บทที่ 20
รักนะคุณพระจันทร์
ทานตะวันที่แหงนมองแต่พระอาทิตย์งั้นหรอ....
แต่ทานตะวันคนนี้มองแต่พระจันทร์ต่างหาก.....
พระจันทร์ที่อยู่เคียงข้างตะวันในตอนนี้ และหวังว่าพระจันทร์จะอยู่เคียงข้างตะวันตลอดไป
“คิดอะไรอยู่?”
“คิดว่าพระจันทร์อยู่อย่างนี้ตลอดไปเลยได้ไหม?”
“พระจันทร์ทำงานช่วงเย็นเมื่อถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยนให้พระอาทิตย์มาทำงานแทน”
“ตะวันไม่อยากละสายตาไปจากพระจันทร์เลย”
“หันมามองสิ พระจันทร์ดวงนี้จะไม่หายไปจากตะวันนะ”
ผมค่อยๆหันหน้าไปมองอีกคนที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าที่ไร้ที่ติ แม้เขาจะมีจุดที่บกพร่องไม่ต่างจากคนทั่วไปแต่เขากลับสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับผม
“อย่าหายไปไหนนะ”
“ถึงไล่ก็ไม่ไปหรอก” เขาส่งรอยยิ้มแสนหวานนั้นมาให้
“พวกพี่สองคนหลบมาสวีทกันอีกแล้วหรอ?”
“ไอ้ไผ่!”
“ครับพี่มูน เรียกผมทำไม?” เด็กนั่นทำหน้าไม่เดือดไม่ร้อนอะไร
“จะขัดจังหวะทำไมวะ?”
“ไม่ได้มาขัดจังหวะ มาเรียกไปกินข้าว”
“เออๆ เดี๋ยวตามไป”
“ไม่ เดี๋ยวพวกพี่ไปช้า ผมจะรอ”
“ไอ้เด็กเวร ไปก่อนไป”
“ฮ่าๆ หยอกเล่นน่ะพี่ ตามมานะ”
ผมขำให้กับสองคนนี้ชอบพูดจากวนกันตลอด
“ขำอะไร? ไม่มีอะไรน่าขำเลยสักนิด”
“ก็ขำพี่กับไผ่อะดิ ตีกันมาเป็นปีแล้วนะ”
“ก็ดูมันดิชอบกวนพี่อะ มันน่าหงุดหงิดจริงๆนะ”
“พี่ก็ น้องมันก็หยอกเล่น”
“มันกวนตีน”
“มีแค่ไผ่คนเดียวล่ะมั้งที่ทำให้พี่มูนหงุดหงิดออกอาการได้ขนาดนี้ ฮ่าๆ”
ผมกับพี่มูนคบกันมาได้ปีกว่าๆแล้ว ซึ่งตอนนี้พี่มูนกำลังจะจบปี 4 ผมก็กำลังจะขึ้นมาเป็นพี่ปี 4 นับตั้งแต่ที่พี่มูนรู้ว่าไผ่มันชอบผมก็ทำให้พี่มูนไม่อยากญาติดีกับน้องมันเท่าไหร่ ขนาดน้องมันบอกว่าทำใจเรื่องผมได้แล้วและก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วพี่มูนก็ยังไม่วางใจ ตีกันไปกันมาจนกลายมาเป็นน้องที่สนิทของเราทั้งคู่ได้ยังไงก็ไม่รู้ รู้แค่ว่ามันยังมาขอคำแนะนำเรื่องเรียนกับผมตลอดจนมันกลายเป็นสายเทคของผมเรียบร้อย
“นี่กำลังคิดเรื่องมันอยู่หรอ?” อีกคนถามเมื่อเห็นผมนิ่งไป
“ก็คิดอะไรเพลินๆ”
“ถ้าเป็นเรื่องมัน หยุดเลยนะ”
“หวงอะไรอีกอะ มันก็น้องไหมล่ะ?”
“แต่ก่อนมันชอบตะวันไง” อีกคนบอกด้วยสีหน้าตึงๆ
“นั่นมันเมื่อก่อน”
“ไม่อะ ไม่ไว้ใจมัน เผื่อมันกลับมาชอบอีก”
“ฮ่าๆ ทั้งที่รู้อยู่แล้วอะนะว่าจุดประสงค์ที่น้องมันตามมาเที่ยวด้วยคืออะไร?”
“เฮ้อ รอให้มันจีบเขาติดก่อน พี่ค่อยเชื่อมัน”
ผมมองไปที่กลุ่มเพื่อนๆของผมและเพื่อนของพี่มูนกำลังนั่งล้อมวง โดยมีกองไฟขนาดเล็กที่พอจะให้แสงสว่างและความอบอุ่นแก่ทุกคน นานๆทีพวกเราทุกคนจะมีวันหยุดที่ตรงกันเลยนัดกันออกมาเที่ยว ส่วนไผ่ก็ติดสอยห้อยตามผมมาด้วยเพราะคำว่า
‘ผมเป็นน้องเทคพี่นะ ให้ผมไปด้วย’
แค่น้องเทคเองนะไผ่ น้องรหัสผมยังไม่เคยพาไปเที่ยวไหนเลย แต่พอผมรู้เหตุผลที่มันอยากตามมาเที่ยวด้วยผมก็เลยให้น้องมันมาด้วย
“มาสักทีนะคู่รักแห่งปี” พี่อาฟแซวทันทีที่ผมกับพี่มูนนั่งลง
“คู่รักแห่งปีอะไรของมึง?” พี่มูนว่า
“แหม วันที่พวกมึงสารภาพรักกันมันยังเป็นตำนานที่ยังไม่มีใครมาแทนได้” พี่ดิวว่า
“แมนกับบูมไงพี่” ผมบอก
“คู่นั้นมันตำนานดราม่าแห่งปี ไอ้ห่ากว่าจะคบกันได้พวกกูเลือดตาแทบจะกระเด็น”
“ไม่ต้องมาพาดพิงเลยพี่”
แมนมันบอกในขณะที่มือมันคล้องอยู่ที่คอบูม ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับพี่ดิว เพราะคู่มันโคตรจะดราม่าน้ำตาแตกกว่าจะคบกันได้เล่นเอาทุกคนเป็นห่วงแทบตาย แต่สุดท้ายพวกมันก็ปรับความเข้าใจกันได้และเป็นคู่รักที่ไม่หวือหวาเท่าไหร่ เพราะรักกันด้วยลำแข้งและเป็นลำแข้งของไอ้บูมคนเดียวด้วย
“พวกมึงนี่นะ เลิกทำให้กูอิจฉาสักที” พี่อาฟบอกหน้าเบื่อๆ
“มึงก็มีจริงๆจังๆสักทีสิวะอาฟ” พี่บิ๊กบอก
“มึงไม่ต้องมาบอกกูหรอก ไอ้คนหลงเด็กยิ่งกว่าไอ้หล่อ”
“ทำไมพี่อาฟชอบว่าแฟนวี่”
“เต็มปากเต็มคำนะน้องวี่ แต่พี่ให้อภัยคนน่ารัก”
“แฟนกู!”
“เหม็นความรักเลยกู ไอ้ดิวคบกับกูไหม ไหนๆเราก็โสดทั้งคู่” ตอนนี้ทุกคนกำลังขำท่าทางพี่ดิวที่ทำหน้ากลัวพี่อาฟ
“ไอ้ห่าอาฟ หยุดเลย ขนลุก”
“กูพูดเล่น!”
“ลองดูก็ไม่เสียหายนะพี่” อยู่ๆไผ่ก็พูดขึ้นทำเอาพี่อาฟชี้หน้าคาดโทษ
“ไอ้ไผ่ มึงระวังตัวดีๆ”
“อะไรพี่ ลองดูไม่เสียหายหรอก”
“หยุดความคิดไปเลยมึงอะ แล้วนี่จะตามมาทำไมเกี่ยวอะไรกับเขา?” พี่ดิวถามไผ่
“พี่ผมก็น้องพี่ไหม? ก็ให้มาเที่ยวด้วยหน่อย”
“มึงน้องใครไม่นับ” พี่มูนแกล้งพูดใส่
“โหยยย พี่มูนนผมเนี่ยน้องรักพี่ตะวันเลยนะ”
“น้องเฉยๆพอ!”
“อะๆ น้องเฉยๆที่น่ารักของพี่ตะวัน”
“ไม่น่ารัก!”
“พี่มูนยังหวงตะวันกับไผ่อยู่อีกหรอคะ?” มะนาวพูดขึ้นทุกคนใช้สายตามองกันเลิ่กลั่กเลยทีเดียว
“จะเลิกหวง ถ้ามะนาวยอมเป็นแฟนกับมัน” คำพูดของพี่มูนทำเอามะนาวเงียบไปทันที ซึ่งทุกคนก็เงียบตาม
หลังจากที่ไผ่มันทำใจเรื่องผมอยู่สักพัก มันก็กลับเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้งโดยที่ให้เหตุผลว่าอยากจีบมะนาวมันเลยอยากให้ผมช่วยจีบ ซึ่งทีแรกผมก็งงเล็กน้อย
‘พี่รู้ไหมทำไมผมถึงชอบพี่มะนาว พี่มะนาวเป็นคนแรกที่ถามว่าผมโอเคไหมหลังจากที่อกหักจากพี่ ไหนจะชวนผมไปถ่ายรูปไปทำนั่นนี่ให้หายคิดถึงพี่ ผมรู้ว่าพี่เขาทำแบบนั้นเพราะเป็นห่วงและหวังดีกับผม และก็ไม่คิดอะไรกับผมเกินเลยด้วย แต่ความรู้สึกของผมมันเปลี่ยนไปตอนไหนไม่รู้ ที่มองว่าพี่มะนาวเป็นกำลังใจที่สำหรับแทนที่พี่ตะวัน...’
นั่นแหละ ผมถึงยอมช่วยน้องมัน แม้ตอนนี้มันจะไม่คืบหน้าเท่าไหร่นะ แต่น้องมันก็เดินหน้าจีบมะนาวอย่างเต็มที่ ซึ่งมะนาวก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าชอบน้องคืนด้วยเช่นกัน
“ล้อเล่นนะน้องมะนาว” พี่มูนเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี มะนาวก็ยิ้มแบบว่าเธอไม่ได้คิดมากอะไร แต่ไอ้คนที่คิดมากน่ะคือคนที่นั่งอยู่ข้างๆเธอต่างหากที่หน้าเจื่อนลงทันที
“พี่พูดไม่คิดใช่ป่ะ?” พี่มูนหันมากระซิบถามผม
“มะนาวไม่คิดอะไรหรอก” ผมบอก
“แต่ไผ่มัน...” พี่มูนมองไปที่น้องที่ดูซึมไปเลย เห็นไหมถึงจะชอบตีกัน แต่ก็ยังเป็นห่วงน้องมัน
“ตะวันว่าน้องมันจัดการตัวเองได้”
“เอ้อ ตะวัน น้องกันต์ไปหาพี่ชายเราที่อังกฤษหรอ?” พี่บิ๊กเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาทันที
“อ่อใช่ ทนความคิดถึงไม่ไหว”
“กันต์โคตรสตรอง อยู่ไกลกันขนาดนั้น นานๆทีถึงจะได้เจอกัน เป็นวี่อกแตกตาย”
“ไม่ตายหรอก พี่จะไม่ไปไกลจากวี่” พี่บิ๊กหันไปพูดกับวี่ รายนั้นก็ก็ม้วนบิดไปตามสไตล์
“เออ คู่นั้นก็ตลกดี เกลียดขี้หน้ากันแทบตายไปๆมาๆเอ้าคบกันเฉย” แมนว่า
“เฮียขี้เนียน ชอบเขาตั้งแต่แรก แต่ไม่รู้จะจีบยังไงเลยหาเรื่องทะเลาะกับกันต์เฉยๆนี่แหละ”
“นับถือเลย วิธีนี้น่าใช้”
“มึงจะไปใช้กับใคร?” บูมหันไปถามแมนเสียงเข้ม มันรีบส่ายหน้าทันที หึ ไอ้คนกลัวเมีย
“ชอบเขาแต่ไม่จีบ ปล่อยให้น้องกันต์วิ่งตามอยู่ตั้งนาน” พี่มูนแซะเฮียภู
“เดี๋ยวตะวันฟ้องเฮีย ว่าพี่มูนว่าเฮีย”
“โธ่ แค่นี้คะแนนการเป็นน้องเขยก็ติดลบแล้วนะ” พี่มูนทำหน้าอ้อนๆ
“นี่มึงยังชนะใจพี่ภูไม่ได้อีกหรอไอ้หล่อ?”
“มึงก็เหมือนกูแหละไอ้บิ๊ก ไม่ต้องมาทำหน้าตาล้อเลียน” พี่มูนย้อนพี่บิ๊ก ซึ่งรายนั้นก็โดนเฮียกันท่าให้ยัยวี่อยู่บ่อยๆ ช่วยไม่ได้นะ เฮียภูหวงน้องยิ่งกว่าอะไร
“พอๆ ค่ะ แตงโมขอขัด บรรยากาศแบบนี้ตะวันช่วยเล่นกีต้าร์ให้ฟังโหน่ยย” แตงโมยื่นกีตาร์ตัวเก่งของผมมาให้โดยที่ไม่รู้ว่าเธอไปหยิบมาตั้งแต่ตอนไหน
“เห็นด้วยๆ” มะนาวเตรียมปรบมือละ
“เอาเพลงอะไรอะ?” ผมรับกีต้าร์มา
“เพลงอะไรก็ได้ ที่อยากมอบให้พี่มูนอะ” บูมมันบอกพลางยิ้มๆมาให้
All day long I can hear people talking out loud
But when you hold me near
You drown out the crowd
Try as they may, they can never define
What’s been said between your heart and mine
‘ชอบกอดของพี่มูนที่สุดเลยนะ’
The smile on your face let me know that you need me
There’s a truth in your eyes saying you’ll never leave me
The touch of your hand says you’ll catch me wherever I fall
You say it best, when you say nothing at all
‘ตะวันชอบทุกอย่างที่เป็นพี่มูน’
ขอแค่สายตาคู่นั้นยังคงมองมาที่ตะวัน
ขอแค่รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อๆนั่นยังคงยิ้มมาให้ตะวัน
ขอแค่มือคู่นั้นยังคงจับมือตะวันไว้
ขอแค่กอดของเขายังเป็นของตะวัน
ขอแค่เขายังส่องแสงมาที่ตะวัน ตะวันจะตอบแทนเขาด้วยความรักทั้งหมดของตะวัน....
‘รักตะวัน’
ทันทีที่เสียงกีต้าร์และเสียงร้องของผมจบลง ผมก็ยิ้มให้กับประโยคที่ไม่มีเสียงจากปากของเขา คนที่เป็นทุกอย่างๆของตะวัน คนที่ทำให้ตะวันละสายตาไปมองใครไม่ได้เลย
“โอ๊ยยยย หยุดหวานนน” พี่อาฟพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“เออจริง ไอ้หล่อ พวกกูเห็นนะเว้ยเมื่อกี้อะ” พี่ดิวชี้หน้าพี่มูน
“แล้วไงใครแคร์” พี่มูนบอกก่อนจะทำเป็นไม่สนใจคนอื่น แล้วเลื่อนมือมากุมมือผมเอาไว้
“ใครก็ได้เอากีต้าร์ไปเผาที” ไผ่มันพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ
“หึงหรอ?” มะนาวถามไผ่
“ไม่หึง แต่อิจฉาครับ ถ้าพี่รับรักผม ผมจะเลิกอิจฉาเขาทันที แล้วผมจะเล่นเพลงหวานๆแบบเมื่อกี้ให้พี่ฟังด้วย” ไผ่มันบอกในขณะที่จ้องหน้ามะนาว ส่วนมะนาวก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแค่ยิ้มออกมาโดยที่พวกเราทุกคนน่าจะเดากันได้แล้วว่าเธอรู้สึกยังไง
“ยิ้มแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
“คิดเอา” มะนาวบอกแค่นั้นก่อนจะยกเครื่องดื่มมาดื่มแก้เขิน ส่วนไผ่ที่พอจะรู้คำตอบก็ยิ้มไม่หุบ แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ คาดว่ามันคงจะรู้แล้วว่าต่อไปมันจะทำยังไงกับความรักของมัน
“อะ นับคนโสดได้ละทีนี้ ไอ้ดิววว” พี่อาฟหันไปทำหน้าร้องไห้กับพี่ดิว พี่ดิวก็ดันหน้าพี่อาฟหนีทันที
อยู่ดีๆก็มีแรงสะกิดมาจากคนข้างๆ ผมหันไปมอง พี่มูนเพยิดหน้าไปทางแมนกับบูมที่นั่งถัดจากผม ผมว่าพวกมันพยายามจะพูดให้ได้ยินกันสองคน แต่มันคงลืมไปว่าที่นี่เงียบสงบมากและเราทุกคนก็ไม่ได้เสียงดังกันขนาดนั้น
“มึงไม่ร้องเพลงให้กูบ้างอะ?” แมนมันถามบูม
“ทำไมต้องร้อง?”
“มึงอะ ไม่หวานกับเขาบ้างเลย กูอยากให้มึงร้องให้กูฟังแบบนั้นบ้าง”
“กูก็ร้องให้มึงฟังทุกคืน”
“บูม ทะลึ่งวะ แต่กูชอบ ฮ่าๆ”
.....
......... มันทำเหมือนอยู่กันสองคน
“อะแฮ่ม!” เสียงพี่มูนทำให้สองคนออกจากโลกของพวกมันสองคน
“ค่อยไปร้องให้กันฟังสองต่อสองนะพวกมึงอะ แม่ง” พี่อาฟทำหน้าล้อเลียนสองคนนั้น แต่ถามว่าพวกมันอายไหม ก็อายแต่ชินชาไปแล้วล่ะดูจากท่า
“งั้นคืนนี้ตะวันร้องให้พี่ฟังบ้างสิ”
“ร้องบ้าอะไรพี่มูน!” ผมร้องเสียงดังเพราะตกใจ
“เอ้า ก็ร้องเพลงไง เมื่อกี้ตะวันร้องเพราะดี” พี่มูนยิ้มล้อ
“ไม่ต้องเลย ตะวันรู้ว่าพี่มูนตั้งใจแกล้งตะวัน”
“ฮ่าๆ เปล่าซะหน่อย อยากฟังตะวันร้องเพลงจริงๆแต่ถ้าร้องอย่างอื่นให้ฟังก็ไม่ขัดนะครับ” ก่อนจะขยิบตาให้ผมทีนึง
ตั้งแต่ตอนนั้นที่บังเอิญได้เจอผู้ชายหน้าตาดูดีคนนั้น
ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขาคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมได้รู้ตัวเองว่าชอบอะไร อยากทำอะไร
ตั้งแต่ตอนนั้นที่ได้เจอเขาอีกครั้ง
ตั้งแต่ตอนนั้นที่ทำให้ตกหลุมรักเขาอย่างแรง
ตั้งแต่ตอนนั้นที่ทำให้กล้าเข้าใกล้เขา
ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขาค่อยๆส่องแสงมาที่ผม
ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขารับความรักจากผม
ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็รู้ทันทีว่าเขาคือพระจันทร์อีกดวงที่จะคอยส่องแสงมาให้ผม
จนตอนนี้เขาก็ยังคงคอยส่องแสงมาที่ผม
จนตอนนี้เขาก็ยังคงอยู่ข้างผม
จนตอนนี้เขาเป็นคุณพระจันทร์ที่ผมรัก.....
เรื่องราวที่ผ่านมาทำให้ผมกับเขาค่อยๆเติบโต แต่ก็ยังคงมีอีกหลายเรื่องราวที่จะเข้ามาเป็นบทเรียนในชีวิตของเราสองคน ถึงเวลานั้นจะยังอยู่ข้างๆกันต่อสู้ปัญหาไปด้วยใช่หรือเปล่า แววตาคู่นั้นบอกว่าจะไม่หายจากผมไปไหน มันทำให้ผมอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้ว่าจะรักกันตลอดไปหรือเปล่า
ไม่รู้ว่าจะดูแลกันได้นานแค่ไหน
รู้แค่ว่าตอนนี้ยังอยากอยู่กับคนนี้ รู้แค่ว่าอยากจับมือคนนี้ไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง
แสงสว่างจากเขามันยังสวยงามที่สุดสำหรับตะวัน ช่วยส่องแสงมาที่ตะวันเรื่อยๆเลยนะ ตะวันจะไม่หันไปรับแสงจากใครนอกจากแสงของพระจันทร์ดวงนี้
“วันนี้พระจันทร์สว่างมากเลยเนอะ สงสัยพระจันทร์จะมีความสุข”
รอยยิ้มจากพี่มูนที่ส่งมาให้ตะวัน ตะวันรู้ว่าตะวันจะเป็นคนเดียวที่ได้รับ....
“รักนะคุณพระจันทร์ที่ตะวันรัก”
end .