวังจะสื่อให้ถึงคนที่ล่วงลับ

“ชั้นมาขอโทษเธอ...ชั้นขออโหสิกรรมทั้งที่ชั้นทำไว้กับเธอ หรือที่เธอทำกับชั้น ขอให้เวรกรรมทั้งหมดหมดลงในชาตินี้เท่านั้น”เสียงเข้มเอ่ยบอกจริงจังเสียคนรอบข้างขนลุก รพียังจ้องมองตรง

วันนี้เขารู้มาจากวัชรว่าจะเผาศพของนลิน ภายในจิตใจของเขาก็เรียกร้องให้มาให้ได้ อย่างน้อยก็จะมาขอโทษทุกสิ่งที่เคยทำกัน เวลาหนึ่งอาทิตย์ที่มีเรื่องราวมากมายได้ไหลผ่านเข้ามาในชีวิตจนรู้สึกว่ามันหนักหนากว่าตลอดสี่สิบปีที่มีชีวิตมาเสียอีก

แต่ก็เพราะปัญหาเหล่านั้นทำให้รพีได้นอนนิ่งๆและรู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของปัญหาอะไรหลายๆอย่าง เป็นตัวเขาที่เริ่มต้นสิ่งเลวร้ายที่มันกำลังถาโถมเข้ามา

ทั้งเรื่องของนลินที่เขาหลอกใช้จนเธอต้องมาลงเอยแบบนี้

ทั้งเรื่องของตะวัน ที่ตอนวัยรุ่นเขาคิดจะให้ผู้หญิงที่ตัวเองก็จำไม่ได้แล้วไปเอาตะวันออก เพียงแต่โชคดีที่มีคนช่วยไว้

และเรื่องของอดุลย์ที่เขารู้สึกเสียใจที่ทำร้ายร่างบางนั้นตลอดมา

“ชั้นขอให้เธอไปสู่ภพภูมิที่มีแต่ความสุข ตลอดมาชั้นไม่เคยให้ความสุขกับเธอเลย เพราะชั้นเองก็ไม่เคยคิดว่าชีวิตชั้นจะมีความสุขอยู่เหมือนกัน”หน้าคมหลับตาพลางนึกถึงใบหน้าคนบางคนขึ้นมาในหัว

“แต่ชั้นว่าชั้นคิดผิด...ความสุขมันอยู่รอบตัวชั้นไปหมด...ถ้าไม่มีเธอชั้นก็คงยังคิดไม่ได้ ชั้นก็คงจะเป็นคนที่ปฏิเสธสิ่งดีๆที่เข้ามาในชีวิต”

“...ขอบคุณมากนะนลินที่เข้ามาในชีวิตชั้น ขอบคุณที่รักคนที่ไม่เคยทำดีกับเธอเลยแม้ซักครั้ง ขอบคุณที่เธอทำให้ชั้นตระหนักได้ถึงความสุข”รพียกยิ้มอย่างจริงใจขึ้นมา พร้อมกับลมจางๆที่พัดผ่านพากลิ่นหอมของดอกบัวที่อยู่แถวนั้นขึ้นมาด้วยกัน รพีสูดลมหายใจเอากลิ่นหอมนั้นเข้ามาในตัว

“หลับให้สบายนะ ขอบคุณจริงๆ...ลาก่อน”คำพูดสุดท้ายเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาฝากไปกับสายลมและกลิ่นบัวหลวงฝากส่งให้คนที่ล่วงลับ รพีหันไปสบตากับไตรเทพที่ยืนนิ่งมองเพื่อนด้วยความรู้สึกดีก่อนที่จะเดินมาอุ้มเพื่อนอีกครั้งเพื่อพาลงไปที่เดิม

“ขอบคุณนะครับคุณรพี ถ้าพี่รู้...เขาต้องดีใจมากแน่ๆ”การินพูดแต่สายตาก็ยังอดมองที่ขาส่วนล่างไม่ได้ ความสงสัยภายในยังคงติดค้างเพียงแต่ไม่กล้าเอ่ยปากถาม

“อืม...แล้วนายจะเอายังไง”รพีถามเสียงนิ่งเมื่อลงมาถึงข้างล่างจนนั่งลงบนรถเข็นคันเดิมเรียบร้อย การินมองคนถามด้วยความไม่เข้าใจในคำถาม

“จะกลับไปทำงานที่บริษัทชั้นต่อหรือเปล่า”รพีถามนิ่งๆ มองคนตรงหน้าที่ดูประหม่าแล้วก็นึกสงสาร หากเป็นแต่ก่อนเขาคงปล่อยผ่านให้การินไปตามเวรตามกรรม แต่เพราะถ้าเขาไม่ยอมให้อภัยคนเป็นทั้งๆที่มาขออโหสิกรรมคนตายคงไม่ดีเท่าไรนัก

“เอ้อ...”

“ค่อยๆคิดแล้วกัน ชั้นไปก่อนล่ะ ยังไงก็ติดต่อไปทีวัชรถ้าอยากทำงานที่เดิม แต่คงไม่ใช่ตำแหน่งเก่าหรอกนะ รู้ใช่มั้ยว่าทำไม”การินพยักหน้าหงอยๆ เครดิตตัวเขามันไม่มีเหลืออยู่แล้ว ชื่อเสียของเขาดังกระฉ่อนไปทั่ว ถ้าการินยังทำตำแหน่งเดิมคงไม่น่าไว้วางใจ เขารู้ตัวดี

“ขอบคุณครับที่ยังให้โอกาสผมแต่ผมคงไม่มีหน้ากลับไปอีกแล้ว”การินยกมือขึ้นไหว้ รพีหยักหน้ารับ

“ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่ว่าชั้นให้โอกาสนาย...มีแค่นายเท่านั้นที่เลือกจะให้โอกาสตัวเองหรือเปล่า เหมือนอย่างชั้นที่กำลังให้โอกาสตัวเองอยู่”พูดเป็นปริศนาก่อนจะถูกเข็นออกไปเงียบๆ





เขียนตอนต่อไปไม่ค่อยออกเลย เริ่มเขียนตั้งแต่ห้าทุ่ม ปรกติเขียนชั่วโมงเดียวได้มาประมาณสามพันคำ นี่ได้มาแค่พันกว่าๆ ไม่ถนัดจริงๆค่ะ เลยเอาบทแทรกมาลงให้ก่อน ที่จริงตอนนี้กะไว้ลงตอนอื่น เพราะเรื่องหลักไม่อยากพูดถึงนลินมาก กลัวคนเกลียดเธอ ซึ่งความคิดคนเขียนนะ เราสงสารตัวละครตัวนี้อ่ะ เขียนเองสงสารเองบ้าไปแล้ว

จะพยายามเขียนตอนหน้าพรุ่งนี้นะคะ ขอนอนก่อน

ปล นลินแปลว่าดอกบัวนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 05-11-2014 00:05:35
เย้ๆมาแล้วขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-11-2014 00:13:56
สงสารการินอยู่เหมือนกัน หาคู่ให้สักคนเถอะเอาวัชรก็ได้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: eobankzapp ที่ 05-11-2014 00:19:35
 o13 รพีดูใจดีขึ้น ใจเย็นด้วยยย แต่ก็สงสารนลินนะ หากชีวิตมีสติมากกว่านี้คงจะเจอสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 05-11-2014 00:36:11
รพีสู้ๆ เดี๋ยวปิงปองจะมาหาแล้ววว  o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 05-11-2014 00:55:29
จบได้สวยงามมากๆ ในพาร์ทของนลิน ซึ่งรักมากไป เธอก็ดูน่าสงสารจริงๆ (ในตอนนี้น่ะนะ)
รอคอยพรุ่งนี้นะคะ ฝันดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 05-11-2014 01:00:51
แอบมีความคิดอยากให้การินคู่กับตะวันจัง แต่ก็นะ ตะวันมีทานตะวันอยู่ทั้งคน เฮ้อ 3 ppppp
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-11-2014 06:28:34
สงสารนลิยจังแต่สงสารการินมากกว่า

คนเป็นหน่ะ...ทรมาณกว่าคนตายเยอะ

หาคนมาช่วยปลอบใจหน่อยสิ *.*
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 05-11-2014 06:38:19


น่าเห็นใจทุกฝ่าย

ขอให้นลินไปสู่สุขคติขอรับ

การันนายก็ให้โอกาสตัวเองนะ

สู้ๆขอรับคนเขียน

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 05-11-2014 06:55:03
 o13 o13

รอตะวันพาพ่อปิงปองมาหาพ่อซัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 05-11-2014 07:13:07
หมดเวรหมดกรรมแล้วนะนลิน ไปสู่สุคตินะ ขออโหสิให้เช่นกัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 05-11-2014 07:27:53
บาย..นลิน

ทุกคนในเรื่องนี้มีความน่าสงสารเป็นของตัวเองเหมือนกันหมด :m15:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 05-11-2014 09:57:05
มันเป็นฉากเศร้านะแต่มันดูสวยงามลงตัวที่สุด
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 05-11-2014 10:12:09
คุณรพี
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 05-11-2014 10:29:21
ตอนนี้คุณรพีทำตัวสมกับเป็นพระเอกเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 05-11-2014 10:51:33
รู้สึกดี ที่คุณรพีคิดได้ค่ะ ฮืออออออ  สู้ๆนะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 05-11-2014 12:54:03
ตอนนี้ก็ซึ้ง  :mew4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 05-11-2014 15:54:20
อ่านถึงตรงนี้แล้ว...บอกได้คำเดียวเสียใจมากกกก เสียใจที่ไม่มีให้อ่านต่อ ฮืออออ อยากอ่านต่อแล้ว  :ling1: :ling1: :ling1:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  o13
รพี หายไวๆ นะ  :hao5:
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ ร้องไห้ไปสิบลิตรแล้ว  :o12: :sad4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 05-11-2014 17:05:08
ตึกสีขาวสูงสองตึกตรงหน้าของร่างบางตอนนี้คือตึกของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ตราประจำโรงพยาบาลที่เป็นที่รู้จักกันมายาวนานแสดงความน่าเชื่อถือในการรักษามากยิ่งขึ้น

อดุลย์ยืนอยู่หน้าโรงพยาบาลแห่งนี้พร้อมกับถือกระเช้าของบำรุงอยู่ในมือ ผมสั้นที่เริ่มยาวขึ้นมานิดหน่อยบวกกับผิวพรรณที่ขาวนวลขึ้นกว่าตอนตรากตรำทำงานทำให้คนๆนี้ดูไม่เหมือนคนใกล้วัยสี่สิบแม้ซักนิด

รอยยิ้มบางยกแย้มขึ้นเมื่อได้รับกลิ่นหอมจากดอกไม้ที่โรงพยาบาลพยายามจัดทุกๆที่ว่างภายในให้มีสีเขียว พลางคิดถึงคนที่วันนี้เป็นวันแรกที่จะเริ่มทำกายภาพบำบัด

...รพี...

เกือบเดือนภายมาจากเหตุการณ์น่าระทึกนั้น กว่าสามอาทิตย์ที่ลูกชายเที่ยวไปมาระหว่างบ้านหลังเล็กของเขากับที่โรงพยาบาลแห่งนี้เพื่อมาเยี่ยมเยียนพ่อแท้ๆของตัวเอง แม้จะไม่ยอมให้พ่อไม่แท้อย่างเขามาเยี่ยมด้วยเลยก็ตาม แต่ตะวันก็จะเล่าอาการของรพีให้ได้ฟังอยู่ตลอด

หลายอาทิตย์ก่อนหลังจากตะวันมาเยี่ยมรพี ลูกชายไม่ได้เอ่ยบอกอะไรกับอดุลย์แม้ซักอย่างเดียว และเขาเองก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เข้าใจตะวันดีว่าคงยากที่จะรับรู้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อรพี แค่ลูกไม่ได้ผลักไสรังเกียจเขาก็ดีเท่าไรแล้ว

อดุลย์ที่ได้ฟังแต่ข่าวของคนที่ตัวเองเป็นห่วงผ่านทางลูกชายมาตลอดแต่ก็ไม่เคยบอกลูกว่าอยากมาหาซักครั้ง แต่เพราะวันนี้ตะวันเป็นคนบอกเองว่าพ่อซันของเขาจะเริ่มทำกายภาพบำบัดวันแรก แล้วตะวันก็บังเอิญติดเรียนพอดีอยากจะมาให้กำลังใจคนป่วยก็ทำไม่ได้

อดุลย์เลยได้มาเยี่ยมแทนตะวันด้วยความเต็มใจ

“ขอโทษนะครับ”เอ่ยสุภาพเมื่อเดินเข้ามาภายในโรงพยาบาล พนักงานทั่วไปของโรงพยาบาลหันมาสนใจก่อนจะเอ่ยถามสุภาพกลับเมื่อเห็นว่าเป็นลูกค้าของโรงพยาบาล

“ห้องกายภาพไปทางไหนครับ”เพราะเวลาที่ตะวันบอกว่ารพีเริ่มทำคือเวลาช่วงแปดโมงเช้า แต่ตอนนี้มันเวลาเกือบๆจะเก้าโมงด้วยเพราะการจราจรที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ซ้ำที่แห่งนี้ยังอยู่กลางใจเมืองเลยทำให้อดุลย์มาสายเกือบชั่วโมง

“อ้อค่ะ เดี๋ยวจะให้น้องพาไปนะคะ”พนักงานบอกก่อนจะเรียกเวรเปลผู้ชายที่รอให้บริการแถวนั้นให้มาเดินนำเขาไปขึ้นลิฟท์ด้วยความเต็มใจในการให้บริการสมกับเป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง

“ทางนี้ครับ ไม่ทราบว่าญาติคุณพี่ผู้ชายทำกายภาพอะไรครับ ผมจะได้พาไปถูก”อดุลย์ส่ายหน้าตอบอย่างไม่รู้ พลางมองตามกระจกที่กั้นระหว่างทางเดิน มีป้ายบอกชื่อห้องมากมาย เขาเองก็พึ่งจะรู้ว่าที่โรงพยาบาลแบบนี้มีห้องสำหรับนวดกล้ามเนื้อที่คล้ายสปาแบบนี้อยู่ด้วย

“ถ้าอย่างนั้นผมถามเจ้าหน้าที่ให้นะครับ ขอทราบชื่อด้วยนะครับ”

“...รพี เรืองรัตนโยดมครับ”พนักงานชายรับคำก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางเคาเตอร์ที่อยู่อีกฝั่งเพื่อถามข้อมูลที่เขาต้องการ ไม่นานนักก็เดินกลับมาพร้อมยิ้มให้เขา

“เชิญทางนี้ครับ คุณรพีกำลังทำกายภาพอยู่กับคุณหมอและนักกายภาพที่ห้องเล็กครับ”อดุลย์พยักหน้าและเดินตามคนนำทางไปเรื่อย ไม่รู้ด้วยหรอกว่าห้องเล็กหรือห้องใหญ่มันอยู่ตรงไหนของที่แห่งนี้

จนกระทั่งพนักงานข้างหน้าหยุดอยู่ที่ห้องที่มีประตูบานเลือนสีน้ำตาลเข้ม กั้นผนังด้วยกระจกสีขุ่นพร้อมกับผายมือบ่งบอกว่านี่คือห้องที่เป็นจุดหมายของอดุลย์ ร่างบางบอกขอบคุณสุภาพก้มหัวให้เล็กน้อยแต่ก็ยังหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องจนคนที่พามาเดินกลับไปแล้วเขาก็ยังยืนนิ่งอยู่แบบนั้น 

ครืดดด....

ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆประตูบานใหญ่ตรงหน้าก็ถือเลื่อนออกมาโดยคนที่ตัวเองไม่รู้จัก เป็นผู้หญิงในชุดเดรสลายดอกไม้ทับด้วยชุดกราวสีขาว หญิงตรงหน้าเอียงคอมองคนตรงหน้าที่สูงกว่าตัวเองเล็กน้อย

“มาหาคุณรพีเหรอคะ?”

“ครับ เขาอยู่ข้างในใช่มั้ยครับ”อดุลย์ถามกลับพลางเอื้อมคอมอไปด้านในมองหาแต่ก็ไม่พบอะไร

“ตอนนี้นักกายภาพคงกำลังเสริมกล้ามเนื้อให้อยู่ น่าเสียดายนะคะที่มาไม่ทัน เมื่อครู่เราพึ่งอธิบายวิธีรักษาให้คุณรพีฟังเสร็จไป”คุณหมอสาวพูดอย่างเสียดาย ดูคนตรงหน้าน่าจะเป็นคนในครอบครัวของคนไข้ของเธอมากกว่าเป็นสาวใช้ที่อยู่กับคนไข้ในห้อง

“คุณหมอพอจะมีเวลามั้ยครับ...ถ้าไม่รบกวนเกินไปช่วยบอกกับผมอีกรอบได้หรือเปล่า”อดุลย์พูดอย่างกระตือรือร้นยิ่งทำให้เพิ่มความมั่นใจกับความคิดของหญิงสาวตรงหน้ามากยิ่งขึ้นจนเผลอหัวเราะขำๆออกมา

“พอดีหมอมีคนไข้คะ ยังไงลองเข้าไปคุยกับนก นักกายภาพที่ดูคุณรพีอยู่น่ะค่ะ เดี๋ยวเธอจะสอนคุณเองว่าต้องทำอะไรบ้าง ยังไงหมอขอตัวก่อนนะคะ”หมอหญิงบอกอ่อนโยนพร้อมยิ้มให้และเดินจากไป โดยไม่ได้ปิดประตูห้องเพราะยังไงผู้ชายคนนี้คงต้องเดินเข้าไปอยู่แล้ว

และก็เป็นอย่างที่คนเป็นหมอคิด อดุลย์เดินเข้าภายในห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำกายภาพเบื้องต้น หากแต่ร่างบางที่ส่ายหน้าหาคนที่ตัวเองมาหาไม่พบ ก่อนที่จะได้ยินเสียงร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดดังมาจากหลังผ้าม่านสีครีมทำให้ร่างบางต้องเดินไปตามเสียงนั้น

ยิ่งขาเดินเข้ามาใกล้เท่าไร เสียงเจ็บปวดทรมานยิ่งดังขึ้นมากเท่านั้น จนร่างบางเริ่มจะกระวนกระวายมากขึ้นไปเมื่อจำได้ว่าเสียงนั้นคือเสียงของร่างสูงที่ตนอยากมาหา แต่ก็ไม่กล้าจะเปิดม่านออกทำได้เพียงแต่ค่อยๆกระชับขอบผ้าม่านเพื่อแอบดูคนที่ร้องลั่นภายใน

ภาพที่เห็นคือรพีกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงของทางโรงพยาบาลข้างๆกันมีดาวที่ทำหน้าบิดเบี้ยวราวกับเจ็บปวดไปด้วยกับคนที่เป็นเจ้านาย ส่วนที่ปลายสุดของเตียงมีผู้ชายตัวอวบใหญ่กำลังดันขาข้างซ้ายของรพีจนแทบจะชิดกันกับลำตัว

“อดทนนะครับ นี่ถือว่าอาการไม่ได้แย่เท่าไร ยังมีความรู้สึก”ผู้ชายคนนั้นบอกให้กำลังใจผู้ป่วยที่หน้าตาราวกับคนที่โดนทรมานด้วย น้ำตาที่ไม่มีใครเคยได้เห็นจ่อคลออยู่ที่หางตา

“อีกแค่นิดเดียวครับ...สาม...สอง...หนึ่ง เก่งมากครับ”ชายคนนั้นยังคงพูดต่อแม่จะผ่อนแรงที่ดันขาของรพีแล้วก็ตาม

“ดูจากวันแรก...ผมว่าคุณรพีอีกไม่นานก็คงสามารถฝึกเดินได้แล้วครับ คุณดาวต้องหมั่นขยับขาออกกำลังเสริมกล้ามเนื้อขาให้คุณรพีบ่อยๆนะครับ อย่าให้กล้ามเนื้อมันลีบ”ดาวพยักหน้ารับคำด้วยสีหน้าที่ยังไม่สู้ดีนัก

“คุณรพีต้องอดทนนะครับ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาระหว่างรอให้แผลหายสนิท ระบบประสาทที่เสียหายไปฟื้นฟูขึ้นมาได้เยอะแล้วครับ แน่นอนว่าอาการตอนนี้คงเรียกไม่เรียกว่าพิการแน่นอน ตอนนี้คุณสามารถบังคับระบบขับถ่ายได้ซึ่งถือว่ามันเป็นจุดที่ดีมากๆครับ แค่มีวินัย หมั่นนวดและทำกายภาพอีกไม่นานผมเชื่อว่าคุณจะกลับมาเดินได้อีกครั้งแน่ๆครับ”คำพูดให้กำลังใจที่ไม่ใช่แค่คนป่วยเท่านั้นที่ฟังแล้วมีแรงใจฮึดสู้ ร่วมถึงดาวที่รับหน้าที่เป็นคนดูแลและอีกคนที่แอบฟังอยู่ข้างนอก

รพีเอ่ยปากขอบคุณทั้งๆที่ยังคงสีหน้าเจ็บปวดพร้อมอาการหอบหายใจอย่างหนัก ความรู้สึกชาที่ปลายเท้าเสริมให้รู้สึกเชื่อมั่นกับคำพูดของนักกายภาพตรงหน้า เขาเองก็พอจะรู้ตัวของตัวเองมาตลอดว่าช่วงล่างของเขาดีขึ้นเรื่อยตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

กับกายภาพแบบนี้ถึงจะเจ็บแต่ก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะทำให้เขากลับมาเดินได้เป็นปรกติอีกครั้งหนึ่ง เขาจะได้กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม จะได้ไปช่วยพ่อทำงาน ได้เดินทางไปวาดรูปธรรมชาติ ไปรับปริญญาลูกตามที่ตะวันสัญญามาว่าจะเรียนให้จบปริญญา

และไปหาอดุลย์...

“อ๊ะ!! คุณปิงปอง!!”เสียงดาวอุทานจนทำให้รพีหันขวับมองอย่างลืมตัว ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อคนตรงหน้าคือคนเดียวกับที่นึกถึงในใจเมื่อครู่ ใบหน้าขาวที่จำได้ติดตากับดวงตาโตคิ้วเรียวยาวและร่างอรชรนั่น

“เอ้อ...สวัสดีครับ”อดุลย์เอ่ยประหม่า เมื่อถูกจ้องด้วยดวงตาคมดุหากแต่ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่เคยเป็นมา เพราะในนัยน์ตาคู่นั้นมีแต่ความรู้สึกปิติเต็มเปี่ยมไปหมด

“มาได้ยังไงค่ะ ดาวคิดถึงคุณปิงปองจังเลย”เป็นหญิงสาวที่ร้องออกมาอย่างดีใจ นักกายภาพที่ทำหน้าที่เสร็จเห็นว่าคนไข้ไม่เสร็จธุระจึงขอตัวออกไปก่อนอย่างมีมารยาท

“มาเยี่ยมคุณรพีน่ะครับ พอดีตะวันอยากมาให้กำลังใจแต่เขาติดเรียนพอดี เห็นว่าวันนี้คุณรพีเริ่มกายภาพวันแรก”อดุลย์บอกเหตุผลทำเอาทั้งสาวใช้และเจ้านายยกยิ้มดีใจ

รพีนึกไปถึงครั้งสุดท้ายที่ลูกชายมาหา เป็นวันที่เขาบอกลูกว่าวันนี้เขาจะเริ่มทำกายภาพจริงจังหลังจากที่ทำกายภาพเบื้องต้นง่ายๆตามที่นักกายภาพเคยสอนมา และตะวันก็ยิ้มให้เขาพร้อมกับบอกกับเขาว่า

...ตะวันจะให้พ่อวันหนึ่ง...

แน่นอนว่าตอนนั้นเขาไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เข้าใจแจ่มแจ้งทั้งหมด

“จะนายหรือตะวัน...ก็เป็นกำลังใจของชั้นทั้งนั้น”เสียงเข้มเอ่ยบอกไม่ทันให้คนฟังได้ตั้งตัว ใบหน้าขาวแดงจัดอย่างห้ามไม่อยู่ ผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวก็แทบจะหลุดกรี๊ดออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้านายพูด

รพีมองจ้องใบหน้าที่แดงกับดวงตาโตที่กว้างกว่าเดิม ใบหน้าเหร่อหราตกใจกับสิ่งที่เขาพูดออกมา แต่รพีไม่สนใจ ในเมื่อเขาคิดได้ว่าอะไรคือความรู้สึกที่แท้จริง เขาก็จะไม่มีความลังเลอะไรอีกแล้ว

จะคว้ามาอยู่ในมือให้ได้...

...ความสุข...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••





ภายในโรงพยาบาลที่เป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างสองตึกสูงถูกจัดเป็นสวนเพื่อพักผ่อนหย่อนใจของคนในโรงพยาบาล ดอกไม้มากมายที่อยู่ในที่แห่งนี้ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว ปรกติรพีไม่ได้สนใจกับบรรยากาศที่แห่งนี้ซักนิด จะมีดอกไม้สีอะไรหรือต้นไม้พรรณอะไรบ้างเขาก็ไม่เคยนึกสนใจ

หากแต่วันนี้ต่างไปจากทุกวัน

อดุลย์ยืนเข็นรถเข็นอย่างเบามือไปตามทางเรื่อยๆ ที่แห่งนี้ไม่ได้มีพื้นที่กว้างมากมายเท่าไร เดินแค่ไม่กี่สิบก้าวก็วนจนครบรอบ นี่ก็เป็นรอบที่สามแล้วที่เขาเดินเข็นรพีอยู่แบบนี้ แต่รพีก็ดูไม่มีท่าทีให้เขาหยุดซักที

สิ่งที่รพีพูดออกมาเมื่อครู่สร้างความฉงนให้อดุลย์ได้ไม่น้อย นึกตกใจกับสิ่งที่รพีเอ่ยออกมา แต่พอถามกลับว่าอีกฝ่ายพูดอะไรรพีกลับแค่ยิ้มอย่างถูกใจแล้วเงียบไม่พูดอะไร ก่อนจะเอ่ยออกคำสั่งอย่างที่ชอบทำกับเขาว่าอยากมานั่งเล่นที่สวนแห่งนี้

“เรื่องในจดหมายที่นายทิ้งไว้”ทันทีที่คำแรกจากคนป่วยพูดออกมา อดุลย์หยุดกึกทันทีจนรพีหันกลับมามอง

“ร...เรื่องไหนครับ”

“ที่ว่านายรักชั้น”ตาคมจ้องมองแบบที่ทำเป็นปรกติ แต่อดุลย์กลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอีกครั้ง ตาโตเลี่ยงมองไปทางอื่นอย่างไม่กล้าสบกับตาคู่เว้าวอนตรงหน้า

“ทำไมถึงรักชั้นล่ะ...ชั้นทั้งทำร้ายนายสารพัด...บอกชั้นหน่อยได้หรือเปล่าอดุลย์”คำพูดที่คนพูดเองพูดออกมาด้วยแววตาสั่นไหว แค่นึกถึงเรื่องราวที่ตัวเองทำในอดีตก็เสียใจจนอยากย้อนกลับไปแก้ไข้ให้อะไรมันดีกว่านี้

“...ผมไม่รู้หรอกครับ”อดุลย์เลี่ยงจะตอบ

“อะไรล่ะ คนแบบไหนกันนะที่รักคนอื่นแบบไม่มีเหตุผลอะไรเลย”คำพูดติดประชดประชันแต่เอ่ยด้วยเสียงที่กลั้วหัวเราะทำให้ไม่รู้สึกว่าถูกว่าอยู่

“ก็...”

“ก็อะไร...บอกชั้นหน่อยไม่ได้เหรอ? ชั้นอยากรู้จริงๆนะว่าทำไมถึงรักคนอย่างชั้น”รพีเว้าวอนทั้งน้ำเสียงและสายตาจนร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ขับไล่ความอายออกไปจากตัวเอง

“ก็เพราะคุณเป็นคนใจดี”คำตอบทำเอาคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันตามนิสัย คำตอบของอดุลย์เป็นคำที่รพีไม่เคยได้ยินใครพูดกับเขามาก่อนในชีวิต

เขาเนี่ยเหรอ? ใจดี?

“คุณใจดีกับตะวัน พาตะวันไปเที่ยว ซื้อข้าวของให้ตะวัน เป็นห่วงตะวัน ร่วมถึงคนอื่นด้วย อย่างตอนที่คุณทำงานกลับดึกจนต้องนอนค้างข้างนอกคุณจะโทรมาบอกที่บ้านทุกครั้ง ในความคิดผม ถ้าคุณไม่ห่วงพวกดาวที่ต้องรอคุณกลับบ้านคงไม่โทรมาบอก...”อดุลย์บอกเหตุผลที่เขาเห็นในตัวของรพี ตากลมจ้องมองกลับคนที่มองมาด้วยความสงสัยในตัวเองว่าสิ่งที่ร่างบางพูดเป็นจริงแบบนั้นหรือ?

“คุณมักจะแสดงออกตลอดว่าเป็นห่วงคนอื่น แต่คุณคงไม่รู้ตัว...คุณเป็นคนใจดีนะครับคุณรพี ขนาดกับผมคุณยังช่วยชีวิตผมไว้เลย ช่วยไม่ได้จริงๆที่ผมจะตกหลุมรักคุณ”อดุลย์พูดออกมาอย่างหมดท่า นึกอายที่ต้องมาพูดเรื่องความรู้สึกตัวเองแบบนี้

“ไม่ใช่เสียหน่อย”คนที่นั่งรถเข็นขัดขึ้นมาเสียงเข้ม อดุลย์เอียงสงสัยกับคำพูดของรพี

“ที่ชั้นช่วยนายไม่ใช่เพราะชั้นใจดีอะไรแบบนั้นเสียหน่อย”เสียงดุเอ่ยขึ้นจริงจังจนอดุลย์นึกกังวลว่าเขาพูดอะไรไม่เข้าหูรพีหรือเปล่า แต่ก็กังวลได้ไม่นานเมื่อจู่ๆรอยยิ้มของรพีก็เผยให้เห็นจนหัวใจดวงน้อยๆสะดุดก่อนจะเต้นถี่ด้วยความเร็วจนแทบจะทะลุออกมาข้างนอก

“ไม่มีใครใจดีขนาดไปบังกระสุนให้คนอื่นกันหรอกนะ”รพีพูดด้วยยิ้มที่กว้างที่สุดเท่าที่ตัวเองเคยยิ้มมา ความปิติมากมายที่เอ่อล้นออกมาตั้งแต่ได้ยินคำว่ารักจากคนตรงหน้าทำให้เก็บอาการอะไรๆไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

“ที่ชั้นทำ...เพราะชั้นรักนาย...ปิงปอง”ราวกับโลกหยุดหมุน รอบข้างไม่มีเสียงอะไรดังไปกว่าเสียงบอกรักจากคนที่ตัวเองรักเช่นกัน รอยยิ้มจริงใจทำให้เชื่อว่าไม่ใช่คำโกหกหลอกลวง แต่ร่างบางก็ไม่รู้จะพูดอะไรตอบโต้เหมือนกัน

รพีมองคนตรงหน้าที่อ้าปาก ตาโตเหมือนคนเจอเรื่องช็อกที่สุกในชีวิตก็หัวเราะลั่นออกมาอย่างเสียงดัง ถูกใจกับปฏิกิริยาคนตรงหน้าที่สุด ถ้ารู้ว่าแค่คำว่ารักจากเขาทำให้อดุลย์...ไม่สิ ปิงปองน่ารักได้ขนาดนี้

คงไม่รอให้ถึงตอนนี้...เขาคงบอกรักปิงปองตั้งนานแล้ว

“เป็นอะไร...ไม่ดีใจเหรอ”เอ่ยถามขบขัน กับคนที่ดูยังเก็บสติมาไม่ครบเท่าไรนัก อดุลย์มองคนตรงหน้าเหว่อ คำบอกรักกับดังก้องอยู่ในหูไม่หยุด

“เอ้อ...”

“ชั้นขอโทษกับทุกอย่างที่ชั้นทำลงไป ชั้นรู้ว่ามันยากที่จะอภัย ชั้นทำร้ายนายมาเยอะมากจริงๆ...ชั้นอยากไปทำอะไรก็ตามที่ไถโทษให้นายได้ แต่ตอนนี้ชั้นก็เป็นแค่คนพิการคนหนึ่ง...ทำอะไรไม่ได้เลย”อดุลย์มองคนตรงหน้าที่พูดจาอ่อนโยนเป็นพิเศษ พอถึงตอนที่เหมือนรพีจะตัดพ้อตัวเองตาคมก็หรุบต่ำลงด้วยความละอาย

“ไม่หรอกครับ เดี๋ยวคุณก็หาย ผมเชื่อว่าคุณต้องหายครับ”รพีมองคนที่ให้กำลังใจและกลับมายิ้มอีกครั้ง ใบหน้าคมสันพยักหน้ารับคำพูดอย่างหนักแน่น

“ชั้นต้องหายแน่นอน แต่นายช่วยมาเป็นกำลังใจชั้นได้มั้ย...ชั้นต้องทำกายภาพทุกวัน นายมาหาชั้นทุกวันได้หรือเปล่า”คำพูดเว้าวอนรุกหนักจนแทบตั้งตัวไม่ติด อดุลย์ประหม่ากับท่าทีที่แปลกไปของคนตรงหน้าไม่น้อย

“ผมคงต้องถามตะวัน...ที่มาวันนี้เพราะตะวันให้ผมมาแทนเขา”อดุลย์ตอบเสียงอ่อนโยน อย่างไรเขาก็นึกถึงจิตใจลูกชายก่อนอันดับแรก แม้ในใจอยากจะมาช่วยรพีทุกวันอย่างที่อีกฝ่ายร้องขอ แต่ก็กังวลถึงความรู้สึกของตะวันเป็นสำคัญ

“...นั้นสินะ...เฮ้อ ชั้นก็ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีนะ ชั้นดีใจนะที่นายบอกว่ารักชั้น แต่ก็นึกกลัวว่าถ้าวันหนึ่งตะวันสั่งให้นายห้ามรักชั้นนายก็คงไม่รักชั้นจริงๆ”คำพูดตัดพ้อพร้อมสีหน้าเศร้าลงทำให้อดุลย์ต้องย่อตัวลงมาระดับเดียวกับคนที่นั่งรถเข็น มือบางกุมมืออีกฝ่ายไว้จนแน่นอย่างให้กำลังใจ

“เพราะตะวันเป็นทั้งชีวิตของผมและเป็นทั้งหัวใจของผม”

“แล้วชั้นล่ะปิงปอง...ชั้นเป็นอะไรสำหรับนาย”อดุลย์ยิ้มจางๆก่อนจะช้อนตามองคนที่ทำสายตาตัดพ้อใส่แบบนั้น





“คุณเป็นความสุขของผม”





เรื่องอื่น พ่อแม่เป็นอุปสรรค แต่เรื่องของเรามาแปลกค๊า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 05-11-2014 17:22:00
ชอบจังคุณเป็นความสุขของผม
ตะวันอย่าขัดขวางเลยลูก หนูไม่อยากอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกเหรอ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-11-2014 17:23:05
นั่นสิ ตะวันคนดีของพ่อปิงปองเนี่ยจะใจจืดใจดำไปถึงไหนน้า อยากให้ครอบครัวเป็นครอบครัวจริงๆซะทีนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 05-11-2014 17:48:53
อิอิ น้ำตาลขึ้นตัวเลยค่า พูดกันดีๆ เปิดใจ อะไรๆ ก็สวยงาม
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 05-11-2014 18:02:03
“ตะวันเป็นทั้งชีวิตของผมและเป็นทั้งหัวใจของผม”

“คุณรพีเป็นความสุขของผม”

 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หายไวไวนะค่ะระพี
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-11-2014 18:25:51
คุณเป็นความสุขของผม กรี๊ดดดดดดด มันคืออะไรค้าาาาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-11-2014 18:42:26
มีความสุขกับการอ่านเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 05-11-2014 18:45:58
เรื่องอื่น พ่อแม่เป็นอุปสรรค แต่เรื่องของเรามาแปลกค๊า

สีสันใหม่ ๆ ค่ะ 555

ตอนนี้คุณรพีหวานมากกกก จะละลายแทนพ่อปิงปอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 05-11-2014 18:52:09
ฟินกับสองพ่อ

คุณเป็นความสุขของผม

 :haun4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 05-11-2014 18:53:12
คนแต่งก็เป็นความสุขของพวกเราเหมืิอนกันอนกัน อ่านไปฟินไป
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 05-11-2014 18:54:50
กรี๊ดดดด!!

