ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com) ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17
เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤
" ไม่พูด ไม่ได้แปลว่าเจ็บน้อย ไม่แสดงออก ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก "
คำเตือน
Rate 18+ มีฉากของความรุนแรง การใช้กำลัง และเซ็กซ์ที่ไม่ได้เกิดจากความเต็มใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
00
- Fools -
ตึก...ตึก...
เสียงฝีเท้าย่ำเป็นจังหวะสม่ำเสมอทอดดังไปตามฟุตพาธย่านใจกลางเมืองซึ่งมีผู้คนเดินกันพลุกพล่านจนแทบแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร
ระหว่างทางที่เดินนั้น มีหลายคนต่างอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ถูกติดเรียงกันเป็นแนวยาวกินพื้นที่เกือบทั้งช่วงถนน ทั้งที่เป็นช่วงเวลากลางคืน แต่ป้ายโฆษณาที่ทำจากแวนิลนี้ก็ยังคงเด่นสะดุดตาเสียยิ่งกว่าป้ายโฆษณาแบบดิจิตัล
คงเพราะผู้ออกแบบได้คิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าหากทำป้ายที่ถูกคุมสีให้อยู่ในเอิร์ธโทนจะถูกความมืดกลืนกินเข้าไปเมื่อไร้ความช่วยเหลือจากแสงตะวัน จึงได้มีการติดตั้งไฟนีออนอีกหลายจุดเพื่อช่วยเพิ่มความสว่างตลอดจนสุดอาณาเขต ทำเอาเหล่าร้านรวงที่อยู่ละแวกใกล้เคียงซึ่งเลยเวลาเปิดทำการแล้วดูจืดชืดหงอยเหงาลงในพริบตา
ป้ายโฆษณาที่ผู้คนต่างให้ความสนใจนี้คือโฆษณาซิงเกิลที่ 7 “Even if” ของวงดนตรีที่กำลังโด่งดัง ณ ขณะนี้ ด้วยแนวเพลงที่หลากหลายและเทคนิคการเล่นดนตรีแบบที่ใครฟังต่างก็ต้องยกนิ้วให้อย่างไม่น่าเชื่อว่าสมาชิกในวงจะมีอายุมากสุดแค่เพียงยี่สิบสามปีเท่านั้น ทำให้เหล่าสาวกและแฟนเพลงหลายคนสมัครเป็นแฟนคลับเพื่อติดตามผลงานกันอย่างเหนียวแน่น กลายเป็นวงที่ประสบความสำเร็จและมีแฟนคลับเยอะที่สุดในตอนนี้
ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนแสนธรรมดาเองก็เป็นหนึ่งในหลายพันคนที่หยุดมอง แต่คนที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดคือหนึ่งในสมาชิกที่สะพายกระเป๋าใส่กีต้าร์ อยู่ในอิริยาบถที่กำลังก้มมองบางอย่างโดยที่มือข้างหนึ่งเสยผมสีควันบุหรี่ยาวปะบ่า เผยให้เห็นนัยน์ตาคมดุจเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสันได้รูป ริมฝีปากกระจับเหมือนตุ๊กตาที่เผยอเล็กน้อยเหมือนไม่ตั้งใจ และช่วงลำคอเรียวยาวที่ปรากฏรอยเส้นเอ็นขาวกระจ่างดุจหิมะ ส่วนอีกข้างที่เหลือก็ล้วงกระเป๋ากางเกง ท่าโพสธรรมดาที่เห็นได้เกลื่อนตามนิตยสารถ่ายแบบแต่กลับไม่ธรรมดาเลยสักนิดเมื่อเจ้าของความสมบูรณ์นี้เป็นคนทำ แค่นั้นสามารถก็ทำให้สาวๆหลายคนหัวใจระทวยพร้อมพลีกายก้มลงสยบแทบเท้าของอีกฝ่ายได้
มือขาวหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมากดถ่ายภาพป้ายโฆษณาเพื่อบันทึกลงเครื่องตามความเคยชิน ทว่าสำหรับชายหนุ่มแล้วนั่นกลับเป็นความเคยชินที่น่ากลัวมากนัก
ทันทีที่รู้สึกตัวเขาไม่รอช้าที่จะกดค้างที่รูปแล้วเลือก ลบรูปภาพ แต่ชั่วเสี้ยววินาทีที่หน้าต่างข้อความยืนยันปรากฏขึ้น นิ้วที่เคยคลิกสั่งการคล่องแคล่วกลับสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่
เพียงไม่นานหยาดน้ำตาจำนวนมากที่เคยคิดว่าแห้งเหือดไปแล้วกลับพรั่งพรูราวกับทำนบแตก แหวนสีเงินเรียบเกลี้ยงที่คล้องไว้กับสร้อยแล้วสวมอยู่ใต้อกเสื้อพลันร้อนลวกเหมือนหินเหล็กไฟจนต้องใช้มือกุมเพื่อลดอุณหภูมิลงก่อนที่มันจะทะลุหน้าอกเขาเป็นรูแหว่งวิ่น
สำหรับบางคนเรื่องที่ยากที่สุดก็คือการลืม
กระทั่งไหล่ได้รับแรงกระแทกจากคนที่สัญจรไปมา เขาถึงค่อยรู้สึกตัวว่าตนกำลังยืนเกะกะขวางทางของผู้อื่นอยู่
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ บอกกับตัวเองเหมือนทุกครั้งว่าไม่เป็นไรแล้วออกเดินปะปนไปกับฝูงชนด้วยรอยยิ้มน้อยๆซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังเย้ยหยันตัวเองหรือโชคชะตา ระหว่างที่คิดแบบนั้นสมองก็นึกถึงโคลงบทหนึ่งของเชกสเปียร์ที่เคยเรียนเมื่อสมัยมัธยมขึ้นมา
Let me not to the marriage of true minds
Admit impediments. Love is not love
Which alters when it alteration finds,
Or bends with the remover to remove:
O, no! it is an ever-fixed mark,
That looks on tempests and is never shaken;
It is the star to every wandering bark,
Whose worth’s unknown, although his height be taken.
