พิมพ์หน้านี้ - ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: rinyriny ที่ 21-05-2019 20:56:47

หัวข้อ: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 21-05-2019 20:56:47
4ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: +-Hotel Room ▪ห้องนี้ มีแต่เรา▪ -+ บทนำ | 210519 |
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 21-05-2019 21:15:32
บทนำ







 

 









[จุนครับ วันนี้พี่ ออกไปหาลูกค้า มีกินเลี้ยงด้วย น่าจะกลับดึก พี่ไม่อยากให้จุนเคว้ง จุนกลับไปนอนที่ห้องจุนก่อนนะ]

 

 

"ครับ"

 



     จุนเจือรับคำพลางลอบถอนหายใจนิดหน่อย ก็วันนี้ เป็นวันครบรอบแปดเดือนของจุนเจือและพี่บอมบ์แท้ ๆ แต่พี่บอมบ์กลับไม่ว่าง ครั้นจะอยากงอแง เรียกร้องอย่างคนเอาแต่ใจ พี่บอมบ์ก็เคยบอกไว้ก่อนคบกันว่าไม่ชอบคบคนขี้งอนแบบไม่มีเหตุผล จุนเจือไม่อยากเป็นคนงี่เง่าในสายตาพี่บอมบ์ถึงยอมเงียบ ได้แต่กลับมานั่งน้อยใจเพียงคนเดียวระหว่างวัน

 

 

      เวลาบ่ายแก่ ๆ จุนเจือยังคงนั่งทำงานที่โต๊ะตัวเดิม ขวามือมีขนมและชานมไข่มุก ซ้ายมือคืองานเอกสารที่กองพะเนินบนโต๊ะ จุนเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จุนเจือทำหน้าที่ประสานงานทั้งกับลูกค้า และระหว่างแผนก นอกจากนี้ จุนเจือยังทำหน้าที่เสมือนกึ่งเลขา บางเรื่องที่กรรมการผู้จัดการต้องการอะไร จุนเจือก็ต้องคอยช่วยหาข้อมูลให้บ้าง และคอยดูแลทุกอย่างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จุนเจือมองว่า ถ้าเขาทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน เพราะอย่างน้อยมันก็คือประสบการณ์ และที่สำคัญ แม้ว่าที่แห่งนี้ จะทำงานหนักและเหนื่อยแค่ไหน จุนเจือก็ยังไม่คิดจะลาออกจากงาน เพราะมันเป็นจุดที่ทำให้จุนเจือได้พบรัก พบพี่บอมบ์ ผู้ชายที่อายุมากกว่าจุนห้าปี พี่บอมบ์มาจีบจุนเจือก่อน จนกระทั่งจุนเจือใจอ่อนกับการป้อนคำหวาน การตามจีบ เอาอกเอาใจ จึงตัดสินใจคบเป็นแฟน จนบัดนี้ก็ล่วงเลยมาได้เก้าเดือนแล้ว พี่บอมบ์เป็นเซลล์ขายผลิตภัณฑ์ เขาพูดเก่ง และทำงานเก่ง จุนเจือจึงชอบเป็นพิเศษ จุนเจือชอบผู้ชายที่ทำงานเก่ง มันรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำอะไรสักอย่างจนกลายมาเป็นเสน่ห์ ถึงแม้ว่า พี่บอมบ์จะติดเซ็กซ์ไปหน่อย มีความต้องการที่สวนทางกันบ้าง แต่จุนเจือรับได้ เพราะคนเราก็ต้องมีจุดบกพร่องทางด้านนิสัยกันนิดหน่อย คงไม่มีใครจะมาสมบูรณ์แบบเต็มร้อย

 

 

     คนที่พยายามมองข้ามเรื่องที่ชวนจะเป็นปัญหาใหญ่ กำลังถอนหายใจ ก่อนจะผุดรอยยิ้มขึ้นมาใหม่ เมื่อนึกได้ว่า พี่บอมบ์จำวันครบรอบเราไม่ได้ไม่เป็นไร จุนเจือจะแอบไปเซอรไพร์สเขาเอง

 



      พี่บอมบ์ออกจากบริษัทไปหาลูกค้าตั้งแต่ตอนบ่ายโมง ส่วนจุนเจือเมื่อเลิกงานแล้วก็แวะซื้ออาหารหมาที่หมดแล้ว ให้เจ้าละมุดสักหน่อย รวมถึงจะซื้อเค้กไปฉลองกันสองคน

 

       ได้ของให้ทั้งสุนัขและคนเรียบร้อย จุนเจือก็หิ้วของทั้งหมดขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งไปหาพี่บอมบ์ เมื่อถึงหมู่บ้านคุ้นเคยที่จุนเจือมาเป็นประจำ ก็บอกทางอย่างชำนาญ จนกระทั่งถึงหน้าบ้านรั้วเหล็กเตี้ยสีดำ จุนเจือดึงกลอนขึ้น เปิดประตูเข้าไป จนหยุดเท้าตรงหน้าบ้านกระจกใสที่เห็นรองเท้าไม่คุ้นตาถอดอยู่หน้าบ้าน

 

    จุนเจือแค่สงสัย แต่ก็เดินเข้าบ้านไปอย่างเงียบ ๆ วางเค้กไว้บนเคาน์เตอร์ครัวและอาหารสุนัข แต่เจ้าละมุดที่นอนอุตุอยู่ตรงพื้นครัวพอได้ยินเสียงกอกแกกก็ผงกหัวเห่าเสียงแหลมจนจุนเจือรีบย่อตัวลงไปลูบหัว ลูบหลังจนละมุดหยุดเห่าเปลี่ยนมาส่งเสียงร้องครางอิ๋ง ๆ ใกล้ๆ

 

    คนที่ยังเล่นกับสุนัข ก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน

 



"ใครน่ะ บอมบ์"

 

 

    เสียงสองคนตะโกนคุยกันทำจุนเจือชะงัก คนที่นั่งลูบหมาอยู่ข้างเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ผุดลุกขึ้นพร้อมกับสายตาที่เห็นพี่บอมบ์สวมแค่บ็อกเซอร์ ยืนจ้องตาโตตกใจ

 

 

"จุน มาได้ไง กลับไปก่อน พี่ไม่สะดวก"

 

 

"ทำไมล่ะครับ?" จุนเจือยืนงง เพิ่งมาถึงแท้ ๆ แต่ทำไมพี่บอมบ์กลับไล่กันอย่างหน้าตาเฉย

 

 

       จุนเจือคงไม่ต้องรอคำตอบจากแฟนตัวเอง เพราะสายตาของจุนเลื่อนมองข้ามไหล่พี่บอมบ์เห็นผู้ชายหน้าตี๋ใส่แว่นสายตากรอบดำ เดินลงมาจากบันไดในสภาพกางเกงบ็อกเซอร์เช่นเดียวกัน เขาเดินมาซบไหล่พี่บอมบ์ด้วยใบหน้าง่วงงุน จุนเจือตาร้อนผ่าวตอนที่กวาดตามองเรือนร่างคนที่จุนเจือไม่รู้จักพบรอยจ้ำแดงหลายแห่ง

 

 

"นี่คือลูกค้าพี่บอมบ์หรือครับ?"

 

 

"......"

 

 

"จุนถาม ตอบจุนสิพี่" จุนเจือโมโหและหน้าชาดิกจนตวาดออกไป แต่ใต้เสียงที่ถามออกไป ลึก ๆ จุนเจือเองก็ไม่มั่นใจ มันเหมือนว่าจุนเจือก็มีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้ว

 



"กล้าดียังไงมาตวาดใส่บอมบ์"

 

"ทำไมผมจะกล้าไม่ได้ล่ะครับ ก็พี่บอมบ์คือแฟนผม"

 

 

"เฮอะ! แฟน? คบกันมากี่ปีหรอครับ ตอบผมหน่อย ตัวผมกับบอมบ์น่ะคบกันมาห้าปีแล้ว" เสียงหัวเราะเยาะในตอนแรกและเสียงหัวเราะเยาะในตอนท้ายทำจุนเจือเจ็บปวดจริง ๆ  แต่เหนืออื่นใด สิ่งที่เพิ่มความเจ็บปวดเป็นเท่าทบทวีก็ตอนที่ได้ยินระยะเวลาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่คบกัน

 

 

      ผู้ชายคนนั้นบอกว่าห้าปี แต่กับจุนเจือมันเพียงเก้าเดือนเท่านั้น นี่จุนเจือกลายเป็นชู้คนอื่นโดยไม่รู้ตัวหรือนี่...

 

       จุนเจืออึกอักพูดไม่ออก เพราะเขาจะเอาอะไรไปอ้างสิทธิ์ได้อีก แค่นี้ จุนเจือก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จุนเจือมองพี่บอมบ์ด้วยความเสียใจและเสียความรู้สึก พี่บอมบ์ก็ยื่นเงียบไม่คิดจะช่วยอธิบายหรือแก้ตัวแทนกันสักนิดเลย

 



"พี่หลอกจุนหรอครับ?" จุนถามพี่บอมบ์ เขาเลือกที่จะไม่ตอบผู้ชายคนนั้นเพราะอาย จุนเจือรู้แล้วว่าตอนนี้ สถานะเขาคืออะไร?





      คนโง่ดี ๆ นี่เอง...

 

 

"พี่ไม่ได้หลอกอะไรจุนครับ เราเป็นพี่-น้องกันมาโดยตลอด แล้วอะไรคือหลอกครับ? จุนกำลังคิดอะไรอยู่?"

 

"บอมบ์คงเหงา เขาก็แค่หาเศษหาเลยน่ะ กลับบ้านเถอะ มีตังค์กลับบ้านไหมล่ะ" คนที่อ้างตัวว่าคบมาก่อนก็เสริมด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ

 

   จุนเจือไม่ต่างกับหมาหัวเน่า เขายืนนิ่ง น้ำตารื้น ความรู้สึกโกรธ เสียใจ และอับอายตีตื้นขึ้นมาจนจุกอก ตลอดเวลาที่จุนเจือทุ่มใจ มอบความรู้สึกดี ๆ ให้ไป สิ่งที่ได้กลับมาคือ การหลอกลวงกันอย่างนั้นหรือ?

 

      น้ำตาไหลตอนที่ได้ยินคำตอบคนเห็นแก่ตัว จุนเจือเดินกลับไปที่ครัว คว้ากล่องเค้กเหวี่ยงเข้าหน้าพี่บอมบ์



 

"โชคดีนะ ไอ้ชั่ว"

.

.

.

.

       เขาว่ากันว่า หากใจสลาย รักษาได้ด้วยการใช้เวลาเยียวยาจิตใจ แล้วมันจะดีขึ้นเอง

 

 

        สำหรับจุนเจือ เขาใช้เวลาสี่สิบห้าวันแห่งการเยียวยาตัวเอง หลังจาก เรื่องนี้เกิดขึ้น จุนเจือลาออกจากที่ทำงาน และตระเวนหางานใหม่ โดยทุกนาทีที่ผ่านไป หัวใจของจุนเจือช่างทรมาน





        สี่สิบห้าวันนี้...จุนเจือร้องไห้ทุกวัน จุกอก และเจ็บปวดใจอย่างหนัก แต่พอร้องไห้ทุกวัน ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา และการร้องไห้นี่แหละก็ได้เรียนรู้ว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายจนเกินไป เพราะการร้องไห้ ไม่ได้หมายถึงการแสดงความอ่อนแออย่างเดียว แต่การร้องไห้ยังให้เราได้ระบายมันออกไปด้วย





       ตลอดระยะเวลาสี่สิบห้าวันนี้ก็ทำให้จุนเจือดีขึ้นจริง ๆ แม้ว่า จุนเจือจะมีบางห้วง ช่วงขณะที่ยังคงมีความรู้สึกคั่งค้างอยู่ในจิตใจ มีเผลอคิดถึงพี่บอมบ์ และสถานที่เราเคยไปเที่ยวด้วยกันบ้าง แต่หากถามถึงตอนนี้ จุนเจือรู้สึกใจเบา อาการทุเลาลงกว่าแต่ก่อน อย่างน้อย จุนเจือเริ่มยิ้มได้แล้ว



   

       สำหรับเรื่องการอกหัก ครอบครัวจุนเจือไม่มีใครรู้ มีแต่เพื่อนสนิทไม่กี่คนที่รู้และทำได้แค่รับฟังและปลอบใจ และจากจุดนี้เองที่ทำให้จุนเจืออยากลองหนีไปใช้ชีวิตให้ไกล ๆ เมื่อโสด เมื่อไม่มีใคร เขาจะไปไหน ทำอะไรก็ได้ จุนเจือเลยเสี่ยงที่จะลองไปทำงานต่างถิ่นดู

 

 

      จังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ สถานที่ที่จุนเจือจะไปเริ่มงานแห่งใหม่ จุนเจือเลือกมาพัก หลบเลียแผลใจที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ  แห่งหนึ่ง

 

 

      เขาหวังว่าการได้เห็นทิวทัศน์ธรรมชาติ และท้องทะเล จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ และลืมเรื่องราวร้าย ๆ ในอดีตที่เพิ่งผ่านพ้นมาได้

     

 

     แม้ว่าคนในครอบครัวจะเป็นห่วงที่จุนเจือต้องมาทำงานไกลขนาดนี้ เพราะเดิมทีจุนเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ จุนเจือไม่อยากให้พ่อ แม่ และพี่สาวเป็นห่วง จุนเจือจึงโกหกว่า เพื่อนทำงานอยู่ก่อนแล้ว ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว จุนเจือไม่มีใครที่จุนรู้จักเลยสักคน

 

 

      จุนเจือแบกเสื้อผ้ายัดเต็มกระเป๋าเป้ใบใหญ่และกระเป๋าลากใบโตหนึ่งใบ ในเวลานี้ จุนเจือเหมือนเด็กน้อยที่พยายามหัดเป็นหนุ่มแบ็คแพ็คเกอร์ ท่องเที่ยวโลกใบใหญ่ เขาเดินไปไหนต่อไหนก็แทบกลืนไปกับผู้คน ทั้ง ๆ ที่จุนเจือคิดว่าความสูงร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตรนั้นถือว่าไม่เตี้ยจนเกินไปสำหรับหนุ่มเชื้อสายไทย แต่พอมาอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่หนุ่มฝรั่งตาน้ำขาวสูงราวร้อยแปดสิบเซ็นต์ขึ้นไป จึงไม่แปลกที่ยามนี้ จุนเจือจะกลายเป็น 'ลิ้ตเติ้ลบอย' ไปโดยปริยาย





      เวลานี้ จุนเจือนั่งเรือเฟอร์รีข้ามฟากจนถึงเกาะอีกฟากฝั่ง เขาเดินลงจากเรือปะปนไปกับฝูงชนที่เดินไหลเรื่อย ๆ ราวกับสายน้ำ เมื่อหลุดพ้นวงโคจรนั้นมาได้ จุนเจือพรูลมออกมาทางปากเบา ๆ เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อ และอากาศของเมืองไทย ในเวลาบ่ายสองสี่สิบห้านาทีนี้ ช่างร้อนแรงจนอยากแก้ผ้าเดินเสียเหลือเกิน





      จุนเจือกระหายน้ำอย่างหนัก เขาลืมพกน้ำดื่มติดตัวมาด้วย จุนเจือลากกระเป๋าเดินมาจนถึงศาลารวมพล อากาศร้อนจนชวนอึดอัดถ้าต้องนั่งรอคนขับรถของโรงแรมที่จะมารับอยู่ในนี้ จุนเจือไม่อยากอุดอู้ จึงเดินออกไปหาอะไรกินข้างนอก จุนเจือเดินไปสอบถามคนท้องถิ่นว่าร้านสะดวกซื้ออยู่ตรงไหน ได้ที่หมาย จุนเจือขอบคุณและกำลังเดินข้ามถนนไปยังร้านสะดวกซื้อ







       เสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งที่ใส่มายามนี้เปียกชุ่มด้วยเหงื่อ จุนเจือเดินอาบเหงื่อลากกระเป๋าใบโตไปด้วย จังหวะที่จุนเจือลากกระเป๋าข้ามฝั่ง ล้อของกระเป๋าลากเกิดตกหลุมระหว่างถนนช่างลงล็อกพอดิบพอดี จุนเจือหลับตาสบถอย่างหงุดหงิดแล้วหันไปกระตุกกระเป๋า แต่มันยังคงติดหลุมอยู่ พอจุนเจือกำลังจะยกกระเป๋า รถกระบะที่ต้องใช้เส้นทางนี้ก็บีบแตรไล่จนจุนเจืออายและสะดุ้งด้วยความตกใจ มาต่างถิ่นก็เจอเรื่องเข้าให้แล้ว จุนเจือพยายามจะยกกระเป๋าแต่มันหนักเกินไป และแล้ว ทันใดนั้น จุนเจือได้ชายหนุ่มน้ำใจงามวิ่งเข้ามาช่วยจุนยกกระเป๋าลากออกจากหลุม ชายผู้นั้นโค้มศรีษะให้กับคนขับรถกระบะคันสีดำและเป็นฝ่ายลากกระเป๋าจองจุนเจือมาจอดพักไว้ตรงหน้าร้านสะดวกซื้อ

 

 

"เอ่อ ขอบคุณนะครับ" จุนเจือยิ้มให้ผู้ชายหน้าคล้ายคนญี่ปุ่น

 

 

"ไม่เป็นไรครับ ตัวคนเดียวแบบนี้ ทำอะไรดูที่ ดูทาง ด้วยนะครับ"

 

 

"ครับ" จุนเจือตาโต ดีใจที่ได้เจอคนไทยด้วยกันมีน้ำใจขนาดนี้ จุนเจือรีบยกกระเป๋าไปวางหลบมุม และรีบเข้าร้านสะดวกซื้อ หยิบตะกร้ามาใส่ของเบ็ดเตล็ดและขนมมากมายหวังจะซื้อตุนเอาไว้เพราะไม่รู้ว่าแถวโรงแรมจะมีร้านสะดวกซื้อแบบนี้หรือเปล่า



     

      จุนเจือหยิบของใส่จนเต็มตระกร้า และมารอเข้าแถวเพื่อจ่ายเงิน คนที่ยืนรออยู่ จู่ ๆ โดนคนข้างหลังกระแทกจนจุนเจือถลาไปข้างหน้า และหัวโขกกับกระเป๋าเป้ใบโตของฝรั่ง ครู่หนึ่งจุนเจือสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายจับข้อแขนแต่ก็รีบดึงมือออกไป





       จุนเจือสบถเบา ๆ ยกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อย ๆ หันหลังไปชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ยังไม่ถึงกับจะอ้าปากด่า ก็ชะงักที่เห็นว่าเป็นคนไทยสวมแว่นกันแดดทรงวินเทจ ใส่เสื้อฮาวายพื้นสีฟ้า ลอยดอกสีแดงปนครีมที่ปลดกระดุมลงมาสองเม็ดจนเห็นแผงอกรำไร ความหล่อดูดีถึงกับทำให้จุนเจือเผลอกวาดสายตามองตั้งแต่ใบหน้าไล่ต่ำลงมา และก็เป็นจุนเจือเองที่รีบเบนหน้าหนีตอนที่อีกฝ่ายเอ่ยขอโทษ

 

 

        แม้จะหันหลังมาแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังติดตรึง นั่นคือ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงจากตัวอีกฝ่าย ที่เตะจมูก จุนเจือรู้สึกถึงความสดชื่น แต่ขณะเดียวกันก็ดูน่าค้นหา



     

        ตอนนี้ จุนเจือยังรู้สึกเสียวสันหลัง และไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่จุนเจือรู้สึกถึงไออุ่นตรงบริเวณข้างลำคอและไหล่ จุนเจือรีบสลัดไล่ความคิดเรื่องคนแปลกหน้าทิ้งไป ตอนที่มาถึงคิวของตัวเอง รอสักพัก พนักงานคิดเงิน แต่ไม่ยอมใส่ถุงพลาสติกให้สักที จุนเจือจึงถาม

 



"ขอโทษนะครับ ทำไมไม่ใส่ถุงล่ะครับ"

 



"เกาะเรา เข้าร่วมโครงการรณรงค์ลดโลกร้อนค่ะ หากลูกค้าจะซื้อของ ลูกค้าต้องนำถุงผ้ามาใส่ของเองค่ะ"

 

"ห้ะ?" จุนเจือไม่รู้มาก่อน แล้วเขาซื้อของตั้งมากมายจะทำยังไง แบกออกไปแบบนี้เพื่อยัดใส่กระเป๋าอีกใบนะเหรอ? จุนเจือตัดสินใจจะซื้อถุงผ้าเพิ่ม พนักงานบอกว่าของหมดสต็อกอีก

 

 

        จุนเจือลอบถอนหายใจ ก่อนจะยื่นแบงค์พันไปและรอรับเงินทอน ระหว่างนั้น จุนเจือก็ค่อย ๆ กวาดของที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์มาอุ้มไว้ในอ้อมแขน จุนเจือต้องประคองทั้งตัวเองและประคองทั้งสติเพื่อเดินออกไปข้างนอก จุนเจือเดินด้วยความทุลักทุเล ส่วนหนุ่มฝรั่งตัวสูงสองคนที่เดินคุยกันอยู่ข้างหน้าจุนเจือ  จู่ ๆ ก็หยุดกระทันหัน จนจุนเจือเดินชนกระเป๋าเป๋ใบสูงใหญ่อีกรอบ ที่สำคัญใบหน้าของจุนเจืออยู่ในระดับเดียวกับรองเท้าที่ฝรั่งคนนั้นมันผูกติดไว้กับกระเป้าเป้  จุนเจือสบถทันทีที่ของในมือหล่นกระจัด กระจาย

 

 

'โอ้ย นี่การมาต่างถิ่นคนเดียวครั้งแรกมันจะต้องซวยและยากเย็นขนาดนี้เลยหรือไงวะ'

 

      จุนเจือรู้สึกว่าวันนี้ ทำอะไรก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปทุกอย่าง  จุนเจือรีบเก็บของตรงบันไดให้ไว เพราะจุดนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวเดินมาซื้อของกันอย่างพลุกพล่าน

 

       มือเล็กชะงักตอนที่เหลือบเห็นมือของคนอื่นยื่นมาช่วยเหลือเก็บของที่หล่น พอหันไปมองก็เห็นผู้ชายที่จุนเจือชื่นชมในใจว่าหล่อในตอนแรก นั่งก้มเก็บของโดยไม่พูดอะไร

 

"อะ...เอ่อ ขอบคุณครับ" พอเขาเดินถือของมาให้ จุนเจือยิ้มกว้างที่ได้คนมีน้ำใจมาช่วยเขาอีกหน และการได้อยู่ใกล้ ๆ กันก็ทำให้กลิ่นน้ำหอมสดชื่นแต่น่าค้นหาวนเวียนมาแตะจมูกจุนเจืออีกครั้ง

 

 

        จุนเจือไม่รู้ว่าเขามองอยู่หรือเปล่า เพราะเขาใส่แว่นกันแดด แต่จุนเจือก็ยังมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากละสายตา จนเสียงใครอีกคนทักท้วงขึ้นมา จุนเจือถึงเบือนหน้าหนีเม้มปากแน่น



 

"ผมก็นึกว่าพี่ไปเหมาขนมทั้งร้านมาซะอีก รอโคตรนาน อ้าว!"



      เสียง'อ้าว' ของคนมาใหม่ทำให้จุนเจือชะงักและหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นคนที่ช่วยจุนเจือยกกระเป๋าลากตรงกลางถนน จุนเจือยิ้มแห้ง และคิดว่าเขาคงอุทานในทำนองที่ว่า ไอ้คนเด๋อด๋าคนนั้นอีกแล้วเหรอ? แน่ ๆ



        จุนเจือกอดขนมและของใช้ทุกอย่างไว้ในอ้อมแขน แล้วพยักหน้าน้อย ๆ พร้อมกับขอบคุณอีกครั้ง จุนเจือยังคงมองทั้งสองคนเดินพ้นลานสายตา และก็เพิ่งมาเอะใจว่า ทั้งสองคนนั้นรู้จักกันอย่างนั้นเหรอ?

 

 

       จุนเจือสลัดไล่ความคิดอีกหนและเก็บของทุกอย่างยัดใส่กระเป๋าลากใบโต เพื่อเดินไปตามจุดนับพบที่คนขับรถรออยู่





         จุนเจือเดินไปยิ้มไปที่แม้จะพบเจออุปสรรค ระหว่างทางจนน่าหงุดหงิดใจ แต่อย่างน้อยจุนเจือก็โชคดีที่ได้พบคนน้ำใจงาม ช่วยเหลือจุนเจือเสมือนพบเจ้าชายขี่ม้าขาว แถมมาช่วยถึงสองคนเสียด้วย....





         จุนเจือจะเก็บไว้เป็นความทรงจำครั้งแรกของการเดินทางมายังที่แปลกใหม่ แม้ว่า จุนเจือจะรู้ตัวดีว่า จุนเจือคงไม่ได้พบหน้าชายหนุ่มน้ำใจงามนั่นอีกแล้ว.ก็ตาม...









................................

 
ฝากตัวกับเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


 
หัวข้อ: Re: +-Hotel Room ▪ห้องนี้ มีแต่เรา▪ -+ บทนำ | 210519 |
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-05-2019 12:03:34
 :pig2:
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: Hotel Room ▪ห้องนี้ มีแต่เรา▪ 1 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 240519 |
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 24-05-2019 19:30:44
   

บทที่ 1 เจอกันอีกครั้ง











"พอจะตอบได้ไหมครับว่า สาเหตุที่ช่วงนี้ คุณเมฆินทร์เสน่ห์แรงเหลือล้นขนาดนี้ ลงนะหน้าทอง ที่วัดไหนครับ" เมฆินทร์ หันไปถลึงตาดุใส่ปฐพี น้องชายขี้แซวที่สามารถทำให้ทุกเรื่องจริงจังกลายเป็นเรื่องไร้สาระได้





"ไม่ขำน่ะสิ"





"โถ่ ชีวิตเราไม่ได้มีไว้เครียดนะพี่ หัดไร้สาระอย่างผมบ้าง จะจริงจังไปไหน? พี่เมฆไม่เห็นจริง ๆ เหรอว่าผู้ชายคนนั้นมองพี่ตาเป็นประกายอย่างกับรักแรกพบ? ผมว่าเขาชอบพี่เมฆนะ" ใบหน้าคมคายที่เรียบเฉยในตอนแรกกลับมุ่นคิ้วจนแทบจะติดกัน ตอนที่น้องชายบอกมาอย่างนั้น





"ผู้ชาย? ฉันนึกว่า ผู้หญิงห้าว ๆ ที่ตัดผมสั้น ไม่ใช่หรอกหรือ?" เมฆินทร์ถามออกไปอย่างซื่อ ๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาการมองคนของตัวเขาเองผิดพลาดมหันต์ขนาดนี้





     คงเป็นเพราะตัวเองไม่เคยเจอบุคลิกชายไทยที่มีความละม้ายคล้ายผู้หญิง ทั้งรูปร่าง โครงหน้า โดยเฉพาะริมฝีปากที่เมฆินทร์ยอมรับว่าไม่เคยสะดุดตากับริมฝีปากใครเท่านี้มาก่อน





     ริมฝีปากเป็นรูปกระจับ ยามยิ้มที่มุมปากยกขึ้นราวกับปีกนกโผบินลอยล่อง รอยยิ้มที่ดูสดใส ราวกับว่าชีวิต ไม่เคยประสบพบเจอเรื่องร้ายมาก่อน...





     ทุกอย่างก็เป็นแค่ความคิดเชิงสงสัย เมฆินทร์ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก วันนี้อาจนำมาหยิบยกพูดถึงเป็นประเด็นคุยได้มากมาย แต่พรุ่งนี้ เดี๋ยว เมฆินทร์ก็ลืม





"ผู้ชายพี่ แต่ผู้ชายสายแมนไหม อันนี้ ผมว่าไม่ใช่ เรดาร์ ผมแม่น รับประกัน? หรือเปล่าวะ? ฮ่า ๆ" ตอนนี้ ทั้งสองพี่น้องกำลังเถียงกันเป็นเรื่อง เป็นราว ในระหว่างทางที่จะไปร่วมแสดงความยินดีกับการเปิดร้านใหม่ของเพื่อนสนิทของเมฆินทร์ ที่สนิทกันเข้าขั้นขนาดจะเป็นลูกอีกคนของตระกูล อุดมโชคพิศไพศาลไปเสียแล้ว



"ฉันว่าพอเถอะ นายไม่ควรเอาเรื่องของคนอื่นมาพูดสนุกปาก"



"ไม่ได้สนุก ไม่ได้เหยียดด้วยครับ ผมแค่พูดถึงเขาเพราะว่า เขาดูน่ารักดี ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ อยู่รอด ผ่านสังคมอันโหดร้ายมาทุกวันนี้ได้ไงวะ"

 



        เมฆินทร์ส่ายหน้ากลับบทสนทนาไร้สาระ เขาหยิบมือถือมาไถหน้าจอดูข่าวการตลาดไปเรื่อย ๆ ในขณะที่สายตายังคงจ้องมองโทรศัพท์มือถือ เมฆินทร์ก็ย้ำ





"ดิน พอไหม? ไม่ใช่เรื่องของเราเลยสักนิด ถ้าเหงาปากมาก มีลูกอมนะ เอาไหม?"





"พี่เมฆว่าผมปากเหม็นหรือวะ?"





     เมฆินทร์หัวเราะหึในลำคอพลางส่ายหน้าระอา บางที ที่เขาเคยได้ยินเพื่อนในกลุ่มที่มีน้องชายร่วมสายเลือดแล้วบอกว่าไม่สนิทหรือไม่ลงรอยกัน ด้วยนิสัยไปถึงปัจจัยหลายอย่างจนเคยถึงขั้นลงไม้ลงมือชกต่อยกัน บางที เมฆินทร์ก็คิดนะว่า หากเขามีน้องชายนิสัยแบบนั้น จะดีกว่าน้องชายที่เอาแต่กวนประสาท พูดมาก ไร้สาระไปวัน ๆ แบบนี้ไหม?





      ครู่หนึ่ง เมฆินทร์หันหน้าไปหาน้องชาย กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะหุบยิ้มตอนที่ดินหันกลับมาเอียงคอมอง





      น้องชายแบบปฐพีนี่แหละ ที่เมฆินทร์คิดว่าดีและเหมาะที่สุดแล้ว...





"พี่เรามาพนันกันสนุก ๆ ดีกว่าว่ะ แก้เบื่อ?"





"....." เมฆินทร์หันไปหาน้องชายตัวดีอีกครั้ง แม้ว่า ปฐพีจะอายุแตะเลขสามมาสด ๆ ร้อน ๆ แต่ในสายตาเขาก็ยังมองว่า ปฐพี ทำตัวเป็นเด็กอยู่เสมอ





"พี่ว่าเราจะได้เจอเขาอีกไหม?"





"ไม่" เมฆินทร์ตอบเต็มปากเต็มคำ ไม่ต้องใช้เวลาคิดให้เสียเวลา ผิดกับปฐพีที่หัวเราะเริงร่า เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าพี่ชายต้องตอบคำนี้ แม้ลึก ๆ ปฐพีก็มีคำตอบแบบเดียวกับพี่ชาย แต่ถ้าตอบเหมือนกัน มันก็จะไม่มีคำว่า แพ้..หรือ ชนะ..แล้วมันจะไปสนุกอะไร ตอนนี้ คำตอบปฐพีเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่ก็น่าสนใจ มันกระตุ้นความท้าทาย ให้น่าลองอยู่เหมือนกัน





     และพนันกันอย่างเดียวคงไม่สนุกเท่ามีการเดิมพัน





"พี่ว่าไม่เจอใช่ไหม แต่ผมว่าเจอ ถ้าภายในสองสัปดาห์ที่เราอยู่เกาะนี้ ไม่เจอเขา ผมให้พี่ห้าพัน แต่ถ้าเจอ พี่ต้องให้เงินผมมาห้าพัน"





"ทำไมต้องลงเงิน ไร้สาระ ฉันไม่เอาด้วย"





"หรือพี่เมฆกลัว? แค่ห้าพันเอง จ่ายค่าอ่าง ค่าพริตตี้ บางทียังมากกว่านี้ ถ้าแพ้ก็เหมือนให้ค่าขนมน้องชายนะครับ น้องชายสายเลือดเดียวกันนะ เผื่อพี่ลืม" เมฆินทร์ตวัดสายตาดุมองน้องชายที่ยียวน และกำลังท้าทายอีโก้ของเขาที่ก็มีพอตัวเสียด้วย





       เมฆินทร์ค่อนข้างมั่นใจว่าคำตอบของเขายังไงก็ถูกแน่นอน





       คนไม่ได้รู้จักหรือสนิทกันมาก่อน ก็แค่จังหวะที่เอื้อต่อการต้องช่วยเหลือกันเท่านั้น คงไม่มีทางได้พบเจอกันอีกครั้งหรอก เพราะไม่ได้มีเหตุให้ต้องมาพบเจอกัน และมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตเมฆินทร์เสียด้วย เมฆินทร์คิดอย่างมั่นใจและเสริมเพิ่มไปอีกให้น้องชายรู้ว่าคำตอบของเมฆินทร์นั่นถูกร้อยเปอร์เซ็นต์แน่ ๆ





"โอเคฉันรับคำท้า ฉันยืนยันคำตอบว่าไม่มีทางได้เจอ แต่ถ้าเจอขึ้นมา ฉันจะขอเบอร์เขาเลย" หนักแน่นในอุดมการณ์เสียขนาดนั้น จนปฐพีแอบเป๋ไปนิดหนึ่ง ผู้เป็นน้องยืดตัวตรง และระบายยิ้ม



"คำพูดถ้าออกมาจากปาก ศักดิ์สิทธิ์นะครับ"



"ใช่ ฉันรู้ ก็ตามนั้นล่ะ"





    ไม่คิดว่าจากเกมส์ไร้สาระ ขำ ๆ จะกลายเป็นเรื่องสนุกและท้าทายตอนที่ได้ยินพี่ชายเอ่ยประโยคหลัง ปฐพีต้องไปบนบานศาลกล่าววัดใดที่จะพอช่วยลูกช้างตาดำ ๆ ให้เอาชนะพี่ชายหนนี้ได้สักครั้ง

.

.

.

.   

      หลังจากมาร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อน พูดคุยกันได้นานสองนาน จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงหกโมงเย็น ยามนี้ วิวทิวทัศน์กำลังงดงามใช้ได้ ทำให้ญาติสนิท มิตรสหายและครอบครัวของ พงศ์ พงศกร เพื่อนสนิทของเมฆินทร์ ไม่เว้นแม้แต่ปฐพี ต่างปรี่ไปชายหาดเพื่อถ่ายรูปวิวที่หาชมได้ยากในเมืองกรุง ที่ตรงนี้จึงเหลือแค่เมฆินทร์กับพงศกรเท่านั้น เมฆินทร์กวาดตามองร้านอาหารติดชายทะเล ที่ตกแต่งในสีขาวล้วนด้วยสไตล์มินิมอลก็แอบดีใจแทนเพื่อนที่เป้าหมายว่าอยากจะมีร้านริมทะเลก็สำเร็จไปอีกหนึ่งเป้าหมาย





"ไว้ถ้ากูว่างจะมาบ่อย ๆ" เมฆินทร์เอ่ยปากบอกเพื่อน





"เปิดโฮสเทลเล็ก ๆ ไหม? กูเห็นพอมีที่มีทางอยู่ บ้านมึงก็ทำอยู่แล้วน่าจะไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก" พงศกรถามเมฆินทร์ด้วยเสียงจริงจัง อันที่จริงร้านอาหารนี้ พงศ์ก็เคยเอ่ยปากชวนเมฆินทร์ร่วมหุ้นด้วยกัน แต่เมฆินทร์ไม่ได้มีความถนัดทางเรื่องอาหารเท่าไหร่ อีกอย่าง เมฆินทร์ยังมีหลายอย่างที่ยังไม่สามารถจะมาลงหลักปักฐานเต็มตัวที่นี่ได้ ดังนั้น การมาอุดหนุนเพื่อน คือสิ่งที่เมฆินทร์ถนัดมากกว่า





"แค่งานที่กูทำอยู่ก็พอก่อนดีกว่า" เมฆินทร์เอ่ยถึงธุรกิจส่วนตัวที่เขาเปิดบริษัทเอเจนซี่ อีเวนท์รับทำทุกอย่างให้กับภาครัฐและเอกชน เมฆินทร์ต้องยกความดีความชอบให้น้องชายที่อยากสานต่อธุรกิจอสังหา ฯ ของครอบครัว จึงไม่เกิดปัญหาระหว่างครอบครัวว่าพ่อแม่บังคับให้ลูกสืบทอดกิจการ และการชอบของปฐพี จึงมีส่วนให้เมฆินทร์ปลีกตัวมาทำธุรกิจของตัวเองได้แบบนี้



"เออ แต่ถ้าเบื่อรถติด เบื่อเมืองกรุง มาพักยาว ๆ ที่นี่ได้นะมึง"



"อืม"



"กูไปหาแม่ก่อน เอาอะไรสั่งเต็มที่เลยนะเมฆ เดี๋ยวกูมา"





"อืม" เมฆินทร์ตอบรับ ก่อนจะลุกจากโต๊ะตัวใน เดินไปสั่งเบียร์กับพนักงานที่เคาน์เตอร์ บาร์ และหย่อนกายลงนั่งที่เก้าอี้สตูลตัวกลม ท้าวแขนไปด้านหลังและเอนตัวพิงขอบเคาน์เตอร์ เมฆินทร์ยกขวดกระดกขึ้นดื่มเพียงลำพัง ในขณะที่ น้องชายยังคงหมกมุ่นอยู่กับการถ่ายวิวทะเลไม่หยุดพัก



      เมฆินทร์รู้สึกถึงความผ่อนคลาย การทำงานที่ไม่มีวันหยุดและเหนื่อยจนแทบไม่ได้พักมาตลอดสี่ปี พอจัดตาราง หาวันหยุดลงล็อกเพื่อมาที่นี่เที่ยวแบบนี้ก็รู้สึกดี มาที่นี่ เมฆินทร์ยังไม่มีแผนจะไปไหน แต่ตั้งใจว่าพรุ่งนี้ คงจะหาร้านนวดแผนโบราณดี ๆ สักร้าน มานวดคลายเส้นแก้ความตึงสักหน่อย แต่วันนี้ เมฆินทร์เลือกให้แอลกอฮออล์เป็นตัวคลายความเครียดเรียกน้้ำย่อย





          เมฆินทร์ยังคงกระดกเบียร์ไปหลายอึก แต่แล้ว อึกที่เพิ่งเข้าปากแทบพุ่ง มือหนาที่จับขวดหยุดชะงัก  เมื่อเห็นผู้ชายที่เมฆินทร์ช่วยไว้ช่วงบ่ายแก่ ๆ เดินด้วยท่าทีมองซ้าย มองขวา เด๋อ ๆ ด๋า ๆ เหมือนหาอะไรบางอย่าง เมฆินทร์กำลังจะหมุนตัวเองหันหน้าเข้าบาร์ แต่ยังไม่ทันที่เก้าอี้สตูลจะขยับหมุน เขาเม้มปากกลั้นขำตอนที่ผู้ชายปากสวยสะดุดเนินลูกระนาดจนเกือบหน้าคะมำ จากนั้น เมฆินทร์เห็นเขาลอบมองซ้ายมองขวาเหมือนจะสำรวจว่ามีใครเห็นความกะเปิ๊ปกะป๊าปของตัวเองหรือเปล่า  แล้วจู่ ๆ เมฆินทร์เผลอกลั้นหายใจตอนที่เจ้าตัวเดินผ่านหน้าร้าน แต่คงเพราะความอายผู้ชายคนนั้นจึงได้แต่ก้มหน้า ก้มตา ไม่กล้าสบตาใคร จึงไม่รู้เลยว่ากำลังเดินผ่านร้านอาหารซึ่งมีคนช่วยเขาไว้นั่งอยู่ตรงนี้







'เป็นคนตลกดี'





    พอชายปากสวยเดินผ่านร้านของเพื่อนเมฆินทร์ไป เมฆินทร์ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ เขาหน้าชาและตัวแข็งทื่อตอนคำพูดน้องชายวกเข้ามาในหัว





'พี่ว่าไม่เจอใช่ไหม แต่ผมว่าเจอ ถ้าภายในสองสัปดาห์ที่เราอยู่เกาะนี้ ไม่เจอเขา ผมให้พี่ห้าพัน แต่ถ้าเจอ พี่ต้องให้เงินผมห้าพัน'






ปึก!





    เมฆินทร์สะดุ้ง ตอนที่น้องชายเดินมาตบไหล่





"เป็นอะไรวะพี่? ทำหน้าอย่างกับเจอผี" ดินถามพี่ชายที่นั่งตัวแข็งเกร็ง





"เปล่า สงสัยคงมึน" เมฆินทร์ลดมือที่ถือเบียร์ลงก่อนจะหมุนตัวไปทางบาร์ แล้ววางขวดเบียร์ลงบนเคาน์เตอร์หินอ่อน





"อะไร? แค่ครึ่งขวดเอง กลายเป็นคนคออ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"





     เมฆินทร์เงียบกริบ เขาปล่อยให้น้องชายบ่นไป ส่วนตัวเองก็ได้แต่นั่งคิดเรื่องที่เจอคน ๆ นั้น แต่ไม่ได้บอกน้องชาย เพราะเขายังไม่แน่ใจว่า เมื่อกี้ที่เห็น นั่นของจริงหรือตาฝาด



     แต่แล้วคนที่มั่นใจว่าใช่ แต่หลอกความรู้สึกตัวเองให้โลเล กลับรู้สึกจุกอก อึดอัด และแล้วความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมา เหมือนมีคนกรอกหูว่าที่เราทำอยู่ ไม่ต่างกับโกงน้องชาย





     เมฆินทร์ถอนหายใจ เอาเป็นว่า ถ้ามีจังหวะที่เหมาะเมื่อไหร่ เมฆินทร์จะหาทางบอกความจริงน้องชายแล้วให้เงินทีหลังแล้วกัน เพราะถึงอย่างไร เกมส์ก็คงจบสิ้น เมฆินทร์มั่นใจว่ามันไม่มีโอกาสจะได้เจออีกเป็นครั้งที่สาม

.

.

.

.

"เฮ้ย...ขอโทษที กูก็เพิ่งรู้ ว่านี่ช่วงไฮซีซันของฝรั่ง เลยไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น" ตอนนี้ ในเวลาบ่ายโมงตรง พงศกรกำลังขอโทษ ขอโพยที่จองโรงแรมให้เพื่อนและครอบครัวได้พักจากความเป็นจริงที่จองไว้คือ สิบสี่วัน-สิบสามคืน แต่กลายเป็นว่า พักได้แค่ห้าวัน-สี่คืน ทางโรงแรมแจ้งว่าที่พักเต็มจะขอนำส่งแขกไปพักที่รีสอร์ทอื่น





"มึงไม่เกี่ยว แต่กูเสียความรู้สึกที่เขาไล่ลูกค้าไทย เพื่อรับลูกค้าต่างชาติ" แม้ว่าจะฉุนจัด แต่ในน้ำเสียงของเมฆินทร์ก็ไม่ได้มีทีท่าตวาดหรือขึ้นเสียงใส่เพื่อน เมฆินทร์รู้ดีว่า เรื่องแบบนี้ผิดพลาดกันได้  แต่ถ้าเกิดกับเมฆินทร์ครั้งแรกจะไม่เท่าไหร่ แต่มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว ซึ่งครั้งแรกก็ให้เขากับน้องชายย้ายจากชั้นหนึ่งไปอีกชั้นที่สูงขึ้น ห้องที่วิวไม่สวยและเล็กกว่า





"แต่โรงแรมที่เขาส่งต่อ กูไปสำรวจมาให้ก็ใช้ได้อยู่นะ"





"ไม่โอเคแล้วล่ะ กูว่าจะขอเงินคืนแล้วไปจองโรงแรมอื่น" เมฆินทร์ว่าอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เขาพักโรงแรมนี้มาได้ที่แล้ว กลับต้องถูกย้ายไปที่อื่น จนเมฆินทร์กำลังจะหมดสนุก เวลานี้ ครอบครัวของพงศกรก็ถูกย้ายไปเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้อิดออดอะไร เพราะระยะเวลาการพักของพวกนั้นสั้นกว่าเมฆินทร์และน้องชาย เพราะพรุ่งนี้ ทางครอบครัวและภรรยาของพงศกรก็เดินทางกลับกรุงเทพ ฯ กันแล้ว





"ดิน ได้ที่พักใหม่หรือยัง?"





"พี่เมฆ ผมดูในเว็บมันก็ยังพอมีห้องว่าง แต่ถ้าจองเดี๋ยวนี้ ราคาแม่งแพงมากว่ะ"



"ไม่สน เลือกมาสักที่ ตามใจนาย"



"อ่าโอเคครับพี่เมฆ" ปฐพีนั่งจิ้มนิ้วลงไปในโทรศัพท์มือถือ เมื่อพี่ชายลงคำสั่งมาแล้ว ปฐพีก็รับคำสั่งและปฏิบัติตาม จนเจ้าตัวสรรหาจนได้ที่ถูกใจ





"พี่ผมจองแล้ว ห้องโฮเทล รูมคืนละพันเก้ารวมอาหารเช้า เอาสองห้องนะ"





"อืมไปกันเลย" เมฆินทร์ไม่ได้ดูเลยว่าน้องจองที่พักอะไร เป็นแบบไหน เขาขอแค่ต้องการไปให้พ้นจากที่ตรงนี้  พงศกรเห็นท่าไม่ดีจึงรีบไปประกบข้างเมฆินทร์ที่กำลังเดินไปคุยกับผู้จัดการโรงแรมว่าจะไม่ไปตามตัวเลือกที่โรงแรมเสนอมาให้ แต่จะไปพักที่อื่นเอง และจะขอเงินคืน ทางผู้จัดการก็ขอโทษและบอกว่าคืนได้ แต่ไม่ทั้งหมด เมฆินทร์ไม่อยากเรื่องมากเพราะเริ่มเหนื่อย เขาเลยตอบตกลง แล้วหลังจากนั้นไม่เกินสามวัน ทางโรงแรมจะโอนเงินเข้าบัญชีให้





"เมฆ กูขอโทษนะที่ทำให้มึงหมดสนุก"





"ช่างเถอะ"





"เดี๋ยวกูพาไปส่งที่โรงแรมใหม่ ชื่ออะไรวะ ดิน"  พงศกรหันไปถามน้องชายเพื่อนที่เป็นคนเลือกที่พักแห่งใหม่ พอปฐพีตอบกลับ ทั้งสามก็เดินไปยังจุดที่จอดรถกระบะโฟร์วีล เพื่อเดินทางไปยังโรงแรมแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่อีกหาดแต่ยังอยู่ในเกาะเดียวกัน



"ขอบใจมาก ไว้เจอกันตอนค่ำ"



"เออ โทรมานะเมฆ"





    เมฆินทร์พยักหน้ารับ ใช้เวลาราวสิบห้านาทีก็ถึงโรงแรมอีกแห่ง เพียงลงจากรถ ความร้อนของอากาศเมืองไทยก็ปะทะเข้าทั้งผิวกายและใบหน้าจนแทบทำให้เมฆินทร์เป็นบ้า แต่ว่า เขาใจเย็นลงยามที่เห็นน้องแมวลายส้มนอนยกขาข้างหนึ่งและเลียขนตัวเอง เมฆินทร์เคยเลี้ยงแมวไว้ตัวหนึ่ง แต่แล้วมันได้ตายจากไป เพราะคนที่ไม่รักสัตว์ได้มองว่าชีวิตมันไม่มีความหมายจึงพรากชีวิตมันไป ตั้งแต่นั้น เมฆินทร์ถึงไม่คิดเลี้ยงสัตว์ตัวไหนอีก ด้วยความกลัวว่าทั้งใจและความรู้สึกเขาจะไปยึดติดกับมันจนเสียใจมากแน่ ๆ







       เมฆินทร์ยิ้มมุมปากเดินลงจากบันได ปรี่ไปย่อตัวลงนั่งเล่นกับแมว เขาทั้งลูบ ทั้งเกาท้องจนมันแสดงอาการเคลิบเคลิ้ม หลับตาพริ้ม  อย่างน้อยการได้เจอแมวและวิวทะเลก็ช่วยทำให้ความโมโหจากการถูกย้ายโรงแรมก่อนหน้าได้ทุเลาลง





     เล่นมาพอสมควร เมฆินทร์ผุดลุกขึ้นยืดตัวตรงตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินลงมา น้องชายเขาคงสูบบุหรี่เสร็จแล้ว เมฆินทร์หมุนตัวไปทางรีเซ็ปชั่น หวังจะเดินไปเช็กอินเข้าที่พักแต่ชะงักเมื่อเจ้าแมวเหมียวเดินมาคลอเคลียและเอาหน้าถูไถตรงเหนือข้อเท้า



"หืมม? ชอบล่ะสิ" เมฆินทร์ยิ้มพลางพึมพำตอนที่แมวเหมียวเดินมาคลอเคลียไม่หยุด





เมี้ยววววว!!...





     เมฆินทร์ยิ้มและเผลอหลุดหัวเราะตอนที่เจ้าแมวมันออดอ้อนจนเริ่มใจอ่อน แต่เมฆินทร์ก็ยังไม่หยุด เขาก้าวเท้าไปเรื่อย ๆ เงยหน้าหวังจะถามพนักงานที่นี่ว่าเจ้าแมวชื่ออะไร แต่เมฆินทร์ชะงักอีกรอบเมื่อเห็นใครนั่งต้อนรับพวกเขาอยู่





     'ไม่จริงใช่ไหม นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน'





      ผู้ชายปากสวยคนนั้น!....

 



      ขอบคุณตัวเองที่เมฆินทร์ยังไม่ได้ถอดแว่นกันแดด อย่างน้อยก็ช่วยอำพรางสายตาแห่งความช็อกตะลึงที่ได้เจอผู้ชายปากสวยอีกครั้ง....





     เมฆินทร์มองคนที่ยิ้มกว้างอย่างจริงใจ เขาทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ไม่ทันไร น้องชายก็ตามมานั่งที่เก้าอี้อีกตัวแล้วหัวเราะหึ ๆ ก่อนจะหันมาหาเมฆินทร์ที่นั่งนิ่ง แต่ในใจเต้นไม่เป็นส่ำ





"เงินสดหรือออกเป็นเช็คครับ?" เมฆินทร์นั่งมองน้องชายก่อนจะเหล่มองคนตรงหน้าที่พอสวมชุดยูนิฟอร์มโรงแรมก็ดูเป็นผู้ เป็นคนต่างจากตอนที่เห็นครั้งแรกที่ดูเหมือนเด็กใจแตกหนีพ่อแม่มาเที่ยว





"เงินสด!"





"ได้เลย"  ปฐพียิ้มกรุ้มกริ่ม พลันเหลือบมองพนักงานที่นั่งหน้าแดงก่อนจะขออนุญาตและลุกไปไหนก็ไม่รู้





"อ้อ แล้วก็อย่าลืมนะครับ"





      เมฆินทร์เงียบ เพื่อรอฟังน้องชายพูดให้จบ





"เบอร์โทรด้วย เผื่อพี่ลืม" ปฐพีส่งสายตาพยักเพยิดคนที่หายเข้าไปข้างในส่วนออฟฟิศและยืดตัวขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจที่เอาชนะพี่ชายได้ แถมเป็นการเดิมพันที่น่าสนุกเสียด้วย



"อืม"



     เมฆินทร์ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ว่าจะเจอคนนี้อีกครั้ง... เขาลอบถอนหายใจ ไม่นาน พนักงานคนเดินกลับมายื่นผ้าเย็นและน้ำอัญชันมาให้



     พอเพ่งมองดี ๆ คนตรงหน้าก็ดูเด็กกว่าเมฆินทร์เป็นไหน ๆ  แต่จะเด็กกว่าเท่าไหร่ เมฆินทร์ไม่อาจรู้ได้





    และแล้วเมฆินทร์ก็ถอนหายใจอีกครั้ง มันจะไม่ยากเย็นเลย ถ้าเป็นการขอเบอร์ผู้หญิง แต่นี่เป็นผู้ชายและไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายจะให้เบอร์กันง่าย ๆ หรือเปล่า?..





     เมฆินทร์พูดคำไหน คำนั้น เขานั่งมองหน้าพนักงานคนเดิม แต่น่าแปลก ทั้ง ๆ ที่เขาใส่แว่นตาดำ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าเลิ่กลั่ก พลางกัดปาก ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ ทันทีที่เห็นเขาจ้องมอง





'เอาน่า ก็แค่ทำให้จบภารกิจ ตามที่เมฆินทร์ให้คำมั่นกับน้องชาย ว่าจะเอาเบอร์เขามาให้ได้ เท่านั้นก็พอ'





 

.........................................


บอกแค่ห้าพันก็จบไปนานแล้ว 555  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room ~ห้องนี้ มีแต่เรา▪◾บทที่ 1 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 240519 |
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-05-2019 23:36:55
 :pig2:
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room ~ห้องนี้ มีแต่เรา▪◾บทที่ 1 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 240519 |
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 25-05-2019 00:12:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้ มีแต่เรา▪◾บทที่ 2 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 260519 |
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 26-05-2019 17:09:23
 

บทที่ 2 ห่างกัน 14 ปี











           หลังจากที่เปลี่ยนสังคม เปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงานที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จุนเจือก็ปล่อยโฮไปตั้งแต่สองวันแรก เพราะไม่เคยทำงานด้านโรงแรมมาก่อน จึงไม่รู้ว่า ระบบการทำงานมันเป็นอย่างไร แต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็เกือบสัปดาห์ที่จุนเจือพอจะปรับตัวกับการทำงานและสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น คงเพราะจุนเจือได้พบปะกับแขกผู้เข้าพักมากมาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เลยทำให้จุนเจือหายเครียดและสนุกในการทำงานมากขึ้น ยามนี้ จุนเจือเพิ่งไปส่งลูกค้าเข้าห้องพักก็มานั่งพักเหนื่อย เช็ดหน้า เช็ดตาที่โต๊ะทำงาน ในขณะนั้น สายตาที่นั่งเหม่อมองไปเรื่อย ๆ กลับมาหยุดลงตรงที่ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาอยู่ในลานสายตา จุนเจือเห็นผู้ชายคนนั้นเดินลงมาจากบันไดและทิ้งตัวลงนั่งยอง ๆ ลูบแมวลายส้มที่นอนหงายปล่อยให้คนแปลกหน้าเกาท้องอย่างเคลิบเคลิ้ม

 



         แค่มองเห็นจากด้านข้าง เห็นการกระทำที่ลูบไล้แมวช้า ๆ อย่างเอ็นดู ไม่รู้ทำไม จุนเจือสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น อ่อนโยน แผ่รังสีกระจายออกมาจากตัวบุคคลนั้น จุนเจือนั่งมองไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง ลูกค้าคนนั้นลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและปรี่ตรงมา จุนเจือใจสั่นรัว เมื่อลูกค้าหน้าหล่อคนนั้น เป็นคนเดียวกับที่ช่วยจุนเก็บของเมื่อคราวก่อน

 

 

        วันนั้น กับวันนี้ แทบไม่ต่างกัน เขายังคงสวมแว่นตากันแดดเช่นเคย และการแต่งกายก็ยังคง เป็นเสื้อเชิ้ตลายฮาวายพื้นสีดำ ลายดอกไม้สีฟ้า เหลือง แดง กางเกงสีขาว รองเท้าแตะรัดส้นทำจากหนัง

 

        เขาเดินมาก่อนหน้าไม่นานก็มีคนเดินตามมา พอจุนเจือมองข้ามไหล่ก็จำได้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนช่วยจุนเจือเช่นเดียวกัน จุนเจือส่งยิ้มการค้าพร้อมพนมมือไหว้ตามมารยาทของงานบริการจากพนักงานต้อนรับ





        ทั้งสองนั่งลงแล้ว แต่จุนเจือได้ยินเขาพูดถึงเงินและมองมาทางจุนเจือก็ชักไม่แน่ใจว่าคุยเรื่องอะไรกัน จุนเจือไม่อยากเสียมารยาทที่ไปแอบฟังบทสนทนาจึงขอตัวไปเตรียมน้ำอัญชันและผ้าเย็น เสร็จเรียบร้อยจุนเจือถือถาดมาเสิร์ฟด้วยรอยยิ้มกว้างเพื่อให้ลูกค้าประทับใจ

 

"สวัสดีครับคุณลูกค้า รับผ้าเย็นและเวลคัมดริ้งค์เพื่อความสดชื่นหน่อยนะครับ"

 

 

    ชายหนุ่มที่มาด้วยกันรับผ้าเย็นไปพร้อมรับน้ำไปดื่ม ในระหว่างที่ให้ลูกค้าได้พักผ่อน จุนเจือก็ขอบัตรประชาชนเพื่อถ่ายสำเนาด้วย

 

 

"หน้าคุ้น ๆ ใช่คนที่ผมช่วยกลางถนนรึเปล่าครับ?" จุนเจือชะงัก อุตส่าห์เงียบแล้วแท้ ๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังจำกันได้ เรื่องความอับอาย ใครเขาให้ทักกัน จุนเจืออยากจะค้อนใส่ แต่เพราะเห็นเป็นลูกค้าก็เลยทำได้แค่ส่งยิ้มให้

 

 

          รอยยิ้ม เป็นปราการด่านแรกที่จะทำให้ปัญหาทุเลาลงได้ (แน่ใจเหรอ? จุน)

 

 

"ครับ อ๋อ คุณลูกค้าที่ช่วยผมนี่เอง บังเอิญมากเลยนะครับ นี่กลับมาเที่ยวอีกแล้วหรอครับ?" จุนเจือจำได้ตั้งแต่ทีแรก แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นคลับคล้าย คลับคลาบ้าง

 

 

"กลับมาเที่ยวอะไรกันครับ ยังไม่กลับไปไหนเลยต่างหาก พอดีพี่ชายมาหาเพื่อนน่ะครับเลยอยู่ยาวหน่อย"

 

 

"อ้อครับ"

 

 

 

     จุนเจือรับฟังอย่างยิ้มกว้าง ในขณะที่ยืนรอถ่ายเอกสารจากบัตรประชาชนของผู้เข้าพัก จุนเจือใจสั่นกว่าเดิมตอนที่เห็นผู้ชายที่ช่วยเขาไว้คราวก่อนถอดแว่นตากันแดดออกจากกรอบหน้า ยิ่งเผยให้เห็นทุกอย่างชัดเจนกว่าเดิม จุนเจือเผลอมองตาไม่กระพริบยอมรับว่า เขาดูดีทีเดียว สันกรามที่ดูคมชัดรับกับจมูกที่โด่งเป็นสันช่วยสร้างเสน่ห์ได้เหลือหลาย ไหนจะทรงผมแสกข้างสีดำที่ยุ่งนิด ๆ ราวกับไม่ได้ตั้งใจเซ็ตทรง มันดึงดูดจนจุนเจือยากจะละสายตาได้ จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงกระแอมไอของใครอีกคนมันดังเรียกสติให้จุนเจือวกสายตาไปมองกระดาษที่กำลังไหลออกมาจากเครื่องปริ้นเตอร์จุนเจือกลับมานั่งที่เดิม คืนบัตรประชาชนตัวจริงและเก็บสำเนาไว้ พร้อมกับบอกให้แขกผู้เข้าพักกรอกรายละเอียด ระหว่างนั้น จุนเจือแอบอ่านรายละเอียดบนบัตรประชาชนของผู้เข้าพัก จุนเจือตกใจตอนที่เห็น พ. ศ. เกิดของอีกฝ่าย

 



ปฐพี อุดมโชคพิศไพศาล

12 ธันวาคม 2530

 

เมฆินทร์ อุดมโชคพิศไพศาล

1 มิถุนายน 2522

 

 

       จุนเจือเบิกตาโตครู่หนึ่ง

 

      สองคนเป็นพี่น้องกัน?  แล้วผู้ชายคนที่เราชื่นชมความหล่อไปก่อนหน้า อายุสามสิบแปดแล้วเหรอ? หน้ายังเด็กอยู่เลยแฮะ นึกว่าอายุสามสิบเอ็ด สามสิบสองซะอีก จะว่าไป เป็นคนที่ถ่ายบัตรประชาชนออกมาดูดีซะด้วย"

 


 

       คนที่ถามเอง ตอบเองในสมองกำลังมองสำเนาบัตรประชาชนและยังมีคำถามสงสัยเต็มหัวไปหมด ก่อนจะละจากกระดาษเอสี่ จ้องมองใบหน้าคนที่ชื่อ เมฆินทร์ และไม่รู้ว่าเขารู้ตัวหรือเปล่า ถึงได้เงยหน้ามาสบตากัน





        หลงใหลดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์คู่นั้น...

   

"คุณครับ"

 

"ครับ?" จุนเจือละสายตาจากการมองผู้ชายที่อายุมากกว่าเขาหลายปี หันไปขานรับกับผู้ชายอีกคน

 

"พี่ชายผมหล่อ ขนาดมองตาไม่กระพริบเลยหรอครับ?"

 



    จุนเจือชะงักกึกไม่คิดว่าลูกค้าอีกคนจะลอบสังเกต และที่สำคัญยังกล้าพูดออกมาตรง ๆ พอคนที่นั่งกรอกรายละเอียดโดนพาดพิง เขาเงยหน้ามองจุนเจืออีกครั้ง แต่เพียงครู่หนึ่งก็ก้มลงไปกรอกรายละเอียดต่อ

 

 

"ความจริง ผมมองคุณก่อนจะมองพี่ชายคุณด้วยซ้ำครับ แค่นึกว่าลูกค้าทั้งสองคน ทำไมถึงหน้าตาดีและดูหน้าเด็กกว่าอายุจัง ผมขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ " จุนเจือก้มหน้ารับผิด

 

 

"ฮ่า ๆ ไม่ต้องขอโทษเลย ถ้าชมว่าผมกับพี่ชายผมหน้าเด็กนี่ให้อภัยได้ครับ แล้วคุณล่ะครับ อายุเท่าไหร่?" จุนเจือค่อยสบายใจหน่อยที่เจอลูกค้าเป็นกันเอง ไม่ได้วางตัวแบบคนละชนชั้น

 



"ผมยี่สิบสี่ครับ"

 



"อ้าวก็เด็กกว่าพวกพี่น่ะสิ" จุนเจือมองคนที่เปลี่ยนสรรพนาม แล้วอมยิ้ม

 

"ใช่ครับ เอ้! หรือหน้าผมแก่เหรอครับ ถึงดูแปลกใจขนาดนั้น" จุนเจือแซวกลับ เมื่อลูกค้าคนนึงหลุดหัวเราะ ฟากเมฆินทร์พิงพนักกอดอกมองสองคนคุยกันอย่างเงียบ ๆ

 

"ฮ่า ๆ ไม่ใช่ ๆ "

 

"ค่อยยังชั่วครับ" จุนเจือยิ้มแล้วว่าต่อ "โอเคครับ ห้องที่คุณลูกค้าจอง คือ ห้องโฮเทลรูม สองห้องรวมอาหารเช้า นี่คือคูปองอาหารเช้าลูกค้าสามารถทานได้ที่ห้องอาหารด้านล่างตั้งแต่เวลาเจ็ดโมงเช้าถึงสิบโมงเช้านะครับ ส่วนรหัสวายฟาย-พาสเวิร์ดจะวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงในห้องพักนะครับ"



"โอเคครับ แล้วที่นี่ สระว่ายน้ำปิดกี่โมงครับ"



"สองทุ่มครึ่งครับ"



"อ่าครับ"



"และนี่คือกุญแจของคุณลูกค้านะครับ"





     เมื่ออธิบายเสร็จสรรพ  จุนเจือเดินไปพร้อมลูกค้า เพื่อจะไปส่งที่ห้อง จังหวะที่จุนเจือกำลังก้มลงจะยกกระเป๋าเป้ที่วางตรงพื้น ลูกค้าวัยสามสิมแปดก็เป็นคนมาห้ามไว้



 

"ไม่ต้องผมถือเองได้"

 



        จุนเจือมองหน้าเขา ก่อนจะพยักหน้าแล้วใช้อาวุธด้วยการยิ้มกว้าง สู้รบกันคนหน้าหงิกงอ



        เมื่อพามาถึงก็เปิดกุญแจไขห้อง ให้เสร็จสรรพ แนะนำอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปยังที่ทำงานของตัวเอง

.

.

.

.

         ผ่านไปจนถึงรอบหัวค่ำ จุนเจือที่เพิ่งเสร็จจากการคุยกับลูกค้าที่เดินมาถามรอบรถบริการฟรีของโรงแรม ก็ต้องรับสายทางโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอยู่หลายครัิง





"Junjuea speaking. May I help you?

 

 

[สวัสดีครับ ผมโทรมาจากห้องหนึ่งศูนย์สามนะครับ]

 

 

       จุนเงียบ มันคือห้องของคุณเมฆินทร์นี่นา จุนเจือจำได้

 

 

"ครับ คุณลูกค้า?"

 

 

[ผมเพิ่งมานอนบนเตียงและผมได้กลิ่นเหม็นอับ เลยลองดึงปลอกหมอนออกมาดู มีแต่คราบน้ำลายและเชื้อรา เต็มไปหมด พอจะจัดการอย่างไรได้บ้างครับ?]

 

"เอ่อ ลูกค้ารอวันพรุ่งนี้ได้ไหมครับ?" จุนเจือตอบไปแบบนั้น เพราะเวลานี้ แม่บ้านกลับไปหมดแล้ว

 

[แต่ผมอยากได้ของใหม่ตอนนี้ครับ]

 



"พอดีว่าแม่บ้านเลิกงานแล้วครับ"

 

[แล้วคุณจะให้ผมนอนแบบนี้หรือครับ?]

 



    จุนเจือเงียบกริบ เมื่อคิดว่า ได้เจอฤทธิ์ลูกค้าเรื่องมากเข้าให้แล้ว



 

[คุณมาลองนอนกับผมไหม?]

 

กึก

 

     คนที่กำลังโกรธชะงักกึกยามที่ได้ยินคำถามแบบนั้นแล้วทำไมจุนเจือต้องใจหวิวกับประโยคที่ลูกค้าพูดแบบนั้นด้วยแต่เพราะประโยคต่อมาทำให้จุนเจือเริ่มจะหน้าแดงด้วยความโกรธอีกรอบ

 

[จะได้รู้ว่ามันสกปรกและเหม็นแค่ไหน? ผมนอนไม่ลงหรอกครับ]

 

"โอเคครับ รอสักครู่นะครับคุณลูกค้า แล้วผมจะโทรแจ้งกลับไปนะครับว่าจะเข้าไปเปลี่ยนให้ตอนไหน?"

 

 

     หลังจากนั้นจุนเจือวางสายด้วยความโมโห ในหัวสมองมีแต่คำด่าลูกค้าคนนี้เต็มไปหมด ทั้งเรื่องมาก น่ารำคาญ จากที่ชื่นชมความหล่อก็ชักจะไม่มีอารมณ์ชื่นชอบซะแล้ว เขาสะกดอารมณ์ ก่อนจะโทรไปขอคำปรึกษาผู้จัดการถึงปัญหาที่ลูกค้าเรียกร้องมา จนได้ข้อสรุปว่า เขาจะเปลี่ยนห้องให้ลูกค้าใหม่ จุนเจือต่อสายไปยังห้องลูกค้าคนนั้นอีกครั้ง

 

 

"สวัสดีครับคุณลูกค้า ผมโทรมาจากรีเซฟชั่นนะครับ"

 

[ครับ]



 

"ทางเราต้องขออภัยในความไม่สะดวก เดี๋ยวทางเราจะเปลี่ยนห้องพักให้อยู่ห้องใหม่แทนเลยครับ รบกวนลูกค้ารอที่ห้องสักครู่นะครับ ผมจะเอากุญแจไปให้ครับ"

 

[ครับ]

 

 

   จุนเจือคว้ากุญแจห้องใหม่ แล้วก้าวเดินไปในขณะที่ในใจก็ท่องพุธโธ เพื่อความใจเย็น เมื่อถึงห้องแล้ว จุนเจือเคาะประตู  เพียงลูกค้าเปิดประตูกว้าง กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาเป็นสิ่งแรกที่ผ่านจมูก จุนเจือมองลูกค้าที่เดินออกมาด้วยสภาพชุดใหม่ที่ไม่ใช่ชุดนอนสงสัยคืนนี้คงออกเที่ยวแน่ ๆ



 

"ห้องใหม่ของคุณลูกค้าอยู่ชั้นสองครับ ตามผมมาเลยครับ"



 

    เมฆมองเด็กหนุ่มพลางลอบถอนหายใจก่อนจะเดินตามไปดูห้องที่อยู่ชั้นสอง

 

     จุนเจือไขกุญแจประตูห้อง ก่อนจะเสียบคีย์การ์ดและเปิดไฟ

 

    เมฆินทร์ถอดรองเท้าแตะ เช็คหมอน เช็คผ้าปูที่นอน รวมไปถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศและทุกอย่างทั่วห้อง จนได้ข้อสรุป

 



"ห้องนี้ก็ได้ครับ"

 

"ครับ ถ้างั้นผมขอกุญแจห้องเก่าคืนด้วยนะครับ แล้วมีกระเป๋าอะไรให้ผมช่วยขนไหมครับ?"

 

"ไม่เป็นไร ผมขนเอง"



"ครับ"

 

      ทั้งสองเดินออกมาจากห้องหนึ่งหนึ่งสาม และขณะที่เดินบันไดคนที่เดินนำหน้าอย่างจุนเจือหันไปหาเรื่องชวนคุยลูกค้าอย่างเป็นมิตร

 



"แล้วพรุ่งนี้ ลูกค้ามีแพลนไปไหนรึยัง ครั....โอ้ย!!"

 

 

      จุนเจือคุยเพลินจนเดินตกบันไดเพราะก้าวพลาด ฟากเมฆยืนงงกับความป้ำ เป๋อ ๆ ของอีกฝ่ายก่อนจะเดินตามลงไปดูคนที่ล้มลงนั่งไปกองกับพื้น เมฆย่อตัวลงไปนั่งแล้วถาม

 

 

"ไหวหรือเปล่า?"

 



      จุนเจือมองหน้าลูกค้าที่น้ำเสียงช่างตรงกันข้ามกว่าตอนแรก ตอนนี้ เขาพูดจาอ่อนโยน นุ่มนวล จนจุนเจือแปลกใจแต่ในขณะเดียวกันก็หัวใจสั่นสะท้าน



 "ไหวครับ แค่นี้เอง เดี๋ยวผมขอกุญแจห้องเก่าคืนด้วยนะครับ"



 

       จุนเจือกลัวลูกค้าจะต่อว่าถึงความไม่เป็นมืออาชีพ แม้ว่าเขาจะข้อเท้าแพลงแล้วแต่จุนเจือต้องฝืน แต่แล้วทันใดนั้น 



หมับ



"ผมว่าไม่ไหว ไปห้องผมก่อน"



 

     จุนเจือก้มมองท่อนแขนตรงเหนือข้อศอกตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายจับไว้ ส่วนมืออีกข้างของลูกค้ากำลังประคองเอวจุนเจือไว้จนเจ้าตัวเผลอรู้สึกไม่ดีกับความชิดใกล้อันแปลกประหลาดเช่นนี้ จุนเจือพยายามกัดฟัน ฝืน เดินกะเผลกไปห้องพักเก่าของลูกค้า

 



"แล้วจะทำยังไง เวลางานแบบนี้ ไปหาหมอได้ไหม?"

 

 

    จุนเจือเงียบ นั่นสิเขาไม่รู้ว่าจะไปหาหมอได้หรือเปล่า? กะกลางคืนก็มีเพียงเขาคนเดียวที่ทำงานเสียด้วย



 

"คงไม่ได้ครับ"

 

     จุนเจือทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียงอย่างรู้สึกเกรงใจ ที่อยู่ ๆ ก็กลายเป็นภาระให้ลูกค้าเสียอย่างนั้น



 

"เอ่อ ลูกค้าครับ ผมไม่อยากรบกวนเวลาของคุณลูกค้าอะครับ ลูกค้ามาพักที่นี่เพื่อต้องการพักผ่อน ไม่ต้องมาช่วยผมหรอกครับ ผมดูแลตัวเองได้"



 

"เรสเตอรองค์ ต่อเบอร์อะไร?" เมฆินทร์ไม่ได้สนใจสิ่งที่พนักงานบ่นออกมา เขายังคงยึดมั่นในสิ่งที่เขาต้องการจะทำ ก็คือ การช่วยเหลือคนอื่น

 

 

"ครับ?" จุนเจือทวนถาม เขาพูดไปตั้งยืดยาว กลับไม่ฟัง แต่ดันถามในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่จุนเจือบอกก่อนหน้าเลย



"ผมว่าคุณได้ยินนะ"





     จุนเจือหน้ามุ่ยตอนที่ได้ยิน คุณเมฆินทร์ดุ จึงบอกเบอร์ต่อร้านอาหาร เขาก็เดินตรงไปยังเครื่องโทรศัพท์กดพูดกับปลายสาย เสร็จแล้วก็กลับมานั่งข้างเตียง





"อย่าขยับ"





     จุนเจือสะดุ้งอีกครั้ง ตอนที่คุณเมฆินทร์โพล่งขึ้นมา จุนเจือแค่จะลองขยับขาดูว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า แต่พอเจอดุเข้าไปอีกรอบ จุนเจือนั่งเงียบ





     กลายเป็นว่าบรรยากาศอึดอัดกว่าเดิม พอโดนเอ็ดไป ทั้งห้องก็เหลือไว้เพียงความเงียบ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตู เมฆินทร์รีบลุก แต่จุนเจือนึกขึ้นได้รีบรั้งข้อแขนอีกฝ่ายเอาไว้แน่น จนเมฆินทร์เอี้ยวตัวมองอย่างแปลกใจ





"ลูกค้าครับ ให้พนักงานเสิร์ฟเข้ามาไม่ได้นะครับ ถ้าเขาเห็นว่าผมอยู่ในนี้และเอาไปฟ้องผู้จัดการ ผมจะโดนใบเตือนได้ มันมีกฎอยู่ครับ"





"แต่มันเป็นอุบัติเหตุ เฮ้อ! ช่างเถอะ..."





      เมฆินทร์เดินไปที่ประตู  พูดคุยสักพักเขาเดินมาพร้อมกล่องกระดาษบรรจุอาหารและถังน้ำแข็ง หายเข้าไปห้องน้ำอีกพักหนึ่งถึงเดินมาหาจุนเจือที่ปลายเตียง จุนเจือจ้องมองคุณเมฆินทร์ที่หย่อนกายลงนั่งที่พื้นตรงหน้าของเขา

 



"เจ็บตรงไหน?"

 

"ค...ครับ?"

 

"ผมถามว่าเจ็บตรงไหน?"

 

 

      จุนเจือชี้ไปที่เท้าขวาบริเวณช่วงตาตุ่ม และทันใดนั้น จุนเจือชะงัก เมื่ออีกฝ่ายจับข้อเท้าเขาอย่างเบามือ และอีกมือก็ประคองฝ่าเท้าจุนเจือไว้

 



"อย่า....ครับ!!" จุนเจือโน้มตัวเข้าไปใกล้พร้อมยื่นมือไปจะจับมืออีกฝ่ายหวังจะห้ามไม่ให้ทำเพราะเท้าจุนเจือมันสกปรก แต่การยับยั้งของจุนเจือมันเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณเมฆินทร์ยืดตัวขึ้นและเงยหน้ามามองจึงทำให้ปลายจมูกทั้งสองเฉียดผ่านกัน ราวกับไฟฟ้าสถิตย์จนรู้สึกแปล๊ป ๆ จุนเจือผงะและถอยตัวกลับพลางเม้มปากแน่นเบือนหน้าหนีไปทางอื่น





      จุนเจือไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาหน้าร้อนผ่าว ตัวเกร็ง ประหม่าไปหมดที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์สองต่อสองแบบนี้ สถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการมโนไปไกล จุนเจืออยากห้ามความคิดให้หยุดแค่ตรงนี้ แต่พอเห็นอีกฝ่ายปรนนิบัติเป็นอย่างดี จุนเจือก็เผลอใจ จุนเจือรู้สึกแปลก ๆ ใจหวิวทุกครั้งที่มือหนาบรรจงใช้ผ้าชุบน้ำเย็นจัดประคบเท้าเขาอย่างทะนุถนอม ไหนจะกลิ่นน้ำหอมจากกายอีกฝ่ายที่จุนเจือสูดดมกลิ่นนั้นแล้วมันทำให้เขาหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก






       จากเหตุการณ์เมื่อครู่ ยังไม่มีใครพูดอะไร ฟากจุนเจือก็แอบลอบมองคุณเมฆินทร์ที่ยังคงใช้ผ้าประคบตรงจุดที่ข้อเท้าแพลง พอหายเย็นแล้ว เขาก็จุ่มผ้าลงในถังน้ำแข็งแล้วมาประคบใหม่อีกรอบ ภาพตรงหน้าทำจุนเจือรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ก่อนหน้านี้ยังก่นด่าว่าคุณเมฆินทร์เป็นลูกค้าเรื่องมากอยู่เลย สักพักหนึ่ง คุณเมฆินทร์ถึงเงยหน้าขึ้นมอง





"ดีขึ้นไหม?"



"ครับ? อ่าดีครับ" จุนเจือเว้นวรรคไปนิดและพูดขึ้นอีกครั้ง



"ขอบคุณมาก ๆ ครับ คุณเมฆินทร์ที่ช่วยผม แต่ผมคงต้องกลับไปทำงานแล้วครับ"



      ดูเหมือนคุณเมฆินทร์จะชะงักไปตอนที่จุนเจือเปลี่ยนจากการเรียกลูกค้าเป็นชื่อจริงของเขา




      เมฆินทร์พยักหน้า ก่อนจะผุดลุกขึ้น หายไปทางห้องน้ำ แล้วกลับมามองหน้าจุนเจืออย่างคนมีคำถาม



"เมื่อกี้ตอนที่ผมโทรไปห้องอาหาร ผมใช้โทรศัพท์ของโรงแรมใช่ไหม?"





"ใช่ครับ" จุนเจือตอบรับ





"เอ้ แล้วผมเอาโทรศัพท์ตัวเองไปวางไว้ไหน คุณได้เอาโทรศัพท์มาหรือเปล่า?"





"อ้อ เอามาครับ" จุนเจือรีบบอก ตอนที่เห็นอีกฝ่ายดูหน้าเครียดขึง





"ผมขอยืมมือถือคุณ โทรเข้าเบอร์ผมหน่อยได้ไหมครับ?"





"ได้สิครับ"





     จุนเจือยิ้มกว้าง กับอีแค่ยืมโทรศัพท์โทรเข้าเบอร์คุณเมฆินทร์มันเรื่องเล็กน้อยจะตายไปถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณเมฆินทร์ทำให้ จุนเจือคว้าโทรศัพท์มือถือ ยื่นให้คุณเมฆินทร์ ไม่นาน  จุนเจือเห็นดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์จองอีกฝ่ายกดสายตาลงต่ำมองกระเป๋ากางเกงขาสั้นของตัวเขาเอง



      จุนเจือรับโทรศัพท์มือถือคืนด้วยอาการมือสั่น ใจสั่น ตอนที่เห็นคุณเมฆินทร์จุดรอยยิ้มมุมปาก



"เฮ้อ สงสัยผมคงจะแก่แล้วจริง ๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะความจำเลอะเลือนขนาดนี้!"





"แก่อะไรกันครับ ยังไม่ถึงสี่สิบไม่เรียกว่า แก่หรอกครับ คุณเมฆินทร์" จุนเจือรีบแก้ตัวแทน แต่ในใจก็ยังมีประโยคต่อจากนี้อีกยืดยาว 'ว่าทั้งหล่อและหน้าเด็กขนาดนี้ สำหรับผมไม่เรียกว่าแก่หรอกครับ!'





     จุนเจือเอ่ยขณะที่คุณเมฆินทร์ช่วยพาประคองออกจากห้อง แต่แล้วทันใดนั้น จุนเจือเห็นคุณเมฆินทร์ขมวดคิ้วกันเป็นปม และถาม





"แล้วคุณรู้ได้ยังไงครับว่าผมอายุไม่ถึงสี่สิบ ถ้าคุณไม่แอบจำวันเกิดผมจากในบัตรประชาชน"



กึก



        จุนเจือกัดปากแน่น หน้าชา ทำตัวไม่ถูก ถ้าคุณเมฆินทร์ย้อนถามมาแบบนี้ มันทำให้จุนเจือรู้สึกตัวเองเหมือนคนโรคจิตที่เฝ้าติดตาม อยากรู้ข้อมูลส่วนตัวจากอีกฝ่ายอย่างไรไม่รู้





         จุนเจือยังเงียบกริบเพราะกำลังหาคำแก้ตัวให้สวยหรู จนเมื่อได้แล้วก็รีบตอบกลับ





"ใช่ครับ ผมจำวันเกิดคุณเมฆินทร์ได้ เพราะผมถือคติที่ว่า ผมต้องใส่ใจชื่อและรายละเอียดของลูกค้าทุกคนที่เข้าพักที่นี่ครับ" ไม่รู้ว่าเหตุผลนี้มีน้ำหนักพอหรือเปล่า? แต่จุนเจือเห็นคุณเมฆินทร์อมยิ้มแปลก ๆ และเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่พอเปิดประตูออกกว้าง จุนเจือเห็นเขาเม้มปากแน่น พอหันไปมองบ้างก็ตกใจที่เห็นน้องชายคุณเมฆินทร์ยืนจังก้า และยกมือค้างกลางอากาศ





"พนักงานสะดุดจนข้อเท้าแพลง ฉันเลยพามาพักในนี้" เมฆินทร์รู้ว่าน้องสงสัยเรื่องอะไร เลยรีบเฉลยคำตอบให้คลายสงสัย





"ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไร" ปฐพียิ้มเริงร่าและบอกกับพี่ชายว่ารถแท็กซี่ที่โทรให้นัดมารับ ตอนนี้รออยู่ตรงส่วนลานจอดรถแล้ว





       เมฆินทร์พยักหน้า และบอกน้องชายช่วยกันพยุงพนักงานคนนี้พาไปส่งที่รีเซฟชั่นก่อน เมื่อถึงที่หมาย จุนเจือก็ขอบคุณแล้ว ขอบคุณอีก ก่อนที่ลูกค้าทั้งสองจะแยกย้ายไป เหลือเพียงความรู้สึกในใจที่ตอนนี้มันคุกรุ่นไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่เหนืออื่นใดมีความรู้สึกหนึ่งที่ชัดแจ้งอยู่ในนั้น



 

     แค่เขาดูแลดีนิดหน่อย ก็เผลอใจ หลงใหล ได้ปลื้ม คุณเมฆินทร์เข้าให้แล้ว

 



      จุนเจือรู้ทั้งรู้ว่ามันไม่สมควร เพราะนอกจาก คุณเมฆินทร์จะเป็นแขกเข้าพักของที่นี่ เขายังเป็นผู้ชายที่อายุห่างกว่าจุนเจือถึง 14 ปีเสียด้วย...





 

...............................................




 :o8: :o8: :o8: :o8:
อายุเป็นเพียงตัวเลข ...นะคะ เนอะ ^^
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room ~ห้องนี้ มีแต่เรา▪◾บทที่ 2 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 260519 |
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-05-2019 19:40:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้ มีแต่เรา▪◾บทที่ 3 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 270519 |
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 27-05-2019 21:13:54
 





บทที่ 3 หมดหวัง



 

 

 

       ในวันต่อมา ก่อนจะเข้างาน จุนเจืออาศัยรถโรงแรมเพื่อไปตรวจเช็คอาการให้แน่ใจอีกทีว่าจะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิดไว้ เขาค่อนข้างเดินทางลำบากเพราะจะลงน้ำหนักขาข้างที่ข้อเท้าแพลงมากก็ไม่ได้ เมื่อถึงคลีนิค ตรวจเอ็กซเรย์รวมไปถึงเช็คอาการต่าง ๆ ก็พบว่ายังปลอดภัยเส้นเอ็นไม่ได้ฉีกขาดจนถึงขั้นอันตราย แต่ก็ต้องหมั่นประคบเย็นและพักการขยับหรือเคลื่อนไหวอย่างน้อย 7-15 วันนั้น จุนเจือโล่งใจแต่พอตอนคิดเงิน และรับยามาเรียบร้อยแล้ว แทบกุมขมับเมื่อราคาค่ารักษาแพงหูฉี่ จุนเจือต้องจำใช้เงินเก็บออกมาใช้ ลำพังเงินเดือนก็ไม่ได้มากมาย เจอค่าหมอเข้าไปร่วมครึ่งหมื่น จุนเจือก็พยายามมองในแง่ดีว่าฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน ยามนี้ จุนเจือต้องเรียกแท็กซี่เพื่อกลับไปยังโรงแรม ตอนนี้ จุนเจือช่างเหมือนคนแก่ทำอะไรก็เชื่องช้า อืดอาด กว่าจะสอดตัวนั่งบนรถแท็กซี่ได้ก็ใช้เวลานานกว่าที่ควรจะเป็น

 

 

       อย่างน้อยก็ยังมาทันเวลาเข้างาน พอจุนเจือเดินมานั่งที่นั่งประจำ เพื่อนร่วมงานผู้หญิงทั้งสองคนก็ตกใจที่เห็นจุนเจือมีผ้าพันแผลที่ข้อเท้า พวกเธอถามไถ่กันใหญ่จนเมื่อได้คำตอบพวกเธอก็ย้ายก้นกลับไปนั่งกันที่เดิม จุนเจือบอกตรง ๆ ว่ายังไม่ค่อยสนิทสนมเท่าไหร่ เพราะจากที่คุยมาได้สักพัก จุนเจือรู้สึกว่า นิสัยและเคมีไม่ค่อยจะตรงกัน

 

 

      จุนเจือเปิดระบบหลังบ้านจากคอมพิวเตอร์ เพื่อเช็คว่าวันนี้ มีลูกค้าเช็คอินจำนวนกี่ห้อง นั่งสักพัก หางตาเขาเห็นมีคนกำลังมุ่งหน้ามาทางรีเซฟชั่น จึงละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปดู ปรากฎว่าเป็น คุณเมฆินทร์เดินมากับน้องชาย ครู่หนึ่งเขาเห็นคุณเมฆินทร์หันมามอง จุนเจือเลยยิ้มให้แต่คุณเมฆินทร์กลับไม่ส่งยิ้มอะไร เขากลับเดินไปสอบถามอะไรบางอย่างกับพนักงานอีกคนแทนจุนเจือแอบเสียเซลฟ์ตรงที่เมื่อวานก็ทักทายชวนคุยอย่างเป็นกันเอง แต่ทำไมวันนี้ เขาไม่คิดถามไถ่เลยรึไงว่า แผลเขาเป็นไงบ้าง

 


      จุนเจือเกิดอาการคาดหวังขึ้นมา





      คาดหวังให้เขาถามว่าแผลหายดีหรือยัง หมอว่าอย่างไรบ้าง จุนเจือไม่ควรรู้สึกแบบนี้

 



      คนที่มัวแต่เหม่อครุ่นคิดถึงคุณเมฆินทร์ ก็ถูกดึงสติจากเสียงของเพื่อนร่วมงานคนเดิมที่ถึงกับเดินมานั่งตรงโต๊ะเพียงเพื่อนินทา หลังจาก ลูกค้าไทยหน้าตาดีทั้งสองคนคล้อยหลังไปแล้ว

 



"ผู้ชายไทยสองคนนั้นเป็นลูกค้าโรงแรมเราเหรอ เช็คอินเมื่อไหร่?" ส้มโอ เดินมาถามเป็นคนแรก เพราะเมื่อวานเป็นวันหยุดของเธอ เธอจึงไม่คุ้นหน้าลูกค้าคนนี้

 

"เมื่อวาน ทำไมเหรอ?" จุนเจือถามกลับ

 

 

"ก็เมื่อคืนเราไปพูล ปาร์ตี้มา เห็นผู้ชายสองคนนี้ด้วย อย่างแซ่บ แถมนัวเนียกับผู้หญิงฝรั่งถึงพริกถึงขิงเลยจ้า"

 

       จุนเจือชะงักกึก เมื่อนึกถึงใบหน้าคนที่จุนเจือสนใจกำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นนี่จะเป็นยังไงกันนะ ในขณะนั้น เชอร์รี่ก็ตาวาว ถามแทรกอย่างอยากรู้

 

"จริงเหรอแก?"

 

"จริงสิ ไม่อยากจะพูดนะ ทั้ง ๆ ที่คนก็เยอะนะ  แต่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่สนใจว่าใครจะมองยังไงเลยจ้า ยืนจูบกับสาวในสระว่ายน้ำเลยอะแก คือ ถ้าเปลื้องผ้าเอากันได้ก็คงทำกันไปแล้ว"

 

"แต่อย่างว่า หุ่นเขาก็แน่นอะ ตัวใหญ่ ผิวแทน สาวฝรั่งคงจะชอบ"

 

 

        จุนเจือเงียบมานานจนตัดสินใจเอ่ย

 

 

"บางทีสิ่งที่เราเห็น อาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ เราว่าอย่าเพิ่งไปตัดสินเขาเลยดีกว่าไหม?"

 

       จากตอนแรกเริ่มเชื่อและคล้อยตาม พอเริ่มมีการนินทาที่เลยเถิดจนเกินงาม จุนเจือเลยปรามแต่ดูเหมือนว่าการค้านของจุนเจือทำให้พวกเธอไม่สบอารมณ์ เพราะทั้งส้มโอและเชอร์รี่ต่างมองแล้วเบะปาก

 

"แหม ทำตัวเป็นคนดี พ่อพระเลยนะจุนเจือออออออ"

 

        จุนเจือเงียบอีกครั้งเพราะไม่อยากถือสาคนที่ตั้งใจประชดประชัน แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกค้าต่างชาติแบกกระเป๋าใบใหญ่เพื่อมาเช็คเอาท์

.

.

.

.

       ผ่านมาแล้วสามวันที่จุนเจือไม่เห็นคุณเมฆินทร์เดินผ่านมาทางนี้อีกเลย แม้จุนเจือจะมีคิดบ้างประปราย แต่เขาก็ยังคงต้องทำงานต่อไป ส่วนขาของจุนเจือก็ยังคงพักการเคลื่อนไหว เขาแค่ทำงานนั่งโต๊ะ ไม่ต้องไปส่งแขกที่ห้องพักแล้ว

 



        ในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง คนที่นั่งทำสรุปลิสต์แขกที่จะเช็คอิน - เช็คเอาท์ในวันพรุ่งนี้ สะดุ้งเล็กน้อยตอนที่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อจุนเจือรับสาย เขาใจเต้นตอนที่ได้ยินว่าแขกห้องไหนโทรมา

 

 

[สวัสดีครับ ผมโทรมาจากห้องหนึ่งหนึ่งสามนะครับ]

 

 

"เอ่อ สวัสดีครับคุณเมฆินทร์"

 

 

      จุนเจือรอฟัง ในขณะที่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับในทันที แต่ทิ้งระยะสักพักถึงบอก

 



[ผมไม่อยากจะเรื่องมากเลย แต่แม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาด เขาเอาผ้าเช็ดมือตรงอ่างล้างหน้าผืนเก่าออกไปและไม่ได้เอาผืนใหม่เข้ามาให้ เป็นแบบนี้มาสองวันแล้วครับ]

 

"เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมจะรีบเอาไปให้วันนี้เลยครับ" จุนเจือรีบบอก

 

 

[ผมไม่รีบครับ แค่โทรมาบอกไว้กันลืม พรุ่งนี้ตอนที่แม่บ้านมาทำความสะอาด ช่วยแจ้งเขาด้วยนะครับ แล้วก็แชมพูแม่บ้านก็ไม่ได้เข้ามาเติมให้นะครับ]

 

"ได้ครับ! ต้องขอโทษในความไม่สะดวกด้วยนะครับ คุณลูกค้า"

 

        จุนเจือตอบเสียงดังฟังชัด ตั้งแต่ที่มองคุณเมฆินทร์ผิดไป จุนเจือก็รู้สึกผิดและอยากทำดีกลับเพื่อตอบแทน จุนเจือรีบโทรหาแม่บ้านเพื่อถามหาสโตร์เก็บผ้าและอุปกรณ์เบ็ดเตล็ด พอเห็นว่าห้องเก็บของอยู่ตึกเดียวกับที่คุณเมฆินทร์พักอยู่แล้วก็เลยจะไปทำเอง ที่นี่ ผู้จัดการเคยบอกว่า ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง มีอะไรก็ต้องช่วยกัน จุนเจือเดินกระเผลก ๆ ไปเคาะห้อง กว่าจะเดิน กว่าจะหาของจนครบ จากหนึ่งทุ่มครึ่งตอนนี้ก็ล่อไปสองทุ่มกว่า

 



         จุนเจือเคาะประตูสามสี่ครั้ง จากนั้น เขาได้ยินเสียงโครมคราม ตึงตังด้านใน ยิ่งตกใจ ไม่รู้ว่า คุณเมฆินทร์เกิดล้มหรือเกิดอุบัติเหตุจนเป็นอะไรมากหรือเปล่า จุนเจือจึงเคาะประตูรัว ๆ กว่าเดิม

 

         ไม่นาน ลูกค้าเปิดประตูมา

 

"เฮ้! คุณ"

 

          จุนเจือสะดุ้งตอนที่คุณเมฆินทร์ตะโกนเสียงดัง จุนเจือรีบพนมมือไหว้แล้วเอ่ยเสียงนุ่มนวลเพื่อขอโทษจากใจ

 



"ผมได้ยินเสียงดังโครมครามเลยไม่รู้ว่าคุณเมฆินทร์เป็นอะไรหรือเปล่าเลยเป็นกังวลครับ ผมขอโทษที่มารบกวนเวลาส่วนตัว แต่ผมเอาผ้าขนหนูมาให้และจะมาเติมแชมพูครับ" จุนเจือขอโทษแล้ว ขอโทษอีกพร้อมโค้งศีรษะ แล้วยื่นมือที่ถือผ้าไปข้างหน้าพร้อมกับผงกศีรษะขึ้น จุนเจือชะงักเมื่ออีกฝ่ายอยู่ในสภาพเหงื่อโซมกาย คอแดง หน้าแดงแถมริมฝีปากบวมเจ่อ จุนเจือก้มลงมองมัดกล้ามเนื้อสวยงามเป็นลอน ไล่สายตาต่ำลงเห็นวีไลน์พร้อมไรขนสีอ่อนขึ้นเป็นทิวไล่ลงมาตามหน้าท้องและหายลับไปกับขอบผ้าขนหนูที่พันสะโพกไว้อย่างหมิ่นเหม่

 

 

"ผมขอโทษนะครับ คุณเมฆินทร์" จุนเจือบอกแล้วก้มศรีษะลงต่ำอย่างรู้สึกผิด ไม่ได้แค่รู้สึกผิดที่มาในเวลาไม่สมควร แต่ผิดที่เขาดันมีอารมณ์กับการเห็นคุณเมฆินทร์อยู่ในสภาพแบบนี้

 

"ผมไม่รู้จะด่าคุณยังไงดี เฮ้อ! แล้วเรื่องผ้า ผมบอกแล้วไงครับว่าให้มาพรุ่งนี้"

 

"ผมแค่คิดว่า ไม่อยากให้คุณเมฆินทร์ร...อ..."

 

"แต่ผมไม่อยากให้คุณลำบาก คุณเจ็บขาอยู่ไม่ใช่หรือไง?"

 

กึก

 

        จุนเจือเงยหน้ามองเขาที่แสดงถึงถ้อยคำห่วงใยแล้วพลอยดีใจ

 

 

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเติมแชมพูให้ครับ"




        พอจุนเจือจะเข้าไป เมฆินทร์ยกมือขึ้นห้าม ก่อนจะเดินสาวเท้าไปใกล้แล้วจับต้นแขนจุนเจือทั้งสองข้างดันออกไปนอกห้องและเอ่ยเสียงสุภาพ




"ขอบคุณครับ  วันนี้ยังไม่ต้อง ผมไม่สะดวก พรุ่งนี้ให้แม่บ้านมาเติมนะครับ" เมฆินทร์ตอบแล้วจู่ ๆ เขาเผลอกดสายตามองต่ำแล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเห็นแกนกลางลำตัวอีกฝ่ายนูนพองจนดันกางเกงขึ้นมา

         

"หืม? คุณเป็นอะไรไหม?"

 

"เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่เป็นอะไรครับ"

 

"แน่ใจนะ?"

 

"ครับ"

 

     จุนเจือเห็นลูกค้าถามคำนั้นและกดสายตาลงมามองช่วงล่างของจุนเจือ จุนเจือรู้ตัวว่ามีอารมณ์ แต่ไม่คิดว่าา ช้างน้อยของเขามันนูนพองจนตึงคับเป้ากางเกงไปหมด จุนเจือหน้าแดงทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายแอบสังเกตเห็น มันเป็นเรื่องน่าอายอย่างใหญ่หลวง ที่ช้างน้อยของจุนเจือตื่นตัวอย่างเก็บไม่อยู่

 

"ขอโทษอีกครั้งนะครับที่มารบกวนเวลา" จุนเจือยิ้มหวาน พอหมุนตัวกลับมาเท่านั้นแหละ

 

 

"พี่เมฆ ผ้าเช็ดตัวอีกผืนอยู่ไหนคะ? หนูหาไม่เจอ"

 

 

    จุนเจือชะงักทันที สิ่งที่เขาดีใจกับถ้อยคำแสดงความห่วงใย มันกลายเป็นความว่างเปล่า เมื่อเสียงหวานแหลมของผู้หญิงที่อยู่ในห้องดับจินตนาการของจุนเจือที่มโนไว้สวยหรูลงฉับพลัน

 

 

'เขาเป็นคนรักสนุกอย่างนั้นเหรอ? ไม่น่าล่ะ เขาถึงเลือกนอนแยกห้องกับน้องชาย อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ล่ะมั้ง'


 

 
     จุนเจือได้แต่มโนคิดเอง เออเอง จนลืมไปว่า คุณเมฆินทร์อาจไม่ชอบผู้ชาย และการที่จุนเจือสนใจคุณเมฆินทร์มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว การจะได้กลับมามีโอกาสคุยกันแทบเป็นศูนย์

 

 

      กลับมาถึงที่นั่งด้วยความทุลัก ทุเล จุนเจือปาดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วดึงกระดาษออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง จุนเจือมองสำเนาบัตรประชาชนและรายละเอียดที่คุณเมฆินทร์กรอกไว้ตอนที่จุนเจือแอบถูกซีรอกซ์ไว้ก่อนจะลอบถอนหายใจ

 

 

       หมดหวัง จุนเจือไม่มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลอะไรไว้ดูอีก จุนเจือฉีกกระดาษเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย ทิ้งลงในถังขยะ ในเมื่อจุนเจือควรรู้ได้แล้วว่า การแอบรู้สึกดีกับแขกเข้าพักมันไม่มีวันเป็นจริงได้

 

 

        เขามาเที่ยว เดี๋ยวเดียวก็ไป  ไม่ต่างกับสายลมที่พัดผ่านมาแล้วมันก็ผ่านไปไม่อาจพัดหวนคืน

.

.

.

.

        สองเดือนแล้วที่เมฆินทร์กลับจากพักผ่อน จากนั้น เมฆินทร์ก็ลุยงานจนแทบไม่ได้พัก ทั้ง การทำบูธอาหารเพื่อออกงานแฟร์ที่เมือง ทองธานี ไหนจะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวนาฬิกาที่ห้างสรรพสินค้าชานเมือง แหละเช่นตอนนีั ที่เขาต้องแบ่งงานกัน มาช่วยลูกน้อง ลงมาคุมงานอีเวนท์ มาร์เก็ตแถวห้างสรรพสินค้าย่านสยาม แสควร์

 

 

       ตอนนี้ เวลาสี่ทุ่มครึ่ง เมฆินทร์ดูซัพพลายเออร์ขึ้นโครงสร้างของงานอี เวนท์ มาร์เก็ต ในขณะที่กำลังสั่งงานผ่านโทรศัพท์มือถือกับทีมงานที่กำลังขึ้นโครงบูธอีกแห่ง และกำลังรายงานถึงความคืบหน้าและปัญหา  เมฆินทร์อธิบายและช่วยหาทางแก้ปัญหาให้เสร็จสรรพก็วางสาย และเดินออกมาข้างนอกตัวห้าง ตั้งใจจะไปหาซื้ออะไรเติมพลังที่ร้านสะดวกซื้อ แต่เมฆหยุดเท้าไปครู่หนึ่งเพื่อล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบเครื่องมือสื่อสารตอนที่มันแผดเสียงดังและสั่นไม่หยุด

 

 

       เป็นสายของน้องชายที่โทรมาถามว่าเมฆอยู่ที่ใดเพื่อตั้งใจจะมาหา หลังจากนัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว เมฆินทร์เข้าไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อเดินออกมาก็เห็นน้องชายตัวเองยืนสูบบุหรี่อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล

 



       จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่วันที่กลับมาจากทะเลคราวนั้น ต่างคนต่างงานยุ่งจนเมฆเพิ่งจะได้เจอน้องชายอีกครั้งก็คราวนี้

 

 



"มีอะไรหรือ? ดิน"

 

 

"มารอแฟนกินข้าวกับเพื่อน เลยแวบมาหาพี่ไง เห็นว่ามาเซ็ตงานที่นี่"

 

 

"แล้วทำไมไม่กินกับเขาด้วยล่ะ"

 



"ไม่ชอบเพื่อนปรางคนนี้ ดูแปลก ๆ ช่างเหอะพี่ ผมรบกวนอะไรพี่เมฆหน่อยสิ"

 

"อะไร?"

 

"พี่ช่วยคิดแผนให้ผมหน่อย"

 

"แผน? อะไร?"

 

"ผมจะทำเซอร์ไพร์ส ขอปรางแต่งงาน"

 



      เมฆชะงัก โดยปกติเขาไม่ค่อยรู้เรื่องราวเชิงลึกเกี่ยวกับความรักน้องชายเท่าไหร่ แต่เท่าที่ผ่านมา น้องชายเขาค่อนข้างเปลี่ยนคู่ควงค่อนข้างบ่อย จึงแปลกใจที่อยู่ดี ๆ ดินนึกอยากจะจริงจังจนอยากขอเธอแต่งงาน

 



"เอาสิ ตั้งใจว่าจะขอเมื่อไหร่?"

 

"ไม่เกินเดือนนี้ พี่ช่วยเคลียร์คิวให้ผมหน่อยได้ไหม?"

 

 

"มั่นใจนะว่าคนนี้จริงจัง ไปเที่ยวรอบที่ผ่านมา เห็นยังคุยกับหญิงคนอื่นอยู่เลย" เมฆจำได้ดีว่า ตอนที่ไปพูลปาร์ตี้ น้องชายเขาแอบไปคุยกับสาวฝรั่งวัยยังไม่ถึงยี่สิบเสียด้วย

 

"โห ก็แค่คุยหรือเปล่า? ใครจะไปเหมือนพี่ รู้นะว่าพาใครมาห้อง เสียงดังมายังห้องผม"

 

"จะดังขนาดนั้นได้ยังไง นายคงลืมไปสินะ ว่าฉันย้ายห้องไปชั้นสอง" เมฆตอบ ฟากปฐพีที่ว่าจะแซวพี่กลับยิ้มเก้อเมื่อพี่ชายจับได้ว่าโดนอำ

 

 

"แหะ ๆ รู้ทัน เอาเป็นว่า พี่เมฆจะทำอะไร ชอบใคร รักใคร ผมเห็นดีเห็นงามหมดแหละครับ ส่วนเรื่องของผม พี่เมฆช่วยผมหน่อยนะ"

 

 

"อืมได้ ว่าแต่แฟนคนนี้ เด็กกว่านายใช่ไหม?"

 

 

"ใช่ ปรางอายุน้อยกว่าผมสองปี"

 

 

"จีบเด็กนี่ยากหรือเปล่า?" เมฆถามน้องชาย

 



"หืม?" น้องชายเลิกคิ้วขึ้นสูง คนที่พอจะได้ยินเรื่องราวความรักของพี่ชาย ค่อนข้างแปลกใจในคำถาม เพราะโดยปกติ พี่เมฆไม่เคยคบใครที่อายุน้อยกว่า เพราะแกเคยบ่นว่าไม่ชอบคนที่อายุห่างกันมาก ๆ กลัวคุยกันไม่รู้เรื่อง เมื่อเห็นพี่ชายยังคงเฝ้ารอคำตอบ ดินจึงตอบเท่าที่ประสบการณ์เขามี

 

 

"ก็ขึ้นอยู่ความห่างของอายุด้วยอะพี่ แต่ผมว่าเด็กชอบคนใจป้ำ ทำนองสายเปย์ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ประมาณนั้นมั้ง อย่าบอกนะว่าพี่เมฆคิดจะเลี้ยงเด็ก?"

 

"เปล่า แค่สงสัยเลยถามดู"

 

 

         ปฐพีมองพี่ชายพลางอมยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่ไม่นาน โทรศัพท์ปฐพีก็ดังขึ้น ฝั่งนั้นเดินไปรับสายไกลออกไป ก่อนจะเดินกลับมาบอกว่าต้องไปแล้ว

 

 

"ฝากเรื่องผมด้วยนะ ได้ที่ไหนก็บอกด้วยนะครับ"

 

 

"อืม"

 

 

      ดูเหมือนช่วงนี้ โทรศัพท์เมฆจะขายดี โทรกันมาทั้งวัน แทบไม่มีเว้นพัก หลังจากแยกย้ายกับน้องชายได้ไม่ทันเท่าไหร่ ก็มีสายเรียกเข้าจนเมฆินทร์ล้วงกระเป๋าไปคว้าขึ้นมาดูว่าใคร พอเห็นเบอร์ที่เมมไว้ว่า 'แม่เฟย์' เมฆินทร์นิ่งไปนิดก่อนรับสาย

 
 

"ว่าไงครับ เฟย์"

 

[พี่เมฆอยู่ไหนเหรอ? คุณแม่เฟย์อยากเจอ เรานัดกินข้าวสักสัปดาห์หน้า พอว่างไหม?]

 

 

    เมฆินทร์เงียบพลางลอบถอนหายใจ

 

 

"พี่เพิ่งไปเจอท่านเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่ เฟย์"

 

 

[ก็คุณแม่ อยากคุยเรื่อง....]



 

"แม่หรือเฟย์ที่อยากเจอ ช่วงนี้ พี่มีหลายงานที่ต้องสะสาง ถ้าว่างเมื่อไหร่ พี่จะโทรกลับไปบอกครับ  แต่คงไม่ใช่ช่วงนี้ เฟย์ พี่ขอทำงานก่อนนะ เท่านี้ก่อน"

 

 

     เมฆินทร์พูดรัวแทบไม่หายใจเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีจังหวะแทรกเข้ามาได้ เมื่อวางสายแล้ว เมฆินทร์ถอนหายใจยาวอีกครั้ง ยกมือนวดขมับข้างขวา ก่อนที่จู่ ๆ สมองก็พาลพาไปนึกถึงโรงแรมที่เคยไปพักกับน้องชาย แต่มันควรจะจดจำเรื่องราวแค่นั้น ถ้าไม่มีเรื่องของการที่เด็กหนุ่มคนนั้นมีแกนกายตื่นตัวพ่วงมาด้วย  เมฆินทร์กัดปากครุ่นคิดและตัดสินใจโทรกลับหาน้องชาย ไม่นานเลยที่ปฐพีจะรับเสียงใส

 

 

"ดิน ฉันจะเคลียร์คิวให้ ประมาณสองสัปดาห์ เราจะไปที่เดิมที่เราเคยไปพักกันคราวก่อน ส่วนเซอร์ไพร์สยังไงเดี๋ยวบอกอีกที"

 

 
...........................................................

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room ~ห้องนี้ มีแต่เรา▪◾บทที่ 3 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 270519 |
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-05-2019 23:40:35
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ๋...พี่เมฆสนใจนุ้งจุนหรา?
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 4 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 300519 |
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 30-05-2019 18:42:52
บทที่ 4 Your smell drives me crazy











        เวลาผ่านไปไวโกหก เผลอแป๊ปเดียว จุนเจือผ่านการทดลองงานแล้ว และเนื่องจากที่ผ่านมาเป็นช่วงไฮ ซีซั่น ทำให้แขกผู้เข้าพักอยู่เต็มครบจำนวนห้องทั้งเจ็ดสิบห้าห้องของโรงแรม จึงทำให้จุนเจือทำงานหนักและเหนื่อยจนไม่มีวันหยุดพัก เพิ่งจะพอมีวันสองวันมานี้ ที่จุนเจือพอได้มีเวลาว่างอยู่บ้าง เพราะเข้าสู่โลว์ ซีซั่น วันหยุดที่จุนเจือเก็บสะสมไว้หลายวัน จะได้ถูกนำมาใช้หยุดยาวเพื่อจะได้หยุดพักผ่อนและเที่ยวให้หนำใจ





       เรื่องของร่างกายผ่านพ้นไปแล้ว ส่วนเรื่องของหัวใจ อย่างเรื่องคุณเมฆินทร์ ยามนี้ จุนเจือทำใจจากคุณเมฆินทร์ได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีบ้างที่เผลอคิดถึง แต่จุนเจือก็พยายามยึดถือมาโดยตลอดว่าความสัมพันธ์นี้เป็นไปไม่ได้ จุนเจือเลยกลับมาตั้งหลัก ใช้ชีวิตแบบคนโสดต่อไป เหงาบ้าง สนุกบ้างก็ปะปนกันไป

 

"จุน  เพิ่งมีลูกค้ามาบุ๊คห้องพักตอนเช้า เป็นคนไทยจะมาเช็คอินวันนี้ เขาโน๊ตตอนจองห้องว่า พรุ่งนี้จะทำเซอร์ไพร์สขอแฟนแต่งงาน อย่าลืมแจ้งห้องอาหารว่า พรุ่งนี้ช่วงค่ำ ๆ ขอกันพื้นที่ด้วยนะ" เชอร์รี่บอกจุนขณะที่อีกฝ่ายเดินมาแสกนนิ้ว เพื่อเข้างาน

 



"อืม" จุนเจือตอบรับด้วยเสียงปกติ

 

    เวลาผ่านไป ทำให้เริ่มรู้ทุกอย่างว่าอะไรเป็นอะไร เช่นตอนนี้ เชอร์รี่กับจุนไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้ทุกวันที่ทำงานประจำนั้น ทั้งสองคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

 

 

   หลังจากที่เชอร์รี่บอกจุนเจือแล้ว จุนเจือรับเอกสารการจองห้องพักของลูกค้าล่าสุดมาดูแล้วชะงักงัน เมื่อเห็นชื่อผู้ทำการจอง เป็นชื่อคุณเมฆินทร์



 

   'อย่าบอกนะ ว่า คุณเมฆินทร์ จะเซอร์ไพร์สขอแฟนแต่งงาน'

 

 

     มันเป็นอาการหลากหลายที่ตีรวนขึ้นมาในอก ดีใจ เศร้าใจ ประหลาดใจ จุนเจือนั่งใจวูบหวิว เขาดีใจที่จะได้เจอหน้าคุณเมฆินทร์อีกครั้ง หลังจากไม่ได้เจอกันราวสามเดือน แต่ที่มีความเศร้าใจปะปนอยู่ก็ตรงข้อความที่ระบุไว้ว่า จะเซอร์ไพร์สขอแฟนแต่งงาน จุนเจือพยายามยกมุมปากขึ้นอย่างฝืน ๆ



      นี่แหละคือความเป็นจริง....

 

      สุดท้าย ชีวิตคนเราก็ต้องก้าวต่อไป จุนเจือและคุณเมฆินทร์ไม่มีทางมาบรรจบกันได้หรอก....

 

 

 

      จุนเจือนั่งทำงานตั้งแต่บ่ายจนบัดนี้ก็ผ่านไปแล้วทุ่มครึ่ง รับลูกค้ามาเช็คอินที่เข้าพักวันนี้เกือบครบทุกห้อง คงขาดก็แต่ห้องของคุณเมฆินทร์เท่านั้นที่ยังไม่มาเช็คอิน ป่านนี้ไม่รู้อยู่ไหน แหละเพราะไม่รู้ว่า ตื่นเต้นที่จะได้เจอคุณเมฆินทร์หรือเพราะกินส้มตำเข้าไป จุนเจือชักปวดหนัก จึงรีบไปเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาผ่านไปสักพัก จุนเจือเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ชะงักและตกใจที่เห็นลูกค้าสามคน ทั้งนั่งและยืนรออยู่บริเวณส่วนรีเซฟชั่น

 



       จุนเจือรีบก้าวเท้าไว ๆ พอเห็นแผ่นหลังคนคุ้นเคย จุนเจือก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ





"ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้รอ" จุนเจือเอ่ยขอโทษพร้อมพนมมือไหว้ลูกค้าอย่างรู้สึกผิด

 

"ไม่เป็นไรครับ"

 

 

     จุนเจือรีบเข้าไปในส่วนสำนักงาน ยืนตระเตรียมน้ำอัญชัน และผ้าเย็นมาเสิร์ฟ เมื่อเดินออกมาก็ยื่นให้ลูกค้า

 

"ผมจำคุณลูกค้าทั้งสองคนได้ ชอบที่นี่หรือครับ เห็นมาเที่ยวอีกแล้ว" จุนเจือชวนคุยอย่างเป็นกันเอง และเป็นปฐพีที่อมยิ้ม

 

"นึกว่าจำกันไม่ได้นะครับเนี่ย"

 

"จำได้สิครับ" จุนเจือยิ้มหวาน และหลังจากนั้น ก็เป็นปฐพีที่ชวนคุยเสียมากกว่า ว่ามาทำอะไร และจุนเจือก็ยังคงทำหน้าที่เดิม คือ ถ่ายเอกสารบัตรประชาชนของผู้เข้าพัก / กรอกรายละเอียด / แจ้งข้อมูลของโรงแรมไปจนถึงการพาไปส่งที่ห้องพัก และขณะนี้ จุนเจือกำลังจะช่วยยกกระเป๋า แต่ระหว่างนั้น คุณเมฆินทร์โพล่งขึ้น

 

"ที่นี่ไม่มีเบลบอยหรือครับ?"

 



"ไม่มีครับ" จุนเจือตอบเจือรอยยิ้ม เมฆินทร์พยักหน้าเออออ และในจังหวะที่น้องชายกับแฟนของเขาเดินนำไปก่อน เมฆินทร์ลดความเร็วของฝีเท้าลงและเรียกจุนเจือให้หยุด ฟากจุนเจือหันมาหาคุณเมฆินทร์

 



"ขอโทษนะครับ พรุ่งนี้ ค่ำ ๆ น้องชายผมจะทำเซอร์ไพรส์ขอแฟนแต่งงานที่ห้องอาหาร รบกวนช่วยแจ้งพนักงานหน่อยนะครับ" เมฆินทร์ย้ำกับจุนเจือ เพราะกลัวว่าที่ ส่งคำขอตอนทำการจองห้องพักกลัวว่าจะไม่มีคนได้อ่านข้อความนั้น ฟากจุนเจือเงียบไปตอนที่บอกว่าเซอร์ไพร์สงานแต่งน้องชาย จุนเจือแอบดีใจลึก ๆ

 

"ครับ ถ้าผมแจ้งห้องอาหารแล้ว ทางนั้นโอเคหรือไม่ยังไง ผมจะต่อไปที่เบอร์ห้องคุณเมฆินทร์นะครับ"

 

"คุณยังจำชื่อผมได้"





"จำได้สิครับ ก็ผมเพิ่งซีรอกซ์บัตรประชาชนคุณเมฆินทร์เมื่อกี้ไงครับ"





      จุนเจือแอบเห็นคุณเมฆินทร์ยิ้มขำ จากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ปล่อยให้จุนเจือทำหน้าพนักงานต้อนรับ นำพาแขกเข้าห้องพักโดยสวัสดิภาพ





      จุนเจือพาคุณปฐพีไปส่งที่ห้องก่อน เสร็จแล้ว จึงพาคุณเมฆินทร์เข้าพักห้องใกล้กัน  จุนเจือไขกุญแจ วางกระเป๋าเรียบร้อย เตรียมลา คุณเมฆินทร์ก็ควักเงินยื่นแบงค์พันสองใบให้จุนเจือ

 

 

"ทิปส์"

 

 

"หือ มันเยอะไปหรือเปล่าครับ?" จุนเจือกระพริบตาปริบ ๆ มองธนบัตรสีเทาในมือคุณเมฆินทร์ด้วยความไม่เข้าใจว่าการให้ทิปส์ของเขามันมากเกินไปหรือเปล่า ?



     ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ จุนเจือเคยได้ทิปส์มือมากสุด คือ ยี่สิบบาท จุนเจือถึงแปลกใจว่าคุณเมฆินทร์ยื่นแบงค์ผิดไหม? จึงต้องถามย้ำไปอีกที





"ไม่เยอะสำหรับผม รับไปเถอะ"

 



     จุนเจือไม่อยากตอบปฏิเสธจนน่ารำคาญ จึงพนมมือไหว้พร้อมเอ่ยขอบคุณแถมส่งยิ้มหวาน ๆ ไปหนึ่งที ไม่คิดเลยว่า การที่จุนเจือแบกกระเป๋าหนัก ๆ  มาคราวนี้จะได้ทิปส์มือมาตั้งสองพันบาท

.

.

.

.

"พี่พงศ์จะมากี่โมง?" หกโมงเย็นของวันต่อมา ปฐพีเดินเข้ามาในห้องพี่ชายที่อีกฝ่ายแต่งตัวหล่อด้วยเสื้อโปโลสีกรมท่ารัดพอดีตัวกับกาวเกงขายาวสีครีม





"ทุ่มนึง ส่วนเพื่อนนายที่ว่าจะบินตามมา ตอนนี้ ถึงเกาะหรือยัง?" เมฆินทร์ถาม



        สำหรับการมาเที่ยวครั้งนี้ ดินโกหกแฟนว่าพามาเที่ยว เพื่อฉลองวันเกิดพี่ชายที่ปรางก็ไม่เคยเจอหน้ามาก่อน โดยที่ปรางไม่รู้เลยว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดินขอเธอแต่งงาน

 

"พวกไอ้บูมเพิ่งโทรมาว่ากำลังเช็คอินอยู่พี่เมฆ พวกมันพักห้องบังกะโลกัน" ดินบอกพี่ชาย ถึงเรื่องเพื่อนสนิททั้งสามคนของดินที่เดินทางตามมาพักโรงแรมนี้เช่นเดียวกัน



"อืม"



 

       ดินกำลังโทรหาเพื่อน ส่วนเมฆก็จัดแจงของทุกอย่างที่ต้องใช้นำออกมาเตรียมรอไว้ เมื่อได้เวลาแล้ว ดินพาแฟนของเธอไปห้องอาหารก่อน ส่วนเมฆรอเพื่อนสนิทอยู่ที่ห้อง





      มื้อค่ำ ดำเนินไปด้วยความเรียบง่าย สำหรับการรับประทานอาหารเพียงแค่สี่คน คือ เมฆ พงศ์ น้องชายและแฟนของเขา ระหว่างมื้ออาหารก็มีการต่อยอดบทสนทนาไม่ให้โต๊ะอาหารเงียบจนน่าเบื่อเกินไป





       เมฆินทร์เพิ่งเคยเจอหน้าแฟนดินเป็นครั้งแรก  แต่เขาก็มีความรู้สึกแปลก ๆ ว่า แฟนน้องชายคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะตลอดเวลา ที่นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน เมฆเห็นเธอลอบมองเขามาโดยตลอด แต่เมฆินทร์ยังไม่อยากเชื่อความคิดตัวเองมากนักจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปก่อน เพราะวันนี้ ถือว่า เป็นวันดีของน้องชาย เขาไม่อยากเป็นคนทำมันล่ม





       บทสนทนาที่เคล้าคลอไปกับการนั่งจัดการอาหารกันตรงหน้าก็สิ้นสุดลง เมื่อเมฆเป็นคนเข้าเรื่องการเป่าเค้กวันเกิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว



 

       ไม่นานเท่าไหร่ที่พนักงานนำเค้กก้อนกลมมาวางตรงกลางโต๊ะอาหารอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะโค้งศีรษะแล้วก้าวถอยหลังเดินจากไป เหลืไว้เพียงเจ้าของโต๊ะทั้งสี่ที่จ้องมองก้อนเค้ก ข้อความบนหน้าเค้กเขียนว่า



      When you're happy. I am happy  ไม่ใช่ข้อความ Happy birthday   เหมือนทั่ว ๆ ไป





     หญิงสาวเบิกตาโตนิดหนึ่งกับเค้กที่ประดับด้วยผลสตรอเบอร์รี่ชิ้นโตน่ารับประทาน



 

"สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่เมฆ ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะคะ ทั้งเรื่องความรักและเรื่องการงานเลยค่ะ" ปรางว่าจบ ก็มีคนอวยพรตาม ๆ กัน แต่แล้ว ปรางชะงักมาตอนที่พี่ชายแฟนหันมาส่งยิ้มอบอุ่น อ่อนโยน

 

"ปราง เป่าเทียนวันเกิดให้พี่หน่อยสิครับ!" เมฆินทร์เอ่ยเสียงนุ่ม พลางพยักเพยิดไปทางเทียนหกเล่มที่ปักอยู่รอบเค้ก

 

"เทียนเล่มบนหรือเล่มล่างดีคะ?" ปรางท้าวคางเอียงคอและยิ้มมุมปากข้างหนึ่ง จนทุกคนที่ได้ยินต่างชะงัก เหมือนทุกคนจะตีความหมายไปทางเดียวกัน ฟากปรางเห็นทุกคนเงียบ จึงกลั้วหัวเราะ



"ฮ่า ๆ ปรางล้อเล่นค่ะ แหม? ไม่อยากให้เครียดกันไปใหญ่ ถ้าพี่เมฆอยากให้เป่า ปรางก็จะเป่าค่ะ" ปรางยิ้มพลางกัดปาก ฟากเมฆเงียบหน้านิ่ง จู่ ๆ เขาดันรู้สึกห่วงความรู้สึกน้องชายขึ้นมา





    'ถ้าไม่อยากให้ดินแต่งงานกับคนนี้แล้วจะได้ไหม?'





      หลังจากที่ปรางเป่าเทียนจนมอดดับ เมฆินทร์ก็ยังคงเล่นละครตามแผนที่วางไว้

 



"เป่าเสร็จแล้วก็ตัดเลยครับ" ปรางเริ่มเอะใจ ว่าทำไมทุกอย่างถึงให้เธอเป็นคนทำเองทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่วันนี้ วันเกิดพี่ชายดินเองแท้





      ปรางยิ้มก่อนจะรับมีดพลาสติกมาตัดเค้ก  พอเธอค่อย ๆ กดปลายมีดลงเพื่อตัดแบ่งชิ้นเค้ก ปลายมีดทิ่มไม่ลงเพราะติดกับของแข็งบางอย่าง เธอจึงแหวกเนื้อเค้กออกดู ถึงรู้ว่าข้างในก้อนเค้กพบถุงพลาสติกห่อหุ้มกล่องกำมะหยี่สีดำ เธอหันไปหาดินทันที



 

"แผนของดินใช่ไหม?"

 



        ดินยิ้มพยักหน้า จากนั้น เพื่อนของดินที่ได้สัญญาณ จึงเดินออกมาจากมุมตรงทางเข้าห้องอาหาร เพื่อนของดินแบกช่อดอกกุหลาบสีชมพูแอปเปิ้ลกว่าห้าดอก ที่ห่อด้วยกระดาษสีครีมพันด้วยริบบิ้นสีชมพูกลีบบัว ฟากปรางยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจไม่คิดว่าดินจะทำเซอร์ไพร์สได้น่ารักขนาดนี้  แขกของโรงแรมคนอื่น ๆ ที่มานั่งรับประทานอาหารมื้อค่ำอยู่ละแวกนั้น ต่างมองอย่างสนอก สนใจ ฟากดินรับดอกไม้มาจากเพื่อนแล้วยื่นให้แก่ปราง จังหวะนั้น บริกรสี่คนก็เดินมายืนอยู่ด้านหลังเมฆินทร์ ซึ่งหันหน้าไปทางหญิงสาว พนักงานชูป้ายผ้าสีขาวพร้อมข้อความสีชมพูเข้มตัวโตว่า



'Will you marry me?'



       ปรางละสายตาจากป้ายผ้านั้น แล้วหันมาสบตากับดิน



"ปรางแต่งงานกันนะ" ดินถามในขณะที่มือถือกล่องกำมะหยี่ที่เปิดฝาไว้เห็นด้านในเป็นแหวนเพชรน้ำงามหนึ่งเม็ดตรงกลางล้อมรอบด้วยเพชรขนาดเล็กรอบแหวน



 

"ค่ะ ที่รัก"





      ปรางตอบกลับพลางน้ำตารื้น สิ้นเสียงนั้น ทุกคนเฮและปรบมือกันเสียงดัง จนดินยิ้มกว้าง คว้าร่างเล็กมากอดรัดแนบแน่นและจูบกันเบา ๆ ทำเอาคนที่นั่งรายล้อมตรงนั้น ทั้งยิ้มและตาร้อนผ่าวไปตาม ๆ กัน

 



      สมหวังกันไปอีกคู่ ยามนี้ จึงได้เวลาสังสรรค์ จัดแอลกอฮออล์ปาร์ตี้กันไปให้เต็มที่

.

.

.

.

'บันทึกสำเร็จค่ะ'

 

      เสียงแสกนนิ้วดังขึ้นในเวลาสี่ทุ่ม เป็นเวลาที่จุนเจือเลิกงาน เขาเก็บของเรียบร้อยเตรียมกลับบ้าน ขณะที่เท้าเดินออกห่างจากส่วนต้อนรับของโรงแรม จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น จุนเจือรีบวิ่งไปรับ





[สวัสดีครับ ผมโทรมาจากห้อง สองหนึ่งหนึ่งครับ]


"ครับ"

 

[พอดี ผมใช้สบู่เหลวหมดครับ ช่วยมาเติมได้ไหมครับ?]



     'เวลานี่เนี่ยนะ? จุนเจืออยากจะบ้าตาย'



       ถ้าจุนเจือปฏิเสธเดี๋ยวได้มีปัญหาอีก

 

"เอ่อ! ได้ครับ"


       จุนเจือคิดในใจ จะกลับบ้านอยู่แล้วแท้ ๆ  แต่เพราะมันคือหน้าที่ที่จุนเจือต้องเอื้ออำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกค้า ก่อนกลับบ้าน จุนเจือจึงตัดสินใจแวะไปห้องเก็บของ หยิบแชมพูออกมาเพื่อนำไปเติมให้คุณเมฆินทร์



     

       จุนเจือทำตาเศร้าพลางลอบถอนหายใจตอนมายืนอยู่หน้าประตูห้องคุณเมฆินทร์ บางที จุนเจือก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมพอเขาทำใจได้แล้วถึงต้องเจอะกับเหตุการณ์ชวนเข้าใกล้คุณเมฆินทร์อีกด้วยก็ไม่รู้





       เมื่อสิ้นเสียงเคาะประตู ไม่นานคุณเมฆินทร์ก็เดินมาเปิดประตูออกกว้าง ปล่อยให้ จุนเจือขออนุญาตก่อนจะเดินเข้าห้องและเลี้ยวซ้ายเข้าห้องน้ำไปเติมแชมพูตรงช่องกด เสร็จเรียบร้อย จุนเจือหมุนตัวจะเดินออกจากห้องน้ำ เขาชะงักเมื่อเห็นคุณเมฆินทร์ยืนขวางทาง



"เสร็จแล้วครับ คุณเมฆินทร์" จุนเจือยิ้มแล้วโค้งศีรษะ ฟากเมฆเบี่ยงตัวหลบให้จุนเดินออก แต่ทันใดนั้น มื้อเย็นกลับคว้าข้อมือจุนเจือ จนเจ้าตัวตกใจ



"คุณชื่ออะไรนะ?"



"จุนเจือครับ เรียกจุน เฉย ๆ ก็ได้ครับ" จุนเจือมองหน้าคุณเมฆินทร์ที่ถามด้วยใบหน้าแดงก่ำ ตั้งแต่เดินเข้ามาจุนเจือก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมผสานไปกับกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาลอยตลบอบอวลอยู่ในห้อง





"เลิกงานแล้วหรือ?" เมฆถามเด็กหนุ่มที่ดูจะประหม่าแปลก ๆ





“ครับ” จุนเจือชักรู้สึกปั่นป่วน มวนท้อง เมื่อคนตัวโตสาวเท้าเข้ามาใกล้ จนจุนต้องขยับเท้าถอยหนีอย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร





“จุนนอนที่นี่ไหม?”

 

“ห้ะ? อะไรนะครับ?” จุนตกใจกับคำถามนั้น เขาเพิ่งจะมาเข้าใจตอนนี้นี่เองว่าทำไมก่อนเข้ามาทำงานถึงมีกฎหนึ่งข้อเกี่ยวกับการบริการอาหารแบบรูม เซอร์วิสว่าห้ามพนักงานเสิร์ฟผู้หญิงมาเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าที่ห้อง เพราะขนาดจุนเจือเป็นผู้ชายยังโดนแทะโลม ทั้งภาษาและสายตาที่โลมเลียทั่วเรือนร่าง





"ไม่เป็นไรครับ เสร็จธุระผมแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"



 

      จุนเจือยิ้มอย่างพยายามใจดีสู้เสือ เขายกมือไหว้ร่ำลา และปรี่ไปที่บานประตู มือคว้าที่จับประตูแล้ว แต่วินาทีนั้น มือหนาของเมฆินทร์กระชากต้นแขนจุนเจือให้หันกลับมาจนร่างเล็กปะทะอกแกร่ง ไม่รีรอ เมฆดันไหล่จุนเจือผลักจนแผ่นหลังติดผนัง ก่อนจะใช้ลำตัวทาบทับและใช้ต้นขาล็อกขาอีกฝ่ายไม่ให้ขยับดิ้นหนี





 "คะ...คุณเมฆินทร์จะทำอะไรครับ คุณเมฆินทร์เมามากนะครับ พักเถอะครับ" จุนเจือรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร จึงรีบบอก

 



      เมฆกระตุกยิ้มไม่พูดอะไรเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายตั้งใจให้ปลายจมูกเฉียดผิวแก้มร้อน ๆ เมฆก้มลงเชยชมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ซอกคอเนียนขาว จนจุนเจือสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนระอุเป่ารดลำคอจนเจ้าตัวเกิดมีอารมณ์ขึ้นมา



"ไอ้จุน อย่ามาว้อนท์ตอนนี้นะ สงบจิต สงบใจไว้ ไอ้บ้าเอ้ย อย่าโด่นะเฮ้ย"



       จุนเจือเริ่มอึดอัดช่วงล่าง เขาเม้มปากแน่น เมื่อคุณเมฆินทร์เลื่อนใบหน้ามาหยุดอยู่ตรงที่ริมฝีปาก จุนเจือเบี่ยงหน้าหลบ มันใกล้เกินไป ใกล้จนใจไม่ดี แล้วในจังหวะนั้น คุณเมฆินทร์ขยับใบหน้าตามไปหากลีบปากบางที่หลีกหนี และเอ่ยเสียงแหบพร่า



"Your smell drives me crazy"



         สิ้นเสียงนั้น เมฆินทร์ก้มลงสูดดมกลิ่นหอมที่ซอกคอของจุนเจืออีกฝั่ง ก่อนจะขบเม้มผิวเนียนเบา ๆ เป็นการหยอกเย้า จุนเจือกำลังจะอ้าปากห้าม แต่ช้ากว่าอีกฝ่ายเลื่อนริมฝีปากอุ่น ๆ มาประทับลงบนกลีบปากบาง แล้วบดจูบหนัก ๆ จนร่างกายจุนเจืออ่อนยวบ





           เพราะไม่ทันตั้งตัว และยังอยู่ในช่วงอารามตกใจ จุนเจือจึงเผลอให้อีกฝ่ายสอดเรียวลิ้นร้อนล่วงผ่านซอกซอนไปทั่วโพรงปากอุ่น ลิ้มชิมน้ำหวาน กระทั่งเรียวลิ้นเล็กถูกรัดร้อยดูดดุนจนจุนเจือจะยืนไม่ไหว ในวินาทีนั้น จุนเจือผลักอกคุณเมฆินทร์ออก ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป





"ขอโทษครับ คุณเมฆินทร์เมามากเลย ผมขอตัวก่อนครับ"

 

        จุนเจือบอกและรีบวิ่งออกไป ทั้ง ๆ ที่ยังหน้าแดงและใจเต้นแรงกระหน่ำจนต้องยกมือถูอกแรง ๆ จุนเจือกัดปากที่บวมเจ่อและเจือไว้ด้วยความอบอุ่นของอีกคนที่ได้ฝากประทับไว้





        จุนเจือยังช็อคและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเกินคาดมาก ๆ ที่คุณเมฆินทร์ทำแบบนี้กับเขา ระหว่างเดินกลับที่พักของพนักงานที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม จุนเจืออึดอัดอยากระบายให้ใครสักคนได้รับฟัง



       คน ๆ นั้น ก็ คือ เพื่อนรักที่สนิทกันตั้งแต่สมัยประถม


"แพรคุยได้ไหมวะ?"



 

[ได้สิ ยังไม่นอน]

 



"ทำไงดีวะ เจอลูกค้าเมาแล้วลวนลาม" จุนเจือไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้าประเด็นตรงเผง



[เฮ้ยยยย จริงดิ เล่ามาด่วน ลวนลามถึงขั้นไหน?]



 

"จูบแบบดูดดื่มเลยว่ะมึง" จุนเจือว่าจบ ก็ยกมือลูบริมฝีปากพลางเลียริมฝีปากตัวเองซ้ำ ๆ ด้วยอาการใจสั่น

 

"ทำไงดีแพร เครียดว่ะ" จุนเจือระบายก็ยกมือขยี้ผมตัวเองและลูบหน้าแรง ๆ

 



[มึงก็แจ้งผู้จัดการเลย เขาควรรู้จะได้จัดการลูกค้าโรคจิตแบบนี้ ถ้ามึงไม่บอก แม่งก็ทำกับคนอื่นต่อไปเรื่อย ๆ  เลวจริง ๆ เลยว่ะ ไอ้ห่าพวกนี้แม่ง] เพื่อนด่าด้วยความเป็นเดือดเป็นร้อนแทน

 

 

"ไม่ได้ดิ ถ้ากูฟ้อง มีสิทธิ์โดนใบเตือน และถ้าครบสามครั้งกูโดนไล่ออกแน่ อีกอย่างนะ เกิดผู้จัดการย้อนถามกลับมาว่าแล้วเข้าไปห้องลูกค้ายามวิกาลได้ยังไง กูจะตอบไปยังไงดีล่ะ ตอบแบบไหนก็ไม่มีทางฟังขึ้น"



 

[แล้วมึงจะทำยังไงวะ ถ้าไม่บอก มึงจะยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบแบบนี้น่ะเหรอ? มึงจะปล่อยให้ไอ้พวกโรคจิตได้ใจแบบนี้ไปตลอดไม่ได้"





        ทั้ง ๆ ที่จุนเจือเดินห่างออกมาไกลแล้วแท้ ๆ แต่หัวใจยังเต้นกระหน่ำรุนแรง จนต้องลูบอกตัวเองซ้ำ ๆ ยกมือลูบริมฝีปากของตัวเองในขณะที่ยังนึกถึงใบหน้าคุณเมฆินทร์ไปด้วย



[อ้าว ถามไม่ตอบ]





"คือ แพร ที่จะกูเล่ามันซับซ้อนกว่านั้น"

 

[อะไรอะ?]

 

"กูแม่งเสือกโอเคกับที่เขาจูบ และที่เครียดตอนนี้ คือ กลัวตัวเองจะคิดไปไกล"

 

      ความเงียบกริบเข้ามาอยู่ในระหว่างบทสนทนา และแล้ว เสียงด่าก็ตามมาในไม่ช้า

 

 

[อีจุนนนนนนน!!! มึงเอาความหวังดีของกูคืนมา อุตส่าห์ผรุสวาจาออกไปเสียมากมาย อีเพื่อนไม่รักดี]


     จุนเจือเงียบ ที่พอเพื่อนล่วงรู้ความจริง จุนเจือก็โดนด่ายับ

 

"ก็มันเป็นคนเดียวกับที่เคยเล่าให้มึงฟัง ลูกค้าคนนั้นแหละ"  จุนเจือขยายความเพิ่มเติม เพราะเรื่องที่จุนเจือแอบปลื้มคุณเมฆินทร์ก่อนหน้านั้น แพรก็รู้เรื่องนี้ จากนั้น จุนเจือเอาเครื่องมือสื่อสารออกห่างจากหู เมื่อได้ยินเสียงกรี้ดดังลั่น

 



[อ้ายยยยยยย!จุน จริงหรือเปล่า โอ้ยยยย แล้วมัวทำบ้าอะไรวะ อ่อยกลับสิยะ เป็นกูนะ กระโดดขึ้นเตียงไม่รอให้เสียเวลาเลยจ้า!]

 

"ความแรดนี้ มึงได้แต่ใดมาวะ แพร"



[อ้าว ด่าเพื่อนเฉยเลย นี่ให้คำปรึกษาอยู่นะ ไป ๆ รีบเดินกลับไปเคาะประตูห้อง แล้วบอกเขาไปค่ะว่า Please , love me harder]



     จุนเจือเงียบเสียงพลางส่ายหน้าระอา เมื่อเพื่อนดันทำเสียงครางกระเส่าใส่



"ไอ้แพร ทำได้ง่ายอย่างนั้นก็ดีดิ กูกับเขามันเป็นแค่ลูกค้ากับพนักงาน อีกอย่างมันก็อยู่ในช่วงระหว่างปฏิบัติงาน กูทำอะไรมากไม่ได้ มันดูน่าเกลียด"





[คิดไปเองหรือเปล่า อย่าคิดมากสิ จุน ถ้าคนมันจะได้แฟน มันห้ามกันได้ด้วยเหรอวะ ของแบบนี้]

 

 "......."





       จุนเจือก็ดีใจนะที่เพื่อนบอกแบบนั้น แต่เขากลัวจะหลงตัวเองไป ก็แค่บทจูบบทเดียว แถมเป็นจูบจากคนเมา มันจะมีโอกาสขยับสถานะเลื่อนเป็นแฟนได้เหรอ

      ไม่น่าเลย!! จุนเจืออุตส่าห์ทำใจได้แล้ว พอเจอจูบนี้เข้าไป จุนเจือกลับไปหวั่นไหวอีกครั้ง
 

[เอาเป็นว่า โอกาสแบบนี้ ไม่ได้มีบ๊อยบ่อย...เป็นกู กูลุยจ้า มึงไม่เคยได้ยินที่เขาพูดกันเหรอว่า...ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ความรักก็เช่นกันนะมึง...]





    นั่นสินะ ...

   อยากรักก็ต้องเสี่ยง



    จุนเจือลอบถอนหายใจ ก่อนจะโดนเพื่อนด่าอีกยาว จนกระทั่งเขาวางสายแล้วพรูลมหายใจอีกครั้ง





    อีกสองวันที่คุณเมฆินทร์พักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ แล้วจะให้จุนเจือทำอย่างไรดีที่จะหาโอกาสเข้าใกล้เพื่อบอกความรู้สึก..





...................................................

 
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

*พี่เมฆฆฆฆ!!! (5555)
.
เรื่องนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากการไปเที่ยวและพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เผลอไปได้ยินพนักงานนินทาลูกค้ามา นั่นจึงเป็นที่มาของการอยากเขียนเรื่องนี้ค่ะ และต่อจากนี้ ตัวละครไม่มีตัวตนจริง ๆ นะคะ มันคือ จินตนาการล้วน ๆ ก็แค่อยากเขียนอย่างเดียวเลยค่ะ  (5555)

ฝาก #ห้องนี้มีแต่เรา ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ    :mew1:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 4 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 300519 |
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 30-05-2019 23:50:48
อิลุงรุกได้โหดมากอะน้องกลัวแล้ว
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 5(เมฆินทร์-จุนเจือ) | 3.06.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 03-06-2019 12:23:48
 





บทที่ 5  ผมจะรับผิดชอบคุณเอง











 

   "จุน เดี๋ยวพาลูกค้าไปส่งที่คลีนิคด่วน"

 

 

      จุนเจือตกใจตอนที่ได้ยินคำสั่งเด็ดขาดจากผู้จัดการสั่งให้เขานั่งรถโรงแรมไปส่งลูกค้าที่คลีนิค เนื่องจาก ลูกค้าลงไปเดินเล่นที่สระว่ายน้ำ แล้วไม่รู้ว่าไปเหยียบเศษแก้วหรืออะไรถึงทำให้เลือดไหลออกมาก และก่อนที่จะไปคลีนิคนั้น ต้องให้พนักงานที่บาร์ทำแผล ปฐมพยาบาลเบื้องต้น

 

 

       ตั้งแต่เข้ามาทำงาน จุนเจือพบเจอปัญหาของลูกค้าหลายเคสแตกต่างกันไป แต่ยังไม่เคยเจอเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกค้าเกิดอุบัติเหตุภายในโรงแรม จุนเจือรีบวิ่งไปรออยู่ที่ลานจอดพร้อมคนขับที่เตรียมพร้อม ไม่นาน พนักงานเสิร์ฟพยุงลูกค้ามาส่งตรงที่จุนเจือรอ พอหันไป ใบหน้านิ่งในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เมื่อเห็นคนที่จุนเจือเอาแต่นั่งคิดถึงอยู่ทั้งวันนั่น คือ คนที่ได้รับอุบัติเหตุ



"คุณเมฆินทร์" จุนเจือพึมพำเบา ๆ ตอนที่คุณเมฆินทร์เดินมาถึงตรงนี้





"โชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่" เมฆินทร์ว่าพลางกัดปากเมื่อรู้สึกเจ็บบาดแผล จุนเจือรับช่วงต่อมาจากพนักงานอีกคนรีบพาคุณเมฆินทร์ขึ้นท้ายรถกระบะมีหลังคาและนั่งประกบข้าง

     



"ระวัง ๆ หน่อยนะครับ"



"คุณชื่ออะไรนะครับ?"

 

 

       เมื่อรถเคลื่อนตัวไปได้ไม่ถึงนาที เมฆินทร์ก็ถามขึ้น ฟากจุนเจือนิ่งไปครู่หนึ่ง พลางคิดถึงเรื่องเมื่อคืน





        'แสดงว่าคุณเมฆินทร์เมามากจนจำไม่ได้จริง ๆ'

 



"จุนครับ" จุนเจือว่าพลันกดสายตาลงมองผ้าพันแผลสีขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีขุ่นจากฝุ่น แถมมีเลือดสีแดงสดซึมออกมาเป็นวงกว้าง





"คุณเมฆินทร์ ไปเหยียบโดนอะไรมาครับ?"

 

"ปะการังครับ"





"แล้ว น้องคุณเมฆินทร์ล่ะครับ?"

 

 

"เขาเข้าเมืองไปกับแฟนตั้งแต่บ่ายแล้วครับ"



 

"อ้าว หรอครับ เจ็บมากไหมครับเนี่ย ดูแผลน่าจะลึกเลย” จุนเจือกัดปากพลางทำหน้าเหยเกราวกับเจ็บแทน เมื่อมองบาดแผลแล้วเขารู้สึกเสียววาบที่ปลายเท้า





       จุนเจือไม่ได้เป็นโรคกลัวเลือด แต่ถ้าได้เห็นบ่อย ๆ จุนเจือก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะเวลาที่เห็นอะไรแบบนี้ จุนเจือมักชอบจำจนเป็นภาพติดตาซะด้วย

 



“ก็น่าจะนะครับ เพราะตอนเดินก็ไม่ได้ยั้งน้ำหนักด้วย” เมฆินทร์ตอบ ทางจุนเจือก็เหล่มองใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด

 

 “คุณเมฆินทร์จะไม่เป็นอะไรนะครับ ทำใจให้สบาย เดี๋ยวก็ถึงคลินิกแล้วครับ”



 

    เมฆินทร์ยิ้มขำ



“ขำอะไรครับ” จุนเจือถามและทำหน้างง

 

“เปล่าครับ ขอบคุณนะครับ ที่เป็นห่วง"

 

 

        จุนเจือเงียบกริบ ก็เป็นห่วงในนามของพนักงานที่ต้องดูแลลูกค้าหรอก แต่พอเห็นสายตาที่คุณเมฆินทร์มองมาพร้อมคำที่ตอบออกมาว่า.. ขอบคุณที่เป็นห่วง .. ทำไมจุนเจือถึงรู้สึกไหววูบแปลก ๆ ด้วยก็ไม่รู้





      ยามนี้ จุนเจือจึงไม่ชวนคุยอะไรอีก แต่พอความเงียบก่อตัว มันก็ทำให้จุนเจือเผลอไปคิดเรื่องเดิมอีกครั้ง เรื่องเมื่อคืนที่จุนเจือกับคุณเมฆินทร์จูบกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูนิ่งเฉย ไม่มีพิรุธอะไร เหมือนไม่รู้ว่า ตัวคุณเมฆินทร์ได้ทำอะไรลงไป เมื่อคุณเมฆินทร์ไม่พูด จุนเจือก็คงไม่มีสิทธิ์ไปทักท้วง

 

 

        และในจังหวะที่รถโครงเครง โยกไปมาตามผิวถนนขระขระ จุนเจือก็เผลอหาที่มั่นด้วยการยึดต้นขาคุณเมฆินทร์ จุนเจือรีบขอโทษและดึงมือกลับ แต่จู่ ๆ คุณเมฆินทร์คว้ามือจุนมาวางลงตรงที่เดิมอีกครั้ง

 



“วางเถอะครับ” เมฆินทร์หันไปบอก

 

“......”

 

“วางตรงนี้แล้วผมรู้สึกเหมือนเจ็บแผลน้อยลงกว่าเดิม”

 

กึก





      เหมือนเลือดมากองรวมกันตรงหน้า จุนเจือถึงกับพูดไม่ออก เขาสับสนไปหมดแล้ว ว่าทำไมคุณเมฆินทร์ถึงพูดจาแบบนี้ ยิ่งคุณเมฆินทร์พูดจาหวานหูมากเท่าไหร่ จุนเจือก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีมากเท่านั้น....





      แม้จะคิดหาคำตอบจนหัวจะแตกกับคำพูดและการกระทำของอีกฝ่าย แต่จุนเจือกลับไม่ต่อต้าน ค้านอะไร เขาปล่อยให้มือตัวเอง วางบนต้นขาอีกฝ่าย ในขณะที่มีมือหนาวางทับบนมือที่สั่นระริก





 

        พาลูกค้าไปส่งได้อย่างปลอดภัย จุนเจือกลับมาทำงานดังเดิม เขาไม่ได้รอรับคุณเมฆินทร์ เนื่องจากเจ้าตัวเอ่ยว่าจะให้เพื่อนมารับแทน เวลาผ่านไปจวนใกล้เลิกงาน ในเวลาสามทุ่มที่จุนเจือเพิ่งทำสรุปยอดเงินสดและยอดเงินผ่านบัตรเครดิตเสร็จ ก็เผลอปล่อยตัวตามสบาย ทิ้งตัวลงพิงพนัก ยกมือเหยียดแขนเพื่อบิดขี้เกียจ





        จุนเจือพรูลมหายใจออกมา และทอดสายตามองไปข้างหน้า ในท่ามกลางแสงไฟสีส้มที่ไม่ได้สว่างมากมาย โทนสีของแสงไฟชวนเร่งให้จุนเจืออยากปิดเปลือกตา ไหนจะเพลงแจ๊สที่เปิดคลอเบา ๆ  จุนเจือก็เกือบผล็อยหลับ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะช่วงนี้ จุนเจือนอนไม่ค่อยหลับ สะดุ้งตื่นขึ้นมาตีสอง ตีสามทุกครั้ง จุนเจือคิดว่าคงเพราะความความเครียดสะสม





        จุนเจือตบแก้มตัวเองเบา ๆ กำลังจะตัดสินใจลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อเห็นคุณเมฆินทร์กำลังเดินกระเผลกมาหากันที่รีเซฟชั่น จุนเจือกดสายตาลงต่ำมองแผลที่มีการพันผ้าก็อตใหม่ สวยงามดูดีกว่าตอนขาไปคลีนิค

 



“คุณเมฆินทร์ เป็นยังไงบ้างครับ?”

 

“เจ็บครับ เย็บเป็นสิบเข็ม”

 

“ปลอดภัยก็ดีแล้วครับ แล้วมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ? ” จุนเจือเห็นคุณเมฆินทร์มาช่วงเวลาดึกดื่นจึงถามกลับ

 

“ผมมีคำถามน่ะครับ?”



"อ่อครับ ถ้างั้นคุณเมฆินทร์เชิญนั่งก่อนครับ" จุนเจือกลับไปนั่งที่เดิม เขาเห็นคุณเมฆินทร์ทิ้งตัวลงนั่งทั้งยังกวาดสายตามองทั่วบริเวณ ก่อนถาม

 

“นี่คุณอยู่คนเดียวหรือครับ?”

 

“ใช่ครับ ถ้าเป็นกะกลางคืน ผมอยู่คนเดียวถึงสี่ทุ่มครับ แต่ถ้าคุณเมฆินทร์มีปัญหาอะไร ที่ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจได้ ผมสามารถโทรหาผู้จัดการได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”

 



         เมฆินทร์ยิ้มมุมปาก



“แล้วทำงานที่นี่นานหรือยังครับ?”

 

“ไม่นานเลยครับ ผมเพิ่งเข้ามาทำงานเองครับ” จุนเจือยิ้ม แต่ข้างในตื่นเต้นแปลก ๆ ที่คุณเมฆินทร์ถามเรื่องส่วนตัว



 

“เป็นคนที่นี่หรือเป็นคนต่างจังหวัดครับ? ถึงมาทำงานที่เกาะนี้"

 

“ผมเป็นคนกรุงเทพครับ แต่อยากลองเปลี่ยนที่มาทำงานไกล ๆ ดู เผื่อจะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ” เมฆินทร์พยักหน้า





       ฟากจุนเจือชักประหลาดใจที่คุณเมฆินทร์ยิงคำถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวจองเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่มานั่ง คุณเมฆินทร์ไม่มีเอ่ยถามเรื่องโรงแรมสักคำ

 



“แล้วมาทำงานไกล ๆ ตัวคนเดียวแบบนี้ แฟนปล่อยให้มาด้วยหรือครับ? ไม่คิดถึงกันแย่เลยหรือ?”





“คือ ผมไม่มีแฟนครับ ถึงตัดสินใจมา แล้วคุณเมฆินทร์ล่ะครับ? มาเที่ยวกับน้องชาย แล้วแฟ.."

 

     

"เมื่อคืน ผมจำได้นะว่าเกิดอะไรขึ้น" เมฆินทร์ไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่กลับเลือกที่จะบอกเรื่องอื่น

 



        ได้ยินดังนั้น จุนเจือชะงักพลันหน้าแดงก่ำ จุนเจือเห็นเขามีปฏิกิริยาเรียบเฉย นิ่ง เงียบ ก็นึกว่าจะจำไม่ได้ แล้วพอมาพูดต่อหน้า แถมมองตาไม่กระพริบ จุนเจือก็เริ่มทำตัวไม่ถูก จะต่อว่าก็ดูกระดากกระเดื่อง ในเมื่อจุนเองก็ชอบกับรสจูบนั้น

 



"ผมรู้ตัวครับและขอโทษที่จู...บ"

 

"เอ่อ ช่างมันเถอะครับ ผมรู้ว่าคุณเมฆินทร์เมา คุณไม่ได้ตั้งใจหรอก" จุนเจือตอบไปทั้ง ๆ ที่ใบหน้าก็ดูจะร้อนเห่อกว่าเดิม



 

"ผมตั้งใจครับ และผมจะรับผิดชอบคุณเอง"





     จากตอนแรกที่เขินจนเบนสายตาหนีไปมองวิวด้านนอกตัวอาคารที่ดำมืดสนิทแทบไม่เห็นอะไร นอกจากไฟดวงเล็ก ๆ ของเรือตกปลา จุนวกสายตากลับมาหาคุณเมฆินทร์อีกครั้ง สถานการณ์ยามนี้ มันชวนอึดอัด จุนเจือรู้สึกอิหลักอิเหลื่อ ครั้นจะเล่นมุกให้เป็นเรื่องโจ๊กขำขันก็ยังไม่สนิทกัน

 



"ไม่ต้องรับผิดชอบหรอกครับ ก็แค่จูบ ยังไม่ถึงขั้นเกินเลยกัน ผมไม่ถือสาหรอกครับ"





"แล้วคุณทำงานทุกวันเลยหรือ? ผมไม่เคยเห็นคุณหยุด"



 

“ผมหยุดพรุ่งนี้ครับ” จุนเจือตอบอย่างยิ้ม ๆ มือที่เขาวางบนตักตัวเองเย็นเยียบและชื้นเหงื่อ

 



“โอเคครับ ถ้างั้น  พรุ่งนี้ ผมขอนัดคุณไปกินข้าวได้ไหม?”

 

“เอ่อ คือ...” จุนเจือกัดปากครุ่นคิด ลังเล

 

"ผมอยากรับผิดชอบด้วยการซื้อตัวคุณไปทำงานกับผม พรุ่งนี้ ผมอยากคุยเรื่องขอบเขตการทำงาน เงินเดือน พอจะออกมาเจอกันได้ไหมครับ?”

 



       จุนเจือเงียบเสียงอีกครั้ง นี่คือเหตุผลของการรับผิดชอบหรอกหรือ? คุณเมฆินทร์จะพาจุนเจือไปทำงานที่บริษัทที่เขาทำอยู่อย่างนั้นเหรอ? แล้วคุณเมฆินทร์ทำงานเกี่ยวกับอะไร? คงทำงานสุจริต ไม่ใช่งานค้าไม้เถื่อน ค้าประเวณีอะไรอย่างนั้นหรอกนะ

 

     

“แต่...ผมกลัวจะมีพนักงานไปเห็นตอนที่ผมพบคุณ"

 

“เพื่อนผมเพิ่งเปิดร้านอาหารที่นี่ ผมพอจะหาที่หลบมุมได้ เราจะไปเจอกันที่นั่นครับ"

 

“เอ่อ ก็ได้ครับ”

 

“พรุ่งนี้หกโมงเย็น เจอกันที่ร้านแบล็ค เบอร์รี่ ผมจะคุยเรื่องงานอย่างละเอียดอีกครั้ง"

 

“ครับ”

 

      เมื่อได้คำตอบ คุณเมฆินทร์ก็ผุดลุก หมุนตัวเดินกลับไป แต่ในขณะนั้น



 

“เอ่อ คุณเมฆินทร์ครับ แล้วผมจะติดต่อคุณได้ยังไงครับ? ถ้าผมหาคุณไม่เจอ" จุนเจือลุกขึ้นพูด เมฆินทร์หันหลังกลับมาแล้วยิ้มบางเบา

 



“คุณไปร้านนั้น ตามเวลาที่บอก เจอผมแน่นอน ถ้าไม่เจอ ผมจะเป็นฝ่ายโทรหาคุณเองครับ ผมมีเบอร์คุณอยู่”





"เบอร์ผม?"





"ครับ"

 

      สิ้นเสียงนั้น จุนเจือจำไม่ได้และนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าคุณเมฆินทร์ไปมีเบอร์โทรเขาได้ไง และได้ไปตอนไหน?





      แต่ช่างมันก่อน  สรุปแล้ว จุนเจือจะลองไปตามนัด ถ้าทำงานที่ได้เงินเดือนดี มีเนื้องานที่น่าสนใจมันก็น่าลอง





[ว่าไงมึง มีอะไรอัพเดทแน่นอน ไม่งั้น ไม่โทรมา]

 



         จุนเจือโทรหาเพื่อนสนิทตอนเลิกงานระหว่างทางเดินกลับห้องพัก

 



“ทำนองนั้น เรื่องที่กูเล่าให้มึงฟังว่า เมื่อคืนมีลูกค้าจูบกูน่ะ วันนี้กูเจอเขาว่ะ เขาบอก เขาจำได้ว่าจูบกู”

 



“เฮ้ย จริงดิ อย่างนี้ก็หมายความว่าเขาไม่เมา เขาตั้งใจจูบมึงอย่างนั้นเหรอวะ?"



 

"เออ เขาบอกกูมาแบบนั้น แต่ที่กูจะเล่ามันมีมากกว่านั้นอีก"

 



[อะไรอีก มึงก็เล่ามาให้หมด ๆ รวดเดียวสิ จะกั๊กทำไมวะ]





"ไม่ได้กั๊กเว้ย แค่ค่อย ๆ เล่า คือคุณเมฆินทร์ชวนกูไปทำงานด้วย"

 

[เฮ้ย น่าสนใจ ได้ทำงานกับคนที่มึงก็รู้สึกดีด้วย แล้วเขาให้เงินเดือนเท่าไหร่?]

 



"ยังไม่รู้ รอคุยพรุ่งนี้ เขานัดกูไปร้านอาหารคุยเรื่องงานละเอียดอีกที" จุนเจือว่าทั้ง ๆ ที่สมองยังคิดไม่ตก





[ก็ลองดูนะมึง ถ้าฟังแล้วมันน่าสนใจก็ทำเหอะ โอกาสมีเข้ามา ก็คว้ามันไว้ล่ะ]





"ขอบใจว่ะแพร"





[อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตมึงก็ได้นะ]

 





        นั่นสิ หรืออาจจะเป็นจุดเปลี่ยนก็ได้



        หลังจากที่จุนเจือได้ปรึกษาเพื่อนและวางสายไปแล้ว จุนเจือก็ยังคงคิดเรื่องเดิม เขากัดปากกลั้นยิ้ม ชักอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้ไว ๆ ซะแล้วสิ....







..........................................


 :mew1: :mew2: :mew2:  :z1:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 5 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 3.06.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-06-2019 00:09:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 6 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 7.06.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 07-06-2019 21:01:09
บทที่ 6 แค่เซ็กซ์



















"ผมนั่งอยู่ตรงระเบียงครับ" เมื่อถึงเวลานัดตามสัญญา เมฆที่เลือกที่นั่งหลบมุมและค่อนข้างเป็นส่วนตัว เฝ้ามองคนที่เดินเก้ ๆ กัง ๆ มาจนถึงระเบียงไม้พลางกวาดตามองจนทั่วก็ยังไม่เห็น เมฆินทร์จึงต้องโทรหา พร้อมลุกขึ้นยืนโบกไม้ โบกมือไปด้วย





      จุนเจือหันไปตามตำแหน่งที่คุณเมฆินทร์บอกอีกครั้งถึงเห็น จุนเจือวางสายเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า สาวเท้าไปหาคุณเมฆินทร์ที่นั่งอยู่โต๊ะด้านในสุดของระเบียงไม้ที่ยื่นออกไปทางชายหาด จุนยกมือไหว้และหย่อนกายลงนั่ง





"ผมชักชอบเวลาจุนแต่งชุดนอกมากกว่ายูนิฟอร์ม" เมฆว่าเช่นนั้น เพราะเวลาเขาเจอจุนเจือทีไร ก็เป็นในช่วงเวลางานที่แต่งยูนิฟอร์มเป็นทางการซึ่งดูเป็นผู้ใหญ่ แต่พอได้กลับมาเห็นจุนเจือสวมใส่ชุดนอกอย่างเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์เดฟสีดำขาดเข่า ที่ดูท่วงท่าสบาย แถมแก่นเซี้ยวและลดอายุลงก็ดูน่ารัก น่ามองไปอีกแบบ



"ขอบคุณครับ" จุนเจือยิ้มรับ และยังไม่ชินกับการได้ยินคุณเมฆินทร์เปลี่ยนสรรพนามการเรียกระหว่างกัน





"สั่งอาหารก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องงานนะ"



   

       จุนเจือพยักหน้า ปรายตามองขวามือของคุณเมฆินทร์พบแก้วและขวดเบียร์ที่พร่องไปกว่าครึ่งวางตั้งตระหง่าน





"เพิ่งเย็บแผลมาเมื่อวาน ทำไมคุณเมฆินทร์กินเบียร์แล้วล่ะครับ แผลจะยิ่งหายช้าหรือเปล่า?"





"ผมดื่มแค่แก้วเดียว พอดีอยากน่ะ" เมฆตอบ ฟากจุนเจือนั่งมองหน้าคุณเมฆินทร์ ก่อนจะละสายตาจากดวงหน้าหล่อเหลารับเมนูที่คุณเมฆินทร์เลื่อนมาวางตรงหน้า





        พลิกเมนูไปเรื่อย ๆ เพื่อหารายการอาหารที่ถูกใจ จุนเจือสั่งอาหารกับพนักงาน เสร็จสรรพ ระหว่างรออาหาร จุนเจือเงยหน้าเป็นจังหวะสบตากับคุณเมฆินทร์ที่เหมือนจ้องมองอยู่ก่อน



"เราคุยเรื่องงานกันหรือยังครับ?"



"ได้สิ ว่าแต่จุนโอเครึเปล่า ดูเครียด ๆ" เมฆถาม ตั้งแต่ที่มานั่ง ก็สังเกตเห็นอีกฝ่ายดูไม่ค่อยยิ้มแย้ม หากมีรอยยิ้มผุดออกมาก็ดูรู้ว่าฝืนและเหนื่อยล้าเต็มที





"โอเคครับ แล้วงานของคุณเมฆินทร์เกี่ยวกับอะไรครับ? ผมต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง?" จุนเจือไม่อยากเสียเวลา จึงเข้าเรื่องทันที



     

       เมฆินทร์ยิ้ม หยิบไอแพดและพิมพ์อะไรลงไปสักอย่าง ไม่นาน เขายื่นมาให้จุนเจือดู





      จุนเจือเอียงคอมองอย่างฉงนใจ แต่ยังไม่พูดอะไร ขอลองอ่านข้อความที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอเสียก่อนจะได้รวบรวมคำถามทีเดียว





"คุณเมฆินทร์!!! นี่อะไรกันครับ มันไม่ใช่งานบริษัททั่วไปนี่ครับ!"





"ใช่ครับ ไม่ใช่ในรูปแบบนั้น" เมฆตอบเสียงจริงจัง เขาก็พอรู้ว่าการทำข้อตกลงแบบนี้ มันอาจดูบ้าไปหน่อย แต่ถ้าเขาถูกใจใคร เมฆไม่รีรอจะคว้ามาไว้ในครอบครอง ไม่ว่าจะต้องทำด้วยวิธีไหนก็ตาม





"เดี๋ยวนะครับ คุณเมฆินทร์เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ผมไม่ได้ขายบริการนะครับ นี่คุณดูถูกผมเหรอ?"

 



“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมไม่เคยคิดดูถูกจุน สำหรับความคิดของผม การที่ผมอยากมีเซ็กซ์กับจุนแล้วให้เงิน แสดงว่าจุนมีค่า มีราคา ผมถึงให้จุนเป็นคนเสนอค่าตัวให้ผมเอง ตอนที่ผมจูบจุน ผมถูกใจจริง ๆ จะเป็นไปได้ไหม ถ้าต่อจากนี้ เราจะมีเซ็กซ์กันอีก" เมื่อจุนเจือดูมีสีหน้าเปลี่ยนไป เมฆินทร์ยิ่งต้องรีบอธิบายขยายความเพื่อกันเข้าใจผิด





       ฟากจุนเจือนั่งเงียบนานและใช้ความคิด จนเมฆินทร์ต้องย้ำไปอีกครั้ง





"ผมไม่เคยทำกับใครมาก่อน วิธีการพูดของผมอาจดูแปลกสำหรับจุน แต่ที่ผมตั้งเงื่อนไขแบบนี้เพราะผมพึงพอใจจุนก็เท่านั้น"

 



“ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ และผมคงไม่รู้วิธีปรนเปรอหรือเอาใจหรอกนะครับ" จุนเจือย้ำไปอีก เขาไม่เคยขายบริการ เลยไม่รู้ว่ามันต้องดูแลอีกฝ่ายเป็นพิเศษมากแค่ไหนกัน





 “แค่เป็นตัวจุนแบบที่จุนเป็น และผมขอถามหน่อยครับ ไม่เคยทำแบบนี้ คือไม่เคยมีเซ็กซ์กับใคร ? หรือครับ?”

 



“เอ่อ ผมไม่ใช่คนบริสุทธิ์หรอกครับ ผมเคยมีเซ็กซ์แล้ว คุณเมฆินทร์ไม่ได้แกล้งลองใจผมใช่ไหม?" จุนเจือถามอย่างอยากรู้ และต้องการความแน่ใจเพราะโดยปกติหากการจะซื้อ-ขายกันแบบนี้ ไม่ใช่มีแค่พวกสถานบริการหรือพวกที่มีโมเดลลิ่ง แม่เล้าจัดหาลูกค้าให้อย่างนั้นหรอกเหรอ?





"ทำไมผมต้องแกล้งครับ? ผมซีเรียส จุนลองอ่านเงื่อนไขอีกทีก็ได้ว่าทำได้ไหม?" จู่ ๆ เมฆินทร์ก็ตีหน้าขรึมให้รู้ว่า การที่เมฆินทร์ยอมเปิดใจคุยเรื่องแบบนี้กับคนที่เพิ่งเจอไม่กี่ครั้ง ทั้งหมดทั้งมวลไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

 



         เมฆินทร์ยังคงจ้องดูท่าทีอีกฝ่ายที่นั่งก้มหน้าเงียบไปนาน แต่เพียงใบหน้าขาวเงยขึ้นมาด้วยสภาพน้ำตาคลอหน่วย เมฆินทร์ตกใจ เห็นท่าไม่ดี กลัวจุนเจือจะโวยวายใหญ่โต เมฆินทร์คิดว่า เขาคงยื่นข้อเสนอผิดคนเสียแล้ว





"ถ้าจุนลำบากใจ ผมขอโทษนะ เดี๋ยวผมลบข้อความทั้งหมดทิ้ง แล้วลืมไปนะครับว่าเราเคยคุ...."



"ผมตกลงครับ"





"หืมมมม?" เมฆตัดบท ตัดใจไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากเห็นเด็กหนุ่มมีน้ำตา แต่พอคำตอบรับออกมาจากปากจุนเจือ ทำให้เมฆินทร์เกิดความสงสัย เมฆเงยหน้ามองพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง





 "ผมตกลงครับ คุณเมฆินทร์ แล้วเรื่องเงินล่ะครับ ผมเรียกเท่าไหร่ก็ได้เลยเหรอครับ?"





"จุนครับ ผมย้ำอีกที จุนคิดดีแล้วใช่ไหม?" ยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จึงถามซ้ำ โดยไม่สนคำถามของจุนเจือก่อนหน้า





"ใช่ครับ แต่ผมไม่อยากลาออกจากงาน จากที่ผมอ่านที่คุณเมฆินทร์จะยื่นข้อเสนอเป็นรายเดือน ผมขอให้คุณเมฆินทร์จ่ายเป็นรายครั้งเวลาที่เรามีเซ็กซ์กันได้ไหม?" จุนเจือเสนอทางเลือก





"ได้สิครับ เรียกมาเลย ถ้าผมไหว"





      จุนเจือพยักหน้าพร้อมเสนอราคาต่อครั้ง เมฆยิ้มมุมปากก่อนบอก





"โอเค ผมจ่ายไหวอยู่"



"แต่ผมไม่เข้าใจ คุณเมฆินทร์อยู่กรุงเทพ สามารถหาใครที่นั่นก็ได้ไม่ใช่หรือครับ ทำไมถึงต้องเป็นผม?"





"วัน ๆ ผมทำแต่งาน การจะไปเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ มันค่อนข้างยากกว่าสมัยก่อน"




"แต่แค่คืนนั้น คืนเดียวที่คุณเอ่อ...ทำแบบนั้นน่ะครับ สติคุณก็ไม่เต็มร้อย คุณตอบได้เต็มปากเลยหรอครับ ว่าถูกใจ"





"ความจริงก็มีหลายเหตุผลรวมกัน ที่จุนถามผมอีกครั้งแบบนี้ สรุปจุนโอเคหรือเปล่า ?"





"ผมโอเคครับ แต่ผมแค่สงสัย" จุนเจือบอก





      ส่วนเมฆินทร์พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะย้ำในเงื่อนไขที่ระบุในไอแพด





"ผมไม่หลอกจุนแน่นอน แต่ผมขอแค่ให้จุนทำตามเงื่อนไขที่ผมขอจะได้ไหม?"





      เท่าที่อ่านข้อความที่คุณเมฆินทร์ระบุมา จุนเจือว่ามันไม่ยากเกินไป เพราะสิ่งที่คุณเมฆินทร์ขอมันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ทางการอะไร มันเหมือนข้อตกลงร่วมกันมากกว่า

 

 

1. เซ็กซ์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของข้อตกลงนี้ ทั้งสองต้องมีความพึงพอใจ จะต้องไม่มีการขัดขืนใจระหว่างมีเซ็กซ์กันเด็ดขาด

2. เมื่อตกลงแล้ว ห้ามมีคนอื่นในเชิงชู้สาว

3. ต้องรักษาความสะอาดเรือนร่าง

4.ห้ามถามเรื่องส่วนตัวของผู้ว่าจ้าง

5.สถานที่นัดพบโรงแรมเท่านั้น






"ครับ"



"อ้อ แล้วก็จากนี้ ช่วยเรียกผมว่า พี่เมฆแทนนะครับ"



"เอ่อ!...ได้ครับพี่เมฆ"





"ดีครับ" เมฆินทร์แต้มยิ้มทันที พอได้ยินอีกฝ่ายเรียกเขาว่า 'พี่' ฟังแล้วรื่นหูกว่าเยอะ



"พี่เมฆครับ"





"ครับผม"





"เราเริ่มกันคืนนี้เลยได้ไหมครับ?"





      เมฆินทร์โคลงศีรษะมองจุนเจืออย่างมีคำถาม





"เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? จุน" เมฆินทร์รู้สึกประหลาดใจในตัวจุนเจือหลายครั้งแล้ว ทั้งอาการร้องไห้ และการตั้งคำถามมากมาย แต่แล้วจู่ ๆ คนที่ดูลังเลในการตอบรับข้อตกลงบ้า ๆ กลับอยากมีเซ็กซ์กันเสียตั้งแต่วันนี้





      จุนเจือมองหน้าคุณเมฆินทร์





"ไม่มีอะไรหรอกครับ? ผมแค่อยากลองกับพี่"





"แต่พี่ยังเจ็บเท้า มีเซ็กซ์คงไม่สะดวกเท่าไหร่"





"ไม่เป็นไรครับ พี่เมฆ ผมช่วยให้พี่เมฆเสร็จก่อนก็ได้ครับ"





      เมฆินทร์แปลกใจตอนที่น้องรบเร้าจะเอาให้ได้ ตัวเมฆินทร์เอง ใช่ว่าไม่อยาก จากการสัมผัสรสจูบคืนนั้น เขายอมรับว่า เด็กหนุ่มคนนี้ กระตุ้นกามราคะเขาได้ดีทีเดียว





"ตามเงื่อนไข การมีเซ็กซ์กันต้องมีความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย ถ้าจุนแค่ต้องการเงิน แล้วไม่ได้อยากช่วยพี่ พี่จะไม่ตกลงสำหรับคืนนี้"





"ผมอยากช่วยพี่จริง ๆ ครับ ผมยอมเปิดห้องใหม่ด้วยเงินผมเองเลยครับ เพราะผมคงไม่สามารถจะทำอะไรในพี้นที่โรงแรมที่ผมทำงานได้" จุนเจือบอก เพราะจำได้ว่า คืนนี้ พี่เมฆยังคงนอนพักที่โรงแรมที่จุนเจือทำงานอยู่





"จุนต้องไม่มีใคร!" เมฆินทร์ย้ำ แม้ว่ามันจะเป็นข้อเสนอแรกที่บอกว่า เซ็กซ์เป็นเรื่องสำคัญ และในเงื่อนไขก็ไม่ได้ระบุว่าทั้งสองต้องรักกัน แต่ระหว่างที่มีเซ็กซ์กันนั้น เมฆินทร์ก็ไม่อยากใช้ของร่วมกับใคร ฉะนั้น จุนเจือต้องโสด





"ครับ ตอนนี้ ผมไม่มีแฟนครับ"

.

.

.

.

      เสียงจูบจ๊วบจ๊าบดังขึ้นภายในห้องพักที่ทั้งคู่มาเปิดพักในกรณีพิเศษ และเป็นพี่เมฆที่ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด  เพียงทั้งสองเดินเข้ามาในห้องถอดรองเท้า ล้างหน้า ล้างตา ต่างฝ่าย ต่างก็แทบไม่ได้สนใจการตกแต่งของห้องพักเลยว่าสวยงามแค่ไหน ขอแค่มีแอร์เย็น ๆ เตียงนุ่ม ๆ เท่านั้นก็พอ เวลาสามทุ่มนี้ จึงเป็นเวลาได้ที่ที่ทั้งสองจะแลกจูบกันและกัน จุนเจือไม่ใช่เด็กอ่อนหัด เขาเคยร่วมรักกับพี่บอมบ์มาแล้ว และรู้แล้วว่า ขั้นตอนการมีเซ็กซ์ คงมีไม่กี่อย่าง เพียงแต่ตอนแรกอาจจะมีเกร็ง ๆ พราะจุดเริ่มต้นของจุนเจือกับพี่เมฆ ไม่ได้เกิดจากความรักกัน การจุดติดเพื่อสปาร์คกันจึงต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร





       แต่พอได้จูบกันอย่างถนัดถนี่และปรับความคุ้นชินกันแล้ว จุนเจือกลับชอบใจ เขายึดไหล่อีกฝ่าย เมื่อไออุ่นจากริมฝีปากของพี่เมฆทำจุนโอนอ่อน มันเป็นจูบที่แสนจะนุ่มนวล แผ่วเบาและเนิ่นนาน ถ้าไม่ติดว่าหายใจไม่ทัน จุนเจือก็ไม่อยากถอนริมฝีปากออก หลังจากละริมฝีปากสีสดที่บวมเจ่อ เมฆใช้ริมฝีปากคลอเคลียเล่นริมฝีปากนั้นไม่หยุด ก่อนเสียงทุ้มดังขึ้นเบา ๆ





"ชอบไหม?"



      จุนเจือพยักหน้า ก่อนจะจูบปากนุ่มนั้นอีกครั้ง และผละออก





"ผมทำให้พี่เมฆนะ" จุนเจือยิ้ม ก่อนจะขยับตัวออกห่าง แล้วดึงกางเกงขาสั้นสีขาวของอีกฝ่ายให้หลุดจากช่วงล่าง จุนเจือโยนมันทิ้งไว้ข้างเตียง ใช้มือจับข้อเท้าอีกฝ่ายแยกขาออกกว้างช้า ๆ เพราะฝ่าเท้าของพี่เมฆยังมีแผล ในระหว่างนั้น จุนเจือแทรกกายไปอยู่กึ่งกล่างหว่างขาแข็งแกร่งสองข้าง โน้มตัวลงต่ำจนใบหน้าใกล้ของเล่นแท่งยาวที่กระตุกรับเป็นจังหวะ

 

       พอเห็นของอีกฝ่ายที่ชัดเจนเนื่องจากอยู่ในระดับเดียวกับใบหน้า จุนเจือแอบตกใจเล็กน้อย เมื่อตอนแรกที่แกนกายอ่อนตัว พอแข็งขืนขึ้นมา ขนาดมันค่อนข้างแตกต่างกว่าตอนแรก ความใหญ่โตมโหฬารทำให้จุนไม่รู้ว่าจะยัดลูกชายของพี่เมฆเข้าปากไปได้ยังไง


 
       จุนเจือเลยเลือกที่จะจูบส่วนปลายสีสดคล้ายทำใจ ก่อนใช้ปลายลิ้นชื้นเลียไปตามแนวยาวของแกนกลางลำตัว เขาไล้ปลายลิ้นลากยาวมายังลูกกลมด้านล่าง จุนอม ดึงดูด และเลียเบา ๆ จนจุนเจือเผลอได้ยินเสียงครางกระเส่าหลุดรอดออกมา



"อื้มมมมมมมมม อ่าห์"

           


           ยามนี้ ลิ้นชื้นแฉะของจุนเจือยังคงไล้เลียปาดเป็นเส้นตรงจนถึงส่วนหัวแกนกายอีกครั้ง ฟากเมฆินทร์ที่กึ่งนั่งกึ่งนอน มองจุนเจืออยู่เบื้องล่าง ที่กำลังช่วยสร้างความสุขสม ปลุกปั้นอารมณ์หวามที่แทบจะขาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่จุนเจือรับแกนกายเข้าริมฝีปากอุ่น ๆ แล้วเริ่มต้นดูดอม เมฆก็เผลอสูดปากด้วยความเสียวกระสัน



          ตอนนี้ ความต้องการมันพุ่งสูงจนทะลุเพดานของขีดจำกัด บทแห่งการออรัล เซ็กซ์มันมาไกลเกินกว่าจะหยุดได้ เมื่อเมฆินทร์เห็นจุนเจือผงกศีรษะขึ้นลงอย่างเป็นงาน เมฆจึงดันตัวเข้าไปในปากของเด็กหนุ่มทั้งลำ มือหนากดศีรษะของจุนเจือแน่น และกระเด้งรับกลับริมฝีปากอุ่น ๆ นั้น


"แค่ก ๆ ๆ" จุนเจือดันตัวออก เมื่อแท่งร้อนอีกฝ่าย ดุนดันจนแทบแตะลิ้นไก่ เขารีบผละออกเพราะสำลัก


"พี่ขอโทษ จุนไหวไหม?" เมฆินทร์มองคนแดงก่ำ ตาแดง น้ำตาคลอแล้วนึกสงสาร



"ไหวครับ"  จุนเจือยิ้มแล้วรับแท่งร้อนเข้าปากอีกครั้ง ก่อนจะขยับศรีษะอย่างรัวเร็ว



        ยามนี้ แท่งร้อนถูกใส่เข้าปากของจุนเจือไปทั้งลำ  เมฆินทร์หอบหายใจถี่รัว สะโพกควบคุมเอาไว้แทบไม่อยู่ เขาเด้งรับกับริมฝีปากที่ห่อตัวรับแกนกายให้ความสุดแสนจะวาบหวาม ไหนจะความเสียวซ่านมากขึ้นยามที่จุนเจือดูดส่วนหัวสีสด และไม่น่าแปลกใจ เมื่อได้เสพสุขทางกามารมณ์อย่างเต็มที่ วินาที คนที่ถูกกระทำก็ถึงฝั่งฝัน ปล่อยของเหลวเข้าปากอีกฝ่าย และเกร็งสุดตัว สองมือหนาที่ล็อคศรีษะไว้ไม่ให้หนีถอยตอนปล่อยน้ำรัก ก็ค่อย ๆ คลายมือออก พร้อมกับคลายแกนกายที่อ่อนตัวลงแล้วช้า ๆ



"ขอบคุณนะจุน พี่ชอบมากครับ"  เมฆบอก ตอนที่ขยับตัว โน้มไปหาเด็กหนุ่ม ใช้ปลายนิ้วไล้เช็ดขอบปากจุนเจือที่มีคราบของเหลวสีขาวขุ่นเหลือทิ้งไว้



       ฟากจุนเจือก็ไม่ได้ตั้งรับว่าพี่เมฆจะปล่อยน้ำรักเพื่อให้จุนเจือกลืนกิน จึงไม่คุ้นชินกับรสชาติฝาดเฝื่อน  จุนเจือเลียริมฝีปากตัวเองหลังจากพี่เมฆช่วยทำความสะอาดเพิ่มเติมด้วยการจูบดูดดื่มของเขา เสร็จเรียบร้อย จุนเจือขยับตัวเลื่อนลงจากเตียง
 

   

"พี่เมฆครับ?"



"ครับ?"



"ช่วงนี้ ผมลาหยุดยาวพอดี ผมไปกรุงเทพ ฯ กับพี่ได้ไหม?"





"จุนลาได้กี่วันครับ?"





"สิบวันครับ"





"......" เมฆนิ่งไป เขายังไม่ได้ให้คำตอบแก่จุนเจือ





"ถ้าพี่เมฆกลัวน้องชายสงสัย ผมตามไปทีหลังก็ได้นะ"



"จุนร้อนเงินหรือครับ?" เมฆว่ามันดูแปลก ๆ ที่จุนเจือดูเร่งรัด ใจร้อนเกินเหตุ



"ก็นิดหน่อยครับ พอดีแม่ไม่สบาย ต้องใช้เงินไปหาหมอ" จุนเจือโกหก แต่ถึงจะโกหกหรือพูดความจริง พี่เมฆก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรับรู้ ในเมื่อเขาก็ต้องการแค่เซ็กซ์





"พี่ขอดูคิวก่อนนะ เพราะถ้าจุนว่าง แต่พี่ไม่ว่างมาเจอ การไปกรุงเทพฯ ของจุนมันจะสูญเปล่า"





"ครับผม"





           จุนเจือยิ้มกว้างพร้อมเดินกลับไปจุ๊บปากพี่เมฆทิ้งท้าย ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย เพียงบานประตูปิดลง คนที่เก็บความรู้สึกไว้ข้างในก็ระเบิดออกมา จุนเจือปล่อยโฮ ยืนมองตัวเองตรงหน้ากระจกเงาด้วยดวงตาเศร้าสร้อยที่เคลือบไปด้วยน้ำใสวาววับ



.



แปดชั่วโมงก่อนหน้านี้

     



"พี่บอมบ์ใช่ไหม?"





[ปลดบล็อคเบอร์พี่แล้วเหรอ? พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจุนจะโทรมาหาพี่?]





"พี่บอมบ์ พี่ทำแบบนี้กับจุนได้ไงวะ?"





[พี่ทำอะไรครับ?]





"ตอนเราคบกัน พี่ใช้บัตรจุนผ่อนทั้งมือถือ ตู้เย็น แล้วพี่เป็นคนบอกจุนเองว่า แค่ยืมใช้บัตร เดี๋ยวพี่จะผ่อนจ่ายเอง แต่ตอนนี้ หลายธนาคารโทรมาหาจุน ทวงค่างวดกับจุน หมายความว่าไงครับ?"





           เมื่อยามที่เราคบกันครั้งความรักยังหวานชื่น พี่บอมบ์ต้องการอะไร จุนเจือหาประเคนมาให้ได้ทุกอย่าง กับแค่การยืมบัตรเครดิตของจุนเจือไปผ่อนซื้อสินค้า โดยที่พี่บอมบ์บอกเองว่าจะเป็นคนจ่ายค่างวดเอง มันไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงอะไร จุนเจือก็เลยไม่ได้เอะใจหรือคิดถึงผลกระทบภายหลัง เพราะเห็นว่าอย่างน้อยคนรักกัน ก็ควรช่วยเหลือกันไป แต่จุนไม่เคยรู้เลยว่า การคิดไม่ถี่ถ้วนจะส่งผลเสียตามมาในช่วงจังหวะที่พอถึงเวลาเลิกกัน นิสัยเสีย ๆ ของแฟนเก่าอาจผุดโผล่มาให้เห็นก็เป็นได้





            เพียงแค่เชื่อใจ ไว้ใจ และหวังอยากให้คนรักได้สิ่งที่ดีที่สุด ไม่คิดว่าการทำแบบนั้นจะกลายเป็นการทำคุณบูชาโทษ

 



[ก็จุนบล็อคเบอร์พี่ พี่เลยไม่มีโอกาสได้อธิบาย จุนครับ พี่ขอโทษ ช่วงนี้พี่ต้องใช้เงินมากจริงๆ จุนผ่อนแทนพี่ก่อนได้ไหม? พอดี แม่พี่ไม่สบายครับ]





"แม่พี่จะเป็นอะไรก็เรื่องของพี่ แต่เราเลิกกันแล้ว หรือไม่พี่บอมบ์ก็ไปบอกไอ้คนนั้น ให้เอาเงินมาคืนจุนสิ"





[พี่เลิกกับเขาแล้วจุน ตอนนี้ พี่ไม่มีใคร  และพี่เพิ่งรู้ว่าแม่พี่เป็นมะเร็งเต้านม ต้องใช้เงินมาก  จุนช่วยพี่ก่อนนะครับ แล้วพี่สัญญาจะหามาใช้ภายหลัง]





"ไม่ได้ หลายธนาคารที่โทรมาทวง จุนไม่มีเงินจ่ายไหวหรอก พี่บอมบ์ใจร้ายกับจุนขนาดนี้ได้ยังไง? บัตรกดเงินสดพี่ก็กดใช้จนเต็มวงเงิน" จุนเจือด่าว่าด้วยความไม่พอใจและเพิ่งมาระลึกได้ตอนนี้ว่า จุนโง่เอง ที่ปล่อยให้แฟนผ่อนของทุกอย่าง ภายใต้ชื่อบัตรของเขา ไหนจะรวมไปถึงบัตรกดเงินสดที่จุนเผลอลืมไว้กับพี่บอมบ์ พอโทรไปเช็คกับธนาคาร เงินก็ถูกกดออกมาใช้จนเต็มวงเงินเป็นที่เรียบร้อย



   



[จุนครับ ฟังพี่ พี่ไม่ได้อยากเลว  แต่พี่จ่ายไม่ไหว พี่เลยต้องดึงเงินส่วนนี้ เอาไปรักษาแม่ก่อน จุนครับ ช่วยพี่สักครั้งนะ อย่างน้อยเราก็เคยรักกัน ไม่ใช่เหรอ?]





          แค่คำขอร้อง อ้อนวอนจากแฟนเก่า ทำเอาจุนเจือชะงักนิ่ง





"แต่ผม...ไม่..."





[หรือจุนไม่ต้องจ่ายก็ได้ ปล่อยไว้ ให้เรื่องถึงชั้นศาล แล้วค่อยประนอมหนี้ทีเดียว ถึงเวลานั้น พี่คงมีเงินก้อนเอาไปโปะหนี้ให้จุนได้นะ เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ] จุนเจือเงียบ ถ้าทำแบบนั้น ชื่อของจุนเจือก็คงเสียประวัติ ติดแบล็กลิสต์ไปอีกหลายปี





"ที่ผ่านมา จุนรักพี่ ยอมพี่ทุกอย่าง แล้วทำไมพี่เหี้ยกับจุนแบบนี้วะ"





[พี่บอกแล้วไงว่าพี่ต้องใช้เงินช่วงนี้พอดี พี่ไม่ได้อยากทำแบบนี้ จุนครับแค่นี้ก่อน ไว้พี่โทรหา อย่าบล็อคเบอร์กันนะ]





      พี่บอมบ์วางสายไปแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไหร่ ผิดกับจุนเจือที่ยืนหน้าชาและเครียดกับภาระหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ







          มีแฟนผิดคิดจนตัวตาย ส่วนเรื่องหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด จุนเจือจะให้คนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ขืนรู้ มีหวัง จุนเจือตายแน่ ๆ....





          กลับมายังปัจจุบัน คนที่นึกเรื่องเมื่อกลางวันตอนคุยกับแฟนเก่าก็สะบัดศีรษะไล่ความคิด ก่อนลูบน้ำตาออกจากดวงตาเศร้า





           เวลานี้ มันควรจะเป็นเรื่องที่ดี ที่จุนเจือได้มีเซ็กซ์กับคนที่จุนเจือสนใจ แต่กลายเป็นว่า ความรู้สึกดีที่มีให้คุณเมฆินทร์ถูกแทนที่ด้วยความเครียด ความกังวลจากการเป็นหนี้ การมีเซ็กซ์ที่ทำเพราะความจำเป็นและหน้าที่ที่จุนเจือไม่สนุกเลย





           จุนเจือถอนหายใจ หากอยากพ้นบ่วงเวรกรรมกับแฟนเก่า จุนเจือจะต้องทำใจหาเงินมาจ่ายหนี้เอง เพื่อจะได้จบปัญหา ไม่ต้องคาราคาซังให้ยืดยาว แต่ถ้าจะจ่ายหนี้ทั้งหมดเพื่อปิดบัตรเครดิต ลำพังเงินเดือนคงไม่พอ





          จุนเจือกัดปากจนเจ็บ นี่เขาต้องมีอะไรกับคุณเมฆินทร์กี่ครั้งถึงจะใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อจำนวนหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาทได้หมดสิ้น....






....................................................


 :man1: :man1: :man1: :man1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
โถถถน้องจุนของพี่
[/b]
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 6 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 7.06.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 11-06-2019 14:44:34
:กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 6 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 7.06.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: MM04 ที่ 29-07-2019 00:35:16
ไม่น่าเลย สงสารจุนแทน ต้องมาใช้หนี้แทนอีก :z3:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 6 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 7.06.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-07-2019 10:49:58
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 6 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 7.06.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 31-07-2019 09:40:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 6 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 7.06.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-08-2019 22:14:22
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 6 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 7.06.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 27-08-2019 17:40:02
คนเลวก็คือคนเลว!
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 6 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 7.06.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-09-2019 22:36:30
 :pig4:
 :3123:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 7 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 28.09.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 28-09-2019 19:45:30
 

 บทที่ 7 ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน



 

 

 

 

"สวัสดีครับ พี่เมฆ ผมอยู่ตรงล็อบบี้ จะไปห้องพี่นี่ชั้นอะไรครับ?" จุนเจือถามด้วยเสียบหอบเหนื่อย หลังจากที่เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าสู่ตัวโรงแรมได้ไม่ถึงห้านาที

 

 

[ชั้นเก้าครับ]

 

 

     เมฆินทร์บอกรายละเอียดต่ออีกเล็กน้อย หลังวางสาย จุนเจือรีบเร่ง สาวเท้าไว ๆ ออกจากโถงล็อบบี้เดินเชื่อมไปส่วนโถงลิฟต์ กดลิฟต์และรอ จนกระทั่ง กล่องสี่เหลี่ยมเคลื่อนต่ำลงมาถึงชั้นล่าง จุนเจือเดินเข้าไปในลิฟต์ทึบเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่หมาย แค่ประตูลิฟต์เปิดอ้าไม่สุด จุนเจือถลาตัวออกไปอย่างเร็วไว เพราะเวลานี้ มันช้ากว่าเวลาที่พี่เมฆนัดหมายไว้ไปเกือบชั่วโมง เด็กหนุ่มวิ่งพลางกวดสายตามองหาห้องพักจนพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่ประตูหน้าห้อง

 

      909 คือ ตัวเลขหน้าห้องที่ปรากฏและตรงกันกับที่คุณเมฆินทร์บอก จุนเจือหอบหายใจแรง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สงบสติอารมณ์ และเคาะประตู

 

ก๊อก ก๊อก

 

      จุนเจือยังร้อนรนเพราะรู้สึกผิดที่มาช้ากว่ากำหนด ไม่ถึงห้านาที ประตูไม้บานหนาหนักก็ถูกเปิดจากคนด้านใน จุนเจือยกมือไหว้พร้อมก้มหัวขอโทษ

 

 

“พี่เมฆครับ ผมขอโทษที่มาช้า” จุนเจือบอกหน้าเจื่อน

 

“เข้ามาก่อน”

 

          แรกสัมผัสของการเดินเข้ามาด้านใน จุนเจือได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเปลือกส้มลอยตลบอบอวลภายในห้อง ถัดมาเป็นอากาศเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศ เด็กหนุ่มถอดรองเท้าผ้าใบไว้ชิดตู้เสื้อผ้า วางกระเป๋าเป้ลงตรงข้างเตียง เขามองทั่วห้องที่ดูหรูหราไม่ต่างกับตัวโรงแรมด้านนอกที่โอ่อ่า หรูหราจากการตกแต่งด้วยของสะสมโบราณ เข้ากันกับวัสดุหินอ่อน สอดรับกับเฟอร์นิเจอร์สีดำวาววับ ดูดีเสียจนรู้สึกว่ามันเหมือนไม่ใช่ที่ของตัวเอง




    คนที่เก็บรายละเอียดภายในห้องคร่าว ๆ รีบย้ำถามพี่เมฆอีกครั้ง

 

“พี่เมฆไม่โกรธผมใช่ไหมครับ”

 

“โกรธจนหายโกรธ” จุนเจือหน้าสลดลง ตอนที่คุณเมฆินทร์เอ่ยมาอย่างนั้น ดวงตาไร้แววล้อเล่น เด็กหนุ่มเดินคอตก ตัวลีบ ก่อนจะสาวเท้าไปใกล้คนอายุมากกว่าจนห่างกันแค่คืบและพนมมือไหว้ช้อนตามองอย่างอ้อนวอน

 

“ขอโทษนะครับ ผมสำนึกผิดจริงๆ ผมหลงทางด้วยครับ”

 

        ใบหน้าน่าสงสารราวกับสุนัขโดนทิ้ง เมฆินทร์จ้องมองไม่วางตา

 

"คิดว่าควรลงโทษยังไงดี"




        จุนเจือไม่หือ ไม่อือ เพราะไม่รู้ว่า การมาสายนั้น จะต้องมีบทลงโทษอะไร มันถึงจะเหมาะสม




“เฮ้อ เอาล่ะ ช่างเถอะเรื่องนั้น แล้วแม่ไม่ถามเหรอว่าทำไมกลับมากรุงเทพแล้วไม่นอนที่บ้าน”




     หลังจากทำข้อตกลงระหว่างกัน ตั้งแต่ตอนที่จุนเจืออยู่ที่เกาะ ประจวบเหมาะกับเมฆินทร์มีเวลาว่างตรงกันกับช่วงที่จุนเจือลา ทั้งสองจึงนัดแนะมาเจอที่โรงแรม โดยตอนที่จุนเจือเดินทางกลับมาที่กรุงเทพ เขาแวะไปนอนพักที่บ้านก่อนแค่คืนเดียวเท่านั้น

 

"ก็ถามครับ แต่ผมบอกว่ามาทำธุระ"

 

     ว่าจบก็เกิดความเงียบขึ้นมาในทันที เวลานี้ จุนเจือยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำตัวไม่ถูก เพราะ ถือว่าเป็นการนัดหมายเพื่อมามีเซ็กซ์กันแบบจริง ๆ จัง ๆ เขาควรต้องเริ่มฉากรักเลยหรือไม่ หรือควรต้องทำอะไรก่อนก็ไม่แน่ใจ ความรู้สึกมันต่างจากการร่วมรักกับแฟนอย่างบอกไม่ถูก

 

"เป็นอะไร?" เมฆินทร์ถาม หลังจากที่เห็นจุนเจือดูประหม่าและหน้าแดง

 

    จุนเจือตื่นเต้นหนัก พออยู่กันสองต่อสองในห้องปิด โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่าที่จุดประสงค์ในการมาพบเจอนั้นคืออะไรก็ยิ่งชวนให้จุนเจือเขินจัดและเริ่มปอดแหกขึ้นมา

 

"เอ่อ พี่เมฆครับ ผมไม่ทำแล้วได้ไหมครับ"

 

        เมฆินทร์เลิกคิ้วขึ้นสูง เดินเข้าไปใกล้แล้วดึงมือจุนเจือมาลูบไล้เบา ๆ ให้คลายกังวล

 

"ตื่นเต้นเหรอ?"

 

"คือ...ผม คิดว่า ผม...จะพูดยังไงดี..."

 

"พี่ถามย้ำตอนทำข้อตกลงกันแล้วนะ"

 

      จุนเจือสับสน ลังเลใจ ยังยืนนิ่งจนเมฆินทร์ต้องช่วยแก้สถานการณ์ให้

 

"เดินทางมาเหนื่อย ไปอาบน้ำให้สบายใจก่อน แล้วค่อยว่ากัน"

 

 

        จุนเจือสบตามองคุณเมฆินทร์ก่อนพยักหน้ารับ ก็ดีเหมือนกัน เจอน้ำชะโลมกายเสียหน่อย อาจพอช่วยให้กายและใจคลายกังวลได้บ้าง

 

 

“ก็ได้ครับ”

 

       จุนเจือรับคำเสร็จก็เดินไปที่เตียงคว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่ของโรงแรมที่จัดเตรียมไว้ให้ เขาหมุนตัวไปทางห้องน้ำ ก็หยุดเท้า หันหลังไปเห็นร่างสูงเดินตามมาด้วย

 

 

"แล้วพี่เมฆเดินตามผมมาทำไมครับ"

 

 

"อาบน้ำด้วยกันไง"

 

"หา อะไรนะครับ พี่เม...”




“หยุดทำไม เดินสิ” เมฆินทร์ส่งสายตาพยักพเยิดไปทางห้องน้ำ จุนเจือเดินนำอย่างงง ๆ ไหนตอนแรกบอกให้เขาอาบน้ำเพื่อความสบายใจ แต่การอาบน้ำด้วยกันแบบนี้ ไม่ได้ช่วยให้ความประหม่า ตื่นเต้นลดลงได้เลย

 

         เพียงประตูห้องน้ำปิดลง จุนเจือรู้แล้วว่าล่ะ ว่ากิจกรรมสวาทกำลังเริ่มขึ้น หมุนตัวหวังจะขอต่อเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมก็โดนประกบจูบยังไม่ทันตั้งตัว

 

 

        แม้เมฆินทร์จะดูบุ่มบ่ามอย่างคนเอาแต่ใจ แต่พอถึงจังหวะมอบจูบให้กันกลับไม่รุนแรง จาบจ้วง ป่าเถื่อน ทว่า เนิบนาบ นุ่มนวล  เมฆินทร์ขบเม้มริมฝีปากล่าง ดึงดูดช้า ๆ เบา ๆ ก่อนลากไล้ไปขบเม้มริมฝีปากบน มือข้างหนึ่งล็อคท้ายทอยจุนเจือไม่ให้ขยับหนี ส่วนมืออีกข้างก็ล้วงเข้าไปในเสื้อเนื้อบางที่ยังชื้นจากเหงื่อ เมฆินทร์ใช้ปลายนิ้วสะกิดตุ่มไตกระตุกอารมณ์หวาม จนจุนเจือเผลอแสดงปฏิกิริยาตอบรับ แอ่นอก จิกเท้าอย่างรู้สึกเสียวกระสัน

 

 

         บทจูบดูดดื่มชวนจุนเจือลืมความประหม่าไปหมดสิ้น เมฆินทร์เล้าโลม ลิ้มรสหวานช้า ๆ จังหวะที่จุนเจือเปิดปากกว้างกว่าเก่า เมฆินทร์ใช้ปลายลิ้นหยอกเย้า ทักทายปลายลิ้นอีกฝ่าย  เกี่ยวตวัดรัดรึงกันไปมาขณะเดียวกัน เมฆก็แทรกกายไปอยู่หว่างขาเด็กหนุ่ม ลดมือจากสะกิดตุ่มไตไล่เค้นคลึงแก่นกายจุนเจือผ่านเนื้อผ้าที่กำลังตื่นตัว เมื่อสังเกตการขยับขยายพองนูนชัดแจ้งแล้ว เมฆินทร์ผละออก

 

 

"หายตื่นเต้นแล้วใช่ไหม?" เมฆินทร์มองคนหน้าแดง ปากบวมเจ่อ แล้วเผลอยิ้ม




      จุนเจือหลุบตา ยอมรับว่าการที่พี่เมฆใช้วิธีนี้แก้ปัญหามันได้ผลดีทีเดียว เพราะนอกจากจะลดความตื่นเต้นแล้ว จุนเจือกลับมีอารมณ์ร่วมจากการจุดไฟราคะ จากนี้ การไปต่อคงไม่ยาก




"หะ หายแล้วครับ พี่เมฆ"

 

       สิ้นเสียงการตอบรับ ไม่ต้องมีสัญญาอะไรมากไปกว่านี้ ข้อตกลงที่เคยคุยกันไว้ตอนอยู่ที่เกาะก็เริ่มขึ้นทันที ยามที่เสื้อผ้าถูกปลดเปลื้องทีละชิ้น ๆ จนหมด




       ดูเหมือนว่า การมีเซ็กซ์กันครั้งแรก เมฆินทร์จะเป็นคนคุมเกมส์ซะส่วนใหญ่ แต่เอาเถอะ จากอาการประหม่าตัวสั่นแบบนั้น เมฆินทร์ก็พอให้อภัยและเข้าใจได้ว่าเด็กหนุ่มคงไม่ชินกับการมีเซ็กซ์ลักษณะแบบนี้ ยามนี้ จึงเป็นเมฆินทร์ที่คอยกระตุกอารมณ์เป็นระยะ เมฆกดจูบหนัก ๆและดึงมือจุนเจือให้มากำแกนกายของเขาบังคับให้จุนเจือรูดรั้งแกนกายและไม่กี่วินาที จุนเจือก็เริ่มรู้ว่าการมีเซ็กซ์กับพี่เมฆก็ไม่ต่างกันการมีเซ็กซ์กับแฟนที่ผ่านมา ดังนั้น จุนเจือรู้แล้วว่าจากนี้ต้องทำอะไร




       เด็กหนุ่มรูดรั้งจนสัมผัสได้ถึงความแข็งขืนขึ้น จุนเจือผละจากจูบปาก มาจูบแก้ม ไล่มาที่ซอกคอหอม ๆ ของชายวัยแก่กว่า จุนเจือทรุดตัวลงนั่ง อ้าปากรับแกนกายพี่เมฆ ขยับโยกศรีษะไปตามจังหวะ การทำของอีกฝ่ายทำให้เมฆินทร์มีอารมณ์เสียวกระสัน ยึดท้ายทอยจุนเจือไว้มั่นแล้วดันสะโพกตัวเองสอดรับกับจังหวะปากที่อีกฝ่ายขยับเข้าออก




    จุนเจือช้อนตามองพี่เมฆที่หลับตาพริ้ม ส่งเสียงครางกระเส่าออกมาตลอดยามที่จุนเจือขยับ




       เด็กหนุ่มปฏิบัติการออรัลได้สักพักใหญ่  ๆ เมฆินทร์รั้งไหล่จุนเจือให้ลุกขึ้นยืน แล้วพาไปที่อ่างล้างหน้าอุ้มอีกฝ่ายขึ้นไปนั่งตรงพื้นที่ว่าง จับเรียวขาแยกออกกว้าง และรูดรั้งแท่งร้อนให้จุนเจือ




       จุนเจือยอมรับว่า การได้มองรูปร่างที่ดี มีมัดกล้ามที่แน่น แสดงถึงความกำยำแข็งแรง มันเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุกอารมณ์วาบหวามของจุนเจือได้เป็นอย่างดี




      ใช้เวลาไม่นาน ร่างเด็กหนุ่มกระตุกเกร็ง วูบหวิว วาบหวาม ก่อนจะปลดปล่อยอารมณ์ใคร่ผ่านของเหลวสีขุ่นที่เปรอะตรงหน้าท้องของเด็กหนุ่มเองและเลอะไปที่มือของเมฆินทร์ จุนเจืออายที่เขาดันเสร็จก่อนพี่เมฆ เจ้าตัวก้มหน้างุด จนเมฆินทร์ต้องเชยคางให้เด็กหนุ่มสบตาแล้วจูบปาก




    จังหวะนั้น เมฆใช้นิ้วปาดของเหลวอีกฝ่าย ยกขึ้นมาเลียวนรอบนิ้วตัวเอง ส่งสายตาหื่นกระหาย ยิ้มร้าย ก่อนจะยื่นนิ้วนั้นให้จุนเจือทำแบบเดียวกัน




    ใบหน้าเด็กหนุ่มแดงเรื่อ ตอนที่กำลังใช้ลิ้นเลียวนนิ้วพี่เมฆ ปรายตามองอีกฝ่ายที่ส่งเสียงครางกระเส่าอย่างสุขสม




    เมฆินทร์ชักนิ้วออกจากปากจุนเจือ ก่อนจะใช้นิ้วเดียวกันนั้นสอดเข้าไปในช่องทางรักของจุนเจือเอง เมฆเล่นคลอคลอที่ริมฝีปากอีกฝ่ายก่อนว่า




“ถึงตาของพี่แล้วนะ"

 

    จากการใช้นิ้วชุ่มน้ำใสเพื่อขยายช่องทางรัก เตรียมเสิร์ฟสุขราคะ ก็ถึงเวลาที่แก่นกายของเมฆินทร์จะเข้าไปสำรวจช่องทางคับแคบ เพียงแค่แก่นกายชุ่มเจลหล่อลื่นเดินทางเข้าสู่ภายใน จุนเจือก็เผลอใช้ฟันคมกัดริมฝีปากล่างจนได้กลิ่นคาวเลือด มันเจ็บและเสียวซ่านในคราวเดียวกัน และแล้ว ความสุขสม ซาบซ่านก็เกิดขึ้นยามที่แท่งไฟร้อนผ่าวกดลึกเข้าไปในกายผอมรู้สึกถึงแรงตอดถี่แรงเป็นระยะ เสียงครวญครางดังก้องในห้องน้ำไม่หยุด บ่งบอกว่า ห้องน้ำแห่งนี้กำลังร้อนเป็นไฟด้วยเพลิงราคะ และอีกไม่นาน ทุกตำแหน่งในห้องน้ำจะถูกใช้งานจากการร่วมรักกันอย่างไม่มีว่างเว้น

.

.

.

.

"พรุ่งนี้ เราไม่ไปไหนเลยได้ไหมครับ" หลังจากที่ทั้งสองมีเซ็กซ์กันเสร็จ อาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อย ยามนี้ เวลาก็ผ่านไปจนค่ำมืด เมฆที่นั่งพิงพนักเตียงดูข้อความในมือถือ เหลือบมองคนที่นอนอยู่ข้างกันที่ดูเพลียและอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด

 

"อืมได้"

 

"ถ้างั้นวันนี้ ผมขอนอนก่อนนะครับ" จุนเจือบอกหลังจากรู้สึกได้ว่าเสียงตัวเองเริ่มแหบพร่า

 

"จุนโอเคหรือเปล่า?" เมฆินทร์ถามอย่างเป็นกังวล แม้ว่าเขาจะมีความต้องการทางเพศและหวังหาใครสักคนไว้คอยเป็นที่ระบายเพียงอย่างเดียว แต่ลึก ๆ เขาเกิดเป็นห่วงคนตรงหน้าขึ้นมา

 

        หากถามถึงความรู้สึกนั้น จุนเจือโอเคมาก มันนิยามออกมาเป็นภาษาได้ยาก แต่ เขารู้สึกดีที่มีเซ็กซ์กับพี่เมฆ มันดีกว่าที่จินตนาการไว้ เพียงแต่การมีเซ็กซ์ติดต่อกันโดยไม่พักมากกว่าที่ทำให้จุนเจืออ่อนแรง

 

"โอเคครับ ร่างกายยังแข็งแรงดี เพียงแต่ผมง่วงแล้วครับ"

 

       เมฆินทร์ไม่ตื้อ จึงปล่อยให้เด็กหนุ่มได้พักผ่อน ในขณะเดียวกัน จุนเจือที่ไถลตัวลงนอน ชำเลืองมองใบหน้าเนียนละเอียดของพี่เมฆที่ละสายตาจากเขาไปมองหน้าจอมือถือ เด็กหนุ่มนึกอะไรขึ้นได้ว่าวันนี้เขายังทำหน้าที่บริการได้ไม่เต็มที่กับเงินที่พี่เมฆต้องจ่ายเลย



       ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงโน้มตัวไปจูบแก้มอีกฝ่ายแรง ๆ




จุ๊บ จุ๊บ

 

"ฝันดีนะครับ พี่เมฆ"




    ฟากเมฆินทร์ตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจุนเจือจะทำ เมฆินทร์ส่ายหน้าขำเล็กน้อย พลางคิดในใจ

 

"มีอะไรกับเด็กมันดีอย่างนี้นี่เอง"

.

.

.

.

.

         สายวันต่อมา หลังจากที่ทั้งสองตื่นเช้าเพื่อลงไปกินอาหารเช้าตามแพ็คเก็จที่รวมมากับตอนจ้องห้องพักประเภท Hotel room ไว้




     เมื่อจัดการอาหารเช้าเสร็จทั้งสองก็ขึ้นมามีเซ็กซ์กันระหว่างอาบน้ำอีกหนึ่งหน




      จุนเจือยอมรับว่า ตั้งแต่โสดมาเขาก็ไม่เคยได้ร่วมรักกับใคร  พอได้กลับมามีเซ็กซ์หนนี้ ยอมรับว่ามันสุข สนุกอย่างเหลือเชื่อ เสียอย่างเดียว ที่พี่เมฆเหมือนชายวัยกลัดมัน เขาสามารถมีเซ็กซ์ต่อกันได้หลายรอบโดยไม่รู้จักเหน็ดจัดเหนื่อย จุนเจือไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงและพละกำลังมาจากไหน

 

        เบ็ดเสร็จวันนี้ จึงไม่มีกิจกรรมพิเศษอะไรมากไปกว่ามีเซ็กซ์กันแล้วนอนพัก ตื่นมามีเซ็กซ์กันแล้วนอนพักทำวนไปแบบนี้

 

        สี่ครั้ง คือจำนวนที่ทั้งสองสร้างสัมพันธ์สวาทกันภายในวันเดียว และในเวลาหกโมงครึ่ง คือเวลาที่เมฆินทร์สบตามามองจุนเจือที่ยกมือบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงข้าง ๆ กัน




"ได้เวลากินข้าวเย็นแล้วครับ จะสั่งขึ้นมาหรือลงไปกินที่ห้องอาหาร" เมฆินทร์ถามจุนเจือพลางท้าวศรีษะมองคนที่ตาปรือและผมยุ่งเหยิง

 

"ผมอยากกินอย่างอื่น เราออกไปข้างนอกได้ไหมครับ?” จุนเจือตะแคงข้างไปบอกใกล้ ๆ เขาชักรู้สึกถึงความอุดอู้จนอยากออกไปเห็นแสงสีด้านนอกบ้าง




"อยากกินอะไร?"

 

"พวกข้าวต้มโต้รุ่งครับ"

 

"ได้"

 

“เย้ ผมไปแต่งตัวก่อนนะครับ” แค่นึกเมนูอาหารที่อยากกิน จุนเจือก็น้ำลายสอ เขาหยัดกายขึ้น ลงจากเตียงไปล้างหน้า ล้างตา

        ทั้งสองต่างแยกย้ายไปแต่งตัวด้วยชุดเสื้อผ้าที่เตรียมมาจากบ้าน

 

         จัดการธุระตัวเองเสร็จ ทั้งคู่ออกเดินทางไปยังร้านอาหารที่จุนเจือเลือกร้านมาจากการดูรีวิวทางอินเตอร์เน็ต  ถึงที่หมาย แล้วกับร้านอาหารใหญ่โตที่ตั้งอยู่ริมถนน โดยตัวร้านกว้างขวาง สะอาดตาโดยการประดับไฟนีออนสีขาวสว่างโร่

 

         ทั้งสองยืนมองรอบร้านเพื่อหาที่นั่งว่างจนลูกจ้างที่เห็นลูกค้าใหม่ เดินมาหาเพื่อนำไปยังโต๊ะด้านใน ตลอดทางแคบที่ทั้งสองเดินผ่านนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่นั่งเต็มร้าน แสดงว่า ร้านนี้ มีโอกาสอร่อยสูง

 

 

"ผมขอดื่มเบียร์ด้วยได้ไหมครับ?" จุนเจือถามขณะที่พลิกเมนูไปดูด้วย

 

"ได้สิ"

 

"พี่เมฆดื่มด้วยกันไหม?”

 

ไม่ครับ”

 

“อ่อ พี่เมฆครับ คืนนี้ ผมขอพักนิดนึงนะครับ” จุนเจือโน้มตัวไปพูดเบา ๆ กลัวคนรอบข้างได้ยิน ฝั่งเมฆินทร์มองหน้าจุนเจือครู่หนึ่ง ถึงค่อยพยักหน้า ในวันนี้ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วกับการร่วมรักกัน ถ้าจะปล่อยให้เด็กพักร่างสักหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร

 

"จุนอยากกินอะไร สั่งเลยนะ" เมฆินทร์ปิดสมุดเมนูแล้วปล่อยให้จุนเจือจัดการ

 

"โอเค แล้วพี่เมฆกิน ไม่กินอะไรบ้างครับ ผมจะได้สั่งให้ถูก"

 

"พี่ไม่กินเนื้อวัวครับ นอกนั้นกินได้หมด"

 

"โห พลาดของอร่อยได้ไงครับเนี่ย เนื้อนี้ทั้งหอม ทั้งอร่อย ตัวยั่วน้ำลายชั้นดีเลยนะครับ" จุนเจือว่าด้วยเสียงสดใส

 

“พี่ว่าเนื้อจุนก็หอมและอร่อยเหมือนกัน"

 

กึก

 

      จุนเจือชะงักมองคนตอบออกมาหน้านิ่ง จุนเจือไปต่อไม่ถูก แอบใจเต้นแรงจนรีบหลุบตาพลิกดูเมนู พลางบ่นงึมงำพูดชื่อเมนูนู้นที เมนูนี้ที แก้เขิน

     

       จากนั้นจุนเจือก็สั่งอาหารตามที่อยากกิน ส่วนเนื้อที่โหยหานั้น ก็คงต้องละเว้นไว้ก่อน จุนเจือสั่งเมนูมาตรฐานทั่วไป อย่างพวก ซุปเปอร์ตีนไก่ แขนงปลาเค็ม ผัดหนำเลี๊ยบ พริกแกงไก่ ยำไข่เค็ม

 

        ในระหว่างที่รออาหาร จุนเจือเหลือบมองมือถือตอนที่มีเสียงข้อความเข้ามา เขาเอื้อมมือไปหยิบมาดูก็พบว่ามียอดเงินเข้ามา พอเห็นตัวเลขรวมกันเป็นก้อนใหญ่ จุนเจือเบิกตาโพลงไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าเขาจะได้เงินก้อนหนึ่งมากพอกับรายได้ที่เขาทำงานที่โรงแรมมาทั้งเดือนเสียอีก

 

"หืมม พี่เมฆโอนไวมากเลยนะครับ"

 

"ก็จุนบอกว่าแม่ไม่สบายไม่ใช่เหรอครับ เผื่อจะรีบเอาไปใช้”

 

        จุนเจือสะอึก ชะงักกึก รู้สึกผิดจับใจ และเป็นจังหวะเดียวกับที่จุนเจือเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหยเกจึงเปลี่ยนเรื่อง

 

"พี่เมฆ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นครับ"

 

"จู่ ๆ ก็เจ็บแผล" จุนเจือเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้พี่เมฆมีแผลที่ฝ่าเท้าเพราะไปเหยียบปะการังมา พี่เมฆยังเสริมว่าไปตัดไหมมาแล้ว จุนเจือก้มมองลอดใต้โต๊ะเห็นอีกฝ่ายยกเท้าขึ้นมาเหนือพื้น

 

“จะเป็นอะไรมากไหมครับพี่เมฆ”

 

“ไม่หรอก น่าจะเผลอทิ้งน้ำหนักมั้งเลยเจ็บ ช่างเถอะ”

 

        จุนเจือมองอย่างเป็นห่วง แต่เขาก็เก็บอาการไว้ในใจเงียบ ๆ จนกระทั่ง เบียร์และน้ำเปล่ามา จุนเจือจึงหันไปให้ความสนใจในส่วนนี้แทน

 

       จุนเจือยกแก้วเบียร์เพื่อดื่มแก้กระหายและผ่อนคลายในคราวเดียวกัน

 

       นับว่าเป็นร้านอาหารที่ทำกับข้าวได้รวดเร็วทันใจ เพราะรอไม่นาน อาหารที่สั่งไปก็ถูกนำมาเสิร์ฟวางเรียงรายจนครบ  จากนั้นทั้งคู่ก็เตรียมลงมือจัดการอาหาร ฟากหนุ่มน้อยก็ซัดราวกับคนอดอยากปากแห้งมานาน ส่วนหนึ่งที่โหยคงเพราะใช้พลังงานเคลื่อนไหวร่างกายไปมาก

 

 

       แหละกิริยาเหล่านั้นตกอยู่ในสายตาของคนตรงข้าม เมฆินทร์นั่งมองจุนเจือที่กินไม่พูดไม่จา

 

"ดูจุนจะถูกใจ ถ้าไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มได้" เมฆินทร์ถามเพราะเห็นจุนเจือมีความสุขกับการกินมากพอสมควร

 

"ใช่ครับพี่เมฆ ผมถูกใจมากเลยน่ะ มันอร่อย อีกอย่างตอนอยู่ที่เกาะ ผมไม่ค่อยได้กินอร่อย ๆ แบบนี้ด้วย ไม่ใช่แค่ราคาอาหารที่แพงเท่านั้นนะครับ จากตัวโรงแรมที่ผมทำงานจะให้ลงมาในเมืองก็ลำบาก เพราะผมขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นด้วย พอได้มากินเมนูที่อยากกิน ผมก็ดีใจมากเลยครับพี่เมฆ" เมฆินทร์ไล่สายตามองอีกฝ่ายก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจุนเจือถึงผอม

 

"ถ้างั้นอยากกินอะไรก็สั่งเลย กินเยอะ ๆ จะได้อ้วน"

 

"ครับพี่เมฆ" ว่าจบ จุนเจือก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ และส่วนใหญ่จะเป็นจุนเจือที่ฟาดไม่เหลือ

 

    ใช้เวลาสักพักใหญ่ ๆ ถึงจัดการอาหารเซ็ตแรกจนหมด จุนเจือถึงสั่งของหวานเพิ่มเป็นบัวลอยมะพร้าวอ่อน

 

      ใบหน้าเด็กหนุ่มยิ้มแย้มเพราะอิ่มเอมใจ มีความสุขที่ได้กินอาหารอร่อยถูกปาก แถมยังฟรีอีกต่างหาก หลังจากเมฆินทร์เป็นคนจ่ายค่าอาหารทั้งหมด ชายสองคนต่างวัยลุกออกจากโต๊ะ เดินทะลุหลังร้านเพื่อจะไปลานจอดรถ แต่จุนเจือแตะแขนพี่เมฆแล้วร้องทัก

 

“พี่เมฆนั่งรอผมในรถแปปนึงก่อนนะครับ”

 

"จะไปไหน?"

 

"ไปซื้อของนิดหน่อยครับ" จุนเจือบอกด้วยรอยยิ้ม

 

"ให้ไปด้วยไหม?"

 

"ไม่ต้องครับ ผมไปได้"

 

"ซื้ออะไร ถ้าจะซื้อถุงยางไม่ต้องนะ ของพี่ยังเหลืออยู่"

 

      จุนเจือหน้าแดงก่ำเพราะตอนที่พี่เมฆพูด เป็นจังหวะที่ลูกค้าคู่รักคู่หนึ่งเดินผ่านหน้าไปยังลานจอดรถเหมือนกัน

 

"พี่เมฆ พูดอะไรครับเนี่ย ผมรีบไปซื้อของก่อนแล้ว" จุนเจือหน้ามุ่ยและรีบแยกไปอีกทาง หลังจากก่อนหน้า ได้สอบถามกับลูกจ้างแล้วว่าแถวนี้มีร้านขายยาไหม พอรู้ว่ามี จุนเจือถึงใช้โอกาสนี้รีบวิ่งไปซื้อ

 

........ ต่อด้านล่างจ้า.........
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 7 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 28.09.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 28-09-2019 19:47:12

         ใช้เวลาไม่นาน จุนเจือวิ่งกลับมาก็เห็นพี่เมฆยืนพิงรถคุยโทรศัพท์มือถือ พอเห็นว่าจุนเจือเดินใกล้เขามา เมฆินทร์ตัดสายแล้วมองมาที่จุนเจืออย่างมีคำถาม

 

"ซื้ออะไรครับ?"

 

      จุนเจือยิ้มแล้วชูถุงให้เห็นเป็นหลักฐาน เขาหยุดหอบเหนื่อยสักครู่แล้วตอบ

 

"อุปกรณ์ทำแผลครับ กลับห้องไป ผมทำแผลให้นะ"




"ยังไงพี่ก็ต้องไปทำแผลที่โรง'บาลอยู่แล้ว" เมฆินทร์ตอบ




"แต่ผมอยากทำให้นี่ครับ ผมไม่สบายใจตอนที่เห็นพี่เมฆทำหน้าแบบนั้น" เมฆินทร์ชะงักตอนได้ยินเด็กหนุ่มบอกพร้อมยิ้มกว้าง  เขาพยักหน้าและรีบเดินอ้อมไปอีกฝั่งสอดตัวเข้าไปในรถเพื่อรีบแล่นไปยังที่หมาย

.

.

.

.

     หลังจากถึงโรงแรมได้สักพัก จุนเจือนั่งจัดเตรียมอุปกรณ์ทำแผล ส่วนพี่เมฆก็เข้าไปอาบน้ำก่อน สักพักใหญ่ ๆ คนอายุมากกว่าก็เดินเผยหุ่นงดงามให้จุนเจือหน้าแดงก่ำ จนเจ้าตัวรีบละสายตาที่มองต่ำ ไปมองหน้าพี่เมฆพลางกวักมือเรียก

 

"พี่เมฆมานั่งตรงนี้เร็ว ผมจะทำแผลให้ครับ"

 

    จุนเจือต้องหลบตาทุกครั้ง ยามที่ได้เห็นช่วงบนเปล่าเปลือยของพี่เมฆ เห็นทีไรก็กระตุ้นอารมณ์จุนเจือได้ทุกครั้ง

 

    เด็กหนุ่มที่นั่งตรงพื้นสวมถุงมือแล้วหยิบสำลีจุ่มแอลกอฮอลล์บรรจงทำเช็ดข้างแผลวนสองถึงสามรอบ จากนั้นก็ใช้สำลีจุ่มน้ำเกลือทำความสะอาดที่แผลประมาณสองถึงสามรอบก็เป็นอันเสร็จสิ้น

 

“เสร็จแล้วครับ”

 

      เด็กหนุ่มเงยหน้ามองเป็นจังหวะที่ทั้งสองสบตากัน แล้วเป็นเมฆินทร์ที่โน้มตัวลงต่ำ จับปลายคางเด็กหนุ่มแล้วมอบจูบให้กันก่อนผละ

 

“ขอบคุณนะจุน” เมฆินทร์ลูบหัวแล้วลุกไปใส่เสื้อผ้า ฟากจุนเจือยิ้มมุมปาก ขณะที่เก็บอุปกรณ์ไปด้วย

 

      หลังจากที่จุนเจือจัดการชำระร่างกายเสร็จ เขาออกมาด้วยสบู่เหลวหอม ๆ ของกลิ่นเปปเปอร์มินต์ ด้วยสภาพที่สวมใส่ผ้าเรียบร้อย




“ผมนึกว่าพี่หลับแล้ว”

 

"รอจุน”

 

     ขณะที่จุนเจือปีนขึ้นเตียง เขาเอียงคอมองคนตรงหน้า อย่างมีคำถาม

 

“รอผมทำไมครับ”

 

“พี่มีเรื่องจะถาม”

 

“ถามอะไรครับ?” จุนเจือว่าพลางไถลตัวลงนอน สอดตัวเข้าใต้ผ้านวมผืนหนา ตะแคงข้างไปหาคนอายุมากกว่า แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรแขนแข็งแกร่งก็รั้งเอวให้เข้าไปใกล้จนร่างเล็กชิดแผงอกกว้าง เมฆินทร์ขบเม้มซอกคอดูดดึงผิวหนังจนจุนเจือเริ่มมีอารมณ์     

 

"พี่เมฆ ผมบอกแล้วนะครับว่าขอพัก”

 

"แค่เล่นนิดหน่อย"

 

       จุนเจือข่มใจ การเล่นแบบนี้ไม่ต่างกับการเล้าโลมจุดเชื้อไฟราคะให้โหมกระพือ

 

"พี่เมฆครับ ไม่เอานะ พี่ทำแบบนี้ ผมรู้เดี๋ยวพี่เมฆก็เตลิด”

 

       เมฆินทร์หลุดหัวเราะก่อนปล่อยจุนเจือเป็นอิสระ แล้วหันไปมองหน้าจุนเจือ

 

"เล่าเรื่องประวัติจุนให้ฟังหน่อยครับ"

 

"ประวัติผม?"




"ครับ รับเข้ามาทำงาน ยังไม่ได้สัมภาษณ์ให้ละเอียดเลย"




      จากนั้น จุนเจือก็เริ่มเล่าเรื่องประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ตลอดจนประวัติการทำงานต่าง ๆ เมื่อเล่าเสร็จ เมฆินทร์พยักหน้ารับเออออก่อนถามต่อ

 

"คุ้น ๆ ว่าจุนบอกว่าไม่มีแฟน แล้วเลิกกับแฟนนานหรือยังครับ"

 

"ก็ไม่นานมากครับ ช่วงที่ผมมาทำงานที่เกาะก็เพราะผมเลิกกับแฟนนั่นแหละครับ ตอนนั้นเสียใจหนักมาก จากนั้นก็เลยอยากลองใช้ชีวิตแบบที่ไม่เคยได้ใช้เลยตัดสินใจไปทำงานที่เกาะนั่น"

 

"หลังจากที่ได้ทำรู้สึกยังไง?"

 

"ก็ทั้งรู้สึกดีและไม่ดีนะครับพี่เมฆ ผมต้องใช้เวลาปรับตัวกับสถานที่ เพื่อนร่วมงาน อาหารการกิน รวมถึงเวลาการทำงานด้วย ช่วงหนึ่งที่ผมทำกะกลางคืนก็มีบ้างที่ปวดท้อง เพราะกินข้าวไม่ตรงเวลา ส่วนเรื่องปัญหาจากการทำงานก็มีกับเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผมถือว่าหนักเหมือนกัน ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ผมยอมรับแบบไม่อายเลยนะครับพี่เมฆว่า แรก ๆ ผมร้องไห้เกือบทุกคืนเลย ผมอยู่ตัวคนเดียวด้วยมั้ง อีกส่วนก็คงเป็นเพราะเลิกกับแฟนด้วย พี่รู้ไหมตอนนั้นผมเครียดจนตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย จนเวลาผ่านไป ผมคิดได้และเข้าใจว่า ยิ่งเราผ่านเรื่องแย่ ๆ มามากเท่าไหร่ สภาพจิตใจเราก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น หลังจากนั้น ชีวิตผมก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ผมถือว่ามันเป็นประสบการณในชีวิตด้วยครับ”

 

    เมฆระบายรอยยิ้มและนึกไม่ถึงว่าจุนเจือจะกล้าเปิดเผยเรื่องราวตัวเองอย่างจริงใจใสซื่อ เขาชื่นชมกับความคิดความอ่านที่ผ่านการตกผลึกมาระดับหนึ่งจากการพบเจอเรื่องราวแย่ ๆ เมฆินทร์ดึงจุนเจือมากดจูบหนัก ๆ ก่อนผละ

 

"จุนครับ พี่อยากมีอะไรกับจุนอีก” เมฆินทร์ว่าพลางกดใบหน้าลงซุกไซ้ซอกคออีกฝ่าย จนจุนเจือรู้สึกเสียวซ่าน ต้องดันอกพี่เมฆให้ห่าง

 

"พี่เมฆ ผมเพิ่งบอกไปเองนี่ครับว่า วันนี้ผมขอพัก ไม่ได้หรอครับ” จุนเจือไม่พูดเปล่า

 

"ไม่ไหวเลยเหรอ?" เมฆินทร์ถามย้ำจนจุนเจือต้องรีบตอบกลับ

 

"ไม่ไหวจริง ๆ ครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่วันนี้ผมไม่สามารถทำให้ได้ ขอพรุ่งนี้นะครับ"

 

     จุนเจือรั้งไหล่พี่เมฆให้ออกห่างจากการคลอเคลียซอกคอของเขา และประคองใบหน้าอีกฝ่ายเพื่อมอบจูบแสนหวานให้เป็นการขอโทษ ก่อนจะไถลตัวไปซุกซบหน้าลงบนอกแกร่ง แล้วสวมกอด

 

“ขอร้องนะ ไม่โกรธกันนะครับ ผมนอนแล้วนะ"

 

"เฮ้อ...ร้ายจริง ๆ"

 

   จุนเจือหัวเราะในลำคอของจุนเจือแล้วกอดพี่เมฆไว้แน่น

 

     จากตอนแรกประหม่าไม่กล้า พอมาตอนนี้ ทุกอย่างลื่นไหลไปตามจังหวะที่มันควรจะเป็น และหนึ่งสิ่งที่จุนเจือสัมผัสได้ว่าตัวเขาเปลี่ยนไป การได้บอกเล่าเรื่องราวในที่ผ่านมรสุมในชีวิตให้ใครสักคนได้รับฟังมันทำให้จุนเจือรู้สึกโล่งและสบายใจ อีกอย่าง ยามที่ได้อยู่กับพี่เมฆ มันทำให้จุนเจือความอุ่นใจ และโดยเฉพาะภายใต้อ้อมกอดนี้ มันอบอุ่นจนจุนเจืออยากเก็บเอาไว้ให้นานที่สุด

.

.

.

.

"อยากทำอะไรอีกไหม ก่อนจะกลับไปทำงาน” เมฆินทร์ถามจุนเจือยามสาย หลังจากที่เสร็จกิจกามไปหมาด ๆ




     นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ในวันนี้ พี่เมฆคนเมื่อวานที่มีเซ็กซ์ราวกับคนบ้าตัณหาได้หายไป เหลือเพียงชายหนุ่มละมุน นุ่มนวลที่มีเซ็กซ์กับจุนเจือเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และยังเป็นครั้งที่จุนเจือรู้สึกว่าพี่เมฆตั้งใจทำมันออกมาราวกับเป็นผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง เขาบรรจงเล้าโลม ใส่ใจความรู้สึกของจุนเจือเป็นอย่างมาก เขาทะนุถนอมจุนเจืออย่างกลัวว่าร่างนี้จะแตกสลาย




    ไม่รู้ว่า จุนเจือคิดไปเองหรือเปล่า ว่า การมีเซ็กซ์กันวันนี้ มันไม่ใช่แค่ความต้องการทางเพศ แต่มันมีความรู้สึกดี ความรักและความห่วงใยซ่อนอยู่ในนั้น

 

"ผมอยากดูหนังได้ไหมครับ" จุนเจือบอก เพราะตั้งแต่ไปทำงานที่เกาะ จุนเจือก็ไม่ได้ดูหนังเลย ทั้ง ๆ ที่การดูหนัง คือ กิจกรรมหนึ่งที่จุนเจือชอบทำเสียด้วย

 

“เอาสิ เพราะพรุ่งนี้พี่จะไม่ว่างแล้ว"




    วันนี้ เขาอยากพาจุนเจือไปเที่ยว ได้ทำในสิ่งที่อยากทำก่อนกลับไปทำงานที่เกาะ

 

"อ้าวหรอครับ พรุ่งนี้ เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอครับ" จุนเจือถามด้วยใบหน้าเศร้า







    เมฆินทร์ชะงักตอนที่จุนเจือตอบออกมาแบบนั้น เขาเงียบไปนิด ก่อนหอมแก้มจุนเจือทั้งสองข้าง




"ครับ แต่พี่จองโรงแรมใหม่ไว้ให้ พรุ่งนี้เช็คเอาท์จากที่นี่แล้วจะไปส่ง"

 

"ถ้าผมต้องอยู่คนเดียว พี่จะจองโรงแรมทำไมครับ เปลืองเงินผมกลับบ้านได้ครับ"




"ช่างเถอะ จองไปแล้ว"




"ครับ"

 

 

“เป็นอะไร?”

 

“เปล่าครับ ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ" จุนเจือฝืนยิ้ม แล้วลุกไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมไปดูหนังที่อยากดู







..........................................................


 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
มาเสิร์ฟให้แล้วค่ะ ขออภัยที่มาช้านะคะ มีเรื่องมากมายที่ต้องสะสางนิดหน่อยจ้า ขอบคุณทุกคนอ่านที่รอกันน้าาาาาา
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 7 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 28.09.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: Moonoii ที่ 28-09-2019 23:02:15
เกร้ดดดดดดดดดด ไรท์กลับมาแต่งต่อแล้ว คิดถึงมากมาย รอมานานมากค่าาาา อย่าหายไปนานอีกน้าา // เกลียดแฟนเก่าจุนเจือ อย่าโง่ให้มันอีกเลยนะะ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 7 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 28.09.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 30-09-2019 08:06:59
คิดถึงจัง
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 7 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 28.09.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-09-2019 09:35:40
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 7 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 28.09.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-09-2019 19:14:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :pig2: back
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 8 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 1.10.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 01-10-2019 19:39:27
 บทที่ 8 มีใจให้








   เมื่อเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทั้งคู่มุ่งหน้าไปชั้นโรงภาพยนตร์ที่อยู่ชั้นบนสุดของห้าง



 
“ผมเพิ่งนึกได้ครับ ว่าตามข้อตกลง เราแค่มีเซ็กซ์กันเท่านั้น ผมเลยไม่แน่ใจว่า การที่พี่พาผมมาแบบนี้ มันนอกเหนือจากข้อตกลงไหม?”
 
     เมฆินทร์ยิ้ม


 
“มาถึงนี่แล้วจะคิดมากทำไม?”


 
       จุนเจือมองหน้าพี่เมฆที่ยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง จุนเจือแอบยิ้มตามอย่างใจสั่น ๆ  ก่อนเบนสายตาหนีแล้วคิดกับตัวเองว่า


    จะเป็นไปได้ไหม? ที่จุดเริ่มต้นของการทำหน้าที่ให้บริการทางเพศสัมพันธ์จะเปลี่ยนเป็นสร้างความสัมพันธ์ฉันท์คู่รัก



 
      มันจะมีโอกาสไหม? ที่ระหว่างเขาสองคนจะทำได้มากกว่า 'กายแลกกาย'  แต่เป็น 'ใจแลกใจ
'


 
      ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังสาวเท้าใกล้ส่วนโรงภาพยนตร์ จุนเจือก็โพล่งขึ้น


"อ้อ เมื่อคืนพี่ถามผมไปเยอะแล้ว ผมถามพี่บ้างสิครับ แล้วตอนนี้ พี่มีแฟนหรือครอบครัวรึยังครับ?" จุนเจือเปลี่ยนเรื่อง
 
“ตามข้อตกลง จุนไม่มีสิทธิ์รู้"


 
“นิดนึงก็ไม่ได้เหรอครับ? โถ อย่างนี้ไม่แฟร์เลย ผมจะรู้ได้ไงว่า ผมไม่ได้มีอะไรกับโจร หรือเงินที่ผมได้มาไม่ใช่เงินที่มาจากการทุจริต”


 จุนเจือบ่นทั้งทำหน้ามุ่ย ฟากเมฆินทร์หลุดขำ คิดได้กับการว่าเขาเป็นโจร เมฆินทร์รั้งไหล่จุนเจือมาใกล้แล้วโน้มหน้าไปพูดใกล้ ๆ



“หืม หน้าพี่ดูโจรมากเลยเหรอครับ รับรองเงินที่จุนได้ไปสุจริตแน่นอนครับ เอ้! เหมือนพี่เคยบอกจุนนะว่า พี่ทำงานอะไร?”
 


“อ้าวจริงหรอครับ สงสัยผมคงลืมน่ะ แหะ ๆ" จุนเจือยิ้มแหยพลางเกาศรีษะแก้เก้อก่อนโพล่งต่อ
 


“แต่เรื่องอื่นพี่จะบอกหน่อยก็ไม่ได้หรอครับ?” จุนเจือคันปากอยากถาม
 


"ไม่ได้ครับ ถ้าพี่อยากบอกพี่จะบอกเอง แต่จุนไม่มีสิทธิ์ถามนะครับ" เมฆินทร์บอกย้ำ แต่พอเห็นจุนเจือหน้าจ๋อย เขาวางมือลงบนไหล่บีบกระชับเบา ๆ
 
 
"อยู่กับพี่สบายใจเถอะครับ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เลือกหนังเถอะครับ"
 
 
       ยามที่ใบหน้าหล่ออยู่ใกล้แล้วเผยรอยยิ้มอบอุ่น จุนเจือใจเต้นตึกตัก รัวเร็ว จนเม้มปากกักเก็บความรู้สึก ลึก ๆ นึกหงุดหงิดตัวเองที่รู้ตัวว่ากำลังเดินล้ำเส้นไปไกลกว่าคำว่าหน้าที่ จุนเจือมีใจให้พี่เมฆจริง ๆ และจากการที่พี่เมฆไม่ยอมบอกเรื่องราวส่วนตัวเช่นนี้ ดีไม่ดี เขาอาจวางสถานะให้จุนเจืออย่างชัดเจนแล้วว่า จุนเจือก็คือนายบำเรอมีไว้ปรนเปรอแค่เรือนกายก็เท่านั้น
 


"พี่อยากดูเรื่องไหนเป็นพิเศษไหมครับ?” จุนเจือถามกลับ
 
“ไม่มีครับ เอาจุนเป็นหลัก”
 


      พอเมฆินทร์ยกหน้าที่ให้จุนเจือเป็นผู้รับผิดชอบ เด็กหนุ่มก็ยืนตาลาย เลือกไม่ถูกเลยว่าจะดูเรื่องไหนก่อนดี เพราะตอนนี้มีแต่หนังน่าสนใจ น่าดูเต็มไปหมด



       ในระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะชมภาพยนตร์เรื่องใด และรอบไหน ทันใดนั้นเอง..


 
“อ้าวพี่เมฆ มากับใครอะ”


 
       เมฆินทร์ชะงักไปเล็กน้อยตอนที่ได้ยินเสียง เขาหันไปทางด้านข้าง เยื้องไปไม่ใกล้พบน้องชายยืนยิ้มอยู่กับผู้ชายที่ดูเด็กกว่าและเมฆินทร์ไม่คุ้นหน้า ในมือถือกล่องป๊อปคอร์นเปล่า และกระป๋องน้ำอัดลม อาจเป็นไปได้ว่าน้องชายเขาเพิ่งดูหนังเสร็จ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญขนาดนี้



“เอ้ะ! หน้าคุ้น ๆ นะ” ยังไม่ทันได้รอคำตอบพี่ชาย ดินชะโงกตัวข้ามไหล่คนตัวโต และหรี่ตามองคนที่พยายามจะให้พี่เมฆบังตัวให้


 
      ฟากจุนเจือยืนหลบหลังพี่เมฆพลันช้อนตามองเมฆินทร์เป็นจังหวะที่อีกฝ่ายก็หันไปประสานสายตากัน
 


“เฮ้ย! เด็กที่โรงแรมนั้นนี่  ว่าไงครับ มาทำอะไรที่กรุงเทพ แล้วทำไมถึงมาด้วยกัน น้องชื่ออะไรนะ?” ดินทักทายด้วยเสียงร่าเริง ผิดกับสองคนที่ทำตัวมีพิรุธดั่งคนมีชนักปักหลัง


 
“ค่อยว่ากันนะ ดิน นายไปกับเพื่อนเถอะ” เมฆินทร์คิดว่าเวลานี้ ไม่สมควรที่จะมาตอบคำถาม และเขารู้จักน้องชายดี หากตอบไปคำถามหนึ่ง จะต้องมีคำถามอื่น ๆ มาอีกเป็นพรวน



    เมฆินทร์แตะศอกจุนเจือให้เดินหนีไปที่อื่น จุนเจือเดินตามไปอย่างว่าง่าย ลึก ๆ ก็กลัวว่าพี่เมฆจะโกรธที่เป็นต้นเหตุของการเกิดเรื่องซวยมาเจอน้องชายพี่เมฆครั้งนี้ เพราะแน่ล่ะว่า การทำข้อตกลงเรื่องการมีเซ็กซ์กัน น้องชายพี่เมฆไม่รู้
 


“ทำไมพี่หนีผมล่ะ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย"


 
"บอกแล้วว่าเดี๋ยวค่อยคุย"
 


"แล้วมาอยู่นี่ พี่ไม่ไปงานวันเกิดพี่เฟย์หรอ เห็นเขาโทรมาหาผม”
 


“ดิน ฟังไม่รู้เรื่องรึไง บอกว่ากลับไปค่อยคุย” เมฆเผลอเสียงดังใส่น้องชาย
 

"หงุดหงิดอะไรวะพี่ นี่ผมถามเรื่องอื่นแล้วนะ เออก็ได้วะ" ดินบ่น พลางสบถหัวเสียเดินจากไปพร้อมเพื่อน แต่ยังคอยหันหลังมามองพี่ชายและเด็กพนักงานโรงแรมนั่นเป็นระยะ ๆ
 


       พอพ้นสายตาการสงสัยจากน้องชายพี่เมฆ จุนเจือพรูลมหายใจออกมาทางปาก และตบอกตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหันไปหาคนข้าง ๆ ด้วยใบหน้ารู้สึกผิด
 


“ขอโทษครับพี่เมฆ"
 
"ขอโทษทำไม ไม่ได้เกี่ยวกับจุน" เมฆินทร์เอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินลงบันไดเลื่อน


 
"เกี่ยวสิ ถ้าผมไม่อยากดูหนัง เราก็คงไม่มาเจอน้องชายพี่"


 
“ช่างเถอะ ตอนนี้เราไปที่อื่นก่อนแล้วกัน ค่อยกลับมาจองตั๋ว อาจเลือกรอบค่ำ ๆ หน่อยโอเคไหม?” เมื่อเห็นพี่เมฆมีสีหน้าผ่อนคลายลง จุนเจือก็นึกสบายใจ รีบพยักหน้ารับ และแอบตัดพ้อ
 


“ผมไม่อยากดูแล้วครับพี่เมฆ ผมกลัวพี่จะเจอแฟน เจอกิ๊กพี่มาอาละวาดผมอีก ผมจะทำยังไงครับ"
 

   
      เมฆินทร์จ้องหน้าเด็กหนุ่ม พลางถอนใจยาว
 
“เราดูรอบดึกหน่อย คงไม่เจอใครไม่ต้องกังวลนะจุน"


 
     จุนเจือยังยืนหน้าซีดและแสดงออกว่าเครียด ในระหว่างที่ทั้งสองยืนนิ่งปล่อยให้บันไดเลื่อนไหลลงไปสู่ชั้นล่าง คนอายุมากกว่าก็รั้งต้นแขนเด็กหนุ่มไปใกล้และบอกกระซิบข้างหู



"ทำหน้าดี ๆ หน่อย รู้ไหมว่าพี่สบายใจเวลาได้อยู่กับจุนนะ"
.
.
.
.
       เป็นอันว่า หนังรักไทยเรื่องนี้ ตีความหมายออกมาได้ซึ้งกินใจจนจุนเจือน้ำตาซึม  จบลงแล้วกับภาพยนตร์บนความยาวสองชั่วโมงหนึ่งนาที ทั้งสองเดินออกมาจากโรงหนัง ฟากจุนเจือเดินไปยิ้มไป ทั้ง ๆ ที่พยายามกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ไม่อยากกระโตกกระตากให้เสียอาการ แต่จุนเจือดีใจและมีความสุขที่ตอนดูหนัง พี่เมฆกุมมือจุนเจือไว้บนตักเขาเกือบทั้งเรื่อง จุนเจือรู้สึกดีและมีหวังว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจพัฒนาไปได้ไกลกว่านั้น
 
"สามทุ่มครึ่ง ยังหิวอยู่ไหมจุน"



"ไม่เลยครับ พี่เมฆล่ะครับ อยากกินอะไรไหม ผมยังไงก็ได้นะครับ"



"ไม่แล้วล่ะ ถ้าจุนไม่หิว เรากลับโรงแรมกันเลยนะ"

"ครับ"



        จากนั้นทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันเงียบ ๆ มาตลอดทาง จนกระทั่ง ถึงลานจอดรถในเวลาสี่ทุ่มกว่า ทั้งคู่ต่างสอดตัวเข้าไปในห้องโดยสาร ยังไม่ทันที่จุนเจือจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด ร่างของเขาก็ถูกใครอีกคนดึงไปกอดแล้วจูบไล้ตามลำคอ



"อื้ออ พี่เมฆ"



     เมฆินทร์ซุกไซ้ซอกคอจุนเจือเพิ่มความรู้สึกวาบหวามใจ



"อยากกอดจุนตั้งแต่อยู่ในโรงหนัง"

"....." จุนเจือเงียบกริบและรู้ว่าตัวเองหน้าแดงก่ำแล้วแน่ ๆ



"พี่ชอบกลิ่นตัวจุน ยิ่งอยู่ในโรงหนัง กลิ่นมันชัดจนพี่อยากจะฟัดแทบแย่"



     จุนเจือทั้งหน้าแดงทั้งเขิน ตัวจุนเจือเองก็ยังไม่รู้เลยว่ากลิ่นแบบไหนที่ทำให้พี่เมฆพิสวาทเขาแบบนี้



"พี่ครับ พอก่อน เดี๋ยวมีคนมาเห็นเรากลับไปทำที่ห้องนะครับ" จุนเจือเสนอ เพราะลานจอดรถโล่งแบบนี้ พวกเขาย่อมมีโอกาสสูงที่จะตกเป็นเป้าสายตา หากคิดจะทำอะไร



"ครับ"

    เมฆินทร์ยอมปล่อยเด็กหนุ่มให้เป็นอิสระ มิวาย ตอดเล็กตอดน้อย ด้วยการงับติ่งหู และประทับจูบใต้ใบหูอีกนิดหน่อย



    เมื่อต่างฝ่ายต่างกลับมานั่งในที่ของตัวเอง จุนเจือมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยอาการใจสั่นไม่หาย  แต่ก่อนอาจมีสับสน ลังเลพยายามยั้งความรู้สึกตัวเองเอาไว้ แต่นาทีนี้ จุนเจือตอบได้เลยว่าเขาตกหลุมรักพี่เมฆจริง ๆ และเป็นการตกหลุมรักที่รู้ว่าเสี่ยงเหลือเกิน



"พี่เมฆขอบคุณนะครับที่พาผมมาดูหนัง" จุนเจือตอบด้วยใบหน้ามีความสุข
 
"ครับผม" 
 


"พรุ่งนี้ที่พี่บอกไม่ว่าง แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกวันไหนหรือครับ?"
 


"พี่บอกอีกทีได้ไหม? ช่วงนี้ มีงานแทรก มีอะไรหรือเปล่าจุน?" จุนเจือเงียบ แล้วจู่ ๆ ก็โพล่ง
 
 จุนเจือไม่รู้ว่าน้อยใจหรือเปล่า แต่อยู่ ดี ๆ คำพูดเหล่านั้นก็โพล่งออกไปจนหมด



"ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ถ้าพี่เมฆไม่ว่าง ผมจะได้กลับบ้าน"



"เดี๋ยวพี่บอกพรุ่งนี้ได้ไหมครับ อีกอย่างที่โรงแรมใหม่ พี่บุ้คห้องไว้สามวันสองคืน จุนกลับบ้านไปตอนกลางวัน แล้วกลางคืนก็ไปนอนที่โรงแรมได้ไหม? เผื่อพี่พอมีเวลาจะได้ไปหา"



"ก็ได้ครับ"




        เมฆินทร์เห็นจุนเจือยิ้มเศร้า ใบหน้าก็ทิ้งร่องรอยของความกังวลไว้อย่างบอกไม่ถูก เขาจึงเอ่ยถามเพิ่ม



"ถ้าจุนมีอะไรไม่สบายใจ จุนบอกพี่ตรง ๆ ได้นะครับ" เมฆินทร์ว่า ยามเหลือบมองใบหน้าจุนเจือที่ครุ่นคิดตลอดเวลา

     จุนเจือหันไปมองครู่เดียวแล้วรีบก้มมองมือตัวเอง



"พี่เมฆครับ พี่โอเคไหมที่เอ่อ มีเซ็กซ์กับผม?" จู่ ๆ จุนเจือก็นึกกลัวขึ้นมาว่าถ้าพี่เมฆไม่ชอบการมีเซ็กซ์กับเขา ทั้งสองอาจไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก

"พี่โอเคครับ จุนกังวลอะไรเหรอครับ?"

 

     ฟากจุนเจือเงียบอีกครั้ง จู่ ๆ เขาก็ตัดสินใจโพล่ง


"คือ ผม ผมอยากรู้ว่าต้องทำแบบไหนให้พี่พอใจ ผมคิดว่าเงินที่พี่ให้ผมมามันก็เยอะเหมือนกัน ผมเลยอยากทำให้พี่เมฆคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายน่ะครับ"



     จุนเจือหน้างอง้ำยามที่อีกฝ่ายหัวเราะ

"พี่ขำอะไรครับ?"



"ห้ะ? อ้อไม่มีอะไรครับ" เมฆินทร์กลั้นขำกับคำตอบอีกฝ่าย



"ไม่มีอะไรได้ไงครับ เห็นอยู่ว่าพี่ขำ เรื่องที่ผมพูดก็ไม่ได้น่าขำด้วยผมซีเรียสนะ ผมไม่อยากให้พี่เบื่อมีเซ็กซ์กับผม มันน่าขำมากเลยเหรอครับ"



     เมฆินทร์ชะงักกับคำพูดจุนเจือ ที่แสนจริงใจ ใบหน้าหล่อเริ่มแต้มยิ้ม เมฆินทร์ยกมือมาลูบแก้มเย็น ๆ ของเด็กหนุ่ม



"ทำไมทำตัวน่ารักจังครับ"

"ก็...ไม่ได้น่ารักสักหน่อย" จุนเจือพูดงึมงำลำพังออกอาการใจสั่น



    พอเติมความรู้สึกชอบลงไป ทำไมทุกอย่างถึงให้อารมณ์ต่างจากเดิม

 

   ตั้งแต่จุนเจือรู้ใจตัวเอง จะทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมดเวลาที่ได้อยู่ใกล้พี่เมฆ



"ไม่ต้องคิดมากครับ พี่ชอบ ชอบที่จุนเป็นแบบนี้"



     ครู่หนึ่ง สองคนเผลอประสานสายตากันแล้วเป็นจุนเจือที่ยอมแพ้ หลบสายตาหนีไปก่อน



      น่าเสียดายที่มันมืดไปหน่อย เมฆินทร์เลยไม่เห็นอีกฝ่ายว่ามีสีหน้าเป็นแบบไหน แต่การเบี่ยงตัวหนีและหันหลังให้ เอาแต่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง กดสายตาลงไปมองที่ตักจุนเจือก็เห็นสองมือบิดถูกันไปมาก็หลุดยิ้ม เมฆินทร์ก็พอจะตีความหมายได้อยู่ เขาอมยิ้ม ก่อนดึงมือจุนเจือมาวางที่ตัก จนเจ้าตัวต้องหันกลับมามอง



"จับไม่ได้หรอครับ?"



"ได้สิครับ" จุนเจือกัดปาก พลางเหล่มอง ก่อนจะพลิกตัวขยับกลับมานั่งดี ๆ แล้วทอดสายตามองไปยังท้องถนนตรงหน้า



"แล้วจุนเอาเงินไปให้แม่หรือยังครับ ไม่เห็นจุนพูดถึงแม่เลยครับว่าเป็นไงบ้าง"



    จุนเจือชะงักกึกรู้สึกผิดจับใจ พอมีใจให้ ก็นึกโกหกพี่เมฆไม่ลง



"เอ่อะ!...พี่เมฆครับ ผมมีความจริงจะบอก ที่ผมยอมทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะแม่สบายหรอกครับ แต่ผมจะเอาเงินไปใช้หนี้ที่แฟนเก่าผมก่อไว้ ผมขอโทษนะครับ ที่ตอนแรกโกหกพี่"


       จุนเจือใจหาย เพียงพูดจบ พี่เมฆปล่อยมือที่กุมไว้ แล้วใช้ทั้งสองมือจับพวงมาลัย จุนเจือเห็นอย่างนั้นจึงดึงมือกลับมาวางไว้ที่ตักตัวเองแล้วนึกก่นด่าในใจตัวเองว่าไม่น่าพูดออกไปเลย



"ก่อนหน้านี้ จุนโกหกพี่ทำไมครับ?" เมฆินทร์ยอมรับว่าใจแกว่งหลังจากได้ยินความจริงที่เกิดขึ้น ถามว่าโกรธไหมคงไม่ แต่ก็รู้สึกไม่ดีที่ได้รู้ความจริงเช่นนั้น



"ผมขอโทษครับ ตอนนั้นผม ผมกลัวว่าถ้าผมบอกความจริงว่าผมรีบใช้เงินเพราะอะไร? พี่อาจไม่ตกลงมีเซ็กซ์กับผม"


 
"งั้นเหรอครับ"
 


"พี่เมฆ ผมขอโทษครับ"
 


"แล้วทำไมต้องใช้หนี้แฟนเก่าที่เขาสร้างปัญหาไว้ด้วย ทำไมเขาไม่ใช้เอง"
 


"เพราะเขาเอาบัตรเครดิต และบัตรเงินสดในชื่อผมไปรูดซื้อของและกดเงินมาใช้ด้วยครับ ตอนแรกเขาบอกจะใช้คืน สุดท้ายก็ไม่ใช้ จนเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาทวงกับผม ผมถึงรู้ครับ"
 


      คำตอบของจุนเจือทำให้เมฆินทร์หันไปมอง


"มีหนี้เท่าไหร่ครับ"
 
 
"ประมาณแสนครับ" สิ้นคำตอบจุนเจือก้มหน้าหลบสายตาดุดัน เขาเม้มปากแน่น สะกดอารมณ์ข้างในไว้
 
       เมฆินทร์มองจุนเจือที่ก้มหน้าจนคอชิดอก



"จุน"

"คะ...ครับ"



"มองหน้าพี่" เมฆินทร์บอกเสียงดุ เพราะเขาจับได้ว่าจุนเจือเสียงสั่นเครือ

     จุนเจือเงยหน้ามองพี่เมฆด้วยน้ำตาคลอเบ้า



"ร้องไห้ทำไม?"
 


"ผะ...ผมไม่อยากให้พี่เมฆโกรธผม ผมขอโทษนะครับ" เมฆินทร์มองจุนเจือน้ำตาไหลลงมาถึงแก้มขาว ฟากเมฆินทร์ทอดถอนใจยาว ก่อนถามต่อ


 
"ถ้าเป็นหนี้บัตรเครดิต แสดงว่าจุนก็ต้องการเงินเร็วที่สุด เพื่อไปเคลียร์หนี้เพราะยิ่งทิ้งไว้นาน ดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ"



"ครับ"


 
"จุนต้องมีเซ็กซ์กับพี่ให้บ่อยที่สุดจะได้มีเงินเยอะ.ๆ.."

"......" จุนเจือพูดไม่ออก



"ถ้างั้นแสดงว่า ที่เรามีเซ็กซ์กันทุกวันนี้ ไม่ได้มาจากความพึงพอใจ แต่มันคือ ความอยากได้เงิน ที่บีบบังคับให้จุนต้องทำ ใช่ไหม?"



   จุนเจือไม่คิดว่าพี่เมฆจะถามตรง ๆ ในตอนแรกที่ตกลง จุนเจือยอมรับว่าคิดเช่นนั้น เพราะยังไม่ได้ลองมีเซ็กซ์กับพี่เมฆ แต่พอได้ร่วมสร้างสัมพันธ์สวาทร่วมกัน จุนเจือยอมรับว่าเขามีความคิดที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง



"ไม่ใช่นะครับพี่เมฆ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้มีอะไรกับพี่เมฆ ผมไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่เลยจริงๆนะครับ เพราะความจริง ตอนนี้ผม...คือ ผม...ช..อ."



    จุนเจือกำลังบอกความในใจ ทว่า จังหวะเดียวกันนั้น มีคนโทรเข้ามาพอดิบพอดี จุนเจือควักเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋ากางเกง ดูหน้าจอมือถือ เห็นตัวเลขสิบหลักปรากฏบนหน้าจอ พอรู้ว่าเป็นเบอร์โทรของใคร จุนเจือก็ไม่รับสาย และปล่อยให้มันสั่นแบบนั้น แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโทรย้ำเข้ามาอีกเรื่อย ๆ จนทำให้บทสนทนาที่ลื่นไหลก่อนหน้า กลับติดขัดชวนอารมณ์เสีย

"รับเถอะครับ มันสั่นจนพี่รำคาญ"



     จุนเจือมองหน้าคุณเมฆินทร์ที่ดูไม่สบอารมณ์

"ฮัลโหล"
 


[นึกว่าจะไม่รับสายกันแล้วเสียอีก จุนเป็นไงสบายดีไหมครับ?]
 


"ไม่สบายครับ เพราะพี่ไม่เอาเงินมาใช้หนี้ให้ผม"


 
[เนี่ยครับ เร็ว ๆ นี้ พี่กำลังจะได้เงินก้อนใหญ่จากการขายที่ที่บ้าน พี่สามารถนำมันมาให้จุนได้หมดเลย พี่ขอโทษนะครับ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนได้ไหม? เรื่องที่พี่จะคุยวันนี้ คือ พี่อยากเจอจุน พรุ่งนี้เราออกมาเจอกันหน่อยไหม?]
 


"ไม่ครับ" จุนเจือตอบปฏิเสธได้โดยไม่คิด
 


[พรุ่งนี้วันเกิดจุนไม่ใช่เหรอครับ?]
 
กึก


     จุนเจือชะงัก ไม่คิดว่าพี่บอมบ์จะจำได้ด้วย จุนเจือกำเครื่องมือสื่อสารด้วยอาการมือสั่น

 
[เงียบทำไมครับ คิดว่าพี่จะลืมวันเกิดจุนล่ะสิ คนสำคัญอย่างจุนพี่ลืมได้ไงละครับ ฮึ?]

"พี่บอมบ์"


 
[ครับ พี่จำได้หมดแหละ จำได้ แม้กระทั่งวันเกิดพี่ที่จุนทำการ์ดให้พี่เป็นของขวัญวันเกิดแถมทำเค้กให้พี่เองด้วย เค้กอร่อยมากเลยนะ"


   จุนเจือน้ำตาไหลกว่าเก่า ครั้งแรกที่ร้องไห้เพราะพี่เมฆดุ พอครั้งที่สองกลับเป็นเรื่องของแฟนเก่าขุดคุ้ยความสัมพันธ์ในอดีต


    จุนเจือสูดน้ำมูกเสียงดังฟืดฟาด



[ร้องไห้หรอ? จุนครับ พี่อาจนอกกาย แต่พี่ไม่เคยนอกใจนะ พี่คิดถึงจุนตลอดที่พี่ทำลงไปพี่มีเหตุผล พี่คบคนนั้นพี่ยอมรับว่าพี่คบเขาเพราะเงิน พี่ไม่ได้อยากทำสักนิด พี่ฝืนสุด ๆ แต่แม่พี่ไม่สบายมาก พี่เลยต้องใช้วิธีนี้]
 

 "พี่บอมบ์มาบอกทำไมครับ พี่ต้องการอะไร?"


[ต้องการให้เรากลับมาคบกัน พรุ่งนี้เราออกมาเจอกันนะ มาเริ่มต้นกันใหม่ ? ที่ผ่านมาที่เราห่างกันมันทำให้พี่คิดได้ว่าพี่เสียคนดี ๆ ไป จุนน่ารักกับพี่มาก วันเกิดจุนทั้งที เรามาฉลองด้วยกันนะครับ]
 


"มีอะไรหรือเปล่าครับ? จุน" เมฆินทร์ถามยามเห็นจุนเจือปล่อยโฮ  จุนเจือหันไปมองพี่เมฆก็นึกได้ว่าเขายังมีใครอีกคนอยู่ตรงนี้

[เสียงใครน่ะ จุน]
 
 
"ไม่มีอะไร? ผมวางก่อนนะ"
 
 
[แล้วพรุ่งนี้ พี่จะส่งโลเคชั่นร้านไปให้นะ ถ้าจุนมาได้พี่อยากให้มานะ พี่ยังรักจุนเสมอนะครับ คนดีของพี่] จุนเจือไม่ตอบรับคำ แค่กดวางสายไป


 
 
"ใครหรือครับ?"
 


"เพื่อนครับพี่เมฆ" จุนเจือตอบเสียงแผ่ว
 
 
"เพื่อนที่จุนกำลังใช้หนี้แทนเขาน่ะเหรอ?"
 
กึก
 
     จุนเจือชะงักพลางเม้มปากแน่น พี่เมฆรู้แล้วว่าเขาโกหก และเป็นครั้งที่สองที่จุนเจือไม่ยอมพูดความจริงจนพี่เมฆจับได้

"เขาโทรมาทำไมครับ?"
 


"ไม่มีอะไรครับ"


 
"จุนรู้ใช่ไหมที่พี่บอกว่าระหว่างเรามีเซ็กซ์กัน จุนจะต้องไม่มีใคร?"


 
"ครับ ผมไม่มีใคร"
 

"แต่หลังจากนี้ พี่ยังเชื่อใจได้ใช่ไหม?"
 
"ครับ" จุนเจือตอบกลับอย่างเครียด ๆ ทั้ง ๆ ที่วันนี้ กำลังจะจบลงอย่างสวยงามกลับมีเรื่องทำให้ทั้งสองไม่สบายใจจนได้
 

"จุนจะไม่โกหกพี่?"
 
"ครับ"
.
.
.
.
"จุนไปอาบน้ำก่อนเลยครับ"



    ตอนนี้ ทั้งสองถึงโรงแรมแล้ว แต่ไม่ถึงสิบนาที เมฆินทร์บอกกึ่งไล่จุนเจือให้ไปอาบน้ำ
 
"วันนี้เราอาบน้ำด้วยกันไหมครับ"


 
"ไม่ครับ พี่จะคุยงานก่อน"


 
"ก็ได้ครับ" จุนเจือตอบรับเสียงอ่อย จับได้ถึงความเปลี่ยนไป ตั้งแต่ลงรถมา พี่เมฆทำตัวเย็นชาใส่ จนจุนเจือสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึม ไม่สดใสเหมือนครั้งที่หยอกล้อกันตอนดูหนังเสร็จ



     จุนเจือทำตามคำสั่งของพี่เมฆด้วยการเดินไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย แหละวันนี้จุนเจืออาบน้ำเร็วกว่าทุกที เขาแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินไปหาคนที่นั่งริมเตียงทำท่าครุ่นคิด จุนเจืออยากให้พี่เมฆหายโกรธจึงเดินไปตรงหน้าและทิ้งตัวลงนั่งบนตักโอบรอบคอพี่เมฆและประทับจูบลงบนริมฝีปากที่จุนเจือชอบ ก่อนซบไหล่กว้าง



"เราจะมีเซ็กซ์ตอนนี้เลย หรือหลังพี่เมฆอาบน้ำเสร็จดีครับ?"จุนเจือบอกด้วยรอยยิ้ม ขณะที่สองมือยังโอบรอบคอร่างสูงเอาไว้ แต่อีกฝ่ายยังคงนั่งเฉย


 
"ขอโทษนะครับ วันนี้พี่ไม่มีอารมณ์" จุนเจือนิ่งงัน พี่เมฆคงไม่พอใจเรื่องแฟนเก่าจุนเจือแน่ ๆ


 
"ทำไมครับ พี่เมฆ ก็ตอนแรกพี่บอกว่า..."



"อยากได้เงินมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?" เมฆินทร์ตอบด้วยแววตาขึงขัง



   จุนเจือเงียบกริบ การถามเชิงประชดชัน ก็ทำให้จุนเจือไปต่อไม่ถูก ส่วนหนึ่งมันก็เป็นความจริงนั่นแหละที่เขาต้องนำเงินไปใช้หนี้บัตรเครดิตจริง ๆ แต่ตอนนี้ มันมีความรู้สึกใหม่ร่วมด้วยแล้ว


     ...ความรู้สึกรักพี่เมฆ...



"ลงเถอะครับ พี่จะไปอาบน้ำ" เมฆินทร์บอกและดึงแขนจุนเจือออกจากลำคอ

    แย่ แย่ แย่...



    จุนเจือซึมและยอมลงจากตักพี่เมฆโดยดี เด็กหนุ่มยืนมองพี่เมฆที่ผลุบหายเข้าห้องน้ำอย่างใจโหวง ๆ


     จุนเจือปีนขึ้นเตียงไปนั่งกอดเข่าด้วยความคิดมาก เขาไม่คิดว่าการบอกความจริงจะทำให้เรื่องบานปลายขนาดนี้ เขาอยากให้พี่เมฆหายโกรธ เพราะตอนนี้ จุนเจืแคร์ความรู้สึกอีกฝ่ายมากขึ้น
 
"เฮ้อ ไอ้จุนทำไงดีเนี่ย"




    จุนเจือขยี้ผมพลางลูบหน้าแรง ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สักพัก จุนเจือยังไม่เห็นพี่เมฆเดินออกมาจากห้องน้ำเลย



    วันนี้ พี่เมฆอาบน้ำนานเป็นพิเศษจนจุนเจือร้อนใจอยากพูด อยากอธิบายและในวินาทีนั้นเอง จุนเจือได้ยินเสียงครืด ๆ อยู่ตรงโต๊ะหัวเตียง


 
    ตอนแรกที่หันไปมองตรงโต๊ะหัวเตียง นึกว่ามือถือของตัวเองดัง เนื่องจากมีมือถือวางใกล้กันสองเครื่อง พอรู้ว่าไม่ใช่ จุนเจือก็ไม่ได้สนใจอีก จนกระทั่ง เครื่องมือสื่อสารสั่นครืด ๆไม่หยุด พอเหลือบมองนาฬิกาประดับตรงผนังก็เห็นว่านี่มันสี่ทุ่มกว่า หากไม่มีเรื่องเดือดร้อนหรือธุระด่วนคงไม่โทรมาดึกดื่นและหลายรอบขนาดนี้ จุนเจือขยับตัวเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มือถือพี่เมฆมาดู



   มีคนไลน์คอลมาหาพี่เมฆ จุนเจือเห็นภาพโพร์ไฟล์ปรากฎภาพครึ่งตัวเป็นใบหน้าหญิงสาวสวยสดงดงามใส่ชุดเดรสเกาะอกหรูหราอ่านชื่อเจ้าของไลน์ คอล แล้วมันคุ้น ๆ เหมือนชื่อที่น้องชายพี่เมฆเรียก
 

'Fay_lada'
 
    จุนเจือรีบกดรับก่อนอย่างกลัวที่ปลายสายจะวาง แต่เด็กหนุ่มยังไม่ได้พูดอะไรเพราะตั้งใจจะเอาไปให้พี่เมฆที่หน้าห้องน้ำ
 


[พี่เมฆรับแล้วทำไมไมพูดคะ?]


 
   จังหวะที่จุนเจือลุกไป เป็นจังหวะเดียวกับเมฆินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี


 
"โทรศัพท์ครับพี่เมฆ" จุนเจือว่าเสียงแผ่วแล้วยื่นมันไปให้คนตรงหน้า

 
   พอเห็นว่าใครโทรมาและจุนเจือก็กดรับไปแล้ว เมฆินทร์ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ จำต้องรับมือถือไปคุยอย่างเสียไม่ได้
 
"ว่าไงครับ เฟย์?"

 
    จุนเจือปลีกตัวห่างให้พี่เมฆคุยธุระ แต่เพราะอยู่ห้องเดียวกัน อย่างไรเสียก็พอได้ยินบทสนทนาอยู่บ้าง


[พี่เมฆ เฟย์ได้ยินเสียงคนอื่น พี่เมฆอยู่ไหนคะ.?]
 
 

"เฟย์มีอะไร? พี่ออกมากินข้าวกับลูกค้า"
 


[ดึกขนาดนี้ ก็ยังกินอีกเหรอคะ? เฟย์ไม่เชื่อ ไม่อยากมาวันเกิดเฟย์ใช่ไหม พี่จะหลบหน้าเฟย์ไปถึงไหน?]
 


"แล้วทำไมพี่ต้องไป ไม่มีความจำเป็นเลย เฟย์อย่าเอาแต่ใจ เฟย์ยอมรับความจริงได้แล้วครับ ถ้าไม่มีอะไร? พี่จะวางแล้วนะครับ"
 
[พี่มีคนใหม่แล้วเหรอคะ?]


 
"มันไม่ใช่เรื่องที่เฟย์ต้องรู้เลย แค่นี้ก่อนครับ"
 
 [พี่เมฆ ทำแบบนี้ แล้วภูเขา..&*%#+%%&8*63?%==-]



     ร่างสูงตัดสายแล้วโยนมือถือไปบนเตียง ปรี่ไปหาจุนเจือที่นั่งปลายเตียงด้วยแววตาเศร้า
 
"พี่เคยบอกว่าอะไร? ห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัวใช่ไหม?"


 
    จุนเจือกัดปากพลางเหลือบตามอง
 


"ผมขอโทษครับ คือ ผมเห็นว่ามันดึกแล้ว คนที่โทรมาอาจมีเรื่องด่วนน่ะครับ ผม ...ผมก็เลยรับสายให้ครับ" จุนเจือพยายามแก้ตัวแต่เหมือนยิ่งแก้ยิ่งทำให้พี่เมฆโมโห
 


"ด่วนหรือไม่ด่วนคนที่ตัดสินใจคือพี่ครับ ไม่ใช่จุน เพราะนี่เป็นมือถือของพี่"
 

    จุนเจือหน้าชาหลังโดนด่า เขาก้มหน้ากลืนก้อนน้ำตา


"ผมขอโทษครับ"

 
    ไม่มีปากเสียงใส่กันอีก เมื่อเมฆินทร์หมุนตัวไปอีกทาง ห้องทั้งห้องจึงถูกปกคลุมด้วยความอึมครึมอีกครั้ง



    จุนเจือเงยหน้ามองแผ่นหลังขยับเคลื่อนไหว เขานั่งมองพี่เมฆฉีดน้ำหอมตรงหน้ากระจกเงา ก่อนจะเดินไปหาเสื้อผ้าตรงตู้
 
"พี่เมฆจะออกไปข้างนอกหรือครับ?"
 

"ครับ พี่จะไปดื่ม"


 
"ที่ไหนครับ?"


 
"เธคใต้โรงแรม"


 
"ผมไปด้วยนะครับพี่เมฆ" จุนเจือรีบปรี่ไปหาว่าอย่างกระตือรือร้น
 

"พี่อยากดื่มคนเดียวครับ"
 


    จุนเจือหน้าจ๋อยถามเสียงแผ่วอย่างคนไม่มั่นใจ

 
"พี่เมฆจะไปกี่ชั่วโมงหรอครับ ผมจะได้รอเปิดประตู"


 
"ไม่นานหรอกครับ สักสองสามชั่วโมง" เมฆต้องการไปหาที่ระบายความเครียด และคิดอะไรสักหน่อย



"ครับ ผมรออยู่ที่ห้องก็ได้"


 
      ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง เมฆินทร์ไม่พูดอะไร เขาได้แต่คว้าของสำคัญ สวมรองเท้าหนังแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้จุนเจือนั่งซึมเศร้าลำพัง

.
......................................




มาเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่และคอยติดตามตอนต่อไปกันนะคะ    :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 8 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 1.10.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-10-2019 20:01:53
จุนเจือนี่ไม่ได้ดั่งใจเราเล้ย กับแฟนเก่าที่มันทำเลวไว้ขนาดนั้นยังใจอ่อน กับพี่เมฆที่ดูจากดาวอังคารก็รู้ว่าสนแค่เซ็กส์ยังหวั่นไหว เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 8 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 1.10.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-10-2019 22:09:19
 :pig4: :pig4: :pig4:

ถ้าเราเป็นเมฆ  เราก็ไม่พอใจเหมือนกัน  ที่จุนมาวุ่นวายกับโทรศัพท์ของเมฆ

จุนไม่มีสิทธิที่จะไปรับโทรศัพท์ให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้า 
ตราบใดก็ตามที่โทรศัพท์นั้นไม่ได้เป็นโทรศัพท์ของส่วนรวม
ส่วนเรื่องอื่น ๆ เราเฉย ๆ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 8 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 1.10.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-10-2019 22:58:49
เอ้าอึมครึมซะงั้น แต่นะจุนตกหลุมรักง่ายไปป่าว ยังงี้ก้เจ็บปวดใจซ้ำๆกันไปอีก
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 9 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 3.10.19 |
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 03-10-2019 21:46:47
บทที่ 9 แค่คู่นอนไม่ใช่แฟน




     แม้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้บอกตัวเองว่าจะหลับแค่สามชั่วโมง จากนั้นจะนั่งรอเปิดประตูให้พี่เมฆ แต่จนบัดนี้ จุนเจือยังนอนไม่หลับเพราะมีเรื่องราวกวนสมองให้ปวดหัว
 


       เขาไม่รู้จะทำอย่างไร จะหาเพื่อนคุยสักคนก็ไม่ใช่เวลา เพราะบัดนี้ก็ตีสองกว่า เขาจึงทำได้แค่นอนกระสับกระส่าย ดิ้นไป ดิ้นมาบนเตียงกว้าง



       เพราะตึงใส่กันก่อนหน้า ไม่ยอมเคลียร์กันให้เข้าใจเลยทำให้จุนเจือยังอารมณ์ค้างคา พะวักพะวง
 
"ผับน่าจะเลิกแล้ว ทำไมพี่เมฆไม่ขึ้นมานะ" จุนเจือบ่นงึมงำ และสุดท้ายก็ทนไม่ไหว ตัดสินใจหยัดกายลุกจากเตียง หาเสื้อเชิ้ตมาคลุมทับเสื้อกล้ามด้านใน ลงไปตามพี่เมฆข้างล่าง
 
    จุนเจือเดินออกมาจากลิฟต์ ทะลุไปยังส่วนล็อบบี้ ถามพนักงานรักษาความปลอดภัยว่าเธคใต้โรงแรมไปทางไหน พอพนักงานบอกทางมาโดยละเอียด จุนเจือเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะหมุนตัวมุ่งหน้าไปทางที่เขาแจ้งมา เดินไปเรื่อย ๆ ก็เห็นตัวร้านสีดำ ติดป้ายไฟร้านนีออนสีชมพูสลับขาว เด็กหนุ่มสาวเท้าไว ๆ ไปทางเข้าเธค ยิ่งใกล้ ยิ่งได้ยินเสียงเพลงอึกทึกครึกโครมลอดมาจากด้านใน สองเท้าก้าวยาว ๆ จวนถึงประตู กำลังอ้าปากจะถามการ์ดเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็น เพราะสองตาจุนเจือเห็นพี่เมฆเดินโอบเอวสาวสวยพะเน้าพะนอคลอเคลียข้างกันเดินออกมาจากร้าน
 



       จุนเจือหยุดชะงัก ใจสั่น หน้าชา ตัวชาไปหมด เมื่อเห็นภาพตรงหน้า จุนเจือรู้สึกหนักอึ้งเหมือนคนหายใจไม่ออก เขายืนมองพี่เมฆยิ้มหวาน ก่อนจะหอมแก้มหญิงสาวหุ่นเพรียวบางที่ไม่มีอิดออด ขัดขืน กลับตอบรับเอียงคอซบไหล่  ต่อมา สองคนนั้นเดินไปหาที่หลบมุมเงียบ ๆ พิงกำแพงแล้วจูบกัน โดยไม่ได้สนใจว่าตรงนี้จะเป็นพื้นที่เปิดหรือมีใครมาเห็น



    สถานที่แห่งนี้คงเป็นแหล่งนัดพบคนที่มีความต้องการเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือ วันไนท์สแตนด์สินะ
 
 
      จุนเจือเสียใจ คนที่จุนเจือปลาบปลื้มกำลังสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่  เด็กหนุ่มหมุนตัวหวังเดินกลับไปขึ้นห้อง แต่จู่ ๆ กลับมีอีกความคิดค้านในหัว
 
 
        ภาพการหยอกเย้าเชิญชวนกับสาวร่างบางมันตอกย้ำ ชัดแจ้งจนทำให้จุนเจือเปลี่ยนใจ เดินปรี่ไปหาพี่เมฆทันที
 
 
"พี่เมฆอยู่นี่เองหรือครับ เมามากหรือเปล่า? ผมมาตามพี่เมฆกลับห้องพอดีเลย" จุนเจือพยายามฝืนยิ้ม ทั้งที่ใจก็ไม่ได้รู้สึกดีเลยที่ต้องมายืนมองสองคนนั้นจูบกันไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที



 
"ใครคะ? เมฆ? น้องชายเหรออ?" หญิงสาวถามเสียงดังตามประสาคนเมา มิวายซบไหล่เกาะเอวยายหนุ่มรูปงาม



     ฟากจุนเจือ พอเจอคำถามนั้น ทำให้เขาตระหนักว่า นั้นสิแล้วเขาเป็นอะไร? อยู่ในสถานะไหน? จุนเจือมองหน้าพี่เมฆที่ดูไม่ตระหนกตกใจที่พบจุนเจือยืนอยู่ตรงนี้


    จุนเจือมองพี่เมฆที่แม้ไม่เมามายถึงขั้นยืนโงนเงน แต่ก็พอจับอาการได้จากกลิ่นแอลกอฮอล์และใบหน้าแดงจัด
 
 
"มาทำไม?"



 
"พี่เมฆบอกว่าสองสามชั่วโมงจะกลับ แต่ผมไม่เห็นพี่เมฆไปเคาะเรียก ผมเลยลงมาตามครับ"
 


"แล้วพี่บอกเหรอครับว่าให้มา"
 
     จากคำพูดแล้งน้ำใจเช่นนั้นทำให้จุนเจือสะอึก พลางส่ายหน้าน้อย ๆ
 


"เปล่าครับ พี่ไม่ได้บอก ผมมาเองเพราะผมเป็นห่วงพี่" จุนเจือบอกเสียงสั่นเครือ
 


'อย่าร้องนะจุน อย่าร้อง'



 
     คนที่ก้มหน้างุด ตกใจเมื่อมืออุ่น ๆ มาบีบไหล่และดึงให้เข้าไปใกล้ ก่อนคนตัวใหญ่จะก้มลงมากระซิบบอกข้างหูสัมผัสถึงลมหายใจร้อนผ่าว



 
"เป็นแค่คู่นอนไม่ใช่แฟน อย่าได้คิดก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวพี่อีก"

กึก



     จุนเจือนิ่งงันปล่อยให้พี่เมฆและคู่ควงคนใหม่ของเขาเดินผ่านหน้าไปด้วยกันก็รู้สึกจุกอก
 

      พี่เมฆไม่ผิด จุนเจือนี่แหละที่ผิด ดันใช้ใจลงไปเล่นในสนามแห่งนี้


 
     สนามที่บอกกติกาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า มีแค่เซ็กซ์และเงินเท่านั้น...



     จะว่าไป ความรักนั้นเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจพอ ๆ กับความทรมาน     จุนเจือเลือกไม่ได้หรอกว่าจะเสียใจหรือเปล่า? แต่ในบางครั้ง ความรักก็มักนำพาความเจ็บที่เราเลือกเองมาอยู่เสมอ
 
      หากเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากเจ็บปวด
.
.
.
.
.
        จุนเจือขึ้นห้องมาล้างหน้า ล้างตา ในระหว่างที่เดินขึ้นมา เขายังต้องพบภาพบาดตาที่ทั้งสองพลอดรักกันตรงล็อบบี้
 
 
        เด็กหนุ่มไม่รอแล้วว่าพี่เมฆจะมาหรือไม่ จากภาพที่เห็น เขาคงไปต่อกันที่อื่น  จุนเจือถึงเดินขึ้นมาที่ห้องได้ประมาสิบนาที ออกมาจากห้องน้ำ ปิดไฟ และทิ้งตัวลงนอนด้วยน้ำตาคลอเบ้า เขายกมือปาดน้ำตา ข่มตาให้นอน แต่เวลาผ่านไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู
 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 
       จุนเจือลุกขึ้นนั่ง ถอนหายใจ เขารู้ดีว่าเป็นพี่เมฆ แต่สิ่งที่เขากลัวที่สุด คือการพาสาวคนนั้นขึ้นมาในห้องด้วย สองเท้าหยุดชะงักตรงหน้าประตูห้องลอบถอนหายใจยาวอีกครั้ง ก่อนเปิดประตู เพียงประตูอ้าออกกว้าง กลิ่นแอลกอฮอล์ก็พัดผ่านเข้ามาจนคละคลุ้งทั่วห้อง

 
     เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหลบพี่เมฆให้เดินเข้ามา พอจุนเจือปิดประตู หมุนตัวกลับมาก็ตกใจเมื่อร่างเขาโดนเหวี่ยงจนหลังกระแทกผนัง และพี่เมฆจู่โจมประกบจูบจุนเจืออย่างไม่ทันตั้งตัว


    ช่างเป็นบทจูบที่เร่าร้อนพอควร แต่ความเร่าร้อนยั่วยวนนี้กลับมีใครอีกคนไม่สนุกด้วย
 
"อื้อออออ"

 
     จุนเจือทั้งตกใจ ทั้งเจ็บ เพราะรอบนี้ พี่เมฆไม่ถนอมกัน แถมยังจูบอย่างรุนแรง จุนเจือทุบอกรัว ๆ เพื่อต้องการเป็นอิสระจากการถูกขังในวงแขน

 
"พี่เมฆเป็นอะไร? ถ้าเมาก็ไปนอนครับ"

 
"จุนเป็นคนบอกพี่เองไม่ใช่เหรอว่าอยากมีอะไรด้วย"
 
 
"ผมไม่อยากแล้วครับ ผมจะนอน ปล่อยผม"

 
      จุนเจือดิ้นขลุกขลักภายใต้อ้อมแขนแข็งแกร่ง กลัวพี่เมฆในลุคส์โหดร้าย ป่าเถื่อนเช่นนี้ และดูเหมือนว่า คำพูดจุนเจือจะไม่มีความหมาย ในเมื่อเมฆินทร์ไม่ฟัง กลับฉุดข้อมือจุนเจือพาไปที่ห้องน้ำ
 
 
"พี่เมฆ"
 
 
        จุนเจือพยายามห้ามปรามเมื่ออีกฝ่ายกระชากเสื้อผ้าเขาให้พ้นตัว เด็กหนุ่มดิ้นสะบัดไปมา แต่ขืนแรงอีกฝ่ายไม่ไหว มือร้อนเมฆินทร์จับเอวและพลิกตัวจุนเจือหันหลัง ในขณะที่เมฆินทร์รูดซิบกางเกงลง ควักแท่งร้อนของเขาออกมาจ่อ ถูไถตรงช่องทางคับแคบของเด็กหนุ่มเพื่อกระตุ้นอารมณ์ให้แก่นกายแข็งตัว
 

"พี่เมฆครับ ผมไม่พร้อม"
 
 
      การมีเซ็กซ์กันหนนี้ จุนเจือไม่มีความสุข เขาร้องขออ้อนวอนพี่เมฆก็ยังคงดื้อดึง ดุนดันส่วนปลายสีสดพยายามสอดใส่ให้ได้

 
"เลียครับ จุน"
 

      น้ำตาปริ่มดวงตายามที่พี่เมฆบังคับให้จุนเจืออ้าปากงับและเลียนิ้วพี่เมฆ เด็กหนุ่มทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ พี่เมฆส่งเสียงครางยามที่เขาขยับนิ้วเข้า-ออกเป็นจังหวะอยู่ในปากจุนเจือ เมื่อนิ้วชุ่มน้ำใส ร่างสูงถอนนิ้วออกแล้วแหย่เข้าไปในช่องทางรักเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ตอดรัดแน่น
 
 
"อืมม แน่นนนดี"
 
 
     จุนเจือกัดปากจนเจ็บ พอเขาเอี้ยวตัวสะบัดหนี พี่เมฆก็ใช้มือบีบลำคอจากด้านหลังไม่ให้ขยับ
 

"แอ่นอีกครับ"
 
 
    มือหนาจับสะโพกจุนเจือให้ยกขึ้นสูงกว่าเก่า ใบหน้าเด็กหนุ่มแนบกับพื้นที่ว่างข้างอ่างล้างหน้า และยามนี้ แท่งร้อนสอดใส่เข้าไปด้านใน ไร้การหล่อลื่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นใด ๆ และช่องรักของเด็กหนุ่มก็ตอดรัดถี่ยิบเพราะความเจ็บมากกว่าเสียวกระสัน
 

อึ้ก
 
"อืมมม ของจุนตอดพี่จังนะครับ"

 
"พี่เมฆพอเถอะครับ ผมไม่ไหวแล้ว ผมเจ็บ"

 
    จุนเจืออ้อนว้อนขออีกครั้ง แต่คงห้ามคนที่อยู่ในห้วงแห่งกามารมณ์ไม่ได้ พี่เมฆร้องเสียงครางกระเส่าพลางกระแทกกระทั้นไม่มีหยุด

 
พั่บ พั่บ พั่บ

 
"อึ้ก พี่เมฆ ผมเจ็บ"

 
    จุนเจือร้องเสียงดังแต่เขายังกระทุ้งเข้ามาจนสุด เด็กหนุ่มปวดร้าวช่วงล่างไปหมดแล้ว จุนเจือร้องไห้ กัดปากสุดแรงจนได้กลิ่นคาวเลือดและทันใดนั้น
 
 
"พี่เมฆ จุนบอกว่าเจ็บไง หยุดได้ไหม จุนไม่ไหวแล้วนะ ฮืออออ" จุนเจือเค้นเสียงตะโกนดังลั่งห้องน้ำ ทำให้คนที่กำลังยึดสะโพกขยับรัวเร็ว ด้วยจังหวะจาบจ้วงรุนแรงก็หยุดชะงักงัน ร่างสูงถอนแก่นกายออก กดสายตามองเด็กหนุ่มที่ทรุดตัวลงกับพื้นทันทีแล้วนั่งร้องไห้
 
 
"จุน"
 

"พี่เมฆออกไปก่อนนะ"
 
     เมฆินทร์ตาสว่าง โน้มตัวลงไปแตะไหล่จุนเจือแต่อีกฝ่ายสะบัดหนี

 
"พี่ครับ ผมบอกให้ออกไป"

 
"พี่จะทำความสะอาดให้ ลุกขึ้นมาสิครับ" เมฆินทร์ยื่นมือให้อีกฝ่ายจับแต่จุนเจือปัดมันออก

 
"ไม่ต้อง ต้องให้ผมบอกอีกกี่รอบ ว่าให้ออกไปไง ผมอยากอยู่คนเดียวครับ ฟังผมบ้าง"



 
     เมฆินทร์ยืนมองเด็กหนุ่มตวาดสักครู่หนึ่ง ถึงเดินพ้นห้องน้ำไป ปล่อยให้จุนเจือนั่งร้องไห้ใต้อ่างล่างหน้า เด็กหนุ่มขาสั่น ตัวสั่น ก่อนจะรู้สึกแสบ ปวดหน่วงหนึบ และเหมือนมีของเหลวไหลออกมาจากช่องทางคับแคบ ก้มไปดูแล้วใช้มือแตะด้านหลังถึงพบว่า เลือดไหลซึมออกมา....
.
.
.
.
      ไม่น่าเชื่อว่าช่วงเวลาแค่ข้ามคืน ความสุขสนุกก่อนหน้าเหือดหายกลายเป็นความทุกข์เศร้าเข้ามาแทนที่ ในวันนี้ เป็นวันที่ทั้งสองต้องเช็คเอาท์ เพื่อย้ายไปอยู่โรงแรมใหม่
 
 
       ไม่มีใครพูดอะไรกัน นอกจากแค่เผลอสบตากันด้วยความบังเอิญเท่านั้น
 
       นึกการกระทำเมื่อคืนก็รู้สึกเสียใจ เป็นการกระทำเลวร้ายรับวันเกิดของจุนเจือเสียด้วย
 

"ลืมของอะไรหรือเปล่าครับ?" เมฆินทร์ถามเสียงนุ่ม
 
"ไม่ลืมครับ"

 
      จุนเจือเก็บของใส่กระเป๋าเสื้อผ้าจนครบ เขาเดินตามพี่เมฆไป จัดการธุระเสร็จเรียบร้อย คืนของทุกอย่างแก่โรงแรม ก็มุ่งหน้าไปยังลานจอดรถ โดยตลอดทางนั้น ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งทั้งสองสอดตัวเข้าไปในห้องโดยสารของรถยุโรปสีดำคันงาม เคลื่อนตัวออกสู่ท้องถนนกว้าง เผชิญการจราจรติดขัดมาได้สักระยะ เมฆถึงเอ่ยขึ้น
 

"เรื่องเมื่อคืน พี่ขอโทษ"

 
"พี่จำได้ด้วยหรอครับ พอดีผมลืมมันไปแล้วล่ะครับ" จุนเจือตอบ ฟากเมฆินทร์มองหน้าจุนเจือที่ดูผิดหวังในตัวเขา  เมฆินทร์จึงเงียบ ไม่อยากให้สถานการณ์ดูเลวร้ายลงไปมากกว่านี้
 

     รถยนต์คันงามแล่นมาถึงโรงแรมแห่งใหม่ ในเวลาสิบเอ็ดโมง ทั้งสองจอดรถเรียบร้อย เดินเข้าสู่ตัวโรงแรมเพื่อไปยังจุดรีเซ็ปชั่นทำการเช็คอิน และขึ้นห้อง

 
    เมฆินทร์ไม่ได้ถือกระเป๋าเสื้อผ้าลงมา เพราะเขาแค่มาดูห้องใหม่และตั้งใจมาส่งจุนเจือเท่านั้น

 
"ถ้าพี่มีอะไรจะโทรหา"
 
"ครับ"
 

      ตอนนี้ ทั้งสองเดินเข้ามาด้านในห้อง และไม่มีใครสนใจความสวยงามของการตกแต่งห้องพักเลย ยามนี้เมฆินทร์สนใจแต่จุนเจือ ยืนจดจ้องมองใบหน้าเด็กหนุ่มที่ติดจะตาบวม ไหนจะสังเกตอาการมาตลอดว่าจุนเจือเดินช้าผิดปกติ เหมือนคนไม่มีแรง


     ทันใดนั้น ร่างสูงเดินไปกอดเด็กหนุ่มโดยไม่พูดอะไร ในตอนแรกจุนเจือก็ดิ้นขลุกขลัก เมฆินทร์กลับกระชับกอดแน่น แล้วซุกหน้าลงซอกคอเด็กหนุ่มปล่อยให้ลมหายใจอุ่นเป่ารดซอกคอขาว จนจุนเจือหยุดต่อต้านและสงบลง


    เนิ่นนานพอควรที่ทั้งสองยืนกอดกันอย่างเงียบ ๆ และเมฆินทร์ก็ปล่อยร่างเด็กหนุ่มให้เป็นอิสระ เขาลูบผมจุนเจือแล้วเอ่ยอีกครั้ง
 
"พี่ไปทำงานก่อนนะครับ ถ้าหิว โทรสั่งรูมเซอร์วิส ส่วนค่าใช้จ่ายให้พนักงานลงบิลค่าห้องไว้ พี่จะมาเคลียร์เอง"

 
"ครับ"

 
    เมฆินทร์ลูบเปลือกตาบวมตุ่ย ก่อนจะดึงจุนเจือมาจูบข้างขมับ ไล่มาหอมแก้มขาวใส ผละออกแล้วเดินออกไปจากห้อง


       เพียงเสียงประตูปิดลง สักพัก จุนเจือก็ได้ยินเสียงข้อความเข้าในโทรศัพท์มือถือ หยิบมันมาดูพบข้อความที่มียอดเงินเข้ามาจากธนาคารแห่งหนึ่ง

 
11:27
บชX264764X เงินเข้า 20000.00 คงเหลือ 62088.60 บ.
 
 
         จุนเจือเปิดประตูออกไปดูไม่พบพี่เมฆแล้ว เขาจึงโทรกลับไป

 
"พี่เมฆโอนให้ผมใช่ไหมครับ?"
 

[ครับ]

 
"ยอดมันเยอะจัง นี่มันไม่ใช่ราคาที่พี่ต้องจ่ายผมโดยปกติ มันคือค่าอะไรครับ"
 
 
[ไม่ต้องกังวล พี่เต็มใจให้ แค่นี้ก่อนนะครับพี่ติดสายเรื่องงานอยู่]
 

"เอ่อครับ ขอบคุณครับ"
 

    จุนเจือเม้มปากแน่นก่อนตัดสินใจ คว้าของสำคัญออกจากห้องเพื่อกลับบ้านไปหาแม่

 
"อ้าวจุน มาได้ไง"

 
     จุนเจือเดินไปหาแม่แล้ววางกล่องเค้ก ไว้บนโต๊ะกลางตรงโซฟา เขารู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะมีแม่อยู่บ้านเพียงคนเดียว ส่วนพ่อและพี่สาวก็ออกไปทำงานยังไม่กลับ การที่มาเจอแค่แม่มีโอกาสจะไม่โดนซักไซร้ไล่เรียงมากนัก
 

"จุนมากินเค้กวันเกิดกับแม่"

 
"แล้วทำไมแวะมาหาได้ ไหนว่าจุนบอกมากรุงเทพเพราะมาทำธุระให้โรงแรมกับหัวหน้าไม่ใช่เหรอ?"

 
      จุนเจือเงียบไปนิด การโกหกนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะเขารู้สึกว่า บางทีมันเหนื่อยที่จะต้องสร้างเรื่องราวต่อไปเรื่อย ๆ

 
"ก็ใช่แหละแม่ นี่จุนถึงอยู่กับแม่ได้แป๊ปเดียว เดี๋ยวก็ต้องไปแล้ว"
 
"แม่ว่าจะโทรไปอวยพรพอดี จุนมาเลยก็ดี แต่แม่ยังไม่ได้ทำกับข้าวนะ"
 
"ไม่เป็นไรครับ จุนไม่ค่อยหิว จุนแค่อยากมาหาแม่มากินเค้กกันเฉย ๆ"

 
       แม่จุนเจือยิ้มเอ็นดู ลูกชายก่อนเดินมาลูบผมเด็กหนุ่มที่ในสายตาของผู้เป็นแม่ ยังดูเด็กน้อยเสมอ


"สุขสันต์วันเกิดนะจุน แม่ขอให้ลูกพบเจอแต่ความสุข หากเจอทุกข์ก็ขอให้มีสติตั้งมั่น ได้พบเจอกัลยาณมิตรดี ๆ นะลูก"


"ขอบคุณนะแม่ เรามากินเค้กกัน มาตัดแบ่งให้พ่อกับพี่แจนด้วย"
 
"อืม แม่ไปหยิบจานก่อนนะ"

 
     จากนั้น ทั้งสองก็นั่งกินเค้กและคุยเรื่องจิปาถะปะปนกันไป จนมาถึงเรื่องงานที่แม่เป็นห่วง

 
"จุนจะทำงานที่เกาะถึงเมื่อไหร่?"
 
"ก็ลองดูก่อนน่ะแม่ ถ้าโอเคอาจทำสักปีสองปี"
 
"จุน ถ้าเหนื่อยก็กลับมาอยู่บ้านเรานะลูก"

 
    เพียงเท่านั้น จุนเจือก็น้ำตาไหล ลุกจากเก้าอี้ไปโผกอดแม่
 

"จุนรักแม่นะ"


"แม่ก็รักจุนจ้ะ"


     ทั้งสองกอดกันกลม จนได้เวลาที่จุนต้องกลับ เขายื่นเงินจำนวนหนึ่งให้แม่ เป็นส่วนที่เขาคำนวณไว้แล้วว่าหากปิดบัตรเครดิตไปส่วนหนึ่ง แล้วเหลือบางบัตรไว้จ่ายขั้นต่ำไป อย่างน้อยหนี้ก็ลดลงและไม่กระทบกับกำลังทรัพย์จุนเจือ หากเทียบกับแต่ก่อนที่จุนเจือยังไม่ได้ทำงานกับพี่เมฆ



"จุนเอามาให้แม่ทำไม ไม่เอา"
 

"เอาไปเถอะแม่"
 

"แล้วจุนเอาเงินมาจากไหน จะพอใช้ไหม?"

 
"พอสิแม่ ไม่ต้องห่วงจุนนะ"

 
"จ้ะ ถ้างั้นจุนไปทำงานต่อเถอะ ไว้มากรุงเทพอีกก็ค่อยมาใหม่ ไว้เดี๋ยวแม่จะส่งน้ำพริกไปให้"

 
"ขอบคุณครับแม่" จุนเจือส่งยิ้มให้แม่ แม้ลึก ๆ จะรู้สึกผิดที่โกหกแม่กับการมากรุงเทพฯ หนนี้

 
      จุนเจือเดินออกไปหน้าบ้าน โดยมีแม่เดินมาส่งตรงประตูรั้ว

 
"จุนไม่สบายหรือเปล่า?"
 

"ทำไมครับแม่"
 

"ก็ดูเดินสิ เหมือนคนไม่มีแรงเลย" จุนเจือชะงักกึก เขามองหน้าแม่
 

"เปล่า แม่ คงเหนื่อยที่วิ่งวุ่นทำธุระกับหัวหน้าน่ะ เลยหมดแรง"
 

"ดูแลสุขภาพด้วยนะลูก"
 

"ครับแม่"

 
    หลังจากได้รับคำอวยพรให้โชคดี จุนเจือก็เดินไปขึ้นรถแท็กซี่ที่พี่พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าหมู่บ้านเรียกเข้ามาให้


    ปลายทาง คือ ห้างสรรพสินค้าที่จุนเจือจะไปตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวโรงแรม เขาตั้งใจจะไปซื้อเบียร์หวังดื่มที่ห้อง ระหว่างนั้น เครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น
 

[แฮปปี้เบิร์ทเดย์ ทู ยู...แฮปปี้เบิร์ทเดย์ ทู ยู....แฮปปี้เบิร์ทเดย์ แฮปปี้เบิร์ทเดยยยยยยย์ แฮปปปปปี้เบิร์ททททเดย์ ทู ยู สุขสันต์วันเกิดนะจ้ะ ร่ำรวย ๆ มีความสุขมาก ๆ มีผัวหล่อ รวย xวย ใหญ่ นะจ้ะ วันนี้จะพากูไปเลี้้ยงที่ไหนดี เห็นมึงไลน์มาบอกว่าอยู่กรุงเทพแล้วนี่!]
 

"มึงโทรมาก็ดี"
 

[อะไรวะ จุน น้ำเสียงไม่ดีใจกับคำอวยพรของกูเลย] จากเสียงร่าเริงแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสงสัย เมื่อจุนเจือทำน้ำเสียงเคร่งเครียด
 

"กูอยากร้องไห้ว่ะแพร"
 

[ไอ้จุน เป็นอะไรวะ มึงอยู่ไหน?]
 

     จากนั้นจุนเจือก็บอกสถานที่นัดพบกับเพื่อน แล้วในเวลาที่นัดเจอ แพรก็มาปรากฎตัวพร้อมของขวัญเล็กน้อย ๆ เป็นเสื้อยืดสีขาวเนื้อบางที่จุนเจือชอบใส่
 

"มากรุงเทพ ทำไมไม่พักที่บ้าน มาอยู่โรงแรมซะหรูเชียวนะ" แพรว่าพลางกวาดตามองรอบห้องด้วยแววตาตื่นเต้น
 

"มีคนเปิดห้องให้"
 
"ว้าววววว ใคร ไม่เล่าให้ฟังเลยนะ จุน"


 
    จุนเจือเดินไปหยิบเบียร์มาสองกระป๋องในตู้เย็นให้ตัวเขาและเพื่อน ส่วนกลางมีกับแกล้มอย่างพวกหมูแดดเดียว กุ้งแช่น้ำปลา แกล้มเบียร์เล็กน้ยย ฟากแพรเห็นจุนเจือทำหน้าไม่สู้ดี เธอเลยถามเพิ่ม

 
"เกิดอะไรขึ้นวะจุน วันนี้วันเกิดมึงนะยิ้มหน่อยสิวะ"

 
"มึงจำลูกค้าที่กูเคยเล่าให้ฟังที่เจอที่โรงแรมได้ไหม?" จุนเจือเข้าเรื่อง ในขณะที่ทั้งสองนั่งที่พื้นตรงปลายเตียง

 
"อ้อจำได้ ที่มึงเล่าให้ฟังว่าเขาเมาแล้วจูบมึง"

 
      จุนเจือพยักหน้ากับสิ่งที่เพื่อนบอก

 
"กูมีอะไรกับเขาแล้ว"
 
"ห้ะ มึงว่าอะไรนะ?"

 
      จากนั้นจุนเจือก็เริ่มเล่าเรื่องราวให้แพรฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

 
"อ้ออย่างนี้ งานที่มึงเคยคุยค้างกับกูล่าสุด ก็คือ การที่มึงต้องมีเซ็กซ์กับเขาแลกเงิน เท่าที่ฟังมันก็ดีนี่หว่า ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งมีอะไรกับคนที่มึงรู้สึกดีด้วยแล้วจะเครียดทำไม?"

 
"เพราะกูชอบเขาแล้วไง กูแม่งไม่ควรเอาใจลงไปเล่นเลยว่ะ"

 
"ทำไมวะ มึงกลัวอะไร? เขาอาจชอบมึงด้วยก็ได้"

 
    จุนเจือส่ายหน้ารัว

 
"ไม่ เขาไม่ได้ชอบกู"
 

"อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้น?"
 

"เพราะเมื่อวาน เรื่องของเรื่อง คือเขาไปเที่ยวผับในโรงแรมคนเดียว กูเห็นว่ามันนานเกินเลยไปตามเขา พอเจอเขาตอกหน้ากูมาว่ากูแค่คู่นอนไม่ใช่แฟนอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาอีก คนชอบกันเขาจะพูดอย่างนี้หรอแพร?"
 

"เออ ก็จริงว่ะ" พอได้ฟังที่จุนเจือเล่า แพรก็เห็นด้วย
 

"ไม่ใช่แค่นั้นนะมึง เขายังได้ผู้หญิงกลับมาด้วย"
 
    แพรมองเพื่อนตอบด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

 
 "จริงดิ"

 
"อืม"
 

"ถ้างั้น แสดงว่าเมื่อคืน พี่เขาไม่กลับห้อง เขาไปมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว?"

 
    จุนเจือส่ายหน้า ยิ่งทำให้เพื่อนที่นั่งฟังเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างมีคำถาม

 
"เปล่า เขาก็ขึ้นมานอนกับกูที่ห้องน่ะแหละ" จุนเจือบอกแพรเท่านั้น เขาไม่กล้าเล่าเรื่องที่โดนพี่เมฆขืนใจด้วย มันเป็นเรื่องน่าอายที่ขนาดพี่เมฆทำรุนแรงกับเขาอย่างนั้น ความชื่นชอบในตัวพี่เมฆก็ไม่ได้ลดลงเลย แถม จุนเจือก็ไม่คิดตัดใจเสียด้วย
 

"ป้าดดดดนั่งไง" แพรว่าพลางตบเข่าฉาด
 

"อะไรวะแพร?"
 

"ถ้างั้น กูว่าเขาก็มีใจให้มึง" แพรเสนอความเห็น
 

"ไม่จริง ถ้าเขามีใจให้กู เขาคงไม่ใช่คำพูดแรง ๆ ว่ากูเป็นแค่คู่นอนหรอกมึง"
 

    คำว่า คู่นอนมันฝังใจจุนเจือไปแล้วบางทีพี่เมฆอาจต้องการใครสักคนที่เขาคบได้แบบไม่ผูกมัด เพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัดยามใดที่เบื่อหรือระอาใจก็สามารถเดินออกจากความสัมพันธ์นี้ไปได้โดยง่าย อย่างไร้พันธะหรือข้อผูกมัดใด ๆ
 



"แต่มันก็แปลกไงมึง อุตส่าห์ได้สาวติดไม้ติดมือมาด้วย ทำไมถึงไม่ยอมมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนนั้น กูมั่นใจว่าผู้หญิงก็ยินยอมวันไนท์สแตนด์ด้วย แบบ วิน- วิน ทั้งสองฝ่าย แต่เขากลับขึ้นมาหามึง มานอนกับมึงเนี่ยนะ"
 

"กูก็ไม่รู้ แพร"  จุนเจือตอบด้วยคิ้วขมวดกันเป็นปม หากเขารู้ เขาก็คงไม่มานั่งเครียดแบบนี้
 

"กูว่ามันน่าสงสัยอยู่" แพรยกมือลูบปลายคางทำท่าครุ่นคิด


"แพร?"
 

"อืม!"
 
"มึงคิดว่าความสัมพันธ์ของคู่นอนอย่างกูมันจะเปลี่ยนมาเป็นความรักจริงๆได้ไหมวะ?" จุนเจือถามความเห็นเพื่อน เขาอยากรู้ว่า ความเป็นไปได้ในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่เมฆมันจะไปไกลกว่าคำว่าคู่นอนได้ไหม ? พี่เมฆคิดจะสนใจจุนเจือบ้างหรือเปล่า?

 
      ฟากแพรมองหน้าเพื่อนพลางลอบถอนหายใจยาว

 
"จุน กูไม่รู้จริง ๆ ว่ะ มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกมึง แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้ามึงพยายามทำให้พี่เขาเห็นว่ามึงไม่ได้หวังมีเซ็กซ์เพื่อเงิน แต่มึงหวังจะจริงจังกับเขาเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ไปแบบแฟน ไม่แน่ พี่เขาอาจจะเห็นในสิ่งที่มึงทำแล้วตกลงปลงใจคบกับมึงก็ได้นะ" แพรไม่รู้ว่าจะหาคำตอบไหนให้เพื่อนใจชื้น แต่เธอก็เชื่อว่าทุกความสัมพันธ์ย่อมมีความหวัง
 

"กูจะผิดหวังไหมวะแพร?"
 

"เรื่องนี้ไม่มีใครให้คำตอบมึงได้ ถ้ามึงไม่ลองดู"
 

"สรุปคือกูต้องลองใช่ไหม แม้จะผิดหวังก็ยังดีกว่าไม่ได้ลงมือทำใช่ไหม?" จุนเจือย้ำเพื่อต้องการหาแนวร่วม
 
 

"ใช่"
 

     แพรพยักหน้า ก่อนจะครุ่นคิดอีกนิดหน่อยเพื่อหาทางช่วยเพื่อน

 
"กูมานั่งคิดดูนะจุน พี่เมฆของมึงเขาก็ไม่ใช่อายุน้อย ๆ  คนอย่างพี่เขาที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าที่การงาน เงินทอง บางทีเขาออาจจะอยากใช้ช่วงเวลานี้รักสนุกไปก่อน แต่ไม่ใช่แบบคนเจ้าชู้น่ะ"


"มึงหมายความว่าไงแพรกูไม่เข้าใจ"
 

"พี่เขาอาจรักสนุกแต่ในขณะเดียวกัน พี่เขาก็กำลังมองหาใครสักคนที่อยากจริงใจด้วย"



........................................


หากถามว่าจุนตกหลุมรักง่ายไหมก็ง่ายนะ (5555) แต่เอาจริง ๆ ความรู้สึกดี ของน้องมันสะสมก่อตัวมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เจอกันที่เกาะแล้วค่ะ จากการช่วยเหลือกันหลายอย่างด้วยความบังเอิญ ทั้ง ตอนขาแพลง ตอนล้ม และยังมีเมามาจูบอีกผนวกกับหล่อหน่อยก็ทิ้งตัว ทิ้งใจไวเลยทีนี้ (555) นี้ยังมาเพิ่มความใกล้ชิดอยู่ด้วยกัน พอมี sex กันมันก็เหนียว แน่น หนึบ หลงไว หลงไปไกลด้วยค่ะ นี่แหละหนาความรักอะนะ (ความรู้สึกจากใจน้องก็ตามที่น้องระบายกับเพื่อนนั่นแหละค่ะ)  :m15: :m15: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ดีใจมี่มีคนติและชมค่ะ ชอบมุมมองคนอ่านบางที ทำให้เราคาดไม่ถึงกับจุดบกพร่องของตนเอง มีอะไร ก็มาแชร์มาแนะนำเราได้นะคะ เผื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
ขอบคุณทุกคนอ่านและทุกคอมเมนท์ค่ะ


.
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 9 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 3.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-10-2019 22:29:19
ไม่อยากให้จุนยอมแบบนี้เลย ฝืนใจห่างออกไปตอนนี้ดีมั้ย ทนไปจะต้องเจ็บอีกเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 9 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 3.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-10-2019 00:17:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหมือนว่าจุนยังไม่เข้าใจสถานะของตนเองนะ

ทั้ง ๆ ที่เมฆทำข้อตกลงกับจุนไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว

จุนจะรักจะชอบเมฆนั้นไม่ผิด  แต่จะล้ำเส้นแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของนั้น มันไม่ใช่อ่ะ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 9 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 3.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 04-10-2019 14:22:13
ผมว่านี่เป็นปัญหาหนึ่งของ Age Gap นะครับ (ความแตกต่างทางอายุ) เมฆินทร์ที่อายุสามสิบกลางจะมีความเชี่ยวชาญด้านเพศสัมพันธ์มาระดับหนึ่ง ดังนั้นเค้าจะก็จะค่อนข้างมุ่งเน้นแต่ละเรื่องไปเลย พูดแล้วก็คือจบ ไม่มาทำอะไรที่นอกเหนือ พออายุขนาดนี้เมฆินทร์จะไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่อง แล้วนิสัยของเมฆินทร์ก็ค่อนข้างไว้ตัวระดับหนึ่งเลยนะครับ ฉากที่เขาก้มลงพูดด่าจุนเจืออย่างสุภาพนี่ทำให้ผมขนลุกซู่เลยนะครับ คนแบบนี้อันตราย เพราะเหมือนไฟใต้น้ำแข็ง สังเกตว่าพอจุนเจือเสียใจกลับมาที่ห้อง เมฆินทร์กลับมาก็อยากจะทำตามข้อตกลงท่าเดียว ไม่มีการแคร์อย่างอื่น เพราะว่าเราคุยกันแต่แรกแล้วว่าจะมีแค่นี้ นี่คือนิสัยของเมฆินทร์ที่มองว่าถ้าตกลงแล้วแต่แรกก็คือจบ อยู่เฉพาะขอบเขตของตัวเองที่กำหนดมาให้

แต่ในที่นี้ก็ต้องเข้าใจจุนเจือด้วย น้องเพิ่ง 24 แถมยังเลิกกับแฟนคนเก่ามาอีกเพราะว่าโดนสวมเขา ก็ไม่แปลกที่จุนเจือจะรู้สึกว่าไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ จุนเจือชอบคนด้วยหน้าตาแต่แรก แล้วพออีกฝ่ายทำดีหน่อย น้องก็เลยทิ้งตัว จากพี่บอมบ์ก็เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของเด็กที่ไม่มีภูมิต้านทานความรักหนุ่มสาวนะครับ อีกอย่างคือน้องเป็นคนมองโลกในแง่ดีนะครับ อันนี้ผมชื่นชม เพราะปกติแล้วหลังจากที่จบความสัมพันธ์ที่เราถูกสวมเขา มันจะพัฒนานิสัยของคนพบเจอประสบการณ์ได้สองแบบ

แบบแรก คือจะมองว่าอีกฝ่ายน่ะเลวทรามต่ำชั่ว ส่วนตัวเองน่ะเด็กเกินไปที่ดันไปหลงคารมคนพรรค์นี้ มองแบบ External-push คือโทษตัวเองแบบลงโทษให้เจ็บ และโทษคนอื่น ดังนั้นคนที่พัฒนาการรับรู้แบบนี้จากประสบการณ์ จะปรับตัวเองให้เป็นคนมองโลกแง่ร้าย ไม่เชื่อใจใครอีกง่ายๆเพราะกลัวจะโดนหลอก แล้วก็จะตัดนิสัยเก่าๆของตัวเองออกให้หมด เปลี่ยนเป็นพฤติกรรมแทบจะตรงกันข้ามกับอดีต เนื่องจากจิตใต้สำนึกมองว่าเพราะการมีนิสัยแบบอดีต จะทำให้มีคนมาเอาเปรียบกับตัวเองได้

แบบที่สอง คือมองว่าตัวเองดีไม่พอ เป็นการมองแบบโทษตัวเองเหมือนกัน แต่เป็นแบบ Internal-pull การรับรู้แบบนี้คือมองว่าตัวเองบกพร่องตรงไหนไปรึเปล่า เลยทำให้อีกฝ่ายไม่ยอมบอกเขาตรงๆ ตัวเองยังดีไม่พอที่จะทำให้อีกฝ่ายมารักอย่างจริงใจเลยรึเปล่า คนที่พัฒนาการรับรู้แบบนี้ก็จะไปแก้ในจุดที่จิตใต้สำนึกบอก นั่นคือก็จะมีพฤติกรรมไม่มั่นใจในตัวเองเวลาเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ กลัวจะทำให้อีกฝ่ายน้อยไป คิดแต่ว่าจะต้องเอาใจอีกฝ่ายยังไงให้ดีที่สุด แล้วก็หวาดกลัวการถูกทิ้งมากจนทำให้รู้สึกเหมือนอยากอยู่กับอีกฝ่ายตลอดเวลา มันเลยทำให้พอดูจากภายนอก ก็จะรู้สึกเหมือนอยากจะช่วยเหลือหลายอย่างมากเกินไปจนเป็นจุ้นจ้าน

สังเกตว่าจุนเจือเป็นแบบที่สองนะครับ น้องไม่มั่นใจในตัวเองตลอดเวลาอยู่กับเมฆินทร์ ทุกอย่างจะพยายามเอาตามที่เมฆินทร์ชอบหมดเลย ซึ่งสำหรับเมฆินทร์อาจจะไม่ชอบจุดนี้ เพราะอายุอย่างเมฆินทร์มันเลยความรู้สึกที่ชอบเอาใจ มันคือการพูดกันชัดๆแล้วให้จบ

สาเหตุก็เพราะเมฆหน้าตาดีจนจุนเจือแอบชอบ และหวังว่าจะหายจากประสบการณ์การถูกสวมเขา (ซึ่งนี่เป็นแค่ความรู้สึกหวนหาที่พึ่งของคนที่มีประสบการณ์เลิกรามาใหม่ๆ) จุนเจือเลยคิดว่าการเอาใจ ทำสิ่งที่เขาบกพร่องในความสัมพันธ์อดีตไป มันจะทำให้เมฆินทร์รู้สึกดีกับเขาได้ (ซึ่งมันกลับกลายเป็นว่าเมฆินทร์ไม่ชอบ เพราะคิดว่าจุนเจือพูดไม่รู้เรื่อง ยุ่งเกินขอบเขตเกินไป) แต่เมฆินทร์กลับไม่ได้มองอะไรเลยนอกจากเซ็กซ์กับข้อตกลง ซึ่งมันแฟร์นะถ้าเป็นดีลธุรกิจ แต่ผมว่าแบบนี้มันก็ไม่แฟร์กับคนที่มีปมอย่างจุนเจือน่ะครับ สังเกตฉากที่เมฆินทร์ดึงดันจะมีเซ็กซ์อย่างเดียวในห้องน้ำหลังจากที่จุนเจือลงไปตามที่เลานจ์จนเมฆินทร์หงุดหงิด จะเห็นว่าจุนเจือผิดหวังมากจนเริ่มที่จะเข้าใจความจริงเกี่ยวกับเมฆินทร์ขึ้นมานิดๆแล้ว  เราจะรอวันที่จุนเจือเจอคนใหม่ ที่เข้าใจในสิ่งที่จุนเจือเป็น แล้วถ้าจุนเจือตัดสินใจเดินออกจากเมฆินทร์ (ซึ่งปัจจุบัน เมฆินทร์ที่ยังไม่เข้าใจจุนเจือ แล้วยังมีเรื่องความห่างของอายุที่ทำให้ไม่เข้าใจนิสัยของจุนเจือ ก็คงอีกไม่นาน) ผมอยากรู้จังว่าพี่จะง้อยังไง (หัวเราะ)
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 9 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 3.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-10-2019 19:31:39
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 9 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 3.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 06-10-2019 04:48:15
สนุกมาก แอบกลัวเมฆนะ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 10 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 06-10-2019 21:04:33
บทที่ 10 เพราะความเมา







 

"คือความเห็นส่วนตัวของกูนะ กูว่า พี่เขาพยายามสร้างตัวเลือกเยอะ ๆ เพื่อเอามาเปรียบเทียบว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะเข้ากันกับใครได้มากกว่า ใครที่เหมาะสมในการใช้ชีวิตคู่ด้วยกันกับเขา ประมาณนี้อะมึง"

 

"มึงจะสื่อว่า กูอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกเขาอย่างนั้นเหรอ?"

 

"ก็ไม่แน่นะ กูมาลองนึกดูนะจุน ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้สำหรับทุกความสัมพันธ์ว่ะ อย่างเช่น ความสัมพันธ์มึง ถึงแม้จะเริ่มจากเซ็กซ์ แต่คนเราพออยู่ด้วยกันมาก ๆ ก็อาจหวั่นไหว แบบรักแท้แพ้ใกล้ชิดอะไรประมาณนี้ คือ เอางี้นะไอ้จุน กูพอมีวิธี ที่จะพิสูจน์ว่าพี่เขาชอบมึงบ้างหรือเปล่า? เออ แต่เดี๋ยวก่อน ตอนนี้พี่เขารู้ไหมว่าวันนี้วันเกิดมึง"

 

      จุนเจือส่ายหน้า

 

"โอเค จากนี้ มึงรู้สึกยังไงแสดงความจริงใจออกไปเลย ชอบก็ทำให้รู้ว่าชอบ โดยเริ่มจากมึงต้องใช้ความรู้สึกที่แท้จริงผสมความตอแหลสักนิดหน่อย โทรไปอ้อนเขา แบบอยู่ไหน? ทำอะไรอยู่? สรุปไม่มาหากันจริงเหรอ? วันนี้วันเกิดมึงนะ มาหากันหน่อย เหงาจัง บลาบลาก็ว่ากันไป"

 

 

"แล้วถ้ากูพูดตามสคริปต์มึง แล้วเขาเฉย ไม่มีท่าทีตอบโต้ล่ะ"

 

 

"ก็ดี มึงจะได้รู้กันไปเลยว่าพี่เขาไม่มีใจให้มึง ช่วงนี้มึงก็อาจเจ็บหน่อย แต่จบเรื่องนี้ มึงจะได้ตั้งสติ มูฟออนได้เร็ว"

 

"แต่กูไม่กล้า"

 

"โอ้โห พูดตั้งนาน มาบอกว่าไม่กล้า  อยากมีผัว แต่เหนียมอาย น่าเบิ้ดกระโหลก ไอ้จุนจะสมหวัง ผิดหวังมันก็คือประสบการณ์อย่างหนึ่ง มึงลองเลย เร็ว ๆ กูนั่งให้กำลังใจอยู่ตรงนี้"

 

      จุนเจือลอบมองหน้าเพื่อนพลางถอนหายใจแต่สุดท้ายมือก็กรอกตัวเลขสิบหลักเพื่อโทรหาคนอายุมากกว่า

 

 

"ฮะฮัลโหลพี่เมฆครับ"

 

 

[มีอะไรจุน]

 

"เอ่อะ คุยไม่ได้หรอครับ" จุนเจือถาม หลังจากปลายสายเสียงเข้ม

 

[ใช่ครับ พี่ไม่สะดวก กำลังประชุม มีอะไรพิมพ์ข้อความทิ้งไว้ในไลน์ แค่นี้นะครับ]

 

 

"อ้าวทำไมวางเร็วจัง" แพรที่นั่งลุ้นอยู่ข้าง ๆ ก็งงเป็นไก่ตาแตก

 

"พี่เขากำลังประชุม"

 

"อ้าว เหรอ? เฮ้ย กล้ารับโทรศัพท์ในที่ประชุม แสดงว่าเขาก็เห็นมึงสำคัญรึเปล่าวะ?"

 

"ไม่รู้ แต่เขาบอกว่าถ้ามีอะไรให้กูพิมพ์ไลน์ไปก่อน”

 

"เอ้าก็พิมพ์ไปดิ รออะไรเล่า?"

 

"แล้วกูต้องพิมพ์อะไรวะ?"

 

"โอ้ยไอ้จุน มึงก็ผ่านการมีผัวมานับร้อย ทำมาเป็นไม่ประสีประสา"



"ไอ้แพร ชีวิตกูคนที่จริงจังมีแค่พี่บอมบ์ไหม? ไอ้บ้า นับร้อยอะไรเล่า" จุนเจือตอบหน้ามุ่ย



"เออ ๆ นั่นแหละ เอามือถือมานี่จะพิมพ์ให้"

 

"ไม่เอา กูรู้ มึงจะแกล้งกู"

 

"เรื่องรักกูจริงจัง กูไม่มีแกล้งมึงแน่นอน"

 

     และแล้วสาวสวยก็คว้ามือถือเพื่อนรักเลื่อนหาโพร์ไฟล์ผู้ชายรูปหล่อใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวยืนยิ้มมุมปากพิงโครงเหล็กสีดำตามที่จุนเจือบอก กดเข้าช่องหน้าต่าง บรรจงพิมพ์ทีละตัวอักษร  เธอพิมพ์ไปยิ้มไป ราวกับว่ามันคือเรื่องราวของเธอเอง เสร็จสิ้นเธอก็ส่งคืนเครื่องมือสื่อสารนั้นให้กับเพื่อน

 

      เพียงแค่จุนเจือกวาดสายตาผ่าน ๆ ก็ว่าทันที

 

"ไอ้แพร มึงพิมพ์อะไรไปวะ กูบอกแล้วไงว่าอย่าแกล้ง"

 

"กูไม่ได้แกล้งเลยจุน มึงอ่านดี ๆ กูเขียนออกมาจากใจมึงทั้งนั้น"

 

    จุนเจือกลับมาอ่านข้อความที่เพื่อนพิมพ์แล้วยกมือกุมขมับ



 

16.55

'พี่เมฆครับ ตอนที่เราแยกกัน ผมลืมบอกพี่ไปว่าวันนี้วันเกิดผม ผมไม่อยากได้คำอวยพร แต่ผมอยากให้พี่มาหา มันเป็นวันพิเศษของผม ผมอยากมีพี่อยู่ด้วยคืนนี้นะครับ ตอนแรกก็ว่าจะบอกตอนพี่มาหา แต่อีกใจ ก็กลัวพี่ไม่มา ผมเลยบอกก่อนแล้วกันว่า ผมชอบพี่เมฆแล้วครับ'


 

 

      เด็กหนุ่มอายกับข้อความที่แม้มันจะเป็นความรู้สึกเขาจริง ๆ ก็เถอะ แต่ดูจะตรงไปตรงมาเกินไปเสียหน่อย  จุนเจือรับไม่ได้ ในจังหวะที่มือเรียวกดค้างข้อความ กำลังจะกดยกเลิกข้อความ สิ่งที่ตกใจยิ่งกว่า

 

"ไอ้เชี่ยเอ้ย พี่เมฆอ่านแล้ว"

 

"น่านนนน อ่านเร็วซะด้วย จากนี้มึงก็นั่งรอ นอนรอ เชื่อกู พี่เขาต้องมา"

 

"กูว่าเขาไม่มา" จุนเจือบอกโดยที่สายตายังจดจ้องคำว่า 'Read' เขาใจเต้นตึกตัก ไม่รู้ว่าพี่เมฆอ่านแล้วจะตอบมาแบบไหน

 

"ยังมีเวลาอีกถมเถ นี่เพิ่งห้าโมง ถ้าเกินสามทุ่มเขาไม่มาหามึง ค่อยว่ากันอีกที"

.

.

.

.

      ยามนี้ จุนเจือนั่งลำพัง เพราะแพรเดินทางกลับบ้านไปตั้งแต่หนึ่งทุ่ม แม้จะดื่มเบียร์กับเพื่อนมาก่อนหน้า  แต่จุนเจือยังคงนั่งดื่มต่อคนเดียว เขาเริ่มมีอาการมึนเมา เด็กหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาสามทุ่มเศษก็แอบเศร้าเพราะพี่เมฆไม่มาหากันจริง ๆ แถมข้อความในไลน์อ่านก็ไม่ตอบกลับ บางที จุนเจือเชื่อคำเพื่อน หรืองมงายเรื่องนี้มากเกินไป 

   

      ความเมา และความเหงาไม่ควรอยู่คู่กัน บัดนี้ การนั่งดื่มคนเดียวลำพังในวันเกิดของตัวเอง ยิ่งทำให้จุนเจือเกิดรู้สึกโดดเดี่ยว เคว้งคว้าง ราวกับว่ามีอะไรบางสิ่งขาดหายไป



     ความน้อยใจเกิดขึ้น ในวันเกิดของจุนเจือที่อะไร ๆ มันก็ไม่ได้ดั่งใจ





     ไหนล่ะ คำอวยพรที่คนมักชอบพูดกัน ว่าขอให้พบเจอสิ่งดี ๆ พบเจอความสุข ตอนนี้ จุนเจือไม่รู้สึกเช่นนั้น



      บางที สิ่งที่อันตรายกว่าความคิดคน อาจเป็นความคิดของคนที่มาพร้อมกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นี่แหละ



      ในความคิดของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งเหงาลำพังเกิดอาการหวนคิดถึงเรื่องเก่า ๆ คนเก่า ๆ มือเรียวกำมือถือแน่น แล้วจู่ ๆ เสียงเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น

 

"ฮัลโหล?"

 

[จุนครับ อยู่ไหน? ไม่เห็นมาหาพี่เลย]

 

"นั่นใครอะ" จุนเจือเมาโดยไม่ดูเบอร์โทรเลยว่าคนที่คุยอยู่นั่นเป็นใคร เด็กหนุ่มกึ่งนั่งกึ่งนอนบนพื้นหลับตาพิงศรีษะที่ปลายตีนเตียง



 

[พี่บอมบ์เองครับ พี่ไม่เห็นจุนมาหาพี่เลยลองโทรมาดู]

 

 

"พี่บอมบ์เหรอ ผมคิดถึงพี่พอดีเลย มาหาผมไหม?"

 

[จุนเมาเหรอ? พี่คิดถึงจุนมากเหมือนกัน ให้ไปหาที่ไหน? พี่จะไปฉลองวันเกิดกับจุนสองคนไงครับ พี่มีของขวัญให้จุนด้วยนะ]

 

"เอาครับ เอา มาหาจุนนะ จุนอยู่ที่โรงแรม...." จากนั้น จุนเจือเผลอบอก ที่อยู่และเลขห้องไปเสร็จสิ้นเพียงเพราะความเมาผลักดันอาการน้อยใจ เสียใจ จนกลายเป็นต้นเหตุ



[เจอกันนะครับ เรามารื้อฟื้นความหลังกันนะครับ]

 

     จุนเจือเออออรับคำ ก่อนมือที่กำโทรศัพท์มือถือเมื่อสักครู่จะร่วงหล่นลงข้างลำตัวอย่างคนไร้เรี่ยวแรงและค่อย ๆ หลับตา

.

.

.

.

"ขอโทษทุกคนอีกครั้งด้วยนะครับ ที่ทำให้วันนี้ทุกคนกลับดึก กว่าจะได้ข้อสรุปก็ช้ากว่าที่คิด" เมฆินทร์เอ่ยขอโทษย้ำอีกครั้งขณะที่คงรอยยิ้มไว้มุมปาก หลังจากพาทุกคนมารับประทานอาหารต่อที่ร้านอาหารแสตนด์อโลนสุดหรู ถือเป็นการพามาผ่อนคลายหลังการประชุม ที่มื้ออาหารนี้คลอเคล้าไปด้วยวิสกี้เป็นของเสริม



      ในเวลาสามทุ่มกว่า เป็นเวลาที่ทุกคนจัดการอาหารกันเสร็จสิ้นและเมฆินทร์เอ่ยร่ำลาเพื่อเป็นการแยกย้าย

 

"ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเมฆ เข้าใจว่าเพื่องานที่ดี ก็ต้องใช้เวลาระดมความคิดกันนานหน่อย"

 

"ครับ ถ้างั้นขอบคุณทุกคนครับ ไว้มีอะไรคืบหน้า ผมจะให้ทีมงานแจ้งไปอีกทีนะครับ"

 

"ครับ ขอบคุณครับ"



     เมฆินทร์ยิ้มสุภาพ ก่อนถามไถ่ทีมงาน ว่าแต่ละคนกลับบ้านยังไง เมื่อเสร็จสิ้น ชายหนุ่มรูปงามลอบถอนหายใจ พลันเหลือบมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเข้าสู่วันใหม่ เมฆินทร์ลังเลว่าควรเดินทางไปหาจุนเจือ หรือหาซื้อของขวัญให้จุนเจือในวันพรุ่งนี้แล้วค่อยเอาไปให้เด็กหนุ่ม ในขณะที่คิดหาคำตอบ สองขาก็พาตัวเองมาถึงรถยนต์ยุโรปที่จอดไว้ ก้มมองนาฬิกาเรือนงามที่ประดับอยู่ที่ข้อมืออีกครั้ง ก่อนตัดสินใจมุ่งหน้าไปทางโรงแรมที่เด็กหนุ่มนอนพัก

.

.

.

.

     ช่วงเวลาดึกดื่นแบบนี้ มีข้อดีตรงที่ท้องถนนโล่ง การจราจรก็ไม่มีติดขัด ทำให้การเดินทางมาถึงโรงแรมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีจากตัวร้านอาหารที่อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล



 

    เมฆินทร์สาวเท้าไว ๆ เดินไปยังส่วนโถงลิฟต์  สายตามองจากทางไกลเห็นชายคนหนึงยืนรออยู่กำลังเดินผลุบหายเข้าไปในกล่องทึบ เขาเร่งฝีเท้าจนไม่กี่ก้าวที่กำลังจะถึง



"รอด้วยครับ" เมฆินทร์กึ่งตะโกน เมื่อตัวเขาอยู่ในส่วนลิฟต์ก็รีบเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะเหลือบมองแผงตัวเลขของชั้นโรงแรม เมฆินทร์ที่ผู้ชายคนนั้นกดไปปลายทางยังชั้นเดียวกันกับเขา

 

     ลิฟต์โรงแรมนี้เคลื่อนที่ไวดั่งจรวด ทั้ง ๆ ที่ห้องพักของเขาอยู่ชั้นสิบเอ็ด แต่ไม่ถึงสามนาที ตัวลิฟต์ก็ทะยานขึ้นสูงได้ไวจนน่าตกใจ เมื่อประตูลิฟต์อ้าออกกว้าง



"เชิญครับ" เมฆินทร์บอกให้ผู้ชายคนนั้นเดินออกไปก่อน ส่วนเมฆินทร์เดินตาม แต่สิ่งที่ร่างสูงรู้สึกแปลกใจ คือ เส้นทางเดินการไปห้องพักของเมฆกับผู้ชายข้างหน้าเป็นเส้นทางเดียวกัน



     เมฆที่เดินตามหลัง ก็สังเกตพฤติกรรมว่า ชายคนนั้นเอาแต่มองตัวเลขห้องสองฝั่งตลอด นั่นแสดงว่า เขาเพิ่งมาครั้งนี้เป็นครั้งแรก ทว่า ช่างเป็นความบังเอิญที่น่าขำว่า เมื่อผู้ชายคนนั้นหยุดตรงหน้าประตูห้องที่เมฆจองไว้ เขาบ่นงึมงัมเหมือนไม่แน่ใจว่าใช้ห้องที่ยืนอยู่หรือเปล่า ก่อนผู้ชายร่างสูงพอกับเมฆินทร์จะคว้ามือถือพร้อมกล่องสีแดงกำมะหยี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมฆร้องทักยามที่สังเกตเห็นของสิ่งนั้น



"เอ่อ ขอโทษนะครับ"

 

"ครับ?" ผู้ชายร่างกำยำหันไปตามเสียง



"คุณยืนบังทางเข้าห้องผมครับ"

 

     ผู้ชายคนนั้นเอียงคอมองแล้วบ่นพึมพำเบา ๆ แต่ดีที่เมฆินทร์หูดี

 

"จุนบอกเลขห้องเบอร์นี้ไม่ใช่หรอวะ?" บอมบ์บ่น ก่อนจะหันไปถามผู้ชายคนที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของอีกครั้งหนึ่ง



"ห้องคุณ ? แต่คนที่ผมจะมาเจอเขาบอกอยู่ห้องนี้"

 

     เมฆินทร์มองหน้าผู้ชายตรงหน้านิ่ง ๆ ก่อนจะผุดรอยยิ้มมุมปาก ชูคีย์การ์ดที่ถืออยู่ในมือเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของห้องให้ประจักษ์แก่สายตาฝั่งตรงข้าม



กริ้ก

 

     เมฆเดินไปรูดคีย์การ์ด ก่อนบิดที่จับประตูจนอีกคนหน้าเหวอ



"เชื่อรึยังครับว่าห้องผม? คนที่คุณนัดเจอคงบอกห้องผิด"

 

"แม่งหลอกเหรอวะ? คุณขอผมเข้าไปดูได้ไหม ? คุณรู้จักจุนหรือเปล่า?  แล้ว..."

 

"ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่รู้จัก ชื่อที่คุณพูดมา อีกอย่าง ผมว่าคุณกำลังก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคลของผมนะครับ ห้องนี้เป็นห้องของผม ผมเช็คอินมาในราคาต่อคืนค่อนข้างแพง ผมคิดว่า ผมควรพักให้คุ้มค่าห้องสักหน่อย นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมขอตัวไปพักก่อนนะครับ" เมฆเอื้อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มสุภาพ ผิดกับอีกคนที่ยืนหน้าเหวอรู้สึกเหมือนโดนด่าทางอ้อม



      บอมบ์ยืนสะอึก พูดไม่ออก ครั้นจะด่าก็รู้สึกจะเสียภาพจน์กับการยืนอยู่ในสถานที่โอ่อ่าเช่นนี้ แต่จะว่าไป ผู้ชายตรงหน้าก็ดูดี มีภูมิฐานทีเดียว สังเกตจากเสื้อผ้าหน้าผมและนาฬิกาเรือนงามที่สวมใส่ หากให้บอมบ์ประเมินราคาเอาไปขายต่อ อย่างน้อยก็แตะหลักล้านเห็นจะได้ ดังนั้น คนอย่างจุนเจือน่ะเหรอ จะมีโอกาสคบคนระดับนี้ คงไม่มีทาง เด็กนั้นทั้งโง่ ทั้งซื่อบื้อจะตาย



    เมฆินทร์ยังยืนอยู่ตรงประตูมองคนออกอาการฮึดฮัดและบ่นเสียงดัง ก่อนหมุนตัวกลับไปทางเดิมที่มา

 

"ผิดแผนหมดเลยว่ะแม่ง ...กล้าโกหกกูหรอวะ ไอ้จุน"

 

    ประโยคนั้นทำให้เมฆินทร์ชะงักพลางลอบถอนหายใจ เขาส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนปิดประตู ถอดรองเท้าหนังสีดำ เดินไปดึงชายเสื้อออกจากกางเกง ปลดรังดุมปลายแขนเสื้อทั้งสองข้าง ก่อนจะปลดกระดุมตรงสาบเสื้อแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามหน้าท้องที่แน่นและเฟิร์ม



    ร่างสูงเผลอหยุดกึก ยามเห็นปลายเตียงมีคนนั่งคอพับ คออ่อน คอเสื้อที่สวมใส่ก็ตกลงจากไหล่เผยให้เห็นลาดไหล่ขาวน ครู่หนึ่ง เมฆชำเลืองเห็นป้ายราคายังห้อยอยู่ที่เสื้อ เมฆินทร์ย่อตัวลงนั่งเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ซอกคอขาว กลิ่นแอลกอฮออล์ก็ชัดขึ้น



    เมฆินทร์ลูบใบหน้าเด็กหนุ่ม ก่อนใช้ปลายนิ้วลูบวนริมฝีปากร้อนช้า ๆ  วันนี้ เมฆินทร์ค่อนข้างเหนื่อยเพราะประชุมทั้งวัน ตั้งแต่บ่ายสามโมงล่อมาจนถึงทุ่มกว่า เกี่ยวกับโปรเจกท์การจัดโรดโชว์งานแสดงสินค้าที่จะเริ่มในเดือนหน้า เท่านั้นยังไม่พอ จบการประชุมก็ต้องพาลูกค้าและทีมงานไปเลี้ยงข้าวต่อ ร่างสูงก็แทบหมดพลัง ยังดีที่พรุ่งนี้ ไม่ต้องเข้าบริษัท เพราะฝากฝังทีมให้สรุปการประชุมของวันนี้ การทำงานโดยพูดคุยผ่านโทรศัพท์จึงไม่ใช่ปัญหาเพราะไม่มีงานด่วนที่เร่งรัดให้เข้าไปสะสาง



    คนที่อยากพักถึงหงุดหงิดใจเมื่อรู้ว่าเด็กที่ชอบสร้างเรื่องไม่รู้จักจบจักสิ้น กำลังก่อปัญหาใหม่ให้ปวดหัว



     'การนัดแฟนเก่าให้มาที่นี่'


 

    เมฆินทร์ก้มมองเรือนร่างที่ผอมกว่า สีผิวก็ขาวกว่า มองเด็กหนุ่มที่สวมเสื้อยืดสีขาวเนื้อบางคอกว้างตัวใหญ่ตัวเดียวที่ชายเสื้อเลิกขึ้นจนเห็นขาอ่อน เมฆลูบไล้ต้นขาเนียนละเอียดไปจนถึงหว่างขาก็ชะงัก เมื่อจุนเจือไม่สวมกางเกงใน





"จุนเมามากเลยเหรอครับ?" เหมือนพูดคนเดียว เพราะพอเมฆินทร์ถามก็ไม่มีใครตอบ เขาหันไปมองตรงถังขยะใต้โต๊ะเครื่องแป้ง พบกระป๋องเบียร์เป็นจำนวนมากพูนจนเกือบล้นปากถัง

 

"จุน ได้ยินพี่ไหม?" เมฆินทร์เริ่มสอดมือเข้าใต้เสื้อยืดลูบผิวเนียนและไปสะกิดตุ่มไตจนจุนเจือร้องคราง

 

"อื้ออออ"

 

"จุนครับ"



     มือเมฆินทร์ข้างที่ว่าง รั้งเอวเด็กหนุ่มให้เขามาใกล้ จนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่น ๆ ฟากจุนเจือแอ่นกายบิดเร่าหนีคนที่มือเป็นปลาหมึก



"จุน ทำไมต้องดื่มเยอะขนาดนี้"

 

"อื้ออออ ครายย พี่เมฆเหรอ?" คนที่หลับตาแต่ปากพึมพำถาม นั่งโงนเงนจนไปซบอกแกร่ง



"ใช่ครับ พี่เอง เมามากขนาดนี้จะคุยกันรู้เรื่องไหม? ทำไมชอบให้พี่ดุครับ?"

 

     เมฆว่าเสียงเข้ม ก่อนตัดบท ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หมุนตัวจะไปเอาผ้าเช็ดตัวตรงชั้นวางด้านบนของตู้เสื้อผ้าก็ชะงักตอนเด็กหนุ่มกอดขาเขาแน่น

 

"พี่เมฆเหรอ? พี่เมฆใช่ไหม? พี่เมฆมาหาจุนจริง ๆ ด้วย จุนไม่อยู่คนเดียวแล้ว จุนมีพี่เมฆ"

 

    เมฆินทร์กดสายตาลงต่ำมองร่างที่นอนเมามาเกาะขาเขาทั้งยังพูดจาน่าสงสาร ร่างสูงรีบย่อตัวลงจับไหล่จุนเจือให้ลุกมานั่งดี ๆ เด็กหนุ่มปัดป่ายมือจนหาที่ยึดได้ก็มากอดเอวเมฆแล้วซุกหน้าลงตรงแผ่นท้องแข็งแกร่ง



"พี่เมฆจริงด้วย" จุนเจือบอกพยายามปรือตาขึ้นมองด้วยรอยยิ้มยั่ว

 

"จุนรู้ตัวหรือเปล่า? ว่าจุนบอกให้แฟนเก่ามาหา"



"แฟนเก่าใครหรอ แฟนเก่าพี่เมฆเหรอ? พี่เมฆไม่ทิ้งจุนนะ อย่านะ จุนเจ็บนะพี่เมฆ"

 

"จุน ปล่อยพี่เถอะครับ"

 

"ไม่ปล่อย จุนไม่ปล่อย พี่บอมบ์จะไปไหน? ไม่เอานะ"

 

"บอมบ์? งั้นเหรอ?" เมฆินทร์ได้ยินดังนั้นรีบแกะมือเด็กหนุ่มออก และไม่สนใจเสียงครวญคราง เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำให้เต็มอ่าง พาร่างอันเหนื่อยล้าลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำหวังผ่อนคลาย



    ยังไม่นานดั่งใจต้องการก็มีเสียงเคาะประตูขัด ดีหน่อยที่รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้ว เมฆินทร์ลุกจากอ่างอาบน้ำ โดยไร้ผ้าขนหนูบังกาย เห็นกันมาเท่าไหร่ เมฆินทร์ก็ไม่จำเป็นต้องอาย เขาเดินไปเปิดประตูเห็นเด็กหนุ่มนั่งศรีษะพิงกรอบประตูหลับตาแต่ยังยิ้มหวานพลางกัดปากอย่างยั่วยวน



     พอเห็นใบหน้าแดง ๆ ทั้งสภาพเรือนร่างขาวของเด็กหนุ่มที่กึ่งนั่งพับเพียบพิงประตู ไหนจะไม่ใส่อันเดอร์แวร์ ไม่ให้เรียกว่ายั่ว จะให้เรียกว่าอะไรดี



"เคาะเรียกพี่ทำไมครับ อยากมีอะไรกับพี่เหรอ?"



     จุนเจือยังยิ้มไม่ลืมตา มือเรียวก็ปัดป่ายจนคว้าลำคอร่างสูงแล้วดันเข้ามาใกล้กดจูบหนัก ๆ ที่ปาก



"ก็จุนเหงา จุนอยากอยู่กับพี่"



 "พี่ไหนครับ ? เมฆ หรือบอมบ์"





    เมฆินทร์ไม่คิดหรอกว่าริมฝีปากร้อน ๆ และกายหยาบที่กำลังบดเบียดมาชิดใกล้ให้เนื้อถูไถกันจะสร้างอารมณ์ให้เขาเตลิดเปิดเปิงได้ขนาดนี้ แก่นกายของเมฆินทร์เริ่มร้องเรียกสิ่งที่ถวิลหา เจ้าแกนกายได้ขยายขนาดเตรียมประกาศศักดาว่าต้องการบุกรุกอาณาเขตฝั่งตรงข้ามในไม่ช้า



"พี่เมฆครับ ฮือออ จุนคิดถึงพี่เมฆ จุนชอบพี่เมฆ พี่เมฆน่ารัก พี่เมฆดี ฮือออออ"

 

    สิ้นคำนั้น เมฆินทร์หันไปเห็นหางตาเด็กหนุ่มมีหยาดน้ำตา เขาเกลี่ยมันช้า ๆ แล้วว่าอย่างสงสัย



"บอกชอบพี่ แล้วจุนร้องไห้ทำไมครับ?"

 

"พี่เมฆไม่ชอบจุน พี่เมฆไม่เคยชอบจุนเลย จุนฮือออ พี่เมฆ พี่เมฆว่าจุน"

 

   เมฆินทร์ชักเริ่มไม่เข้าใจคนเมาอย่างจุนเจือ เป็นเด็กที่เมาแล้วทำให้เขาปวดหัวสับสนพอสมควร

 

"พี่ว่าอะไร?"

 

"พะพี่เมฆว่าจุนเป็นแค่คู่นอน ฮือออ"

 

"จุนเมามากเลยนะครับ พูดอะไรไม่รู้เรื่องแล้ว ไปนอนได้แล้วครับจุน" เมฆินทร์ก้มตัวลงไปสอดแขนใต้ข้อพับขา อุ้มไปส่งที่เตียงในสภาพตัวเขาร่างกายเปียกชื้นเปลือยเปล่า



     เมฆกัดฟัน ข่มอุ้มให้ถึงเตียง พอเด็กหนุ่มเมาก็ทิ้งน้ำหนัก ทิ้งตัวจนเมฆเกือบแบกไม่ไหว ขนาดระยะทางไม่ได้ไกลกันก็จริง แต่เล่นเอาคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างเมฆินทร์ยังปวดแขนได้ ชายหนุ่มวางร่างบางลง กำลังดึงแขนออก ในระหว่างนั้น เด็กหนุ่มพาดแขน เพื่อโอบรอบลำคอหาที่ยึดหยัดกายขึ้นมาจูบปากเมฆินทร์

 

"พี่เมฆชอบจุนไหม?"



"พี่ตอบตอนนี้ แล้วจุนจะรู้เรื่องเหรอครับ"



"ไม่เห็นมีใครรักจุนเลย ไม่มีใครรักจุนฮืออออ ขนาดพี่เมฆก็ไม่รักจุน ฮือออ"

 

    เมฆินทร์ก็พยายามจะฝืนอดทน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ให้ความร่วมมือเลย



"จุนครับ คืนนี้ พี่ขอมีอะไรกับจุนนะ" แม้เด็กหนุ่มจะเมา แต่เมฆินทร์ก็ยังขออนุญาตก่อน

 

"อื้ออออครับ จุนชอบพี่เมฆ จุนชอบมีอะไรกับพี่เมฆ  จุนชอบออื้ออออ"



    พอกันที สำหรับความข่มใจที่มีมานาน เจอเด็กมันยั่วบ่อย ๆ ก็คงไม่ปล่อยให้นิ่งนอนใจ ถือว่า เป็นอีกมิติใหม่ที่เมฆยังไม่เคยมีเซ็กซ์กับเด็กหนุ่มยามเมา นับว่า ยั่วเย้าใช้ได้

 

     เมฆินทร์ขึ้นคร่อมร่างเด็กหนุ่มที่มีกาย และลมหายใจร้อนผ่าว ดูเหมือนว่าเครื่องปรับอากาศด้วยอุณหภูมิยี่สิบสามองศาจะไม่ช่วยอะไร สำหรับ ไฟราคะที่ร้อนระอุพร้อมประทุได้ทุกเมื่อ

 

     ทุกสัมผัสที่เมฆินทร์แตะต้องอยู่นี้ เขาพยายามไล้มันยังเบามือที่สุด แม้ความเป็นจริง ในใจ อยากฟัด ขยี้ ขยำให้แหลกคามือ



"อื้อออออ"



"ดีไหมครับ ตอบพี่ซิ" เมฆโลมเลียซอกคอขาว ก่อนจะลากปลายลิ้นมาแตะที่ไหปลาร้า



"ดีอ่า พี่เมฆเอาจุนนะ"



    ปลายลิ้นชิ้นที่ลากไล้เลียวนฐานยอดสีสดของเด็กหนุ่มชะงัก หากเป็นยามที่จุนเจือปกติดี เขาจะไม่พูดคำนี้



"มั่นใจนะจุน"



"อ้ะ อื้อออ พี่เมฆ จุนไม่ไหวแล้วอ่า เอาจุนที"



      แล้วจะรออะไรได้อีก ทุกองค์ประกอบของร่างกายคนตรงหน้า มันชวนให้เมฆสติขาดผึงได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ทั้งลมหายใจที่เป่ารดกัน ผิวกายเนียนละเอียด กลิ่นกายของจุนเจืออันเป็นเอกลักษณ์ ทุกอย่างมันเป็นยากระตุ้นอารมณ์ขั้นดีให้ชายวัยสามสิบกว่า พร้อมตบะแตกได้ทุกเมื่อ



    เด็กหนุ่มร้องเสียวซ่าน แอ่นอกรับยามลิ้นชิ้นดึงดูดขบเม้มตุ่มไตสีสุดแรง ๆ



"จุนชอบ อ้ะ อาา อืมมมม"

 

"ขึ้นมาอยู่บนตัวพี่สิ"



    เพียงเท่านั้น เมฆินทร์ที่ทาบทับบนลำตัวเด็กหนุ่มก็จับพลิกสลับตำแหน่งจนเด็กหนุ่มมานอนอยู่บนลำตัวแข็งแกร่ง เขาค่อย ๆ หยัดกายให้กลายเป็นกึ่งนั่ง กึ่งนอน แล้วย้ำ



"ทำให้พี่หน่อยสิครับ"

 

    เด็กหนุ่มที่นั่งคร่อมเมฆไม่ได้คัดค้านใด ๆ เขาไปตามแรงไหวอีกฝ่ายที่เคลื่อนกายขยับ เด้ง สะโพก จนแกนกายของจุนเจือถูไถกับแกนกายของอีกฝ่าย ยามนี้ เมฆินทร์นั่งพิงพนักเตียง แยกข้าออกกว้างมองเด็กหนุ่มที่กัดปากยั่วยวน บดสะโพกยั่ว ๆ โดยยังไม่ได้สอดใส่

 

"จะเอาเข้าเมื่อไหร่ครับ?"

 

"อื้อออ พี่เมฆเอาเข้าให้จุนหน่อยนะ อ้ะ อ้า"

 

     เมฆินทร์ยิ้มร้าย บีบเค้นก้นกลมหนัก ๆ ก่อนจะกระซิบบอกเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นก่อนจะทำการแหวกแก้มก้นกลม ทั้งยังขยายช่องทางรักเพื่อสื่อให้รู้ว่าคราวนี้ของจริง



      ใช้เวลานานกว่าปกติ แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคอะไรในเมื่อแก่นกายร้อนผ่าวเดินทางเข้าสู่ช่องทางรักอีกฝ่าย เด็กหนุ่มเสมือนร่างไร้กระดูกยามที่อยู่บนตัวเมฆินทร์แล้วกายพลิ้วไหว ไปตามคลื่นแห่งกามารมณ์ เด็กหนุ่มร่อนสะโพก โยกได้อย่างเร้าร่อนจนคนอายุมากกว่าหลับตาพริ้ม ผุดรอยยิ้มพอใจกับบทรักนี้ เมฆินทร์ลืมตาขึ้นมาเพื่อจูบปากเด็กช่างยั่วเนิ่นนานจนปากบวมเจ่อ เขาเลียวนริมฝีปากนั้นจนน้ำใสไหลเยิ้ม



"คืนนี้ให้พี่เท่าไหร่ดีครับ?"

 

"จุนตามใจพี่เมฆ อ้ะ อ้า จุนเสียว อื้อออออ เสียวอะอูยยยยย อ้า"




 


..................................................



มีใครเคยเมาแล้วคิดถึงแฟนเก่ากันมั้ยยยยยคะ หุหุ

น้องจุนเอ้ยยยย แกทำอะไรลงไป :mew2: :mew2: :mew2:


ขอบคุณทุกคอมเมนท์จริง ๆ ค่ะ เราดีใจมาก ทำไมทุกคนน่ารักกันอย่างนี้ พนมมือกราบไหว้ :mew1: :mew1:

ขอบคุณคุณ Grey Twilight มาก ๆ นะคะ ต้องสละเวลาแค่ไหนมาพิมพ์ข้อความได้ยาวมากขนาดนี้ อิอิ...ปลื้มปริ่ม จิงกะเบลมากค่ะ

ขอบคุณทุกคนอ่านที่ยอมเข้ามารับความหม่นสีเทาของนิยายเรานะคะ บอกความจริงเลยว่า อยากลองเขียนฟิน ๆ ฟีลกู๊ดได้ทั้งเรื่อง ตั้งใจจะให้ได้แบบนั้นนะ แต่สุดท้าย มิวาย ได้มีความขมมาปนทุกทีสิน่า บ้าบอ! สรุปแล้ว ความดราม่าเบา ๆ คือ งานถนัดของเราไปแล้วค่ะ อุอิอุอิ.. ขออภัยจริง ๆ 



หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 10 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-10-2019 21:39:16
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 10 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-10-2019 22:19:52
ตื่นมาต้องมานั่งเคลียร์กันอีกรอบแน่ๆ แต่จุนจะมีแรงตื่นมั้ย :hao6:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 10 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-10-2019 01:16:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 10 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 07-10-2019 16:20:00
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 10 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 07-10-2019 23:20:43
ซวยแน่เลยจุน
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 11 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 10.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 10-10-2019 17:29:22
บทที่ 11 ยกเลิกสัญญา






เฮืออก

 
     เด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่าเวลาที่เขาสะดุ้งตื่นนี้คือกี่โมง แต่ที่เขารีบหยัดกายลุกจากเตียง วิ่งไปที่ห้องน้ำ เพราะรู้สึกคลื่นไส้ วิงเวียนจนอาเจียนออกมา

 
 
   จุนเจือใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำสักพักใหญ่ ๆ นั่งกอดชักโครกราวกับเพื่อนคู่ใจ เพื่อรอความหวังให้อาการดีขึ้นมา หลังจากเจ้าตัว อาเจียนเป็นรอบที่สามในเวลาใกล้เคียงกัน

 
 
     เป็นเวลาพอสมควรที่รู้สึกว่าอาการดีจึงลุกไปล้างหน้า ล้างตาที่อ่างล้างหน้าสะอาดสะอ้าน จุนเจือเดินออกจากห้องน้ำด้วยมือหนึ่งกุมขมับ มือหนึ่งนวดไหล่ จุนเจือปวดเนื้อ ปวดตัวไปหมด แถมสมองตื้อและหนักศรีษะอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาฉ่ำปรือเบิกตาขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงกำลังจ้องมองมาทางนี้
 

"พะ...พี่เมฆ พี่มาตอนไหนครับ?"

 
"เมื่อคืนครับ"

 
 
     จุนเจือชะงัก แวบแรกที่ผุดเข้ามาในหัวสมอง คือ คำบอกกล่าวของเพื่อน

 
"พี่เมฆมาเมื่อคืน ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลยครับ แล้วพี่เข้ามาได้ไง คีย์การ์ดมันอยู่ในห้องนี่ครับ" จุนเจือรัวคำถาม เพราะเขาจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกอย่าง มันเหมือนว่าเป็นความฝันมากกว่า

 
"ที่นี่ สามารถจ่ายเพิ่ม และรับคีย์การ์ดได้เพิ่มอีกใบครับ"

 
   เมฆินทร์ตอบแล้วขมวดคิ้วยามที่เด็กหนุ่มไม่ยอมเดินขึ้นมานอนบนเตียงดี ๆ กลับทรุดตัวลงข้างเตียงแล้วฟุบหน้าลง

 
"เป็นอะไรครับ จุน"

 
"ผมแฮงค์แน่เลยครับพี่เมฆ รู้สึกอยากอ้วกตลอดเวลาเลย" จุนเจือเอ่ยเสียงแหบพร่า เขาจับได้ว่าน้ำเสียงเขาเปลี่ยนไป

 
   เมฆินทร์ก้าวเท้าลงจากเตียง เดินไปหาเด็กหนุ่มอีกฝั่ง ย่อตัวลงนั่งแล้วเอามือแตะหน้าผาก

 
"หรือจะไม่สบาย?" เมฆินทร์ถาม


      ฟากจุนเจือพอโดนสัมผัสเข้าหน่อยก็ใจเต้นแรง อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ทีไร จุนเจืออบอุ่นทุกครั้ง อยู่ ๆ ก็นึกอยากให้เขาเอาใจ เอื้อมมือไปจับมือพี่เมฆที่แตะหน้าผากเขาอยู่ แต้มยิ้ม สบตากันครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลา เหลือบเห็นร่องรอยสีกุหลาบหลายตำแหน่งประทับตามลาดไหล่ และแผงอกคนอายุมากกว่า จู่ ๆ จุนเจือหน้าแดงเรื่อ

 
"พี่เมฆครับ เมื่อคืนผมมีอะไรกับพี่เหรอครับ?"
 
 
"ใช่ครับ จุนจำไม่ได้เลยเหรอ?" เมฆินทร์เอียงคอถาม
 
"ครับ"
 

"แต่พี่จำได้ว่าทำกี่รอบ ฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะครับ"
 
 
"พี่เมฆครับ ผมไม่ใช่คนเห็นแก่เงินอย่างนั้นนะครับ ที่ผมถาม ผมแค่นึกไม่ออกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง" จุนเจือพยายามรื้อฟื้นความจำ แต่ยิ่งนึกให้ตาย ก็ยิ่งเอาความทรงจำเมื่อคืนกลับมาไม่ได้จริง ๆ
 
 
“ครับ”
 
 
"ส่วนเรื่องรอย ผมขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ คือ ผม..." จุนเจือก้มหน้างุด โดยปกติ ถ้าเขาไม่เมา จุนเจือไม่เคยคิดทิ้งร่องรอยพวกนี้อยู่แล้ว เพราะจุนเจือไม่ชอบ
 
 
"ช่างมันเถอะครับ เมื่อคืนจุนเมามาก พี่ก็ไม่ได้ห้ามด้วย ส่วนตัวแล้วพี่ชอบเซ็กซ์เมื่อคืนมาก"
 
 
     จุนเจือหน้าแดงก่ำ เพราะมันมีแต่พี่เมฆเท่านั้นที่จำได้ แล้วอย่างนี้ จุนเจือจะรู้ได้ไงว่าเขาทำอะไรน่าอายลงไปบ้าง
 
 
"แล้วพี่เมฆจะไปทำงานกี่โมงเหรอครับ?"
 
 

"วันนี้พี่หยุดครับ" เมฆินทร์ชะงัก ตอนที่เห็นแววตาอ่อนแรงดูสดใสขึ้นมาอีกครั้ง
 
 
"วันนี้พี่เมฆจะอยู่กับผมหรอครับ?" จุนเจือยิ้มกว้างขึ้นมาในบัดดล
 
 
"ใช่ พี่มีเวลาให้จุนทั้งวันเลยครับ"
 
 
"ฮือออ ผมดีใจครับพี่เมฆ" จุนเจือว่าดังนั้นและพยายามฝืนตัวไปกอดพี่เมฆ
 
 
 
"พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ พี่ไม่ได้พกเสื้อผ้ามาเลยว่าจะไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่"
 
 
"ผมไปด้วยนะครับ"
 
 

"ไม่ได้ครับ จุนเหมือนจะป่วย นอนอยู่นี่แหละครับ"
 
 
"แต่พี่จะกลับมาใช่ไหม?" เอ่ยถ้อยคำแสนเศร้าเคล้าน้อยใจ จุนเจือกลัวว่าตัวเองจะอยู่คนเดียวอีกครั้ง

 
 
     คนที่ยังโดนสวมกอดจากเด็กหนุ่ม กระตุกยิ้มเล็กน้อย เขาก้มลมไปจูบเนินหน้าผากจุนเจือและเอ่ยเสียงหนักแน่น
 
 
"พี่กลับมาแน่นอนครับ ไม่ต้องกังวลนะ"
.
.
.
.
      สามโมงยี่สิบสองนาที คือ เวลาที่เมฆินทร์กลับมาถึงห้อง พร้อมอาหารและเสื้อผ้าที่ซื้อใหม่ โดยเมฆินทร์จัดการใช้บริการซักรีดกับทางโรงแรมพร้อมเสร็จสรรพ


     แม้ว่า เมฆจะจับอาการได้ว่าจุนเจือเหมือนป่วย แต่เมฆินทร์แลดูไม่เดือดร้อนเท่าไหร่กับการใช้เวลาเกินความจำเป็นไปอย่างไม่รีบร้อน เมฆไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสตั้งอยู่บนห้างสรรพสินค้า เดินหาซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่ยังไม่เร่งรีบ จบท้ายด้วยการเลือกซื้ออาหารให้จุนเจือที่จุดนี้ พิถีพิถันนานหน่อย เพราะคนใกล้ป่วยควรเลือกอาหารที่กลืนง่าย คล่องคอ


         รูปงามเดินเข้ามาด้านในห้องพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อพบเด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าชุดใหม่นั่งอยู่บนเตียง เมฆเดินไปนั่งริมเตียง จูบแก้มจึงได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากสบู่เหลว


"อาบน้ำเหรอจุน?"


"ครับ"


"ทำไมไม่เช็ดตัว"


"ผมรู้สึกตัวเหนอะหนะน่ะครับ อาบน้ำน่าจะสบายตัวกว่า นี่ ผมนึกว่าพี่จะไม่กลับมาแล้ว" จุนเจือหลุบตาลงอย่างน้อยใจ เพราะพี่เมฆไปนานจนนึกว่าจะไม่กลับมา โดยจุนเจือก็ไม่รอ สั่งอาหารของทางโรงแรมด้วยบริการรูมเซอร์วิสเรียบร้อย


"ป่วยแล้วอ้อนหรือครับ?"


     จุนเจือไม่ตอบแต่กลับเบนหน้าหนีไปทางอื่น เมฆินทร์กระตุกแขนเด็กหนุ่มให้หันหน้ามา ชายหนุ่มประทับรอยจูบตรงมุมปากของจุนเจือ แล้วเอ่ย


"ลุกมากินข้าว กินยาก่อน"


"ผมกินข้าวแล้วครับ" จุนเจือบอกทำให้เมฆินทร์เงียบไปนิด


"พี่ขอโทษครับ เรากินไปตั้งแต่เมื่อไหร่?"


"เที่ยงครับ"


"นานไป ถ้างั้นฝืนกินอีกนิดได้ไหมจะได้กินยาด้วย"


"ผมไม่ได้ป่วยหรอกครับพี่เมฆ"


     เมฆินทร์จ้องมองคนดื้อ ก่อนใช้หลังมืออังหน้าผาก ผละมาแตะลำคอ


"กินดักไว้ก่อน แล้วพี่จะลดอุณหภูมิแอร์ลงด้วย" พอเห็นเด็กหนุ่มขยับตัวเมฆินทร์ก็โน้มตัวไปจูบปากเบา ๆ


"ไม่ดื้อสิครับ เชื่อฟังพี่หน่อย อย่าให้พี่ต้องดุบ่อย ๆ นะครับ"



        จุนเจือก้มหน้าพลางเม้มปากแน่น ยามเห็นแววตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ จุนเจือจึงทำตามอย่างว่าง่าย โดยพี่เมฆเป็นคนปรนนิบัติให้ทุกอย่าง ตั้งแต่ แกะถุงโจ๊กหมูใส่ไข่ใส่ถ้วยโฟม ป้อนข้าวทีละคำช้า ๆ โดยไม่อิดออดหรือรำคาญ จุนเจือกินไปไม่มากก็อิ่มเพราะรู้สึกไม่อยากอาหาร


      เมื่อได้ยาลงท้องแล้ว จุนเจือก็มองพี่เมฆที่จัดการเก็บขยะ เศษอาหาร เขายังกำชับอีกว่ามีขนมและน้ำผลไม้ให้จุนเจือกินด้วย


        จุนเจือแอบมองพี่เมฆด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาเริ่มได้ใจกับการกระทำที่พี่เมฆดูแลเป็นอย่างดี มันยิ่งทำให้เขาถลำลึกลงเรื่อย ๆ


"พี่เมฆ เรื่องเมื่อคืน ที่ผมเมา พี่พอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ?" จุนเจือถามขณะที่พี่เมฆกลับมาหย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ กันอีกครั้ง


"อยากรู้จริงเหรอ?"


"อยากรู้สิครับ"


"อย่าให้เล่าเลยครับ ถ้าพี่เล่าจุนจะไม่สบายใจเปล่า ๆ"


"ทำไมพูดแบบนั้น มันต้องมีอะไรไม่ดีแน่ ๆ เลย เล่าเถอะนะครับ ผมไม่เคยกินหนักขนาดนี้ เลยไม่รู้ว่าตัวเองทำเปิ่นอะไรไว้บ้าง เพราะเมื่อคืน...." จุนเจือเงียบพลางเม้มปากแน่น


"เมื่อคืนทำไมครับ? พี่อยากรู้เหตุผลทำไมจุนต้องดื่มมากขนาดนั้น"

"....."

     จุนเจือไม่กล้าบอกว่าสาเหตุของการเมาเพราะน้อยใจ



"เพราะวันเกิดจุนใช่หรือเปล่า? เอ่อ ขอโทษที พี่ลืมอวยพรไปเลย สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะครับ จุน" จุนเจือชะงัก ไม่คิดว่าพี่เมฆจะจำได้ เพราะเห็นตั้งแต่ตื่นมาพี่เมฆไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย




"ขอบคุณครับ"


"พี่ไม่ได้ซื้ออะไรมาเป็นของขวัญ กลัวว่าจะไม่ถูกใจ เลยมาถามจุนก่อน จุนอยากได้อะไรในวันเกิดครับ พี่จะซื้อให้"


"ผมไม่อยากได้สิ่งของเป็นของขวัญครับพี่เมฆ ผมอยากได้....."


      'พี่มาอยู่ข้างผม' คำพูดที่จุนเจือไม่กล้าเอ่ย เขาได้แต่เก็บคำนั้นกลืนลงคอ



"แล้วของขวัญที่ว่านั้นคืออะไรครับ?" เมฆินทร์ดึงมือเด็กหนุ่มไปลูบไล้ช้า ๆ


"ผม ผม คือ...."


"ถ้านึกออกเมื่อไหร่ บอกพี่นะครับ ถ้าทำได้พี่จะทำให้" เมฆินทร์ยิ้ม จุนเจือพยักหน้า


"ครับ แล้วเรื่องเมื่อคืน พี่เมฆยังไม่เล่าให้ผมฟังเลยครับ"


"ถ้างั้น ขอพี่ถามจุนก่อนได้ไหม?" เมฆินทร์ผุดรอยยิ้มพราวเสน่ห์ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มยังทำหน้าหงอย เขาจึงค่อยเคลื่อนริมฝีปากไปพรมจูบทั่วไปหน้า คลอเคล้า คลอเคลียเด็กหนุ่มอย่างรู้สึกชื่นชอบ


"ครับ"



"เรื่องข้อความในไลน์ที่ส่งมา มันเป็นความจริงเหรอครับ?"


กึก



    จุนเจือหน้าแดงก่ำ เบนหน้าหนีไปทางอื่น แล้วเอ่ย



"อะอ่าครับ พี่เมฆ" จุนเจือพยักหน้าไปพร้อมกับให้คำตอบ



"รู้สึกดีจังครับที่มีคนชอบพี่" เมฆินทร์ยิ้มละมุน เกลี่ยไรผมเด็กหนุ่มเล่น


"ส่วนเรื่องเมา จุนก็มีอะไรกับพี่ จุนบอกชอบพี่เหมือนกันครับ"


"อื้อ จริงหรอครับ คือ ผมบอกด้วยเหรอ อื้ออายย...." จุนเจือยกมือปิดหน้าแล้วฟุบลงกับเข่า จนเมฆินทร์หลุดหัวเราะเบา ๆ ก่อนดึงมือออก



"อย่าซีเรียสเลย พี่ดีใจนะที่จุนชอบพี่ มาให้พี่กอดหน่อยได้ไหมครับจุน" จุนเจือแหวกนิ้วมองลอดช่องว่างระหว่างนิ้วมือ ก่อนลดมือลงและกระเถิบตัวไปซบอก ส่วนเมฆินทร์ก็โอบกอดกลับ



    เมฆินทร์จูบซับไรผม ข้างขมับก่อนไล้มาถึงแก้มขาวใส


"จุนครับ พี่ขอบคุณนะที่จุนชอบพี่ แต่พี่ขอโทษ ที่ตอนนี้ พี่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับจุน"



กึก


      เป็นความจริงที่เจ็บปวด จุนเจือนั่งอึ้ง และช็อคจนพูดไม่ออก แล้ววันนี้ที่พี่เมฆินทร์ดูแลเขาทุกอย่าง พูดดีทุกอย่างกับเขานั้นเพราะอะไร?


     จุนเจือตาร้อนผ่าวจะร้องไห้ เขายังคงนิ่งงันความรู้สึกราวกับโดนใครผลักลงเหวไม่ทันตั้งตัว



"และพี่ต้องการยกเลิกสัญญานี้ด้วยครับ"



"ทำไมล่ะครับ? ผมห่วยเรื่องเซ็กซ์หรอ พี่เมฆบอกผมได้นะครับ ผมแก้ไขได้นะ" จุนเจือผละออกมามองหน้าพี่เมฆทันที


"ไม่เลย พี่ชอบนะ เวลาพี่มีเซ็กซ์กับจุน พี่ได้เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ พี่อยากได้แบบไหน จุนก็ทำให้ไม่เคยบ่น ไม่เคยอิดออด มีแต่ทำให้พี่ประทับใจ" เมฆินทร์ว่าแล้วจูบปากอีกครั้ง


"แล้วพี่จะยกเลิกสัญญาทำไมครับ ไม่เอา ไม่ยกเลิกได้ไหมครับ?" จุนเจือเสียงสั่นเครือ


"จุนขาดเงินที่ต้องใช้หนี้อีกเท่าไหร่ครับ พี่จะจ่ายให้ทั้งหมด"



"ไม่นะพี่เมฆ ผมไม่สนเรื่องเงินแล้วครับ"จุนเจือปากสั่น เสียงสั่น ใจสั่นไปหมด เขาทำตัวไม่ถูกที่ได้ยินแบบนี้ จุนเจือขออย่างเดียว ขอได้เจอพี่เมฆอีกเรื่อย ๆ เพราะการยกเลิกสัญญาก็เท่ากับว่า จุนเจือมีโอกาสจะไม่ได้เจอพี่เมฆด้วย


"จุนครับ ถ้างั้นก็เชื่อฟังพี่ ทำตามที่พี่บอกนะ"


"เพราะอะไร? เพราะผมชอบพี่เหรอ? ผมขอโทษนะครับที่ผมใจง่าย  ถ้าพี่ไม่สบายใจที่ผมใช้ใจลงไปเล่นในความสัมพันธ์นี้ โอเค ผมจะเลิกชอบพี่ แต่ผมอยากให้มีสัญญานี้ต่อได้ไหมครับ" จุนเจือหลั่งน้ำตาในขณะที่เมฆินทร์หลบตาหนีไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น



"มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จุนชอบพี่ครับ แต่จุนชอบละเมิดกฏอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะข้อที่พี่บอกว่าตอนมีเซ็กซ์กับพี่ จุนต้องไม่มีใคร?"


"ก็ผมไม่มีใคร ผมโสด"



"แต่จุนเมาแล้วจุนติดต่อกับแฟนเก่า"


กึก
   
     เมฆินทร์ค่อนข้างเลือกคนที่จะสานสัมพันธ์ด้วยกัน ในตอนนั้น เขามั่นใจว่าดูคนไม่ผิด ตอนที่เจอจุนเจือที่เกาะ จุนเจือมีความจริงใจ เป็นกันเอง และมีความร่าเริง สดใสในแบบวัยของเขา โดยเฉพาะยามที่ระเริงรัก แม้จุนเจือจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องเพศสัมพันธ์แต่ทุกอย่างที่จุนเจือทำ มันดูเป็นธรรมชาติ และยังพยายามเอาอกเอาใจแบบใส่ใจจริง ๆ ไม่ใช่เสแสร้งแสดงฉากรักแบบโอเว่อร์แอคติ้งเกินเหตุ


    ทุกอย่างที่เป็นจุนเจือทำให้เมฆินทร์อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แต่สิ่งที่เมฆไม่ชอบ คือ การไม่อยู่ในกฏเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้



     ดังนั้น คนที่อยู่ใต้อาณัติของเขา หากทำผิดกฏ เมฆินทร์ก็ไม่ปล่อยไว้เหมือนกัน
 

     การจบสัญญา คือ ความปลอดภัยทางความรู้สึกที่ดีที่สุด



         ส่วนจุนเจือเอง ได้ยินดังนั้น ก็เถียงไม่ออก เพราะเขาเมาเลยจำไม่ได้ว่าโทรจริงหรือไม่?


"ผมคุยกับแฟนเก่าตอนเมาหรือครับ?"จุนเจือถามขณะที่น้ำตายังไหลไปด้วย


"ครับ จุนลองดูมือถือตัวเองสิครับ"


    จุนเจือยังไม่หยิบมือถือมาดู เขาหมดแรงจนไม่อยากดูอะไรแล้วทั้งนั้น


"ถึงเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่บอมบ์แล้วนะครับ ผมสาบานได้" จุนเจือพูดพลางปาดน้ำตาลวก ๆ


"ไม่ต้องสาบานกับพี่หรอกครับ ไม่ทันแล้ว มันเกิดขึ้นแล้วครับ จุน"


"พี่เมฆ ผมขอโทษครับ" จุนเจือกัดปากสั่น ๆ



"รู้ไหม พี่สบายใจที่ได้อยู่กับจุน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม จุนสัญญาได้ไหมว่าจะยังเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังพี่อยู่" เมฆินทร์ว่าพลางแตะนิ้วโป้งไล้แก้มเนียน จุนเจือพยักหน้าหงึกหงัก



"ถ้างั้นก็ยกเลิกสัญญา ส่วนเรื่องเงินที่ขาดไป พี่จะช่วย พี่เห็นใจจุนนะ"



"ถ้างั้นผมไม่เอาเงินเหมือนกันครับ  ไม่เป็นไร ฮึกกกอืออ...พี่เมฆ ผมโอเค"


     เมฆินทร์ซับน้ำตาเด็กหนุ่มก่อนดึงเด็กหนุ่มมากอด


"เวลาจุนอยู่กับพี่ จุนร้องไห้ตลอดเลย พี่ดูเหมือนคนใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ?


"ฮือออ ครับ พี่ใจร้ายขนาดนั้นเลยแหละ"


      จุนเจือว่าอย่างไม่เข้าใจ พี่เมฆทำแบบนี้กับเขาทำไมในขณะที่ปากพร่ำบอกตัดความสัมพันธ์แต่เราสองคนยังอยู่ในอ้อมกอดเดียวกัน


"พี่ขอโทษนะครับ จุน อย่าโกรธพี่เลยนะ"


    ดูสิ เขาทำแบบนี้กับจุนเจือทำไม พูดจบก็ยังผละมาจูบปากจุนเจือซ้ำ


"พี่เมฆครับ ถ้ายกเลิกสัญญา ผมยังติดต่อพี่ได้ไหม"


"ไว้ถ้ามีอะไร? พี่จะเป็นฝ่ายติดต่อไปเองคงดีกว่า ตกลงตามนี้นะครับจุน"


    จุนเจือใจสลาย การที่พี่เมฆพูดแบบนี้ มันเหมือนเป็นสัญญาณว่าเขาจะตัดขาดอย่างถาวร


"ฮือออ เราไม่มีสิทธิ์สานสัมพันธ์ไปมากกว่านี้ได้เลยเหรอครับ?" จุนเจือยังคงตื้อและดื้อดึง


"พี่ไม่ใช่คนดีหรอกนะจุน อยู่กับพี่ไปนาน ๆ จุนอาจร้องไห้หนักกว่านี้ก็ได้" เมฆินทร์ว่า



"แต่ผมยอมร้องไห้ ถ้ามันเป็นพี่" จุนเจือตอบโดยไม่คิดจนเมฆินทร์ชะงัก



"ไม่เอาสิครับ อย่าทำให้พี่ลำบากใจเลย คนดี ๆ อย่างจุนต้องเจอคนที่คู่ควรกับจุน พี่มันคนไม่ดีอย่ามาอยู่กับพี่เลยครับ"


    คนอายุมากกว่า ไม่อยากเห็นน้ำตาเด็กหนุ่ม เมฆจึงดึงตัวจุนเจือมาสวมกอดแน่น ซบหน้าลงกับลาดไหล่ จูบซับข้างลำคอ ทั้งสองกอดกันเนิ่นนาน จนกระทั่ง


"พี่เมฆ วันเกิดผม ผมรู้แล้วครับว่าอยากได้อะไร?" จุนพูดเสียงอู้อี้เหมือนคนเป็นหวัด


"อะไรครับ?"



"อีกไม่กี่วัน ก่อนผมกลับไปทำงานที่ใต้ ผมขอใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับพี่เมฆได้ไหมครับ ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ พี่เมฆแบบนี้ ฮือออออ"



"พี่ให้ได้ครับ" เมฆินทร์ผละมามองหน้าจุนเจือ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาและน้ำมูกที่ไหลย้อยราวกับเด็กน้อยโดนทิ้ง


 
..................................................

           
ง่าง่า จบตอนนี้ คิดว่าควรเข้าข้างใครดีน้า

หลังจากหายไปนาน ช่วงนี้เลยมาต่อให้ถี่ยิบเลยค่ะ ^^
   :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :mew6: :mew6: :mew6:



หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 11 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 10.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-10-2019 18:06:05
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 11 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 10.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-10-2019 18:24:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 11 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 10.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-10-2019 23:01:25
พี่ใจร้ายกับจุนจับเลย แต่ก็นะไม่ให้ความหวังเลยอาจจะดีก็ได้เสียใจวันนี้ต่อไปจุนน่าจะเข้มแข็งขึ้นละนะ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 11 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 10.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 11-10-2019 00:14:44
เฮ้อออออ หนักใจ เศร้าแทนจุน
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 12 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 12.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 12-10-2019 15:25:53
บทที่ 12 เรียกพี่ว่า 'เอิร์ท'








  หลังจากบอกข้อตกลงของการยกเลิกสัญญา เมฆินทร์ปลอบเด็กหนุ่มไม่นาน ก็ทำท่าจะลงไปข้างล่าง พอจุนเจือรั้ง เมฆินทร์จึงบอกว่าไปไม่นาน เด็กหนุ่มจึงจำใจปล่อย

 

      จุนเจือโมโหตัวเองที่คิดไม่ออกว่าคุยกับพี่บอมบ์ว่าอะไรบ้าง นั่งเค้นเหตุการณ์เมื่อคืน ทว่า ยิ่งนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ตัดสินใจใช้โอกาสนี้ รีบโทรหาอดีตคนรักทันที





"พี่บอมบ์"



 

[หืมมม จุนครับ พี่กำลังจะโทรไปพอดีเลยครับ นี่กว่าพี่จะใช้เวลาหายโกรธจุนได้นานมาก เมื่อคืนเราทำพี่แสบนะครับ กล้าหลอกพี่เหรอ? พี่ไปถึงโรงแรมแล้วแต่จุนไม่รับสาย]



 

"เมื่อคืนผมคุยกับพี่บอมบ์เรื่องอะไรบ้าง?"



 

[จุนจำไม่ได้?]



 

"จำได้-ไม่ได้ไม่สำคัญ ผมอยากรู้ พี่บอมบ์บอกผมมาเดี๋ยวนี้"



 

[ก็พี่โทรหาจุนว่าจะมาหาไหม แต่จุนบอกให้พี่ไปหาที่โรงแรม พี่ก็ไป แต่ดันไปเจอผู้ชายอยู่หน้าห้องที่อ้างว่าเป็นเจ้าของ เขาบอกอยู่คนเดียว และเขาไม่รู้จักจุน พี่ถึงถามจุนไงว่าจุนโกหกพี่หรอครับ]



 

    จุนเจืออึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน มันเป็นเรื่องจริงเหรอนี่ เด็กหนุ่มสบถในลำคอ ก่อนจะกุมขมับเพราะกลับมาปวดหัวอีกครั้ง



 

"พี่บอมบ์ครับ ผมว่าเราอย่าติดต่อกันอีกเลย เราไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้หรอก จุนอโหสิกรรมให้พี่แล้ว จุนจะใช้หนี้เองทั้งหมด จุนไม่ได้อยากกลับไปคบพี่ อนาคตของจุนมันไม่มีพี่อยู่เลย แค่นี้นะครับ"



 

    จุนเจือไม่รอฟังให้อีกฝ่ายพูดแล้ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นบทเรียนที่เขาพลาดเองเผลอปลดล็อคเบอร์อีกฝ่าย แล้วปล่อยให้ความสัมพันธ์เก่าวนกลับมาย้ำความทรงจำ ยามนี้ จุนเจือรู้ซึ้งถึงความผิดพลาดทั้งหมดว่าเขาควรจบอดีตให้สิ้นซาก จุนเจือจะไม่เปิดช่องทางการติดต่อให้เกิดอาการใจอ่อนอีก วางสายทำการบล็อคเบอร์โทรศัพท์อีกครั้ง และเด็กหนุ่มเลือกที่จะกรอกเบอร์เพื่อนสนิทเพื่อคุยเป็นสายต่อไป 

 

"ฮัลโหล แพร"



[อร้ายยย ไอ้จุน เป็นไงบ้าง กูไม่กล้าโทรหา กลัวขัดความสุขตอนมึงอยู่กับพี่เขา นี่กูลุ้นมากเลย สรุปเมื่อคืนพี่เขากลับมาหามึงใช่ไหม?]



 

"ใช่ กลับมา"



 

     จากนั้นจุนเจือได้ยินเสียงแพรกรี้ดดังลั่นจนต้องเอามือถือออกห่างจากหู



 

[เห็นไหม? เขาชอบมึงแน่เลย เขากลับมาหามึงด้วย ที่เหลือ มึงก็อ่อยต่อเลยนะ]



    ยิ่งได้ยินคำดีใจของเพื่อนที่ไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริง ยิ่งทำให้จุนเจือน้ำตาคลอกับความจริงที่จะบอกออกไป



 

"แพร พี่เมฆกลับมาจริง ๆ แต่เขากลับมาบอกว่า เขาไม่ได้ชอบกู"



กึก



 

[อะ...อะไรนะจุน]



 

 

"มึง เขาไม่ชอบกูจริง ๆ แพร เขายกเลิกสัญญาด้วย กูทำไงดีวะ แพร กูเจ็บว่ะ เจ็บไปหมดเลย ที่ผ่านมา พี่เขาทำดีกับกูเพื่ออะไรวะ"



 

[จุนใจเย็น ๆ นะมึง กูขอโทษที่กูพูดเชียร์และมั่นใจในตัวพี่เขาเกินไป เฮ้อ! แต่อย่างน้อยมึงก็ได้รู้แล้วนะว่ามึงควรมูฟออน อย่าเสียเวลากับพี่เขาเลย พยายามเข้มแข็งนะจุน กูรักมึงนะ ให้กูไปหาไหม]



"ขอบใจ แต่ไม่ต้องมาหรอกมึง สองสามวันนี้ กูจะใช้เวลาอยู่กับเขามาก ๆ ก่อนกูกลับใต้น่ะ"





     จุนเจือไม่ได้ร้องฟูมฟายเหมือนตอนพี่เมฆบอกข่าวร้าย เขาแค่น้ำตาคลอและเจ็บแปลบปลาบที่ใจยามระบายให้เพื่อนฟัง โดยไม่รู้เลยว่า เมฆินทร์หยุดชะงักตรงบานประตูหน้าห้อง เขากลับเข้ามาใหม่เพราะลืมของ

.

.

.

"จุนครับ หลับแล้วเหรอ?"





"พี่เมฆ" จุนปรือตาขึ้นมา เขาจำได้ว่า เขาคุยกับแพรไปสักพักก็นั่งกอดเข่าหลั่งน้ำตาจนผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่า  จุนเจือรอพี่เมฆขึ้นมาแต่พี่เมฆไม่ขึ้นมาสักที เขาเป็นแบบนี้อีกแล้ว บอกว่า จะหายไปไม่นาน แต่ทุกครั้งมันก็นานจนเกินจะรอ





"ครับ เป็นไงบ้าง อาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม ไปกินข้าวเย็นกัน" เมฆินทร์ว่าพลางสอดมือใต้รักแร้ ยกตัวเด็กหนุ่มขึ้นนั่ง เขาลูบแขน ลำคอและแตะตามโครงหน้าเหมือนจุนเจือจะตัวไม่ร้อนแล้ว



    เมฆินทร์สบตามองจุนเจือที่พอรู้ตัวว่าโดนจ้องก็เบนหน้าหนี ปลายนิ้วแตะลงบนเปลือกตาบวมเป่ง



"กินที่ไหนครับ?"



"จุนอยากกินที่ไหน?"



"ผมอยากไปห้าง"



     เมฆินทร์ก้มมองนาฬิกาข้อมือก็ปรากฎเป็นเวลาหนึ่งทุ่ม



"จะไปกินอะไรครับ ไม่น่าทันนะ กว่าจะเดินทาง กว่าจะถึง"



"......"



"โอเค พี่ขอตัดสินใจเอง พี่จะพาจุนไปร้านส้มตำดีกว่า พี่เคยได้ยินพนักงานที่บริษัทพูดถึงร้านนี้บ่อย ๆ จุนไปนะ"



"แล้วมันจะไม่ปิดหรอครับ"





"ร้านนี้ ปิดห้าทุ่มครับ"



"ครับ"



"จะแต่งตัวใหม่หรือจะไปชุดนี้"



"ชุดนี้แหละครับ" จุนเจือว่าก่อนจะลุกขึ้น ยามนี้ เขาไม่ห่วงหล่อแล้ว



     เมฆินทร์มองเด็กหนุ่มที่ดูออกว่าอาการแย่ไม่ใช่กาย แต่แย่ที่ใจ



     เขาเดินไปแตะแขนจุนเจือ แล้วถาม



"จุน โอเคนะ"



     จุนเจือมองหน้าพี่เมฆก็ฝืนยิ้มก่อนน้ำตาจะหยด



"ในชีวิตพี่เมฆ พี่เคยมีความรักจริง ๆ บ้างไหมครับ?" จุนเจือพยายามทนแล้วน้ำ แต่น้ำตาไหลจนได้  เมฆินทร์สวมกอดจุนเจือทันที



"พี่ก็มีหัวใจเหมือนกันครับ จุน"





      ผละออกเพื่อปล่อยให้จุนเจือไปทำธุระส่วนตัว พอกำลังจะออกจากห้อง เมฆจับมือเด็กหนุ่ม





"จุนครับ พรุ่งนี้กับมะรืนพี่มีงาน พี่จะไม่ว่างช่วงบ่าย"



"ครับ" จุนเจือตอบรับอย่างซึม ๆ สุดท้ายเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันก็ถูกลดทอนลงไปอีก เพราะพี่เมฆทำงาน ครั้นจะไปตื้อดื้อดึงก็คงถูกดุไปตามระเบียบ



"แต่เห็นจุนขอไว้ว่าจะอยู่ด้วยกันก่อนกลับ พี่เลยจะชวนไปงานด้วย"



   คนหน้าหงอยเบิกตาโพลงหันไปหาคนที่พูดประโยคนั้นออกมา



"พี่ให้ผมไปได้จริง ๆ เหรอครับ?"



"ครับ แต่ไม่ดื้อนะ ไปเฉย ๆ แล้วถ้าใครถามว่าจุนเป็นใครให้บอกว่าเป็นน้องชายเพื่อนพี่นะ"



"ครับ"



      จุนเจือจะพยายามไม่คิดมาก อย่างน้อยก็จะได้มีช่วงเวลาดี ๆ ที่ควรค่าแก่การจดจำระหว่างอยู่ด้วยกันกับเขา

.

.

.

.



"จุนถ้าถึงงานแล้วอย่าดื้อนะครับ"





       วันนี้ จุนเจือลอบมองพี่เมฆตลอด เขาแต่งตัวสุภาพด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงแสล็คสีกรมท่า แม้ว่าจุนจะเคยเห็นลุคนี้บ้างบางวัน แต่อย่างไรก็ตาม พี่เมฆยังคงภาพลักษณ์ดูหล่อในสายตาจุนเจือเสมอ



"ผมดูเป็นเด็กเอาแต่ใจขนาดนั้นเลยหรอครับ พี่ถึงต้องกำชับบอกผมขนาดนั้น"



"จุนชอบดื้อกับพี่นี่ครับ อย่ายุ่งย่ามขณะที่คนอื่นเขาทำงานนะ"



"ถ้าพี่พูดอย่างนั้นพี่จะพาผมมาทำไมครับ ผมไปก็เกร็งเปล่า ๆ"



"จุนไม่ได้อยากอยู่กับพี่แล้วหรอครับ"





     จุนเจือชะงักพลางสบตามองพี่เมฆ และคราวนี้ เป็นพี่เมฆที่ละสายตาหนีไปก่อน



     จุนเจือคิดอีกทีมันก็ดีเหมือนกัน การไปเห็นว่าพี่เมฆทำงานอะไรนั้น มันก็ทำให้เขาเห็นอีกมุมที่ไม่เคยเห็น



     จุนเจือเงียบ พอแอบมองใบหน้าด้านข้างพี่เมฆ มันก็เกิดความสุขคละเศร้าในคราวเดียวกัน จุนเจือเบือนหน้าหนีออกไปมองนอกกระจกรถด้วยความรู้สึกเจ็บ



'เอาน่าจุน ถ้าเลือกแล้ว ก็ทำมันให้ดีที่สุดนะ'





      ตอนนี้ ในเวลาบ่ายโมงครึ่ง ทั้งคู่จอดรถที่ลานจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า เมฆินทร์บอกจุนเจือว่าที่แห่งนี้ จะเป็นสถานที่จัดงาน โดยวันนี้จะเป็นการตระเตรียมงาน ก่อนจัดงานแถลงข่าวมหกรรมการจัดงานทางด้านธุรกิจในวันพรุ่งนี้



    บอกรายละเอียดแก่จุนเจือคร่าว ๆ จู่ ๆ เด็กหนุ่มก็รู้สึกดีที่เขาได้เป็นส่วนหนึ่งในการรับรู้การทำงานของพี่เมฆ เพียงเปิดประตูกระจกใส ก็มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินยิ้มมาหาเมฆินทร์



"สวัสดีค่ะ คุณเมฆินทร์ มาทันใจเลย แอนท์ว่าจะขอปรึกษาเรื่องงานพอดี"



"สวัสดีครับ คุณแอนท์ ได้ครับ รอผมสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมมา"



"ไม่รีบ ๆ ค่ะ มาบอกไว้ก่อน แอนท์รอตรงนู้นนะคะ"



"ครับ"



    บทสนทนาที่ทั้งสองคุยกันทำให้จุนเจือยืนเด๋อเหมือนเป็นส่วนเกิน เมฆินทร์พาจุนเจือไปหาลูกน้องคนสนิทที่เป็นคนคุมโปรเจกท์นี้ 



"จุนครับ นี่เจน......." เมฆินทร์อมยิ้ม ก่อนละสายตาจากจุนเจือไปหาพนักงานคนสนิท



"...ภพ พี่ฝากน้องหน่อยครับ น้องชื่อจุนเจือ เรียกน้องเขาว่าจุนก็ได้ จุนถามพี่เขาเองนะว่าอยากให้เรียกชื่อว่าอะไร เดี๋ยวพี่จะไปคุยกับลูกค้าก่อน"





      เจนภพ คือ หนุ่มวัยยี่สิบแปด เป็นหนึ่งในพนักงานคนสนิทเพราะทำงานมาตั้งแต่บริษัทเพิ่งเปิดตัวใหม่ ๆ เขาเป็นคนเก่ง มีประสิทธิภาพทางด้านการทำงานดีเยี่ยม อีกทั้งยังไม่เกี่ยงงาน พร้อมลุยได้เต็มที่ แหละเพราะทำงานด้วยกันมานาน จึงทำให้เมฆินทร์รู้สึกไว้ใจและค่อนข้างสนิทสนมเป็นพิเศษ



"ขอบคุณนะครับพี่เมฆที่แนะนำชื่อเต็มผม แหม่! จะเรียกติดกันก็ไม่ได้นะครับ พี่เมฆนี่ชอบแกล้งผมจัง"



"หึ พี่ไปก่อนเอิร์ท ฝากน้องด้วย"



     จุนเจือแปลกใจ ไม่ค่อยเห็นมุมพี่เมฆหยอกล้อมาก่อน พอเขาหยอกล้อกับลูกน้องอย่างเป็นกันเอง ทำไมจุนเจือรู้สึกว่าเขาน่ารัก และเข้าถึงได้ง่าย ไม่ได้ดูโหดร้ายเหมือนตอนที่อยู่กับจุนเจือเลย



    เจนภพละสายตาจากเจ้าของบริษัทก่อนจะกลับมามองเด็กหนุ่มหน้ามนปากสวย



"สวัสดีครับ" จุนเจือยกมือไหว้และส่งยิ้มอย่างจริงใจ ฟากเจนภพก็ยิ้มกว้างพลางพยักหน้าหนึ่งทีให้รู้ว่าพร้อมเป็นมิตรเช่นกัน

 

"สวัสดี จุน นี่น้องเพื่อนพี่เมฆเหรอ?"

 

"เอ่อะ! ครับพี่"

 

"จุนอายุเท่าไหร่ล่ะ"

 

"ยี่สิบห้าสด ๆ ร้อน ๆ เลยครับ"



"แสดงว่าวันเกิดเพิ่งผ่านมา?"



"ครับ"

 

"เบิร์ทเดย์ย้อนหลังนะ"



"ขอบคุณนะครับพี่...เอ่อ ผมต้องเรียกพี่ว่า เจน.."



"น้องจุนอย่ากวนเหมือนพี่เมฆสิ ฟังคนเรียก เจน ตั้งแต่เด็กจนโต จนอยากจะเปลี่ยนชื่อจริงที่แม่ตั้งให้แล้วเนี่ย"



"ถ้างั้น...."



"เรียกพี่ว่า 'เอิร์ท' ครับ" เจนภพส่งยิ้มอย่างเป็นกันเอง



"อ้อครับพี่เอิร์ท" จุนเจือยิ้มกว้าง



"พี่เมฆฝากไว้ คงไม่ได้ให้ทำอะไร ถ้างั้นจุนไปนั่งรอเหอะ พี่ก็ไม่รู้จะใช้อะไรด้วย"



"ผมทำได้นะครับพวกงานง่าย ๆ หรืองานที่ไม่มีผลกระทบในทางเสียหายกับงานพี่มาก ผมชอบพวกงานบริการ เผื่อพี่เอิร์ทสามารถหางานให้ผมทำได้"



    เอิร์ทมองเด็กคนนี้ที่อาสาอย่างขยันขันแข็งก็นึกขำ



"เอ่อ ถ้างานที่จุนพอทำได้ก็มีนะ งานสั่งข้าวให้พวกสตาฟและพวกทีมเซ็ตอัพกินตอนเย็น เดี๋ยวพี่ไปถามพี่เมฆก่อนว่าได้ไหม?"



"ไม่ต้องหรอกครับ"



"ไม่ได้ ถ้าเป็นงานอะไรก็ตาม ควรแจ้งให้แกทราบก่อน เพราะเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา พี่เมฆจะได้รับรู้เรื่องราวและเป็นคนแก้ปัญหาให้"



    จุนเจือตกใจตอนที่พี่เอิร์ทเสียงดังและตอบกลับมาทันควัน



"เอ่อครับ"



     ครู่หนึ่งจุนเจือเห็นพี่เอิร์ทเดินไปหาพี่เมฆ ซึ่งเป็นจังหวะที่ลูกค้าปลีกไปคุยโทรศัพท์มือถือ เขาใช้จังหวะนี้แทรกไปคุยไม่นานก็เดินกลับมา





"พี่เมฆโอเคนะ  ถ้างั้นพี่ยกหน้าที่นี้ให้จุนสั่งข้าวไปเลย แต่อย่างอื่นพี่เมฆไม่ให้ยุ่ง"



"ได้ครับ อันนี้พี่เอิร์ทมีเจ้าประจำอยู่แล้วหรือเปล่าครับ หรือผมสามารถหาเจ้าใหม่ได้เลย"



"มีทีมหาเบอร์ไว้แล้วล่ะ เราแค่โทรสั่ง เดี๋ยวเขาคงให้วินฯ มาส่งข้าวให้"



"อ้อครับ"





"ถ้าข้าวมา จุนไปนัดแนะกับพี่วินฯ เขาเอาว่าจะไปรับ-ส่งข้าวกันตรงไหน จุนทำได้แน่ใช่ไหม?"



"ครับ ผมทำได้ แต่ถ้าข้าวมาแล้ว ให้ผมไปวางตรงไหนครับ พี่เอิร์ท"



"ก็ถ้ามาถึง ให้มาวางใต้โต๊ะหน้าขาวก่อน แล้วเดี๋ยวพี่จะเรียกทีมมารับและแบ่งกันไปกิน"



"ครับ"





     ในระหว่างที่เมฆินทร์ฝากฝังเด็กหนุ่มไว้กับเจนภพ ครู่หนึ่งเขาละสายตาระหว่างสนทนากับลูกค้าที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องบอลรูม ลอบมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาแปลกใจที่จุนเจือเข้าขากันได้ดีกับเอิร์ท ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันมาก่อน แต่สามารถหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนิทสนม





"ตอนนี้ มันยังไม่ถึงเวลา จุนจะนั่งเล่นก่อนก็ได้นะ"



"ครับ" จุนเจือยิ้มกว้าง จนเอิร์ทเอียงคอมอง



"เรานี่ดูยิ้มแย้มดีนะ" เอิร์ททัก เขาเห็นเด็กหนุ่มคนนี้พูดไป ยิ้มไปตลอดเหมือนเป็นลักษณะนิสัยของเขา



"มันไม่ดีหรอครับพี่เอิร์ท"



"มันก็ดี แต่ถ้าคนไม่รู้จักเดินผ่านมองมาคงนึกว่าบ้า"



"อ้าว พี่เอิร์ทล่ะก็...ว่าผมนี่นา"





     เอิร์ทยิ้มขำ ฟากจุนเจือก็ทำหน้าจ๋อยก่อนสอดสายตามองรอบบริเวณ





"ผมนั่งตรงไหนได้บ้างนะครับ"



"ตรงที่เขาตั้งโต๊ะจุดลงทะเบียน น่ะ ไปนั่งรอก่อนได้"



"ครับ"



    ขณะที่จุนเจือเดินไป เจนภพก็เดินตามไปด้วย





"ปกติ เราดูดบุหรี่หรือเปล่า?"



"ครับ?"



"เราน่ะ ดูดบุหรี่ไหม?"



"ไม่ครับ ผมว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ"



กึก



    เอิร์ทชะงักก่อนระเบิดหัวเราะ



"นี่เหมือนโดนด่าอยู่เลยว่ะ"



"อ้าวทำไมครับ อย่าบอกนะว่าพี่เอิร์ทสูบ?"



" อืม เดี๋ยวมา พี่ไปฆ่าตัวตายก่อน"



"ฮ่า ๆ พี่เอิร์ทนี่ตลกจังครับ"



    ครู่หนึ่ง เจนภพเห็นรอยยิ้มของจุนเจือแต่แววตากลับไม่ยิ้มตาม



"ถ้าอยู่ตรงนี้คนเดียวแล้วจะกร่อย จะออกไปรับลมหน่อยไหม?"



"ไปครับพี่" จุนเจือตอบรับทันทีด้วยรอยยิ้มกว้าง





     ในระหว่างที่ออกมาตรงส่วนนอกอาคารแล้วนั้น พี่เอิร์ทเดินออกไปยืนสุบบุหรี่ ซึ่งห่างจากจุนเจือพอประมาณ ส่วนจุนเจือนั่งรอตรงเก้าอี้หวาย พิจารณามองพี่เอิร์ทโดยรวม รู้สึกว่าเขาดูหล่อและเท่ดี มีการแต่งกายและบุคลิกเป็นตัวของตัวเอง เขาสวมเสื้อยืดสีดำพอดีตัวสวมกางเกงบลูยีนส์กับรองเท้าบูธหนังสีน้ำตาลเข้ม พี่เอิร์ทไว้ทรงผมอันเดอร์คัท แสกกลาง เจาะหูทั้งสองข้างใส่ต่างหูห่วงเล็ก ใบหน้าเหมือนคนลูกผสมฉบับตี๋เข้ม ตอนที่พี่เอิร์ทหันหลัง จุนเจือเหลือบเห็นรอยสักที่โผล่พ้นคอเสื้อยืด แต่จุนเจือไม่รู้ว่ามันคือลายอะไร? คงสวยน่าดู

 

    เมื่อคิดถึงชื่อพี่เขา จุนเจือว่ามันก็แปลกดี หากเรียกพี่เอิร์ท จะดูเหมาะกับลุคการแต่งตัว และการสักกายของพี่เขา หาก เรียกชื่อ เจนก็เหมาะกับยามที่พี่เขาชอบพูด ชอบเล่นมุกเหมือนกัน เขาเป็นผู้ชายที่จุนเจือไม่เคยสัมผัสมาก่อน



    ครู่หนึ่ง ทั้งสองสบตากัน และเป็นจุนเจือที่ละสายตา ก่อนได้ยินพี่เอิร์ทพูดเสียงดังมาจากจุดที่ยืน





"แอบมองพี่เหรอ น้อง?"



"ห้ะ? เอ่อ พี่เอิร์ทสักด้วยหรอครับ?" จุนเจือก็เลยได้ทีถามกลับไปบ้างซะเลย





     คนที่ยืนสุบบุหรี่ชะงักมือ เขาดึงมวนบุหรี่ออกจากปาก หมุนตัวเดินมาหาจุนเจือ



"รู้ได้ไง?"



    จุนเจือยิ้มกว้าง แล้วชี้นิ้วไปที่หลังพี่เขา



"ผมแอบเห็น"



"ช่างสังเกตนะเรา"



"ถามได้ไหม? พี่สักลายอะไรหรอครับ?"



"อยากรู้เหรอ?"



"ก็อยากรู้นะครับ เพราะพี่เอิร์ทน่าจะสักลายใหญ่ คงเต็มหลังเลยใช่ไหมครับ?"



    เอิร์ทเงยหน้าพ่นควันบุหรี่สีหม่นล่องลอยวนบนอากาศ ก่อนจะเดินหน้ามาหลลาบก้าว  โน้มตัวลงไปใกล้จุนเจือ สองมือไพล่หลังแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์



"มั้งครับ จุนรู้อะไรไหม คนที่อยากรู้ว่าพี่สักลายอะไร? สุดท้าย มักลงเอยเป็นคนที่พี่ได้นอนด้วยทุกทีเลย"



กึก



    จุนเจือลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หลบแววตาแพรวพราว เขาเม้มปากที่ผุดรอยยิ้มแห้ง



"เอ่อ ผมไม่อยากรู้แล้วก็ได้ครับ"



"ฮ่า ๆ อะไรกัน แค่นี้ก็ไม่อยากรู้แล้วเหรอ?"



"พี่เอิร์ทพูดน่ากลัวนี่ครับ"



"โธ่ พี่ล้อเล่น พี่จะบอกกับคนที่สนิทเท่านั้นน่ะ" ครู่หนึ่งจุนเจือเห็นพี่เขาอัดบุหรี่ไปอีกเต็มปอด ก่อนจะเดินไปบี้ก้นบุหรี่และทิ้งตรงที่จุดทิ้ง สบตามองจุนเจือแล้วยิ้ม



"เราอยากสนิทกับพี่ไหมล่ะ?"



"เอ่อ! ครับ?..." จุนเจือยิ้มแห้ง ส่วนเอิร์ทก็ไม่ได้รอคำตอบ เขากลับพูดเรื่องสำคัญแทน



"ไปเถอะครับ พี่ต้องไปทำงานต่อ เราก็นั่งรอพี่เมฆตรงที่พี่บอกแล้วกัน สักสองโมงกว่าก็โทรสั่งข้าวได้แล้วล่ะ กว่าจะใช้เวลาทำกับข้าว กว่าจะมาส่งอีกจะได้เป็นช่วงที่ทีมเซ็ตอัพพักกินข้าวเย็นพอดี"



"ครับผม เอาข้าวกี่กล่องนะครับพี่เอิร์ท"



"สามสิบกล่องครับ"



"ครับ"



    ทั้งสองยิ้มให้กัน โดยที่จุนเจือไม่รู้ตัวว่าเมฆินทร์กำลังยืนจ้องมองออกมาทะลุกระจกใส






.
.................................................


 :mew3: :mew3:

หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 12 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 12.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-10-2019 16:25:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 12 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 12.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-10-2019 19:00:31
  :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 12 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 12.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 12-10-2019 22:31:13
จุนเปลี่ยนใจเถอะ เจนภพอาจจะดีกว่า
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 12 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 12.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 13-10-2019 23:39:23
จุนลูกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 13 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 15.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 15-10-2019 19:18:36
บทที่ 13 ไม่รู้ใจตัวเองหรือเปล่า?




 

 

       จุนเจือนั่งคนเดียวอยู่สักพักใหญ่ ๆ เพราะไม่อยากกวนใคร ในเมื่อแต่ละคนต่างมีหน้าที่การทำงานเป็นของตัวเอง ตอนแรกจุนเจือก็แอบน้อยใจที่ ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับพี่เมฆสองต่อสองแบบเต็มที่ แต่ความรู้สึกก็ดีขึ้น ตอนที่พี่เอิร์ทแวะมาสร้างเสียงหัวเราะให้คลายเหงาไปบ้าง

 

         หลังจากจุนเจือโทรสั่งข้าวเรียบร้อย กระทั่งมีพี่วินฯ มอเตอร์ไซค์นำข้าวกล่องมาส่งจุนเจือรีบออกไปรับข้าวตามที่พี่วินฯ บอกพิกัดมา

 

        เด็กหนุ่มพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ โดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร คิดว่าตัวเองน่าจะยกไหวก็แค่ข้าวกล่องสามสิบกล่อง แต่พอมาถึงจริง ๆ จุนเจือมองถุงพลาสติกใบใหญ่โตบรรจุข้าวกล่องจำนวนสามถุงด้วยกัน ก็เริ่มคิดจัดการว่างจะต้องหอบหิ้วมาอย่างไร




     เสร็จธุระจากตรงนั้นร่างเพรียวถือของมาด้วยความทุลักทุเล เดินมาถึงประตูกระจกใส เอิร์ทที่ยืนคุยกับพี่เมฆ หันหน้ามาทางประตูพอดี ไม่รีรอปรี่มาช่วย

 

"ถือไม่ไหว ทำไมไม่โทรมาบอก"

 

      จุนเจือยิ้มแห้ง

 

"ผมไม่มีเบอร์พี่เอิร์ทนี่ครับ"

 

เอิร์ทชะงักก่อนหลุดหัวเราะ

 

"ฮ่า ๆ เออว่ะ พี่เบลอน่ะจุน"

 

        จุนเจือหัวเราะตามขณะที่พี่เอิร์ทช่วยแบกถุงข้าวกล่องไปวางใต้โต๊ะหน้าขาวซึ่งคลุมผ้าปูโต๊ะไว้

 

       เมื่อวางเสร็จแล้ว เจนภพก็ไปคุยเรื่องงานที่ยังติดพันอยู่กับเมฆินทร์ จังหวะนั้น เมฆินทร์หันไปสบตาจุนเจือที่นั่งพักปาดเหงื่อ จุนเจือส่งยิ้มให้พี่เมฆทำนองให้รู้ว่าผม เป็นเด็กดีให้แล้ว ไม่ดื้อแล้วนะ

 




      จุนเจือซับเหงื่อจนแห้ง พี่เอิร์ทเดินมาหาหลังจากพบว่าพี่เมฆินทร์หายไปคุยกับลูกค้าต่อ

 

"ดีใจล่ะสิ ได้มีส่วนช่วยแล้ว"

 

"ก็ผมไม่อยากนั่งเฉย ๆ นี่ครับ"

 

"เรานี่ตลกดีว่ะ"




      จุนเจือยิ้ม

 

"เดี๋ยวพี่ไปเรียกทีมมารับข้าว เรามีกับข้าวอะไรบ้าง"

 

"เอ่อ กะเพราไก่ไข่ดาว กะเพราหมูสับไข่ดาว แล้วก็หมูทอดกระเทียมราดข้าวครับ"




"เออเป็นงาน" เอิร์ทว่า

 

"เดี๋ยวผมวางแยกเป็นประเภทไว้ให้นะครับ"

 

"ดี ๆ พี่ไปตามทีมล่ะ"

 

"ครับ" จุนเจือยิ้ม

 

"เออจุน"

 

"ครับ?"

 

"พรุ่งนี้ เรามาอีกไหม?"

 

"ไม่แน่ใจ ผมต้องถามพี่เมฆก่อนน่ะครับ เพราะผมขึ้นอยู่กับเขาครับ" จุนเจือว่าอย่างเศร้า ๆ ก็แน่ล่ะ อยู่กับพี่เมฆ จุนเจือดื้อมากไม่ได้อยู่แล้ว

 

"ถ้ามาได้ก็มา อยากเจอ"

 

      ครู่หนึ่ง จุนเจือชะงักเมื่อเห็นพี่เอิร์ทส่งยิ้มจริงใจแต่แววตาคล้ายส่งความนัย เขาเป็นผู้ชายที่เท่แถมเสน่ห์เหลือร้ายจริง ๆ

 

"ครับ ขอบคุณที่ให้ผมได้ช่วยนะครับ พี่เอิร์ท"   จุนเจือส่งยิ้ม และเห็นพี่เอิร์ทพยักหน้าก่อนจะเดินไปตามทีมงานมากินข้าว สักพัก พี่เมฆก็มาเรียกจุนเจือให้กลับบ้าน

 

"กลับบ้านครับ"

 

"ครับ"

 

     เมฆินทร์หรี่ตามองจุนเจือที่ดูใบหน้าผิดหวัง

 

"จะรอลาใครก่อนไหม?"

 

"อ้อไม่ครับพี่เมฆ ไปกันเลยก็ได้ครับ"

 

       จากนั้น ทั้งสองไม่คุยกันเลยทำตัวเหมือนคนแปลกหน้า จนกระทั่งถึงรถ พี่เมฆผุดรอยยิ้มและยื่นมือไปลูบผมจุนเจือ

 

"พี่ดีใจนะครับ ที่เห็นจุนไม่เครียดวันนี้ จุนอารมณ์ดีตลอด"

 

     จุนเจือหันไปหาพี่เมฆ

 

"ครับ วันนี้ ผมเป็นเด็กดีตามที่พี่เมฆบอกเลยนะ"

 

"อื้ม ดีครับ น่ารัก"




"แล้วพรุ่งนี้พี่เมฆก็ให้ผมมาใช่ไหมครับ?"

 

      เมฆินทร์เลิกคิ้วมองเด็กหนุ่ม

 

"อยากมาหรือเปล่า?"

 

"อยากมาครับ" จุนเจือยิ้มกว้าง

 

"ครับ อยากมาก็ให้มา" เมฆินทร์ยิ้มและจุนเจือก็ยิ้มเช่นกัน แต่ทว่าช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูสดใสและเริงร่ากว่าคนขับรถเป็นไหน ๆ

 

 

.

.

.

.

      ในวันต่อมานั้น ทั้งสองยังนั่งรถมาคันเดียวกัน โดยเมื่อคืนนั้น เมฆินทร์และจุนเจือแค่อาบน้ำด้วยกัน โดยปราศจากการมีเซ็กซ์ เพราะกว่าจะหามื้อเย็นกิน เดินทางกลับถึงโรงแรมก็มืดค่ำ และต่างคนต่างเหนื่อยจึงทำได้แค่อาบน้ำและทิ้งตัวลงนอนพัก

 

      กลับมายังปัจจุบัน ที่จุนเจือมองคนที่มุ่งมั่นและมีสมาธิกับการขับรถเกินเหตุ เขายังไม่พูดไม่จา ปล่อยให้จุนเจือได้มีเวลาใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง พี่เมฆยามอยู่ข้างนอก เขาเป็นคนจริงจังกับงาน และดูเป็นผู้ชายที่วางตัวแบบเอื้อมไม่ถึง  แต่พออยู่ในห้อง Hotel room ด้วยกัน เขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่อบอุ่น น่ารักและน่าอยู่ใกล้ จุนเจือรีบสลัดความคิดออกไป หากมัวแต่เอาแต่จิตใจจดจ่ออยู่กับพี่เมฆ แล้วเขาจะทำใจได้เมื่อไหร่กัน




     กระทั่ง ใกล้ถึงงาน เมฆินทร์กำชับจุนเจือว่าไม่ต้องทำอะไร เพราะวันนี้เป็นวันจัดงานแถลงข่าวจริง ๆ การเข้าไปยุ่งย่าม กลัวว่าจะเกิดเหตุผิดพลาดได้




     ซึ่งก่อนจะเดินทางมางาน เรื่องของตัวที่พัก เมฆินทร์ได้ทำการยืดระยะเวลาการพักในโรงแรมต่อไปอีกสองคืน เพราะความจริง เขาต้องเช็คเอาท์ในวันพรุ่งนี้

 

   เพียงแค่เท้าก้าวถึงตัวโรงแรมในเวลาสิบโมง พี่เมฆก็ทำตัวห่างเหินทันที

 

     งานแถลงข่าวจะเริ่มในเวลาบ่ายโมงตรง โดยที่ทั้งสองมาแต่เช้าเพื่อมาดูการตระเตรียมงานต่าง ๆ

 



    คราวนี้ ไม่ต้องรอบอกให้ฝากฝังกับพี่เอิร์ท เจ้าตัวก็เดินมาด้วยรอยยิ้มกว้าง ส่วนเด็กหนุ่มก็พนมมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ




"มาด้วยเหรอ?"




"สวัสดีครับพี่เอิร์ท มาสิครับ พี่มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะครับ"

 

 

 

"พี่เมฆบอกเหรอว่าให้ช่วยได้"




"ก็แบบยกของอะไรแบบนี้ครับ งานที่เกี่ยวกับหน้างาน ผมคงทำไม่ได้อยู่แล้ว"




"อ่า ๆ ถ้ามีจะบอกนะ ตอนนี้ไปนั่งก่อนเถอะ พี่แค่แวะมาทัก"




"ครับ"




       จุนเจืออยากมีส่วนร่วมเพราะยามนี้ ทุกคนมีหน้าที่เป็นของตัวเองซึ่งต่างก็วุ่นวาย มีเพียงจุนที่ทำได้แต่มอง ครั้นจะไปหาพี่เมฆก็ไม่เหมาะสม เพราะเขาคุยกับลูกค้าอยู่มากหน้าหลายตา จบแล้วก็เห็นไปคุยงานกับกลุ่มทีมงานชุดดำ

 

 

      สิบเอ็ดโมงกว่า ๆ ใกล้เวลาพักกินข้าวกลางวัน พี่เมฆไม่ได้เดินมาหา มีเพียงข้อความไลน์มาบอกว่า ถ้าจุนเจือหิวให้หาอะไรกินก่อน เพราะพี่เมฆยังไม่เสร็จงาน อาจเป็นเพราะเจ้าตัวกินอาหารเช้ามาแล้วเลยไม่หิวมาก




    ไม่นานนัก พี่เอิร์ทก็เดินเข้ามา




 

"จุน พี่วานหน่อย ช่วยไปหยิบของที่หลังเวที เดินทะลุม่านดำไปจะมีชั้นวางของเป็นโครงเหล็ก มีกล่องลังพลาสติกฝาสีน้ำเงิน หยิบเอาออกมาวางตรงจุดลงทะเบียนให้ที"




"ครับพี่เอิร์ท"




     จุนเจือเดินไปตามคำที่พี่เอิร์ทบอก เดินเข้าไปในห้องจัดงาน ปรี่ไปถึงหลังเวที ทะลุผ้าม่านบังตาสีดำ แหวกม่าน พบด้านในเป็นพื้นที่โล่งกว้าง มีวางโต๊ะและเก้าอี้เป็นจุด ๆ ยามนี้ มีแค่สตาฟสองสามคน นั่งคุยและกินข้าวกันไปด้วย

 




     จุนเจือเดินไปถึงชั้นวางของที่ทำจากโครงเหล็ก กล่องนั้นวางอยู่บนชั้นเหนือศรีษะจุนเจือไปอีก เด็กหนุ่มเขย่งเพื่อหยิบ มั่นใจว่าสองมือยึดไว้มั่นแล้ว แต่พอดึงมันออกมาพ้นชั้นวางจุนเจือไม่คิดว่ามันจะหนักจนรับน้ำหนักไม่ไหว มือสั่น พลาดท่าจนขอบลังพลาสติก เจาะเข้าตรงเหนือคิ้วข้างซ้าย

 

 

"โอ้ย!"

 




     สตาฟรีบวิ่งมาดู ถามชื่อ ถามอาการ พอรู้ว่าเป็นคนรู้จักของพี่เอิร์ท ก็รีบวิ่งไปบอก




 

     ขณะเดียวกัน ด้านนอก เมฆินทร์ที่คุยกับลูกค้าเสร็จ เหลือบเห็นเจนภพยืนคุยกับสตาฟมีอาการลนลานแล้ววิ่งไปด้านในห้องจัดงาน เมฆินทร์คิดว่าคงเกิดปัญหาอะไรสักอย่าง จึงเดินตามไปยังหลังม่านเวที

 

 

"เอ้ยจุน เป็นแผลเลยว่ะ น้องบอกว่าลังหล่นมากระแทกหน้าเหรอ? เป็นอะไรมากไหม?" เอิร์ทเห็นจุนกำลังยกลังพลาสติกขึ้นมาจากพื้นจะถือ เขาจับมันวางลงแล้วมองหน้าคนที่ยิ้มเจื่อน

 

 

"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ตอนนี้ผมโอเคแล้ว แค่เจ็บนิดหน่อย" จุนเจือยิ้มเจื่อน แต่พอเอิร์ทเห็นรอยจุดแดงรอบแผลเกิดรอยช้ำม่วงอมเขียวเป็นวงกว้าง แม้ไม่มีเลือดไหลทะลักน่ากลัว แต่ใจก็นึกสงสาร

 

 

 

"ไหวไหมเนี่ย พี่ขอโทษ ไม่น่าใช้จุนเลยว่ะ"




 

"ผมผิดเองครับพี่เอิร์ท แค่นี้ยังสร้างเรื่องจนได้"







 

"มีอะไรหรือ?" เมฆินทร์ถาม ยามเดินมาถึง สายตาพลันเหลือบมองเห็นแผลที่หน้าผากเด็กหนุ่ม

 

 

"ผมขอโทษนะครับพี่เมฆที่ไม่ได้แจ้งก่อน ผมใช้จุนมายกของ แต่ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่อง"




"อืม"

 

 

 

     เมฆินทร์มองหน้าจุนเจือก่อนลอบถอนหายใจ และเดินไปโดยไม่คิดจะเหลียวแลยิ่งทำให้จุนเจือรู้สึกแย่กว่าตอนแรก




"พี่เมฆไม่พอใจแน่เลยว่ะ เฮ้อ! จุนไปนั่งพักก่อนพี่จะให้น้องผู้หญิงไปทำแผลให้ ส่วนของพี่จะให้สตาฟยกเอง"




"ครับ ผมขอโทษนะครับพี่เอิร์ท"




"ไม่ใช่ความผิดจุนเลย ไปรอทำแผล ไป"




 

       จุนเจือออกมานั่งรอตรงหน้าห้องจัดงานที่เริ่มเห็นผู้เกี่ยวข้องกับการจัดงานดูท่าน่าจะอยู่ในตำแหน่งระดับสูง รวมถึงสื่อมวลชนทะยอยมาบ้างแล้ว ไม่นานก็มีน้องผู้หญิงอ้างตัวว่ามาจากพี่เอิร์ท ถือกล่องปฐมพยาบาลขนาดเล็กมาทำแผลให้ เธอทำความสะอาดแผลด้วยสำลีจุ่มแอลกอฮอล์ จากนั้นต่อด้วย เบตาดีน และนำพลาสเตอร์มาปิดปากแผลให้ โดยตลอดเวลาการทำแผลนั้น จุนเจือสอดส่องมองหาพี่เมฆทั่วงานก็ไม่พบ ไม่รู้หายไปไหน เขาคงโกรธมากจริง ๆ




      จุนเจือรู้สึกแย่ที่เป็นตัวการสร้างปัญหา เมื่อทำแผลเสร็จเขาเดินไปห้องน้ำ หวังดูหน้าตัวเอง พอเดินไปถึง ก็สวนกับชายสองคนที่เพิ่งเดินออกมา ส่วนด้านในจึงไม่เหลือใคร นอกจาก....




"พะพี่เมฆ"




     เสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยปุ๊ป เมื่อเห็นพี่เมฆยืนวางมือตรงอ่างล้างหน้า จ้องมองตัวเองตรงหน้ากระจกเงา 




     เพียงได้ยินคนเรียกชื่อ หันไปเห็นจุนเจือ ร่างสูงปรี่มากระชากแขนจุนเจือให้เดินไปห้องน้ำด้านในสุด แล้วลงกลอน




 

 

"พะ...พี่เมฆจะทำอะไรครับ?"




 

"ทำไมจุนชอบสร้างเรื่อง พี่บอกให้ อยู่เฉย ๆ ใช่ไหม?"

 

"ก็...ผมอยากช่ว..."

 

ปัง




     จุนเจือสะดุ้ง ใจตกไปที่ตาตุ่ม เมื่อพี่เมฆทุบผนังข้างห้องน้ำเสียงดังลั่น

 

"ทำไมถึงฟังไม่รู้เรื่อง"




 

     จุนเจือน้ำตาคลอเมื่อโดนดุด้วยเสียงกร้าว เขาไม่เคยเห็นพี่เมฆโกรธจริงจังขนาดนี้ หากเป็นแต่ก่อนจะมีแค่น้ำเสียงที่แสดงออกอย่างเดียว ไม่เคยมีอารมณ์ร่วมหรือทีท่าโกรธเกรี้ยว โมโหเท่านี้มาก่อน




"ผะ ผมขอโทษครับพี่เมฆ โอเค เดี๋ยวผมกลับไปรอที่โรงแรมแล้วครับ ฮืก.." จุนเจือว่าเสียงสั่นเครือ เขาหมุนตัวจะไปเปิดกลอนประตู




ฟึ่บ!




 

      จุนเจือตกใจเมื่อจู่ ๆ พี่เมฆรวบเอวจุนเจือให้เข้าไปใกล้ เมฆปิดฝาชักโครกแล้วรั้งร่างเพรียวกว่าจับนั่งลงตัก




"จะไปไหน หันมาหาพี่"




     จุนเจือเอี้ยวตัวหันไปมองพี่เมฆที่แววตาเกรี้ยวกราดเมื่อครู่สงบลงเหลือแววตาที่เขาคิดเองว่าพี่เมฆห่วงใย

 

   เมฆยังคงไม่พูดอะไร ลูบแผลที่ถูกทำความสะอาดและปิดด้วยพลาสเตอร์อย่างดี




"ผมขอโทษนะครับพี่เมฆ คือ ผมแค่อยากช่วย ผมไม่อยากเป็นตัวปัญหาหรอกนะ ฮึก!"

 

 

"พี่ก็แค่...ช่างเถอะ จุนไปโรง'บาลไหม ไปเอ็กซเรย์เผื่อสมองกระทบกระเทือน หลังงานเสร็จพี่จะพาไป"

 

"ผมไม่เป็นอะไรจริง ๆ ครับ ผมแค่ซุ่มซ่าม พี่เมฆไปทำงานเถอะครับ ผมว่าผมกลับไปรอโรงแรมดีกว่า"




"เรามึนหัวหรือเจ็บไหม?" เมฆินทร์ถามในขณะที่มือก็ยังแตะเบา ๆ วนอยู่ตรงแผล




"ไม่มึนแล้วครับ แต่เจ็บอะ"




     เมฆินทร์เงียบแล้วกระชับเอวเด็กหนุ่มมาใกล้อีกนิด

 

 

 

"พี่เปิดห้องให้จุนพักที่นี่แล้วกัน"




"ไม่เอา ๆ ครับ เปลืองเงินถ้างั้นผมเดินรอแถวนี้ครับ ผมจะไม่ทำให้พี่ลำบากใจอีก"




   ตอนจุนเจือตอบ เขาเอี้ยวตัวมาประสานสายตากัน และเป็นเมฆินทร์ที่โน้มตัวไปใกล้หวังจะจูบ สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นของทั้งคู่เป่ารดกันแล้ว แต่ทว่า คนแก่กว่าหยุดชะงักงัน




 

"ตามนั้นครับ ถ้างั้น จุนออกไปก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป"




 

"คะ...ครับ"

 

 




    จุนเจือเดินออกมา ล้างหน้า ล้างตา เว้นตรงแผลที่ปิดพลาสเตอร์ และมองตัวเองตรงหน้ากระจกเงาด้วยความรู้สึกสงสัยว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่



     จุนเจือลอบถอนหายใจ ขณะที่เท้ากำลังก้าวออกจากห้องน้ำ พี่เอิร์ทก็เดินเข้ามา



 

"อ้าวจุนอยู่นี่เองเหรอ?"




 

"อ่าครับ"




"ดีขึ้นรึยัง? พี่ขอโทษนะ ยังรู้สึกผิดอยู่เลยว่ะ"

 

 

 

 

"ดีแล้วครับ ตอนนี้ พี่เมฆก็ไม่ได้ว่าอะไรผมแล้ว พี่อย่ารู้สึกผิดนะครับ" จุนเจือว่าเพราะเห็นพี่เอิร์ทมีสีหน้ารู้สึกผิดจริง ๆ




 

"ไหนขอดูแผลหน่อยสิ เป็นไงบ้างยังเจ็บอยู่ไหม?"

 

     จุนเจือชะงักยามที่จู่ ๆ พี่เอิร์ท ไม่พูดเปล่า เดินเข้ามาใกล้ โน้มตัวลงมองแผลจุนเจือใช้มือลูบและเป่าแผลเหมือนปลอบเด็ก







    ในจังหวะที่สองคนยืนชิดใกล้เป็นจังหวะเดียวกับที่เมฆินทร์เปิดประตูห้องน้ำมาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างพอดี




     เจนภพผละออกห่างจากตัวจุนเจือ




"มัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ไปทำงานครับ เอิร์ท" เจนภพหน้าซีดยามเห็นเจ้านายว่าเสียงเข้ม

 

"เอ่อะ ผมขอโทษครับ พี่เมฆ ผมไปเดี๋ยวนี้เลยครับ"




 

    พอพี่เอิร์ทโค้มศรีษะขอโทษ เขาสบตามองจุนเจือครู่หนึ่ง ก่อนเดินพ้นห้องน้ำ ทิ้งให้จุนเจือและเมฆินทร์อยู่ด้วยกัน ยังไม่ทันที่จุนเจือจะอ้าปาก คนแก่กว่าเดินผ่านไปอย่างไม่มีเหลียวมองกลับมา

.

.

.

.

"อ้าว น้องนี่เอง"




  และแล้ว งานแถลงข่าวจบลงด้วยดี จุนเจือที่พยายามยืนหลบมุมเนื่องจากมีช่างภาพ สื่อทีวี และสื่อออนไลน์มาร่วมทำข่าวเป็นจำนวนมาก เด็กหนุ่มคิดว่าความวุ่นวายนี้ ไม่น่าทำให้เขาเป็นจุดเด่นได้ แต่ยังมิวายมีคนตาดีมาเห็น




"คุณเอ่อ..."




"พี่ชื่อดินไงครับ น้องชื่ออะไรนะ"




"จุนครับ คุณดิน"

 

"เรียกพี่เถอะครับ"




"ครับ" จุนเจือตอบพลันลอบมองใบหน้าน้องชายพี่เมฆที่ในวันนี้ดูเครียดขึง ไม่มีแววอารมณ์ขัน

 

"มาทำอะไร?"




"เอ่อะ..."




"ช่างมันเหอะ เห็นพี่เมฆไหม เขาอยู่ไหน?"




"ผมไม่ทราบเลยครับพี่ดิน พอดีเห็นพี่เมฆวุ่นตลอดเลยครับ"




"ขอบคุณนะ เดี๋ยวพี่ไปดูเอง"




    เวลาผ่านไปผู้คนบางตาลง นักข่าวจำนวนมากก็ทะยอยกันกลับ เหลือเพียงลูกค้าบางส่วนเท่านั้น




     ส่วนทีมงานเซ็ตอัพก็ทะยอยกันรื้อเวที เก็บของต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน เอิร์ทก็เดินมาหาจุนเจือ




"จุน"




"ครับพี่เอิร์ท"




"ดีขึ้นรึยัง?"




     จุนเจือมองพี่เอิร์ทที่เขาถามไถ่หลายรอบ

   

"ดีครับพี่เอิร์ท นี่เสร็จแล้วเตรียมกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ?"




"ใช่ รอทีมเซ็ตอัพเสร็จก็กลับบ้านได้แล้ว คงเบื่อแย่สินะที่ต้องมางานแบบนี้ พี่ชายจุนก็แปลกนะ ทำไมไม่ให้ไปเที่ยว ให้มาอยู่ที่นี่กับพี่เมฆ ตลกว่ะ"

 




    นั่นสิ จุนเจือมาอยู่นี่ทำไม? เขายังงงตัวเองมาจนถึงจุดนี้ ครั้นจะบอกว่าเพื่อได้เห็นการทำงานพี่เมฆ แต่ไป ๆ มา ๆ การอยู่ตรงนี้ มันกลับทำให้เด็กหนุ่มเครียดกว่าเก่า




"ผมขอแค่ได้อยู่ใกล้ ๆ เขาสักนิดก็ยังดีมั้งครับ"




"ใกล้เขาน่ะใคร?"




"อ้อเปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก ผมเพ้อไปเรื่อยครับ" จุนเจือยิ้ม




"แล้วปกติเราเป็นคนสังสรรค์รึเปล่า แบบกินเหล้า กินเบียร์อะไรแบบนี้?"

 

"ก็มีบ้างนะครับ"

 

"เฮ้ย วันนี้พวกพี่จะไปดื่มพอดี ไปด้วยกันดิ"




     จุนเจือยืนครุ่นคิดพลางเม้มปากอย่างชั่งใจ




"กลัวพี่ชายว่าเหรอ? พี่เคยถามพี่เมฆ แกบอกว่าพี่ชายจุนดุ" เจนภพเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนก็เดาได้ไม่ยาก




"ประมาณนั้นแหละครับ" จุนเจือจำต้องเล่นละครเป็นน้องชายเพื่อนพี่เมฆให้สมบทบาท

 

"อ้าเสียดาย ไว้วันหลังพี่ค่อยชวนแล้วกัน โอเคไหม"




"จะชวนยังไงครับ? ผมไม่มีเบอร์ติดต่อพี่"




"ก็นี้ไง ขอไลน์เลยแล้วกัน" เจนภพว่ายื่นมือถือไปตรงหน้าให้จุนเจือพร้อมเพิ่มเพื่อน จุนเจือง่วนอยู่กับการเข้าแอพพลิเคชั่น เสร็จสรรพก็ส่งคืนให้พี่เอิร์ท

 

"ขอบใจนะจุน ไว้พี่ชวน ขอไปดูงานก่อน"

 

"ครับ" จุนเจือส่งยิ้มให้ กำลังจะเดินไปที่ห้องน้ำ ได้ยินเสียงข้อความจากแอพพลิเคชั่นหนึ่งก็นึกในใจก็นึกว่าพี่เอิร์ทส่งมาทักทาย คว้ามันมาดูถึงรู้ว่าไม่ใช่




     พี่เมฆนัดแนะให้จุนเจือไปหาที่ห้องน้ำ เด็กหนุ่มจึงเดินไปหาตามพิกัด

 

"พี่จะไปกินข้าวกับดินต่อ จุนกลับห้องไปก่อนได้ไหม?"




    จุนเจือมองพี่เมฆด้วยแววตาเหงาหงอยปนน้อยใจ สรุปแล้ว ทั้งจุนเจือและพี่เมฆต่างใช้เวลาอยู่ด้วยกันจริง ๆ น้อยมาก เด็กหนุ่มไม่อยากนอนคิดมากคนเดียว จึงเอ่ยขอ




"ถ้าผมจะขอไปดื่มกับพี่เอิร์ทได้ไหมครับ พอดีพี่เขาชวน"




"ได้สิ แต่สี่ทุ่มต้องถึงห้อง"




"ครับ แล้วเราจะไปเจอกันที่ห้องใช่ไหมครับ?"




"ครับ"



       จุนเจือรวบรวมความกล้า เห็นแล้วว่าไม่มีใครอยู่ที่ห้องน้ำ ตัดสินใจรีบจูบปากอีกฝ่ายไว ๆ แล้วยิ้มจาง ๆ อย่างคนมีความหวังเสมอ



"ถ้างั้นเจอกันที่ห้องของเรานะครับพี่เมฆ"




    เมฆินทร์ชะงักงัน ตกใจไม่คิดว่าจุนเจือจะทำอะไรแบบนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะแยกย้ายไปยังจุดหมายที่ต่างกัน

.

.

.

.

"พี่เมฆ ทำไมพวกเราแม่งอาภัพรักกันอย่างนี้วะ"

 

    เมฆินทร์ไม่ตอบ หลังจากนั่งฟังน้องชายไปอย่างเงียบ ๆ นาทีนี้สองพี่น้องนั่งดื่มกันที่บาร์แอนด์เรสเตอรองค์ได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว ส่วนสาเหตุที่ปฐพียอมหนีงาน ลงทุนมาหาเมฆินทร์ นั่นเป็นเพราะน้องชายมีปัญหาด้านความรัก




     ปฐพี โดนแฟนที่กำลังจะแต่งงานด้วยนอกใจ จนทำให้เขารีบหยุดการดำเนินงานเพื่อยกเลิกงานแต่งที่กำหนดไว้ในอีกสองเดือนข้างหน้า เมฆินทร์จึงต้องมานั่งเป็นเพื่อนคนที่กำลังดื่มเหล้าย้อมใจ

 

"แม่ง ถ้าจะมีคนอื่น ก็ไม่ควรตอบตกลงแต่งงานกันหรือเปล่าว่ะ ผมแม่งโคตรเฟล เจอปรางจูบปากกับผู้ชายคนอื่นในผับเลย พอผมต่อยไอ้เหี้ยนั้น ปรางกลับด่าผมทั้ง ๆ ที่คนผิด คือ ไอ้ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่หรอวะ?"

 

 

"ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? ที่มีเหตุการณ์นี้ทำให้นายตาสว่าง ถ้านายไม่เจอเขาจูบกัน นายก็คงคบไปเรื่อย ๆ"




"แต่มันทั้งเจ็บทั้งโกรธไงพี่ พอจับได้ ผมเค้นถามปรางจนได้คำตอบ ว่าแอบคบมาได้แปดเดือน ซึ่งก็คบก่อนที่ผมจะขอเธอแต่งงานอยู่ดี แม่งโคตรเสียใจทำแบบนี้ได้ไงวะ"



 

 "แล้วจะทำไงต่อไปจากนี้?" เมฆินทร์ถามน้องชาย




"ก็เลิกติดต่อไปและพยายามคิดว่า ดีแล้วที่ไม่ต้องเสียค่าสินสอด ส่วนเงินที่เสียไปกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ถือว่าเสียค่าโง่น่ะพี่"




"เงินนายหมดเลยเหรอ?" เมฆินทร์ถามอีก ฟากปฐพีพยักหน้า




"อืม ช่างมันเหอะพี่เมฆ ผมโง่เอง"

 

     เมฆินทร์มองน้องชายที่น้ำเสียงและใบหน้าดูเครียดจัด แต่ยังไม่เห็นน้องชายร้องไห้ หรือไม่ก็อาจจะผ่านการร้องไห้มาอยู่ก่อน เพียงแต่ตอนนี้ อาการที่เห็นได้ชัด คือ การที่น้องชายกระดกเหล้าราวกับน้ำเปล่า

 

"พ่อ-แม่รู้รึยัง?"

 

  ปฐพีส่ายหน้า

 

"ยังเลยพี่เมฆ ว่าจะหาจังหวะบอกอยู่"

 

"อืม ลองดูแล้วกัน"




"พี่คืนนี้ ผมไปนอนกับพี่ได้ไหม"

 

    เมฆินทร์นิ่งไปนิด ก่อนตอบ

 

"อืม ได้"




"เออ ผมนึกขึ้นได้ สรุปพี่กับเด็กคนนั้นคือยังไง? มาด้วยกันได้ไง? จะถามหลายรอบแล้วก็ลืม ตั้งแต่ที่ผมเห็นที่ห้าง ไหนจะยังมาเจอที่นี่อีก" ปฐพีพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ จากเรื่องเครียดของตัวเอง ด้วยการถามเรื่องของพี่ชายบ้าง

 

"....."

 

"เท่าที่ผมเห็นคือพี่กับน้องคนนั้นสนิทกันมากกว่าตอนที่น้องเขาอยู่โรงแรมซะอีก ถามจริงเหอะ เป็นแฟนกันเหรอ?" ปฐพีย้ำพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแต่สายตายังคงแสดงออกอย่างคาดคั้นในคำตอบ




"ไม่ได้เป็น เราแค่มีเซ็กซ์กันเฉย ๆ นายไม่ต้องถามอะไรมากไปกว่านี้ เพราะฉันจะไม่ตอบ"

 

"แค่มีเซ็กซ์? พี่ไม่ชอบน้องเขาเลยเหรอ?"

 

    พี่ชายปฐพีส่ายหน้า

 

"ผมไม่เชื่อ"

 

    เมฆินทร์มองหน้าน้องชาย

 

"มันเป็นเรื่องจริง"

 

"พี่ไม่รู้ใจตัวเองหรือเปล่า? พี่จะไม่หวั่นไหวเลยเหรอ น้องเขาก็น่ารักดีนะ อีกอย่างผมรู้สึกเหมือนน้องเขาน่าจะชอบพี่มาก เผลอ ๆ อาจจะสนใจพี่ตั้งแต่อยู่ที่เกาะ เหมือนตอนที่ผมเคยเดาไว้เล่น ๆ"




"ขอบใจนายมากนะดิน ที่นายสนใจเรื่องของฉัน แต่ไม่เป็นไร ฉันโอเคทุกอย่างที่เป็นแบบนี้ นายเถอะดูแลตัวเองให้ดี อย่าคิดวู่วาม ทำอะไรที่มันไม่ดีแล้วกัน"

 

    ปฐพีเงียบเมื่อพี่ชายว่าแบบนั้น เขาก็เริ่มเมาเสียด้วย รู้สึกจะพูดมากเป็นพิเศษ




"ขอบคุณนะพี่เมฆ ส่วนเรื่องพี่น่ะ ผมก็แค่อยากให้พี่เปิดใจ มันไม่ได้หมายความว่าชีวิตนี้พี่จะเจอรักแย่ ๆ คนแย่ ๆ อย่างพี่เฟย์เสมอไป ผมเชื่อนะว่าพี่จะได้เจอคนดี คนที่คอยดูแลพี่อย่างจริงใจ อย่างน้องจุนคนนั้นก็อาจดีก็ได้ ใครจะรู้"




"เมาแล้วพูดมากนะดิน ฉันขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อน" เมฆินทร์บอกน้องก่อนจะขอตัวไปคุยมือถือ

 

[สวัสดีครับ]

 

"จุน"

 

[อ่าครับพี่เมฆ รอแปปนึงนะครับในนี้เสียงดัง ผมจะออกไปคุยข้างนอก]

 

    ครู่หนึ่งจากเสียงอึกทึกครึกโครมก็เริ่มเบาลง

 

[พี่เมฆกินข้าวเสร็จแล้วหรอครับ]




    เมฆินทร์ก้มมองนาฬิกาข้อมือเรือนงาม ปรากฎเวลาสามทุ่ม

 

"ยังครับ จุนเมารึยัง?"

 

[ก็นิด ๆ ครับ]

 

"จุนคืนนี้เราคงไม่ได้อยู่ด้วยกัน"

 

[ทำไมครับ]




"พี่จะกลับคอนโด แล้วดินจะไปนอนด้วย"




[อ้อครับ]

 

"พรุ่งนี้ ไม่มีงานด่วน พี่จะอยู่กับจุน ไปเจอกันที่โรงแรม"




[ครับพี่เมฆ]




    จบบทสนทนา จุนเจือกำมือถือแน่น เมื่อไหร่นะที่เขาจะทำใจจากพี่เมฆได้สักที ใจร้ายอย่างนี้ ก็ยังชอบเขาอยู่ได้ เห็นที จุนเจือคงต้องดื่มให้เมากันไปข้าง


      'อยากรู้เหมือนกันที่คนเขาว่ากันว่า ดื่มเพื่อลืมเธอนั้น มันจะใช้ได้ผลไหม?'




.............................................................

จุน อย่าลืมเป็นเด็กดีของเมฆซี่ซซซซซซ.....
:mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 13 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 15.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-10-2019 21:35:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

จุน...แกนี่มันอ่อนไหวเกินเบอร์ไปไหม?

ความเข้มแข็งของแกตอนออกจากงานมาที่เกาะหายไปไหนหมด?
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 13 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 15.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-10-2019 16:27:22
 :เฮ้อ:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 13 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 15.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-10-2019 21:42:11
จุนกลับเกาะไปเถอะไป ทนอะไรยุ่ เจอไม่เจอก็เจ็บเท่ากัน กลับไปตั้งหลักเถอะเป๋ไปหมดละ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 13 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 15.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 18-10-2019 00:12:41
อะ เข้าใจว่าความแข้มแข็ง ความอ่อนไหวไม่เท่ากัน
คืนนีขอให้อยู่รอดปลอดภัยนะจุน
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 14 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 18.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 18-10-2019 20:53:58
บทที่ 14 ไปแล้วนะ





 

 



         ยามสายของวันรุ่งขึ้น เมฆินทร์ตื่นนอนก่อนน้องชาย เขายังรู้สึกเพลียและเมื่อยตัวอยู่บ้าง เพราะลากคนเมากลับคอนโดมาเมื่อคืนที่กว่าดินจะยอมกลับบ้านโดยดี ก็ล่อไปเที่ยงคืนกว่าเห็นจะได้



       ตอนนี้ ร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำ พันผ้าขนหนูไว้หมิ่นเหม่หลังจากจัดการชำระร่างกายสะอาดสะอ้าน เมฆเห็นน้องชายยังหลับใหลจึงไม่อยากปลุก เดินไปคว้าโทรศัพท์มือถือ เพื่อโทรหาจุนเจือ เพราะเมื่อคืน ทั้งเมฆินทร์และจุนเจือ ต่างก็ไม่มีใครติดต่อหากัน



"ฮัลโหล"



      เมฆินทร์ชะงัก ก่อนเอามือถือออกห่างเพื่อเช็คเบอร์โทรอีกครั้งหนึ่ง เมื่อคนรับสาย น้ำเสียงดูแปลกไป



"จุนหรือเปล่าครับ?"



       ไม่มีเสียงตอบรับ เมฆได้ยินแค่เสียงตะกุก ตะกักก่อนจะมีปลายสายเปล่งเสียงให้ได้ยินอีกครั้ง



"สวัสดีครับ"



[จุนอยู่โรงแรมกับใคร?] เมฆินทร์เค้นถามเสียงเข้มอย่างนึกกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ตอนที่จุนเจือเรียกแฟนเก่าให้มาหาที่ห้องตอนนั้น



      ครู่หนึ่ง เมฆได้ยินจุนเจือสบถแล้วจู่ ๆ เสียงก็เงียบไป ถึงรู้ว่าจุนเจือกดวางสาย เมฆินทร์จึงต้องโทรไปอีกครั้งหนึ่ง



"จุนตัดสายพี่ทำไม? ทำแบบนี้ ไม่น่ารักนะครับ"



[เอ่อะ ผมขอโทษครับ ผมตกใจเลยเผลอกดวางสาย ผมกำลังกลับโรงแรมครับ]



"กำลังกลับโรงแรม? เมื่อคืนนอนที่ไหน?"



[เอ่อะ ผม...ผมมานอนห้องพี่เอิร์ทครับ]



      เมฆินทร์ใจกระตุก กำมือแน่นพลางว่าเสียงดุดัน



[อยู่นั่น พี่จะไปรับ]



"ไม่เป็นไรครับพี่เมฆ"



[อย่าดื้อ เราต้องคุยกัน จุน]



"คะ...ครับ พี่เมฆ"





         พี่เมฆวางสายไปแล้ว ทิ้งให้จุนเจือนั่งครุ่นคิดพลางกัดปากจนเจ็บ เขาเมาแล้วภาพตัดอีกแล้วใช่ไหม? ถึงมาอยู่ห้องพี่เอิร์ทแบบนี้



              พอสติมาเต็มร้อย จุนเจือไม่รู้สึกแฮงค์เท่าคราวก่อน เขารีบลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ ลูบช่องทางคับแคบของตัวเองแรง ๆ ตรวจเช็ค ก่อนออกมารื้อถุงขยะดูทุกถังว่ามีถุงยางอนามัยหรือไม่?



     เจนภพจำต้องตื่นตามเด็กหนุ่ม เพราะเสียงกอกแกกทำให้เขาหลับต่อไม่ลง อีกทั้งยัง สงสัยเมื่อเห็นเด็กหนุ่มออกอาการลนลานแปลก ๆ





"จุนรื้ออะไร?"





"เปล่าครับ พี่เอิร์ท" จุนเจือตอบหน้าเครียด เขาไม่มีอาการเจ็บแสบช่องทางด้านหลังแต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้





"อย่าบอกนะว่าเรากลัวจากคำพูดพี่ที่เคยแซวเรา" เจนภพถามเพราะเห็นอาการพิรุธ ทั้งใบหน้าเครียดปนกังวล คงใช่แน่



"......."





"เราเมา พี่ก็พามานอนห้องเพราะเมื่อคืนพี่ถามทางจะไปส่งที่บ้าน เราก็พูดจาไม่รู้เรื่อง"





"....."





"จุนเป็นน้องชายเพื่อนพี่เมฆ ใครจะกล้า ถ้าพี่เมฆรู้ มีหวังพี่ได้โดนไล่ออกแน่  เราสบายใจได้ พี่ไม่ได้ทำ"



"จริงนะครับ? คือ พี่พูดตรง ๆ กับผมได้นะครับพี่เอิร์ท คือ..."





"จุนเชื่อพี่ ไม่ต้องคิดมาก จะบอกให้รู้ จิตใจพี่งามกว่าใบหน้านะบอกเลย"





     คนที่วิตกกังวลถึงกับหลุดยิ้ม ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน พี่เอิร์ทก็สามารถทำให้เขาพอจะมีอารมณ์ขันได้บ้าง





"งั้นก็ขอโทษครับพี่เอิร์ท ผมแค่คิดมากไป ผมขออาบน้ำห้องพี่หน่อยนะครับ" จุนเจือยิ้ม ก่อนจะเข้าห้องน้ำ เจนภพก็ยื่นผ้าขนหนูผืนใหม่ให้

.

.

.

.

      สักพักใหญ่  ๆ  ที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น หลังจาก เอิร์ทบอกเลขห้องและชั้นที่พักแก่จุนเจือ เนื่องจาก น้องบอกพี่เมฆจะมารับ ตอนนี้ จุนเจือยืมเสื้อพี่เอิร์ทใส่ส่วนกางเกงก็ใส่ของตัวเองซ้ำ



"จุน ทำไมทำหน้าแบบนั้น" เอิร์ทถามยามที่พอเสียงประตูดังขึ้น เด็กหนุ่มก็หน้าซีด ตัวสั่นเหมือนคนประหม่า



"ไม่มีอะไรครับพี่" จุนเจือบอกตอนเดินตามหลังเจ้าของห้องที่ลุกไปเปิดประตู





      เพียงประตูอ้าออก คนด้านในห้องต่างงุนงง เมื่อคนด้านนอกไม่ใช่พี่เมฆ





"กูก็นึกว่าผู้หญิง" ปฐพีบ่นงึมงัมเอียงคอมองอย่างฉงนใจ ในเมื่อพี่เมฆบอกว่า ห้องนี้ เป็นของคนชื่อเจน ดินก็เข้าใจผิดเองนึกว่าเป็นผู้หญิง พอเห็นว่าเป็นผู้ชายที่ลุคดิบ เถื่อน ติดสายแฟชั่นหน่อย ๆ ถึงกับเซ็ง



"คุณบ่นอะไร?"



"เปล่า น้องจุนครับ กลับบ้าน" ปฐพีทำตามเป้าประสงค์ของพี่ชายเท่านั้นว่าให้มารับจุนเจือ เขาจึงไม่สนเจ้าของห้องสักนิด เพราะเขาไม่คิดจะรู้จักอยู่แล้ว







"ไม่มีมารยาทเลยนะคุณ" เอิร์ทพูดตรง ๆ กับคนที่ทำท่าหยิ่งยโส มองข้ามหัวเจ้าของห้องไปเสียอย่างนั้น





"ขอโทษนะครับ คุณว่าใครไม่มีมารยาท เมื่อกี้ผมก็เคาะห้อง ใช่งัดห้อง บุกรุกซะเมื่อไหร่?"





"เฮ้ย แม่ง ก.. / เอ่อ ทำไมถึงเป็นพี่ดินครับ แล้ว..." จุนเจือรีบโพล่งขัดทั้งยังเอาตัวไปแทรกกลางทั้งคู่ อย่างกลัวทั้งสองจะวางมวยกัน เพราะจุนเจือก็ไม่รู้ว่าสองคนนี้ เคยเจอหน้ากันมาก่อนหรือเปล่า



      ดินละสายตาจากหนุ่มหน้ายียวน กวนประสาท หันมาส่งยิ้มเย็นให้จุนเจือ



"เขาไม่ขึ้นมาหรอกครับ กำลังโกรธจัดเลยล่ะ น้องจุนไม่รู้สินะว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร?"





    จุนเจือชะงัก อยู่ ๆ ก็เกิดกลัวจนหัวหดขึ้นมา



"โอเคพี่ดิน ผมกลับแล้วครับ ผมไปก่อนนะพี่เอิร์ท  ขอบคุณนะครับที่ให้นอนค้าง"



หมับ





     เอิร์ทฉวยข้อมือเด็กหนุ่ม





"ถ้าพี่เราดุขนาดนั้น ให้พี่ช่วยพูดให้ไหม?"



     เอิร์ทถามจุนเจืออย่างเป็นห่วง แต่มีอีกคน ดึงมือจุนเจือหนี แล้วสบตามองเจนภพ



"ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่ไม่ต้อง คนนี้ของพี่ผม พี่ผมจัดการได้"



     เจนภพเอียงคอมองคนที่พูดจาแปลก ๆ



"ของพี่คุณ?"



"เออก็พี่เมฆไง..."





"คุณเป็นน้องพี่เมฆ? แล้วทำไมพูดจาแปลก ๆ มั..น..." เอิร์ทมองหน้าอีกฝ่ายที่ยิ้มเย้ยหยันแล้วอยากดวลสักหมัด





"ไปเถอะครับ พี่ดิน" จุนเจือตัดบท และยกมือไหว้ลาพี่เอิร์ท รีบเดินให้พ้นประตูห้องและส่งเสียงย้ำเรียกพี่ดินอีกครั้ง







     ระหว่างขยับก้าวไปทีละก้าวตรงโถงทางเดิน ทั้งสองเงียบมาตลอดทาง เขาไม่รู้ว่าพี่เมฆจะว่าอะไรบ้าง จนกระทั่งทนความอยากรู้ไม่ไหว





"พี่ดินครับ ก่อนหน้านี้ ที่พี่พูดว่า กำลังเล่นอยู่กับอะไร? มันหมายความว่าไงครับ?"





"พี่เมฆไม่ชอบคนขัดคำสั่งน่ะ"





"แต่มันเหตุสุดวิสัยนี่ครับ  ผมเมาถ้าผมอธิบายพี่เมฆคงเข้าใจ"





"พี่ก็ไม่รู้ซี แต่เวลาพี่เมฆโกรธน่ากลัวนะ"





"แล้วจะให้ผมทำไงครับ? ผมก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้นะครับ"





"อย่าเพิ่งกลัวเลยครับ น้องจุน พี่ก็แค่เดา ทำใจร่ม ๆ ไว้ แค่ยอมรับผิด อ้อน ๆ พี่เมฆหน่อย เขาก็หายโกรธแล้ว"





"ก็ได้ครับ"





     ถ้าอย่างนั้น จุนเจือจะเชื่อ เขาจะยอมเป็นเด็กดี ไม่เถียงพี่เมฆสักคำเดียว

.

.

.

.

      'อึดอัด'
คือความรู้สึกในเวลานี้ เพราะพอพี่ดินพามาส่งที่รถ เจ้าตัวก็หายวับเข้ากลีบเมฆ อ้างว่าเรียกแท็กซี่กลับบ้าน ภายในห้องโดยสารรถยนต์จึงเหลือแค่เขากับพี่เมฆ



      จุนเจือลอบมองพี่เมฆตลอด จนมาได้ครึ่งทางแล้ว ตัดสินใจชวนคุย



"พี่เมฆหิวข้าวไหมครับ?"



"ไม่หิวครับ"



     จุนเจือเงียบกริบ เพียงได้ยินเสียงแข็ง ๆ ก็รู้สึกหวาดกลัว



"พี่เมฆยังโกรธผมอยู่เหรอครับ?"



"จุน คิดว่าไงครับ?" เมฆินทร์ยังคงจ้องมองท้องถนนดั่งคนมีสมาธิตั้งมั่น ไม่สนคนนั่งข้าง ๆ



"ขอโทษนะครับ ผมเมาเลยกลับโรงแรมไม่ไหว พี่เอิร์ทเลยใจดีให้นอนค้างด้วย"



"ใจดี? ไว้ใจคนง่ายจังครับ เจอกันไม่กี่วัน สนิทกับเอิร์ทแล้วเหรอ? นี่ยังใส่เสื้อของเอิร์ทออกมาด้วย"



       จุนเจือเงียบไปนิด ไม่คิดว่าพี่เมฆจะเก็บรายละเอียดถี่ยิบ



"ก็ไม่สนิท แต่พี่เอิร์ทก็เป็นคนที่ผมไว้ใจได้ เขาพาผมกลับห้องอย่างปลอดภัย ไม่ได้ทำอะไรผมตอนเมา เหมือนพี่เมฆ หร...อ...ก"



กึก



'แค่ยอมรับผิด อ้อน ๆ พี่เมฆหน่อย เขาก็หายโกรธแล้ว'





     เพิ่งนึกได้ก็สายเสียแล้ว จุนเจือสบถในลำคอ ยกมือปิดหน้า เขาเถียงออกไปไม่พอ ยังจะเอาอีกฝ่ายไปเปรียบเทียบอีก พอจุนเจือหันไปหาพี่เมฆก็เห็นอีกฝ่ายหัวเราะหึหึในลำคอและยกยิ้มน่ากลัว





"ไม่เจอกันคืนเดียว เถียงพี่เก่งขึ้นนะครับ"





     เมฆินทร์ว่าจบก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย  ปล่อยให้จุนเจือได้แต่นั่งหน้าเสียและเม้มปากแน่น





'จุนเอ้ย หุบปากเป็นไหมวะ'

.

.

.

.

      เมื่อถึงที่หมาย จุนเจือเดินคอตกตัวลีบตามหลังพี่เมฆ เขาพยายามหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้พี่เมฆหายโกรธไว้ ก็ตัวเองดันไปเพิ่มเชื้อไฟโทสะให้พี่เมฆมากขึ้นตอนที่พูดเชิงเปรียบเทียบกันแบบนั้น





     เด็กหนุ่มกัดปาก ลูบหน้าแรง ๆ พอประตูห้องพักเปิดออก ทั้งสองพาตัวเองเข้ามาด้านใน จุนเจือหวังหลบหน้า เพราะกลัวความผิด หยิบผ้าขนหนูจะเข้าห้องน้ำ ทั้ง ๆ ที่ก็ชำระร่างกายมาตั้งแต่อยู่ห้องพี่เอิร์ทแล้ว





หมับ





"หนีปัญหาหรอครับ?"





"ปะ...เปล่านะครับ..ก็ผมขอโทษแล้วไงครับพี่เมฆ"





"มีอะไรจะอธิบายเพิ่มไหมครับ? ไหนบอกจะเชื่อฟังพี่ สี่ทุ่มให้ถึงห้อง ทำไมไม่ทำ"





"ก็ผม...ผมจะกลับมาทำไมในเมื่อพี่เมฆไม่อยู่ โอเค ผมอาจจะหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่หวังอยากให้พี่อยู่ด้วยกัน และผมยังหวังอีกด้วยนะครับ หวังว่าพี่จะมีใจให้ผมบ้าง แต่ผมคงหวังมากไป เพราะพี่เมฆไม่เคยสนผมอยู่แล้ว พี่มันก็แค่คนใจร้าย" จุนเจืออดรน ทนไม่ไหว ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ขอระบายความรู้สึกหวังให้อีกฝ่ายเข้าใจตนบ้าง





    จุนเจือเบ้หน้ายามที่อีกฝ่ายบีบข้อมือเขาแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนปวดกระดูก





"ใช่ครับ พี่มันคนใจร้าย และใจร้ายมากกว่าที่จุนคิดด้วยครับ"





     เพียงร่างเพรียวทำท่าขยับเท้าหนีจะเข้าห้องน้ำ เด็กหนุ่มก็โดนกระตุกข้อมือสุดแรงและเหวี่ยงร่างลอยหวือลงบนเตียง



"พะ...พี่เมฆจะทำอะไร? ผมจะอาบน้ำครับ"



"อาบทีเดียวเลยครับ"





     เมฆินทร์ตามไปขึ้นคร่อมเด็กหนุ่ม ตรึงข้อมือไว้เหนือศรีษะด้วยมือเดียว ก้มหน้าลงประกบจูบปากจุนเจือก่อนจะใช้อีกมือหนึ่งบีบคางบังคับให้คนใต้ร่างเปิดปากรับลิ้นสากที่แทรกผ่านเข้าไปเพื่อดึงดูดลิ้นอีกฝ่ายหนัก ๆ แล้ววินาทีต่อมา ริมฝีปากล่างก็ถูกเขาขบเม้มและกัดรุนแรง พี่เมฆยังบดเบียดริมฝีปากเข้าหากัน กดจูบ ซ้ำ ๆ จนปากแดงช้ำ ฟากจุนเจือได้แต่ครางประท้วง พยายามสะบัดและเบี่ยงหน้าหนี



"พี่เมฆ พี่ปล่อยผมนะ"



"....."



      จุนเจือกัดปากสะกดอารมณ์ยามลมหายใจอุ่น ๆและริมฝีปากลากไล้ เคลื่อนไปยังใต้ใบหู



"พะพี่เมฆครับ ปล่อยจุนเถอะนะ" จุนเจือพยายามส่งสายตาอ้อนวอนพร้อมคำพูดแสนหวานหวังจะช่วยให้อีกฝ่ายโอนอ่อนได้ แต่คล้ายว่าจะไม่ทัน



"ไม่ปล่อยครับ"



      น้ำเสียงหนักแน่น ขึงขังทำให้จุนไม่กล้าขัด แต่แล้วจุนสะดุ้งสุดตัวและแอ่นอกทันทียามที่ริมฝีปากอุ่น ๆ ครอบครองยอดอกสีสวย ขบกัดเบา ๆ และเริ่มกัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ



"อึ้ก เจ็บอะครับ พี่เมฆวันนี้ จุนไม่มีเซ็กซ์กับพี่นะ ไหนว่าเรายกเลิกสัญญากันแล้วไงครับ พี่ปล่อยจุนนะ ปล่อย ๆ ๆ อื้อออ"



     จุนเจือชะงักยามเห็นอีกฝ่ายช้อนตามองด้วยแววตาวาวโรจน์ เขาผละจากยอดอกเลียริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะขยับตัวขึ้นมาโลมเลียลำคอขาวงับติ่งหูแล้วกระซิบบอก



"แต่..พี่..จะ..เอาครับ"



     เสียงเน้นหนักทีละคำ ผนวกกับสายตาที่บ่งบอกว่าอย่าขัดขืน พี่เมฆตาแดง หน้าแดงจัดดั่งคนโมโห ทำให้จุนเจือกลัวตัวสั่นจนเสียววาบไปถึงกระดูกสันหลัง เขาหวาดหวั่นและเกรงขามในพละกำลังของพี่เมฆที่มันมากกว่าทุกที จุนเจือน้ำตาไหล ดิ้นไม่หลุดและเริ่มเจ็บมากขึ้น ยามที่อีกฝ่ายจงใจขบกัดที่ลำคอ หัวไหล่ ลามไล้ไปยังส่วนยอดอก



"อึ้ก อ้ะ!" จุนเจือกัดปากทั้งเจ็บ ทั้งเสียวกระสัน แต่เจ็บคงมีมากกว่า เมื่อแรงขบกัดตามริมฝีปากที่ลากไล้ไปมันแรงใช่ย่อย





    การพบรักครั้งนี้ ทำให้คนที่เคยมั่นใจ กลายเป็นรู้สึกไม่มั่นใจ ความแข็งแกร่งที่เคยมีก็พังทลายลงไป ไม่คิดเลยว่า การมีความรักจะทำให้จุนเจือเปราะบางได้มากขนาดนี้



      รู้ล่ะ ว่าพี่เมฆจะทำอะไร? แต่จุนเจือจะไม่ขัดขืนอีกแล้ว



      เพื่อการเจ็บปวดครั้งสุดท้าย ก่อนนำไปสู่อิสรภาพทางร่างกายและหัวใจ จุนเจือยอม



      จุนเจือหลับทั้งน้ำตา ยามที่ช่องทางคับแคบของเขามีของแข็งดุนดันเข้ามากระแทก กระทั้น เป็นจังหวะรัวเร็วอย่างไร้ความปราณี...

.

.

.

.

      หกโมงเย็น



      จุนเจือปวดร้าวระบมทั่วร่าง เขาค่อย ๆ เปิดเปลือกตามาด้วยดวงตาบวมตุ่ย ไม่อยากจะนึกเหตุการณ์ที่ผ่านมาเลยว่าเราสองคนได้ระเริงรักกันไปเท่าไหร่ เด็กหนุ่มได้แต่พยายามสลัดภาพในหัวแต่มันทำไม่ได้  ตั้งแต่ผ่านการมีเซ็กซ์กันไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า จบการร่วมรัก พี่เมฆก็พาไปอาบน้ำและบอกให้จุนเจือนอนที่นี่ด้วยกัน แต่ในเมื่อจุนเจือยึดมั่นแล้ว ว่าควรจบความสัมพันธ์ เขาจะไม่ทนต่อไปอีก



      จุนเจือกดสายตาลงมองแขนแข็งแกร่งที่พาดเอวเขาเอาไว้ ก่อนจะหันหน้าไปมองวงหน้าพี่เมฆที่ดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด



       มองหน้าคมเข้มที่ชอบดุบ้างบางเวลา ใจดีบ้างบางเวลา น้ำตาก็รื้น จุนเจือยอมรับว่าเวลาพี่เมฆใจดีกับจุนเจือ เขาเป็นผู้ชายที่เอาใจเก่ง และอบอุ่นมากจนจุนเจือหลงใหลอยากอยู่ใกล้เขาไปตลอด แต่ข้อเสียก็คงเป็นเรื่องของความใจร้าย แถมยามขัดใจจนทำให้พี่เมฆโกรธ เขาจะเป็นคนขั้วตรงข้าม ไม่ต่างกับอสุรกายที่โหดร้าย



       จุนเจือตะแคงข้าง ยื่นมือไปลูบแก้มเย็น ๆ และเคลื่อนริมฝีปากไปประทับจูบปากคนที่อยู่ในห้วงนิทรา



"ผมไปแล้วนะ พี่เมฆ"



      จุนเจือยิ้มทั้งน้ำตายามเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว เขาลุกจากเตียง หยิบเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า ยัดใส่กระเป๋าเป้ จนครบทุกชุด กวาดของสำคัญอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เกิดเสียงจนอีกฝ่ายตื่นขึ้นมากลางคัน เด็กหนุ่มยืนมองคนที่เขาหลงรักด้วยดวงตาพร่าเลือนจากม่านน้ำตา ก่อนจะเปิดประตูห้องออกไปตามทางของตัวเอง

.

.

.

Read

19.30

พี่ชายว่าไหม จุน







    ข้อความทางไลน์ที่ถูกส่งมาตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่จุนเจือเพิ่งเปิดอ่านเมื่อช่วงหัวค่ำ



    ข้อความที่พี่เอิร์ทส่งมาโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงเลย ว่าพี่ชายของจุน มันไม่มีตัวตน มันคือคำโกหกที่คนใจร้ายบังคับให้สร้างมันขึ้นมา

 

Read

19.35

ไม่เลยครับ เขาไม่ดุเลย พี่เอิร์ทไม่ต้องเป็นห่วงนะ



     จุนเจือตกใจที่ได้ยินเสียงข้อความมาจากอีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างเร็วรี่



Read

19.36

เราอยู่ไหน?




Read

19.37

ผมไปหาพี่ชายมา ตอนนี้กำลังกลับบ้านครับ



Read

19.38

อ้อเหรอ? เอ่ออออ...ตอนนี้ เราว่างหรือเปล่า?"




     จุนเจือมองข้อความที่พี่เอิร์ทพิมพ์มาแล้วยิ้ม



Read

19.40

ก็ว่างนะครับ พี่เอิร์ท มีอะไรเหรอ???








Read

19.41

หิวข้าว ออกมากินปิ้งย่างเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ เดี๋ยวเลี้ยงเอง




     จุนเจือนิ่งเม้มปากครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจตอบไป



Read

19.43

พี่เอิร์ทเลี้ยงจริงเหรอ? 0_0 เอาสิครับ ผมหิวหิ๊ววว พี่อยากกินที่ไหนบอกมานะครับ ถ้าไม่ไกลเกินไป ผมจะไปหานะ :-)



     จุนเจือละสายตาจากช่องหน้าต่างข้อความ แล้วเอนหัวพิงพนักเบาะ ทอดสายตาเหม่อลอยในขณะที่มือเรียวลูบริมฝีปากอันบวมช้ำ ไล้ปลายนิ้วสัมผัสรอยฟันที่บวมปูดขึ้นเล็กน้อยตามหัวไหล่ แผ่นอก และปล่อยโฮออกมา



ฮึกฮืออออออ



     เหนื่อยเหลือเกินที่ต้องทำทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ข้างในเจ็บจนบ้า แต่เอาเถอะ ทนอีกหน่อย ต่อจากนี้มันจะเจ็บน้อยลง ได้เวลาปล่อยเขาไปเสียที



'ลาก่อนครับพี่เมฆ'





      พอกันทีกับการรั้งความสัมพันธ์ที่ไร้ความหวัง จุนเจือผิดเองที่ดึงดันทั้งที่รู้ว่ามันถึงทางตันตั้งนานแล้ว





        จุนเจือเอาแต่วิ่งตามพี่เมฆไม่ลืมหูลืมตา ยอมทุกอย่าง แม้กระทั่ง ยอมปล่อยให้ความเจ็บปวดแล่นเข้ามากลืนกินจิตวิญญาจนทรมานกายและใจ ถึงเวลาแล้วที่จุนเจือควรตาสว่าง หยุดวิ่งตามพี่เมฆและหันกลับมารักตัวเอง

.

.

.

.

"ตื่นได้แล้วครับ พี่เอิร์ท"



      จุนเจือยืนคุยกับปลายสายในเวลาหกโมงเช้า หลังจากจุนเจือกลับมาทำงานได้หนึ่งเดือนแล้ว  เขาถูกจัดตารางใหม่ ทำให้จุนเจือทำงานรอบเช้าในเวลาเข้างาน หกโมงครึ่ง เลิกงานสี่โมงเย็น



     การได้กลับมาทำงานที่เกาะหนนี้ ก็เหมือนเป็นสัญญาณแห่งการตัดขาดกับพี่เมฆไปโดยปริยาย เพราะพี่เมฆเองก็ไม่ติดต่อมาหาจุนเจือเช่นกัน



     ส่วนที่จุนเจือยังคงติดต่อกับเอิร์ท ย้อนกลับไปหลังจากวันที่พี่เอิร์ทชวนไปกินปิ้งย่าง เป็นวันที่เขาเปิดเผยความรู้สึกตรง ๆ ว่าสนใจอยากพัฒนาความสัมพันธ์ จุนเจือก็ไม่ปิดโอกาส ลองเปิดใจคุยดู ในเวลานี้ ทั้งสองจึงอยู่ในช่วงระหว่างศึกษาดูใจกัน



      ในช่วงแรก เอิร์ทตกใจไม่คิดว่า คนที่ตนจีบจะต้องไปทำงานไกล เพราะเข้าใจว่าจุนเจออยู่ที่กรุงเทพฯ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่จุนเจืออธิบายเพิ่มเติมรวมถึงโกหกเพิ่มเรื่องที่เขาเป็นน้องชายเพื่อนพี่เมฆนั้น จุนเจือเป็นแค่ลูกพี่ ลูกน้อง เพราะพี่เอิร์ทเริ่มสงสัยว่า เพื่อนพี่เมฆส่วนใหญ่รวย แต่ทำไมถึงปล่อยให้น้องไปทำงานลำบาก ลำบนไม่สงสารกันเลยหรือ?



[อื้มมมม เราแกล้งพี่เหรอ? วันนี้พี่หยุดนะ]



    ตั้งแต่กลับมาจุนเจือทำงานทุกวัน ไม่มีหยุด เพื่อจะสะสมวันหยุดไปใช้ได้ยาว ๆ ในภายหลัง พักนี้ เด็กหนุ่มเลยเบลอและหลง ๆ ลืม ๆ นึกว่าวันนี้ เป็นวันจันทร์ ทั้งที่มันคือวันอาทิตย์



"ฮ่า ๆ ผมลืมนี่นา"



[อ้างโทรมาปลุก จริง ๆ คิดถึงพี่เหรอเรา?] จุนเจือแอบขำยามที่เสียงแหบแห้งติดหยอกล้อเปล่งประโยคนั้นออกมา



"ฮ่า ๆ ผมไม่คิดถึงคนที่ไม่รักตัวเองหรอกครับ  เวลาผมถามพี่เอิร์ทเรื่องบุหรี่ ก็ไม่เห็นจะสูบบุหรี่ลดลงเลย เพลา ๆ ได้ไหมพี่เอิร์ท ผมเป็นห่วงนะ" จุนเจือพูดจริงจัง เพราะตอนที่คุยกันใหม่ ๆ แลกเปลี่ยนประวัติกันไปมา ถึงรู้เรื่องราวอันน่าตกใจว่าพี่เอิร์ทสูบบุหรี่วันละเกือบสิบตัว



[อยากให้พี่เลิกถาวร เราก็มาเป็นแฟนกับพี่สิครับ]



     จุนเจือหน้าแดงก่ำตอนได้ยิน



"พี่เอิร์ทหวังผลนี่นา ผมไม่คุยกับพี่แล้ว"



[มาว่าพี่ทำไม ก็พี่อยากได้แรงฮึดในการเลิกบุหรี่ไง เราทำให้พี่ไม่ได้เหรอ จุน]



"ก็ได้ ถ้าวันนี้พี่สูบบุหรี่ให้เหลือสองตัวค่อยมาว่ากัน และพี่เอิร์ทต้องถ่ายรูปในซองบุหรี่ให้ผมดูด้วยนะว่าเหลือกี่มวน ห้ามโกหกด้วย มันผิดศีลนะ พี่เอิร์ท"



[ฮ่า ๆ จุนแม่ง น่ารักว่ะ]



"เพิ่งรู้เหรอครับ ผมทั้งหล่อทั้งน่ารักเลยนะ แหะ ๆ  พี่เอิร์ทไปนอนต่อเถอะครับ ผมไม่กวนแล้ว ตอนแรกนึกว่าพี่ทำงานเลยโทรมาปลุก ผมจะกลับไปทำงานเหมือนกัน" จุนเจือพูดไป ยิ้มไปและมีใบหน้าที่ร้อนผ่าวเพราะขวยเขิน



[เดี๋ยว!]



"อะไรครับ พี่เอิร์ท"



[นานแล้วที่เราไม่ได้เจอกันตัวเป็น ๆ เลยจะถามว่าคิดถึงกันบ้างไหม?]



     จุนเจือกลั้นยิ้มอยู่นานก่อนตอบ



"คิดถึงก็ได้"



[โธ่ ตัดคำว่า 'ก็ได้' ออกไปได้ไหม พี่ดีใจไม่สุดเลยอะ]



"ฮ่า ๆ อะอะ...ผมคิดถึงพี่เอิร์ทนะ"



[อึ้ยย เขินว่ะจุน]



"ฮ่า ๆ คนอย่างพี่เอิร์ทเขินเป็นด้วยเหรอครับเนี่ย?"



[พูดเป็นเล่น พี่เป็นคนขี้อายมากนะ เราอย่าว่าพี่ดิ]



"ฮ่า ๆ คุยกับผมนานแบบนี้ ไม่หลับต่อแล้วรึไง? ผมจะไปทำงานจริง ๆ แล้วนะ"



[เดี๋ยว!]



"พี่เอิร์ทอย่าแกล้งผมสิ อะไรอีกล่ะครับ?"



[พี่คิดถึงจุน]



    จุนเจือชะงักใจเต้นตึกตัก รัวเร็วจนน่ากลัว เมื่อน้ำเสียงหยอกล้อแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง



"....."



[คือ เอ่อ...แบบ คิดถึงจริง ๆ นะ มันก็เป็นเดือนแล้วที่พี่ไม่ได้เจอหน้าเราเลย อย่างมากก็วีดีโอคอล แล้วมันให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน]



"....."



[จะเป็นไรไหม? ถ้าพี่จะไปหาเราที่นั่น]



"ได้ครับ แต่พี่เอิร์ทบอกผมก่อนนะ เพราะผมต้องวางแผนลางาน แต่ผมมีวันหยุดเหลือไม่มากนะครับ"



[ได้ โอเค ๆ ไม่แกล้งแล้ว ตั้งใจทำงานนะเราอะ ง่วงแล้ว ขอหลับก่อน ไว้พี่ตื่นจะโทรหานะ]



"คะ..ครับ พี่เอิร์ท"

   

      จุนเจือวางสายแล้วเดินอมยิ้ม ใจสั่นออกมาจากห้องน้ำที่ทำงาน แม้สภาพจิตใจจะดีขึ้น แต่เรื่องงานก็ยังมีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นวัน



      ปัญหาลูกค้าน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ปัญหาเพื่อนร่วมงานขี้นินทานี่สิ ที่น่าปวดหัว





…………........................


อ๊อออออยย ถ้าจุนมีแฟนคงมีมุมน่ารักหวาน ๆ แน่เลย
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ขอบคุณทุกคนที่ยังรับความหม่นมาอยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้น้า ^^

หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 14 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 18.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-10-2019 21:03:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

หรือพี่เอิร์ทจะเป็นพระเอก  แต่คงไม่ใช่มั้ง?
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 14 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 18.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-10-2019 21:59:13
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 14 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 18.10.19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-10-2019 22:11:59
หวังว่าคนนี้จะดีนะ ช่างหัวพี่เมฆไปเถอะ คนอะไรใจร้ายเกิ้นนน
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 15 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 21.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 21-10-2019 22:22:09
บทที่ 15  สำนึก





 

 

       ระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ เป็นระยะของการบ่มเพาะความอดทนที่จุนเจือถูกเพื่อนร่วมงานว่าลอย ๆ ให้ได้ยินบ้าง ประชดประชัน กระแทกแดกดันบ้าง แต่จุนเจือก็นิ่งเงียบตลอด ถือคติ ว่าไม่ใส่ใจ หลังจากจุนเจือรู้นิสัยจึงไม่อยากคบค้าสมาคม มีเพียงพนักงานคนเดียวที่ดูเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใคร พอจะเป็นมิตรกับจุนเจือได้บ้าง

 

 

        บ่ายสองของวันนี้ จุนเจือนั่งทำงานตามขอบเขตการรับผิดชอบของตนเองเช่นเดิม หากไม่มีลูกค้ามาเช็คอิน เขาก็เข้าอีเมลเช็คบุ้คกิ้งของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ผ่านการจองที่พักมาจากหลากหลายเอเจนซี่ทั่วโลก ทำการล็อคห้องพักให้ลูกค้าตามแต่ละวันที่ถูกจองเข้ามาล่วงหน้า

 

 

       ยามนี้ ส้มโอไปรับลูกค้าที่ท่าเรือ ส่วนเชอร์รี่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามเยื้องไปทางด้านหลัง ส่วนปลา คนที่พอเป็นมิตรกับจุนเจือนั่งอยู่ด้านหลังเขา

 

       

"นี่จุน" เชอร์รี่เรียก

 

 

"ว่าไง?"

 

"มีเรื่องจะถามน่ะ ได้ข่าวเป็นเกย์เหรอ?"

 

       จุนเจือชะงัก หันไปมองคนทำหน้าแสร้งใสซื่อได้หน้าหมั่นไส้ จุนเจือพยายามข่มอารมณ์ไม่พอใจ เขาจับสังเกตได้ว่าตั้งจุนเจือกลับมาจากกรุงเทพฯ เพื่อนร่วมงานก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งมีการพูดแขวะ กระแนะกระแหนรุนแรง ซึ่งจุนเจือก็ไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไร?

 

 

"เป็นไม่เป็นแล้วจะทำไมเหรอ? มีอะไรหรือเปล่า?"

 

"ถามดู ถ้าชอบเราจะได้แนะนำไง เรามีเพื่อนที่เป็นเกย์เยอะ ชอบแบบไหน? จะได้ติดต่อให้" เชอร์รี่พูดด้วยรอยยิ้ม ซึ่งไม่รู้เลยว่าใต้รอยยิ้มนั้น มีความจริงใจเหลืออยู่เท่าไหร่

 

       จุนเจือจึงเลยตอบรับไปเฉย ๆ

 

"ไม่เป็นไร ขอบใจในความหวังดีแต่เรายังไม่คิดจะมีใครน่ะ"

 

"ไม่เหงาเหรอ? ก็ได้ข่าวว่าโสดอยู่นี่ หรืออยากหาเองถึงมาทำงานที่นี่ ชัวร์ป๊าป ใช่ไหมจุน"

 

      จุนเจือนิ่งและคิดอย่างเซ็ง ๆ เขา ไม่น่าเล่าเรื่องส่วนตัว สมัยตอนมาทำงานใหม่ ๆ เลย ในตอนแรกนั้นก็คิดว่าทุกคนเป็นมิตรจึงไว้ใจเผยประวัติของตนเองออกไปอยู่พอสมควร

 

 

"ความเห็นเรานะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คนมันจะได้แฟนมันก็ได้แหละ" จุนเจือตอกกลับแบบไม่มองหน้าคนถาม เพราะสายตายังคงจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ เพื่อทำงานไปด้วย

 

"อ้อ มันก็เหมือนกับว่า คนมันจะขายตัวที่ไหน มันก็ขายตัวได้แหละ ประมาณนี้ใช่ไหมจุน"

 

กึก

 

      ถ้าคนไม่มีชนักติดหลังจะไม่รู้สึกจุกอก แต่เพราะอีกฝ่ายดันพูดเรื่องที่จุนเจือเองก็เคยทำ เขาลอบกลืนน้ำลาย พลางเหงื่อซึมทั่วกรอบหน้าและแผ่นหลัง

 

"เงียบเลยแฮะ!"

 

 

      จุนเจือนั่งใจเต้นแรง พยายามรวบรวมสติ ข่มอารมณ์ไม่ให้ทำอะไรวู่วาม

 

"อ้อ ขอโทษที พอดีเราใช้สมาธิในการทำงานมากไปหน่อย เลยไม่ได้ยิน งั้น เราขอทำงานก่อนนะถ้าว่างแล้วจะมาคุยเล่นด้วย" จุนเจือหันไปยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันกลับมาด้วยใบหน้าเครียดขึง

 

 

    อาจเป็นความบังเอิญที่พูดมาได้ตรงกับเรื่องจริงของจุนเจือ?

 

     อาจเคยดักฟังหรือได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแพรที่ห้องพักของตนเอง?

 

     ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ช่าง จุนเจือต้องทำใจ ไม่คิดมาก พยายามคิดว่าเชอร์รี่อาจแค่พูดสนุกปากเท่านั้น

 

 

'เฮ้อ...จบปัญหาเรื่องนี้ ก็ต้องมีอีกเรื่องเข้ามาให้เราจัดการแก้ปัญหาให้มันได้ทุกทีสิน่า อดทนนะจุน ทำไงได้ ก็นี่แหละชีวิต'

 

 

      แม้วันนี้จะมีเรื่องให้ใช้สมองมาก แต่จุนเจือก็สามารถทำงานให้เสร็จได้อย่างลุล่วง เลิกงานแล้ว เด็กหนุ่มเดินกลับถึงห้องพักพนักงานที่อยู่ไม่ไกลจากตัวโรงแรม ระหว่างทาง มีบ้างที่จุนเจือลอบถอนหายใจ แต่จังหวะที่สายลมเย็น ๆ ผ่านพัดมาปะทะผิวกาย จุนเจือหยุดเท้า ยืนนิ่งหลับตาและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เต็มปอด พรูลมหายใจออกมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จุนเจือหันไปมองรอบ ๆ ตัวตอนนี้ แล้วเผลอยิ้มออกมาจาง ๆ มันดีแค่ไหน? ที่เขาโชคดี ได้มีโอกาสทำงานในพื้นที่ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ได้เห็นวิวทะเลกว้างใหญ่ไพศาล มีทิวมะพร้าว และต้นไม้มากมาย ไหนจะ ผีเสื้อนับไม่ถ้วนต่างบินโฉบไปโฉบมาเหนือยอดหญ้า จุนเจือเงยหน้ามองท้องฟ้าสีหม่นที่แม้ไม่สดใสแดดจ้า แต่ในเวลานี้ มันช่างเป็นองค์ประกอบที่สวยงามได้เหมือนกัน

 

      จุนเจือหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพวิวทิวทัศน์หวังแบ่งปันความสวยจากธรรมชาตินี้ให้ใครสักคนได้รับรู้เช่นเดียวกันกับเขา

 

       ด้วยตัวโรงแรมที่ตั้งอยู่บนที่สูงจึงเห็นแผ่นท้องทะเลกว้างใหญ่ เห็นขอบฟ้าไกลสุดลูกหูลูกตา จุนเจือบรรจงเลือกมุมที่งดงาม กดถ่าย และเตรียมส่งภาพนี้

 

    เข้าโปรแกรมแอพพลิเคชั่นไลน์ เผลอเลื่อนไถลยาวจนเลยชื่อพี่เอิร์ท เขากำลังไถขึ้นไป แต่สายตาพาหยุดชะงักเมื่อเห็นรายชื่อของพี่เมฆ




     ในไลน์ทั้งสองไม่ค่อยได้คุยกัน ข้อความเก่า ๆ ที่เคยคุยค้างไว้จึงมีไม่มาก อย่างมากก็ถามถึงเรื่องเวลา อยู่ไหน จะมาเจอกันเมื่อไหร่ก็เท่านั้น




    จุนเจือพรูลมหายใจออกมาทางปาก และใช้ปลายนิ้วไถหาชื่อพี่เอิร์ทอีกครั้ง

 


Read

17.09

เอาภาพมาฝากครับ ตอนนี้บรรยากาศกำลังดีเลย ลมเย็น มีฟ้าครึ้มนิดหน่อย ไม่แน่ คืนนี้อาจมีฝนตกด้วยนะครับพี่เอิร์ท

 

 (http://74515034_452945252018166_6545433165857554432_n.jpg)

      กดส่งข้อความไปหา เสร็จแล้ว จุนเจือก็เดินทางกลับห้องพักเพื่อไปอาบน้ำอาบท่า ใช้เวลานานพอควร เบ็ดเสร็จ จุนเจือแต่งตัวก็ออกมานั่งเล่นบนเตียง มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา

 

"เห็นรูปหรือยังครับพี่เอิร์ท"

 

[เห็นแล้ว นี่พี่กำลังคิดว่าพี่กำลังจีบเจ้าหน้าที่กรมอุตุฯ อยู่รึเปล่า? มีรายงานพยากรณ์อากาศให้ด้วย]

 

"โหพี่เอิร์ท พูดแบบนี้ ผมน้อยใจนะเนี่ย อุตส่าห์ตั้งใจถ่ายให้"

 

[น้อยใจทำไมครับ พี่แค่แซว เอาจริง ๆ ก็ชอบนะ โดยเฉพาะภาพทะเลสวยมาก ส่งมายั่วให้อิจฉากันใช่ไหม ทำไมเราเป็นคนแบบนี้]

 

"ฮ่า ๆ ของจริงสวยกว่าในรูปอีกนะ"

 

"หมายถึงเราน่ะเหรอ?"

 

"พี่เอิร์ทจะใช่ผมได้ไงเล่า ผมต้องหล่อสิครับ"

 

"ฮ่า ๆ ก็จุนปากสวยน่ะ รู้ไหม? มองทีไรก็อยาก..."

 

"พี่พูดอะไรน่ะ เปลี่ยนเรื่องไหม?"

 

"เขินหรอเรา?"

 

"ก็...อื้มม"

 

"จุนชอบทำตัวน่ารักว่ะ จะไม่ให้พี่หลงได้ไงครับ"

 

"พี่เอิร์ทอะ"

 

"ฮ่า ๆ ไม่แซวแล้วครับ ว่าแต่วิวสวยจริง สงสัยต้องขอพี่เมฆลาพักร้อนซะแล้ว "

 

      จุนเจือใจสั่นยามได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยชื่อพี่เมฆ อันที่จริง ตั้งแต่คุยจีบกันมา พี่เอิร์ทไม่ค่อยพูดถึงพี่เมฆให้ได้ยินเท่าไหร่ แม้ว่าเขาจะทำงานด้วยกัน แต่พอเอ่ยถึงคนที่สาม จุนเจือรู้สึกหวนนึกถึง

 

"มาเลยครับพี่เอิร์ท ทำงานเหนื่อยๆเห็นธรรมชาติมันดีนะ"

 

[เห็นเราจะดีกว่า]

 

     จุนเจือนิ่งไปนิด

 

"เสี่ยว"

 

[ฮ่า ๆ แล้วทำงานเป็นไงบ้าง โอเคนะ] เอิร์ทถามเพราะเคยเห็นจุนเจือบ่นครั้งหนึ่ง

 

"ก็เรื่องเดิม ๆ เพื่อนร่วมงานแหละครับ"

 

[คนแบบนี้ มีอยู่ทุกที ไปไหนก็เจอ อยู่ที่ว่า เราจะเจอเลเวลไหน ถ้าไม่ไหวยังไงก็เล่าให้พี่ฟังได้นะ มาช่วยหาทางแก้ปัญหากัน]




     คำพูดธรรมดาแต่ทำไมฟังแล้วอุ่นหัวใจจัง จุนเจือแอบอมยิ้ม

 

"ขอบคุณนะพี่เอิร์ท แล้วพี่เอิร์ทกินข้าวรึยังครับ?"

 

[ยังเลย คุยกับเราก่อน]




"ถ้างั้นไปเลยครับพี่เอิร์ท ค่อยคุยวันพรุ่งนี้ก็ได้ วันนี้ ผมว่าจะขอดูหนังสักเรื่องด้วยแหละ แหะ ๆ"

 

[อ่า ๆ ได้ครับจุน ไว้คุยกัน เดี๋ยวพี่ส่งรูปซองบุหรี่ไปให้นะ ไม่ลืม]

 

"พี่เอิร์ทน่ารักจัง พี่จำได้ด้วย?"

 

[จำได้สิ ก็พี่ใส่ใจคำพูดของเราไง พี่ดีไหม?]

 

"ดีอะ"

 

[มาเป็นแฟนกับพี่มา]

 

"ขายเก่ง วกเข้าเรื่องนี้ได้ตลอดเลย"

 

|ฮ่า ๆ ของเขาดี ชักช้าระวังพี่โดนคนขโมยไปไม่รู้ด้วยนะ]

 

"อย่างนี้ก็ได้เหรอ?"

 

[ได้แหละ ฮ่า ๆ ไป พักผ่อนไป ถ้าตื่นมากลางดึกก็ไลน์มาได้นะครับ วันนี้พี่นอนดึก]

 

"ครับผม"

 

     จุนเจือกดวางสาย แล้วกดเข้าแอพพลิเคชั่นจะหาหนังดู ระหว่างนั่งเลือกซีรีส์อยู่นั้น จุนเจือพบข้อความไลน์เด้งมาให้สายตาตวัดมอง กดเข้าไปเป็นภาพซองบุหรี่ที่พี่เอิร์ทส่งมาพร้อมเขียนข้อความว่า

 

Read

19.24

'วันนี้ พี่สูบไปสองตัวครับ'

 

Read

19.26

'พี่ทำได้จริงด้วย เก่งมากเลย ถ้าพี่ทำได้แบบนี้ทุกวัน วันที่พี่มาหาผม ผมจะมีรางวัลให้นะ :-)'

 

'Read

19.25

'ขอรางวัลตอนนี้เลยได้ไหม จะตายอยู่แล้ว ส่งจูบมาให้พี่หน่อย'




 Read

19.26

'ไม่ ๆ ๆ ๆ เบื่อคนทะลึ่ง'

 




Read

19.27

'T_T'

 

     จุนเจือยิ้มกว้างและขำ ยามที่เห็นอีกฝ่ายส่งสติกเกอร์รูปเป็ดสีเหลืองนอนร้องไห้ เขาไม่ได้ตอบ แต่ก็ยังยิ้มอย่างมีความสุข และกลับมาหาหนังดูต่อไป

.

.

.

.

    วันเวลายังคงผ่านไปเรื่อย ๆ นี่ก็หนึ่งสัปดาห์มาแล้ว ที่เอิร์ทและจุนเจือยังคงติดต่อกันเรื่อยมา แม้เจนภพจะหยอดถามเรื่องการขอคบกัน แต่จุนเจือยังยืนกรานในคำตอบเดิมว่า รออีกหน่อย ตอนนี้ยังไม่พร้อม




     แม้เอิร์ทจะโดนบอกให้รออยู่ทุกวี่วัน แต่เขาก็ไม่เคยเสียกำลังใจ เดินหน้าจีบจุนเจือไม่หนีหายไปไหน เอิร์ทยังคุยกับจุนเจือสม่ำเสมอ จนทำให้จุนเจือกำลังใจอ่อน




 

      ยามหกโมงเย็นที่จุนเจืออาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาหยิบเครื่องมือสื่อสาร ก็พบว่าพี่เอิร์ทโทรมาตอนเขาอาบน้ำอยู่จึงโทรกลับไป

 

"ว่าไงครับพี่เอิร์ท"

 

 

[จุนพี่ขอโทษนะ ตอนแรกที่บอกว่าจะลาอาทิตย์นี้ คงต้องเลื่อนไปก่อน]

 

"ทำไมหรอครับ งานเข้าเหรอ?"

 

[ก็ทำนองนั้น เพราะพี่เมฆเข้าโรงพยาบาล]

 

 

"พี่เมฆเป็นอะไรครับ?"

 

 

 

[โหมงานหนักจนวูบเป็นลมหมดสติ ต้องแอดมิดเข้าโรง'บาลเมื่อวาน พี่กับพี่แม็คต้องทำงานแทน คิดอยู่แล้วเชียว เตือนแกบ่อย ๆ ก็ไม่ค่อยจะฟัง]

 

      จุนเจือใจหาย ตอนที่เคยอยู่ด้วยกันกับเขา พี่เมฆไม่เคยมีมุมอ่อนแอ หรือเจ็บไข้ให้เห็น เขาดูเป็นคนแข็งแรงมากด้วยซ้ำ

 

"เขาเป็นอะไรมากไหมครับ?"

 

[ก็นอนให้น้ำเกลือที่โรง'บาล 2 คืน พี่ว่าวันนี้จะไปเยี่ยมอยู่]

 

"ครับพี่เอิร์ท พี่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าทำงานหักโหมล่ะ พอได้ยินเรื่องพี่เมฆ ผมก็กลัวพี่จะเข้าโรงพยาบาล เหมือนกัน"

 

[ได้ครับ แฟนพี่น่ารักจังเลย]

 

"ใครแฟนพี่? ขี้ตู่อีกแล้ว"

 

[อ้าวอุตส่าห์เนียน ทำไมเราไม่เออออไปหน่อยล่ะ]

 

"ฮ่า ๆ อ่ะ สงสารให้เป็นแฟนวันนี้วันหนึ่งก็ได้"

 

[โธ่ อนาถชีวิตตัวเอง พี่จะไปโดดตึกตาย จุนไม่รักพี่เลย]

 

"พี่เอิร์ทนี้ชอบโอเวอร์ แอ็คติ้งตลอดเลย"

 

[ฮ่า ๆ พี่ชอบหยอกเรา สนุกดี โอเคพี่ไม่กวนแล้ว ต้องไปทำงานก่อน วันนี้ไม่แน่ใจว่าจะได้คุยไหมนะ เสร็จจากงานจะไปเยี่ยมพี่เมฆอีก]

 

"ไม่มีปัญหาครับพี่เอิร์ท ดูแลตัวเองนะครับ ผมเป็นห่วงนะ"




[ครับผม]

 

 

'พี่เมฆป่วย อยู่ ๆ  ก็เป็นห่วงเขาขึ้นมา"




     ในสายตาของเด็กหนุ่ม ยามอยู่ด้วยกัน พี่เมฆอย่างกับซูเปอร์ฮีโร่ เขาดูเหมือนคนมีพลังตลอดเวลา จนไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา เขานอนดึกตื่นเช้าอยู่บ่อย ๆ แถมวันไหนมีเซ็กซ์กันหลายรอบ คนที่อิดออด อ่อนแอก็เป็นจุนเจือเสียส่วนมาก

 

     จุนเจือมองหน้าจอมือถือตัวเองอยู่นาน ก่อนจะเข้ารายชื่อเลื่อนไปที่เบอร์พี่เมฆ

 

'เดือนกว่าแล้วนะที่แกอดทนผ่านมาได้แล้ว จะไปสน ไปนึกถึงทำไม เขาใจร้ายแค่ไหนแกก็รู้'

 

081-999-89xx

 

       มองเบอร์นั้นอยู่นาน จนตัดสินใจจะหักห้ามใจไม่ให้โทรไปหา ขณะที่ปลายนิ้วแตะออกจากบัญชีรายชื่อ แต่มือดันเผลอไปโดนปุ่มโทรออก

 

'เชี่ย ฉิบหายแล้ว'



 

     จุนเจือใจสั่นไหว รีบกดวางเร็วไวพลางลูบหน้าตัวเองแรง ๆ

 

 

      ติดแค่ตื้ดเดียว สัญญาณคงไปไม่ถึงมั้ง จุนเจือลอบถอนหายใจ ก่อนจะหากิจกรรมทำแก้ฟุ้งซ่าน

 

 

     เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง จุนเจือโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่โทรมา จนกระทั่ง สามทุ่มครึ่ง ได้เวลาล้มตัวลงนอน โทรศัพท์มือถือก็แผดเสียงดัง

 

     พอเห็นแสงสว่างวาบจากหน้าจอมือถือพร้อมกันกับปรากฎเบอร์พี่เมฆโทรกลับมา จุนเจือชะงักงัน

 

     'เชี่ยเอ่ย พี่เมฆโทรมา ฮืออออ ทำไงดีอะ รับไม่รับ รับไม่รับ รับไม่รับ'

 

     จุนเจือลอบกลืนน้ำลาย เพราะความเลินเล่อของตัวเองแท้ ๆ

 

[สวัสดีครับจุน]

 

"เอ่อขอโทษครับ เมื่อกี้กดผิด"

 

 

[คะแค่กะ ๆ อ้อ แค่ก ๆ จริงหรือครับ?]

 

 

     เพียงเสียงกระแอมไอและน้ำเสียงที่ดูแหบแห้งเหมือนผู้ป่วยจริง ๆ จุนเจือใจตกไปที่ตาตุ่ม

 

"พี่เมฆเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? / จุนสบายดีไหม?"

 

     ทั้งสองต่างพูดพร้อมกันจนน่าตกใจ

 

 "พี่พูดก่อนเลยครับ"

 

[จุนสบายดีไหมครับ?]

 

   จุนเจือฟังเสียงแหบพร่าแล้วสงสาร เขาจะเป็นอะไรมากหรือเปล่านะ?

 

"ผมก็สบายดีครับ"

 

 

[นี่เราไม่ได้คุยกันนานเท่าไหร่แล้วนะพี่จำไม่ได้]

 

 

   'จำไม่ได้หรือไม่อยากจำกันแน่'

 

 

    จุนเจือคิดในใจ แต่พอคำตอบที่ตอบไปกลับเป็นอีกอย่าง

 

"ก็นานพอที่ผมทำใจได้แล้วพี่เมฆละครับสบายดีไหม?"

 

[แค่ก ๆ พี่สบายดีครับ แค่ก ๆ ขอโทษที]

 

"พี่เมฆไม่สบายใช่ไหม?"

 

 

[แค่ไอนิดหน่อยครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก]

 

 

      ทำไมจุนเจือต้องรู้สึกเป็นห่วงเขาด้วย เด็กหนุ่มใจเต้นไม่เป็นจังหวะรีบเถียง

 

 

"พี่โกหก ไม่ได้เป็นอะไรมากได้ไง พี่นอนป่วยอยู่โรง'บาลไม่ใช่เหรอครับ?"

 

 

[จุนรู้ได้ไงครับ?]

 

 

"ผมรู้ก็แล้วกันครับ"

 

 

[จุนยังติดต่อกับเอิร์ทเหรอ?] เมฆินทร์ถาม แต่จุนเจือกลับเปลี่ยนเรื่อง

 

"ทำไมพี่ต้องโกหกกับแค่อาการป่วยด้วยครับ"

 

       เมฆินทร์เงียบไปนาน ถึงโพล่งขึ้น

 

[พี่แค่ไม่อยากเป็นคนอ่อนแอ]




      จุนเจือหงุดหงิด ที่ได้ยินคนแก่กว่าพูดเช่นนั้น จนเขาเผลอเผยความรู้สึกลึก ๆ ในใจ




"อ่อนแอก็อ่อนแอไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย  ทำไมครับ? พี่ต้องสร้างภาพให้คนมองว่าพี่เข้มแข็งตลอดเวลาเลยเหรอไง? มันไม่ได้ดูแย่เลยนะที่พี่ป่วยน่ะ พี่เป็นถึงขนาดนี้ ก็เพราะว่าร่างกายมันบอกพี่อยู่นะครับ ว่าพี่ต้องพักบ้าง ฟังเสียงร่างกายตัวเองหน่อยสิครับ"

 

[แล้วถ้าพี่จะอ่อนแอให้จุนเห็นคนเดียวได้ไหม?]

 

กึก

 

     จุนเจือใจกระตุก เม้มปากแน่น การที่พี่เมฆพูดแบบนี้ มันเหมือนกับเขาพยายามสื่อว่า สิ่งที่เขาคอยปกปิดคนอื่น แต่ยอมที่จะเผยความกลัว ความอายแก่จุนเจือให้รู้คนเดียวน่ะมันมีความพิเศษแค่ไหน


    พี่เมฆทำอย่างนั้นเพื่ออะไร?

 

"พี่เมฆ พอเถอะครับ อย่าพูดให้ผมคิดไปไกลเลยครับ"

 

[พี่ขอโทษนะครับสำหรับเรื่องวันนั้น] เมฆินทร์รู้ดีว่าอีกไม่กี่นาที จุนเจือคงตัดบท เขาจึงรีบเข้าเรื่องก่อนจะสายไปอีก

 

 

"ความรู้สึกช้าไปรึเปล่าครับพี่เมฆ ผ่านมาจะเดือนกว่าพี่เพิ่งมาขอโทษ ช่างมันเถอะครับ ผมไม่ได้สนใจแล้ว พี่อย่าเอาเรื่องอดีตมาพูดเลยครับ ถ้างั้นแค่นี้นะครับ"




     จุนเจือกำลังสู้รบกับความรู้สึกตัวเอง ข้างหนึ่งมันอยากคุยต่ออีกเรื่อย ๆ อยากยืดเวลาออกไปหน่อย ส่วนอีกข้างหนึ่งก็บอกว่าพอเถอะ จะปล่อยให้หัวใจมันเจ็บซ้ำ ๆ อีกอย่างนั้นเหรอ?

 

   

    สำหรับสิ่งที่จุนเจือพูด ชายหนุ่มไม่เถียง เมฆินทร์สำนึกผิดช้าไป เพราะเพิ่งตระหนักรู้และเห็นคุณค่ายามมีใครคนหนึ่งเดินออกจากชีวิตไป


    คิดถึง คนที่มีเคมีเข้ากัน มีเซ็กซ์ได้สอดรับกับรสนิยมชมชอบของเขา

 

    คนที่ยอมเป็นฝ่ายโอนอ่อนก่อนเป็นส่วนมาก


     คนที่กล้าเผยความรู้สึกตรง ๆ ออกมาว่าชอบเขาได้แบบใสซื่อ

 

     คน ๆ นั้น ก็ดันเป็นคนเดียวกับ คนก่อนหน้า ที่เมฆรู้สึกรำคาญ ความจุ้นจ้านของเด็กหนุ่ม แต่พอไม่มีความจุ้นจ้านนั้น ถึงรู้แล้วว่าชีวิตขาดอะไรไป ยามที่ใจวูบโหวง ยามที่รู้สึกโหยหาอยากมีเซ็กซ์กับเขา ยามอยากกอด โอบอุ้ม สัมผัสเรือนร่าง อยากเข้าไปสำรวจช่องทางรัก อยากจูบปากอย่างที่เคยจูบกัน ยามที่เขาคนนั้นพยายามเอาอกเอาใจกับเรื่องบนเตียงให้ถึงพริกถึงขิง โดยที่แม้กฎเกณฑ์ก็รู้ดีมาตั้งแต่แรก ว่า 'เงินแลกเซ็กซ์' เท่านั้น




     ยอมรับว่า ในช่วงแรก เมฆรู้สึกว่าการมีเซ็กซ์ของเขาเกิดจาก 'ความอยากเอา' เพียงอย่างเดียว


      แต่พอได้มีเซ็กซ์กับจุนเจือ เขาถึงเพิ่งรู้ว่า มันมีความหมายได้มากกว่านั้น เด็กหนุ่มทำให้เมฆินทร์มองมุมที่ต่างออกไป

 

     ทุกขณะของการมีเซ็กซ์กันระหว่างจุนเจือและเมฆินทร์ มันไม่ใช่แค่การ 'เอากัน' อย่างเดียว แต่ลึก ๆ มันคือ การ 'เอาอกเอาใจกัน'





     เด็กหนุ่มไม่เคยเริ่มบทรักแบบขอไปที ทุกท่วงท่าบนเตียง จุนเจือแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้ทำเพราะหวังเงิน แต่เขาทำเพราะอยากเอาอกเอาใจให้มันเป็นบทรักร่วมกัน เพื่อสร้างความทรงจำที่ดีที่สุดไว้เสมอ




      จุนเจือพยายามสร้างความเชื่อให้เมฆมาโดยตลอดว่า เซ็กซ์ของทั้งสองจะไม่ใช่แค่การสอดใส่ หวังระบายความใคร่แล้วจบไป แต่มันคือ เซ็กซ์ที่คอยหมั่นถามไถ่บอกกันตลอดว่าชอบ หรือไม่ชอบตรงไหน?

 



       แรงไป ผ่อนบ้าง เบาลงหน่อย ก็คอยบอกกันเสมอ....




     แหละเพราะการห่างเหิน ทำให้เมฆได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง วิเคราะห์ตัวเองจนตกผลึกทางความคิดว่า ที่เขาใจโหวง ๆ หงุดหงิดตัวเองบ่อย ๆ นั่นเป็นเพราะอะไร เพราะน่าจะเป็นการไม่มีความสดใสใกล้ตัว ไม่มีคนมาพูดเจื้อยแจ้วน่ารักสมวัยใกล้หู ก็เกิดจิตใจห่อเหี่ยว พอหลัง ๆ มาทำงานหนักเกินไปจนไม่สนเวลานอน จิตใจก็ยิ่งอ่อนแอ หวั่นไหวไปกันใหญ่

 

          คนที่เก่งทุกอย่าง เว้นเรื่องรัก ถึงกับกุมขมับ เพราะเมฆินทร์มีแต่ความไม่รู้เต็มหัวสมอง

 

          ไม่รู้ต้องเริ่มจากตรงไหน ไม่รู้ว่าจุนเจือจะเข้าใจความรู้สึกที่เขาเป็นอยู่หรือเปล่า? เพราะตอนนี้ ตัวเมฆินทร์เองยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นอะไร? เขารู้เพียงว่า เขาโหยหาจุนเจืออยากมีจุนเจืออยู่ใกล้ ๆ แต่ที่ไม่กล้าติดต่อจุนเจือ เพียงเพราะข้อความที่จุนเจือเคยเขียนบนโพสต์อิททิ้งไว้ในวันสุดท้ายที่เด็กหนุ่มไปไม่ลา นั่นจึงทำให้เมฆินทร์จำได้ขึ้นใจ

 

โกรธตัวเองเหมือนกันนะ ที่พี่เมฆย่ำยีหัวใจผมแค่ไหน ผมก็ยังหลงรักคนใจร้ายอย่างพี่อยู่ได้ แต่ตอนนี้ ผมพอแล้วครับ ถึงเวลาที่ผมต้องตัดใจเพื่อไปตามทางของผมสักที โชคดีครับพี่เมฆ'

 

        ทวนข้อความจุนเจือทีไร ก็สร้างความสับสนให้ตัวเขาว่าควรเดินหน้าหรือปล่อยจุนเจือไป

 

       แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่คนแก่กว่ากล้าพูด กล้าชวนคุยกับจุนเจือในวันนี้ เพียงเพราะมันเกิดจากจุดเริ่มเล็ก ๆ แค่มีเบอร์จุนเจือโทรเข้ามาหาก่อน เขาจึงสามารถนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการโทรกลับได้ หากวันนี้ จุนเจือไม่เผลอโทรยิงเข้ามา เมฆินทร์ก็ยังคงปอดแหก ไม่กล้า



       และการคุยกันในวันนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น....

 

   

 [พี่เชื่อว่า ทำผิดก็ต้องขอโทษ แม้ว่าจะช้าไปหน่อย แต่พี่ไม่เคยรู้สึกผิดหรือมีสำนึกแบบนี้มาก่อน พี่ขอโทษที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกจุน จนพอห่างและมีโอกาสได้นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา พี่ถึงรู้ว่ามันแย่มากที่พี่ทำกับจุนแบบนั้น...มันแรงเกินไป]

 

"ขอบคุณที่พี่คิดได้นะครับ แต่พี่ไม่ต้องมาบอกผมแล้วครับ มันไม่ความหมายอะไรกับชีวิตผมแล้ว ผมว่ามันคงดีกว่าที่พี่จะไม่ทำให้ผมรู้สึกแย่อีก"

 

"แค่ก ๆ พี่อยากเจอจุน พี่ขอโอก..า..ส"

 

 

     จุนเจือไม่หือ ไม่อือรีบกดวางสายก่อนที่หัวใจจะกลับไปถวิลหาผู้ชายคนนี้อีกครั้ง

 

    จุนเจืออย่าใจอ่อนนะ อดทนไว้นะ

 

    'เจ็บแล้วต้องจำ' ไม่ใช่ 'เจ็บแล้วไม่จำ' สิวะ จุนเจือ...

 

 


....................................................



อ่านจบตอนนี้แล้ว มีความเห็นกันอย่างไรบ้างคะ? ^^ ขอเสียงโหน่ยยยย เทคะแนนให้ใครกันบ้าง :mew2: :mew2: :mew2:

แงง ๆๆ แปะภาพตรงข้อความไม่ได้อะค่ะ เสียใจ อะ มีภาพปลากรอบบ น้องจุนถ่ายภาพให้พี่เอิร์ทดูวิวค่า

 



 
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 15 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 21.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-10-2019 22:45:20
 :pig4: :pig4: :pig4:

ระหว่าง เมฆกับเอิร์ธ ใครจะเข้าวิน?
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 15 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 21.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-10-2019 23:51:43
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 15 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 21.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 22-10-2019 00:56:05
โถ่จุน ใจแข็งๆไว้นะ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 15 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 21.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-10-2019 22:09:27
ห้ามใจอ่อนนะจุน ห้ามๆๆๆๆเด็ดขาด ปล่อยพี่เมฆขาดใจไปเลยสมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 15 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 21.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 23-10-2019 14:11:20
ใจเเข็งไว้เลยจุน รอให้เขามาหาเราเอง ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นนะ
สู้ๆจ้ะ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 16 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 27.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 27-10-2019 14:03:50
บทที่ 16 เหตุการณ์สะเทือนขวัญ







 
     ในวันเดียวกัน



     ย้อนกลับไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า




     ณ ห้องพักพิเศษ ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งมีผู้ป่วยนอนซมบนเตียง ทั้งยัง มีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง ส่วนน้องชายผู้ป่วยคนนั้นก็เฝ้าดูแลไม่ห่างหลังจากรับปากมารดาว่าจะดูแลพี่ชายเป็นอย่างดี ปฐพีจึงนอนค้างที่นี้เพื่อดูอาการพี่เมฆไปด้วย




"พี่พงศ์มาพอดีเลย สวัสดีครับ" น้องชายเอ่ยทักทายเพื่อนรักพี่ชาย ตอนที่เห็นอีกฝ่ายโผล่หน้าเข้ามา



 
     สำหรับ พงศ์นั้น เพิ่งบินกลับมากรุงเทพฯ ได้ประมาณสองวัน โดยร้านอาหารที่ตั้งอยู่ที่เกาะนั้นก็ให้แฟนช่วยดูความเรียบร้อยไปก่อน และการเดินทางมาเยี่ยมผู้ป่วยได้นั้น ทราบเรื่อง เพราะดินโทรมาบอก



"มันหลับ?"



"เพิ่งหลับเองครับพี่ พี่พงศ์ล่ะ สบายดีไหม? เป็นไงบ้างครับ ค้าขายที่เกาะ รวยใหญ่แล้วสิ"



"ก็เรื่อย ๆ ว่ะ ที่นี่แข่งขันกันสูงมาก อีกอย่าง บางเจ้ามีพวกผู้มีอิทธิพลหนุนหลังด้วยน่ะ แต่ยังไง พี่ว่าจะลองสู้ดูก่อน"



"เป็นกำลังใจให้พี่ เดี๋ยวผมไปอุดหนุน เพราะตั้งใจจะกลับไปเกาะ อยากลองลงเรียนคอร์สดำน้ำด้วย"



"เอาสิ ที่นั่นฝรั่งเรียนดำน้ำเยอะด้วย เออ แล้วทำไม ไอ้เมฆป่วยได้วะ ดิน? ไม่ค่อยเห็นมันหนักจนต้องแอดมิท"
 

"ไม่รู้ครับพี่ แต่ถ้าให้ผมเดา คงมีปัญหาเรื่องงานและหัวใจพร้อมกันมั้งเลยเครียด"
 

"ไอ้เมฆมีแฟนแล้ว?"
 

"ก็..."
 


"แค่ก ๆ ๆ ยังจะนินทาคนป่วยกันอีกหรือ?" เมฆินทร์ลืมตาขึ้นมามองน้องชาย และพยายามหยัดกายขึ้นนั่ง จ้องมองสองคนสลับกันไปมา

 
"อ้าว พี่เมฆไม่ได้หลับ?"

 
"แล้วใครบอกว่าหลับ ฉันแค่พักสายตา ไอ้พงศ์มาได้ไง ดินบอก?"

 
"เออ มึงก็ไม่คิดจะบอกกูเลยเหรอ? เกิดตายขึ้นมานี่ กูจะไม่ได้เห็นหน้ามึงเป็นครั้งสุดท้ายเลยนะ"
 
 
"มึงเป็นเพื่อนรักกูจริง ๆ นะพงศ์" เมฆแขวะจนพงศ์หัวเราะร่วน

 
"ฮ่า ๆ ไม่กัดก็ได้ ไงมึง มีอะไรอยากบอกกูไหม?" พงศ์ถาม


 
     เมฆินทร์มองเพื่อน ยามที่พงศ์หย่อนกายลงนั่งริมเตียง แตะแขน คนถูกคาดคั้นผ่านทางสายตาพลันหลบหน้าหนี ชำเลืองมองน้องชาย

 
"ดิน อยากกินชาเขียว ไปซื้อให้หน่อยได้ไหม?"

 
"อ่ะก็ได้ พี่พงศ์เอาอะไรไหมครับ?"

 
"ลาเต้ก็ดี"

 
"หา กินตอนนี้เนี่ยนะครับ" ปฐพีสงสัย เพราะเวลานี้มันก็เย็นแล้ว

 
"เอาเถอะ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับพี่มากหรอก"

 
"ครับผม"


 
   ยามน้องชายเดินพ้นสายตาไปแล้ว พงศ์ไม่รีรอถามต่อ

 
"หน้ามึงดูไม่ดีเลย ป่วยอะไรขนาดนั้นวะ"

 
"เปลี่ยนเรื่องได้ไหม เบื่อตอบเรื่องป่วย ถามหลายคนแล้ว"

 
"อ่าได้ มึงมีคนใหม่แล้วเหรอ? มีอะไรคืบหน้าไม่บอกเพื่อน" พงศ์ยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ขัดใจเพื่อน ถ้าอยากให้เปลี่ยนเรื่อง เขาก็เปลี่ยน พุ่งประเด็นไปที่ความรักทันที


 
    เมฆนิ่งเงียบ ครู่หนึ่งเขาเสมองไปทางอื่น มือหนาที่วางอยู่บนแผ่นท้องเผลอกำมันแน่นขึ้น

 
"ไอ้เมฆ กูกับมึงก็รู้ไส้ รู้พุงกันมาขนาดนี้ ทำไมจะไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้น่ะเครียดเรื่องรัก เล่ามาเหอะ เลิกวางฟอร์มได้แล้ว"

 
"มึงจำตอนที่อยู่เกาะได้ไหม ที่กูพาเด็กไปร้านมึงน่ะ ที่บอกว่าจะจ้างน้องมีเซ็กซ์ด้วย" เมฆินทร์บอกย้ำให้พงศ์นึกถึงเรื่องในอดีตที่คุยกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นพงศ์คนเดียวที่รู้เรื่องข้อตกลงนั้น

 
"อ๋อเออ จำได้ ทำไมวะ?"

 
"กูไม่ได้คุยกับเขาแล้ว"

 
"ก็ไม่แปลก ถ้ามีเซ็กซ์ไม่โดนใจมึง ก็จบง่าย ๆ"

 
"แต่น้องเขามาบอกว่าชอบกู"

 
"แล้วไงวะก็ปกติปะ มึงมันหล่อไงเมฆ ใครเห็น ใครก็ชอบ มันแปลกตรงไหนวะที่น้องเขาจะหลงเสน่ห์มึง ชอบในเซ็กซ์ของมึงก็ได้ กูว่าที่แปลกคือมึงน่ะจะเอามาตั้งคำถามแบบอาลัยอาวรณ์ทำไมวะ ถ้าไม่....อย่าบอกนะว่า...." พงศ์หรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด และเผลอยิ้มยามที่ใบหน้าเพื่อนแดงก่ำไม่รู้ว่าแดงเพราะเขินที่จับได้หรือแดงเพราะพิษไข้
 

"กูแค่รู้สึกแปลก ๆ พอไม่ได้คุย ก่อนที่เราจะไม่ได้คุยกัน มันเกิดเรื่องขึ้น กูมีเหตุผลให้กูไม่พอใจน้องเขา จนโมโหเลยทำน้องเขาซะยับ..." เมฆินทร์เงียบไม่กล้าพูดต่อจากนี้

 
"หืมมม? ยับ? กูขอเดานะ มึงเอาน้องเขาแบบซาดิสม์แล้วน้องเขาต้องจำใจยอมแน่เลย ใช่ไหม?"

 
      เมฆหลุบตาลงต่ำแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง

 
"ทำหน้าแบบนี้ กูว่าชัวร์ ไอ้เมฆ มึงมันน่าด่าจริง ๆ เฮ้อ!"

 
"....."

 
"เอาเป็นว่าตอนนี้ ที่มึงเล่าให้กูฟัง มึงต้องการขอคำแนะนำอะไรจากกู"

 
"นานแล้วที่กูกับน้องเขาไม่ได้คุยกัน และกูเอ่อ...อยากกลับไปคุย"

 
"ก็คุยสิวะ มึงปล่อยให้เวลามันผ่านมานานแบบนี้ โดยไม่เคลียร์เนี่ยนะ ทั้ง ๆ ที่มึงก็เป็นฝ่ายผิดแท้ ๆ ป่านนี้ น้องเขาสาปแช่งมึง หนีไปหาคนอื่นแล้วมั้ง?"

 
"คงไม่หรอก"
 
 
"ยังมั่นใจไปอีกนะไอ้เมฆ มึงไปทำเลวใส่เขา ใครเขาจะเอามาทำแฟนวะ? ถามจริง"


 
       เมฆินทร์สะอึก และเงียบกริบ นั่นสิ คนเลวอย่างเขา ใครจะเอา แม้ว่า เมฆไม่เคยทำร้ายร่างกาย แต่ก็ทำร้ายจิตใจจุนเจืออยู่บ่อยครั้ง


 
"เมฆ มึงถามใจมึงก่อนเถอะ ว่าความรู้สึกลึก ๆ ของมึง มันรู้สึกผิดหรือรู้สึกชอบ"



 
       นิ่งเนิ่นนานกว่าเมฆจะตอบ

 
"กูไม่รู้"

 
"ความคิดกูนะ ถ้ามึงรู้สึกผิด มันผ่านมานานเกินไป มันไม่มีความหมายอะไรสำหรับน้องเขาแล้วล่ะ กูว่าปล่อยไปเหอะ ไม่ต้องโทร แต่ถ้ามึงรู้สึกชอบน้องเขาจริง ๆ ความรู้สึกมึงเกิดขึ้นแล้ว ก็ลุยเลย โทรไปขอโทษทุกอย่างที่มึงทำ ขอนัดเจอ มึงต้องทำให้คนที่เคยชอบมึงกลับมาชอบมึงและมากกว่าเดิมให้ได้"

 

     เมฆมองหน้าเพื่อนยามที่มันพูดแล้วพักด้วยการกระดกน้ำเปล่าจากขวด

 
"กูต้องทำยังไง?"

 
"ทำยังไงก็ได้ให้น้องเขาใจอ่อน อภัยให้มึงน่ะ แต่นั่นแหละ มึงต้องถามใจมึงด้วยนะว่า มึงรู้สึกกับน้องแบบไหน"

 
"ขอบใจ"

 
"ตาย ๆ เพื่อนกูติดเด็กซะแล้ว เด็กคนนั้นทำอีท่าไหนวะ สงสัยคงเร้าใจน่าดูถึงทำให้พี่เมฆหลงขนาดนี้"

 
"แค่ก ๆ เงียบเลยไอ้พงศ์" เมฆินทร์ด่าเพื่อนก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นห้อง



"ฮ่า ๆ ตรงนี้ มีคนเขินว่ะ"
.
.
.
.
     อีกฟากฝั่งหนึ่ง มีคนเพิ่งเดินออกจากร้านกาแฟ หลังได้เครื่องดื่มสองแก้วที่สั่งไปก่อนหน้า เขาเดินหิ้วถุงบรรจุเครื่องดื่มมาถึงหน้าลิฟต์ เหล่มองคนข้าง ๆ ที่ยืนอยู่ก่อน ก่อนจะหันไปเบิกตาโพลง เมื่อพบว่า เป็นคนเดียวกับที่ปฐพีเคยเจอตอนไปรับจุนเจือที่ห้อง พอเดินเข้าลิฟต์พร้อมกัน อีกฝ่ายที่เพิ่งเห็นดินทำหน้าเหวอและตกใจ จนปฐพีกลั้นขำ
 


     ปฐพีที่ยืนอยู่ใกล้แผงตัวเลขมากกว่ายื่นนิ้วไปกดชั้น แต่ดันเป็นจังหวะที่กดพร้อมกัน ทำให้เอิร์ทชักมือกลับ


 
"มาเยี่ยมพี่เมฆเหรอครับ?" ปฐพีถาม


 
"ใช่ครับ" เอิร์ทตอบแต่กลับไม่มองหน้า เขายังคงทอดสายตามองไปยังประตูทึบตรงหน้า


 
      ปฐพีกดสายตาลงมองในมือของผู้มาเยี่ยมไข้พี่ชาย เห็นเขาที่ถือถุงบรรจุของกินมากมายและเอ่ย
 


"พี่เมฆไม่กินส้มหรอกครับ"
 

    เอิร์ทหันขวับ
 

"แต่ผมมีน้ำใจซื้อมา คุณก็ไม่ควรพูดทำลายน้ำใจคนอื่นไหมครับ?"
 

    ปฐพีแค่นยิ้ม ก็น่าแปลกดี ภายนอกลุคดูแบด ดิบ เถื่อนอย่างนี้ แต่ทำไม เขาไม่ยักกลัวก็ไม่รู้
 

"โอเค ผมขอโทษ แค่จะบอกว่าถึงยังไง ของที่คุณซื้อมาก็คงตกมาถึงผม ไหนจะส้มเอย นมเปรี้ยวเอย น้ำผลไม้นั่นอีก เฮ้อ" ปฐพีว่าพลางกดสายตาไปมองในถุงพลาสติกนั้น
 

"ต้องการอะไรจากผมวะ?" เอิร์ทเริ่มไม่พอใจ จากมีคำสุภาพให้ชักจะเริ่มแปรเปลี่ยนไป

 
     พออีกฝ่ายเริ่มโมโห ปฐพีที่มีนิสัยชอบแหย่ก็ยิ้มกว้าง
 


"โอ๊ะ! ผมขอโทษ คุณนี้จะหัวร้อนไปไหน? ใจเย็น ๆ หน่อยสิครับ ก็แค่อยากหาเรื่องคุยด้วย อ้อ จะบอกให้นะว่าของที่คุณซื้อมา ถึงพี่เมฆไม่ชอบ แต่ผมชอบนะครับ"

 
       จังหวะที่ทั้งสองมองตากัน กล่องสี่เหลี่ยมทึบนั้นก็หยุดเพราะถึงชั้นที่หมายพอดี จบการสนทนาไปโดยมิได้นัดหมายทั้งสองคนจึงเดินออกมา แล้วเป็นเจนภพที่เดินตามน้องชายพี่เมฆไป เอิร์ทกำมือแน่น ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องชายพี่เมฆได้มีวางมวยกันแน่

 
        พอสองหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง ก็ได้ยินเสียงสองคนคุยกัน
 


"สวัสดีครับพี่เมฆ อ้าวพี่พงศ์ สวัสดีครับพี่"

 
"อ้าวไอ้เอิร์ท ไม่เจอนานเลยว่ะ มาด้วยเหรอ?"

 
"โถ่มาสิพี่พงศ์ หัวหน้าผมป่วยทั้งที ไม่มาได้ไงครับ นี่ผมเอาผลไม้และนมมาฝากด้วยนะครับพี่เอิร์ท" เจนภพยิ้ม

 
"ขอบคุณมาก ดินช่วยเอิร์ทถือไปวางให้ที" เมฆินทร์ยิ้มจาง ๆ และส่งสายตาไปทางน้องชายให้มารับของ

 
     ดินยิ้มรับถุงพลางมองหน้าเอิร์ทที่ส่งสายตาไม่สบอารมณ์

 
"พี่ดีขึ้นหรือยังครับ?" เอิร์ทถามคนป่วยต่อ
 

"ดีขึ้นแล้ว ขอบใจมากที่ถามไถ่"
 

"พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องงานนะ ผมกับพี่แม็คเคลียร์ได้"
 

"อืม"

 
    หลังจากนั้น ก็เกิดบทสนทนากันทั้งสี่คนสลับสับเปลี่ยนกันไปมา คุยกันมาได้สักพัก พอจะร่ำลากลับ โทรศัพท์มือถือเมฆินทร์ก็ดังครั้งหนึ่งแล้วเงียบไป เมฆินทร์วานน้องชายช่วยหยิบมือถือที่ชาร์จแบตไว้ตรงชั้นวางทีวี พอเมฆินทร์เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาบนหน้าจอมือถือ เขาหันไปหาเพื่อนรัก
 


"มึงมองกูทำไมวะ ไอ้เมฆ อย่าบอกนะว่าน้องคนนั้นโทรหามึง?"

 
      เมฆเม้มปากและกำมือถือแน่น

 
"ใครอะ? น้องจุนคนที่พี่ให้ผมไปรับคราวนั้นน่ะหรอพี่" ปฐพีก็พูดไปเรื่อย ๆ เอาจริง เขาก็ไม่รู้หรอกว่าใคร แต่แค่ตั้งใจขยายความ พลางเหล่มองคนที่ยืนข้างพี่พงศ์

 
"จุนโทรหาพี่เมฆเหรอครับ?"

 
       เมฆินทร์มองหน้าเอิร์ทแล้มยกยิ้มบางเบา
 

"ไม่ใช่หรอก เอิร์ท" เมฆินทร์เงียบพลางครุ่นคิดไปด้วย
 

"พี่เมฆได้เวลาพักแล้วครับ ผมขอบคุณแทนพี่เมฆด้วยนะที่มาเยี่ยม เดี๋ยวผมเดินไปส่ง"
 

"ไม่ต้อง ๆ เฝ้าเมฆเหอะ ไปเอิร์ทกลับกัน"  พงศ์ว่าพลางแตะไหล่เจนภพ
 


"ครับ"

     ผู้มาเยี่ยมไข้ ได้หายลับตาไปทั้งสองคนทิ้งให้เมฆินทร์นั่งนิ่ง มีสตินึกคิดเกี่ยวกับเรื่องของจุนเจือ
.
.
.
.
    ภายในเวลาสิบกว่าวันที่ผ่านมา มีบางสิ่งเปลี่ยนไปอย่างน่าใจหาย



     หลังจากที่จุนเจือเคยพลาดกดโทรหาพี่เมฆไปครั้งหนึ่งคราวนั้น ถัดมา ไม่กี่วัน พี่เมฆทั้งโทรหาและคุยผ่านทางข้อความแชทกับจุนเจือบ่อยขึ้น มีบ้างที่จุนเจือไม่รับ หรือบางทีก็รับแล้วตัดบทคุย เพราะทำตัวไม่ถูก


     การกลับมาคุยกันหนนี้ พี่เมฆบอกว่าอยากติดต่อไว้ไม่ให้ห่างเหินกัน แต่จะด้วยเหตุผลอะไรนั้น จุนเจือเคยถามไปแต่พี่เมฆก็ไม่ยอมให้คำตอบที่ชัดเจน



     ยามนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสอง จึงไม่เหมือนคนจีบเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น  เพราะพี่เมฆไม่เคยเอ่ย แต่มันเหมือนความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนความครึ่ง ๆ กลาง ๆ จำกัดสถานะไม่ได้มากกว่า


     เด็กหนุ่มนั่งเหม่อในเวลาทุ่มกว่าหลังจากได้เปลี่ยนตารางเวลาทำงานมาทำงานรอบบ่ายได้สองวันแล้ว โดยรวมก็ยังไม่เจอลูกค้ามีปัญหาใด ๆ แต่วันนี้เพิ่งมีลูกค้าเช็คอินใหม่อีกหกห้องก็ลองลุ้นดูว่า วันนี้ เขาจะเจอกับอะไร?



     มือถือแผดเสียงดังเรียกสติให้คนที่กำลังนั่งคิดเรื่องพี่เมฆอยู่ หันไปมองมือถือที่วางอยู่ใกล้กันกับคีย์บอร์ด



[สวัสดีครับ แฟน]



"ขี้ตู่อีกแล้วนะครับ พี่เอิร์ท"



[ฮ่า ๆ ไม่เคยเห็นใจพี่เลยนะครับ เรารู้ไหม จีบคนทางไกลมันทรมานนะ]



     จุนเจือกลั้นยิ้มเพราะสัมผัสได้ว่าสุ้มเสียงนั้นดูตัดพ้อเหลือเกิน


"โอ๋ ๆ พี่เอิร์ทก็มาหาผมเร็ว ๆ สิครับ เดี๋ยวพาไปเที่ยว ไปเล่นน้ำด้วยกัน"


[น่ารักว่ะ เออ พี่จะโทรมาบอกเราว่า พี่มาดูหนังกับเพื่อนนะ]



"เอ้ ? เพื่อนจริงไหมน้า" จุนเจือแซวกลับให้มีบทขำกันบ้าง แต่พี่เอิร์ทไม่ตอบได้ยินเพียงเสียงกุกกัก


[ฮัลโหล น้องจุนที่ไอ้เอิร์ทมันจีบใช่ไหมคะ? พี่เพื่อนเอิร์ทเองค่ะ ไม่ต้องกลัวนะ พี่เอิร์ทไม่ได้แอบพาใครมาดูหนังค่ะ และพี่เองก็พาแฟนมาด้วย โจ้ขอเสียงหน่อยเร็ว]


"แก้ม ไปยุ่งเรื่องคนอื่นทำไม มานี่ / ไอ้โจ้ว่าฉันหรอ?

 
      จุนเจือหน้าแดงก่ำไม่คิดว่าพี่เอิร์ทจะเล่นกันแบบนี้



[เชื่อพี่ยัง?]



"พี่เอิร์ทอะ ยื่นมือถือให้เขาทำไม?"



[พี่กลัวเราไม่เชื่อ โกรธเหรอครับ?]


"ไม่ได้โกรธ แต่ผมอายนี่ พี่บอกเพื่อนด้วยเหรอ?"



[อ้าวทำไมอะ บอกไม่ได้เหรอครับ?]


"เปล่าครับ"


[เออจุน พี่จะไปหาเราแล้วนะ พี่หาวัน ลาได้แล้ว]



"วันไหนครับ"



[ไม่บอก พี่อยากเซอร์ไพร์ส]



"เฮ้อ!...พี่เอิร์ทชอบแกล้งผมจังเลยอะ แล้วอย่างนี้ผมจะลากับผู้จัดการได้ไงล่ะครับ"



[เซ็งเลยอะ อยากไปเซอร์ไพร์สนี้ ก็วันสองวันนี้แหละครับ เออ พี่มีอะไรจะบอก เฮ้ย ๆ พวกมึงเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวกูเดินตามไป]
 

     จุนเจือได้ยินเสียงพี่เอิร์ทคุยกับเขาแต่ปลายประโยคก็หันไปคุยกับเพื่อน ครั้นเสียงเงียบลงแล้วนั้น
 

"อะไรเหรอครับ พี่เอิร์ท?"



[วันนี้ ดูหนังเสร็จ พี่คงไปดื่มกับเพื่อนต่อน่ะ อาจไม่ได้คุยกัน เราโอเคไหม?]


"โอเคครับ พี่เอิร์ท"



[ไม่โกรธนะ]



"ไม่โกรธครับ วันนี้เลิกงานสี่ทุ่มด้วย เสร็จแล้วก็คงอาบน้ำ นอนเลยแหละ"



[ครับผม ไว้เจอกันที่เกาะ พี่ขอจูบเราก่อนไปหานะ]


 
จุ๊บ



     คนนั่งฟังขนอ่อนลุกชูชัน หน้าร้อนผ่าวยามที่พี่เอิร์ทส่งเสียงจูจุ๊บสั้น ๆ แต่ชัดเจน

 
     แม้ว่าอีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว แต่จุนเจือยังคงใจเต้นแรงไม่หาย



"พี่เอิร์ทแม่งขี้แกล้งอะ" จุนเจือลูบแก้มร้อน ๆ ก่อนจะเม้มปากกลั้นยิ้ม
.
.
.
.
    และแล้ว ก็เกิดเรื่องให้เด็กหนุ่มต้องมานั่งลนลานอีกครั้ง ยามที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์จากลูกค้าที่วีนเหวี่ยงขอผ้าเช็ดตัวเพิ่ม ไหนจะยังขอผ้าห่มอีก จุนเจือโทรหาหัวหน้าแม่บ้าน แต่ไม่ยอมรับสาย จึงโทรหาแม่บ้านอีกคน เธอก็บอกให้จุนเจือไปหยิบที่ห้องเก็บของเลย จุนเจือก็บอกไปแล้วว่าไม่ใช่หน้าที่ของจุนเจือ กลับโดนอีกฝ่ายตอกกลับมาว่า ไม่ว่าง อยู่ตลาด เด็กหนุ่มก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน จุนเจือ ไม่อยากทำ เพราะคราวที่เคยอาสาทำให้ตอนพี่เมฆมาพักที่นี่ก็โดนดุจนเข็ดหลาบ แต่พอคราวนี้ ต้องมานั่งทำให้อีกก็เกิดอาการเซ็ง



    จุนเจือจำใจต้องทำ เพื่อตัดรำคาญ เพราะให้ลูกค้ารอนานมากไม่ดี เพราะน้ำเสียงคุณลูกค้าดูหงุดหงิด โวยวายและน่าจะเมาด้วย



      หอบทุกอย่างไปอย่างทุลักทุเล ร่างผอมยืนเคาะประตู ไม่นาน ประตูห้องเปิดออกกว้าง จุนเจือได้กลิ่นเหล้าหึ่ง โชยฉุนแตะจมูก



"ผมเอาของมาให้แล้วครับ"


 
   จุนเจือเอ่ยมองหน้าลูกค้าคนไทยยืนหน้าแดงก่ำ พอเขาเดินแบกผ้าห่มและผ้าเช็ดตัวเข้าไปวางตรงปลายเตียง พบลูกค้าอีกคนเป็นชาวต่างชาติที่ไม่เมาเท่าลูกค้าคนไทยยืนพิงประตูกระจกใสตรงระเบียง


      จังหวะที่ก้มวางของ จุนเจือใจหายวาบ ยามที่ลูกค้ายืนซ้อนหลังแนบชิดจนสัมผัสได้ถึงแท่งร้อนถูไถตรงแก้มก้นเขา จุนเจือกลับมายืนตัวตรง หมุนตัวรีบเดินออก



"เสร็จแล้วครับ ลูกค้า ขอตัวครับ" จุนเจือเดินมาถึงตรงประตู มือยังไม่ทันคว้าที่จับ เขาโดนกระชากจนร่างเล็กล้มลงก้นจ้ำเบ้า



"โอ้ย คุณลูกค้าครับ ผมต้องไปทำงานแล้วครับ"



    จุนเจือรู้สึกถึงสถานการณ์แปลก ๆ เขาลอบกลืนน้ำลาย เงยหน้ามองอีกฝ่ายยืนยิ้มร้ายอยู่ตรงหน้า
 

     จุนเจือโดนผลักจนร่างกระแทกพื้น

 
"ลูกค้าครับ คุณเมามากแล้ว ปล่อยผมนะครับ"

 
     ลูกค้าคนนั้นไม่สนใจคำร้อง กลับขึ้นคร่อมกลางลำตัว โน้มตัวลงมาไซ้ซอกคอ โดยที่ฝรั่งคนนั้นรีบปรี่มานั่งเหนือหัวจุนเจือและพยายามล็อกแขน


"ปล่อยนะ ปล่อย ๆ" จุนเจือพยายามเบือนหน้าหนี ทำไมลูกค้าคนนี้ทำให้จุนเจืออยู่ใกล้แล้วอยากจะอ้วก ทั้งกลิ่นเหล้ารุนแรง และการกระทำที่ต่ำช้า จุนเจือเข้าใจแล้วว่า เราไม่สามารถประเมินนิสัยใครจากหน้าตาได้จริง ๆ ทั้งที่เขาก็ออกจะดูดีแต่กิริยาป่าเถื่อนยิ่งนัก


"อย่าสะดีดสะดิ้งให้มากได้ไหมวะ"
 


"ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วยอื้ออออ" ท่าไม่ดีแล้ว จุนเจือแหกปากตะโกน แต่เขากลับโดนชายไทยคนนั้นบีบคางเพื่อจูบปากพยายามจะสอดลิ้น จุนเจือเม้มปากแน่น ให้ตายก็ไม่มีทางยอมให้ใครก็ไม่รู้มาสอดลึกเข้าสู่ภายในเขาได้ จุนเจือน้ำตาไหล ยามที่อีกฝ่ายพยายามใช้มือปลดกระดุมและดึงกางเกงแสล็กของจุนเจือลง



"ทำอะไร ปล่อยนะเว้ย" จุนเจือดิ้นสุดชีวิต และแล้วใบหน้ามีสีกลับซีดเผือกดั่งคนตายยามได้ยินสองคนคุยกัน ด้วยหนึ่งประโยคที่ได้ยินชัดเจน
 


"I want to have a threesome."


     จุนเจือตะโกนร้องสุดเสียง ดิ้นสุดชีวิต แต่เขากลับโดนมันชกเข้าที่หน้า
 
ผัวะ



"ไอ้สัด เงียบเว้ย"



 
       จุนเจือกัดปากกลั้นความเจ็บและความชาแล่นปราดทั่วใบหน้า เขาปวดร้าวขณะที่น้ำตาไหลเป็นทาง เขาไม่มีวันจะยอมให้พวกมันข่มขืนได้ และมันเป็นครั้งสุดท้ายที่จุนเจือตะโกนสุดเสียงดิ้นเร่า ๆ จนปลายเท้าอยู่ใกล้ตู้เสื้อผ้าพอดี ใช้แรงถีบรัว ๆ จนเกิดเสียงดังปึงปังเป็นอีกแรงช่วยเผื่อให้ใครได้ยิน
 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก


 
    เสียงประตูจากด้านนอกช่วยชีวิตจุนเจือ เมื่อคนที่กำลังดึงแท่งร้อนของมันออกมาถูไถผ่านกางเกงในเด็กหนุ่ม



     ชายหนุ่มตาน้ำข้าว ลุกไปเปิดประตูเมื่อคนด้านนอกเคาะประตูไม่หยุด จุนเจือเหลือบมองลอดช่องว่างประตูที่เปิดแง้มเห็นเป็นลูกค้าต่างชาติยืนอยู่ข้างนอก จุนเจือใช้ทีเผลอที่อีกฝ่ายหยุดกระทำ เพื่อหันไปมองว่าใครมา จุนเจือใช้เข่ากระทุ้งไข่มันจนจุก ลุกขึ้นมานั่งปาดน้ำตา ก่อนหยัดยืนขึ้นเต็มความสูงวิ่งไปกระชากประตูให้เปิดกว้าง พุ่งตัวออกไปจนชนไหล่ลูกค้าตรงหน้าประตูที่ยืนเถียงกันอย่างไม่สนใจ เพราะในเวลานี้ เขาต้องเอาชีวิตรอด




"ฮืออออ"



     ถึงจุดรีเซ็ปชั่น จุนเจือสะอึกสะอื้น ตัวสั่นงันงก ยังอยู่ในภาวะตื่นตระหนก เขาเอาแต่มองซ้ายมองขวาเหมือนคนระแวด ระวัง สองมือก็ลูบแขนตัวเองตลอด หลังจากผ่านเหตุการณ์รุนแรงที่ถูกคุมคามชีวิต จุนเจือหยิบมือถือโทรหาพี่เอิร์ททั้งที่มือสั่นไม่หาย เด็กหนุ่มติดต่อพี่เอิร์ทไม่ได้ โทรย้ำหลายสายก็ได้ยินแต่ประโยคเดิม ซ้ำ ๆ



'บริการฝากหมายเลขโทรกลับ'



"พี่เอิร์ทอะ พี่อยู่ไหน? ผมอยากคุยกับพี่ ฮืออออ"



     เด็กหนุ่มงึมงำและร้องไห้หนักหน่วงจุนเจือตัดสินใจกดโทรหาแพร ก็ไม่ติดเช่นกัน จุนเจือขยี้ผม ทุบโต๊ะรัว ๆ



     คนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ขวัญเสียมาหมาด ๆ ยังรู้สึกหวาดกลัว เขาเหงื่อแตกพลั่ก ก่อนโทรหาเพื่อนร่วมงานที่พอเป็นมิตร รบกวนให้มาอยู่เป็นเพื่อน ตอนแรกเธอไม่ยอมมา พอได้ยินเสียงจุนเจือสะอื้นถึงยอมขี่มอเตอร์ไซค์มากับแฟน



      เพียงเห็นจุนเจือมีใบหน้าช้ำและบวมเธอสอบถามได้ความก็รีบไล่จุนให้กลับไปพักทำแผล เธอกับแฟนซึ่งเป็นเชฟของที่นี่จะช่วยดูให้เพราะเห็นว่าเหลือแค่ชั่วโมงเดียวก็ได้เวลาเลิกงาน เธอยอมอาสาปิดระบบของวันนี้ให้แทน ฟากจุนเจือเอ่ยขอบคุณซ้ำ ๆ ไม่สนแล้ว เรื่องการสแกนนิ้วออกงาน ตอนนี้ ความรู้สึกเขาสำคัญกว่าสิ่งไหน


   จุนเจือถึงห้องด้วยความหวาดกลัวไม่จางหาย เขายังตื่นตัว ปากสั่น ตัวสั่น หายใจหอบถี่และยังคงสะอื้นมาตลอดทางกลับบ้าน ในเวลานี้ จุนเจืออยากมีใครสักคนรับฟังถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญ กดโทรหาพี่เอิร์ทอีกครั้งก็ยังไม่ติด จุนเจืออยู่ในสภาวะอ่อนแอ เขาอยากหาใครสักคนคุยด้วยจึงตัดสินใจโทรหาพี่เมฆก็ไม่ติดเช่นกัน



    ก็แค่ต้องการบอกให้ใครได้รับฟัง แต่มันเรื่องบ้าอะไร ทำไมในเวลาที่จุนเจือต้องการใคร ถึงติดต่อใครไม่ได้ คนที่กลัวจนลืมความเจ็บชาจากการโดนต่อย นั่งฟุบหน้าลงกับเข้าร้องไห้ตรงริมเตียง


    ไม่นาน เสียงมือถือของจุนเจือได้แผดเสียงดังขึ้นจนเด็กหนุ่มหันขวับไปมองและรับกดรับ




[สวัสดีครับ จุน เมื่อกี้ พี่โทรหาไม่ติดมันแปลก ๆ  ก็เลยกลัวว่าจะเป็นอะไร เลยลองโทรดูอีกที ถึงห้องรึยังครับ?]


    หรือ อาจเป็นการที่ต่างฝ่ายต่างโทรเข้ามาชนกัน....



"ฮืออออ พี่เมฆ ผะ..ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ผมกลัวครับพี่ ผมกลัว" จุนเจือบอกอย่างสะอื้น




[จุน!!! นั่นจุนร้องไห้? เกิดอะไรขึ้นที่นั่น บอกพี่มาครับ] เสียงตื่นตระหนก ที่แลดูเป็นห่วงจริงจังทำให้คนที่ร้องไห้อยู่แล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม


...............................

จะไปอยู่ตรงหน้า จะไปหาแน่ๆ เธอจะอยู่ที่ไหน จะเปิดไซเรนไปหาเธอแน่ ขอยืมเพลงมาหน่อยนะคะ หุหุ :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

จุลลลลลลลลล



ปากำลังใจรัว ๆ มาให้น้องหน่อยนะคะ ขอบคุณค่า



หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 16 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 27.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-10-2019 14:16:55
พี่เมฆมาได้ถูกเวลามากนะ เอิร์ทไม่น่าเลย เสียโอกาสแท้ๆ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 16 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 27.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-10-2019 21:01:15
 :m16:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 16 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 27.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-10-2019 21:12:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 16 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 27.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 28-10-2019 09:14:58
พี่เมฆมาหาน้องเร็วๆ ช้าอดนะ เพราะช่วงนี้เอิร์ทจีบอยู่
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 16 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 27.10.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 31-10-2019 12:06:11
โดนพาตัวกลับกรุงเทพแน่เลย
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 17 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 5.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 05-11-2019 22:45:29
 

บทที่ 17 คนที่ทำให้ยิ้มได้


















       จุนเจือกลัวและอ่อนแอเกินกว่าจะอยู่ได้เพียงลำพัง เขากำลังต้องการที่พึ่งทางใจ

 

 

 

"พะ...พี่เมฆ ผมเกือบโดนข่มขืน"

 

 

 

[ห้ะ อะไรนะครับ? จุนปลอดภัยแล้วใช่ไหม?]

 

 

 

"คะ...ครับพี่ ผมกลัวทำไงดี ผมอยากกลับบ้าน"

 

 

 

[จุนรอสิบนาที เดี๋ยวพี่โทรกลับครับ]

 

 

 

 

 

 

    เมฆินทร์บอกแล้ววางสาย ปล่อยให้จุนนั่งร้องไห้สักพักหนึ่ง ถึงโทรกลับมาแบบวีดีโอคอล คนแก่กว่าเผลอเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อตอนเด็กหนุ่มเปิดกล้อง เขาเห็นรอยบวมช้ำปรากฏบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด เมฆส่งสายตาเห็นใจ ที่เห็นเด็กหนุ่มร้องไห้ จนเผลอย้อนนึกถึง ภาพสะท้อนไม่ต่างกับตอนที่เขามีเซ็กซ์กับจุนเจือจนเด็กหนุ่มร้องไห้

 

[จุนครับ ทำไมหน้ามีรอยช้ำด้วยล่ะครับ พอจะเล่าให้พี่ฟังได้ไหม?]

 

 

     จุนเจือพยักหน้าหงึกหงัก จากนั้น เด็กหนุ่มก็เล่าไป ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปจนน้ำหู น้ำตาไหล ขี้มูกยืดย้อยลงมาอย่างน่าอาย เขาใช้หลังมือปาดหยาดน้ำใสไปลวก ๆ

 

 

 

[จุน พี่จะไปหา] เมฆินทร์ว่าอย่างเป็นห่วง

 

 

 

"ไม่ต้องครับพี่เมฆ ผมแค่อยากเล่าให้ใครสักคนได้ฟัง ได้อยู่คุยกับผมเท่านั้นเองครับ ฮืออออ"

 

 

     จุนเจือร้องไห้ ดวงตาพร่าเลือนนั้นเผลอใจกระตุกยามพี่เมฆผุดรอยยิ้มอบอุ่นแล้วใช้นิ้วของเขาลูบหน้าจอมือถือ คล้ายกับว่า เขากำลังช่วยเช็ดน้ำตาให้และปลอบประโลมจิตใจ

 

 

[ไม่ร้องนะ พี่เช็ดน้ำตาให้แล้ว]

 



 

"พี่เมฆฮืออออ"

 

 

[จุน อาบน้ำรึยังครับ]

 

"ยังครับ"

 

 

[พี่จะอยู่เป็นเพื่อน พี่จะเปิดวีดีโอคอลไว้แบบนี้ จุนไปอาบน้ำเถอะครับ]

 

 

    จุนเจือเงียบไม่ยอมไปไหนเขาเอาแต่มองหน้าพี่เมฆผ่านมือถือที่มีเทคโนโลยีช่วยทำให้คนไกล ใกล้กันมากขึ้น

 

 

[ไม่ต้องกังวลอะไรนะครับ พี่รอได้ ไปอาบน้ำนะ]

 

 

     จุนเจือพยักหน้าหงึกหงัก วางมือถือไว้บนเตียง ถอดเสื้อผ้าอาบน้ำ เขาใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะรู้สึกขยะแขยงตัวเอง ส่วนใดที่พวกมันสัมผัส จุนเจือใช้ใยบวบขัดจนผิวแดงและแสบ เขายังร้องไห้ในห้องน้ำทำไมเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นกับเขาด้วยก็ไม่รู้

 

 

    จัดการชำระตัวเองจนสะอาดสะอ้าน จุนเจือเดินออกมามองมือถือของตนเองก็พบว่าพี่เมฆยังไม่วางสายหนีกันไปจริง ๆ

 

 

 

"พี่เมฆยังรออยู่จริงเหรอครับ?"




[ใช่ครับ จุนหายกลัวรึยัง? ดีขึ้นไหม?]

 

 

 

    จุนเจือมองภาพหน้าจอที่เห็นพี่เมฆนั่งอยู่บนเตียง เขาละสายตาจากโน๊ตบุ้คที่วางบนตัก หันมามองหน้าจอมือถือ 

 

 

"ดีขึ้นนิดหน่อยครับ"

 

 

[จุน พี่รู้นะครับ ว่าจุนเครียด แต่ไม่ว่าจะยังไง จุนต้องหลับนะครับ การพักผ่อนมันช่วยได้ แล้ววันพรุ่งนี้ ค่อยว่ากันใหม่]

 

 

 

"ผมจะพยายามนะครับ แต่ตอนนี้ ผมนอนไม่หลับ"

 

 

 

[ไม่เป็นไรนะพี่จะอยู่เป็นเพื่อน แล้วนี่พี่ยังไม่เห็นจุนทำแผลเลย] เมฆินทร์บอกพร้อมส่งสายตาพยักเพยิดไปที่แผลช้ำบนใบหน้า เมฆินทร์สงสารเด็กหนุ่ม ที่ต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายนี้เพียงลำพัง หากเขาได้มีโอกาสอยู่ใกล้กันมันคงดีกว่านี้




"ไม่เป็นไรหรอก ผมอาบน้ำแล้ว มันคงสะอาดแล้วล่ะครับ อีกอย่างมันก็แค่ช้ำเอง"

 

 [แล้วยังเจ็บไหม?]




"เจ็บครับ"




[ทนนะครับและไม่ต้องกังวลอะไร พี่จะอยู่คุยกับจุน จนจุนหลับ]

 

 



     เมฆินทร์ส่งยิ้มละมุนพร้อมสบตากันแต่จังหวะที่ไม่มีใครหลบตาใคร เมฆินทร์ก็สงสัยเพราะแววตาคู่นั้นซ่อนความรู้สึกบางอย่าง




[มองพี่ทำไมครับ?]




"พี่ทำแบบนี้ทำไมครับ?" จุนเจือถามและมองหน้าคนที่ยังมองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดบทสนทนา




[พี่อยากทำให้เราสบายใจ เวลานี้ เลิกคิดมากก่อนนะครับ ถ้าจุนง่วงเมื่อไหร่ก็นอนได้เลย พี่จะไม่ไปไหน]




"ก็ได้ครับพี่เมฆ"




     จุนเจือผุดรอยยิ้ม และไม่นาน เขาปิดเปลือกตาหวังหลบสายตาอาทร แต่ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นการหลับไหลไปเสียจริง ๆ

.

.

.

.

       ในวันรุ่งขึ้น จุนเจือชาร์จแบตเตอรี่มือถือกลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ หลังจาก เมื่อคืน แบตโทรศัพท์มือถือหมดเกลี้ยง เพราะจุนเจือไม่รู้ว่าผล็อยหลับตอนไหน และพี่เมฆอยู่เป็นเพื่อนถึงเมื่อไหร่ เพราะรู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว

 




     ยามนี้ จุนเจืออยู่ในระหว่างการเดินทางไปทำงาน และวันนี้เขายังไม่รู้เลยว่าเขาจะพบกับชะตากรรมอะไรบ้าง?

 

 

        เพียงเห็นเครื่องมือสื่อสารปรากฏเบอร์โทรคนคุ้นเคย จุนเจือมองด้วยแววตาเศร้า ก่อนกดรับเบอร์นั้น




[จุน เป็นไงบ้าง? เมื่อวานเราไม่ได้คุยกันเลย] เอิร์ทโทรถามอย่างคนอารมณ์ดี ผิดกับจุนเจือที่ถามด้วยเสียงหม่น

 

 

 

"พี่ลืมเปิดเครื่องเหรอครับ?"

 

 

[เอ้ย ไม่นะพี่เปิดมือถือนะ หรือมันอับสัญญาณก็ไม่รู้ ทำไมเหรอ เรามีอะไรหรือเปล่า?]

 

 

"เมื่อวานเกิดเรื่องครับ และผมอยากคุยกับพี่"




    'แต่กลายเป็นพี่เมฆที่ยอมอยู่คุยกับผม'





[จุนโกรธพี่เหรอ? ขอโทษจริง ๆ พี่ไม่คิดว่า จะเกิดเหตุด่วนน่ะ มีอะไรหรือเปล่า?]




"ผมเกือบโดนข่มขืน"

 



[เฮ้ยย!!! เราพูดอะไรออกมา พี่ไม่ขำนะ]

 



"ผมพูดจริงครับพี่เอิร์ท ลูกค้าเมาแล้วมาลวนลามผมและพยายามมีเซ็กซ์กับผมครับ"

 

 

       เอิร์ทรู้สึกจุกอก เขาเม้มปากแน่นสนิทด้วยความรู้สึกผิดตีตื้น นี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า?




[จุนบอกหัวหน้ารึยัง?]




"กำลังจะบอกวันนี้ครับ"




[โอเค พี่จะรีบไปหาเราให้เร็วที่สุด พี่ไม่สบายใจเลยว่ะที่ไม่ได้ดูแล]

 

"ไม่เป็นไรครับพี่เอิร์ท ช่างมันเถอะครับ ผมคงต้องวางแล้ว ไว้ว่ากันนะครับ"

 

      จุนเจือวางสายโดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังจะเจอกับอะไร?

.

.

.

.

"คุณรู้ไหมว่า เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรบ้าง?"

 

 

    จุนมองหน้าผู้จัดการโรงแรมที่มีใบหน้าถมึงทึง แต่คำพูดคำจายังคงรักษาน้ำเสียงไม่ให้ดูวีนเหวี่ยงหรือโวยวายเกินไป

 

 

"ผมโดนลูกค้าลวนลามครับ" จุนเจือใช้คำพูดให้ดูซอฟท์ขึ้น ทั้งที่จริง เขาเกือบโดนมากกว่านั้น

 

 

"แน่ใจหรอครับ ที่ได้รับฟังมามันอีกอย่าง"

 

 

"อะไรครับ?"

 

 

       จากนั้น ผู้จัดการโรงแรมก็เล่าว่า ลูกค้าออกมาโวยวายตอนสี่ทุ่ม ร้องหาผู้จัดการ จนปลาต้องโทรตามให้ไปเคลียร์เบื้องต้นเพื่อให้ใจเย็นลงก่อน และการที่ลูกค้าด่าปาว ๆ ผู้จัดการถึงรู้ว่า สาเหตุที่ลูกค้าโมโหเพราะจุนเจือ แสดงอาการเหวี่ยงวีนอย่างไม่พอใจที่ลูกค้าให้เอาของไปให้ในยามวิกาล ทั้งยังพูดจาไม่ดีใส่ลูกค้า จนต้องมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน และที่สำคัญ จุนเจือยังหนีงานไปโดยไร้ความรับผิดชอบ

 

"มันไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ ผมโดนต่อยเพราะพวกมันจะข่มขืนผม แต่ผมขัดขืนมันเลยทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่เพราะผมไม่พอใจที่เขาสั่งให้เอาของไปให้นะครับ"

 

"ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทำไมคุณไม่รีบมาฟ้องผมทำไมคุณกลับห้องไป? จุน ผมก็อยากจะเชื่อนะ แต่ลูกค้าคนนั้นก็มีรอยช้ำที่หน้าเหมือนกัน"

 

 

        จุนเจือเงียบเสียง เขาสาบานได้ว่ายังไม่ได้ทำร้ายร่างกายลูกค้าเลย นอกเสียจากลูกค้าที่มาพักชกต่อยกันเอง

 

 

"ถ้างั้นผมต้องทำยังไงครับ?"

 

 

"ผมอยากให้คุณขอโทษเขาต่อหน้ากับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น"

 

       จุนเจือเงียบ ทั้ง ๆ ที่ส่วนลึกก็ยังไม่พอใจ ในสิ่งที่ผู้จัดการตัดสินผลออกมาอย่างไม่เป็นธรรมหลังจากที่ผู้จัดการบอกต่อจากนั้นว่า เขานัดเวลาลูกค้ามาที่ส่วนออฟฟิศเพื่อเจรจากันและให้จุนเจือขอโทษ



 

      จนได้เวลาลูกค้ามาหาผู้จัดการตามนัดหมาย จุนเจือแค่เห็นหน้าก็รู้สึกเกลียดชังขึ้นมาทันใด และผู้จัดการก็บังคับให้จุนเจือยกมือไหว้ลูกค้าเพื่อขอโทษต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทุกคน แต่จุนเจือไม่ยอมทำและยังพูดความในใจออกไปทั้งหมด

 

"คุณไม่รู้สึกผิดบ้างเหรอครับ? ที่ทำอะไรลงไปคุณก็รู้อยู่แก่ใจ ทั้ง ๆ ที่ผมเสียหาย"



    ลูกค้าที่ถูกเรียกมาพบหน้าก็ฉุนเฉียวจัด เมื่อโดนสวนกลับ เขามองหน้าผู้จัดการโรงแรมและชี้หน้าด่ากราด

 



"เฮ้ คุณดูพนักงานคุณ มันยังมีหน้ามาเถียงผม เป็นถึงผู้จัดการโรงแรม เลือกพนักงานยังไงให้มีมารยาทแย่แบบนี้วะ ผมจะคอมเพลนโรงแรมคุณแน่ และจะรีวิวลงเว็บด้วยว่ามีพนักงานห่วยแค่ไหน? และจะบอกให้คนอื่นไม่ต้องมาที่นี่"

 

       ผู้จัดการพยายามไกล่เกลี่ย และย้ำกับจุนเจือให้ขอโทษ แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมเด็ดขาด เขาเกือบโดนล่วงละเมิดทางเพศและจะต้องกลายเป็นฝ่ายไปขอโทษอย่างนั้นเหรอ?




"ยังไงผมก็ไม่ขอโทษครับ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด มันต่างหากที่จะข่มขืนผม  มึงพูดความจริงออกมาสิวะ" จุนเจือโมโหจนขึ้นเสียงและเปลี่ยนสรรพนาม ใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพียงเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมรับความจริง จนผู้จัดการต้องยกมือไหว้ขอโทษอีกครั้งและหันไปกระซิบกับจุนเจือว่าถ้าจุนเจือไม่ทำ เขาขู่จะไล่ออก เพราะทำผิดกฏข้อบังคับและสร้างความเสียหายให้กับโรงแรม

 

"ถ้าคิดจะมาขู่ไล่ผมออก ผมก็ลาออกเลยแล้วกันครับ นับจากวันนี้ ผมไม่ทำงานแล้ว" จุนเจือไม่คิดว่าผู้จัดการจะกลัวลูกค้าติติงขนาดนั้น จนไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้เป็นไปตามความต้องการของทั้งสองฝ่ายได้ ถ้าจะต้องมาขอโทษทั้ง ๆ ที่เขาไม่ผิด เพื่อยกยอปอปั้นลูกค้าเลว ๆ ให้มันได้ใจ ก็พอกันที แค่นี้ จุนเจือก็โดนเอาเปรียบมามากพอแล้ว



 

    จุนเจือยกมือไหว้ผู้จัดการโรงแรมและเดินออกมาจากพื้นที่รีเซ็ปชั่นโดยไม่สนใจ

 

    เห็นที การกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่กรุงเทพ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากกว่านี้ก็ได้

.

.

.

.

"ได้ข่าวว่าจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว?"

 

 

            คนขับรถถามจุนเจือ หลังจากที่เด็กหนุ่มขอติดรถโรงแรมที่จะต้องมารับ-ส่งลูกค้าที่ตัวเมืองอยู่แล้วด้วย ข่าวคราวของจุนเจือถูกแพร่สะพัดไปทั่วโรงแรม  บ้างก็เห็นใจ บ้างก็นินทากันอย่างสนุกปาก แต่จุนเจือไม่สนใจอะไรแล้ว ขนาดผู้จัดการระดับสูงยังไม่เชื่อ ครั้นจะให้ไปอธิบายทีละคนก็คงเปล่าประโยชน์

 

     

"ครับ ผมว่ามันไม่ยุติธรรมที่ผู้จัดการกลับเชื่อลูกค้ามากกว่าในสิ่งที่ผมพูด"

 

    คนขับรถไม่ได้เออออ เขาเพียงแค่ส่งยิ้มจาง ๆ แต่จุนเจือดูออกว่า เขาคงรู้อะไรมามากกว่านั้น แต่ไม่พูด

 



"งั้นก็ขอให้เจองานใหม่ดี ๆ แล้วนี่จะหางานที่นี่ หรือกลับกรุงเทพ"

 

"คงหางานที่กรุงเทพครับ ช่วงนี้ ขอเก็บเสื้อผ้าสักสองสามวันครับ"

 



 

"แล้วนี่จะไปเที่ยวไหน?"

 

 

 

"แค่อยากหาร้านนั่งชิลริมหาดครับ เครียด เบื่อ ไม่อยากอยู่แถวโรงแรม"

 

 

     พนักงานขับรถพยักหน้า คุยกันไม่กี่คำ จุนเจือก็ถึงที่หมาย เดินไปเรื่อย ๆ เพื่อหาร้านที่ถูกใจจนได้ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ





     คนที่ได้กินก๋วยเตี๋ยวสมปรารถนา ก็อยากหาร้านนั่งปลดปล่อยอารมณ์และสมองให้ผ่อนคลาย จุนเจือเดินเงยหน้ามองชื่อร้านต่าง ๆ พร้อมกับการดูโทนการตกแต่งร้านไปด้วย ในขณะที่สายตาเอาแต่มองหาร้านที่ถูกใจจนไม่สนใจผู้คนที่เดินสวนกันขวักไขว่

 

หมับ

 

เฮือก




      จุนเจือสะบัดสุดแรงตอนมีคนมาแตะด้วยความตกใจและยังหลอนกับเรื่องเมื่อคืน เขาหันไปชะงัก

 

 

"พะพี่เมฆ? พี่มาได้ไงครับ?" จุนเจือเบิกตาโพลงและเผลอพูดเสียงดัง ทั้งยังก้าวถอยหลังอัตโนมัติ ยังคิดว่าตัวเองฝันไป เพิ่งคุยกันเมื่อวาน แต่จู่ ๆ วันนี้ พี่เมฆก็โผล่มา

 

 

"พี่นั่งเรือข้ามฟากมาครับ" เมฆินทร์ยิ้ม

 



"พี่เมฆอย่ากวนผมสิครับ ผมหมายถึงเมื่อวาน ผมเพิ่งคุยกับพี่ แล้ววันนี้พี่ก็มา.." จุนเจือเม้มปากแน่นสนิทด้วยอาการใจสั่น หวั่นไหว หลุบตาลงต่ำ

 

         พี่เมฆมาทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะ...




       คนที่ยืนก้มหน้างุดไม่มองคนตรงข้าม เพราะกำลังเผลอคิดเข้าข้างตนเอง

 

"พี่เป็นห่วง"เมฆินทร์ยิ้ม

 

"แต่พี่เพิ่งหายป่วยมา แล้วถ้าเป็นอีกละครับ จะทำยังไง?" จุนเจือบ่นคนแก่กว่า




"ห่วงพี่หรอครับ?"

 

 

    จุน อย่าลืมว่าคนนี้ เคยทำร้ายจิตใจแกนะ อย่าลืมสิวะ




"ไม่ได้เป็นห่วงครับ ถ้างั้น ผมขอตัวก่อนนะครับพี่เมฆ อ้อ ส่วนเรื่องเมื่อวาน ผมขอบคุณนะครับ ที่พี่คุยเป็นเพื่อนผม"

 

"ขอบคุณพี่ แต่กำลังเดินหนีพี่? อย่างนั้นเหรอครับ?"

 

"ไม่ได้หนีครับ ผมแค่จะไปตามทางของผม พี่ก็ไปหาเพื่อนพี่สิครับ"  จุนเจือไม่อยากคิดเข้าข้างให้ตัวเองได้ใจ ถึงอย่างไร พี่เมฆคงไม่มาหาเขาหรอก อย่าลืมว่าเขาก็มีเพื่อนเปิดร้านอาหารที่นี่




"พี่บอกตอนไหนครับว่ามาหาเพื่อน? พี่มาหาจุนครับ"




"....." จุนเจือชะงัก เขากัดปากแน่นจนเจ็บพลางช้อนตามอง ก่อนเบนหน้าหนีไปทางอื่น

 

"แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ วันนี้ จุนไม่ทำงานเหรอครับ?"

 

"ไม่ครับ ผมออกจากงานแล้วครับ และผมกำลังจะเดินหาร้านนั่งชิลสักหน่อย"

 

"กำลังจะไปร้านไหนครับ พาพี่ไปดูได้ไหม" เมฆินทร์พูดด้วยเสียงนุ่มนวล ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้ามองหน้า เด็กหนุ่มไม่ชอบที่พี่เมฆมาอ่อนโยนใส่ ในขณะที่เขาอยู่ในช่วงเวลาทำใจแบบนี้

 

 

"ยังไม่รู้เลยครับ"

 

 

"ถ้างั้น พี่ไปด้วยนะครับ ไปช่วยเลือกร้านกัน"

 

        จุนเจือใจกระตุกและมองอีกฝ่ายฝายมือให้จุนเจือเดินนำไป เด็กหนุ่มทำหน้าปั้นยากและพรูลมหายใจออกมา

 



     ใช้เวลาเลือกพอสมควร ทั้งยังวนเวียนไปมาอยู่สองสามร้านใกล้กัน จนได้ร้านที่ถูกใจ จุนเจือเดินฝ่าตัวร้านเพื่อทะลุออกไปยังส่วนที่นั่งแบบเบาะนั่งพื้นริมชายหาด มีการจุดเทียนตะเกียงประดับโต๊ะ ทั้งสวยและสร้างบรรยากาศให้โรแมนติก จุนเจือเดินไปโต๊ะริมสุด ทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิลงตรงเบาะนั่งพื้น ในขณะที่เมฆินทร์ก็หย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ จุนเจือเลิกคิ้วขึ้นสูง

 

 

"ขอนั่งฝั่งนี้ด้วยคนสิครับ พี่อยากนั่งมองทะเล" เมฆินทร์ตอบและยิ้ม ทำให้จุนเจือรู้สึกเก้อเขินและวาบหวามใจยามที่หัวเข่าทั้งสองชิดกัน เขากวาดตามองรอบกาย ไม่พบลูกค้าคนไทย มีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเป็นคู่เลยทำให้จุนเจือไม่รู้สึกอึดอัด เพราะไม่มีใครสนใจ จุนเจือจึงพยักหน้าตอบรับ

 

    หลังจากได้เมนูที่อยากลอง ทั้งสองจึงสั่งเครื่องดื่มกับพนักงาน ในระหว่างนั้น เป็นจุนเจือที่เอ่ยชวนคุยก่อน

 

"พี่เมฆจองที่พักที่ไหนครับ?"

 

 

"แถวนี้แหละครับ เดินไปไม่ไกลเลย"

 

 

"แล้วพี่มาได้ไงครับ ไม่ทำงานหรือไง?"

 

"พี่ฝากงานให้กับคนที่ไว้ใจได้แล้วครับ เลยมาได้"

 

       ครู่หนึ่ง จุนเจือแอบเห็นพี่เมฆพูดจบก็พยายามกลั้นหาว

 

"พี่นอนน้อยหรือพี่ไม่ได้นอนครับ" จุนเจือถามอย่างสงสัย เพราะถ้าพี่เมฆเดินทางมาได้ไวขนาดนี้ เขาต้องอดนอนเพื่อเตรียมเก็บเสื้อผ้าตั้งแต่วางสายกับจุนเจือเมื่อคืน ไหนจะต้องมานั่งเลือกเที่ยวบินให้สอดคล้องกับรอบเรือข้ามฟากที่จะข้ามมายังเกาะนี้ ซึ่งแน่ล่ะว่า รอบเรือที่เดินทางมามีไม่กี่เที่ยวเสียด้วย



         เมฆินทร์ยิ้ม ไม่ยอมตอบคำถามจุนเจือ แต่กลับเลือกที่จะถามกลับ

 


"เมื้อกี้ที่จุนพูดว่า ออกจากงาน หมายความว่าไงครับ เรื่องลูกค้านั้นจัดการไม่ได้หรือครับ?"

 

 

             จุนเจือส่ายหน้า

 

"ไม่ครับ ผู้จัดการไม่เชื่อผมและเขาขู่ผมจะไล่ออก ผมเลยออกเองเลย"

 

"ทำไมอย่างนั้นล่ะครับ"

 

 

"ผู้จัดการไม่แม้แต่จะฟังผมเรื่องที่ผมโดนพวกมันจะข่มขืน เขาไม่สนใจความรู้สึกของพนักงาน แต่กลับเลือกให้ความสำคัญกับลูกค้าเลว ๆ พรรค์นั้น แบบนี้ มันยุติธรรมหรอครับพี่เมฆ"

 

 

    เมฆมองใบหน้าเด็กหนุ่มที่เครียดขึงและตัดพ้ออย่างเหลืออด


 

"ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องเครียดเรื่องงาน จุนกลับกรุงเทพซะ พี่จะให้จุนไปทำงานกับพี่"




"ทำงาน? งานที่ขายตัวน่ะเหรอครับ"




    จุนเจือตั้งใจพูดประชด เขาดันมือพี่เมฆออกห่าง ตอนที่พี่เมฆเพิ่งยื่นมือมาแตะรอยช้ำที่ปรากฎบนใบหน้าของเขา

 

"งานที่เป็นงานประจำจริง ๆ ครับ"




     หากจุนเจือตอบตกลงและทำที่เดียวกับพี่เมฆ มันย่อมมีโอกาสได้เจอกันทุกวัน แล้วเมื่อไหร่บาดแผลทางหัวใจของจุนเจือจะหายสนิทกัน


 

"ไม่เป็นไรครับพี่เมฆ ผมหางานทำเองดีกว่า




"จุนกำลังกลัวพี่"




"ใช่ครับ พี่เมฆรู้อะไรไหมครับ? เวลาผมไม่สนใจพี่ พี่จะพยายามเข้าใกล้ผมตลอดเลย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พอผมสนใจกลับบ้าง พี่จะหนีห่างทุกที"

 

 

    จุนเจืออธิบาย  ก่อนจะมองขวดเบียร์และแก้วน้ำที่ถูกจัดวางลงบนโต๊ะจากลูกจ้าง ฟากเมฆินทร์เงียบเสียง ก่อนจะวางมือลงบนหลังมือจุนเจือ จนเด็กหนุ่มหันมาหาและสบตากัน



"มันจะไม่มีแบบนั้นอีกแล้วครับ"  เมฆินทร์ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง แต่จุนเจือยังไม่อยากเชื่อ เพราะกลัวเจ็บอีกครั้ง เขาเหนื่อยกับการคุยเรื่องนี้จึงพยายามทำเป็นไม่สนใจ และพูดเรื่องอื่น

 

 

"พี่เมฆรู้ไหมครับ ตั้งแต่ผมมาทำงานที่นี่ ยังไม่เคยได้เหยียบน้ำทะเลเลย"

 

"ถ้างั้น พรุ่งนี้เช้าเราไปเล่นน้ำทะเลกันไหมครับ?"

 

    จุนเจือกดสายตาลงมองมือตัวเองที่อีกฝ่ายดึงไปวางบนหน้าขาของเขา ก่อนจะเงยหน้ามาสบตากันอีกครั้ง สองคนจ้องกันเนิ่นนาน และเป็นเวลาที่เมฆเอื้อมมือมาลูบไล้แก้มเนียนแผ่วเบา ขณะเดียวกัน ใบหน้าเมฆินทร์เคลื่อนเข้าไปใกล้ เหมือนมีมนตร์สะกดที่จุนเจือก็ไม่อาจขยับตัวหนี แหละเพียงลมหายใจเป่ารดกัน โทรศัพท์มือถือจุนเจือก็แผดเสียงดัง จนทั้งสองรีบผละออกห่างและลอบกลืนน้ำลาย





"ขอตัวก่อนนะครับพี่เมฆ"  จุนเจือรีบลุกไปรับโทรศัพท์ ยังที่ไกลออกไป





       เมฆินทร์ได้แต่นั่งลำพัง มองแผ่นหลังเด็กหนุ่มที่ยืนคุยมือถือกับใครก็ไม่รู้ เขาก้มมองหน้าปัดนาฬิกาก็พบว่ามันผ่านไปแล้วสิบห้านาทีที่ปล่อยให้เขาดื่มเบียร์คนเดียว จนกระทั่ง เด็กหนุ่มเดินกลับมานั่งข้าง ๆ เมฆินทร์ไม่รีรอถาม

 



"ใครหรอครับ?"

 

"พี่เอิร์ทครับ" จุนเจือจะโกหกก็ได้ แต่พอเห็นสายตาคู่นั้น จุนเจือกลับคายความจริงออกไปโดยอัตโนมัติ




"เอิร์ทจีบจุนหรอครับ?"




    จุนเจือเงียบ ไปนาน

 

"ครับ"

 

"แล้วจุนชอบเอิร์ทไหม?"





"ไม่รู้ครับ ผมรู้แค่ว่าพี่เอิร์ทนิสัยดี ตลก พี่เอิร์ททำให้ผมมีเสียงหัวเราะ มีความสุข เขาเป็นคนทำให้ผมยิ้มได้ครับ"

 

"แล้วพี่ล่ะครับ พี่เคยทำให้จุนยิ้มได้ไหม?"




"พี่มีแต่ทำให้ผมร้องไห้" จุนเจือพูดความจริงพร้อมส่งสายตาน้อยใจ



       คนถูกตำหนิส่งยิ้มเจื่อน ก่อนจะดึงมือจุนเจือหวังไปจับอีกครั้ง แต่คราวนี้ จุนเจือไม่ให้ เด็กหนุ่มเก็บมือสองข้างวางมือไว้บนตักของตนเอง เขาต้องไม่ใจอ่อนง่าย ๆ ให้กับผู้ชายคนนี้





"แต่จุนคือคนที่ทำให้พี่ยิ้มได้นะครับ"




"...."



"และจากนี้ พี่จะทำให้จุนยิ้มได้เหมือนกัน พี่จะรับผิดชอบชีวิตจุนเอง"



"พี่เคยพูดกับผมครั้งหนึ่ง แต่พี่ก็ไม่เห็นทำได้เลยครับ"




"พี่ขอโทษ ลองให้โอกาสคนเลวแบบพี่อีกครั้งได้ไหม?"

 

"ผมไม่อยากเสียใจและร้องไห้กับเรื่องอะไรแบบนี้อีกแล้วครับ พี่เมฆ" จุนเจือว่า ก่อนจะทอดสายตามองท้องทะเลที่มืดสนิท ฟังเสียงคลื่นที่ซัดกระทบหาดทราย และสายลมที่พัดผ่านกาย




"นะครับ จุน เชื่อมั่นในตัวพี่นะครับ พี่สัญญา"




'ผมจะเชื่อได้จริง ๆ หรอครับพี่เมฆ'




       มันยากลำบากทุกครั้งในการประคับประคองความรู้สึกของตัวเองยามได้อยู่กับพี่เมฆ จุนเจือไม่เข้าใจตัวเองเลย ทุกครั้งที่จุนเจือได้ใช้เวลากับพี่เมฆทีไร ตัวเขาเองมักโอนเอน อ่อนไหว เหมือนไผ่ต้องลม แค่เมื่อกี้ ก็เกือบจะยอมให้เขาจูบอย่างง่ายดาย เด็กหนุ่มหงุดหงิดตัวเอง และสบถในลำคอ ที่ตอนนี้ มีสองความรู้สึกกำลังตีกันจนเด็กหนุ่มสับสน



      จุนเจือยังไม่ให้คำตอบแก่พี่เมฆ เขาแค่หันไปมองดวงตาคู่นั้นเสี้ยววินาที ก่อนจะยกแก้วที่บรรจุเบียร์ขึ้นดื่มและทอดสายตาเศร้ามองท้องทะเลกว้างใหญ่ โดยไม่รู้เลยว่า เมฆินทร์กำลังนั่งมองเด็กหนุ่มโดยแววตาที่สะท้อนถึงความไม่มั่นใจและหวาดกลัวว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ มันสายไปแล้วหรือยัง?






..............................................................

 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 17 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 5.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 06-11-2019 00:25:50
เอาแล้ว จะสงสารเอิร์ทดีมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 17 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 5.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-11-2019 01:48:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 17 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 5.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-11-2019 22:29:00
เจ็บมาเยอะก็ต้องระแวง้ป็นธรรมดาอ่ะนะ หวังว่าพี่เมฆจะไม่รวบรัดฝืนใจกันอีกนะ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 17 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 5.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-11-2019 23:47:41
 o18


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 18 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 13.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 13-11-2019 20:19:47


บทที่ 18 สับสน









 
     แปดโมงเช้า ของวันต่อมา
 
 
     จุนเจือตื่นมาอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย พลันเหลือบมองพี่เมฆที่นอนหลับอยู่บนเตียงก็แอบทำหน้าเศร้า เมื่อคืน จุนเจือไม่ได้กลับห้องพักพนักงาน เพราะพี่เมฆชวนให้นอนค้างคืน และจุนเจือก็ยังอยู่รอดปลอดภัยโดยพี่เมฆไม่ได้ทำอะไรตามใจชอบเช่นทุกที



     จุนเจือแอบย่องออกมาตอนที่พี่เมฆยังไม่ตื่น เพื่อออกไปรับพี่เอิร์ทที่ท่าเรือตามที่นัดแนะกันไว้

 
     เด็กหนุ่มเดินออกมาโดยสมองยังคงครุ่นคิดมาตลอดทาง เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ไม่รู้ว่าการที่พี่เมฆกลับมาทำดีแบบนี้ เขาแค่อยากมีจุนเจือไว้ระบายความใคร่หรือมีอะไรมากกว่านั้น?
 
 
    เดินจวนใกล้ถึงท่าเรือ จุนเจือได้ยินเสียงเครื่องมือสื่อสารตัวเองทั้งดังและสั่น เขาคว้ามันออกมาจากกระเป๋ากางเกง มองหน้าจอพลันเม้มปากแน่นสนิท ยามพบว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์พี่เมฆ  จุนเจือลอบถอนหายใจ ก่อนกดรับสาย
 

"ครับพี่เมฆ"
 
 
[จุนอยู่ไหน? ทำไมไม่บอกพี่เลยครับ  แล้วที่วันนี้เราจะไปเล่นน้ำทะเลด้วยกัน จุนลืมแล้วหรือ?]
 
 
"ผมขอโทษด้วยครับพี่เมฆ ตอนนี้ผมมาทำธุระ?"
 
 
 
[ทำธุระ? แล้ววันนี้ เราจะได้เจอกันอีกไหมครับ? ]
 
 
"ไม่เจอครับ ผมไม่ว่าง ขอโทษนะครับพี่เมฆ" จุนเจือรีบตัดบทอย่างไว เพราะยังไม่พร้อมพาตัวเองกลับไปใกล้ชิดพี่เมฆในเวลานี้ เด็กหนุ่มยังคงสับสนและมีความกลัวในหัวใจไม่จางหาย
 
 
[ได้ครับ]
 
 
 
     จุนเจือถอนหายใจอีกครั้ง เพราะคิดไม่ตกกับเรื่องรักอันซับซ้อนของพี่เมฆ เขายังไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาด้วย

       ไม่นานนัก เด็กหนุ่มเดินถึงท่าเรือ แวะทักทายคุยกันกับพนักงานโรงแรมอื่น ที่มารอรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน



      และแล้วก็ได้เวลาที่เรือเฟอร์รี่ลำใหญ่โตแล่นเข้ามาจอดเทียบท่า พนักงานจากโรงแรมต่าง ๆ กุลีกุจอไปยืนรอรับลูกค้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชิดริมทางเดินศาลา ท่ามกลางนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่แบกกระเป๋าใบโต น้ำหนักคงเกือบสิบกิโล เห็นจะได้เดินลงจากเรือด้วยแววตากระหายความสุขเต็มที่ เด็กหนุ่มชะเง้อมองหาคนที่รอ ไม่นานก็เห็นคนที่แม้จะแต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่สำหรับจุนเจือยังมองว่าเป็นเอกลักษณ์ได้

 
    พี่เอิร์ทยังดูเท่เช่นเดิม ชายหนุ่มร่างสูงเดินกระชับกระเป๋าสะพายขนาดใหญ่ สวมแว่นตากันแดดสีชา สวมเสื้อยืดคอกว้างสีดำกางเกงขาสั้นสีดำพอดีเข่า รองเท้าผ้าใบสีเหลืองมัสตาร์ด จุนเจือตะโกนและโบกไม้โบกมือให้เห็นเป็นสัญญาณ จนเอิร์ทประสานสายตากัน



"พี่เอิร์ททางนี้ครับ"
 
"จุน" เพียงเห็นจุนเจือ ใบหน้าเหนื่อยล้า ของเอิร์ทก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
 
"พี่เอิร์ททำไมหน้าซีดจังครับ" จุนเจือถามตอนพี่เอิร์ทถอดแว่นกันแดด ส่วนเอิร์ททำได้แค่ยิ้มเจื่อน

 
"พี่เมาเรือ ไม่คิดว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้"

 
"ฮ่า ๆ พี่เอิร์ทไม่ได้พกยาแก้เมามาเหรอครับ?"

 
     เอิร์ทส่ายหน้า ก่อนจะถามกลับ
 

"จุนหน้าไปโดนอะไรมา" เอิร์ทปล่อยมือข้างหนึ่งจากการกระชับกระเป๋าแตะตรงรอยช้ำ จุนเจือเบือนหน้าหนีด้วยความอายที่ใบหน้าเนียนใส กลับมีรอยตำหนิที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเจ็บช้ำ ยิ่งมีคนทักก็ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่โดนลูกค้าพยายามกระทำชำเราหนก่อน
 

"ก็เรื่องลูกค้าที่มันทำไม่ดีกับผมนั่นแหละครับ มันดูแย่มากเลยเหรอ? อายอะ"

 
       เอิร์ทยิ้มขำ ก่อนจะยีผมเด็กหนุ่ม
 

"ใครบอก ขนาดมีรอยช้ำ เราก็ยังน่ารักในสายตาพี่อยู่ดี"

 
      จุนเจือหน้าร้อนผ่าว ยิ้มเขินก่อนจะดึงมือพี่เอิร์ทออกไปจากการเล่นผมของเขา

 
"พี่เอิร์ท ผมจะพาพี่ไปนั่งพักร้านกาแฟก่อนนะ หน้าพี่อย่างกับคนป่วย"
 

"ก็ดี พี่ยังรู้สึกมึน ๆ อยู่เลย"

 
   จุนเจือยิ้มและนำพาพี่เอิร์ทไปร้านกาแฟที่ใกล้ท่าเรือ ด้วยตัวร้านโปร่ง โล่ง สบาย จึงทำให้รู้สึกไม่อึดอัด จุนเจือให้พี่เอิร์ทไปหาที่นั่งพักก่อน โดยเขาสั่งเครื่องดื่มให้ พอพนักงานรับออเดอร์เครื่องดื่มแล้ว จุนเจือถึงเดินกลับมานั่ง
 
 
 "เล่าให้พี่ฟังหน่อยว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง? ทำไม? ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้"
 


"มันเกือบข่มขืนผมแหละ แต่ผมขอไม่ลงรายละเอียดแล้วนะครับ พอนึกถึงก็เครียดอะพี่เอิร์ท เอาเป็นว่าผมอโหสิกรรมให้พวกนั้นแล้วล่ะครับ และผมก็ลาออกจากงานแล้วด้วย"
 

"จริงดิ ลาออกเลยเหรอ? งั้นเรากลับกรุงเทพหรือเปล่า? ถ้ากลับ กลับพร้อมพี่เลยไหม?"
 

"พี่เอิร์ทกลับเมื่อไหร่ครับ?"
 

"ก็ประมาณสามสี่วันน่ะ" จุนเจือเงียบพลางครุ่นคิด
 

"น่าสนใจนะครับ ไม่แน่ ผมอาจกลับด้วย แต่หลังจากนี้ ถ้าผมจะขอนอนกับพี่ได้ไหม? ผมไม่อยากกลับไปนอนที่ห้องแล้ว"



"ยินดีมาก เข้าทางพี่เลย"



"พี่เอิร์ท เดี๋ยวเหอะ พูดแบบนี้ คิดทะลึ่งอยู่หรือเปล่าเนี่ย?" จุนเจือถลึงตาถาม จนคนตรงหน้า



"ไม่ใช่ ๆ พี่ดีใจที่จุนมานอนกับพี่ เพราะยังไงพี่ก็นอนคนเดียวอยู่แล้ว พี่จะได้มีเพื่อนนอนด้วย"
 

"อย่าบอกนะว่าพี่เอิร์ทกลัวผี"
 

     เอิร์ทไม่ยอมตอบ กลับก้มหน้าดูดกาแฟในแก้วที่พนักงานเดินมาเสิร์ฟเมื่อสักครู่


"ฮ่า ๆ พี่เอิร์ทกลัวผีแน่ ๆ"

 
"ล้อพี่เหรอ?"

 
"ฮ่า ๆ อะ ๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้ แต่ที่นี่ผีดุมากนะ"



"จุนจะเล่าทำไม? หยุดเลยว่ะ"

 
"ฮ่า ๆ ครับ ๆ ว่าแต่พี่เอิร์ทไม่เคยมาที่นี่เลยใช่ไหมครับ?"
 

"ไม่เคย แต่ดีกว่าที่คิด"

 
"ผมดีใจนะที่พี่มา"



    ตอนที่จุนว่าจบ ทั้งคู่ต่างสบตากันโดยบังเอิญ และเป็นเอิร์ทที่กระตุกยิ้มบางเบาและเอ่ย

 
"จุน ขอกอดหน่อยได้ไหม? คิดถึงว่ะ"

 
     จุนเจือกัดปากชั่งใจ แต่สุดท้ายก็ลุกไปหาอีกฝ่าย ยอมให้เขากอดอย่างไม่อิดออด ทั้งสองกอดทักทายคล้ายธรรมเนียมฝรั่ง ไม่นานก็ผละจากกัน

 
"อาการดีขึ้นเลย"
 

"ถ้าดีขึ้น ไปเช็คอินเลยไหมครับ"

 
     ตอนที่เอิร์ทพยักหน้า เป็นจังหวะเดียวกับที่มีข้อความเข้าในโทรศัพท์มือถือจุนเจือ หยิบมาดูถึงรู้ว่าข้อความที่เข้ามานั้น เป็นข้อความแจ้งยอดเงินเข้าในบัญชี
 
 
"พี่เอิร์ท เดี๋ยวผมมารอแปปนึงนะครับ"
 

"อืม"
 



     จุนเจือเดินห่างจากร้านกาแฟพอสมควร เพื่อกดโทรหาพี่เมฆ



[สวัสดีครับ]



"พี่เมฆเป็นคนโอนเงินมาใช่ไหมครับ?"
 
 
[ใช่ครับ]
 
 
"เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนี่ครับ พี่จะโอนมาทำไม มันค่าอะไรครับ?"
 
 
[คือ พี่ลืมไปว่าครั้งสุดท้ายพี่ยังไม่ได้ให้เงินจุน]
 
 
"แต่ผมไม่ได้สนใจมันแล้ว พี่ตั้งใจจะเอาเงินฟาดหัวผม เพื่อให้ผมกลับไปหาพี่ใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างงั้น ผมจะกดเงินไปคืนพี่นะครับ"



[มันไม่ใช่แบบที่จุนคิดนะครับ พี่แค่ทำทุกอย่างช้าไปก็เท่านั้นเอง เชื่อพี่นะ จุนรับไว้เถอะ จุนจะได้มีเงินใช้ตอนออกจากงานด้วย]
 
 
"ถ้างั้นก็ขอบคุณมากนะครับ ผมไปทำธุระก่อนครับ" จุนเจือวางสาย ก่อนจะเดินไปหาพี่เอิร์ทเพื่อพาอีกฝ่ายไปเช็คอินยังที่พักที่เขาได้ทำการจองไว้
.
.
.
.
"ทำไมพี่เอิร์ทเลือกพักที่นี่ครับ?" จุนเจือถามด้วยน้ำเสียงลนลานและใจเต้นแรง เพราะมันเป็นสถานที่เดียวกันกับที่จุนเจือเพิ่งเดินทางออกมาเมื่อเช้า



    เพียงแต่พี่เอิร์ทและพี่เมฆพักกันคนละชั้น
 

"พี่ไม่เคยมา เลยลองถามพี่เมฆว่าพอมีแนะนำไหม? แกเลยแนะนำที่นี่ให้"
 

"อ้อครับ"


     จุนเจือเออออในขณะที่ใบหน้าไร้สี เขาเข้ามาในห้องพักของพี่เอิร์ทที่ความกว้างก็ไม่ต่างจากห้องพี่เมฆที่จุนเจือนอนเมื่อคืน มันต่างแค่องค์ประกอบการจัดวางเตียง โต๊ะเครื่องแป้งเท่านั้น


"คืนนี้ ผมไม่ได้อยู่กับพี่นะครับ จะกลับไปเก็บเสื้อผ้า"
 

"เราก็เก็บเย็นนี้เลยไม่ได้เหรอ เสร็จแล้วจะได้มานอนกับพี่เลย เนี่ยะเดี๋ยวไปด้วย"
 

"พี่เอิร์ท ขี่มอเตอร์ไซค์คล่องไหม เพราะทางขึ้นโรงแรมผมมันชันมาก ถ้าขับไม่แข็ง มีสิทธิ์รถล้มได้นะ"
 

"เก่งอยู่"



"ถ้างั้น ผมจะพาพี่ไปเช่ามอเตอร์ไซค์"

 
  จุนเจือมองคนที่ยิ้ม ก่อนย่อตัวลงไปเปิดกระเป๋า เพื่อดึงเสื้อผ้าออกมา

 
"โอเค แต่พี่โคตรร้อนเลยว่ะ เหนียวตัวด้วย ขออาบน้ำก่อนนะ"

 
"ได้ครับ"

 
   จุนเจือที่นั่งอยู่ปลายเตียงเห็นอีกฝ่าย ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงดึงเสื้อยืดออกจากลำคอก็ปรากฎรอยสักขนาดใหญ่เต็มแผ่นหลังเป็นภาพชายหนุ่มเปลือยกายนั่งฟุบหน้าลงกับเข่าในขณะที่กำลังสยายปีกดั่งเทวดาตกสวรรค์

 
    ตอนที่จุนเจือเคยนอนค้างห้องพี่เอิร์ทคราวก่อน ก็ยังไม่เคยเห็น จึงเพ่งพินิจพิจารณามองทุกรายละเอียดของรอยสักที่มีการไล่เฉดเงา สวยงามสมจริง

 
"มองอะไร?" เอิร์ทหมุนตัวหันมาเห็นสายตาจริงจังจึงเอ่ยถาม

 
"เอ่ออ ผมเพิ่งเห็นรอยสักพี่ เท่ดีนะครับ"
 



     เอิร์ทหัวเราะก่อนจะเดินมาหา ก้มหน้ามามองใกล้ ๆ

 
"พี่บอกแล้ว คนที่นอนกับพี่ได้เห็นทุกคน"

 
"พี่เอิร์ทอย่าพูดสองแง่สองง่ามสิ"

 
"ฮ่า ๆ"

 
"ทำไมพี่ถึงสักรูปนี้ล่ะครับ"

 
"ไม่บอก พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ"



 
"ครับ"

 
    ใช้เวลาสักพัก ถึงเห็นพี่เอิร์ทเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่สดชื่นกว่าตอนแรก เด็กหนุ่มหน้าแดงตอนที่อีกฝ่ายใส่แค่กางเกงผ้าขาห้าส่วน ในขณะที่มือหนึ่งกำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกชื้น ทั้งสองสบตากัน และเป็นเอิร์ทที่เอ่ยถาม
 
 
"เราเขินพี่เหรอ?"
 
 
"ฮะ? เอ่อ ก็ไม่ชินนี่ครับ"

 
    เอิร์ทเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างจุนเจือและยิ้มกว้าง
 

"รอหน่อยนะ ผมยังไม่แห้ง"
 
 
"มันมีไดร์เป่าผมในห้องน้ำไม่ใช่เหรอครับ?"
 
 
 
"แล้วทำยังไง คือทำไม่เป็น"



"ถามจริง? เฮ้อ!..เดี๋ยวผมไดร์ให้ก็ได้ พี่เอิร์ทนี่น้าาา" จุนเจือหน้ามุ่ยพลางบ่นงึมงำ ก่อนจะดึงแขนพี่เอิร์ทให้ลุกไปที่ห้องน้ำ
 
 
     จุนเจือดึงไดร์ออกมาจากที่ติดผนัง เขามองหน้าคนที่ตัวโตกว่าพลางลอบถอนหายใจ



"พี่เอิร์ทย่อตัวลงหน่อยสิ พี่สูงกว่าผม ผมไดร์ลำบาก"






     เอิร์ทพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะย่อตัวลง ก้มศรีษะให้จุนเจือได้เป่าผมของเขา



     เสียงไดร์เป่าผมที่ดังก้องทั่วห้องน้ำกำลังทำงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่จุนเจือตั้งใจเป่าผมให้อีกฝ่าย แต่จู่ ๆ เอิร์ทจับข้อมือของจุนเจือและเงยหน้ามอง



"เมื่อยคออะ จุนขึ้นไปนั่งบนอ่างได้ไหม?"



     จุนเจือพยักหน้าก่อนจะยกก้นขึ้นไปนั่งบนอ่างล้างหน้า ในขณะที่เอิร์ทก็ขยับตัวเข้าไปแทรกกายกลางหว่างขาเด็กหนุ่ม ท่วงท่าช่างดูล่อแหลมจนจุนเจือหน้าร้อนผ่าว



     ยามที่มือของเอิร์ทวางลงบนต้นขาของจุนเจือทั้งสองข้าง ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกใจเต้นแปลกประหลาด มือหนึ่งของจุนเจือที่กำลังสอดเข้ากลุ่มผมชะงัก เมื่อเห็นสายตาของพี่เอิร์ทยามสบตากัน จ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เอิร์ทเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ


     ยังไม่ทันได้ประทับริมฝีปากเด็กหนุ่ม เสียงมอเตอร์จากไดร์เป่าผมดังขึ้นอีกครั้งตอนจุนเจือสะดุ้งมือเผลอไปกดปุ่ม ทำให้ทั้งสองผละจากกัน จุนเจือหน้าแดง และเอิร์ทผงะทำตัวไม่ถูก
 
 
"เอ่อะ จุน พี่ไดร์เองดีกว่า ไม่น่ายากแล้วล่ะ เราไปนั่งรอพี่ข้างนอกนะ"



"ครับพี่เอิร์ท"
 
 
    ทั้งสองทำเหมือนก่อนหน้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างฝ่าย ต่างผละออกจากกัน ในขณะที่จุนเขือขยี้ผมจนยุ่งเหยิง
 

"นี่เราเป็นบ้าอะไรวะ เลิกสับสนสักทีได้ไหม จุนเอ้ย"
.
.
.
.
"เอาไปเก็บที่ห้องพี่ก่อนนะ แล้วค่อยออกมาหาอะไรกิน"
 

"ครับ พี่เอิร์ท"
 

      ยามนี้ จุนเจือกลับมาเก็บเสื้อผ้าเรียบร้อย และรีบกระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ที่พี่เอิร์ทจอดรออยู่ไม่ไกลกันใครเห็น เด็กหนุ่มรีบตบไหล่คนขับให้ออกตัว เพื่อรีบกลับไปยังที่พักของพี่เอิร์ท เมื่อถึงที่หมาย วางสัมภาระเรียบร้อย ทั้งสอง ล้างหน้าล้างตานิดหน่อย ก็ออกมาหาของกินอร่อย ๆ รวมถึงตั้งใจหาที่รับลมชมวิวด้วย


      แต่แล้ว อยู่ดี ๆ พี่เอิร์ทก็โพล่งเสียจนจุนเจือตกใจ
 

"เออ พี่จำได้แล้วเพื่อนพี่เมฆเปิดร้านอยู่ที่นี่นี่หว่า แปปนึงนะ ขอโทรหาพี่แกหน่อย"
 

"อย่าเพิ่งเลยครับ" จุนเจือรีบฉวยมือพี่เอิร์ทให้หยุด เขากลัวว่าถ้าพี่เอิร์ทไปที่ร้านนั้น จะได้เจอกับพี่เมฆแน่ ๆ
 

"ทำไมล่ะ"
 

"เอ่อ วันนี้ ผมอยากพาพี่ไปที่อื่น ไว้พรุ่งนี้ดีกว่านะพี่เอิร์ท"



"อะ ๆ ตามใจเจ้าบ้านครับ" เอิร์ทบอกมาจุนเจือยิ้มก่อนจะพรูลมหายใจยาว เด็กหนุ่มทำหน้าที่พาทัวร์ร้านอาหารให้พี่เอิร์ทเป็นฝ่ายเลือก จนกระทั่ง กินเสร็จ จุนเจือจึงพาไปนั่งชิลกันต่อกับร้านที่จุนมานั่งกับพี่เมฆเมื่อวานนี้



      ทิ้งตัวลงนั่งไม่ทันไร จุนเจือก็เอ่ยถาม
 

"พี่เอิร์ท พรุ่งนี้ไปดำน้ำกันไหม?"
 

"ไป ๆ อยากไป"




"ถ้าไปกับพวกทริปดำน้ำ เขาพาพี่ไปชาร์คเบย์ด้วยนะ ดีไม่ดี อาจได้เห็นลูกฉลาม"
 

"เฮ้ย! เจ๋งว่ะ ไป ๆ ต้องจองเลยไหม?"
 

"ผมจองให้ ผมมีพี่ที่รู้จัก ถ้างั้นผมจะบุ้คไว้สองคนนะครับ"
 

"ได้"
 

     คุยกันสักพัก ขวดเบียร์เย็น ๆ ก็ถูกนำมาเสิร์ฟลงตรงโต๊ะ ทั้งสองดื่มไปไม่เท่าไหร่ มือถือจุนเจือก็ดังขัดขึ้น จึงรีบขอตัวไปรับโทรศัพท์มือถือ
 

"สวัสดีครับพี่เมฆ"
 

[จุนอยู่ไหนครับ?]
 

"ทำไมหรอครับ?"
 

[จุนเสร็จธุระแล้วมานอนกับพี่ไหม? พี่ว่าจุนต้องมีเพื่อนนอนนะ]
 

"ผมไม่เข้าใจครับพี่เมฆ ทำไมผมต้องมีเพื่อนนอน พี่พูดจาดูแปลก ๆ นะครับ" จุนเจืองงกับคำพูดที่พี่เมฆต้องการจะสื่อความหมาย
 

[เมื่อคืนจุนนอนผวาตลอด พี่ไม่รู้จุนเป็นอะไร? แต่พอพี่นอนจับมือจุน จุนก็เงียบลงและอาการดีขึ้น]



     เด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงเมื่อคืน กับสิ่งที่พี่เมฆบอกมา เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
 

"ถ้างั้นไม่ต้องห่วงนะครับ คืนนี้ ผมมีคนนอนเป็นเพื่อนแล้ว"
 
 
[ใครครับ?]

 
"พี่ไม่ต้องรู้หรอกครับ แค่นี้นะพี่เมฆ"
 

[เอิร์ทมาถึงแล้วหรือ?]
 

"เอ่อ ใช่ครับ"
 

[จุนตั้งใจจะทำให้พี่เจ็บใช่ไหม?]
 

"ไม่ใช่อะไรทั้งนั้นครับ แค่นี้นะครับพี่เมฆ"
 

[เดี๋ยว....]



"อะไรอีกครับพี่เมฆ"



[ไม่ว่าจะยังไง พี่จะรอจุนนะครับ]




     จุนเจือชะงักไม่ตอบ ก่อนจะกดวางสาย



    ไม่รู้ว่าพี่เมฆต้องการสื่อความหมายของคำว่า 'รอ' ในรูปแบบไหน



     จุนเจือเดินกลับไปหาพี่เอิร์ทที่นั่งมองเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
.
.
.
.
ซู่ ซู่!!


 
"อ้าวฝนตก"



       ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมง คนที่หวังจะนั่งรับลมชิล ๆ เพลิน ๆ อยู่ริมชายหาด ต้องรีบหลบฝนกันจ้าละหวั่น เมื่อจู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ จุนเจือและเอิร์ทถือแก้วและขวดเบียร์เข้าไปข้างในร้าน ยืนคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ

 
"พี่เอิร์ทจะเอาไงครับ จะฝ่าฝนไปหรือจะนั่งรอให้ฝนหยุดดี"

 
"เบียร์หมดพอดีเลย ถ้างั้น เราไปทำอะไรสนุก ๆ กัน" เอิร์ทเสนอความเห็น แม้เขาจะดื่มไปไม่ทันได้เมามาย

 
"ยังไงครับ?"

 
"มาทำให้ดู"
.
.
.
.

     หลังจากเอิร์ทจ่ายเงินให้เสร็จสรรพ เขาจูงมือเด็กหนุ่มออกมาจากร้านบาร์ริมหาด ฝ่าสายฝนที่เทลงมากระหน่ำกลับที่พักที่อยู่ไม่ไกล โดยไม่สนสายตาใคร ไม่แม้แต่จะกลัวเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า

 
      จนทั้งสองพาตัวเองมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย ในสภาพเนื้อตัวเปียกมะล่อกมะแล่กเหมือนลูกหมาตกน้ำ

 
"พี่เอิร์ท พาผมเล่นอะไรก็ไม่รู้" จุนเจือบ่นอุบตอนเดินมาหยุดพักตรงประตูห้องด้านใน แล้วใช้มือบิดชายเสื้อไปด้วย

 
"สนุกออก" เอิร์ทยิ้มกว้าง พลางใช้มือสะบัดผมไล่หยดน้ำที่เกาะพราวทั่วเส้นผม ลอบมองเด็กหนุ่มที่ยืนตัวสั่นก่อนว่าต่อ

 
"เราไปอาบน้ำก่อนไป" เอิร์ทบอกพลางเดินไปถอดเสื้อตัวเองที่เปียกชุ่มในห้องน้ำ พอเดินออกมาก็ยังเห็นจุนเจือยืนตัวแข็ง

 
"ยืนมองพี่ทำไมครับ? ไปเร็วสิ พี่ก็หนาวนะเนี่ย"
 

"พี่อาบก่อนไหม?"



"ไม่ ๆ จุนนั่นแหละ อาบก่อน"

 
     จุนเจือยิ้มก่อนพยักหน้าเออออแล้วรีบไปอาบน้ำ




     จัดการธุระตัวเองเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำก็ไม่พบพี่เอิร์ทอยู่ในห้อง จึงสาวเท้ายาว ๆ ไปส่องตรงประตูกระจกใส ถึงเห็นร่างสูงยืนหันหลังสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียง จุนเจือเปิดประตูบานเลื่อนเดินออกไปหา
 

"ผมอาบน้ำเสร็จแล้วนะพี่เอิร์ท"
 

"ครับ เข้าไปก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป เราอย่าอยู่ตรงนี้ เหม็นควัน"

 
"ไม่ ผมจะรอตรงนี้แหละ พี่จะได้เลิกสูบ" จุนเจือยืนกรานเสียงแข็ง

 
       เอิร์ทยิ้มมุมปาก ก่อนจะบี้บุหรี่ที่สูบใกล้หมดมวน ทิ้งลงตรงที่เขี่ยบุหรี่วางอยู่ตรงโต๊ะกระจกเล็ก



"ชอบทำตัวน่ารักนะเรา ห่วงพี่เหรอ?"

 
"ใช่ ผมไม่ชอบเลยเวลาที่พี่เอิร์ทสูบบุหรี่เลย มันไม่ดีต่อสุขภาพพี่นะครับ"

 
"แต่วันนี้ พี่เพิ่งสูบตัวแรกของวันนะ ถ้าเราจะสังเกตสักหน่อย"



     จุนเจือเงียบ เขาจำได้ว่าพี่เอิร์ทสูบบุหรี่จัด อย่างน้อยก็วันละสิบตัวเห็นจะได้ ถ้าวันนี้ เขาจะสูบบุหรี่ตัวเดียวจริงอย่างว่ามันก็ดีหรอก แต่ไม่สูบเลยจะดีกว่า


 
"ดีแล้วครับ"



"ไหนล่ะรางวัล"
 

"ไม่ให้หรอก เพราะพี่เอิร์ทก็สูบตั้งตัวนึงแหนะ"
 

"ใจร้าย แค่นี้ก็ให้ไม่ได้"

 
       จุนเจือมองคนหน้าบูดก็แอบขำ เขาเดินไปสะกิดไหล่และบอก

 
"โอ๋ ๆ อยากได้อะไรครับ พรุ่งนี้จะได้ซื้อให้"

 
     ฟากเอิร์ทหมุนตัวไปหา จ้องตาจุนเจือไม่กระพริบ ก่อนจะผุดรอยยิ้มบางเบา ฝ่ามือหนาค่อย ๆ ลูบแก้มเย็นเฉียบของจุนเจือและเอ่ย

 
"จุนรู้ตัวหรือเปล่า ว่าพี่ชอบเรามาก"


กึก

      จุนเจือชะงักและใจเต้นแรง ยามที่จู่ ๆ อีกฝ่ายไม่ได้ทวงถามถึงรางวัล  แต่กลับพูดความในใจออกมา จุนเจือไม่กล้าสบตาต่อ เขาก้มหน้างุด แต่พี่เอิร์ทกลับเชยคางเขาขึ้น เพื่อให้สบตากันอีกครั้ง

 
"เอ่อะ พี่เอิร์ทเมาเหรอครับ?"
 

       เอิร์ทส่ายหน้าและยิ้มมุมปาก
 

"จุน พี่จูบเราได้ไหม?"



       สองมือชื้นเหงื่อที่แนบอยู่ข้างลำตัว กำลังกำมันแน่น หัวใจก็สั่นรุนแรง แล้วไม่รู้อะไรดลใจให้เด็กหนุ่มไม่ยอมตอบ แต่กลับหลับตาและไม่นานที่ริมฝีปากอุ่น ๆ เจือนิโคตินจะเคลื่อนประทับลงบนกลีบปากบางอย่างเนิบช้า
 
 
 
......................................................
[/b]
เพลงนี้ลอยมาเลยค่ะ

ไม่รู้จะเลือกใคร
จะหันไปทางไหน
ก็มีแต่ความรักดีดีให้ฉัน
ถ้าเสียคนหนึ่งไป
ฉันคงใจหายเหมือนกัน


เป็นกำลังใจให้ทั้งสามคนด้วยนะคะ


หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 18 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 13.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-11-2019 20:49:39
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 18 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 13.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-11-2019 21:37:52
อยากเชียร์เอิร์ทแต่ไม่รุ้พี่มันจะเป็นคนดีมั้ยเนี่ยะแหล่ะ ติดตรงนี้
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 18 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 13.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-11-2019 22:29:58
 :pig4: :pig4: :pig4:

จุน...ถ้ารู้สึกดีกับทั้งสองคนและตัดสินใจเลือกใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้  ก็ควบสองเลยสิ  หรือ 3P ก็ได้  อิอิ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 18 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 13.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 15-11-2019 07:39:42
เราชอบเอิร์ธมากกว่าเมฆแล้วอ่าาาา
เชียร์เอิร์ธๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 18 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 13.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 15-11-2019 22:28:01
3P ม่ะตัดสินใจลำบากกกก
เอิร์ทก็ดี(แม้จะแอบเชียร์ให้พี่ดินก็เถอะนะ)
พี่เมฆก็อย่างที่รู้ว่าน้องก็ยังมีเยื่อใย
3p ไปเลย
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 18 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 13.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 16-11-2019 22:20:09
ยากจัง เลือกยากอะแต่จุนรู้ว่าจะต้องเลือกใคร
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 18 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 13.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 16-11-2019 23:53:22
เครียดแทนจุน รวบสองเลยมั้ย
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 19 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 17.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 17-11-2019 23:18:57
บทที่ 19 จูบ










"พี่เอิร์ท พี่เอิร์ท" จุนเจือปลุกคนที่หลับใหลในเวลาเจ็ดโมงเช้าให้ตื่น เพราะต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปรอทัวร์ทริปดำน้ำที่คนขับรถจะมารับที่ล็อบบี้ของโรงแรมในเวลาเก้าโมงเช้า

 

 

"ห้ะ อื้มมมม?"

 

 

"ตื่นครับพี่ แล้วทำไมผมมานอนอยู่บนตักพี่เอิร์ทได้ล่ะครับ" จุนเจือถามตอนยกศรีษะออกจากตักด้วยสติที่ไม่เต็มร้อย เขาสงสัยว่าทำไมพี่เอิร์ทมานั่งที่เตียงของเขา ทั้ง ๆ เตียงพี่เอิร์ทอยู่อีกฝั่ง

 

 

"ก็เราอะ ทำพี่ตกใจ เมื่อคืนนึกว่าโดนดีเข้าให้แล้ว เรานอนผวาฮึมฮัมอะไรก็ไม่รู้ จนพี่ต้องลุกไปดู เราก็คว้าแขนพี่ไปกอดไว้ตลอด แล้วเนี่ยสภาพก็อย่างที่เห็น"

 

      จุนเจือนั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวเอง เมื่อคืน พี่เมฆก็พูดแบบนี้เหมือนกัน หรือช่วงนี้ เขากำลังยึดติดกับเรื่องร้ายที่เพิ่งเจอมาไม่นานถึงมีอาการแบบนี้  คนที่เอาแต่คิดวิตกสลัดความคิดทิ้งไป มองหน้าอีกฝ่าย เห็นบางอย่างผิดสังเกต จึงยกมือไปอังหน้าผากแล้วตาโต

 

"พี่เอิร์ทป่วยนี่ครับ" จุนเจือตกใจ ตอนที่แตะตัวอีกฝ่าย พี่เอิร์ทตัวร้อนจี๋

 

    เอิร์ทไม่ตอบ เขาแค่มองหน้าจุนเจือแล้วโน้มตัวไปซบไหล่จุนเจือที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมกับกุมมือไว้หลวม ๆ

 

"ก็เมื่อคืน จูบเรานานไปหน่อย"เอิร์ทบอกเสียงแหบพร่า

 

     จุนเจือเงียบและหน้าแดงจัดเมื่อพี่เอิร์ทพูดมาเช่นนั้น เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เด็กหนุ่มเถียงไม่ได้

 

    ย้อนไป เมื่อคืน หลังจากประเดิมจูบแรกตรงระเบียงอยู่เนิ่นนาน ก็หยุดพักเพียงเพราะเอิร์ทไปอาบน้ำ  ครั้นเอิร์ทชำระร่างกายจนสะอาดสะอ้าน เอิร์ทก็กลับมานั่งข้างจุนเจือและเป็นฝ่ายจู่โจมจูบเด็กหนุ่มอีกหน โดยคนโดนกระทำก็ไม่หือไม่อือ ตอบรับจูบนั้นโดยง่าย และไม่มีอะไรเกินเลยมากกว่านั้น

 

     จุนเจือยังคงนั่งเขินจัด ก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการดุเสียงเข้ม

 

"ถ้าพี่ไม่ป่วยนะ ผมจะผลักพี่ลงเตียงไปเลย"

 

"เรานี่ซาดิสม์นะ เอะอะจะทำร้ายพี่ตลอดเลย เมื่อคืนก็กัดปากพี่ โคตรเจ็บ" เอิร์ทพูดด้วยเสียงแหบพร่าขณะที่ยังซบหน้าบนลาดไหล่อีกฝ่าย

 

"พี่เอิร์ท!!!! หยุดพูดนะครับ" จุนเจือไม่ไหวแล้ว เขาถึงกับเสียงดังขึ้นเพราะอายที่พี่เอิร์ทเอาแต่พูดเรื่องนั้นไม่หยุด ถ้าไม่ติดว่า พี่เอิร์ทป่วย จุนเจือก็ยังจะทุบอกอีกฝ่ายให้ช้ำกันไปข้าง ในขณะที่ดุคนป่วยอยู่ จุนเจือสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดซอกคอมันส่งไอร้อนจนน่ากลัว

 

"ดุเก่ง"

 

"พี่เอิร์ท ผมจะโทรไปยกเลิกทริปนะครับ พี่ตัวร้อนมากเลยอะ"

 

"แค่ตัวร้อน เดี๋ยวก็ดี พี่อยากไปดูฉลาม" เอิร์ทพยายามฝืนพูดทั้ง ๆ ที่เสียงแทบไม่มี เขาผละจากจุนเจือ ส่งยิ้มจาง ๆ ทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่สักพักเขากลับมานั่งตั้งหลัก หลับตา แล้วยกมือกุมขมับ

 

"เห็นไหม ดูสิ แค่นี้ก็ยังยืนไม่ไหวเลย ตอนนี้ พี่เอิร์ทอาจคิดว่าไหว แต่ถ้าเป็นหนักกว่านี้พี่จะทำยังไงล่ะครับ เพราะเมื่อวานที่พี่เอิร์ทเล่นพิเรนทร์ วิ่งตากฝนแน่เลย เป็นไงล่ะ?"

 

"แต่เราก็ตากฝนกับพี่ ไม่เห็นจะป่วยเลย" เอิร์ทเถียงเสียงแผ่ว

 

"เพราะเมื่อวาน พี่เดินทางมาไกลด้วย คงเหนื่อยและล้า ไม่รู้ล่ะ ผมจะโทรไปเลื่อนทริปแทนก็ได้ วันมะรืนค่อยไปกันนะ" จุนเจือเห็นพี่เอิร์ทยิ้มและพยักหน้ารับ จึงลุกจากเตียงพร้อมคว้าโทรศัพท์มือถือไปบอกกับทัวร์ดำน้ำเพื่อขอเลื่อนทริป

 

      หลังเสร็จธุระ จุนเจือไปล้างหน้า ล้างตา แปรงฟันให้รู้สึกสดชื่น ก่อนจะกลับมาหาพี่เอิร์ทด้วยผ้าขนหนูที่เปียกหมาด ๆ

 

 

"พี่เอิร์ท อย่าเพิ่งอาบน้ำนะครับ เช็ดตัวก่อน" จุนเจือบอกตอนที่ตัวเองทิ้งตัวลงนั่งริมเตียง บรรจงใช้ผ้าลูบแขนอีกฝ่ายอย่างตั้งใจปฏิบัติ จากแขนซ้ายไล้ไปแขนขวา เลื่อนมายังลำคอ ใบหน้า ก่อนจะไปซักผ้าให้สะอาด เพื่อกลับมาเช็ดส่วนล่างของร่างกายพี่เอิร์ท

 

"เราจะเช็ดตรงนั้นให้พี่ด้วยเหรอ?" เอิร์ทกดสายตาลงต่ำ ตอนที่เห็นจุนเจือกำลังเช็ดที่ปลีน่อง




    จุนเจือส่ายหน้าระอา ป่วยแค่ไหนก็ยังมิวายเย้าแหย่ให้เขาอารมณ์เสีย

 

"ใครบอก พี่ก็เช็ดเองสิครับ ถ้าผมเช็ดให้ พี่อาจไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีกแน่"

 

     เอิร์ทหลุดหัวเราะผสมไอค่อกแค่ก่อนจะเงียบเสียงและนอนมองคนตรงหน้าที่ปรนนิบัติดูแลเอิร์ทเป็นอย่างดี

 

     หลังจากที่ จุนเจือบรรจงทำความสะอาดร่างกายคนไม่สบายเสร็จแล้วก็เอ่ยขึ้น

 

 

"ผมไปซื้อข้าว ซื้อยาให้พี่เอิร์ทก่อนนะครับ พี่นอนรอผมแปปนึงนะ ห้ามดื้อ ห้ามลุกไปไหนด้วย"

 

 

"พี่ต้องอยู่คนเดียวเหรอ?"

 

 

"แป๊ปเดียวเองครับ นี่เช้าแล้วพี่ยังกลัวผีอีกเหรอ?" จุนเจือเอียงคอถาม

 

    ฟากเอิร์ทส่ายหน้าก่อนตอบ

 

"พี่กลัวไม่มีเราอยู่ข้าง ๆ มากกว่า"

 

กึก

 

     จุนเจือชะงักกึกเพราะอายที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาแบบนั้น ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาแก้เขิน

 

"ผมไปแป๊ปเดียวจริง ๆ นะครับ ไม่งอแงนะ"

 

"กลับมาเร็ว ๆ นะ" เอิร์ทบอกพร้อมบีบกระชับมือจุนเจือไว้ พอเด็กหนุ่มกำลังชักมือกลับเตรียมลุกขึ้นยืนนั้น เอิร์ทกระตุกมืออีกฝ่าบ

 

 

"จุน กอดทีดิ"

 

       จุนเจือนั่งมองพี่เอิร์ทส่งสายตาออดอ้อนจนใจอ่อน โน้มตัวลงไปหาคนที่พยายามฝืนอ้าแขนกลางอากาศ เด็กหนุ่มเข้าไปซุกตัวในอ้อมกอดคนป่วยที่แผ่กระจายความร้อนจนน่าเป็นห่วง

 

"พี่ไม่อยากให้เราไปไหนเลย" เอิร์ทว่าพลางกอดกระชับจนสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายก็กอดกลับ

 

 

"แต่ผมต้องไปซื้อยาให้พี่ เดี๋ยวพี่เอิร์ทป่วยหนักกว่านี้ ผมจะรีบไป รีบกลับนะครับ" จุนเจือพูดอู้อี้ในอ้อมกอดคนป่วยที่ดูเหมือนพอป่วยพี่เอิร์ทก็จะดูขี้เหงา ขี้อ้อนเป็นพิเศษ

 

"ก็ได้"

 

     เอิร์ทค่อย ๆ คลายวงแขนแล้วมองจุนเจือที่ยิ้มกว้างสดใส ก่อนจะเดินพ้นลานสายตาแล้วเอิร์ทถึงค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง

 

 

       ในขณะนี้ จุนเจือเดินออกไปหาซื้อของให้พี่เอิร์ทโดยยังไม่ได้อาบน้ำ ด้วยความเป็นห่วงก็รีบเดินดุ่ม ๆ จนถึงบันไดขั้นสุดท้าย เด็กหนุ่มเดินสะดุดเท้าตัวเอง ล้มหน้าคะมำด้วยความอายพนักงานต้อนรับเห็นรีบวิ่งมาดู และถามไถ่ จุนเจือเห็นแค่แผลถลอก รีบเอ่ยขอบคุณ และบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก

 

    เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นมาปัดฝุ่น ก่อนจะพบแผลตรงข้างหัวเข่า และบริเวณตาตุ่มมีแผลถลอกและเลือดซิบ  ทว่า มันยังไกลหัวใจ แผลแค่นี้ ไม่ตายง่าย ๆ แต่ยอมรับว่า แผลแค่นี้ นี่แหละก็ทำเขารู้สึกแสบและคันยุบยิบใช่เล่น



"โอ้ย ยิ่งรีบยิ่งช้า จุนเอ้ย"




      จุนเจือเดินกระเผลก ๆ ไป เพราะพอทิ้งน้ำหนักก็รู้สึกเจ็บจี๊ด เดินพ้นตัวโรงแรม ออกมาตรงถนน เด็กหนุ่มหน้าซีดพลางเบิกตาโพลงเมื่อเห็นพี่เมฆกำลังเดินมาทางนี้

 

 "พี่เมฆ" จุนเจืองึมงำ




"อ้าว จุนจะไปไหนครับ?"

 

     จุนเจือสบถในลำคอ ไม่คิดว่าจะมาบังเอิญเจอพี่เมฆในเวลานี้ เขามองซ้าย มองขวาหาทางหนี ทีไล่ แต่ไม่รู้จะไปทางไหนดี ในเมื่อทางออกที่จะไปถนนใหญ่มันมีอยู่ทางเดียว คือ ทางที่พี่เมฆยืนขวาง  จุนเจือไม่หือ ไม่อือ ก้มหน้า หวังจะเดินผ่าน แต่พี่เมฆกลับฉวยข้อมือเด็กหนุ่ม

 

"จะไม่ทักทายพี่หน่อยเหรอครับจุน"

 

 

"สวัสดีครับพี่เมฆ" จุนเจือสะบัดมือออกจากการเกาะกุม ยกมือไหว้ แต่กลับโดนอีกฝ่ายยึดทั้งสองมือไปจับไว้อีกครั้ง

 

"ประชดพี่เหรอ? แล้วนี่จุนจะหลบหน้าพี่ทำไมครับ?"

 

"...."

 

"จุน"

 

"ผมยังไม่พร้อมเจอหน้าพี่เมฆครับ" จุนเจือบอกพร้อมก้มหน้า

 

"ทำไมครับ?"

 

 

    จุนเจือเงียบ ไม่อธิบายต่อ

 

 

"แล้วจุนจะไปไหนแต่เช้าครับ? เฮ้! จุนล้มหรือครับ?" จุนเจือตกใจตอนที่คนตรงหน้าว่าจบ รีบทรุดตัวลงนั่งพร้อมยกข้อเท้าจุนเจือขึ้นมาดูอย่างไม่นึกรังเกียจ

 

 

"พี่เมฆจะทำอะไรครับ ปล่อยเท้าผมนะมันสกปรก"

 

"ไปคลีนิคกับพี่" เมฆินทร์เงยหน้ามาบอกเด็กหนุ่มตอนที่วางเท้าลงกับพื้น

 

"ไม่ไปครับ ผมต้องรีบไปซื้อยาให้พี่เอิร์ทครับ พี่เอิร์ทไม่สบาย"

 

    จุนเจือแทรก จนเมฆินทร์ชะงักไปครู่สั้น ๆ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ผุดรอยยิ้มแสนเศร้า

 

"พี่อิจฉาเอิร์ทจังเลยครับ มีจุนดูแลดีแบบนี้ แล้วทำไมไม่พาเอิร์ทไปโรงพยาบาลครับ เขาไม่สบายมากหรือเปล่า?"

 

"ก็ตัวร้อนครับ ผมเลยจะให้พี่เอิร์ทกินยาดักไว้ก่อน ผมไปแล้วครับพี่เมฆ"

 

"พี่ไปด้วยครับ จุนเจ็บขาอยู่"

 

      จุนเจือจิ๊ปากในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อพี่เมฆดึงดันจะไปด้วย




     ยิ่งทำตัวออกห่างเท่าไหร่ ดูเหมือนพี่เมฆก็จะยิ่งเข้ามาใกล้จนจุนเจือกลัวหัวใจตัวเองมากเท่านั้น

 

      ตลอดทางการเดินไปนั้น จุนเจือใจเต้นแรง ยามพี่เมฆจูงมือเขา แม้จะบอกจนปากจะฉีกถึงรูหู ว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่อีกฝ่ายก็ตีมึน จับมือไม่ปล่อย




      ความรู้สึกของจุนเจือตอนนี้ ไม่ต่างกับรถติดหล่ม อยากจะหนี จะเร่งเครื่องให้หลุดพ้น แต่ทำไม่ได้



        ความใกล้ชิดกันระหว่างเขากับพี่เมฆ กำลังทำให้กำแพงที่จุนเจือสร้างไว้ใกล้พังทลาย



      ยามนี้ พี่เมฆพาจุนเจือมาถึงคลินิค เขาปรี่ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เดินมาบอกจุนเจือว่าจะไปซื้อของให้เอิร์ท จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ขานเรียกชื่อจุนเจือ เด็กหนุ่มก็เข้าไปทำความสะอาดล้างแผล พร้อมปิดผ้าพันแผลสีขาวอย่างดี ซึ่งเอาเข้าจริงแผลถลอกแบบนี้ จุนเจือทำเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาคลีนิคให้เปลืองเงินและเสียเวลาโดยใช่เหตุเลย

 

 

    จุนเจือนั่งรอพนักงานเรียกเก็บเงิน ในระหว่างนั้น พี่เมฆก็กลับมาพร้อมถุงอาหารและยา แถมเจ้าตัวยังเดินไปจ่ายค่าทำแผลตรงเคาน์เตอร์ ปล่อยให้จุนเจือยืนนิ่งงัน

 

     จุนเจือสอบถามถึงค่าอาหารและยา แต่พี่เมฆยืนกรานจะเป็นคนออกเงินให้ทั้งหมด




       จุนเจือเริ่มระแวงว่า การที่พี่เมฆมาทำดีเพียงเพราะหลอกล่อให้เขากลับไปรัก ไปอยู่ในอ้อมแขนของคนใจร้ายอย่างเขาอีกหรือเปล่า? พอถึงเวลากลับไปจริง ๆ พี่เมฆจะร้ายกาจเหมือนเดิมไหม?




      ขากลับที่พัก เมฆินทร์เลือกใช้บริการแท็กซี่ทั้งที่อยู่ไม่ไกล เพียงเมฆบอกว่าห่วงจุนเจือ เด็กหนุ่มก็เกิดใจพองโต




     ตลอดทางการกลับไปที่พัก จุนเจือไม่พูดอะไรเลยสักคำ เขานั่งคิดไม่ตกกับเรื่องของพี่เมฆที่ดันกลับมาในเวลาที่มีใครอีกคนก็ดีแสนดีกับจุนเจือเช่นกัน




    ทำไมพี่เมฆต้องกลับมาทำให้ใจไขว้เขว




     ทำไมจุนเจือต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าลำบากใจ สถานการณ์ที่ต้องเลือกใครสักคนที่เหมาะสมและตัวเลือกนั้นก็ดีทั้งคู่จนตัดสินใจได้ยาก




    สถานการณ์ที่มีหัวใจเดิมพัน และหัวใจนั้นมันมอบให้ได้แค่คนเดียว




    ใช้เวลาเพียงแค่สิบนาที รถแท็กซี่ก็แล่นมาถึงหน้าโรงแรม เมฆินทร์เดินมาส่งจุนเจือถึงหน้าห้องเอิร์ท

 

"พี่เข้าไปได้ไหม?"

 

"ไม่ได้ครับ"

 

"แต่พี่เป็นเจ้านายเอิร์ท พี่จะเข้าไปเยี่ยมลูกน้องไม่ได้เลยหรือครับ?"

 

"แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่พี่เอิร์ทลางานนี่ครับ ผมอยากให้พี่เอิร์ทมีเวลาพักผ่อนโดยที่ไม่มีเจ้านายของเขาไปยุ่งย่ามครับ เห็นเจ้านายก็เหมือนเห็นงานนั่นแหละครับ"

     

      จุนเจือตั้งใจว่าแรง ๆ ให้พี่เมฆได้เจ็บ แต่เด็กหนุ่มโมโหตอนที่พี่เมฆไม่สะทกสะท้าน กลับยิ้มมุมปากพร้อมยื่นถุงอาหารและยามาให้ พอจุนเจือรับไว้ อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือกลับกระตุกแขน แล้วรั้งเอวจุนเจือเข้าไปใกล้จนร่างเด็กหนุ่มชิดแผงอกอีกฝ่าย เมฆินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ก้มหน้าลงมาจนจมูกชนกัน ก่อนจะเอียงใบหน้าตั้งใจประทับริมฝีปาก ค่อย ๆ ขบเม้มริมฝีปากล่างอย่างหยอกเย้าและคุ้นเคย

 

"เดี๋ยวนี้ ปากที่พี่ชอบจูบ ด่าเก่งขึ้นเยอะเลยนะครับ" เมฆินทร์ผละมาอมยิ้ม ยืนมองคนที่ยืนหน้าแดง หูแดง

 

"พี่กลับห้องก่อนนะครับ จุนก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยล่ะ เราเองก็เจ็บ"

 

 

     จุนเจือมองรอยยิ้มอบอุ่นนั้นครู่หนึ่ง ก่อนหมุนตัวแล้วรีบแตะคีย์การ์ดเข้าห้อง เข้ามาก็ยืนพิงบานประตูหนาหนักแล้วลูบปากตัวเองที่เพิ่งโดนคนเอาแต่ใจขโมยจูบไปก่อนหน้า







"พี่เมฆแม่ง! เป็นแบบนี้ทุกทีเลยอะ"




     จุนเจือเลียริมฝีปากตัวเองที่ยังสัมผัสถึงไออุ่นที่พี่เมฆฝากทิ้งไว้ก็หน้าแดงจัด จุนเจือรีบเดินไปหาพี่เอิร์ทที่นอนซมอย่างน่างสงสาร พอได้ยินเสียงดังขึ้นมานิดหน่อย เจ้าตัวก็ลืมตาและพยายามหยัดกายขึ้นมาพิงพนักเตียง

 

 "ไปนานจัง"

 

"ขอโทษครับ ผมไปเทข้าวต้มก่อนนะ" จุนเจือจัดแจงทุกอย่างเสร็จสรรพก็มานั่งข้าง ๆ และป้อนข้าว ป้อนน้ำ

 

   เอิร์ทมองจุนเจือที่ดูแลดีจนเอื้อมมือไปแตะริมฝีปากที่เขาเพิ่งแลกจูบแสนหวานกันเมื่อคืน

 

"ขอบคุณนะครับที่ดูแลพี่"

 

"ครับ" จุนเจือยิ้มกว้าง ขณะนั้น มือถือเอิร์ทแผดเสียงดัง จุนเจือจึงอาสาไปหยิบให้ ครู่หนึ่ง ที่ปราดสายตาไปมอง เผลอเห็นรายชื่อที่โทรเข้ามาเป็นชื่อที่จุนเจือคุ้นเคยดี

 

"สวัสดีครับพี่เมฆ"

 

[อยู่ไหนล่ะ เอิร์ท]

 

"ผมอยู่เกาะแล้วพี่"

 

 

[งั้นหรือ? ดีเลย คืนนี้ไปไหนหรือเปล่า? ว่าจะชวนมาร้านพงศ์หน่อย]

 

 

"อ้าวพี่ก็ถึงเกาะแล้วหรอครับ? ได้ ๆ ผมไม่ได้ไปไหนครับ ผมว่าจะแวะไปหาพี่พงศ์อยู่เหมือนกันครับ"

 

[ดีเจอกันคืนนี้นะเอิร์ท แล้วนั้นไม่สบายหรือเปล่า? ทำไมเสียงดูไม่ค่อยดี]

 

"แค่ตัวร้อนเองครับพี่เมฆ ไม่มีอะไรหรอก"

 

[ดูแลตัวเองด้วยนะ พักผ่อนเยอะ ๆ หายไว ๆ คืนนี้จะได้เจอกัน]

 

"ครับพี่เมฆ"

 

    จุนเจือมองหน้าพี่เอิร์ท ก่อนทำทีแกล้งถาม

 

"มีอะไรหรอครับ?"

 

"พี่เมฆชวนไปร้านพี่พงศ์คืนนี้"

 

     จุนเจือก้มหน้าพลางกัดปากแน่น

 

"เราไปกับพี่นะ"

 

"เอ่อะ...แต่พี่เอิร์ทยังป่วยอยู่นะครับ...มันจะ..."

 

"พี่เขาชวนไปกลางคืน นี่ยังไม่เที่ยงเลย ถึงเวลานั้นพี่คงหายแล้วล่ะ โอเคไหม? เราไปกับพี่นะ"

 

"ได้ครับ" จุนเจือยิ้มกว้างอีกครั้ง

 

     เมื่อเอิร์ทกินอาหารและยาเรียบร้อย จุนเจือก็ดุไปอีกรอบให้อีกฝ่ายล้มตัวลงนอน  แต่ถึงแม้ ปากจะดุด่าแค่ไหน จุนเจือก็ยังนั่งอยู่ข้าง ๆ เอิร์ท พร้อมดูแลอย่างใกล้ชิด

.

.

.

.

"โกรธพี่เหรอเรา?"

 

"พี่ไม่ฟังผมเลย ผมบอกแล้วไงครับว่าให้พัก ให้พักน่ะ"

 

     จุนเจือบ่นไม่หยุด ก็พอพี่เอิร์ทหลับไปตื่นหนึ่ง พอลืมตาขึ้นมาแล้วบอกว่าอาการดีขึ้น ก็ออดอ้อนขอร้องจุนเจือให้พาไปเล่นน้ำ ทำหน้าทำตาน่าสงสารแล้วมีหรือ? ที่จุนเจือจะไม่ใจอ่อน 



      จนตอนนี้ ในเวลาสี่โมงเย็นที่เอิร์ทขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาไม่ไกลจากตัวที่พัก ทั้งสองเดินอยู่บนชายหาด มองหาจุดที่พอหลีกเลี่ยงผู้คนหน่อย จนมาถึงจุดที่ไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมาย เอิร์ทก็ตั้งใจปักหลักลงที่นี่

 

"ก็มาถึงนี่ทั้งที พี่ก็อยากเล่นน้ำทะเลบ้าง"

 

"แต่ถ้าพี่ป่วยอีก ผมจะไม่ดูแลพี่แล้วนะ" จุนเจือขู่

 

 

    เอิร์ทหน้าหงอยตอนคลี่ผ้าลายพริ้นต์มาปูรองนั่ง วางถุงผ้าที่มีเสื้อผ้าตัวใหม่ไว้เปลี่ยนหลังเล่นน้ำเสร็จ

 

"โอเคครับ ถ้าพี่ป่วย ไม่ต้องดูแลพี่ แต่ตอนนี้ เรายิ้มได้ไหม? พี่อยากเห็นเรายิ้ม"

 

    จุนเจือถอนหายใจและพยายามปรับอารมณ์ให้คงที่ ถามว่าโกรธไหม? ก็โกรธ? แต่อีกใจก็สงสารอยู่เหมือนกัน

 

     จุนเจือใช้มือดึงมุมปากตัวเองให้ยกขึ้น

 

"ยิ้มแล้วครับ"

 

"ประชดอีกน่ะ"

 

    เอิร์ทบอกก่อนจะถอดเสื้อกล้ามเหลือเพียงกางเกงขาสั้น

 

"ไปเล่นน้ำกัน"

 

    จุนเจือมองคนที่ยิ้มกว้าง ก่อนจะมุ่งหน้านำไป เห็นแต่รอยสักเต็มแผ่นหลังขยับเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการวิ่งก็เผลอกัดปาก




     พี่เอิร์ทโคตรเท่




     เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินตามพี่เอิร์ทไปให้ทัน ทั้งสองลอยตัวอยู่กลางทะเล และจังหวะนั้น จุนเจือยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะกดไหล่พี่เอิร์ทให้จมน้ำ คนที่อยู่ใต้น้ำได้จังหวะสะบัดตัวหนี ม้วนตัวว่ายไปอีกทาง ก่อนจะวกกลับมาจับขาจุนเจือใต้น้ำ

 

"อ้ะ พี่เอิร์ท ผมยอมแล้วครับ เจ็บครับเจ็บโอ้ย!"

 

    เอิร์ทรีบผุดขึ้นมาจากน้ำทะเล สะบัดผมและลูบน้ำออกจากใบหน้า




"พอพี่แกล้งกลับ เราโวยวายเลยนะอะไร? จับเบา ๆ บอกว่าเจ็บ?"




"ผมเจ็บจริง ผมล้มตอนออกไปซื้อยาให้พี่"




"เฮ้ย จริงดิ"




    เอิร์ททำหน้าตกใจสุดฤทธิ์ เขารีบยกขาจุนเจือขึ้นมาดู ก็เห็นผ้าพันแผลที่เปื่อยและยุ่ย




"ทำไมเราไม่บอกพี่วะ?" เอิร์ทดุจุนด้วยความเป็นห่วง ถ้าเอิร์ทรู้สักหน่อย จะไม่ชวนจุนเจือออกมาเล่นน้ำ




    ฟากจุนเจือพอโดนดุกลับบ้าง เขาหน้าจ๋อย ขณะกำลังลอยตัวอยู่ในน้ำ

 

 

"ผมขอโทษ ผมก็เพิ่งนึกได้ตอนมาถึงทะเลแล้ว อีกอย่างพี่บอกว่าอยากเล่นน้ำ ผมก็เลย...."




 

 "โถ่ จุน"




     เอิร์ทเห็นสีหน้าเด็กหนุ่มที่รู้สึกผิดและเหมือนจะร้องไห้ จึงดึงตัวจุนเจือเข้ามากอด




"พี่ขอโทษ พี่แม่งแย่เองว่ะ ลืมดูว่าเรามีแผล"

 

"ไม่ใช่ความผิดพี่เลย ความผิดผมเองครับ พี่เอิร์ท"




"ถ้างั้น เรากลับกันเลยเถอะ" เอิร์ทว่าตอนผละ




"ไหน ๆ  ก็เปียกแล้ว เล่นน้ำต่อเถอะครับ" จุนเจือบอกและรั้งแขนพี่เอิร์ทไว้




  ความใกล้กันทำให้เอิร์ทมองหน้าจุนเจือได้ชัดขึ้น จุนเจือน่ารักในสายตาเขาเสมอ ชายหนุ่มยิ้มก่อนถาม




"จุนว่า คนตรงหาดจะเห็นไหม ว่าเราทำอะไรกัน?" เอิร์ทถามพลางชี้นิ้วไปที่หาดทรายสีขาวที่มีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติชายและหญิงต่างนอนอาบแดด ซึ่งพวกเขาก็อยู่ห่างจากชายหาดมาไกลพอสมควร




"ไม่เห็นหรอกครับ ไกลขนาดนี้"




     จุนเจือยิ้มกว้าง แต่พอเห็นสายตาพี่เอิร์ทที่มองมาแฝงความนัย จุนเจือหลุบตาลงต่ำ ในขณะที่มือหนาเริ่มสอดมือเข้ากลุ่มผมตรงท้ายทอย




"งั้น เราจูบกันไหม?"

 

    ความท้าทายในการจูบกันบนพื้นที่เปิดก็ทำให้เด็กหนุ่มอยากลอง เขาแค่ขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้นนิดหน่อย ฟากเอิร์ทเคลื่อนใบหน้ามาประทับริมฝีปากและจูบกัน

 

 

      รสจูบที่ปร่าเค็มจากน้ำทะเลผสมผสานกับรสหวานจากความรัก




      ยามนี้ องค์ประกอบดั่งภาพศิลปะที่มีจุดเด่นอยู่ตรงที่บทจูบ คลื่นทะเล แสงแดด ท่ามกลางพื้นที่อบอวลด้วยความสุขของคนสองคน




        ทั้งสองยังแลกรสจูบกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนมือหนาของเอิร์ทเริ่มลามไล้ไปลูบแก่นกายเด็กหนุ่ม โดยที่มือจุนเจือก็กำลังแตะเข้าส่วนกลางลำตัวของพี่เอิร์ทเช่นเดียวกัน หลักฐานมันฟ้องอย่างเห็นได้ชัด ว่าเอิร์ทกำลังรู้สึกดีกับรสจูบเด็กหนุ่มมากแค่ไหนเมื่อแก่นกายที่อ่อนนุ่มดั่งเยลลี่กำลังแข็งขืนดั่งเหล็กกล้า จุนเจือลากมือผ่านแล้วเอิร์ทก็จับข้อมือจุนเจือค้างไว้ แล้วดันมือจุนเจือออก




    ทั้งสองผละจากกัน ก่อนที่เอิร์ทจะยิ้มแล้วจุมพิตมุมปากเด็กหนุ่มผะแผ่ว

 

"จุน เป็นแฟนกันไหมครับ?"




------------ต่อด้านล่าง------------
[/b]
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 19 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 17.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 17-11-2019 23:20:02
.

.

.

.

"สวัสดีครับพี่เมฆ พี่พงศ์" เอิร์ทยกมือไหว้และเอ่ยทักทาย ตอนที่มาถึงร้านตามกำหนดเวลาที่นัดหมาย 



     

    หลังจากที่เอิร์ทและจุนเจือกลับมาจากทะเล ทั้งสองก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อให้มาร้านอาหารของพี่พงศ์ทัน โดยทั้งสองก็ไม่ได้มีการแลกรสจูบอะไรกันอีก เพราะแค่กลางทะเลก็มากเกินพอแล้ว



    ในระหว่างการทักทายของพี่เอิร์ทและพี่พงศ์ ครู่หนึ่ง จุนเจือหันไปมองพี่เมฆ แต่ไม่คิดว่าเขามองอยู่จึงสบประสานสายตากัน จุนเจือรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างพี่เอิร์ท

 

      ฟากพงศ์หรี่ตามองหน้าเด็กหนุ่ม เพื่อนรัก และ พนักงานในบริษัทของเมฆสลับกันไปมา ทำไมสถานการณ์ตรงหน้ามันดูพิลึกอย่างไรชอบกล? พงศ์กระซิบกระซาบกับเมฆที่จุนเจือก็ดูออกว่าอาการนี้มันเหมือนคนนินทา



        ครู่หนึ่งพงศ์ก็เอ่ยบอกให้ทุกคนทำตัวตามสบาย ก่อนจะปลีกตัวไปเตรียมอาหารให้  ในระหว่างนี้ บนโต๊ะอาหารจึงเหลือเพียงแค่เมฆ เอิร์ท และจุนเจือเท่านั้น







      เมฆได้แต่นั่งมองหน้าจุนเจือที่กำลังหัวเราะและส่งยิ้มให้เอิร์ทก็รู้สึกอึดอัด เจ็บในอกแปลก ๆ เขากำหมัดแน่นพลางเบือนหน้าหนีไปมองทะเล และฟังเสียงคลื่น เป็นจังหวะเดียวกับที่จุนเจือละสายตาจากพี่เอิร์ทหันไปเห็นคนตรงข้ามนั่งหลับตาหันหน้าไปทางท้องทะเลกว้างใหญ่ ก็เผลอกระตุกยิ้ม ก่อนจะหุบยิ้มเร็วไว เมื่อพี่เอิร์ทกระตุกมือเขาให้มองรูปในมือถือที่ทั้งคู่ถ่ายเล่นกันตอนอยู่ในห้องพักก่อนลงเล่นน้ำ

 

"พี่เอิร์ท ถ่ายเซลฟียังไงครับเนี่ย ผมไม่หล่อเลยอะ หน้าบานมาก แล้วดูสิ มีแต่พี่เอิร์ทที่ดูหล่ออยู่คนเดียว"




"ฮ่า ๆ พี่ว่าน่ารักดีออก แก้มเราเหมือนลูกซาลาเปา น่าฟัดว่ะ" เอิร์ทพูดแกมหัวเราะ ก่อนจะยีผมจุนเจือไปด้วย จนเด็กหนุ่มตีมือ




"น่ารักจังเลยนะครับ"




     จุนเจือชะงักงันทันทีพลันเหลือบมองพี่เมฆที่พูดขึ้นมาลอย ๆ เด็กหนุ่มหน้าซีดตอนเห็นสายตาพี่เมฆ

 

"เอ่อ ขอโทษครับพี่เมฆที่เสียมารยาท ผมขอชนแก้วพี่เมฆหน่อยนะครับ" เอิร์ททำทีเปลี่ยนเรื่อง




"ไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอเอิร์ท ดื่มเบียร์แบบนี้จะดีเหรอ?"




"ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ดื่มเยอะครับ"




      เมฆินทร์พยักหน้าเออออพร้อมยกแก้วเบียร์ขึ้นเตรียมชน



"จุนจะไม่ชนแก้วกับพี่หน่อยเหรอครับ"




      จุนเจือชะงัก พลางเม้มปากแน่น ก่อนจะคว้าแก้วของตัวเอง เพื่อชนแก้วกัน จนกระทั่ง พี่พงศ์มานั่งก็ได้ชนแก้วกันอีกรอบ จากนั้น พี่พงศ์ก็เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา ที่เริ่มเรื่องราวตั้งแต่จิปาถะไปจนถึงจริงจัง แต่ในบทสนทนาเหล่านั้น กลับไม่มีใครพูดถึงเรื่องราวของเซ็กซ์และความรัก



       เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ  ความสนุกสนานก็เริ่มเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่น่าเสียดายที่ร้านอาหารของพงศ์มีลูกค้าเข้ามาจนแน่นร้าน ทำให้เมฆตัดบทแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่เอิร์ทติดลม เอ่ยปากอยากไปนั่งร้านชิลที่จุนเจือพาไปเมื่อวาน เมฆจึงตอบรับ ทั้งสามก็เลยย้ายจากที่หนึ่งไปอีกทีหนึ่งโดยพงศ์ไม่ได้ตามไปด้วย




    เมื่อถึงร้านใหม่ จุนเจือยกมือขอเลือกที่นั่ง โดยเขาเลือกมุมเดิม มุมนั่งพื้นที่อยู่ด้านนอกของร้านอาหาร เพื่อนั่งเอกเขนก รับลมชิล ๆ ที่ชายหาดได้อย่างสบายอารมณ์





"ที่เดิมที่เราเคยนั่งด้วยกันเลยนะครับ จุน" เมฆินทร์ทักตอนที่เห็นจุนเจือทิ้งตัวลงนั่งที่ที่ทั้งสองเคยมานั่งด้วยกันไม่กี่วันก่อน




      ฟากจุนเจือตวัดสายตาไปมองพี่เมฆ



"พี่เมฆว่าอะไรนะครับ" เอิร์ทถาม




"พี่แค่บอกว่าที่ตรงนี้ส่วนตัวดีนะครับ" เมฆินทร์บอกเอิร์ท แต่ขณะเดียวกันนั้น จุนเจือชักเริ่มไม่สนุกเพราะบรรยากาศตอนนี้กำลังแผ่กระจายความขมุกขมัวอึมครึมทั่วบริเวณ

 



"เราเป็นอะไรหรือเปล่า ดูหน้าเหมือนไม่ไหว" เอิร์ทถามจุนเจือ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มสีหน้าดูแปลก ๆ




"ห้ะ ผมเหรอ? เปล่านะครับ ผมโอเคดีครับ พี่เอิร์ทแค่นั่งชิลห้ามดื่มเบียร์แล้วนะ"




"ครับผม ดุเก่งนะเรา" เอิร์ทว่าพลางหยิกแก้มจุนเจือ



        ในระหว่างที่พนักงานเพิ่งคล้อยหลังไป หลังจากที่ทั้งสามได้สั่งเครื่องดื่มไป เอิร์ทก็โพล่งขึ้น



"เดี๋ยวพี่มานะ จุน ไปซื้อยาก่อน"




"พี่ลืมเอายามาเหรอครับ? ทำไม? พี่เอิร์ทรู้สึกจะไม่สบายอีกแล้วเหรอ? ถ้างั้น นั่งนี่แหละ ผมไปซื้อให้" จุนเจือบอกพลางใช้หลังมือแตะลำคอ ฟากเอิร์ทอมยิ้มแล้วดึงมือจุนเจือมากุมไว้หลวม ๆ บนตัก




"ไม่เอา เราอยู่คุยกับพี่เมฆเหอะ"




"ถ้างั้นกลับห้องเลยครับ"




"เราเป็นอะไร? หงุดหงิดจัง พี่ไปซื้อยาไม่นานหรอก พี่อยากนั่งเล่นที่นี่ ตามใจพี่หน่อยนะ"  เอิร์ทอ้อนจุนเจือ ก่อนจะวางมือลงบนกลางกระหม่อมเด็กหนุ่ม




"รีบมานะครับพี่เอิร์ท" จุนเจือยิ้มกว้าง จนเอิร์ทต้องขยับตัวไปใกล้เพื่อกระซิบบอก

 

"ถ้าทำหน้าแบบเมื่อกี้อีก พี่บอกเลย ว่าคืนนี้เราไม่รอดแน่"




"พี่เอิร์ท!!!"




"ฮ่า ๆ เดี๋ยวผมมานะครับพี่เมฆ ขอตัวไปซื้อยาก่อนครับ" เอิร์ทหัวเราะเสร็จ ก็หันไปส่งยิ้มกับพี่เมฆ พอเอิร์ทพ้นลานสายตา เมฆินทร์ลุกตามไปติด ๆ ทิ้งให้จุนเจือนั่งลำพัง ก่อนจะกลับมากระตุกแขนจุนเจือให้ลุกขึ้น




"พี่เมฆจะทำอะไร?"





"ไปนั่งชิงช้าตรงนู้นกันครับ พี่บอกลูกจ้างให้เขาเฝ้าโต๊ะให้แล้ว"




"ไม่เอาครับ"




"พี่ขอร้องนะครับ จุน พี่อยากคุยเรื่องของเรา"




 

 

 


................................................................


3P ดีไหมนะ? 555
:o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 19 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 17.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-11-2019 01:26:04
 :pig4: :pig4: :pig4:

ควบสอง 3P ไปเลยหนูจุน  ถ้าตัดใจเลือกใครคนใดคนนึงไม่ได้  อิอิ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 19 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 17.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-11-2019 13:41:44
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 19 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 17.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-11-2019 21:54:57
อิพี่เมฆงอแงจริงเชียว แต่เอาจริงๆนะเอิร์ทจะไม่สงสัยเรื่องจุนกับเมฆบ้างเลยเหรอ น่าจะพอเดาได้มั่งป่ะ
ถ้าเอิร์ทดีก้อยากจะเชียร์แต่ระแวงๆอยู่หน่อยๆ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 19 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 17.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: CelestialBeing ที่ 21-11-2019 00:58:53
เกบเอิทให้น้องพี่เมฆได้ไหม
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 19 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 17.11.19 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-11-2019 03:11:15
^^^^^
เห็นด้วยนะครับ เก็บเอิร์ทไว้ให้พี่ดินเถอะ ส่วนน้องจุนก็ให้คู่พี่เมฆ o13
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 20 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 24.11.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 24-11-2019 20:08:08
บทที่ 20 คู่รัก









 

       จุนเจือเงียบก่อนจะตอบตกลงแล้วเดินตามไปที่นั่งชิงช้า มีเชือกขนาดใหญ่ผูกมัดเข้ากับกิ่งต้นไม้ใหญ่แน่นหนา ตัวชิงช้าอยู่ห่างไกลจากบีชบาร์ไม่มากนัก แต่แสงไฟก็ยังคงสาดส่องไม่ถึงตรงนี้อยู่ดี มีเพียงแสงจันทร์ลาง ๆ ส่องแสงนวลตกกระทบลงมาให้เห็นเค้าโครงใบหน้าของทั้งสอง

 

 

 

 

"จะคุยอะไรครับพี่เมฆ" จุนเจือยืนนิ่งมองคนที่ทิ้งตัวลงนั่งชิงแล้วเงยหน้ามามอง

 

 

 

 

"จุนตกลงเป็นแฟนกับเอิร์ทรึยังครับ?"  เมฆินทร์ถามขณะที่รวบเอวเด็กหนุ่มให้ลงมานั่งเบียดชิงช้าตัวเดียวกัน

 

"คะครับ? พี่เมฆ" จุนเจือตกใจตอนมือหนารั้งร่างเขาไปและพยายามสะกดอารมณ์หวั่นไหวตอนที่มือพี่เมฆยังคงโอบเอวไว้หลวม ๆ

 

 

 

 

"พี่ถามว่า จุนเป็นแฟนกับเอิร์ทรึยังครับ?"

 

 

 

"ยังครับ" จุนเจือนั่งก้มหน้าพลางเม้มปากแน่น

 

 

 

 

"แล้วจุนชอบเอิร์ทหรือเปล่าครับ?" เมฆยังคงยิงคำถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เมฆินทร์ต้องรู้ถึงสถานะอันชัดเจนกว่านี้ พอกันที กับการต้องเห็นจุนเจือไปอยู่กับคนอื่น เมฆินทร์ต้องข่มใจมากแค่ไหน ในการทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรตอนที่เห็นจุนเจือหัวเราะและส่งยิ้มให้เอิร์ทอย่างมีความสุข ทั้ง ๆ ที่คนควรทำให้จุนเจือมีความสุขควรเป็นเขามากกว่า

 

 

 

 

"พี่ถามทำไมครับ?"

 

 

 

 

"พี่จะได้รู้ครับ ว่าพี่ควรเดินหน้าต่อหรือถอดใจ ถ้าจุนเป็นแฟนกับเอิร์ท พี่ก็คงไม่แย่งครับ" เมฆบอก

 

 

 

      จุนเจือชำเลืองมองพี่เมฆด้วยอาการใจสั่น มันถึงเวลาแล้วใช่ไหม ที่เขาต้องกล้าหาญตัดสินใจเลือกใครคนใด คนหนึ่ง โดยที่เราไม่มีทางรู้เลยว่า ทางเลือกนั้นจะส่งผลให้อนาคตออกมาดีหรือแย่




    แต่นั่นแหละความรัก...




     หากอยากรัก ก็ต้องพร้อมยอมเสี่ยง

   

     เด็กหนุ่มลังเล ก้มมองมือตัวเองที่สอดประสานกันแนบแน่น

 

     เมฆลอบมองโครงหน้าด้านข้างจุนเจือที่ก้มลง มือหนาที่ยังโอบเอวก็บีบกระชับยามได้ยินเด็กหนุ่มตอบว่าไม่แน่ใจ

 

       เมฆไม่เข้าใจว่าจุนเจือกำลังคิดอะไรอยู่ ราวกับว่าเด็กหนุ่มกำลังหลงในความสัมพันธ์ ติดกับอะไรบางอย่าง  เมฆยิ้มมุมปาก ไล้มือไล่ตามไรผม

 

"ทะเลตอนกลางคืนสวยนะครับว่าไหม?"

 

 

       จุนเจือเงยหน้าสบตามอง เกิดอาการงุนงงที่อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องไปไม่มีปี่ มีขลุ่ย

 

 

 

"มืดขนาดนี้ ผมมองไม่เห็นอะไรเลยครับจะสวยได้ยังไง?"

 

"ลองหลับตาดูสิครับ แล้วปล่อยใจให้ทุกอย่างมันเป็นไปเอง จุนจะสัมผัสได้"

 

 

 

 

"มันจะเป็นไปได้ยังไงกันครับ ยิ่งหลับตา ผมก็ยิ่งไม่เห็นอะไรเลยน่ะสิครับ ผมไม่เชื่อหรอกพี่เมฆ"

 

 

 

"จุนมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อ แต่จุนลองแล้วหรือครับ?" เมฆถาม ฟากจุนเจือชะงัก




กึก

 
 

     ไม่รู้ว่าเป็นการท้าทายกราย ๆ หรือเปล่า? แต่จุนเจือรู้สึกว่า เขายอมไม่ได้ถ้าจะมาว่ากันแบบนี้

 

 

 

      จุนเจือฮึดฮัดเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมทำตาม ค่อย ๆ หลับตาแล้วลองปล่อยให้มันเป็นไป สายลมตกกระทบผิวกายเป็นระยะ เสียงลมโบกหวิว ๆ ของยอดทิวมะพร้าวและยอดไม้ เงี่ยหูฟังเสียงคลื่นทะเลชวนใจผ่อนคลายคล้ายสงบเสงี่ยม




     จุนเจือไม่สามารถบอกได้เลยว่า ทะเลสวยจริงไหม ? เขาแค่สัมผัสได้ว่า ณ ขณะนี้ จุนเจือมีความสุขกับการได้ฟังเสียง สัมผัสทุกสิ่งรอบกายที่ล้วนมาจากธรรมชาติที่เป็นธรรมชาติจริง ๆ

 

 

       สุขกาย สบายใจ จนเผลอผุดรอยยิ้ม ในขณะนั้น จุนเจือสัมผัสได้ถึงมืออุ่น ๆ วางทาบลงบนหลังมือเขาและในวินาทีนั้น...
 



จุ๊บ...

 

       ความนุ่มหยุ่นแตะลงบนกลีบปากบาง จุนเจือเบิกตาโพลงก็พบใบหน้าหล่อเหลาอยู่ตรงหน้าชัดเสียยิ่งกว่าชัด เผลอสบตามองพี่เมฆที่ขบเม้มงับริมฝีปากล่าง ก่อนจะเริ่มจูบจริงจัง มือหนึ่งประคองท้ายทอยส่วนอีกมือกระชับแผ่นหลังแน่น จุนเจือยกกำปั้นดันอกอีกฝ่าย แต่เหมือนต้านทานไม่ได้ ยามที่พี่เมฆมีโอกาสนำเรียวลิ้นรุกเข้าสู่ภายในโพรงปาก




    พี่เมฆเป็นแบบนี้ ทุกที แม้รู้ทั้งรู้ว่าพี่เมฆชอบเอาแต่ใจในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธได้สักที

 

 

       จุนเจือใจวาบหวาม เท้าจิกเกร็งตอนที่พี่เมฆใช้ความเชี่ยวชาญปลุกความต้องการภายในของเขาที่มีอย่างรุนแรง


 

        จุนเจือยกมือโอบรอบคอคนแก่กว่า แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าควรหักห้ามใจไม่ใช่ปล่อยไปตามอารมณ์แบบนี้

 



"พี่เมฆโกหก พี่หลอกผม เพื่อจูบผม" จุนเจือผลักอก ลุกหนี ทั้ง ๆ ที่ความเร่าร้อนยังแผ่ซ่านทั่วกาย คล้ายร่างจวนระเบิด ฟากเมฆินทร์รีบลุกตามแล้วรวบเอวจุนเจือ

 

 

 

"พี่ไม่ได้หลอก แค่ทนไม่ไหวต่างหาก คนที่เคยได้สัมผัส พอไม่ได้สัมผัสเลยมันทรมานมากเลยนะครับ"

 


      เมฆินทร์ว่าพลางโน้มตัวไปใกล้กดจมูกไซ้ซอกคอ จนเด็กหนุ่มเคลิบเคลิ้มอีกครั้ง ยันอกอีกฝ่าย และได้แต่สบถในลำคอนึกโกรธตัวเองที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ กระโดดหนีให้ห่างอีกครั้ง

 

"ผมกลับโต๊ะก่อนครับ"

 
 

"จุนยังชอบพี่ใช่ไหมครับ?"

 




      จุนเจือชะงักพลางลอบกลืนน้ำลายส่ายหน้ารัว
 

 

"มะ...ไม่ ผมไม่ได้.....ชอบพี่"

 

 

 

 

"การกระทำสำคัญกว่าคำพูดนะครับ"

 


"ผะ ผมบอกแล้วไงครับ ผมไม่ได้ชอบพี่เมฆ"

 

     เมฆินทร์มองจุนเจือด้วยแววตาเสียใจ ในขณะนั้น เขาลุกขึ้นแล้วยิ้ม

 

"ถ้ายืนยันขนาดนั้น พี่เข้าใจแล้วครับ" เมฆินทร์ไม่แน่ใจว่าจุนเจือคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าจุนเจือจะพูดย้ำหลายรอบติดกัน เมฆก็ไม่ควรดื้อดึงอีกต่อไป

 

"โชคดีครับจุน งั้น ดูแลตัวเองด้วยนะ" เมฆินทร์บอกพลางแต้มยิ้มเล็กน้อย ก่อนหมุนตัวกลับหลัง

 

    เพียงจุนเจือเห็นพี่เมฆหันหลังให้ ก็ใจหายวาบ ทำไมมันเหมือนเป็นสัญญาณที่บอกว่า ทั้งสองจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วอย่างไรอย่างนั้น




    จุนเจือรู้สึกโหวง เพียงชั่วขณะ ภาพอดีตระหว่างเขากับพี่เมฆก็ผุดขึ้นมาซ้อนมากมายจนสมองแทบประมวลผลไม่ทัน จุนเจือก้าวขาไปคว้ามืออีกฝ่าย จนเมฆินทร์หยุดชะงักแล้วหันหลังกลับมาสบตามองกันด้วยแววตาที่รู้ความหมาย




     ใบหน้าผิดหวังในตอนแรก กำลังเปื้อนยิ้ม เมื่อรู้ว่า มือเรียวที่คว้ามือเขาเอาไว้ นั่นแหละ คือ คำตอบ...




     วินาทีนั้น คนแก่กว่าจ้องมองเข้าไปยังแววตาสั่นไหวอีกฝ่าย ก่อนจะจู่โจมดึงจุนเจือไปจูบปากที่รสชาติคราวนี้หอมหวาน สุขสมกว่าทุกครั้ง.....

 

 

 

 

 

 

    จุนเจือเดินกลับมานั่งด้วยใบหน้าแดงจัด เพราะไม่คิดว่า การรั้งมือพี่เมฆไว้โดยอัตโนมัติจะทำให้ตอนนี้จุนเจือกับเขามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น เด็กหนุ่มโล่งใจ แต่ยังโล่งไม่สุด เพราะยังเหลือใครอีกคนที่จุนเจือต้องบอกความจริงไป...




    ย้อนกลับไป ตอนที่พี่เอิร์ทขอจุนเจือเป็นแฟนที่ทะเลนั้น จุนเจือไม่ได้ตอบตกลง ซึ่งพี่เอิร์ทก็หน้าซึมนิดหน่อย แต่ยังคงยืนยันบอกว่า 'รอได้' นั่นยิ่งทำให้จุนเจือรู้สึกผิดต้องรีบตัดสินใจเลือกให้เร็วที่สุด




    ขณะเดียวกัน เมฆินทร์ลอบมองเด็กหนุ่มพลางอมยิ้ม




    ฟากจุนเจือหยุดคิดเรื่องความรักครู่หนึ่ง เพราะแปลกใจว่า ทำไมพี่เอิร์ทยังไม่กลับมาสักที เขาจึงหยิบมือถือเพื่อโทรหา

 
 

"พี่เอิร์ทอยู่ไหนครับ?"

 

 
[พี่ปวดหัว กำลังเดินกลับห้อง]
 

 

"อ้าว แล้วทำไมพี่เอิร์ทไม่บอกกันก่อนครับ ผมจะได้กลับไปด้วย"

 

 
[ไม่ต้องอยู่กับพี่เมฆเหอะ แค่นี้ก่อนนะ พี่กำลังเดินอยู่ครับ]

 

 

 
    ทำไมจุนเจือถึงรู้สึกแปลก ๆ ภายใต้สุ้มเสียงนั้น เขาวางสาย นั่งนิ่ง ครุ่นคิดว่า มันต้องเกิดอะไรขึ้นบางอย่าง จากน้ำเสียงนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ที่คนพูดเล่น พูดทะลึ่งตึงตังก่อนหน้า จะกลายเป็นคนเสียงแข็งน่ากลัวจนทำให้เด็กหนุ่มคิดมาก




 
    'ทำอะไรผิดไปหรือเปล่าวะจุน?'

 

 

     จุนเจือเม้มปากแน่น จนคนข้าง ๆ วางมือลงมาประทับบนหลังฝ่ามือเรียว

 

 

 

"เป็นอะไรครับจุน" เมฆินทร์ถาม

 

"เปล่าครับ ผมกลับห้องก่อนนะครับ พี่เมฆ"

 

"แล้วไม่อยู่รอเอิร์ทเหรอ?"


 

"พี่เอิร์ทกลับห้องไปแล้วครับ พี่เมฆกินต่อเถอะครับ ผมขอกลับก่อน ผมไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียว"


 

   เมฆินทร์เห็นสีหน้าจุนเจือเป็นกังวลเขาเอื้อมไปแตะมือ

 

"แล้วจุนคิดว่าพี่จะปล่อยให้จุนเดินไปคนเดียวหรือครับ พี่กลับด้วย และจุนรู้ไว้เลยนะครับว่าจากนี้ พี่จะไม่ให้จุน อยู่กับผู้ชายคนอื่นแบบสองต่อสองอีกแล้วล่ะครับ" เมฆินทร์ตอบเสียงหนักแน่นพร้อมกับกระชับมืออีกฝ่ายว่าจากนี้




     เด็กคนนี้จะต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น...

.

.

.

.

     ทั้งสองเดินมาถึงกลางทาง ฝนก็ดันตกลงมา ยังดีหน่อยที่ฝนไม่ตกหนักมากเหมือนเมื่อวาน ก็พอรู้ว่า ช่วงนี้มรสุมเข้า แต่ไม่เคยคิดจะเตรียมการหรือระมัดระวังอะไรจนได้มาเจอกับตัว เรื่องที่ไม่ยอมพกร่ม

 

 

     เมื่อเห็นว่าฝนตกไม่หนักจึงพอรับได้ที่จะวิ่งฝ่าสายฝน พอเท้าเหยียบพื้นหน้ารีเซ็ปชั่น เมฆินทร์ก็กระชับมือจุนเจือให้เดินตาม


 

"พี่เมฆปล่อยผมสิครับ"

 

"ไปอาบน้ำห้องพี่ก่อนครับ"

 

 

"จะไปห้องพี่ทำไมครับ? ยังไงผมก็ต้องไปหาพี่เอิร์ทอยู่แล้ว"

 

 

 

"อย่าทำให้เอิร์ทไม่สบายใจเลยครับ ถ้าเอิร์ทเห็นจุนตัวเปียก เขาคงรู้สึกไม่ดีแน่ แค่ไปอาบน้ำให้สบายใจสักหน่อยค่อยกลับไปหาเอิร์ทนะครับ"

 

"แต่..."

 

"อย่าลังเลเลยครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย"

 
 

     จุนเจือเม้มปากแน่น ก่อนจะเดินไปตามแรงจูงเพื่อไปห้องพี่เมฆ

 



    เพียงประตูปิดลง ยามที่ทั้งสองเดินเข้ามาภายในห้องแล้ว จุนเจือชะงักพลางสะดุ้งตกใจ ยามโดนสวมกอดจากด้านหลัง
 

"พี่คิดถึงจุนมากเลยครับ"

 

"..."

 

     เมฆจุมพิตตรงท้ายทอยเด็กหนุ่ม ก่อนจะคลายวงแขน จับไหล่จุนเจือให้หมุนตัวมามองหน้ากัน

 

"พี่จะดูแลจุนให้ดีที่สุด เชื่อพี่นะ"

 


"....." จุนเจือยังเงียบ

 

"ไหน ๆ จุนก็ลาออกแล้วพี่จะให้จุนมาอยู่กับพี่ พี่มีงานให้ทำ" เมฆินทร์บอก

 

"งานอะไรครับ?"

 

"ไปอาบน้ำก่อนครับ เดี๋ยวไม่สบาย"




"ไม่ครับ พี่เมฆพูดมาเลยครับ ผมอยากรู้"

 

    เมฆินทร์กลั้วหัวเราะ เดินไปคว้าผ้าขนหนูให้จุนเจือไปถอดเสื้อผ้าที่เปียกก่อน ส่วนเขาเองก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองเช่นกัน เสร็จเรียบร้อย เมฆินทร์เดินไปหยิบแท็บเล็ตในกระเป๋าสะพายข้าง หย่อนกายลงนั่งบนเตียง แล้วเรียกจุนเจือให้มาดูรายละเอียดด้วยกัน




"ลองอ่านดูตามข้อตกลงก่อนนะครับว่าทำงานนี้ได้ไหม?"



      จุนเจือรับแท็บเล็ตมาดู เพียงเห็นข้อความพลันเบิกตาโต ใจเต้นแรง และหน้าแดงก่ำ




     ข้อความตรงหน้าโดยรวมคล้ายเงื่อนไขในสัญญาระหว่างการมีเซ็กซ์ร่วมกัน ครั้งแรกตอนที่จุนเจือเจอเขา




     เพียงแต่ตอนนี้ มีบางคำที่แปลกออกไป

 

 สัญญาข้อตกลงของการเป็นคู่รัก

1. ความรัก เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของข้อตกลงนี้ ทั้งสองต้องยินดีที่จะยอมรับข้อดีข้อเสียและปรับตัวเข้าหากัน

2. เมื่อตกลงแล้ว ห้ามมีคนอื่นในเชิงชู้สาว

3. ต้องรักษาความสะอาดเรือนร่าง

4.สามารถถามเรื่องส่วนตัวของคู่รักได้ทุกกรณี

5.สถานที่นัดพบ ไม่ใช่แค่โรงแรมแต่เป็นทุกที่ที่เราได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข


 

 

     อันที่จริง จุนเจืออ่านข้อความเหล่านั้นเสร็จนานแล้ว แต่เขายังคงไม่เชื่อสายตา ทวนอ่านอีกในขณะที่ใจก็ยังคงเต้นแรงจนน่ากลัวว่าจะเป็นโรคหัวใจ




"จุนครับ ให้โอกาสพี่ คบกับพี่นะครับจุน" เมฆินทร์เห็นจุนเจือเงียบไปนานจึงถามกลับ

 

"ถ้าผมคบกับพี่เมฆ ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าพี่เมฆจะไม่ทำให้ผมร้องไห้อีก?" จุนเจือว่าเสียงแผ่ว

 

"จุนครับ เราคบกันมันต้องมีร้องไห้ มีทะเลาะกันอยู่แล้ว แต่พี่จะพยายามให้มันเกิดขึ้นน้อยที่สุด แล้วพี่จะไม่ทำอะไรที่รุนเแรงเกินไปอีก"

 

     จุนเจือนั่งมองคนยิ้มในขณะที่มือกำลังลูบไล้ริมฝีปากเขาเล่น

 

"ถ้าจุนอยากรู้อะไร? คราวนี้พี่จะให้ถามพี่ได้ทุกเรื่องครับ"

 

     จุนเจือเงียบนิ่ง เขารู้สึกว่า พอพี่เมฆเข้าสู่โหมดแห่งความเป็นผู้ชายละมุน จุนเจือเขินเพราะไม่คุ้นเคยพี่เมฆในลุคส์นี้



"พี่เมฆโสดจริง ๆ เหรอครับ?"

 

     เมฆพยักหน้าแล้วยิ้ม ลูบแก้มจุนเจือ จูบเปลือกตา ต่อมา จูบรอยช้ำจาง ๆ ข้างแก้ม




"โสดครับ แต่พี่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้วนะครับ พี่เคยแต่งงานมา ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เรามีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ชื่อน้องภูเขา  แต่มีจุดเปลี่ยนวันที่เราทะเลาะกันรุนแรง เธอกลับหลุดพลั้งปากออกมาว่า ภูเขาไม่ใช่ลูกพี่ พี่เลยบอกเขาว่า ถ้างั้นจะไปตรวจดีเอ็นเอ ผลก็คือ ไม่ใช่ลูกพี่จริง ๆ จากนั้น ไม่นานเราก็แยกกันอยู่ มีบ้างที่ไปมาหาสู่กันเพราะน้องภูเขา จุนรับอดีตของพี่ได้ไหมครับ?"




    จุนเจือยอมรับว่าตกใจเล็กน้อย อาจไม่ใช่เรื่องของการแต่งงาน แต่มันเป็นเรื่องของการที่พี่เมฆรู้ว่า ลูกชายที่เคยคิดมาตลอดว่าเป็นลูกของตัวเอง กลับกลายเป็นลูกชายของคนอื่น




"ถ้าพี่บอกว่าแต่งงานกับผู้หญิง แต่ผมเป็นผู้ชาย" จุนเจือถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

 

"เอาเป็นว่าพี่ชอบจุนได้ก็แล้วกันครับ และก็ไม่คิดจะหลอกจุนด้วยครับ"

 

"พี่เมฆยังรักภรรยาเก่าอยู่ไหมครับ?"

 

"ไม่เลยครับ เราต่างทำหน้าที่พ่อและแม่ให้ดีที่สุดเท่านั้น"

 

"แต่พี่บอกว่า เด็กนั้นไม่ใช่ลูกของพี่..."




"ครับ พอพี่ตรวจดีเอ็นเอแล้วรู้ว่าไม่ใช่ลูกจริง ๆ ตอนแรกพี่ก็จะหยุดรับผิดชอบ แต่เธอขอร้องให้ช่วยเหลือ แลกกับการบอกความจริงว่า ผู้ชายที่เป็นพ่อของน้องภูเขาจริง ๆ เสียชีวิตไปแล้ว พี่เห็นใจ เลยพยายามทำหน้าที่พ่อเลี้ยงและส่งเสียเลี้ยงดูเท่าที่พอจะทำได้"




    แม้พี่เมฆบอกว่ามีอะไรให้ถาม และจริง ๆ จุนเจือก็ยังมีคำถามมากมาย แต่แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะหลังจากได้ยินเรื่องราวส่วนตัวที่มาจากปากพี่เมฆซึ่งแสดงออกมาอย่างจริงใจ ก็ไม่รู้จะคาดคั้นไปอีกทำไมกัน



"อยากถามอะไรอีกไหม?" เมฆินทร์ลูบแก้มเย็น ๆ จุนเจือแล้วยิ้ม

 

"ผม....จะเชื่อใจพี่เมฆได้ใช่ไหมครับ?"

 

"พี่ไม่รู้หรอกครับว่าจะสร้างความเชื่อใจให้จุนได้หรือเปล่า? แต่พี่รับปากว่าพี่จะไม่ทำลายความเชื่อใจของจุนอีกแน่นอนครับ"

 

     จุนเจือยิ้ม ก่อนถามกลับ

 

"ถ้าผมทำตามสัญญานี้ พี่จะให้ผมเริ่มงานเมื่อไหร่ครับ"

 

"ตอนนี้เลยครับ"



"งั้นผมไปอาบน้ำแล้วครับ"




"เดี๋ยว" เมฆินทร์รั้งเอวเด็กหนุ่ม ก่อนจะกดจูบหนัก ๆ ที่ริมฝีปากแล้วปล่อยให้จุนเจือไปอาบน้ำด้วยใบหน้าแดงจัด

 

      ใช้เวลาไม่นาน จุนเจืออาบน้ำเสร็จ เดินออกมา ก็พบพี่เมฆยืนชี้ไปที่เสื้อผ้าตัวใหม่ที่นำมาให้จุนเจือใส่วางอยู่ปลายตีนเตียง




     ในระหว่างที่พี่เมฆเข้าไปอาบน้ำ จุนเจือก็ใช้เวลาแต่งตัว เสร็จแล้วก็กลับมานั่งปลายเตียงรอ ครู่หนึ่ง สายตาที่กวาดมองข้าวของพี่เมฆที่วางเป็นจุด ๆ ตามห้อง สายตาก็ดันไปสะดุดกับของชิ้นเล็กที่วางตรงโต๊ะกระจกจนถึงขั้นลุกไปดู

 

     

     เด็กหนุ่มขมวดคิ้วตอนที่เห็นกล่องกำมะหยี่สีดำ ยืนมองมันอยู่นาน ว่าจะเปิดมันดีไหม? สุดท้าย ถือวิสาสะ หยิบกล่องนั้นขึ้นมาดู ทว่า ยังไม่ทันเปิดกล่อง จุนเจือก็สะดุ้งสุดตัวจนของที่ถือในมือเกือบหล่น

 

"จุนทำอะไรครับ?"

 

     เด็กหนุ่มรีบวางกล่องนั้นลงพลันหน้าซีดเผือก




"ปะ...เปล่าครับพี่เมฆ"




    เมฆินทร์หรี่ตามองจุนเจือสลับกับกล่องกำมะหยี่สีดำ แล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ปรี่ไปหาเด็กหนุ่มแล้วตีก้นหนัก ๆ

 

"จุ้นจ้านเหมือนเดิมเลยนะครับ จุน"

 

     จุนเจือก้มหน้างุดรู้สึกผิดและยกมือขึ้นไหว้เพื่อขอโทษ

 

"ขอโทษครับ พี่เมฆ ผมแค่....คือ" จุนเจือยอมรับว่าพอเห็นกล่องกำมะหยี่นั้นก็รู้สึกไม่ดี และคิดไปไกล ไม่รู้ว่าพี่เมฆเอามาให้ใคร ถึงกับเกิดอาการน้อยใจเล็กน้อย




"เฮ้อ! ต่อไป พี่จะไม่เรียกจุนแล้วครับ พี่จะเรียกว่าจุ้นจ้าน ทำแบบนี้ พี่ก็ไม่ได้เซอร์ไพร์สน่ะสิครับ"

 

        จุนเจือเบิกตาโต อ้าปากพะงาบ ๆ

 

"แหวนของผมเหรอครับ?"

 

       เมฆินทร์พยักหน้าก่อนตอบ




"คิดว่าที่พี่พกมานี่พี่จะให้ใครล่ะครับ?"

 

"พี่พกแหวนมา? ทำเหมือนกับว่า พี่เมฆรู้อยู่แล้วอย่างนั้นล่ะ ว่าผมจะตอบตกลง"

 

"ไม่รู้หรอกครับ แต่พี่แค่....."




     เมฆินทร์ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเก่า เขาหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำเปิดมันออกมา แล้วจับแหวนเงินเกลี้ยงไร้ลวดลายใด ๆ พร้อมมือหนึ่งก็กุมมือเด็กหนุ่มไว้ ขยับเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอื้อนเอ่ยด้วยถ้อยคำหวานหู


"คิดภาพในหัวว่า พี่ต้องได้สวมแหวนวงนี้ให้จุนก็เท่านั้นเองครับ"

 

 

...........................................................


อิจคนหวานใส่กัน แต่ แต่ แต่  :katai3: :katai3: :katai3:อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา แล้วพี่เอิร์ทล่ะ? จุน? ;-) พี่เอิร์ทน่ะพี่เอิร์ทททททท 55555

แกทำแบบนี้กับพี่เอิร์ทได้ยังไง พี่เอิร์ทสุดเท่ของฉัน โอ้!!! ม่ายยยยยยย  :katai1: :katai1:

 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านจ้า

หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 20 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 24.11.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-11-2019 23:03:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

เก็บพี่เอิร์ธให้น้องชายพี่เมฆใช่ป่ะ?
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 20 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 24.11.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-11-2019 23:05:08
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 20 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 24.11.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-11-2019 23:23:46
พี่เอิร์ทเก็บหัวใจไว้ให้พี่ดินนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 20 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 24.11.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 25-11-2019 11:26:53
เอิร์ทไปเห็นตอนที่จูบกันแน่ๆ เลยนอยด์กลับห้องเลยหรือเปล่า

หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 20 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 24.11.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-11-2019 21:00:33
สงสารเอริ์ทอ่ะ คือจุนน่าจะคุยกันให้รุ้เรื่องก่อนนี่ตามพี่เมฆเฉยๆเลย
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 20 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 24.11.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 27-11-2019 07:14:12
จ้า จุนจ้านจ้า อิจฉาตาร้อน
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 20 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 24.11.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 27-11-2019 18:18:22
พี่เอิร์ทเห็นฉากนั้นหรือเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 21 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.12.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 06-12-2019 21:17:18
บทที่ 21 ใจร้าย




 

 

         หลังได้ข้อสรุปเรื่องความรักระหว่างตัวเองกับพี่เมฆ เด็กหนุ่มรีบกลับมาหาพี่เอิร์ทที่ห้อง โดยกำชับพี่เมฆว่าไม่ต้องมาส่ง มันถึงเวลาแล้วที่จุนเจือต้องบอกความจริงกับพี่เอิร์ท ว่าตอนนี้ เขารู้สึกดีกับใคร

 

 

 

       เสียงเคาะประตูเนิ่นนานพอดู กว่าเอิร์ทจะเดินมาเปิดประตู แวบแรกที่เห็น จุนเจือเบิกตาโพลงตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อสายตาที่สบกัน จุนเจือเห็นพี่เอิร์ทตาแดงก่ำ

 

        จุนเจือนึกว่าพี่เอิร์ทไม่สบาย จึงยื่นมือไปแตะลำคอ จับแขนสำรวจทุกสัดส่วน แต่เอิร์ทกลับสะบัดออก

 

 

 

 

"พี่เอิร์ท ไข้ขึ้นอีกหรือเปล่าครับ หรือที่เมื่อกี้ฝนตก พี่ตากฝนมาใช่ไหม?"

 

 

 

 

"จุน"

 

 

 

 

"ครับ?" จุนเจือขานรับยามที่พี่เอิร์ทถามด้วยใบหน้าขึงขัง เขาสัมผัสได้จากสายตา ท่าทีของอีกฝ่ายว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ

 

 

"พี่เมฆไม่ใช่แค่เพื่อนพี่ชายเหมือนที่เคยแนะนำใช่ไหม? เขาเป็นมากกว่านั้นใช่ไหม?"

 

กึก

 

      จุนเจือหน้าซีด ลอบกลืนน้ำลาย นึกเอะใจกับอาการที่พี่เอิร์ทแสดงออกมาว่าไม่เหมือนเดิม ที่แท้มันเรื่องนี้นี่เอง

 

 

 

 

"พี่เอิร์ทครับ คือ ผม..."

 

 

"เราหลอกพี่เหรอ จุน?"

 

 

 

"ผมขอโทษครับ ฟังผมอธิบายก่อนนะครับ คือ พี่เมฆ....เขา..."

 

 

 

"พี่ไม่ฟังแล้ว ขอคำเดียว...  เรากับพี่เมฆเป็นแฟนกันใช่ไหม?"

 

     จุนเจือไม่ชอบเลย การที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ปากบอกจะพูดความจริงทั้งหมด แต่พอมาอยู่ตรงนี้ คำที่อยากบอกกลับถูกกลืนไปหมด ความหวาดกลัวทำให้เด็กหนุ่มก้มหน้ามองมือตัวเอง จู่ ๆ ก็นึกปอดแหกขึ้นมา

 

 

"คือ...ผมเพิ่งตก.ลง.." จุนเจือละล่ำลักจนน้ำตาคลอหน่วย

 

 

"เฮอะ! เราแม่งโคตรใจร้ายกับพี่เลยว่ะ"

 

กึก

 

     'ใจร้าย' คำ ๆ เดียวกับที่จุนเจือชอบต่อว่าพี่เมฆอยู่เสมอ บัดนี้ มันกลับย้อนมาหาตัวจุนเจือเอง

 

     จุนเจือกัดปาก ขณะน้ำตาเปื้อนแก้ม เขาไม่คิดว่า ตัวเองจะเลวขนาดทำให้ใครอีกคนเจ็บช้ำน้ำใจจนร้องไห้

 

    พี่เอิร์ท ...คนที่พยายามทำให้เขามีความสุข คนที่คอยสร้างเสียงหัวเราะ คนที่ไม่มีพิษ ไม่มีภัย

 

   พี่เอิร์ทยังเป็นคนดี ในสายตาจุนเจือเสมอ...

 

   ...แต่ความจริงก็คือความจริง พี่เอิร์ทเป็นคนดีที่จุนเจือไม่ได้ต้องการ...

 

 

"ฮึก....พี่เอิร์ทจะออกไปไหนครับ มันดึกแล้วนะครับ ฮือ..." จุนเจือถามเสียงสั่นเครือ ตอนที่เห็นพี่เอิร์ทคว้าของสำคัญ สวมรองเท้าแตะ ดิ่งไปที่หน้าประตู

 

 

"พี่จะไปไหนมันไม่สำคัญอะไรกับเราอีกแล้ว"

 

 

"แต่ผมเป็นห่วงพี่จริง ๆ นะครับพี่เอิร์ท"

 

 

"เลิกพูดแบบนี้สักทีจุน แค่การที่พี่ต้องมารู้ความจริงจากการเห็นจุนจูบกับพี่เมฆ มันก็เกินพอแล้วว่ะ"

 

 

 

"พี่เอิร์ท" จุนเจือปรี่ไปจับต้นแขนพี่เอิร์ท แต่อีกฝ่าย กดสายตาลงมองที่มือเล็กอย่างเย็นชา ก่อนจะเงยหน้ามองด้วยสีหน้าเข้มขรึม

 

 

 

 

"ปล่อย! พี่อยากอยู่คนเดียว"

 

ปัง!!

 

 

 

    เสียงปิดประตูดังลั่น เหมือนทิ้งร่องรอยแห่งอารมณ์คุกรุ่นของพี่เอิร์ทไว้ให้เด็กหนุ่มรู้สึกผิดและกดดัน จุนเจือยกมือปิดหน้า ปิดตา ก่อนจะคว้ามือถือ เพื่อโทรหาพี่เมฆ

 

"พี่เมฆครับ พี่เอิร์ทรู้เรื่องเราก่อนที่ผมจะบอกอีกครับ พี่เมฆ ทำไงดีเรื่องมันแย่กว่าที่คิดครับ"

.

.

.

.

"พี่เมฆ เพราะผมแน่เลยครับ ทำไงดี ฮืออ"

 

"ใจเย็นครับ ไม่ใช่เพราะจุนหรอก มันเป็นอุบัติเหตุ มันเกิดขึ้นได้ทุกที่"

 

 

 

    เมฆินทร์มองจุนเจือที่ยืนพูดเสียงสั่นเครือ ซ้ำยังร้องไห้ไปด้วย หลังจากที่จุนเจือมาบอกว่า เอิร์ทจับได้และล่วงรู้ความจริงว่าเมฆและจุนเจือมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าคนรู้จักกัน เมฆก็ไปรับจุนเจือกลับมาที่ห้อง จับเข่าคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เวลาผ่านไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดี ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาจุนเจือ โดยปลายสายบอกว่า โทรมาจากโรงพยาบาล นั่นจึงทำให้ทั้งสองรีบลนลานออกไปยังที่หมาย เมื่อรู้สาเหตุของการโทรมา คือ เอิร์ทรถล้ม

 

       เมื่อทั้งสองถึงโรงพยาบาล เวลาค่ำมืดนี้ ควรจะเงียบฉี่ แต่กลับตรงกันข้าม เพราะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าคนไทย พูดส่งเสียงดังอื้ออึง บ้างก็เมาเรื้อนจนเกิดอุบัติเหตุ บ้างก็ป่วย บ้างก็มาเฝ้าเพื่อน จนทำให้โรงพยาบาลส่วนที่นั่งรอเต็มไปด้วยผู้คนจนรู้สึกลายตา

 

 

       'เอิร์ทปลอดภัย' นับว่าเป็นข่าวดี ตอนที่ทั้งสองได้ยินมาจากปากนางพยาบาล หลังจากตรวจสภาพทั้งภายในและภายนอก




       ร่างกายมีแค่แผลถลอก ส่วนสมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน โดยต้องนอนพักที่โรงพยาบาลราวสองถึงสามคืน ในขณะที่เมฆและจุนเจือรอพบหน้าคนเจ็บ พยาบาลนำคนแปลกหน้ามาที่อ้างตนว่าเป็นพลเมืองดีนำเอิร์ทมาส่งโรงพยาบาลนั้น เมฆจึงสอบถามว่าเห็นเหตุการณ์ไหม? รถล้มได้อย่างไร พลเมืองดีเล่าว่า ล้มเพราะถนนลื่น เนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตก แต่โชคยังดีที่หัวไม่ฟาดพื้นมีแค่ลำตัวและรถไถลไปกับพื้นถนน รวมถึง มีโอกาสช่วยได้ทันท่วงที ผลลัพธ์จึงไม่สาหัสสากรรจ์มาก

 

 

    แม้ว่าคำตอบที่ได้รับนั้นน่าพอใจ แต่จุนเจือก็ยังไม่หยุดเศร้าจนเมฆต้องเอื้อมมือไปกุมไว้ เมื่อได้เวลาที่พยาบาลพาไปพบคนเจ็บ ทั้งคู่เดินตามไปจนถึงห้องรวม สภาพห้องกับเตียงค่อนข้างเก่า เห็นญาติผู้ป่วยที่มาเฝ้าบางคนก็นอนพื้นกันอย่างน่าหดหู่




     ก้าวขายาว ๆ มาจนถึงเตียงริมสุด เมฆและจุนเจือเห็นคนเจ็บนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าบ่งบอกถึงความทรมาน กดสายตามองแผลสดใหม่ จากรอยถลอกของแขนข้างซ้าย หัวเข่า และขาซ้ายเป็นแถบทางยาวน่ากลัว

 

 

"พี่เอิร์ทครับ"

 

    เอิร์ทมองหน้าคนทักสลับกับมองหน้าพี่เมฆด้วยแววตาเจ็บปวด

 

"เอิร์ท ไหวหรือเปล่า?" เมฆินทร์ถามลูกน้องตนเอง

 

"ไหว...ครับ" เอิร์ทตอบเจ้านายเสียงแข็ง เขากำหมัดแน่น ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

 

 

    สิ้นคำตอบ เมฆและจุนเจือมองหน้ากัน ก่อนที่เมฆินทร์จะบีบไหล่เด็กหนุ่ม

 

"พี่เอิร์ทครับ พี่เจ็บมากไหม พี่ไปล้มตรง...."

 

 

"มีอะไรกันอีกไหมครับ? ถ้าไม่มี ผมขอตัวพักก่อนนะครับ"

 

 

 

    จุนเจือพยายามสบตามองพี่เอิร์ทแต่อีกฝ่ายเอาแต่ไม่มองหน้ากัน พอจุนเจือเดินไปใกล้จะแตะตัว อีกฝ่ายกระถดตัวหนี และหลุดร้องเสียงโอดครวญ

   

"สัดเอ่ย เจ็บว่ะเหี้ย แม่ง!!"

 

     เอิร์ททำหน้าหงุดหงิด คิดก่นด่าตัวเองในใจ เจ็บตัวยังไม่พอ ยังต้องมาเจ็บหัวใจ ทนเห็นคนที่เขารักไปอยู่กับคนที่เขานับถือสุดใจ

 

     ถึงแม้เอิร์ทจะหลับตาหนี แต่เหมือนจะหนีไม่พ้น ลืมตามาก็เห็นความจริงที่ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน แต่พอหลับตา ภาพที่จุนเจือกับพี่เมฆจูบกันก็ยิ่งชัดมากขึ้นทุกที ทุกที...

 

     เห็นท่าทีที่เอิร์ทแสดงออกชัดแจ้งขนาดนั้น เมฆินทร์พอจะรู้เค้าลางถึงเรื่องนี้ว่าจบไม่สวย เมฆจึงปล่อยให้จุนอยู่กับเอิร์ท ก่อนจะโทรหาน้องชายในเวลาดึกดื่น

 

"ฮัลโหล ดิน ทำอะไรอยู่"

 

[ไม่ได้ทำอะไรครับ พี่เมฆโทรหาผมมีอะไรหรอพี่]

 

 

"มีเรื่องจะให้ช่วย"

 

[ว่ามาซิครับ ถ้าทำได้ ผมก็จะช่วย]

 

"พรุ่งนี้ มาที่เกาะที"

 

"ห้ะ พี่เมฆไปทำอะไรล่ะนั่น? อย่าบอกนะว่า ไปง้อน้องคนนั้น?"

 

 

"อย่าเพิ่งถามมาก มาได้ไหม พอดีพรุ่งนี้ฉันต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ด่วน" เมฆินทร์บอกน้องชาย เขาเพิ่งมีสายเขามาเรื่องที่มีงานจะต้องเข้าไปคุยกับลูกค้าวันมะรืนเช้า เขาจึงต้องกลับกรุงเทพฯกระทันหัน โดยที่จุนเจือก็ยังไม่รู้

 

[ไปได้ดิ แต่มีค่าเสียเวลา พี่จ่ายไหวอยู่แล้วล่ะ]

 

"นี่ไม่ตลก ฉันต้องการให้นายช่วย"

 

 

 

[แต่พรุ่งนี้ ผมมีงาน ถ้าโดดพ่อคงด่าผม]

 

"โอเค ก็ได้ จะเอาเท่าไหร่?"

 

 

[ไม่มาก พี่จ่ายไหว ว่าแต่ พี่ให้ผมไปทำอะไรครับ?]

 

 "มาเฝ้าเอิร์ท คนที่นายเคยเจอตอนฉันป่วยที่โรงพยาบาลและช่วยเป็นธุระแทนหน่อย"

 

[ทำไมผมต้องไปเฝ้าอะ?]

 

 

"เขารถล้ม และฉันน่าจะเป็นต้นเหตุ"

 

 

[ต้นเหตุ? เกิดอะไรขึ้นครับพี่เมฆ?]

 

 

"เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล ฉันจะรับผิดชอบเองทั้งหมด อย่าให้เอิร์ทจ่าย ฉันต้องวางสายแล้ว แค่นี้ก่อน"

 

"โอเค พี่ส่งรายละเอียดมาอีกทีนะ โรงพยาบาลอะไร? อยู่ที่ไหน ถือว่าผมสงสารพี่นะ เงินก็ไม่เอาแล้วกัน"

.

.

.

.

       ปฐพีเดินทางมาถึงตั้งแต่สี่โมงเศษ แต่กว่าจะนำกระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บยังห้องพักของพี่ชายที่โรงแรม กว่าจะทำนู้นนี่นั้นเสร็จ ก็ล่อไปห้าโมงกว่า และเวลานี้ ปฐพีกำลังเดินทางไปยังโรงพยาบาลกับจุนเจือ เด็กหนุ่มที่ทำหน้าเซื่องซึมมาตลอดทาง

 

"ทำไมเขาถึงรถล้มครับ เมาหรือว่าอะไร?"

 

      จุนเจือก้มหน้า แม้จะรู้แล้วว่า สาเหตุรถล้มคืออะไร? แต่จุนเจือยังคงคิดเอง เออเองว่ามันคือความผิดของเขา

 

 

"ถนนลื่นครับ แต่ผมคิดว่า ต้นเหตุส่วนหนึ่งคงมาจากผมเองด้วย เพราะเมื่อคืน ผมกับพี่เขามีปากเสียงกัน พี่เอิร์ทเลยออกไปข้างนอก จากนั้น ก็เกิดเรื่อง ..ถ้า...ผม.ไม่ทะเลาะ เรื่องนี้ก็คงไม่เกิด..."

 

      ดินนึกสงสัยปนประหลาดใจ ตอนที่พี่เมฆวานให้มาเป็นธุระให้ ก็บอกแบบนี้เหมือนกันว่า เขาน่าจะเป็นต้นเหตุ




      'นี่มันเรื่องอะไรกันวะ?'




       ปฐพีครุ่นคิดพลันเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยังมีสีหน้ายุ่งยากใจ จึงไม่อยากกดดันให้เด็กหนุ่มรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้



 
     ใช้เวลาสักพักก็มาถึงห้องพักรวม ดินเห็นภาพตรงหน้าและรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก ร่างสูงเดินไปพร้อมกับเด็กหนุ่มด้วยแววตาสงสารทันทีที่เห็นคนนอนนิ่วหน้า ทรมาน

 

     ปฐพีมองสภาพคนเจ็บและปริมาณบาดแผลแล้วคงเจ็บน่าดู เพียงเอิร์ทเหลือบเห็นปฐพี เขามีทีท่าอย่างกับเห็นผี ใบหน้าเหวอตอนแรก แปรเปลี่ยนเป็นขรึมขลัง ขมวดคิ้วเข้าหากัน ยามน้องชายพี่เมฆส่งยิ้มพร้อมยื่นถุงในมือ ที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าข้างในมีผลไม้และนมกล่อง

 

"เอาของมาเยี่ยมครับ" ปฐพียื่นให้ตรงหน้า แต่เอิร์ทไม่ยอมรับไปถือ

 

"คุณมาทำไม?"

 

"คุณนี่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เอาซะเลยนะครับ คุณพูดแบบนี้ กับคนที่มาเยี่ยมคุณได้ยังไง? คุณคิดว่าผมอยากมาเหรอ? พี่เมฆมีงานด่วนเลยให้ผมมาช่วยดูแลและเคลียร์ค่าใช้จ่าย"

 
 

     เอิร์ทมองหน้าคนที่ว่าเขาฉอด ๆ พลันเหลือบมองจุนเจือที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยสีหน้าหงอยอย่างรู้สึกผิด

 

"ถ้างั้นก็กลับไป ผมไม่ได้ร้องขอให้มา ผมสบายดี ยังไม่ตายครับ"

 

"พี่เอิร์ทครับ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ทุกคนเป็นห่วงพี่กันจริง ๆ นะครับ และดูแผลพี่สิ....."

 

 

"เราไม่ต้องพูดอะไรแล้ว จุน ถ้าอยากให้พี่หายไว ๆ  เรานั่นแหละกลับไป อย่ามาให้พี่เห็นอีก"

 

กึก

 

 


     จุนเจือชะงักพลางเม้มปากแน่น เขายืนตัวลีบ ก้มหน้าซึม จนปฐพีหรี่ตามองอากัปกิริยาของทั้งสองคน แล้วปะติดปะต่อเรื่องราวจากการทึกทักเอาเอง เขาพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ ยืนกอดอก มองความเงียบที่แผ่ปกคลุมทั่วบริเวณจนน่าอึดอัด

 

 

       'เป็นไปได้ว่า ไอ้หมอนี่ อาจผิดหวังจากจุนเจือ'

 

"เอาล่ะ ๆ ดูคุณจะอยากพักผ่อน งั้นก็พักเถอะ ผมจะวางของไว้ที่โต๊ะนะ"

 

"......"

 

"มือถือคุณอยู่ไหน? ขอหน่อย"

 

"จะเอาไปทำไมครับ?" เอิร์ทถามกลับทันที

 

"ผมกับจุนเจือจะออกไปข้างนอก เผื่อคุณมีอะไรด่วน จะได้โทรหาผม"

 

 
"ไม่ต้อง ขอบคุณครับ"

 

 

 "เอิร์ทครับ มือถือคุณอยู่ไหนครับ?" ดินถามเสียงเข้มจัด

 

 

      และไม่รู้ทำไม จู่ ๆ เอิร์ทก็นึกกลัวและชะงักตอนที่เห็นสายตาอีกฝ่ายมองมาราวกับมีอีกตัวตนคล้ายอสุรกายซ่อนอยู่ ขณะนั้น เอิร์ทกดสายตาไปยังมือถือที่วางอยู่บนเตียงข้างกาย

 

    ปฐพีมองตามสายตาคู่นั้น ก็คว้ามือถือของอีกฝ่ายมากรอกเบอร์ของตัวเองเสร็จสรรพ

 

"อยากกินอะไรไหม? ผมกับจุนจะไปหาอะไรกินข้างนอก จะได้แวะซื้อมาให้"

 

"ไม่....ครับ" เอิร์ทตอบเสร็จก็หันไปมองจุนเจือที่พอเขาต่อว่ากลับไปเด็กหนุ่มก็เงียบไม่พูดไม่จาอีกเลย

 

 

      สิ้นคำนั้น ปฐพีแตะแขนจุนเจือให้ออกไปข้างนอก จนกระทั่ง ทั้งสองพ้นลานสายตา เอิร์ทถอนหายใจออกมาเสียงดัง

 

 

 

     ยามนี้ เอิร์ทมีความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามา ทั้ง โกรธ เกลียด โมโห ผิดหวัง เจ็บ เสียใจ  ปะปนกันมั่วไปหมด

 



     เขาทำตัวไม่ถูกจริง ๆ ว่า ต้องจัดการอารมณ์ไหนก่อนดี รู้แต่เพียงว่า ตอนนี้ มันมีแต่เสียงตะโกนด่าอยู่ในใจว่า ทำไมมึงถึงเป็นไอ้โง่มาได้นานขนาดนี้  เอิร์ทอยู่ตรงกลางระหว่างเรื่องราวสองคนนี้มาโดยตลอด แต่ไม่เคยนึกเฉลียวใจ หรือบางที เอิร์ทอาจมองโลกในแง่ดีเกินไป...



    ถ้า...วันนั้น เอิร์ทไม่ลืมกระเป๋าตังค์แล้วเดินกลับมา ถ้าพนักงานไม่บอกว่า จุนเจืออยู่ไหน เอิร์ทจะไม่มีโอกาสได้มาเห็นคนที่เขาเฝ้ารอคอยหวังเป็นแฟนมาตลอดจูบกับเจ้านายของตนเอง

 

    จูบเดียว ที่เฉลยทุกอย่าง



    จูบของสองคนนั้น ที่ทำให้เอิร์ทตาสว่าง

 

 

      เอิร์ทกำหมัดแน่น รู้สึกปวดหัวตุ๊บ ๆ จนต้องพักสายตา พยายามหาทางเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้นึกถึงจุนเจือ แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน

.

.

.

.

     หลังจากที่ดินบอกว่าจะออกไปหาอะไรกินกับจุนเจือนั้น ครั้นพอกลับมาอีกหน เป็นดินที่กลับมาคนเดียว เพราะดินเห็นว่า การที่จุนเจือมาอยู่ด้วย จะยิ่งทำให้สถานการณ์ดูเลวร้ายลงกว่าเก่า

 

      ดินยิ้มมุมปาก ตอนลากเก้าอี้มานั่งชิดริมเตียง เพราะเห็นอีกฝ่ายนอนหลับสนิท อยากปลุกก็เกรงใจ กลัวจะลุกมาเถียงให้ปวดหู ปวดหัว ดินก็เลยทำได้แค่นั่งมองรอเวลาอีกฝ่ายตื่นเอง

 

      เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ ที่เอิร์ทเผลอหลับไป ครั้นตื่นมาก็พบน้องพี่เมฆนั่งมองอยู่ เขากวาดตามองทั่วบริเวณ ก่อนจะชะงักเมื่อมีเสียงคนนั้นขัดขึ้น

 

"ไม่ต้องมองหาหรอก จุนกลับบ้านไปแล้วครับ"

 

"ผมไม่ได้มองหาเขาสักหน่อย"

 



     ดินมองคนปากแข็ง แล้วยิ้มมุมปาก

 

     การที่เห็นคนตรงหน้ามีอาการแบบนี้ มันก็ทำให้เขานึกย้อนไปตอนที่เขาอกหักจากปรางเหมือนกัน มันไม่ต่างกันเท่าไหร่ อาจจะดีหน่อยที่เขาไม่ได้เกิดอุบัติเหตุจนมานอนโรงพยาบาลแบบนี้...




"คุณมาอีกทำไม?"

 

"มาดูอาการหรือเผื่อคุณต้องการอะไร?"




"ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไร?"




    ตอนที่เอิร์ทตอบแบบนั้นทำให้ทั้งสองเผลอประสานสายตา จนจดจ้องมองกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่คนที่หลบสายตาก่อนอย่างเอิร์ททำได้แค่สบถในใจ เขาหงุดหงิดที่เป็นฝ่ายแพ้พ่าย และรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเพราะโกรธ




"ผมก็เคยผิดหวัง" ดินโพล่งขึ้นมาทำให้คนที่ก้มหน้าหนี เงยขึ้นไปมองอย่างนึกประหลาดใจว่าพูดขึ้นมาทำไม

 

"ผมไม่ได้ถาม"

 

"ผมอยากเล่าให้คุณฟังไม่ได้เหรอ?"

 

    เอิร์ทมองหน้าอีกฝ่ายที่พยายามหาเรื่องชวนคุย พยายามจะเป็นเพื่อนด้วยการทลายกำแพงของเอิร์ท แต่ในเวลานี้ เอิร์ทไม่ได้ต้องการ

 

"มันเจ็บเนอะ คุณว่าไหม?"

 

      การที่น้องชายพี่เมฆพูดมาแบบนั้น ยิ่งจี้ใจดำกับความรู้สึกสดใหม่ที่มันเพิ่งเกิดขึ้นกับเอิร์ท

 

     เอิร์ทยังไม่พร้อมฟังอะไรทั้งนั้น เขาอยู่ในสภาพที่จิตใจเปราะบาง  การไม่รับรู้อะไรที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจมันดีที่สุด

 

"คุณจะไปไหนก็ไปเถอะครับ ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ"

 

"เฮ้อ ผมไม่เคยต้องทำความรู้จักใครแล้วเหนื่อยเท่าคุณเลย ทำไมการจะเป็นเพื่อนกับคุณมันยากขนาดนี้ เปิดใจหน่อยสิคุณ"

 

"มันเรื่องของผมครับ"

 

      คราวนี้ ดินไม่พูดอะไรอีก เขาทำแค่จ้องมองเข้าไปยังนัยน์ตาเอิร์ท และเป็นเอิร์ทที่หลบตาหนีก่อนทุกครั้ง

 

"สัดแม่ง! มองอะไรนักหนาวะ?"  เอิร์ทบ่นพึมพำ

 

"โอเค ผมไปก็ได้ครับ ไว้จะมาใหม่พรุ่งนี้นะ เอิร์ท"

 

     เอิร์ทมองคนที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางลอบถอนหายใจ ในขณะที่เห็นอีกฝ่ายหมุนตัว แต่ทันใดนั้น...

 

"หายไว ๆ นะครับ เอิร์ท"

 

    เอิร์ทชะงักกับคำพูดนั้น หันไปมองคนที่เอ่ยด้วยรอยยิ้มแสนจริงใจ ก่อนจะเดินลับตาไป ทิ้งให้คนที่นอนเจ็บ กำมือที่วางไว้บนอกแน่น

 

   ทำไมคำว่า 'หายไว ๆ' ในที่นี้ เอิร์ทสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้หมายถึงร่างกายภายนอก

 


"สัดเอิร์ท อดทนไว้ดีวะ"




    เอิร์ทหลับตาลงนอนอีกครั้งด้วยริมฝีปากสั่นระริก และไม่นานน้ำตาก็ร่วงหล่นลงบนแก้มของคนเจ็บ

.

.

.

.

 "พี่ได้ข่าวเรื่องที่เราจะลาออก" เมฆินทร์ถามเอิร์ท




    ผ่านมาแล้วเก้าวัน ที่เมฆินทร์ปล่อยให้เอิร์ทใช้ลาป่วยแล้วนอนพักที่บ้าน เพื่อดูแลแผลของตนเอง แต่เมฆค่อนข้างตกใจที่พอกลับมาได้ไม่กี่วัน เอิร์ทก็เขียนใบลาออกให้กับแม็ค ทางนั้นถึงรีบมาบอกให้เมฆรู้

 


 

"ครับ"

 

 

 

"มีปัญหาเรื่องอะไร คุยกันก่อนไหม? ถ้าเป็นเรื่องของเงินเดือน พี่ตั้งใจจะปรับเงินเดือนขึ้นให้อยู่แล้วนะ"

 

 
    เจนภพมองหน้าเจ้านายด้วยความรู้สึกไม่เหมือนเดิม หรือจะเรียกอีกอย่างก็ได้ว่า เขากำลังอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่ามองหน้าไม่ติด

 

 

    พี่เมฆอาจไม่ผิดที่ได้หัวใจจุนเจือไป แต่สภาพหัวใจที่บอบช้ำแบบนี้ การทำงานร่วมกันย่อมไม่ส่งผลดีต่อตัวเอิร์ทแน่ ๆ

 

 

"ผมอยากออกไปพักก่อนครับ ถ้าทำงานช่วงนี้ ผมคงไม่มีอารมณ์อยู่ดี"

 

 

   เมฆินทร์มองหน้าเอิร์ท เขายอมรับว่าเสียดายคนมีคุณภาพอย่างเอิร์ทมาก

 

"คิดดีแล้วใช่ไหม? เอิร์ท ถ้าพี่จะให้เอิร์ทพักก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงาน สนใจไหม?"

 

 

"ไม่ครับ ผมไม่อยากให้ใครมองผมไม่ดี ผมขอลาออกแหละครับ ถ้าพี่เมฆอยากให้ผมสบายใจจริง พี่แค่เซ็นต์ลาออกให้ผมเถอะครับ"

 

 

     เมฆินทร์เงียบมองกระดาษที่มีรายละเอียดของคนตรงหน้า ระบุวันเวลาที่ต้องการพ้นสภาพการเป็นพนักงานของที่นี่แล้วใจหาย




"มันมีทางเลือกอื่นไหม.? ที่เอิร์ทจะยอมทำงานกับพี่ต่อ" เมฆินทร์ถาม




"ไม่มีครับ ไม่ว่าจะตอนนี้ ตอนไหน พี่เมฆยังเป็นเจ้านายที่ผมเคารพรักเสมอ แต่ให้ผมไปเถอะครับ พี่อย่ารั้งผมไว้เลย ถ้าพี่เมฆจะเห็นแก่ความรู้สึกผม"




     เมฆินทร์มองเอิร์ทด้วยดวงตาเศร้า เขายิ่งรู้สึกเหมือนเป็นคนเลวเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินเอิร์ทพูดมาแบบนี้

 

"พี่ขอตัดสินใจก่อนนะ ถือว่ารับรู้แล้วกัน ไว้พี่จะเรียกเอิร์ทมาคุยอีกที"




"ได้ครับ ขอบคุณครับ"

 

 

     เมื่อเอิร์ทเดินออกไปแล้ว เมฆินทร์ยกสองมือมาประสานกันวางบนโต๊ะครุ่นคิดหาทางออกของเรื่องนี้ ก่อนจะคว้ามือถือ กดหาเบอร์อันคุ้นเคย

 

 

 

"ดิน ยุ่งไหม?"

 

[มีอะไร พี่เมฆ]

 

 
"ช่วยฉันอีกเรื่อง ช่วยเปิดตำแหน่งใหม่ หรือทำยังไงก็ได้ให้เอิร์ทสามารถไปทำงานกับนายได้ เขาเป็นคนเก่ง ฉันไม่อยากเสียเขาไปให้บริษัทอื่น"

 


[เขาลาออกจากบริษัทพี่เหรอ?]

 



"ใช่"

 
 

[อืมมมมมมโอเค ผมจะเอาไปคิดก่อนนะ ว่าพอมีทางช่วยไหม]

 

"ได้ ขอบใจมาก" เมฆินทร์ได้ยินเสียงน้องชายดูจริงจังก็พอโล่งใจคิดว่า ปฐพีคงจะพอช่วยเหลือเรื่องนี้ได้บ้างไม่มากก็น้อย

 



[เฮ้อ! นี่ผมไม่ได้อยากช่วยเลยนะ เอาจริง ๆ แต่เห็นว่าเป็นพี่เมฆนะ เดี๋ยวยังไงจะลองหาทาง ทำให้เขามาอยู่ที่นี่]




"ขอบใจนะ ดิน"

 

    เมฆินทร์เห็นน้องบ่นกระปอดกระแปด ก็ถอนหายใจ แต่สุดท้ายก็ยังมิวายขอบคุณน้องชายที่สุดท้ายก็ยอมช่วย

 

    วางสายได้สักพัก เมฆินทร์ทิ้งตัวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้คล้ายคนหมดแรง เขาถอนหายใจ ในขณะที่สมองยังวนคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ไม่จบ

 

    มันถึงเวลาแล้วล่ะ ที่เมฆินทร์ต้องยอมรับความจริงว่า

   

    เมื่อได้สิ่งหนึ่ง ย่อมสูญเสียอีกสิ่งหนึ่ง....

 


 

    เมฆินทร์ถอนหายใจยาวอีกครั้ง ขณะนั้น เครื่องมือสื่อสารที่กำอยู่ในมือแผดเสียงดัง จนต้องหันไปมองข้อความที่เด้งมาจากแชทแอพพลิเคชั่นแล้วผุดรอยยิ้มขึ้นมุมปาก

 

 

Read

14.23

พี่เมฆครับ ผมว่างเลยลองทำอาหารดู ไม่รู้ จะอร่อยไหม แต่ผมอยากให้พี่เมฆมาชิมฝีมือผมดู ผมรอพี่เมฆอยู่ที่ห้องนะครับ ;-)






...................................................................



สงสารพี่เอิร์ท  :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

 
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 21 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.12.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-12-2019 22:27:05
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 21 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.12.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-12-2019 22:31:57
เฮ้อ....จับคู่เอิร์ทกับดินแทน
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 21 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.12.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-12-2019 23:13:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าว......อิพี่เมฆกลายเป็นกามเทพให้กับน้องชายซะงั้น
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 21 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.12.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-12-2019 21:06:10
ไม่ชอบอิพี่เมฆเลยอ่ะ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 21 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.12.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-12-2019 22:07:41
 :เฮ้อ:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 21 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 6.12.19 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 11-12-2019 19:21:23
นั้นนะสิน้อ ได้สิ่งนึงต้องเสียสิ่งนึ่ง
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 22.1.20 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 22-01-2020 20:25:50

บทที่ 22 ห้องนี้ มีแต่เรา (ตอนจบ)
















"นั่งรอจีเอ็ม ในห้องนี้ก่อนนะคะ"

 

"ได้ครับ ผม ขอบคุณครับ"

 

      เจนภพเดินเข้ามาในห้องประชุมขนาดย่อม กรุกระจกใสรอบด้าน แต่ปิดทึบด้วยม่านมูลลี่ เอิร์ทนั่งลงบนเก้าอี้ วางเอกสารที่เป็นผลงานการทำงานของเขาอยู่บนโต๊ะ

 

      ผ่านมาแล้วเดือนกว่า ที่เอิร์ทออกจากบริษัทพี่เมฆ ขณะเดียวกัน เอิร์ทพยายามทำใจให้แข็งแรง โดยไม่ติดต่อกับจุนเจืออีก หากถามว่าโกรธไหม? เอิร์ทไม่ได้โกรธ แต่มันอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเศร้า เสียใจ และยังไม่พร้อมพบหน้าใครในตอนนี้มากกว่า...

 

       เอิร์ทเดินทางมาบริษัทนี้ เพราะมีเจ้าหน้าที่โทรนัดให้มาสัมภาษณ์งานจากการเห็นประวัติที่เขาได้ลงไว้ผ่านเว็บไซต์ชื่อดัง

 

      ตอนนี้ คนที่นั่งรอผู้บริหารมาสัมภาษณ์ กวาดตามองรอบห้องสี่เหลี่ยมที่อีกฝั่งหนึ่งของผนังกระจกมีกระดาษเอสี่ที่เต็มไปด้วยข้อความอัดแน่นแปะเกือบเต็มพื้นที่ ไม่นานที่ชายหนุ่มวกสายตากลับมามองแขนข้างที่มีแผลเป็นของตัวเอง

 

      ทุกบาดแผลย่อมมีเรื่องราว และการมีบาดแผลของเอิร์ทครั้งนี้ มันควรจะเป็นแค่เรื่องราวพลาดท่าจากอุบัติเหตุ แต่ทว่า มันกลับพ่วงความทรงจำความผิดหวังแทรกแซงอยู่ในบาดแผลนั้นด้วย

 

      ยิ่งมองบาดแผลก็ยิ่งใจกระตุก แม้ว่าหัวใจของเอิร์ทจะเข้มแข็งแล้ว แต่ยังมีบ้างที่เจ็บจี๊ดยามนึกถึง

 

       ตอนนี้ แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกพับไว้ถึงข้อศอก ถูกดึงลงมาเพื่อปกปิดบาดแผล ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เอิร์ทได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมเสียงคนเอ่ยขึ้นว่าขอโทษที่ปล่อยให้รอนาน เอิร์ทที่นั่งหันหลังให้ประตูกระจกใส เพียงได้ยินเสียงทักทาย รีบหมุนเก้าอี้ หันหลังไป เตรียมจะลุกขึ้นยืนพร้อมยกมือไหว้ แต่พอเห็นเป็นคนคุ้นหน้า เขาชะงัก

 

"เชี่ยอะไรวะ?" เอิร์ทสบถในใจ

 

"อ้าว คุณเองหรอกเหรอ?"  ดินเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางทำหน้าแปลกใจ

 

"ทำไมเป็นคุณ?" เอิร์ทถามกลับทันที มันจะไม่เป็นเรื่องบังเอิญไปหน่อยเหรอ? ที่อยู่ดี ๆ เอิร์ทก็ได้มาสัมภาษณ์งานที่บริษัทน้องชายพี่เมฆ

 

"หืม ? พูดอะไรครับ ผมไม่เห็นเข้าใจ?"

 

"คุณเรียกผมมาสัมภาษณ์งาน เพราะคุณรู้จากพี่เมฆใช่ไหมว่าผมลาออกแล้ว"

 

"ผมจะทำแบบนั้นทำไม? ผมไม่ได้เลือกคนแบบไหนก็ได้มาทำงานหรอกนะ อีกอย่าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเขาเรียกคุณมาไม่ใช่หรือครับ"

 

 

      แม้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดดูจะมีน้ำหนักพอสมควร แต่เอิร์ทยังไม่ปักใจเชื่อ เขานั่งนิ่งไม่อยากเถียง มองน้องชายพี่เมฆที่หย่อนก้นลงนั่งฝั่งตรงข้าม พร้อมในมือถือเอกสารประวัติการสมัครงานของเขา พลิกหน้าไปมา

 

"โอเค ผมแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ผมชื่อปฐพี ดูแลในส่วนงานด้านการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร ส่วนคุณช่วยแนะนำตัวเองให้ผมฟังหน่อยสิครับ"

 

     เอิร์ทมองคนที่นั่งตรงข้ามด้วยสายตาแห่งอคติ

 

"ผมไม่ทำ"

 

"หือ คุณเจนภพ ทำไมคุณทำแบบนี้ล่ะครับ ผมเรียกคุณมาสัมภาษณ์ ถ้าคุณไม่อยากทำ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ทำแบบนี้มันเสียเวลาผมและคนอื่น ๆ มากเลยนะครับ"

 

"แต่ถ้ายิ่งสัมภาษณ์ ผมว่าคุณจะเสียเวลามากกว่าเดิม ตัดบทตั้งแต่ตอนนี้แหละครับ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา"

 

      เอิร์ทยอมเสียประวัติ เขาไม่สนอะไรแล้ว ลุกขึ้นพร้อมยกมือไหว้ แม้จะเข้าใจดีว่า น้องพี่เมฆกับพี่เมฆเป็นคนละคนกัน แต่เขาก็ควรห่างจากตระกูลนี้คงดีกว่า



     อีกอย่าง เอิร์ทไม่ค่อยถูกชะตากับน้องพี่เมฆสักเท่าไหร่ เจอทีไรเป็นได้พูดจากวนประสาท ไม่รื่นหู และยิ่งฟังก็ยิ่งไม่อยากเข้าใกล้

 

"น้องเอิร์ทครับ"

 

กึก

 

      เอิร์ทชะงักทันทีที่มือหนากำลังจะผลักประตูกระจกใส หันไปเขม้นมองอีกฝ่าย และชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ

 

"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ? ผมอ่านใบสมัคร แล้วรู้ว่าคุณอายุน้อยกว่าผม ผมเรียกน้อง มันผิดเหรอ?"

 

"คุณต้องการอะไรจากผมวะ?" เอิร์ทเดินกลับไปยืนชิดริมโต๊ะประชุมพร้อมขึ้นเสียงใส่

 

 

"ก็แค่อยากรู้จักคุณมากกว่านี้"

 

   เอิร์ทมองหน้าน้องชายพี่เมฆ ก่อนแสยะยิ้ม

 

"แต่ผมไม่เคยอยากจะรู้จักคุณ....และผมไม่ได้อยากทำงานกับคุณด้วย ทีหลัง ห้ามเรียกผมแบบนั้นอีก ผมไม่ชอบ ลาล่ะครับ คุณปฐพี"

.

.

.

.

"แอนท์ ไอ้เหี้ยนั้นมันอยู่ไหน?"

 

"ฮือ ๆ พี่เอิร์ท เห็นไหม แอนท์ไม่อยากบอกพี่เอิร์ทก็เพราะแบบนี้ไง"

 

    เอิร์ทกำหมัดแน่น นั่งมองน้องสาวตัวเองตัวสั่นงันงกร้องไห้อยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้ น้องสาวของเธอปล่อยโฮอย่างไม่อาย จนเอิร์ทได้แต่นั่งปลอบใจอยู่ข้าง ๆ....

 



"แอนท์พี่ขอโทษนะ โอเค ๆ พี่จะใจเย็น ๆ"



    ใครจะใจเย็นลงไหว หากได้ฟังเรื่องราว แต่เมื่อน้องสาวค้านไว้ เอิร์ทก็ทำได้แค่สะกดอารมณ์



     เหตุที่เอิร์ทฉุนเฉียว อารมณ์พุ่งพล่านไม่หยุดนั้น เพราะน้องสาวเพิ่งเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ฟังว่า เธอเกือบโดนพี่ชายเพื่อนเธอข่มขืน

 

    เรื่องมีอยู่ว่า แอนท์เรียนอยู่มอห้า แหละในคืนที่เกิดเหตุ เป็นวันเกิดเพื่อนในกลุ่มของเธอ ด้วยความที่อายุน้อย แม่เข้มงวดการไปสังสรรค์ที่ร้านเหล้า เพื่อนเธอจึงเลือกมาจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่ห้องพี่ชายแทน ในวันนั้นมีเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มของเธอไปทั้งหมดสี่คน ซึ่งแต่ละคนก็พาแฟนไปด้วย ยกเว้น แอนท์ซึ่งไม่มีแฟน พี่ชายของเพื่อนเธอจึงพยายามชวนคุยไม่ให้ดูเหงาหรือโดดเดี่ยว ขณะที่ทุกคนคุยกันสนุกสนาน คลอเคล้าด้วยเสียงเพลงที่มีจังหวะบีทหนัก  ๆ และการดื่มเบียร์ แอนท์เองดื่มไปไม่มาก เธอเริ่มอยากกลับบ้านพราะง่วง  แต่เจ้าของวันเกิดเกิดงอแง ตัดพ้ออย่างน้อยใจว่าให้อยู่ด้วยกันก่อน พี่ชายเพื่อนจึงเสนอความเห็นให้เธอไปนอนพักในห้องนอน แอนท์ตอบรับตามที่เขาเสนอ



    ไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที ตอนที่แอนท์รู้สึกถึงความเย็นเยียบผิว หวิวท้องน้อย พอตื่นเต็มตา เธอกดสายตามองอย่างตกใจ ส่งเสียงกรี้ดทันทีที่เห็นพี่ชายเพื่อนใช้นิ้วสอดใส่ยังช่องทางสวาทของเธอเอง

 

    เสียงกรี้ดนั้นทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งตกใจ ชะงักมือ เงยหน้ามองหญิงสาวที่ตื่นรู้ตัว แอนท์ดิ้นสะบัด ซัดส่าย ไปมาจนร่างเล็กกลิ้งหลุน ๆ หล่นลงจากเตียง เธอยันตัวจะลุกแต่อีกฝ่ายวิ่งมาล็อคตัว เธอกัดท่อนแขนอีกฝ่ายสุดแรง ทันใดนั้นเธอโดนตบหน้า และชกท้อง แอนท์จุกและเจ็บ จึงงอตัว มือกุมท้องไว้ ในจังหวะนั้น พี่ชายเพื่อนอุ้มร่างเล็กที่คุ้ดคู้ขดตัวเหวี่ยงลงบนเตียงอีกครั้ง เธอจำใจปล่อยเลยตามเลย เล่นตามน้ำไปก่อน เมื่อสบโอกาส ที่อีกฝ่ายจับของสงวนของตนเองเตรียมสอดใส่ แอนท์ร้องขอทำออรัลให้ เมื่ออีกฝ่ายยินดี เธอทำทีเป็นอ้าปาก แต่ใช้ทีเผลอจิกและบีบเข้าไปที่ลูกบอลกลมกลึงสุดแรง ก่อนจะฝืนตัวเองวิ่งออกจากห้องให้ไวที่สุด พ้นประตูห้อง เธอหายใจหอบถี่และอยู่ในสภาพที่ช่วงล่างเปลือยเปล่ามีเพียงเสื้อยืดตัวยาวของเธอที่ปกปิดของสงวนไว้...

.

    แม้จะรอดออกมาได้หวุดหวิด แต่เธอยังระบมจากการโดนตบหน้าและชกท้อง เธอต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการฝืนตัวเดินทีละก้าว พี่ชายของเพื่อนเธอยังมิวายไล่ตามออกมา เธอหมดหวังจะรอดแน่ตอนที่หมดแรงนั่งกุมท้องอยู่ตรงหน้าลิฟต์ แต่วินาทีนั้นเอง โชคดีที่คนออกมาจากลิฟต์ เธอตะโกนร้องไห้ชี้หน้าด่าว่าเขาเป็นคนข่มขืน พี่ชายเพื่อนรีบเดินกลับหวังไม่ให้เข้าเห็นหน้า

 

     พลเมืองดีเห็นสภาพหญิงสาว จึงวิ่งตามผู้ชายคนนั้นไปแต่ไม่ทันที่อีกฝ่ายปิดประตูห้อง พลเมืองดีจำเบอร์ห้องได้และลงไปคุยกับส่วนกลางเพื่อขอกล้องวงจรปิด เพื่อนำไปเป็นหลักฐานตอนแจ้งความ ขณะเดียวกัน เขาอาสาพาหญิงสาวไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คร่างกายรวมถึงรักษาบาดแผลทางร่างกายด้วย

 

     ตอนนี้ แอนท์ยังไม่หยุดร้องไห้ แม้เธอมั่นใจว่ายังไม่มีการสอดใส่ แต่สภาพจิตใจเธอย่ำแย่และรู้สึกอับอายเกินกว่าจะสู้หน้าใคร ๆ เธอร่ำไห้ตัวสั่นเทา โดยเอิร์ทก็นั่งข้าง ๆ ไม่ไปไหน



"แล้วไหนล่ะ พี่พลเมืองดีที่แอนท์บอก"

 

"พี่เขาบอกจะไปซื้อน้ำมาให้ ฮืออออ"

 

    เอิร์ทพยักหน้ารับคำ ฟังจากที่น้องเล่า เขาซาบซึ้งในน้ำใจจนอยากขอบคุณชายคนนั้นมากแต่ยังไม่รู้จะต้องตอบแทนน้ำใจครั้งนี้ด้วยอะไรดีถึงจะเพียงพอและเหมาะสม

 

   จังหวะที่หญิงสาวยังคงปล่อยโฮ ดวงตาที่พร่าเลือนจากม่านน้ำตามองเห็นพี่คนนั้นที่เดินใกล้เข้ามา...

 

"พี่เขามาแล้ว พี่เอิร์ท ฮือออ" หญิงสาวทำหน้าพยักเพยิด เป็นจังหวะที่ได้ยินเสียงอีกฝ่าย

 

"เอ่อ พี่ขอโทษนะครับ ไม่รู้ว่า น้องมีแขก ถ้างั้นพี่กลับเลยแล้วกัน"

 

"เอ่อ เดี๋ยวครับ ผมยังไม่ได้ขอบคุณคุ...." เพียงเอิร์ทหันไป เขาชะงักทันที ที่เห็นชายร่างสูงมีใบหน้าคุ้นตา

 

 

"คะ คุณ......" เอิร์ทเบิกตาโต หน้าเหวอ

 

 

"อ้าว เอิร์ท" ปฐพีตกใจไม่ต่างกัน ไม่คิดว่าหญิงสาวแสนโชคร้ายผู้นั้น จะเป็นน้องสาวของคนที่ดินสนใจ

 

 

   เอิร์ทหน้าชา พลางเม้มปากแน่น จู่ ๆ ความรู้สึกทั้งดี และแย่ก็เกิดตีรวนกันในอก

 

 

     ตอนแรกที่นั่งคิดประโยคไว้จะพูดขอบคุณ พอถึงเวลาจริงกลับไม่กล้าเอ่ยออกไปไม่รู้ทำไม?...

 

"น้องมีพี่มาอยู่ด้วยแล้ว งั้นพี่กลับก่อนนะครับ เอ่อะ ผมกลับก่อนนะเอิร์ท"

 

"หนูขอบคุณพี่นะคะ ฮือออ ถ้าหนูไม่ได้พี่หนูคงแย่ หนูไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนดีเท่าพี่เลยค่ะ"

 

"พี่ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกครับ" ดินว่าจบเหลือบมองเอิร์ทที่นิ่งเงียบผิดสังเกต

 

     ปฐพีรู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลามาหยอกเล่นได้เหมือนทุกที เขายื่นเครื่องดื่มที่ซื้อมาฝากหญิงสาว แล้วเหลือบมองเอิร์ทอีกครั้ง

 

      เขาไม่ได้คาดหวังรางวัลคนดี หรือคำชมใด ๆ เขาก็แค่ทำหน้าที่ที่ควรจะทำในตอนนั้น ปฐพีหมุนตัวออกมาจากที่นั่งส่วนกลางในโรงพยาบาล เลี้ยวซ้าย เดินไปตามโถงทางเดินจนมาถึงโถงลิฟต์ ในระหว่างที่รอลิฟต์นั้นเอง

 

"คุณ..."

 

     ปฐพีหันกลับไปมองคนที่วิ่งตามเขาออกมาพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 

"ครับ"

 



"ผมขอบคุณคุณมากนะที่ช่วยน้องผมไว้"

 

"ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจช่วย" ปฐพียิ้ม อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยอมลดทิฐิวิ่งตามมาหาเขาจนหอบเหนื่อย

 

      ดินมองหน้าเอิร์ทที่เหมือนจะพูดต่อ แต่ก็อึก ๆ อัก  ๆ  จนสัญญาณลิฟต์ดังขึ้น ประตูเปิดออกกว้าง ปฐพีเหลือบมองอีกครั้ง แต่ยังเห็นเอิร์ทเงียบ เขาเลยเอ่ยขอตัว เดินเข้าไปในกล่องทึบสี่เหลี่ยม

 

"เดี๋ยวก่อน คุณว่างวันไหนบ้าง เอ่อ ....คือ...ผมอยากเลี้ยงข้าวตอบแทนที่ช่วยน้องสาวผม" เอิร์ทบอกไม่เต็มเสียง

 



"บอกมาแล้วกันครับวันไหน ถ้าผมว่าง ผมจะไป" ปฐพียิ้มจริงใจอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดลิฟต์ แต่วินาทีนั้น

 

ปั่ก

 

"เดี๋ยวก่อน ผมยังไม่มีเบอร์คุณเลย ผมจะนัดคุณได้ยังไง?"

 

    ณ ตอนนั้น เอิร์ทไม่พูดเปล่า รีบยกท่อนแขนยันประตูลิฟต์ไว้

 

    ครู่หนึ่ง ปฐพีเหลือบมองแขนที่ยกกั้นประตู ก่อนจะเม้มปากกลั้นยิ้มที่เห็นอีกฝ่ายหน้าแดง สายตาหลุกหลิก ร้อนรน ผิดวิสัย เขาจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาครู่นั้นเนิ่นนานก็พบว่า มันอ่อนแสงลง ดูเหมือนว่าสายตาแห่งอคติก็น่าจะหายไปแล้วด้วย

 

    ปฐพียิ้มทั้งปากและแววตาก่อนตอบ

 

"ไม่เป็นไร ผมมีเบอร์คุณ"

 

"....."

 

"ไว้ผมจะโทรหานะ เอิร์ท" ปฐพียิ้มให้

 

"เอ่ออืมครับ..ผมจะรอคุณโทรมา..เอ่อ..ละกัน"



>>>>>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง<<<<<<<<<<<<<<<<
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22 (เมฆินทร์-จุนเจือ) | 22.1.20 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 22-01-2020 20:31:41
.

.

.

.

.

    แม้ว่า การที่ทั้งสองได้กลับมาคบกัน อาจทำให้มีใครบางคนเสียใจ แต่ชีวิตมันก็อย่างนี้ เราทุกคนล้วนมีมุมดี และมีมุมเห็นแก่ตัว

 

    หลังจากนั้นหลายวันเมฆินทร์โทรถามความคืบหน้ากับน้องชาย แม้จะได้คำตอบชวนแปลกใจว่า เอิร์ทไม่ยอมร่วมงานกับดิน แต่ดินบอกว่า จะมีนัดเจอเพื่อกินข้าวกันพอคาดคั้น ก็ไม่ตอบ เมฆินทร์ก็ไม่อยากทำตัวสอดรู้ สอดเห็น แม้ลึก ๆ จะฉงนอยู่เหมือนกันว่า เรื่องราวสองคนนี้ดูมีลับลมคมในอย่างไรชอบกล

.

    ส่วนเรื่องของเมฆเองนั้น ตั้งแต่ที่เมฆินทร์และจุนเจือตกลงคบกันในสถานะที่ชัดเจนว่า เป็นคู่รัก ไม่ใช่แค่เพื่อเซ็กซ์อย่างแต่ก่อน เมฆก็เปิดพื้นที่ส่วนตัวให้จุนเจือได้เข้ามาทำความรู้จักตัวตนของเขามากขึ้น

.

    เมฆพาจุนเจือขึ้นคอนโดครั้งแรก ในตอนนั้น เมฆินทร์ยังจดจำภาพเด็กหนุ่มได้อยู่เลย คอนโดเมฆินทร์ไม่ได้ใหญ่โตหรูหราระดับเพนท์เฮาส์ ก็เป็นคอนโดขนาดกลาง แต่ไม่รู้ทำไมเด็กหนุ่มถึงดูตื่นเต้นและประหม่าอย่างน่าประหลาด ไหนจะท่าทางและคำพูดที่เด็กหนุ่มย้ำตลอดว่า ไม่คิดว่าจะได้มายืนอยู่ตรงนี้

.

    คืนนั้น จึงเป็นคืนที่ทั้งสองมีความสุขมากเหลือเกิน แม้เมฆินทร์และจุนเจือจะได้ร่วมรักกันแค่ครั้งเดียว แต่มันไม่สำคัญเท่ากับช่วงเวลาหลังจากนั้น ที่ทั้งสองนั่งกอดกัน พลางคุยกันตรงเก้าอี้หวายริมระเบียง มองท้องฟ้ากรุงเทพ ฯ ที่ไม่มีดาว มีเพียงลมเย็น ๆ และความมืด แต่ทำให้ทั้งสองสงบใจ ผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก



    แม้ว่า จุดแรกเริ่มของทั้งสองไม่ได้เริ่มต้นด้วยดีสักเท่าไหร่ ไม่เหมือนความรักแบบฉบับที่คนปกติเขาพึงทำกัน ทั้งสองเริ่มจากการแลกเปลี่ยนเซ็กซ์ด้วยการซื้อ-ขาย หากมองผิวเผินก็อาจไม่มีใครคิดว่ามันจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักจริง ๆ ได้

.

    แต่ก็นั่นแหละ...ไม่มีอะไรแน่นอนในโลก ในความสัมพันธ์  แม้กระทั่งในความรัก

     ทุกอย่างสามารถผลิกผันได้เสมอ...

.

    ไม่น่าเชื่อว่า แค่คืนนั้น คืนเดียว...กลับเป็นคืนที่ทั้งสองได้เปิดใจกัน เข้าใจกัน ยอมรับในตัวตนมากกว่า รักกันมากกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ทั้งสองมัวเอาแต่ใช้กายแลกกายกันเสียอีก...

.

    และคืนนั้นนั่นเองที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรักอย่างแท้จริง....

 

    แต่ความเป็นจริงของคู่รักมันไม่ใช่การตัวติดกันตลอด ดังนั้น ตอนนี้ จุนเจือและเมฆินทร์เอง ต่างต้องอยู่ห่างกัน เนื่องจาก เมฆมีจัดกิจกรรมโรดโชว์ด้านเทคโนโลยีที่ภาคเหนือห้าจังหวัด จึงทำให้จุนเจือไม่ได้มีโอกาสอยู่กับเมฆินทร์เลยนับตั้งแต่วันนั้น แต่ทั้งสองก็พยายามจะโทรคุยกันให้ได้ทุกวัน

 

 

[ไม่ได้เจอหน้ากันเลย คิดถึงพี่บ้างไหมครับ?]

 

"คิดถึงสิครับ พี่เมฆถามได้ จะสามอาทิตย์แล้วนะ ที่เราไม่ได้เจอตัวเป็น ๆ เลยน่ะ" จุนเจือบ่นใส่คนที่อมยิ้ม ยามนี้ ทั้งสองกำลังคุยวีดีโอคอลกัน โดยก่อนหน้านี้ พี่เมฆโทรหาก็ไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องวาง พอตกกลางคืนก็เพลียจนบางที หลับคามือถือไปเลยก็มี

 

    จุนเจือมีน้อยใจบ้าง แต่ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายงานเยอะจริง ๆ ช่วงนี้ จุนเจือเลยไม่อยากงอแงหรือทำตัวงี่เง่ามากเกินไปด้วย

 

[วันนี้พี่ว่าง แล้วนี่จุนอาบน้ำรึยังครับ?]

 

"อาบแล้วครับ"

 

[น่ารักมาก]

 

"พี่เมฆล่ะครับ?"

 

[พี่ก็อาบแล้วครับ กะว่าคุยกับจุนเสร็จพี่ก็ว่าจะนอนเลย]

 

"ครับ" จุนเจือยิ้มให้พี่เมฆที่นอนพิงพนักเตียง สบตาเขานิ่ง

 

[จุนครับ]

 

      ตอนนี้ จุนเจือขัดเขินที่เห็นสายตาของพี่เมฆมองมาอย่างหวามใจ เขาเริ่มเขินอาย ทั้ง ๆ ที่ดวงตาคู่นั้นก็แสนคุ้นเคยเพราะเห็นกันออกจะบ่อย

 



[เซ็กซ์โฟนกันไหม?]

 

"ห้ะ?? หาอะไรนะครับ"

 

[พี่คิดถึง]

 

"แต่ จุนไม่เคยนะ...แล้วก็..."

 

[จุนอายเหรอครับ?]



"...ก็...มัน..." จุนเงียบ หลุบตาลงจากหน้าจอมือถือ

 

[เรามีอะไรกันแล้วนะครับ จะเขินทำไมกัน ไม่ต้องอายนะ มาลองด้วยกันดีกว่าครับ จุน]

 

"...."

 

[นะครับ จุน ตอนนี้ แค่พี่เห็นหน้าจุน พี่ก็มีอารมณ์ แล้ว ช่วยพี่นะ นะครับนะ...]

 

 

    เสียงแผ่วเบา ไม่เท่าใบหน้าที่แสดงออกว่ากระหายจัด

 

 

"จุนต้องทำอะไรบ้าง?" จุนเจือจ้องหน้าอีกฝ่ายถามด้วยเสียงสั่น

 



[ทำตามที่พี่บอกก็พอ]

 

    เมฆินทร์ยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน จุนเจือกัดปากจนเจ็บอย่างลังเลใจ

 

"อ่า...ก็ได้ครับ"

 

[พี่จะถอดกางเกง จุนถอดด้วยนะ]

 

 

"หา จุนต้องถอดด้วยเหรอพี่เมฆ"

 

 

[ใช่ครับ ถอดครับ]

 

 

   นาทีนี้ จุนเจือไม่เห็นใบหน้าพี่เมฆนอกจากเพดานห้องพร้อมภาพเคลื่อนไหวไปมาจนน่าปวดหัว จุนเจือจึงทำตามด้วยการวางมือถือ ถอดกางเกงบ็อกเซอร์ออกแล้วหยิบมือถือมาดูก็เห็นตัวกล้องหน้าของเครื่องมือสื่อสารพี่เมฆอยู่ในระยะที่ไกลออกไป...

 

    แม้จะอยู่ในห้องนอนลำพัง แต่จุนเจือรู้สึกอายมาก มีอาการวาบหวาม ท้องไส้ปั่นป่วนผิดปกติ

 

[จุน เอากล้องออกห่างหน่อยครับ และเลื่อนมือไปลูบของจุนหน่อย ตอนนี้ มันเป็นยังไงบ้าง?]

 

"พี่เมฆ จะเอาแบบนี้จริงเหรอ? คือ จุนอาย" จุนเจือไม่กล้าตอบ แม้จะผ่านการร่วมรักมาก็มาก แต่การทำแบบนี้ นับว่าเป็นอะไรที่ใหม่ ที่จุนเจือไม่เคยทำมาก่อน

 

[เถอะนะครับ พี่คิดถึงจุนมาก อยากกอด อยากสัมผัส แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้]

 

 

"เอ่อครับ"

 

[ของจุนเป็นไงครับ]

 

"เอ่อ ปกติครับพี่เมฆ" จุนยอมรับว่าเสียงพี่เมฆช่างกระตุ้นอารมณ์ได้ดีนัก

 

[ลองรูดทีซิ ตอนนี้ ของพี่มันแข็งแล้วนะ]

 

  เพียงได้ยินเสียงกระเส่ามาจากที่ไกล แกนกายของจุนเจือก็ผงาดขึ้นมา จุนเจือไม่ตอบพี่เมฆว่าตอนนี้ น้องชายเขามีปฏิกิริยามากแค่ไหน

 

[ให้พี่ใช้ปากให้ไหมคะ?]

 

  กึก

 

     จุนเจือไม่อยากบอกเลยว่ายามนี้ เหมือนพี่เมฆจงใจยั่วเพื่อแกล้งกัน เขาทำเสียงหวานละมุนและสายตาที่เขามองมานั้น มันทำให้จุนเจือใจละลาย

 

"อ่า พี่เมฆ อย่าพูดแบบนั้นได้ไหม? จุนแบบ..." จุนเจือกัดปากแน่น ใจเต้นรุนแรงจนจะไม่ไหว

 

[ทำไม? มีอารมณ์หรือ?]

 



"อื้ออออ...พี่เมฆ จุนไม่ไหวแล้ว"

 

[รูดและครางให้พี่ฟังหน่อยสิครับ]

 

"พะ ...พี่เมฆ จุน"

 

[อ่าหหห์ จุน พี่จะเลียตรงนั้นแล้วนะ จุนไหวนะ]

 

"พะ...พี่เมฆ"



   จุนเจือเสียงแผ่ว หลับตาหนี เวลานี้ แม้จะไม่ได้สัมผัสเนื้อตัวกัน มีเพียงแค่จินตนาการแต่ทำไมถึงให้ความรู้สึกราวกับว่าเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพี่เมฆอย่างมีอารมณ์ร่วมสมจริงด้วยก็ไม่รู้



   จุนเจือลืมตาขึ้นอีกครั้ง พบพี่เมฆเลื่อนระดับมือถือไปตรงหว่างขาและเห็นแกนกายของพี่เมฆพร้อมเสียงพากย์กำกับเป็นระยะ ๆ...

 

[อ้าขากว้างอีกหน่อยครับ]

 

"....."

 

[ขยับกล้องให้พี่ทีได้ไหมครับ อืมมมห์ มุมดีพี่ชอบครับ]

 

"......"

 

[อย่างนั้นแหละครับ อืมมม จุนครับ จุน]

 

 

    เสียงครางกระเส่าของทั้งสองดังแทรกสลับกันกึกก้องทั่วห้อง

 

"พี่เมฆครับ จุนไม่ไหวแล้วนะ อ้ะ อาา"

 

[จุนครับ เสร็จพร้อมกันนะ]

 

"อ้ะอื้อออ"

 

    ยามนี้ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ทั้งสองต่างครางฮึ่มในลำคอ บ้างก็เรียกชื่อกัน ในขณะที่มือยังรูดรั้งแกนกายของตัวเองในจังหวะว่องไว ยามนี้ ต่างฝ่ายต่างหลับตาจินตนาการภาพอิโรติกกันถึงพริกถึงขิง ก่อนก้าวไปสู่จุดสูงสุดยอดพร้อมกัน

 

    เสียงที่เคยประสานดังกึกก้องทั่วห้องหายไป มีเพียงเสียงหอบหายใจหนัก ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงกึกกัก และเป็นจุนเจือที่หยิบมือถือมาก็พบว่าหน้าจอมือถือปรากฎ คนรักตัวเอง เอี้ยวตัวไปหยิบทิชชูมาเช็ดทำความสะอาด...เมื่อจัดการเสร็จก็ยิ้มมุมปากด้วยใบหน้ายังคงแดงก่ำ

 



[จุนชอบไหม?]

 

"เอ่อ ชอบครับ"

 

[ไว้ถ้าเราอยู่ไกลกันแบบนี้ น้า เราทำกันอีกนะ]

 

"อ่าาาครับ พี่เมฆ"

 

    ยามนี้ หากห่างกัน รักทางไกล จะไม่ใช่ปัญหาสำหรับทั้งคู่อีกต่อไป...

.

.

.

.

     ห่างกันไปเสียนาน พอรู้ว่าจะได้มาเจอกัน จุนเจือก็ตื่นเต้น วันนี้ เป็นวันที่ เมฆินทร์นัดแนะมาเจอจุนเจือที่ห้างสรรพสินค้า หลังจากไม่ได้พบหน้านานเกือบเดือน กลับจากต่างจังหวัดก็รีบบึ่งมาหาคนรัก ตั้งใจว่าจะหาอะไรกินง่าย  ๆ และซื้อของที่จุนเจืออยากได้ จากนั้น ก็กลับห้องไปนอนพักผ่อน เพราะเมฆเหนื่อยสะสมมาหลายวัน

 



"พี่คิดถึงจุนจังครับ"

 

"เหมือนกันครับ ถ้างั้นเราหาอะไรกินง่าย ๆ แล้วรีบกลับห้องไหมครับ?"

 

"ดีครับ แต่คืน พี่จองโรงแรมไว้นะ เราจะไปนอนกันที่นั่น"

 

 

"หือ?? ทำไมครับ ในเมื่อ...."

 

 

"พี่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ"

 

   จุนเจือพยักหน้าเออออ เพราะเขาไม่รู้จะขัดพี่เมฆไปทำไม ในเมื่อเงินที่จ่ายค่าโรงแรมเหล่านั้นก็ไม่ใช่เงินจุนเจืออยู่ดี ยามนี้ ทั้งสองจึงทำหน้าที่แค่หาร้านคนน้อยไม่ค่อยวุ่นวาย นั่งกินได้เรื่อย ๆ สบาย ๆ จึงพบว่า ร้านอาหารไทย เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

 



    แม้ว่าทั้งสองจะตกลงเป็นคู่รักกัน แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ก็ไม่ได้หวานเลี่ยนจนน่าอิจฉา ทั้งสองยังคงใช้ชีวิตราบเรียบ หากหยิบยกเหตุการณ์มาเทียบเรื่องความหวานที่สุดที่มี ก็คงเป็นตอนที่เมฆินทร์ง้อจุนเจือตอนที่อยู่ที่เกาะแล้วมอบแหวนให้กัน จากนั้นก็ไม่ได้มีคำพูดหรือสถานการณ์แสนหวานอะไรอีก

 

    แม้ไม่หวานใส่กัน แต่สิ่งที่จุนเจือสัมผัสได้จากพี่เมฆนั้น คือ ความสม่ำเสมอ

.

.

.

.

 "พาพี่ไปซื้อของแปปนึงนะครับ  แล้วเดี๋ยวกลับเลย"

 

       หลังจากอิ่มท้อง และซื้อของที่จุนเจืออยากได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่เมฆินทร์อยากตามใจตัวเองบ้าง จึงเอ่ยปากให้คนรักพาเข้าไปยังแผนกสตรี คนที่เดินตามไปเงียบ ๆ รู้สึกใจไม่ค่อยดี เมื่อทั้งแผนกนี้ มีแต่ของใช้ส่วนตัวผู้หญิงทั้งนั้น

 

      ไม่อยากหึง ไม่อยากน้อยใจ แต่อดไม่ได้ ที่จะคิด ทำงานมาเหนื่อย ๆ ยังมีแก่ใจ มาซื้อของแบบนี้อยู่อีกเหรอ....

 

     พี่เมฆซื้อให้ใคร?

 

       คนที่คิดเองเออเองเม้มปากแน่น ยามที่เดินตามหลังเขาต้อย ๆ มองข้างกันกับพี่เมฆมีพนักงานผู้หญิงแนะนำสินค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากพี่เมฆได้ของดั่งใจ พนักงานรับสินค้าแล้วพาไปยังจุดบริการชำระเงิน...

 

     คนที่เก็บความรู้สึกไว้ข้างใน แต่ไม่รอดสายตาของชายหนุ่มคนนี้ไปได้ ตั้งแต่ออกมาจากแผนกสตรี เมฆินทร์เห็นจุนเจือเงียบงันไปอย่างเห็นได้ชัด

 



    ถ้าไม่ให้เรียกว่า มันคือ อาการของคนน้อยใจจะให้เรียกว่าอย่างไรดี...???

 

    ยามที่รถเคลื่อนตัวมาได้สักพักเตรียมมุ่งสู่โรงแรมใจกลางเมือง จังหวะที่รถติด เมฆินทร์เอื้อมมือไปกุมมือเด็กหนุ่ม...

 

"เป็นอะไรครับ?"

 

"เปล่าครับ"

 

"นี่งอนพี่หรือ?"

 

"งอนทำไมครับ จุนไม่ได้งอน"

 

"ไม่ดื้อสิครับ บอกพี่มาเถอะจุนพี่จะได้รู้"

 

     จุนเจือเม้มปากแน่น

 

"พี่จะใจร้ายกับจุนไปถึงไหน ไหนว่าเราเป็นแฟนกัน แต่พี่เมฆก็ยังกล้าพาจุนมาซื้อของให้ผู้หญิงคนอื่น"

 

      ครู่หนึ่ง เมฆชะงักก่อนกลั้นยิ้ม

 

 

"คิดเองเออเองอีกแล้ว ไม่พอใจอะไรก็พูดมาตรง ๆ สิ ครับ พี่อยู่ตรงนี้กับจุนแท้ ๆ ทำไมไม่ถามพี่ครับ?"

 

"ถามทำไมในเมื่อสิ่งที่พี่ทำมันก็ชัดเจนอยู่แล้วนี่ครับว่าพี่ซื้อของให้ผู้หญิง"

 

     จุนเจือบอกอย่างหน้าบึ้งตึง

 

"จุนเป็นผู้หญิงหรือครับ?"

 

กึก

 

    จุนเจือชะงักเม้มปากมองพี่เมฆ

 

"พี่เมฆหมายถึงอะไร?"

 

"พี่ซื้อให้จุน" ในตอนแรก เมฆินทร์ตั้งใจจะไม่พูดเพราะอยากเอาไปเซอร์ไพร์สให้คนรักใส่ที่ห้อง แต่กลายเป็นว่าพอไม่พูด เรื่องทุกอย่างดูจะบานปลายและยิ่งแย่

 

"ซื้อให้ผม จะบ้าหรอครับ? ผมเคยใส่ถุงน่องที่ไหน?"

 

    เมฆยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนส่งสายตาหื่นกระหาย จุนเจือเริ่มหน้าร้อนเห่อเหมือนจะรู้คำตอบที่แท้จริง

 

"ใส่ให้พี่ดูหน่อยนะครับ พี่อยากเห็น"

 

"บ้า...มะ...ไม่ครับ ผมไม่ใส่" จุนเจือเบือนหน้าหนี อย่างอาย ๆ

 

"นะครับ พี่อยากเห็นจุนใส่ยามที่เรามีเซ็กซ์กัน" เมื่อรู้ว่าจุนเจือได้แปรความน้อยใจเป็นความอาย เมฆินทร์ก็อมยิ้ม เห็นแล้วมันอยากแกล้ง

 



"ไม่มีทาง" จุนเจือยืนกรานอย่างหนักแน่น

.

.

.

.

    ยามนี้ทั้งสองอยู่ภายในห้องโฮเตลรูม แม้จะไม่ใช่ห้องเดิม แต่เป็นโรงแรมเดิมที่เมฆินทร์เคยพาจุนเจือมามีเซ็กซ์แลกเงินกันครั้งแรก เมฆินทร์ไม่ได้บอกเหตุผลหรอกว่าทำไมถึงพามาที่เดิม แต่มั่นใจว่าจุนเจือเองก็น่าจะรู้



    แหละเมื่อทั้งสองอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ตอนนี้ เมฆินทร์นอนรอใครบางคนออกมาจากห้องน้ำ

 

     เพียงประตูส่งเสียงกึกกักเบา ๆ แล้วพบเด็กหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวไม่ติดกระดุม ท่อนขาเรียวยาวถูกอำพรางด้วยถุงน่องลายลูกไม้สีดำที่สูงมาเหนือหัวเข่า

 

    แค่เห็นแวบแรก เมฆินทร์ก็ลอบกลืนน้ำลาย ใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ เขายิ้มพอใจกับจุนเจือในลุคนี้

 

"หืมมม...จุนครับ เซ็กซี่จังครับ ขึ้นมาบนเตียงที" เมฆินทร์ตบปุ ๆ ตรงพื้นที่ว่างข้าง ๆ

 

    เมฆินทร์ร้องฮึ่มในลำคอข่มใจ ยามเห็นเด็กหนุ่มตัวสั่นเหมือนลูกนกกำลังปีนป่ายขึ้นมาบนเตียงช้า ๆ ไม่รอให้เสียเวลา เมฆรีบโน้มกายไปหาและดึงตัวจุนเจือมาจุ๊บปากก่อนสอดมือเข้าใต้เสื้อเชิ้ตไปลูบหัวไหล่เนียน



"หืมมม จุนครับ จุนลุคนี้ทำพี่หัวใจจะวายนะรู้ไหม"



"พี่เมฆเลิกพูดเถอะครับ จุนอาย"



"มันกระตุ้นพี่ได้ดีมากเลย พี่แข็งแล้ว เห็นไหม?" เมฆินทร์ย้ำตอนที่มือของเขาลูบไล้ผ่านถุงน่องสีดำเนื้อบางบาง และเรียบลื่น

 

"พะ...พี่เมฆ"

 

"พี่ไม่ไหวแล้วครับ เริ่มเลยนะ"



"แต่....."



     ยังไม่ทันจะพูดจบ จุนเจือก็โดนพลิกให้อยู่ใต้ร่าง และจากนั้น เมฆินทร์ก็เริ่มบทรักอย่างเนิบนาบก่อนจะจบลงด้วยความเร่าร้อนดั่งไฟราคะ จนเหงื่อท่วมร่าง

 

    หลังจากเสร็จภาระกิจที่เติมเต็มความรักไป ทั้งสองนอนตระกองกอดกันด้วยความผ่อนคลายกายมากขึ้น เมฆินทร์จูบซับข้างขมับ แล้วสบตามองจุนเจือ พร้อมปลายนิ้วไล้วนไปตามแก้มนิ่ม ๆ ของคนรักไปด้วย

 

"พี่ชอบช่วงเวลาที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน"

 

"จุนก็เหมือนกัน จุนชอบเวลาที่เราอยู่ด้วยกันแค่สองคน ได้คุยกันแบบเปิดใจ ไม่ต้องกั๊กความรู้สึก จุนมีความสุขมาก ๆ เลยครับพี่เมฆ"

 

"......" เมฆินทร์ไม่ตอบ เอาแต่อมยิ้มและจ้องหน้าจุนเจือ มือหนาก็เลื่อนไปลูบผมเด็กหนุ่ม

 

"พี่จะไม่ทิ้งจุนใช่ไหม?"

 

"ทำไมถามแบบนี้ครับ พี่ไม่ทิ้งง่าย ๆ หรอกครับ"

 

"จริงนะครับ" จุนเจือถามอย่างกระตือรือร้น ฟากเมฆินทร์อมยิ้ม แล้วจุ๊บข้างมุมปากคนรักเบา ๆ

 

"ขอบคุณจุนนะครับ ที่เข้ามาเติมความสุขให้พี่"

 

"ขอบคุณพี่เมฆเหมือนกันครับ จากนี้ เราจะมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน? จุนจะไม่มีวันลืมพี่เมฆเลย"

 

"ขอบคุณครับ"

 

    เมฆินทร์อมยิ้มก่อนกอดกระชับจุนเจือ พรมจูบข้างแก้มเบา ๆ แล้วนอนคุยกันไปเรื่อย ๆ  เขาแค่อยากใช้เวลาเอื่อย ๆ โดยไม่ได้เร่งรีบไปไหน...



    พออายุมากขึ้น มีทุกอย่างที่ดำรงชีวิตได้อย่างไม่ขัดสน เมฆินทร์ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าความสุขแบบเรียบง่าย แค่เสร็จจากการทำงานมาเหนื่อย ๆ แล้วพบคนรักนอนอยู่บนเตียงข้างกันถามไถ่ว่าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? เหนื่อยไหม? กินอะไรมาแล้วหรือยัง? เท่านั้นมันก็ดีต่อใจมากพอแล้ว...

 

    ยามนี้ ทั้งสองยังคงอ้อยอิ่งไปกับการนอนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม แต่ในวินาทีหนึ่ง จุนเจือโพล่งขึ้นอย่างสงสัย



"จ้องหน้าจุนนานแล้วนะ มีอะไรหรือเปล่าครับ?"



"กำลังคิดว่า ครั้งหน้าพี่จะให้จุนใส่อะไรดี" เมฆินทร์ตอบพลางกดจูบข้างแก้ม

 

"อื้อ ไม่เอาแล้วครับพี่เมฆ จุนอาย"



   จุนเจือขมวดคิ้วทันที เมื่อเห็นคนรักเอี้ยวตัวไปหยิบมือถือ ใช้นิ้วสไลค์หน้าจอไปมา ก่อนจะยื่นมือถือมาตรงหน้าจุนเจือ



"เอาแบบนี้ดีไหม? พี่ว่ามันเหมาะกับจุนมากเลย"



     ทันใดนั้น ใบหน้าเด็กหนุ่มก็แดงแปร๊ด

 

"พี่เมฆ หยุดเลยนะ จุนไม่คุยกับพี่แล้ว..." จุนเจือหยัดกายลุกขึ้นหนีเพราะอาย ก่อนจะมีเสียงไล่ตามหลัง



"หยุดไม่ทันแล้วครับ พี่กดสั่งซื้อทางเน็ตไปแล้ว"


"พี่เมฆ!!!!"



    ... และนี่ คือห้องที่อบอวลไปด้วยความสุข ห้องนี้ มีแต่เรา


 
...........จบบริบูรณ์..........


ดำเนินมาถึงจุดจบ

ไม่มีคำใดจะเอ่ยนอกจากสองคำนี้

ขอโทษที่หายไปนาน (ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ ค่ะ ) และขอบคุณที่ยังมีคนอ่านมาอยู่ด้วยกันจนถึงตรงนี้นะคะ

ชอบ ไม่ชอบตรงไหน ขอโทษมา ณ ตรงนี้ด้วยน้า

 :mew1: :mew1: :mew1:

 

 
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-01-2020 21:07:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

มวยถูกคู่จริง ๆ

เซ็กส์จัดทั้งคู่  555
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-01-2020 22:48:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 23-01-2020 23:38:54
ขอบคุณมากจ้าสำหรับนิยาย
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-01-2020 08:25:44
 :กอด1: o13 :pig4: :pig4: :pig4: o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 11-02-2020 07:12:14
  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 15-02-2020 22:58:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 16-02-2020 18:47:36
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 17-02-2020 18:11:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 13:54:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 25-05-2021 23:55:50
จัดว่าเหมาะสมกันดีครับ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 26-05-2021 22:57:31
เฮ้อ กว่าจะลงเอยกันได้ เล่นเอาเสียน้ำตา ...สรุปก็แฮปปี้ :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Eakkadoor ที่ 27-05-2021 19:04:42
กว่าจะแฮปปี้เอนดิ้ง ลึ้นจนฉี่จะแตกเลยครับ
แล้วดินกับเอิร์ท ไม่ได้คู่กันเหรอครับ
มันค้างอยู่ที่เขาจะมีนัดทานข้าวกันอ่า

ลุ้นมากครับผม
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 02-07-2021 00:05:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 25-07-2021 10:19:04
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 28-07-2021 23:34:34
สนุกดีครับ ขอบคุณครับ