ความสุข!  :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 05-11-2014 18:58:11
 :-[ :-[ :-[ อร๊ายยยย ย ย ย รีบหายนะรพี
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 05-11-2014 19:10:14
ดีใจจังงงง ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 05-11-2014 19:36:53
คุณเป็นความสุขของผม  :heaven
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-11-2014 19:44:51
เรื่องนี้เก๋ๆค่ะ 555

ให้คุณลูกดัดนิสัยของคุณพ่อ

จะได้รู้จักคุณค่าของความสุข อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: eobankzapp ที่ 05-11-2014 20:12:40
i like this word " because you are my happiness"  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mayamay ที่ 05-11-2014 20:27:38
กรี๊ดดด นี่เราพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
จริงๆเรื่องนี้เราชอบความเป็นพ่อ? ในตัวพ่อปิงปองนะ คือให้ความสำคัญกับความรู้สึกของลูกก่อนความสุข ของตัวเอง เข้าใจว่าน้องตะวันอายุแค่สิบหก แล้วอยู่กับพ่อมาตลอด สำหรับเด็กนี่การที่พ่อแม่ถูกทำร้ายนี่เป็นเรื่องใหญ่มากนะ เราเคยผ่านช่วงนั้นมา ดังนั้นการที่จะให้น้องมาเข้าใจความซับซ้อนของผู้ใหญ่ง่ายๆก็จะไม่สมเหตุสมผลไปหน่อย จุดนี้นักเขียนถ่ายทอดออกมาโดยปล่อยให้มีช่วงเวลาที่น้องจะค่อยๆได้เห็นและทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ โดยที่พ่อทั้งสองคนไม่เร่งรัด มุมนี้คือชอบมาก เพราะผู้ใหญ่เป็นฝ่ายที่เข้าใจเด็ก พ่อแม่หลายคน เช่นคุณปู่ในเรื่องพลาดตรงจุดนี้ คือคิดว่าเด็กจะต้องเข้าใจตัวเอง ลืมนึกไปว่าตอนที่ตัวเองเป็นเด็กนั้นต้องการอะไร ซึ่งเด็กๆเค้าไม่ได้มีประสบการณ์ ไม่มีความสามารถที่จะเป็นฝ่ายเข้าใจผู้ใหญ่ได้ทุกเรื่อง แต่เค้าพยายามเพราะรักพ่อแม่มากๆเท่านั้นเองค่ะ
ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานอุ่นๆให้ได้อ่านกันค่ะ และจะรอต่อไปอย่างจดจ่อ (^o^)
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วเจ้าจอม ที่ 05-11-2014 20:54:53
ตะวันใจอ่อน ยอมเปิดทางให้แล้ว รพีต้องรั้งปิงปองไว้นะ เพราะยังไงความสุขของปิงปองก็คือรพี เขินจัง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 05-11-2014 21:12:08
แล้วเมื่อไรอุปสรรคชิ้นโตจะใจอ่อนละคะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 05-11-2014 21:37:43
โอยยยยยยยยยยย หลงรักปิงปองด้วยคน รพีจะเตะเรามั้ย? 555555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 05-11-2014 21:40:14
เป็นตอนที่ผู้แต่งใช้คำได้ดีมากครับ ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-11-2014 21:44:16
หวานนะเนี่ยตอนนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-11-2014 21:58:07
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 05-11-2014 22:11:48
ปิงปอง คือคำตอบนี้ ขอเป็นลมแปปนึง สุดยอดอะ หมดเลยทุกคำพูด ขอให้ตะวันรับได้เร็วๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 05-11-2014 22:23:45
 :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 05-11-2014 22:35:15

มีอ้อนกับแบบเบาๆ

เมื่อไหร่ตะวันจะให้พ่อๆเขามาเจอกันอีกนะ

อยากเห็นตอนที่พ่อๆเขาหวานใส่กัน

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 05-11-2014 22:54:12
“คุณเป็นความสุขของผม”

กริ๊ดดดบ้านแตก!
หวานเว่อร์ๆอ่ะตอนนี้ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 05-11-2014 23:27:25
ตะวันจ๋า ให้สองพ่อรักกันเหอะนะ เค้าคือความสุขของกันและกัน
ผ่านเรื่องร้ายๆ มาทุกอย่างดูสดใส ปากตรงกับใจมากกว่าเดิมเยอะ ได้บอกรักกันแล้วฟิ๊นฟินนน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 05-11-2014 23:52:17
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-11-2014 00:29:33
ลูกเป็นอุปสรรค คริคริ :mew5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 06-11-2014 01:37:18
สู้ๆ คุณรพี ปิงปองก็สู้ๆ นะ
พิสูจน์ให้ตะวันได้เห็นว่าความรักคืออะไร
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 06-11-2014 01:43:35
อ่านหนังสือมาหนักๆ ได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้
เบาสมอง เบาใจได้เยอะเลยค่ะ
ขอบคุณคนแต่งมากๆ เลยนะคะ <333333
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โชติกา บุญเติม ที่ 06-11-2014 02:55:33
คือ ความสุข เขินแทนรพี :o8:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 06-11-2014 06:19:06
เป็นความสุขโอ้ยเขินๆ


หวังให้ตะวันยอมเปิดใจ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 06-11-2014 07:08:28
“คุณเป็นความสุขของผม”

สมหวังไวๆน้า ตะวันใจอ่อนซักทีดิ ทำตัวเป็นก้างอยู่ได้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-11-2014 17:33:28
คนเขียนไปไหนหนอ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-11-2014 11:24:09
อร้าย อร้าย เขิน เขิน คุณคือความสุขของผม รัก รัก อบอุ่นหัวใจ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 09-11-2014 02:17:48
อยากให้ตะวันมาได้ยินจัง  :o8:

จะได้มีความสุขกันซะที
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 09-11-2014 11:09:37
โห นี่ขนาดแต่งไม่ออกยังสุดยอดขนาดนี้
มาแปลกกว่าเรื่องอีนจริงๆนั่นแหละ 55555

คนลูกเป็นทุกอย่างเป็นหัวใจ คนพ่อเป็นความสุข
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนแทรกสั้นๆ หน้า24 ตอนที่35 หน้า25 [ 5 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 09-11-2014 13:07:46
 :mew4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 10-11-2014 00:36:08
อาการของคนป่วยที่ดีวันดีคืนจนแม้แต่แพทย์ผู้ดูแลอาการยังแปลกใจ จากคนที่ครึ่งเป็นครึ่งตาย จวบจนต้องพิการ จนตอนนี้รพีสามารถควบคุมระบบขับถ่ายได้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นและยังขยับนิ้วเท้าได้เล็กน้อยแล้ว

กระทั่งแพทย์ออกความเห็นว่ารพีสามารถกลับไปรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านได้ แต่ต้องมาที่โรงพยาบาลเพื่อทำการกายภาพทุกวันวันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ตอนนี้จึงเกิดเหมือนงานเลี้ยงย่อมๆภายในบ้านหลังใหญ่ อาการของโปรดของคุณผู้ชายของบ้านวางเรียงรายน่ากินเต็มโต๊ะอาหาร ศูรบอกให้ทุกคนร่วมทานข้าวด้วยกันเป็นกรณีพิเศษ บรรยากาศที่สดชื่อแจ่มใสของความยินดีของทุกคนทำให้เกิดรอยยิ้มเล็กๆปรากฏอยู่ตลอดเวลา

แต่ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมด

รอยยิ้มจากปากหนาเกิดจากคนที่เจอกันเป็นครั้งที่สองหลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้าย วันนี้เป็นวันที่เขากลับมาบ้านหลังจากอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ตอนแรกรพีนึกหงุดหงิดใจที่ไม่พบว่าอดุลย์มารับกลับ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรเพราะคนรอบๆตัวต่างประดับหน้าด้วยรอยยิ้ม  แต่เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ก็พบว่าคนที่อยากเจอมาทำกับข้าวมากมายไว้รอตนกลับมาจึงอดที่จะยิ้มดีใจไม่ได้จริงๆ

บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ถูกใช้โดยทุกคนในครอบครัวรวมถึงคนนอกอย่างไตรเทพและทานตะวันอยู่ด้วย คนที่เป็นจุดสนทนาคงหนีไม่พ้นคุณหนูของบ้านที่ไม่ยอมกลับมาอยู่ที่นี่ซักที

“ตะวันไม่ตอบเรื่องพวกนี้นะครับ”เป็นคำตอบเอาแต่ใจของเด็กชายเมื่อถูกปู่ถามซักไซ้เรื่องที่เมื่อไรตะวันจะยอมกลับมาอยู่ด้วยกัน แม้จะเอาอะไรมากมายไปต่อรองแต่ตะวันก็ไม่ยอมรับข้อตกลงซักอย่าง

“ตะวัน”เสียงปรามจากพ่อร่างบางเมื่อตะวันออกอาการไม่น่ารักใส่แต่ก็ไม่ได้ถือโกรธอะไรจริงจัง ลูกชายอมลมขัดใจหนักขึ้นทุกทีเมื่อเห็นสีหน้าสุขสันต์ของพ่อซันที่จ้องแต่หน้าของพ่อปิงปอง ส่วนพ่อปิงปองก็แก้มแดงปลั่งด้วยความเขินอาย

ตะวันรู้ว่าพ่อทั้งสองคนกำลังมีความสุข แต่เด็กน้อยก็ยังกลัวและกังวลกับเรื่องที่ตัวเองยังคิดไม่ตกอยู่ทุกวันนี้

ถ้าเขาและพ่อปิงปองย้ายกลับมาแล้วพ่อจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า ทั้งชีวิตพ่อมีแต่เขาทุ่มเทความรักให้เด็กชายตะวันคนนี้มาตลอด ถ้าหากพ่อมีคนที่รักเพิ่มขึ้นมาพ่อจะรักเขาน้อยลงหรือเปล่า

แต่สิ่งที่ตะวันกลัวที่สุดคือ...พ่อจะถูกทำร้ายอีกหรือเปล่า

“ตามใจตะวันเถอะ พ่อเข้าใจ...พ่อจะรอนะ”รพีพูดด้วยเสียงอ่อนโยนและดวงตาคมที่มองมาที่อดุลย์ตลอดเวลาราวกับคำสัญญานั้นไม่ได้พูดกับลูกชายของตัวเอง

“พอเถอะไอ้ซัน ไปให้หมอเช็คหน่อยก็ดีนะว่าที่ถูกยิงนี่ทำให้หัวใจมันเคลื่อนมาตรงกับปากได้ยังไง พูดซะกูเขินแทนคุณปิงปองเลย”ไตรเทพล้อเลียนเพื่อนกลางโต๊ะอาหารอย่างสนุกสนาน ผู้คนรอบข้างก็หัวเราะยิ้มแย้มตามไปด้วย ถึงไม่มีการบอกกล่าวระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่เหมือนว่าทุกคนจะยอมรับกันแบบเงียบๆไปเองโดยไม่ต้องซักถามอะไร

“เฮอะ”เด็กส่งเสียงร้องอย่างขัดใจ บรรยากาศมีแต่คนเห็นดีไปด้วย ยิ่งพ่อปิงปองก็เอาแต่เขินอายไม่พูดจาอะไรซักคำ ส่วนพ่อซันก็ยิ้มยอมรับไม่ปฏิเสธ ดูแค่นี้ก็อดอารมณ์ไม่ดีออกมาไม่ได้

“ดูเด็กขี้หวงซิครับ”เพื่อนสนิทตัวดำก็เอากับคนอื่นอีกคน ตะวันลุกขึ้นยืนพรวด รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีพรรคพวก ส่งสายตาดุตามกามพันธุ์ไปให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารก่อนจะเดินออกไปท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคนที่เห็นท่าทางน่ารักของคุณหนูของบ้าน

“ไม่ต้องตามไปหรอกน้องทาน เดี๋ยวน้าไปเอง น้องทานกินให้อิ่มดีกว่า”อดุลย์บอกขัดเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของลูกทำท่าจะลุกขึ้นไปตามตะวัน ถึงทั้งเขาและทานตะวันจะรู้ว่าตะวันแกล้งโกรธแต่ก็ต้องออกไปตามไปเรียกทุกที

“พาชั้นไปด้วยซิปิงปอง”รพีขอไปอีกคน คนที่ถูกขอหันไปมองรพีด้วยสีหน้าแดงๆอีกครั้ง ไม่ชินซักทีที่ถูกรพีเรียกด้วยชื่อเล่นแบบนี้ จะว่าไม่ชอบก็ไม่ถูก แค่รู้สึกเขินและไม่ชินเท่าไรนัก

“ครับ”ว่าพลางเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อไปจับรถเข็นของคนที่ร้องขอให้พาไปด้วย ก่อนจะเข็นพาออกไปทางที่ลูกชายพึ่งเดินไปทางนั้น โดยมีสายตานับสิบคู่มองตามด้วยความรู้สึกดีใจ

...โดยเฉพาะนายใหญ่ของบ้านหลังนี้...

ศูรมองภาพที่ลูกชายนั่งอยู่บนรถเข็นนวมคันใหญ่ และมีร่างบางของคนที่เป็นเหมือนแสงสว่างกำลังเข็นรถให้ลูกชายตัวเองอย่างระมัดระวังบ่องบอกถึงความห่วงใยอยู่ทุกขณะ

ความรู้สึกเต็มตื้นก่อเกิดขึ้นมาในจิตใจอีกครั้ง เขาบอกขอบคุณร่างบางในใจนับเป็นพันๆครั้งที่เขามาในชีวิตของรพี ขอบคุณที่ช่วยชีวิตหลานชายที่น่ารักของเขาไว้ และอีกมากมายที่อดุลย์ทำให้พวกเขา

การได้เห็นรพีมีความสุขทำให้ชายชรารู้สึกมีแรงมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้ ก่อนหน้าเขาคิดแค่ว่ามีชีวิตไปวันๆ หาต้นไม้หาอะไรมาทำให้ไม่ว่างเพื่อรอชีวิตจะดับสูญ ช่วงชีวิตที่ผ่านมามีอะไรมากมายที่เขาทำพลาดไปหมด

ถ้าไม่มีอดุลย์เข้ามาแก้ไข เขาก็คงตายไปทั้งๆที่ยังไม่ได้แก้ปมอะไรซักปม

“คุณท่านครับ”ลุงกระซิบเรียกเจ้านายที่นั่งทานอยู่ข้างๆด้วยถืออาวุโสจึงถูกจัดให้นั่งเคียงศูร คนถูกเรียกหันมามองคนที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่โตมาพร้อมกันอย่างโชน

“ผมคิดว่าถ้าเป็นตอนนี้คงจะไม่น่ามีปัญหาอะไรแน่ครับ”เรื่องที่ลุงโชนพูดออกมาเป็นปริศนาแต่ไม่ใช่กับศูร นายใหญ่ของบ้านพยักหน้านิ่งๆอย่างเห็นด้วยกับที่โชนบอกออกมา พลางถอนหายใจเบาๆ

“ชั้นก็ว่าอย่างนั้นนะโชน”เสียงเข้มพูดด้วยความไม่มั่นใจเท่าไรนัก

“ตอนนี้คุณรพีเข้มแข็งขึ้นมากนะครับ และคุณรพีไม่ใช่ตัวคนเดียว ตอนนี้มีทั้งคุณปิงปองและคุณตะวันผมเชื่อว่าถ้าบอกออกไปคุณรพีจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอนครับ”โชนพูดเสริมแรงใจและความมั่นใจให้เจ้านาย ศูรเหลือบมองหน้าของที่หย่อนคล้อยตามวัยแต่ยังมีตาที่คงลุกโชนด้วยพลังของชีวิตของลูกน้องคนสนิท ก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆให้

“วัชร”เสียงเข้มของศูรเอ่ยเรียกเลขาของลูกชายเสียงค่อยข้างดัง ทำให้ทั้งโต๊ะเงียบลงในชั่วพริบตา ทุกคนหันมาสนใจคนที่นั่งหัวโต๊ะ ยิ่งวัชรที่จู่ๆก็ถูกเรียกยิ่งมองไปที่ศูรอย่างสงสัย

“ชั้นมีเรื่องจะบอกนาย”ศูรเอ่ยบอกแบบนั้นท่ามกลางความเงียบ ชั่วอึดใจที่ดูกดดันจากสีหน้าจริงจังนั้นทำให้คนอื่นไม่รู้สึกตัวว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้จะขอตัวแยกออกไปอย่างมีมารยาท แต่ทว่าก็ถูกขัดไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องออกไปกันหรอก เรื่องที่ชั้นจะเล่าพวกเธอทุกคนสามารถรู้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นชั้นมีเรื่องจะขอร้องนายก่อน”ศูรหันมามองวัชรอย่างเต็มตา หนุ่มตาตี๋กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องยากๆจากผู้อาวุโสตรงหน้าแน่ๆ

“ค...ครับ?”ถามเสียงสั่นด้วยความกังวล ดวงตาคมที่ดูดุยิ่งกว่าของเจ้านายทำให้รู้สึกกดดันกว่าใคร ไม่นานเกิดรอคำตอบ ศูรก็บอกเรื่องที่ตนอยากขอร้องกับเลขาลูกชายพร้อมกับเสียงร้องตกใจของชายหนุ่มเชื้อสายจีนจนลั่นบ้าน





“...มาเป็นประธานกรรมการให้บริษัทของชั้นได้มั้ย”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••





อดุลย์เดินเข็นรถเข็นออกมาทางหน้าบ้านที่ถูกปรับเปลี่ยนไปนิดหน่อย ด้านทางซ้ายมือของบันไดหน้าบ้านมีทางลาดที่ถูกทำขึ้นมา ไม่รวมถึงราวเล็กทั่วบ้านที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรพีโดยเฉพาะ บอกถึงความห่วงใยและใส่ใจของคนเป็นพ่อได้ขนาดไหน

ตลอดทางเดินรพีจะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองใบหน้าขาวที่ขึ้นสีอย่างน่าดูตลอดเวลาอย่างมีความสุข วันนี้เขารู้สึกว่ามีความสุขจนล้นออกมาจากริมฝีปาก รพีฉีกยิ้มเล็กๆอยู่ตลอดเวลา

ร่างบางรู้ตัวตลอดว่าถูกมองเอามองเอาตลอดเวลา ทำตัวไม่ถูกจนประหม่าไปหมด วันนี้ตะวันบอกให้เขามาต้อนรับรพีกลับบ้านเป็นวันแรก ตลอดเดือนกว่าๆที่ผ่านมาตะวันดูจะยอมรับเรื่องอะไรๆได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ทุกวันตะวันจะบอกเรื่องราวของรพีให้เขาฟังเพราะเด็กชายจะแวะเยี่ยมพ่อแท้ๆของตัวเองหลังจากเลิกเรียน แต่ที่มากกว่าเดิมคือตะวันก็เล่าเรื่องของอดุลย์ให้รพีฟังด้วยเช่นกัน

“ตะวัน”ครางเรียกชื่อลูกชายเมื่อเห็นร่างเพรียวผิวขาวใสนั่งจุมปุกแกว่งขาเล่นที่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ในสวนหน้าบ้าน ตะวันหันกลับมามองด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างนึกดีใจในตอนแรกที่คิดว่าพ่อตามมาง้อเขา แต่ก็กลับกลายมาหน้าบูดเหมือนเดิมที่เห็นพ่อปิงปองเข็นพ่อซันมาด้วย

...ที่จริงก็เป็นภาพที่ดูอบอุ่น...

...แต่ทำไมตะวันต้องรู้สึกไม่ชอบด้วยก็ไม่รู้...

“อิ่มแล้วเหรอครับ ของโปรดตะวันตั้งเยอะที่ยังทานไม่หมดนะ”เอาเรื่องของกินล่ออย่างรู้นิสัยลูกชาย แต่เด็กหัวกลมก็ไม่ยอมที่จะหันมาสนใจกัน จนกระทั่งเข็นรถให้รพีไปนั่งอยู่เคียงข้างของลูกชาย

“โกรธอะไรพ่อหรือเปล่า”รพีถามเสียงนิ่ง แต่ก็แฝงด้วยน้ำเสียงของความกังวล

“เปล่านี่ครับ”

“เพราะพ่อหรือเปล่าที่ทำให้ตะวันไม่ยอมทานข้าวให้อิ่ม”คนเป็นพ่อเซ้าซี้อย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน รพีรู้ว่าทำไมตะวันถึงเป็นแบบนี้ เพราะแต่ก่อนเขาก็เคยเป็นมาก่อน แต่ต่างกันตรงที่พอเขาเรียกร้องความสนใจ ร้องหาความรักแต่ศูรกลับไม่ยอมสนใจและมองมาที่เขา

แต่ตะวัน...มีพ่ออย่างอดุลย์ที่มองไปที่ตัวเขาตลอดเวลา มีความรักจากอดุลย์ที่มอบให้อย่างไม่มีหยุด

“แล้วถ้าใช่ล่ะครับ”ตะวันตอบด้วยความรู้สึกไม่พอใจ น้ำเสียงของรพีดูเหมือนจะจับผิดและยัดเยียดความผิดให้ตัวเขา แม้สิ่งที่รพีพูดออกมาจะแทงใจดำเข้าเต็มๆก็ตามที

“ถ้าเป็นอย่างนั้น...ก็บอกพ่อได้หรือเปล่าตะวันว่าพ่อทำอะไรที่ลูกไม่ชอบ”รพีบอกลูกชายด้วยเสียงอ่อนโยน มองหน้าตะวันที่ทำสีหน้าเอาแต่ใจก็อดคิดถึงสมัยก่อนไม่ได้จริงๆ เขาเคยได้รับความผิดพลาดมาแล้วจากพ่อ จึงไม่อยากให้ตะวันเดินทางที่ผิดแบบเขา

แต่อะไรที่เขาทำได้บ้างล่ะ...ตลอดมาเขาไม่เคยสั่งสอนใคร ที่ทำได้คงมีแต่บอกเล่าประสบการณ์ตัวเองเท่านั้น

“พ่อรู้ว่าพ่อไม่ใช่พ่อที่ดีเท่าไร”เพียงแค่คำขึ้นต้นก็เรียกทั้งสายตาของตะวันและคนที่อยู่ข้างหลังอย่างอดุลย์ให้หันมาสนใจได้ไม่ยาก สายตาคมดูหม่นลงไปเล็กน้อยเมื่อคิดถึงอดีตที่เหลวแหลกของตัวเอง


“ขนาดว่าเป็นคนดีพ่อยังเป็นไม่ค่อยจะได้ด้วยซ้ำไป...พ่อเคยเรียกร้องให้ปู่ของลูกหันมาสนใจพ่อ พ่อไม่เคยต้องการเงินทองมากมาย ไม่เคยต้องการบ้านหลังใหญ่โต ไม่เคยต้องการให้คนมานับหน้าถือตาว่าเป็นคนสังคมชั้นสูง”รพีบอกพลางจ้องตาลูกชายให้ลึกลงไปในจิตใจ

“พ่อต้องการแค่เวลาและความรักของปู่เท่านั้น พ่อบอกตัวเองว่าปู่ไม่รักพ่อ ไม่เคยให้เวลาพ่อ”รพีพูดด้วยความเสียงที่เริ่มสั่นเครือ มือบางของคนที่อยู่ข้างหลังกุมไหล่อย่างให้กำลังใจ ส่วนลูกชายที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกตกใจกับเรื่องที่ได้ยินครั้งแรก และใจมากกว่าเมื่อเห็นถึงความอ่อนแอครั้งแรกของพ่อแท้ๆของตัวเอง

“แต่ที่จริงแล้วพ่อต่างหากที่ทำให้ตัวเองไม่ควรถูกรัก...พ่อเริ่มเกเรเรียกร้องความสนใจ แต่ปู่ก็เอาแต่ทำงาน...พ่อก็เริ่มเรียกร้องหนักขึ้นเรื่อยๆจนตัวเองยังถอนตัวไม่ขึ้น พ่อทำทุกอย่างที่พูดได้เลยว่าคนเลวเขาทำกัน”

“แต่เชื่อหรือเปล่าว่าปู่ของลูกก็ยังไม่เคยทอดทิ้งพ่อซักครั้ง พ่อจะเลวแค่ไหนปู่ลูกก็ยังรักพ่อ...แต่พ่อก็ไม่เคยเห็น พ่อตั้งอคติขึ้นมาจนมันบดบังทุกๆอย่างไปจากสายตาของพ่อมันทำให้พ่อเหมือนคนตาบอด”

“ตาบอดจนมองคนที่รักพ่อเป็นคนที่ไม่สนใจพ่อ มองคนที่ห่วงใยเป็นคนที่คอยยุ่งย่าม...มองคนที่ดีแสนดีเป็นคนร้ายไปซะจนทำอะไรผิดพลาดมากกว่าเดิม”ตาคมละจากลูกชายเงยมองดูอดุลย์อย่างมีความหมาย

“พ่อไม่มีคำพูดอะไรได้มากกว่าขอโทษ...ตอนนี้พ่อรู้แล้วว่าทำไมปู่ถึงทำแบบนั้นกับพ่อ รู้แล้วว่าพ่อผิดมากขนาดไหน”

“....เพราะแบบนั้นตะวันอย่าเป็นแบบพ่อนะ”เสียงเข้มพูดออกมาด้วยใจที่แทบจะร้าวราน ในใจเขาตอนนี้แทบจะไม่มีความภูมิใจอะไรเหลือในตัวเองอีกแล้ว ถึงอยากจะเป็นต้นแบบให้ลูกชายแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เห็นว่าในชีวิตนี้เขามีความดีอะไรหลงเหลืออยู่เลย

“พ่อครับ...”ตะวันพูดอะไรไม่ออก เอื้อมมือไปจับมือหนาของพ่อแท้ๆที่วางอยู่ที่พักมือของรถเข็นพร้อมบีบให้กำลังใจ

สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เหมือนว่าพ่อซันกำลังบอกเล่าเรื่องราวในอดีตของตัวเองก็จริง แต่ตะวันจับเหตุผลที่พ่อยอมเล่าเรื่องน่าอายนั้นทำไม...ที่พ่อซันยอมเล่าออกมาก็เพราะ...

พ่อไม่อยากให้ตะวันต้องเดินทางพลาดแบบตัวเอง...

เพราะ...พ่อรักและหวังดีกับตะวัน

“ตะวันไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ...”ตะวันเอ่ยเสียงแผ่วอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่มั่นใจกับสิ่งที่พูดออกมา คนที่เลี้ยงมาตลอดอย่างอดุลย์มองดูลูกชายก็ยิ้มด้วยความดีใจที่อย่างน้อยตะวันก็ไม่ทำตัวโกรธจนมองข้ามเรื่องเศร้าของผู้เป็นพ่อ ในดวงตาของลูกชายมีแต่ความสงสารให้รพี

“แต่เรื่องที่พ่อซันกับพ่อปิงปองรักกัน...”ตะวันพูดก้มหน้าอย่างคิดหนักกับเรื่องที่อยู่ในหัว

“เอ่อ...”ร่างบางที่เงียบมานานส่งเสียงจะขัดหากแต่โดนสายตาคมจ้องดุให้เงียบเพื่อรอจังหวะให้ลูกชายได้ตัดสินใจ รพีรู้ว่าลูกชายไม่ได้ไร้สมอง สิ่งที่เขาเล่าไปและขอร้องไป หมายถึงไม่ให้ตะวันทำตัวแบบเขาในอดีต...หรืออีกนัยก็คือขอร้องให้ตะวันยอมรับเรื่องของเขาและร่างบางข้างหลังไปในทีเดียวกัน

และตะวันก็เข้าใจเจตนาที่เขาแฝงไป

“ถ้าพ่อซันสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายพ่ออีก...”

“พ่อสัญญา”คำสัญญาเอ่ยบอกทันทีทั้งที่ตะวันยังพูดไม่จบประโยคดีทำเอาคนข้างหลังสีแดงขึ้นริ้วที่ใบแก้มอย่างหยุดไม่อยู่

“ตะวันรวมถึงห้ามทำร้ายทางจิตใจด้วย พ่อต้องห้ามเลิกรักพ่อปิงปอง”ตะวันจ้องมองอย่างเอาจริง มองสลับระหว่างคนหน้านิ่งที่จ้องแงกับตัวเองกับพ่อปิงปองที่เขินอายปิดไม่มิดอยู่ข้างหลัง

“ชีวิตพ่อเอาก็ใช้ชีวิตมามากแล้ว ไม่รู้ว่าพ่อจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไร”คนที่ถูกขอคำสัญญาพูดเสียงหนักแน่น บอกความมั่นคงในคำพูดสร้างความเชื่อมั่นให้คนที่ฟัง

“แต่พ่อสัญญาครับตะวัน...ชั้นสัญญานะปิงปอง”รพีหันคนด้านหลังด้วยสีหน้าเดียวกับที่พูดกับลูกชาย





“....ว่าชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ จะสิบปี ห้าปี ปีเดียว...หรือแค่หนึ่งวัน...ชั้นจะรักนายแค่คนเดียว”









ถ้าเป็นโหมดดราม่านี่ คนเขียนเขียนได้แบบวันต่อวัน บางวันมาสองตอนด้วยค่ะ

ปล...นี่มันคำขอแต่งงานนี่หน่าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 10-11-2014 00:44:54
หวานมาก พ่อรพีดีขึ้นมาก ปากตรงกับใจทุกอย่างก็แฮปปี้ ใจเย็นขึ้นมากด้วย ส่วนพ่อปิงปองก็ได้แต่เขินไปจ้า
น้องตะวันยอมรับได้แล้วดีจัง พ่อปิงปองได้มีความสุขเนอะ
คุณปู่จะทำไรหว่า รอติดตามชม

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 10-11-2014 00:53:37
กรี๊ดดดด หวานเว่อร์ มดทะลุตับไต 555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 10-11-2014 00:54:21
เย้ๆๆๆ มาแล้วววว คือรออ่านนานมากค่ะ ดีใจที่อัพแล้ว ขอบคุณน้าา  o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 10-11-2014 01:26:24
รู้สึกว่าจะกลับมาอยู่พร้อมกันอีกแน่ๆๆ  :hao3:
ครอบครัวที่อบอุ่น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-11-2014 01:54:54
เขินจริงเขินจังกับตอนนี้ ตกใจกับคุณปู่กำลังทำอะไรอยู่น่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-11-2014 02:12:38
คุณปู่วางแผนทำอะไรหว่าาาา  :katai1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 10-11-2014 03:02:22
อ๊าก เขินแทนเลย จูบเลยๆ :-[
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minibusez ที่ 10-11-2014 05:21:11
โดนใจจังเลย เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ ชอบตอนปิงปองเขิน น่ารัก :impress2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-11-2014 06:00:43
ไตรเทพพูดได้จี๊ดดดมาก

"ถูกยิงนี่ทำให้หัวใจ
มันเคลื่อนมาตรงกับปากได้ยังไง"

ขำกร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 10-11-2014 06:08:18
เขินๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-11-2014 06:19:03
หนูทำดีมากฮะตะวัน :katai2-1:
แต่คุณเลขาฯจะเป็นท่านประธานแทน แล้วให้พ่อซันกับพ่อปิงปองไปสวีทกันเหรอคะ  :z1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 10-11-2014 06:33:20
รู้สึกว่าความหวานในตอนนี้มันทำให้ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้น

ขอให้หวานกันไปนานๆนะขอรับ

ไม่อยากให้เศร้าเลย

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 10-11-2014 08:20:50
ประโยคสุดท้ายของรพีหมายถึงขอแต่งงานเลยด้วยป่ะครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 10-11-2014 08:46:56
หวานมากจ้ารพี ลูกกระสุนไปโดนเส้นอะไรหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: eobankzapp ที่ 10-11-2014 09:34:56
หวานจริง ๆ น้ำตาลขึ้นจอละ ตะวันก็ค่อยๆ ยอมรับในตัวพ่อ ๆ ทั้งสอง เฮ้อออ ใกล้จะจบแล้วสิเนี่ยย กรี้ส ๆๆ  :heaven
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 10-11-2014 09:56:10
 :katai2-1: :katai2-1:

ว่าแต่คุณปู่คิดจะทำอะไรอ่ะ?
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 10-11-2014 10:16:03
ตะวันนายโตขึ้นแล้วนะ o13

แต่งงาน!แต่งงาน!แต่งงาน!แต่งงาน!แต่งงาน!แต่งงาน!แต่งงาน!
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 10-11-2014 12:56:30
o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 10-11-2014 15:28:46
คุณปู่คิดจะทำอะไรอ่ะ
คงไม่มีเค้าลางมาม่ามาอีกรอบน้าาาาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 10-11-2014 16:15:43
ลูกตะวันยอมรับแล้ว ดีใจด้วย เย่ๆๆๆ
ต่อไปนี้คงจะมีแต่ความสุขตลอดไป
สงสัยคุณศูร ต้องเป็นโรคมะเร็งแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 10-11-2014 19:43:34
สนุกมากกกกกกกชอบอ่า จะจบแล้วานะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 10-11-2014 20:18:57
หวานมากกกก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 10-11-2014 20:31:41
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 10-11-2014 20:49:22
อ้ากกกกกกพวกแก :m31:พวกแกทำมดกัดช้านนนนน :katai1:กร้ากๆๆๆ :hao7:  :hao7: :pig4: :mew2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 10-11-2014 21:44:18
ศูรเป็นอะไรอะ



ทำไมต้องรีบยกตำแหน่งให้วัชรละ



ตะวันคงจะใจอ่อนแล้วละ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 10-11-2014 22:13:55
โอ้ยอ่านตอนนี้แล้ว ยิ้มไม่หุบ
มีความสุขไปด้วยเลย สัญญาแล้วนะ
ทำไห้เต็มที่รพี รีบๆหายมาดูแลปิงปอง+ตะวันนะ
ปล.เรื่องเดินทางมาถึงจุดนี้แล้ว ใกล้จะจบแล้วสินะ หรือว่าจะแอบมีพาร์ทต่อของลูก ละ อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: gimini ที่ 11-11-2014 14:18:27
อ่านทันแล้ว เย่เย้ สนุกมากๆเลยคะ รู้สึกอบอุ่นหัวใจในความรักของปืงปองที่มีต่อทุกคนจริงๆ ติดตามนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 11-11-2014 21:55:42
ที่แท้ตะวันกลัวพ่อปิงปองไม่รักนี้เอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โชติกา บุญเติม ที่ 12-11-2014 01:40:09
ตะวัน o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 12-11-2014 12:50:31
อ่านไปอมยิ้มไปเลยคะ

ชอบมากเลย

ซึ้งอะ จะร้องไห้

 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 12-11-2014 18:15:07
ซึ้งมากอ่ะ อ่านไปน้ำตาจะไหล
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 12-11-2014 18:19:19
 :-[ :-[ พึ่งเข้ามาอ่านวันเดียวรวดสนุกมากค่ะเห็นมีคนแนะนำมาเยอะ :-[ :o8: :impress2:
พ่อซันน่ารักขึ้นากเลยตะวันก็กลัวพ่อปิงปองไม่รักความสุขที่แท้จริงความจริงก็อยู่ข้างๆมาตั้งนานแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 12-11-2014 22:31:27
สนุกมากมาย ร๊ากกกน้องทาน อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 13-11-2014 10:35:18
ขอให้มีแต่ความสุขต่อๆไปนะ
รพีก็กำลังมาเยอะขนาดนี้ ต้องเดินได้เร็วๆนี้แน่ o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 14-11-2014 18:47:20
สนุกมาก มองผ่านไปได้เยี่ยงไร
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: TinyB ที่ 14-11-2014 23:21:13
ตามมาจาก นิยายแนะนำ
หู้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยแต่ละตอนลุ้นจนเยี่ยวเหนียว
แบบว่า บีบคั้นสุดไรสุด จนมาถึงตอนล่าสุด ดีนะเพิ่งมาอ่าน เลยไม่ค้าง ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-11-2014 04:47:57
 :katai2-1:ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 15-11-2014 07:30:34
นอนรอ
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bamkung ที่ 15-11-2014 10:21:36
 :t3:  :ruready  :t3:  :ruready  :t3:  :ruready  :t3:  :ruready  :hao4:  :hao4:  :hao4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 15-11-2014 17:00:25
ขอบคุณ ..... ขอบคุณมากค่ะ ที่ทำให้หนึ่งวันของเราตั้งแต่ 7 โมงเช้า ยัน 5 โมงเย็นไม่ได้ทำไรเลย นอกจากนั่งอ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบ ฮือออออออออออออ :m8: สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกค่ะ เนื้อเรื่องรื่นไหลมาก อ่านติดพันทุกตอน (จนข้าวปลาไม่ได้กิน น้ำไม่อาบตั้งแต่เช้า ดีนะที่เป็นวันเสาร์)   ขอบคุณอีกครั้งค่าาาาาาาาาาาาาา :pig4: :pig4: จะรอตอนต่อไปนะค้าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 36 [ 10 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 15-11-2014 23:31:54
สนุกมากกกก ๆๆๆๆ ชอบอ่ะ ครบรส ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวให้ยิ้ม เศร้า ซึ้ง นะคะ รักปิงปอง แอบเชียร์น้องทานกะน้องตะวัน55555 มาต่อเรื่อยๆนะคะ +1 เอาใจไป
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 15-11-2014 23:53:41

สายลมเอื่อยโบกพักใบ้ไม้สีเขียวใบใหญ่ของต้นโพธิ์ให้พัดไปมาสร้างเสียงครืดคราดเป็นระยะระยะ สถานที่ที่มีไว้เก็บกระดูกธาตุของเหล่าคนที่ล่วงลับไปแล้วในวัดเล็กๆแห่งนี้กำลังมีผู้ชายสามคนนิ่งสงบอยู่ด้านหน้าของรูปภาพที่เป็นของคนที่ไม่เจอกันมานาน

อดุลย์ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังรถเข็นของรพีมองไปที่สองพ่อลูกศูรและรพีที่อยู่ตรงหน้าอย่างนึกเป็นห่วง เหตุการณ์ที่เป็นต้นเหตุให้พวกเขามายังที่แห่งนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลสำหรับรพีเหลือเกิน

คนในรูปเป็นหญิงสาวที่ผมยาวเป็นลอนสวยงาม แม้ภาพจะซีดเซียวเพียงใดก็ไม่อาจลบเค้าหน้าที่สวยนั้นไปได้ ยิ่งดวงตาที่คมนั้นคงไม่ต้องบอกว่าคนตรงหน้าเกี่ยวข้องอะไรกับทั้งสองคนตรงนี้

เมื่อวานตอนเย็นหลังจากที่อดุลย์และรพีได้พูดคุยกับลูกชายของทั้งสองคนเรียบร้อย และตะวันเองก็ยอมใจอ่อนให้พ่อแท้ๆที่ขอร้องให้อดุลย์กลับมาคอยดูแลตัวเองใกล้ๆ สร้างความสุขสันต์ให้กับหลายๆคนในบ้านเมื่อรู้ว่าคุณหนูของบ้านและอดุลย์จะย้ายกลับเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เช่นเดิม

ด้วยสถานะที่เปลี่ยนไป...จากผู้อาศัย...กลายเป็นเจ้าของร่วม

แต่ความสุขสันต์ผ่านไปไม่นาน นายใหญ่ของบ้านก็เรียกรพีขึ้นมาด้วยท่าทีจริงจัง และบอกเล่าเรื่องราวที่ทำเอายิ้มของความสุขหุบลงทันทีทันใด

...ลูกจันทร์...ลูกสาวคนโตของศูร...พี่สาวคนเดียวของรพี

...เสียชีวิตไปนานแล้ว...

เป็นสิ่งที่ทำให้วันนี้ทั้งสามคนถึงมาอยู่ตรงนี้ร่วมกันไว้อาลัยและนึกถึงพี่สาวที่รพีไม่เคยออกตามหาเพราะคิดว่าตอนนี้พี่ลูกจันทร์คงกำลงมีความสุขกับอิสระของตัวเองอยู่ที่ไหนซักแห่ง

ไม่เคยคิดเลยว่าพี่จะตาย...ตั้งแต่สิบปีก่อน

ศูรบอกเรื่องเกี่ยวกับลูกสาวคนเดียวให้ทุกใบบ้านได้รับรู้

เริ่มจากเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนที่เขาทะเลาะครั้งรุนแรงจนทำให้ไล่ลูกจันทร์ออกจากบ้าน และลูกสาวที่ใจเด็ดไม่แพ้ผู้เป็นพ่อก็ออกไปตามที่ตัวเองออกปากจริงๆ ด้วยทิฐิศูรไม่เคยออกตามหาพยายามไม่สนใจว่าลูกจันทร์จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร จนกระทั่งตอนที่รพีเกือบจะถึงแก่ความตายครั้งแรก

ครั้งที่ลูกชายที่เหลืออยู่คนเดียวเกิดอาการช็อกจากอาการเสพยาเกินขนาด อาการรุนแรงขนาดที่ว่ารพีนอนหลับไม่ตื่นไปสามวันพอตื่นมาก็เหมือนคนเสียสติตาลอยและพูดไม่รู้เรื่อง

เขาส่งตัวลูกชายเข้าบำบัดอาการและตอนนั้นเองก็เป็นช่วงที่ศูรอยากตามหาลูกสาวคนเดียวของเขากลับมา เพื่อจะเป็นกำลังให้น้องชายที่รักพี่สาวอย่างมาก

ศูรยอมที่จะลดทิฐิลงเพื่อที่จะให้ลูกชายกลับมาเป็นดั่งเดิม ใช้อำนาจเงินเพื่อหาข่าวคราวของลูกจันทร์ เพียงไม่กี่วันก็พบข่าวของลูกสาวตั้งแต่ที่ออกจากบ้านก็ไปเล่นดนตรีกลางคืนทางภาคเหนือ และแต่งงานกับชายหนุ่มพ่อลูกติดที่เป็นเจ้าของบาร์ที่ทำงานอยู่ ชีวิตของเธอมีความสุขได้ทำงานที่ตัวเองรัก สร้างเสียงเพลงเสียงดนตรีที่ชอบ มีครอบครัวที่อบอุ่น สามีรักและให้เกียรติเธอไม่ดูถูกว่าเธอเป็นคนที่ไม่มีอะไรติดตัว

เพียงแค่รู้ศูรก็อยากจะไปหาลูกจันทร์ด้วยตัวเอง

แต่...มันสายไป...เพียงนิดเดียว

และไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือโชคชะตา ในวันที่รพีช็อกจากการเสพยาเกินขนาดเข้าโรงพยาบาล เป็นวันเดียวกับที่ลูกจันทร์และสามีของเธอ...มีชีวิต...เป็นวันสุดท้าย

น้ำตาของนักธุรกิจใหญ่ที่ไม่เคยไหลรินมาตั้งแต่ตอนที่เสียคนที่เขารักมากที่สุด ที่เป็นคู่ชีวิตไปไหลลงมาอีกครั้ง  และเป็นอีกครั้งที่ศูรตัดสินใจเลือกจะเข้มแข็งขึ้นอีกเพื่อที่จะเป็นหลักให้ลูกชายที่ตอนนี้เขาเหลืออยู่แค่คนเดียว

เขาเลือกจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจากทุกคนยกเว้นโชนที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิท เลือกที่ให้รพีที่หายดีแล้วขึ้นมาเป็นประธานกรรมการแทนเขา โดยให้ลูกชายเรียนรู้งานทุกอย่างแม้จะเป็นการบังคับแต่ศูรก็คิดว่านี่คือสิ่งที่ดีสำหรับรพีที่สุด

แต่เหมือนทุกอย่างที่ชายแก่ๆคนนี้ทำมาตลอดมันผิด จนกระทั่งพึ่งจะมาคิดได้เมื่อไม่นานมานี้ ชีวิตตลอดเจ็ดสิบปีที่ผ่านมา

แค่ก่อนที่จะตาย...ขอแค่สักครั้งที่จะทำอะไรที่ถูกต้องบ้าง

“พ่อเก็บเรื่องนี้มานานเท่าไรแล้ว”เสียงเข้มของคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นเอ่ยถามผู้เป็นพ่อโดยที่สายตายังจดจ้องอยู่ที่รูปภาพของคนที่ไม่เคยลืมเลือน รอยยิ้มที่อ่อนโยนเขายังคงจำมันได้ดี

พี่ลูกจันทร์เป็นคนเดียวที่มอบความรักความอบอุ่นยามวัยเด็กให้เขา ทุกคืนที่ฝันร้ายรพีจะเดินออกจากห้องไปเคาะประตูของพ่อเพื่อขอนอนด้วยแต่ศูรก็ไม่เคยเปิดรับเพราะชีวิตของศูรในตอนนั้นอยู่แต่กับงาน ก็มีแต่พี่สาวคนนี้ที่เป็นคนปลอบคนกล่อมให้เขาได้หลับฝันดี

ความทรงจำในวัยเยาว์ย้อนกลับมาเป็นฉากๆจนตีตื้นขึ้นมาในอก พอคิดว่าพี่คนที่แสนดีคนนั้นไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าเจ็บในอกไปหมด

แต่ที่เจ็บมากกว่า...คือพอคิดว่าศูรที่ทนเก็บความเสียใจนั้นมายาวนานขนาดนี้จะรู้สึกอย่างไร...รพียิ่งเจ็บมากขึ้นไปอีก

หากเป็นแต่ก่อนก่อนที่เขาจะสำนึกและคิดมากกว่าที่อคติในตัวจะเป็นกรอบกำหนด เขาคงคิดโกรธเคืองผู้เป็นพ่อที่ปิดบังและเป็นหนึ่งในสาเหตุให้พี่ออกจากบ้านไปจนกระทั้งตาย

แต่เวลาเขาเปลี่ยนไป รพีมีความคิดว่าหากตะวัน...ลูกตาย...คนเป็นพ่ออย่างเขาคงจะปวดรวดร้าวเพียงใดกัน...ศูรเองก็คงไม่ต่าง

“ชั้นรู้ตั้งแต่ลูกจันทร์ตาย แต่ก็มาไม่ทันงานศพ”ศูรบอกเรียบๆ เขาโล่งใจที่รพีไม่มีอาการอะไรอย่างที่เคยกังวล เพราะคนที่อยู่ข้างๆของลูกตอนนี้แท้ๆที่ทำให้รพีกลายเป็นคนที่อ่อนโยนลงขนาดนี้

...แม้สถานะของทั้งคู่จะเป็นที่ยอมรับยาก...

ทว่าหากทำให้รพีดีขึ้นทั้งกายและใจ ศูรเองก็ไม่เคยจะขัดขวางความสุขที่เหลืออยู่ของลูกชาย

“พี่ลูกจันทร์เขาไปดีแล้วครับ ผม...ขอโทษ”คำขอโทษที่ทำให้ชายชราจ้องรู้สึกฉงนสงสัย มองที่ใบหน้ารพีที่มองเพียงแค่พี่สาวของตัวเอง

“ขอโทษที่ตลอดมาผมทำให้พ่อต้องเป็นกังวล ผมทำตัวแย่จริงๆ อายุก็จะสี่สิบแล้วพึ่งจะรู้สึกสำนึกตัว”คำปรามาสแก่ตัวเองของคนที่เคยยึดตัวเองเป็นที่ตั้งของรพีทำเอาคนฟังสะเทือนใจ

“ไม่หรอก แกไม่ใช่คนผิดแค่คนเดียว ชั้นเองก็ผิดถ้าชั้นเข้าใจพวกแกมากกว่านี้ เรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”ศูรบอกกลับ วางมือที่มีแต่รอบเหี่ยวย่นตามอายุบนไหล่กว้างของลูกชาย รพีหันกลับมามองพ่อก่อนจะหันไปมองผู้ชายคนสำคัญอีกคน

“ยังไงผมก็ขอโทษครับ...แล้วก็ขอบคุณครับที่พ่อยอมปลดภาระให้ผม”รพีพูดพร้อมยิ้มเรียบๆ พร้อมกับดึงมือบางของคนที่ยืนอยู่ซ้อนหลังมากุมอย่างขอกกำลังใจ

“เพราะชั้นอยากให้ต่อจากนี้แกมีแต่ความสุข ชั้นรู้ว่าแกไม่ได้รักหรืออยากจะทำธุรกิจ และอายุชั้นขนาดนี้แล้วก็คงดูแลไม่ไหว”ชายชราบอกด้วยรอยยิ้มจางๆที่ส่งคืนกลับให้ลูกชาย

“แล้วอย่างน้อย วัชรเองก็ไม่ใช่คนอื่นไกล ถึงไม่ได้สายเลือดเดียวกับเราแต่ถ้านับกันจริงๆเขาก็เป็น...”ศูรหยุดพูดแล้วมองกลับไปที่ลูกสาวคนเดียวพลางเหลือบมองไปที่ข้างๆกับรูปของลูกจันทร์ เป็นชายหนุ่มที่ดูมีอายุหน้าตาตี๋บอกสัญชาติของคนแผ่นดินใหญ่มาอย่างเต็มเปี่ยม




“....หลานอีกคนของชั้น”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••





ที่สนามบินนานาชาติประจำประเทศ ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติกำลังเดินขวักไขว่กับเต็มไปหมด เสียงของผู้คนจอแจกันเสียงดังจนฟังใครแทบไม่ออกว่าใครพูดอะไรบ้าง กลุ่มคนที่เดินทางมาส่งชายหนุ่มตาตี๋ที่เต็มไปด้วยสัมภาระมากมายกำลังกล่าวคำลาชั่วคราว

วัชรมองคนตรงหน้าราวๆสิบกว่าคน มีทั้งเพื่อนสมัยเรียนกลุ่มหนึ่ง ผู้ช่วยที่ทำงานสองคน กับคนในครอบครัวใหม่ที่ตนเองก็พึ่งรู้ตัว

วัชรมองไปที่คนที่เคยเป็นเจ้านายของตัวเองแล้วก็รู้สึกแปลกๆออกมาอีกครั้ง เมื่อตอนนี้เป็นสถานะเป็นหลานของคนพวกนี้ เมื่อสมัยเด็กๆเขาจำได้แค่ว่าพ่อของเขาแต่งงานใหม่กับน้าจันทร์ จำได้ว่าน้าจันทร์เป็นนักดนตรีที่บาร์ของพ่อ จนสักพักพ่อเขาก็มาบอกว่าจะแต่งงานใหม่อีกครั้งกับน้าจันทร์ เขาเองไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้เรื่องราว ออกจะถูกชมบ่อยๆว่าฉลาดและทำตัวเกินเด็กบ่อยๆ วัชรเขาใจและยอมรับง่ายๆ

ชีวิตตอนนั้นดูจะราบเรียบ เขาได้แม่ใหม่ที่รักเขามากทำกับข้าวคอยรับส่งทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้นานเพราะสองปีหลังจากที่พ่อแต่งงานพ่อกับน้าจันทร์ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ เขาในตอนนั้นเหมือนถูกพรากสิ่งสำคัญออกจากชีวิตจนหมด

โชคยังดีที่แม้พ่อจะไม่ได้ทำพินัยกรรมอะไรไว้แต่เขาก็ถือเป็นทายาทเพียงคนเดียว ทรัพย์สินที่รวบมูลค่าเกือบล้านหลังหักหนี้สินถูกยกให้เขา โดยมีลุงที่เป็นญาติห่างๆรับเขาไปดูแล และดูแลต่อเป็นอย่างดี ไม่เคยเอาเปรียบกัน

หลังจากนั้นเขาก็ย้ายมาอยู่กับลุงที่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตใหม่จนลืมเลื่อนเรื่องในอดีตไปเกือบหมด ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าน้าจันทร์คนนั้นคือคนเดียวกับที่เคยได้ยินข่าวลือในบริษัทว่าท่านประธานมีพี่สาวที่หนีออกไปจากบ้านตั้งแต่หลายสิบปีก่อน

“ตั้งใจเรียนนะวัชร”ศูรเอ่ยบอกยิ้มๆ พลางมองหลานชายคนใหม่ด้วยความรู้สึกดีที่มีคนมาสานต่อธุรกิจที่ตัวเองลงมือลงแรงไปตั้งแต่แรก คล้ายโชคชะตาที่คอยช่วยเหลือเขา เขารู้แต่แรกว่าวัชรเป็นใคร ตอนที่เด็กหนุ่มมาสมัครงานเขาก็แทบจะให้เข้ามาโดยไม่สนใจกฎเกณฑ์อะไรทั้งสิ้น

ยิ่งตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่ยอมเก็บวัชรเอาไว้ใกล้ตัว เพราะเด็กหนุ่มชอบที่รักเกี่ยวกับการบริหาร เขาจึงตัดสินใจยกธุรกิจให้วัชรดูแล จึงส่งไปเรียนต่อก่อนจะกลับมารับภาระที่ยิ่งใหญ่

“ครับ...คุณปู่”คำแทนตัวใหม่ที่ถูกบังคับเรียก ยิ่งทำให้คนที่ถูกเรียกยิ้มกว้างขึ้น มองไปที่หลานอีกคนยิ่งยิ้มหนักขึ้นไปอีก ตะวันเองก็ดูตื่นเต้นกับครอบครัวที่นับวันยิ่งใหญ่มากขึ้นมาเรื่อยๆ จนยังเคยเผลอถามศูรอีกว่า

...อีกหน่อยจะมีญาติ โผล่มาอีกหรือเปล่า?...เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงได้ทั้งบ้าน

“ขอบคุณนะวัชร”รพีบอกต่อเป็นคนที่สอง วัชรยิ้มรับแต่ไม่ได้พูดรับคำ เขาทำงานกับรพีมานานกว่าห้าปี เห็นความไม่ทุกข์แต่ไม่มีความสุขของเจ้านายคนนี้มาตลอด ตอนนี้เพียงแค่บรรยากาศอบอุ่นรอบๆก็มองออกว่าคนคนนี้มีความสุขแค่ไหน เขาก็นึกดีใจด้วยจากใจจริง

“โชคดีนะพี่วัช เดี๋ยวตะวันจะอ้อนปู่ให้พาไปเที่ยวหาบ้างนะ”ตะวันบอกเสียงใส ยิ้มส่งพี่ชายหมาดๆด้วยความสุขและดีใจด้วย

“โชคดีนะครับคุณวัช”อดุลย์บอกปิดท้ายแต่ก็ต้องสะดุ้งตัวเมื่อถูกคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันกลับมาก่อนแกล้งดุเสียงเข้ม

“นายไม่ต้องเรียกวัชรว่าคุณ เรียกวัชเฉยๆก็พอ”คำบอกง่ายๆแต่แปลความหมายได้หลากหลายอย่าง ใบหน้าขาวมีริ้วสีขึ้นสีแดงอย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนเด็กชายที่อายุน้อยที่สุดก็ส่งเสียงฮึดฮัดแสร้งว่าไม่ชอบใจ ไม่ใช่ไม่ชอบที่เห็นพ่อซันหยอกล้อพ่อปิงปองแต่เพราะเพียงแค่อยากขัดขาพ่อเท่านั้น หลังๆมาพ่อซันชอบแกล้งให้พ่อปิงปองต้องเขินบ่อยๆ

บอกตรงๆว่าตะวันเห็นแล้วมัน...หมั่นไส้

“ฮ่าๆ ตะวันทำหน้าบูดเป็นตูด ระวังเถอะของที่กินๆไปจะไม่ออกทางข้างล่างจะมาออกที่หน้าแทน”วัชรหัวเราะยิ้มพร้อมพูดล้อเลียนตะวัน รู้จักกันมาก็มีเรื่องกินเนี่ยแหละที่เอามาล้อเลียนได้เพราะตะวันชอบกินมากจริงๆ แถมของชอบของโปรดก็เยอะแยะไปหมด

“หู้ย พูดแบบนี้รีบไปเลยไปพี่วัช”

“ฮ่าๆ งั้นพี่ไปแล้วนะ ผมไปก่อนนะครับ”วัชรหัวเราะเสียงใส ความเป็นครอบครัวที่กลับมาอีกครั้งทำให้เขามีความสุขมากจริงๆ ถึงคุณลุงที่เลี้ยงดูมาจะรักเขาไม่ต่างจากพ่อที่ล่วงลับไป แต่ลุงไม่มีครอบครัวไม่มีลูกมีเมีย เลยเหมือนว่าจะเหงาๆไปซักหน่อย

ศูร รพี อดุลย์และตะวันบอกล่ำลาวัชรอีกครั้งก่อนจะเดินกลับออกมาทิ้งคนที่ต้องไปต่างแดนล่ำลาคนอื่นต่อพร้อมด้วยรอยยิ้ม

“ตะวันอยากจะไปเที่ยวไหนไหม ไหนๆก็ออกมาข้างนอกแล้ว ค่อยกลับบ้านดึกๆก็ได้...ไหวหรือเปล่าครับปิงปอง?”รพีถามความคิดของคนอื่นๆ เวลาที่ได้อยู่ครบหน้ากับแบบนี้แทบจะหาได้ยาก ก่อนจะหันไปถามอดุลย์ด้วยความห่วงใยเมื่อวันนี้อดุลย์เป็นคนขับรถพาทุกคนมา

“ตะวันไปไหนก็ได้”เด็กชายไม่มีความคิดเห็น รพีจึงหันไปมองศูรกับอดุลต่อ

“ชั้นขอตัวแล้วกัน อยากจะไปไหนก็ไปกันเถอะ”ศูรออกตัวเมื่อคิดว่าตัวเองไม่เหมาะจะไปกับลูกหลาน

“ไปด้วยกันเถอะครับพ่อ”รพีเอ่ยอีกครั้ง ศูรมองลูกชายยิ้มๆ รพีดูอ่อนโยนลง เขายังจำได้ดีสมัยเด็กๆว่าลูกชายของเขาอ่อนโยนและใจดีใส่ใจคนอื่นมากแค่ไหน เขาดีใจเหลือเกินที่ได้เจอลูกชายคนเดิมอีกครั้ง

“ผมไม่ได้ไปไหนมาไหนกับพ่อนานแล้ว”รพีพูดออกมาทำให้ศูรกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ทั้งอดุลย์และตะวันรวมถึงรพีเองก็ถึงกับตกใจเมื่อจู่ๆน้ำตาของชายชราก็ล่วงไหลออกมาอย่างง่ายดาย

“อืม...”คำตอบรับพร้อมใบหน้าที่เหี่ยวย่นแต่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้างพยักหน้ารัวๆขึ้นลง

“...งั้นเราจะไปไหนกันดีครับ”อดุลย์เอ่ยถามขึ้นมา บรรยากาศตรงหน้าทำให้อบอุ่นอยู่ในหัวใจจนเผลออดคิดถึงแม่ผู้ล่วงลับไปไม่ได้ แม้แม่จะตายจากไปนานแสนนาน แต่อดุลย์ยังจำเรื่องราวทุกอย่างของแม่แดงได้ดี ยังจำคำสอนของแม่แดงได้ทุกคำ

ราวกับแม่ยังมีชีวิตอยู่ที่ในใจของเขาเสมอ

“เลยไปหาอะไรกินแถวอยุธยาดีมั้ย ลำบากมากหรือเปล่าปิงปอง”

“ไม่เลยครับ แค่นี้สบายมาก”อดุลย์ส่ายหน้ายิ้มเหมือนกับคนที่พูดด้วย...รพีเองก็ยิ้มอยู่เช่นกัน

“ถ้าห่วงกันขนาดนั้นตะวันขับให้มั้ย? แล้วปู่มานั่งกับตะวันนะ ส่วนพ่อซันกับพ่อปิงปองไปนั่งหลังกันไปเลย ไม่ต้องห่วงเด็กกับคนแก่หรอกเนอะปู่เนอะ”ตะวันเอ่ยขัดบรรยากาศอุ่นๆตรงหน้า ทำให้ประชดประชันใส่พ่อทั้งสองคนจนทำเอาทุกคนหัวเราะลั่นสนามบินทำให้หลายคนที่เดินผ่านไปมามองด้วยความสงสัย

แต่ยิ่งหัวเราะตะวันยิ้งอมลมเข้าปากอย่างขัดใจ พลางนึกแค้นในใจพร้อมบอกกับตัวเองว่าจะสั่งให้พ่อปิงปองอย่กับแค่ตะวันซักอาทิตย์สองอาทิตย์ไม่ยอมให้ไปช่วยพ่อซันทำกายภาพซะเลย

ก็บอกแล้วว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้จะขัดความสุขของใครหรืออะไร






ก็แค่หมั่นไส้!!










หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โชติกา บุญเติม ที่ 16-11-2014 00:14:51
 :a5: ตกใจกับเรื่องวัชร
ปล.ตลกตะวันมากค่ะ เหมือนเด็กขี้อิจฉา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 16-11-2014 00:24:38
เป็นลูกเป็นหลานจะตีให้ก้นลายเลย
ขัดขวางความสุขพ่อนะตะวัน 55+
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B u T t e R ที่ 16-11-2014 00:30:11
ดีใจสุดๆเข้ามาละเจอตอนใหม่อัพแล้วววว

ตอนนี้น่ารักกกกกกก หวานมาก อบอุ่น ><
ฟินนนนนนน อยากอ่านต่อออ (อีกละ..5555555)
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 16-11-2014 00:32:50
ตะวันขัดใจตลอด
 :mc3: :mc3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 16-11-2014 00:41:37
ตะวันเด็กขี้อิจฉา รออ่านตอนมุ้งมิ้งของรพีกะปิงปองสองคน  :กอด1: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-11-2014 00:46:02
มีความสุขสุดๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-11-2014 00:58:43
ปล่อยพวกพ่อๆ เค้ามีความสุขไปเถอตะวัน
เอาเวลามาสนใจเรื่องของตัวเองดีกว่านะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 16-11-2014 01:35:25
ฝั่งพ่อมีความสุขสวีวี่วี
ฝั่งลูกอิจฉาตาร้อน
ปล่อยคนแก่ไปลูกตะวัน
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 16-11-2014 02:45:12
อ่านไปยิ้มไป แก้มจะแตก ชั้นบ้าไแล้ว!  เรื่องคุณวัชรนี่เซอร์ไพรส์มากๆ5555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 16-11-2014 03:03:40
เป็นสีสันน่ะตะวัน
พ่อๆก็แก่แล้ว อย่าแกล้งนักเลย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 16-11-2014 06:41:47
แหม๋ๆๆๆ...ตะวันรู้ไหม?
ความหมั่นไส้ของนายดูแต๋วชะมัด
เลือกทางเดินสายรับใช่ไหมเนี่ย?
น้องทานมารับตะวันไปติวหน่อยดิ๊ หึหึหึหึหึ

ครอบครัวสุขสันต์
อ่านไปยิ้มๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 16-11-2014 06:58:17
ก็แค่ หมั่นไสสสสสสสสสสสสสสสสส
น่ารัก :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 16-11-2014 08:21:39
ครอบครัวสุขสันต์ :hao7:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 16-11-2014 09:38:32
ครอบครัวน่ารัก :L2: :3123: :L1: :3123: :L2: :L1: :L1: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 16-11-2014 10:32:10
มีความสุขกันถ้วนหน้า
อยากให้รพีกับอดุลย์สวีทหวานกันเยอะๆ
ชดเชยช่วงเวลาที่เคยเสียไป
ลูกตะวันไม่ต้องไปอิจฉาพ่อๆเขานะ ให้เขาได้มีความสุขกันบ้าง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 16-11-2014 11:20:05
ตะวันอย่าขัดความสุขของคนแก่สิ :hao6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 16-11-2014 11:31:20
เหมือนจะหวานแล้วนะ

หวังว่าจะไม่เคล้าน้ำตานะ

รอขอรับ

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 16-11-2014 11:39:57
มีความสุขแล้ววว :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 16-11-2014 11:52:35
ตะวันอิจฉาคู่พ่อตัวเอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 16-11-2014 13:59:44
ทฤษฎีโลกกลม ดีใจที่คนที่คอยอยู่เคียงข้างอย่างวัชระ
กลายมาเป็นคนในครอบครัว พร้อมเข้ามาสานงานต่อด้วย
ทั้งรพี วัชระก็จะได้ทำสิ่งที่รักแล้ว
ความสุขมาเยือนครอบครัวเรืองรัตนโยดมแล้ว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 16-11-2014 15:37:25
โลกกลมจริงๆ เนอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 16-11-2014 16:22:29
ครอบครัวสุขสันต์ น่ารักน่าชัง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: TinyB ที่ 16-11-2014 19:43:19
โธ่ตะวัน ให้พ่อๆเขามีความสุขเถ้ออออออ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 16-11-2014 20:13:15
อยากได้โมเมนท์หวาน ๆ ของ 2 คุณพ่อ  :hao3:

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 16-11-2014 21:13:53
ตะวันทำไมเป็นเด็กขี้อิจฉาแบบนี้ล่ะ :m20:
กำลังสงสัยว่าทำไมให้วัชรบริหารบริษัท ที่แท้ก็เป็นคนไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง :hao7:
บรรยากาศมันดีจริงๆ มีแต่ความอบอุ่น เป็นแบบนี้นานๆนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 37 [ 15 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 16-11-2014 21:49:43
หมั่นไส้  :hao3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 18-11-2014 13:36:46
บ้านตรงข้ามของบ้านหลังใหญ่ที่รู้กันว่าเป็นบ้านเรืองรัตนโยดมเป็นบ้านไม้ที่ปลูกต้นไม้ทั้งไม้ดอกและไม้ประดับดูร่มรื่นน่าอยู่เป็นที่สุดเมื่อเทียบกับบรรยากาศของเมืองหลวงในตอนนี้

ชายชราที่อายุเข้าหาเลขเจ็ดกำลังนั่งอยู่ระเบียงไม้ของตัวบ้านมองไปยังท้องฟ้าที่สดใสในยามบ่ายของวันหยุดของตัวเอง

ตอนนี้ศูรรับหน้าที่เป็นประธานกรรมการดั่งเช่นเมื่อสิบปีก่อน แม้จะมีประเด็นในสังคมธุรกิจกล่าวซุบซิบนินทาเรื่องที่รพีหายหน้าหายตาพร้อมๆกับที่ถูกถอดชื่อออกจากบอร์ดบริหาร แต่ก็ไม่ทำให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทลดน้อยลง สิ่งหนึ่งคงมาจากศูรที่เข้ามาบริหารงานเป็นที่น่าวางใจสำหรับผู้ถือหุ้น

แต่ด้วยความที่อายุอานามก็มากกว่าเดิม จะให้เขาคล่องแคล้วแบบแต่ก่อนก็คงไม่ได้ เลขาคนเก่าก็เลิกทำงานไปนานแล้วจะหาคนใหม่ก็ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรตอนนี้เลยเหมือนว่าเขางานหนักด้วยเพราะยังไม่มีคนเข้ามาช่วยจัดการธุระต่างๆให้มันง่ายดายขึ้น
   
พอได้วันหยุดเลยอยากจะนั่งรับลมรับพลังงานจากธรรมชาติเข้ามาสู้ตัวบ้าง ตาคมที่ดูอ่อนแรงหันกลับลงมามองดอกไม้นานาพรรณที่อยู่รายล้อมตัวแล้วทำให้นึกถึงภรรยาที่เสียไปเมื่อหลายสิบปีก่อนขึ้นมา

คำสัญญาในใจของลูกผู้ชายที่ให้ไว้กับภรรยาตอนที่ภรรยาเสียไปเขาทำไม่ได้ซักอย่าง

เขาไม่ได้เลี้ยงลูกให้ดีได้ตามที่เคยคิดมั่นไว้ หากชีวิตนี้ดับสูญไปเขาก็ไม่รู้จะมีหน้าไปพบภรรยาที่คอยอยู่บนสวรรค์ได้อย่างไร

ติ๊งงง ติ๊งงง

เสียงกริ่งหน้าบ้านเรียกความสนใจจากชายชราให้หันกลับมามองรั่วไม้สีเดียวกับตัวบ้านที่มีลายฉลุเป็นลวดลายสวยงามทำให้มองเห็นว่าคนที่อยู่นอกรั่วนั้นคือใคร

คิ้วเข้มของศูรขมวดเข้าหาด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่าคนที่มากดกริ่งหน้าบ้านของเขาคือ

...นายการัน...?

ประตูค่อยๆถูกเปิดออกด้วยระบบไฟฟ้า ชายหนุ่มที่ยืนมองลงที่พื้นด้วยความประหม่าเงยหน้ามองเข้ามาในตัวบ้าน ก่อนที่จะเห็นเจ้าของบ้านนั่งที่พื้นไม้บริเวณระเบียงบ้านเขาจึงตัดสินใจเดินเข้ามา

“มาทำไม?”ศูรถามเสียงเข้มตามนิสัย แต่แท้จริงไม่ได้ต้องการจะดุใคร การันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเข้มของอีกฝ่าย

“เอ่อ...พอดีผม...”

“เรื่องงานหรือเปล่า...ลูกชายชั้นเคยบอกว่าเขาชวนนายกลับมาทำงานที่บริษัทอีกครั้ง”ศูรถามอย่างที่คนนึกรู้ด้วยประสบการณ์ต่างๆในชีวิต การันพยักหน้าเบาๆอย่างจำยอม เขาเข้ามาเพื่อจะของานทำจากคนบ้านเรืองรัตนโยดมอีกครั้ง

จริงว่าเงินที่รพีมอบให้เขาถือเป็นการชดใช้ก้อนนั้นมันมากโขจนที่ว่าถ้าไม่ใช้สุรุ่ยสุร่ายก็คงอยู่ได้ตลอดชีวิตแบบไม่ต้องทำอะไร แต่สามเดือนที่ผ่านมามันน่าเบื่อ ขนาดออกเดินทางไปเที่ยวตามต่างจังหวัดเขาก็ยังเบื่อหน่าย ไม่เหมือนตอนที่ทำงานที่รู้ว่าตื่นขึ้นมายังมีภารกิจที่รออยู่มากมาย

แต่จะให้สมัครงานเขาก็นึกถึงที่เรืองรัตนโยดมเป็นที่แรกก่อน ด้วยคำชวนของรพีและเขาก็อยากทำงานกับองค์กรนี้ต่อ...แม้ว่าเขาจะเคยคิดทำลายมันก็ตาม

“แล้วนายอยากจะทำอะไรล่ะ”ศูรถามเสียงเนื่อย มองดูชายตรงหน้าแล้วก็อดเสียดายความสามารถขึ้นมาไม่ได้ การันเป็นคนที่ไม่สูงไม่เตี้ย ไม่ได้ดูกำยำแบบสมัยนิยมแต่ไม่ได้ดูอ้วน เรียกว่ามีเนื้อมีหนังอย่างคนอยู่ดีกินดีและสุขภาพดี ผิวขาวออกซีดนิดๆอย่างคนไม่ค่อยได้ออกแดงบวกกับดวงตาเรียวรีแบบเดียวกับพี่สาวทำให้คนตรงหน้าไม่ใช่คนที่ขี้ริ้วขี้เหล่อะไร

แต่ก่อนการันเคยทำเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดเลี้ยงให้กับโรงแรมของเขา ด้วยรูปร่างและชื่อเสียงระดับหนึ่งของการันก็เป็นตัวช่วยเพิ่มงานให้กับบริษัทส่วนหนึ่งเช่นกัน

จะให้ปล่อยไปก็คงน่าเสียดาย...

“เอาอย่างนี้ซิ นายมาเป็นเลขาฯของชั้นไปพลางๆ คอยดูเรื่องในส่วนของโรงแรมเท่านั้น”

“...ได้หรือครับ?”การันถามอย่างสงสัย ตอนที่รพีอนุญาตให้เขามาทำงานที่บริษัทได้ รพีบอกว่าเขาคงไม่ได้ตำแหน่งเดิม ก็คิดมาตั้งแต่แรกแล้วว่าคงไม่พนักงานทั่วไป

นี่ออกจะเกินความคาดหมายไปเสียหน่อย

“หรือนายทำไม่ได้?”ศูรถามกลับเสียงนิ่ง แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อจู่ๆสายตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เหมือนประหม่ามาตลอดแปรเปลี่ยนเอาความมั่นใจเข้ามาใส่แทนที่อย่างรวดเร็ว

“ได้ครับ ผมทำได้แน่นอน”ตอบกลับอย่างมั่นใจ

“จะเริ่มงานวันไหนล่ะ ชั้นจะได้เตรียมโต๊ะไว้ให้”

“วันไหนก็ได้ครับ วันจันทร์นี่เลยก็ได้ครับ”การันกระตื้อรือร้นที่จะทำงานจนคนที่ให้โอกาสคิดกับตัวเองว่าคิดไม่ผิดจริงๆที่ยอมให้โอกาสกับคนคนนี้

“โอเค...งั้นเจอกันวันจันทร์”ศูรบอกตัดบทสนทนา

“เอ่อ...คือว่า”หากแต่การันยังไม่ยอมจบ เสียงที่กลับมาดูประหม่าอีกครั้งพูดออกมาทำให้ชายสูงอายุมองด้วยความสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนง่ายราวพลิกผ่ามือ จนอดสงสัยไม่ว่าแท้จริงคนตรงหน้า...เป็นคนแบบไหนกันแน่

“คุณรพีเขาเป็นยังไงบ้างครับ...ผมมาแต่ไม่เจอ ผมอยากจะขอโทษเขาแทนพี่อีกครั้งจริงๆ”การันบอกเสียงสั่น เมื่อไรก็ตามที่นึกถึงพี่สาวก็พาลให้คิดถึงฉากจบชีวิตของนลินจนอดสะเทือนใจขึ้นมาไม่ได้จริงๆ

“ลูกชั้นใกล้จะหายดีแล้วล่ะ แล้วนายไม่ต้องขอโทษอะไร คนผิดไม่ใช่พี่นาย แต่จริงๆแล้วเป็นชั้นเสียมากกว่า”

“...??”การันไม่เข้าใจสิ่งที่ชายชราตรงหน้าบอก ศูรถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ถ้าไม่ใช่เพราะชั้นทำให้รพีเป็นคนแบบนั้นเขาคงไม่ทำให้พี่นายทำสิ่งที่ทำลงไป ที่จริงเรื่องราวทุกอย่างมันอาจจะมาจากชั้นเป็นต้นเหตุทั้งหมดเลยก็ได้ล่ะมั้ง...”ศูรว่าเนื่อยๆ ยังไงเขาก็ยังคิดว่าความผิดทุกอย่างว่าเป็นของตัวเอง แม้จะมีคนมากมายจะบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขาก็ตามที แต่ความรู้สึกผิดก็ไม่ออกไปจากหัวใจที่เริ่มจะอ่อนแรงดวงนี้เสียที

ดวงตาที่มีรอยเหี่ยวย่นมองไปบนฟ้าพลางคิดถึงคนที่ล่วงลับไปนานแสนนานอีกครั้ง ถ้าภรรยาของเขายังอยู่...นวลคงจะพูดคำๆหนึ่งที่ไม่ใช่คำปลอบประโลมไม่ใช่คำที่ทำให้ความรู้สึกผิดทั้งหมดหายไป







“ผมเข้าใจครับ”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




เสียงครืดๆจากการขบกันของฟันบนและฟันล่างดังออกมาจากปากหนา ร่างสูงกำลังดูเหมือนคนทรมานเมื่อตอนนี้เขากำลังออกแรงค้ำตัวเองกำลังราวเหล็กเตี้ยระดับเอวด้วยมือทั้งสองข้าง และพยายามที่จะเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยขาที่อ่อนแรง

อาการของรพีดีขึ้นกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว ตอนนี้รพีเริ่มมีความรู้สึกมากขึ้นกับประสาทของช่วงล่างที่เคยสูญเสียไป เขาสามารถขยับขาของตัวเองได้เล็กน้อยแม้จะยังไม่คล่องแคล้ว แต่แพทย์ที่ดูแลอาการกลับบอกว่านี่ถือว่าเส้นประสาทฟื้นฟูได้เร็วมากสำหรับเวลาเพียงแค่สามเดือน

นักกายภาพเริ่มบอกให้รพีเสริมกล้ามเนื้อที่ขาให้หนักขึ้นเรื่อยๆเพื่อกระตุ้นเส้นประสาท จากตอนแรกแค่ให้คนที่คอยช่วยทำกายภาพขยับขาและนวดให้บ่อยๆ ตอนนี้เริ่มให้ร่างสูงหัดเดินเล็กๆน้อยๆ ถึงว่ามันจะสร้างความเจ็บปวดให้คนไข้แต่ก็ไม่มีทางลัดสำหรับการรักษาแบบนี้อีกแล้ว

คนที่กำลังเจ็บปวดเหมือนถูกทุบกระดูกพยายามก้าวเท้าไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รพีรู้สึกตัวดีว่าตัวเองกำลังจะหายเป็นปรกติในไม่ช้า และเขาเองก็ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น เพราะแม้ว่าอายุจะผ่านมากว่าครึ่งชีวิตแต่กลับรู้สึกเหมือนว่าได้เกิดใหม่มาเมื่อไม่นานมานี่เอง

รพหันหน้าคมดุของตัวเองที่บิดเบี้ยวจากความเจ็บไปทางข้างซ้าย มองคนที่ทำสีหน้าลุ้นกับการเดินของตัวเองแล้วยิ้มจางๆออกมาจากหัวใจ ร่างบางของอดุลย์ที่เห็นว่ารพีมองมาแล้วยิ้มให้ก็ยิ้มตอบให้กำลังใจกลับไป

รพีมองยิ้มนั้นแล้วเก็บเข้ามาในใจก่อนจะหันหน้ากลับแล้วค่อยๆออกแรงไปที่ขา ตาคมมองไปข้างหน้าราวกับมีซุ้มของจุดหมายปลายทางสุดท้าย

และ...รพีก็ทำสำเร็จ

ถึงราวเหล็กจะมีขนาดไม่ยาวมากเท่าใด แต่ความดีใจที่หยุดไม่อยู่ที่เดินมาได้จนสุดทางก็ปรากฏขึ้นทางใบหน้า รพีฉีกยิ้มกว้างแบบที่ช่วงนี้เขาทำบ่อยเหลือเกิน ถ้านับดูแค่เดือนกว่าๆที่ผ่านมา เขายิ้มมากกว่าทั้งชีวิตสี่สิบของเขาเสียอีก

ต้นเหตุไม่ใช่ใคร...ปิงปอง...

“เหนื่อยมั้ยครับ”คนที่เป็นสาเหตุของรอยยิ้มรีบเข็นรถประจำตัวของเขามารับร่างที่เริ่มอ่อนแรงลงนั่ง อดุลย์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง รพีส่ายหน้าปฏิเสธแม้ที่หน้าผากกว้างของตัวเองจะมีเหงื่อเม็ดโตผุดออกมาเต็มไปหมดบ่งบอกอาการ

“ชั้นเก่งมั้ยปิงปอง”คำถามที่ฟังเหมือนลูกชายเคยถามตอนที่อยากให้อดุลย์ออกปากชมทำเอาคนร่างบางหัวเราะสดใสออกมาแบบทันที

“เก่งมากเลยครับคุณรพี”ตอบเสียงใสให้คนที่ถามพร้อมยิ้มกว้างก่อนที่มือบางจะถูกฉุดไปกุมไว้แน่นทำให้ร่างบางต้องย่อตัวลงนั่งยองๆกับพื้น

“อีกหน่อยชั้นจะหายแล้วนะ”

“ครับ คุณต้องหายแน่ๆ”

“ถ้าชั้นหายแล้วเราสองคนไปเที่ยวกันนะ ไปที่ไหนก็ได้ที่ปิงปองอยากไป...ลูกของเราจะยอมมั้ยนะ”รพีเอ่ยถามพลางนึกถึงลูกชายที่เดี๋ยวนี้เริ่มจะยอมอ่อนข้อให้ผู้เป็นพ่อมากขึ้นแต่ก็ยังแสดงท่าทีหวงพ่อปิงปองของตัวเองอยู่บ้างตามโอกาส

“ทำไมไม่พาตะวันไปด้วยล่ะครับ ถ้าพาไปรายนั้นยอมแน่ๆ”เพราะลูกชายชื่นชอบการเที่ยวนอกบ้านเป็นที่สุด และคงน่าเสียดายหากตัวเองได้ไปเที่ยวโดยไม่มีตะวันไปด้วย

อย่างไรซะสิ่งแรกที่อดุลย์มักจะคิดถึงก็คือตะวันตลอด

“แต่ชั้นอยากไปกับนายแค่สองคน...”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแสดงความไม่พอใจใส่ร่างบางตรงหน้า แต่กลับไม่ได้ดูน่าหวั่นเกรงเช่นแต่ก่อน หากเป็นแต่ก่อนเมื่อใดที่คิ้วเข้มคู่นั้นขมวดเข้าหากันอดุลย์เป็นอันต้องเกร็งไหล่บางของตัวเองด้วยความกลัวทุกที

“หรือนายไม่อยากจะไปกับชั้น?”เสียงที่แสร้งให้ดูเศร้าลงจนอดุลย์ต้องถอนหายใจยิ้มๆพร้อมกับส่ายหน้า ใครว่าตะวันสดใสและรพีมืดมนต่างกันราวไม่ใช่พ่อลูก...แท้จริงแล้วรพีกับตะวันคล้ายกันมากทั้งหน้าตาและนิสัย...ที่แท้จริง

“เราก็อายุมากกันแล้วนะครับ คุณจะอ้อนอะไรผมนักหนาแค่นี้หัวใจผมก็เต้นแรงเกินไปแล้ว”อดุลย์บอกแซวเชิงล้อเลียนทำเอาคนหน้าคมเบี่ยงสายตาหนีหน้าตาโตของอดุลย์ที่จ้องมองยิ้มๆ มองคนที่เริ่มหน้าแดงอย่างชอบใจ

“ทุกวันนี้เราก็อยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”ร่างบางว่ายิ้มแย้มสดใส ทุกวันนี้ตื่นเช้ามาพวกเขาก็เจอหน้ากันเป็นคนแรก และเจอกันเป็นคนสุดหลังก่อนจะนอนทุกวัน เพราะตอนนี้อดุลย์ย้ายเข้ามานอนห้องเดียวกับรพีด้วยเหตุผลของเจ้าของบ้านที่ว่าอยากให้คนเข้ามาดูแลเวลาจะเข้าห้องน้ำห้องท่าจะได้สะดวกสบาย

“แต่...ชั้นอยากไปเที่ยวกับปิงปองแค่สองคนนี่ ไม่ได้หรือไง”รพีถามกลับเสียงขัดเขิน เกิดมาก็มีแต่อดุลย์นี่แหละที่ทำให้เขาออกอาการไปไม่เป็นมากขนาดนี้

“ไว้หายดีก่อนแล้วค่อยพูดเรื่องนี้กันดีกว่ามั้ยครับ...ตอนนี้เข้าไปรอคุณหมอเช็คอาการกันก่อนดีกว่านะ”อดุลย์ไม่มีคำจะพูดอะไรให้แย้งอีกฝ่าย เขาไม่ใช่คนที่ให้สัญญาถ้าไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือเปล่า

ก็จริงว่าตะวันยอมรับกับเรื่องของเขาและรพีแล้วก็จริง...แต่ยังไงตะวันก็คือตะวัน...อดุลย์รู้ดีเลยล่ะว่าตะวันจะมีอาการยังไงถ้ารู้ว่าเขาจะหนีไปเที่ยวกับรพีแค่สองคน

อดุลย์ผุดตัวลุกขึ้นก่อนจะออกแรงเข็นรถไปตามทางที่ค่อนข้างคุ้นเคยเพื่อรอฟังอาการของวันนี้ ระหว่างทางก็แอบมองคนหน้าเข้มที่ตีขรึมไม่พูดไม่จาบอกความไม่พอใจของรพีอยู่เรื่อยๆ อมยิ้มให้กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า

กึก...