Love’s not Time’s fool, though rosy lips and cheeks
Within his bending sickle’s compass come;
Love alters not with his brief hours and weeks,
But bears it out even to the edge of doom.
If this be error and upon me proved,
I never writ, nor no man ever loved.
(Sonnet 116 ; William Shakespeare)
06
- Two is better than one -
เมษาสังเกตเห็นว่าวันนี้รัชชาตะหายหน้าไปจากห้องเรียนเกินค่อนวัน กว่าจะโผล่หน้ามาให้เห็นอีกครั้งก็ตอนคาบหก มาแล้วก็ยื่นเศษกระดาษที่เห็นรอยซึมของหมึกปากกาทะลุออกมาเพราะแรงขีดให้กับเพื่อนอีกสามคน ก่อนจะกลายเป็นสุมหัวกันก้มหน้าก้มตาเขียนขยุกขยิกตลอดทั้งคาบเรียนจนถูกคุณครูประจำวิชาเห็นเข้าแล้วตำหนิกลางห้อง กระนั้นแล้วเพื่อนอีกสามคนก็ยังอดไม่ได้ที่จะชะโงกหน้าส่งสายตามามองเหมือนให้กำลังใจเป็นพักๆ
การโต้เถียงกันเล็กๆน้อยๆเมื่อครู่ดูเหมือนจะสร้างทั้งความหงุดหงิดระคนกลุ้มใจให้กับรัชชาตะจนเมษาอดสงสัยไม่ได้เลยว่าพวกเขาพยายามทำอะไรอยู่กันแน่ จะว่าแต่งเพลงอยู่เหมือนคราวที่แล้วก็คงไม่ใช่ เมษายังจำอากัปกิริยาที่ผ่อนคลายไร้ซึ่งความแยแสต่อสิ่งใดราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายดุจพลิกฝ่ามือของอีกฝ่ายในตอนนั้นได้ไม่ลืม ดังนั้นจึงตัดความเป็นไปได้ข้อนี้ออกไปเป็นอันดับแรก
กริ่งบอกเวลาเลิกเรียนดังพร้อมกันกับที่รัชชาตะหยิบกระเป๋ากีตาร์ขึ้นสะพายไหล่แล้วลุกจากเก้าอี้เดินไปออกทันทีโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง เมษาจึงได้แต่นั่งมองตามไหล่กว้างที่เพิ่งผ่านกรอบประตูห้องด้วยความรู้สึกเสียดายไม่น้อย
วันนี้ก็ไม่ได้คุยกันอีกแล้ว
เมษาถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างจนใจ พักหลังมานี้รัชชาตะโผล่หน้ามาที่ห้องเรียนน้อยลงเรื่อยๆ อีกทั้งงานที่ต้องทำส่งก็ลดลงเสียพานใจหาย เนื่องจากใกล้ช่วงสอบปลายภาคคุณครูหลายท่านจึงให้งานน้อยลงเพื่อให้นักเรียนได้มีเวลาทบทวนบทเรียนสำหรับเตรียมสอบในอีกไม่กี่วันที่จะถึง เรียกว่าอะไรๆก็ไม่เป็นใจเลยสักอย่าง โอกาสที่จะได้คุยกันจากที่น้อยมากอยู่แล้วกลับกลายเป็นแทบไม่มีเลย
เขาได้แต่หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมาเสียบสายสมอล์ทอล์กแล้วเปิดเพลงนั่งฟังไปเรื่อยเพื่อรอเวลาให้ท้องฟ้ามืดลง
จวบจนฟังครบหมดทุกเพลงแล้วจึงค่อยเก็บของใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย
สองขาเดินอ่อยอิ่งไปตามทางเดินที่เริ่มสลัว อาจเพราะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว กลางคืนจึงได้มาเยือนช้ากว่าปกตินัก แม้เวลาจะชี้บอกอย่างชัดเจนว่าหกโมงเย็นแล้ว ทว่ากลับยังพอมีแสงสว่างส่องทางให้เห็นทัศนียภาพรอบข้างอยู่บ้าง
...รัชชาตะ
ช่างเป็นความโชคดีอย่างสุดแสน รัชชาตะผู้ซึ่งออกจากห้องเป็นคนแรกกลับยังนั่งอยู่ที่ลานหินอ่อนริมสระบัวคนเดียวพร้อมกับเศษกระดาษที่เพิ่มจำนวนขึ้นจนวางระเกะระกะอยู่เต็มโต๊ะ หากเขาไม่บังเอิญเลือกเดินลัดผ่านทางนี้คงไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายยังไม่ได้กลับไปไหน
เมษาย่อมไม่ลังเลที่จะเดินตรงเข้าไปทักทายคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้าและกดโทรศัพท์ไปด้วย สีหน้าเคร่งขรึมของรัชชาตะยามที่กำลังตั้งใจคิดทำอะไรให้ความรู้สึกแตกต่างจนพานทำเอาเมษาใจเต้นไม่เป็นจังหวะยิ่งกว่าสาวน้อยวัยแรกแย้มในหนังสือการ์ตูนตาหวานเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ล้วนทำให้เขาหลงใหลได้ทั้งนั้น
เขาคงตกหลุมรักผู้ชายที่ชื่อรัชชาตะเข้าแล้วจริงๆ
“ไอน์ยังไม่กลับเหรอ”
“.....”
แม้จะทักทายได้อย่างเป็นธรรมชาติจนนึกอยากปรบมือชมเพียงใด แต่เมื่ออีกฝ่ายไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองก็ทำเอาหัวใจที่เคยพองโตพลันหดแฟบลงเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม
คิดเข้าข้างตัวเองในแง่ดีว่ารัชชาตะคงกำลังใช้สมาธิอยู่จึงไม่ทันรู้สึกถึงการมาของเขา ก่อนตัดสินใจเปล่งเสียงออกไปอีกครั้งด้วยระดับที่ไม่มีใครกล้าบอกว่าไม่ได้ยินแน่นอน
“ไอน์”
ได้ผล รัชชาตะเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“ว่าไง? คุณหัวหน้าห้อง?”
“ประตูใกล้จะปิดแล้วนะ” เมษาที่มักอยู่เย็นประจำทุกวันจึงรู้เวลาปิดประตูของทางโรงเรียนเป็นอย่างดี “ทำอะไรอยู่เหรอ”
“กำลังคิดชื่อวง ยังไม่ถูกใจสักที”
“หืม? แล้วชื่อที่ใช้แสดงอยู่ตอนนี้?”
“นั่นแค่ชื่อที่ตั้งขึ้นมาใช้แก้ขัดน่ะ”
“.....”
“จะเปลี่ยนก็ยุ่งยากเพราะคนจำได้แล้ว”
“จู่ๆเพิ่งคิดอยากจะเปลี่ยนเหรอ”
“นายว่าอันไหนดี” รัชชาจะหยิบเศษกระดาษชิ้นหนึ่งจากในกองจากบนโต๊ะขึ้นมาชูให้เมษาอ่าน
ตอบคำถามด้วยคำถามอีกแล้ว แปลว่าไม่อยากบอกเขาสินะ
คนคนนี้แค่จะพยายามเลี่ยงตอบแบบไม่ให้ถูกจับได้เพื่อพยายามรักษาน้ำใจกันยังไม่แม้แต่จะคิดเสียเวลาทำ แต่นั่นก็เป็นข้อดีที่เมษาชอบ เพราะรัชชาตะไม่เสแสร้ง และไม่โกหกนั่นเอง
“L2RN?”
“คิดว่าไงบ้าง”
“ก็ดูเท่ดีนะ มาจากความหมายอะไรเหรอ” เมษาถามกลับไปพลางพยายามคิดหาความหมายด้วยตัวเองไปด้วย
“อักษรตัวหน้าของชื่อพวกฉันเรียงตามความสูงจากมากไปน้อย”
เอ๊ะ?
“มีชื่ออื่นอีกไหม”
“ถ้าอย่างนั้น N2RL อันนี้เรียงจากน้อยไปมาก”
แทบไม่ต่างจากเดิมเลยนี่นา ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่จะเริ่มเรียงจากความสูงของใครเสียหน่อย
“ไม่มีความหมายอื่นที่คิดไว้เลยเหรอ”
“ก็คิดไว้หลายอัน แต่รู้สึกว่าคำมันยังไม่ยูนีกเท่าไร”
ถึงจะพอรู้อยู่แล้วว่ารัชชาตะไม่ใช่คนละเอียดอ่อนกับเรื่องพวกนี้ขนาดนั้น แต่เอาตัวอักษรมาเรียงกันทื่อๆแบบนี้เลยเนี่ยนะ จะว่ายูนีกมันก็ยูนีกอยู่หรอก เพียงแต่ที่มาที่ไปของความหมายนี่ออกจะสุดโต่งเกินไปแล้ว จะให้บอกไปตามตรงเมษาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่ชอบ เกรงว่าคำพูดของตัวเองจะไปทำลายความมั่นใจของอีกฝ่ายแล้วพานทำให้ถูกเกลียดเอา
ลำบากใจจัง
“ไม่ดีเหรอ”
“จะว่าไงดีล่ะ มันค่อนข้าง...”
ขอไปทีไปหน่อย
เพราะไม่กล้าพูดจึงได้แต่กลืนประโยคที่เหลือลงท้อง เมษารู้ดีว่าคนฉลาดอย่างรัชชาตะไม่มีทางดูไม่ออก แต่กระนั้นเขาก็ไม่กล้าพูดความจริงออกไปอยู่ดี
เมษาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือที่แบตเหลืออยู่เพียงไม่กี่สิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นมากดเสิร์ชหาข้อมูลต่อหน้ารัชชาตะทั้งแบบนั้น ลองเลือกชื่อที่ความหมายดีจากหลายภาษาและเกี่ยวข้องกับดนตรี เพียงไม่นานก็ได้มาหลายชื่อที่ดูดีมากจนน่าลังเลใจ หากเมษาสุดท้ายเมษาก็จำต้องตัดใจเลือกออกมาเพียงหนึ่งแล้วลองเสนอไป
“ดีเวนไหม?”
“หืม? แปลว่าอะไร”
ร่างซึ่งสูงกว่าเขาถือวิสาสะขยับเข้ามาเบียดชิดจนศีรษะแทบชนกัน และเพราะระยะห่างที่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจของกันและกันนั่นเองที่ทำให้เมษาได้กลิ่นกลิ่นน้ำหอมแบบสปอร์ตจากบนกายอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ ปกติเขาไม่เคยพิศวาสหรือชมชอบกลิ่นน้ำหอมทุกชนิด หากไม่รู้ทำไมพอมันมาอยู่บนตัวของรัชชาตะแล้วเขากลับคิดว่าหอมมากและชอบมากถึงเพียงนี้
“ขยายจอหน่อย อ่านไม่เห็น”
“อะ...อือ”
เมษารีบใช้นิ้วมือแตะบนหน้าจอมือถือแล้วขยายเพื่อดูข้อความตามถูกบอก
“ดีเวน (Dewain) ภาษาเซลติก แปลว่าเพลงเหรอ”
“.....”
“อืม...” รัชชาตะครางรับเสียงอืมในลำคอพลางใช้มือจับคางด้วยท่าทางครุ่นคิดอย่างหนัก หากสุดท้ายแล้วก็เอ่ยชมพร้อมกับระบายยิ้ม “เจ๋งดีนะ”
“.....”
“ฉันชอบ”
หลังจากนั้นเขาเหมือนถูกใครเอาค้อนมาทุบหัวให้ความจำเสื่อมไปชั่วขณะ จำไม่ได้เลยว่าล่ำลากับอีกฝ่ายอย่างไร และกลับบ้านไปอย่างไร รู้เพียงว่าวันนั้นเป็นวันที่เขาได้สัมผัสว่าความสุขคืออะไร มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรโดยแท้จริง
เมษาขอสาบานจากใจเลยว่าจะไม่มีวันลืมกลิ่นน้ำหอม รอยยิ้ม และคำว่าชอบของรัชชาตะไปชั่วชีวิต
Talk
สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันหนึ่งสัปดาห์ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ปั่นมาได้แค่นี้ แอบติดเกม ติดซีรีส์ ติดทุกอย่างที่ไม่ใช่ติดแต่งนิยายมาก ระหว่างที่พักฟื้นหาอะไรทำไปเรื่อยจนตอนนี้กลายเป็นว่าติดยาว :o8:
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และกำลังใจนะคะ ส่วนตอนนี้ครึ่งแรกอ่านแบบน่ารักสบายๆพอกรุบกริบไปก่อน อีกครึ่งตอนที่เหลือแปะโป้งไว้เจอกันใหม่สัปดาห์หน้า เจ้มจ้นขึ้นแน่นวลลลลลลล จุ้บๆ :กอด1:
07
- In the name of love -
นัยน์ตาสีอ่อนลืมตื่นขึ้นมากลางดึกพบกับฝ้าเพดาน ลองกดสายตาไล่มองลงต่ำตามระดับก็พบกับนาฬิกาดิจิตัลบนชั้นวางที่หน้าจอปรากฏเลขสี่ หลังจากฝันถึงเรื่องในอดีตแสนยาวนานแล้วกลับบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกที่ติดอยู่ตรงปลายลิ้นนี้หวานหรือขมกันแน่
ที่ผ่านมาเมษามักจะฝันถึงเรื่องซ้ำๆอยู่เพียงไม่กี่เรื่อง เขาไม่แน่ใจว่าเพราะตัวเองเป็นพวกขาดจินตนาการหรืออย่างไร ความฝันของเขาจึงได้ราวกับว่าถูกจำกัดด้วยกรอบบางอย่างที่ครอบทับเอาไว้อยู่ชั้นหนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะเป็นเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่ติดค้างอยู่ในใจ
หลายคนอาจคิดว่ามันแปลก แม้แต่เขาเองก็ยังรู้ว่านี่ไม่ปกติ ใช่ว่าเขาชอบทรมานตัวเองจึงไม่รู้จักปล่อยวางลงเสียเมื่อไร แต่เพราะค้นพบว่าในความฝัน...ในอดีตแม้จะมีเรื่องให้เสียใจถึงแปดส่วน ทว่าก็ยังพอเหลืออีกสองส่วนที่เจือด้วยความสุขเล็กๆ ถึงมันออกจะสั้นจนรู้สึกว่าช่วงเวลาเหล่านั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วเกินไป หากต้องชั่งน้ำหนักเทียบกับปัจจุบันที่เป็นอยู่แล้วเลือกได้เพียงแค่หนึ่ง เขาก็คงเลือกหยิบ ‘อดีต’ โดยไม่ลังเล
อย่างน้อยก็ยังพอยิ้มออกอยู่บ้าง
เมษาลุกขึ้นจากเตียงตรงไปชำระล้างคราบสกปรกบนร่างกายในห้องน้ำทั้งสภาพเปลือยเปล่า ผิวขาวเนียนละเอียดเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดุจงานศิลปะชั้นสูงที่พยายามแต่งแต้มสีสันลงบนผลงานปะติมากรรม หากเป็นเพียงรูปปั้นคงถูกกล่าวขานถึงความงดงามอันน่าโจษจัน น่าเสียดายที่รูปปั้นชิ้นนี้มีหัวใจที่ถึงจะแหว่งวิ่นไปบ้าง แต่ยังคงรู้สึกเจ็บปวดเสมอเมื่อถูกฉีกกระชากทำลายทีละนิด
หลังจากผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้งพร้อมกับปลุกคนที่ยังคงหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา
กิจวัตรที่ทำเป็นประจำจนไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ชินชากับมัน
“ตีสี่แล้วเหรอ” เจ้าของร่างที่ไร้ซึ่งสิ่งนุ่งห่มไม่ต่างอะไรกับเขาก่อนหน้านี้ถามเสียงงัวเงีย ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วสวมกอดเอวผอมไว้หลวมๆ
“อือ คุณต้องกลับแล้ว”
“กลิ่นสบู่พออยู่บนตัวเธอแล้วหอมดีจัง”
“.....”
“ยังไม่อยากกลับเลย”
“.....”
“อยากอยู่กับเธอแบบนี้ไปนานๆ”
“.....”
“ถ้าวันหนึ่งฉันหย่าแล้วมาอยู่กับเธอแบบเปิดเผย เธอจะยอมไหม”
“ถึงวันนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องยอมคุณอีก”
แม้ถ้อยคำจะสุภาพ แต่น้ำเสียงที่ใช้กลับกระด้างจนสามารถรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
ยังต้องถามถึงเรื่องยอมไม่ยอมอีกหรือ ทุกวันนี้ที่เขาทำตัวเป็นผู้ชายแพศยาแอบหลับนอนกับสามีของมารดาตัวเองก็ใช่ว่าเพราะชอบเสียเมื่อไรกัน
ระหว่างยินยอมกับจำยอม ต่างกันคำแค่เดียวความหมายก็คนละโยชน์แล้ว นั่นแปลว่าเมษาไม่เคยเต็มใจ แต่ที่ต้องทำก็เพราะไม่มีทางเลือก หากวันนั้นมาถึงจริงๆสิ่งแรกที่เขาจะทำคือกางปีกโบยบินไปบนท้องฟ้ากว้างอย่างอิสระ
“นั่นสินะ ถ้าฉันหย่าก็คงไม่มีอะไรรั้งเธอเอาไว้” พูดพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เสมือนว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่คิดไม่ตก “เพราะงั้นถึงฉันจะรักเธอมากแค่ไหน ก็ยังต้องมีแม่ของเธอด้วย”
“ชั่วสมกับเป็นคุณดี”
“เพื่อเธอเรื่องชั่วช้ากว่านี้ฉันก็ทำได้”
ศศินนอกจากจะไม่สะทกสะท้านต่อคำปรามาส ยังถือวิสาสะเชยคางมนแล้วประทับจูบลงไปอย่างจาบจ้วง กระทั่งริมฝีปากผละออกจากกัน เสียงใสถึงได้ตอบกลับไปด้วยเสียงคล้ายจะเย้ยหยัน
“อย่าเอาผมมาเป็นข้ออ้างหน่อยเลย”
“.....”
“ยอมรับเถอะว่าคุณมันเลวโดยสันดาน”
“.....”
เมษาสลัดตัวออกจากวงแขนที่กอดเขาเอาไว้ด้วยหมายครอบครองอย่างละโมบมาตลอดหลายปี ก่อนทิ้งกายลงนอนบนเตียงต่อด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
“พรุ่งนี้ผมมีเรียน ออกไปแล้วล็อกประตูให้ด้วย”
หมดหน้าที่แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะต้องไปสนใจผู้ชายคนนั้นอีก สิ่งที่ต้องทำมีแค่นอนพักเอาแรงสักหน่อยเพื่อเตรียมตัวไปเรียนช่วงเช้าให้ทัน
∞ ∞ ∞ ∞ ∞ ∞ ∞
เมษาตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนหกโมงด้วยเสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือ จัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หยิบกระเป๋าสะพายพร้อมกับสวมเฮดโฟน เปิดประตูออกจากหอพักเพื่อเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ห่างออกไป
หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลายเขาก็ตัดสินใจออกมาเช่าหอพักอยู่ตามลำพัง แค่พูดอาจฟังดูเหมือนง่าย แต่กว่าเมษาจะสมปรารถนาแท้จริงนั้นยากกว่ามาก
ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน เมษาในวัยสิบแปดย่างสิบเก้าปีพยายามเก็บเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นทุนสำหรับเตรียมย้ายออก ทว่าจนแล้วจนรอดกลับถูกมารดาคัดค้านอย่างรุนแรงด้วยเหตุผลว่าเป็นห่วงสุขภาพและความปลอดภัยของเขา ตอนที่ได้ยินเมษาเพียงแค่แค่นยิ้มพลางคิดในใจว่ามารดาช่างไม่เคยรู้อะไรเอาเสียเลย ต่อให้โลกภายนอกจะอันตรายอย่างที่ว่าหรือไม่ แต่ที่เขาแน่ใจคือบ้านหลังนี้ไม่มีทางเป็นสถานที่ปลอดภัยแน่นอน
ทว่าตอนที่เกือบถอดใจ จู่ๆอัยยรินทร์ก็เกิดเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน เธอเอ่ยปากอนุญาตในอีกสัปดาห์ต่อมาพร้อมกับรอยประปรายตามร่าง แม้เมษาจะรู้ได้ในทันทีว่าทำไม แต่กลับเลือกที่จะทำเป็นไม่เห็นเพราะกลัวเกินกว่าจะคาดเดา ได้แต่พยายามเบี่ยงเบนความคิดไปที่การเฝ้ารอวันย้ายออกใจจดจ่อ
แต่แล้วสิ่งที่เขากลัวก็เกิดขึ้น...ราวกับผลกรรมกำลังตามสนองที่คิดหนีออกจากขุมนรกเพียงคนเดียวแล้วทอดทิ้งมารดาที่รักและหวังดีกับเขาเอาไว้ให้เผชิญกับความโหดร้าย
เพราะการออกจากบ้านหาได้ช่วยให้เขาได้รับอิสระดังที่ต้องการ สุดท้ายแล้วมันก็แค่การย้ายจากกรงหนึ่งไปสู่อีกกรงหนึ่ง แถมที่เลวร้ายไปกว่านั้นเขายังถูกทำให้เป็นเหมือนชู้รักที่ศศินแอบเลี้ยงไว้ข้างนอกแล้วสามารถเทียวไปเทียวมาได้ตามใจชอบไม่มีผิด
ความจริงนั่นทำร้ายจิตใจของเมษาจนบอบช้ำไม่น้อย
แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่ามนุษย์มีความสามารถในการปรับตัวยอดเยี่ยม เมื่อถูกบีบคั้นให้อยู่ในสภาพจนตรอกที่ต้องก้มหน้ายอมรับทุกอย่าง ต่อสู้แล้วไม่ได้ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี มีเพียงความสิ้นหวังกว่าเดิมที่รอคอยอยู่ ถึงค่อยเกิดการเรียนรู้แจ่มแจ้ง
เฉกเช่นเดียวกับเขาที่หลงวนเวียนอยู่กับช่วงเวลาเหล่านั้นมาหลายปีจนถูกขัดเกลาให้ไม่เหลือคมใดๆอีกต่อไป ตอนที่รู้สึกว่าพอแล้วกับทุกอย่างก็ตัดสินใจละทิ้งความพยายามที่จะต่อต้านไปอย่างง่ายดายโดยไม่เกรงกลัวว่ามันสูญเปล่า แต่ไหนแต่ไรการดิ้นรนขัดขืนก็ยากกว่าการยอมจำนนอยู่แล้ว มิเช่นนั้นเขาคงไม่อาจทำทุกอย่างได้ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาเช่นนี้
ช่วงเวลาที่บริสุทธิ์ดุจผ้าขาวมักยาวนานไม่กี่ปี จากนั้นเมื่อเติบโตขึ้นก็จะค่อยๆถูกย้อมด้วยสีของครอบครัวและสังคมรอบข้าง สีที่เคยมีอยู่ไม่กี่สีแล้วสวยสด พอรู้สึกตัวอีกทีก็ผสมปนเปแล้วออกมาเป็นสีเทาไปเสียแล้ว ผ้าที่เปื้อนแล้วต่อให้ชำระล้างอย่างไรก็ยากจะกลับไปสะอาดดังเดิม
คิดดูแล้วก็อดคิดถึงตัวเองวัยเด็กที่เคยปฏิเสธความชั่วร้ายอย่างผ่าเผยไม่ได้
“ไง มานานแล้วเหรอ เช็กชื่อไปหรือยัง” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนที่เจ้าตัวจะหย่อนกายนั่งลงเก้าอี้ข้างกันแล้วหยิบแผ่นเขียนที่พับอยู่ลงมา
“เพิ่งมาได้สักพัก อาจารย์ยังไม่เข้า” เมษาที่เพิ่งดึงตัวเองออกจากภวังค์ตอบ
“รอดไป” ว่าพร้อมกับถอนหายใจโล่งอก
ชายหนุ่มเป็นคนคนเดียวที่เมษาคบหาเป็นเพื่อนตั้งแต่ปีหนึ่งเพราะถูกใจนิสัยใจคอ ภูวดลมีหน้าตาคมคาย แต่ที่โดดเด่นยิ่งกว่าเห็นจะเป็นรูปร่างผึ่งผายและส่วนสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ตอนที่เจอกันครั้งแรกเมษาจำบทสนทนาไม่ค่อยได้นัก ความทรงจำในหัวที่มีเหลืออยู่เลือนรางพอจะนึกออกได้ว่าทางนั้นเป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับเขาก่อน ภูวดลเป็นคนอัธยาศัยดีเยี่ยมจนไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีคนคอยเข้ามาทักทายไม่ขาด แตกต่างกับเขาที่มักไม่สุงสิงกับใคร น่าแปลกที่เจ้าตัวกลับมักชอบมาเกาะติดเขาราวกับสุนัขตัวใหญ่จนเห็นเป็นภาพชินตาสำหรับเพื่อนในคณะ
อาจเพราะสงสารที่เห็นเขาไม่มีเพื่อนสักคนเดียว
ถึงจะเป็นความเห็นใจที่ไม่เคยร้องขอ เมษาก็ยังคิดว่าน่าเสียดายเกินกว่าจะปฏิเสธความใจดีที่ถูกมอบให้ ในสภาพสังคมปัจจุบันที่ผู้คนคอยแต่จะเหยียบย่ำกันและกันเมื่อเผลอสะดุดล้ม หากพบคนที่ปรารถนาดีกับเราแค่สักคนหนึ่ง นั่นย่อมโชคดียิ่งกว่าเจอขุมสมบัติมูลค่ามหาศาล ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เมษาจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับคนดีๆแบบนี้
“นายดูเพลียๆนะ นอนไม่พอเหรอ” เจ้าของคำถามถือวิสาสะยื่นมือไปเขี่ยใต้ตาที่เริ่มปรากฏรอยคล้ำให้เห็นอยู่จางๆ
“อืม นิดหน่อยน่ะ”
“คงไม่ใช่ว่าทำรายงานจนไม่ได้นอนหรอกใช่ไหม”
“.....”
“ถ้าไม่ไหวก็แบ่งงานมาให้เราช่วยได้ นายเหนื่อยเกินไปแล้ว”
ก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งถูกอาจารย์สั่งให้ทำรายงานเล่มหนึ่งส่งช่วงสอบมิดเทอม ทั้งที่เป็นงานกลุ่มซึ่งประกอบด้วยสมาชิกหกคน แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆกลับมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ลงมือทำอย่างเต็มที่ ส่วนสมาชิกที่เหลือกลับเป็นเสมือนเงาที่ตามหาตัวไม่พบ นัดหมายแล้วติดต่อไม่ได้ แม้จะพยายามสื่อสารผ่านทางแชทกลุ่มที่ตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว ผลลัพธ์กลับมีแต่คนอ่าน แต่ไม่มีคนตอบ
ด้วยนิสัยของเมษาแล้วย่อมไม่มีทางต่อว่าต่อขานหรือโวยวายใส่คนอื่น จึงได้แต่แบกรับภาระทั้งหมดไว้แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานไปเงียบๆ ทว่าถึงอย่างไรมันก็ยังเป็นปริมาณงานสำหรับคนหกคน เมื่อมีแค่สองคนย่อมหนักเกินไป เมษาพอเข้าใจได้ว่าทำไมภูวดลจึงได้เป็นห่วงแล้วหยิบเรื่องนี้พูดขึ้นมา
“ขอบใจนะ แต่ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก”
เมษาปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้มอย่างไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร จึงได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไปเช่นนั้นแล้วแสร้งเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
ต่อให้เอาอะไรมาง้างปากเขาก็ไม่มีวันพูดความจริงเด็ดขาด
เลิกคลาสแล้วเขากับภูวดลตกลงกันว่าจะกินมื้อเที่ยงด้วยกันที่ห้างสรรพสินค้าเนื่องจากช่วงบ่ายไม่มีเรียน นอกจากนี้เมษายังมีเหตุผลจำเป็นที่ต้องมาร้านหนังสือ จึงถือว่าประจวบเหมาะที่จะเดินทางครั้งเดียวแล้วสะสางธุระให้เสร็จ
เพราะเป็นคนง่ายๆไม่เรื่องมากด้วยกันทั้งคู่ ทุกครั้งที่มาจึงมักจบลงที่ฟู้ดคอร์ทเพื่อที่ต่างฝ่ายจะได้ต่างเลือกซื้อของที่ต้องการโดยไม่ต้องฝืนใจกัน ใครอยากกินอะไรก็ไปกินร้านนั้นแล้วค่อยมานั่งร่วมโต๊ะ
“ได้ข่าวว่าอาทิตย์หน้าอัลบั้มใหม่ของมิดไนท์จะวางขายเหรอ”
ปกติแล้วภูวดลไม่ได้ติดตามและสนใจวงการเพลงมากเท่าไร เดาว่าระหว่างเล่นโซเชียลคงจะเลื่อนหน้าฟีดแล้วบังเอิญเห็นข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เขาแชร์กระมังจึงได้ถามขึ้นมา
“ใช่”
“แฟนตัวยงอย่างนายคงไม่พลาดแน่”
“.....”
“เดี๋ยวเราเก็บชี้ทเอาไว้ให้”
...รู้ใจเกินไปแล้ว
“ขอบคุณนะ” เมษาเอ่ยยิ้มๆด้วยความซาบซึ้งใจ มิตรที่ดีขนาดนี้จะหาได้จากไหนอีกหนอ
“แล้วนี่มีแพลนจะไปไหนต่อหรือเปล่า” อีกฝ่ายถามระหว่างหยิบขวดน้ำขึ้นกระดกดื่ม
“ว่าจะไปร้านหนังสือ นายกลับไปก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร เราไปด้วยดีกว่า มีหนังสือที่อยากดูเหมือนกัน”
“อือ”
เมษาพยายามเร่งความเร็วในการทานอาหารเนื่องจากไม่อยากปล่อยให้อีกฝ่ายต้องคอยนาน
แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยทานอาหารเสร็จก่อนเลยสักครั้ง เคยคิดว่าความเร็วในการทานของตัวเองอยู่ในระดับปกติมาตลอด หากเมื่อมาเจอภูวดลแล้วกลับรู้สึกว่าตัวเองงุ่มง่ามชักช้าจนน่าหงุดหงิด ดีที่คนตรงหน้าไม่เคยถือสาและยังอุตส่าห์นั่งรอเป็นเพื่อนเขาด้วยความใจเย็นอยู่ร่ำไป
ขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาจัดการข้าวผัดในจาน คู่สนทนาก็เกิดเงียบลงไปกะทันหันอย่างน่าแปลก หากเป็นคนอื่นเขาคงไม่ติดใจอะไร แต่ปกติแล้วภูวดลเป็นคนคุยเก่ง มักสรรหาเรื่องมาชวนคุยไปเรื่อยได้ไม่รู้เบื่อ เมษารับรู้ได้ถึงความผิดปกตินั้นจึงได้หยุดมือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองบางอย่างข้างหลังเขาอยู่ ด้วยความสงสัยจึงได้ตัดสินใจหันไปมองตามสายตานั้น ภาพที่เห็นมีแค่ชายหนุ่มน่าจะอายุประมาณเขาที่กำลังยืนซื้อข้าวผัดร้านเดียวกันกับเขาอยู่
“ดูอะไรอยู่เหรอ” เมษาเลิกคิ้วถามเสียงประหลาดใจ
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่อีกฝ่ายกลับยังไม่ถอนสายตากลับมาเหมือนกับถูกตรึงไว้ด้วยมนตร์คาถา นอกจากนี้ถึงจะเป็นแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ เมษายังสังเกตเห็นด้วยว่ามีแวบหนึ่งที่ดวงตาสีนิลกาฬคู่นี้ฉายแววเจ็บปวดออกมา ดังนั้นเขาจึงอดเหลียวหลังหันไปมองอีกครั้งไม่ได้
ชายหนุ่มคนดังกล่าวกำลังถือถาดอาหารเดินตรงไปยังโต๊ะซึ่งมีอีกคนนั่งรอ คาดว่าทั้งคู่น่าจะมาด้วยกัน ทว่าเมื่อเห็นรูปโฉมที่ออกจะโดดเด่นเหนือสามัญของคนคนนั้นเต็มตา เมษาก็อดตกตะลึงไม่ได้
เจ้าตัวสวมสูทเรียบกริบสีดำปลอดทั้งตัว ทรงผมจัดแต่งด้วยเจลอย่างดีแทบไม่มีปล่อยร่วงให้เกะกะสักเส้น รูปร่างสมส่วนบุคลิกภูมิฐาน มองอย่างไรก็สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดา แต่ทันทีที่คนตัวเล็กกลับมาถึงโต๊ะ ใบหน้าหล่อเหลาดุจรูปสลักกลับเผยรอยยิ้มอ่อนโยนราวกับจะละลายน้ำแข็งบนโลกในชั่วพริบตา นำพาให้บรรยากาศรอบตัวที่เคยกดข่มผู้คนไม่ให้ย่างกรายเข้าใกล้ แปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นเสียยิ่งกว่าฤดูใบไม้ผลิ
“กินเสร็จแล้วเหรอ”
มัวแต่เผลอมองมากเกินไปจนกลายเป็นเขาเสียเองที่ละสายตาไม่ได้
“อ้อ...อือ เสร็จแล้ว”
“ไปกันเลยไหม”
“ได้”
ว่าแล้วก็เก็บสัมภาระทั้งหมดก่อนลุกจากโต๊ะแล้วเดินออกมา
ตลอดทางภูวดลเงียบไปอย่างผิดวิสัยจนทำให้เมษาอดเป็นกังวลไม่ได้ ดูจากท่าทางแล้วสองคนที่เห็นคงมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับชายหนุ่ม แต่เพราะเมษาเคยแค่เป็นฝ่ายได้รับความใจดีจากภูวดล พอถึงเวลาที่ต้องตอบแทนกลับไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจึงจะดี หากถามออกไปจะก้าวก่ายเกินไปหรือไม่ หรือควรทำเป็นไม่รู้จะดีกว่า ประสบการณ์ที่มีเรื่องทุกข์ใจแต่ไม่อาจปรึกษาหรือเล่าให้ใครฟัง ไหนเลยเมษาจะไม่เข้าใจ ต้องบอกว่าเขาเข้าใจจนถึงแก่นเลยต่างหาก
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนกับเขา เพราะไม่อาจตัดสินคนอื่นจากความคิดของตนเองเพียงฝ่ายเดียว เมษาจึงได้แค่สับสนว่าควรทำเช่นไรกับเพื่อนตัวสูงข้างกายที่ดีกับเขาเสมอมา
“ทำหน้ายุ่งเชียว คิดอะไรอยู่เหรอ” ระหว่างที่คิดสะระตะเสียมากมาย อีกฝ่ายกลับสลับบทบาทแล้วถามไถ่เขาด้วยความห่วงใย
“คิดเรื่องของนาย” คนตัวเล็กไม่รั้งรอแม้แต่จะเกริ่นเข้าเรื่อง หากเลือกตอบไปตามตรง
“เรื่องของเรา? คิดอะไรถึงได้ทำหน้าเครียดขนาดนั้น”
“เราเป็นห่วงภพนะ” เมษาบอกระหว่างที่กระตุกชายเสื้อคนข้างๆแล้วเอ่ยต่อเสียงแผ่ว “แต่เราไม่รู้ว่าควรถามหรือไม่ถามดี”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะเราเองก็มีเรื่องที่ถามได้และไม่อยากให้คนอื่นถามเหมือนกัน”
“รวมถึงเราด้วยเหรอ”
“อือ”
“นั่นก็ช่วยไม่ได้” รอยยิ้มที่แม้จะนุ่มละมุนเช่นเคย แต่กลับแฝงด้วยร่องรอยของความเสียใจจึงออกมาเจื่อนเล็กน้อยอย่างปิดไม่มิด
“แต่สำหรับเราเมษไม่ใช่คนอื่นหรอกนะ”
“.....”
“ไปกันเถอะ อย่าสนใจเลย”
“.....”
“รีบไปร้านหนังสือ นายจะได้รีบกลับไปพัก” มือซึ่งใหญ่กว่าเขาเอื้อมมาวางเบาๆบนศีรษะก่อนดึงกลับไปไว้ข้างตัวแล้วออกเดินนำไป
อีกฝ่ายทั้งใจกว้างและเปิดเผยจนกลายเป็นเขาที่รู้สึกกระอักกระอ่วน
หลังจากนั้นพอมาย้อนคิดดู เมษาก็อดด่าทอตัวเองไม่ได้ว่าเหตุใดจึงไม่เข้าใจสิ่งที่ภูวดลต้องการจะบอก ในเมื่อเจ้าตัวแสดงออกชัดเจนเสมอมา มีแค่เขาที่โง่งมและมองไม่เห็น คล้ายกับมีเมฆหมอกหนาทึบบดบังให้ไม่เห็นแสงจากดวงตะวันที่กำลังสาดส่อง
แต่ถึงกระนั้นก็หาใช่ความผิดของเมษาทั้งหมดเสียทีเดียว เมื่อไม่เคยถูกรักแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่านั่นคือรัก โดยเฉพาะกับเมษาที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักที่บิดเบี้ยวจนผิดรูปทรงมาตลอด คล้ายจะเข้าใจแต่กลับไม่เคยเข้าใจเหมือนหลงอยู่ท่ามกลางเขาวงกตที่ไร้ซึ่งทางออก ได้แต่เดินสะเปะสะปะไปเรื่อยจนติดปลักโคลนโดยไม่รู้ตัว
...กว่าจะรู้อีกทีก็ถลำลึกจนไม่อาจถอนตัว
Talk
สวัสดีค่ะทุกคน ขอโทษนะคะที่ช้า ช่วงนี้เมย์เหมือนหมดไฟอีกแล้ว อุแง แต่ไม่ได้เลิกเขียนหรอกนะคะ เพราะยังสนุกกับการเขียนเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ แต่อาจจะช้าหน่อยตามประสา ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าน้า จุ้บๆ
:bye2: