พิมพ์หน้านี้ - [Rate 20+] Top Friend Best Fun เพื่อนกันมันดี(ต่อใจ) ... จบแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kings Racha ที่ 23-12-2018 16:56:28

หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend Best Fun เพื่อนกันมันดี(ต่อใจ) ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 23-12-2018 16:56:28
*************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

************************************************************************

TOP FRIEND BEST FUN
[Rate 20+]
เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)


บทนำ / Sex addiction

โรคเสพติดเซ็กส์ (Sex addiction)
          ภาวะเสพติดเซ็กส์ หรือ Sex addiction หรือทางจิตเวชเรียกว่าภาวะ Hypersexual disorder เป็นความผิดปกติของพฤติกรรมทางเพศ ที่ผู้ป่วยมีความหมกมุ่นในกิจกรรมทางเพศ รวมไปถึงสื่อลามกอนาจารต่าง ๆ อย่างที่ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ที่สำคัญอาการหมกมุ่นทางเพศมักจะรุนแรงมากขึ้นหากไม่ได้รับการบำบัดอย่างถูกวิธี

เสพติดเซ็กส์ vs มีความต้องการทางเพศสูง
          เนื่องจากเซ็กส์เป็นกิจกรรมทางเพศอันเป็นปกติของคู่รัก ซึ่งบางคนก็มีนิสัยส่วนตัว รสนิยมส่วนตัว รวมไปถึงความต้องการทางเพศในระดับที่แตกต่างกัน ดังนั้นการจะแยกระหว่างโรคเสพติดเซ็กส์กับคนที่มีความต้องการทางเพศสูงออกจากกันนั้น ก็อาจจะดูได้จากอาการ ดังนี้
          1. หมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมทางเพศหรือการเสพสื่อลามกอนาจารจนกินเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตของตัวเอง
          2. มีความรู้สึกเสพสม มีความสุข และรู้สึกละอายต่อสิ่งที่ทำลงไปปน ๆ กัน
          3. เมื่อมีอารมณ์ทางเพศมักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้จะพยายามหักห้ามใจแค่ไหนก็ไม่ค่อยได้ผล
          4. หากมีสิ่งกระตุ้นเร้าทางเพศมายั่วยุเมื่อไร สติก็แตกเมื่อนั้น และหมดสิ้นซึ่งความยับยั้งชั่งใจ
          5. มักจะใช้กิจกรรมทางเพศเพื่อระบายความเครียด ความรู้สึกหดหู่ ความโกรธ ความเสียใจ เพราะคิดว่านี่คือสิ่งที่ทำให้หลุดพ้นจากความรู้สึกแย่ต่าง ๆ
          6. สามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นการผิดนัด ทิ้งงาน ละเลยหน้าที่ เพื่อเซ็กส์อย่างเดียว
          7. เคยมีกิจกรรมทางเพศที่ไม่ถูกต้อง น่าละอาย จนไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้
          8. ชอบดูสื่อลามกอนาจารมากกว่าหนัง ละคร รายการวาไรตี้อื่น ๆ
          9. เมื่อความต้องการทางเพศมาครอบงำ มักจะลืมตัวและลืมการป้องกันตัวเองทุก ๆ อย่าง ควบคุมตัวเองไม่ได้
          10. เสียเงินเสียทองไปมากกับกิจกรรมทางเพศหรืออุปกรณ์ทางเพศ
          11. ต้องการมีเพศสัมพันธ์กับคนมากหน้าหลายตา (One Night Stand) โดยไม่สนใจเรื่องความเหมาะสมหรือศีลธรรมใด ๆ
          12. รู้สึกสนุกที่ได้โชว์ของลับ หรือล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่น (ในบางคน)
          13. ความต้องการทางเพศสูงมากจนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน
          14. มีปัญหากับคู่ครอง ครอบครัว เพราะเรื่องทางเพศ
          15. มีปัญหาทางด้านการเรียน การงาน การเข้าสังคมเพราะเรื่องทางเพศ

          สรุปก็คือ หากอาการติดเซ็กส์นั้นไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและผู้อื่น ก็ถือว่าเป็นเพียงคนที่มีความต้องการทางเพศสูง มีอาการติดเซ็กส์แบบทั่ว ๆ ไป แต่หากอาการรุนแรงถึงขั้นกระทบต่อชีวิตประจำวัน และทำความเดือดร้อนให้ตัวเองและคนใกล้ชิดดังที่กล่าวมา แบบนี้เข้าข่ายเป็นโรคติดเซ็กส์ ซึ่งควรบำบัดรักษาต่อไป

……………………………………………

ปล. นิยายอัพทุกวัน เวลาประมาณ 21.00 น. (ยกเว้นเกิดเหตุสุดวิสัย)

คำเตือน 1 : เนื้อหาในนิยายเรื่องนี้มีการใช้ถ่อยคำรุนแรง ล่อแหลม และสื่อความหมายถึงพฤติกรรมทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง ไม่เหมาะกับผู้อ่านที่อายุไม่ถึง 20 ปี ขอได้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

คำเตือน 2 : ถ้าไม่หื่นจริง  ขอร้องงงงง!!!! อย่าอ่านเลยนะ นิยายเรื่องนี้เกินคำว่าละมุนไปมากนัก

                        
ด้วยความปรารถนาดี
                           
K.R.
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... เหยื่อ vs ผู้ล่า - 23/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 23-12-2018 18:04:53
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 1 / เพื่อนรัก vs เพื่อนร้าย

ความที่ 1 จาก 2 / เหยื่อ vs ผู้ล่า









“อ้าว จะไปแล้วเหรอ” เด็กหนุ่มร่างกำยำรีบดีดตัวเองขึ้นมานั่งมองผมที่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ดอยู่หน้ากระจกด้วยสายตาละห้อย โดยไม่ได้สำนึกอายเลยว่าตนเองอยู่ในสภาพเปลืองกาย “ไม่ประทับใจเหรอ เราทำได้แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เปล่าหรอก” ผมปฏิเสธและไม่ลืมที่จะโปรยเสน่ห์ด้วยรอยยิ้มอันแสนจะภูมิใจของตัวเอง “เรามีธุระต่อน่ะ นัดเพื่อนเอาไว้”

“มีนัดเหรอ กินเหล้าหรือเปล่า?” ผู้ถามกระตือรือร้นขึ้นทันที

“ก็ประมาณนั้นแหละ”

“งั้นเราไปด้วยดิ อ่านหนังสือสอบมิดเทอมมาตั้งหลายวัน สอบเสร็จก็อยากหาอะไรดื่มเหมือนกัน”

“อย่าเลย มีแต่เพื่อนของเราทั้งนั้น ไม่รู้จักกัน เดี๋ยวจะอึดอัดซะเปล่า ยิ่งเป็นเดือนวิทย์กีฬาอย่างนาย ยิ่งไม่ควรไปสุงสิงกับแก๊งเพื่อนของเราหรอกนะ”

“เราไม่ได้ถือตัวหรอก เราไม่คิดมาก ก็แค่...”

“เห้ออออออออ” ผมถอนหายใจอย่างจงใจและส่งสายตาของความผิดหวังออกมาให้คู่สนทนาได้เห็นอย่างชัดเจน

“ท....ทำไมอ่ะ เราไปด้วยไม่ได้เหรอ” ก็ไม่น่าจะต้องถามแล้วนะ

“เราตกลงกันแล้วไง” ผมค่อยๆ เดินหันหลังกลับไป แล้วใช้มือดันมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของคนบนเตียงให้กลับไปอยู่ในท่านอนเหมือนเดิม “ก่อนจะมีอะไรกัน เราสองคนก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่า ความสัมพันธ์ของเราต้องจบตรงนี้ ไม่สานต่อ และเป็นความลับ”

“แต่มันก็แค่....”

“เดี๋ยว! คิดจะทำอะไรน่ะ!?” ผมรีบใช้มือกดหน้าผากคนที่พยายามเอาหน้าเข้ามาใกล้หน้าของผมให้แนบไปกับเตียงเช่นเดิม “เรื่องจูบนี่ก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ นายจะเอาปากไปไว้ตรงไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่บนปากของเรา”

“งั้นหอม...”

“นั่นก็ไม่ได้!!!” ผมตะโกนใส่หน้าไอ้คนไม่ทำตามข้อตกลงอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะรีบกระโจนห่างออกมา

แม่งเอ๊ย หงุดหงิดชะมัด ไม่ชอบใจพวกแบบนี้เลย

“เฮ้ย นาย เดี๋ยวดิ” มือหนาๆของไอ้คนเปลือยกายคว้ามือผมเอาไว้ “โอเคๆ เราขอโทษ ไม่จูบ ไม่หอม ไม่ไปกินเหล้าด้วย ไม่สานสัมพันธ์ต่อ แต่ชื่อล่ะ? อย่างน้อย เราขอรู้ชื่อกับคณะที่นายเรียนหน่อยก็ยังดี เผื่อเราผ่านไปแถวนั้น”

“หึ!!” คราวนี้ผมถึงขั้นสะบัดมือออก และจัดเสื้อผ้าในขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะออกจากห้องนี้

“ล....แล้วๆๆๆ” ยัง ความพยายามของไอ้หนุ่มคนนี้ยังไม่จบ นี่มือของกูบิดลูกบิดประตูแล้วนะ “เราจะได้เจอกันอีกไหม บางทีเผื่อนายรู้สึกว้อนท์ขึ้นมาอีกไง เราช่วยได้ตลอดนะ เราสัญญาว่าจะไปฝึกมาให้เก่งขึ้นกว่านี้ นายต้องติดใจแน่นอน”

หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ

ปั้นหน้ายิ้มเข้าไว้ แล้วก็หาคำพูดปิดท้ายดีๆให้ไอ้คนขี้ตื๊อนี่ฟัง ไม่งั้นแม่งไม่ยอมปล่อยกูกลับแน่เลย

“ไม่ต้องห่วงหรอกน้า” เสียงกระเส่าเลเวลหนึ่งออกปฏิบัติการ ผมหันหลังกลับไปพูดแต่เอาหลังพิงประตูไว้เพื่อเตรียมพร้อมจะออกจากห้อง “เราจะปล่อยเดือนวิทย์กีฬาอย่างนายให้หลุดมือไปได้ยังไง หล่อล่ำขาวสูง แถม.......เร่าร้อนอีกต่างหาก ชอบเข้าฟิตเนสไม่ใช่เหรอ งั้นก็อย่าขาดตกบกพร่องล่ะ เราชอบคนหุ่นดี เห็นหุ่นแบบนี้ทีไรแล้วมัน.... อดใจไม่ไหวทุกที”

“แล้วจะเจอกันอีกได้ไงอ่ะ”

“เราเจอกันที่ไหนก็ที่นั่นแหละ”

“ไซด์ก่อสร้างเนี่ยนะ?”

“เอ่อ.... ใช่ ที่แบบนั้นแหละ เราชอบดูตึกที่กำลังสร้าง... งั้น...เราไปแล้วนะ บาย” รีบปิดประตูดีกว่า ขืนไม่ชิงจังหวะนี้คงโดนถ่วงเวลาไว้อีกนานแหงเลย



กูนี่ก็ช่างพูดไม่คิดหน้าคิดหลัง คนบ้าอะไรจะไปเจอกันที่เขตก่อสร้างได้ นี่ถ้าเมื่อตอนเย็นไม่มีธุระต้องไปส่งงานอาจารย์แถวนั้นพอดีก็คงไม่เจอไอ้กล้ามโตคนเมื่อกี๊หรอก แต่ก็ดีแล้วล่ะ ไม่ได้อยากเจอเป็นรอบที่สองซะหน่อย หน้าตาอาจจะหล่อใช้ได้ หุ่นก็ถือว่าดี แต่ลีลากับความเร่าร้อนทางเพศคงต้องปรับปรุงอีกมาก เพราะเครียดจากสอบกลางภาคหรอกน่าถึงอยากใช้เซ็กส์บำบัด จังหวะเหมาะที่เขามีห้องว่าง ถุงยางพร้อม ก็เลยมาปลดปล่อยซะหน่อย แต่ก็ยังรู้สึกไปไม่สุดอารมณ์ยังไงไม่รู้ ความรู้สึกค้างคาแปลกๆ

ช่างเถอะ ไปหาอะไรดื่มแทนละกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ อาจจะมีคนที่ทำให้รู้สึกฟินมากกว่านี้ก็ได้

กี่โมงแล้วเนี่ย....?

โอ้วววว จะสามทุ่มแล้ว รีบไปร้านเหล้าดีกว่า ขืนไปสายโดนไอ้เพื่อนสองคนนั้นบ่นแหงเลย



นี่แหละครับ ชีวิตของผม คนที่รู้จักผม(หมายถึงที่ผมบอกชื่ออะนะ) เรียกผมว่า ไอ้เพลง เด็กหนุ่มหน้ามนวัย 19 ปี กับความสูง 169 เซนติเมตร และน้ำหนัก 58 กิโลกรัม ผมไม่ได้โม้นะ ถึงผมจะเตี้ยไปหน่อย แต่ใครๆก็ชอบพูดว่านี่คือสัดส่วนทองคำของรูปร่างที่สันทัด มีเสน่ห์ และน่าหลงใหล ก็ไม่รู้หรอกว่าน่าหลงใหลแค่ไหน แต่ผมก็มีคนเข้าหาตลอด ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไอ้เรื่องที่ว่าผมมีรสนิยมทางเพศยังไงก็คงไม่ต้องบอกกันแล้วมั้ง ผมก็ไม่ได้รังเกียจที่จะมีเพื่อนเป็นผู้หญิงหรอก เพียงแค่ผมไม่สนใจความสัมพันธ์ทางเพศกับบรรดาสาวๆ พวกนั้น

แล้วก็อีกอย่างนึง เอ...? จะว่ายังไงดีล่ะ คือนอกจากที่ผมจะมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศแล้ว ผมยังมีอาการทางจิตอ่อนๆ (ไม่แน่ใจว่าอ่อนหรือเปล่า) ก็คือการชอบที่จะมีเพศสัมพันธ์ อย่างน้อยๆ ในวันหรือสองวัน ผมจะต้องได้รับความสุขทางเพศจากใครก็ตามที่รู้สึกสนใจ  ผมน่ะเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาแล้วจากทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่เพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ รุ่นน้อง เด็กมัธยมก็เคยนะ(ไม่ควรทำตามนะจ๊ะ มันไม่ดี) อาจารย์ในมหาวิทยาลัยอย่างน้อยก็สองสามคนนั่นแหละที่เคยผ่านมือผมมาแล้ว ที่อายุเยอะหน่อยก็พอมีบ้างแต่ถ้าไปถึงขั้นคุณลุงคุณตาอันนั้นผมไม่พิสมัยหรอกนะ ทนายความ ตำรวจ ทหาร หมอ พยาบาล พนักงานบริษัท ยันพวกนักรณณรงค์ต่อต้านการมีเพศสัมพันธุ์ ผมก็กวาดมาแล้วทั้งนั้น ไม่ต้องพูดถึงพวกเสือไบหรือแม้กระทั่งผู้ชายแท้ๆที่อยากลองของ

พูดแล้วก็จะหาว่าผมโอ้อวด แต่ผมเหมือนได้รับพรวิเศษในเรื่องเสน่ห์ความน่าหลงใหล เกือบร้อยเปอร์เซ็นที่ผ่านกิจกรรมทางเพศกับผม คนๆนั้นมักจะอาลัยอาวรณ์และปรารถนาในตัวผมแบบจริงจังทั้งนั้น หลังๆมานี้ผมจึงต้องสร้างข้อตกลงร่วมกันก่อนที่จะมีการเข้าด้ายเข้าเข็มให้ชัดเจนว่า ‘น้ำแตกแล้วต้องแยกทางนะจ๊ะ’ ไม่สานสัมพันธ์ต่อ ไม่งอแงหรือวอแวกับชีวิตของอีกฝ่าย ผมถึงไม่เคยอนุญาตให้ใครจรดริมฝีปากลงบนปากหรือหน้าของผมไง เดี๋ยวมันจะเป็นการทอดสะพานมากเกินไป และที่สำคัญที่สุด (อันนี้ควรทำตามนะเด็กๆ) คือการใช้อุปกรณ์ป้องกันทุกครั้ง ถึงผมจะเสพติดเซ็กส์แค่ไหน แต่ก็ต้องรู้จักที่จะรักตัวเอง ทุกวิธีที่ป้องกันได้ ผมทำหมดนั้นแหละ มันคงไม่สนุกนักถ้าต้องเจอเข้ากับโรคติดต่อร้ายแรง



ผมรู้ว่าคุณคงคิดว่าผมไม่ใช่คนดีใช่ไหมล่ะ แต่ผมไม่แคร์หรอก ใครๆก็มีเรื่องไม่ดีเป็นของตัวเองทั้งนั้น มีความสุขกับชีวิตไว้ก็พอ.....





“ไอ้เพลงงงง ไอ้เพลงงงง ทางนี้”

เสียงคนเรียกมาจากไหนหน่า.....

ผมถูกเรียกทันทีที่ลงจากรถยนต์ส่วนตัวเมื่อเดินทางมาถึงร้านเหล้าที่นัดหมายกับเดอะแก๊งไว้

“ไอ้แว่น” ผมตะโกนรับ เจอแล้ว นั่นไงเพื่อนในแก๊งของผม มันยืนโบกมือไหวๆ อยู่หน้าทางเข้าร้านเหล้าชื่อดังของย่านนี้

ผมเดินข้ามถนนไปหาไอ้แว่น

“นี่มึงแต่งตัวดีๆไม่ได้เหรอวะ” มาถึงผมก็คอมเม้นการแต่งตัวของมันก่อนเลย ก็ดูมันดิ ถึงแม้ร้านเหล้าจะไม่ได้แคร์เรื่องการแต่งตัวของลูกค้า มันก็น่าจะแคร์สายตาของคนรอบข้างหน่อย “เสื้อมึงเนีย จะใส่ทับหรือปล่อยชายกันแน่ เลือกเอาสักอย่าง รองเท้าผ้าใบมึงไม่มีมั้งเลยเหรอวะ ใส่แต่ไอ้รองเท้าแตะเก่าๆนี่แหละ แล้วแว่นตาเนีย กูบอกหลายทีแล้วว่าให้เปลี่ยน ทั้งใหญ่ทั้งหนา ไม่ได้เข้ากับหน้ามึงเลย”

“โหหหหห ไอ้เชี่ยเพลง มึงเป็นแม่กูหรือไงวะ ว่าถึงก็บ่นกูยิกๆๆ เลย” ปากก็เถียงนะ แต่มือก็จับเสื้อรวบใส่ในกางเกง ไม่ได้ดูดีขึ้นสักเท่าไหร่เลย ดูเด๋อกว่าเดิมอีก ไอ้โอตาคุเอ๊ย

“มานี่ๆ เดี๋ยวกูจัดให้” ผมเอื้อยมือไปดึงชายเสื้อของมันออก

“ไม่ต้องงงง”

“เฉยเหอะ” ไอ้นี่มันพูดง่าย บอกให้นิ่งมันก็นิ่ง “วัยรุ่นที่ไหนเขาเอาเสื้อยืดใส่ในกางเกงวะ แล้วขากางเกงก็ไม่ต้องพับ ไม่ได้เข้ากันเลย จะโชว์ไอ้แตะเพื่อนรักหรือไง.... เอ้อ แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย”

“วุ่นวายนะมึงเนีย”

“ก็ดีกว่าปล่อยให้มึงแต่งตัวเองแหละวะ... เออ แล้วไอ้อาร์มอ่ะ มาถึงหรือยัง” ผมถามหาเพื่อนคนสุดท้ายของแก๊ง

“กูถามมันตอนเย็น มันบอกว่ามีซ้อมรักบี้อ่ะ แต่ก็บอกว่ามาทัน กูว่า.... ป่านนี้มันคงเข้าไปหลีหญิงข้างในร้านแล้วมั้ง ไอ้เหี้ยนี่มันไม่เคยสายอยู่แล้ว”

“กูก็ว่างั้นแหละ งั้นเราเข้าไปกันเลยไหม”

“ไปดิ”



“ขอดูบัตรด้วยครับ” พนักงานตัวใหญ่หน้าทางเข้าร้านเรียกตรวจสอบอายุของผม

ผมก็ยื่นบัตรประชาชนให้ตามปกติพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจนิดหน่อย ก่อนจะได้รับตราประทับที่แขนอันเป็นสัญลักษณ์ว่าเข้าร้านได้



“อยู่ไหนหว่า” ไอ้แว่นเริ่มมองหาเพื่อนอีกคนที่เดาว่ามันน่าจะอยู่ด้านในของร้านแล้ว

ผมก็ช่วยมองหาเหมือนกัน ข้างในนี้คนค่อนข้างพูดคุยกันเสียงดังเลยทีเดียว

“โน่นๆๆ” ไอ้แว่นสะกิด ผมก็หันไปมองตาม เห็นเด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่ในเสื้อยืดที่เกือบจะรัดรูปกำลังนั่งคุยยิ้มแย้มออกรสออกชาติกับสาวน้อยผมสั้นอยู่ที่เคาเตอร์บาร์ “กูว่าแล้วเชียว มันหลีสาวอยู่จริงๆด้วย”

“ก็ปกติเปล่าวะ ไปหามันกันเหอะ” ผมชวน

เราสองคนเดินไปจนถึงตัวผู้ที่เป็นจุดหมาย



“ไอ้อาร์ม” ผมเรียก ก่อนจะสะกิดมันด้วยหมัดเบาๆไปที่หัวไหล่

“อ้าว ทำไมมากันช้าจังวะ กูเลยต้องมาหาคนคุยคร่าเวลาเลยเนีย” ไอ้อาร์มตอบ

เหรออออออ มึงไม่ต้องเอาพวกกูมาอ้างเลย กูกับไอ้แว่นก็มาตรงเวลา  มึงนั่นแหละที่มาเร็ว กะจะมาเล็งสาวไว้ก็พูดมาเหอะ

“เออ แล้วโต๊ะที่พวกเราจองไว้อยู่ไหน” ผมเออออไปกับมัน

“แถวๆโน้นอ่ะ” มันชี้ไปที่ฝูงผู้คน ไอ้สัด กูจะรู้ไหมว่าโต๊ะไหน “เอางี้ เดี๋ยวกูพากลับโต๊ะละกัน” แล้วมันก็หันไปหาสาวผมสั้น ปากแดงระเรื่อเชียว “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับพี่สาว ถ้าว่างๆไปนั่งคุยที่โต๊ะผมได้นะ”

“นี่เพื่อนน้องอาร์มเหรอ” สาวเจ้ามองหน้าผม “น่ารักดีเนาะ มีแฟนหรือยังอ่ะ”

“อ้าวววว ทำไมพี่สาวพูดยังงั้นละครับ” ไอ้อาร์มพูดแทรกทันทีด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมนี่ยังไม่ทันได้อ้าปากตอบเลย “ผมชวนคุยด้วยตั้งนาน นึกว่าจะสนใจผมซะอีก ไหงไปอ่อยเพื่อนผมแบบนั้นล่ะ”

“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย” เอาซี ดูซิว่าระหว่างไอ้เสืออาร์มกับแม่เสือสาวคนนี้ ใครมันจะทำเสียงออดอ้อนได้มากกว่ากัน “พี่ถามเผื่อให้เพื่อนของพี่ต่างหาก” เธอชี้ไปที่ด้านหลังซึ่งมีสาวสวยอีกคนนั่งอยู่เก้าอี้ถัดไป

“อ๋อ โล่งอกไปที นึกว่าจะนอกใจผมซะแล้ว”

“ไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า... ว่าไงคะ คืนนี้ว่างหรือเปล่า” เธอหันกลับมาถามผมอีกครั้ง

“แฮๆ” ผมเอาแต่ยิ้มแห้งๆ จะให้ตอบว่าไงล่ะ กูไม่ชอบผู้หญิง แบบนี้อะเหรอ คงไม่ได้ซินะ

“มันไม่สนหรอกครับ ไอ้นี่มันกินเป็นแต่เหล้า” นี่เป็นขั้นตอนมาตรฐานที่ไอ้อาร์มจะปฏิเสธพวกผู้หญิงแทนผม “เดี๋ยวผมแนะนำเพื่อนในทีมรักบี้ให้ก็แล้วกัน โอเคไหมครับ”

สาวอีกคนยิ้มเขินๆ แต่ก็พยักหน้า

“งั้นผมขอตัวจริงๆแล้วนะ บายครับ เดี๋ยวแวะมาคุยด้วยใหม่นะ”



ออกมาได้ซะที



ไอ้อาร์มเดินถือแก้วเหล้านำผมและไอ้แว่นไปที่โต๊ะมุมสุดของอีกฝั่ง มันเป็นโลเคชั่นที่พวกเราชอบกันที่สุด เพราะไม่ดังจนเกินไปและสามารถนั่งดื่มได้โดยไม่มีใครมาเบียดเสียดนัก

หลังจากนั่งลงที่โต๊ะได้ พวกเราก็เริ่มบรรเลงปาร์ตี้กันทันที



“ทำไมสาวคนเมื่อกี๊ไม่สนใจกูบ้างวะ” ไอ้แว่นเปิดประเด็น “เวลาพวกผู้หญิงเข้ามานะ ก็มองแต่มึงกับไอ้เพลง อย่างมึงอะกูพอเข้าใจได้ หล่อ หุ่นดี เท่ สูง แถมเป็นนักกีฬา แต่ทำไมต้องเป็นไอ้เพลงวะ ทั้งๆที่มันไม่ได้ชอบผู้หญิงซะหน่อย”

“มึงจะให้กูตอบจริงๆหรือจะเอาคำตอบฮาๆ” ไอ้อาร์มเสนอ

“เออๆ มึงไม่ต้องพูดเลย กูรู้เลยว่ามึงจะพูดว่าไง คงจะพูดเหมือนไอ้เพลงนั่นแหละ คงบอกว่ากูหน้าตาเด๋อ แต่งตัวก็ไม่เป็น ผอมแห้งแรงน้อย สาวๆที่ไหนจะสนใจ แบบนี้ใช่ไหม”

“มึงก็รู้นิ”

“มึงกับไอ้เพลงแม่งใจร้ายกับกูชิบหาย กูก็รู้หรอกว่ามึงสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่โรงเรียนเก่า แต่ไม่จำเป็นต้องร้ายกาจกับเพื่อนใหม่อย่างกูก็ได้เปล่าวะ”

“กูก็เห็นไอ้เพลงแนะนำมึงเรื่องปรับเปลี่ยนตัวเองไปตั้งหลายทีแล้วไม่ใช่รึไง มึงก็ลองทำตามที่มันบอกดูดิ เผื่อจะเวิร์ค เรื่องแบบนี้ไอ้เพลงมันเก่งนะเว้ย”

“ไม่เอาอ่ะ กูจะเป็นตัวของตัวเอง คนที่ชอบกู ก็ต้องชอบที่กูเป็นกู”

“ก็มึงเป็นซะแบบนี้ไง ถึงไม่ได้แอ้มสาวซะที เอาอย่างไอ้เพลงดิ หัวกระไดไม่เคยแห้ง”

“มึงไม่ต้องมาแว้งหากูเลยไอ้อาร์ม ทำเป็นแซวกู มึงอะมีแผนชั่วอยู่ในหัว กูรู้นะ มันแสดงออกทางดวงตา”

“แผนชั่วอะไรวะ!?” นี่คือความตื่นเต้นจากไอ้แว่น

“กูดูตาก็รู้แล้วว่าไอ้อาร์มไม่ได้คิดจะแนะนำเพื่อนในทีมให้ผู้หญิงอีกคนนึงหรอก มันคิดจะฟาดทั้งสองคนเลยต่างหาก”

“จริงดิ” ไอ้แว่นร้องพร้อมกับมีสีหน้าตั้งคำถามไปที่ไอ้อาร์ม ซึ่งไอ้อาร์มก็ไม่ได้มีท่าทีจะปฏิเสธอะไรเลย “น...นี่มึงกะจะเก็บทั้งสองจริงเหรอวะ กูก็รู้นะว่ามึงเป็นเสือผู้หญิง แต่ไม่คิดว่าจะโหดขนาดนี้ เขาเป็นเพื่อนกันนะนั่น”

“นั่นยังไม่ใช่ที่เรียกว่าโหดหรอก กูจะบอกให้” ผมว่าต่อ “ถ้ากูเดาไม่ผิดนะ อย่างมันคงกะจะเล่นแบบหมู่เลยด้วยซ้ำ”

“แบบหมู่!!! หมายถึง ไอ้อาร์มจะจัดสาวสองคนนั้นพร้อมกันอะเหรอ จ...จะบ้าเหรอ ผู้หญิงที่ไหนเขาจะไปยอมวะ”

“เหอะ มึงรู้จักคารมของไอ้เสืออาร์มน้อยเกินไปแล้ว กะอีแค่เป่าหูให้สาวสองคนบำเรอมันพร้อมกัน ทำไมมันจะทำไม่ได้ คนอย่างมันนะ เก่งอยู่แล้วเรื่องหลอกฟันผู้หญิง”

“เยดดดดดโด้ โหดโคตร”

“พอๆ ไอ้เหี้ยเพลง” ไอ้อาร์มโวยวาย แต่ไม่เชิงว่าจริงจังหรอก “มึงก็น้อยกว่ากูที่ไหน”

“น้อยกว่าอะไร กูไม่เคยหลอกปี้ใคร ไม่เคยเซ็กส์หมู่ ไม่เคยสวิ้งกิ้ง แต่มึงอ่ะทำมาหมดแล้ว”

“เหรออออ แต่ก็แดกผู้ชายไม่ซ้ำชื่อ ไม่ซ้ำหน้าทุกวัน แถมไม่เปิดโอกาสให้เขาสานสัมพันธ์ต่อ อย่างน้อยกูก็เคยคบผู้หญิงเกินสองวันละเว้ย มึงอ่ะ เคยมีผัวคนเดิมเกินสองชั่วโมงหรือเปล่า”

“ก็นั่นมันเป็นข้อตกลงของกู และทุกคนเขาก็โอเค ถือว่าวินวินทั้งสองฝ่าย กูไม่ได้หลอกว่าจะคบกับเขา แต่พอได้แล้วก็หาเรื่องทิ้งเหมือนมึงละกัน”

“มันก็กาเมสุมิจฉาฯ เหมือนกันนั่นแหละวะ”

“ชิ” เถียงต่อก็ไม่จบอยู่ดี อย่างผมกับไอ้อาร์มก็เหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ “แล้วนี่มึงไม่คิดจะห้ามกูกับมันหน่อยเลยเหรอไอ้แว่น นั่งฟังเป็นรูปปั้นอยู่ได้”

“มึงก็รู้ว่ากูชอบฟังเรื่องแบบนี้นี่นา” นั่นคือเหตุผลของไอ้แว่น “กูถึงมาอยู่แก๊งเดียวกับพวกมึงนี่ไง ได้ประสบการณ์เยอะกว่าทำเองซะอีก คนนึงก็เสือหลอกฟัน อีกคนก็เหยื่อตัวท๊อป ฟังเรื่องพวกนี้แล้วแดกเหล้าอร่อยดี”

“แปลกๆนะมึงเนีย”

“เขาเรียกว่าศีลเสมอกันเว้ย.... เออ ใช่ กูว่าจะถามมึงนานแล้ว กูจำได้ว่าวันเกิดของมึงคือเดือนหน้าไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมึงถึงเข้าร้านเหล้าได้วะ มึงยังไม่ถึงยี่สิบไม่ใช่เหรอ”

“นี่มึงเดาไม่ออกจริงเหรอวะไอ้แว่น” ไอ้อาร์มพูดแทรกก่อนที่ผมจะทันได้อ้าปาก “ก็คนตรวจบัตรเสร็จไอ้เพลงแล้วอะดิ ต่อให้มันอายุเก้าขวบมันก็เข้าได้ เพราะคนตรวจเป็นคนของมัน”

“ห๊ะ!?”

“น้อยๆหน่อยมึงอ่ะ” อย่างผมรึจะปล่อยให้ตัวเองถูกสาวไส้อยู่ฝ่ายเดียว แฉมาก็ต้องแฉกลับซิครับ “ว่าแต่กู ที่แก๊งเราได้นั่งโต๊ะตรงนี้ทุกครั้งและว่างตลอดไม่ว่าจะอยากมาตอนไหน มึงลองคิดดูดิไอ้แว่น ว่ามันเป็นเพราะอะไร”

“น...นี่มึงอย่าบอกนะว่า” ไอ้แว่นเหมือนจะปะติดปะต่อเรื่องได้ “คนตรวจบัตรก็เสร็จไอ้อาร์มแล้วเหมือนกัน”

“พ่อมึงดิ ไอ้สัดแว่น” ไอ้อาร์มโวยวาย แต่ผมนี่ขำลั่นเลย “แคชเชียร์โว๊ย แคชเชียร์ต่างหาก”

“อ....อ้าวเหรอ กูก็นึกว่ามึงจะมาเวย์เดียวกับไอ้เพลง แต่....อ๊ะ! งั้นก็แปลว่าเจ๊แคชเชียร์สวยๆคนนั้นก็เสร็จมึงแล้วอะดิ”

“ก็.... เออ” ไอ้อาร์มตอบเซ็งๆ ฮ่าๆ สุดท้ายก็เผลอพูดออกมาเอง

“แม่ง มึงสองคนนี่มันไปสุดกันจริงๆ ว่าแต่ว่า ต่อให้ไอ้อาร์มได้เจ๊แคชเชียร์ไปแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าโต๊ะนี้เราจะต้องได้ตลอดนี่หว่า ส่วนมึงไอ้เพลง ไหนมึงบอกว่ามึงไม่เคยกินผู้ชายคนเดิมซ้ำสองครั้งไง แต่มึงกลับได้สิทธิ์เข้ามาร้านเหล้าตลอด งั้นก็แปลว่ามึงต้องคอยแอบกินกับพี่คนตรวจบัตรเรื่อยๆอะดิ”

“เออใช่ เรื่องนี้กูก็อยากรู้เหมือนกัน” ไอ้อาร์มสนับสนุน “คอนเซ็ปของคนอย่างไอ้เพลงไม่มีทางถูกทำลายได้ง่ายๆ ไอ้เรื่องที่มันจะยอมผิดต่อเจตนารมณ์ของตัวเองเพื่อแดกเหล้ายิ่งเป็นไปไม่ได้ งั้นก็เหลือแค่ทางเดียวแล้วคือมันต้องแอบฟั๊ดกับพี่เขาเรื่อยๆ จริงไหม?”

“ไม่มีทางเว้ย” ผมไม่อยากพูดเลยว่าตอบกลับพวกมันอย่างภาคภูมิใจ แต่มันก็ภูมิใจจริงๆนั่นแหละ “กูก็แค่กำหนดเงื่อนไขนิดหน่อยว่า ถ้าพี่เขายอมให้กูเข้าร้านเหล้าก่อนที่กูจะอายุครบยี่สิบถึงห้าสิบครั้งเมื่อไหร่ กูก็จะยอมให้พี่เขาได้แอ้มกูเป็นรอบที่สอง ถึงแม้ว่ากูจะเรียนสถาปัตฯ แต่กูก็พอคำนวณได้ว่าจนกว่าจะถึงวันเกิดของกู กูไม่น่าจะเข้าร้านเหล้าร้านนี้เกินห้าสิบครั้งหรอก เพราะงั้น กูไม่ผิดต่อวิถีนินจาของกูแน่นอน”

“ร้ายกาจ” ไอ้แว่นร้อง “แล้วนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ววะ”

“ไม่แน่ใจ น่าจะสี่สิบปลายๆแล้วล่ะ แต่ก็อย่างที่มึงรู้นั่นแหละ เดือนหน้าก็วันเกิดกูแล้ว... ตอนนี้ก็เข้าใจเหตุผลแล้วนะว่ากูเข้าร้านได้ไงโดยไม่ผิดเจตนารมณ์ แต่ไอ้เรื่องจองโต๊ะประจำนี่ซิ ยังไม่ได้เหตุผลเลย” คายความชั่วของมึงออกมาซะดีๆ ไอ้เสืออาร์ม

“เออ ใช่ๆ กูก็อยากรู้” ดีมากไอ้แว่นที่สนับสนุนกู

“กู.....” ไอ้อาร์มอ้ำอึ้งแปลกๆ

“มึงจะไม่บอกก็ได้นะ แต่กูก็จะถือว่ามึงอยู่ในประเภทไก่อ่อนเหมือนไอ้แว่น” นี่เป็นกลยุทธในตำนานของผมเพื่อใช้ล่วงความลับของไอ้เสืออาร์ม

“อ้าว ไอ้เพื่อนเชี่ย กูไก่อ่อนแล้วมันหนักหัวมึงตรงไหนวะ” ไอ้แว่นแอบน้อยใจนิดหน่อย

“อ่ะๆ กูขอโทษ งั้นจัดเป็นพวกไร้เดียงสาก็แล้วกัน” ผมแก้ให้ “มึงก็อย่าลืมรับไอ้อาร์มเข้าเป็นสมาชิกใหม่ด้วยล่ะ”

“เออๆ กูบอกก็ได้” สุดท้ายไอ้อาร์มก็ยอมเผยไต๋ คนอย่างมัน มีแต่ผมนี่แหละที่กำราบได้ “กูก็แค่... ไปหาเจ๊เค้าเดือนละครั้งสองครั้ง พวกไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตนก็งี้แหละ โดนปิ๊กะจูของกูช็อตแค่เดือนละครั้งสองครั้งก็ชุ่มชื่นหัวใจแล้ว”

“เฮ้ย มึงนี่มันเด็กขายชัดๆ” ผมเริ่มแซ็วแรง เอาจริงๆพวกเราสามคนก็พูดจากันถึงพริกถึงขิงแบบนี้ตลอดนั่นแหละ ยิ่งเหล้าเข้าปากด้วยแล้ว ไม่มีใครห้ามใครเลย

“ขายพ่อมึงดิ” ไอ้อาร์มก็เริ่มโวยวายหนัก แต่ยังไงพวกเราก็ไม่ทะเลาะกันจริงจังนะ “ถ้ากูไม่ทำแบบนี้ พวกมึงจะได้มานั่งแดกเหล้าที่ดีๆกันตลอดไหม แถมจ่ายแค่ครึ่งราคาอีก พวกมึงไม่เคยสังเกตกันบ้างหรือไงว่าทำไมถึงจ่ายค่าเหล้าถูกกว่าคนอื่นตลอด แทนที่จะสำนึกบุญคุณของกู แม่ง มาหาว่ากูเป็นเด็กขาย”

“เออใช่ ไอ้เพลง” อ้าวไอ้แว่น สองหัวนะมึงอ่ะ “เพื่อนอุตส่าทำเพื่อพวกเรานะเว้ย ที่สำคัญเจ๊แคชเชียร์คนนั้นก็โคตรสวย ไม่นึกเลยว่าจะเป็นโสด แถมยังชอบกินเด็กซะด้วย กูถือว่ามึงโชคดีแล้วโว๊ยไอ้อาร์ม กูสนับสนุนมึงนะเพื่อน”

“พูดได้ดีมากเพื่อนแว่น ต้องแบบนี้ดิวะ” เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะมึง

“ใช่ๆ ไอ้เพลง เพราะงั้นมึงต้องสำนึกผิดด้วยการเล่าให้พวกกูฟังว่า วันนี้มึงไปจัดกับใครมา” ไอ้แว่นสั่ง

“ห๊ะ!?” ผมร้อง

“มึงไม่ต้องมาทำไก๋ กูรู้นะว่าสอบเสร็จแบบนี้ มึงต้องไปจัดกับใครสักคนเพื่อแก้เครียด”

“ถูกต้อง มึงพูดถูก” ไอ้อาร์มสนับสนุน ไอ้เพื่อนเวรเอ๊ย รู้ดีกันจังนะ

“เพราะงั้นวันนี้ถือว่ามึงแพ้สงคราม กูเป็นกรรมการกลาง ตัดสินว่าไอ้อาร์มเป็นผู้ชนะแคมเปญวันนี้ ดังนั้นมึงต้องถูกลงโทษด้วยการเล่าเรื่องบนเตียงเหตุการณ์ล่าสุดของมึงให้พวกกูฟัง เล่ามาๆๆ เอาให้ระเอียดนะมึง”

“กูแพ้ตอนไหนวะ” ผมยังไม่ยอม วันนี้กะจะมาฟังเรื่องของไอ้เสืออาร์มซะหน่อย

“เออน่า กูตัดสินแล้วว่ามึงแพ้ มึงเล่ามาเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นถือว่ามึงผิดต่อเพื่อนและแก๊งสามสหายของเรา”

“ไอ้สาดดดด ชิ เออๆ กูเล่าก็ได้ ก็ไม่ได้มีอะไรนักหรอก”

“อย่างแรก ครั้งนี้เป็นใคร สาขาอาชีพไหน” ได้ทีเอาใหญ่นะไอ้แว่น

“นักศึกษา” ผมตอบสั้นๆ

“อะไรวะ มึงต้องลงรายละเอียดด้วยดิ”

“ปล่อยมันไปเหอะน่าไอ้แว่น” ไอ้อาร์มเอ่ยขึ้น “มันไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องให้มันเล่า แต่มึงอย่าลืมรับไอ้เพลงเข้าทีมไก่อ่อนของมึงด้วยนะ”

หนอยยยยย ย้อนกูเหรอ

“เดือนวิทย์กีฬาปีสอง” ผมตอบ “กูไม่ได้ไก่อ่อนเว้ย”

“เยดเข้” ไอ้แว่นร้อง “เดือนวิทย์กีฬา นั่นมันรองเดือนมหาลัยไม่ใช่เหรอวะ ไอ้ชิบหาย มึงจัดไปแล้วเหรอ”

“เออ เรียบร้อยแล้ว”

“อีกหนึ่งลิสท์จากการจัดอันดับสิบหนุ่มฮอตของมหาลัย นี่คนที่ห้าแล้วมั้งที่มึงเอาไปแดก ใช่ไหม”

“ทำไงได้อ่ะ ก็กูได้ไปแล้ว”

“เออ กูยอมในความมีเสน่ห์ของมึงละกัน งั้นก็เล่าต่อเลย แบบละเอียดนะมึง ถ้าข้ามตอนสำคัญไปกูจะปรับมึงแพ้อีกรอบหน้า”

“เออๆๆ รู้แล้วน่า... ก็คือวันนี้อ่ะ กูต้องเอางานไปส่งอาจารย์ที่ไซด์ก่อสร้างนอกมหาลัย................”

จากนั้นก็เป็นเรื่องเล่าประสบกามของผมที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ไอ้เพื่อนสองตัวฟัง



คิดว่าคงเข้าใจแล้วนะว่าทำไมพวกเราสามคนถึงเป็นเพื่อนกันได้ ถ้าไม่นับเรื่องที่ผมกับไอ้อาร์มเรียนมาด้วยกันตั้งแต่มอต้น และเราสามคนเป็นนักศึกษาปีสองเหมือนกัน ที่เหลือทั้งหมดก็คือต่างสุดขั้วไปเลย

ผมเป็นนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ แม้จะเป็นพวกเสพติดเซ็กส์ แต่ก็รักษาภาพลักษณ์ของคนคูลๆไว้ตลอด โปรยเสน่ห์นิดๆ หยิ่งหน่อยๆ ไม่ได้เรียนจนเป็นตัวท๊อปแต่ก็มีผลการเรียนที่พอจะอวดอ้างได้ ในแง่พฤติกรรมทางเพศนั่น ก็อย่างที่พอจะเดากันได้ ผมชอบมีสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าและไม่เคยซ้ำ

คนต่อมาคือไอ้อาร์ม เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของผม ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นคนที่หล่อมา โปรไฟล์ก็ดี นอกจากจะเป็นหัวกะทิของคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้ว ยังเป็นถึงนักกีฬารักบี้เยาวชนทีมชาติ ซึ่งกำลังก้าวขึ้นไปเป็นตัวหลักของทีมชาติชุดใหญ่อย่างเต็มตัว แถมยังพ่วงตำแหน่งหนึ่งในสิบหนุ่มฮอตของมหาลัยไว้ได้ถึงสองปีแบบไม่มีสั่นคลอน  ก็เพราะมันเจ๋งขนาดนี้ไงถึงได้มีสาวๆพลีกายถวายตัวให้ไม่ขาด แต่สันดานของไอ้นี่นะเหรอ หลอกฟันเขาไปเรื่อย ลองมันได้ลงดาบสักสองสามครั้งเดี๋ยวก็เบื่อ

ส่วนไอ้แว่น อันนี้ต้องเล่ายาวหน่อย เพราะมันคือเพื่อนใหม่จากวิทยาการคอมพิวเตอร์ ผมกับมันเคยไปร่วมงานสัมมาเดียวกันเกี่ยวกับเทคโนโลยีโครงสร้าง เป็นงานของมหาลัยเมื่อตอนเข้ามาเรียนปีหนึ่งใหม่ๆ แต่เรื่องมันเกิดขึ้นก็ตรงที่ว่า ไอ้แว่นดันบังเอิญเข้าไปเห็นผมกับวิทยากรที่มาบรรยายวันนั้นกำลังชูวีดูวับกันในห้องรับรองอะดิ ก็แหม วิทยากรดันมาทำเป้าตุงต่อหน้าผม แถมหน้าตาก็หล่อเหลาจนนิสิตสาวๆเสียอาการกันหมด ไม่คิดว่าการที่ผมเอาลิ้นเลียปากแค่ครั้งเดียวแล้วจะไปจบลงบนโซฟาในห้องรับรองวิทยากรได้ ตอนที่ไอ้แว่นเข้ามาเห็น นึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ซะแล้ว แต่กลายเป็นว่ามันเว้าวอนให้ผมเล่าแต่เรื่องอย่างว่าให้มันฟัง ยิ่งเล่ามันก็ยิ่งชอบ พอพามารู้จักกับไอ้อาร์ม ได้มาฟังเรื่องของไอ้อาร์มอีกก็ยิ่งไปกันใหญ่ จากนั้นมามันก็เลยติดผมสองคนแจเลย แม้ว่ามันจะยังไม่มีประสบการณ์เรื่องเพศเลยสักครั้ง แต่ไอ้โอตาคุคนนี้ก็มีพฤติกรรมทางเพศที่แปลกๆนั่นก็คือการชอบฟังประสบการณ์เสียวจากปากคนจริงๆโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย



นี่แหละครับแก๊งสามสหายของผม ศูนย์รวมของพวก................





..............อย่าให้ผมด่าตัวเองเลยนะ
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... เหยื่อ vs ผู้ล่า - 23/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 24-12-2018 01:40:32
รุนแรงเหลือเกินพี่จ๋า :impress2: :impress2: :impress2: :haun4:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... รักแรก vs แรกรัก - 24/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 24-12-2018 21:18:31
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 1 / เพื่อนรัก vs  เพื่อนร้าย

ความที่ 2 จาก 2 / รักแรก vs แรกรัก









“จะว่าก็ว่านะ มึงสองคนไม่คิดจะคบใครเป็นตัวเป็นตนบ้างเหรอวะ แบบว่าจริงจังอะไรพวกนี้อ่ะ” ไอ้แว่นเปิดประเด็นใหม่หลังจากที่ฟังเรื่องจากผมจบแล้ว “เอาเข้าจริง กูว่ามึงสองคนก็เหมาะสมกันดีนะ”



พร๊วดดดดด

ทั้งผมทั้งไอ้อาร์มสำลักเหล้าออกมาโดยมิได้นัดหมาย



“มึงพูดเหี้ยอะไรของมึงวะ” ไอ้อาร์มโวยวาย “กูคนละเวย์กับไอ้เพลงนะเว้ย มึงเห็นกูเป็นยังไงวะไอ้สัดแว่น”

“ถึงกูจะชอบคนหล่อ” ผมพูดบ้าง “แต่กูไม่เอาเพื่อนตัวเองหรอกนะ จรรยาบรรณอ่ะ มึงรู้จักหรือเปล่าคำว่าบรรยาบรรณ”

“ทำไมวะ ไม่เห็นจะผิดแปลกอะไรขนาดนั้นเลย” ไอ้แว่นพยายามอธิบายเหตุผลด้วยอาการเมานิดๆ “อย่างมึงอ่ะไอ้อาร์ม มึงก็ลองของกับผู้หญิงมาตั้งเยอะแยะแล้ว แต่ก็ไม่ถูกใจใครเลยไม่ใช่เหรอ ไม่ลองทดสอบความชอบใหม่ๆกับไอ้เพลงดูวะ กูว่าไอ้เพลงหน้าตาน่ารักกว่าสาวๆหลายคนที่มึงเคยควงซะอีก”

“กูรู้ว่ามันน่ารัก แต่กูไม่ชอบแนวนี้เว้ย” ไอ้อาร์มยังต่อต้านเสียงแข็ง “แล้วกูจะบอกให้นะเว้ย มึงอาจจะคิดว่ากูมองคนที่หน้าตา แต่ที่กูชอบทำตัวเจ้าชู้เปลี่ยนสาวไปเรื่อยก็เพราะว่ากูอยากเจอคนที่เอากูอยู่ สามารถหยุดกูได้”

“งั้นก็ตรงเป๊ะเลย ตั้งแต่กูรู้จักมึงมานะ คนเดียวที่จับจุดอ่อนของมึงได้ก็คือไอ้เพลงนี่แหละ กูพูดถูกไหม”

“..................” อ้าว อย่าเงียบดิไอ้อาร์ม มึงจะมาคล้อยตามที่ไอ้แว่นพูดไม่ได้นะ

“แต่มึงก็ต้องถามกูด้วยว่ากูเอามันไหม” กูต้องออกโรงเองซินะ ขืนให้ไอ้แว่นมาจับคู่ให้ นี่คือจุดต่ำสุดของชีวิตเลย แถมเป็นไอ้อาร์มอีก ไม่เอาด้วยหรอก

“ในกรณีของมึงยิ่งเหมาะสมกว่าอีก” เหมาะสมอะไรของมึงงงงง “หนึ่ง มึงชอบผู้ชายและไอ้อาร์มก็เป็นผู้ชาย สอง มึงชอบคนหล่อและไอ้อาร์มก็หล่อ อย่างน้อยมันก็ติดตัวท๊อปๆของสิบหนุ่มฮอต สาม มึงยังไม่เคยมีอะไรกับไอ้อาร์มมาก่อน แบบนี้ไม่ถือว่าผิดเจตนารมณ์ และสี่ ที่มึงชอบเล่าว่า ที่ผ่านมามึงยังไม่ประทับใจลีลาบนเตียงของใครสักเท่าไหร่ กูขอเสนอไอ้อาร์มเลย จากที่ฟังมันเล่าและจากการคิดวิเคราะห์ของกู ไอ้อาร์มนี่แหละที่จะสามารถเติมเต็มรสชาติเซ็กส์ให้มึงได้ คิดดูนะเว้ย ถ้ามันไม่เจ๋งจริง มันจะมีผู้หญิงตามต้อยๆเป็นขบวนพาเหรดแบบนี้เหรอ”

“..................” เชี่ยยยย กูเผลอเคลิ้มได้ไงเนีย เป็นเพราะฤทธิ์เหล้าแหงเลย ไม่ได้ๆๆ เรียกสติตัวเองกลับมา “ยังไงกูก็ยืนยันว่าไอ้อาร์มไม่ใช่สเป็กของกูแน่นอน”

“แล้วสเป็กมึงเป็นแบบไหนวะ”

“ก็ไม่ใช่แบบไอ้อาร์มแล้วกัน” ถามอะไรอยู่ได้ นี่ไม่ใช่รายการเจาะใจนะ

“สเป๊กของไอ้เพลงอะนะ กูรู้” ไอ้อาร์มได้ทีจึงเปลี่ยนเรื่องทันควัน “อย่างไอ้เพลงก็ต้อง สูงๆ ขาวๆ หุ่นหมีนิดๆ ตี๋ๆ ใส่แว่น ตาชั้นเดียว บ้านมีฐานะ พ่อแม่เป็นครู มีชื่อออกจีนๆหน่อย เรียนเอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาก่อน...”

“อ...ไอ้สัดอาร์ม” ผมนี่มองแรงเลย ไอ้เพื่อนจัญไร “เงียบปากไปเลยนะมึง”

“ทำไมฟังไม่เหมือนสเป็คเลยวะ” ไอ้แว่นสงสัย “ฟังเหมือนมึงกำลังพูดถึงคนแค่คนเดียวซะมากกว่า”

“ก็กูกำลังพูดถึง....”

“ไอ้เหี้ยอาร์ม กูบอกให้หุบปากไง” ครั้งนี้ผมถึงขั้นตะโกนออกมา นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในร้านที่มีดนตรีเสียงดัง คนคงมองมาทางผมหมดแล้ว

“เฮ้ย พูดอะไรกันวะ ทำไมไอ้เพลงต้องของขึ้นด้วยอ่ะ มีอะไรที่กูไม่รู้หรือเปล่า” ไอ้แว่นเริ่มร้อนร้นที่ตนเองพลาดเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นอ่ะ” ผมตอบผ่านๆ

“เฮ้ยยยย มึงบอกกูบ้างดิ นะนะนะนะ กูก็อยากรู้เหมือนกันนะเว้ย กูก็เพื่อนมึงนะไอ้เพลง”

“ไม่ต้องมาเซ้าซี้เลยไอ้แว่น...”

“มึงก็บอกมันไปเหอะ” ไอ้อาร์มเอ่ย “เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว บอกเพื่อนไปจะเป็นอะไรนักหนาวะ ไอ้แว่นก็เพื่อนเรา แถมกูก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหนถ้าคนอื่นจะรู้”

“ใช่ๆ บอกกูหน่อยดิ กูอยากรู้” ไอ้แว่นเขย่าแขนผมแบบจริงจัง ท่าทางมันจะอยากฟังจริงๆ

“มันไม่สำคัญหรอกน่า” แต่ผมไม่ได้อยากเล่านี่นา

“โหหหหห มึงง่า....”

เอ๊า ไอ้บ้านี่ เรื่องส่วนตัวบางเรื่องกูก็ไม่สะดวกจะเล่าให้ฟังหรือเปล่าวะ จะทำหน้าเศร้าอะไรขนาดนั้น

“ทำลายจิตใจเพื่อนได้ลงนะมึงอ่ะ” ดูแม่งไอ้อาร์มมันพูด ไม่ต้องมาพูดให้กูรู้สึกผิดเลย “คบกันอยู่แค่นี้ยังมีความลับกับเพื่อนกับฝูงอีก มึงก็รู้นี่หว่าว่าไอ้แว่นมันชอบฟังเรื่องเล่า ไปดับฝันมันต่อหน้าต่อตา ใจร้ายเกิ๊น”

“แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของกูนะเว้ย”

“เออๆ กูไม่อยากรู้แล้วก็ได้” ที่พูดกับที่มึงแสดงสีหน้า มันคือคนละอย่างกันเลยนะไอ้สัดแว่น ทำแบบนี้กูก็กลายเป็นเพื่อนเลวอะดิ แม่งเอ๊ยยยยย

“เออๆ อยากรู้นักใช่ไหม”

“อยากกกกกก”

“ไอ้สัด ร่าเริงเลยนะมึง” ไม่น่าหลงกลมันเลย

“เล่าเร็วๆ กูอยากฟัง”

เห้ออออออ ไม่อยากเล่าเลย

“ไอ้อาร์ม มึงเล่าแทนกูหน่อย” ผมสั่ง

“ด้ายยยยย กูเล่าเอง คันปากอยากเล่าเรื่องนี้มานานแล้ว” ให้มันน้อยๆหน่อยไอ้เพื่อนเวร “คืองี้ กูจะบอกให้ฟังนะไอ้แว่น แต่ก่อนเนี่ยนะ ไอ้เพลงที่มึงเห็นตอนนี้กับเมื่อสามสี่ปีที่แล้วคือคนละคนกันเลยนะ มันทั้งขี้อาย เจี๋ยมเจี้ยม ใส่แว่น เป็นเด็กเนิร์ดๆ.......”

“มึงไม่ต้องละเอียดขนาดนั้นก็ได้มั้ง” ผมรีบแย้ง

“มันก็ต้องปูเรื่องก่อนซิวะ เดี๋ยวไอ้แว่นไม่เห็นภาพ”

“ขี้เสือกเหมือนกันนะมึงเนีย”

“บ้า พูดอะไรแบบนั้นล่ะ พูดงี้ก็เขินแย่ดิ”

“กูไม่ได้ชมซะหน่อย”

“จะพูดแบบนั้นก็ตามใจ”

ไอ้ๆๆๆๆๆ ไอ้สัด ตลกหน้าตายนักนะมึง นี่แหละอีกหนึ่งจุดแข็งของมัน อารมณ์ขันเสมอ คารมเหลือร้าย ไม่แปลกใจเลยที่สาวๆตกหลุดพรางมันง่ายๆ

“แล้วยังไงต่อวะ” ไอ้แว่นทวง

“กูเล่าต่อนะ” ยังจะมาทำตลกใส่กูอีก

“เล่าก็เล่าไปดิ” ก็ต้องปล่อยให้มันพูดแล้วล่ะ

“เออ ก็อย่างที่กูเล่านั่นแหละ” ไอ้อาร์มเริ่มเล่าต่อ “จากเด็กอินโนเซนส์เอาแต่เรียน อยู่มาวันหนึ่งก็มีหนุ่มมหาลัยสุดหล่อ มาทำธุระแถวๆโรงเรียนเว้ย ชื่อพี่คัง เด็กผู้หญิงมองตามกันตั้งแต่หน้าโรงเรียนจนเข้าห้องอาจารย์ใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ฝึกสอนสาวๆ แต่ใครจะไปเชื่อว่าเขาดันมาสะดุดหลุมรักเพื่อนเพลงของกู”

“ถามจริง” ไอ้แว่นตาโตอย่างกับดูอุลตร้าแมนตอนแปลงร่าง

“พูดแล้วจะหาว่าเว่อ แต่แม่ง อย่างกับในหนัง”

“ยังไงวะ”

“หนุ่มตี๋สุดเนียบกำลังเดินถือเอกสารไปตามทางในโรงเรียนเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่ด้วยเพราะเบื่อการตกเป็นเป้าสายตา จึงหลบไปเดินทางที่ไร้ผู้คน แต่ในขณะนั้นเองก็มีเด็กน้อยวัยสิบหกที่แสนจะขี้อายและกลัวการอยู่ท่ามกลางเพื่อนนักเรียน กำลังนั่งอ่านหนังสือที่ม้านั่งคนเดียวด้วยจิตใจที่เหงาหงอย ทันใดนั้น ก็เหมือนบุพเพสันนิวาส สายลมเบาๆที่พัดมาจากทิศทางใดก็ไม่อาจทราบได้ ก็ได้พัดให้เอกสารของรุ่นพี่มหาลัยสุดหล่อและเอกสารของเด็กน้อยขี้อายผสมรวมกันบนทางที่ไร้ผู้คน วินาทีนั้นทั้งสองก็ได้สบตากันอย่างจัง เหมือนกับว่าโลกทั้งโลกดึงดูดเขาทั้งสองให้มาพบกัน แต่ก็น่าเศร้าเหลือเกิน ทั้งคู่ต่างเขินอายเกินกว่าจะพูดจาทักทายกันและกัน พูดได้เพียงแค่คำว่า ‘ขอโทษครับ’ เท่านั้น สุดท้ายจึงได้แค่แอบมองอีกฝ่ายด้วยห่างตาและจากไป”

“ต้องเล่าด้วยน้ำเสียงแบบนั้นด้วยเหรอวะ” ผมเอ็ด “กูฟังแล้วจะอ้วก”

“เออๆ แบบนี้แหละกูชอบ มองเห็นภาพชัดดี สนุกด้วย” เอ้า ถูกใจไอ้แว่นซะงั้น “เล่าต่อดิ แล้วไงวะ”

“ได้ๆ ฟังต่อนะ..... ทั้งสองจากกันเหมือนกับว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ คนเราถ้ามันจะได้กัน เอ๊ย ถ้าจะเป็นเนื้อคู่กันแล้ว ย่อมไม่แคว้นจากกัน ในเอกสารมากมายที่ถูกสายลมพัดมาให้ผสมปนเปกันนั้น ได้มีเอกสารของรุ่นพี่หมาลัยฉบับหนึ่งที่เด็กหนุ่มผู้เขินอายบังเอิญเก็บเอาไว้ ซึ่งมีทั้งชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ และเพราะนั่นคือเอกสารสำคัญ เด็กน้อยจึงต้องโทรหารุ่นพี่ที่ไม่รู้จักมักจี่ หวังจะคืนเอกสารสำคัญให้กับเจ้าของ แต่กลายเป็นว่าเมื่อทั้งคู่ได้เริ่มสนทนากัน กลับเกิดความรู้สึกประทับใจในอีกฝ่าย นับแต่นั้นเป็นต้นมา ต้นรักต้นเล็กๆก็ค่อยๆเติบโตขึ้น จนเมื่อผ่านไปไม่นาน ดอกรักก็เบ่งบานชูช่อสวยงาม ปลุกเด็กน้อยขี้อายให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง กลายเป็นนักสุนทรพจน์ที่พร้อมยืนถือไมค์กล่าววาระสวยงามท่ามกลางผู้คนนับพัน แว่นตาที่หนาเตอะถูกโยนทิ้ง เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล รอยยิ้มพิมพ์ใจกระจายไปทั่วราชธานี จากเด็กน้อยผู้สันโดษก็กลายมาเป็นเพชรยอดมงกุฎ ทั้งหมดที่ทำนั่นก็เพื่อเอาใจแฟนหนุ่มรุ่นพี่มหาลัยและก้าวขึ้นสู่ความสูงส่งที่ทัดเทียมกัน”

“ว้าววววววว”

“ไอ้แว่น มึงไม่ต้องปรบมือก็ได้นะ” ผมคว้ามือของไอ้คนฟังไว้ “ชอบเรื่องแบบนี้ไปได้ไงวะ ขนลุกจะตาย”

“กูว่าสนุกดีออก” ไอ้แว่นยืนยัน “แล้วเกิดอะไรกับรุ่นพี่มหาลัยวะ ทำไมมึงไม่คบกับพี่เขาต่อ”

“เขาชื่อพี่คัง ไม่ใช่รุ่นพี่มหาลัย มึงอย่าบ้าจี้ตามไอ้อาร์มมากนักได้ป่ะ”

“เออ นั่นแหละ ฟังดูแล้ว ทุกอย่างก็โอเคนี่หว่า ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงกลายเป็นว่ามึงต้องมาใช้ชีวิตเป็นคนเจ้าสำราญแบบนี้”

“เพราะกูเปลี่ยนเพื่อเขาไม่ไหวแล้วไง” คิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็เศร้าทุกที “กู... สามารถเปลี่ยนตัวเองให้เลิกขี้อายได้เพราะมันก็ดีต่อตัวกูเอง กูเปลี่ยนให้ตัวเองรู้จักเข้าสังคมได้เพราะมันเป็นพื้นฐานของชีวิตที่ทุกคนควรทำ กูเปลี่ยนบุคลิกภาพตัวเองได้เพราะมันส่งเสริมให้ตัวกูดีขึ้น แต่กูเปลี่ยนความชอบของตัวเองไม่ได้วะ”

“หมายถึงอะไรวะ ความชอบที่ว่านั่นน่ะ”

“พี่คังขอให้ไอ้เพลงเลือกเรียนต่อคอมพิวเตอร์ธุรกิจที่มหาลัยเดียวกันกับพี่เขา” ไอ้อาร์มช่วยอธิบายให้ฟัง

“เหวอออออ” ไอ้แว่นร้องเสียงหลง “ถึงขั้นบังคับอนาคตของมึงเลยเนี่ยนะ”

“นั่นแหละที่กูรับไม่ได้” ผมบอก “กูเปลี่ยนอะไรเพื่อเขาไปมากมายแล้ว แต่ถึงขั้นที่จะให้กูเปลี่ยนความชอบของตัวเอง ไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากเรียน อันนี้มัน... มากเกินไปจริงๆ”

“วันที่ไอ้เพลงฝืนคำสั่งพี่คังมาสอบเข้าสถาปัตฯ ที่นี่ ก็คือวันสุดท้ายนั่นแหละที่ตำนานรุ่นพี่มหาลัยกับเด็กน้อยผู้ขี้อายจบลง”

“เลิกพูดแบบนั้นได้แล้วไอ้อาร์ม เว่อตลอด”

“โด่ววว กูอุตส่าห์อยู่ข้างๆมึงตลอด ตอนมึงโดนพี่คังบอกเลิก ถ้าไม่ได้กูนะ ป่านนี้มึงกระโดดสะพานตายไปแล้ว”

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ไอ้แว่นยังคงตื่นเต้นกับเรื่องนี้

“นี่ยังน้อย ถ้ามึงได้อยู่สถานการณ์จริงอย่างกูนะ มึงจะเห็นว่าคนบ้าเพราะความรักเป็นยังไง”

“เออๆ กูเข้าใจ รักครั้งแรกมันก็เจ็บแบบนี้แหละ”

“โหหหหห กล้าไปสอนคนอื่นเขานะมึงไอ้แว่น ทำอย่างกะมีประสบการณ์ความรักมากมาย”

“กูก็เก็บเกี่ยวมาจากที่ฟังพวกมึงเล่านั่นแหละ มึงก็ไม่ต้องเสียใจนะไอ้เพลง อย่างน้อยพี่คังอะไรนั่นก็ทิ้งสิ่งดีๆไว้ให้มึง”

“กูเลิกเสียใจไม่นานแล้ว” ผมรีบออกตัว “เรื่องมันผ่านมาจะสองปีแล้ว กูแข็งแกร่งพอทีจะใช้ชีวิตต่อได้เว้ย ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”

“เหรอออออออออ” ไอ้อาร์มทำเสียงล้อเลียนผม “อย่าไปเชื่อมันนะไอ้แว่น ที่มันไล่เก็บผู้ชายทุกคนก็เพราะหวังจะลืมพี่คังนั่นแหละ ทำเป็นพูดว่าทำใจได้ แต่ก็โหยหาความรู้สึกมาเติมเต็มตลอด”

“อ๋อออออ แบบนี้นี่เอง” ไอ้แว่นเข้าใจ

“มึงก็เชื่อคนง่ายเนาะ” ผมโวยวายอีกครั้ง “กูไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย”

“เหรออออออออออ” ล้อเลียนกูอีกแล้วอะไอ้อาร์ม “คงไม่มีใครทำให้มึงรู้สึกเสียวซ่านนนน ได้เท่าพี่คังอะดิ สารภาพมาเถอะเพื่อน กูเป็นเพื่อนมึงมานาน อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว”

“ลิ้นพ่อมึงดิ กูบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง”

“ไม่ใช่ๆๆ” ล้อเลียนเหรอออออ

“มึงก็อย่ามาทำเป็นพูดท่านั้นท่านี้นักเล๊ย” ทีกูบ้างล่ะ “ที่มึงเที่ยวหลอกฟันผู้หญิงคนแล้วคนเล่า ก็เป็นเพราะว่ามึงโดนผู้หญิงคนที่มึงรักเขามากกกกกที่สุดสวมเขาละซิ อุตส่าห์หมายมั่นปั้นมือว่าเธอคือคนที่ใช่ ทุ่มเทซื้อของไปให้ผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่ล่ะ หลักหมื่นหรือหลักแสน ทั้งแหวนเพชร ทั้งนาฬิกา แต่กลับเจอดี จับได้ว่าผู้หญิงคนนั้นแอบคบซ้อน เสียใจจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เกือบถูกไล่ออกจากทีมรักบี้ พอตั้งสติได้ก็เลยคิดจะล้างแค้นกับผู้หญิงทุกคนในโลก...”

“มึงกล้าเอาเรื่องนี้มาพูดเหรอ”

“กูกล้ามากกว่านี้อีก จะลองให้กูเล่าแบบละเอียดให้ฟังบ้างไหมล่ะ”

“อย่านะมึง”

“ถ้างั้นก็หยุดล้อเลียนกูเดี๋ยวนี้”

“ไอ้เช....”

“อ่ะๆๆๆๆ งั้นกูเล่านะ”

“............”

“ดีมากไอ้เด็กน้อย พูดง่ายๆนะ จะได้โตไวๆ” โฮ๊ะๆๆๆๆ คิดจะเล่นกับกูเหรอ เร็วไปร้อยปีแสงไอ้น้อง



“มึงสองคนเหมาะสมกันจริงๆด้วย”

"“อย่าพูดแบบนี้อีกนะ”" การประสานเสียงของผมกับไอ้อาร์มโดยมิได้นัดหมายเกิดขึ้นอีกครั้ง



นี่แหละครับ กิจกรรมในวงเหล้าของพวกผม เถียงกัน เล่าเรื่องลามก ดื่ม และแยกย้ายกันไปนอน อาจจะดูไม่ใช่กลุ่มคนที่ปกตินัก แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษซะจนน่าสนใจ หากแต่ว่า......................







...................................เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ที่ทำให้คำว่า 'เพื่อน' เปลี่ยนไปตลอดกาล
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... รักแรก vs แรกรัก - 24/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 24-12-2018 21:48:45
แว่น !! ชงเก่งเหลือเกินพ่อคุ้นนน 5555
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... รักแรก vs แรกรัก - 24/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 25-12-2018 15:38:26
ชอบครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... เพราะรัก vs เพราะแค้น - 25/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 25-12-2018 20:24:14
​​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)



บทที่ 2 / ความฝัน vs ความจริง

ความที่ 1 จาก 2 / เพราะรัก vs เพราะแค้น









“แกๆ แกว่าสองคนนั้นเป็นป่ะ” “ก็น่าสงสัยอยู่นะแก ผู้ชายเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้”



“ไอ้เพลง” ไอ้อาร์มสะกิดผม แต่ผมไม่ว่างขานรับ เพราะมัวเรียบเรียงแล็คเชอร์จากคาบเรียนอยู่ “ไอ้เชี่ยเพลงงงง”

“อะไรวะ มีอะไรก็พูดมาดิ สะกิดอยู่ได้” คนยิ่งยุ่งๆอยู่ “อ้าว จดถึงไหนแล้ววะเนีย เพราะมึงเลยไอ้อาร์ม ทำให้กูเสียสมาธิ แล็คเชอร์วิชานี้มันสำคัญกับกูแค่ไหนรู้ไหม”

“ช่างมันก่อนเหอะ มึงดูรอบตัวก่อนดิ คนนินทากันเต็มไปหมด”

“นินทา นินทาเรื่อง?”

“ก็เขาคิดว่าเราเป็นคู่เกย์กันไง”

“อะไร แค่เนียอะนะ ไร้สาระชิบหาย เสียเวลากู อย่ามาเรียกกูอีกนะ”

“เฮ้ยยย มึงไม่เสียหายแต่กูเสียหายนะเว้ย”

“โอ๊ยยยย ทำไมวะ โดนคนเข้าใจผิดว่าเป็นคู่เกย์กับกูแล้วมันเสียหายตรงไหน เสียชื่อ? เสียหน้า? เหรอ?.”

“มึงไม่เข้าใจวิถีลูกผู้ชายอย่างกูหรอกเว้ย”

“กังวลมากนักใช่ไหม ได้เดี๋ยวกูจัดให้.... เธอๆๆๆ” ผมหันไปเรียกผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ

ตอนนี้ผมกับไอ้อาร์มมารอไอ้แว่นเพื่อที่จะกินข้าวที่อาคารเรียนรวม จึงมีคนมากมายนั่งกันอยู่แถวนี้เช่นกัน

“คะ?” หนึ่งในสองสาวขานรับผมแบบงงๆ

“อยากรู้เหรอครับว่าผมกับมันเป็นคู่เกย์กันหรือเปล่า” ผมตั้งคำถามตรงๆ

"............" สองสาวอึ้งในคำถามของผม เหมือนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่ก็ดูเหมือนว่าอยากจะรู้

“ผมเป็น แต่เพื่อนผมไม่ได้เป็น โอเคนะครับ” กูตอบให้ละกัน จะได้หายสงสัย แล้วผมก็หันกลับมาหาไอ้เพื่อนคนข้างๆ “กูเคลียร์ให้แล้ว พอใจยัง”

“เอางี้เลยเหรอวะ” ไอ้อาร์มอึ้งในความกล้าของผม

"อืม"



“ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็น” “นั่นซิ เสียดายของเนาะ หน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นเกย์เลย”

อีพวกผู้หญิงพวกนี้นี่มัน.....



“ขอโทษนะครับ” ผมหันกลับไปหาสองสาวนักนินทา “ไม่ต้องรู้สึกเสียดายหรอกครับที่ผมเป็นเกย์ เพราะคำว่าเสียดาย เอาไว้ใช้ในกรณีที่เรารู้สึกว่าพลาดบางสิ่งบางอย่างไป ทั้งๆที่ควรจะได้ครอบครองสิ่งนั้น แต่ในกรณีนี้ ต่อให้ผมไม่ได้เป็นเกย์ ถ้าหน้าตาแบบคุณสองคน ผมไม่เอามาทำสะใภ้ให้แม่หรอกครับ ไม่เชื่อเหรอ ไม่เชื่อถามเพื่อนผมที่เป็นผู้ชายแท้ๆก็ได้ ว่าไงไอ้อาร์ม หน้าแบบนี้มึงเอาทำเมียไหม?”

ไอ้อาร์มทำหน้าช็อคจนตาจะถลน แต่ก็ส่ายหน้ายิกๆ

“นั่นไง เห็นไหมละครับ เพราะงั้นไม่ต้องมารู้สึกเสียดายหรอกเนาะ” จบประโยคด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจฉบับเสแสร้งแกล้งทำ

ผมกลับมาสนใจกับงานตรงหน้าตัวเองโดยไม่ใส่ใจอีผู้สองตัวนั้นว่าจะแสดงอาการอย่างไร

“ม...มึงต้องพูดขนาดนี้เลยเหรอวะ” ไอ้อาร์มกระซิบ มันมองคนรอบข้างเลิกลั่ก คงกลัวจะเป็นเป้าสายตาละมั้ง “ไว้หน้าเขาหน่อยก็ได้ เขาเป็นผู้หญิงนะเว้ย”

“ไว้หน้า? ไว้หน้าทำไม” แต่กูไม่กระซิบด้วยหรอกนะ แถมจะพูดให้ดังกว่าปกติด้วย ทำเอาไอ้อาร์มนี่ดิ้นพล่านเลย “ตอนเขานินทา เขาไว้หน้ากูไหม นี่มันโลกยุคไหนแล้ววะที่จะมามองเรื่องเพศเป็นปมด้อย กูไม่ได้อยู่ในประเทศโลกที่สามนะเว้ย กูเป็นปัญญาชน เรียนในมหาลัยมีชื่อเสียง ไม่ได้จับฉลากเข้ามา คนจะเป็นบัณฑิตที่นี่เขาวัดคุณค่าของคนที่ผลงานกับการกระทำกันทั้งนั้นแหละ ถ้ามึงมีเวลาว่างมาไว้หน้าใครก็เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่าไหม พอ เลิกพูด กูจะเขียนแล็คเชอร์ ทำเรื่องที่นักศึกษาดีๆเขาทำกัน”



“ป....ป....ไปกินข้าวที่โรงอาหารอื่นกันดีกว่านะแก” “ช...ช...ใช่ๆ ไปเถอะ”

เออ รู้ตัวนิว่ากูพูดแดกดันอยู่ อีพวกหัวคิดไม่สร้างสรรค์ ปากมีไว้พูดก็หัดพูดเรื่องดีๆซะบ้าง ไม่งั้นเจอคนแบบกูแล้วมึงจะหนาว



“เออ กูยอมแพ้” ไอ้อาร์มถอนหายใจใส่ผมหลังจากที่สองสาวนักนินทาเดินเอาแฟ้มปิดหน้าตัวเองออกไปจากโรงอาหาร “มึงนี่มันปากร้ายจริงๆ”

“เลิกพูดซะทีเหอะ เสียเวลาเขียนแล็ดเชอร์กู” ผมบอก

“เอ้า ก็มึงเองนะที่เป็นคน...”



“ขอโทษนะครับ” จู่ๆก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะของผมกับไอ้อาร์ม หึ!! หล่อแฮะ ผิวแทนๆ หน้าคมๆ ไม่บอกก็รู้ว่าภายใต้ชุดนักศึกษานั่นเต็มไปด้วยซิกแพ็คอันน่าลูบไล้ “พี่ชื่อปั้นจั้น เป็นประธานชมรมฟุตบอลของมหาลัย”

“ครับ?” ผมตอบรับแบบงงๆ “ผมเล่นฟุตบอลไม่เป็นหรอกนะพี่ ถ้าตีแบดฯ อ่ะพอไหว”

“เปล่าๆ พี่ไม่ได้จะมาชวนเข้าชมรม แค่จะมาบอกว่า... พี่ชื่นชมน้องมากเลยนะ ที่พูดออกไปเมื่อกี๊นี้”

เมื่อกี๊? อ... อ๋อ เรื่องที่ผมต่อกลอนกับสองสาวนักนินทานั่นซินะ

“ครับ ขอบคุณครับ” รอยยิ้มพิมพ์ใจเลเวลหนึ่งออกปฏิบัติการ “แต่จริงๆแล้ว ผมก็ไม่ควรพูดแบบนั้นหรอกครับ”

“คือพี่... แบบว่า... พี่สนใจน้องมากเลย แบบว่า... สนใจไปดูหนังฟังเพลงที่ห้องพี่ไหมครับบ่ายนี้”

เชดโด่แมงโก้ภูเขาไฟ ประธานชมรมฟุตบอลสนใจในตัวกู นี่มันอาหารจานหลักชัดๆ

“เอางี้ไหม....ครับ....” เสียงของผมจู่ๆมันก็เบาลง ด้วยนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เอ่อ.... ขอโทษนะครับ แต่ว่าวันนี้ผมไม่ว่าง เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะครับ”

“งั้นเหรอครับ” พี่เขาเกาหัวแกรกๆ แก้เขิน “งั้นถ้าวันไหนว่างๆ ไปเจอพี่ที่ห้องชมรมได้นะ อยู่ตึกข้างๆนี่เอง”

“โอเคครับพี่ ขอบคุณที่ชวนนะครับ” แม้จะพลาดเป้าหมายไป แต่ก็ไม่ลืมยิ้มโปรยเสน่ห์อันเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ

แล้วพี่ประธานชมรมฟุตบอลก็เดินจากไป



“นี่มึงไม่สบายหรือเปล่าวะ” ไอ้อาร์มรีบทาบหลังฝ่ามือที่หน้าผากของผม

“ไม่สบายอะไรของมึง” ผมปัดมือมันออก

“หรือว่ามึงเป็นมนุษย์ต่างดาวปลอมตัวมาในร่างของเพื่อนกู ไหนๆ เอาเพื่อนกูไปซ่อนไว้ไหน”

“มนุษย์ต่างดาวพ่อมึงดิ จะถ่างปากกูทำไม เอามือออกไปเลย มึงจะพูดอะไรกันแน่ไอ้สัดอาร์ม”

“อ่อ หยาบคายแบบนี้ คงเป็นไอ้เพลงตัวจริงซินะ”

“จะเลิกเล่นได้หรือยัง”

“ก็กูแค่สงสัยว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนกูปฏิเสธประธานชมรมฟุตบอลของมหาลัยได้อะดิ ถ้าเป็นปกติ มีผู้ชายเกรดนี้มาทอดสะพานให้ มึงควรจะทิ้งกูไปกับพี่เขาแล้ว หรือไม่แน่ว่ามึงอาจจะลากพี่เขาไปแดกในห้องน้ำของมหาลัยด้วยซ้ำ”

“จะเว่อก็ให้มันน้อยๆหน่อย”

“กูไม่ได้เว่อ มึงต่างหากที่ไม่ปกติ สารภาพกับกูมาเลยว่าเพราะอะไร มึงมีดีลที่ดีกว่าประธานชมรมฟุตบอลรออยู่ใช่ไหม”

“ไม่ใช่เว้ย”

“แล้วมันอะไรวะ เหตุผลคือ? กูขอฟังเหตุผลจากปากมึงหน่อยเหอะ”

“วันนี้เป็น.... วันเกิดของพี่คัง กูไม่อยากทำอะไรไม่ดีในวันนี้ ก็แค่นั้นแหละ”

“อ้าวววว ดึงไปดราม่าซะงั้น ไหนตอนไปแดกเหล้าครั้งล่าสุด ยังทำเป็นพูดว่า เรื่องมันผ่านไปนานแล้วอยู่เลย ที่แท้จะยังคิดถึงแฟนเก่าอยู่ตลอด มึงนี่มันเด็กน้อยจริงๆ”

“.......................” ก็คงเป็นแบบที่มันพูดนั่นแหละมั้ง ไม่ว่ายังไงก็ดูเหมือนว่าผมจะไม่ก้าวไปข้างหน้าซะที วันสำคัญทั้งหมดที่เกี่ยวกับพี่คังก็ยังติดแน่นในความทรงจำ ของขวัญ ภาพถ่ายคู่ ยังเก็บไว้ในกล่องอย่างดีไม่กล้าทิ้ง

“เฮ้ยๆ ไม่ต่อกรซะงั้น นี่มึงเศร้าจริงนิ” ไอ้อาร์มคงเห็นสภาพจิตใจของผมไม่ปกติจึงเอามือมาลูบหัวของผมเบา “เออๆ โทษที ก็ไม่ตอกย้ำมึงก็ได้ รักครั้งแรกมันก็งี้แหละ ให้ลืมกันง่ายๆคงไม่ได้ แต่พี่คังนี่ก็ช่างโง่จริงๆว่ะ”

“ทำไมวะ”

“มีแฟนที่รักตัวเองขนาดนี้ยังทิ้งได้ลงคอ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่มึงยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาอีก จะไปหาแฟนที่น่ารักทั้งนิสัยและหน้าตาแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก กูละไม่เข้าใจความคิดของแฟนเก่ามึงเลย”

“มึงเพิ่งจะชมกูว่าน่ารักหรือเปล่าเมื่อกี๊?”

“ทำไมวะ มึงน่ารัก กูก็บอกว่าน่ารัก กูก็ชมมึงอยู่ตลอด มาสงสัยอะไรตอนนี้”

“เออ ไอ้หล่อ”

แปลกนะที่ไอ้อาร์มมันสามารถเปลี่ยนบรรยากาศที่กำลังเศร้าของผมให้กลับมายิ้มได้อีกครั้ง ถึงมันจะกวนตีนไปบ้าง และใช้ผมเป็นเหยื่อล่อสาวๆให้กับมัน แต่มันก็อยู่เคียงข้างผมตลอดทั้งวันที่สุขและวันที่เศร้า แม้แต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็กขี้อายคนเก่า ก็มีไอ้หล่อนี่แหละที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียว โชคดีจริงๆที่มีมันเป็นเพื่อน



“ทำอะไรกันอ่ะ!!!” ไอ้แว่นนั่นเองที่โผล่เข้ามาจากไหนไม่รู้ “มึงสองคนกำลังจีบกันอยู่เหรอ”

“บ้าเหรอ” “ไม่ใช่แล้ว” ไอ้อาร์มกับผมประสานเสียง

“แล้วมึงลูบหัวกันทำไม มองตาด้วย ยิ้มให้กันด้วย”

“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย” ผมร้อง ส่วนไอ้อาร์มก็รีบเอามือออกจากหัวของผม

“เฮ้ยๆๆ ไหนพวกมึงบอกว่าไม่ใช่แนวไง ภาพที่เห็นนี่มันกำลังสวีทกันอยู่ชัดๆ แถมทำกลางโรงอาหารซะด้วย”

“กูบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง”

“เออ กูจับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็แล้วไป แต่อย่าให้กูรู้นะว่ามึงสองคนกินเพื่อนด้วยกันเอง กูจะแซวข้ามปีเลย ชอบแซวกูว่าไก่อ่อนดีนัก”

“กินพ่อมึงดิ มึงอ่ะ ทำไมมาช้าจังวะ กูหิวข้าวจะแย่แล้วเนีย”

“อยากรู้เหรอว่าทำไมกูมาช้า”

“กูไม่อยากรู้แล้ว จะไปหาข้าวกิน”

“เฮ้ย เดี๋ยวดิๆ อยากรู้หน่อยนะ” ไอ้แว่นรีบโชว์สิ่งของบางอย่างออกมาให้พวกผมดู “นี่เว้ย กูมัวไปหาอันนี้มา”

“อะไรวะ ก็แค่กระดาษ”

“มันมาจากพี่รหัสของกู ในที่สุดกูก็หาเจอ”

“ไอ้พี่รหัสปริศนาของมึงนั้นนะเหรอ นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงยังไม่เคยเจอพี่รหัสของมึงเลยอ่ะ”

“ก็นี่ไง กูเจอคำใบ้ที่พี่เขาทิ้งไว้ให้กูแล้ว กว่ากูจะถอดปริศนาที่พี่เขาให้กูไว้เมื่อตอนปีหนึ่งได้โคตรเปลืองสมองเลย แล้วมึงรู้ไหมว่ามันอยู่ไหน ถ้ารู้แล้วมึงจะอึ้ง มันอยู่ใต้โต๊ะคอมตัวแรกที่กูนั่งเรียนวันแรกเลยเว้ย เป็นไง เจ๋งใช่ป่ะ”

“โหไอ้แว่น มึงนี่มันโคตรมีความอดทนเลย” ไอ้อาร์มทึ่ง “ถ้าเป็นกูนะ กูเลิกล้มความตั้งใจไปนานแล้ว ไม่ต้องมีมันแล้วพี่รหัสแบบนี้ ทำตัวลึกลับชิบหาย จนอยู่ปีสองแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าพี่รหัสตัวเองหน้าตาเป็นยังไง”

“พูดไรอย่างงั้นวะ” ไอ้แว่นยังดูภูมิใจ “แบบนี้ดิมันถึงจะน่าค้นหา กูว่านะเว้ย พี่รหัสของกูต้องเป็นสาวแบบว่าดาร์คๆ น่าค้นหานิดๆ คาวาอิหน่อยๆ พอคิดแล้วก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยวะ”

“เขาอาจจะเป็นผู้ชายก็ได้” ผมบอก

“มึงอย่ามาดับฝันกูได้ป่ะไอ้เพลง แต่กูว่านะ ยังไงก็ต้องเป็นผู้หญิง ผู้ชายเขาไม่มาทำอะไรแบบนี้กันหรอก เห้ออออ อยากเจอพี่รหัสคนสวยเร็วๆจัง”

“อย่าคาดหวังให้มันมากเลยมึง เขาอาจจะอ้วนเป็นหมูตอนก็ได้นะ ถึงไม่อยากให้มึงเจอ”

“ก็บอกว่าอย่ามาดับฝันกูไง”

“เออๆ แล้วไหน เขาเขียนอะไรไว้ให้มึง ชื่อหรือเบอร์ติดต่อ”

“มันก็เป็นอีกปริศนานึงอ่ะ” มันกางกระดาษเก่าออกให้ดู ปรากฏตัวเลขยาวเหยียด ไม่สื่อถึงความหมายอะไรทั้งนั้น

“โอ๊ะ เสียเวลาจริงเลย กูนึกว่ามึงจะได้เจอซะที ไปหาซื้อข้าวดีกว่า”

“เดี๋ยวดิว้า” ไอ้แว่นคว้าผมกับไอ้อาร์มไว้ “แต่อันนี้กูแก้ได้แล้วนะเว้ย”

“แล้วไงวะ เดี๋ยวมึงก็ไปเจอปริศนาอันใหม่ต่อไปต่อไปเรื่อยๆ กูไม่ได้บ้าฟังเรื่องไร้สาระกับมึงหรอกนะ ไปๆไอ้อาร์ม ไปหาซื้อข้าวกันเหอะ”

“โห่ พวกมึงอ่ะ” ไอ้แว่นร้องหงิงๆ แต่ก็เดินตามผมมา ส่วนไอ้อาร์มแยกไปเดินเลือกอาหารที่มันต้องการ “ทีกูยังฟังเรื่องเล่าจากพวกมึงได้นานๆเลย ทำไมพวกมึงไม่ตั้งใจฟังเรื่องของกูบ้างวะ”

“ก็เรื่องของมึงมันไม่น่าสนใจนี่หว่า”

“มันน่าสนใจนะเว้ย นี่ๆ กูจะบอกมึงให้ อันนี้นะเขาเรียกว่าภาษาซี มีแค่เด็กคอมเท่านั้นแหละที่จะเขียนเลขแบบนี้ออกมาได้”

“แล้วไง..... ป้าครับ เอาข้าวหน้าไก่หนึ่งครับ”

“แล้วไงอะไรวะ มึงถามมาได้ยังไงว่าแล้วไง.... เอ่อ ป้าครับๆ ผมเอาข้าวมันไก่ไม่เอาหนังไม่เอาน้ำจิ้มครับ....ก็นี่ไง อย่างน้อยกูก็รู้แล้วว่าพี่รหัสกูต้องเป็นนักศึกษาเอกคอมเหมือนกูแน่นอน”

“ก็คณะมึงมีอยู่ไม่กี่เอก ถ้าจะบังเอิญมีพี่รหัสจากเอกเดียวกันแล้วมันจะไปแปลกตรงไหนวะ”

“อ...เออ ถึงมันไม่แปลก แต่อันนี้ต้องแปลกแน่ มึงคิดว่าทำไมกระดาษแผ่นนี้ไปอยู่ที่โต๊ะคอมตัวแรกที่กูนั่งเรียนได้ แสดงว่าจริงๆแล้วพี่เขาต้องคอยแอบมองกูอยู่ตลอดเว้ย”

“กูนึกว่าโต๊ะเรียนในห้องคอมต้องนั่งเรียงตามรหัสนักศึกษาซะอีก ไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ใช่อ่ะ ทำไมวะ?”

“โอ๊ะ แค่นี้ก็คิดไม่ออก พี่รหัสมึงเขาก็แค่เอาไปติดไว้ที่โต๊ะที่มึงนั่งเพราะรู้อยู่แล้วว่ามึงนั่งตรงไหน เขาไม่ได้มาแอบมงแอบมองอะไรมึงทั้งนั้นอ่ะ เลิกฝันหวานได้แล้ว”

“จ...จริงเหรอวะ”

“เท่าไหร่ครับป้า.... ไอ้แว่น มึงจะกินไหมข้าวอ่ะ มาจ่ายตัง”

แล้วมันก็ยื่นเงินให้ป้าเจ้าของร้านด้วยหน้าตาเศร้าสร้อย



“อ้าว ไหงไอ้แว่นทำหน้าเศร้ากลับมาวะ” ไอ้อาร์มถามเมื่อเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของไอ้แว่นตอนกลับมานั่งโต๊ะ “กูนึกว่ามันกำลังดี๊ด๊าซะอีก”

“มันผิดหวังที่พี่รหัสไม่เป็นไปตามที่มันมโนอะดิ” ผมอธิบายพร้อมนั่งลงที่โต๊ะเดิม

“ห๊ะ มึงเจอพี่รหัสแล้วเหรอวะไอ้แว่น เป็นไง ผู้หญิงหรือผู้ชาย สวยหรือหล่อ อย่าบอกนะว่าที่มึงทำหน้าเศร้าแบบนี้เพราะว่าพี่รหัสของมึงอ้วนเป็นหมูตอนแบบที่ไอ้เพลงพูด”

“พอเลยๆ พวกมึงทั้งคู่นั่นแหละ” ไอ้แว่นร้อง “อีกคนก็ดับฝันกู อีกคนก็ไม่ให้กำลังใจ”

“มันพูดอะไรวะ” ไอ้อาร์มไม่เข้าใจ

“ช่างมันเหอะ” ผมตอบ แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นของน่าสนใจเข้าให้ “มีลาซานญ่าด้วยเหรอ มึงซื้อมาจากไหนวะอาร์ม”

“ร้านสุดท้ายโน่นอ่ะ” มันตอบ “ทำไม อยากกินเหรอ”

“ใช่ๆ เดี๋ยวกูไปซื้อบ้างดีกว่า...แต่ว่า... ไม่เอาดีกว่า กูกินไม่หมดแน่เลย ทั้งข้าวหน้าไก่ทั้งลาซานญ่า เดือนนี้เงินที่แม่ส่งมาให้ก็จะหมดแล้วด้วย ประหยัดไว้ก่อนดีกว่า เฮ้ยๆๆๆ มึงจะเอาข้าวกูไปไหน”

“อะนี่” ไอ้อาร์มเอาข้าวหน้าไก่ของผมไป แล้วมันก็ดันถาดฟอยลาซานญ่ามาให้ผม “อยากกินก็กิน เดี๋ยวกูกินข้าวหน้าไก่เอง จะได้ไม่เปลืองตังซื้อเพิ่ม”

“มันจะดีเหรอมึง”

“ไอ้สัด น้ำลายจะหกอยู่แล้ว จะกินก็กินไป ไม่ต้องมาทำเป็นเกรงใจ”

“ขอบใจนะมึง” กินซิจ๊ะ รอไร

“อ้าวๆ ไอ้แว่น มึงจะเขี่ยอะไรวะ ไม่กินเหรอข้าวอ่ะ เดี๋ยวบ่ายกลับไปเรียนไม่ทันนะมึง”

“กูไม่หิวเลย” ไอ้แว่นแซดเลเวลร้อย “พวกมึงนั่นแหละทำให้กูหมดหวัง”

“กินๆเข้าไปก่อนเหอะน่า เดี๋ยวเย็นนี้กูพาไปเลี้ยงฉลองแก้ตัว รับรองว่ามึงอารมณ์ดีขึ้นแน่นอน แล้วเดี๋ยวไอ้เพลงเล่าประสบการณ์เสียวตลอดทั้งอาทิตย์ของมันให้มึงฟังด้วย”

“เฮ้ย เกี่ยวไรกับกูวะ” ลาซานญ่านี่ทำให้ผมพูดยากชะมัด

“เอาน่ามึง ถือว่าเป็นการปลอบใจไอ้แว่น”

“ซะงั้นอ่ะ”

“สัญญาแล้วนะ” ไอ้แว่นก็ยังดูเศร้าๆ

“เออๆๆ” ผมตอบเพราะเห็นใจ “เดี๋ยวกูเล่าให้ครบทั้งเจ็ดในเจ็ดวันคนเลย เลิกเศร้า กินได้แล้ว จะได้รีบกลับไปเรียน”



หลังจากนั้นการเรียนภาคบ่ายก็มาถึง ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเรียนและเรียน ไอ้ส่วนที่น่าอึดอัดคงเป็นอาการรู้สึกขาดๆหายๆอะไรไปซะมากกว่า ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าไม่อยากทำอะไรไม่ดีในวันนี้ แต่คนแบบผมที่ได้ทำกิจกรรมทางเพศแทบทุกวัน ต้องมาหักห้ามใจตัวเองแบบนี้ มันกลับยิ่งทำให้รู้สึกต้องการมากกว่าปกติซะอีก

ไม่ได้ๆ เราจะคิดแบบนี้ไม่ได้ ที่สำคัญนี่มันก็แค่วันเดียวเอง คอยดูนะ ถ้าพรุ่งนี้มาถึงเมื่อไหร่ จะเก็บแต้มสักสามคนไปเลย





“ไอ้แว่น ไอ้สัดแว่น ทำไมมึงมาช้าจังวะ ดูหน้ากูกับไอ้เพลงนิ เมาจะเป็นหมาอยู่แล้ว” คำทักทายแรกของไอ้อาร์มเมื่อไอ้แว่นเดินทางมาถึงวงเหล้า

“เออๆ โทษที กูไปเจอพี่รหัสมา” ไอ้แว่นขอโทษ

“ห๊ะ มึงได้เจอพี่รหัสแล้วเหรอ”

“เออ”

“เป็นไงวะ สวยไหม”

“คือจริงๆแล้ว มันก็...”

“เออๆ ช่างมันเหอะ กูไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกตอนนี้ มึงแดกเหล้าได้แล้ว”

“แล้วนี่พวกมึงทำไมรีบเมากันไวจังวะ แถมมากินห้องมึงด้วย กูนึกว่าจะไปที่ร้านเดิมกันซะอีก”

“มึงอยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมกูถึงไม่ไปแดกที่ร้าน เพราะวันนี้กูกะจะเมาให้เต็มที่ เอาให้แม่งเป็นหมาไปเลย”

“อะไรของมึงวะ.... แล้วมึงอ่ะไอ้เพลง กูไม่เคยเห็นมึงเมาจนหน้าแดงขนาดนี้เลย พวกมึงสองคนเป็นอะไรกันไปวะ ไม่เหมือนปกติเลย”

“อย่ามายุ่งกับกู” นี่คือคำแรกจากปากของผม นี่แหละคือบุคลิกของผมเวลาที่เมาจนถึงจุดสูงสุด เงียบ นิ่ง ไม่อยากพูดกับใคร

“เฮ้ยๆ นี่กูเอง กูเพื่อนมึงนะไอ้เชี่ยเพลง” ไอ้แว่นเขย่าตัวผม

“เอามือมึงออกไป” ไม่รู้อ่ะ นาทีนี้จะหน้าไหนกูก็ไม่สนใจทั้งนั้น “อย่าเอามือมึงมาแตะตัวกู พวกผู้ชายอย่างมึงเนี่ยนะ แม่งเลว เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ เอาแต่ใจ กูอุตส่าห์ส่งข้อความไปแฮปปี้เบิร์ทเดย์ มันอ่าน แต่แม่งเสือกไม่ตอบ เคยแคร์ความรู้สึกกูบ้างไหม กูรักแทบเป็นแทบตาย ง้อก็แล้ว พูดดีก็แล้ว อ่อยก็แล้ว มีไหมที่จะกลับมาสนใจกูบ้าง รู้ไหมว่าวันนี้กูต้องอดใจไม่ไปเอากับใคร เพราะเห็นว่าเป็นวันเกิดของมัน ทั้งๆที่มีผู้ชายงานดีๆมาเสนอตัวให้ทั้งนั้น กูต้องเก็บกดอารมณ์ไว้แค่ไหนรู้บ้างไหม”

“น...นี่ไอ้เพลงพูดถึงใครวะ” ถ้าผมมีสติดี ผมคงบอกได้ว่าไอ้แว่นมันกำลังงง แต่ภาพที่ผมมองเห็นอยู่ตอนนี้มันเบลอไปหมด

“กูพูดถึงพวกมึงนั่นแหละ ไอ้พวกผู้ชายเฮงซวย” ยกแดกหมดแก้วแม่งเลย

“เฮ้ยๆๆๆ ใจเย็นไอ้เพลง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นไปเรียนไม่ไหวหรอก”

“ปล่อยมันไปเหอะ มันกำลังเฮิร์ทเรื่องแฟนเก่า” นี่เสียงของไอ้อาร์มซินะ นี่กูต้องเมาถึงขั้นไหนวะ ถึงขั้นเริ่มแยกแยะเสียงเพื่อนตัวเองไม่ออก

“แล้วมึงอ่ะไอ้อาร์ม เฮิร์ทเรื่องแฟนเก่าอีกคนหรือไง”

“อย่างกูเนี่ยนะจะอ่อนไหวกับเรื่องแบบนั้น”

“แล้วที่เมาเละตั้งแต่หัวค่ำนี่คือยังไง”

“ศักดิ์ศรีไง มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี กูจะบอกอะไรมึงให้นะ สามปีที่ผ่านมา กูไม่เคยโดนผู้หญิงบอกเลิกซะคน แต่อีน้องเด็กบัญชี มันถือดียังไงมาบอกเลิกกูวะ บอกว่ากูทำตัวไม่น่าไว้ใจ คารมณ์ดีเกินไป”

“น้องเค้าก็พูดถูกไม่ใช่เหรอวะ”

“นั่นมันไม่ใช่ประเด็นเว้ย ประเด็นคือ กูเท่านั้นที่จะเป็นฝ่ายทิ้งผู้หญิงได้ ไม่ใช่เป็นฝ่ายถูกทิ้งเองแบบนี้ แม่ง คำบอกเลิกแรกในรอบสามปี มึงคอยดูนะ ถ้าอีน้องนั่นซมซานกลับมาขอคืนดี กูลงโทษแม่งให้สาสมที่ทำกับคนอย่างกู จะซอยให้ร้องขอชีวิตเลย”

“เห้อออออ กูได้สาระอะไรจากพวกมึงสองคนบ้างไหมเนี่ย”

“เฮ้ย ทำไมมึงพูดแบบนั้นวะ นี่กูเพื่อนมึงนะเว้ย มึงต้องรับฟังและเห็นใจความทุกข์ของเพื่อนดิ”

“เออ กูรับฟังอยู่นี่ไง แล้วไหนไอ้เพลงบอกว่าจะเล่าประสบการณ์การเสียวกับผู้ชายเจ็ดคนรวดของมันให้ฟังไง เมาเป็นหมาแบบนี้แล้วจะพูดอะไรได้วะ อ้าวๆๆๆ แดกให้มันน้อยๆหน่อยไอ้เพลง มึงยกหมดแก้วตลอดเลยนะ”

“ปล่อยกูไปเหอะ ชงให้กูหน่อยดิ” ผมสั่ง

“หรือว่า!” จู่ๆไอ้อาร์มก็ร้อง “ที่กูโดนบอกเลิก จริงๆแล้วน้องเด็กบัญชีนั่นอาจจะแค่อยากเก็บแต้มจากกู เหมือนที่ไอ้เพลงล่าแต้มผู้ชายก็ได้ แม่งเอ๊ยยย คิดแล้วแค้น คนแบบกูไม่ได้เป็นของสะสมของใครนะเว้ย”

“มึงก็ลดๆจินตนาการลงหน่อยก็ดีนะไอ้อาร์ม” ไอ้แว่นพูดพร้อมกับส่งแก้วคืนให้ผม “ใครๆก็ดูออกทั้งนั้นแหละว่ามึงมันเจ้าชู้ เหตุผลที่น้องเขาพูดก็ยังฟังขึ้นอยู่นะ”

“ไม่จริง กูไม่เชื่อ คอยดูเหอะ ผู้หญิงแบบนั้น ไม่นานก็ต้องคลานมากอดขากู ร้องไห้เรียก พี่อาร์มคะพี่อาร์มขา”

“เออ แล้วแต่มึงจะคิดก็แล้วกัน”



#เสียงโทรศัพท์

“ฮัลโหลครับ” ถึงจะตาเบลอๆ แต่ก็เห็นว่ามีสายเข้าโทรศัพท์ของไอ้แว่น “ก็ไม่ยุ่งเท่าไหร่ครับ...... จริงเหรอครับ........ ได้ครับพี่ เดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้เลย”



“เฮ้ยๆๆๆ มึงจะไปไหนวะ” ไอ้อาร์มรั้งแขนไอ้แว่นที่กำลังจะลุกออกจากวงเหล้า

“กูมีธุระ” นั่นคือคำตอบของไอ้แว่น

“ธุระอะไรวะที่ทำให้มึงทิ้งกูกับไอ้เพลงได้ลงคอ”

“ธุระสำคัญก็แล้วกัน มึงสองคนอยู่ได้ไหม ต้องให้กูกลับมาดูแลหรือเปล่า”

“กระจอก คนอย่างกูไม่ต้องให้ใครมาดูแล มึงจะไปไหนก็รีบไปเลยไป”

“แน่นะ แล้วไอ้เพลงอ่ะ มึงจะปล่อยมันนอนกองอยู่ตรงนี้ไม่ได้นะ เอ....? กูว่ากูอยู่นี่ดีกว่า ไม่ไว้ใจมึงเลย”

“เฮ้ย ไม่ต้องๆ กูไม่ได้อ่อนขนาดนั้น ไอ้เพลงมันก็เพื่อนกู กูรับรองว่ากูดูแลมันได้ เดี๋ยวจะพามันขึ้นนอนบนเตียง แถมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ด้วยเลย ไม่เชื่อมึงมาดูสภาพของมันพรุ่งนี้เช้าได้เลย”

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก แค่ให้มันนอนเป็นที่เป็นทางก็พอแล้ว”

“เออ”

“งั้นกูไปนะ ฝากไอ้เพลงด้วยนะ”

“เออ”



แล้วไอ้แว่นก็วิ่งออกไปจากห้อง เหลือไว้แค่ไอ้อาร์มที่เมาจนหน้าแดงหน้าดำ และผมที่นิ่งเงียบอยู่กับความเศร้าในใจ..............







......................และความฝันที่กำลังคืบคลานเข้ามา
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... เติมเต็ม vs ขาดหาย - 26/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 26-12-2018 23:34:12
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)



บทที่ 2 / ความฝัน vs ความจริง

ความที่ 2 จาก 2 / เติมเต็ม vs ขาดหาย









‘เพลง เพลง’ เสียงใครอ่ะ ‘น้องเพลงครับ นี่พี่เองนะ พี่คังไง’

“พี่คัง” ผมร้อง พี่คังจริงเหรอ

‘ขอบใจนะสำหรับคำอวยพรวันเกิดของพี่’

“ไม่เป็นไรครับ เพลงตั้งใจส่งให้พี่”

‘พี่ขอโทษนะที่ทิ้งเพลงไป พี่รู้แล้วล่ะว่าใครคือคนสำคัญที่แท้จริงของพี่ เรากลับมาคืนดีกันนะ’

“จริงเหรอ พี่คังจะกลับมาคบกับเพลงจริงเหรอ”

‘ใช่ครับ พี่บอกแล้วไง พี่รู้แล้วว่าใครคือคนสำคัญของพี่’

“เพลงดีใจที่สุดเลย”

‘พี่คิดถึงเพลงจัง’

“เพลงก็คิดถึงพี่คังเหมือนกัน คิดถึงที่สุดเลย อยากโทรไปหาแต่ก็ไม่กล้า.... ด...เดี๋ยวก่อนครับ พ...พี่คังจะทำอะไรน่ะ....” มือหนาๆอุ่นๆล้วงเข้ามาในเสื้อผ้าของผม

‘พี่คิดถึงเพลงจนจะทนไม่ไหวแล้ว’ พี่คังพยายามซุกไซร้เข้าที่ซอกคอของผม

“ง...งั้นเหรอ งั้นก็แล้วแต่พี่คังเถอะครับ” ผมตอบรับทันที



มีความสุขจัง นี่ซินะสัมผัสของมือที่อบอุ่น ร่างกายที่สามารถกอดก่ายได้อย่างเต็มรัก มีความสุข มีความสุขจริงๆ รู้สึกเหมือนกำลังฝันไปเลย.................



เดี๋ยวนะ*!*



นั่นซิ หรือว่านี่จะเป็นความฝันกันแน่นะ

พอมาคิดดูดีๆแล้ว จะเป็นไปได้ยังไงที่พี่คังมาปรากฏตัวอยู่บนเตียงของเรา คนอย่างพี่คังเนี่ยนะที่จะพูดว่าขอโทษ

แต่ถ้าจะให้ตื่นตอนนี้ก็ไม่เอาด้วยหรอก ไหนๆก็เป็นความฝันแล้ว งั้นก็จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบไปเลยละกัน

อยู่ในฝันไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันอะไรทั้งนั้น เพราะงั้นก็เริ่มด้วยการลิ้มรสชาติดุ้นเอ็นอันแสนหวานของพี่คังก่อนเลยละกัน



“อือออออ.....อ.....อั๊ก....อัก”

จำไม่ได้เลยแฮะว่าพี่คังมีดุ้นที่ใหญ่โตอลังการขนาดนี้ แถมพี่เขายังกระแทกเอวอัดท่อนสวาทใส่ช่องริมฝีปากของเราอย่างรุนแรงและหื่นกระหาย นี่คงเป็นฝันจริงๆนั่นแหละ คนสุภาพอ่อนโยนอย่างพี่คังจะแสดงพฤติกรรมร่วมรักที่รุนแรงแบบนี้ได้ยังไง

‘โอ๊ยยยย เสียว เสียวสุดๆไปเลย ทำไมถึงใช้ลิ้นเก่งแบบนี้’ ยิ่งได้ยินแบบนี้ยิ่งแน่ใจว่าเป็นความฝันแน่ๆ

เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอกินพี่คังเวอร์ชั่นความฝันให้เต็มที่หน่อยแล้วกัน



ลิ้นและริมฝีปากของผมตวับกวัดแกว่ง เร่งเร้าเพลาจังหวะ ทั้งดูด ทั้งทึ้ง เอ็นอุ่นสวรรค์อย่างหิวกระจาย หากเป็นไปได้ก็อยากจะเริ่มด้วยการชิมน้ำรักที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้น

แม้จะเป็นเพียงฝัน แต่จะขอเสพสุขให้สมใจ



‘อ....อ่าซซ’ เสียงครางแห่งความสุขของพี่คังดังขึ้นพร้อมกับมีน้ำใสๆโผล่เล็ดลอดออกมาจากปลายสุดของหัวกลมๆนั่น

นี่ไงออกมาแล้ว ต้องเลียให้หมดไม่ให้เหลือ

ว้าว หวานกว่าที่คิดแฮะ มีกลิ่นคาวของความต้องการทางเพศผสมเต็มไปหมดเลย

แต่ท่อนเอ็นของพี่คังเวอร์ชั่นในฝันนี่มันใหญ่ผิดหูผิดตาจริงๆนะ เล่นเอากรามของผมแทบค้างเลย ทั้งที่พยายามครอบสุดๆแล้วก็ได้แค่ครึ่งเดียวเอง

เอาล่ะ ต่อไปขอเล่นสนุกกับลูกตุ้มสองลูกข้างล่างหน่อยนะ



‘ส...ส...สุ....โอ๊ย....สุดยอด สุดยอดจริงๆ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันสุดยอดขนาดนี้’ ยิ่งได้ยินเสียงร้องของพี่คังยิ่งเหมือนทำให้ผมคลั่งหนักขึ้น นี่เป็นการละเลงลิ้นที่หนักหน่วงที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมาเลย ถึงมันจะเป็นความฝันก็เถอะ ‘ม....ไม่.....ไม่ไหวแล้วววว’

เหวออออ ทำอะไรอ่ะ

ทำไมพี่คังมีแรงเยอะจัง ยกตัวผมที่เดียวลอยเลย

เพียงไม่กี่วินาทีร่างกายของผมก็ถูกพลิกคว่ำลงบนเตียงหนานุ่ม ใบหน้าถูกมือใหญ่หนาของคนเบื้องบนกดแนบไปกับผ้าปูเตียง กางเกงถูกดึงหลุดออกอย่างง่ายดายเสมือนว่ามันเป็นแค่กระดาษแผ่นบางๆ แขนสองข้างก็ถูกรวบไปเบื้องหลังให้ทับกันไว้ก่อนจะถูกพันทนาการไว้ด้วยมือแกร่งเพียงมือเดียว ด้วยเหตุนี้ร่างกายของผมจึงถูกบังคับให้แอ่นบั้นท้ายรอรับการจู่โจมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

รุนแรงชะมัดเลย....

แต่ก็เพราะแบบนี้แหละที่ทำให้ผมยิ่งรู้สึกอารมณ์พุ่งพลานมากขึ้น

‘จะซอยไม่ยั้งเลย’ อย่าพูดแบบนี้ได้ไหม แค่นี้อารมณ์ทางเพศก็ปะทุจนจะถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว

เพียงชั่วลมหายใจเดียวที่ร่างกายของผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างที่แข็งขืนมากๆพยายามยัดแทรกของมาในร่างกายของผม เริ่มรู้สึกเจ็บแปลบๆแล้วแฮะ

‘ทำไมมันฟิตแบบนี้วะ เข้าไปซะทีดิ’ ไม่คุ้นกับพี่คังที่หยาบคายแบบนี้เลย แต่ก็อย่างที่ว่า แบบนี้ซิถึงจะเป็นเซ็กส์ที่ถึงใจ ‘ไม่ยอมง่ายๆหรอก’

เอ....? ความฝันประเภทไหนกันมีการใช้สารหล่อลื่นด้วย จะยังไงก็ช่าง ขอแค่ได้......

“อ๊ากกกกกกกกก” ผมร้องลั่นออกมาโดยไม่สามารถเก็บไว้ได้จริงๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าความฝันจะให้ความรู้สึกที่เหมือนจริงขนาดนี้ ทั้งแน่น ทั้งเจ็บ ทั้งจุก รู้สึกได้เลยว่าเอ็นแข็งแกร่งเสียบลึกจนแตะอวัยวะภายใน “ม....แม่งเอ๊ย ค....โคตรใหญ่เลย”

‘ซี๊ดดดดด ทำไมตอดแรงแบบนี้วะ ยังไม่ได้ซอยก็เสียวขนาดนี้แล้วเหรอ’ แม้แต่คนจู่โจมยังได้รับผลกระทบจากการ่วมเพศที่รุนแรง แล้วคิดดูซิว่าผู้ถูกกระทำอย่างผมจะรู้สึกมากแค่ไหน นี่มันมิติใหม่ของความฝันชัดๆ สมจริงยิ่งกว่าหนังโฟว์ดีซะอีก

“อะ....อ๊ะ.....โอย.....โอ๊ย..... ซี๊ดดด.... อ่าซ” มันเริ่มแล้ว การขยับร่างกายของคนเบื้องหลังในจังหวะแรกได้เริ่มขึ้นแล้ว แม้ใบหน้าของผมจะถูกกดแนบกับเตียงจนมองเห็นสิ่งรอบข้างไม่ได้ แต่เพราะท่อนเอ็นขนาดใหญ่ผิดมนุษย์นี่เองที่ทำให้ผมรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

ให้ตายเถอะ โดนเสียบมาก็เยอะ เจอมาทุกขนาดทุกรูปทรง แต่ที่ทั้งใหญ่ ทั้งยาว โค้งงอได้รูปนิดหน่อย แถมแข็งโป๊กอย่างกับสากหินแบบนี้ ไม่เคยพบไม่เคยเจอจริงๆ

“อ๊ากกกกก อ่าๆๆๆ” เปลี่ยนจังหวะแล้วเหรอ อะไรวะ จังหวะเดิมยังไม่ชินเลย กำลังจะเริ่มรู้สึกดีแล้วแท้ๆ มาเร่งจังหวะแบบนี้ก็ไม่ได้ปรับตัวกันพอดีซิ “ห...หาย....หายใจไม่ทัน ขอ...ขอพัก....ขอพักก่อนได้ไหม”

‘พักอะไร นี่ยังไม่ได้ซอยด้วยซ้ำ’ เป็นความฝันที่กูควบคุมอะไรไม่ได้เลยหรือไง ‘แม่งเอ๊ยยยย เสียวชิบหาย จะฟิตไปไหนเนี่ย’

“อะ อะ อะ อะ อะ อะ อะ อะ อะ อ่า อ่า อ่า ซ.... ซ.....ซ.... ซี๊ด” ค่อยๆรู้สึกดีขึ้นแล้ว ถ้าแบบนี้ก็พอไหวอยู่ “อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ๊ากกกกกกกก”

เอาอีกแล้ว จังหวะใหม่อีกแล้ว ทั้งเร็ว ทั้งแรง ท่อนเอ็นครูดถากรอบช่องแคบของผมจนร้อนผ่าว ถึงมันจะมีความเสียวซ่านเข้ามา แต่จะให้รับมือกับการกระหน่ำระดับนี้ได้ยังไง ไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ ไม่ไหวแล้ว

​"อ๊า!!"

ด้วยว่าไม่อาจรับมือกับการกระทำที่หนักหน่วง ผมจึงดิ้นหนีออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย

‘จะไปไหน’ ผมถูกดึงกลับมาทันทีที่ดิ้นออกจากการย่ำยีได้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว

“ด...เดี๋ยวก่อน แค่แป๊บเดียวนะขอร้อง” ผมร้องขอ

‘คิดเหรอว่าจะมีสิทธิ์ได้พัก มานี่!’ รุนแรงเกินไปแล้วนะ

คราวนี้ผมถูกจิกศีรษะให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะถูกจับยกไปนอนอ้าขาจนสุดบนโต๊ะเครื่องแป้ง

นึกว่าจะมองเห็นอะไรได้บ้าง แต่ก็มองไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าไหร่เลย ทุกอย่างมืดสลัวไปหมด ยิ่งมีความเมาและความเหนื่อยหอบเข้ามาเล่นงานแบบนี้ สติที่จะสำรวจความฝันของตัวเองกลายเป็นศูนย์ไปเลย เห็นก็แต่เงาดำใหญ่โตของพี่คังที่กำลังพยายามยัดเอ็นแกร่งแข็งเข้ามาในช่องสวาทของผมอีกรอบ



“โอ๊ะ....โอ๊ยยยยย จ...เจ็บ” ผมครางพร้อมกับหลับตาปี๋ ทำไมรุนแรงเหลือเกิน

“ชิ ไม่ถนัดเลย เอางี้แล้วกัน”

นี่เป็นอีกครั้งที่ร่างกายของผมถูกจับยกขึ้นอย่างง่ายดายเหมือนตุ๊กตาที่เด็กจับเหวี่ยงไปมา

“ซี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด อ่าซซซซซซซซซซซซซซ์” บ้าไปแล้ว ความรู้สึกแบบนี้มันอะไรกัน

ไม่นึกเลยว่าการถูกจับกระแทกกระทั้นในขณะตัวลอยเหนือพื้น ขาสองข้างถูกถ่างและอุ้มไว้ จะให้ความรู้สึกที่เสียวสะท้านไปทุกรูขุมขนแบบนี้ นี่หรือเปล่านะที่เขาเรียกว่าท่าลิงอุ้มแตง ความรู้สึกที่ขาดหายไปนานค่อยๆกลับมา ความสุขท้วมท้นที่ไม่อาจได้รับจากคนอื่น คิดไม่ผิดจริงๆที่ยอมสมสู่กับพี่คังในความฝัน “มันเสียว ส...เสียว เสียวมาก ดี....ด....ดีจัง โอ๊ย มันส์ มันส์สุดๆไปเลย”

‘อ่า..... โอ้ว...... อ่า........ สุดยอด ทำไมถึงตอดไม่หยุดแบบนี้’ เสียงของผู้กระทำที่เปิดเผยและพึ่งใจนี่มันชวนฟังจริงๆ แบบนี้จะเจ็บจะจุกแค่ไหนก็ยอมทั้งนั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ตอนนี้ไม่รู้สึกแย่เท่าไหร่แล้ว ความเสียวซ่านมันกลบความรู้สึกอื่นไว้ทั้งหมดเลย

ไม่รู้เลยว่าผ่านไปนานแค่ไหน ผมถูกเปลี่ยนท่าทางทุกๆห้านาที พอพี่คังเหนื่อยผมก็เปลี่ยนมาออกแรงช่วยแทน ท่าทางพี่เขาจะชอบใจมาก กระเส่าเสียงครางออกมาไม่เป็นภาษาเลย แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน แท่งเอ็นนั้นก็ยังแข็งตระหง่านไม่รู้ล้ม พร้อมชูชันอวดอ้างความยิ่งใหญ่ของตนเองอย่างเต็มภาคภูมิ

ทุกต่อมความรู้สึกของผมได้รับการเติมเต็มจนล้นออกมาเสียด้วยซ้ำ หากเป็นปกติผมคงต้องช่วยเหลือตัวเองไปด้วยระหว่างการทำกิจกรรมกามรม แต่ครั้งนี้ผมไม่จำเป็นต้องเอื่อยมือไปแตะอะไรเลย แค่ประคองร่างกายตัวเองไว้ไม่ให้มันหมดแรงก็เป็นพอ

ผมไม่อยากหยุดความรู้สึกนี้เลย ไม่อยากให้มันจบลง อยากหลับตาฝันอยู่แบบนี้เรื่อยไป

‘ช....ชิบ.....ไม่.....ไม่ไหวแล้ว’ แต่ความสุขก็ต้องมีวันสิ้นสุด คำพูดอันเป็นสัญญาณของสถานีปลายทางดังขึ้นจากผู้กระทำ

“ซี๊ดดดด อะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่าซซซซซซซ” ความรู้สึกเสียวซ่านของผมถูกกระชากกลับมาอีกครั้งจนต้องร้องครางเสียงดัง

แม้เป็นโค้งสุดท้าย แต่คนเบื้องบนที่กำลังจู่โจมผมอยู่ขณะนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาอัดความเร็วแรงเฮือกสุดท้ายเข้าใส่ช่องรักของผมอย่างเต็มกำลัง อวัยวะภายในดิ้นพล่านจนมวนท้อง ความรู้สึกซ่านสวาททั้งหมดค่อยๆควบรวมมาไว้ที่จุดๆเดียว ใจกลางประสาทสัมผัสทั้งสิ้นทั้งมวลเหมือนถูกรุกเร้าโดยไม่จำเป็นต้องแตะสัมผัส แล้วจากนั้นไม่นานมันก็......

‘แตก จะแตก.... จะแตกแล้ว’

ผมก็เหมือนกัน น้ำข้างในมันทนอยู่ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ระเบิด กำลังจะระเบิดออกมาแล้ว

“อ่าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ”

“แม่งเอ๊ยยยยย แตกแล้วววววววววววววววววว........”

เห้ออออออออ

อุ่นจัง เหนียวๆ หนึบๆ ความรู้สึกเหมือนมีของเหลวเหนียวๆเคลื่อนที่ไปมาเต็มท้องเลย มันคงถูกปล่อยเข้ามาในร่างกายของผมมากเกินไปซินะ สัมผัสได้เลยว่ามันดิ้นรนหาทางออก

‘มีความสุขสุดๆไปเลย’

“งื้ออออ”

สุดท้ายจบลงด้วยริมฝีปากของเราสองก็ประกบแนบชิดกันเหมือนเป็นการขอบคุณที่ส่งมอบความรู้สึกมากมายผ่านเวลาอันยาวนานแสนหวานหอม



รสจูบเป็นแบบนี้เองซินะ ไม่ได้สัมผัสมานานเลย ก็เราไม่เคยอนุญาตให้ใครได้แตะต้องมันมาก่อนนี่นา ครั้งนี้ถือเป็นกรณียกเว้นก็แล้วกัน ก็มันเป็นแค่ความฝันนี่นา แต่ความฝันแบบนี้..... ไม่อยากให้จบลงเลย



เหมือนว่าได้เติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไป







ติ๊ดๆๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆๆ



เสียงอะไรละเนีย

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ตาหนักสุดๆไปเลย เมื่อคืนคงดื่มไม่น้อยเลยซินะ



เอ๊ะ!? นี่มันนาฬิกาปลุกของใครวะ กูไม่มีนาฬิกาตั้งโต๊ะแบบนี้นี่นา



“อือออออออ” เสียงใครมาบิดขี้เกียจแถวนี้วะ

อ๋อ ไอ้อาร์มนี่เอง

“เฮ้ย!!!!” ผมร้องออกมาไม่รู้ตัว

ท....ท.... ทำไมไอ้อาร์มนอนโป๊อยู่แบนั้นล่ะ



“เหี้ย!!!!!!!” กูก็ด้วย เสื้อผ้า เสื้อผ้ากูหายไปไหน “โอ๊ย!”

อะไรวะ ทำไมรู้สึกเจ็บๆแสบๆตรงก้น



ด...เดี๋ยวนะ แล้วนี่มันน้ำอะไรเหลวๆไหลออกมาละเนีย



ผมค่อยๆสำรวจด้วยการมองต่ำไปที่เบื้องล่างของตัวเอง



น....น.....นี.........นี่มัน......................



เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ไม่ใช่ความฝันหรอกเหรอ อย่าบอกนะว่า...........









..............กูเสร็จไอ้อาร์มไปแล้ว
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... เติมเต็ม vs ขาดหาย - 26/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 26-12-2018 23:49:12
 :haun4: :jul1: :pig4:  อ้ากกกรอต่อคะ
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ง้อ vs งอน - 27/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 27-12-2018 21:19:13
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 3 / เหมือนเดิม เปลี่ยนไป

ความที่ 1 จาก 3 / ง้อ vs งอน









“นี่มันเกิดอะไรขึ้นได้ยังไงวะ” ไอ้อาร์มเอาแต่พูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา มันนั่งกุมหัวตัวเองอยู่ปลายเตียงโดยที่ยังเปลืองท่อนบนอยู่

“กูต่างหากที่ต้องเป็นคนถามว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น” ผมประท้วง ตัวผมตอนนี้ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องและแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว “มึงมาทำเหี้ยๆ กับกูแบบนี้ทำไม”

“อย่ามาตอแหลไอ้สัดเพลง ถึงกูจะเมามากแค่ไหน แต่กูก็จำได้นะว่ามึงยินยอมพร้อมใจด้วย”

“ก...ก็กูไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงนี่หว่า กูนึกว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ แล้วกูก็ไม่คิดด้วยว่าจะเป็นมึง กูนึกว่าเป็น....”

“เป็นใคร?”

“พ....พี่คัง” ผมสารภาพ

“ไอ้สัด หายใจเข้าหายใจออกมีแต่พี่คังนะมึงอ่ะ แล้วมึงไม่เอ๊ะใจบ้างรึไง อย่างพี่คังของมึงอะเหรอ จะทำให้มึงเสียวจนขึ้นสวรรค์ได้แบบกู”

“สวรรค์พ่อมึงดิ หุบปากไปเลยนะ มึงเองก็ครางเป็นหมาหิวเหมือนกันนั่นแหละ เชอะ ทำเป็นโชว์ว่าฟันผู้หญิงมาเยอะ โดนกูเล่นท่านิดหน่อยก็ร้องไม่เป็นภาษา”

“ไอ้สัด”

“ทำไม หรือไม่จริง”

“เออ!! ช่างแม่งเหอะ กูก็เข้าใจผิดเหมือนกัน นึกว่ามึงเป็นน้องเด็กบัญชี ก็เลยหูหนวกตาบอดไม่ดูอะไรเลย โอ๊ยยยยย ต่อไปกูจะไม่แดกเหล้าอีกแล้ว”

เห้ออออออออออ

“งั้นก็เอาเป็นว่าเราเข้าใจผิดกันทั้งคู่ก็แล้วกัน มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็พอ จะได้ไม่ต้องมานั่งวิตกกังวลอะไรอีก” ผมก็คิดได้แค่นี้แหละ แล้วจะให้ทำยังไงอ่ะ จะให้ยอมรับว่าเพิ่งกินเพื่อนสนิทตัวเองงี้อะเหรอ ไม่ไหวอ่ะ อีกอย่าง ถ้าพูดกันตามจริง ผมก็มีเซ็กส์กับคนแปลกหน้าไม่เว้นแต่ละวันอยู่แล้ว ถือซะว่านี่เป็นเซ็กส์บำบัดอีกครั้งนึงก็แล้วกัน

“เอางั้นเหรอวะ” ไอ้อาร์มเหมือนไม่ค่อยแน่ใจในความคิดนี้

“เอางี้แหละ กูกลับแล้วนะ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน”

“เฮ้ย เดี๋ยวดิ” ไอ้อาร์มคว้าแขนผมไว้

“อ...อะไร” ก็โดนมันจับตัวออกจะบ่อยนะ แต่ทำไมครั้งนี้รู้สึกขนลุกจังวะ

“เอ่อ....คือ.....มึง....”

“จะพูดอะไรก็พูดมา” อ้ำอึ้งอยู่ได้ กูยิ่งอยากออกไปจากตรงนี้อยู่ เผื่อจะลืมได้เร็วขึ้น

“มึง.... เจ็บมากเปล่าวะ” ถามบ้าอะไรของมึงเนีย แถมยังหน้าแดงอีก แล้วกูจะเก็บอาการไว้ยังไงไหววะ

“ก็เจ็บดิ ถามได้”

“เจ็บมากเลยเหรอวะ มึง...เอ่อ....มึงไม่รู้สึกดีบ้างเลยเหรอ คือกูก็ไม่ได้จะอะไรนะเว้ย แต่ถ้ากูรู้สึกดีอยู่ฝ่ายเดียวแล้วมึงไม่มีความสุขบ้างเลย กู....รู้สึกเห็นแก่ตัวว่ะ”

“ก....ก็....ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก ก็พอจะ....รู้สึกดีบ้าง”

“ร....เหรอวะ เออๆ ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยที่กูพลาดพลั้งทำไปก็ยังพอจะทำให้มึงรู้สึกดีบ้าง”

“อืม”

นี่มันบรรยากาศแบบไหนกันวะเนีย รู้สึกหวิวๆ หน่วงๆ ใจเต้นตุบๆยังไงก็ไม่รู้

“กู....กูไปก่อนนะ” ไม่ได้ๆ ต้องรีบออกไปจากตรงนี้

“เออๆ รีบไปเหอะ” ไอ้อาร์มก็พยายามจะกลับมาเป็นปกติ “งั้นก็เจอกันที่มหาลัยนะ”

“อืม..... แต่มึงอย่าบอกเรื่องนี้ให้ไอ้แว่นรู้นะ ไม่งั้นมันล้อเราสองคนข้ามปีแน่”

“เออ กูรู้แล้วน่า”

“รู้ก็ดี กูไปละ”



เห้ออออ โล่งอกจังที่คุยกันเป็นปกติได้

เอาวะ เกิดขึ้นไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ในเมื่อทั้งผมกับไอ้อาร์มหาข้อสรุปร่วมกันได้แบบนี้ก็คงไม่มีปัญหา





“เฮ้อออออออออ” อาการสดชื่นจังเลยเช้าวันนี้

แปลกจังเลย ทั้งๆที่มามหาลัยทุกวัน แต่ทำไมวันนี้มันดูสดชื่นบอกไม่ถูก หรือจะเป็นเพราะว่า......

ไม่ๆๆๆ คงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้หรอก

บ้าเอ๊ย กลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว ที่สำคัญก็คือ ไอ้ที่กูปฏิญาณไว้ว่าจะไม่มีอะไรกับใครในวันเกิดของพี่คังก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า อะดิ แถมยังทำกับไอ้อาร์มซะอีก

โอ๊ะ ไหนบอกจะไม่คิดไง

พอๆๆๆๆ



“ไอ้เพลงงง ทางนี้” เสียงไอ้แว่นนี่นา

โอ้ ตรงโน่น เจอแล้ว

ผมเร่งฝีเท้าไปหาไอ้แว่นที่นั่งรอทานอาหารเช้าอยู่ที่โรงอาหาร

ชิบหายละไง ไอ้อาร์มก็นั่งอยู่ด้วย

ไม่ซิๆ เราต้องทำตัวเป็นปกติเข้าไว้

“ว...ว่าไงเพื่อน เช้านี้หน้าตาสดใสนะมึงอ่ะ” ผมกล่าวทักไอ้แว่น

“อะไรของมึงวะ” ไอ้แว่นทำหน้าสงสัยใส่ผม

“หมายถึงอะไร” มันสงสัยอะไรวะ หรือว่าไอ้อาร์มจะเล่าเรื่องนั้นให้มันฟังแล้ว

“ก็มึงอะดิ ทำไมมานั่งฝั่งกู ปกติมึงต้องนั่งฝั่งเดียวกับไอ้อาร์มไม่ใช่เหรอ”

“กูก็...เปลี่ยนบรรยากาศบ้างไง” แถไปก่อนละกัน

“แปลกๆนะมึงอ่ะ ไอ้อาร์มก็เหมือนกัน วันนี้ดูมึงสงบปากสงบคำผิดปกตินะ”

"....." ไอ้อาร์มแค่ยักไหล่ ไม่ช่วยกูพูดอะไรเลยนะมึง

“แปลกจริงๆด้วย เมื่อคืนมึงสองคนไปทำ.....”



“ขอโทษนะจ๊ะ” ป้าเจ้าของร้านข้าวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายพวกผม

“ครับ?” ทักใครวะ

“หนูใช่คนในรูปนี้หรือเปล่า” คุณป้ายื่นภาพในโทรศัพท์ให้ผมดู ซึ่งมันก็คือภาพของผมนั่นแหละ แต่เหมือนถ่ายมาจากมุมไกลๆหน่อย

“ใช่ครับ” ผมตอบ

“อ้อ หนูนี่เอง คนที่ชื่อปั้นจั่นเขาฝากขนมพวกนี้ไว้ให้น่ะจ๊ะ บอกว่าถ้าเจอหนูแล้ว ให้เอาให้ด้วย”

“ฝากให้ผม?”

“ใช่ๆ”

“อ...อ๋อ ขอบคุณนะครับ” ผมรับของมา ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก แค่ช็อคโกแลตกับขนมขบเคี้ยวสองถุง



“ใครคือปั้นจั่นวะมึง” ไอ้แว่นถามทันทีที่ป้าจากไป

“อืมมมม รู้สึกว่าจะเป็นพี่ปีสี่ที่เป็นประธานชมรมฟุตบอลของมหาลัยอ่ะ” ผมตอบ น่าจะใช่นะ

“โหหหหห นี่มึงสอยประธานชมรมฟุตบอลมาได้แล้วเหรอ”

“ยังซะหน่อย เขาแค่สนใจกู แต่เขาก็หล่อใช้ได้นะ สบโอกาสเมื่อไหร่ก็ว่าจะลองชิมดู”

“ไม่ธรรมดาจริงๆเพื่อนกู ว่าแต่ กูขอกินขนมด้วยดิ”

“เอาดิ กินเลย”

“แต้งกิ้วเพื่อน ไอ้อาร์มๆ มากินด้วยกันดิ นานๆมีของฟรีตกถึงท้องนะมึง”

“ไม่กิน! กูแดกไม่ลง!” เฮือกกกกก อะไรของมันวะ จู่ๆก็ถมึงทึงขึ้นมา

“อ้าว แล้วมึงจะไหนอ่ะ” ไอ้แว่นพยายามเรียกไอ้อาร์มที่ลุกเดินออกไป “ไม่กินข้าวก่อนเหรอ”

“ไม่ กูไม่หิว” มันตอบสั้นๆแล้วเดินจากไป



“เฮ้ยๆ” ไอ้แว่นสะกิดผม “ไอ้อาร์มมันเป็นอะไรวะ ทำไมอยู่ดีๆมันก็อารมณ์เสียวะ”

“กู....ไม่รู้เหมือนกัน” เอาจริงๆก็ไม่ค่อยเข้าใจอะนะ หรือว่าจริงๆแล้วกูเข้าใจวะ “หาไรกินกันเหอะมึง เดี๋ยวเข้าเรียนสาย”

“เออๆ ก็ได้”





เห้ออออออออ

เรียนไม่รู้เรื่อง

หงุดหงิดในใจยังไงไม่รู้ ตั้งแต่เห็นท่าทีของไอ้อาร์มเมื่อเช้า มันชวนให้ผมเป็นกังวลยังไงไม่รู้

หรือว่ามันจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมแล้ววะ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอ่ะเหรอ

หรือว่ามันจะหงุดหงิดที่ผมได้ขนมจากพี่ปั้นจั่น แล้วมันจะหงุดหงิดด้วยสาเหตุอะไรได้ล่ะ

ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว



“ชลธร........... ชลธร!!!”

“ค...ครับ” โดนอาจารย์เรียกเหรอวะ หูดับไปตอนไหนเนีย

“คิดได้หรือยังว่าจะทำหัวข้ออะไร” อาจารย์ถามถึงหัวข้อรายงานกลุ่มที่ให้คิดเมื่อตอนต้นชั่วโมง

“ย...ยังคิดไม่ออกครับ” ยังไม่ได้คิดซะมากกว่า

“รีบหน่อยนะ จะหมดชั่วโมงแล้ว”

“ครับ” ขืนเป็นแบบนี้คิดไรไม่ออกแหงเลย “เมย์ เมย์”

“มีอะไร” เพื่อนผู้หญิงอ้วนเตี้ยที่ร่วมคลาสเดียวกับผมขานรับ

“ช่วยคิดหัวข้อให้หน่อยดิ” ผมร้องขอ “เราปวดหัวอ่ะวันนี้ คิดอะไรไม่ออกเลย”

“ก็เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าเพลงจะเป็นคนคิดหัวข้อกับเป็นคนพรีเซ็นต์ แล้วพวกเราที่เหลือจะทำรายงานให้เอง อีกอย่าง จะให้เราเนียนะเป็นคนคิด ในกลุ่มเรามีแต่เพลงเท่านั้นแหละที่หัวดีที่สุด คิดไปเถอะนะ ถ้าเพลงคิด อาจารย์คงไม่ตำหนิเท่าให้คนอื่นในกลุ่มคิดหรอก”

โอ๊ยยยย อะไรกันเนีย

เอาวะ

พระพุทธเจ้าสอนให้เราแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ งั้นผมก็ต้องเริ่มที่ต้นเหตุของปัญหานี้...



\ไอ้อาร์ม\ ผมตัดสินใจพิมพ์ข้อความไปหาไอ้อาร์ม

\ว่า\ ตอบกลับมาแล้ว แต่ตอบสั้นเกิ๊น ไม่ปกติเลย

\เรียนอยู่หรือเปล่า\

\อืม\ เดี๋ยวเถอะมึง ทำเป็นไม่อยากตอบนะ

\มึงกินข้าวเช้าหรือยัง\

\ยัง\

\ไม่หิวเหรอวะ\

\หิวดิ ถามได้\ เริ่มตอบยาวขึ้นหน่อยแล้ว

\แล้วทำไมเมื่อเช้าไม่กินข้าววะ\

\ไม่มีอารมณ์จะกิน ถามทำไม\

\ก็ไม่มีอะไร ปกติมึงไม่เคยขาดข้าวเช้า ก็เลยกลัวว่ามึงจะหิว\

\จะซื้อมาให้กูหรือไง\

\ถ้าอยากให้ซื้อก็จะซื้อให้ แต่กูคงไม่วิ่งเข้าไปให้มึงหรอกนะไอ้เวร\

\555+\ พิมพ์มาแบบนี้แปลว่าอารมณ์ดีแล้วซินะ \เออๆ เดี๋ยวพักเบรกแล้วกูจะไปหาอะไรกินละกัน\

\โอเค\



โอเคคคคคค แบบนี้ค่อยสมองโล่งหน่อย

คิดงานต่อได้



หลังจากเรียนเสร็จภาคเช้า ผมก็กลับหอพักทันที เพราะวันนี้ไม่มีเรียนภาคบ่าย กลับถึงห้องได้ก็หลับแบบยาวนานต่อเนื่องจนถึงเช้าของอีกวันเลย สงสัยเพราะพักผ่อนน้อยไปหน่อยในคืนที่ผ่านมา



เย้.... วันศุกร์หรรษามาถึงซะที วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เรียนแค่ภาคเช้า ขอบคุณบรรพบุรุษที่สร้างวันเสาร์อาทิตย์ไว้รอผม



“อ้าว ไอ้แว่นยังไม่มาอีกเหรอ” ผมทักทายไอ้อาร์มด้วยการถามหาไอ้แว่นก่อนเลย วันนี้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อยแล้ว ไม่รู้สึกเกร็งเหมือนเมื่อวาน แต่ก็ยังไม่กลับไปนั่งข้างมันนะ มันรู้สึกเขินๆบอกไม่ถูก

“ถ้ามันมาแล้ว มึงก็ต้องเห็นดิ” ไอ้สัด ตอบดีๆไม่เป็นหรือไง “ทำไมเมื่อคืนไม่รับโทรศัพท์กู”

“กูนอน” ผมตอบ

“นอนเหี้ยอะไรตั้งแต่บ่าย ค่ำก็ไม่รับ ดึกก็ไม่รับ กูโทรไปตั้งหลายสาย”

“ก็กูหลับตั้งแต่บ่ายจนถึงเช้าไง”

“ไม่จริงอ่ะ กูไม่เชื่อ”

“เอ้า กูจำเป็นต้องมาอธิบายให้มึงฟังไหมเนีย”

“จำเป็นดิวะ กูก็มีเรื่องจะคุยกับมึงอ่ะ”

“กูก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง มีไรก็พูดมาดิ”

“มึงก็บอกมาก่อนดิว่าเมื่อคืนมึงไปทำอะไรมา”

“กูก็บอกไปแล้วไงว่ากูนอนหลับ”

“มึงจะนอนอะไรเยอะขนาดนั้น”

“ก็เมื่อคืนก่อนกูแทบไม่ได้นอนเลยไง เพราะมึงนั่นแหละ...” เชี่ยละไงกู พูดแบบนี้ต่อหน้ามันก็เท่ากับเป็นการไปตอกย้ำเรื่องคืนนั้นอะดิ

“อ๋อ แบบนั้นเองหรอกเหรอ” เหมือนว่าไอ้อาร์มจะพอใจในคำตอบแฮะ หรือกูคิดไปเอง

“ล...แล้วมึงมีธุระอะไรจะคุยกับกู”

“กูอะเหรอ?”

“เออ ก็มึงบอกว่ามีธุระไม่ใช่เหรอ”

“กูก็..... กู เอ่อ....” ทำไมต้องนึกนานขนาดนั้น “กูกำลังตัดสินใจว่าจะซื้อรองเท้าคู่ไหนดี ก็เลยจะโทรไปขอความเห็นจากมึง”

“ห๊ะ ที่โทรมาเกือบสิบสายเพราะเรื่องแค่นี้อะนะ”

“เรื่องแค่นี้ที่ไหน นี่มันสำคัญนะเว้ย มันเป็น....เอ่อ.... รองเท้าที่กูต้องใช้ในวันคัดตัวเป็นนักรักบี้ทีมชาติเลยนะ มึงไม่ใช่นักกีฬา มึงไม่เข้าใจความสำคัญของอุปกรณ์หรอก”

“ถ้ามึงจะบอกว่ากูไม่เข้าใจ แล้วจะขอความเห็นจากกูทำไม”

“ก....ก็..... มึงเลือกเสื้อผ้าเก่ง เผื่อจะช่วยเลือกสีที่มันเหมาะกับตัวกูไง ไม่รู้อ่ะ พรุ่งนี้มึงต้องไปสปอร์ตคลับเป็นเพื่อนกูด้วย กูจะซื้อรองเท้าใหม่”

“ไม่เอา ไม่ไป กูจะนอนดูหนังที่ห้อง วันหยุดของกู ใครห้ามแตะ”

“ต้องไป นี่มันเกี่ยวพันกับอนาคตทีมชาติของกู วันหยุดของมึงจะมีเมื่อไหร่ก็ได้ อย่ามาพูดจาเอาแต่ใจนักได้ป่ะ”

“มึงต่างหากเล่าที่เอาแต่ใจ ไอ้....”

“พรุ่งนี้สิบโมง เดี๋ยวกูไปรับ”

“ห๊ะ”

“คืนนี้รับโทรศัพท์กูด้วย กูมีอีกหลายอย่างจะถาม ทั้งเสื้อ กางเกง กระติกน้ำ ผ้าเช็ดหน้า เพราะงั้นมึงห้ามออกไปไหน ทำตัวให้ว่าง รอรับโทรศัพท์กูอย่างเดียว เข้าใจ๊?”

“ก็บังคับกูขนาดนี้แล้ว จะให้กูพูดว่ายังไงล่ะ”

“อย่าพูดอะไรแบบนั้นซิ กูเขินนะ”

“กูไม่ได้ชม” ไอ้ๆๆๆ ไอ้ตลกชินจัง ยอมความตลกหน้าตายของมึงจริงๆ



“หนูๆ” คุณป้าคนเมื่อวานปรากฏตัวขึ้นมาอีกแล้ว “คนชื่อปั้นจั่นฝากขนมมาให้อีกแล้ว”

“อ๋อ ครับผม ขอบคุณมากนะครับ.....” เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อนนะ ผมรีบเหล่มองไอ้หล่อที่นั่งอยู่ตรงข้าม ชิบหายล่ะ หน้าบอกอารมณ์อย่างชัดเจน จากที่ตัวใหญ่อยู่แล้วกลับดูตัวใหญ่ขึ้นไปอีก สงสัยจะหงุดหงิดมาก “คือ.... รบกวนคุณป้าเอาไปคืนให้พี่เขาหน่อยนะครับ บอกว่าผมไม่ขอรับไว้ดีกว่า เกรงใจน่ะครับ”

“เอาอย่างงั้นเหรอ” คุณป้าถาม

“ครับ รบกวนหน่อยนะครับ แล้วป้าไม่ต้องรับอะไรมาให้ผมอีกแล้วนะครับ เอางี้แล้วกัน” ผมควักธนบัตรออกมาให้คุณป้า “ผมให้เป็นค่าเสียเวลานะครับ”

“ไม่ต้องๆ พ่อหนุ่มคนนั้นให้ป้ามาเยอะแล้วล่ะ”

“เอ่อ... งั้นเหรอครับ งั้นก็ขอบคุณนะครับ”

“จ๊ะๆ” แล้วเธอก็เดินจากไปพร้อมของฝาก



“ฮัลโหลเพื่อนรัก” อืม ไอ้แว่นมาถึงพอดีเลย มาช่วยเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยดิ “เมื่อกี๊กูเห็นป้าร้านข้าวเดินมาคุยกับมึง ประธานชมรมฟุตบอลฝากขนมมาให้มึงอีกแล้วเหรอ”

ไอ้สัด กูให้มาเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ใช่มาย้ำเรื่องเดิม

“ไม่ใช่” ผมรีบปฏิเสธ

“อ้าว แล้วมาคุยกับมึงทำไมวะ” ยังจะถามอีก

“ไม่มีอะไรหรอก ไปหาซื้อข้าวแดกกันเหอะ เดี๋ยวจะสาย”

“เออๆ ไปก็ไป”

“เดี๋ยวก่อน” ไอ้อาร์มเรียก จากนั้นไม่นานมันก็ยื่นช็อกโกแลตแท่งมาให้ผม

“เฮ้ยๆๆๆๆ อะไรยังไงกันวะเนียไอ้อาร์ม” ไอ้แว่นตาลุกวาบเหมือนนักข่าวได้สกรุ๊ปชิ้นโต “มีซื้อช็อกโกแลตมาให้ไอ้เพลงซะด้วย”

เออ นั่นดิ กูก็อึ้งเหมือนกัน

“กูซื้อให้มึงด้วย” แล้วไอ้อาร์มก็ยื่นอีกแท่งมาให้ไอ้แว่น

“เนื่องในโอกาสอะไรวะ” ไอ้แว่นถาม

“เขาแจก กูได้มาฟรี” มันตอบสั้นๆ แล้วก็เดินออกไปซื้อข้าวเฉยเลย

“หึ? สรุปว่ามันซื้อหรือได้มาฟรีกันแน่วะ แล้วไอ้ช็อกโกแลตราคาแพงแบบนี้ ที่ไหนเขาแจกฟรีวะ ห๊ะไอ้เพลง มึงรู้ไหม เดี๋ยวจะได้ไปเอาบ้าง”

“ไม่รู้ดิ” ผมตอบเอื้อยๆ พยายามมองตามไอ้นักรักบี้ที่เดินลอยหน้าลอยตาเลือกซื้ออาหาร

“ช่างเหอะ ได้ของฟรีก็ดีแล้ว ไปซื้อข้าวกันเหอะมึง เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน กูต้องกลับไปตึกคอมอีก”

“เคๆ”



นี่ผมคิดมากเกินไปหรือเปล่านะ แต่รู้สึกเหมือนกับว่าไอ้อาร์มจะเปลี่ยนไปยังไงไม่รู้ มันดูจะหงุดหงิดที่เห็นผมยุ่งกับผู้ชายคนอื่น

เอ..... ไม่หรอกน่า ผมอาจจะคิดมากเกินไป





เย็นวันนั้นไอ้อาร์มวิดีโอคอลมาหาผมเพื่อให้ผมช่วยเลือกอุปกรณ์กีฬาให้มันอย่างที่นัดไว้จริงๆ



“สรุปว่าอันไหนดีกว่ากันแน่วะ” ไอ้อาร์มถามผ่านวิดีโอคอล

“มึงถามกูแบบนี้มาเป็นร้อยๆรอบแล้วนะเว้ย” ผมเริ่มโวยวาย “พอกูตัดสินใจให้ก็เถียงนั่นเถียงนี่ แล้วก็เอากระเป๋า เอาเสื้อ มาวนถามกูอยู่นั่นแหละ กูพูดกับมึงไม่ไหวแล้วนะ”

“โห ไรวะ แค่นี้เอง”

“แค่นี้ห่าอะไร จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว น้ำกูก็ยังไม่ได้อาบ พรุ่งนี้ก็ให้กูไปซื้อของกับมึงอีก”

“จริงดิ นี่จะเที่ยงคืนแล้วเหรอวะ”

“เออดิ กูจะหลับคามือถืออยู่แล้วเนีย”

“โทษทีๆ งั้นเอาไว้แค่นี้ก่อนก็ได้ มึงก็รีบอาบน้ำนอนนะ เดี๋ยวตื่นไม่ทันกูไปรับ ตื่นเช้าหน่อยนะ เผื่อกูเข้าไปรับเร็ว”

“เออ” กดวางแม่งเลย



บ้าชิบหาย เสียเวลาคุยกับมันตั้งห้าชั่วโมง ไม่เป็นอันทำอะไรเลย แล้วยังจะโดนมันบังคับให้รีบอาบน้ำนอนอีก ทำไมรู้สึกเหมือนเวลาว่างหายไปวะ



เห้ออออ เลิกเซ็งแล้วไปอาบน้ำดีกว่า.........................







....................พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ง้อ vs งอน - 27/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 28-12-2018 14:44:14
ตอนแรกลองอ่านดู เห็นการปูเรื่องของอาร์มกับเพลงแล้วก็นึกว่าเรื่องอาจจะเป็นโรแมนซ์แบบเร่าร้อนปนดราม่า พอเห็นบทพูดเท่านั้นล่ะ นี่มันโรแมนซ์คอเมดี้นี่นา (หัวเราะ) เยี่ยมครับ ผมให้ผ่านเลยครับ

อย่าว่ากันนะ แต่ผมสงสารน้องแว่นอะ ฮะๆ อยู่ท่ามกลางหนุ่มสาวผู้เก็บแต้มแต่รั่วชิบหายขนาดนี้ (หัวเราะ) อย่างอาร์มนี่ ตอนแรกก็ดูจะเพลย์บอยมากๆ แต่พออยู่กับเพื่อนหรือพอกินเหล้าเท่านั้นละ มีมุมที่โคตรฮาเลย อย่างตอนที่ผงกหัวขึ้นมาอุทานว่าหรือว่าอีน้องเด็กบัญชีจะมาเก็บแต้มมันอีกนี่ โอ้โห คิดไปได้พ่อคุณ ฮ่าๆ แถมยังแค้นมากจนบอกว่าจะซอยให้ร้องขอชีวิตเลย โอย ผมนี่กลั้นขำแทบไม่อยู่เลยครับ

เพลงเองก็ใช่ย่อย เป็นตัวนางชั้นเยี่ยมเลย แม้จะไล่วันไนท์แสตนด์กับคนไปทั่วแต่ก็มีมาดและมีกฏอย่างดี แต่พออยู่กับเพื่อนก็เผากันแหลกเหมือนกัน ซึ่งน้องแว่นทำได้แต่ตาปริบๆคอยฟังเรื่องที่สองคนนี้ไปเจอมาและพร้อมจะเล่า

ผมว่าการบรรยายแบบนี้ดีนะครับ มันได้บรรยากาศของความอบอุ่นของการเป็นเพื่อน ในฉากที่มีน้องแว่น อาร์ม แล้วก็เพลง บทสนทนาของสามคนนี้มันทำให้เราเห็นพื้นเพและเนื้อแท้ของแต่ละคนอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องใช้บทบรรยายหรูหรา ออกจะเป็นบทสนทนาง่ายๆที่ด่ากันไปมาด้วยซ้ำ แต่มันมีความทรงพลังและทำให้คนอ่านเห็นภาพชัด โดยเฉพาะฉากที่อาร์มกับเพลงสลับกันแฉเบื้องหลังของอีกฝ่ายนี่ ผมนี่แทบน้ำตาเล็ดเลยครับ เออเวิร์คจริง เพราะในชีวิตจริงเราก็คุยกันแบบนี้

ส่วนเรื่องการดำเนินเรื่องก็โอเค ผมชอบเคมีตัวละครระหว่างกันอยู่แล้ว ด้วยการบรรยายของคุณราชามันก็ทำให้ตัวละครสมจริงขึ้นมาได้ อาจต้องตินิดนึงตรงที่ บางส่วนเหมือนจะรีบพิมพ์ไปจนตกๆหล่นๆ ไม่ได้ใช้ภาษาผิดหรือสะกดผิดนะครับ แต่บางคำเหมือนรีบพิมพ์จนสลับ เช่น
- ซอยจนขอร้องชีวิต (จริงๆต้องเป็น ร้องขอชีวิต)
- อุส่า (ต้องเป็น อุตส่าห์)
- เว่ย (ต้องเป็น เว้ย)
- เห้ย (ต้องเป็น เฮ้ย)

แต่คำหยาบอันอื่นโอเคแล้วนะครับ บางคำก็สัทเสียงเพื่อใช้กับบทสนทนาถูกต้อง (เช่น ว้า) ถ้ายังไง ผมเดาว่าคุณราชาพิมพ์ไปอย่างเมามันแล้วก็เช็คคร่าวๆแล้วเอาลงเลย เลยจะขอแนะนำว่า ให้ลองตรวจก่อนลงอีกสักรอบก่อนก็ดีครับผม จะได้พิสูจน์อักษรได้แม่นๆ รวมถึงอาจจะไม่จำเป็นต้องล็อกว่าต้องลงทุกวันตอน 3 ทุ่มก็ได้ เพราะมันอาจจะเป็นการกดดันตัวเองเกินไป บางทีพล็อตอาจจะตันได้ แต่การเขียนแบบรวดเดียวให้อารมณ์ต่อเนื่องแบบนี้ดีแล้วนะครับ เพราะมันทำให้ตัวละครสดและต่อกันติด (อาจจะไม่ต้องเอาลงถี่ๆก็ได้ แต่เขียนเก็บสต็อกไว้น่ะครับ)

อีกเรื่องนึงที่อยากแซวตัวละคร คือเพลง เป็นยังไงล่ะครับ เก็บมาหลายขนาดแล้ว เจอของนักรักบี้ทีมชาติเข้าไป ทั้งขนาด ลีลา น้ำอดน้ำทน ทำเอาหลั่งได้จากการสอดใส่อย่างเดียวนี่ไม่ธรรมดานะครับ ผมว่าสกิลฝีมือบนเตียงของสองคนนี้สูสีกันอะ เพราะมาสายเก็บแต้มพอๆกัน (หัวเราะ) อาร์มนี่อาจจะได้เปรียบบรรดาคนในอดีตของเพลงนิดหน่อยตรงที่มีสมบัติโอเวอร์ไซส์จากปกติไปมากโข แต่สกิลเพลงก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน รับกันได้จนถึงเช้านี่น่ะครับ อยากเห็นบทบนเตียงของสองคนนี้อีกจริงๆ อยากรู้จะเผ็ดขนาดไหน แล้วใครจะชิงอำนาจเหนือบนเตียงได้ (หัวเราะ)
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ง้อ vs งอน - 27/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 28-12-2018 17:04:32
ตอนแรกลองอ่านดู เห็นการปูเรื่องของอาร์มกับเพลงแล้วก็นึกว่าเรื่องอาจจะเป็นโรแมนซ์แบบเร่าร้อนปนดราม่า พอเห็นบทพูดเท่านั้นล่ะ นี่มันโรแมนซ์คอเมดี้นี่นา (หัวเราะ) เยี่ยมครับ ผมให้ผ่านเลยครับ

อย่าว่ากันนะ แต่ผมสงสารน้องแว่นอะ ฮะๆ อยู่ท่ามกลางหนุ่มสาวผู้เก็บแต้มแต่รั่วชิบหายขนาดนี้ (หัวเราะ) อย่างอาร์มนี่ ตอนแรกก็ดูจะเพลย์บอยมากๆ แต่พออยู่กับเพื่อนหรือพอกินเหล้าเท่านั้นละ มีมุมที่โคตรฮาเลย อย่างตอนที่ผงกหัวขึ้นมาอุทานว่าหรือว่าอีน้องเด็กบัญชีจะมาเก็บแต้มมันอีกนี่ โอ้โห คิดไปได้พ่อคุณ ฮ่าๆ แถมยังแค้นมากจนบอกว่าจะซอยให้ร้องขอชีวิตเลย โอย ผมนี่กลั้นขำแทบไม่อยู่เลยครับ

เพลงเองก็ใช่ย่อย เป็นตัวนางชั้นเยี่ยมเลย แม้จะไล่วันไนท์แสตนด์กับคนไปทั่วแต่ก็มีมาดและมีกฏอย่างดี แต่พออยู่กับเพื่อนก็เผากันแหลกเหมือนกัน ซึ่งน้องแว่นทำได้แต่ตาปริบๆคอยฟังเรื่องที่สองคนนี้ไปเจอมาและพร้อมจะเล่า

ผมว่าการบรรยายแบบนี้ดีนะครับ มันได้บรรยากาศของความอบอุ่นของการเป็นเพื่อน ในฉากที่มีน้องแว่น อาร์ม แล้วก็เพลง บทสนทนาของสามคนนี้มันทำให้เราเห็นพื้นเพและเนื้อแท้ของแต่ละคนอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องใช้บทบรรยายหรูหรา ออกจะเป็นบทสนทนาง่ายๆที่ด่ากันไปมาด้วยซ้ำ แต่มันมีความทรงพลังและทำให้คนอ่านเห็นภาพชัด โดยเฉพาะฉากที่อาร์มกับเพลงสลับกันแฉเบื้องหลังของอีกฝ่ายนี่ ผมนี่แทบน้ำตาเล็ดเลยครับ เออเวิร์คจริง เพราะในชีวิตจริงเราก็คุยกันแบบนี้

ส่วนเรื่องการดำเนินเรื่องก็โอเค ผมชอบเคมีตัวละครระหว่างกันอยู่แล้ว ด้วยการบรรยายของคุณราชามันก็ทำให้ตัวละครสมจริงขึ้นมาได้ อาจต้องตินิดนึงตรงที่ บางส่วนเหมือนจะรีบพิมพ์ไปจนตกๆหล่นๆ ไม่ได้ใช้ภาษาผิดหรือสะกดผิดนะครับ แต่บางคำเหมือนรีบพิมพ์จนสลับ เช่น
- ซอยจนขอร้องชีวิต (จริงๆต้องเป็น ร้องขอชีวิต)
- อุส่า (ต้องเป็น อุตส่าห์)
- เว่ย (ต้องเป็น เว้ย)
- เห้ย (ต้องเป็น เฮ้ย)

แต่คำหยาบอันอื่นโอเคแล้วนะครับ บางคำก็สัทเสียงเพื่อใช้กับบทสนทนาถูกต้อง (เช่น ว้า) ถ้ายังไง ผมเดาว่าคุณราชาพิมพ์ไปอย่างเมามันแล้วก็เช็คคร่าวๆแล้วเอาลงเลย เลยจะขอแนะนำว่า ให้ลองตรวจก่อนลงอีกสักรอบก่อนก็ดีครับผม จะได้พิสูจน์อักษรได้แม่นๆ รวมถึงอาจจะไม่จำเป็นต้องล็อกว่าต้องลงทุกวันตอน 3 ทุ่มก็ได้ เพราะมันอาจจะเป็นการกดดันตัวเองเกินไป บางทีพล็อตอาจจะตันได้ แต่การเขียนแบบรวดเดียวให้อารมณ์ต่อเนื่องแบบนี้ดีแล้วนะครับ เพราะมันทำให้ตัวละครสดและต่อกันติด (อาจจะไม่ต้องเอาลงถี่ๆก็ได้ แต่เขียนเก็บสต็อกไว้น่ะครับ)

อีกเรื่องนึงที่อยากแซวตัวละคร คือเพลง เป็นยังไงล่ะครับ เก็บมาหลายขนาดแล้ว เจอของนักรักบี้ทีมชาติเข้าไป ทั้งขนาด ลีลา น้ำอดน้ำทน ทำเอาหลั่งได้จากการสอดใส่อย่างเดียวนี่ไม่ธรรมดานะครับ ผมว่าสกิลฝีมือบนเตียงของสองคนนี้สูสีกันอะ เพราะมาสายเก็บแต้มพอๆกัน (หัวเราะ) อาร์มนี่อาจจะได้เปรียบบรรดาคนในอดีตของเพลงนิดหน่อยตรงที่มีสมบัติโอเวอร์ไซส์จากปกติไปมากโข แต่สกิลเพลงก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน รับกันได้จนถึงเช้านี่น่ะครับ อยากเห็นบทบนเตียงของสองคนนี้อีกจริงๆ อยากรู้จะเผ็ดขนาดไหน แล้วใครจะชิงอำนาจเหนือบนเตียงได้ (หัวเราะ)

ขอเคลียร์ทีละอย่างนะครับ
1.เรื่องการสะกิดคำผิด = ผมมีปัญหาด้านการใช้ภาษาไทยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พยายามอ่านหลายรอบ แต่เพราะอ่านอยู่คนเดียวก็เลยไม่รู้อยู่ดีว่าไอ้ที่คิดว่าถูกแล้ว มันถูกจริงหรือเปล่า
2.ผมลงทุกวันได้ครับ ไม่กดดันตัวเอง เพราะแต่งจบไปแล้ว ขออนุญาตไม่บอกจำนวนตอนนะครับว่ามากน้อยแค่ไหน แต่คงต้องใช้เวลากันเป็นเดือนกว่าจะลงหมด
3.ขอบคุณสำหรับคำชมทุกอย่างเลยนะครับ ทั้งบท ทั้งตัวละคร หรือคำชื่นชมใดๆที่มีให้กับผู้เขียน
4.หากพบคำที่ผิดพลาด รบกวนบอกได้เลยนะครับ ผมจะแก้ไขทันที และเขียนออกมาให้ดีที่สุด นี่ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่ลงแค่วันละตอนเพราะอยากอ่านตรวจสอบให้ได้มากที่สุด
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... ว่าง vs ยุ่ง - 28/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 28-12-2018 17:22:23
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 3 / เหมือนเดิม vs เปลี่ยนไป

ความที่ 2 จาก 3 /  / ว่าง vs ยุ่ง









ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อกก๊อก



ห๊ะ

ไอ้อาร์มแน่ๆเลย

นี่เพิ่งจะเก้าโมงเองนะ ทำไมมาเร็วจังวะ

ดีนะที่ทำธุระทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว



ผมถอนหายใจก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู



“อ้าว ว่าไง มาถึงแล้วเหรอ” ไอ้สัดอาร์ม มาถึงก็เล่นมุกแต่เช้าเลย

“กูต้องเป็นคนพูด ไม่ใช่มึง” แล้วกูจะไปรับมุกมันทำไมวะ

“เอาน้าๆ ใครพูดมันก็เหมือนกันนั่นแหละ”

“มันเหมือนกันที่ไหนเล่า แล้วมึงฟิตอะไรเนียมาแต่เช้าเลย”

“อ้าว ก็กูนัดกับมึงไว้ไง”

“มึงนัดสี่โมงเช้าไม่ใช่เหรอ นี่มันเพิ่งจะสามโมงเอง”

“อ้าว จริงดิ งั้นกูคงดูเวลาผิดละมั้ง เอาเถอะๆ ไหนๆกูก็มาแล้ว ขอเข้าไปนั่งในห้องหน่อยละกัน”

“ไม่ต้องมาเนียนเลยไอ้สัดอาร์ม” ผมรีบดันมันไว้ก่อนที่มันจะเดินเข้ามา “ห้องของกูเป็นพื้นที่ส่วนตัว กูไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาทั้งนั้น ต่อให้เป็นมึงก็ตาม”

“อ้าว อีกตั้งชั่วโมงนึง แล้วมึงจะให้กูไปรอไหนอ่ะ อะๆๆ ก็นั่งรออยู่ที่ข้างถนนหน้าหอมึงก็ได้ ถึงเวลาแล้วก็เดินไปหากูก็แล้วกัน”

“ไอ้สัด ไม่ต้องมาประชด รอนี่แหละ แป๊บนึง กูหยิบกระเป๋าตังก่อน ไหนๆมาแล้วก็ไปเลยละกัน” เชื่อมันเลยจริงๆ ทำเวลาว่างกูหายหมด

“เสร็จยางงงง”

“เร่งเพื่อ? มึงนั่นแหละที่ผิด”

“แหมมม ชมกันตลอดเลย”

“ชมบ้านมึงดิ จะไปก็ไป เร็วดิ”

“เคๆ ไปๆๆๆ”



จากนั้นผมกับไอ้อาร์มก็ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าในวันหยุดที่มันควรจะเป็นวันของผม ผมควรได้นอนดูหนังอยู่ที่ห้อง หรืออย่างน้อยก็ไปเจอผู้คน



เออใช่ พูดถึงการเจอผู้คนแล้วก็นึกขึ้นได้ นี่มันสองวันแล้วนี่นาที่ผมห่างหายจากเซ็กส์บำบัด

นั่นไง พอนึกถึงอารมณ์กำหนัดมันก็เริ่มเดือดขึ้นมาเลย เซ็งก็แต่ที่ยังติดอยู่กับไอ้ห่าอาร์มนี่แหละ ไม่ได้ๆ จบธุระกับมันวันนี้ ต้องหาของหวานมาปรนเปรอซะหน่อย เอ.... แต่ก็ไม่แน่นะ บางทีที่สปอร์ตคลับอาจจะมีอะไรแจ่มๆรออยู่ก็ได้

“ยิ้มไรวะ”

“ไม่ได้ยิ้มซะหน่อย” ผมรีบปฏิเสธ

“คิดไรอยู่อ่ะ บอกกูมานะ” ไอ้อาร์มเหมือนจะจับพิรุจผมได้

“ก็บอกว่าไม่ได้คิดไง” ไม่บอกมึงหรอก

“ให้มันจริงเถอะ” เสือกจริงๆ “ถึงแล้ว ลงซะทีดิ”

หึ ถึงแล้วเหรอ



อ๋ออออ เนี่ยนะเหรอสปอร์ตคลับ มันก็คือศูนย์ออกกำลังกายนั่นแหละ มีเครื่องออกกำลังกายเต็มไปหมดเลย

“มองอะไรของมึงวะ” ไอ้อาร์มถามอีกแล้ว

“เปล่า” ผมตอบ “กูก็แค่สงสัยว่าทำไมฟิตเนสใหญ่ขนาดนี้ถึงไม่มีคนบ้างเลย”

“ใครมันจะมาเข้าฟิตเนสตอนเช้าขนาดนี้วะ คิดหน่อยดิ”

เออใช่ จริงด้วย

แปลว่าถ้ามาเวลาอื่นคงจะมีพวกหุ่นล่ำกล้ามโตเต็มไปหมดละซินะ อืมมม น่าสนใจจัง

“ไอ้เพลง”

“ห๊ะ?”

“มาดิ ศูนย์ขายอุปกรณ์กีฬาอยู่ข้างหลังโน่น”

“เออๆ นำไปดิ” ผมเดินตามเข้าไปที่ทางด้านหลัง



“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”

โอ้ ว้าววววววว

ใหญ่โตมโหฬารมาก อุปกรณ์กีฬาจากทั้งโลกมารวมอยู่นี่หมดเลยหรือไงกันนะ สำหรับคนที่ไม่ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นประจำอย่างผม ที่นี่ถือเป็นสถานที่แปลกตาพอสมควรเลย

“ผมจะดูหลายอย่างเลยอะครับ” ไอ้อาร์มคุยกับพนักงานสาว “เดี๋ยวขอเดินดูเรื่อยๆก่อนก็แล้วกันนะครับ”

“ได้ค่ะ มีอะไรสอบถามเพิ่มเติม เรียกพนักงานได้เลยนะคะ”

“ครับ.... ปะไอ้เพลง ไปดูรองเท้ากันก่อนเลย”

“ก็ไปดิ”



นี่ไอ้อาร์มมันไปอารมณ์ดีมาจากไหนวะ เลือกอุปกรณ์กีฬาอย่างใจเย็น เข้าโซนนั้น ออกโซนนี้ ชิวเหลือเกิน ทำอย่างกับอยู่ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ เที่ยงแล้วก็ยังไม่จบอีก มันยังมีหน้าพาผมไปเลี้ยงข้าวเที่ยงแล้วก็ให้กลับมาเลือกอุปกรณ์กีฬา ผมไม่เห็นว่ามันจะซื้ออะไรสักเท่าไหร่เลย เสียเวลาก็แต่ตอนเลือกกับมัวเถียงกับผมนี่แหละ

นึกว่าจะเสร็จธุระเร็ว ว่าจะออกล่าซะหน่อย



“ทั้งหมดห้าพันหกร้อยเจ็ดสิบบาทค่ะ” ในที่สุดก็ได้เช็คบิลซะที ผมมาเสียเวลาอยู่ที่นี่จนถึงบ่ายสามโมงได้ยังไงเนีย เดินจนขาแข็งหมดแล้ว “คุณลูกค้าได้รับสิทธิชมภาพยนต์ฟรีสองที่นั่งด้วยนะคะ เป็นแบบวีไอพีเบดซีท แต่ว่าต้องดูภายในวันนี้เท่านั้นนะคะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วค่ะ จะรับสิทธิไปด้วยไหมคะ”

“เอ่อออออ” มึงจะคิดทำไมวะไอ้อาร์ม ของฟรีก็เอาดิวะ เสียเงินตั้งเยอะ อย่างน้อยก็ได้ตั๋วหนังฟรี รับๆไปก่อนเถอะ “ไอ้เพลง มึงอยากดูหนังป่ะ”

“ห๊ะ?” เดี๋ยวๆ มันเกี่ยวอะไรกับกูวะ

“ก็มึงอยากดูหนังไม่ใช่เหรอ เมื่อวานมึงพูดเองไม่ใช่เหรอ” กูอยากนอนดูที่ห้องเฟ้ย

“ไม่อ่ะ กูไม่อยากดูแล้ว” เพราะกูต้องออกล่าผู้ชาย กูจะไม่ยอมเสียสถิติตัวเองแน่นอน

“เหรอ.... งั้นผมไม่รับสิทธิแล้วกันครับ ไม่มีคนไปดูด้วยอยู่ดี” เฮ้ยยยย จะบ้าเหรอ

“รับดิ” ผมรีบสะกิดไอ้โง่อาร์ม บ้าหรือเปล่า ไปปฏิเสธออกฟรีได้ไงกัน

“รับทำไมวะ มึงไม่ไปดู แล้วจะให้กูไปนั่งดูหนังคนเดียวหรือไง” ดูมันตอบ

“เออๆ กูไปดูด้วยก็ได้”

“เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมยังรับสิทธิตั๋วหนังได้อยู่ไหม”

“ได้ค่ะ” พนักงานตอบ “จะรับใช่ไหมคะ”

“รับครับ”



ลำบากกูอีกแล้ว นึกว่าจะได้แยกจากไอ้บ้านี่แล้วเชียว ไม่เป็นไรน่า หนังเรื่องนึงไม่น่าจะเกินสองชั่วโมง ยังมีเวลาเหลือๆ ถือซะว่าดูหนังขั้นเวลา



“อะไรนะ!! รอบสองทุ่ม” ผมนี่โวยวายเลยหลังจากได้เห็นตั๋วหนังที่ไอ้อาร์มไปซื้อมา

“ก็เออดิ” ยังจะมาตอบหน้าตาเฉยอีก

“ดูอะไรดึกขนาดนั้นวะ” กูไม่ว่างตัวติดกับมึงทั้งวันนะ

“ก็มันเป็นที่นั่งแบบพิเศษอ่ะ มีฉายแค่รอบสองทุ่มเท่านั้นแหละ ฉายวันละรอบเว้ย”

ถามจริง

เชี่ยยย จริงด้วย

แป๊กอีกวันเลยกู กว่าหนังจะจบก็สี่ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว ไหนจะกลับหออีก

“ว่างตั้งสองสามชั่วโมง ไปหาไรกินกันก่อนดีป่ะ” ไอ้อาร์มชวน “กูอยากกินเนื้อย่าง”

“ไม่เอา ไม่กิน กูไม่มีตัง” บ้าเหรอ ของแพงขนาดนั้น กูจะไปมีปัญญาแดกช่วงสิ้นเดือนแบบนี้ได้ไง

“เออ เดี๋ยวกูเลี้ยง”

“เลี้ยงอีกแล้วเหรอ มึงไปรวยมาจากไหนวะ เมื่อกี๊ก็ซื้อเสื้อกีฬาให้กู ข้าวเที่ยงก็เลี้ยง” มันอ้างว่าเป็นค่าจ้างที่ผมมาช่วยมันซื้อของ

“กูเป็นนักกีฬาอาชีพนะ”

“ก็แค่เยาวชนทีมชาติ ยังไม่ได้สังกัดสโมสรด้วยซ้ำ มึงไม่ได้รวยขนาดนั้นหรอก กูรู้”

“เอาเป็นว่ากูมีก็แล้วกันนา ไปเหอะ”

“ไม่เอา มันเปลืองตัง หัดประหยัดบ้างดิวะ มึงไม่ใช่คุณชายนะเว้ย”

“อ่ะๆๆ แล้วมึงจะกินอะไร ยังไงก็ต้องใช้เวลาอีกตั้งสามชั่วโมง กว่าหนังจะฉาย”

“อืมมมม งั้นเอาเป็น.... ไปกินข้าวฟู๊ดปาร์คดีไหม กูเคยมาห้างนี้ เขามีกิจกรรมแถวๆนั้นให้ดูเพลินๆด้วย ถ้าเวลายังเหลืออีกก็... ไปเดินตลาดอาหารชั้นใต้ดิน”

“โอเค ตามนั้น”



สุดท้ายก็มาจบที่ศูนย์อาหาร หลังจากนั้นผมกับไอ้อาร์มก็ไปเดินเล่นที่ตลาดอาหารต่อ



ที่จริงแล้วระหว่างนี้ ผมก็สามารถหาเหยื่อได้นะ เห็นผู้ชายงานดีหลายคนเลยที่ชม้ายชายตามาให้ผม ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนของผม ผมคงดีลได้หลายคนอยู่ แต่มันติดอยู่ตรงที่ไอ้อาร์มนี่ซิ ไม่มีใครกล้าเข้าหาผมจริงๆเลยเพราะมีมันคุมอยู่ตลอดเวลา พวกนั้นคงคิดว่าผมกับมันเป็นคู่รักที่มาเดทกัน แถมไอ้ห่าอาร์มก็ตัวใหญ่กล้ามโตตามมาตรฐานนักรักบี้ด้วยแล้ว อย่าว่าแต่ดีลเลย แค่จะส่งสายตามาให้ยังไม่กล้ากันสักเท่าไหร่เลย



“ไอ้เพลง....... ไอ้เพลง........ เพลง”

หึ

ใครเรียกวะ

“เชี่ย!!” ผมนี่ร้องเลย “ท...ทำเหี้ยอะไรของมึงอ่ะ เอาหน้ามาใกล้กูทำไม”

“ก็กูปลุกแล้วมึงไม่ตื่นอ่ะ จะดูว่ามึงตายหรือยัง”

“ตายพ่อมึงดิ เพราะมึงนั่นแหละ ลากกูไปทำโน่นทำนี่ทั้งวัน คนเหนื่อยก็ต้องเผลอหลับดิ ว่าแต่... ถึงไหนแล้วเนีย”

“ก็หน้าหอมึงไม่ใช่เหรอ”

อ... อ้าว ถึงแล้วหรอกเหรอ กี่โมงแล้ววะเนี่ย ห๊ะ! ห้าทุ่มครึ่ง ดึกอีกแล้ว

“เห้อออออออ” อะไรคือการที่ไอ้อาร์มต้องบิดขี้เกียจแรงขนาดนั้น “เหนื่อยจัง ง่วงด้วย ขี้เกียจขับรถกลับหอแล้วอ่ะ ขอนอนห้องมึงเลยได้ป่ะ”

“หยุดเลยๆๆ ไอ้สัด อย่ามาทำตัวได้ใจเกินไป มึงก็รู้อยู่ว่ากูไม่ให้ใครเข้าห้อง แล้วที่เหนื่อยก็เพราะมึงเองไม่ใช่หรือไง กลับไปเลย หอมึงไม่ได้อยู่ไกลขนาดนั้น”

“เออๆ แม่ง ไม่มีน้ำใจ”

“เอาน้ำตาแทนไหมล่ะ กูไปละนะ”

“เดี๋ยวๆๆ”

“อะไรอีก”

“เสื้อที่กูซื้อให้อ่ะ ลืมหรือไง” มันหยิบถุงใบหนึ่งให้ผม

“เออ ขอบใจ”

“เดี๋ยวๆๆ”

“อะไรอีกกกก”

“พรุ่งนี้มึงว่างไหม”

“ไม่ว่าง กูจะไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้น” ชัดเจนไหม

“ไม่เอาเงินใช่ไหม”

“เงิน? มึงพูดถึงอะไรวะ” ไม่เห็นจะเข้าใจเลย

“ก็เมื่อกี๊ตอนที่มึงหลับอ่ะ เพื่อนกูคนนึงโทรมาถามว่ากูพอจะรู้จักคนที่ออกแบบโครงงานไหม เขามีค่าจ้างให้ กูก็เลยแนะนำมึงไป”

“แต่กูอยู่ปีสองเองนะ ไม่ใช่มืออาชีพ”

“กูก็เห็นมึงจัดนิทรรศการที่คณะปีที่แล้ว ก็มีแต่คนชมไม่ใช่เหรอ”

“ไม่รู้ดิ นั่นมันแค่งานที่จัดให้เด็กประถมดูเอง”

“สรุปว่าไม่รับ?”

“รับดิ” เงินก็ต้องเอาไว้ก่อน แถมมีคนมาจ้างงานตั้งแต่ปีสองด้วย โชคดีแท้ๆ

“ก็แค่นั้นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ากูมารับละกัน”

เดี๋ยวๆๆๆๆ “จะมารับทำไม”

“ก็พามึงไปเจอผู้ว่าจ้างไง”

“กูไปเองก็ได้ เอาเบอร์โทรมาก็พอ”

“เออ อย่าเถียงมาก กูง่วงแล้ว ลงรถไปได้แล้ว ไปๆๆๆ กูจะกลับ”

เอ้า ซะงั้นอ่ะ

แล้วผมก็โดนดันให้ออกจากรถยนต์จริงๆ









อะไรของมันวะ......
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... ว่าง vs ยุ่ง - 28/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 28-12-2018 17:29:37
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 3 / เหมือนเดิม vs เปลี่ยนไป

ความที่ 3 จาก 3 / อยู่ vs ไป









“ไหนวะคนที่จะจ้างกู นี่มันเที่ยงแล้วนะ กูไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะเว้ย” นี่เป็นอีกวันที่ผมติดอยู่กับไอ้อาร์ม มันควรจะเป็นวันหยุดของผมแท้ๆ ต้องมานั่งเจ่าอยู่กับมันในร้านกาแฟตั้งแต่เช้าแล้วเนีย

“เดี๋ยวก็มาแล้วมั้ง” ไอ้อาร์มตอบ นั่งจิบกาแฟสบายใจอยู่ได้ “รอๆไปเหอะน่า เค้าจ้างตั้งหลายพันเชียวนะ ไม่ใช่จะมีคนมาจ้างมึงบ่อยๆ..... อ้าว นั่นไง มาแล้ว”

“ไหนๆๆ”



มีเด็กหนุ่มผอมแห้งคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านกาแฟ หน้านี่มันเยิ่ม สิวขึ้นเขรอะเลย

เนี่ยอะนะ คนที่เป็นผู้ว่าจ้าง เห็นไอ้อาร์มบอกว่าเป็นเพื่อน นึกว่าจะเป็นเด็กวิศวะหล่อๆ เผื่อดีลทั้งเรื่องงานกับเรื่องบนเตียง แต่ถ้ามาสไตล์นี้ คงไม่ไหว



“ขอโทษนะครับที่มาช้า” เขาเริ่มด้วยการกล่าวขอโทษ “ผมติดธุระนิดหน่อย พอดีว่าแม่ป่วยน่ะครับ กว่าจะเสร็จธุระที่โรงพยาบาลก็เลยเสียเวลามากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้รอนานอะไรเลย” งานตอแหลก็ต้องมา หน้ายิ้มก็ต้องปั้นให้เป็น “งั้นเรามาเริ่มคุยงานกันเลยไหมครับ”

“ได้ครับๆ”

“งั้นกูไปนั่งรอตรงโน้นนะ” ไอ้อาร์มเดินออกไปรอที่โต๊ะอีกตัวเพื่อให้พื้นที่ผมได้ทำงาน

“เชิญนั่งครับ” ผมเริ่ม “แล้วโครงงานที่จะให้ออกแบบ เป็นโครงงานแบบไหนครับ”

“ก็เป็นโครงงานนำเสนอปลายเทอมอะครับ อยากให้ช่วยออกแบบเพื่อจัดแสดงได้ด้วย แล้วมันก็จะมีเครื่องมือนิดหน่อย เอาไว้ใช้ร่วมในการอธิบาย.....”



เวลางานของผมเริ่มในที่สุด

ผมอาจจะไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่ก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง ไอ้เรื่องงานออกแบบสร้างสรรค์พวกนี้ ผมชอบมาตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นจะถึงขั้นยอมแลกแฟนคนที่รักที่สุดกับคณะสถาปัตฯ เหรอ



“เอ.... ผมว่าที่นายต้องการ ผมก็ออกแบบจนครอบคลุมหมดแล้วนะ มันยังไม่โอเคอีกเหรอ” ผมเริ่มมีน้ำโหนิดๆแล้ว ก็ไอ้คนว่าจ้างนี่อะดิ จะเอานั่นจะเอานี่ เปลี่ยนใจไปมาไม่หยุด ไม่พอใจในการออกแบบซะที นี่ก็ทำตามทุกอย่างที่บอกแล้วนะ จะเอายังไงอีก สามชั่วโมงแล้วนะ

“แต่ผมว่ามันยัง....”

“งั้นเขียนมาเลยดีกว่าครับว่าจะเอาอะไรบ้าง ถ้ารอบนี้ผมออกแบบให้แล้วยังไม่พอใจอีก ผมก็หมดปัญญาแล้วล่ะ”

“ค....คือผม.... เอ่อ....” อ้ำอึ้งอะไรอีกล่ะ ระหว่างนั้นเองผมก็เห็นไอ้อาร์มเดินออกไปนอกร้าน

“เขียนดิ” กูเริ่มดุลูกค้าแล้วนะ

“ค...ครับๆๆ เขียนครับ”



ผมแอบเหลือบมอง มันก็เขียนอันเดิมที่คุยกันมาตั้งแต่แรกนั่นแหละ คืออะไรวะ ไอ้นี่มันกวนตีนหรือเปล่าเนีย



#เสียงโทรศัพท์

“ข...ขอรับโทรศัพท์แป๊บนึงนะครับ”

“เชิญครับ” จะรับก็รับไปดิ



“ฮัลโหล..... โอเค...... โอเค...... ได้....... ได้....... ไม่น่าจะรู้นะ...... ได้” แล้วเขาก็วางสายไป “เอ่อ... ผมขอตัวเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมครับ”

“ตามสบายเลยครับ” เอ.......? มันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ ดูมีพิรุจน่าสงสัย



ตามไปดูดีกว่า เหมือนจะจับสังเกตอะไรได้สักอย่าง ไอ้ผู้ว่าจ้างคนนี้มันดูแปลกๆ ต้องมีอะไรแน่ๆเลย



ผมตามออกมานอกร้านก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องน้ำซึ่งตั้งอยู่แยกกับตัวร้านกาแฟ



“กูแถไม่ไหวแล้วนะเว้ยไอ้อาร์ม” หึ เสียงไอ้ลูกค้านิ คุยกับไอ้อาร์มอยู่เหรอ “เพื่อนมึงเริ่มดุกูแล้วเนีย ถ้ากูยังทำเฉไฉอีก เขาต้องฆ่ากูแน่เลย”

“เอาน่าเพื่อน” คุยกับไอ้อาร์มจริงๆด้วย นี่มันเสียงไอ้อาร์มชัดๆ “ถ่วงเวลาให้กูอีกสักชั่วโมงนึงก็ยังดี”

“กูจะเอาอะไรมาแถได้อีกวะ”

“เอางี้ กูเพิ่มให้มึงอีกสองพันเลย แต่ถ่วงเวลาให้กูอีกชั่วโมงนึงนะ ค่าจ้างทำโครงงานกูก็จ่ายให้ แถมมึงยังได้โครงงานไปพรีเซนอีก มีแต่ได้กับได้นะเว้ย”

“อ...เออๆ ก็ได้ แต่อีกแค่ชั่วโมงเดียวนะ”

“แค่ชั่วโมงเดียว” แบบนี้นี่เอง ไอ้สองตัวนี้นี่มันวางแผนกักตัวผมไว้นี่เอง “ไปๆ กลับไปเล่นละครต่อนะเพื่อน ว่าแต่ไอ้มุกแม่เข้าโรงบาลนี่มึงคิดได้ไงวะ เจ๋งดีวะ กูนึกว่ามึงจะ.............. พ....เพลง!”

“เออ กูเอง” ผมประกาศการมีตัวตนของผมและเป็นสัญญาณว่าผมรับรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว

“ม...มึงมาทำอะไรวะ จะมาเข้าห้องน้ำเหรอ” ยังจะมาทำเนียนอีกนะไอ้อาร์ม

“เปล่า กูจะจับผิดคนโกหก” ได้ยินกันชัดเจนพอไหม

“เอ่อ.... คือ....” จะแก้ตัวว่าอะไรอีก

“กูขอตัวก่อนนะไอ้อาร์ม พอดีว่าแม่กูอาการโคม่าว่ะ” ไอ้คนผอมแห้งรีบฉวยโอกาสหนีออกไปจากสถานการณ์ความตึงเครียดนี้

“เฮ้ยๆ กูไปเยี่ยมแม่มึงด้วยดิ”

“หยุด!” หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นแหละไอ้สัดอาร์ม ไม่ต้องคิดจะตามเขาไป มึงมีเรื่องต้องเคลียร์กับกู “ทำแบบนี้ หมายความว่าไง”

“กู..... เอ่อ.... กู....”

“มึงกักตัวกูไว้ทำไม” พอเข้าใจเรื่องนี้แล้ว ก็ทำให้นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมาด้วย “เมื่อวานนี้ก็เป็นแผนของมึงด้วยใช่ไหม เมื่อตอนที่วิดีโอคอลมาคุยกับกูตั้งหลายชั่วโมงก็ด้วย กูสงสัยอยู่แล้วเชียวว่ามันแปลกๆ มึงเคยคุยโทรศัพท์กับกูเกินห้านาทีซะที่ไหน มึงเล่นเหี้ยอะไรของมึงเนีย สนุกมากนักหรือไง”

“กูไม่ได้เล่นนะเว้ย” ไอ้อาร์มขึ้นเสียงบ้าง ดีนะที่ตรงนี้อยู่นอกร้าน ไม่งั้นคนคงมุงดูกันให้เต็มไปหมด “ไม่ได้สนุกด้วย”

“แล้วมันหมายความว่ายังไงมาปั้นหัวกูแบบนี้” ผมผลักอกไอ้คนตรงหน้า แต่แทบไม่ขยับเลย “ทำแบบนี้ก็เท่ากับยึดเวลาส่วนตัวของกูไปหมด มึงอธิบายเหตุผลที่น่าฟังมาสักข้อดิ”

“มึงอยากรู้เหตุผลมากใช่ป่ะ”

“เออ กูก็ถามมึงอยู่นี่ไง”

“งั้นตามกูมา” พูดว่าให้ตามไป แต่ที่ทำนี่มันเป็นการลากกูชัดๆ



ผมถูกจูงเข้าไปในห้องน้ำของร้านกาแฟที่ไร้ผู้คน จากนั้นก็ถูกพาเข้าไปในห้องน้ำแยกอีกที ก่อนที่ไอ้อาร์มจะล็อคห้องให้ผมกับมันอยู่ด้วยกันในนั้นสองคน



“เฮ้ย!! มึงจะทำอะไรของมึงเนี่ย!!!!” ไม่มีการพูดพร่ำทำเพลงใดๆทั้งสิ้น ผมถูกไอ้คนตัวใหญ่เข้าจู่โจม มันพยายามเข้าไซซอกคอของผมอย่างหนักหน่วง “ไอ้อาร์ม ปล่อยกูนะเว้ย มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะ”

ไม่เลย มันไม่หยุด ไม่พูดด้วย

ผมนี่ดิ้นสุดแรงเลย แต่ตัวผมจะไปสู้แรงไอ้นักรักบี้ไหวได้ยังไง นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาแมวไปสู้กับเสือ

ทำยังไงดี ทำยังไงผมถึงจะรอดจากสถานการณ์นี้ได้

ถ้าให้ต้องขึ้นชื่อว่าได้กับเพื่อนสนิทตัวเอง ผมไม่โอเคแน่ๆ ครั้งแรกที่ยอมรับได้เพราะมันเป็นอุบัติเหตุ แต่ครั้งนี้ไม่ได้เมา ไม่ได้เข้าใจอะไรผิด ถ้าเสร็จไอ้อาร์มตรงนี้ ก็เท่ากับยอมรับสภาพ

“มึงเป็นเกย์เหรอ!!!!” ผมร้อง

“ว....ว่าไงนะ” ได้ผลแฮะ ไอ้อาร์มหยุดทุกการกระทำ

“กูถามว่า.... มึงเป็นเกย์เหรอ”

“........” ไอ้อาร์มไม่ตอบ แต่มันค่อยๆ ผละออกจากตัวผมช้าๆ ส่วนผมอะเหรอ เสื้อผ้าและผมกระเซิงไปหมดเลย “มึงพูดอีกทีดิ”

ได้ ถ้ามันจะทำให้มึงหยุด จะให้พูดอีกร้อยทีกูก็ไหว

“มึงเป็น....”



บั้งงงงงง



“..........” อะไรวะ กูโดนต่อยเหรอ

ไม่นี่นา ไม่ได้เจ็บซะหน่อย

ผมค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นหมัดของไอ้อาร์มต่อยเข้าใส่ผนังห้องน้ำห่างจากใบหน้าของผมไปแค่สองนิ้วเท่านั้น

“ถ้ามึงยังกล้าพูดแบบนั้นออกมาอีก กูจะซัดมึงให้จมตีนเลย” ไม่เคยเห็นไอ้อาร์มน่ากลัวแบบนี้มาก่อนเลย มันโกรธจนตาแดงและจ้องหน้าผมแบบพร้อมจะบีบคอให้ตาย

“ก....ก็มึง...ทำแบบนี้กับกูทำไม” เอาวะ ยังไงก็ต้องพูด กลัวก็ส่วนกลัว แต่ไอ้ที่ต้องพูดก็คงเก็บไว้ไม่ได้ “ถ...ถ้ามึงจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่ แล้วมึงมาทำแบบนี้กับกูทำไม”

“กู.....กูไม่รู้” ความโกรธเมื่อกี๊ของมันกำลังค่อยๆเปลี่ยนเป็นความไม่มั่นคงในอารมณ์แล้ว

“ทำไมมึงจะไม่รู้ มึงมีสติครบถ้วนดีทุกอย่าง” ไหนๆก็มีโอกาสได้พูดแล้ว รีบพูดเลยแล้วกัน “ที่มึงวางแผนก็ด้วย ที่ทำทั้งหมดเพื่อเวลาแบบนี้ใช่ไหม”

“ก....กู....” ไอ้อาร์มเหมือนจะตอบ แต่ก็ไม่ตอบ มันค่อยๆเปิดล็อคห้องน้ำออกแล้วเดินเอื้อยๆเหมือนวิญญาณไปล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า



แล้วผมจะรออะไรล่ะ รีบออกจากตรงนี้ก่อนเลย



“ตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น” ห๊ะ เมื่อกี๊ไอ้อาร์มพูดอะไรหรือเปล่าวะ ผมหันกลับไปมอง มันพูดจริงๆนั่นแหละ แต่ไม่ได้มองมาทางผม เอาแต่มองกระจก “กูก็คิดแต่อยากจะสัมผัสตัวมึงตลอด ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ๆมึง แล้วก็พยายามไม่ให้มึงมีเวลาไปทำเรื่องอย่างว่ากับคนอื่นได้ กูไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มันสับสนไปหมด”

“...................” ผมนี่ว่างเปล่าเลย จะบอกว่าเห็นใจก็คงไม่ใช่ แต่จะให้ยอมรับก็คงไม่ถูก ต้องจัดการอะไรสักอย่างกับความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แล้วล่ะ “ถ้ากูยังอยู่ตรงนี้ จะทำให้มึงสับสนต่อไปหรือเปล่า”

“กูไม่รู้”

“งั้นกูจะออกไปจากชีวิตมึงเอง”

“ท...ทำไมวะ” ไอ้อาร์มร้อง

“ไม่ใช่แค่มึงหรอกนะที่สับสน ขืนกูยังเห็นว่าเพื่อนสนิทของกูเปลี่ยนไปเพราะกูแบบนี้ กูจะไม่เสียใจได้ไงวะ”

“ไม่ได้นะ มึงจะไปไหน”

“ไม่รู้อ่ะ แต่ถ้าขืนเรายังคบกันเป็นเพื่อนต่อไป มึงก็คงจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ปัญหาเดิมๆก็จะวนกลับมาไม่รู้จบ กูออกไปอะดีแล้ว”

“ไม่ดิ ไม่เอาแบบนั้น นั่นมันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเลย” คราวนี้ไอ้อาร์มเลิกมองกระจกแล้ว มันเดินมาหยุดตรงหน้าผม และมองผมด้วยสายตารู้สึกผิด “เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนะ กูไม่ให้มึงไปหรอก”

“แล้วจะให้กูทำไงอ่ะ ก็มึงเปลี่ยนไปเองอ่ะ ทั้งๆที่เราตกลงกันแล้วว่าให้ถือเรื่องคืนนั้นเป็นอุบัติเหตุ กูก็พยายามที่จะเป็นปกติ แต่สิ่งที่มึงทำกลับยิ่งตอกย้ำความผิดพลาดอ่ะ”

“กู...... งั้นกูจะไม่เปลี่ยนไปก็ได้  นะ มึงอย่าไปเลย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปกูจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง กูสัญญา แต่มึงต้องไม่เลิกคบกับกูนะเว้ย”

อะไรกันละเนีย หัวใจเต้นไม่ถูกจังหวะเลย หน้าก็ร้อนผ่าว

“อ...เออ กูไม่ไปก็ได้ แต่มึงต้องรักษาคำพูดจริงๆนะ”

“ได้ กูสัญญา”

“ห้ามพยายามทำเหมือนเมื่อกี๊กับกูอีก”

“โอเค”

“ห้ามยุ่งเรื่องที่กูไปมีอะไรกับคนอื่น”

“อ... อืม โอเค”

“มึงทำได้แน่นะ”

“ทำได้”

“ดี งั้นกลับ แต่ทางใครทางมันนะ กูอยากกลับเอง ยังไงกูก็ยังโกรธมึงอยู่”

“เดี๋ยวก่อน” ไอ้อาร์มคว้ามือผมไว้

“อะไร”

มันควักกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบเงินยัดใส่มือผม

“ค่าจ้างออกแบบของมึง” มันอธิบาย “แล้วก็นี่ กูเพิ่มให้ ค่าเสียเวลาที่มึงโดนกูแย่งเวลาว่างไป ทั้งเนื้อทั้งตัวกูมีแค่นี้แหละ”

“เอาเงินของมึงคืนไปเหอะ” ผมยัดกลับใส่มือของไอ้คนตรงหน้า ใครจะกล้ารับไว้วะ ยิ่งรู้เหตุผลด้วยแล้ว กูก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น “กูไม่ได้อยากได้เงินหรอก ขอแค่มึงกลับมาเป็นเพื่อนกูคนเดิมก็พอแล้ว กูรู้นะว่านี่เป็นเงินเก็บที่มึงได้มาจากการเล่นกีฬา เอาเก็บไว้ทำเรื่องมีประโยชน์กว่านี้เหอะ กูไปล่ะ”



รีบออกไปจากตรงนั้นดีกว่า ขืนอยู่ต่อไปได้ดราม่าขึ้นจริงๆแน่เลย



ผมเดินกลับเข้าไปในร้านกาแฟเพื่อเก็บข้าวของของตัวเองที่วางทิ้งไว้



“เพิ่งเคยมาดื่มกาแฟที่นี่ครั้งแรกเหรอครับ”

“ครับ?” ผมตอบรับไปก่อน เพราะไม่แน่ใจว่ามีคนเข้ามาคุยกับผมหรือเปล่า

เฮ้ย บาริตต้านี่หว่า อย่างหล่ออ่ะ ขาว ไม่สูงเท่าไหร่ แต่สะอาดสะอ้าน แบบนี้ต้องเก็บเข้าคอลเล็คชั่นหน่อยแล้ว

“ผมเพิ่งเคยเห็นคุณครั้งแรก” บาริสต้าพูดต่อ สายตาที่มองกูแบบนี้ เข้าใจได้ไม่ยาก สนใจกูอยู่ซินะ “เพิ่งมาร้านนี้ครั้งแรกเหรอครับ”

“ก็อย่างที่เข้าใจนั่นแหละครับ” รอยยิ้มพิมพ์ใจเลเวลหนึ่งออกปฏิบัติการ

“แล้วรสชาติกาแฟใช้ได้ไหมครับ ให้เพิ่มเติมตรงไหนอีกหรือเปล่า”

“ก็อร่อยดีแล้วนะครับ แต่ผมไม่ค่อยดื่มกาแฟเท่าไหร่หรอก ปกติจะชอบทานผลไม้มากกว่า อย่างพวก...กล้วย กล้วยท่อนใหญ่ๆ” รอมยิ้มทรงเสน่ห์เลเวลสองออกปฏิบัติการ

“อ๋อออ แบบนั้นซินะครับ” ปลาฮุบเหยื่อแล้ว “ผมกำลังจะเลิกงานพอดี ถ้าสนใจ ที่ห้องผมมีกล้วยหอมที่สุกกำลังดี รับรองอร่อยและดีต่อสุขภาพด้วยครับ”

“น่าสนใจจังเลยนะครับ” รอยยิ้มยั่วยวนเลเวลสามออกปฏิบัติการแล้ว “งั้นก็คงต้อง.........................”



ไอ้อาร์ม!!!



นั่นไอ้อาร์มนี่นาที่กำลังมองมาที่ผมผ่านกระจกมาจากนอกร้าน คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าผมกำลังคิดจะทำอะไร แต่คนอย่างมันที่เห็นเหตุการณ์แบบนี้จนชินตา คงรู้ในทันทีว่าผมกำลังจะสร้างสัมพันธ์สวาทกับคนแปลกหน้าอีกแล้ว

ใบหน้าของไอ้คนที่เฝ้ามองอยู่เศร้าสร้อยอย่างชัดเจน มันคงอยากรู้ว่าผมจะสรุปผลกับบาริสต้าคนนี้ได้หรือเปล่า ผมเป็นเพื่อนกับมันมานาน รู้ดีว่าท่าทีแบบนั้นของมันคืออะไร มันคงอยากเดินเข้ามาขัดขว้างผมซินะ แต่เพราะผมเพิ่งห้ามเรื่องนั้นกับมันไป ก็เลยได้แค่ยืนมองและลุ้นในใจอยู่แบบนั้น

บางทีผมก็รู้สึกเห็นใจนะ ท่าทางร้อนร้นแต่ทำอะไรไม่ได้แบบนั้น ไม่เหมือนไอ้อาร์มคนอารมณ์ดีที่ผมเคยรู้จักเลย



“ต้องอะไรเหรอครับ”

“เอ๊ะ?” ผมลืมไปเลยว่ากำลังสนทนาอยู่

“ว่าไงครับ รอผมเลิกงานแป๊บนึงได้ไหม แล้วเดี๋ยวผมพาไป.....”

“ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระน่ะครับ” แล้วผมก็ตัดสินใจแบบนี้ “ต้องขอตัวแล้วนะครับ กาแฟร้านนี้อร่อยมากครับ ไว้มีโอกาสผมจะมาใหม่นะครับ”

“อ่า...คือ...”



ออกมาเลยก็แล้วกัน ก็ตัดสินใจไปแล้วนิ



ผมเรียกแท็กซี่ทันทีเพื่อเดินทางกลับหอพัก พูดตามตรงว่าหมดอารมณ์จะทำเรื่องอะไรแบบนั้นไปเลย



แล้วทำไมผมถึงตัดสินใจทำแบบนี้กันนะ ทั้งๆที่ก็เพิ่งบอกไอ้อาร์มไปเองว่าให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม หรือว่า.............................









..........................คนที่เปลี่ยนไปคือผมเอง
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ว่าง vs ยุ่ง - 28/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 28-12-2018 22:53:59
เป็นแม่แม่จะเอา อาร์มค่ะลูกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 555555555555 ดูท่าทางแล้วจะปรนเปรอได้สุดแล้ว จีจี
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... สำเร็จ vs ล้มเหลว - 29/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 29-12-2018 18:07:45
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 4 / ทนไหว vs ไม่ทน

ความที่ 1 จาก 2 / สำเร็จ vs ล้มเหลว









โอ๊ยยยยยยยย

คิดไม่ตกเลยกู พอมาคิดๆดูอีกทีแล้ว ทำไมเมื่อวานกูต้องปฏิเสธบทเพลงบรรเลงสวาทกับบาริสต้าคนนั้นด้วยนะ เป็นคนบอกให้ไอ้อาร์มไม่เปลี่ยนไปแท้ๆ แต่กูเองนี่นาที่ทำตัวไม่เหมือนเดิม

ไม่ได้ ไม่ได้แล้วแบบนี้ ขืนกูเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องเข้าขั้นวิกฤตแน่ๆ

ขอปฏิญาณเลยว่าวันนี้จะกลับมาเป็นไอ้เพลงคนเดิม



“ไง พวกมึง มากันเร็วจัง” ทักทายให้เป็นปกติเข้าไว้

ตอนนี้ผมมายังสถานที่นัดรวมตัวกินมื้อเที่ยงที่ตึกอาคารเรียนรวมเหมือนเดิม โดยมีไอ้อาร์มและไอ้แว่นมานั่งรออยู่แล้ว

“มึงนั่นแหละมาช้า” ไอ้แว่นบ่นผม พร้อมกับยื่นข้าวหน้าไก่มาให้ “พวกกูรอไม่ไหว ก็เลยซื้อข้าวไว้ก่อน กำลังจะกินพอดี อ่ะนี่ อันนี้ข้าวหน้าไก่ของมึง”

“ขอบใจนะเพื่อน” ผมกล่าว ก่อนจะคว้าจาน เบี่ยงไปนั่งข้างไอ้อาร์มเหมือนเดิม ผมบอกแล้วไงว่าจะทำตัวเป็นปกติ เริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆก่อนเลยละกัน

“อ้าว ไม่นั่งข้างกูแล้วเหรอ” ไอ้แว่นถาม

“ไม่แล้ว กูชอบอะไรเดิมๆ” ได้ยินไหมไอ้อาร์ม กูชอบให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม “เฮ้ย! ไอ้อาร์ม ข้าวผัดกระเพราะของมึงน่ากินจัง เอางี้แล้วกัน แลกกับข้าวหน้าไก่ของกูก็แล้วกันเนาะ”

“เฮ้ยๆๆๆ มึงถามกูก่อนไหม” ไอ้อาร์มโวยวาย ดีๆ อย่างไอ้อาร์มต้องพูดแบบนี้แหละ ถึงจะสมเป็นมัน

“ก็มันน่ากินอ่ะ น๊านะ แลกกันเหอะ”

“มึงนี่แม่งหน้าด้านชิบหาย ให้กูแดกแต่ข้าวหน้าไก่จนหน้ากูจะเป็นไก่อยู่แล้ว”

“แหมมมม พูดอะไรแบบนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า”

“ไอ้สัด นั่นมันมุกกู”



“เห้อออออ ในที่สุดบรรยากาศเก่าๆกลับมาแล้ว” จู่ๆ ไอ้แว่นก็พูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าผมกับไอ้อาร์มด้วยรอยยิ้ม “เห็นพวกมึงสองคนกลับมาเป็นปกติได้ กูก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย อาทิตย์ที่แล้วพวกมึงทำตัวกันแปลกๆ นึกว่าไปมีเรื่องอะไรกันมา แบบนี้ค่อยสมกับเป็นแก๊งสามสหายหน่อย”



เออ กูก็รู้สึกดีเหมือนกัน

เพียงแต่....



“น้องครับ”

เอ๋?? ใครเรียก

อ้าว นี่มัน.... “พี่ปั้นจั่น สวัสดีครับ” ผทกล่าวทักทาย

“ดีใจจัง จำชื่อพี่ได้ด้วย” พี่ปั้นจั่นยิ้นกว้าง “คือว่า... เห็นป้าร้านข้าวบอกว่าน้องไม่ยอมรับขนมที่พี่ฝากไว้ให้เหรอ ไม่ชอบทานขนมเหรอครับ”

“อ๋อ เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่เกรงใจ”

“แต่พี่เต็มใจให้นะ”

“ยังไงก็เกรงใจอยู่ดีนั่นแหละครับ”

“เพราะงี้ไงพี่ถึงชอบน้อง” พูดตรงดีแฮะ “เลิกเรียนวันนี้น้องว่างไหมครับ ไปกินมื้อเย็นกันไหม”

“แต่ว่าผม....” เอ๊... กูไม่ควรจะปฏิเสธนี่หว่า ถ้าเป็นปกติ กูก็ต้องตอบรับซิ ผู้ชายหล่องานดี แถมเป็นถึงประธานชมรมฟุตบอลแบบนี้ จะปล่อยไปได้ไง ที่สำคัญ นี่จะเป็นการตอกย้ำให้ไอ้อาร์มเห็นด้วยว่า ผมต้องการให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมจริงๆ “ได้ครับ งั้นเจอกันที่นี่หลังเลิกเรียนก็ได้ครับ”

“จริงง่ะ” พี่ปั้นจั่นร้องดีใจ

“จริงซิครับ” และก็ต้องมีรอยยิ้มพิมพ์ใจเลเวลหนึ่งด้วยตามหลักสูตรที่ถูกต้อง

“งั้นเดี๋ยวพี่มารอนะ”

“ครับ ยังไงผมขอทานข้าวกับเพื่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวจะกลับไปเรียนไม่ทันตอนบ่าย”

“โอเคครับ ว่าแต่... พี่ยังไม่รู้เลยว่าน้องชื่ออะไร”

“คือผม...” ว่าจะไม่บอกนะ เพราะปกติผมไม่เคยบอก ต้องการแค่เซ็กส์แล้วจบไป แต่เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าผมหนักแน่น งั้นก็... “ผมชื่อเพลงครับ”

“โอเคครับน้องเพลง งั้นเจอกันตอนเลิกเรียนนะ”

“บ๊ายบายครับ” จบด้วยท่าโบกมือแบบดูมีราคา



“หูยยยยยยยยย” ไอ้แว่นร้องทันทีที่พี่ปั้นจั่นจากไป “เพื่อนกูนี่มันฮอตตลอดเวลาจริงๆ นี่ถ้ามหาลัยเรามีเพจสิบหนุ่มฮอตในหมู่ผู้ชายบ้าง มึงต้องรั้งอันดับหนึ่งแน่เลย”

“ยังไม่ชินอีกเหรอ” นี่ไง ความโอ้อวดตัวเองเลเวลร้อยของผม

“ถ้าจัดกับพี่เขาแล้ว อย่าลืมเล่าให้กูฟังด้วยนะ”

“แน่นอน ไม่เกินวันนี้หรอก”

“ร้ายกาจ”

“รอฟังได้เลย ดูจากทรงแล้ว กูว่าคนนี้เด็ด”

“กูเชื่อ ถ้าออกมาจากปากมึงก็ถือว่าน่าเชื่อ”

“กินๆๆ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันตอนบ่าย”



เอ? ไอ้อาร์มมีปฏิกิริยายังไงบ้างน่า?

ผมพยายามแอบเหลือบมองมัน ก็นิ่งๆปกติ อาจจะเงียบไปหน่อย แต่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร

ฟูวววว โล่งอก มันคงกลับมาเป็นคนเดิมแล้วซินะ



“กูไปเรียนแล้วนะมึง” ผมกล่าวลาเมื่อมื้ออาหารจบลง และตารางเรียนช่วงบ่ายกำลังจะมาถึง

"โอเค" ไอ้แว่นพูด "กูเตรียมแล็กเชอร์แป๊บนึง เดี๋ยวก็จะไปแล้วเหมือนกัน"

"บายนะมึง ไอ้อาร์มด้วย"



ผมเดินออกมาจากบริเวณโรงอาหาร ระหว่างทางก็แวะห้องน้ำเป็นปกติ ผมชอบห้องน้ำที่นี่เพราะไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เคยคิดเหมือนกันนะว่าอยากใช้ห้องน้ำที่นี่เป็นแหล่งบรรเลงกาม แต่ยังไม่มีใครใจเด็ดพอกว่าทำแบบนั้น ฮึฮึฮึ ในสมองผมมันคิดแต่เรื่องแบบนี้จริงๆ

โอเค เรียบร้อย ไปเรียนต่อดีกว่า





“ทำไมมึงทำแบบนี้วะ”

หึ!? ใครวะ

อ้าว ไอ้อาร์มนี่นา มาอยู่หน้าห้องน้ำได้ไงละเนีย

“กูทำอะไรวะ” ผมถาม

“ก็ที่มึงคุยกับประธานบอลเมื่อกี๊ไง” ห๊า บ้าเอ๊ย อุตส่าห์ใจชื้นคิดว่ามันกลับมาเป็นปกติแล้วเชียว

“แล้วมันแปลกตรงไหน กูก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว กูคนเดิม มึงก็ควรจะเป็นมึงคนเดิมด้วย ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่งกับกูเรื่องนี้แล้วไง”

“ไม่จริงอ่ะ มึงไม่ใช่คนเดิม ปกติมึงไม่เคยบอกชื่อมึงให้ใครรู้”

“ก...ก็แค่ชื่อหรือเปล่าวะ” ไม่คิดเลยว่ามันจะสังเกตเรื่องนี้ด้วย

“แล้วที่โอ้อวดกับไอ้แว่นอ่ะ ปกติมึงไม่เสนอตัวเล่าให้มันฟังหรอก แต่นี้มึงทำเป็นคุยสนุกปาก มึงทำเพื่อเยาะเย้ยกูชัดๆ”

“กูจะไปเยาะเย้ยมึงทำไม” ให้ตายเหอะ เรื่องนี้มันก็สังเกตเห็นเหรอวะ “กูก็พูดไปเรื่อย ไม่ได้บอกว่าจะเล่าจริงๆซะหน่อย”

“ไม่รู้อ่ะ กูถือว่ามึงทำตัวไม่ปกติก่อน เพราะงั้นมึงห้ามไปกับไอ้ประธานนั่น”

“เรื่องไรของมึงล่ะ”

“ก็มึงผิดคำพูดอ่ะ”

“ผิดเหี้ยอะไร ไม่รู้อ่ะ ยังไงกูก็จะไป กูไม่ยอมเสียสถิติเพราะมึงหรอก เสียเวลาคุยกับมึงจริงๆเลย ไปเรียนดีกว่า”

“กูบอกว่าไม่ให้ไปไง” ไอ้เชี่ยอาร์ม นี่มึงถึงกับรั้งแขนกูไว้เลยเหรอ

“มึงเป็นบ้าอะไรนักหนาวะ” ต้องให้โวยวายจริงจังแบบนี้ใช่ไหมถึงจะพอใจ “ไหนบอกว่าจะกลับมาเป็นปกติไง ยังอยากเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ นี่ยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย มึงก็งี่เง่าอีกแล้ว เป็นอะไรมากไหมมึงอ่ะ ปล่อยกู”

“เออ! กูเป็นมากเลยแหละ กูหึงมึงไง”

“!!!!...............................”

“กูหึงเพื่อนกู มันผิดตรงไหนวะ อ... เออ กูรู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เป็นแค่เพื่อน แต่กูก็มีสิทธิจะหึงเพื่อนตัวเองบ้างไม่ได้หรือไงวะ”

“................” พูดไม่ออกเลยกู หัวใจเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว ทำยังไงดีล่ะ กูต้องพูดยังไงดี “แต่ถึงยังไงกูก็จะ...”

“คนนี้ก็ขอ” ไอ้อาร์มพูดแทรก

“ห๊ะ!?”

“เออ ไอ้ประธานชมรมฟุตบอลอะไรนั่น กูขอไว้คนนึงก็แล้วกัน อย่าไปมีอะไรกับมันเลยนะ”

“ทำไมวะ มึงไม่ชอบพี่เขาหรือไง”

“ไม่รู้อ่ะ แต่กูว่ามันเป็นคนไม่ดี กูดูออก”

“กูไม่สนว่าใครจะดีหรือไม่ดี กูต้องการให้จบบนเตียงก็พอ”

“กูขอแค่นี้ไม่ได้เหรอวะ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมากูไม่เคยขออะไรมึงเลยนะเว้ย”

“อ...อะไรของมึงวะ”

“เออ กูขอแค่นี้แหละ ทำให้กูได้ปะละ อย่าไปมีอะไรกับมันเลยนะ แล้วกูสาบานเลย ถ้าเป็นคนอื่น กูจะไม่มาพูดกวนใจมึงอีกเลย ให้กู.... ให้กูรู้สึกว่ากูหึงมึงสำเร็จสักคนนึงก็ยังดี ได้ไหม ขอร้อง”



ตึ้ก ตึ้ก



จู่ๆก็สัมผัสได้ว่าหัวใจมันเต้นอย่างรุนแรง

ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลยแฮะ ความรู้สึกของการถูกหึงหวง



“เออๆๆๆ ก็ได้” เอาวะ อีกสักครั้ง “กูไม่ไปก็ได้”

“ขอบใจ” ไอ้อาร์มยอมปล่อยแขนผมในที่สุด “งั้นมึงก็... ไปเรียนเหอะ กูก็จะไปเรียนแล้วเหมือนกัน”

“อ...อืม”

แล้วไอ้อาร์มก็เดินจากไปช้าๆ



การพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียวระหว่างผมกับไอ้อาร์มนั้น สร้างบาดแผลให้มันไว้แค่ไหนกันนะ จะจำไว้เลยว่าจะไม่ดื่มจนเสียสติแบบนั้นอีก



หลังเลิกเรียนผมต้องกลับเข้ามาที่โรงอาหารของอาคารเรียนอีกครั้งเพื่อบ่ายเบี่ยงพี่ปั้นจั่นด้วยการโกหกว่ามีธุระด่วน ซึ่งพี่เขาก็น่ารัก ไม่ว่าอะไรเลย แถมยังบอกว่าจะชวนจนกว่าจะสำเร็จ

แต่ผมนี่ซิ กะเอาไว้แล้วแท้ๆว่าวันนี้ต้องหากิจกรรมเสริมสร้างประสบกามชีวิต ก็เป็นอันต้องล้มเหลวไปอีกวัน ไม่เป็นไร แค่วันเดียว ทนไหว เอาเข้าจริงๆ ผมก็สามารถออกไปหาเหยื่อรายใหม่ได้นั่นแหละ แต่นึกถึงหน้าของไอ้อาร์มวันนี้แล้วมันไม่กล้าลงมือทำอะไรจริงๆ……





เอาล่ะ!!!

เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมกับอารมณ์ใหม่ ที่จริงมันคืออารมณ์เก่าๆของผมนั่นแหละ เพราะห่างหายจากความสุขทางเพศไปนาน ตอนนี้รู้สึกเหมือนกับมันพร้อมจะระเบิดออกมายังไงก็ไม่รู้

โอ๊ยยยยยย ไม่ได้แล้ว วันนี้ต้องหาเหยื่อให้ได้ ต่อให้ไอ้อาร์มมาร้องไห้คุกเข่าต่อหน้าผมก็จะไม่อ่อนข้อให้มันอีกเด็ดขาด

เซ็กส์บำบัด.... เตียง.... ถุงยางอนามัย..... เจลหล่อลื่น...... ต้องการเซ็กส์เดี๋ยวนี้



“มอนิ่งครับน้องซอล” มีเสียงของคนที่ผมรับรู้ได้ว่าเขาหล่อมากอยู่แถวนี้ ใครมาทำเสียงหล่อแถวๆโต๊ะกินข้าวของพวกผมกันน้า

“หวัดดีครับพี่ฮันเตอร์” หึ! ไอ้แว่นทักทายใครวะ



เฮ้ยยยยยยยยยยยยย

น....นี่.....นี่มัน......พี่ฮันเตอร์นี่นา หนุ่มหล่ออันดับหนึ่งจากเพจสิบหนุ่มฮอตของมหาลัย นอกจากจะหล่อ หุ่นดี มีชาติตระกูลแล้ว ยังเป็นถึงดาราวัยรุ่นที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ถึงผมจะไม่เคยดูละครที่พี่เขาเล่นก็เถอะ



“ข้าวมันไก่ ไม่หนัง ไม่เผ็ด สำหรับน้องซอลครับ” พี่ฮันเตอร์ยื่นกล่องข้าวด้วยมือเนียนละเอียดยิบแบบลูกคุณหนูผู้ดีให้ไอ้แว่น



เอ๊ะ แต่เมื่อกี๊พี่เขาเรียกไอ้แว่นว่าซอลหรือเปล่านะ เพราะถ้าใช่ นี่คือน่าแปลกมาก ทั้งมหาลัยนี้ ผมคิดว่ามีแค่ผมกับไอ้อาร์มเท่านั้นแหละที่รู้ว่าชื่อเล่นจริงๆของไอ้แว่นคือซอล ด้วยความที่มันสวมแว่นหนากับบุคลิกแบบโอตาคุ จึงถูกทุกคนเรียกว่าไอ้แว่นมาโดยตลอด



“ขอบคุณมากครับ” ไอ้แว่นรับกล่องอาหาร “เอ่อ.... ไอ้อาร์มไอ้เพลง นี่พี่ฮันเตอร์นะ พี่รหัสของกู”

“พี่รหัส!!!” ผมนี่ร้องเลย ไอ้อาร์มก็อึ้งไม่แพ้กัน

“ใช่”

“มึงเจอพี่รหัสแล้วเหรอ พี่เขาหายไปไหนตั้งสองปี แถมยังเป็นพี่....” กรรม ลืมตัว กูพูดมากเกินไปซินะ “ข...ขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ว้าวววว เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงครองอันอับหนึ่งของหนุ่มฮอตของมหาลัย ทั้งหน้าตาและรอยยิ้ม สามารถติดตราตรึงจนเก็บเอาไปฝัน(เปียก)ได้เลย “น้องก็พูดถูกจริงๆนั่นแหละ พี่หายไปจากการทำหน้าที่พี่รหัสตั้งสองปี คนแบบพี่นี่มันแย่จริงๆ”

“ผ...ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ” รีบแก้ตัวๆ

“ไม่เป็นไรจริงๆ”

“สองคนนี้เป็นเพื่อนในแก๊งของผม ชื่อเพลงกับชื่ออาร์มครับ” ขอบใจนะไอ้แว่นที่ช่วยเปลี่ยนเรื่องให้กู

“อ๋อ สองคนนี้นะเหรอที่เล่าให้ฟัง” พี่ฮันเตอร์บอก “ที่บอกว่าไม่ค่อยฟังที่น้องซอลพูด”

“ใช่เลยครับ”

“ห๊ะ มึงพูดถึงพวกกูแบบนั้นเหรอไอ้แว่น” ผมนี่ขึ้นเลย

“ก็มันจริงอ่ะ” ไอ้แว่นยืนยัน “พวกมึงแม่งไม่เคยฟังเวลากูเล่าอะไรเลย”

อือหือออออ ไอ้แว่น มึงบังอาจพูดถึงด้านที่ไม่ดีของกูให้ผู้ชายที่หน้าตาดีระดับนี้ฟังเชียวเหรอ เดี๋ยวก่อนเถอะมึง

“แต่พี่ว่าน่ารักดีนะ เพื่อนของน้องซอลสองคนนี้”  งูยยยยย โดนพี่ฮันเตอร์ชมว่าน่ารักไปอีกกกก ขนลุกไปทั้งตัวเลยกู

เอาล่ะ กูล็อคเป้าหมายของวันนี้ได้แล้ว

“อย่าไปชมพวกมันมากเลยพี่ เดี๋ยวพวกมันเหลิง” ไอ้แว่น มึงกล้าดับฝันกูเหรอ “ยังไงก็ขอบคุณสำหรับข้าวมันไก่มากนะครับ แต่ผมก็บอกไปแล้วนะว่าไม่เป็นไรจริงๆ”

“เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ”

“โอเคครับ”

“แล้วพรุ่งนี้จะกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

“อะไรก็ได้ครับ ขอแค่ไม่เผ็ดก็พอ”

“ตกลง งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะ ไปแล้วนะครับน้องๆ”

“หวัดดีครับ”

“สวัสดีคร้าบบบบบ” พี่ฮันเตอร์ของผมมมม



“อะแฮ่ม” ไอ้แว่นกระแอมใส่ผม “มากไปแล้วไอ้เพลง นั่นพี่รหัสกู”

“เพื่อนแว่นนนน เพื่อนแว่นสุดหล่อและแสนดี” เสียงอ่อนเสียงหวานก็มาว่ะกู

“อะไรของมึง จะมาจับมือกูทำไม ปล่อยเลย กูขนลุก”

“มึงช่วยติดต่อพี่ฮันเตอร์ให้กูหน่อยดิ นะนะนะนะ”

“ห๊ะ นี่มึงเจอเขาแค่สองนาที มึงก็จะรวบหัวรวบหางแล้วเหรอ แล้วพี่กูเขาก็ไม่ใช่.... หรือว่าเขาใช่วะ?”

“ก็... ไม่รู้ดิ แต่กูรู้สึกอะไรบางอย่างได้ เซนส์ของกูไม่น่าจะพลาดหรอก”

“ถามจริง”

“เอาเป็นว่ามึงติดต่อให้กู แล้วเดี๋ยวกูพิสูจน์ให้ว่าใช่หรือไม่ใช่ แบบนี้ดีไหม”

“เอางั้นเหรอวะ แต่กูกลัวพี่เขาจะโกรธกูเอาอะดิ”

“จะโกรธมึงเรื่องอะไร กูชอบเขา เกี่ยวอะไรกับมึง มึงแค่บอกพี่เขาให้หน่อยว่า กูชอบพี่ฮันเตอร์มากกกก ถ้าเป็นไปได้ มาเจอกับกูหน่อย ที่นี่ ตอนเลิกเรียน นะนะนะมึง ช่วยกูหน่อย”

“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอ่มมาจากไอ้คนข้างๆผม

“ส้นตีนติดคอมึงหรือไงไอ้สัดอาร์ม” อย่าบังอาจมาขัดขวางกูนะ วันนี้มึงห้ามกูไม่ให้เสียตัวไม่ได้หรอก

“เออๆๆๆ เดี๋ยวกูบอกพี่เขาให้” ไอ้แว่นรับปาก “กูต้องไปเจอพี่เขาอีกทีตอนบ่ายอยู่แล้ว แต่กูไม่รับปากนะเว้ยว่าพี่เขาจะโอเคด้วย”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ขอแค่มึงบอก รับรองว่ากูไม่พลาด คราวนี้กูก็จะได้มีเรื่องเล่าเด็ดๆแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบมาเล่าให้มึงฟังเป็นการตอบแทนไง”

“เออๆ”

“ขอบใจนะเพื่อนรัก”



เห้อออออ สบายใจล่ะ วันนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนและแน่นอน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกว่าโอกาสสำเร็จมีถึงห้าสิบเปอร์เซ็น

โอ๊ยยย แค่คิดก็ฟินแล้ว ได้เก็บคอลเล็คชั่นเพิ่ม แถมยังเป็นถึงอันดับหนึ่งของหนุ่มฮอตในมหาลัย เป็นดาราอีกด้วย สำหรับคนนี้จะมีเบิ้ลสองรอบก็จะไม่เกี่ยงเลย





“อ้าว แล้วไอ้อาร์มไปไหนอ่ะ” ผมถามไอ้แว่นเมื่อมื้อเที่ยงมาถึง ปกติไอ้อาร์มไม่เคยสาย มันน่าจะมาเป็นคนแรกๆ แต่ที่โต๊ะกลับมาแค่ไอ้แว่นคนเดียว

“มันโทรมาบอกว่าไม่ว่างอ่ะ” ไอ้แว่นตอบ “ให้พวกเรากินข้าวไปเลย ไม่ต้องรอ เห็นบอกว่าตอนเย็นมีซ้อมทีมรักบี้แมตสำคัญ คงจะเตรียมตัวเล่นมั้ง”

“งั้นเหรอ”

ดีเลย

สวรรค์เปิดทางให้ผมแล้ว ไม่มีไอ้อาร์มมาค่อยขัดขวาง ตอนเย็นมันก็ไม่ว่าง แบบนี้ก็หวานหมูละซิ



เห้อออออออ

เลิกเรียนซะที

เกือบจะไม่มีสมาธิเรียนแล้วเชียว มัวแต่คิดถึงเรื่องฟินๆที่จะได้ทำกับพี่ฮันเตอร์แล้วมันก็ชวนให้ความคิดเตลิดเปิดเปิงตลอดเลย ปกติผมไม่เป็นแบบนี้นะ เรียนก็คือเรียน แต่ช่วงนี้ของขาดไปนานจริงๆ

รีบไปรอที่จุดนัดหมายดีกว่า เผื่อพี่ฮันเตอร์จะมารอแล้ว



#เสียงโทรศัพท์

ห๊ะ!! ไอ้อาร์ม มันโทรมาทำไมวะ

จะรับดีไหม มันจะขัดขวางอะไรผมอีกหรือเปล่า แต่มันสัญญาแล้วนี่นาว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องของผมอีก

“ฮัลโหล มีไร” รับก็รับวะ

“ฮัลโหลๆไอ้เพลง” ไอ้อาร์มพูด น้ำเสียงฟังดูรีบร้อน “มึงช่วยมาที่สนามรักบี้หน่วยดิ ด่วนเลยๆ”

“ไม่ไปปปป กูมี....”

“รีบมานะ กูไม่มีเวลาคุยกับมึงมาก คนดูแลทีมไม่มา ไม่มีใครช่วยดูแลนักกีฬาเลยตอนนี้ เดี๋ยวกูต้องไปรายงานตัวลงสนามแล้วนะ รีบมานะมึง ไม่งั้นทีมกูอดโควตาไปทีมชาติทั้งทีมแน่ๆ แค่นี้นะ”

“แต่กูมี...” ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด

เฮ้ยยยยยยย มึงจะมาดับฝันกูด้วยวิธีนี้ไม่ได้นะไอ้อาร์มมมมม

กูทนมาตั้งกี่วันแล้ว นี่มันหลุดจากสถิติกูไปเยอะแล้วนะ ทำไมต้องเอาเรื่องทีมชาติของมึงมายุ่งกับความสุขในชีวิตของกูด้วยวะ.......







.......กูจะฆ่ามึงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... สำเร็จ vs ล้มเหลว - 29/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 29-12-2018 18:58:37
ไปดูแลทีมรักบี้อาจจะได้ของเด็ดกว่าพี่ฮันเตอร์ก็ได้นะเออ 55555555
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... สำเร็จ vs ล้มเหลว - 29/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 29-12-2018 19:26:21
 :pig4:
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... ฟรี vs ค่าบริการ - 29/12/2018 (วันนี้ลงสองตอนนะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 29-12-2018 19:47:33
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 4 / ทนไหว vs ไม่ทน

ความที่ 2 จาก 2 / ฟรี vs ค่าบริการ (วงเล็บหนึ่ง)









#เสียงโทรศัพท์

“ไอ้สัดอาร์ม กูไปไม่ได้ มึงหาคนอื่นแทนกูเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้เพื่อนชั่ว มึงก็รู้นิว่ากูมีนัดแล้ว”

“นี่กูเอง ไม่ใช่ไอ้อาร์ม” ห๊ะ!? อ้าว

“ไอ้แว่นเหรอ มีไรมึง” ผมนี่รีบเช็คหมายเลขโทรศัพท์เลย

“คือ.... เรื่องที่มึงขอร้องให้กูไปพูดกับพี่รหัสกูอ่ะ มัน.... ไม่สำเร็จว่ะ”

“จริงดิ”

“เออ กูก็พยายามพูดแล้วนะ แต่พี่เขาดูจะโกรธมากเลย”

จริงเหรอวะ เซนส์กูพลาดขนาดนั้นเลยเหรอ

“เออๆๆๆ มึง ไม่เป็นไร ขอบใจมากนะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้พี่มึงโกรธ ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวกูช่วยอธิบายให้ละกัน”

“เออๆ งั้นก็ตามนี้นะ”

“เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ มึงพอจะว่างไหม ตอนนี้อ่ะ”

“ทำไมวะ”

“ช่วยไปเป็นคนดูแลทีมรักบี้ให้ไอ้อาร์มหน่อยดิ คนดูแลทีมมันไม่มา”

“กูไม่ว่างอะดิ มึงไปเหอะ แค่นี้นะมึง”

“เฮ้ยไอ้แว่น แต่กู...” ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด



หือออออออ

อยากจะร้องไห้ ทำไมต้องทำกับกูแบบนี้ รู้ไหมว่าคนเราเวลาอารมณ์ทางเพศมันพุ่งพล่านมันรู้สึกยังไง เสียตัวก็ไม่ได้เสีย แถมยังต้องไปเหนื่อยทำงานอีก

หือๆๆๆ

ไปก็ได้วะ

ถ้ากูไม่เห็นแก่อนาคตทีมชาติของมึงนะไอ้อาร์ม กูจะเลิกคบเป็นเพื่อนกับมึงเดี๋ยวนี้แหละ





พระเจ้าาาาาาาาาา

นี่มันสวรรค์ของกูชัดๆ



ทันทีที่ผมเข้ามาในสนามซ้อมรักบี้ฟุตบอล ไม่มีอะไรเลยนอกจากผู้ชายกลัดมันสามสิบสี่สิบคน มีแต่หุ่นล่ำ กล้ามโต เป้าตุง แถมเข้าไปด้วยผิวกายที่มันเลื่อมไปด้วยเหงื่อ แบบนี้มัน......

ให้ตายเถอะ จริงๆก็รู้สึก​อยากจะขอบใจไอ้อาร์มนะที่ทำให้ผมได้มาอยู่ท่ามกลางสถานที่แบบนี้ แต่ในตอนนี้ที่ต้องเก็บกดอารมณ์แบบนี้ มาเจอสิ่งยั่วเย้าระรานตาขนาดนี้มันโคตรของโคตรของโคตรของโคตรทรมานเลย



“ไอ้เพลง ไอ้เพลง” เสียงไอ้อาร์มเรียกนี่นา “ทางนี้”

“อ...เออ” เพิ่งเคยเห็นไอ้อาร์มในชุดนักกีฬารักบี้ใกล้ๆแบบนี้ครั้งแรกเลย มันก็หุ่นดีเหมือนกันเนาะ ดูดิ เสื้อรัดจนกล้ามจะปลิ่นออกมาอยู่แล้ว กางเกงกีฬาชนิดนี้สั้นดีจังเลยเนาะ สั้นจนเหมือนจะซ่อนบังอะไรในนั้นไม่ได้เลย ทำไมเป้าไอ้อาร์มถึงตุงใหญ่ในขนาดนี้กันนะ.... ใหญ่แค่ไหนกัน???

“มึงมองอะไรของมึงวะ”

“ห...ห๊ะ” ชิบหายละ กูเผลอมองเป้าของไอ้อาร์มเหรอเนีย ต้องเรียกสติตัวเองกลับมา “น...ไหน... จะให้กูทำอะไร”

“มึงไปนั่งข้างสนามตรงนั้นนะ” ไอ้อาร์มอธิบาย “เดี๋ยวระหว่างแข่งจะมีนักกีฬาคอยมาขอน้ำขอผ้าเย็นจากมึง มึงก็ส่งให้เขาแค่นั้นแหละ แต่เฉพาะคนที่ใส่เสื้อสีขาวแบบกูนะ ไม่ต้องเอาไปให้ทีมสีแดง แล้วเดี๋ยวระหว่างแข่งจะมีคนมาขอให้มึงเซ็นชื่อรับรองนักกีฬา ก็แค่เซ็นไปนั่นแหละ ไม่มีอะไรมาก เข้าใจนะ”

“เออๆ เข้าใจ”

“ขอบใจที่มานะมึง กูนึกว่ามึงจะไม่ห่วงอนาคตทีมชาติของกูซะแล้ว”

“เออๆ รีบไปเหอะ แค่เซ็นชื่อแล้วก็ส่งน้ำกับผ้าเย็นใช่ป่ะ” ผมก็ปิ๋วจากพี่ฮันเตอร์หรอก ถึงมาได้

“อืม แค่นั้นแหละ” แล้วมันก็วิ่งไปรวมกับทีม



ผมเดินเลาะขอบสนามไปนั่งตามที่ไอ้อาร์มบอก ตรงนี้ก็มีแค่กระติกน้ำที่มีแก้วน้ำสำเร็จแช่ไว้กับผ้าเย็นจำนวนหนึ่ง ส่วนอุปกรณ์กีฬาที่กองอยู่ตรงนี้ผมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรมากเพราะพวกนักกีฬาเขาจัดการของเขาเอง

ปี๊ดดดดด

การแข่งขันเริ่มขึ้นจนได้

ในระหว่างแข่ง มีนักกีฬาคอยวิ่งเข้าวิ่งออกมาเอาน้ำกับผ้าเย็นตลอดเลย เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องมีคนดูแลทีม



อ๋อออ แบบนี้เองซินะ

เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้อาร์มถึงมีหวังเป็นนักกีฬาทีมชาติมากที่สุด ขนาดว่าผมดูกีฬาประเภทนี้ไม่เป็น ยังบอกได้เลยว่าฟอร์มของมันโดดเด่นกว่าคนอื่น วิ่งก็เร็ว เข้าทำก็เด็ดขาด แถมทะลุผ่านได้ทุกกำแพง ทีมที่มาแข่งด้วยดูเหมือนเป็นแค่คู่ซ้อมไปเลย



ผมใช้เวลานั่งแจกน้ำอยู่ข้างสนามพักใหญ่ ถามว่าเหนื่อยไหมก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้ที่ต้องต่อสู้กับอาการกำหนัดของตัวเองนี่ซิที่เหนื่อยสุดๆ ในบรรยากาศที่มีผู้ชายน่าเขมือบมากมายแบบนี้ เหมือนมันจะทำให้หัวใจของผมหลุดออกมาระเบิดข้างนอกได้เลย

ไม่ได้ ยังไงก็ต้องทนไว้ก่อน กูจะมาแสดงสีหน้าของคนหื่นกามต่อหน้าสาธารณชนได้ยังไง รออีกหน่อย เดี๋ยวก็จบแล้ว

แต่ว่ามันทนยากจัง ถ้าไม่ไหวจริงๆก็คงต้องช่วยตัวเองไปก่อนแล้วล่ะวันนี้

ปี๊ดดดดดดดดด

การแข่งขันสิ้นสุดลงในที่สุด โดยทีมของไอ้อาร์มชนะไปแบบไม่เห็นฝุ่น ซึ่งถ้ามีการแจกรางวัล MVP ไอ้อาร์มก็คงต้องได้รับรางวัลนี้อยู่แล้ว



แม่งเอ๊ยยยยย ไม่ต้องมากอดกันต่อหน้ากูก็ได้นะ ใครมันเป็นคนคิดวัฒนธรรมว่านักกีฬาต้องกอดกันหลังแข่งกีฬาจบวะ ยิ่งเห็นภาพแบบนี้ มันยิ่งกระตุ้นความอยากเสียตัวของกูรู้ไหม



“ขอบใจมากนะมึงที่มาช่วยงานวันนี้” ไอ้อาร์มรีบวิ่งเข้ามาขอบอกขอบใจผม

“ม...ไม่เป็นไร” ผมรีบตอบ “เสร็จเรื่องแล้วใช่ไหม งั้นกูขอตัวกลับแล้วนะ”

“เดี๋ยวดิ”

“อะไรอีกวะ” กูไม่ไหวแล้วนะ กูต้องการการระบายด่วนเลย

“เหลือเก็บเสื้อผ้าอีกอย่างนึง” ห๊ะ!! “น๊านะ อย่างสุดท้ายแล้ว ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวกูช่วย เสร็จแล้วมึงกลับได้เลย”

“แน่นะ”

“เออ แน่”

“เดี๋ยวๆ แล้วมึงจะพากูไปไหน”

“ก็ไปล็อคเกอร์นักกีฬาอะดิ.....”



ไม่น๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

กูจะทนอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไง

เผลอแป๊บเดียว ผมก็มาอยู่ท่ามกลางหมู่มวลนักกีฬาที่พากันถอดเสื้อผ้า อาบน้ำ เปลี่ยนชุด โดยไม่มีคำว่าเขินอายที่จะโชว์ความเป็นลูกผู้ชายของกันและกันเลย

ห้องน้ำที่นี่มันไม่มีประตูกั้นซะหน่อยเลยรึไงวะ ให้กูมาเห็นภาพผู้ชายโชว์ผิวอาบน้ำ และหยอกล้อเล่นกัน กูจะไปตั้งสติอยู่ได้ยังไงกัน

ตอนนี้ผมเกร็งซะจนเล็บเท้าแทบจะจิกเข้าไปในรองเท้าได้อยู่แล้ว



“ไอ้เพลง ไอ้เพลง!”

“ห๊ะ!!!” มึงอย่าเรียกกูบ่อยได้ไหมไอ้อาร์ม กูไม่มีสติคิดเรื่องดีๆในหัวเลยตอนนี้

“เก็บดิวะ ของเรี่ยราดเต็มพื้นหมดแล้ว เดี๋ยวนักกีฬาก็สะดุดหัวแตกหรอก”

“อ...เออ อ...โอเค” ผมทำตาม ตอนนี้ต้องพยายามไม่คิดอะไรมาก มองพื้นเข้าไว้

“แยกเสื้อใส่ตะกร้านี้นะ ส่วนกางเกงก็ตะกร้านี้ หมวกตะกร้านี้ ผ้าเช็ดตัวตะกร้านี้ ส่วนอื่นๆก็ตะกร้านี้ ถ้าไม่แยก ร้านเขาจะไม่รับซักให้......... ไอ้เพลง!!!”

“อะไร!! กูก็เก็บอยู่นี่ไง” ผมแก้ตัว จริงๆแล้วคือเมื่อกี๊ผมสติหลุดไปแวบนึง ก็ภาพต่างๆมันชวนให้มองอ่ะ



เก็บๆๆๆ อย่าคิดอะไรทั้งนั้น

หลับตาทำงานได้ไหมเนี่ย



ผมกับไอ้อาร์มช่วยกันเก็บข้าวของที่นักกีฬาวางเกลื่อนทั่วห้อง พวกเขาใช้เวลากันแค่สิบห้าถึงยี่สิบนาทีเท่านั้นในการอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่จะค่อยๆทยอยกันออกไป จนกระทั่งนักกีฬาคนสุดท้ายกำลังจะออกไป



“กูกลับแล้วนะเพื่อน” คนสุดท้ายกล่าวลาไอ้อาร์ม

“โอเค” ไอ้อาร์มตอบ

“เจอกันพรุ่งนี้ วันนี้มึงเจ๋งมาก”

“มึงก็ใช้ได้ แต่การ์ดมึงหลวมไปหน่อยนะ อย่าลืมปรับปรุงด้วยล่ะ”

“โอเคกัปตัน” แล้วคนสุดท้ายก็จากไป

“ฟูวววว” ไอ้อาร์มเป่าปาก “ที่เหลือก็ฝากจัดการต่อด้วยนะ ขออาบน้ำก่อน ไม่ไหวแล้ว”

“โอเ...........” เฮ้ยยย!!!!!

แม้กระทั่งไอ้อาร์มก็ไม่คิดจะอายซะหน่อยเลย จู่ๆมันก็ถอดเสื้อถอดกางเกงทิ้งลงพื้น แล้วคว้าผ้าเช็คตัวเดินเข้าห้องน้ำไป แล้วนั่นมัน....



ตึ้ก ตึ้ก

หัวใจเต้น

เมื่อกี๊นี่มันอะไรกัน

เพียงแวบเดียวที่ไอ้อาร์มเดินผ่านไป ผมเหลือบไปเห็นน้องชายของมัน ไม่ใช่แค่นั้น แต่ไอ้ท่อนเอ็นนั้นมันกำลังตั้งโด่ชี้ขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว คล้ายว่าต้องการอวดโฉมให้ใครก็ได้แถวนี้เข้าไปเชยชม

ฉ่าาาาาาาาาาาาาาาาาา

ไอ้อาร์มกำลังอาบน้ำแล้วซินะ เนื้อตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของมันคงเปียกปอนไปด้วยน้ำใสๆเย็นๆ



เสียว เสียวมาก ดี....ด....ดีจัง โอ๊ย มันส์ มันส์สุดๆไปเลย

ชิบหายแล้วไงกู

เสียงจากความทรงจำของการระเริงรักระหว่างผมกับไอ้อาร์มในคืนนั้น ดังขึ้นในหัวของผมอย่างชัดเจน

มือที่กำลังเก็บเสื้อผ้าของผมหมดเรี่ยวแรงไปเลย เข่าก็แทบจะอ่อนทรุดไปที่พื้น



ม....ไม่....ไม่ไหว

ไม่ไหวแล้ว

แบบนี้ใครที่ไหนมันจะไปทนได้กัน

ไม่ทนแล้วเว้ยยยยย



ขาของผม จู่ๆมันก็ออกเดินไปเอง ทั้งที่ส่วนหนึ่งของจิตใจกำลังห้ามอยู่ แต่ไอ้เท้าเจ้าปัญหานี่ซิ ไม่มีท่าทีจะหยุดเดินต่อเลย

อย่าไปดิวะ อย่าเดินต่อไปนะ



ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก

สุดท้ายมือผมก็เคาะไปที่ผนังบุของห้องน้ำจนได้



“ใครอ่ะ” ไอ้อาร์มเอ่ยถาม ตัวมันยังคงอาบน้ำอยู่ ส่วนผมก็ยืนหลบมุมมาหน่อย ไม่ถึงขั้นโผล่พรวดเข้าไปเลย ต่อให้อยากมองแค่ไหน แต่ยังไงผมก็ยังต้องมีฟอร์มไว้บ้าง

“ก...กูเอง” ผมตอบ

เสียงฝักบัวเงียบลง แล้ววินาทีต่อมาไอ้อาร์มก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า

“มีไรวะ” มันถามทั้งที่ยังตัวเปียกและไม่มีอะไรบิดบังร่างกายไว้เลย

“กู....ก...กูเก็บของเสร็จ...หมดแล้ว” เอาจริงๆนะ ขนาดว่าสติเริ่มหลุดลอยไปแล้ว ยังรู้เลยว่าดวงตาผมจับจ้องอยู่เพียงแค่ท่อนเอ็นที่ชูชันของไอ้คนตรงหน้า สมกับที่มันชื่ออาร์มจริงๆ ความใหญ่โตแทบจะระดับเดียวกับแขนของผมเลย จำเป็นต้องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ คืนนั้นผมรับมือกับไอ้เจ้าท่อนใหญ่โตขนาดนี้ได้จริงน่ะเหรอ

“โอเค ขอบใจมากเพื่อน งั้นก็กลับเลย กูไม่รั้งมึงไว้แล้ว กูขอตัวอาบน้ำต่อก่อนนะ”

“ด...เดี๋ยว” อย่าเพิ่งไปดิวะ

“อะไรวะ”

“ค...คือ.... คือกู... คือ...”

“มึงมองอะไรของมึงเนีย....”

“ก...กู....คือ....”

“หน้าแดงแบบนี้ ตามองแต่มังกรของกูแบบนี้ นี่มึงเซี่ยนอยากเสียตัวอยู่ใช่ไหมเนี่ย”

“ป...เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย” จะบ้าเหรอ ยังไงก็ต้องปฏิเสธไปก่อน จะให้ยอมรับว่ามีอารมณ์กับมันได้ไง

“อ้าว ถ้าไม่มีอะไรงั้นก็เชิญกลับไปได้แล้วครับคุณเพลง”

“ด...เดี๋ยวดิ”

“อะไรของมึงอีก”

“เออๆ” ยอมรับก็ได้วะ ช่างแม่งมันเหอะเรื่องอื่น ยังไงก็ต้องจัดการกับความกำหนัดนี้ก่อน ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“เออ? เอออะไรของมึงวะ” ถามเพื่อ? มันเข้าใจยากตรงไหนวะ

“ก็เออไง กูเซี่ยน ช...ช่วยทำกับกูหน่อยดิ...นะ” นี่กูไม่ได้กำลังทำเสียงออดอ้อนอยู่ใช่ไหม

"........." หือ? แทนที่มันจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ มันกลับยื่นมือออกมารอรับอะไรบางอย่าง

“อะไร มึงจะเอาอะไร” ผมถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ค่าบริการไง”
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... ฟรี vs ค่าบริการ - 29/12/2018 (วันนี้ลงสองตอนนะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 29-12-2018 19:48:25
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 4 / ทนไหว vs ไม่ทน

ความที่ 2 จาก 2 / ฟรี vs ค่าบริการ (วงเล็บสอง)




“ห๊ะ อะไรนะ นี่กูอุตส่าห์มาช่วยงานมึงฟรีๆนะ ตอบแทนกูบ้างไม่ได้เหรอ”

“อันนั้นกูขอร้อง แล้วมึงก็เต็มใจมาช่วย ซึ่งมันจบไปแล้ว แต่อันนี้คือดีลใหม่ และถ้ามึงอยากเสียตัวกับกู มึงก็ต้องจ่ายมาก่อน กูเป็นถึงกัปตันทีมรักบี้ ไม่ทำให้ฟรีๆหรอกนะ”

“ไอ้สัด เลวชิบหายเลยมึงอ่ะ”

“สรุปว่าจะจ่ายหรือไม่จ่าย”

“เออ จ่ายก็ได้ กูมีแค่ร้อยเดียวนี่แหละ เอาไป” ผมยัดเงินใส่มือของไอ้หน้าเลือด

“ไม่พอ ต้องสองร้อย”

“โห ไรวะ เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอามาเพิ่มให้”

“ไม่ได้ ต้องเดี๋ยวนี้”

“เฮ้ย กูเพื่อนมึงนะ”

“เพื่อนกันนี่แหละตัวโกงเลย”

“ก็กูมีไม่พออ่ะ แถมตอนนี้กูก็....”

“ทำไม? จะทนไม่ไหวแล้ว ว่างั้น?”

“ก็เออดิวะ”

“เอางี้แล้วกัน” ไอ้อาร์มเอาเงินยัดคืนกระเป๋ากางเกงของผม แล้วเอานิ้วแตะที่แก้มของมัน

“อะไร?”

“ค่าบริการไง หอมแก้มกูแทนเงินสองร้อย”

“พ่อมึงดิ มึงก็รู้ว่ากูไม่หอมแก้มใครทั้งนั้น แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ”

“ไม่มีค่าบริการ ก็ไม่มีบริการ”

“ไม่เอาอ่ะ เอาเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ”

“งั้นก็บ๊ายบาย”

“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวๆๆ”

“จะเอาไง กูไม่ว่างต่อรองกับมึงนานนักหรอกนะ”

“แค่หอมแก้มอย่างเดียวใช่ไหม”

“เออ มึงไม่เสียหายนักหรอกน่ะ วันนั้นก็จูบกันมาแล้ว”

“ตอนนั้นมันเมา แต่ตอนนี้กูมีสติดีนี่หว่า”

“สรุปว่าจะหอมหรือไม่หอม”

“เออ ก็ได้ๆ หอมก็หอม”

“เอาดิ” มันยื่นแก้มมาให้ผม

เห้ออออ เอาวะ

จุ๊บ

สุดท้ายก็ต้องทำ

ชิบหายเหอะ ไม่คิดเลยว่าต้องมาหอมแก้มไอ้เพื่อนชั่วนี่

“ก็แค่นั้นแหละ” ไอ้อาร์มพูด “ทำเป็นหวงไปได้ แต่แกล้งมึงนี่กูสนุกดีนะ”

“กูทำตามที่มึงบอกแล้ว จะเริ่มได้ยัง”

“เอาดิ..... เดี๋ยวๆ มึงจะเดินไปไหน”

“ก็ไปล้างตัวไง เพราะมาช่วยงานมึงนั่นแหละ ตัวกูเหนียวหมดแล้วเนีย”

“นี่มึงคิดว่ากูจะรังเกียจมึงด้วยเหตุผลแค่นี้อะเหรอ มานี่!”

“ฮ....เฮ้ย เดี๋ยวๆๆๆ ทำอะไรน่ะ”

จู่ๆผมก็ถูกกระชากเข้าไปหาตัวของไอ้นักรักบี้ชีเปลือย ก่อนจะถูกปลดเข็มขัดและกางเกงออกไปอย่างรวดเร็ว มันแทบจะไม่สนใจเสื้อของผมเลยด้วยซ้ำ

นี่สรุปว่าใครกำหนัดกันแน่วะ เอาเหอะ กูถอดเสื้อเองก็ได้

“เฮ้ยยยย!!!”

จู่ๆ ไอ้อาร์มก็ยกผมจนตัวลอยเลย แถมจับพลิกกลับหัวกลับหางอย่างง่ายดาย นี่กูตัวเล็กขนาดนั้นเลยเหรอ

“อยากเสียตัวนักไม่ใช่งะ” มันพูด คือหน้าของผมตอนนี้ หันลงดิ่งไปที่พื้น แถมยังชนเข้ากับท่อนแข็งขืนของไอ้บ้าอาร์มอีก “เดี๋ยวกูจัดให้”

“ด...เดี๋ยว มึงจะทำอะไรน่ะ ย...อย่านะ อย่าเลียตรงนั้น ย...อย่า.... อ่าอาอ่าอาอ่าอาอ่าอาอ่า โอ๊ยยยย ซี๊ดดดดดด โอ๊ยยยยยยยยยย ย... เสียว อย่า....มันเสียว ส...เสียวเกินไปแล้ว” ร้องไม่เป็นภาษาคนเลยกู

ไม่นึกเลยว่าการถูกลิ้นอ้วนๆชอนไชแยงเย้าใส่ช่องสวาทมันจะซาบซ่านถึงใจขนาดนี้

"อี๊...ย....ย....." ไม่ได้แล้ว กูต้องหาอะไรมายัดปาก ไม่งั้นได้ร้องครางน่าอายแบบนี้ไม่หยุดหย่อนแหงเลย.... เอาไอ้นี่ก็แล้วกัน

เพื่อป้องกันไม่ให้ผมส่งเสียงน่าอายจนเกินไป ผมจึงจับท่อนเอ็นอันมหึมาตรงหน้ายัดใส่เข้าไปในปาก

ว้าว รสชาติดีจัง รสชาติของว่าที่นักรักบี้อนาคตทีมชาติมันดีขนาดนี้เลยเหรอ แข็งแต่นุ่มลิ้น

“อูวววว อี้ อูววววว” เอาวะ ถึงผมจะยังมีเสียงอู้อี้ออกมาหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าเสียงกระเส่าที่ฟังไม่เป็นภาษา

“เก็บเสียงทำไม ร้องออกมาเลย” ไอ้อาร์มหยุดเพื่อพูด

“ไอ่(ไม่)” ผมปฏิเสธในขนาดที่ยังมีท่อนแข็งคับเต็มปากอยู่

“ไม่เหรอออออ ดูซิว่าแบบนี้จะเก็บเสียงไหวไหม” แล้วจู่ๆ ไอ้อาร์มมันก็ใช้ลิ้นและริมฝีปากจู่โจมอย่างหนักเข้าใส่ช่องแคบของผมแบบไม่คิดชีวิต

“อู....อู....อูววววว อะ...อา....อ่า.... โอ๊ยยยย ส....เสียว.... เสียวไปหมดแล้ว” เก็บเสียงไว้ไม่ไหวจริงๆด้วย ถ้าผมไม่ร้องออกมาตอนนี้ คงได้อกแตกตายเป็นแน่

“อ...โอ๊ยๆๆๆ ไอ้สัดเพลง กูเสียว”  มึงคิดเหรอว่ากูจะยอมครางออกมาคนเดียว การใช้ลิ้นของกูก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครเหมือนกันนั่นแหละ “ด...ได้ มึงคิดจะแข่งกับกูเหรอ”

“ซี๊ดดดดดดดดดดด อาาาาาาาาาาาาาาาาาาาซ” ทำไมมันถึงรู้สึกซาบซ่านถึงใจไม่หยุดแบบนี้

“ช...เชี่ย... ดูดเก่งชิบหาย” ผมก็ต้องไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

นี่เป็นการแข่งทำให้อีกฝ่ายเสียวหรือไงกันนะ ใครมารู้เข้าคงอายเขาชิบหาย แต่ในสถานการณ์แบบนี้ กูจะมายอมแพ้ไม่ได้



“ด....เดี๋ยว....เดี๋ยวก่อน ทนไม่ไหวแล้ว” แต่เมื่อผ่านไปไม่นาน กลับกลายเป็นว่าผมคือฝ่ายต้องขอยอมแพ้ แต่แทนที่ไอ้สัดอาร์มมันจะหยุดเลียช่องรักของผม มันกลับรุกหนักยิ่งกว่าเดิมซะอีก “ด...ด...เดี๋ยว... กู.... เดี๋ยวก่อน.... กูจะ...... อ๊อยยยยยยยย ซี๊ดดดดดด อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาซซซ”

น....นี่มันอะไรกัน

น้ำกามของผมพุ่งทะลักออกมาเฉยเลย

ของเหลวขาวข้นที่มาจากตัวผม หยดเปื้อนเต็มพื้นไปหมดเลย

แม่ง น่าอายชะมัด ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรจริงจังเลยแท้ๆ เสียเชิงคนมีประสบการณ์หมด

 “มึงนี่มันร่านจริงๆ ยังไม่ทันโดนเสียบเลย แตกซะแล้ว” ไอ้อาร์มมันเยอะเย้ยผม

“ก...ก็กู...ทนมาตั้งหลายวันนี่หว่า” ผมอ้าง

“จริงอ่ะ!?” จู่ๆ ไอ้อาร์มก็จับผมพลิกกลับ เลิกกลับหัวกลับหางแล้วมาอยู่ในท่ายืนปกติ “นี่มึงไม่ได้ไปทำอะไรกับใครมาเลยเหรอ”

“ก็เพราะมึงนั่นแหละ.... ยิ้มเหี้ยไร ถ้าไม่ใช่เพราะกูหยุดไปหลายวัน กูไม่เสร็จง่ายๆแบบนี้หรอก”

“เออๆๆ กูผิดเอง งั้นเดี๋ยวกูทำชดเชยให้ ว่าแต่ มึงยังไหวใช่ไหม หรือว่าหมดอารมณ์แล้ว”

“ก...ก็ยังหรอก”

“ใช้ได้นี่หว่า แบบนี้ค่อยคุ้มที่มึงเอ่ยปากขอหน่อย”

“พูดมากนะมึงอ่ะ รีบๆยัดเข้ามาซะทีเหอะ อะนี่ เจล”

“โอ้โห นี่มึงถึงขั้นพกเจลติดตัวเลยเหรอ กูรู้นะว่ามึงเป็นพวกขี้เซี่ยน แต่ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้... โอเค เดี๋ยวกูจัดให้ ถ้าเสียบแล้วไม่ร้อง อย่ามาเรียกกูว่าไอ้เสืออาร์ม”

“ทำให้เก่งอย่างที่ปากโม้เหอะ”

“ค่อยดูกันไป” สิ้นคำพูด ไอ้อาร์มจับตัวผมให้หันหลังและคุกเข่าไปกับพื้น ก่อนจะบังคับให้ผมเอามือทั้งสองข้างค้ำกับพื้นห้องน้ำไว้

มันคิดจะเล่นท่าด็อกกี้ซินะ ท่าแบบนี้คิดว่าจะทำให้กูร้องครางได้ มึงคิดผิดถนัดเลย นี่มันท่ามาตรฐาน กูเจอมาแล้วทุกรูปแบบ บอกเลยว่าสบายมาก

หึ! เดี๋ยวนะ ทำไมไอ้อาร์มวางเท้าของมันลึกจัง เท้าของมันอยู่ระดับเดียวกับเอวของผมเสียด้วยซ้ำ จะบ้าเหรอ แบบนี้กูก็ต้องโดนเสียบลึกจนสุดลำเลยอะดิ

“เดี๋ยว....ดิ.....อ๊ากกกก โอ๊ยยยยยย” บ้าเอ๊ย ไอ้อาร์มกำลังยัดท่อนแข็งของมันเข้ามาในช่องเสียวของผมแล้ว ผมเคยรับกับขนาดของท่อนนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมมันถึงยังเจ็บแน่นเหมือนเดิมเลยล่ะ ทั้งใหญ่ ทั้งยาว ทั้งแข็งแกร่ง

“เชี่ย แม่งเอ๊ยยยยย ทำไมฟิตแบบนี้วะ น...ไหนมึงบอกว่าโดนเสียบมาเยอะแล้วไง มันไม่ควรจะฟิตแบบนี้ดิ มึงแค่โม้หรือเปล่าวะ”

“ม...โม้ ซี๊ดดด โม้เชี่ยอะไรล่ะ โอ๊ยยย ม..มึงนั่นแหละ ใหญ่ก...เกินมนุษย์มนา” ผมทั้งเถียงทั้งคราง “กูไม่เคย.... ม...ไม่เคยโดนที่ใหญ่ขนาดนี้หรอกนะ อาาาาาาาาาาซ”

“ฟูววว เข้าได้ซะที” ไอ้อาร์มบ่น “ไหนดูดิที่บอกว่าเซี่ยน มึงจะปากเก่งไปได้สักกี่น้ำ”

แล้วการขยับก็เริ่มขึ้น

“อื.....อื.......อือออออ..... งือออออออ งูยยยยยยยยยยยยยย”

“นั่นไง ไอ้สัดเอ๊ย แล้วทำปากเก่ง เพิ่งจะเริ่มขยับเอง”

“ก.... ก็มัน.... อ๊อยยย มันเสียวนี่หว่า”

“อ...เออ กูก็เสียว ต...แต่กูรู้ ว่าคนอย่างมึงไม่หายเซี่ยนง่ายๆหรอก เดี๋ยวจัดให้แรงกว่านี้”

เอาแล้วไง ไอ้อาร์มมันกำลังจะเร่งจังหวะแน่ๆเลย

“อื..... อาาาาาาาาาซ อ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียว ส...เสียว เสียวมากมึง แม่งโคตรเสียวเลย อ๊อยยย อูววววววว” ผมห้ามไม่ให้ตัวเองส่งเสียงครวญครางออกมาไม่ได้จริงๆ แค่ต้องรับมือกับท่อนขนาดใหญ่ก็พอแรงแล้ว แต่นี่มันทั้งเร็วทั้งแรง แถมความแข็งของไอ้ท่อนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทั่วร่างมันเลย



“อยากให้แรงกว่านี้ไหม”

“อ...อืม....ได้....แรงๆก็ได้”

“จัดไปอย่าให้เสีย”

“โอ๊ะ อูยยยยยย ส...เสียว เสียวโคตร ไม่เคยรู้สึกเสียวขนาดนี้มาก่อนเลย”

“ชอบแบบนี้ใช่ไหม”

เหมือนไอ้อาร์มมันจะรู้ใจผมดี มันไม่หยุดหย่อนผ่อนจังหวะบ้างเลย มีแต่จะเร็วและแรงมากขึ้นไม่ว่าจะเปลี่ยนไปท่าไหน แถมยังอึดสุดๆ นี่คงเป็นผลมาจากการที่มันเป็นนักกีฬาระดับชาติซินะ

จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ไล่ล่าเสียตัวให้ใครต่อใครมากว่าสองปี คนแรกที่ทำให้ผมร้องครวญครางจนเกือบจะร้องขอชีวิตได้ ก็มีแค่ไอ้อาร์มคนเดียวนี้แหละ ตามหาความถึงใจในกิจกรรมทางเพศมานาน ไม่คิดเลยว่าเพชรน้ำเอกจะอยู่ใกล้ตัวมาโดยตลอด



“อ...ไอ้อาร์ม” ผมหอบหนัก

“อะไรวะ” มันยังหลับหูหลับตากระแทกใส่ผมไม่ยั้ง

“ต...แตก....แตกเหอะ ก... อูยย กูไม่...ไม่ไหวแล้ว น...นะ ข....ขอร้อง”

“มึงแน่ใจนะว่ามึงจะหายเซี่ยน... โอ๊ย ไอ้สัดเพลง ซอยมาขนาดนี้แล้วทำไมมึงยังตอดอยู่ได้วะ โคตรเสียวเลย”

“เออ...อ....เออ โอ๊ย เสียวสัด ก...กูหายแล้วจริงๆ”

“หายกี่วัน วันเดียวหรือสองวัน”

“ม....ไม่รู้ เชี่ยอาร์ม กูเสียว บ...บอกว่าแตกได้แล้วไง”

“กำหนดวันมา ไม่งั้นกูจะซอยแม่งอยู่อย่างงี้แหละ เอาให้มหาลัยปิดไปเลย”

“ส...สี่ ไม่...ไม่ใช่... ห...ห้า ห้าวัน”

“ห้าวัน? แน่นะ ถ้ากูเห็น...มึงไปมีอะไรกับใครในห้าวันนี้ กูจะถือว่ามึงเป็นไอ้ไก่อ่อน ผิดคำพูด”

“อ....เอออออ แตกซะทีเหอะน่า ก....กูใจจะขาดอยู่แล้ว”

“เค งั้นกูขอเฮือกสุดท้าย.... เอาไป!”

“อ...ไอ้...อาร์ม...อ....ไอ้....สัด... อ่ะๆๆๆ ก...กู..เสียว...กู....เสียว.... โอ๊ย...แม่ง... เสียวเหี้ยๆ มันส์โคตร ม....ไม่ไหว ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว โอ๊ย โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” โดนเร่งจังหวะกระแทกเข้าไป ผมก็ต้องเสร็จเป็นรอบที่สองอะดิ

“ต...แตก แตก ออก มา แล้ว อาาาาาาาาาาาาาาาาาาซ” ไอ้อาร์มก็เหมือนกัน



มันมาอีกแล้ว ความรู้สึกท่วมท้นเต็มแน่นข้างใน ไอ้บ้าอาร์มนี่มันเป็นแหล่งผลิตน้ำเชื้อของโลกหรือไงวะ ทำไมปล่อยออกมาได้เยอะขนาดนี้ ขนาดว่ายังไม่ถอดร่างที่สอดใส่ออก ผมยังรู้สึกเลยว่าของเหลวมันล้นทะลักออกมาได้

แต่ก็รู้สึกดีชะมัดเลย ครั้งแรกที่ทำกับมันรู้สึกยังไง ครั้งนี้ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเดิมสักนิด ให้ความรู้สึกมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ

ทีแรกนึกว่าเป็นเพราะผมเมาอยู่ ก็เลยรู้สึกเหมือนอารมณ์ทางเพศถูกเติมเต็ม แต่พอได้มาทำตอนที่ยังมีสติสมบูรณ์ดีทุกอย่างแบบนี้ ก็รู้เลยว่าไอ้อาร์มนี่แหละ...ของจริง



สงสัยจริงๆว่าพวกผู้หญิงที่ผ่านมือมันมาสามารถทนกับกิจกรรมร่วมเพศระดับนี้ได้ยังไง แต่ก็อีกนั่นแหละ แบบนี้ก็ทำให้เข้าใจขึ้นแล้วว่าทำไมผู้หญิงที่เสร็จมันแล้วเกือบทั้งหมด ถึงได้อาลัยอาวรณ์มันนัก ส่วนหนึ่งก็คงเพราะความถึงใจถึงอารมณ์แบบนี้นี่เอง





“ทำเหี้ยอะไรของมึงเนีย กูบอกว่ากูอยาก แต่ไม่ได้บอกว่าต้องทำถึงขนาดนี้ ดูดิเนีย จนมหาลัยจะปิดอยู่แล้ว” ผมบ่นหลังจากเรี่ยวแรงกลับมาแล้ว

ขณะนี้ผมกับไอ้อาร์มกำลังแต่งตัวในส่วนล็อคเกอร์ เก็บเสื้อผ้ากลับมาทำหน้าที่เดิมของมัน

“ก็มึงบอกเองว่าทนมาหลายวัน” ไอ้อาร์มตอบไปด้วยเช็ดตัวไปด้วย แต่ผมแอบเห็นนะว่าน้องชายออกมันเหมือนจะยังสามารถออกศึกต่อได้อยู่เลย “กูก็เลยจัดให้หายอยาก แล้วมึงก็เป็นคนร้องขอเองด้วย จะมาบ่นอะไร”

“ไม่บ่นก็ไม่ใช่คนแล้วไหม ใครมันจะไปทนโดนปู้ยี่ปู้ย่ำได้ขนาดนั้นวะ แล้วก็จะบอกให้นะ จริงๆแล้ว กูอยากได้เพื่อนของมึงมากกว่า ถ้าไม่ติดว่าเหลือมึงอยู่คนเดียว กูไม่มีทางออกปากหรอก”

“ใคร? มึงหมายถึงไอ้พวกลูกทีมของกูอะนะ อะโด กูจะบอกให้นะเว้ย กูอาจจะไม่หล่อเท่าไอ้พี่ฮันเตอร์ที่มึงอยากได้ แต่เรื่องเสียบเรื่องซอยแบบนี้ ทั้งทีมนักรักบี้ที่ว่าโหดๆ ยังยอมซูฮกให้กูเลย มึงอ่ะโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้กะกู”

“โชคดีพ่อมึงดิ มึงอ่ะ ทำกูเสียหลักการ คนอย่างกูไม่เคยได้ใครเป็นรอบที่สอง แต่เพราะแผนการชั่วๆของมึงนั่นแหละที่ทำให้กูต้องมาเสียตัวให้มึงอีกครั้ง นี่ถ้าไอ้แว่นรู้เข้า ล้อกูชิบหายเลย”

“เอาน่า กูไม่พูด มึงไม่พูด แล้วไอ้แว่นจะรู้ได้ไง จะมีอะไรกับกูอีกสี่ห้าครั้งก็ไม่เสียหาย”

“เสียเว้ย อย่างมึงอ่ะแค่สองครั้งก็เกินพอแล้ว”

“เหอะ มึงจะไปหาคนมาเติมเต็มความเซี่ยนของมึงอย่างกูได้จากไหน ห๊ะ? ถามจริง สองปีมานี้ มึงเจอสักคนนึงหรือยัง”

“ทำไมจะไม่มี”

“ใคร? ไหนพูดมาสักคนดิ”

“ก็..........” จะอ้างชื่อใครดีวะ นึกไม่ออกสักคนเลย

“ไอ้สัด ไม่มีก็บอกว่าไม่มีเหอะ..... ก็บอกแล้วไงว่าคนอย่างกูมันหาไม่ได้ง่ายๆ โอเค มึงอาจจะหาเจอก็ได้ แต่มึงอาจจะต้องใช้เวลาอีกนานนนน แล้วทุกครั้งที่มึงเสร็จภารกิจ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ค้างคา กูพูดถูกไหม”

“........................” ไอ้เวร พูดซะถูกหมดแบบนี้ แล้วกูจะเถียงยังไงล่ะ

“เงียบแบบนี้ แสดงว่ากูพูดถูก” มันเดินมานั่งที่ม้ายาวตัวเดียวกับผม ก่อนจะพูดต่อแบบจริงจัง “เอางี้ ระหว่างที่มึงยังหาใครแบบกูไม่ได้ มึงก็ใช้บริการจากกูไปก่อน ส่วนเรื่องที่มึงกลัวว่าไอ้แว่นจะรู้เรื่อง กูสาบานเลยว่าจะไม่พูด ไม่ระแคะระคายให้มันรู้สักนิดเลย ดีซะอีก ถ้าตกลงกันให้ชัดเจนไป ความเป็นเพื่อนของเราก็ไม่เปลี่ยนไปด้วย”

“นี่มึงสะกดจิตกูอยู่หรือเปล่าเนี่ย”

“เปล่า กูก็แค่เสนอทางเลือก กูเองก็ยอมรับว่าจากที่เคยทำเรื่องแบบนี้มาทั้งหมด มึงก็เป็นแค่คนเดียวที่ทำให้กูรู้สึกดีที่สุด เพราะงั้นข้อตกลง ถือว่าเราได้ผลประโยชน์กันทั้งคู่”

“......................” ที่แม่งพูดมาก็ฟังดูน่าสนใจเหมือนกันแฮะ เอาไงดีวะ

“ว่าไง จะดีลหรือไม่ดีล”

คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เอาวะ ก็ได้ “ดีล”

ผมกับไอ้อาร์มจับมือกันและจ้องตากันอย่างจริงจัง

“ก็แค่นั้นแหละ ทำอิดออดอยู่ได้ตั้งนาน ไอ้สาด”

“โอ๊ย” หนอยยย กล้าตีหัวกูเหรอ แล้วยังมีหน้าเดินหนีกลับไปเก็บของต่ออีก

“มึงมันก็แค่เหยื่อตัวน้อยๆ อย่าทำเป็นอวดเก่งกับกู เข้าใจไว้ซะ”

“โถๆๆๆ อย่ามาหลงเหยื่ออย่างกูก็แล้วกัน เหยื่ออย่างกูนี่แหละที่เหยียบนักล่ามาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ วันไหนโอดครวญหากูขึ้นมา เดี๋ยวจะหัวเราะให้ฟันหัก”

“เหอะ ใครกันแน่ที่ครวญคราง”

“ชิ”

ผมหยุดเถียงเพื่อทำสิ่งที่ควรทำ

“ยาอะไรวะ” ไอ้อาร์มสังเกตเห็นแผงยาที่ผมควักออกมาจากกระเป๋ากางเกง “นี่มึงเล่นยาเหรอ”

“เล่นยาพ่อมึงดิ นี่เขาเรียกว่ายาเพร็พเว้ย เอาไว้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ก็มึงนั่นแหละที่เสียบกูสดๆ แถมปล่อยในอีกต่างหาก ครั้งที่แล้วที่เผลอทำไรกับมึงไปกูก็กินยานี่เหมือนกัน... เฮ้ย! เอามานี่ จะเอายากูไปไหน”

“มึงจะแดกทำไม”

“เอ้า ก็อธิบายให้ฟังไปแล้วไง”

“กูรู้ แต่มึงไม่จำเป็นต้องกินของแบบนี้หรอก เพราะกูป้องกันทุกครั้ง ที่ทำแบบนี้...................









.......................ก็มีแค่มึงคนเดียวนั่นแหละ”
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ฟรี vs ค่าบริการ - 29/12/2018 (วันนี้ลงสองตอนนะ)
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 29-12-2018 20:50:27
 :pig4: :katai1:
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... สงบ vs ฟุ้งซ่าน - 30/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 30-12-2018 22:02:51
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 5 / บังคับ vs เต็มใจ

ความที่ 1 จาก 3 / สงบ vs ฟุ้งซ่าน









“เห้ออออออ”

“เป็นไรวะไอ้อาร์ม ถอนหายใจซะแรงเลย” ไอ้แว่นสงสัยแต่ตาก็ยังจ้องอยู่ที่คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของตัวเองและพิมพ์จนนิ้วเป็นระวิง

“กูนึกไม่ออกว่าสัปดาห์วิทย์จะทำอะไรดี” ไอ้อาร์มตอบ “ไม่ชอบเลย งานที่ต้องมาจัดให้เด็กประถมแบบนี้ ทำไมปีนี้คณะกูต้องร่วมจัดงานด้วยวะ เด็กวิดวะทุกคนก็เลยต้องพลอยซวยไปด้วย”

“สรุปว่ามึงมีปัญหากับงานหรือมีปัญหากับเด็กกันแน่”

“ก็ทั้งสองนั่นแหละ กูไม่ชอบพวกเด็กสมัยนี้ แม่งดื้อแพ่ง”

“พูดเหมือนมึงโตมากอ่ะ ทำไมมึงไม่ถามไอ้เพลงอ่ะ มันเคยจัดงานแบบนี้มาไม่ใช่เหรอ”

“กูยังไม่อยากกวนมัน มันเขียนแล็คเชอร์อยู่”



“เสร็จพอดี” ผมบอกพร้อมกับปิดสมุด จริงๆก็เหลืออีกนิดหน่อยนั่นแหละ แต่ไม่มีปัญหา

“งั้นมึงช่วยไอ้อาร์มคิดเรื่องงานสัปดาห์วิทย์หน่อยดิ” ไอ้แว่นเสนอ

“ไหน คิดอะไรอยู่ กูขอดูหน่อย” ผมดึงสมุดตรงหน้าไอ้อาร์มมาดู น...นี่มัน... “มึงวาดการ์ตูนเล่นนิ ไม่เห็นจะคิดเหี้ยไรเลย”

“กูลองเขียนแล้ว แต่มันคิดไม่ออก ก็เลยวาดเล่นไปเลย” เนี่ยอะนะเหตุผล กวนตีนเหมือนเดิม “แต่ไม่ต้องชมนะว่ากูวาดสวย ใครๆก็บอกอยู่แล้ว”

“วาดรูปบ้านเหรอ ก็สวยดีนะ” ผมแกล้ง

“บ้านพ่อง รูปหมูเว้ย ตาถั่วหรือไง ไอ้สัด เอามานี่เลย กูคิดเองก็ได้”

“เออๆๆ มานี่ เดี๋ยวกูช่วย ปล่อยให้มึงคิดก็ไม่ทันอาทิตย์หน้ากันพอดี ไหนๆ ขอดูแผนผังพื้นที่ส่วนที่มึงต้องจัดนิทรรศการหน่อยดิ”

“อันนี้”

“มึงเรียนเอกโยธาไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่สอนเด็กทำงานก่อสร้างอะไรง่ายๆวะ" ผมแนะนำไปด้วยคิดไปด้วย "อืมมม ลองเอาบอร์ดวางหลบมาสองฝั่งแบบนี้ แล้วจัดตรงกลางเป็นประติมากรรมสูงๆหน่อย รอบๆตรงนี้ก็จัดเป็นโต๊ะเล็กๆให้เด็กร่วมเล่นเกมส์หรือไม่ก็ทำงานปั้นอะไรสักอย่าง....”



“มึงสองคนนี่เหมาะสมกันจังเลยเนาะ” เสียงของไอ้แว่นพูดมาลอยๆ

“เมื่อกี๊มึงพูดอะไรหรือเปล่าไอ้แว่น” ผมหยุดมือแล้วถาม

“เออ กูพูด กูบอกว่ามึงสองคนเหมาะสมกันดี ช่วยงานกันกระนุ้งกระนิ้ง น่าร๊ากกก เอาจริงๆถ้ามึงสองคนได้กันก็คงดีเนาะ คนนึงออกแบบ คนนึงก่อสร้าง”

“ดีพ่อมึงดิ สไตล์กูต้องเก็บแต้มไปเรื่อยๆ ไม่ชอบผูกมัดกับใคร”

“เหรอออ แต่สองสามวันมานี้กูก็เห็นมึงสงบดีนิ ปกติช่วงบ่ายที่ไม่มีเรียนแบบนี้มึงมานั่งกับกูซะทีที่ไหน ไม่อยู่ที่ม่านรูดก็ต้องเป็นห้องผู้ชายสักคน ไปทำอะไรมาวะ เข้าวัดฝึกกรรมฐานเหรอ”

“จริงๆ กูเห็นด้วย” ไอ้อาร์มสนับสนุน “ไปได้ยาดีจากไหนมาหรือเปล่า ห๊ะ ไอ้เพลง”

อย่ามาทำเป็นแกล้งกูนะไอ้อาร์ม มึงก็รู้ดี เพราะโดนมึงจัดหนักไปซะขนาดนั้น ความต้องการทางเพศของกูมันก็เลยเงียบสงบอยู่นะซิ

“มึงก็เหมือนกันนั่นแหละไอ้อาร์ม” ไอ้แว่นแย้ง “ถึงมึงจะมาอยู่กับกู แต่ก็ไม่เคยนั่งติดโต๊ะ เที่ยวเดินไปโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ หม้อสาวตลอดเวลา ทำไมวะ ไม่มีใครในโรงอาหารนี้เหลือให้มึงหม้อแล้วเหรอ ถึงได้นั่งอยู่กับกูได้”

“นั่นนะซิ” ผมเอาบ้าง “หรือว่าไปหลงเสน่ห์เหยื่อคนไหนเข้าเป็นพิเศษหรือเปล่าไอ้อาร์ม เสืออย่างมึงโดนถอดเขี้ยวเล็บซะแล้วเหรอ”

“เขี้ยวเล็บกูยังอยู่ครบเว้ย” ไอ้อาร์มเคืองแบบเขินๆ “กูแค่ต้องทำงานก่อน”

“เหรอออ”

“พอกันนั่นแหละ มึงสองคน” ไอ้แว่นสรุป

“ว่าแต่มึงเหอะไอ้แว่น จะทำอะไรในสัปดาห์วิทย์วะ” ผมเปลี่ยนเรื่องดีกว่า พูดเรื่องไอ้อาร์มเยอะๆแล้วรู้สึกเหมือนแซวตัวเองยังไงไม่รู้

“นี่ไง” มันหันหน้าจอคอมพิวเตอร์มาให้ดู “กูจะโชว์เทคนิคการใช้รูปร่างเรขาคณิตแบบสองมิติผ่านโปรแกรมมัลติกราฟฟิคอย่างง่ายเพื่อสร้างเป็นการ์ตูนโอเอะ เป็นไง เจ๋งใช่ไหมล่ะ”

“ไม่/ไม่” ผมกับไอ้อาร์มพูดพร้อมกัน

“เรื่องของพวกมึง”

เอ๊ะ! แปลกจัง ปกติเวลาพวกผมขัดคอเรื่องความเป็นโอตาคุของมัน มันต้องโวยวายแล้วนิ แต่นี่กลับทำหน้าเฉยแล้วก็ทำงานต่อได้เลย

“เด็กสมัยนี้เขาไม่สนใจการ์ตูนญี่ปุ่นแบ๊วๆอย่างงั้นหรอกไอ้แว่น” ผมลองแกล้งแหย่มันอีกรอบ “นี่มันยุคไหนแล้ว มึงหาโปรแกรมเจ๋งๆมาโชว์ให้เด็กดู ไม่ดีกว่าเหรอ”

“ไม่ กูจะทำ” ไอ้แว่นยืนยัน มันเปลี่ยนไปจริงๆด้วย “กูเชื่อว่ามันต้องมีคนที่ชอบอะไรโมเอะๆแบบกู”



ตุ๊บ

สาวผมยาวที่ไหนมาทำหนังสือร่วงแถวนี้



“ผมช่วยครับ” ไอ้อาร์มกระโจนไปช่วยอย่างไว

“ขอบคุณค่ะ” สาวคนนั้นพูด “เอ๊ะ เรียนวิศวะเหรอคคะ”

“ครับผม รู้ได้ไงอ่ะ”

“ก็ดูที่จี้ไง ไม่เห็นยากเลย”

“งั้นเธอก็เรียนนิเทศละซิ ใช่ไหม เราก็ดูที่จี้เหมือนกัน”

“ใช่เลย เก่งนะเนี่ย เห็นว่าสัปดาห์หน้ามีงานใหญ่เหรอ เหนื่อยแน่เลยพวกวิศวะ”

“ใช่เลยครับ....”



“ดูดิๆ” ไอ้แว่นกระซิบกับผม “ไม่ทันไร ลายเสือของไอ้อาร์มก็กลับมาแล้ว คุยกันไปยิ้มกันไป แม่สาวคนนั้นไม่รู้อะไรซะแล้ว ไม่อยากเจ็บจิ๋มอย่ายิ้มให้ไอ้อาร์ม.... อ้าวๆ มึงจะไปไหนอะไอ้เพลง”

“ชมรมฟุตบอล” ผมตอบสั้นๆ แล้วก็เก็บของออกไปเลย

“อ...อ้าว ไปทำไมวะ เดี๋ยวดิ ล...แล้วพวกกูล่ะ”



ผมเรียนวิศวะ เธอเรียนนิเทศ

เชอะ

ดูก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นแกล้งทำหนังสือตกเพื่อมาอ่อยชัดๆ ไหนบอกว่าตัวเองเป็นเสืออาร์มไง ตกหลุมพรางง่ายซะเหลือเกิน ไม่เห็นแข็งแกร่งเหมือนที่โม้ไว้เลย

กูดูออกหรอกน่า ลองออกมาแบบนี้ ไม่ถึงสองชั่วโมงก็คงไปจบกันบนเตียงละซิ อย่างมึงเขาเรียกว่าไอ้แมวอาร์มไม่เห็นจะเหมือนเสือตรงไหนเลย คงจะขาดผู้หญิงไปนานซิท่า แล้วก็ทำเป็นพูดกับกูว่า ‘มึงก็เป็นแค่คนเดียวที่ทำให้กูรู้สึกดีที่สุด’ ถ้าดีจริงมึงคงไม่ไป......



“จะไปไหนวะ”

หึ!!!

ใครคว้าแขนกูไว้วะ

“อ...อ้าว ไอ้อาร์ม” มันนั่นเอง มาอยู่นี่ได้ไงวะ วิ่งตามมาเหรอ แล้วไม่คุยกับแม่สาวผมยาวคนนั้นต่อแล้วเหรอ

“กูถามว่ามึงจะไปไหน” ไอ้อาร์มถามย้ำ

“กู...จะกลับหอ”

“โกหก ไอ้แว่นบอกว่ามึงจะไปชมรมฟุตบอล ไหนกูเคยขอมึงเรื่องไอ้ประธานชมรมนั่นไว้แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงยังจะไปหามันอีก ถ้ามึงอยากเสียตัวนักก็บอกกูดิ กูก็อยู่แค่นี้เอง”

“บอกมึงเชี่ยไร มึงคงจะว่างมาทำกับกูหรอก ก็เห็นมึงกำลัง...” โฮ๊ะ ไม่อยากจะพูดต่อ

“ไอ้สัด”

“โอ๊ย มึงตีหัวกูอีกแล้วนะ”

“กูไม่ได้จะไปทำอะไรเขาซะหน่อย ก็แค่ช่วยเขาเก็บของนิดเดียว คิดเหี้ยอะไรของมึงเนีย”

“ช่วยเก็บของกันได้หวานมากกกกก คิดว่ากูดูมึงไม่ออกหรือไง แป๊บๆเดี๋ยวมึงก็พาเขาเข้าห้อง”

“จินตนาการเยอะไปแล้ว ถ้าจะหึงก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยได้ไหมวะ ฟุ้งซ่านไปเรื่อย”

“กูพูดเรื่อง.... เอ๊ะ! มึงพูดอะไรนะ กูไม่ได้หึงเว้ย กูจะหึงมึงทำไม”

“แล้วมึงเป็นอะไร เห็นกูอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแล้วเดินหนี แถมยังประชดกูด้วยการไปหาผู้ชายคนอื่นอีก แบบนี้ไม่ใช่หึงหรือไง”

“บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง กูก็แค่.... แค่หงุดหงิดที่มึงไม่พร้อมเวลาที่กูเกิดอยากเสียตัวขึ้นมา ก...ก็แค่นั้นแหละ”

“หงุดหงิด? กูไม่พร้อม? อ่ะๆ โอเค ตอนนี้กูก็พร้อมแล้วไง จะจัดเลยไหมล่ะ”

“ไม่จ่งไม่จัดอะไรทั้งนั้นแหละ หมดอารมณ์แล้ว กูจะกลับหอ ปล่อยกู”

“เออๆๆๆ กูขอโทษก็ได้ แต่ทำไมต้องกลับหอด้วยวะ กลับไปมึงก็ไม่ได้ทำไรอยู่ดี ที่สำคัญมึงยังช่วยกูเรื่องงานสัปดาห์วิทย์ไม่เสร็จเลยนะ”

“ไอ้สัด ตามมาง้อเพราะจะให้กูกลับไปช่วยงานเนี่ยนะ”

“ง้อ? ไหนบอกว่าไม่ได้หึงไง”

“ม...มึงกวนตีนกูเหรอ กูจะกลับแล้ว”

“อ่ะๆๆๆ กูหยอกเล่นหน่อยเดียวเอง ไปช่วยงานกูก่อนนะ นะนะนะ เพื่อนเพลงน่ารักที่สุดเลย ปะๆๆ กลับไปทำงานกัน”

“อย่ามาล้อกูอีกนะ”

“ครับโผมมม”





“อ้าว ไหนบอกจะไปชมรมฟุตบอลไงวะไอ้เพลง” ไอ้แว่นแปลกใจที่เห็นผมกลับมา "ตอนแรกก็นึกว่าจะไปทำไม แต่ตอนนี้นึกออกแล้ว อยากได้เนื้อสดอะดี๊ มีประธานชมรมฟุตบอลรออยู่ไม่ใช่เหรอ"

“ปากมึงอ่ะอยากแดกตีนกูไหมไอ้สัดแว่น” ไอ้อาร์มฉุนขาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“อ้าว กูผิดอะไรอ่ะ” ไอ้แว่นเหวอเลย

“ไอ้สัดอาร์ม” ผมต่อยไปที่แขนไอ้คนปากหมา “นั่นเพื่อนนะเว้ย”

เอ้า ไม่ขอโทษด้วย ปากอมตีนไว้หรือไง

“เออๆๆ โทษที กูแค่หงุดหงิดนิดหน่อย อากาศมันร้อน” ไอ้อาร์มแก้ตัว

“ไอ้อาร์มมันเป็นอะไรวะ” ไอ้แว่นถามผมไม่เชิงว่ากระซิบหรอก

“ปล่อยมันไปเถอะ” ผมตอบ “มึงเตรียมงานต่อเหอะ”

“โอเค กูจะสงบปากสงบคำก็แล้วกันนะ”

“ไม่ต้องหรอก ก็พูดอย่างเดิมนั่นแหละ เดี๋ยวถ้ามันของขึ้นอีก กูจะจัดการให้เอง” ผมมองแรงไปที่ไอ้คนหน้าหงิก

“เหรอ มึงจัดการได้ใช่ไหม อย่าให้มันกระทืบกูนะ”

“เออๆ ไม่มีอะไรหรอก”

“งั้น.... วันจัดงานมึงจะเข้ามามหาลัยยังไงวะ เขาห้ามใช้รถในพื้นที่มหาลัยไม่ใช่เหรอ”

“ก็เดินไง หอกูอยู่แค่นี้เอง”

“เดิน? ไม่มีเทคนิคกำลังภายในอะไรบ้างเลยเหรอวะ กูขี้เกียจอ่ะ ร้อนก็ร้อน”

“กูจะไปทำอะไรได้ มันเป็นข้อห้ามของมหาลัยนี่หว่า”

“มึงเคยได้กับอาจารย์มหาลัยบางคนมาแล้วไม่ใช่เหรอ ขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษไม่ได้เหรอวะ”

บั๊ก



“ช...เชี่ย!! อะไรวะไอ้อาร์ม มึงตีโต๊ะทำไมอ่ะ กูตกใจนะเนีย ยิ่งกลัวๆมึงอยู่” ไอ้แว่นเหวออีกรอบ

“ถ้ามึงหงุดหงิดมากก็ไปนั่งที่อื่นเลยไป” ผมตัดสินใจพูด



ซะงั้น ลุกออกไปจริงด้วย

จู่ๆไอ้อาร์มก็เดินไปนั่งโต๊ะริมสุดโรงอาหารโน่นเลย



“ไอ้อาร์มมันไปอารมณ์เสียเรื่องอะไรมาวะมึง” ไอ้แว่นกระซิบ จะกระซิบทำไม ไอ้อาร์มไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ซะหน่อย

“เออ ปล่อยมันเหอะ มันคงร้อนอ่ะ” ผมอ้าง โทษทีนะไอ้แว่น กูอธิบายความจริงให้มึงฟังไม่ได้

“เหรอวะ เออๆ แล้วสรุปว่ามึงพอคุยกับใครได้ไหมอ่ะ”

“มึงก็อย่าเรื่องมากนักเลยไอ้แว่น เดินแค่วันเดียว มันจะอะไรนักหนาวะ”



ผิดแล้ว ผมน่ะคิดผิดถนัดเลย ก็เพราะเดินแค่วันเดียวนั่นแหละที่ทำให้ผมจนเจอกับปัญหา ปัญหาที่จะยกระดับความสัมพันธ์ในความลับของผมกับไอ้อาร์มขึ้นไปอีกขั้น...





“ไอ้...เพลง กู ส...เสียว”

“เอาๆอิ เอี๋ยวอ้ออีอนอ้ายอินอ็อก (เบาๆซิ เดี๋ยวก็มีคนได้ยินหรอก)” ไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมผมพูดไม่ชัด ปากไม่ว่าง

“กูไม่...ไม่ไหวแล้ว มึงแน่ใจนะ...ว่าให้กูแตกได้เลย”

“อืม แอกอาเอย(แตกมาเลย)”

“ถ้างั้นก็....อะ อะ อ่าาาาาาาาาาาาาซ”

น้ำเชื้อมากมายไหลทะลักเข้าเต็มปากของผม บ้างก็ล้นเข้าไปในลำคอ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะผมต้องการอยากได้ทั้งหมดอยู่แล้ว

“ห...เฮ้ย นี่มึงแดกเข้าไปหมดเลยเหรอวะ”

“กูบอก ว...ว่า อย่าเสียงดังไง” พูดยากเหมือนกันแฮะเวลามีอะไรเหนียวอยู่ในลำคอ ผมพยายามเลียริมฝีปากเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหยดของเหลวหลงเหลือ “ถ้ากูไม่แดกเข้าไปหมด ก็เลอะชุดนักศึกษาของกูหมดอะดิ”

อืม รสชาติดีเหมือนกันแฮะ

“มึงแน่ใจนะว่าต้องการแค่นี้ ไม่ให้กูยัดท่อของกูเข้าไปปล่อยน้ำข้างใน มึงจะหายอยากเหรอวะ”

“จะบ้าเหรอ ขืนให้มึงทำแบบนั้น กูก็เผลอส่งเสียงดังออกมากันพอดี นี่มันบันไดหนีไฟนะ... ใส่กางเกงเรียบร้อยหรือยัง ไปกันได้แล้ว”

“เสร็จแล้วๆ” ไอ้อาร์มตรวจความเรียบร้อยของกางเกงนักศึกษา เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว มันจึงเดินตามผมออกมาเพื่อเดินทางเข้ามหาลัย “เดี๋ยวๆ รอกูด้วย.... ว่าแต่ ทำไมไม่เข้าไปทำกันในห้องวะ ห้องมึงก็อยู่ตรงนี้เอง”

“เรามีเวลาขนาดนั้นกันที่ไหนเล่า” ผมเอ็ดไปด้วยเดินไปด้วย “นี่ก็ต้องเดินเท้าเข้ามหาลัยอีก เดี๋ยวก็สายกันพอดี แล้วไหนต้องรีบไปเปิดบูทสัปดาห์วิทย์ให้ทันอีก”

“แล้วมึงหายอยากเหรอวะ แค่ดูดกะปู๋ให้กูเองไม่ใช่เหรอ”

“มึงจะพูดดังทำไมเนีย จะประกาศให้คนอื่นได้ยินหรือไง”

“เออๆ โทษที แต่กูเป็นห่วงมึงนี่หว่า นี่ก็เกือบสองอาทิตย์แล้วไม่ใช่เหรอที่มึงไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นเลย ตอนที่มึงโทรบอกให้กูแวะมาที่หอมึงก่อน ก็นึกว่ามึงจะอยากทำอะไรมากกว่านี้ซะอีก”

“ไอ้อยากมันก็อยากอยู่หรอก แต่ทำไงได้อ่ะ ไม่มีเวลา ใช้วิธีนี้แก้ขัดไปก่อนละกัน” อย่างน้อยกลิ่นกับรสชาติของน้ำกามก็คงพอช่วยทำให้อาการกำหนัดของผมทุเลาลงบ้าง

“ก็กูถึงบอกให้เข้าไปในห้องมึงไง ไปไหม เดี๋ยวกูเร่งให้ ไม่นานหรอก”

“ไม่ไป”

“ไปเหอะน่า แป๊บเดียว กูไม่ทำให้มึงเข้ามหาลัยช้าหรอก กูก็ต้องรีบเหมือนกัน แต่ยังพอมีเวลา”

“ไม่ไปปป กลับมานี่เลย.... อ่ะๆ กูบอกมึงให้ก็ได้ ที่กูไม่ให้มึงเข้าไปในห้องของกูก็เพราะ กูมีความเชื่อว่า คนที่กูพาเข้าไปในห้องได้ต้องเป็นคนพิเศษจริงๆเท่านั้น ถึงกูจะบ้าเซ็กส์แค่ไหน แต่กูก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ต้องการคบใครจริงจังซะหน่อย เพราะงั้นมึงเลิกคะยั้นคะยอกูได้แล้ว”

“.........................” ไอ้อาร์มเงียบเฉยเลย

“มึง... คิดมากหรือเปล่า” ผมถามให้แน่ใจ

“ก็เปล่าหรอก แค่เสียความมั่นใจนิดหน่อย กูนึกว่ากูทำให้มึงรู้สึกพิเศษกว่าคนอื่นๆแล้วซะอีก”

“จะเสียความมั่นใจทำไหมวะ มึงอ่ะเจ๋งสุดแล้วแหละ แต่กูไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องอย่างว่าอย่างเดียวซะหน่อย”

“นี่มึงชมกูเหรอ”

“เออ เจ๋งกูก็บอกว่าเจ๋ง ดีกูก็บอกว่าดี”

“งั้นวันหลังมึงก็ไปห้องกูดิวะ กูไม่ถือเรื่องใครจะเข้าห้องกูอยู่แล้ว”

“ไม่เอาด้วยหรอก ห้องมึงมีแต่กลิ่นผู้หญิง แค่ได้กลิ่นกูก็หมดอารมณ์แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเมา วันนั้นกูไม่ยอมให้เสื้อผ้าหลุดออกจากตัวของกูหรอก”

“เรื่องมากชิบหายเลยนะมึงเนีย นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่เอา เดี๋ยววันหลังกูจะเล่นตัวมั้ง ปล่อยให้แม่งคันอยู่อย่างงั้นแหละ”

“ไม่ได้นะ!! มึงตกลงกับกูแล้ว จะผิดคำพูดเหรอ”

“อ...เออ กูแค่ล้อเล่นเฉยๆ ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยวะ”

“ก็ใครใช้ให้มึงล้อเล่นเรื่องนี้วะ กูบอกแล้วไง มึงต้องพร้อมทุกครั้งที่กูเกิดอยาก”

“เอออออ แล้วถ้ากูเกิดอยากขึ้นมาบ้างอ่ะ มึงก็ต้อง...”

“อย่ามาบังคับกู ถ้ากูไม่ร้องขอ มึงห้ามทำ ไม่งั้นกูจะถือว่ามึงคุกคามทางเพศ แจ้งตำรวจจับแม่ง”

“เอาแต่ใจชิบหาย”

“บอกแล้วไงว่ากูไม่ใช่เหยื่อธรรมดา อย่ามาอวดดีกับกู เข้าใจ๊ แล้วหลังสัปดาห์วิทย์จบ ก็เตรียมตัวไว้ด้วย เดี๋ยวกูจะเรียกใช้บริการ หาสถานที่ไว้ด้วยก็ดีนะ ที่ไม่ใช่ห้องกูหรือห้องมึง ถ้ามีเตียงนุ่มๆกับบรรยากาศดีๆจะโอเคมากเลย”

“เอา... แต่... ใจ...”









หึหึหึ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... สงบ vs ฟุ้งซ่าน - 30/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 30-12-2018 23:05:42
คนกลัวเมียได้ดีทุกคน จำไว้อาร์ม 55555
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ปกป้อง vs ทำร้าย - 31/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 31-12-2018 09:47:10
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 5 / บังคับ vs เต็มใจ

ความที่ 2 จาก 3 / ปกป้อง vs ทำร้าย









หลังจากผมชนะสงครามประสาทกับไอ้อาร์มก็ได้เวลาของกิจกรรมในวันนี้ งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

ผมถูกมอบหมายหน้าที่เป็นเหมือนตัวหลักของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เพราะทำผลงานได้ดีในปีที่แล้ว ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เลยทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำตลอด วันนี้เองก็ต้องเช่นกัน แม้จะมีบูทของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบ แต่ก็จะต้องคอยดูแลภาพรวมของงานไปด้วย หนักเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะแบบนี้ไงผมถึงต้องการเศษเสี้ยวความรู้สึกทางเพศจากไอ้อาร์มตั้งแต่เช้า

จะว่ายังไงดีล่ะ เดี๋ยวนี้ผมรู้สึกอย่างกับว่า โดนกลิ่นคาวสวาทจากไอ้อาร์มกลบประสบการณ์ที่สั่งสมมาไปหมดเลย ตอนนี้ในความทรงจำมีแต่ความรู้สึกทางเพศที่รุนแรงของมัน ไอ้บ้านี่มันเล่นของอะไรหรือเปล่านะ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแบบผมสั่นคลอนไปหมดเลย





“นาย! นายนั่นเอง”

“ครับ?”

จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาทักผม รุ่นพี่มั้ง หรือว่ารุ่นเดียวกัน ไม่รู้ซิ ก็หล่อดีอะนะ ถ้าเป็นปกติผมคงดีลให้เข้ามาอยู่ในคอลเล็คชั่นแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ยุ่งมากเลย มีน้องๆนักเรียนประถมที่เข้ามาชมงานค่อยถามนั่นถามนี่ตลอด ไม่มีเวลาว่างนักหรอก   

“เราไง จำไม่ได้เหรอ” คนแปลกหน้ายังคงพูดต่อไป

“จำไม่ได้อ่ะครับ” ก็จำไม่ได้จริงๆอ่ะ ใครวะ เพื่อนจากโรงเรียนเก่าเหรอ ไม่น่าจะใช่นะ

“ก็เราที่เจอกันใน...”



“พี่ครับๆ อันนี้เล่นแบบไหนเหรอ” มีเสียงเด็กเรียก

“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ” จะเป็นใครก็ช่างเหอะ ขอไปทำงานก่อนละกัน “ไหนครับ อ๋อ อันนี้เรียกว่าเกมส์จับคู่สีห้องนอนครับ พี่จะมีเฟอร์นิเจอร์เล็กๆแบบนี้ให้ แล้วน้องก็ลองเลือกว่าจะเอาเฟอร์นิเจอร์สีไหนบ้างเข้าไปวางในโมเดลห้องนอน ถ้าหากว่าจัดออกมาสวยถูกใจพี่ แล้วเดี๋ยวพี่จะให้คูปอง เอาไว้ใช้เข้าไปในเขาวงกตนะ”

“เลือกสีไหนก็ได้ใช่ไหมครับ” น้องถาม

“สีไหนก็ได้ครับ แต่ พี่จะมีตารางการจัดสีอย่างง่ายให้ดูตรงนี้ เห็นไหมครับ อยู่บนบอร์ด ลองเลือกโทนสีที่น้องชอบดูก็แล้วกันนะ.... อ่าๆ แบบนั้นแหละ เก่งมากครับ เวลาจะจัดองค์ประกอบสีต้องเริ่มจากสีที่มีมากที่สุดอย่างผนังห้องก่อน”

“อ๋อ งั้นถ้าผมเลือกผนังเป็นสีฟ้าก็ควรเลือกเตียงเป็นสี..... อืมมมม เอาสีอะไรดีน้า น้ำเงินก็สวย เขียวเข้มก็สวย... อืม...”

“ลองทำดูนะครับ เสร็จแล้วก็เรียกพี่นะ เดี๋ยวพี่มาให้คะแนน พี่ขอไปดูน้องคนอื่นๆหน่อยนะ”

“ครับ”



หึ!! ยังไม่ไปอีกเหรอ

คนแปลกหน้าคนเดิมยังยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนรอให้ผมไปคุยด้วย

อ่ะๆ ลองคุยด้วยหน่อยละกัน เผื่อจะรู้จัก



“เพลงๆ” คราวนี้ใครเรียกอีกละเนีย อ้อ เพื่อนในเอกนั่นเอง “มีเด็กกลุ่มใหญ่มาจากวิศวะอ่ะ ช่วยไปต้อนรับน้องๆหน่อย”

“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” ผมรับปากทันที “งั้นเราฝากดูบูทนี้หน่อยนะ”

“ได้เลย เพลงรีบไปเถอะ”

“โอเค”



ส่วนไอ้คนที่รอก็ปล่อยมันไว้อย่างงั้นแหละ เดี๋ยวถ้าเจอกันอีกก็คงมาทักใหม่





“อ้าว! ไอ้อาร์ม มานี่ทำไมวะ” ผมตกใจนิดหน่อยที่เห็นไอ้อาร์มเดินนำน้องๆนักเรียนกลุ่มใหญ่เข้ามา

“ก็พาน้องกลุ่มนี้มาส่งต่อให้คณะมึงนั่นแหละ” มันตอบ ก่อนจะมองไปรอบๆงานในตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

“ไหนมึงบอกไม่ชอบเด็กไง”

“ก็เห็นเขาล่ำลือกันนักหนาว่างานในตึกถาปัดยิ่งใหญ่ ก็เลยอยากมาดูด้วยตาตัวเองซะหน่อย เท่าที่ดูก็พอใช้ได้ ก็สมกับที่มึงเป็นแม่งานอะนะ ฟรุ้งฟริ้งเชียว”

“กูเก่งใช่ไหมล่า... ว่าแต่มึงไม่ต้องดูแลบูทของตัวเองหรือไง”

“ไม่อ่ะ เพื่อนในกลุ่มดูแลให้แล้ว กูว่ามึงต้อนรับน้องๆก่อนดีกว่าไหม”

เออใช่ มัวแต่คุยเพลินเลย



“สวัสดีน้องๆทุกคนนะครับ” ผมเริ่มกล่าวต้อนรับกลุ่มนักเรียนตัวน้อย

"ซา...หวาด...ดี...ครับ.../ค่า..." ยืดได้อีก ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องสอนเด็กให้พูดยืดๆแบบนี้

“มาจากโรงเรียนอะไรกันเอ่ย”

“โรงเรียน @#$%^&*()_+” เอิ่ม... ถ้าเด็กๆจะพูดไม่พร้อมกันแบบนี้ พี่ก็ฟังไม่รู้เรื่องซิครับ

“ขอต้อนรับเข้าสู่ตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์นะครับบบบ ปรบมือให้พี่หน่อยก็ได้นะ” เล่นมุกนิดนึง แต่เด็กๆก็ให้ความร่วมมืออะนะ “เห็นไหมว่านี่อะไร ที่น้องๆเห็นอยู่นี้เขาเรียกว่าเขาวงกต ในนั้นก็จะมีของรางวัลอยู่เพียบเลย คนไหนอยากเข้าไปในเขาวงกตบ้าง ยกมือขึ้น”

“หนูอยาก” ผมด้วย” “หนูก็อยาก” ก็ตามสไตล์เด็กเล็กอะนะ แข่งกันยกมือใหญ่เลย

“ถ้าอยากเข้าไปละก็ มีข้อแม้นิดเดียวก็คือ น้องๆจะต้องไปเล่นเกมส์ในซุ้มไหนก็ได้ที่อยู่รอบๆเขาวงกต ถ้าใครชนะก็จะได้คูปองแบบนี้มา ได้คูปองแล้วก็มาล่าของรางวัลในเขาวงกตกันได้เลย... พร้อมกันหรือยังงงง”

“พร้อมมมมแล้ววววครับบบบ/ค่าาาาาา”

“งั้นก็ลุ้นเลยยยย”

“เย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้”

“ระวังอย่าวิ่งกันเร็วนักนะครับ เดี๋ยวล้มนะ” ผมตะโกนไล่หลังน้องๆที่วิ่งกระจายออกไปคนละทิศละทาง



“มึงอยู่กับเด็กแล้วก็...น่ารักดีนะ” จู่ๆไอ้อาร์มก็ชมผมขึ้นมา ปกติมันก็พูดตรงไปตรงมาอยู่แล้วนะ แต่รอบนี้ฟังดูจั๊กจี้ยังไงไม่รู้

“กูก็น่ารักตลอดนั่นแหละ” ตลกกลบเกลื่อนไปเลยละกัน

“เออ กูรู้” อ้าว ซะงั้น นึกว่าจะพูดอะไรกวนตีนๆออกมาซะอีก

“แล้ว...มึงไม่กลับคณะวิดวะของมึงไปอ่ะ เสร็จธุระแล้วนิ” เปลี่ยนเรื่องดีกว่า

“เพื่อนกูดูแลอยู่แล้ว ไม่มีอะไรมากหรอก แถมตอนนี้ งานก็ใกล้จะจบแล้วด้วย กูว่าจะเดินเล่นแถวนี้แหละ”

“อืม ตามสบาย”

“แล้วไหนอ่ะ บูทของมึง เจ๋งสู้ของกูได้หรือเปล่า”

“ของมึงก็กูนี่แหละที่คิดให้ อย่ามาทำเป็นอวดหน่อยเลย”

“เออ กูก็ตอบแทนมึงไปแล้วไง”

“ตอบแทน?”

“ก็เมื่อเช้านี้ไง ที่มึง...”

“ไอ้สัด พูดเรื่องแบบนั้นในที่แบบนี้ได้ไงเล่า”

“ล้อเล่นๆ อ่ะๆ ไม่แหย่ก็ได้... แล้วนี่มึงคิดเองหมดเลยจริงๆอ่ะเหรอ งานพวกนี้”

“ก็ไม่หมดหรอก แต่ดูแลภาพรวมมากกว่า ที่เป็นผลงานของกูจริงๆก็มีแค่เขาวงกตนี่ กับบูทเกมส์อีกหนึ่ง”

“อ๋อเหรอ... ไอ้ความรู้แบบสถาปัตฯ นี่มันทำเป็นเกมส์ได้ด้วยเหรอวะ นึกภาพไม่ออกแฮะ”

“เยอะแยะจะตาย อย่างเกมส์ของกูก็คือการฝึกให้เด็กๆใช้จินตนาการในการจับคู่สีของเฟอร์นิเจอร์เพื่อให้เหมาะกับรูปแบบห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ห้องน้ำ ของเล่นพวกนี้จะช่วยให้เด็กเข้าใจวิธีการเลือกใช้องค์ประกอบได้ง่ายขึ้น สนุก แถมยังได้ใส่ความรู้เข้าไปโดยที่น้องๆไม่รู้สึกเบื่อด้วย”

“ไม่น่าเชื่อเลยเนาะว่าจะเป็นคนๆเดียวกัน”

“มึงพูดถึงใครเหรอ?”

“ก็มึงนั่นแหละ พี่เพลงที่ทั้งสดใสน่ารักและฉลาดของน้องๆ กับ ไอ้เพลงคนที่หิวกระหายเรื่องอย่างว่า  ดูยังไงก็ขัดแย้งกัน แต่ก็เพราะแบบนี้ซินะ มึงถึงได้ล่อปลามาติดเบ็ดได้ตลอด ตอนปกติแสดงออกว่าเป็นคนน่ารักแสนดี พอขึ้นสังเวียนก็น็อคเอ้าท์คู่แข่งซะอยู่หมัด มึงนี่มันร้ายกว่าที่เห็นจริงๆ”

“อย่างมึงไม่มีสิทธิ์มาคอมเม้นกูเรื่องการสร้างภาพหรอกนะ ทีมึงเองยังสร้างภาพเป็นหนุ่มหล่อปากหวานแสนโรแมนติก จนสาวๆทั้งมหาลัยยกขึ้นเป็นหนึ่งในสิบหนุ่มฮอต แต่เบื้องหลังก็เป็นพวกหว่านแหจับปลาไม่ยอมหยุด ใครกันแน่ที่ร้ายกว่ากัน”

“แบบนี้เองซินะ”

“แบบนี้อะไร?”

“ก็เพราะมึงกับกูมันร้ายพอๆกันนี่ไง มึงถึงได้ติดใจกูนัก”

“ต...ติดใจพ่อมึงดิ กูบอกว่าอย่าพูดเรื่องนี้ตอนนี้ไง”

“พูดความจริงหน่อย ทำเป็นรับไม่ได้ โถ่ ว่าแต่ ห้องน้ำตึกนี้อยู่ตรงไหนวะ ปวดฉี่มาทั้งวันแล้วเนีย”

“ตรงโน่น เดี๋ยวกูไปด้วยดีกว่า อั้นมาตั้งแต่เที่ยงแล้วเหมือนกัน”



ผมเดินนำไอ้อาร์มไปเข้าห้องน้ำที่ชั้นสองของตึก ที่เลือกขึ้นมาบนนี้ก็เพราะว่าไม่ค่อยมีคน ขืนไปรอเข้าห้องน้ำชั้นแรกในวันงานที่มีคนเยอะๆแบบนี้ก็คงได้ฉี่ราดกันพอดี



หลังจากเสร็จธุระแล้วผมก็เตรียมตัวออกจากห้องน้ำ

แต่ไม่ยักกะเห็นไอ้อาร์ม สงสัยออกไปรอข้างนอกแล้วมั้ง



“อ๋อ คนที่อยู่ซุ้มเกมส์จัดสีนั่นน่ะเหรอที่มึงเล่าให้ฟัง”

“เออๆ คนนั้นแหละ เห็นเพื่อนเรียกว่าเพลง คงจะชื่อเพลงละมั้ง”

หึ! ใครกำลังพูดถึงกูอยู่วะ

ผมนิ่งฟัง

“หน้าตาน่ารักใช้ได้เลยนี่หว่า แต่กูดูยังไงก็เป็นพวกเรียบร้อย เด็ดอย่างที่มึงเล่าจริงดิ ไม่น่าเชื่อเลย” เชี่ย นี่พวกมันกำลังเอาเรื่องของผมมาพูดกันอยู่นี่นา

“คำว่าเด็ดยังน้อยไป กูบอกแล้วไงว่ากูเคยลองมาแล้ว อย่างกับพวกตายอดตายอยาก เด้งก็เก่ง โม๊กก็มันส์ เห็นหนิมๆแบบนั้น แต่ร่านตัวแม่เลยนะเว้ย”

“แล้วเขาจะสนใจก็เหรอวะ ถึงมึงจะบอกว่าเขาเด็ด แต่ถ้าปฏิเสธ กูก็ไม่ได้ลองอยู่ดี”

“ลองไปแซะๆดูก่อน กูว่าไม่พลาดหรอก ไม่แน่นะว่า ร่านๆแบบนั้น อาจจะขอให้เราสองคนรุมพร้อมกันเลยก็ได้”

“ชักอยากลองแล้ววะ ไปกัน....”



“ไอ้สัดเอ๊ยยย!!!”



ตุ้บ ตั้บ ตุ้บ ตั้บ ตุ้บ ตั้บ



เฮ้ยยย! เกิดอะไรขึ้นวะ

ผมรีบวิ่งออกจากห้องน้ำเพราะได้ยินเสียงตะโกนที่คุ้นเคย ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย



“อ...ไอ้อาร์ม” ผมร้องลั่นทันที

ก็ไอ้อาร์มอะดิ กำลังนั่งคร่อมต่อยหนึ่งในสองคนที่นินทาผมอยู่แบบสุดแรงเกิดเลย ส่วนอีกคนได้แต่ยืนนิ่งหลังชิดกำแพง คงจะทั้งอึ้งทั้งกลัวทั้งตกใจ

“ไอ้อาร์ม พอ พอแล้ว” ผมพยายามคว้าแขนของมันให้ถอยกลับออกมา “หยุดได้แล้ว พอเหอะมึง”

จะบ้าเหรอ ต่อให้ไอ้คนนั้นสมควรโดนก็เถอะ แต่เกย์รุกแอ๊บแมนจะไปสู้กับชายแท้ที่เป็นนักกีฬาตัวใหญ่อย่างไอ้อาร์มได้ยังไง ถ้าไม่ห้าม ไอ้นั่นได้ตายจริงๆแน่

“มึง!! ไอ้สัด!!” แม้ว่าผมจะดึงตัวไอ้อาร์มออกมาได้สำเร็จ แต่มันก็ยังพยายามกระวีกระวาดและแหกปากพร้อมชี้หน้าด่าไม่หยุด “มึงกล้าพูดถึงไอ้เพลงแบบนี้เหรอ มึงแน่นักใช่ไหม แน่จริงมาเจอกับกูนี่”

“พอเหอะ พอได้แล้ว” ผมไม่รู้จะห้ามมันยังไง จึงหันไปหาสองคนนั้นแทน “รีบพาเพื่อนของมึงไปดิ เดี๋ยวก็โดนต่อยจนตายหรอก”



“ห...เฮ้ย...เฮ้ย ไอ้วิน ลุกดิ เดี๋ยวมันก็กลับมาต่อยมึงอีกรอบหรอก กูไม่เอาด้วยนะแบบนี้” โถ สาวแตกเชียวนะ แถมหน้าตาก็แค่ตลาดล่าง คิดจะมาแอ้มกูเหรอ หวังสูงไปไหมไอ้พวกเวร



“มึงจะไปไหน!! เก่งนักไม่ใช่หรือไง!! ไหนมึงบอก...”

“พอทีเถอะน่า!” ผมตะโกนบ้าง จะเลือดขึ้นหน้าไปถึงไหน “มันหนีไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว”

“มึงห้ามกูทำไมวะ พวกนั้นแม่งดูถูกมึงนะเว้ย แถมยังพูดถึง....”

“เออ กูเข้าใจแล้ว แต่มันก็โดนมึงต่อยไปตั้งขนาดนั้นแล้วไง”

“ก็พวกมันแม่ง... พูดถึงมึงไม่ดีอ่ะ ใครก็ห้ามพูดถึงมึงไม่ดีทั้งนั้นแหละ”

ช็อกเหมือนกันแฮะ ที่เห็นไอ้อาร์มปกป้องและโกรธแทนผมขนาดนี้

“มานี่มา” ผมจูงมือไอ้อาร์มกลับเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็เข้าไปในห้องน้ำแยกต่ออีกที

“เฮ้ยๆๆ มึงจะทำอะไรเนีย” ไอ้อาร์มตกใจที่เห็นผมนั่งคุกเข่าและพยายามถอดกางเกงนักศึกษาของมัน

“ก็ตอบแทนเรื่องที่มึงปกป้องกูไง” ผมอธิบาย

“ตอบแทน......? ไอ้สัด มึงปล่อยเลยนะ”

“อ้าว” จู่ๆ มันก็ผลักผมออก ทั้งๆที่เกือบจะเอาท่อนรักยัดเข้าปากได้อยู่แล้ว

“ทำเหี้ยอะไรของมึงเนีย”

“ก็ตอบแทนเรื่องเมื่อกี๊ไง”

“มึงแม่งคิดอะไรโง่ๆ มึงคิดว่าที่กูทำแบบนั้นเพราะกูอยากให้มึงมาทำแบบนี้ให้กูเหรอ” มันโวยวานเสียงดังพร้อมรูดปิดซิบกางเกง “มึงนี่แม่ง....โคตรเหี้ย! เลย”

แล้วมันก็ผลักประตูเดินออกไป



เอ้า ด่าเสร็จแล้วก็ไปเฉยเลย

อะไรของมันวะ



อ้าว หายไปไหนแล้ววะ

ผมวิ่งตามไอ้บ้าอาร์มออกมา แต่ก็ไม่เห็นมันแล้ว เดินเร็วจังวะ



เอ๊ะ!? ใช่ไอ้อาร์มหรือเปล่านะ

ผมเหมือนจะเห็นหลังไวๆของไอ้อาร์มอยู่ที่ทางออก จึงรีบวิ่งตามออกไป



“นิ้งๆ” ผมเรียกเพื่อนที่เจอระหว่างทาง “เรามีธุระต้องกลับด่วนอ่ะ ฝากดูแลงานต่อด้วยนะ”

“ด...ได้ แต่ว่าใครจะ...”

“เรารีบจริงๆ ขอตัวก่อนนะ” ไม่มีเวลาคุยด้วย เดี๋ยวค่อยเคลียร์ปัญหาอื่นทีหลังก็แล้วกัน



โอ๊ย เหนื่อย

ผมเริ่มหอบ จะเดินไวไปไหนวะ ขามึงกับขากูมันยาวไม่เท่ากันนะ



“ไอ้อาร์ม... ไอ้อาร์มมมม” ผมเรียก กว่าจะตามมาทันก็มาเกือบจะถึงสวนสาธารณะของมหาลัยแหนะ “รอกูก่อนดิ คุยกันก่อน”

“กูไม่คุย” มันปฏิเสธทั้งๆที่ยังเดินอยู่อย่างนั้น “กูไม่มีอะไรอยากจะคุยกับมึงทั้งนั้น”

“เออ กูขอโทษ”

“ขอโทษเหรอ” ในที่สุดมันก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาคุย ผมนี่หอบแฮกๆเลย “มึงจะขอโทษกูเรื่องอะไร”

“กู...กูก็ไม่รู้อ่ะ แล้วมึงโกรธกูเรื่องอะไรอ่ะ”

“มึงถามมาได้ยังไงว่ากูโกรธมึงเรื่องอะไร ในสมองมึงอ่ะ คิดเป็นอยู่แค่เรื่องเดียว ทั้งๆที่กูพยายามปกป้องศักดิ์ศรีของมึง แต่มึงก็เอาแต่คิดถึงเรื่องต่ำๆแบบนั้น แล้วยังมาอ้างว่าทำเพื่อตอบแทนกูอีก”

“ก็กูไม่รู้นี่หว่าว่ามึงไม่อยากให้ทำอ่ะ จะให้กูทำยังไงล่ะ คำขอบคุณเหรอ เออ กูขอบใจ พอใจยัง”

“พอใจยังเนี่ยนะ ก็เพราะมึงนั่นแหละที่เที่ยวทำตัวแบบนั้นจนเป็นขี้ปากให้คนเอาไปพูดถึง”

“แล้วมันเกี่ยวไรกับเรื่องนี้วะ”

“มันก็เกี่ยวทั้งนั้นแหละ กูไม่ว่างมาตามซัดไอ้พวกผู้ชายของมึงทุกคนหรอกนะ”

“มึงพูดไม่รู้เรื่องละ กูก็เป็นของกูแบบนี้มาตั้งนาน แต่ก่อนก็ไม่เห็นมึงจะว่าอะไร ทีตอนนี้ทำไมถึงจะมาค่อนแคะกูด้วยเรื่องนี้วะ”

“ก็เพราะแต่ก่อนมึงยัง...... ช่างแม่งเหอะ กูจะกลับแล้ว มึงอยากทำเหี้ยอะไรก็เชิญเลย กูถือว่ากูผิดเองก็แล้วกัน”

“ไอ้อาร์มมม” ผมพยายามตามต่อ

“อย่ามาเรียกกู” งอนอะไรเนีย

“เออๆ กูเข้าใจแล้ว กูขอโทษแล้วนี่ไง” มันไม่ยอมหันกลับมาฟังเลย งั้นคงต้องลองอ่อยดู วิธีนี้น่าจะได้ผล “ไปหาอะไรทำกันเหอะนะ งานเลิกแล้วด้วย มึงสัญญากับกูไว้แล้วนะว่าเลิกงานจะจัดให้กูอ่ะ ไป....ไปที่ห้องมึงก็ได้อ่ะกูยอม”

“กูไม่มีอารมณ์”

“เถอะน่า นะนะ เดี๋ยวกูจะให้มึงเล่นท่ายากเลยวันนี้”

“ไปทำกับผู้ชายพวกนั้นของมึงเหอะ”

“มันจะอะไรนักหนาวะ” ชักจะดูถูกกูมากเกินไปแล้วนะ “มึงดีแค่ไหนวะที่จะมาว่ากูแบบนี้ มึงเองมันก็เสือผู้หญิง หลอกได้เขาแล้วก็หาเรื่องทิ้ง กูยังดีกว่าซะอีกที่ไม่ได้หลอกใคร”

“เออ กูไม่ดี พอใจหรือยัง”

“เออ กูไม่ง้อแล้ว จะไปไหนก็ไปเลย ถ้าเลิกเลือดขึ้นหน้าเมื่อไหร่แล้วค่อยกลับมาก็แล้วกัน”



เอ๊ะ? กูต้องไล่มันไปไม่ใช่เหรอ ทำไมกูยังพูดเปิดช่องให้มันกลับมาอีกวะ งงตัวเอง



ช่างมันเหอะ

ผมตัดสินใจเดินตัดสวนสาธารณะเพื่อกลับหอพักของตัวเอง ตอนแรกก็ว่าจะกลับไปที่ตึกคณะนั่นแหละ แต่เดินออกมาไกลแล้ว ขี้เกียจกลับ แถมตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์จะไปปั้นหน้ายิ้มกับใครทั้งนั้นด้วย

ไม่เคยโดนไอ้อาร์มโกรธหนักขนาดนี้มาก่อน นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่ถึงขั้นเดินหนีไปแบบนี้ จะทะเลาะกันแทบตายแค่ไหน สุดท้ายก็ยังได้เห็นหน้ากันอยู่ ครั้งนี้มันคงไม่พอใจมากจริงๆ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้คนที่โดนไอ้อาร์มต่อย จะเอาเรื่องของผมมาพูดในเชิงเสียหายขนานนั้น ปกติก็จบๆกันไป ถึงจะมีอาลัยอาวรณ์บ้าง แต่พอไม่สานต่อก็มักจะโยนความลับทิ้งแม่น้ำ   

อ๋อออออ

นึกออกแล้ว ไอ้คนที่โดนไอ้อาร์มต่อย คือคนที่พยายามเข้ามาทักผมที่บูทเกมส์นั่นเอง ถึงว่าซิ ทำไมทำท่าเหมือนรู้จักผมดี ที่แท้ก็คือมีซัมติงด้วยกันมาแล้ว แต่คนแบบนี้แม่งใจหมาชะมัด ไม่น่าให้มันได้แอ้มผมเลยยย

แต่ก็ช่างเหอะ โดนไอ้อาร์มสั่งสอนไปซะขนาดนั้น คงไม่กล้าไปปากเปราะที่ไหนอีก



โฮ่ง  โฮ่ง

!!!!!!!

ส...ส....ส....เสียงนี้มัน.....

งานเข้าแล้วไง นี่มัน......







........................ ‘หมา’
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ปกป้อง vs ทำร้าย - 31/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 31-12-2018 14:46:38
งงไอ่อาร์ม อาร์มกับเพลง มันมาบรรจบกันด้วยเรื่องเซ็ก
อาร์มโมโหที่เพลงโดนพูดเสียๆ หายๆ เลยลงมือกระทืบไอ่พวกนั้น
เพลงจะให้รางวัลเป็นเรื่องเซ็ก มันก็ไม่แปลก เพราะเหตุผลที่ 2 คนนี้เข้าหากันก็คือเรื่องเซ็ก
หรืออาร์มอยากได้จุ๊บกลางกระหม่อมซักที แล้วบอก ดีมาก นุ้งอาร์ม
มันเหมือนกับอยู่ๆ อาร์มก็รังเกียจอดีตของเพลงขึ้นมาซะเฉยๆ
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... 200 vs 500 - 31/12/2018 (วันนี้ลงสองต่อนะจ๊ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 31-12-2018 21:35:07
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 5 / บังคับ vs เต็มใจ

ความที่ 3 จาก 3 / 200 vs 500









แฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

หมาเชี่ยอะไรวะ เจอกันแค่สามวินาที มึงก็แยกเขี้ยวใส่กูเลยเหรอ

ไม่น่าเดินลัดสวนมาเลย ลืมไปเลยว่าแถวนี้มีคนชอบพาหมามาวิ่งตลอด

คนอย่างผมเนี่ยนะ กำศึกหนักมาก็มาก ระดับนักรบที่ว่าแน่ก็สอยร่วงมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ แต่ถ้ากับหมาเนีย ไม่ถูกโรคด้วยจริงๆ ไม่รู้ไปได้ความกลัวนี้มาจากไหน จำความได้ก็กลัวไอ้สี่ขาหน้าขนประเภทนี้แล้ว แล้วก็แปลก ทุกครั้งที่ผมได้ประจันหน้ากับพวกมัน จะเจอกันครั้งแรกหรือหลายครั้ง พวกมันก็มักจะสัมผัสได้เสมอว่าผมกลัวพวกมันแบบสุดๆ



โฮ่งงง  แฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ โฮ่ง โฮ่ง

ย...ย...ย...อย่านะ อย่าวิ่งมานะ

อ...เอาไงดีวะกู

วิ่งเลยดีกว่าไหม แต่ทำไม... ขามันก้าวไม่ออก



โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง

เหี้ยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

มาแล้ว มันวิ่งมาแล้ว

อย่า อย่านะ อย่าทำอะไรกูนะ



“อ๊ากกกก!!!!”



โอ๊ย!!! เจ็บ โคตรเจ็บ เจ็บชิบหายเลย.......



เอ๊ะ!?

ไม่เห็นเจ็บเลย....???

แล้วเสียงใครร้องออกมาวะ ไม่ใช่เสียงของกูหรอกเหรอ



“อ...ไอ้อาร์ม!!!”



เอ๋งงง เอ๋งงง เอ๋งงง เอ๋งงง

อือหือ หมาก็ตัวใหญ่นะ แต่ไอ้อาร์มซัดซะกระเด็นเลย



แล้วนั่นมันอะไรนะ......

“เฮ้ย!! เลือดนี่นา” ผมร้องตกใจสุดขีดก่อนจะลุกขึ้นมาดูมือที่ไอ้อาร์มถูกหมากัด ว่าแต่ กูลงไปกองกับพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ “ไอ้อาร์ม มึงเลือดออกอ่ะ”

“อ...เออ กูเห็นแล้ว อ๊าซ์!” ท่าทางไอ้อาร์มจะเจ็บเอาเรื่องเลย แผลลึกซะด้วยซิ

“ม...มึงเข้ามาขวางทำไม”

“ถ้าไม่ขว้างไว้มึงก็โดนกัดไปแล้วอะดิ”

ใช่เรื่องไหมเนีย ทั้งๆที่โกรธกูอยู่ แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์กลับมาช่วยกูไว้ คิดบ้าอะไรของมันวะ



“ข....ขอโทษค่า ขอโทษค่า” ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งมา “เป็นอะไรมากไหมคะ”

“นั่นหมาของคุณเหรอ” ผมตั้งคำถามทันที

“ช...ใช่ค่ะ ปกติมันไม่เคยกัดใครเลย ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆถึงวิ่งเข้าใส่แบบนั้น”

“นั่นไม่ใช่คำแก้ตัวเลยนะ หมาของคุณเองทำไมไม่รู้จักดูแลมันดีๆ” ผมนี่ขึ้นเลย

“ขอโทษจริงๆค่ะ”

“ขอโทษแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ถ้าเพื่อนผมติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง” ยิ่งพูดยิ่งมีน้ำโห

“ขอโทษจริงๆนะคะ ขอโทษจริงๆค่ะ”

“คุณก็เอาแต่พูดว่าขอโทษขอโทษอยู่นั่นแหละ”

“ไอ้เพลง พอเหอะ” ไอ้อาร์มแทรก “โอ๊ย! พากูไปหาหมอเหอะ”

“เดี๋ยว...เดี๋ยวให้ฉันพาไปเองนะคะ” ผู้หญิงคนนั้นเสนอ “ไม่ต้องห่วงเรื่องติดเชื้อนะคะ เบนโตะฉีดวัคซีนไม่เคยขาด”   

“ไม่ต้อง” ผมปฏิเสธทันทีพร้อมกับปัดมือผู้หญิงคนนั้นออกจากไอ้อาร์ม “ผมจะพาไปเอง ดูแลหมาของคุณดีๆเถอะ เดี๋ยวก็เที่ยวไปกัดคนอื่นอีกหรอก”

“ให้ฉันพา... อุ๊ย! เบนโตะไปไหนอีกแล้ว เบนโตะ เบนโตะลูก กลับมาหาแม่เร็ว” แล้วเธอก็วิ่งหน้าตั้งออกไปอีกครั้งเพื่อตามมาหมาของตัวเอง

“เจ็บมากไหมอ่ะมึง” ผมถามเสียงเศร้า “เจ็บตัวเพราะกูแท้ๆเลย”

“ก็เจ็บอ่ะ” ไอ้อาร์มบอก “แต่ก็คุ้ม อย่างน้อยมึงก็ไม่เป็นไร”



ตึ้ก ตึ้ก

อีกแล้ว หัวใจเต้นเหมือนถูกไฟฟ้าช็อคอีกแล้ว

เกิดอะไรกับความรู้สึกของผมละเนีย



“โอ๊ย!!”

“ร...รีบไปหาหมอกันเถอะ” ผมรีบเรียกสติตัวเองกลับคืนมา “ใกล้ๆทางออกนี้มีคลินิกอยู่ เดินไหวไหมมึง”

“ไหวๆ”



แล้วผมก็เดินไปหาหมอกับไอ้อาร์ม ด้วยความที่วันนี้มหาวิทยาลัยประกาศงดใช้ยานพาหนะทุกประเภท เราสองคนจึงต้องเดินอย่างเดียวเท่านั้น

ถึงไอ้อาร์มจะไม่ได้ร้องครวญครางออกมา แต่ดูจากสีหน้าก็รู้ว่ามันคงเจ็บมาก เลือดก็ไหลออกมาไม่หยุด ผมพยายามเอาผ้าเช็ดหน้ากดแผลไว้แล้ว แต่เพราะแผลมันกว้างมาก จึงไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก



ทันทีที่มาถึงคลินิก คุณหมอก็ลัดคิวให้ไอ้อาร์มเข้ารับการรักษาทันที ส่วนผมก็ได้เพียงแค่นั่งรอเท่านั้น...





“แน่ใจนะคะว่าสุนัขตัวนั้นฉีดวัคซีนแล้ว” นี่เป็นคำถามที่พนักงานจ่ายยาถามย้ำไอ้อาร์มอีกครั้ง

ตอนนี้การรักษาแผลถูกหมากัดเสร็จสิ้นดีแล้ว ก็ใช้เวลาสักพักหนึ่งเลยแหละ ตอนนี้ก็เป็นขั้นตอนของการรับยาและจ่ายค่าบริการ

“เห็นเจ้าของเขาบอกว่าฉีดแล้วอะครับ” ไอ้อาร์มตอบ

“ถ้ามีอาการอะไรผิดปกติ ก็มาหาคุณหมอได้เลยนะคะ”

“ครับ”

“ทั้งหมดห้าร้อยบาทค่ะ”

“นี่ครับ”

“เดี๋ยวๆๆ” ผมห้ามไอ้อาร์มไว้ “กูจ่ายเอง.... เดี๋ยวผมจ่ายเองครับ คือพอดีว่าผมมีเงินสดไม่พอ รับบัตรเดบิทไหมครับ”

“รับค่ะ” พนักงานตอบ

“ไม่ต้องหรอก ยุ่งยาก” ไอ้อาร์มแย้ง “เอาของกูไปก่อนนี่แหละ เดี๋ยวมึงค่อยจ่ายคืน... นี่ครับห้าร้อย”

“รับมาห้าร้อยพอดีนะคะ” พนักงานรับเงินสดจากไอ้อาร์มไปซะแล้ว “รอใบนัดคุณหมอสักครู่นะคะ เอ่อ... ผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเลือด จะรับกลับไปหรือจะทิ้งไปเลยคะ”

“ทิ้งไปเลยครับ” ผมตอบทันที

“ไม่ต้องทิ้งครับ” ไอ้อาร์มแทรก “ขอคืนครับ”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวใส่ถุงซิบล็อคให้นะคะ”

แล้วไอ้อาร์มก็รับผ้าเช็คหน้าเปื้อนเลือดในถุงซิบล็อกด้วยมือซ้ายที่ไม่ถนัด ก่อนจะยัดใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง

มันจะเอากลับไปทำไมหว่า ของมันก็ไม่ใช่ แถมโชกเลือดซะขนาดนั้น

“นี่ค่ะใบนัด” พนักงานยื่นเอกสารนัดหมายมาให้ “อย่าลืมล้างแผลทุกเช้านะคะ คุณหมอให้น้ำเกลือกับอุปกรณ์ทำความสะอาดแผลไปแล้ว ระหว่างนี้ก็พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ ถ้าจะอาบน้ำก็ระวังส่วนแผลไว้ให้ดี แต่ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้ก็อาศัยการเช็ดตัวสักสองสามวันไปก่อน รอให้แผลแห้งกว่านี้แล้วค่อยอาบน้ำนะคะ... เอ่อ... ถ้าไม่มีคนเช็คตัวให้ ก็ติดต่อมาหาพี่ที่เบอร์นี้ก็ได้นะ”

หือ!!!!!????

ว่าไงนะ

มันจะมากไปแล้วนะเธอ ถึงขั้นอ่อยคนไข้เลยเนี่ยนะ

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ” ผมแทรก พร้อมกับวางมือไปที่ใบนัดแรงๆ เรียกสติคุณพนักงานให้เห็นว่า ที่นี่ยังมีผมอยู่อีกคน “นี่เพื่อนผม เดี๋ยวผมดูแลเอง เสร็จแล้วใช่ไหมครับ”

“ค...ค่ะ เสร็จแล้ว”

“งั้นพวกผมกลับได้แล้วใช่ไหมครับ”

“ได้ค่ะ ได้แล้ว”

“ไอ้อาร์ม กลับ!” ผมสั่ง ก่อนจะหยิบใบนัดแพทย์มาและปล่อยกระดาษโน้ตที่เขียนหมายเลขโทรศัพท์ไว้ที่เดิมอย่างนั้น

จากนั้นผมกับไอ้อาร์มก็เดินออกมาหน้าคลินิกเพื่อเรียกแท็กซี่



“ทำไมต้องไปดุพี่เขาขนาดนั้นด้วยวะ” ไอ้อาร์มเอ่ยขึ้นระหว่างที่กำลังรอแท็กซี่ “เขาก็แค่อยากดูแลคนไข้เฉยๆ”

“เดี๋ยวกูก็กัดแขนมึงอีกข้างเลยนิ” ผมขู่ “โง่หรือไง ถึงดูไม่ออกว่าเขาอ่อย มีด้วยเหรอ คลินิกที่บริการหลังการขายแบบนี้”

“แปลกตรงไหน กูก็โดนผู้หญิงอ่อยเป็นประจำอยู่แล้ว”

“เออ ได้ เดี๋ยวกูกลับไปเอาเบอร์โทรมาให้”

“เฮ้ยๆ ล้อเล่น กูล้อเล่นน่า จริงจังไปได้ ช่วงนี้มึงหงุดหงิดตลอดเลยนะเวลากูโดนสาวๆให้ท่าอ่ะ”

“เดี๋ยวกูก็ต่อยแม่งเลยนิ”

“ใจร้ายเกิ๊น โอ๊ย!”

“หึ! ยังเจ็บอยู่เหรอ”

“เปล่าหรอก แค่จะเช็คว่ามึงเป็นห่วงกูหรือเปล่า”

“มันใช่เวลาไหม เดี๋ยวกูก็ต่อยจริงๆซะหรอก”

“ยอมแล้วคร้าบบบ ยอมแล้ว... โอ้! แท็กซี่มาแล้ว”



ผมสองคนขึ้นนั่งแท็กซี่ที่จอดรับ



“ไปหอพักเมืองพลอยครับ” ไอ้อาร์มบอกคนขับ “แต่ไปทางซอยสามนะครับ แวะที่หอพักนิวไลฟ์ก่อน”

“ไม่ต้องครับ ไปที่หอเมืองพลอยเลย” ผมแทรก

“ได้ครับ” คนขับรับคำ

“อ้าว มึงไม่กลับหอเหรอ” ไอ้อาร์มสงสัย

“กลับ แต่กูจะไปส่งมึงก่อน” ผมให้เหตุผล

“ไปส่งกู?”

“เออ มึงจะเช็ดตัวเองยังไง ไหนจะข้าวอีก ยังไงมึงก็เจ็บตัวเพราะกู กูก็ต้องดูแลไหมล่ะ”

“แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก กูดูแลตัวเองได้”

“กูจะไป”

“ก็ไหนมึงบอกว่าไม่ชอบกลิ่นห้องกูไง กูไม่เป็นไรมากจริงๆ กูไม่อยากเอาเหตุผลแค่นี้มาฝืนให้มึงอยู่ในที่ที่ไม่อยากอยู่”

“เออ ช่างกูเหอะน่า กูเต็มใจ”

“............” แหม ทำเป็นหลบ กูเห็นนะว่ามึงแอบยิ้ม





“เปิดได้ซะที” ไอ้อาร์มบ่น “ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดไขกุญแจประตูนี่มันยากชิบ”

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเข้ามาห้องของไอ้อาร์มโดยที่ไม่ได้มาเพื่อดื่มของเมา ก็แหงดิ ไม่มีธุระอื่นผมจะมาทำไม

“ให้เอายาวางไว้ไหนอ่ะ” ผมถาม

“ข้างๆทีวีก็ได้”

ตรงนี้ซินะ

เอ๊ะ! นี่มันอะไร ทำไมคุ้นๆ

“นี่มันตารางเรียนของกูไม่ใช่เหรอ” ผมหยิบกระดาษขึ้นมาดู

“เฮ้ย!” ไอ้อาร์มวิ่งมาแย่งกระดาษออกไปจากมือผมเลย “ม...ไม่ใช่ซะหน่อย นี่มันตารางของกูเอง”

“พ่อมึงดิ กูเห็นนะ มึงเรียนองค์ประกอบศิลป์ด้วยหรือไง”

“ไม่มี มึงอ่านผิดแล้ว”

“ไหนเอามาดูดิ”

“ไม่ให้ดู”

“ไอ้อาร์ม นี่มึงแอบเช็คเวลาว่างของกูใช่ไหม นี่หมายความว่า....”

“โอ๊ย เจ็บแผลจัง ขอยาแก้ปวดกินหน่อยดิ”

“เจ็บจริงหรือแกล้งเนีย” ไอ้นี่ชักทำตัวน่าสงสัยขึ้นทุกวัน

“เจ็บจริงๆ ขอยากินหน่อย”

“จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ไม่เคยจะยอมรับนะมึง” ผมบ่นไปด้วยเตรียมยาไปด้วย “อะนี่”

“ป้อนหน่อย”

“กินเองดิ มีมือ...”

“โอ๊ยยย เจ็บแผลจัง”

“เออๆๆๆ อ้าปาก” ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้ไอ้กระล่อนนี่ด้วยวะ “ดื่มน้ำด้วยดิ”

“ยาอะไร หว๊านหวาน”

“หวานมากไหม เอาอีกสักสิบแปดเม็ดไหม”

“พอๆๆ แค่นี้พอ”

“ไม่แน่จริงนี่หว่า”

“เห้อออออ ง่วงเหมือนกันแฮะ เจ็บแผลตุบๆด้วย นอนซะหน่อยดีกว่า” แล้วไอ้อาร์มก็เคลื่อนตัวลงไปนอนกับเตียง

“ยังเจ็บอยู่อีกเหรอ” ผมนั่งลงข้างๆแล้วจับแผลมาดูใกล้ๆ

“ก็นิดหน่อยอ่ะ แต่ไม่มากหรอก คงง่วงเพราะยาที่หมอฉีดให้มากกว่า”

“ขอบใจนะมึงที่กลับมาช่วยกูอ่ะ กูนึกว่ามึง...จะโกรธ...จนไปถึงไหนต่อไหนแล้วซะอีก”

“จริงๆกูก็โกรธนั่นแหละ กะว่าจะกลับมาลากตัวมึงมาลงโทษให้สาสม แต่พอกลับไปก็เห็นมึงช็อกจนทรุดไปนั่งกับพื้น นี่มึงยังไม่เลิกกลัวหมาอีกเหรอ”

“ก็กูกลัวนี่หว่า... เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ ที่บอกว่าลงโทษหมายถึงอะไร”

“ก็จะอะไรซะอีกล่ะ จับกดมึงไง”

“ไอ้สัด เวลาอย่างนั้นยังจะทะลึ่งได้อีกนะ”

“ก็มันโกรธนี่หว่า เออ ไอ้เพลง ค...คือ.... หลังจากนี้มึงจะ... เอ่อ...”

“อะไรวะ?” อยู่ดีๆ มันก็กล้าๆกลัวๆที่จะพูดต่อ

“ถ้ากูพูดแล้วมึงจะโกรธไหมอ่ะ”

“พูดว่า?”

“มึงรู้ไหมว่า กูโกรธมากเลยอ่ะตอนที่ไอ้เหี้ยสองตัวนั่นมันพูดถึงมึงแบบนั้น กูรู้ว่ามึงกลับไปแก้ไขอะไรที่ผ่านมาแล้วไม่ได้ แต่ว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป มึงเลิกไปมีอะไรกับผู้ชายไปทั่วได้เปล่าวะ กูคงทนได้ยินเรื่องแบบนี้ไม่ไหวอ่ะ สำหรับมึงนี่คงเป็นคำขอที่มากเกินไป แต่ยังไงซะ ช่วงนี้มึงก็สามารถเรียกใช้บริการจากกูได้ตลอด กูรับรองเลยว่ากูจะทำให้มึงรู้สึกดีกว่าผู้ชายทุกคนแน่นอน... ด...ได้ไหมวะ”

“อืม” ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าทำไมตัวเองถึงได้รับปากเร็วขนาดนั้น

“จริงอ่ะ!?”

“แต่มึงก็ต้องเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคนเหมือนกัน” ผมยื่นข้อเสนอกลับบ้าง “กูไม่ชอบได้กลิ่นผู้หญิงที่ติดอยู่บนตัวมึง”

“ดีล” ไอ้อาร์มยื่นมือขึ้นทำสัญญาอย่างกระตือรือร้น

“ด....” เดี๋ยวก่อน “แค่ในสัญญาเท่านั้นนะ ถ้าสัญญาถูกยกเลิกเมื่อไหร่ คำขอของทั้งสองฝ่ายถือเป็นโมฆะทันที”

“โอเค ตามนั้น”

“งั้นก็... ดีล”

“โอ๊ย! จับเบาๆดิ กูโดนหมากัดมานะ”

“โทษทีๆ ลืมไป... งั้นมึงนอนเหอะ เดี๋ยวระหว่างนี้กูเช็ดตัวให้”

“เดี๋ยวก่อน.... ลืมอะไรไปหรือเปล่า”

“อะไรวะ”

“ห้าร้อยบาท ค่ารักษาพยาบาลไงครับ จ่ายมาซะดีๆ” มันยื่นมือออกมารอรับเงิน

“ไม่ได้ลืม เดี๋ยวกูให้”

“ไม่ได้ ต้องเดี๋ยวนี้ เงินทองไม่เข้าใครออกใคร จ่ายมาซะดีๆ”

“กูจะเอามาจากไหนวะ ไม่ได้แวะกดตังมาซะหน่อย”

“งั้นก็...”

อีกแล้ว ท่าเอานิ้วเคาะปากอีกแล้ว หึ! เดี๋ยวนะ...

“ไม่ใช่หอมแก้มเหรอ ครั้งที่แล้วยังแค่หอมแก้มเอง”

“สองร้อยคิดเป็นหอมแก้ม แต่ถ้าห้าร้อยต้องจูบ”

“เรื่องไร กูไม่หลงกลมึงหรอก นอนแหง่วอยู่แบบนั้นแหละ” อย่าคิดว่าจะมาบังคับกูได้ทุกครั้งนะ

“เห้อออออ หมาก็โดนกัด ตังก็ไม่ได้คืน เจ็บตัวฟรีแท้ๆเลยกู ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆเลยวันนี้”

“ไอ้...” มึงเล่นพูดแบบนี้เลยเหรอ โอ๊ยยยยย  “เออ ก็ได้ จูบก็จูบ”

“มาดิ” ไอ้สัดอาร์ม เปลี่ยนท่าทีเลยนะมึง



เอาวะ

รีบจูบรีบจบ



“เดี๋ยวๆๆๆ” ไอ้อาร์มยั้งปากผมไว้ “ห้ามรีบนะมึง ไม่งั้นกูไม่นับ”

ไอ้อาร์มมมมมม “เออ จะจูบได้รึ...... อื่อออ”

จู่ๆ ไอ้คนที่นอนอยู่ก็พุ่งขึ้นมา เอาปากของมันประกบริมฝีปากของผม



นุ่มนวล นุ่มนวลมาก

จูบแรกหลังจากร้างลาไปถึงสองปีนี่มันหอมหวานขนาดนี้เชียวเหรอ เกือบลืมไปแล้วว่ารสสัมผัสของการจูบมันต่อใจถึงเพียงนี้



“ครบห้าร้อยแล้ว”

ห๊ะ

จบแล้วเหรอ...

ผมปรือตามองภาพตรงหน้าช้าๆ

ไอ้อาร์มที่พอใจในสัมผัสของริมฝีปากกลับเอนตัวลงไปนอนตามเดิม ทิ้งให้ผมยังค้างเติ่งกับความรู้สึกหวิวๆข้างใน



ทำไมตัวผมถึงรู้สึกพึ่งพอใจกับการจูบได้ขนาดนี้กันนะ มันช่างเป็น.............









.............การถูกบังคับที่น่าเต็มใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... 200 vs 500 - 31/12/2018 (วันนี้ลงสองต่อนะจ๊ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 01-01-2019 01:50:05
สวัสดีปี2019 เจ้าค่าาาา ♥ มารอตอนต่อไปด้วยค่ะ เลิฟๆ
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... เช้า vs สาย - 01/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 01-01-2019 14:56:02
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 6 / รัก vs หลง

ความที่ 1 จาก 2 / เช้า vs สาย









ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก



หือ???

ใครกันที่บังอาจมาเคาะประตูห้องแต่เช้า



หาววววววว

ตาก็ยังลืมไม่ขึ้นสักเท่าไหร่เลย ถ้าเป็นพวกมาเคาะห้องผิดกูจะด่าไปจำทางกลับไม่ได้เลยเชียว



“หวัดดีเพื่อน มาหาแต่เช้ามีธุระอะไรเหรอ”

“อ...ไอ้อาร์ม” ผมร้อง “มึงมาที่นี่ทำไม แล้วนี่มันใช่เวลาเล่นมุกไหม”

“แหมๆ พูดแบบนี้กูก็เขินแย่ละซิ” ยังจะเล่นมุกชินจังต่ออีกนะ “ขอเข้าไปข้างในหน่อยก็แล้วกัน”

“ไอ้สัด หยุดเลย อย่ามาเนียน”

“กูแค่จะ... หึ! มึงใส่ชุดอะไรของมึงเนีย”

“ก็ชุดนอนดิถามได้”

“นี่มันชุดนอนเด็กชัดๆ มีหมวก มีหู แล้วก็สีชมพู่อีก มึงใส่ชุดแบบนี้นอนจริงอ่ะ”

“ถ้าจะแค่มาแซวกูนี้ก็กลับไปเลย กูจะนอนต่อ”

“เดี๋ยวๆๆๆ”

“อะไรอีก กูง่วง แล้วมึงก็ไม่ต้องมาคะยั้นคะยอจะเข้าห้องกูเลยนะ กูบอกไปแล้วไงว่า....”

“ล้างแผลให้หน่อย”

“ห๊ะ” อือหือ เอาอุปกรณ์ล้างแผลมาครบเลย

“เช็ดตัวกับกินข้าวอ่ะ กูพอทำได้ แต่ล้างแผลนี่ดิ กูใช้มือข้างที่ไม่ถนัดทำไม่ได้จริงๆ”

“มึงก็โทรบอกให้กูไปหาก็ได้นิ จะถ่อมาถึงนี่ทำไมแต่เช้า”

“กูก็ตื่นเช้าแบบนี้ทุกวันอยู่แล้ว เออใช่ มึงช่วยรีบล้างแผลให้กูหน่อยดิ กูต้องเข้าไปที่สนามรักบี้”

“สภาพนี้ยังจะไปซ้อมอีกเหรอ”

“เปล่า กูจะไปขอลาป่วยกับโค๊ช”

“ร...เหรอ” กรรม รู้สึกผิดเลยกู ตัวก็เจ็บ กีฬาก็ไม่ได้ซ้อม

“อ่ะๆ ล้างแผลให้กูตรงหน้าห้องนี่แหละ กูไม่เข้าไปก็ได้ นั่งๆๆๆ”

“ไอ้บ้า.... เออๆ จะเข้ามาก็เข้ามา”

“จริงอ่ะ ให้กูเข้าไปจริงเหรอ”

“ก็เออดิ ถอดรองเท้าด้วยนะมึง”

“โอเค เข้ามาได้เลย” ไอ้สัดยังจะเล่นมุก “อือหือ สมกับที่เป็นเขตหวงห้าม สวยแฮะ ตู้เสือผ้าก็ใหญ่ เตียงนุ้มนุ่ม แถมยังหอมอีกต่างหาก”

“สำรวจเสร็จหรือยัง”

“ยัง” มันเปิดตู้เสื้อผ้าของผมเฉยเลย “โอ้โห เสื้อผ้ายังเรียงตามสี นี่ไง! ชุดนอนลายการ์ตูนอีกแล้ว ชุดกระต่าย ชุดวัว ชุด... อันนี้คือตัวอะไรวะ น่ารักดีนะ ใส่ให้ดูหน่อยดิ”

“พอๆๆๆ” ผมปิดประตูตู้เสื้อผ้า “จะล้างไหมแผลอ่ะ รีบไม่ใช่หรือไง”

“ล้างดิ แต่ขอดูห้องก่อน เห้ย! ห้องน้ำเจ๋งนี่หว่า มีอ่างซะด้วย นี่อะเหรอเคล็บผิวนุ่มของมึง วันหลังกูยืมแช่บ้างดิ กูก็อยากมีผิวนุ่มลื่นสีชมพูอ่อนๆเหมือนกันนะ”

“ไอ้สัด เลิกล้อกูได้แล้ว นั่งลงไปเร็วๆ”

“ก็ได้ๆ” ในที่สุดไอ้อาร์มก็นั่งลงบนเตียงได้ซะที “เตียงใหญ่ดีเนาะ ไม่เคยพาใครเข้ามานอนจริงดิ”

“ก็แหงดิ แค่ห้อง กูยังไม่ให้เข้ามาเลย แล้วจะมีคนอื่นมานอนเตียงกูได้ไง”

“งั้นกูขอเป็นคนแรกละกัน”

“เห้ยๆๆๆ มึงลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่ามานอนเตียงของกู” ตัวหนักชิบเป๋ง ดึงสุดแรงแล้วยังไม่กระดิกเลย

“กูก็ต้องนอนให้มึงล้างแผลอยู่ดี ให้กูนอนเหอะ นะ”

“ไม่เกี่ยวเลย แค่ล้างแผล ต้องนอนทำไม”

“ล้างไปเหอะน่า เร็วๆเข้า”

“มึงนี่มันหน้าด้านจริงๆ ได้คืบจะเอาศอกตลอด”

“ไม่ต้องชมกันขนาดนั้นก็ได้”

“ด่า กูด่าเว้ย.... ไหน ขอดูแผลหน่อยดิ” ผมค่อยๆดึงผ้าพันแผลออกมา “ถึงจะยังไม่หาย แต่ก็เริ่มแห้งแล้วล่ะ ไม่น่าเชื่อเนาะว่าหมากัดแขนมึงเข้าด้วย”

“แขนคนนะเว่ยไม่ใช่ท่อนไม้ ดีแค่ไหนแล้วที่มันไม่กัดที่กะปู๋สุดรักของกู ไม่งั้นมึงอดได้เสียวกับช้างน้อยเกรดพรีเมียมตลอดชีพแน่”

“โม้ชิบหาย... แต่กูล้างแผลไม่เก่ง เสียเวลาหน่อยนะ”

“ไม่เป็นไร นี่เพิ่งจะตีห้า ล้างไป เดี๋ยวกูนอนรอ”



เอ้า นอนจริงเว้ย นี่มึงจะมาล้างแผลหรือจะมานอนกันแน่

ใช้ชุดนักศึกษามาพร้อมแบบนี้ แสดงว่ากะจะลาซ้อมกีฬาจริงๆซินะ



ผมเริ่มกระบวนการล้างแผล ด้วยการทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือก่อน เช็ดเบาๆไม่ให้โดนแผลโดยตรง คงงงละซิว่าผมทำแผลเป็นได้ไง ก็เขาเขียนวิธีมาให้ไง ผมก็แค่ทำตามขั้นตอน แต่ก็แอบยากเหมือนกันนะเนี่ย.......



........สุดท้ายก็ปิดแผลอีกครั้งด้วยการพันผ้ารอบๆแบบนี้



โอเค เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

โอ้โห ใช้เวลาไปตั้งครึ่งชั่วโมงเชียวเหรอ



“เสร็จแล้วไอ้อาร์ม”

“............” เงียบ

“ไอ้อาร์ม!” ผมเรียกย้ำ

“.............” เงียบสนิทเหมือนกัน

ไอ้สัด หลับลึกเลยนี่หว่า

จะบ้าตาย

เอ๊ะ! นี่อะไร คุ้นๆ

ผมดึงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อนักศึกษาของไอ้คนนอนหลับ

ผ้าเช็ดหน้าของผม!!

สะอาดแล้วนี่นา ไม่มีคราบเลือดเลย ว่าแต่ มันชักผ้าเช็ดผ้าด้วยมือข้างเดียวได้ไงกัน นี่คงไม่ได้พยายามชักด้วยมือข้างไม่ถนัดจนสะอาดจริงๆหรอกนะ แถมยังเอามาพกติดตัวอีก



ตึ้ก ตึ้ก

เกลียดชะมัด เวลาสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นไม่เป็นส่ำแบบนี้ มันเหมือนจะทำให้ผมควบคุมอะไรไม่ได้เลย



เอ.... ตอนนี้เพิ่งจะตีห้าครึ่ง

จะเป็นอะไรไหมนะถ้าจะ..........

น่าจะยังพอมีเวลา งั้นก็......................................





“อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์ ................................... อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์”

“อือออออ อืมมมมมมมม..... เห้ย!!! ไอ้เพลง มึงทำอะไรวะ” อ้าว ตื่นซะแล้วเหรอ

“ก็... อ่าซ์ ก็นั่งเทียนไง....อ่าซ์” ผมตอบแต่ก็จะทำกิจกรรมสุดเสียวต่อไม่หยุด

“กูรู้... โอ๊ยแม่ง... แล้วทำไม...”

“ไม่...ไม่รู้ อ่าซ์ ก็ทำไป ล...แล้วนี่หว่า”

“ถึงว่า...ทำไมผันดีจัง แล้วนี่มัน....กี่โมงแล้ว”

“หกโมง.... หกโมงครึ่ง... อ่าซ อ่าซ์ อ่าซ์”

“เชี่ย... นี่มึงนั่งเทียนอยู่แบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วเหรอ”

“ก็มัน... อ่าซ์... ก็มันเสียวดี แล้วกู... อ่าซ์... ไม่รู้จะทำ...ให้เสร็จได้ยังไง ร...เร่งสุดแล้ว... อ่าซ์... ได้แค่นี้”

“ไอ้ชิบหาย ป่านนี้เขาซ้อมกันเสร็จแล้วมั้ง”

“ข...ขอโทษ ก็มัน... อ่าซ์... อดใจไม่ได้... อ่าซ์... นี่นา”

“อ...เออๆ ไม่เป็นไร แล้วอยากเสร็จหรือยัง”

“ย...อยากแล้ว”

“งั้นก็นอนลง” ไอ้อาร์มสั่ง ผมจึงนอนลงทั้งที่ทุกอย่างยังคาอยู่แบบนั้น “กูละเชื่อเลย มึงนี่มันร่านจริงๆ ไหนบอกไม่ติดใจกูไง”

“ช่างกูเหอะน่า รีบๆซอยซะทีเถอะ เดี๋ยวก็สายจริงๆหรอก”

“งั้นก็พร้อมนะ”

“เออ พร้อม..... อ่า อ่ะ อ่ะ อ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มึง กูเสียว เสียวกว่านั่งเองเยอะเลย ไม่ไหว ไหว ไม่ไหวแล้ว จะแตก จะแตกแล้ววว อ๊าาาาาาาาาาาซ”



ให้ตายเถอะ ไอ้อาร์มมันสามารถทำให้ผมไปถึงจุดสุดยอดได้แบบทันทีทันใดได้อย่างไรกัน ทั้งๆที่ผมพยายามจะไปถึงจุดนั้นด้วยตัวเองตั้งเกือบชั่วโมงแต่ก็ทำไม่สำเร็จ

ชุดนอนลายพิกเล็ตของผมเลอะเปื้อนไปด้วยของเหลวขาวขุ่น และก็เลอะมากขึ้นไปอีกเมื่อไอ้อาร์มถอดกายของมันออก ทำให้น้ำปริมาณมากมายไหลทะลักออกมา นี่เป็นชุดแบบที่มีช่องเปิดปิดทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้ ผมจึงละเลงกิจกรรมเสียวทั้งๆที่ยังสวมชุดไว้ เป็นครั้งแรกเลยที่ชุดนอนน่ารักๆของผมต้องมาเปื้อนอะไรแบบนี้



“ชุดมึง...” ผมหายใจหอบ “ไม่เปื้อนใช่ไหม”

“ไม่เปื้อน” ไอ้อาร์มตอบ “แต่เหนื่อยนิดหน่อย มึงนี่มันอยากเสียตัวได้ตลอดเวลาจริงๆ คนหลับอยู่ก็ยังไม่เว้น”

“ก็ใครจะไปคิดละว่าแค่เอาลิ้นเลียๆนิดเดียวแล้วมันจะพองขึ้นมา กูก็เสียดายของนี่นา”

“กูไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะที่โดนลิ้นเลียแล้วจะไม่แข็ง.... มึงรีบลุกไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวผ้าปูที่นอนก็เปื้อนไปด้วยหรอก”

“อืม.... เดี๋ยว มึงจะทำอะไรอ่ะ”

“คิดหาเสียหายที่มึงมาลักหลับกูไง.... จุ๊บ”

“ไอ้สัด ก...แก้มกู”

“กูรู้ ไม่ใช่แก้มกูซะหน่อย”

“มึงหอมแก้มกู”

“เออ กูทำเอง ไม่ต้องบอกหรอก ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“ไอ้.....” ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาด่ามัน

“ไปๆ ไปอาบน้ำ กูจะโทรคุยกับโค๊ชแล้ว นี่กูยังไม่ได้คิดเสียหายที่มึงทำให้กูพลาดไปสนามนะ”



อะไรวะ ทำไมกูผิดทุกอย่างเลย



หลังทำภารกิจเสร็จทุกอย่าง ผมกับไอ้อาร์มก็เดินทางเข้ามหาลัย วันนี้ผมสามารถขับรถยนต์เข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นปกติแล้ว (ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอหมาอีก) แต่ที่ไม่ปกติก็คือมีผู้โดยสารมาด้วยนี่แหละ รู้สึกเหมือนไอ้อาร์มจะล่วงล้ำอธิปไตยของผมในทุกๆมิติแล้ว รถก็ได้นั่ง ห้องก็ได้เข้า ยังมีอะไรอีกไหมที่มันยังทำไม่สำเร็จ





“ไอ้แว่นนนน ทำไมมาเช้าจัง” ผมทักทายเพื่อน แต่ไอ้แว่นกลับนั่งเหม่อสายตาไร้แวว “ไอ้แว่น!”

“เชี่ย!!!” ไอ้แว่นตกใจ “ตะโกนใส่หูกูทำไมวะ”

“ก็กูเรียกแล้วมึงไม่ตอบอ่ะ”

“มึงเรียกเหรอ... เออๆ กูไม่ได้ยิน อ้าว แล้วทำไมไอ้อาร์มมาพร้อมมึงได้อ่ะ เห้ย! มือมึงไปโดนอะไรมาวะไอ้อาร์ม”   

“หมากัด” ไอ้อาร์มตอบ

“พูดจริงหรือว่ามุกเนีย” ไอ้แว่นไม่แน่ใจ

“พูดจริง จะให้เปิดโชว์ไหมล่ะ”

“ไม่ๆๆๆ กูไม่อยากเห็น แล้วไปทำยังไงถึงโดนหมากัดได้วะ”

“ช่วยคน”

“ช่วยคน? แบบ... ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเข้าไปช่วยคนจากการถูกหมากัดอะนะ”

“อือหึ” อย่ามาทำเป็นเหล่กูนะไอ้อาร์ม

“โหหหห คนนั้นคงน่ารักโดนใจมึงมากอะเนาะ ถึงขั้นทำให้ไอ้เสืออาร์มวิ่งเข้าไปขวางทางเขี้ยวไว้ได้”

“ก็น่ารักดี ไม่ดิ น่ารักมากกกกกเลย” ไอ้สัด พูดแบบนี้จะหวังให้กูเขินละซิ

“คนไหนวะ เล่าให้กูฟังหน่อยดิ เอ๊ะแต่ว่าเดี๋ยวก่อน กูรบกวนอะไรมึงหน่อยดิ”

“อะไรวะ”

“ไปซื้อข้าวให้หน่อย”

“นี่มึงกล้าใช้กูเหรอ ก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอว่ากูเพิ่งโดนหมากัดมา”

“นะเพื่อนนะ ไปซื้อให้หน่อย กูมีเรื่องจะคุยกับไอ้เพลงตามลำพังอ่ะ”

หือ????

“เรื่องอะไร ทำไมกูรับรู้ด้วยไม่ได้” ไอ้อาร์มโวยวาย

“เออ ไม่มีอะไรหรอก” ไอ้แว่นบ่ายเบี่ยง “กูแค่จะปรึกษาอะไรมันนิดหน่อยเฉยๆ”

“ไม่ได้ กูต้องอยู่ด้วย”

“เห้ยยยย มันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ กูขอร้องนะ กูไหว้ล่ะ นะเพื่อนนะ นะนะ”

“เออๆ มึงไปเหอะ” ผมบอกไอ้อาร์ม

“อะไรวะ เดี๋ยวนี้มีความลับกับเพื่อนกับฝูงนะมึงไอ้แว่น” ไอ้อาร์มบ่นแต่ก็ยอมเดินออกไป

“ว่า? มีเรื่องอะไรจะปรึกษากู” ผมเปิดประเด็นทันที

“ในฐานะที่มึงเป็นคนที่มีประสบการณ์โชกโชน ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เก็บเกี่ยวมาแล้วทุก...”

“เข้าประเด็นเลยเหอะ อย่าอารัมภบท”

“คือ.... เอ่อ.... การที่..... การที่......การที่.....”

“กาญจ์อยู่ที่ภาคตะวันตกของประเทศ”

“ไม่ใช่ กูไม่ได้หมายถึงกาญจนบุรี”

“งั้นมึงก็พูดซะทีดิ อ้ำอึ้งอยู่นั่น”

“เอ่อ.............







...............ผู้ชายกับผู้ชายคบกัน มันแปลกไหมวะ”
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... เช้า vs สาย - 01/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 01-01-2019 16:00:02
สองคนนี้มันหื่นสมกันจริงๆ
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... ความต้องการ vs ความต้องการ​ - 01/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 01-01-2019 18:56:10
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 6 / รัก vs หลง

ความที่ 2 จาก 2 / ความต้องการ vs ความต้องการ​









“เอ่อ... ผู้ชายกับผู้ชายคบกัน มันแปลกไหมวะ”

“หือ? ทำไมมึงถามกูแบบนั้น” ผมแปลกใจที่ไอ้แว่นถามอย่างนั้น

“ค...คือ...น้องกู น้องกูมีปัญหาเรื่องนี้”

“น้องมึงเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”

“ก...กูหมายถึงว่า...น้องกูมีเพื่อนผู้ชายคนนึง แต่ผู้ชายคนนั้นเหมือนจะถูกผู้ชายอีกคนจีบ”

“ทำไมมันซับซ้อนจังวะ”

“เออ นั่นแหละ ช่างมันเหอะ น้องกูมาปรึกษา แต่กูไม่รู้จะให้คำปรึกษาน้องกูยังไง กูก็เลยมาถามมึงนี่ไง ในฐานะที่มึงน่าจะเข้าใจเรื่องแบบนี้ดี”

“อืมมมม ถามว่าแปลกไหมอะเหรอ สำหรับคนทั่วไปก็คงแปลกละมั้ง”

“เหรอวะ” ทำไมสีหน้าไอ้แว่นกังวลจังวะ

“แต่เดี๋ยวนี้เขาก็ยอมรับกันหมดแล้ว ใช้ชีวิตตามที่คิดว่ามีความสุขไว้ก่อนดีกว่า ไม่รู้นะ กูถือคติว่า ชีวิตกูเป็นของกู แล้วตอนที่มึงเห็นกูกับพี่วิทยากรคนนั้นมีอะไรกันเมื่อปีที่แล้ว มึงรู้สึกยังไงล่ะ”

“ไม่รู้อ่ะ กูยังไม่ทันได้คิดว่ามันแปลกหรือไม่แปลก กูแค่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆ”

“แล้วหลังจากที่มึงรู้เห็น แล้วมันคิดยังไง”

“กูก็อยากรู้มากขึ้นอีก”

“กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น กูหมายถึงว่า มึงรู้สึกว่ากูแปลก แปลกจนถึงขั้นไม่อยากคบหาหรือรู้จักกูเลยหรือเปล่า”

“ถ้ากูคิดแบบนั้นแล้วกูจะมาอยู่แก๊งเดียวกับมึงได้ไงล่ะ”

“ก็นั่นไงที่กูจะพูด ถ้าอยากจะให้คำปรึกษากับน้องก็แค่บอกไปว่า เพื่อน สุดท้ายก็คือเพื่อน เพื่อน มันไม่ได้วัดกันที่ว่าเขามีรสนิยมแบบไหน ตอนที่เป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้แปลว่าน้องมึงกับเพื่อนคนนั้นจะไปมีอะไรกันซะหน่อย แบบนั้นเขาไม่เรียกเพื่อนแล้ว” หึ! ทำไมกูรู้สึกเหมือนพูดอะไรที่มันขัดแย้งกับตัวเองอยู่วะ “อ...เออ เอาเป็นว่า ต่อให้อยู่ดีๆ มึงมีแฟนเป็นผู้ชายขึ้นมา กูก็ไม่รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดอะไรทั้งนั้นแหละ นี่แหละความคิดเห็นของกู ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้าไม่เดือดร้อนใครอะนะ”

“อืมมมม มึงคิดแบบนี้เองเหรอ” ไอ้แว่นพยักหน้าช้าๆ “ขอบใจสำหรับคำปรึกษานะ เดี๋ยวกูจะเอา...ไปบอกน้องอีกที”

“วุ่นวายนะมึงเนีย”



“กูมีมือเดียว ถือมาได้แค่นี้แหละ” ไอ้อาร์มกลับมาในที่สุด แล้วก็วางข้าวลงตรงหน้าไอ้แว่น

“ขอบใจมากนะเพื่อน” ไอ้แว่นบอก “กูคุยกับไอ้เพลงจบพอดีเลย”

“มันพูดอะไรกับมึง” ไอ้อาร์มขมวดคิ้วใส่ผม

“ไม่มีอะไร” ผมตอบ “เรื่องไร้สาระ”

“ไร้สาระแล้วทำไมกูฟังด้วยไม่ได้” แน๊ะ ยังจะโวยวายอีก

“เออน่า ไม่มีอะไรจริงๆ” ไอ้แว่นพยายามช่วยพูด

“มึงสองคนหัดมีความลับกับกูนะ” ไอ้อาร์มบ่น “แล้วไหนวันนี้พี่ฮันเตอร์ของมึงไม่มาส่งข้าวส่งน้ำอ่ะ”

“ห๊ะ!” ไอ้แว่นมันตกใจอะไรของมันวะ “อ...อ๋อ พี่เขาไม่ว่าง ใช่ ไม่ว่าง ก็เลยมาไม่ได้”

“กูขอให้มึงโดนพี่รหัสทิ้งอีกรอบ” โอ๊ะ พอบ่นจะง้องแง้งก็ง้องแง้งชิบหายเลยไอ้ห่าอาร์ม

“มานั่งๆ เดี๋ยวกูไปซื้อที่เหลือให้เอง” ผมบอกไอ้อาร์ม

เห้ออออ ต้องเอาใจมันหน่อย ช่วงนี้ยิ่งอารมณ์ขึ้นๆลงๆอยู่



การเรียนในวันศุกร์หรรษาเริ่มขึ้นในที่สุด ก็ไม่มีอะไรมาก ผมก็เรียนตามปกติ แค่คิดว่าเที่ยงนี้จะกินอะไรดี.............



“โอ๊ย เบาๆดิไอ้อาร์ม เดี๋ยวก็มีคนได้ยินหรอก อูยย”

“ไม่มีใครมาเดินแถวห้องชมรมก่อสร้างตอนเที่ยงแบบนี้หรอก แล้วสรุปว่ามึงจะบอกกูได้ยังว่าคุยไรกันกับไอ้แว่น”

“ก็บอก... อูยย... ตั้งกี่รอบแล้ว ว...ว่าไม่มีอะไร... มึงอย่าถ่างขากูนักดิ แค่นี้ก็เข้าไปลึกเกินแล้วนะ”

“ถ้ามึงไม่บอก กูจะจับตอกอยู่แบบนี้แหละ รอจนให้คนเข้ามาเห็นมึงกับกูกำลังเย่อกันอยู่นี่แหละ”

“เออๆ มันแค่... อ่ะๆๆๆ แค่มาปรึกษาเรื่อง... อือ... เรื่องน้องสาวเฉยๆ”

“แล้วทำไมต้องไม่ให้กูรู้ด้วย”

“เลิกถามซะทีเถอะน่า อ๊อยยยย รีบๆแตกซะทีได้ไหม แตกแล้วเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

“ได้ งั้นก็รีบเล่ามาเลยนะ กูก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน.... มึงโดนกูไปตั้งกี่ครั้งแล้วทำไมยังฟิตอยู่ได้วะ อ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาซ์”



นั่นแหละครับชีวิตประจำวันของผมกับไอ้อาร์มในช่วงนี้ มันนึกอะไรไม่ออก จะดีใจ จะเสียใจ จะสอบผ่านหรือสอบตก ก็มาลงที่ผมอย่างเดียว

จริงๆผมก็จะไปบ่นอะไรมันมากไม่ได้อะนะ เพราะบางทีผมก็....



“ไหนมึงบอกว่าให้กูมาซ่อมไฟที่ห้องเฉยๆไง แล้วไหงมาจับมังกรกูใส่ถ้ำแบบนี้”

“ก็ไหนๆมึงมาแล้ว... โอ๊ย มึง กูเสียวอ่ะ... จะได้ไม่เสียเที่ยว”

“เซี่ยนก็บอกว่าเซี่ยนดิไอ้สัด ทำเป็นอ้าง”

“เออ กูเซี่ยน ต..แต่มึงก็แข็งรอมาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่รึไง... แรงอีกหน่อยได้ไหมมึง”

“กูก็พยายามจะเร่งแล้วเนีย แต่มึงก็ตอดกูอยู่นั่นแหละ กูก็เสียวเป็นเหมือนกันนะเว้ย”



อืมมมมม ก็ตามนั่นแหละ



ช่วงนี้กิจกรรมทางเพศของผมเกิดขึ้นถี่ยิ่งกว่าสมัยที่ออกล่าทุกวันซะอีก เพียงแต่ว่าเดี๋ยวนี้มันมาจากคนๆเดียวก็คือไอ้อาร์ม ก็ไม่อยากยอมรับหรอกนะว่าผมกับมันสนุกกับเรื่องแบบนี้มาก มากจนเริ่มจะเกินกว่าคำว่าเสพติดไปแล้ว และถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกเบื่อๆก็มีเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อย่างเช่น...



“กูมีเวลาพักเบรกแค่สิบนาทีนะ ช่วงนี้วิดวะเรียนหนัก มึงมาอยากอะไรเอาตอนนี้วะ”

“ไม่รู้เว้ย ก...ก็มันอยากอ่ะ กูอุตส่าห์วิ่งมาจากตึกถาปัดเลยนะ อูยยย ว...ว่าแต่มึงเถอะ ตอกลึกเกินไปแล้วนะ”

“ก็จะได้คุ้มที่อุตส่าได้ใช้โลเคชั่นดาดฟ้าของตึกวิศวะไง โชคดีนะที่ยังมีที่ที่หลบสายตาคนในเวลานี้ได้”

“เออๆ ร...รีบเหอะ กูก็ต้องรีบ...กลับไปเรียนเหมือนกัน อ๊าซ์...”



หรือ



“ไอ้อาร์ม จะเสร็จยัง ไอ้แว่นรออยู่ เดี๋ยวมันก็สงสัยหรอกว่าทำไมเราสองคนมาเข้าห้องน้ำนานจัง”

“ขออีกนิดนึงดิ ก็ใครบอกให้มึงมองหน้าไอ้พวกนักบาสกลุ่มนั้นล่ะ”

“กูมองยังไง... อ๊อยยย... เขามองกูต่างหาก”

“จะใครก็ช่าง ถ้ามึงมองใครอีกก็ต้องโดนแบบนี้แหละ”

"งั้นกูต้อง... อื๊อ... ควักลูกตากูออกแล้วล่ะ"

"เอาน่า เห็นเคยบอกว่าอยากลองทำในห้องน้ำอาคารเรียนรวมไม่ใช่เหรอ ก็พามาแล้วนี่ไง"

"อืม..ม...ม เร่งอีกหน่อยได้ไหม"



หรือ



“ใครบอกว่าอยากจะร้องเพลงวะ แล้วนี่มึงไม่กลัวไอ้แว่นเข้ามาเห็นว่ามึงนั่งเทียนกูอยู่ในห้องคาราโอเกะหรือไง”

“มันโทรมาบอกว่า...จ...จะเข้ามาช้าสองชั่วโมง กูไม่อยาก...ให้เสียเวลา...โดยเปล่าประโยชน์... กูเคยบอกหรือยังว่าพ่อมึงให้มาเยอะมาก....”

“ก็เห็นมึงพูดทุกครั้งนั่นแหละว่าของกูใหญ่.... แทนที่กูจะได้ร้องเพลง กลับต้องมาเล่นไอ้เพลงแทนซะงั้น”

“นานๆจะมีที่ที่ครางเสียงดังได้โดยไม่มีใครได้ยิน.... ไม่อยากพลาดโอกาส อ่ะๆๆๆๆๆ”



และแม้กระทั่งตอนนี้….



“วันหยุดไม่....ออกไปเที่ยวไหนหรือไง ว...ว่างมากเหรอ มาจับกูเสียบแต่เช้าเนีย... อ๊าๆๆ... ไอ้อาร์มๆ ช้าลงหน่อย กูยังไม่อยากรีบเสร็จ”

“ทำเป็นไล่กู แต่พอโดนซอยเข้าหน่อยก็ไม่อยากให้จบเร็ว ปากมึงนี่มันไม่เคยตรงกับใจเลยนะ”

“ก็มันเสียวดีอ่ะ... โอ๊ย เสียว... อารมณ์กูก็เตลิดอะดิ... เออๆ จังหวะนี้แหละ... แล้วนี่มันท่าอะไรของมึงวะ ไปหัดมาจากไหน”

“เขาเรียกว่าท่ายกล้อสูง กูอ่านเจอในเน็ต ก็เลยเอามาลองทำดู เป็นไง หลงลีลากูแล้วอะดี๊”

“อ...อืม ก็ลึกดี แต่เอาจังหวะนี้นะ อย่าเร่งมาก”

“ได้ ที่กูอ่านมาเขาบอกว่าถ้าโดนเลียหัวนมด้วย จะเสียวยิ่งกว่าเดิมอีก ไหนขอลองหน่อยดิ”

“โอ๊ยๆๆ ไอ้อาร์ม อ...อันนี้เสียวมาก...ไปแล้ว ด...เดี๋ยวกูก็...แตกหรอก”

“มึงไม่มีหาทางหาคนที่เด็ดเท่ากูได้อีกหรอก จะบอกให้... กูผ่อนจังหวะให้แล้วก็อย่าตอดนักดิ เดี๋ยวกูก็เผลอแตกก่อนหรอก”



ก็อย่างที่ไอ้อาร์มพูดนั่นแหละ ผมว่าผมหลงใหลได้ปลื้มในตัวมันไปแล้วล่ะ รู้สึกโหยหาความสัมพันธ์ลึกซึ้งจากมันตลอดเวลา ตอบสนองทุกครั้งที่มันต้องการ วันไหนที่มันไม่ว่างจริงๆผมก็ถึงขั้นไปขอนอนที่ห้องของมัน ถ้าจะเรียกว่าหัวปักหัวปำก็คงไม่เกินไปนัก

เห็นจะดีขึ้นมาหน่อยก็คืออาการเสพติดเซ็กส์นี่แหละ เพราะมีไอ้อาร์มคอยให้ความสุขทางเพศที่เพียงพอตลอดเวลา ผมจึงไม่เกิดอาการกำหนัดเวลาเห็นคนแปลกหน้าอีกเลย แม้กระทั่งบางคนที่หล่อมากกก ผมก็ยังปฏิเสธไปซะอย่างนั้น ก็แค่คิดได้ว่า ถ้าจบภารกิจแล้วยังรู้สึกอารมณ์ค้างๆคาๆ สู้รอทำกับคนเจ๋งๆ อย่างไอ้อาร์มไปเลยดีกว่า





“เห้อออออ เสร็จซะที เกือบชั่วโมงแน้ะ” ไอ้อาร์มพ่นลมหายใจออกมา ก่อนที่จะโน้มตัวลงมานอนทับและหอมแก้มผม เดี๋ยวนี้มันหอมแก้มผมจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว มันอ้างตลอดว่าเป็นค่าบริการ

“วันนี้มึงมีธุระที่ไหนไหม” ผมถาม หอบเหนื่อยนิดหน่อย

“ก็มีตอนบ่ายอ่ะที่ต้องเข้าไปซ้อมรักบี้” ไอ้อาร์มตอบก่อนจะค่อยๆถอดท่อนแข็งที่อ่อนตัวลงเล็กน้อยออกไป

“งั้นอีกสองชั่วโมง กูขออีกรอบได้ป่ะ มึงจะมีแรงซ้อมกีฬาไหวใช่ไหม”

“กูนึกว่าจะชวนทำอะไรที่มีประโยชน์ สุดท้ายก็ว้อนอยากโดนกูซอย”

“จะทำไม่ทำ”

“เออ ก็ต้องทำดิ ไม่พลาดหรอก แต่คราวนี้ห้ามบอกให้กูผ่อนนะ”

“มึงก็อย่าโหดนักดิ เดี๋ยวก้นกูก็พังกันหมดพอดี”

“ไม่เห็นจะพังเลย กูทำกี่รอบต่อกี่รอบแล้ว แม่งก็ฟิตเท่าเดิม แถมตอดน้องชายกูตลอดเวลาอีก ถามจริง มึงมีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่าวะ”

“ถามทำไม จะเอาไปทำกับใคร”

“คิดได้เนาะ เวลาว่างทั้งหมดที่กูมี ก็เอามาให้มึงหมด กูจะไปทำอะไรกับใครได้วะ ที่สำคัญกูก็สัญญากับมึงไว้แล้วด้วย นอกจากมึงแล้ว เดี๋ยวนี้กูก็ไม่มองใครอีกเลย”

มันพูดซะผมเคลิ้มเลย ไอ้บ้าเอ๊ย จู่ๆอารมณ์กำหนัดก็กลับขึ้นมา ทั้งๆที่เพิ่งระบายออกไปเมื่อกี๊แท้ๆ

“มึงพร้อมยัง ทำกันอีกรอบเหอะ นะ” ผมร้องขอ

“ห๊ะ เอาจริงดิ มึงพร้อมแล้วเหรอ”

“พร้อมแล้ว แต่ครั้งนี้ขอกินน้ำของมึงด้วยนะ”

“ได้ แต่ต้องแลกกับจูบ”

“ไอ้สัด มึงก็หาเรื่องจูบกูตลอดอ่ะ”

“น้ำของกูมีค่า จะแดกฟรีๆได้ไง”

“เออๆ จะทำอะไรก็ทำเถอะ”

“ดีมาก เป็นเหยื่อก็ต้องรู้จักทำตัวให้สมกับสถานะตัวเอง มา เดี๋ยวกูจัดให้...”



ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เชี่ยยยยยยยยย

อะไรคือการถูกขัดจังหวะวะ



“ใครครับ” ผมตะโกนถามคนที่มาเคาะประตูห้อง

“กูเอง” เสียงคุ้นๆ

“กูไหน?” ผมถามย้ำ

“กูไง ไอ้แว่นเพื่อนมึงนั่นแหละ”



หืออออออ!!!!!!!!!!!!!

มันมาไงละเนีย



ผมกับไอ้อาร์มนี่วิ่งพล่านเลย

ไอ้อาร์มรีบคว้าเสื้อผ้าที่กองเต็มพื้น ส่วนผมก็รีบสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ



“ห้องน้ำ ไปหลบในห้องน้ำ” ผมกระซิบบอกไอ้อาร์ม ซึ่งมันก็ทำตามทันที



“ไอ้เพลงงง เปิดประตูให้กูหน่อย” ไอ้แว่นร้องเรียก

“ป...แป๊บนึง ก็โป๊อยู่” ต้องถ่วงเวลาให้ไอ้อาร์มก่อน ว่าแต่กูเองเหอะ มีพิรุจตรงไหนไหมเนี่ย



ไอ้อาร์มเข้าไปหลบเงียบในห้องน้ำเรียบร้อย

คงไม่มีอะไรผิดสังเกตมั้ง



“ว...ว่าไง” ผมเปิดประตูออกไปพบไอ้แว่นยืนหน้านิ่งอยู่ที่ประตู “มาหากูมีอะไรเหรอ”

“กูมีเรื่องจะขอร้องอ่ะ” ไอ้แว่นตอบเสียงเอื่อยๆ “ขอเข้าไปคุยข้างในได้ป่ะ”

“ห...เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆ” จะมาเข้าตอนนี้ไม่ได้นะ “ม...มึงก็รู้นี่หว่าว่ากูไม่ให้ใครเข้าห้อง”

“กูไม่ได้จะเข้าไปทำอะไรกับมึงซะหน่อย กูเป็นเพื่อนมึงนะ”

“ยังไงก็ไม่ได้” ผมขวางไว้

“..........................” อ้าว นิ่งไปเลย เอ...? ทำไมไอ้แว่นดูตาแดงๆวะ “ฮือออออออออออออ”

“ห...เฮ้ย มึงร้องไห้ทำไมอ่ะ” ผมนี่ตกใจเลย จู่ๆไอ้เพื่อนโอตาคุของผมก็ฟูมฟายขึ้นมา อย่าว่าแต่ฟูมฟายเลย แค่ร้องไห้เฉยๆ ผมก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน

“ช่วย....ฮือออ...ช่วยกูด้วย” มันยิ่งร้องไห้หนักไปอีก

“อ...เออๆๆๆ เข้ามาข้างในก่อนมา” จะปล่อยให้มันมาร้องไห้หน้าห้องแบบนี้ได้ไงล่ะ “หยุดร้องก่อนมึง มีอะไรเกิดขึ้นวะ”



ไอ้แว่นขยี้ตาเดินเข้ามาในห้องของผม​



“ฮือออ... ทำ...ทำไมเตียงมึงเละจัง” ร้องไห้อยู่ก็ยังจะสงสัยเนาะ

“กู...เพิ่งตื่น ยังไม่ได้เก็บเตียงเลย”

“เหรอ... กูขอนั่งได้ไหม”

“นั่งดิ” แล้วผมกับมันก็นั่งลงบนเตียงยับยู่ยี่ “ไปไงมาไงวะ ถึงมาร้องไห้เป็นเด็กแบบนี้”

“ไอ้เพลง... มึงช่วย... ช่วยกูหน่อยดิ”

"ช่วยไรวะ"

"เปลี่ยนแปลง กูอยากเปลี่ยนแปลง"

“เปลี่ยนแปลง? ในทางไหน?”

“ก็นี่ไง เสื้อของกู กางเกงของกู หน้าตาของกู กูไม่อยากเป็นโอตาคุอีกแล้ว”

“หือออ มึงอยากให้กูเปลี่ยนบุคลิกของมึงเนี่ยนะ เพื่ออะไรวะ”

“มึงยังเคยบ่นกูเลยไม่ใช่เหรอว่ากูทำตัวโอตาคุเกินไปอ่ะ”

“กูบ่น แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้เปลี่ยนจริงๆนี่หว่า แล้วการเป็นตัวของตัวเองมันก็ไม่ได้ผิดอะไรด้วย มึงบอกกูมาดีกว่าว่าอะไรคือสาเหตุที่มึงอยากเปลี่ยนแปลงกันแน่”

“คือว่า....... กูอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองก็เพราะ....................









……………………อยากทำตัวให้สมกับเป็นแฟนของพี่ฮันเตอร์”
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ความต้องการ vs ความต้องการ​ - 01/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 02-01-2019 09:36:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ความต้องการ vs ความต้องการ​ - 01/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 02-01-2019 13:15:20
ระดับความหื่นมันสมกันจริงๆ
แต่เข้าสู่ระยะรัก/หลงแล้วนะ ต้องพิสูจน์ใจตัวเองกันต่อไป
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... อิจฉา vs ชื่นชม​ - 02/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 02-01-2019 20:33:04
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 1 จาก 6 / อิจฉา vs ชื่นชม









“เดี๋ยวดิ เมื่อกี๊ที่พูดน่ะ ล้อเล่นหรือเปล่า” ผมถามย้ำ เพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่ไอ้แว่นพูด

“กูจะล้อเล่นทำไมล่ะ ไม่งั้นจะมานั่งร้องไห้อยู่แบบนี้เหรอ” ไอ้แว่นหน้าเศร้า

“มึงเนี่ยนะ ที่เป็นแฟนกับพี่ฮันเตอร์ นั่นมันดารานะเว้ย”

“เออ อย่าถามย้ำมากนักได้ไหม กูแล้วว่ากูไม่เหมาะกับพี่เขา ถึงมาขอร้องให้มึงช่วยเปลี่ยนบุคลิกให้กูนี่ไง”

ให้ตายซิ ทำยังไงก็ชวนให้เชื่อไม่ลงจริงๆ

หนุ่มหล่อที่จัดว่าเป็นหมายเลขหนึ่งของผู้ชายที่สาวๆหลงใหลที่สุดในมหาวิทยาลัย จะมาเป็นแฟนกับไอ้แว่นโอตาคุสุดเซอแบบนี้เนียนะ

“มึงไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ” ไอ้แว่นเอ่ยถามเสียงเศร้า พร้อมกับน้ำตาอีกระลอก “กูรู้ว่ามันฟังไม่น่าเชื่อ ไม่มีใครเชื่อทั้งนั้นแหละ”

“ม...ม...ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย” เออ ใช่ กูยอมรับนั่นแหละว่าไม่เชื่อ “แต่กูไม่ยักรู้มาก่อนว่ามึงก็ชอบผู้ชายด้วย มันแปลกๆ เพราะกูจำได้ว่ามึงชอบพูดตลอดว่าอยากมีแฟนเป็นผู้หญิง”

“ก็พี่เขาอุตส่าห์มาสารภาพรักกันกูนี่นา... แล้วมึงก็พูดเองไม่ใช่เหรอว่า ต่อให้กูมีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ มึงก็ไม่มองว่ามันแปลก”

“กูพูดเหรอ? อ๋อ เรื่องที่มึงมาปรึกษากูตอนนั้นอะนะ ไหนบอกว่าเป็นเรื่องของเพื่อนของน้องสาวมึงไง นี่สรุปว่าเป็นเรื่องของมึงเองหรอกเหรอ”

“อืม ขอโทษที่หลอกถามนะ แต่ตอนนั้นกูยังไม่แน่ใจในตัวเองนี่หว่า”

“แต่นั่นมันก็สักพักแล้วนะ แสดงว่ามึงกับพี่ฮันเตอร์ก็มีความสัมพันธ์กันมานานแล้วอะดิ”

“ก...ก็...แค่เมื่อวานครั้งเดียวเอง ยังไม่นานซะหน่อย”

หือ!!! “กูหมายถึงว่าคุยกันมานานแล้ว ไม่ใช่ได้กันนานแล้ว นี่อย่าบอกนะว่ามึงกับพี่เขาก็....แลกโครโมโซมกันแล้วเหรอ”

“เออ มึงเลิกถามเรื่องแบบนั้นซะที กูไม่ได้สะดวกปากที่จะเล่าเรื่องอย่างว่าให้คนอื่นฟังเหมือนมึงหรอกนะ”

“เดี๋ยวๆๆๆ กูตามเรื่องไม่ทันจริงๆว่ะ มึงช่วยเล่าให้กูฟังตั้งแต่แรกทีได้ไหม”

“ก็ได้... มึงยังจำเรื่องคำใบ้ที่กูเจอใต้โต๊ะคอมได้ใช่ไหม”

“จำได้”

“อย่างที่กูบอกนั่นแหละว่ามันเป็นภาษาซี ตอนแรกกูก็กะจะค่อยๆตามหาพี่รหัส แต่เพราะวันนั้นพวกมึงเอาแต่ขู่กูว่ากูอาจจะได้พี่รหัสเป็นหมูตอน กูก็เลยลองเอาคำใบ้ที่ได้ไปเขียนในโปรแกรม ผลที่ได้ก็คือ......”







(หนึ่งเดือนก่อน)



“เฮ้ย!!”

“ตกใจอะไรวะไอ้เนิร์ด”

“ป...เปล่า โทษที”

“ผีโอตาคุเข้าหรือไงไอ้สัด กูกำลังตีดอทเพลินๆ ตกใจไปด้วยเลย เฮ้ย มีใครว่างไหม เอาไอ้แหยนี่ออกไปจากห้องคอมทีดิ เสียสมาธิกูเล่นเกมส์หมด”

นี่เป็นคำพูดปกติที่ผมถูกพูดด้วยเวลาอยู่ในภาควิชา



ผมเป็นเหมือนแบ๊ของคนในตึกคอมพิวเตอร์แห่งนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ยิ่งบุคลิกโอตาคุขั้นสุดของผมยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เพื่อนๆล้อเลียน

ไอ้แว่น ไอ้เนิร์ด ไอ้อ่อน ไอ้แหย ไอ้บ้าโมเอะ ไอ้แห้ง.... เหล่านี้เป็นคำเรียกแทนตัวผมทั้งนั้น มีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าจริงๆแล้วผมมีชื่อเล่นว่าซอล

เพราะแบบนี้ไง ผมถึงไปสนิทกับไอ้เพลงและไอ้อาร์ม เพราะไม่มีเพื่อนในเอกเลยสักคน ถึงสองคนนั้นจะเรียกผมว่าไอ้แว่น แต่มันก็ไม่ได้เรียกเพราะต้องการเหยียบหยามหรือมองผมเป็นไอ้แหย

ไอ้อาร์มที่ตัวใหญ่และแข็งแรงทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย ทุกครั้งที่อยู่กับมัน จะไม่มีใครกล้ามาแกล้งหรือแซวผม ส่วนไอ้เพลงเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากและมีความคิดที่เปิดกว้าง ทำให้ผมรู้สึกได้ยกระดับความคิดของตัวเองไปด้วย ที่สำคัญที่ผมชอบที่สุดก็คงเป็นเรื่องที่พวกมันสองคนชอบเล่าเรื่องประสบการณ์บนเตียงให้ผมฟัง มีทั้งแบบปกติที่ได้ฟังจากไอ้อาร์ม และแบบไม่ธรรมดาจากไอ้เพลง มันทำให้ผมรู้สึกเข้าถึงประสบการณ์เรื่องเพศโดยไม่จำเป็นต้องลงมือปฏิบัติ ไม่ซิ ต้องเรียกว่า คนอย่างผมไม่มีโอกาสจะมีประสบการณ์แบบนั้นจะถูกต้องกว่า

อารัมภบทเรื่องภูมิหลังของผมมาเยอะแล้ว กลับมาที่เหตุการณ์ตอนนี้กันดีกว่า...



HNTR3009 is My LineID



นี่แหละสาเหตุที่ผมส่งเสียงร้องเมื่อกี๊นี้

ไม่คิดเลยว่าการเอาข้อความจากคำใบ้ที่หาเจอมาประมวลผลในโปรแกรมสำหรับเขียนภาษาคอมพิวเตอร์ จะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นข้อความแบบนี้



นี่มันไอดีไลน์นี่นา

เพิ่มเพื่อนเลยดีไหมน้า หรือว่ารอก่อน....?

จะรออีกทำไมวะ รอมาตั้งสองปีแล้ว เพิ่มๆไปเหอะ

ค้นหาจากไอดี.... ตรงนี้ซินะ



...................................มาแล้ว!



ไม่ขึ้นรูปโปรไฟล์ เป็นภาพสีพื้นขาวๆเท่านั้น



จะทักไปเลยดีไหมน้า.....?

โฮะ เลิกสองจิตสองใจได้แล้ว ทักๆไปเถอะ



/สวัสดีครับ/ .............จะมีใครตอบไหมน้า

........................... ไม่มีจริงๆด้วย สงสัยจะแห้ว



ช่างเถอะ กลับหอดีกว่า ต้องอาบน้ำเตรียมตัวไปร้านเหล้ากับไอ้สองคนนั้นอีก



#เสียงโทรศัพท์

มีสายเข้าระหว่างที่ผมกำลังเดินไปที่ลานจอดรถจักรยานยนต์



ไอ้อาร์มโทรมาทำไมวะ

“ฮัลโหลไอ้อาร์ม” ผมรับสาย

“ไอ้แว่น วันนี้เปลี่ยนที่แดกเหล้านะ” ไอ้อาร์มบอก

“ทำไมวะ มึงลืมไปจัดให้เจ๊แคชเชียร์เหรอ” ผมแซว พอได้คุยกับไอ้อาร์มหรือไอ้เพลง ผมก็จะรู้สึกสดใสแบบนี้แหละ ต่างจากตอนที่อยู่กับเพื่อนในคณะเดียวกัน

“ไม่เกี่ยว” ไอ้อาร์มตอบ “เอาเป็นว่ามาที่ห้องกูก็แล้วกัน เวลาเดิมนะ”

“ห้องมึง?”

“เออ อย่าเพิ่งถามมาก ตอนนี้กำลังอารมณ์ไม่ดี แค่นี้นะ กูต้องไปซ้อมต่อแล้ว” ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด

วางสายไปซะแล้ว



อารมณ์ไม่ดีอะไรของมันวะ



ช่างเหอะ.... อ้าวๆๆๆ จะเลยรถของตัวเองซะแล้ว

นี่แหละรถมอเตอร์ไซต์คู่ชีพของผม.....สกูตเตอร์

ถ้าคุณได้เห็นสภาพของผมตอนนี้ คุณอาจจะเป็นอีกคนหนึ่งที่เรียกผมว่าไอ้เด๋อก็ได้ นักศึกษาตัวเล็กๆในเสื้อเชิ้ดตัวใหญ่เกินขนาดตัว กับกางเกงที่ไม่เคยสัมพันธ์กับหัวเข็มขัดเลยสักครั้ง แถมตอนนี้ยังอยู่บนรถมอเตอร์ไซต์คันเล็กพร้อมด้วยหมวกกันน็อตลายการ์ตูนอาลาเล่

ผมก็ไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้ผมเลือกที่จะมีบุคลิกแบบนี้ ไม่ซิ ต้องเรียกว่าผมไม่สนใจเรื่องบุคลิกอะไรของตัวเองเลยเสียมากกว่า

ไม่สนใจต่อให้ใครบอกว่าแว่นตาของผมมันหนาเกินไป หรือทรงผมของผมเหมือนรังนกร้าง หรือผมเดินหลังค่อม และหรือต่างๆอีกมากมาย

ผมได้เรียนรู้อย่างนึงจากไอ้เพลงและไอ้อาร์ม นั่นก็คือ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบที่สุดได้หรอก และจงใช้ชีวิตอย่างที่อยากจะเป็น ตราบเท่าที่ไอ้สองคนนี้ยังคบผมเป็นเพื่อนอยู่ ผมก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ผมไม่อยากเป็น





เห้อออออออ

สดชื่นจัง อาบน้ำหลังเรียนมาทั้งวันแบบนี้เป็นอะไรที่ฟินสุดๆ



ผมเดินมาที่ชั้นวางหนังสือของตัวเอง เพื่อเลือกหนึ่งในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเกือบพันเล่มมาอ่าน เป็นกิจวัตรปกติที่ผมจะต้องทำช่วงเย็น

จะอ่านอะไรดีน้า... หรือว่าจะดูเอนิเมชั่นดี

ผมหันไปดูชั้นวางซีดีการ์ตูนโมเอะที่สูงเกือบจะเท่ากับชั้นวางหนังสือ



#คุณมี 1 ข้อความ

ใครทักมาหว่า คงจะเป็นไอ้อาร์มหรือไม่ก็ไอ้เพลงนั่นแหละ



/???/

เอ๊ะ!!! นี่มัน.... ไลน์ของพี่รหัสนี่นา

/สวัสดีครับ ผมชื่อพิณภัทร เป็นน้องรหัสของพี่ครับ/ เป็นการพิมพ์ตอบที่เร็วที่สุดในโลกเลย

/อ้าว ถอดคำใบ้ได้แล้วเหรอ/ ข้อความจากไลน์ปริศนาตอบกลับมา

/ได้แล้วครับ/ ผมดีใจสุดๆเลยที่ได้คุยกับพี่รหัสซะที

/เดี๋ยวพี่ขอตัวแป๊บนึงนะ เดี๋ยวทักไปหา/

/ครับ/



รอ

รอ....

รอ.........

รอ..........................................................



เฮ้ย มันจะนานเกินไปแล้วนะ หายไปไหนวะ นี่มันครึ่งค่อนชั่วโมงแล้วนะเนี่ย



/วันนี้หนึ่งทุ่มมาหาพี่ที่ร้านอาหารพิเลต้าโกลด์ได้ไหม/ ทักมาซะที

เอ.... หนึ่งทุ่มเหรอ น่าจะพอได้นะ นัดไอ้อาร์มไว้สองทุ่ม

/ได้ครับ ร้านที่อยู่ซอยหกใช่ไหม/

/ใช่ งั้นเจอกันที่นั่นนะ/

/ครับ/



หูยยยยยย ตื่นเต้นจังจะได้เจอพี่รหัสแล้ว

แต่งตัวเป็นพิเศษซะหน่อยดีกว่า

เอ๊ะ จะรีดเสื้อผ้าด้วยดีไหมน้า..... ขี้เกียจจัง

เอาเถอะ รีดสักหน่อย ยังไงก็ควรแต่งตัวดีๆสักวันนึง





19.00 น.



ที่นี่ซินะ

เอ.....? อยู่ตรงไหนนะ

ผมเดินเข้ามาในร้าน พบทั้งลูกค้าและพนักงานเดินขวักไขว่กันจนเต็มไปหมด

แล้วจะรู้ได้ยังไงละเนียว่าคนไหนคือพี่รหัสของเรา



“ขอโทษค่ะ จองไว้หรือเปล่าคะ” พนักงานคนหนึ่งเดินมาถามผม

“ป...ปล่าครับ” ผมตอบเขินๆ ไม่เคยเข้าร้านอาหารหรูๆแบบนี้มาก่อน ทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ

“แล้วได้นัดใครไว้ไหมค่ะ” เธอถามอีก

“ครับ ใช่ครับ นัดไว้ แต่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นคนไหน”

“เอ.... นี่ใช่คุณพิณภัทรหรือเปล่าคะ”

“ค..ครับ” รู้ได้ยังไงละเนีย

“เชิญทางนี้เลยคะ มีคนจองโต๊ะไว้รอแล้ว”

“ครับ” อ๋อ พี่รหัสของเราคงเป็นคนจองซินะ ท่าทางจะเป็นคนมีอันจะกินไม่เบา



“เชิญห้องนี้เลยค่ะ”

“เอ๋!?” นี่มันโซนวีไอพีไม่ใช่เหรอ มีแต่พวกแต่งตัวดีๆทั้งนั้นเลย “น...แน่ใจนะครับว่าเป็นที่นี่”

“ใช่ค่ะ” พนักงานยืนยัน “เชิญทางนี้เลยค่ะ”

“ต...แต่...” อ้าว เดินนำไปซะแล้ว



จริงจังนะ ตอนนี้ผมอายมากเลย คนอื่นๆในโซนวีไอพีคงสงสัยว่าคนที่มีสภาพการแต่งตัวแบบผมเดินเข้ามาในนี้ทำไม



“เชิญนั่งค่ะ”

มาถึงโต๊ะจนได้

ผมนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเก้อเขิน รู้สึกเป็นเป้าสายตายังไงก็ไม่รู้

“รับอะไรดีคะ” พนักงานถามอีกครั้ง “คนที่จองโต๊ะสั่งเอาไว้บอกว่าถ้าคุณลูกค้าอยากทานอะไรก็ให้สั่งได้เลย นี่ค่ะเมนู”

สั่งได้เลยงั้นเหรอ.....

เอ๋!!!

นี่มันแพงเกินไปแล้วนะ แต่ละรายการทำไมราคามันถึงได้โหดขนาดนี้ล่ะ

แล้วเขาสั่งกันยังไงละเนีย

“อ...เอ่อ...ผมขอเป็น....น้ำเปล่าก่อนก็แล้วกันครับ” สุดท้ายก็ไม่กล้าสั่งอะไร น้ำเปล่านี่แหละ

“ได้ค่ะ เดี๋ยวมานะคะ”

เห้อออออ เกร็งชะมัดเลย



“จริงเหรอ” “ใช่จริงๆหรือเปล่า” “ไม่รู้ซิ แต่เห็นเขาพูดกันแบบนั้น” “งั้นไปดูหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นา”

แตกตื่นอะไรกันน้า

จู่ๆพวกผู้หญิงก็วิ่งให้ควักไปหมด ทำอย่างกับว่าเจอโดราเอม่อนตัวจริงอย่างนั้นแหละ



“น้ำได้แล้วค่ะ” พนักงานสาวกลับมาเสิร์ฟน้ำให้กับผม

“ขอบคุณครับ” ผมเอ่ย



“นี่ๆ” พนักงานสาวอีกคนหนึ่งพยายามสะกิดพนักงานคนที่กำลังบริการผมอยู่

“มีอะไร” เธอถาม

“ฮันเตอร์” หึ! ฮันเตอร์เอ็กซ์ฮันเตอร์เหรอ คงไม่ใช่ซินะ นั่นมันการ์ตูน

“อะไรคือฮันเตอร์” นั่นซิ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน

“ก็นักศึกษาคนนั้นไง ที่เรียนอยู่ที่นี่น่ะ เข้ามาในร้านเราด้วยล่ะ”

“ห๊ะ! น้องฮันเตอร์ที่เป็นดาราอ่ะเหรอ อยู่ไหน อยู่ไหนอ่ะ... อ...อุ๊ย ขอโทษค่ะ” พนักงานสาวทั้งสองหันกลับมาโค้งให้ผม

“ไม่เป็นไรครับ จะออกไปดูก่อนก็ได้นะครับ ผมไม่ว่าหรอก” ผมบอก

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ เราต้องบริการคุณลูกค้า” เธอรีบออกตัว

“จะไม่เสียดายเหรอครับ เผื่อเขาเข้ามาแค่แป๊บเดียว”

“ม...ไม่ได้จริงๆค่ะ” ดูก็รู้แล้วว่าอยากไป ไม่ต้องเซอร์วิสอะไรขนาดนั้นหรอกน่า ก็แค่รินน้ำเปล่าเอง

“ผมไม่บอกผู้จัดการหรอกครับ”

“ยังไงก็.... จะไม่บอกจริงๆใช่ไหมคะ”

“ครับ ไม่บอกครับ” ว่าแล้วเชียวว่าต้องอยากออกไปดู

“งั้นขอเวลาแค่ครู่เดียวนะคะ ครู่เดียวเท่านั้น แล้วจะรีบกลับมานะคะ ไปๆๆๆแก เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี”



ฮันเตอร์งั้นเหรอ.......? ดารา?

เหมือนจะเคยได้ยินชื่อนะ รู้สึกจะเคยได้ยินว่ามีรุ่นพี่ปีสามคนนึงในสาขาเดียวกันกับผมนี่แหละ เป็นดาราที่กำลังดัง เห็นว่าไปเล่นซีรีส์วาย(มันคือซีรีส์อะไรวะ แล้วซีรีส์เอ็กซ์กับซีรีส์แซดไปไหน)แล้วก็เกิดมีชื่อเสียงขึ้นมา

ผมอาจจะเคยเห็นผ่านๆสองสามครั้งละมั้ง



เห้อออออ

เกิดเป็นคนดังที่สาวๆทุกคนชอบนี่มันรู้สึกยังไงกันนะ จะเลือกผู้หญิงแบบไหนก็ได้ซินะ เบื่อแล้วก็คงมีใหม่ได้ทันทีเลย น่าอิจฉาคนแบบนี้จัง

แต่เราคงไม่มีโอกาสได้รู้สึกอะไรแบบนั้นหรอก จะมีใครมาชอบไอ้เด๋อแว่นหนาอย่างผม มีเพื่อนถึงสองคนนี่ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว……





“คุณลูกค้าจะไม่รับอะไรเพิ่มแน่นะคะ อีกหนึ่งชั่วโมงร้านเราก็จะปิดแล้วนะคะ”

“ขอเป็น... น้ำอัดลมก็ได้ครับ”

ไอ้พี่รหัสบ้าเอ๊ย ให้กูมานั่งรอในร้านอาหารเป็นชั่วโมง ไม่โผล่มาซะทีวะ จนลูกค้าจะออกไปหมดร้านแล้วเนี่ย

นี่ถ้าอีกห้านาทียังไม่มานะ กูจะกลับ ยิ่งมีนัดอยู่ด้วย นี่ก็ถึงเวลาที่นัดไอ้อาร์มไว้แล้ว มันคงด่าผมที่ผมไปสายแน่ๆเลย



“ขอโทษที่ให้รอนะ” เอ๊ะ จู่ๆก็มีคนมานั่งโต๊ะเดียวกับผม “อุตส่าห์เลือกร้านที่คิดว่าคนน่าจะน้อยแล้วแท้ๆ แต่ก็วุ่นวายเข้าจนได้ อ๋อใช่ ลืมแนะนำตัวไป พี่ชื่อ..........................









.............................ฮันเตอร์”
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... อิจฉา vs ชื่นชม​ - 02/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 02-01-2019 22:40:36
แหมมม แว่นได้ของดีเชียวนะ !!
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... พูด vs ฟัง - 03/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 03-01-2019 21:12:18
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 2 จาก 6 / พูด vs ฟัง









“ครับ?” ผมแปลกใจ

ก็คนที่มานั่งนะซิ ผมรู้จักเขา ไม่ใช่ๆ หมายถึง ผมรู้ว่าเขาเป็นใคร เหมือนจะเคยเห็นคนนี้ในเพจสิบหนุ่มฮอตของมหาลัย ไม่ต้องแปลกใจละว่าทำไมผมถึงเปิดดูเพจนี้ นั่นก็เพราะไอ้อาร์มเป็นหนึ่งในสิบหนุ่มฮอตแค่นั้นเอง

“รอพี่นานไหม” คนตรงข้ามถาม

“ข...เข้าใจผิดแล้วมั้งครับ” ผมพูดสิ่งที่คิด “พี่คงมานั่งผิดโต๊ะแล้ว”

“จะผิดได้ยังไง น้องชื่อพิณภัทรหรือเปล่าล่ะ?”

“ค...ครับ” ผมตอบ

“งั้นน้องก็เป็นน้องรหัสของพี่”

“เอ๋!?”

“อุทานแบบคนญี่ปุ่น ชอบการ์ตูนญี่ปุ่นเหรอ” โห รู้ได้ไงอ่ะ “.....ขอสเต็กทรีโบนสองทีครับ (ได้ค่ะ)”

“แค่อุทานแค่นี้ก็รู้เลยเหรอว่าผมชอบการ์ตูนญี่ปุ่น”

“แถมยังเป็นการ์ตูนโมเอะด้วยใช่ไหมล่ะ”

“เอ๊ะ เก่งเกินไปแล้ว”

“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นๆ พี่ดูจากพวกกุญแจนั่นต่างหาก”

พวงกุญแจ? อ๋อ พวงกุญแจของผมที่วางอยู่บนโต๊ะเนี่ยนะเหรอ

“มีแต่ตัวการ์ตูนเด็กผู้หญิงเต็มพวงกุญแจไปหมด ถ้าไม่ใช่พวกคลั่งไคล้ คงไม่ห้อยมาเยอะขนาดนี้หรอก”

“มันแปลกไหมครับ”

“อะไรเหรอที่ว่าแปลก”

“ก็ผู้ชายที่ชอบการ์ตูนโมเอะไง สำหรับหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งอย่างพี่ฮันเตอร์ มันแปลกไหม”

“อ้าว รู้จักพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็ต้องรู้ซิ ถึงยังไงพี่ก็เป็นคนดัง ถึงผมจะไม่เคยดูซีรีส์ที่พี่แสดง แต่คนที่เป็นสาเหตุให้ร้านอาหารวุ่นวายเมื่อชั่วโมงก่อนก็คือพี่ใช่ไหมล่ะ”

“ก็ไม่คิดว่าจะมีคนเยอะขนาดนี้ ก็เลยทำให้น้องรหัสต้องรอนานเลย”

“ช่างมันเถอะ ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นซะหน่อย ผมอยากรู้มากกว่าว่าพี่คิดว่าคนที่ชอบการ์ตูนโมเอะแปลกไหม”

“ทำไมพี่ต้องมองว่ามันแปลกด้วยล่ะ”

“ก็เพราะ...มันอาจทำให้ผมรู้ว่าควรวางตัวยังไงกับพี่รหัสที่มีน้องรหัสเป็นพวกโอตาคุ”

“โอตาคุ?”

“ก็คือพวกที่คลั่งไคล้อะไรมากๆ มากจนถึงขั้นที่คนรอบข้างมองว่าเป็นพวกเพี้ยน”

“อ๋อ... ไม่หรอก พี่ไม่ได้มองว่ามันแปลกอะไร คนเราก็มีเรื่องที่ชอบเป็นพิเศษกันทั้งนั้น เห็นแบบนี้พี่ก็มีความ... เรียกว่าอะไรนะ โอตาคุเหรอ”

“จริงดิ แล้วพี่คลั่งไคล้อะไรอ่ะ”

“ก็... ไม่เอาอ่ะ ไม่บอกดีกว่า พูดไปก็คงไม่เชื่อ”

“ไม่บอก แสดงว่าเป็นเรื่องน่าอาย หรือว่าพี่จะชอบดูหนังโป๊”

“ม...ไม่ใช่หรอกนะ”

“หรือว่าพี่เป็นพวกเสพติดเซ็กส์เหมือนกับเพื่อนของผม”

“เสพติดเซ็กส์? เหมือนเพื่อน?”

“ใช่ๆ ผมมีเพื่อนสนิทสองคน รู้ไหมว่าพวกมันอ่ะ ชอบล้อว่าผมเป็นพวกโอตาคุ แต่พวกมันหารู้ไม่ว่าพวกมันก็เป็นพวกคลั่งไคล้เข้าเส้นเหมือนกัน แถมยังคลั่งอะไรแปลกๆอย่างการมีเซ็กส์ พวกมันน่ะ แปลกกว่าผมเยอะเลยจริงไหม แต่พูดแบบนี้ก็หาว่าผมเอาดีเข้าตัวจนเกินไป เพราะว่าจริงๆแล้ว ผมก็ชอบฟังเรื่องทะลึ่งๆจากพวกมันเหมือนกันนั่นแหละนะ เพียงแต่มันน่าน้อยใจไปหน่อย เวลาพวกมันเล่าอะไรให้ผมฟัง ผมก็ตั้งใจฟังตลอด แต่พอผมเล่าเรื่องการ์ตูนโมเอะให้ฟังบ้าง พวกมันก็เผ่นแนบตั้งแต่ยังไม่ทันจบประโยคแรก ไม่ได้รู้อะไรเอาซะเลยว่าการ์ตูนพวกนี้มีศิลปะซ่อนอยู่มากมายขนาดไหน ทั้งความน่ารักเอ่ย ทั้งความสวยเอ่ย บางทีก็ช่วยฝึกจินนาการ และทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ดี รู้จักการให้อภัยและพยายาม เห็นไหม มีแต่อะไรที่มีประ....โยชน์......ทั้ง........นั้น..................เลย”

“อ้าว หยุดเล่าทำไมอ่ะ กำลังสนุกเลย”

“ก็มัน.... รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ที่มีคนนั่งฟังผมพูดเป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้ ปกติ ถ้าไม่ถูกห้าม คนฟังก็คงเดินหนีไปแล้ว”



“อาหารได้แล้วค่ะ” พนักงานเข้ามาแทรก

“ขอบคุณครับ” พี่ฮันเตอร์ขอบคุณพนักงาน

“มีอะไรจะรับเพิ่มก็เรียกได้เลยนะคะ”

“ครับ" พี่ฮันเตอร์พูดแล้วกลับมาคุยกับผมต่อ "แปลกนะ พี่ว่า เรื่องที่น้องเล่ามันก็น่าสนใจดีนะ ทำไมเพื่อนๆถึงไม่ชอบฟัง”

กลับมาคุยเรื่องที่คุยค้างไว้ซะด้วย

รู้สึกประหลาดจังที่มีคนตั้งใจฟังผมพูดขนาดนี้ อีกนัยหนึ่งก็รู้สึกประทับใจ ไม่แปลกใจเลยที่พี่เขาจะมีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ

พอได้มีโอกาสมานั่งจ้องใกล้ๆแบบนี้แล้ว พี่เขาเฟอร์เพ็คจังเลยแฮะ หล่อแบบหาตำหนิไม่ได้เลย ผิวก็มีออร่า ผมดำ นัยน์ตาสีดำสนิท แถมยังดูเป็นลูกผู้ดีมีชาติตระกูล ดูจากวิธีการกินสเต็กแล้ว คงเป็นลูกคนรวยแหงๆ



“ไม่ชอบกินสเต็กเหรอ”

“ครับ?”

“ก็เห็นเอาแต่จ้องหน้าพี่ ไม่กินสเต็กซะที หรือว่าไม่ชอบ พี่สั่งอย่างอื่นให้ เอาไหม”

“อ...อ๋อ เปล่าหรอกครับ ผมกินได้หมดนั่นแหละ ขอแค่ไม่เผ็ดก็พอ”

“ไม่กินเผ็ดงั้นเหรอ”

“ก็กินได้นิดหน่อยครับ อย่างพวกซอสพริกหรือปาปิก้าอะไรพวกนี้”

“แบบนั้นใครเขาเรียกว่าเผ็ดกันล่ะ”

“ผมรู้ครับ เพื่อนผมก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ผมก็กินเผ็ดที่สุดได้แค่นั้นแหละครับ”

“แล้วนอกจากเรื่องการ์ตูนโมเอะกับกินเผ็ดไม่ได้แล้ว มีอะไรอยากพูดให้พี่ฟังอีกไหม”

“เอ๋?”

“ก็บอกว่าไม่ค่อยมีใครฟังเรื่องที่พูดไม่ใช่เหรอ พี่จะช่วยเป็นผู้ฟังให้”

เกิดมาในชีวิตก็เพิ่งเคยมีคนพูดประโยคแบบนี้ด้วยครั้งแรกนี่แหละ

“มันก็มีอีกเยอะแยะเลยแหละครับ แต่ก็มีเรื่องนึงที่อยากพูดกับพี่เป็นพิเศษ คิดเอาไว้แล้วว่าถ้าได้เจอพี่รหัสก็อยากจะพูดเรื่องนี้ด้วย”

“เรื่องอะไรเหรอ ว่ามาได้เลย”

“คือผมน่ะ... จริงๆแล้ว.... จริงๆแล้วผมโกรธพี่มากเลยรู้ไหม พี่เป็นพี่รหัสที่แย่ที่สุดเลย ปล่อยผมทิ้งไว้โดยที่ไม่ดูแลได้ยังไง วันนัดเลี้ยงใหญ่ของคณะก็ไม่มา วันเข้าเรียนวันแรกก็ไม่มา รู้ไหมว่าผมโดนพวกเพื่อนๆล้อว่าเป็นน้องรหัสถูกทิ้ง ก็รู้อยู่หรอกว่าทิ้งปริศนาไว้ให้ แต่ถ้าผมยังแก้ไม่ได้ ก็ควรจะเปิดเผยตัวซะทีซิ ไม่ใช่ปล่อยทิ้งไว้จนผมขึ้นปีสองแบบนี้ ถึงตอนนี้จะเข้าใจแล้วว่าพี่อาจจะยุ่งกับการเป็นดารา แต่อย่างน้อยก็ควรมีเวลาว่างมาดูแลน้องรหัสของตัวเองบ้างซิ ไม่ใช่ปล่อยให้เคว้งคว้างอยู่แบบนั้น พี่อ่ะ พี่เป็นพี่รหัสที่ไม่ได้เรื่องที่สุดเลย” เห้อออออออ หายใจไม่ทัน



เพล้ง

พี่ฮันเตอร์ตาค้างไปเลย แล้วก็ทำมีดหันเนื้อหลุดมือด้วย

“ค....คือ....คือพี่.....”

เอ....? ผมพูดแรงเกินไปไหมนะ ก็คงแรงจริงๆนั่นแหละ คนปกติเขาคงไม่ตำหนิกันต่อหน้าแบบยืดยาวขนาดนี้

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะ....”

“พี่ขอตัวแป๊บนึงนะ” ห๊ะ!! พี่ฮันเตอร์ลุกจากเก้าอี๋ “ขอเวลาเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวพี่กลับมา”

“คือผมแค่...”



เฮ้ย รีบขนาดนั้นเลยเหรอ

พี่ฮันเตอร์วิ่งออกไปอย่างเร็วเลย

จะหนีไปเพราะคำพูดของผมหรือเปล่านะ เห้อ ปากเสียจริงเลยกู

แต่พี่เขาบอกว่าจะกลับมานี่นา

รอสักหน่อยก็แล้วกัน คนแบบพี่ฮันเตอร์คงไม่ใช่คนโกหกหรอกมั้ง





“....................................”

นี่มันยี่สิบนาทีเข้าไปแล้วนะ นิยามคำว่า ‘เดี๋ยวเดียว’ ไม่น่าจะนานขนาดนี้นี่นา

หรือว่าจะหนีไปแล้วจริงๆ

ก็ไม่น่าแปลกหรอกนะ โดนเราต่อว่าไปซะขนาดนั้น แถมยังได้มาเจอน้องรหัสจอมเด๋ออย่างเราอีก สู้ทำเหมือนว่าไม่มีน้องรหัสไปเลยยังดีซะกว่า



ไม่อยู่แล้ว กลับดีกว่า.....



“ทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยสามสิบหกบาทค่ะ”

“ครับ?” พนักงานพูดถึงเลขอะไรวะ เฮ้ยยยย!! ลืมไปซะสนิทเลย ยังไม่ได้จ่ายค่าอาหารนี่นา “อ...อ...เอ่อ... แต่ว่าผมไม่มีตังหรอกครับ คนที่จะจ่ายน่ะ....เขา...” ไปไหนแล้วก็ไม่รู้



“รับบัตรเครดิตไหมครับ” หึ! พี่ฮันเตอร์กลับมางั้นเหรอ

“รับค่ะ”

“งั้นนี่ครับ รวมทริปอีกหนึ่งร้อยบาทไปด้วยนะครับ”

“ขอบคุณมากค่ะ งั้นรอสักครู่นะคะ”



พี่ฮันเตอร์กลับมานั่งเหมือนเดิม

แล้วไปทำอะไรมาละเนีย เหงื่อซกเลย

“เอ่อ...พี่หายไปไหนมาเหรอครับ” ผมถาม

“พี่น่ะเหรอ อ๋อ ไปห้องน้ำน่ะ”

นานมากกกกก

“ผมขอโทษด้วยนะครับเรื่องที่ต่อว่าพี่ไปเมื่อกี๊ เห็นพี่รับฟังผมทุกอย่างก็เลยสนุกปากเกินไปหน่อย”

“เปล่าเลย พี่ไม่ได้โกรธเรื่องนั้นหรอก พี่กลับรู้สึกผิดด้วยซ้ำ ความจริงแล้วซอลก็พูดถูกนะที่บอกว่าพี่ไม่เคยดูแลเลย”

“แต่ถึงยังไง... เอ๋!!!! ม...เมื่อกี๊...พี่เรียกผมว่าซอลเหรอ”

“............” พี่ฮันเตอร์เหมือนจะเพิ่งตระหนักได้ว่าพลั้งปากออกมา

“พี่รู้จักชื่อของผมได้ไงอ่ะ”

“เอ่อ...คือ...”

“ผมไม่เคยบอกใครเลยนะ นอกจากเพื่อนสนิทสองคนของผม หรือว่าพี่รู้จักไอ้อาร์มกับไอ้เพลง อ๋อ ผมรู้แล้ว พี่ต้องรู้จักไอ้อาร์มแน่เลย เพราะเป็นสิบหนุ่มฮอตเหมือนกัน แบบนั้นใช่ไหม”

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”

“แล้วมันคืออย่างไหนอ่ะ”



“รบกวนเซ็นชื่อให้ด้วยนะคะคุณฮันเตอร์ เอ้ย ขออภัยค่ะ เซ็นให้ด้วยนะคะคุณลูกค้า” พนักงานเข้ามาแทรก

พี่ฮันเตอร์เซ็นชื่อจ่ายค่าอาหาร แล้วรับบัตรเครดิตกลับมา



“กลับกันเถอะ”

“เดี๋ยวก่อนซิ พี่ยังไม่ได้บอกเลยว่ารู้ชื่อเล่นของผมได้ยังไง” ผมรีบเดินตามออกมา “พี่ฮันเตอร์ พี่ฮันเตอร์...”

“พี่รู้จักน้องซอลมาตลอดนั่นแหละ” พี่ฮันเตอร์ยอมหยุดคุยกับผมที่หน้าร้าน

“หมายความว่ายังไงที่รู้จักผมมาตลอด”

“คิดว่าพี่จะทิ้งปริศนาไว้ให้ซอลได้ไง ถ้าพี่ไม่รู้ว่าน้องรหัสของพี่เป็นคนไหน”

“นั่นซินะ.... งั้นแล้วทำไมพี่ถึงไม่เปิดเผยตัวกับผมล่ะ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใคร”

“ก็พี่.... พี่ถึงขอโทษอยู่นี่ไง”

“ไม่เห็นจะเมคเซนส์ตรงไหนเลย”

“แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะ พี่...ผิดไปแล้ว”

“ความจริงผมก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นหรอก แค่อยากบ่นให้ฟังมากกว่า ที่สำคัญตอนนี้ผมก็อยู่ปีสองแล้วด้วย หมดเวลาที่จะถูกรุ่นพี่ดูแลแล้ว”

“พี่ขอแก้ตัวได้ไหม”

“ครับ?”

“ถึงจะปีสองหรือปีไหนๆ ให้พี่ได้แก้ตัวเถอะนะ ถึงตอนนี้งานจะยุ่ง แต่ก็จะขอแก้ตัว ขอโอกาสพี่ได้ไหม”



จริงจังขนาดนั้นเลยเหรอ

พวกที่ได้รับการดูแลจากพี่รหัสจะมีความรู้สึกใจสั่นแบบนี้หรือเปล่านะ



“ก็...ก็ได้ครับ” ผมตกลง “แต่ไม่ต้องทำอะไรมากก็ได้ จริงๆแค่พี่นั่งฟังผมพูดอะไรยาวๆได้แบบนั้นก็ถือว่าดีมากแล้ว”

“ยังหรอก ยังไม่พอ” จริงจังอีกแล้ว “พี่จะทำให้มากกว่านี้ ทุกอย่างที่ทำได้เลย”

“อ...โอเคครับ” รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ “คือว่า... พอดีผมมีนัดกับเพื่อนอะครับ ตอนนี้ก็เลยเวลามาเยอะแล้ว งั้นผมขอตัวดีกว่านะครับ”

“ครับ แล้วเดี๋ยวยังไงพี่โทรหานะ”

“ครับ เอ๊ะ! พี่มีเบอร์ผมแล้วเหรอ”

“มีแล้วครับ”

“ค...ครับ” ไม่ถามละกันว่ามีได้ไง “งั้นขอตัวนะครับ”

“พี่เดินไปส่งนะ”

“ไปส่งทำไมเหรอครับ รถผมจอดอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว”

“ไหนอ่ะ”

“มอ’ไซค์นี่ไง... ผมไม่มีรถยนต์หรอกครับ”

“มันไม่อันตรายใช่ไหม”

“พี่ไม่เคยนั่งมอ’ไซค์เหรอ”

“ไม่อ่ะครับ” นั่นไง เป็นลูกคนรวยอย่างที่คิดไว้เลย “ไว้วันหลังสอนพี่นั่งหน่อยนะ”

“ได้ซิครับ.... ผมขอตัวไปจริงๆแล้วนะครับ”

“ครับ"

"สวัสดีครับ" 

"ด....เดี่ญวครับน้องซอล"

"ครับ"

"เอ่อ........................







.....................ดีใจที่ได้เจอน้องซอลนะ”
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... พูด vs ฟัง - 03/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 03-01-2019 21:39:31
ฮันเตอร์นี่ต้องมีอาการ แบบ เห็นอะไรซักอย่างของซอล หรือ การแสดงออกของซอล แล้วจะมีอารมณ์ ?? ใช่ไหมนะ 55555 :hao6:
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... น้องรหัส vs พี่รหัส - 04/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 04-01-2019 21:06:54
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 3 จาก 6 / น้องรหัส vs พี่รหัส 









ในที่สุด ผมก็ได้มาตามนัดของไอ้อาร์มซะที

พอไปถึงที่ห้องของไอ้อาร์ม ก็เจอสภาพเมาเป็นหมาของมันกับไอ้เพลงแล้ว

ถามว่าทำไมถึงได้ดื่มจนเมากันตั้งแต่หัวค่ำแบบนี้ ก็ได้รับรู้เหตุผลที่โคตรเอาแต่ใจเลย คนนึงบอกว่าเพราะถูกสาวบอกเลิก ทั้งๆที่ตัวเองบอกเลิกสาวทุกวัน ส่วนอีกคนก็โวยวายถึงแฟนเก่า ทั้งๆที่ปากก็เคยบอกว่าไม่ได้คิดอะไรแล้ว

เพื่อนหนอเพื่อน



#เสียงโทรศัพท์

เอ๋? ใครโทรมาเวลาดื่มเหล้าแบบนี้กันนะ



“ฮัลโหลครับ” ผมรับโทรศัพท์

“ฮัลโหลน้องซอล นี่พี่เองนะ” เสียงแบบนี้ต้องเป็นพี่ฮันเตอร์แหงเลย โทรมาทำไมหว่า เพิ่งจากกันเมื่อกี๊เอง “ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ”

“ก็ไม่ยุ่งเท่าไหร่ครับ”

“งั้นเหรอ เอ่อ พอดีว่าพี่ไปเจอโมเดลชุด ‘โมเอะโมเอะพี’ เข้า ก็เลยซื้อมาทั้งเซ็ตเลย”

“จริงเหรอครับ”

“ใช่ อยากดูไหมล่ะ ถ้าอยากดูก็มาที่คอนโดของพี่ได้นะ เดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้”

“ได้ครับพี่ เดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้เลย”



โมเอะโมเอะพีงั้นเหรอ หายากนะนั่น แพงด้วย เป็นคนรวยนี่มันดีจังเลยน้า

รีบไปดูดีกว่า



“เฮ้ยๆๆๆ มึงจะไปไหนวะ” ไอ้อาร์มรั้งแขนผมไว้

“กูมีธุระ” ผมอ้าง

“ธุระอะไรวะที่ทำให้มึงทิ้งกูกับไอ้เพลงได้ลงคอ”

“ธุระสำคัญก็แล้วกัน มึงสองคนอยู่ได้ไหม ต้องให้กูกลับมาดูแลหรือเปล่า”

“กระจอก คนอย่างกูไม่ต้องให้ใครมาดูแล มึงจะไปไหนก็รีบไปเลยไป” เมาแล้วเก่งงงง

“แน่นะ แล้วไอ้เพลงอ่ะ มึงจะปล่อยมันนอนกองอยู่ตรงนี้ไม่ได้นะ เอ....? กูว่ากูอยู่นี่ดีกว่า ไม่ไว้ใจมึงเลย” เห็นสภาพเมาเป็นหมากันทั้งคู่แบบนี้แล้วก็ไม่ค่อยอยากจะทิ้งไปเลย ชุดโมเดลเอาไว้ไปดูวันหลังก็คงไม่สาย

“เฮ้ย ไม่ต้องๆ กูไม่ได้อ่อนขนาดนั้น ไอ้เพลงมันก็เพื่อนกู กูรับรองว่ากูดูแลมันได้ เดี๋ยวจะพามันขึ้นนอนบนเตียง แถมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ด้วยเลย ไม่เชื่อมึงมาดูสภาพของมันพรุ่งนี้เช้าได้เลย”

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก แค่ให้มันนอนเป็นที่เป็นทางก็พอแล้ว” คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เตียงก็อยู่แค่นี้เอง

“เออ”

“งั้นกูไปนะ ฝากไอ้เพลงด้วยนะ”

“เออ”



แล้วผมก็ออกมาจากหอของไอ้อาร์ม ก่อนจะขับมอเตอร์ไซค์ไปที่คอนโดของพี่ฮันเตอร์ตามโลเคชั่นที่ได้รับ





ว้าวววว

ห้องหรูจัง

เกิดเป็นคนรวยนี่มันดีจังเลย



หลังจากผมมาถึงห้องของพี่ฮันเตอร์ เราสองคนก็ไม่ได้ทำอะไรมาก พี่เขาแค่คุยกับผมนิดหน่อย ส่วนที่เหลือก็แค่ปล่อยให้ผมนั่งลูบนั่งเล่นชุดโมเดล



ก่อนจะกลับพี่ฮันเตอร์บอกว่าจะซื้อชุดโมเดลแบบนี้มาอีก เพราะเห็นว่าผมชอบ จริงๆแล้วทีแรกพี่เขาบอกว่าจะยกให้ผม แต่พอมาคิดดูอีกที เขาไม่อยากให้ผมเสียนิสัย ซึ่งผมก็เห็นด้วยนั่นแหละนะ แบบนั้นทั้งเกรงใจทั้งเสียนิสัยเลย

เอาเป็นว่าผมโอเคกับการมีพี่รหัสแบบพี่ฮันเตอร์ก็แล้วกัน





“มาเลี้ยงข้าวเย็นผมอีกแล้ว ไม่ลำบากเหรอครับ พี่ไม่ต้องถ่ายละครเหรอ” ผมถามพี่ฮันเตอร์ในขณะที่เรากำลังทานอาหารเย็นกันอยู่ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

“ก็มีครับ” พี่เขาตอบ “แต่ถ้าวันไหนว่างพี่ก็ไม่อยากพลาด บอกแล้วไงว่าพี่จะชดเชยที่พี่ไม่ได้ดูแลน้องซอลเลย”

“แบบนี้ก็เหนื่อยแย่ซิครับ ผมไม่อยากให้พี่ทำแบบนี้เลย ถ้าเป็นเพื่อนกัน ผมคงด่าพี่ไปแล้ว”

“เอ่อ... คือ... พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”



เอ๋ ไปห้องน้ำอีกแล้ว แปลกจังเลยแฮะ เป็นคนขับถ่ายดีขนาดนั้นเลยหรือไงกันนะ



...........................เห้ออออ

หายไปนานอีกแล้ว เข้าห้องน้ำอะไร ทำไมนานจัง



“โทษทีๆ พี่กลับมาแล้ว” หึ! พี่ฮันเตอร์กลับมาพร้อมกับเหงื่อท่วมตัวอีกแล้ว

“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมไม่เก็บความสงสัยเอาไว้

“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ”

“ก็พี่มีเหงื่อออกมาเยอะเลย ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”

“ง...เหงื่อ อ...อ๋อ นี่อะเหรอ คงเป็นเพราะช่วงนี้พี่พักผ่อนน้อยละมั้ง”

“นั่นไง พี่เหนื่อยเพราะผมจริงๆด้วย”

“พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้นซะหน่อย”

“นี่ครับ” ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ “เช็ดเหงื่อออกหน่อยก็ดีนะครับ”

“ง...งั้นเหรอ ขอบใจมากนะ” พี่ฮันเตอร์รับผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดเหงื่อของตัวเอง “แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าก็ยังเป็นลายน่ารักเลย สมกับที่ชอบการ์ตูนโมเอะจริงๆ”

“อันนี้ผมยึดมาจากเพื่อนสนิทของผมน่ะครับ”

“ยึด”

“ใช่ครับ ก็ถือวิสาสะของความเป็นเพื่อนเอามานั่นแหละ เห็นว่าเป็นลายการ์ตูนน่ารัก ก็เลยยึดมาเลย แต่มันไม่ว่าอะไรผมหรอก มันก็คงมีแบบนี้อีกหลายผืน”

“น้องซอลกับเพื่อนนี่สนิทกันจังเลยนะ”

“จะว่าแบบนั้นก็ใช่ครับ แต่จริงๆแล้วเพราะพวกผมเป็นพวกชอบเรื่องลามกเหมือนกันซะมากกว่า เอ่อ.... พี่ไม่ว่าใช่ไหมที่ผมเป็นคนพูดอะไรตรงๆแบบนี้”

“ถ้าพี่จะว่า พี่คงว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้วล่ะ เห็นน้องซอลพูดเอาไว้ครั้งที่แล้วว่าชอบให้เพื่อนเล่าเรื่องทะลึ่งให้ฟัง แบบนั้นใช่ไหม”

“แบบนั้นแหละครับ”

“ก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายทุกคนนั่นแหละ เพื่อน เกมส์ การ์ตูน กีฬา และเรื่องลามก”

“พูดอีกก็ถูกอีก เพียงแต่...ผมนึกภาพที่ฮันเตอร์เป็นคนทะลึ่งไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่”

“อย่างงั้นเหรอ”

“ก็พี่ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ มันจะออกมาเป็นยังไงน้า พี่ฮันเตอร์ในโหมดของคนหน้าหื่น นึกภาพไม่ออกจริงๆนะ”

“อยากเห็นเหรอครับ”

“ก็อยากเห็นนะครับ ผมชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่สาวๆที่เป็นแฟนคลับของพี่คงไม่ปลื้มเท่าไหร่”

“ฮ่าๆๆๆ นั่นซินะ”

“ขอบใจสำหรับผ้าเช็ดหน้านะ”

“ไม่ต้องคืนหรอกครับ ผมยกให้ ผมมีอีกหลายผืนเลย”

“งั้นเหรอ งั้นก็ขอบใจนะ ถือเป็นของขวัญจากน้องรหัสของพี่ก็แล้วกัน”

“เออ....ใช่ จริงด้วย ผมเอาแต่เป็นฝ่ายรับจากพี่อย่างเดียว ผมเองก็ยังไม่ได้ให้อะไรพี่ฮันเตอร์เป็นชิ้นเป็นอันเลยนี่นา”

“ไม่จำเป็นเลย แค่ว่างมาทานข้าวกับพี่ก็พอแล้ว นี่พี่ยังแปลกใจเลยนะว่าน้องซอลรอพี่ได้ไง ดึกแบบนี้”

“ผมนอนดึกเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างก็คือ ผมมาคิดได้ว่า พี่คงอยากให้มีคนน้อยๆ จะได้ไม่วุ่นวายเวลาที่พี่ปรากฏตัว ก็เลยต้องนัดมาหาอะไรกินดึกแบบนี้ ใช่ไหมครับ”

“วิเคราะห์ได้เก่งนี่นา ก็ตามที่ว่านั่นแหละนะ”

“แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับ ผมไม่อยากให้พี่ออกมาใช้เวลาดึกๆแบบนี้กับผมหรอก เป็นไปได้ก็อยากให้พี่พักผ่อน ต่อไปนี้พี่ไม่จำเป็นต้องมาเลี้ยงข้าวผมแล้วก็ได้นะ ผมพอใจแล้วที่ได้เจอพี่รหัส”

“น้องซอลมีอะไรที่พี่ชอบใจที่สุดรู้ไหม?”

“เอ๋? อะไรเหรอครับ”

“น้องซอลมองพี่เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่ดาราดังหรือคนมีชื่อเสียง ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ชอบหรอกนะ พี่ก็รู้สึกขอบคุณทุกคนนั่นแหละที่ชื่นชอบพี่ แต่พี่แค่อยากมีคนที่คุยกับพี่เหมือนพี่เป็นแค่คนทั่วไป”

“สงสัยเพราะผมสนใจแต่การ์ตูนโมเอะละมั้ง นี่ถ้าเปลี่ยนพี่ฮันเตอร์เป็นพริตตี้เคียว ผมอาจจะปฏิบัติกับพี่ในอีกแบบนึงก็ได้”

“ชอบพริตตี้เคียวเหรอ อยากดูไหม”

“หมายถึงอะไรครับที่ว่าอยากดู”

“พี่เพิ่งจะได้คอลเล็กชั่นพริตตี้เคียวมาใหม่ ตอนนี้จัดวางไว้ที่ห้องแล้วล่ะ”

“ขอไปดูหน่อยซิครับบบบบ”

“พี่ก็ซื้อมาให้น้องซอลดูอยู่แล้วนั่นแหละ แต่ไหนบอกว่าไม่อยากรบกวนพี่ตอนดึกไง”

“ขอเว้นเรื่องโมเดลการ์ตูนไว้อย่างนึงก็แล้วกัน”

“ก็สมกับเป็นโอตาคุนั่นแหละนะ”

“แต่เรื่องเลี้ยงข้าวนี่ผมพูดจริงๆนะ พี่เอาเวลาตรงนี้ไปพักผ่อนดีกว่า”

“แล้วพี่จะเทคแคร์น้องรหัสของพี่ได้ยังไงละครับ”

“แค่นี้ก็มากเกินพอแล้วนะ จริงๆพี่เลี้ยงผมแค่ข้าวมันไก่หรือข้าวแกงทั่วไปก็ได้ เข้าแต่ร้านอาหารหรูๆตลอดแบบนี้ ผมเกร็งยังไงไม่รู้”

“พี่ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนนี่นา แล้วพี่ก็ไม่ได้เลี้ยงทุกวันด้วย พอมีโอกาสก็เลยอยากให้กินของดีๆ”

“งั้นถ้าเปลี่ยนเป็นเลี้ยงผมทุกวัน อาหารก็จะไม่แพงแบบนี้แล้วใช่ไหม”

“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ”

"ก็คิดว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นพี่เลี้ยงข้าวเช้าผมทุกวัน แต่เป็นอาหารพื้นๆ พี่ก็จะมีเวลาพักผ่อนตอนเย็นมากขึ้น อย่างตอนที่ผมอยู่ปีหนึ่ง พวกพี่รหัสของเพื่อนเขาก็ชอบซื้อข้าวเช้าไปให้น้องเหมือนกัน ไม่เปลืองตัง แถมได้เจอหน้าน้องรหัสทุกเช้าก่อนเข้าเรียนด้วย”

“อ๋อออ แบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะ งั้นเอาตามนั้นก็ได้ พี่จะซื้ออาหารเช้าไปให้น้องซอลทุกวันเลย”

“อืมมมม จะว่าดีก็ดีอะนะ แต่ผมอยู่ปีสองแล้วอ่ะ มีพี่รหัสคอยซื้อข้าวให้ทุกเช้าแล้วมันรู้สึกแปลกๆ”

“ให้พี่ทำเถอะนะครับบบ นะ พี่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อน้องซอลเลย”

“ก็...ก็ได้ครับ”

“งั้นเริ่มพรุ่งนี้เลยนะ แต่ว่า พรุ่งนี้ตอนบ่ายน้องซอลว่างไหม พี่มีของจะให้”

“ของอะไรอะครับ”

“ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพส์อะดิ เอาเป็นว่า ตอบพี่มาก่อนว่าว่างไหม”

“ว่างครับ ช่วงบ่ายไม่มีเรียน”

“งั้นเจอกันที่คณะนะ เดี๋ยวพี่โทรหาอีกที”

“โอเคครับ แต่อย่าซื้อให้ผมบ่อยนะ ไม่งั้นผมจะตีพี่ให้ดู... ล้อเล่นครับ ผมเลียนแบบคำพูดของแม่มาพูด”

“คือ.... พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำอีกรอบนะ”

“เอ๊ะ!” เข้าอีกแล้วเหรอ ท่อตรงหรือไงกัน…….





........เช้าวันต่อมา พี่ฮันเตอร์ซื้อข้าวมันไก่มาให้ผมจริงๆด้วย

แต่ปัญหาก็คือ ไอ้เพลงอะดิ ดันสนใจในตัวพี่รหัสของผมขึ้นมา แถมยังฝากให้ผมมาสารภาพความในใจแทนมันอีกด้วย แบบนี้จะเป็นอะไรไหมนะ

แล้วทำไมต้องมาสนใจพี่รหัสของกูด้วย ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อน กูจะไม่ทำอะไรแบบนี้ให้เลย





“รอพี่นานไหม” พี่ฮันเตอร์มาถึงตามเวลาที่นัดหมายในช่วงบ่าย

“ไม่นานครับ” ผมตอบ

“นี่ครับ ของขวัญที่พี่จะให้” พี่เขายื่นกล่องของขวัญใบใหญ่มาให้

“ขอบคุณครับ” ผมรับมาอย่างเขินๆ แต่ในใจเป็นกังวลสุดๆ จะพูดเรื่องที่ไอ้เพลงฝากมาพูดยังไงดีหว่า

“เปิดดูซิครับ”

“เปิด? ให้เปิดเลยเหรอครับ”

“ใช่ พี่อยากเห็นสีหน้าของน้องซอล”

“โอเคครับ” เป็นอะไรกันเอ่ย ผมเปิดกล่องของขวัญออกมา “เฮ้ย.... ด...ด....โดเรมี แม่มดน้อยโดเรมีนี่นา”

“ใช่ครับ ตั้งแต่รู้ที่เห็นว่าพวงกุญแจของน้องซอลเป็นรูปการ์ตูนตัวนี้ก็เลยพยายามหาซื้อโมเดลของมันมาตลอด แต่เพราะการ์ตูนเรื่องแม่มดน้อยโดเรมีมันจบไปนานแล้ว คอลเล็คชั่นพวกนี้ก็เลยหายากตามไปด้วย กว่าจะส่งซื้อได้ก็เลยกินเวลามาถึงตอนนี้”

“หือออออออ” ยอมรับเลยว่าน้ำตาคลอนิดนึง ทั้งดีใจทั้งซึ้งเลย

ทำไมสวรรค์ถึงใจดีกับผมขนาดนี้ ถึงจะส่งพี่รหัสมาช้า แต่ส่งมาแบบฟูลอ็อพชั่นมากเลย

“ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ” พี่ฮันเตอร์ถาม

“ค...ครับ ดีใจจนพูดไม่ออกเลย ผมขอกอดพี่ทีนึงได้ไหม” ไม่รอคำตอบตกลง ผมก็พุ่งเข้ากอดพี่รหัสแสนใจดีทันทีเลย

“อ...เอ่อ” พี่ฮันเตอร์พยายามออกจากการกอดของผม

“เอิ่ม... ขอโทษทีครับ ผมลืมตัวไปหน่อย” ก็นั่นซินะ กูถือวิสาสะเกินไปแล้วที่ไปแตะต้องตัวคนดังขนาดนั้น

“เปล่าๆ พอดีพี่จะขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อย”

“ห๊ะ!?” เข้าห้องน้ำอีกแล้วเหรอ นี่เห็นหน้าผมแล้วทำให้ท้องเสียหรือไง



ผมรอพี่ฮันเตอร์อยู่พักใหญ่ๆ

ที่ยังไปไหนไม่ได้ก็เพราะมีเรื่องจากไอ้เพลงต้องพูดกับพี่ฮันเตอร์เขาก่อนนี่แหละ

แต่เอ.....?

ที่ไอ้เพลงบอกว่าพี่ฮันเตอร์มีแววว่าจะสนใจในตัวผู้ชายด้วยกัน มันจะจริงเหรอ?

ถึงจะเป็นคนสุภาพ แต่ก็ไม่ได้ดูผิดสังเกตขนาดนั้นนะ  ดูเป็นผู้ชายพอๆกับไอ้อาร์มนั่นแหละ แค่ไม่หยาบคายเท่านั้นเอง



“อ...อ้าว น้องซอล” พี่ฮันเตอร์ออกจากห้องน้ำในที่สุด “พี่นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก”

“คือ...ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่นิดหน่อยอ่ะครับ”

“ถ้าจะขอบคุณก็ไม่ต้องแล้ว พี่เห็นแล้วล่ะว่าดีใจ”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ แต่ก็ขอบคุณนะครับ เพียงแต่เรื่องที่จะพูดก็คือ.... พี่ฮันเตอร์จำเพื่อนผมคนที่ชื่อเพลงได้ไหมครับ ที่เจอกันเมื่อเช้าอะครับ”

“จำได้ มีอะไรเหรอ”

“คือ....มัน....ฝากให้ผมมาบอกพี่อ่ะครับว่า มันชอบพี่...แบบว่า...มากๆเลย”

“แล้ว?” ทำไมพี่ฮันเตอร์ไม่ดูมีสีหน้าว่าชอบใจล่ะ ไหนไอ้เพลงมั่นใจนักมั่นใจหนาว่าพี่เขาจะโอเค

“มันอยากให้พี่ไปเจอมันที่เดิมที่เจอกันเมื่อเช้าหน่อยน่ะครับ”

“แล้วซอลอยากให้พี่ไปเหรอ” พี่เขายิ่งดูหน้าเครียดกว่าเดิมอีก

“ม...ไม่รู้ซิครับ ก็ถ้าพี่ชอบเพื่อนผม ผมก็คงห้ามอะไรไม่ได้”

“งั้นถ้าพี่ไป ซอลคงสบายใจซินะ”

“ผ...ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนะครับ แต่จิตใจของพี่ ผมคงไปบังคับอะไรไม่ได้”

“ใช่ จิตใจของพี่ ใครก็มาบังคับไม่ได้ เรื่องที่พี่จะชอบใครด้วยก็เหมือนกัน ถ้าหมดธุระแล้วพี่ก็ขอตัวนะ”

“พ...พี่ฮันเตอร์ พี่ฮันเตอร์ครับ” ลองออกมาอีหลอบนี้ แปลว่าผิดคาดแหงเลย

อ้าว เดินหนีไปไกลเลย



เวรแล้วไงกู นอกจากจะทำให้พี่เขาโกรธแล้ว ยังเหมือนไปยัดเยียดรสนิยมทางเพศให้พี่เขาอีก

บ้าชิบหายเลยกู เพิ่งจะได้ของขวัญจากพี่เขามาแท้ๆ ก็ทำให้พี่เขาโกรธซะแล้ว

แบบนี้คงต้องหาทางแก้ไข

แต่ตอนนี้โทรบอกไอ้เพลงก่อนดีกว่าว่าไม่เป็นไปตามที่มันร้องขอมา….





...........เห้อออออ นานจัง

นี่มันห้าทุ่มแล้วนะ ทำไมพี่ฮันเตอร์ยังไม่กลับคอนโดฯ อีกล่ะ



หลังจากทำให้พี่เขาโกรธไปเมื่อตอนบ่าย ตอนนี้ผมก็ต้องมานั่งตบยุงรับกรรมที่ทำไว้และเป็นการรอเพื่อที่จะขอโทษพี่เขาอยู่ที่หน้าคอนโดมิเนียม

ดีนะที่วันนี้ไอ้อาร์มกับไอ้เพลงไม่ชวนผมไปดื่มที่ไหน

พูดถึงไอ้สองคนนี้ ช่วงนี้ก็เงียบหายจากการดื่มน้ำเมากันไปเลย แล้วก็ชอบทำตัวแปลกๆ ดีกัน ตีกัน บางทีก็หงุดหงิดอารมณ์เสียอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมไปแซวให้มันสองคนได้กันเองไว้มาก ก็เลยพลอยทำตัวกันแปลกๆ สงสัยผมต้องเลิกแซวเรื่องนี้ได้แล้ว



“น...น้องซอล”

“พี่ฮันเตอร์!” กลับมาซะที “กลับมาแล้วเหรอครับ”

“กลับมาแล้ว ว่าแต่ ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ ยุงไม่กัดเหรอ”

“คือ...ผมจะมาขอโทษพี่อะครับ”

“ขอโทษ?”

“ใช่ครับ เรื่องที่ผมพูดกับพี่ไปเมื่อตอนบ่าย... เอ่อ นี่ครับ ผมทำมาให้” ผมยื่นกล่องข้าวไข่เจียวให้พี่ฮันเตอร์

“หา? อะไรครับเนีย”

“ข...ข้าวไข่เจียวครับ เอ่อ... ผมทำอาหารไม่เก่ง ก็มีแค่ไข่เจียวกับไข่ต้มนั่นแหละครับที่พอจะทำได้ ท...ทำมาได้แค่นี้แหละครับ ใจจริงก็อยากซื้อของดีๆมาขอโทษ แต่ผมคงไม่มีปัญญาซื้อ”

“อะไรกัน แค่นี้ก็พอแล้ว พอดีเลย กำลังหิว ถ่ายละครเสร็จยังไม่ได้กินอะไรเลย ขอบคุณนะครับ” พี่ฮันเตอร์รับกล่องอาหารไปอย่างยิ้มแย้ม

เป็นคนที่ใจดีอะไรอย่างนี้นะ

“เอ่อ... เรื่องที่ผมพูดไปน่ะ... คือผมไม่ได้....”

“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ”

“ไม่หรอกครับ ยังไงผมก็ต้องขอโทษ ผมไม่มีสิทธิ์ไปพูดอะไรแปลกๆแบบนั้นกับพี่”

“พี่หายโกรธแล้วล่ะ เพราะข้าวไข่เจียวนี่เลยนะที่ทำให้พี่หายโกรธ”

“จริงเหรอครับ” ดีจังที่ได้ผลด้วย

“จริงครับ เพียงแต่ว่า อย่าบังคับให้พี่ต้องชอบใครอีกล่ะ พี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

“โอเคครับ ผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีกเลย รูดซิบปาก”

“งั้นขึ้นไปที่ห้องพี่ก่อนไหม พี่สั่งโมเดลมาเพิ่ม น่าจะมาถึงแล้วล่ะ”

“ไปครับ” นี่ผมตอบเร็วเกินไปไหมนะ

“งั้นไปกัน”



ดีใจจังที่ปรับความเข้าใจกับพี่ฮันเตอร์ได้เร็วแบบนี้



พอขึ้นไปถึงที่ห้องก็มีพัสดุมาวางไว้รอแล้วจริงๆด้วย ผมนี่แกะกล่องเร็วกว่าเจ้าของห้องเสียอีก

พี่ฮันเตอร์ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไข่เจียวของผม อย่างกับว่ามันเป็นอาหารชั้นเลิศ



หลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ผมกับพี่ฮันเตอร์ก็กลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง เราได้มีโอกาสเจอหน้ากันทุกวัน   

เพราะเราสนิทกันมากขึ้น เดี๋ยวนี้ผมก็เลยไปหาพี่เขาที่ห้องอย่างกับเป็นห้องตัวเอง ไปเล่นโมเดลของพี่เขาอย่างกับว่าเป็นของสะสมของตัวเอง สิ่งที่ผมชอบในตัวพี่ฮันเตอร์ที่สุดก็คงเป็นเรื่องความเสมอต้นเสมอปลายนี่แหละ เจอกันทีแรกเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น พี่เขายังคงสามารถนั่งฟังผมได้นานๆโดยไม่มีสีหน้าว่าเบื่อหน่าย จะมีที่แปลกก็ตรงที่พี่เขาชอบหนีหายไปเข้าห้องน้ำนานๆนั่นแหละ ความจริงเรื่องนี้จะไม่มีปัญหาอะไรเลย หากไม่บังเอิญว่าผมดันเกิด.............







..................รู้สึกสงสัยขึ้นมา
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... น้องรหัส vs พี่รหัส - 04/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 04-01-2019 21:57:59
มาโซ หรออออออออ หื้มมมม   :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... น้องรหัส vs พี่รหัส - 04/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 05-01-2019 02:15:15
เจออะไรๆ ต่อๆ
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... หนี vs ตาม - 05/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 05-01-2019 11:32:14
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 4 จาก 6 / หนี vs ตาม (วงเล็บ 1)









“นี่อะเหรอบูทของน้องซอล”

“ใช่ครับ” ผมภูมิใจนำเสนอซุ้มของตัวเองให้พี่ฮันเตอร์ชม ก็พี่เขาอุตส่าห์แวะเข้ามาดูนี่นา ถึงจะเรียนตึกเดียวกัน แต่การที่พี่ฮันเตอร์จะปรากฏตัวต่อหน้าคนเยอะๆ เกิดขึ้นไม่บ่อยนักหรอก

นี่เป็นงานสัปดาห์วิทยาศาตร์ที่นักศึกษาสายวิทยาศาตร์ทุกคนต้องจัดบูทเพื่อให้น้องๆนักเรียนเข้ามาร่วมชม ศึกษา หรือเล่นเกมส์



“นั่นพี่ฮันเตอร์นี่นา” “คนที่เป็นดาราใช่ไหมอ่ะแก” “เพิ่งเห็นตัวจริงใกล้ๆ หล่อสุดๆไปเลย”

ก็เป็นธรรมดาอะนะที่หลายคนให้ความสนใจ แต่เป็นเพราะมีไอ้เด็กเนิร์ดอย่างผมยืนอยู่ตรงนี้ละมั้ง ก็เลยไม่มีใครอยากเดินเข้ามาขอถ่ายรูปกับพี่เขา



“เด็กๆเข้ามาดูกันเยอะเลยนี่นา” พี่ฮันเตอร์ชื่นชม

“ก็ได้คำแนะนำจากพี่ฮันเตอร์นั่นแหละครับ ตอนแรกผมก็ไม่มั่นใจนักหรอกว่าจะทำโปรแกรมสอนวาดการ์ตูนโมเอะ แต่เพราะพี่ยืนยันว่ามันน่าสนใจ ผมก็เลยพลอยมั่นใจในตัวเองไปด้วย”

“พี่บอกแล้วไง ต่อให้ไม่มีให้ชอบ ก็มีพี่อยู่ตั้งหนึ่งคนที่ชอบ แค่นี้ไม่พอเหรอ”

“พอครับ” ถ้าผมเป็นสาวๆ ผมคงเขินจนตัวม้วน แต่นี่ก็แอบเขินอยู่เหมือนกันนะ

“จริงเหรอ!?”

“ครับ?”

“ก็ที่ตอบเมื่อกี๊ไง”

“ตอบ...?” ตอบอะไรหว่า

“ช่างเถอะ พี่มีของจะให้” พี่ฮันเตอร์ยื่นกล่องของขวัญมาให้ผม

“อีกแล้วเหรอ ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องซื้ออะไรให้ผมแล้ว”

“ก็พี่อยากให้นี่นา”

“ขอบคุณครับ” อะไรอีกล่ะคราวนี้ โมเดล การ์ตูนภาพ หรือว่าพวงกุญแจ

“อย่าๆๆๆ” พี่ฮันเตอร์รีบห้ามด้วยการจับมือผมเอาไว้ “อย่าเพิ่งเปิดนะ เอากลับไปเปิดที่ห้องดีกว่า”

“เอ๋?” แปลกจัง ปกติต้องให้เปิดเลยนี่นา “งั้นก็ได้ครับ”

ผมเก็บกล่องของขวัญไว้ใต้โต๊ะคอมให้พ้นสายตาของเด็กๆ

“ว่าแต่... น้องซอลมือนิ่มจังเลยนะครับ”

“ก...ก็วันๆเอาแต่จับหนังสือการ์ตูนกับเล่นคอมนิครับ” รู้สึกจั๊กจี้จังที่ถูกพี่ฮันเตอร์ชมแบบนี้ “เอ่อ... ผมมีอะไรจะให้ดูด้วย”



ผมเดินเข้าไปเปิดบางอย่างจากในคอมพิวเตอร์เพื่อให้มันฉายขึ้นจอแสดงผลใหญ่



“อ.อ..เอ่อ...น...น้องๆทุกคนครับ” ผมพยายามพูดเสียงดังแล้วนะ แต่ก็ไม่ดังนักหรอก ก็มันตื่นเต้นไง เอาเป็นว่าทำให้เด็กนักเรียนในซุ้มหันมาสนใจได้ก็ถือว่าโอเคแล้ว “พ...พี่มีตัวการ์ตูนตัวนึงจะสอนน้องๆวาด เดี๋ยวมาดูที่หน้าจอพร้อมกันนะครับ”



ผมเปิดภาพวิดีโอ

นี่เป็นวิดีโอสาธิตการสร้างภาพการ์ตูนลายเส้นสองมิติแบบง่ายๆ แต่ให้ภาพวาดที่สวยงาม และเด็กเล็กๆก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง มันเป็นผลงานจัดแสดงของผมในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ



และในที่สุด....



“หึ!?” พี่ฮันเตอร์รู้สึกสงสัยเมื่อการสาธิตจบลง “นี่คือตัวละครตัวไหนเหรอ พี่ว่าพี่ก็ศึกษาตัวละครโมเอะมาเยอะแล้วนะ แต่ไม่ยักกะรู้จักตัวนี้แฮะ เพียงแต่ว่า...รู้สึกคุ้นๆ”

“พี่ต้องรู้จักอยู่แล้วซิครับ” ผมบอก “ก็มันเป็นภาพวาดใบหน้าของพี่ฮันเตอร์ไง”

“หา?”

“พี่ชอบไหมครับ ผมตั้งใจทำมากเลยนะ อยากทำเพื่อเป็นการขอบคุณพี่รหัสของผม แล้วก็ ขอบคุณที่พี่ช่วยเปลี่ยนแปลงให้ผมรู้สึกเป็นคนที่มีความสำคัญมากขึ้นด้วย”

“พ...พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”

“ครับ!?”

อะไรกันวะ

เวลาแบบนี้แทนที่จะซาบซึ้งซะหน่อย กลับอยากเข้าห้องน้ำซะงั้น อย่างนี้มันไม่ปกติแล้วนะ



หึ!

แล้วนั่นพี่ฮันเตอร์จะขึ้นลิฟท์ไปไหน ห้องน้ำอยู่แค่นี้เองไม่ใช่เหรอ



แปลก แปลกจริงๆ

แปลกซะจนทำให้ต่อมอยากรู้ของผมทำงาน



“นายๆ” หญิงสาวน่ารักคนหนึ่งเรียกผม

“ร...เรียกผมเหรอ” ผมถาม

“ใช่ๆ” เธอยืนยัน “รู้จักกับพี่ฮันเตอร์ด้วยเหรอ”

“ก็พอรู้อ่ะ” นึกว่าสนใจในตัวกู ที่แท้ก็สนใจพี่ฮันเตอร์นี่เอง

“เราอยากถ่ายรูปกับพี่เขาอ่ะ ช่วยขอให้หน่อยได้ไหม”

“ก็...” นึกอะไรดีๆออกแล้ว “ก็ได้ แต่เธอช่วยเฝ้าบูทแทนเราหน่อยได้ไหม เสร็จงานแล้วจะขอพี่เขาให้”

“โอเค ได้เลย เดี๋ยวที่เหลือเราเฝ้าให้เอง เราเห็นบูทของเธอมาทั้งวันแล้ว แค่นี้สบายมาก”

“ขอบใจมากนะ”



โอเค มีคนดูแลงานในความรับผิดชอบให้แล้ว งั้นก็ต้องตามไปดูให้หายสงสัยเสียหน่อย



เอ....?

ชั้นห้าหรือเปล่านะที่พี่ฮันเตอร์ขึ้นไปเมื่อกี๊ น่าจะใช่แหละ

ผมกดลิฟท์ตามขึ้นไป



ห้องน้ำอยู่ตรงโน่นซินะ

ชั้นนี้เงียบกริบ ไม่มีใครสักคนเลย ทำไมถึงต้องขึ้นมาถึงตรงนี้ ต้องการความเป็นส่วนตัวอะไรขนาดนั้น





“อาาาาาาาาาาาาาาาาาซ์ น้องซอล น้องซอลของพี่ อ้าาาาาาาาาาาาาาาาา”



!!!!!!!!!!!!!!

ส....เสียงนี่มัน.....

อย่าเป็นอย่างที่คิดนะ



ทันทีที่เข้าไปในห้องน้ำอันเงียบเชียบก็มีเสียงของคนกำลังครวญครางออกมา



“น้องซอล น้องซอลลลล”



เสียงมาจากห้องนั้นเหรอ

ผมค่อยๆย่องช้าๆไปในห้องน้ำข้างห้องที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียง

เพื่อไม่ให้เจ้าของเสียงรู้ตัว ผมจึงทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด

เอาเข้าจริงๆ ผมก็พอจะเดาได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องปีนชักโครกเพื่อชะโงกหน้าดู ก็รู้ว่ามีคนกำลังใช้พื้นที่ห้องน้ำเป็นที่ระบายความใคร่อยู่ แต่ไม่ได้เตรียมใจว่าคนๆนั้นจะเป็น............



“พี่ฮันเตอร์!!!!!!” ผมร้องทันทีที่เห็นภาพของพี่รหัสที่แสนสุภาพและหล่อเหลากำลังนั่งสาวน้องชายอย่างบ้าคลั่ง

“ซ...ซอล!!!!” คนที่หลบอยู่ก็ตกใจเช่นเดียวกัน



บ...บ้าไปแล้ว

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

ผมกระโดดลงจากชักโครก และวิ่งออกมาจากห้องน้ำทันที



“เดี๋ยว!  ด...เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวกันน้องซอล”

ไม่ กูไม่หยุด อย่ามาเรียกกูนะ

ไม่ว่ายังไงผมก็เอาแต่เดินต่อไป ไม่หันหลังกลับไปมองเด็ดขาด

“มันไม่ใช่อย่างที่ซอลคิดนะ” ยังจะตามมาอีก “น้องซอล น้องซอล”

“เลิกเรียกชื่อผมซะที!!!” ผมตะโกนอย่างเดือดดานและหยุดมอง ที่ต้องหันกลับไปมองก็เพราะว่าผมอยากจะให้แน่ใจว่าพี่เขาจะไม่เดินเข้ามาใกล้ผมเกินไป “ย...หยุดเลยนะ อย่ามาเรียกชื่อของผมอีก จะตอนไหน เมื่อไหร่ หรือทำอะไร ก็อย่าเรียกชื่อผมอีก มันน่าขนลุก!”

“น้องซอล พี่แค่...”

“บอกว่าอย่าเรียกไง!!”

“.................” พี่ฮันเตอร์หยุดเรียก หยุดพูดทุกอย่างเลยเสียมากกว่า แล้วก็จบด้วยการก้มหน้ายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ที่หายไปตลอดทุกครั้ง เพราะมาทำเรื่องแบบนี้อะนะ” ผมยังคงพยายามถอยห่างออกไปเรื่อยๆ เลยมาสำนึกได้ว่าอยู่หน้าลิฟท์แล้ว งั้นก็กดลิฟท์เลยละกัน “ไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นพวกโรคจิตแบบนี้”



ติ๊ง

ลิฟท์มาแล้ว

ผมรีบพุ่งเข้าไปในลิฟท์และพยายามกดปิดประตูให้เร็วที่สุด



“ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ตามไปหรอก” นั่นคือคำพูดสุดท้ายของคนด้านนอกก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิด ผมไม่ได้สนใจสักนิดว่าน้ำเสียงนั้นจะเศร้าสร้อยแค่ไหน



ผมรีบออกจากตึกคณะทันที ไม่กลับไปทำหน้าที่ดูแลบูทของตัวเองด้วยซ้ำ

ไม่รู้ล่ะ เดี๋ยวค่อยมาเก็บงานตอนดึกก็ได้ ถ้าขืนยังอยู่ เขาคนนั้นกลับมาจะทำยังไง

บ้าบอที่สุดเลย

ที่ไอ้เพลงเดาไว้ไม่ผิดเลย พี่ฮันเตอร์มีรสนิยมทางเพศกับผู้ชายจริงๆด้วย แต่ว่าทำไมต้องเอาชื่อกูไปครวญครางแบบนั้นด้วยวะ หรือว่า.... ที่ใจดีกับเรา ให้ของขวัญบ้างล่ะ ชวนไปดูโมเดลตุ๊กตาที่ห้องบ้างล่ะ อย่าบอกนะว่าหวังจะรุกล้ำอธิปไตยของกู



หยืยยยยยยยยย

ไม่เข้าท่าเลยสักนิด

นึกว่าฟ้าส่งพี่รหัสมาให้ นี่มันมาจากนรกชัดๆ





ค่ำวันนั้นหลังจากงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์จบลง ผมกลับมาเคลียร์งานที่บูทของตัวเอง

ยังมีอีกหลายจุดเลยที่ยังมีงานถูกปล่อยคาไว้อยู่ แต่ก็ไม่มีใครเหลือในตึกแล้ว แหงละซิ ใครจะเข้ามาอยู่ในที่แบบนี้ในเวลาอย่างนี้



เห้อออออออ

รู้สึกเสียวสันหลังยังไงไม่รู้แฮะ

ผมมองซ้ายมองขวาอีกที

พี่ฮันเตอร์คงไม่ได้อยู่แถวนี้นะ

ก็ดูไม่เห็นเหมือนว่าจะมีใครซะหน่อย ผมคงประสาทหลอนไปเอง ก็ดันไปเจอเหตุการณ์แบบนั้นเข้านี่หว่า ใครไม่หลอนก็แปลกแล้ว



เอ๊ะ!!

นี่มันกล่องของขวัญจากพี่ฮันเตอร์นี่นา

ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น เอาไปทิ้งดีกว่า

ผมถือกล่องของขวัญไปทิ้งลงถังขยะ



...............?

แบบนี้มันจะดีเหรอ

ยังไงพี่เขาก็อุตส่าห์ให้มา ต่อให้พี่เขาคิดไม่ซื่อกับผม แต่ก็ไม่เคยให้อะไรไม่ดีนี่นา

อาจจะเป็นแค่โมเดลการ์ตูนก็ได้



อืมมม..........เปิดดูหน่อยดีกว่า



ผมหยิบกล่องของขวัญในถังขยะกลับมา

ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่คงไม่ใช่อะไรประหลาดๆนะ



เอ๊ะ!?  เอ๋!!!!!!

เพราะว่าเห็นไม่ชัด ผมจึงรีบกลับไปที่ซุ้มของตัวเองเพื่อมองสิ่งที่อยู่ในกล่องของขวัญใต้แสงหลอดไฟนีออน



เฮ้ย!

รูปถ่ายของผมนี่นา ไม่ใช่ๆ หมายถึงรูปที่ผมถูกแอบถ่ายไว้

ไม่ใช่ภาพปัจจุบันซะด้วย ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ

ภาพแอบถ่ายตอนที่ผมกำลังนั่งเรียน ตอนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่คนเดียว ตอนทานข้าว ตอนทำกิจกรรมรับน้อง

หึ! วันเลี้ยงใหญ่ก็มี แสดงว่าพี่ฮันเตอร์ก็มาวันเลี้ยงใหญ่ด้วยซินะ

แล้วนี่มันรูปตอนไหน ทำไมยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย..... อ๋อออ วันที่เข้ามารายงานตัววันแรกนั่นเอง

โอ้โห นี่ผมถูกตามติดชีวิตมานานแค่ไหนแล้วเนีย

นอกจากรูปก็จะมี แว่นตา.... หึ!! แว่นตาอันเก่าของผมนี่นา

จำได้ว่ามันเป็นแว่นตาที่เลนซ์แตกเพราะเกิดอุบัติเหตุชนเข้ากับใครสักคนในวันรายงานตัวนั่นแหละ แต่ก็ทิ้งไปแล้วนี่หว่า มาอยู่ตรงนี้ได้ไง

กระดาษ...? จดหมายเหรอ.............. ข้อความเขียนว่า..........
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... หนี vs ตาม - 05/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 05-01-2019 11:47:27
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 5 จาก 6 /หนี vs ตาม (วงเล็บ 2)









‘สวัสดีครับน้องซอล น้องรหัสของพี่

ครั้งนี้น้องซอลคงแปลกใจที่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องของขวัญ คงไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ใช่ตัวตุ๊กตาญี่ปุ่น แต่ที่น่าจะเดาออกแล้วก็คือ คงรู้แล้วว่าถูกพี่สังเกตการณ์ชีวิตประจำวันมาตลอด ถ้าถามว่า อะไรที่ทำให้พี่ทำแบบนี้ คำตอบนั้นก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อวันแรกที่น้องซอลเข้ามาที่มหาวิทยาลัยนี้ น้องซอลอาจจะจำไม่ได้ว่าเคยเดินชนกับพี่จนทำให้แว่นตาร่วงแตก แต่แทนที่เด็กเปิ่นๆคนนั้นจะเก็บแว่นตาของเขาไป กลับเลือกที่จะพูดแค่ขอโทษและจากไป ทั้งๆที่คนที่ควรจะขอโทษต้องเป็นพี่ต่างหาก นั่นแหละครับ ความประทับใจแรกที่พี่ได้รับจากน้องซอล

เด็กขี้อายที่ไม่เคยเงยหน้ามองพี่เลยสักครั้ง ทั้งๆที่พี่ถูกสายตาของคนมากมายจับจ้องมา แต่มีแค่สายตาคู่เดียวที่ไม่คิดจะมองมาที่พี่ เอาแต่จดจ้องกับหนังสือการ์ตูน ความจริงพี่ก็หวังลึกๆนะว่าน้องซอลจะรู้ตัวสักนิดว่าพี่เฝ้ามองอยู่

ยังจำได้ไหม ที่น้องซอลเคยถามพี่ว่าพี่คลั่งไคล้อะไรมากที่สุด พี่ตอบได้ทันทีเลยว่า พี่คลั่งไคล้น้องซอล สาเหตุที่พี่ไม่ยอมเปิดเผยตัวกับน้องซอลสักที นั่นก็เพราะ ความคลั่งไคล้ของพี่ บางทีมันก็มากจนเกินไป พี่มักจะควบคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้เวลาที่เห็นหน้าของน้องซอล อาการมันหนักจนพี่คิดว่า บางทีพี่คงไม่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าน้องซอลได้

แต่แล้วในที่สุด วันที่น้องซอลทักมา พี่ก็อยากที่จะกล้าหาญสักครั้ง ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วพี่ก็ระงับความคลั่งไคล้นั้นไม่ได้สักเท่าไหร่ แต่พี่ก็รู้สึกดีนะที่ในที่สุดก็ได้มาอยู่ใกล้ๆคนที่พี่ชอบสักที

มันคงแปลกๆถ้าพี่จะถามคำถามต่อไปนี้ พี่ไม่กล้าถามต่อหน้าหรอกนะ อย่างเก่งที่สุดก็แค่เขียนเป็นจดหมายนี้แหละ พี่อยากถามน้องซอลว่า “ขอโอกาสให้พี่ได้ไหม คบกับพี่ได้ไหมครับ”

                                                     พี่ฮันเตอร์’

                               



...................................................................ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ในสมองคิดอะไรอยู่

มันมีอยู่บนโลกใบนี้ด้วยเหรอ คนที่ชอบเรามากขนาดนี้



เอาไงดีนะ

จะปรึกษาใครดี

ปรึกษาเหรอ!?

คนเดียวที่จะให้คำปรึกษาเรื่องแบบนี้ได้ดีที่สุดก็คือเป็น.........



“นะเพื่อนนะ ไปซื้อให้หน่อย กูมีเรื่องจะคุยกับไอ้เพลงตามลำพังอ่ะ” ผมขอร้องไอ้อาร์มในเช้าวันต่อมาที่โรงอาหารอาคารเรียนรวม

 “เรื่องอะไร ทำไมกูรับรู้ด้วยไม่ได้” ไอ้อาร์มโวยวายใส่ผม

“เออ ไม่มีอะไรหรอก” ผมบ่ายเบี่ยง “กูแค่จะปรึกษาอะไรมันนิดหน่อยเฉยๆ”

“ไม่ได้ กูต้องอยู่ด้วย”

“เฮ้ยยยย มันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ กูขอร้องนะ กูไหว้ล่ะ นะเพื่อนนะ นะนะ” อย่าถามกูเยอะเลยนะ แค่นี้กูก็เครียดจะแย่แล้ว

“เออๆ มึงไปเหอะ” ไอ้เพลงช่วยพูดให้

“อะไรวะ เดี๋ยวนี้มีความลับกับเพื่อนกับฝูงนะมึงไอ้แว่น” ไอ้อาร์มบ่นแต่ก็ยอมเดินออกไป

“ว่า? มีเรื่องอะไรจะปรึกษากู” ไอ้เพลงเปิดประเด็นทันที

“ในฐานะที่มึงเป็นคนที่มีประสบการณ์โชกโชน ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เก็บเกี่ยวมาแล้วทุก...”

“เข้าประเด็นเลยเหอะ อย่าอารัมภบท” ไอ้เพลงตัดบท

“คือ.... เอ่อ.... การที่..... การที่......การที่.....” จะถามมันยังไงดีน้า

“กาญจ์อยู่ที่ภาคตะวันตกของประเทศ”

“ไม่ใช่ กูไม่ได้หมายถึงกาญจนบุรี” ยังจะมาเล่นมุกอีก ติดเชื้อไอ้อาร์มมาหรือไง

“งั้นมึงก็พูดซะทีดิ อ้ำอึ้งอยู่นั่น”

“เอ่อ... ผู้ชายกับผู้ชายคบกัน มันแปลกไหมวะ” ถามแบบนี้มันตรงเกินไปไหมวะ

“หือ? ทำไมมึงถามกูแบบนั้น” ไอ้เพลงสงสัย

“ค...คือ...น้องกู น้องกูมีปัญหาเรื่องนี้” อ้างขิงข่าอะไรไปก่อนก็แล้วกัน

“น้องมึงเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”

“ก...กูหมายถึงว่า...” เสือกความจำดีอีก โกหกว่าอะไรต่อดีล่ะ “น้องกูมีเพื่อนผู้ชายคนนึง แต่ผู้ชายคนนั้นเหมือนจะถูกผู้ชายอีกคนจีบ แบบว่า ชอบมากๆเลย อะไรอย่างงี้อ่ะ”

“ทำไมมันซับซ้อนจังวะ”

“เออ นั่นแหละ ช่างมันเหอะ น้องกูมาปรึกษา แต่กูไม่รู้จะให้คำปรึกษาน้องกูยังไง กูก็เลยมาถามมึงนี่ไง ในฐานะที่มึงน่าจะเข้าใจเรื่องแบบนี้ดี”

“อืมมมม ถามว่าแปลกไหมอะเหรอ สำหรับคนทั่วไปก็คงแปลกละมั้ง”

“เหรอวะ” มันก็ยังไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่เลย

“แต่เดี๋ยวนี้เขาก็ยอมรับกันหมดแล้ว ใช้ชีวิตตามที่คิดว่ามีความสุขไว้ก่อนดีกว่า ไม่รู้นะ กูถือคติว่า ชีวิตกูเป็นของกู แล้วตอนที่มึงเห็นกูกับพี่วิทยากรคนนั้นมีอะไรกันเมื่อปีที่แล้ว มึงรู้สึกยังไงล่ะ”

“ไม่รู้อ่ะ กูยังไม่ทันได้คิดว่ามันแปลกหรือไม่แปลก กูแค่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆ”

“แล้วหลังจากที่มึงรู้เห็น แล้วมันคิดยังไง”

“กูก็อยากรู้มากขึ้นอีก”

“กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น กูหมายถึงว่า มึงรู้สึกว่ากูแปลก แปลกจนถึงขั้นไม่อยากคบหาหรือรู้จักกูเลยหรือเปล่า”

“ถ้ากูคิดแบบนั้นแล้วกูจะมาอยู่แก๊งเดียวกับมึงได้ไงล่ะ”

“ก็นั่นไงที่กูจะพูด ถ้าอยากจะให้คำปรึกษากับน้องก็แค่บอกไปว่า เพื่อน สุดท้ายก็คือเพื่อน เพื่อน มันไม่ได้วัดกันที่ว่าเขามีรสนิยมแบบไหน ตอนที่เป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้แปลว่าน้องมึงกับเพื่อนคนนั้นจะไปมีอะไรกันซะหน่อย แบบนั้นเขาไม่เรียกเพื่อนแล้ว  อ...เออ เอาเป็นว่า ต่อให้อยู่ดีๆ มึงมีแฟนเป็นผู้ชายขึ้นมา กูก็ไม่รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดอะไรทั้งนั้นแหละ นี่แหละความคิดเห็นของกู ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้าไม่เดือดร้อนใครอะนะ”

“อืมมมม มึงคิดแบบนี้เองเหรอ” นี่ซินะความคิดแบบคนที่เจริญแล้ว “ขอบใจสำหรับคำปรึกษานะ เดี๋ยวกูจะเอา...ไปบอกน้องอีกที”

“วุ่นวายนะมึงเนีย”



วัดกันที่การกระทำงั้นเหรอ?

แล้วการกระทำของพี่ฮันเตอร์ล่ะ?

ก็ดีกับเราทุกอย่างเลยนี่นา เกือบหนึ่งเดือนมานี้ ไม่มีเหตุการณ์ไหนเลยที่พี่เขาจะทำไม่ดีกับผม

ถ้าไม่นับเรื่องที่พี่เขาแอบไปช่วยตัวเองบ่อยๆ ก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่หว่า แล้วผมก็ไม่มีสิทธิไปวิจารณ์ว่าพี่เขาโรคจิตด้วย เพราะผมเองก็เป็นพวกชอบฟังเรื่องลามกเข้าเส้นเหมือนกัน

เอาเข้าจริงๆแล้ว ก็น่าเห็นใจเหมือนกันแฮะ ต้องคอยหลบไปช่วยตัวเองทุกครั้งที่เจอหน้าผม ถือว่าต้องใช้ความอดทนมากๆเลย ยังไงพี่เขาก็คงไม่อยากทำอะไรไม่ดีกับผมซินะ แต่ผมนี่ซิ ที่พูดต่อหน้าพี่ฮันเตอร์แบบนั้น มันแรงไปหรือเปล่าเนีย



เห้ออออออออออ

ไม่มีสมาธิเรียนเลยแฮะ รันโค๊ดผิดบานเลย

ตอนนี้เหมือนว่าในหัวมีแต่คำพูดของพี่ฮันเตอร์วิ่งวนในหัวเต็มไปหมด



‘ก็บอกว่าไม่ค่อยมีใครฟังเรื่องที่พูดไม่ใช่เหรอ พี่จะช่วยเป็นผู้ฟังให้’

‘ดีใจที่ได้เจอน้องซอลนะ’

‘นองซอลมือนิ่มจังเลยนะครับ’

‘พี่ว่า เรื่องที่น้องเล่ามันก็น่าสนใจดีนะ ทำไมเพื่อนๆถึงไม่ชอบฟัง’

‘ต่อให้ไม่มีให้ชอบ ก็มีพี่อยู่ตั้งหนึ่งคนที่ชอบ’

‘อย่าบังคับให้พี่ต้องชอบใครอีกล่ะ พี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว’



......พอมาคิดดูอีกที ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมได้รับแต่ความรู้สึกดีๆทั้งนั้นเลย และก็เหมือนว่าพี่ฮันเตอร์จะคอยบอกใบ้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงให้ผมรับรู้เสมอเลย

รู้สึกว่าตัวเองไก่อ่อนจริงๆก็วันนี้แหละ ถ้าคนอื่นที่ถูกกระทำแบบผมนานเป็นเดือนอย่างนี้ เขาคงรู้ตัวไปนานแล้ว

ไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง.....





“จะไปไหนน่ะ” อาจารย์คุมห้องเรียนตะโกนถามผมที่กำลังจะวิ่งออกไป

“เอ่อ.....” เออวะ ลืมไปเลยว่ากำลังเรียนอยู่ “ขออนุญาตเข้าห้องน้ำสักครู่ครับ”

“รีบกลับมาเขียนโค๊ดต่อล่ะ นักศึกษายังไม่ได้ส่งงานนะ”

“ครับ” แล้วผมก็วิ่งออกไป



ห้องไหนน้า....?

พี่ฮันเตอร์เรียนเอกเดียวกับผมก็น่าจะอยู่ในตึกนี้นี่นา แต่ไม่เคยรู้เลยว่าพวกพี่ปีสามหน้าตาเป็นยังไงกัน



“มองหาใครครับน้อง” รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยถามมาจากข้างหลังในขณะที่ผมพยายามส่องกระจกห้องเรียนห้องหนึ่งอยู่ สงสัยพี่เขาไปเข้าห้องน้ำมาละมั้ง แล้วบังเอิญมาเจอผมเข้าพอดี “ปีหนึ่งใช่ไหมเราอ่ะ มาเดินเล่นทำไมตรงนี้ ไม่มีเรียนเหรอ”

“ป...เปล่าครับ” ผมปฏิเสธ “ผมอยู่ปีสองครับ”

“เหรอ” จะหาว่าผมเด๋อละซิ “แล้วมาหาใคร”

“ผมมาตามหาพี่ฮันเตอร์ครับ”

“น้องครับ พี่รู้ว่าเพื่อนพี่เป็นดารา แต่น้องจะตามมารบกวนถึงเวลาเรียนแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าอยากถ่ายรูปก็ควรเป็นเวลาอื่น”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้จะ... เอ๊ะ พี่เป็นเพื่อนของพี่ฮันเตอร์เหรอ”

“ก็ใช่ ต...แต่พี่ไม่ขอลายเซ็นให้หรอกนะ”

“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ใช่แฟนคลับของพี่ฮันเตอร์หรอก ผมเป็นน้องรหัสของพี่เขาน่ะครับ”

“น้องรหัส? ไอ้ฮันมีน้องรหัสกับเขาด้วยเหรอ” มีซิครับ ผมนี่ไง “อ๋อ น้องรหัสนี่เอง แต่วันนี้มันไม่มาเรียนหรอกนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปไหน โทรไปก็ไม่รับ สงสัยถ่ายละครอยู่ละมั้ง แต่ปกติเวลามันจะไปไหนมาไหนก็มักจะบอกพี่นะ มีวันนี้แหละที่หายไปเฉยๆ”

“แล้วแบบนี้ ผมจะเจอพี่เขาได้ที่ไหนอ่ะครับ”

“ไม่รู้ดิ ลองไปหาตามพุ่มไม้ดูดิ”

“พุ่มไม้?”

“ก็ไอ้นี่มันชอบถือกล้องไปถ่ายรูปตามพุ่มไม้ใบหญ้า ถ้าไม่ติดว่ามันหน้าตาดี พี่ก็คงเข้าใจผิดว่ามันไปแอบถ้ำมองใครอยู่ พูดกันตามตรงนะ เห็นมันหล่อๆอย่างนั้นก็อย่างไปหลงกลมันล่ะ ไอ้ฮันอ่ะติ๊งต๊องจะตาย ปีที่แล้วก็เห็นถือกล้องเที่ยวมุดไปถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้ พอมาปีนี้ก็บ้าการ์ตูนญี่ปุ่นบ้าบออะไรของมันก็ไม่รู้ เห็นเอาแต่ถามหาซื้อชุดโมเดล ท่าจะบ้า ทำตัวแปลกๆไม่อยู่กับร่องกับรอย มีพี่รหัสแบบมันต้องทำใจหน่อยนะ”

“ค...ครับ” ผมเข้าใจแล้ว เข้าใจหลายอย่างเลย

ตามถ่ายรูปทั้งปีก็คงเพราะตามดูชีวิตของผม

ที่สนใจการ์ตูนญี่ปุ่นขึ้นมาก็คงทำเพื่อหาเรื่องคุยกับผมแน่ๆ

หวิวๆในหัวใจยังไงก็ไม่รู้

มันเกิดอะไรกับความรู้สึกละเนีย

“พี่ว่าน้องกลับไปเรียนก่อนเถอะ” เพื่อนพี่ฮันเตอร์บอก “เดี๋ยวถ้าเจอมัน พี่จะบอกให้ว่ามีน้องรหัสมาหา”

“ขอบคุณนะครับ”



ผมกลับไปนั่งเรียนตามเดิม แต่ไม่ได้ยอมแพ้หรอกนะ ยังไงวันนี้ก็ต้องเจอหน้าพี่ฮันเตอร์ให้ได้





หืออออออออ

ยืนรอหน้าคอนโดฯ จนถึงตีหนึ่งแล้วนะ ทำไมยังไม่กลับมาอีก

ผมกลับมารอพี่ฮันเตอร์ที่หน้าคอนโดมิเนียมของพี่เขา หวังว่าจะปรับความเข้าใจเหมือนครั้งก่อนหน้านี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววของพี่เขาเลย

โทรไปก็ไม่รับสาย ทักไลน์ก็ไม่อ่าน แบบนี้ไม่ปกติเลยสักนิด



หิวซะแล้วละซิ  ไปหาอะไรกินก็แล้วกัน วันนี้คงไม่ได้เจอแน่นอนแล้วล่ะ





“แน่ใจเหรอว่าพี่ฮันเตอร์พักอยู่แถวนี้”

“ก็ได้ข่าวว่าอย่างนั้นนะ”

“แล้วทำไมไม่เห็นเจอสักทีเลย”

หึ!! สาวๆสองคนที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่โต๊ะข้างๆก็มาตามหาพี่ฮันเตอร์เหมือนกันเหรอ

“เอางี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้บ่ายๆ เราไปที่สวนสาธรณะของมหาลัยกัน พี่ฮันเตอร์มาคิวถ่ายแนะนำมหาลัย”

“จริงเหรอ รู้ได้ไงอ่ะ”

“ก็ดูในแฟนเพจมาไง พวกดาราดังๆเขาก็ต้องมีตารางออกงานแจ้งซิ ไม่งั้นแฟนคลับจะตามไปเจอได้ยังไง”

“ดีๆ งั้นไปที่สวนสาธรณะก็ได้ วันนี้ไม่ไหวแล้ว ง่วงมากเลย”



อ๋ออออออ

แบบนี้เองซินะ

แฟนเพจเหรอ? ตารางงานเหรอ?

ลองค้นหาดูซะหน่อยซิ



อันนี้หรือเปล่าหว่า?

ผมค้นหาตารางงานของพี่ฮันเตอร์จากโทรศัพท์



20 สิงหาคม 2561

-12.45 น. ถ่ายทำวีดิทัศน์แนะนำมหาวิทยาลัยโครงการเปิดโลกกิจกรรม-



มีตารางงานจริงๆด้วยแฮะ

เอ.......? แล้ววันนี้ล่ะ มีงานอะไร ทำไมยังไม่กลับมาที่คอนโดฯ อีก



19 สิหาคม 2561

-ไม่มีงาน-



เอ๊ะ!

ไม่มีงาน

หมายความว่ายังไงละเนีย แล้วทำไมขาดเรียน

หรือว่า.........จะเป็นเพราะผม

ไม่ได้แล้ว แบบนี้ยิ่งต้องคุยกันให้รู้เรื่อง พรุ่งนี้ผมก็จะไปที่สวนสาธารณะด้วยเหมือนกัน.....





กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

ให้ตายเถอะ

พวกหญิงพวกนี้กินนกหวีดเข้าไปหรือไงนะ

แสบแก้วหูสุดๆไปเลย

แล้วนี่จะมุงอะไรกันนักหนา ยืนดูกันนิ่งๆไม่ได้หรือไง กูก็อยากเห็นเหมือนกันนะ



“พี่ฮันเตอรรรรร์พี่ฮันเตอรรรรรร์ ขอจับมือหน่อยค่ะ ขอจับมือหน่อย”



ไหนวะ?

โอ๊ย มองไม่เห็น

เอาไงดีหว่า

นี่คือวันถัดมาที่ผมมาตามหาพี่ฮันเตอร์ตามตารางออกงานของพี่เขาอย่างที่วางแผนไว้



“พี่ฮันเตอร์ พี่ฮันเตอร์ครับ” เอาวะ กูก็จะตะโกนบ้าง

นั่นไงๆ เหมือนจะเห็นแวบๆแฮะ

แล้วนี่จะเบียดอะไรกันนักหนา

เอาวะ เบียดมากูเบียดกลับ

“พี่ฮันเตอร์ พี่ฮันเตอร์” ผมทั้งตะโกนทั้งพยายามเบียดเสียดผู้คนเข้าไปจุดที่เชื่อว่าพี่เขากำลังจับมือกับบรรดาแฟนคลับอยู่ “พี่ฮัน.... พ...พี่ฮันเตอร์”

ชีวิตไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย

ใกล้ถึงข้างหน้าแล้ว ตะกายมือไปก่อนก็แล้วกัน



“พี่ฮันเตอร์ อย่าเพิ่งไปค่ะ ขอจับมือก่อน กรี๊ดดดด” เฮ้ยๆ ใครพูดว่าจะกลับวะ เดี๋ยวซิ



“พี่ฮันเตออออออรรรรรรรรรรรรรรรร์” ตะโกนแม่งให้สุดเสียงไปเลยก็แล้วกัน

ยังไงก็ต้องเบียดสู้ขึ้นไปให้ทันให้ได้

“พ.....พี่ฮัน...” เอ๊ะ! ใครจับมือผมหว่า

“ซ....ซอล!!” เฮ้ย!!! พี่ฮันเตอร์นี่นา พี่เขาจับมือผมไว้แล้ว แต่พี่เขาตาค้างไปเลย

“ย...อย่าเพิ่งปล่อย” ผมตะโกน “อย่าเพิ่งปล่อยมือผมนะ!!!!”



“...” เงียบกันหมดเลย

บรรยากาศนิ่งสนิทกันเลยทีเดียว ไม่รู้เป็นเพราะผมตะโกนออกไปหรือเปล่า



“ค...คือผม....”

“เอ่อ...ขอโทษนะครับทุกคน” พี่ฮันเตอร์พูดกับบรรดาแฟนคลับ แต่มือก็ยังจับมือผมไว้อยู่ “ผมต้องขอตัวคุยกับน้องรหัสของผมหน่อยนะครับ....มานี่!”



เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ จะลากผมไปไหน

จู่ๆพี่ฮันเตอร์ก็กระชากผมออกมาจากฝูงคน ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์คงจะงงไปตามๆกันว่าทำไมดาราดังถึงได้ลากไอ้เด๋อที่ไหนก็ไม่รู้ไปด้วย

ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องเดินกึ่งวิ่งตามพี่เขาไปนั่นแหละ ว่าแต่ว่า แรงเยอะเหมือนกันนะเนีย



“ออกรถเลยครับ”

“ด...เดี๋ยวซิ มอ’ไซค์ของผม ยังไม่ได้เอาไปเลย” ผมร้องบอก ก็จู่ๆพี่ฮันเตอร์ก็ลากผมขึ้นมาบนรถตู้แล้วสั่งคนรถขับออกไปเฉยเลย

“รถอยู่ไหน” พี่ฮันเตอร์ถามผม

“ย...อยู่หลังโรงพยาบาล” ผมตอบ

“ช่วยขับไปส่งหลังโรงพยาบาลหน่อยครับ”

เอ๊ะ! จะพาผมไปส่งเหรอ แต่ผมยังไม่ได้เคลียร์อะไรกับพี่เลยนะ ส่วนจะให้พูดตรงนี้เลยก็คงไม่ได้ มีคนเต็มรถเลย

จู่ๆพี่ฮันเตอร์ก็เอาเสื้อคลุมแบบมีฮู้ดมาสวม พร้อมกับสวมแว่นตาดำด้วย



“ขอบคุณครับ... ลงไปซิ” พี่ฮันเตอร์สั่งเมื่อคนรถมาส่งที่หลังโรงพยาบาลจริงๆ

“แต่ว่า...”

“รีบลงเถอะน่า เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก” พี่ฮันเตอร์เอาฮู๊ดคลุมหัวแล้วก็เดินลงรถตู้ออกไป “เร็วเข้า”

“เอ๊ะ” ไม่ได้จะมาส่งผมเหรอ

ผมเดินตามลงไปแบบงงๆ จากนั้นรถตู้ก็เคลื่อนที่ออกไป



“คันนี้ใช่ไหม”

“ช...ใช่” ผมตอบ

“เอากุญแจรถมา”

“เอ๊ะ! พี่ขับเป็นเหรอ”

“เป็น พี่หัดมาแล้ว” หือ!! ไปหัดมาจากไหน “ไหนล่ะ...... กุญแจรถไง”

“อ...อ๋อ” ผมล้วงหากุญแจรถของตัวเอง “นี่ครับ”

“อ่ะนี่ สวมหมวกด้วย” พี่ฮันเตอร์เอาหมวกนิรภัยมาสวมศีรษะให้กับผม ก่อนจะขึ้นคล่อมรถและเปิดสตาร์ทรถจักรยานยนต์อย่างเชียวชาญ “ขึ้นมาเร็ว พี่บอกแล้วไงว่าไม่มีเวลามาก เดี๋ยวจะมีคนมาเห็นเข้า”

“ค...ครับ” ให้ตายซิ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วไปหมด



อือหือออออ

ไปหัดขับรถมอเตอร์ไซค์มาจริงๆด้วยซินะ ถึงจะยังไม่ได้คล่องแคล่วเท่าไหร่ แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร



ไม่นานจากนั้นพี่ฮันเตอร์ก็ขับรถพาผมมาจอดที่คอนโดฯของพี่เขา



“ด...เดี๋ยวก่อน” ผมแทบจะถอดเก็บหมวกนิรภัยไม่ทัน



ไม่รู้พี่ฮันเตอร์จะรีบอะไรขนาดนั้น เขาจับมือผมจูงเข้าไปในคอนโดฯ อย่างรวดเร็ว

นี่มันก็ถีงแล้วนะ ทำไมยังต้องรีบอีก คงไม่มีคนตามมาแล้วละมั้ง



เพียงแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น เราสองคนก็เข้ามาถึงในห้องของพี่ฮันเตอร์แล้ว



“ครับ? มีอะไรเหรอ ทำไมมองหน้าผม......อื้อออออออ”

ด...ด.....เดี๋ยวซิ

อะไรกัน จู่ๆก็กดริมฝีปากลงมาที่ใส่ริมฝีปากของผมซะอย่างนั้น

จริงๆก็ตกใจนะ แต่จะดิ้นไปทางไหนก็ไม่ได้ หลังพิงติดกำแพงซะขนาดนี้



“....................................................................”

นานจัง

พี่ฮันเตอร์กดริมฝีปากไว้อย่างนั้นนานพอสมควรเลย

จะว่ายังไงดีล่ะ ผมก็แค่ตกใจอะนะ ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรมาก เพราะพี่เขาไม่ได้รุกหนักถึงขั้นที่ผมจะต้องต่อสู้ ก็แค่จูบเท่านั้น

แล้วพี่ฮันเตอร์ก็ละริมฝีปากออกไป

จูบเป็นแบบนี้น่ะเหรอ นึกว่าจะมีอะไรพิเศษกว่านี้ซะอีก



“ที่ซอลกลับมาแบบนี้” คนตรงหน้าของผมหายใจหอบ เหมือนกับว่าเพิ่งจะต่อสู้กับอะไรบางอย่างมา “แปลว่าเข้าใจพี่แล้วใช่ไหม”

“ค...คือ....ผมแค่อยาก.... อื้มมมมม.... อืม........ อือ...............” แบบนี้ซิถึงจะเรียกว่ารู้สึกพิเศษ

ผมถูกกดริมฝีปากอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก มันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายไปหมด ไม่ใช่แค่การเอาปากมาแตะกัน แต่เป็นการส่งมอบและรับเอาความรักความหวังดีระหว่างทั้งสองฝ่าย

“พี่จะไม่ขออีกแล้ว” พี่ฮันเตอร์พูดหลังจากถอดริมฝีกปากออกไป “จะไม่ขออนุญาต ไม่ถาม ไม่ฟังคำตอบ ไม่อดทนรอ พี่จะเอาแต่ใจ พี่จะ...บังคับซอล จะขอบังคับให้ซอลเป็นแฟนกับพี่ จะไม่ถามความสมัครใจอีกแล้ว”

“...............” การที่ผมเงียบแบบนี้ มันหมายความว่ายังไงกันนะ

“หลังจากนี้เรา....เป็นแฟนกันนะ”

“ไหนบอกว่า...จะไม่ขอไง” ผมถามเอื่อยๆ

“งั้นก็ห้ามปฏิเสธล่ะ”

“ค...ครับ ไม่ปฏิเสธก็ได้”

“เฮอออออออ” คนตรงหน้าผมถอนหายใจออกมาเหมือนเอาความทุกข์ทั้งหมดออกจากอก “ขอบคุณครับ”

แล้วพี่ฮันเตอร์ก็ดึงผมเข้าไปกอด

แค่กอดเท่านั้น

และมัน....วิเศษมาก



ไม่รู้ซิ ผมก็คงบอกไม่ได้ว่าทำไม หรืออะไร หรืออย่างไร แต่ถ้าสถานการณ์ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ก็........................









.......................ดีที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... หนี vs ตาม - 05/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 05-01-2019 12:14:41
พี่ฮัน=ตาแก่หลอกกินเด็กชัดๆ
แค่เห็นหน้า ได้กลิ่น จับมือ เราจะพุ่งไปสาวว่าวรัวๆ ไม่ด้ายยยยย 555555
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... ชีวิตจริง vs ละคร - 05/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 05-01-2019 18:58:16
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 6 จาก 6 / ชีวิตจริง vs ละคร









“อะไร? จบแล้วเหรอ” ผมโวยวาย “ไหนมึงบอกว่ามีอะไรกับพี่เขาแล้วไง แล้วไหนล่ะฉากเลิฟซีน”

“โห่ไอ้เพลง” ไอ้แว่นร้อง “กูไม่ใช่มึงนะ ที่จะสะดวกใจเล่าเรื่องบนเตียงให้คนอื่นฟัง”

“ต...แต่อย่างน้อยมึงก็ควรพูดถึงสาเหตุที่ว่าทำไมมึงร้องไห้โวยวายหน้าห้องกู มึงจะเล่าจบทื่อๆแบบนี้ไม่ได้”

“ก...ก็เล่าได้ แต่ขอข้ามเรื่องบนเตียงไปเลยได้ไหม”

“แน่นอน.... ว่าไม่ได้!”

“แล้วมึงจะเว้นวรรคทำไมวะ”

“แต่ก็แปลกนะ ทำไมพี่ฮันเตอร์สนใจคนอย่างมึง แถมยังเข้าขั้นคลั่งไคล้ซะด้วย”

“....................” อ้าว เงียบซะงั้น “หือออออ”

“เฮ้ยย กูเปล่าว่ามึงซะหน่อย แค่บอกว่ามันค่อนข้าง... ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ไม่ต้องร้องๆ”

“ก...กูรู้หรอก ว่ามึงจะพูดว่ากูไม่เหมาะสมกับพี่เขา”

“ม...ไม่ใช่แบบนั้น”

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดปลอบใจกูเลย”

“เออๆ กูขอโทษ”

“ต...แต่ แต่ก็เพราะเรื่องนี้แหละที่ทำให้กูเสียใจ”

“ยังไงวะ ไหนเล่าให้กูฟังต่อที”

“ก็หลังจากที่กูคิดดีแล้วว่าจะคบกับพี่ฮันเตอร์............................”









(หนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว)





“ขอบใจซอลมากนะพี่วันนี้มาดูพี่ถ่ายละคร” พี่ฮันเตอร์พูดและนั่งลงข้างๆผม

“ก็พี่ชวนมา ผมก็เลยมา” ผมบอก “แต่ผมไม่ได้ดูพี่แสดงเลยเมื่อกี๊ เอาแต่อ่านการ์ตูนอย่างเดียว”

“ครับ ไม่เป็นไรหรอก”



จะว่าไปแล้วก็ควรจะดูบรรยากาศซะหน่อยนะ

ผมลองมองไปรอบๆ

แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเลิกกองแล้ว แต่ก็ยังมีคนเดินขวักไขว่อยู่ตลอด เอาเข้าจริงๆ รู้สึกว่าจะมีนักแสดงแค่สองคนเองมั้ง ที่เหลือก็ทีมงานทั้งนั้นเลย

พวกนักแสดงนี่เก่งจังเลยเนาะ แสดงตามบทบาทท่ามกลางคนเยอะๆแบบนี้ก็ได้ด้วย



“กลับกันเถอะ พี่เหนื่อยแล้ว” พี่ฮันเตอร์ชวน

“โอเคครับ” ผมตอบรับแล้วยัดหนังสือการ์ตูนเข้ากระเป๋าสะพาย



เราสองคนเดินออกมาจากกองถ่ายละคร เนื่องจากรถค่อนข้างจอดอยู่ไกลจึงต้องใช้เวลาเดินสักพัก และระหว่างนั้น.......



“เอ่อ...คือ...” ผมพูดอย่างประหม่า “ยัง...ยังไม่จับมือได้ไหมครับ ผมยังไม่ชินจริงๆ”

“งั้นเหรอ” พี่ฮันเตอร์ปล่อยมือที่แอบเอื้อมมาจับมือของผม “คือ...รอพี่แป๊บนึงได้ไหม”

“ครับ? พี่ลืมอะไรเหรอ”

“เปล่าครับ พี่จะ...เอ่อ...ขอตัวไป...เอ่อ...เข้าห้องน้ำ เดี๋ยวเดียว”

“พี่ไม่ได้กำลังจะไป....” ไม่อยากจะพูดออกมาตรงๆเลย

“คือ...พี่...” เอิ่ม คงคิดจะไปช่วยตัวเองจริงๆซินะ หน้าแดงเชียว “ทนไม่ไหวจริงๆเวลาอยู่ใกล้ๆกับซอล”

“งั้น....ถ้าเกิดว่า...ผมให้จับมือได้ แลกกับที่พี่ไม่ต้องไปทำ...เอ่อ...แบบนั้น ได้ไหม”

“เอ่อ...” ตลกจัง เขินกันไปเขินกันมา “ถึงมันจะแทนกันไม่ได้ แต่พี่เลือกได้จับมือน้องซอลก็ได้ครับ”

แล้วพี่ฮันเตอร์ก็ค่อยๆเอามือมาจับผม

พี่เขาดูจะต่อสู้กับอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านของตัวเองอยู่

“ผม....ขอโทษนะครับ” ผมพูด

“ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ”

“ที่ยังไม่กล้าให้พี่ทำอะไรแบบนั้นไง ทั้งๆที่เราเป็นแฟนกันแล้ว แต่ผมก็.....”

“ไม่เลยครับ พี่เข้าใจดี” แล้วพี่ฮันเตอร์ก็พาผมเดินต่อ “ซอลคงคิดว่าพี่เป็นพวกชอบผู้ชายละซิ ใช่ไหม”

“อ้าว มันก็ต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอครับ ไม่งั้นพี่จะมาชอบผมทำไม”

“ผิดแล้ว ถึงพี่จะมีอารมณ์แบบนั้นกับซอล ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะมีอารมณ์แบบนี้กับผู้ชายคนอื่นได้หรอกนะ แม้กระทั่งจับมือ นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่มีจับมือผู้ชาย แต่ถ้าเป็นมือของผู้ชายคนอื่น พี่คงต้องใช้เวลาทำใจไม่ใช่น้อยๆเลย”   

“งั้นผมก็คงรู้สึกเหมือนกันกับพี่นั่นแหละมั้งครับ”



เนี่ยนะเหรอคำว่า ‘ความรัก’

มันรู้สึกอย่างนี้เองเหรอ เหมือนหัวใจสามารถพองโตได้จนล้นออกไปนอกอวกาศ

นี่ผมจะไม่ใช่ไอ้ไก่อ่อนอีกต่อไปแล้วซินะ





“พี่ฮันเตอร์” ผมเรียกพี่เขาหลังจากเข้ามาในรถแล้ว

“ครับ?”

“ช่วยสอนผม...จูบได้ไหมครับ”

“ครับ!?”

“ครั้งที่แล้วที่เราจูบกัน ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ครั้งนี้ผมอยากจะรู้ว่ามัน.....อืออออออออออ”



ผมยังไม่ทันพูดจบเลย พี่ฮันเตอร์ก็เข้าจู่โจมเสียแล้ว



นี่เองหรอกเหรอที่เรียกว่าจูบ

ไม่มีรสชาติ แต่กลับหวานหอม

สัมผัสเพียงแค่ที่ริมฝีปาก แต่กลับส่งผลไปทั้งร่างกาย

แม้รุนแรง แต่กลับอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด……



เห้อ....มีความสุขจัง



“พรุ่งนี้มานอนกับพี่นะครับ” คำขอร้องจากคนที่เพิ่งจะละริมฝีปากออกไป

“ค...ครับ” เป็นคำตอบที่คิดน้อยที่สุดเลย



และนั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมใช้ความคิดน้อยลงกับเรื่องของพี่ฮันเตอร์หลอกนะ เราสองคนค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นทีละน้อย

จากจับมือกลายเป็นจูบ

จากจูบกลายเป็นการไปนอนค้างในห้องเดียวกัน

ไปไหนมาไหนด้วยกัน

มีกุญแจห้องของกันและกัน

นอนกอดกันจนถึงเช้า

อาบน้ำด้วยกัน

และ.........



“คืนนี้พี่ขอได้ไหมครับ” ในที่สุดคำร้องขอก็ออกจากปากพี่ฮันเตอร์ เมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ “พี่คิดว่าพี่คงทนไม่ไหวอีกแล้ว”

“ก...ก็ได้ครับ” บอกแล้วไงว่าผมคิดน้อยลงไปมาก

“งั้นคืนนี้เจอกันที่ห้องของพี่นะ” พี่เขายิ้มและจูบผมเบาๆที่เปลือกตา ก่อนจะลุกออกจากเตียงของผมเพื่อเตรียมตัวไปเรียนในตอนเช้า





เห้อออออออออออ

ผมเป็นคนตอบตกลงเองแท้ๆที่จะเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งครั้งแรกกับพี่ฮันเตอร์ แต่ก็ดันมาประหม่าและคิดมากซะเอง เครียดหนักจนส่งผลให้ขาดเรียนวันนี้ไปเลย



หลังจากพี่ฮันเตอร์ออกจากห้องของผมไป ผมก็เริ่มศึกษากิจกรรมทางเพศที่ผู้ชายกับผู้ชายเขาทำกัน ทั้งหาข้อมูล อ่านจากผู้มีประสบการณ์ตรง และค้นหาหนังประเภทนี้มาดู



.............ให้ตายเหอะ ทนดูไม่ไหวแล้ว

ไม่เห็นจะน่าดูเลยสักนิด



ไม่ไหวๆ

ไปหาอะไรกินดีกว่า เดี๋ยวค่อยกลับมาดูใหม่ ขอเวลาทำใจแป๊บนึง





“เห็นสถานะใหม่ของพี่ฮันเตอร์หรือยัง”

“สถานะอะไรอ่ะ”

หึ! ผมมาเจอสาวๆสองคนที่เป็นแฟนคลับตัวยงของพี่ฮันเตอร์ในร้านอาหารอีกแล้ว

“ก็ที่พี่ฮันเตอร์โพสว่า ‘กำลังมีความรัก’ ไง”

“จริงเหรอออ” นั่นนะซิ จริงเหรอวะ

“นี่ไง”

“หูยยย จริงด้วยอ่ะ อะไรกันอ่ะ มีแฟนซะแล้วเหรอ เซ็งเลย”

“ไม่เห็นต้องเซ็งเลย”

“ไม่เซ็งได้ไงอ่ะแก มีแฟนแล้วความน่าสนใจก็น้อยลงไปด้วย ฉันอุตส่าห์จิ้นตั้งนาน”

“ก็นั่นแหละที่บอกว่าไม่ต้องเซ็ง ไม่แน่นะ คนที่พี่ฮันเตอร์โพสอาจจะหมายถึงพี่ซีลก็ได้” ใครวะ?? ซีลไหน

“เออ นั่นดิ จริงด้วย”

“ใช่แหละ ฉันว่าต้องใช่แน่ๆเลย เห็นคลิปใหม่หรือยังแก มีแต่โมเม้นฟินๆทั้งนั้นเลย”

“ไหนดูหน่อย.... โอ๊ยยย แฮชแท็กนักล่าแมวน้ำกำลังจะเป็นจริงแล้วเหรอ มีหมอนไหมอ่ะแก”

“ฟินจิกหมอนละซิ”

“แกก็คิดเหมือนฉันอยู่ใช่ไหมล่ะ”

“แน่นอนนน อ๊ายยยย เอาไปโพสทวิตเตอร์ดีกว่า”



ใครคือซีล?

อะไรคือแฮชเท็กนักล่าแมวน้ำ?



ผมนี่รีบกินรีบกลับห้องเลย ต้องไปตรวจสอบดูเดี๋ยวนี้



หื๊อออออออ!!!!

แบบนี้เองหรอกเหรอ

ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งนัวเนียกัน แบบนี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง......





“นี่มันคืออะไร” ผมไม่รอช้าที่จะแสดงหลักฐานให้ตัวการดูหลังจากที่พี่ฮันเตอร์กลับมาจากมหาลัย

“อะไรครับ” ยังจะมาทำเป็นงงอีก “ทำไมเจอหน้าพี่ก็โกรธขึ้นมาซะอย่างนั้น”

“ก็นี่ไง” ผมชี้ไปที่ภาพในโทรศัพท์

“อะไร?” พี่เขาหยิบไปดู “อาห๊ะ พี่เคยเห็นแล้ว เห็นบ่อยแล้วด้วย แล้วซอลเอามาให้พี่ดูทำไม”

“พี่พูดออกมาหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ไงอ่ะ พี่จูบกับผมไปแล้วนะ แล้วนี่มันอะไร ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทั้งกอดกัน ทั้งจูบกัน นี่มัน...”

“เดี๋ยวๆๆๆ นี่ซอลกำลังบอกว่า ซอลหึงพี่เพราะ....ฉากในซีรีส์ที่พี่เล่นเนี่ยนะ”

“จะอะไรก็ช่างเถอะ แล้วไหนบอกว่าไม่คิดอะไรแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นไง”

“ก็มันเป็นการแสดงอะครับ แล้วนี่มันก็เป็นซีรีส์วายด้วย จะให้พี่แสดงกับผู้หญิงเหรอ”

“แสดงกับผู้หญิงก็ได้นี่นา”

“งั้นเขาจะเรียกว่าซีรีส์วายได้ไง”

“แล้วไอ้ซีรีส์วายมันคืออะไรล่ะ”

“หา? นี่...ซอลไม่รู้จักซีรีย์แนวนี้เหรอ”

“ไม่รู้! ไม่โอเคด้วย”

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อนซิครับ” พี่ฮันเตอร์เข้ามากอดผมไว้ก่อนที่ผมจะทันได้ออกจากห้อง “นั่นมันเป็นแค่การแสดง พี่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี่นา”

“แล้วทำไมไม่บอกละว่าเล่นบทแบบนี้”

“ก็พี่นึกว่าซอลรู้อยู่แล้วนี่นา”

“ถึงรู้หรือไม่รู้ก็ต้องบอกดิ ไม่ใช่ปล่อยให้ผมรู้เองแบบนี้”

“หึหึหึหึ”

“มันไม่ใช่เรื่องน่าขำเลยนะ”

“ป...เปล่าครับ พี่ขอโทษ พี่แค่ไม่นึกว่าในโลกนี้จะมีคนหึงด้วยเหตุผลแปลกๆแบบนี้ก็เท่านั้นเอง”

“แปลกเหรอ มันแปลกยังไง ถ้าผมไปจูบกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้บ้าง พี่จะไม่คิดอะไรใช่ไหม”

“งั้นจะให้พี่ทำไงล่ะ” พี่ฮันเตอร์จับตัวผมให้หันไปสบตากับพี่เขา “ให้เลิกเป็นนักแสดงไปเลยไหม”

“จ...จะบ้าเหรอ ทำแบบนั้นผมก็รู้สึกผิดอะดิ”

“แล้วจะให้พี่ทำยังไงครับ ก็นั่นมันเป็นงานนี่นา”

“ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ แต่ยังไงมันก็.....” ไม่ชอบใจอยู่ดี

“พี่บอกแล้วไงว่านั่นมันแค่การแสดง และพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา เขาเป็นเพื่อนร่วมงาน ผู้กำกับสั่งคัตก็คือจบ”

“ไม่เห็นจะรู้สึกดีขึ้นตรงไหนเลย”

“งั้นพี่จะทำให้ดูว่า ในละครกับชีวิตจริง มันต่างกันยังไง”

“ด...เดี๋ยว พี่จะทำอะไรอ่ะ” จู่ๆผมก็โดนคนตรงหน้าล่วงมือเข้ามาในเสื้อผ้า

“ก็ทำให้ดูไง” ทันใดนั้นสายตาพี่ฮันเตอร์เปลี่ยนไปแบบไม่เหมือนเดิมเลย เหมือนเสือที่กำลังจะกินเหยื่อตัวเล็กๆ

“น...ไหนบอกว่าคืนนี้ไม่ใช่เหรอ” ผมพยายามขัดขืน “นี่มันเพิ่งจะเลิกเรียนเองนะ”

“หุบปากไปเถอะน่า”

“อื๊อ!” ปิดปากของผมทำไม

อะไรของพี่ฮันเตอร์กัน จู่ๆก็เปลี่ยนไปอย่างกับเป็นคนละคน

“อื้ออออ” ผมได้แค่ร้องเพราะตกใจเมื่อเห็นเสื้อของผมถูกดึงจนกระดุมกระเด็นหลุดออกไปหมด

“ทนมานานแล้ว คราวนี้แหละ จะเอาให้ไม่ยั้งเลย” คำพูดแบบนี้ออกมาจากปากของคนสุภาพแบบพี่ฮันเตอร์ได้ยังไงกัน

เสียงลมหายใจของคนหื่นกระหายรินรดไปทั่วผิวกายของผม พี่เขาจู่โจมผมอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่มือก็ปิดปากของผมไว้ไม่ให้ส่งเสียง

“นั่งลงไป” คราวนี้อะไรอีกล่ะ

“อ...อะไร” ผมตาค้างเลยที่ถูกบังคับให้ลงไปนั่งมองดุ้นใหญ่สีชมพูของคนตรงหน้า

“บอกว่าอย่าพูดมากไง” พี่เขาเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิมซะอีก “อ้าปาก!”

“เอ๊ะ!”

“ก็บอกให้อ้าปากไง”

“ทำไมต....อั๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

ทันทีที่ผมเปิดปากออกก็ถูกดุ้นแข็งอันใหญ่กระแทกเข้าใส่ในปาก

“อั๊กๆๆๆๆ”

มันเข้าไปลึกมากจนเกือบถึงคอหอยเลย

“อ่าาาาาา ใช่ ใช่ แบบนี้แหละที่ต้องการ” พี่ฮันเตอร์ร้องครางออกมาอย่างพึ่งพอใจ

แต่ผมนี่ซิ โดนลวงคอจนจะอ้วกอยู่แล้ว

“......แฮ่กๆๆ” แล้วในที่สุดผมก็ทนต่อไปไม่ไหว ต้องละปากออกมาเพราะอาการสำลัก

“จะคายออกมาทำไมเล่า ดุ้นพี่ใครๆก็อยากกินทั้งนั้นแหละ เอาเข้าปากไป” นี่ไม่ใช่การเชิญชวน แต่เป็นการบังคับ คราวนี้ผมถูกจับหัวกดเข้าใส่ท่อนเอ็นแข็งอย่างเต็มแรง

“อั๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

นอกจากจะจับหัวผมไว้แล้ว พี่เขาก็ยังโยกบั้นเอวเพื่อดันดุ้นนั้นใส่ปากของผมไม่หยุด



เอ๊ะ!!

มีน้ำอะไรเค็มๆมันๆไหลอยู่ในปากของผมก็ไม่รู้



“อ่าาาาาา แตกจนได้” อะไรนะ! น้ำกามของพี่ฮันเตอร์เองหรอกเหรอ จะไปแล้ว คายออก ต้องคายออก “จะคายออกมาทำไม! กลืน! กลืนเข้าไปให้หมด”

“ต...แต่ผม....อื้ออออ!!!” ผมถูกปิดปากบังคับให้กลืนทุกอย่างลงไป

“มานี่” จากนั้นผมก็ถูกดึงให้ลุกขึ้น ก่อนจะถูกเหวี่ยงอีกครั้งจนต้องไปนอนกลิ้งอยู่บนเตียง “คิดว่าจะจบแล้วเหรอ”

“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อนครับ” ผมเริ่มกลัว “ย...อย่าทำอะไรผมเลยนะ”

“อะไรกัน ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีซะหน่อย เดี๋ยวจะพาขึ้นสวรรค์เลยค่อยดูซิ”

“ม...ไม่นะ ผมยัง... โอ๊ยยย อูยยยยยยย อ๊อยยยยยยยยยยย” ผมครางเสียงดังออกมาเพราะตกใจ แต่ไม่นานก็รู้สึกแตกต่าง

ภาพสุดท้ายที่เห็นคือพี่ฮันเตอร์เอาหน้าซุกเข้าไปที่บั้นท้ายของผม จากนั้นผมก็รู้สึกทั้งจั๊กจี้ ทั้งขนลุก ทั้ง...ล่องลอย

“อ๊าาาาาาาาาาา” ผมร้องไม่หยุด ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต

“ชอบใช่ไหม”

“..............” ในเวลาแบบนี้ใครมันจะไปกล้าพูด

“ถามว่าชอบใช่ไหม!!!”

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา ค...ครับ ชอบครับ ช...ชอบครับ” ร่องแคบของผมถูกจู่โจมอย่างหนักอีกครั้งพร้อมกับที่จุดเสียวตรงกลางก็ถูกมือใหญ่ๆของพี่เขาล้วงมือมาขย้ำ



เอ๊ะ!

จะทำอะไรอีกน่ะ



“ต้องเปิดช่องกันซะหน่อย”

หมายความว่าไง

เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวซิ นั่นกำลังจะเอานิ้วสอดเข้าไป.....

“อ๊า!!” ผมถูกนิ้วของคนหื่นกระหายสอดใส้เข้าไปในร่องแคบอย่างรวดเร็ว

“ท่าทางจะฟิตแฮะ” พี่เขาเอาแต่มองไปที่ก้นของผมอย่างกับว่ามันเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทุกวัน “แบบนี้คงยังไม่พร้อมเท่าไหร่ เอางี้ละกัน”

“อ๊อยยยย อ๊อ... งืออออออออออออ” จะไม่ให้ผมครางได้ไงละ ก็ถูกนิ้วมือสวนเข้าไปข้างในทั้งเร็วทั้งแรงแบบนั้น ตัวผมนี่บิดเป็นงูเลย

“อืม น่าจะพอใช้ได้แล้ว” อะไรใช้ได้วะ “ลุกขึ้นมานี่”

 “ป...ไปไหน” ไปไหนอีกอ่ะ พี่จะรุนแรงเกินไปแล้วนะ

“โน่นไง” นี่ไม่ใช่การชี้บอกนะ แต่เป็นการใช้มือรวบเส้นผมเพื่อบังคับให้ผมหันหน้าออกไปมองบรรยากาศนอกระเบียง “จะพาขึ้นสวรรค์แล้วก็ต้องดูอะไรสวยๆงามๆข้างนอกซิ”



ใครจะไปอยากดูอะไรตอนนี้กัน....

ต้องหาอะไรยันตัวเองไว้ก่อน

ผมใช้มือยันกับกระจกระเบียบไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงจากท่ายืน



“ใช่ แบบนั้นแหละ ก็เป็นงานนี่หว่า” นั่นคำชมเหรอ “เอาละนะ รับรองว่าอร่อยติดใจ”

ติดใจอะไรอ่ะ

“เอ๊ะ จะใส่เข้ามา..... โอ๊ยยยยย!!!” ทำไมต้องรุนแรงขนาดนี้ด้วยนะ

พี่ฮันเตอร์เล่นเสียบดุ้นแข็งเข้ามาทั้งอย่างนั้นเลย ทั้งเจ็บทั้งจุกเลย รู้สึกเหมือนตัวจะขาดออกจากกันยังไงก็ไม่รู้

“อ๊าาาาาา” พี่ทำเสียงหื่นเกินไปแล้วนะ “แช่ไว้ก่อน แช่ไว้ อ๊าาาาาา”

“ผ...ผม...ผมจุก” ผมสารภาพ

“แป๊บเดียว เดี๋ยวก็หายน่า หลังจากนี้จะชอบใจจนต้องขอแรงๆเลยแหละ”

“พี่พูดอะไรของ..... อ๊อยยย” นั่นไง เริ่มจนได้ พี่ฮันเตอร์เริ่มเขย่าบั้นเอวของตัวเองแล้ว “โอ๊ย...อ....โอ๊ย พี่... ผม...โอ๊ย”

“จะพูดอะไร”

“ผม....จ....โอ๊ย” แปลกแฮะ มีความรู้สึกแปลกๆเพิ่มเข้ามา ถึงจะยังเจ็บแต่กลับรู้สึกดีคล้ายการดึงเซี่ยนออกจากเท้า

“ทำไม จะพูดอะไรไหนว่ามาซิ.... อ๊าาาาาา เสียว ได้เปิดซิงนี่มันสุดยอดจริงๆ”

“อื้อ...อื้อ....อื้อ....อื๊อ อื๊อ อ๊ะ อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“ครางเก่งเหมือนกันนิ ไหนบอกว่าจุกไง เสียวแล้วใช่ไหมล่ะ แล้วแบบนี้ละชอบไหม”

จะอะไรอีก แค่นี้ก็เสียวซ่านไปหมดแล้ว

“อูยยย อ๊าาาาาา อื้มมมมมม” ทั้งที่เบื้องหลังของผมยังถูกกระแทกดุ้นเข้าออกไม่หยุด พี่ฮันเตอร์ก็ยังสู้อุตส่าห์จับตัวผมเข้าไปใกล้เพื่อใช้ลิ้นละเลงที่ยอดเนินหน้าอก “พ...พี่ อ๊ะ พี่ฮัน....เตอร์ อ๊ะๆๆๆๆๆ ผม...ส....ผม....ส..... งื้อออออ”

“จะพูดก็พูดซิ เอาแต่ครางอยู่ได้ ฟังไม่รู้เรื่อง”

“อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆ” ใครมันจะไปพูดได้วะ โดนกระหน่ำอยู่แบบนี้

“จะขมิบแรงทำไมล่ะ อ๊าาาาา บอกว่าอย่าชมิบไง”

“อ๊ากกก อะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะ” ให้ตายซิ ทนไม่ไหวแล้วนะ "อ่าาาา...า...า....ซ"

“อ้าว! น้ำเยิ้มออกมาแล้วเหรอ”

“ไม่ต้องพูดได้ไหม” ผมสุดจะทนกับการพูดถึงเรื่องเซ็กส์อย่างเปิดเผยของไอ้คนบ้ากาม

“กล้าว่าพี่เหรอ ห๊ะ!!”

“โอ๊ยยยย ไม่ได้.... อูยยย อ๊าาาาาา อ๊าๆๆๆๆๆๆ” อะไรกันล่ะ สุดท้ายไม่ว่าจะทำอะไรก็โดนอยู่ดีไม่ใช่เหรอ

ผมโดนจู่โจมอีกระลอก



..................น...นี่มันกี่นาทีแล้วเนีย นานเกินไปแล้วนะ ต่อมความรู้สึกก็เริ่มจะรับไม่ไหวแล้วด้วย



“พ...พี่ฮันเตอร์ อูย ผ...ผมไม่....”

“อย่ามาพูดว่าไม่ไหวนะ” เอ๋? เอาแต่ใจชะมัด “รู้ไหมว่าพี่ต้องอดทนมาตั้งแค่ไหน ไม่ว่ายังไงก็....”



ติ๊ดๆๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆๆ

เสียงนาฬิกาปลุกงั้นเหรอ



“หมดเวลาแล้วเหรอ น่าเบื่อจัง” พี่ฮันเตอร์มีสีหน้าผิดหวัง “พี่มีคิวงานต้องถ่ายซีรีส์ คงหมดเวลาสนุกแล้วล่ะนะ”

“ส...สนุกอะไรของ...พี่ล่ะ” ผมบ่น “แล้วไหงยัง...ไม่หยุด....อีกล่ะ อูย น...ไหนบอก ว...ว่าหมดเว...ลาแล้วไง”

“ถ้าอย่างนั้น...” เอ๊ะ น้ำเสียงพี่ฮันเตอร์เปลี่ยนกลับมาอ่อนโยนและสุภาพเหมือนเดิมแล้ว “พี่ขอเสร็จข้างในเลยได้ไหมครับที่รักของพี่”

“ค...ครับ” เป็นคำขอร้องเรื่องเพศที่อบอุ่นดีแฮะ งั้นก็ไม่ควรจะปฏิเสธซินะ

“งั้นก็....”

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาซ์” กูไม่น่ามีความคิดคล้อยตามเลย โดนจัดหนักจังหวะนี้นี่มัน....

“อ่าซ์ ..... เอาละนะ จะเสร็จแล้ว”

“ผ...ผมด้วย”

และสาม....สอง...หนึ่ง.................... ตูมมมมมม!! (เกิดเป็นโกโก้ครั้น)





“เห้ออออออออ เหนื่อยจังเลยเนาะ”

“ยังจะมีหน้ามาพูดอีก” ผมโวยวายใส่พี่ฮันเตอร์หลังจากนอนพักหายใจไปประมาณสิบห้านาที “ก็พี่เองไม่ใช่เหรอที่ทำนานซะขนาดนั้น กี่นาทีเนีย ห๊า! ค...ครึ่งชั่วโมงเลยเหรอ ผมเพิ่งเคยทำครั้งแรกนะ ไม่ปราณีกันบ้างเลยหรือไง ผมเป็นแฟนพี่นะไม่ใช่ตุ๊กตายาง ถึงจะทำ....อุ๊บ”

ถูกจูบอีกแล้วซิเรา

“พี่มีความสุขมากเลย” พี่ฮันเตอร์พูด “ขอบคุณนะครับ”

“ค...ครับ” เห้อ.... แบบนี้ก็ต้องยอมเท่านั้นแหละนะ

“งั้นพี่คงต้องขอตัวก่อนนะครับ ไม่งั้นได้เข้ากองถ่ายสายจริงๆแน่เลย” พี่ฮันเตอร์ตรวจดูเวลาแล้วก็รีบลุกขึ้นไปแต่งตัวทันที “ซอลใช้ห้องน้ำและเสื้อผ้าของพี่ได้ตามสบายเลยนะครับ ถ้าจะกลับก็อย่าลืมส่งข้อความไปบอกก่อนล่ะ แต่ถ้าจะนอนที่นี่ก็ตามสบายเลยนะ เสร็จงานแล้วจะรีบโทรหานะ บาย...”



เชี่ย

ตอนปู้ยี่ปู้ย่ำกู ทำไมใจเย็นทำอยู่ได้ตั้งครึ่งชั่วโมง พอเป็นเรื่องงานนี่รีบเชียวนะ



เห้อออ

ไปอาบน้ำดีกว่า



“โอ๊ยยยย” ไอ้สัด ทำไมเจ็บจัง

ผมรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัวเลย มันมาเจ็บอะไรตอนนี้ละเนีย

อุบาทชิบหาย ท่าเดินอย่างกับคนพิการเลยกู

โอ๊ยยยยย

ต้องมาทรมานกับอะไรแบบนี้ด้วยงั้นเหรอชีวิตกู



เอ....? ถ้ามีอาการแบบนี้ต้องแช่ในน้ำอุ่นหรือเปล่านะ จะทำให้รู้สึกดีขึ้นและแผลหายเร็ว เหมือนจะอ่านเจอมาแบบนี้

งั้นก็ขอใช้อ่างอาบน้ำอุ่นหน่อยก็แล้วกันนะ..............





เห้อออออออออ

ถึงจะยังเจ็บแต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว แบบนี้ต่อไปคงต้องไปขอเคล็ดลับจากไอ้เพลงแล้วล่ะ ถ้าพี่ฮันเตอร์มีพฤติกรรมการร่วมเพศแบบนี้ สงสัยจะต้องรับศึกหนักอีกนาน





“อีกแล้ว สถานะใหม่ของพี่ฮันเตอร์มาอีกแล้ว” อีกแล้วเหรอ สงสัยผมจะถูกชะตากับผู้หญิงสองคนนี้ มากินข้าวทีไรก็เจอทุกทีเลย

“สถานะที่ว่า ‘กำลังมีความสุข’ ใช่ไหม... ฉันเห็นแล้วล่ะ”

“โอ๊ย ฟินอะแก ต้องหมายถึงพี่ซิลแน่เลย นักล่าแมวน้ำของฉ้านนนน”

“มีข่าวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รู้สึกว่าคนที่พี่ฮันเตอร์ควงอยู่ จะไม่ใช่พี่ซีลแล้วล่ะ”

“ไม่จริงอ่ะ แล้วจะมีใครที่ไหนได้อีก”

“นี่ไง มีข่าวมาว่าช่วงนี้พี่ฮันเตอร์ชอบไปไหนมาไหนก็คนนี้บ่อยๆ”

“ไหนๆ.... เอ...? นี่มันคนที่พี่ฮันเตอร์ดึงออกจากกลุ่มแฟนคลับเมื่ออาทิตย์ที่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“จริงด้วย ก็ว่าแล้วว่าทำไมหน้าคุ้นๆ เหมือนจะเคยเห็นที่ไหน ที่แท้ก็นายเห่ยคนนั้นนั่นเอง”

“มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่พี่ฮันเตอร์จะมาคบกับคนแบบนี้”

“นั่นนะซิ แต่มันก็มีข่าวออกมาตลอดเลยนะ ถ้าคบกับคนแบบนี้ สู้ให้มีแฟนเป็นผู้หญิงยังจะดีซะกว่า ไม่ได้เข้ากันเลย อย่างกับเจ้าชายกับขอทาน”

“แกก็พูดแรงเกินไป”

“แกก็คิดเหมือนฉันอยู่ละซิ”

“แต่แกพูดออกมาก่อนนี่นา”

“นี่ถ้าพี่ฮันเตอร์คบกับนายเห่ยคนนี้จริงๆนะ ฉันจะเลิกกดติดตาม แถมเปลี่ยนไปแอนตี้เลยด้วยซ้ำ”

“ก็จริงนะแก พวกแฟนคลับคงโกรธมากอ่ะ ไปคว้าตัวอะไรก็ไม่รู้มาเดินข้างๆ ไม่รู้จะดึงตัวเองให้ต่ำลงทำไม.... แต่ก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพายเลย ข่าวก็ยังเป็นข่าวอยู่ ยังไม่ได้รับการยืนยันซะหน่อย แถมดูๆแล้ว โอกาสเกิดขึ้นจริงไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นด้วยซ้ำ”

“ก็จริง.... ลองเช็คตารางงานของพี่เขาในช่วงนี้ดีกว่า มีไปออกงานที่ไหนน้า............”





ไม่เหมาะสมเหรอ

เจ้าชายกับขอทาน

ดึงลงมาต่ำอย่างงั้นเหรอ

นี่ผม.................









....................ไม่สมควรได้รับความรักบ้างเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ชีวิตจริง vs ละคร - 05/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-01-2019 21:13:11
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ชีวิตจริง vs ละคร - 05/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 05-01-2019 22:57:36
โถ่หนูลู๊กกกก //ลูบหัว :hao5: :hao5: 

ปล.โหมดซาดิสของดาราที่เบื้องหน้าราวกับเทพบุตรมันช่างน่ากลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ .... :laugh: :laugh: :laugh: :hao6:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ชีวิตจริง vs ละคร - 05/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 06-01-2019 01:20:52
วงวารน้องไม่ต้องคิดมากลูกแฟนคลับก็แค่แฟนคลับไม่ใช่ยืน 1 แบบน้องปล่อยพวกนางเห่าต่อไป  :hao3: :hao3:
ส่วนอิอาร์มกับเพลงนี่นึกว่าจะดราม่าไหงซิทคอมละนี่  :laugh: :laugh:
แต่ฮันโคตรน่ากลัวอะคือพีคหลายตลบสุด  :a5:  o22
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ชีวิตจริง vs ละคร - 05/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 06-01-2019 13:09:56
สงสารน้อง ครั้งแรกก็เจอพี่เล่นหนักเลย
ไลฟ์สไตล์แตกต่างกันเยอะ คู่นี้คงใช้เวลาปรับตัวอีกซักพัก
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... หนึ่งครั้ง vs ร้อยครั้ง - 06/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 06-01-2019 17:03:42
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 8 / ปิดบัง vs เปิดเผย

ความที่ 1 จาก 2 / หนึ่งครั้ง vs ร้อยครั้ง









“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” ผมพูด

“คราวนี้มึงก็รู้แล้วนะว่าทำไมกูร้องไห้” ไอ้แว่นยังคงมีสีหน้าเศร้าสร้อย

“ที่แท้พี่ฮันเตอร์ก็เป็นพวกอารมณ์ทางเพศรุนแรงนี่เอง”

“ไอ้สัดเพลง! มึงโฟกัสอยู่แค่เรื่องนั้นหรือไง มึงต้องสนใจเรื่องที่กูเสียใจอยู่ซิ”

“ล้อเล่นน่า ล้อเล่น” ผมแก้ตัว จริงๆก็โฟกัสเรื่องนั้นมากกว่าจริงๆนั้นแหละ “อะแฮ่ม... เอาเป็นว่าที่มึงเสียใจเนีย เพราะว่าถูกเปรียบเทียบว่าไม่เหมาะสมกับพี่ฮันเตอร์ใช่ไหม”

“ไม่ต้องย้ำมากก็ได้นะ.... แล้วสรุปว่ามึงจะช่วยกูไหม”

“ไอ้เรื่องที่ว่าจะให้ช่วยเปลี่ยนบุคลิกให้น่ะ ไม่ได้ยากอะไรหรอกนะ เพียงแต่....” ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาพูดเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่ไอ้แว่นก็ไม่คิดจะพูดถึงสักเท่าไหร่หรอก “สำหรับคนที่เคยเปลี่ยนตัวเองมาก่อนอย่างกูอ่ะ ขอบอกเลยนะว่ามันไม่มีอะไรคุ้มค่าเลยสักนิด ถ้าย้อนกลับไปได้กูก็อยากที่จะเป็นตัวเองคนเดิม”

“มึงไม่ใช่กู มึงไม่เข้าใจหรอก”

“ใครบอกว่าไม่เข้าใจ ตัวกูเมื่อสี่ห้าปีที่แล้วกับมึงในวันนี้ก็ไม่ต่างกันนักหรอก กูว่ามึงโชคดีกว่ากูด้วยซ้ำที่พี่ฮันเตอร์เขาชอบมึงในแบบนี้ แต่กูน่ะ ไม่ถูกบังคับก็เหมือนต้องทำ ไม่บอกตรงๆก็เหมือนถูกออกคำสั่ง ไม่ดีเลยที่ถูกดึงความเป็นตัวเองออกไป”

“แต่กูก็อยากทำเพื่อพี่ฮันเตอร์นี่นา อย่างน้อยก็ไม่อยากให้พี่เขาอายคนอื่นที่เดินข้างๆกับคนแบบกู”

“เออ กูเข้าใจ เดี๋ยวช่วย”

“จริงนะมึง งั้นเริ่มที่อะ.....”



ตุ๊บ!!

เสียงหนึ่งดังออกมาจากห้องน้ำ



“เอ๊ะ! มีคนอยู่ในห้องน้ำมึงด้วยเหรอ” ไอ้แว่นสงสัย



คนอยู่ในห้องน้ำงั้นเหรอ.....?

เฮ้ยยย!!!!!!!!

ชิบหายละกู ลืมไปเลยว่าไอ้อาร์มซ่อนอยู่ในนั้น



“ม...ไม่มีๆ ไม่ใครในนั้นหรอก” ผมรีบโกหก “คงเป็นของอะไรตกสักอย่างแหละมั้ง”

“จะบ้าเหรอ ของอะไรจะตกเองได้”

“อ...เออ สบู่มั้ง คงเป็นสบู่นั่นแหละ มันร่วงเองเป็นประจำ คือ... กูว่ามึงกลับไปก่อนดีกว่านะ”

“อ้าว ไหนมึงบอกว่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงกูไง”

“ก็ใช่ไง แต่มึงต้อง.... ไปตัดผม ใช่ๆ ไปตัดผมก่อนเลย แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน เดี๋ยวกูไปหามึงถึงห้องเลย มึงรีบไปตัดผมเลยดีกว่านะ จะได้ไม่เสียเวลา” ผมรีบดึงไอ้แว่นออกจากเตียงและพยายามดันมันออกจากห้อง

“แล้วมึงไม่ไปกับกูเหรอ”

“ไม่ต้องหรอก กูไปก็ตัดผมไม่เป็นอยู่ดี มึงคุยกับช่างเลย บอกเขาว่าของทรงผมที่ดูเข้ากับหน้าหน่อย แค่นั้นแหละ”

“แต่ว่า...”

“เอาเถอะน่า เชื่อกู เดี๋ยวกูตามไปนะ ไม่เกินสองชั่วโมง”

“ทำไมถึงนานขนาดนั้นอ่ะ”

“หนึ่งชั่วโมงก็ได้ กู...ขออาบน้ำก่อน ใช่ๆ กูยังไม่ได้อาบน้ำเลย”

“มึงจะไปแน่นะ”

“เออ” ผมดันไอ้แว่นออกจากห้องได้ในที่สุด “อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกัน”

“แน่นะมึง”

“แน่ซิ รีบไปๆ ช่างเขาจะได้รีบตัดผมให้มึง”

“อ...โอเค”

“แล้วเจอกานนน”



เห้อออออ ส่งแขกได้ซะที

คราวนี้ก็ไอ้อาร์ม ผมรีบเปิดประตูห้องน้ำออกมา



“ไอ้อาร์มมมม กูขอโทษ” สารภาพบาปก่อนเลย “กูมัวคุยกับไอ้แว่นจนลืมไปเลยว่ามึงอยู่ในนี้”

“อีกนานแค่ไหนวะ” ไอ้อาร์มพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ก็ขอโทษอยู่นี่ไง กูไม่นึกว่าไอ้แว่นมันจะมีเรื่องเล่ายาวเหยียดขนาดนั้น”

“เปล่า... กูหมายถึง เราต้องทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนวะ ไอ้แว่นก็เพื่อนเรา ทำไมเราสองคนต้องทำอะไรหลบๆซ่อนๆด้วย”

“อ...ไอ้อาร์ม” ทำไมจู่ๆมันพูดออกมาแบบนั้นวะ หรือว่ามันหงุดหงิดที่ถูกลืมไว้ในห้องน้ำ “ก็เราสองคนตกลงเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่เหรอ”

ไอ้อาร์มเดินออกมาจากห้องน้ำในที่สุด แต่ไม่ได้เปลือยแล้วนะ

“น่าอิจฉาจังเลยเนาะ” มันนั่งพูดนิ่งๆบนเตียง “ไอ้แว่นอ่ะ น่าอิจฉา ที่มันสามารถพูดเรื่องของมันกับพี่ฮันเตอร์ได้อย่างเปิดเผย”

“ก็...” ผมพยายามหาข้อมาอธิบาย “สองคนนั้นไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อนนี่นา”

“งั้นเหรอ... เพราะเป็นเพื่อนกัน ก็เลยทำให้เราต้องปิดทุกอย่างไว้แบบนี้เหรอ”

“มันเป็นความต้องการของเราสองคนเองนี่หว่า ตอนแรกกูก็ถึงได้พยายามลืมครั้งแรกที่มึงกับกูมีอะไรกันไง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมารู้สึกแย่ในสถานการณ์แบบนี้ มึงคิดว่ากูไม่รู้สึกแย่เหรอที่ควบคุมความอยากของตัวเองที่มีต่อมึงไม่ได้”

“กู...ขอโทษนะ” ไอ้อาร์มเอื้อมมือมากุมมือของผมไว้ “กูไม่น่าพูดแบบนี้เลย ทั้งๆที่เป็นแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปก็ดีอยู่แล้วเนาะ”

“................” ไม่ต้องมาทำเป็นพูดปลอบใจกูเลย

“งั้นกูว่ากูไปซ้อมแล้วดีกว่า” ไอ้อาร์มลุกขึ้นจากเตียง

“อ้าว แล้วไหนบอกว่าจะทำกับกูอีกรอบนึงไง”

“มึงต้องรีบไปหาไอ้แว่นไม่ใช่เหรอ”

“ก็อีกตั้งเป็นชั่วโมง ไม่เห็นต้องรีบเลย”

“รีบเหอะ ไอ้แว่นรอความหวังจากมึงอยู่นะ ที่สำคัญ กูก็พร้อมเพื่อมึงตลอด ถ้ากูซ้อมเสร็จแล้วจะรีบมาจัดให้มึงเลย”

“แต่ว่า...”

“รีบไปอาบน้ำเถอะ กูอยากรีบเข้าสนามแล้ว ช่วงนี้มัวแต่เอาเวลามาอยู่กับมึงจนเริ่มจะละเลยการซ้อมมากไปหน่อยแล้ว.... เอาน่า กูสัญญาว่าซ้อมเสร็จแล้วจะมาหามึงคนแรกเลย”

“เอา...งั้นก็ได้” ผมรู้สึกหดหู่ยังไงไม่รู้ที่ไอ้อาร์มจะจากผมไปแบบนี้



“เออใช่” ไอ้อาร์มหันมาพูดกับผมก่อนที่มันจะปิดประตูห้อง “ถ้าเป็นกูอ่ะ กูจะไม่บังคับให้มึงเปลี่ยนอะไรเลย กูอยากให้มึงเป็นไอ้เพลงในแบบที่กูรู้จักก็พอ”



แล้วประตูห้องก็ถูกปิดลง



เป็นกูในแบบของกูงั้นเหรอ..................... ทำไมกูกับมึงต้องเป็น ‘เพื่อน’ กันด้วยนะ





“ว้าว ดูดีนี่นา” ผมเอ่ยปากชมไอ้แว่นทันทีที่เจอหน้ามันที่หอพักของมันเอง “ช่างเข้าก็เก่งนะเนียที่ทำให้ผมยุ่งๆของมึงเป็นรูปเป็นทรงได้ขนาดนี้”

“เหรอวะ” ไอ้แว่นดูจะเขินๆกับทรงผมใหม่ของตัวเอง มันก็ไม่ได้สั้นจากเดิมนักหรอก แต่ดูดีมากขึ้น เหมาะกับคนที่อายุยี่สิบ “แต่กูยังรู้สึกแปลกๆอยู่เลย”

“อย่าไปจับนักดิ ช่างเขาอุตส่าห์ทำให้ เสียทรงหมด”

“ก็มันเขินนี่หว่า”

“ถ้าอยากเปลี่ยนบุคลิกตัวเองจริงๆก็เลิกจับได้แล้ว”

“อ...เออ ก็ได้... แล้วนั่นมึงถืออะไรมากด้วยน่ะ”

“เครื่องมือไง เริ่มกันที่คอนเท็คเลนซ์ก่อนเลย”

“ห๊ะ”

“ถ้าอยากจะลืมความเป็นโอตาคุ ก็ต้องถอดแว่นของมึงออกก่อนเลย แล้วค่อยมาลองจับแต่งตัวกันดูอีกที กูเอาเสื้อผ้าของกูมาให้ลองหลายตัวเลย มึงกับกูตัวเท่าๆกัน น่าจะใส่ได้แหละ... แต่ตอนนี้ก็ถอดแว่นตาออกก่อนนะ” ผมดึงแว่นออกมาจากดวงตาของไอ้แว่น แล้วก็นึกสนุกลองสวมแว่นตาของมันมันดู “โอ้โห สายตามึงแย่ขนาดนี้เลยเหรอ ถอดแว่นออกมาที มึงไม่ตาบอดเลยเหรอวะ”

“มึงยังนั่งอยู่ตรงนี้ไหม”

“ยังอยู่ดิ.... อะนี่ ใส่เป็นใช่ไหม เคยใส่ไหมคอนแท็กอ่ะ”

“ก็พอได้อยู่”

“เอ๊ะ เดี๋ยวนะ” ผมเพิ่งมองเห็นใบหน้าของไอ้แว่นที่ไม่มีแว่นตาอันใหญ่และผมที่รุงรังมาปิดบังใบหน้า หน้าขาวใส ตาโต ริมฝีปากชมพู “กูเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ฮันเตอร์ถึงชอบมึง พี่เขาก็ตาแหลมเหมือนกันนะเนี่ย เลือกแฟนหน้าตาน่ารักเชียว”

“พูดอะไรของมึง”

“นี่เคยสังเกตตัวเองบ้างไหมเนีย จริงๆมึงหน้าตาใช้ได้เลยนะ ลองเป็นแบบนี้แค่ปรับเปลี่ยนเสื้อผ้ากับท่าทางการเดินนิดหน่อย ก็ขึ้นมาเป็นตัวยอดได้สบายเลย”

“ตัวยอดอะไรวะ?”

“ภาษาของวงในน่ะ เอาเป็นว่ากูจะทำให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมองมึงจนเหลียวหลังเลยแหละ เอาล่ะ ใส่คอนเท็คได้แล้ว”

“โอเค... เอ่อ ประตูห้องน้ำอยู่ตรงไหนวะ” ไอ้แว่นคลำหาทางเดิน

“ข้างหลัง นี่มึงเว่อไปไหม ตาบอดจริงๆแล้วหรือไง”



ไอ้แว่นเดินอย่างระมัดระวังเข้าไปในห้องน้ำ



“ไอ้เพลง” ไอ้แว่นเรียกจากในห้องน้ำ

“ว่า?” ผมขานรับ

“มึง...เอ่อ...มึงทำยังไงวะ ถึงสามารถมีเซ็กส์ถี่ๆได้อ่ะ”

“ห๊ะ!?.... อ๋อ ถามเผื่อตัวเองละซิ จะเอาไว้ใช้กับพี่ฮันเตอร์อะดี๊”

“ช่างกูเหอะน่า”

“เอาจริงๆเลยก็ไม่มีอะไรมาก ระหว่างที่กำลังทำภารกิจก็อย่าไปเกร็งมาก ปล่อยสบายๆ แต่ไม่ใช่สบายตลอดเวลา เกร็งเบาๆขณะ...”

“โอ๊ยยย มึงต้องพูดละเอียดขนาดนั้นเลยหรือไง”

“อ้าว ก็มึงถามเองนิ แหมมม แต่ก่อนกูเห็นมึงชอบให้กูเล่าแบบละเอียดไม่ใช่เหรอ พอเสียตัวให้พี่ฮันเตอร์หน่อยแล้วทำเขินเชียวนะ”

“ไม่ใช่ซะหน่อย มึงเล่าอ้อมๆหน่อยก็ได้”

“เออๆๆ แต่เห็นมึงบอกว่าหลังจากทำอะไรกับพี่เขาแล้วมึงแช่น้ำร้อนใช่ไหม นั่นอะถูกแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีก็อย่าลืมแช่น้ำเย็นต่อด้วย ระหว่างวันก็บริหารกล้ามเนื้อก้นตลอด....”

“ก้นมันบริหารได้ด้วยเหรอวะ”

“ก็คือการขมิบไง”

“ก็บอกว่าอย่าพูดตรงเกินไปไง” ไอ้แว่นออกมาจากห้องน้ำในที่สุด

“แล้วจะให้กูอธิบายว่ายังไง ขมิบนี่แหละ เข้าใจง่ายที่สุดแล้ว... มานี่มา มาลองดูเสื้อผ้าหน่อยซิ”



ไอ้แว่นยืนนิ่งเป็นหุ่นให้ผมลองชุดที่เตรียมมา



“แล้ว...” ไอ้แว่นเปิดปากอีกครั้ง “นอกจากขมิบแล้ว มีวิธีอื่นอีกไหม”

“ไอ้สัด แล้วก็ทำเป็นเหนียม” ผมด่า “เคล็บลับสำคัญที่กูใช้นอกจากนี้ก็มีอีกสองสามข้อ ต้องพยายามกินผักเยอะๆเพื่อให้มีการขับถ่ายอย่างเป็นปกติ และก็ออกกำลังกายสม่ำเสมอ”

“มึงออกกำลังกายด้วยเหรอ”

“แน่นอนซิ ถึงกูจะไม่ได้ซ้อมกีฬาหนักๆเหมือนไอ้อาร์ม แต่กูก็ทำโยคะเกือบทุกวันนะ หรือถ้าไม่มีเวลาจริงๆก็ทำกายบริหารอย่างง่ายก็ได้ อืมมม แต่เอาเข้าจริงๆ ที่ช่วยได้มากที่สุดเลยก็คงเป็น....”

“อะไรวะ”

“คนที่เรามีอะไรกับเขาด้วยไง ตราบเท่าที่เรารู้สึกดีต่อเขา ไม่ว่าจะทำเรื่องอย่างว่าสักกี่ร้อยครั้ง ยังไงมันก็...........มีความสุข”

“มึงทำหน้าอย่างกับเจอคนแบบนั้นแล้ว”

“ห๊ะ”

“ก็หน้ามึงมันฟ้องอ่ะ แต่กูคงเข้าใจผิดเองมั้ง เพราะมึงไม่เคยมีอะไรกับใครเกินกว่าหนึ่งครั้งอยู่แล้ว”

“อ...เออ ก็แบบนั้นแหละ”



ไม่ว่าจะทำสักกี่ร้อยครั้ง ก็มีความสุขอย่างนั้นเหรอ...............





“เฮ้ยยยย นี่มันไอ้แว่นเพื่อนกูจริงๆเหรอวะ” ไอ้อาร์มประหลาดใจทันทีที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของไอ้แว่น “หน้าตาจริงๆของมึงก็น่ารักดีนี่หว่า”

“เห็นไหม กูบอกแล้วว่าใครๆก็ต้องพูดแบบนี้” ผมยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูดก่อนหน้านี้ให้ไอ้แว่นฟัง

“แล้วมึงคิดยังไงวะไอ้แว่น ถึงได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้” ไอ้อาร์มทำทีว่าไม่เคยรู้สาเหตุมาก่อน

“คือตอนนี้กู...คบกับพี่ฮันเตอร์อยู่อ่ะ” เชรดโดโกโก้ครั้นช์ ไอ้แว่นมึงพูดออกมาตั้งแต่คำถามแรกเลย

“พี่ฮันเตอร์ที่เป็นพี่รหัสของมึงอะนะ” ไอ้อาร์มยังตีเนียนถามต่อ

“อืม...” เออ กูยอมมึงแล้วไอ้แว่น ตอบตรงไม่มีปิดบังอะไรเลย “ว่าแต่... มึงไม่แปลกใจบ้างเหรอว่าทำไมกูถึงไปคบกับผู้ชาย”

“อ...อ๋อ เอ้ย! กูต้องแปลกใจดิ” มึงไม่เนียนตรงนี้แหละไอ้อาร์ม “แต่ถ้าดูจากทรงของมึงในวันนี้แล้วก็... ไม่แปลกใจหรอกที่จะมีผู้ชายมาชอบมึง ก็น่ารักซะขนาดนี้”

“อะแฮ่ม” มึงจะชมไอ้แว่นมากเกินไปแล้วนะไอ้อาร์ม กูยังยืนอยู่ตรงนี้นะ

“ต...แต่ก็น้อยกว่าไอ้เพลงนิดนึงอะนะ” รีบแก้ตัวเชียวนะมึง

“เออ กูรู้ว่ากูสู้กับไอ้เพลงไม่ไหวหรอก” ไอ้แว่นบอก

“แล้ว... ทำไมพวกมึงมาที่นี่อ่ะ จะมาดูกูซ้อมรักบี้เหรอ”

“เปล่า” ผมปฏิเสธ “แค่อยากให้ไอ้แว่นมันมาโชว์ความเปลี่ยนแปลงหน่อย ถ้าเกิดว่าเพื่อนสนิทในกลุ่มยังบอกว่าดูดี แสดงว่ากูประสบความสำเร็จ”

“ไม่ต้องมาอ้างกูเลย” ไอ้แว่นค้าน “มึงนั่นแหละคะยั้นคะยอให้กูมาที่นี่เป็นเพื่อน”

“ม...ไม่ใช่ซะหน่อย กูจะให้มึงมาอวดความเปลี่ยนแปลงจริงๆ”

“แต่ก็ขอให้กูอยู่ดูไอ้อาร์มซ้อมจนจบเนี่ยนะ” ไอ้แว่น มึงพูดมากเกินไปแล้วนะ “ถ้ารักบี้อะไรนี่ไม่สนุกอย่างที่มึงโม้ให้ฟังจริงๆ กูจะด่าให้ดู”

“ห...เฮ้ย กูพูดอย่างงั้นที่ไหนกันเล่า แค่บอกว่าไหนๆก็มาแล้ว ก็ดูไอ้อาร์มซ้อมหน่อยละกัน”

“ตอนนั่งรถมามึงไม่ได้พูดแบบนี้เลย”

“พูดดิ มึงฟังผิดเอง.....”

“โอเคๆ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว” ไอ้อาร์มแทรก “เอาเป็นว่า กูเห็นแล้วว่าไอ้แว่นเปลี่ยนไปจริงๆ และ ถ้าพวกมึงจะนั่งดูกูซ้อมก็ได้ ตามใจ”

“อ๋อใช่” ไอ้แว่นนึกขึ้นได้ “วันนี้พวกเราไปดื่มกันเหอะ ไม่ได้ร่วมโต๊ะกันนานแล้วนะ”

“อืม นั่นซิ” ผมเห็นด้วย แต่... จะไม่เมาเป็นหมาเหมือนวันนั้นอีกแล้ว

“โอเค ได้” ไอ้อาร์มตอบตกลง

“งั้นก็ถึงเวลาที่มึงสองคนต้องขึ้นเตียงแล้วอะดิ” หึ! ทำไมไอ้แว่นพูดแบบนั้นวะ มันรู้เรื่องของผมกับไอ้อาร์มแล้วเหรอ “อ้าว ทำไมพวกมึงทำหน้าตกใจกันขนาดนั้นวะ ลืมไปแล้วเหรอว่า มึงต้องไปถวายตัวให้เจ๊แคชเชียร์ ส่วนไอ้เพลงก็อาจจะขอเข้าร้านเหล้าด้วยสิทธิพิเศษครบห้าสิบครั้ง”

““กูว่าเปลี่ยนร้านดีกว่า”” กรรม! ผมกับไอ้อาร์มประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกันเลย

“อะไรของพวกมึงสองคนเนี่ย พูดพร้อมกันเชียว” ไอ้แว่นแปลกใจ “มีปัญหาอะไรกับร้านนั้นวะ”

“ป...เปล่า กูแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” ดีมากไอ้อาร์ม หาข้ออ้างไปอย่างนั้นแหละ

“แต่ที่ๆมีโต๊ะว่างให้เราเสมอ มันมีแค่ที่นั่นนะเว้ย”

“กู...ก็คิดว่าอยากเปลี่ยนร้านเหมือนกัน” ผมรีบสนับสนุน

“อะไร มึงก็ด้วยเหรอไอ้เพลง พวกมึงสองคนทำตัวกันแปลกๆนะ”

“แปลกอะไร ไม่แปลก กูก็แค่....” จะอ้างว่าไงดีวะ “อยากเปลี่ยนร้าน แล้วก็... อ๋อ ใช่ กูไม่อยากให้ครบห้าสิบครั้งไง ขืนครบห้าสิบครั้งขึ้นมาจริงๆ ก็หมายความว่ากูต้อง... เออ นั่นแหละ กูไม่อยากจะเสียเจตนารมณ์ของตัวเอง”

“แล้วมันจะมีร้านไหนที่มีโต๊ะให้มึงวะ ร้านเหล้าเดี๋ยวนี้ต้องจองข้ามวันนะ”

“กูว่าคงต้องมีแหละ เอาเป็นว่ากูตัดสินใจแล้วว่าจะไปร้านใหม่” เมื่อไอ้อาร์มไม่สามารถหาข้ออ้างได้แล้ว มันจึงเลือกที่จะเอาแต่ใจไปเลย “แต่ยังไงก็ต้องรอกูซ้อมเสร็จก่อนอยู่ดี... งั้นพวกมึงสองคนก็นั่งดูอยู่ตรงนี้แหละ กูไปซ้อมต่อแล้วนะ... เออ ไอ้เพลง ช่วยกูยกผ้าเย็นไปแจกนักกีฬาหน่อยดิ”

“โอเค ได้” อันนี้เคยทำ ไม่ยาก แล้วก็จะได้หาเรื่องออกห่างจากไอ้แว่นก่อนด้วย ก่อนที่มันจะสงสัยอะไรไปมากกว่านี้



ผมกับไอ้อาร์มช่วยกันยกกระติกน้ำไปแจกให้นักกีฬาที่กำลังรอซ้อมต่อในช่วงครึ่งหลัง



“ที่ไม่ไปร้านเดิมเพราะมึงหึงกูใช่ไหมล่ะ” จู่ๆไอ้อาร์มก็พูดขึ้น

“ห...หึงพ่อมึงดิ” อย่ามาทำเป็นยิ้มมุมปากแบบรู้ทันกูนะ “กูก็บอกแล้วไงว่ากูไม่ชอบกลิ่นผู้หญิงที่ติดตัวมึง”

“เออ กูก็ไม่อยากให้มึงมีกลิ่นผู้ชายคนอื่นติดตัวเหมือนกัน” นี่มึงกล้าหว่านเสน่ห์ใส่กูเหรอ “ขอบใจนะที่มาดูกูซ้อม”

“ก็บอกว่าพาไอ้แว่นมาให้มึงดูไง” ผมเถียง

“โอเค... ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ก็ขอบใจอยู่ดีนั่นแหละ”



“พี่อาร์ม พี่อาร์ม” เด็กหนุ่มร่างท้วมและค่อนข้างเตี้ย วิ่งเข้ามาหาไอ้อาร์ม

“มีไรวะแน็ต” ไอ้อาร์มถาม

“วันนี้พี่สองไม่มาซ้อมอ่ะพี่ โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย โค๊ชอยากรู้ว่าพี่สองหายไปไหน”

“อ้าว มึงมาถามกูแล้วกูจะไปถามใครอ่ะ”

“ก็พี่เป็นกัปตันทีมนี่นา”

“ใช่ กูรู้ แต่กูอยู่ในสนาม ส่วนมึงอยู่นอกสนามและเป็นคนดูแลทีมด้วย ก็หาวิธีแก้เองดิ”

“อ้าว แล้วผมจะไปบอกโค๊ชยังไงอ่ะ”

“คิดเอาเองดิ ไปๆๆๆ ไปหาทางทำให้ไอ้สองรับโทรศัพท์ให้ได้ บอกมันว่าถ้าไม่รับสาย กูจะให้มันเอาชุดนักกีฬาไปซักเดือนนึง”

“ครับ... เอ้ย! ก็เขาไม่รับสายผม แล้วผมจะบอกเขาแบบนั้นได้ไงล่ะ ผมเครียดนะพี่ ยังจะมาเล่นมุกอีก โค๊ชจะสั่งให้ผมลงซ้อมแทนพี่สองอยู่แล้วเนีย”

“เอ่อ.... งั้นลองโทรไปหาคนที่ชื่อหมิว เบอร์อยู่ในเครื่องนั่นแหละ ให้เมียมันตามให้ละกัน”

“อ...โอเคพี่.... อ่อ ยังไม่ได้ขอบคุณพี่เรื่องที่ให้ผมลาพักในวันซ้อมใหญ่ครั้งก่อนเลย ถึงจะงงๆที่พี่บอกให้ผมลาหยุดทั้งๆที่เป็นวันสำคัญ แต่ก็ขอบคุณนะพี่”

“พ...พูดมาก ไปได้แล้ว เร็ว รีบไปจัดการธุระของมึงเลย”



“เดี๋ยวนะไอ้อาร์ม...” ผมทักท้วง

“เฮ้ย กูถึงเวลาซ้อมแล้วอ่ะ ไปลงสนามก่อนนะ”

ไอ้สัดอาร์มมมม ที่แท้ก็เป็นแผนของมึงนี่เอง มึงหลอกว่าคนดูแลทีมไม่มา แต่จริงๆแล้วมึงบอกให้เขาลาพักเองหรอกเหรอ

เดี๋ยวเถอะมึง กูจะ.... จะทำอะไรได้บ้างวะ มีแต่มันต่างหากที่ทำผมตลอด



ยิ่งผ่านไปนานขึ้น ทำไมยิ่งรู้สึกว่าตัวผมเป็นเหมือนหมากในกระดานของไอ้อาร์ม หรือว่าจริงๆแล้ว...........







.............ทุกอย่างถูกวางแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... หนึ่งครั้ง vs ร้อยครั้ง - 06/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-01-2019 20:45:30
แผนสูงสินะอาร์์ม
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... มีแฟนแล้ว vs ยังโสด - 07/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 07-01-2019 17:13:54
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 8 / ปิดบัง vs เปิดเผย

ความที่ 2 จาก 2 / มีแฟนแล้ว vs ยังโสด









“อ้าว หวัดดีครับพี่ฮันเตอร์” ผมกล่าวทักพี่ฮันเตอร์หลังจากเดินกลับมานั่งที่เดิม มายังไงละเนีย แต่ก็พอเดาได้อะนะ “ไอ้แว่นชวนมาเหรอครับ”

“เปล่าหรอก” พี่ฮันเตอร์ปฏิเสธ “พี่ถามซอล พอรู้ว่าซอลอยู่ที่สนามรักบี้ ก็เลยมาหา...... คิดถึง”



เชรดครกนรกภูเขาไฟ

พูดกันตรงๆแบบนี้เลยเหรอ เปิดเผยกันจังนะ ทั้งผัวทั้งเมียเลย



อ๋อใช่ มีเรื่องนึงที่ต้องพูดกับพี่ฮันเตอร์นี่นา



“พี่ฮันเตอร์ครับ” ผมเรียก

“ครับ ว่าไง”

“เรื่องที่ผมฝากไอ้แว่นไปบอกชอบพี่ คือผม....”

“อ๋อ เรื่องนั้นอะเหรอ พี่ไม่ถือสาหรอก”

“คือผมไม่รู้ว่าพี่แอบชอบไอ้แว่นอยู่อ่ะ”

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ แต่ตอนนี้น้องก็คงเลิกชอบที่แล้วละมั้ง ก็มีเจ้าของแล้วนิ”

“ห๊ะ! ผมเนี่ยนะมีเจ้าของ”

“อ้าว ก็คนที่ยืนคุยกันตรงนั้นไง ไม่ใช่แฟนของน้องเหรอ”

หือออออ!!

“พี่พูดถึงไอ้อาร์มอะเหรอ... นั่นมันเพื่อนผม”

“เพื่อน? แค่เพื่อนเหรอ พี่ดูแล้ว ไม่เหมือนว่าเป็นแค่เพื่อนกันเลยนะ”

พี่เห็นอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ



“มันสองคนเป็นเพื่อนกันจริงๆ” ไอ้แว่นช่วยแก้ต่างให้ “ปกติพวกมันก็กระนุ้งกระนิ้งกันแบบนี้ประจำนั่นแหละ แต่ไม่มีอะไรหรอก”

“งั้นเหรอ” เหมือนพี่ฮันเตอร์จะไม่ค่อยเชื่อ

อันตรายแฮะ ต่อไปจะทำอะไร คงต้องระวัง ห้ามมีพิรุจต่อหน้าพี่ฮันเตอร์

“งั้นพี่ถามอะไรน้องหน่อยซิ” พี่เขายังมีคำถามกับผม

“อะไรเหรอครับ”

“จะมีใครบอกพี่ได้ไหมว่าทำไมน้องซอลของพี่ถึงได้กลายเป็นคนนี้”

“คนไหนเล่า?” ไอ้แว่นโวยวายก่อนเลย “ก็แค่เปลี่ยนไปนิดหน่อยเอง”

“แบบนี้พี่ไม่เรียกว่านิดหน่อยนะ”

“แล้วดีขึ้นไหมครับ” ผมถาม

“ก็...” พี่ฮันเตอร์มองแฟนตัวเองแบบพิจารณาแต่ก็มีความมึนงงในสายตา “ก็ดีครับ”

“'ก็ดี' แค่นั้นเองเหรอ” ไอ้แว่นหดหู่อย่างเห็นได้ชัด

“ด...ดีครับ ดีมากเลย” พี่ฮันเตอร์รีบพูดแก้ “ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไง ซอลก็น่ารักสำหรับพี่เสมอแหละ”



แหวะ

กูอ้วกได้ไหมเนีย ผมยังนั่งอยู่ตรงนี้นะพี่ จะหวานก็เพลาๆหน่อย



“ขอบคุณนะครับ” ไอ้แว่นกดสวิทช์เปลี่ยนเป็นยิ้มร่า “ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ นึกว่าพี่ฮันเตอร์จะไม่ชอบซะแล้ว”

“มั่นใจไว้เพื่อน” ผมตบไหล่ไอ้แว่น “แล้วคืนนี้พี่ฮันเตอร์จะไปดื่มกับพวกผมไหมครับ”

“มีดื่มกันด้วยเหรอ?” พี่ฮันเตอร์ถาม

“ใช่ครับ พวกผมสามคนไปกันหมดเลย”

“ซอลก็ไปด้วยเหรอ”

“ไปครับ” ไอ้แว่นตอบ

“งั้นไป” โอ้โห ตอบเร็วได้ใจมาก



ผม ไอ้แว่น และพี่ฮันเตอร์ ยังคงพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ ระหว่างดูการซ้อมอยู่ข้างสนาม

คือ... จะพูดยังไงดีล่ะ ผมไม่ได้มีสมาธิกับการพูดคุยเท่าไหร่หรอก ยังไงสันดานเก่ามันก็แก้ไม่หาย อารมณ์กำหนัดของผมน่ะมันไม่เลือกเวลาหรอก แต่ดีหน่อยที่ผมอุ่นใจได้ว่าคืนนี้ผมคงได้รับการบำบัดแน่ๆ จากไอ้คนที่ผมนั่งมองมันอยู่นี่แหละ

ทั้งๆที่หยุดซ้อมไปช่วงนึงเพราะโดนหมากัด แต่ก็ไม่ทำให้ฟอร์มของไอ้อาร์มตกเลย ยังเป็นตัวหลักในการเล่นรักบี้อยู่เสมอ

ไอ้อาร์มในชุดรักบี้ เสื้อรัดรูปเล็กน้อย กางเกงขาสั้น มีเหงื่อท่วมตัว และจังหวะการเคลื่อนไหวร่างกายที่สวยงาม ยังไงซะก็ต้องยอมรับว่าเป็นภาพที่น่าดู ตลอดการนั่งดูการซ้อม จุดโฟกัสสายตาของผม เล็งไปที่มันคนเดียวเลย.....หล่อ เท่ หุ่นดี แข็งแรง น่าหลงใหล

เห้ออออออ อยากให้ถึงช่วงเวลาบนเตียงเร็วๆจัง





“อันนี้คือเขาซ้อมกันเสร็จหรือยัง” ไอ้แว่นหันมาถามผมเมื่อนักกีฬาต่างก็พากันแยกย้ายและค่อยๆหายกันไปทีละคน

“เสร็จแล้ว” ผมตอบ “แต่ตอนนี้พวกนักกีฬากำลังไปอาบน้ำอยู่อ่ะ ต้องรออีกสักพักแหละ ไอ้อาร์มมันเป็นกัปตันทีม ต้องรอให้ทุกคนกลับหมดก่อน”

“โห่ ยังงี้ก็อีกนานอะดิ จะมีร้านไหนเหลือโต๊ะในเรานั่งไหมเนี่ย”



“อ้าว ยังไม่ได้จองโต๊ะกันไว้เหรอ” พี่ฮันเตอร์ถามแทรก

“จริงๆก็มีร้านที่มีโต๊ะจองนั่นแหละ แต่ไอ้เพลงกับไอ้อาร์มไม่ยอมเข้า” นึกว่าไอ้แว่นจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

“งั้น.... เดี๋ยวพี่จัดการให้” พี่ฮันเตอร์บอก “พี่พอจะหาให้ได้ เดี๋ยวพี่ขอไปโทรจองโต๊ะให้ก่อนนะ”



แล้วพี่ฮันเตอร์ก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์



“เจ๋งโคตรอะมึง” ผมชื่นชมให้ไอ้แว่นฟัง “มีแฟนก็ต้องมีแบบพี่ฮันเตอร์นี่แหละ มึงนี่โชคดีมากเลย”

“อืม พี่เขาเจ๋ง” ไอ้แว่นบอก “แต่กูก็ไม่ได้ชอบความเจ๋งของเขาหรอกนะ กูแค่ชอบเพราะเขาเป็นพี่ฮันเตอร์”

“จ้าาาาาาา ไอ้โลกสวย รักกกกกันให้นานๆนะ กูยินดีกับมึงด้วยที่เจอคนดีๆ”

“ก็ดี ถ้าไม่นับเรื่องบนเตียงอะนะ” แน๊ะ เดี๋ยวนี้มีแอบแซวแฟนตัวเอง



“เป็นไงพวกมึง” ไอ้อาร์มโผล่เข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แว่น “ดูกูซ้อมสนุกไหม”

“ไอ้สัดอาร์ม อย่าเอาตัวมาโดนกูนะ มีแต่เหงื่อ” ไอ้แว่นเตือน “แล้วที่มึงถามอ่ะ กูไม่เห็นว่ามันจะสนุกตรงไหนเลย กีฬาอะไรก็ไม่รู้ ดูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“แล้วมึงอ่ะ หนุกไหม” มันหันมาถามผม

“ห๊ะ” ถามกูเหรอ ไม่รู้ กูมัวแต่ดูร่างกายที่ชุ่มเหงื่อของมึงอยู่ “ก...กูก็ดูไม่เป็นเหมือนกัน”

“มึงเป็นอะไรวะหน้าแดงๆ” รู้แล้วยังจะมาถามอีก



“พี่อาร์ม” มีอีกคนเพิ่มขึ้นมา เป็นเพื่อนนักกีฬาของไอ้อาร์ม กำลังกวักมือเรียกหยอยๆ ห่างออกไปไม่กี่ก้าว

“มีไรวะไอ้ตัส” ไอ้อาร์มเดินไปหาเพื่อน

“คือ...พี่ช่วยแนะนำผมให้คนนี้รู้จักหน่อยดิ” โอ้โห ความเสียงดังระดับนี้ ไม่ต้องเรียกไอ้อาร์มไปหาก็ได้นะ แบบนี้มันตั้งใจจะให้ได้ยินชัดๆ

เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวนะ ผู้ชายคนนั้นสนใจในตัวไอ้แว่นเหรอ แบบนี้ก็แสดงว่าการปรับเปลี่ยนไอ้แว่นให้ดูดีขึ้นก็ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามอะดิ

เก่งเหมือนกันนะกู

“ไอ้สัด เขามีแฟนแล้ว” ไอ้อาร์มด่าน้องร่วมทีม “เขาก็นั่งคุยกันอยู่เมื่อกี๊ไม่เห็นหรือไง”

“อ้าวเหรอ” เป๊กไปนะจ๊ะพ่อหนุ่ม “แล้วคนนั้นล่ะ?”

เฮ้ย! ไหงเปลี่ยนมาเป็นกูได้ล่ะ

“พ่อมึงตาย” ไอ้อาร์มด่าทันที “ไม่ได้โว๊ย!!”

“อ้าว ทำไมอ่ะ เขาก็มีแฟนแล้วเหรอ”

“ก...ก็...ก็ยังหรอก”

“ถ้ายังโสด งั้นพี่ก็แนะนำให้ผมหน่อยดิ พี่ก็รู้นี่หว่าว่าผมชอบแบบนี้”

“ไม่แนะนำเว้ย” อ้าว โวยวายซะงั้น “ไปไหนก็ไปเลยมึงอ่ะ อย่ามายุ่งกับเพื่อนกู ไม่ได้คนนี้ก็จะเอาคนนั้น อะไรของมึงวะ ถ้าว่างมากก็ไปซ้อมโยนลูกให้มันแม่นๆเลยไป”

“อ้าว อะไรวะพี่ ด่าผมเป็นชุดเลย”

“กูบอกให้ไปไง ไปอาบน้ำได้แล้ว ไป”

“เออๆๆ ก็ได้ แค่นี้ก็ทำให้น้องไม่ได้ โด่...”



แล้วไอ้อาร์มก็เดินกลับมานั่งอย่างหัวเสีย



“หวงกูอะพอเข้าใจได้” ไอ้แว่นพูดทันที “แต่หวงไอ้เพลงทำไมวะ นั่นนักกีฬารักบี้เชียวนะ ไอ้เพลงต้องอยากเก็บเข้าคอลเล็กชั่นแน่ๆ จริงไหมวะไอ้เพลง”

จะมาโยนอะไรให้กูตอนนี้

“ม...ไม่อ่ะ” ปฏิเสธไปก่อนละกัน

“ห๊ะ อย่างมึงเนียนะปฏิเสธผู้ชาย” ไอ้แว่นงงในงงอีกที

“ก็...หน้าตาไม่ผ่านอ่ะ อืม รวมๆแล้ว ยังไงก็ไม่ได้” ผมอ้าง

“ถามจริง กูว่าเขาก็โอเคเลยนะ แบบนั้นคือไม่โอเคสำหรับมึงเหรอวะ”

“ไม่โอเคอ่ะ กูหานักรักบี้ที่เจ๋งกว่านี้เองได้”

“มาตรฐานสูงเกิ๊น นักรักบี้ที่เจ๋งกว่านี้ก็มีแต่ไอ้อาร์มเท่านั้นแหละ ใช่ไหมวะไอ้อาร์ม สนใจอยู่ในคอเล็คชั่นของไอ้เพลงไหมมึงอ่ะ?”

“กูไปอาบน้ำนะ!” ไอ้อาร์มตะคอกโดยไม่สนใจคำพูดหยอกล้อของไอ้แว่นเลย แล้วมันก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว



“เอ๊า” ไอ้แว่นงงสองตลบ “แล้วนี่ไอ้อาร์มมันไปอารมณ์เสียอะไรมาละเนีย อารมณ์ขึ้นๆลงๆอีกแล้ว”

นั้นดิ ก็ปฏิเสธไปแล้วนี่นา ทำไมยังหัวเสียอีก



“ได้แล้วนะครับ” พี่ฮันเตอร์เดินกลับมา “จองโต๊ะให้แล้วนะ”





......................บ้าไปแล้ววว

“ว้าววววว” ผมร้องหลังจากมาถึงร้านที่พี่ฮันเตอร์จองที่นั่งไว้ให้ “นี่มัน... แน่ใจนะว่าผมเข้าไปได้”

“ได้แน่นอน” พี่ฮันเตอร์ตอบ



“เชิญด้านนี้ครับคุณลูกค้า” พนักงานหนุ่มในชุดบาร์เทนเดอร์โก้หรูเดินนำทางพวกเราทั้งสี่คนไปที่โต๊ะ

ที่นี่มันก็คือร้านเหล้านั่นแหละ แต่หรูในหรูอีกทีนึง ดนตรีแจ๊ส อยู่สูงถึงชั้นสามสิบ แถมคนในร้านก็มีแต่พวกแต่งตัวในชุดราคาแพงทั้งนั้นเลย



“เห้ออออ” ผมถอนหายใจ

“เป็นอะไรเหรอ” พี่ฮันเตอร์ถามผมหลังจากที่เรานั่งกันเรียบร้อย

“อ...เอ่อ เปล่าหรอกครับ แค่ไม่นึกว่าพี่จะพามาร้านแบบนี้” ผมตอบ “พวกผมเคยแต่เข้าร้านเหล้าตื๊ดๆทั่วไป เข้ามาเจอบรรยากาศแบบนี้ ผมก็เลยเกร็งนิดหน่อย”

“ไม่ดีเหรอ”

“ไม่ใช่ไม่ดีครับ จะว่ายังไงดีล่ะ ใจจริงก็อยากเข้าร้านแบบนี้นะครับ แต่ผมไม่มีปัญญาจ่ายจริงๆ”



“ผมขอสปาร์คกลิ้งนะครับ” โห ไอ้แว่นดูเชี่ยวชาญจัง สั่งออเดอร์พนักงานแบบไม่มีขะเขินเลย “พี่ฮันเตอร์จะเอาไวน์ขาวแบบเดิมไหมครับ”

“ไม่ดีกว่า” พี่ฮันเตอร์ตอบ “วันนี้มากันหลายคน... งั้นเอาเป็นแชมเปญหนึ่งก็แล้วกันครับ”

“งั้นผมขอยกเลิกสปาร์คกลิ้งนะครับ แต่เพิ่มมาตินี่หนึ่งครับ”

“ลูกค้ารับอะไรเพิ่มอีกไหมครับ” พนักงานถามอีกครั้ง

“แค่นี้ก่อนครับ” พี่ฮันเตอร์สรุป

แล้วพนักงานก็เดินออกไป



“ทำไมมึงคล่องจังวะ” ผมยิงคำถามใส่ไอ้แว่นทันที “อย่างกับพวกลูกคนรวยแน๊ะ”

“ลูกคนรวยอะไรของมึง ก็พี่ฮันเตอร์พากูเข้าร้านแบบนี้ตลอด กูก็ต้องสั่งเป็นบ้างเปล่าวะ” นั่นคือเหตุผลจากไอ้แว่น   

“โหหหห มีแฟนเป็นคนรวยนี่มันน่าอิจฉาจังเลยนะ”

“รวยอะไรกัน” พี่ฮันเตอร์รีบออกตัว “พี่ว่าราคาบนนี้กับร้านเหล้าทั่วๆไป มันก็ไม่ต่างกันมากนักหรอก เพียงแต่เรามักคิดว่ามันแพงมาก ก็เลยไม่กล้าขึ้นมา”

“แล้วก็มีอีกเหตุผลนึง ผมว่าคงเป็นเพราะไม่รู้จะใส่เสื้อผ้าแบบไหนเข้ามาในร้านด้วยนั่นแหละ จริงๆพี่ฮันเตอร์น่าจะบอกผมซะหน่อยว่าจะพามาร้านแบบนี้ ผมจะได้กลับไปเปลี่ยนชุดก่อน”

“ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้นหรอก ใส่ชุดอะไรก็ได้ ดูเพื่อนน้องดิ ใส่ชุดกีฬาเข้ามา พนักงานยังไม่ว่าอะไรเลย”

“......................” หึ! ทำไมการสนทนาเงียบลง

“ไอ้อาร์ม!” ผมเรียกไอ้คนข้างๆที่เอาแต่นั่งเหม่อ

“ว่า!?” ไอ้อาร์มตกใจ

“นี่พวกกูคุยกันจนไปถึงอยุธยาแล้วมั้ง มึงไม่คิดจะร่วมวงคุยกันหน่อยหรือไง” ผมบ่น

“คุย...อะไรกันเหรอ” เหม่อไปถึงไหนของมันละนั่น

“มึงนี่น้า...”

“ช่างเถอะๆ” พี่ฮันเตอร์เอ่ย “แล้วนี่ทั้งสามคนสนิทกันมานานแล้วเหรอ”

“ผมเพิ่งจะเข้ามาในกลุ่มเมื่อปีที่แล้วครับ” ไอ้แว่นอธิบาย “แต่ไอ้สองคนนี้สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว หรือว่าประถมนะ?”

“อนุบาล ตั้งแต่อนุบาล” ไอ้อาร์มตอบ

“โห เป็นเพื่อนที่เหนียวแน่นดีนะ” พี่ฮันเตอร์ร้อง “แบบนี้นี่เอง ถึงว่าทำไมดูสนิทกันกว่าปกติ”

เอาอีกแล้ว

“ไม่หรอกครับ” ไอ้อาร์มปฏิเสธ “ผมก็เหมือนเพื่อนทั่วไปนั่นแหละ”

“ไม่ใช่ซะหน่อย!!” เดี๋ยวนะ นั่นกูเพิ่งจะปากลั่นออกไปเองใช่หรือเปล่า “ม...มึงเป็นเพื่อนสนิทของกูต่างหาก”

“ก็ตามนั่น”



“เครื่องดื่มได้แล้วครับ”

ได้เวลาดื่มกันซะที



ผม ไอ้อาร์ม ไอ้แว่น และพี่ฮันเตอร์ นั่งดื่มแชมเปญกันจนหมดไปสองขวด กว่าจะได้ฤกษ์แยกย้ายก็เกือบห้าทุ่ม ซึ่งแน่นอนว่าพี่ฮันเตอร์อาสาจ่ายทั้งหมด



หลังเลิกจากการดื่ม ผมก็ตรงดิ่งไปหาไอ้อาร์มที่หอเลย ก็คงเดาได้ไม่ยากอะนะว่าผมไปทำอะไร เพียงแต่ว่า....



“กูทำให้มึงไม่รู้สึกดีแล้วเหรอวะ” ผมถามหลังกิจกรรมทางเพศของผมกับไอ้อาร์มสิ้นสุดลง “มึงดูไม่แฮปปี้เลย แล้วก็เงียบผิดปกติด้วย”

“เปล่า กูก็ยังรู้สึกดีเหมือนเดิมนั่นแหละ” ไอ้อาร์มตอบ

“หรือว่ามึงเบื่อแล้ว” ยอมรับนะว่าผมนอย

“กูไม่ได้เบื่อ จริงๆ มึงอย่าคิดมากดิ กูแค่เหนื่อยนิดหน่อย ก็แค่นั้น”

“งั้นกูกลับแล้วนะ มึงจะได้พักผ่อน”

“เฮ้ยๆๆ” ไอ้อาร์มรีบคว้าแขนผมไว้ “มึงอย่านอยดิ กูไม่ได้เบื่อจริงๆ”

“แล้วมึงเป็นอะไร กูดูออกนะ ทำหน้าอย่างกับผิดหวังอะไรมา”

“กูแค่อิจฉาไอ้แว่นกับแฟนมันอ่ะ”

“ไหนเราคุยกันเรื่องนี้เข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอ”

“กูไม่ได้หมายถึงเรื่องที่เขาสองคนเปิดเผยว่าคบกัน กูอิจฉาเรื่องที่ไอ้แว่นมีข้ออ้างที่ดีต่างหาก”

“ข้ออ้าง?”

“ก็ตอนเย็นที่ไอ้ตัสจะเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะกับมึงแล้วก็ไอ้แว่นไง สำหรับไอ้แว่น มันสามารถปฏิเสธได้ง่ายๆว่ามันไม่โสดเพราะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่พอเป็นมึง กูไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะใช้ห้ามไม่ให้ใครเข้ามายุ่งกับมึง มัน...อึดอัด”

“นี่ใช่ไหมเหตุผลที่มึงหัวเสียตอนนั้น”

“อืม”

“แต่ที่ทำก็โอเคแล้วนิ สุดท้ายก็ไม่มีใครมายุ่งกับกูซะหน่อย”

“จะให้กูแกล้งหงุดหงิดใส่ทุกคนที่พยายามเข้าหามึงแบบนี้ไปตลอดอะเหรอ แล้วถ้าเป็นมึงบ้างล่ะ ถ้ามีผู้หญิงพยายามจะเข้าหากูผ่านมึงบ้าง มึงจะทำยังไง”

“กูก็คง.....” เออว่ะ นั่นดิ จะทำไงดี.... พอโดนย้อนคำถามแบบนี้แล้วก็เข้าใจความรู้สึกของไอ้อาร์มขึ้นมาเลย “กูคงทำแบบนี้มั้ง....จุ๊บ”

“..................” ไอ้อาร์มช็อกไปเลยที่โดนผมหอมแก้ม

“กูจะหอมแก้มมึงให้ผู้หญิงคนนั้นดู” ผมอธิบาย “ไม่ต้องคิดหาวิธีให้เสียเวลา แล้วเดี๋ยวผู้หญิงก็เลิกสนใจในตัวมึงเอง”

“งั้น...กูก็หอมแก้มมึงได้ใช่ไหมถ้ามีใครพยายามเข้าหามึงอ่ะ”

“อย่าทำเชียวนะ กูทำได้แค่คนเดียว”

“อ้าว แล้วกูจะกันคนอื่นออกจากมึงยังไงอ่ะ”

“ก็ถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้าไอ้แว่น.........................









..............................จะพูดว่าเราเป็นแฟนกันก็ได้”
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... มีแฟนแล้ว vs ยังโสด - 07/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 07-01-2019 17:24:22
พี่ฮันมันดีตรงเต็มที่ เปิดเผย เอาจริงเอาหนักกับน้องแว่น
อาร์มเห็นแบบนั้นคงอยากสวีทแบบเปิดเผยบ้าง??
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... มีแฟนแล้ว vs ยังโสด - 07/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 07-01-2019 20:33:13
ก็เป็นแฟนกันไปเลยเซ่ ฮ่วย คิดไรซับซ้อน
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... ลด vs เพิ่ม - 08/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 08-01-2019 19:04:35
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 9 / ปัจจุบัน vs อดีต

ความที่ 1 จาก 3 / ลด vs เพิ่ม









ไอ้อาร์มมันอยู่ไหนวะ?

ก็บอกว่าให้ลงมารอที่สนามบาสไง



!!!!

หึ! ลูกบาสฯ

กลิ้งมาจากไหนหว่า



ผมหยิบลูกบาสเก็ตบอลที่กลิ้งมาชนเท้าขึ้นมาแล้วมองซ้ายมองขวา ก็พบเด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังวิ่งมาหา



“ของคุณหรือเปล่าครับ” ผมถาม

“ใช่ครับๆ” เขาตอบ ผมจึงส่งลูกบาสฯคืนให้ “ขอบคุณครับ”



แล้วผมก็ยืนรอและมองหาไอ้อาร์มต่อไป...



“ขอโทษนะครับ” พ่อหนุ่มนักบาสเดินกลับมา

“ครับ?” มีอะไรอีกหว่า ผมมองซ้ายมองขวาว่ายังมีลูกบาสฯหลงเหลืออยู่อันไหม... ก็ไม่มีนี่นา

“ผมชื่อแมธทิวครับ อยู่วิดวะปีหนึ่ง”

“ห๊ะ” แนะนำตัวทำไม

“คือ... ชื่ออะไรเหรอครับ เป็นเด็กวิศวะเหรอ ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าเลย”

อ๋อออ เข้าใจแล้ว

ร้างลาจากการเชื่อมสัมพันธ์ไปนาน ทำเอาสัญชาตญาณในการรับรู้ของผมถดถอยไปเลยทีเดียว ไอ้น้องคนนี้คงกำลังสนใจผมอยู่แน่นอน ก็หล่อดีอะนะ เพียงแต่ไอ้คนที่ผมรออยู่หล่อกว่านี้เยอะ

“พี่อยู่ถาปัด ปีสอง” ผมแนะนำตัวคร่าวๆ

“รุ่นพี่หรอกเหรอครับ นึกว่าอยู่ปีเดียวกันซะอีก แล้วว่าแต่... พี่ปีสองคนนี้ชื่ออะไรเหรอครับ”



“โทษทีนะน้อง” !!!!! ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้พูด เป็นไอ้อาร์มต่างหากที่โผล่มาจากด้านหลัง “คนนี้แฟนพี่”

“อ...เอ่อ...” น้องนักบาสอ้าปากค้างไปเลย “ฟ...แฟนพี่อาร์มเหรอครับ”

“ใช่” ไอ้อาร์มตอบหน้าเครียด “ได้ลูกบาสก็กลับไปเล่นได้แล้ว หรืออยากโดนรับน้องอีกสักเดือนไหม”

“ไม่ๆๆ ไม่ครับ งั้นผมไปดีกว่า”

แล้วเด็กหนุ่มตัวสูงก็วิ่งสี่คูณร้อยกลับสนามบาสเก็ตบอลไป



“เฮ้ยยย จะลากกูไปไหน” ผมนี่งงเลย จู่ๆไอ้อาร์มก็พยายามจูงแขนผม

“อารมณ์กูมาวะ พูดแบบนี้ทีไรแล้วอยากจัดการมึงตลอดเลย” ดูคำอธิบายจากปากไอ้อาร์มดิ

“ปล่อยเลย” ผมสะบัดมือออก “มึงจะของขึ้นทุกครั้งที่พูดแบบนี้เลยรึไง พอให้อ้างได้ก็ลำบากกูตลอดเลย”

“แล้วไม่ได้เหรอ” ไม่ต้องมาส่งซิกเลย

“ไม่ได้ กูไม่มีเวลา อะนี่”

“อะไรวะ ถุงอะไรอ่ะ”

“ก็ของที่กูโทรบอกว่าจะเอามาให้มึงไง อารมณ์ขึ้นจนลืมเรื่องอื่นเลยหรือไง”

“เสื้อเหรอ”

“เออ ไอ้แว่นฝากมาให้”

“ไอ้แว่น? อ๋อ เสื้อที่ใส่ในงานเปิดโลกกิจกรรมวันพรุ่งนี้ แล้วว่าแต่ ทำไมไอ้แว่นฝากมึงมาได้อ่ะ”

“เมื่อคืนมันไปห้องกู ก็เลยฝากมาให้”

“มันไปทำไม!!”

“คิดอะไรของมึงห๊ะ มันไปฝึกปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพกับกูเว้ยเฉยๆ หมดธุระแล้ว กูไปนะ”

“เดี๋ยวดิ... ไม่สนใจโล้สำเภากับกูจริงๆเหรอ”

“ไม่ มึงดูสภาพกูก่อนไหม เลอะสีทั้งตัวขนาดนี้”

“ไม่เป็นไร กูไม่ถือ”

“กูไม่ได้ห่วงว่ามึงจะถือไหม แต่กูมีงานต้องไปทำต่อ ก็ไอ้เปิดโลกกิจกรรมของมึงนี่แหละ ลำบากเด็กคณะกูอยู่เนีย”   

“โถๆ เดี๋ยวนี้ไม่เรียกร้องกูเหมือนแต่ก่อนเลยนะ ปกติต่อให้ไม่มีเวลามึงก็ต้องหาเรื่องทำจนได้ไม่ใช่งะ”

“เออ กูไม่เว้าวอนแล้ว พอใจยัง”

“ภูมิใจนะเนี่ยที่ทำให้อาการติดเซ็กส์ของมึงดีขึ้นได้”

“เสียงดังเกินไปแล้วนะ... กูอ่ะดีขึ้น แต่มึงอ่ะอาการหนัก อย่าทำเป็นอ้างกูหน่อยเลย คืนนี้มึงคิดจะไปหากูที่ห้องอยู่แล้วใช่ไหม”

“เกลียดจริงๆพวกรู้ทัน”

“ชิ  ไม่มีอะไรงั้นกูไปแล้วนะ”

“เดี๋ยวๆๆๆ”

“อะไรอีก กูบอกว่ากูไม่ว่างไง เพื่อนรออยู่”

“แล้วพรุ่งนี้มึงจะไปงานกับกูไหม”

“ไปทำไมอ่ะ กูไม่ใช่สิบหนุ่มฮอตที่ต้องขึ้นเวทีไปพูดอะไรซะหน่อย”

“ก็แล้วใครจะดูแลกูอ่ะ คนอื่นเขามีคนติดตามไปด้วยหมดเลย”

“ไม่เอาอ่ะ ไม่ไป”

“โห ไปหน่อยดิ นะนะ ไปเป็นผู้ดูแลของกูหน่อยนะ”

“กูไม่อยากไป... มึงก็รู้นี่นาว่า.... พวกหนุ่มฮอตครึ่งนึงก็เคยอะไรๆกับกูมาแล้ว กูไม่อยากไปเจอหน้าพวกนั้นให้เป็นเรื่องอีก”

“เออใช่ งั้นมึงไม่ต้องไป เดี๋ยวกูหาคนอื่นไปแทน”

“ทีอย่างงี้รีบห้ามเชียวนะ”

“แฮๆ”

“จะไปจริงๆแล้วนะ อย่ามารั้งกูอีกนะ”

“ครับบบผม คืนนี้เจอกันนะ เดี๋ยวพี่จัดให้”

“ไอ้สัด”



พอต่อปากต่อคำกับไอ้อาร์มเสร็จ ผมก็กลับมาทำงานศิลปะต่อที่คณะ



ที่ทำอยู่นี้ก็คือพวกฉากเวทีกับป้ายสัญลักษณ์ของคณะต่างๆนั่นแหละ ทางมหาวิทยาลัยให้คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ของผมเป็นคนดูแลเรื่องนี้ เพราะมันเป็นงานที่ต้องออกไปแสดงให้คนภายนอกดู พวกผมและเพื่อนๆในคณะก็เลยต้องพิถีพิถันกับมันหน่อย…….





“เห้อออ เสร็จซะที” ผมบ่นในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม “แล้วนี่คือยังไงต่ออ่ะ ของพวกนี้จะขนไปยังไง”

“พวกเจ้าหน้าที่มหาลัยจะเป็นคนเข้ามาเอาอ่ะ” เพื่อนผมที่ชื่อเมย์บอก ตอนนี้ทุกๆคนเริ่มวางมือและแยกย้ายกันแล้ว “อีกสักพักคงเข้ามา พวกเราก็คงหมดหน้าที่แล้วมั้ง”

“ดี อยากกลับหอไปอาบน้ำแล้ว เลอะสีทั้งตัวเลย”

“ใช่ๆ เหมือนกัน เราก็จะรีบกลับไปหาซื้อชุดสวยๆใส่ไปงานพรุ่งนี้เหมือนกัน”

“สนใจงานแบบนี้ด้วยเหรอ” ผมแปลกใจที่ได้ยินแบบนั้น ปกติเด็กคณะผมทำแค่งานเบื้องหลังเท่านั้นแหละ เป็นพวกติสแตก ไม่ค่อยเข้าร่วมงานกับใครเขาหรอก

“สนใจซิ พวกเชียร์ลีดเดอร์ก็นัดกันจะไปทั้งแก๊งเลย”

“มันมีอะไรน่าสนใจนักหรือไง ก็แค่งานประชาสัมพันธ์ของมหาลัยเองนี่นา”

“ใครจะไปสนเรื่องแบบนั้นกันล่ะ ที่ทุกคนอยากไปร่วมงานก็เพราะการประมูลต่างหาก”

“ประมูล?”

“นี่ไม่รู้เรื่องบ้างเลยเหรอ ก็การประมูลออกเดทกับสิบหนุ่มฮอตไง”

“ออกเดท!?”

“สนใจขึ้นมาแล้วละซิ พรุ่งนี้อะนะ ทั้งสิบหนุ่มฮอตจะเปิดประมูลเสื้อของตัวเองที่สวมใส่ในงาน ใครที่ประมูลไปได้ ก็จะได้รับสิทธิออกเดทกับเจ้าของเสื้อเป็นเวลาหนึ่งวันเลยนะ”

“หนึ่งวัน!!”

“ใช่ๆ น่าสนใจใช่ไหมล่ะ คราวนี้ต่อให้เป็นพวกเชียร์ลีดเดอร์ เราก็ไม่หวั่นหรอกนะ ความสวยช่วยอะไรไม่ได้ ความรวยเท่านั้นที่จะชนะ พอรู้ว่าจะมีจัดประมูล เราถึงขั้นต้องขอให้ที่บ้านส่งค่าขนมสำหรับสามเดือนมาให้เลยเชียวล่ะ งานนี้เสียเงินเท่าไหร่ก็ยอม จะต้องคว้าอาร์มมาออกเดทให้ได้”

“อ...อาร์มเหรอ”

“ใช่ๆ กัปตันทีมรักบี้เชียวนะ สาวๆคนไหนก็ใฝ่ฝันทั้งนั้นแหละ จริงๆก็ชอบพี่ฮันเตอร์นะ แต่ถ้าได้แค่วันเดียวขอเลือกกัปตันทีมรักบี้ก็แล้วกัน ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งวันหรอก แค่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันสักหนึ่งชั่วโมงก็ฟินแล้ว”



“ประมูลวันพรุ่งนี้ เธอเล็งใครไว้บ้างอ่ะ” นั่นพวกสาวเชียร์ลีดเดอร์นี่นา กำลังพูดเรื่องประมูลกันอีกแล้ว

“แน่นอน ก็ต้องเป็นอาร์มวิศวะซิ” !!!! สนใจไอ้อาร์มอีกแล้วเหรอ “เล็งมาตั้งนานแล้ว จะได้มีโอกาสทำความรู้จักซะที”

“แต่ฉันชอบพี่ฮันเตอร์นะ แต่พอมาคิดดูอีกทีคงสู้ราคาประมูลไม่ไหว ก็เลยเล็งอาร์มไว้เหมือนกัน”

“ส่วนฉันอ่ะใครก็ได้ ควงสิบหนุ่มฮอตตั้งหนึ่งวันเชียวนะ ใครรู้ก็ต้องอิจฉาทั้งนั้นแหละ ไม่แน่นะอาจจะได้โบนัสพิเศษก็ได้”

"ร้ายกาจนะย่ะ กะจะได้โบนัสโดยเฉพาะเลยละซิ ขอให้ได้ ขอให้โดนละกันนะจ๊ะ แต่อย่ามายืมเงินของฉันนะ"

“แต่ก็ระวังไว้ด้วยล่ะ เผลอไปประมูลได้เพื่อนสาวขึ้นมา แทนที่จะได้โบนัส จะกลายเป็นล้มละลายเอานะเธอ”



เชี่ย...

ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

แบบนี้อยู่เฉยไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง



“เมย์” ผมเรียกเพื่อนที่กำลังจะเตรียมตัวกลับ

“ว่าไง มีอะไรอีกเหรอ” เธอถาม

“มีอะไรให้ช่วยหน่อยน่ะ..................................................”







....................“ได้รับแล้ว ฝากขอบใจพี่ฮันเตอร์ด้วยนะไอ้แว่น.... โอเค บาย” ผมวางสายโทรศัพท์

โอเค เท่านี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว ขออย่าให้มีอะไรผิดแผนเลย



ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก

น่าจะเป็นไอ้อาร์มนะที่มาเคาะห้องของผม



นั่นไง ไอ้อาร์มจริงๆด้วย



“มาดึกจังวะ” ผมพูด “จนกูจะนอนหลับอยู่แล้ว”

“เมื่อกี๊มึงคุยโทรศัพท์กับใคร” อะไรของไอ้อาร์มวะ มาถึงก็หน้าตึงเลย “กูเห็นมึงพูดถึงพี่ฮันเตอร์”

“ป...เปล่านิ ไม่มีอะไรซะหน่อย” จะบ้าเหรอ ขืนบอกไป มันก็รู้แผนของผมหมดน่ะซิ

“ทำไมต้องปิดบังกูด้วย”

“ปิดบังอะไรวะ”

“มึงนี่มัน.... เกินจะเยียวยาจริงๆ”

“เกินเยียวยา? มึงพูดถึง.....เฮ้ยๆ ใจเย็น อะไรของมึงเนีย”

จู่ๆไอ้อาร์มก็พุ่งเข้าใส่ผมอย่างรวดเร็วและรุนแรง

“ด...เดี๋ยวซิ เตียงอยู่ตรงโน้น” ผมถูกทำให้นอนลงไปกับพื้นหน้าห้องนั่นแหละ “ป...ประตู ประตูห้องยัง...”

“ให้คนแม่งเห็นกันให้หมดนั่นแหละ” ไอ้อาร์มเสียงดุมาก

“เป็นบ้าอะไรของมึงอีกละเนีย... เฮ้ย! อ...เอาจริงเหรอ ย...อย่า อย่าเพิ่งถอดดิ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นจริงๆหรอก”

“คนอย่างมึงก็ต้องโดนแบบนี้แหละ”

“พ...พูดอะไรของมึงเนีย” ผมพยายามดิ้น แต่ไม่ค่อยจะขยับเท่าไหร่เลย ชุดนอนก็ถูกฉีกออกไปเรื่อยๆแล้ว “ไอ้อาร์ม อย่านะเว้ย”

“กูจะทำให้มึงหายร่านวันนี้แหละ” พูดอะไรของมันวะ

“ช...ชุดนอนกู” ผมเริ่มร้อง ก็ไอ้อาร์มอะดิ กระชากชุดนอนลายการ์ตูนแสนรักของผมขาดหมดเลย มันไปหื่นกระหายมาจากไหนละเนีย “เดี๋ยวซิ ป...ปิดประตูก่อน”

“อยู่เฉยๆ!!!” ไอ้อาร์มเริ่มใช้แรงมหาศาลของมันจับตัวผมคว่ำหน้าลงพื้นแล้วยกบริเวณส่วนล่างของร่างกายผมขึ้นจนเท้าแตะไม่ถึงพื้น

“อ...ไอ้อาร์ม” ผมพยายามดิ้นอีกครั้ง รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีเลย

“กูบอกว่าให้อยู่เฉยๆไง”

แล้วจากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่ามีท่อนเอ็นแข็งกำลังพยายามเสียบพุ่งเข้าใส่ช่องแคบของผมอย่างเกรี้ยวกราด

“ด...เดี๋ยวดิ จ...เจลล่ะ แบบนี้มัน.... โอ๊ยยยย!!!” นั่นไง เจ็บชิบหาย “ไอ้... อ...ไอ้เหี้ยอาร์ม ก...กู จ...เจ็บ”

แม่งเอ๊ย

เจ็บอย่างกับโดนหักกระดูกออกเป็นสองท่อน

“อยาก! ร่าน! ดี! นัก! ใช่! ไหม!”

“อู๊! อู๊! อู๊! อู๊! อู๊!” ดีนะที่ผมเอามือปิดปากตัวเองไว้ได้ทัน ก็โดนมันกระแทกเข้าใส่แบบทันทีทันใดอย่างนี้ ถ้าไม่ปิดปากไว้ คนในหอได้แห่ออกมามุงดูที่หน้าห้องของผมแน่ๆ

“บอกว่าอย่าดิ้น!”

ไม่รู้ล่ะว่าไอ้อาร์มมันไปบ้ามาจากไหน แต่ผมต้องพยายามตะกายไปปิดประตูห้องให้ได้ก่อน

เพราะถูกยกเอวไว้จนสูง สิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือใช้มือตะกายพื้นไปที่ประตูให้ได้ แม้จะห่างแค่นิดเดียว แต่เพราะถูกไอ้คนข้างหลังระบายความเกรี้ยวกราดไม่หยุด หนทางมันจึงคล้ายว่าไกลมาก

“อึ๊ อึ๊ อึ๊ อึ๊ อึ๊ อึ๊......... อึ๊ อึ๊ อึ๊..........อึ๊” ต้องกัดฟันไว้ไว้ อย่าร้องออกมาเชียวนะ

อีกนิดเดียว จะถึงประตูแล้ว

“ชอบนักใช่ไหม อยากเสียตัวมากไม่ใช่หรือไง” ไอ้อาร์มทั้งเร่งขยับเอว ทั้งอัดอารมณ์โกรธใส่ผม ไม่ว่าผมจะตะกายไปแค่ไหน มันก็ไม่ปล่อยให้ส่วนแข็งขืนของมันหลุดออกมาได้เลย

“อึ๊......” จะถึงแล้ว อีกนิดเดียว ต้องปิด.... ต้องปิดประตูให้ได้…………..



บั้งงงง

สำเร็จ



“อั๊กกก!!!” ผมปล่อยเสียงของความเจ็บปวดที่ยาวนานออกมาทันที “ไอ้...อั๊ก! ไอ้...อั๊ก! กู...อั๊ก! เจ็บ...อั๊ก”

“มึงจะได้หายร่านซะทีไงงงงงง”

“อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!!”

ไอ้อาร์มยิ่งรุนแรงกว่าเดิมอีก ผมถูกกระหน่ำใส่เหมือนปืนกล

“มีกูคนเดียวไม่พอใช่ไหม มันคันนักหรือไง ถึงต้องไปหาท่อนอื่นมาเสียบแทน”

“พูด...อั๊ก เรื่อง...อั๊ก อะ...อั๊ก ไร...อั๊ก ของ...อั๊ก มึง...อั๊ก”

“อย่ามาตอแหลกับกู”

“มึง...อั๊ก อั๊ก อั๊ก อั๊ก อั๊ก อั๊ก” บ้าเอ๊ย ทั้งจุก ทั้งเจ็บ ขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ คงคุยกับไอ้บ้าอาร์มไม่รู้เรื่องแน่ๆ

ผ่อนคลาย.... ต้องผ่อนคลายไปให้ถึงจุดสูงสุด

อย่าเกร็ง... อย่าตกใจ... อย่าตื่นกลัว....

ต้องเปลี่ยนความรู้สึกทั้งหมดให้กลายเป็นความเสียวซ่านให้ได้

แต่มันก็ไม่ได้ทำกันง่ายๆเลย สถานการณ์ที่โดนโจมตีหนักโดยปราศจากสารหล่อลื่นแบบนี้ คงจะทำให้รู้สึกดีได้ยาก   



“อื้ออออออ อ่าซ์....” โอเค หลังจากผ่านไปครู่เล็กๆ ความเจ็บก็พอจะทุเลาลง อย่างน้อยก็ไม่เจ็บเท่าครั้งแรกแล้ว เพราะงั้น... “ม...มึงเป็นบ้า อะ...ไรของมึงเนีย”

“กูลงโทษพวกไม่ทำตามสัญญาไง”

“ส...สัญญา...อะไรของมึง อ๊อยยย”

“ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่งกับผู้ชายคนอื่นไง”

“แล้วกู... ท...ทำแบบนั้น...ที่ไหน ก...กันเล่า”

“มึงไม่ทำงั้นเหรอ” หึ! ไอ้อาร์มหยุดแล้ว มันถอดน้องชายของมันออกไปแล้ว

“เฮ้ย!!”

แต่ก็หยุดพักหายใจได้แค่ครู่เดียว

ไอ้บ้าอาร์มยกตัวผมขึ้น ก่อนจะทิ้งตัวผมลงไปบนเตียงอย่างกับเป็นตุ๊กตา

“ทำอะไรอีกเนี่ย” ผมถูกพันธนาการแขนทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของไอ้อาร์ม แล้วจากนั้นมันก็ยัดท่อนแข็งของมันเข้าใส่ผมอีกรอบ “อ๊ากกกกก!!!”

“มึงบอกกูมาดิ” เหมือนว่าไอ้อาร์มกำลังจะพูดอะไรที่ทำให้ผมพอเข้าใจสิ่งที่มันโกรธออกมาหน่อยแล้ว มันดึงสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “ผ้าเช็ดหน้าของมึงไม่อยู่กับพี่ฮันเตอร์ได้ไง บอกกูมาดิว่ามึงเอาเวลาไหนไปอ่อยเขา”

“อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” นี่มึงจะให้กูตอบยังไง ในเมื่อมึงจู่โจมกูไม่หยุดแบบนี้

“มึงก็รู้นิว่าพี่เขาเป็นแฟนกับไอ้แว่น ขนาดแฟนของเพื่อนมึงยังจะเอาอีกเหรอ”

“อ๊ะๆๆๆๆ กูไม่....” ต้องพยายาม... ต้องพยายามพูดออกมาให้ได้ “ไม่ได้... อ๊ะๆๆๆ ให้ผ้า...ช...เช็ดหน้าใครนะ อื้อออออ....”

“แล้วพี่เขาจะมีผ้าเช็ดหน้าแบบนี้ได้ไง”

“จ...จะไป...รู้เหรอ” พูดลำบากจัง “ข...เขาอาจ...ซื้อ.... อ๊ะ มา...เองก็ได้”

“มันไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก มึงสารภาพมาดีกว่าว่าไปแอบอ่อยพี่เขามา”

“ก็บอกว่า....ไม่ได้...อ่อยไง!!” เผลอตะโกนจนได้

“มึงยังจะอีกโกหกใช่ไหม..... เฮอๆๆๆๆๆ” ไอ้อาร์มหยุดขยับและเริ่มหอบ ดูท่าว่ามันคงจะเหนื่อยเหมือนกัน

“กูไม่ได้ให้อะไรพี่เขาจริงๆนะ” ผมรีบชิงโอกาสพูด

“มึงคิดว่ากูโง่เหรอ ผ้าเช็ดหน้าลายแบบนี้ ไม่มีทางที่คนอย่างพี่ฮันเตอร์จะซื้อใช้เอง พอที กูไม่ฟังคำโกหกของมึงแล้ว มึงต้องโดนกูจัดหนัก จะได้หายคันกับแฟนเพื่อน”

“แต่อาจจะ.... อ๊อยยยยยยยย” ไอ้อาร์มเริ่มอีกรอบแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็เหมือนจะพอมีเบาะแสของเรื่องนี้ “อ...ไอ้แว่น....”

“มึงยังกล้าพูดถึงไอ้แว่นอีกเหรอ อ่อยแฟนมันแล้ว ยังมีหน้าพูดถึงมันอีกเหรอ”

“กูจะบอก....ว่า... ไอ้แว่น....ม...มีผ้า...เช็ดหน้า....ข....ของกู”

“จริงเหรอ!?” ไอ้อาร์มยอมหยุด แต่แล้วก็ทำต่อ “พิสูจน์ดิ ไม่งั้นกูจะทำอยู่แบบนี้แหละ ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันแล้วคืนนี้”

“มึง...ก็หยุด...ก่อนดิ... อ๊อยยย”

“ไม่ กูไม่หยุด มึงพิสูจน์ทั้งแบบนี้แหละ กูจะทำไปเรื่อยๆ” แล้วมันก็ถอดเสื้อของตัวเองทิ้ง แสดงให้เห็นถึงความจริงจังที่จะทำกิจกรรมทางเพศอย่างไม่หยุดยั้ง

“ม...มือถือ” ในเมื่อบังคับมันไม่ได้แล้วนิ ผมคงต้องหาวิธีพิสูจน์ความจริงให้มันเห็นเองแล้วล่ะ “อ่ะๆๆๆ หยิบ...มือถือ...ให้หน่อย”

“อะนี่ จะโทรก็รีบโทร” ไอ้อาร์มหยิบโทรศัพท์จากข้างเตียงมาให้ผม แต่เอวจะยังขยับเข้าออกตลอด



บ...เบอร์ไอ้แว่น อยู่ไหนวะ

แล้วกูจะคุยยังไงวะในสภาพแบบนี้



ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดด “ฮัลโหลไอ้เพลง มีไร”

“เอ่อ...”ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อไม่ให้ส่งเสียงครางออกมา แล้วก็กดเปิดปุ่มเสียง เพื่อให้ไอ้อาร์มได้ยินด้วย “กู...ถามไรหน่อย...ดิ”

“ว่า?”

“ผ...ผ้า อ่าซ ผ้าเช็ดหน้าที่มึง...เอาของกูไป... ยังอยู่ไหม ซ...”

“ยังอยู่... นี่มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ ทำไมพูดเสียงแปลกๆ”

“ป...เปล่า” อดทนไว้ อดทนไว้... อย่าส่งเสียงครางเชียวนะ “มึงไม่ได้...ให้ใคร.... อ๊ะ....ไปใช่ไหม”

“ไม่... เอ๊ย อ๋อ นึกออกแล้ว พี่ฮันเตอร์เอาไปแล้วอ่ะ กูให้พี่เขาไปแล้ว” เห้อออ โล่งอกไปที ในที่สุดความจริงก็ได้รับการพิสูจน์ “ทำไมเหรอ มึงจะขอคืนหรือไง”

“ป...เปล่า”

“แล้วจะโทรมาถามกูทำไมวะ แค่จะถามหาผ้าเช็ดหน้าเนี่ยนะ”

“อ...เออ แค่นั้นแหละ แค่นี้ก่อนนะ” ผมกดวางสายทันที ไม่ไหวแล้ว ต้องครางระบายความเสียวซ่านออกมาเดี๋ยวนี้ “อ่าาาาาาาาซซซซซ์”

ได้ส่งเสียงระบายความรู้สึกที่ถูกกดไว้สักที



“.....................................” แต่แล้วไอ้อาร์มก็ล่าถอยออกไปซะอย่างนั้น

“อ้าว หยุดทำไมอ่ะ” ผมสงสัย

“ก็...กูเข้าใจผิดไง” มันอธิบายพร้อมกับเกาหัวตัวเอง “โทษที กูโกรธมากไปหน่อย น่าจะถามมึงก่อน”

“ไม่เป็นไร”

“งั้นกูไม่ลงโทษมึงแล้วก็ได้”

“พ่อมึงดิ จะมาหยุดอะไรตอนนี้ กลับมาทำต่อเลยนะ”

“อ้าว ก็มึงพิสูจน์ได้แล้วนิ กูก็ไม่จำเป็นต้อง...”

“ช่างหัวมันเหอะเรื่องนั้นอ่ะ กลับมาทำต่อซะที กูทนไม่ไหวแล้ว” ผมไม่รีรออะไรทั้งนั้น รีบใช้มือกวัดแกว่งหาท่อนเอ็นของไอ้โง่อาร์ม

“มึงนี่น้า...”

“หุบปากเหอะน่า” เจอแล้ว ทันทีที่จับแท่งอุ่นๆได้ ผมก็รีบดึงมันกลับมายัดใส่ช่องสวาทที่กำลังเรียกร้องทันที

“กูขอโทษจริงๆนะ”

“เรื่องขอโทษเอาไว้ทีหลังเหอะน่า รีบๆขยับเอวซะทีได้ไหม กูอารมณ์ค้างอยู่เนี่ย”

“ครับบบๆๆ จะทำให้ดีเลยครับคุณเพลง.... แล้วจะใส่เจลก่อนไหม”

“ใส่บ้าอะไรตอนนี้ เริ่มซะที... แรงๆหน่อยนะ”

"จ๊ะ"



เห้ออออออออ

ทำไมกูต้องมามีปัญหากับอะไรแบบนี้ด้วยเนีย

ปัญหาวันนี้จบลง แต่ก็ยังเหลือวันพรุ่งนี้อีก............







.......... โถ ชีวิต
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ลด vs เพิ่ม - 08/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 08-01-2019 22:16:56
ความควีน ความจะเปย์นี้ หื้มมมมมมมม
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ลด vs เพิ่ม - 08/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 09-01-2019 11:45:56
ตามมมม
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ลด vs เพิ่ม - 08/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 09-01-2019 17:58:02
คนนึงก็ขยันยั่ว คนนึงก็ยั่วขึ้น 5555
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... ใจเขา vs ใจเรา - 09/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 09-01-2019 22:27:32
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 9 / ปัจจุบัน vs อดีต

ความที่ 2 จาก 3 / ใจเขา vs ใจเรา









“และคนที่ประมูลออกเดทกับน้องอาร์มไปได้ก็คือ....... คุณเมย์ค่าาาาาาาา ขอเสียงปรบมือด้วยค่ะ เชิญขึ้นมาถอดเสื้อไปจากน้องอาร์มได้เลยนะคะ”

เมย์ สาวร่างอ้วนเตี้ย เดินดุ่ยๆขึ้นเวทีอย่างกระดี๊กระด๊าไปถอดเสื้อของไอ้อาร์มออก

สาวๆในงานต่างก็พากันปราบปลื้มเมื่อได้ยลโฉมกล้ามเนื้อเป็นลอนภายใต้ร่มผ้านั้น



โถ ก็แค่ได้เห็นเท่านั้นแหละ ไม่อยากจะคุยว่าผมทั้งลูบทั้งคลำจนจำสัมผัสได้หมดแล้ว



“ขอบคุณนะคะคุณน้องเมย์ที่ร่วมประมูลกับเรา เดี๋ยวเราจะนำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้ไปทำบุญแน่นอนค่ะ” พิธีกรพูดต่อ “เอาละคะ เดี๋ยวเราปล่อยให้น้องอาร์มไปพักก่อนดีกว่านะคะ จะได้เตรียมตัวไปออกเดทกันนะคะ เชิญหนุ่มฮอตคนต่อไปของเราเลยดีกว่า น้องอ้วน เดือนคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาและรองชนะเลิศเดือนมหาวิทยาลัยค่าาาาาาาา”



แล้วการประมูลก็ดำเนินการต่อไป





“อะนี่” เมย์เดินถือเสื้อที่ได้จากการประมูลมาให้ผมที่แอบอยู่หลังสุดของงานเปิดโลกกิจกรรม

“ขอบใจนะ” ผมกล่าวแล้วรับเสื้อมา

ก็นึกว่าเสื้อตัวไหน มันก็ตัวเดียวกับที่ผมเอาไปให้ไอ้อาร์มเมื่อวานเองนี่นา

“ไม่เป็นไรหรอก แค่ได้ถอดเสื้อของอาร์มกับมือตัวเอง ก็ดีใจแล้ว” สาวอ้วนดูพอใจมาก “ว่าแต่ทำไมเพลงต้องปิดหน้าปิดตาขนาดนี้ด้วยล่ะ จะมาปล้นห้างหรือไง”

“เราไม่ค่อยสบายน่ะ” ผมอ้าง

จะบ้าเหรอ ขืนเปิดหน้าในที่แบบนี้ พวกโจทก์เก่าก็จะได้แห่กันมาทักให้เพียบไปหมด ไหนจะต้องหลบไอ้แว่นอีก

พูดถึงไอ้แว่นแล้วก็อึ้งไปเลย ก่อนหน้านี้ที่มีการประมูลเสื้อของพี่ฮันเตอร์ มันดันราคาขึ้นไปทีเดียวสองหมื่น เล่นเอาคนทั้งงานตาค้างกันไปเลย แบบนี้มีหวังได้โจษจันกันทั้งมหาลัยแน่ๆ

“ไม่สบายก็ยังสู้อุตส่าห์มาเอาเสื้ออีกนะ” เมย์ตำหนิ “แต่ไม่คิดเลยนะว่าเพลงก็อยากออกเดทกับกัปตันทีมรักบี้ด้วยเหมือนกัน”

“เปล่าซะหน่อย” ผมรีบปฏิเสธ

“ถ้าเปล่าแล้วมาขอให้เราประมูลให้ทำไมอ่ะ แถมเสียเงินตั้งเป็นหมื่นอีก”

“ช่างเราเถอะ แต่ยังไงก็ขอบใจนะที่ออกตัวประมูลแทนให้อ่ะ”

“ก็ยอดเงินของเพลงมันสูงนี่นา ขืนเราสู้ไปก็แพ้อยู่ดี แต่ยังไงก็อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะ เพลงจัดการให้เราได้แน่ใช่ป่ะ”

“ได้ รับรอง”

“งั้นก็ไปเดทกับอาร์มให้สนุกนะ" ยังจะมาแซวอีก "ว่าแต่... ขอเสื้อได้ไหม”

“ไม่ได้”

“หวงจังนะ ไม่เอาก็ได้ ไปดูประมูลต่อดีกว่า เผื่อจะพอสู้ราคาประมูลคนอื่นได้บ้าง”

แล้วเมย์ก็เดินกลับเข้าไปในงาน



โอเค สำเร็จตามแผน เท่านี้ไอ้อาร์มก็ไม่ได้ไปเดทกับสาวที่ไหนแล้ว



กลับหอดีกว่า……



“น้องเพลง” ใครเรียกวะ

“พ...พี่ปั้นจั่น” เชี่ยแล้วไง มาไงวะเนี่ย

“เป็นไงบ้างครับ ไม่เจอกันนานเลย มางานกับเขาด้วยเหรอ”

“ค...ครับ” กูว่ากูปิดบังตัวเองดีแล้วนะ ทั้งหมวก ทั้งแว่นดำ ทั้งแมส ยังจำได้อีกเหรอ

“แล้วทำไมถึงปิดหน้าแบบนั้นล่ะ หลบใครอยู่หรือเปล่า”

“ผมไม่ค่อยสบายน่ะครับ” โกหกรอบสอง

“อ้าวเหรอ พี่พาไปหาหมอไหม”

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะกลับหอแล้ว”

“งั้นพี่ไปส่งไหม”

“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ผมเอารถมาเอง”

“งั้นก็ดีเลย ไปส่งพี่หน่อยซิ พี่ไม่ได้เอารถมา”

อะไรวะ นี่จะไปกับกูให้ได้ใช่ไหม

ไม่ได้ๆ ยังไงก็ต้องหาทางหนีให้ได้ ถ้าไอ้อาร์มมาเห็นว่ากำลังพูดกับพี่ปั้นจั่น เดี๋ยวได้เคลียร์กันอีกยาวแน่ๆ

“ผมลืมไปน่ะครับว่ายังไม่ถึงเวลากลับ”

“ดีเลย งั้นเดินเล่นในงานด้วยกันก่อนก็ได้ พี่ก็ยังไม่ได้เดินเที่ยวงานเหมือนกัน นานๆจะได้ออกมาเดินเล่นในห้าง” โอ๊ยยย จะตื๊ออะไรนักหนา

“ผมนัดเพื่อนไว้อ่ะครับ”

“เพื่อน? คนไหนเหรอ?”

“น...โน่นอะครับ ผมกำลังจะไปหามันพอดี ขอตัวก่อนนะครับ” ผมนี่รีบเดินเลย



เฮ้ยยยย!!!

ยังตามมาอีกเหรอ



เอาแล้วไงกู ดูท่าว่าจะไม่จบง่ายๆซะแล้ว

ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี



นั่น!

ความหวังของผมปรากฏตัวออกมาแล้ว



“พี่ฮันเตอร์” ผมเรียกคนที่เห็นในสายตาทันทีพร้อมกับดึงทุกอย่างที่ปิดบังใบหน้าออก

“อ้าวน้องเพลง” พี่ฮันเตอร์ทักและคงแปลกใจที่เห็นผมในงาน “มางานด้วยเหรอ ไหนเมื่อวานเห็นน้องซอลบอกว่าเพลงไม่มาไง”

“อย่าเพิ่งชวนคุยเลยครับ” ผมร้อนใจมาก “มีคนกำลังตามผมมา ช่วยพาผมไปหาที่หลบก่อนได้ไหม”

“ไหนอ่ะ” พี่ฮันเตอร์มองหา ซึ่งดูเหมือนว่าจะเห็นพี่ปั้นจั่นยืนด้อมๆมองๆผมอยู่ “ อ๋อ คนนั้นอะนะ ให้พี่จัดการให้ไหม”

“ไม่ต้องครับ ผมไม่อยากให้เป็นเรื่อง แค่หาที่หลบก็พอ”

“งั้น... ตามพี่มาทางนี้” พี่ฮันเตอร์เดินนำ



ผมเดินตามเข้าไปในช่องทางเดินเล็กๆที่อยู่ตรงนั้น มันเป็นทางที่นำไปยังห้องรับรองนั่นเอง



ยังตามมาอยู่ไหมน้า...?



“ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่มีคนนอกกล้าเข้ามาในนี้หรอก” พี่ฮันเตอร์บอกให้ผมสบายใจ “งั้นยืนรอตรงนี้แป๊บนึงนะ พี่ไปหยิบของในห้องก่อน เดี๋ยวพาออกไป”

“ขอบคุณมากนะครับ”

“รอเดี๋ยวเดียว”

แล้วพี่ฮันเตอร์ก็เดินเข้าไปในห้องรับรอง ส่วนผมก็ยืนระแวงอยู่หน้าห้องต่อไป



น่ากลัวเหมือนกันแฮะผู้ชายคนนั้น นึกถึงคำพูดของไอ้อาร์มขึ้นมาเลยที่เคยเตือนผมเกี่ยวกับพี่ปั้นจั่น



“จะกลับแล้วเหรอครับพี่ฮันเตอร์” เอ๊ะ! นั่นเสียงไอ้อาร์มไม่ใช่เหรอ อยู่ในห้องด้วยเหรอเนี่ย

“ใช่ จะกลับแล้วล่ะ” เสียงพี่ฮันเตอร์ตอบกลับ

“ออกเดทกับไอ้แว่นก็อยากทำอะไรเพื่อนผมมากนะพี่ เดี๋ยวมันช้ำหมด”

“ช่วงนี้พี่ไม่ได้ทำอะไรกับน้องซอลมากนักหรอก อืมมม พอดีเลย พี่ถามอะไรหน่อยซิ”

“อะไรเหรอพี่”

“ซอลเป็นอะไรเหรอช่วงนี้ ทำไมเขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างเลย ทีแรกก็นึกว่าจะเปลี่ยนแค่วิธีการแต่งตัว แต่เดี๋ยวนี้เริ่มพูดจาไม่เหมือนเดิม ไม่ค่อยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเหมือนเดิมแล้วด้วย”

“เอ่อออออ ถ้าผมบอกพี่แล้ว พี่อย่าไปบอกมันนะว่าผมบอกพี่”

“ได้ แล้วสรุปว่าสาเหตุมันคืออะไร”

“ก็ไอ้แว่นมันดันไปได้ยินกลุ่มแฟนคลับของพี่นั่นแหละ สาวๆพวกนั้นพูดว่าไอ้แว่นกับพี่ไม่เหมาะสมกัน มันก็เลยพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนมองเห็นว่าเหมาะสมกับพี่”

“อ๋อออ ที่แท้เรื่องก็มีที่มาที่ไปแบบนี้นี่เอง”

“อย่าลืมนะพี่ อย่าบอกว่าผมเป็นคนเล่าล่ะ”

“โอเค ได้... นั่นอะไรน่ะ ของขวัญให้คู่เดทเหรอ เอาใจสาวๆเก่งน่าดูเลยนะเรา”

“อ๋อ อันนี้อะเหรอครับ ไม่ใช่ของคู่เดทผมหรอก ผมซื้อให้ไอ้เพลง หลังวันหยุดยาวเป็นวันเกิดของมัน ไหนๆออกมาที่ห้างแล้วก็เลยซื้อไว้เลย”

“จริงเหรอ วันอังคารหน้าเป็นวันเกิดน้องเพลงหรอกเหรอ”

“ครับ”

“มีเพื่อนสนิทนี่มันดีจังเลยนะ ใส่ใจรายละเอียดของกันและกันด้วย”

“ปกติผมก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจหรอกรับ แต่ปีนี้อยากจะ...ทำอะไรดีๆบ้าง”

“คนที่พูดว่าอยากทำอะไรดีๆ เขาไม่มีสีหน้าอมทุกข์แบบนี้หรอกนะ”

“ผมเปล่าอมทุกข์นะพี่.... พี่มองว่าผมอมทุกข์เหรอ”

“ก็ใช่นะซิ อาร์มทำหน้าเหมือนคนที่กำลังอมทุกข์เพราะแอบชอบเพื่อนสนิทตัวเอง แต่ทำอะไรไม่ได้”

“เฮ้ยยยย!! พ...พี่เอาอะไรมาพูด ผมจะไปแอบชอบเพื่อนสนิทที่ไหนได้ ชีวิตผมก็มีแค่ไอ้สองคนนั้นนั่นแหละ”

“ก็พี่กำลังพูดถึงหนึ่งในสองคนนั้นนั่นแหละ”

“พี่พูดอะไร....... เอ่อ....พ...พี่คิดว่าแบบนั้นเหรอ มันเห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”

“พี่เคยเถียงกับซอลหลายครั้งแล้วล่ะว่า อาร์มกับเพลงมีอะไรบางอย่างที่มากกว่าเพื่อนกัน ไม่รู้ซิ ในมุมของคนที่มองอยู่ห่างๆอย่างพี่ มันอาจจะมองเห็นชัดกว่าคนที่อยู่ใกล้ๆละมั้ง”

“ผมคือ.... อย่าบอกไอ้แว่นเรื่องนี้นะพี่”

“พี่ไม่พูดอยู่แล้ว.... แล้วทำไมถึงไม่สารภาพความรู้สึกตัวเองให้อีกฝ่ายนึงได้ฟังสักทีล่ะ”

“เพราะความสัมพันธ์เดิมละมั้งครับ ผมยอมรับว่าผมอิจฉาพี่นะ พี่กับไอ้แว่นไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อน ตอนที่ตัดสินใจอะไร ก็ไม่มีเรื่องอื่นมาเป็นอุปสรรคให้ต้องคิดเยอะเลย”

“มีคู่รักเป็นล้านคู่เลยนะที่เขาเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยการเป็นเพื่อนกัน”

“ผมรู้ครับ ผมคิดเรื่องนั้นแล้ว ผมยอมรับหัวใจตัวเองนานแล้วด้วย แต่ไอ้เพลงไม่ได้คิดแบบนั้น มัน... มันเชื่อว่าการได้เพื่อนสนิทตัวเองเป็นแฟนเป็นเรื่องน่าอาย ซึ่งไอ้คนที่มันอายมากที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้แว่นนั่นแหละ ไอ้เพลงกลัวมากว่าไอ้แว่นจะรู้ความลับนี้เข้า”

“ซอลเป็นคนน่ารักกว่าที่คิดนะ พี่ว่าเขาคงไม่มองความรักเป็นเรื่องน่าอายหรอกมั้ง”

“ก็...ผมไปบังคับให้ไอ้เพลงคิดแบบนั้นไม่ได้นี่นา ใจผมกับใจเขา มัน...คิดไม่เหมือนกัน”

“ก็เลยต้องยอมรับสภาพตัวเองไปแบบนี้ต่อไป ได้รักแต่ไม่ได้รัก งั้นเหรอ”

“ใช่... น่าสมเพชใช่ไหมพี่  ‘มี’ แต่ต้องพูดว่า ‘ไม่มี’  โสดแต่ก็มีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว เดินต่อก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ทำไม่เป็นซะแล้ว.... แต่มันก็ยังดีนะ อย่างน้อยผมก็ยังได้อยู่ข้างๆเขา ถึงมันจะไม่มีอะไรชัดเจน มันก็คงไม่มืดมนไปมากกว่านี้หรอก แค่ถ่วงเวลาต่อไปเรื่อยๆ ผมจะยื้อให้ถึงที่สุดเลย”

“ขอโทษนะอาร์ม”

“ครับ? พี่ขอโทษผมทำไม”

“ขอโทษที่พี่พาใครบางคนมาด้วย”



แอ๊ดดดดดดดดด

เสียงประตูห้องรับรองถูกเปิดออก อย่างกับว่ามันเปิดทั้งภาพและความรู้สึกทั้งหมดออกมาด้วย



“อ...ไอ้เพลง!!!” ไอ้อาร์มตาค้างและอ้าปากหวอที่เห็นผมยืนอยู่หน้าประตู “น...ไหนบอกไม่มาไง”

“มา....มาเอาเสื้อตัวนี้” ผมยกเสื้อให้คนเบื้องหน้าดู

“เสื้อ?” ไอ้อาร์มค่อยๆเดินออกมาจากห้อง แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าของผม ก่อนจะหยิบเสื้อไปดู “นี่มัน...เสื้อของกูนิ ทำไม? ยังไง?”

“คนที่ประมูลก็ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเจ้าของเงินนี่นา” ผมอธิบาย

“นี่มึงจะบอกว่า...”

“อือฮึ กูเป็นคนประมูลเอง แต่ให้เพื่อนออกหน้าแทน”

“ท...ทำไม...”



“อะแฮ่ม” พี่ฮันเตอร์ส่งสัญญาณการมีอยู่ของตัวเอง “ที่เหลือก็คุยกันเองนะ พี่ว่าพี่ยุ่งเรื่องของน้องสองคนมากเกินไปแล้ว”

“ขอบคุณมากนะครับพี่ฮันเตอร์” ผมพูด “ส่วนเรื่องเงินหนึ่งหมื่นที่ผมยืมมา จะรีบหาใช้คืนนะครับ”

“เอาเถอะ พี่ไม่รีบหรอก ถ้ามันช่วยให้ใครได้ออกเดทกัน พี่ก็ยินดี... อืม... ความจริงไม่ต้องคืนก็ได้นะ ถือซะว่าเป็นของขวัญวันเกิดจากพี่กับซอลก็แล้วกัน”

“แต่ว่า...”

“เอาไปเถอะน่า ที่สำคัญนี่ไม่ใช่เวลามาคุยกับพี่นะ คุยกับคนที่อยู่ตรงหน้าเถอะ.... งั้นพี่ขอตัวจริงๆแล้วดีกว่านะ ไปเดทกันให้สนุกล่ะ แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าน้องซอลจะเห็นด้วย เดี๋ยวพี่จะรีบพาเขาไปเที่ยวไกลๆเลย”

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

“ไปละ” ในที่สุดพี่ฮันเตอร์ก็เดินจากไป



เหลือผมกับไอ้คนตรงหน้าไว้ให้มองหน้ากันแบบเขินๆ



“นี่มึง...” ไอ้อาร์มพยายามเริ่มพูด “ขอเงินพี่ฮันเตอร์มาเพื่อประมูลกูเหรอ”

“อ...อืม” ผมตอบ

“ก็...แปลว่าเราต้องไปเดทกันอะดิ”

“ก็คงงั้น”

“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”

“ก็กูไม่อยากให้มึงไปออกเดทกับคนอื่นนี่นา”

“แบบนั้นเองเหรอ เอ่อ... เรื่องที่กูพูดเมื่อกี๊ มึงได้ยินหรือยังอ่ะ”

“ก็... อืม ได้ยิน”

“ค...คือ...มึงไม่ต้องคิดมากนะ กูก็แค่...”

“อย่าพูดเรื่องอื่นเลย” ผมห้ามไม่ให้คนข้างหน้าอธิบายอะไรทั้งนั้น “วันนี้เราสองคนเป็นคู่เดทกันต่างหาก ไม่ใช่เพื่อนกันซะหน่อย”

“............................” คนตรงหน้าเอาแต่อ้าปากค้างและกระพริบตาปริบๆ

“ทำไมทำหน้าอย่างงั้นอ่ะ ไม่เดทเหรอ”

“ด...เดทๆๆๆ เดทซิ งั้น...” ไอ้อาร์มยื่นมือออกมา “อยากไปไหน บอกผมมาได้เลยครับ”

ผมวางมือลงบนฝ่ามือเบื้องหน้า

“ช่วยเซอร์ไพส์หน่อยซิ”

“จัดให้.........”



แล้วการเดทก็เริ่มขึ้น



ผมถูกขับรถพาไปไกลจนถึงทะเลเลย เซอร์ไพส์พอไหมล่ะ



เราเล่นน้ำ ขี่ม้า เดินเที่ยวถนนการค้า บางทีก็เข้าชมการแสดงโชว์ ดูหนัง เสาะหาร้านอาหารที่ว่าอร่อยละแวกนั้น

คงสงสัยละซิว่าทำไมพวกเราถึงทำอะไรได้มากขนาดนั้น ก็เพราะมันไม่ใช่เดทในวันเดียวไง ตลอดทั้งวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยาวมาถึงวันหยุดพิเศษ ทั้งสามวันถูกใช้ไปกันการท่องเที่ยวแบบสองต่อสอง

และแน่นอนว่า ตลอดการท่องเที่ยวในสามวันนี้ เวลาเกือบครึ่งถูกใช้ไปกับการสร้างเสริมกิจกรรมทางเพศ ยังไงมันก็เป็นสิ่งที่ผมขาดไม่ได้นี่นา ยิ่งได้ออกมาเจอบรรยากาศแปลกๆใหม่ๆอย่างนี้ด้วยแล้ว เราสองคนยิ่งไม่มีใครห้ามใคร

“มีความสุขไหม...”

นี่แหละ คำถามที่ฟังจนชินหูระหว่างการร่วมสัมพันธ์

ความรู้สึกของการทำกิจกรรมทางเพศเปลี่ยนไป มันไม่ใช่แค่เพื่อความสนุกหรือการปลดปล่อยความกำหนัดของเด็กวัยรุ่น เราได้รับทั้งความอ่อนโอน นุ่มนวล ความปรารถนาดี

เป็นวันหยุดที่ผมไม่ต้องแคร์สายตาของใครเลยเพราะไม่มีใครรู้จักผมอยู่แล้ว เราสามารถเดินจับมือกัน ป้อนขนมให้กัน หรือนอนตักอยู่ริมหาดได้โดยสะดวกใจ



จนกระทั่งวันสุดท้าย....



“ไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เลย” คนที่กำลังนอนหนุนตักผมอยู่พูดขึ้น “อยากให้มีแต่วันแบบนี้ไปตลอด”

นี่เป็นเวลาโพล้เพล้ที่ดวงอาทิตย์กำลังอัสดง ท้องฟ้าสีส้มตัดกับสีของน้ำทะเลที่เริ่มมืดลงเล็กน้อย เสียงน้ำทะเลสาดซัดเบาๆ ทุกๆห้าวินาที อย่างกับเป็นสัญญาณของการนับถอยหลังเวลาที่กำลังจะหมดลง

“ไม่ได้หรอก” ผมตอบลอยๆ สายตายังมองไปที่ทะเลสุดลูกหูลูกตา “ยังไงก็ต้องถึงวันพรุ่งนี้”

“ขออีกวันไม่ได้เหรอ” อีกคนก็งอแงเหมือนเด็ก

“งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรานะ” ผมเอามือลูบศีรษะของเขา “แต่พรุ่งนี้อาจจะดีกว่าวันนี้ก็ได้”

“มันจะดีกว่าได้ยังไง ถ้าทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว”

“.....................” คิดว่าผมอยากให้มันจบลงนักหรือไง เปล่าเลย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเพิ่มเวลาอีกสักหนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี หรือตลอดไปเสียด้วยซ้ำ “กลับกันเถอะ ต้องขับรถอีกไกลนะ”

“ขออยู่แบบนี้จนกว่าดวงอาทิตย์จะตกดินเถอะนะ” คำขอร้องสุดท้าย

“ได้........................................”









‘….สิ้นแสงบนนภา เวลาหวนย้อนกลับ ความสุขมิลาลับ สดับจับตรึงใจ

จะทุกข์ก็ไม่ทุกข์ ว่าสุขคงไม่ใช่ ใยฟ้าเพทุบาย แกล้งได้แม้ใจคน....’
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ลด vs เพิ่ม - 08/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 09-01-2019 23:25:32
ชอบอะ อยากมีในชีวิจจริง
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ใจเขา vs ใจเรา - 09/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2019 01:38:28
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ใจเขา vs ใจเรา - 09/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 10-01-2019 18:55:44
อาร์มมันอยากเปิดตัวจะแย่แล้ว นุ้งเพลงสงสารมันเหอะ
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... ใจเขา vs ใจเรา - 09/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-01-2019 20:51:05
คุกเข่าขอเลยสิยะ มัวรออะไร นังอาร์ม
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... การเริ่มใหม่ vs การกลับมา - 10/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 10-01-2019 21:11:04
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 9 / ปัจจุบัน vs อดีต

ความที่ 3 จาก 3 / การเริ่มใหม่ vs การกลับมา









‘….สิ้นแสงบนนภา เวลาหวนย้อนกลับ ความสุขมิลาลับ สดับจับตรึงใจ

จะทุกข์ก็ไม่ทุกข์ ว่าสุขคงไม่ใช่ ใยฟ้าเพทุบาย แกล้งได้แม้ใจคน....’



...............“เพราะมากครับ” พี่ฮันเตอร์กล่าวชื่นชม “แต่งได้ดีเลยนี่นา”



นี่คือเช้าวันใหม่ที่ทุกอย่าง(ต้อง)กลับมาเป็นเหมือนเดิม

ผมนั่งทานอาหารที่โต๊ะประจำของเราร่วมกับไอ้อาร์มและไอ้แว่น แต่มีแขกพิเศษอย่างพี่ฮันเตอร์มาร่วมด้วย และที่พิเศษในพิเศษอีกคนก็คือ เมย์ เพื่อนจากคณะของผม



“ข...ขอบคุณมากค่ะ” เมย์กล่าวขอบคุณอย่างเขินอาย ดูเหมือนว่าเธอจะยังเกร็งไม่น้อยที่ต้องนั่งอยู่ระหว่างพี่ฮันเตอร์และไอ้อาร์ม “หนูว่าจะเขียนกลอนบทนี้ติดในภาพวาดของหนูน่ะค่ะ”

“เป็นภาพแบบไหนเหรอ ทำไมต้องใช้กลอนที่เศร้าขนาดนี้” พี่ฮันเตอร์ถาม

“จริงๆก็เป็นแค่ภาพวิวธรรมดานี่แหละค่ะ แต่อยากให้มีบรรยากาศที่เศร้าๆหน่อย ภาพจะได้มีหลากหลายอารมณ์”

“งั้นก็ลองวาดเป็นภาพช่วงเย็นๆดูซิ” ไอ้อาร์มเสนอ

“อื้ม ใช่ พี่เห็นด้วยนะ” พี่ฮันเตอร์เสริม

“ด...ได้ค่ะ” เมย์ตอบเขิน “ถ้าทั้งสองคนว่าดี หนูก็ว่าดีค่ะ”



“ไอ้เพลง” ไอ้แว่นที่นั่งอยู่ข้างๆ เรียกผม

“มีอะไร” ผมถาม

“ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อย”

“ห๊ะ” ผมแปลกใจ เพราะปกติ เวลาไอ้แว่นจะไปเข้าห้องน้ำ มันไม่เคยต้องการเพื่อนไปด้วยเลยสักครั้ง

“มาเหอะ เร็วๆ” แล้วมันก็ลากผมออกไป



“เดี๋ยวๆๆ นี่ไม่ใช่ทางไปห้องน้ำนิ” ผมรีบทักท้วงเมื่อเริ่มเดินไปผิดทาง

“ก็กูไม่ได้จะเข้าห้องน้ำไง” ไอ้แว่นเฉลย “มึงบอกกูมาอีกทีซิว่าทำไมมึงถึงขอให้พี่ฮันเตอร์มานั่งกินข้าวด้วย แถมยังให้เพื่อนมึงมาด้วยอีกคน”

“ก็ไม่มีอะไร เพื่อนกูแค่อยากได้คำปรึกษาเรื่องกลอนที่มันแต่งแค่นั้นแหละ” ไม่ชอบเลยที่ต้องโกหกไอ้แว่นแบบนี้ แต่จะให้เล่าว่า นี่เป็นการตอบแทนเรื่องที่วานให้เมย์ไปประมูลแทนก็คงไม่ได้ แบบนั้นก็เท่ากับประกาศบอกให้รู้ว่าผมมีความสัมพันธ์ลับๆกับไอ้อาร์มอยู่

“แค่นั้นมันไม่ใช่เหตุผลหรอกนะ” ไอ้แว่นสงสัยอย่างเห็นได้ชัด

“ก็กูเห็นว่าพี่ฮันเตอร์เป็นคนโรแมนติกไง น่าจะวิจารณ์อะไรพวกนี้ได้ ไม่เป็นไรหรอกแค่ชั่วโมงเดียวเอง... เออ ว่าแต่มึงเหอะ ทำไมกลับมาใส่แว่นแล้วอ่ะ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“นี่อะเหรอ ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก ไม่รู้ว่าพี่ฮันเตอร์ไปได้ยินมาจากไหนว่ากูเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่เพราะคำพูดของกลุ่มแฟนคลับของพี่เขา พอเคลียร์กันไปเคลีบร์กันมา ก็เลยสรุปได้ว่า พี่เขาชอบกูที่เป็นกูแบบเดิม ถ้าอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนนิดหน่อยก็พอ ไอ้เรื่องนิสัยที่กูพยายามปรับปรุงมาตลอด พี่ฮันเตอร์บอกว่าไม่จำเป็น เขาอยากให้กูรักในอะไรเดิมๆและอย่าให้ความรักมาทำให้กูเปลี่ยนไป กูก็เลยเปลี่ยนกลับมาใส่แว่น แต่เลือกที่มันเข้ากับหน้ามากขึ้น”

“มึงโชคดีจังเลยเนาะที่ได้คนดีๆอย่างพี่ฮันเตอร์เป็นแฟน”

“ใช่ กูโชคดีจริงๆนั่นแหละ”

“แต่เสื้อผ้าก็ดีขึ้นด้วยนี่นา ถึงจะได้กลิ่นโอตาคุ แต่ก็เป็นโอตาคุที่รู้จักแต่งตัว”

“ก็มึงสอนกูตั้งหลายอย่าง กูก็เอามาปรับใช้บ้างดิ”

“ดีแล้วล่ะ”

“เออใช่ อะนี่ วันนี้วันเกิดมึงไม่ใช่เหรอ” ไอ้แว่นควักกล่องของขวัญเล็กๆจากในกระเป๋ากางเกงมาให้ผม

“เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้นะ พี่ฮันเตอร์ให้กูมาเยอะมากแล้ว”

“มันไม่เหมือนกัน พี่เขาให้ก็ส่วนพี่เขา แต่กูเป็นเพื่อนมึงนะ จะไม่มีอะไรให้ได้ไง”

“ขอบใจนะมึง” ผมรับมาและเปิดดูทันที “พวงกุญแจตุ๊กตาโมเอะ... ฮ่าๆๆ ก็สมกับเป็นมึงดีนะ”

“นี่มันรุ่นหายากเลยนะ กว่ากูจะหามาได้ ต้องใช้บารมีของพี่ฮันเตอร์ไปตั้งเยอะ จริงๆก็ขอซื้อมาจากพวกแฟนคลับของพี่เขานั่นแหละ”

“โอเคๆ ขอบใจมากก็แล้วกัน”

“สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อน มีความสุขมากๆนะ ขอให้มึงเจอคนรักสักที”

“คนรัก?” อวยพรแปลกๆแฮะ

“ก็คนเจ้าสำราญอย่างมึงก็ต้องอวยพรแบบนี้แหละ ถ้าไม่เจอคนที่รักจริงสักที มึงก็คงหาความสงบในชีวิตไม่ได้ กูพูดในฐานะที่กูเจอรักที่ดีแล้ว กูก็อยากให้มึงมีบ้าง มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกู ถ้ามึงได้เจอความรักที่ดี กูก็คงดีใจมาก”

“ง...งั้นเหรอ ไม่ว่าคนรักของกูจะเป็นใคร มึงก็จะยินดีเหรอ”

“แน่ดิ ถ้าเพื่อนกูรัก กูก็ยินดีทั้งนั้นแหละ จะหูหนวก ตาบอด หรืออยู่อีกซีกโลก ถ้าเขารักมึงจริง กูยินดีด้วยหมดเลย แต่.... ไม่พิการดีกว่านะมึง”

“....” ไม่เคยรู้เลยว่าไอ้แว่นมีทัศนคติต่อความรักที่กว้างใหญ่แบบนี้



“วี้ดวิ่ววว... มายืนทำอะไรกันสองคนจ๊ะสาวๆ” หึ!! จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากข้างๆ ใครมันแซววะ “ระวังจะโดนฉุดไป ไม่รู้ด้วยนะตัวเธอ”

“นายจะฉุดเราสองคนเหรอ” ผมโต้กลับทันที คิดเหรอว่ากูจะยอม

“บ้าเหรอตัวเอง เค้าไม่ชอบขุดทองหรอกนะ ไม่อยากเป็นยอดชายด้วย” ปากดีนักนะไอ้อ้วนดำ อย่างมึงอ่ะ กูไม่คิดจะมองด้วยซ้ำ

“ดีจัง เพราะเราก็ไม่ชอบกินของเสียเหมือนกัน”

“เฮ้ยมึง...!!!!”

“จะทำไม..!!!!!”

ทั้งผมและไอ้อ้วนดำนั่นถูกเพื่อนที่ยืนอยู่ด้วยรั้งตัวไว้ไม่ให้พุ่งใส่กัน

“อย่าทำปากดีนะอีตุ๊ด เดี๋ยวกระทืบให้ตายค้าตีนเลย” ไอ้เดนมนุษย์นั่นโวยวาย

“คิดว่ากูกลัวเหรอ มีมือมีตีนเหมือนกันนะเว้ย” ผมตะโกน



“อย่าเลยไอ้เพลง” ไอ้แว่นพยายามเตือนสติผม “มันตัวใหญ่มากนะ สู้ไม่ไหวหรอก แถมยังมีเพื่อนมาอีกตั้งหลายคน”

“กูไม่กลัวหรอก” ผมเถียงทันที “สู้ก็แค่ตาย ให้มันรู้ไปว่าไอ้พวกที่ชอบนำเสนอตัวเองว่าแมนนักแมนหนา มันชอบทำร้ายคนที่ตัวเล็กกว่า กูเป็นปัญญาชน เอาคืนวันนี้ไม่ได้กูก็จะตามไปแก้แค้นแม่งทุกวิถีทางเลย”

“มึงกล้าเอาคืนกู...”



เพลี๊ยยย
“ไอ้สัด!!” จู่ๆเพื่อนคนหนึ่งของไอ้อ้วนดำก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่กบาลของมันเต็มๆ “เขาพูดขนาดนั้นมึงยังจะไปรังแกเขาอีกเหรอ ตัวก็โต ไอ้ห่า เก่งแต่กับคนตัว.... เชี่ยยยย!”

“นายคือ...” ผมร้อง ก็มันรู้สึกคุ้นหน้าของคนๆนี้มากเลย

“ไอ้สัดปอนด์ มึงซวยแล้ว” เขาร้องตกใจ อ๋ออออ คนนี้คือสมาชิกทีมรักบี้นี่นา คนที่พยายามมาจีบไอ้แว่นกับผมเมื่อไม่นานที่ผ่านมา “นี่มันเพื่อนของกัปตันทีมรักบี้นี่หว่า”

“แล้วไงวะ” เหมือนไอ้อ้วนดำจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์

“ก...กูไปล่ะ ถ้ามึงโดนพวกทีมรักบี้รุมกระทืบ อย่ามาเรียกกูนะไอ้สัด กูรับตีนหนักๆของทั้งทีมไม่ไหวหรอก... ขอโทษนะครับ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่อาร์มนะครับ ร...หรือถ้าบอก ก็บอกด้วยนะว่าผมไม่เกี่ยว.... ไม่อยู่แล้ว ไปละเว้ยยยย” เขาวิ่งออกไป เช่นเดียวกับเพื่อนๆคนอื่นๆที่เดินมาด้วยกัน ทุกคนดูจะเข้าใจข้อเท็จจริงแล้ว

“ห...เฮ้ย รอกูด้วยดิวะ” แล้วสุดท้ายไอ้อ้วนดำก็วิ่งอุ้ยอ้ายตามเพื่อนของมันไป



“ฟูวววว” ไอ้แว่นถอนหายใจ “โล่งอกไปที ดีนะที่ได้บารมีของไอ้อาร์มช่วยไว้ ดีเนาะ ขนาดมันไม่อยู่ตรงนี้ มันยังสามารถปกป้องมึงได้เลย”

“อ...อืม” ผมคิดถึงคำพูดที่ไอ้แว่นพูดขึ้นมาเลย เหตุการณ์ที่ถูกปกป้องแบบนี้ ช่วงหลังๆเกิดขึ้นบ่อย แต่ในกรณีที่ไม่มีไอ้อาร์มอยู่ด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลย

“ไปๆๆ กลับโต๊ะกันเถอะ” ไอ้แว่นชวน “แต่มึงนี่ก็ปากหมาใช่ย่อยนะ ไปท้าทายมันซะงั้น”

“กูก็เป็นของกูแบบนี้แหละ” ผมบอก

“เออ กูรู้ มึงมีความเป็นตัวของตัวเองสูง และไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง ไม่สนว่าจะเจ็บตัวหรืออาย ขอแค่มีความสุขในสิ่งที่พอใจจะทำก็พอ กูพูดถูกไหม”

“..............”

มีความสุขในสิ่งที่พอใจจะทำโดยไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง..... นี่คือตัวผมซินะ

“ไอ้เพลง!”

“ห๊ะ”

“มึงตาลอยบ่อยนะเดี๋ยวนี้ คิดอะไรอยู่วะ”

“ป...เปล่าๆ” ก็คิดตามสิ่งที่มึงพูดนั่นแหละ



หลายวันมานี้ ผมรู้สึกเหมือนได้เรียนรู้ที่จะรู้จักตัวเองขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

นี่ผมกำลังใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆอยู่เพื่ออะไร เพียงเพราะรู้สึกขายหน้าที่จะบอกกับคนอื่นว่าผมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนสนิทของตัวเองเนี่ยนะ ที่สำคัญ คนที่ผมพยายามปิดบังมาตลอดก็ไม่ใช่ใคร แต่คือเพื่อนอีกคนที่พร้อมเข้าใจและรับฟังผมอยู่เสมอ

ลองถามใจตัวเองอีกทีซิ........ กำลังรู้สึกอะไรอยู่

ทำไมถึงไม่ยอมมีความสุขทั้งที่มีความสุขได้

ทำไมยอมอยู่ในมุมมืดทั้งที่มีแสงสว่างอยู่มากมาย

ทำไมถึงปล่อยให้มโนภาพที่จับต้องไม่ได้บดบังความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า

ทำไม...ไม่พูดว่ารักกับคนที่รัก



ทำไม?



คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวและมันก็อยู่ในหัวใจของผมมาเสมอ



ไป.....

เดินไป.....

เดินไปหาคำตอบของหัวใจได้แล้ว



นี่เป็นช่วงเลิกเรียนของวันที่ผมควรนัดเจอเพื่อนๆเพื่อไปเลี้ยงฉลองในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง แต่ตอนนี้ผมกลับเอาตัวเองมานั่งอยู่ที่ข้างสนามซ้อมรักบี้ เพื่อรอที่จะพบใครบางคน



“ลมอะไรหอบมึงมาที่นี่คนเดียววะ” มาแล้ว... ไอ้อาร์ม คนที่ผมนั่งรออยู่ มันเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผมระหว่างการพักครึ่งเวลา “ไอ้แว่นไม่มาด้วยเหรอ”

“ไม่อ่ะ กูมาคนเดียว” ผมให้คำตอบ

“มีอะไรเหรอ คงไม่ได้มาดูกูซ้อมหรอกนะ”

“ไม่มีอะไร กูแค่อยากมานั่งดูมึงซ้อมนั่นแหละ”

“ไม่จริงอ่ะ... อ๋อออ กูรู้แล้ว มึงกำลังเซี่ยนอยู่ใช่ไหม อยากมากถึงขั้นมาหากูถึงสนามเลยเหรอวะ แต่ตอนนี้กูติดซ้อมอยู่ รอซ้อมเสร็จก่อนละกันนะ”

“เปล่า กูจะมาดูมึงจริงๆ”

“เอ...? หรือว่ามึงมาเพื่อเล็งลูกทีมคนอื่น อย่านะเว้ย เรายังอยู่ในสัญญากันอยู่นะ”

“ก็บอกว่ามาดูมึงไง ดูมึงแค่คนเดียวนั่นแหละ”

“อ...เอ่อ...จริงเหรอ” เหมือนไอ้คนข้างๆจะแอบยิ้มเล็กๆ

“อืม ทำไม ไม่มีที่ว่างให้กูนั่งดูหรือไง”

“กูก็มีที่ว่างให้มึงตลอดนั่นแหละ” ไอ้อาร์มกับผมเริ่มคุยกับแบบไม่กล้ามองหน้ากัน

“แปลว่ามีที่ว่างให้คนอื่นด้วยงั้นเหรอ”

“เคยมี แต่ตอนนี้มีแค่ระบบเหมาเท่านั้นแหละ ถ้าจะนั่งดูกูจริงๆ กูก็คง...มีที่ไว้สำหรับคนๆเดียว”

“งั้นกูขอนั่งได้ไหม”

“ก็นั่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“แค่อยากให้แน่ใจว่าจะไม่มีที่เหลือไว้ให้คนอื่นอีก”

“ไม่มีแล้ว.... แล้วกูเป็นไงบ้าง นั่งดูมาตั้งนาน คิดว่าฟอร์มของกูเป็นไง” ไอ้อาร์มพยายามเปลี่ยนอารมณ์กลับมา

“เก่ง... ตัวใหญ่... แข็งแรง... วิ่งเร็ว... หล่อ... เท่... เป็นกัปตันทีมที่ดี... เป็นผู้ใหญ่... เชื่อถือได้... ไว้ใจได้... เป็น......เป็นคนรักที่ดีได้...” ผมพยายามพูดให้ได้มากที่สุดแล้วนะ

“ร...เหรอวะ” ไอ้อาร์มทั้งทึ้งทั้งปลื้มใจ ผมว่ามันหยุดหายใจไปพักนึงเลยแหละ “มึง...มึงรู้ใช่ไหมว่า...คนเป็นเพื่อนกัน เขาไม่พูดแบบนี้”

“รู้ซิ....ถึงได้พูดไง”

“หมายความว่า...!!!!”

“ไอ้อาร์ม” ผมตัดสินใจจะพูดแล้ว “กูมีเรื่องอยากจะ...”

“เดี๋ยวๆๆๆ” ไอ้อาร์มหยุดผมไว้ มันลูบไปที่หน้าอกของตัวเองแรงๆเพื่อเป็นการเตรียมใจ ก่อนที่จะดึงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพาย “สุขสันต์วันเกิดนะ”

“ขอบใจ” ของขวัญวันเกิดนั่นเอง “ให้แกะเลยไหม”

“ก...แกะเลยก็ได้”

“โอเค” ผมลงมือแกะของขวัญอยู่สักพัก “อะไรเนีย ชุดนอนเหรอ โห หลายตัวจัง”

“ใช่ กูเห็นมึงชอบชุดนอนลายการ์ตูน และกูก็คิดว่าเวลามึงใส่ชุดพวกนี้แล้วมันน่ารักดี ก็เลยซื้อมาให้หลายตัวเลย แล้วช่วงหลังๆมานี้ กูก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ชุดนอนของมึงเสียหายไปไม่น้อยเลย อันนี้ถือว่าเป็นทั้งของขวัญและค่าชดใช้นะ”

“ขอบใจนะ” ผมพูด “มึงรู้ใจกูตลอดเลย”

“ตอนแรกกูกะจะเอาไปให้คืนนี้ในร้านเหล้า แต่... ไม่รู้ดิ กูคิดว่ากูกำลังจะได้ยินอะไรดีๆในอีกไม่ช้านี้ ก็เลยรีบให้ความสุขมึงก่อน เพราะนี่เป็นวันเกิดของมึง ถ้ากูได้รับของขวัญก่อนมันคงไม่ถูกหลัก”

ผมขำในความคิดของไอ้คนตรงหน้า

“ถึงกูจะชอบของขวัญที่มึงให้ แต่กูไม่ได้อยากได้อันนี้ตอนนี้หรอกนะ...” ผมดึงโบว์ที่ผูกกล่องของขวัญไปติดที่หน้าอกของคนที่กำลังจ้องผมตาไม่กระพริบ “นี่ต่างหากที่อยากได้...”

“กู...” มือใหญ่ๆของไอ้อาร์มวางลงบนมือของผมที่จับอยู่ที่หน้าอกของมัน “ก...กูพูดไม่ออก”

“ตลอดสองปีมานี้” งั้นกูจะเป็นคนพูดเอง ตั้งใจฟังดีๆล่ะ “ที่กูทำตัวไม่ดี ที่ทำเหมือนร่างกายตัวเองไร้ค่า นั่นก็เพราะกูถูกทำร้ายหัวใจจากความรักในอดีต และไม่เลือกที่จะเชื่อว่าสามารถเริ่มต้นใหม่กับใครได้ มึง...รับได้ไหมที่กูเคยผ่านคนมามากมาย”

“กูไม่เคยคิดตำหนิมึงเลย” ไอ้อาร์มน่าจะหยุดหายใจไปจริงๆแล้ว

“มึงโกรธไหมที่กูเห็นแก่ตัวมานาน ที่กูปิดบังเรื่องของเราเอาไว้”

“ก็แค่น้อยใจ แต่กูไม่คิดว่าจะสามารถโกรธมึงได้ลงหรอก”

“ขอบใจนะที่อยู่ข้างกูมาตลอดเลย...” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ “ถ้างั้นก็ถึงเวลาที่กูควรเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนได้แล้ว... คือ.... จะว่าอะไรไหมถ้ากูจะขอให้มึงมา........”





“เพลง!”



............................ใคร? ใครเรียก?



เสียงคุ้นๆ คุ้นมากด้วย



ผมหันกลับไปเพื่อมองดูต้นเสียงนั้น





!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



ค...คนที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นก็คือ....................................









......................................... “พี่คัง”
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... การเริ่มใหม่ vs การกลับมา - 10/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-01-2019 21:13:54
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... การเริ่มใหม่ vs การกลับมา - 10/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-01-2019 21:31:40
มารมา
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... คนเก่า vs คนใหม่ - 11/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 11-01-2019 19:55:57
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 10 / ตาต่อตา vs ฟันต่อฟัน

ความที่ 1 จาก 3 / คนเก่า vs คนใหม่









“พี่คังจะมาที่นี่ทำไมไม่บอกก่อนละครับ” ผมถาม

“ก็เป็นวันเกิดของเพลงไม่ใช่เหรอ พี่อยากเซอร์ไพส์” พี่คังตอบ แล้วจากนั้นก็วางกล่องของขวัญลงบนโต๊ะอาหาร “สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

“ข...ขอบคุณนะครับ” ผมอึ้งนิดหน่อย “ว่าแต่ พี่คังรู้ได้ไงว่าเพลงอยู่ที่สนามรักบี้”

“ก็มีใครบางคนโพสเช็คอินลงบนเฟสบุ๊คไม่ใช่เหรอ พี่ก็แค่ตามไป”

“อ๋อ” ผมเพิ่งโพสเช็คอินที่สนามรักบี้ไปซินะ

“เป็นยังไงบ้าง สบายดีนะ”

“สบายดีครับ”

“พี่ขอโทษนะที่ไม่ตอบข้อความจากเพลงเลย ทั้งๆที่เพลงพยายามทักไปหาพี่ทุกวันสำคัญของเรา”

“เพลงไม่คิดมากแล้วล่ะครับ”

“ต้องคิดมากซิ นี่เป็นความผิดของพี่นะ พี่มาเพื่อขอโทษเพลงโดยเฉพาะเลยนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เพลงให้อภัย”

“ดีใจจัง... เอิ่ม ว่าแต่ คนที่นั่งคุยกับเพลงที่สนามเมื่อกี๊นี้ ใช่อาร์มเพื่อนของเพลงไหม”

“ช...ใช่ครับ”

“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะจากเมื่อตอนมัธยม โดนเฉพาะกล้ามโตๆนั่น”

“ค...ครับ”



พอพูดถึงไอ้อาร์มก็ทำให้ผมนึกถึงมันขึ้นมาเลย

ด้วยเพราะว่ายังไม่หมดเวลาซ้อม มันจึงไม่สามารถตามมาด้วยได้ แต่ดูก็รู้ว่ามันคงไม่อยากปล่อยผมมาทานอาหารเย็นกับพี่คังตามลำพังแน่ๆ

เพราะไม่อยากให้ไอ้อาร์มวิตกกังวลและทิ้งการซ้อมไป ผมจึงได้แต่พูดกับมันว่า แค่มาทานอาหารเท่านั้น และยังต้องส่งโลเคชั่นไปบอกด้วยมาว่ากินข้าวร้านไหน ทำให้เวลานี้ผมต้องมานั่งทานข้าวกับพี่คังเพียงแค่สองคน



“อาหารไม่อร่อยเหรอ”

“ครับ!?”

“ก็ที่เห็นเพลงเอาแต่นั่งมองจาน อาหารไม่อร่อยหรือเปล่า หรือว่าจริงๆแล้ว เพลงยังโกรธพี่อยู่”

“อ...อ๋อ เปล่าหรอกครับ อร่อยดี”

“แล้วเรื่องที่ยังโกรธพี่ล่ะ รู้ใช่ไหมว่าทำไมพี่ถึงกลับมา พี่รู้ว่าเพลงดูออก”

“ดูออก?” อย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย

“พี่บอกให้ก็ได้ว่า พี่มาเพื่อขอคืนดีกับเพลง” เชี่ยเอ๊ย เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย “เรากลับมาคบกันได้ไหม พี่ผิดไปแล้ว พี่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมากเกินไปจนเป็นการบังคับใจเพลง”

“พี่คังรู้ไหมว่า นี่เป็นคำพูดที่เพลงอยากได้ยินมาตลอดเลย”

“พี่ถึงมาขอโทษกับเพลงด้วยปากของพี่เองไง”

“แต่ว่า.... เพลงรอนานมาก จนไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญแล้วล่ะครับ”

“อย่าพูดแบบนั้นได้ไหม พี่อยากคืนดีกับเพลงจริงๆนะ สองปีมานี้พี่ก็ทุกข์ใจมาตลอด พี่ไม่เคยคบใครเลย เพราะพี่ลืมเพลงไม่ได้ ไหนจะเรื่องงาน ไหนจะต้องเคลียร์กับพ่อแม่ให้ยอมรับความเป็นพี่ให้ได้ ตอนนี้ทุกอย่างของพี่ลงตัวแล้ว พี่อาจจะใช้เวลานานไปหน่อย แต่พี่กลับมารับเพลงแล้วนะ จะไม่บังคับหรือสั่งให้ทำอะไรอีกเลย”

“เพลงเข้าใจพี่นะ... เข้าใจว่าพี่ต้องเจอกับอะไรและรู้สึกยังไง เพราะเพลงเองก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่เท่าไหร่หรอก”

“เห็นไหมล่ะ เพราะงั้น...”

“แต่ว่า” ผมต้องรีบแทรก “จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เพลงก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคนแล้วเหมือนกัน เพลงไม่ใช่เพลงคนเก่าที่พี่คังรู้จักอีกแล้วนะ”

“ไม่จริงหรอก เพลงยังเป็นเพลงคนเดิมของพี่ทุกอย่าง”

“ไม่ใช่หรอกครับ เพลงเปลี่ยนไปมากจนพี่คังอาจจะรับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”

“ยังไงอ่ะ พี่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยนี่นา”

“ก็อย่างเช่น...” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อทำใจจะพูดสิ่งที่กำลังจะพูดออกมา “...เพลงมีอะไรกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยตลอดสองปีที่ผ่านมา”

“..............!!” คงไม่ต้องบอกก็รู้นะว่าพี่คังกำลังช็อกแค่ไหน “ม...ไม่ซ้ำหน้าเลยเหรอ”

“ใช่ครับ ไม่ซ้ำเลย และสนุกกับการมีเพศสัมพันธ์ทุกวัน ไม่เลือกเวลา ไม่เลือกสถานที่”

“ท...ทำไม...”

“เพลงถึงบอกพี่คังแล้วไงว่า เพลงไม่ใช่คนเดิมเมื่อสองปีก่อนอีกแล้ว ส่วนเหตุผลว่าทำไมเพลงถึงทำตัวแบบนี้...อืม...เพลงลืมมันไปแล้วล่ะ”

“...............” พี่คังถึงขั้นขมวดคิ้วนิ่วหน้าและวางช้อนลง “เป็น...เป็นเพราะพี่หรือเปล่า”

“แค่ช่วงแรกๆครับ แต่หลังจากนั้น เพลงคิดว่ามันมาจากความต้องการส่วนลึกของเพลงเองมากกว่า”

“แล้วเพลง....แบบว่า....ป้องกันหรือ...”

“แน่นอนครับ ถึงจะยังไง เพลงก็รักตัวเอง”

“ด...ดีแล้วล่ะ”

“งั้น...พี่คังเอาของขวัญของพี่กลับไปเถอะนะ” ผมดันกล่องกลับไปไว้ตรงหน้าพี่เขา “อย่าเอามาให้คนอย่างเพลงเลย มันไม่คู่ควรหรอก”

“เพลงรับไว้เถอะครับ” ของขวัญถูกดันกลับมา “พี่ตั้งใจเอามาให้เพลง ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นเลย”

“งั้นเพลงก็ขอบคุณมากนะครับ” ผมรับไว้ “ส่วนอาหารมื้อนี้ เพลงว่าเรา...”



“โอ๊ยยยย หิวๆๆๆ มีอะไรกินบ้าง”

“อ...ไอ้อาร์ม”

จู่ๆไอ้อาร์มก็โผล่เข้ามาในร้านและนั่งลงข้างผมก่อนจะดึงจานอาหารของผมไปกิน

“อูอิ๋ว(กูหิว)” ข้าวเต็มปากยังจะพูดอีก

“แล้วนี่โค๊ชปล่อยแล้วเหรอ” ผมถาม

“อ่อยแอ๊ว(ปล่อยแล้ว)”

“แล้วทำไมมาในสภาพนี้อ่ะ ไม่อาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนวะ” ดูมันดิ ตักข้าวเข้าปากสบายใจ ทั้งๆที่ตัวมีแต่เหงื่อ พนักงานร้านจะด่าไหมเนียที่มันทำเหงื่อเลอะร้านของเขา

“อะแฮ่ม... ก็กูหิวนิ” ไอ้อาร์มกลืนอาหารก่อนจะยิ้มตอบ “อ้าวพี่คัง หวัดดีครับ มาทำไมเหรอ อ๋อ มีของขวัญแบบนี้ มาวันเกิดไอ้เพลงอะดิ”

“ว...หวัดดี” พี่คังยังอึ้งอยู่ที่เห็นไอ้อาร์มโผล่พรวดพลาดเข้ามาในสภาพนี้ “ช...ใช่ พี่มาวันเกิดเพลง”

“ครับ ผมเห็นแล้ว เสร็จแล้วใช่ไหม เสร็จแล้วงั้นพี่ก็กลับได้เลยนะ เดี๋ยวผมต้องพาไอ้เพลงไปกินเหล้าต่อ”

“ไอ้อาร์ม!” ผมนี่ร้องเลย ไอ้บ้าอาร์ม ไปพูดเสียมารยาทแบบนั้นได้ไง

“ยังหรอก พี่ยังไม่กลับ” พี่คังพูด “พี่ยังคุยกับเพลงไม่จบ”

“อ้าวเหรอ” ยังจะมาตีหน้าซื่ออีกนะมึง “งั้นจะคุยกันก็คุยกันต่อเลยนะ ผมขอกินก่อน... น้องๆ ขอสั่งอาหารเพิ่มหน่อย”

“เอ่อ... อาร์ม” พี่คังเหมือนจะเหลืออด “พี่ขอคุยกับเพลงแบบสองต่อสองได้ไหม”

“ได้ดิพี่ ผมแค่จะกินข้าว พี่อยากคุยไรก็คุยกันไปเลยนะ..... เอ่อ ผมขอข้าวผัดหนึ่งทีนะ แล้วก็ต้มยำกุ้งชามใหญ่ๆด้วยหนึ่งชาม เก็บตังที่พี่คนนี้ได้เลยนะ” มึงจะกวนตีนไปถึงไหนเนี่ย

“ค...ค่ะ” พนักงานสาวรับออเดอร์ไปแบบงงๆ

“ช่วยคำใจคำว่า ปล่อยให้เราอยู่กันสองคน จะได้ไหม” พี่คังเริ่มทนไม่ไหวจริงๆแล้ว

“เฮอะ... อยู่กันสองคน พี่กล้าพูดแบบนั้นได้ไง” เอาแล้วไง ไอ้อาร์มเริ่มหน้าตึง อย่ามาต่อยกันตรงนี้นะ

“ทำไมพี่จะพูดไม่ได้ อาร์มต่างหากที่กำลังเสียมารยาทอยู่”

“เออ ใช่ ผมมันเสียมารยาท แต่ผมก็ไม่กล้าพูดว่า ‘ขออยู่ตามลำพัง’ กับคนที่ผมบอกเลิกให้เขาเสียใจอยู่คนเดียวหรอกนะ”

“....................................” พี่คังถึงกับพูดไม่ออกไปเลย

“อ้าว อึ้ง อึ้งไปเลย พี่ลืมอะไรไปหรือเปล่า ว่าคนที่พี่กำลังคุยอยู่ด้วยเนีย เป็นคนที่พี่ทิ้งเขาไปในวันที่เขารักพี่มากที่สุด แล้วคนที่อยู่ข้างๆมันอ่ะ ไม่ใช่พี่ แต่เป็นผม ผมต่างหากที่อยู่กับมันมาตลอด แล้วอยู่ดีๆพี่ก็จะมาบอกให้ผมออกไปงั้นเหรอ”

“ไอ้อาร์ม” ผมพยายามเอ็ด

“เงียบไปเลย” มันห้ามผมอย่างไว “กูจะไม่ยอมให้พี่เขามาทำมึงอีกรอบเด็ดขาด พี่เขากลับมาขอมึงคืนดีใช่ไหม”

“กูกำลังจะ...”

“ใช่ พี่กำลังขอเพลงคืนดี” พี่คังมีน้ำโห

โอ๊ยยยย อะไรเนีย ไปกันใหญ่แล้ว

“ไป ไอ้เพลง กลับกับกูเดี๋ยวนี้” ไอ้อาร์มลุกขึ้นคว้าแขนผม

“อาร์มไม่มีสิทธิพาเพลงออกไปแบบนี้นะ” พี่คังมองตาขว้าง

“ทำไมผมจะ... เออ ใช่ ก็จริง” อะไรของไอ้อาร์มวะ มันเห็นด้วยแล้วกลับนั่งลงเหมือนเดิมเฉยเลย “ไม่ใช่ผมกับไอ้เพลงที่จะออกไป พี่ต่างหากที่ต้องออกไป พวกผมสองคนอยู่ในที่ๆถูกต้องแล้ว คนที่อยู่อย่างไม่ถูกต้องคือพี่ต่างหาก”

“ว่าไงนะ?”

“ฟังไม่ผิดพี่ คนที่อยู่ข้างไอ้เพลงมาตลอด คือ ผม ไอ้อาร์มคนนี้แหละ ไม่ใช่คนที่ทิ้งมันไปอย่างพี่ พี่คัง”

กูเอ๊ยยยย ปวดหัวชะมัดเลย คนมองกันทั้งร้านแล้วเนีย ถ้าพูดกันเสียงดังกว่านี้อีกนิดนึง ทุกคนในที่นี้ก็คงรู้เรื่องแบบละเอียดยิบ

“ก็ได้....” พี่คังลุกขึ้นและควักเงินออกมาวางไว้ที่โต๊ะ “พี่กลับก็ได้ แต่พี่จะกลับมาอีกแน่... แล้วก็นี่ ค่าอาหาร พี่จ่ายให้ ถือซะว่าจ่ายให้กับความบ้าของนายก็แล้วกัน”

“ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับ บ๊ายบาย” ยังจะกวนตีนอีก

“แล้วเดี๋ยวพี่จะโทรหานะเพลง” แล้วพี่คังก็เดินออกไป

“โชคดีพี่ ไม่ต้องกลับมาอีกน้า...”



“ไอ้อาร์ม!” ผมเกินจะทนไหวอีกต่อไป “มึงต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ”

“ทำไมกูจะทำไม่ได้” ไอ้อาร์มยิ่งโวยวายหนัก “มึงลืมไปแล้วหรือไงว่าพี่เขาทำอะไรกับมึงไว้”

“กูไม่ได้ลืม แต่กูก็กำลังอธิบายกับพี่เขาอยู่ไง ไม่เห็นต้องใช้อารมณ์เลย”

“กูไม่เห็นว่าพี่เขาเหมือนจะยอมเข้าใจตรงไหนเลย... ไม่รู้แหละ ใครก็มายุ่งกับแฟนกูไม่ได้ จะแฟนเก่าแฟนใหม่ กูก็ไม่สนทั้งนั้น”

“ใครแฟนมึง เรายังไม่ได้ตกลงกันเลยนะ”

“อ้าว ก็ที่สนาม...”

“กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย ใครจะทนเป็นแฟนกับคนเลือดร้อนอย่างมึงได้วะ”

“แต่.... ไม่รู้เว้ย ถึงไม่ได้เป็นแฟน แต่มึงก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกูแล้ว กูหวงของกู”

“ไอ้สัดอาร์ม มึงจะมากเกินไปแล้วนะ”

“มึงต่างหากที่มากเกินไป มึงกล้าออกมากับแฟนเก่าต่อหน้ากูได้ไงวะ เคยเห็นใจความรู้สึกของกูบ้างป่ะ”

“แต่กูก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายซะหน่อย ไม่ดีหรือไงที่กูจะได้คุยกับพี่เขาให้รู้เรื่อง”

“มึงคุยโทรศัพท์ก็ได้มั้ง ต้องถ่อออกมากินข้าวด้วยกันด้วยเหรอ”

“มึงพูดไม่รู้เรื่องละ กูไปดีกว่า”

“เดี๋ยวดิ...”



ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ใครจะไปอยากคุยกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องกัน

ผมพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อตรงไปยังลานจอดรถ



“ไอ้เพลง เดี๋ยว...” ไอ้อาร์มตามผมมาจนถึงที่จอดรถของผม “คุยกันให้รู้เรื่องก่อน อย่าเดินหนีไปแบบนี้นะ”

“ไม่” ผมปฏิเสธแบบไม่คิด

“บอกให้หยุดไง” แล้วผมก็โดนคว้าแขนไว้ได้ในขณะที่กำลังจะเข้าไปในรถ

“ปล่อย!” ผมร้อง

“ไม่ปล่อย คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”

“อย่างมึงเนียนะ จะคุยรู้เรื่อง หัวร้อนจนไม่ฟังอะไรแบบนี้เนี่ยนะ คุยไปก็ไม่มีวันรู้เรื่องหรอก”

“ดี ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง งั้นก็ทำอย่างอื่นแทนก็แล้วกัน เผื่อจะรู้เรื่องมากขึ้น”

“อย่า...อย่านะไอ้อาร์ม” ผมถูกดันเข้าไปในเบาะหลังรถของตัวเอง “อย่านะ! ไม่งั้นกูร้องให้คนช่วย...จริงๆนะ”

“เอาเลย” ไอ้อาร์มเริ่มจู่โจมซุกไซร้ซอกคอของผม เห้ยๆๆ นี่มันลานจอดรถนะ “ร้องให้ทุกคนได้ยิน ให้คนมาจับตัวกูไป ให้กูติดคุกไปเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องทนเห็นมึงกับคนอื่นอีก”

“ม...มึงบ้า...ไปแล้วหรือไง”

“เออ กูบ้า บ้าเพราะหึงมึงไง ร้องเลย! ตะโกนเลย เอาคนมาจับตัวกูไป ไม่งั้นกูก็จะไม่หยุดทำ”

“ไอ้....” แม่ง บ้าเกินไปแล้วนะ แล้วแบบนี้แล้วใครจะกล้าตะโกนวะ ขืนมันโดนจับตัวไปจริงๆ ก็แย่ซิ ต้องหาวิธีอื่น “ต...ตัวมึงมีแต่เหงื่อ เดี๋ยว...เดี๋ยวกลับไปที่ห้องก่อน...นะ”

“อย่ามาโกหก ไปถึงห้อง มึงก็ปิดห้องหนีกันพอดี” รู้ทันอีก นี่แหละข้อเสียของการที่สนิทกันเกินไป

“แต่...มึงจะมาทำ...ตรงนี้ไม่ได้นะ” คำพูดขอผมไม่ส่งผลอะไรเลย แถมกางเกงก็ถูกถอดออกเรียบร้อยแล้วด้วย

“คอยดูดิว่ากูทำได้” นี่มึงเอาจริงเหรอเนี่ย

“ไอ้...ไอ้อาร์ม เดี๋ยวๆ ตรงนั้นอย่า...... อ๊อยยยย ไอ้อาร์มมมม อูยยยยย ไอ้อาร์มมมม..ม...ม....ม”

ตั้งแต่มีอะไรกับไอ้อาร์มมาเดือนกว่า นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันเอาปากครอบจุดเสียวของผม มันรัวลิ้นละเลงอย่างโกรธเคืองเพื่อเป็นการสั่งสอนและแสดงความเป็นเจ้าของไปพร้อมกัน

“อ่า..... อ....ไอ้อาร์ม....อ่าาาาาาา ซี๊ดดดดดด” การถูกลิ้นแตะสัมผัสมันให้ความรู้สึกซาบซ่านจนพูดไม่ออกขนาดนี้เลยเหรอ

“ยังจะหนีกูอีกไหม” มันหยุดและถาม

“มึงอย่ามาเอาเรื่องนี้บังคับกูนะ คิดว่าทุกอย่างจะสามารถ..... อ่าาาาาาาาาาาาาซซซซซ อ๊อยยยย”

คราวนี้ยกซดเลยเหรอ

ผมถูกยกขาขึ้นเพื่อเปิดทางให้ลิ้นอวบอ้วนของไอ้คนหัวร้อนถล่มใส่ร่องแคบของผมอย่างไปปราณีปราศรัย

“ย...อย่า...” ผมร้อง “อ๊อออออยยยยยยย...ย.....ย.......ย”

แต่ไอ้อาร์มยิ่งรุกหนักขึ้น

สติของผมเริ่มหลุดลอยแล้ว

“อ่าาาาาาา ย...อย่านะ..... อูยยยยย...ย....ย.....ย....... อ๊อออออยยยยยยย....ย.....ย........ย อี๊......”

ยิ่งผมส่งเสียงห้าม ยิ่งถูกจู่โจมหนัก ลิ้นที่ชุ่มน้ำลายนั้นพยายามแยงเหย้าเข้าใส่ช่องแคบแสนรักของผมอย่างหิวกระจาย

นิ้วที่ชุ่มเหงื่อก็เอาแต่เขี่ยปลายศูนย์รวมความรู้สึกจนผมปล่อยน้ำใสๆออกมาอย่างห้ามไว้ไม่ได้

“อย่า..... อย่า............. อื้อออ..... อย่า......”

“อย่าอะไร” ไอ้บ้าอาร์มโผล่หัวขึ้นมาตั้งคำถาม

“ย...อย่า...อย่าหยุด” แล้วสุดท้ายผมก็พ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง “ทำต่อนะ อย่าหยุด”



ปังงงงง

พอเห็นว่าผมส่งสัญญาณเปิดทางให้แล้ว ไอ้อาร์มจึงเอื้อมมือไปปิดประตูรถยนต์



สำหรับรถเก๋งคันเล็กแบบนี้ การอยู่ด้านในคนสองด้วยท่าทางนอนราบแบบนี้ดูจะทำให้อึดอัดไปถนัดตา

เพราะทำอะไรไม่ได้มากนัก ไอ้อาร์มจึงได้แค่ถอดเสื้อตัวเองออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อซึ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ และถอดกางเกงลงไปแค่พอให้ท่อนเอ็นอันใหญ่โผล่พ้นออกมาเท่านั้น

ไอ้อาร์มหยิบซองเจลหล่อลื่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อของผมอย่างคล่องแคล่ว เพราะมันรู้อยู่แล้วว่าผมเก็บไว้ตรงไหน

และเมื่อทุกอย่างพร้อม....

“เจ็บหน่อยนะ”

“อืม” ผมยอมรับ

“อย่าเสียงดังล่ะ เดี๋ยวมีคนได้ยิน”

“โอเค.... อื้มมมมมม” ช่องสวาทของผมค่อยๆถูกล่วงแทรกเข้ามาอย่างช้าๆ



และจากนั้นกิจกรรมการโยกรถก็ได้ดำเนินขึ้น



“หายโกรธกูยัง” ไอ้อาร์มถาม

“อ่าาาาาาาซซซ์” ผมไม่ตอบ ได้แค่ส่งเสียงครางจากความรู้สึกซาบซ่าน

“ถ้ายังไม่หายโกรธ กูหยุดทำนะ”

“ห...หายๆ หายแล้ว อ๊าๆๆๆๆๆ ม...มึงตอก ล...ลึกจัง กูเสียววว....ว...ว”

“ถ้าไม่ลึกมึงก็ไม่หายโกรธอะดิ”

“อ...อืม อ่าาาาาาาซ  ซ...ซี๊ด”

“กูโยกแรงไม่ได้นะ เดี๋ยวคนข้างนอกเห็นว่ารถสั่น”

“ม...ไม่เป็นไร เดี๋ยว... อ่า... เดี๋ยวกูขยับเอง”

“เอาจริงดิ... อ่าาาาาาา โอ๊ยไอ้เพลง กูเสียว มึงขยับช้าๆดิ” ไอ้อาร์มถึงกับร้องเสียงหลงที่ผมขยับสะโพกเข้าใส่ท่อนรักของมันด้วยตัวเอง

“ก...กูก็เสียวจัง...อ่าซ์” ผมยอมรับ

“ย...อย่าตอดแรง ก...กูจะล่มปากอ่าวแล้ว มันรัดไปหมด โอ๊ยๆๆ”

“ยัง...ยังไม่อยาก...ส...เสร็จใช่ไหม” ผมขู่

“ย...ยัง อ่าซ์ เสียวๆๆ จะไม่ไหวแล้ว”

“ต...ต่อไป...ย...อย่าหัวร้อน...อ่าซ์...แบบนี้...อีกนะ”

“ก็กู... โอ๊ย เชี่ย... ก็กูหึงนี่หว่า”

“หึงแค่ไหน ก...ก็ห้าม...หัวร้อน”

“แล้วจะให้... โอ๊ยๆๆๆ โอเคๆ ไม่...ไม่หัวร้อนแล้ว ไม่หัวร้อนอีกแล้ว”

“สัญ...สัญญาก่อน”

“ด...ได้ๆ สัญญา ล...เลิกตอดซะทีดิ”

“โอเค...” ผมผ่อนการเกร็งรัดลง

“เห้อออ เกือบไปแล้ว” ไอ้อาร์มถอนหายใจ หลังจากผ่อนลมหายใจอยู่สักพักมันก็เริ่มปฏิบัติกิจกรรมต่อ “มึงนี่มันร้ายกาจจริงๆ ในเวลาแบบนี้ยังขู่กูได้อีกนะ”

“อ่ะๆๆๆๆๆๆ ม...มึง....สัญญา...ล...แล้วนะ”

“กูรู้แล้วน่า สัญญาก็คือสัญญาไง... มึงนี่มันน่าโดนจัดหนักจริงๆ”

“อ๊าๆๆๆๆๆๆๆ”

“เดี๋ยวคนข้างนอกก็ได้ยินหรอก” ไอ้อาร์มเอามือมาปิดปาดของผมไว้ไม่ให้ส่งเสียง

“อืออออออ......”



แล้วรถของผมก็กลายเป็นแหล่งเสริมสร้างสัมพันธ์ทางเพศแห่งใหม่ระหว่างผมกับไอ้อาร์มในที่สุด





............... “ไม่เหนื่อยหรือไง เพิ่งซ้อมกีฬาเสร็จไม่ใช่เหรอ” ผมถามหลังจากความกำหนัดของเราทั้งสองถูกระบายออกมาเรียบร้อย

“ก็เหนื่อยอ่ะ” ไอ้อาร์มตอบในขณะที่สวมเสื้อเปียกๆของมันกลับคืน “แต่กูต้องง้อมึงก่อน”

“คิดได้นะที่ง้อกูด้วยวิธีนี้”

“ก็สำเร็จไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ต้องมายิ้มภูมิใจเลย”

“มึงนี่มันอ่านง่ายจริงๆ”

“พอเลย กูจะกลับห้องละ ลงจากรถไปได้แล้ว”

“เดี๋ยวดิ”

“อะไรอีก ไม่ทำแล้วนะ ถ้าจะทำอีกต้องไปอาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วก็ไปทำที่ห้องโน่น”

“ไม่ใช่... เอ่อ แต่ไปทำต่อที่ห้องได้ใช่ปะ งั้นเดี๋ยวตามไปนะ... แต่ที่กูจะพูดจริงๆก็คือ ที่กูโกรธเพราะกูหึงมึงจริงๆนะ พี่คังกลับมาในเวลาแบบนี้ กูทำใจให้สงบไม่ได้จริงๆอ่ะ”

“กูถึงบอกไงว่ากูกำลังเคลียร์กับพี่เขาอยู่ จะให้กูปฏิเสธทันทีทันใดก็ใจร้ายไปหน่อยไหม แล้วอีกอย่าง เชื่อกูเหอะ กูรู้จักคนอย่างพี่คังดี เขาไม่ใช่คนที่ยอมรับคำปฏิเสธง่ายๆ มันต้องใช้เวลา”

“ทำไมอ่ะ ก็ในเมื่อ...”

“หยุดเลย สัญญาแล้วนิว่าจะไม่หัวร้อน”

“ก...ก็มัน...”

“ปล่อยเรื่องนี้ให้กูจัดการเอง มึงไม่ต้องยุ่ง จะได้ไม่ต้องมาอารมณ์เสียต่อหน้ากูอีก”

“อืมมมม”

“ไม่ต้องมาทำท่าคิด กูไม่ได้ถามให้มึงตอบ กูสั่งว่า ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องพี่คังอีก กูจัดการของกูได้”

“เออๆๆ เอางั้นก็ได้ กูก็ไม่อยากเห็นหน้าพี่เขารอบสองเหมือนกัน ไม่งั้นก็ต้องซัดหน้าเขาแน่ๆ แต่ถ้ากูปล่อยแล้ว มึงต้องไม่ไปคืนดีกับพี่เขานะ”

“เออ กูก็ตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้วไหมล่ะ”

“ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย... ว่าแต่ เรื่องที่มึงพูดคาไว้ตอนอยู่สนามอ่ะ มึงจะ...”

“ตอนนี้ไม่พูดแล้ว”

“อ้าว เดี๋ยวดิ พูดต่อให้จบเหอะนะ นะนะนะ นะครับ”

“ไม่ กูรู้ว่ามึงรู้แล้วว่ากูจะพูดอะไร แต่เพราะพฤติกรรมวันนี้ของมึง กูจะพักเรื่องนี้ไปก่อน ถ้าทำตัวดีเมื่อไหร่ค่อยมาพูดกัน”

“โห่... ไม่เอาน่า ไหนๆกูก็สัญญาว่าจะไม่หัวร้อนแล้วไง พูดต่อเถอะนะ”

“ไม่เอาอ่ะ กูอยากให้แน่ใจกว่านี้ว่ามึงควบคุมอารมณ์ตัวเองได้มากพอจริงๆ ขืนมึงโมโหร้ายทุกครั้งแบบวันนี้อีก ในอนาคตกูไม่แย่หรอกเหรอ”

“กูสัญญาเลย มาๆ เกี่ยวก้อยกัน”

“ไม่ต้องอ่ะ นั่นมันเด็กไป กูขอดูเองดีกว่า ถ้ามึงแสดงพฤติกรรมแย่ๆแบบนี้อีกทีเมื่อไหร่ กูก็จะไม่พูดเรื่องพัฒนาความสัมพันธ์ของเราอีกเลย”

“โห่... ใจร้ายจัง กูเป็นคนนะ ต้องมีหึงบ้างดิ”

“หึงได้ แต่ต้องมีเหตุผลและวางตัวเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ มึงก็ทำตัวหน้าเชื่อถือมาตลอด แต่พอหน้ามืดที่ไรก็ทำอะไรไม่คิดทุกทีอ่ะ... เอาล่ะ ลงจากรถไปได้แล้ว แล้วก็ไปอาบน้ำซะด้วยนะ ตัวมึงมีแต่เหงื่อเต็มไปหมด”

“แต่มึงก็ชอบใช่ไหมล่ะ เมื่อกี๊เห็นลูบซิกแพ็คกูตลอดเลย”

“จะ ลง หรือ ไม่ ลง...”

“ลงๆๆๆ ลงแล้วคร้าบ ลงแล้ว” ลงไปได้ซะที “เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ของขวัญอันนี้พี่คังให้มึงมาใช่ไหม”

“ใช่”

“งั้นกูจะเอาไปทิ้ง”

“เฮ้ยๆๆๆ จะบ้าหรือไง เอาคืนมานี่เลย”

“ไม่ได้ ยังไงกูก็ไม่คืนให้หรอก”

“โอ๊ะ เออ แล้วแต่มึงเหอะ จะทำอะไรก็ทำ”



ผมย้ายตัวเองไปนั่งที่เบาะคนขับรถ



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



“อะไรอีก” ผมเลื่อนกระจกหน้าต่างรถยนต์เพื่อถามไอ้บ้าอาร์ม “ยังจะเอาอะไรของกูไปทิ้งอีก”

“เปล่า แค่จะบอกว่า...สุขสันต์วันเกิดนะ”

“อ...อืม ขอบใจ”

“ขอให้....ใจอ่อนกับกูเร็วๆนะ”

“มันใช่คำอวยพรที่ไหนกันเล่า ถอยไป จะไปแล้ว”



แล้วผมก็ขับรถออกมาจากลานจอดรถ



แวบหนึ่งที่ผมดูกระจกมองหลัง เห็นไอ้อาร์มกำลังยืนเฝ้ามองผมจากไกลๆ ในใจก็ได้แต่คิด.....

กูอ่ะ ใจอ่อนตั้งนานแล้ว เหลือก็แต่มึงนั่นแหละ..............................









..........................พิสูจน์ตัวเองให้ได้ล่ะ
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... คนเก่า vs คนใหม่ - 11/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-01-2019 21:00:41
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... คนเก่า vs คนใหม่ - 11/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-01-2019 21:13:12
ิอาร์มก้อเกินไปนะ ทำเหมือนเพลงเป็นสิ่งของ
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... คนเก่า vs คนใหม่ - 11/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-01-2019 21:35:13
สู้ๆนะอาร์ม
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... จริง vs โกหก - 12/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 12-01-2019 18:21:16
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 10 / ตาต่อตา vs ฟันต่อฟัน

ความที่ 2 จาก 3 / จริง vs โกหก









“แฮปปี้เบิร์ทเดย์ทูยู... แฮปปี้เบิร์ทเดย์ทูยู... แฮปปี้เบิร์ทเดย์ แฮปปี้เบิร์ทเดย์.....แฮปปี้เบิร์ทเดย์.....ทู...ยู.........”



“ขอบคุณคร้าบบบ ขอบคุณทุกคนนะครับ.......”

“เดี๋ยวๆ อธิฐานก่อน” ไอ้แว่นเตือนผม

“........................” อืมมมม ขอให้โลกสงบสุข ฮ่าๆๆๆ นางงามโคตรๆ “โอเค เรียบร้อย”

“อ่ะ เป่าได้”

“ฟูวววววว์” ผมเป่าเทียนจากเค้กวันเกิดที่ไอ้แว่นเป็นคนถือ

“เยยยยยยยยย้” ทุกคนปรับมือให้กับผม



“มึงนี่สงสัยจะชอบเทียนนะ" ไอ้อาร์มแอบกระซิบกับผม​ "ก่อนออกจากหอก็เพิ่งเป่าเทียนของกูไปเองนิ”

“ไอ้สัด!” ด่าสุดๆแล้วก็ทำได้แค่กระซิบนั่นแหละ



“ยินดีกับไอ้เพลงด้วยนะ หลังจากนี้ก็เข้าร้านเหล้าได้อย่างถูกกฎหมายแล้วววว” ไอ้แว่นเอ่ย “หมดแก้วววว”

อ้าว ยกซิครับ หมดแก้วไปเลยยยย

“ไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าร้านทั่วไปก็บรรยากาศดีเหมือนกัน” พี่ฮันเตอร์มองสำรวจทั่วร้านอย่างกับเป็นของแปลกที่ไม่เคยเห็น “คนเยอะดี”

“ถ้าเป็นร้านปกติที่ไปกัน คนเยอะกว่านี้อีก” ไอ้แว่นบอก “แต่เดี๋ยวนี้ไอ้สองคนนี้มันไม่ยอมไปร้านนั้น สงสัยกลัวเสียตัวละมั้ง”

“เสียตัว?” พี่ท๊อปสงสัย

“ด...ดื่มกันดีกว่านะครับพี่ฮันเตอร์” รีบเปลี่ยนเรื่องให้ไวเลยกู ไอ้แว่นนะไอ้แว่น คิดว่าเผากูต่อหน้าเลยหรือไง

“อย่าดื่มมากนักนะพี่ฮันเตอร์” ไอ้แว่นเตือนแฟนตัวเอง “พรุ่งนี้มีคิวถ่ายแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”

“คร้าบบบ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” อือหือออ หวานเกิ๊นนน มีจับแก้มกันด้วย

“แหวะ” ผมแซว “ในร้านไม่ได้มีกันสองคนนะ”

“อิจฉาเขาหรือไง” หึ! ไอ้อาร์มแทรกขึ้นมาซะงั้น

“เปล่าซะหน่อย” ผมปฏิเสธ

“ถ้าเพลงมีคนรู้ใจก็ไม่ต้องอิจฉาคู่ของพี่แบบนี้หรอก จริงไหมอาร์ม” อย่ามาทำส่งซิกกันตรงนี้นะพี่ฮันเตอร์

“ใช่เลยพี่” ทำเป็นยิ้มนะมึง

“พูดอะไรกันอ่ะ??” ไอ้แว่นสงสัย “เหมือนรู้ความลับอะไรที่ผมไม่รู้ด้วย”

“เอ่อ... เปล่าครับ” พี่ฮันเตอร์เพิ่งจะสำนึกได้ว่าแสดงพิรุจมากเกินไป “ไม่มีอะไร”

“ใช่ๆ ไม่มีอะไร” ไอ้อาร์มรีบเสริม

“ให้มันจริงเหอะ” ไอ้แว่นยังหรี่ตามองหาความจริง

“เออ เดี๋ยวนี้พี่ฮันเตอร์ซื้อโมเดลมาล้นห้องหรือยังอ่ะ” ผมเองก็ต้องช่วยเปลี่ยนเรื่องอีกแรง “มึงทำให้พี่เขาเป็นโอตาคุไปอีกคนแล้วหรือยังไอ้แว่น”

“เปล่าเลยยย พี่เขาซื้อของเขาเอง” ไอ้แว่นหลงกล ดีนะที่ได้ผล “ตอนนี้นะ บนเตียง บนตู้ มีแต่โมเดลการ์ตูนโมเอะให้เต็มไปหมด.............”



#คุณมีหนึ่งข้อความ



หึ!!!

ใครมันส่งไลน์มาตอนนี้วะ



เอ๊ะ.... พี่คังงั้นเหรอ

ดึกขนาดนี้พี่คังส่งอะไรมาละเนีย



/มาหาพี่ภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่งั้นพี่จะปล่อยคลิปนี้ออกไป/



คลิป...?

คลิปอะไร.............



!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ช....ชิบหายแล้ว

นี่....มัน.....................



“อ...อาร์ม” ผมพยายามกระซิบและสะกิดคนข้างๆแบบไม่ให้ใครเห็น “ไอ้อาร์ม!!!”

“ว่า?” ไอ้อาร์มถาม

ผมแอบเผยภาพในหน้าจอโทรศัพท์ให้มันดู........

“แอ่กๆๆ” ไอ้อาร์มสำลักออกมาทันที ก่อนที่จะรีบเก็บอาการและกระซิบกลับ “มาไงวะ?!?”

“ไม่รู้...” ผมตอบอย่างเป็นกังวล

“แล้วจะทำยัง.......”



“ดูไรกันอ่ะ!” เฮ้ยยยย!!!!!

“อ....ไอ้แว่น เดี๋ยวๆ” “ไอ้แว่น น..นั่น...” ผมกับไอ้อาร์มพยายามคว้าโทรศัพท์คืน แต่ไอ้แว่นก็ฉกไปดูแล้ว

“แอบดูไรกันสอง........เหี้ย!!!!!” นั่นไง ไอ้แว่นเห็นเข้าจนได้ “น...นี่....นี่มันคืออะไร ท...ทำไมมึงกับไอ้อาร์มถึง.....”

“อะไรเหรอน้องซอล พี่ขอดูหน่อย” พี่ฮันเตอร์ดึงโทรศัพท์ในมือที่แน่นิ่งของไอ้แว่นไปดู “อ๊ะ..........!!!”

“อ....อธิบายมาเลยนะ” ไอ้แว่นชี้หน้าผมกับไอ้อาร์ม “มึงสองคน....มีอะไรกันแล้วเหรอ”



เอาแล้วไง

ผมไม่รู้ว่าพี่คังไปแอบอัดวิดีโอตอนที่ผมกับไอ้อาร์มกำลังประกอบกิจกรรมทางเพศที่ลานจอดรถยนต์เมื่อตอนเย็นได้ยังไง

ถึงการถูกแอบถ่ายคลิปไว้จะเป็นเรื่องเครียด แต่ที่น่ากังวลที่สุดตอนนี้คงเป็นความโกรธของไอ้แว่นเสียมากกว่า



“คือ...คือกู...” จะพูดว่ายังไงดีวะ

“ไปคุยกันข้างนอก” ไอ้แว่นสั่ง แล้วมันก็เดินฉับๆออกไปจากร้าน



ตอนนี้ผมยังไม่กล้าออกเดินไปไหนเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันเครียด กังวล และตึงไปหมด



“เพลง....” ไอ้อาร์มโอบไหล่ผมเบาๆ

“กู....ก....กูควรทำไงดี” ผมหมดหนทางจึงพูดไปแบบนั้น

“อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย” ไอ้อาร์มเองถึงจะพูดปลอบใจแต่ตัวมันเองก็มีสีหน้ากังวลไม่น้อย “กูว่า...เราไปคุยกับไอ้แว่นก่อนเถอะ”

“นั่นซิ” พี่ฮันเตอร์เสริม ตอนนี้บรรยากาศของงานเลี้ยงวันเกิดของผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน เผื่อจะช่วยพูดได้”

“..........” ผมยังกลุ้มใจ

“ไปเถอะนะ” ไอ้อาร์มเขย่าไหล่ผมเบาๆ “กูจะอยู่ข้างๆเอง”

“จริงๆนะ” ผมต้องการคำยืนยัน ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคนที่จะอยู่ข้างๆกายอีกแล้ว

“จริงซิ” แล้วไอ้อาร์มก็เอามือของมันเลื่อนมาจับมือผมไว้แน่น “จะไม่ปล่อยเลย”

“ไปกัน” พี่ฮันเตอร์ให้สัญญาณ



โอเค ไปก็ไป



ผม ไอ้อาร์ม และพี่ฮันเตอร์เดินออกมานอกหน้า ตรงไปที่จุดที่เห็นไอ้แว่นในสายตา มันยืนรออยู่ที่ด้านข้างของร้านซึ่งไม่มีใคร

ทุกย่างก้าวตอนนี้ทั้งหนักทั้งลำบากทั้งกลัว ทุกอย่างปะเดปะดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน





“บอกมาดิว่ามึงสองคนไม่ได้ตั้งใจ” ทันทีที่ไปถึงไอ้แว่นก็ยิงคำถามใส่เลย “บอกว่า ว่าที่กูเห็นคือกูเข้าใจผิด”

“อ...ไอ้แว่น...”

“ตอบคำถามกู!!” ไอ้แว่นตะคอกใส่ผมทันที

“ซอลครับ ใจเย็นก่อนนะ” พี่ฮันเตอร์พยายามเข้าไปปรามอารมณ์ที่รุนแรงของไอ้แว่นไว้ “อย่าเพิ่งโกรธเลย ค่อยๆพูดกันเถอะ”

“ได้ ผมจะใจเย็น” ไอ้แว่นพยายามข่มอารมณ์ “งั้นมึงก็ตอบคำถามกูมาซะที ในคลิปนั้น มึงสองคนไม่ได้ตั้งใจใช่ไหม”

“ค...คือกู...” ผมพยายามหาคำพูด

“อย่าโกหกกูนะ” ไอ้แว่นเตือน ดวงตาของมันแดงก่ำ เป็นสัญญาณว่ากำลังโกรธอย่างถึงที่สุด

“ม...ไม่” ผมตัดสินใจตอบ “ไม่ใช่”

“ไม่ใช่! งั้นพวกมึงก็ตั้งใจกันอะดิ”

“ก...กู...”

“นี่เป็นความผิดของกูเอง” ไอ้อาร์มเอาตัวเข้ามาบังผมไว้แต่ก็ยังจับมือผมไว้แน่นเหมือนเดิม “อย่าโกรธไอ้เพลงเลย ทั้งหมดกูเป็นคนเริ่ม กูบังคับไอ้เพลงทุกอย่าง”

“มึงไม่ต้องมาทำเป็นปกป้องกันหรอกนะ” ไอ้แว่นยิ่งเดือดดานกว่าเดิม “มึงอ่ะผิดอยู่แล้ว น...นิ...นี่พวกมึงแอบทำอะไรกันแบบนี้มานานแค่ไหนกันแล้ววะ”

“เดือนกว่า” ไอ้อาร์มตอบอย่างฉะฉาน ผมรู้ว่ามันคงพูดไม่ง่ายนักหรอก

“ด...เดือนกว่า! เดือนกว่าเนี่ยนะ ได้ยังไง ทำไม มันคืออะไรวะ”



“ซอลครับ” พี่ฮันเตอร์พยายามปรามอีกครั้ง “ใจเย็นเถอะนะ พี่ขอร้องล่ะ”

“ใจเย็นอะไรอ่ะ พี่ดูดิ พวกมันสองคนแอบทำอะไรโดยไม่บอกผมแบบนี้ พี่จะให้ผมใจเย็นอะไร นี่ถ้าไม่เห็นหลักฐานจะๆตาแบบนี้ พวกมันก็คงไม่คิดจะบอกผมหรอกมั้ง”

“เห็นใจสองคนนี้หน่อยซิซอล พวกเขาต้องใช้เวลานะ พี่เชื่อว่าถ้าพวกเขาพร้อม เขาต้องบอกซอลแน่”

“เดือนกว่าเนีย มันนานเกินพอสำหรับการทำใจแล้วนะ พี่อย่าทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย ผมเป็นเพื่อนพวกมันมานาน รู้สันดานพวกมันดี ลองออกมาอีแบบนี้ ไม่มีทางหรอกที่มันจะบอกผม”

“พี่ยืนยันได้ว่าพวกเขากำลังจะบอกซอลแล้วจริงๆ”

“พี่เชื่อ... เอ๊ะ! นี่อย่าบอกนะว่าพี่ฮันเตอร์ก็รู้เรื่องของมันสองคนด้วย”

“เอ่อ...คือพี่...”

“พี่รู้เรื่องจริงๆด้วย”

“เปล่านะ พี่แค่รู้ว่าเขาสองคนมีใจให้กัน แต่ไม่ได้รู้ลึกไปกว่านั้น พี่ถึงได้พยายามบอกซอลตลอดไงเรื่องของสองคนนี้ แต่ซอลก็ไม่เชื่อ”

“ใช่ ผมไม่เชื่อ แล้วรู้ไหมทำไมผมถึงไม่เชื่อ ก็เพราะว่าผมเชื่อใจเพื่อนของผมไง ผมเชื่อว่าพวกมันจะไม่ปิดบังอะไรผมไง!!!” แล้วในที่สุดไอ้แว่นก็เสียน้ำตาออกมาจนได้

“อ...ไอ้แว่น” ไม่ต้องพูดถึงตัวผมเองเลย ผมน้ำตาไหลพรากออกมาแทบจะทันทีด้วยซ้ำ “กู...กูขอ...”

“มึงรู้ไหม” ไอ้แว่นทั้งตะคอกทั้งปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด “กูไม่เคยโกรธเลยที่พวกมึงแซวว่ากูเป็นไอ้ไก่อ่อน หรือเรียกกูว่าไอ้แว่น.... กูไม่เคยใส่ใจเลยเวลาที่พวกมึงทำเหมือนกับคนอื่นๆที่ทำกับกู เพราะกูรู้ดีมาตลอดว่าพวกมึงคือเพื่อนของกู”

“ช...ใช่ มึงเป็นเพื่อนกู....”

“เพื่อนเหรอ? มึงพูดมาได้ไงว่าเป็นเพื่อน.... กูไม่เคยเคยคิดรังเกียจแม้แต่น้อยไม่ว่ามึงสองคนจะคบกันหรือมีอะไรกันสักกี่พันครั้ง แต่กูโกรธมากที่พวกมึงทำเหมือนว่ากูไม่ใช่เพื่อนคนสำคัญ เพราะสำหรับกู พวกมึงคือเพื่อนสองคนเท่านั้นที่กูมี ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขยังไง กูจะคิดถึงพวกมึงเสมอ... แต่ดูวันนี้ดิ พวกมึงมีความลับกับกู กูแค่คนเดียวที่ถูกทิ้งไว้นอกความสำคัญของพวกมึง มึงยังกล้าเรียกกูว่าเพื่อนได้อีกเหรอ... ไปเลยนะ! พวกมึงจะไปไหนก็ไป ไปแอบทำห่าเหวอะไรกันก็เชิญ แต่กูจะไม่อยู่รอเพื่อนที่ทำอะไรลับหลังกูอีกแล้ว”

“ซ...ซอล ซอลเดี๋ยวก่อน” พี่ฮันเตอร์พยายามรั้งไอ้แว่นที่กำลังจะเดินหนีออกไป

“ปล่อยผมนะ...”



“กูขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมไอ้แว่น” จู่ๆไอ้อาร์มก็เสียงเข้มขึ้นมา

“มึงจะแก้ตัวอะไร...”

“ไม่ กูจะไม่แก้ตัว” เมื่อเห็นว่าไอ้แว่นหยุดฟัง ไอ้อาร์มจึงรีบพูด “แต่กูแค่อยากจะบอกมึงว่า กูกับไอ้เพลงไม่เคยคิดว่ามึงไม่ใช่เพื่อนแม้แต่นาทีเลยนะเว้ย...”

“มันไม่...”

“กูขอพูดแค่แป๊บเดียว แล้วจะไม่รบกวนมึงอีกเลย” ไอ้อาร์มแทรก บรรยากาศนิ่งสงบลง แต่ก็ยังตึงเครียดอยู่ “กูขอยอมรับความผิดไว้ทั้งหมด จะโกรธกูก็ได้ ไม่ต้องยกโทษให้กูก็ได้ แต่ว่า... แต่กับไอ้เพลงอ่ะ กูขอร้องให้มึงยกโทษให้ไอ้เพลงสักครั้งได้ไหม มันแคร์มึงมากนะ แล้วก็รักมึงมากด้วย ถ้ากลุ่มของเราจะมีใครที่เดินออกไป ขอให้เป็นกูคนเดียวก็พอ... ถือซะว่า ยกโทษให้ไอ้เพลงเป็นของขวัญวันเกิดให้มันเถอะนะ กูขอร้อง”

“.................................................................” ไอ้แว่นไม่ตอบ ดวงตาไม่สื่อถึงความหมายใดๆทั้งนั้น จนกระทั่งมันเปล่งเสียงออกมา “พวกมึงจะไปไหนก็ไป ของขวัญอ่ะกูก็ให้ไปแล้ว คนที่ไม่ใช่เพื่อนกู กูไม่จำเป็นต้องให้อะไรมันอีก”



แล้วไอ้แว่นก็เดินจากไปในที่สุด



“เดี๋ยวพี่พูดกับซอลให้เอง” พี่ฮันเตอร์บอกก่อนจะส่งโทรศัพท์ของผมมาให้ไอ้อาร์ม “รีบเคลียร์เรื่องของทั้งสองคนก่อนเถอะนะ”



“ห....หือ....” ผมสะอื้นไห้ออกมาอย่างปิดกั้นอารมณ์ไว้ไม่ได้

กูขอโทษนะไอ้แว่น กูขอโทษจริงๆ

ไม่นึกเลยว่าช่วงเวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ จะเปลี่ยนแปลงความจริงและคำโกหกทุกอย่างให้ออกมาในทิศทางที่เลวร้ายเช่นนี้

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร กูจะอยู่ข้างๆมึงนะ” ไอ้อาร์มดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้อย่างแนบแน่น



อบอุ่น....

ปลอดภัย.....

ทุกความรู้สึกของความไว้เนื้อเชื่อใจในคนๆนี้ ได้พิสูจน์ให้ผมได้เห็นคุณค่าในตัวของเขาแล้ว



“ตอนนี้อย่าเพิ่งอ่อนแอนะ” ไอ้อาร์มกระซิบข้างหูของผมเบาๆ “เรายังมีเรื่องต้องจัดการอีก รีบไปหาคนที่ถือคลิปของเราไว้กันเถอะ”

นั่นซิ....

ผมปาดน้ำตา แล้วไอ้อาร์มก็ปล่อยกอดออกจากผม แต่ก็ยังจับมือผมไว้แน่น

“ป...ไปกันเถอะ” ผมปรับอารมณ์และพูดออกมา “ก่อนที่ภาพของเราจะโดน... ปล่อย...หือ...”

พอพูดถึงปัญหานี้แล้วก็พลอยให้น้ำตาไหลออกมาอีกรอบ

“อย่าขี้แยซิครับ” ไอ้อาร์มเอานิ้วมาปาดน้ำตาที่เลอะใบหน้าของผม “ก็แค่คลิปที่เรามีอะไรกันครั้งเดียวเอง ถ้าคนมันอยากดูนักก็ปล่อยมันไปซิ ดีไม่ดีเดี๋ยวเราถ่ายคลิปลงเองซะเลยก็ได้”

“ไม่ตลกด้วยนะ”

“ไม่ตลกแล้วยิ้มทำไมอ่ะ” ในเวลาแบบนี้ยังจะมาเล่นมุกอีก ยอมใจมันเลยจริงๆ “เห็นไหม ยิ้มจริงๆด้วย”

“ไปได้แล้ว” ถึงจะทุกข์ใจแต่ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ “เดี๋ยวก็เกินหนึ่งชั่วโมงหรอก”

“ไปครับๆ” แล้วไอ้อาร์มก็จับมือผมเดิน “ถ้าสมมติว่าคลิปในรถนั่นหลุดจริงๆ วันหลังเราลองเปลี่ยนไปทำบนเรือกันดูดีไหม”

“โรคจิตหรือไงถึงอยากโชว์คนอื่นนัก”

“ก็ของกูมันน่าโชว์อ่ะ...”................



แล้วไอ้อาร์มก็คุยสร้างบรรยากาศให้ผมตลอดทาง จากที่เครียดๆ กลายเป็นบรรยากาศเถียงกันแบบที่คุ้นเคย มุกชินจังของมันถูกขุดมาเล่นทั้งหมด ทำเอาผมลืมเรื่องของพี่คังไปชั่วขณะหนึ่งเลย





“ที่นี่เหรอ” ไอ้อาร์มมองเข้าไปยังโกดังเก่ามืดๆแห่งหนึ่ง “นี่พี่คังเขาดูละครมากไปหรือเปล่าวะ ต้องเรียกมาข่มขู่ในโรงงานร้างซะด้วย คิดว่าตัวเองเป็นตัวโกงในหนังของอาหลองหรือไง”

“อาร์ม” ผมเรียก

“ว่าไง”

“อย่าปล่อยมือกูนะ”

“ไม่มีทาง”

“ขอบใจ” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ “งั้นเราไปกันเถอะ”



ผมกับไอ้อาร์มเดินอย่างระมัดระวังเข้าไปในโกดังร้าง



ที่นี่มืดมาก แต่พอเข้าไปในประตูที่เปิดแง้มไว้ก็พบกับแสงสว่างจุดใหญ่ที่มาจากหลอดไฟแบบพกพา ซึ่งตรงนั้นก็มีใครคนหนึ่งยืนอยู่



“พี่ไม่ได้บอกให้พาใครมาด้วยนิ” นั่นคือคำทักทายแรกจากพี่คังเมื่อเห็นผมและไอ้อาร์ม “และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้คนที่มันกล้ามาตีท้ายครัวของพี่”

“โทษทีพี่” ไอ้อาร์มต่อกลอนด้วยทันที “คนของผมไม่ได้ไปอยู่ในครัวของใคร และผมก็อยู่กับเขาตลอด ไอ้เรื่องที่จะปล่อยให้มาในสถานที่อันตรายๆ เพื่อเจอคนอันตรายๆ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่”

“หุบปากของมึงไปเถอะ แอบกินอาหารเหลือจากคนอื่นแล้วอย่ามาทำปากดี” ไม่นึกเลยว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากปากของพี่คัง นี่ไม่ใช่พี่คังที่ผมรู้จักแน่ๆ หรือว่าความจริงแล้ว นี่ต่างหากคือตัวจริงของเขา “ดูนี่ไว้ซะ นี่คือคลิปที่กูถ่ายไว้ได้ตอนที่พวกมึงกำลังทำเรื่องอุบาทกันในลานจอดรถ ถ้ายังขืนปากดีอีก กูจะกดโพสเดี๋ยวนี้แหละ แค่วินาทีเดียวคลิปก็แช่ออกไปทั้งโลกแล้ว มึงแน่จริงมึงพูดอีกทีซิ”

“.................................” ไอ้อาร์มกัดฟันแน่น

“พ...พี่คัง...” ผมต้องพูดอะไรบ้าง

“มึงก็ไม่ต้องพูดเหมือนกันอีเด็กร่าน” มันจะมากเกินไปแล้วนะ “เชอะ ทำเป็นพูดบ่ายเบี่ยงท่านั้นท่านี้ ไอ้เรารึก็คิดว่ายังโกรธเราอยู่ ทำเป็นดัดจริตไม่ยอมคืนดีด้วย ที่ไหนได้ ก็แอบอ้าขาให้เพื่อนตัวเองเสียบอยู่นี่เอง คงจะติดใจมากละซิท่า ถุ้ย! พวกชั้นต่ำ”

“นี่...”

“อย่า...” ไม่น่าเชื่อว่าในสถานการณ์นี้จะเป็นไอ้อาร์มที่ห้ามผมเอาไว้

“โถๆๆๆ รักกันเป็นห่วงกันจริงนะ” ไอ้สารเลวเบื้องหน้ายังเอ่ยวาจาถากถางไม่เลิก “คงกลัวว่าคลิปจะหลุดออกไปจริงๆอะดี๊... ดี เข้าใจสภาพตัวเองแบบนี้ก็ค่อยคุยกันง่ายหน่อย... รู้ไหม ทีแรกพี่ก็กะว่าจะเรียกเพลงมาหาเพื่อดูน้ำหน้าคนโกหกเฉยๆ ทำเป็นตอแหลวางท่าว่าตัวเองเลือกได้ คนอย่างมึงอ่ะกูไม่เอามาแปดเปื้อนชีวิตกูหรอกเว้ยยย”

“............” มึงงงงง ผมอดทนสุดขีด ที่ยังอดทนได้ก็เพราะไอ้อาร์มบีบมือผมไว้แน่นเพื่อเตือนสติอยู่ตลอด

“แต่ไหนๆก็พาไอ้เพื่อน... เอ้ย ไม่ซิ ต้องเรียกว่า ไอ้ผัวแก้คัน ฮ่าๆๆๆ ดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าพวกมึงสองคนแค่แอบกินกันตอนอยากเท่านั้นแหละ ไม่ได้จะจริงจังอะไรหรอก เพราะถ้าจะคบกันจริงๆ ก็คงบอกกูตั้งแต่ตอนเย็นไปแล้ว แบบนี้เขาเรียกว่าผัวแก้คัน ส่วนมึงมันก็เมียขี้คัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ..... เห้อออออ หัวเราะมากไปหน่อย เจ็บปากหมดเลย.... เอาล่ะ เอาแบบนี้ดีกว่า ไหนๆก็หอบมันมาด้วยแล้ว.... กูขอสั่งมึงแบบนี้แล้วกันไอ้ผัวแก้คัน ‘กราบตีนกู’ ”

“ห๊ะ!! จะเกินไปแล้วนะ” ครั้งนี้ผมไม่ยอมหรอก

“อะไรๆๆ จะไม่ยอมเหรอ งั้นโพสคลิปนะ”

“ใจเย็นก่อนเพลง” ไอ้อาร์มพยายามรวบตัวผมไว้ ไม่ให้วิ่งเข้าใส่ไอ้เลวนี่

“ดีมากกกกไอ้ผัวแก้คัน นึกว่าจะโตแต่ตัว มีสมองเหมือนกันนี่หว่า... มาว่าเรื่องของเรากันต่อดีกว่านะ ข้อเสนอของกูก็คือ ถ้ามึงยอมกราบตีนกู กูก็จะเก็บเงียบเรื่องคลิปนี่ไว้ก่อน จุ๊ๆๆๆ แต่อย่าคิดว่ากูจะลบมันออกไปง่ายๆล่ะ ของแบบนี้หากันไม่ได้ง่ายๆ ถ้าไม่บังเอิญว่ากูเดินกลับไปหาก็คงไม่ได้คลิปเด็ดๆแบบนี้หรอก.... ว่าไง? รับข้อเสนอไหม?”

“ถ้ากูยอมทำ มึงจะไม่โพสใช่ไหม” ไอ้อาร์มกัดฟันถาม

“ไม่นะ” แต่ผมต้องห้ามอยู่แล้ว

“แน่นอน แต่! ถ้าเดือนหน้าหรืออาทิตย์หน้า กูรู้สึกว่าอยากหาคนมากราบตีนกูอีก มึงก็ต้องทำ... คนกวนตีนอย่างมึงต้องเจอคนแบบกูนี่แหละ ตอนเย็นทำปากดีใส่กูนัก ไอ้พวกต่ำๆอย่างมึงอ่ะต้องมากราบตีนกูนิ”

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ยังไงกูก็จะไม่ยอมเด็ดขาด

“อ้าวๆๆ คิดดีๆนะจ๊ะน้องเพลงจ๋า คลิปนี้ไม่ได้มีหนูอยู่แค่คนเดียวนะจ๊ะ ยังมีอนาคตนักรักบี้ทีมชาติอยู่ด้วย ขืนทำอะไรที่พี่ไม่ได้สั่ง... ระวังมือกูจะลั่นไม่รู้ตัวนะอีเด็กร่าน”



บ้าเอ๊ย ลืมคิดเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย

ผมถอยเท้ากลับมาแทบจะไม่ทัน



“ผิดแล้วล่ะ ถ้าจะขู่ด้วยเรื่องนั้น” ไอ้อาร์มเอ่ย แล้วมันก็หันมาจับมือของผมทั้งสองข้าง “กูไม่เคยกังวลเรื่องเกี่ยวกับทีมชาติอะไรนั่นเลย”

“จะไม่ห่วงได้ไงล่ะ นั่นมันอนาคตของมึงเลยนะ” ผมเถียง

“คิดเหรอว่าโค๊ชจะปล่อยคนเก่งๆอย่างกูไปด้วยเรื่องแค่นี้ ไม่มีทางซะหรอก”

“แต่ถึงยังไง...”

“ที่กูยอมทำ ไม่ใช่เพราะจะปกป้องอะไรของกูทั้งนั้น แต่เพราะเป็นมึง ที่กูยอมทำเพราะว่ามึง มึงจะเสียหายไม่ได้ ไม่ว่าจะมีผลต่อมึงเล็กน้อยแค่ไหน กูก็ไม่ยอมให้มึงต้องเสียหายเด็ดขาด”

“อ...อาร์ม แต่ว่า...”



“หาวววววววววว เล่นบทน้ำเน่ากันจบหรือยัง” ไอ้สารเลวนั่นมันตั้งใจขัดจังหวะ “กูไม่มีเวลามารอทั้งคืนหรอกนะ มาๆ มากราบตีนกูได้แล้ว ตรงนี้เลย เร็วเข้า”

ทำไมคนๆนี้ถึงได้ร้ายกาจมากขนาดนี้นะ

“อาร์ม เดี๋ยว...” ผมพยายามรั้งไว้แล้ว แต่ไอ้อาร์มก็ดึงมือผมออกอย่างแรง และเดินต่อไปข้างหน้า

“สาบานมาก่อนว่าจะไม่ปล่อยคลิป” ไอ้อาร์มหยุดยืนนิ่งและพูดต่อหน้าคนข่มขู่

“มึงไม่มีสิทธิมาต่อรอง” มันตอบ “แต่กูบอกแล้วไงว่าตอนนี้ยัง แต่ถ้าตีนกูว่างไม่มีคนมาคอยเลียคอยกราบ ก็อาจจะเผลอโพสลงไปในทวิตเตอร์ก็ได้”

“ได้ กูจะทำ”

“อ...อาร์ม” ผมร้อง



ไอ้อาร์มคุกเข่าลงต่อหน้าไอ้คนที่แสดงออกอย่างกับว่าตัวเองควบคุมโลกไว้ทั้งใบ



ทำไมต้องทำเพื่อกูขนาดนี้ด้วย...

ทำไมต้องเอาแต่ปกป้องกู...

ทำไมถึงยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อคนอย่างมัน...

แล้วกูล่ะ กูทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ กูจะปล่อยให้คนที่รักและเป็นห่วงกูมากที่สุดทำเรื่องแบบนั้นหรือไง................



ไม่!!!!!!!



กูจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น



“อย่า!” ผมตะโกนห้าม แล้วรีบเดินไปดึงตัวไอ้อาร์มให้ลุกขึ้นมาเหมือนเดิม

“เฮ้ยๆ คิดจะทำอะไรน่ะ” ไอ้สารเลวคังโวยวายทันที “คิดว่ากูไม่กล้าโพสหรือไง”

“มึงทำอะไรเนี่ย” ไอ้อาร์มเองก็โวยวายเหมือนกัน “กูทำแค่นี้เอง ไม่ถึงกับตายหรอกน้า ไม่งั้นเราจะ....”

“ไม่!!! บอกว่าไม่ไง” ผมยืนยันเสียงแข็ง แล้วก็หันไปทางไอ้คนที่เอาแต่ข่มขู่พวกเรา “อยากโพสนักใช่ไหม โอเค เอาเลย!”

“ไม่ได้นะ” ไอ้อาร์มห้าม

“กูตัดสินใจแล้ว” ผมจะไม่ยอมยืนนิ่งอีกต่อไปแล้ว “ถ้าอยากโพสนักก็เชิญโพสลงไปได้เลย เอาให้ครบทุกฉากทุกตอนนะ มันจะผิดอะไรนักหนาที่คนเป็น ‘แฟน’ กันจะมีเพศสัมพันธ์กัน”

“พ...เพลง เมื่อกี๊นี้...”

“ใช่... ฟังไว้นะพี่คัง ไอ้อาร์มคือแฟนของเพลง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็คือแฟนกันวันยันค่ำ และเพลงจะไม่มีวันปล่อยให้แฟนตัวเองต้องคุกเข่าอ้อนวอนแฟนเก่าชั่วๆแบบพี่หรอก”

“กล้าพูดแบบนี้กับกูเหรอ!!!” ไอ้ชั่วถึงขั้นร้องลั่น

“เออ กูกล้าพูด” หยาบมากูหยาบกลับ

“เฮ้ย เพลง อย่าเลย มันไม่คุ้มหรอก ให้กูทำเถอะนะ...” ไอ้อาร์มพยายามดึงมือของผมออกอีกครั้ง

“ไหนสัญญาแล้วไงว่าจะไม่ปล่อยมือกัน” ผมหันไปพูดกับไอ้อาร์มอย่างจริงจัง สื่อความหมายผ่านสายตาทั้งหมดไป “ก็สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อกี๊ก็ปล่อยไปรอบนึงแล้วนะ จะผิดสัญญาอีกใช่ไหม ถ้าผิดสัญญาอีกรอบนึงจะไม่ยกโทษให้แล้วนะ”

“แล้วเรื่อง....”

“..................” ผมส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่าผมไม่แคร์อะไรแล้วทั้งนั้น

“ถ้างั้น...” ไอ้อาร์มกลับมายืนจับมือผมอย่างมั่นคงอีกครั้ง แล้วหันไปพูดกับไอ้ชั่วข้างหน้า “แฟนผมพูดมาแบบนี้แล้ว ผมอ่ะมันเป็นพวกตามใจแฟนอยู่แล้ว พี่อยากทำอะไรก็เชิญตามสบายเลยนะครับ”

“หนอยยยยย พวกมึง” คนเบื้องหน้าเดือดดานจนใบหน้าขึ้นสีแดง “งั้นก็เตรียมอายคนทั้งโลกก็แล้วกัน”



เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องให้เกิดแล้วกัน

ขอแค่มีไอ้อาร์มอยู่ข้างๆ ผมก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น



“อย่าคิดแม้แต่จะโพสลงไปเด็ดขาด” เอ๊ะ!! มีใครโผล่มาจากด้านหลังวะ

“อ...ไอ้แว่น” ผมร้องตกใจ

ไอ้แว่นมาไงอ่ะ พี่ฮันเตอร์ก็ด้วย

“ผมขอเตือนพี่ไว้เลยนะ” ไอ้แว่นยังคงสื่อสารโดนตรงกับไอ้คนชาติชั่วที่กำลังจะปล่อยคลิปลงโซเซียลมิเดีย “ถ้าไม่อยากหมดอนาคต...........................









.......................ลบคลิปทั้งหมดทิ้งไปซะ”
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... จริง vs โกหก - 12/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 13-01-2019 15:00:19
น้องแว่นต้องใจเย็นๆ นะ คนเราถึงจะสนิทกันแค่ไหน แต่ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง
ความสัมพันธ์มันเป็นอะไรที่ซับซ้อน ต้องให้เวลาพวกเขาจนกว่าเขาจะสะดวกใจบอก

พี่คังนี่โคต loser ตัวเองทิ้งเขาไปเอง นกอยากจะกลับมาก็กลับมา ตัวเองไม่ได้กินก็เอาตีนขวาง
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... จริง vs โกหก - 12/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 13-01-2019 22:06:03
คนจริงมาแล้ว เอาเลยสู้ๆ แว่น
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... จริง vs โกหก - 12/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-01-2019 22:22:02
ใจเย็นนะทุกคน
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... จริง vs โกหก - 12/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2019 22:42:36
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend ... เพื่อน vs แฟน (ตอนจบ) - 14/01/2019 ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Kings Racha ที่ 14-01-2019 21:49:25
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 10 / ตาต่อตา vs ฟันต่อฟัน

ความที่ 3 จาก 3 / เพื่อน vs แฟน (ตอนจบ)









“มึงเป็นใครวะ” ไอ้ชั่วคังร้องตกใจที่เห็นไอ้แว่นและพี่ฮันเตอร์เข้ามาในโกดังร้าง “แล้วมีสิทธิอะไรมาสั่งกู”

“ผมชื่อซอลครับ” ไอ้แว่นแนะนำตัว “เอ...? ไม่ซิ ผมชื่อว่า 'ไอ้แว่น' ต่างหากล่ะ เป็นเพื่อนสนิทของไอ้เพลงและไอ้อาร์ม”

“แล้วไง?”

“ก็ไม่แล้วไง แต่ผมขอสั่งว่าให้พี่ลบคลิปทั้งหมดที่มี ลบทิ้งไปให้หมดอย่าให้เหลือ เดี๋ยวนี้ด้วย”

“ทำไมกูต้องทำตามที่มึงบอกด้วย”

“ตรงนี้มันคงมืดไปหน่อยก็เลยทำให้พี่มองไม่เห็น อ่ะๆ ผมจะเขยิบไปข้างหน้าอีกหน่อยก็แล้วกัน” ไอ้แว่นก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อเข้าไปอยู่ในอณาเขตของแสง จากนั้นทุกสิ่งก็ชัดเจนขึ้นมา “พี่มีคลิป ผมก็มีคลิปเหมือนกัน”

“คลิปอะไร? เหอะ อย่ามาขู่กูให้ยากเลย กูไม่เคยไปแอบทำอะไรอุบาทกับใครอยู่แล้ว”

“แหมมม ลืมเร็วจังนะ ก็เพิ่งจะทำอยู่เมื่อกี๊ไง” ไอ้แว่นยกโทรศัพท์ของมันที่อยู่ในมือขึ้นขู่คนตรงหน้า

“หมายความ....”

“จุ๊ๆๆๆ ฟังให้จบซิครับ อืมมมม จะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ เอาเป็นเริ่มจาก... พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็แล้วกัน ในฐานะที่เราเรียนทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาเหมือนกัน พี่ไม่น่าจะโง่ถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าการโพสข้อมูลลามกอนาจารของผู้อื่นสู่สาธารณะมันมีโทษร้ายแรงแค่ไหน แต่! ผมก็รู้ดีว่าพี่เป็นคนฉลาด คงจะสมัครไอดีปลอมไว้รอโพสคลิปแล้วล่ะซิ กะว่าตำรวจคงย้อนรอยกลับมาหาตัวเองไม่ได้ และเพื่อการนั้น ผมก็เลยคิดว่า ถ้าอัดภาพและเสียงทั้งหมดจากการสนทนาที่พี่เพิ่งจะข่มขู่เพื่อนของผมไว้ น่าจะเป็นหลักฐานที่เอาผิดได้แบบดิ้นไม่หลุด... ผมอ่ะถ่ายไว้ตั้งแต่ที่ทักทายเพื่อนผมคำแรกเลย พี่ว่าผมฉลาดไหม”

“มึงงงงงงง” ไอ้ชั่วคังเข้าใจในที่สุด

“อ่ะๆๆๆ อย่าโวยวายดิครับพี่ ยังมีกล้องอีกตัวนึงที่ถ่ายไว้อยู่นะ” ไอ้แว่นหมายถึงกล้องที่พี่ฮันเตอร์กำลังถืออยู่ในขณะนี้ “ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังดีๆเดี๋ยวก็ดังไม่รู้ตัวหรอก”

ได้ผลสุดๆไปเลย ไอ้ชั่วคังยืนนิ่งไม่ไหวติง แม้สีหน้าจะโกรธจัดก็ตาม

“เห็นไหมล่ะ ผมกะไว้แล้วเชียวว่าพี่ต้องเป็นคนฉลาด รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ” เพิ่งเคยเห็นมุมร้ายกาจของไอ้แว่นก็วันนี้แหละ “เอาเป็นว่าพี่ส่งมือถือมาให้ผมดีกว่านะ เดี๋ยวผมจัดการลบทุกอย่างให้เอง จะได้ไม่ต้องเหนื่อยพี่”

“............................................” ไอ้ชั่วคังคุ่นคิด

“ไม่อยากส่งเหรอ โอเค งั้นไม่เจรจาต่อก็ได้”

“เดี๋ยว! งั้นก็มายืนหมูยืนแมวกัน กูไม่ไว้ใจพวกมึงหรอกนะ”

“เอ....? เมื่อสักพักพี่จะพูดคำว่าอะไรออกมาน้า....? อ๋อ ‘มึงไม่มีสิทธิมาต่อรอง’ ใช่ๆ พี่พูดคำนี้แหละ ผมเองก็อยากจะพูดให้พี่ฟังแบบนี้เหมือนกัน”

“จะบ้าเหรอ ถ้าขืนกูส่งมือถือให้พวกมึงไป แล้วจะเอาอะไรมารับประกันว่าพวกมึงจะลบคลิปให้กู”

“ก็อย่างที่เพื่อนผมพูดไปนั่นแหละ ถ้าพี่อยากลงคลิปของพวกมันนัก ก็เชิญลงไปได้เลย พวกมันสองคนก็อาจจะอายนิดหน่อยที่ไปฟีชจูริ่งกันในลาดจอดรถแบบนั้น แต่คนมันเป็นแฟนกันอะนะ มีอะไรกันบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผิดกับคลิปที่ผมมีอยู่อย่างสิ้นเชิงเลย อันนี้ถ้าโพสลงไปก็... หนึ่ง พี่โดนจับฐานแพร่ภาพลามกอนาจาร... สอง พี่โดนจับฐานปล่อยภาพส่วนตัวของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต... สาม อันนี้ผมเดาเอานะ ผมเดามาพี่คงมีหน้าที่การงานที่ดีพอสมควร ถ้าเจ้านายหรือคนที่กำลังจะร่วมทำธุรกิจกับพี่มาเห็นเข้า ความไว้ใจในการทำงานก็คงลดๆๆๆลง มีผลต่ออาชีพแน่นอน... ยัง ยังไม่หมด มีอีกข้อนึง ผมจะบอกให้ว่าโลกของเราเดียวนี้มันแคบ พวกชั่วๆที่ทำอะไรให้ชาวเน็ตจับได้อ่ะ มักอยู่ไม่ค่อยเป็นสุขหรอก... เพราะงั้นผมจะให้พี่คิดอีกทีนึง จะส่งมือถือมา หรือจะแข่งกับผมว่าใครลงคลิปได้เร็วกว่ากัน อยากเอางานมาแลกกับความสะใจส่วนตัวก็ตามสบายเลย”

“.........................” สะใจชะมัดที่เห็นหน้าของไอ้ชั่วนั่นกำลังหงอเป็นหมาหงอย



แล้วจู่ๆไอ้อาร์มก็เดินไปหาตัวต้นเหตุทั้งหมด



“ส่งมือถือมาเดี๋ยวนี้” ไอ้อาร์มขู่ทันที ครั้งนี้มันตัวใหญ่ซะยิ่งกว่าใหญ่อีก น่ากลัวสุดๆไปเลย “กูบอกให้มึงส่งมา!!!!”   

“กูฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าเมื่อ........”



พั๊วววววววววว



ปลิวไปเลยจ้าาาาาาาา



ไอ้อาร์มซัดหมัดเข้าหน้าของไอ้ชั่วคังทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ โดนกัปตันทีมนักบี้ต่อยคิดว่าจะกระเด็นไปไกลแค่ไหนล่ะ   



“อ่ะนี่” ไอ้อาร์มส่งโทรศัพท์ให้ไอ้แว่น

“โอเคคคค” ไอ้แว่นดำเนินการต่ออย่างเชี่ยวชาญโดยมีพี่ฮันเตอร์ช่วยด้วยอีกแรง



ส่วนไอ้คนที่โดนต่อยอะเหรอ ยังมึนอยู่เลย เห็นลุกขึ้นแล้วก็ล้มลงไปตั้งสองสามรอบกว่าจะลุกยืนได้



ไอ้แว่นกับพี่ฮันเตอร์ช่วยกันตรวจสอบโทรศัพท์ที่ได้มาอย่างละเอียดอยู่เกือบสิบห้านาที จนแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว



“โอเคเรียบร้อย” ไอ้แว่นส่งคืนให้ไอ้อาร์ม เพื่อให้ไอ้อาร์มเอากลับไปคืนเจ้าของ

“ม...ไม่ต้องเข้ามา” ไอ้ชั่วคังร้องพร้อมกับก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย โถๆ ถึงขึ้นขยาดรสหมัดเลยเหรอ “เอาวางไว้ตรงนั้นนั่นแหละ”

“ได้” ไอ้อาร์มบอกก่อนที่จะโยนโทรศัพท์ทิ้งลงไปที่พื้น “ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับกูหรือแฟนของกูอีก... ออกไป!!”

“...........” ผู้แพ้ทำได้แค่มองหน้าอย่างแค้นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองแล้วค่อยๆกุมความเจ็บปวดทั้งกายและใจออกไป



“เพื่อรับประกันว่าพี่จะไปมายุ่งกับเพื่อนผมอีก ผมจะยังเก็บคลิปของพี่ไว้อยู่น้า... เดี๋ยวส่งให้ดู” ไอ้แว่นตะโกนไล่หลัง “อ้อ ลืมบอกไป เมื่อกี๊เผลอลบเยอะไปหน่อย ก็เลยลบข้อมูล รูปภาพ แล้วก็เบอร์โทรฯ ออกไปหมดเลย ถือซะว่าได้มือถือใหม่เนาะ....”

ร้ายกาจจริงๆไอ้แว่น

แต่ยังไงก็...

“ขอบใจมึงมากนะไอ้แว่น” ผมพูดกับไอ้แว่นอย่างสำนึกผิด “ไม่คิดเลยว่ามึงจะตามมาช่วยกูสองคน”

“ทีแรกก็ไม่ได้อยากมาหรอก” ไอ้แว่นสารภาพ “แต่...”

“แต่ได้พี่คอยเตือนสติให้ไง” พี่ฮันเตอร์แทรก “ถ้าพี่ไม่พูดว่า สองคนนี้กำลังลำบากและต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนคนสำคัญ ป่านนี้ซอลเองก็คงยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่หายซะที ดีนะเนี่ยที่พี่แอบส่งโลเคชั่นจากเครื่องน้องเพลงมาไว้ก่อน ไม่งั้นใครบางคนแถวนี้คงตามมาช่วยเพื่อนไม่ทัน”

“ขอผมพูดเองได้ไหมเล่า” ไอ้แว่นงอแง

“คร้าบบบๆ งั้นพี่ขอไปรอข้างนอกก็แล้วกัน ให้เพื่อนๆเขาเคลียร์กันเองดีกว่า” จากนั้นพี่ฮันเตอร์ก็เดินออกจากโกดังไป

“ก็อย่างที่พี่ฮันเตอร์พูดนั่นแหละ” ไอ้แว่นพูดต่อ “กูโกรธพวกมึงมากเกินไป โกรธซะจนกูลืมไปว่า ในเวลาที่กูลำบากก็ได้พวกมึงนี่แหละคอยช่วยและให้คำปรึกษาตลอด กูลืมไปเลยว่ามีแค่พวกมึงสองคนเท่านั้นที่คบกูเป็นเพื่อนในขณะที่ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับกูเลย”

“เพื่อนก็คือเพื่อนไง” ผมบอก “ต่อให้วันนี้มึงโกรธกูมากแค่ไหน มึงก็ยังเป็นเพื่อนของกูอยู่ดี”

“ใช่” ไอ้อาร์มเสริม “กูกะเอาไว้ว่าถ้ามึงยังไม่หายโกรธพวกกูซะที กูจะตามไปยิงมุกที่คณะมึงทุกวัน ถ้ามึงไม่หายโกรธก็ให้มันรู้ไปดิ”

“แบบนี้ไงกูถึงทิ้งพวกมึงไม่ได้” ไอ้แว่นพูด “ขอบใจที่เป็นเพื่อนกับกูนะ”

“พวกกูต่างหากที่ต้องพูดแบบนั้น” ผมตอบกลับ “แล้วก็ขอโทษจริงๆที่กูสองคนปิดบังเรื่องของพวกกูไว้ กูยอมรับว่ากูอายที่จะบอกมึงจริงๆ กู...กลัวมึงจะล้ออ่ะ”

“กูจะล้อความรักของเพื่อนรักทั้งสองคนของกูได้ไงเล่า”

บ้าเอ๊ย น้ำตาไหลอีกรอบจนได้

“ขอบใจที่เข้าใจนะมึง...”

“หยุดเลยๆๆ” ไอ้แว่นรีบห้าม “ไม่ต้องคิดจะมากอดกูเลยนะ พวกมึงสองคนกอดกันเองไปเลย กูขนลุก”

“ครั้งเดียวก็ไม่ได้เหรอมึง” ผมขอร้อง

“ไม่ได้.... เออๆๆ ก็ได้ ครั้งเดียวนะ”

"................" อย่าไปบอกใครนะว่าพวกผมสามคนกอดกันในโกดังร้าง



เคลียร์เรื่องนี้ไปได้เหมือนยกภูเขาออกจากออกเลยแฮะ ต่อไปนี้คงไม่มีอะไรมาทำให้ปวดหัวอีกแล้วนะ



“แต่ยังไงกูก็ยังโกรธพวกมึงอยู่อ่ะ” ไอ้แว่นเปลี่ยนอารมณ์ซะงั้น มันผละออกจากผมกับไอ้อาร์มทันที “พวกมึงสองคนอ่ะร้ายกาจมากนะที่ปิดบังกูตั้งเดือนกว่า แอบไปฟาดกันโดยที่ไม่บอกกู แถมไม่เอามาเล่าให้กูฟังด้วย”

“อ...เออๆ เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังแบบละเอียดเลย” ไอ้อาร์มรีบเสนอ “ลีลาของไอ้เพลงนี่ต้องให้กูเล่า ที่มึงเคยฟังมาทั้งหมดนะ ไม่แตะความจริงสักนิดเลย กูนี่ลองมาแล้วทุกกระบวนท่า ไอ้เพลงเนี่ยนะโคตร...อื้อออออออ”

“อย่านะมึง” ผมรีบปิดปากไอ้บ้าอาร์มไว้

“แยกๆๆๆ” ไอ้แว่นจับผมกับไอ้อาร์มแยกออกจากกัน “วันนี้กูยังไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น เพราะพวกมึงต้องรับการลงโทษจากกูก่อน”

“ลงโทษ?” ผมสงสัย

“ใช่ ลงโทษ” ไอ้แว่นยืนยัน “เพราะพวกมึงมีความลับกับกู เพราะฉะนั้นคืนนี้มึงสองคนห้ามอยู่ด้วยกัน ห้ามถูกเนื้อต้องตัวกัน โทรหาหรือคุยแชทก็ไม่ได้”

“ห๊ะ” ไอ้อาร์มเหมือนจะไม่เห็นด้วย

“ถ้าไม่ทำแบบนี้ กูจะไม่มีวันหายเคืองพวกมึงเด็ดขาดเลย.... คืนนี้ห้ามติดต่ออะไรใดๆกันทั้งสิ้น กูรู้นะว่าพวกมึงสองคนคงไปจัดหนักกันแน่ๆคืนนี้ เพราะเพิ่งสารภาพรักกัน แต่ก็อย่างที่บอกแหละ กูไม่อนุญาต และคืนนี้กูก็จะไปนอนห้องไอ้เพลงด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ามึงสองคนจะไม่แอบไปเจอกัน”

“อ...เอาจริงเหรอวะไอ้แว่น” ผมถาม

“จริง” มันยืนยัน “ไปเลยๆ มึงไปกับกูได้แล้วไอ้เพลง เริ่มตั้งแต่ตอนนี้แหละ จำไว้นะ ห้ามติดต่อกับไอ้อาร์มไม่ว่าด้วยวิธีไหนทั้งนั้น”



อ้าว ซะงั้นอ่ะ



สุดท้ายผมก็ต้องแยกกับไอ้อาร์มจริงๆ



ไอ้แว่นมานอนที่ห้องผมอย่างที่พูดไว้ไม่มีผิด มันคอยจับตามองผมทุกฝีก้าว ไม่ให้ผมเข้าใกล้โทรศัพท์ได้เลย



#คุณมีหนึ่งร้อยสามสิบสองข้อความ

ไอ้อาร์มก็เอาแต่ทักมาตลอด แต่ผมเปิดดูไม่ได้นี่นา ไอ้แว่นยึดโทรศัพท์ของผมไปแล้ว



“เป็นอะไรมากไหมมึงอ่ะ” จู่ๆไอ้แว่นก็พูดขึ้นขณะที่มันนั่งอ่านการ์ตูนอยู่บนเตียงของผม

“อะไรเหรอ” ผมถาม

“คิดถึงไอ้อาร์มขนาดนั้นเลยหรือไง ดูทำท่าทำทางเข้า ไม่เจอกันคืนเดียวไม่ตายหรอกน่า”

“ไม่ใช่ซะหน่อย”

“โกหกเห็นๆ”

“เออ ก็นิดนึง...ว่าแต่ วันนี้มึงเก่งมากเลยนะ ไปเอาความเจ๋งแบบนั้นมาจากไหนวะ เล่นซะไอ้พี่คังเอ๋อแดกไปเลย”

“นี่ไง” ไอ้แว่นยกหนังสือการ์ตูนให้ดู “กูลองเลียนแบบโคนันดูอ่ะ คิดว่ามันน่าจะเจ๋งดี มันเจ๋งมากเลยเหรอ”

“เจ๋งดิ” ผมพยักหน้า “แต่มึง...อ่านพวกโคนันด้วยเหรอ นึกว่าอ่านแต่การ์ตูนผู้หญิงซะอีก”

“ก็มีบ้าง จริงๆกูก็ดูนางเอกเป็นหลักอะนะ น่ารักดี ฮ่าๆๆ”

“กูว่าแล้วเชียว... เอ... มึงใส่ชุดนอนของกูก็น่ารักดีนะ ลองใส่แบบนี้ไปให้พี่ฮันเตอร์ดูดิ พี่เขาคงชอบ”

“นี่ยังน้อยไป”

“หมายความว่าไง”

“ตอนนี้อะนะ พี่ฮันเตอร์ซื้อชุดคอสเพลมาให้กูใส่เยอะกว่าซื้อโมเดลการ์ตูนซะอีก”

“หูยยยยย แหวกแนวไปอีกกก นี่อย่าบอกนะว่า พี่เขาเอามาให้มึงใส่ตอนที่.... ดึ๊บๆกันอ่ะ”

“ก็เออดิ ยิ่งพอเห็นกูใส่ชุดคอสเพลนะ พี่ฮันเตอร์แม่งยิ่งซาดิสขึ้นไปอีก”

“ยังไงอ่ะ เล่าให้ฟังหน่อยดิ”

“ไม่เล่าเว้ย มึงไม่ต้องมาสนใจเรื่องของกูเลย มึงเล่าเรื่องของมึงกับไอ้อาร์มมาดีกว่า เพราะกูไม่เคยฟังเลยสักครั้ง”   

“จ...จะไปมีอะไร ก็...ไม่มีอะไรหรอก ทั่วๆไปนั่นแหละ” ผมบ่ายเบี่ยง

“ไม่จริงอ่ะ ไม่เชื่อหรอก ถึงขั้นที่มึงยอมคั่วกับมันอยู่ตั้งเดือนกว่า แสดงว่าต้องไม่ธรรมดาแน่เลย จริงไหม?”

“ก็... ดีกว่าคนอื่นนิดนึง”

“นิดเดียวเองเหรอ ยังไงว้าาาาาาาา เล่ามาซะทีดิ”

“ก็มันไม่มีอะไรจริงๆอ่ะ” จะบ้าเหรอ ให้เล่าเรื่องที่ทำกับคนอื่นอ่ะผมไม่ขัดหรอก แต่ให้เล่าเรื่องที่มีอะไรกับไอ้อาร์มเนี่ยนะ เขินตายชักเลย

“โอ๊ยยยย มึงนิ อมพะนำอยู่ได้ เอางี้ กูถามเองก็ได้ มึงกับไอ้อาร์มเนียมีไรกันมากี่ครั้งแล้ว”

“โหหหหห นับไม่ได้หรอก”

“นับไม่ได้! ไหนมึงบอกว่าทั่วไปไง ถ้ามึงยอมมีอะไรกับมันเยอะขนาดนั้นก็แสดงว่าไม่ธรรมดาอะดิ”

“ก็ธรรมดานั่นแหละ”

“ไอ้สัด ทำเป็นเขินนะมึง... แล้วๆๆ นอกจากในรถยนต์แล้ว มีที่ไหนที่แปลกๆอีกไหม ที่มึงประทับใจอ่ะ”

“ที่ประทับใจเหรอ? คงเป็น... ห้องอาบน้ำชมรมรักบี้ละมั้ง”

“ห๊า!!! นี่มึงเข้าไปหวดกันในมหาลัยมาแล้วเหรอ”

“ในมหาลัยนั่นมันธรรมดาจะตาย กูก็ทำกันเป็นประจำ ตรงไหนลับตาคน ไอ้อาร์มมันก็ลากกูเข้าไปหมดนั่นแหละ”

“โอ๊ะ กูยอมใจพวกมึงสองคนจริงๆ แล้วยังงี้ วันนึงพวกมึงทำไรกันอีกครั้งเนีย ไม่ๆ ถามงี้ดีกว่า กูอยากรู้ว่า ความถี่มากที่สุดที่พวกมึงมีอะไรกันในวันหนึ่งคือเท่าไหร่”

“มากสุดคิดว่าน่าจะ... สี่หรือห้า เอ๊ะ ไม่ซิ ตอนไปทะเลรู้สึกว่าทั้งวันนั้นจะหกครั้งได้ละมั้ง เพราะว่ามีตอนเช้ามืดด้วย”

“นี่ไปอึดกันมาจากไหนเนีย ขนาดกูโดนพี่ฮันเตอร์ไปวันนั้นสามครั้งก็ว่าเต็มกลืนแล้วนะ... อืมมม ถามต่อ เอาเป็น... ท่าแปลกๆล่ะ มีเล่นท่ายากบ้างไหม”



พอๆๆๆ

เอาเป็นว่า เกือบทั้งคืนนั้น ผมก็เล่าแต่เรื่องประสบการณ์การร่วมเพศกับไอ้อาร์มให้ไอ้แว่นฟังอะนะ ผมไม่ได้ชอบเล่านะ แต่ไอ้แว่นมันชอบฟังต่างหาก อืมมม ใช่ แบบนั้นแหละ



เช้าวันใหม่เริ่มขึ้น

ผมกับไอ้แว่นเข้ามาในมหาลัย และตรงไปยังโรงอาหารของอาคารเรียนรวมเพื่อทานอาหารเช้า

ซึ่งมีคนมานั่งรออยู่แล้วนั่นก็คือ......ไอ้อาร์ม



“ไม่ยอมเสียเวลาสักนาทีเลยนะไอ้อาร์ม” ไอ้แว่นเอ่ยแซวก่อนจะนั่งลง "นั่งรอมาตั้งแต่เมื่อวานเลยหรือเปล่าวะเนีย"

“ได้ไงกันล่ะ ก็มึงเล่นไม่ยอมให้ไอ้เพลงตอบไลน์กูเลยนี่หว่า” ไอ้อาร์มโวยวายเล็กน้อย

“ลงโทษไง”

“เออ แต่หลังจากนี้ห้ามพรากแฟนกูไปไหนอีกนะ”

“แหวะ”

“กินไรหรือยังอ่ะ” ผมถามพร้อมกับนั่งลง

“ยังอ่ะ กูรอกินพร้อม....”



ตุ๊บ!!!



“ผมช่วยครับ”

มีผู้หญิงมาทำของตกใกล้ๆไอ้อาร์มอีกแล้ว ซึ่งไอ้อาร์มก็พุ่งไปช่วยอย่างไว

“ขอบคุณมากนะคะ เรานี่ซุ่มซ่ามจังเลย” แหมมม ทำเสียงอ่อยขนาดนี้ ใครๆก็ฟังออกทั้งนั้นแหละ

“ไม่เป็นไรครับ ไม่มีอะไรเสียหายก็ดีแล้วนะครับ”

“ค่ะ ไม่มี ยังไงให้เราเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนไหม เช้านี้เรายัง....”



“อะแฮ่ม!!” ผมขัดทันที “ขอโทษนะเธอ นั่นแฟนเราอ่ะ ถ้าจะอ่อย ยังไงรบกวนเพลาๆลงหน่อยเนาะ เราก็หวงของเรานะ”

“ฟ...แฟน” สาวคนนั้นตกใจ

“ใช่ แฟน แต่จริงๆก็ได้กันหลายรอบแล้วนะ แต่เราคิดว่าเรียกว่าแฟนก็พอ”

“อ....เอ่อ...ขอตัวก่อนนะ” เออ ไปซะที



“โหดจังนะครับคุณเพลงงงง” ไอ้อาร์มกลับมานั่งที่เดิม “เขาแค่ชวนคุยนิดหน่อยเอง”

“ชวนคุยก็ไม่ได้” ผมตอบทันที “แล้วเมื่อกี๊ ดูยังไงก็ไม่ใช่แค่ชวนคุยด้วย จริงไหมไอ้แว่น”

“ไม่ต้องมายุ่งกับกู” ไอ้แว่นตัดบท “พอเปิดตัวก็เปิดซะใหญ่เชียวนะมึง กูไปหาข้าวแดกดีกว่า”



แล้วไอ้แว่นก็ลุกเดินออกไป



หลังจากคืนวันเกิดที่เลวร้ายที่สุดของผมผ่านไป ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้อาร์มก็ดีขึ้น เรามีความชัดเจนกันมากขึ้น ใช้เวลาด้วยกันอย่างเปิดเผยมากขึ้น

แต่ผมไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่เวลาที่ไอ้อาร์มมานั่งรอผมตอนเลิกเรียนที่คณะสถาปัตย์ พวกสาวๆจากคณะผมชอบเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะกับมันตลอด

แต่ก็ว่าไม่ได้นะ ถึงแม้ทุกวันนี้ไอ้อาร์มจะประกาศว่าผมเป็นแฟนของมันแล้ว แต่พวกผู้ชายที่ยังสนใจในตัวผม ก็ตามตื้อไปเลิก อย่างเคสของพี่ปั้นจั่น ถึงขั้นเป็นข่าวเม้ากันใหญ่โตเมื่อประธานชมรมรักบี้มีเรื่องชกต่อยกับประธานชมรมฟุตบอล (หัวร้อนตลอด)

แม้ความสัมพันธ์จะชัดเจนขึ้น แต่ส่วนเรื่องอื่นๆที่เคยเป็นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปนักหรอก ผม ไอ้อาร์ม และไอ้แว่นยังคงปฏิบัติตัวกันเหมือนเดิม คล้ายว่ายังเป็นเพื่อนกันอยู่ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ผมย้ายข้าวของส่วนใหญ่ไปอยู่หอไอ้อาร์มแล้วนะ ก็แหมมม ยังไงผมก็ยังชื่นชอบการมีเซ็กส์กับมันอยู่นี่นา เทียวไปเทียวกลับหอตัวเองมันเสียเวลาออกจะตายไป



ส่วนพี่ฮันเตอร์กับไอ้แว่น คู่เนียเจอกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย กระแสคู่จิ้นในคู่จริงของทั้งสองคนนี้ดังทั่วบ้านทั่วเมือง จนเกิดเป็นแฮชแท็ก ‘นักล่าตัวโน๊ต’ แล้วไม่นานจากนั้นไอ้แว่นก็ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเฉยเลย เผลอๆตอนนี้มันแทบจะดังกว่าพี่ฮันเตอร์อีกมั้ง



กลับมาที่ผมกับไอ้อาร์ม ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว เร็วเนาะ ชีวิตประจำวันของผมก็ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการใช้ชีวิต เรียน เซ็กส์ กิน เซ็กส์ เที่ยว เซ็กส์ นอน เซ็กส์ อื่นๆ และเซ็กส์ (ฮ่าๆๆๆๆ)



แจ๊บ แจ๊บ​ แจ๊บ​ แจ๊บ​ แจ๊บ​ แจ๊บ​ แจ๊บ​ แจ๊บ​


"อูววว....ว....อุ....ว...... อ๊า.... ซี๊ด...."

"ชอบอะดี๊ บอกตั้งหลายทีแล้วก็ไม่เชื่อว่าโดนซอยในอ่างอาบน้ำอะเสียวสุดๆ มีเสียงเอ็ฟเฟ็คช่วยกระตุ้นอารมณ์ด้วย"

"ก็ใครจะ.... อ๊อยยยย เสียวจัง.... จะรู้ได้ไง ล...ล่ะ ว่าจะดี...ขนาดนี้"

"วันหลังถ้าผมบอกอะไรก็หัดเชื่อกันบ้างนะครับคุณเพลง ผมรับรองว่าไอ้อาร์มคนนี้ไม่ทำให้คุณผิดหวังหรอก"

"ก็...ก็ได้ อื๊อ แรงอีกนิดนึงได้ไหม อยากเสียวกว่านี้อีก"

"ขอมาก็จัดไปซิครับผม"

"อ่าซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ... เสียวมากเลยอ่ะ ด...ดีจัง ทำเก่งสุดๆเลย ทำไมถืงเก่งขนาดนี้"
"เพราะเสียงครางแบบนี้ไง กูถึงหลังเสน่ห์ของมึงหัวปักหัวปรำ"

"งั้นก็...ทำอีกนะ... ว...วันหลังพาไปเอ้าดอร์บ้าง...ซิ อูวววว อ่าซ์"

"ได้เลย แล้วจะไม่มีวันเบื่อเลย"



นั่นแหละครับ คู่ของผม

ในโลกนี้คงไม่มีใครที่มีระดับความหื่นขั้นสูงเหมือนผมได้เท่าไอ้อาร์มอีกแล้ว

ที่เล่าฉากนี้ให้ฟัง อย่าหาว่าผมทะลึ่งนะ แค่นะบอกว่า.... แฟนของผมเจ๋งที่สุด

อวดไปอีกกกกกกกก



แต่เรื่องที่เจ๋งที่สุดเท่าที่ไอ้อาร์มทำให้ผมน่ะ ผมว่ามันคือวันนี้เสียมากกว่า....



“กูบอกเลยนะว่า ถ้านี่ไม่ใช่วันคัดตัวทีมชาติของไอ้อาร์ม กูไม่มีทางมานั่งกับมึงเลย” ไอ้แว่นบ่น “แล้วอีกนานไหมอ่ะกว่าจะคัดตัวเสร็จ กูมีคิวถ่ายละครนะ”

“ไม่นานๆ แค่ชั่วโมงเดียว” ผมตอบ

“ซอลใช้เวลากับเพื่อนบ้างก็ได้นะ” พี่ฮันเตอร์ที่นั่งข้างๆไอ้แว่นพูดขึ้น “ช่วงนี้ทำแต่งาน ไม่มีเวลาให้เพื่อนเลย กับพี่เองก็เหมือนกัน”

“ก็มันรับคิวไปแล้วนี่นา” ไอ้แว่นตอบ

“นั่นไงๆ ลงสนามกันแล้ว” ผมร้องเมื่อเห็นนักกีฬาทะยอยลงสนาม

ไอ้อาร์มอยู่ไหนน้า.....

“นั่นอาร์มใช่ไหมที่กำลังวิ่งมา” พี่ฮันเตอร์ชี้

“ช...ใช่” จริงด้วยแฮะ วิ่งมาทำไมหว่า



วันนี้ผมชวนไอ้แว่นกับพี่ฮันเตอร์มาดูไอ้อาร์มคัดตัวนักกีฬาทีมชาติที่สนามรักบี้ของมหาวิทยาลัย ถึงผมจะมานั่งดูคนเดียวเป็นประจำ แต่เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของไอ้อาร์มจริงๆ ก็เลยกำชับให้ไอ้แว่นกับพี่ฮันเตอร์เคลียร์คิวงานมาโดยเฉพาะ



“เห้อๆๆ” ไอ้อาร์มมาหยุดยืนหอบต่อหน้าผม

“ไม่รอลงสนามหรือไง” ผมถาม “เขาจะแข่งอยู่แล้วน่ะ”

“ยัง...ยังมีเวลา...แป๊บนึง” มันยังหอบ แล้วจากนั้น....

“เฮ้ย! ทำอะไรอ่ะ คุกเข่าทำไม” ผมก็ตกใจอะดิ จู่ๆไอ้คนที่เพิ่งวิ่งมาก็มานั่งชันเข่าต่อหน้าผมเฉยเลย

“ตั้งแต่คบกับมา...” นี่อย่าบอกนะ “กูไม่เคยพูดว่ารักหรือขอมึงเป็นแฟนแบบจริงจังเลยสักครั้ง”

“...........................................................” อ...โอ้ ในหัวว่างเปล่าไปหมดเลย

วินาทีต่อมา ไอ้คนคุกเข่าก็เอาของที่เตรียมไว้ในกระเป๋าออกมา

“อันนี้เป็นแหวนที่กูเก็บเงินจากการเล่นกีฬาเพื่อที่จะซื้อให้มึงให้ได้” ว...แหวน แหวนจริงๆด้วย “มึงเคยบอกไว้ว่า ให้กูเก็บเงินเอาไว้ใช้ในเรื่องที่มีประโยชน์ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา กูนึกเรื่องที่มีประโยชน์อย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเรื่องที่จะบอกว่ากูรักมึงมากแค่ไหน”

ให้ตายเถอะ จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเนี่ย



“ล...ลุกขึ้นซิ” ไอ้แว่นพยายามดันให้ผมลุกขึ้นยืน คือสภาพของผมตอนนี้ ใครจับให้ทำอะไรก็ทำทั้งนั้นแหละ “......อยู่ดีๆก็ได้ดูหนังรักเฉยเลย”



“เพลง” ไอ้อาร์มพูดต่อ

“ว...ว่าไง” ปากผมเกือบไม่ขยับแน๊ะ

“กูรักมึงนะ แต่เพราะเราเริ่มด้วยการเป็นเพื่อนกันมานาน จนบางทีกูก็ลืมที่จะทำสิ่งสำคัญแบบนี้ไป เพื่อให้มึงเห็นว่าตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้กูไม่ใช่แค่ผู้ชายคนหนึ่งในคอลเล็คชั่นของมึง และมึงก็ไม่ได้เป็นแค่ของเล่นของกู กูอยากขอว่า... จากนี้ต่อไป ช่วยคบกันกูได้ไหม เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งแฟน เป็นทั้งคู่ขาในยามเหงา และเป็นทั้งคู่แท้ในยามเศร้า..... เป็นแฟนกับกูนะ”

“ก...ก็เป็นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงเล่า”

“แค่อยากให้แน่ใจว่ามึงรักกู”

“อืม.... กูรักมึง”

“เป็นแฟนกันนะ”

“อืม... โอเค”



เฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้

เสียงดังสนั่นทั้งสนามเลย

ลืมไปเลยนะเนียว่ามีคนอยู่เต็มไปหมด



คนตรงหน้าลุกขึ้นแล้วจับมือผมไปสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย ก่อนที่จะสวมกอดผมอย่างอบอุ่นและตื้นตัน



“ต้องไปแล้วนะ” ไอ้อาร์มบอก

“โอเค” ผมถอนหายใจ “สู้ๆนะ”

“คร้าบบบ ไปละ”



แล้วกัปตันทีมรักบี้ก็วิ่งกลับลงสนามด้วยความอิ่มเอมหัวใจ



“ว้าววว ดีใจด้วยนะเพื่อน” ไอ้แว่นเอาไหล่สะกิดผมเป็นการใหญ่

“อืม” ผมยังยิ้มไม่หุบ

“ไอ้อาร์มนี่มันก็โรแมนติกเหมือนกันเนาะ”

“อืม”

“ดีต่อใจอะดี๊”

“จะว่างั้นก็ได้”

“ไม่น่าเชื่อเลยเนาะ สุดท้ายเพื่อนสนิทอย่างมึงสองคนก็ลงเอยกันเฉยเลย”

“ใช่”



ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ…………..



ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนรักจะสามารถพัฒนามาเป็นคนรักได้



ไม่น่าเชื่อว่าคนเสพติดเซ็กส์อย่างผมจะมีคนรักที่จริงจังกับเขาเหมือนกัน



ได้ทั้งเพื่อน ทั้งแฟน ทั้งคู่ขา ทั้งคู่รัก.........



ความรักของผมหลังจากนี้คงพูดว่า มีความสุขตลอดกาลไม่ได้หรอกนะ ยังไงซะนี่ก็ไม่ใช่นิทานก่อนนอน

แต่ที่บอกได้แน่ๆก็คือ ผมได้เจอกับความรักที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

อืมมมม แล้วก็นะ สำหรับคนที่ยังลังเลกับ ความรักกับเพื่อนสนิท หรือการแอบชอบเพื่อนตัวเอง หรือแม้กระทั้งการถูกเพื่อนแอบรัก มันไม่ได้แย่เสมอไปหรอกนะ ลองดูตัวอย่างจากผมก็ได้ เพชรน้ำงามที่สุดอาจจะอยู่ใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คิดก็ได้ แต่ถ้ายังไม่แน่ใจจริงๆ จะลองความสัมพันธ์แบบเป็น................









...................... TOP FRIEND BEST FUN ดูก่อนก็ได้นะ









'โดนใจค่อยว่ากัน'
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... เพื่อน vs แฟน (ตอนจบ) - 14/01/2019 ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2019 23:02:46
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... เพื่อน vs แฟน (ตอนจบ) - 14/01/2019 ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-01-2019 10:13:19
อ้าว จบซะแล้ว อ่านแทบไม่ทัน
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... เพื่อน vs แฟน (ตอนจบ) - 14/01/2019 ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 15-01-2019 12:20:53
มากันยาวๆ จบล่ะ
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... เพื่อน vs แฟน (ตอนจบ) - 14/01/2019 ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-01-2019 14:08:37
+1
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... เพื่อน vs แฟน (ตอนจบ) - 14/01/2019 ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 15-01-2019 14:41:05
โอ้วว จบซะแล้ว
จบแบบนี้ถือว่าโอเคเลยนะ จบสวย
เพื่อนยังไงมันก็คือเพื่อน แต่เพื่อนที่จะก้าวข้ามมาเป็นความสัมพันธ์แบบโรแมนติกมันต้องใช้เวลาปรับตัว
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... เพื่อน vs แฟน (ตอนจบ) - 14/01/2019 ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-01-2019 18:47:54
ชอบตอนจบค่า  น้องซอลก้อสุดยอด
ที่แน่ๆทั้งสองคู่นี่แซ่บลื้มมมม   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... เพื่อน vs แฟน (ตอนจบ) - 14/01/2019 ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 17-01-2019 05:02:19
แซ่บสุด อะไรสุด  :oo1: o13
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend ... เพื่อน vs แฟน (ตอนจบ) - 14/01/2019 ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 18-01-2019 13:40:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend Best Fun เพื่อนกันมันดี(ต่อใจ) ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 24-01-2019 17:36:18
ดีต่อใจ  :-[
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend Best Fun เพื่อนกันมันดี(ต่อใจ) ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-04-2019 21:26:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Rate 20+] Top Friend Best Fun เพื่อนกันมันดี(ต่อใจ) ... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 06-04-2019 20:11:44
ขอบคุณครับ