“หยุดทำไม?”คนที่แกล้งทำเข้มหันมาถามด้วยความสงสัย จู่ๆคนที่เข็นก็หยุดแรงเข็นเสียกลางทาง รพีมองหน้าคนที่เอาแต่อมยิ้มไม่พูดอะไรออกมางงๆ ก่อนที่ใบหน้านั้นจะยื่นเข้ามากดริมฝีปากตัวเองที่แก้มของเขาอย่างรวดเร็ว

“....?”ความเงียบที่เกิดจากสิ่งที่พึ่งเกิดทำเอาตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ต่างจากอีกคนที่หัวเราะคิกคักอยู่ในลำคออย่างอารมณ์ดี

“ไม่งอนผมนะครับ...นะ”พอเห็นว่ารพีไม่พูดอะไรก็กลายเป็นคนที่ทำการอุกอาจพูดขึ้นมาแทน เสียงเล็กเสียงน้อยทำดูน่ารักเล่นเอาแก้มที่ถูกขโมยจูบไปเมื่อครู่ขึ้นสีจนแดงเห่อไปทั้งใบหน้า ทำเอาจากเสียงหัวเราะเล็กๆดังขึ้นจนฉุดไม่อยู่

“ฮ่าๆๆๆ”

“หยุดเลยนะปิงปอง...หัวเราะอะไร...บอกให้หยุดไง”รพีห้ามพัลวัน ทั้งเขินทั้งอายที่ถูกหัวเราะแบบนี้

“ครับๆไม่หัวเราะ..คิก..ไม่แล้วครับ”อดุลย์สงบสติอารมณ์หยุดหัวเราะแม้จะมีรอบยิ้มอยู่ก็ตาม ที่เขาจูบลงแก้มของอีกฝ่ายเมื่อกี้มีนัยยะอยู่ หนึ่งคือเขาอยากจะอ้อนให้รพีที่แกล้งโกรธหายโกรธ ส่วนอีกข้อคือ...

“มาหอมแก้มชั้นทำไม...ใครอนุญาต”คนที่แสร้งโกรธยังคงแกล้งอยู่แบบนั้นแม้จะแดงไปทั้งหน้าด้วยความเขินอายแล้วก็ตามที

“ต้องขออนุญาตด้วยเหรอครับ ผมก็นึกว่าผมทำได้เสียอีก”คำล้อที่ทำเอาหน้าคนฟังแดงหนักข้อมากขึ้นไปอีก

“คิก..ผมว่าผมรู้แล้วว่าทำไมผมถึงต้องตกหลุมรักคุณอีกครั้ง”อดุลย์มองคนตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี จนเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาให้รพีได้เขินมากนี้ขึ้นไปอีก

“คุณเหมือนตะวันไม่มีผิด...เวลาผมแกล้งหยอกตะวันก็จะแกล้งโกรธผม ผมจะแกล้งหอมแก้มแล้วตะวันก็จะทำโกรธโวยวายกลบเกลื่อนความอาย...เหมือนกันทุกอย่างเลยครับ”อดุลย์ว่าเสียงใสอย่างดีใจจนลืมมองคนข้างหน้าที่เริ่มหน้าตึงขึ้นมาทันทีตั้งแต่อดุลย์เริ่มพูดคำแรก

ในอกหนาคุกกรุ่นกับสิ่งที่คนที่รักบอกว่าตนเหมือนลูกชายของเขา...เหมือนตะวัน...เลยรัก...อย่างนั้นแล้วคืออดุลย์รักตะวันแบบไหนแล้วรักเขาแบบไหน?

มือหนาคว้าข้อมือขออดุลย์ก่อนจะฉุดให้ลงไปมาใกล้ๆกับตัวเอง หน้าสองหน้าประชันกัน อดุลย์ที่เมื่อครู่หัวเราะสดใสเงียบลงทันทีเมื่อเห็นไฟในแววตาของรพี

“แต่คงไม่ทำแบบนี้กับตะวันใช่มั้ย”ปากหนาพูดเสียงเข้มดุก่อนจะเคลื่อนประกบกับอีกปากของคนที่ตัวเองรั้งเหนี่ยวเอาไว้ตรงหน้า ท่ามกลางความตกใจของอดุลย์ที่ถูกรพีจูบแต่ไม่นานเท่าไรก็คล้อยตามและเอียงหน้าปรับองศาให้ได้ที่ด้วยตัวเอง

รสจูบที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้สัมผัสกันมานานทำให้เผลอตัวดูดกลื่นกันมากจนลืมเวลา นานหลายนาทีที่ปากทั้งสองแนบชิดกันแบบนั้นก่อนที่ความเมื่อยล้าของร่างบางที่ต้องนั่งยอๆกับพื้นจะเกิดทำให้ต้องผละออกจากกันอย่างเสียดาย

ใบหน้าขาวแดงขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นพลางมองไปรอบๆเมื่อรู้ตัวว่าตรงนี้เป็นที่สาธารณะ ดีหน่อยว่าห้องนี้คนใช้บริการน้อยเลยไม่มีคนซักคน ตาโตเลยหันมามองคนที่อมยิ้มถูกใจ พลางคิดในใจอย่างเหนื่อยหน่าย




คนลูกก็หวงตัวเขากับพ่อแท้ๆของตัวเอง




ส่วนคนพ่อก็มาหึงเขากับลูกชายแท้ๆของตัวเอง




...สายเลือดนี่มันแรงจริงๆ...




หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 18-11-2014 13:52:46
ขี้หวงทั้งพ่อทั้งลูกเลย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 18-11-2014 14:00:14
 :mew4:

ขอบคุณที่รักกัน คริคริ

 :mew3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 18-11-2014 14:05:48
พ่อซันกับลูกตะวันเนี่ยเหมือนกันจริงๆ

ปิงปองทำใจ ๆ 555
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 18-11-2014 14:06:26
555 น่ารักเชียวพ่อลูกคู่นี้
แต่ คุณศูรกับการัน โอ้ ก็อด! คาดไม่ถึง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-11-2014 14:18:53
ทุกอย่างมันดีขึ้นแล้วจริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 18-11-2014 14:50:23
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

ตะวันหวงพ่อปิงปอง

ส่วนพ่อรพีก็ออกอาการน้อยใจหน่อยๆ

กลับว่าที่ปิงปองรักเพราะตนเองเหมือนลูก

สรุปว่าพ่อลูกคู่นี้(ระพี ตะวัน) หวงปิงปองทั้งคู่

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-11-2014 15:08:40
เหลือแต่รอให้รพีหายดีสินะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 18-11-2014 15:26:00
พ่อลูกเหมือนกันเลยซินะ คึคึ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-11-2014 15:51:15
เสน่ห์แรงตลอดเลยปิงปอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 18-11-2014 16:36:14
พ่อลูกเหมือนกันไม่มีผิดล่ะ :m20:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 18-11-2014 16:50:07
พ่อลูกเหมือนกันไม่มีผิด
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 18-11-2014 16:54:30
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
คณรพี :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 18-11-2014 16:56:23
อ่านตอนนี้แล้วอยากเกิดเป็นปิงปอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-11-2014 17:28:32
เค้าพ่อลูกกัน เหมือนกันคงไม่แปลกนะปิงปอง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 18-11-2014 17:39:27
ขี้หวงจิงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: TR ที่ 18-11-2014 17:42:41
ตามมาจากกระทู้แนะนำนิยาย
ปกติจะชอบอ่านแนวนายเอกแมนๆ ไม่ค่อยจะได้อ่านที่นายเอกยอมรับว่าเป็นกระเทยได้เต็มปาก
แต่เรื่องนี้ยอมรับเลย สนุกมากๆค่ะ ชอบมาก
มันให้ความรู้สึกอบอุ่น อดุลย์ให้ความรู้สึกอบอุ่นมาก เป็นคุณพ่อที่ดีสุดๆไปเลย
ไม่แปลกใจที่ทั้งพ่อทั้งลูกพากันหวง ห่วง หึง ;)
รอตอนต่อไปคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ^^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 18-11-2014 17:47:00
ขี้หวงทั้งพ่อทั้งลูก :z2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 18-11-2014 18:37:31
อิจฉาปิงปองจังเลย มีแต่คนรัก  :-[
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 18-11-2014 20:57:00
คู่ลูกนี่ไม่เท่าไหร่ เคลียร์หมดแล้ว
แต่คู่พ่อนี่สิจะมีอะไรหรือเปล่าน๊าาาาาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โชติกา บุญเติม ที่ 18-11-2014 21:33:12
 :z13: พ่อ ลูก เหมือนกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 18-11-2014 22:12:38
มีแต่คนหวงพ่อปิงปอง พ่อซันขี้หึงนะคะ พ่อปิงปองก็น่ารักไป๊ แสนดีไป๊ ขี้อ้อนไป๊ น่าฟัดชะมัดเลยค่ะ
อีกหน่อยก็น่าจะหายแล้วเนอะ ตะได้ไปเที่ยวกันสองคน ฮิ้ววววว

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 19-11-2014 08:25:01
สำเนาถูกต้อง ทั้งหน้าตา และนิสัย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 19-11-2014 08:49:55
พ่อก็หวง ลูกก็หวง

แหม๊!! สายเลือดนี่มันเจ้มจ้นจริง ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 19-11-2014 09:45:11
ขี้หวงงงงงงงงงงงงง
 :o8:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 19-11-2014 10:31:00
น่ารักค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: TinyB ที่ 19-11-2014 12:38:32
ขำ3ประโยคสุดท้าย ขี้หวงเหมือนกันซะจริง 5555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 19-11-2014 21:13:24
อิจฉาปิงปอง มีแต่คนรุมรักรุมหวง นี่แหละผลตอบแทนของคนดี
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 22-11-2014 16:11:01
พึ่งเข้ามาอ่านค่าาาา
เห็นมีคนแนะนำเยอะ เลยลองมาอ่านดู
สนุกดีค่าาา
แรกๆนี่หมันไส้คุณรพีมาก แต่หลังๆสงสารละ 555555
ตอนอัมพาตนี่น้ำตาจิไหล สงสาร T.T
ดีใจกับครอบครัวรพีที่เริ่มจะมีความสุขกันแบบครอบครัวแล้ว
ยกความดีความชอบให้พ่อปิงปองกับตะวัน
เชียร์ทานตะวันมาก 2ตะวันนี่น่าร๊ากกกกก

รอติดตามต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 24-11-2014 23:34:18
เหมือนกันจริงๆด้วยสิ  พ่อกับลูกคู่นี้ 555
ขี้หวงทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: I-Icezz ที่ 26-11-2014 22:18:51
รพีกับตะวันนี่ถอดแบบกันออกมาทั้งหน้าตาแล้วก็นิสัยเลยใช่มั๊ย  5555
น่ารักซะจริง พ่อลูกคู่นี้ :mew5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 30-11-2014 00:16:20
คิดถึงปิงปองแล้วค่า~
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Moomus ที่ 30-11-2014 11:27:47
 :z3:นานไปแล้วน๊าาาาาา. คิดถึงตะวัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 07-12-2014 18:21:06
ยีนส์ขี้หวงนี่ถ่ายทอดได้ด้วยสินะ 5555
กับพ่อยังหวงขนาดนี้ อยากจะรู้ว่ากับเพื่อน ตะวันจะเป็นไปได้ขนาดไหน

ป.ล. หรือว่าคุณศูรกับการันจะ... //ก็ดีนะคะที่จริง คึคึ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 26-12-2014 06:23:54
 :o8: ง่อววว ว ว ว พอมาตอนหวานแล้วก็จากไปปป งือออ หนูรออ่านอยู่นะคะ มีแฟนๆ ตามติดเยอะน้า  :call:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dezzerr ที่ 26-12-2014 21:32:08
คิดถึงพ่อปิงปอง กับพ่อซัน  :call:  :impress2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Moomus ที่ 11-01-2015 21:16:24
หายไปนานเกินไปแล้วนะเนี่ย?  รออยู่ๆๆๆๆ :hao5:
[/size][/font][/color]
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 38 [ 18 / 11 / 2557 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 05-02-2015 22:02:03
# หายไปนานเลย ขอโทษจริงๆค่ะ ไม่มีคำแก้ตัวเพราะคนเขียนรู้สึกนอยด์และเบื่อในเรื่องบางเรื่องหวังว่าคนอ่านจะเข้าใจนะคะ ตอนนี้กลับมาต่อให้แล้ว เพราะจริงๆเรื่องนี้ตอนหน้าก็จบแล้ว ตอนแต่งก็ด่าตัวเองนะ จะหายไปตอนที่เรื่องใกล้จะจบทำไม? เพราะฉะนั้นอย่าด่าอย่าว่าคนเขียนเลยนะคะ เพราอีคนเขียนมาด่าตัวเองไปเยอะแล้วจริงๆ ฮ่าๆ #




ตอนที่39


เสียงโหร้องดีใจของคนจากบ้านเรืองรัตนโยดมดังขึ้นเมื่อเห็นคนที่นั่งรถเข็นกว่าหกเดือนเริ่มเดินได้ตัวเองทีละเล็กน้อย แม้จะต้องใช้walkerช่วยอยู่ก็ตามที แต่แค่นี้ทุกคนก็แทบจะหลั่งน้ำตาด้วยความยินดีออกมาอยู่แล้ว

แต่ก่อนหน้าที่จะมีใครร้องไห้ก็มีอดุลย์ที่ห้ามน้ำตาของความปิติไว้ไม่อยู่ มือบางคอยระวังกลัวว่าคนที่เริ่มเดินด้วยตัวเองจะพลาดพลั้งไปพลางสะอึกสะอื้นเบาๆข้างๆคนที่มีเหงือผุดอยู่ทั่วใบหน้าด้วยความเหนื่อยล้าจากการเกร็งตัวออกกำลังขา

ถ้าเป็นแต่ก่อนรพีคงจะมองตาขวางใส่ด้วยความรำคาญเสียงที่บอกถึงความอ่อนแอ แต่ตอนนี้เปล่าเลยชายวัยกลางคนนี้มองด้วยรอยยิ้มที่สุขยิ่งกว่าสิ่งใดเปรียบ น้ำตาเหล่าน้ำที่ไหลออกมาเพื่อตัวเขา เพื่อยินดีกับเขา ไม่ได้บอกว่าอ่อนแอ หากเป็นน้ำตาที่บอกถึงความห่วงใยที่อดุลย์มีให้กับตนมากขนาดไหน

รพียิ้มให้กับน้ำตาหยดโตนั้นด้วยปากที่กว้างกว่าครั้งใด

รู้สึก...ได้รับ...ความรัก...มันเป็นอย่างนี้เองซินะ

“เก่งมากเลยครับคุณรพี แค่ครั้งแรกก็ทำได้ดีมากขนาดนี้ อีกไม่นานรับรองว่าไม่ต้องพึ่งตัวชวยเดินแล้วครับ”ชายหนุ่มคนที่รับหน้าที่ดูแลร่างกายที่เจ็บป่วยของรพีมาตลอดหลายเดือนเอ่ยบอกด้วยความดีใจไม่แพ้กัน

“จะทันเดือนหน้าหรือเปล่า”รพีถามกลับ แม้รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันคงจะเร่งรีบอะไรไม่ได้ ตลอดเวลาที่ป่วยเขาเข้าใจจนซึ้งเลยว่าทุกอย่างที่ทำมันต้องใช้เวลา ไม่มีทางรัดสู่ความสำเร็จที่หยั่งยืนอย่างที่เคยยึดมั่นเอาไว้

“ปรกติแล้วกว่าจะเดินได้ปรกติก็คงอีกหลายเดือนอยู่ครับ แต่ถ้าคุณรพีหมั่นกายภาพบ่อยๆอย่างที่เคยทำมาผมเชื่อว่าเดือนหน้าอย่างน้อยคุณต้องเดินเหินได้สะดวกกว่านี้แน่ๆครับ”รพีพยักหน้ารับคำ หันไปมองคนตัวบางข้างๆที่มองเขาอยู่เช่นกัน

“ได้ยินมั้ยปิงปอง ถึงเดือนหน้าชั้นจะยังไม่หายดีก็เถอะแต่ ชั้นต้องเดินได้คล่องกว่านี้แน่”อดุลย์พยักหน้า ยิ้มแย้มด้วยความดีใจ

“ผมจะคอยอยู่ช่วยคุณทำกายภาพทุกวันเหมือนเดิมครับ อีกไม่นานคุณต้องเดินได้เป็นปรกติแน่ๆ”

“ขอบใจนะ...ขอบใจทุกคนด้วยนะ”บอกกับคนข้างตัวก่อจะหันไปหาผู้ที่ร่วมยินดีรอบๆตัวอีกต่อ

“...แล้วยังไงเดือนหน้า...ไปเที่ยวทะเล ถือว่าชั้นตอบแทนแล้วกัน”น้ำเสียงของผู้พูดอ่อนโยนราวคนละคนกับแต่ก่อน ทุกคนมองมาที่รพีด้วยรอยยิ้มพร้อมพยักหน้าตกลงเรียกรอยยิ้มคืนจากคนที่เอ่ยชวน

สาเหตุที่รพีรีบร้อนที่จะไปท่องเที่ยวคงเพราะส่วนตัวเป็นคนที่ชอบที่จะหาที่เที่ยวสงบๆสวยๆไว้เก็บภาพเก็บความทรงจำเป็นประจำอยู่แล้ว และพลันคิดว่าอายุอานามตัวเองก็ไม่ใช่น้อยๆ เหตุการณ์ผ่านความตายก็พึ่งผ่านไปไม่นานทำให้ตระหนักได้ว่าเขากับอดุลย์มีความทรงจำดีๆร่วมกันน้อยเหลือเกิน

อยากจะสรรค์สร้างความทรงจำดีๆเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้

ทุกคนแยกย้ายกับกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง อดุลย์ช่วยคุณผู้ชายของบ้านกลับมาที่ห้องนอนชั่วคราวที่ชั้นแรกของตัวบ้าน ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวของรพีลงกับเตียงนุ่มที่อยู่กลางห้อง เสียงถอนหายใจด้วยความเหนื่อยเกิดขึ้นเพราะตัวรพีหนักเกินไปสำหรับร่างกายบางๆของเขา แต่อดุลย์ก็ไม่เคยปริปากบ่นออกมา

“ทำไมถึงไปทะเลล่ะครับ?”เคยคุยกันว่าอยากไปจะเที่ยว แต่อดุลย์ไม่รู้ว่ารพีอยากจะไปเที่ยวทะเล เท่าที่ฟังมาจากทั้งคนอื่นและตัวคนตรงหน้าเข้าใจมาว่าเขาชอบเที่ยวแนวป่าแนวเขาซะมากกว่า

“ชั้นอยากถือโอกาสไปขออโหสิกับแม่ของตะวัน...ชลบุรีใช่มั้ย?”รพีบอกเสียงเรียบ เรื่องนี้คิดเอาไว้มานานแล้ว แต่เหมือนความคิดเขาจะทำให้คนตัวเล็กข้างหน้ามองมาที่เขาตาโตอย่างตะลึงนิดๆจนแอบจะต่อว่าไม่ได้

“ทำหน้าทำตาเหมือนแปลกใจหนักหนา ชั้นจะไปขออโหสิไม่ได้เลยเหรอ นี่เธอเห็นชั้นเป็นคนยังไงกันเนี่ย”พูดราวคนน้อยใจทำให้อดุลย์เลิกทำหน้าตื่นตะลึงแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มเล็กๆเท่านั้น

“เปล่าครับ แค่นึกไม่ถึงเฉยๆ”

“จริงซินะ...ปิงปอง...ถ้าชั้นไปขอโทษเขาตอนนี้ เธอคิดว่าชั้นจะได้รับการอภัยหรือเปล่า”อดุลย์มองรพีด้วยความเข้าใจ ตอนนี้คนตรงหน้าก็แค่ผู้ชายที่ผิดพลาดคนหนึ่ง แย่หน่อยตรงที่เขาทำผิดมาเกือบทั้งชีวิต

และตอนนี้ผู้ชายที่ผิดพลาดคนนี้กำลังปรับปรุงตัวใหม่

“มีผู้หญิงคนหนึ่งเคยสอนผมไว้ครับ”อดุลย์เริ่มพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน คนตาคมหันมาสบตาทันทีที่อดุลเริ่มพูด

“เธอสอนผมไว้ว่า เวลาที่เราขอโทษใคร มันไม่สำคัญว่าใครคนนั้นจะให้อภัยเราหรือเปล่า แต่มันสำคัญที่ว่าเรายอมรับความผิดนั้นจริงๆแล้วพร้อมจะเอ่ยปากมันออกมาหรือเปล่า...เธอคนนั้นบอกผมว่านั้นไม่ใช่คำขอโทษครับ”

“แต่เธอเรียกมันว่า...ความกล้าหาญ”

คนตาคมมองตากลมและปากอิ่มที่พอพูดก็ยกยิ้มขึ้นตามคำพูดของคนตรงหน้า...คนคนนี้มีแนวคิดที่มีประโยชน์ต่อเขาเหลือเกิน ทุกอย่างที่ออกมากจากความคิดของอดุลย์ช่างดูบริสุทธิ์ไร้พิษภัย

ต่างกับเขาจริงๆ...แต่เพราะแบบนั้นแหละที่ทำให้เขา...เริ่มรักคนคนนี้ และเริ่มจะซึมซับทุกๆอย่างของอดุลย์เข้ามาในตัวเอง

“ต้องเป็นคนที่ดีมากๆแน่ๆ ผู้หญิงคนนั้น”

“ครับ...แม่ผม...เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••





แหล่งรวบรวมวัยรุ่นมากที่สุดในเมืองหลวง ร้านค้าต่างๆมากมายกำลังคึกคักเพราะเป็นเวลาเย็นย่ำที่ทั้งนักเรียนที่พึ่งเลิกเรียนและคนทำงานพึ่งเลิกงานจึงมีทั้งคนมากมายที่ทั้งใช้เป็นที่นี่เป็นทางผ่านในการเดินทางและใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในยามเย็น

เด็กหนุ่มร่างโปร่งผิวขาวใสบวกกับใบหน้าคมดุที่ถ่ายทอดมาจากผู้เป็นพ่อทำให้ตัวเองกลายเป็นจุดเด่นของที่แห่งนี้ได้ไม่ยากกำลังยืนพิงราวเหล็กบันไดหน้าศูนย์การค้าใหญ่ ใบหน้างองุ่มเมื่อมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วพบว่าเวลาที่นัดเพื่อนสนิทมันเลยมากว่าครึ่งชั่วโมงแต่เพื่อนก็ยังไม่มาเสียที

อีกครู่ใหญ่พอควรก็ปรากฏร่างของชายผิวเข้มยืนหอบหายใจจนตัวโยนอยู่ข้างหน้า หยดเหงื่อเม็ดใหญ่ทำให้ใครๆก็รู้ว่าคนตัวสูงนี่คงต้องรีบเร่งมากขนาดไหนเพื่อที่จะได้มาเจอคนตรงหน้า

“โทษที รุ่นพี่เรียกตัวไปคุยเรื่องกีฬาสี”

“โทรศัพท์มึงมีมั้ย?”พูดจาเอาแต่ใจตามเคยทั้งๆที่ก็เห็นว่าเขาเหนื่อยหอบขนาดนี้ แต่...ก็นี่แหละตะวัน

“เออๆน่า โทษที มันวุ่นๆพวกพี่เขาจะให้กูไปถือป้าย กูบอกว่ากูลงกีฬาก็หาเรื่องให้กูถอนตัว”ทานตะวันบอกเล่าเรื่องราวเช่นเดิมอย่างที่เคยทำพลางหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ยืดตัวเต็มความสูง เตรียมพร้อมจะออกตัวไปกับเพื่อนสนิทผิวใส

“หมั่นไส้จริงๆ”ตะวันทำหน้าเบ้ใส่ อารมณ์ที่เสียเพราะรอมานานเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย ในใจได้แต่คิดว่าก็เหมาะสมแล้วที่เพื่อนเขาถูกแย่งตัวไปทำกิจกรรมที่ใช้รูปร่างหน้าตาแบบนั้น เพราะทานตะวันทั้งสูงทั้งล่ำเนื่องจากกีฬาโปรดของเจ้าตัว ซ้ำยังไม่ใช่คนที่ขี้ริ้วขี้เหล่อะไรมากมาย ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าหล่อเหลาราวดารา แต่ตะวันก็คิดมาเสมอว่าไอ้ดำของเขาดูมีเสน่ห์แบบที่ผู้ชายมี

“ช่วยคิดหน่อยว่าจะซื้ออะไรให้พ่อดี”

“หือ?”ทานตะวันทำหน้างงใส่ เพื่อนสนิทเลยอธิบายว่าที่เรียกตัวมาวันนี้เพราะอยากจะหาของขวัญให้พ่อซันเนื่องในโอกาสที่อาการของพ่อดีขึ้นจนใกล้จะหายแล้ว

เมื่อตอนกลางวันพ่อปิงปองโทรมารายงานให้เขาฟังว่าวันนี้พ่อซันลุกขึ้นเดินเองได้แล้วแม้จะใช้เครื่องมือช่วยเดินก็ตามที น้ำเสียงของพ่อปิงปองที่โทรมาบอกทั้งกระตือรือร้นทั้งซ่อนความยินดีเอาไว้ไม่มิด ตะวันเองก็ไม่ใช่เด็กไม่รู้เรื่องราว เพราะเขาเองก็ดีใจเหมือนกันที่พ่อแท้ๆของเขาใกล้จะหายดี

ทุกวันนี้แม้จะยอมรับความรู้สึกของพ่อทั้งสองคนได้ก็จริง แต่บางครั้งก็รู้สึกขัดแย้งอยู่ในใจ ยิ่งเวลาเห็นพ่อซันชอบที่จะมาออดอ้อนและเบียดเบียนเวลาของพ่อปิงปองที่ควรจะทุ่มเทให้กับเขาตะวันก็ยิ่งไม่ชอบใจเข้าไปกันใหญ่

พอราวให้เพื่อนสนิทฟังรายนั้นก็หัวเราะร่าพร้อมบอกว่าตะวันน่ะ...ลูกแหง่

“แล้วจะซื้ออะไรว่ะ...พ่อซันมึงชอบอะไรอ่ะ?”ทานตะวันถามไปเดินไป สายตาก็มองเข้าไปในร้านข้างทางต่างๆ

“กูก็ไม่รู้ คิดไม่ออกแต่ก็อยากหาอะไรให้เขาบ้าง”ตะวันบอกตามความคิด

“ที่จริงกูว่าพ่อมึงเขาก็ไม่ต้องการอะไรหรอกนะ”

“แต่กูอยากให้”คำพูดเอาแต่ใจทำเอาเพื่อนผิวเข้มส่ายหน้ายิ้มๆ

“งั้นซื้อพวกของที่ใช้เกี่ยวกับเรื่องกายภาพมั้ยล่ะ”ทานตะวันเสนอมา ส่วนตัวเขารู้เรื่องราวด้านสุขภาพมานิดๆหน่อยๆ ด้านความสนใจส่วนตัวบวกกับได้อ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ทางอินเตอร์เน็ตมาบ้าง

“พวกไม้เท้าช่วยเดินชิ้นเล็กๆน่าจะมีขายนะ”ตะวันดูมีประกายในแววตาบ่งบอกเต็มที่ว่าเห็นด้วย แต่เพียงครู่เดียวก็ทำหน้าหงอยราวคนละคน

“มันต้องแพงแน่เลยว่ะ ตังเก็บกูมีไม่พอหรอก”ไม่น่าจะใช้คำพูดของทายาทจากตระกูลธุรกิจที่มีมูลค่าหลายพันล้าน แต่ความจริงที่คนใกล้ตัวรู้คือตะวันไม่ใช้เงินจากบัตรเครดิตที่ทั้งพ่อแท้ๆและปู่ยัดเยียดมาให้ จะมีก็แค่เงินสดที่ได้ถือติดตัวไม่กี่พันบาทเท่านั้น

“ราคาไม่แพงเท่าไรหรอกน่าเชื่อกูสิ ป่ะไปหาดูกัน”คนที่รู้ข้อมูลบอกพร้อมกับลากข้อมือคนที่ตัวเล็กกว่าตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าที่คิดว่าน่าจะมีของที่ต้องการ



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••





เสียงรถเก๋งคันใหม่ของที่บ้านเคลื่อนตัวเข้ามาจอดภายในบ้านหลงใหญ่หลังจากท้องฟ้ากลายเป็นสีดำมืดไปหลายชั่วโมง อดุลย์มองดูรถของลูกชายที่จอดสนิทก่อนจะเดินออกมาหาด้วยเสื้อเชิ๊ตกับกางเกงผ้าขายาวที่เป็นชุดนอนตัวเก่งของตัวเอง

วันนี้ตะวันโทรมาบอกแล้วว่าจะออกไปซื้อของกับเพื่อนสนิทอย่างน้องทานและจะแวะทานข้าวมาจากนอกบ้านเลยแต่คนเป็นพ่อก็อดที่จะรอลูกชายที่เป็นที่รักกลับมาบ้านไม่ได้

“กินข้าวมาหรือยังตะวัน”ทันทีที่ลูกชายเดินลงมาจากรถอดุลย์ก็เอ่ยถามทันที เด็กชายมองมาที่พ่อยิ้มแย้มพร้อมพยักหน้าแล้วพูดต่อเสียงใส

“กินแล้วครับ นี่ตะวันซื้อขนมมาฝากพ่อปิงปองด้วยนะ”ตะวันชูขนมที่มีถุงตราของยี่ห้อที่เขาเองก็รู้จักเพราะเป็นแบรนด์ดัง

“พอดีเลย เดี๋ยวพ่อเอาไว้กินกับกาแฟพรุ่งนี้”อดุลย์บอกเล่าง่ายๆ พลางช่วยลูกถือของลงจากรถ เรื่องรถนี่ก็อีกเรื่องที่ทำให้เขาเป็นห่วง ปรกติเขาไม่ยอมหรอกที่จะให้ตะวันขับรถเองแบบนี้ แต่ถ้าวันไหนลูกมีธุระพิเศษเขาถึงจะยอมอ่อนข้อให้ตะวันขับเอง

เพราะตั้งแต่ลูกชายมีรถขับและขับคล่องขึ้นมาก ดูท่าทางตะวันจะเริ่มชื่นชอบที่จะขับเองอยู่เรื่อยไป เขาก็ได้แต่แสดงความห่วงใยโดนการอะไรที่ห้ามได้ก็ห้ามแบบนี้นี่แหละ

“แล้วพ่อซันนอนหรือยังอ่ะครับพ่อ”ตะวันถามเมื่อเดินเข้ามาถึงในตัวบ้าน เหลือมองเห็นพี่ป่านที่โผล่หน้าออกมาดูว่าใครมาในบ้านก่อนจะผุบกลับเข้าไปในครัวตามเดิม...ตอนนี้คงกำลังนั่งดูละครหลังข่าวกันอยู่แน่ๆ

“น่าจะยังนะ มีอะไรหรือเปล่าลูก”

“อ้อ เปล่าครับ”ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ตะวันก็เดินตรงไปที่ห้องนอนของพ่อแท้ๆที่อยู่ไม่ใกล้จากหน้าบ้านมากเท่า เพียงแค่เดินถัดไปจากทางด้านขวาของตัวบ้านก็จะเจอห้องนอนที่แต่ก่อนเป็นห้องรับรองแขกของบ้านหลังนี้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เคาะประตูเพียงแค่บอกว่ามีคนจะมาหาก่อนจะบิดลูกบิดประตูเปิดเข้าไปอย่างถือวิสาสะ เจ้าของห้องชั่วคราวและเจ้าของบ้านที่กำลังใส่แว่นสายตาอ่านหนังสืออ่านเล่นอยู่บนเตียงนอนหันไปมองตามเสียงที่พึ่งเกิดขึ้น คิ้วเข้มขมวดอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นลูกชายแท้ๆ ซ้อนหลังด้วยอดุลย์

“มีอะไรหรือเปล่าตะวัน แล้วพึ่งกลับมาถึงเหรอ ทานอะไรมาหรือยัง”รพีผละหน้าออกจากหนังสือตรงหน้าพับเก็บไว้ข้างๆตัวเอง

“เรียบร้อยแล้วครับ พ่อซันทำอะไรอยู่”ตะวันถามอย่างสนิทสนม หลายเดือนมานี่ทำให้พวกเขาพูดคุยกันมากขึ้น ตะวันเองเป็นเด็กอัธยาศัยดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งรพีพยายามปรับตัวเองพยายามหาเรื่องคุยกับลูกชายสร้างความผูกพันให้กับตัวเองยิ่งทำให้ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว

“อ่านหนังสือน่ะ”

“หนังสือ...เกี่ยวกับพวกภาพถ่าย งานศิลปะ ตะวันสนใจหรือเปล่า”ถ้าเป็นแต่ก่อนคงเป็นแค่คำตอบสั้นๆ ซะมากกว่าอธิบายอะไรยืดยาวแบบนี้

“ไม่น่าจะไหวมั้งครับ ศิลปะกับตะวันนี่ห่างไกลกันหลายปีแสงเลย”เด็กชายโอดครวญพร้อมกับเสียงหัวเราะเสียงใสของคนอีกคนในห้อง

“ใช่ครับ ตะวันน่ะนะขนาดคุณครูให้ระบายสียังระบายออกนอกกรอบทุกที ผสมสีก็มั่ว เคยพาไปนั่งซื้อตุ๊กตาเซรามิคที่สวนสาธารณะมาระบาย ทั้งชิ้นมีแต่สีเน่าๆทั้งนั้นเลย”คำบอกเล่าทำให้รพียิ้มเมื่อคิดตาม

เขาชอบที่สุดก็ตอบที่ได้ฟังเรื่องราวของลูกจากบอกของอดุลย์...รู้สึกถึงความเป็นครอบครัวอยู่ในประโยคเหล่านั้น

“โธ่ พ่อก็พ่อปิงปองเองก็ไม่ได้ดีกว่าตะวันเลยนะ ตะวันจำได้ว่าพ่อระบายสีปิกาจูเป็นสีเขียวทั้งตัว ทั้งๆที่ปิกาจูมันสีเหลืองต่างหาก”

“ไม่เกี่ยวกันเลยตะวัน พ่อไม่รู้ต่างหากว่าตัวนั้นมันสีเหลือง”

“ไม่รู้ล่ะเพราะพ่อปิงปองแหละ ตะวันเลยไม่มีเซ้นด้านนี้เลย”

“ฮ่าฮ่า ครับๆ พ่อผิดเอง”บทสนทนาที่ฟังเพลินทำเอาเจ้าของห้องยิ้มกว้าง วันนี้คงมีความสุขและฝันดีมากๆอีกวันแน่ๆ ก็เพราะก่อนนอนมีเรื่องให้ยิ้มได้มากขนาดนี้

“เออใช่...นี่ครับพ่อซันของขวัญยินดีที่พ่อเดินเองได้แล้ว”เดินชายยืนของที่อยู่ในถุงกระดาษใบใหญ่ที่อยู่ในมือให้

“ไอ้ดำมันแนะนำมาครับพ่อ ตะวันเองไม่รู้จะซื้ออะไรดีด้วย”เด็กชายพูดไปหน้าแดงเก้อเขินไปในขณะที่รพีแกะถุงดูของข้างใน พอเอามาดูก็พบว่าเป็นกล่องขนาดปานกลาง มีรูปภาพสำหรับโฆษณาที่สกรีนบนตัวกล่องทำให้รู้ว่าภายในคงจะเป็นไม้เท้าช่วยพยุงสำหรับคนอาการอย่างเขา

รพีอยากจะยิ้มกว้างกว่าที่จะเป็นอยู่ตอนนี้ทันที่ที่รู้ว่าตะวันซื้ออะไรมาให้ตัวเอง ทั้งๆที่จริงเขาเองก็มีอุปกรณ์ชิ้นนี้แล้ว เป็นของที่นักกายภาพประจำตัวจัดหามาให้เขา บอกสรรพคุณเสร็จสรรพเพราะฝ่ายนั้นหาของดีมีราคามาให้เพราะเขาบอกเองว่าเรื่องเงินไม่มีปัญหาแค่ทำให้เขาหายได้ไวที่สุดเป็นพอ

แต่ของตรงหน้าดูเป็นของพื้นๆที่ดูไม่มีความสามารถอะไรนอกจากช่วยพยุงเดินตามชื่อของมัน แต่กลับทำให้รพีรู้สึกอยากใช้มากว่าของเก่าหลายเท่าตัว

“ขอบคุณนะตะวัน...”น้ำตาที่ไหลมาจากตาคมไหลมาทั้งที่เจ้าของไม่ทันได้รู้ตัว อีกสองคนในห้องตาโตตกใจเมื่อได้เห็นรพีหลั่งน้ำตาแห่งความยินดีออกมา

ตะวันที่เห็นพ่อร้องไห้ก็อดที่จะเดินเข้ามานั่งเบาๆที่เตียงใหญ่ก่อนจะโผเข้ากอดร่างของพ่อแท้ๆเข้าเต็มๆ ถึงจะให้ความรู้สึกคนละแบบกับเวลากอดกับพ่อปิงปองก็เถอะ รายนั้นกอดแล้วเหมือนกอดกับหมอนข้างเล็กๆนุ่มๆ ส่วนคนนี้อย่างกับกอดเสาโรมันใหญ่ๆแข็งๆ

แต่ทั้งสองคนก็ให้ความอบอุ่นเหมือนกัน

“พ่อปิงปองก็เข้ามากอดด้วยกันสิ”เด็กชายร้องเรียกทำเอาคนที่ยืนยิ้มให้ความอบอุ่นของพ่อลูกตรงหน้าถึงกับหน้าขึ้นสี รพีมองไปที่อดุลย์ก่อนจะยิ้มเล็กๆแล้วพยักหน้าเรียกให้อดุลย์เข้ามากอดด้วยกันอีกคน

อดุลย์ที่ถึงจะเขินแต่ก็เดินเข้ามาทำตามที่ทั้งสองพ่อลูกต้องการอย่างง่ายดาย ถือโอกาสกอดลูกชายจากด้านหลังทำให้ตอนนี้คนตรงกลางหัวเราะคิกคักมีความสุขอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อทั้งสองคน

“ขอบคุณที่เกิดมานะตะวัน”

“ขอบคุณที่ทำให้ตะวัน.... ′ได้′ เกิดมานะปิงปอง”


หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-02-2015 22:32:15
ดีใจจริงๆที่มาต่อ นึกว่าตาฝาดไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 05-02-2015 22:39:52
   :hao5:   สุขใจ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 05-02-2015 22:46:02
มาต่อแล้วววววววววววว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 05-02-2015 22:51:12
ดีใจจังที่มาต่อ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 05-02-2015 23:03:56
เฮฮฮฮฮ้!! มาแล้ววววววววว.. จุดพลุๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-02-2015 23:13:17
ดีใจด้วยกับทุกๆคนนะคะ
ความผิดพลาดมีไว้แก้ไข แล้วทุกอย่างจะดีเองนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 05-02-2015 23:31:03
หูยยยยยยย รู้สึกสุขใจ ^^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 06-02-2015 00:00:27
ปลื้มปิติยินดี ขอบคุณนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 06-02-2015 00:07:29
มาต่อแล้ววว    :mew1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ใบโพธิ์ ที่ 06-02-2015 00:07:56
ถ้ามีรางวัลนิยายส่งเสริมสถาบันครอบครัวเราจะโหวตเรื่องนี้!!! :L1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 06-02-2015 01:12:47
ดีจังเลย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sebious ที่ 06-02-2015 01:52:00
ละมุนละม่อมมากค่าาา 
ครอบครัวสุขสันต์ อบอุ่นได้ใจ  :-[
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 06-02-2015 04:16:50
จะจบแล้วว ชอบเรื่องนี้มากๆ ถ้าแต่งจบแล้วอย่าลืมมาแต่งตอนพิเศษให้หายคิดถึงกันหน่อยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 06-02-2015 06:49:03
ในที่สุดพี่ก้มาาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 06-02-2015 09:10:44
ซึ้งจัง :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนที่ 39 [ 05 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dezzerr ที่ 06-02-2015 10:06:37
คิดถึงงง เรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 06-02-2015 14:37:53
ตอนจบ


ควันสีเทาจากแท่งธูปที่ถูกจุดเพียงหนึ่งแท่งด้วยความเชื่อตามโบราณว่าลอยคลุ้งไปตามอากาศ กลิ่นหอมจากมันทำให้จิตใจรู้สึกสงบได้อย่างประหลาด  ชายหนุ่มที่นั่งบนรถเข็นมองก้านธูปที่มีแสงไฟสีแดงเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะหลับตาเพื่อระลึกถึงเจ้าของสถานที่แห่งนี้

...ขออโหสิกรรมสำหรับทุกอย่างที่เคยทำร้ายซึ่งกันและกันเอาไว้...

ทันทีที่รพีและครอบครัวรวมถึงคนสนิทของคนในบ้านอย่างไตรเทพและทานตะวันเดินทางมาพักผ่อนกันที่พัทยาจังหวัดชลบุรี เขาก็บอกให้อดุลย์พาตัวเองมาที่นี่ทันทีโดยมากันแค่สองคน

คนตาคมสงบนิ่งพูดคุยและบอกสิ่งที่ตัวเองอยากพูดอยู่ในใจหวังให้กลิ่นธูปที่จุดนี้ช่วยส่งข้อความถึงคนที่เขาต้องการจะบอก

พอเรื่องราวต่างๆได้ผ่านพ้นไป แล้วมาย้อนคิดถึงคนที่จากไปคนนี้รพียิ่งนึกเสียใจและละลายใจแบบสุดๆ เพราะขนาดชื่อของรวิวรรณเขายังจำไม่ได้ หน้าตาเขาก็ลืมไปจนหมดจากหัวสมอง แล้วสีสิบปีที่ผ่านมามีคนที่โดนเขาทำร้ายไปกี่คนแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจจะจำเลย

“นิวเขารู้แล้วนะครับ เขารู้ว่าคุณสำนึกผิดแล้ว”เสียงพูดของชายที่เป็นที่พึ่งของชีวิตในยามนี้บอกพร้อมกุมไหล่หนานั้นอย่างให้กำลังใจ

“ชั้นก็หวังให้เขาได้รู้แบบนั้นนะ...”ตาคมลืมตาจองมองไปที่สถานที่ตรงหน้าก่อนจะยกมือส่งธูปในมือตัวเองให้คนด้านหลังช่วยนำไปปักในกระถางให้แทน

“อ้าว...โยมอดุลย์ใช่หรือเปล่านั่น”เสียงของชายที่ฟังดูแหบพร่าด้วยอายุที่มากเรียกชื่อของคนตัวเล็กทำให้ต้องหันไปมอง ก่อนจะคุกเข่ากราบสามครั้งตามประเพณี

“สวัสดีครับหลวงตา”อดุลย์เอ่ยพูดทักทายอย่างสนิทสนม เบื้องหน้าของพระวัยชราภาพที่ร่างกายเริ่มแห้งเหี่ยวไร้เนื้อหนังมังสา แต่ทว่าใบหน้ายังเปี่ยมด้วยความสุขสมดูไร้โรคภัยไข้เจ็บ

“นี่หลวงตานพครับคุณรพี เป็นพ่อของนิว...”คำบอกเล่าทำให้รพีตาโตขึ้นทันที หลวงตานพมองปฏิกิริยาของคนบนรถเข็นอย่างสงสัย เป็นอดุลย์ที่พูดต่อแต่ก็ไม่ได้ไขข้อข้องใจให้ซักนิด

“นี่คุณรพีครับ...”ร่างบางคิดหาคำพูดไม่ออกว่าจะแนะนำว่าอย่างไร เพราะพระรูปตรงหน้ารู้มาตลอดว่าเขาคือแฟนของนิวลูกของตัวเอง และเป็นพ่อของตะวันหลานชายของท่าน

“พ่อแท้ๆของตะวันซินะ”หลวงตานพเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย แค่หน้าตาก็บ่งบอกอะไรมากมาย ท่านเองก็อยู่มาจนอีกไม่กี่สิบปีจะครบศตวรรษอยู่แล้ว เห็นคนมามากผ่านเรื่องราวมามากเช่นกัน

“ก็สงสัยตั้งแต่แรกล่ะนะว่าโยมอดุลย์ดูไม่น่าเป็นที่ชื่นชอบชื่นชมของลูกอาตมาซักเท่าไร อาตมาจะไม่ถามที่มาที่ไปหรอกนะ...แล้วมานี่มาไหว้นิวกันหรอ แล้วโยมหลานล่ะมาด้วยกันหรือเปล่า”พระชราถามต่อยืดยาวอย่างเป็นกันเองจนสองคนตรงหน้าไม่ได้รู้สึกเกรงอะไร ทั้งยังโล่งใจที่อีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องราวก็ไม่ได้กล่าวโทษอะไรตนเอง

“ไม่ได้ครับหลวงตา เรามากันสองคน”

“อย่างนั้นเหรอ งั้นไปๆ ไปนั่งข้างในวัดเถอะ”หลวงตานพเอ่ยปากก่อนจะเดินนำเข้าไปในตัววัด อดุลย์หันมายิ้มน้อยๆให้รพีแล้วออกแรงเข็นรถตามไปห่างๆ

ใต้ต้นโพธิ์ต้นใหญ่ถูกประดิษฐ์ให้กลายเป็นแท่นไว้นั่งพักผ่อนหย่อนจิตใจ หลวงตานพสั่งเด็กในวัดให้ไปซื้อน้ำซื้อท่ามาเลี้ยงแขกแล้วนั่งลงที่ใกล้ๆกันกับคนทั้งสอง

“แล้วเป็นยังไงมายังไงกันล่ะ ปรกติโยมจะมาแค่วันครบรอบวันตายของนิวไม่ใช่หรอ”

“....”อดุลย์เงียบไม่ได้ตอบคำถามในทันที แต่หันไปมองคนข้างๆตัวเองก่อนเป็นการส่งคำถามว่ารพีอยากจะพูดเองหรือเปล่า เขารับรู้ได้ว่าคนตาคมคงอยากจะเอ่ยอะไรกับพระที่เป็นพ่อแท้ๆของคนที่ตนมาขออโหสิ

“ผมมาขออโหสิกับรวิวรรณครับหลวงตา”คำพูดของรพีไม่ได้ทำให้ท่าทีของพระชราเปลี่ยนไป ดวงตาที่เริ่มอ่อนแรงของท่านจ้องมองไปยังคนที่พูดเมื่อครู่ เห็นความรู้สึกผิดในนั้น...เท่านี้ท่านก็ไม่ได้ถือโทษอะไร แม้จะไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมดก็ตามที

“ผมทำให้เธอท้อง แต่ผมปัดความรับผิดชอบทำให้เธอเจอเหตุการณ์ร้ายๆจนต้องคลอดก่อนกำหนดแล้วก็ตายครับ”เรื่องราวโดยย่อที่พูดมาทำให้หลวงตานพหลับตาลง ไม่ใช่เพราะโกรธเคืองแต่เพราะนึกถึงลูกสาวมากกว่า

“อาตมาเองไม่ใช่พ่อที่ดีอะไรหรอกนะ”หลวงตานพเอ่ยบอกด้วยเสียงที่สั่นและแหบพร่า

“สมัยก่อนอาตมาก็เป็นคนเกเร เป็นนักเลงคุมบ่อน เป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกิน แม่ของนิวก็เหมือนกัน เรามีลูกคนแรกก็คือนิวตอนที่ยังไม่พร้อม แต่โชคดีที่พอมีลูกแม่ของนิวเขาก็เปลี่ยนไป มีแต่อาตมานี่แหละที่ถลำตัวจนฉุดไม่ขึ้น”

“ตอนนิวซักสิบขวบล่ะมั้งที่อาตมาโดนจับติดคุกอยู่ราวๆห้าปี พอออกมาได้ลูกสาวคนเดียวก็ตามกระแสสังคมไปแล้ว เขาอับอายที่มีพ่อขี้คุกเลยออกจากบ้านเข้าไปอยู่กับน้าตัวเองในกรุงเทพ อาตมาไม่มีที่ไปเลยหวังบวชกินนอนอยู่กับที่วัดนี่แหละ”

“หลังจากนั้นอาตมาก็ไม่ได้ข่าวอะไรของลูกเลย รู้อีกทีก็ตอนที่แม่เขาพาลูกมาไว้ที่นี่เสียแล้ว”

“ผมขอโทษครับ...เพราะผมปิดเอง”รพีกล่าวเสียงเศร้า เขาเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่ออย่างแท้จริงเพราะเขาเองก็มีตะวันเป็นแก้วตาดวงใจอยู่ในตอนนี้เช่นกัน

“ไม่หรอกโยมรพี...มันเป็นสิ่งที่เป็นไปตามเวรและกรรมของคนคนนั้น”

“แต่ถ้าผมไม่...”

“อย่าโทษตัวเองเลย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นอาตมาคงต้องโทษตัวเองเสียมากกว่า”หลวงตานพบอกพร้อมแย้มยิ้มให้อย่างจริงใจ สิ่งที่หลวงตาพูดเองก็เหมือนคำให้อภัยกับตัวรพี หากแต่คนตาคมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี

“ผมเองก็ใช้ชีวิตมาแบบผิดๆเหมือนครับ เรียกร้องหาความรักจากคนอื่นตลอดเวลา แต่พอได้รับกลับไม่เคยเชื่อว่ามันคือความรักที่จริงๆเลยซักครั้ง ทำตัวแย่เสเพลติดยา...มั่วผู้หญิงไปทั่ว...”

“พอคนรอบตัวมองว่าผมเป็นตัวปัญหา ผมก็ยิ่งทำตัวเองให้หนักกว่าเดิม หนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดเรื่องแย่ๆตามมากมาย”

“แต่ตอนนี้มันผ่านไปหมดแล้วใช่หรือเปล่า?”พระชราเอ่ยถามอย่างกับคนที่รู้เห็น ใบหน้าคมที่ถูกถามยกยิ้มเล็กๆก่อนพยักหน้าตอบ

“เรื่องราวที่ผ่านมามันคือประสบการณ์ล่ะนะ...ก็ถือซะว่ามันเป็นบันทึกเล่มหนึ่งแล้วกันนะโยม”หลวงตานพพูดเสียงเอื่อยพลางมองเหงยขึ้นไปดูใบโพธิ์ที่พริ้วไสวตามแรงลมอ่อนๆ

“ชีวิตคนเราก็เหมือนบันทึกหนึ่งเล่ม เนื้อหาข้างในมาจากประสบการณ์ในชีวิตของคนคนนั้น แต่ส่วนใหญ่คนจะมองหนังสือจากปกหน้า ปกหน้าที่เราเป็นคนวาดและลงสีให้มันออกมาแบบไหนก็ตามแต่ที่เราจะแสดงออกมา อยากให้คนอื่นมองเราแย่ก็แค่ระบายสีดำ อยากให้คนชื่นชมก็ระบายปกเป็นสีขาว มันอยู่ที่เราจะใช้สีอะไร”

“ตลอดมาอาตมาใช้สีดำสีโคลน ทุกคนมองมาที่อาตมาเป็นแค่ไอ้โจรกระจอกธรรมดา พอได้มาบวช ได้กล่อมเกลาจิตใจอาตมาก็สร้างสีขาวขึ้นมาในใจตัวเอง และใช้สีขาวแปะทับ...ทุกคนเริ่มมองอาตมาดีขึ้น”


“แม้กระทั้งตัวอาตมาเอง”

สายลมอ่อนยังคงพัดวนอยู่รอบตัว คำสั่งสอนของพระแก่พรรษาที่ผ่านชีวิตมาหลายสิบปีทำให้จิตใจรู้สึกถูกขัดเกลา มือสองคู่ของคนที่นั่งอยู่พนมมือขึ้นแนบอกพร้อมกับเอ่ยคำในใจเบาๆ

...สาธุ...




••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••





แสงแดดจ้าจากดวงอาทิตย์กลมโตที่ประดับบนท้องฟ้าที่ขาวที่วันนี้เมฆแม้แต่เพียงนิดเดียวก็ไม่มีมาช่วยบดบังความร้อนแรง แต่เพราะบรรยากาศแบบนี้ทำให้ท้องน้ำมาหาสมุทรที่กว้างใหญ่แห่งนี้ดูสวยงามระยิบระยับราวอัญมณีล้ำค่า

กลางเดือนมีนาคมที่อากาศเริ่มจะร้อนแรงหลังปิดภาคเรียนของคุณหนูของบ้านไม่กี่วัน คนที่บ้านเรืองรัตนโยดมทั้งหมดก็ได้มีทริปท่องเที่ยวทันทีทันใด

ทั้งดาว ป่าน ลุงโชนต่างตื่นเต้นระคนดีใจที่ได้มาร่วมพักผ่อนกับเจ้านายของตัวเอง ถึงจะเหมือนมาทำงานไปในตัวก็ไม่มีใครปริปากบ่นอะไรซักคำเดียว

วันนี้เข้าวันที่สองแล้วที่ได้มาถึงเมืองพัทยาแห่งนี้ และดูเหมือนจะมีกิจกรรมจากคนคุ้นเคยเรื่องท่องเที่ยวมากที่สุดอย่างเจ้าของบริษัทนำทัวร์ในประเทศอย่างไตรเทพ 

ไตรเทพเสนอที่ท่องเที่ยวในพัทยาต่างๆมากมายออกมาจนเหมือนว่าเพียงวันเดียวก็คงไปไม่ครบ แต่ทุกคนก็ยอมให้ไตรเทพนำไปเพราะวันนี้ไม่ใช่วันสุดท้ายที่ได้เที่ยวที่นี่ เจ้านายใจดีพามาพักถึงหนึ่งสัปดาห์คงได้เที่ยวจนไม่เหลือที่จะไปแน่ๆ

ไตรเทพที่ติดสอยถือโอกาสพักงานยาวพาลูกสองเมียหนึ่งมาเที่ยวด้วยก็รื่นเริงตามประสาครอบครัวสุขสันต์รับหน้าที่คอยเทคแคร์พวกลุงโชน ป่านและดาวรวมถึงตะวันและเพื่อนสนิทของหลานชายอย่างทานตะวันที่ไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวอะไรแบบนี้

แต่ไม่วายเอ่ยปากแซวเพื่อนรักก่อนที่จะพาทุกคนออกไปเที่ยวตามโปรแกรมที่วางไว้

“...เบาๆนะเว้ย แข้งขายิ่งไม่ค่อยดี ระวังจะพิการซ้ำพิการซ้อน...”

พอได้ยินคำแซวรพีแทบจะเอาไม้ช่วยพยุงด้ามเก่งที่ได้มาจากลูกชายฟาดเข้าให้ แต่กลัวว่าไม้ด้ามนี้จะหักแทนที่หัวของคนที่โดนจะแตกเสียมากกว่า

“พวกคุณเทพออกไปกันแล้วเหรอครับ”เสียงอดุลย์เอ่ยถามพร้อมกับยื่นจานที่มีส้มปอกเปลือกไว้มาตรงหน้าของรพี คนตัวสูงหยิบเสี้ยวหนึ่งเข้าปากเคี้ยวและพยักหน้าตอบคำถามของอดุลย์

“เสียดายหรือเปล่า มาเที่ยวทั้งทีแต่ก็ไปไหนได้ไม่มากเพราะต้องคอยอยู่กับชั้น”เป็นสาเหตุที่ทำให้อดุลย์ไม่ได้ออกไปไหนมาไหนกับพวกคนอื่น นั้นเพราะโปรแกรมที่ราวกับจะแกล้งคนที่เดินเหินลำบากของไตรเทพทำให้รพีไปร่วมทริปกับคนอื่นๆไม่ได้ เขาเลยเสนอตัวอยู่กับรพี รวมถึงศูรย์ที่ส่ายหน้าทันทีที่เห็นโปรแกรมไม่เกรงใจอายุพวกนั้น ยังโอดว่าโชนที่ออกไปเที่ยวอยู่เลยว่ากลับมาคงได้กระดูกกระเดี้ยวหักซักท่อนสองท่อนแน่ๆ

“ไม่หรอกครับ...แค่ได้มาเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็พอแล้ว อีกอย่างเที่ยวขนาดนั้นถึงร่างกายปรกติก็เถอะผมไม่เอาด้วยล่ะ ปล่อยให้เด็กๆเขาสนุกกันดีกว่า”

“นั้นสินะ แต่ในนั้นมีไม่เด็กหลายคนเลยนะ ลุงโชน...ไอ้ไตร...”รพีพูดประชดเรียกเสียงหัวเราะจากคนตรงหน้าได้ทันที

“แล้วมายืนตากแดดแบบนี้ไม่ร้อนแย่เหรอครับเนี่ย”เพราะอากาศเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ แถมยังไม่มีอะไรช่วยลดทอนความแรงอีก

“ไม่หรอก ชั้นชอบนะอากาศแบบนี้...ชั้นชอบเที่ยว...รู้มั้ยว่าทำไม?”อดุลย์ส่ายหน้าหวือทันที เขาไม่ค่อยรู้เรื่องราวที่ส่วนตัวของรพีซักเท่าไร ปรกติรพีไม่ค่อยพูดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนใหญ่คุยกันก็เรื่องตะวันเสียส่วนใหญ่กับเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน และอดุลย์ก็ไม่ใช่คนช่างถาม อาศัยว่าชอบสังเกต คอยมองคอยดูเอาเองมากกว่า

“เพราะชั้นเหงา...”อดุลย์มองคนตรงหน้าด้วยคิ้วที่เลิกขึ้นอย่างสงสัย ถ้าเหงาแล้วทำไมถึงชอบออกไปเที่ยวตั้งแคมป์แค่คนเดียว...แบบนั้นยิ่งไม่ทำให้เหงามากขึ้นหรือไง และเหมือนว่ารพีจะรู้ว่าอดุลย์สงสัยอะไรจึงยิ้มน้อยๆแล้วพูดต่อทันที

“เวลาทำงาน ชั้นไม่มีเวลากระทั้งจะหยุดพูดกับตัวเองเสียด้วยซ้ำ ถึงมีคนเข้ามาพูดคุยด้วยก็เหมือนว่าไม่ได้คุยกับใคร พอกลับบ้านยิ่งแล้วใหญ่...ชั้นเลยหาเวลาให้ตัวเอง ออกไปเที่ยวคนเดียว วาดรูปที่ตัวเองชอบ...ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ”อดุลย์รู้ว่ารพีหมายถึงอะไร

“จากนี้คุณก็ไม่เหงาแล้วนะ มีตะวันตัวป่วนทั้งคนรับรองได้เลยว่าคุณหัวปั่นแน่ๆ ใช้เวลาสิบห้าปีที่เลี้ยงตะวันมาเป็นประกัน ไม่มีวันไหนเลยที่ทำให้ผมรู้สึกเหงา”อดุลย์บอกเล่าเรื่องแถมพาดพิงไปถึงลูกชายที่ตอนนี้คงกำลังสนุกกับพวกคนอื่นอยู่

“ไม่ใช่แค่ตะวันหรอก...เธอเองก็ด้วย”สิ้นเสียงใบหน้ากลมที่มีริ้วรอยของวัยขึ้นประปรายก็อมสีแดงทันที

“ไม่ต้องมาทำหวานกับผมก็ได้ครับ...อายุเราไม่ใช่น้อยๆแล้ว”ถึงจะพูดแบบนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจมันพองโตอย่างทันทีทันใดที่ได้ฟังคำหวานพวกนั้น

“ไม่ใช่ว่าชั้นจะปากหวานอะไรหรอก...ชั้นแค่รู้สึกอยากพูดก็พูด เวลาเธอเขินก็น่ารักชั้นชอบ”มือหนาไล้ตามพ่วงแก้มแดงอย่างเบามือก่อนจะไล้ลงไปกอบกุมมือของอดุลย์ไว้ ทรุดตัวเองลงระเบียงของตัวบ้านใกล้ๆพร้อมกับดึงคนที่เล็กตามลงมาข้างๆ

“เมื่อวานชั้นไปขออโหสิกับแม่ของตะวัน ไม่มีรางวัลให้คนกล้าหาญคนนี้หน่อยเหรอ...”เสียงพูดออดอ้อนราวไม่ใช่รพีเอ่ยขึ้น อดุลย์ที่หน้าแดงหันหน้าไปด้านข้างหนีสัมผัสร้อนของฝ่ามือที่เลื้อยกลับมาที่พ่วงแก้มของตัวเองอีกครั้ง

“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยครับ...นี่ทำไปหวังผลอย่างนั้นหรอ”พูดไปแก้มแดงไปทำเอารพียิ้มกริ่มด้วยความถูกใจในปฏิกิริยา

“เปล่านะ แต่ก็แค่ทวงของรางวัลเท่านั้นเอง ไม่ให้จริงๆเหรอ...ปิงปอง”ท้ายประโยคที่เรียกเสียงของเจ้าตัวด้วยที่อ่อนหวานแบบนั้นยิ่งทำให้ขัดเขินมากกว่าเดิม

“นี่...มองชั้นหน่อยสิ”ออกแรงเบาๆที่มือ จับหน้าของคนที่อ่อนวัยกว่าให้หันมามองดวงตาคมที่พยามยามสื่อความนัยทุกอย่างที่อยู่ภายในใจของตัวเองหวังให้คนตรงหน้าได้รับรู้มันทั้งหมด

“ชั้นรักเธอนะปิงปอง...”คำรักมาพร้อมกับริมฝีปากหนาที่เคลื่อนมาประทับเข้ากับกลีบปากบางของอดุลย์ก่อนที่ทั้งคู่จะแลกเปลี่ยนลมหายใจให้กันและกันอย่างคุ้นเคย

นานกว่าหลายนาทีที่ทั้งคู่แลกสัมผัสกันจนลมหายใจเริ่มจะติดขัดรพีจึงผละหน้าออกมาหากแต่ยังชิดหน้าผากตัวเองกับอีกฝ่ายเอาไว้ รอยยิ้มที่หลายเดือนมานี่ยิ้มบ่อยกว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเผยให้อดุลย์ได้เห็นจนอดยิ้มตามไม่ได้

“จำคำที่พระท่านพูดเมื่อวานได้มั้ยปิงปอง”อดุลย์พยักหน้าตอบ พระที่วัดที่แวะไปเมื่อวาน คำพูดของท่านยังคงก้องอยู่ในหัว เป็นคำพูดที่เขาชอบและชวนให้คิดตาม

...ชีวิตคนเราก็เหมือนบันทึกหนึ่งเล่ม เนื้อหาข้างในมาจากประสบการณ์ในชีวิตของคนคนนั้น แต่ส่วนใหญ่คนจะมองหนังสือจากปกหน้า ปกหน้าที่เราเป็นคนวาดและลงสีให้มันออกมาแบบไหนก็ตามแต่ที่เราจะแสดงออกมา อยากให้คนอื่นมองเราแย่ก็แค่ระบายสีดำ อยากให้คนชื่นชมก็ระบายปกเป็นสีขาว มันอยู่ที่เราจะใช้สีอะไร...

“รู้จักทฤษฎีสีกับความหมายของแต่ละสีหรือเปล่า”

“สีแดงชั้นเปรียบเป็นความรักที่ชั้นมีให้กับนาย ส่วนสีน้ำเงินชั้นเปรียบเป็นความมั่นคงความแน่นอน”

“....ปกบันทึกของชั้น...ชั้นจะทาสีมันด้วย...”





“...สีม่วง...”




# ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางมากับคนเขียนและนิยายเรื่องนี้นะคะ
เริ่มเขียนตั้งแต่เรียนอยู่ปีสี มีเรื่องราวในชีวิตจริงทำให้ทิ้งนิยายไปเป็นปีแต่พอกลับมาก็ยังมีคนที่รออ่าน
ขอบคุณจริงๆค่ะ
หวังว่านิยายของพลีส(เคยบอกชื่อตัวเองมั้ยน้อ)จะให้อะไรบ้างอย่างสำหรับคนที่อ่านนะคะ #
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 06-02-2015 14:55:09
ติดตามมาถึงตอนจบแล้ว
ขอบคุณนะคะที่ทุ่มเทแต่งเรื่องนี้มาให้อ่านจนจบ
สำนวนภาษาสละสลวยอ่านได้ราบรื่นดีค่ะ
ว่างๆ แต่งมาให้อ่านอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 06-02-2015 14:59:02
กรี๊ดดดดดด จบได้ดีมากกกกกกกกเลย ประทับใจทุกตอนตลอดเรื่อง น้ำตาปริ่มตลอดเลย มันอุ่น เศร้า และซึ้ง รวมกัน สุดยอดเลยจ้ะ ดีใจมากกกก ที่มาต่อจนจบ ขอบคุณ สำหรับเรื่องราวดีๆจ้ะ

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-02-2015 15:04:57
ฮืออ  นิยายดีๆจบไปอีกเรื่อง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 06-02-2015 15:12:53
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ

เป็นหนึ่งในเรื่องโปรดเลยเรื่องนี้ :)
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 06-02-2015 15:29:48
จบได้สวยงาม
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 06-02-2015 15:46:07
 :mew1: :mew1: :mew1:
สีม่วงงงงงง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 06-02-2015 15:47:51
อ่านตั้งเเต่ต้นจนจบ เป็นนิยายอีกเรื่องที่รู้สึกชอบมากๆ มันสอนอะไรได้หลายๆอย่างเลยทีเดียว
ดีใจค่ะที่ปิงปองและทุกคนมีความสุข ดีใจที่ได้มีครอบครัวที่ดีและอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุขแบบนี้
รักษามันเอาไว้ให้นานๆนะทุกคนนนนนน

ขอบคุณคนเเต่งนะคะ จะติดตามเเละเป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อๆไปค่ะ :กอด1: :L2:

ปล.ถ้าจะให้ดีไปอีก เรื่องนี้รวมเล่มก็ดีนะคะ กรี๊ดดดดดดด :mc4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 06-02-2015 15:58:09
รักที่มั่นคง
กรี๊ดๆ ชอบความหมายของสีม่วง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 06-02-2015 16:09:25
ขอบคุนคนแต่งที่กลับมาต่อจนจบ เป็นนิยายที่ดีมากเลยย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 06-02-2015 16:18:09
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sebious ที่ 06-02-2015 16:31:04
กรี๊ดค่ะ จบแบบเข้ากับชื่อเรื่องเป๊ะ คุณพ่อหวานๆกันมากก
จะมีตอนพิเศษไหมคะ อยากรู้ตะวันจะเป็นยังไงในอนาคต น้องดำด้วย  :mew2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 06-02-2015 16:38:04

ปรบมือดังๆ

กินใจกับข้อคิดเรื่องสีของชีวิต

แล้วทุกอย่างก็สงบสุข(ฟินมาก)

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 06-02-2015 16:38:14
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับนิยายดีๆ สนุกๆอีกเรื่องหนึ่งที่เขียนมาจนจบ

รพีจะใช้สีม่วงบนปกของตัวเอง
ทั่วๆไปแล้วสีม่วงเป็นสีที่ให้ความหมายของความรู้สึกที่หรูหราสูงค่า
แต่เราจะเอาความหมายตามไทยๆดีหว่าเนอะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 06-02-2015 16:49:06
สุขสมสะที
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 06-02-2015 17:10:23
ขอบคุณคะ ที่เขียนจนจบ ตอนจบอดุลย์น่ารัก แต่คุณรพีน่ารักกว่า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 06-02-2015 18:14:42
จบลงด้วยดี ขอบคุณผู้แต่งมากๆเลยที่เขียนนิยายที่มีเรื่องราวดีๆให้อ่าน สะท้อนสังคมครอบครัวสมัยนี้ ว่าปัญหาเกิดจากอะไรที่ทำให้เด็กๆก้าวร้าว
 o13 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-02-2015 18:51:07
เป็นเรื่องที่ดีจริิง ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dezzerr ที่ 06-02-2015 19:48:02
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ แม้จะเพิ่งได้ตามอ่านจนเกือบท้ายเรื่องก็ตาม สงสารพ่อปิงปองก็สงสาร แต่สุดท้ายก็หวานซะเขินตามเลย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: evanescence_69 ที่ 06-02-2015 21:17:18
เรื่องของพ่อจบแล้วก็มาต่อ รุ่นลูกอีกนะ จะต่อรึไม่ต่อแจ้งทราบด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 07-02-2015 00:09:10
 :pig4:  ขอบคุณมากๆเลยคะ นิยายสนุกมากภาษาไหลลื่นเราอ่านแล้วฟินตามทุกตอนเลย  :pig4:

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 07-02-2015 18:04:56
เป็นเรื่องที่สวยและดีจริงๆค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับนิยายดีๆ
สู้ๆสำหรับเรื่องต่อไปค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-02-2015 18:46:14
  :katai1:  อร๊ายยยยย  พลาดเรื่องนี้ไปได้แฮะเรา   :z3:


เห็นเรื่องนี้มาก็นาน  ไม่เคยกดเข้ามาลองอ่านดูสักที  เพราะนึกว่าเป็นแนวเรื่องเล่า 
พอดีเห็นอัพตอนจบเลยลองเข้ามาอ่านดูหน่อย   ต๊ายยยย  ขุ่นพระ  ติดเลยค่า  อ่านรวดเดียว  สะใจมาก

:pig4:  มาก ๆ ค่า :L2:

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 07-02-2015 19:47:48
ตามอ่านตั้งแต่ตอนแรก ไม่ผิดหวังจิงๆคะ ขอบคุนนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Kungsadan ที่ 07-02-2015 19:56:28
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ  ติดตามมาตลอด  จบลงได้ด้วยดีและสวยงาม

พอได้รู้ความหมายของ  บันทึกรักสีม่วงนี้ แหมมันโดนอ่ะ   :katai2-1:

เป็นกำลังใจให้ ไรท์สำหรับเรื่องต่อไปนะ  สู้สู้  :katai3:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 07-02-2015 22:04:18
ละมุมละไมมากเลยเรื่องนี้ อบอุ่นผุดๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 08-02-2015 18:22:20
เป็นนิยายที่ให้มามายหลายความรู้สึกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 08-02-2015 19:37:39
เป็นนิยายที่ดีและสนุกมากเลยครับ

สะท้อนปัญหาสังคมได้ดีทีเดียว

คนเขียนเขียนดีมากเลยตัวละครทุกตัวดูมีมิติมาก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีเรื่องนี้ครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: waiman ที่ 09-02-2015 10:18:42
น่าเสียดายที่จบแล้ว  ถึงมีม่าม่าบ้าง 
ก็ยัง  อยากให้มีตอนพิศษบ้าง จะได้มั๊ยน๊อ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bomberman2009 ที่ 09-02-2015 11:11:47
ไม่มีNCหรือครับ หว่าเสียดายจัง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 09-02-2015 12:38:17
ขอบคุณค่ะ
ชอบเรื่องนี้ๆ มากๆๆ เลย
รออ่านตอนพิเศษนะค่ะ ^__________^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 09-02-2015 13:44:45
 :hao5: o13 เขียนตอนจบดีมากเลยค่ะ ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้จนจบ เราตามเรื่องนี้ตั้งแต่ค้างไว้ตอนที่ 10 ลุ้นมากกลัวจะไม่ได้อ่านอีก  คุณพลีสกลับมาเขียนอีก ดีใจมากๆ เลยค่ะ ^ ^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 09-02-2015 14:00:42
 :กอด1:

มีตอนพิเศษมั้ยคะะะ

ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 09-02-2015 23:02:34
บอบคุณนะคับสำหรับนิยายดีดี ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 10-02-2015 09:07:06
ชอบเรื่องนี้จัง
ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน :กอด1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 10-02-2015 13:52:48
จบแล้ววววว ทำให้ใจหาย นิยายเรื่องนี้มี้หลากหลายอารมณ์มากคะ บางตอนทำเอาน้ำตาซึมกันเลยที่เดียว
ภาษาอ่านง่าย หวังว่าคนแต่งจะมีเรื่องใหม่มาให้อ่านนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 11-02-2015 10:25:33
สุดยอดรักกันจนได้ซิเนอะ



ขอยคุณมากครับจะติดตามผลงานต่อไป
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 11-02-2015 11:30:45
เป็นเรื่องที่สนุกมากกกกกกกก ซึ้งมาก ช่วงตอนแรกๆอ่านไปน้ำตาคลอไป
ปีนี้เซ็งเป็ดอวอร์ด อยากโหวตให้มากๆเลย เป็นเรื่องที่สนุก ครบทุกรสชาติ เรื่องครอบครัวก็ดีมากๆ
ขอบคุณคนแต่งมากๆครับ

ขอแนะนำทุกคนเลยให้ลองอ่าน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนจบ [ 06 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: poyhoney ที่ 11-02-2015 16:20:20
อ่านจบจนได้
เป็นเรื่องที่อ่านจบภายใน2วัน
รักปิงปองที่สุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 11-02-2015 19:40:31



ตอนพิเศษ สั้นๆ (# ก็ไม่เคยเขียนยาวซักตอนเนอะ  :mew3:)




ภายในย่านศูนย์รวมธุรกิจที่ปรกติก็ดูแออัดด้วยผู้คนมากอยู่แล้ว แต่วันนี้ยิ่งดูแน่นขนัดมากขึ้นเมื่อมีงานฉลองเปิดสำนักพิมเล็กๆที่ตึกแถวเปิดใหม่ในระแวกนั้น

ร่างสูงกำยำของชายวัยสี่สิบสี่สวมชุดสูทสุภาพเรียบร้อยค่อนไปในทางพิธีการเล็กน้อยกำลังใช้สายตาคมดุของตนมองไปยังร่างบางของใครบางที่ที่กำลังยิ้มระรื่นเพราะความสุข

“ได้เวลาแล้วนะ”รพีเดินปรี่เข้ามาหาคนที่จับตามองตลอดเวลาแล้วเอ่ยบอก อดุลย์ก้มมองหน้าฬิกาดูเวลาแล้วพบว่าได้ฤกษ์ตามที่ตั้งไว้แล้วจริงๆ

ในหน้ากลมมนที่มีริ้วรอยความชราขึ้นมาประปรายยกใบหน้าและเผยยิ้มให้คนข้างตัว

“ไปด้วยกันนะครับ”รพีพยักหน้าตอบพร้อมด้วยยิ้มเช่นกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเคียงข้างไปที่ซุ้มดอกไม้ที่ตั้งอยู่หน้าตึกแถว ขณะเดียวกันกับพิธีกรในงานบอกว่าถึงเวลาตัดริบบิ้นเอาฤกษ์เอาชัยในการเปิดสำนักพิมพ์...P&S

ถึงแม้เจ้าของงานไม่ได้อยากทำให้งานนี้ใหญ่โต ที่คิดไว้แต่แรกก็แค่นิมนต์พระมาทำบุญเท่านั้น แต่เพราะสายข่าวธุรกิจของสำนักข่าวต่างๆทำงานกันดีจนเกินไปถึงได้ล่วงรู้วันและเวลาที่รพีจะเปิดธุรกิจใหม่จนทำให้เป็นที่น่าจับตามองและมีการขอร่วมงานมากมายจึงทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบงานเปิดตัวใหม่ทั้งหมด

หลายๆคนที่ให้ความสนใจเพราะตระกูลเรืองรัตนโยมดมเด่นดังในธุรกิจพวกศูนย์การค้าและเครือโรงแรม พอรพีหันมาจับธุรกิจด้านนี้จึงทำให้หลายๆคนสนใจว่าคนอย่างรพี เรืองรัตนโยดมเห็นความเป็นไปได้อะไรในธุรกิจสำนักพิมพ์แบบนี้

ทั้งๆที่จริงผู้ชายคนดังกล่าวไม่ได้เห็นความเป็นไปได้หรือมองกำไรในอนาคตอะไรซักอย่าง

เพราะมีเหตุผลเดียวที่เขาเปิดสำนักพิมพ์นี้ขึ้นมา

...เพราะคนรัก...อดุลย์

วันนี้เป็นวันครบรอบวันแรกที่เมื่อห้าปีก่อนมีคนสองคนถูกโชคชะตาพาให้ตัวเองได้เข้ามาอยู่ในบ้านเรืองรัตนโยดม เป็นวันที่เปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างในชีวิตของคนในบ้านหลังนั้น

และเป็นวันที่ทั้งอดุลย์และรพีตกลงกันในใจโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาว่าจะยกวันนี้ในของทุกๆปีให้เป็นวัน...ครบรอบของความรักของทั้งสองคน

จริงอยู่ที่คนนอกต่างไม่รู้ว่าชายร่างบางที่หน้าติดหวานทำให้ดูอ่อนกว่าอายุจริงที่ยืนอยู่ข้างเจ้าของงานคือใคร และสำคัญอะไรกับรพี

แม้จะมีนักข่าวบางคนที่พอจับหน้าจับตาของอดุลย์ได้ว่าเป็นคนเดียวกับผู้ชายที่เคยมีภาพหลุดกับรพีเมื่อหลายปีก่อนก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครจะอยากเข้าไปถามหรืออยากขุดคุ้ย ทุกคนต่างลงความเห็นพร้องกันว่า

ตัวตนของรพีในตอนนี้...ตอนที่มีชายร่างบางหน้ากลมตาโตคนนั้นอยู่ข้างๆ เป็นตัวตนที่ดูมีความสุขจนแค่มองตามก็ชื่นชม

“ขอบคุณนะครับ”เสียงเฮลั่นทั่วบริเวณเกิดขึ้นทันทีที่อดุลย์และรพีสองคนร่วมกันตัดริบบิ้นสีขาวที่เป็นจุดไฮไลท์ของงานนี้ อดุลย์หันไปกล่าวขอบคุณรพี ซึ้งใจกับของที่ที่คนข้างๆมอบให้เป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่และมีค่ารองจากลูกชาย

“เธอดีใจ ชั้นก็มีความสุขแล้ว”เสียงเข้มบอกอย่างอ่อนโยน พลางยกมือขึ้นลูกศรีษะด้วยความเคยชิน แสงแฟลชสว่างวาบพร้อมเสียงรัวกดชัตเตอร์ทำให้อดุลย์สะดุ้งตัวเมื่อพบว่าความสุขที่ได้รับทำให้ลืมรอบข้างไปชั่วขณะ ริ้วสีแดงปรากฏฉายบนใบหน้าขาวจนคนรักอย่างรพีอดใจไม่ได้หัวเราะเสียเบาๆอย่างถูกใจ

“คุณรพีครับ...ขอเวลาสัมภาษณ์ซักหน่อยได้หรือเปล่าครับ”คนที่มาใหม่เป็นนักข่าวที่พอจะคุ้นหน้าอยู่บ้าง ชายหนุ่มร่างท้วมในชุดเสื้อเชิ้ตสวมทับสูทแต่กลับใส่กางเกงยีนสีเข้ม

“ได้ครับคุณภูวดล”รพียิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยแล้วตอบกลับอย่างสุภาพจนภูวดลชะงักกึก ก็พอจะดูออกว่ารพีคนนี้ต่างจากคนที่ตนเคยรู้จักแต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแสดงท่าทีแบบนี้กับตนที่เป็นนักข่าว...สิ่งหนึ่งในหลายๆสิ่งที่รพีเห็นเมื่อไรจะทำหน้าเบื่อหน่ายและหลบเลี่ยงตลอดเวลา

และพอเห็นว่าพี่ใหญ่ในวงการอย่างภูวดลได้รับคำอนุญาตหลายๆสื่อก็วิ่งหรูเข้ามาทำข่าวทันที

“เอ่อ...ไม่ทราบว่าเรื่องสำนักพิมพ์นี่มีที่มาที่ไปอย่างไรเหรอครับ ทำไมคุณรพีถึงหันมาทำด้านสิ่งพิมพ์”

“เพราะผมมีหนังสือเล่มที่อยากจะจัดทำ พอดีว่าอดุลย์ หุ้นส่วนของผมคนนี้”มือหนายกมายกเอวบางของอดุลย์พร้อมๆเป็นเชิงแนะนำให้คนอื่นๆได้รู้จัก

อดุลย์หน้าขึ้นสีเมื่อรพีพูดถึงสาเหตุจริงๆเกี่ยวกับการทำบริษัทนี้ขึ้นมา เป็นที่รู้กันว่าอดุลย์จบมาด้านภาษาจากมหาวิทยาลัยเปิดความสนใจดั้งเดิมของอดุลย์คือการทำงานเกี่ยวกับสื่อและสิ่งพิมพ์ แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง เขาได้งานประจำเป็นพนักงานขายในห้างสรรพสินค้า และต้องรีบคว้าโอกาสนั้นไว้ก่อนเพราะมีภาระในการเลี้ยงดูตะวัน คงจะเลือกอะไรมากนักไม่ได้

และคงถือเป็นโชคดีอีกอย่างที่อดุลย์ได้ขายของจำพวกเครื่องสำอางของผู้ชาย ด้วยความรักสวยรักงามอยู่ในใจลึกๆ ชายหนุ่มในขณะนั้นก็เก็บเกี่ยวความรู้ทั้งจากของที่ตัวเองต้องขายและสินค้าของเคาเตอร์รอบๆ จนมีทั้งทักษะและความรอบรู้ในด้านนี้พอสมควร

ช่วงก่อนหน้าที่จะเปิดสำนักพิมพ์แห่งนี้ รพีเห็นอดุลย์เขียนบทความในอินเตอร์เนทที่มีคนขอร้องให้ช่วยเขียนให้อยู่ครั้งสองครั้ง และอดุลย์เองก็มักจะบ่นให้ฟังว่าเขาว่างเต็มทน ขนาดรพีมักจะพาไปเที่ยวนู้นเที่ยวนี่จนจะรอบประเทศแล้วอดุลย์ก็ไม่วายบ่นอยากหาอะไรทำ

ประจวบกับใกล้จะถึงวันดีของพวกเขาทั้งสอง คนที่เคยแต่ทำงานมาในสายธุรกิจจึงมอบของที่คิดว่าอดุลย์ต้องการมากที่สุดให้...ทั้งงาน...และสิ่งที่อดุลย์ชอบ

“เขาเคยเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับเครื่องสำอางในอินเตอร์เนทอยู่สองสามบทความ แล้วเราก็เลยมีความคิดอยากจะรวมมาทำเป็นหนังสือ โดยให้อดุลย์เขาเขียนเองทั้งหมด”คนพูดไปยิ้มไปอย่างภูมิใจราวกับตัวเองเป็นคนทำเองทั้งๆที่ไม่ใช่

“ใช่หนังสือเล่มแรกของสำนักพิมพ์ที่โชว์อยู่หน้างานใช่หรือเปล่าค่ะ?”นักข่าวอีกคนเริ่มถาม

“ครับผม”พอได้รับคำตอบนั่นก็กลายเป็นที่ฮือฮาในวงแคบๆ และจากคนที่ดูไม่มีคนสนใจกลับกลายเป็นพระเอกของงานนี้ขึ้นมาทันทีทันใด

“เจ้าของสำนักพิมพ์ลงมือเขียนเองแบบนี้เลยเหรอครับ ผมแอบไปอ่านเมื่อกี้มาแว่บนึงคิดว่าคงจะเป็นหนังสือของพวกบลอคเกอร์เสียอีกไม่คิดว่าจะเขียนขึ้นมาเอง”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”พอถูกชมซึ่งๆหน้าก็ทำตัวไม่ถูกไปเสียดื้อๆ

“จริงๆค่ะ เมื่อครู่ดิฉันก็หยิบมาอ่านแล้ว ไม่คิดว่าเป็นนักเขียนโนเนม คิดว่าคงเป็นคนในวงการหนังสืออยู่แล้วแต่พอเปลี่ยนสำนักพิมพ์เลยเปลี่ยนนามปากกาเฉยๆ เป็นหนังสือเกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ดีมากจริงๆค่ะ”นักข่าวผู้หญิงที่ดูเป็นปลื้มมากเอ่ยชมยาวเยียดขึ้นมาอีกคน อดุลย์ดูจะชื่นใจมากเพราะเขาเองชอบงานเขียนประกอบกับมีความรู้เรื่องเครื่องสำอางค์พอตัว พอมีคนชอบก็รู้สึกเหมือนอกมันฟูๆขึ้นมาอย่างไงอย่างงั้น

“เพราะได้นักเขียนมือดีแบบนี้หรือเปล่าครับ คุณรพีถึงได้หายหน้าหายตาไปแล้วเบนเข็มมาจับธุรกิจด้านสิ่งพิมพ์แทน”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ...เพราะมีนักเขียนมือดีคนนี้ ผมเลยเปิดสำนักพิมพ์นี้ขึ้นมา”....มอบให้เขา ประโยคสุดท้ายรพีพูดกับอดุลย์ในใจ แต่ก็ไม่วายหันไปยิ้มส่งให้ตามเคย

“แล้วอย่างนี้จะมีหวังเห็นคุณรพีกลับขึ้นบอร์ดบริหารของเครือรัตนโยดมหรือเปล่าครับ?”

“คงจะยาก วัชรก็ทำงานได้ดีมาก ผมกลับไปคงเป็นแค่ตาแก่ไม่ประสีประสางานอะไร จะเป็นตัวถ่วงทำบริษัทเจ๊งเสียเปล่าๆ”พูดกึ่งเล่นกึ่งจริงเรียกเสียงขำขันให้ทุกคน แม้ทุกคนจะเห็นด้วยก็ตามที่วัชรทำงานดีกว่ารพีทำเอาหุ้นของบริษัทมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ ผลประกอบการก็โตขึ้นทุกปี แต่ก็น่าเสียดายที่จะไม่ค่อยได้ทำข่าวของรพี เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าข่าวของตัวเองขายดีขนาดไหน

“พูดถึงคุณวัชร วันนี้ไม่ได้มาร่วมงาน?”

“อืม วันนี้วัชรบินไปที่กระบี่ด่วนน่ะ แต่ก็ดีแล้วไม่อย่างนั้นพวกคุณก็คงรุมเจ้านั่นคนเดียว ผิดวัตถุประสงค์งานแน่ๆล่ะทีนี้”ดูเป็นคำพูดเล่นๆแต่ก็แฝงความเป็นรพีคนเก่าเล็กๆอยู่ในทีเดียวกัน คนพูดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามต่อไปเรื่อยๆ บางคำถามที่นักข่าวไม่ได้เจาะจงคนตอบก็ปล่อยให้คนข้างๆตอบบ้าง

อย่างน้อยทำงานในวงการนี้ถ้ามีสื่อก็คงจะช่วยให้ธุรกิจเจริญไปได้ด้วยดี

เปล่า...รพีไม่ได้คิดผลประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว ไม่ได้คิดหากำไรจากการความสัมพันธ์อย่างที่ผ่านมา เขาก็แค่นี้ว่าวันนี้รอยยิ้มของคนรักช่างสดใส

เขาก็แค่อยากให้อดุลย์ยิ้มอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะยิ้มให้ตัวรพี หรือยิ้มให้คนรอบข้างก็ได้ ขอแค่อดุลย์มีความสุข

เพราะถ้าอดุลย์มีความสุข ตะวันก็จะพลอยมีความสุข

แล้วเมื่อทั้งสองคนมีความสุข

รพี...ก็มีความสุขเช่นเดียวกัน






#
:impress2:
อิ๊อิ๊ ตอนพิเศษจะมาตอนเดียวหราาาาาาาา
ยังขาดน้องตะวันแบบรวมครอบครัวนะคะ
จัดมาอีกนะคะ  :mew4:


อย่าพึ่งใจร้อนค่ะ ตอนนี้แต่งเกริ่นไว้ค่ะ เพราะว่าจะแต่งตอนวันวาเลนไทน์



ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ  :L2: [/color]
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 11-02-2015 22:42:55
ทีแรกหาอะไรอ่านฆ่าเวลา แต่พออ่านได้สองสามตอนกลายเป็นต้องหาเวลามาอ่านแล้ว สนุกมากค่ะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะสำหรับนิยายสนุกๆ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 11-02-2015 23:13:50
จบแล้ววววววว
อ่านตอนจบนี่ขนลุกเลย ชอบมากกกก
ชอบที่ว่า เรื่องขอโทษด้วย แค่เราขอโทษด้วยใจ ต่อให้เขาไม่ให้อภัยก็ตาม

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 11-02-2015 23:20:06
โอ๊ะ ไม่มี ตะวันกับทานตะวันหรออออออ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 11-02-2015 23:42:54
 :impress2:
อิ๊อิ๊ ตอนพิเศษจะมาตอนเดียวหราาาาาาาา
ยังขาดน้องตะวันแบบรวมครอบครัวนะคะ
จัดมาอีกนะคะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 12-02-2015 00:07:49
มีความสุข~~~  :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 12-02-2015 00:17:16
นี่ล่ะ ความสุข
แต่เอ๊ะ ตะวันหายไปไหนน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 12-02-2015 00:57:36
 :กอด1: ถึงจะมาสั้นๆ เราก็ดีใจ อยากเห็นโมเม้นหวานๆ ของปิงปองและซันบ่อยๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-02-2015 01:37:48
เขิแทนปิงปอง อยากไปอยู่ในงาน
รักมากๆเลย
คิดถึงตะวันด้วย   :L1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 12-02-2015 01:40:39
ขอบคุณคะ ความรัก=ความสุขจริงๆ
รอความสุขตอนต่อไปจากวันวาเลนไทน์  :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilluaZoaldyeck ที่ 12-02-2015 03:16:47
เข้ามาอ่านตอนที่จบแล้ว

สนุกมากกกกกก  ภาษาดี แต่คำผิดเยอะไปหน่อย  555555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nayagirl86 ที่ 12-02-2015 09:09:21
อ่านจบแล้วว อ่านติดต่อกันสองวันแทบไม่วาง
อย่าลืมตอนพิเศษของตะวันกับน้องทานนะค่าาา คนเขียนสัญญาแลัวนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 12-02-2015 09:43:37
ยังไงก็ขอรุ่นลูกด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เอาตอนพิเศษหวานๆมาให้อ่านค่ะ
เป็นกำละฝังใจให้เสมอ  :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 12-02-2015 14:51:24
รอน้องตะวันกับครอบครัวอบอุ่นนะครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 12-02-2015 16:56:14
ตามมาอ่านจากห้องแนะนำนิยาย

เป็นนิยายที่ดีมากๆเลยค่ะ ทั้งภาษา การดำเนินเรื่อง
 o13 o13 สนุกมากกกกกก คิดไม่ผิดเลยที่เข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 12-02-2015 16:56:28
 :L2: กิ๊บก๊าว รอ~
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-02-2015 19:01:08
หวานซะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nonnon04 ที่ 12-02-2015 19:34:52
อ่านจบรวดเดียว รู้สึกเป็นนิยายที่ประทับใจมากๆ คำบรรยาย เนื้อเรื่อง อารมณ์ ขอบคุณที่มีนิยายเรื่องนี้ให้ได้อ่านนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 12-02-2015 20:38:57
มีความสุขด้วยเลยค้าบบบบ :o8:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 13-02-2015 01:35:05
ติดงอมแงม
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-02-2015 07:22:59
รอพิเศษใส่ไข่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 13-02-2015 08:58:54
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 13-02-2015 09:27:04
 :pig4: เป็นเนื้อเรื่องที่ดีให้แง่คิดหลายอย่าง ชอบค่ะดีใจที่จบแบบมีความสุข
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 13-02-2015 16:02:52
สนุกมากกกกกกกกกก
ขอบคุณที่เขียนเรื่องที่สนุกๆแบบนี้นะคะ

รอตอนพิเศษต่ออ~~ >.<
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 13-02-2015 20:53:04
เพิ่งตามมาอ่านแบบรวดเดียวจบ สนุกมากเลยค่ะ รอตอนพิเศษนะค้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 14-02-2015 01:14:25


ตอนพิเศษ Valentine's Day



เทศกาลแห่งความรักทำเอาทั่วทุกพื้นที่ครึกครื้นขึ้นทันที ทั้งๆที่ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิมของประเทศชาติแต่งานรื่นเริงนั้นไม่จำกัดชนเผ่า ขอแค่สร้างความสุข ก่อเกิดความรักและสามัคคีไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ถือเป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้น

ร่างเพรียวของตะวันเองก็เช่นกันที่ดูเหมือนจะกำลังเกิดอาการเขินอายกับสิ่งที่เกิดตรงหน้า ใบหน้าขาวเรื่อขึ้นสีเมื่อเขาสั่งตัวเองให้เดินเข้ามาในร้านขายดอกไม้แบบสุ่มเลือกเอาจากที่ข้างถนนที่เต็มไปด้วยร้านแบบนี้

“ดอกละเท่าไรครับ”เอ่ยถามกับแม่ค้ารุ่นราวคราวเดียวกับพ่อปิงปอง แม่ค้าหันมายิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะชวนคุยอย่างสนิทสนมตามอัธยาศัยเพราะเห็นหนุ่มรูปหล่อเข้ามาซื้อดอกไม้มันแปลกตาเกินไป ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆสาวๆเสียมากกว่า

“ดอกละร้อยจ้ะพ่อหนุ่ม ว่าแต่ซื้อไปให้ใครจ้ะ ไม่น่าเชื่อนะเนี่ยรูปหล่อๆอย่างพ่อหนุ่มจะซื้อดอกไม้ไปให้สาวๆ คิดว่าจะเป็นคนรับซะมากกว่า”ตะวันยิ้มแหย่กับคำชวนคุย ปากบางขมุบขมิบบ่นเรื่องราคาที่แพงจนอยากจะเดินหนีออกจากร้านทันที

...กุหลาบบ้ากุหลาบบออะไร ดอกละร้อย ให้ตายก็ซื้อไม่ลง...

แต่ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่ซื้อแต่ตะวันก็หยิบดอกกุหลาบแดงก้านยาวที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ตามกลีบดูชุ่มช่ำน่าดอมดมขึ้นมาหนึ่งดอกพร้อมส่งธนบัตรแบงค์ร้อยให้แม่ค้าแล้วรีบเดินออกไปทันที ที่ซื้อก็เพราะเข้าใจได้ว่าวันนี้มันเป็นวันพิเศษ พ่อค้าแม่ค้าก็คงถือโอกาสตักตวงได้แค่วันเดียวเลยพอจะหยวนๆไปให้


...วันวาเลนไทน์ทั้งทีนี่นะ...


ตะวันได้ดอกไม้ตามที่ตัวเองตั้งใจก็เดินกลับเข้าไปในซอยไม่ไกลก็ถึงที่ตั้งของอู่ของตัวเอง เขาใช้พื้นที่เก่าของบ้านสมัยอยู่กับพ่อปิงปองแค่สองคนเปิดเป็นอู่ซ่อมรถ และเมื่อไม่นานมานี่ก็ซื้อที่ข้างๆพร้อมขยายเพิ่มเป็นคาร์แคร์อีกหนึ่งอย่างพร้อมเสร็จสรรพ

“จุ๊กกรู๊ นายช่างใหญ่หน้าบานยิ้มแป๊นมาพร้อมดอกกุหลาบหนึ่งดอก ใครให้มาเหรอครับท่าน”เข้ามาในส่วนของอู่ได้ไม่เท่าไร หัวหน้าคนงานที่เปรียบเสมือนมือขวาของตะวัน ซ้ำยังเป็นทั้งรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็ร้องเอ่ยปากแซวตามนิสัยและความเอ็นดูจากที่ได้เห็นกันมาหลายปี

“หุบปากหุบตูดไปครับพี่พอล งานมีไม่ทำ ก็อย่าหวังว่าเย็นนี้จะได้ไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับเมียพยาบาลนะครับ ดีไม่ดีแซวมากงานจะลากยาวอดกลับบ้านอด...นะครับ”เป็นคำขู่ที่เจ้าของอู่พูดไปยิ้มหน้าแป้นไปจนคนที่ไม่รู้จักจริงๆคงคิดว่าพูดเล่น

แต่เปล่า ตะวันทำจริงแน่ๆถ้าไม่หยุดแซว

“แค่นี้ทำขู่นะไอ้ลูกหมา เออ ไม่แซวก็ได้ครับ ไม่ใช่ว่ากลัวนะ แต่แค่เป็นคนทุ่มเทกับงานเว้ย!”ลูกน้องพูดฉุนเฉียวแล้วหันกลับไปเร่งรัดทำงานต่อด้วยหวังจะให้เสร็จทันเวลาเย็น ตะวันเห็นแบบนั้นก็หัวเราะขำขันอารมณ์ดีขึ้นอีกเท่าตัว

ก่อนที่จะก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือและพบว่าตอนนี้เวลาเลยเที่ยงวันมาสองชั่วโมงกว่าๆแล้ว หัวก็พาลคิดถึงเพื่อนคนสำคัญที่ใจรับรู้ว่าใครคนนั้นสำคัญเกินกว่าเพื่อนสนิทไปแล้ว รอแต่เพียงเวลา...ให้เลื่อนสถานะ

“ฮัลโหล...ทำไรอยู่”ตะวันเอ่ยถามปลายสาย ฟังจากเสียงรอบๆเหมือนว่าอีกฝ่ายยังอยู่ในโรงพยาบาล มีเสียงประกาศแว่วๆมาตามสาย

“กำลังจะขึ้นวอร์ด มีไรป่าว”เสียงของคนคุ้นเคยตอบกลับมาเรียบๆ แถมถามคำถามที่ทำเอาปากบางกระตุกอย่างหมั่นไส้พลางคิดประชดประชันอีกฝ่ายว่าทึ่มว่าสมองทึบทั้งๆที่เป็นหมอแท้ๆ

“เลิกกี่โมง มีนัดกับใครเปล่า เย็นนี้พ่อปิงปองทำบาร์บีคิว”

“หู้ย ของโปรดมึงอีกแล้วซิ”ทานตะวันหัวเราะร่า เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังดีใจที่จะได้กินของโปรดของตัวเอง

“ว่าแต่เนื่องในโอกาสอะไร?”

“...ไอ้หมอโง่”ตะวันอดสบถออกมาไม่ได้เบาๆ พร้อมกรอกตาขึ้นข้างบนอย่างหน่ายๆ

“ห๊ะ อะไรนะ?”และดูเหมือนปลายสายจะไม่ได้ยินหรือได้ยินไม่ชัดเท่าไรนัก หนุ่มตาคมถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความทึ่มเสมอต้นเสมอปลายในสองเดือนตั้งแต่ที่มันกลับเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ

“วันวาเลนไทน์ไง พ่อกูอยากจัดตามประสาคนเลิฟๆกัน ทำไม? ทำงานจนไม่รู้หรือไงว่าวันนี้วันอะไร”

“ฮ่าๆ อ่อๆ”อีกครั้งที่ปลายสายหัวเราะขำ ที่จริงทานตะวันไม่ได้ลืมและไม่ถึงขั้นว่าไม่รู้ว่าวันนี้วันอะไร เพราะตั้งแต่เช้าเขาก็ได้ของขวัญมาหลายกล่องทั้งจากคนในและนอกโรงพยาบาล เลยรู้แล้วว่าวันนี้วันอะไร ก็นึกอยู่ในใจว่าทำงานเสร็จจะชวนเพื่อนสนิทไปหาร้านอาหารกินกันอยู่

ถึงแม้อาจจะถูกตะวันมองแปลกๆ...ที่มาชวนกินข้าวในวันแบบนี้...แต่ทานตะวันก็อดไม่ได้ที่จะห้ามไม่ให้ใจอยากจะทำแบบเดิมๆที่ทำอยู่ในทุกปี

“ว่างป่ะละ หรือว่ามีใครนัดหรือเปล่า?”ปลายประโยคดูจะเงียบและเบาลงทันตา แต่คุณหมอก็ยังพอได้ยินและจับใจความได้

“ว่างดิ มึงเหอะต้องออกไปกับใครหรือเปล่า กับคุณอาจารีอะไรนั้นอ่ะ?”

“ก็บอกว่าเลิกแล้วไง จำได้จำดีเนอะมึงอ่ะ”ตะวันโวยวายกลบเกลื่อนเรื่องเมื่อสองเดินที่แล้วที่เผลอสร้างแผนการแปลกๆออกมาจนทำให้ทุกอย่างวุ่นวายและดูไม่ลงตัวแบบในวันนี้

“เอ๊า กูเป็นหมอนะ ความจำกูดีอยู่แล้ว...โดยเฉพาะเรื่องของมึงอ่ะ กูไม่ลืมหรอก”พอฟังจากในโทรศัพท์เลยไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทผิวแทนที่เรียกติดปากว่าไอ้ดำทำสีหน้ายังไงอยู่

ก็รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นรักใคร่ตัวเองอยู่แท้ๆ แต่ดันหาเรื่องสร้างฉากให้เพื่อนต้องเข้าใจผิด ถ้าไม่ได้คำพูดของพ่อซันมาสอนล่ะก็ กว่าตะวันจะคิดออกก็ไม่รู้ว่าไอ้ดำของตัวเองจะเจ็บแบบนั้นไปอีกเท่าไร

...ตะวัน...รู้มั้ยตอนที่พ่อรู้ว่าตัวเองรักพ่อปิงปองของลูกแต่ลูกกีดกันไม่ให้พ่อรักเขาพ่อเจ็บในใจขนาดไหน...อาจจะเว่อร์เกินไปแต่พ่อพูดตรงๆเลยว่าตอนนั้นพ่อแทบอยากจะหายไปจากโลกนี้ คิดดูนะตะวัน...พ่อรู้ตัวว่ารักปิงปองเขาไม่นานแต่ก็รู้ตัวทันทีว่าผิดหวังเพราะลูกไม่ยอมรับ แต่คุณหมอทานตะวันเขารักลูกมานาน...แล้วถ้าเขาผิดหวังเพราะคิดว่าลูกมีคนอื่นเขาจะเจ็บขนาดไหนกัน?...

คำพูดของพ่อซันที่ตักเตือนเขาไปทั้งๆที่พ่อไม่ใช่คนที่จะพูดอธิบายอะไรยาวๆแบบนั้นเลยซักนิดทำให้ชายหนุ่มสำนึกและพยายามหาทางออกอยู่ในตอนนี้...


พยายามเคลียร์ตัวเองให้หมดทุกอย่างจากเรื่องที่ปั้นแต่งขึ้นมาหลอกล่อให้อีกฝ่ายเผยความในใจแต่ก็ไม่สำเร็จ


แต่ตะวันก็คือตะวัน เด็กเอาแต่ใจ อารมณ์ร้อนและทิฐิสูง


เรื่องจะให้พูดสิ่งที่คิดก่อน...ไม่มีทางจะเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะแบบนั้นเลยต้องทำตัวเองให้คู่ควรเข้าไป


คู่ควรที่จะได้ยินคำว่า ′รัก′ เต็มๆจากปากของทานตะวัน



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



ภายในบ้านหลังใหญ่ของตระกูลเรืองรัตนโยดมกำลังสังสรรค์เฮฮาด้วยความสนุกสนาน ถึงแม้จะมีผู้ร่วมงานเพียงไม่กี่คนและเป็นเพียงแค่วันเทศกาลที่ไม่ได้ถือเป็นสำคัญอะไร แต่คนที่เป็นแม่งานต่างๆของบ้านนี้ก็พยายามหาเรื่องสนุกๆมาทำให้บ้านหลังนี้มีสีสันได้ตลอดเวลา

ร่างบางของอดุลย์กำลังก้มๆเงยๆอยู่หน้าเตาบาร์บีคิวช่วยกันปิ้งย่างของที่ลงมือเตรียมมาเองกับมือกับป่านและดาว สองสาวรับใช้ประจำบ้านหลังใหญ่โต

“ดาวกำลังจะตายค่ะคุณปิงปอง”จู่ๆสาวใช้น้องเล็กของบ้านก็โอดคราญขึ้นมาเรียกความสนใจของเจ้านายของบ้านหันกลับไปมอง

“วันวาเลนไทน์ แต่ดาวเป็นคนเดียวที่ไม่มีคู่ ฮืออ...ขนาดคุณหนูยังพกคุณหมอทานมาเย้ยหยันคนโสดเลย”อดุลย์หัวเราะขำคนที่แสร้งทำเป็นเสียใจ แต่ไม่มีมีน้ำตาซักหยด

“ดาวยังสาว ยังสวยรีบไปทำไมกัน”คำของชายที่ใกล้คำว่าชรามากขึ้นทุกทีเอ่ยบอก แต่ถึงอย่างนั้นอดุลย์ก็ยังดูดี อาจเพราะเป็นคนตัวเล็กร่างบางจนคล้ายเด็กตลอดเวลา บวกกับช่วงหลังจากที่เปิดสำนักพิมพ์มีเหตุให้ต้องออกงานคู่กับรพีบ่อยๆเลยต้องกลับมาดูแลตัวเองอีกครั้ง

แล้วก็เผื่อแผ่ไปถึงคนรักที่อายุมากกว่าตัวเองอย่างรพีด้วย

“โอ้ยคุณปิงปองค๊า นี่ดาวเลขสามแล้วนะคะ จะบอกว่าดาวใกล้หมดสาวยังเข้าท่ากว่า”อดุลย์หัวเราะร่าอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดจนลืมสังเกตุด้านหลังว่ามีคนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ตัวเองจนหลังแนบชิดนั้นล่ะถึงรู้ตัว

“หัวเราะอะไรกัน?”เสียงเข้มแต่ไม่ดุเอ่ยขึ้น อดุลย์หันกลับไปมองรพีและยิ้มอ่อนๆให้ ก่อนจะปล่อยตัวเอนหลังพิงคนด้านหลังอย่างเคยชิน ไม่ได้ขัดเขินกับลูกน้องสองคนข้างหน้าเท่าไร เพราะเห็นแบบนี้มาเป็นสิบปีจนชินแล้ว

และคนที่ทำทั้งสองคนก็ไม่รู้จะเขินอายกันไปอีกทำไม ด้วยอายุที่เกินครึ่งชีวิตมามากโข ไม่อยากเก็บกักความรู้สึกอะไรเอาไว้จนรู้สึกเสียดายเมื่อเวลาผ่านพ้นไปแล้ว

“ดาวบ่นเรื่องแฟนตามเคยครับ”

“เรื่องมากน่ะสิ เห็นคนรถของวัชรที่บริษัทจีบอยู่ไม่ใช่เหรอ แต่ก็ไม่เอา เล่นตัว”คำปรามาสไม่จริงจังของเจ้านายทำเอาดาวหน้าขึ้นสีด้วยความเขินอาย บวกกับทั้งอดุลย์และป่านที่อยู่บริเวณนั้นหัวเราะสมทบยิ่งหน้าแดงอายไปกันใหญ่

“อาหารหมดหรือยังครับ?”อดุลย์เปลี่ยนเรื่องถามคนด้านหลังพร้อมพลิกไม้เนื้อบาร์บีคิวในมืออย่างชำนิชำนาญ

“เปล่า ยังไม่หมด เธอก็มาทานได้แล้วปล่อยให้เด็กๆทำไปก็ได้ ไปช่วยดูลูกหน่อยงอนหมอทานตะวันจนหน้าบวมหมดแล้ว”คำพูดของรพีทำให้อดุลย์ต้องหันหน้าไปมองตะวันที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารที่นำออกมาวางไว้กลางสวนกว้างหน้าบ้าน

หน้าลูกชายตอนนี้กำลังอมลมจนแก้มป่องๆกลมหนักกว่าเดิม...ท่างอนประจำตัวของคุณหนูของบ้านเขาล่ะ

“น้องทานทำอะไรให้โกรธเหรอครับ”พูดเสียงกลั้วหัวเราะ อดขำลูกชายไม่ได้ที่มีท่าที่แบบนั้น

“พอดีมีโทรศัพท์โทรเข้าเครื่องหมอทานตะวัน หมอเขาพูดบนโต๊ะนั้นล่ะชั้นก็ได้ยิน...คงเป็นคนที่โทรมาสวัสดีวันวาเลนไทน์ล่ะมั้ง เห็นฝ่ายนั้นบอกขอบคุณ เช่นกันอะไรแบบนี้”รพีเล่าเท่าที่ได้ยินและประติดประต่อเรื่องเอาเอง เขาละอดุลย์รู้ว่าลูกคิดยังไงกับเพื่อนสนิท เพราะตะวันบอกกับพวกเขาเอง

แม้จะภายนอกอยากจะช่วยให้ลูกชายสมหวังในความรักมากก็ตามที

แต่ยังมีความลับที่ลูกชายตัวดีไม่รู้...พ่อที่แสนรักนักรักหนาของตัวเองกำลังแก้เผ็ดลูกชายอยู่

คนรักลูกหลงลูกอย่างรพีก็ดูจะพูดอะไรไม่ได้เพราะมันเป็นคำสั่งของคนที่เป็นเจ้านายเขา

...อดุลย์...หุ้นส่วนใหญ่ในสำนักพิมพ์ของพวกเขาสองคน โดนขู่มาว่าถ้าบอกตะวันเขาจะโดนไล่ออกทันที ร่างสูงนึกขำเมื่อคิดถึงตอนที่โดนขู่ด้วยตากลมๆหน้ากลมๆน่ารักนั่น...


ฟอด


“อ๊ะ...อะไรครับ จู่ๆก็หอมกันแบบนี้”ไม่ได้กระโตกกระตากอะไรมากแค่สะดุ้งตกใจที่จู่ๆก็โดนหอมที่แก้มด้านซ้ายแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

“หมั้นเขี้ยว เห็นลูกหนักใจแล้วยิ้มขำแบบนี้ มันน่าให้ลูกรู้เสียจริงๆ”พูดด้วยเสียงเบาๆ ยกมือขึ้นมารัดเอวบางแน่นๆระบายความอัดอั้น ปากหนาก็ยังคงคลอเคลียอยู่ข้างหูไม่ห่าง ทำเอาบรรยากาศหวานเข้ากับเทศกาลจนคนที่เห็นมาบ่อยอย่างคนในบ้านอย่างป่านและดาวยังหน้าขึ้นสีระเรื่อ

“อย่านะครับ ไม่งั้นคุณตกงานน้า ตกงานไม่มีเงินใช้หมดตัวนี่ ผมทิ้งคุณเลยนะบอกเลย”คำพูดเย้ายวนของร่างบางส่งให้รพีหัวเราหึหึในลำคอด้วยความเอ็นดูในคำพูดของอีกฝ่าย

“ทิ้งกันลงเหรอ?”เสียงยืดยานราวคนกำลังอ้อนของร่างสูง พร้อมกับแรงพลิกตัวให้คนในอ้อมกอดหันมาเผชิญหน้ากัน อดุลย์หลบตาดุที่ดูหวานเชื่อม แต่ก็ถูกมือของอีกฝ่ายจับปลายคางให้หันกลับมา พร้อมๆกับใบหน้าที่เลื่อนลงมาช้าๆ










พ่อ!!!”เสียงตะโกนเรียกทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองสะดุ้งแล้วผละออกจากกันทันที ก่อนจะมองกลับไปที่ลูกชายที่หน้าตาบูดบึ้งแสดงอารมณ์ที่ไม่ดีเท่าไร

“หิว!! ของหมดแล้ว มัวแต่หวานกันอยู่ได้ จีบกันทำไมอยู่ด้วยกันมาตั้งเป็นสิบปีแล้วจะจีบกันทำไมอีกอ่ะ!!”ประโยคโวยวายของลูกชายที่ไม่ได้ทำให้สองพ่อโกรธที่มาขัดจังหวะหวานอะไร อดุลย์ส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะเดินเข้าไปหาลูกชายที่ตอนนี้สูงจนเขาอยู่แค่ปลายจมูกของอีกฝ่ายเท่านั้น

“หิวก็ไปหยิบตรงพี่ป่านซิตะวัน”มือบางยกขึ้นลูบศรีษะด้วยความลำบากนิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นท่าทีอดุลย์ชอบทำและตะวันก็ชอบให้ทำ พอโดนพ่อลูบหัวหน่อยก็เหมือนอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แววตากร้าวด้วยความฉุนเฉียวเมื่อครู่จางลงก่อนที่ร่างเพรียวจะเข้าไปกอดพ่อปิงปองดังหมับ

“ก็พี่ป่านปิ้งไม่อร่อยเท่าพ่อปิงปองนี่ครับ”

“อะไรกันน่ะเหตุผลแบบนี้ ฮ่าๆ”อดุลย์หัวเราะขำกับที่ตะวันบอก ตะวันยู่หน้าที่โดนพ่อหัวเราะใส่

“พ่อซันบอกพ่อมาว่าตะวันงอนน้องทาน?”

“...เปล่างอน”ปฏิเสธเสียงเบา แต่ก็โดนตากลมโตของผู้เป็นพ่อจ้องมองอย่างรู้ทัน

“...ก็...งอนมั้งครับ...นิดนึง”ในที่สุดก็ยอมรับ อดุลย์ยิ้มเลื่อนหน้าไปหอมเบาๆที่หน้าผากกลมมนของลูกชาย

“เรางอนแบบนี้แล้วน้องทานเขารู้หรือเปล่าลูก? อยู่ๆเราก็งอนเขา ไม่ใช่ว่าไปทำท่าทางแบบที่ทำกับพ่อใส่น้องทานด้วยหรอกนะ”อดุลย์พูดพร้อมดูปฏิกิริยาของคนในอ้อมกอด และคงเป็นจริงๆดังที่เขาสันนิฐาน

“ตะวันชวนน้องทานมาที่บ้านนะ แล้วจู่ๆทำท่าทางไม่น่ารักใส่น้องทาน ถ้าน้องทานเขาใจว่าลูกเกลียดเขาจะแย่เอานะครับ หรือตะวันอยากให้เป็นแบบนั้น?”ตะวันเกร็งตัวเมื่อได้ยินว่าจะถูกเกลียดและส่ายหน้าลงกับบ่าของอดุลย์

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาอาหารไปเพิ่ม แล้วพูดกับน้องทานเขาดีๆนะ แล้วจะดีมากเลยถ้าตะวันพูดความรู้สึกตัวเองไปด้วย”

“บอกรักในวันวาเลนไทน์น่ะ...โรแมนติกนะ”อดุลย์บอกขำ แล้วกอดกับลูกชายตัวโตอีกสักพักก่อนที่ตะวันจะเป็นฝ่ายผละออกไปหยิบจานเนื้อบาร์บีคิวที่สุกแล้วที่อยู่ใกล้ๆ แต่ก่อนไปยังหันกลับมาพูดกับพ่อด้วยเสียงที่แน่วแน่จนอดุลย์ต้องส่ายหน้าอย่างระอา

“...ตะวันจะกลับไปคุยกับไอ้ดำดีๆ...แต่เรื่องบอกรักน่ะ ไม่มีทาง...ตะวันยังยืนยันคำเดิม”



“ยังไงซะ ไอ้ดำต้องสารภาพรักกับตะวันก่อน”



“เฮ้อ...ลูกนะลูก”ร่างบางถอนหายใจหนักพลางมองยิ้มๆให้หลังของลูกชายที่เดินออกไปเมื่อครู่

“ผลจากที่เธอตามใจแกมากไง”เสียงเข้มข้างหลังเอ่ยบอก อดุลย์หันกลับไปมองทันทีพร้อมกับเบะปากใส่คนพูด

“อย่าว่าผมนะ คุณมากกว่าที่ทำลูกเสียคน อย่านึกว่าผมไม่รู้นะว่าคุณให้ทายอะไรตะวันบ้างตั้งแต่แต่ก่อนแล้ว”พอโดนกล่าวหารพีเองทำหน้านิ่งไม่สนใจ หันหน้าหนีอีกฝ่ายทันทีเพราะที่อดุลย์พูดมามันเป็นความจริง

...ก็รพี...กลัวตะวันไม่รัก เลยไม่อยากจะขัดใจอะไรลูกเท่านั้นเอง

“เรื่องมันแล้วไปแล้ว เธอก็อย่าใส่ใจเลย”รพีพยายามเปลี่ยนเรื่อง คว้าคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง

“เพราะคุณไม่สนใจน่ะสิ ลูกเลยเอานิสัยคุณไปเต็มๆเลย แข็งกระด้างทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะครับ”คำพูดเสียดสีของคนในอ้อมกอดทำเอาหัวเราะออกมาได้ง่ายๆ ไม่บ่อยนักที่จะเห็นอดุลย์อารมณ์บูดแบบนี้

“ตะวันยังเด็ก มีเวลาให้ปรับปรุงตัวอีกนาน...ดูอย่างชั้นซิ แต่ก่อนอาจจะแข็งกระด้างอย่างที่เธอพูดก็จริง แต่ตอนนี้ชั้นไม่ใช่แบบนั่นแล้วนะปิงปอง”เสียงเบาๆพูดข้างหูเหมือนคำสะกดให้อดุลย์ต้องตั้งใจฟังในทุกคำพูด

“แต่ตอนนี้ชั้นว่าชั้นเป็นผู้ชายโรแมนติกนะ”บทพูดที่ฟังไม่เข้าใจจนเผลอมองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังยิ้มแย้มด้วยความสุข

“ฉันรักเธอ”


...บอกรักในวันวาเลนไทน์น่ะ...โรแมนติกนะ...


อดุลย์ยิ้มเมื่อได้ยินคำบอกรักที่เชื่อมโยงกับคำพูดของตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นาน มือบางของตัวเองยกขึ้นคล้องคอของรพีเอาไว้ พร้อมๆกับเขย่งปากเท้าขึ้นนิดหน่อยมอบจูบแสนหวานให้กับผู้ชายโรแมนติก

“โรแมนติกกับผมคนเดียวกับพอนะครับ”คำออดอ้อนของร่างบางตรงหน้าทำให้อดใจไม่ไหว มอบจูบที่แสนหวานล้ำลึกอีกครั้งลงที่ปากบางๆนั่นก่อนจะผละออกมายิ้มกว้างให้และเอื้อนเอ่ยบอกคำสัญญา




“แน่นอน...เพราะชั้นจะบอกรักในวันวาเลนไทน์กับแค่เธอเท่านั้น”







# ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เห็นมีคนบอกว่ามาจากนิยายแนะนำเลยลองเข้าไปแว่บดู
ขอบคุณที่เอาเรื่องนี้ไปแนะนำนะคะ ซึ้งใจจริงๆ

ความจริงตอนพิเศษของวันวาเลนไทน์สำหรับเรื่องนี้ทำเอาคิดมากไปเลยค่ะ
แบบว่าคุณรพีคุณอดุลย์ ดูแก่มีอายุเกินกว่าจะมาอะไรในวันวาเลนไทน์
นี่พลัสคิดจริงๆนะคะว่าถ้าเป็นเข้าพรรษา ออกพรรษา มาฆะ อาสา วิสา ทอดกระฐินทอดผ้าป่า ปิดทองลูกนิมิต
อะไรเทือกๆนั้นคงจะเขียนได้ไงง่ายกว่า  :ruready
ปล เรื่องคำผิด...เอ่อ...ยอมรับค่ะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ [ 11 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oily61 ที่ 14-02-2015 01:15:34
ขอบคุณนะคะ สำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ ประทับใจมากค่ะ 
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 14-02-2015 08:15:27
แหม พ่อซันนนนนน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 14-02-2015 08:30:19


ขอบคุณๆๆๆ เรื่องราว พิเศษๆๆ ใน Valentine's Day

ความรักงดงามๆๆๆ ของ พ่อซัน พ่อปิงปอง

น้องตะวัน กะ หมอตัวดำ  :o8:

ใน วัน แห่งความรักนี้นะครับ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 14-02-2015 10:44:07
พ่อซันพ่อปิงปองหวานไม่เกรงใจคู่ลูก
ก็คู่ลูกยังท่ามากอยู่
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 14-02-2015 10:53:38
 :-[ อ๊ายยพ่อๆเค้าหวานซึ้งกันน่าดู ตะวันอย่าทิฐิเดี๋ยวหวานสู้พ่อไม่ได้น้า
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 14-02-2015 11:39:31
ให้สามคำ

หวาน! มด! ตาย!
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 14-02-2015 11:45:53
พ่อซันพ่อปิงปองหวานจนวัยรุ่นยังอาย
น้องตะวันก็เล่นตัวอะนะ น้องทานตะวัน อย่ามัวแต่ปากแข็ง
รีบบอกรักเร็วๆนะ น้องตะวันรออยู่
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 14-02-2015 12:37:43
โอ้โห รุ่นพ่อนี่หวานเยิ้มเลยไง มดพากันวิ่งเล่นทั่วเล้าแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 14-02-2015 14:13:49
อยากอ่านคู่ลูกๆแว้วววววววววววว
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 14-02-2015 16:02:49
 :-[ :-[ อร้ายยยย ย ย หวานเชื่อม เขินคู่คุณพ่อ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 14-02-2015 16:25:58
อยากอ่านคู่ลูกแล้วอ่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 14-02-2015 17:34:38
คู่พ่อหวานเป็นตัวอย่างแล้วนะ ชอบ   :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 14-02-2015 19:37:20
ตะวันอย่าเล่นตัวนักสิ   ขี้เก๊กเหมือนพ่อจริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-02-2015 20:10:06
หวานกัันอีกแล้ว อิจฉาไหมน้องทาน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 14-02-2015 20:27:22
กรี๊ดดดดดดดดดด
Moment วันวาเลนไทน์ พ่อปิงปองกะพ่อรพีหวานไม่สร่าง น่าอิจฉาสุดๆ  :ling1:
ส่วนคุณน้องตะวันนี่น่ารักน่าหยิกนะคะเนี่ย
รออ่าตอนพิเศษต่อๆไปนะคะ
ขอบคุณค่ะ นิยายเรื่องนี้สนุกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 14-02-2015 20:57:47
สิบปีผ่านไปพ่อซันกลายเป็นผู้ชายโรแมนติกไปแล้วสินะ  :-[
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-02-2015 12:25:19
ความสุข ความอบอุ่น เต็มพื้นที่ในห้องหัวใจ แม้จะ ห่างหายจากการอ่าน เหมือนน้องพลัส. หรือพลีส น๊อ ที่เพิ่งเริ่มเขียนจนจบ อิอิ ลูกกี่ขวบแล้วคร้าบ พี่ก็มีสถานะเป็นลุงแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 15-02-2015 12:33:58
สนุกมากกกกก ชอบมากเลยค่ะ รักพ่อปิงปองที่สุดเลย
เรื่องนี้ ทำให้เราซาบซึ้งกับความรักของคุณพ่อมาก ๆ ทั้งพ่อปิงปอง พ่อซัน คุณปู่ศูร

โดยเฉพาะพ่อปิงปอง เป็นคนดีเหลือเกิน ทั้งตอนเสี่ยงชีวิตช่วยแม่ของตะวัน ทั้งที่ไม่รู้จัก
รับเลี้ยงดูตะวัน ที่แม้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่รักและให้ความสำคัญกับตะวันมากที่สุด
ความสุขของลูก เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งกว่าความสุขของตัวเอง พ่อแม่แท้ ๆ บางคน
ยังรักลูกตัวเองได้ไม่ถึงเสี้ยวของพ่อปิงปองด้วยซ้ำ แม้ว่าบางครั้ง เหมือนพ่อปิงปอง
จะตามใจตะวันมากเกินไป แต่ที่ทำให้ตะวันไม่กลายเป็นเด็กเสียคน ก็เพราะการอบรมสั่งสอน
ของพ่อปิงปองเช่นกัน ได้คนดี ๆ อย่างพ่อปิงปองเลี้ยงมา มีหรือตะวันจะไม่ได้ซึมซับความดีเหล่านั้น

ส่วนตะวัน ที่ชื่นชมเด็กอายุแค่นี้มาก ก็คือเรื่องที่ ยอมรับสิ่งที่พ่อเป็นได้ ตอนที่พ่อปิงปอง สารภาพ
ว่าเคยเป็นคนที่ถูกเรียกว่า กระเทย มาก่อน เรากลัวว่าตะวันจะรับไม่ได้แล้วทำให้พ่อปิงปองเสียใจมาก
แต่ตะวันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไม่ว่าพ่อปิงปองเป็นยังไง ตะวันก็รัก ความรักที่ตะวันมีให้พ่อปิงปอง
ก็ไม่น้อยกว่าที่พ่อปิงปองมีให้เลย ถึงบางครั้งจะหมั่นไส้ความเอาแต่ใจของตะวันบ้าง แต่เรื่องนี้ ชื่มชมจริง ๆ นะ

มาเม้นเรื่องนี้ก่อน ตอนที่จบแล้ว เพราะกำลังจะไปตามอ่านเรื่อง ทาน ตะวัน ค่ะ
เห็นว่าเป็นเรื่องต่อจากเรื่องนี้ ก็เลยมาอ่านเรื่องนี้ก่อน ไม่ผิดหวังเลย รักพ่อปิงปองกับพ่อซันจัง  :กอด1:
จะไปตามติดความรักของพ่อ ๆ ต่อ ในเรื่องของลูกตะวัน กับน้องดำ เอ๊ย น้องทาน นะจ้ะ

ขอบคุณคนเขียน สำหรับนิยายดี ๆ ที่น่าประทับใจเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ   :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 16-02-2015 02:25:14
 :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 17-02-2015 08:03:48
อบอุ่น ละมุน ซึ้ง พ่อปิงปองพ่อซัน ตะวันน้องทาน ปู่ศูร พี่วัช
ชอบทุกคนเลย รวมนายการินที่คิดได้ด้วยนะ แอบจิ้นกะปู่ศูรแหละ อิอิ
ตามไปอ่านภาคน้องตะวันน้องทานต่อล่ะ ขอบคุณคุณนักเขียนสำหรับนิยายนะค้าาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 18-02-2015 12:44:01
สนุกมากๆ

เพิ่งได้อ่านจบ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 18-02-2015 22:17:54
อยากจะบอกว่า ไปอยู่ไหนมาเพิ่งได้อ่าน
แต่คุณคนเขียนจ๋าการตั้งชื่อเรื่องก็สำคัญนะ สารภาพตรงๆ ชื่อเรื่องไม่สะดุดใจเลย
จนได้อ่าน แทบกรี๊ดร้อง อย่างข้างต้น เสียน้ำตาไปหลายหยดเลย  ทุกคนมีเหตุผลรองรับการกระทำ ชอบเรื่องนี้จัง อยากอ่านตอนพิเศษเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: schneesturm_fubuki ที่ 19-02-2015 15:33:20
ดีใจจังที่หลงเข้ามาเจอ ปกติจะอ่านแต่แนวตบจูบ คุณคนแต่ง วางโครงเรื่องดี ใช้ภาษาดี
อ่านแล้วมีความสุขค่ะ ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อแรกที่แต่งรึเปล่า ถ้ามีเรื่องอื่นๆเดี๋ยวจะตามไปอ่านต่อนะคะ

ขอบคุณสำหรับนิยายที่อ่านแล้วอมยิ้มเรื่องนี้ค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-02-2015 07:55:06
น้องตะวันนี่น่าตีจริงๆ5555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 22-02-2015 12:36:27
ตะวันนี้ก็ปากแข็งจังเลย :katai5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 23-02-2015 01:26:16
กว่าจะหวานกันได้เสียน้ำตาไปหลายตุ่ม

แต่บทจะหวาน ก็หว๊านหวานกันจนน่าอิจฉา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 24-02-2015 00:14:21
บทจะน่ารักก็น่ารักมากเลยนะซัน :bye2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 24-02-2015 10:43:00
วันมาฆบูชา ที่จะถึงนี้
จะมีตอนพิเศษของพ่อซันกับพ่อปิงปองไหมคะคนเขียน
คิดถึงจัง อยากอ่านคู่คุณพ่ออีกเยอะ ๆ เลย  :impress:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 28-02-2015 02:11:52
ไม่ได้มาอ่านนานเลย แหะๆ

พ่อรพีน่ารักขึ้นทุกวัน หวานมดไต่ขนาดนั้นลูกจะหมั่นไส้ก็ไม่แปลกหรอกนะคะ 5555

ตอนจบกับตอนพิเศษน่ารักมาก แบบว่ากรี๊ดแตกเลยค่ะ >////<

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ Valentine's Day [ 14 / 02 / 2558 ]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 04-03-2015 02:36:48
ขอบคุณที่ทำให้อุ่นไปถึงหัวใจ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 04-03-2015 15:17:47



ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา






เสียงสวดทำนองสรภัญญะดังผ่านตามสายกระจายเสียงยามเช้าให้กับผู้คนในละแวกใกล้เคียงได้ยินและร่วมน้อมฟังคำสวดมนต์แม้จะไม่ได้เข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดก็ตาม

ผู้คนมากมายที่กำลังนั่งสงบเสงี่ยมยกมือขึ้นพนม บ้างก็สวดตามเบาๆบ้างก็ฟังเฉยๆเพราะไม่สามารถท่องตามได้ แต่ทุกคนก็ล้วนแต่มารวมกันวันนี้เพื่อจะมาร่วมกันทำบุญตักบาตรในวันสำคัญทางพุทธศาสนาที่ทุกคนนับถือ

วันมาฆบูชา...

สิ้นเสียงสวดมนต์บทสุดท้าย มัคทายกก็บอกผ่านไมค์โครโฟนให้ผู้คนเข้าไปประเคนอาหารที่นำมาถวายให้แก่สงฆ์ ร่างเล็กของอดุลย์และร่างที่สูงกว่าของรพีพร้อมใจกันคลานคุกเข่าเข้าไปและช่วยกันถวายภัตราหารตามแบบพิธี

สงฆ์ที่ได้รับถวายเห็นสองคนก็ยกยิ้มอย่างยินดีให้กับทั้งคู่ ก่อนที่ทั้งสองคนจะค่อยๆคลานกลับเข้าไปนั่งที่เดิมของตัวเอง

ช่วงเวลาที่ปล่อยให้พระสงฆ์ท่านฉันท์อาหารอยู่นั่น ก็มีพระสงฆ์แก่พรรษารูปหนึ่งขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เพื่อจะเทศน์ให้เหล่าผู้คนที่นั่งรอได้รับฟัง

“กลับกันก่อนมั้ยครับ?”ร่างเล็กหันเอ่ยถามคนข้างกายด้วยความเป็นห่วง มาวัดทำบุญแบบนี้จำต้องนั่งพับเพียบกับพื้นนานๆ ถึงบาดแผลของรพีจะผ่านมาเป็นสิบๆสีแล้วก็ตามแต่มันยังมีร่องรอยทิ้งเสมอ บวกกับร่างกายที่แก่ชราลงทุกวันทำให้อดเป็นห่วงสุขภาพมากขึ้นตามไปด้วยไม่ได้

“ไม่เป็นไร รอกรวดน้ำก่อนดีกว่า”เสียงทุ้มเอ่ยบอกให้อดุลย์คลายกังวลแม้ตัวเองจะรู้สึกเสียดที่ข้อเข่าเล็กน้อยแต่ก็ยังอยากอยู่ทำบุญฟังเทศน์ฟังธรรมต่อ

“ไม่ปวดขาใช่มั้ยครับ?”แต่ดูเหมือนว่าร่างบางจะไม่ยอมหายสงสัยและใส่ใจฟังเทศน์เท่าไร คนตาคมระบายยิ้มอ่อนโยนส่ายหน้าบอกคำโกหกสีขาวออกไป ก่อนจะเอ็ดให้อดุลย์ตั้งใจฟังคำที่พระท่านสอนจนทำเอาร่างบางเบะปากใส่

“คุณน้าครับ”เสียงของผู้ชายเอ่ยเรียกอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับแรงสะกิดที่เข่าขวาทำให้รพีต้องหันไปมอง เป็นเด็กผู้ชายน่าอายุเด็กกว่าลูกชายตัวป่วนของพวกเขาเสียอีก

“ครับ?”รพีตอบขานด้วยความสงสัย เด็กที่เรียกเป็นเด็กผิวค่อนข้างขาว ตากลมโตคิ้วเข้มน่าจะสูงพอๆกับอดุลย์

“พอดีผมได้ยินที่คุณน้าคุยกัน...เก้าอี้ด้านหลังว่างนะครับ พวกคุณน้าไปนั่งกันก็ได้นะครับ”เสียงใสเอ่ยบอกอย่างมีไมตรีจิต ชายสูงวัยทั้งสองหันตามมือเล็กๆที่ชี้ไปก็เจอเก้าอี้พลาสติกสีฟ้าว่างอยู่หลายตัว คงเพราะมีหลายคนเริ่มทยอยกลับกันไปบ้างแล้ว

อดุลย์หันมองรพีก่อนจะพยักหน้าตกลงว่าจะไปนั่งบนเก้าอี้ด้วยกันแล้วจึงหันกลับไปหาเด็กหนุ่มน้อยที่แนะนำ

“ขอบใจนะหนู”อดุลย์ขอบใจทั้งน้ำเสียงและใบหน้า รอยยิ้มที่แม้จะยิ้มแล้วจะแสดงร่องรอยแห่งวัยให้ได้เห็นก็ไม่ได้ทำให้คนคนนี้ดูน่ามองน้อยลงแต่อย่างใด ยังคงเป็นยิ้มที่จริงใจเป็นที่สุดอยู่เสมอ

“ผมช่วยยกของให้นะครับ”เด็กหนุ่มบอกพลางช่วยยกตะกร้าและปิ่นโตที่ว่างเปล่าของทั้งคู่ให้แล้วเดินนำไปที่ที่ว่างเมื่อสักครู่

“ว่าแต่หนูชื่ออะไรครับ?”อดุลย์เอ่ยถามทันทีที่ได้นั่งลงเรียบร้อย

“ผมชื่อริทครับ พวกคุณน้าเป็นคนแถวนี้หรือเปล่าครับ”เด็กริทถามกลับเสียงใส

“อืม พวกเราอยู่หมู่บ้านตรงซอยสามสิบสามน่ะ”

“เอ๋ เหรอครับ...แล้วทำไมผมไม่เคยเห็นพวกคุณน้ามาทำบุญกันมาก่อนเลยอ่ะครับ”รพีดูจะติดใจกับคำถามของเด็กตรงหน้า คำพูดที่ดูราวกับว่าเด็กตรงหน้ามาทำบุญที่วัดแห่งนี้บ่อยจนจำผู้คนที่มาได้ทำให้เกิดความรู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายออกมาอย่างอัตโนมัติ

“พอดีพวกเราไม่ค่อยจะได้มาวัดนี้เท่าไรน่ะทางระหว่างบ้านเรากับทางมาวัดรถมันค่อนข้างเยอะน่ะเลยเลือกไปวัดอีกที่มากกว่า"อดุลย์ตอบยิ้มแย้ม รู้สึกเอ็นดูเด็กตรงหน้าอย่างเดียวกันรพีขึ้นมา

“แล้วเราล่ะ มาบ่อยเหรอ แปลกนะไม่คิดว่าเด็กสมัยนี้จะเข้าวัดเข้าวาเป็นเรื่องปรกติ”รพีที่เงียบมานานถามขึ้นมาบ้าง เด็กริทที่นั่งพับเพียบพนมมือหันกลับไปตอบด้วยเสียงร่าเริง

“ที่จริงตาผมเป็นมัคทายกอ่ะครับ คนนั่นอ่ะๆ”เด็กน้อยชี้ไปที่ชายชราที่นุ่งขาวห่มขาวที่นั่งอยู่ข้างๆอาสนะ

“ผมก็มาวัดกับตาจนมันชินไปแล้วอ่ะครับ”

“ดีแล้ว ทำแบบนี้ต่อไปล่ะ”รพีพูดออกมาอย่างดีใจ ดีใจที่ยังมีเด็กที่คิดดีแบบนี้อยู่ พลางคิดไปถึงเรื่องไร้สาระอย่าเช่น ตอนที่เขาอายุเท่าเด็กคนนี้ ตอนนั้นเขาทำอะไรอยู่? พอคิดแล้วก็อดหัวเราะขึ้นมาคนเดียวไม่ได้

ร่างบางตรงหน้าเห็นคนข้างๆหัวเราะก็เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย

“มีอะไรเหรอครับ”เด็กริทถามเพราะจู่ๆคู่สนทนาก็หัวเราะเสียอย่างนั้น รพีไม่ได้ตอบแต่ยิ้มกลับเลยเป็นอดุลย์ที่ต้องตอบแทนอย่างรู้ใจกัน

“เรื่องของคนแก่น่ะครับไม่มีอะไรหรอก”พอได้ฟังคำตอบแบบนั้นคนที่หัวเราะอยู่ก็หยุดกึกทันที ตาคมแสร้งทำดุ ที่ถ้าเป็นแต่ก่อนคนโดนมองคงได้กลัวจนหัวหดแต่ตอนนี้ความน่ากลัวของรพีมันได้หายไปหมดแล้ว

“ฮ่ะฮ่ะ พวกคุณน้านี่น่ารักจังครับ...เอ่อ ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ?”ริทหัวเราะขำเบาๆ เพราะยังคงมีเสียงพระเทศน์อยู่เลยกลัวจะรบกวนคนอื่น

“เอาสิ”อดุลย์ตอบ แกล้งไม่สนใจสายตุดุของคนข้างๆ อมยิ้มกลั้นหัวเราะกับท่าทีของคนที่ถูกปรามาสว่าแก่...เขาก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง

“พวกคุณน้าเป็นแบบว่า...เป็น...เป็นแฟนกันเหรอครับ?”ริทดูจะกล้าๆกลัวๆที่จะถาม พึ่งรู้จักกันไม่ถึงสิบนาที จะถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้ก็รู้ตัวอยู่ว่ามันเสียมารยาทแต่ด้วยความอยากรู้แบบเด็กๆก็เลยอดจะถามขึ้นมาไม่ได้

“...เอ๋ จะตอบเด็กว่าไงดีครับคุณรพี?”อดุลย์ทำไม่รู้คำตอบหันไปแกล้งถามคนข้างๆที่ยังคงงอนกับคำพูดของคนรักอยู่

“ไม่รู้สิ คนแก่ๆอย่างชั้นใครเขาจะอยากจะมารักล่ะ เฮอะ”รพีสุดจะกลั้นขำจนต้องเอามือมาปิดปากกลั้นเสียงไม่ให้ดังเกินไป ขนาดคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างเด็กริทยังขำกับคำพูดแบบเด็กน้อยของคนที่ดูอายุแล้วคงจะมากกว่าสามรอบเป็นอย่างต่ำ เผลอๆคงจะเข้ารอบที่สี่แล้วด้วยซ้ำ

“อายพระอายเด็กมั้ยครับเนี่ย ทำงอนเป็นเด็กๆไปได้นะครับ”อดุลย์บอกสียงกลั้วหัวเราะ มือบางคลายพนมมือที่อกก่อนจะเลือนไปกอบกุมคนที่งอนอยู่อย่างแนบแน่นพลางเป็นคำตอบไปในตัวให้กับเด็กตรงหน้าด้วยเช่นกัน

“ดีจังเลยนะครับ”เด็กริทตรงหน้าพูดอย่างแผ่วบาง มองสองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกชื่นชม ตามจริงเขามองเห็นทั้งสองคนนี้ตั้งแต่เข้าวัดมาแล้ว แม้วันพระใหญ่แบบนี้จะมีคนมากหน้าหลายตาแต่เพราะทั้งคู่ดูสะดุดตามากที่สุดจึงทำให้เด็กน้อยสังเกตุได้ไม่ยาก

แววตารักใคร่ของคนทั้งคู่ทำให้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งสองเป็นอะไรกัน แต่เพราะสื่อและประสบการณ์ที่มีไม่มากทำให้เด็กน้อยก็คิดว่าคนประเภทนี้ไม่น่าจะมีรักที่ยื่นยาว พอได้เห็นความรักที่อยู่นอกเหนือจากที่สังคมยอมรับเลยทำให้อดที่ตั้งคำถามไม่ได้จริงๆ

“แล้วคุณน้ามาเวียนเทียนตอนเย็นหรือเปล่าครับ?”ริทถามออกมาอีกครั้ง อดุลย์หันหน้ามายิ้มแล้วพยักหน้าตอบ ที่จริงเขาคิดว่าตอนเย็นจะไปเวียนเทียนที่วัดที่เคยไปประจำ ที่วันนี้มาวัดนี้เพราะว่าติดรถลูกชายออกมาจากบ้านแล้วอู่ของตะวันก็ต้องผ่านทางนี้

แต่พอได้เจอเด็กตรงหน้าเลยคิดอยากจะมาวัดนี้ และอาจจะมาที่นี่ต่อไปเรื่อยๆ

“งั้นคุณน้าไม่ต้องเตรียมเทียนมานะครับ เดี๋ยวผมเตรียมไว้ให้ ผมขายเทียนทุกปีล่ะครับ”ริทบอกด้วยรอยยิ้มใสจนคนมีอายุทั้งสองยิ้มตาม นึกเอ็นดูเด็กน้อยตรงหน้าราวกับลูกหลาน สิ่งหนึ่งที่เอ็นดูก็เพราะเชื่อว่าเด็กที่โตมากับวัดกับวาคงเป็นคนที่ดี และพออายุมากขึ้นแล้วมาได้เห็นเด็กดีๆก็เอ็นดูมากขึ้นกว่าเดิม

เสียงพระที่เทศน์จบลงพร้อมๆกับคล้ายว่าเป็นสัญญาณว่าพิธีกรรมทางศาสนาช่วงเช้าจะหมดลง และไม่ช้ามัคทายกที่ได้รู้ว่าเป็นตาของเด็กดีข้างหน้าก็พูดเรื่องเรี่ยไรเงินเข้าบำรุงศาสนา ในระหว่างที่รอให้พระรูปที่มาเทศน์ฉันท์อาหารบ้าง

“ยกเงินขึ้นสาธุซิครับ”อดุลย์ยื่นธนบัตรสีเทาหนึ่งใบให้รพีก่อนที่มือหนาจะหยิบมาทำตาม ทุกวันนี้เงินอยู่เงินกินเงินใช้ทุกอย่างล้วนมาจากอดุลย์เพียงคนเดียว พอเห็นร่างบางเก็บกระเป๋าสตางค์สีดำที่รพีซื้อให้เข้ากระเป๋าก็อดนึกถึงตอนที่เคยเหน็บแหนมเพื่อนรักอย่างไตรเทพไม่ได้

...นี่มึงอยู่ในโอวาทจริงๆนะ กระเป๋าเงินอยู่ที่เมีย ไม่หือไม่อือ เป็นสามีที่ดีจริงๆ...

รพีเคยไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนรักต้องให้ภรรยาเก็บเงินทั้งๆที่ตัวเองหามาอย่างยากลำบาก...แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว...เพราะว่าเป็น ′ครอบครัว′ เงินจะอยู่ที่ใครก็ไม่สำคัญ ตราบเท่าที่ยังได้ใช้ร่วมกัน

“คุณน้ามีน้ำไว้กรวดหรือยังครับ?”เด็กริทข้างหน้าถาม

“ไม่เป็นไรหนูริท พวกน้ากรวดแห้งเอาก็ได้”อดุลย์ตอบ วันนี้ไม่ได้พกของอะไรมามากมาย มีแค่ปิ่นโตหนึ่งเถากับตระกร้าใส่ของเท่านั้นเพราะว่าเขากับรพีจะแวะที่อื่นต่อด้วย

“เดี๋ยวผมไปเอามาให้นะครับ”ดูเหมือนเด็กน้อยไม่ได้ฟังคำอะไรจากผู้ใหญ่ทั้งสองคน อดุลย์ส่ายหน้ายิ้มๆให้หลังเล็กๆที่ค่อยๆคลานไปทางตาของตัวเอง

“น่ารักดีนะครับ”อดุลย์เอ่ยขึ้นมา รพีพยักหน้าตอบเบาๆ

“อืม ดูท่าทางจะเป็นเด็กดี”

“ผมขอชวนหนูริทเขากรวดน้ำด้วยกันเลยนะครับ”รพีหันมองหน้าคนข้างๆ แล้วยกยิ้มขำกับชื่อเรียกที่คนรักเรียกเด็กคนนั้นว่าหนูริท เคยเจอลูกตะวันท้วงติงเรื่องสรรพนามสุดจะเลี่ยนที่อดุลย์ชอบเรียกคนอื่น แต่อดุลย์ก็ไม่เคยจะเปลี่ยนวิธีการเรียก

“ถ้าชาติหน้ามีจริงก็อยากจะได้เกิดมาเจอคนดีๆแบบนี้อีก”เป็นตรรกะที่คงหาคำตอบไม่ได้ว่าชาติหน้ามีจริงหรือไม่แต่การได้รู้จักคนดีๆก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

“แล้วก็...อยากเจอคุณทุกๆชาติด้วยนะครับ”คิ้วเข้มกระตุกกับคำหวานที่นานๆจะหลุดออกมาให้ได้ยินจากอดุลย์ หันไปมองหน้ากลมนวลที่ยิ้มสดใสส่งมาให้ มือที่กอบกุมกันแน่นไม่ยอมปล่อยสอดประสานนิ้วกระชับให้แน่นกว่าเดิม

“ไหนว่าอายพระอายเด็กล่ะหื้ม? ทำไมถึงพูดอ้อนอย่างกับเด็กๆแบบนี้ล่ะ”มือหนาอยากจะยกขึ้นบิดหน้ายิ้มๆให้บูดเบี้ยวด้วยความหมั่นไส้แต่ก็ทำไม่ได้เพราะต้องสำรวมเมื่ออยู่ในสถานที่แห่งนี้ ได้แต่ส่งเสียงหึ้มๆไปตามเรื่องตามราวเท่านั้น

“ก็ถูกแล้วนะครับ ผมยังไม่ ′แก่′ แบบคุณรพีซักหน่อย ไว้ผมแก่เท่าคุณเมื่อไรผมจะพูดแบบนี้ก็ได้ครับ”เสียงกลั้วหัวเราะตอบออกมาอย่างไม่จริงจัง ทำเอาร่างสูงอดไม่ได้ที่จะบกมือมาบิดแก้มของคนตรงหน้าอย่างที่คิดอยากทำไว้เมื่อครู่

...คงต้องอ้อนชั้นแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ จะมาแก่ทันกันได้ยังไงล่ะ...ปิงปอง...

“อยากแก่เท่าชั้นไว้ชาติหน้าแล้วกัน”รพีตอบกลับยกยิ้มเล็กๆให้กับคนที่แสร้งเป็นเจ็บเอามือกุมแก้มของตัวเองเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถปิดรอยยิ้มกว้างของตัวเองได้

“ครับ...ไว้ชาติหน้านะครับ”ทั้งสองคนมองจ้องตากันด้วยความอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรู้สึกดีๆที่ต่างสื่อถึงกัน คำพูดของทั้งสองที่คล้ายจะเป็นคำท้าทายแท้จริงกลับไม่ใช่ต้องการจะท้าอะไรอีกฝ่ายเลยแม้น้อย

ใจความจริงๆของมันที่ทั้งสองรับรู้คือ

แม้...ชาติหน้า...ก็จะกลับมาเจอกันอีกครั้ง...กลับมารักกัน...เช่นนี้...อีกครั้ง






#ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกกำลังทุกคนที่อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 04-03-2015 15:47:33
 :impress2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 04-03-2015 15:57:25
ว๊าววววววว
แก่ขึ้นๆ แต่คุณรพีกะพี่ปิงปองยังขยันเติมความหวานกันอยู่เลยนะคะ

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ  :hao3:

+1 เป็ดเหลืองโลดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 04-03-2015 16:42:21
จะรักกันเรื่อยๆ ไปจนแก่ (เอ๊ะ แก่แล้วนี่น่า)
และจะรักกันทุกชาติไป   :-[
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Kamung ที่ 04-03-2015 19:08:47
 :-[  ตามอ่านจนจบ. อยากจะบอกว่าชอบมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
 :katai2-1: :hao7: o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dezzerr ที่ 04-03-2015 20:17:58
หวานกันจริงๆเลย ปริ่มมมม
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 04-03-2015 20:20:40



ขอบคุณเรื่องราวดีดี  ที่มาช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจแฟนคลับ นะครับ

บุญรักษา วันมาฆบูชา ทุกๆท่าน ครับ


 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 04-03-2015 20:27:30
 :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 04-03-2015 21:55:21
ซึ้งงง
รักกันไปจนแก่  จนหมดลมหายใจ  ความรักก็ยังคงอยู่แน่นอน
ชอบเรื่องนี้จัง   :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 04-03-2015 22:08:12
ชอบจังเลยค่ะ รักกันจนแก่ ดูเป็นครอบครัว คนรัก มากๆค่ะ :)
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 04-03-2015 22:47:14
 :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 04-03-2015 22:52:49
อ่านแล้วมีความสุขจัง

อยากมีคนที่จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่มั้ง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 04-03-2015 23:16:29
ซาบซึ้งใจจริง ๆ เลย ประทับใจมากเลยค่ะ   :m1:
พ่อซันกับพ่อปิงปอง ยิ่งเวลาผ่านไปมากขึ้นเท่าไหร่
ความรักของทั้งคู่ ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ๆ ไปด้วยเท่านั้น น่ารักมากเลย
หนูริท ก็น่ารักจังน้า คิดดีทำดี เด็กสมัยใหม่แบบนี้หายากจริง ๆ
ชอบเวลาพ่อปิงปองเรียกคนอื่นแบบนี้มากเลย หนูริท น้องทาน น่ารัก ๆ

ขอบคุณคนเขียน สำหรับตอนพิเศษที่ทำให้ประทับใจมากเลยค่ะ
หวังว่าจะพาพ่อซันกับพ่อปิงปอง มาให้หายคิดถึงกันบ่อย ๆ น้า  :pig4: :L1:

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 04-03-2015 23:55:39
หวานมากเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอิ่มและสุขใจไปด้วย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 05-03-2015 01:25:12
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขจัง :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 05-03-2015 18:41:08
เวลาเห็นคู่รักที่มีอายุ ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันแล้วรู้สึกดีจัง
อันนี้ขอนอกเรื่อง แต่เกี่ยวเนื่องกับในเรื่อง พระท่านบอกว่าอย่าอธิฐานว่าจะรักกัน เจอกันทุกชาติภพ
เพราะกรรมคนเราไม่เท่ากัน ร่วมถึงกรรมก่อนชาตินี้ พอเกิดชาติใหม่บังเอิญเกิดมาเพศเดียวกันก็เป็นแค่รักเพศเดียวกัน แต่ถ้าเกิดคนล่ะชาติ เตรียมจองคานทองกันไว้เลย เพราะคู่ของเราที่ร่วมกันอธิฐานไม่ตามมา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Petalkiss ที่ 05-03-2015 23:52:45
อ่านแล้วอิ่มใจจังเลยค่ะ รักกันนานๆ ไปจนแก่ เป็นความรักที่มั่นคงและยั่งยืนมาก ^^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-03-2015 00:31:53
ยิ่งแก่ยิ่งหวานอะคู่นี้
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 06-03-2015 10:00:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 06-03-2015 10:10:08
อิ่มอกอิ่มใจค่ะ รักกันยาวนานนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-03-2015 19:03:46
รักกันไปตลอดกาล :o8:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 07-03-2015 15:03:01
ตามมาอ่านต่อจนจบจนได้ แฮ่ มีความสุขๆกันทุกคนเลย ดีจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: McKnight ที่ 08-03-2015 04:27:48
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 09-03-2015 09:49:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: saythong ที่ 19-04-2015 21:12:12
ได้มีเวลาเข้ามาอ่านจนจบ เนื้อเรื่องสนุกมาก :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 25-04-2015 17:27:26
อยู่กันถึงวัยนี้แล้ว ลุงอย่าขี้งอนนักเลย 55555
ตอนนี้อบอุ่นค่ะ มีเข้าวัดทำบุญ
ชาติหน้าอาจจะได้หนูริทมาเป็นลูกอีกคน อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ckk ที่ 26-04-2015 09:03:45
สนุกมากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 26-04-2015 21:06:43
หวานจนมดขึ้นวัดหมดแล้วมั้งคะเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 27-04-2015 22:23:48
เรื่องนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

อ่านรวดเดียวจบเลย

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 07-05-2015 14:26:22
ขอบคุณสำหรับ
นิยายดี ๆ ค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 08-05-2015 01:41:24
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดี
ตัวละครทุกตัวมีเหตุผลในตัวมันเอง
ความรักของพ่อ เป็นความรักที่ยิ่งใหญจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tikking7 ที่ 17-05-2015 16:42:52
 :o8: :-[ :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 24-06-2015 16:24:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 17-07-2015 23:34:55
สนุกมากเลย o13 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: starnet ที่ 30-07-2015 16:16:43
เป็นนิยายที่ดีมากเลยค่ะ
อ่านช่วงกลางเรื่องแอบน้ำตาคลอนิดหน่อย5555

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้ได้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 31-07-2015 16:16:43
"ลิงหลอกเจ้าชัดๆนี่น่า..."
555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Meowww ที่ 18-08-2015 22:16:25
เป็นนิยายอีกเรื่องที่สนุกมากๆค่ะ แถมให้ข้อคิดที่ดีหลายๆอย่างด้วย  :L2: :L1:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะที่แต่งนิยายดีๆมาให้ได้อ่านกันนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 20-08-2015 13:09:22
มาอ่านรอบ 2 ละ ยังไงก็ยังคงสนุกไม่เสื่อมคลาย
ชอบเรื่องนี้มากจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 21-08-2015 09:15:51
สนุกมากค่ะ  o13
ให้ข้อคิดอะไรเยอะเลย อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆ :mew1:
ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 23-08-2015 11:16:59
กลับมาอ่านรอบ 3 ฮือออออออ น่ารักอะ
ชอบทั้งพ่อ ทั้งลูกเลย หวานมากกก หวานจัด อิจฉาาาา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidwiie ที่ 05-09-2015 11:06:08
ตามมาอ่านตั้งแต่ต้นจนจบสุดท้ายตอนพิเศษ

มันวิเศษจริงๆเลย ไม่ว่าจะพ่อแท้ๆอย่างพ่อรพี หรือพ่อไม่จริงที่เก็บตะวันมาเลี้ยงอย่างพ่อปิงปอง
ทั้งสองคนก็แสดงออกว่ารักตะวันจริงๆ อ่านซึ้งไปจนจบ :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 07-09-2015 15:14:32
หวานมากๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 10-09-2015 20:34:32
น่ารักมาก เป็นเรื่องที่อ่านไปยิ้มไปจริงๆ ค่ะ (ตอนหลังนะ)
ตอนแรกๆ นี่เกลียดความเลวของรพีมาก แต่พอรู้ว่ารพีมีปมอะไรก็สงสาร
ยิ่งตอนเป็นอัมพาตช่วงล่างแล้วอดุลย์ทิ้งไปยิ่งสงสาร เหมือนเหลือกันแค่สองพ่อลูก  :sad4:

ชอบตะวันขี้หวงพ่อปิงปอง 5555
เด็กแสบเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 10-10-2015 08:54:38
อยากอ่านตอนพิเศษที่ตะวันโดน 'ทาน' ฮือ ชอบ อยากอ่านคู่นี้ เซอร์วิสน้อยไปนะคะ กระซิกๆ  :hao5:
อยากอ่านตอนตะวันโดนกด โฮกกก  :o8: :hao6: ติดตามเสมอค่ะ ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆ มาให้อ่านนะคะ  :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 17-10-2015 10:44:49
 :o8: หวานแบบคนแก่จีบกัน น่ารักมากก
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 13-12-2015 01:08:25
กว่าจะรักจะเข้าใจกันได้ ลุ้นนานมาก แฮปปี้กันก็ดีแล้วคับ
เป็นนิยายที่ดีมากๆเลยคับ ชอบมากสนุกทั้งเนื้อหา วิธีการเล่าเรื่องและภาษา
จะติดตามผลงานไปเรื่อยๆนะคับ  :3123:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-12-2015 15:25:37
 :mew1: :mew1:เป็นนิยายที่ดีมากเรื่องนึงเลยไม่เสียใจเลยที่ได้อ่านนิยายเรื่ิองนี้จริงๆถ้าคนแต่งมีโอกาศอยากให้มาต่อตอนพิเศษไปเรื่อยๆนะคับไม่อยากให้มันจบจริงๆยังอยากเห็นความน่ารักของทุกๆตัวละครแบบนี้ไปอีกนานๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 09-02-2016 05:54:34
 o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 11-02-2016 02:24:26
ซาบซึ้ง ในที่สุดก็ผ่านเรื่องทั้งดีและร้ายมารักกันจนได้นะคะ :')
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 14-02-2016 22:08:19
รักกันตลอดไป
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 16-04-2016 14:24:14
พอรักกัน เข้าใจกัน
หวานรถอ้อยคว่ำมากเลยค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: seii ที่ 03-07-2016 21:39:18
มองผ่านเรื่องนี้มานาน ไม่กล้าอ่านซักที เห็นชื่อเรื่องละกลัวดราม่าเยอะ
เเต่ไม่เลย สนุกมาก มันไม่เหมือนนิยายดราม่าทั่วไป
เเล้วยังชอบที่คนเขียนให้ตะวันเเยกพ่อปิงจากพ่อซัน
เป็นเราถ้ารู้ว่าพ่อที่เลี้ยงตัวเองมาโดน"ข่นขืน" เราก็ไม่ไหวนะ
ชีวิตจริงมันไม่ใช่นิยายที่จะมานั่งฟิน "กรี๊ดฟิน พระเอกข่มขืนนายเอก"
ตะวันถือว่าเป็นเด็กที่ดีทีเดียว คือยอมกลับมาจน มากกว่าให้พ่ออยู่กับคนที่เคยทำร้าย
เราว่าเรื่องนี้หยิบไปทำละครได้สบายๆ เลย สนุกมาก o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-07-2016 23:03:24
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 07-07-2016 22:37:48
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 17-09-2016 07:45:47
อ่านรวดเดียวจบเลย อ่านตั้งแต่เที่ยงคืนยังจะแปดโมงเช้า :katai4:
สนุกมากก ฉันพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี้ย ตอนจบเป็นอะไรที่จบได้สวยงามจริงๆ :L2:
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: coolmaoil ที่ 13-12-2016 23:08:18
กลับมาอ่านหลายรอบมาก ชอบมาก ชอบทุกอย่างที่เป็นเรื่องนี้ o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 18-12-2016 21:36:55
พึ่งมาได้อ่านเรื่องนี้
สนุกมากๆ ขอบคุณคนแต่งมากๆค่ะ
เป็นคู่ที่รักกันได้หวานมาก อบอุ่นใจ

คู่ตะวันกับทานไม่รู้เป็นยังไงบ้าง ตะวันูแสบน่าดู
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 19-12-2016 13:00:47
น่ารักค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 19-12-2016 13:44:47
กลับมาอ่านรอบที่สาม ยังไงก็ชอบเรื่องนี้มาก อ่านได้ไม่เบื่อเลย
เขียนได้ดี ได้สนุกมาก
ขอบคุณผู้แต่งอีกครั้งนะครับที่แต่งเรื่องราวดีๆแบบนี้ให้ได้มาอ่านกัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: white feather ที่ 02-01-2017 11:09:12
อบอุ่นมากค่ะนิยายเรื่องนี้ อ่านแล้วมีความสุข
รักกันไปจนแก่ อยู่ด้วยกันมาหลายปีแต่ก็ยังจีบกันเหมือนเดิม
ดูน่ารักมากค่ะ เติมความหวานให้กันและกันตลอด
สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษ...วันมาฆบูชา [ ๐๔ / ๐๓ / ๒๕๕๘ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ysolip ที่ 05-01-2017 00:59:10
อ่านจบแล้วค่ะ ตามมาจากกระทู้แนะนำ+ถามหานิยาย
ขอชื่นชมในภาษาของนิยายเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องที่
ภาษาไม่ง๊องแง๊ง อ่านแล้วลื่นไหลสบายใจมากๆค่ะ
อ่านจบเกิดความรู้สึกคือต้องรีบเม้นขอบคุณคนเขียน
สำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ เรารู้สึกอินกับเรื่องนี้มากค่ะ
เริ่มเรื่องมาเราก็ไม่กล้าคาดหวังอะไร เรียกได้ว่าตัวเอง
เผื่อใจมาเยอะมากๆกับดราม่าในเรื่อง แต่ความจริง
ก็ไม่มีอะไรและไม่ได้มากมายอย่างที่คิด โล่งไปอีกค่ะ
เรื่องนี้ไม่ได้ฟีลกู๊ดอ่านแล้วสบายใจขนาดนั้น
แต่ก็ยังอ่านต่อเพราะเรารู้สึกถึงอารมณ์ในแต่ละตอน
ปกติอ่านนิยายแล้วเครียดจะต้องอยากพัก
เพื่อhealอารมณ์ตัวเองให้คงที่ ไม่งั้นตัวเองจะแย่เองค่ะ
แต่เรื่องนี้อยากอ่านต่อเรื่อยๆอยากลุ้นกับทุกคนในเรื่อง
เนื้อเรื่องและเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมารู้สึกเรียลมาก
จนเราคิดว่านี่เป็นเรื่องเล่าเลยค่ะ อ่านแล้ววางไม่ลง
มีหลายจุดที่นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่สไตล์เราแต่เราก็ยังอ่านต่อ
สิ่งสำคัญสำหรับเราที่ทำให้อ่านเรื่องนี้ต่อคือภาษา
และความเรียลแถมเรื่องนี้ยังเป็นนิยายที่ทำให้เราไม่โลภ
ปกติต้องอยากอ่านภาคต่อ ไม่อยากให้ถึงบรรทัดสุดท้าย
แต่เรื่องนี้จบคือจบอาจจะเพราะคนเขียนได้เขียนให้
ตัวหลักดำเนินชีวิตมาถึงบั้นปลายแล้วก็ได้นะคะเราถึง
ไม่ได้โลภขอรู้เรื่องของพวกเขาต่อ และอีกอย่าง
ทุกอย่างก็ลงตัวชัดเจนอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร

*ถ้าอ่านงงๆขอโทษนะคะเพราะพิมพ์ๆไปก็ไม่ได้เรียบเรียงความคิดอะไร

สุดท้ายอยากขอบคุณอีกครั้งสำหรับนิยายดีๆเรื่อง ขอบคุณที่พาพวกเขามาให้เรารู้จักผ่านตัวอักษรนะคะ

หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pz_ready ที่ 21-01-2017 01:04:21
ขอพื้นที่คุยก่อนนะคะ
ก่อนอื่นขอโทษหลายๆคนสำหรับนิยายเรื่อง ทาน ตะวัน ค่ะ ซึ่งตอนนี้นิยายเรื่องนั้นไม่มีแล้วนะคะ
สาเหตุหลักๆที่ทิ้งไปก็เป็นเรื่องเวลาด้วย พลีสยอมรับผิดเองว่าไม่มีความรับผิดชอบค่ะ
ตอนที่เขียนเรื่องนี้ก็สาหัสเอาการ เลี้ยงลูกไปเขียนนิยายไปกว่าจะได้นอนก็ตีหนึ่งเที่ยงคืน
ตอนนั้นมีความรู้สึกว่ามันเหนื่อยจัง ไม่อยากเขียนต่อแล้ว เราจะมาเขียนทำไม ทำไปทำไมเนี่ย
เลยเลิกเขียนไปเลยค่ะ นิสัยเสียจริงๆแหละ พลีสขอโทษอีกทีเนอะ
ที่มาเขียนตอนนี้ได้ก็ไม่ใช่ว่าจะกลับมาเขียนต่อหรืออะไร แค่วันนี้กลับบ้านแล้วไปเจอลังนิยายเก่าๆตั้งแต่สมัย มปลาย
สมัยที่ยังอ่อนนิยายแจ่มใส ก่อนที่ช่วงมหาลัยจะเป็นสาววายอ่านฟิค แล้วมาจบที่เริ่มเขียนนิยาย
แล้วสุดท้ายพลีสก็มาไล่อ่านนิยายของตัวเอง ทั้งไอดีนี้แหละไอดีที่ปลอมเป็นทั้งชายทั้งเกย์(นิสัยไม่ดีจริงๆเนอะ  :mew2:)
พออ่านแล้วก็...คิดถึงจริงๆค่ะ แต่ให้กลับมาเขียนอีกคงไม่ไหว ลูกพลีสกำลังเข้าเรียน เวลาของพลีสก็น้อยกว่าแต่ก่อนเยอะ

สุดท้ายอยากขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจพลีส ชอบงานของพลีส ให้คำติชมมากมาย พออ่านรู้สึกเหมือนตัวเองได้ชาตพลังเข้ามาในร่างกายอีกครั้ง ขอบคุณจริงๆค่ะ และขอโทษอีกครั้งจริงๆ พลีสเสียใจจริงๆ และหวังว่าทุกคนจะชอบตอนสุดท้ายที่พลีสขอมอบเป็นคำอำลากับทุกคนนะคะ










ตอนพิเศษสุดท้าย....







ท้องฟ้าสีหม่นไร้แสงอาทิตย์แม้ว่าตอนนี้จะยังอยู่ในช่วงของยามบ่ายแก่ๆของวันก็ตาม บรรยากาศที่เศร้าสร้อยที่เต็มไปด้วยความอาลัยจากผู้คนทุกคนที่มารวมตัวกันอยู่ในที่แห่งนี้ยิ่งทำให้ใครหลายคนอดที่จะกลั้นน้ำตาเหมือนคิดถึงคนที่จากไปออกมาไม่ได้

เสียงเพลงมหรสพดังกังวานตามลำโพงวิทยุที่ถูกโยงใยไปทั่ววัดดังเมื่อถึงเวลาสุดท้ายที่จะมีโอกาสได้อำลาชายผู้ล่วงลับ ผู้ที่มีพระคุณกับใครหลายคน ผู้ที่สร้างอาณาจักรการค้าที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ถูกยกย่องว่าเป็นพ่อมดเศรษฐกิจแห่งยุค

...ศูร เรืองรัตนโยดม..

จากอายุขัยกว่าเก้าสิบปี ชายผู้นี้สร้างอะไรหลายๆอย่างมาทั้งที่เป็นวัตถุจับต้องได้หรือแม้แต่สิ่งที่อยู่ภายในแค่จิตใจของคนหลายคน วันนี้และวันต่อๆไปจะไม่มีคนๆนี้อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว

“ขอเชิญคุณ รพี เรืองรัตนโยดม บุตรชายของคุณศูร เรืองรัตนโยดม ขึ้นกล่าวประวัติครับ”สิ้นเสียงของโฆษก ชายที่ผมเต็มไปด้วยหงอกสีขาวจางๆก็ลุกขึ้นเต็มความสูง หลังที่เริ่มงอตามอายุนิดหน่อย และใบหน้าที่เริ่มมีริ้วรอยไม่ได้ทำให้ชายคนนี้ดูภูมิฐานน้อยลงแม้แต่น้อย

รพีเดินช้าๆไปยังแท่นไม้พร้อมกับกระดาษที่ถูกเตรียมไว้เกี่ยวกับประวัติของผู้เป็นพ่อ ที่แม้บางสิ่งเขาเองก็พึ่งได้รู้เมื่อได้อ่านกระดาษพวกนี้ ดวงตาสีดำอ่อนแสงมองไปยังภาพหน้าศพรูปใหญ่ที่ตั้งตระหง่านหน้าโลงที่เต็มไปด้วยพ่วงลีดประดับประดาสวยงาม

“ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณทุกๆคนที่มาร่วมกันส่งพ่อของผมเป็นครั้งสุดท้ายในวันนี้...”รพีเริ่มพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบงันแม้จะมีผู้คนเรือนพันก็ตาม เสียงทรงอำนาจไม่ต่างจากคนที่ล่วงลับไปเรียกให้ทุกคนต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะรอฟังคำพูดต่อๆไปของเขาอีก

“ประวัติของพ่อผม...ผมว่าหลายๆคนอาจจะรู้อยู่แล้ว ดังนั้นวันนี้ผมเลยอยากจะมาพูดในบางสิ่งที่หลายคนไม่รู้เกี่ยวกับพ่อ...”ร่างสูงที่ทุกคนจับตามองดูค่อยๆปิดตาช้าๆก่อนจะยกมือค่อยๆถอดแว่นสายตาสีชาออกเพราะไม่จำเป็นต้องอ่านอะไร

ต่อจากนี้รพีจะพูดถึงพ่อ...จากความทรงจำ...ภายในใจ

“พ่อของผม...สำหรับหลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นคนที่อยู่สูงสุดบนโลกธุรกิจ แต่พ่อเคยบอกกับผมว่า ที่ท่านทำมาจนได้ทุกวันนี้ ไม่ได้ต้องการชื่อเสียง เงินทอง หรืออะไร”

“ท่านบอกว่าที่ทำทุกอย่างเพราะสิ่งเดียวที่ท่านต้องการ...เป็นเรื่องง่ายๆ ก็แค่เพื่อให้ลูกที่เหลือเพียงคนเดียวของท่าน”ตาคมหม่นเสียงหลับตาลงเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเองอีกครั้งหนึ่ง

“มันเป็นเรื่องง่ายๆสามัญทั่วไปที่คนเป็นพ่ออยากที่จะทำให้ลูกของตัวเอง เพราะแบบนั้นท่านจึงไม่เคยถือตนว่าท่านสูงกว่าใคร พ่อบอกว่าพ่อก็เป็นแค่คนแก่คนหนึ่งที่นั่งทำงานงกๆหาเงินเข้าครอบครัวเท่านั้น”

“ตอนเด็กๆมันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่ผมจะเข้าใจการทำงานของพ่อ แม้กระทั่งโตขึ้นมาก็ยังไม่เข้าใจมันเท่าไรนัก”

“ยิ่งพอได้เข้ามาบริหารเองก็ยิ่งรู้สึกว่าพ่อทำมันไปได้อย่างไรกัน? คำถามนี้มันติดอยู่ในหัวของผมมาตลอดจนกระทั่งวันหนึ่ง”รพีเว้นช่วงที่พูด หันมองไปยังที่นั่งโซฟาที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไรนัก มีชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวผิวขาวตาคมโตที่มีเค้าโครงหน้าไม่ต่างกันกับตัวเองสมัยยังหนุ่มนั่งหลังตรงมองจ้องมาที่ตัวเองอยู่ ข้างๆกันเป็นผู้ชายหน้ากลมที่ดูเหมือนใบหน้าจะโกงอายุไปมากโขถ้าเทียบกับตัวเขาเอง แม้อายุจะเลยวัยเลขสีมาหลายปีแต่ก็ไร้ริ้วรอยบนใบหน้าแม้แต่นิด

...ตะวัน...อดุลย์...คนที่รักทั้งสอง

“วันที่ผมได้มีลูกชายและคนที่ผมรัก ผมก็เข้าใจความรู้สึกและการกระทำของพ่อทันที”รอยยิ้มเล็กๆที่ปรากฏขึ้นมาของทั้งสามคนส่งถึงกัน เมื่อจบประโยค

“เพราะแบบนั้น หากใครจะยกย่อง ศูร เรืองรัตนโยดมว่าเป็นคนเก่งกาจผู้สร้างธุรกิจหมื่นล้านขึ้นมาได้ ผมว่าพ่อของผมจะดีใจมากกว่าถ้าจะยกย่องท่านว่าเป็นพ่อ...พ่อผู้ที่สร้างทางเดินให้แก่ลูกของท่าน พ่อ...ผู้ที่อุทิศชีวิตเพื่อมอบประสบการณ์ให้แต่ลูกของตัวเอง”

“...พ่อ...ผู้ที่รักไม่มีเงื่อนไขใดๆ”

สิ้นคำพูดเสียงปรบมือของผู้คนมากมายก็ดังขึ้นมาทันที เสียงกึกก้องที่ดังมากจนกลบทุกเสียงบ่งบอกถึงความรู้สึกร่วมที่เห็นด้วยกับสิ่งที่รพีพึ่งพูดออกไป

รพีก้มโค้งให้เกียรติกับผู้ฟังก่อนจะเดินลงกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง ข้างๆคนตัวเล็กที่ใบหน้าโกงอายุ และข้างชายหนุ่มที่ใบหน้าพิมพ์เดียวกับตัวเอง

...ที่ที่ยังคงมีคนที่รออยู่ แม้ในวันที่ต้องสูญเสีย...


••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



กลุ่มควันสีดำที่ลอยออกจากปล่องเมรุค่อยๆจางหายไปในอากาศ กลิ่นไฟที่ได้กลิ่นบางเบายังคงเป็นเครื่องยืนยันว่าเรื่องราวความสูญเสียเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน

ผู้คนมากมายจากตอนแรกเริ่มทยอยกลับไปจนเกือบจะหมด เหลือเพียงแค่คนที่สนิทชิดเชื้อกันไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงนั่งคุยจับกลุ่มกันเงียบๆภายในศาลาอเนกประสงค์ของวัด

รพียืนเหม่อมองกลุ่มควันกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่จางหายไปอย่างเงียบสงบ จนกระทั้งมีร่างเล็กๆของอีกคนมายืนอยู่เคียงข้าง ตาคมจึงได้หันกลับมามองแล้วเผยยิ้มเล็กๆออกมาเพราะรู้ว่าร่างเล็กของอีกคนเป็นห่วงเขาอยู่เช่นกัน

“กลับกันเถอะครับคุณรพี เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามืดเราค่อยมารับคุณท่านกลับบ้านกันนะครับ”ร่างเล็กบอกเสียงแหบๆ อดุลย์ยังคงเป็นอดุลย์ในแบบเดิม อายุไม่ได้ทำร้ายอะไรคนตัวเล็กนี้ได้มากมายเท่าไรนัก อาจเพราะความรักสวยรักงามที่มีอยู่ในตัวเองจึงมีเครื่องประทินผิวใช้มากมาย

แต่คิดไปคิดมาก็อาจจะไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นเพราะเครื่องสำอางมากมายเหล่านั้น รพีเองก็ไม่น่ามีริ้วรอยมากเท่านี้เลย เพราะอดุลย์ก็ค่อยเช็ดคอยทาของพวกนั้นให้เขาอย่างสม่ำเสมอทุกวัน

“คนอื่นล่ะ”

“ตะวันกลับไปกับทำงานแล้วครับ เห็นว่ามีงานด่วนโทรมาเร่งเลยให้น้องทานไปส่งสักพักแล้วครับ ส่วนเรื่องอื่นๆคุณการินบอกเดี๋ยวเขาจะจัดการต่อเอง”พอพูดถึงการิน ร่างสูงก็อดมองไปยังคนคนนั้นไม่ได้ ร่างของชายร่างอวบที่ไม่อยู่ไม่ไกลสายตากำลังจัดแจงธุระหลังงานอย่างขยันขันแข็ง แม้ในดวงตาคู่นั้นจะโศกเศร้าไม่ต่างจากเขาก็ตามที

“อืม ไปกันเถอะ”รพีตอบรับก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของคนตัวเล็กและออกเดินไปพร้อมๆกันยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล

รถตู้ขนาดห้าทีนั่งเคลื่อนออกตัวไปช้าๆอย่างไม่รีบร้อน คนขับคือพนักงานที่จ้างมาดูแลบ้านต่อจากที่ลุงโชนเสียเมือหลายปีก่อน

“ปรับเบาะเอนหน่อยไหมครับ คุณรพีจะได้พักผ่อนเสียหน่อย แล้วค่อยไปพักต่อที่บ้าน ช่วงนี้รถคงติดน่าดู”อดุลย์ถามคนข้างๆ

“ไม่เป็นไร ชั้นไม่เหนื่อยเท่าไรนักหรอก เธอมากกว่าที่ต้องพัก เห็นเดินไปนู้นมานี่รับแขกแทนชั้นไม่ได้หยุดเลย”ตอบกลับด้วยเสียงที่เป็นห่วงไม่แพ้กัน จนคนฟังเกิดอาการอมยิ้มน้อยๆพร้อมส่ายหัวปฏิเสธสิ่งที่รพีพึ่งพูดไป

“ผมไม่เหนื่อยหรอกครับ แต่คุณรพีน่ะ จะบอกว่าไม่เหนื่อยไม่ได้หรอก เพราะคุณคือคนที่เหนื่อยที่สุด”คำพูดที่ฟังไม่เข้าใจทำให้คิ้วที่เคยเข้มขมวดเข้าหากัน อดุลย์มองคนตรงหน้าที่ตลอดสัปดาห์มีสิ่งผิดปรกติเล็กๆเกิดขึ้น แม้เจ้าตัวไม่รู้สึกแต่คนรอบข้างอย่างอดุลย์เห็นได้อย่างชัดเจน

...รพี ไม่มีน้ำตาเลยซักหยด...

“ไม่ต้องเป็นต้นไม้ใหญ่อย่างคุณท่านก็ได้ครับ แค่เป็นต้นไม้ที่ลำต้นไม่ต้องใหญ่มากก็พอ”ยิ่งฟังยิ่งไม่ค่อยเข้าใจอีกคน คิ้วที่ขมวดหนักก็ทำเอาคนตัวเล็กหลุดหัวเราะอย่างนึกเอ็นดู

“สำหรับผม...คุณท่านเปรียบเสมือนต้นโพธิ์ ต้นไทร ลำต้นใหญ่แข็งแรง มีกิ่งก้านสาขามากมายคอยปกคลุมให้ร่มเงาคนเบื้องล่างได้”

“แล้วมันไม่ได้หรือ?”

“ไม่ใช่ไม่ดีหรอกครับ แต่เพราะท่านยิ่งใหญ่เกินไปจนทุกคนหวังแต่จะอยู่ภายใต้ร่มเงาเท่านั้น กลับกันกับต้นไม้ต้นเล็กๆที่ลำต้นไม่ได้แข็งแรงเท่าไรจนต้องคอยดามไม้ให้ลำต้นตั้งตรง”มือเล็กค่อยๆเอื้อมไปกอบกุมคนที่รอฟังอยู่อย่างตั้งใจ

“ผมอยากเป็นไม้ที่คอยดามคุณให้ได้ตั้งตรงเป็นต้นที่ลำใหญ่สมบูรณ์ ไม่ต้องคอยอยู่แต่ใต้ร่มคุณอย่างเดียว ผมเองก็อยากมีประโยชน์กับคุณนะครับ”คำพูดพร้อมแรงบีบเบาๆที่มือราวกับจะยืนยันว่าสิ่งที่พูดออกมาคือความจริงใจทั้งหมดที่มี รพีที่ได้ฟังยกยิ้มกว้างรับคำทันทีที่เข้าใจความหมายของอดุลย์

“อย่างนั้นซินะ...ขอบใจนะปิงปองที่คอยอยู่ข้างชั้นเสมอ”เสียงอ่อนโยนดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่มือที่วางอีกข้างจะเลื่อนไปกดปุ่มเพื่อเอนเบาะลง

“ชั้นขอพักหน่อยแล้วกันนะ”รพีหลับตาลงอย่างเข้าใจในสิ่งที่อดุลย์อยากจะสื่อ

เป็นต้นไม้ที่ลำต้นไม่แข็งแรง...ที่เวลามาลมพายุพัดมาก็จะอาจจะถูกพัดจนล้มไปทั้งรากทั้งโคนหากแต่มีโครงไม้ที่คอยประคับประคองต้นไม้ไว้ไม่ได้โค่นลงไปเพราะความอ่อนแอ

...รพีก็อ่อนแอได้ เพราะยังมีอดุลย์อยู่เคียงข้าง...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



ฉากสีขาวที่ราวกับว่าไม่มีเงามืดมิดอยู่เลยแม้แต่น้อย มันขาวจนแสบตาจนรพีต้องยกมือขึ้นมาป้องตาตัวเองไว้ ก่อนจะตกใจเมื่อมือที่ยกมาไม่ใช่แขนที่ใหญ่โตดั่งเช่นเดิม

แต่ตอนนี้เป็นแขนกลมๆขาวๆที่แน่นไปด้วยเนื้อจนน่ากัดเล่นของเด็กเท่านั้น

“น้องซันครับ”เสียงเรียกของผู้หญิงที่เจือจางในความทรงจำ แต่ก็เป็นเสียงที่ไม่เคยลืมเลือนไปและยังคงโหยหามาตลอดเวลา

“แม่ครับ...”ตรงหน้าของเขาคือหญิงสาวสวยที่รพีเองก็เคยเห็นเพียงแค่ในรูปถ่ายสีจืดๆในกรอบรูปเท่านั้น แต่ความรู้สึกในอกที่พวยพุ่งออกมามันคือความปิติที่ได้เจอ รอยยิ้มสดใสจึงเผยออกมาอย่างบริสุทธิ์

“ไอ้เด็กดื้อ”ไม่ทันให้หัวใจได้หยุดความดีใจ อีกเสียงที่ดังขึ้นใกล้ๆกันก็ทำให้คนที่ถูกเรียกใจเต้นรัวได้อีกครั้ง

“พี่ลูกจันทร์!!”พี่สาวผู้ล่วงลับที่เป็นคนเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นที่พึ่งพาตอนวัยเด็กปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ข้างๆกับผู้เป็นแม่ ทั้งสองยิ้มให้รพีก่อนที่ไม่ถึงอึดใจร่างของคนที่รพีรักที่สุดในชีวิตก็โผล่ขึ้นมาจากอากาศ

“พ่อครับ!!”ไม่ได้รอช้าไปกว่านั้น รพีก็ใช้ร่างเล็กๆของตัวเองวิ่งเข้าไปหาทั้งสามคนก่อนที่จะกระโดดกอดคอทั้งสามคนที่กางมือรอรับร่างเล็กอยู่แล้ว

“ผมคิดถึงพ่อ แม่..พี่ลูกจันทร์ด้วย ฮือออ”ทำนบน้ำตาที่เคยกลั้นไว้แม้จะผ่านวิกฤตอะไรมาก็ตามไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป น้ำตาใสไหลเป็นทางยาวไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ราวกับว่าไหลออกมาเพื่อชดเชยที่ต้องอดกลั้นไว้มานาน

“ไม่ร้องซิครับเด็กดี”คนเป็นพ่อพูดพลางลูบหัวทุยเล็กๆ ในขณะที่แม่เช็ดน้ำตาจากแก้มยุ้ยๆ

“ผมคิดถึงทุกคนเลย”

“พวกเราก็คิดถึงลูก”สิ้นคำพูดสั้นๆน้ำตาของเด็กน้อยก็ไหลลงมาจนคนเช็ดอ่อนอกอ่อนใจจึงปล่อยให้มันไหลออกมาเสียอย่างนั้นแทน

“หยุดร้องได้แล้วหน่าไอ้ดื้อ”

“ใช่แล้วซัน หยุดร้องได้แล้วล่ะ...เพราะพวกเราต้องลากันแล้ว”ตาคมที่เป็นลักษณะเด่นเบิกกว้าง แข็นเล็กที่ยังอยู่บนก้านคอของทั้งพ่อและแม่ออกแรงเหนี่ยวรั้งไว้สุดตัว

“ไม่นะ!!ไม่ไปไม่ได้เหรอ!!”เสียงเล็กเอ่ยบอกความต้องการของตัวเอง เพราะการสูญเสียที่เจอมาทั้งชีวิตมันเจ็บปวด แม้ในความฝันก็ยังต้องพบเจอการจากลาเหรอ?

“พวกเราไม่ได้ไปไหนหรอกครับ พวกเรายังอยู่กับลูกเสมอ แม่กับพ่อและพี่สาวยังอยู่กับน้องซันเสมอ อยู่ในใจ...ไม่ได้ไปไหนเลย”

“แต่ก็ไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่ไหมครับ”รพีพูดเสียงเศร้าสร้อยเพราะเข้าใจความหมายของผู้เป็นแม่ดี

“ซักวันเราจะได้เจอกันอีก”

“สัญญานะครับ”นิ้วก้อยเล็กๆยื่นออกไปตรงหน้าของทั้งสามคน รอยยิ้มทั้งสามปรากฏตรงหน้าก่อนที่จะมีนิ้วก้อยอีกสามนิ้วยื่นมาเกี่ยวพันกันไว้

“สัญญา”เสียงประสานที่พูดพร้อมกันเอ่ยบอกก่อนที่ทั้งสามคนจะค่อยๆจางหายไปเรื่อยๆ แต่ก่อนที่ทั้งสามคนจะหายไปทั้งหมด เสียงที่คุ้นเคยที่สุดของพ่อก็พูดออกมา

“แต่ก่อนที่เราจะเจอกันอีกครั้ง ซันต้องไปเก็บเกี่ยวความสุขมาให้มากๆนะครับ แทนพ่อ แทนแม่และพี่ลูกจันทร์ เพราะความสุขของลูกก็คือความสุขของพวกเราทั้งสามคนนะ”

สิ้นประโยคร่างทั้งสามก็หายไปเหลือเพียงแค่นิ้วก้อยเล็กๆนิ้วเดียวที่ยื่นออกมาอย่างเดียวดาย

“...ครับ”



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



“คุณรพีครับ...ถึงบ้านแล้วนะครับ”เสียงแหบของอดุลย์พร้อมแรงเขย่าตัวเรียกคนให้คนที่หลับลึกตื่นเพราะถึงที่หมายแล้ว

ร่างสูงค่อยๆสลึมสลือตื่นขึ้นมาก็พบว่าภายนอกรถมันมืดหมดแล้ว แต่จากแสงไฟก็เดาไม่ยากว่าคงเข้ามาในหมู่บ้านของเขาแล้ว

“ปวดหัวไหมครับ”อดุลย์เอ่ยถามคนที่กระตาปริบๆเพราะพึ่งตื่นน้อย รพีกระพริบตามองคนตรงหน้าอยู่พักใหญ่ ก่อนจะยิ้มออกมากว้างจนมากที่สุด

“ชั้นรักเธอนะปิงปอง”...ร่างเล็กเกิดอาการสะดุดเพราะความงงที่จู่ๆก็ถูกบอกรักขึ้นมาเสียดื้อๆ แต่ไม่ได้คิดสงสัยอะไรมากมาย รอยยิ้มสวยก็ตอบกลับให้คนที่บอกมาก่อน

“ผมก็รักคุณเหมือนกันครับ”









พ่อครับ แม่ครับ พี่ลูกจันทร์....

...ความสุขของผมไขว้คว้าหามาไม่ยากเลย...เพราะเขาจะคอยอยู่เคียงข้างผมไปจนกว่าผมจะได้ไปเจอกันตามสัญญา...
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 21-01-2017 03:41:21
เป็นตอนพิเศษที่ทั้งเศร้า ซึ้ง และอบอุ่น  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 22-01-2017 13:18:00
อ่านตอนนี้จบแล้วยิ้มทั้งน้ำตาเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-01-2017 14:48:42
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ  ถึงแม้จะสียดายที่ไม่ได้อ่านเรื่องของตะวันต่อแต่ก็เข้าใจถึงปัญหาของคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-01-2017 18:33:15
 :L2: :L1: :pig4:

รักเรื่องนี้
มุมมองของความรักที่แตกต่างกับเรื่องอื่น รักที่เป็นภาระ รักที่คอยค้ำจุน
เศร้าก็มีความรักปน ถึงเกลียดก็ยังมีความรักแทรกอยู่
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 12-02-2017 18:33:41
ร้องไห้จนปวดตา ซึ้งค่ะ ซึ้งกับความรักของปิงปอง เป็นความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 13-02-2017 10:45:27
 :กอด1: คิดถึงเรื่องนี้มาก ๆ ขอบคุณที่มาลงค่ะ ถึงเศร้าแต่ก็รู้สึกอบอุ่นถึงความรักที่มีให้กัน
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: white feather ที่ 13-02-2017 21:44:35
มาจบตอนสุดท้ายได้ซึ่งมากๆเลยค่ะ อ่านไปน้ำตาจะไหล
ดูเป็นรักที่อบอุ่นมาก ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งอยู่ตลอดเพราะมีอีกคนคอยช่วยอยู่เสมอ^^
น่าเสียดายไม่ได้อ่านเรื่องของตะวัน แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราเข้าใจ
ขอบคุณสำหรับการปิดเรื่องที่สวยงามนะคะ  o15
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-02-2017 23:46:39
สนุกมากค่ะ
อ่านรวดเดียว
เห็นเรื่องนี้มานานมาก
แต่ไม่เคยได้เข้ามาอ่าน
วันนี้ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ
ที่เข้ามาค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 05-03-2017 00:25:50
กลับมาอ่านอีกรอบ ตกใจเห้นตอนพิเศษ

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วยิ้มไป ซึมไป หมั่นไส้ไป หงุดหงิดไปกับมัน อารมร่วมมาเต็ม
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 06-03-2017 23:44:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 08-03-2017 13:09:18
 :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 09-03-2017 09:15:31
มีครบทุกรสจริงๆค่ะ ตอนแรกสงสารปิงปอง ช่วงกลางๆ สงสารศูร ต่อมาสงสารรพี สุดท้ายหมั่นไส้ตะวันหวงพ่อเกิน  ขอบคุณนะคะ 
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 10-03-2017 22:30:22
ขอบคุณมากจริงๆที่มาทิ้งตอนพิเศษที่ไม่รู้จะบรรยายยังไงดีมันทั้งสนุก ทั้งซึ้ง ทั้งอบอุ่น ทั้งใจหาย ทั้งคิดถึงมีครบทุกรสชาติ
ขอบคุณจริงๆที่มาลงให้ได้อ่านอ่านตอนนี้จบแล้วแอบคอตีบเพราะความซึ้งมากๆจนน้ำตาไหล
สนุกมากนะครับหวังว่าจะมีโอกาศได้อ่านงานเขียนดีๆแบบนี้ในเรื่องอื่นอีกนะคับ
หากมีเวลาว่างพอก็กลับมาเขียนนิยายต่อนะครับรอติดตาม...ขอบคุณคับ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 11-03-2017 02:58:52
น่าสนใจมาก ๆ ตั้งแต่ชื่อเรื่องแหละ แล้วก้อไม่ผิดหวังน่ะ ใช้ได้เลย ถึงจะดราม่าไปหน่อยสำหรับเราก้อเถอะ แต่ก้อน่าติดตามทีเดียว  :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 12-03-2017 02:21:34
 :mew6:เป้นเรื่องราวที่ดีมาก ๆ มีทั้งทุกข์ทั้งสุข มีทั้งความดีและความไม่ดี การเติบโตของผู้คน อ่านแล้วมีความรู้สึกว่าทุกคนล้วนอยากเป็นคนดีเพียงแต่ใครเท่านั้นที่จะเข้มแข็งพอจะเดินไปในหนทางที่ถูกต้องแต่เมื่อเขาผิดพลาดถ้ายังมีใครสักคนเข้าใจและเป็นกำลังใจให้เขา ๆ ก้อพร้อมที่จะกลับเข้ามาในเส้นทางที่ถูกต้องเสมอ อดุลย์เป็นผู้ชายที่น่านับถือมาก ๆ ยอมเสียสละความเป็นตัวเองเพื่อคนอื่นและท้ายที่สุดความดีนั้นก้อให้ผลตอบแทนกับเขาอย่างคุ้มค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 25-03-2017 10:12:21
ทำอะไรอยู่นะทำไม่เพิ่งจะได้ม่อ่าน
นิยายเรื่องนี้

ชอยบมากกกกกก
มีทุกอารมณ์ นิยายเรื่องนี้ให้ความสุขจริง
ขอบคุณนิยายเรื่องนี้นะ

ประทับใจจนตัวอัการสุดท้ายจริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 30-04-2017 21:14:40
 :impress3: :impress3:  ซึ้งอ่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 14-05-2017 19:42:53
มาจากกระทู้แนะนำค่ะ
สนุกน่ารักดราม่า ครบเลย ^^
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 15-05-2017 07:45:40
 :bye2:
 o13
ครบทุกอารมณ์เลยค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 11-06-2017 19:52:25
ตอนพิเศษสุดท้ายซึ้งมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 02-01-2018 21:33:40
ชอบมาก  :3125:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 03-01-2018 00:33:17
เป็นนิยายที่เรียกน้ำตาจริงๆ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-01-2018 16:37:17
 :กอด1: :z6:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 21-04-2018 17:39:28
 :mew1:  ชั้นรักนิยายเรื่องนี้ คือจะเข้ามาอ่านนานแล้ว ไม่ยอมอ่านตั้งนาน โอ้ยยยยยย มันดี :hao7: ขอบคุณนะค่ะที่แต่งนิยายเรื่องนี้  :mew1:  o13
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-04-2018 23:20:39
คิดถึงจึงมาหา
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 22-04-2018 18:20:43
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
เรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 15-05-2018 03:46:08
 :-[
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: c4jeab ที่ 28-07-2018 22:36:16
สนุกมากเลยค่ะ
อ่านแล้วประทับใจในความรักของปิงปองที่มีต่อตะวันและคนรอบข้าง
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 29-09-2018 20:10:58
เคยเห็นนิยายเรื่องนี้ผ่านๆ มาหลายปีแต่ไม่เคยได้เข้ามาอ่านซักที

วันนี้ได้อ่านวันเดียวจบ มันทำให้เรารู้สึกเหมือนได้รับการเยียวยาจากเรื่องทุกข์ใจที่ได้รับมาจริงๆ

ปรกติจะได้เจอแต่นิยายที่มีเด็กเล็กๆ เป็นกาวใจ แต่เรื่องนี้เป็นเด็กวัยรุ่น ทำให้น่าสนุกมากขึ้นค่ะ

แต่อันที่จริงแล้วกาวใจตัวจริงน่าจะเป็นนายเอกของเรื่องมากกว่า ^_^

ขอบคุณนักเขียนที่สร้างสรรค์นิยายดีๆ มาให้อ่านกันนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-09-2018 23:34:47
 :L2: :pig4:

คุณนักเขียนสบายดีไหม เรารักเรื่องนี้มากเลย
กลับเข้ามาอ่านซ้ำๆ ประทับใจ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 30-09-2018 05:21:28
อิ่มครบรสยันตอนพิเศษสุดท้ายจริงๆ ประทับใจมากครับ :hao5:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonphug ที่ 15-03-2019 22:55:21
ขอบคุณมากสำหรับนิยายทั้งอบอุ่นแล้วก็บีบหัวใจ เราอ่านรวดเดียวจบเลย :L2:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-04-2019 21:38:37
 :mew5: เรื่องนี้ตอนแรกๆ พรัเอกเลวมาก แต่ก็เป็นเพราะการเลี้ยงดู ตอนหลังๆหวานค่ะ หวานไม่เกรงใจน้ำตาลในเลือด ปิงปองก็ได้สวมหวัง ความดีที่ทำมาตลอดได้ตอบแทนอย่างคุ้มค่า เนื้อเรื่องสนุกค่ะ เดินเรื่องได้ดี ไม้เอื่อย ไม่ดูรวบรัด ขอบคุณผู้แต่งค่ะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: megatef4 ที่ 28-07-2019 10:34:52
อ่านจบแล้ว เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี้ย เขียนดีมากๆเลยค่ะ เราอินมาก ดีใจที่สุดท้ายจบแฮปปี้ มีความสุข ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้มานะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-07-2019 16:46:42
 :pig4: :pig4: :pig4: