พิมพ์หน้านี้ - ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Xenon ที่ 14-11-2012 23:31:26

หัวข้อ: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 14-11-2012 23:31:26
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

 เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


----------------------------------------------

นิยายเก่า ๆ ที่ลงไว้ (จบแล้ว)
คุณตำรวจยอดรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16626.0)  ,  คุณอาที่รัก(แนวโชตะ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17582.0)  , กรงรัก...พันธนาการใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.0)  , The Eden School (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27513.0)  , ดวงใจจ้าวมังกร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=24780.00) , ม่านราตรี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27757.0) ,   Miracle Café (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34057.0) 
ลิขิตรักอสุรกาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.0)    ,  เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39294.0)    , ขอโทษที คนนี้พี่จองแล้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43240.0)    , กรงรัก พันธนาการใจ (ฉบับรีเมก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43253.0)


เรื่องสั้น
คุณพี่...ที่รัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=20403.0)   ,  สัญญา สายใย เชื่อมใจรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33672.0)


นิยายที่ยังไม่จบ
-
หัวข้อ: Re: เหยื่้อรักอสูรกาย : บทนำ 14/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 14-11-2012 23:33:42


เปิดจอง นิยายทำมือเรื่อง "ลิขิตรักอสุรกาย" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2293546#msg2293546) 


สารบัญ :

ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2199100#msg2199100)    ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2200197#msg2200197)   ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2201501#msg2201501)    ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2202839#msg2202839)   ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2204142#msg2204142)   ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2208022#msg2208022)   ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2209881#msg2209881)  ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2211558#msg2211558)  ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2218847#msg2218847)  ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2221182#msg2221182)   ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2238716#msg2238716)   ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2243974#msg2243974)   ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2244862#msg2244862)

  ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2245825#msg2245825)   ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2247770#msg2247770)   ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2251387#msg2251387)    ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2259748#msg2259748)     ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2261332#msg2261332)     ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2264218#msg2264218)      ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2266424#msg2266424)     ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2268395#msg2268395)     ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2277513#msg2277513)     ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2278619#msg2278619)

ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2279551#msg2279551)    ตอนที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2280377#msg2280377)     ตอนที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2281236#msg2281236)     ตอนที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2282356#msg2282356)     บทสรุป (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2283395#msg2283395)      ตอนพิเศษ/1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2286500#msg2286500)      ตอนพิเศษ/2-1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2287254#msg2287254)      ตอนพิเศษ/2-2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2288301#msg2288301)      ตอนพิเศษ/2-3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2289571#msg2289571)

ตอนพิเศษ/2-4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2289963#msg2289963)    ตอนพิเศษ/2-5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2290748#msg2290748)    ตอนพิเศษ/2-6(จบตอน) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.msg2291458#msg2291458)
 


       -----------------------------------------


สวัสดีค่ะ นักอ่านที่น่ารักทุกท่าน  ปัดกลับมาอีกแล้วจ้า กับนิยายเรื่องใหม่ หลังจากมิราเคิลคาเฟ่ จบลงไป  งานชิ้นใหม่นี้เป็นแนว "แฟนตาซี"จ้ะ  แถมเป็นแฟนตาซีกลายร่างอีกต่างหาก แต่ก็คงไม่เหมือนพวกแนวฝรั่งโรมานซ์อะไรแบบนั้นนักหรอกนะคะ เน้นไทย ๆ ชื่อไทยจ้ะ  ก็หวังว่าคงจะมีคนสนแนวนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ  ยังไงก็ขอขอบคุณล่วงหน้า สำหรับคนที่คิดจะติดตามอ่านกันต่อไปค่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: เหยื่้อรักอสูรกาย : บทนำ 14/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 14-11-2012 23:35:49
เหยื่อรักอสูรกาย (เปลี่ยนชื่อเป็น ลิขิตรักอสุรกายแล้วค่ะ)
บทนำ


      ภาพผู้คนที่เดินสวนทางกันไปมา และรถราตามถนนมากมาย ทำให้คนซึ่งมองผ่านกระจกรถที่นั่งอยู่ขมวดคิ้วยุ่ง นัยน์ตาเรียวสวยกะพริบช้า ๆ ก่อนจะเบือนกลับมามองเบาะหนังเบื้องหน้า จนคนสวมสูทสีเทาที่นั่งอยู่บนเบาะ และสังเกตเห็นจากกระจกมองหลังรถ ยกยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก พร้อมเอ่ยขึ้น

    “ในเมืองหลวงก็แบบนี้ล่ะครับ ทั้งคน ทั้งรถ เยอะแยะไปหมด แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่ที่ท่านจะไปอยู่ คนไม่พลุกพล่านขนาดนี้หรอกครับ”

    “ถ้าไม่เพราะคำสั่งของท่านย่า ฉันจะไม่มาที่กรุงเทพฯ นี่เด็ดขาด”

    เด็กหนุ่มผมสั้นปรกคอ หน้าตาสะสวย เย็นชา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด ทำให้คนฟังต้องหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

    “ช่วยไม่ได้นี่ครับ ก็ท่านถึงวัยที่จะต้องเรียนรู้เรื่องราวของ ‘โลกภายนอก’ ได้แล้ว มิหนำซ้ำยัง...”

    คนพูดชะงักนิ่งก่อนจะเผลอหลุดประโยคต้องห้ามออกไป ทว่าคนที่นั่งด้านหลังรถ แม้จะดูเมินเฉย แต่ก็ยังคงจับผิดสังเกตได้อยู่ดี

    “ยังอะไร...”

    “อืม...ความลับครับ ท่านย่าของท่านยังไม่อนุญาตให้ผมบอกกับท่าน  แต่หากเมื่อถึงเวลา ผมจะเรียนให้ท่านวิรัลทราบแน่นอน...สัญญาเลยครับ”   

    เพราะรู้ดีว่าแม้จะโกหกไป ยังไงคนด้านหลังก็ต้องสงสัยอยู่ดี สู้บอกความจริงแต่หลีกเลี่ยงถ้อยความสำคัญไว้เสียดีกว่า ซึ่งนั่นก็ทำให้คนฟังเลิกคิดซักไซ้ และถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แทน แล้วเลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ ไปตลอดทาง จนกระทั่งคนขับเลี้ยวรถเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง


    “เป็นหมู่บ้านที่เงียบน่าดู ปกติหมู่บ้านในเมืองหลวงเป็นแบบนี้หรือ”

    วิรัลเอ่ยถามคนขับรถ ซึ่งจริง ๆ แล้วเจ้าตัวมีตำแหน่งเป็นคนสนิทและผู้ดูแลของเขา อีกฝ่ายยิ้มน้อย ๆ และจ้องคนถามผ่านกระจกมองหลังรถ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม

    “หมู่บ้านแห่งนี้ก็ไม่แตกต่างไปจากหมู่บ้านที่ท่านเคยอาศัยเท่าใดนักหรอกครับ”

    เด็กหนุ่มหน้ายุ่งเมื่อได้ฟัง แล้วจึงถอนหายใจหนัก ๆ อีกครั้ง เพราะหลงคิดว่า การที่ยอมออกมาเผชิญกับสิ่งแวดล้อมอันแสนยุ่งเหยิงในกรุงเทพฯ อย่างน้อยก็ยังมีอิสระรออยู่ ใครเลยจะคิดว่าที่นี่ก็ต้องใช้ชีวิตไม่แตกต่างจากเดิมเลยสักนิด เพียงแต่แถวนี้ค่อนข้างเจริญทางด้านวัตถุกว่าที่ซึ่งเขาเคยอยู่ก็เท่านั้น

    “เชิญครับ ท่านวิรัล ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ ‘มฤคมาศ’ ของท่านครับ”

    เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอดยังคฤหาสน์ทรงไทยประยุกต์ ซึ่งทำด้วยไม้สักทองอร่ามทั้งหลัง ชายสวมสูทสีเทา ก็ลงจากรถอ้อมมาเปิดประตูหลังและโค้งให้กับวิรัลที่นั่งอยู่ในนั้น 

    “เดี๋ยวเอากระเป๋าของท่านวิรัลไปเก็บไว้ในห้องที่เตรียมไว้ให้ด้วยนะ...อ้อ! สำหรับท่าน หากอยากจะเดินชมคฤหาสน์ก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมนำทางให้”

    ชายหนุ่มพูดกับคนรับใช้ที่มาเตรียมรอต้อนรับ และหันไปถามวิรัลด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่คนมองกลับไม่ยิ้มตอบ แล้วตีหน้าบึ้งนิด ๆ ใส่

    “ไม่ใช่คฤหาสน์ของฉัน ...ฉันยังไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประมุขของตระกูลอย่างเป็นทางการสักหน่อย”

    “แต่อีกไม่นานก็ได้เป็นแล้วล่ะครับ อีกไม่กี่เดือนท่านก็ครบ 18 แล้วนี่ครับ”

    คนฟังทำเสียงฮึในลำคอ  แล้วจึงเดินดุ่ม ๆ เข้าคฤหาสน์หลังใหม่ของตนไปเงียบ ๆ ทำให้คนที่เตรียมจะพาเดินเล่นชมคฤหาสน์อมยิ้ม ก่อนจะชะงักเมื่อชายแต่งสูทดำคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา

    “ทางเราได้รับรายงานว่า ในแต่ละ ‘กลุ่ม’ เริ่มมีการเคลื่อนไหวกันแล้ว พวกนั้นออกคำสั่งเรียกรวมพลพรรคพวกที่อยู่กระจัดกระจายในแต่ละจังหวัด ให้มารวมตัวกันในกรุงเทพฯ... แต่ผมมั่นใจว่า พวกมันยังไม่รู้ฐานที่ตั้งของพวกเราแน่นอนครับ”

    ชายสวมสูทสีเทาพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงยกยิ้มน้อย ๆ ที่ริมฝีปาก

    “พวกนั้นก็จมูกไวตามเคย  อืม...ขอเดานะ พวกสุนัขล่าเนื้อนั่นเป็นกลุ่มแรก ๆ เลยล่ะสิ  ที่ได้ข่าวว่าพวกเราย้ายท่านวิรัลมาคุ้มกันที่เมืองหลวงแทนน่ะ”

    ชายในชุดสูทดำยิ้มเจื่อน ๆ แล้วพยักหน้าตอบรับ

    “ครับ...คุณพิชญ์”

    ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าพิชญ์ยิ้มบาง ๆ แล้วจึงยักไหล่ ก่อนจะเดินกลับเข้าคฤหาสน์ตรงหน้าตามเด็กหนุ่มผู้เป็นนายไปอย่างช้า ๆ ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายเปรยขึ้นกับตัวเอง ทำให้คนฟังที่เดินตามมาต้องอึ้งไปเล็กน้อย

    “...หึ ๆ เผ่าพันธุ์ผู้ล่าอย่างนั้นหรือ ...ถึงจะแข็งแกร่งกว่า ก็ใช่ว่าจะล้มไม่เป็นล่ะนะ”

    คนพูดเงียบไปสักพัก ก่อนจะหยุดฝีเท้า ทำให้คนเดินตามมาหยุดชะงัก พิชญ์หันมามอง แล้วมีสีหน้าระบายยิ้มเช่นปกติ แต่กับคนที่คุ้นเคยกันดีนั้นพอจะอ่านออกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์เช่นใด

    “จัดเวรยามในหมู่บ้านเพิ่มมากขึ้นไปอีก แต่ให้ทำตัวให้ปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ...อ้อ อย่าลืมจัดให้มีพวกร้านค้าต่าง ๆ ในหมู่บ้านบ้างด้วย ที่เป็นอยู่มันเงียบเกินไป  ขนาดท่านวิรัลยังสังเกตได้เลย”

    ชายสูทดำกลืนน้ำลายลงคอกับคำตำหนิที่ได้รับ แล้วจึงพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะรีบขอตัวไปจัดการทันที  ทำให้คนออกคำสั่งยกยิ้มนิด ๆ ที่มุมปากอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงเหลียวมองไปยังคฤหาสน์เบื้องหน้าของตน

    “ไม่ต้องห่วงนะครับท่านวิรัล  พวกเราเหล่าลูกหลานของมโค จะปกป้องท่านให้ปลอดภัยและมีอายุยืนยาวสืบทอดตระกูลของพวกเราต่อไป ...และจะไม่ยอมให้เจ้าพวกโหดร้ายนั่น  มาย่ำยีพวกเราได้อีกแล้ว!”

   
    เวลาเกือบเที่ยงคืน ณ ชั้นบนสุดของคอนโดหรูกลางเมืองหลวง เป็นพื้นที่ส่วนตัวของทายาทคนเล็กของตระกูล วฤกพงศ์  ตระกูลมหาเศรษฐี อันดับแนวหน้าตระกูลหนึ่งของประเทศไทย

    “ท่าน ‘ธาม’ ครับ ทางเราได้รับรายงานมาว่า พวกมโคได้ย้าย ‘มฤคมาศ’ เข้ามาไว้ในกรุงเทพฯแล้วครับ”

     ร่างสูงใหญ่ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำเพียงตัวเดียว และกำลังนอนกึ่งเอนจิบไวน์ชมทิวทัศน์ยามราตรีของเมืองหลวง ผ่านบานกระจกใสเบื้องหน้า หมุนกายบนเก้าอี้นอนกลับมามองคนพูด ก่อนจะเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    “แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ...มีใครรู้ข่าวแล้วบ้าง...”

    อีกฝ่ายเงียบไป ทำให้คนถามยกยิ้มเยาะนิด ๆ ที่มุมปาก

    “พวกหมาป่าพันธุ์แท้นี่มันจมูกไวกันทุกตัวเลยสินะ”

    “แต่ยังไม่มีใครรู้ที่อยู่จริง ๆ ของพวกนั้นแน่ครับ ผมมั่นใจ”

    ลูกน้องคนสนิทรีบบอก ทว่าคนฟังก็เพียงแค่ยกไหล่นิด ๆ คล้ายดังไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะจิบไวน์ต่อเงียบ ๆ จนคนมองร้อนใจแทน

    “ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก... มฤคมาศ ไม่ได้ถูกจับได้ง่ายดายขนาดนั้น พวกมโคเองก็ไม่ใช่พวกไร้เขี้ยวเล็บอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว...จำเหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อนไม่ได้หรือ ที่พวกพี่มาลุต พาลูกน้องไปให้เผ่ามโคกำจัดเสียกว่าครึ่งน่ะ”

    “เรื่องนั้น...”

    “พวก ‘วกะ’ สายเลือดแท้ มักจะหยิ่ง ยโส อวดดี กันทั้งนั้น ...เจอพวกสัตว์กินพืชสวยงามนั่นเล่นงานคืนเข้าบ้าง ก็สมน้ำหน้าแล้วล่ะนะ”

    คนฟังสะดุ้งโหยง พลางรีบแย้งไปเสียงค่อย

    “ท่านธามครับ...คืออย่าพูดเรื่องนี้เลยครับ เกิดใครได้ยินแล้วเอาไปเล่าให้ท่านมาลุตฟังเข้าล่ะก็...”

    “ถ้าแม้แต่ที่พักส่วนตัวของฉัน ยังมีหูตาของพวกนั้นคอยจับจ้องมองอยู่ แล้วฉันจะยังมีที่ไหนให้หลับลงแบบสบาย ๆ ได้อีกล่ะ ...หรือว่าเดี๋ยวนี้นายไม่มีความสามารถพอ ที่จะทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่พักพิงอย่างแท้จริงให้กับฉันได้อีกแล้ว...หือ ชาคร”

    ชายหนุ่มตรงหน้ากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะมีสีหน้าจริงจังผิดจากเดิมตามมา

    “ขอโทษครับท่านธาม ...ผมขลาดกลัวเกินไปเอง ...ผมขอรับประกันด้วยชีวิตของตนเองเลยว่า สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ปลอดภัยต่อท่านอย่างแท้จริง และผมจะไม่ปล่อยให้มีสายลับของพวกวกะกลุ่มอื่น เข้ามาวุ่นวายในที่แห่งนี้แน่นอน!”

       ธามยกยิ้มน้อย ๆ ที่ริมฝีปากอย่างพึงพอใจ ใบหน้าหล่อเหลานั้นเริ่มเบือนกลับไปมองทิวทัศน์ยามราตรีของเมืองหลวงอีกครั้ง เจ้าตัวเปรยเบา ๆ ก่อนจะยกแก้วไวน์ในมือขึ้นจิบ

    “มฤคมาศ อย่างนั้นหรือ ...อยากรู้นักว่า ‘หัวใจ’ ดวงนั้นของมัน จะช่วยเพิ่มพลังอำนาจให้กับผู้ที่กัดกิน เหมือนคำล่ำลือหรือไม่กันแน่...”
   

--- TBC ---

อธิบายศัพท์ค่ะ 

มโค แปลว่า กวาง    วกะ  แปลว่า หมาป่า    ทั้งสองคำนี้เป็นภาษาบาลีค่ะ (มั้ง)   ส่วนมฤคมาศ แปลว่า กวางทอง ค่ะ

แถมเรื่องนามสกุลฝั่งพระเอกนิด วฤกพงศ์   / วฤก ก็แปลว่าหมาป่าเช่นกันจ้ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทนำ 14/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 15-11-2012 00:00:49
ว้าวๆ เรื่องใหม่ ของxenon

ติดตามจ้า

ศัพท์เฉพาะ เห้อๆ

ต่อๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทนำ 14/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 15-11-2012 00:03:33
ว้าว! น่าสนใจมาก ๆ ๆ ๆ เลยค่ะ

รอติดตามนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทนำ 14/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-11-2012 00:20:09
 :mc4:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทนำ 14/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 15-11-2012 00:45:56
ธามคิดจะทำอะไรกับวิรัล จะกัดกินหัวใขของวิรัลตามที่พูดจริง ๆ งั้นหรือ แล้วพิชญ์ปิดบังอะไรวิรัลอยู่ ใ่ช่เรื่องที่วิรัลถูกตามล่าอยู่หรือเปล่านั่น
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 15-11-2012 11:37:16
/1




     พิชญ์เหลือบมองนายน้อยของเขาที่นั่งหน้าหงิกอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดของคฤหาสน์เพียงลำพัง ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเปรยขึ้น

    “ถ้าท่านเบื่อ ทำไมไม่ลองไปเดินเล่นรอบ ๆ หมู่บ้านแทนล่ะครับ”

    คนฟังชะงักก่อนจะเงยหน้ามองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

    “ฉันทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ”

    พิชญ์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงโค้งให้เด็กหนุ่ม

    “ทำได้สิครับ ถ้าเฉพาะเขตพื้นที่ในหมู่บ้านนะครับ  อ้อ...ที่หมู่บ้านมีร้านค้าด้วย แต่ถ้าอยากซื้อของท่านต้องติดเงินไปด้วยนะครับ เพราะถึงแถวนี้จะเป็นอาณาเขตของพวกเราก็จริง แต่ของซื้อของขายก็คือของซื้อของขายนะครับ”

    วิรัลทำหน้านิ่วคิ้วขมวดนิด ๆ แต่ก็ไม่ต้องคิดนาน เขาพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะชะงักแล้วยืนนิ่งด้วยท่าทางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จนพิชญ์แปลกใจ

    “ทำไมหรือครับท่านวิรัล”

    “...ฉันไม่มีเงินติดตัว”

    พิชญ์ชะงักก่อนจะหลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างลืมตัว ทำให้คนถูกหัวเราะใส่หน้ามุ่ย

    “หึ ๆ ขอโทษครับที่เสียมารยาท...ผมเองก็ลืมไป ความจริงท่านก็ไม่ต้องพกเงินก็ได้ แต่ผมอยากให้ท่านใช้ชีวิตในหมู่บ้านนี้อย่างกลมกลืนสักหน่อย จึงต้องเลือกแบบนี้ ...สักครู่นะครับเดี๋ยวผมหยิบเงินให้”

    พี่เลี้ยงคนสนิทของเด็กหนุ่มเดินไปหยิบกระเป๋าเงินสีดำในลิ้นชัก และสำรวจเงินภายในนั้น ก่อนจะหยิบมันมายื่นส่งให้กับวิรัลที่รออยู่

    “นี่ครับเงิน”

     วิรัลรับมาแล้วนิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนจะอ้อมแอ้มถามอย่างไม่มั่นใจนัก

    “ที่นี่มีจักรยานไหม...ฉันอยากขี่จักรยานแทนเดินน่ะ”

    พิชญ์ผงะเล็กน้อย แล้วมีสีหน้าครุ่นคิดหนัก จนคนมองใจเสีย แต่พอกำลังจะปฏิเสธเปลี่ยนคำพูด เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นเบา ๆ แล้วคนตรงหน้าจึงมีรอยยิ้มอ่อนโยนตามมา

        “ได้สิครับ เดี๋ยวผมจะให้คนเตรียมให้ ...ว่าแต่ท่านขี่มันชำนาญแล้วสินะครับ”

    วิรัลชะงัก ก่อนจะหน้าหงิก แล้วรีบแย้งกลับทันทีด้วยความฉุนปนอาย

    “ฉันขี่ได้แล้วน่า! ไม่ใช่เด็กสักหน่อย กับอีแค่จักรยานคันเดียว!”

    พิชญ์ยิ้มรับ แล้วเลิกคิดที่จะซักไซ้อะไรอีก แม้จะหวนนึกถึงอดีตที่อีกฝ่าย เคยแอบหนีเขาไปหัดขี่จักรยานเมื่อสามปีก่อน และสะดุดคันดินล้มกลิ้งไปคนละทางกับจักรยาน ตอนเขามาเจอนั่นก็ตาม

   

    จากนั้นสักพักวิรัลก็ออกมาด้านนอกคฤหาสน์ และขึ้นขี่จักรยานคันสีทองสวยงามที่คนรับใช้นำมาให้ เจ้าตัวขี่เป๋ไปเป๋มา จนคนที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ต้องลุ้นอย่างใจหายใจคว่ำ  จากนั้นสักพักจึงถอนหายใจโล่งอก เมื่อคนขี่เริ่มทรงตัวได้และขี่ออกไปตามถนนนอกคฤหาสน์อย่างไม่เร่งรีบนัก

    “จะดีหรือครับคุณพิชญ์ ที่ปล่อยให้ท่านวิรัลออกไปแบบนั้นตามลำพัง”

    พิชาน ลูกน้องคนสนิทของพิชญ์เอ่ยถามอย่างกังวล ทางด้านพิชญ์นั้นมองจนวิรัลลับตาไป แล้วหันกลับมาสนทนากับลูกน้องของตนต่อ

    “ยังไงก็อยู่ในเขตหมู่บ้าน แค่ท่านไม่ออกไปด้านนอกก็พอแล้ว ...เตือนพวกที่เฝ้าด้านหน้าด้วยแล้วกัน ให้ช่วยดู ๆ กันหน่อย”

    จากนั้นพิชญ์ก็เดินกลับเข้าคฤหาสน์เพื่อไปสะสางงานของตนต่อ พิชานถอนหายใจเบา ๆ เพราะรู้ดีว่าพิชญ์นั้นรักและตามใจวิรัลมาแต่ไหนแต่ไร สำหรับพิชญ์แล้ว เด็กหนุ่มเป็นมากกว่าเจ้านาย เป็นคนที่พิชญ์พร้อมที่จะสละชีวิตปกป้องทุกเมื่อ ถ้าอีกฝ่ายเกิดมีภัยขึ้นมา

    “นายหญิงคิดผิดหรือคิดถูกนะ ที่ให้ท่านวิรัลมาอยู่ตามลำพังกับท่านพิชญ์ที่กรุงเทพฯ นี่”

    พิชานบ่นพึมพำกับตัวเอง เมื่อนายท่านที่พวกเขาควรจะปกป้องดูแลราวไข่ในหิน ตอนนี้กลับทำตัวไม่แตกต่างจากเด็กหนุ่มทั่วไป โดยมีคนสนิทเช่นพิชญ์รู้เห็นเป็นใจด้วย



    อีกด้านหนึ่งวิรัลนั้นขี่จักรยาน มองสองข้างทางไปพลางอย่างตื่นเต้น แม้จะเป็นเพียงวิวของบ้านพักอาศัยทั่วไป  แต่นานแล้วที่เขาไม่ได้มีโอกาสเป็นอิสระโดยไร้คนปกป้องเช่นนี้

    “ถ้าท่านย่ารู้เข้า มีหวังโดนเอ็ดแน่...”

    วิรัลพึมพำพลางห่อไหล่เมื่อนึกถึงหญิงชราผู้เข้มงวดคนนั้น   

    “แต่ก็นะ...หมอนั่นทำตามสัญญาจริง ๆ นั่นล่ะ”

    เด็กหนุ่มอมยิ้มเมื่อหวนนึกถึงคำที่พิชญ์เคยพูดไว้กับเขาเมื่อครั้งอดีต

    ‘ผมสัญญานะครับ ว่าจะมอบอิสระให้แก่ท่านในสักวัน’

    พิชญ์ไม่เคยผิดสัญญากับเขา หากชายหนุ่มให้คำสัญญาเมื่อใด ก็จะต้องทำให้มันสำเร็จจนได้ เขาจึงมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้กับคนสนิทผู้นี้ ...คนเพียงผู้เดียวที่เขาเชื่อมั่นว่าจะไม่มีวันทรยศต่อเขาเด็ดขาด

    “แต่ก็ยังไม่อิสระสักทีเดียวล่ะนะ”

    วิรัลพึมพำพลางถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังกวาดใบไม้หน้าบ้านของเธอ โค้งให้เขา

    “เอาเถอะ ...ได้แค่นี้ก็ยังดีกว่าตอนอยู่บ้านนอกนั่น”

    เด็กหนุ่มเปรยอย่างนึกปลง แล้วจึงขี่จักรยานไปทางทิศหน้าหมู่บ้าน หลังจากสอบถามคนแถวนั้นว่ามีร้านค้าตั้งอยู่ที่ไหนในนี้กันแน่

   

    ในเวลาเดียวกันนั้น แต่ต่างสถานที่ ร่างสูงที่กำลังนั่งอยู่บนรถส่วนตัวของตน ก็ต้องยักไหล่นิด ๆ เมื่อพบว่ามีรถยนต์ติดฟิลม์กระจกดำแล่นขนาบมาเคียงข้างรถที่เขานั่งอยู่

    “บัดซบ! พวกไหนกันนะ!”

    ชาครที่ขับรถอยู่และสังเกตเห็นเช่นกัน สบถอย่างหงุดหงิด ผิดกับนายของเขาที่ยังคงนั่งนิ่งเฉยดังปกติ

    “ไม่รู้สิ...แต่คิดว่าคงไม่ใช่พวกเดียวกันหรอก เพราะพวกนั้นไม่ชอบอะไรหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้”

    ชาครถอนหายใจเฮือกใหญ่ ที่นายของเขายังคงเห็นเป็นเรื่องเล็ก แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้มาดีแน่

    “ก็หวังว่าพวกนั้นคงไม่ใช้กระสุนเงินมายิงพวกเราล่ะนะ ...”

    ธามเอ่ยขึ้นต่อ แล้วยกยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะเหลือบมองกระจกที่ไขลงจากรถข้าง ๆ พร้อมกับใครบางคนที่นั่งอยู่เบาะหลังกำลังเล็งปืนกลมาทางเขา

    “หึ! เล่นของแรงเสียด้วยสิ ...ขับหลบดี ๆ หน่อยแล้วกันชาคร”

    ชาครแค่นยิ้มเครียด เขาเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วของรถ หมายจะสลัดให้หลุดแต่อีกคันก็เร่งความเร็วตามพร้อมกับสาดกระสุนเข้าใส่อย่างไม่เล็งเป้าหมาย แต่หวังผลว่าหนึ่งในนั้นจะช่วยดับลมหายใจของคนที่นั่งอยู่ในรถได้บ้าง



   คนที่ขับรถติดฟิล์มดำ ชะลอจอดรถแถวข้างทาง หลังปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมาเรียบร้อย เจ้าตัวตะโกนบอกมือปืนสังหาร เมื่อเห็นรถเป้าหมายจอดแช่นิ่งไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป

   “เฮ้ย! ไปตรวจดูสิว่ามันตายหรือยัง!”

   ผู้เป็นมือปืนพยักหน้ารับรู้ เจ้าตัวลงจากรถที่นั่งอยู่ เดินตรงไปดึงประตูรถที่จอดแช่สนิทให้เปิดออกอย่างไม่ยาก เพราะมันพรุนจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม แต่แล้วก็ต้องตาเบิกกว้าง อย่างไม่อยากเชื่อสายตา เมื่อคนที่น่าจะตายไปแล้วกลับยังคงนั่งยิ้มบนเบาะ พลางจ้องมองตอบอย่างสบายอารมณ์  ทว่าร่างกายนั้นกลับไม่เกิดบาดแผลใด ๆ ให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

   “ทีหลังหัดเล็งก่อนยิงนะ ยิงกราดแบบนั้น ต่อให้ไม่ใช่พวกฉันก็หลบได้สบาย ๆ อยู่แล้ว ...ขนาดเขาขับไปหลบไป ยังไม่โดนสักนัด จริงไหมชาคร”

   ธามแสร้งถามคนสนิท ซึ่งก็มีเสียงคำรามดังขึ้นแทนคำตอบ ทำให้มือปืนปริศนาสะดุ้งเฮือก ทว่าก็ยิ่งต้องตาเบิกกว้างแทบถลน เมื่อมองไปทางตำแหน่งคนขับ และได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของคนตรงหน้าเต็มสองตา

    “วะ...เหวอ!”

   เสียงอุทานอย่างตกใจดังขึ้น พร้อมกับเจ้าของเสียงที่หันหลังกลับ เตรียมจะวิ่งหนีไปจากบริเวณนั้น ทว่าก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมือใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนยุบยับ พุ่งทะลุกระจกรถ ตรงเข้าคว้าหมับที่คอของมือปืนผู้เคราะห์ร้ายมาบีบดังกรอบ ก่อนจะเหวี่ยงร่างไร้ชีวิตนั่นทิ้งไปบนพื้นถนนอย่างไร้ปราณี

   “เฮ้ย! ไอ้สน!”

    คนขับรถที่เห็นร่างของเพื่อนถูกเหวี่ยงไปนอนกองกับพื้นถนน อุทานอย่างตกใจ ก่อนจะตาเบิกกว้างตามมาด้วยความตกตะลึงสุดขีด เมื่อเห็นประตูรถของเป้าหมายที่พรุนไปด้วยรอยกระสุนข้างหนึ่ง ถูกบางอย่างถีบกระเด็นออกมา พร้อมกับการปรากฏกายของร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนสีเทาเต็มตัว ใบหน้าที่เคยเป็นมนุษย์บัดนี้กลับกลายเป็นอสุรกายที่มีฟันแหลมคม มีขนเต็มทั่วหน้า และมีใบหูคล้ายสัตว์ป่า

    “เหวอ...ปะ...ปีศาจ...”

    เจ้าตัวเอ่ยติดขัดด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบตั้งสติแล้วขับรถออกไป ทว่ากลับไม่ทันอีกฝ่ายที่กระโจนมากระชากประตูรถที่เตรียมจะแล่นหนีหลุดติดมือ แล้วจึงกระชากคอเสื้อของคนขับ ที่บัดนี้ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวออกมาจากรถ ยกลอยเหนือพื้นดิน

    “ใครเป็นคนส่งแกมา!”

    เสียงทุ้มต่ำคำรามขู่ ปากกว้างเต็มไปด้วยฟันยาวแหลมคมก็ยื่นเข้ามาใกล้ คล้ายจะขบศีรษะอีกฝ่ายได้ทุกเวลา

    “วะ...เหวอ...อย่าทำอะไรฉันเลย...ฉันกลัวแล้ว!”

    คนที่ถูกกระชากคอเสื้อบอกเสียงสั่น สติกระเจิดกระเจิง จนธามที่มองอยู่นึกขำ

    “เอ้า ๆ ชาคร อย่าขู่เขาน่ากลัวแบบนั้นสิ ...นี่นายน่ะ ถ้าไม่อยากโดนงาบหัวล่ะก็ บอกความจริงมาดีกว่านะ ...ชีวิตตัวเองกับชีวิตคนอื่น อย่างไหนสำคัญกว่ากันล่ะ หือ”

    นักฆ่าปริศนาหันไปมองคนที่เดินมาสมทบกับพวกเขา แล้วจึงเอ่ยถามเสียงสั่น

    “จะไม่ฆ่าผมจริง ๆ นะ”

    “อืม...ถ้าพูดความจริง จะให้โอกาสหนีก็ได้”

    ธามไม่ได้รับปากอะไรมากนัก แต่คนฟังเริ่มคิดหนัก และเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำเป็นถอนหายใจแล้วหันไปทางมนุษย์หมาป่าตรงหน้า พร้อมกับยักไหล่ เขาก็รีบโพล่งออกมาทันที

    “ดะ...เดี๋ยว! ผมบอกแล้ว! คนที่จ้างผมมากำจัดคุณก็คือ คุณกริช คู่แข่งของคลับคุณนั่นล่ะ!”

    ธามขมวดคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะแสร้งทำเป็นถอนหายใจเบา ๆ

    “มิน่าล่ะ ก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมถึงมีคนมาขอเจรจาขายที่ดินที่ฉันเล็งไว้ ช่วงเวลานี้ ...เฮ้อ ก็ว่าแบ่งลูกค้ากันดี ๆ แล้วแท้ ๆ นะ”

    “ผมบอกความจริงคุณแล้ว คุณจะไว้ชีวิตผมใช่ไหม! ปล่อยผมไปเถอะ! ผมแค่ถูกใช้มาเท่านั้น!”

    อีกฝ่ายรีบเอ่ยทวงสัญญา ธามยกยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก แล้วจึงเอ่ยขึ้น

    “งั้นทางฉันจะนับหนึ่งถึงสามสิบ พอเริ่มนับนายจะหนียังไงก็หนีไป ถ้าหนีพ้นก็ถือว่ารอด แต่ถ้าไม่พ้น...”

    ธามละคำพูดไว้แค่นั้น ทว่านัยน์ตาคมกริบที่มองมาทำให้คนถูกมองต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดหวั่น

    “ปล่อยเขาได้แล้วชาคร”

    ร่างของมนุษย์หมาป่าตรงหน้าปล่อยมือจากคอเสื้อของอีกฝ่ายตามคำสั่งของผู้เป็นนาย จากนั้นธามจึงเริ่มนับขึ้นช้า ๆ ซึ่งพอได้ยินเสียงนับ นักฆ่านิรนามก็รีบลนลาน หนีขึ้นไปบนรถ แล้วเหยียบคันเร่งขับหนีไปจากบริเวณนั้นทันที

    “28...29...30  เอาล่ะ...เริ่มเกมไล่ล่ากันได้แล้ว”

    สิ้นเสียงของธาม ชาครในร่างของมนุษย์หมาป่าก็พุ่งกระโจนไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว จนแม้แต่คนที่กำลังขับรถหนียังต้องตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นอมนุษย์ผู้น่าพรั่นสะพรึงวิ่งขนานมากับเขาซึ่งอยู่บนรถ

    “...แกหนีไม่พ้นแล้ว  เพราะฉะนั้นตายซะ!”

    มนุษย์หมาป่าสีเทากระชากร่างนักฆ่าผู้เคราะห์ร้ายออกจากรถ ทำให้รถที่เสียหลักไร้คนบังคับพลัดตกไปข้างทาง ส่วนคนขับนั้นบัดนี้ถูกเหวี่ยงอัดกระแทกกับพื้นถนนเต็มแรง จนเจ้าตัวถึงกับกระอักเลือดออกมากองเป็นลิ่มเต็มไปหมด ก่อนจะตาเบิกกว้างเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อมือใหญ่ตามมาตะปบศีรษะตน

 

    ชาครมองร่างที่ไร้วิญญาณตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะมองไปรอบ ๆ อย่างนึกโล่งอกที่ถนนสายนี้ไม่มีบ้านเรือนอยู่ นอกจากท้องนารกร้างสองข้างทาง  แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะถ้าไม่ใช่ทางเปลี่ยวเช่นนี้ พวกนักฆ่าก็คงไม่เลือกลงมือกับพวกเขาแน่

    “เฮ้อ! ต้องมาคอยจัดฉากสร้างหลักฐานอีกแล้วสินะ”

    มนุษย์หมาป่าสีเทาบ่นพึมพำอย่างเอือมระอา เพราะนายของเขานั้น ขยันสร้างศัตรูเอาไว้รอบด้าน ทั้งมนุษย์ และพรรคพวกเผ่าเดียวกัน

    “จัดการเรียบร้อยแล้วหรือชาคร”

    ธามเอ่ยทักทายลูกน้องคนสนิทที่เดินกลับมาหาเขา พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ชาครพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะค่อย ๆ กลับคืนสู่ร่างมนุษย์ของตน ทว่าเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งไปตอนกลายร่างก็แทบจะไม่หลงเหลือปิดกายได้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจ กลับเดินไปเปิดหลังรถ หยิบเสื้อผ้าสำรองในกระเป๋าหนังใบใหญ่มาใส่ตามปกติ

    “นายนี่เตรียมพร้อมชะมัด”

    “ก็ไม่ใช่เคยเจอแบบนี้ครั้งแรกนี่ครับ”

    ชาครบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ จนธามต้องอมยิ้ม

    “เอาน่า...ถือว่าเป็นการซ้อมมือเอาไว้ก่อนแล้วกัน ถ้าการคัดเลือกประมุขเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายกับฉันคงต้องเหนื่อยกว่านี้อีกเยอะ”

    ชาครชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าและแววตาเป็นจริงจังขึ้นกว่าเดิม

    “ถ้าเพื่อให้ท่านธามกลายเป็นประมุขคนใหม่ของวกะ ผมยินดีสละแม้กระทั่งชีวิตอันไร้ค่านี้ครับ!”

    “หึ ๆ ขอบใจ ...แต่ฉันอยากให้นายคอยอยู่ช่วยเป็นมือขวา ตอนวันที่ฉันขึ้นเป็นประมุขนั่นมากกว่านะ”

    ธามตบบ่าคนสนิทของเขา แล้วจึงเข้าไปนั่งเล่นรอในรถที่พรุนไปด้วยรอยกระสุน เขาปล่อยให้ชาครจัดการเคลียร์ทุกอย่าง หลังจากนั้นไม่นานนัก รถคันใหม่พร้อมลูกน้องของชายหนุ่มก็มาจอดรับธามกลับที่พัก และปล่อยให้ลูกน้องที่เหลือช่วยกันจัดการเก็บกวาดหลักฐานที่เหลือ ให้กลับกลายเป็นเรื่องของอุบัติเหตุแทนอย่างน่าอัศจรรย์

   

   

.... TBC ...

มาแล้วค่ะ บทที่1 น้องกวางน้อย กับ พ่อหมาป่าของเรา  ทั้งคู่จะมีโอกาสได้พบเจอกันอย่างไร รอติดตามในตอนที่ 2 นะคะ  ^^

ใครอ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงก็คุยกันได้นะจ๊ะ คนเขียนยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ  ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 15-11-2012 11:59:06
น่าสนุกค่ะ

นั่งรออ่านตอนต่อ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทนำ 14/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 15-11-2012 12:10:08
ธามเป็นพระเอกหรือเปล่า

จะทำอะไรวิรัลของเรา จะตามล่า หรือจะปกป้องกันหนออ

ติดตามตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 15-11-2012 12:18:11
ชอบมากๆๆๆค่ะ
จะติดตามและเป้นกำลังใจให้จ้าาาา
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 15-11-2012 13:51:37

น่าสนุกค้าาา

ของลงชื่ออ่านก่อน ><
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ~@GusbellS@~ ที่ 15-11-2012 14:02:51
อยากให้ คุณปัด ดำเนินเรื่องเร็วๆหน่อย อย่าเอื่อยๆเหมือน MIRACLE CAFE เน้น NC ซักหน่อยก็น่าจะดีนะ รอติดตามอยู่ครับ ==>กัสเบลส์
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mnara ที่ 15-11-2012 14:11:55
โดนเต็มๆ ชอบแนวนี้มาก :z2:
แค่เริ่มก็สนุกตื่นเต้นแล้ว o13
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 15-11-2012 14:23:37
เฮ้ย
ชอบอ่า
เอาเป็ดไปๆ
มันแบบ น้องกวางตาแป๋วๆ กะ พี่หมาป่าบึกบึน
ชอบจริงจังอ่า
ติดตามต่อไปค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 15-11-2012 15:28:31
หมาป่ากับน้องกวางบ่งบอกเหตุการณ์ลวงหน้าว่าน้องกวางต้องโดนกิน :laugh:
หมาป่าโหดน้องกวางใสซื่อ
++ให้จ้า :L2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ryokijung ที่ 15-11-2012 17:29:03
ว้าวๆยินดีต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 15-11-2012 17:41:45
โอ้ววววว ท่าจะมัน
เปิดมาก็เลือดสาดแล้ว :jul1:

ชอบมากค่ะ อยากอ่านๆๆๆ :z3:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 15-11-2012 18:48:40
กรีดร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!! ชอบอ่ะ

รีบ ๆ มาต่อนะคะ รออ่านค่า ^^
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 15-11-2012 19:45:16
สนุกดีค่ะ
หมาป่ากะลูกกวาง หึหึ
 o13
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 15-11-2012 19:48:54
ชอบค่ะ น่าสนใจดี  :impress2:

รอให้ทั้งคู่เจอกันอยู่นะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 15-11-2012 19:56:56
รู้สึกว่ามันเข้ากับบรรยากาศตอนนี้มากเลย แบบว่าทไวไลท์เพิ่งเข้าโรงไรงี้ ก็มาเจอพ่อวกะหนุ่มสุดเท่ แอร๊ยย :o8:
ลงชื่อติดตาม สนุกมากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: alekung103 ที่ 15-11-2012 20:06:15
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 15-11-2012 20:39:03
 o13 o13 o13

กรี๊ดดด สนุกชอบค่ะ มาลงชื่อเป็นแฟนคลับ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 15-11-2012 21:30:55
สนุกจังเลย :m1: :m1:

เต้นรอ :z2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 15-11-2012 22:32:56
สนุกมากเลย
หุหุ หมาป่ากะกวางน้อย :z1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 15-11-2012 23:03:48
เรื่องใหม่ รอติดตามตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 15-11-2012 23:17:26
ธามท่าทางจะร้ายน่าดูนะเนี่ย วิรัลคงถูกเลี้ยงดูอย่างกับไข่ในหินเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 16-11-2012 06:34:56
กวางน้อยจะทำอะไรได้บ้างเนี่ย โดนหมาป่างาบไปแน่ๆ  :interest:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 16-11-2012 07:14:24
 o13 o13
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 16-11-2012 08:07:07
เอ๊ยยย กวางน้อยของเรานั้น ดูสงบสุขและมีความสุขเล็ก ๆ เกิดขึ้นเสมอ

แต่พ่อหมาป่านั้น อ๊ากกก ฉากแรกก็โดนไล่ฆ่า  ซะแล้ววว

ชอบอะ มาต่อตอนต่อไปไวไวน้า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 1 วันโพส 15/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 16-11-2012 09:32:27
แจ่มค้าบ.... ภาษาสวย... มาก!
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 16-11-2012 09:50:51


/2




     วิรัลไปแวะเลือกซื้อขนมและน้ำผลไม้ที่ร้านสะดวกซื้อบริเวณหน้าหมู่บ้าน เด็กหนุ่มทอดถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของคนขายยามได้เห็นเขา และทำท่าจะไม่คิดเงิน จนเขาต้องอ้างชื่อพิชญ์มาขู่ว่าเป็นคำสั่งของอีกฝ่าย นั่นล่ะเจ้าตัวจึงยอมคิดเงินเขา แต่ก็ยังคงแถมขนมมาให้เขาอีกสองสามถุงอยู่ดี

    “จะว่าไปแถวนี้ก็บรรยากาศดีใช้ได้ล่ะนะ”

    วิรัลขี่จักรยานมานั่งพักที่สวนสาธารณะหน้าหมู่บ้าน  เจ้าตัวเหม่อมองถนนใหญ่ด้านนอก  ที่นาน ๆ จะมีรถยนต์วิ่งผ่านไปมาให้เห็น  เด็กหนุ่มเหลือบมองยามรักษาการณ์ประจำหมู่บ้านที่ทำเป็นเหมือนอยู่เวรยามตามปกติ แต่เอาจริง ๆ ก็เฝ้ามองมาที่เขาอย่างเป็นห่วง  แม้ว่าที่นั่งซึ่งเขานั่งเล่นอยู่ จะห่างจากถนนใหญ่ไปเกือบห้าสิบเมตรก็ตาม

     “เฮ้อ! สงสัยคงต้องกลับสักที...”

     เด็กหนุ่มเปรยเบา ๆ อย่างเหนื่อยใจ เมื่อเห็นว่าเริ่มมีผู้คนแถวนั้น ทำเป็นเดินเล่นบ้าง ออกมาซื้อของบ้าง กวาดถนนหน้าบ้านบ้าง แต่จริง ๆ แล้ววิรัลมั่นใจว่า พวกนั้นทำลงไปเพราะต้องการคุ้มครองดูแลให้เขาอยู่ในสายตาตลอดเวลานั่นเอง

    ทว่าเมื่อวิรัลลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินไปขี่จักรยานกลับที่พัก เขาก็ต้องชะงักเช่นเดียวกับคนที่นั่งอยู่ด้านในรถยนต์ที่แล่นผ่านมา  แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่วิรัลก็ได้สบตากับคนที่มีแววตาคมกริบ น่าเกรงขามผู้นั้น เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับมีกระแสไฟช็อตไหลผ่านทั่วร่าง เขายืนนิ่งอยู่สักพัก จนมารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อถนนเส้นนั้นว่างเปล่าไร้เงารถคันใดให้เห็น

     “ใครกันนะ...หือ...แล้วเราจะไปนึกถึงเขาทำไมกันเนี่ย!”

    คนที่ตั้งสติได้รีบโพล่งใส่ตัวเอง แล้วจึงรีบตรงไปที่จักรยาน จัดการขี่กลับที่พักทันที ทว่าระหว่างการเดินทาง เจ้าตัวกลับหวนคิดถึงนัยน์ตาสีนิลคมกริบของคนบนรถยนต์ไปตลอดทางอย่างน่าประหลาด 

   

    อีกด้านหนึ่งคนที่กำลังนั่งอยู่บนรถ ก็กำลังตกอยู่ในภวังค์คิดของตนเช่นเดียวกัน นัยน์ตาเรียวยาวโศกซึ้งคู่นั้น ที่เขาได้สบโดยบังเอิญ บัดนี้มันกำลังเข้ามารบกวนความคิดของเขา จนธามเองนึกสงสัยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

     “มีอะไรหรือครับท่านธาม”

    ชาครเอ่ยถามผู้เป็นนายอย่างแปลกใจ เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของคนที่นั่งด้านหลังดังขึ้น

    “อืม...ไม่มีอะไร”

    ธามพึมพำตอบเลี่ยงไป แต่ก็ยังคงหวนคิดถึงเจ้าของดวงตาคู่สวยเช่นเดิม เขาไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเวลาแค่เสี้ยววินาทีนั่น ภาพของอีกฝ่ายจึงประทับอยู่ในความทรงจำได้ตราตรึงถึงเพียงนี้

   

    เมื่อวิรัลกลับมาถึงคฤหาสน์ เขาก็ขอตัวไปพักผ่อนในห้องส่วนตัว โดยอ้างว่ารู้สึกเพลีย พิชญ์เห็นท่าทางแปลก ๆ ของอีกฝ่าย ก็สอบถามไปทางยามรักษาการณ์ที่เฝ้าหน้าหมู่บ้าน แต่พอได้รับรายงานว่าไม่มีเรื่องใดผิดปกติ พี่เลี้ยงคนสนิทจึงเข้าใจว่า วิรัลนั้นอาจจะเพลียจริง ๆ ก็ได้

    “...ทำไมถึงรู้สึกแปลก ๆ ไปนะ ...บ้าชะมัด นี่ฉันเป็นอะไรกันแน่”

    เด็กหนุ่มที่ทิ้งกายลงนอนบนเตียงใหญ่ บ่นพึมพำกับตัวเองอย่างหงุดหงิด ยิ่งหวนคิดถึงแววตาคมกริบนั่น ก็ทำให้เขารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วร่างอย่างที่ตัววิรัลเองก็ไม่อาจตอบได้ว่าเป็นเพราะอะไร

    “...ท่านวิรัลครับ ผมพิชญ์เองครับ ขออนุญาตเข้าไปนะครับ”

    เสียงเคาะประตู และเสียงขออนุญาตเข้าห้องของพี่เลี้ยงคนสนิท ทำให้วิรัลสะดุ้งเฮือก แล้วลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่เข้ามาพอดี

    “ท่านวิรัล...ไม่สบายหรือเปล่าครับ”

    พิชญ์ถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของอีกฝ่าย เขาใช้มืออังที่หน้าผากของเด็กหนุ่ม แต่ก็ไม่พบว่าเจ้าตัวจะมีไข้แต่อย่างใด

    “อืม...เรียกหมอมาตรวจสักหน่อยดีไหมครับ”

    ชายหนุ่มเสนอขึ้น เพราะถึงจะไม่มีไข้ แต่อาการของวิรัลก็ไม่ค่อยปกติอย่างที่เคยเป็นสักเท่าใดนัก จนเขารู้สึกห่วง

    “มะ...ไม่ต้อง... สงสัยเพราะนาน ๆ ตากแดดตากลมที ก็เลยเป็นแบบนี้  ฉันนอนพักสักหน่อยก็น่าจะหายแล้วล่ะ...แต่ถ้าไม่หายจริง ๆ จะเรียกหมอมาตรวจก็ตามใจนาย”

    ท้ายประโยคเจ้าตัวเสียงอ่อนลง เพราะรู้ดีว่าพิชญ์นั้นห่วงใยเขาจากใจจริง ซึ่งนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน แล้วจึงเอ่ยกับวิรัล

    “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเย็นนี้ผมจะให้พ่อครัวทำข้าวต้มมาให้ท่านนะครับ”

    “อืม...เอางั้นก็ได้ ...แล้วนายเองก็หัดกินข้าวเย็นเสียบ้างนะ อย่ามัวแต่ทำงานเพลินนักล่ะ”

    วิรัลเอ่ยตามมาทำให้คนฟังชะงักพลางอมยิ้มน้อย ๆ แล้วโค้งให้ก่อนออกจากห้องไปโดยไม่ได้ตอบรับอะไร ทำให้คนพูดถอนหายใจเบา ๆ เพราะรู้ดีว่าพิชญ์นั้นเป็นมันสมองของตระกูล และคอยรับผิดชอบธุรกิจทั้งหมดของครอบครัวเขา  ซึ่งอาจเปรียบชายหนุ่มเสมือนเป็นประมุขเงาคนปัจจุบันของเผ่าเลยก็ได้

    “ถ้าหมอนั่นเป็น มฤคมาศ แทนเราก็ดีสินะ”

    วิรัลพึมพำกับตัวเอง เด็กหนุ่มเชื่อว่าคนอื่น ๆ ต่างก็คิดว่าพิชญ์นั้นเหมาะสมกับตำแหน่งประมุขของเผ่ามากกว่าเขานัก เพียงแต่พิชญ์ไม่ใช่มฤคมาศ และกฎของเผ่าก็บัญญัติไว้ว่า มีเพียงมฤคมาศเท่านั้น จึงจะคู่ควรต่อตำแหน่งประมุขของเผ่า  มโคตนอื่นแม้จะมีความสามารถขนาดไหน ก็มีสิทธิ์เป็นแค่เพียงที่ปรึกษา หรือประมุขชั่วคราว จนกว่าจะมีมฤคมาศถือกำเนิดขึ้นมาเท่านั้น

      “ฮึ...มฤคมาศ อย่างนั้นหรือ... มันก็แค่ ‘เหยื่อ’ ชั้นดี ของเจ้าพวกเผ่ากระหายเลือดนั่น ก็แค่นั้นล่ะ”

    เด็กหนุ่มเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงขมขื่น เมื่อหวนนึกถึงบิดาที่หายสาบสูญไปเมื่อสามปีก่อน ในสงครามระหว่างมโคและวกะ ในตอนนั้นเผ่าของเขากำจัดศัตรูไปได้มากก็จริง แต่ก็ต้องเสียประมุขคนปัจจุบันไปโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ชะตากรรมเช่นกัน

    “...ผู้ชายคนนั้น ถ้ารู้ว่าเราไม่ใช่มนุษย์ เขาจะแสดงออกอย่างไรบ้างนะ”

    วิรัลหวนคิดถึงคนที่เขาได้สบตาอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจยาว และตัดสินใจลงไปด้านล่าง นั่งดูพิชญ์ทำงานแทน เพื่อจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่าน เอาแต่คิดถึงคนที่ตนไม่เคยรู้จักมาก่อนเช่นนี้



    ตกดึกคืนนั้น วิรัลเคลิ้มหลับลงในที่สุดหลังจากเอาแต่เฝ้าคิดถึงเจ้าของนัยน์ตาคมกริบนั่นมาตลอด

     เสียงกรอกแกรกด้านนอกระเบียงห้อง ทำให้คนที่หลับไปแล้วต้องงัวเงียขึ้นมาขยี้ตามองอย่างแปลกใจ แต่พอเพ่งจ้องไปท่ามกลางความมืดสลัว เขาก็ต้องตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของใครบางคนอยู่ด้านนอกหลังผ้าม่านนั่น

    “...ใครกัน”

    วิรัลกระซิบถามเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยินเสียง เขาประหลาดใจตัวเอง ที่เอาแต่จ้องมองอีกฝ่ายนิ่งจนกระทั่งร่างสูงใหญ่นั้นแหวกผ้าม่านและเลื่อนประตูกระจกเข้ามาหาเขา  วิรัลหน้าแดงวาบ เมื่อร่างหนากำยำได้สัดส่วนของอีกฝ่ายนั้นเปลือยเปล่า ไร้เสื้อผ้าติดกายเลยสักชิ้น

    “คุณเป็นใคร...”

    วิรัลเอ่ยถามขณะที่สายตาก็เฝ้าจับจ้องมองร่างสูงที่เคลื่อนกายมาหาเขาอย่างเชื่องช้า เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อคนตรงหน้าขยับขึ้นมาบนเตียงที่เขานอน นัยน์ตาคมกริบคู่เดิมสะกดให้วิรัลหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไร้การเคลื่อนไหวดิ้นรนหนี แม้กระทั่งยามที่เสื้อผ้าของเขาถูกปลดเปลื้องออกมาจากร่าง

    “อะ...ยะ...อย่าทำแบบนั้น”

    วิรัลห้ามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เมื่ออีกฝ่ายขึ้นคร่อมเขาพร้อมกับใช้เรียวลิ้นอุ่นชื้นไล้เลียชิมรสเขาไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะหยุดอ้อยอิ่งที่ยอดอกทั้งสองแล้วดูดเม้มแรง ๆ จนวิรัลต้องบิดกายไปมาอย่างเสียวซ่าน แต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะต่อต้าน จนเจ้าตัวเองยังนึกประหลาดใจ

    “ฉันต้องการเธอ...”

    น้ำเสียงทุ้มของร่างหนากระซิบแผ่วเบา พร้อมกับยกช้อนสะโพกของร่างโปร่งให้ลอยขึ้นจากเตียง แก่นกายแข็งขึงใหญ่โตจ่อรอคอยเข้าไปสำรวจช่องทางคับแคบ จนวิรัลต้องตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว

    “ไม่นะ...อย่า...อย่าเอาเข้ามา...อ๊า!”

    วิรัลสะดุ้งเฮือกสุดตัว เมื่อร่างสูงใหญ่ดันกายพรวดเข้ามาในร่างเขา เด็กหนุ่มหลับตากรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บแทบขาดใจ ทว่าเพียงไม่นานนั้นความเจ็บปวดก็เริ่มคลายลง  วิรัลจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนจะมองไปรอบด้านอย่างมึนงง ชายแปลกหน้าที่กำลังล่วงเกินเขาหายไปแล้ว เหลือแต่เพียงห้องมืดว่างเปล่า ไร้เงาสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากเขาเท่านั้น

    “ฝันหรือ...ฝันบ้าอะไรกัน”

    วิรัลพึมพำกับตัวเองอย่างหงุดหงิดระคนประหลาดใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าออก และตรงไปที่ฝักบัวอาบน้ำเปิดมันให้ไหลรินชำระล้างร่างกายที่บัดนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ  เด็กหนุ่มค่อย ๆ ใช้มือลูบไล้ไปตามผิวที่ถูกคนในฝันไล้เลีย เสียงครางเบา ๆ อย่างมีอารมณ์เริ่มดังขึ้น พร้อมกับแก่นกายสมวัยที่ค่อย ๆ ถูกปลุกเร้าให้ตื่นขึ้นทีละน้อย

    “อา...บ้าชะมัด”

    วิรัลสบถเมื่อเห็นร่างกายเริ่มมีปฏิกิริยาต่อความฝันที่ผ่านมา ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังคงใช้มือช่วยเหลือตัวเองให้ผ่านพ้นความต้องการเฉพาะหน้าให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอนและหลับลงในเวลาถัดมา

   

    ในเวลาไล่เลี่ยกัน ณ คอนโดหรูกลางเมืองแห่งหนึ่ง เจ้าของห้องเองนั้นเพิ่งจะตื่นจากนิทรา และกำลังนั่งเหม่อมองไปยังภาพทิวทัศน์ยามค่ำจากกระจกใสบานใหญ่ ซึ่งอยู่บริเวณปลายเตียงของตน

    “เด็กคนนั้นเป็นใครกันแน่นะ...ทำไมเราถึงได้...”

    ธามยอมรับว่าเขาทั้งรู้สึกดี ทั้งหงุดหงิดไปในคราวเดียวกัน สำหรับฝันประหลาดที่เขาได้เล้าโลมอีกฝ่ายและกำลังจะร่วมรักด้วย แต่เพราะดันสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อน จึงทำให้รู้ว่าเหตุการณ์สมจริงนั่น เป็นเพียงแค่ความฝัน หาใช่ความจริงไม่  ชายหนุ่มจึงรู้สึกทั้งเสียดาย และอารมณ์ค้างไปในตัวเลยทีเดียว

    “อยากเจออีกสักครั้ง...จะมีโอกาสได้เจออีกไหมนะ”

    ธามพึมพำเบา ๆ จากนั้นนัยน์ตาสีนิลคมกริบจึงมีประกายวาววับ แสดงถึงความมุ่งมั่นบางอย่าง เจ้าตัวนั่งอยู่เงียบ ๆ ในภวังค์ของตนไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดจะหลับต่อ และเมื่อแสงแห่งอรุณรุ่งในวันใหม่ ฉายสาดไปทั่วท้องฟ้า ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ และอาบน้ำชำระล้างร่างกายดังเช่นตามปกติ

   

    เช้าวันต่อมาวิรัลก็ขอพิชญ์ไปขี่รถจักรยานเล่นอีกรอบ แม้พิชญ์จะรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมของอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังคงอนุญาตเด็กหนุ่มตามเคย

    “แล้วกลับมาก่อนแดดจะแรงนะครับ”

    พิชญ์กำชับอย่างเป็นห่วง ทำให้วิรัลหันมายิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะขี่จักรยานออกไปด้วยความชำนาญกว่าเดิม

    “ไปเจออะไรดี ๆ เข้าให้หรือเปล่านะ”

    ชายหนุ่มลองเดาดู แล้วก็หันมาให้ความสนใจกับอีกทาง เมื่อลูกน้องคนสนิทนำรายงานของบริษัทมาให้เขาเซ็นรับทราบ

   

    วิรัลจัดแจงจอดจักรยานไว้แถวริมทางเท้า และเดินมานั่งที่ม้านั่งในสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้าน เขาเหม่อมองถนนใหญ่เบื้องหน้า โดยเฝ้าหวังว่าเจ้าของสายตาคมกริบคนนั้นจะนั่งรถผ่านมาให้เห็นอีกสักครั้ง

    และแล้วสิ่งที่วิรัลรอคอยก็เป็นจริง รถยนต์สีดำคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดอยู่บริเวณหน้าหมู่บ้านติดกับสวนสาธารณะ  ร่างสูงเปิดประตูหลังรถเดินลงมาและบอกให้คนขับคอยเขาอยู่บนรถ ส่วนตัวเขาก็เดินตรงมายังที่วิรัลนั่งอยู่

    “สวัสดี...เจอกันอีกครั้งแล้วสินะ”

    ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มหล่อเหลาเอ่ยทักทาย วิรัลหน้าแดงวาบเมื่อหวนนึกถึงความฝันเมื่อคืนขึ้นมา

     “คุณ...ทำไมถึง...”

    วิรัลถามตะกุกตะกัก เพราะไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้พบเจอและสนทนากับคนที่เขาเฝ้าคิดถึงเร็ววันเช่นนี้

    “ฉันอยากเจอเธอ...เธอเองก็เหมือนกันใช่ไหม”

    ธามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม เขามีความรู้สึกว่า คนตรงหน้าเองก็คงเหมือนเขา ที่เอาแต่คิดถึงอีกฝ่ายจนเก็บมาฝันเช่นเดียวกัน

    “ผม...ไม่รู้...”

    วิรัลบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขารู้สึกร้อนวูบวาบไปหมดทั่วทั้งใบหน้า ปฏิกิริยาที่วิรัลมีทำให้ธามต้องกลืนน้ำลายลงคอ และหวนคิดถึงใบหน้าแดงระเรื่อของอีกฝ่าย ยามส่งเสียงครางเย้ายวน อยู่ในฝันของเขาเมื่อคืนนี้

    ทว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะพูดคุยอะไรกันต่อ ยามจำนวนสองคนก็รีบเดินมาขวางระหว่างทั้งคู่ทันที

    “ขอโทษนะครับ หมู่บ้านของเราไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา”

    ยามคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ แต่ท่าทางขัดขวางและป้องกันเด็กหนุ่มเต็มที่นั่นทำให้คนมองรู้สึกสะดุดตาและนึกสงสัยยิ่งนัก

    “นี่...อย่าเสียมารยาทสิ เขาก็อาจจะแค่เข้ามาถามทางก็ได้”

    วิรัลเอ่ยขัดขึ้นเบา ๆ ทำให้ยามทั้งสองสะดุ้งโหยง แล้วหันมามองคนพูดด้วยสีหน้าลังเล

    “แต่...เอ่อ...”

    “ขอโทษนะครับ คือ...ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องกฎระเบียบนิดหน่อยน่ะครับ”

    วิรัลแก้ตัวกับคนตรงหน้า ซึ่งเจ้าตัวก็ยกยิ้มนิด ๆ ที่มุมปากอย่างไม่ถือสา

    “ไม่เป็นไร...ว่าแต่เราสองคนจะทำความรู้จักกันและกันให้มากขึ้นกว่านี้ได้ไหม”

    วิรัลสะดุ้ง เด็กหนุ่มมีสีหน้าขัดเขิน แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยตอบอะไร เสียงคำรามก็ดังขึ้นจากคนที่เปิดประตูรถลงมา

    “ท่านธาม! พวกนี้เป็นพวกมโคครับ!”

    ธามชะงักเช่นเดียวกับยามทั้งสองและวิรัล และหนึ่งในนั้นก็กัดฟันกรอด พลางส่งเสียงร้องแหลมสูงคล้ายคลื่นสัญญาณบางอย่าง จนธามและชาครต้องรีบอุดหู สักพักคนในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ก็รีบมาสมทบและล้อมรอบชายทั้งสองเอาไว้

    “มโคหรอกหรือ...จมูกนายนี่มันดีเกินไปแล้วนะชาคร”

    ธามเปรยเบา ๆ และเพิ่งจะเริ่มได้กลิ่นชัดเจนขึ้นตอนที่เผ่ามโคมารวมตัวกันมากมายเช่นตอนนี้

    “ผมได้กลิ่นหอมโชยมา ทีแรกคิดว่าเป็นกลิ่นดอกไม้แถวนี้ แต่พอลองดมดูมันไม่น่าจะใช่...ยิ่งพอยามสองคนนั่นมาสมทบ แม้จะไม่หอมเท่ากลิ่นของเด็กคนนั้น แต่ก็ใช่กลิ่นของพวกมโคแน่นอนครับ”

    ชาครเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด แม้ว่ามโคจะไม่ใช่เผ่าที่ชำนาญการต่อสู้ แต่ด้วยจำนวนมากมายเช่นนี้ ดูท่าทางเขาและธามคงจะลำบากเสียแล้ว

    “กลิ่นหอมหรือ...อืม จริงสินะ หอมเหมือนในความฝันจริง ๆ จนฉันก็ลืมสังเกตไป”

    ธามพึมพำเบา ๆ มาตอนนี้เขาก็ได้กลิ่นของวิรัล เหมือนที่ชาครได้กลิ่นบ้างแล้ว กลิ่นหอมหวานเหมือนดอกไม้นานาพรรณที่กำลังบานสะพรั่ง กลิ่นที่ส่งออกมาจากร่างโปร่งที่กำลังยืนหน้าตาตื่นตกใจอยู่ตรงนั้น

    “วกะหรอกรึ! ทำไมไม่ได้กลิ่นแต่แรกนะ!”

    ยามรักษาการณ์ที่ยืนบังวิรัลอยู่กัดฟันกรอด เพราะตอนสนทนากับธาม พวกเขายังไม่ได้กลิ่นอันตรายจากต่างเผ่าให้ได้สัมผัส ทว่ากลิ่นสาปสัตว์ร้ายของชาครนั้น แม้แต่พวกเขาที่มีสัมผัสรับกลิ่นได้ไม่ชัดเจนเท่ากับพวกชั้นสูงของเผ่า ยังสามารถรับรู้ได้ว่า อีกฝ่ายนั้นเป็นวกะที่ร้ายกาจเพียงใด

    ด้านธามนั้นหันมายกยิ้มเพราะได้ยินคำพูดนั่นด้วย  ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแววตาหวาดหวั่นและผิดหวังของคนด้านหลัง

    “คุณเป็นวกะหรอกหรือ...”

    “ใช่...ฉันเป็นพวกนั้น แต่ฉันไม่รู้มาก่อนว่าเธอเองก็ไม่ใช่คนเหมือนกับฉัน”

    ธามเปรยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาจับจ้องมองวิรัลนิ่ง เช่นเดียวกับอีกฝ่าย ทั้งคู่ไม่ได้สนใจต่อสถานการณ์รอบด้านยามนี้สักนิด จนกระทั่งพิชญ์มาถึง

    “มารนหาที่ตายถึงที่เลยนะ เจ้าพวกหมาป่าชั่ว!”

    พิชญ์ปรากฏขึ้นมารั้งร่างของวิรัลไปไว้ในอ้อมกอด แล้วยืนประสานสายตากับธาม

    “...ฉันจำนายได้  หัวหน้าเงาของพวกมโคสินะ งั้นเด็กนี่ก็...”

    ธามพึมพำแล้วหันมามองวิรัลอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

    “...มฤคมาศหรอกหรือ”

    ขาดคำของชายหนุ่ม พิชญ์ก็กัดฟันกรอด แล้วผลักวิรัลส่งให้พิชานลูกน้องคนสนิทที่มาด้วยกัน จากนั้นชายหนุ่มจึงกลับกลายร่างเป็นกวางยักษ์สีดำ มีเขาโง้งแหลมยาวสวยงาม ตัวใหญ่เท่ากับเสือรุ่นฉกรรจ์ เพียงแค่กระทืบเบา ๆ ที่ขาหลัง กีบเท้าที่แกร่งดังเหล็กนั่น ก็ทำให้พื้นดินยุบเป็นวงกว้างได้แล้ว

    “พิชญ์!”

    วิรัลตะโกนด้วยความเป็นห่วง เมื่อชาครเองก็เริ่มแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเช่นเดียวกัน และมโคตนอื่น ๆ ก็กลับคืนร่างสู่ร่างแท้จริง กลายเป็นกวางยักษ์สีเทา ที่พร้อมจะสู้ถวายชีวิตเพื่อปกป้องว่าที่ประมุขของพวกตน

    “เฮ้อ...ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นอย่างนี้แท้ ๆ ก็แค่อยากจะเจอเธออีกครั้งก็เท่านั้น”

    ธามเปรยเบา ๆ แล้วจ้องมองวิรัลนิ่ง โดยไม่ใส่ใจสถานการณ์อันตรายเสี่ยงต่อชีวิตของเขายามนี้เลยสักนิด  ทว่าคำพูดของธามกลับทำให้วิรัลหัวใจกระตุกวูบ และก่อนที่การสู้รบจะเกิด เด็กหนุ่มก็ตะโกนขัดขึ้นมาเสียก่อน

    “ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

    ทั้งหมดชะงักกึก หยุดการกระทำโดยพลัน ไม่เว้นแม้แต่ชาครเองก็ต้องหยุดชะงักลงด้วยคำสั่งนั้นอย่างน่าอัศจรรย์

    “ท่านวิรัล...”

    พิชญ์ในร่างกวางสีดำ หันไปมองนายน้อยของเขาอย่างประหลาดใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่มองไปยังอีกคนตรงหน้า

    “คุณไปเสียเถอะ...แต่ถ้ายังกลับมาที่นี่อีกครั้ง ผมจะถือว่าเราเป็นศัตรูกัน และจะไม่มีการยกเว้นอย่างวันนี้อีก”

    ธามเงียบกริบ เขาจ้องเด็กหนุ่มนิ่งอยู่สักพัก แล้วจึงถอนหายใจแผ่วเบา

    “ก็ได้...เพื่อเป็นการขอบคุณเรื่องที่เธอปล่อยฉันไป  ฉันจะไม่บอกวกะพวกอื่นเรื่องของหมู่บ้านนี้แน่”

    พิชญ์กัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด เขาทำท่าจะก้าวเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย แต่วิรัลก็ตะโกนขัดขึ้นอีกครั้ง

    “พิชญ์! นายจะไม่ฟังคำสั่งของฉันหรือไง!”

    กวางดำหยุดชะงัก เจ้าตัวเหลียวมาสบตากับนายน้อยของเขาด้วยแววตาที่แสดงความผิดหวังและตัดพ้อ จนวิรัลรู้สึกผิด แต่ก็ต้องเอ่ยต่อ

    “ปล่อยพวกเขาไป ...และถ้าพวกเขายังรั้นจะกลับมาอีก นายกับทุกคนจะทำยังไง ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกนาย ฉันจะไม่เกี่ยวข้องด้วยอีกแล้ว”

    พอฟังแล้วพิชญ์ก็ต้องยอมรับและหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ก็ยังคงตวัดสายตาเคียดแค้นมายังร่างของศัตรูที่ยืนอยู่  ทางด้านธามเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ เขาหันมาพยักหน้ากับชาคร ซึ่งอีกฝ่ายก็นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับรู้และกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ตามเดิม

    “ฉันเองอยากเจอมฤคมาศมาโดยตลอด... แต่ตอนนี้ฉันกลับอยากให้มฤคมาศนั่นเป็นใครก็ได้ ที่ไม่ใช่เธอเสียแล้ว”

     ธามพึมพำทิ้งท้าย แล้วกลับขึ้นรถไปพร้อมชาคร รถยนต์สีดำขับจากไปช้า ๆ พร้อมกับสายตาอาลัยอาวรณ์ของวิรัลที่มองไปจนลับตา

    “ขอโทษนะพิชญ์...ฉันรู้ดีว่าเรื่องที่ฉันทำวันนี้ มันจะนำอันตรายมาสู่ตัวฉันเองและพวกเราทุกคน ...แต่ว่าฉัน...”

    วิรัลเอ่ยแค่นั้นแล้วก็เงียบไป พิชญ์พ่นลมหายใจแรง ๆ แล้วค่อยกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ของตนแทน ชายหนุ่มจับบ่าอีกฝ่ายบีบเบา พลางเอ่ยปลอบ

    “เรื่องที่แล้วไปแล้วก็ปล่อยให้มันแล้วไปเถิดครับ...ผมเชื่อว่าชายคนนั้นคงจะไม่บอกวกะกลุ่มอื่น ๆ และรวมตัวกันมาโจมตีพวกเราที่นี่แน่  เพราะพวกวกะมักจะไม่ลงรอยและร่วมมือกันสักเท่าไหร่  ถ้าแค่วกะเพียงกลุ่มเดียว ผมว่าพวกเราคงพอรับมือกันไหวอยู่หรอกครับ”

    “อืม...ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้น”

    วิรัลพึมพำด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เขาไม่คิดเลยว่าคนที่เขารอคอยจะพบเจอ จะกลายเป็นเผ่าศัตรูที่คิดจะชิงหัวใจเขาไปเช่นนี้

    “พิชญ์...ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลย...ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้...ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บที่ใจขนาดนี้นะ”

    เด็กหนุ่มพึมพำแผ่วเบา ทำให้พี่เลี้ยงคนสนิทเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะโอบบ่าอีกฝ่ายให้กลับไปคฤหาสน์ด้วยกัน ส่วน มโคตนอื่น ๆ ก็ต่างแยกย้ายกันไปประจำการดูแลปกป้องหมู่บ้านแห่งนี้กันต่อไปตามปกติ

   

   
...TBC ...


มาต่อตอนที่ 2 แล้วนะคะ สำหรับเรื่องนี้ จะเน้นฉับไวกว่าเรื่องก่อนหน้านั้นค่ะ เนื่องจากเขียนคนละสไตล์ (เรื่องคาเฟ่จะเน้นแนวชีวิตประจำวันมากกว่า)

หวังว่าตอนนี้คงจะถูกใจผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับเผ่ามโค ปัดก็คิดแล้วคิดอีกว่าจะให้กลายร่างยังไง จะให้กลายร่างแบบหัวเป็นกวางตัวเป็นคนก็ค่อนข้างจะดูประหลาดตา --" ดังนั้นก็เลยได้กลายมาเป็นแบบในตอนนี้แล

ป.ล. ยังมีหลายอย่างที่ไม่ได้เฉลย แต่จะค่อย ๆ คลายปมให้รับรู้ในตอนต่อ ๆ ไปเองค่ะ (แต่บางคนก็อาจจะเดาได้แต่แรกแล้วล่ะนะคะ หุ ๆ)

สุดท้ายก็ขอขอบพระคุณผู้อ่านนะคะ จะพยายามเขียนให้ต่อเนื่องให้เร็วที่สุดโดยไม่ดองค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 16-11-2012 10:04:35
สนุกอ่ะ

น่าสงสารจัง แง๊ .....  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: alekung103 ที่ 16-11-2012 10:10:35
อ๊าาาา

ปิ๊งกัน แต่อยู่คนล่ะเผ่า เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 16-11-2012 13:09:02
รักต่างเผ่าพันธ์ ทรามานน่าดู
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 16-11-2012 14:49:25
ไม่อยากให้กลืนกินหัวใจ อยากให้ได้ความรักแทน ได้ไหม
สงสารพิชย์(ใช่ชื่อนี้ไหม)นะ  ประมุขเงากวาง รักคุดแหง๋ม
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kururu ที่ 16-11-2012 15:46:35
ไม่ชอบเรื่องนี้
.
.
.
.



แต่รักมากเลย

 มาต่อเร็วๆนะ ลุ้นตัวโก่งแล้ว ว่าแต่จบสวยหรือ เค้าไม่ชอบดราม่า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 16-11-2012 16:12:27
แวบเข้ามาบอกว่าใครที่ห่วงดราม่า ไม่ต้องห่วงนะคะ

...เคยเห็นปัดเขียนดราม่าหรือจ๊ะ อิ ๆ เขาชอบแฮปปี้เอ็นดิ้ง จ้า ^^


ยังไงก็ติดตามอ่านกันได้นะคะ จะพยายามไม่เกเร ดองนิยาย ค่ะ

ป.ล.เรื่องที่แล้วเขียนใสปิ๊ง เรื่องนี้เลยเหมือนเก็บกดมาจากก่อนหน้านั้น พระนายอาจจะหวาน+นัวเนียกันไปหน่อย ก็ขออภัยด้วยนะคะ--"
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ryokijung ที่ 16-11-2012 16:33:42
ชอบอยากให้นัวเนียกันเยอะๆ
อร๊าคคคคคคค....
ช๊อบชอบ :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 16-11-2012 17:37:23
คุณปัดไม่ต้องขอโทษเลยค่ะ เค้าอยากได้นัวเนียแบบจัดเต็ม :laugh:
รักข้ามเผ่าพันธุ์แบบนี้เชียร์สนุกเลย เรื่องเดินเร็วอีกต่างหาก รออ่านตอนต่อไปนะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 16-11-2012 18:26:52
อ่าว................ยังไม่ทันจะได้รักกันเลย
มาถึงก็จะดราม่าเป็นรักต้องห้ามซะแล้ว
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 16-11-2012 18:56:44
นัวเนียกันได้หน่อยเดียวเองน่าสงสารกวางน้อยมาก
เพิ่งจะมีความรักก็ต้องเศร้าใจเป็นความรักต่างเผ่าพันธ์ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 16-11-2012 20:08:50
ลุ้นๆ อะ รักข้ามเผ่าพันธุ์
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 16-11-2012 20:57:46
รักข้ามเผ่าพันธุ์ หุ น่าสงสารอ่า วิรัลคงจะเจ็บ

แล้วธามจะเจ็บไหมอะ คงเจ็บเหมือนกันเนอะ

งืมมม จะเป็นยังไงต่อไปอ่า ติดตามต่อจ้า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 16-11-2012 21:39:55
นายคงเจ็บปวดที่ศัตรูคือคนที่ชอบสินะๆ   o7
รอตอนต่อไปฮะ  :')
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 16-11-2012 21:58:07
พิช ชาคร เอ๊ยไม่เกี่ยว เผ่น
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 16-11-2012 22:10:21
จะรักกันได้ยังไงนะ ลุ้นมากๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 16-11-2012 22:13:38
โถ.... โรมีโอ แอนด์ จูเลียต
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 16-11-2012 22:19:21
อะไรกัน ผิดหวังซะแล้ว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 16-11-2012 22:24:42
แงๆๆ  :m15: :m15:


แวว ดราม่าโชยมา รักต่างเผ่าพันธุ์


แต่ชอบ เฝ้ารอดูทั้งคู่ ว่าจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปไก้ยังไง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 16-11-2012 23:01:36
สนุกจังค่ะ อ่านแล้วทำใ้ห้อยาหอ่านต่ออีกเร็วๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 17-11-2012 01:02:57
กรี๊ดด สนุกมากกก น้องกวางน่ารักอ่ะ  :impress2:

หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 17-11-2012 01:34:29
ธามจะยอมไม่มาเจอวิรัลง่าย ๆ อย่างนั้นจริง ๆ หรือ วิรัลตกหลุมรักธามเข้าเต็มเปาแล้วมั้งนั่น ธามก็ท่าจะไม่ต่างกัน วิรัลคงเจ็บปวดน่าดูเพราะพ่อวิรัลหายไประหว่างสู้กับเผ่าของธามนี่
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-11-2012 01:47:37
 :serius2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 17-11-2012 01:58:47
โอ๊วววววววววว นี่มันโรมิโอกับจูเลียตเวอร์ชั่นต่างเผ่าพันธุ์ชัด ๆ

รอติดตามค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: AiiSoul ที่ 17-11-2012 11:21:53
สนุกมากเลยค่ะ
บรรยายได้เห็นภาพดี มาต่อไวๆน้า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 17-11-2012 12:33:48
จะเป็นยังไงต่อไปนะ  :เฮ้อ:

มาไวๆนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 2 วันโพส 16/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: srikoon ที่ 17-11-2012 13:31:20
มี กวาง มี หมา เดี๋ยวคงจะมี สรรพสัตว์

แปลกดีครับ

สนุกดี
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 17-11-2012 16:58:00
/3


                พิชญ์ซึ่งคลับคล้ายคลับคลาใบหน้าของธาม ได้ลองสืบเสาะค้นหาข้อมูลก็ทำให้เขารับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นบุตรชายคนเล็กของประมุขเผ่าวกะ และยังมีมารดาเป็นมนุษย์อีกด้วยจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกน้องของเขาจึงไม่รับรู้ถึงกลิ่นสาบของอมนุษย์ในตัวของอีกฝ่ายได้  ทั้งนี้เพราะชายหนุ่มนั้นมีกลิ่นอายความเป็นมนุษย์แรงกว่าหมาป่านั่นเอง

                แต่ถึงแม้ว่าพิชญ์จะไม่ไว้ใจและหวาดระแวงในตัวของธามสักเท่าใดทว่าแววตาและความอาลัยอาวรณ์ที่เขาสัมผัสได้จากหมาป่าหนุ่มเฉกเช่นเดียวกับที่สัมผัสได้จากนายน้อยของเขามันก็ทำให้เขาต้องกลัดกลุ้มและคิดหนักในเรื่องนี้

                “เอายังไงดีครับ คุณพิชญ์ จะรายงานนายหญิงดีไหมครับ”

                พิชานลูกน้องคนสนิทที่เห็นสีหน้าของเจ้านายเอ่ยทักพิชญ์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันมาตอบคำถามอีกฝ่าย

                “อย่าเพิ่งแจ้งจะดีกว่าเดี๋ยวทางนั้นจะเป็นกังวลเสียเปล่า ๆ อีกอย่างถึงทางนี้จะมีอันตรายแต่ทางนั้นก็ใช่ว่าจะปลอดภัยนัก เจ้าพวกครุโฬเองก็ชักเริ่มประกาศความเป็นศัตรูออกนอกหน้าขึ้นทุกที”

                 “เจ้าพวกนกปีศาจนั่น!”

                พิชานกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินชื่อของอมนุษย์เผ่านั้น แม้ว่าวกะจะโหดเหี้ยมสักเพียงใดแต่เผ่าครุโฬเองก็ใช่ว่าจะยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แถมพวกนี้ยังเจ้าเล่ห์ เพทุบายและไร้ความเป็นมิตรแก่ทุกเผ่า พวกมันไม่เพียงแค่ต้องการหัวใจของมฤคมาศ แต่ยังต้องการกวาดล้างเผ่าพันธุ์อื่นนอกจากพวกตนให้หมดสิ้นไปอีกด้วย

                “วกะกับมโคอย่างนั้นหรือ...ชะตากรรมช่างเล่นตลกเสียจริงๆ”

                พิชญ์พึมพำเมื่อหวนกลับมาคิดถึงปัญหาเฉพาะหน้าอีกครั้ง  เขาพอจะรับรู้จากความรู้สึกได้อยู่หรอกว่าทั้งธามและวิรัลคงกำลังตกหลุมรักซึ่งกันและกัน แต่เขาก็ไม่อาจตามใจนายน้อยของเขาได้ในเรื่องนี้เพราะถึงแม้ธามจะไม่ลงมือกับวิรัลทว่าวกะตนอื่นก็ล้วนแต่จ้องจะกินหัวใจของมฤคมาศอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น การอยู่ใกล้ธามก็ยิ่งเท่ากับส่งวิรัลให้เข้าใกล้ความตายมากขึ้นนั่นเอง

                “พิชานเดี๋ยวจัดเวรยามให้เข้มงวดขึ้นมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวด้วย และถ้าฉันไม่อยู่ห้ามให้ท่านวิรัลออกจากคฤหาสน์นี่เด็ดขาด เข้าใจนะ”

                พิชญ์ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดซึ่งพิชานก็โค้งรับและรีบนำคำนั้นไปบอกกับลูกน้องคนอื่น ๆ อีกทอดหนึ่งทันที

                “ขอโทษนะครับ ท่านวิรัล ...ถึงเขาอาจจะเป็น ‘คู่แท้’ ของท่านก็ตามแต่ผมไม่อยากให้ท่านต้องเสี่ยงอันตรายไปมากกว่านี้อีกแล้ว”

                พิชญ์พึมพำกับตัวเองเมื่อทั้งห้องเหลือเพียงแต่เขาลำพัง จากนั้นสักพักจึงมีโทรศัพท์สำคัญจากใครบางคนโทรเข้ามาทำให้ชายหนุ่มจำต้องออกไปพบใครผู้นั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่าก็ยังคงกำชับให้ลูกน้องดูแลวิรัลให้ดีและอย่าปล่อยให้มีคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้โดยเด็ดขาด

               

                อีกด้านหนึ่งนั้นธามเองก็กำลังนั่งเหม่ออยู่ในห้องทำงานที่คลับของเขา โดยมีชาครทำหน้าที่เป็นเลขาตามปกติ

                “นี่ชาคร...”

                เสียงทุ้มเปรยทักขึ้นเนือย ๆทำให้คนที่กำลังนั่งสังเกตอาการของผู้เป็นนายสะดุ้งโหยง และรีบรับคำทันที

                “ครับ ท่านธาม มีอะไรหรือครับ!”

                ธามมองลูกน้องคนสนิทของเขา แล้วจึงแย้มยิ้มน้อย ๆก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

                “ชาคร...ถ้าฉันเกิดคิดเลิกที่จะกินหัวใจมฤคมาศขึ้นมาแล้วล่ะ...นายจะว่ายังไงจะเลิกรับใช้ฉัน แล้วไปหานายใหม่แทนหรือเปล่า”

                ชาครชะงักกับสิ่งที่ได้ยินเขาเองก็พอมองออกว่านายของตนกับเด็กหนุ่มมฤคมาศคนนั้นมีความรู้สึกพิเศษต่อกันอยู่แต่เขาไม่คิดว่ามันจะมากมายเสียจนทำให้ธามนั้นยอมละทิ้งพลังอำนาจที่เคยปรารถนามาตลอดเช่นนี้

                “...ผมรับใช้ท่านเพราะท่านธามและท่านแม่ของท่านมีบุญคุณเคยช่วยชีวิตผมเอาไว้สมัยเด็ก ...นายของผมมีเพียงท่านธามเท่านั้นไม่ว่าท่านจะตัดสินใจอย่างไร ผมก็ยินดีพร้อมอยู่เคียงข้างท่านเสมอครับ”

                ชาครบอกด้วยถ้อยคำที่กลั่นออกจากใจของเขาทำให้คนฟังแย้มยิ้มอ่อนโยนตอบรับ

                “ขอบใจ... แต่ว่านะชาครถึงฉันจะเลิกคิดกินหัวใจของมฤคมาศแล้ว แต่ฉันก็ไม่คิดวางมือจากความฝันของฉันง่าย ๆนักหรอก ...แม้ว่าจะไร้พลัง แต่ฉันก็ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบแน่...และเพื่อการนั้น ฉันก็ต้องคว้าตำแหน่งสูงสุดของเผ่าวกะมาครองให้จงได้อยู่ดี!”

                ชาครมองนายเหนือหัวของตนอย่างชื่นชมแล้วจึงโค้งให้ด้วยความเคารพจากหัวใจ

                “ผมพร้อมจะเป็นพลังให้ท่าน เพื่อการนั้นเสมอครับ”

                ธามพยักหน้าตอบรับลูกน้องคนสนิทก่อนจะกลับคืนสู่ภวังค์ของตนต่อ ภาพใบหน้างดงามสะกดสายตาของวิรัล ยังคงติดตราตรึงในความทรงจำของเขาอยู่ตลอดเวลาและแม้จะรู้ดีว่าการที่ย้อนกลับไปเพื่อพบอีกฝ่ายจะหมายถึงการต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตก็ตามแต่เขาก็ไม่อาจจะตัดใจจากเด็กหนุ่มไปง่าย ๆ ได้เช่นกัน

               

                พิชญ์เดินทางไปพบกับชายวัยกลางคนท่าทางสง่างามผู้หนึ่งบนห้องรับแขก ณ คอนโดหรูส่วนตัวของอีกฝ่ายคนตรงหน้าแย้มยิ้มเป็นกันเองยามเมื่อได้เห็นหน้าชายหนุ่ม

                “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะพิชญ์ เธอสบายดีสินะ”

                “ขอบคุณครับท่านตรัณ ผมสบายดีครับ”

                “หึ ๆ ไม่ต้องพูดสุภาพกับฉันนักก็ได้  เก็บไว้พูดกับพวกตระกูลวงศ์หริโณแทนดีกว่านะ”

                คนพูดแม้จะเอ่ยคล้ายประชดแต่ก็มีใบหน้ายิ้มแย้มและอารมณ์ดีดังเดิม ทำให้พิชญ์ต้องถอนหายใจเบา ๆ

                “ถึงยังไงก็สมควรแล้วล่ะครับท่านเองก็เป็นถึงเชื้อสายของประมุขรุ่นก่อน ๆ นะครับ”

                “แต่ฉันก็ไม่ใช่มฤคมาศอยู่ดีล่ะนะ ...อืม พูดถึงมฤคมาศเด็กคนนั้นสบายดีหรือเปล่าล่ะ”

                พิชญ์ชะงัก ก่อนจะปรับเปลี่ยนอาการเป็นปกติทว่าก็ยังคงไม่พ้นสายตาคมกริบของผู้มีประสบการณ์ชีวิตมายาวนานตรงหน้า

                “มีอะไรติดขัดหรือพิชญ์”

                “คือ...” พิชญ์มีทีท่าลังเลไม่กล้าพูด จนชายวัยกลางคนต้องถอนหายใจเบา ๆ

                “ถึงพวกเราจะอยู่คนละตระกูล แต่ก็ล้วนเป็นมโคเหมือนกันหากมีอะไรเกิดขึ้นกับว่าที่ประมุขของพวกเรา ฉันก็คิดว่าตัวเองน่าจะมีสิทธิ์สมควรได้รับรู้บ้างไม่ใช่หรือ”

                คำพูดนั้นทำให้พิชญ์ต้องยอมสารภาพความจริงให้อีกฝ่ายฟังและนั่นทำให้ตรัณถึงกับชะงัก และนิ่งเงียบไปอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเปรยขึ้นเบา ๆ

                “เฮ้อ...ช่วยไม่ได้นี่นะ เรื่องความรักความชอบมันเป็นเรื่องของหัวใจ ...แต่ว่าเรื่องภาระหน้าที่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี”

                “ผมเกรงว่าจะเป็นการอยุติธรรมกับฝั่งของท่านน่ะสิครับ...ผมเองดูแลท่านวิรัลมาตั้งแต่เล็ก รู้นิสัยใจคอของท่านเป็นอย่างดีหากท่านปักใจต่อสิ่งใดแล้ว ยากนักที่จะทำให้ท่านหักใจได้  แล้วอย่างนี้...”

                ยังไม่ทันที่พิชญ์จะเอ่ยจบ อีกฝ่ายก็ยกมือปรามแล้วจึงเอ่ยขัดขึ้น

                “เธอไม่ต้องห่วงเรื่องทางฉันหรอกนะ...เรื่องของม่านฟ้าเองก็ด้วย ลูกสาวของฉันรู้หน้าที่ของตัวเองดี และถูกปลูกฝังให้สำนึกในหน้าที่ของตนตั้งแต่ตอนที่เธอเกิดมาแล้ว”

                พิชญ์นิ่งเงียบเมื่อได้รับฟังก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

                “ผมจะพยายามเกลี้ยกล่อมท่านวิรัลให้ได้ครับ”

                ตรัณอมยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยบางอย่างที่ทำให้พิชญ์สะดุ้ง

                “ฉันอยากให้เธอเป็นมฤคมาศแทนจริง ๆ เลยนะพิชญ์...แต่ถึงไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าเธอสนใจล่ะก็ ฉันจะยกม่านฟ้าให้เธอแทนก็ได้นะ ...ก็แค่ทนยอมโดนทางนายหญิงของเธอบ่นเอาหน่อยก็เท่านั้น”

                “อย่าพูดเล่นแบบนั้นสิครับ ใครได้ยินเข้าจะไม่เหมาะ”

                พิชญ์รีบแย้ง แต่คนฟังหัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างถูกใจ

                “ฉันพูดจริงต่างหาก สำหรับคนเป็นพ่อแล้วก็อยากให้ลูกสาวได้คู่กับผู้ชายดี ๆ และมีอนาคตมั่นคงทั้งนั้นล่ะ ...แน่นอนตำแหน่งนายหญิงของประมุขตัวจริงก็น่าสนแต่ให้เป็นเจ้าสาวของประมุขเงามันก็ไม่เลวนักล่ะนะ”

                เสียงทอดถอนหายใจของพิชญ์ทำให้ตรัณหัวเราะได้อีกครั้งจากนั้นพวกเขาก็พูดคุยนัดแนะ เรื่องที่จะให้วิรัลและม่านฟ้าได้พบเจอกันสักครั้งก่อนที่งานหมั้นของทั้งคู่จะเกิดขึ้น



                พิชญ์ถอดเสื้อสูทของตนออกโดยที่พิชานผู้เป็นลูกน้องก็รีบไปรับมาแขวนเก็บอย่างรู้งานจากนั้นจึงรอให้เจ้านายของตนนั่งพัก และนำน้ำเย็นไปเสิร์ฟอีกฝ่ายถึงที่นั่ง

                “ขอบใจ...แล้วท่านวิรัลล่ะ”

                “ทานอาหารเย็นเสร็จก็ขึ้นห้องนอนแล้วครับ”

                พิชานรายงานตามตรง ทำให้พิชญ์ถอนหายใจเบา ๆแล้วพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ

                “เอ่อ...แล้วทางนั้นล่ะครับ”

                พิชานถามอ้อมแอ้ม ด้วยเกรงจะถูกตำหนิว่าเขายุ่งจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นเจ้านายมากเกินไปทว่าพิชญ์นั้นกลับไม่ได้ว่าอะไรแล้วบอกไปตามตรง

                “ก็ตกลงกันเหมือนเดิมนั่นล่ะ ...ขนาดฉันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมดท่านตรัณเองก็ยังไม่ว่าอะไรสักคำ แถมยังยืนยันจะให้ทางท่านม่านฟ้า กับท่านวิรัลหมั้นกันตามกำหนดการเดิมด้วย”

                พิชานยิ้มเจื่อน ๆ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจกับวิรัลดีเพราะเขาเองก็รับรู้ถึงความรู้สึกของเด็กหนุ่มได้พอ ๆ กับพิชญ์เช่นเดียวกันทว่าเรื่องหมั้นก็สำคัญและยกเลิกลำบาก เนื่องจากม่านฟ้านั้นเป็น มฤคเศวตกวางเผือกที่หายากพอ ๆ กับมฤคมาศเลยทีเดียว

                และไม่ใช่เพียงมฤคเศวตจะเป็นมโคที่หายากอย่างเดียวมฤคเศวตเพศเมียเอง ก็ยังมีคุณสมบัติพิเศษอันน่าทึ่งอีกด้วย กล่าวคือ หากมฤคเศวตเพศเมียตั้งครรภ์บุตรนั้นเมื่อคลอดออกมาแล้ว ก็จะได้บุตรหรือธิดา ไม่เป็นมฤคเศวต ก็จะเป็น มฤคมาศ นั่นเอง

                “ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ถึงจะสงสารขนาดไหน หน้าที่ก็คือหน้าที่ ...ท่านวิรัลหากได้รับรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ ฉันว่าท่านก็คงจะยอมรับมันได้นั่นล่ะ”

                พิชญ์สรุป จากนั้นเขาจึงหลับตาลงช้า ๆ เพื่อพักสายตาเห็นดังนั้นพิชานจึงโค้งนิด ๆ ให้ และออกไปจากห้อง  ปล่อยให้ชายหนุ่มได้พักผ่อนเงียบ ๆ ไปตามลำพัง



                ตกดึกคืนนั้นเอง วิรัลที่ยังคงนอนเหม่อลอยไม่ได้หลับ ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงกรอกแกรกผิดปกติที่หน้าระเบียงห้องนอนของเขา

                “...ใครน่ะ”

                เด็กหนุ่มที่หันไปมองพึมพำเสียงแผ่วแทบไม่พ้นลำคอเมื่อเห็นเงาของหมาป่าตัวใหญ่อยู่ด้านนอก ใจของเขาเต้นระทึกอย่างคาดหวังมากเสียยิ่งกว่าความหวาดกลัวที่ควรเกิดขึ้น

                เงาของร่างหมาป่า ค่อย ๆกลับคืนสู่ร่างมนุษย์อย่างน่าอัศจรรย์  จากเงาเปล่าเปลือยนั้น เผยให้เห็นเรือนร่างกำยำได้สัดส่วนเหมือนอย่างในฝันของวิรัลไม่มีผิดเพี้ยน

                วิรัลจำไม่ได้ว่าตัวเองเผลอลุกเดินขึ้นไปเปิดบานประตูกระจกให้อีกฝ่ายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ทว่าเมื่อร่างทั้งสองใกล้ชิดกัน ต่างฝ่ายก็ต่างโผเข้าหาและกอดรัดร่างของฝั่งตรงข้ามอย่างโหยหา

                “เป็นคุณจริง ๆ สินะ...ไม่ใช่ความฝันของผมอีกใช่ไหม”

                วิรัลพึมพำถามเสียงครางกระเส่าเมื่อมือไม้ของร่างสูงใหญ่ลูบไล้ไปทั่วร่างโปร่งของตน

                “อา...เธอเองก็ฝันถึงฉันเหมือนกันอย่างนั้นหรือ...แต่ฉันคนนี้ไม่ใช่ความฝันหรอกนะ”

                “ตะ...แต่ว่า ถ้าไม่ใช่ความฝัน แล้วคุณมาที่ห้องผมได้ยังไงกัน”

                วิรัลเอ่ยแย้งแล้วก็ต้องชะงักเมื่อธามใช้มือข้างหนึ่งจับมือของเด็กหนุ่มให้มาสัมผัสที่บริเวณอกข้างซ้ายของเขา

                “ได้ยินเสียงหัวใจของฉันเต้นไหมล่ะ...ยังคิดว่าเป็นความฝันอีกหรือเปล่า”

                วิรัลฟังเสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นแรงไม่แพ้ของเขาเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นช้อนตามองอย่างยินดี ภาพนั้นทำให้ธามอดใจไม่ไหวแล้วจึงโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตริมฝีปากเรียวบางนั่นแผ่วเบาในทีแรก ก่อนจะค่อย ๆกระชับริมฝีปากระหว่างกันให้ดูดดื่มมากยิ่งขึ้น

                “เธอหวานเหลือเกิน...หวานเสียยิ่งกว่าในความฝันของฉันเสียอีก”

                ธามกระซิบพึมพำข้างใบหูของอีกฝ่ายหลังจากถอนริมฝีปากออกมาวิรัลหน้าแดงวาบ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอันใดปล่อยให้ชายหนุ่มหากำไรทั่วใบหน้าและลำคอของเขาจนหนำใจ จากนั้นสักพักธามจึงประคองเขาไปนั่งที่โซฟาริมหน้าต่างห้องแถวนั้นแทน

                “คุณมาหาผมถึงที่นี่ได้ยังไงครับ...แล้วไม่ถูกใครพบเลยอย่างนั้นหรือ”

                วิรัลที่ถูกอีกฝ่ายจับอุ้มขึ้นนั่งตักแล้วกอดเอาไว้หลวมๆ เอ่ยถามอย่างแปลกใจ ซึ่งธามพอได้ยินก็ยกยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน แล้วเอ่ยตอบ

                “คงเพราะว่าฉันเป็นลูกครึ่งมนุษย์กับวกะล่ะมั้ง ถึงได้รอดพ้นมาได้...ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีพลังเท่าวกะสายเลือดแท้ แต่เรื่องความว่องไวและกลิ่นของมนุษย์ที่มากกว่าหมาป่า มันก็มีส่วนช่วยทำให้ฉันเล็ดลอดสายตาและจมูกของพวกมโคมากมายจนตามมาเจอเธอได้...และอีกอย่างก็ต้องชมสังหรณ์ของฉันด้วยนะที่พามันมาหาเธอได้ถึงที่นี่ถูก”

                วิรัลพอได้ฟังก็ต้องตกตะลึงตาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ ตั้งแต่ที่ได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกครึ่งมนุษย์แล้ว 

                “อ้าว...ไม่รู้หรอกหรือพี่เลี้ยงเธอไม่ได้บอกเรื่องของฉันให้เธอรู้เลยสินะ ฉันว่าระดับเขาก็น่าจะหาข้อมูลของฉันได้ง่ายดายอยู่หรอก”

                ธามบอกอย่างนึกขำ เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของคนบนตักเขา

                “มิน่า ...ผมถึงเห็นคุณแปลงเป็นร่างหมาป่าไม่ใช่มนุษย์หมาป่าอย่างที่วกะทั่วไปเป็น”

                วิรัลพึมพำ แล้วจึงชะงักเมื่อหวนคิดถึงอะไรบางอย่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่เขานั่งตักอย่างลังเลและแฝงความหวาดหวั่นให้สัมผัสได้

                “เพราะอย่างนั้นคุณถึงต้องการหัวใจของผมสินะ...”

                ธามนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆแล้วพยักหน้ายอมรับตามมา

                “ใช่...ฉันเคยคิดแบบนั้น ....แม้แต่ตอนนี้ก็ตาม”

                วิรัลสะดุ้ง แล้วมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตัดพ้อและผิดหวังเสียยิ่งกว่าความหวาดหวั่นที่น่าจะเป็นเสียอีก

                “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ...ฉันต้องการหัวใจของเธอก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าหัวใจจริง ๆ เหมือนก่อนหน้านั้นสักหน่อย”

                ธามเอ่ยขึ้นพร้อมกับโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่ขมับของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

                “ที่ฉันต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรักของเธอต่างหาก...จะมอบมันให้ฉันได้ไหม  ถ้าเธอมอบให้ได้ฉันเองก็จะมอบหัวใจรักของฉันให้กับเธอเช่นเดียวกัน”

                วิรัลนิ่งอึ้งไปอีกรอบ ทว่าเมื่อแววตาคมกริบพร้อมใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้ชิดใบหน้าของเขาขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่มก็ต้องหน้าร้อนวูบวาบ แล้วพึมพำเสียงแผ่วตอบรับไปอย่างลืมตัว

                “ครับ...ผมจะมอบมันให้คุณ”

                ธามแย้มยิ้มอ่อนโยนแล้วจึงกระชับจุมพิตอันดูดดื่มกับร่างโปร่งขึ้นอีกครั้งเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ เสียงกรอกแกรกจากด้านนอกประตูห้องนอนของวิรัลก็ดังขึ้นธามซึ่งหูไวพอ ๆ กับวิรัล รีบหันขวับไปมองที่ประตู ก่อนที่เด็กหนุ่มจะรีบกระซิบบอกอีกฝ่าย

                “คุณรีบไปเถอะครับ ...เดี๋ยวใครจะมาพบเข้า”

                “แล้วฉันจะมาหาเธอแบบคืนนี้ อีกได้ไหม”

                ธามยังคงต่อรองวิรัลมองไปที่ประตูซึ่งมีเสียงฝีเท้าใกล้มาทุกขณะอย่างกังวลแล้วจึงตัดสินใจหันมาบอกอีกฝ่าย

                “ได้ครับ ...คุณรีบหนีไปเถอะครับ”

                “...ขอบใจ แล้วฉันจะมาหาเธออีกนะ”

                ธามชะโงกหน้ามาหอมแก้มเนียนของเด็กหนุ่ม ก่อนจะลุกขึ้นกระโดดถอยหลังออกไปหน้าระเบียงแล้วกลับกลายร่างเป็นหมาป่าสีเงินแสนสง่างามจากนั้นจึงกระโจนโดดจากระเบียงไปอย่างรวดเร็วอันเป็นเวลาเดียวกับที่ประตูถูกเคาะพอดี

                “ท่านวิรัล ...หลับหรือยังครับ”

                พิชญ์นั่นเอง ชายหนุ่มนั้นกำลังนั่งทำงานอยู่ห้องทำงานชั้นล่างแต่แล้วระหว่างที่คลายสมาธิละสายตาจากงาน  เขาก็เกิดคลับคล้ายคลับคลาเหมือนได้ยินเสียงกรอกแกรกแว่วๆ ดังมาจากชั้นสอง ทั้งที่เวลานี้วิรัลน่าจะนอนหลับแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจขึ้นมาสำรวจดูห้องพักของนายน้อยของเขาสักหน่อย

                “อือ...พิชญ์เหรอ ...ฉันยังไม่หลับหรอก ไม่ง่วง...แต่สักพักจะนอนแล้วล่ะ มีอะไรหรือเปล่า”

                วิรัลที่ยืนอยู่แสร้งบอกออกไปแบบนั้นเพราะถ้าทำเป็นหลับ บางทีพิชญ์อาจจะยิ่งสงสัยมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้

                “ผมขอเข้าไปในห้องได้ไหมครับ”

                วิรัลสะดุ้งเฮือกรีบสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าตนเองทันทีโชคดีที่ธามนั้นแค่เพียงเล้าโลมภายนอกของเขา ไม่ได้จับเขาถอดเสื้อผ้าออกไม่อย่างนั้นคงแต่งตัวกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว

                “ได้...เข้ามาสิ”

                วิรัลทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาระหว่างที่พิชญ์เปิดประตูเข้ามาชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจที่เห็นผ้าม่านและประตูบานกระจกเปิดออกและนายน้อยของเขาก็ไปนั่งเล่นอยู่โซฟาใกล้บริเวณนั้น

                “นอนไม่หลับหรือครับ...”

                พิชญ์ถามพร้อมกับเพ่งสังเกตพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายโชคดีที่ไฟในห้องนอนมีเพียงแสงสลัวแถวหัวเตียงจึงทำให้ชายหนุ่มสังเกตใบหน้าของวิรัลไม่ชัดนัก

                “ก็...มัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

                วิรัลบอกแล้วเมินไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย แต่นั่นทำให้พิชญ์ตีความว่าเด็กหนุ่มอาจจะกำลังคิดถึงธามอยู่ก็ได้

                “อย่าเอาแต่คิดมากอยู่เลยครับ...กับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนั้น”

                วิรัลสะดุ้งโหยง มั่นใจว่าพิชญ์ต้องพูดถึงธามแน่และเริ่มกังวลว่า หากพิชญ์เข้ามาใกล้เขามากไปกว่านี้ อาจจะทำให้ชายหนุ่มได้กลิ่นมนุษย์และสาบสัตว์เบาบางที่ติดกายเขาอยู่ตอนนี้ก็ได้

                ทว่าอาการตัวสั่นคล้ายหวาดหวั่นบางอย่างของวิรัลกลับทำให้พิชญ์เข้าใจผิดไปว่า เด็กหนุ่มคงกำลังเสียใจเรื่องธามจึงทำให้พิชญ์ไม่คิดจะรบกวนอีกฝ่ายต่อ และทำได้เพียงแค่ปลอบโยนเบา ๆ ก่อนจาก

                “ผมเชื่อว่าท่านจะผ่านความรู้สึกเหล่านี้ไปได้สักวันแน่นอน...ยังไงก็พักผ่อนเสียเถอะครับ พรุ่งนี้จะได้ไม่รู้สึกเพลีย”

                พิชญ์บอกแล้วก็เตรียมจะเดินออกไปทำให้วิรัลรู้สึกผิดที่ปิดบังอีกฝ่าย จนทำให้เด็กหนุ่มต้องเรียกรั้งพี่เลี้ยงคนสนิทเอาไว้อย่างลืมตัว

                “พิชญ์!”

                “...มีอะไรหรือครับ ท่านวิรัล”

                พิชญ์หันมาถามอย่างแปลกใจวิรัลนิ่งอึ้งและรีบหาเรื่องแก้ตัวตามมาทันที

                “เอ่อ...คือฉันอยากจะบอกว่าขอบคุณนะที่เป็นห่วง...ยังไงฉันก็จะพยายามผ่านมันให้ได้อย่างแน่นอน”

                วิรัลอ้อมแอ้มบอกแล้วก้มหน้าหลบตา แต่นั่นกลับทำให้พิชญ์แย้มยิ้มน้อยๆ แล้วโค้งให้

                “ครับ ...ผมจะเอาใจช่วยนะครับ”

                จากนั้นพี่เลี้ยงหนุ่มจึงออกจากห้องไปทิ้งให้คนที่อยู่ในห้องทอดถอนหายใจอย่างรู้สึกผิด

                “ขอโทษนะพิชญ์... แต่บอกเรื่องนี้กับนายไม่ได้จริง ๆ...บอกใครในหมู่พวกเรามโคไม่ได้ทั้งนั้น...”

                วิรัลพึมพำกับตัวเอง แล้วจึงจัดแจงปิดประตูกระจกและผ้าม่านก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงใหญ่ กลิ่นกายมนุษย์และสาบสัตว์บางเบาของธามยังติดตรึงบางเบาที่ผิวกายของเขามันไม่ใช่กลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียนและน่ากลัว แต่เป็นกลิ่นที่ชวนให้วาบหวิวและรู้สึกดีผิดคาด

                และภายในคืนนั้นวิรัลก็อาศัยกลิ่นกายของธาม ที่ติดเสื้อผ้าของตนช่วยบำบัดอารมณ์ใคร่ที่เกิดขึ้นไม่แตกต่างจากเจ้าของกลิ่นที่ยามนี้ก็กำลังอาศัยภาพใบหน้าหวาน ๆ ในความทรงจำ ช่วยระบายความเก็บกดที่เกิดขึ้นกับร่างกายให้คลายสิ้นไปเสียภายในคืนนี้ด้วยเช่นกัน 



...TBC...



          เห็นหลายคนบ่นกลัวดราม่า เรื่องนี้ไม่ดราม่านะจ๊ะ อาจจะมีฉากบีบคั้นอารมณ์บ้างแต่ก็นั่นล่ะ ไม่ดราม่าหรอกค่ะ ตอนปัดคิดพล็อตปัดยังคิดเลยว่า แฮปปี้แบบนี้มันจะดูง่ายไปไหมฉัน -*- แต่เอาเถอะ เพราะคนเขียนอยู่สายแฮปปี้เอ็นดิ้งค่ะ เน้นหวานเป็นหลัก ขมไปห่าง ๆ (หุ ๆ) ชอบทรมานกลั่นแกล้งตัวละครเป็นพัก ๆ (แอบโรคจิต)  แต่ยังไงก็รักตัวละครทุกตัว ยกเว้นตัวโกง (อิ ๆ ก็รักบ้าง แต่ชอบกลั่นแกล้งมากกว่า) 

    * ส่วนคำศัพท์ สำหรับบทนี้  มฤคเศวต  (มันไม่มีศัพท์นี้จริง ๆ หรอกค่ะ ปัดผสมเอาเอง - -”)
     มฤค-กวาง  เศวต-ขาว  รวมกันเป็น กวางขาว หรือ กวางเผือกนั่นเอง แหะ ๆ คำอื่นที่แปลว่าขาวมันก็เยอะ แต่มันมารวมกันแล้วรูปคำไม่เพราะอะค่ะ ปัดเลยเลือกคำนี้แทน  ติดขัดตายังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ

ด้านล่างนี่แอบสปอยส์ ถึงตัวละครใหม่นิด ๆ ใครไม่กลัวเสียอรรถรสในการอ่าน ก็ลากแถบดำอ่านเอาเองนะคะ ^^”
     สำหรับตัวละครใหม่ที่กำลังจะปรากฏ ซึ่งก็คือคุณหนูม่านฟ้า คู่หมั้นของวิรัล จะเป็นคนแบบไหน ยังไง เชิญติดตามรออ่านกันได้ค่ะ  แต่ถ้าใครที่ตามอ่านนิยายของปัดมาแต่ละเรื่องแล้วล่ะก็  คงจะจำได้นะคะ ว่าสาว ๆ แต่ละคนนี่น่ารักน่าหยิกกันขนาดไหน ไอ้เรื่องจะมากรี๊ด ๆ แย่งผู้ชายนี่ แทบจะไม่ปรากฏในตัวละครหญิงตัวหลักของปัดอยู่แล้วจ้ะ เพราะงั้น แอบสบายใจได้นิดนึงเนาะ  ^^

    มีอะไรท้วงติง ติชม เชิญตามสบายค่ะ  ส่วนปมต่าง ๆ จะค่อย ๆ ทยอยแทรกไประหว่างการดำเนินเรื่องในแต่ละบทจ้ะ  ^^ ในเรื่องนี้ ตั้งใจว่า จะให้มีตัวประหลาดโผล่มาให้เห็นอีกสองสามเผ่าล่ะนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 17-11-2012 17:13:34
วู้วววว ติดตาม แ่ต่คุณหนูม่านฟ้า นิคงรักกับพิชญ์แหละเนอะ

ให้พิชญ์แต่งกะม่านฟ้าก็ได้นิ ปล่อยวิรัลไปกับธาม

หุหุ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 17-11-2012 18:12:59
ชอบมากค่ะ แล้วจะรอนะ  :L2:

ลุ้นๆให้แฮปปี้ แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะจบแบบไหน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 17-11-2012 19:38:59
ค่อยโล่งเบาๆๆๆๆ


สนุกมากกกกกก อยากอ่านต่อไว ๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 17-11-2012 19:41:29
ดีใจเย้ๆๆๆๆ โดยส่วนตัวไม่ชอบดราม่าอยู่แล้ว
ยิ่งรักเรื่องนี้เข้าไปใหญ่เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 17-11-2012 19:42:33
อะฮ้า แอบมาพบกันด้วยอะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 17-11-2012 19:44:49
นิยายคุณปัด สนุกทุกเรื่องจริงๆ
เรื่องนี้เอาสู้กันมันๆ เลยนะครับ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 17-11-2012 20:50:50
น้องกวางตาแบ๊วของเรามาแล้ว ฮิ้วววววว(วิบัติเพื่อเสียง)
อย่าบีบคั้นอารมณ์มากนะคะ เดี๋ยวเราหายใจไม่ออก
อิอิ
ติดตามอย่างเหนียวแน่นต่อไป
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 17-11-2012 21:06:28
happy ending ซิดีเราก็ชอบแบบนี้ ดราม่าหนักๆก็ไม่ไหว ไม่อยากเห็นน้ำตาของวิรัลนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 17-11-2012 21:37:32
จะเป็นยังไงต่อไปน้ออออออออออออออออ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-11-2012 09:06:31
555+ต่างฝ่ายต่างช่วยตัวเอง  ปล้ำเลยสิธาม
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 18-11-2012 11:21:55
ธามไม่ค่อยเลยนะมีการแอบมาหาวิรัลด้วย ถ้าพิชญ์ไม่มาเคาะห้อง ธามจะยอมไปง่าย ๆ ไหมนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 3 ::: วันโพส 17/11/2555 แนวแฟนตาซีกลายร่างจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-11-2012 14:59:21
 :impress2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 18-11-2012 18:39:53

มากันสั้น ๆ สำหรับตอนนี้  ตอนหน้าค่อยจัดฉากหวานยาว ๆ ชดเชย ....ตอนที่โรมิโอ เอ๊ย พี่ธาม ฝ่าวงล้อมมโคทั้งหลายไปเพื่อพบน้องวิรัล กันนะคะ  ^^...


-----------------------------------------



/4




    ชาครนั้นนำหนังสือพิมพ์และกาแฟมาให้ธามในห้องพักตอนเช้าตรู่ อีกฝ่ายงัวเงียลืมตาขึ้นมองแล้วพึมพำขอบคุณ ทว่าระหว่างที่ธามกำลังจะลุกจากเตียงไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย เขาก็ได้ยินเสียงลูกน้องคนสนิทกระแอมเบา ๆ แล้วเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มอย่างเกรงใจ 

    “เอ่อ...วันนี้ถ้าเป็นไปได้  ท่านธามช่วยเลือกครีมอาบน้ำกลิ่นแรง ๆ ก็จะดีมากเลยนะครับ มันจะได้ช่วยกลบกลิ่น...เอ่อ...”

    ธามชะงักเล็กน้อยแล้วจึงนึกขึ้นได้ตามมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มคล้ายไม่ใส่ใจอะไรนัก

    “อืม...แล้วฉันจะทำตามนั้น ขอบใจที่เตือนนะ”

    ชาครยิ้มเจื่อน ๆ ตอบ เมื่ออีกฝ่ายเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย ทั้งที่หากวกะตนอื่นได้กลิ่นเข้า มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แท้ ๆ

     จากนั้นสักครู่ใหญ่ ธามในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำก็เดินมานั่งที่โต๊ะรับแขกภายในห้อง เขายกกาแฟขึ้นจิบ และเปิดหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านตามปกติ ก่อนจะชะงักเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างเมื่อคืนขึ้นมาได้

    “จริงสิชาคร เรื่องเมื่อคืนต้องขอบใจนายด้วยนะ...ขนาดฉันไม่ได้บอกแท้ ๆ ว่าจะแอบไปที่นั่น แต่นายก็ยังตามไปช่วยจนได้”

    ชาครสะดุ้ง แล้วมองนายของเขาอย่างหวั่นเกรง

    “เอ่อ...ท่านทราบด้วยหรือครับ”

    “หึ ๆ ก็ตอนที่ฉันเกือบจะโดนจับได้ตอนลอบเข้าไปนั่น ฉันได้ยินพวกมโคบอกกันว่าได้กลิ่นเหมือนวกะอยู่แถวทางหน้าหมู่บ้าน เลยเรียกรวมตัวกันไปดู ...ซึ่งฉันมั่นใจว่า วกะที่จะมาเพ่นพ่านแถวนี้ได้ คงไม่พ้นนายเป็นแน่ จริงไหมล่ะ”

    ชาครยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมพึมพำขอโทษแผ่วเบา ทว่าธามนั้นกลับไม่ได้ถือสาอะไร

    “ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันสิต้องขอบคุณนายมากกว่า ...ใครจะคิดว่ามโคจะอยู่กันเต็มหมู่บ้านขนาดนั้น  นี่ถ้าไม่ได้นายช่วยเป็นตัวล่อ มีหวังคงโดนจับได้โดยไม่ทันได้พบกับเด็กนั่นแน่ ...แต่คืนนี้นี่สิ จะเข้าไปหายังไงก็ยังคิดหนักอยู่”

    ธามพึมพำกับตัวเองในสิ่งที่ทำให้คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ แล้วจึงลองเสนอความคิดของตนไปบ้าง

    “ท่านน่าจะลองเปลี่ยนจากการแวะไปหา เป็นโทรคุยกันบ้างหรือคุยกันผ่านเน็ตแทนไม่ดีกว่าหรือครับ น่าจะปลอดภัยกว่า...แล้วพอผ่านไปสักสองสามวันให้การคุ้มกันซาลง เราก็ค่อยไปหาลู่ทางกันใหม่อีกรอบ”

     ธามหันไปนิ่งรับฟัง แล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยตามมาในสิ่งที่ทำให้คนฟังชะงักอีกรอบ

    “แต่ฉันก็ยังไม่รู้เบอร์มือถือเขาอยู่ดีนั่นล่ะ และถ้าจะให้คุยผ่านเน็ตก็ต้องนัดแนะกันก่อนจริงไหมล่ะ”

    ชาครถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเปรยขึ้นตามมาอย่างไม่มีทางเลือก แม้อยากจะแย้งกลับไปว่า ถ้าธามต้องการจริง ๆ แค่เบอร์มือถือของอีกฝ่ายก็คงจะสืบค้นได้ไม่ยากเท่าใดนัก

    “ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ผมเองก็จะช่วยเป็นตัวล่อให้อีกแล้วกันนะครับ”

    “หึ ๆ ฉันก็คิดว่าควรจะเป็นงั้นล่ะ...ยังไงก็ฝากด้วยนะ เพราะคืนนี้ทางนั้นคงจะระวังกันเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าทีเดียว  อืม...นายลองเปลี่ยนมาเป็นวิ่งวนรอบ ๆ หมู่บ้านแทนดีไหมล่ะ ฉันจะได้ฉวยโอกาสบุกตะลุยฝ่ากลางหมู่บ้านเข้าไปตอนนายวิ่งล่อนั่นเลย”

    ชาครยิ้มเจื่อน ๆ ให้ผู้เป็นนาย แล้วจึงถอนหายใจออกมาอีกครั้งพร้อมกับรับคำด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนจนคงฟังลอบยิ้ม

    “...จะพยายามนะครับ”

    จากนั้นธามก็อ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ก่อนจะสะดุดตากับบางข่าวในหน้าหนึ่ง ชายหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก แล้วเปรยขึ้นมาเบา ๆ

    “อืม...เมื่อคืนนี้ นายไม่ได้ไปคอยล่อหลอกพวกมโคอย่างเดียวหรอกหรือนี่ ...ขยันแบบนี้ฉันจะขึ้นเงินเดือนให้ดีไหมนะ”

    ธามบอกแล้วยกยิ้มน้อย ๆ เมื่อเขาอ่านเจอข่าวเจ้าของคลับชื่อดังเกิดอุบัติเหตุขับรถเสียหลักตกถนนคอหักเสียชีวิต ซึ่งเจ้าของคลับที่ว่านั่นก็เป็นคนเดียวกับที่ส่งลูกน้องมาลอบสังหารเขานั่นเอง

    “เอ่อ...เรื่องนี้ผม...”

    ชาครอ้ำอึ้งไปอีกครั้ง เพราะเขานั้นไปล้างแค้นแทนธามโดยอีกฝ่ายไม่ได้สั่ง แต่เพราะเขาไม่อยากปล่อยกริชเอาไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามต่อธาม และไม่ต้องการให้ชายคนนั้นส่งนักฆ่ามาเล่นงานเจ้านายของเขาอีก

    “เอาเถอะ... ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจนายดี แต่หลังจากนี้อยากให้บอกกันบ้าง ...ถึงพวกนั้นจะเป็นมนุษย์ แต่ก็มีบอดี้การ์ดฝีมือดีคอยรับใช้ ต่อให้นายแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ไม่ใช่หรือ  คงไม่ดีแน่ ถ้าพวกนั้นเกิดบังเอิญเล่นงานที่จุดอ่อนของนายเข้าได้น่ะ”

    ชาครพยักหน้ารับคำอย่างตื้นตันที่ผู้เป็นนายห่วงใยเขา ถึงแม้ธามจะเด็ดขาดและเลือดเย็นในบางเรื่อง แต่จริง ๆ แล้วชายหนุ่มนั้นได้ความอ่อนโยนมาจากสายเลือดมนุษย์ของมารดาไม่น้อยเลยทีเดียว ทว่าเนื่องจากธามต้องอยู่ท่ามกลางการฆ่าฟันตลอดเวลา หากไม่ทำตัวให้เลือดเย็นเข้าไว้  ชายหนุ่มก็คงจะไม่อาจอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้แน่



    อีกด้านหนึ่งในช่วงเวลาหลังอาหารมื้อเช้า พิชญ์นั้นกำลังรับฟังรายงานจากพิชานอย่างเคร่งเครียด เรื่องบรรดามโคที่อยู่เฝ้ายามเมื่อคืน ได้กลิ่นสาบสัตว์ของพวกวกะลอยมาไกล ๆ จากบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน แต่เจ้าของกลิ่นกลับไม่ได้ปรากฏกายให้เห็น และอยู่ซุ่มเฝ้าแถวนั้นสักพักใหญ่ ๆ จึงหายตัวไปในที่สุด

    “มันกลับมาเพื่อหาทางบุกเข้าหมู่บ้านชิงตัวท่านวิรัล หรือจะมาก่อกวนให้เราประสาทเสียกันแน่นะ”

    พิชญ์พึมพำอย่างไม่ค่อยเข้าใจวัตถุประสงค์ของวกะปริศนาตนนั้นสักเท่าใดนัก แต่เขามั่นใจว่าวกะที่สามารถส่งกลิ่นสาบของอมนุษย์ให้พวกมโคในหมู่บ้านรับรู้ได้ จะต้องเป็นวกะที่แข็งแกร่งมากพอตัวทีเดียว และอาจจะเป็นชาครลูกน้องคนสนิทของธามคนนั้นก็เป็นได้

    “วางเวรยามเพิ่มให้มากขึ้น ทั้งทั่วหมู่บ้านและคฤหาสน์นี่ด้วย”

    พิชญ์ออกคำสั่งแล้วจึงไปหาวิรัลที่ตอนนี้กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนห้องพัก ไม่ยอมออกไปไหน ยกเว้นตอนลงมากินข้าวเช้ากับเขาเท่านั้น

    “ท่านวิรัลครับ...”

    พิชญ์เคาะประตูเรียกค่อย ๆ แล้วจัดแจงเปิดเข้ามาเอง เพราะไม่ได้ยินเสียงขานตอบของอีกฝ่าย เขาต้องเรียกชื่อเด็กหนุ่มและเคาะดัง ๆ อีกครั้ง จนวิรัลรู้สึกตัว แล้วรีบหันขวับมามองชายหนุ่มทันที

    “นายเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนน่ะ  ทำไมไม่เคาะประตูก่อนเล่า!”

    พิชญ์ถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นตามมา

    “เคาะแล้วนะครับ เคาะแล้วเปิดเข้ามาแล้ว ก็ยังเห็นท่านนั่งเหม่อ จนต้องเคาะแรง ๆ และเรียกชื่อนี่ล่ะครับ ท่านถึงรู้สึกตัวกับเขาได้”

    วิรัลชะงัก ก่อนจะหน้าแดงนิด ๆ แล้วจึงอุบอิบบอกอีกฝ่าย

    “ระ...เหรอ...ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ที่เผลอว่าไปน่ะ”

    พิชญ์ยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยตอบ

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ...ว่าแต่ท่านเถอะ ทำไมถึงมาขลุกตัวอยู่แต่ในห้องแบบนี้ล่ะครับ ไม่เบื่อบ้างหรือ”

     วิรัลเบ้ปากทันทีที่ได้ยิน แล้วจึงทำเสียงฮึในลำคอเบา ๆ ตามมา

    “ก็เบื่อน่ะสิ แต่ทำยังไงได้ ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนในช่วงนี้กับใครเขานี่”

    พิชญ์ถอนหายใจตามมา แล้วจึงแสร้งเปรยขึ้นลอย ๆ

    “มีวิธีที่จะทำให้ท่านเป็นอิสระตามเดิมอยู่หรอกครับ แต่ไม่แน่ใจว่าท่านจะสนไหม”

    “อะไรหรือ!”

    วิรัลรีบหันมามองหน้าคนพูดอย่างสนใจ จนพิชญ์นึกขำ แต่ทว่าหลังจากที่เขาพูดออกไป เด็กหนุ่มก็เริ่มมีสีหน้าซีดเผือดเปลี่ยนสีทันที

    “ลอบสังหารวกะที่รู้ความลับเรื่องนี้ทิ้งไป แค่นี้ท่านก็เป็นอิสระตามเดิมแล้ว”

    “...นายก็รู้ว่าฉันทำอย่างนั้นไม่ได้”

    วิรัลเงียบไปนานแล้วจึงเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วจนพิชญ์นึกสงสาร แต่จริง ๆ ชายหนุ่มนั้นก็ไม่ได้คิดทำอย่างที่พูด  เพียงแค่จะลองหยั่งเชิงดูว่า วิรัลนั้นชอบธามมากแค่ไหนกันแน่   

    “เฮ้อ...ผมก็รู้ครับ และไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย ...เอาเถอะ งั้นก็เหลือทางเลือกที่สองอีกทางแทนแล้วล่ะครับ”

    พี่เลี้ยงหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้คนฟังนึกสงสัยตามมาอีก

    “ทางเลือกที่สอง?”

    “ครับ...นั่นก็คือให้ท่านหมั้นกับลูกสาวของตระกูลพงศ์พิสุทธิ์…ท่านม่านฟ้าครับ”

    วิรัลเงียบกริบด้วยความตกตะลึงไม่แพ้ก่อนหน้านั้น เขาเงียบไปพักใหญ่ แล้วจึงมองหน้าอีกฝ่าย พลางเอ่ยขึ้นอย่างนึกได้

    “...หรือว่า นี่คืออีกสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องมากรุงเทพฯ”

    พิชญ์ถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงพยักหน้าตอบรับคำพูดนั้น

    “ใช่ครับ สาเหตุแรกคือท่านต้องมาเรียนรู้การทำงานที่กรุงเทพฯนี่ เพื่อที่จะรับตำแหน่งประมุขของตระกูล และอีกสาเหตุก็คือ ท่านต้องเข้าพิธีหมั้นกับเจ้าสาวที่ท่านย่าของท่านได้เตรียมไว้ให้นั่นเองครับ”

    วิรัลแทบจะพูดอะไรไม่ออก จริงอยู่ว่าเขานั้นจะต้องแต่งงานในสักวัน แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ และที่สำคัญตอนนี้หัวใจของเขาไม่ว่างเหมือนเดิมเสียแล้ว

    “แต่ฉันไม่เคยรู้จักเธอคนนั้นมาก่อน ...และฉันก็ไม่ได้รัก...”

    วิรัลเอ่ยอึกอัก ทำให้คนฟังลอบถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

    “เรื่องนั้นท่านวิรัลไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ...ท่านตรัณบิดาของท่านม่านฟ้า รู้เรื่องท่านกับเขาคนนั้นดีแล้ว...แถมท่านตรัณยังบอกอีกว่า ลูกสาวของท่านรู้หน้าที่ของตัวเองดี เธอถือกำเนิดและถูกเลี้ยงดูมาเพื่อให้เป็นภรรยาของประมุข ส่วนเรื่องอื่นนั้น เธอแยกแยะได้ และจะไม่นำมาเป็นปัญหาให้ท่านวิรัลต้องลำบากใจแน่”

    วิรัลกลืนน้ำลายลงคอต่อสิ่งที่ได้ยิน เขาฟังดูแล้วราวกับพี่เลี้ยงคนสนิทจะตำหนิเขาทางอ้อมว่า ขนาดคนอื่นยังรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน และเขาซึ่งมีหน้าที่จะต้องเป็นประมุขของเผ่า จะมัวแต่เลือกความรักของตัวเองโดยละทิ้งความรับผิดชอบทั้งหมดไปได้อย่างไรกัน

    “ถ้าท่านหมั้นกับท่านม่านฟ้า มโคทางฝั่งนั้นก็จะเข้ามาอยู่ในอาณัติของท่านและยอมพลีชีพพร้อมปกป้องท่านและทายาทที่จะถือกำเนิดมาจากเจ้าสาวของฝั่งพงศ์พิสุทธิ์อย่างแน่นอนครับ”

    วิรัลนิ่งเงียบรับฟัง เขาพอจะรู้อยู่ว่ามโคนั้นมีตระกูลใหญ่แบ่งคานอำนาจกันในเผ่าอยู่สามสี่ตระกูล ซึ่งตระกูลของเขาและของตรัณนั้นจะผลัดกันมีมฤคมาศเกิดบ่อยที่สุดจากทุกตระกูลรวมกัน

    “แม้ความสัมพันธ์ของเผ่าเราจะไม่เลวร้ายเท่ากับวกะ ...แต่ท่านก็น่าจะพอรับรู้ได้ว่า หากเราพลาด ก็ยังมีตระกูลอื่นพร้อมที่จะเสนอตัวเข้ารับตำแหน่งประมุขได้ทุกเวลา... แม้จะเป็นเพียงประมุขเงา แต่ก็ยังสามารถอ้างสิทธิ์รอเวลาจนกว่าจะมีมฤคมาศจากตระกูลของพวกตนเกิดขึ้นมาได้อยู่ดี”

    วิรัลยังคงเงียบด้วยสีหน้าสับสน จนพิชญ์นึกสงสาร ทว่าเขาก็ต้องทำให้วิรัลตัดความกังวลทั้งหมดให้จงได้

    “หรือท่านวิรัลจะละทิ้งตระกูลวงศ์หริโณ ของพวกเราเสียแล้วล่ะครับ”

    “ฉัน...ฉัน...”

    วิรัลเอ่ยตะกุกตะกักและเงียบไปอย่างคนที่ตัดสินใจไม่ได้ในทันที ทำให้พิชญ์ต้องใช้ไม้ตายสุดท้ายที่เขาไม่คิดจะใช้มันเลย หากไม่จำเป็น

    “...ขอเพียงแค่ท่านบอกมาคำเดียวว่าจะทิ้งความเป็นมฤคมาศ ทอดทิ้งตระกูลของพวกเรา ...ต่อให้ต้องใช้ชีวิตของผมขอขมาเพื่อนพี่น้องร่วมตระกูลทุกคน ผมก็ยินดีจะทำครับ”

    วิรัลนิ่งอึ้งมองคนพูดอย่างตกตะลึง ก่อนจะกัดฟันกรอดตามมา

    “นายกำลังบังคับฉันอยู่นะพิชญ์...”

    “หามิได้ครับ ผมแค่เพียงพูดสิ่งที่กลั่นออกมาจากใจของผมเท่านั้น”

    พิชญ์แย้งและสบตากับนายน้อยของเขาด้วยแววตาที่แสดงถึงความจริงจัง จนวิรัลต้องหลบตา แล้วกำหมัดแน่น

    “...ก็ได้พิชญ์ ฉันยอมหมั้น...จะทำอะไรก็สุดแล้วแต่นายจะจัดการเถอะ”

    พิชญ์ลอบถอนหายใจ แต่พอเห็นสีหน้าของวิรัลเขาก็รู้สึกผิดมากเช่นกัน

    “ขอโทษนะครับท่านวิรัล ...แม้ท่านจะโกรธเกลียดผมสักเพียงใด แต่ผมก็ปรารถนาที่จะให้ท่านมีความสุขในอนาคตตลอดไปนะครับ”

    วิรัลนิ่งเงียบรับฟัง ก่อนจะหันมามองคนพูด แล้วยิ้มเศร้า ๆ

    “ฉันไม่เคยเกลียดนาย และไม่คิดว่าจะเกลียดได้ด้วย ...นายก็น่าจะรู้ดีนะพิชญ์”

    พิชญ์ชะงัก แล้วจึงเป็นฝ่ายก้มหน้าหลบตาบ้าง 

    “ขอบคุณครับท่านวิรัล... ท่านอาจจะต้องทนทรมานแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น ...แต่ในอนาคตข้างหน้า หากท่านสามารถลืมเขาและเปิดใจรับท่านม่านฟ้าได้ ท่านจะต้องมีความสุขแน่นอน...ผมเชื่อเช่นนั้นครับ”

    วิรัลเม้มปากน้อย ๆ พร้อมกับพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ จากนั้นพิชญ์จึงขอตัวออกไป  ทิ้งให้วิรัลอยู่ในห้องเพียงลำพัง เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเริ่มคิดหนักว่า เขาควรจะบอกให้ธามรู้เรื่องคู่หมั้นดีไหม เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดเช่นไรบ้างหากทราบเรื่องนี้ แต่อย่างเดียวที่เขามั่นใจก็คือ ธามคงไม่อาจจะตัดใจจากเขาไปได้ง่าย ๆ เหมือนที่เขาเองก็ไม่อาจจะลบอีกฝ่ายไปจากหัวใจของเขาได้ง่ายดายเช่นเดียวกัน

   

   
.... TBC ...







     แม้จะไม่ดราม่า แต่รักต่างเผ่าพันธุ์ มันก็ต้องมีอุปสรรคบ้างจริงไหมเนอะ?  แต่ละคนก็มีเหตุผลของตน แต่ละคนก็เลือกทำสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเพื่อคนที่ตนเองรัก แม้สิ่งที่ทำลงไป อาจจะทำให้คนที่เรารักรู้สึกเจ็บปวดบ้างก็ตาม …

ไว้พวกเรามาลุ้นกับพระ-นาย ของเราในตอนต่อ ๆ ไปกันดีกว่านะคะ ว่าความรักครั้งนี้จะคลี่คลายยังไง ไม่ได้มีเครียดทุกตอนหรอกจ้ะ ยังไงก็จะมีความหวานสลับกันไปแน่นอน สัญญาได้เลย (ชูสองนิ้วสัญญาแบบลูกเสือ หุ ๆ)


    ป.ล. การดำเนินเรื่องอาจจะมีไวบ้าง ดึงเรื่องไปทางอื่นบ้าง เพื่อความเหมาะสมนะคะ ยังไงก็ท้วงติง ติชม แย้งกันได้นะคะ หากอ่านแล้วเกิดรู้สึกติดขัดอย่างไร ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 18-11-2012 18:54:20
อ่า ความรักต่างเผ่าที่มันนนนน ต้องมีอุปสรรค แต่ไม่เป็นไร แค่ไม่มีดราม่า เป็นใช้ได้
สนุกมากๆๆๆอ่านไปลุ้นไป รอๆๆๆๆตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 18-11-2012 18:59:08
รักแล้วก็ต้องมีอุปสรรค

ความหวังดีของคนที่รักเราก็สำคัญ

สงสารกวางน้อยยของธามมม ฮืออออ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 18-11-2012 19:22:53
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

สงสารน้องจัง พี่ธามมาปลอบน้องหน่อย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-11-2012 19:53:27
กวางน้อยน่าสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 18-11-2012 20:04:19
มันก็จริงนั่นแหละน๊า รักต่างเผ่าพันธ์มันก็ต้องมีอุปสรรค แต่ขออย่าให้เผ่าอื่นมันมาหลงน้องวิรัลอีกคนเล๊ย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: alekung103 ที่ 18-11-2012 20:21:21
เฮ้อ สงสารวิรัล
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: kururu ที่ 18-11-2012 20:27:07
บวกเป็ดๆ ลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 18-11-2012 21:01:45
แหวกแน้วๆๆ อ่า :-[
ชอบๆๆๆ โดนจายยย  o18
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 18-11-2012 21:49:50
อุปสรรคเป็นเครื่องพิสูจน์รักแท้ก็หวังว่าทั้งสองคนจะผ่ามันผ่านไปด้วยดีนะ แต่อยากรู้จังว่าพ่อของกวางน้อยหายไปไหน
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 18-11-2012 22:33:11
พิชญ์เล่นเอาชีวิตตัวเองมาอ้างแบบนี้ไม่ได้บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละ ธามรู้จะว่ายังไงนะนั่น
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: rose_mary ที่ 18-11-2012 23:37:01
ยังไงก็เอาใจช่วยธามอยู่แล้ว

ขอให้อย่าดราม่ามาก

หนูไม่ชอบกินมาม่าเลย TToTT

หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-11-2012 23:59:45
 o22
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 19-11-2012 07:03:11
น่าสงสาร  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-11-2012 12:15:18
โถ กวางน้อย น่าสงสารจัง :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย : บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555 (แนวแฟนตาซีกลายร่างค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 19-11-2012 14:18:30
ขอบคุณฮะที่จะไม่ดราม่า ไม่ชอบจริงๆเลย
สปอยคุณหนูม่านฟ้าซะเกลียดไม่ลงเลย 555
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 4 :: P.3 วันโพส 18/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 19-11-2012 22:02:33
 :oo1: มาต่อไวๆนะ

ตอนนี้รู้สึกว่าพิญช์ใจร้ายนิดๆเนอะ  o18
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 19-11-2012 22:14:33



/5




     หลังมื้อเย็นจบลง วิรัลก็บ่นว่าปวดหัวและขึ้นนอนไวกว่าปกติ และยังสั่งพิชญ์ว่าถ้าไม่มีธุระด่วนอะไรก็ไม่ให้ใครเข้ามารบกวน ซึ่งพิชญ์ก็รับรู้และปฏิบัติตาม เพราะคิดว่านายน้อยของเขายังคงกลัดกลุ้มเรื่องคู่หมั้นอยู่ไม่หาย และต้องการใช้เวลาปรับตัวปรับใจตามลำพังอีกสักพัก

    “คืนนี้เขาจะมาไหมนะ...”

    วิรัลนึกถึงธามที่เคยบอกเขาว่าจะกลับมาหาอีกครั้ง เด็กหนุ่มชะโงกหน้าจากระเบียงไปดูบริเวณด้านล่างอย่างเป็นกังวล เพราะล้วนแล้วแต่มีเวรยามเฝ้ากันอยู่หนาแน่นไปหมด

    “ขออย่าให้เขาถูกจับได้เลย...”

    วิรัลพึมพำกับตัวเอง เขาไม่ได้ปิดล็อกประตูกระจก แต่ล็อกที่ประตูห้องแทน เจ้าตัวเดินไปเดินมา ก่อนจะย้ายไปนอน แล้วก็ลุกขึ้นมานั่ง เป็นอย่างนั้นอยู่หลายชั่วโมง จนกระทั่งได้ยินเสียงหอนของหมาป่าดังแว่วเข้ามา จากทางท้ายหมู่บ้าน และเสียงโวยวายของพวกพิชญ์ที่ดังมาจากหน้าคฤหาสน์

    “พวกนายเฝ้าท่านวิรัลเอาไว้ให้ดี! เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเจ้าหมาป่านั่นเอง!”

    วิรัลเปิดบานกระจกและผ้าม่านออกไป เขาเห็นพิชญ์วิ่งไปทางทิศหลังหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงทั้งธามและพิชญ์ เขาไม่อยากให้ทั้งคู่ปะทะกันเลย เพราะไม่ว่าใครจะบาดเจ็บ เขาก็เสียใจทั้งนั้น

    “ได้โปรดเถอะ...ขออย่าให้ใครเป็นอะไรไปเลย...”

    วิรัลพึมพำอย่างวิตกกังวล เขายืนอยู่แถวนั้นครู่ใหญ่ ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงคนของเขาโวยวายอยู่ด้านล่าง

    “มารวมกันทางนี้เร็วเข้า! ให้ตายเถอะ! นั่นมันหมาป่าจริง ๆ ไม่ใช่พวกมนุษย์หมาป่า อย่างเผ่าวกะนี่!”

    วิรัลชะโงกหน้าลงไปดูอย่างตกใจ เขาเห็นธามในร่างของหมาป่าสีเงิน กำลังยืนเผชิญหน้ากับลูกน้องของพิชญ์ราวสามสี่คน และพวกนั้นก็กำลังกลับคืนสู่ร่างมโค เพื่อพร้อมต่อสู้เช่นกัน

    “บ้าชะมัด...หยุดสู้กันนะ!”

    วิรัลตะโกนห้าม ทำให้ธามอาศัยจังหวะที่มโคตนอื่นเผลอและหันไปมองเด็กหนุ่มด้านบนระเบียง พุ่งกระแทกมโคตนหนึ่งล้มลง และเตรียมขย้ำคออีกฝ่าย ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงของวิรัลตะโกนขัดขึ้นมาเสียงหลง

    “อย่าฆ่านะครับ! ผมขอร้อง!”

    ธามสบถอย่างหงุดหงิด แต่ก็ยอมกระโจนถอยออกมาตั้งรับ ส่วนมโคตนอื่นก็เริ่มลังเล ทว่าก็ยังคงรุมล้อมธามอยู่เหมือนเดิม และมีบางตนเตรียมจะส่งสัญญาณเรียกรวมพลมโคที่เหลืออยู่บริเวณนี้ ทว่าวิรัลที่สังเกตเห็นก็เม้มปากแน่น แล้วตัดสินใจกระโดดจากระเบียงชั้นสอง ลงมาขวางทางอยู่ระหว่างทั้งสองฝ่าย

    “ท่านวิรัล!”

    มโคตนอื่นต่างพากันเรียกชื่อวิรัลอย่างตกตะลึง ส่วนธามนิ่งอึ้งเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะโดดลงมาร่วมวงด้วยแบบนี้

    “...คุณช่วยกลั้นหายใจสักพักได้ไหมครับ”

    วิรัลหันไปบอกกับธามด้วยน้ำเสียงกระซิบแผ่ว ธามที่อ่านริมฝีปากนั้นออกพยักหน้ารับรู้ แม้จะยังไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มกำลังคิดทำอะไรกันแน่

    “ขอโทษนะทุกคน ...แต่ฉันไม่อยากให้การนองเลือดเกิดขึ้นเลย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหน ฉันก็รู้สึกไม่ดีทั้งนั้น”

    วิรัลหันมาพึมพำกับพรรคพวกของเขาด้วยสีหน้าสำนึกผิด ทำให้มโคแต่ละตนเอะใจ แต่ว่าพวกเขายังไม่ทันทำอะไร ก็ต้องพลันชะงัก เมื่อได้เห็นวิรัลเริ่มกลับกลายคืนสู่ร่างเดิมของตน  เสื้อผ้าที่สวมใส่ค่อย ๆ ปริฉีกขาด แต่พอร่างนั้นสลัดเบา ๆ เศษผ้าก็หล่นไปกองกับพื้น  และร่างที่เคยเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี ก็กลับกลายเป็นกวางทอง ที่มีเขายื่นออกไปทั้งสองข้างเป็นวงโค้งแยกแตกแขนงอย่างสวยงาม  ทว่าหลังจากที่วิรัลกลับคืนสู่ร่างเดิมได้ไม่นาน มโคแต่ละตนก็พากันยืนโงนเงน และมองว่าที่ประมุขของเขาด้วยแววตาตกตะลึง

    “ท่าน...วิรัล...”

    ธามที่กำลังกลั้นหายใจมองภาพตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ เขาเองก็เคยพอได้ยินมาอยู่หรอกว่า มฤคมาศมีความสามารถพิเศษบางอย่าง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปล่อยกลิ่นกายหอมหวานสะกดให้ผู้ที่ได้กลิ่นหลับใหลได้เช่นนี้

     “ขอโทษ...ขอโทษจริง ๆ”

    วิรัลในร่างกวางทองเดินย่างเหยาะฝีเท้าเข้าไปใกล้ ๆ มโคแต่ละตนที่หลับกันไปหมดแล้ว เจ้าตัวใช้ศีรษะไซ้ไปที่ลำตัวของเพื่อนร่วมเผ่าอย่างสำนึกผิด แล้วจึงหันมามองธามในร่างหมาป่าที่จ้องอยู่

    “คุณรีบกลับไปเถอะครับ...ที่นี่คืนนี้อันตรายเกินไป เดี๋ยวสักพักพิชญ์ก็คงจะกลับมา พร้อมกับมโคที่มีฝีมืออีกหลายตน”

    หมาป่าสีเงินพอได้ฟัง เขากลับเดินย่างกรายเข้ามาหากวางทองแสนสวยผู้บอบบาง พอมายืนใกล้ ๆ กันแบบนี้ ร่างหมาป่าของธามกลับดูใหญ่โตเสียยิ่งกว่าที่วิรัลเคยคิดไว้อีก

    “ฉันอยากพบเธอ...ทุก ๆ วัน”

    ธามเอ่ยพึมพำ แต่วิรัลก็รีบแย้ง

    “มันเป็นไปไม่ได้...คุณก็รู้ดี”

    “ใช่...ฉันรู้ดี  แต่ถึงรู้  ฉันก็ยังอยากเจอเธอ... สัมผัสเธอ...”

    ธามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม นัยน์ตาคมกริบของสัตว์ป่ากลับอ่อนแสงลงอย่างอ่อนโยน แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    “คุณ...”

    “เรียกชื่อฉันบ้างสิ...รู้จักชื่อฉันใช่ไหม...”

    ธามแกล้งทัก เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปเพราะความสับสน

    “คุณ...ธาม”

    วิรัลยอมเรียกชื่อของชายหนุ่มด้วยความเอียงอาย ซึ่งก็ทำให้คนฟังพึงพอใจยิ่งนัก

    “ผม...ผมว่าคุณรีบกลับไปเถอะครับ...”

    วิรัลรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อคล้ายได้กลิ่นพรรคพวกเดียวกันเข้ามาใกล้ทุกที

    “หือ...พวกเธอกำลังมาหรอกหรือ อืม...สงสัยชาครจะหลอกล่อไม่สำเร็จแฮะ ...แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะพี่เลี้ยงคนเก่งเธอไปด้วยนี่ คงเอะใจพอสมควรนั่นล่ะ”

    “คุณธามครับ...”

    วิรัลอ้อนวอน เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจในความปลอดภัยของตนเองเท่าไรนัก

    “ไปก็ได้...แต่ขอเบอร์โทรศัพท์เธอไว้สักหน่อยได้ไหม”

    วิรัลชะงักเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขากลืนน้ำลายลงคอนิด ๆ แล้วจึงเอ่ยอ้อมแอ้มบอก

    “คือ...ผมไม่เคยพกโทรศัพท์มือถือหรอกครับ”

    หมาป่าหนุ่มขมวดคิ้วตีหน้ายุ่ง แล้วแกล้งถามติดแซวอีกฝ่ายกลับไป

    “อย่างนั้นหรือ... อืม...อย่าบอกนะว่าไม่เคยเล่นคอมเล่นเน็ตอะไรพวกนั้นด้วย”

    กวางทองแสนสวยพยักหน้าน้อย ๆ แล้วบอกเสียงค่อย

    “ผมไม่เคยเล่นคอมพิวเตอร์หรอกครับ...ท่านย่าชอบให้เรียนรู้จากตำรามากกว่า”

    หมาป่าสีเงินพอได้ยินเช่นนั้น ก็พ่นลมหายใจพรืดอย่างกึ่งปลงกึ่งหงุดหงิด แต่พอหันไปมองกวางน้อยตรงหน้าที่ดูเหมือนจะอยู่ในอารมณ์สลดหดหู่  เขาจึงเอ่ยปลอบอีกฝ่ายเบา ๆ

    “เอาเถอะ ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็บอกพี่เลี้ยงของเธอแล้วกัน ว่าต้องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จะได้หัดเล่นเป็นกับเขาบ้าง...”

    บอกแค่นั้นธามก็กระโจนขึ้นไปบนห้อง เจ้าตัวกลายร่างเป็นมนุษย์แล้วไปค้น ๆ สมุดกับปากกาแถวนั้นเขียนอะไรบางอย่างยุกยิกใส่กระดาษ ทำให้วิรัลที่กระโดดตามขึ้นมาและกลายร่างคืนสู่ร่างมนุษย์บ้าง ชะโงกหน้ามามองอย่างสนใจ

    “เบอร์อีเมล์ฉัน ...เล่นเน็ตส่งเมล์เป็นเมื่อไหร่ ค่อยติดต่อมานะ ระหว่างนี้ฉันคงต้องให้เวรยามฝั่งเธอซาก่อน แล้วถึงจะมาหาได้ใหม่”

    วิรัลรับสมุดเล่มนั้นมากอดแน่นอย่างหวงแหน แล้วยิ้มรับพร้อมพยักหน้า ทำให้คนมองต้องกลืนน้ำลายลงคอ เพราะยามนี้อีกฝ่ายอยู่ในร่างเปลือยเปล่า ชวนกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ยิ่งนัก

    “วิรัล...”

    เสียงทุ้มที่เรียกชื่อของตนเป็นครั้งแรก ทำให้วิรัลชะงักกึก ก่อนจะหน้าร้อนวูบวาบยามเมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาใกล้เขา พร้อมกับขยับกายเข้ามาเบียดชิดมากยิ่งขึ้น  ทว่า...

    จู่ ๆ เสียงหอนยาวของหมาป่าก็ดังขึ้นมาจากที่ห่างไกล ทำให้ทั้งคู่ชะงัก และเป็นธามที่สบถเบา ๆ อย่างหงุดหงิด

    “ลูกน้องฉันเตือนว่าคนของเธอใกล้ที่นี่เข้ามาทุกที ...ฉันคงต้องไปแล้ว...อยากรั้งสู้อยู่หรอก แต่เธอคงจะไม่ชอบใจใช่ไหม...”

    วิรัลพยักหน้าหงึกหงักถี่ ๆ ทำให้คนมองต้องอมยิ้มอย่างเอ็นดู

    “ฉันจะพยายามไม่ลงมือทำให้คนของเธอต้องเจ็บนะ... แต่ถ้าพลั้งไปบ้าง เพราะป้องกันตัวก็คงต้องขอโทษ แต่ยังไงก็จะพยายามไม่ให้มีการตายเกิดขึ้นแน่”

       ธามให้สัญญาทำให้วิรัลรู้สึกตื้นตันนัก และพอธามเตรียมจะกระโดดลงไปจากระเบียง วิรัลก็เรียกชื่ออีกฝ่ายให้หยุดรอ แล้วจึงโผเข้าหาพร้อมกับใช้สองแขนโอบรั้งคอร่างสูงให้โน้มลงมา ก่อนที่ตัวเองจะเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อบดเบียดจุมพิตกับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

    “เด็กไม่ดี...เธอทำให้ฉันไม่อยากจะกลับไปแล้วนะ...”

    ธามพึมพำเสียงแผ่ว ยังคงรับรู้ถึงรสหวานที่ติดอยู่ปลายลิ้นของตนได้เป็นอย่างดี

    “รีบ ๆ ไปเถอะครับ ... ระหว่างนี้ผมจะพยายามหัดเล่นคอมไว้ติดต่อกับคุณนะ”

    วิรัลบอกแล้วยิ้มหวานระคนเอียงอาย ธามถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงกลายร่างเป็นหมาป่าอีกครั้งก่อนจะกระโดดแผล็วลงจากระเบียงและส่งเสียงหอนเป็นสัญญาณบอกชาครให้ไปเจอกันที่รถของตน

    “อ๊ะ! นั่น! มันหนีไปแล้ว!”

    พิชานที่เห็นหลังไว ๆ ตะโกนบอกกับพิชญ์ พวกเขายังคงอยู่ในร่างมนุษย์เพราะชาครนั้นเพียงแต่ซุ่มอยู่ข้างนอก ไม่ได้เข้ามาโจมตีแต่อย่างใด

     ทางด้านพิชญ์ เขามองไล่หลังหมาป่าสีเงินไป ก่อนจะเม้มปากแน่น เมื่อหันมาเห็นลูกน้องเขาทั้งที่กลายร่างเป็นมโค และคนอื่นที่เฝ้าอยู่รอบคฤหาสน์ ต่างพากันหลับใหลทั้งหมด เพราะกลิ่นหอมสะกดของวิรัลที่เจ้าตัวจงใจปล่อยออกมา

    “ท่านวิรัล!”

    พิชญ์เรียกนายน้อยของเขาเสียงแข็งอย่างโมโห ชายหนุ่มกระโดดขึ้นไปบนระเบียง อันเป็นจังหวะเดียวกับที่วิรัลเอาผ้าห่มมาคลุมร่าง หลังจากซ่อนสมุดที่ธามเขียนเบอร์อีเมล์ให้เขาไว้ใต้เตียงเรียบร้อย

    “พิชญ์...ฉันขอโทษ...”

    วิรัลที่เห็นสีหน้าโกรธจัดของอีกฝ่ายรีบบอกเสียงแผ่วอย่างสำนึกผิด ทำให้คนฟังต้องลอบสบถเบา ๆ แล้วยืนสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถามโดยไม่ยอมมองหน้า

    “ทำไมต้องเข้าข้างอีกฝ่าย แล้วทำร้ายพวกเดียวกันเองแบบนี้ล่ะครับ!”

    วิรัลชะงักแล้วจึงรีบแย้งกลับไปอย่างรวดเร็ว

    “มันช่วยไม่ได้นี่! ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอก แต่ถ้าไม่ทำ พวกเขาก็ต้องสู้กัน...ฉันไม่อยากให้ใครบาดเจ็บทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพวกเรา หรือเขาก็ตาม...”

    พิชญ์เงียบกริบ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะสิ่งที่นายน้อยของเขาอ้าง ก็มีเหตุผลเพียงพอ

    “เอาเถอะครับ...ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

    “จะเป็นอะไรได้ยังไง...เขาไม่คิดจะทำร้ายฉันสักหน่อย ...นายก็น่าจะรู้ดีนะ...”

    วิรัลแย้งเสียงแผ่ว แล้วสะดุ้งนิด ๆ เมื่อพิชญ์ตวัดสายตากลับมามองเขา

    “ท่านเคยบอกกับผม ว่าจะพยายามตัดใจไม่ใช่หรือครับ!”

    “ฉันก็บอกเขาแล้ว...ว่าอย่ามาอีก...เขาก็คงเข้าใจแล้วล่ะ...”

    พิชญ์ขมวดคิ้วยุ่งพยายามจ้องมองคนพูดอย่างจับผิด แต่อีกฝ่ายก็รีบหลบตาเขา แล้วจิกผ้าห่มที่คลุมร่างตัวเองแน่น

      “ท่านวิรัลครับ...ท่านกำลังปิดบังอะไรผมอยู่หรือเปล่าครับ...”

    วิรัลสะดุ้งเฮือกอย่างลืมตัว เขาไม่อยากปิดเป็นความลับกับพิชญ์ แต่หากบอกไป เขาก็เกรงว่าพิชญ์จะขัดขวางเขา ไม่ยอมให้เขาติดต่อกับธามอีก เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากตนเองเบา ๆ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย ด้วยแววตาที่คลอด้วยน้ำใส ๆ วิบวับ

    “พิชญ์...แค่รักก็ไม่ได้เหรอ...ฉันสัญญานะ ว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด...แต่ขอฉันได้รักเขาบ้าง แค่นั้นก็พอ...”

    พิชญ์เงียบกริบ เขาเงียบไปพักใหญ่จนวิรัลใจเสีย ทว่ายังไม่ทันเอ่ยอะไรต่อ เสียงทอดถอนหายใจจากพี่เลี้ยงหนุ่มก็ดังขึ้นเสียก่อน

    “ขอโทษครับ...ผมอาจจะฝืนจิตใจท่านมากไปหน่อย...เอาเถอะครับ...ผมจะไม่บังคับให้ท่านเลิกรักเขาในเร็ววันนี้อีกแล้ว... ส่วนเขา...”

    พิชญ์กลืนคำพูดประโยคหลังไว้ในลำคอของตัวเอง แล้วจึงฝืนยิ้มแย้มอ่อนโยนให้กับนายน้อยของเขา

    “ไปอาบน้ำเถอะครับ จะได้นอนสบายตัวหน่อย เดี๋ยวผมเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ให้”

     “อืม...ขอบคุณที่เข้าใจนะพิชญ์”

    วิรัลพึมพำ แล้วจึงเดินตรงเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายต่อ ด้านพิชญ์ถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะเม้มปากน้อย ๆ เมื่อนึกถึงธาม

    “คงต้องคุยกันตรง ๆ สักทีแล้ว ...ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็ได้ยุ่งวุ่นวายกันทั้งคืน แทบไม่ต้องหลับต้องนอนกันแบบนี้ตลอด”

    ชายหนุ่มพึมพำเบา ๆ เขามั่นใจว่าเมื่อคืนก่อน ธามก็น่าจะแอบมาหาวิรัลด้วยเช่นเดียวกัน แต่จากทั้งสองคืนที่ผ่านมา ยังไม่มีมโคตนใดในหมู่บ้านถูกทำร้าย ก็ทำให้เขาพอจะเชื่อใจอีกฝ่ายได้บ้างว่า ต้องการมาพบแค่วิรัลจริง ๆ โดยไม่มีจุดประสงค์อื่นใดแอบแฝง

    “ถ้าเขาไม่ใช่วกะก็คงดี...”

    พิชญ์พึมพำกับตัวเอง เรื่องความรักของเพศเดียวกันเขายังพอพูดเกลี้ยกล่อมให้ท่านย่าของวิรัลซึ่งเป็นนายหญิงของเขายอมรับได้ แต่เรื่องวิรัลรักชอบกับพวกวกะรับรองว่าหากท่านย่าของเด็กหนุ่มรู้เข้า เผลอ ๆ วิรัลก็จะได้ถูกพาไปกักตัวอยู่ในที่ลับตาจากผู้คนอีกครั้งเป็นแน่  เพราะประมุขคนก่อนซึ่งเป็นลูกชายแท้ ๆ ของนาง และเป็นบิดาของวิรัล ก็หายสาบสูญ ไม่พบศพ เพราะการทำสงครามกับพวกวกะนั่นเอง



     พอตอนเช้าวิรัลก็รีบลงไปขอโทษพวกมโคที่เขาทำให้หลับไปเมื่อวาน ซึ่งแต่ละคนก็โกรธเด็กหนุ่มไม่ลง โดยเฉพาะมโคตนที่วิรัลช่วยห้ามไม่ให้ธามทำร้าย  ก็ยิ่งต้องขอบคุณเด็กหนุ่มแทนด้วยซ้ำ

    “ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก...ฉันสัญญา”

    วิรัลบอกแล้วโค้งให้ทุกคนที่เขาให้พิชญ์เรียกมาพบ ทำเอาแต่ละคนรีบโค้งรับแทบไม่ทัน

    “เอาล่ะ ๆ พวกนายไปทำงานกันต่อได้แล้ว ส่วนท่านก็ไปพักผ่อนต่อเถอะครับ”

    พิชญ์ตัดบท แล้วให้มโคตนอื่น ๆ แยกย้ายไป  โดยนึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่วิรัลนั้นเลือกมาขอโทษลูกน้องด้วยตัวเอง เพราะการกระทำเช่นนี้จะช่วยซื้อใจลูกน้องไม่ให้หนีหาย และพร้อมจะเสี่ยงชีวิตรับใช้ผู้เป็นนายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

     “ท่านวิรัลครับ ... มีอะไรหรือครับ”

    พิชญ์ถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มยังคงยืนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่ยอมไปไหน

    “คือ...ช่วงนี้ฉันไปเดินเล่นในหมู่บ้านไม่ได้ใช่ไหม...”

    วิรัลเปรยขึ้น ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบรับทันที

    “ก็เพราะอย่างนั้น...ฉันเลยเบื่อมาก...แล้วนายก็ไม่มีอะไรให้ฉันช่วยเลย...ไหนเคยบอกว่าจะเริ่มสอนฉันเกี่ยวกับเรื่องงานของบริษัทบ้างยังไงล่ะ”

    พิชญ์ขมวดคิ้วนิด ๆ แต่ก็ยังคงพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ

    “ใช่ครับ ผมเคยพูดแบบนั้น และก็ยินดีมากด้วยที่ท่านสนใจงานของบริษัทขึ้นมาแบบนี้”

    “ก็นั่นล่ะ ...แต่ฉันเล่นคอมไม่เป็นเลยสักนิดนะ!”

    วิรัลรีบบอก ทำเอาคนฟังชะงักแล้วขมวดคิ้วอย่างแปลกใจอีกครั้ง จนเด็กหนุ่มต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอ เพราะตนนั้นดันเผลอรีบร้อนบอกความต้องการเร็วเกินไปหน่อย

    “เอ่อ...ก็ถ้าจะเรียนงานเกี่ยวกับบริษัท ก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์ใช่ไหมล่ะ...แล้วที่สำคัญ ฉันก็อยากลองเล่นคอมพิวเตอร์ที่ว่าดูบ้าง...มันมีเกมสนุก ๆ ให้เล่นเยอะไม่ใช่หรือ...”

    วิรัลอ้อมแอ้มบอก พร้อมกับอ้างเรื่องเล่นเกมมาบังหน้า แม้จะรู้สึกอายมากก็ตามที

    “อ้อ...อย่างนี้นี่เอง”

    พิชญ์พึมพำ แล้วยกยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกเอ็นดูขึ้นมาแทน

    “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมหาโน้ตบุคมาให้ท่านหัดใช้ และหัดฝึกพิมพ์ง่าย ๆ ก่อนดีไหมครับ ...พิชาน อยู่แถวนี้ไหม!”

    ขาดคำของพิชญ์ ลูกน้องคนสนิทของอีกฝ่ายก็เดินเข้ามาในห้องนั้นทันที เจ้าตัวยืนรอรับคำสั่งก่อนจะชะงักนิด ๆ เมื่อได้ยินชายหนุ่มเอ่ยขึ้น

    “เดี๋ยวให้คนจัดเตรียมโน้ตบุคมาสักเครื่อง แล้วนายก็รับผิดชอบสอนท่านวิรัลให้ที ...เพราะกลางวันนี้ฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอกสักหน่อย”

    “ง่า...ครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องทางนี้เองครับ”

    พิชานรับคำ แล้วหันไปมองวิรัลที่กำลังยิ้มกว้างอย่างยินดี เขายิ้มน้อย ๆ ตอบ แม้จะแปลกใจว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงเพิ่งจะมาอยากเรียนคอมพิวเตอร์เอาเสียตอนนี้ ทั้งที่วันแรกพอมาถึง พิชญ์ลองเสนอเรื่องนี้ขึ้น แต่เจ้าตัวกลับเบ้หน้าใส่แล้วบอกว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีด้วยซ้ำไป

       
…TBC…





คู่รักคู่นี้เจอกันได้แป๊บ ๆ ก็ต้องจากกันอีกแล้ว แต่ก็ทำให้พิชญ์เริ่มเห็นใจและใจอ่อนล่ะนะ (ยกความดีให้ลูกอ้อนของน้องกวางน้อย)  และแล้วตอนนี้น้องม่านฟ้าก็ยังไม่โผล่สักที --   แต่เดี๋ยวก็คงมีโอกาสมีบทกับเขาบ้างล่ะนะคะ ส่วนตัวละครอื่น ๆ ก็จะทยอยกันออกมาเรื่อย ๆ เองล่ะค่ะ แต่รับรองว่าจะพยายามใช้ชื่อให้สั้น ๆ จำง่าย ๆ นะคะ ^^


ป.ล. แอบคิดอยากเขียนฉากที่ให้น้องกวางกับพี่หมาป่าเขาแชทผ่านกล้อง แล้วเปลื้องทีละชิ้น หน้ากล้อง โชว์กัน  ...แต่คิดไปคิดมา อย่าดีกว่า -*- เดี๋ยวจะโดนนายพิชญ์ตบบ้องหูคนเขียนเอา หุ ๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 19-11-2012 22:45:20
หุหุ รักข้าทเผ่าพันธุ์ มันก้อต้องมีอุปสรรคอะนะ ว่าแต่พ่อของวิรัลไม่ใช่ไปรักกับพวกวกะนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 19-11-2012 23:07:38
หุหุ กวางน้อยจะเริ่มหัดเล่นคอมฯแล้ว
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 19-11-2012 23:19:42
แอร๊ยยยย โรมิโอ จูเลียต มาลักลอบพบกันแป๊ปๆ


ยังดีที่เป็นสมัยนี้ ได้ สไกป์ กันผ่านกล้อง



อยากให้ เจอกันนานกว่านี้จัง  :m15:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 19-11-2012 23:32:18
เอาใจช่วยยยยยยยยยยย  :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-11-2012 01:21:37
Video call


 :z1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 20-11-2012 02:18:42
พิชญ์จะไปพบธามใช่หรือเปล่า จะไปพูดอะไรกับธามกันนะนั่น พ่อของวิรัลไม่ใช่หายไปอยู่กับพวกของธามหรอกนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 20-11-2012 12:16:04
น่าสงสัยหลายอย่างแต่ก็หน้าติดตามมากครับพระเอกนายเอกเขาเหมาะกันดีหื่นทั้งคู่
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 20-11-2012 13:07:41
ความรัก ต่างเผ่าพันธุ์ช่างมีอุปสรรค พยายามเข้านะ สู้ๆๆ

เจ้ากวางน้อย กับ หมาป่าสีเงิน  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: mnara ที่ 20-11-2012 13:10:23
เมื่อไหรพระเอกกับนายเอกของเราจะได้คุยกันมากกว่านี้นะ :serius2:
จะรอต่อไป :bye2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 20-11-2012 13:11:14
กวางน้อยน่ารักเนอะ
อ้อนซะพิชญ์แทบจะไปไม่เป็น

เป็นไปได้หรือเปล่าว่า ท่านย่าของวิรัลก็เป็นคนรู้เรื่องลูกชายตัวเองกับวกะอะ

เลยปล่อยให้ไปอยู่ด้วยกันแล้วเงียบหายไป ><
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-11-2012 13:42:42
จะต้องเจ็บอีกสักเท่าไรกว่าจะได้รักกัน
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 20-11-2012 19:00:00
  “เด็กไม่ดี...เธอทำให้ฉันไม่อยากจะกลับไปแล้วนะ...”

ชอบประโยคนี้มากกกกกก  :o8: :o8:
555555555555555

ทำไมอุปสรรคมันเยอะจังเลยยย สงสารพี่หมากับน้องกวาง TT
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 21-11-2012 00:33:03
เรื่องนี้สนุกอ่ะ ลุ้นดี ว่ากวางน้อยกับธาม
จะฝ่าฟันอุปสรรคอย่างไง  o13
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: zetsubo ที่ 22-11-2012 01:15:27
กรี๊ดด จะเป็นอย่างไรต่อไปน้า >0< น้องกวางจะคุยกันอย่างไร แล้วพิชญ์จะคู่กับใครกัน 55555

อยากอ่านต่อแล้วอะ >0<
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 22-11-2012 10:04:48
น่ารักมากเลย อยากให้อยู่ด้วยกันนานๆจังเลยค่ะคนเขียน o18
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 22-11-2012 12:34:15
รักข้ามเผ่าพันธุ์ ยุคไซเบอร์ อิอิ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 22-11-2012 14:10:00
 :sad4: :sad4:

ทำไม พระ นาย เรามันเจอกันแบบแวบ ตลอดเลยอะ
ตั้งแต่ต้นเรื่องละ

หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 22-11-2012 14:56:10
เพิ่งมาอ่านครั้งแรก ยังอ่านไม่จบแต่อยากเม้นก่อน
สนุก น่าติดตามมากค่า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 22-11-2012 15:36:10
อ่านจบแล้ววว
ฮือดราม่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 5 :: P.3 วันโพส 19/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 22-11-2012 17:42:57
อ่า หวังว่าจะไม่มีดราม่านะ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 23-11-2012 18:38:00

ขออภัยที่หายไปนานหลายวันนะคะ พอดีมีโปรเจ็กต์เร่งด่วน(แต่งตอนพิเศษเรื่องอื่น) ขัดเข้ามาจึงทำให้ต้องหายไปจัดการให้เรียบร้อย พอว่างแล้วจึงมาต่อตอนที่ 6 ให้อ่านกันค่ะ ...ตอนนี้มีตัวละครใหม่โผล่มาด้วยค่ะ เดากันได้ไหมเอ่ยว่าน่าจะเป็นใคร หุ ๆ

ติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ ^^
------------------------------------


/6




     ธามที่นั่งทำงานอย่างอารมณ์ดีในห้องทำงาน ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อมีเบอร์ไม่คุ้นเคยโทรเข้ามาในมือถือของเขาเวลานี้

    “สวัสดีครับ ผมธามพูด”

    “...สวัสดีคุณธาม ฟังเสียงแล้วดูสบายดีนะครับ หลังจากมาก่อกวนให้ชาวบ้านเขาไม่ได้หลับได้นอนกันแบบนั้น”

    พิชญ์ที่โทรเข้าไปเอ่ยทักทายอย่างติดหมั่นไส้ เพราะถึงยังไงเขาก็ยังคงไม่สบอารมณ์เรื่องที่นายน้อยของเขาดันไปหลงเสน่ห์พวกวกะอยู่ดี

     “หือ...นาย...พี่เลี้ยงของวิรัลหรอกหรือ”

    พิชญ์เม้มปากน้อย ๆ ที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อว่าที่ประมุขของตนห้วน ๆ แบบนั้น แต่ก็จำข่มความไม่พอใจ และเอ่ยออกไปในสิ่งที่ต้องการ

    “ผมอยากจะตกลงอะไรบางอย่างกับคุณเรื่องท่านวิรัล...หวังว่าคงจะมาพบกันได้นะครับ”

    ธามเลิกคิ้วนิด ๆ เขาเหลือบมองชาครที่ขมวดคิ้วยุ่ง และสั่นศีรษะเป็นเชิงให้เขาปฏิเสธ เพราะเกรงว่าจะเป็นแผนล่อเจ้านายของเขาให้ไปติดกับนั่นเอง

    “อืม...แล้วจะนัดเจอกันแถวไหนล่ะ”

    ทว่าธามกลับสอบถามสถานที่นัดกับอีกฝ่าย ทำให้ชาครต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเอือมระอา

    “ที่สวนสาธารณะ... ตอนเที่ยง คุณโอเคไหม”

    พิชญ์บอกชื่อสวนสาธารณะในเมืองหลวงมาแห่งหนึ่ง ทำให้ธามนิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนจะตอบตกลงกลับไป

    “โอเค...งั้นตอนเที่ยงเดี๋ยวพบกัน ฉันติดต่อกับนายได้ที่เบอร์นี้ใช่ไหม”

    “ครับ...”

    พิชญ์รับคำสั้น ๆ แล้ววางสายไปในทันทีโดยไม่พูดอะไรอีก ทำให้คนที่คุยด้วยยกยิ้มน้อย ๆ ต่อความไม่ค่อยเป็นมิตรของอีกฝ่ายนัก

    “มันอาจจะเป็นกับดักก็ได้นะครับท่านธาม!”

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาควรจะเลือกสถานที่อื่นที่มันเอื้ออำนวยมากกว่านี้... อย่ากังวลเลยน่าชาคร ฉันไม่เสียท่าง่าย ๆ นักหรอก ...อีกอย่างถ้าเขาเป็นคนที่เด็กคนนั้นรักมาก ๆ เขาก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกของทั้งฉันและเด็กคนนั้นดีล่ะนะ”

    ธามสรุปตัดบทแล้วอมยิ้มน้อย ๆ อย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกถึงเรื่องของวิรัลเมื่อคืน ที่เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายจูบลาเขาก่อน

    “ผมก็ภาวนาให้มันไม่เกิดเรื่องล่ะนะครับ”

    ชาครพึมพำ เพราะแค่การที่ธามถูกใจวิรัล พวกเขาก็เท่ากับเพิ่มอันตรายให้ตัวเองมากขึ้น ทั้งจากวกะกลุ่มอื่นที่คอยจ้องหาจุดอ่อนเพื่อกำจัดธาม และจากพวกมโคที่ไม่ยอมรับในตัววกะเช่นพวกเขา

     จากนั้นธามก็นั่งทำงานอยู่สักพัก และพอใกล้ถึงเวลานัด เขากับชาครจึงเดินทางไปพบกับพิชญ์ที่รออยู่ทันที



    “รถเยอะจริง ๆ นะครับถนนเส้นนี้”

    ชาครซึ่งขับรถอยู่บ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด เพราะปกติคอนโดของธามกับที่ทำงานของชายหนุ่มจะอยู่ไม่ห่างกันเท่าใด เขาถึงไม่ค่อยจะเจอเรื่องหัวเสียอย่างเรื่องรถติดและปัญหามลพิษหนาแน่น เท่าที่ควรนัก

    “คงเพราะประชากรมนุษย์มากขึ้นล่ะมั้ง ...น่าจะจัดมหกรรมล้างเผ่าพันธุ์กันสักรอบ จะได้เหลือน้อย ๆ ลงหน่อย”

    ธามเปรยติดขำอย่างไม่คิดจะจริงจังอะไรนัก เพราะถึงยังไงมารดาของเขาก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน

    “มีบางเผ่าก็กำลังคิดแบบนั้นจริง ๆ นะครับ...แต่ต่างกันตรงที่เป้าหมายหลักของพวกมันก็คือ ต้องการกำจัดพวกอมนุษย์ด้วยกันให้หมดสิ้นไปก่อน แล้วจะได้เริ่มไล่ล่าและปกครองมนุษย์ให้อยู่ในอาณัติของพวกมันแทน”

    ชาครเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทำให้คนที่นั่งอยู่เบาะหลังชะงักนิด ๆ

    “พวกครุโฬน่ะหรือ...”

    “ครับ...พวกนกปีศาจนั่น แม้จะมีประชากรในเผ่าไม่มากนัก แต่พวกมันแต่ละตนล้วนแข็งแกร่ง ทั้งเพศเมียและเพศผู้ แม้กระทั่งเด็ก ก็ล้วนเกิดมาเพื่อเป็นผู้ล่าโดยแท้”

    “แต่ล่าแบบสะเปะสะปะ ก็อาจจะโดนจับเด็ดปีกเอาได้สักวันล่ะนะ”

    ธามเอ่ยอย่างเย้ยหยัน เพราะเขาเองก็รู้ดีว่าพวกครุโฬทุกตน ล้วนหยิ่งทะนงตัว และเชื่อมั่นในฝีมือตนเองเพียงใด แต่เขาก็เคยเห็นพวกที่เป็นแบบนั้นต้องพบกับความล้มเหลวมานักต่อนักแล้ว เพราะยิ่งแข็งแกร่งเท่าใด ก็ยิ่งประมาทมากเท่านั้นนั่นเอง

    “เฮ้ย!!”

    จู่ ๆ ชาครก็อุทานด้วยความตกใจ เมื่อรถยนต์สีดำคันหนึ่งปราดขึ้นมาแซงหน้าเขาในจังหวะที่มีรถว่างด้านหน้า จนชาครเหยียบเบรกไม่ทัน ทำให้ชนท้ายอีกคันที่แซงมาเข้าให้

    “ขับรถภาษาอะไรวะ!”

    ชาครจอดรถแล้วเปิดประตูลงมาดูรถอย่างหงุดหงิด มันไม่ได้บุบสลายอะไรมาก เพราะรถค่อนข้างแน่นหนาทำให้ชาครขับไม่เร็วเท่าใดนัก จึงทำให้การปะทะเบาลงกว่าที่ควรจะเป็น

    “...ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เกิดการเสียหายเช่นนี้ เอาเป็นว่าดิฉันยินดีจะชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้นทุกประการนะคะ”

    เสียงใสไพเราะดังขึ้นพร้อมกับร่างของเด็กสาวแสนสวย ซึ่งเปิดประตูก้าวเท้าลงมาจากรถ  ผิวกายของเธอขาวเนียนใสกระจ่างสะดุดตา ผมยาวสลวยดำขลับ และมีท่าทางสง่างามราวกับคุณหนูตระกูลใหญ่โตที่ไหนสักแห่งเลยทีเดียว

    “เธอ...เอ่อ คุณเป็นคนขับ?”

    ภาครเปลี่ยนสรรพนามเรียกอีกฝ่าย เพราะท่าทางที่ดูสุภาพมีมารยาททุกกระเบียดนิ้วนั่น ทำให้เขารู้สึกว่าเจ้าหล่อนน่าจะมีสถานภาพค่อนข้างสูงส่งผิดจากคนธรรมดาทั่วไป

    “ใช่ค่ะ...ขออภัยด้วยจริง ๆ นะคะ ดิฉันยินยอมชดใช้ในทุกสิ่งถ้าจะทำให้คุณอภัยและใจเย็นขึ้นค่ะ”

    เด็กสาวบอกแล้วยิ้มหวานให้ ก่อนจะชะงักเล็กน้อย เช่นเดียวกับอีกฝ่าย 

    “กลิ่นในเมืองนี่แย่จังนะคะ กลบกลิ่นดี ๆ กลิ่นอื่นไปหมดเชียว”

    เด็กสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าถือขึ้นมาปิดจมูกของเธอแล้วขมวดคิ้วนิด ๆ เช่นเดียวกับคนที่จมูกดีเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ก็ยังคงต้องพ่ายแพ้ต่อกลิ่นควันรถไอเสียและมลพิษทั้งหลาย จนแทบจะแยกกลิ่นอื่นนอกจากนั้นไม่ออก ทว่าเขากลับได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้าย ๆ กลิ่นธรรมชาติให้ได้กลิ่นใกล้ ๆ นี้เช่นเดียวกัน

    “ยังดีนะคะที่ในเมืองหลวงพอจะมีธรรมชาติให้เหลือสัมผัสได้บ้าง...อ้อ คือดิฉันเพิ่งจะกลับมาจากไปเดินเล่นในสวนสาธารณะแถวนี้เองค่ะ”

    เด็กสาวเปรยกับตัวเองแล้วอธิบายให้อีกฝ่ายซึ่งทำหน้างุนงงเข้าใจ ซึ่งชาครเองก็พยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ และสรุปว่าตนอาจจะคิดไปเองก็เป็นได้ จากนั้นทั้งสองคนก็คุยตกลงกันถึงความเสียหายจากอุบัติเหตุ  ด้านชาครเช็คสภาพรถของเขาและของเด็กสาวคร่าว ๆ ก็เห็นว่าไม่น่าจะต้องเสียเวลาเรียกประกันอะไรให้ยุ่งยาก และธามเองก็เร่งให้ไปต่อ โดยไม่ต้องไปใส่ใจอะไรมากมาย

     เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ชาครจึงเอ่ยลาเด็กสาว และเตรียมจะขึ้นรถขับไปต่อ ทว่าเขาก็ต้องขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อสุภาพสตรีคนงามกระชากรถ ขับแล่นออกไปด้วยความเร็วสูงเมื่อเห็นว่าเป็นสัญญาณไฟเขียว โดยขับฉวัดเฉวียนแซงซ้ายป่ายขวา เรียกเสียงเบรกดังเอี๊ยดไปทั่ว จนชาครคิดว่าอาจจะได้เกิดการชนอีกรอบก่อนที่เจ้าหล่อนจะกลับถึงบ้านเสียก่อนก็ได้



    “ติดใจหรือไง...เธอเองก็สวยดีเสียด้วยนะนั่น”

    ธามเอ่ยแซวลูกน้องคนสนิท ที่ดูเหมือนตอนนี้ก็จะยังคงคิดถึงสาวน้อยผู้นั้นอยู่บ้างนิด ๆ

    “ปะ...เปล่านะครับ! ...แค่เป็นห่วงว่าเธอจะขับรถกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยได้ไหมก็แค่นั้นล่ะครับ”

    ชาครบอกไปตามตรง ทำให้ธามชะงักก่อนจะหลุดขำออกมา เพราะเห็นฝีมือปาดแซงของเจ้าหล่อนแล้ว มันน่าชวนให้ไปขับตามสนามแข่งรถเสียมากกว่า

    “อืม...แต่ถึงยังไง เธอคนนั้นก็เป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าสวย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของจริงเลยล่ะนะ... แต่ก็นั่นล่ะ ยังสู้กวางน้อยที่น่ารักของฉันไม่ได้อยู่ดี”

    ชาครยิ้มเจื่อน ๆ พลางเหลือบมองเจ้านายของตนผ่านกระจกมองหลังรถ อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังตกหลุมรักกับเด็กหนุ่มต่างเผ่าเข้าเต็มเปา ... ก่อนหน้านั้นชาครไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิต หรือเรื่องคู่แท้มาก่อน แต่พอเห็นผู้เป็นนาย ก็ทำให้เขาเริ่มเชื่อว่า เรื่องพวกนั้นมันก็คงมีเค้าความจริงอยู่บ้างเป็นแน่

   

    และเมื่อถึงที่นัดหมาย ธามก็โทรหาพิชญ์ทันที  ทางด้านชาครสูดลมหายใจเอากลิ่นธรรมชาติเข้าปอดเบา ๆ และคิดว่าหากนายของเขา มาธุระละแวกนี้บ่อย ๆ เขาคงต้องหาที่ปิดจมูกมาสวมแทนเป็นแน่ 

    “โอเค...ชาครตามมานี่ หมอนั่นเขาบอกว่าเขาอยู่...”

    ธามชะงักคำพูดค้างไว้ แล้วก็อมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นลูกน้องคนสนิททำจมูกฟุดฟิด แล้วหันหน้าไปมองยังทิศที่เขากำลังจะบอก

    “ฉันเองก็ลืมไปว่านายจมูกดี...”

    “แต่ถ้าอยู่ท่ามกลางรถติดแบบเมื่อครู่ ดีแค่ไหนก็แทบแยกแยะกลิ่นไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะครับ”

    ชาครบอกตามมา ทำให้ธามหัวเราะเบา ๆ ในลำคอแล้วเอ่ยขึ้น

    “เอาน่า...คงไม่ต้องเจอแบบนั้นบ่อย ๆ หรอก ฉันก็ไม่ชอบรถติดเหมือนกันนั่นล่ะ”

    จากนั้นธามจึงสั่งให้ชาครนำเขาไป เพราะดูท่าทางจะถึงจุดหมายได้แม่นยำกว่าเดินหาไปเองเรื่อย ๆ แน่

   

    พิชญ์มองชายสองคนที่เดินเข้ามาหาเขา ชายหนุ่มพยักหน้าทักทายเล็กน้อย ด้วยใบหน้าขรึม ๆ  ส่วนธามนั้นยิ้มตอบอย่างไม่นึกสนใจสีหน้าของอีกฝ่ายเท่าใดนัก

    “ตกลงเรียกฉันมานี่มีธุระอะไร คงไม่ใช่จะบอกว่าให้ฉันเลิกเข้าไปหานายน้อยของนายสักทีหรอกนะ”

    พิชญ์เม้มปากนิด ๆ ก่อนจะย้อนกลับไป

    “แล้วถ้าผมพูดแบบนั้นล่ะ คุณจะเลิกไปหาท่านวิรัลไหม”

    “หึ ๆ ฉันว่าคำตอบนั้นนายก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

    พิชญ์ทำเสียงฮึในลำคอ แล้วจึงเปรยหยัน

    “ใช่สิ…พวกวกะก็แบบนี้ล่ะ พูดคุยภาษามนุษย์กับเขาไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เอะอะก็ดีแต่ใช้กำลังอย่างเดียว”

    “นี่นาย!”

    ชาครแทรกขัดอย่างโมโหที่เจ้านายของเขาถูกต่อว่าซึ่งหน้าเช่นนี้

    “ใจเย็น ๆ ชาคร ฉันไม่ถือสาอะไร... เพราะปกติมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว”

    ชาครสบถเบา ๆ ทว่าพิชญ์ก็ยังคงเชิดหน้าไม่หวั่นเกรง แม้ว่าเขาจะมาเพียงลำพัง และมีวกะที่สามารถทำอันตรายเขาอยู่ตรงหน้าถึงสองตนก็ตาม



    “แล้วตกลงนายจะคุยเรื่องอะไรกันแน่ คงสำคัญพอดูสินะ ถึงได้เรียกฉันมาพบแบบนี้”

    ธามตัดบทเข้าเรื่องราว เพราะมั่นใจว่าพิชญ์ต้องเรียกเขามาพูดคุยเรื่องสำคัญเกี่ยวกับวิรัลเป็นแน่

    “...ผมไม่อยากให้มีการประสาทเสียเฝ้าระวังภัยแบบที่เกิดขึ้น และไม่อยากให้ท่านวิรัลต้องกระโจนเข้าร่วมอย่างเหตุการณ์เมื่อคืนด้วย ...มันอันตรายกับท่านวิรัลเกินไป ถ้าคนที่มาไม่ใช่แค่พวกคุณ แต่มีวกะกลุ่มอื่นสะกดรอยมาด้วย”

    ธามนิ่งเงียบรับฟังอย่างไม่คิดจะขัดเย้าแหย่ เพราะเรื่องที่พิชญ์พูดก็มีเหตุผลพอสมควร

    “พวกฉันมั่นใจว่า ยังไม่มีวกะตนใดรู้เรื่องหมู่บ้านของพวกนายหรอกนะ”

    “แต่การมาเยือนของคุณจะทำให้พวกนั้นรู้แน่ในสักวัน ...อย่าบอกผมนะ ว่าคุณไม่มีศัตรูคอยลอบเล่นงานกับเขาบ้างเลยน่ะ”

    พิชญ์แย้งแล้วจ้องอีกฝ่ายนิ่งด้วยสีหน้าจริงจังขึงขัง จนธามต้องถอนหายใจเบา ๆ

    “แล้วจะเอายังไง ...ฉันห้ามใจตัวเองไม่ให้พบเขาไม่ได้หรอกนะ”

    พิชญ์ชะงักเขาสบถเบา ๆ อย่างหงุดหงิด เพราะรู้ดีว่าไม่เพียงแต่ธาม วิรัลเองก็ต้องการพบกับธามอยู่ทุกเมื่อเช่นกัน แต่เขาก็ไม่อยากให้นายน้อยของตัวเองต้องเสี่ยงมากกว่านี้

    “ผมไม่ต้องการให้คุณมาหาท่านวิรัลถึงฐานที่มั่นของพวกเรา มันเสี่ยงกับท่านวิรัลและมโคทุกตนจนเกินไป ...แต่ถ้าคุณยังจะรั้นมาอีก คุณอาจจะได้เห็นท่านวิรัลอีกเป็นครั้งสุดท้าย และไม่มีโอกาสได้เจอท่านอีกแล้วก็เป็นได้”

    ธามชะงักแล้วจ้องพิชญ์ด้วยแววตาแข็งกร้าวเป็นครั้งแรก

    “นายจะทำอะไรวิรัล!”

    “ไม่ใช่ผม ...แต่เป็นท่านย่าของท่านวิรัล ถ้าคุณยังมายุ่มย่ามกับท่านวิรัลถึงหมู่บ้านของเราอีก ผมจะรายงานท่านย่าของท่านวิรัล ซึ่งเป็นนายหญิงผู้ครองอำนาจแท้จริงของเผ่า และแน่นอนว่าท่านวิรัลจะต้องถูกนำตัวไปกักขัง และดูแลราวไข่ในหินอีกครั้ง ...ถึงผมจะรู้สึกเจ็บปวดที่จะต้องทนเห็นท่านวิรัลเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าเทียบกับความปลอดภัยของท่านวิรัลแล้ว ผมก็คงต้องเลือกหนทางนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

    ธามขบกรามแน่น นับตั้งแต่ตอนที่ธามเสียมารดาไป นี่เป็นครั้งแรกของชาครที่เห็นนายของเขาโมโหเช่นนี้ เขามองพิชญ์ที่ยังคงยืนสงบนิ่งดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้า จากนั้นหมาป่าหนุ่ม จึงขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่ขึ้นมาบ้าง

    “นายห้ามไม่ให้ท่านธามไปหาเจ้านายของพวกนายที่หมู่บ้าน...แต่ไม่ได้หมายความว่า จะห้ามไม่ให้พวกเขาพบกันเลยสินะ...ใช่ไหม”

    พิชญ์ชะงักแล้วจึงหันมามองชาคร ทั้งคู่ประสานสายตากันสักพัก แล้วพิชญ์จึงเป็นฝ่ายพยักหน้าตอบรับค่อย ๆ

    “ใช่...แต่การพบกันของพวกเขา ก็ต้องอยู่ในสายตาของพวกฉันด้วย”

    ธามมองพิชญ์อย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยินยอมให้เขากับวิรัลพบกันง่าย ๆ เช่นนี้

    “ผมบอกตามตรง ...ผมเคยคิดจะพยายามขัดขวางทุกวิถีทางให้ท่านวิรัลไม่พบคุณและลืมคุณไปเอง เพื่อความปลอดภัยของท่านวิรัล ...แต่ผมก็ทนไม่ได้ ที่จะต้องเห็นท่านวิรัลที่อมทุกข์และไม่มีความสุขแบบทุกวันนี้  ...ผมเกลียดจนอยากจะฆ่าคุณถ้ามีโอกาสทำได้ ...และแน่นอน ผมจะไม่รีรอเลยเมื่อโอกาสนั้นมาถึง ...แต่นั่นต้องหมายถึงท่านวิรัลมีใครอีกคนในใจขึ้นมาพอที่จะลืมคุณได้เสียก่อน...ซึ่งผมเชื่อว่าอีกไม่นานนัก มันจะเป็นอย่างนั้น!”

    ธามขมวดคิ้วมองพิชญ์นิ่งอย่างสงสัย อีกฝ่ายพอเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นต่อ

    “ท่านวิรัลจะหมั้นในไม่ช้านี้ คู่หมั้นของท่านวิรัลเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมและดีพอที่จะทำให้จิตใจของท่านวิรัลหวั่นไหวได้ ...ที่ผมบอกคุณเรื่องนี้ เพราะอยากให้คุณเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้าด้วย  และผมหวังว่า คุณคงจะไม่ใช้วิธีขี้ขลาดลักพาตัวท่านวิรัลไปหรอกนะ... ผมเชื่อในความรักของคุณ แต่ผมไม่เชื่อว่าคุณจะดูแลปกป้องท่านวิรัลได้ ตราบใดที่คุณยังคงเป็นพวกวกะ และพร้อมจะลงสังเวียนช่วงชิงตำแหน่งประมุขของเผ่าอยู่ตลอดเวลา เหมือนดังที่คุณเป็นอยู่!”

    คำพูดของพิชญ์ทำให้ธามและชาครนิ่งอึ้งไป เพราะนั่นหมายถึงพิชญ์รู้เรื่องของพวกเขาเป็นอย่างดี  มันทำให้ธามต้องครุ่นคิดหนัก เพราะกวางหนุ่มนั้นคล้ายจะให้เขาเลือกกลาย ๆ ว่า หากเขาเลือกวิรัล เขาก็ต้องทิ้งเผ่า และหากเขาเลือกตำแหน่งประมุข เขาก็ต้องทิ้งวิรัล

    “ไว้ถ้าคุณต้องการพบท่านวิรัลก็ติดต่อผ่านผมมาอีกที ผมจะเป็นฝ่ายนัดเวลาและสถานที่ให้เอง”

    พิชญ์เอ่ยทิ้งท้าย และขอตัวกลับไปก่อน ทิ้งให้ธามยืนทอดถอนหายใจยาวอยู่แถวนั้น ด้านชาคร ยืนมองผู้เป็นนายอย่างนึกห่วง เพราะเขารู้ดีว่า สำหรับลูกครึ่งมนุษย์อย่างธาม ตำแหน่งประมุข คือสิ่งที่จะแสดงตัวตนและจุดยืนในฐานะวกะตนหนึ่งของเผ่า ธามเฝ้ารอเวลานี้มาตลอดตั้งแต่มารดาของเขาเสียชีวิตไป และตอนนี้ชายหนุ่มก็มีโอกาสมากพอ ที่จะช่วงชิงตำแหน่งประมุขมาเป็นของตนแล้ว

    “ฉันรักเด็กนั่น...แต่ฉันก็ทิ้งความฝันของตนเองไปไม่ได้...ฉันสัญญากับศพของแม่ไว้แล้วว่า จะต้องเข้มแข็ง และแข็งแกร่งขึ้น… เพื่อการนั้น ฉันจะต้องเป็นประมุขของเผ่าให้ได้!”

    ธามพึมพำมุ่งมั่นกับตัวเอง จนชาครนึกสงสารผู้เป็นนายจับใจ แต่เขาเองก็ไม่ได้โกรธเกลียดทางด้านพิชญ์ที่บีบให้นายเขาต้องเลือกแต่อย่างใด มองตาอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่า มีความภักดีและพร้อมยินดีถวายชีวิตให้กับผู้เป็นนายได้ทุกเมื่อ ไม่แตกต่างจากเขาเลยด้วยซ้ำ


....TBC ...
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ryokijung ที่ 23-11-2012 19:08:43
 :3123:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 23-11-2012 20:21:24
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:


หนทางช่างมืดมน คุณหนูคนสวยคนนั้นคงเป็น คู่หมั้นคนสวยของน้องซินะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 23-11-2012 20:52:40
เฮ้อออ สงสารกวางน้อยของช้านนนน

แต่พิชญ์ก็ยังใจดีละเนอะ

ผู้หญิงคนเมื่อกี้ จะใช่ ม่านฟ้าหรือเปล่าน้า

เฮ้ออ ถอนหายใจ ทางรักของธามกับวิรัล ลำบากจังน้า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 23-11-2012 20:56:45
 :เฮ้อ: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 23-11-2012 20:59:59
อุปสรรคทำให้รักกันยิ่งขึ้น
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 23-11-2012 21:00:40
 :sad4: :sad4:

คู่หมั้นกวางน้อยแน่ๆเลย

ขับรถซะ น่ากลัวเชียว วว ...
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 23-11-2012 21:09:46
เรื่องกำลังน่าติดตามเลยค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 23-11-2012 21:12:44
รักนี้ชางมีแต่อุปสรรค เหอะๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 23-11-2012 21:13:24
ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นม่านฟ้าใช่หรือเปล่า  พิชญ์มั่นใจได้ยังไงว่าวิรัลจะคิดเหมือนกัน แล้วธามจะำทำยังไงนะนั่น
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 23-11-2012 21:28:14
ธามหวั่นไหวแล้ว...ธามจะทิ้งน้องเร้อะ !  :z3:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 23-11-2012 21:40:05
สงสารทั้งสองคนเลย   :sad4:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-11-2012 23:02:30
โหย น่าสงสารอ่ะ ถ้ากวางน้อยรู้เสียใจแน่
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-11-2012 02:23:27
 o18
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 24-11-2012 07:31:34
เฮ้อ อุปสรรคมาแล้ว จะทำงัยต่อล่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 24-11-2012 08:46:01
 :z13: :z13:

 :monkeysad: :monkeysad:
มันลำบากแท้ๆๆ  :a6:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 24-11-2012 14:51:29
เฮ้อ เหนื่อยใจแทน
ปล.ถ้าคนเขียนมาลงทุกวันจะดีใจมาก
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 24-11-2012 17:29:17
เฮ้อ ทุกอย่างต้องมีอุปสักอยู่เสมอกว่าที่จะได้สิ่งนั้นมา ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคู่หมั่นนายเอกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-11-2012 07:45:29
ชอบครับ ขอค้างไว้ก่อน จบบทที่หนึ่งแล้ว
ขอบใจจ้า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: YAYANORITZ ที่ 25-11-2012 08:58:48
เอะใจกับชื่อเรื่อง เลยคลิกเข้าาอ่าน สนุกอะ กรี๊ดดดดดดดดดด 
รีบมาอัพเร็วๆนะ  :impress3:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 6 :: P.4 วันโพส 23/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 25-11-2012 09:51:24
ผู้หญิงคนนั้นเป็นวกะกลุ่มอื่น ไม่ก็เป็นคนเผ่าอื่นๆ อืมๆๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 25-11-2012 14:39:32


มาเยอะจุใจชดเชยตอนที่แล้วจ้า ...ตัวละครใหม่ ๆ ทยอยออกมาแนะนำตัวกันแล้วค่ะ ^^

--------------------


/7




     พิชญ์กลับมาถึงที่คฤหาสน์มฤคมาศ ก็เห็นว่าวิรัลยังคงนั่งเรียนคอมพิวเตอร์อย่างสนอกสนใจ จนน่าประหลาด

    “อ้าว กลับมาแล้วหรือพิชญ์ ดูนี่สิ พิชานเขาสอนฉันให้เล่นเน็ตด้วยล่ะ สนุกดีนะ”

    วิรัลอวดให้อีกฝ่ายเห็นหน้าจอที่เขาเข้าอยู่ พิชญ์ยิ้มน้อย ๆ อย่างเอ็นดู ดีใจที่เห็นวิรัลสนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของธามบ้าง

    “ส่งเมล์ก็เป็นแล้ว ...จะได้เอาไว้ติดต่อกับเขาได้...”

    วิรัลพึมพำแล้วอมยิ้ม ทว่าคนที่หูดีซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ นั้นชะงักกึก ก่อนจะจ้องอีกฝ่ายนิ่งจนวิรัลรู้สึกตัวและหันมา

    “อย่าบอกนะครับ ว่าหัดเล่นคอมเพราะต้องการคุยกับเขาคนนั้นน่ะ”

    วิรัลสะดุ้ง หน้าซีดเผือดจนน่าสงสาร ทำให้พิชญ์โกรธไม่ลง

    “ทีหลังก็บอกกันตรง ๆ สิครับ... แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องให้บุกมาถึงนี่อีก”

    วิรัลชะงักแล้วมองคนพูดอย่างแปลกใจ

    “นายไม่โกรธหรือ! แล้วอนุญาตให้เราติดต่อกันแล้วหรือ!”

    “ถ้าอยู่ในสายตาของผมก็โอเคครับ... แต่กรุณาช่วยอย่าลืมนะครับ ว่าท่านมีว่าที่คู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว”

    วิรัลกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แต่ก็รู้สึกยินดีที่พิชญ์ยอมอ่อนข้อให้เขาถึงขนาดนี้

    “ขอบคุณนะพิชญ์...รับรองว่าฉันจะไม่ทำให้นายต้องผิดหวัง”

    วิรัลพึมพำบอก ซึ่งพิชญ์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพยักหน้ารับรู้

    “ครับ...ผมก็หวังอย่างนั้น ...อ้อ...แล้วไม่อนุญาตให้ทำสิ่งไม่เหมาะสมระหว่างการติดต่อผ่านเน็ตด้วยนะครับ”

    วิรัลขมวดคิ้วอย่างสงสัย ส่วนพิชานรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทางทันที ที่วิรัลหันมาทางเขาอย่างหมายจะถามว่ามันคืออะไร

    “สิ่งไม่เหมาะสมก็พวก...เอิ่ม...เอาเป็นว่า ระยะแรกก็ให้อยู่ในสายตาผมสักหน่อยแล้วกันครับ ถ้าวางใจแล้วจะปล่อยให้คุยกันเองได้”

    พิชญ์เอ่ยตัดบทเพราะนึกกระดากปากจนเกินจะพูดออกไปได้เช่นกัน

    “เอางั้นก็ได้ ...ขอบคุณนะพิชญ์ ...อ้อ! แต่เรื่องที่คิดจะช่วยงานของบริษัท นั่นก็ไม่ได้อ้างลอย ๆ นะ ...ฉันพร้อมจะช่วยจริง ๆ ฉันคิดมานานแล้วล่ะว่าปล่อยให้นายรับผิดชอบแทนตัวเองมากไปแล้ว”

    พิชญ์มองนายน้อยของเขาอย่างรักและเคารพ ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม

    “ผมยินดีทำเพื่อท่านเสมอครับ”

    วิรัลยิ้มตอบ ดีใจที่พิชญ์ไม่โกรธเขา และให้โอกาสเขาได้พบกับธามบ้าง สำหรับเขาแล้วพิชญ์นั้นถือได้ว่าเป็นคนสำคัญของเขา แม้จะไม่ใช่อย่างคนรัก แต่ก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่งทีเดียว

     

    คืนนั้นพิชญ์สอนวิธีใช้โปรแกรมติดต่อพูดคุยกันผ่านเน็ต โดยสามารถเห็นหน้าตาของคู่สนทนาได้ วิรัลตื่นเต้นมากที่ได้คุยกับธามแบบนี้ ทว่าอีกฝั่งนั้นเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเด็กหนุ่มอย่างนึกรำคาญและขัดใจ เพราะมันทำให้เขาไม่สามารถดำเนินการ ‘คุย’ กับวิรัล ได้อย่างที่เคยวางแผนไว้

    “ผมให้ลิมิตแค่ห้าทุ่มนะครับ ...ท่านวิรัลจะได้ไม่นอนดึกนัก เดี๋ยวจะเสียสุขภาพพอดี”

    ธามถอนหายใจ แล้วจึงทำเป็นไม่สนใจคนยืนอยู่ ก่อนจะพูดหวานใส่คนน่ารักของเขาแทน

    “คิดถึงมากเลยรู้ไหม ...เมื่อคืนนี้ยังฝันถึงเลย ฝันเหมือนคืนแรกที่ฝันถึงน่ะ”

    วิรัลหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทำเอาพี่เลี้ยงคนสนิทคิ้วขมวด แต่ก็ยังคงยืนฟังเฉย ๆ จนธามชักอยากจะแกล้งดูว่าอีกฝ่ายจะยืนทนฟังได้แค่ไหน

    “ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้เราจะฝันแบบเดียวกันอีกหรือเปล่านะ...ว่าไงล่ะ ของฉันน่ะฝันถึงเธอที่แปลงร่างเป็นกวางทองแสนสวย เดินมาหาฉัน แต่พอเข้ามาใกล้เธอก็กลายร่างเป็นมนุษย์... แล้วก็เข้ามากอดฉันทั้งร่างเปลือยเปล่าแบบนั้น...จากนั้นก็จับฉันถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น...แล้วก็ลงมือเล้าโลมในแบบที่ฉันเคยทำให้เธอครั้งก่อน...”

    วิรัลหน้าแดงหนักยิ่งกว่าเดิม และยังไม่ทันที่พิชญ์จะต่อว่าให้ธามหยุดพูดลามกกับนายน้อยของเขาสักที เด็กหนุ่มก็รีบปิดหน้าจอโน้ตบุคลงเสียก่อน

    “เป็นผู้ชายที่หน้าด้านไร้ยางอายสิ้นดีเลยนะครับ!”

    พิชญ์เปรยบ่นอย่างหงุดหงิด แต่วิรัลนั้นหันมามองพี่เลี้ยงของเขา แล้วบอกเสียงค่อยอย่างเอียงอาย

    “จริง ๆ เมื่อคืนนี้ ฉันก็ฝันคล้าย ๆ แบบนั้นเหมือนกัน...อ๊ะ! แต่ฉันตื่นก่อนที่จะทำอะไรกับเขานะ!”

    วิรัลรีบบอก แล้วก็หน้าแดงอีก ส่วนพิชญ์นั้นยืนนิ่งอึ้ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามมา

    “เอาเป็นว่า ถ้าอยากจะคุยต่อก็เชิญตามสบายนะครับ ...แต่ช่วยปราม ๆ ให้ทางนั้นเลิกพูดจาลามกสักที ไม่อย่างนั้นคราวหน้า ผมจะให้ส่งเมล์คุยกัน แทนที่จะได้เห็นภาพนะครับ”

    พิชญ์บอกแล้วก็เดินออกจากห้องไป วิรัลยังคงหน้าแดงด้วยความอาย จากนั้นสักพักจึงค่อย ๆ เปิดโน้ตบุคของเขาขึ้นมา

    “...ใจร้ายชะมัด จู่ ๆ ก็หนีกันไปเสียได้”

    ธามแสร้งเปรยขึ้นคล้ายว่ากำลังงอน จนวิรัลใจเสีย

    “ขอโทษครับ...ผมแค่อายเท่านั้น...ขอโทษจริง ๆ นะครับ”

    พอเห็นอีกฝ่ายรู้สึกผิดจริง ๆ ธามจึงเลิกคิดแกล้ง แล้วยิ้มน้อย ๆ ตามมา

    “ไม่ต้องขอโทษขนาดนั้น ฉันไม่ได้โกรธเธอมากมายอะไรหรอก...อ้าว แล้วพี่เลี้ยงคนเก่งเธอไปไหนเสียแล้วล่ะ”

    วิรัลชะงักแล้วจึงยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะตอบกลับไป

    “ออกไปนอกห้องแล้วล่ะครับ...แต่เขาฝากมาบอกว่า ให้พูด...เอ่อ...เรื่องพวกนั้นให้น้อยลงหน่อย...ไม่อย่างนั้นเขาจะให้ส่งเมล์คุยกันแทนครับ”

    ธามหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แต่ก็รู้สึกดีที่อีกฝ่ายก็ยังยอมอ่อนข้อและเปิดโอกาสให้เขากับวิรัลได้คุยกันลำพังเช่นนี้

    “ฉันอยากสัมผัสเธอจัง...วิรัล  เวลาอยู่กับเธอแล้วฉันรู้สึกจิตใจมันสงบ ทำให้ลืมเรื่องรกสมองทั้งหลายแหล่ ...เธอทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่กำลังมีความสุขกับรัก อย่างที่ฉันไม่เคยเป็นมาก่อน”

    “คุณธาม...”

    วิรัลพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความซาบซึ้งใจ พวกเขาคุยอะไรกันหลายอย่างทั้งเรื่องชีวิตประจำวัน และเรื่องส่วนตัวของแต่ละฝ่าย จนกระทั่งพิชญ์นั้นมาเคาะประตูเตือนให้วิรัลเลิกติดต่อกับธามได้แล้ว ทั้งคู่จึงจำต้องเลิกติดต่อกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    “แล้วเจอกันใหม่คืนพรุ่งนี้นะครับ ...ราตรีสวัสดิ์ครับ”

    “เช่นกัน...ขอให้ฝันของเธอคืนนี้มีฉันเหมือนเคยนะ”

    ธามทิ้งท้าย ซึ่งวิรัลก็หน้าแดงวาบ ก่อนจะตัดการเชื่อมต่อระหว่างกัน จากนั้นเด็กหนุ่มก็ปิดคอมและตรงเข้านอน ไม่นานนักเจ้าตัวก็หลับลงอย่างมีความสุขไปตลอดเช่นนั้นทั้งคืน

    หลังปิดโน้ตบุคของตนแล้ว ธามก็ต้องถอนหายใจเบา ๆ อย่างสับสน ยิ่งได้พูดคุย ได้เห็นหน้าวิรัลเช่นนี้ แม้จะไม่ได้สัมผัสโดยตรง แต่เขาก็รู้สึกเป็นสุขใจขึ้นมาไม่น้อย ความคิดที่อยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเด็กหนุ่ม โดยทิ้งเผ่าวกะไว้เบื้องหลัง แวบผ่านเข้ามาในสมอง ก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามสลัดมันทิ้งไป แล้วตัดสินใจเข้านอนทันที แม้จะใช้เวลาเป็นนาน กว่าจะหลับลงได้ก็ตาม



      เช้าวันรุ่งขึ้นวิรัลนั้นรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่งนัก เมื่อพี่เลี้ยงคนสนิทบอกกับเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นิด ๆ ว่า ธามนั้นอยากขอพบเจอหน้าวิรัล และเขาก็ได้นัดเวลา และสถานที่ให้ทั้งคู่นัดพบกันให้เรียบร้อยแล้ว

    “คนอะไรไม่รู้ได้คืบจะเอาศอก เมื่อคืนก็เพิ่งคุยเห็นหน้ากันไปแท้ ๆ ยังไม่ทันจะเช้าดีก็โทรมานัดเสียแล้ว”

    พิชญ์บ่นอุบตามมา ทำให้วิรัลต้องยิ้มเจื่อน ๆ แล้วรีบปลอบให้อีกฝ่ายคลายอารมณ์เสียลง

    “อย่าโมโหสิพิชญ์...แล้วฉันก็ต้องขอบคุณนายมากเลยนะ ที่ช่วยเหลือฉันขนาดนี้ ...ฉันมีความสุขมากเลยล่ะ”

    วิรัลบอกพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มจนพิชญ์ต้องหันมามอง เขานิ่วหน้าคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็หยุดเอาไว้ เห็นเช่นนั้นวิรัลจึงยิ้มเศร้า ๆ แล้วเอ่ยขึ้นแทน

    “ฉันรู้...ไม่ต้องห่วงนะพิชญ์ ฉันไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้หรอก ...ฉันก็แค่อยากจะเก็บเกี่ยวความสุขที่มีกับเขา มาประทับในความทรงจำของฉันก็เท่านั้น...”

    “ทำไมท่านถึงยึดติดกับเขาเพียงนั้นล่ะครับ...ท่านเพิ่งได้พบเขาแค่ไม่กี่วันเองนะครับ”

    พิชญ์เอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างยั้งเอาไว้ไม่ไหว เพราะรู้สึกสงสารนายน้อยของเขาเสียเหลือเกิน

    “บอกไม่ถูกหรอกพิชญ์...แต่แค่เพียงสบตากัน มันก็ทำให้ฉันรับรู้ว่า ต้องเป็นแค่เขาเท่านั้น เป็นแค่เขาคนเดียว ไม่ว่าใครก็ไม่อาจมาแทนที่เขาได้ทั้งนั้น...”

    วิรัลเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเป็นสุขยามเมื่อพูดถึงธาม ทำให้พิชญ์ต้องหันไปลอบถอนหายใจ แล้วจึงฝืนยิ้มตอบ

    “ไปเตรียมตัวเถิดครับ ผมตั้งใจว่าเราจะไปปิกนิก เที่ยวเล่นกันที่นั่นเลยด้วย”

    “แต่เรานัดคุณธามตอนสายนี่”

    วิรัลถามอย่างงุนงง แต่พี่เลี้ยงของเขาก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยขึ้น

    “ก็นั่นล่ะครับ ถึงจะต้องไปแต่เช้า...ไม่ได้เที่ยวเล่นมานานแล้ว ไม่อยากไปหรือครับ ที่นั่นมีเรือถีบ กับจักรยานให้ขี่เล่นด้วยนะครับ”

    คำพูดของพิชญ์สร้างความสนใจให้กับวิรัลเป็นอย่างยิ่ง เด็กหนุ่มรีบลุกพรวดขึ้นห้องพักไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว จนพิชญ์ต้องอมยิ้ม



    เมื่อมาถึงเป้าหมาย วิรัลก็ต้องเบิกตากว้างอย่างยินดี เมื่อเบื้องหน้าเขาคือสวนหย่อมกว้างของรีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯมากนัก มีทะเลสาบที่มีเรือถีบและพายให้ใช้บริการ มีทางสำหรับขี่จักรยานชมวิว และที่สำคัญทั้งรีสอร์ท ถูกเหมาจองเอาไว้สำหรับพวกเขาเท่านั้น

    “วิเศษเลย...น่าจะมาพักที่นี่แทนถาวรเลยนะ”

    “อยากย้ายก็ได้นะครับ ...แต่ต้องย้ายมาอยู่เงียบ ๆ ห้ามติดต่อกับคนทางกรุงเทพฯ อีก ...ถ้าท่านตกลง ผมสามารถหาสถานที่ซึ่งวิเศษกว่านี้ให้ท่านได้เสมอเลยล่ะครับ”

    พิชญ์บอกแล้วยกยิ้มน้อย ๆ เจ้าเล่ห์ แต่คนฟังสะดุ้งโหยง แล้วรีบสั่นศีรษะไปมา จนพิชญ์สงสาร

    “ผมล้อเล่นน่ะครับ อีกอย่างที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ของพวกเราด้วย แต่ก็คนคุ้นเคยกันทั้งนั้นล่ะครับ ...อ้าว มาพอดี”

    ชายหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงโปร่งท่าทางสุภาพในชุดสูทดำ เดินออกมาจากบริเวณล็อบบี้ของรีสอร์ตตรงมาหาพวกพิชญ์ที่ยืนอยู่ เมื่อมาถึงเขาก็โค้งให้วิรัลอย่างนอบน้อม

    “ยินดีที่ได้พบครับท่านวิรัล ผมชื่ออำมฤต เป็นผู้ดูแลของท่านม่านฟ้าครับ”

    วิรัลชะงักเมื่อได้ยินชื่อว่าที่คู่หมั้นของเขา ก่อนจะยิ้มเจื่อน ๆ ให้อีกฝ่าย ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจรอยยิ้มเช่นนั้น กลับยิ้มตอบอย่างสุภาพ แล้วจึงนำพิชญ์และวิรัลเข้าไปในรีสอร์ตด้วยกัน

    “คุณพิชญ์บอกว่าท่านวิรัลยังไม่ได้ทานมื้อเช้ามา ผมจึงได้จัดเตรียมไว้ให้แล้วล่ะครับ...”

    “แล้วท่านม่านฟ้าล่ะครับ”

    พิชญ์ถามถึงว่าที่คู่หมั้นของวิรัล ที่เขาตั้งใจนัดเตรียมให้ทั้งคู่ได้พบกันในวันนี้

    “เอิ่ม...ท่านม่านฟ้ายังอยู่ในห้องส่วนตัวอยู่เลยน่ะครับ ...พอดีเมื่อคืนนี้ท่านมีธุระต้องสะสางนิดหน่อย แล้วต้องออกเดินทางจากกรุงเทพฯ แต่เช้าตรู่ ท่านเลยยัง...”

    อำมฤตรู้สึกลำบากใจที่จะบอกว่าเจ้านายของเขายังนอนหลับไม่ตื่นอยู่เลย แต่ดูเหมือนพิชญ์พอจะเข้าใจความลำบากที่ว่า และเอ่ยปากขอโทษอำมฤตที่ฝ่ายเขานัดกะทันหัน  จากนั้นพวกเขาจึงขอตัวไปรับประทานมื้อเช้าก่อน ท่ามกลางความโล่งอกของอีกฝ่าย

    “เฮ้อ...โล่งอกไป ...ท่านม่านฟ้านะท่านม่านฟ้า ถ้าท่านตรัณรู้เข้า คงได้ทะเลาะกันอีกแน่”

    จากนั้นอำมฤตก็ให้คนของเขาคอยดูแลความเรียบร้อยของทางห้องอาหาร ส่วนตัวเขาก็เข้าไปยังห้องส่วนตัวของนายสาว จัดแจงเคาะประตูสักพัก ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป

หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 25-11-2012 14:39:55


  เด็กสาวบนเตียงนอนหลับตาพริ้มเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ ดูน่ารักและน่าเอ็นดู อำมฤตคงไม่นึกอยากบ่นหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะเวลานี้ เป็นเวลาที่เด็กสาวควรจะต้องตื่นแล้วไปต้อนรับว่าที่คู่หมั้นของเจ้าหล่อนตามกำหนดการระหว่างฝั่งเขาและฝั่งพิชญ์ที่เตรียมเอาไว้

    “ท่านม่านฟ้าครับ...ตื่นได้แล้วครับ วันนี้ท่านจะต้องรับรองท่านวิรัลตั้งแต่เช้านะครับ”

    คนที่ถูกปลุกปรือตามามองอย่างงัวเงีย พอเห็นว่าใครมาปลุกเธอก็ดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าหลบ แล้วพึมพำบอกเบา ๆ

    “...คุณอำมฤตก็ไปโทษท่านพ่อแทนสิคะ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกท่านพ่อตำหนิยาวตั้งนานสองนานเช่นนั้น  ดิฉันก็คงไม่มาถึงที่นี่ดึก ๆ ดื่น ๆ จนทำให้ต้องนอนตื่นสายเช่นนี้หรอกค่ะ”

    อำมฤตมองนายสาวที่เขาดูแลมาตั้งแต่เล็กอย่างเอือมระอา ถ้าไม่เพราะม่านฟ้าไปขับรถเฉี่ยวชน จนยับเยินกลับมาทั้งคัน  ตรัณก็คงไม่เรียกบุตรสาวมาอบรมจนยืดยาวแบบนั้นหรอก

    “เดี๋ยวดิฉันจะรีบชำระล้างร่างกายและแต่งตัวลงไปพบท่านวิรัลเอง คุณอำมฤตก็ออกไปรอข้างนอกเถอะค่ะ”

    อำมฤตเลิกคิ้วแต่ก็ยังรับคำและโค้งให้อีกฝ่าย และขอตัวออกไป เมื่อพี่เลี้ยงคนสนิทออกไปแล้ว ม่านฟ้าจึงดึงผ้าห่มที่คลุมหน้าลง ก่อนจะรีบลุกไปดูใบหน้าตนเองที่กระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มเศร้า ๆ กับตัวเอง

    “คุณอำมฤตอย่างนั้นหรือ...กี่ปีแล้วนะ ที่พวกเราไม่ได้เป็นน้องฟ้า กับพี่น้ำ เหมือนเมื่อก่อนนี้น่ะ”

    จากนั้นเด็กสาวก็สูดลมหายใจเข้าปอด แล้วมองบนกระจกตรงหน้าด้วยสายตาแน่วแน่จริงจัง พร้อมกับพูดสะกดตัวเองเบา ๆ

    “เราคือม่านฟ้า ว่าที่คู่หมั้นและภรรยาของมฤคมาศ ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด!”

   

      หลังมื้อเช้าเสร็จสิ้นลง ม่านฟ้าก็ออกมาต้อนรับวิรัล ทำให้คนที่เพิ่งได้เจอ หน้าว่าที่คู่หมั้นถึงกับตกตะลึงเพราะความสวยของเด็กสาว

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะท่านวิรัล ดิฉันม่านฟ้าค่ะ”

    “เอ่อ...ยินดีที่รู้จักเช่นกันครับ”

    วิรัลบอกอึกอักอย่างขัดเขิน เพราะเขาไม่เคยมีเพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกันมาก่อน และยิ่งอีกฝ่ายเป็นถึงว่าที่คู่หมั้น แถมยังเป็นเด็กสาวแสนสวยขนาดนี้ ก็ทำให้เขาอดที่จะตื่นเต้นเอาไม่ได้

    “ท่านม่านฟ้าทานมื้อเช้าหรือยังครับ...”

    “ดิฉันทานมาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ในห้องค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะคุณพิชญ์”

     ม่านฟ้าบอกแล้วยิ้มหวาน จากนั้นพิชญ์จึงเสนอให้ม่านฟ้าและวิรัลไปเดินเล่นที่สวนหย่อมของรีสอร์ต เพื่อทำความรู้จักกัน ซึ่งวิรัลเองก็มองพี่เลี้ยงของเขาแล้วขมวดคิ้วยุ่ง แต่ก็ต้องฝืนยิ้มเมื่อหันไปเห็นม่านฟ้ายิ้มหวานให้เขา

    “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญครับ”

    ม่านฟ้ายิ้มรับ แล้วเดินตามเด็กหนุ่มไปเงียบ ๆ ส่วนพิชญ์กับอำมฤต ก็มองตามนายน้อยของพวกเขาไปอย่างชื่นชมระคนเอ็นดู

    “เหมาะสมกันมากเลยนะครับ”

    อำมฤตเปรยเบา ๆ พร้อมกับยิ้มแย้มอย่างชื่นชม ส่วนพิชญ์นั้นพึมพำตอบรับก่อนจะเผลอถอนหายใจออกมาให้อีกฝ่ายได้ยิน

    “มีอะไรหรือครับคุณพิชญ์”

    “คือ...คุณคงได้ทราบ ‘เรื่องนั้น’ ของท่านวิรัลมาบ้างแล้วสินะครับ”

    อำมฤตชะงัก ก่อนจะพยักหน้ารับรู้พร้อมยิ้มเจื่อน ๆ ตอบ

    “ครับ...ท่านตรัณเรียกผมและท่านม่านฟ้าให้มารับรู้ ปัญหาทางฝั่งคุณแล้ว แต่ว่าทั้งผมและท่านม่านฟ้าเองก็ยังคงยืนยันเช่นเดียวกับท่านตรัณ ...ท่านม่านฟ้ามีชะตากรรมให้เป็นภรรยาของประมุข ตั้งแต่ที่ท่านเกิดมาเป็นมฤคเศวตแล้วล่ะครับ”

     พิชญ์ถอนหายใจอีกครั้งแล้วจึงพึมพำอย่างรู้สึกผิด

    “ผมจะพยายามให้ท่านวิรัลตัดใจ และหันมาให้ความสำคัญกับท่านม่านฟ้าแทนให้ได้ ...เพราะฉะนั้นผมอยากให้ทางคุณช่วยเหลือเรื่องนี้ด้วยอีกทาง ผมอยากให้ทั้งคู่ได้มีอนาคตที่ดีร่วมกัน ...เพราะสำหรับท่านวิรัลและคนนั้นแล้ว ผมมองไม่เห็นอนาคตอันสดใส รอคอยทั้งคู่อยู่เลยสักนิด”

    อำมฤตมองคนตรงหน้าอย่างชื่นชม เพราะพิชญ์นั้นทำทุกอย่างเพื่อเจ้านายที่ตนรับใช้ และยังคอยกังวลและดูแลกระทั่งเรื่องของความรู้สึกให้วิรัลอย่างเต็มที่ หากนายสาวของเขาแต่งงานกับวิรัล ก็เท่ากับเขาจะมีบุคคลที่น่าไว้วางใจมาคอยดูแลม่านฟ้าเพิ่มเช่นเดียวกัน

    “ขอบคุณนะครับ ที่คิดถึงความรู้สึกของทางฝั่งพวกผมด้วย... สำหรับผม หากเพื่ออนาคตของท่านม่านฟ้าแล้ว ผมก็ยินดีสละทุกอย่าง เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะต้องการความช่วยเหลืออะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ขอให้บอกมาได้ทุกเมื่อนะครับ”

    พิชญ์ยิ้มรับและยื่นมือออกไปให้อีกฝ่ายสัมผัส เช่นเดียวกับอำมฤตที่ยื่นมือมาสัมผัสกับชายหนุ่มอย่างยินดีเช่นกัน

   

    ระหว่างที่เดินเที่ยวชมบริเวณรอบรีสอร์ท โดยมีม่านฟ้าคอยอธิบายถึงประวัติการสร้างรีสอร์ทที่นี่ให้เด็กหนุ่มรับรู้ วิรัลก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำถามหนึ่งจากอีกฝ่าย

    “ท่านวิรัลมีคนที่รักมากอยู่ในหัวใจแล้วใช่ไหมคะ”

    “เอ่อ...เรื่องนั้น”

    ม่านฟ้าแย้มยิ้มหวานให้ แล้วจึงเอ่ยต่อ

    “ดิฉันได้ทราบเรื่องของท่านและคนที่ท่านรักผู้นั้น จากปากของท่านพ่อแล้วล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นในฐานะที่ดิฉันจะกลายมาเป็นคู่หมั้นของท่าน ดิฉันจึงอยากจะทราบจากปากของท่านเองด้วย เพื่อที่ดิฉันจะได้สามารถวางตัวได้เหมาะสม ไม่ก้าวก่ายให้ท่านวิรัลต้องขุ่นข้องหมองใจในภายหลัง”

    วิรัลนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินที่เด็กสาวบอก เขาย้อนถามไปอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมเธอถึงทนได้แบบนี้

    “ทั้ง ๆ ที่รู้แบบนั้น ทำไมคุณถึงไม่เป็นฝ่ายปฏิเสธ หรือขุ่นเคืองบ้างล่ะครับ...ผมไม่เข้าใจเลย หน้าที่มันสำคัญมากกว่าความรู้สึกของคุณอย่างนั้นหรือครับ”

    ม่านฟ้ายิ้มน้อย ๆ แล้วจึงก้าวเท้าเดินนำไปเรื่อย ๆ โดยมีวิรัลเดินตามมาไม่ห่าง

    “ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของท่านดีค่ะ ...ดิฉันเองก็มีคนที่ดิฉันรักมากอยู่เช่นกัน ...แต่ว่าความสุขของคนที่ดิฉันรัก ก็คือการที่เขาได้เห็นดิฉันมีอนาคตมั่นคง และยืนอยู่เหนือมโคตนอื่น ๆ ในฐานะภรรยาของมฤคมาศ ...เพราะฉะนั้นดิฉันก็จะทำตามนั้น ...นี่คือการแสดงความรักในแบบของดิฉันค่ะ”

    วิรัลเงียบกริบพูดไม่ออก เขาหวนคิดถึงตัวเองและธามขึ้นมาบ้าง... เขารู้แต่เพียงว่าเขานั้นมีความรู้สึกดี ๆ ต่อธามในยามนี้ แต่เขาไม่เคยถามอีกฝ่ายเลยว่า อนาคตระหว่างเขาและชายหนุ่มจะเป็นอย่างไร  ธามจะเลือกเขาหรือเผ่า และหากธามเลือกเผ่าแทน แล้วเขาจะทำยังไงต่อไป

    ม่านฟ้าที่เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าสับสน รู้สึกสงสารและเห็นใจ คนที่ประสบชะตากรรมคล้าย ๆ กับตน เธอจึงจับมือของอีกฝ่ายขึ้นมาบีบเบา ๆ เป็นกำลังใจให้ ทว่าภาพนั้นก็ทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาในเขตรีสอร์ตถึงกับชะงัก แล้วจึงแสร้งกระแอมดัง ๆ ตามมา

     “สวัสดีวิรัล มาเช้าผิดคาดเลยนะ ...แล้วนี่ฉันมาไวเกินไปไหมเนี่ย ถ้ามาขัดจังหวะสวีทกันก็ต้องขออภัยด้วยนะ”

    วิรัลที่หันไปตามเสียงกระแอมมองอีกฝ่ายอย่างตกใจ ส่วนม่านฟ้านั้นปล่อยมือลงและมองคนที่ปรากฏกายขึ้น ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่าง แล้วเอ่ยเบา ๆ ตามมา

    “คุณคนที่นั่งอยู่ในรถเมื่อวานนี้สินะคะ”

    “หือ...อ้าว เธอคนที่ปาดแซงรถฉันเมื่อวานนี่”

    ธามบอกอย่างนึกได้เช่นกัน แล้วจึงขมวดคิ้วน้อย ๆ ตามมา

    “หรือว่าเธอจะเป็นคู่หมั้นของวิรัล”

    วิรัลสะดุ้งโหยง เพราะเขาไม่เคยบอกเรื่องคู่หมั้นกับธามมาก่อน ส่วนทางด้านม่านฟ้านั้น พอได้ยินคำถามเธอจึงพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเอ่ยตอบอย่างสุภาพ

    “ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นว่าที่คู่หมั้นของท่านวิรัลค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ...คุณธาม”

    ธามหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจ้องจับผิด แล้วจึงเอ่ยตอบกลับไปบ้าง

    “รู้จักชื่อฉันด้วยหรือ... นี่เธอบอกข้อมูลของชู้รักให้คู่หมั้นรู้ด้วยหรือวิรัล ไม่กลัวคู่หมั้นเธอจะรับไม่ได้หรอกหรือไง”

    วิรัลหน้าแดงวาบ ไม่คิดว่าธามจะกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าม่านฟ้า และที่สำคัญเด็กหนุ่มรู้สึกว่า อีกฝ่ายดูท่าทางหงุดหงิดผิดเคยด้วยซ้ำ

    “ท่านวิรัลไม่ได้บอกดิฉันหรอกค่ะ แต่ดิฉันจำต้องทราบเรื่องราวรอบด้านของท่านวิรัลเอาไว้ เพื่อจะได้ปฏิบัติหน้าที่คู่หมั้น และภรรยาให้สมบูรณ์แบบน่ะค่ะ”

    ม่านฟ้าบอกแล้วยิ้มหวาน จากนั้นเธอจึงหันไปยิ้มให้กับชาครที่เดินตามมา แล้วเบิกตามองเธออย่างตกใจ

    “เป็นมโคเองหรอกหรือนี่ ...มิน่า คราวก่อนถึงว่าได้กลิ่นหอม ๆ จากไหนสักแห่ง”

    ชาครพึมพำอย่างลืมตัว ซึ่งม่านฟ้าก็ยิ้มน้อย ๆ ให้แล้วจึงเอ่ยตอบไป

    “ดิฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะเป็นพวกวกะเช่นเดียวกัน แต่ก็นั่นล่ะค่ะ อากาศกลางเมืองหลวงโดยเฉพาะเวลาถนนยามรถติดมันแย่จริง ๆ  จนแทบจะสัมผัสกลิ่นอะไรไม่ได้เลย”

    “พวกคุณเคยเจอกันแล้วหรือครับ...”

    วิรัลแทรกขัดขึ้นบ้างอย่างสงสัย แม้จะรู้สึกหวั่น ๆ เรื่องที่ธามนั้นดูหงุดหงิดที่เขากับม่านฟ้านัดพบกัน ในวันที่เขากับเจ้าตัวนัดกันด้วยอยู่ก็ตาม

    “ค่ะ...มีอุบัติเหตุทางรถยนต์นิดหน่อย แต่คุณสุภาพบุรุษทั้งสองมีน้ำใจ เลยไม่เอาเรื่องดิฉันค่ะ ...แต่หลังจากนั้นดิฉันก็ไม่วายขับไปชนกับคันอื่นเข้าให้อีกอยู่ดี จนดิฉันถูกท่านพ่อตำหนิแล้วยึดใบขับขี่ไปแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ ค่ะ เพิ่งได้มาใช้ไม่กี่วันแท้ ๆ”

    ม่านฟ้าบ่นพึมพำ แต่ชาครที่เห็นฝีมือขับรถของเด็กสาวแล้วนั้น นึกเห็นดีด้วยที่บิดาของอีกฝ่ายยึดใบขับขี่ของเจ้าตัวไปเสียก่อน

    “คุณม่านฟ้าทำใบขับขี่แล้ว งั้นก็อายุมากกว่าผมสิครับ”

    วิรัลหันไปถามม่านฟ้าอย่างตกใจ เพราะเขาคิดว่าเด็กสาวอายุน้อยกว่าเขาสักปีสองปีเสียอีก ทว่าทางด้านธามพอเห็นเด็กหนุ่มให้ความสนใจว่าที่คู่หมั้นมากกว่าเขา ชายหนุ่มก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

    “ดิฉันเกิดปีเดียวกับท่านนั่นล่ะค่ะ แต่แก่เดือนมากกว่า ดิฉันเกิดต้นปีน่ะค่ะ”

     วิรัลร้องอ๋ออย่างเข้าใจ เพราะเขาเองนั้นเกิดปลายปี จึงยังไม่ครบ 18 นั่นเอง

    “ฉันว่าฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่า พวกเธอทั้งคู่จะได้มีเวลาพูดคุยกันได้มากกว่านี้ยังไงล่ะ”

    ธามบอกแล้วหันหลังเดินกลับไปอย่างหงุดหงิด จนชาครต้องมองซ้ายขวาอย่างลังเล ทว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะตามผู้เป็นนายกลับไป วิรัลก็รีบวิ่งไปเกาะแขนของธามเอาไว้เสียก่อน

    “คุณธามครับ!”

    ธามชะงักและหันมา ก่อนจะนิ่งเงียบไป เมื่อเห็นแววตาคล้ายจะร้องไห้ของอีกฝ่าย

    “ดิฉันขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ ท่านวิรัล คุณธาม... ยังไงก็ขอเชิญทั้งคู่ เดินเที่ยวชมดูธรรมชาติของรีสอร์ทที่นี่กันก่อนนะคะ...เผื่อธรรมชาติจะช่วยทำให้จิตใจที่ร้อนรุ่มได้เย็นลง และช่วยให้บทสนทนาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นบ้าง”

    ม่านฟ้าบอกแล้วยิ้มหวานให้ จากนั้นจึงขอตัวจากมาแล้วปล่อยให้วิรัลกับธามอยู่คุยกันสองต่อสอง เช่นเดียวกับชาครที่เลี่ยงตามออกมาด้วยกัน เขามองม่านฟ้าอย่างนึกแปลกใจที่เห็นเธอสนับสนุนเรื่องวิรัลกับธาม ทั้งที่เธอควรจะขัดขวางเรื่องของทั้งคู่แท้ ๆ ...ทว่าจู่ ๆ ม่านฟ้าที่เดินนำอยู่ก็เปรยขึ้นเบา ๆ คล้ายดังจะพูดกับตัวเอง

    “ดิฉันเองก็ต้องเลือกระหว่างความรักและหน้าที่เช่นเดียวกัน... แต่สำหรับดิฉันกับท่านวิรัลนั้นต่างกันตรงที่ว่า ...คนที่ดิฉันรักนั้นหาได้รับรู้ความในใจของดิฉันเลยไม่ แต่ดิฉันก็พอใจที่มันเป็นเช่นนั้น... ส่วนท่านวิรัลกับคุณธาม ทั้งคู่นั้นใจตรงกัน ...ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยอมเสียสละเพื่อความรักแล้วล่ะก็ ดิฉันคิดว่าพวกเขาคงจะสามารถเคียงคู่กันได้อย่างมีความสุขแน่นอน”

    จากนั้นม่านฟ้าก็หันมาทางชาครแล้วยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ทำให้หมาป่าหนุ่มชะงักงัน

    “หากเจ้านายของคุณยอมละทิ้งศักดิ์ศรีจอมปลอมที่แบกรับไว้อยู่ได้เมื่อไหร่ ปลายทางที่รอคอยเขา ก็คงไม่พ้นความสุขจากรักอย่างที่เขาต้องการ ...แต่ถ้าเขาคิดว่าศักดิ์ศรีและอำนาจนั่นคือความสุขที่แท้จริงสำหรับเขา ...เขาก็ต้องสูญเสียท่านวิรัลไปตลอดกาลเช่นเดียวกัน”

    พอเอ่ยจบม่านฟ้าก็โค้งศีรษะนิด ๆ เป็นการอำลา แล้วเดินตรงกลับไปที่รีสอร์ทของเธอ ทิ้งให้ชาครมองตามหลังอีกฝ่ายไปเงียบ ๆ พลางเหลียวหันมายังทิศที่ธามและวิรัลยืนคุยอยู่ด้วยกัน ก่อนจะถอนหายใจขึ้นมาเฮือกใหญ่ แล้วพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา

    “ให้เลือกเอาระหว่างความสุขจากความรัก หรือความสุขจากการที่มีอำนาจเหนือคนอื่น อย่างนั้นหรือ... ทำไมทั้งสองอย่างนี้ มันถึงเดินร่วมไปในเส้นทางเดียวกันไม่ได้นะ...ทำไมกัน”



   
... TBC ...


หลายคนคงคาดเดาถูก ถึงเรื่องหนูม่านฟ้านะคะ   ส่วนพี่ธามกับน้องวิรัลนาน ๆ จะได้เจอกันก็มีเรื่องทะเลาะกัน(เพราะความหึงบังตา) อีกแล้ว หุ ๆ แต่ก็หมายถึงทิศทางที่ดีก็คือ ยิ่งหึงยิ่งหวง ก็จะยิ่งรักมากขึ้นล่ะนะคะ ^^

เรื่องนี้ยังมีปมให้ทั้งดราม่า(นิดเดียว) กับทั้งหวานสลับกันไปอีกยาว ยังไงใครที่หลงติดตามมาแล้ว ก็มาตามต่อกันให้จบเถอะนะคะ แหะ ๆ  :o8: รับรองว่าความหวานจะรอคอยคุณอยู่แน่นอนค่าาาาา  :L1:

ป.ล. ไม่ได้เขียนแนวมีอุปสรรคยิบย่อยนานแล้วค่ะ เลยติดขัดนิดหน่อย ปกติงานของปัดจะแนวสบาย ๆ ไร้อุปสรรคซะส่วนใหญ่ล่ะนะคะ ถ้าบกพร่อง อ่านสะดุดยังไง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 25-11-2012 14:53:37
 :z13: ก่อน

ยิ่งอ่านยิ่งพาเครียดอะ

มาม่าใส่ไข่เส้นอืด

ชามโตเลนนะีนี้
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 25-11-2012 14:56:25
 กำลังสนุกเลย อยากให้ธามกับวิรัลมีความสุขค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 25-11-2012 15:16:34
ม่านฟ้าน่าสงสารที่สุดอ่ะ คนที่น้องรักก็ไม่รับรู้ถึงความรู้สึก ถึงบอกว่าเข้าใจ เเต่มันก็ต้องเจ็บอยู่ดี เหมือนทุกวันนี้เธอต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา 


 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 25-11-2012 15:21:06
ม่านฟ้าสุดยอดด
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 25-11-2012 18:05:42
เฮ้อ ผมชอบแนวไม่มีอุปสรรคมาก เพราะมันสบายใจดี เพราะชีวิตจริงมีอุปสรรคมากพอแล้ว
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 25-11-2012 18:16:16
งืมมมม อุปสรรคเยอะเจงง
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 25-11-2012 18:52:12
เลือกให้ได้นะ ท่านธาม ... ~

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 25-11-2012 18:53:26
นานๆๆเจอกันที ก็อย่าทะเลาะกันน้าาา
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 25-11-2012 19:19:45
 :เฮ้อ:  หวั่นๆกับดราม่า


รอตอนต่อไปจ้า   
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 25-11-2012 22:15:23
อ้างถึง
“ให้เลือกเอาระหว่างความสุขจากความรัก หรือความสุขจากการที่มีอำนาจเหนือคนอื่น อย่างนั้นหรือ... ทำไมทั้งสองอย่างนี้ มันถึงเดินร่วมไปในเส้นทางเดียวกันไม่ได้นะ...ทำไมกัน”

อาจเป็นเพราะว่าพระเจ้ากำหนดเส้นให้เลือกเดินเพียงแค่หนึ่งละมั้ง
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 25-11-2012 22:18:26
ธามหงุดหงิดที่มาเจอวิรัลกะม่านฟ้าอะดิ หึงช่ายป่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 25-11-2012 23:48:47
ชอบม่านฟ้า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-11-2012 06:42:31
ม่านฟ้าชอบอำมฤตใช่ไหมนะนั่น อำมฤตก็ไม่ได้รู้อะไรเลย พิชญ์ก็ดูวุ่นวายน่าดู แต่ก็ยังดีที่ยอมให้ธามวิรัลเจอกัน แต่พิชญ์วางแผนอะไรไว้หรือเปล่าถึงให้ธามมาพบวิรัลแล้วต้องมาเจอวิรัลอยู่กับม่า่นฟ้าด้วยเนี่ย ธามก็กวนประสาทพิชญ์น่าดูเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 26-11-2012 08:03:12
ธามใจร้ายอะเฮ้ยยย วิรัลจะร้องไห้แล้วนะนั้น

โฮฮฮฮอ อย่างอนกันสิ ง้อลำบากนะเนี้ยยย

ม่านฟ้า เธอดูฮาดีนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 7 :: P.5 วันโพส 25/11/2555 แฟนตาซีกลายร่างตอนใหม่มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: alekung103 ที่ 26-11-2012 14:01:12
หึงมากเกินไปหรือเปล่าธาม ไม่ดูเหตุดูผลเลย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 26-11-2012 20:43:42
/8



     วิรัลยืนมองคนที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างรู้สึกเสียใจ ก่อนจะเอ่ยพึมพำเสียงสั่นเครือ

    “ขอโทษครับ...คุณธาม ...อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

    ธามถอนหายใจแรง ๆ แล้วจึงหันมามองคนตรงหน้า ก่อนจะรวบร่างของวิรัลมากอดแน่นอย่างรักใคร่และหวงแหน

    “ฉันรักเธอ...ยิ่งเห็นว่าเธอมีคนอื่นที่เพียบพร้อมอยู่เคียงข้าง ฉันก็ยิ่งหวงและหึง...ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่า ยังไงเธอก็ต้องเลือกคนนั้นมากกว่าฉันอยู่แล้วแท้ ๆ”

    “คุณธาม...”

    วิรัลกอดรัดร่างสูงใหญ่ตอบแน่นเช่นกัน แล้วจึงเอ่ยบอกกับอีกฝ่ายตามมา

    “แต่ถึงยังไง คนที่ผมรักที่สุด และจะรักตลอดไป ก็มีเพียงแค่คุณนะครับ...แค่คุณคนเดียวเท่านั้น”

    ธามเม้มปากน้อย ๆ แล้วจึงดันร่างของอีกฝ่ายออกห่าง ท่ามกลางความงุนงงของอีกฝ่าย

    “ไปอยู่กับฉันไหมวิรัล ...ฉันสัญญาว่าจะปกป้องเธอไม่ให้วกะตนอื่นเข้าใกล้ได้”

    วิรัลชะงัก แวบแรกเขาเตรียมจะตอบตกลงไปแล้ว ทว่าเมื่อหวนคิดถึงเรื่องของม่านฟ้า และพิชญ์ รวมถึงมโคตนอื่น ๆ ในเผ่า เขาก็ต้องเงียบงันอยู่นาน แล้วบอกกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

    “ไม่ได้หรอกครับ ...ผมทิ้งเผ่าไม่ได้ ก็คงเหมือนกับคุณธาม ที่ทิ้งเผ่าตัวเองมาไม่ได้เช่นเดียวกัน ...พวกเราไม่ควรพบกันแต่แรกแล้ว ...ไม่น่าพบกันเลยแท้ ๆ”

    พอบอกออกไปน้ำใส ๆ ที่พยายามบังคับอยู่ ก็ไหลลงมาอาบทั้งสองแก้ม ธามหลับตาสักพัก แล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาของเด็กหนุ่ม

    “ใช่...เราไม่ควรมาพบกัน ...แต่เมื่อพบกันแล้ว ฉันก็ตัดใจจากเธอไม่ได้อยู่ดี ...ขอแค่ช่วงเวลานี้ ที่เรายังเจอกันได้ ...ฉันจะขอมาหาเธอแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงวันที่เราจากกัน...ได้ไหม”

    วิรัลสะอื้นแล้วโผเข้ากอดร่างสูงแน่น ทำให้พิชญ์ที่เตรียมมาตามนายน้อยของเขา และเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นเข้า ต้องหลบซ่อนอยู่เงียบ ๆ หลังต้นไม้ เขาบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจ ที่ธามเลือกแบบนั้น... แต่หากธามยอมทิ้งเผ่า แล้วมาหาวิรัล เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพร้อมยอมรับให้ธามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิรัล และเลือกปฏิเสธม่านฟ้าแทนได้ไหม

    จากนั้นสักครู่ใหญ่ทั้งสองคนก็แยกจากกัน ธามช่วยเช็ดน้ำตาให้วิรัล แล้วหอมแก้มปลอบโยน จนวิรัลยิ้มออก และแล้วทั้งคู่จึงเดินจูงมือชมนกชมไม้ พูดคุยยิ้มแย้มกันไปเรื่อย ๆ คล้ายดังจะกอบโกยช่วงเวลาแห่งความสุขที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



    “นายไม่คิดจะไปขัดขวางพวกเขาหรอกหรือ...”

    เสียงทักที่ดังขึ้นทำให้พิชญ์ชะงัก แล้วหันขวับไปมองคนที่เอ่ยทักด้วยแววตาวาววับ เพราะเขายืนอยู่เหนือลม จึงทำให้ไม่ทันได้กลิ่นของชาครที่ยืนอยู่ห่างออกไป

    “...ท่านธามมีความจำเป็นที่ต้องขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของเผ่าให้ได้ ไม่ใช่เพราะกระหายอำนาจ แต่เพราะท่านเคยสัญญากับศพแม่ของท่านเอาไว้... ท่านแม่ของท่านธามเป็นมนุษย์ในหมู่วกะ และเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและใจดีมากที่สุดยิ่งกว่าใครที่ฉันเคยได้รู้จักมา”

    พิชญ์นิ่งเงียบรับฟัง โดยไม่คิดขัดออกไป เพราะเขาเชื่อว่าที่ชาครยอมเล่าเรื่องในอดีตของธาม ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องเล่า ก็คงเพราะอยากให้เขารู้เรื่องอะไรบางอย่างแน่นอน

    “แม่ของท่านธามถูกสังหาร...โดยหาฆาตกรไม่พบ แต่พวกฉันมั่นใจว่า มันต้องเป็นวกะตนใดตนหนึ่งแน่ เพราะสภาพศพที่เห็น มันไม่น่าจะเป็นอย่างอื่น...แต่เพราะว่าท่านธามเป็นเพียงแค่ลูกครึ่งมนุษย์วกะ และไม่มีขั้วอำนาจใดหนุนหลัง นอกจากความเอ็นดูของท่านประมุขในฐานะบิดา จึงทำให้คดีถูกปิดลงโดยไม่คิดตามหาตัวฆาตกร ...ทั้งที่มันก็หาได้ไม่ยากเลยสักนิด แต่ทุกคนในเผ่า แม้แต่ท่านประมุขเองก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยว เพราะตัวฆาตกรนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในสายเลือดของท่านประมุขอีกคนก็เป็นได้... ตั้งแต่นั้นมา ท่านธามก็เลิกเชื่อใจใครในเผ่านอกจากฉัน และพยายามทำทุกอย่างให้ก้าวขึ้นมาโดดเด่นเหนือวกะตนใด ...จนตัวท่านธามเองก็มีสิทธิ์และได้รับการยอมรับว่าเหมาะสม ที่จะเข้าร่วมชิงตำแหน่งประมุขคนใหม่ของวกะ เช่นเดียวกับทายาทคนอื่นด้วยเช่นกัน”

    ชาครเล่าจบก็นิ่งเงียบไปสักพัก แล้วจึงหันไปสบตากับพิชญ์นิ่ง แล้วเอ่ยขึ้นตามมา

    “ถ้าไม่มีเรื่องของนายหญิง...ท่านธามก็คงยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมฤคมาศได้ ...ท่านธามรักเขาจริง ๆ ...รักจนยอมเลิกล้มที่จะคิดกินหัวใจของมฤคมาศ เพื่อพลังและอำนาจที่เคยปรารถนามาตลอด ...รักจนอยากจะทิ้งทุกอย่างไปเสียเดี๋ยวนี้ ...แต่ท่านก็ไม่อาจจะลืมความแค้นในอดีตได้...”

    “นายมาบอกเรื่องนี้กับฉันเพื่ออะไรกัน”

    พิชญ์เอ่ยถามหลังจากที่เห็นชาครเงียบไปอีกครั้ง

    “หึ...ฉันก็แค่อยากให้นายรู้ว่า ที่ท่านธามเลือกเผ่าแทน ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้รักมฤคมาศ แต่เขาทิ้งหน้าที่ที่จะต้องทำไม่ได้ ...ก็เหมือนกับที่เจ้านายของนายทิ้งเผ่ามโคมาไม่ได้เหมือนกันนั่นล่ะ”

    จากนั้นชาครก็เบือนหน้าหันไปมองคนสองคนที่เดินเคียงคู่กัน ด้วยสายตาสงสารเวทนา

    “ความรัก กับ ความแค้น ... มันคงต้องเดินสวนทางกันไปเช่นนี้ ...แต่บางที ถ้าหากท่านธามบรรลุเป้าหมายของเขาแล้ว ตอนนั้นเขาอาจจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างมาหามฤคมาศก็เป็นได้...”

    ชาครเบือนหน้ากลับมาผสานสายตากับพิชญ์ นัยน์ตาคมกริบอ่อนแสงลง แล้วเอ่ยร้องขออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

    “...ช่วยรอหน่อยได้ไหม อย่าเพิ่งให้พวกเขาแยกจากกันเร็วนักเลย...ตำแหน่งประมุขคนใหม่ของวกะ จะเปิดให้เลือกผู้เหมาะสม ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว ถ้าท่านธามล้างแค้นสำเร็จเมื่อไหร่...”

    “แล้วถ้าเขาทำไม่สำเร็จล่ะ ...ถ้าเขาไม่ได้รับตำแหน่งประมุข ...เขาก็จะสู้ต่อ โดยทิ้งให้ท่านวิรัลรออยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างไร้ความหวังอย่างนั้นรึ!”

    พิชญ์แย้งกลับไป เขายอมรับว่าหากเป็นอย่างที่ชาครบอก ก็เท่ากับวิรัลนั้นก็จะได้มีความสุขกับรักแท้ของตน แต่ถ้าไม่...วิรัลก็ต้องทุกข์ทนกับการรอคอยธามอยู่แบบนั้นไปเรื่อย ๆ และยิ่งเจ็บมากขึ้น หากทั้งสองครองคู่กันไม่ได้จริง ๆ ขึ้นมา

    ชาครเองก็ชะงักไปกับคำถามนั้น ...เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเอ่ยตอบด้วยแววตาจริงจัง

    “ถ้าถึงตอนนั้น ฉันจะถามท่านธามอีกที ...แล้วถ้าหากคำตอบที่ได้ คือการที่ทำให้ฝ่ายนายต้องรอต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ...ฉันจะมาขอขมาพวกนายด้วยตัวเอง อยากได้อะไรจากฉันก็เอาไป จะตา แขน ขา ก็แล้วแต่… ขอแค่ชีวิตที่ต้องคงไว้ เพราะฉันจะใช้มันเป็นโล่ให้กับเจ้านายของฉัน หากวันหนึ่งที่เขาต้องพบกับอันตรายมาถึง”

    พิชญ์เม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะสบถเบา ๆ กับตัวเอง แล้วจึงสะบัดหน้าหนี ทำเหมือนจะเดินจากไป จนชาครต้องเอ่ยทัก

    “คำตอบล่ะ!”

    “นายมันเป็นวกะที่แหกคอกจากเผ่าจริง ๆ ...ให้ตายเถอะ ฉันเจอพวกที่เจรจากันด้วยกำลังยังจะสบายใจเสียกว่า!”

    พิชญ์หันมาโพล่งใส่อย่างหงุดหงิด ก่อนจะนิ่งไปชั่วครู่ แล้วเปรยบอกโดยเบือนหน้าหนีไปมองอีกทาง

    “จะรอแค่ไม่เกินหกเดือนเท่านั้น  จะให้งานหมั้นคอยเลื่อนฤกษ์หนีไปเรื่อย ๆ มันทำไม่ได้นานนักหรอกนะ...มันไม่ดีกับทางฝ่ายหญิงเขาด้วย”

    ชาครถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเอ่ยตามมา

    “ฉันเข้าใจ...บางทีถ้าเรื่องจบลงด้วยดี ก็อาจจะดีกับฝ่ายเธอคนนั้นด้วยก็ได้นะ”

    พิชญ์หันมามองคนพูดอย่างแปลกใจ เขาขมวดคิ้วยุ่ง จนชาครนึกอยากจะแกล้งแหย่อีกฝ่ายขึ้นมาบ้าง

    “ลองคุยกันดูเองสิ ...คนที่ฝืนใจหมั้น อาจจะไม่ใช่ทางฝั่งเจ้านายของนายคนเดียวก็ได้”

    จากนั้นชาครจึงเดินตรงไปอีกทาง ซึ่งไม่ห่างจากที่พวกวิรัลกับธามอยู่มากนัก ทิ้งให้พิชญ์เม้มปากน้อย ๆ อย่างนึกหมั่นไส้  ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังคิดชมในความซื่อสัตย์ภักดีของอีกฝ่ายอยู่เลยแท้ ๆ



    พิชญ์อยู่ในอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย ที่ธามกับชาครนั้นถูกเชิญจากม่านฟ้าให้มาร่วมมื้อกลางวันด้วยกัน ส่วนอำมฤตนั่งนิ่ง ๆ คล้ายกระอักกระอ่วน ทว่าวิรัลกลับดูสดชื่น แม้จะค่อนข้างเกรงใจม่านฟ้าอยู่บ้าง แต่พอเห็นเด็กสาวยังคงดูร่าเริงแจ่มใส เด็กหนุ่มก็เริ่มคลายความกังวล และสนทนากับทุกคนอย่างเป็นกันเองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

    ‘ตั้งใจจะให้หมอนั่นรู้ซึ้งว่า ท่านวิรัลมีท่านม่านฟ้าที่เพียบพร้อมอยู่เคียงข้างแท้ ๆ ไหงมันกลับตาลปัตรเป็นแบบนี้ไปได้นะ’

    พิชญ์คิดในใจอย่างหงุดหงิด สาเหตุหลักก็ต้องโทษตัวเขาที่เผลอใจอ่อนรับคำตกลงกับชาครไปแบบนั้น  ทั้งที่เอาจริง ๆ แล้ว ถ้าดำเนินแผนการเดิมต่อไปเรื่อย ๆ  ธามก็คงหมดความอดทน และเกิดหึงหวง ทะเลาะกับวิรัล จนนำไปสู่การเลิกรากันเร็ววันนี้ก็เป็นได้แท้ ๆ

     ภาพคนที่ลอบถอนหายใจตรงหน้า ทำให้ชาครที่มองอยู่ลอบยิ้ม ทั้งที่เคยคิดว่าอีกฝ่ายเป็นพวกจริงจังกับเผ่าและยึดหน้าที่เหนืออื่นใด แต่จริง ๆ แล้วพิชญ์เป็นคนจิตใจดีและอ่อนโยนอยู่ไม่น้อย  แม้ปากจะต่อว่า แต่ก็ยังยอมให้ความร่วมมือที่เขาขอร้อง ทั้งที่เจ้าตัวนั้นแสดงออกให้เห็นชัด ๆ ว่า รังเกียจเผ่าวกะของเขาเพียงใดแท้ ๆ

    “ถ้าทานเสร็จแล้ว ดิฉันแนะนำให้ไปพายเรือเล่น ย่อยอาหารกันดีกว่านะคะ เพราะวันนี้อากาศดีมากทีเดียว ไม่มีแดดแรง แถมยังมีลมพัดเย็นสบายตลอดอีกด้วย”

    วิรัลรับฟังอย่างสนใจ ก่อนจะนิ่วหน้านิด ๆ คล้ายนึกบางอย่างขึ้นได้

    “แต่ผมพายเรือไม่เป็น...ไม่สิ ผมว่ายน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ”

    ม่านฟ้าหันมายิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ยังไม่ทันได้พูดอะไรธามก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน

    “ฉันสอนให้เองก็ได้ ฉันเคยพายเรือเล่นกับแม่ตอนเด็ก ๆ ตอนนี้ก็ยังพอจำได้อยู่”

    วิรัลหันมายิ้มให้กับชายหนุ่ม ส่วนม่านฟ้าก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงหันไปทางอำมฤต

    “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ...ดิฉันว่า พวกเรามาจับคู่กันพายเรือแข่งกันดีกว่านะคะ คงจะสนุกกว่าพายเฉย ๆ”

    ขาดคำของม่านฟ้า คนอื่น ๆ ก็พากันชะงัก แล้วคอยดูว่าเด็กสาวนั้นจะจับแบ่งทีมกันยังไงต่อไป

    “สำหรับท่านวิรัล คุณธามอาสาสอนวิธีพายเรือแล้ว ดิฉันเองก็คิดว่ายุติธรรมดี เพราะทั้งสองคน คนหนึ่งพายเป็นอีกคนพายไม่เป็น ...ส่วนที่เหลือ...”

    ม่านฟ้าเหลือบมองอำมฤตแวบหนึ่ง ก่อนจะตวัดสายตามาที่ชาครแทน

    “พวกเราจับคู่กันดีไหมคะ”

    ชาครสะดุ้งโหยง เช่นเดียวกับคนอื่นที่เหลือ อำมฤตขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ที่นายสาวของเขาคิดจะไปสานสัมพันธ์กับชายต่างเผ่าเช่นนี้

    “คงไม่เหมาะกระมังครับ”

    อำมฤตกระแอมเบา ๆ ทำให้ม่านฟ้าซ่อนยิ้มแล้วเอียงคอมองอีกฝ่าย

    “งั้นคุณอำมฤตจะมาคู่กับดิฉันแทนไหมล่ะคะ ...ที่เหลือก็ให้คุณพิชญ์กับคุณชาครคู่กันไป หรือว่าไงคะทั้งสองคน”

    ชาครฟังจากที่อีกฝ่ายบอก ก็พอจะนึกออกว่าคนที่ม่านฟ้าแอบหลงรักคือใคร เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงพยักหน้ารับรู้ตามมา

    “เอางั้นก็ได้ครับ ...แต่ถ้าคุณอำมฤตไม่ยินดี ผมจับคู่กับคุณม่านฟ้าเหมือนเดิมก็ได้”

    ธามเหลือบมองลูกน้องของเขาอย่างแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นชาครแสดงความสนใจผู้หญิงมาก่อน และเท่าที่สังเกตก็ไม่เห็นเหมือนลูกน้องเขาจะรักชอบม่านฟ้าแบบชู้สาว แต่ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังมีแผนการอะไรบางอย่างแฝงมากับคำพูดนั้นด้วย 

    “ผมคู่กับท่านม่านฟ้าเองดีกว่าครับ...เอ่อ คุณพิชญ์ครับ...”

    พิชญ์มองอำมฤตอย่างพอจะรู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการขอร้อง เขาฝืนยิ้มรับคำ พร้อมกับพยักหน้า

    “ผมคู่กับเขาก็ได้ครับ ไม่มีปัญหา”

    “อุ๊ย! ดีจังเลยนะคะ ในเมื่อได้คู่ครบแล้ว พวกเราไปเตรียมตัวกันดีกว่าค่ะ ...ระหว่างนี้ดิฉันจะคิดรางวัลสำหรับผู้ชนะไปพลาง ๆ ว่าจะให้อะไรดี ...คนอื่น ๆ ก็ช่วยกันคิดด้วยนะคะ”

    ม่านฟ้ายิ้มหวานสรุป ทำเอาแต่ละคนมองหน้าเด็กสาวตาปริบ ๆ และมีบางคนพอจะรับรู้นิสัยแท้จริงของอีกฝ่ายได้บ้างว่า แม้จะเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมเพียงใด แต่ม่านฟ้าก็ยังมีส่วนที่ซุกซนเหมือนเด็ก ๆ ทั่วไปซุกซ่อนไว้ใต้บุคลิกสง่างามนั้นอยู่ดี

   

    ทะเลสาบของรีสอร์ตสวยงามมาก แม้จะเป็นทะเลสาบที่ถูกขุดขึ้นก็ตาม พวกเขาบางคนมองเรือพายที่นั่งกันได้สองคนต่อลำตาปริบ ๆ เพราะลำมันไม่ใหญ่มาก ชนิดถ้าหากใครนั่งไม่ดี หรือขยับกายไม่เข้าที่เข้าทางก็อาจจะทำให้มันพลิกคว่ำได้เลยทีเดียว

    “เอาคนละสีนะคะ ...พวกเราเอาลำสีฟ้านั่นดีกว่านะคะ”

    ม่านฟ้ารีบจองเรือก่อนใคร ซึ่งแต่ละคนก็ไม่ถือสา ชาครเลือกเรือลำสีเขียวสดใส ส่วนวิรัลก็เลือกลำสีขาวแทน

    “ถ้าอย่างนั้นก่อนจะแข่งดิฉันจะตั้งกติกาก่อนนะคะ ใครที่สามารถพายไปถึงท่าน้ำฝั่งโน้น และขึ้นฝั่งพร้อมกันทั้งคู่ได้สำเร็จก่อน ก็ถือให้เป็นผู้ชนะ ...และผู้ชนะมีสิทธิ์สั่งผู้แพ้ที่เข้าเส้นชัยเป็นคู่สุดท้าย ให้ทำอะไรให้ตนก็ได้ 1 อย่าง ในขอบเขตที่ผู้แพ้สามารถทำได้ ตกลงไหมคะ”

    กติกาของม่านฟ้า ทำให้ธาม กับ พิชญ์ชะงักแทบพร้อมกัน ทั้งสองหันมาสบตากันด้วยสายตาหวาดระแวงต่ออีกฝ่าย ก่อนจะหันมาทางม่านฟ้า แล้วพยักหน้ารับรู้ พลางมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ชนะให้ได้ทั้งสองฝ่าย จนม่านฟ้านึกขำ

    “งั้นก็แยกย้ายนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเป็นคนให้สัญญาณเอง รับรองไม่มีการโกงแน่นอนค่ะ”

    จากนั้นแต่ละคู่ก็แยกย้ายกันลงเรือ โดยคู่ของธามนั้น ธามรับอาสาเป็นคนพาย ส่วนคู่ของม่านฟ้า เด็กสาวบังคับอำมฤตให้เป็นแค่ผู้ช่วย แล้วเธอจะเป็นคนลงมือพายเอง ทว่าคู่ที่มีปัญหาตอนนี้กลับเป็นคู่ของพิชญ์กับชาครที่ยังคงตกลงกันไม่ได้

    “ไม่ได้! ฉันจะพายเอง ขืนให้นายพาย  มีหวังโกงเข้าข้างเจ้านายของนายพอดี!”

    ชาครหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงเปรยตอบขำ ๆ

    “ฉันไม่โกงกับแค่เรื่องแข่งพายเรือแบบนี้หรอกน่า ...แต่ถ้านายไม่ไว้ใจก็เป่ายิงฉุบตัดสินสิ ...รู้จักสินะเป่ายิงฉุบน่ะ”

    “เหอะ! คิดว่าฉันไม่รู้จักการละเล่นบ้าน ๆ ของพวกมนุษย์อย่างนั้นหรอกหรือ ... อีกอย่างคิดจะเป่ายิงฉุบกับฉัน เตรียมตัวแพ้เอาไว้ได้เลย”

    คนที่มั่นใจในพลังสายตาของตนท้าทาย ทว่าพอเริ่มต้นตัดสินกันจริง ๆ พิชญ์ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับอีกฝ่าย แม้จะลองขอแก้มืออีกรอบ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ซ้ำ จนชายหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วก็กระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิด

    “เออ! งั้นนายก็พายไป แต่ถ้ารู้ว่าโกงช่วยหมอนั่นเมื่อไหร่ ฉันจะจับนายทุ่มลงน้ำแทนแน่!”

    “หึ ๆ ได้สิ...งั้นก็ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นเขาจะรอนาน”

    ชาครบอกยิ้ม ๆ เรียกความหมั่นไส้ให้กับพิชญ์ยิ่งนัก และเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ม่านฟ้าก็ให้สัญญาณ การแข่งขันพายเรือจึงเริ่มขึ้นเดี๋ยวนั้นนั่นเอง...

   

... TBC ...


-----------------------------------------------------

มาแล้วค่า ตอนใหม่  หวังว่าตอนนี้คงถูกใจนักอ่านนะคะ เริ่มเห็นความหวังอันสดใสกันแล้วเนอะ ^^

-----------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 26-11-2012 21:01:37
คึคึิื น่ารักทุกคู่เลย  :impress2: :impress2:


ดีใจอย่างน้อย ม่านฟ้าก็ยังสดใส อยู่บ้าง


ส่วนอีกคู่ ชาคร พิชญ์ ยังไง แต่แอบคิดนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 26-11-2012 22:02:59
 ม่านฟ้าก็น่ารักจังเลย คนที่ชาครเล็งอยู้ใช่พิชญ์หรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-11-2012 22:32:45
ชาครพิชญ์ใช่หรือเปล่านะ พิชญ์วางแผนไว้จริง ๆ ด้วย แต่ที่จริงพิชญ์ก็คงแค่เป็นห่วงวิรัลนั่นแหละนะ ม่านฟ้าไม่ค่อยเจ้าเล่ห์เลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 26-11-2012 23:05:19
แอบคิดนะพิชญ์............
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: lukhia ที่ 27-11-2012 12:28:50
 :sad4:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 27-11-2012 14:34:53
อ๊ากกกอ๊ากกก

ชอบคู่ พิชญ์ กะ ชาคร น่ารักดี กิ้วๆ

เหมือนช่วงนี้จะไม่มีม่านหมองมาให้หมองมัว กิ้วๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 27-11-2012 15:19:25
ม่านฟ้าน่ารักอ่ะ ...

น่ารักทุกคนเลย .... > <

 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 27-11-2012 19:37:39
เอาแล้วๆ ใครจะชนะล่ะนิ? อยากเห็นคนแพ้โดนทำโทษแล้ววววว   :m11:
รอตอนต่อไปนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 27-11-2012 21:34:21
 :m13: อะไรกันนี้ พิชญ์กับชาคร แต่น่ารักดี อยากรู้แล้วว่าแข่งพายเรือจะสนุกแค่ไหน
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 27-11-2012 22:11:17
ชาครXพิญช์ ชาครXพิญช์ ฮูเร่ ฮูเร่  :ped149: :ped149:


:กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 27-11-2012 23:08:45
ขอบใจจ้า
อ่านวันละตอนสองตอน เพื่อเติมพลังงาน
วิรัลน่ารัก ชอบพิชญ์มากมาย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 27-11-2012 23:23:22
ว่าแล้ว พิชชี่ต้องได้กะชาคร อิอิ :mc4:
ติดตามต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-11-2012 23:25:31
ม่านฟ้าน่ารักนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 28-11-2012 02:33:09
ม่านฟ้าน่ารักดีอะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 28-11-2012 04:06:04
ตอนนี้น่ารักอ่ะ โดยเฉพาะคู่พิญช์กับชาคร  :impress2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: YAYANORITZ ที่ 29-11-2012 19:56:46
ชาคร พิชญ์ นี้มันมีอะไรแอบแฝงหว่าา  :z2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 29-11-2012 23:57:13
ดันๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 30-11-2012 08:05:23
พิชญ์กับชาคร อั๊ยยะๆๆๆๆ คู่กัดคู่รักอะป่าว

จับคู่ไปเรื่อยเลยเรา 5555

ธามก็อย่าให้วิรัลรอนานนักนะ สงสารกวางน้อยยย โฮ

รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 8 :: P.5 วันโพส 26/11/2555
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 30-11-2012 14:46:15
แต่ละคู่คงพายเรือสนุกกันน่าดู :z1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 03-12-2012 21:36:43
ย่องมาแปะ พอดีต้องแก้พล็อตนิดหน่อย ประกอบกับติดเกม(อย่างหลังนี่เป็นสาเหตุหลัก--) จึงทำให้นิยายตอนนี้มาช้าไปสักหน่อย ยังไงจะพยายามเข็นตอนหน้ามาให้ได้ (ถ้าพล็อตที่วางไว้ไม่สะดุดอีกรอบ)

ขออภัยที่ล่าช้านะคะ -/\-


------------------------------------

/9




    ม่านฟ้าแสดงให้หนุ่ม ๆ ได้เห็นว่า แม้จะมีร่างกายบอบบางและท่าทางสง่างามแบบคุณหนู แต่เธอก็สามารถพายเรือและบังคับทิศทางได้อย่างเยี่ยมยอด ส่วนอำมฤตที่นั่งด้วยและถูกยึดพายไป ก็ช่วยวักน้ำให้เรือไปเร็วขึ้น เห็นดังนั้นคนอื่น ๆ ที่ว่างอยู่จึงเลียนแบบบ้าง สร้างความสนุกสนานให้กับบางคู่ ยกเว้นคู่เดียวที่มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นตลอด

    “นายแกล้งพายถ่วงนี่! ตอนนี้พวกเรารั้งท้ายอยู่นะ!”

    ชาครถอนหายใจเบา ๆ เขาเองก็ยอมรับว่าไม่ได้ใช้แรงเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้แกล้งพายถ่วงแต่อย่างใดอย่างที่ถูกพิชญ์กล่าวหา

    “ใครว่าฉันแกล้งถ่วง ท่านธามพายคล่องของท่านอยู่แล้ว อีกอย่างมฤคมาศก็ตัวนิดเดียว เรือก็เบาไปได้เร็ว ...ไม่เหมือนลำของเรา”

    พิชญ์ชะงักก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง เพราะเหมือนเขาถูกตอกใส่หน้า ว่าตัวหนักทางอ้อมนั่นเอง

    “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่เพราะฉันหรอก! ตัวนายต่างหาก หนาล่ำสูงใหญ่ขนาดนี้! แล้วก็รีบพายหน่อยไม่ได้หรือไง อย่าบอกนะว่าแรงนายมีแค่นี้น่ะ!”

    ชาครถอนหายใจ ส่วนพิชญ์เหลือบไปดูแล้วก็ยิ่งต้องเม้มปากอย่างกังวล เมื่อธามนั้นพายเรือจ้วงเร็วขึ้นจนแทบจะแซงม่านฟ้าไปแล้ว

    “ไม่ได้การ ...ถ้าหมอนั่นชนะ มีหวังขออะไรทุเรศ ๆ เกี่ยวกับท่านวิรัลแน่...”

    พิชญ์พึมพำทำให้คนที่หูดีซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ลอบถอนหายใจ จะเถียงแทนเจ้านายก็ไม่ได้ เพราะเขามั่นใจว่าธามนั้นจะขอในสิ่งที่พิชญ์บ่นอยู่อย่างแน่นอน

    “ขอโทษนะครับท่านวิรัล...”

    พิชญ์พึมพำคล้ายกับกำลังตัดสินใจกับตัวเองอีกครั้ง จากนั้นเจ้าตัวจึงตะโกนดังลั่นตามมา

    “ท่านวิรัลครับ! มีแมงมุงตัวใหญ่ขนยุบยับ เกาะอยู่ที่ด้านหลังท่านน่ะครับ!”

    วิรัลพอได้ยินเสียงตะโกนของพิชญ์ดังนั้น เด็กหนุ่มก็ขยับตัวด้วยความกลัว จนลืมไปว่าพวกเขากำลังอยู่บนเรือ ธามนั้นสะดุ้งโหยงแล้วรีบร้องห้าม ก่อนจะเหลือบมองพิชญ์อย่างนึกเคือง

    “เอ้า! มัวเซ่อทำไมเล่า พายไปสิ!”

    พิชญ์หันมาตวาดใส่ชาคร จนคนถูกตวาดชะงัก ก่อนจะพายขึ้นไปอย่างเอือมระอา เช่นเดียวกับม่านฟ้า ที่พอได้ยินก็หัวเราะคิก แล้วรู้ว่าเป็นแผนของพิชญ์เธอจึงพายขึ้นไปอย่างไม่รีบร้อนนักเช่นเดียวกัน

    “ใจเย็น ๆ วิรัล หมอนั่นหลอกเธอต่างหาก จะมีแมงมุมบนเรือได้ยังไงเล่า"

    ธามพยายามปลอบแต่ก็ขยับตัวไม่ได้ เพราะพยายามทรงตัวไม่ให้เรือล่มเสียก่อนนั่นเอง

    “แมงมุม...ผมกลัว...”

    วิรัลหลับตาปี๋ดิ้นหลบซ้ายขวา เพราะเกรงว่าแมงมุมจะคลานขึ้นหน้าตน ทำเอาธามต้องอมยิ้ม แล้วจึงแกล้งหยอกบ้าง

    “อ๊ะ! มันคลานขึ้นมาบนคอแล้วนั่น”

    ธามแกล้งแหย่ ทว่าจังหวะที่ชายหนุ่มพูดออกไปนั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ใบไม้เล็ก ๆ จากต้นไม้ริมทะเลสาบ ถูกพัดปลิวลงมาถูกคอด้านหลังของเด็กหนุ่มพอดี วิรัลสะดุ้งเฮือก แล้วรีบลุกยืนพรวด ทำเอาธามตกตะลึงตาค้าง และรีบทิ้งพาย พลางยกมือรับร่างที่โผมาหาเขาด้วยความกลัว ก่อนที่เรือจะเสียหลักและพลิกคว่ำจนคนบนเรือจมลงไปในน้ำทั้งคู่

    “ท่านวิรัล!”

    พิชญ์ที่ได้ยินเสียงและเห็นภาพนั้น รีบลุกกระโจนลงไปในน้ำ จนชาครเกือบจะประคองเรือไว้ไม่อยู่ พี่เลี้ยงหนุ่มรีบว่ายเข้าไปหาเรือที่จม ทว่าก็ต้องโล่งอกเมื่อธามกับวิรัลนั้นโผล่พ้นขึ้นมาบนผิวน้ำ วิรัลกอดคอธามแน่นอย่างตกใจ ทว่าธามก็แข็งแรงและมีสติพอที่จะปลอบประโลมให้อีกฝ่ายสงบ แล้วจึงจัดแจงว่ายพาเด็กหนุ่มเข้าฝั่งพร้อมตนได้อย่างปลอดภัย

    “เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว”

    พิชญ์พึมพำตามมา ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ ๆ ขาของเขาก็เป็นตะคริว ชายหนุ่มนิ่วหน้า แต่ก็พยายามจะประคองตัวว่ายเข้าฝั่งเอง โดยไม่ยอมร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ทว่าช่วงนี้เขาพักผ่อนค่อนข้างน้อย ทำให้เรี่ยวแรงที่มีก็ลดน้อยลงตาม จนกระทั่งฝืนตัวเองไม่ไหวและค่อย ๆ จมหายไปในผืนน้ำ อันเป็นเวลาเดียวกับที่เขาได้ยินเสียงกระโดดน้ำตูมในที่ห่างออกไป ก่อนที่สติของเขาจะเริ่มดับวูบลง...



     พิชญ์มารู้สึกตัวอีกที ก็ต่อเมื่อเขากำลังถูกอ้อมแขนแกร่งของใครบางคนช่วยรั้งร่างของเขา และว่ายขึ้นฝั่งไปด้วยกัน

    “แค่ก ๆ”

    ชายหนุ่มไอกึ่งหอบเมื่อมาถึงพื้นดิน ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนบ่นข้าง ๆ

    “ทำเป็นหยิ่งไม่เข้าท่า ...แทนที่จะร้องขอความช่วยเหลือ กะจะรอให้จมไปถึงก้นทะเลสาบ แล้วค่อยเรียกหรือไง”

      เสียงบ่นของชาครทำให้พิชญ์หันขวับไปมองด้วยใบหน้าถมึงทึง ทว่ายังไม่ทันได้โต้เถียงอะไรกลับไป วิรัลที่ตัวเปียกโชกก็วิ่งมากอดเขาหมับเสียก่อน

    “เป็นอะไรหรือเปล่าพิชญ์! ฉันเป็นห่วงแทบแย่ ตอนที่หันไปมองแล้วเห็นนายจมหายไป... โชคดีนะที่คุณชาครเขากระโดดลงมาช่วยนายเอาไว้ได้ทันท่วงทีแบบนั้น”

    วิรัลบอกเสียงกึ่งสะอื้นจนพิชญ์รู้สึกผิด เขาพึมพำขอโทษเรื่องแมงมุมกับอีกฝ่าย แต่วิรัลก็สั่นหน้า แล้วบอกยิ้ม ๆ

    “ไม่เป็นไรหรอก ก็มันเรื่องจริงนี่ คุณธามเองยังเห็นแล้วบอกฉันเลย ...คนที่แย่น่ะคือฉันต่างหากที่กลัวจนเกินไป”

    คนที่กำลังสำนึกผิดหันขวับไปที่อีกคน ที่ทำเป็นเมินมองไปทางอื่น ส่วนชาครนั้นมองทั้งสามแล้วลอบถอนหายใจเบา ๆ ทว่าสักพักม่านฟ้ากับอำมฤตก็เดินมาสมทบด้วย อำมฤตนั้นมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ส่วนม่านฟ้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับเอ่ยขึ้น

    “ดิฉันว่าพวกคุณไปแวะที่รีสอร์ตกันก่อนดีกว่านะคะ เดี๋ยวดิฉันจะให้คนเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้เปลี่ยน ...แล้วจะได้ไปคิดบทลงโทษสำหรับทีมที่แพ้ทั้งคู่ด้วย”

    “ท่านม่านฟ้า...เรื่องนั้น...”

    อำมฤตขัดขึ้น เมื่อเห็นอีกสองทีมหันมามองม่านฟ้าตาปริบ ๆ และเหลือบมองเรือพายของเด็กสาวที่จอดเทียบท่าอีกฝั่งเรียบร้อย

    “การแข่งขันก็ย่อมเป็นไปตามกติกาสิคะคุณอำมฤต แล้วทั้งสองทีมก็ขึ้นฝั่งไม่ได้ทั้งคู่ ก็ถือว่าปรับให้เป็นผู้แพ้ไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นก็เตรียมรอรับคำสั่งร่วมกันได้เลยค่ะ ...ไม่ต้องกลัวนะคะ รับรองดิฉันจะขอร้องในสิ่งที่พวกคุณทำได้แน่นอนค่ะ...แต่ก่อนอื่นดิฉันว่าพาท่านวิรัลไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดไปเสียเปล่า”

    เมื่อได้ยินในท้ายประโยคก็ทำให้แต่ละคนที่กำลังอึ้ง ฉุกคิดขึ้นมาได้ แล้วจึงรีบเดินกลับที่พักกันอย่างว่องไว  ส่วนม่านฟ้านั้นเดินเรื่อย ๆ ตามไป ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ โดยมีอำมฤตที่อยู่เคียงข้างสังเกตเห็นเพียงแค่คนเดียว พี่เลี้ยงหนุ่มถึงกับลอบถอนหายใจ แล้วเฝ้าลุ้นว่านายสาวของเขา จะขอให้ทั้งสี่คนนั้นทำอะไรกันต่อไปแน่



    ม่านฟ้าได้จัดเตรียมเสื้อผ้าใหม่อย่างดีให้กับทุกคน ส่วนเสื้อผ้าที่เปียกก็ถูกส่งนำไปซักรีดให้เรียบร้อย  ระหว่างนั้นเด็กสาวจึงพูดคุยชักชวนในสิ่งที่ทำให้พิชญ์สะดุ้ง

    “ถ้ายังไงพวกคุณธาม กับคุณชาครก็ค้างที่นี่ด้วยสิคะ เพราะวันนี้ท่านวิรัลกับคุณพิชญ์เองก็จะค้างที่นี่เหมือนกัน”

    วิรัลสะดุ้งโหยงไม่แพ้พี่เลี้ยงของตน ทว่าเหตุผลที่สะดุ้งนั้นแตกต่างกันไป สำหรับพิชญ์ไม่คิดว่าม่านฟ้าจะชวนศัตรูต่างเผ่าพักร่วมกัน ส่วนวิรัลนั้นไม่รู้มาก่อนว่าเขาจะต้องมาค้างที่รีสอร์ทของว่าที่คู่หมั้นเช่นนี้

    “อืม...ก็น่าสนอยู่นะ  ถ้าเธอไม่รังเกียจ...”

    ธามชะงักคำพูดค้างไว้เมื่อได้ยินเสียงมือถือของตนดัง เขาหยิบขึ้นมาดูเบอร์ พลางนิ่วหน้าลง ก่อนจะเลี่ยงเดินไปคุยห่าง ๆ อีกด้านหนึ่ง จากนั้นเจ้าตัวก็เดินหน้าเคร่งขรึมกลับมาแล้วบอกกับม่านฟ้า

    “ขอโทษนะ ขอบคุณมากที่มีน้ำใจชวน แต่ฉันคงต้องกลับแล้วล่ะ...ไว้หากมีโอกาส จะขอมารบกวนใหม่นะ”

    ท้ายประโยคแม้เจ้าตัวจะพูดกับเด็กสาว แต่นัยน์ตากับปรายมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ห่างนัก วิรัลหน้าแดงนิด ๆ แล้วหลบตาคมกริบนั้นด้วยความอาย ส่วนม่านฟ้าอมยิ้ม แล้วจึงพยักหน้ารับรู้

    “ได้สิคะ...อ้อ ลืมไป เรื่องบทลงโทษของการแข่งพายเรือวันนี้ ...ดิฉันคิดขึ้นได้พอดี เพราะอย่างนั้นพวกคุณก็รับฟังกันไว้ก่อนนะคะ ส่วนวันกำหนดลงโทษค่อยมานัดกันอีกที”

    หนุ่ม ๆ ในที่นั้นต่างหันมามองคนพูดด้วยความสงสัยระคนหวาดหวั่นนิด ๆ ส่วนด้านม่านฟ้าแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยต่อ

    “ดิฉันขอกำหนดบทลงโทษให้พวกคุณทุกคนที่แพ้ ...เตรียมตัวเคลียร์ทุกอย่างให้ว่างเป็นเวลาสามวันสองคืน แล้วมาท่องเที่ยวพักแรมร่วมกัน ที่รีสอร์ทอีกแห่งของดิฉัน ...ยังไงถ้าได้วันเมื่อไหร่ช่วยแจ้งดิฉันล่วงหน้าก่อนก็จะดีมาก  ดิฉันจะได้เตรียมตัวจัดสถานที่ไว้รอรับ โดยไม่บกพร่องเหมือนอย่างวันนี้อีกค่ะ”

    พิชญ์กับอำมฤตเตรียมตัวจะค้านเต็มที่ แต่วิรัลที่กำลังตกตะลึงนั้นกลับมีรอยยิ้มตามมา แล้วบีบมือเด็กสาวแน่นด้วยความดีใจ

    “แน่นอนครับคุณม่านฟ้า ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ”

    ม่านฟ้ายิ้มหวานตอบ ส่วนธามนั้นจ้องวิรัลอย่างเริ่มไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ทว่าเงื่อนไขของม่านฟ้าก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมากกว่า จนทำให้สามารถอดทนต่อความหึงหวงเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ 

      พิชญ์นิ่งอึ้งเมื่อเห็นสีหน้ายินดีของวิรัล และเมื่อหันไปสบตากับชาครที่มองมา เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีสายตาคล้ายกับจะขอร้องให้เขาตอบรับเรื่องนี้

    “เฮ้อ...ช่วยไม่ได้! ในเมื่อมันเป็นบทลงโทษนี่นะครับ ยังไงก็ต้องทำตามนั่นล่ะ!”

    พิชญ์เปรยเสียงห้วนรับคำ ทำให้ธามนั้นนึกแปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายยอมรับเรื่องนี้ง่าย ๆ ทั้งที่ควรจะคัดค้านแท้ ๆ ยิ่งหันมาเห็นใบหน้าลูกน้องคนสนิทมีรอยยิ้มอ่อนโยนผิดเคย โดยมีสายตาจ้องมองไปยังร่างของพิชญ์ด้วยแล้ว ก็ทำให้ธามนึกสังหรณ์ใจว่าทั้งคู่คงต้องมีอะไรปิดบังบางอย่างที่เขาไม่รู้อยู่แน่

    อีกด้านหนึ่งอำมฤตนั้นลอบถอนหายใจเบา ๆ เพราะลองพิชญ์เห็นด้วยแบบนี้ เขาคนเดียวคงจะคัดค้านได้ยาก ยิ่งนายสาวของเขาเป็นตัวตั้งตัวตีและเอ่ยปากชักชวนด้วยตัวเอง ครั้งจะให้ยกเลิก ก็จะกลายเป็นว่าม่านฟ้าพูดจากลับกลอกผิดคำพูดไปแทน

    “ถ้ายังไงก็ต้องขอตัวก่อนล่ะ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับนะ ที่นี่เป็นรีสอร์ทที่วิเศษมากเลยทีเดียว”

    ธามเอ่ยอำลากับม่านฟ้า และหันมายิ้มให้กับวิรัล ซึ่งวิรัลก็ยิ้มตอบ และยืนโบกมือให้จนธามเดินลับตาไป ก่อนจะหันกลับมาชะงักเมื่อเห็นใบหน้าบึ้ง ๆ ของพิชญ์จ้องมองอยู่

    “พิชญ์...โกรธหรือ...”

    พิชญ์นิ่งสักพัก แล้วจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางยิ้มน้อย ๆ ให้กับนายเหนือหัวของเขา

    “ไม่หรอกครับ...มันเป็นเรื่องของเกมไม่ใช่หรือครับ เราก็ต้องยอมรับตามนั้น”

    พิชญ์บอกกับอีกฝ่าย แม้จะสงสัยว่าเหตุใดม่านฟ้าจึงช่วยเชียร์เรื่องธามและวิรัลจนออกนอกหน้าเช่นนั้น  เจ้าตัวหวนคิดถึงคำที่ชาครเคยพูดไว้ เรื่องที่ว่าคนที่ฝืนใจหมั้นอาจจะไม่ใช่วิรัลคนเดียวก็ได้

    ‘...หรือว่าท่านม่านฟ้าก็มีคนในใจอยู่แล้วเช่นกัน...’

    พิชญ์คิดในใจแล้วชำเลืองไปมองม่านฟ้า ที่ตอนนี้กำลังพูดคุยยิ้มแย้มกับวิรัลอย่างถูกคอ เพราะม่านฟ้านั้นแม้จะผ่านการดูแลอบรมมารยาทมาอย่างเข้มงวด แต่ก็ถูกเลี้ยงมาเป็นอิสระมากกว่าเด็กหนุ่ม จึงทำให้วิรัลที่ไม่เคยมีเพื่อนวัยเดียวกัน พูดคุยซักถามกับอีกฝ่ายได้อย่างสนิทใจมากขึ้น นี่ถ้าไม่มีธามเข้ามาข้องเกี่ยวด้วยแต่แรก วิรัลก็คงชอบพอกับม่านฟ้าได้อย่างไม่ยากแน่นอน

   

     อีกด้านหนึ่งนั้นชาครก็เหลือบมองเจ้านายของเขาผ่านกระจกมองหลังรถ ตอนนี้ธามกำลังนั่งเงียบ ๆ หลับตาคล้ายดังจะใช้สมาธิอยู่ ซึ่งชาครก็พอจะเดาได้ว่า คนที่โทรศัพท์มาเป็นผู้ใด แม้จะได้ยินเสียงไม่ชัดเจนเนื่องจากธามเดินออกไปคุยไกลจากรัศมีรับฟังของเขาพอสมควร

    “ท่านธามครับ...ต้องกลับไปที่คฤหาสน์ของท่านประมุขหรือครับ”

    ธามชะงักเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นมองคนถาม แล้วพยักหน้านิด ๆ

    “ใช่... ‘เขา’ โทรมาบอก ให้รีบกลับไปให้ทันในคืนนี้...เหอะ เอาแต่ใจชะมัด”

    ชาครลอบถอนหายใจ เพราะธามนั้นเลิกเรียกบิดาของเจ้าตัวว่าพ่อ นับตั้งแต่ตอนที่มารดาของชายหนุ่มเสียชีวิต ทว่าผู้เป็นบิดากลับปิดคดีไม่คิดสืบหาตัวฆาตกรต่อ ทั้ง ๆ ที่ถ้าสืบสาวราวเรื่องจริง ๆ ก็หาได้ไม่ยากแท้ ๆ

    “ถ้าให้เดา อาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการคัดเลือกตำแหน่งประมุขก็ได้...มันก็ใกล้เข้ามาแล้วนี่... อีกไม่กี่เดือนเท่านั้นสินะ”

    ธามพึมพำตามมา ก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ ก่อนหน้าที่จะได้เจอวิรัล เขาเฝ้าแต่คิดถึงเรื่องชิงตำแหน่งประมุขมาโดยตลอด ทว่านับตั้งแต่ได้พบกับเด็กหนุ่ม ธามนั้นกลับนึกอยากทิ้งตำแหน่งที่เคยปรารถนา แล้วเลือกใช้ชีวิตสงบกับวิรัลเพียงลำพังมากกว่า... แต่เขาก็ไม่อาจจะละเลยเรื่องที่มารดาถูกสังหารโดยจับตัวฆาตกรมาลงโทษไม่ได้อยู่ดี

    “นี่...ชาคร นายได้คุยอะไรกับพี่เลี้ยงของวิรัลบ้างหรือเปล่า...ทำไมหมอนั่นถึงได้ยอมรับเรื่องที่ม่านฟ้าเสนอง่าย ๆ แบบนั้น”

    ชาครชะงัก พลางกลืนน้ำลายลงคอ ขณะที่กำลังคิดหาคำแก้ตัว ก็ถูกธามกระแอมดักเสียก่อน

    “บอกมาตามตรงไม่ต้องคิดเฉไฉ ...นายก็รู้ดีว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาโกหก โดยเฉพาะจากคนที่ฉันไว้ใจที่สุด”

    ชาครถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่เขาสนทนากับพิชญ์ให้ธามฟังทั้งหมด ก่อนจะนิ่งเงียบรอฟังนายของเขาอย่างรู้สึกผิด เรื่องที่เขาไปเล่าเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายให้กับคนอื่นฟังเช่นนั้น

    “…นายขอโอกาสกับหมอนั่น ให้ฉันอย่างนั้นหรือ...ยุ่งย่ามเรื่องส่วนตัวของฉันมากไปแล้วนะ”

    ธามเปรยขึ้นเรียบ ๆ ทำให้ชาครกลืนน้ำลายลงคอ แล้วพึมพำขอโทษด้วยใบหน้าสลด ทว่าชายหนุ่มก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่ทำหน้าเคร่งขรึมแย้มยิ้มออกมาน้อย ๆ อย่างอ่อนโยนหลังจากนั้น

    “แต่ก็ต้องขอบคุณนายมากเหมือนกัน...เพราะนายนั่นล่ะ จึงทำให้ฉันเลือกได้ในที่สุด...”

    ชาครจ้องที่กระจกมองหลังรถ ประสานสายตากับธามที่จ้องมายังเขาเช่นเดียวกัน

     “ฉันจะออกจากเผ่าหลังจากการเลือกตำแหน่งประมุขสิ้นสุดลง ไม่ว่าฉันจะได้เป็นประมุขหรือไม่ก็ตาม ... และเพื่อการนั้น จากวันนี้ไป ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อลากฆาตกรตัวจริง แล้วบังคับให้มันขอขมากับอัฐิแม่ของฉันในวันที่ทุกคนในเผ่ามาชุมนุมเพื่อแต่งตั้งประมุขคนใหม่  ...นายล่ะชาคร พร้อมจะลุยแตกหักกับฉันด้วยไหม”

    ชาครยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับพยักหน้าด้วยแววตาจริงจัง

    “ผมพร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างท่านเสมอ ไม่ว่าท่านจะเลือกตัดสินใจแบบใดก็ตาม”

    ธามยิ้มตอบ แล้วบอกสั้น ๆ

    “ดี...ขอบใจมาก”

    จากนั้นทั้งคู่ก็นั่งเงียบ ๆ ไปด้วยกัน จนกระทั่งรถยนต์ของธามเลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์ใหญ่โตหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองห่างไกลผู้คน

     

    ทันทีที่ธามและชาครมาถึง ชายในสูทดำสองสามคนก็เดินเข้ามาโค้งให้พวกเขา และนำทั้งคู่ไปยังห้องประชุมภายในคฤหาสน์

    “โอ้...มาแล้วหรือ นึกว่าจะอ้างโน่นอ้างนี่ แล้วไม่มาร่วมประชุมเหมือนเดิมเสียอีกนะ...”

    เสียงทักจากชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมคาย  ละม้ายคล้ายกับธาม เจ้าตัวยกยิ้มหยันส่งมาให้ ซึ่งธามก็ทำเป็นเมินไม่สนใจ เขาโค้งศีรษะนิด ๆ ให้กับคนนั่งหัวโต๊ะ แล้วตรงไปนั่งบนเก้าอี้ว่างแถวนั้น ส่วนชาครถอยไปยืนห่าง ๆ มุมห้อง เช่นเดียวกับผู้ติดตามคนอื่น

    “เหอะ! ยังทำตัวไม่เห็นหัวพี่น้องเหมือนเดิมนะ เป็นแค่ลูกครึ่งมนุษย์แท้ ๆ หยิ่งยโสไม่เคยเปลี่ยน!”

    มาลุตสบถอย่างหงุดหงิด เขาเกลียดธามมาแต่ไหนแต่ไร เนื่องจากอีกฝ่ายมีสายเลือดมนุษย์ที่ด้อยกว่า แถมมารดาของธามยังเป็นที่รักของบิดามากกว่ามารดาของเขา ทำให้มารดาผู้อ่อนแอของเขาตรอมใจตายไปเสียก่อน  นั่นจึงทำให้มาลุตยิ่งเกลียดและโกรธแค้นทั้งธามและมารดาของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้นไปอีก

     “เลิกหยอกล้อตามประสาพี่น้องกันได้แล้วมาลุต... เอาล่ะในเมื่อธามก็มาถึงแล้ว  ฉันก็จะได้เริ่มเปิดประชุมสักที”

    ปุริม ประมุขของเผ่าวกะผู้เป็นบิดาของมาลุตและธามเปรยขึ้นเบา ๆ ทว่าคำพูดนั้นก็ทำให้มาลุตเงียบลงได้ แม้จะยังคงแสดงท่าทางฮึดฮัดให้ได้เห็นบ้างก็ตาม

    “ที่ฉันเรียกผู้คุ้มกฎทั้งสาม และบรรดาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารเผ่า รวมถึงทายาทของฉันทุกคนมาประชุมครั้งนี้ ก็เพื่อจะร่างข้อตกลงในการทดสอบชิงตำแหน่งประมุขเพิ่มเติมจากเดิม และต้องการให้ทุกคนรับทราบและลงมติให้เป็นเอกฉันท์ด้วย”

    พอปุริมเอ่ยจบ คนอื่น ๆ ที่มาร่วมประชุมต่างก็พากันสบตากันอย่างสงสัยและแปลกใจ ปุริมกวาดสายตามองแต่ละคน แล้วจึงเอ่ยต่อ

    “ในการทดสอบชิงตำแหน่งประมุขครั้งนี้  ฉันขอสั่งไม่ให้มีการเล่นตุกติก โดยการทำร้ายผู้มีสิทธิ์ชิงตำแหน่งประมุขแต่ละคน ไม่ว่าจะซึ่งหน้าหรือลับหลัง โดยเด็ดขาด ... ถ้าใครผิดกฎข้อนี้แล้วฉันสืบพบ  ฉันจะถือว่ามันผู้นั้นเป็นกบฏของเผ่า และจะต้องถูกนำตัวมาลงโทษอย่างหนัก  โดยไม่สนว่ามันผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม เข้าใจไหม...”

    ท้ายประโยคปุริมไล่มองบุตรทั้งสามของเขา ธาม มาลุต และพิภพ  ทว่าหลังจากจบประโยคนั้น มาลุตมีสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะตามมาด้วยความแค้นเคือง ไม่แตกต่างจากธามเท่าใดนัก

    “ฉันหวังว่าคงไม่มีใครคิดค้านในความคิดนี้...แต่หากมีก็จงเสนอตัวและบอกเหตุผลที่น่าฟังมาด้วย... ถ้ามันดีพอ ฉันอาจจะรับฟังไว้”

    ปุริมเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ คล้ายจะอนุญาตให้ผู้อื่นโต้แย้ง ทว่าจากน้ำเสียงและความนัยที่แฝงอยู่นั้นมันบ่งบอกชัดเจนว่า เขาตัดสินใจไปแล้ว และไม่ต้องการให้ใครขัดขืนคำสั่งนี้

    ธามกัดฟันกรอดและลอบกำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด เช่นเดียวกับมาลุตที่อยากจะค้าน แต่เมื่อตรองแล้วไม่น่าจะทำให้เกิดผลดีกับตน เขาจึงทนเงียบอยู่ ส่วนพิภพบุตรชายคนโตนั้นนั่งเงียบรับฟังโดยไม่มีปฏิกิริยาอันใดเป็นพิเศษ 

    “เอาล่ะ…ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครคัดค้านสินะ ...ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ฉันจะสละตำแหน่งประมุขให้กับผู้ที่ผ่านการทดสอบ”

    ทันทีที่ปุริมประกาศมาเช่นนั้น ก็ทำให้ผู้คุ้มกฎทั้งสาม และสมาชิกคนอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารให้เผ่าเจริญรุ่งเรือง ก็พากันตกอกตกใจและมีบางคนเอ่ยปากค้านออกไป

    “มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือครับท่านประมุข ...ตามกำหนดการเดิมนั่นมันอีกตั้งเกือบสามเดือนเลยนะครับ”

    หนึ่งในผู้คุ้มกฎทั้งสามซึ่งมีอาวุโสมากที่สุดเอ่ยขึ้น ปุริมหันมามองชายชรา แล้วจึงเอ่ยตอบอีกฝ่ายเรียบ ๆ

    “ฉันได้รับรายงานมาว่า พวกครุโฬเริ่มเคลื่อนไหวน่าสงสัย และเป้าหมายของพวกมันก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นเผ่าเราอยู่สูง ...ดังนั้นฉันต้องการให้มีการเลือกประมุขคนใหม่ให้เสร็จโดยไว และจะได้สร้างนักรบวกะรุ่นใหม่ ๆ ให้พร้อมต่อการสู้รบระหว่างเผ่า ที่อาจจะมาเยือนได้ทุกเมื่อ”

      เมื่อได้ฟังเหตุผลของประมุขเผ่า ก็ทำให้ผู้คุ้มกฎชราเห็นด้วย เพราะเขาเองก็ได้รับข่าววงในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

    “ถ้าอย่างนั้นพวกผมก็ไม่มีอะไรคัดค้าน”

    เมื่อผู้คุ้มกฎทั้งสามและสมาชิกคนอื่น ๆ เห็นดีด้วย ปุริมก็หันมาทางลูกชายทั้งสามของเขา

    “พวกเจ้าเล่า เห็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง”

    ทั้งสามนิ่งเงียบครู่หนึ่ง จากนั้นพิภพจึงพยักหน้ารับรู้ มาลุตแค่นยิ้ม แล้วทำเป็นพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ ส่วนธามนิ่งเงียบ จ้องตาผู้เป็นบิดานิ่งสักพัก แล้วเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ

    “แล้วแต่ท่านประมุขจะตัดสินใจเถิดครับ”

    ปุริมชะงักนิด ๆ ก่อนจะลอบถอนหายใจ  จากนั้นจึงสั่งปิดประชุมแล้วให้ทุกคนแยกย้ายกันไป ยกเว้นธามที่ถูกเรียกเอาไว้ก่อน

    “เดี๋ยวธาม...พ่อมีเรื่องจะคุยด้วยสักหน่อย”

    ธามเม้มปากน้อย ๆ เวลาที่ปุริมแทนตัวว่าพ่อ ก็คือเวลาที่อีกฝ่ายทิ้งตำแหน่งประมุขไว้เบื้องหลัง และมักจะสนทนากันแบบพ่อลูกตามปกติ ธามเองก็รู้ว่าบิดานั้นรักและห่วงใยในตัวเขาขนาดไหน แต่เรื่องที่อีกฝ่ายไม่ยอมนำฆาตกรที่ฆ่ามารดาของเขามาลงโทษ ก็ทำให้ธามตั้งกำแพงระหว่างเขากับบิดาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

    อีกด้านหนึ่งมาลุตที่กำลังเดินออกจากห้องประชุมไปนั้น ลอบมองธามอย่างชิงชังมากขึ้นไปอีก เพราะรู้สึกอิจฉาที่บิดานั้นมอบความรักให้กับน้องชายต่างมารดามากกว่า

     กับมาลุตและพิภพ ปุริมมักจะวางตัวเป็นประมุขมากกว่าพ่อ และสั่งสอนเข้มงวดแทบตลอดเวลา แต่กับธามนั้น ด้วยความเวทนาที่ชายหนุ่มกำพร้ามารดาแต่เล็กแถมยังมีพลังน้อย เป็นลูกครึ่งมนุษย์ในหมู่วกะ ปุริมจึงเอาใจใส่ในตัวธามเป็นพิเศษกว่าบุตรชายคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด

   
... TBC ...
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: shizuruviola ที่ 03-12-2012 21:58:51
ติดเกมหรอ เดี๋ยวถล่มบริษัทเลย
จะได้มาแต่งต่อให้ได้อ่านทุกวัน ^^
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 03-12-2012 22:02:59
ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหนล้วนแต่มีปัญหาทั้งนั้นซินะ หวังว่าธามจะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้ลุล่วงไปด้วยดี :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 03-12-2012 22:21:22
มาซักที อยากอ่านต่อๆๆๆๆ :z3:
กำลังสนุกเลย  :o12:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 03-12-2012 22:25:48
ธามเอ้ยย รู้นี่นาว่าพ่อรัก แล้วทำไมไม่ลองคิดดูดีๆก่อน ว่าพ่อน่าจะมีเหตุผลอะไรที่ไม่สืบหาฆาตกร


อย่ามารักพ่อในวันที่สายนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 03-12-2012 23:00:30
คนเงียบน่ากลัวกว่าคนโวยวายนะ  o18
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-12-2012 23:38:56
ขอให้ธามได้ตำแหน่งทีเถอะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 04-12-2012 00:04:24
 :mc2: ธามสู้สู้ พยายาม อดทนไว้เพื่อวิรัลและตนเองนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 04-12-2012 07:09:25
ผู้ต้องสงสัยทีทำแบบนั้นกับแม่ธามจะเป็นพี่ ๆ ของธามหรือเปล่า พ่อธามถึงไม่ทำอะไรแบบนี้ แต่ธามตัดสินใจได้แล้วแบบนี้เป็นเพราะชาครนะเนี่ย พิชญ์ไม่ค่อยเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 04-12-2012 09:11:17
รีบมาต่อเร็วๆนะ  :z3:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 04-12-2012 20:44:25
ชีวิตธามก็น่าสงสารเนอะ

งั้นธามก็ต้องเหยียบเรื่องของวิรัลให้เป็นความลับสุดๆเลยล่ะ

ไม่งั้นนะ วิรัลต้องอันตรายแง่มเลยยย

กรี๊ดๆๆชาครกับพิชญ์ ม่านฟ้าก็น่ารักเนอะ *0*
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 9 :: P.6 วันโพส 3/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-12-2012 21:28:03
ธามสู้ๆ เพื่อท่านแม่และน้องกวางน้อย :กอด1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.6 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 05-12-2012 23:27:26
 :3123:


/ 10


    “ลูกโกรธพ่อหรือธาม...ที่พ่อเสนอไปแบบนั้น”

    ปุริมเอ่ยถามบุตรชายคนเล็ก ซึ่งอีกฝ่ายก็แค่นยิ้มให้ ตอนนี้ทั้งห้องประชุมเหลือแต่พวกเขาสองคน ส่วนคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องไม่แยกย้ายกันกลับ ก็ไปรออยู่ด้านนอกกันหมด และเนื่องจากห้องนี้ทำด้วยวัสดุเก็บเสียงชั้นดี อีกทั้งผู้ที่อยู่ด้านนอกก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ยืนรออยู่ใกล้ ๆ พวกเขาจึงไม่มีโอกาสได้ยินเสียงสนทนาจากด้านในที่เกิดขึ้น 

    “ที่พ่อตัดสินใจเลือกทำเช่นนี้ ก็เพราะไม่อยากจะให้พี่น้องแก่งแย่งชิงดีจนลืมตัวลืมตน เข่นฆ่ากันเอง ...ถึงจะไม่ถูกกันยังไงแต่พวกเจ้าพี่น้องก็มีสายเลือดของพ่อไหลเวียนอยู่ในร่างเช่นเดียวกันนะลูก”   

     ธามแค่นยิ้มกับตัวเอง แล้วจึงย้อนถามอีกฝ่ายกลับไป

    “พี่น้องสายเลือดเดียวกัน จึงควรจะปรองดองไม่เข่นฆ่ากันสินะครับ... แต่ถ้าต่างสายเลือด ไม่เกี่ยวข้องกันเลย จะฆ่าก็ฆ่าได้ เหมือนอย่างที่แม่ผมโดนฆ่าใช่ไหม!”

    ธามเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความโกรธจนลืมตัว  ทำเอาปุริมชะงัก แต่พอจะแก้ตัว ชายหนุ่มก็เอ่ยสวนกลับไปอีกด้วยแรงอารมณ์

       “นึกว่าผมไม่รู้รึ ว่าที่พ่อเลือกใช้วิธีนี้เพราะอะไร... เพราะพ่อกลัวใช่ไหม กลัวที่ผมจะฆ่าลูกชายของพ่อแก้แค้น ...ลูกชายคนที่อาจจะเป็นฆาตกรฆ่าแม่ของผมคนนั้นน่ะ!”

    ปุริมเงียบกริบ พูดอะไรไม่ออก ...เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าผู้ที่ฆ่ามารดาของธาม อาจจะเป็นลูกชายคนรองของเขาเองก็ได้ แต่ในตอนนั้นด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้ภรรยาอีกคน ผู้เป็นมารดาของมาลุตต้องตรอมใจตาย และในฐานะบิดา ก็ทำให้ไม่อาจจะสืบสวนเรื่องราวลงโทษเลือดในไส้ของตัวเองได้  ด้วยรู้ดีว่าเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้  สาเหตุหลักก็คือตัวของเขาเอง หากเขาไม่รับภรรยาเข้ามาใหม่ ก็อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์น่าเศร้านี้ขึ้นก็เป็นได้

    “...กบฏของเผ่าอย่างนั้นหรือ...เข้าใจเลือกโทษทัณฑ์ดีนี่... แต่บอกไว้อย่างนะครับพ่อ ...ต่อให้ต้องกลายเป็นศัตรูกับวกะทั้งเผ่า ผมก็จะต้องลากคนที่ฆ่าแม่ออกมารับโทษทัณฑ์ของมันอย่างสาสมให้จงได้ คอยดูเถอะ!”

    ธามทิ้งท้าย ก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกจากห้องไป ทิ้งให้ปุริมนั่งนิ่งเงียบ พลางทอดถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม ...เขาไม่อาจจะช่วยบรรเทาความแค้นของธามให้คลายลงได้ เนื่องจากเขาได้ทรยศต่อความเชื่อใจของบุตรชายคนเล็กไปแล้วครั้งหนึ่งนั่นเอง

     ประมุขแห่งเผ่าวกะได้แต่หวังว่าธามจะไม่เอาตัวไปเสี่ยงกับมาลุต เพราะแม้ธามจะมีทักษะการสู้รบที่ยอดเยี่ยม และมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งอย่างชาคร แต่มาลุตนั้นเป็นวกะสายเลือดแท้ระดับสูง ที่มีพลังมหาศาล ทั้งยังมีลูกน้องมีฝีมือมากมายหลายคน ถ้าสู้กันจริง ๆ ธามก็คงเห็นทางรอดได้ยากเสียยิ่งกว่า... และการที่เขาตรากฎเช่นนี้ขึ้น ก็เพื่อยับยั้งมาลุตไม่ให้ลงมือทำร้ายน้องชายคนเล็กอีกทางหนึ่งด้วย

      “มธุรา...พรรณราย... พี่ยอมรับว่าทำผิดต่อพวกเจ้าทั้งสอง ...แต่ได้โปรดเถอะ ถ้าวิญญาณพวกเจ้ายังอยู่ โปรดช่วยคุ้มครองลูกของพวกเรา อย่าให้พวกเขาต้องเข่นฆ่ากันเองเลยนะ”

    ปุริมพึมพำถึงภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้วทั้งสอง แล้วจึงนั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องนั้นอีกพักใหญ่ จึงได้กลับขึ้นไปพักผ่อนยังห้องส่วนตัวของเขาหลังจากนั้นต่อไป

   

    อีกด้านหนึ่ง ระหว่างที่ธามกับปุริมกำลังสนทนากันอยู่ มาลุตและพิภพก็เดินออกมาจากคฤหาสน์ เพื่อตรงไปที่รถยนต์ของแต่ละฝ่ายซึ่งจอดรออยู่

    “นี่พี่...ดูเหมือนพี่จะเฉย ๆ กับเรื่องที่พ่อห้ามไม่ให้พวกเราลอบทำร้ายกันเองนะ ...หรือพี่คิดจะวางมือจากตำแหน่งประมุขแล้ว”

    มาลุตเอ่ยถามพิภพด้วยความสงสัย แม้เขาและอีกฝ่ายจะมีมารดาคนละคนกัน แต่มารดาของพิภพและมารดาของเขาก็เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ  โดยที่มารดาของพิภพนั้นเสียไปตั้งแต่ก่อนเขาเกิด ทว่ามารดาของเขาก็รักพิภพและสั่งสอนให้เขาเคารพอีกฝ่ายเหมือนพี่แท้ ๆ เช่นกัน

    “หึ...ไม่ดีหรือ ฉันวางมือ นายจะได้ไม่เหนื่อยไงล่ะ”

    พิภพบอกพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก มาลุตยักไหล่แบะปาก แล้วจึงเอ่ยตอบกลับไป

    “กับพี่ผมไม่แคร์หรอก ถ้าทดสอบชนะพี่ได้ ก็ถือว่าที่เพียรฝึกมาตลอดไม่เสียเปล่า แต่ถ้าแพ้ก็ไม่หนักหนาอะไร ...แต่กับไอ้หมอนั่น ผมยอมแพ้มันไม่ได้เด็ดขาด ...แค่มันมีสิทธิ์เผยอมาชิงตำแหน่งประมุข ผมก็แทบจะรับไม่ได้แล้ว นี่ถ้าเพราะไม่ใช่พวกผู้คุ้มกฎทั้งสามรับรองมันด้วยตัวเองล่ะก็  ผมก็คงจะคัดค้านให้ถึงที่สุด!”

    พิภพนิ่งเงียบมองน้องชายคนรองเอ่ยถึงธามอย่างเคียดแค้น จากนั้นสักพักใบหน้าหล่อเหลาคมคายจึงมีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับ

    “จะว่าไปเขาก็เก่งนะ...ใช้เวลาไม่กี่ปีก็สามารถฝึกฝนร่างกายและความสามารถจนผู้คุ้มกฎทั้งสามยอมรับได้ ...นายก็ระวังอย่าประมาทนักล่ะ หมอนั่นเองก็คงจะคอยจ้องเล่นงานนายอยู่... ด้วยเหตุผลอะไรนายก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือ”

    มาลุตเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะสบถเบา ๆ แล้วกัดฟันเปรยตอบ

    “ผมไม่เสียทีมันง่าย ๆ หรอกพี่...แต่ก็เจ็บใจที่พ่อสร้างกฎใหม่นั่นขึ้นมา ใครฟังก็รู้แล้วว่า พ่อสร้างมาเพื่อจงใจจะปกป้องไอ้ธามมันชัด ๆ”

    “ไม่เห็นเป็นไร...ก็แค่นายชนะการทดสอบ ได้เป็นประมุขเมื่อไหร่ แค่กฎข้อสองข้อ อยากจะยกเลิกหรือตั้งใหม่ ก็เป็นสิทธิ์ของนายแล้วล่ะ”

    มาลุตเหลือบมามองคนพูดอย่างสงสัยระคนลังเลนิด ๆ

    “นี่พี่...พี่พูดเหมือนกับว่าจะสละสิทธิ์ไม่เข้าทดสอบชิงตำแหน่งประมุขของเผ่าเลยนะ”

    “หึ ๆ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่า...”

    พิภพตอบพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ

    “ฉันพูดถึงกรณีที่นายชนะการทดสอบต่างหาก... ส่วนเรื่องการแข่งขัน ฉันก็จะทำอย่างเต็มที่เท่าที่ความสามารถตัวเองอำนวยล่ะนะ”

    มาลุตฟังแล้วก็ยิ้มให้ จากนั้นจึงเอ่ยต่อ

    “ดี! ผมเองก็ไม่ชอบให้ใครมาอ่อนข้อ ผมต้องการชัยชนะที่เด็ดขาด สวยงาม และจะทำให้คนในเผ่ายอมรับและตระหนักว่า ผมเหมาะกับตำแหน่งประมุขของวกะมากขนาดไหน!”

    จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินแยกย้ายไปอีกทางเพื่อขึ้นรถยนต์ส่วนตัวกลับที่พัก  ส่วนพิภพนั้นยังคงยืนยิ้มเงียบ ๆ มองไล่หลังมาลุตไป ก่อนจะหันมามองที่คฤหาสน์ทิศเดียวกับที่ธามและปุริมอยู่

    “ประมุขของวกะอย่างนั้นหรือ...หึ”

    พิภพหัวเราะเบา ๆ คล้ายดังกำลังเย้ยหยันบางสิ่ง จากนั้นเจ้าตัวจึงตรงไปที่รถซึ่งมีคนสนิทเปิดประตูต้อนรับ และเมื่อพิภพขึ้นไปนั่งเรียบร้อย รถยนต์สีดำคันหรูก็ขับออกไปจากคฤหาสน์แห่งนั้นในเวลาต่อมา



    ชาครรีบเร่งฝีเท้าเดินไปหาผู้เป็นนายเมื่อเห็นธามเดินออกมาจากห้องนั้น เขาเหลือบมองว่าปุริมจะออกมาด้วยไหม แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงของธามดังขึ้น

    “กลับกันได้แล้วชาคร ...วันนี้ฉันเหนื่อย คงไม่เข้าร้านแล้ว เดี๋ยวนายโทรบอกให้เจนภพช่วยดูแลร้านให้แทนทีแล้วกัน”

ชาครโค้งรับคำสั่งและเดินตามอีกฝ่ายไปที่รถซึ่งพอธามขึ้นนั่งบนรถ ชาครก็เห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วยุ่งแล้วหลับตาลง  ปฏิกิริยาที่แสดงออกนั้นทำให้ชาครไม่กล้ารบกวน เขาเปิดเพลงสากลจังหวะช้า ๆ สบาย ๆ อย่างที่ธามชอบคลอไประหว่างขับรถกลับ ทำให้คิ้วที่ขมวดยุ่งของคนที่นั่งเบาะหลังเริ่มคลายลงช้า ๆ เจ้าตัวถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะนั่งหลับตาไปเรื่อย ๆ ต่อจนกระทั่งถึงที่พักส่วนตัวของตน

   

    ใกล้เที่ยงคืนแล้ว แต่ธามยังคงนอนไม่หลับ เขาหวนคิดถึงวิรัลและอยากไปอยู่ใกล้ชิดเด็กหนุ่มในตอนนี้เสียเหลือเกิน เพื่อที่จะได้ลืมปัญหามากมายที่เป็นอยู่  ชายหนุ่มนั่งนิ่งสักพัก ก่อนจะถอนหายใจ และเตรียมจะข่มตาเข้านอน ทว่าเสียงมือถือที่ดังขึ้นก็ทำให้เขาชะงัก และหยิบมันมาดูพร้อมกับนิ่วหน้า เพราะเป็นเบอร์ที่เขาไม่รู้จัก

    “สวัสดีครับ...เบอร์คุณธามหรือเปล่าครับ”

    ธามที่กดรับแล้วเงียบฟังว่าใครโทรมา เมื่อได้ยินเสียงปลายสายเขาก็ตกตะลึง แล้วจึงตามมาด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ อย่างยินดี

    “ใช่...ฉันเอง โทรมาได้ยังไงน่ะ มีมือถือใช้แล้วหรือ”

    “เอ่อ...ครับ พอดีคุยกับคุณม่านฟ้า แล้วถูกถามถึงเบอร์มือถือไว้ติดต่อ พอบอกว่าไม่มี เธอก็เลยให้คนไปหาให้เดี๋ยวนั้นเลยล่ะครับ”

    ชื่อของม่านฟ้าและคำพูดที่แสดงถึงความสนิทสนมกับเด็กสาว ทำให้ธามนึกหึงหวงขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า ตัวเด็กสาวเองก็มีคนที่แอบรักอยู่แล้วเช่นเดียวกัน

    “อ้อ...แล้วแลกเบอร์กับเรียบร้อยแล้วสินะ กับว่าที่คู่หมั้นของเธอน่ะ”

    น้ำเสียงที่ถามเผลอติดห้วนไปอย่างลืมตัว ทำให้ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงค่อยตามมา

    “คือ...เราแลกเบอร์กันก็จริง  แต่เบอร์แรกที่ผมโทรหา ก็คือเบอร์คุณธามนะครับ”

    ธามชะงัก ก่อนจะถอนหายใจหนัก ๆ เขาหึงหวงจนเผลอใส่อารมณ์เกินไป ทั้งที่วิรัลโทรมาเพราะอยากพูดคุยกับเขาแท้ ๆ

    “ขอโทษ...ฉันหึงเธอเข้าให้อีกแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อกันเลยนะ”

    ปลายสายเงียบไป ก่อนที่น้ำเสียงสั่นฟังดูเคอะเขินจะเอ่ยตอบ

    “ไม่หรอกครับ...ผมรักคุณมากนะครับ...ไม่มีวันเบื่อคุณง่าย ๆ หรอกครับ”

    ธามถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ถ้าวิรัลอยู่ตรงหน้า เขาคงจับเด็กหนุ่มกอดและจูบให้หนำใจไปแล้ว 

    “คุณธามครับ...เอ่อ แล้วคุณธามจะหาเวลามาค้างคืนกับผม ...เอ่อ...กับพวกเรา ตามเกมลงโทษที่คุณม่านฟ้าให้ไว้ ได้เมื่อไหร่ล่ะครับ”

    คำถามถัดมา ทำให้ธามยิ้มออก และรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นจนลืมเรื่องเครียด ๆ เมื่อตอนหัวค่ำไปเกือบหมดสิ้น

    “ทางฉันน่ะพร้อมเสมอ ... เธอต่างหากล่ะ คุณพี่เลี้ยงแสนจะใจดีของเธอ เขาจะอนุญาตให้เธอว่างหรือเปล่า”

    วิรัลหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินที่ธามตั้งสรรพนามให้กับพิชญ์ ก่อนจะตอบกลับไป

    “พิชญ์น่ะไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะได้คุณม่านฟ้าช่วยกล่อมกึ่งบังคับทางอ้อม ...อ้อ คุณม่านฟ้าบอกว่า ถ้าคุณธามว่างเมื่อไหร่ให้ติดต่อผ่านผมกลับมา แล้วผมจะติดต่อบอกคุณม่านฟ้าอีกที ... เห็นว่ารีสอร์ทที่เตรียมไว้ อยู่ติดน้ำตกและเป็นส่วนตัวมากด้วย เป็นรีสอร์ทที่เธอบอกว่าเป็นเหมือนกระท่อมน้อยกลางป่าใหญ่  ไอ้ผมเองก็เดาไม่ค่อยจะออก แต่คิดว่ามันคงต้องน่าเที่ยวมากแน่”

    วิรัลบอกตามมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงและคาดหวัง จนคนฟังต้องอมยิ้มตาม เพราะจากที่เคยได้พูดคุยกันมา ก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นถูกเลี้ยงดูราวกับไข่ในหินมาตลอด และไม่เคยมีเพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกันมาก่อน

    “งั้นหยุดสุดสัปดาห์นี้เราไปกันเลยไหมล่ะ ...”

    “จริงหรือครับ! เอาสิครับ! เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะบอกคุณม่านฟ้าเลยนะครับ! ห้ามเปลี่ยนใจทีหลังนะครับ!”

    วิรัลรีบโพล่งสวนกลับมา จนธามอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้

    “หึ ๆ แน่นอน ไม่เปลี่ยนใจแน่ ตอนนี้ฉันอยากไปให้ไกล ๆ เผ่าตัวเอง ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ล่ะนะ”

    ธามเปรยบอก ทำให้คนฟังชะงักแล้วย้อนถามกลับอย่างเป็นห่วง

    “มีปัญหากับเผ่าหรือครับ...”

    ธามนิ่งอึ้ง เพราะเผลอตัว จึงหลุดความในใจออกไป เขาจึงแสร้งหัวเราะเบา ๆ แล้วแก้ตัวตามมา

    “หึ ๆ ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่เรื่องกระทบกระทั่งกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในเผ่าตามเดิมนั่นล่ะ”

    วิรัลเงียบไปสักพัก ก่อนที่น้ำเสียงอ่อนโยนจะเอ่ยขึ้น ด้วยถ้อยคำที่ทำให้คนฟังถึงกับอึ้งไปชั่วครู่

    “คุณธามครับ... ผมช่วยรับฟังปัญหาของคุณได้นะครับ ...และแม้ผมจะช่วยแก้ไขปัญหาของคุณไม่ได้ก็ตาม ... แต่อย่างน้อย ผมก็อยากมีส่วนช่วยแบ่งเบาความทุกข์นั่นมาบ้าง ...ไม่ได้หรือครับ”

    ธามเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้มอ่อนโยนให้โทรศัพท์ ก่อนจะเอ่ยตอบ

    “ได้สิ...ไว้ฉันจะไปเล่าให้ฟังนะ ...ขอบใจมากวิรัล”

    “ครับ...อ๊ะ ...เอ่อ พิชญ์มาเคาะประตูให้นอนแล้วครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะบอกคุณม่านฟ้าให้ แล้วผมจะโทรไปนัดแนะคุณอีกทีนะครับ...ไม่สิ ถ้าพรุ่งนี้คุณว่าง ผมจะคุยกับคุณผ่านคอมที่บ้านนะครับ...”

    ธามยิ้มแล้วตอบตกลง จากนั้นวิรัลก็วางสายไป และเพราะโทรศัพท์จากวิรัลในคืนนี้ จึงทำให้ธามนอนหลับสนิทอย่างสบายใจแทน จากที่เคยคิดว่าจะหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะความหงุดหงิดไปตลอดทั้งคืนแท้ ๆ

   

    หลังกลับจากประชุมของเผ่า มาลุตก็เดินอารมณ์เสียกลับห้องพักของตัวเอง  ชายหนุ่มอาละวาดเขวี้ยงปาของในห้องเพื่อระบายอารมณ์ จนไม่มีใครกล้าสู้หน้า ทว่ามาลุตก็ต้องหยุดการกระทำลงเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก

    “ใคร!”

    ชายหนุ่มตวาดเสียงห้วน ทำเอาคนเคาะชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป

    “ผมวินัยเองครับท่านมาลุต ...ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกท่านด่วนเลยครับ เกี่ยวกับ ...เอ่อ...เรื่องที่ท่านให้ผมคอยติดตามอยู่น่ะครับ”

    ท้ายประโยคเจ้าตัวแผ่วเสียงลง คล้ายกลัวมีใครแอบฟัง มาลุตขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจะอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามา ซึ่งวินัยก็มองซ้ายขวาด้านนอก แล้วปิดประตูห้อง จากนั้นจึงหันมาโค้งให้กับเจ้านายของตน

    “มีอะไรก็ว่ามา!”

    ชายหนุ่มยังคงอารมณ์เสียอยู่มากเรื่องธาม ทำให้วินัยนึกขยาด แต่ก็ยังคงรายงานเรื่องที่เขาติดตามมาได้ให้อีกฝ่ายรับรู้อยู่ดี

    “คือผมเจอภาพถ่ายนี้โดยบังเอิญในเน็ต ...คนถ่ายรูปเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายทั้งคู่ แต่เจ้าตัวมาติดในภาพ ถึงจะเห็นไกล ๆ แต่ผมมั่นใจว่าเป็นท่านธ...เอ่อ เป็นหมอนั่น กับชาครลูกน้องของมัน  แต่อีกคนหนึ่ง ผมคลับคล้ายคลับคลา แต่ไม่กล้าฟันธงลงไป เลยนำมาให้ท่านดูด้วยตาตัวเองน่ะครับ”

    มาลุตรับกระดาษที่ปริ้นท์ภาพจากคอมพิวเตอร์มาพิจารณา ภาพนั้นถูกขยายรูปคนให้เด่นชัดขึ้น แม้จะมองไม่ค่อยถนัดนัก แต่ภาพชายหนุ่มสวมสูทที่ยืนคล้ายจะสนทนาอยู่กับธาม ก็ทำให้มาลุตเบิกตากว้าง

    “ไอ้พิชญ์ เผ่ามโคนี่!”

    วินัยลอบถอนหายใจเบา ๆ เพราะเขาก็คิดว่าน่าจะใช้พิชญ์ที่เคยปะมือกันมาเมื่อสามปีก่อน แต่เขาก็ไม่กล้าฟันธงลงไป เพราะอีกฝ่ายไม่น่าจะมาพบกับธามซึ่งเป็นวกะเช่นที่เห็นนี้ได้

    “ทำไมมันมาอยู่กับไอ้ธามได้ ...หรือว่า ไอ้ธามมันคิดจะร่วมมือกับพวกมโคเล่นงานพวกเรากันแน่!”

    มาลุตพึมพำอย่างสงสัยระคนแปลกใจ วินัยได้ยินเช่นนั้นจึงเสนอขึ้นบ้าง

    “ถ้าเราเอาภาพนี้ไปให้ท่านประมุขดู เราก็อาจจะเขี่ยมันพ้นทางของท่านไปก็ได้นะครับ”

    มาลุตหันมามองลูกน้อง เขานิ่งคิด ก่อนจะสั่นศีรษะ

    “ไม่ได้ ...หลักฐานแค่นี้มันยังน้อยไป มันอาจจะอ้างได้ว่าเป็นใครก็ได้ที่หน้าเหมือนมันหรือเหมือนไอ้มโคนั่น ...อีกอย่าง ถ้าไอ้ธามมันสนิทสนมกันดีกับพวกมโค ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีของพวกเรา”

    วินัยมีสีหน้าแปลกใจ จนมาลุตที่มองมาต้องยิ้มหยัน จากนั้นจึงเอ่ยให้อีกฝ่ายรับฟังในความเห็นของเขา

    “ถ้าไอ้พิชญ์ที่เป็นเสมือนประมุขเงาของมโคอยู่ในกรุงเทพฯ แบบนี้ แสดงว่ามฤคมาศก็คงอยู่ไม่ไกลนัก ...ถ้าไอ้ธามมันร่วมมือกับพวกมโคจริง แล้วพวกเราสะกดรอยตามมันไปอีกที  พวกเราก็อาจจะเข้าใกล้ร่องรอยของมฤคมาศยิ่งกว่านี้ก็ได้  ...ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว กำจัดไอ้ธาม แล้วก็กินหัวใจของมฤคมาศ หึ ๆ โอกาสดี ๆ แบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว!”

    วินัยอุทานเบา ๆ ตามมาเมื่อได้ฟังความเห็นของผู้เป็นนาย จากนั้นมาลุตจึงมอบหมายงานให้ลูกน้องคนสนิททำต่อ

    “สะกดรอยตามความเคลื่อนไหวของไอ้ธามมันห่าง ๆ แล้วอย่ากะโตกกะตากให้มันรู้ตัวล่ะ ...ถ้ามันมีวี่แววจะออกไปพบกับพวกมโคนั่นเมื่อไหร่ ให้รีบรายงานมาให้ฉันรับรู้ทันที ... และจากนั้นพวกเราจะเริ่มสงครามไล่ล่ามโคกันอีกครั้ง ...คราวนี้ล่ะ! ฉันจะล้างอายเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อน แล้วเอาเลือดของไอ้พวกมโคชั่วนั่น มาล้างเท้าฉันชดใช้ให้ได้!”

   

     
... TBC ...



เรื่องราวเริ่มเข้าสู่ฉากบู๊(มั้ง) แล้วนะคะ  มาลุ้นกันดีกว่าว่าคนเขียนจะไปรอดไหม  เอ๊ย!  ฝ่ายพระเอกกับน้องเคะ จะปลอดภัยไหม ... ติดตามกันได้ตอนหน้า ๆ ค่ะ (ถ้าไม่ยืดและดอง ^^)
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 06-12-2012 00:26:52
 :z13: ไว้ก่อน
จริงๆแล้วมาลุตอาจจะร้ายแบบเกรียนๆ
แต่พิภพนี่สิ แปลกๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 06-12-2012 00:27:41
 :pig4: วิรัลโดนเล็งไว้แล้ว...บู๊ ระห่ำเต็มจอแน่เลย ธามต้องปกป้องวิรัลให้ดีดีนะ
 :o8: ธามกับวิรัลคุยโทรศัพท์กันน่ารักดี วิรัลก็ใสซื่อ ธามก็หึงตลอด
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 06-12-2012 01:18:13
มาลุตร้ายเห็น ๆ แต่พิภพท่าทางจะร้ายซ่อนนะเนี่ย แล้วจะมีอะไรวุ่นวายตามมาไหมเนี่ย พิชญ์จะเข้่าใจว่าธามเป็นคนบอกคนอื่นหรือเปล่า ถ้าพวกมาลุตตามจนเจอวิรัลเนี่ย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 06-12-2012 07:08:29
แอร๊ยยยยย พี่ธามกับน้องรัล แย่แล้ววว

มารุตเลวมาก แต่แลดูอิตาพิภพจะเลวกว่า เหมือนพวกอยู่เบื้องหลัง ยืมมือคนอื่น
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 06-12-2012 07:28:07
โอ้ววววว เรื่องวุ่นๆมาอีกแล้ว  :serius2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 06-12-2012 08:19:20
มาลุต นิสัยแย่ แต่ดูพิภพจะล้ำลึกกว่า

ธามเจอศึกหนักแล้วล่ะ

ดูแลวิรัลดีๆน้าา
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 06-12-2012 12:35:55
ตามกลับมาอ่านที่เล้าใหม่ หลังจากไปอ่านตอนต้นที่บอร์ดคุณปัด :o8: สงสัยกวางน้อยจะโดนเล่นงานโดยศัตรูพระเอกแน่ ๆ เลยน่ะ ยังไงเป็นกำลังใจให้กับความรักของทุก ๆ คู่น่ะจ้ะ มีแววน่ะเนี่ยว่าพิชญ์กับชาครจะมีซัมทิงซะแล้วสิ :z1:ม่านฟ้าเป็นกามเทพให้หลาย ๆ คู่เลยน่ะเนี่ย :impress3:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-12-2012 13:25:51
สนุกมากค่ะ เพิ่งเห็น ขออภัยที่มาช้านะคะ

เรื่องนี้เนื้อเรื่องเป็นแฟนตาซี ตอนแรกๆมีงงศัพท์บ้าง แต่ตอนนี้ก็เข้าใจบ้างแล้ว

ชอบที่ผู้หญิงในเรื่องนี้ไม่ตัวอิจฉาแบบสิ้นคิดเกินไปอ่ะค่ะ และตัวร้ายก็ดูมีเหตุผลมีที่มาที่ไป แต่นายเอกเราอ่อนต่อโลกเกิ๊น

แต่ก็ดีค่ะ น่ารักดี
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 06-12-2012 13:31:31
อุปสรรคครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ธามกับวิรัดสู้ๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 06-12-2012 20:37:44
พี่ใหญ่น่ากลัวแฮะ อย่างน้อยมาลุตก็แสดงออกโดยไม่ปิดบังว่าร้าย
ธามดูเด๋กไปเลย พอมาอยู่ในเผ่า มาดมาเฟียใหญ่ตอนต้นๆเรื่องแทบจะไม่เหลือ
เป็นห่วงเรื่องมาลุตสักดรอยตามจริงๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 06-12-2012 21:18:12
ระวังมาลุตไว้นะ ธาม ... ~ :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 06-12-2012 22:13:08
เฮือ..กะว่าจะได้ไปเที่ยวกันแบบสบาย ดันมีมารมาขัดขวางซะอีกหวังว่าธามจะรู้ตัวนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 06-12-2012 23:51:40
แย่แล้วววววววววววววว

พิภพน่าจะเป็นคนฆ่าแม่ธามมัง?

ธามรู้ตัวเร็วๆๆ ล่ะ หากมาลุตตามไปเจอกระท่อมล่ะซวยแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: srikoon ที่ 07-12-2012 07:18:10
หมามี เขี้ยว

กวางมี เขา

ใครจะชนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 07-12-2012 12:09:21
พิภพเป็นคนลักพาตัวพ่อวิรัลไปรึเปล่าหนอ ขอให้พ้นจากมารุตนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: memoapp ที่ 07-12-2012 14:37:09
ความคิดแจ่มมากๆ คุณ aoihimeko เราก็แอบคิดพอดี
แถมรอลุ้นคู่พิชญ์กะชาครด้วย คู่กัดน่ารักดี
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 07-12-2012 14:38:37
พึ่งเข้ามาอ่าน.สนุกดีคะ

ไปเที่ยว(รึเปล่)ครั้งนี้มีอุปสรรค์ใหญ่ละอะดิเนี่ย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 07-12-2012 17:32:38
ขอให้ธามได้เป็นประมุขทีเถอะ แล้วลากตัวคนร้ายมาเปิดโปงซะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 17-12-2012 00:34:43
คนเขียนหายอ่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-12-2012 09:02:55
ธามมมมม
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 20-12-2012 14:31:06
 :m5: คนแต่งอยู่ไหนนนเอ๋ย รีบๆมาต่อหน่อยนะ คนอ่านรออยู่ :m18:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 10 :: P.7 วันโพส 5/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 20-12-2012 16:56:03
ม่านฟ้ามีแผนเด็ดชัวร์ อิอิ
 o13
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 21-12-2012 00:55:25
หายไปน๊านนาน มาต่อแล้วค่ะ  :o8:

................................................

/ 11



    หลังจากนัดวันค้างคืนกันได้เรียบร้อย วิรัลก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้วันที่จะได้เจอธามมาถึง และอารมณ์ดียิ่งกว่าปกติ จนพิชญ์พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ชายหนุ่มได้แต่บอกกับตัวเองว่า หากเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตให้ทั้งคู่มาคู่กันแล้ว ต่อให้ฝืนแค่ไหน ก็คงไม่อาจจะพรากคู่แท้ออกจากกันได้อยู่ดี

    และเมื่อเช้าวันออกเดินทางมาถึง วิรัลและพิชญ์นั้นล่วงหน้าไปรอพวกธามก่อนที่รีสอร์ทอีกแห่งของม่านฟ้า โดยพิชญ์นั้นส่งเมล์แผนที่เดินทางคร่าว ๆ ให้ฝั่งธามตามพวกเขาไป  โดยไม่มีผู้ใดได้นึกสังหรณ์ใจสักนิดเลยว่า การเดินทางของพวกเขาในครั้งนี้นั้น กำลังถูกใครบางคนจับตามองอยู่ห่าง ๆ อย่างประสงค์ร้าย

    “พวกนั้นมันออกเดินทางกันแล้วครับ ท่านมาลุต”

    วินัยที่แอบซุ่มดูอยู่ละแวกที่พักอาศัยของธาม โทรศัพท์แจ้งเจ้านายของเขา เมื่อเห็นว่าธามนั้นออกเดินทางไปเส้นทางอื่น แทนที่จะไปทำงานตามปกติ แถมเขายังได้ข่าวจากลูกน้องที่ให้ไปเฝ้าคลับของอีกฝ่าย ว่าที่นั่นมีป้ายประกาศหยุดยาวในช่วงสามวันนี้อีกด้วย

    “ดี ...ตามมันไปห่าง ๆ อย่างให้มันรู้ตัว ระบุเป้าหมายสถานที่ได้เมื่อไหร่ให้แจ้งฉันมา ฉันจะพาพรรคพวกของเราไปสมทบในภายหลัง!”

    มาลุตออกคำสั่งปลายสาย พร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ ที่สถานการณ์ได้เปรียบกำลังจะตกเป็นของฝ่ายเขา

    “ครับท่าน”

    วินัยรับคำสั่งและจากนั้นมาลุตก็ตัดสายไป ชายหนุ่มจึงหันมาให้ความสนใจกับรถของฝั่งตรงข้ามต่อ  เขาสั่งให้ลูกน้องที่ประจำหน้าที่ขับรถให้ทิ้งระยะห่างจากอีกฝ่ายมากขึ้น เมื่อพวกเขาเริ่มออกนอกเขตกรุงเทพฯ และมีรถยนต์เดินทางบนท้องถนนน้อยลง  และในที่สุดวินัยก็สั่งให้ลูกน้องเขาชะลอรถจอด เมื่อเห็นธามเลี้ยวเข้าไปในถนนเส้นเล็ก ๆ ที่แยกจากถนนใหญ่  ชายหนุ่มเหยียดยิ้มที่ริมฝีปากเล็กน้อย เพราะว่าถนนเส้นนั้น มีรีสอร์ทส่วนตัวใหญ่ ๆ เพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งเขาสามารถลักลอบเข้าไปตรวจสอบภายหลังได้ว่า พวกธามจะไปพักที่แห่งใด ดีกว่าจะขับรถเสี่ยงตามไปให้อีกฝ่ายรู้ตัวเสียก่อน

    “ช่วยไม่ได้นะครับท่านธาม ...ผมไม่ได้มีความแค้นกับคุณก็จริง แต่นายของผมไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับคุณ มันก็จึงต้องลงเอยแบบนี้ล่ะนะครับ”

    วินัยพึมพำ เขาจำทางเข้าถนน และชื่อรีสอร์ทละแวกนั้น ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องลงจากรถและแยกย้ายกันสะกดรอยว่ารถยนต์ของธามนั้นเลี้ยวเข้าไปจอดที่รีสอร์ทใดกันแน่  และหากได้ข้อมูลเมื่อใด ก็ให้กลับมาสมทบกันที่รถยนต์อีกครั้ง เพื่อที่เขาจะได้โทรแจ้งกับมาลุตในลำดับต่อไป

   

    วิรัลผุดนั่งผุดลุกแถมยังชะเง้อมองรอใครบางคนให้ปรากฏกาย จนม่านฟ้านึกขำ และพิชญ์ต้องกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความเกรงใจทั้งเด็กสาวและอำมฤต

    “คุณธามคงไม่เบี้ยวหรอกกระมังคะ ท่านวิรัล”

    ม่านฟ้าหยอกอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ที่เห็นเด็กหนุ่มมีท่าทางตื่นเต้นกระวนกระวายขนาดนั้น ทว่าคำพูดของเด็กสาวก็ทำเอาพี่เลี้ยงคนสนิทสะดุ้ง แล้วกระแอมค่อย ๆ เป็นการเตือนไม่ให้นายสาวของเขาเสียมารยาทกับอีกฝ่าย

    “ง่า...ผมไม่ได้...แบบว่า”

    วิรัลทำท่าจะแก้ตัวแต่ก็เขินจนพูดไม่ออก ส่วนม่านฟ้านั้นไม่ได้สนใจที่ถูกอำมฤตกระแอมเตือน เจ้าหล่อนยังคงนั่งยิ้มมองวิรัล จนพี่เลี้ยงคนสนิทถึงกับต้องลอบถอนหายใจอย่างเอือมระอา

    “ถ้าออกเดินทางจากกรุงเทพฯแต่เช้า ป่านนี้ก็น่าจะมาถึงได้แล้วล่ะค่ะ...อ้อ อายุยืนจัง พูดถึงก็มาพอดี”

    ม่านฟ้าเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นรถยนต์สีดำเลี้ยวเข้ามาจอดในเขตรีสอร์ท และเมื่อธามลงจากรถ เขาก็ต้องชะงัก และเงยหน้ามองไปยังคนที่อยู่บนเรือนพัก ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นวิรัลตะโกนทักและโบกมือให้กับเขา

    “ท่านวิรัลครับ...สำรวมกิริยาหน่อยครับ”

    พิชญ์เอ่ยเตือน เพราะรู้สึกเกรงใจม่านฟ้าและอำมฤต และนั่นก็ทำให้วิรัลสะดุ้ง พลางรู้สึกตัวว่ากำลังทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมอยู่

    “ง่า...ขอโทษนะครับ คุณม่านฟ้า”

    “ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันไม่ถือ ...คนรักกันนาน ๆ เจอกันที จะดีใจก็ไม่แปลกหรอกค่ะ”

    ม่านฟ้าบอกพร้อมรอยยิ้มหวานอย่างบริสุทธิ์ใจ โดยไม่มีความขุ่นเคืองอันใดให้สัมผัส จนพิชญ์ต้องกลืนน้ำลายลงคอ และอำมฤตพูดอะไรไม่ออก

    “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปต้อนรับพวกคุณธามกับคุณชาครกันดีกว่าค่ะ...”

    ม่านฟ้าบอกแล้วก็ปรายสายตามาทางอำมฤตที่มีสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ยังคงเงียบเฉย ไม่พูดอะไรออกไปเช่นเคย

     “ไปเถอะค่ะท่านวิรัล”

    ม่านฟ้าบอกแล้วคล้องแขนวิรัลกึ่งเดินกึ่งลากเด็กหนุ่มให้ตามตนไป ส่วนพิชญ์และอำมฤตที่ยังคงยืนอยู่บนเรือนพัก ถึงกับทอดถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกัน เมื่อทั้งคู่ลงไปด้านล่างเรียบร้อย

    “วางแผนอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เด็กคนนี้ ...เฮ้อ!”

    อำมฤตเผลอหลุดปากออกมา ทำให้พิชญ์ลองเลียบเคียงถามอีกฝ่ายดู

    “เอ่อ ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับคุณอำมฤต...คือว่า ทางท่านม่านฟ้าเอง...เอ่อ แบบว่า ท่านเองก็มีคนที่พึงใจอยู่แล้วหรือไม่ครับ”

    อำมฤตชะงักแล้วหันมามองพิชญ์อย่างสงสัยระคนประหลาดใจและไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย

    “ทำไมถามแบบนั้นล่ะครับ... ท่านม่านฟ้าเองถูกเลี้ยงดูและอบรมมาให้เป็นเจ้าสาวของมฤคมาศตั้งแต่เด็ก อีกอย่างท่านม่านฟ้าเองก็อยู่ในสายตาของผมและของมโคในตระกูลเราเกือบตลอดเวลา  ไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องไม่งามขึ้นอย่างแน่นอนครับ”

    พิชญ์กลืนน้ำลายลงคอ เมื่อจับถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงนั้น ก่อนจะรีบแก้ตัวตามมา

    “อย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิครับ ผมก็แค่...แปลกใจที่ท่านม่านฟ้าสนับสนุนเรื่องความรักของท่านวิรัล ...เอิ่ม เป็นอย่างมากก็เท่านั้น ...”

    พิชญ์ไม่กล้าบอกว่าได้ยินเรื่องนี้มาจากชาครอีกที เพราะคาดว่าอำมฤตคงไม่เชื่อแน่ว่า ม่านฟ้าจะเอาเรื่องความรักไปบอกกับผู้ชายต่างเผ่าที่เพิ่งจะเจอกัน

    “...แบบนั้นหรอกหรือครับ...ถ้าเป็นเรื่องนั้นผมก็แปลกใจไม่แพ้กัน แต่เรื่องที่ท่านม่านฟ้าแอบชอบพอใครมาก่อน ผมเองก็ยังไม่เห็นว่าจะมีเค้าลางนะครับ ท่านม่านฟ้าเองก็ไม่ได้สนิทกับใครรุ่นราวคราวเดียวกับท่าน หรือจะว่าไป ก็แทบไม่มีมโครุ่นเดียวกันที่คบหาใกล้ชิดด้วยเท่าใดเลยน่ะครับ”

    อำมฤตยังคงยืนยันตามมา ทำให้พิชญ์พยักหน้ารับรู้แล้วกล่าวขอโทษที่สงสัยในเรื่องเสียมารยาทออกไป ซึ่งอำมฤตเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความอันใดมากนัก และสักพัก ธามกับชาคร ก็ขึ้นมาที่เรือนใหญ่ พร้อมกับพวกวิรัลและม่านฟ้า

    “แขกสำคัญก็มากันครบแล้วนะคะ พวกเราก็มาเริ่มเกมทำโทษ ได้แล้วค่ะ”

    คนอื่นหันขวับไปทางม่านฟ้าแทบจะพร้อมกัน และมีบางคนส่งสายตาตั้งคำถามกับเด็กสาว

    “ก็แหม! ตอนเราแข่ง เราแข่งเป็นคู่กันใช่ไหมคะ เวลาทำโทษก็ต้องจับคู่ทำโทษกันสิคะ ...เพราะฉะนั้นตลอดสามวันสองคืนในรีสอร์ทแห่งนี้ คู่ที่แพ้ทั้งสองคู่ จะต้องจับคู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลา รวมถึงกระทั่งตอนนอนด้วยนะคะ”

    “ไม่มีทาง!”

    พิชญ์รีบแย้งขัดอย่างลืมตัว ก่อนจะชะงัก แล้วก้มหัวขอโทษอีกฝ่าย พลางอ้อมแอ้มบอก

    “เวลาอื่นยังพอว่า ...แต่ขอแค่เวลานอนไว้เถอะครับท่านม่านฟ้า ...คือมันจะดูไม่เหมาะสมนะครับ ...ถ้าคนอื่นรู้เข้า”

    พิชญ์พยายามชี้แจงเรื่องที่ม่านฟ้าจะจับคู่ให้ธามกับวิรัล และชาครกับเขา พักอยู่ด้วยกัน ซึ่งอำมฤตเองก็เห็นด้วยในเรื่องนี้

    “ถูกของคุณพิชญ์เขานะครับท่านม่านฟ้า ...จะเล่นอะไรก็ควรให้พอประมาณ อย่าเกินเลยไปนักดีกว่าครับ”

    ชายหนุ่มปรามปนตำหนิ ทำเอาม่านฟ้ามุ่ยหน้าเล็กน้อย อย่างไม่สบอารมณ์ที่ถูกขัดใจ ก่อนที่สักพักจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานตามมา แล้วพยักหน้ารับคำ

    “งั้นก็ได้ค่ะ”

    คนอื่นยกเว้นธามกับวิรัลพากันโล่งอก ธามนั้นรู้สึกเสียดาย แต่ก็เข้าใจในสิ่งที่พิชญ์กับอำมฤตคัดค้าน อีกอย่างที่นี่ก็เป็นถิ่นของมโคตระกูลของม่านฟ้า ถ้าว่าที่คู่หมั้นของเจ้านาย ดันไปค้างอ้างแรมกับหนุ่มต่างเผ่า แถมยังสนิทชิดเชื้อเกินเลยเพื่อน ทั้งที่ม่านฟ้าก็อยู่ด้วย มันก็คงไม่เหมาะนัก

    “งั้นเราก็งดบทลงโทษยามค่ำคืน เหลือแค่เพียงบทลงโทษเดิมในช่วงกลางวันแทนแล้วกันนะคะ”

    เด็กสาวเอ่ยตามมา ทำให้แต่ละคนพากันจ้องมองเธอตาปริบ ๆ และลุ้นว่าบทลงโทษที่ว่าจะเป็นเช่นไร

    “ในช่วงเวลา 8 โมงเช้า จนถึง หกโมงเย็น ของแต่ละวัน  คู่ที่ถูกทำโทษจะต้องถูกคล้องกุญแจมือคู่กัน และใช้ชีวิตในรีสอร์ทแห่งนี้ด้วยกัน ถ้ามีเหตุจำเป็นดิฉันจึงจะยอมให้ถอดกุญแจมือออกจากกันได้ ...ตกลงไหมคะ”

    พิชญ์ทำท่าจะค้าน แต่วิรัลก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน

    “ก็น่าสนุกดีนะครับ ...แต่ว่าจะทำโน่นนี่ถนัดหรือครับ ถ้าต้องคล้องกุญแจมือติดกันแบบนั้นตลอด”

     ม่านฟ้าหันไปทางเด็กหนุ่ม แล้วตอบคำถามนั้นโดยไม่สนใจท่าทางเตรียมห้ามปรามของพี่เลี้ยงคนสนิทสักนิด

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ กุญแจมือของดิฉันเป็นแบบสั่งทำเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มีผ้านุ่มไว้บุกันข้อมือเป็นรอย โซ่ที่ใช้ก็มีน้ำหนักเบา แต่ก็ทนทานระดับหนึ่ง...”

    ม่านฟ้าชะงักคำพูดเอาไว้เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของพิชญ์ และของอำมฤต จากนั้นเธอจึงเงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสั่นเครือ

     “...จริง ๆ มันก็แค่เกมน่ะค่ะ ถ้าพวกคุณไม่พอใจก็ยกเลิกได้ตลอด...ดิฉันก็แค่อยากให้ทุกคนได้สนุกร่วมกันก็แค่นั้นเองค่ะ ...แต่ถ้าจะเป็นการบังคับจิตใจกัน ...ดิฉันเองก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ”

    ม่านฟ้าบอกแล้วก้มหน้าสลดพร้อมกับกรีดนิ้วซับน้ำตาของตน สะอื้นเล็กน้อย จนพิชญ์นั้นใจอ่อน

    “เอ่อ...ผมไม่มีปัญหาหรอกครับท่านม่านฟ้า อย่าคิดมากเลยครับ”

    “ใช่ครับ! พวกเราชอบบทลงโทษนี้มากเลยครับ อย่าร้องไห้เลยนะครับคุณม่านฟ้า!”

    วิรัลรีบเสริมพี่เลี้ยงของเขา ด้านธามยักไหล่นิด ๆ เขาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ซ้ำยังยินดีเสียด้วยที่ได้อยู่ใกล้กับวิรัลตลอดเวลาแบบนั้น ส่วนชาครแอบมองพิชญ์แล้วอมยิ้มนิด ๆ ก่อนจะพยักหน้าค่อย ๆ เป็นการตอบรับ เมื่อม่านฟ้าเงยหน้ามามองพวกเขา

    “อย่างนั้นหรือคะ...ดีใจจัง งั้นแต่ละคนก็ไปเลือกที่พักกันได้เลยนะคะ หรือใครอยากจะพักที่เรือนใหญ่นี่ก็ได้”

    ม่านฟ้าที่หน้าสลดน้ำตาซึมอยู่เมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มฉับพลัน ทำเอาอำมฤตที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายแกล้งเล่นละคร ต้องลอบถอนหายใจ ส่วนหนุ่ม ๆ นิ่งอึ้งกันชั่วครู่ โดยเฉพาะพิชญ์เขาลอบสบถกับตัวเองเบา ๆ เพราะดันรับปากไปแล้ว ก็เท่ากับว่า เขาต้องตัวติดกันกับพวกวกะที่เขาแสนจะรังเกียจตลอดหลังจากนี้ไปนั่นเอง

   
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 21-12-2012 00:56:29


    วิรัลนั้นเลือกที่พัก เป็นบ้านพักที่มีระเบียงห้องนอนยื่นลงไปในลำธารกว้างที่ไหลมาจากน้ำตก สามารถลงไปเล่นน้ำจากระเบียงได้เลย และยังนอนพักผ่อนชมวิวฟังเสียงน้ำไหลได้อีกด้วย

    “น่าเสียดายนะ ถ้าได้พักด้วยกันกับเธอทั้งคืน มันคงจะโรแมนติกมากเลยทีเดียว”

    ธามที่แวะมาหาถึงห้องนอนของเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น ตัวธามเองนั้นเลือกบ้านอีกหลังที่ปลูกอยู่ถัดไป เขาและวิรัลลงความเห็นว่า ระหว่างถูกทำโทษให้ธามหรือไม่ก็ตัวเขาไปพักที่บ้านของอีกฝ่ายในตอนกลางวัน ส่วนตกเย็นหมดเวลาทำโทษ ก็ค่อยกลับมานอนบ้านพักของใครของมันในภายหลัง  แม้พิชญ์ที่รับทราบข้อตกลงนี้จะไม่ค่อยพอใจนัก แต่เขาก็คิดว่าวิรัลคงไม่ยอมปล่อยกายปล่อยใจให้ธามทำอะไรเกินเลยกับตัวเองในตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้ แถมยังเป็นสถานที่ ที่มีมโคพวกของม่านฟ้า ซึ่งเป็นว่าที่คู่หมั้นของเด็กหนุ่ม อยู่เต็มไปหมดอีกด้วย

    “พิชญ์ล่ะครับ...”

    วิรัลชะโงกหน้ามองหาพี่เลี้ยงคนสนิท ที่พักอยู่บ้านหลังเดียวกัน เขาไม่คิดว่าเจ้าตัวจะปล่อยธามเข้ามาหาเขาถึงห้องนอน โดยไม่ตามมาด้วยแบบนี้

    “โดนชาครลากไปคุยด้วยแถวหน้าบ้านแล้วน่ะ ...หึ ๆ ฉันเพิ่งเคยเห็นลูกน้องฉันกระตือรือร้นแบบนี้เป็นครั้งแรกนะ สงสัยจะถูกใจพี่เลี้ยงของเธอแหงเลย”

    วิรัลขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เขาก็ต้องชะงัก เมื่อธามเดินเข้ามาใกล้เขา และเบียดให้เขาถอยหลังจนไปชิดเตียงใหญ่มุมห้อง

    “เอ่อ...คุณธามครับ”

    “ทำไมหรือ...”

    ธามแกล้งถาม ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นกังวลอะไร เนื่องจากสีหน้าของวิรัลนั้นตอนนี้กำลังแดงระเรื่อจนเห็นได้ชัด

    “เดี๋ยวพิชญ์เข้ามาเห็น...แล้วจะโดนดุนะครับ...”

    “ก็แค่ยืนใกล้กัน ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย หมอนั่นจะดุอะไรเราได้”

    ธามแสร้งเย้า พลางเบียดแนบชิดอีกฝ่ายมากขึ้น จนวิรัลต้องเสียหลักลงไปนั่งบนเตียงและพยายามกระเถิบถอยหนีชายหนุ่มด้วยความเขินอาย

    “หึ ๆ อะไรกัน อยากขึ้นเตียงกับฉันขนาดนั้นเลยหรือ วิรัล”

    “มะ...ไม่ใช่นะครับ...คุณธามล่ะก็...”

    วิรัลทั้งเขินทั้งอายจนทำอะไรไม่ถูก ทว่าก่อนที่ธามจะทำอะไรต่อไป ประตูห้องก็เปิดผลัวะเข้ามาเสียก่อน โดยคนที่เปิดนั้นจ้องมองคนในห้องด้วยใบหน้าเคร่งขรึมกึ่งหงุดหงิดเต็มที่

    “ท่านวิรัล...ไปนั่งทำอะไรบนเตียงนั่นล่ะครับ”

    พิชญ์ถามอย่างไม่ไว้ใจ ยังดีที่ธามนั้นยืนมองอยู่ข้างเตียง ถ้าเจ้าตัวอยู่บนเตียงด้วย เขาคงตีความได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังรังแกนายน้อยของเขาอยู่แน่นอน

    “กะ...ก็ นั่งคุยกันน่ะสิ”

    พิชญ์ขมวดคิ้วยุ่ง แล้วสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อมีใครบางคนพูดขึ้นมาด้านหลังเขา แถมยังใกล้เสียจนเกินความจำเป็นอีกด้วย

    “ฉันบอกแล้วไง ทั้งคู่ก็คุยกันปกติ...นายก็ระแวงเกินเหตุ ระวังจะหน้าแก่ก่อนวัยหรอก”

    “หุบปากนายไปเลยเจ้าหมาบ้า ...นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งท่านม่านฟ้า ให้ตายฉันก็ไม่มีวันอยู่ใกล้กับพวกวกะตลอดแบบนี่แน่!”

    วิรัลมองพิชญ์ที่หงุดหงิดอย่างกังวล ถึงเขาอยากจะอยู่ใกล้ธามตลอดเวลาก็จริง แต่เขาก็ไม่อยากเห็นพิชญ์โมโหแบบนี้เหมือนกัน

    “พิชญ์...จะให้ฉันไปช่วยพูดกับคุณม่านฟ้าให้ดีไหม”

    พิชญ์ชะงัก พลางหันไปมองนายน้อยของเขา เมื่อเห็นสีหน้ากังวลและรู้สึกผิดของวิรัล ก็ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ แล้วยิ้มออกมาได้ในที่สุด

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมก็แค่หงุดหงิด เพราะวกะปากเสียสมเผ่าบางตัวเท่านั้น ...ท่านวิรัลอย่างกังวลไปเลยครับ ใช้เวลาในวันหยุดให้สนุกอย่างที่ท่านรอคอยเถอะครับ”

    วิรัลยิ้มรับ และนั่นจึงทำให้พิชญ์รู้สึกพึงพอใจขึ้น จากนั้นเขาจึงหันไปมองธาม แล้วเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมจริงจังกว่าเดิม

    “ฝากดูแลท่านวิรัลด้วยแล้วกันครับ”

    ธามชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าและตอบไปด้วยใบหน้าจริงจังไร้การหยอกเย้าจากตามปกติ

    “ได้...ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลเขาในช่วงกลางวันนี้เอง”

    พิชญ์พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปโค้งให้วิรัล แล้วเดินออกมาพร้อมชาคร   จากนั้นสักพักม่านฟ้าก็เป็นคนนำกุญแจมือมามอบให้ทั้งสองคู่ ซึ่งกุญแจมือและโซ่นั้นก็มีน้ำหนักเบา ผิดจากรูปร่างที่เห็น แถมระยะห่าง ก็ยาวพอที่แต่ละคนจะขยับกายได้สะดวก แต่ก็ไม่ยาวจนเกะกะการเดินแต่อย่างใด

     นอกจากนั้นม่านฟ้ายังใจดีให้กุญแจสำรองแต่ละคู่ไว้ไขตอนจำเป็นอีกด้วย แต่เธอเลือกให้คนเก็บกุญแจของแต่ละคู่ เป็นธามและชาคร สำหรับวิรัลนั้นเขาไม่มีปัญหาอะไร แต่กับพิชญ์ ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกรุมแกล้ง โดยมีเจ้าของรีสอร์ทรู้เห็นเป็นใจยังไงยังงั้น

   

    “อยากลงไปเล่นน้ำจังเลยครับ ...คุณธามเล่นน้ำด้วยกันไหมครับ”

    หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว วิรัลที่นั่งเล่นตรงระเบียงกับธาม ก็หันไปถามชายหนุ่มพร้อมส่งสายตาอ้อน ๆ ให้ จนธามนึกขำ

    “ก็ได้... แต่คงได้แต่แช่น้ำเฉย ๆ นะ ถ้าจะว่ายน้ำมือติดกันแบบนี้คงว่ายลำบาก”

    วิรัลยิ้ม แล้วตอบอีกฝ่ายกลับอย่างร่าเริง

    “ต่อให้อยากว่ายก็ว่ายไม่เป็นหรอกครับ อีกอย่างน้ำใส ๆ แบบนี้ แค่ได้เดินเล่นในน้ำก็น่าสนุกแล้วล่ะครับ”

    ธามอมยิ้มน้อย ๆ แล้วลูบศีรษะเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู วิรัลนั้นไร้เดียงสาและร่าเริงเหมือนเด็กน้อยในบางครั้ง แต่บางคราก็ดูยั่วยวน เป็นผู้ใหญ่จนเขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่  แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ธามก็รู้สึกมีความสุขยามได้อยู่ใกล้ชิดเด็กหนุ่มอยู่ดี

    “งั้นเราลงไปแบบนี้ดีกว่า”

    ธามอุ้มช้อนร่างของอีกฝ่ายเดินลงบันได เพราะเกรงว่าวิรัลจะรีบจนลื่น และดึงเอาเขาเสียหลักล้มไปด้วยกัน ส่วนทางด้านวิรัล ก็รู้สึกขัดเขินที่ถูกอุ้มท่านี้ จนเมื่อถึงลำธาร ธามก็ค่อย ๆ ประคองให้เด็กหนุ่มยืนในนั้น

    “โอ๊ะ...เย็นชะมัด”

    “ใช่ น้ำตกก็เย็นแบบนี้ล่ะ ...เพราะฉะนั้นก็อย่าแช่นานนัก จะเป็นหวัดเอา”

    วิรัลหันมามองคนเตือนแล้วอมยิ้มน้อย ๆ จนธามแปลกใจ

    “มีอะไร ยิ้มทำไมกัน?”

    “ก็คุณธามพูดเหมือนพิชญ์เลย สงสัยติดโรคขี้ห่วงพิชญ์มาเสียแล้วสิครับ”

    ธามชะงักก่อนจะหัวเราะเบา ๆ  จากนั้นพวกเขาก็เลือกแอ่งน้ำใหญ่นั่งแช่   โดยวิรัลนั้นนั่งคุยไป มองปลาในน้ำไปอย่างสนุกสนาน ส่วนธามก็มีความสุขที่ได้เห็นใบหน้าของคนข้างกายยิ้มแย้มตลอดเช่นนั้น



    ทว่าระหว่างที่คู่แรกนั้นกำลังมีความสุขกันดี อีกคู่ซึ่งถูกลงโทษให้ตัวติดกันตลอดเวลา อีกคนก็กำลังยืนถอนหายใจอย่างเอือมระอา ส่วนอีกคนก็แอบดูคู่แรกนั่งแช่น้ำพูดคุย อยู่ห่างออกไป

    “นี่...เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นสโตกเกอร์ชาวบ้านเขาสักที ฉันเริ่มเมื่อยแล้วนะ”

    ชาครบ่นอุบ เพราะถูกลากมาให้ยืนเป็นเพื่อนแบบนี้เฉย ๆ นานเกือบสามสิบนาทีแล้ว

    “ก็ไขกุญแจแล้วทิ้งฉันไว้แถวนี้สิ แล้วนายจะไสหัวไปไหนก็เชิญตามสบาย”

    พิชญ์บอกกับอีกฝ่ายอย่างเย็นชา ซึ่งชาครก็ยักไหล่ แล้วจัดแจงใช้แรงที่มากกว่าลากคนรูปร่างโปร่งข้าง ๆ มาอีกทาง โดยที่พิชญ์พยายามขัดขืน แต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะชาครนั้นเล่นจับมือเขาแล้วลากมาด้วยกันแทน

    “ปล่อยนะ ไอ้หมาป่าบ้า จะพาฉันไปไหนน่ะ!”

    พิชญ์โวยเบา ๆ เพราะไม่อยากให้ธามและวิรัลรู้ตัวว่าเขาแอบมองทั้งคู่อยู่ ชาครเหลือบมามองคนโวยแวบหนึ่ง แล้วจึงยกยิ้มน้อย ๆ

    “ไปให้พ้นคู่รักเขาสวีทกันน่ะสิ  ฉันไม่ใช่โรคจิตอย่างนาย จะได้ชอบดูคนอื่นเขาจู๋จี๋กันน่ะ อีกอย่างถ้าเจ้านายของนายรู้เข้า จะรู้สึกยังไง ที่โดนจับตามองตลอดแม้แต่เวลาส่วนตัวแบบนี้น่ะ”

    พิชญ์ชะงัก ก่อนจะสบถตามมา เมื่อหาคำโต้เถียงอีกฝ่ายไม่ได้ เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่ไว้ใจธาม และก็พยายามยอมรับว่าทั้งสองคนนั่นรักกัน แต่เขาก็อดห่วงวิรัลไม่ได้อยู่ดีนั่นเอง

    “เจ้านายของนายน่ะอายุมากพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วนะ...นายจะให้เขาเป็นหัวหน้าเผ่าไม่ใช่หรือ  ถ้ายังเลี้ยงดูกันราวกับไข่ในหินแบบนี้เรื่อย ๆ เมื่อไหร่เด็กนั่นจะโตเป็นผู้ใหญ่กับเขาได้ล่ะ ...แถมฉันยังได้ยินมาว่า ขนาดเรื่องบริหารธุรกิจของเผ่า นายก็ยังรับมาทำเองทั้งหมดด้วยสินะ ใช่ไหม”

    คำพูดของชาครถัดมาทำให้พิชญ์เงียบกริบ และขืนตัวจนคนจูงรู้สึกได้ ชาครจึงตัดสินใจปล่อยมือจากอีกฝ่าย เพราะที่พวกเขาเดินมาก็ห่างจากพวกธามไกลพอสมควรแล้ว

    “ฉันรู้ว่า ฉันดูแลท่านวิรัลมากเกินไป... แต่ฉันก็ไม่อยากให้ดวงใจที่บริสุทธิ์ดวงนั้น ต้องแปดเปื้อนกับธุรกิจกลโกงในโลกของผู้ใหญ่ ...ฉันอยากให้ท่านวิรัลมีรอยยิ้มเช่นนี้ตลอดไป ...ส่วนเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ฉันจะขอแบกรับมันเอาไว้ และให้ท่านรู้จักแต่ด้านดีของโลกใบนี้เพียงแค่นั้น”

    พิชญ์พึมพำตอบ ทำให้คนฟังต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “แล้วถ้าวันหนึ่งเกิดนายเป็นอะไรไปล่ะ ...มฤคมาศจะทำยังไง จะเคว้งคว้างขนาดไหน เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้แต่นายช่วยเหลือมาตลอด... ฉันว่าแทนที่จะช่วย นี่นายกำลังจะทำร้ายเจ้านายของนายทางอ้อมต่างหาก”

    “หุบปาก! ฉันก็รู้ตัวอยู่แล้วน่า!”

    พิชญ์ตวาดกลับด้วยความหงุดหงิดที่ถูกพูดแทงใจดำ เขายอมรับว่าเขาดูแลวิรัลมากไป จนหลายคนในเผ่ายังเคยเอ่ยทัก แต่เขาก็ยอมไม่ได้ ถ้าจะให้เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา ที่เขาดูแลมาแต่เล็ก ต้องแปดเปื้อนกับความชั่วร้ายต่าง ๆ ในโลกใบนี้

    “ไม่มีใครที่จะเป็นผ้าขาวได้ตลอดชีวิตหรอกนะ ทุกคนจะต้องถูกแต่งเติมแต้มสีสันลงไปจากปัจจัยหลาย ๆ สิ่ง ...และฉันเชื่อนะว่า ต่อให้รู้จักกับความเน่าเฟะ ชั่วร้ายของโลกใบนี้สักเพียงใด แต่หัวใจที่บริสุทธิ์ ยังไงมันก็ไม่ถูกย้อมให้เป็นสีดำ ได้ง่ายดายขนาดนั้นหรอก”

     ชาครเปรยขึ้น ทำให้พิชญ์เงียบงันไปสักพัก ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ จากนั้นจึงพึมพำขึ้นแผ่วเบา

    “ฉันจะพยายาม...ค่อย ๆ ปรับตัวไปพร้อมกับท่านวิรัลแล้วกัน”

    ชาครมองคนที่ยืนเงียบ ๆ แล้วจึงมีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับบนใบหน้าของเขา โดยที่เขาก็ไม่ทันรู้ตัว

    “...ยิ้มทำไม”

    พิชญ์ที่เงยหน้ามาทันเห็นเอ่ยทักเสียงห้วน รู้สึกหงุดหงิดที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มแบบนั้น เมื่อมองเขา

    “หือ...ฉันยิ้มหรือ อืม…อาจจะเพราะเห็นกวางดื้อ ๆ สงบเงียบลงได้ ก็เลยนึกขำมั้ง”

    พิชญ์ขมวดคิ้วยุ่งกับคำตอบที่ได้รับ เขาสะบัดหน้าและเตรียมเดินหนี แต่ก็ถูกแรงดึงของโซ่ที่ล่ามรั้งไว้ ทำให้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเป็นเท่าตัวทีเดียว

    “เอากุญแจมา!”

    “อะไร ...จะยอมแพ้แล้วหรือ เฮ้อ! ความอดทนสั้นจังนะ ทีฉันยังไม่รู้สึกอะไรเลย ...แต่ก็นะ มโคเป็นพวกสัตว์กินพืชอ่อนแอนี่ เจอแค่นี้แล้วไม่ไหว ไอ้ฉันก็พอจะเข้าใจอยู่”

    ชาครแสร้งทำเป็นพูดดูถูกอีกฝ่าย แล้วรอคอยปฏิกิริยาโต้ตอบ ซึ่งก็เป็นดังคาด พิชญ์นั้นทำท่าฮึดฮัด ค้อนให้เขา แต่ก็เลิกพูดเรื่องให้ไขกุญแจอีก

    “โอ้...ใจเด็ดกว่าที่คิดแฮะ ...ถ้าอย่างนั้น ฉันว่าเราไปที่บ้านพักกันดีกว่า นั่งพักบนโซฟา ดูหนัง ฟังเพลง ดื่มกาแฟ ดื่มชา หรืออะไรก็ได้ ยังไงก็น่าจะดีกว่าให้มายืนขาแข็งกันแถวนี้ จริงไหม”

    ชาครเอ่ยชักชวนอีกฝ่ายกลับบ้านพัก พิชญ์ขมวดคิ้วยุ่ง แม้จะเริ่มเห็นด้วย แต่ถึงกระนั้น เจ้าตัวก็ยังยื่นข้อเสนอ

    “ไปบ้านพักฉัน...จะได้เห็นท่านวิรัลอยู่ในสายตาบ้าง”

    ชาครถอนหายใจกับคำพูดนั้น การจะเปลี่ยนพิชญ์ให้เลิกห่วงวิรัลทันที นั้นคงยาก แต่เขาก็เชื่อว่า อีกฝ่ายคงพอจะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ และเริ่มปรับตัวทีละนิดเองก็ได้ และถ้าพิชญ์ยอมปรับเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ เรื่องความรักของเจ้านายของเขาและเด็กหนุ่มมฤคมาศ ก็คงจะราบรื่นขึ้นกว่านี้ในอนาคตอย่างแน่นอน

   
... TBC ...


ก่อนอื่นก็ต้องขอกราบขออภัยงาม ๆ กับนักอ่านที่เฝ้ารออ่านเรื่องนี้ทุกท่านนะคะ
ห่างหายศีรษะไปนาน ไม่ได้มาต่อ เนื่องจากเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้

1. เร่งปั่นเรื่องสั้นนอกรอบ ให้เสร็จก่อนปีใหม่ (สถานะ ปั่นเสร็จไปแล้ว 30 หน้าเอสี่)
2. มีเคลียร์เรื่องหนังสือรีปริ้นท์ และมิราเคิลคาเฟ่ ในล็อตสอง (อันนี้ไม่เสียเวลา อะไร แต่ก็ทำให้ขี้เกียจแต่งนิยายในบางวันได้)
3. ติดเกม  (ปัญหาใหญ่ ...คือปัดเป็นพวกเล่นเกมแล้วไม่จบ มันจะค้างคา ต้องเล่นให้จบ หรือเบื่อกันไปข้าง ถึงจะโอเค ซึ่งตอนนี้ มันกำลังเข้าสู่ไคลแมกซ์แล้ว  ทำให้ถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่ ต้องจิ้มเข้าไปเล่น แล้วปัดยังชอบเกมแบบเรื่อยเปื่อย ผลาญเวลาอีกด้วย ดังนั้น เกมที่กำลังติดเกมนี้ จึงเข้าทางยิ่งนัก)

รวมกันแล้ว ปัญหาใหญ่ ๆ เลย คือ ติดเกม แล้วแอบอู้งาน --.... แต่ ๆๆๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็เอี่ยวกับเรื่องสั้น 30 หน้าเอสี่นั้นด้วย คือถ้าไม่แต่งอย่างใดอย่างหนึ่งให้จบ สมาธิปัดจะแตกซ่าน จนกลายเป็นอู้มันทั้งสองเรื่องเลยทีเดียว  (แถเรียกความสงสารเข้าไป!)

ฟังข้อแก้ตัว ครบสามข้อแล้ว หวังว่าคงจะไม่หมั่นไส้และหนีกันไปก่อนนะคะ TT ^ TT  ไหน ๆ ก็อุตส่าห์ ยอมสารภาพผิดอย่างจริงใจที่สุดแล้วนะคะเนี่ย ยังไงต่อจากนี้จะพยายามกลับมาขยันปั่นเหมือนเดิมนะคะ

ป.ล. เรื่องหลัง ๆ นี่เป็นช่วงเข้าไคลแมกซ์ คาดว่าคงจะปั่นวันเวันวันลำบาก แต่ยังไงจะพยายามไม่ให้ห่างเกินอาทิตย์ต่อตอนนะคะ

ขออภัยที่แอบอู้งานเขียนอีกครั้งค่ะ -/\-

---------------------------
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 21-12-2012 01:10:46
ธามปกป้องวิรัลให้ดี ๆ นะ แล้วถ้ามาลุตกับพวกมาพิชญ์จะเข้าใจผิดธามหรือเปล่าเนี่ย แล้วธามจะทำยังไงกับมาลุตกันนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 21-12-2012 06:08:15
คู่พี่เลี้ยงนี้ก้นะ หุหุ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 21-12-2012 08:29:33
คู่ชาคร  คงได้ฟัดกันยกนึงแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ  ทะเลาะกันบ่อย  แต่เค้าว่า ลูกดกนะ  หึหึ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 21-12-2012 12:53:13
รู้สึกว่าคนร้ายจริงๆน่าจะเป็นพี่คนโตมากกว่านะ

พวกยุยง รอโอกาสไปเรื่อยๆน่ะ  o18
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 21-12-2012 13:48:39
เห็นด้วยกะชาคร

นายเอกต้องแกร่งบ้างสิ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 21-12-2012 16:28:38
 o13 ขอบคุณนะที่มาต่อ พิชญ์กับชาครแอบน่ารักนะคู่นี้ ส่วนธามกับวิรัลก็น่ารักได้อีก :o8:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: AnimajuS ที่ 21-12-2012 17:44:59
น่ารักอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 22-12-2012 13:36:47
หลัง ๆ เริ่มรู้สึกว่าคู่ของธามกับวิรัลดูจะหาย ๆ ยังไงไม่รู้เน๊อะ ดูไม่เร้าใจเหมือนช่วงแรกที่เจอกันเท่าไหร่น่ะ ดูจะขาดความเซ็กซี่ไปนิดนึง แต่คู่ชาครดูน่าสนใจขึ้นเยอะน่ะ อยากให้มีคู่เหมือนกัน เพราะดูจะทุ่มเทกับการทำงานมากอยากให้เจอเรื่องหวาน ๆ ในชีวิตบ้างน่ะ
ป.ล.ตอนนี้กำลังตั้งตารอหนังสือที่สั่งไว้ เพราะ แต่ละเรื่องยังอ่านไม่ถึงตอนจบน่ะ รอลุ้นในหนังสือหนุกกว่า :z1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 22-12-2012 14:22:58
พิชญ์ หลุดมาดอย่างแรง เมื่อเจอกะชาคร ฮา ฮา
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียน
อย่าอู้นานนะคะ เค้ารออยู่เน้อ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 11 :: P.7 วันโพส 21/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 26-12-2012 01:36:55
หนุ่มอย่ามัวแต่สวีตกันมากนัก
เดียวจะเกิดการเข้าใจผิด
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 12 :: P.8 วันโพส 26/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 26-12-2012 13:58:50

สปีดช่วงนี้ทิ้งห่างตามเนื้อเรื่องนะคะ ถ้าเริ่มเข้าบทบู๊ต้องเขียนยาวเพื่อเช็คว่าจะไปรอดไหม พล็อตจะตัน จะตีกันมั่วไหม แต่ถ้าเขียนได้ลื่นก็ลงไวตามปกติค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่คลิกเข้ามาอ่านค่ะ
 :pig4:


/12




    ธามสังเกตเห็นคนข้างกายปากเริ่มซีด แต่ก็ยังคงไม่ยอมลุกจากแอ่งน้ำ แม้ว่าเขาจะชวนให้เลิกเล่น จนทำให้คนชวนต้องถอนหายใจ

    “จะขึ้นหรือไม่ขึ้น...”

    ชายหนุ่มเริ่มขยับกายกักขังร่างของอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขนแล้วกระซิบขู่

“ถ้าไม่ขึ้น เดี๋ยวจะโดนลงโทษนะ”

วิรัลหน้าแดงวาบ ทว่าแม้จะอายเพียงใด แต่อีกใจก็อยากให้ธามสัมผัสเขาเช่นเดียวกัน คิดเช่นนั้น เด็กหนุ่มจึงเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย ก่อนจะค่อย ๆ หลุบตาลงช้า ๆ ใบหน้านั้นแดงระเรื่อ และเจ้าตัวก็ยังคงไม่ยอมขยับไปไหนเช่นเดิม

    “เด็กดื้อ...”

      ธามที่อ่านสายตาของอีกฝ่ายออก กระซิบเสียงพร่า เพราะวิรัลยามนี้ดูเย้ายวนเสียเหลือเกิน แถมเสื้อผ้าเปียก ๆ ที่แนบเนื้อนั้น ก็ทำให้เห็นอะไร ๆ ข้างใน อย่างเด่นชัด

    “งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ...”

    ธามกระซิบข้างหูอีกฝ่ายก่อนจะใช้ลิ้นฉกลิ้มเลียที่ซอกหูขาวเนียนนั่น จนวิรัลสะดุ้ง แล้วหลุดครางเสียงแผ่ว เมื่ออีกฝ่ายไล่ละจูบลงมาเรื่อย ๆ ที่ซอกคอของตน 

    “อื้อ...คุณธาม”

    วิรัลครางอย่างขัดใจ เมื่ออีกฝ่ายนั้นแกล้งทำเป็นดูดขบเม้นอ้อยอิ่งอยู่แถวซอกคอ ไม่ยอมไปแตะต้องในส่วนอื่นบ้าง

    “หึ ๆ ...บอกแล้วว่าจะทำโทษ ...เพราะฉะนั้นจะไม่ตามใจหรอกนะ”

    ธามกระซิบบอกอย่างรู้ดี พลางแกล้งลูบไล้บริเวณแผ่นอกของเด็กหนุ่ม ก่อนจะใช้นิ้วบีบเค้นดึงยอดอกสีชมพูที่มองเห็นผ่านผ้าผืนบางทั้งสองข้างเล่นอย่างหยอกเย้า จนวิรัลต้องหลุดครางเสียงดังออกมาอย่างลืมตัว

    “ชอบสินะแบบนี้”

    “อื๊อ...ไม่ใช่...อ๊ะ...”

    วิรัลปฏิเสธออกไป แต่ก็ต้องหลุดครางซ้ำสองเมื่อชายหนุ่มแกล้งเขาอีกครั้ง คราวนี้ธามใช้ลิ้นเลียและริมฝีปากขบเม้น สลับปลายนิ้วดึงยอดอกของเด็กหนุ่ม แม้จะมีเสื้อผ้ากั้นขวาง แต่มันก็บางและเปียกแนบลู่ จนแทบจะไม่แตกต่างกับการเปลือยแต่อย่างใด

    “คุณธาม...พะ...พอ ก่อนเถอะ...ครับ”

    วิรัลพยายามใช้มือดันร่างอีกฝ่ายออกไป แต่ก็แทบไม่เป็นผล เพราะเขานั้นอ่อนแรงไปหมด แถมเพราะการเล้าโลมของชายหนุ่มก็ทำให้เขาเริ่มเกิดอารมณ์ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว

    “ทำไมล่ะ...เธอเองก็ชอบมันไม่ใช่หรือ”

    ธามกระซิบถาม วิรัลหน้าแดงระเรื่อ เจ้าตัวพยักหน้ารับ แต่ก็ต้องรีบแย้งตามมา เมื่อธามเตรียมจะเล้าโลมเขาต่อ

    “ก็ชอบอยู่หรอกครับ...แต่ถ้ามากกว่านี้...คงห้ามตัวเองไม่ไหวแน่...มันคงไม่ดีไม่ใช่หรือครับ...ถ้าใครมาเห็นเราเข้า...เอ่อ...ตอนกำลังทำแบบนั้น”

    วิรัลบอกด้วยเสียงอ้ำอึ้งอย่างเอียงอาย จนธามที่ฟังอยู่ต้องลอบถอนหายใจ แม้จะไม่อยากหยุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์อย่างวิรัลกังวลขึ้นได้จริง ๆ  จากนั้นชายหนุ่มจึงช้อนร่างของเด็กหนุ่มตรงหน้าอุ้มลอยขึ้น จนวิรัลตกใจ

    “คุณธาม! จะทำอะไรน่ะครับ!”

    “ก็ขึ้นบ้านยังไงล่ะ... ถ้าเป็นในบ้านที่มิดชิด คงไม่ต้องกลัวสายตาคนนอกหรอก...จริงไหม”

     น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบทำให้คนฟังหน้าแดงระเรื่อ วิรัลพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ เรียกรอยยิ้มจากคนอุ้ม  ทว่าพอพวกเขาทั้งคู่ขึ้นระเบียงบ้านพักและเปิดประตูกระจกบานเลื่อนตรงห้องนอนเข้ามา พิชญ์ก็กึ่งจูงกึ่งลากชาครที่มือติดกัน เปิดประตูห้องนอนอีกด้านพรวดเข้ามาทันที

    “ท่านวิรัล ผมกำลังว่าจะไปตามพอดี ...ดูสิครับเล่นน้ำเสียจนปากซีดเชียว ...คุณนี่ก็แทนที่จะดูแลกันบ้าง ไว้ใจไม่ได้เลย ...อ๊ะ! เดี๋ยวผมหาผ้าขนหนูให้นะครับ”

    พิชญ์บ่นใส่วิรัล แล้วหันไปบ่นธาม ก่อนจะหันไปทางตู้เสื้อผ้า เตรียมจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูอย่างเคยชิน ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อมือของเขาถูกรั้งไว้ จากอีกคนที่ทำเป็นยืนเฉยไม่ยอมขยับ

    “ถ้าไม่คิดจะเดินมา ก็ไขกุญแจเดี๋ยวนี้เลย! ...ส่วนคุณ เวลาแบบนี้ คุณควรถอดกุญแจข้อมือนะ ท่านวิรัลจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเองได้สะดวก ๆ หน่อย”

     พิชญ์หันไปต่อว่าชาคร แล้วหันมาบอกกับธาม ทำเอาคนฟังขมวดคิ้วยุ่ง อย่างไม่สบอารมณ์มากขึ้น ส่วนอารมณ์วาบหวามก่อนหน้านั้น หายไปเป็นปลิดทิ้ง ตั้งแต่ได้เห็นหน้าพิชญ์แล้ว

     “กะอีแค่อาบน้ำ เดี๋ยวฉันกับเขาอาบด้วยกันก็ได้”

    พอได้ยินคำพูดของธาม วิรัลก็ต้องสะดุ้งโหยงพลางหน้าแดงระเรื่อด้วยความอาย ส่วนพิชญ์นั้นพยายามสงบสติอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้ ก่อนจะฝืนแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบอีกฝ่าย

    “ใช่...ผมไม่เถียงว่าต่อให้ถูกล่ามไว้ ก็อาบน้ำด้วยกันได้ แต่เวลาถอดเปลี่ยนเสื้อผ้า มันลำบากไม่ใช่หรือครับ ...จริงไหมครับท่านวิรัล”

    พิชญ์หันมาเกลี้ยกล่อมคนของเขาแทน และนั่นก็ทำให้วิรัลพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของพี่เลี้ยงคนสนิท

    “นั่นสิครับ ถ้ามือติดกันแบบนี้ถอดเสื้อผ้าไม่ได้แน่ ...ฮัดชิ่ว!”

    เสียงหลุดจามตามมา พร้อมอาการที่เริ่มหนาวสั่นของวิรัลนั้นหยุดการโต้เถียงของทั้งธามและพิชญ์ได้ทันที  ธามถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหยิบกุญแจมือในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตมาไขให้ทั้งเขาและวิรัล พร้อมกับกระซิบบอกเด็กหนุ่ม

    “อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยนะ ...เดี๋ยวฉันจะมาหาใหม่”

    จากนั้นธามก็เดินตรงกลับบ้านพัก เพื่อแยกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง ทว่าชาครกลับยังคงยืนอยู่ไม่ยอมไปไหน จนพิชญ์ขัดใจ

    “ทำไมไม่ตามไปอารักขาเจ้านายของนายเล่า มัวยืนอยู่ที่นี่ทำไม!”

    ชาครอมยิ้มแล้วยกมือข้างที่ล่ามติดกับพิชญ์ให้ชายหนุ่มดู จนพิชญ์ชะงัก ก่อนจะโต้ตอบกลับไปเสียงห้วน

    “ก็ไขกุญแจแล้วไปสิ! ไม่เห็นจะยาก กุญแจอยู่ที่นายนี่!”

    “ไม่ล่ะ...กติกาเขาว่าไว้ให้ไขตอนจำเป็นไม่ใช่หรือไง และตอนนี้ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไขสักนิด”

    พิชญ์กัดฟันอย่างหงุดหงิด ทว่าวิรัลนั้นกลับเห็นด้วยกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

    “ถูกอย่างคุณชาครบอกนะ ความจริงคุณม่านฟ้า จะไม่ให้กุญแจมาเลยก็ได้ แต่เธออุตส่าห์ลดหย่อนโทษให้เราขนาดนี้แล้ว เราจะทำตัวผิดกติกาอีก มันก็ไม่เหมาะนะพิชญ์”

    พิชญ์แค่นยิ้มตอบนายน้อยของเขา ที่จริงจังกับเกมทำโทษแสนงี่เง่านี้เหลือเกิน  จากนั้นเขาจึงรีบเร่งให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไว เมื่อวิรัลจามขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มอยากเตรียมผ้าขนหนู เสื้อผ้าต่าง ๆ ให้วิรัลให้เรียบร้อย ทว่าสภาพที่ติดอยู่กับคนอื่น แถมชาครยังเหมือนจะแกล้งไม่ร่วมมือสักเท่าใด ยิ่งทำให้พิชญ์เคลื่อนไหวไม่ได้ดังใจเลยสักนิด

    “จะเดินมาที่ตู้ด้วยกันหน่อยไม่ได้หรือไง!”

    “แค่เสื้อผ้า ให้เขาหาเองสิ”

     ชาครบอกหน้าตาเฉย ทำเอาคนพูดยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

    “กับเจ้านายของนายก็ปล่อยให้เขาหาเองหรือไง!”

    พิชญ์แย้งกลับ ทว่าชาครนั้นยักไหล่นิด ๆ

    “บางครั้งก็เป็นอย่างนั้น ท่านธามไม่มาจู้จี้จุกจิกกับเรื่องชีวิตประจำวันแบบนี้นักหรอก”

    “...กวนประสาททั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง”

    พิชญ์พึมพำกับตัวเอง สักพักวิรัลจึงเดินใส่เสื้อคลุมที่มีแขวนอยู่ในห้องน้ำ ออกมาด้านนอก แล้วจึงเลือกเสื้อผ้าในตู้เปลี่ยน เห็นดังนั้นพิชญ์จึงลากชาครออกนอกห้อง แล้วปล่อยให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเองไปตามลำพัง

    “นึกว่าจะต้องลากฉันไปช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มฤคมาศด้วยเสียอีก”

    “หึ...ก็น่าลากไปเป็นเพื่อนอยู่หรอก จะได้ให้เจ้านายของนายเขม่นเล่นไงล่ะ”

    พิชญ์ประชด ทำเอาชาครนึกขำ แต่พอลองนึกดูแล้ว ถ้าเขาลองทำตามพิชญ์พูด ก็อาจจะถูกธามเขม่นเอาจริง ๆ ก็เป็นได้

   

    สักพักใหญ่ธามก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาหาวิรัลแล้วคล้องกุญแจติดกันเหมือนเดิม ส่วนพิชญ์ก็ปักหลักกันท่าอยู่ที่บ้านพักอย่างเคย และแม้ว่าธามจะไม่แคร์ที่มีคนอื่นอยู่ด้วย แต่ดูเหมือนวิรัลนั้นจะอายและกลัวพิชญ์จะรู้ จนไม่ยอมปล่อยให้ธามสัมผัสร่างของตนเหมือนก่อนหน้านั้นอีก

    “หมอนั่นดูแลเธอเกินไปแล้วนะ…นี่เลิกอาบน้ำให้กันตั้งแต่อายุเท่าไหร่ล่ะนั่น”

   ธามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นอนซึ่งตั้งอยู่บริเวณระเบียงชิดกับเด็กหนุ่ม เอ่ยถามติดประชด ทว่าคำตอบที่ได้รับฟังจากคนข้างกายก็ทำให้เขาถึงกับอึ้งเล็กน้อย

    “กะ...ก็เกือบสิบห้านั่นล่ะครับ...”

    “เกือบสิบห้า! นั่นเธอโตมากแล้วนะ!”

    วิรัลหน้าแดงด้วยความอาย แล้วก้มหน้างุด ๆ หลบตาอีกฝ่าย ทำให้ธามนึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดตรงเกินไป เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น

    “ขอโทษที ฉันก็ลืมไป ว่าการเลี้ยงดูแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน”

    วิรัลเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดแล้วยิ้มอาย ๆ ให้ ทำให้ธามยิ้มตอบ ทว่าคนที่ยืนแอบฟังอยู่สองคน คนหนึ่งขมวดคิ้วยุ่ง ส่วนอีกคนจ้องมองคนข้างกายตาปริบ ๆ

    “ดูแลกันขนาดนั้นเลยหรือ...”

     “แล้วไง ก็ฉันพอใจจะทำนี่”

    พิชญ์ตอบอย่างเฉยชา แล้วเฝ้ามองทั้งคู่ที่นั่งคุยอยู่ห่าง ๆ ตั้งใจว่า ถ้าธามทำอะไรเกินเลยกับวิรัลเมื่อไหร่ เขาจะเข้าไปขวางทันที

    “แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเฝ้าสองคนนั่นสักที  ไหนบอกว่าจะยอมรับเรื่องสองคนนั่นแล้วไง”

    ชาครเปรยบ่นอย่างเอือมระอา ที่พิชญ์นั้นเอาแต่จับตาเฝ้ามองวิรัลแทบจะทุกฝีก้าวเลยทีเดียว

    “ยอมรับ? ฉันบอกเมื่อไหร่จะยอมรับ  ฉันแค่ให้โอกาสเขาเข้าใกล้ท่านวิรัลได้แค่นั้น ...ตราบใดที่เจ้านายของนายยังไม่แสดงให้ฉันเห็นว่า ท่านวิรัลสำคัญที่สุดสำหรับเขาล่ะก็ ฉันก็ไม่มีวันไว้ใจ หรือปล่อยให้ทั้งคู่นั่นเลยเถิดเกินคนรู้จักเด็ดขาด!”

    พิชญ์โต้ตอบกลับไป ทั้งคู่สนทนากันด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากมาย แต่ธามเองก็ยังได้ยินแว่ว ๆ เข้าหูอยู่ดี เจ้าตัวถอนหายใจ แล้วจึงมองหน้าคนข้างกาย ก่อนชะโงกหน้าเข้ามากระซิบบอกบางอย่างกับเด็กหนุ่ม

    “สงสัยกลางวันจะทำอะไรลำบากเสียแล้ว เล่นมีคนจับตามองตลอดแบบนี้ ... เอาไว้คืนนี้จะย่องมาหาแทนแล้วกัน ...อย่าล็อกประตูระเบียงล่ะ”

    วิรัลหน้าแดงวาบ แต่ก็ยังคงพยักหน้าตอบตกลง ทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ



    จากนั้นเมื่อมื้อเย็นมาถึง ม่านฟ้าก็เชิญแขกผู้มีเกียรติของเธอทุกคน ให้ไปพร้อมกันที่เรือนใหญ่ และอนุญาตให้ทุกคนถอดกุญแจมือได้ ในระหว่างรับประทานอาหาร

    “เป็นยังไงบ้างคะ ความรู้สึกที่ได้ถูกผูกติดกับอีกคนแบบนี้แทบทั้งวัน”

    ม่านฟ้าถามทั้งสองคู่ ธามนั้นยิ้มน้อย ๆ ส่วนวิรัลมีท่าทางเอียงอาย ด้านชาครหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ทว่าพิชญ์กลับหน้ายุ่งแล้วเปรยตอบ

    “รู้สึกแย่มาก ๆ เลยล่ะครับ ...พรุ่งนี้หวังว่าจะไม่เจอแบบนี้อีกแล้วนะครับ”

    ม่านฟ้าหัวเราะเสียงใส ส่วนอำมฤตนั้นยิ้มเจื่อน ๆ อย่างเกรงใจ

    “ตามกำหนดการเดิม ต้องเป็นแบบนี้จนกว่าจะถึงวันกลับนะคะ แต่เอาเถอะค่ะ ถ้าคุณพิชญ์ลำบากใจ จะยกเลิกก็ได้ ...ส่วนท่านวิรัล กับคุณธาม ถ้ายังไม่เบื่อ ก็สามารถเลือกถูกทำโทษต่อได้นะคะ”

    พิชญ์ขมวดคิ้วยุ่ง วิรัลยิ้มเขิน ๆ ส่วนธามนั้นพยักหน้าตอบรับแล้วยิ้มนิด ๆ อย่างพึงพอใจ ทว่าชาครกลับเปรยขัดขึ้น

    “แต่ผมยังไม่เบื่อเลยครับ ...นาน ๆ ถูกผูกติดกับคนอื่นแบบนี้ ก็สนุกดีเหมือนกัน”

    พิชญ์หันขวับไปมองคนพูด แล้วตีหน้าบึ้งใส่ หากแต่ชาครกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  ด้านธามเหลือบมองลูกน้องของเขา แล้วก็คิดว่าชาครนั้นคงถูกใจพิชญ์ไม่มากก็น้อย เพราะนาน ๆ จะเห็นชาครสนใจใครแบบนี้สักครั้ง

    “แหม! ดีใจที่ชอบนะคะ  ถ้าชอบก็เชิญต่อได้เลยตามสบายค่ะ ดิฉันไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”

    ม่านฟ้าตอบแทรกก่อนที่พิชญ์จะโวยใส่ชายหนุ่ม ทำเอาพิชญ์ต้องหันมามองเด็กสาวตาปริบ ๆ ก่อนจะหันไปลอบถอนหายใจกับตัวเอง ทำเอาอำมฤตต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นอย่างอื่น

    “อาหารถูกปากกันไหมครับ... ถ้าไม่ชอบอะไรก็บอกได้นะครับ ผมจะให้พ่อครัวเขาเปลี่ยนมาให้”

    คนอื่นหันมาทางอำมฤต ซึ่งวิรัลก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบชายหนุ่ม

    “อาหารอร่อยมากครับ ผมชอบทุกอย่างเลย”

    อำมฤตยิ้มตอบ พร้อมกับกล่าวตอบขอบคุณสำหรับคำชมของเด็กหนุ่ม คนอื่น ๆ ต่างให้ความเห็นว่า อาหารมื้อเย็นนี้มีรสชาติที่ใช้ได้ดีทีเดียว

   

    และเมื่อมื้อเย็นผ่านพ้นไป พร้อมกับเวลาหกโมงเย็นมาถึง ทั้งสองคู่ที่ต้องถูกทำโทษ จึงได้เป็นอิสระต่อกัน แม้ว่าจะมีบางคนรู้สึกเสียดายอยู่บ้างก็ตาม

    “คืนนี้จะไปหานะ ...อย่ารีบหลับนักล่ะ”

    ธามแอบกระซิบกับวิรัลหลังจากเดินมาส่งเด็กหนุ่มถึงบ้านพัก และจากนั้นเจ้าตัวก็เดินโบกมือกลับบ้านพักหลังถัดไปที่ไม่ห่างกันนัก วิรัลหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขิน ส่วนพิชญ์นั้นจ้องนายน้อยของตนนิ่งอย่างจับผิด

    “คงไม่ได้นัดแนะทำอะไรมิดีมิงามกันคืนนี้นะครับ”

    คำพูดของพิชญ์ทำให้วิรัลสะดุ้งโหยง แล้วรีบหันมาปฏิเสธโดยไว

    “มะ ไม่มี... ใครจะทำอะไรแบบนั้นกัน”

    “ได้แบบนั้นก็ดีครับ ...อย่าลืมนะครับ ว่าที่นี่เป็นรีสอร์ทของท่านม่านฟ้า ว่าที่คู่หมั้นของท่านเอง ...ถึงแม้ท่านตรัณและท่านม่านฟ้าจะไม่คิดมากในจุดนี้ก็ตาม แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นในตระกูลพงศ์พิสุทธิ์ทราบเรื่องนี้ เพราะมันอาจจะทำให้ชื่อเสียงของท่านเสื่อมเสียเอาได้”

    วิรัลชะงัก ก่อนจะมีสีหน้าสลดลงอย่างน่าสงสาร ทว่าพิชญ์ก็ยังคงต้องฝืนใจแข็งทำเป็นไม่สนใจ เพราะไม่อยากให้วิรัลถลำตัวถลำใจมากไปกว่านี้ เพราะหากวันใดที่ธามตัดสินใจเลือกเผ่าวกะแทนวิรัล  เมื่อถึงวันนั้นหากวิรัลผูกสัมพันธ์กับชายหนุ่มแน่นแฟ้นไปแล้ว  วิรัลก็คงจะยิ่งยากจะตัดใจจากอีกฝ่ายได้เป็นแน่

    “ขึ้นบ้านพักเถอะครับ...”

    พิชญ์บอกกับเด็กหนุ่ม ซึ่งวิรัลก็พยักหน้าค่อย ๆ รับรู้  พวกเขาต่างคนต่างแยกกันไปพักผ่อน โดยไม่มีผู้ใดนึกเฉลียวใจสักนิดเลยว่า อันตรายกำลังคืบคลานใกล้พวกเขาเข้ามาแล้วทุกขณะ

   

    ห่างจากรีสอร์ทส่วนตัวของม่านฟ้าไปราวหนึ่งกิโลเมตร ร่างตะคุ่มสูงใหญ่ เกือบห้าสิบชีวิต กำลังโอบล้อมรีสอร์ทอยู่ห่าง ๆ พวกเขายังคงอดทนรอคอยคำสั่งจากผู้เป็นนายอยู่เงียบ ๆ และหากมาลุตออกคำสั่งจู่โจมเมื่อใด  นั่นก็หมายถึงทุกชีวิตในรีสอร์ทจะต้องถูกสังหารหมดสิ้น ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม! 




...  TBC ...

 :L2:

ตอนนี้กำลังเขียน 13 เชื่อม 14 อยู่น่ะค่ะ ถ้าสองบทนี้รอด ก็จะได้ทยอยมาโพสลงให้อ่านแบบไม่ห่างมากอีก หวังว่าคงจะไม่เบื่อขี้เกียจรอกันเสียก่อนนะคะ จะพยายามปั่นเต็มที่ค่ะ เพราะช่วงนี้เคลียร์ส่งหนังสือทั้งคาเฟ่ และรีปริ้นท์ล็อตหลังหมดแล้ว ที่เหลือก็น่าจะว่าง (สำหรับตอนนี้) แล้วล่ะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 12 :: P.8 วันโพส 26/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 26-12-2012 14:57:31
ชอบทั้งสองคู่เลยย สงสารม่านฟ้าเล็กๆ
แล้วทุกคนจะรับมือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นไงเนี่ย
สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 12 :: P.8 วันโพส 26/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 26-12-2012 16:25:19
กำลังเข้าช่วงตื่นเต้นแล้วสิ หวังว่าคงไม่มีใครเป็นอะไรน่ะ แต่ถ้าจะให้ดี ทั้งสองคู่ต่างแยกย้ายกันหนีท่าจะดีน่ะ  :z1: เพราะจะได้ต่างฝ่ายต่างไม่มีก้างมาคอยขวางน่ะ :m16:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 12 :: P.8 วันโพส 26/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: shizuruviola ที่ 26-12-2012 18:57:20
งั้นก็มาลง 13-14 พร้อมกันเลยมันจะได้ไม่ขาดตอน >.<
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 12 :: P.8 วันโพส 26/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 26-12-2012 19:14:29
เฮ้อ กรรมแล้วไง จะมีใครเป็นอะไรไหมเนี้ย กลุ้มใจ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 12 :: P.8 วันโพส 26/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 26-12-2012 20:23:41
 :pig4: ลุ้นต่อไป ตื่นเต้นกับฉากบู๊ ต่อสู้แต่อย่ามีใครบาดเจ็บสาหัสก็พอ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 12 :: P.8 วันโพส 26/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-12-2012 22:04:13
พิชญ์ดูแลวิรัลมากเกินไปหรือเปล่า แล้วอย่างนี้วิรัลจะปกป้องตัวเองได้ไหม หรือต้องรอให้พิชญ์มาคอยดูแลเนี่ย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 12 :: P.8 วันโพส 26/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 26-12-2012 22:12:10
ชาครนายจมูกดีไม่ช่เหรอ นายไม่ได้กลิ่นอะไรบ้างหรือไงนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 12 :: P.8 วันโพส 26/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 26-12-2012 22:54:46
เอ้ยยยย  ตอนหน้ามันหยดแน่ๆอ่ะ
แล้วคนพวกธามจะเป็นไงเนี่ย ฝ่ายนั้นมาเยอะมากด้วยอ่ะ ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 12 :: P.8 วันโพส 26/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 26-12-2012 23:40:27
ตื่นเต้นมากค่ะ อะไรยังไง :z3:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 27-12-2012 11:15:26
ไฟแรง ไม่หวั่นแม้ลมหนาวพัดผ่าน... หุ ๆ จัดไปเลยค่ะ ตอน 13 ส่วน 14 จะตามมาพรุ่งนี้ ขอเวลารีไรท์คำผิดกับเกลาเนื้อเรื่องสักหน่อย เขียนตอนดึก เจอคำประหลาดโผล่มาเพียบเลยค่ะ ถ้าตกหล่นติดขัดยังไงไปก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ อาจจะหลุดตาตอนตรวจก่อนลงงานไปบ้างน่ะค่ะ

----------------------------------------------
 :L2:


/13



   อำมฤตที่ออกมาเดินสำรวจความเรียบร้อยก่อนเข้านอน ต้องขมวดคิ้วยุ่งอย่างนึกแปลกใจ ที่คืนนี้รีสอร์ทเงียบผิดปกติ เขานึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างประหลาด จนต้องเรียกรวมพลคนงานที่ทำหน้าที่ดูแลรีสอร์ทอย่างฉับพลัน

   “คืนนี้มันเงียบผิดปกติจนเกินไป ...พวกนายคอยตรวจสอบข้างนอกให้เข้มงวดกว่าเดิม ถ้ามีอะไรผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อย ก็ต้องรายงานให้ฉันรับทราบทันที เพราะวันนี้เรามีท่านม่านฟ้าและท่านวิรัล อยู่ที่นี่ด้วย จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เข้าใจนะ”

   เสียงรับคำดังขึ้นพร้อมกัน  จากนั้นแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปประจำจุด และเฝ้าดูแลระแวดระวังอย่างขยันขันแข็งมากกว่าเดิม

   “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ คุณอำมฤต”

   ม่านฟ้าที่ตามลงมาจากเรือนพักหลังใหญ่ เอ่ยถามขึ้น หลังได้เห็นอำมฤตยืนสั่งการลูกน้องคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมผิดเคย

   “ท่านม่านฟ้า! ลงมาทำไมครับ ขึ้นเรือนเถอะครับ ข้างล่างนี่มืดแล้ว ไม่ปลอดภัยสำหรับท่านนะครับ”

   อำมฤตเอ่ยทักอย่างร้อนใจ ทำให้ม่านฟ้าต้องขมวดคิ้วยุ่ง พร้อมตอบกลับไป

   “ทำไมล่ะคะ ดิฉันเองก็มาค้างที่นี่ออกจะบ่อย กลางคืนแบบนี้ก็เดินเล่นอยู่เรื่อย ไม่เห็นจะมีอันตรายอะไรสักนิด”

   อำมฤตเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะบ่งบอกถึงความไม่สบายใจของเขาให้อีกฝ่ายรับรู้

   “ผมสังหรณ์ใจประหลาดน่ะครับ คืนนี้ป่าเงียบจนเกินไป ...มันเหมือนกับมีบางอย่างที่ทำให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ซึ่งมีสัญชาตญาณระวังภัยเป็นเลิศยิ่งกว่าพวกเราหนีหายหน้า จนไร้ซึ่งเสียงร้องอย่างที่ควรจะเป็นเช่นนี้”

   ม่านฟ้านิ่งเงียบ เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่ แล้วจึงเปรยกับพี่เลี้ยงคนสนิทด้วยสีหน้าเคร่งขรึมลง

   “เป็นไปได้ไหมคะที่ว่า บางที ศัตรูของเราอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ก็ได้...”

   อำมฤตนิ่งอึ้ง เขาหันขวับไปทิศที่ตั้งบ้านพักของธามและชาคร พลางนิ่วหน้า ทว่าม่านฟ้านั้นกลับขัดขึ้นมาก่อน

   “ดิฉันไม่คิดว่า ทั้งสองคนนั้นจะเป็นสายลับและบอกที่อยู่ของเราให้คนนอกรู้หรอกค่ะ... แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า บางที เพราะสองคนนั้น จึงทำให้ศัตรูของเราตามมาเจอที่นี่ได้...ดิฉันประมาทเอง ที่เลือกสถานที่ห่างไกลจากพรรคพวกเราเช่นนี้มาพักค้างแรม”

   อำมฤตมองนายสาวของเขาอย่างชื่นชมต่อการวิเคราะห์อันยอดเยี่ยมของเจ้าตัว ม่านฟ้านั้นฉลาดเฉลียวและเข้มแข็ง ถ้าหากเป็นชาย เด็กสาวคงจะได้เป็นผู้นำของตระกูลในรุ่นต่อไปอย่างแน่นอน 

   “ไม่ต้องห่วงครับ ท่านม่านฟ้า ...ต่อให้มีศัตรูบุกเข้ามาจริง พวกเราก็ไม่มีวันปล่อยให้ท่านต้องเผชิญอันตรายอย่างแน่นอน ผมและทุกคนจะสู้อย่างถวายชีวิตเพื่อให้ท่านปลอดภัยครับ”

    ม่านฟ้าจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง แล้วหลับตาลงสักพัก ก่อนจะลืมตาขึ้นช้า ๆ พลางจ้องตอบด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง

   “เราไปแจ้งแขกของเราก่อนดีกว่าค่ะ ให้พวกเขาระวังตัวไว้  ดีกว่าที่จะไม่รู้อะไรเลย ...ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นก็ดีไป  แต่ถ้าเกิด...ก็จะได้เตรียมทางหนีทีไล่ได้ทันท่วงที”

   อำมฤตพยักหน้ารับรู้ แล้วทั้งเขาและม่านฟ้าจึงตรงไปยังบ้านพักของแขกสำคัญทั้งสองหลัง เพื่อชี้แจงในสิ่งที่พวกตนระแวงสังหรณ์ให้ทั้งหมดทราบนั่นเอง

   

   บ้านพักที่ธามและชาครพักอยู่ ขณะนี้ทั้งเจ้านายและลูกน้องกำลังรู้สึกประหลาดใจ ที่ป่าทั้งป่าเงียบผิดปกติ ได้ยินแต่เสียงน้ำไหลจากน้ำตก ทั้ง ๆ ที่ ควรจะมีเสียงสัตว์ซึ่งออกหากินยามค่ำคืนกู่ร้องให้ได้ยินบ้างไม่มากก็น้อยแท้ ๆ

   “ผิดปกติไปนะ ...เมื่อตอนกลางวันยังได้ยินเสียงสัตว์ร้องอยู่เลย แต่พอกลางคืนก็เงียบกริบแบบนี้ ...นายคิดเหมือนฉันไหม ชาคร”

   “ครับท่านธาม ...มันเงียบเกินไปจริง ๆ”

   ชาครตอบรับอย่างเห็นด้วยกับผู้เป็นนาย  ธามเม้มปากน้อย ๆ เขาไม่อยากคิดในแง่ร้ายเลยว่า กำลังมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้สัตว์ป่าเงียบได้ อยู่แถวนี้ แต่เขาก็หาเหตุผลที่จะมาอธิบายถึงความผิดปกติในครั้งนี้นอกจากนั้นไม่ได้

   “...ดูเหมือนไม่ใช่มีแต่เราเท่านั้น ที่คิดแบบนี้นะ”

   ธามและชาครที่ยืนอยู่นอกบ้านพัก มองไปทางบ้านพักอีกหลัง ซึ่งตอนนี้พิชญ์นั้นเปิดประตูออกมา แล้วกำลังมองไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

   “สมแล้วที่เป็นประมุขเงาของมโค”   

   ธามพึมพำ จากนั้นเขาจึงเดินออกจากเขตบ้านพักตนเอง ไปสมทบกับบ้านข้าง ๆ

   “ไง...คุณพี่เลี้ยง ป่าที่นี่ค่อนข้างเงียบไปหน่อย นายว่าอย่างนั้นไหม”

   ธามเอ่ยทัก แต่ยังไม่ทันที่พิชญ์จะตอบโต้อะไรออกไป ม่านฟ้ากับอำมฤตก็ตามมาสมทบพอดี

   “ดูเหมือนแขกของเราก็รู้ตัวไม่แตกต่างกันแล้วนะคะคุณอำมฤต”

   ม่านฟ้าหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ อำมฤตมีสีหน้าขรึมลง และเอ่ยกับทุกคนตรงหน้า

   “ผมไม่แน่ใจว่าจะคิดไปเองไหม ...แต่ผมอยากให้พวกคุณระวังตัว ถ้าเป็นไปได้ ก็ให้ไปรวมตัวกันที่เรือนใหญ่จะดีกว่า”

   ธามจ้องมองคนพูด ก่อนจะลอบถอนหายใจเบา ๆ

   “ฉันประมาทเอง...ไม่คิดว่าพวกมันจะตามสะกดรอยมาแบบนี้ ...ถ้าเป็นหมอนั่นอย่างที่ฉันคิด มันจะต้องขนลูกน้องฝีมือดี มาเพื่อจัดการทุกคนในที่นี้เป็นแน่”

   คนที่เหลือหันมามองธาม พิชญ์สบถเบา ๆ แล้วถามอีกฝ่ายกลับเสียงห้วน

   “ใครกัน ที่น่าจะตามคุณมา!”

   ธามหันไปมองพิชญ์ แล้วตอบคำถามนั้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม

   “คนที่นายเองก็รู้จักดี...เพราะนายเองก็เคยทำให้เขาแค้นมากมาก่อนนี่นะ”

   พิชญ์เม้มปากเล็กน้อย แล้วสบถพึมพำกับตัวเอง  ถ้าเป็นมาลุตตามมาจริง พวกเขาที่นี่เห็นทีจะต้องลำบากรับมือกันเลยทีเดียว เพราะมาลุตนั้นจัดว่าเป็นวกะที่ทรงพลัง และแข็งแกร่งยิ่งนัก

   “บ้าชะมัด! คุณอำมฤต ที่นี่มีพวกของเราที่พอจะสู้ได้อยู่ราว ๆ กี่คนครับ”

   “เกือบสามสิบเห็นจะได้ครับ”

   อำมฤตตอบด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดไม่แพ้กัน ทีแรกเขาคิดว่าคนจำนวนเท่านี้ จะพอดูแลความปลอดภัยทั่วไปให้ทั้งม่านฟ้าและวิรัลได้อย่างสบาย ทว่าหากจะสู้รบกับวกะ ที่เขาแน่ใจว่าน่าจะยกมาเกินยี่สิบคน ก็ถือว่าฝ่ายเขาเสียเปรียบอยู่พอสมควร

   “...น้อยเกินไป  ถ้าเป็นหมอนั่นจริง มันคงยกคนมาเป็นโขยงแบบคราวก่อนแน่...”

     พิชญ์พึมพำอย่างกังวล ทว่าธามนั้นก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

   “ไม่แน่หรอก...ช่วงนี้อยู่ในระหว่างคัดเลือกหัวหน้าเผ่า แถมประมุขเผ่าวกะยังตรากฎใหม่ว่าห้ามฆ่าพวกเดียวกัน หมอนั่นจะต้องเคลื่อนไหวไม่โฉ่งฉ่างให้ทางนั้นจับได้ ...ซึ่งฉันมั่นใจว่า  มันจะต้องคัดลูกน้องที่มีฝีมือโดยเฉพาะมาไม่มาก จนเป็นที่สะดุดตาเกินไปแน่”

   “ห้ามฆ่าพวกเดียวกันเองอย่างนั้นหรือ...ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปเจรจากับหมอนั่นเสียสิ  พี่น้องกันไม่ใช่หรือไง!”

   พิชญ์สวนกลับอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ที่ธามนั้นเป็นสาเหตุให้วิรัลต้องมาเสี่ยงอันตรายไปด้วยอย่างที่เขาเคยกังวลมาตลอด

   “หึ! ฉันกลัวว่าจะไม่เป็นผลน่ะสิ เพราะเป้าหมายของหมอนั่นก็คงเป็นฉันด้วยเหมือนกัน ...แล้วมันก็อาจจะรู้เรื่องของวิรัลแล้วก็เป็นได้”

   ธามแค่นยิ้ม ยามนี้เขาเป็นห่วงวิรัลเสียยิ่งกว่าห่วงชีวิตตัวเองเสียด้วยซ้ำ สายตาห่วงใยแฝงความกังวลที่มองไปยังบ้านพัก ทำให้พิชญ์ชะงัก แล้วข่มความไม่พอใจที่มีลง ก่อนจะตั้งสติให้มั่นคงกว่าเดิม

   “เรายังไม่รู้จำนวนที่แน่นอนของพวกนั้น... และบางทีอาจจะไม่ใช่วกะ แต่เป็นพวกอื่นก็เป็นได้... คุณอำมฤต แถวนี้มีพวกของเราอยู่ด้านนอกรีสอร์ทที่พอจะติดต่อได้บ้างไหม”

   พิชญ์หันไปทางอำมฤตซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบคำถามของชายหนุ่ม

   “ถ้าแถวนี้ไม่มีหรอกครับ มีแต่ไกลออกไป แถมต้องใช้เวลาเดินทางอย่างเร็วสุดก็เกือบชั่วโมงได้”

   “ก็ยังดีกว่าไม่มี...ช่วยติดต่อไปเลยได้ไหมครับ พวกนั้นจะซุ่มโจมตีแน่หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่มีพรรคพวกช่วยเสริมความมั่นใจไว้ก่อน ก็เป็นดีที่สุด”

   อำมฤตพยักหน้ารับรู้ แล้วจัดแจงโทรศัพท์ติดต่อพรรคพวกของตนให้รีบเร่งมา เช่นเดียวกับพิชญ์ที่ติดต่อลูกน้องของเขา ให้รวบรวมพรรคพวกที่อยู่ใกล้แถวนี้ที่สุด ให้มารวมตัวกันที่รีสอร์ทของม่านฟ้าโดยด่วน

   “วิรัลล่ะ...”

   ธามหันไปถามพิชญ์ที่โทรสั่งการลูกน้องของตนเรียบร้อย พิชญ์เหลือบมามองแล้วตอบคำถามชายหนุ่ม

   “ผมสั่งให้อยู่บนบ้านพักอย่าลงมา...แต่เดี๋ยวเราต้องเตรียมพร้อมวางแผนป้องกันท่านวิรัลกับท่านม่านฟ้า.... คุณช่วยไปตามท่านวิรัลลงมาด้วยเลยแล้วกัน  บอกว่าพวกเราจะย้ายขึ้นเรือนใหญ่ชั่วคราว”

   ธามมองคนที่ยอมเปิดโอกาสให้เขา แล้วยิ้มน้อย ๆ พร้อมพยักหน้า ก่อนจะเดินขึ้นไปบนบ้านพักเพื่อไปพบวิรัลทันที

   “พวกวกะส่วนใหญ่จะไม่จู่โจมเข้ามาทางด้านเหนือของทิศทางลม เพราะจะทำให้ศัตรูได้กลิ่น ...แต่แน่นอนว่าจะมีการวางกำลังไว้ดักเหยื่อที่จะล่าบริเวณนั้นไกลออกไปแน่ เมื่อพวกที่อยู่ใต้ลม ต้อนเหยื่อไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ  พวกเหนือลมก็จะกรูกันมาล้อมกรอบ แล้วจัดการรุมล่าเหยื่อหลังจากนั้น”

    พิชญ์หันมามองคนที่เปรยขึ้นลอย ๆ ข้างเขา ชาครยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากพร้อมกับยักไหล่นิด ๆ

   “กลยุทธ์การจู่โจมของพวกกินเนื้อ ...ฉันคิดว่านายน่าจะพอคุ้นเคยอยู่บ้างล่ะนะ”

   “ฮึ! พวกหมาหมู่”

   พิชญ์พึมพำประชด ทำให้คนฟังอมยิ้ม

   “เขาเรียกทำงานกันเป็นทีมต่างหาก ...แน่นอนว่าพวกนั้นจะต้องลงมือในยามที่มั่นใจว่าพวกเราพลั้งเผลอและประมาท ...ซึ่งเวลานั้นก็คือเวลาพักผ่อนของคนส่วนใหญ่ล่ะนะ”

   ชาครเสริมตามมา ทำให้พิชญ์กับอำมฤตก้มดูนาฬิกาข้อมือแทบจะพร้อมกัน

      “สี่ทุ่มกว่าแล้ว ...ถ้าอีกสักครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ ก็เป็นเวลาที่น่าลงมือจู่โจมทีเดียว ...”

   พิชญ์หันไปบอกกับอำมฤตซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเห็นด้วย

   “ใช่ครับ…ช่วงเวลาเข้านอน กำลังเคลิ้มหลับเคลิ้มตื่นนี่ล่ะ ที่จะทำให้สมองสั่งการสับสน ยิ่งพอเจอเรื่องฉุกละหุก กะทันหัน ก็อาจจะสติแตกไปเลยก็ได้”

    “ถ้าอย่างนั้นคงต้องเรียกรวมพลรับมือแล้วล่ะครับ...”

   พิชญ์เอ่ยตามมา ซึ่งอำมฤตก็เห็นด้วย และเมื่อธามพาวิรัลลงมาจากบ้านพัก ทั้งหมดจึงย้ายกันไปรวมตัวกันที่เรือนใหญ่ ก่อนจะประชุมวางแผนรับมือ รวมถึงหาทางหนีทีไล่ให้กับพวกวิรัล ในกรณีที่สู้ไม่ได้จริง ๆ

   

   วิรัลนั่งวิตกเป็นกังวล โดยมีม่านฟ้านั่งเป็นเพื่อน สักพักธามก็เดินเข้ามาหา หลังจากการวางแผนรับมือการต่อสู้เสร็จสิ้นลง และเมื่อเห็นธามเข้ามา ม่านฟ้าจึงขอตัวไปหาอำมฤต เพื่อสอบถามเรื่องแผนการทั้งหมดจากชายหนุ่ม โดยปล่อยให้วิรัลอยู่กับธามตามลำพัง

   “คุณธามครับ...คนที่จะมาบุกที่นี่เป็นพี่ชายของคุณอย่างนั้นหรือครับ...เขาจะมาฆ่าผมใช่ไหมครับ”

   ธามชะงักเมื่อได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย วิรัลดูมีสีหน้าเป็นกังวลและหวาดหวั่นจนเขานึกสงสาร

   “ไม่มีทาง ...ฉันจะไม่มีวันให้เขาแตะต้องตัวเธอได้เด็ดขาด! ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ฉันก็จะปกป้องเธอให้ได้!”

   “คุณธาม....”

   วิรัลพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่าย ก่อนจะซบหน้าลงบนอกกว้างของชายหนุ่มอย่างตื้นตัน จากนั้นสักพักเจ้าตัวจึงเงยหน้าขึ้น และสอบถามถึงแผนการสู้รบในครั้งนี้จากอีกฝ่าย

   “พวกเราก็จะทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องเพื่อล่อให้มันตายใจ จากนั้นจะดักเก็บพวกมันทีละราย ...ซึ่งดูเหมือนจะง่าย แต่ก็ไม่ง่ายนัก เพราะฉันเชื่อว่าหมอนั่นมันจะต้องคัดคนมีฝีมือระดับต้น ๆ มาในครั้งนี้ ...แต่ก็นั่นล่ะ ถ้ามโคสองสามตนต่อหนึ่งวกะ ก็ยังพอสูสีกันอยู่ล่ะนะ... แต่ที่พวกเราเป็นกังวลก็คือ กรณีที่ทางนั้นเกิดสั่งจู่โจมพร้อมกันหลาย ๆ คนน่ะสิ  ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องรับมือกันซึ่ง ๆ หน้าล่ะนะ”

   วิรัลเม้มปากเล็กน้อยกับกลยุทธ์ที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟัง เขานิ่งคิดสักพัก ก่อนจะลองเสนอความเห็นของตนกลับไปบ้าง

   “เอาแบบนี้ไหมครับ ถ้าพวกนั้นบุกเข้ามาพร้อมกันทีละมาก ๆ ผมจะออกไปจัดการสะกดให้พวกนั้นหลับไปด้วยกลิ่นสะกดของผม จะได้ลดจำนวนทางนั้นลงด้วย...”

   “ไม่ได้นะครับมันเสี่ยงไป!”

   เสียงของพิชญ์แทรกขัดขึ้นมาโดยที่วิรัลยังไม่ทันพูดจบ เจ้าตัวที่ได้ยินการสนทนา รีบเดินดุ่ม ๆ เข้ามาสมทบ ส่วนธามนั้นขมวดคิ้วและคิดหนัก เพราะวิธีที่วิรัลพูดมามันก็เข้าท่าอยู่ไม่น้อย

   “มันก็เป็นวิธีที่น่าสนใจ ...แต่ถ้าเธอเข้าใกล้พวกมันมากเกินไป จะเป็นอันตรายกับตัวเธอเองด้วย  อืม...ระยะการจู่โจมของกลิ่นสะกดของเธอ กินอาณาเขตเต็มที่สักเท่าไหร่ล่ะ”

   “นี่คุณ! คิดจะให้ท่านวิรัลไปเสี่ยงหรือไง!”

   พิชญ์เอ่ยขัดธามอย่างโมโห ที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะคิดส่งให้วิรัลไปร่วมต่อสู้ด้วยในครั้งนี้

   “ถ้าไม่เสี่ยง แล้วพวกนั้นมีกันมากกว่าที่เราคิด หลังจากพวกเราตายหมด วิรัลก็คงไม่รอดอยู่ดี... และเพราะมันเสี่ยง ฉันถึงอยากทราบข้อมูลให้แน่นอนไปเลย จะได้วางแผนให้รอบคอบ และตัดสินใจได้ว่า จะปล่อยให้เขาเสี่ยงดีไหมต่างหาก”

   พิชญ์นิ่งอึ้ง แล้วเงียบไปอย่างหงุดหงิด เพราะสิ่งที่ธามเอ่ยขึ้นมาก็มีเหตุผลพอสมควร

   “วางใจเถอะ... ที่ท่านธามได้รับการยอมรับให้เข้าชิงตำแหน่งประมุขของวกะ ทั้งที่เป็นเพียงแค่ลูกครึ่งมนุษย์  ไม่ใช่เพราะว่าท่านมีเชื้อสายของประมุขเผ่าเท่านั้น หรอกนะ ...ถ้าไม่มีความสามารถจริง ๆ ท่านคงไม่สามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาได้จนถึงขั้นนี้หรอก”

   ชาครตบบ่าพิชญ์เบา ๆ แล้วยิ้มอ่อนโยนน้อย ๆ ปลอบ ในแบบที่พิชญ์ไม่เคยเห็น  มโคหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางตั้งสติและลดอคติลง ยอมรับในสิ่งที่ธามเสนอ  ซึ่งธามเองหลังจากสอบถามเรื่องความสามารถพิเศษของวิรัลแล้ว เขาก็วางแผนให้เด็กหนุ่มจัดการเรื่องเหล่านี้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะแผนเดิมซ้ำ ๆ คงใช้ไม่ได้ผลกับมาลุต และวกะที่เชี่ยวชาญการต่อสู้พวกนี้แน่ และครั้งเดียวที่ต้องลงมือ ก็ต้องคำนวณดูแล้วว่า จะคุ้มค่าต่อการเสี่ยงในครั้งนี้จริง ๆ

   

   บรรยากาศเงียบสงัดภายในรีสอร์ท และแสงไฟสลัวจากบ้านพักบางหลัง แสดงให้เห็นว่าผู้พักผ่อนนั้น น่าจะกำลังเข้าสู่นิทรากันเรียบร้อย วกะกลุ่มแรกในร่างแท้จริงนับสิบกว่าตนที่ถูกสั่งให้มาเคลียร์พื้นที่ ต่างให้สัญญาณมือและซุ่มดูใกล้ชิด ก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นยามของรีสอร์ทถือไฟฉายเที่ยวสอดส่องดูแลตามหน้าที่

   “เอาไง...เก็บมันเลยดีไหม”

   หนึ่งในนั้นซุบซิบกับเพื่อนใกล้ตัว แต่อีกคนส่งสัญญาณมือเป็นเชิงห้ามเอาไว้ก่อน

   “ดูท่าทีมันก่อน ... ถ้าพวกมันรู้ตัวว่ากำลังถูกเราซุ่มโจมตีอยู่ มันอาจจะมีแผนการรอรับมือพวกเราก็ได้”

   คนที่เหลือพอได้ฟังต่างก็พยักหน้ารับรู้ ทั้งนี้แต่ละรายนั้นเคยผ่านการสู้รบกับมโคกลุ่มของพิชญ์เมื่อสามปีที่ผ่านมา และต่างจดจำได้ว่า มโคแต่ละตนนั้นก็มีสัญชาตญาณในการสู้รบที่เป็นเลิศไม่แพ้เผ่าพันธุ์อื่นเช่นกัน

   “อ๊ะ พวกมันมีมาเพิ่มอีกรายแล้ว...หืม”

   คนที่กระซิบทักมองตามอย่างแปลกใจ เพราะคนที่มาเพิ่มนั้นถือกระป๋องเบียร์มาด้วยสองกระป๋อง พลางเอ่ยทักคนที่ยืนอยู่ก่อนอย่างร่าเริง

   “เฮ้ย! แวบกันดีกว่า พวกไอ้เมฆมันได้ทิปจากคุณ ๆ ที่มาพักตั้งเยอะ เลยแอบตั้งวง ก๊งกันด้านหลังน่ะ มันเลยให้มาชวนแกไปด้วย”

   “บ้ารึ! ถ้าคุณอำมฤตรู้ว่าโดดเวร เดี๋ยวก็โดนเล่นงานเท่านั้นเอง”

   อีกคนแย้งกลับ แม้นัยน์ตาจะจดจ้องเบียร์ในมือของเพื่อนวาววับก็ตาม

   “โธ่! คุณอำมฤตไม่มีทางรู้หรอก เวลาป่านนี้มันเวลานอนของเขา คุณท่านคนอื่น ๆ ก็หลับกันหมดแล้ว อีกอย่างป่านี้มันจะมีอะไร พวกเราอยู่มาตั้งนาน ยังไม่เห็นเจออะไรสักอย่าง นอกจากสัตว์ป่าตัวเล็ก ๆ”

   เพื่อนคนที่มาชวนแย้งกลับ ทำให้อีกฝ่ายเห็นดีด้วย แล้วจึงมองซ้ายมองขวา ก่อนจะรับกระป๋องเบียร์จากมือของอีกฝ่ายแล้วเดินตามไปสมทบกันที่บ้านพักคนงานที่ห่างออกไป ทำให้วกะที่เหลือต่างมองตากันปริบ ๆ แล้วหนึ่งในนั้นจึงเอ่ยเยาะขึ้นเบา ๆ

   “โชคช่วยจริง แสดงว่าพวกนี้มันไม่รู้อะไรกันเลย... หึ ๆ สงสัยจะชินกับความสบายเกินไป จนลืมสัญชาตญาณสัตว์ป่ากันหมดแล้ว”

   “อืม...อย่างนี้พวกเราจะไปจู่โจมฝ่ายไหนก่อนดีล่ะ”

   อีกคนนิ่งคิด แล้วหันไปทางคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม

   “นายว่าไง จะจัดการตรงไหนก่อนดี”

   คนถูกถามนิ่งคิด แล้วจึงมองไปรอบ ๆ ก่อนเอ่ยขึ้น

   “พวกกินเหล้าคงไม่ต้องตามไป เพราะน่ากลัวจะรวมตัวกันเยอะอยู่ ...ซึ่งนั่นก็หมายถึงบ้านพักของแขกแต่ละหลัง ไม่น่าจะมียามคอยดูแลอย่างที่ควรจะเป็น”

   คนอื่น ๆ พอได้ฟังต่างก็พยักหน้ารับรู้ แล้วจึงลองไปสำรวจบ้านพักริมลำธาร ซึ่งแต่ละหลังก็ไม่มีใครอาศัยอยู่ และถูกเก็บกวาดร่องรอยการใช้บ้านพักเมื่อกลางวันจนหมดสิ้น

   “เอ...ฉันคิดว่าพวกนั้นน่าจะเลือกพักเป็นส่วนตัวแท้ ๆ แต่สงสัยจะเดาผิด”

   “น่าจะอยู่รวมกันบนเรือนใหญ่มากกว่า บนนั้นก็ดูหรูหรากว้างขวางดีออกนา”

    อีกคนออกความเห็น จากนั้นทั้งหมดจึงกระจายตัวกันไปล้อมเรือนพักหลังใหญ่เอาไว้ แล้วรอผู้เป็นหัวหน้าให้สัญญาณบุกจู่โจม



   “เงียบกันดีแฮะ สงสัยจะนอนหลับอุตุไม่รู้ตัว ...หึ ๆ ความตายกำลังมาเยือนแท้ ๆ”

   หนึ่งในคนที่รับหน้าที่ซุ่มโจมตีจากด้านหลังเรือนเปรยเบา ๆ อย่างย่ามใจ ทว่าเจ้าตัวก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าแกรกใกล้ ๆ เขารีบหันขวับกลับมา หากแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว นัยน์ตาเหลือกพร้อมเสียงกรอบที่ดังขึ้น ส่งผลให้เจ้าตัวสิ้นชีพหมดลมหายใจไปในนาทีนั้นนั่นเอง

   “แข็งแรงชะมัด ...ดีนะที่เป็นพวกเดียวกัน”

   คนที่ดูลู่ทางอยู่ห่าง ๆ กระซิบพึมพำ เมื่อได้เห็นชาครหักคอวกะโชคร้ายตรงหน้าอย่างรวดเร็ว แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในร่างมนุษย์ก็ตาม

   “ไปจัดการกันต่อ ระวังเคลื่อนไหวให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกนี้ความรู้สึกไวมาก น่ากลัวจะคัดกันมาแต่ระดับมือสังหารของกลุ่มทั้งนั้น”

   ชาครหันไปบอกคนด้านหลัง ซึ่งแต่ละคนก็พยักหน้ารับคำ พวกเขาคือมโคที่แกล้งทำเป็นหนีเวรไปตั้งวง แต่แท้จริงแล้วเป็นแผนการให้วกะกลุ่มนี้ประมาทและย่ามใจนั่นเอง

 

   “เอาล่ะ...ขึ้นไปบนเรือนก่อน ถ้าเจอมฤคมาศให้จับตัวไว้ รอให้ท่านมาลุตมาจัดการ แต่ถ้าเจอไอ้ชาครกับนายของมัน ก็ให้ฆ่าทิ้งได้เลย!”

   คนที่คล้ายเป็นหัวหน้ากลุ่มจู่โจมกลุ่มแรกออกคำสั่งแล้วทำสัญญาณคลื่นเสียงเบา ๆ ให้ได้ยินเฉพาะพวกเดียวกันเอง ชาครที่อยู่ด้านหลังและได้ยินสัญญาณเสียงนั้นชะงัก  ก่อนจะยกมือเป็นสัญญาณบอกกับพวกมโคที่ต่างจัดการวกะที่อยู่ด้านหลังได้หมดแล้วว่า ด้านหน้านั้นศัตรูเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ให้แยกย้ายกันล้อมเรือน แล้วจัดการลงมือตลบหลังพวกนั้นได้ทันที



   วกะทั้งห้าค่อย ๆ ย่องขึ้นเรือนพัก และยังคงคิดว่าเพื่อนที่เฝ้าอยู่ด้านหลังตอนนี้เปลี่ยนมาซุ่มเฝ้าดูทางด้านหน้าแทนพวกตนอยู่ตามแผนเดิม  จากนั้นคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า จึงส่งสัญญาณมือให้พวกพ้องกระจายตัวออกไป เจ้าตัวค่อย ๆ เปิดประตูห้องนอนห้องหนึ่งเข้าไปอย่างเบามือ พลางทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่น แล้วจึงยกยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก เมื่อจำได้ดีว่านั่นคือกลิ่นลูกครึ่งมนุษย์วกะ ศัตรูของผู้เป็นเจ้านายของตนนั่นเอง

   “หึ ๆ นี่น่ะหรือผู้เข้าร่วมชิงตำแหน่งประมุข ...มัจจุราชมาถึงที่แบบนี้ยังไม่รู้ตัวอีก”

   เจ้าตัวพึมพำอย่างย่ามใจ เมื่อเดินเข้ามาใกล้ คนที่นอนคลุมโปงก็ยังไม่มีท่าทางจะรู้สึกตัวสักนิด

   “ตายเสียเถอะ!”

   วกะหนุ่มกระชากผ้าห่มออก และหมายจะสังหารคนบนเตียง ทว่าเขาก็ต้องชะงัก เมื่อบนเตียงมีเพียงหมอนข้างและเสื้อนอนของอีกฝ่ายคลุมเอาไว้แค่นั้น

   “นี่มันอะไรกัน!”

   เจ้าตัวโพล่งขึ้นอย่างตกใจ แล้วรู้สึกเย็นวาบที่เบื้องหลัง ซึ่งพอหันไปเขาก็เห็นหมาป่าสีเงินตัวใหญ่จ้องอยู่ และยังไม่ทันขยับตัวทำอะไร ร่างนั้นก็พุ่งเข้ามาแล้วใช้ฟันแหลมคมงับคออีกฝ่าย ก่อนจะสะบัดกระชากเต็มแรง จนคอของวกะผู้เคราะห์ร้ายห้อยร่องแร่งเกือบขาดออกจากกัน  นัยน์ตาก่อนตายนั้นเบิกกว้างโพลง ด้วยความตื่นตระหนก  ธามในร่างหมาป่าถ่มก้อนเนื้อที่ติดปากทิ้ง แล้วใช้กงเล็บขาหน้าสะบัดบั่นคอโชกเลือดนั้นให้หลุดออกจากร่างในเวลาถัดมา

   “หึ! ทั้งนายทั้งลูกน้อง หลงตัวเองเหมือนกันไม่มีผิด...”

   ธามปรายตามองร่างไร้วิญญาณตรงหน้าอย่างดูหมิ่น แล้วจึงออกไปสมทบกับด้านนอก ซึ่งภาพที่เห็นก็คือ พิชญ์ และอำมฤต ในร่างกวางยักษ์นั้น จัดการวกะไปได้คนละหนึ่งอย่างไม่ลำบากนัก ส่วนชาครและมโคตนอื่นที่ตามมาสมทบก็จัดการสังหารพวกที่เหลือจนหมดสิ้น



   “ทั้งหมดก็สิบเอ็ดศพครับ... ให้ตรวจเช็ครอบรีสอร์ทแล้ว ก็ไม่พบเพิ่มเติมอีก ผมว่าพวกนี้น่าจะเป็นกองหน้าที่ให้ออกมาเคลียร์พื้นที่และหยั่งเชิงพวกเรามากกว่า... ผมมั่นใจว่า ถ้าพวกที่เหลือมันไม่ได้รับสัญญาณจากกลุ่มแรก ในเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งหมดคงจะตามมาบุกพร้อมกันแน่นอนครับ”

   ชาครบอกกับธามด้วยสีหน้าค่อนข้างมั่นใจ ธามคืนสู่ร่างมนุษย์ โดยไม่สนว่าตนเองจะเปลือยเปล่าหรือไม่ เขามองกวางยักษ์สีดำและสีเผือกตรงหน้า พลางเอ่ยขึ้นบ้าง

   “เอาไง ...จะรอให้มันบุกมา หรือจะประกาศสงครามกันเลย”

   มโคทั้งสองสบตากัน เมื่อแน่ใจแล้วว่าศัตรูคือมาลุต และวกะนักรบอีกมาก ถึงจะถ่วงเวลาไป ยังไงก็คงหลีกไม่พ้นการสู้เสี่ยงตายเป็นแน่

   “เรียกพวกมันมาได้เลย ทางนี้พร้อมจะสู้ทุกเมื่ออยู่แล้ว!”

   ธามยกยิ้มกับคำพูดของพิชญ์ เขาหันไปทางชาคร แล้วพยักหน้า

   “ลงมือได้เลยชาคร”

   วกะหนุ่มโค้งศีรษะน้อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ กลับคืนสู่ร่างมนุษย์หมาป่าของตน แล้วโก่งคอหอนท้าทายเสียงดังก้องป่า จนได้ยินไปถึงพวกมาลุตที่อยู่ห่างไป

   

   เสียงหอนที่ลอยมาตามลม ทำให้ผู้ที่ได้ยินพากันชะงัก และหนึ่งในนั้นก็ชกเปรี้ยงที่ต้นไม้ข้าง ๆ จนลำต้นนั้นหักไปตามเรี่ยวแรงมหาศาลที่ปะทะมา

   “ไอ้เวรเอ๊ย!  พวกเราบุกเข้าไปได้! ไปฆ่าไอ้พวกมโค และไอ้ธาม อย่าให้ใครเหลือแม้แต่คนเดียว!”

   มาลุตตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยวต่อเสียงหอนท้าทายของอีกฝ่าย ชายหนุ่มค่อย ๆ กลับกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าสีเทาเข้ม ที่ตัวใหญ่และแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าวกะบริเวณนั้น ก่อนจะโก่งคอหอนตอบคำท้า อันเป็นเวลาเดียวกับที่วกะทุกตนพุ่งกระโจนไปยังรีสอร์ทเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว!

 

... TBC ...
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 27-12-2012 11:56:58
โอ๊ยยยย ตื่นเต้นอะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 27-12-2012 12:29:48
สู้ๆนะ วิรัลระวังตัวด้วย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 27-12-2012 12:33:48
โอ้ววววว มันๆๆ
มาต่อเร็วๆนะค่ะ กำลังได้อารมณ์เหมือนดูทไวไลท์ ก๊ากกก :laugh:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 27-12-2012 14:43:54
กำลังมันเลยรีบมาต่อเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 27-12-2012 15:52:26
 :jul1: จมกองเลือดไม่ใช่เพราะบทอย่างว่าน่ะ :mc4: สู้กันดุเดือดเชียวสงสัยตอนหน้าจะไม่แพ้กัน  :really2: ยังไงมาต่อเร็ว ๆ น่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 27-12-2012 16:35:12
 :pig4: อ่านเพลินเลยตอนนี้ สนุกดี มาลุตจะบุกแล้ว :a2: มโค ธาม ชาคร สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 27-12-2012 17:20:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 27-12-2012 17:56:03
ธามแมนแท้ พ่อหมาป่าดุดัน
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 27-12-2012 19:26:14
มันนนนส์ แต่งได้น่าติดตามมากเลยค่ะ
รอตอนต่อไป :impress2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-12-2012 20:41:58
โหย  แค่นี้ก็ตื่นเต้นมากแล้ว
แหม ธาม  อยากให้วิรัลมาเห็นจังตอนคืนร่างหน่ะ  เปลือยเลย หุหุ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: shizuruviola ที่ 27-12-2012 21:09:30
ตื่นเต้นเวอร์อ่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 27-12-2012 23:29:17
เอาละเปิดศึกกันเข้าแล้วซิื
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 13 :: P.8 วันโพส 27/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 27-12-2012 23:57:56
วิรัลจะลงมือตอนไหนนะ แล้วมาลุตคงทำอะไรวิรัลไม่ได้หรอกใช่ไหม
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 14 :: P.8 วันโพส 28/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 28-12-2012 15:37:02
รีบมาลงเพื่อความต่อเนื่องของคนอ่าน ^^ -

ขอบคุณสำหรับผู้ที่ยังคงติดตามเรื่องนี้นะคะ :pig4:
--------------------------------------------------------


/ 14

   

   ภาพฝูงวกะเบื้องหน้า ทำให้วิรัลรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้  ความทรงจำในสามปีก่อน ตอนที่พวกพ้องบาดเจ็บล้มตาย และบิดาหายสาบสูญ หวนกลับมาจู่โจมเขา เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นแล้วกัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ จนห้อเลือด นึกโกรธที่ตัวเองตัวสั่นด้วยความกลัว ทั้งที่คนอื่นนั้นพร้อมสู้เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเขาแท้ ๆ

   “ไม่เป็นไรนะวิรัล ...ฉันจะปกป้องเธอเอง”

   ธามในร่างมนุษย์บีบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ อย่างรับรู้ถึงความกลัวนั้น วิรัลมองหน้าคนที่เขารักสุดหัวใจ แล้วฝืนยิ้มตอบ ก่อนจะหลับตา สูดลมหายใจเข้าปอด พลางลืมตาขึ้นมองเบื้องหน้าด้วยสายตาแน่วแน่กว่าเดิม

   “ผมพร้อมแล้วครับ คุณธาม”   

   ธามยิ้มน้อย ๆ แล้วมองคนอื่น ที่ก็ต่างพยักหน้ารับรู้  ชายหนุ่มคืนสู่ร่างหมาป่าสีเงินตัวใหญ่ เช่นเดียวกับที่วิรัลกลับคืนสู่ร่างกวางทองสง่างาม

   “ไปล่ะนะ วิรัล! เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ!”

   ธามตะโกนบอกคนรัก แล้วจึงกระโจนลงจากเรือนพัก ไปอยู่เบื้องหน้าฝูงวกะฝูงใหญ่ มาลุตและพวกพ้องชะงักเล็กน้อย เมื่อธามจงใจปลดปล่อยรังสีสังหารเต็มที่ และทั้งหมดก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อหมาป่าสีเงินตรงหน้าตะโกนลั่น

   “ตอนนี้ล่ะ วิรัล!!”

   วิรัลเมื่อได้รับสัญญาณ เจ้าตัวก็กระโดดลงมาด้านหลังธาม กวางทองแสนสวยตรงหน้า สะกดสายตาวกะทุกตนให้ตรึงอยู่กับที่ แล้วเป็นมาลุตที่เอะใจ  ก่อนจะชะงักเมื่อได้กลิ่นหอมหวานแผ่ซ่านกระจายไปทั่ว

   “นี่มัน...พวกเรา ระวังตัวด้วย อย่าสูดกลิ่นนี้เข้าไป!”

   มาลุตตะโกนบอกลูกน้องของตน โดยที่ตัวเองเซไปสองสามก้าว เพราะเผลอสูดกลิ่นหอมเข้าไปแล้ว วกะสามสี่ตนล้มลงไปนอนหลับ ในขณะที่อีกหลายตนเริ่มเซไปมา

   “วิเศษ สำเร็จแน่!”

   อำมฤตที่อยู่บนเรือนพึมพำอย่างยินดีที่แผนการของธามและวิรัลนั้นสำเร็จตามคาด ทว่าในขณะที่ฝ่ายมโคกำลังตื่นเต้นยินดี มาลุตก็กัดฟันหอนเสียงสูง แล้วยกแขนตัวเองมากัดแรง ๆ เรียกสติ เช่นเดียวกับวกะตนอื่น ๆ ที่เหลือก็ทำแบบเดียวกัน

   “ไม่ได้การ! วิรัล กลับไป!”

   ธามหันมาบอกวิรัล เพราะแผนการของพวกเขานั้นล้มเหลวเสียแล้ว ทว่าจังหวะที่ธามหันมา เขาก็ถูกมาลุตที่พุ่งตรงมา เตะอัดที่กลางลำตัวเต็มแรง จนธามกระเด็นไปอีกทาง

   “ท่านวิรัล!”

   “ท่านธาม!”

   ชาครและพิชญ์แทบจะตะโกนขึ้นพร้อมกัน วกะหนุ่มและกวางดำกระโจนจากเรือนพุ่งปะทะมาลุตที่กำลังจะตรงเข้าหาวิรัลได้ทันท่วงที

   “ไอ้ทรยศ! นี่แกเข้าข้างพวกมโคจริง ๆ สินะ!”

   มาลุตที่ถูกแรงปะทะ ถึงกับเสียหลักเซไปด้านหลัง และเมื่อทรงตัวได้ จึงตวาดใส่อีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง  ทว่าชาครที่ผละจากมาลุตมาประคองให้ธามลุกขึ้น นั้นหันมามอง แล้วตะโกนตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน 

   “นายของฉันมีแค่ท่านธามเท่านั้น จะวกะหน้าไหน ก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันได้!”

   มาลุตแยกเขี้ยวแสยะอย่างหงุดหงิด แล้วตวาดกลับ

   “ดี! งั้นก็ตายไปด้วยกันเถอะ!”

   และเมื่อสิ้นเสียงของมาลุต มโคที่เหลือก็ลงมาสมทบสู้รบตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด วิรัลถูกพาไปหลบอยู่บนเรือนกับม่านฟ้า ทว่าจำนวนวกะที่มากกว่าพวกมโคเกือบสิบชีวิต ส่งผลให้ทางมโคเสียเปรียบยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อขาดมโคที่แข็งแกร่งอย่างอำมฤต ซึ่งถูกแยกให้มาคุ้มกันม่านฟ้าและวิรัล ทำให้กำลังรบนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

   “คุณอำมฤต ลงไปช่วยทางด้านล่างเถอะครับ! ไม่ต้องห่วงพวกผมหรอกครับ!”

   อำมฤตนั้นมองวิรัลอย่างลังเล แต่พอเห็นลูกน้องของตนรายหนึ่งโดนวกะสองตนรุมฉีกทึ้งร่างแยกออกจากกัน เขาก็เริ่มทนไม่ได้ แล้วจึงหันไปบอกกับม่านฟ้า

   “ท่านม่านฟ้า...ฝากท่านวิรัลด้วยนะครับ”

   “ไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันจะคุ้มครองท่านวิรัลเอง ...คุณก็ระวังตัวด้วยนะคะ”

   ม่านฟ้าบอกกับอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง อำมฤตยิ้มรับแล้วโค้งให้ ก่อนจะกระโดดเข้าไปร่วมวงต่อสู้กับวกะด้วยอีกราย ทำให้สถานการณ์ที่กำลังเสียเปรียบเริ่มกลับดีขึ้นมา

   “ท่านวิรัลหลบไปด้านในดีกว่าค่ะ อยู่ตรงนี้อันตรายนะคะ”

   ม่านฟ้าบอกกับกวางทองข้างกายเธอ ทว่าวิรัลนั้นสั่นศีรษะ

   “ไม่ครับ...คุณม่านฟ้า คนสำคัญของผมกำลังสู้อยู่ ถึงผมจะไม่มีปัญญาช่วยเหลืออะไรเขาได้ แต่ผมก็อยากเฝ้ามองเป็นกำลังใจให้เขา ...ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว ผมเองก็อยากลงไปช่วยทุกคน ...แต่ผมรู้ดีว่านั่นจะยิ่งเป็นการทำให้ทุกคนกังวล และสถานการณ์การสู้รบเปลี่ยนแปลง ...ผมมันไม่เอาไหนจริง ๆ  มฤคมาศแล้วยังไง... ประมุขที่ช่วยเหลือลูกเผ่าไม่ได้ ยังมีหน้าจะคู่ควรเป็นประมุขอีกหรือไง!”

   ม่านฟ้ามองกวางทองแสนสวยเบื้องหน้าเธออย่างนึกสงสาร ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วลูบใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

   “ใจเย็นค่ะท่านวิรัล ...คนเรามีหน้าที่แตกต่างกันนะคะ ท่านมีหน้าที่เป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจของเผ่า ...ส่วนพวกดิฉันมีหน้าที่รับใช้และพร้อมยอมถวายชีวิตเพื่อปกป้องท่าน ...เราก็แค่ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้เต็มที่  เพราะฉะนั้นเลิกโทษตัวเองได้แล้วค่ะ”

   วิรัลนิ่งอึ้งกับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลมหายใจของตน และเริ่มสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติได้

   “ขอบคุณครับคุณม่านฟ้าที่ช่วยเตือนสติ...ผมจะขอทำในสิ่งที่ตนเองทำได้แล้วกันครับ”

   ม่านฟ้ายิ้มน้อย ๆ จากนั้นเธอจึงกลับคืนสู่ร่างกวางเผือกแสนสวย พร้อมบอกกับอีกฝ่ายที่มองมาอย่างแปลกใจ

   “เตรียมตัวให้พร้อมสู้รบไว้จะดีที่สุดค่ะ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนไหน...”

   ยังไม่ทันขาดคำของม่านฟ้า วกะตนหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาบนชานเรือนบ้านพัก แล้วตรงเข้าไปหากวางทองเบื้องหน้า ทว่าม่านฟ้าในร่างกวางเผือกก็ก้าวเหยาะมาขวางทางเอาไว้เสียก่อน

   “กวางเผือกอย่างนั้นหรือ ... ถ้าได้กินหัวใจเจ้านี่ แล้วจะช่วยให้มีพลังขึ้นเหมือนของมฤคมาศไหมนะ”

   วกะหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างยินดี และไม่นึกหวั่นเกรงกวางเผือกตัวเล็กตรงหน้า ทว่าเจ้าตัวก็ต้องชะงักเมื่อร่างนั้นเหมือนจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว แล้วจึงมาปรากฏอยู่เบื้องหลังเขาแทน ก่อนจะพุ่งตัวกระแทกใส่เต็มแรง จนเจ้าตัวเสียหลักล้มคว่ำหน้าทิ่ม

   “หนอย! แก!”

   วกะตนนั้นตะคอกลั่นอย่างโมโห ทว่าเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อกวางเผือกกระโดดขึ้นมาเหยียบที่ลำตัวของร่างสูงใหญ่ที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ก่อนจะกระทืบเท้าลงไปตรงตำแหน่งหัวใจเต็มแรง จนอวัยวะส่วนนั้นแหลกเละไปหมด และเจ้าของร่างก็กระอักเลือดขาดใจตายในทันที

   “คนอ่อนแอ ก็มีวิธีสู้อย่างคนอ่อนแอ...ท่านว่าอย่างนั้นไหมคะ ท่านวิรัล”

   วิรัลนิ่งอึ้ง เขารู้สึกผะอืดผะอมที่เห็นคนตายตรงหน้า ทว่าก็ต้องสลัดความรู้สึกนั้นทิ้ง แล้วพยักหน้าตอบ สร้างความพึงพอใจให้กับม่านฟ้า ที่เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นยังคงสติได้มั่นคงอยู่

   “ดีแล้วค่ะ ...เพราะฉะนั้นก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับพรรคพวกของเราทีได้ไหมคะ”

   ม่านฟ้าบอกกับอีกฝ่าย ซึ่งวิรัลก็งุนงง ทว่าพอได้รับฟัง เขาก็ต้องถึงกับอึ้งในทีแรก แล้วจึงพยักหน้ารับรู้ตามมาทันที

   

   “มโคทุกตน!  จงสู้ต่อไป และอย่าได้ยอมแพ้แก่ผู้รุกราน  พวกมันเองก็ไม่แตกต่างจากเรา  จงสู้โดยใช้ความเป็นมโคของเรา สังหารศัตรูให้หมดสิ้น!”

   เสียงกังวานไพเราะดังขึ้นจากบนเรือนใหญ่ ทุกสายตาหันไปจับจ้องยังต้นเสียง ภาพที่พวกเขาเห็นคือภาพมฤคมาศใช้เขาขวิดร่างไร้วิญญาณของวกะตนหนึ่งเหวี่ยงลงมากลางวงต่อสู้  และนั่นก็สร้างความตกตะลึงให้เหล่าวกะ และสร้างความฮึกเหิมให้กับพวกมโคทั้งหลาย ให้ต่างมีกำลังใจต่อสู้เพิ่มขึ้นไปอีก

   “สภาพศพแบบนี้  ฝีมือท่านม่านฟ้าแน่”

   อำมฤตพึมพำ ทำให้พิชญ์ที่อยู่ข้างกันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก และพอจะไว้ใจเรื่องที่ม่านฟ้ากับวิรัลอยู่กันตามลำพังได้บ้างพอสมควร

   ทางด้านธามพอเห็นสิ่งที่วิรัลแสดง หมาป่าหนุ่มก็รู้สึกพึงพอใจ แต่ก็เริ่มเป็นกังวล เพราะนั่นจะทำให้มาลุตยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น เพราะสิ่งที่วิรัลทำนั้นคือการดูถูกเหยียดหยามเจ้าตัวโดยตรง

   “ไอ้มฤคมาศ! อย่าอยู่เลยมึง!”

   มาลุตเหวี่ยงแขนใส่ชาครที่สู้ติดพันกันอยู่ จนอีกฝ่ายที่ตั้งรับกระเด็นไปด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลของวกะระดับแนวหน้าของเผ่า จากนั้นมาลุตก็กระโดดพุ่งขึ้นไปบนเรือนใหญ่ โดยที่หลายคนไม่ทันได้ตั้งตัว

   “ท่านม่านฟ้า!”

   อำมฤตตะโกนเรียกชื่อนายสาว ที่กำลังเผชิญหน้ากับมาลุตด้วยความตกตะลึง กวางเผือกหนุ่มรีบกระโจนไปขวางการโจมตีของมาลุตได้ทันท่วงที ทว่าก็ต้องแลกกับกระดูกลำตัวที่หักร้าว จนเจ้าตัวถึงกับกระอักเลือดล้มทรุดหมอบลงไปกองกับพื้น

   “คุณอำมฤต...ไม่นะ พี่น้ำ! อย่าตายนะคะ!”

   ม่านฟ้าตะโกนเรียกอีกฝ่ายอย่างตื่นตระหนกและลืมตัว จนลืมไปว่ามาลุตยังอยู่ตรงนั้น

   “รักกันมาก ก็ตายไปด้วยกันเลยแล้วกัน!”

   มาลุตเงื้อมมือหมายจะบั่นคออีกฝ่าย ทว่าก็ต้องเสียหลักพุ่งล้มไปด้านหน้า เมื่อธามนั้นกระโดดมาชนเขาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว

   “คุณธาม!”

   วิรัลที่กำลังตกตะลึงตะโกนลั่นอย่างดีใจ ธามฉวยโอกาสที่มาลุตเสียหลักขย้ำไปที่คอ ทว่าอีกฝ่ายเบี่ยงหลบ จึงโดนแค่ไหล่แทน แต่แม้จะเป็นแผลเหวอะหวะ แต่เรี่ยวแรงของวกะหนุ่มก็ยังมาก จนพอจะกระชากคอของธามเหวี่ยงไปอีกด้านได้สำเร็จ

   “แก...ไอ้ธาม...ฉันจะฆ่าแก!”

   มาลุตตะโกนอย่างโกรธแค้น เพราะไม่เคยเสียท่าขนาดนี้มาก่อน ทางด้านธามที่ตอนนี้โทรมไปหมดเพราะไหนจะถูกลูกน้องของมาลุตรุมเล่นงานก่อนหน้านั้น แล้วยังรับการโจมตีของมาลุตไปเต็ม ๆ หลายครั้ง ร่างกายที่เป็นเพียงลูกครึ่งมนุษย์วกะจึงเริ่มอ่อนล้า และถึงขีดจำกัดขึ้นทุกที

   “หึ ๆ ยืนเริ่มไม่ไหวแล้วสินะ... จะร้องเรียกให้ลูกน้องแกมาช่วยดีไหมล่ะ”

   มาลุตที่สังเกตเห็นอาการขาสั่นของอีกฝ่ายแสยะยิ้มเยาะ ทำให้ธามต้องขบฟันกรอด ขู่ในลำคออย่างหงุดหงิด และเพราะด้านล่างกำลังสู้ติดพัน ชาครจึงไม่อาจจะปลีกตัวขึ้นมาช่วยเขาได้

   “ฉันจะฆ่าแกอย่างทรมานดีไหม...โอ๊ะ!”

   มาลุตหันขวับเบี่ยงหลบได้อย่างหวุดหวิด เมื่อม่านฟ้าที่โกรธแค้นที่อำมฤตถูกทำร้าย ร่วมเข้าสู้ด้วย

   “หึ ๆ ต้องให้ผู้หญิงช่วยแบบนี้ มันก็สมกับเป็นแกจริง ๆ นะ ไอ้ลูกครึ่ง!”

   มาลุตหัวเราะเย้ยหยัน ทว่าม่านฟ้านั้นไม่สนใจ เมื่อมาลุตเผลอเปิดช่อง เธอก็ใช้ความเร็วปะทะทันที ทว่าเพราะมาลุตนั้นแข็งแกร่งมาก วกะหนุ่มจึงเพียงแค่จุกและเซไปเล็กน้อยเท่านั้น

   “หนอย! นังมโคนี่!”   

   มาลุตสบถอย่างโมโห แล้วเตะอัดม่านฟ้าอย่างเต็มแรง ทว่าธามนั้นพุ่งตัวเข้าไปชนม่านฟ้าหลบไปก่อน ทั้งคู่จึงรอดจากการจู่โจมนั้นอย่างหวุดหวิด ทว่ามาลุตก็พุ่งตัวตามเข้ามาโจมตีต่ออย่างรวดเร็ว แล้วอัดร่างกวางเผือกของม่านฟ้ากระเด็นไปกระแทกผนังเรือน แม้จะไม่รุนแรงเท่าลูกเตะเมื่อครู่ แต่ก็ทำเอากวางสาวจุกจนขยับไม่ไหว  จากนั้นมาลุตก็เหวี่ยงหมัดใส่ธามที่เผลอยืนตะลึงจนลงไปนอนหมอบอย่างหมดสภาพที่จะต่อสู้ได้อีก

   “หึ ๆ ในที่สุดเวลาที่ฉันจะฆ่าแกทิ้ง ก็มาถึงสักที... รู้ไหม ฉันรอวันนี้มานานแค่ไหน ...รอมาตั้งแต่ตอนเห็นแม่แกถูกไอ้วกะเสียสติฆ่าทิ้งในครั้งนั้นแล้ว!”

   ธามที่กำลังอ่อนแรงเบิกตากว้างมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

   “หมายความว่ายังไง...แกไม่ได้ฆ่าแม่ของฉันหรอกหรือ...”

   “หือ...อ้อ แกเข้าใจว่าฉันเป็นคนลงมือสินะ ...หึ ๆ ทำไมฉันจะต้องเปลืองมือฆ่ามนุษย์โสโครกอย่างแม่แกด้วยเล่า!  ...แต่ก็นั่นล่ะ ฉันก็ยืนดูแม่แกถูกฆ่าเฉย ๆ เหมือนกัน  อืม...จะว่าไปก็เหมือนฉันเป็นคนฆ่าแม่แกเหมือนกันนั่นล่ะนะ”

   มาลุตแสยะยิ้มแล้วหัวเราะออกมาอย่างขบขัน สร้างความโกรธแค้นให้ธามยิ่งนัก

   “แก...ฉันจะฆ่าแกให้ได้...”

   “หึ ๆ จะตายแหล่ มิตายแหล่แบบนี้แล้ว ยังจะทำอะไรได้อีก”

   มาลุตยืนมองร่างหมาป่าสีเงิน ที่พยายามยันกายลุกขึ้น อย่างเย้ยหยัน ทว่าพอเห็นธามเริ่มขยับตัวและจ้องมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว เขาก็ชะงัก แล้วกำหมัดทั้งคู่ด้วยความหงุดหงิด

   “ฉันเกลียดแกจริง ๆ ไอ้ธาม ...ฉันจะฆ่าแกให้ตายด้วยมือของฉันเดี๋ยวนี้ล่ะ!”

   มาลุตเตรียมที่จะคว้าคออีกฝ่ายมาหักให้ตายคามือ ทว่าเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัว พลางก้มมองหน้าอกของตน ที่บัดนี้มีเขาแหลมคมทิ่มทะลุอกออกมา

   “ไม่ยอมหรอก...ไม่ยอมให้แกทำร้ายคนสำคัญของฉัน ไปมากกว่านี้อีกแล้ว!”

   วิรัลตะโกนเสียงก้อง แล้วสะบัดร่างของมาลุตเหวี่ยงกระเด็นไปอีกทาง วกะหนุ่มคุกเข่ากระอักเลือดออกมากองใหญ่ ปอดที่ถูกแทงทะลุสร้างความทรมานให้เขายิ่งนัก ความเจ็บปวดเจียนตายที่เพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในชีวิต ทำให้มาลุตเริ่มรู้สึกถึงความกลัวเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะยามที่เห็นหมาป่าสีเงินลากเท้าเข้ามาหาเขา

   “แก...แกจะทำอะไรฉัน...ถ้าแกฆ่าฉัน แกต้องกลายเป็นกบฏของเผ่านะ!”

   ธามมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม เป็นครั้งแรกที่เห็นมาลุตลนลานหมดท่าเช่นนี้ให้เขาเห็น

   “น่าเสียดายนะ ที่วิรัลไม่ชำนาญการฆ่า ไม่อย่างนั้นแกคงตายสบายกว่านี้แล้ว”

   ธามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะเขาของกวางทองนั้นพลาดตำแหน่งหัวใจไปอย่างน่าเสียดาย แต่นั่นก็เป็นการดีสำหรับเขา เพราะเขาจะได้ปิดฉากเรื่องทั้งหมดด้วยน้ำมือของเขาเอง

   “บอกฉันมา...แม่ฉันตายได้ยังไง!”

   “ถะ ถ้าฉันบอก แกต้องปล่อยให้ฉันกลับไปนะ เพราะฉันไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าแม่ของแก...จริง ๆ นะ”

   ธามจ้องมองอีกฝ่าย แล้วพยักหน้ารับรู้

   “ได้...ฉันจะไม่ฆ่าแก”

   มาลุตมีสีหน้ายินดี แล้วรีบเล่าให้ฟัง

   “ฉันกับพี่ไปเดินเล่นด้านนอก แล้วเจอวกะคลั่งมันกำลังเล่นงานแม่ของแกอยู่...ฉันตอนแรกก็จะช่วยนะ ...ตะ แต่พี่พิภพบอกว่าไม่ต้องช่วย ...ก็เพราะแม่แก ทำให้แม่ฉันต้องตรอมใจตายนี่ ....เพราะอย่างนั้นฉันที่ดูแม่แกโดนฆ่าตายเฉย ๆ โดยไม่ช่วยก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือไง... มันก็สมควรกันแล้วนี่!”

   ธามกัดฟันกรอด เขาอยากฆ่าคนตรงหน้านี้ทิ้งเหลือเกิน แต่ในเมื่อมาลุตไม่ได้เป็นคนลงมือสังหารแม่เขาโดยตรงก็ทำให้เขาเริ่มหวั่นไหวขึ้นมา จากนั้นธามจึงเอ่ยถามถึงฆาตกรที่แท้จริงต่อ

   “แล้วไอ้วกะคลั่งนั่นมันเป็นใคร...”

   มาลุตกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ร่างกายยังคงฟื้นตัวได้ช้า เพราะเป็นอวัยวะสำคัญ ทว่าโชคดีที่ไม่ใช่ตำแหน่งหัวใจ หรือเส้นเลือดใหญ่ที่คอ  ไม่เช่นนั้นป่านนี้เขาคงเจ็บหนัก จนตายไปแล้วก็ได้

   “ฉะ...ฉันไม่รู้...รู้แค่ว่า พี่พิภพจัดการฆ่ามันปิดปากให้เท่านั้น ...พี่บอกว่าถ้ามันถูกจับ ...ฉันกับพี่ที่ไม่ช่วย ก็จะโดนความผิดไปด้วย ...พี่ฆ่ามันแล้วเอาศพไปทำลาย แล้วปล่อยให้เรื่องเงียบ ...ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ นอกจากฉันกับพี่เท่านั้น ...ฉันพูดจริง ๆ นะ”

   ธามพูดอะไรไม่ออก ...เขาไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะกลายเป็นแบบนี้ ฆาตกรที่ฆ่าแม่เขาถูกฆ่าไปแล้ว ทว่าพี่น้องร่วมบิดาของเขา แม้ไม่ได้ลงมือฆ่า แต่การที่ไม่ช่วยและปล่อยให้แม่ของเขาโดนทำร้าย สำหรับเขานั้นก็ยังถือเป็นความผิดอยู่ดี ...แต่เป็นความผิดที่เขาเริ่มลังเลว่า จะมอบความตายให้อีกฝ่ายนั้นชดใช้ดีไหม

   “ฉันบอกทุกอย่างแล้ว ...แกต้องทำตามที่สัญญาเอาไว้นะ...”

   มาลุตรีบทวงสัญญา ธามนั้นกัดฟันกรอด แล้วตวาดลั่น

   “ไสหัวกลับไปซะ! เอาพรรคพวกแกกลับไปด้วย! เดี๋ยวนี้เลย!”

   ทุกคนที่กำลังต่อสู้ชะงัก ทางด้านวินัยนั้นรีบกระโดดขึ้นมาหา เมื่อเห็นผู้เป็นนายกำลังเสียท่า

   “เอาเจ้านายของแกกลับไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!”

   ธามบอกกับวินัย ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบประคองร่างสะบักสะบอมของมาลุตลุกขึ้น ธามมองแล้วสะบัดหน้าพลางหันหลังเดินกลับไปหาวิรัล ทว่าจังหวะนั้นเองมาลุตจึงฉวยโอกาสหันมาส่งสัญญาณให้วินัยโจมตีธาม วิรัลที่เห็นเข้าพอดีจึงตะโกนเตือนเสียงหลง

   “คุณธาม! ระวัง!”   

   ธามหันขวับไปเผชิญหน้าอีกฝ่าย ทว่าร่างของกวางดำที่พุ่งเข้ามาเอาเขาเสียบด้านหลังของวินัย ก็ทำให้หลายคนในที่นั้นตกตะลึงยิ่งกว่าครั้งแรก วินัยในร่างวกะกระอักเลือด ร่างกระตุกอยู่สองสามที ก่อนจะสิ้นลมขาดใจตายเดี๋ยวนั้น

   “คุณไม่มีสิทธิ์มาปล่อยให้ศัตรูที่ฆ่าพรรคพวกของเรา หนีไปง่าย ๆ แบบนี้!”

   พิชญ์บอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วสลัดร่างวกะที่เขาสังหารทิ้งไป ก่อนจะหันขวับไปทางมาลุต

   “โดยเฉพาะกับวกะที่มันคิดร้ายกับมโคอย่างเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างหมอนี่!”

   ธามถอนหายใจ แล้วมองไปที่มาลุตที่ถอยหลังหนีกวางดำที่เดินเข้ามาหาอย่างตื่นตระหนก

   “ยะ...หยุดนะ!  ไหนแกสัญญาว่าแกจะไม่ฆ่าฉันยังไงล่ะ!”

   มาลุตตะโกนบอกกับหมาป่าสีเงินที่จ้องมายังเขา

   “ก็ใช่ไง... เพราะฉันไม่ได้ลงมือเองนี่”

   ธามบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วจึงหันหลังกลับ ถอนหายใจค่อย ๆ อีกครั้ง ก่อนจะเดินไปหาวิรัล พลางบอกให้อีกฝ่ายอย่ามองภาพชวนสยองตรงหน้า ซึ่งวิรัลก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แต่กระนั้นเสียงร้องอย่างโหยหวนก่อนตายของมาลุต ก็ทำให้กวางทองแสนสวยตัวสั่นเทาไปหมด และเมื่อสิ้นหัวหน้า ลูกน้องอีกนับสิบราย ก็พากันแตกฮือ แยกย้ายหนีไปคนละทางอย่างขวัญเสีย



   “...จบสิ้นแล้วสินะ”

   ธามมองไปรอบ ๆ มีทั้งศพของวกะและมโคปะปนกันไป เขามองดูศพพี่ชายร่วมสายเลือดอีกครั้ง ก่อนจะหันไปทางชาคร ที่สะบักสะบอมไม่แพ้กัน

   “จากนี้ไป พวกเราจะกลับไปที่เผ่าอีกไม่ได้แล้วนะ ชาคร”

   ชาครจ้องมองนายเหนือหัวของเขา ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับไป

   “ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน ผมยินดีจะติดตามรับใช้ท่านไปทุกที่ครับ ท่านธาม”

    พิชญ์เหลือบมองนายบ่าวทั้งสอง แล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะชะงักเมื่อคนของเขาและของม่านฟ้าตามมาสมทบกันอีกหลายสิบคน

   “เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันครับคุณพิชญ์!”

   พิชานที่รีบเร่งเดินทางมาถามอย่างตื่นตระหนก ทว่าพิชญ์นั้นตัดบทโดยการให้พาคนเจ็บไปโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับมโคอย่างพวกเขาโดยด่วน ส่วนคนอื่นที่เหลือก็ให้เก็บกวาดซากศพ และอยู่คุมเชิงบริเวณนี้ เผื่อว่าจะมีศัตรูหลงเหลืออยู่

 
...TBC...
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 14 :: P.8 วันโพส 28/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 28-12-2012 16:23:43
 :angry2: :angry2:

ยังๆๆ ยังเหลือไอ้ตัวการใหญ่ไอ้พิภพอีกตัว
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 14 :: P.8 วันโพส 28/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 28-12-2012 22:46:40
พิชญ์คิดอะไรอยู่นะ แล้วพิภพอะไรนั่นท่าทางจะร้ายมากนะนั่น
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 14 :: P.8 วันโพส 28/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 29-12-2012 00:12:05
อ๊ายยยย  :-[ วิรัลเท่มากตอนมาช่วยธามอ่ะ กิ๊ส
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 14 :: P.8 วันโพส 28/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 29-12-2012 01:39:32
จริงๆพี่น้องกันก็ไม่น่าถึงขนาดปล่อยให้ตายเลย เฮ้อ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 14 :: P.8 วันโพส 28/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ๐DeAchieS๐ ที่ 29-12-2012 12:30:41




เอาอีกๆๆๆๆ

T T

มันเป็นอะไรที่ แฟนทาสทิก มว๊ากกกกกกกกกก

 :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 14 :: P.8 วันโพส 28/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 30-12-2012 17:32:42
สนุกมากกก ลุ้นอยู่ตลอดเลย
บทจะหวานก็หวานสุดสุด บทจะมันส์ก็หยดเลย ><
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 14 :: P.8 วันโพส 28/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 30-12-2012 21:00:44
โอ้ว ชอบตอนนี้จัง มันส์หยดติ๋ง
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 14 :: P.8 วันโพส 28/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 30-12-2012 22:01:26
ธามชอบเป็นคนทรยศของเผ่าขนาดนี้ o18
พิญจะใจอ่อนยอมให้ทามกับวิรัลรักกันได้รึยังหนอ :-[
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 31-12-2012 00:24:19
ขออภัยสำหรับตอนนี้ซึ่งสั้นไปนิด จะเขียนเพิ่มอีกฉาก ทางฝั่งของธามกับวิรัล  อารมณ์มันจะขาดตอน เลยยกไปไว้ตอน 16 แทนค่ะ
จะพยายามมาต่อให้ได้ในเร็ววันนี้นะคะ ^ ^

ป.ล. ตอนหน้า มีฉาก ที่หลายคน(หรือเปล่า) รอคอยค่ะ  .......ฉากสวีทหวาน(?) เรียกเลือด(?) ของพระนายคู่นี้จ้ะ ^^



/ 15



    วิรัลนั้นหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เขาจึงเข้าไปหาธามที่กำลังยืนปรึกษาบางอย่างกับชาคร ทั้งคู่ซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเช่นเดียวกันหันมามองเด็กหนุ่ม และจากนั้นชาครจึงโค้งศีรษะนิด ๆ ให้กับวิรัล แล้วออกจากห้องไปรอด้านนอกอย่างรู้งาน

    “คุณธาม...เป็นยังไงบ้างครับ บาดเจ็บมากไหม...”

    วิรัลพยายามสำรวจร่างกายของอีกฝ่าย แต่พอจับลงไป ธามก็นิ่วหน้า จนวิรัลหน้าเสีย

    “ขะ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ...คุณรีบไปหาหมอเถอะนะครับ ...เดี๋ยวจะแย่เอา”

    “ไม่เป็นไร...บาดเจ็บแค่นี้ ไม่กี่วันก็ฟื้นตัวแล้ว เป็นแค่นี้ถือว่าโชคดีแล้วกับสถานการณ์เสียเปรียบแบบนั้น”

    ธามบอกแล้วยิ้มน้อย ๆ ซึ่งวิรัลก็ชะงัก ก่อนจะก้มหน้าหลบตา จนธามประหลาดใจ

    “ทำไมหรือวิรัล ...หลบตาฉันทำไมล่ะ”

    วิรัลเงียบกริบ สักพักเขาจึงตอบกลับเสียงแผ่ว

    “...ผมทำร้ายพี่ชายคุณ...แถมพิชญ์ยัง...”

    ธามนิ่งเงียบ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วโอบร่างของอีกฝ่ายมากอดหลวม ๆ

    “เขาฆ่าคนอื่นมามาก  โดยเฉพาะพวกของเธอ  ดังนั้นมันก็สมควรแล้วที่เขาจะถูกสังหารแบบนั้น ...เธอไม่ต้องเก็บมาใส่ใจหรอกนะ ฉันไม่เคยคิดโกรธแค้นเธอหรือพี่เลี้ยงของเธอสักนิด ...ตรงกันข้ามกับต้องขอขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ...เพราะขนาดตั้งใจเอาไว้ดิบดี  แต่คนขี้ขลาดอย่างฉัน พอเอาจริง ๆ แล้ว ก็ดันลงมือกับสายเลือดตัวเองไม่ได้...”

    วิรัลเงยหน้ามองคนที่เขารัก ซึ่งตอนนี้กำลังมีสีหน้าเศร้าหมอง จนเขาไม่อาจทนมองได้

    “อย่าโทษตัวเองแบบนั้นเลยครับคุณธาม...คุณไม่ใช่คนขี้ขลาดหรอก แต่เพราะคุณเป็นคนอ่อนโยนต่างหาก...”

    ธามยิ้มเศร้า ๆ แล้วจูบที่หน้าผากของอีกฝ่ายแผ่วเบา

    “ขอบคุณที่ช่วยปลอบฉันนะ”

    ทั้งคู่กอดกันอยู่แบบนั้นสักพัก จากนั้นวิรัลจึงเป็นฝ่ายตั้งคำถามขึ้น

    “และต่อจากนี้ไป คุณจะทำยังไงต่อไปล่ะครับ”

    ธามชะงัก เขาเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วจึงตอบคำถามของเด็กหนุ่ม

    “ฉันคงต้องหนีไปกบดานหลบซ่อนกับชาครสักพัก...เพราะพวกที่หนีไปได้ คงเอาไปแจ้งที่เผ่าแล้วล่ะว่า ฉันร่วมมือกับพวกมโคฆ่าพี่ชายตัวเอง...เท่ากับว่าตอนนี้ฉันก็กลายเป็นกบฏของเผ่าวกะ และเตรียมถูกตามล่าเพื่อนำตัวไปลงโทษตามกฎที่พ่อของฉันเป็นคนตั้งขึ้น”

    ธามยิ้มเยาะกับตัวเอง เมื่อกฎที่พ่อของเขาจงใจตั้ง เพื่อจะปกป้องเขา ตอนนี้มันกลับย้อนมาทำร้ายเขาแทน ...จะว่าไปก็ต้องโทษที่ตัวเขาไม่คิดปล่อยวางความแค้น จนกระทั่งกลายเป็นเช่นนี้

    “ถ้าอย่างนั้นก็มาอยู่กับผมสิครับ! นะครับ! ยังไงคุณก็สู้เพื่อปกป้องผม เพราะฉะนั้นถึงคุณจะมาอยู่ด้วยกัน  มโคตนอื่นก็คงไม่มีใครคิดค้านหรอกครับ!”

    ธามมองเด็กหนุ่มที่เขารักอย่างเอ็นดู เขาก็พอจะเดาออกอยู่หรอกว่าวิรัลต้องชวนเขาให้อยู่ด้วยหลังจากที่ได้รู้ความจริง แต่ด้วยฐานะกบฏของเผ่า มันทำให้เขาเป็นกังวลว่า เขาจะนำอันตรายมาสู่วิรัลเช่นวันนี้อีกหรือไม่

    “ขอบใจนะ...แต่ฉันไม่อยากให้เธอต้องมาเสี่ยงเพราะฉันอีกแล้ว”

    “คุณธาม...” 

     วิรัลเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่ว เด็กหนุ่มเกรงว่าธามจะหนีจากเขาไปและไม่กลับมาพบหน้ากันอีก เมื่อคิดดังนั้นเจ้าตัวก็ยิ่งสบตาอ้อนวอนร้องขอให้ธามเปลี่ยนใจให้ได้

    “...กับอีกแค่วกะนอกคอกสักตนสองตน พวกเรามโคมีปัญญาเลี้ยงดูอยู่แล้วล่ะนะ”

    เสียงที่ขัดขึ้นมาจากด้านนอก ทำให้ทั้งคู่สะดุ้งแล้วหันไปยังต้นเสียง พิชญ์กำลังยืนกอดอกพิงประตูมองอยู่ ส่วนชาครนั้นเหลือบมองพิชญ์ด้วยใบหน้าระบายยิ้มนิด ๆ

    “ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ออกไปเพ่นพ่านทำงานทำการให้มันเป็นที่สะดุดตาล่ะก็  ผมจะยอมให้คุณพักอยู่ร่วมคฤหาสน์กับท่านวิรัลก็ได้ ...ไหน ๆ คุณก็แสดงให้เห็นแล้วนี่ว่า ท่านวิรัลสำคัญที่สุดสำหรับคุณจริง ๆ”

    พิชญ์บอกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย การที่เขาตัดสินใจเช่นนี้ เพราะเห็นว่าธามนั้นรักและเห็นวิรัลสำคัญจริง ๆ และยอมแม้กระทั่งจะหนีหน้าหายไป เพราะไม่อยากลากวิรัลมาเป็นอันตรายด้วย การกระทำเช่นนั้น ทำให้พิชญ์เริ่มยอมรับถึงความจริงใจที่ธามมีต่อเจ้านายของเขา และเริ่มมั่นใจว่าถ้าเป็นผู้ชายคนนี้ คงจะดูแลและปกป้องวิรัลได้แน่

   

     ธามนั้นเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะแย้มยิ้มรับ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมญาติดีและไว้ใจเขาในที่สุด ส่วนวิรัลนั้นหลังจากตกตะลึงในสิ่งที่ได้ยิน เขาก็ต้องยิ้มกว้างตามมาด้วยความยินดี แล้วเตรียมโผเข้าไปกอดขอบคุณพิชญ์ ทว่าชาครที่อยู่แถวนั้นยกมือห้ามไว้เสียก่อน

    “เดี๋ยวจะมีบางคนซี่โครงหักเพิ่มมากขึ้นจากเดิมนะครับ เพราะงั้นยั้งมือไว้ก่อนดีกว่า”

    วิรัลเบิกตาโพลง แล้วจ้องมองพิชญ์อย่างตกใจ

    “นายซี่โครงหักด้วยหรือพิชญ์! แล้วทำไมไม่ไปหาหมอเล่า!  พิชาน! พิชานอยู่ไหน มาพาพิชญ์ไปหาหมอด่วนเลยนะ!”

    พิชญ์อ้าปากค้าง เตรียมจะปฏิเสธ  ทว่าวิรัลก็ไม่สนใจ ยังคงตะโกนหาคนสนิทของพี่เลี้ยงเขา ซึ่งเจ้าของชื่อก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างตกใจ

    “คุณพิชญ์บาดเจ็บหรือครับ! งั้นก็เชิญเลยครับ รถที่จะขนคนเจ็บเที่ยวสุดท้ายกำลังออกเดินทางพอดีเลย!”

    พิชญ์เม้มปาก ขมวดคิ้ว ก่อนจะหันขวับไปทางชาคร แล้วบอกกับอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด

    “รู้มากนักนะ!”

    “...ขอบคุณที่ชม”

    ชาครแสร้งโค้งให้นิด ๆ ก่อนจะหันมาทางเจ้านายของเขา

    “ท่านธามจะไปด้วยเลยไหมครับ”

    “ไม่ต้องหรอก ฉันก็แค่ช้ำในนิดหน่อย ...สู้เอาเวลาไปเคลียร์เรื่องทรัพย์สินของเราในตอนนี้ ก่อนที่ทางนั้นจะไหวตัวจะดีกว่า จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง...”

    ชาครพยักหน้ารับรู้ ส่วนพิชญ์ก็โดนวิรัลกึ่งสั่งกึ่งขอร้องให้ไปรักษาตัวให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยมาเคลียร์งานทางด้านนี้ก็ได้ อีกอย่างที่รีสอร์ทแห่งนี้ก็มีธามและชาคร รวมถึงคนของพิชญ์และของม่านฟ้าเหลืออยู่มากมาย ซึ่งเขามั่นใจว่า พวกวกะคงไม่กลับมาบุกในคืนนี้ซ้ำอีกแน่

   

    เมื่อพิชญ์และคนเจ็บคนอื่น ๆ ออกไปจากรีสอร์ทหมดแล้ว ก็เหลือเพียงแต่พวกของธามและวิรัล รวมไปถึงบรรดามโคซึ่งเป็นคนของทั้งฝ่ายวิรัลและม่านฟ้าเองด้วย

    “ท่านธามครับ ผมจัดการแจ้งคนของเราให้ทราบแล้ว ...สำหรับคลับนั้นผมโอนเรื่องบริหารให้ไชยาเรียบร้อยแล้วครับ...ทางนั้นดูเหมือนไม่อยากรับ แต่ผมบอกไปว่าเป็นคำสั่งของท่านธามน่ะครับ”

     ชาครที่รับคำสั่งของธามไปปฏิบัติเข้ามารายงานเจ้านายของตน ที่ตอนนี้กำลังนั่งพักอยู่ในห้องพักผ่อนส่วนตัวห้องใหม่ของอีกฝ่าย 

    “ดีแล้ว...คนของเราที่เหลือจะได้ไม่เคว้ง เวลาฉันไม่อยู่... ที่เหลือก็คงต้องพึ่งเขา...พึ่งพ่อ ให้ช่วยยกเว้นคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ให้ด้วย”

    ชาครมองธามที่ยามนี้ดูเหมือนจะสงบลงหลังจากได้รู้ความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด  ชายหนุ่มโค้งนิด ๆ แล้วขอตัวไปรอด้านนอก เมื่อเห็นอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน



    ธามรอสายอยู่สักพัก เขาก็ได้ยินเสียงกดรับพร้อมกับเสียงของบิดาโพล่งมาตามสาย

    “ธาม! เกิดอะไรขึ้นกันแน่! ลูกน้องมาลุตติดต่อมา บอกกับพ่อและผู้คุ้มกฎของเผ่าว่า ลูกทรยศ และฆ่ามาลุตไปแล้ว ...ไม่จริงใช่ไหมลูก”

    “พ่ออยู่ตรงนั้นคนเดียวหรือเปล่า...มีใครอยู่ด้วยอีกไหมครับ”

    ธามยังไม่ตอบคำถามของบิดา แต่กลับย้อนถามกลับไป ปุริมเงียบไปชั่วครู่ แล้วเอ่ยตอบบุตรชาย

    “ไม่มี ...พ่ออยู่ในห้องส่วนตัวของพ่อ ส่วนคนอื่นกำลังเรียกรวมพลหารือเพื่อประชุมตัดสินเรื่องนี้กันอยู่”

    ธามถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงบอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่แสดงอารมณ์อันใด

    “ผมฆ่าเขาจริง ๆ ...ถึงจะไม่ลงมือ แต่ก็ทำให้เขาต้องตาย ...ก็เหมือนเขา ตอนนั้น ...เขาไม่ได้ลงมือ แต่ปล่อยให้แม่ผมต้องตาย ทั้งที่ตัวเองสามารถช่วยได้แท้ ๆ”

    ปุริมชะงัก เขาไม่อยากเชื่อว่าเรื่องที่ลูกน้องของมาลุตบอกจะเป็นจริง และยิ่งไม่อยากเชื่อว่า มาลุตนั้นเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ตายของภรรยาเขาจริง ๆ

    “เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ...ไหน ๆ เขาก็ตายไปแล้ว ผมก็อโหสิให้แล้วกัน...แต่ที่ผมโทรมาหาพ่อ เพราะอยากให้พ่อยกเว้นพรรคพวกของผมที่นั่นด้วย ...พวกนั้นไม่รู้อะไรเลย ผมกับชาครมีส่วนรู้เห็นแค่สองคนเท่านั้น  คนอื่น ๆ ที่อยู่ที่เผ่าไม่เกี่ยวข้องและไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ”

    ปุริมเงียบไปสักพัก แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง

    “ธาม...เล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อฟังได้ไหม...”

    ธามแค่นหัวเราะในลำคอ แล้วจึงตอบกลับไป

    “มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ...ไหน ๆ ผมก็กลายเป็นกบฏของเผ่าไปแล้ว”

    “แต่พ่ออยากรู้ความจริงจากปากของลูกชายพ่อ มากกว่ารู้จากคนอื่น... ได้ไหมธาม”

    คำพูดของปุริม ทำเอาธามชะงัก ชายหนุ่มเม้มปากน้อย ๆ  พลางเผลอกำมือถือแน่น ก่อนจะพ่นลมหายใจออกไปเต็มแรง แล้วจึงตัดสินใจเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้บิดาฟัง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องที่เขาเกิดรักแรกพบกับวิรัลนั่นก็ด้วย



    “เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่เล่ามานั่นล่ะครับ ...ตอนนี้ผมก็คงอยู่กับพวกมโคไปก่อน จนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง”

    ปุริมเงียบไปชั่วครู่ แล้วจึงเอ่ยขึ้นตามมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสั่นเครือ

    “ธาม...กลับเผ่าของเราไม่ได้หรือลูก ...กลับมาชี้แจงให้ทุกคนได้ฟัง ...ในกรณีนี้ มาลุตเองก็ผิด เพราะเป็นฝ่ายลงมือก่อน ...บางทีพ่ออาจจะช่วยลดโทษกบฏให้ลูก จนเหลือแค่กักบริเวณสักระยะแทนก็ได้นะ”

    ธามยิ้มเศร้า ๆ กับโทรศัพท์ แล้วจึงตอบบิดากลับไป

    “สายไปแล้วล่ะครับพ่อ... ต่อให้ไม่มีเรื่องของพี่ ยังไงผมก็จะออกจากเผ่า หลังการคัดเลือกประมุขเผ่าจบลงอยู่ดี... พ่อครับ ผมรักวิรัล รักมาก และอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน โดยไม่คิดเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงอะไรอีกแล้ว... และที่สำคัญ พ่ออาจจะปกป้องผมได้ แต่พ่อปกป้องวิรัลไม่ได้แน่ ...พวกที่อยากกินหัวใจของมฤคมาศ มีมากมายในหมู่วกะ ...ผมยอมกลับไป แล้วทิ้งให้วิรัลเสี่ยงอันตรายตามลำพังไม่ได้หรอกครับ  ....ผมสัญญากับเขาแล้ว ว่าจะไม่ยอมให้ใครทำอันตรายเขาได้  ต่อให้ต้องตาย หรือต้องให้เป็นศัตรูกับพวกเดียวกัน ผมก็จะปกป้องเขาครับพ่อ”

    ปุริมหลับตานิ่งสักพัก ก่อนจะพึมพำเสียงแผ่ว

    “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่ลูก... เอาเถอะ สำหรับทางนี้ พ่อจะพยายามช่วย และให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่พ่อจะทำได้ ...”

    ธามยิ้มน้อย ๆ กับโทรศัพท์ แล้วจึงเอ่ยตอบกลับไป

    “ขอบคุณนะครับพ่อ... รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ...ถ้ามีโอกาส ผมจะกลับไปกราบขอโทษพ่อ ที่เคยได้ล่วงเกินทุกสิ่งทุกอย่างลงไป”

    ปุริมน้ำตาซึม เขารับคำ แล้ววางสายลง ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นสักพักใหญ่ ก่อนจะเรียกสีหน้าและแววตาเคร่งขรึมจริงจังให้กลับคืนมา ...ตำแหน่งประมุขวกะที่แบกรับอยู่ มันไม่ได้สร้างความสุขให้กับเขาเลยสักนิด แต่เขาก็ยังคงต้องแบกรับมันต่อไป และใช้อำนาจนั้นเพื่อช่วยเหลือและให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายในเผ่า ...อย่างน้อยก็ให้มันได้มีส่วนช่วยไถ่โทษความผิดบาป ที่เขาเคยได้ทำไว้ในอดีต จนนำมาซึ่งการสูญเสียภรรยาที่รัก และลูกชายทั้งสองไปจากอ้อมอก...เช่นยามนี้

   

... TBC ...


สุขสันต์วันสิ้นปีค่ะ จะพยายามปั่นตอนหวาน ๆ มาให้ทันเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้ได้นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 31-12-2012 00:53:29
น้ำตาจะไหล :sad4:
ทำไมมันซึ้งขนาดนี้ สงสารธามจังเลย   :o12:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 31-12-2012 02:23:32
พิชญ์ยอมใจอ่อนแล้ว แต่ก็สงสารปุริมเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 31-12-2012 08:19:05
สงสารคุณพ่อจัง  :o12:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 31-12-2012 08:54:26
คุณพ่อน่่ารักจัง แต่สงสารอ่ะ
ตอนนนี้วิรัลกับธามก็หมดปัญหาไปหนึ่งแล้ว
พิชญ์ก็ยอมรับแล้วด้วยย อะไรๆน่าจะดีขึ้น
สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 31-12-2012 09:03:46
 :m15:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: shizuruviola ที่ 31-12-2012 11:38:23
อ่าๆ จะเป็นยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 31-12-2012 13:52:02
ธามดีจัง ถึงพี่จะไม่ดีไงก็เป็นพี่ :กอด1:
พ่อธามก็เข้าใจง่ายดี
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 31-12-2012 16:04:10
ธามยอมสละตัวเพื่อปกป้องวิรัลแล้ว ดีจัง ยอมไปอยู่กับอีกเผ่าด้วย :m15:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 31-12-2012 16:42:39
สนุกอ่ะ โรมิโอกับจูเลียตช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อให้ได้อยู้ด้วยกัน :impress3: ปลาบปลื้มจริงๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-12-2012 21:55:27
ธามน่าสงสารมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 31-12-2012 22:27:44
 เศร้าอ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา


กระซิก กระซิก กระซิก

น่าสงสารทุกคน

บกเว้นชาครกับพิช น่ารักเกลือเกิน  รู้ดีจริงๆนะจ๊ะชาคร  ไปแอบตรวจร่างกายมาด้วยตัวเองรึเปล่า  ฮิฮิ

สวัสดีปีใหม่ค่ะนักเขียยน
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 31-12-2012 22:56:40
 :pig4: สู้กันต่อไปนะ ธาม...เป็นพระเอกที่ใจแบบสุดๆ รักวิรัลมาก วิรัลก็โตขึ้นอีกจากการสู้รบ รักกันจนน่าอิจฉา :กอด1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 01-01-2013 11:03:12
เศร้าดีแท้
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 15 :: P.9 วันโพส 31/12/2555
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 03-01-2013 07:39:37
สนุกมากค่ะ อ่านกันมาราธอนเลยทีเดียว
แฟนตาซีแบบนี้ชอบจังเลยค่ะ ครั้งแรกที่เห็นชื่อเรื่องนึกว่าจะเป็นมนุษย์กับอมนุษย์อะไรแบบนี้ซะอีกแต่ก็ไม่ใช่
แถมยังเป็นอมนุษย์แบบไทยๆด้วยยิ่งชอบไปใหญ่เลย
ต้องออกจากเผ่ามาซะแล้ว แบบนี้อะไรๆมันก็เป็นใจน่ะสิ ชิชะ ยังหวงพิชญ์ เอ๊ย หวงวิรัลอยู่นะคะ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 03-01-2013 22:56:41
หวาน ๆ (?) รับปีใหม่  .... สุขสันต์วันปีใหม่ย้อนหลัง นะคะ นักอ่านทุกท่าน ขอให้สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทอง จ้า  สุดท้ายก็ขอบคุณที่ยังคงติดตามกันมาตลอดนะคะ  :pig4:

.........................

/ 16



    ด้วยคำสั่งของหมอที่ต้องการกักตัวคนไข้เจ็บหนักเอาไว้รักษาที่โรงพยาบาล พิชญ์จึงไม่ถูกปล่อยให้กลับบ้านพักคืนนี้ ส่วนวิรัล ธาม และชาคร นั้น ออกเดินทางจากรีสอร์ท ตรงกลับสู่คฤหาสน์มฤคมาศของวิรัล เพื่อป้องกันการรวมพลย้อนกลับมาเล่นงานของพวกวกะนั่นเอง

   “แล้วพวกคุณม่านฟ้า กับ คุณอำมฤตล่ะ เป็นอะไรมากไหม”

   วิรัลคุยสอบถามพี่เลี้ยงคนสนิทผ่านมือถือ ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบมาตามตรง

   “คุณอำมฤตค่อนข้างอาการหนัก แต่ไม่สาหัสถึงชีวิตหรอกครับ แพทย์ก็กำลังให้การรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนท่านม่านฟ้าไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แค่ช้ำในเล็กน้อย ตอนนี้ก็ฟื้นตัวแล้ว แต่ท่านก็ยังไม่ขอกลับ เพราะอยากเฝ้าอาการของคุณอำมฤตให้แน่ใจว่าปลอดภัยแล้วจริง ๆ”

   ท้ายประโยคพิชญ์หวนคิดถึงสีหน้าท่าทางของเด็กสาว ที่มันฉายชัดออกมาให้เห็น แม้คนที่ไม่คุ้นเคยกับทั้งคู่มากเช่นเขา ก็ยังสามารถรับรู้ได้เลยว่า ม่านฟ้านั้นคิดเช่นไรกับอำมฤตกันแน่

   “ท่านวิรัลครับ ...บางทีเรื่องหมั้น....”

   พิชญ์เอ่ยเสียงแผ่วแทบไม่พ้นลำคอ ทำให้วิรัลเลิกคิ้วนิด ๆ อย่างประหลาดใจ

   “มีอะไรหรือพิชญ์ พึมพำอะไร ฉันได้ยินไม่ค่อยชัด”

   “เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ  เอาเป็นว่ายังไงพรุ่งนี้ผมจะกลับไปที่โน่นแล้วกันครับ  ส่วนท่านก็พักผ่อนให้มากนะครับ จะได้ไม่ล้มป่วยไป”

   พิชญ์ตัดบท และคิดว่าบางทีเขาอาจจะไปพูดเรื่องนี้กับตรัณอีกที ไหน ๆ วิรัลก็รักมั่นกับธามขนาดนั้น แถมตอนนี้ธามก็มาอยู่ด้วยกันที่เผ่าแล้ว อีกทั้งม่านฟ้าก็แอบชอบอำมฤตอยู่ด้วย  ถ้าตรัณตกลงยอมยกเลิกเรื่องหมั้น ทุกฝ่ายก็คงมีความสุขตามมา

   

   วิรัลวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

   “วิรัล ...ฉันเอง เข้าไปหาได้ไหม”

   วิรัลสะดุ้ง เพราะจำได้ดีว่าเสียงใคร เด็กหนุ่มรีบเร่งฝีเท้าไปที่ประตู พลางเปิดมันออก แล้วเรียกชื่อคนตรงหน้า

   “คุณธาม...เอ่อ เชิญครับ”

   สีหน้าของอีกฝ่ายดูเงียบขรึมผิดเคย ทำให้วิรัลรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก ทว่า พอชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง พร้อมกับดันประตูปิดล็อกเรียบร้อย เขาก็กอดร่างโปร่งตรงหน้าอย่างรักใคร่และหวงแหน จนวิรัลตกใจ

   “คุณธาม! มีอะไรหรือครับ”

   ธามไม่ได้ตอบ เขากอดแน่นขึ้น แล้วช้อนร่างของเด็กหนุ่มอุ้มขึ้นลอย เดินไปที่เตียง ก่อนจะวางร่างของอีกฝ่ายลงอย่างทะนุถนอม แล้วตัวเองจึงขึ้นไปคร่อมทับร่างนั้นอีกที

   “คุณธาม...”

   “ฉันเผลอหลับไปเมื่อตอนหัวค่ำ...แล้วฝันถึงเธอ ...ฝันว่าฉันช่วยเธอไม่ทัน แล้วเธอถูกพวกนั้นรุมกินหัวใจ... ให้ตายเถอะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ฉันคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แน่...วิรัล”

   ธามพึมพำพลางซุกหน้าลงบนแผ่นอกของเด็กหนุ่ม เสียงหัวใจเต้นรัวของอีกฝ่าย ทำให้เขาเริ่มสงบลงทีละน้อย โดยเฉพาะเมื่อเรียวแขนโปร่งบางกอดตอบแล้วลูบหลังและศีรษะอีกฝ่ายอย่างรักใคร่

   “ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ...เพราะมีคุณอยู่ ผมถึงปลอดภัยยังไงล่ะ...”

   วิรัลกระซิบ ซึ่งธามก็ดันกายขึ้นแล้วชะโงกใบหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะแลกจุมพิตกันอย่างดูดดื่มอยู่ครู่ใหญ่ ธามจึงผละออกจากร่างของเด็กหนุ่ม เขายันกายลุกนั่งคร่อมร่างของวิรัลอยู่ตามเดิม แต่ถอดเสื้อผ้าที่อยู่ติดกายของตนออกจนหมด

    ทางด้านวิรัลพอเห็นเช่นนั้นก็ใบหน้าแดงระเรื่อ รู้ทันทีว่าธามต้องการทำอะไรกับตน แต่แม้จะเคยถูกห้ามปรามจากพิชญ์มาก่อน ทว่าหลังจากที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายมา ก็ทำให้วิรัลเริ่มได้คิดว่า ชีวิตของเขาและธามดูเหมือนมันจะไม่แน่นอนสักเท่าใด อาจจะมีเรื่องไม่คาดฝันเข้ามาแทรกแยกพวกเขาออกห่างจากกันเมื่อใดก็ได้ ...ดังนั้น วิรัลจึงไม่คิดขัดขืน ยามที่ธามเริ่มเล้าโลมและปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกเช่นเดียวกัน

   “วิรัล... ให้ฉันได้ไหม... ให้ฉัน   ได้เป็นหนึ่งเดียวกับเธอได้ไหม”

   ธามกระซิบขอร้อง ขณะที่ไล่จูบไปทั่วร่างเปลือยเปล่าบนเตียงอย่างโหยหา

   “คะ...คุณธาม...ผม...ผมเองก็...”

   วิรัลหน้าแดงก่ำ แล้วชะโงกหน้าไปกระซิบข้างหูอีกฝ่ายพร้อมกับโอบกอดรอบคอร่างแกร่งนั้นแน่น ทว่าคำพูดที่ได้ยินนั้นก็ทำให้ธามยิ้มออกมาอย่างยินดี เขาดึงร่างเปลือยเปล่ามานั่งเผชิญหน้า แล้วแลกจุมพิตกันอย่างดูดดื่มอีกครั้ง

   “วิรัล...กวางน้อยแสนสวยของฉัน...ฉันรักเธอที่สุด”

   ธามพร่ำบอกรักขณะที่เล้าโลมให้ร่างโปร่งบางบิดเร่าไปด้วยความปรารถนารุนแรง ก่อนที่ร่างนั้นจะสะดุ้งเฮือก เมื่อธามช้อนบั้นท้ายขาวเนียนที่ถูกนวดเฟ้นและเตรียมพร้อมอย่างดี ดันลงบนตักพร้อมกับสอดใส่ความเป็นชายของตนสวนกลับไปจนมิด

   “อ๊า!”

   เสียงกรีดร้องแหลมสูงด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น จนพิชานและบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านล่างตกใจและเตรียมจะขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบนห้อง ทว่าชาครนั้นปรากฏกายขึ้นมาขัดขวางเอาไว้เสียก่อน

   “พวกนายคงไม่คิดจะไปรบกวนเวลาที่ ‘คู่รัก’ เขาอยู่ด้วยกันหรอกนะ...ถ้าเข้าไปตอนนี้ ฝั่งท่านวิรัล จะลำบากใจเอาเสียมากกว่า”

   ชาครบอกยิ้ม ๆ เขาเปลี่ยนสรรพนามมาเรียกวิรัลว่าท่านตามแบบมโคตนอื่น เนื่องจากยอมรับอีกฝ่ายมาเป็นเจ้านายเต็มตัว เพราะธามกับวิรัลนั้นกำลังผูกพันเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วในขณะนี้

   พิชานชะงักก่อนจะหน้าแดงระเรื่อ เช่นเดียวกับมโคตนอื่น ๆ เมื่อพอจะคาดเดาว่าภายในห้องนั้นเกิดอะไรขึ้น

   “แต่เรื่องแบบนี้...คุณพิชญ์...”

   “หึ ๆ ถ้าหมอนั่นเขาคิดจะขัดขวาง คงไม่ปล่อยให้ฉันกับท่านธามมานอนค้างที่นี่หรอก ...หรือว่าไง เขาสั่งมาหรือเปล่าล่ะ ว่าห้ามท่านธามเข้าใกล้ตัวท่านวิรัลโดยเด็ดขาดน่ะ”

   ชาครบอกออกไปอย่างพอจะคาดเดาใจของอีกฝ่ายได้ พิชานชะงัก แล้วก็ต้องยอมรับว่าพิชญ์ไม่ได้สั่งเรื่องนี้  แม้เขาจะถามกลับไปตอนอีกฝ่ายโทรศัพท์ติดต่อมาฝากฝังงานที่คฤหาสน์ก็ตาม ว่าจะให้ทำยังไงกับพวกธามดี  ชายหนุ่มก็เลือกตอบแต่เพียงว่า ปล่อยให้ทั้งคู่เป็นอิสระ เหมือนกับมโคตนอื่น ๆ เท่านั้น

   “ทั้งสองคนนั่นผูกพันกันทางใจแค่ไหน พวกนายก็คงน่าจะรู้ ....แล้วมาถึงตอนนี้ ตอนที่ทั้งสองคนนั้นผ่านอะไรมามากมาย ...ฉันว่าก็น่าจะปล่อยทั้งคู่ตกลงกันเองมากกว่า ...หรืออยากจะเข้าไปห้ามก็ตามใจ เพราะฉันก็ไม่คิดจะขัดขวางอยู่แล้ว”

   ชาครบอกแล้วขยับทางหลีกให้ทุกคนแถวนั้น  คนอื่น ๆ มองหน้ากันตาปริบ ๆ ต่างรู้ดีว่าวิรัลนั้นชอบธามมากเหลือเกิน และก็รู้ดีว่าธามนั้นเพื่อวิรัลก็ถึงกับยอมทิ้งเผ่า และยอมแบกรับชื่อคนทรยศของเผ่าเอาไว้กับตัวเอง

   “เอางั้นก็ได้...”

    พิชานพึมพำ แล้วเตรียมหันหลังกลับ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินอีกคนทักขึ้น

   “ถ้าหมอนั่นกลับมาแล้วบ่นพวกนาย  ก็บอกว่าฉันขวางเอาไว้ก็ได้ เขาจะได้พุ่งความโมโหมาให้ฉันคนเดียวแทน”

   ชาครบอกตามไล่หลังเหล่ามโคไป พิชานหันกลับมามองอีกฝ่ายตาปริบ ๆ  แล้วถอนหายใจพร้อมสั่นศีรษะด้วยความระอา ก่อนจะเดินกลับไปประจำที่พร้อมพรรคพวกของตน  ส่วนชาครมองตามไล่หลังแต่ละคนไปพร้อมกับแย้มยิ้มน้อย ๆ เมื่อหวนนึกถึงใครบางคนที่อยู่โรงพยาบาล

   “ฉันรู้...ต่อให้นายอยู่ที่นี่ด้วย ถึงที่สุดแล้ว นายก็คงไม่คิดขัดขวางทั้งคู่อยู่ดี ...แต่แน่นอนว่าคงจะบ่นตามมาให้หูชากันไปเป็นแถวแน่ ๆ”

   ชาครหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เขามองไปที่ประตูห้องของวิรัล แล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะปล่อยให้ผู้เป็นนายและคนรักของเจ้านาย ใช้เวลาประสาคนรักร่วมกันไปอย่างเร่าร้อนระคนอ่อนหวานตลอดทั้งค่ำคืนนั้น



   วิรัลลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างมึนงง ภาพแรกที่เห็นคือแผ่นอกมีมัดกล้ามเปลือยเปล่าได้รูป ที่ทำให้เขาถึงกับชะงัก ก่อนจะหน้าแดงวาบ เมื่อหวนคิดขึ้นมาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับคนที่นอนเคียงข้าง เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา

   “อือ...จะรีบตื่นไปไหนล่ะ นอนต่ออีกสักนิดเถอะน่า”

   ธามกอดรั้งร่างบางที่เตรียมจะยันกายลุกขึ้นนั่งหมับ ทำเอาวิรัลหน้าแดงหนักขึ้น แล้วพยายามหาเรื่องคุยกลบความอายแทน

   “คุณธามตื่นนานแล้วหรือครับ...”

   “ก็ตื่นตอนเธอขยับตัวนั่นล่ะ”

   ธามตอบโดยไม่ยอมลืมตา ทว่ากลับจูบหน้าผากอีกฝ่ายเบา ๆ แล้วกอดรัดร่างโปร่งเปลือยในอ้อมกอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

   “แต่นี่น่าจะใกล้เวลาอาหารเช้าแล้วนะครับ...แดดส่องเข้ามาในห้องแล้วด้วย”

   วิรัลที่สังเกตเห็นแสงแดดยามเช้ารีบบอก เพราะเกรงว่าคนของเขาจะขึ้นมาตาม แล้วเจอสภาพเขากับธามแบบนี้เข้า

   “เธอหิวแล้วหรือ...ฉันยังไม่หิวเลย อีกอย่างถ้าหิว ก็ให้ข้างล่างเขายกขึ้นมาให้ก็ได้ ...เธอเดินลงไปเองไหวหรือ”

   ธามบอกคล้ายงัวเงีย แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ทำให้วิรัลหน้าแดงอีกครั้ง

   “คุณธามล่ะก็...”

   “หึ ๆ แต่จะว่าไปพอคุยกันแบบนี้ แล้วชักจะหิวขึ้นมาแล้วสิ...จะกินอีกสักรอบดีไหมน้า”

   อีกฝ่ายแกล้งพึมพำเสียงดังให้ได้ยิน จนวิรัลหน้าร้อนวูบวาบ แล้วพยายามจะลุกหนี แต่ก็ไม่สำเร็จ แถมยังถูกกอดแน่นกว่าเดิมอีก

   “ขอกินอีกรอบได้ไหม ...เมื่อคืนนี้ยังไม่ทันอิ่มดีเลย”

   ธามอ้อน แต่อีกคนรีบสั่นหน้า

   “ไม่เอานะครับ...เช้าแล้ว ...เดี๋ยวใครเห็นเข้า”

   “ไม่เปิดห้องเสียอย่างใครจะเข้ามาเห็นได้”

   ธามแย้ง แต่วิรัลก็ยังคงหน้าแดงก่ำ

   “ยังไงก็ยังได้ยินเสียงอยู่ดีนั่นล่ะครับ”

   “หึ ๆ เมื่อคืนเธอร้องเสียงดังขนาดนั้น ยังไม่มีใครขึ้นมาขัดจังหวะพวกเราเลยไม่ใช่หรือ...เพราะฉะนั้นอย่าห่วงเลยน่า”

   คนที่เพิ่งได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนหน้าแดงหนักยิ่งขึ้น เจ้าตัวอายจนแทบจะมุดหน้าหนีไปกับผ้าห่ม เมื่อนึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนตนเผลอหลุดปากร้องครางอะไรไปบ้าง

   “คุณธาม! ไม่เอาแล้ว! ไม่ให้ทำอีกแล้ว!”

   วิรัลโพล่งบอกด้วยความงอนและอาย จนธามนึกเอ็นดูระคนสงสาร

   “โอ๋ ๆ อย่างอนน่า ...ฉันล้อเล่น ไม่มีใครได้ยินหรอกน่า หรือถึงจะได้ยินก็ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอก  เขาก็รู้ว่าเธอกับฉันรักกันจริงไหม”

   ธามบอกปลอบพร้อมลูบหัวลูบหลัง คนที่นั่งเผชิญกับตน จนวิรัลเริ่มคลายความอายพร้อมกับพยักหน้ารับรู้นิด ๆ

   “ถ้าอย่างนั้นก็นอนกอดกันต่ออีกสักหน่อยดีกว่า เกิดเดี๋ยวพี่เลี้ยงของเธอกลับมา เราคงโดนกีดกันให้ออกห่างกันแน่...”

   ยังไม่ทันจะพูดจบ เสียงทุบประตูจากข้างนอกก็ดังขึ้น จนคนในห้องสะดุ้ง

   “ท่านวิรัล! ตื่นแล้วหรือยังครับ ...โธ่โว้ย ล็อกงั้นหรือ...ท่านวิรัล รบกวนช่วยบอกให้อีกคนในห้อง มาเปิดประตูให้ผมด้วย ไม่อย่างนั้นผมจะพังเข้าไปเดี๋ยวนี้นะครับ!”

   เสียงของพิชญ์ทำให้วิรัลสะดุ้ง ทั้งอายทั้งกังวล เมื่อเห็นสภาพของตนกับธามในตอนนี้

   “จะพังให้เสียของทำไม กุญแจสำรองก็มี ไปเอามาใช้แทนไม่ดีกว่าหรือ”

   เสียงของชาครดังขึ้นใกล้ ๆ แสดงว่าทั้งคู่นั้นอยู่ด้วยกันด้านนอกนั่นเอง

   “หุบปากไปเลย! เพราะเจ้านายของนายนั่นล่ะ...โธ่โว้ย! ระแวงอะไรก็ดันได้อย่างนั้น  รู้งี้ไม่อยู่ค้างโรงพยาบาลเมื่อคืนก็ดี....พิชาน! ยังไม่ได้กุญแจสำรองอีกรึไง!”

   ธามมองไปที่ประตูพลางอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะบอกกับคนที่เป็นกังวลในอ้อมกอด

   “ไม่ต้องห่วงนะ ...อยากรู้เหมือนกันว่าพี่เลี้ยงของเธอจะพูดว่ายังไง”

   “ตะ...แต่ว่า”

   “เอาเถอะน่า...รอดูไปก่อน”

   ธามบอกกับคนรัก แล้วรอจนกระทั่งประตูห้องเปิดออก พิชญ์ผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพบนเตียง ส่วนพิชานหน้าแดง แล้วเมินไปอีกทาง ตรงข้ามกับชาครที่อมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นผู้เป็นเจ้านายอยู่กับวิรัล

   “สวัสดี ซี่โครงเชื่อมกันไวจังนะ ถึงได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วเชียว”

   ธามเอ่ยทักทาย ทำให้คนถูกทักกัดฟันกรอด

   “คุณนี่มัน... ไว้ใจไม่ได้เลยให้ตายเถอะ! เรื่องท่านม่านฟ้ากับท่านวิรัลยังไม่ทันเคลียร์ให้เรียบร้อย คุณกลับ...โธ่โว้ย!”

   พิชญ์โพล่งใส่อย่างหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าโวยวายจนวิรัลเริ่มใจชื้น

   “พิชญ์...ขอโทษนะ ...แต่ว่าฉัน...”

   พิชญ์มองเจ้านายของเขา แล้วถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะแย้มยิ้มอ่อนโยนให้

   “ช่วยไม่ได้นี่ครับ มีคนปากว่ามือถึงอยู่ใกล้แบบนี้ ท่านก็คงต้านทานได้ลำบาก... แล้วก็คุณน่ะ...”

   พิชญ์หันขวับไปทางธามแล้วจ้องอีกฝ่ายอย่างเคร่งขรึมครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นในที่สุด

   “สาบานต่อหน้าผมกับท่านวิรัลได้ไหม  ว่าหลังจากนี้ไป คุณจะดูแลและปกป้องท่านวิรัลด้วยชีวิต และทำให้ท่านวิรัลมีความสุขตลอดไป”

   ธามชะงัก เช่นเดียวกับวิรัล และคนอื่น ๆ ที่อยู่แถวนั้น ทว่าสักครู่ธามก็ยิ้มแย้มน้อย ๆ พร้อมกับพยักหน้า

   “ได้สิ...ฉันสาบาน ว่าฉันจะปกป้องดูแลวิรัลตลอดไป”

   “ดี! ถ้าคุณผิดคำสาบานเมื่อใด ผมและทุกคนในเผ่ามโค จะตามไล่ล่าคุณไปทุกที่  และจะจับคุณแล่เนื้อเป็นชิ้น ๆ จะทรมานให้คุณจะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้ เลยทีเดียวล่ะ!”

    พิชญ์บอกด้วยสีหน้าจริงจังเช่นเดียวกับคำพูดจนวิรัลนึกกลัวแทน ทว่าธามกลับยิ้มน้อย ๆ แล้วบอกกับอีกฝ่าย

   “จะไม่มีวันนั้นมาถึงแน่ ...เพราะฉันจะไม่มีวันผิดคำสาบานกับเขา นอกเสียจากว่า จะมีความตายมาพรากพวกเราออกจากกัน...”

   คำพูดที่แปลความหมายได้ว่า อีกฝ่ายนั้นจะรักษาสัญญาจนวันตาย ทำให้วิรัลรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก เขาซบหน้ากับอกกว้างของอีกฝ่าย ซึ่งธามก็กอดตอบหลวม ๆ เห็นดังนั้น พิชญ์จึงถอนหายใจเบา ๆ แล้วขอตัวออกจากห้องไปก่อน แต่ก็ยังไม่วายเตือนให้ธามและวิรัลอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย   อีกสามสิบนาที เขาจะนำอาหารเช้ามาเสิร์ฟทั้งคู่ที่ห้อง  และมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่จะต้องพูดคุยกับทั้งสองคนอีกด้วย

   

   วิรัลรู้สึกโล่งอก เรื่องที่พิชญ์ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับธาม  เด็กหนุ่มมองคนที่ยังคงกอดเขาอย่างเขินอาย แล้วจึงบอกเสียงแผ่ว

   “คุณธาม...ปล่อยได้แล้วครับ เดี๋ยวผมจะต้องอาบน้ำ แล้วคุณก็ต้องอาบด้วยเหมือนกัน เดี๋ยวพิชญ์จะบ่นเอานะครับ”

   ธามยิ้มน้อย ๆ เขาคลายอ้อมกอดให้หลวมขึ้น แล้วจึงบอกตอบเด็กหนุ่ม

   “ถ้าอย่างนั้นเราก็อาบพร้อมกันสิ ...จะได้ไม่เสียเวลาไง  ดีไหม”

   วิรัลหน้าแดง เขารู้สึกเขินนิด ๆ ทว่าก็ยังคงพยักหน้าตอบรับไปแต่โดยดี

   “หึ ๆ เด็กดี...เธอนี่น่ารักที่สุดเลยวิรัล...มามะ งั้นเรารีบไปอาบน้ำกันเถอะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเธอจะขึ้นมาขัดจังหวะอีก”

   ธามกระซิบแฝงเลศนัย จนวิรัลต้องหน้าแดงวาบ แต่ความปรารถนาที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับคนรักตลอดเวลานั้นมีมากกว่า ทำให้เด็กหนุ่มยอมทำตามธามบอกอย่างว่าง่าย ไม่ว่าธามจะเสนอให้เขาทำอะไร เขาก็สนองชายหนุ่มกลับไปในทุกเรื่อง ...จนกระทั่งการอาบน้ำที่แสนจะวาบหวามและเร่าร้อนของทั้งคู่ผ่านพ้นไปในที่สุด



   พิชญ์ซึ่งนำอาหารเช้ามาเสิร์ฟทั้งคู่ที่ห้อง มองเจ้านายของตนที่ถูกธามจับอุ้มนั่งตักบนโซฟาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

   “...ผมว่าคุณให้ท่านวิรัลนั่งบนโซฟาแทนก็ได้ นั่งแบบนั้นจะทานสะดวกหรือ”

   “ไม่เป็นไร...วิรัลยังไม่พร้อมนั่งที่อื่น นอกจากตักฉันน่ะ ...จริงไหม เธอยังเจ็บอยู่มากนี่นะ”

   ธามบอกกับพิชญ์แล้วก้มลงถามคนบนตัก ทำเอาวิรัลหน้าแดงก่ำไม่กล้าพูดอะไรเพราะความอายหนัก

   “เหอะ...งั้นก็เชิญทานให้อิ่มกันก่อนแล้วกัน ทานเสร็จแล้วผมมีเรื่องจะพูดด้วย ...เกี่ยวกับเรื่องหมั้นของท่านวิรัลและท่านม่านฟ้า”

   วิรัลชะงัก สีหน้ามีความกังวล วิตก และรู้สึกผิดปะปนกันไป จนพิชญ์นึกสงสาร ส่วนธามนั้นเขาขรึมลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

   “ทานกันก่อนเถอะครับ... มันไม่ใช่เรื่องที่ได้ยินแล้วถึงขนาดทานข้าวเช้าไม่ลงหรอก”

   พิชญ์เอ่ยตามมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศอึมครึมที่เกิดขึ้น ก่อนจะขอตัวไปรอข้างนอกสักพัก และเมื่อลับร่างของพี่เลี้ยงหนุ่มไปแล้ว ธามก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยิ้มให้กับคนรักของตน

   “ฉันภาวนาให้มันเป็นข่าวดีนะ ...เธอเองก็คิดเหมือนกันใช่ไหม”

   วิรัลยิ้มน้อย ๆ ตอบ แล้วจึงชักชวนให้ธามทานข้าวเช้ากันแทน เด็กหนุ่มตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาเองก็ตั้งใจจะเผชิญหน้ากับปัญหาทั้งหมดด้วยตัวเอง โดยไม่คิดหลีกหนี และจะพยายามเลือกทางออกที่ยุติธรรมกับทุกฝ่ายให้จงได้



... TBC …
 :L1:




หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: AnimajuS ที่ 03-01-2013 23:33:11
วิรัล จะ ท้องไหมนิ ข้ามสายพันธุ์ซะด้วย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 03-01-2013 23:48:14
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 04-01-2013 00:11:03
อัยยะ เขาเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว เชียร์ชาครกับพิชญ์
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 04-01-2013 00:52:46
 :o8: :o8: วิรัลกวางน้อยน่ารักจัง เขินไปไม่ถูกตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 04-01-2013 01:12:56
พิชญ์ท่าทางจะเป็นห่วงและรักวิรัลมาก ๆ เลยนะเนี่ย ธามดูแลวิรัลให้ดี ๆ นะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 04-01-2013 02:06:14
ชอบพิชญ์กับชาครอ่ะ รอวันที่...นะ :impress2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 04-01-2013 02:25:53
หวาาา มาแบบซอฟต์ๆ
เหมือนธามจะทะนุถนอมวิรัลแบบเบาๆ ><
ถ้าคุยกันเรื่องคู่หมั้นอะไรแบบนี้จะมีปัญหารึเปลา
แล้วยังมีพวกวกะเข้ามายู่ด้วยอีก มโคกลุ่มอื่นจะว่ายังไง
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 04-01-2013 07:10:06
 :o8: :o8: :o8:


หวานเว่อร์ แอร๊ยยย  ยังไงก็ขอให้คู่ที่เหลือ ทั้ง คู่ของคุณม่านฟ้า อำมฤต กับ พิญช์ ชาคร สุขสมหวังเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 04-01-2013 11:31:55
เอาเป็ดมาหวัดีปีใหม่ด้วยจ้า
พิชญ์น่าจะโดนชาครซักดอกนะ อิอิ จะได้เลิกบ่น หรือบ่นเยอะขึ้น กร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 04-01-2013 16:22:31
หมาป่าสีเงินผู้พิทักกวางทอง.....ขอให้มีความสุขนะค่ะ.....อย่าได้มีอุปสรรค์อีกเลยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 05-01-2013 19:02:51
จะเป็นไงต่อน้า ทางด้านวกะไม่รู้จะล้างแค้นรึเปล่า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 06-01-2013 03:18:23
โคตรแบ๊วจริง  กวางน้อยของเรา
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 09-01-2013 00:20:29
มาแล้วๆ หายไปนานเพราะติดสอบ แอนด์ เทศกาล

กวางน้อยน่ารักขึ้นเรื่อยๆนะเนี้ย  :-[

แหม แอบเชียร์คู่ฮาร์ดคอชาครกับพิชญ์ ท่าทางจะเร้าใจน่าดูนะเนี้ย  :z1:

กอดคนเขียน  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 16 :: P.9 วันโพส 3/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 09-01-2013 13:35:23
 น่าร้ากกกก   :o8:                                                                                                                                                         เเต่.......ทำไมคนเเต่งหายไปงี้อ่าาาาา  :m31:                                                                                                              เรารอมาหลายวันเเล้วนะ รีบๆมาต่อไห้เราเถอะ  :sad4:                                                                                                                                              จะลงเเดงละ :z3:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 17 :: P.10 วันโพส 11/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 11-01-2013 23:44:08
คล้ายดังมีคนจุดธูปเรียก จึงลอยมาตามกลิ่นธูป.... มาครั้งนี้ ไม่มีข้อแก้ตัว ผู้แต่งยอมรับว่าดองงาน และจะพยายามเคาะนิสัยขี้เกียจนี้ทิ้ง และกลับมาปั่นแบบพยายามไม่ทิ้งระยะห่างจนเกินไปอีกค่ะ
 



/17




    “ผมคิดว่าท่านม่านฟ้า รักคุณอำมฤต”

    คำพูดแรกของพิชญ์นั้นสร้างความประหลาดใจเล็กน้อยให้กับวิรัลและธาม เพราะทั้งคู่นั้นรู้ดีว่าม่านฟ้ามีคนที่แอบชอบอยู่แล้ว

    “หือ...หรือว่าพวกคุณรู้อยู่แล้ว”

    พิชญ์มองทั้งคู่อย่างประหลาดใจ กับธามเขาไม่ค่อยแปลกใจ เพราะชาครนั้นพูดเป็นนัย ๆ เรื่องนี้ให้เขารับรู้ ถ้าลูกน้องรู้เจ้านายจะรู้ด้วยก็ไม่น่าประหลาดเท่าใด แต่กับวิรัลนี่สิ เด็กหนุ่มไม่น่าจะสังเกตได้เองขนาดนี้

    “ง่า...คุณม่านฟ้าบอกกับฉันวันแรกที่เจอกัน ว่าเธอมีคนที่รักอยู่ แต่เธอจำต้องเลือกหน้าที่ เพราะคนที่เธอรักอยากให้เธออยู่เหนือมโคตนอื่น ๆ น่ะ”

    วิรัลบอกกับพี่เลี้ยงของเขา เพราะถูกสายตาคมกริบนั้นคาดคั้น พอได้รู้พิชญ์ก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงพยักหน้าน้อย ๆ ตามมา

    “ก็อย่างที่ว่านั่นล่ะครับ ...คนที่ท่านม่านฟ้าหลงรักก็คงเป็นคุณอำมฤตนั่นเอง แต่ทางตัวคุณอำมฤต ผมว่าอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับท่านม่านฟ้า ...ที่ไม่คิดคงเพราะไม่เคยคิด และไม่กล้าคิด เนื่องจากด้วยฐานะ และหน้าที่ ...แต่ถ้าท่านวิรัลอยากให้เรื่องของตัวท่านเองราบรื่น และเรื่องของท่านม่านฟ้าสมหวังเช่นเดียวกัน ท่านคงต้องออกหน้าเจรจากับท่านตรัณด้วยตนเองแล้วล่ะครับ ...พอจะไหวไหมครับ”

    วิรัลกลืนน้ำลายลงคอ เพราะตรัณนั้น ก็มีอำนาจมากในหมู่มโค เปรียบเสมือนดังท่านย่าของเขา ที่อยู่ในฐานะผู้นำตระกูลของเขาอย่างแท้จริง แม้จะมีเขาเป็นว่าที่ประมุข และพิชญ์เป็นประมุขเงาก็ตาม

    “...ฉันจะลองดู  ฉันมีความสุขแล้ว ฉันก็อยากให้คุณม่านฟ้าพบกับความสุขเช่นเดียวกัน เธอเป็นผู้หญิงที่ดี และยังมีบุญคุณกับฉันในหลาย ๆ อย่าง ...ฉันไม่อยากให้คนดีอย่างเธอต้องมีชีวิตที่ขมขื่น เป็นเพียงแค่เครื่องมือของคำว่าอำนาจในเผ่าเท่านั้น”

    คำพูดจริงจังหนักแน่นของวิรัล ทำให้พิชญ์แย้มยิ้มออกมาอย่างชื่นชม ส่วนธามนั้นอมยิ้มน้อย ๆ แต่ก็รู้สึกพึงพอใจในการตัดสินใจของคนรักเช่นเดียวกัน

    “ตอนนี้ท่านม่านฟ้ายังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล เช่นเดียวกับคุณอำมฤต ดังนั้น ที่บ้านพักจึงมีแต่ท่านตรัณเท่านั้น ...ความจริงผมก็อยากจัดการเรื่องนี้โดยเร็วไว จะได้ไม่มีอะไรค้างคา ...แต่ว่าท่านวิรัล เอ่อ จะเดินทางไหวหรือเปล่าครับ”

    ท้ายประโยคพิชญ์อ้อมแอ้มถาม ส่วนวิรัลนั้นหน้าแดงวาบ ก้มหน้างุด ๆ หลบสายตาพี่เลี้ยงคนสนิทยกใหญ่ ทว่าคนนั่งใกล้ ๆ กลับหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ชวนให้อีกสองคนที่เหลือเกิดความหมั่นไส้ขึ้นมา

    “ฉันขอนอนพักสักหน่อย เย็นนี้ถึงจะออกเดินทาง  อยากเจรจาให้เสร็จสิ้นยิ่งเร็วยิ่งดี จะได้เป็นของขวัญให้คุณม่านฟ้า ตอนคุณอำมฤตฟื้น”

    ธามมองคนใจดีของเขาอย่างรักใคร่ เช่นเดียวกับพิชญ์ที่ปลื้มนายน้อยของเขา ที่เติบโตมาอย่างที่เขาคาดหวังแทบทุกอย่าง ...ยกเว้นเรื่องความรักนี่ล่ะ ที่เขาไม่ค่อยจะพอใจนัก แต่มาถึงวันนี้แล้ว เขาก็ต้องยอมรับว่า ธามกับวิรัลนั้นเป็นคู่บุพเพกันจริง ๆ และมั่นใจว่า แม้จะเกิดปัญหาอะไรขึ้น ทั้งคู่ก็น่าจะฝ่าฟันไปด้วยกันได้ไม่ยากนัก

    “ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้วล่ะครับ ...คุณก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นอย่าไปรบกวนท่านวิรัลนักล่ะ”

    ธามยกมือยอมแพ้ ชายหนุ่มเริ่มทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่า นับจากนี้ คงจะต้องมีพิชญ์มาคอยจู้จี้จุกจิกให้เขาปวดหัวอยู่เรื่อยไป  แต่ถ้านั่นหมายความว่าเขาจะได้อยู่กับวิรัลตลอดไปแล้ว  ธามก็คิดว่ามันค่อนข้างคุ้มค่าอยู่มาก

    พิชญ์กระตุกยิ้มด้วยความหมั่นไส้ แล้วจึงขอตัวออกไปจัดการเรื่องงานที่ค้างไว้ต่อ จนวิรัลนึกห่วงเรื่องที่อีกฝ่ายยังไม่หายดีนัก

    “งั้นเดี๋ยวส่งชาครไปเป็นผู้ช่วยดีกว่า เห็นอย่างนั้นหมอนั่นเก่งด้านบริหารมากเลยนะ ปกติก็ทำแทนฉันตลอดอยู่แล้ว”

    ธามบอกกับวิรัล แล้วจึงเรียกชาครมาสั่งให้ไปช่วยงานพิชญ์ โดยย้ำกับชาครว่า นี่เป็นคำสั่งของวิรัล ถ้าพิชญ์ไม่ยอม ก็ให้ยกงานให้พิชาน และตัวพิชญ์นั้น ก็กลับไปนอนโรงพยาบาลต่อสักอีกคืนสองคืน ค่อยมาทำงาน

    และเพราะคำสั่งแกมบังคับจากผู้เป็นเจ้านาย ซึ่งพิชญ์มั่นใจว่าวิรัลไม่ได้คิดเองแน่นั่น ทำให้ชายหนุ่มต้องรับลูกมือคนใหม่ให้มาช่วยงานอย่างเสียไม่ได้ ทว่าชาครก็เก่งจริงอย่างที่ธามคุยไว้ ชายหนุ่มช่วยพิชญ์เคลียร์งานต่าง ๆ ได้โดยที่พิชญ์แทบจะไม่ต้องเสียเวลาอธิบายสอนงานเลยด้วยซ้ำ

   
    “อืม...พอแค่นี้ก่อน พักได้แล้ว”

    พิชญ์ชะงัก เงยหน้าจากกองเอกสาร เมื่อผู้ช่วยคนใหม่วางงานในมือลง แล้วจ้องมองเขาเงียบ ๆ ทำเอาพิชานที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับงานเอกสารเช่นกัน ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ

    “ถ้านายขี้เกียจทำต่อ ก็พักไปสิ ส่วนฉันจะทำต่ออีกสักหน่อย”

    พิชญ์บอกอย่างไม่ใส่ใจ แต่ก็ต้องอุทานเบา ๆ อย่างตกใจ เมื่ออีกฝ่ายมาดึงเอกสารตรงหน้าเขาไป

    “นาย!”

    “ที่ให้พักนั่นหมายถึงตัวนายต่างหาก มียาที่ต้องกินกลางวันด้วยใช่ไหม กินก่อนหรือหลังอาหาร เอามาดูซิ”

    พิชญ์ขมวดคิ้วยุ่ง แล้วทำเป็นไม่สนใจ ชาครจึงหันไปทางพิชานแทน

    “ถุงยาหมอนี่อยู่ไหน ไปหยิบมาหน่อย ...ส่วนนายถ้าไม่กินยาให้ตรงเวลา ฉันจะไปปลุกท่านวิรัลที่กำลังหลับพักผ่อนอยู่มาบังคับให้นายกินยาแทน ดีไหม”

    คำขู่ที่เหมือนจะเอาจริงของชาครทำให้พิชญ์กัดฟันกรอด เขารับถุงยาจากพิชานที่ไปหยิบมาให้ เพราะกลัวสายตาชาคร และเป็นห่วงพิชญ์เช่นเดียวกัน

    “ไหน... มียาก่อนอาหารด้วยนี่ไง ...กินซะ หรือต้องป้อนให้ด้วย”

    ชาครดึงถุงยาไปดูเอง ทำให้พิชญ์ยิ่งหมั่นไส้เข้าไปใหญ่ เขาหยิบถุงยาคืนมา แล้วรับน้ำที่พิชานรินมาให้ ก่อนจะจัดการยาก่อนอาหารของตนให้เรียบร้อย

    “สักสิบห้านาที ค่อยไปทานข้าว ...โหมงานให้เสร็จ แล้วล้มป่วยต่อมันไม่คุ้มหรอก โดยเฉพาะเวลาที่เผ่ากำลังอยู่ในสภาวะไม่มั่นคงอย่างนี้...ถึงนายจะไม่ยอมรับ แต่ทุกคนและตัวนายก็น่าจะรู้ดีว่า เสาหลักที่แท้จริงของเผ่าตอนนี้คือใคร ใช่ไหม”

    พิชญ์เงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย แล้วสบถเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยตามมา

    “แต่อีกไม่นาน ท่านวิรัลก็จะปกครองเผ่าอย่างสง่าผ่าเผย ...ฉันมั่นใจ”

    “ถ้าได้ท่านธามช่วยฝึกในส่วนความเข้มแข็งก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ฉันคิดว่าระยะเวลาก็คงอีกหลายปี... ที่สำคัญ เพราะการตัดสินใจของนายในเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น ...มันอาจจะนำมาสู่การเปลี่ยนอำนาจในมือของท่านวิรัลไม่ใช่หรือ”

    ท้ายประโยคชาครเสียงแผ่วลง ใบหน้าก็ขรึมขึ้น 

    “...ต่อให้มีการเปลี่ยนฝ่ายตระกูลผู้ครองตำแหน่งประมุข ...แต่ตระกูลวงศ์หริโณ ของพวกเรา ก็จะต้องครองตำแหน่งผู้นำทางเศรษฐกิจของเผ่าให้จงได้...  เพื่อการนั้น ฉันเองต้องทำงานให้หนักขึ้นเป็นเท่าตัว เพื่อที่จะคานอำนาจของตระกูลของเรากับตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นในเผ่า ไม่ให้มันเปลี่ยนแปลงหรือสั่นคลอนลง”

    ชาครมองคนพูดนิ่ง ก่อนจะแย้มยิ้มอ่อนโยนแปลกตาส่งให้อีกฝ่าย

    “ฉันเคยแอบคิดนะว่านายทำทุกอย่างเพื่อเผ่า...มาตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายทำนั้นเพื่อท่านวิรัลเพียงคนเดียว ...โชคดีนะ ที่นายไม่ได้พิศวาสเขาแบบคนรัก ไม่อย่างนั้นเจ้านายของฉันคงแพ้และอกหักไม่เป็นท่าแน่”

    พิชญ์ชะงัก ก่อนจะเมินไม่ใส่ใจคำพูดของอีกฝ่าย ตอนนี้พิชานขอตัวไปเตรียมมื้อกลางวันให้ทั้งสองคน ในห้องจึงเหลือเพียงแต่ชาครและพิชญ์เท่านั้น

    “สำหรับฉัน ทั้งมโค และท่านวิรัล รวมถึงตระกูลวงศ์หริโณนั้น ก็สำคัญเท่า ๆ กันนั่นล่ะ!”

    พิชญ์แก้ตัว แต่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนที่อยู่ด้วย

    “แน่ใจหรือ ...นายเหมือนพวกพี่เลี้ยงที่ติดเจ้านายเอามาก ๆ  ถ้าให้เดา นายเป็นลูกคนเดียวใช่ไหม แล้วรับตำแหน่งพี่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กนั่น...ท่านวิรัลเกิดเลยล่ะสิ”

    ชาครเปรยขึ้นยิ้ม ๆ ซึ่งคนที่ถูกอ่านออกก็ชะงัก แล้วแสร้งทำเป็นเมินไปอีกทางจนคนมองนึกขำ

    “จริงสิ...นายจะไปหาพ่อของคุณม่านฟ้า กับท่านวิรัลในเย็นนี้สินะ”

    “แล้วมีอะไร อย่าบอกนะว่าจะตามไปด้วยน่ะ ไม่มีทาง”

    พิชญ์ตอบกลับอย่างเย็นชา ทว่าคนฟังกลับไม่ได้นึกโกรธเลยแม้แต่น้อย

    “หึ ๆ รู้หรอกน่า ถึงจะยอมให้ไป ก็ไม่ไปหรอก เดี๋ยวจะโดนสั่งเก็บเสียก่อน ไปทำให้พรรคพวกของเขาต้องตายตั้งมากมาย ถึงแม้จะไม่ได้ฆ่าโดยตรง แต่ก็เป็นสาเหตุอยู่ดี ญาติพี่น้องทางนั้นก็คงไม่สบอารมณ์นักหรอก”

    พิชญ์ชะงัก แล้วนึกเป็นห่วงเรื่องของวิรัลขึ้นมา นี่ถ้าคนของม่านฟ้าที่รอดชีวิต ไปเล่าให้ญาติพี่น้องของผู้ตายรู้ว่า ศัตรูเป็นพวกวกะที่ตามล่าธามมาอีกที และธามนั้นยังเป็นชู้รักของวิรัล  เขาเกรงว่าผู้เป็นนายของเขา คงจะถูกนินทาและเรื่องราวอาจจะล่วงรู้ไปถึงนายหญิงย่าของวิรัลก็เป็นได้

    “...ถ้าตกลงกันได้ ก็ให้ทางนั้นเขาปิดปากให้เงียบ ๆ เสียล่ะ เรื่องขัดใจกันก็คงมี แต่อย่าลืมบอกพวกนั้นย้ำ ๆ ถึงภัยนอกเผ่าด้วย ...ตอนนี้ไม่ได้มีแค่วกะเท่านั้น  ศัตรูเผ่าอื่น ๆ ที่เล็งมฤคมาศ ก็มีอีกมากมาย ...รวมไปถึงพวกที่คิดจ้องแต่จะทำลายเผ่าอื่นโดยไม่สนอะไรนั่นอีกด้วย”

    พิชญ์นิ่งเงียบรับฟัง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์ที่ถูกสั่งสอน แต่ความคิดของชาครนั้นก็ถือว่าเข้าท่าอยู่   ยิ่งถ้าม่านฟ้าถอนหมั้นกับวิรัลแล้ว ประกอบกับเรื่องเหตุการณ์ที่รีสอร์ท ก็อาจจะก่อให้เกิดมโคที่กระด้างกระเดื่องและไม่พอใจในตัววิรัลก็เป็นได้

    “ฉันจะพูดกับทางนั้นเอง...  มีอะไร มองแบบนั้นทำไม!”

    ท้ายประโยคพิชญ์ถามเสียงห้วน นึกไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นแววตายิ้ม ๆ นั้นมองมายังที่ตนนิ่ง

    “หือ...ไม่มีอะไรหรอก”

    ชาครตัดบท แล้วจึงเหลือบมองดูเวลาที่นาฬิกาตั้งโต๊ะของอีกฝ่าย

    “ใกล้เวลาแล้ว ไปกินข้าวกัน หรือจะให้ยกมาให้ที่นี่ล่ะ เดี๋ยวฉันจะได้ยกมาให้”

    พิชญ์ชะงัก ก่อนจะสะบัดหน้านิด ๆ ให้อย่างหมั่นไส้

    “ฉันเดินเองได้ เป็นแค่นี้ไม่ถึงตายสักหน่อย”

    “หึ ๆ ร่างกายฟื้นตัวไวสินะ...แต่ฉันว่าความดื้อมันชนะอาการบาดเจ็บของร่างกายมากกว่า”

    พิชญ์กัดฟันกรอด อย่างหงุดหงิด แต่ก็ทำเป็นตีหน้าเมินเฉย เพราะไม่ว่าจะเถียงอะไรออกไป ก็ดูเหมือนจะถูกชาครตอกกลับมาเสียอยู่ตลอด

    ทางด้านชาครนั้นอมยิ้มน้อย ๆ ชายหนุ่มเดินนำไปก่อนที่ห้องอาหาร สักพักพิชญ์จึงเดินตามไล่หลังมา พวกเขาทานอาหารกันอยู่ครู่ใหญ่ พิชญ์ก็ถูกเซ้าซี้ถามถึงยาหลังอาหารต่อทันที

     และหลังจากนั้นทั้งวัน ชาครก็มีหน้าที่ควบคุมดูแลการทานยาของมโคหนุ่ม โดยพิชานที่เป็นลูกน้องคนสนิทของพิชญ์แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าเหตุใดชาครจึงต้องมาคอยดูแลเจ้านายของเขาเป็นพิเศษ แต่ชายหนุ่มก็ค่อนข้างโล่งใจ เพราะบทจะบ้างานขึ้นมา เขาก็แย้งหรือห้ามอะไรพิชญ์แทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

   

    อีกด้านหนึ่ง ทางตรัณได้รับการแจ้งล่วงหน้า เรื่องที่ว่าที่ประมุขของเผ่ามโคอย่างวิรัลจะมาเยือนตนถึงที่พัก  แม้พอจะคาดเดาได้บ้างว่า วิรัลนั้นมาหาเขาเพราะเรื่องการโจมตีจากพวกวกะที่ผ่านมา แต่เมื่อได้รับฟังจากปากของอีกฝ่ายถึงเรื่องขอถอนหมั้นกับม่านฟ้า เขาก็ต้องนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะย้อนถามกลับเสียงเรียบ

    “ลูกสาวฉันทำอะไรให้เธอขุ่นเคืองใจงั้นรึ... ถ้าใช่ ฉันจะให้เขามาขอขมากับเธอเดี๋ยวนี้”

    “ไม่ใช่นะครับ! คุณม่านฟ้าดีต่อผมมาก แถมยังเสี่ยงชีวิตตัวเองป้องกันผมอีกด้วย!”

    วิรัลรีบแย้ง ก่อนจะชะงักเมื่อแววตาคมกริบของผู้สูงวัยจ้องมายังเขา พิชญ์ที่อยู่ข้าง ๆ อยากจะแย้งขึ้นแทน แต่ก็จำต้องเงียบไป เพราะหากเขาเป็นฝ่ายพูด เขาคิดว่าตรัณคงจะไม่ยอมรับเท่าวิรัลเป็นฝ่ายออกปากเป็นแน่

    “คือ...คุณม่านฟ้าเป็นผู้หญิงที่ดี ...ดีมากจนผมทนเห็นแก่ตัว ดึงเธอมาเกี่ยวข้องไม่ได้...”

    วิรัลพึมพำเสียงแผ่ว ก่อนจะเม้มปากน้อย ๆ แล้วหันหน้ากลับมาสบสายตากับคนตรงหน้าอีกครั้ง

    “ผมมีคนรักแล้วครับ ...รักมาก และไม่คิดจะรักคนอื่นอีก...รักจนต่อให้ต้องทิ้งตำแหน่งประมุข ทิ้งเผ่า ผมก็ยอม... ขอแค่ได้อยู่เคียงข้างเขาก็พอ”

    พิชญ์ชะงัก เขาเหลือบมองนายน้อยของตน แล้วก็ต้องรู้ว่าวิรัลไม่ได้พูดเสแสร้งให้ตรัณใจอ่อนแต่อย่างใด ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ แต่เขาก็ไม่ได้ค้านอะไรไป ในเมื่อเขาเลือกแล้วที่จะทำให้วิรัลมีความสุข แม้ว่าความสุขของวิรัล จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนอำนาจในมือของเด็กหนุ่มก็ตาม

    “เรื่องนี้ฉันเองก็รู้ดี ม่านฟ้าก็รู้ดี ...และฉันเชื่อว่าลูกสาวของฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องความรักส่วนตัวของเธอ  ม่านฟ้าจะเป็นเพียงแค่ภรรยาของประมุข และมีหน้าที่ให้กำเนิดบุตรที่จะมาเป็นมฤคมาศสืบต่อไปก็เท่านั้น”

    ตรัณเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง จนวิรัลชะงัก ทว่าสักพักเด็กหนุ่มก็ต้องโต้แย้งกลับไปอย่างโมโห

    “คุณจะเห็นแก่ตัว จนไม่สนใจความรู้สึกของลูกสาวตัวเองเลยหรือครับ หรือว่าสำหรับคุณ ลูกก็เป็นแค่เครื่องมือก้าวสู่ความเป็นใหญ่และอำนาจเท่านั้น!”

    พิชญ์สะดุ้งเฮือกเมื่อวิรัลต่อว่าตรัณอย่างรุนแรง ชายหนุ่มดึงแขนเสื้อของเด็กหนุ่มให้ยับยั้งสติอารมณ์ลง ทว่าตรัณนั้นกลับหัวเราะเบา ๆ และเปรยตอบเสียก่อน

    “หึ ๆ น่าดีใจแทนม่านฟ้านะ ที่เธอโมโหเพื่อเขาขนาดนี้ ...แต่เธอน่าจะเข้าใจนะวิรัล ในฐานะผู้นำตระกูล ก็ต้องทิ้งอารมณ์ส่วนตัวเพื่อคนส่วนรวม ...ถ้ามีแค่ฉันกับม่านฟ้า ฉันก็คงเลือกความสุขของลูกสาวเป็นหลัก...แต่นี่มันเกี่ยวพันกับคนเป็นร้อยชีวิตในปกครองของฉัน ...เธอคิดว่าด้วยฐานะอย่างฉัน ฉันจะเห็นแก่ความสุขส่วนตัว แล้วปล่อยให้ตระกูลเราตกต่ำลงอย่างนั้นหรือ ...ในโลกของผู้ใหญ่มันมีอะไรหลายอย่างที่เด็กอย่างเธอคาดไม่ถึงเชียวล่ะ และนั่นก็ทำให้มีบางคนต้องยอมถูกคนอื่นตราหน้าว่าเห็นแก่ตัว โดยไม่คิดโต้แย้งล่ะนะ”

    วิรัลนิ่งอึ้ง เมื่อได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย เขาเงียบไปสักพัก ก่อนจะพึมพำคำขอโทษออกมา เพราะเข้าใจในจุดที่ตรัณต้องการจะอธิบายดี เนื่องจากเขาเองก็ถูกผู้เป็นย่าปลูกฝังว่าให้ทำเพื่อตระกูลและคนในตระกูลตลอดมาเช่นเดียวกัน แต่ว่าเขาเองก็ตัดสินใจแล้ว ว่าจะทำให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีให้จงได้

    “ถ้าอำนาจ ความมั่นคง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับตระกูลของคุณ...ถ้าอย่างนั้นก็ให้คุณม่านฟ้าแต่งงานกับคนที่ตนรักสิครับ...และวันใดหากคุณม่านฟ้าให้กำเนิดมฤคมาศขึ้นมา  ผมยินดีจะถอนตัวจากตำแหน่งประมุข และมอบตำแหน่งให้ทายาทของพงศ์พิสุทธิ์สืบทอดแทนทันที!”

    ตรัณชะงักเช่นเดียวกับพิชญ์ ทว่าพิชญ์นั้นพอจะคาดเดาได้อยู่แล้วถึงการตัดสินใจของนายน้อยที่เขาดูแลมาเป็นอย่างดี ชายหนุ่มนิ่งเงียบและจ้องมองตรัณอย่างรอคอยคำตอบ  ซึ่งทางมโคสูงวัยก็นิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา

    “เธอกำลังทำให้ฉันลังเลนะวิรัล ... แต่ถ้าฉันตกลง แล้วตระกูลของเธอล่ะ พวกเขาที่อยู่ภายใต้อาณัติของเธอจะยอมรับได้หรือ”

    วิรัลชะงัก ทว่าก็ต้องอุ่นใจเมื่อพิชญ์กุมมือของเขา แล้วส่งยิ้มให้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นแทน

    “เรื่องตระกูลของเรา ทางเราจะจัดการกันเอง ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ...”

    ตรัณหันไปมองทางพิชญ์ และเมื่อเห็นแววตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็จำต้องถอนหายใจยาวออกมาอีกครั้ง

    “เฮ้อ...พวกเธอทำให้ฉันลำบากใจเหลือเกินรู้ไหม ...จริงอยู่เรื่องเปลี่ยนขั้วอำนาจของตระกูล มันทำให้ฉันและเชื่อว่าอีกหลายคนในตระกูลพงศ์พิสุทธิ์พอใจ แต่ก็นั่นล่ะ ฉันเสียดาย ทั้งตัวเธอ และความสามารถของลูกน้องเธอเหลือเกิน...”

    พิชญ์ยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นตรัณมองมาที่เขา

    “แสดงว่าท่านยอมรับข้อตกลงเรื่องนี้สินะครับ!”

    วิรัลแทรกขัดขึ้นด้วยใบหน้ายินดี ซึ่งตรัณก็หันมาทางเด็กหนุ่มแล้วยิ้มน้อย ๆ

    “หึ ๆ ฉันจะต่อต้านอะไรได้ เธอเองก็เป็นถึงว่าที่ประมุขของเผ่า เอาจริง ๆ หลังจากเธอรับตำแหน่ง เธอจะออกคำสั่งเด็ดขาดให้ยกเลิกการหมั้น ก็ทำได้ และอาจจะไม่ต้องเสียผลประโยชน์มากขนาดนี้ด้วยก็ได้...จริงสิ แบบหลังนี่คงจะดีกว่าไม่ใช่หรือ”   

    ตรัณเอ่ยในสิ่งที่ทำให้คนฟังชะงัก ก่อนที่ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นจะแย้มยิ้มตามมา

    “ไม่หรอกครับ ...ถึงจะเป็นผลดีต่อตระกูลของผม แต่ผมก็ไม่มีทางเลือกใช้วิธีขี้ขลาดแบบนั้นแน่นอน ...คุณม่านฟ้าเอง เพื่อตระกูล เธอยอมสละแม้ความสุขส่วนตัว  ผมทำร้ายผู้หญิงดี ๆ แบบนั้นไม่ได้หรอกครับ ...และเรื่องยกเลิกการหมั้นครั้งนี้ ผมอยากให้ทางท่านบอกทุกคนว่า เพราะผมเป็นฝ่ายผิดสัญญา ท่านและคุณม่านฟ้าจึงถอนหมั้น และผมยินดีชดเชยด้วยทรัพย์สมบัติส่วนหนึ่ง รวมไปถึงหนังสือสัญญาเรื่องมอบอำนาจประมุขให้ทายาทที่เป็นมฤคมาศของตระกูลพงศ์พิสุทธิ์ด้วย”

    วิรัลตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม เช่นเดียวกับพิชญ์ที่ยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจในคำตอบของเจ้านายเขา  ส่วนตรัณมองเด็กหนุ่มตรงหน้า แล้วจึงสั่นศีรษะไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

    “เธอยิ่งทำให้ฉันเสียดายตัวเธอมากขึ้นนะ....ไม่ใช่เพราะความเป็นมฤคมาศ แต่ในฐานะพ่อของลูกสาวคนหนึ่ง ที่ฉันมั่นใจว่า หากเธอได้ม่านฟ้าไปแล้ว คงจะดูแลและมอบความรักให้ลูกสาวของฉันเป็นอย่างดีเป็นแน่”

    วิรัลยิ้มตอบอีกฝ่าย พร้อมกับเอ่ยออกไป

    “ถ้าหัวใจผมยังว่างอยู่ ก็คงจะเป็นเช่นนั้นได้โดยไม่ยากหรอกครับ ...แต่ผมเชื่อมั่นนะครับ ว่าคนที่คุณม่านฟ้าเลือก เขาก็พร้อมจะรัก และดูแลปกป้องคุณม่านฟ้าด้วยชีวิตเช่นเดียวกัน ...และเขาก็แสดงออกเช่นนั้นให้ผมและคุณม่านฟ้าได้เห็นมากับตาแล้วด้วย”

    ตรัณนิ่งอึ้ง แล้วจึงย้อนกลับไปอย่างลังเลนิด ๆ

    “เธอจะบอกฉันว่าม่านฟ้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว และนั่นก็คือ อำมฤต อย่างนั้นหรือ”

    วิรัลพยักหน้าตอบรับ และนั่นก็ทำให้ตรัณถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

    “ให้ตายเถอะ...คนใกล้ตัวขนาดนี้เชียวหรือ  เฮ้อ! ลำพังอำมฤตคงไม่ได้คิดอะไร แต่ลูกสาวฉันนี่สิ... เด็กคนนั้นเก็บงำความรู้สึกตัวเอง ได้เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ”

    ตรัณพึมพำอย่างนึกสงสารบุตรี  ถ้าม่านฟ้าไม่มีคนที่รักมาก ๆ เขาก็เชื่อมั่นว่าเธอจะรักวิรัลได้ไม่ยาก แต่ในเมื่อเหตุการณ์มันเป็นเช่นนี้ เขาก็คงต้องเลือกยอมรับเงื่อนไขที่วิรัลเสนออย่างช่วยไม่ได้เสียแล้ว

    “ก็ได้ ฉันตกลง ...ซึ่งฉันก็หวังว่า หลังประกาศออกไปเป็นทางการแล้ว ท่านย่าของเธอคงไม่รีบแล่นมาเล่นงานฉันหรอกนะ”

    วิรัลชะงักเช่นเดียวกับพิชญ์ พวกเขาคิดจะแก้ปัญหาทางด้านตรัณก่อน จนลืมคิดไปว่า ยังมีปัญหาใหญ่อีกปัญหารอคอยอยู่เบื้องหลัง

    “...สำหรับท่านย่า ผมจะเป็นฝ่ายเจรจากับท่านเองครับ”

    วิรัลบอกด้วยสีหน้าหนักแน่น และแววตาจริงจัง จนตรัณต้องอมยิ้มนิด ๆ แล้วพยักหน้ารับรู้ จากนั้นพิชญ์ก็พูดคุยถึงปัญหาเรื่องธามและชาครกับตรัณต่อ ซึ่งผู้นำตระกูลพงศ์พิสุทธิ์ก็เข้าใจเรื่องนี้ดี และให้คำมั่นว่าจะกำชับคนในตระกูลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ให้เผยแพร่เรื่องนี้ออกไปให้ตระกูลอื่นได้รับรู้เป็นแน่



    เมื่ออำลาตรัณและตรงกลับมายังคฤหาสน์มฤคมาศของตน วิรัลก็ต้องใจหายเมื่อพบว่าธามกับชาครนั้นไม่อยู่ที่นั่นเสียแล้ว

    “พวกเขาไปไหน...เขาบอกไว้ไหม”

    วิรัลถามน้ำเสียงเบาหวิว ตัวสั่น หน้าซีด จนพิชญ์สงสารและดึงร่างโปร่งมากอดปลอบแน่น พลางรอคำตอบจากพิชาน

    “ง่า...ทั้งคู่บอกว่าขอตัวไปจัดการธุระสำคัญ และให้สัญญาว่าจะกลับมาหากเสร็จธุระเรียบร้อยแล้วครับ ...นี่ครับท่านวิรัล จดหมายที่คุณธามฝากเอาไว้มอบให้เมื่อท่านกลับมา”

    วิรัลรับมาเปิดอ่านทันที ก่อนจะใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นข้อความในนั้น

    ‘ขอโทษนะวิรัลที่รัก ที่ไม่ได้อยู่บอกเธอก่อน แต่ฉันคิดว่า ฉันคงต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง ...ฉันสัญญานะ ว่าฉันจะกลับมาหาเธอแน่ รอฉันก่อนนะ ...จาก ธาม’

    “เขาว่ายังไงครับท่านวิรัล”

    พิชญ์ถามอย่างเป็นห่วง แต่ก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นนายน้อยของเขามีรอยยิ้มอีกครั้ง

    “เขาบอกว่ามีธุระสำคัญที่ต้องจัดการ และจะกลับมาแน่นอน”

    พิชญ์ขมวดคิ้วยุ่ง และขออนุญาตอ่านจดหมายฉบับนั้นบ้าง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

    “ธุระหรือจุดหมายปลายทางคืออะไรก็ไม่รู้จักบอกกล่าว  ทำให้ชาวบ้านเป็นห่วงแบบนี้ เห็นทีพอกลับมาคงต้องบ่นกันสักหน่อยแล้ว!”

    วิรัลหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของพี่เลี้ยงหนุ่ม  สำหรับเขาแล้ว หลังจากได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แม้จะเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังคงเชื่อมั่นกับคำสัญญาของคนรัก และจะตั้งใจรอคอยให้ธามกลับมา เหมือนอย่างที่อีกฝ่ายบอกกับเขาเอาไว้ในจดหมายอย่างแน่นอน


... TBC ...



หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 17 :: P.10 วันโพส 11/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 11-01-2013 23:59:14
ขอให้ทุกอย่างราบรื่นเถอะะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 17 :: P.10 วันโพส 11/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 12-01-2013 00:16:54
ธามไปทำอะไรกันนะนั่น แล้ววิรัลกับพิชญ์จะคุยกับย่าวิรัลได้เรื่องไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 17 :: P.10 วันโพส 11/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 12-01-2013 00:39:03
อาหัวหมูมาเซ่นคนเเต่ง :oni1: :oni1:  ขอไห้ธามกลับมาเจอวิรัลอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ สาตุ๊  :z3: :z3:                                          ปล.อยากอ่านคู่พิญช์กับชาคร อ๊าาาา  (คนแต่ง : ห๊ะ!!!!!  o22 o22 o22)
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 17 :: P.10 วันโพส 11/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 12-01-2013 01:02:33
โล่งใจที่เคลียร์กับตระกูลของม่านฟ้าได้ ลดปัญหาหญ่ไปได้อีกหนึ่งแล้ว
เหลือคุยกับย่าสินะ ขอห้คุยกันรู้เรื่องทีเถอะ

คุณปัทเอาชนะให้ได้นะคะ อยากเจอพิชญ์บ่อยๆ (ไม่ค่อยเลย==)
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 17 :: P.10 วันโพส 11/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 12-01-2013 01:07:49
:pig4: ดีนะที่ท่านตรัณพ่อของม่านฟ้าเข้าใจเรื่องความรักและเรื่องอื่นๆ ได้ง่ายๆ ไม่งั้นคงลำบากแน่
คนอ่านคาดว่าธามกับชาครเดินทางกลับไปเผ่าแน่นอน แต่ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัยก็แล้วกัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 17 :: P.10 วันโพส 11/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 12-01-2013 06:59:35
ปัญหารุมเร้า ขอให้แก้ไขมันได้ราบรื่นท ตลอดไปด้วยเถอะ อย่ามีอุปสรรคอะไรมาเพิ่มเลยเพราะแค่นี้ก็มากพออยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 17 :: P.10 วันโพส 11/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 12-01-2013 13:58:02
แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่อีกเยอะละนะวิรัลธาม
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 13-01-2013 16:37:09
มาแปะแล้วจ้า (พยายามปั่นหูตูบแก้ตัวจากที่ดองนานไปนิด แหะ ๆ)  จากตอนที่แล้ว ที่พวกธามหายไป  ตอนนี้จะเฉลยว่าพี่ท่านหายไปไหน ....มีใครเดาถูกบ้างเอ่ย

สุขสันต์วันปีใหม่และวันเด็กย้อนหลังค่ะ :L2:


/ 18



    วิรัลยืนเหม่อลอยนอกระเบียงพลางกอดอกค่อย ๆ เมื่อสายลมเย็นพัดผ่านผิวกายภายใต้ผ้าบางของชุดนอน เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่ถูกนำมาคลุมให้เขาจากด้านหลัง

   “พิชญ์หรอกหรือ...มาเมื่อไหร่น่ะ ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเลย”

   “เพราะท่านเอาแต่คิดถึงคนที่ไม่อยู่ที่นี่ จึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของผมน่ะสิครับ...ดึกแล้วนะครับ เขาคงยังไม่กลับมาในคืนนี้หรอก”

   พิชญ์เอ่ยกับอีกฝ่าย ซึ่งวิรัลก็ยิ้มน้อย ๆ ให้ แล้วจึงเหม่อมองไปยังความมืดเบื้องหน้าอีกครั้ง

   “มันนอนไม่หลับน่ะพิชญ์ ...น่าแปลกนะ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นอยู่คนเดียวมาตลอด ฉันก็อยู่ได้แท้ ๆ ...แต่ตอนนี้แค่เขาห่างกายไปไม่กี่ชั่วโมง ฉันกลับรู้สึกว่ามันนานนับเดือน นับปีด้วยซ้ำ ...อ่อนแอจริง ๆ เลยฉัน ถ้าคุณธามรู้ จะต้องเบื่อฉันแน่ ๆ”

   พิชญ์ถอนหายใจเบา ๆ เขาประคองกอดนายน้อยของตนอย่างเอ็นดูและทะนุถนอม ก่อนจะตอบกลับไป

   “ผมว่าคนนั้นหากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับเขา จะได้ใจยิ่งขึ้นมากกว่าต่างหากล่ะครับ ...อย่าเผลอไปพูดต่อหน้าเขาเข้าล่ะครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน”

   พิชญ์ยิ้มติดเจ้าเล่ห์นิด ๆ ทำให้คนที่หันมามองหน้าแดงด้วยความเขิน จากนั้นเจ้าตัวจึงถอนหายใจเบา ๆ และตัดสินใจเข้าไปพักผ่อนตามที่พี่เลี้ยงคนสนิทขอร้องเอาไว้

   “ดีแล้วล่ะครับ ...ถ้าพรุ่งนี้เขายังไม่กลับมาอีก เดี๋ยวผมจะตามเรื่องให้เอง เพราะฉะนั้น คืนนี้ก็หลับให้สบาย ไม่ต้องกังวลอะไรนะครับ”

   พิชญ์บอกกับคนที่เอนกายลงบนเตียงนอน วิรัลพึมพำขอบคุณพิชญ์เบา ๆ และเมื่อเห็นว่าวิรัลเข้านอนดีแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินออกจากห้อง ลงไปห้องทำงานของตน แล้วตัดสินใจหยิบมือถือโทรออกมาหาใครคนหนึ่ง

   “ไง... โทรมาดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้ คิดถึงกันมากหรือไง”

   ปลายสายถามอย่างอารมณ์ดี แต่ทำให้คนฟังขมวดคิ้วยุ่งอย่างหงุดหงิด

   “อยากโดนต่อยปากหรือไง! นายกับเจ้านายของนายน่ะ มีเรื่องต้องชี้แจงฉันกับท่านวิรัล มากกว่าจะพูดเรื่องงี่เง่าพวกนี้ไม่ใช่หรือ!”

   เสียงหัวเราะดังขึ้นจากปลายสายเบา ๆ จากนั้นชาครจึงเอ่ยตามมา

   “ถ้าอย่างนั้นคงต้องไปถามเหตุผลจากท่านธามเอาเอง แต่ตอนนี้ท่านไม่ว่าง มีธุระสำคัญต้องจัดการอยู่”

   พิชญ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างหงุดหงิดปนหมั่นไส้มากขึ้น แต่เพราะอยากรู้เหตุผลและสถานที่ซึ่งชาครและธามอยู่ ชายหนุ่มจึงพยายามสงบสติอารมณ์ แล้วถามกลับไปอีกครั้ง

   “แล้วตอนนี้พวกนายอยู่ที่ไหน และจะกลับเมื่อไหร่”

   “....อืม ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพฯ เท่าไหร่  ส่วนจะกลับตอนไหนก็คงให้ท่านธามเสร็จธุระที่นี่ก่อนนั่นล่ะ ...แต่เท่าที่ดูอาจจะได้อยู่ยาวสักนิด เพราะคนคนนั้น ค่อนข้างใจแข็งอยู่พอสมควรล่ะนะ...เผลอ ๆ จะโดนตลบหลัง จับพวกเราขังที่นี่ ไม่ก็ถูกฆ่าปิดปากก่อนจะได้กลับกรุงเทพฯ ก็ได้ ...อืม มีส่วนทีเดียว”

   ชาครพึมพำด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อน ทว่าคำพูดที่ได้ยินกลับทำให้พิชญ์ตาเบิกกว้าง

   “พวกนายอยู่ทีไหนกันแน่! อุ๊บ...”

   คนที่ตกใจจนลืมตัวลุกพรวดพราดถาม และต้องทรุดลงไปนั่งบนเก้าอี้ด้วยความเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บเดิม ทำให้ปลายสายชะงักแล้วเอ่ยกลับเสียงขรึม

   “ระวังตัวหน่อยสิ ...นายบาดเจ็บอยู่นะ แล้วนี่กินยาหลังอาหารมื้อเย็นหรือยัง  ไหนจะยาก่อนนอนอีกล่ะ”

   “เลิกบ่นเป็นพ่อฉันสักทีเหอะ! บอกมาเดี๋ยวนี้เลย ว่าพวกนายอยู่ไหน แล้วกำลังลำบากอยู่ใช่ไหม!”

   ชาครอมยิ้ม เขาเหลือบมองประตูห้องเบื้องหน้า คาดว่าคนข้างในนั่น คงได้ยินที่เขาสนทนากับพิชญ์บ้างไม่มากก็น้อย เพราะที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบพอสมควร

   “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ต้องปกป้องท่านธามให้กลับไปหาท่านวิรัลของนายให้ได้นั่นล่ะ”

   พิชญ์ชะงัก แล้วเงียบไปด้วยความเป็นห่วงมากยิ่งขึ้น

   “...อย่าทำเป็นพูดล้อเล่นเรื่องความเป็นความตายแบบนั้น พวกนายตัดสินใจอยู่ร่วมกับพวกเราเผ่ามโคแล้ว ...ฉันก็จะถือว่าพวกนายเป็นสมาชิกของเผ่าเหมือนกัน  ถ้าเกิดเรื่องอันตรายขึ้น ฉันก็ต้องไปช่วยให้ได้”

   คำพูดของพิชญ์ทำให้ชาครนิ่งอึ้ง ก่อนจะแย้มยิ้มอ่อนโยนออกมาน้อย ๆ

   “ขอบคุณ...ฉันแค่พูดเล่นน่ะ  ฉันคิดว่าคนที่นี่มีเกียรติและศักดิ์ศรีพอที่จะไม่ทำเรื่องลอบกัดแบบนั้นหรอก ...เพราะฉะนั้น ฉันกับท่านธาม จึงได้มาที่นี่กันเพียงลำพังสองคนยังไงล่ะ”

   ชาครพูดเสียงดังกว่าเดิมเล็กน้อย อย่างจงใจให้คนอื่นแถวนั้นได้ยินด้วย คำพูดที่ทำให้ธามซึ่งอยู่ในห้องอมยิ้ม และคนตรงหน้าเขาชะงักให้เห็น

   “นายไม่ต้องเป็นห่วงไป ฝากบอกท่านวิรัลด้วย ว่าท่านธามจะกลับไปหาแน่นอน ...แค่นี้ล่ะ แล้วอย่าลืมกินยาก่อนนอนด้วยนะ”

   ชาครตัดบทแล้วปิดมือถือของตน ทำให้พิชญ์ที่พยายามติดต่อเป็นห่วง เพราะลองโทรเข้ามือถือธามก็เป็นเช่นเดียวกัน

   “เจ้าหมาป่าบ้า...ไปอยู่ไหนกันแน่นะ”

   พิชญ์พึมพำกับตัวเองด้วยความกังวลแกมหงุดหงิด เขาไม่คิดว่าทั้งคู่จะกลับไปยังเผ่าวกะในสถานการณ์เช่นนี้  แต่นอกจากเผ่าวกะแล้ว สถานที่อันตรายสำหรับทั้งคู่ก็ไม่น่าจะมีอีก ยกเว้นเผ่าที่เป็นศัตรูกันเท่านั้น

   “อ๊ะ! หรือว่าพวกนั้นจะ...”

   คิดมาได้ถึงตอนนี้พิชญ์ก็หน้าซีดเผือด กับความเป็นไปได้ที่น่าเป็นห่วง เขาเม้มปากน้อย ๆ แล้วตัดสินใจเดินกลับขึ้นไปบนชั้นสอง และปลุกวิรัลขึ้นมา

   

   “มีอะไรหรือพิชญ์”

   วิรัลถามอย่างแปลกใจ เด็กหนุ่มนั้นยังไม่หลับ และกำลังนอนคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่เช่นกัน

   “ผมสงสัย ว่าทั้งสองคนนั้นจะไปที่...”

   ท้ายประโยคเจ้าตัวเสียงแผ่วลง แต่คนฟังก็ยังคงได้ยิน วิรัลตาเบิกกว้าง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงสั่น

   “พิชญ์...สองคนนั่นจะปลอดภัยไหม...คนที่นั่นคงจะไม่ทำอะไรพวกเขาใช่ไหม...”

   “ผมเองก็ไม่มั่นใจครับ...ผมถึงได้มาบอกท่าน และจะชวนท่านไปที่นั่นด้วยกัน ...ถ้าผมแค่สังหรณ์ใจไปเองก็คงดี ...แต่ถ้าไม่ใช่ เราอาจจะออกหน้าช่วยพวกนั้นได้บ้าง...ผมหวังว่าอย่างนั้นนะครับ”

   พิชญ์ตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก และไม่ต้องคิดนาน วิรัลก็ลุกพรวดขึ้น ก่อนจะตรงไปตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อผ้าออกมาเปลี่ยนทันที

   “ไปกันเถอะพิชญ์ ถ้าไม่มีอะไรจริง ๆ ก็ดีไป  แต่ถ้าเป็นอย่างที่นายสงสัย ขืนชักช้า อาจจะไม่ทันการก็ได้”

   วิรัลบอกด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวหนักแน่น  พิชญ์พยักหน้ารับ แล้วขอตัวไปสั่งความพิชานให้ดูแลที่นี่ และหากธามกับชาครไม่ได้อยู่ในสถานที่ซึ่งเขาคิด และกลับมาก่อน ก็ให้ทั้งคู่รอคอยอยู่ที่คฤหาสน์อย่าไปไหนเด็ดขาด



   อีกด้านหนึ่ง คนที่กำลังถูกเป็นห่วง ยังคงนั่งคุกเข่านิ่งต่อหน้าหญิงชราในชุดเสื้อผ้าไหมทอราคาแพง เจ้าหล่อนนั่งพับเพียบเอนพิงหมอนอิง ข้างกายมีหญิงสาวในชุดไทยพื้นบ้านคอยปรนนิบัติอยู่ และทางเข้าออกประตูห้อง มีชายฉกรรจ์ในชุดไทยพื้นบ้านคอยดูแลเฝ้าอยู่เช่นเดียวกัน

   “ถึงขนาดดึงพิชญ์เป็นพรรคพวกได้...เธอและลูกน้องของเธอนี่ก็ร้ายกาจไม่ใช่ย่อยนะ”

   น้ำเสียงเรียบเฉยเปรยขึ้นอย่างยากจะจับความรู้สึก ธามโค้งศีรษะให้อีกฝ่ายนิด ๆ แล้วจึงเอ่ยตอบ

   “คงไม่ถึงกับเรียกว่าพรรคพวกได้เต็มปากหรอกครับ เพราะเขาก็เขม่นผมกับลูกน้องอยู่ออกบ่อย  แต่ผมคาดว่าเขาคงจะรับรู้ถึงความจริงใจที่ผมมีต่อวิรัล และเป็นห่วงในความรู้สึกของวิรัล จึงไม่คิดขัดขวางความรักของพวกเราทั้งคู่ที่มีต่อกัน”

   เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นมาจากร่างของหญิงชรา ใบหน้าสูงวัยที่ยังคงมีเค้าความงามในยามสาวแย้มยิ้มมุมปากนิด ๆ แล้วเอ่ยโต้กลับไป

   “งั้นถ้าฉันไม่เห็นด้วยกับความรักของพวกเธอ ก็ถือว่าฉันไม่ห่วงความรู้สึกของหลานตัวเองสินะ”

   ธามยิ้มที่มุมปาก แล้วจึงตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่หวั่นไหว

   “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกครับ ผมเข้าใจดี ว่าการแสดงความรักของญาติผู้ใหญ่ บางทีมันก็มาพร้อมกับความเข้มงวด เพราะด้วยประสบการณ์ในการใช้ชีวิต ก็มักจะทำให้พวกเขามองการณ์ไกลกว่าที่เด็ก ๆ อย่างพวกเราเป็น”

   ปาลินี ย่าของวิรัลชะงักเล็กน้อย ก่อนจะแค่นยิ้มออกมา

   “รู้จักพูดนะ...แต่ถ้าคิดจะใช้คำยกยอปอปั้นไม่กี่คำ ทำให้ฉันเปลี่ยนใจแล้วล่ะก็  คงต้องบอกว่าเสียใจด้วย”

   ธามยิ้มน้อย ๆ ตอบ เขาเองก็พอจะรู้ว่า ย่าของวิรัลคงยอมรับเรื่องของเขาได้ยาก แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้อยู่ดี

   “ผมก็คิดว่าแค่เพียงคำพูด คงจะไม่ทำให้ท่านยอมรับเรื่องของผมกับวิรัลง่าย ๆ แน่ ...เพราะฉะนั้นผมจึงมาพิสูจน์ตนเองให้ท่านเห็นว่า ผมนั้นจริงใจกับหลานชายของท่านเพียงใด”

   ปาลินีหรี่ตามองชายอ่อนวัยกว่าหล่อนหลายเท่าตรงหน้า ก่อนจะเปรยขึ้นอย่างช้า ๆ

   “ดี ...ในเมื่อเธอต้องการจะพิสูจน์ ฉันก็จะให้บททดสอบกับเธอ”

   หญิงชราเอ่ยขึ้นพร้อมกับปรายสายตาไปยังคนเฝ้าประตู ทั้งสองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็โค้งรับ แล้วจึงเปิดประตูออก ทำให้ชาครที่รออยู่ด้านนอกแปลกใจ

   “เธอกับลูกน้องของเธอ ตามฉันออกไปรอที่ลานกว้างหน้าเรือนแห่งนี้ ...ถ้าพวกเธอสามารถรับมือคนของฉันได้เกินหนึ่งชั่วโมง โดยไม่โต้ตอบและทำร้ายคนของฉันให้บาดเจ็บ ...ฉันถึงจะยอมรับพวกเธอเข้าเผ่ามโค และยอมรับในความจริงใจที่เธอมีต่อหลานชายของฉัน”

   ชาครที่ได้ยินคำพูดนั้นกัดฟันกรอด การต้องรับมือนักสู้เผ่ามโค โดยที่โต้ตอบไม่ได้ ก็ไม่แตกต่างอะไรกับการเป็นเป้านิ่งยอมให้อีกฝ่ายรุมซ้อมเอานั่นเอง

   “แค่นั้นสินะครับ...แต่ถ้าคนของท่านเกิดพลาดพลั้งทำร้ายกันเองจนบาดเจ็บล่ะครับ จะถือว่าผิดกติกาไหม”

   ธามที่ยังคงยิ้มเย็นย้อนถามกลับไป ซึ่งนั่นก็ทำให้หญิงชราอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเหยียดยิ้มตามมานิด ๆ

   “ถ้าเธอสามารถทำได้เช่นนั้น ฉันก็จะถือว่าไม่ผิดกติกา ...แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่า ฉันไม่มีทางออมมือในการทดสอบแน่”

   ปาลินีเอ่ยตอบ พร้อมกับยันกายลุกขึ้นช้า ๆ อย่างสง่างาม เธอเดินผ่านธามไปที่ประตูแล้วจึงหันมาบอกชายหนุ่ม

   “ตามมาสิ...ทดสอบเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ ฉันจะได้พักผ่อนเสียที”

   ธามพยักหน้ารับรู้ แล้วยันกายลุกขึ้นเดินตามอีกฝ่าย ทางด้านชาครนั้นรอเจ้านายของตนมาสมทบ แล้วจึงเดินตามชายหนุ่มไปใกล้ ๆ

   “ท่านธามแน่ใจนะครับ...ผมคิดว่าทางนั้นคงคัดมาแต่พวกเขี้ยวลากดินเท่านั้นเป็นแน่”

   “ช่วยไม่ได้ มาถึงที่นี่แล้ว ฉันไม่ยอมกลับไปมือเปล่าหรอก”

   ธามบอกเรียบ ๆ ทำให้ชาครถอนหายใจเบา ๆ

   “ถ้าเช่นนั้น ผมจะเป็นโล่ให้ท่านเองครับ”

   ธามมองลูกน้องคนสนิทของเขา แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยนส่งให้

   “ขอบใจ...แต่อย่าลืมล่ะว่า เจ้านายคนนี้ของนายเชี่ยวชาญเรื่องอะไรเป็นพิเศษ...อีกอย่างขืนนายบาดเจ็บกลับไป ระวังจะโดนคนที่รออยู่บ้านโน้นแก้เผ็ดเอาคืนเข้าให้นะ”

   ชาครชะงัก ก่อนจะยิ้มตอบ พลางแสร้งทำเป็นสั่นศีรษะน้อย ๆ คล้ายระอา จากนั้นชายหนุ่มจึงเอ่ยตามมา

   “ถ้าแบบนั้นก็คงแย่ล่ะครับ...เอาเถอะครับ ผมจะดูแลตัวเองและดูแลท่านไม่ให้บาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ ...ถึงแม้มันจะค่อนข้างยากเย็นไปสักนิดก็เถอะครับ”

   ธามยิ้มตอบ แล้วตบบ่าคนสนิทเบา ๆ

   “นั่นล่ะที่ฉันอยากให้เป็น...”

   นายบ่าวทั้งสองต่างยิ้มให้กัน แล้วจึงเดินตามนายหญิงแห่งตระกูลวงศ์หริโณไปเงียบ ๆ ทว่าถ้อยคำสนทนาของทั้งคู่ ก็ล้วนเข้าหูหญิงชราจนหมดสิ้น

   

   ลานหญ้ากว้างเบื้องหน้า บัดนี้มีชายฉกรรจ์สิบนายยืนเรียงหน้าอยู่ แต่ละคนมองปราดเดียวก็รู้ว่าแข็งแรง และค่อนข้างมีฝีมืออยู่มาก

   “จะเริ่มกันหรือยัง ...หรือถ้าอยากจะถอนตัวจากการทดสอบ ก็บอกกันได้ทุกเมื่อ”

   ปาลินีหันไปถามธาม ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับดัดมือไปมา

   “ได้ทุกเมื่อครับ ...คนของท่านพร้อมเมื่อไหร่ ทางพวกผมก็พร้อมเมื่อนั้น”

   หญิงชรามองท่าทางเชื่อมั่นนั่นชั่วครู่ แล้วจึงเอ่ยตอบ

   “ดี! ถ้าเช่นนั้น ก็เริ่มการทดสอบได้ ...พวกเจ้าจงแสดงฝีมือของนักรบมโคให้เต็มที่ อย่าให้ขายหน้าได้เชียวนะ!”

   ปาลินีบอกกับคนของเธอ แล้วให้ข้ารับใช้ข้างกายเริ่มจับเวลา ทางด้านธามและชาคร ค่อย ๆ เดินไปเผชิญหน้ากับผู้คนกลุ่มนั้น ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันอยู่ชั่วครู่ และเมื่อมโคตนหนึ่งขยับกาย การเปลี่ยนร่างเพื่อพร้อมต่อสู้จึงเริ่มต้นขึ้นทันที!



    พิชญ์ขับรถพาวิรัลมาถึงที่ตั้งถิ่นฐานเดิมของตระกูลวงศ์หริโณในเวลาอันไม่นาน ชายหนุ่มขับรถเร็วเสียจนเกือบจะหวุดหวิดชนกับรถคันอื่นเสียหลายครั้ง โชคดีที่เป็นตอนดึกแล้ว จึงทำให้มีรถน้อยกว่าตอนกลางวันเป็นเท่าตัวนัก

   และเมื่อมาถึง ทั้งคู่ก็ตรงไปหาปาลินีทันที แต่ถูกคนเฝ้าประตูเรือนขวางไว้ และรายงานว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว

   “ท่านย่าหลับ?  แล้วก่อนหน้านั้นมีใครต่างเผ่าแวะมาหาท่านย่าหรือเปล่า”

   คนฟังชะงักเล็กน้อย เบือนหน้าหลบสายตา แล้วจึงอ้อมแอ้มตอบ

   “ไม่มีใครนี่คะ ...”

   “...อย่างนั้นหรือ แต่เธอคงรู้ใช่ไหม ว่ามโคที่กล้าโกหกต่อหัวหน้าเผ่าของตน หากถูกจับได้ บทลงโทษที่ได้รับนั้นจะคืออะไร!”

   พิชญ์เอ่ยขู่ เพราะอีกฝ่ายมีพิรุธให้เขาสังเกต หญิงสาวผู้นั้นสะดุ้งเฮือก ตัวสั่นเทา แล้วเอ่ยตะกุกตะกักตอบอย่างน่าสงสาร

   “ดิฉัน...คือ ....ดิฉัน...ไม่...”

   “ไม่อะไร! ไม่รู้อีกอย่างนั้นหรือ แน่ใจนะ ว่าจะพูดแบบนั้นอีก!”

   พิชญ์ข่มขู่ แล้วหันไปขยิบตาให้วิรัลปั้นหน้าขึงขังเอาไว้ ทำให้หญิงสาวผู้นั้นกลัวลนลาน ทว่ายังไม่ทันสารภาพความจริง เสียงกระแอมจากใครบางคนบนเรือนก็ดังขึ้นเสียก่อน

   “เท่าที่จำได้ ฉันว่าฉันยังไม่มอบตำแหน่งผู้นำเผ่าให้วิรัลสืบทอดต่อ จนสามารถนำไปใช้ข่มขู่ลงโทษคนในเผ่าได้เลยนะ ...ใช่ไหม พิชญ์”

   พิชญ์กับวิรัลสะดุ้ง แล้วหันขวับไปทางต้นเสียง วิรัลเม้มปากแน่น แล้วรีบตรงขึ้นเรือนไปหาผู้เป็นย่าทันที

   “ท่านย่าครับ! เขาอยู่ไหน! ท่านย่าทำอะไรเขาหรือเปล่า!”

   ปาลินีมองท่าทางร้อนรนของหลานชาย แล้วก็เงียบเฉย ก่อนจะหันไปทางพิชญ์ที่เดินขึ้นเรือนมาช้า ๆ และมาหยุดอยู่ข้าง ๆ วิรัล พร้อมกับโค้งทำความเคารพต่อหล่อน

   “มาไวจริงนะ... รู้ได้อย่างไรล่ะว่าเป็นที่นี่ สองคนนั่นส่งข่าวไปบอกอย่างนั้นหรือ”

   พิชญ์ชะงัก ทว่ายังไม่ทันตอบ วิรัลก็แทรกขัดขึ้นมาก่อนอย่างตกใจ

   “สองคนนั้นอยู่ที่นี่จริง ๆ หรือครับ!”

   ปาลินีเบือนหน้ากลับมามองผู้เป็นหลานชาย แล้วจึงเอ่ยขึ้นช้า ๆ

   “ถ้าย่าบอกว่าพวกนั้นอยู่ที่นี่จริง  แล้วหลานจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ”

   วิรัลชะงักกึก แล้วจึงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก

   “ท่านย่าทำอะไรกับพวกเขาหรือเปล่าครับ”

หญิงชรายกยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงย้อนถามกลับไป

“แล้วถ้าย่าทำล่ะ หลานจะทำอะไรกับย่าอย่างนั้นหรือ”

วิรัลชะงักกึก เขาหลบสายตาผู้เป็นย่าชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ผมไม่มีวันคิดร้ายหรือทำร้ายท่านย่าได้หรอกครับ  เพียงแต่...”

เด็กหนุ่มเว้นวรรคเล็กน้อย แววตาที่จ้องมองหญิงชราก็กลับพลันเป็นเข้มแข็งจริงจัง อย่างยากที่ผู้เป็นย่าจะเคยได้เห็น

    “ถ้าไม่มีคุณธามอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว... ก็จะไม่มีผมอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน” 

    “ท่านวิรัล!” พิชญ์โพล่งขัดขึ้นอย่างตกใจ แม้แต่ปาลินีเองก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เน้นหนักขึ้น

    “หลานขู่ย่าหรือ”

    วิรัลจ้องตอบ แม้ว่าแต่แรกเขาจะรู้สึกกลัวในการเผชิญหน้า ต่อผู้เป็นย่าที่แสนเข้มงวดมากเพียงใด แต่ความเป็นห่วงในตัวธามมันมากกว่าหลายเท่านัก และกลบความกลัวของเขาก่อนหน้านั้นจนแทบหมดสิ้น

     “ผมไม่เคยคิดขู่ท่านย่าครับ แต่สิ่งที่ผมพูดมานั้น ผมจะทำจริง ๆ” 

   หญิงชราเงียบไปสักพัก แววตาของหลานชายของเธอยังคงไม่สั่นคลอนหรือหวั่นไหวใด ๆ ให้เห็น  เสียงลมหายใจผ่อนยาวแผ่วเบา จากนั้นน้ำเสียงราบเรียบจึงเอ่ยย้อนถามกลับไปอีกครั้ง

    “แล้วถ้าย่าบอกว่าจะตัดความสัมพันธ์ย่าหลานกัน  หากหลานยังคงเลือกเขาล่ะ”

   วิรัลชะงักเช่นเดียวกับพิชญ์ เพราะดูเหมือนว่าเรื่องมันจะลุกลามใหญ่โต เกินกว่าที่พวกเขาเคยคาดคิดไว้เสียแล้ว ทว่าสำหรับวิรัลยามนี้ คำตอบเฉพาะหน้าของเขา ก็ยังคงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

    “...หากท่านย่าต้องการเช่นนั้นจริง ผมก็คงไม่มีทางเลือก...สำหรับผมนั้น ไม่ว่าท่านย่าจะตัดสินใจเช่นไร ท่านย่าก็คือคนที่ผมจะให้ความเคารพนับถือไปตลอดชีวิต”

    ปาลินีจ้องมองหลานชายนิ่ง เพราะคำพูดแฝงความนัยนั้น มันแสดงถึงทางที่วิรัลเลือกเป็นอย่างดี

   “หลานเลือกเขามากกว่าสินะ” 

   วิรัลฝืนยิ้ม แล้วจึงเอ่ยความในใจอันแท้จริงของเขาให้ผู้เป็นย่าได้รับรู้

    “ผมอยากเลือกทั้งสองฝ่าย ...แต่ถ้าท่านย่าไม่อาจจะยอมรับความรักของพวกเราได้ ...ผมก็จำต้องเลือกเพียงหนึ่งเท่านั้น” 

    วิรัลหยุดจ้องหน้าหญิงชราสักครู่ แล้วจึงเอ่ยต่อตามมา

   “ท่านย่าแม้จะขาดผม แต่ก็ยังมีญาติพี่น้องและบริวารอีกมากมาย ...แต่คุณธามไม่มีใครอีกแล้ว เขาต้องกลายเป็นกบฏของเผ่าวกะ ก็เพราะเขารักผม และเลือกผม ...เพราะฉะนั้นผมจะตอบแทนความรักของเขา โดยการอยู่เคียงข้างเขาไปตลอดชีวิตที่เหลือนี้ครับ”   

    ปาลินียังคงจับจ้องมองตาหลานชาย ตลอดเวลาที่อีกฝ่ายสนทนากับเธอ และเมื่อวิรัลพูดจบ หญิงชราก็เบือนหน้าหนี แล้วหันหลังให้

    “ถ้าหลานเลือกเช่นนี้ ย่าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก” 

   วิรัลใจหายวูบ ก่อนจะพยายามตั้งสติให้เข้มแข็ง แล้วถามอีกฝ่ายกลับไป

    “แล้วคุณธาม...”

       ปาลินีไม่ตอบ แต่กลับเรียกคนรับใช้ให้พาวิรัลไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง แต่พอพิชญ์จะตามไปด้วย หญิงชราก็รั้งเขาเอาไว้เสียก่อน

     “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ...พิชญ์”   

   พิชญ์ชะงัก ชายหนุ่มเหลือบมองวิรัลอย่างเป็นห่วง แต่พอเห็นวิรัลยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้ายืนยันว่าเขาดูแลตัวเองได้ พิชญ์จึงหันมาทางหญิงชรา พร้อมกับพยักหน้าตอบรับคำ

    “ได้ครับท่าน...”   



… TBC …


อ่านมาได้ 18 ตอนแล้ว มีใครคิดว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่องมากกว่านี้มั่งเอ่ย ลองช่วยแนะนำชื่อมาให้หน่อยก็ดีนะคะ พอดีตอนที่คิดเขียนแต่แรก ตั้งใจจะเขียนเป็น แนวจำเลยรัก  แต่ไป ๆ มา ๆ มันเปลี่ยนแนวได้เองเสียอย่างนั้น ชื่อเรื่องกับแนวมันก็เลยไม่ค่อยตรงกันเท่าไหน่นั่นเอง --...
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 13-01-2013 17:05:48
เอาใจสู้นะค่ะ.....ทั้งวิรัสและทาม..เชื่อว่าความรักของทั้ง 2 จะผ่านไปได้
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 13-01-2013 18:39:33
บททดสอบของท่านย่าก็โหดเอาการเหมือนกัน ตั้งหนึ่งชั่วโมงเลย
แต่ถ้าแพ้ก็ไม่ใช่ท่านธามที่ได้หัวใจของท่านวิรัลไปใช่มั้ย ><
คงจะไม่เป็นอะไรมากทั้งเจ้านายทั้งผู้ติดตามนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 13-01-2013 20:04:28
สู้ๆนะธาม ต้องผ่านบททดสอบนี้ให้ได้นะ ท่านย่าน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 13-01-2013 20:15:23
ธามกับวิรัลสู้ๆนะ เค้าคอยเป็นกำลังใจให้  :a2:

คนเเต่งค๊า ขอบคุณมั่กๆค่าที่มาต่อไห้ รักมว๊ากๆ จุ๊บุ จุ๊บุ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 13-01-2013 20:19:10
ชื่อเรื่องมันขัดกับเเนวเรื่องจริงๆเเหละคะเเต่ก็ชอบบะ เถื่อนดี :-[

ท่านธามสู้ๆนะคะ เราว่าท่านย่าจะเปิดทางให้เเหละ 
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 13-01-2013 20:59:22
เอาเป็ดมาฝากค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 13-01-2013 22:23:14
เอาใจช่วยธาม ให้ผ่านการทดสอบ

แหมมันก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 13-01-2013 22:42:53
เชื่อว่าท่านย่าไม่ใจร้ายขนาดนั้น


แต่คำพูดของน้องรัล ซึ้งมากเลย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 13-01-2013 22:44:19
ธามสู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 13-01-2013 22:55:20
ปฏิญาณรักสองเผ่าพันธ์ ไม่รู้จะเกี่ยวกันรึเปล่า แต่เนื้อเรื่องมันเหมือนการฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อจะได้ความรักครั้งนี้มาอยู่กับตน มันน่าจะเป็นอะไรที่นิรันด์ดีนะผมว่า แต่ไม่รู้ชื่อไหนถึงจะเหมาะกับเรื่อง
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 14-01-2013 01:14:23
จริงๆถ้าเป็นแนวจำเลยรักก็คงสนุกไปอีกแบบ  :z1:
ปล.น่าวิรัลแอบเข้มอ่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 14-01-2013 16:11:24
 :-[ :-[  ขอบคุณมากค่ะคนเขียน อ่านหลายตอนรวดเลย อิอิ

ขอให้ผ่านด่านคุณย่าไปได้ด้วยดี

รออ่านตอนหวานๆอีกนะคะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเช่นเดิมจ้า
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 14-01-2013 19:30:40
ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องใหม่ ๆ และสนุกให้อ่าน  :L2: :L2: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย :: บทที่ 18 :: P.10 วันโพส 13/01/2556
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 16-01-2013 01:39:34
ลุ้นๆ ตื่นเต้นมากค่า :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 16-01-2013 13:39:33
เหยื่อรักอสูรกาย  ชื่อเดิม  ขออนุญาตเปลี่ยนเป็น   "ลิขิตรักอสุรกาย"  แทนนะคะ เพื่อให้ชื่อเรื่องสอดคล้องกับเนื้อเรื่องมากกว่าเดิมค่ะ 

ป.ล. สะกดคำว่า อสุรกาย ผิดมาตลอด เป็นอสูรกาย  ความจริงต้องใช้คำว่า อสุรกาย (สระอุ) รากศัพท์ มาจาก อ+สุระ เมื่อยืมมาใช้ในภาษาไทย จะใช้ว่า อสูร หรือ อสุรกาย ไม่ใช่ อสูรกาย    (ความรู้นี้ต้องขอบคุณพี่น้ำตาลมากเลยค่ะ ที่ช่วยแย้งมา)


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++





/ 19



    วิรัลเดินตามคนรับใช้ของท่านย่าของเขาไปยังเรือนเล็กที่ตั้งแยกห่างออกไป ทว่าพอหญิงสาวพาเขาไปหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง วิรัลก็ชะงัก หน้าซีดเผือด เนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที

   “คนที่ท่านต้องการจะพบ อยู่ข้างในนี้ค่ะ  ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”

   หญิงสาวยอบตัวลงทำความเคารพ แล้วเดินจากไป เหลือเพียงแต่วิรัลที่ยืนทำใจอยู่ชั่วครู่ แล้วตัดสินใจเปิดประตูห้องนั้นเข้าไป

   กลิ่นเลือดเจือจางที่ได้กลิ่นหน้าประตู ยิ่งได้กลิ่นชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ร่างที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงขยับกายเล็กน้อย แล้วจึงนึกแปลกใจเมื่อได้เห็นผู้มาเยือน

   “ท่านวิรัล...มาได้ยังไงครับเนี่ย”

   “ชาคร ...คุณธามเป็นอะไรไป...เกิดอะไรขึ้น ...คุณก็ด้วย ...บาดเจ็บหนักอยู่นี่”

   วิรัลถามเสียงสั่น ชาครนึกแปลกใจเมื่อไม่เห็นว่ามีใครตามวิรัลมาอีก แต่ด้วยเพราะสีหน้าหวาดหวั่นระคนกังวลของเด็กหนุ่ม จึงทำให้เขาเลือกที่จะตอบคำถามของวิรัลก่อน

   “ท่านธามบาดเจ็บครับ  แพทย์ของที่นี่หลังทำแผลให้แล้วจึงฉีดยาให้หลับ เพื่อที่จะได้พักผ่อนให้เต็มที่  ส่วนผมก็แค่รอยขีดข่วนไปทั่วตัวก็แค่นั้นล่ะครับ พักฟื้นสักวันสองวันก็หายดีเหมือนเดิม”

   ชาครบอกยิ้ม ๆ วิรัลมองผ้าพันแผลสีขาวทั่วร่างท่อนบนของอีกฝ่าย ที่สวมเพียงกางเกงขายาวอย่างเป็นห่วง แล้วจึงถามต่อด้วยความสงสัย

   “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ...แผลพวกนี้เกิดจากฝีมือของท่านย่าใช่ไหม”

   ชาครยิ้มน้อย ๆ เขาเชื้อเชิญให้วิรัลนั่งลงบนเตียงข้างธาม แล้วจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

   “ท่านธามต้องการเจรจากับท่านย่าของท่าน เพื่อให้ทางนี้ยอมรับความรักที่ท่านธามมีต่อท่าน ท่านย่าของท่านจึงจัดให้มีบททดสอบเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยการให้มโคซึ่งมีฝีมือแข็งแกร่งเกือบสิบตนรุมพวกเราทั้งคู่ โดยห้ามพวกเราโต้ตอบทำร้ายให้พวกนั้นบาดเจ็บ ถ้าพวกเราทนได้เกินชั่วโมง ท่านย่าของท่านจึงจะยอมรับเรื่องของท่านธามกับท่านวิรัลน่ะครับ”

   วิรัลเบิกตากว้าง พลางอุทานอย่างตกใจ เขาเหลือบมองคนที่นอนหลับไปแล้วอย่างนึกสงสารและรู้สึกผิด

   “ทำไมไม่บอกกันล่วงหน้าสักคำ ...ไม่อย่างนั้นผมก็จะมาอยู่เคียงข้าง เผชิญหน้ากับการทดสอบพร้อมพวกคุณแท้ ๆ”

   ชาครมองคนที่พึมพำอย่างนึกซาบซึ้งในน้ำใจของอีกฝ่าย จากนั้นเขาจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อ

   “แรก ๆ ท่านธามก็ยังเป็นต่อดี เพราะท่านธามนั้นค่อนข้างว่องไว ท่านวางแผนกับผม ล่อให้มโคกลุ่มนั้นโจมตีพลาดพลั้งโดนกันเองเพื่อตัดกำลังไปได้สักพักใหญ่  ทว่าท่านธามก็เริ่มอ่อนแรง เพราะอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ครั้งก่อนยังไม่ทันหายดี ก็ต้องมาสู้ใหม่แบบนี้ พวกเราเริ่มโดนโจมตี ผมเองก็ป้องกันเขาแหลมคมนับสิบนั้นอยู่ได้ไม่นานนัก ก็เลยได้แผลมาเยอะแบบนี้ ตัวท่านธามเองก็เกือบจะหวุดหวิดแย่หลายครั้ง ...ทว่ามีอยู่ครั้งที่มโคตนหนึ่งพุ่งโจมตีเข้ามา พร้อมกับเพื่อนของเขาอีกตนที่บังเอิญขยับตัวมาขวางทางเอาไว้ โดยไม่ทันได้มองกันเอง ซึ่งถ้าปล่อยเอาไว้ มโคตนที่ขยับมาขวางนั้นจะต้องได้รับบาดเจ็บหนักเจียนตายแน่ เพราะตำแหน่งเขาที่พุ่งโจมตีมา มันใกล้กับตำแหน่งหัวใจของอีกฝ่ายยิ่งนัก...”

   ชาครเล่าต่อเรื่อย ๆ ซึ่งวิรัลก็รับฟังอย่างตื่นเต้นและหวาดหวั่น และเมื่อมาถึงช่วงเหตุการณ์พลิกผันของบททดสอบ ชาครก็พักเล่าชั่วครู่ เขามองเจ้านายของตนซึ่งหลับใหลไปเพราะฤทธิ์ยา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาค่อย ๆ

   “ท่านธามเห็นเข้าพอดี โดยที่ไม่มีใครได้ทันคิด หรือทันทำอะไร ท่านธามก็เข้าไปขวางมโคตนนั้นไว้ ส่งผลให้ท่านธามถูกเขาของอีกฝ่ายทำร้ายเข้าให้แทน และได้รับบาดเจ็บหนัก ...ผมเองก็เตรียมจะให้ยกเลิกการทดสอบ เพราะอาการบาดเจ็บของท่านธามนั้นหนักหนาเกินไปที่จะรับมือต่อให้ครบหนึ่งชั่วโมง ทว่าท่านธามก็ยังยืนกรานที่จะสู้ต่อ  ภาพร่างของท่านที่ชุ่มโชกด้วยเลือด  ทำให้มโคทุกตนในที่นั้นตกใจจนไม่กล้าขยับ และในที่สุด ท่านย่าของท่านก็สั่งให้เลิกทดสอบ และยอมรับในตัวของท่านธามในที่สุด และได้จัดหาแพทย์มาช่วยรักษาพวกเราด้วยน่ะครับ”

   วิรัลรับฟังอย่างตื่นตกใจ เขาไม่คิดว่าธามจะยอมเสี่ยงตายเพื่อเขาถึงขนาดนี้ และไม่คิดว่าท่านย่าของเขาจะยอมรับเรื่องของพวกเขาแล้ว

   “ฉันไม่อยากเชื่อเลย...ทั้งคุณธาม...ทั้งท่านย่า...”

   วิรัลพึมพำกับตัวเองด้วยอารมณ์อันหลากหลาย ชาครเห็นดังนั้นจึงยิ้มน้อย ๆ อย่างเอ็นดู

   “เพราะท่านเป็นคนสำคัญสำหรับพวกเขาทั้งสองคนน่ะสิครับ”

   วิรัลมองชาคร แล้วจึงยิ้มตอบ จากนั้นเด็กหนุ่มจึงขออาสาเป็นคนเฝ้าธามเอง และให้ชาครไปพักผ่อนแทน

   “ถ้าอย่างนั้นผมอยู่ห้องข้าง ๆ นี่นะครับ...ถ้ามีอะไรก็เรียกได้เลย”

   “อือ ขอบคุณมากเลยนะชาคร”

   วิรัลบอกกับคนสนิทของคนรักพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งชาครก็โค้งศีรษะให้อีกฝ่าย แล้วขอตัวออกไป ในห้องจึงเหลือแต่ธามกับวิรัลเท่านั้น เด็กหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ที่ชาครนั่งเมื่อครู่มาไว้ใกล้เตียง เขานั่งลงบนเก้าอี้ แล้วจับมือของธามขึ้นมาเกาะกุมอย่างรักใคร่

   “นับจากนี้ต่อไป ผมจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ และตอบแทนความรักของคุณอย่างเต็มที่เลยครับ คุณธาม”

   วิรัลเอ่ยขึ้นพร้อมกับชะโงกร่างไปจูบที่หน้าผากของคนที่นอนหลับแผ่วเบา จากนั้นจึงนั่งกุมมือของธามไปเช่นนั้นตลอดคืน



   อีกด้านหนึ่งเมื่อชาครออกมาจากห้อง และเตรียมจะตรงไปพักผ่อนยังห้องที่ตระเตรียมให้เขาบ้าง ชายหนุ่มก็ต้องชะงักฝีเท้า แล้วหันไปมองเมื่อได้กลิ่นอันคุ้นเคยลอยตามลมที่พัดผ่านมา

   “ไง...ท่านวิรัลอาสานั่งเฝ้าอาการท่านธามอยู่น่ะ ฉันว่านายอย่าไปขัดจังหวะสวีทของพวกเขาเลยนะ”

   พิชญ์นิ่วหน้า เขามองร่างที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล ที่บางส่วนยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา

   “เจ็บหนักกันเลยสินะ...นี่ล่ะโทษฐานของการทำอะไร ไม่รู้จักปรึกษากันก่อน”

   พิชญ์บ่นอุบ แล้วจึงเหลือบมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เป็นห่วง ชาครเห็นดังนั้นจึงแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยชวนอีกฝ่าย

   “ฉันยังไม่ง่วงเท่าไหร่ นายจะเข้าไปคุยกันในห้องแทนไหมล่ะ”

   พิชญ์ชะงัก แต่พอเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย เขาจึงพยักหน้ารับ แล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้องนั้น

   

   “ฉันแปลกใจที่เพิ่งเห็นนายนะ  ปกติออกจะตัวติดกันกับท่านวิรัลตลอดนี่”

   คำถามแรกของชาครเริ่มขึ้น หลังจากที่ทั้งคู่เลือกมานั่งที่มุมรับแขกของห้องนอน

   “นายหญิง ...ท่านย่าของท่านวิรัลเรียกฉันเอาไว้น่ะก็เลยต้องอยู่สนทนากับท่าน ...จึงทำให้รู้ว่าทั้งนายและเจ้านายของนายนั่น บ้าระห่ำกันขนาดไหน”

   พิชญ์ตอบกึ่งตำหนิด้วยความหงุดหงิดที่ยังคงไม่จางหาย เพราะชาครกับธามแอบตัดสินใจกันสองคน จนต้องมาบาดเจ็บแบบนี้ โชคดีที่ปาลินียอมรับในความใจเด็ดของธามจนได้

   “แต่ก็ได้ผลคุ้มค่าไม่ใช่หรือ ...ต่อแต่นี้ไปความรักของท่านวิรัลกับท่านธามก็ไร้อุปสรรคสักที ...อ้อ ลืมถามไป ทางนั้นล่ะเจรจาสำเร็จไหม”

   พิชญ์ยักไหล่นิด ๆ แล้วจึงเปรยตอบด้วยน้ำเสียงกึ่งเซ็ง

   “ก็เพราะสำเร็จนี่ล่ะสิ ฉันถึงได้โดยนายหญิงตำหนิเอา เรื่องที่ด่วนได้ ตัดสินใจถอนหมั้นกันเอง โดยไม่ยอมเรียนให้นายหญิงรับรู้ก่อน เพราะนายหญิงเป็นฝ่ายไปทาบทามท่านม่านฟ้าแต่แรก”

   ชาครรับฟังอย่างสนใจ และหลังจากพิชญ์บ่นเสร็จ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจยาวต่อ

   “ฉันต้องยืนยัน และให้คำมั่นกับท่านว่า  แม้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางขั้วการปกครองระหว่างตระกูลขึ้นก็ตาม แต่ฉันจะทำให้ตระกูลวงศ์หริโณของเรามั่นคงเป็นปึกแผ่น และเติบโตก้าวหน้ากว่าที่เป็นอยู่เดิมนี้อีกหลายเท่า ...นายหญิงจึงให้เวลาฉันห้าปี ให้ทำให้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นจะหาเจ้าสาวมาให้ท่านวิรัลใหม่”

   ชาครเลิกคิ้วแล้วอมยิ้มนิด ๆ กับคำขู่ของปาลินี เขาคิดว่าหญิงชราคงไม่ทำจริงอย่างที่พูด เพราะไม่เช่นนั้นก็คงไม่ให้เวลาพิชญ์ขนาดนั้น แต่ที่ขู่เอาไว้ คงเพราะต้องการแก้เผ็ดเรื่องที่พิชญ์กับวิรัลทำอะไรลงไปโดยไม่ปรึกษาเธอมากกว่า

   “ไม่ต้องมายิ้มเลย นายก็ต้องช่วยฉันด้วย! คอยดูเหอะ จะใช้งานให้เหนื่อยกันตายไปข้างเลยล่ะ!”

   พิชญ์บอกคนที่ยิ้มล้อเขา ซึ่งชาครก็หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างลืมตัว ก่อนจะนิ่วหน้าน้อย ๆ กับความเจ็บของบาดแผลที่เย็บรวมทั่วร่างก็เกือบยี่สิบเข็มเลยทีเดียว

   “สมน้ำหน้า ทำเป็นเก่งไม่เจียมตัวก็งี้ล่ะ”

   พิชญ์ประชดคนที่ฝืนทำเป็นปกติพูดคุยกับเขา จากนั้นชายหนุ่มจึงบังคับให้ชาครพักผ่อน โดยให้เหตุผลว่า พรุ่งนี้จะได้เดินทางกลับบ้านพักที่กรุงเทพฯ กันได้สักที

   “งั้นเฝ้าฉันด้วยสิ ...เผื่อกลางคืนฉันหิวน้ำ หรือลุกไม่ไหว จะได้ให้นายช่วยยังไงล่ะ”

   คนที่เตรียมจะเข้านอนแกล้งอ้อน ทำให้คนฟังแค่นยิ้มแล้วยกกำปั้นให้แทนคำตอบ ส่งผลให้ชาครหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วเอนกายนอนลงหลับพักผ่อน ส่วนพิชญ์มองอย่างลังเล แล้วจึงตัดสินใจนั่งเฝ้าอยู่แถวโซฟารับแขกมุมห้องแทน

    ไม่นานนักคนที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ และไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควร ก็หลับลงอย่างอ่อนเพลีย จนทำให้คนที่แกล้งหลับบนเตียงนึกขำ ชาครตรงเข้าไปอุ้มร่างโปร่งนั้นมาอย่างง่ายดาย และดูเหมือนพิชญ์จะเพลียจริง ๆ จึงหลับลึกไม่รู้สึกตัว ชาครเห็นดังนั้นจึงดึงผ้าห่มมาห่มเผื่อให้คนข้างกาย ส่วนตัวเขาก็กอดร่างนั้นหลวม ๆ พร้อมกับหลับไปด้วยกันในที่สุด

   

   รุ่งเช้า พิชญ์ปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย ไออุ่นจากคนข้างกายทำให้เขาหลับสบายตลอดคืน และมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงนกร้องและเสียงจ้อกแจ้กจอแจ ในตอนเช้าดังขึ้น

   “เช้าแล้วหรือ...หือ...”

   คนกำลังงัวเงียชะงักกึก เมื่อพลิกกายไปแล้วเจอกับแผ่นอกที่มีผ้าพันแผลเต็มไปหมด พิชญ์นิ่งตั้งสติอยู่สักครู่ เสียงพึมพำของเจ้าของร่างอีกคนก็ดังขึ้นบ้าง

   “เช้าแล้วหรือ...อืม หลับสบายเลยแฮะ”

   ชาครพึมพำ ก่อนจะชะงักเมื่อลืมตามาเห็นสีหน้าของพิชญ์ยามนี้ วกะหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยทักทายอีกฝ่าย

   “ไง ...หลับหนุนแขนซบอกฉันทั้งคืนเลยนะ สบายดีใช่ไหมล่ะ”

   พิชญ์สะดุ้ง ได้สติ ก่อนจะหน้าแดงวาบตามมาด้วยความโมโหปนอาย เขาทุบแผ่นอกนั้นไปค่อนข้างแรง แล้วโวยวายลั่น

   “ทำไมฉันกับนายมานอนเตียงเดียวกันได้! อธิบายมาดี ๆ นะ! ไม่งั้นฉันฆ่านายแน่!”

   “อุ๊บ...ทุบมาได้ แผลยังไม่หายดีด้วยซ้ำ ...อา เลือดไหลอีกแล้ว สงสัยแผลเปิดแน่”

   ชาครแสร้งพึมพำ ทำเอาพิชญ์ชะงัก แล้วรีบสำรวจดูแผลอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง

   “ไหน…แผลเปิดจริง ๆ หรือ ...ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”

   ชาครอมยิ้ม ทำเป็นพลิกหันกายไปอีกทาง แล้วพึมพำบอก

   “ไม่ต้องใส่ใจหรอก ...อีกอย่าง เมื่อคืนฉันเห็นนายนอนหลับบนโซฟา เลยพามานอนบนเตียง ส่วนฉันก็รู้สึกเพลีย ๆ ก็เลยขอแบ่งนอนด้วยคนละครึ่ง ...ไม่ได้มีอะไรเกินเลยอย่างที่นายกังวลหรอกนะ”

   น้ำเสียงขรึม ๆ ของชาคร ทำเอาพิชญ์รู้สึกผิด มโคหนุ่มยันกายลุกขึ้นนั่ง แล้วพยายามจับร่างนั้นพลิกมาดูแผล แต่ชาครก็ขืนตัวเอาไว้ จนพิชญ์เริ่มหงุดหงิด แล้วการบังคับกันอย่างเอาจริงเอาจัง จึงได้เริ่มต้นขึ้น

   “ไหนดูซิ! เล่นตัวอยู่ได้!”

   คนที่พลิกร่างหนาบนเตียงกลับมานอนหงาย เพื่อต้องการดูแผลโพล่งขึ้น อันเป็นจังหวะเดียวกับที่วิรัลนั้นเปิดประตูห้องเข้ามาเพื่อจะบอกกับชาครว่าธามนั้นฟื้นแล้ว ภาพที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มชะงัก หน้าแดงวาบ เพราะพิชญ์กับชาครกำลังอยู่ในสภาพที่หมิ่นเหม่ และมองผ่าน ๆ ก็เหมือนพี่เลี้ยงของเขากำลังปลุกปล้ำวกะหนุ่มอยู่ด้วยซ้ำ

   “ง่า...ฉันขอโทษนะที่ขัดจังหวะของทั้งคู่...เอ่อ ชาคร คุณธามฟื้นแล้วนะ ...เขาให้มาบอกคุณว่า เขาอยากจะรีบกลับไปพักฟื้นต่อที่โน่นน่ะ ...แต่เดี๋ยวฉันจะบอกให้เขารออยู่อีกสักพักให้พวกคุณ เอ่อ ...เรียบร้อยกันก่อนก็แล้วกัน”

   วิรัลบอกตะกุกตะกักในท้ายประโยค แถมยังหน้าแดงก่ำ แล้วรีบปิดประตูทันที ทำเอาพิชญ์นิ่งอึ้ง ส่วนชาครหลังจากตั้งสติได้ ก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน

   “ฮ่า ๆ ให้ตายเถอะ...แล้วทีนี้ทำไง นายทำฉันเสียหายถูกเข้าใจผิดนะ รับผิดชอบมาด้วยล่ะ”

   พิชญ์หน้าแดงระเรื่อ ทั้งฉุนทั้งอาย แถมพอมองดูแผ่นอกของอีกฝ่าย ก็ไม่ได้มีเลือดไหลซึมแต่อย่างใด ก็ทำให้เขารู้ว่าตัวเองนั้นถูกชาครปั่นหัวเข้าให้แล้ว

   “นายมัน!”

   พิชญ์ง้างมือหมายจะทุบลงมาแรง ๆ ด้วยความโมโหและอับอาย ทำเอาชาครต้องคว้าข้อมือนั้นไว้ แล้วรีบบอกตามมา

   “ไม่เอาน่า...ขืนโดนอีกที ได้ช้ำในตายจริง ๆ แน่  แผลที่นายทุบมาก่อนหน้านั้นมันไม่ลึกนัก เลยไม่มีเลือดออก แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดีนะ”

   พิชญ์กัดฟันกรอด แต่ก็ยอมผ่อนแรงลง เห็นดังนั้นชาครจึงปล่อยมืออีกฝ่าย พอเป็นอิสระมโคหนุ่ม ก็ลุกลงจากร่างของคนบนเตียง แล้วหนีมายืนห่าง ๆ ด้วยความหงุดหงิด

   “หึ ๆ ขอบคุณที่ยั้งมือนะ...ว่าแต่เราจะเข้าไปหาพวกท่านธามตอนนี้เลยดีไหม หรือจะรออีกสักพักค่อยเข้าไป ท่านวิรัลจะได้ไม่แปลกใจไงล่ะ”

   พิชญ์ชะงักกึกก่อนจะหันมาสบถใส่อีกฝ่าย แล้วเดินกระแทกเท้าไปที่ห้องของธามซึ่งมีวิรัลอยู่ด้วย

   “อ้าว...ทำไมมาไวนักล่ะ เห็นวิรัลบอกว่าพวกนายกำลังจู๋จี๋กันอยู่ไม่ใช่หรือ”

   พิชญ์หน้าแดงวาบ ส่วนชาครที่เดินมายิ้มน้อย ๆ แล้วยักไหล่นิด ๆ

   “ผมจะมาบอกว่าท่านวิรัลเข้าใจผิด ...เมื่อครู่นี้ พวกเราแค่ เอ่อ ...ต่อสู้กันนิดหน่อยเท่านั้น”

   พิชญ์รีบแก้ตัวกับวิรัล ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อ ส่วนวิรัลนั้นพยักหน้ารับคำหงึกหงัก แม้จะไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเห็นนักก็ตาม

   “...แล้วเห็นท่านวิรัลบอกว่าคุณจะกลับไปพักฟื้นที่กรุงเทพฯ  หายดีแล้วหรือ ไม่ใช่นั่งรถเดินทางสะเทือน แล้วเป็นหนักอีกรอบนะ”

   พิชญ์หันมาเปลี่ยนเรื่อง แล้วสอบถามธามแทน ทำให้วิรัลชะงัก และให้ความสนใจกับคนรักอีกครั้ง

   “จริงด้วยสินะ...นั่งรถไกล ๆ แผลก็สะเทือนได้ ...เอาไงดีล่ะพิชญ์ แต่ก็ไม่อยากพักฟื้นที่นี่ต่อเลย ...กลัวท่านย่าจะเปลี่ยนใจเอาเข้า”

   วิรัลบอกเสียงอ่อย ทำให้คนอื่นต้องอมยิ้มมองเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู

   “นายหญิงไม่เปลี่ยนใจง่ายขนาดนั้นหรอกครับ ...เอาเถอะครับ เดี๋ยวผมให้คนหารถตู้นอนดี ๆ สักคันขนย้ายคนเจ็บดีกว่า จะได้ไม่สะเทือนแผลมากนัก ระหว่างนี้ ท่านวิรัลไปลานายหญิงเสียก่อนสิครับ”

   พิชญ์บอกกับนายน้อยของเขา ทว่าวิรัลนั้นรู้สึกหวาดหวั่นและไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้เป็นย่าตามลำพังอยู่ดี  เนื่องจากเมื่อคืน เขาได้พูดจาตัดรอนกับปาลินีไปมาก และเกรงว่าหญิงชราจะยังโกรธอยู่

   “ไม่เป็นไรหรอกวิรัล  ฉันจะไปเป็นเพื่อน”

   ธามที่ฟังอยู่เสนอตัวพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ทว่าวิรัลก็ต้องรีบแย้งกลับ

   “แต่คุณธามบาดเจ็บอยู่นะครับ!”

   คนฟังอมยิ้ม แล้วจึงยันกายลุกขึ้นยืน แม้จะเซนิด ๆ แต่สักพักก็ปรับมั่นคงในไม่ช้า

   “ความสามารถพิเศษน่ะ...เห็นอย่างนี้ฉันฟื้นตัวได้เร็วกว่าพวกพันธุ์แท้อีกนะ”

   วิรัลนิ่วหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ ทว่าพอเหลือบมองไปที่ชาครก็เห็นอีกฝ่ายพยักหน้ายืนยัน ทำให้วิรัลเริ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก

   “งั้นก็ได้ครับ...”

   วิรัลบอกแล้วก็เดินประกบหมายจะช่วยประคองคนรัก ซึ่งจริง ๆ แล้วแม้จะเดินไหว แต่พอเห็นวิรัลเอาใจใส่แบบนี้ ธามจึงแกล้งทำเป็นอ้อนแล้วให้อีกฝ่ายดูแล จนพิชญ์ที่มองอยู่และรู้ทันเริ่มนึกหมั่นไส้

   “...เปลี่ยนจากรถนอน เป็นรถกะบะเก่า ๆ แล้วให้นอนไปหลังรถก็น่าจะดีล่ะนะ”

   พิชญ์พึมพำกับตัวเอง ทว่าชาครที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และได้ยิน ถึงกับชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ตามมา

   “เกรงใจจัง ถ้าอย่างนั้นพวกฉันขับรถกลับกรุงเทพฯเอง ท่าทางจะสบายกว่า”

   พิชญ์สะบัดหน้าค้อนให้อย่างหงุดหงิดปนหมั่นไส้ แล้วเดินจากไป ชาครมองตามและหันมาอีกทาง ทว่าเมื่อธามส่งสัญญาณกับเขาว่าไม่ต้องตามมา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจตามพิชญ์ไปหารถเดินทางกลับบ้านพักแทน

   


... TBC …



หลังจากนี้ความหวานจะเริ่มมาเยือนคู่หลักแล้วค่ะ  ส่วนคู่รอง ...ไม่รู้จะหวานรอดไหม หุ ๆ

ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามกันมาถึงตอนนี้ค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: Narcissus ที่ 16-01-2013 13:56:15
ชาครกับพิชญ์ก็หวานนะคะ
ตอนนี้น่ารักเชียว อ่านไปยิ้มไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 16-01-2013 14:36:03
จะเริ่มหวานกันสักทัเเล้ว เย้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 16-01-2013 15:14:34
เย้ :mc4: ในที่สุดคุณย่าก๊ยอมรับซักที ลุ้นเเทบเเย่ ดีใจด้วยน๊า ธาม วิรัล :o8: :o8:
ต่อไปก๊รอดู กวางเเซนซึน กับหมาป่าฮาร์ดคอร์ ???  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 16-01-2013 15:20:09
แต่รู้สึกจะหลงรักคู่รองซะแล้ว มันดูอบอุ่นดี ถึงจะไม่หวานมากเท่าคู่หลักแต่ก็หวานในแบบของเขาละนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 16-01-2013 15:28:50
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

น่ารักกกก

คู่พิชญ์น่ารักมากเลย

ไม่ได้เข้าใจผิดเลย เพราะอีกไม่นานมันก็จะเป็นเรื่องจริงคะท่านวิลัล

ฮ่าฮ่าฮ่า

มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 16-01-2013 16:33:56
น่ารักเหมือนเดิม

ทั้งสองคู่หวานกันคนละแบบ อิอิ

ชาครรู้สึกว่าจะขี้เล่นขึ้นนะ พิชญ์น่าแกล้งนี่นา :p
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 16-01-2013 19:30:39
 :-[ :-[ :-[

เย้ๆ อยากให้อีกคู่หวานเร็วๆจัง สงสารชาคร กลัวช้ำใจตายไปก่อน  :laugh:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 16-01-2013 20:29:48
ชาครพิชญ์นี่ยังไง ๆ นะเนี่ย ย่าวิรัลร้ายเหมือนกันนะนั่น
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 16-01-2013 21:33:17
สบายใจกันทุกฝ่ายแล้วสินะ
จะว่าไปก็แอบเห็นใจท่านย่าอยู่บ้างนะ อดอุ้มหลานจากวิรัลเลย><
คู่รองเขาก็คงหวานๆแบบแสบๆนิดหน่อย
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 16-01-2013 22:34:31
ชอบแนวนี้ :man1:
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 16-01-2013 22:34:56
ชาครเจ้าเล่ห์อ่ะ พิชญ์ระวังไว้นะจะโดนปล้ำ 555+
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 16-01-2013 22:55:05
 o18 อยาอ่านตอนต่อไปแล้ววๆๆ :z3:
คู่ของชาครกับพิญกำลังสนุกเลย :-[  :-[
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: janeyuya ที่ 17-01-2013 01:07:15
ชาครสู้ๆ ╰( ̄▽ ̄)╭♥
ถ้าพิชญ์ดื้อนักจับปล้ำเป็นเมียไปเลยพ่อ *ถือป้ายไฟชาพิชญ์*
หัวข้อ: Re: เหยื่อรักอสูรกาย เปลี่ยนชื่อเป็น "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 19 /P.11 โพส 16/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-01-2013 17:57:10
ดัน
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 20 /P.11 โพส 18/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 18-01-2013 20:35:10

/ 20



    วิรัลประคองธามไปพบท่านย่าของเขา ทว่าหญิงชรานั้นไม่อนุญาตให้เข้าพบ และฝากคนรับใช้คนสนิทมาบอกว่าต้องการจะพักผ่อน ทำให้วิรัลหน้าเสียจนธามต้องเอ่ยปลอบ

   “ไม่เป็นไรหรอกน่า ...เดี๋ยวพอทำใจได้ ท่านก็อนุญาตให้เราเยี่ยมเองนั่นล่ะ”

   “แต่ว่า...ถ้าท่านย่าเกิดตัดขาดกับผมจริง ๆ ล่ะครับ...ถึงจะเข้มงวดยังไง ผมก็ยังรักและเคารพท่านย่าเหมือนเดิมเสมอ...ถ้าจะต้องถูกตัดขาดและพบหน้ากันไม่ได้จริง ๆ ผมคง...”

   วิรัลเงียบไป นัยน์ตาคลอไปด้วยน้ำใสวิบวับจนธามสงสาร ทว่าคนรับใช้ชราของปาลินีนั้น กลับยื่นซองจดหมายซองหนึ่งส่งมาให้กับวิรัล

   “อะไรหรือครับ...ป้านวล”

   วิรัลถามอีกฝ่ายที่แม้จะเป็นคนรับใช้เก่าแก่ของปาลินี แต่ก็ดูแลและใจดีกับเขามาตลอดเช่นกัน อีกทั้งศรีนวลเองก็ยังเป็นคนสนิทรู้ใจของปาลินีอีกด้วย และวิรัลก็นับถืออีกฝ่ายเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง

   “นายหญิงท่านฝากมาให้ท่านค่ะ”

   วิรัลรับมาเปิดอ่านดู แล้วก็เบิกตากว้าง ก่อนจะยื่นส่งให้ธามอ่านบ้าง

   ‘ลองแสดงวิถีทางที่หลานเลือกให้ย่าได้เห็นสิ... ถ้าประสบความสำเร็จ จนสามารถเชิดหน้าชูตาไม่อับอายใครในเผ่าได้เมื่อไหร่ ค่อยกลับมาพบย่าอีกครั้งแล้วกัน’

   “พวกเราคงต้องพยายามหนักกันแล้วนะวิรัล”

   ธามบอกกับคนรักพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งวิรัลก็ยิ้มตอบ พลางเช็ดน้ำตาแห่งความตื้นตันของตน เพราะแม้จะไม่ยอมรับออกนอกหน้า แต่ท่านย่าของเขาก็ยังคงให้โอกาสกับเขาและไม่คิดจะตัดญาติกับเขาอย่างที่เคยคิดกลัวเอาไว้

   “ผมไปล่ะครับป้านวล ฝากดูแลท่านย่าด้วยนะครับ...แล้วผมจะกลับมาใหม่ และจะทำให้ท่านย่าภาคภูมิใจในตัวผมให้สำเร็จให้ได้”

   ศรีนวลยิ้มรับและกอดร่างนั้นอย่างรักใคร่ และเมื่อวิรัลกับธามกลับไปแล้ว เธอจึงกลับเข้าไปในห้องพักส่วนตัวของปาลินี แล้วเอ่ยกับคนที่นั่งเงียบ ๆ อ่านหนังสืออยู่

   “ท่านนี่ก็นะ หลานชายมาลาแท้ ๆ จะให้พบสักหน่อยก็ไม่ได้ ...แถมยื่นเงื่อนไขออกไปแบบนั้น แล้วอีกกี่ปีกัน จึงจะได้พบหน้ากันอีกคะ”

   หญิงชราเอ่ยตำหนินายหญิงของเธออย่างไม่เกรงกลัวดังเช่นข้ารับใช้คนอื่น เพราะความที่เติบโตมาด้วยกันแต่เล็กแถมยังเป็นญาติสนิทเหมือนพี่น้องแท้ ๆ กันอีกด้วย ทั้งสองสนิทกันมาก แม้แต่จดหมายฉบับที่นำไปให้วิรัล ปาลินียังอนุญาตให้ศรีนวลอ่านก่อนเลยด้วยซ้ำ

   “ถ้ามัวแต่ดูแลประคบประหงมกัน แล้วเมื่อไหร่วิรัลจะเติบโตได้ล่ะ ...รู้ไหมนวล ว่าเมื่อคืนนี้ เด็กคนนั้นน่ะโต้ตอบกับฉันตรง ๆ อย่างไม่เกรงกลัวเลยนะ ...   ซึ่งฉันก็พอคาดเดาได้ว่า เพราะใครถึงทำให้วิรัลเปลี่ยนไป”

   ปาลินีพึมพำ แล้วหวนถึงความใจเด็ดของธามเมื่อคืน ถ้าตอนนั้นธามจะฉวยโอกาสหลบแล้วปล่อยให้ลูกน้องของเธอทำร้ายกันเอง เธอเองก็คงเอาผิดเขาไม่ได้ แต่การที่ธามเอาตัวไปขวางเพื่อช่วยชีวิตมโคตนนั้นไว้ เท่ากับธามนั้นได้ซื้อใจของเธอและมโคตนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นทั้งหมด

    และนั่นก็ทำให้เธอเริ่มได้คิดว่า หากฝากฝังวิรัลไว้กับชายผู้นั้นแล้ว เธอก็คงหมดห่วงในความปลอดภัยของหลานชายได้ไปเปลาะหนึ่ง เพราะเธอมั่นใจว่า ธามจะยินดีปกป้องและพร้อมสละชีวิตให้กับหลานชายของเธอในทุกเมื่ออย่างแน่นอน

   “เรื่องเมื่อคืนดิฉันเองก็เพิ่งจะได้รับรู้จากบ่าวคนอื่น  ถ้าอยู่ด้วยก็คงจะช่วยหาวิธีที่ดีกว่านี้ แทนวิธีที่ต้องเสี่ยงชีวิตกันทุกฝ่ายแบบนั้น”

   ศรีนวลเริ่มบ่น ทำให้คนฟังแย้มยิ้มน้อย ๆ เธอวางหนังสือลงข้าง ๆ แล้วจึงเปรยตอบ

   “เธอมันใจดีเกินไป ...แต่ก็ดีแล้ว เพราะวิรัลก็ได้ส่วนนี้จากเธอไปมาก ขืนปล่อยให้ฉันเลี้ยงเขาคนเดียว  เขาคงกลายเป็นคนกร้านโลก เย็นชาไปแทนแน่”

   คนรับใช้เก่าแก่ถอนหายใจ แล้วจึงขยับไปกุมมือของผู้เป็นนายเบา ๆ พร้อมกับยิ้มอ่อนโยนส่งให้

   “ท่านเองก็เป็นคนใจดี เพียงแต่ไม่แสดงออกมาเท่านั้น ...และดิฉันเชื่อว่า ท่านวิรัลเองก็ต้องรับรู้ความใจดีจากท่านย่าของท่านได้แน่ เพราะแม้แต่ตอนที่คิดว่าจะถูกตัดขาดจริง ท่านวิรัลก็ยังแสดงถึงความรักเคารพต่อตัวท่านอยู่เลยนะคะ”

   ปาลินีมองศรีนวลที่พูดปลอบโยน ในสิ่งที่เธอนึกกังวลแต่ไม่ได้แสดงออกไป  หญิงชราแย้มยิ้มตอบ พร้อมกับพึมพำขอบคุณเบา ๆ จากนั้นจึงเดินไปที่ระเบียงเรือนด้านนอกพร้อมกับคนรับใช้เก่าแก่ มองลิบ ๆ ไปยังถนนด้านหน้าเรือน ที่ตอนนี้มีรถตู้คันใหญ่มาจอดรออยู่

   “ดูพวกนั้นกระตือรือร้นกันดี ...สงสัยฉันคงจะได้เจอหน้าหลานอีกครั้ง ในเวลาเร็วกว่าที่คิดก็ได้นะนวล”

   ศรีนวลหัวเราะเบา ๆ แล้วตอบรับกลับไป

   “นั่นสิคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันคงต้องคอยดูแลสุขภาพของท่านให้แข็งแรงกว่านี้เสียแล้ว จะได้อยู่คอยรอพบท่านวิรัลด้วยกันได้อีกนาน”

   ปาลินีเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะยิ้มอ่อนโยนตามมา

   “นั่นสินะ...ถึงจะไม่มีโอกาสได้อุ้มเหลน แต่ก็ยังสามารถอยู่ดูความเติบใหญ่ของหลานชายได้ ก็ถือว่าคุ้มค่าที่เกิดมาแล้วล่ะนะ”

   จากนั้นหญิงชราทั้งสองจึงกลับเข้าไปในห้องพัก โดยไม่ได้อยู่เฝ้าดูว่าคนบนรถตู้จะกลับเมื่อไหร่ตอนไหน เพราะพวกเธอแน่ใจว่า ถึงอย่างไร ทั้งหมดก็ต้องกลับบ้านกันไปอย่างปลอดภัย และพวกเขาจะต้องกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง ไม่ว่าจะใช้เวลาผ่านไปกี่ปีก็ตาม

   

   ภายในรถตู้ พิชญ์รับผิดชอบเป็นคนขับ มีชาครนั่งหน้าไปด้วย ส่วนธามนั้นนั่งกึ่งนอนบนเบาะยาวที่ปรับเอนลง โดยมีวิรัลนั่งข้าง ๆ เป็นเพื่อน

   “เดี๋ยวก็จะได้กลับถึงบ้านแล้วนะครับ...ถ้ากลับไป คุณธามย้ายมานอนห้องเดียวกับผมนะ”

   วิรัลบอกกับอีกฝ่าย ทำเอาคนที่ขับรถอยู่สะดุ้งนิด ๆ แต่ก็แกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่ใส่ใจ ทำให้ชาครที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นึกขำ

   “อืม...ถ้าอย่างนั้นอาจจะต้องเปลี่ยนเตียงใหม่นะ เพราะเตียงเธอมันค่อนข้างแคบไปหน่อย เวลาเราทำท่าธรรมดาก็พอไหว แต่ถ้าต่อเนื่องท่าอื่นด้วยมันค่อนข้างลำบากไปนิด...เอาสักคิงไซส์น่าจะกำลังดีว่าไหม”

   ธามบอกพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ จนคงฟังหน้าแดงวาบ แต่ทั้งคู่ก็ต้องอุทานเบา ๆ อย่างตกใจ เมื่อรถยนต์ที่ขับนิ่ง ๆ อยู่เกิดกระตุกชั่วครู่ โดยที่คนขับนั้นกำลังตีหน้าบึ้งหนักอย่างไม่สบอารมณ์นัก

   “หึ ๆ สงสัยคงต้องไว้คุยกันหลังลงจากรถ ไม่งั้นอาจจะได้ไปไม่ถึงบ้านแน่”

   ธามเอ่ยแซวพิชญ์ ส่วนวิรัลยิ้มเจื่อน ๆ แต่ก็เห็นด้วยกับที่ธามบอก เพราะดูว่าพี่เลี้ยงของเขาจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนัก เด็กหนุ่มจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

   “...อ๊ะ จริงสิพิชญ์ เรื่องบริษัทน่ะ จำเป็นไหมว่าฉันต้องออกไปทำงานที่บริษัทด้วย เราจะช่วยกันบริหารที่หมู่บ้านนั่นเลยได้ไหม”

   พิชญ์เหลือบมองเจ้านายของเขาผ่านกระจกหลังรถ เขาครุ่นคิดสักครู่ แล้วจึงตอบกลับไป

   “ผมก็คิดว่าจะใช้ที่คฤหาสน์ทำเป็นสำนักงานใหญ่เหมือนกันครับ ส่วนการติดต่อกับบริษัทลูก ก็จะทำการติดต่อระหว่างเครือข่ายของบริษัท เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของท่านวิรัล และทางคุณธามที่ผมจะแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยประธานบริษัทนับจากนี้ไปน่ะครับ”

   ธามชะงักเล็กน้อย เช่นเดียวกับชาคร เพราะไม่คิดว่าพิชญ์จะไว้ใจ ยกอำนาจบริหารมาให้พวกเขาซึ่งเป็นคนต่างเผ่าแบบนี้

   “ลำพังผมคนเดียวคงลำบากที่จะทำให้บริษัทก้าวหน้า ...ถ้าได้นักธุรกิจไฟแรงอย่างคุณมาช่วย ผมคิดว่าคงพอจะไหว  เพราะจากที่ตรวจสอบ ธุรกิจคลับที่คุณทำมันก็เจริญรุ่งเรืองโอเคอยู่ ...อ้อ ถ้าไม่จำเป็นอย่าเล่นตุกติกในการบริหารให้มันมากนัก ผมไม่อยากหาศัตรูมาเพิ่มให้บริษัทของเราเท่าไหร่ แค่นี้ก็ยุ่งยากพออยู่แล้ว”

   พิชญ์บอกตรง ๆ แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้ธามนึกโกรธ แต่กลับพึงพอใจที่อีกฝ่ายสามารถสืบรู้ข้อมูลของเขามาได้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถที่พิชญ์มีอยู่

   “หึ ๆ ก็ได้ ...ฉันยินดีรับตำแหน่ง แต่ขอตำแหน่งเลขาส่วนตัวให้ชาครด้วยนะ ฉันไม่ถนัดทำงานกับคนอื่นเท่าเขานักหรอก”

   พิชญ์เหลือบมองคนพูดผ่านกระจกหลังรถ แล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ

   “...ผมก็คิดว่าเขาน่ะเหมาะที่จะเป็นเลขาของคุณที่สุดแล้วล่ะ”

   “แล้วตัวนายล่ะพิชญ์ ไม่คิดเปลี่ยนตำแหน่งกันบ้างหรือ ตำแหน่งประธานบริษัทน่ะ นายเป็นแทนฉันไปเลยไม่ได้หรือไง”

   วิรัลแทรกขัดขึ้น ทำเอาอีกสามคนเงียบกริบ โดยเฉพาะพิชญ์ เขาตกใจจนเกือบจะเหยียบเบรก แต่สักพักก็ตั้งสติและชะลอความเร็วลงกว่าเดิม ระหว่างที่ถามกลับไป

   “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ ...ธุรกิจนี้เป็นของตระกูลเรา  ท่านวิรัลซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูล ก็สมควรจะเป็นประธานบริษัทก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ”

   วิรัลฟังแล้วก็ถอนหายใจ แล้วจึงบอกอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม

   “แต่หลังจากพ่อหายสาบสูญไป บริษัทของเราก็ได้นายคอยดูแลมาตลอด ถ้าไม่มีนาย มันคงเจ๊งไปแล้วก็ได้ เพราะฉันกับท่านย่าก็คงไปช่วยบริหารไม่ไหว ...ไม่ใช่แค่ตำแหน่งประธาน บริษัทนี้มันสมควรจะตกเป็นของนายด้วยซ้ำ”

   พิชญ์เงียบกริบ เขายิ้มน้อย ๆ อย่างตื้นตันใจที่วิรัลคิดกับเขาแบบนี้ ชายหนุ่มจึงเอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

   “ขอบคุณครับ... แต่การได้เห็นท่านประสบความสำเร็จมั่นคงในฐานะผู้นำของตระกูล  นั่นคือเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของผมครับ”

   วิรัลฟังคำตอบแล้วก็ถึงกับนิ่งอึ้ง แล้วจึงน้ำตาซึมตามมาน้อย ๆ พร้อมกับเอ่ยพึมพำขอบคุณอีกฝ่าย  ด้านธามนั้นลูบศีรษะคนรัก แล้วจึงหันมายิ้มให้พิชญ์ผ่านทางกระจกมองหลังรถ พิชญ์ยิ้มตอบ  แล้วจึงขับรถไปเงียบ ๆ  ชาครเห็นดังนั้นจึงฮัมเพลงไปเบา ๆ ซึ่งก็สร้างความเพลิดเพลินให้ผู้ฟังที่เหลือ แม้แต่พิชญ์ยังไม่คิดจะให้อีกฝ่ายหยุด แต่กลับเลือกเงียบรับฟังไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าเขตหมู่บ้านมโคที่พวกเขาอาศัยอยู่

 

   “ถึงสักที...บ้านของพวกเรา”

   วิรัลที่ลงจากรถ ยืนมองคฤหาสน์มฤคมาศของเขาด้วยแววตาเปี่ยมสุข เขาจำได้ดีว่า ตอนแรกที่มาถึงที่นี่ เขายังนึกเบื่อหน่ายที่จะต้องมารับผิดชอบตำแหน่งประมุขของเผ่าอยู่เลย ทว่าหากเขาไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านนี้ เขาก็คงไม่มีโอกาสจะได้พบกับธาม และผูกสัมพันธ์ต่อกันแน่นแฟ้น อย่างที่เป็นอยู่นี้แน่

   “พิชญ์ เดี๋ยวให้คนขนของของคุณธามมาไว้ห้องฉันเลยนะ  ฉันจะได้คอยดูแลอาการบาดเจ็บของเขาได้สะดวกหน่อย”

   วิรัลหันไปบอกพี่เลี้ยงคนสนิท พิชญ์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะกระแอมเบา ๆ แล้วค่อยตอบ

   “ก็ได้อยู่หรอกครับ แต่ไอ้เตียงคิงไซส์นั่น คงปุบปับเอามาเลยไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องรอสองสามวันนะครับ”

   วิรัลพยักหน้า แต่ชาครกับธามมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ

   “แค่เตียงคิงไซส์ หาซื้อจริง ๆ ก็ไม่ยากนักไม่ใช่หรือ”

   พิชญ์มองชาครที่เป็นฝ่ายถามเขา แล้วจึงตอบกลับไปอย่างนึกหมั่นไส้นิด ๆ

   “ถ้ากับแค่เตียงทั่วไป ก็คงยังไงก็ได้ แต่เตียงสำหรับท่านวิรัล จะสั่งทำจากร้านเจ้าประจำเท่านั้น  เพราะต้องเลือกใช้วัสดุที่ดีที่สุด รวมไปถึงฝีมืองานไม้ที่ประณีต ไม่เหมือนกับพวกที่ขายตามร้านทั่วไปนั่นหรอก”

     ธามผิวปากหวืออย่างนึกทึ่ง แม้กระทั่งชาครเองยังถึงกับต้องยอมรับในความละเอียดพิถีพิถันของพี่เลี้ยงหนุ่มผู้นี้ทีเดียว

   “มิน่า…วิรัลถึงโตมาแบบคุณชายแบบนี้ ก็เล่นเลี้ยงกันมาเสียแบบนี้ไงล่ะ ...อืม แต่ก็ยอมรับล่ะนะ ว่าเตียงของวิรัลนี่ยืดหยุ่นใช้ได้ ไม่ว่าจะอยู่บนอยู่ล่าง ก็ไม่ทำให้เมื่อยเท่าไหร่ จริงไหม”

   ธามหันไปถามคนรัก ซึ่งตอนนี้หน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสู้หน้า ส่วนพิชญ์ก็ยิ่งทวีความหมั่นไส้มากขึ้น แล้วจึงบอกกระแทกเสียงเบา ๆ

   “เชิญคุณไปพักผ่อนได้แล้ว ...ท่านวิรัล ถ้าหิวอีกเดี๋ยวผมจะให้คนนำอาหารเช้าไปให้นะครับ”

   พิชญ์บอกกับเจ้านายของเขา เพราะระหว่างทางก็แวะปั๊มซื้ออาหารกินง่าย ๆ รองท้องกันเพียงแค่นั้น

   “ฉันอิ่มแล้วล่ะ ...แต่คุณชาครกับคุณธามอาจจะหิว”

   “ผมซัดขนมปังมาเต็มที่แล้วครับ เช้านี้สบายมาก ขอบคุณที่เป็นห่วง”

   ชาครเอ่ยขัดพร้อมกล่าวขอบคุณ  ส่วนธามนั้นตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

   “ส่วนฉันหิวเธอมากกว่า แต่ร่างกายแบบนี้คงกินลำบากหน่อยล่ะนะ”

   “สรุปไม่มีใครรับอาหารเช้านะครับ! ถ้าอย่างนั้นเชิญขึ้นด้านบนเถอะครับ ก่อนที่ใครบางคนจะพูดอะไรไม่รู้จักคิด ให้บ่าวไพร่ได้ยินไปนินทากันเสียเปล่า ๆ”

   พิชญ์ตัดบทอย่างหมั่นไส้กึ่งรำคาญ ด้านธามนั้นหัวเราะเบา ๆ ส่วนวิรัลหน้าแดงหนักยิ่งขึ้น จากนั้นพวกเขาก็กลับขึ้นไปที่ห้องของวิรัล ใช้เวลาไม่นานนัก ของจากห้องของธามก็ย้ายมาอยู่ที่ห้องวิรัลจนหมด  เนื่องจากเสื้อผ้าต่าง ๆ ก็เพิ่งซื้อมาใหม่ไม่กี่ชุด ส่วนเสื้อผ้าเก่าและของใช้ติดกายมาจากครั้งเมื่อพักรีสอร์ทของม่านฟ้าก็มีเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น 

   “ต่อแต่นี้ไป พวกเราก็จะได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ แล้วนะครับ...”

   วิรัลที่บังคับธามให้นอนพักบอกกับอีกฝ่าย ตอนแรกเขาลากเก้าอี้นวมแถวนั้นมานั่งข้าง ๆ แต่ธามบอกว่าอยากให้มาอยู่ข้าง ๆ กัน วิรัลจึงขึ้นมาบนเตียงแล้วนอนอิงแอบข้างกายของชายหนุ่มแทน

   “นั่นสิ....ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะเป็นแบบนี้ได้  เพราะตั้งแต่รู้ว่าเธอเป็นมฤคมาศ ฉันก็หมดหวังไปกว่าครึ่งแล้ว ยิ่งรู้ว่าเธอมีคู่หมั้นคู่หมาย แถมพ่อของเธอยังเคยถูกพวกเราโจมตี ฉันก็ยิ่งหมดหวังไปทุกที ...”

   ธามเปรยกับอีกฝ่าย แล้วพลิกกายมาสบตากับเด็กหนุ่ม พร้อมกับเอ่ยต่อมา

   “แต่เพราะรักเหลือเกิน ...รักจนไม่สามารถตัดใจได้  ดังนั้นต่อให้หมดหวัง หรือจะอยู่เคียงข้างกันไม่ได้ก็ช่าง ...แต่ฉันก็ตั้งใจว่าจะขอรักเธอไปคนเดียวตลอดชีวิตของฉัน”

   วิรัลรับฟังคำบอกรักของอีกฝ่ายอย่างปลาบปลื้มใจ เด็กหนุ่มซุกซบใบหน้าพิงอกกว้างของอีกฝ่ายเบา ๆ และพึมพำตอบคนรักเสียงแผ่ว

   “ผมเองก็เหมือนกันครับ...ต่อให้สถานการณ์พลิกผันเปลี่ยนไป ... ผมอาจจะต้องแต่งงาน มีลูก และไม่อาจจะพบคุณได้อีก ...แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็จะมีคุณเพียงคนเดียวในหัวใจตลอดไปเช่นกัน”

   ธามยิ้มรับอย่างเป็นสุข ทั้งคู่ประคองกอดกันไปแบบนั้น จนกระทั่งเผลอหลับไปด้วยกันในที่สุด



   อีกด้านหนึ่งชาครที่กำลังนอนพักอยู่ในห้อง ก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู พอเปิดประตูออกมาก็พบพิชญ์ยืนหน้าบึ้ง มืออีกข้างถือกล่องยาขนาดย่อมใบหนึ่ง

   “จะมาทำแผลให้”

   ชาครเลิกคิ้วน้อย ๆ อย่างประหลาดใจ แล้วย้อนถาม

   “ใจดีแบบนี้แปลกแฮะ มีอะไรเคลือบแฝงหรือเปล่า”

   พิชญ์ชะงักเล็กน้อย แล้วจึงขมวดคิ้วยุ่งอย่างหงุดหงิดตามมา

   “ถ้าไม่อยากให้ช่วย ก็ทำเอง!”

   ชายหนุ่มยื่นกล่องยาให้อีกฝ่าย ทำเอาชาครต้องอมยิ้มแล้วยกมือขอโทษขอโพยตามมายกใหญ่

   “ขอโทษ ๆ  ช่วยทำให้หน่อยแล้วกัน ฉันทำคนเดียวไม่สะดวกหรอก”

   พิชญ์ค้อนนิด ๆ อย่างหมั่นไส้ แต่ก็เดินนำอีกฝ่ายไปที่เตียง แล้วให้ชาครนั่งลง ส่วนเขาก็ค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลเดิมออก และเมื่อได้เห็นแผล เขาก็นิ่วหน้าอย่างไม่สบอารมณ์นัก

   “นี่นะ ขีดข่วนนิด ๆ หน่อย ๆ  บ้าจริง...เย็บไปกี่เข็มน่ะ”

   “เกือบยี่สิบเข็มได้มั้ง”

   ชาครตอบตามตรง ทำเอามือของคนที่แกะผ้าพันแผลที่เหลือชะงักนิด ๆ

   “บ้าระห่ำไม่เข้าเรื่อง...เนื้อหนังพวกวกะก็ใช่ว่าจะเหนียวอะไรมากมาย  อีกอย่างนักรบมโคที่นายหญิงมี ก็ล้วนแต่พวกมีฝีมือทั้งนั้น”

   ชาครอมยิ้ม แม้จะบ่นไม่หยุด แต่อีกฝ่ายก็ยังคงทำแผลต่อให้เขาอย่างเบามือและระมัดระวังไม่ให้แผลนั้นกระทบกระเทือน จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย

   “ขอบคุณนะ”

   “ฮึ! ก็แค่กลัวหายช้า จนฉันไม่มีคนช่วยทำงานก็แค่นั้นเอง!”

   พิชญ์ตอบกลับไปเสียงห้วน แล้วจึงเก็บผ้าพันแพลเก่าไปทิ้งถังขยะในห้อง ก่อนจะกลับมายกกล่องยาเตรียมจากไป ทว่าคนบนเตียงก็ทักขึ้นเสียก่อน

   “แล้วอย่าลืมกินยาก่อนอาหารกลางวันนี้ด้วยล่ะ”

   พิชญ์ชะงัก แล้วตอบกลับเสียงห้วน

   “รู้แล้วน่า! ฉันไม่ใช่เด็กนะ ถึงต้องย้ำบ่อย ๆ”

   “ครับ ๆ  ...จริง ๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่เด็ก แต่ที่ย้ำก็แค่เป็นห่วง กลัวนายจะหายช้าก็แค่นั้นล่ะ”

   พิชญ์ชะงัก ก่อนจะหน้าแดงนิด ๆ แล้วรีบโพล่งใส่ออกไปเสียงดังเพื่อแก้เขิน

   “ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกน่า! ห่วงตัวเองดีกว่า แผลขนาดนี้ ก็ต้องกินยาเหมือนกันนั่นล่ะ เดี๋ยวฉันจะให้แพทย์ประจำหมู่บ้านจัดยามาให้ แล้วนายก็ต้องกินด้วยนะ!”

   จากนั้นอีกฝ่ายก็รีบจ้ำฝีเท้าออกจากห้องไป ทิ้งให้ชาครมองตามด้วยความเอ็นดู และเริ่มรู้สึกว่า ตนเองคงจะสนใจพิชญ์เข้าให้แล้วจริง ๆ ก็เป็นได้


… TBC …


ช่วงนี้เรื่องก็จะหวาน ๆ ปกติสุขดี ก็คงจะตัดพักไปสักช่วงหนึ่งนะคะ  เดี๋ยวจะวกกลับมาดราม่า พร้อมกับเปิดเข้าสู่บทการต่อสู้ครั้งสุดท้ายอีกครั้งค่ะ  แต่ก็คงอีกนาน แล้วแต่ความขยันค่ะ  ช่วงนี้ขอพักไปเขียนงานแฟนตาซีสักระยะ แต่ไม่ทิ้งนานหรอกค่ะ เดี๋ยวจะต่อไม่ติด คงสักอาทิตย์สองอาทิตย์ราว ๆ นั้นค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :L2:


หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 20 /P.11 โพส 18/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 18-01-2013 21:00:17
หวานมากๆอ่ะ :o8:
ปอลิง รอดูคู่พิญกับชาคร อิอิ
ปอลิง2 ยังมีดราม่าอีกเหรอ o22 o22
   

เค้ารออ่านต่ออยู่น๊า :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 20 /P.11 โพส 18/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 18-01-2013 21:18:34
เขารออ่านต่ออยู๋น้า

เข้ามาอ่านรอบเดียวยาวเลย 5555

อย่าเพิ่งดราม่าเลยนะ

วิรัลสู้ๆๆ ธามสู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 20 /P.11 โพส 18/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 18-01-2013 21:27:49
พ่อมโคปากหนัก เป็นห่วงเขาก็บอกว่าเป็นห่วงสิจ๊ะ
(แต่ถ้าไม่ปากหนักก็คงจะไม่หลงขนาดนี้ >////<)
คุณเลขาเขามาแบบนิดหน่อยแต่ปิดตอนแบบแย่งซีนมากเลยค่าา
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 20 /P.11 โพส 18/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-01-2013 21:41:24
หุหุ พิชญ์เขินน่ารักอ่ะ เขินแบบโหดๆ ฮ่าๆๆๆ
โล่งอก สุดท้ายคุณย่าก็ยอมจนได้ ดีใจแทนวิรัลกะธามจริงๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 20 /P.11 โพส 18/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 18-01-2013 22:12:13
ลุ้นคู่พิชญ์สาคร ดูน่ารัก อบอุ่นดี ส่วนคู่หลักก็ซึ้งกันตลอด ดราม่าครั้งใหญ่รู้สึกหวั่นใจแปลกๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 20 /P.11 โพส 18/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 18-01-2013 22:19:41
อั่นแน่ ชาคร!!! ฮิ้วว  :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 20 /P.11 โพส 18/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 18-01-2013 22:33:05
 o13 o13   อิอิ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 20 /P.11 โพส 18/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 18-01-2013 22:44:37
ได้รับการยอมรับจากท่านย่าวิรัลก็สบายใจไปหน่อยละนะ แต่ว่าชาครกับพิชญ์ละเมื่อไหร่จะลงเอยกันนะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอนใหม่ 20 /P.11 โพส 18/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 19-01-2013 11:20:32
พิชญ์น่ารัก :laugh:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 20-01-2013 17:56:50
ระหว่างยังเขียนแฟนตาซีอีกเรื่องไม่คืบหน้า จึงนำบทสั้นคั่นเวลาก่อนจะเริ่มสู้การต่อสู้ครั้งใหม่ จะมาถึง

อาจจะสั้นไปนิด แต่ก็คิดว่ามันคงพอจะแสดงให้เห็นถึงอะไรหลาย ๆ อย่างที่ตามมาในตอนต่อ ๆ ไป  ...ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ยังคงติดตามอ่านกันตลอดมาจนถึงตอนนี้นะคะ  :L2:

-----------------------------------------------



/21





    ธามและชาครมาอยู่ที่บ้านของวิรัลได้สองอาทิตย์แล้ว พวกเขาพักฟื้นจนหายสนิทและช่วยเหลืองานในบริษัทของวิรัล ที่ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานให้เอื้อต่อความปลอดภัยของผู้บริหาร   ด้วยความอัจฉริยภาพของพิชญ์ และกำลังทรัพย์ของตระกูล พวกเขาก็จัดการเรื่องทั้งหมดได้อย่างเรียบร้อย โดยไม่มีสิ่งใดติดขัด

      ช่วงบ่าย ๆ ของวันอาทิตย์ ขณะที่วิรัลกับธามกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องนอน  พวกเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพิชญ์รายงานว่า มีแขกพิเศษมาขอพบพวกเขา และพอได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร วิรัลก็รีบชวนธามลงไปยังห้องรับแขกทันที

   “คุณม่านฟ้า! คุณอำมฤต! สวัสดีครับ”

   วิรัลทักทายอดีตคู่หมั้นของเขา ม่านฟ้ายิ้มแย้ม แล้วจึงโค้งให้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม จนวิรัลต้องรีบห้าม

   “ดิฉันอยากขอบคุณท่านจริง ๆ ค่ะ ที่ช่วยพูดเรื่องของดิฉันให้ท่านพ่อทราบ ...แต่ดิฉันก็ลำบากพอดูเหมือนกัน กว่าจะทำให้ใครบางคนยอมรับดิฉัน ...พูดก็พูดเถอะค่ะ ดิฉันออกจะมั่นใจว่าตัวเองเพียบพร้อมในทุกสิ่ง แต่กับคนที่ตัวเองรัก เขากลับไม่แลเลยค่ะ รู้สึกลำบากใจจริง ๆ”

   ม่านฟ้าแสร้งเปรยดัง ๆ ทำเอาอำมฤตหน้าแดงก่ำ แล้วรีบกระแอมเบา ๆ เป็นการเตือนให้เด็กสาวหยุดพูดถึงเขาแบบนั้นสักที

   “ง่า...แล้วเรื่องของพวกคุณล่ะครับ”

   วิรัลถามอย่างลังเล แล้วเหลือบมองอำมฤตที่หลบสายตาของเขาด้วยความเขิน

   “ท่านพ่อรับรู้และยอมรับเรียบร้อยแล้วค่ะ ...แต่คนที่ดิฉันอยากจะให้ยอมรับจริง ๆ กลับเล่นตัวบ่ายเบี่ยงเสียจนดิฉันแทบหมดหวัง  พอหวนคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้หญิงที่โดนคู่หมั้นถอนหมั้น  แถมคนที่ชอบก็ยังมาปฏิเสธตัวเองอีก แล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องจังเลยค่ะ”

   “ไม่ใช่นะครับ!”

      คนโดนกล่าวหารีบตะโกนขึ้นมาทันที ทำเอาทุกคนนิ่งอึ้ง อำมฤตชะงัก แล้วจึงพึมพำตอบเบา ๆ ทั้งที่ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อ

      “ผมยังไม่ได้ปฏิเสธท่านเลยนะครับ....เพียงแต่...เกรงว่า คนอื่นจะมองท่านไม่ดี ที่มาเลือกคนรับใช้อย่างผมเป็นคู่รัก...”

   “แต่ดิฉันไม่แคร์นี่คะ! คุณอำมฤต...ไม่สิ พี่น้ำของดิฉันออกจะหนุ่มแน่น ไฟแรง เก่งบริหาร แต่ไม่ชอบแสดงความสามารถ คนไม่รู้อยากจะพูดอะไรก็ให้เขาพูดไป  ...ที่สำคัญนะคะ ตอนนี้ตระกูลของท่านวิรัล กำลังเร่งปฏิรูประบบบริษัททั้งหมดใหม่  แล้วตระกูลพงศ์พิสุทธิ์ ที่อาจจะได้เปลี่ยนขั้วอำนาจมาเป็นประมุขในอนาคต ถ้าสู้เรื่องธุรกิจเขาไม่ได้ เราก็เสียเปรียบแย่สิคะ... เพราะฉะนั้นพี่น้ำก็อย่ามัวแต่คิดน้อยเนื้อต่ำใจเลยค่ะ รีบรับรักดิฉัน แล้วมาช่วยกันบริหารธุรกิจของตระกูลเราดีกว่านะคะ!”

      พอฟังม่านฟ้าพูดจบ อำมฤตก็หน้าแดงก่ำ แล้วอุบอิบกระซิบเบา ๆ แต่ม่านฟ้าที่อ่านริมฝีปากของอีกฝ่ายออก ก็ต้องแย้มยิ้มอย่างยินดี  ทว่าทางด้านวิรัลนั้นถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ แม้แต่ธามยังแอบคิดว่า เด็กสาวคนนี้ถ้าเป็นศัตรูทางธุรกิจก็ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวคนหนึ่ง เพราะเรื่องปฏิรูปบริษัท พวกเขาไม่ได้ทำกันอย่างเปิดเผยแต่อย่างใด ทว่าเจ้าหล่อนก็สามารถสืบรู้เรื่องราวได้ แสดงว่าคอยติดตามธุรกิจตระกูลของวิรัลมาโดยตลอด

   “ถ้าเป็นไปได้อยากให้เป็นพันธมิตรกันมากกว่านะครับ ท่านม่านฟ้า”

   พิชญ์เอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ แม้ในใจจะคิดไม่แตกต่างจากธามนักก็ตาม ส่วนชาครหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ และคิดว่าหากสองตระกูลนี้เป็นพันธมิตรกัน คงไม่มีตระกูลไหนในหมู่มโค มานำหน้าไปได้แน่

   ทางด้านม่านฟ้าพอได้ฟังพิชญ์พูดแบบนั้น เธอก็ชะงัก ก่อนจะหัวเราะเสียงใส แล้วจึงตอบกลับออกไป

   “...ดิฉันก็คิดแบบนั้นล่ะค่ะ  วันนี้ก็เลยมาเสนอโครงการใหม่ของบริษัทดิฉัน กับทางท่านวิรัล เป็นการลงทุนร่วมกันระยะยาวค่ะ  ดิฉันอยากมาพูดคุยกันล่วงหน้า และตั้งใจจะมาขอบคุณเรื่องที่ท่านเคยช่วยเหลือมาด้วย  และหากท่านตกลง การเจรจาแบบจริงจังจึงจะตามมาในภายหลังค่ะ”

   ทั้งหมดพยักหน้ารับรู้ และพูดคุยปรึกษากันถึงโครงการใหม่ของม่านฟ้า ที่พวกวิรัลฟังแล้ว ก็นึกสนใจร่วมลงทุนด้วย เพราะมันไม่เพียงเอื้อประโยชน์ต่อทั้งสองตระกูล แต่จะยิ่งทำให้เผ่ามโคขึ้นไปอยู่ด้านแนวหน้าของแวดวงธุรกิจในไทยได้อย่างไม่ยากนัก และหากเป็นผู้ปกครองระบบเศรษฐกิจ เผ่าอื่นที่คิดร้ายต่อผู้นำเผ่าของพวกเขาก็จะยิ่งลดลง... เพราะทุกวันนี้ กลุ่มอมนุษย์ทั้งหลาย ต่างก็อยู่อาศัยปะปนกับมนุษย์ทั่วไป และเริ่มพึ่งพากลไกความเป็นอยู่ในแบบมนุษย์มากขึ้น  สิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาก็คือ เงินตรา และอำนาจ ในหมู่มนุษย์นั่นเอง

   แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอยู่เพียงไม่กี่เผ่า ที่ไม่สนในกลไกที่ว่ามา และคิดจะโค่นล้มอำนาจพวกอมนุษย์เผ่าต่าง ๆ ให้เหลือเพียงเผ่าของตนเพียงเผ่าเดียวเท่านั้นอยู่ดี!



   ภายในห้องนอนหรูชั้นบนสุดของคอนโดสูงกลางเมือง ร่างสูงใหญ่ กำยำ เปลือยเปล่าของชายหนุ่มวัยกลางคนผู้หนึ่ง กำลังนั่งกึ่งนอนเอนจิบไวน์ที่ชายหนุ่มอีกคนรินมาให้ และหลังจากยื่นไวน์ให้แล้ว เจ้าตัวก็เริ่มถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่ออก จนเหลือแต่เพียงร่างกำยำแข็งแรงได้สัดส่วนชวนมอง ร่างนั้นขยับขึ้นไปบนเตียงช้า ๆ อย่างเย้ายวน ชวนให้คนที่นอนถือแก้วไวน์กลืนน้ำลายลงคออย่างหื่นกระหายที่จะได้ลิ้มชิมรสคนตรงหน้า

   “...เดี๋ยวสิครับ เวลายังเหลืออีกตั้งมากมาย จะรีบร้อนไปไหน”

   น้ำเสียงทุ้มชวนฟังเอ่ยปราม เมื่อมือใหญ่หนาของอีกฝ่ายเอื้อมมาลูบไล้ร่างเปลือยเปล่าของตน

   “เวลามากมายที่ไหน ...เวลาแทบจะไม่มีต่างหาก พักนี้เธอไม่ค่อยว่างมาหาฉันเลยนะ ...กำลังยุ่งกับการขึ้นรับตำแหน่งประมุขคนใหม่อยู่ล่ะสิท่า”

   คนฟังหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงแสร้งทำเป็นลูบไล้แผ่นอกกว้างเปลือยเปล่านั่นแผ่วเบาอย่างประจบ

   “นั่นก็เรื่องหนึ่งครับ...ส่วนอีกเรื่อง ก็คือกำลังยุ่งกับการวางแผนต้อนรับวันเปิดตัวของคุณ ในวันที่ผมจะรับตำแหน่งประมุขต่างหาก เรื่องหลังนี่คงต้องเตรียมการให้รอบคอบ ไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้แม้แต่นิดเดียว”

   ท้ายประโยคเจ้าตัวเอ่ยเสียงแผ่วลง ทว่านัยน์ตาคมกริบฉายประกายเย็นชาและโหดเหี้ยม อย่างที่ทำให้คนมองอยู่รู้สึกชื่นชมและพึงพอใจ

   “เธอนี่มันน่ารักจริง ๆ นะ ‘พิภพ’ น่าเสียดาย ถ้าเธอเป็นคนของเผ่าครุโฬโดยกำเนิดก็คงดี  ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันจะสนับสนุนเธออย่างออกหน้าออกตาได้เต็มที่กว่านี้ทีเดียว”

   พิภพแย้มยิ้มน้อย ๆ มองชายวัยกลางคนเบื้องหน้าเขา ที่แม้จะอายุจากใบหน้าจะคล้ายดังมนุษย์อายุราว 45 – 50 ปี ทว่ามีแต่คนที่รู้จักอีกฝ่ายดีเท่านั้น จึงจะทราบว่าเจ้าตัวแข็งแกร่งปานใด

   “แค่ได้เป็นที่ถูกใจของคุณ ผมก็พอใจแล้วล่ะครับ...คุณภูธิป”

   “หึ ๆ เด็กดี...”

   ภูธิปวางแก้วไวน์ลงบนหัวเตียง ใบหน้าคมเข้มโน้มเข้าใกล้ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของอีกฝ่ายแล้วค่อย ๆ บรรจงจุมพิตริมฝีปากได้รูปนั้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ กระชับเข้าหากัน จากนั้นจึงเริ่มต้นจุมพิตเร่าร้อนและดูดดื่มอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง

   “ไม่ต้องห่วงนะพิภพ...ถ้าตราบใดที่เธอยังจงรักภักดีกับฉัน  ฉันจะมอบทุกสิ่งที่เธอต้องการให้เอง...อืม”

   น้ำเสียงทุ้มหลุดครางแผ่วเบา เมื่อถูกอีกฝ่ายเล้าโลมแก่นกายของเขาอย่างเชี่ยวชาญชำนาญ ความต้องการผงาดขึ้นโดยง่าย และนั่นก็ทำให้พิภพที่ถอนริมฝีปากออกมาจากเจ้าสิ่งนั้นแย้มยิ้ม พร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนช้า ๆ

   “ผมขอนะครับ...คุณภูธิป”

   พิภพบอกเสียงกระเส่า เขาค่อย ๆ ใช้นิ้วเรียวยาวของตน เบิกปากทางเข้าของตนเองช้า ๆ แล้วจึงขยับขึ้นนั่งคร่อมร่างนั้น พลางนำบั้นท้ายไปจดจ่อขยับไปมาที่แก่นกายตั้งตระหง่านของอีกฝ่าย

   “ได้ตามที่เธอต้องการเลย... เด็กดีของฉัน”

    ภูธิปบอกพลางกระเด้งสะโพกสวนกลับไปเต็มแรง จนร่างที่นั่งคร่อมอยู่ด้านบนกระตุกเกร็งนิ่ง ทว่าเพียงแค่ชั่วครู่ร่างนั้นก็เริ่มต้นขยับขึ้นลง และเป็นฝ่ายคุมเกม จนร่างที่นอนบนเตียงถึงกับกลั้นเสียงครางอย่างเป็นสุขเอาไว้ไม่ไหว เจ้าตัวปล่อยให้ชายหนุ่มต่างวัย เป็นฝ่ายปรนเปรอความสุขให้อย่างเต็มที่ จวบจนกระทั่งพิภพพอใจ เขาจึงหยุดพัก แล้วขยับกายมานอนข้างเคียงร่างสูงใหญ่อย่างอ่อนเพลียเล็กน้อย

   “เธอนี่มันร้อนแรงเสมอเลยนะพิภพ... ทำกับใครก็ไม่เต็มอิ่ม เท่าได้ทำกับเธอเลยรู้ไหม”

   ร่างสูงกำยำพลิกกายตะแคงข้างกลับมา ใบหน้านั้นโน้มมาจุมพิตหน้าผากชื้นเหงื่อของอีกฝ่ายอย่างรักใคร่ พิภพแย้มยิ้มหวาน แล้วจูบปลายคางหนุ่มใหญ่อย่างประจบ

   “กลัวแต่ว่าเจอคนใหม่ร้อนแรงกว่า ก็จะไปพูดคำพูดเดิม ๆ กับคนอื่นแทนน่ะสิครับ”

   ภูธิปแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วรวบร่างคนข้างกายมากอดหลวม ๆ

   “หึงด้วยหรือ...”

   “ก็หึงสิครับ...ก็หลงรักคุณไปแล้วนี่นะ”

   พิภพตอบยิ้ม ๆ ทำให้คนฟังยิ้มตอบอย่างพึงพอใจ จากนั้นพวกเขาก็พูดจาหยอกล้อกันต่ออีกเล็กน้อย เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

   “ขออภัยครับท่านพิภพ  แต่ทางผู้คุ้มกฎอาวุโสแจ้งมาว่า วันนี้ตอนห้าโมงเช้า  ท่านต้องเข้าร่วมประชุม กับท่านประมุขและผู้คุ้มกฎคนอื่น ๆ น่ะครับ”

   เสียงเลขาคนสนิทของพิภพรายงานจากด้านนอก พิภพถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ส่วนภูธิปมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

   “อย่าโกรธสิครับ...คุณก็รู้ว่าช่วงนี้ผมต้องเคลียร์เรื่องเผ่าให้เรียบร้อย...ไว้ถึงวันนัดของเราเมื่อไหร่...ตอนนั้นผมก็มีเวลาให้คุณเสมอแล้วล่ะครับ”

   พิภพบอกกับคนข้างกายพร้อมจูบริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างประจบ ทำให้หนุ่มใหญ่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม

   “ขอบคุณที่บอกนะกฤต  เดี๋ยวสักอีกชั่วโมงฉันถึงจะลงไป”

   พิภพบอกกับคนนอกประตู เสียงตอบรับด้านนอกดังขึ้นแผ่วเบา จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินห่างจากไป พิภพหันมายิ้มกับภูธิป แล้วจึงชักชวนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย้ายวน

   “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปอาบน้ำกันก่อนดีไหมครับ ผมจะได้ช่วยนวดผ่อนคลาย ให้คุณด้วยยังไงล่ะ”

   ภูธิปยกยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ เขาประคองร่างเปลือยข้างกายไปด้วยกัน จากนั้นจึงปล่อยให้พิภพคอยเอาใจนวดเฟ้นให้เขาผ่อนคลาย และภูธิปจึงตอบแทนชายหนุ่มโดยการมอบความสุขให้อีกฝ่ายจนปลดปล่อยไปด้วยกันอีกรอบ จนกระทั่งถึงเวลาหนึ่งชั่วโมงที่พิภพบอกคนสนิทเอาไว้ พวกเขาจึงใช้เวลาอาบน้ำกันจนเสร็จ  พิภพจึงแยกย้ายไปทำธุระสำคัญของเขาต่อ และให้สัญญาว่าจะกลับมาพบภูธิปในเร็ววันนี้ อีกครั้งแน่นอน

   

   
... TBC ...
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 20-01-2013 19:21:16
แง่วววววว พี่พิภพ เธอแรงดีจริงๆนะ

อ่าาางานนี้ธามก็งานหนักสินะ เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 20-01-2013 19:59:34
 o22  พิภพเป็นแบบนี้เองหรอ

เอาใช่ช่วยธามกะวิรัล ขอให้อย่ามีอุปสรรคร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นอีกเลย

กว่าจะได้รักกัน กว่าจะผ่านด่านท่านย่ามาได้

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 20-01-2013 20:50:48
หวังว่าพิภพคนนนี้จะไม่นำเรื่อง
เดือดร้อนมาให้ธามกับวิรัลนะ
น่าเป้นห่วงจังเลย งือออออ :z3:  :z3:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 20-01-2013 21:04:49
ใครคือภูธิปคะ :z6:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 20-01-2013 21:06:53
ภูธิปเป็นตัวละครที่เพิ่งออกมาใหม่ตอนนี้จ้ะ  เป็นหัวหน้าเผ่าครุโฬ ค่ะ  ถ้าใครยังจำได้ ปัดเขียนถึงเผ่าครุโฬอยู่ 2 - 3 ครั้ง เป็นเผ่าอมนุษย์ที่แข็งแกร่ง ที่มีอุดมการณ์ทำลายเผ่าอื่นให้หมด ยกเว้นเผ่าตัวเองค่ะ

edit:  ครุโฬ  อ่านว่า    คะ-รุ-โร   แปลว่า   สัตว์ผู้จับงู,  ครุฑ 
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 20-01-2013 21:17:17
พิภพเป็นคนรักของภูธิป งั้นก็แสดงว่าพิภพยอมจะทำลานเผ่าตนเองเพื่อที่รักหรอ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 20-01-2013 22:32:09
 o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22 เฮื่อกกก!!!  เเย่เเว้ววววววววววว                                               ปอลิง  พิภพ จะร้อนแรงไปไหนค๊าาา ทำเค้ากำเดาไหลเลยอ่ะ :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 21-01-2013 00:12:15
พิภพร้ายมากเลย ดันไปเป็นอีหนูของเขาซะได้
แต่ยังมีผลประโยชน์ร่วมกันแบบนี้ท่าทางจะได้อยู่กันยาวหน่อย(มั้ยเนี่ย)
เฮ้อออ กลัวว่าจะถูกภูธิปหักหลังจัง เพาะคงจะไม่ยอมให้ใครเหนือกว่าเผ่าตัวเองแน่
มาคั่นเวาแบบนี้ก็ดีนะคะ จะได้หายคิดถึงคุณพิชญ์>////<
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 21-01-2013 00:46:22
เป็นอย่างที่คิด เฮ้อเศร้าใจจัง
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 21-01-2013 11:38:45
เอิ่ม ถ้าอีกฝ่ายซัก 30-35 ก็ยังพอจิ้นไหว
แต่นี่แบบ ห้าสิบอ่ะ พิภพรู้สึกจะเด็กกว่าเยอะหนิ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21 /P.12 บทสั้น ๆ คั่นเวลา ก่อนการต่อสู้อีกครั้ง... โพส 20/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 21-01-2013 12:34:06
แบบนี้นี่เอง ถ้าสองฝ่ายจับมือกัน
ฝั่งวิรัล กะ ธาม คงแย่เอาการเหมือนกันนะ
ขอให้ผ่านไปด้วยดีเถอะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21.5 มาสรุปต่ออีกหน่อยค่ะ /P.12 ... โพส 21/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 21-01-2013 15:18:07
พอดีคิดว่าบทที่แล้วมันสั้นไป ตอนเมื่อวานยังคิดอะไรไม่ออก พอมาอีกวันสมองโล่งก็เลยมาต่อเรื่องราวอีกนิดหน่อยของพิภพค่ะ แต่ในต้นฉบับ ตอนนี้จะไปต่อท้ายบทที่ 21 รวมกันเป็นบทเดียวนะคะ แต่ที่บอร์ดแยกแปะ เพราะปัดกลัวคนที่อ่านแล้วตกหล่นค่ะ

----------------
21.5


   พอพิภพขึ้นรถยนต์ส่วนตัว  ชายหนุ่มก็ให้คนสนิทขับรถตรงไปที่คอนโดของเขาที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ประชุมเผ่า  กฤตเหลือบมองผู้เป็นนายจากกระจกมองหลัง แล้วจึงรับคำค่อย ๆ ก่อนจะปฏิบัติตามอย่างไม่โต้แย้ง ส่วนพิภพก็หลับตานิ่งมาตลอดจนกระทั่งถึงที่พักของเขา

   “ฉันจะอาบน้ำสักครู่ แล้วเดี๋ยวขอกาแฟดำสักแก้วก็พอ”

   “ครับ...ท่านพิภพ”

   กฤตรับคำแล้วจึงเดินไปต้มน้ำชงกาแฟให้ผู้เป็นนายตามคำสั่ง ส่วนพิภพนั้นก็ถอดชุดเดิมออก แล้วตรงเข้าไปอาบน้ำ เขาเปิดน้ำฝักบัวรินรดร่างกายของตน พร้อมกับใช้มือขัดตามผิวกายไปทั่วค่อนข้างแรง ใบหน้าแสดงถึงความรังเกียจออกมาให้เห็นชั่วครู่ ก่อนจะกลับกลายเป็นเย็นชาตามเดิม และเมื่อเขาออกมาจากห้อง สูทชุดใหม่ก็ถูกจัดเตรียมไว้ พร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่น จากบนโต๊ะอาหารในครัว

   “จะให้ผมยกกาแฟมาเสิร์ฟที่ห้องนอนเลยไหมครับ”

   กฤตเอ่ยถามผู้เป็นนาย ซึ่งอีกฝ่ายก็โบกมือค่อย ๆ

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปดื่มที่ครัวเอง”

   ชายหนุ่มโค้งรับคำแล้วถอยออกไปจากห้องนอน ไปรออยู่ด้านนอก ทุกครั้งที่เจ้านายของเขาไปแอบนัดพบกับภูธิปเผ่าครุโฬ พิภพก็มักจะมีอารมณ์ขุ่นมัวกลับมาเสมอ และบางครั้งก็เงียบขรึมจนยากจะเดาใจได้

   และเมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว พิภพก็ตามมาดื่มกาแฟที่ห้องครัว ทางด้านกฤตนั้นจ้องมองเจ้านายของเขาเงียบ ๆ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายรู้สึกตัวแล้วหันกลับมามอง

   “มีอะไรหรือกฤต”

   “เอ่อ...คือผม...”

   คนสนิทหนุ่มอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจ เพราะเกรงว่าผู้เป็นนายจะไม่พอใจเข้า ทางด้านพิภพยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ แทนอย่างรู้ทัน

   “นายกังวลเรื่องของพวกครุโฬอย่างนั้นสินะ”

   กฤตสะดุ้งเฮือกที่ถูกอีกฝ่ายพูดแทงใจดำ เขาก้มหน้าน้อย ๆ แล้วจึงตัดสินใจเอ่ยถามออกไป

   “ท่านจะมั่นใจได้หรือครับ ว่าพวกนั้นจะรักษาคำสัตย์ ให้เผ่าเราเป็นเผ่าในอาณานิคมของพวกมัน และไม่ทำลายเข่นฆ่าพี่น้องร่วมเผ่าของเราจริง ๆ”

   พิภพมองคนสนิทของเขา แล้วจึงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ทว่านัยน์ตาคมกริบนั้นไม่ได้ขบขันด้วยเลยแม้แต่น้อย มันเย็นชาจนน่าขนลุกทีเดียว

   “เรื่องพวกนั้นช่างหัวมันสิ...มันอยากจะเกิดอะไรก็ให้มันเกิดไป ...ฉันก็แค่ต้องการเห็นคนคนนั้นเจ็บปวดก็แค่นั้นเอง...สิ่งที่ฉันต้องการก็มีแค่นั้น ไม่ว่าเรื่องเผ่า หรือเรื่องตำแหน่งประมุขอะไรนั่น ...ฉันก็ไม่เคยสนใจมันเลยสักนิด”

   กฤตกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เพราะความแค้นในอดีตที่ครอบงำ มันค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงพิภพที่เคยอ่อนโยนในสมัยเด็ก ให้กลับกลายเป็นคนละคนในทุกวันนี้

   “ถ้านายกังวลนัก ก็บอกญาติพี่น้องของนายให้อพยพจากเผ่าไปเสียก่อน แต่อย่าให้เอิกเกริกนักล่ะ ...ส่วนตัวนายไว้ค่อยออกเดินทางในวันใกล้ ๆ แล้วกัน จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกตนัก”

   พิภพเปรยขึ้นเรียบ ๆ ทว่าทำให้กฤตสะดุ้ง แล้วรีบโต้กลับทันที

   “ไม่ครับ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะอยู่เคียงข้างท่านเสมอครับ!”

   กฤตบอกอย่างหนักแน่น ทำให้ใบหน้าเย็นชาของอีกคนแย้มยิ้มขึ้นน้อย ๆ อย่างยากที่จะให้ใครได้เห็น เพราะมันไม่ใช่ยิ้มแย้มเสแสร้งตามแบบที่เจ้าตัวมักสวมหน้ากากใส่คนอื่น แม้แต่กับภูธิปก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่พิภพทำลงไป ก็เพื่อจุดประสงค์เดียว คือการได้แก้แค้นคนที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต ซึ่งคนผู้นั้นก็คือ บิดาแท้ ๆ ของเขาเอง


... TBC ...
จบบทที่ 21

รออ่านบทที่ 22 ต่อเร็ว ๆ นี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21.5 มาสรุปต่ออีกหน่อยค่ะ /P.12 ... โพส 21/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 21-01-2013 16:31:14
สรุปแล้วคือพิ๓พโกรธเกลียดพ่อของตัวเองที่ทำให้แม่ของตนตรอมใจตายเลยอยากแก้แค้น โดยเริ่มจากแม่ของธามก่อนซินะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21.5 มาสรุปต่ออีกหน่อยค่ะ /P.12 ... โพส 21/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 21-01-2013 16:35:10
แม่ที่ตรอมใจตาย คือแม่ของมาลุตค่ะ  เมียรอง น้าของพิภพ แม่พิภพเป็นเมียคนแรก ตายก่อน แล้วพ่อจึงแต่งกับน้าตัวเอง มีลูกเป็นมาลุต .... เงื่อนงำความแค้นมันเป็นปมโยงไปโยงมาเล็กน้อย หุ ๆ  รอติดตามได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21.5 มาสรุปต่ออีกหน่อยค่ะ /P.12 ... โพส 21/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 21-01-2013 18:23:14
เฮ้อสุดท้ายก็ยอมเป็นเมียเก็บเขาจริงๆซินะ แล้วทำไมทำท่ารังเกลียดเขาสะงั้นละพิภพ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21.5 มาสรุปต่ออีกหน่อยค่ะ /P.12 ... โพส 21/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 21-01-2013 18:46:34
สงครามใกล้จะเริ่มแล้ว......และจะเป็นสงครามใหญ่สุดถึง 3 เผ่า...ตายแล้วกวางน้อยเราจะสู้ไหวไหมเนี้ย.... รอติดตาม..
พิภพเริ่มที่จะกำจัดพ่อของตัวเอง....ต่อไปคงเป็นคิวทามแน่เลย

......พูดถึงกวางก็เลยจิ๊น  คู่คริสลู่.. EXO - M    ซะเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21.5 มาสรุปต่ออีกหน่อยค่ะ /P.12 ... โพส 21/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: AnimajuS ที่ 21-01-2013 19:40:35
จะมีเผ่าไหนมาช่วย มโค ไหนนิ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 21.5 มาสรุปต่ออีกหน่อยค่ะ /P.12 ... โพส 21/01/56
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 22-01-2013 01:44:46
พิภพคิดอะไรอยู่ ทำแบบนั้นพิภพพอใจจริง ๆ หรือ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 22 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 29/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 29-01-2013 11:37:41

หลังจากนี้จะกลับมาลงต่อเนื่องจนกระทั่งจบเรื่องเลยนะคะ  (ปัจจุบัน แต่งตอนใกล้จบอยู่ค่ะ )  ขออภัยที่หายไปนาน แต่เมื่อเป็นฉากต่อเนื่องกัน จึงจำต้องซุ่มเขียนเพื่ออารมณ์ที่ต่อเนื่อง แต่ถึงกระนั้น วางกรอบไว้อย่างดิบดี ก็ยังหลุดกรอบจนได้ ตัวละครเรานี่บังคับยากจังเนาะ  ยังดีที่ตบ ๆ กลับมาเข้ากรอบได้ในตอนจบเหมือนเดิมล่ะนะคะ   :o8:

หวังว่าเนื้อเรื่องต่อไปนี้คงจะถูกใจผู้อ่านไม่มากก็น้อย และเมื่อเรื่องนี้จบลง ปัดจะเข็นตอนพิเศษ ของคู่รอง ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ตัวเอก มาลงให้อ่านกันในเล้านี่ล่ะค่ะ   และแน่นอน ตามธรรมเนียม เมื่อนิยายจบลงก็จะมีรวมเล่มทำมือตามมา ซึ่งไว้ตอนจบจะลงรายละเอียดอีกทีค่ะ งวดนี้ ตอนพิเศษเพียบติดตามได้ในเล่มจ้ะ  (คู่รองเรื่องนี้รู้สึกจะงอกมาหลายคู่แล้วล่ะนะ --)

สุดท้ายขอบคุณผู้อ่านที่ยังคงติดตามกันอยู่ค่ะ  ขออภัยในความล่าช้า และไม่สม่ำเสมอในการลงงานให้อ่านนะคะ

รักคนอ่านทุกคนเลยค่า ^^  :L1:
---------------------------------------------------



/22



   วิรัลลืมตาตื่นมามองคนที่นั่งตั้งใจทำงานแม้ยามดึกดื่นอย่างตื้นตันยิ่งนัก หลังจากวันที่เขารับตำแหน่งประมุข และประกาศถึงเรื่องถอนหมั้น รวมถึงการโอนสิทธิ์ในการเป็นประมุขของเผ่า หากม่านฟ้านั้นมีทายาทเป็นมฤคมาศได้สำเร็จ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเผ่ามโค และได้รับการต่อต้านเป็นอย่างมาก

    โดยเฉพาะเรื่องที่วิรัลรับธามซึ่งเป็นพวกวกะมาเป็นคนรักนั้น ได้ถูกล่วงรู้ไปสู่มโคตระกูลอื่น ๆ เข้าจนได้  ทว่าด้วยฐานอันเข้มแข็ง ของตระกูลวงศ์หริโณ รวมถึงการยอมรับในตัวของธามและชาคร จากปาลินีซึ่งเป็นนายหญิงของตระกูล รวมไปถึงการรับรองว่าวกะทั้งสองเป็นมิตร จากตรัณหัวหน้าของตระกูลพงศ์พิสุทธิ์  โดยที่แม้จะมีคนไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรบุคคลทั้งสองที่ได้รับการยอมรับจากตระกูลหลักของเผ่าทั้งสองตระกูลได้

   และหลังจากวันนั้น ธามกับชาครก็ทุ่มเท ใช้สมองและความสามารถทำงานเพื่อให้ตระกูลของคนรักเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงให้มากยิ่งขึ้น จนวิรัลนั้นนึกขอบคุณและเป็นห่วงอีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน

   “คุณธาม...ทำงานจนดึกอีกแล้วนะครับ”

   “หือ...ขอโทษ ฉันทำให้เธอตื่นหรือวิรัล  ถ้าอย่างนั้นฉันยกงานไปทำห้องข้าง ๆ ดีกว่าไหม”

   ธามหันมาบอกอีกฝ่าย ซึ่งวิรัลก็แย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วตรงมากอดคออีกฝ่ายอย่างรักใคร่

   “ผมตื่นเพราะรู้สึกคอแห้ง หิวน้ำน่ะครับ ... แต่คุณนี่สิ ไหนสัญญากันแล้วยังไงล่ะครับ ว่าจะเลิกงานก่อนเที่ยงคืน  นี่มันจะตีหนึ่งแล้วนะครับ”

   ธามยิ้มตอบ แล้วรั้งร่างโปร่งมากอดพลางหอมแก้มของอีกฝ่ายเบา ๆ

   “ก็ทำแล้วมันเพลินนี่ ...อืม เอาเป็นว่าเดี๋ยวสักพักฉันจะตามไปกอดเธอนะ  เคลียร์ตรงนี้อีกนิดก็จะเสร็จแล้ว”

   วิรัลสั่นศีรษะไปมา ที่คนรักของเขาขยันจนเกินไป เด็กหนุ่มจึงสวมกอดเบา ๆ จากด้านหลัง แล้วลูบไล้แผ่นอกกว้างนั้นแผ่วเบาอย่างยั่วเย้า

   “ถ้าอย่างนั้นก็รีบ ๆ เลิกนะครับ ...ผมรออยู่”

   วิรัลกระซิบเสียงกระเส่า พร้อมกับกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายด้วยฝ่ามือของเขา จากนั้นก็ผละออก มานอนยิ้มบนเตียง ทำให้คนที่กำลังทำงานเริ่มไม่มีสมาธิเสียแล้ว

   “เธอนี่ร้ายกาจจริง ๆ เลยนะวิรัล ...ที่ทำงานอยู่เนี่ยก็เพื่อบริษัทของเธอแท้ ๆ นะ”

   ธามบอกอย่างไม่จริงจังมากนัก แถมตอนนี้ภาพยั่วยวนของเด็กหนุ่มที่แสร้งปลดกระดุมเสื้อนอนบนเตียงรอคอยเขา ก็ยิ่งทำเอาสมาธิที่จดจ่อกับงานก่อนหน้านั้นเตลิดไปหมด

   “ผมเข้าใจนะครับ...แต่จะบ้างานก็ควรมีลิมิตบ้าง เดี๋ยวสุขภาพจะแย่เอา ...ถ้าคุณป่วย จนกอดผมไม่ได้  ระวังนะ หากผมเหงามาก ๆ ผมจะไปหาคนอื่นให้กอดแทน”

   เท่านั้นเองธามก็หมดความอดทน เขาจัดแจงเซฟงานและปิดเครื่อง ก่อนจะตรงมาหาร่างที่นอนเปลือยอกรอคอยเขาอยู่

   “ไม่มีวันที่ฉันจะยอมให้เป็นแบบนั้นแน่....เธอเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น เข้าใจไหม”

   วิรัลหัวเราะเบา ๆ แล้วสะดุ้งนิด ๆ เมื่อธามกัดที่ซอกคอของเขาแรง ๆ เพื่อประทับร่องรอยแห่งความเป็นเจ้าของเอาไว้

   “อ๊ะ...คุณธาม ...ผมล้อเล่น...อื้อ  เจ็บนะครับ...เลิกกัดได้แล้ว”

   คนถูกกัดตรงโน้นที ตรงนี้ที ร้องครางประท้วง ธามซ่อนยิ้มในสีหน้า แต่ก็ยังแกล้งคนรักไม่เลิก จนวิรัลทั้งเจ็บทั้งเสียวจนเริ่มทนไม่ไหว

   “ไม่เอาแล้ว...คุณธาม...มาเถอะครับ...ผมต้องการคุณแล้ว”

   ธามแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วจึงตอบสนองคนรักของเขาตามที่อีกฝ่ายต้องการ จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ทั้งคู่ก็นอนกอดก่ายกันด้วยร่างเปลือยเปล่า ธามมองวิรัลที่หลับไปก่อนพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจึงชะโงกหน้าจูบที่หน้าผากของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู

   “ฉันรักเธอนะวิรัล... และจะขออยู่เคียงข้างปกป้องดูแลเธอแบบนี้ตลอดไป”

   ธามพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลง และหลับสนิทตามมาหลังจากนั้น หากแต่ชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้สักนิดว่า  การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเผ่าของวกะ กำลังจะมาถึง และนั่นก็เป็นสาเหตุ ที่ทำให้เขาต้องกลับไปยุ่งเกี่ยวกับเผ่ากำเนิดที่ตนจากมาแล้ว อีกครั้งหนึ่ง

   

   พิธีมอบตำแหน่งประมุขเผ่าวกะคนใหม่ ถูกจัดในห้องประชุมใหญ่ประจำเผ่า ซึ่งเป็นสถานที่ลับและก่อสร้างอยู่ในต่างจังหวัด ภายในหุบเขาอันเป็นถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของพวกวกะ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ตามเมืองใหญ่  ในงานพิธีครั้งนี้ มีผู้นำในแต่ละตระกูลและคนสำคัญในเผ่า มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง พิธีดำเนินเรื่อย ๆ ไปอย่างราบรื่น  ทว่าพอถึงช่วงให้ประมุขคนใหม่กล่าวทักทายกับสมาชิกในเผ่า  พิภพกลับเงียบลง จนทุกคนแปลกใจ แต่ยังไม่ทันมีใครเอ่ยอะไรขึ้น เสียงโครมครามจากด้านนอกก็ดังขึ้นเสียก่อน

   “แย่แล้วครับ! ศัตรูบุกครับ!”

   หนึ่งในการ์ดคนหนึ่งเปิดประตูห้องประชุมพรวดเข้ามา ทว่าเจ้าตัวก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกมือใหญ่ที่มีอุ้งเล็บแหลมคมตะปบศีรษะ และจับเหวี่ยงอัดกระเด็นกระแทกกำแพงอีกฝั่งของห้องประชุมด้วยพลังมหาศาล

   “หึ ๆ ฉันมาร่วมพิธีช้าเกินไปหรือเปล่าเนี่ย...หวังว่างานคงยังไม่จบหรอกนะ”

   สมาชิกเผ่าวกะคนอื่นในห้องประชุมต่างพากันเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เพราะร่างที่เห็นก็คือร่างของอมนุษย์ผู้ทรงพลังและแข็งแกร่ง ผู้มีร่างกึ่งนกกึ่งมนุษย์ ชนเผ่าครุโฬนั่นเอง

   “พวกเจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง คิดจะก่อสงครามกับวกะเช่นนั้นรึ!”

   ปุริมตวาดลั่น และวกะตนอื่น ๆ ก็พร้อมจะสู้รบ ทว่าก็มีสมาชิกบางส่วนนั่งนิ่ง และมีสีหน้าเรียบเฉย ซึ่งสมาชิกกลุ่มนั้นคือพวกพ้องที่ขึ้นตรงกับพิภพนั่นเอง

   “คุณมาช้านะครับ... ผมคิดว่าคุณจะไม่มาแล้วเสียอีก”

   พิภพเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ ทว่าคำพูดของชายหนุ่มนั้นทำให้ปุริมตกตะลึง เบิกตากว้าง ด้วยความคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับผู้คุ้มกฎคนอื่น ๆ ของเผ่า

   และยิ่งเมื่อได้เห็นพิภพเดินเข้าไปใกล้กับภูธิปหัวหน้าเผ่าของครุโฬ และอีกฝ่ายโอบร่างของชายหนุ่มมาแนบใกล้ ก็ยิ่งทำให้ปุริมรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าใจของเขาจะถูกฉีกขาดเป็นสองซีกเลยทีเดียว

   “นับจากนี้ไป ในนามของประมุขคนใหม่ของเผ่าวกะ ฉันขอประกาศให้ทุกคนในที่นี้ทราบโดยถ้วนหน้ากันว่า พวกเราเผ่าวกะ จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในอาณานิคมของเผ่าครุโฬ และหากมันผู้ใดขัดขืน ฉันก็จะถือว่ามันผู้นั้นเป็นกบฏของเผ่า และจะถูกจับกุมกักขัง ไว้รอการลงโทษทัณฑ์ต่อไป!”

   พิภพประกาศกร้าวเสียงดัง มีวกะบางตนสบถออกมาอย่างโกรธแค้นและพุ่งเข้าหาหมายจะทำร้ายพิภพ ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ขยับตัวถอยหนีแต่ประการใด ตรงกันข้ามกับยกยิ้มน้อย ๆ เมื่อนักรบเผ่าครุโฬคนหนึ่งพุ่งมาจากด้านหลังของภูธิปที่ยืนอยู่แถวหน้าประตู และอัดร่างของวกะหนุ่มตนนั้นกระเด็นสลบไปในหมัดเดียว

   “จะย้ำอีกครั้ง...พวกครุโฬมาอย่างเป็นมิตร ถ้าไม่อยากให้เกิดการนองเลือดขึ้นในเผ่าก็อย่าขัดขืน ...อย่าลืมสิว่าพวกเด็กและผู้หญิงของแต่ละตระกูลอยู่กันลำพังด้านนอก ...หรือพวกคุณต้องการจะเห็นศพพวกนั้นเสียก่อน แล้วถึงจะยอมจำนนได้ล่ะ...หือ”

   คำพูดของพิภพทำให้แต่ละคนกัดฟันกรอด แม้สถานที่อยู่ของวกะจะเป็นความลับกับคนนอกเผ่า แต่สำหรับพิภพซึ่งเป็นลูกชายอดีตประมุขและเป็นประมุขคนปัจจุบัน ย่อมไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด ดังนั้นญาติพี่น้องของแต่ละคนก็กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างที่อีกฝ่ายบอกจริง ๆ

   “ทำไมทำอย่างนี้พิภพ...ทำไมลูกต้องทรยศเผ่าด้วย ...บอกพ่อสิว่าทำไม!”

   ปุริมตะโกนถามบุตรชายด้วยความคับแค้นใจ พิภพแค่นยิ้มน้อย ๆ กับตัวเอง แล้วจึงบอกกับอีกฝ่าย

   “เพราะผมรู้ดีว่า สำหรับพ่อ เผ่าวกะคือสิ่งสำคัญที่สุด สำคัญเสียยิ่งกว่าทุกอย่าง แม้กระทั่งแม่ หรือว่าตัวผมเองน่ะสิ”

   ปุริมชะงัก จากนั้นพิภพจึงสั่งให้ลูกน้องไปยึดโทรศัพท์มือถือจากแต่ละคน เพื่อกันการโทรติดต่อและบอกกับคนอื่นด้านนอก ส่วนเผ่าครุโฬกว่าห้าสิบชีวิต ก็กระจายกำลังล้อมทั่วห้องประชุมใหญ่ ซึ่งสำหรับพวกวกะแล้ว แค่นับรบครุโฬเพียงหนึ่ง ก็สามารถรับมือกับวกะโตเต็มวัยได้สองหรือสามตนอย่างสูสีด้วยซ้ำ

   “แล้วเธอจะทำยังไงกับพวกนี้ต่อไป ดูเหมือนพวกมันจะไม่ค่อยยอมรับเรื่องข้อตกลงของเราสักเท่าไหร่เลยนะ”   

   ภูธิปเชยคางของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถาม ซึ่งพิภพก็ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะตอบ

   “ถ้าเช่นนั้นก็จับคุมขังเอาไว้ก่อนสิครับ ...ไม่ต้องห่วงนะครับ คุกของวกะ ทำจากวัสดุอย่างดี พังออกมาไม่ง่ายนักหรอกครับ”

   “หึ ๆ ก็ได้ แล้วแต่เธอแล้วกัน ...พอจัดการเรื่องนี้เรียบร้อย ฉันจะเริ่มประกาศสงครามกับเผ่าอื่น ๆ …และสุดท้าย ไอ้พวกนากานั่น ฉันจะจัดการพวกมันให้สิ้นซาก!”

   ภูธิปเอ่ยถึงเผ่าศัตรูคู่แค้นที่มีพลังพอฟัดพอเหวี่ยงกับพวกตน ทว่าเผ่านากาที่อายุยืน มักจะเก็บตัวเงียบไม่ออกมาสู้รบกับเผ่าอื่นนัก แต่พวกเขาก็เคยฝากความเจ็บแค้นให้กับภูธิป ที่เคยไปรุกรานเผ่านากามาก่อน จนหัวหน้าเผ่าครุโฬในวัยเยาว์เลือดร้อนยามนั้น ต้องพ่ายแพ้ หนีหัวซุกหัวซุนกลับเผ่าของตัวเองอย่างน่าอับอายเป็นที่สุด

   “กฤต! นำทางคนของเผ่าครุโฬให้คุมวกะพวกนี้ไปขังไว้ในคุกใต้ดินของเผ่า ถ้าคนไหนขัดขืนต่อสู้ ก็ให้จัดการได้เลย!”

   น้ำเสียงเยียบเย็นเด็ดขาดสั่งการ ทำให้วกะตนอื่นพากันตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าพิภพจะสามารถออกคำสั่งให้เข่นฆ่าพวกเดียวกันเองได้ลงเช่นนี้

   “ครับท่าน!”

   กฤตรับคำสั่งแต่โดยดี แม้จะรู้สึกว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้มันยิ่งกว่าที่เขาเคยคาดคิดเอาไว้ แต่เขาก็เลือกแล้วที่จะอยู่เคียงข้างผู้เป็นนาย ไม่ว่านายของเขาจะเลือกกระทำในสิ่งที่ผิดหรือถูกต้องก็ตาม

   “แก! แกมันไอ้คนทรยศ!”

   หนึ่งในผู้คุ้มกฎ เริ่มที่จะทนไม่ไหวที่ถูกพวกต่างเผ่าและคนที่พวกตนเลือกมาเป็นประมุขลอบกัดเอาแบบนี้ เขากลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า แล้วพุ่งตรงไปยังที่พิภพยืนอยู่ โดยที่ปุริมห้ามเอาไว้ไม่ทัน

   “กรอบ!”

   เสียงกระดูกคอหักจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว ด้วยฝีมือของภูธิปที่ยืนรออยู่แล้ว เขาเหวี่ยงร่างไร้ลมหายใจของวกะเฒ่าโยนไปตรงหน้าพวกปุริม แม้วกะสูงวัยที่ตายไปจะชราภาพมากแล้ว  แต่ก็ยังคงมีฝีมือและพลังไม่ยิ่งหย่อนกว่าวกะหนุ่ม ๆ บางราย การที่ภูธิปสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ง่ายดาย แสดงถึงพลังที่เจ้าตัวมี และยิ่งทำให้วกะตนอื่นหวาดหวั่นยิ่งขึ้นไปอีก

   “แก...”

   ผู้คุ้มกฎคนอื่นที่เห็นเพื่อนถูกสังหารต่างพากันโกรธแค้น ทว่าปุริมนั้นเอ่ยเตือนสติเอาไว้เสียก่อน

   “ใจเย็นทุกคน...สู้ไปตอนนี้พวกเราก็รังแต่จะเสียเปรียบ สู้หาหนทางส่งข่าว เพื่อช่วยเหลือวกะคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านนอก ให้หนีไปอย่างปลอดภัยจะดีกว่า”

   คำพูดของอดีตประมุข ทำให้ทุกคนชะงัก และต่างพากันหยุดนิ่งตามคำสั่ง ทว่าก็ยังคงมีสายตาเคียดแค้นชิงชัง ตรงไปยังที่พิภพและภูธิปอยู่ดี

   “เป็นพ่อที่ใช้ได้ดีนี่... เธอไม่น่าเกลียดเขาเลยนะพิภพ”

   ภูธิปในร่างอมนุษย์เชยคางของชายหนุ่มขึ้นมาแล้วใช้ลิ้นไล้เลียใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยท่าทางหื่นกระหาย  พิภพนั้นนิ่งเฉย ปล่อยให้ภูธิปทำกับตนตามความพอใจ และเมื่อเหลือบเห็นสีหน้าตกตะลึงระคนผิดหวังของปุริม เขาก็มีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับบนใบหน้าอย่างสะใจ

   “ไม่หรอกครับ ...เขาเป็นประมุขได้ดีกว่าเป็นพ่อต่างหาก เพราะอย่างนั้นผมถึงเกลียดเขามากยังไงล่ะ”

   พิภพเปรยตอบ ซึ่งนั่นก็ทำให้ดวงใจของคนเป็นพ่อกระตุกวูบหนึ่ง และพอจะหวนนึกถึงสาเหตุของการที่บุตรชายคนโตทำเช่นนี้ขึ้นมาได้

   “ขออภัยครับท่าน”

   กฤตบอกกับปุริมในขณะที่จับกุมตัวและให้อีกฝ่ายเดินตามกันไปเพื่อนำไปกักขัง โดยระหว่างทางนั้นมีทหารของพวกครุโฬคุมไปโดยตลอด

   “กฤต...พิภพจะทำยังไงต่อไปอย่างนั้นหรือ”

   หลังจากออกมาจากห้องประชุมแล้ว ปุริมก็ถามคนสนิทของลูกชาย ซึ่งกฤตก็ชะงัก แล้วจึงหลบตาอีกฝ่าย พร้อมกับตอบเสียงแผ่ว

   “ผมเองก็ไม่ทราบครับ... ท่านพิภพต้องการเห็น....เอ่อ เห็นท่านประมุขเจ็บปวด เหมือนกับตัวท่านพิภพในตอนเด็ก ๆ ...ส่วนเรื่องหลังจากนั้นผมก็ไม่ทราบว่าท่านจะตัดสินใจทำเช่นใดอีก”

   ปุริมนิ่งรับฟัง พลางถอนหายใจยาวตามมา เรื่องที่กฤตบอกตรงกับสิ่งที่เขานึกถึง ...นับตั้งแต่วันตายของภรรยาคนแรกของเขา พิภพก็เริ่มเหินห่างจากเขาไป  สาเหตุหลักก็คือ เขาไปไม่ทันดูใจภรรยาก่อนเสียชีวิต ทั้งที่ลูกชายของเขาโทรมาขอร้องด้วยตนเอง และสาเหตุที่ทำให้เขาไปไม่ทัน นั่นก็คือเขาต้องจัดการความเรียบร้อยของเผ่าในฐานะประมุขให้เสร็จสิ้นเสียก่อน 

    เนื่องจากเกิดการขัดแย้งของหัวหน้าตระกูลใหญ่ในเผ่าสองตระกูล เป็นเรื่องบาดหมางที่อาจจะทำให้เผ่าถึงขั้นแตกแยก เขาจึงเชิญทั้งคู่มาสนทนาร่วมกัน และไกล่เกลี่ยจนเรื่องราวลุล่วงไปได้ด้วยดี ทว่าพอเขาตามไปจนถึงโรงพยาบาล เขาก็พบกับพิภพที่ยืนจ้องศพภรรยาของเขา ที่เสียชีวิตด้วยทนพิษบาดแผลจากอุบัติเหตุไม่ไหวและเสียเลือดไปมาก  และเมื่อเห็นเขา เจ้าตัวก็หันมาตวาดใส่เขาทั้งน้ำตาที่เขามาช้า คำพูดต่อว่าต่อขานจากบุตรชายคนโตตอนนั้น เขายังจำได้อย่างชัดเจน

   ‘สำหรับพ่อ เผ่าสำคัญที่สุดใช่ไหม! ผมเกลียดพ่อ! ผมเกลียดเผ่าวกะ! ผมเกลียด! เกลียดที่สุด!’

    และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ปุริมได้เห็นน้ำตาจากพิภพ และเมื่อเขาแต่งงานใหม่กับน้าของเด็กหนุ่ม และมีมาลุตอีกคน เขาก็เริ่มเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายและคิดว่าพิภพคงจะมีความสุข เพราะภรรยาคนที่สองนั้นก็รักพิภพเหมือนกับลูกแท้ ๆ ของเธอ แต่แล้วเขาก็ทำพลาดอีกครั้ง 

    เขารับภรรยามนุษย์คนที่สามเข้ามาในเผ่า จนทำให้แม้แต่มาลุตเองก็เจ็บแค้นชิงชังที่ถูกแย่งความรักไปจากตนและมารดาของตน  ส่วนพิภพ เขาเห็นเพียงแต่ความเฉยชาของอีกฝ่าย  เจ้าตัวในตอนนั้นไม่ได้เป็นเดือดเป็นแค้นออกนอกหน้าเหมือนดังมาลุตแม้แต่น้อย  แต่กลับเงียบเฉย เสียจนเขาเป็นฝ่ายหวั่นใจเสียเอง 

    และจากนั้นไม่นานหลังจากภรรยาคนที่สองของเขาเสียชีวิตลง ภรรยาคนที่สามของเขาก็ถูกสังหารโดยใครคนใดคนหนึ่งในเผ่า ซึ่งเขามั่นใจว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับบุตรชายทั้งสองของเขา จึงทำให้เขาเลิกคิดที่จะสืบหาตัวคนร้าย เพราะไม่ต้องการจะสั่งลงโทษลูกในไส้ของตนนั่นเอง ยังผลให้เขาต้องถูกบุตรชายคนเล็กโกรธเกลียดเคียดแค้น จนนำมาสู่โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าอีกครั้ง



   “ขออภัยนะครับท่าน...”

   กฤตบอกอย่างสุภาพขณะที่เป็นฝ่ายนำปุริมเข้าไปขังในคุก ซึ่งอดีตประมุขเผ่าวกะก็ถูกจับขังเดี่ยวตามคำสั่งของพิภพที่มอบให้ก่อนหน้านั้น

   “กฤต...ฉันขอร้องอะไรสักหน่อยได้ไหม”

   ปุริมเอ่ยกับอีกฝ่ายทำเอาชายหนุ่มชะงัก แล้วจึงรอฟังว่าปุริมจะพูดอะไร

   “ถ้าพวกครุโฬนั่นคิดทรยศและหักหลังพิภพ...เธอช่วยปกป้องและพาเขาหนีไปให้ปลอดภัยด้วย จะได้ไหม”

   กฤตนิ่งเงียบด้วยความสำนึกผิด และรับรู้ถึงความรักที่ปุริมมีให้ต่อเจ้านายของเขา ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ และพึมพำเสียงแผ่ว

   “ครับ...ผมจะปกป้องคุ้มครองท่านพิภพ ด้วยชีวิตของตน”

   “ขอบใจ...ฝากบอกพิภพด้วย ว่าฉันขอโทษในทุก ๆ สิ่ง ที่เคยทำให้เขาเสียใจ และฉันเฝ้าภาวนาว่านับจากนี้ไป ขอให้เขามีแต่ความสุข อย่าได้ถูกใครทรยศหักหลังต่อความไว้ใจของเขา อย่างที่ฉันเคยทำกับเขามาก่อนอีก”

   กฤตชะงัก เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับคำตามมา จากนั้นจึงจัดแจงปิดกรงขังลง  ชายหนุ่มมอบหน้าที่ให้พวกครุโฬบางตนคุมอยู่บริเวณทางเข้าออกคุกใต้ดิน โดยจะส่งพวกวกะกลุ่มของเขามาคอยเปลี่ยนสลับเวร เป็นระยะ

   

   พิภพรับรู้ข้อความจากปุริมที่ผ่านกฤตมา เขาพยักหน้านิด ๆ แล้วจึงกลับเข้าห้องส่วนตัวของตน ส่วนภูธิปตอนนี้นั้นกำลังสั่งการให้ลูกน้องไปกวาดต้อนวกะกลุ่มอื่น ๆ ที่กระจายอยู่จับมาขังรวมในส่วนกลางให้หมด พิภพจึงอยู่ในห้องส่วนตัวเพียงลำพัง

   “...ขอให้มีความสุขอย่างนั้นหรือ...ความสุขของผมมันหมดไปตั้งแต่วันที่ถูกคนสำคัญหักหลังซ้ำแล้วซ้ำอีกนั่นไปแล้ว...และถ้าจะถูกหักหลังอีกครั้ง ผมก็คงไม่มีอะไรจะเสียใจอีกแล้วล่ะ...”

   พิภพพึมพำกับตัวเองเมื่อมองรูปถ่ายสามคนพ่อแม่รูปในกรอบสมัยที่เขายังเป็นเด็ก เขาเก็บภาพนั้นไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน ไม่ได้ทิ้ง เพราะในภาพมีแม่ที่เขารักมากที่สุดอยู่ด้วย

   “พ่อจะรู้ไหมนะ ...ว่าทำไมน้ามธุราถึงได้ตรอมใจตาย ...แล้วใครกันที่เป็นคนสั่งลงมือฆ่าพรรณรายแม่ของธาม ....ถ้าพ่อรู้ พ่อจะเห็นด้วยกับการกระทำของผมไหม และจะยกโทษให้ผมอีกครั้งได้ไหมนะ”

   พิภพพึมพำกับตัวเอง เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีต ที่เขาถูกคนสำคัญของเขาหักหลังความไว้ใจของเขาอีกเป็นครั้งที่สอง

 

   ...มธุรา น้าสาวของเขา แม่ของมาลุต คนที่เขารักเหมือนแม่แท้ ๆ ของตัวเองและเชื่อมั่นมาตลอดว่าอีกฝ่ายก็รักเขาเหมือนลูกเช่นเดียวกัน  แต่ความจริงแล้ว มธุรานั้นเกลียดชังเขาที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่สาวของหล่อนมาโดยตลอด ยิ่งเขาโตขึ้นหน้าเหมือนแม่ ก็ทำให้หล่อนยิ่งเกลียดชังเขามากขึ้น  ต่อหน้าคนอื่นและเขา เธอจะวางตัวเป็นแม่ที่ดี  แต่ลับหลังเธอมักจะระบายความโกรธแค้นกับคนสนิทของเธอ และเขาที่บังเอิญได้ยินเข้า ก็ต้องได้รับรู้ว่า แท้จริงแล้วความรักที่เขาเคยได้รับจากอีกฝ่าย มันเป็นเพียงการหลอกลวงเสแสร้งเพียงเท่านั้น 

    และหลังจากนั้น เมื่อปุริมรับพรรณรายมาเป็นภรรยาใหม่  เขาจึงเริ่มวางแผนแก้แค้นน้าของตน  โดยใส่ร้ายและคอยพูดกรอกหูว่า ปุริมนั้นรักหลงพรรณรายอย่างไม่ลืมหูลืมตา ให้กับมธุราฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า  จนในที่สุดหล่อนก็ทนไม่ไหว ด้วยความเครียดประกอบกับร่างกายที่อ่อนแอ จึงทำให้มธุราจากโลกนี้ไป จากนั้นเขาจึงใช้วกะตนหนึ่งไปลอบฆ่าพรรณราย และวางแผนให้มาลุตกับเขาไปพบเหตุการณ์นั่น ก่อนจะจัดการฆ่าวกะตนนั้นปิดปากอีกทอด...  และนับจากวันนั้น  ธามและมาลุตที่เคยรักและเคารพในตัวปุริม ต่างก็หมางเมินใส่บิดาของตน  และต้องจมอยู่กับความแค้นดังเช่นที่เขาประสบพบมา

    ทว่าแค่นี้ยังไม่สาแก่ใจของพิภพ สำหรับเขาแล้ว เชื่อมั่นมาตลอดว่า สิ่งที่สำคัญสำหรับปุริมจริง ๆ ก็คือเผ่าวกะ ดังนั้นเขาจึงวางแผนการที่จะทำให้เผ่าตกอยู่ในกำมือของเผ่าอื่น เพื่อทำให้ปุริมต้องเจ็บปวดที่สุด...



   เสียงฝีเท้าหนัก ๆ คุ้นเคยที่เดินเข้ามาใกล้ ทำให้พิภพตื่นจากภวังค์ เขาเก็บรูปถ่ายนั้นกลับคืนสู่ลิ้นชัก ปิดมันลง พลางหลับตานิ่งอยู่สักครู่ ก่อนจะลืมตาขึ้น หันกลับมาปั้นยิ้มให้กับผู้มาเยือนที่ก้าวเข้ามาในห้อง

   “จัดการธุระเสร็จแล้วหรือครับ”

   “อืม...พวกผู้หญิงกับเด็ก จัดการได้ไม่ยากเท่าไหร่ ยิ่งมีตัวประกันก็ยิ่งง่ายขึ้น”

   ภูธิปตอบอีกฝ่าย แล้วจึงเดินมานั่งที่เตียง ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ส่งให้

   “ที่พวกเราจัดการเรื่องทุกอย่างได้ง่ายดายแบบนี้ ก็เป็นเพราะเธอที่ให้รายละเอียดต่าง ๆ และวางแผนในครั้งนี้เป็นอย่างดีนั่นล่ะ”

   พิภพยิ้มตอบ แล้วจึงเดินมานั่งข้าง ๆ อีกฝ่าย ซึ่งภูธิปก็ใช้มือใหญ่ของเขาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างนั้นอย่างหลงใหล

   “อย่างนี้ฉันคงต้องตอบแทนเธอหนัก ๆ เสียแล้วล่ะนะ”

   คนฟังแสร้งยิ้มหวาน แล้วจึงลูบไล้แผ่นอกกว้างของอีกฝ่ายบ้าง

   “แล้วแต่คุณสิครับ ...ผมตามใจคุณทุกเรื่องอยู่แล้วล่ะ”

   ภูธิปหัวเราะอย่างถูกใจ ก่อนจะลงมือเล้าโลมร่างงดงามได้สัดส่วนสมบุรุษเพศตรงหน้าอย่างเร่าร้อน พิภพครางเสียงแผ่ว และตอบสนองอีกฝ่ายเป็นอย่างดี แม้ในใจจะไม่ได้รักใคร่คนผู้นี้แม้แต่น้อยเลยก็ตาม



   บทรักอันร้อนแรงผ่านพ้นไปพร้อมกับการหลับใหลอย่างอ่อนเพลียของประมุขคนใหม่ของเผ่าวกะ  ภูธิปมองร่างอ่อนเยาว์กว่าตนพร้อมกับแย้มยิ้มน้อย ๆ ...ทำไมคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาโชกโชนอย่างเขา จะมองไม่ออกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ได้หลงใหลหรือรักใคร่ในตัวเขาอย่างที่ปากเจ้าตัวบอก เพียงแต่เพราะผลประโยชน์ที่ร่วมกัน หนุ่มใหญ่จึงแสร้งทำเป็นยอมหลงกลอีกฝ่าย นอกจากนี้ภูธิปยังไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า พิภพนั้นร้อนแรงเสียยิ่งกว่าใคร ๆ ที่เขาเคยกอดมา และช่วยเติมเต็มอารมณ์ใคร่ของเขาได้อยู่เสมอ

   “ตราบใดที่เธอยังซื่อสัตย์ต่อฉัน ...ฉันก็จะดูแลเธอเป็นอย่างดี ...เด็กน้อยที่น่ารักของฉัน”

   ภูธิปบอกพร้อมกับชะโงกหน้าไปจูบที่หน้าผากของอีกฝ่ายแผ่วเบา ก่อนจะเอนตัวลงนอนพักผ่อนไปข้าง ๆ ร่างนั้น จนกระทั่งหลับใหลไปด้วยกันในที่สุด



… TBC …






หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 22 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 29/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 29-01-2013 12:36:48
วิรัสกับทามจะต้านไหวไหมเนี้ย...สองเผ่าที่แข็งแกร่งกำลังจะรวมกันแล้ว.จะเติมใจหรือไม่เติมใจก็เถอะแต่ก็มีพละกำลังที่จะพิชิดเผ่าอื่นได้...สงใสต้องให้นาคาช่วยเสริมทัพให้เผ่ามโคถึงจะชนะอีกฝ่ายได้....แล้วก็ใกลเวลาที่จะเปิดสงครามใหญ่แล้วสินะ
เราเป็นกำลังใจให้วิรัสและทามสู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 22 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 29/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: toye ที่ 29-01-2013 12:37:51
 :z13: :z13:

จิ้มๆๆ มาต่อไวๆระค่ะ รักเรื่องนี้

ติดตามาตั้งแต่เรื่องก่อนๆ :impress2: :man1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 22 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 29/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 29-01-2013 15:16:33
ถึงสงครามใหญ่เมื่อไหร่  ขอให้ฝ่ายวิรัลกับธามเป็นฝ่ายชนะ
คู่ปรับน่ากลัวมาก ตั้งสองเผ่า
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 22 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 29/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 29-01-2013 15:20:06
ภิภพดราม่าสุด เลวเพราะความแค้นในใจที่มีต่อพ่อ สงสารพิภพ ไม่อยากให้จบเศร้า แลดูภูธิปก็รักพิภพอยู่นะ

พ่อก็นะ เกิดมาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องดูแลประชาชนก่อน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่พ่อขี้เหงาจัง มีเมียหลายคนแท้

เผ่านากาต้องอยู่ข้างพระเอกแน่เลย จะได้สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 22 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 29/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 29-01-2013 15:41:15
จริงๆพิภพก็น่าสงสารนะ
แต่ทำเกินไปรึเปล่า :serius2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 22 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 29/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 29-01-2013 20:32:32
แย่เเล้วววววววววว o22 o22 o22
วิรัลกับธามจะรับมือไหวป่ะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 22 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 29/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 29-01-2013 20:42:44
ก็ให้เผ่ามโคร่วมมือกับเผ่านากาเส่ :z10:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 22 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 29/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 29-01-2013 21:12:34
พิภพคิดดูดี ๆ อีกทีน่าจะดีกว่านะ ทำแบบนี้พิภพมีความสุขจริง ๆ หรือ ที่จริงพิภพก็คงรู้ดีแก่ใจนั่นแหละว่าปุริมรักพิภพมาก แ่ต่เพราะไม่พอใจเรื่องแม่ก็เลยทำแบบนี้ กฤตดูแลพิภพให้ดีนะ ภูธิปคงไม่ทำร้ายพิภพหรอกนะ แล้วธามจะทำยังไงกันนะนั่น ถ้ารู้ว่าเผ่าเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 22 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 29/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 30-01-2013 10:46:09
สงสารพิภพก็สงสารนะ   ถึงจะมีปม มีอดีตเศร้าระทมทุกข์ขนาดไหน   แต่เรื่องที่พิภพทำยังไงมันก็ยังผิดอยู่ดีแหละนะ
แก้แค้นพ่อเข้าใจ  แต่คนในเผ่าคนอื่นๆต้องมาพลอยรับเคราะห์ไปด้วยนี่ มันไม่น่าต้องเป็นแบบนี้เลยเนอะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 30-01-2013 14:01:05
ตอนที่ 23 มาต่อแล้วจ้า  ตอนอื่น ๆ ก็จะทยอยมาลงทุกวันจนจบนะคะ  ถึงจะแต่งเสร็จแล้ว แต่พอดีปัดทวนคำผิดไป แล้วแก้ไปด้วยค่ะ นี่ก็ว่าจะไปใส่ฉากต่อสู้ในบทท้าย ๆ เพิ่ม เพื่อจะได้สมกับเป็นแนวกลายร่างสักหน่อย ^^ 



/23

   

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นระหว่างวันและเบอร์โชว์ที่คุ้นเคย ทำให้ชาครซึ่งกำลังนั่งทบทวนเอกสารอยู่ในห้องทำงานชั้นล่างนึกประหลาดใจ แต่ก็ยังกดรับตามปกติ

   “สวัสดี ชาครพูด”

   “คุณชาคร! ผมไชยานะครับ!”

   ชาครขมวดคิ้วกับน้ำเสียงร้อนรนนั้น แล้วจึงย้อนถามกลับไป

   “นายมีอะไรหรือไชยา ถึงได้โทรมา มีใครในเผ่ามาหาเรื่องพวกนายหรือไง”

   เสียงถอนหายใจหนัก ๆ ดังขึ้น จากนั้นปลายสายจึงเอ่ยตอบ

   “ถ้าเป็นเรื่องแค่นั้นพวกผมจัดการกันเองได้ครับ ...จริง ๆ หลังจากการพิจารณาคดีของท่านธามกับท่านมาลุตสิ้นสุดลงแล้ว  ท่านปุริมก็เสนอให้พวกผมหาที่อยู่ใหม่ เพื่อป้องกันการแก้แค้นภายในเผ่า  พวกผมจึงปฏิบัติตามนั้น ส่วนคลับก็อาศัยบริหารทางไกลเอา โดยจ้างมนุษย์ที่ไว้วางใจได้ทำงานแทน  เพราะอย่างนั้นพวกผมเลยรอดการไล่ล่านั่นได้อย่างปาฏิหาริย์ยังไงล่ะครับ!”

   ชาครชะงักในท้ายประโยค แล้วรีบซักกลับไป

   “ไล่ล่า! ใครเป็นคนลงมือ!”

   เสียงปลายสายเงียบไป แล้วจึงเอ่ยตามมาแผ่วเบา ราวกับเกรงว่าจะมีใครแอบฟังอยู่

   “พวกครุโฬครับ...คุณชาคร คุณรู้ไหมว่า เมื่อวันก่อนที่มีการแต่งตั้งประมุขคนใหม่  ท่านพิภพได้ร่วมมือกับหัวหน้าเผ่าครุโฬ แล้วบังคับให้พวกเราเผ่าวกะ เป็นอาณานิคมของพวกนั้น  พวกผู้นำระดับสูงของตระกูล ผู้คุ้มกฎ รวมถึงท่านปุริม ถูกจับไปขังรวมกันที่ส่วนกลางของเผ่าในหุบเขา และพวกมันยังออกไปกวาดต้อนพวกเด็กและผู้หญิง รวมไปถึงคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านนอก มาขังรวมกันไว้ที่เดียวกันอีก .... ผมได้คนข้างในนั้นลอบส่งข่าวมา เพราะเขาซ่อนมือถือเอาไว้ ...พอผมรู้เรื่องจึงตัดสินใจโทรหาคุณ เพราะผมไม่รู้จะทำยังไงดี คนของเราส่วนใหญ่ก็ซ่อนตัวอยู่ด้านนอก ... พวกผมเองจริง ๆ ก็อยากหนีไปให้ไกล ๆ แต่ก็ห่วงญาติพี่น้องร่วมเผ่าของเราข้างในนั่น แถมท่านปุริมยังถูกขังอยู่อีกด้วย...ผมเลยคิดว่า ท่านธามอาจจะ...”

   ไชยาค้างเอาไว้ ไม่กล้าพูดต่อ ความจริงเขาเองก็คิดหนักเรื่องที่จะโทรศัพท์มาแจ้งชาครกับธาม เพราะทั้งคู่นั้นถูกขับออกนอกเผ่าไปแล้ว และเท่าที่เขารู้ ทั้งสองคนก็มีความสุขดี จนเขาไม่อยากจะดึงเข้ามารับรู้กับปัญหาที่เกิดขึ้น

    แต่ถ้าเขาเลือกตัดสินใจไม่บอก และปล่อยให้ธามรับรู้ภายหลัง มันก็คงไม่ดีนัก แม้เขาพอจะรู้มาว่า ธามนั้นไม่ค่อยญาติดีกับปุริมเท่าใดก็ตาม  แต่ถึงยังไงปุริมก็ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแท้ ๆ ของชายหนุ่มอยู่ดี และเขาเชื่อมั่นว่า จริง ๆ แล้ว ธามก็น่าจะมีเยื่อใยกับปุริมอยู่ไม่มากก็น้อย

   “ขอบคุณนายที่แจ้งฉันมา...เดี๋ยวฉันจะไปปรึกษาหารือท่านธามทีหลังเอง นายรวบรวมพรรคพวกของเราที่เหลือ ไปซ่อนตัวในที่ปลอดภัย แล้วอย่าติดต่อเข้าไปข้างในก่อนให้พวกนั้นจับพิรุธได้ รอให้ข้างในติดต่อกลับมาแทน แล้วนัดแนะกันให้ดี เผื่อเราจะได้คนในคอยช่วยด้วยอีกแรง ตอนบุกเข้าไป”

   ชาครตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง ทำให้คนฟังมีน้ำเสียงยินดียิ่งนัก

   “คุณชาครกับท่านธามจะมาช่วยพวกเราจริง ๆ สินะครับ!”

   “แน่นอนสิ...ถึงจะถูกขับออกจากเผ่า แต่สายเลือดและจิตวิญญาณของฉันก็ยังคงเป็นวกะอยู่ดี  ถ้าเกิดปัญหาภายในกันเอง ฉันอาจจะไม่สนใจ แต่ถ้ามีเผ่าอื่นมารุกรานพวกเราแบบนี้ ฉันคงอยู่เฉยไม่ได้หรอก”

   ชาครรับคำ ก่อนจะคุยนัดแนะกับไชยาอีกสักพัก แล้วจึงวางสายลง จากนั้นเขาจึงตัดสินใจไปปรึกษาธาม ซึ่งทำงานอยู่ในห้องนอนบนชั้นสองของคฤหาสน์ โดยไม่ได้ทันสังเกตว่า มีใครบางคนแอบฟังเขาสนทนาอยู่ห่างออกไป



   ธามรับฟังสิ่งที่ชาครรายงานด้วยท่าทางนิ่งเฉยผิดเคย โชคดีที่วันนี้วิรัลนั้นไปเรียนคอร์สแม่บ้านหัดทำกับข้าวและขนมกับม่านฟ้า ที่บ้านพักของเด็กสาว จึงทำให้ชาครสามารถรายงานเรื่องนี้ให้กับผู้เป็นนาย ได้โดยไม่ต้องหาเรื่องกลบเกลื่อนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้วิรัลได้รับรู้

   “อย่างนั้นหรือ ...แล้วนายคิดว่าฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ ชาคร”

   ธามถามเสียงเรียบ ทว่าชาครก็ยังคงสังเกตเห็นมือของอีกฝ่ายกำแน่นและสั่นเทิ้มนิด ๆ

   “ผมพร้อมติดตามท่านไปทุกเมื่อครับท่านธาม ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม”

   ธามถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเหลือบมองเตียงนอนกว้างในห้อง แล้วหวนคิดถึงร่างโปร่งบางของคนรักที่ยิ้มแย้มหยอกล้อกับเขาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ก่อนจะหันมาสบตากับคนสนิทอีกครั้ง

   “เราคงต้องวางแผนออกไปอย่างไม่ให้ใครผิดสังเกต ...ฉันไม่อยากให้วิรัลรู้ว่าเรื่องนี้พาดพิงเกี่ยวกับเผ่าวกะ ...เผื่อยามที่ฉันไม่สามารถกลับมาได้อีก เขาจะได้ไม่ต้องตามหาฉันที่นั่น”

   ชาครนิ่งคิด แล้วจึงเสนอบางเรื่องขึ้น

   “ถ้าเป็นเรื่องออกไปเช็คที่ดินที่จะทำธุรกิจเสริมของตัวท่านล่ะครับ ท่านก็เคยเปรย ๆ กับท่านวิรัลอยู่ไม่ใช่หรือครับ ว่าอยากจะเปิดบ้านพักต่างอากาศที่ต่างจังหวัดสักแห่ง”

   ธามรับฟังแล้วจึงพยักหน้าเห็นด้วยตามมา

   “อืม...เข้าท่าดี งั้นว่าตามนี้ เดี๋ยวฉันจะเขียนจดหมายทิ้งไว้ ส่วนนายก็บอกคนทางนี้ด้วยแล้วกัน ...ฉันไม่อยากโทรคุยกับเขา เดี๋ยวนี้วิรัลยิ่งจับผิดสังเกตฉันได้ไวกว่าเดิมเสียด้วย”

   ธามพึมพำ แต่แล้วพวกเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นคนเคาะก็เปิดเข้ามาเอง โดยไม่คิดรอคนข้างในอนุญาต

   “สวัสดีครับ ซุบซิบปรึกษาอะไรกันอยู่หรือครับ ทำหน้าซีเรียสเชียว”

   พิชญ์ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่านัยน์ตาดุคมกริบที่จับจ้องมองมา ก็ทำให้ทั้งคู่มั่นใจว่า อีกฝ่ายคงจะรู้เรื่องที่พวกตนสนทนาอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

   “นายมาอยู่นี่ได้ยังไง ไม่ได้เฝ้าวิรัลอยู่ที่นั่นหรือไง”

   ธามถามอย่างประหลาดใจ ซึ่งชาครเองก็จ้องมองอีกฝ่ายอย่างตกใจเช่นกัน

   “พอดีผมลืมเอกสารที่จะเอาให้ทางคุณอำมฤตเซ็นไว้ที่นี่ เลยขับรถกลับมาเอา ส่วนทางนั้นก็ให้พิชานกับพรรคพวกอีกสามสี่คนเฝ้าอยู่ อีกอย่างอยู่กับพวกท่านม่านฟ้า ก็ไม่น่ากังวลอะไร”

   พิชญ์ตอบเรียบ ๆ จากนั้นก็เงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยถามต่อ

   “ตกลงพวกคุณจะไปไหน ...อย่าบอกนะว่าจะไปหาซื้อที่ดินต่างจังหวัดอะไรนั่นน่ะ”

   คนฟังทั้งคู่เงียบกริบ พิชญ์จึงสบถเบา ๆ ตามมา แล้วโพล่งใส่

   “พวกคุณคิดจะทำอะไรกัน! ลำพังจำนวนแค่นี้ จะไปสู้กับพวกครุโฬ คิดจะไปตายหรือไง!  ทำอะไรทำไมไม่ปรึกษากันบ้าง บอกแล้วไม่ใช่หรือว่า พวกเรานับพวกคุณเป็นสมาชิกในเผ่ามโค และตระกูลวงศ์หริโณแล้ว  ถ้าคนในเผ่าในตระกูลเรามีปัญหา พวกเราก็พร้อมจะช่วยเสมอ!”

   คำพูดจริงใจของพิชญ์ทำให้ธามและชาครพูดอะไรไม่ออก ด้วยความซาบซึ้งตื้นตันใจ แต่ทั้งคู่ก็คิดตรงกันว่า ปัญหาของเผ่าพวกเขา จะลากพวกพิชญ์กับวิรัลมาเป็นอันตรายด้วยไม่ได้เด็ดขาด

   “จริงสิ...นายพูดถูก  พวกเราควรจะรอบคอบให้มากกว่านี้”

   ชาครเอ่ยขึ้นพร้อมกับขยับมายืนอยู่ข้างหน้าพิชญ์ ซึ่งพอชายหนุ่มเงยหน้าสบตา เจ้าตัวก็ต้องสะดุ้งเฮือก เพราะชาครนั้นชกเขาที่ท้องค่อนข้างแรง โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว

   “นาย...”

   พิชญ์มองอีกฝ่ายอย่างตกใจ ภาพสุดท้ายก่อนเขาจะหมดสติ คือสีหน้าและแววตาเศร้า ๆ ของชาคร พร้อมกับริมฝีปากที่พึมพำว่าขอโทษแผ่วเบานั่น และแล้วภาพเบื้องหน้าของเขาก็มืดสนิทลง

   “ชาคร...เราคงต้องเปลี่ยนแผนแล้วล่ะ”

   “นั่นสิครับ เอ่อ…ท่านธามครับ ขอเวลาผมสักครู่นะครับ”

   ธามหันมามองคนสนิทของเขา แล้วก็พยักหน้ารับรู้

   “งั้นฉันไปรอข้างนอกห้องนะ เสร็จธุระแล้วก็ตามไปล่ะ”

   ชาครพยักหน้าพร้อมพึมพำขอบคุณ เขามองร่างอ่อนเปลี้ยในอ้อมแขน แล้วจึงอุ้มร่างนั้นอย่างทะนุถนอมตรงไปวางบนเตียง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงจูบหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

   “ขอโทษนะ ที่ต้องทำรุนแรงกับนายแบบนี้ ...แต่ฉันไม่ต้องการให้นายมาเสี่ยงด้วย”

   จากนั้นชาครจึงหยิบกระดาษมาเขียนสถานการณ์คร่าว ๆ ของเผ่าวกะแล้วใช้สมุดวางทับไว้ใกล้ร่างพิชญ์  เขามั่นใจว่าคนฉลาดอย่างอีกฝ่าย หากฟื้นขึ้นมาจะต้องไม่หุนหันพันแล่นเป็นแน่  แต่ต้องคำนวณสถานการณ์ที่เป็นอยู่อย่างดี และค่อยลงมือจู่โจมทีหลัง  เพราะคนอย่างพิชญ์และวิรัล ถ้ารู้ว่าพวกเขาจะไปช่วยคนในเผ่าวกะ  จะห้ามยังไงก็คงไม่มีทางฟัง แต่ถ้าอธิบายทุกอย่างให้รับรู้ก็ยังช่วยถ่วงเวลาการจู่โจมออกไป และจะทำให้ลดอันตรายที่อาจจะเกิดให้น้อยลงกว่าเดิมได้เป็นแน่

   “ไปล่ะ...ไม่รู้ว่าพอได้อ่านข้อความสุดท้าย นายจะโกรธฉันไหมนะ ...แต่ถ้าโกรธกันจนไม่ยอมมาช่วย ก็คงจะดีเนอะ...นายจะได้ไม่ต้องเสี่ยงโดยใช่เหตุไงล่ะ”

   ชาครบอกกับร่างที่สลบไปยิ้ม ๆ แล้วจึงเดินออกไปนอกห้อง เขาเหลือบมองแผ่นกระดาษบนเตียงที่อยู่ใต้หนังสืออีกครั้ง หวนคิดถึงข้อความสุดท้ายที่เขาเพิ่มลงไปถึงเจ้าตัว

   ‘…บางทีฉันคงไม่มีโอกาสกลับมาพูดอีก จึงอยากจะบอกเอาไว้เสียเลย ...  ฉันรักนายนะพิชญ์...รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เท่าที่รู้ ฉันปรารถนาให้นายมีความสุขต่อไป นับจากนี้เรื่อย ๆ แม้วันนั้นจะไม่มีฉันอยู่ให้นายรำคาญหน้าอีกแล้วก็ตาม / จาก...ชาคร’

   เสียงประตูปิดลง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ค่อย ๆ เดินห่างออกไป นานเท่าไรไม่อาจทราบได้ พิชญ์มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่ชาครและธามออกไปจากหมู่บ้านมโคแล้ว ยิ่งชายหนุ่มได้อ่านจดหมายจากชาคร เจ้าตัวก็ยิ่งทั้งหงุดหงิด ทั้งเป็นห่วง จนแทบจะทนไม่ไหว  เขารีบโทรให้พิชานพาวิรัลกลับมาที่บ้านพักอย่างรวดเร็ว ขณะที่ยังคงกำจดหมายฉบับนั้นไว้แน่นไม่ยอมให้ห่างจากกาย

   

   วิรัลกลับมาถึงบ้านพักของตนอย่างเป็นกังวล เพราะพิชญ์ไม่ได้บอกเนื้อหา บอกแค่ให้รีบกลับด่วนเท่านั้น และเพราะอยู่ด้วยกันมานาน ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ พิชญ์คงไม่มีทางกระทำเสียมารยาทขัดจังหวะเขากับม่านฟ้าเช่นนี้แน่

   “พิชญ์! เกิดอะไรขึ้น!”

   วิรัลรีบมาหาพี่เลี้ยงคนสนิทของตน และก็ต้องยิ่งหวั่นวิตกหนักเมื่อไม่เห็นธามและชาครอยู่ในห้องนั้นด้วย

   “คุณธามไปไหน...”

   พิชญ์มองเจ้านายของเขาอย่างนึกสงสาร แล้วจึงบอกให้วิรัลสงบสติอารมณ์ลงก่อน จากนั้นจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เด็กหนุ่มฟัง

   “...ไม่จริง ...คุณธาม....ทำไมถึงไม่รอปรึกษากันก่อน  ทำไมถึงด่วนตัดสินใจแบบนั้น ...บ้าที่สุด!”

   วิรัลพึมพำทั้งเป็นห่วงทั้งโมโหคนรัก ส่วนพิชญ์นั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของผู้เป็นนาย

   “ใช่ครับ ทั้งบ้า ทั้งงี่เง่า ... แต่ก็ยังดี ที่ยังบอกเล่าสถานการณ์ให้ได้รู้กันบ้าง ...ถ้าไปโดยไม่บอกเลยล่ะก็ ผมนี่ล่ะ จะตามไปอัดหมอนั่นให้ลงไปกองกับพื้น ก่อนที่จะถูกพวกครุโฬจัดการให้ได้”

   พิชญ์บอกด้วยความหงุดหงิดโมโหและเป็นห่วง ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์ของเขา แล้วบอกกับวิรัล

   “พวกครุโฬได้เผ่าวกะมาในครอบครอง เผ่าต่อไปที่มันจะบุก ผมคาดว่าคงไม่แคล้วเป็นพวกเราที่ฐานที่มั่นอยู่ใกล้กัน ...อาจจะเป็นตระกูลของเรา หรือทางพวกท่านม่านฟ้า ...ถ้ายังไงเตือนทางนั้นให้รับมือไว้ก่อนก็น่าจะเป็นการดี”

   วิรัลพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงบอกว่าเขาจะเป็นคนคุยกับตรัณเอง ซึ่งพิชญ์ก็เห็นดีด้วย

   “ส่วนเรื่องบุกเผ่าวกะ ผมคิดว่าทางนั้นคงไม่บุ่มบ่ามเข้าไปกันสองคนแน่ คงต้องไปเตรียมพร้อมรวบรวมพล ทั้งจากข้างนอกและข้างในที่พอจะติดต่อกันได้ แล้วลงมือช่วยเหลือตัวประกัน  ซึ่งก็ค่อนข้างทำได้ยากพอสมควร เพราะถูกจับนำมาขังรวมทั้งหมด  ทางเลือกที่น่าจะดีที่สุดก็คือ ให้พวกเรามโค บุกเผ่าวกะล่อให้พวกครุโฬออกมาต่อสู้ด้วย แล้วให้ทางคุณธามนำตัวประกันออกมา”

   พิชญ์บอกแล้วมีสีหน้ากังวลจนวิรัลประหลาดใจ

   “ทำไมล่ะพิชญ์ ฟังแล้วก็เป็นแผนที่ค่อนข้างใช้ได้นี่ มีอะไรที่ลำบากใจหรือ”

   พิชญ์มองวิรัลแล้วถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นจึงเอ่ยในสิ่งที่เขากังวลให้อีกฝ่ายฟัง

   “ผมเกรงว่าพวกครุโฬจะไม่ทิ้งถิ่นที่มั่นง่าย ๆ ถ้ามันมีพี่ชายของคุณธามเป็นพวก  มันก็ต้องรู้ตื้นลึกหนาบาง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเราและคุณธามอยู่แล้ว บางทีมันอาจจะรู้ว่านี่เป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ เพื่อชิงตัวประกันก็ได้”

   วิรัลนิ่งเงียบรับฟัง เขาครุ่นคิดบางอย่าง แล้วจึงตบมือเบา ๆ พร้อมกับบอกอีกฝ่าย

   “แล้วถ้าให้ฉันเป็นเหยื่อล่อด้วยล่ะ ใคร ๆ ก็อยากกินหัวใจมฤคมาศไม่ใช่หรือ  ถ้าฉันออกไปด้วยตัวเอง  พวกนั้นต่อให้รู้ว่าถูกหลอก แต่ในสายตาของพวกกระหายเลือดนั่น  หัวใจของฉันก็น่าสนใจกว่าพวกตัวประกันวกะไม่ใช่หรือ”

   พิชญ์ตาเบิกกว้างแล้วรีบแย้งกลับไปทันที

   “ไม่ได้! ผมไม่ยอมให้ท่านเสี่ยงอย่างนั้นเด็ดขาด!”

   วิรัลชะงัก เขานิ่งเงียบรอจนพิชญ์ใจเย็นลง แล้วจึงเอ่ยขึ้นแผ่วเบา

   “แต่ถึงยังไง ถ้าไม่มีคุณธามอยู่ ฉันก็จะไม่ขออยู่ในโลกนี้อยู่ดี....เพราะงั้นถ้านายปล่อยให้คุณธามตาย ต่อให้ไม่มีใครฆ่าฉันเพื่อกินหัวใจ ฉันนี่ล่ะจะเป็นคนลงมือสังหารตัวเอง ต่อหน้าต่อตานายเลยล่ะ”

   พิชญ์อ้าปากค้าง เขาทำท่าจะโต้เถียงอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องกัดฟัน แล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างปวดร้าว

   “ขอโทษนะพิชญ์ ที่ทำร้ายจิตใจนายซ้ำแล้วซ้ำเล่า... แต่นายรู้ใช่ไหม ว่าฉันรักเขามาก ...รักมากจน ไม่อาจจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ ถ้าขาดเขา”

   “แล้วทำไมท่านไม่คิดถึงคนอื่นที่รักท่านบ้าง... ถ้าไม่มีท่าน ผมก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เหมือนกัน”

   พิชญ์ตอบเสียงแผ่วโดยไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย ทำให้วิรัลชะงัก น้ำตาไหลอาบแก้ม แล้วโผเข้ากอดพี่เลี้ยงหนุ่มแน่น

   “พิชญ์...ขอโทษ...แต่ฉันปล่อยให้เขาไปเสี่ยงคนเดียวไม่ได้จริง ๆ”

   พิชญ์หันขวับมามองนายน้อยของเขา แล้วบีบไหล่อีกฝ่ายแน่น

   “แต่ผมก็ยอมให้ท่านเสี่ยงไม่ได้เหมือนกัน ...ท่านย่าของท่านอีกล่ะ พวกเราไม่มีความหมายสำหรับท่านเลยหรือครับ ท่านวิรัล ...มีแค่เขาคนเดียวใช่ไหม ที่สำคัญสำหรับท่าน”

   วิรัลนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องไห้แล้วพึมพำขอโทษ เพราะเอาจริง ๆ ทุกคนก็สำคัญสำหรับเขาไม่แตกต่างกัน แต่ยามนี้ เขาห่วงธามเป็นที่สุด ห่วงจนเผลอทำร้ายจิตใจคนสำคัญต่อเขา ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้

   “ถ้าท่านยังยืนกรานเช่นนั้น ผมจะไปเรียนนายหญิง เพื่อขอกำลังทั้งหมดที่นั่น ไว้ปกป้องท่าน ...สงครามใหญ่เหมือนเมื่อสามปีก่อนนั้น จะกลับมาอีกครั้ง!”

   วิรัลเงียบกริบ แต่แรกเขาคิดว่าแค่เขาบุกไปพร้อมกับบรรดามโคในหมู่บ้านที่ขึ้นตรงกับพิชญ์ โดยมีตัวเขาเป็นเหยื่อล่อ ก็น่าจะสามารถต้านทานกำลังพวกครุโฬได้สักชั่วระยะ รอจนให้ธามไปช่วยตัวประกันให้สำเร็จ ก็คงไม่มีปัญหา และเขาก็คงถอยฉากหนีกันเองได้  ....แต่เมื่อเห็นความจริงจังของพิชญ์ในยามนี้ ก็ทำให้เขาเริ่มตระหนักว่า  เรื่องจริงมันคงไม่ง่ายดายอย่างที่เขาคิด ขนาดตอนนั้นแค่มาลุตยกพวกวกะมาแค่ไม่ถึงร้อย แม้จะสังหารพวกวกะ จนพวกนั้นพ่ายแพ้กลับไป  ทว่าพรรคพวกของเขาที่หมู่บ้าน ต่างก็ล้มตายกันไปมากมาย แถมบิดาของเขายังหายสาบสูญไปอีกเช่นกัน

   “พิชญ์...ฉันจะทำยังไง ...ฉันจะเลี่ยงสงครามแล้วช่วยให้ทุกคนปลอดภัยไม่ได้เลยหรือ...ฉันไม่อยากสูญเสียคุณธามก็จริง แต่ฉันก็ไม่อยากสูญเสียนายกับทุกคนไปเลยนะ”

   วิรัลที่เริ่มใจเย็นและตั้งสติได้ เอ่ยบอกกับพี่เลี้ยงของเขา พิชญ์รวบร่างนั้นมากอดปลอบโยน แล้วจึงบอกกับอีกฝ่าย

    “ขอเวลาผมคิดแผนการอีกสักวันเถอะครับ ผมเชื่อว่าระหว่างนี้ ทางนั้นคงยังไม่รีบร้อนบุกไปแน่ ...”

   วิรัลพยักหน้ารับรู้ แล้วพึมพำตอบ

   “อืม...ฉันจะอดทนรอนะพิชญ์...ขอโทษจริง ๆ ที่วู่วามคิดถึงแต่เรื่องตัวเองแบบนี้”

   พิชญ์ยิ้มน้อย ๆ แล้วลูบศีรษะลูบหลังอีกฝ่ายปลอบโยน อย่างรักใคร่เอ็นดู

   “ผมเข้าใจครับ.... ผมเองก็เป็นห่วงพวกเขาไม่แพ้ท่าน และจะไม่ยอมให้พวกเขาต้องได้พบอันตรายจากพวกครุโฬเป็นแน่ ...เพียงแต่พวกเราต้องใช้เวลาและสติวางแผนการให้รอบคอบกว่านี้ เพื่อที่จะไม่เป็นอันตรายต่อทุกฝ่ายไม่ว่าทางเขาหรือท่าน”

   วิรัลพยักหน้าตอบรับ จากนั้นเด็กหนุ่มจึงขอตัวโทรศัพท์ไปแจ้งตรัณ ซึ่งตรัณเองก็อาสาแจ้งข่าวไปยังผู้นำตระกูลต่าง ๆ และยังบอกกับวิรัลอีกว่า หากต้องการกำลังเสริม ก็ให้สั่งมาได้ทุกเมื่อ

   “คุณธามครับ...ขอให้คุณปลอดภัยนะครับ”

   วิรัลบอกกับโทรศัพท์มือถือที่ธามทิ้งไว้ ไม่ยอมนำติดตัวไปด้วย ในนั้นมีคลิปภาพที่เจ้าตัวอัดไว้  ธามบอกรักเขา พร้อมให้สัญญาว่า จะระวังตัวและปลอดภัยกลับมาหาเขาให้จงได้ ซึ่งวิรัลก็อาศัยคำพูดนั้นหล่อเลี้ยงหัวใจให้มีความหวังอยู่ในยามนี้



   ปาลินีนั่งเงียบขรึมจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ หลังจากได้รับข้อความฝากจากพิชญ์ เรื่องที่ธามกับชาครเตรียมบุกไปช่วยตัวประกันเผ่าวกะกันลำพัง และวิรัลเองก็ต้องการช่วยคนรักของตน โดยพิชญ์ก็รายงานตามตรงว่า เบื้องต้นนั้นวิรัลเสนอตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ทว่าพิชญ์ได้แย้งปรามไว้ จนกระทั่งอีกฝ่ายยอมรับฟัง แต่พี่เลี้ยงหนุ่มก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าเขายังไม่มีแผนสำรองที่ดีกว่านี้ แผนที่น่าจะเข้าท่าที่สุดก็คือแผนการที่มีวิรัลร่วมรบเป็นตัวล่อด้วยอยู่ดี  ซึ่งถ้าถึงตอนนั้น เขาก็คงต้องขอความร่วมมือหยิบยืมกำลังรบจากทางปาลินีด้วยอีกแรง เพื่อความปลอดภัยของวิรัลนั่นเอง

   “...ได้เจอเด็กพวกนั้นเร็วกว่าที่คิดไว้อีกนะ...แต่เจอแบบนี้ ฉันชักไม่อยากเจอเสียแล้ว ...เฮ้อ”

   หญิงชราพึมพำกับข้ารับใช้คนสนิท พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาด้านนอกเรือน และเรียกรวมพลมโคหนุ่มในหมู่บ้านแห่งนี้ให้มารวมตัวกันต่อหน้าหล่อน

   “สมาชิกของตระกูลเรากำลังเดือดร้อน ...และท่านผู้นำตระกูลต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราเหล่านักรบมโคทั้งหลาย  คู่ต่อสู้ของพวกเราครั้งนี้ คือเผ่ากระหายเลือดและโหดเหี้ยมยิ่ง นั่นก็คือพวกครุโฬ  ถ้าใครรักตัวกลัวตาย ก็จงก้าวออกมาและขอถอนตัว.... ฉันจะไม่ลงโทษคนผู้นั้น  เพราะสงครามครั้งนี้มันเป็นสงครามที่ไม่ใช่การปกป้องตัวเองจากการถูกรุกราน  แต่เป็นการไปช่วยผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพรรคพวกของเราเท่านั้น!”

   สิ้นคำของปาลินี นักรบมโคแต่ละรายก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่ไหวติง และไม่มีทีท่าขลาดกลัวให้เห็นแต่อย่างใด

   “ดีมาก...ฉันขอขอบใจในความจงรักภักดีและรักเพื่อนพ้องร่วมเผ่าของทุกคน  สำหรับฉันแล้ว ถึงยังไงพวกครุโฬมันก็ต้องหาทางเล่นงานเราวันยังค่ำ ดังนั้นเราจงไปแสดงศักยภาพให้มันได้เห็นว่า พวกมโคไม่ใช่แค่เผ่าพันธุ์รักสงบที่มันจะรังแกฝ่ายเดียวได้! และการรบครั้งนี้ ฉันจะขอร่วมไปในศึกนี้กับทุกคนด้วยเช่นกัน  ถ้ารอดเราจะรอดด้วยกัน  ถ้าตาย พวกเราก็จะตายเคียงข้างกัน!”

   เสียงโห่ร้องจากบรรดานักรบมโคดังขึ้น แม้จะชราภาพ แต่ด้วยการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวและมันสมองเฉียบแหลมของปาลินี ก็ทำให้พวกเขามั่นใจว่า การสู้รบครั้งนี้ พวกเขาจะไม่มีวันเสียเปรียบโดยสิ้นเชิงเด็ดขาด




... TBC ....
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 30-01-2013 16:02:54
เข้าสู่ช่วงเคร่งเครียด ไคลแม๊กซ์อีกครั้ง
จากตอนที่22 พิภพเหมือนเด็กไม่รู้จักโตเลย เ็ห็นแก่ตัวมากอ่ะ จะไม่ยอมให้ตัวเองเจ็บคนเดียว ต้องลากคนอื่นให้เจ็บไปด้วยเหมือนกัน
เป็นลูกชายคนโตน่าจะเข้าใจสิ ว่าพ่อเค้าเป็นประมุข คนที่อยู่จุดสูงสุดเป็นผู้ปกครองคนหมู่มาก หน้าที่ความรับผิดชอบต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัวเสมอ
แล้วแม่ของมาลุตถึงความจริงจะเกลียดพิภพแต่ก็ไม่เคยด่าทอ ตบตีพิภพเลย แต่ไปลงกับคนสนิทแทน
การที่พิภพบังเอิญมาได้ยินความจริง เจ็บปวดมากและแค้นมากถึงขั้นเป่าหูแม่ของมาลุต ทำร้ายจิตใจและร่างกาย จนแม่ของมาลุตตรอมใจตายนี่โหดร้ายมากนะ
น่าจะสงสารมาลุตที่เป็นน้องบ้างสิ แม่ตัวเองตาย ก็ทำให้แม่ของมาลุตตายไปด้วย นี่ยังสั่งฆ่าแม่ของธามอีก โหดร้ายมากอ่ะ
แม่ตัวเองตายเพราะอุบัติเหตุ พิภพเสียใจมาก ต้องการให้คนอื่นเสียใจเหมือนกับที่ตนได้รับ ก็เลยฆ่าแม่ของน้องๆไปด้วย
ทำให้น้องๆชิงชังผิดหวังในตัวพ่อเหมือนกับตัวเอง เราว่าพิภพน่าจะได้บทเรียน ได้รับกรรมบ้างนะ คนแบบนี้มันไม่น่าให้อภัยเลย
ไม่รู้นักเขียนจะให้พิภพคู่กับภูธิปหรือเปล่า เราว่าก็ศีลเสมอกันดีนะ เลวร้ายพอกัน อย่าให้ได้รับการให้อภัยเลย
เพราะสิ่งที่ทำมันโหดร้ายเกินให้อภัยได้ ใครก่อกรรมอะไรไว้ก็ให้ได้รับตามนั้นเถอะ
เม้นต์ยาวมาก 55555+ อัดอั้นและอินเรื่องของพิภพอ่ะ เอาใจช่วยธามกับชาครให้ปลอดภัยกลับมา
จะรออ่านต่อนะคะ  :L1: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 30-01-2013 16:36:46
ธามกับวิรัล สุ้ๆๆ
 เกลียดพิภพที่สุดๆๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 30-01-2013 16:44:34
ดราม่าจัดหนักมาก

น่าสงสารพิชญ์ ที่วิรัลทุ่มให้ความรักกับธามมากจนแคร์ครอบครัวที่อยู่กับตัวเองมาตั้งแต่ต้นน้อยไป

เกิดแก่เจ็บตาย ต้องมีทุกคน ไม่ต้องรีบตาายตามไปหรอกหนู แต่ก็เข้าใจนะ วิรัลเป็นหนุ่มน้อย รักที่มีมันเลยร้อนแรงมุ่งมั่นอย่างหนัก

จะมีดราม่าทำร้ายใจคนอ่านมั้ยนะ

หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 30-01-2013 17:49:02
นับถือท่าย่ามากๆๆ  พวกเผ่าชั่วๆ ต้องกำจัดซะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 30-01-2013 17:57:21
ตอนนี้เนื้อเรื่องเข้มข้นมากกก โอย ลุ้นน
พิชญ์เท่มากอ่ะตอนเปิดประตูเข้าไป
จะเป็นไงต่อ ตื่นเต้น!
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 30-01-2013 18:06:55


นี่สงครากำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ เหรอเนี่ย
แต่ยังไงก็ขอให้ฝ่ายวิรัลปลอดภัยก็แล้วกันนะ
 
 
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 30-01-2013 19:04:49
เรื่องนี้คนที่น่าสงสารมากที่สุดคงเป็นมาลุต  เสียแม่  แถมโดนเป่าหูให้เกลียดน้องชาย (ธาม) เข้าไส้ขนาดนั้น
และสุดท้ายก็มาตายอนาถแบบนั้น    เพราะความไว้ใจพี่ชายตัวเองแท้ๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nayne ที่ 30-01-2013 20:28:31
ตอนนี้เนื้อเรื่องชักเริ่มเข้มข้น
สงครามครั้งนี้จะทำให้รู้ข่าวคราวของพ่อวิรัลที่หายไปไหมเนี่ย
สงสัยเรื่องนี้ที่สุดล่ะ ว่าพ่อวิรัลหายไปไหน
ตายหรือว่ามีชีวิตอยู่
ถ้าตายก็เเล้วไป
แต่ถ้ามีชีวิตอยู่ทำไมไม่ส่งข่าวกลับมา
หรือว่าส่งไม่ได้ เพราะอะไร อยากรู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 30-01-2013 21:25:46
เฮ้ออออ จะเจอดราม่ามั้นเนี่ย ยิ่งไม่ชอบอยู่ :m15: :m15:
ทุกคนสู้ๆนะ กำจัดพวกครุโฬให้สิ้นซาก โดยเฉพาะอธิป เกลียดเเก๊!!! :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 30-01-2013 23:09:57
พ่อวิรัลหายไปไหนกันแน่ พ่อวิรัลจะมามีบทบาทช่วยเหลืออะไรหรือเปล่านะนั่น แล้วชาครไม่ค่อยเลยนะ ทำไมทำกับพิชญ์แบบนั้น วิรัลดีที่ยังฟังพิชญ์บ้างนะ ธามอย่าใจร้อนนะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 23 P.13 กลับมาลงต่อเนื่องแล้วจ้า (โพส : 30/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 31-01-2013 01:48:31
คึกคักตามมโคกลุ่มท่านย่าเลยแฮะ เคียงบ่าเคียงไหล่แบบนี้ก็สู้ตายอยู่แล้ว ^^
แต่คำพูดสุดท้ายของจดหมายนั่น!!! ถ้าไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ก็คงจะอีกนานเลยใช่ไหมกว่าจะรู้ใจกัน
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 24 P.13 (โพส : 31/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 31-01-2013 13:29:54
มาโพสต่อแลว้ค่ะ   ^^ จริง ๆ ก็อยากแปะทีเดียวเลย แต่บางครั้งทยอยแปะ ได้รับคอมเมนต์มีประโยชน์ ก็เอาไปแก้ไขงานในส่วนที่เขียนไปแล้วได้ ทำให้งานสมบูรณ์ขึ้นล่ะนะคะ  ดังนั้นจึงชอบทยอยแปะมากกว่า 

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านอีกครั้งค่ะ โดยเฉพาะท่านที่คอมเมนต์เป็นกำลังใจ ท่านที่ให้คำแนะนำ ท่านที่อินไปกับเรื่องแล้วมาเมาท์แลกเปลี่ยนความรู้สึกกัน  คนแต่งมีความสุขมาก ๆ ค่ะ ที่แต่งไปแล้ว มีคนคอยตามอ่านและมอบฟีคแบคให้เช่นนี้  ขอบคุณอีกครั้งค่ะ  :L2:

---------------------------------------------



/24




     พิชญ์รู้สึกโล่งใจเมื่อได้รับรู้ว่า ปาลินีนั้นพร้อมส่งกำลังมาสนับสนุน หากมีการสู้รบขึ้นทุกเมื่อ ทว่าสิ่งที่เขายังเป็นกังวลอยู่ก็คือ จะทำยังไงที่จะไม่ให้วิรัลต้องออกไปเสี่ยงที่แนวหน้าด้วยตัวเอง หรืออย่างน้อยก็หาหนทางปลอดภัยป้องกันวิรัลได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่านี้ เพราะแม้จะรวบรวมนักรบของตระกูลวงศ์หริโณมาทั้งหมด แต่พวกครุโฬก็ร้ายกาจนัก อีกทั้งตอนนี้ ยังได้พวกวกะที่เป็นพรรคพวกของพิภพมาร่วมมือด้วย  และถ้าพวกนั้นใช้แผนการข่มขู่บังคับตัวประกันให้ออกรบ เห็นทีแค่นักรบในตระกูลเขาอย่างเดียวก็คงต่อสู้ได้ลำบากเป็นแน่

    “ถ้ามีเผ่าพันธมิตรก็คงดี...”

    พิชญ์พึมพำกับตัวเอง ทว่าเผ่าที่เป็นพันธมิตรกับมโค ล้วนแต่เป็นเผ่าที่รักสันติ หรือบางเผ่าก็ไม่ชำนาญการรบพุ่ง  และยิ่งเป็นการสู้รบด้วยเหตุผลส่วนตัวเช่นนี้ เขาเกรงว่าคงจะไม่ได้รับความร่วมมือ จากเผ่าเหล่านั้นเป็นแน่

    “ไม่มีเผ่าไหนที่จะรับมือกับพวกครุโฬได้สูสีเลยหรือครับคุณพิชญ์”

    พิชานที่นั่งปรึกษาอยู่ด้วยกันเอ่ยถาม ทำให้พิชญ์ชะงักแล้วจึงหันมาตอบลูกน้องของตน

    “มีก็มีอยู่หรอก ...แต่พวกนี้เดาใจและเอาแน่เอานอนไม่ได้ยิ่งกว่าพวกครุโฬอีก ...ฉันกลัวว่าจะยอมเป็นพันธมิตรกันชั่วครู่ แล้วตลบหลังเล่นงานพวกเราเอาเสียเองมากกว่า...อีกอย่างพวกนี้ไม่ค่อยออกจากถิ่นตัวเองด้วย”

    พิชญ์คิดถึงเผ่านากา ซึ่งเป็นเผ่าลึกลับ และไม่ค่อยได้ออกมาให้เผ่าอื่น ๆ ได้เห็นมากนัก ข่าวลือของเผ่านี้มีแง่เสียยิ่งกว่าแง่ดี แต่ที่สำคัญสุดก็คือ มีข่าวลือที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ เรื่องที่เผ่าครุโฬเคยพ่ายแพ้กับเผ่านากามาก่อนอีกด้วย

    “ถ้าลองไปขอความร่วมมือดูล่ะครับ!”

    พิชานเสนอความเห็น แต่กลับทำให้คนฟังชะงัก พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    “แล้วผลประโยชน์ร่วมกันล่ะ  สิ่งตอบแทนล่ะ  ถ้าเป็นนาย นายจะเสนออะไรให้พวกนั้น หือ พิชาน”

    พิชานชะงัก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงพึมพำกับตัวเอง

    “นั่นสินะครับ ใครกันจะยอมส่งคนมาเสี่ยงร่วมรบ โดยไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน”

    “ใช่... ถ้าพวกนั้นเป็นนักธุรกิจ ฉันยินดีจะยกบริษัทสองสามแห่งให้ไปเลย เพื่อเป็นการตอบแทน แต่มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ ตามข่าวลือที่ได้ยินมา พวกนั้นเก็บตัวอยู่แต่ในป่าลึก ไม่ออกมาสุงสิงใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ ...เพราะฉะนั้น ฉันเลยไม่รู้จะใช้อะไรเจรจาแลกเปลี่ยนกับพวกนั้นดี”

    พิชญ์สรุปตัดบท ทำให้คนฟังหน้าสลด แต่ก็รีบยิ้มแย้มตามมา เพราะไม่อยากให้หัวหน้าของเขาหมดหวังเสียก่อน

    “ถึงพวกนั้นจะพึ่งไม่ได้ แต่เราก็ลองคิดแผนการหรือหาพันธมิตรเผ่าอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็ได้นี่ครับ บางทีอาจจะมีเผ่าที่อยากแก้แค้นพวกครุโฬ ที่เคยไปทำร้ายเข่นฆ่าพวกนั้นมาก่อนก็ได้ รวบรวมพวกที่แตกเผ่าไปแล้วอย่างละนิดละหน่อย ก็กลายเป็นกองกำลังย่อม ๆ ได้เหมือนกัน”

    พิชญ์ฟังความคิดเห็นของลูกน้อง แล้วก็พยักหน้ารับรู้อย่างเห็นดีด้วย

    “อืม...น่าสนใจ งั้นก็มอบให้เป็นหน้าที่ของนายก็แล้วกันนะพิชาน”

    พิชานพยักหน้ารับรู้ พร้อมกับโพล่งตอบเสียงดัง

    “ได้เลยครับ! ผมจะรีบดำเนินการให้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”

    พิชานบอกแล้วก็รีบวิ่งออกจากห้อง ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นวิรัลยืนอยู่หน้าประตู

    “เอ่อ...ท่านวิรัล”

    วิรัลมองอีกฝ่าย แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ส่งให้

    “ขอบคุณที่ช่วยเหลือกันนะ พยายามเข้าล่ะพิชาน แต่อย่าฝืนเกินตัวนักนะ”

    “ครับท่าน! ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะทำอย่างเต็มที่เลยครับ!”

    พิชานรับคำอย่างยิ้มแย้ม แล้วขอตัวออกไปติดตามงานที่ได้รับมอบหมายมาต่อ ส่วนพิชญ์ก็หันมายิ้มให้กับเจ้านายของเขา

    “มีอะไรหรือครับท่านวิรัล ถึงได้มาที่ห้องผมได้”

    วิรัลเดินมาหาพิชญ์ แล้วยิ้มแย้มอ่อนโยนส่งให้ชายหนุ่ม

    “อยู่คนเดียวแล้วรู้สึกฟุ้งซ่านน่ะ เลยตั้งใจจะมาหานาย เผื่อจะช่วยงานอะไรได้บ้าง...แต่พอลงมาแล้วได้ยินพวกนายพยายามเพื่อฉันแบบนี้ ก็รู้สึกตื้นตันยังไงก็ไม่รู้”

    พิชญ์ยิ้มตอบ แล้วลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู

    “เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะท่านสำคัญสำหรับพวกเราทุกคนนี่ครับ”

    “...ขอบคุณนะ”

    วิรัลพึมพำตอบอย่างกึ่งเขินปนซาบซึ้ง จากนั้นสักพักเขาจึงสอบถามถึงเผ่านากาอย่างสงสัย

    “พิชญ์เคยเจอพวกนั้นซึ่ง ๆ หน้าบ้างหรือเปล่า ...เห็นว่าถิ่นฐานของพวกนั้นอยู่ในป่าเดียวกับที่ติดเขตหมู่บ้านของท่านย่า แต่อยู่ลึกเข้าไปไม่ใช่หรือ”

    พิชญ์ขมวดคิ้วยุ่ง เพราะเขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้วิรัลฟัง แล้วนายน้อยของเขาทราบข้อมูลของเผ่านากามาได้อย่างไร

    “อ้อ! ฉันคุยกับคุณม่านฟ้าน่ะ  พอรู้ข่าวเรื่องคุณธาม ฉันก็เคยโทรคุยปรึกษากับคุณม่านฟ้า  คุณม่านฟ้าก็บ่น ๆ ว่า ถ้าพวกเราเป็นพันธมิตรกับพวกเผ่านากาก็ดี เพราะเธอเคยได้ยินข่าวลือว่า พวกนี้เคยชนะพวกครุโฬมาได้ด้วยล่ะนะ”

    พิชญ์ถอนหายใจยาวเมื่ออีกฝ่ายเฉลยคำตอบ เขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมวิรัลจึงรู้เรื่องนี้ได้  นี่ถ้าไม่มีธาม เขาก็ยังเห็นว่าม่านฟ้านั้นเหมาะสมกับวิรัลที่สุดแล้วอยู่ดี

    “ฉันว่าฉันจะลองไปเจรจากับพวกนั้นดู เพราะเท่าที่ฉันกับคุณม่านฟ้าพูดคุยกันพวกเราต่างสรุปได้ว่า ท้ายที่สุด ยังไงเผ่าครุโฬหลังจากรวบรวมอาณานิคม หรือไม่ก็กำจัดเผ่าศัตรูอื่น ๆ ทิ้ง  พวกนั้นก็ต้องเล็งเผ่านากาอยู่ดี  ...ถ้ารอจนกว่าเผ่าอื่นโดนกำจัด และเผ่าครุโฬเติบโตแข็งแกร่งขึ้น  เผ่านากาก็ต้องลำบาก   สู้ประกาศตัวเป็นพันธมิตรกับเผ่าต่าง ๆ  ทำให้พวกครุโฬสำนึกว่า ถ้าโจมตีเผ่านากา เผ่าอื่นก็จะไม่ยอมไว้หน้าเช่นกัน แบบนี้มันน่าจะดีกว่านะ”

    ข้อเสนอของวิรัลนั้นโดนใจพิชญ์นัก การเกลี้ยกล่อมในสิ่งที่อาจเป็นไปได้นั้น ก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้อยู่  ทว่าการที่จะเข้าไปในเผ่าลึกลับ ที่ไม่เคยรู้ข้อมูลมาก่อน ก็ทำให้เขารู้สึกกังวลและหวาดระแวงเช่นกัน

    “ถ้าอย่างนั้นผมจะลองไปเจรจาดูเอง...แต่ถ้าผมไปแล้วกลับมาไม่ทัน ก็ขอให้ท่านวิรัล เชื่อฟังนายหญิงด้วย ท่านจะมาเป็นที่ปรึกษาแทนผม ซึ่งผมมั่นใจว่า การตัดสินใจของท่าน จะไม่แตกต่างกับการตัดสินใจของผมนัก”

    วิรัลชะงัก เขากำมือแน่นก่อนจะคลายออก พลางพยักหน้ารับรู้ตามมา

    “ฉันเข้าใจแล้ว ...งั้นเดี๋ยวฉันจะไปส่งนายที่หมู่บ้าน แล้วไปพูดคุยกับท่านย่าเรื่องนี้ด้วย”

    พิชญ์รับคำ ก่อนจะสะดุ้งนิด ๆ เมื่อวิรัลจับมือเขาแน่น

    “ถ้าพวกนั้นไม่ยอมรับข้อเสนอ และทำท่าจะเล่นงานนาย ก็ขอให้หนีมาให้ได้นะ...”

    พิชญ์ยิ้มรับ แล้วบีบมือของอีกฝ่ายกลับไป

    “ครับ...ผมจะรักษาชีวิตให้รอดกลับมาหาท่านให้ได้ ...ผมสัญญา”

    วิรัลพยักหน้ารับรู้ จากนั้นพวกเขาจึงรีบออกเดินทางไปที่ถิ่นที่ตั้งของตระกูลวงศ์หริโณอีกที่  เพื่อดำเนินแผนการเจรจาขอความร่วมมือจากพวกนากา และเตรียมรวบรวมกำลังรบจากทางฝั่งของปาลินี รอคอยเพียงเวลาที่จะติดต่อพวกธามได้เมื่อใด พวกเขาก็พร้อมจะทุ่มกำลังจู่โจมพวกครุโฬทันที

   

    อีกด้านหนึ่ง ชาครนั้นตัดสินใจไม่โทรไปหาพิชญ์ เพราะเกรงว่าจะเผลอใจอ่อนเสียก่อน แต่เขาก็ยังอยากทราบข่าวคราวทางฝั่งของวิรัล เพื่อที่จะได้รายงานให้ธามสบายใจ  ชายหนุ่มจึงติดต่อไปทางม่านฟ้า ที่เคยให้เบอร์เขากับพิชญ์เอาไว้ ในการติดต่อทำธุรกิจร่วมกันนั่นเอง

    “คุณชาครหรือคะ! ไปอยู่ไหนมาคะนั่น ทางนี้วุ่นวายกันใหญ่แล้ว ทางฝั่งท่านวิรัล นี่เตรียมรวบรวมกำลังรบในตระกูล รอคำสั่งเคลื่อนพลเพื่อบุกเผ่าวกะแล้วนะคะ!”

    คำบอกเล่าของม่านฟ้า ทำให้คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ ทั้งตื้นตันทั้งกังวล ที่ทางนั้นเห็นพวกตนสำคัญ ถึงกับยอมเสี่ยงขนาดนี้

    “ทางพวกผมกำลังรอติดต่อกับคนข้างในอยู่ครับ ไม่กล้าบุ่มบ่ามบุกเข้าไป และไม่กล้าติดต่อเข้าไปก่อน กลัวทางนั้นจะจับได้ จะทำให้เราเสียกำลังเสริมจากข้างในไปโดยใช่เหตุ”

    ม่านฟ้าถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงขอชาครสนทนากับธามบ้าง ซึ่งอีกฝ่าย ก็ตามธามมาคุยสายด้วย

    “สวัสดีม่านฟ้า สบายดีไหม”

    ธามเอ่ยทักทายกับเด็กสาวที่ตอนนี้สนิทกับเขามากกว่าเดิม จนธามคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเหมือนน้องสาวของตนคนหนึ่ง

    “สบายมากเลยค่ะคุณธาม ...คุณรู้ไหมคะว่า ท่านวิรัลน่ะ เตรียมโดดเข้าไปร่วมรบเป็นแนวหน้า เพื่อเป็นเหยื่อล่อให้พวกครุโฬออกมา แล้วให้พวกคุณตลบหลังพวกนั้น ชิงตัวประกันน่ะค่ะ”

    คำพูดประชดของม่านฟ้าทำให้ธามชะงัก แล้วรีบย้อนถามกลับไปทันที

    “อะไรนะ! วิรัลจะร่วมรบด้วยหรือ! ให้ตายเถอะ คิดอะไรอย่างนั้นน่ะ!”

    “ก็เพราะคุณธามไม่ยอมอยู่รอปรึกษากันน่ะสิคะ คุณธามห่วงท่านวิรัลได้คนเดียวหรือคะ ท่านวิรัลเองก็ห่วงคุณธามมากเหมือนกัน  อีกอย่างต่อให้วางแผนการรัดกุมกันยังไง  แต่การที่จะทำให้พวกครุโฬเคลื่อนไหว ก็คงไม่พ้นที่จะต้องให้ท่านวิรัลเสี่ยงอยู่ดีนั่นล่ะค่ะ  เพราะคงไม่มีอะไรหลอกล่อให้พวกครุโฬสนใจได้ นอกเสียจากหัวใจของมฤคมาศ คุณว่าจริงไหมล่ะคะ!”

    ม่านฟ้าบอกกึ่งประชด เพราะเธอนั้นเข้าข้างวิรัลมากกว่า แต่คำบอกเล่าของเธอก็ยิ่งทำให้ธามกังวลหนักขึ้น

    “เดี๋ยวฉันจะติดต่อกับเขาดู...ขอบคุณที่บอกนะม่านฟ้า”

    “ไม่เป็นไรค่ะ  ถ้าคุยกันเคลียร์เรียบร้อย อย่าลืมติดต่อบอกดิฉันด้วยนะคะ ทางกลุ่มของดิฉันจะไปร่วมรบด้วยอีกแรง ยังไงพวกเราก็มีศัตรูเดียวกันนี่คะ”

    ม่านฟ้าวางสายไป ส่วนธามก็รีบโทรไปหาเบอร์ของวิรัล เขารอสายอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าตัวก็รับสายพร้อมกับละล่ำละลักถามอย่างรวดเร็ว

    “ชาครรึ! คุณธามอยู่ไหน ยังไม่ไปบุกเผ่าวกะใช่ไหม!”

    “...ฉันเองวิรัล”

    ธามเอ่ยขึ้นหลังอีกฝ่ายพูดจบ เสียงของธามทำให้วิรัลชะงัก เด็กหนุ่มเงียบไปสักพัก ก่อนจะหลุดสะอื้นออกมาค่อย ๆ

    “คนใจร้าย...คุณทิ้งผมไปได้ยังไง...ไหนเคยสัญญากันว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ใช่หรือครับ”

    ธามพูดอะไรไม่ออก หัวใจเจ็บแปลบราวดังถูกมีดเฉือน เขาพึมพำขอโทษแผ่วเบา จนสักพักวิรัลก็พูดขึ้นต่อ

    “ตอนนี้ผมอยู่กับท่านย่า พวกเรารอแค่ทางคุณพร้อม เราจะบุกไปหลอกล่อพวกครุโฬและวกะส่วนหนึ่งที่อาจจะต้องออกมารบ ...ทางคุณก็จะได้เข้าไปช่วยตัวประกันออกมาให้มากที่สุด ถ้าตัวประกันถูกช่วย ผมเชื่อว่าวกะส่วนใหญ่ คงจะเข้ามาอยู่ฝั่งเราร่วมรบกับพวกครุโฬแน่!”

    ธามรับฟังแผนการของคนรัก แล้วรู้สึกตื้นตันยิ่งนัก ถ้าวิรัลอยู่ตรงหน้า เขาคงจะดึงร่างของอีกฝ่ายมากอดแน่นอย่างซาบซึ้งใจไปแล้ว

    “ขอบคุณนะวิรัล... ฉันขอโทษที่คิดถึงแต่ตัวเอง และไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเธอ...”

    วิรัลชะงักก่อนจะพึมพำตอบกลับไปเสียงแผ่ว

    “จะไม่ยกโทษให้หรอกครับ นอกจากจะกลับมาพูดต่อหน้าผมเอง...”

    ธามหัวเราะเบา ๆ แล้วบอกกลับไปอย่างอ่อนโยน

    “งั้นฉันจะพยายามรักษาชีวิตตัวเอง ไปให้เธอยอมยกโทษให้ได้ล่ะนะ”

    “คุณธาม... อ๊ะ จริงสิครับ คุณธามมีแผนการหรือยังครับ รบกวนช่วยแจ้งท่านย่าทีได้ไหมครับ เพราะท่านเป็นที่ปรึกษาของผมในการรบครั้งนี้ชั่วคราว จนกว่าพิชญ์จะกลับมา”

    วิรัลบอกอย่างนึกขึ้นได้ ทำให้ธามชะงัก และชาครที่ได้ยินแว่ว ๆ ขมวดคิ้วอย่างสงสัยปนเป็นห่วง

    “แล้วหมอนั่นไปไหนล่ะ ปกติสถานการณ์เช่นนี้ เขาน่าจะอยู่ใกล้ตัวเธอไม่ใช่หรือ”

    วิรัลถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงตอบคำถามของอีกฝ่ายออกไป โดยไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมด

    “พิชญ์เองก็ไปเสี่ยงเพื่อพวกเราในแบบของเขานั่นล่ะครับ ...เอาไว้หากเขากลับมาอย่างปลอดภัยเมื่อไร ผมจะบอกคุณอีกที แต่ตอนนี้เราคงต้องลุยตามแผนเดิมไปก่อนนั่นล่ะครับ”

    จากนั้นวิรัลจึงส่งสายให้ย่าของเขาคุยกับธาม อีกฝ่ายสนทนากันอยู่สักพัก ปาลินีจึงยื่นมือถือของวิรัลส่งคืนมาให้ ทางด้านธามพอได้คุยสายกับคนรักตามเดิม เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด

    “วิรัล...ฉันขอโทษ ฉันจะชดใช้ด้วยการกระทำทุกสิ่งอย่างรัดกุม และมีสติมากที่สุด จะไม่ทำให้ ‘ครอบครัว’ ของเราต้องบาดเจ็บล้มตาย โดยไร้ความหมายเด็ดขาด!”

    วิรัลนิ่งอึ้งก่อนจะยิ้มรับคำอย่างตื้นตันที่ธามเห็นเขาและมโคทุกคนเป็นเสมือนครอบครัวของชายหนุ่ม

    “ครับ...เราจะสู้ด้วยกันนะครับคุณธาม ถ้าทุกคนร่วมมือกัน ผมเชื่อว่าปาฏิหาริย์ต้องเกิดขึ้นแน่นอน”

    “อืม...ฉันก็เชื่อเช่นนั้น ...แล้วพบกันนะวิรัล แล้วฉันจะติดต่อไปอีกที”

    ธามตัดบทและวางสายไป ใจอยากคุยกับคนรักมากกว่านั้น แต่ยิ่งคุยก็ยิ่งทำให้อยากเห็นหน้า เขาจึงจำต้องตัดใจลาเสียก่อน

    “ชาคร ...เราคงต้องวางแผนกันใหม่แล้วล่ะ”

    ชาครยิ้มน้อย ๆ ตอบรับ แม้จะเป็นห่วงพิชญ์ แต่เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายนั้นน่าจะเอาตัวรอดได้แน่

    “ครับ...ท่านธาม”

    “ไปเรียกคนที่ใช้งานได้ทั้งหมดมารวมกัน เราจะนัดแนะกันอีกหน ....ถ้ามีการติดต่อจากด้านในเข้ามา ให้รายงานฉันก่อน หรือส่งสายมาให้ฉันเลย ฉันจะตรวจสอบให้ละเอียดว่า เป็นพวกเราจริงหรือเป็นกลลวงของทางนั้น ...เข้าใจนะ”

    ธามเอ่ยการสั่งลูกน้องของเขาทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น แต่ละคนพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจ และต่างแยกย้ายกันไปรวบรวมพล  เพื่อหวังที่จะบุกเข้าช่วยชิงตัวประกันจากพวกครุโฬ ออกมาทั้งหมดให้จงได้

   
... TBC....
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 24 P.13 (โพส : 31/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: toye ที่ 31-01-2013 13:59:40
 :z13: :z13: :z13:
 :o8: :-[ เค้าสองคนเป็นห่วงใยกันดีจัง
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 24 P.13 (โพส : 31/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-01-2013 14:59:57
ขอให้พวกวกะพวกนั้น ไม่ทรยศนะ เพราะธาม จะได้มีกำลังเสริมเพิ่มขึ้น
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 24 P.13 (โพส : 31/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 31-01-2013 15:28:04
ในการหาพันธมิตรจะมีเผ่าอื่นๆนอกจากนี้อีกมั้ยหว่า
จะได้มีกำลังเสริมเพิ่มมากขึ้นในการต่อกรรับมือ
ขอให้เหล่าตัวเอกปลอดภัยจ้า
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 24 P.13 (โพส : 31/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 31-01-2013 17:01:22
จะรวมพวกมาเป็นพันธมิตรได้มั้ยน้า
ตอนนี้ยังดูไม่มีอะไรน่าห่วงเท่าไหร่มั้ง555
เป็นห่วงพิชญ์จัง บุกเดี่ยวไปแบบนั้น

เขียนได้อารมณ์ดีค่ะ ยังให้ความสำคัญกับตัวละครทุกตัวอยู่
ไม่ได้ทิ้งตัวไหนไป เราว่าแต่งได้ดีมากค่ะ :impress2:

ปล.ถ้าพิชญ์มีหนุ่มติดมาจากนาคาจะทำไงน้ออ555
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 24 P.13 (โพส : 31/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 31-01-2013 23:21:48
เรื่องชักเข้มข้นชวนเครียดซะแล้วซิ : :serius2: :serius2:    ขอไห้เผ่านาการ่วมมือด้วยเต๊อะ สาตุ๊ๆ :call: :call:                  ปล คนเเต่งสู้ๆนะ :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 24 P.13 (โพส : 31/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 01-02-2013 03:28:34
พ่อของวิรัลที่หายไป  อาจไปอยู่กับเผ่านาการึป่าวนะ
หรือมีนากาหนุ่มใหญ่คนไหนมาลักพาตัวไปป่าวหว่า  ยิ่งบ้านอยู่ใกล้ๆด้วย  อิอิ :laugh:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 24 P.13 (โพส : 31/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 01-02-2013 05:32:27
จะเอาอะไรเป็ข้อแลกเปลี่ยนดีนะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 24 P.13 (โพส : 31/1/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 01-02-2013 07:44:32


การเจรจาจะเป็นยังไง
แล้วนากาจะขออะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน
เป็นห่วงพิชญ์จริงๆ
 
 
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 01-02-2013 11:18:21
มาโพสให้อ่านกันอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วนะคะ อีกเพียงสองสามตอนเท่านั้นเองจ้า ^^

ป.ล. ใครที่แอบสงสัยเรื่องคุณพ่อของวิรัล  พาร์ทนี้คุณพ่อโผล่แล้วค่ะ อิ ๆ (มีคนแอบเดาถูกด้วยว่าคุณพ่อหายไปไหนมา)

-----------------------------

/25



   พิชญ์เดินทางเข้าไปในป่าลึกเพียงลำพังด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น เขาอาศัยสัญชาตญาณสัตว์ป่า เสาะหาที่ตั้งของเผ่านากา ชายหนุ่มเดินทางค้นหาโดยไม่มีการหยุดพัก เพราะการพักนั้นหมายถึงจะทำให้เขาเสียเวลามากขึ้นไปอีก

   “อยู่ที่ไหนกันนะพวกนั้น...”

   พิชญ์พึมพำอย่างหงุดหงิด เขากลายร่างคืนสู่ร่างของกวางดำ และวิ่งออกค้นหาลึกเข้าไปกว่าครึ่งค่อนวัน จนกระทั่งมาถึงลำธารเล็ก ๆ ที่พอตามต้นน้ำไป มันก็คืออ่างน้ำตกใหญ่ใสสะอาด ที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำมากมาย

   “พักหน่อยแล้วกัน”

   พิชญ์ตัดสินใจพักกินน้ำ เขาเหวี่ยงกระเป๋าเป้ที่สะพายกิ่งเขาตนมาตลอดไว้บนฝั่ง ก่อนจะชะโงกหน้าลงไปดื่มน้ำสะอาดในนั้นอย่างกระหาย ทว่าระหว่างดื่มน้ำอยู่ เสียงกรอกแกรกจากข้างหลังก็ทำให้เขาหันขวับกลับมามองทันที ก่อนจะพบกับความตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้าตน

   “...คนของเผ่านากา”

   เสียงพึมพำออกจากริมฝีปากมโคหนุ่มแผ่วเบา เขาเพิ่งเคยเห็นร่างอมนุษย์ของชนเผ่านี้เป็นครั้งแรก ร่างตรงหน้าเป็นงูยักษ์สีขาวขนาดใหญ่ ที่ยามยืดคอชูก็แลดูสูงเป็นสองเท่าของผู้ใหญ่โตเต็มวัย ลำตัวก็ยาวหลายเมตรจนถ้าสู้กันแล้วโดนอีกฝ่ายรัด เขาคงรอดไปได้ยากทีเดียว

   “เจ้า... เผ่ามโคสินะ เหตุใดจึงบุกรุกเข้ามาในถิ่นของพวกเราเผ่านากาเช่นนี้ มีจุดประสงค์ร้ายอันใดหรือไม่!”

   น้ำเสียงทุ้มห้วนเอ่ยถาม ทำเอาพิชญ์ชะงัก แล้วจึงรีบเอ่ยตอบทันที

   “ผมมาเพราะต้องการความช่วยเหลือ อยากจะขอหยิบยืมกำลังของพวกคุณ ช่วยรับมือกับพวกครุโฬ และขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าของพวกคุณด้วยน่ะครับ”

   งูใหญ่ส่ายหัวไปมาดูคล้ายกับจะฉกลงมาได้ทุกเมื่อ พิชญ์กลืนน้ำลายลงคอ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป ทว่าสักพักน้ำเสียงทุ้มนั่นจึงเอ่ยดังขึ้นอีกครั้ง

   “แล้วเหตุใดพวกข้าจึงต้องช่วยเจ้าด้วยเล่า มโคหนุ่มเอ๋ย”

   พิชญ์ชะงัก แล้วจึงตัดสินใจลงมือเจรจากับอีกฝ่ายทันที

   “ก็เพราะหากพวกเราพ่าย ประมุขของเราถูกสังหาร พลังของประมุขเผ่าครุโฬก็จะเพิ่มมากขึ้น  และเมื่อสิ้นเผ่ามโค ก็เท่ากับพันธมิตรในอนาคตของเผ่าพวกคุณจะสูญหายไปอีกหนึ่งเผ่า และไม่เพียงเท่านั้นพวกครุโฬก็ยังมีแผนการจะทำลายเผ่าอื่น ๆ ไปอีกเรื่อย ๆ ถ้าใครยอมสยบต่อพวกมันก็จะถูกรวมเป็นอาณานิคม และไล่ทำลายเผ่าอื่น ๆ ต่อไป ...ซึ่งถ้าผมเดาไม่ผิด มันคงจะต้องมาเล่นงานเผ่าของพวกคุณเป็นลำดับสุดท้ายเป็นแน่ เพราะพวกมันเคยมีหนี้แค้นกับพวกคุณอยู่...หรือว่าไม่จริง”

   ท้ายประโยคพิชญ์แสร้งถามหยั่งเชิง เพราะเขาก็ไม่แน่ใจว่าข่าวลือที่ได้ยินมา จะเชื่อถือได้หรือไม่กันแน่

   “หึ ๆ เข้าใจโน้มน้าวนะ ....แต่ต่อให้พวกนั้นมันบุกมาอีกสักรอบ พร้อมอาณานิคมของพวกมัน  พวกเราเผ่านากา ก็ใช่ว่าจะขลาดกลัวต่อพวกมันเสียเมื่อไหร่ ...ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ก็มีส่วนช่วยอำพรางให้พวกเราสามารถซุ่มโจมตีศัตรูจากภายนอกได้สบาย ๆ อยู่แล้ว ต่อให้พวกมันยกกันมามากกว่าครั้งก่อน ก็ใช่ว่าจะทำอะไรพวกเราได้ และมันก็ต้องพ่ายแพ้หนีหัวซุกหัวซุนกลับไปดังเช่นครั้งก่อนหน้านั้นเหมือนเดิมนั่นล่ะ”

   พิชญ์กลืนน้ำลายลงคอ คำพูดที่เหมือนไม่ใส่ใจนั่น ทำให้เขาพอจะคาดเดาได้ว่า อมนุษย์เผ่านากาตนนี้คงไม่สนใจคำเชิญชวนของเขา และถ้าเขาเดาไม่ผิด จากการพูดจาของอีกฝ่าย แสดงว่าอยู่ในตำแหน่งระดับสูงของเผ่าพอสมควร

   “แล้วถ้าพวกนั้นทำลายธรรมชาติที่นี่ล่ะ...ภัยอันตรายที่น่ากลัวต่อสิ่งมีชีวิตที่สุดก็คือภัยธรรมชาติ สำหรับป่า มันก็คือไฟป่า ....หากจุดไฟเผาทำลายให้สิ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตสุดแกร่งขนาดไหน ก็ไม่มีทางหนีรอดอยู่ดี”

   งูยักษ์สีขาวชะงัก แล้วจึงหรี่ตามองกวางดำตรงหน้านิ่ง

   “พวกมันคงไม่คิดจะทำเช่นนั้น เพราะนั่นอาจจะทำให้พวกมันถูกลูกหลงไปด้วย ในยามที่ไล่ต้อนทำร้ายพวกเรายามหลบหนีไฟที่มันก่อขึ้น”

   “หึ ๆ ถ้าเป็นผม ผมมีวิธีจะเผาป่าเป็นวงกว้าง และดับมันลงได้โดยที่ตัวเองไม่ต้องเข้าไปเสี่ยงอันตรายจากไฟป่านั่น ...อาจจะใช้เงินมากสักหน่อย แต่ผมว่าพวกครุโฬเองก็คงไม่ได้ยากจนอะไรนักหรอกนะ”

   พิชญ์โต้ตอบกลับไป แล้วก็สังเกตว่าอีกฝ่ายเริ่มมีโทสะให้เห็น ดูจากการเคลื่อนไหวคล้ายจะโจมตีเขา พร้อมกับเสียงทรงอำนาจที่เอ่ยเข้มขึ้น

   “เจ้าคิดจะขู่ข้าหรือ มโคหนุ่มเอ๋ย!”

   “ไม่หรอกครับ ...ก็แค่อยากให้คุณรู้ว่า พวกอมนุษย์ที่คลุกคลีกับมนุษย์ทั่วไปนั้น มีวิธีมากมายที่จะสังหารพวกคุณได้ โดยไม่ต้องอาศัยพลังของพวกเขาเลย ...และแม้พวกครุโฬอาจจะหยิ่งยะโส ถือตนเองเป็นใหญ่ ไม่สนใจเทคโนโลยีของพวกมนุษย์ แต่เผ่าพันธมิตรของพวกมัน ล้วนแต่ฝังรากลึกกลมกลืนกับเหล่ามนุษย์ทั่วไปเป็นอย่างดี  ...และวิธีที่ผมคิดได้ พวกนั้นก็ย่อมต้องคิดได้เหมือนกัน”

   พิชญ์ตอบออกไปตามตรง พร้อมกับเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย โดยไม่คิดหวาดหวั่นต่อความน่าเกรงขามและทรงอำนาจของงูยักษ์สีขาวตรงหน้าแต่อย่างใด แม้หากสู้กันจริง ๆ แล้ว เขาจะเสียเปรียบแทบทุกเรื่องก็ตาม

    ทว่าระหว่างที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดอยู่นั้น  จู่ ๆ พิชญ์ก็ต้องสะดุ้งและตกตะลึง เมื่ออีกฝ่ายหัวเราะเสียงดังกึกก้อง พร้อมกับเอ่ยบางสิ่งตามมา

   “หึ ๆ หัวกะทิของตระกูลวงศ์หริโณ นี่คารมคมคายใช่หยอก ....ดีเหมือนกัน ถ้าเจ้ายังดูแลตระกูลนั้นอยู่  ข้าจะได้ไม่ต้องส่งเขากลับคืนไปให้พวกเจ้า และตัวเขาเองจะได้เลิกคิดหนีไปจากข้าเสียที ...จริงไหม เวทิต”

   งูยักษ์สีขาวหันไปถามใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ พิชญ์เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจ นับตั้งแต่ถูกอีกฝ่ายรู้จักตัวตนของเขา รวมไปถึงชื่อคุ้นเคยที่อยู่ในความทรงจำมาโดยตลอด และเมื่อร่างนั้นปรากฏกายขึ้น มโคหนุ่มก็หลุดอุทานออกมาด้วยความลืมตัว

   “ท่านเวทิต!”

   

   อีกด้านหนึ่ง วกะที่เคยส่งข่าวจากด้านในเผ่า หาช่องทางติดต่อกลับมาทางพวกธามได้สำเร็จอีกครั้ง ทำให้ธามรู้ว่า คนสำคัญของเผ่าส่วนใหญ่จะถูกจับกุมขังอยู่คุกใต้ดิน ส่วนพวกวกะทั่วไปนั้น ถูกกวาดต้อน ให้มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องประชุมใหญ่ประจำเผ่า และมีพวกครุโฬคอยเฝ้ายามอยู่รอบด้านนอก ธามจึงตัดสินใจนัดแนะเวลาและฝากบอกให้คนที่โทรมา ติดต่อประสานงานกับตัวประกันทุกคนให้เตรียมตัวให้พร้อม หากมีการบุกเข้าไปเกิดขึ้น

   “ทางนั้นโอเคแล้ว ที่เหลือก็ให้พวกวิรัลลงมือได้ ...ถ้าพวกครุโฬออกมาตามแผน พวกเราจะบุกเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันทันที!”

   ธามบอกกับลูกน้องของเขา ซึ่งทุกคนก็พร้อมที่จะลงมือหากธามสั่ง เพราะแม้เหล่าตัวประกันในนั้นจะอยู่คนละกลุ่ม แต่ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นพวกพ้องเผ่าเดียวกันทั้งสิ้น

   และเมื่อวิรัลได้รับการติดต่อจากธาม เขาก็สั่งการให้กลุ่มมโคเคลื่อนไหว โดยที่ไม่คิดรอพิชญ์กลับมาก่อน เพราะเกรงว่าหากคลาดกันเพียงนิด ก็จะทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อนไปด้วย

   “พิชญ์ ...ฉันเชื่อ ว่านายต้องกลับมาพร้อมความสำเร็จ...ฉันจะไปรออยู่แนวหน้าก่อน ...นายต้องตามฉันไปให้ได้นะ!”

   วิรัลฝากถ้อยคำไปตามลม ถึงคนที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าใหญ่ แล้วจึงตัดสินใจสั่งเคลื่อนพลไปบุกพวกครุโฬซึ่งประจำการอยู่ที่เผ่าวกะทันที!

   

   ภูธิปที่กำลังหาความสุขอยู่กับพิภพ ต้องถูกรบกวนโดยเสียงเคาะประตูจากภายนอก หนุ่มใหญ่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ ส่วนพิภพนึกแปลกใจว่ามีเหตุการณ์เร่งด่วนอันใด คนของเขาถึงได้กล้ารบกวน เวลาที่เขาอยู่กับภูธิปเช่นนี้

   “...เข้ามาสิกฤต”

   พอได้รับอนุญาต กฤตก็เปิดประตูเข้ามา เจ้าตัวชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้เป็นนายเปลือยเปล่าอยู่ในอ้อมกอดของภูธิป

   “เอ่อ...พวกเราที่เฝ้าอยู่ส่วนนอก ได้รับรายงานว่า พวกมโค กำลังเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้ฐานที่ตั้งของเรา ส่วนผู้นำทัพนั้น คือมฤคมาศ ครับ”

   ภูธิปขมวดคิ้วนิด ๆ ส่วนพิภพยกยิ้มน้อย ๆ แล้วเปรยบอกคนข้างเคียง

   “ลองพวกมโคเคลื่อนไหวแบบนี้ บางทีอาจจะเกี่ยวกับน้องชายคนเล็กของผมก็ได้... เห็นว่าย้ายไปอยู่กับทางนั้น แต่ไม่คิดว่าจะมีความสำคัญจนถึงกับทำให้พวกมโคเคลื่อนไหวได้ ....สงสัยจะมาขู่ให้เราปล่อยตัวประกันล่ะมั้งครับ”

   ภูธิปพยักหน้ารับรู้แล้วจึงหันไปย้ำถามกฤต

   “ผู้นำทัพคือมฤคมาศแน่นะ”

   “ครับ ...คนของเราเห็นกวางทองนำทัพมาไม่มีผิดแน่ ตอนนี้พวกนั้นตั้งค่ายพลรอบุกห่างไปเกือบกิโลได้ครับ”

   กฤตตอบคำถามของอีกฝ่าย ทำให้ภูธิปแสยะยิ้มนิด ๆ อย่างพึงพอใจ

   “เป็นตัวล่อที่ชวนยั่วน้ำลายจริง ๆ เธอคิดว่ายังไงล่ะพิภพ ...จะสนองตอบพวกนั้นดีไหม”

   “ตามใจคุณสิครับ ...คุณลองประเมินศักยภาพคนของคุณเอาเองแล้วกัน ว่าจะต้านทานมโคพวกนั้นไหวไหม ...ส่วนตัวประกัน แค่คนในกลุ่มสมาชิกของผม แค่นั้นก็ดูแลกันสบาย ๆ แล้ว ...แต่เพื่อความไม่ประมาท คุณจะทิ้งคนของคุณเอาไว้สักหน่อย ก็น่าจะดีกว่า”

   พิภพตอบกลับไป ทำให้ภูธิปครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วจึงเอ่ยถามอีกฝ่าย

   “แล้วพรรคพวกของน้องชายเธอ ที่อยู่ด้านนอกนั่นล่ะ มีอยู่ราว ๆ กี่รายกันหรือ”

   พิภพนิ่งคิดทบทวน แล้วจึงตอบกลับไป

   “ราวยี่สิบรายเห็นจะได้นะครับ ...หมอนั่นค่อนข้างคัดคน ก็เลยมีสมาชิกในกลุ่มไม่มากนัก แต่ทางด้านฝีมือ ก็จัดว่าใช้ได้พอสมควร”

   กฤตลอบกลืนน้ำลายนิด ๆ เมื่อได้ฟังคำตอบของผู้เป็นนาย  ส่วนภูธิปพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงขยับกาย บิดไปมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกับอีกฝ่าย

   “ถ้าอย่างนั้นทิ้งไว้สักสิบคนแล้วกัน ...กับพวกมโคพวกนั้น เดี๋ยวฉันกับลูกน้องที่เหลืออีกสี่สิบกว่าคน ก็คงจัดการได้ไม่ยากนัก”

   คำพูดของภูธิปทำเอากฤตสะดุ้ง และพิภพหรี่ตาลงอย่างสงสัย

   “แต่มโคพวกนั้นยกมากันเป็นร้อยเลยนะครับ!”

   “หึ ๆ ร้อยก็ร้อยสิ ...ยิ่งจำนวนต่างกัน ก็จะได้ยิ่งเห็นถึงศักยภาพระหว่างพวกเรากับพวกมันล่ะนะ”

   ภูธิปบอกอย่างไม่ใส่ใจ พิภพเหลือบมอง แล้วจึงหันมาสบตากับกฤต สั่งให้ลูกน้องของเขาออกไป ซึ่งกฤตก็ชะงัก พลางโค้งรับและขอตัวออกไปก่อน จากนั้นเขาจึงหันมามองคนข้าง ๆ แล้วเอ่ยถาม

   “จะรบกับพวกนั้นด้วยจำนวนเท่านี้จริง ๆ หรือครับ”

   ภูธิปมองชายหนุ่มผู้อ่อนเยาว์ข้างกายเขา แล้วจึงยกยิ้มนิด ๆ ติดเจ้าเล่ห์

   “คิดว่าฉันพูดไม่จริงหรือ”

    พิภพถอนหายใจแล้วจึงเปรยขึ้นเบา ๆ

   “ก็คิดว่าพูดจริง แต่พูดไม่หมดถึงใจความสำคัญมากกว่าครับ”

   ภูธิปหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจ เขาดึงร่างข้างกายมากอดแล้วหอมแก้มแรง ๆ อย่างเอ็นดู

   “เธอนี่ฉลาดจริงนะ ...ใช่แล้ว ฉันไม่ประมาทรับมือพวกมโคนั่นด้วยจำนวนคนเท่านั้นหรอก ...ฉันยังมีอะไรเซอร์ไพรส์พวกนั้นอีกมากทีเดียวล่ะ”

   พิภพจ้องอีกฝ่ายนิ่ง แล้วก็ชะงักเมื่อภูธิปเอ่ยถามเขา

   “อยากรู้ไหม...ถ้าอยากรู้จะบอกให้ก็ได้ แต่เธอต้องทำให้ฉันพอใจก่อนนะ”

   หนุ่มใหญ่เอ่ยขึ้นพร้อมกับแย้มยิ้มติดเจ้าเล่ห์ ทำให้พิภพต้องถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะแย้มยิ้มหวานยั่วยวน แล้วลงมือตอบสนองความต้องการของคนตรงหน้าอย่างไม่รีบร้อนอะไรนัก แม้จะมีศัตรูรอคอยพวกเขาอยู่ด้านนอกนั่นก็ตาม



   วิรัลนำกองกำลังมโคกว่าร้อยชีวิต มาปิดล้อมฐานที่มั่นของเผ่าวกะ หมายจะให้พวกครุโฬออกมาสู้รบกับตน ทว่าก็ไม่มีใครออกมา  มีก็แต่เพียงพวกยามเผ่าวกะที่ซุ่มอยู่เป็นจุด ๆ ให้พอสังเกตเห็นเท่านั้น

   “ท่านย่าครับ...เราจะทำยังไงดีครับ จะบุกเข้าไปก็เกรงว่าจะทำให้พวกคุณธามเสียแผน”

   ปาลินีนิ่งคิด แล้วจึงเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ

   “ลงมือข่มขู่พวกนั้นว่าให้ปล่อยตัวประกันวกะให้หมด ให้เวลาสามสิบนาที ไม่อย่างนั้นพวกเราจะบุก...เพราะหากเราลังเล ก็เท่ากับเป็นการตอกย้ำให้พวกนั้นยิ่งมั่นใจว่า เรามาเพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ”

    วิรัลฟังแล้วก็ตกใจ ก่อนจะเอ่ยถามกลับไป

   “แล้วทางคุณธามล่ะครับ”

   ปาลินีหันมามองหลานชายแล้วจึงบอกกับเด็กหนุ่ม

   “พวกเราตกลงกันแล้ว ถ้าแผนแรกไม่สำเร็จก็ใช้แผนสำรอง ...จำไว้นะวิรัล ในการรบเราไม่ควรใช้แผนเดียว แต่ควรเตรียมแผนสำรองเอาไว้สำหรับกรณีที่อาจจะเกิดขึ้นในหลาย ๆ รูปแบบ”

   วิรัลชะงักก่อนจะพยักหน้ารับรู้ เขาสั่งให้มโคตนหนึ่งเข้าไปใกล้เขตแล้วตตะโกนบอกข้อความ ซึ่งเขาก็สังเกตเห็นวกะที่ซุ่มอยู่แถวนั้นผลุบหายไป แสดงว่าข้อความน่าจะถูกส่งไปถึงฝ่ายนั้นแน่แล้ว   

    “ส่งข่าวไปถึงคนรักของเจ้าด้วย ให้เขาเตรียมตัวเปลี่ยนแผนไว้ทุกเมื่อ”

   วิรัลพยักหน้า เด็กหนุ่มกลับคืนสู่ร่างมนุษย์โดยพิชานที่ยังไม่เปลี่ยนร่าง รีบนำเสื้อคลุมมาคลุมร่างให้อีกฝ่าย พร้อมกับยื่นมือถือส่งให้อย่างรู้งาน ซึ่งวิรัลก็โทรบอกกับคนรักของตนทันที

   “คุณธามครับ... ผมคงต้องบุกเข้าไปก่อน ผมให้เวลาทางนั้นสามสิบนาที ถ้ายังไม่มีการเคลื่อนไหว พวกเราก็คงต้องเปลี่ยนแผน”

   ธามเงียบไปชั่วครู่ เสียงถอนหายใจดังแว่วมา พร้อมกับคำพูดที่เอ่ยขึ้น

   “ระวังตัวให้มาก ๆ นะวิรัล...อย่าบุ่มบ่ามนักล่ะ รักษาตำแหน่งตัวเองให้ดี เข้าใจไหม”

   “ครับ...คุณเองก็เหมือนกันนะครับ ระวังตัวด้วย”

   วิรัลบอกกับคนรัก ธามตอบรับแผ่วเบา แล้วขอตัวตัดสาย เพราะหากขืนคุยกันต่อ ไม่ใครก็ใครคงต้องอดใจอยากเจอหน้าอีกฝ่ายไม่ไหวเป็นแน่

   “อีกสามสิบนาทีสินะ...พิชาน กองกำลังพันธมิตรที่รวบรวมมาได้ มีประมาณสักเท่าไหร่”

   วิรัลหันไปถามพิชานที่อยู่ใกล้ ๆ อีกฝ่ายชะงักเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

   “ได้มาแค่ยี่สิบกว่าคนเท่านั้นครับ ...ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเผ่าที่ถูกพวกครุโฬรุกราน จนแตกแยกหนีกันไป เหลือเพียงแต่ส่วนน้อยอยู่เท่านั้น สำหรับพวกพันธมิตรหลัก ๆ ของเรา ผมก็เข้าไปขอร้องอีกครั้ง ...แต่พวกนั้นก็ปฏิเสธเหมือนเดิม ... นี่ถ้าเป็นคุณพิชญ์ลงมือเองก็คง...เฮ้อ”

   พิชานนึกถึงหัวหน้าของเขา แล้วถอนหายใจยาว จนวิรัลต้องเอ่ยปลอบ

   “บ้าน่า...ได้มาแค่นี้ก็มากแล้ว ต่อให้เพิ่มมาแค่คนเดียว สำหรับสภาวะขาดคนแบบนี้ก็ถือว่าดีแล้ว”

   พิชานฟังแล้วก็ยิ้มรับ พร้อมพึมพำขอบคุณอีกฝ่ายเบา ๆ วิรัลยิ้มตอบ ก่อนจะหวนนึกถึงกองกำลังสำคัญอีกกลุ่ม

   “ทางพวกคุณม่านฟ้า ก็คงร่วมมือช่วยเต็มที่ถ้าขอร้องไป แต่ท่านย่าบอกไว้ว่า นี่เป็นปัญหาของตระกูลเรา  อีกอย่างหากเราพลาด อย่างน้อยก็ยังมีตระกูลของท่านตรัณเป็นเสาหลักเหลือให้เผ่าอยู่อีก พวกเราจึงเคลื่อนพลกันมาโดยไม่บอกทางนั้นล่ะนะ ...แต่ถ้ารู้เข้า คงโมโหน่าดู”

   วิรัลเปรยขึ้นแล้วยิ้มน้อย ๆ เมื่อหวนคิดถึงอดีตคู่หมั้น ที่ตอนนี้กลายสถานะเป็นเพื่อนสนิทกับเขาเรียบร้อย

   จากนั้นเด็กหนุ่มจึงนิ่งรออยู่จนกระทั่งพักใหญ่ เขาส่งเสื้อคลุมที่มีมือถือให้พิชาน ซึ่งอีกฝ่ายก็นำไปเก็บไว้ในรถยนต์ที่ขับมาด้วย ซึ่งจอดอยู่ห่างไป และพอเขากลับมาอีกครั้ง วิรัลในร่างกวางทองก็ไปยืนอยู่ด้านหน้าของพวกมโคนับร้อย และเผ่าผสมอีกยี่สิบกว่าชีวิต ที่เขารวบรวมมา

   “ได้เวลาที่เรายื่นข้อเสนอไปแล้ว ....ในเมื่อพวกนั้นไม่ใส่ใจ พวกเราก็จะไม่รออยู่เฉย ๆ เช่นกัน  ทุกคน! พร้อมที่จะสู้เพื่อพวกพ้องของเราแล้วหรือยัง!”

   เสียงขานรับคำดังตอบรับกึกก้องไปทั่ว วิรัลมองไปรอบ ๆ อย่างซาบซึ้งและตื้นตันใจ เขามองไปที่กวางใหญ่สีเทาผู้เป็นย่าของเขา แล้วจึงพยักหน้าให้กันน้อย ๆ ก่อนที่วิรัลจะเป็นฝ่ายประกาศเสียงดังอีกครั้ง

   “พวกเราทุกคน! บุกได้!”

   สิ้นเสียงสัญญาณจากผู้นำทัพ เหล่ามโคในร่างอมนุษย์ทั้งหลาย ต่างก็ส่งเสียงตะโกนเฮรับอย่างฮึกเหิม แล้วจึงวิ่งบุกตะลุยสุดฝีเท้า มุ่งเข้าสู่ฐานทัพของพวกวกะทันที!



   อีกด้านหนึ่ง ภูธิปนั้นลุกขึ้นจากเตียงสวมใส่เสื้อคลุมหลวม ๆ แล้วมองร่างเปลือยบนเตียงที่นอนอ่อนเพลียนิด ๆ พร้อมรอยยิ้ม

   “ฉันว่าจะออกไปยืดเส้นยืดสายที่แนวหน้าสักพัก ...แล้วเธอล่ะพิภพ จะไปด้วยกันไหม”

   พิภพจ้องอีกฝ่าย แล้วจึงตอบกลับเรียบ ๆ

   “ก็ดีครับ...แต่แค่ผมก็พอ ส่วนคนของผมที่เหลือ ก็ให้อยู่เฝ้าตัวประกันไปจะดีกว่า”

   ภูธิปเลิกคิ้ว พลางย้อนถามกลับไปอย่างสงสัย

   “ทำไม...ไม่มั่นใจฝีมือคนของฉันหรือไง”

   คนฟังหัวเราะค่อย ๆ แล้วจึงตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม

   “ไม่หรอกครับ...แค่กันไว้ดีกว่าแก้ แล้วก็ไม่อยากประมาทก็แค่นั้น ไม่แน่ใจว่าพวกนั้นจะมาแค่พวกของน้องชายผมอย่างเดียวหรือเปล่า ยังไงทิ้งคนไว้เยอะ ๆ เพื่อป้องกัน มันสบายใจกว่า”

   ภูธิปจ้องมองอีกฝ่ายราวกับจะค้นหาความจริงบางอย่าง ก่อนจะยกยิ้มน้อย ๆ แล้วยักไหล่นิด ๆ

   “เอาอย่างนั้นก็ได้ ...งั้นพวกเราก็ไปออกกำลังกายข้างนอกกันต่อได้แล้ว...ถึงฉันจะชอบออกกำลังกายในร่มมากกว่าก็เถอะ”

   หนุ่มใหญ่บอกพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ ทำให้คนฟังถอนหายใจพลางสั่นศีรษะอย่างเอือมระอา จากนั้นพวกเขาจึงแต่งตัวพร้อมออกไปเผชิญศัตรู โดยพิภพนั้นสั่งความให้ลูกน้องคนสนิทที่รออยู่ด้านนอก ให้คอยดูแลเรื่องตัวประกันแทนเขา

   “ท่านพิภพครับ...เรื่องตัวประกันนั่น ...ท่าน”

   กฤตชะงักค้างแค่นั้น เพราะเห็นภูธิปเดินตามนายของเขาออกมา ทางด้านพิภพเหลือบมองลูกน้องของตน แล้วจึงเปรยเบา ๆ

   “ทำตามที่เคยตกลงเอาไว้กฤต ...ถ้าขัดขวางก็ฆ่าทิ้ง”

   กฤตกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะโค้งรับคำสั่งพร้อมกับปลีกตัวจากไป ส่วนภูธิปยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจในสิ่งที่ได้ฟัง

   “เด็กดี...เธอนี่เหมาะกับการเป็นประมุขเผ่านะ เด็ดขาดใช้ได้”

   “ขอบคุณครับ...แต่ผมเกลียดตำแหน่งนี้ และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากจะรับมันมาด้วยซ้ำ”

   พิภพบอกอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภูธิปโมโหแต่อย่างใด เขาประคองกอดร่างของวกะหนุ่มเดินไปด้วยกัน และพอออกไปด้านนอกที่พัก เขาก็ได้ยินเสียงโห่ร้องกึกก้องมาจากที่ไกล ๆ  หัวหน้าเผ่าครุโฬยกยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก แล้วบอกกับบรรดานักรบครุโฬราวสี่สิบกว่านายที่รอคอยอยู่ตรงหน้าเขา

   “พวกเจ้าทั้งหลาย!  จงออกไปแสดงแสนยานุภาพของพวกเรา ให้พวกสัตว์กินพืชอ่อนแอนั่นได้รับรู้เสียเดี๋ยวนี้!”

   เสียงเฮตอบรับดังลั่น พร้อมกับการเคลื่อนพลอย่างพร้อมเพรียงและแข็งแกร่ง... ใช้เวลาไม่นานนัก การเผชิญหน้าของเหล่ามโคและครุโฬ ก็ได้เริ่มต้นขึ้นในที่สุด!

   

... TBC ...
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nayne ที่ 01-02-2013 11:36:46
สงสัยอยู่เหมือนกันว่าพ่อของวิรัลจะเกี่ยวกับเผ่านากาหรือเปล่า
แล้วก็เกี่ยวจริงๆด้วย
ติดตามลุ้นตอนต่อไป เหตุการณ์เริ่มจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย
สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: toye ที่ 01-02-2013 11:54:24
ชักอยากอ่านท่านเวทิตกับท่านากาจัง ท่าทางน่าสนุก :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 01-02-2013 14:32:12
มันอ่ะ ลุ้นมาก นานๆจะเจอแนวสู้รบสักที
แต่ก็แอบเสียดายว่าจะจบแล้ว เพราะติดตามเรื่องนี้มาแต่แรกๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 01-02-2013 15:32:40
อิอิ  คิดแล้วว่าต้องโดนหนุ่มที่ไหนกักตัวไว้จริงๆด้วย  :o8:
ขนาดลูกยังงดงามตรึงใจตั้งแต่แรกเห็นขนาดนั้น  คนพ่อก็ต้องงามไม่แพ้กันแน่ๆอ่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 01-02-2013 15:56:26
อ่า...ท่านเวทิตพ่อของวิรัล กับงูขาวยักษ์โผล่มานิดเดียว
เล่นดึงความสนใจคนอ่านไปหมดเลยอ่ะ แหะๆ >//<
ก็นะ..ลูกงามขนาดนี้คนพ่อต้องงามไม่แพ้กันแหละ
งดงามขนาดท่านนากายังต้องกักขังไว้กับตัวเองเป็นเวลาหลายสิบปีเลยเนี่ย
กรี๊ดดดมากค่ะ สองคนนี้ทำเราจิ้นไปไกลแล้ว~
อยากอ่านมากๆ มีภาคสองของพ่อวิรัลมั้ยคะ (^.^)?
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 01-02-2013 16:33:41
โอยยยย ทำไมพิภพถึงได้ใจร้ายขนาดนี้
ทำกับคนสายเลือดเดียวกันได้ลงคอ YY อย่าเป็นอะไรกันนะ

เจอพ่อแล้ว แต่ท่าทางจะไม่ได้กลับมาแล้วละสิมั้งเนี่ย><
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 01-02-2013 17:33:06
แบบนี้พวกของธามต้องลำบากกว่าเดิมแน่
พิภพเหมือนจะแอบทำอะไรอยู่รึเปล่า
ยังไม่อยากให้จบเลยย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 01-02-2013 17:39:58

อั๊ยๆๆๆ
พ่อวิรัลเป็นเคะเหมือนลูกชายไหมอ่า
อยากอ่านคู่พ่อแล้ว จำเลยรัก
กังขังฉันเถิดกังขังปายยยย~
>//////////////<
 
 
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 01-02-2013 18:58:04
คุณพ่อกับใครบางคนในเผ่านากา....แอร๊ย :pighaun: :pighaun:
รอตอนต่อไปอยู่น๊านักเขียนที่ร้ากกกกก :-[  :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 01-02-2013 21:37:10
ตอนนี้ก็รอแค่คนแต่งมาต่อเท่านั้น คุณพ่อโดนหนุ่มกักตัวไว้ชะงั้น เฮ้อ รอๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 25 P.13 (โพส : 1/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 02-02-2013 00:59:16
คนที่คุยกับพิชญ์และจับตัวเวทิตพ่อของวิรัลไปเนี่ยเป็นใครในเผ่านากากันนะ แต่ยังไงท่าทางเผ่านากาคงจะมาช่วยธามวิรัลนะ เพราะถ้าไม่มาช่วยเวทิตคงไม่ยอมอยู่ด้วยแน่ ๆ และเวทิตก็เหมือนจะพยายามหนีออกมาหลายครั้งแล้วนี่นะ พิภพคิดจะทำอย่างนั้นจริง ๆ หรือ ใครเป็นคนโทรบอกพวกธามนะ กฤตหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 02-02-2013 11:01:40
กระหน่ำลงอย่างต่อเนื่อง นักอ่านคนใดที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ช้า เกิดมึนงง  ที่หน้าแรก มีสารบัญทำไว้ให้ทุกตอนค่ะ จะได้อ่านได้ไม่กระโดดไปมาจ้า ^^

 :L1:
--------------------------------------

/26



   ทางด้านธามและชาครเมื่อได้รับสัญญาณการสู้รบจากด้านนอก ชายหนุ่มก็สั่งการลูกน้องในอาณัติ  ที่มีรวมกันกว่าเกือบสี่สิบชีวิต  มุ่งตรงไปยังอาคารประชุมศูนย์กลางในเผ่าวกะทันที

   “ระวังตัวด้วย มันต้องทิ้งพวกไว้เฝ้าตัวประกันจำนวนหนึ่งแน่...แถมยังมีพวกวกะที่ทรยศนั่นอีก!”

   ธามออกคำสั่ง พลางให้ลูกน้องเล็งรุมเก็บพวกนักรบครุโฬทีละราย เพราะเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของทางนั้นดี ดังนั้นแม้จะเป็นวิธีที่ค่อนข้างขี้ขลาดไปสักหน่อย แต่มันก็ช่วยทำให้คนของเขาปลอดภัยกว่าวิธีอื่น ๆ

   “โชคดีที่มันไม่ทิ้งคนไว้เยอะกว่าที่คิด ....น่าแปลกนะ จริง ๆ ท่านพิภพก็น่าจะให้ข้อมูลพวกเรากับพวกครุโฬไว้นี่นา หรือพวกมันคิดว่าพวกเราจะสู้พวกมันไม่ได้กันแน่”

   ชาครเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ เพราะหลังจากที่เขาจัดการยามเผ่าครุโฬไปแล้วสามราย ก็รู้สึกว่าเวรยามที่มีน้อยกว่าที่พวกเขาคิดไว้

   “หรือว่าเป็นแผนลวงของพวกมัน ล่อให้เราเข้าไปลึกเข้า แล้วตลบหลังจากข้างนอกอีกที!”

   ไชยาแย้งขึ้น ทำให้แต่ละคนเริ่มกังวล และขณะที่กำลังยืนปรึกษากัน หนึ่งในเผ่าครุโฬก็เดินยามผ่านมาบริเวณนั้นพอดี

   “นั่น! พวกแก…”

   ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะเอ่ยจบ ก็มีฝ่ามือแกร่งฝ่ามือหนึ่งทะลวงอกมาจากด้านหลังของอีกฝ่าย แล้วบีบขยี้หัวใจอมนุษย์ผู้เคราะห์ร้ายให้แหลกในการโจมตีครั้งเดียว ก่อนจะทิ้งร่างไร้วิญญาณร่างนั้นไว้บนพื้น พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ยินดียินร้าย ต่อสีหน้าตกตะลึงของวกะอีกกลุ่มแม้แต่น้อย

   “ระวังตัวกันหน่อย ถึงพวกนี้จะเหลือไม่เท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าพวกนั้นส่งสัญญาณให้พวกข้างนอกรับรู้ แผนการช่วยตัวประกันของพวกท่านจะพลาดท่ากันหมด ...ท่านธาม”

   ธามเม้มปากนิ่ง จ้องหน้าคนพูด แล้วย้อนถามกลับ

   “ทำไมนายถึงมาช่วยพวกเรา! วางแผนอะไรกันอยู่แน่!”

   อีกฝ่ายแย้มยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก แล้วจึงมองไปยังทิศที่มีการสู้รบกันอยู่

   “ผมและคนคนนั้น ก็เหมือนพวกท่านนั่นล่ะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จิตวิญญาณของพวกเราก็ยังเป็นวกะอยู่ดี... คนคนนั้น เลือกที่จะปกป้องเผ่า โดยไม่สนว่าจะถูกใครดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือเสียศักดิ์ศรีสักเพียงใด...  เฮ้อ!  ถึงบอกไปพวกท่านก็ไม่สนใจจะฟังอยู่ดีล่ะนะ ก็เขาเป็นตัวร้ายในสายตาของพวกท่านนี่นา”

   กฤตเอ่ยจบ แล้วจึงเงยหน้ามองธาม ก่อนจะเอ่ยบางสิ่งที่ทำให้คนฟังชะงัก

   “ยามทางนี้จะเฝ้ากันอยู่สี่คน ที่ผมฆ่าไปหนึ่ง แล้วอีกสาม...ผมคาดว่าพวกท่านคงจัดการไปเรียบร้อยแล้วสินะ”

   ธามพยักหน้าตอบรับ แล้วจ้องมองว่าคนตรงหน้า จะพูดอะไรต่อ

   “ถ้าอย่างนั้น ด้านโน้นก็มียามเหลืออีกสามคนเท่านั้น ...ทางผมจะให้ลูกน้องจัดการเก็บพวกนั้นเอง ส่วนพวกท่านก็ลงไปที่คุกใต้ดินช่วยท่านประมุขและพวกผู้นำตระกูลคนอื่น ๆ แล้วกัน ระวังหน่อยล่ะ ด้านนอกมีพวกครุโฬเฝ้าอยู่สองคน  รีบสังหารมัน ก่อนที่มันจะส่งสัญญาณเรียกพวกพ้องได้ล่ะ”

   จากนั้นเจ้าตัวก็ทำเหมือนจะเดินจากไป ทำให้ธามที่รู้สึกขุ่นเคืองหงุดหงิดและสงสัย ต้องเรียกรั้งชายหนุ่มเอาไว้ก่อน

   “นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ! นายช่วยพวกเราไว้ทำไม ในเมื่อพวกนายไม่ใช่หรือ ที่ยอมไปสวามิภักดิ์กับพวกครุโฬนั่น!”

   เสียงของธามตวาดดังลั่น ทำให้นักรบครุโฬที่ได้กลิ่นเลือดลอยมาตามลม และตัดสินใจติดตามมาได้ยินเข้า เจ้าตัววิ่งมาทางที่พวกธามและกฤตยืนอยู่ เมื่อได้เห็นศพของเพื่อนและเลือดจากมือของกฤต เจ้าตัวก็ตกตะลึงพร้อมกับตวาดเสียงดัง

   “นี่แกกล้าทรยศพวกเราอย่างนั้นรึ!”

   กฤตยิ้มน้อย ๆ เขากระโดดหลบไปด้านหลัง เมื่อถูกโจมตี จากนั้นจึงบอกกับอมนุษย์เผ่าครุโฬตรงหน้า

   “เจ้านายฉันสั่งไว้ว่า ...ถ้าขัดขวางก็ให้ฆ่าทิ้งได้เลย...แน่นอน นั่นหมายถึงพวกแกนะ เจ้าพวกเผ่าครุโฬ!”

   เอ่ยจบเจ้าตัวก็กลายร่างสู่สภาพอมนุษย์ แล้วโก่งคอหอนยาวเป็นสัญญาณให้พรรคพวกของเขาจู่โจมพวกครุโฬที่อยู่ในส่วนกลางให้หมด เสียงหอนรับตอบรอบด้าน สร้างความตกตะลึงให้กับพวกครุโฬ และพวกที่เป็นตัวประกันอยู่ยิ่งนัก รวมไปถึงพวกธามที่พากันยืนอึ้งอยู่ชั่วขณะ ทว่าพอได้สติ ธามจึงสั่งให้พรรคพวกของเขาเข้าไปช่วยกฤตทันที

   “ไว้ค่อยอธิบายให้พวกฉันรับฟังอีกทีแล้วกัน ...ถึงจะเป็นตัวร้าย แต่ถ้ามีเหตุผลพอ พวกฉันก็ยินดีจะฟังเสมอ!”

   ธามบอกกับกฤต แล้วทิ้งชาครพร้อมพวกของเขาจำนวนหนึ่งให้ไปช่วยพวกของกฤตสู้กับยามครุโฬที่เหลืออยู่ รวมไปถึงช่วยลี้ภัยตัวประกันให้หนีออกไปจากเผ่า ให้อยู่ในที่ปลอดภัยกันก่อน  ส่วนตัวเขาและกฤต และลูกน้องอีกราวสี่ห้าคน ก็ตรงไปยังคุกใต้ดิน ที่มีพวกคนสำคัญของเผ่าวกะขังอยู่ อย่างเร่งรีบ

   

   อีกด้านหนึ่งในสนามรบ วิรัลพยายามรักษาตำแหน่งไม่ให้อยู่ล้ำหน้าเป็นเป้าหมายกับศัตรูมากนักอย่างที่ธามเคยแนะนำเอาไว้  ทว่าแม้จะมีเพียงสี่สิบกว่าชีวิต แต่ก็เป็นนักรบอมนุษย์ที่เชี่ยวชาญการรบ แถมพวกครุโฬยังตั้งกำแพงรับไม่บุ่มบ่ามต่อสู้ เนื่องจากความเสียเปรียบของจำนวนคน ยากที่ฝั่งมโคจะฝ่าเข้าไปตีแตกได้

    กลับกัน ทว่าหากทางเผ่ามโครั้นบุกเข้าไป ก็มักจะโดนเล่นงานกลับย่ำแย่เสียตลอด เพราะกำแพงมีชีวิตจากร่างบึกบึนแข็งแกร่งของมนุษย์นกแถวหน้า จะคอยป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้พวกภูธิปได้เลย แถมส่วนพวกที่อยู่แถวหลังก็กางปีกบินโฉบมาจู่โจมทำร้ายผู้รุกราน และกลับไปตั้งมั่นหลังเพื่อน ๆ หากว่าฝ่ายตนเริ่มเสียเปรียบขึ้นมา  และนั่นจึง ทำให้วิรัลคิดหนักในการออกคำสั่งจู่โจมแต่ละครั้ง   

    หากทางด้านปาลินีนั้นกลับบอกหลานชายที่กำลังร้อนรนว่า การที่อีกฝ่ายเลือกตั้งรับนั้นเป็นการดีแล้ว เพราะยิ่งจะช่วยถ่วงเวลาให้ทางธามชิงตัวประกันสำเร็จ ทว่าเธอเองก็แปลกใจว่าทำไม ทางพวกครุโฬถึงเลือกกลยุทธ์เช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่น่าจะรู้ว่า อาจจะมีแผนการชิงตัวประกันเกิดขึ้นกันแน่



   “อืม...น่าจะได้เวลาแล้วนะ”

   ภูธิปพึมพำ ทำให้คนข้างกายเขาชะงัก แต่ก็ยังมีสีหน้านิ่งเฉยจนประมุขเผ่าครุโฬนึกชื่นชมต่อความใจเย็นและมีสติของอีกฝ่าย

    จริง ๆ ภูธิปนั้นรู้ว่าพิภพเริ่มคิดไม่ซื่อตั้งแต่ตอนที่เขาถามจำนวนพรรคพวกของธามที่อยู่ด้านนอกแล้ว   เนื่องจากเขาแอบเค้นข้อมูลสอบปากคำจากวกะระดับสูงคนหนึ่งโดยไม่ให้พวกพิภพรู้ ถึงข้อมูลคร่าว ๆ ภายในของเผ่า โดยได้นำคนในครอบครัวของวกะผู้นั้นมาทรมานต่อหน้าต่อตา  จึงทำให้เจ้าตัวยอมบอกข้อมูลที่ตนรับรู้ออกมา ซึ่งมันแตกต่างจากที่พิภพบอกกับเขาไปอยู่มาก แต่แม้จะรู้ว่าถูกหักหลัง แต่เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าท้ายที่สุดนั้น พิภพจะทำอย่างไรให้เขาได้เห็นกันแน่


หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 02-02-2013 11:02:04
   เสียงเฮลั่นที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ภูธิปชะงักเล็กน้อย ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นเหล่านักรบวกะที่เคยถูกพวกเขาจับเป็นตัวประกันกว่าสองร้อยชีวิต บัดนี้ต่างเฮโลยกพลกันออกมาร่วมรบกับพวกตน ส่วนพิภพหน้าซีดเล็กน้อย พร้อมกับหลุดพึมพำกับตัวเองออกมาอย่างลืมตัว

   “บ้าน่า...จะมาทำไมกัน...ทำไมไม่หนีไปให้หมด”

   “มีอะไรหรือพิภพ... ผิดแผนไปหน่อยหรือไง”

   พิภพชะงักและตวัดสายตามองภูธิป ก่อนจะหันไปมองเผ่าวกะที่กำลังมุ่งมายังที่พวกเขาอยู่ เจ้าตัวเม้มปากแน่น แล้วจึงตะโกนย้อนกลับไปดังลั่น

   “เจ้าพวกวกะโง่เง่า! ถ้ายังรักตัวกลัวตายก็หนีไปให้พ้น ไม่ต้องมาร่วมรบไร้สาระแบบนี้ เข้าใจไหม!”

   วกะตนอื่น ๆ พากันชะงักเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะได้พวกกฤตช่วย จึงได้รู้ว่าต่อให้พวกธามไม่มาชิงตัวประกัน แต่ตัวพิภพเองก็ได้แอบวางแผนลักลอบปล่อยตัวประกันออกไปทีละน้อยในอนาคตอยู่แล้ว และที่ต้องยอมเป็นอาณานิคมของเผ่าครุโฬ เนื่องจากมั่นใจและได้ข่าวภายในมาว่า ยังไงเผ่าครุโฬก็เล็งโจมตีเผ่าของตนเองเป็นแน่ จึงตัดสินใจชิงร่วมมือและยอมยกเผ่าเป็นอาณานิคมให้กับภูธิปเสียก่อน แม้จะอ้างบังหน้ากับทุกคนว่าเพื่อแก้แค้นบิดาก็จริง แต่สาเหตุหลักก็คือเขาต้องการหลีกเลี่ยงการสู้รบและบาดเจ็บล้มตายโดยไม่จำเป็นนั่นเอง

   “ลูกจะคิดยังไงมันก็เรื่องของลูก แต่พวกเราก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีของเราเช่นกัน!”

   ปุริมบอก แล้วกระจายวงล้อมกรอบพวกนักรบครุโฬ ที่แม้ยามนี้ก็ยังคงไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด

   “เกียรติและศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ...ของพรรค์นั้นมันช่วยอะไรได้บ้าง! มันทำให้ทุกคนรอดพ้นได้อย่างนั้นหรือ!  ผมขอย้ำอีกครั้ง ว่าให้รีบไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่พวกนี้จะ...”

   พิภพสะดุ้ง เมื่อมือใหญ่ของภูธิปในร่างอมนุษย์ตะปบปิดปากของเขา พร้อมกับแขนอีกข้างที่รัดร่างเขากอดค่อนข้างแน่น

   “ชู่...อย่าเพิ่งบอกพวกมันสิ พิภพ ...เรื่องเซอร์ไพรส์ ก็ต้องเอาไว้ดูด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่หรือ”

   พิภพพยายามดิ้นรนจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อภูธิปหันไปบอกกับคนของตน

   “เรียกพวกนั้นมาได้แล้ว...ปล่อยให้ซ่อนตัวกันอยู่เสียนาน ป่านนี้คงหงุดหงิดแย่”

   คนของภูธิป รับคำแล้วจึงนำแตรเขาสัตว์มาเป่ายาวเป็นสัญญาณ และพอสิ้นเสียงเป่าเขา เสียงโห่ร้องยินดีและพื้นดินสะเทือนเลือนลั่นก็ดังขึ้น จนพวกวกะและมโคพากันตื่นตระหนกกันยกใหญ่

   “เกิดอะไรขึ้น!”

   “กฤต! หรือว่าพวกนั้นมีพรรคพวกซ่อนอยู่อีกกันแน่!”

   ปุริมหันไปถามกฤต ส่วนธามนั้นรีบตรงไปสมทบกับวิรัลทันทีที่ช่วยบิดาออกมาได้

   “ผมก็ไม่ทราบครับท่านประมุข... แต่เมื่อก่อนหน้าที่จะออกมารบ หัวหน้าเผ่าครุโฬพูดเหมือนกับว่าเขามีไม้ตายซ่อนอยู่ แต่ผมไม่ได้อยู่รับฟัง ...ผมได้รับคำสั่งก่อนหน้านั้นแต่เพียงว่า  ถ้ามีการบุกชิงตัวประกันเกิดขึ้นจากภายนอกเมื่อไหร่ ก็ให้ร่วมมือช่วยทุกคนแล้วพาหนีไป อย่าหวนกลับมาอีกเพียงแค่นั้น...”

   กฤตตอบคำถามนั้นด้วยความรู้สึกผิด ที่ไม่อาจจะทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายได้สำเร็จ  ทีแรกนั้นหลังจากช่วยทุกคนเสร็จ เขาก็พยายามอธิบายให้ทุกคนได้รับรู้เหตุผลของพิภพ และบอกว่าชายหนุ่มต้องการให้ทุกคนหนีไปให้ไกลจากที่นี่และอย่าได้ย้อนหวนมาอีก หากแต่ทุกคนที่ได้รับรู้เรื่องราว ต่างไม่ยอมรับฟังข้อเสนอนั้น แม้พวกเขาจะเข้าใจแนวคิดของพิภพดีแล้วก็ตาม  ทว่าด้วยสายเลือดอันหยิ่งทระนงในตัวเองของพวกวกะ จึงทำให้ทุกคนตัดสินใจสู้ตายเพื่อชิงเผ่ากลับคืนมามากกว่า

   “ช่วยไม่ได้...ในเมื่อเป็นแบบนี้ยังไงก็ต้องสู้จนถึงที่สุด!”

   ปุริมให้กำลังใจตัวเองและพวกพ้อง และตัดสินใจบุกโจมตีภูธิปเพื่อชิงตัวลูกชายคนโตกลับคืนมา  ทว่าก่อนที่พวกเขาจะรุกคืบไปถึงตัวภูธิปและพิภพ แต่ละรายก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อได้เห็นร่างที่ค่อย ๆ ทยอยเดินออกจากป่าทึบ และปรากฏต่อสายตาทุกคน ซึ่งนั่นก็สร้างความตกตะลึงให้กับพวกวกะและมโคในที่นั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งพิภพที่รู้ตัวอยู่แล้วก็ตาม

   “หึ ๆ เป็นไง ...เธอคงไม่คิดว่าฉันจะมาบุกยึดครองพวกวกะที่ชำนาญการสู้รบ ด้วยคนแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้นหรอกนะ ใช่ไหม”

   ภูธิปบอกกับคนในอ้อมกอด พร้อมกับปล่อยมือที่ปิดปากอีกฝ่ายอยู่ให้เป็นอิสระ พิภพพึมพำเสียงแทบไม่พ้นลำคออย่างไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง

   “เป็นไปไม่ได้ ...จำนวนขนาดนั้น หลบซ่อนอยู่ได้ยังไงจนถึงป่านนี้ ...”

   ชนเผ่านักรบครุโฬกว่าสามร้อยชีวิตค่อย ๆ ทยอยออกมาจากที่ซ่อนตัวอยู่บริเวณนั้นอย่างไม่รีบร้อนนัก และต่างพากันยืนเรียงรายล้อมเหล่านักรบวกะและมโคอยู่รอบ ๆ

   “ฉันชอบสถานที่ลับของเผ่าเธอจัง... มีภูมิประเทศเอื้อต่อการซุ่มโจมตีศัตรูได้ดีนะ...เสร็จศึกนี้ ฉันคงต้องขอยึดเอาไว้เสียแล้วล่ะ”

   ภูธิปบอกอีกฝ่ายยิ้ม ๆ แต่คนในอ้อมแขนเขายิ้มไม่ออก

   “คงคิดว่าผมโง่มากสินะ...”

   พิภพพึมพำกับตัวเอง ทว่าคนฟังกลับหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงเอ่ยตอบ

   “ใครว่าล่ะ...เพราะเธอฉลาดต่างหาก ฉันถึงต้องได้วุ่นวายระแวงเตรียมโน่นเตรียมนี่ให้ยิ่งกว่าเดิม เพราะกลัวจะเสียท่าเธอจริง ๆ ยังไงล่ะ”

   เจ้าตัวชะโงกจูบเส้นผมอีกฝ่ายอย่างยังคงเอ็นดู แล้วจึงสั่งลูกน้องซึ่งเป็นมือขวาของเขาให้คุมการสู้รบในครั้งนี้

   “ไปสิ สิทธา! ไปแสดงพลังของเผ่าพวกเราให้พวกนั้นได้เห็นหน่อย ...แล้วอย่าลงมือรุนแรงนักล่ะ ไม่อย่างนั้นเรื่องสนุก ๆ มันจะจบไวเสียก่อน”

   “ขอรับท่านประมุข!”

   คนสนิทของภูธิปโค้งรับ และจึงออกคำสั่งประจัญบานทันที ทำให้พวกวกะและมโค ตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าอมนุษย์ผู้แข็งแกร่ง ด้วยจำนวนนักรบวกะเพียงแค่สองร้อยกว่าชีวิต และเหล่ามโครวมถึงพันธมิตรกว่าอีกร้อยชีวิต แม้ด้วยจำนวนคนจะพอ ๆ กัน ทว่าศักยภาพที่มีนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

   

   “บ้าชะมัด! ติดต่อพวกข้างในให้มาช่วยรบดีไหมนะ!”

   หนึ่งในพรรคพวกของกฤตสถบพึมพำ เมื่อเห็นจำนวนของศัตรูที่มากมายแตกต่างกับพวกตน แต่กฤตรีบปรามไว้ก่อน

   “ไม่ได้! พวกนั้นมีแค่ผู้หญิง เด็ก แล้วก็วกะวัยรุ่นไร้ประสบการณ์สู้รบ ขืนเอามาก็รังแต่จะให้มาถูกฆ่าโดยเปล่าประโยชน์! กับพวกครุโฬ แค่จำนวนมากกว่า ก็ใช่ว่าจะได้เปรียบ!”

   คนฟังชะงักก่อนจะมีสีหน้าเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น  ส่วนวกะตนอื่น ๆ นั้นก็คิดเช่นเดียวกับกฤต พวกเขาหันหน้าเผชิญกับเหล่าครุโฬ ที่เดินบีบล้อมเข้ามาอย่างย่ามใจเรื่อย ๆ

   “หยุดนะ! กฤต! บอกให้คนของเรายอมแพ้เดี๋ยวนี้! อย่าต่อสู้เด็ดขาด!”

   เสียงพิภพที่ถูกกักด้วยอ้อมแขนแกร่งตะโกนแว่วมา กฤตชะงัก เขาเองก็อยากทำตามคำสั่งของพิภพ แต่มาถึงขั้นนี้ ต่อให้พวกเขายอมแพ้ ชายหนุ่มก็เชื่อว่าภูธิปย่อมจะไม่มีวันอภัยให้คนที่หักหลังตนซ้ำสองเป็นแน่

   “หึ ๆ เอาไงดีนะ ...คุกเข่าขอร้องและจูบเท้าฉันต่อหน้าพวกวกะทุกคนสิ พิภพ...บางทีฉันอาจจะละเว้นโทษตายให้คนในเผ่าของเธอก็ได้นะ”

   ภูธิปเปรยเสียงดัง ให้ทั้งพิภพและทุกคนในเผ่าวกะได้ยิน ทางด้านพิภพชะงักกึก และเมื่อภูธิปปล่อยอ้อมกอดที่กักร่างเขาออก ชายหนุ่มก็เหลือบมองคนที่ยืนยิ้มน้อย ๆ ตรงหน้า แล้วจึงค่อย ๆ คุกเข่าลงช้า ๆ ท่ามกลางสายตาเจ็บปวดของกฤตและคนของพิภพ รวมไปถึงปุริมที่มองอยู่

   “หยุดนะลูก! อย่าไปฟังมัน! ต่อให้ลูกทำแบบนั้น มันก็ฆ่าพวกเราทิ้งอยู่ดี เพราะพวกพ่อจะไม่มีวันยอมก้มหัวให้พวกมันเด็ดขาด!”

   พิภพที่เตรียมโน้มศีรษะลงต่ำชะงัก แล้วจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เบือนหน้าไปมองบิดาของตน ด้วยสายตาที่ทั้งชิงชังตัดพ้อแต่ลึก ๆ แล้ว ภายในแววตาคู่นั้น มันยังคงมีความเคารพรักคนตรงหน้าแฝงอยู่ให้สัมผัส 

   “ผมเกลียดพ่อ ...เกลียดเผ่าวกะ ...มาถึงตอนนี้ก็ยังคงเกลียดอยู่ดี ...”

   พิภพบอกกับอีกฝ่ายเสียงสั่นเครือ เขาจ้องตาปุริมนิ่งสักพัก แล้วจึงหันกลับ เป็นจังหวะเดียวกับที่ปุริมนั้นนึกเอะใจในบางสิ่งที่ลูกชายของตนกำลังทำ

   “พิภพ หรือว่าลูกจะ...”

   “...แต่ถึงเกลียดยังไง การที่จะเห็นมันสลายไปต่อหน้าต่อตา ...มันก็ทำใจไม่ลงอยู่ดีนั่นล่ะ!”

   พิภพตะโกนพร้อมกับกลายร่างและเตรียมลงมือเล่นงานหมายตำแหน่งหัวใจของภูธิป ทว่าอีกฝ่ายก็จับข้อมือของเขาไว้ได้ก่อน เจ้าตัวบีบมันค่อนข้างแรงจนได้ยินเสียงคล้ายกระดูกแตก พิภพกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่คนลงมือแย้มยิ้มเย็นเป็นปกติ

   “ไม่น่าเลยพิภพ...ต่อให้เธอหักหลังฉันจริง ๆ ฉันก็ยังรักเธออยู่ดี ...แต่มาลงมือกับฉันแบบนี้ ต่อให้ฉันรักเธอขนาดไหน แต่ในฐานะประมุขของเผ่า ฉันก็คงต้องลงโทษเธอ เพื่อไม่ให้ใครจดจำเป็นเยี่ยงอย่างเสียแล้วล่ะนะ”

   เอ่ยจบภูธิปก็ต่อยท้องของอีกฝ่ายเต็มแรง จนพิภพตัวงอ จากนั้นก็เตะอัดข้างลำตัวของวกะหนุ่มซ้ำ แม้ไม่ออกแรงจริงจังเต็มที่ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายถึงกับซี่โครงหักบาดเจ็บหนัก

   “ฉันจะหักแขนหักขาเธอให้หมด เธอจะได้อยู่เฉย ๆ รอดูพวกพ้องของเธอโดนฆ่ายังไงล่ะ... แต่สำหรับเธอ ฉันฆ่าเธอไม่ลงหรอกนะพิภพ ...ความรักที่ฉันมีให้กับเธอมันเป็นของจริงรู้ไหม”

   ภูธิปบอกพลางเหยียบไปที่ขาซ้ายของอีกฝ่ายเต็มแรง พิภพสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ ทางด้านกฤตนั้นหมายจะมุ่งเข้าไปช่วยผู้เป็นนาย แต่ก็ถูกนักรบครุโฬตนอื่น ๆ ขวางไว้ก่อน พวกวกะแต่ละตนในกลุ่มของพิภพกลายร่างพร้อมเข้าสู้อย่างบ้าคลั่งเพื่อช่วยนายของพวกตน ทว่าก็ถูกเล่นงานกลับคืนอย่างง่ายดาย จนพิภพที่เห็นต้องตะโกนห้าม

   “อย่าเข้ามา! ช่างฉัน! หนีเอาตัวรอดกันให้ได้ก็พอ!”

   ภูธิปยกยิ้มน้อย ๆ แล้วบีบคออีกฝ่ายยกร่างลอยขึ้นเผชิญหน้ากับเขา

   “อย่าทำแบบนี้สิพิภพ...เธอกำลังทำให้ฉันหึงนะ ที่เห็นคนอื่นดีกว่าฉันน่ะ...หือ”

   ภูธิปมองแขนข้างของอีกฝ่ายที่ไม่ได้หัก ยกจับที่แขนของเขาแล้วบีบมันแน่น เจ้าตัวหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงเอ่ยขึ้น พร้อมกับใช้มือที่ว่าง จับมือข้างนั้นยกขึ้นบีบแรง ๆ จนพิภพต้องปล่อยมือออกอย่างง่ายดาย

   “เด็กดื้อ อย่างนี้ฉันต้องลงโทษเธออีกแล้วสินะ”

   ภูธิปเตรียมที่จะบีบแขนอีกข้างของพิภพให้แหลก ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อมีบางสิ่งพุ่งตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว และพอจะหันไปป้องกันตัว ร่างนั้นก็กระแทกชน จนเขาเซไป และปล่อยให้ร่างของพิภพเป็นอิสระ

   “ธาม... ทำไมนาย...”

   พิภพอุทานเมื่อเห็นร่างหมาป่าของน้องชายคนเล็กพุ่งตัวเข้ามาช่วยเขา ส่วนคนอื่น ๆ ก็รบกับพวกครุโฬ อย่างไม่มีใครยอมแพ้หรือท้อถอย และมีหลายคนที่พยายามบุกเข้ามาช่วยเขาอย่างที่ธามทำอยู่

   “ก็แค่มีหนี้แค้นที่ต้องเคลียร์กับนายตัวต่อตัวเท่านั้น ....ไม่ปล่อยให้โดนคนอื่นฆ่าตัดหน้าหรอก!”

   ธามบอกกับพิภพด้วยสายตาเย็นชา คำบอกเล่าของมาลุตก่อนหน้านั้นยังคงอยู่ในความทรงจำเขา เรื่องที่ว่าพิภพเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการตายของมารดาของเขาด้วย   

   “...นายรู้มาจากมาลุตแล้วสินะ...”

   พิภพพึมพำ ก่อนจะแค่นยิ้มน้อย ๆ แล้วแสร้งทำเป็นหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ

     “หึ ๆ แล้วนายรู้ไหมว่า คนที่บงการวกะบ้าคลั่งนั่นที่ฆ่าแม่ของนาย มันเป็นใครกัน....”

   ร่างที่บอบช้ำเปรยขึ้นอย่างคิดยั่วโมโหคนฟัง เขาคิดว่า บางทีการที่ถูกคนในเผ่าแถมยังมีสายเลือดเดียวกันฆ่า ยังดีกว่าตายด้วยน้ำมือของภูธิปนั่นเอง

   ธามชะงัก ต่อให้พิภพไม่พูด เขาก็อดคิดไม่ได้อยู่แล้วว่า อีกฝ่ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย

   “แก...”

   ธามกัดฟันกรอด ทว่ายังไม่ทันทำอะไร เสียงวิรัลที่พุ่งฝ่าเข้ามาหา ก็ตะโกนเตือนดังลั่น

   “คุณธามระวัง!”

   ธามกระโดดถอยหลบตามที่ได้ยินเสียงเตือน ทำให้แรงเตะที่ควรได้รับเต็ม ๆ ลดทอนลงไปมาก แต่ถึงขั้นนั้น เขาก็ยังคงจุกอยู่ดี

   “วิรัลถอยออกไป อย่าเข้ามา! ชาคร ดูแลวิรัลด้วย!”

   ธามหันไปสั่งคนรักและคนสนิท ก่อนจะยืนเผชิญหน้ากับภูธิป ที่ยืนขวางร่างบอบช้ำของพิภพเอาไว้

   “หึ ๆ เด็กไม่ดี... เธอเป็นของฉันนะ  ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้นอกจากฉันหรอก...ถึงเธอจะพยายามยั่วโมโหเขายังไงก็ตาม”

   คำพูดของภูธิปที่มีต่อพิภพทำให้ธามชะงักแล้วได้สติ  พลางสบถเบา ๆ กับตัวเอง  เขาไม่ควรให้ความโกรธเข้าครอบงำยามนี้  อีกอย่างเขายอมอโหสิเรื่องแม่ให้มาลุตไปแล้ว ถ้าเขาจะยกโทษให้กับพิภพบ้าง มันก็คงไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่ ...ยังไงชายหนุ่มก็กำลังรับกรรมที่ตัวเองก่อหนักหนามากอยู่แล้วในตอนนี้

   “...ถอยไปจากเขา ต่อให้เขาทำเรื่องผิดขนาดไหน พวกเราวกะก็มีบทลงโทษตัดสินกันเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาพวกต่างเผ่าอย่างแก!”

   ธามตวาดใส่ แล้วจ้องหน้าพิภพที่กำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน

   “ฉันทำให้พ่อเสียใจเรื่องมาลุตมาแล้ว ...ฉันจะไม่ทำผิดซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิมอีกหรอกนะ...พี่ชาย”

   ธามบอกแล้วพุ่งเข้าปะทะกับภูธิปอีกครั้ง แม้พลังกายที่อ่อนด้อยกว่า แต่ความว่องไวก็ทำให้ประมุขเผ่าครุโฬชักเริ่มรำคาญขึ้นทุกที  ส่วนคนอื่น ๆ เมื่อเห็นประมุขเผ่าศัตรูกำลังเสียท่า กำลังใจของฝั่งมโคและวกะก็มีมากขึ้น ทว่า...

   “เลิกเล่นกันสักที ไอ้หนู!”

   ภูธิปเอ่ยเสียงห้าวลั่น มือใหญ่ที่ตะปบขาข้างหนึ่งของธามได้ จับร่างนั้นเหวี่ยงไปฟาดพื้นดินเต็มแรง จนพื้นดินบริเวณนั้นยุบตัวเป็นหลุมใหญ่ เลือดจากร่างสาดกระเด็น ส่วนเจ้าของร่างยังคงพยายามยันกายลุกขึ้น ทว่าก็ต้องกระอักเลือดล้มตัวลงไปนอนกองกับพื้นอีกรอบ วิรัลตะโกนเรียกชื่อคนรักด้วยความตกใจและสลัดจากการป้องกันของชาคร ตรงมาที่ธาม พลางยืนขวางหน้าคนรักเอาไว้  ทางด้านชาครพยายามจะเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกนับรบเผ่าครุโฬตนอื่น ๆ ขวางทางเอาไว้  ทำให้วิรัลต้องเผชิญหน้ากับภูธิปเพียงลำพัง

   “หึ ๆ นี่หรือมฤคมาศ  ...กลิ่นกายหอมน่ากินดีแท้  หัวใจนั่นก็คงรสเลิศใช่ย่อยล่ะสิท่า”

   วิรัลตัวสั่นเทาด้วยความกลัว แต่ก็ยังคงยืนขวางร่างธามไม่ยอมขยับไปไหน แต่พอภูธิปจะขยับเข้าใกล้ทั้งคู่ พิภพก็ใช้มือของตนข้างที่ขยับได้ จับขาอีกฝ่ายล็อกเอาไว้แน่น

   “พาหมอนั่น...หนีไป”

   วิรัลชะงัก เช่นเดียวกับภูธิป ที่มีสีหน้าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทีละนิด

   “ปล่อยน่าพิภพ...เธอก็รู้นี่ว่าฉันความอดทนต่ำ ฉันไม่อยากทำร้ายเธอโดยไม่จำเป็นรู้ไหม”

   พิภพแค่นยิ้ม แล้วจึงโต้ตอบกลับไป

   “งั้นก็ฆ่าผมเสียเลยสิ...ผมรู้ว่าคุณทำได้สบาย ๆ อยู่แล้ว...”

   ภูธิปมองร่างมนุษย์หมาป่าผู้บอบช้ำตรงหน้า แล้วจึงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

   “ใช่...ฉันทำได้ ...แต่บอกแล้วไง ฉันรักเธอนะพิภพ เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่ลงมือฆ่าเธอ ต่อให้เธอจะยั่วโมโหฉันหนักกว่านี้ก็ตาม”

   ภูธิปยอบกายคุกเข่าลง แล้วบิดแขนข้างที่เกาะกุมขาเขาหักดังกรอบ พิภพสะดุ้งเฮือก แม้จะเจ็บสักเพียงใด ทว่ากลับไม่มีเสียงกรีดร้องทรมานออกมาให้ได้ยินสักนิด

   “หึ ๆ เก่งมาก เด็กดี....ทำไมเธอถึงไม่เกิดมาเป็นพรรคพวกของเราแต่แรกนะ”

   เมื่อพิภพขยับไม่ได้ เป้าหมายต่อไปของภูธิปก็คือวิรัล...กวางทองตรงหน้าเนื้อตัวสั่นเทา แต่ก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนหนีไปลำพัง  ส่วนธามก็พยายามบอกให้คนรักหนีไปโดยทิ้งเขาไว้

   “วิรัล...หนีไป...เธอช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก...”

   “ไม่ครับ! ถ้าจะต้องตาย ก็จะขอตายด้วยกัน!”

   วิรัลโต้กลับ โดยยังคงเผชิญหน้าสบตากับภูธิปนิ่งอย่างพร้อมต่อสู้แลกชีวิตทุกเมื่อ

   “หึ ๆ เป็นกวางน้อยที่น่าสนใจ ...น่าเสียดาย ถ้าไม่เพราะอยากกินหัวใจ ก็คงจะเลี้ยงไว้ดูเล่นหรอกนะ”

   ภูธิปหัวเราะอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ทางด้านชาครกัดฟันกรอด แต่ก็ไม่อาจบุกฝ่าพวกนักรบครุโฬตรงหน้าที่ทยอยเพิ่มขึ้น เพราะสมาชิกทั้งมโคและวกะที่เสียท่าไปมาก ทำให้จำนวนสู้รบที่เคยได้เปรียบเริ่มเสียเปรียบ แม้แต่พวกปุริม ตอนนี้ยังตึงมือ จนไม่อาจฝ่าเข้าไปช่วยลูกชายทั้งสองของเขาได้

   “ไม่ต้องห่วงนะ...หลังจากกินหัวใจเธอแล้ว ฉันจะสงเคราะห์ส่งคนรักของเธอตามไปด้วยทันที”

   ภูธิปเอ่ยพร้อมกับขยับร่างสูงใหญ่แข็งแกร่งเข้าใกล้วิรัลมากขึ้นทุกที ธามพยายามฮึดจนลุกขึ้นได้ ร่างโชกเลือดของหมาป่าสีเงินก้าวเดินช้า ๆ มาขวางหน้าคนรักเอาไว้ วิรัลอุทานเบา ๆ แล้วยืนเคียงข้างกับธามไม่ถอยไปไหน

   “ใจเด็ดดีนี่ ...เอาเถอะ จะช่วยสงเคราะห์ลงมือฆ่าแบบไม่ให้ทรมานนักแล้วกัน”

   วิรัลกับธามกัดฟันกรอด  ทว่าในขณะที่พวกเขากำลังเข้าตาจน เสียงเป่าแตรเขาก็ดังขึ้นลั่นมาจากป่าทิศหนึ่ง พร้อมกับพื้นดินที่สั่นสะเทือนไปทั่ว สร้างความตกตะลึงให้กับทุกชีวิตที่กำลังสู้รบกันอยู่ยิ่งนัก

   “ไม่จริง...ไอ้พวกเผ่านากา ...มันมาได้ยังไง!”

   ภูธิปสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นศัตรูคู่แค้นของเขาปรากฏขึ้น นักรบเผ่านากาในร่างอมนุษย์หลากหลายสีสันกว่าร้อยชีวิต รุมล้อมพวกเขาอยู่รอบนอก และที่ยืนอยู่เคียงข้างหัวหน้าเผ่านากา ซึ่งเป็นงูเผือกยักษ์ตัวใหญ่ที่สุดในเผ่า นั่นก็คือกวางดำผู้สง่างาม หรือก็คือประมุขเงาของเผ่ามโคนั่นเอง

   “พิชญ์! นายทำสำเร็จ! นายชักชวนพวกเผ่านากาเป็นพันธมิตรของเราจนได้สินะ!”

   วิรัลตะโกนอย่างดีใจ ซึ่งชาครก็อาศัยจังหวะที่ทุกคนตะลึงงัน พุ่งเข้ามาขวางทางภูธิปและพวกวิรัลเอาไว้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับปุริมที่ตั้งสติได้ ก็พุ่งตรงมายังร่างบาดเจ็บของลูกชายคนโต เพื่อช่วยเหลือทันที



   “เจ้าเด็กน้อยหัวหน้าเผ่าครุโฬ...ข้ามาให้เจ้าล้างอายหนี้แค้นครั้งเก่าแล้วยังไงล่ะ ...อย่ามัวแต่แกล้งเด็ก ๆ พวกนั้นอยู่เลย  มาสู้กันตัวต่อตัวกับข้าไม่ดีกว่าหรือ”

   เสียงงูเผือกตะโกนก้องท้าทาย ทำให้ภูธิปกัดฟันกรอด เลิกที่จะคิดสนใจพวกวิรัล แล้วหันไปทางประมุขของเผ่านากาแทน

   “ได้สิไอ้แก่เผ่านากา! วันนี้ล่ะ ที่ข้าจะทำให้แกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และคุกเข่าร้องขอชีวิตต่อหน้าข้าบ้าง!”

   ภูธิปตวาดกลับ แล้วเดินตรงไปที่หัวหน้าเผ่านากาอยู่ โดยไม่มีใครกล้าขวางทาง  ส่วนด้านพิชญ์ที่อยู่กับเผ่านากามองสำรวจไปรอบ ๆ แล้วก็ถึงกับต้องนิ่วหน้า เพราะสภาพความเสียหายของพวกเขามีมากกว่า นี่ถ้าเขาพาเผ่านากามาช้ากว่านี้อีกนิด เห็นทีพรรคพวกของเขาและพวกวกะคงจะพ่ายแพ้ราบคาบเป็นแน่

   “ผมขอตัวก่อนนะครับท่านอุรค*”   (*อ่านว่า อุ-ระ-คะ)

   งูเผือกยักษ์หันมามองกวางดำ แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มห้วน

   “อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ ...หวังว่าเจ้าคงจะไม่บอกใครเรื่องนั้นสินะ”

   พิชญ์ถอนหายใจแล้วจึงเอ่ยตอบ

   “ครับ...ถ้าท่านเวทิตเต็มใจอยู่ด้วยตัวเอง ผมก็คงคัดค้านอะไรไม่ได้... อีกอย่าง ผมไม่อยากให้ท่านวิรัล กับนายหญิงต้องโศกเศร้าซ้ำสอง เพราะฉะนั้นสู้ปล่อยให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงจะดีกับทุกฝ่ายมากกว่า”

   พิชญ์เอ่ยสรุป แล้วจึงโค้งศีรษะนิด ๆ ก่อนจะวิ่งไปรวมพลกับพรรคพวกของเขา ส่วนงูเผือกยักษ์นั้นหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลางหันไปมองประมุขเผ่าครุโฬที่เดินมาทางตนอย่างช้า ๆ

   “ไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายปี ร่างกายมันติด ๆ ขัด ๆ ไปหมด ...ช่วยไม่ได้นี่นะ  ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าขอร้องล่ะก็  ข้าไม่มีทางลงทุนเปลืองแรงแบบนี้หรอกนะ เวทิต!”

   อุรคเปรยกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะชูคอยาวจ้องอมนุษย์เผ่าครุโฬนิ่ง ทั้งคู่จ้องกันอยู่สักพัก และเมื่อต่างฝ่ายเริ่มขยับ การปะทะกันระหว่างประมุข รวมไปถึงพวกลูกน้องในเผ่า ก็เริ่มต้นขึ้นทันที!



... TBC ....


**ตอนหน้าเข้าสู่ช่วงท้ายของเรื่องแล้วค่ะ  ใกล้จบแล้วนะจ๊ะ  ^^
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: toye ที่ 02-02-2013 11:25:11
 :o8: :-[ รักเรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 02-02-2013 14:32:09
มันอ่ะ ไปๆมาๆ ชอบคู่พิภพ ภูธิปอ่ะ ซาดิสม์ดี
แต่คนเขียนเคยบอกว่าภูธิปแก่กว่ามาก
แล้วพ่อวิรัล กับ อุรค เป็นอะไรกันอ่ะ งง อยากรู้
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 02-02-2013 15:05:01
เขียนฉากต่อสู้ได้เร้าอารมณ์มากค่ะ
พิภพพพ ไม่เป็นไรนะ คราวหน้าก็จะปิดศึกแล้วสิ
ไม่อยากให้จบจริงจัง 
เวทิตคงไม่ได้กลับเผ่าแล้วล่ะ โดนป๋านากากักตัว หุหุ
สู้ๆค่า
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 02-02-2013 16:30:52
กรี้ดดดดดดดด สงสารธามกับพิภพ อ่ะ เเง้ :sad4: :sad4:
กรี้ดดดดดดดด(รอบ 2 ) จบไวไปมั้ยอ้ะ โฮฮฮฮฮ :sad4: :sad4:
จบไวอย่างนี้ต้องมีตอนพิเศษเยอะๆนะนักเขียน ไม่งั้นเค้าไม่ยอมนะ ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o9 o9 o9 o9
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: tegomon ที่ 02-02-2013 16:33:46
อยากอ่านเรื่องของคุณพ่อกับงูเผือกยักษ์อ่ะค่ะ
ของพิชญ์กับชาครก็น่าสนุก
แล้วระหว่างพิภพกับภูธิปมันจะมีต่ออีกไหมคะเนี่ย
ยิ่งอ่านยิ่งสนุกจนไม่อยากจะหยุดอ่านเลย
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 02-02-2013 17:18:26
คุณพ่อเวทิตคงไม่ได้้กลับเผ่าแล้ว เพราะโดนป๋าอุรคกักขังตัวและหัวใจเอาไว้(หรือเปล่า?) อิอิ
เกือบสายไปแล้วมั้ยล่ะ วิรัลกับธามเกือบแย่แล้วเชียว เราอ่านแล้วลุ้นจนตัวโก่ง โชคดีที่พิชญ์พาเผ่านากามาทันเวลาพอดี
แถมพิภพโดนภูธิปหักแขนหักขาซะ อื้อหือ เราก็แอบสงสารนิดนึง รักได้ซาดิสม์มากค่ะคุณภูธิป
ไปแล้วค่ะ เราขอกลับไปจิ้นคุณพ่อกับงูเผือกยักษ์ต่อ~ >//<
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-02-2013 23:10:16
อุ๊บบบ เวทิต พ่อของวิรัล กับ อุรค เป็นกิ๊กกันหรือนี่
หุหุ  อยากอ่านคู่นี้บ้างจัง
ส่วนแก อธิป ตายยยยยยไปซ้าาาา
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 02-02-2013 23:27:54
ทุกคนสู้ๆๆๆๆน้าา
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 03-02-2013 01:26:42
มีลับลมคมในกันด้วย
หัวเราะทีหลังดังกว่า
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 03-02-2013 02:36:07
สงสารพิภพ ภูธิปต้องการทรมานพิภพมากกว่าหรือเปล่า เพราะการที่พิภพต้องเห็นพ่อตัวเองและคนในเผ่าตัวเองถูกทำร้ายพิภพคงจะเจ็บปวดมาก เพราะพิภพยอมให้ภูธิปทำแบบนั้นจนถูกคนในเผ่ามองว่าร้ายเพื่อช่วยเผ่านี่นา แล้วอุรคเวทิตนี่ยังไงกันนะ เวลทิตยอมอยู่กับอุรคแต่โดยดีแล้วใชไ่หมนะนั่น
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 26 P.13 (โพส : 2/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 03-02-2013 08:09:29
ถ้ามีตอนพิเศษ ขอเรื่องราวเกี่ยวกับคุณพ่อและคุณลุงเผ่านากานั่นด้วยนะคะ :o8:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 27 P.14 (โพส : 3/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nayne ที่ 03-02-2013 14:01:34
มีตอนของอุรคกับเวทิดไหมค่ะเนี่ย
ยิ่งอ่านตอนนี้ยิ่งอยากรู้เรื่องของทั้งคู่มากๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 27 P.14 (โพส : 3/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 03-02-2013 14:04:34
ในที่สุดก็มาถึงตอนสุดท้ายแล้วค่ะ  พรุ่งนี้จะโพสบทสรุปปิดท้ายนะคะ

ส่วนตอนพิเศษ ยังไม่ได้เริ่มปั่นเลยค่ะ แต่ตั้งใจว่า จะเริ่มปั่นตอนพิเศษสักตอนสองตอน แล้วจะเปิดจองนิยายเรื่องนี้ตามมาค่ะ 

กำลังลังเลเหมือนกัน เพราะตอนนี้ใกล้ 300 หน้า(เอห้า) / เล่มแล้ว แต่ปัดอยากเขียนตอนพิเศษ ยาว ๆ  เหมือนกัน อาจจะเป็นคู่คุณพ่อเวทิต  หรือคู่ ของพิชญ์ ชาคร     อะไรแบบนี้เป็นต้น  เพราะตอนพิเศษหลังสงบสุขแล้ว มันมีเรื่องอะไรให้เขียนสบาย ๆ ได้อีกเยอะทีเดียว (แน่นอนเน้นหวานกระจาย)

แต่ถ้าไม่เน้นตอนพิเศษมากมายนัก ก็อาจจะได้แค่เล่มเดียวจบหนา ๆ 400 กว่าหน้า ก็ได้  -- อันนี้ก็ต้องลองปั่นดูกันก่อนล่ะนะคะ ว่ามันน่าจะงอกมาได้สักกี่หน้า

อ้อ! สำหรับคนที่อ่านได้เฉพาะในบอร์ด หรือไม่ต้องการซื้อทำมือ ปัดก็ไม่ได้ทิ้งนะคะ เดี๋ยวจะเอาตอนพิเศษ มาให้อ่านอยู่ดีค่ะ  อยากอ่านคู่ไหนเป็นพิเศษก็แจ้งมานะคะ จะได้คัดเลือกมาลงบอร์ดให้อ่านจ้ะ  ยังไงทุกเรื่องที่ปัดแต่ง ปัดก็ลงตอนพิเศษให้นักอ่านอ่านเสมออยู่แล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องห่วงจ้ะ

----------------------------------------


/27



   การสู้รบระหว่างอมนุษย์ด้วยกันในครั้งนี้ หากมีแต่เผ่าครุโฬและเผ่านากาเพียงสองเผ่า ก็คงสูสีน่าดูชม  ถึงแม้จะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่าง ทว่ากลับไม่ได้ทำให้ใครได้เปรียบเสียเปรียบสักเท่าใดนัก แม้พวกนากาจะใช้การรัดอันทรงพลังเป็นการโจมตี ทว่าพวกครุโฬก็อาศัยความว่องไว และปีกที่สามารถบินได้ หลบหนี รวมไปถึงร่อนโฉบเฉี่ยวกรงเล็บตวัดใส่นักรบนากาได้แผลไปหลายราย เฉกเช่นเดียวกับที่พวกนากาเมื่อรัดศัตรูได้เมื่อใด ก็ยากที่จะมีใครรอดชีวิตไปได้เช่นกัน 

    ทว่าด้วยจำนวนที่เสียเปรียบ และความแข็งแกร่งของเผ่าวกะรวมไปถึงบรรดาเหล่ามโคที่มาช่วยเสริม ทำให้เผ่าครุโฬในที่สุดก็ต้องยอมจำนนแก่เผ่าพันธมิตรทั้งหลาย  โดยภูธิปที่พ่ายแพ้ต่ออุรคอีกครั้ง  นั่งชันเข่านิ่งอย่างหมดกำลัง ทว่านัยน์ตานั้นยังลุกโชนไปด้วยศักดิ์ศรีที่ไม่มีวันจางหาย

   “สังหารข้าเสียสิ! เจ้าชนะแล้วนี่!”

   อุรคมองคนตรงหน้านิ่ง แล้วนึกชื่นชมต่อฝีมือที่พัฒนาขึ้นของภูธิปจนตัวเขาเองแทบจะต้านทานการโจมตีอันรุนแรงนั่นไม่ไหว  อาศัยประสบการณ์ชีวิตที่อยู่มานานมากกว่า จึงทำให้เขาสามารถสยบอีกฝ่ายลงได้ รวมไปถึงเรื่องขวัญกำลังใจที่ถูกบั่นทอน ยามลูกน้องของตนต้องพ่ายแพ้กับเผ่าอื่น ๆ ก็ทำให้ภูธิปมีสมาธิไม่มั่นคงในช่วงท้ายของการต่อสู้นัก

   “ไม่ดีกว่า ...ขืนฆ่าเจ้าเสีย ในอนาคตก็คงไร้เรื่องสนุกเป็นแน่”

   อุรคเปรยขึ้น ทำให้คนในเผ่าอื่นพากันชะงักและตื่นตระหนกต่อการตัดสินใจของอีกฝ่าย ยกเว้นพวกนากาที่คุ้นชินต่อนิสัยเช่นนี้ของผู้เป็นประมุขเสียแล้ว

   “ถ้าไม่ฆ่าข้า หากข้าฟื้นตัวเมื่อใด ข้าจะกลับมาโจมตีเจ้าอีกแน่!”

   ภูธิปกระชากเสียงตอบ แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

   “ถ้าถึงตอนนั้นเจ้ายังมีชีวิตยืนยาวอยู่ ก็จงมาได้ทุกเมื่อ ข้าจะรอเป็นคู่มือให้เจ้าเอง ...ไม่ต้องกังวลนะ อายุขัยของข้า มีมากกว่าพวกเจ้าหลายเท่านัก”

   ภูธิปกัดฟันกรอด เขามองไปยังลูกน้องที่บาดเจ็บซึ่งเหลือแทบไม่ถึงครึ่งที่ยกมา แล้วจึงตวัดสายตาไปมองอุรคอีกครั้ง

   “...เจ้าจะปล่อยพวกข้าไปจริงเช่นนั้นหรือ”

   “ข้าพูดคำไหนคำนั้น...อ้อ ไม่ต้องกลัวพวกนั้นจะตลบหลังเล่นงานล้างเผ่าพวกเจ้า ...ถ้าข้าไม่อนุญาต พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ หรือถ้าใครมีปัญหา ก็ก้าวออกมา ข้าเองก็ยังไม่หมดแรงนักหรอกนะ”

   ทัพพันธมิตรต่างพากันกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินคำพูดของอุรค  ทางด้านพิชญ์เองก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะนิสัยของเผ่านากา โดยเฉพาะตัวประมุขนั้น แทบไม่ผิดแผกจากที่เขาเคยได้ยินคำล่ำลือมา ในเรื่องที่ว่ามีนิสัยประหลาดและยากจะอ่านใจได้ โชคดีที่ตอนนี้อีกฝ่ายเลือกอยู่ข้างพวกเขา ถ้าเป็นศัตรูกัน ก็คงเป็นศัตรูที่น่ากลัวเป็นแน่

   “ก็ได้...แล้วถ้าข้าฟื้นตัวเมื่อไหร่ ข้าจะไปจัดการกับเจ้าอีกแน่นอน!”

   ภูธิปรับคำ เพราะหากเขายังคงดื้อดึง ไม่เพียงแค่เขา แต่ลูกน้องของเขาที่รอดตาย ก็อาจจะถูกรุมสังหารหมดสิ้น และพวกที่เหลืออยู่ในเผ่าก็จะได้รับอันตรายตามมาภายหลัง

   อุรคหัวเราะตอบรับ แล้วสั่งให้ลูกน้องของตนแหวกทางให้พวกครุโฬออกไป แม้จะมีบางคนในทัพพันธมิตรไม่พอใจ และโกรธแค้นอยากไล่ล่าสังหารเผ่าครุโฬให้สิ้นซากสักเพียงใด ทว่าก็ทำได้เพียงแค่เก็บความแค้นนั้นไว้ เพราะว่ากันตามจริงหากไม่ได้เผ่านากามาช่วย มีหวังพวกเขาก็คงกลายเป็นซากศพ นอนถมทับพื้นดินกันไปนานแล้ว

   

   “พาคนเจ็บไปรักษา ส่วนใครที่ยังแข็งแรงอยู่ เดี๋ยวช่วยขุดหลุมฝังคนตายด้วย ...ไม่ต้องแยกมิตรหรือศัตรู  แต่ฝังให้หมดทุกคน เข้าใจนะ!”

   พิชญ์ออกคำสั่งกับพวกมโค  ส่วนวกะที่เหลือก็มีท่าทางลังเล เพราะยังไงก็เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ทว่าพวกเขาก็ต้องชะงัก เมื่อปุริมตะโกนสั่งการขึ้นบ้าง

   “ช่วยพวกมโคขุดหลุมฝังศพ แล้วไปเรียกพวกผู้หญิงมาช่วยดูแลคนเจ็บของทั้งทางฝั่งเราและพวกมโคด้วย .... ส่วนพวกคุณถ้าไม่รังเกียจก็ขอเชิญไปยังสถานที่ของพวกเราเถอะ ที่นั่นอยู่ใกล้แค่นี้ แถมด้านเครื่องมือแพทย์ในนั้นก็มีพร้อม  ส่วนแพทย์ที่รักษา คนของเราก็มีทักษะแพทย์อยู่หลายราย”

   ปุริมหันมาสนทนากับพิชญ์และปาลินี ส่วนวิรัลนั้นมองธามที่บาดเจ็บ แล้วเอ่ยถามปุริมด้วยความเป็นห่วงในตัวคนรัก

   “มีใครกรุ๊ปเลือดเดียวกับคุณธามหรือเปล่าครับ เขาเสียเลือดไปมาก ต้องได้รับการถ่ายเลือดนะครับ”

   ปุริมยิ้มน้อย ๆ ให้กับกวางทองตรงหน้า พร้อมกับเอ่ยตอบ

   “เขาเป็นลูกชายฉัน เพราะฉะนั้นเลือดของฉันก็พร้อมมอบให้เขาอยู่แล้วล่ะ  เธอไม่ต้องกังวลหรอก”

   วิรัลถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นทั้งวกะและมโคก็ร่วมมือกันช่วยเหลือเรื่องคนเจ็บและคนตาย  ส่วนพวกนากานั้นขอตัวกลับเลย โดยไม่คิดอยู่พักผ่อน เพราะประมุขเผ่านากาอ้างว่ามีธุระสำคัญในเผ่ารอคอยอยู่ แต่ก็บอกว่ายินดีเป็นพันธมิตรให้เสมอ ถ้าวกะและมโคยังคงร่วมมือกันเช่นนี้ต่อไป



   “เขาบังคับพวกเราทางอ้อมสินะ เจ้าประมุขเผ่านากานั่นน่ะ”

   ปาลินีเปรยขึ้นหลังจากที่พวกอุรคจากไปแล้ว ทางด้านพิชญ์นั้นพยักหน้านิด ๆ แต่หันไปลอบยิ้ม เพราะคนที่เสนอความเห็นเช่นนั้น ก็คือเขานั่นเอง เพราะเขาอยากเห็นธามกับวิรัลมีความสุขอย่างแท้จริง เนื่องจากเขานั้นรู้ดีว่า ถึงปากจะบอกตัดขาด แต่สำหรับธามกับชาครก็ยังคงเห็นเผ่าวกะสำคัญเสมอ แต่ถ้ายังเป็นศัตรูกันอยู่ ทั้งคู่ก็จะมองหน้าทั้งสองฝ่ายไม่ติดนัก เพื่อเป็นการตัดปัญหา ก็สู้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกันเสียเลยน่าจะดีกว่า

   “แต่ผมว่าก็ดีนะครับ และคิดว่าจะเจรจาจริงจัง ทำเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อจากนี้ ...ถ้าทางคุณจะไม่ถือสาต่อความผิดเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา”

   ปุริมเอ่ยขึ้นบ้าง ซึ่งปาลินีก็เหลือบมอง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

   “ฉันมันก็แค่สมาชิกในเผ่า  เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของประมุขคนปัจจุบันจะตัดสินใจ ....แต่ฉันคิดว่า พอจะรู้คำตอบล่วงหน้าอยู่แล้วล่ะนะ”

   ปาลินีมองหลานชายที่เดินตามชาครที่อุ้มธามไปต้อย ๆ แล้วยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก และเมื่อถึงสถานที่มั่นของเผ่า แต่ละฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนรักษาตัว โดยพวกมโคเองก็ได้รับการต้อนรับขับสู้อย่างดีจากเผ่าวกะ จนต่างฝ่ายต่างเริ่มรู้สึกดี ๆ ต่อกันขึ้นมาบ้าง

    และเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก  วิรัลก็ติดต่อไปทางตรัณว่า สถานการณ์ทางนี้คลี่คลายเรียบร้อย ส่วนม่านฟ้าที่รู้เรื่องก็บ่นใส่วิรัลจนเด็กหนุ่มหูชา และถูกบังคับให้สัญญาว่า จะไม่ทำอะไรพลการโดยไม่บอกกล่าวกันแบบนี้อีก

   จากนั้นพออาการของธามพ้นขีดอันตราย วิรัลก็ขอตัวรับธามกลับไปดูแลที่เผ่าต่อ ซึ่งปุริมเองก็อนุญาต และบอกกับลูกชายว่า จากนี้ไปธามกับชาครพ้นโทษกบฏแล้ว และสามารถกลับมาเผ่าได้ทุกเมื่อ หากทั้งคู่ต้องการ



   ภาพพื้นเพดานสีขาว ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ  และมีเวรยามวกะเฝ้าอยู่ด้านนอกอย่างหนาแน่น ทำให้คนที่นอนรักษาตัวอยู่บนเตียงและลืมตาตื่นขึ้นขมวดคิ้วอย่างนึกประหลาดใจ  ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคุ้นเคยเข้ามาใกล้ พร้อมกับประตูที่ถูกเปิด

   “พิภพ ฟื้นแล้วหรือลูก!”

   ปุริมอุทานอย่างยินดี แล้วตรงเข้ามาดูแลอาการของลูกชายใกล้ ๆ

   “พ่อ....”

   พิภพพึมพำเบา ๆ เขานิ่งเงียบไปสักพัก จนปุริมเป็นห่วง

   “เป็นอะไรไปพิภพ เจ็บตรงไหนหรือลูก”

   พิภพไม่ตอบ แต่กลับจ้องหน้าอีกฝ่าย แล้วเอ่ยถามกลับไป

   “พ่อช่วยผมไว้ทำไม...ผมทรยศต่อเผ่านะ...ทำไมไม่จับไปขัง หรือฆ่าทิ้งเสียล่ะ”

   ปุริมชะงัก ก่อนจะลูบเส้นผมของบุตรชายคนโตอย่างอ่อนโยน

   “พิภพ...พ่อไม่ใช่ประมุขของเผ่าแล้วนะ ...จำได้ไหม พ่อหมดวาระการเป็นประมุขของเผ่าไปตั้งแต่วันนั้น ...เพราะฉะนั้น ในฐานะพ่อ พ่อจะไม่มีวันยอมให้ใครพรากลูกไปจากพ่อเด็ดขาด  ต่อให้ต้องถูกลงโทษ หรือต้องรับโทษแทนก็ตาม”

   พิภพเงียบกริบ เขาเมินหน้าหนีไปอีกทาง ไม่ยอมสบตากับปุริม ทว่าปุริมเองก็เข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มตอนนี้ เขาลูบศีรษะอีกฝ่ายแผ่วเบา แล้วจึงเอ่ยกับลูกชายของตน 

   “ต่อแต่นี้ไป พ่อจะขอแก้ตัวกับลูก จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทั้งชีวิต เป็นพ่อที่ดีของลูก...ลูกจะให้โอกาสกับพ่ออีกครั้งได้ไหม พิภพ”

   พิภพไม่ตอบ หากแต่ร่างของเขาสั่นเทิ้ม และมีเสียงสะอื้นออกมานิด ๆ ปุริมมองบุตรชายคนโตนิ่ง เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่ลูบศีรษะอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกฤตเข้ามา

   “ท่านประมุข...ง่า ผมหมายถึงท่านรักษาการประมุขน่ะครับ”

   กฤตรีบแก้คำพูดใหม่ เพราะปุริมจ้องเขามาด้วยแววตาดุ ๆ ด้วยเกรงว่าพิภพจะเข้าใจเขาผิดอีก

   “ท่านผู้คุ้มกฎแต่ละท่าน บอกว่าอยากปรึกษาเรื่องตำแหน่งประมุขของเผ่า กับท่านรักษาการ เพราะจะให้ปล่อยว่างแบบนี้ ก็คงไม่ดีนัก”

   ร่างของพิภพชะงักเล็กน้อย แล้วจึงนิ่งเฉยตามมา ทำให้ปุริมถอนหายใจยาว ก่อนจะเอ่ยกับกฤตเรียบ ๆ

   “ไปเรียกพวกนั้นมาคุยในห้องนี้ เพราะฉันกำลังดูแลลูกชายของฉันอยู่ ...ถ้าไม่ยอมมา ก็บอกให้หาคนรักษาการประมุขคนใหม่แทนแล้วกัน”

   กฤตยิ้มกว้างอย่างดีใจแทนผู้เป็นนาย เขารีบรับคำ พร้อมกับวิ่งไปบอกตามที่ปุริมสั่ง ส่วนพิภพนั้นนิ่งอึ้งกับการตัดสินใจของบิดา และเงียบไปสักพักใหญ่ ใบหน้าคมเข้มเคร่งขรึมลงคล้ายดังจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะพึมพำออกมาติดขัดเล็กน้อย

   “...พ่อ...เรื่องการตายของน้ามธุรา...กับแม่ของธาม...ผม...”

   ปุริมชะงักกึก พลางมองบุตรชายที่หันมาสบตากับเขาด้วยแววตาหวาดหวั่น แล้วจึงถอนหายใจยาว ราวดังจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร เขาเลื่อนมือวางที่ไหล่ของบุตรชาย รับรู้ถึงอาการสะดุ้งนิด ๆ ของร่างนั้น ก่อนที่มือใหญ่จะบีบบ่าของร่างบนเตียงเบา ๆ อย่างอ่อนโยน

   “ทุกคนต้องเคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้นล่ะพิภพ...แต่ถ้าทำผิดลงไปแล้ว จะเลือกแก้ไข หรือจะเลือกโทษตัวเอง โดยไม่คิดทำอะไร มันก็แล้วแต่คนผู้นั้นจะเลือก... แต่พ่อเชื่อนะพิภพ ว่าคนฉลาดอย่างลูก จะต้องรู้แน่ ว่าควรเลือกทางไหน”

   พิภพนิ่งอึ้งสักพัก ก่อนจะโต้แย้งกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

   “แต่โทษของผม...มันไม่สมควรที่จะได้รับการอภัยง่าย ๆ”

   ปุริมถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงลูบศีรษะของอีกฝ่ายค่อย ๆ

   “... การตายหนีปัญหามันเป็นเรื่องง่ายก็จริง ...แต่ลูกไม่คิดหรือว่า นั่นมันเท่ากับลูกได้ทำร้ายคนที่เขาเห็นลูกเป็นสิ่งสำคัญ อย่างเช่นพ่อนี่ไงล่ะ...”

   พิภพนิ่งอึ้ง แล้วเม้มปากน้อย ๆ กลั้นสะอื้นเอาไว้ ทว่าสิ่งที่บิดาพูดต่อมา ก็ทำให้เขาถึงกับเบิกตาด้วยความตกตะลึง

     “พิภพ... ธามน้องชายของลูกฝากอโหสิกรรมมาให้แล้ว... ถ้าลูกสำนึกผิดจริง ลูกก็ควรทำในสิ่งที่ถูกที่ควรหลังจากนี้ เพื่อชดใช้ในสิ่งที่ลูกได้ทำลงไป ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของลูก...”

   พิภพน้ำตาไหลซึมแล้วพยักหน้ารับรู้  จากนั้นสักพักพวกผู้คุ้มกฎอาวุโสก็เข้ามาในห้อง และปรึกษาถกเถียงกัน ถึงความเหมาะสมของสมาชิกแต่ละรายที่เสนอชื่อมาเป็นประมุขคนใหม่ เพราะพิภพเองแม้จะได้รับการอภัยโทษ แต่ก็มีความผิดติดตัว ทำให้ไม่สามารถรับตำแหน่งประมุขได้อีก แถมยังถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ภายในหุบเขาของเผ่าแห่งนี้ตลอดชีวิตอีกด้วย

    ส่วนลูกน้องของพิภพแต่ละคน ล้วนต่างได้รับการอภัยโทษเช่นกัน เพราะถือว่ากระทำตามคำสั่งผู้เป็นนายเท่านั้น แถมยังมีความดีที่ช่วยเหลือเรื่องปล่อยตัวประกันอีก จึงทำให้ทุกคนสามารถกลับมาทำงานในเผ่าได้ตามเดิม

    การประชุมทำท่าจะยืดเยื้อออกไปอย่างหาข้อสรุปไม่ได้  ทว่าพิภพก็ได้ขออนุญาตบิดาและผู้คุ้มกฎอาวุโสทั้งหลาย เสนอความเห็นของเขาบ้าง  ชายหนุ่มได้แจกแจงรายละเอียดและคุณสมบัติ รวมไปถึงความสามารถต่าง ๆ ของว่าที่ประมุขแต่ละคนแบบเจาะลึก เนื่องจากเขาสามารถจดจำข้อมูลของวกะคนสำคัญในเผ่าได้แทบทั้งหมด  ข้อมูลของพิภพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาในครั้งนี้มาก  และนั่น จึงทำให้พวกเขาสามารถคัดเลือกคนที่จะมาดำรงตำแหน่งประมุขได้สำเร็จในที่สุด เหลือก็เพียงเรียกเจ้าตัวมาทดสอบสัมภาษณ์ปฏิภาณ ไหวพริบ และทัศนคติที่มีต่อเผ่าเท่านั้น

 

   ในขณะที่เผ่าวกะกำลังประชุมคัดเลือกผู้นำคนใหม่ของเผ่า อีกด้านหนึ่งพวกมโคที่ไปออกรบ ต่างก็กลับมาทำงานขยันขันแข็งกันยิ่งกว่าปกติ เพื่ออุดรอยโหว่ของเพื่อนพ้องในตระกูลที่เสียชีวิตไป  ส่วนพวกที่ยังบาดเจ็บอยู่ ก็ถูกคำสั่งเด็ดขาดให้พักฟื้น ห้ามแอบมาทำงานกันเด็ดขาด โดยผู้ออกคำสั่งก็คือประมุขของเผ่านั่นเอง

   “คุณธาม! อีกแล้วนะครับ! ถ้าคุณยังแอบทำงานแบบนี้ ต่อไปผมจะให้พิชญ์มาเป็นเลขาคุณแทนชาครนะ!”

   ธามถอนหายใจเฮือกใหญ่กับบทลงโทษที่ได้ฟัง ส่วนชาครลอบยิ้ม เพราะรู้ว่าเจ้านายของเขา ก็แพ้ทางพิชญ์อยู่ใช่น้อย

   “ก็ได้ ๆ ไม่ทำแล้ว จะไปพักเดี๋ยวนี้ล่ะ... แต่นอนคนเดียวก็เหงานี่ อยากหาคนนอนเป็นเพื่อนด้วยน่ะ”

   วิรัลสั่นศีรษะอย่างระอา เพราะว่าเขานั้นยังคงแข็งแรงดี จึงต้องขยันทำงานแทนพรรคพวกที่บาดเจ็บ แต่คนรักแสนอ้อนของเขา ก็พยายามจะให้เขาอู้งานอยู่เรื่อย แถมถ้าเขาไม่ยอม เผลอ ๆ เจ้าตัวก็จะแวบเข้ามาช่วยงานเขาเป็นระยะแทน

   “ผมนอนเป็นเพื่อนแทนท่านวิรัลดีไหม เผื่อคุณอาจจะนอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่กว่าเดิมก็ได้”

   พิชญ์แกล้งแหย่ แต่ทำให้ธามนั้นสะดุ้ง แล้ววิรัลหัวเราะเบา ๆ ส่วนชาครนั้นอมยิ้ม ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อธามเอ่ยตอบกลับมา

   “ไม่ล่ะ ฉันกลัวชาครจะโกรธเอา ที่นอนใกล้ชิดหวานใจของเขาเข้า”

   พิชญ์ชะงัก หน้าแดงระเรื่อ ส่วนชาครทำเป็นไม่รู้ไม่สน และวิรัลเบิกตาอย่างตื่นเต้น

   “ตกลงพวกนายคบกันจริง ๆ หรือพิชญ์  ว้าว! วิเศษไปเลย ทั้งสองคนเหมาะสมกับมากเลยล่ะ!”

   วิรัลบอกแล้วยิ้มกว้าง ทำให้พิชญ์กระแอมถี่ ๆ แล้วรีบปฏิเสธยกใหญ่

   “เข้าใจผิดแล้วครับ! คุณธามก็เหมือนกัน เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ คนอื่นมาได้ยินเข้า แล้วเอาไปพูดผิด ๆ ผมเสียหายนะ! นายก็เหมือนกัน แก้ตัวแทนกันบ้างสิ!”

   พิชญ์พาลไปทั่ว ทำให้แต่ละคนอมยิ้ม สำหรับวิรัลเริ่มมั่นใจแล้วว่าพิชญ์นั้นคงมีใจให้กับชาครจริง ๆ เพราะความห่วงใย อ่อนโยน ที่มักจะมีให้กับเขา เดี๋ยวนี้ชายหนุ่มก็เริ่มปฏิบัติกับชาครบ่อยครั้ง โดยที่พิชญ์เองก็ไม่ทันรู้ตัวนัก

   “เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว! มาพูดเรื่องเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับเผ่าวกะแทนดีกว่า อาทิตย์หน้าเราต้องคัดเลือกส่งตัวแทนฝ่ายตระกูลของเราไป  ทางตระกูลพงศ์พิสุทธิ์ ท่านตรัณเสนอตัวเองไป  ส่วนตระกูลอื่น ก็เห็นว่าจะส่งผู้นำบ้าง ทายาทบ้างไปร่วมในการเซ็นสัญญาด้วย  ส่วนทางตระกูลของเรา ท่านวิรัลและคุณก็ต้องไปในฐานะตัวแทน ส่วนฉันกับนายก็เป็นผู้ติดตาม ตกลงตามนี้นะ”

   พิชญ์เปลี่ยนเรื่องสนทนาแล้วบังคับธามกับชาคร ที่ยังคงมีท่าทางลังเล

   “แต่พวกเราไม่ใช่คนของเผ่ามโคนะ จะให้ร่วมเป็นตัวแทนของฝั่งนี้จะดีหรือ”

   ชาครเอ่ยแทนผู้เป็นนาย ทำให้พิชญ์ขมวดคิ้วยุ่ง แล้วโพล่งใส่

   “บ้ารึ! ป่านนี้ยังจะมาพูดแบบนี้อีก ถ้ายังไม่ถอนคำพูด ฉันจะโกรธจริง ๆ นะ!”

   วิรัลอมยิ้มน้อย ๆ แล้วสวมกอดคนรักที่ทำหน้าลังเล ก่อนจะเอ่ยขึ้นบ้าง

   “คุณเคยพูดไม่ใช่หรือครับว่า เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะฉะนั้นก็อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลยครับ ลองพิชญ์บอกว่าได้ ก็ไม่มีใครในเผ่ามโคกล้าค้านหรอกครับ”

   พิชญ์ชะงักก่อนจะกระแอมเบา ๆ เพราะไม่อยากยอมรับว่าเขามีอำนาจขนาดนั้นเหมือนอย่างที่วิรัลพูดไว้

   “โอเค ๆ ขอถอนคำพูด ...ขอโทษนะ”

   ชาครบอกแล้วยิ้มน้อย ๆ ทำให้คนฟังชะงักหน้าแดงระเรื่อ แล้วทำเป็นค้อนให้อย่างหมั่นไส้ จนคนอื่นต้องอมยิ้ม

   “ว่าแต่ทางฝั่งนั้น คงต้องหาประมุขใหม่แทนพี่ชายคุณสินะ ...อ๊ะ”

   วิรัลเอ่ยขึ้นก่อนจะชะงัก แล้วพึมพำขอโทษเบา ๆ เพราะเกรงว่าธามจะรู้สึกไม่พอใจ ที่ปุริมไม่ได้ลงโทษพิภพในเรื่องแม่ของธาม อย่างที่ควรจะเป็น

   “หึ ๆ ไม่เป็นไรหรอกวิรัล ฉันไม่คิดอะไรเรื่องนั้นแล้วล่ะ อีกอย่างฉันก็ฝากพ่ออโหสิกรรมเรื่องแม่ ให้เขาไปแล้ว”

   พิชญ์กับวิรัลมองธามอย่างแปลกใจ เพราะก่อนหน้านั้นธามยังแค้นเคืองเรื่องของมาลุตอยู่เลยด้วยซ้ำ

   “ถ้าฉันฆ่าเขา หรือบังคับให้พ่อลงโทษเขาให้ตายตกตามกับแม่ของฉันไป ...มันก็รังแต่จะทำให้พ่อเสียใจเปล่า ๆ เพราะถึงยังไงแม่ก็คงไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอยู่ดี ...สู้อโหสิให้แก่กันเสียดีกว่า  คนสำคัญของเขาก็จะได้ไม่เสียใจ แล้วเกิดเจ็บแค้น เป็นเวรเป็นกรรมสืบเนื่องกันไปอีกไม่เลิกรา...คนที่ฉันรักและสำคัญกับฉัน ก็จะได้ไม่ต้องมาพลอยโดนลูกหลงจากความแค้นเคืองพวกนี้ไปด้วย” 

   วิรัลมองคนรักของเขาอย่างซาบซึ้ง ทางด้านธามนั้นมองเด็กหนุ่มแล้วแย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน

    “ที่ฉันคิดได้แบบนี้ เพราะฉันมีเธออยู่เคียงข้างรู้ไหม...เธอทำให้ฉันรู้จักคำว่ารัก เสียสละ และอภัย ...ได้อยู่กับเธอฉันมีความสุข และฉันก็ไม่อยากจะกลับไปเป็นคนที่จมทุกข์อยู่กับความแค้นเหมือนเดิมอีกแล้ว”

   วิรัลยิ้มหวานตอบรับอีกฝ่าย ส่วนพิชญ์พอเห็นเจ้านายของตนกับคนรักของเจ้านาย เริ่มที่จะมีบรรยากาศดี ๆ ต่อกัน  เขาจึงปลีกตัวออกมาเช่นเดียวกับชาคร แล้วปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง

 

   หลังออกมาจากห้องแล้ว พิชญ์จึงลงไปเดินเล่นที่สวนหย่อมของคฤหาสน์ ซึ่งชาครก็เดินตามไปด้วย เพราะสังเกตเห็นว่าพิชญ์มีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก

   “เป็นอะไรไป คิดอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ”

   พิชญ์ชะงักแล้วจึงหันไปมองชาคร เขาก้มหน้าอยู่สักครู่ แล้วจึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ

   “ฉันเคยฆ่าพี่ชายเขา ...ทั้งที่ตอนนั้น ฉันก็พอมองออก ว่าเขาให้อภัยหมอนั่นแล้ว ...แต่ด้วยสัญชาตญาณของฉันมันเตือนว่า พี่ชายของเขาเป็นอันตราย และหากปล่อยไว้ ไม่เขาก็ท่านวิรัล ต้องเดือดร้อนอีกแน่... ฉันจึงตัดสินใจสังหารหมอนั่นเสีย ...มาจนถึงตอนนี้ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเจ้านายของนายน่ะ จะโกรธเกลียดฉันบ้างไหม”

   ชาครแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงดึงร่างโปร่งมากอดหลวม ๆ ทีแรกพิชญ์นั้นแข็งขึงและตกใจ ทว่าพอได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย รวมไปถึงรอยยิ้มและมือใหญ่ที่ลูบหลังเขาอย่างอ่อนโยน ก็ทำให้ชายหนุ่มเริ่มโอนอ่อนแล้วซบลงกับอกกว้างของชาครอย่างง่ายดาย

   “ท่านธามไม่เคยโกรธนายหรอก เขามีแต่จะขอบคุณนายด้วยซ้ำ...เพราะด้วยสายเลือด แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายอันตรายเพียงใด แต่เขาก็สังหารท่านมาลุตไม่ลง ...ถึงจะชอบวางตัวปั้นปึ่งเย็นชา แต่ท่านธามอ่อนโยนมากนะ เพราะฉะนั้นฉันถึงตัดสินใจจะติดตามรับใช้เขาตลอดชีวิตล่ะนะ”

   “อืม...เพราะฉันรู้ว่าเขาก็มีด้านที่ดีอยู่มาก ถึงยอมฝากฝังท่านวิรัลให้เขาดูแลยังไงล่ะ...”

   พิชญ์รับคำ แล้วจึงอยู่นิ่งแบบนั้น  สักพักเขาจึงเริ่มรู้สึกตัวว่าตนอยู่ในสภาพใด ใบหน้าหล่อเหลาร้อนวูบวาบ ก่อนจะดันกายห่างออกมา โดยคนกอดก็ยอมปล่อยมือออก แม้จะเสียดายอยู่บ้างก็ตาม

   “แล้วเรื่องนั้น...เรื่องที่นายเขียนไว้ในจดหมายล่ะ...เรื่องจริงใช่ไหม...หรือว่าเขียนไปแบบนั้นเอง”

   ชาครหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าเขินอายของคนตรงหน้า เขามั่นใจไปแล้วเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าพิชญ์มีใจตอบ เพียงแต่คนที่เขารักนั้นค่อนข้างปากแข็งไปสักนิด จึงทำให้เขาต้องเหนื่อยบอกรักไปสักหน่อย

   “แน่นอน เวลาเป็นตายแบบนั้นใครจะล้อเล่นกันได้ลงล่ะ ...ถ้าไม่เชื่อจะพูดให้ฟังแทนก็ได้ ...ฉันรัก...”

   “เดี๋ยว! อย่าพูดนะ!”

   พิชญ์รีบห้าม เมื่อเห็นลูกน้องของเขาสองสามคนเดินผ่านมา และกำลังมองมาทางพวกเขาอย่างสนอกสนใจ

   “เจ้าบ้า! ไม่มีความละเอียดอ่อนเลย พวกวกะหยาบคายแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าเนี่ย!”

   พิชญ์บอกด้วยความอายเต็มที่ ทำให้ชาครถอนหายใจ แล้วจึงจูงมืออีกฝ่ายเดินไปด้วยกัน

   “เดี๋ยว! นี่นายจะพาฉันไปไหนน่ะ!”

   ชาครหันมายิ้มติดเจ้าเล่ห์ ทำเอาคนถามชะงัก แล้วจึงหน้าแดงตามมาเมื่อได้รับคำตอบ

   “ก็พาไปสารภาพรักแบบโรแมนติก ในที่ที่ไม่มีคนแอบดูน่ะสิ”

   จากนั้นพิชญ์ก็เดินหน้าแดงตามอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ ด้วยความเต็มใจ โดยไม่คิดขัดขืน เพราะเขาเพิ่งเริ่มรู้ใจตัวเองว่ารักอีกฝ่ายเช่นกัน ก็ตั้งแต่ตอนที่ได้อ่านจดหมายฉบับนั้นของชาครนั่นเอง

   

... TBC ...



หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 27 P.14 (โพส : 3/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 03-02-2013 14:27:07
จะจบแล้ววววอ่ะ
ยังอยากอ่านต่อเรื่อยๆ
จริงอยากอ่านหลายคู่มาก ทั้ง พิชญ์ กับ ชาคร
หรือ พิภพ กับ ภูธิป? ชอบซาดิสม์ๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 27 P.14 (โพส : 3/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nayne ที่ 03-02-2013 14:34:28
โอ้วววว หวานๆๆๆๆ
ตอนนี้หวานน้ำตาลหยดจริงๆ
ใครจะได้เป็นประมุขคนใหม่ของเผ่าวกะเนี่ย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 27 P.14 (โพส : 3/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 03-02-2013 15:34:46
ชักชอบคู่พิชญ์แล้วชิ อยากอ่านคู่คุณพ่อแล้วชิคุณอุรคท่าทางกะล่อนดีขนาดอายุเยอะแล้วยังทำตัวเป็นหนุ่มน้อยอยู่เลย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 27 P.14 (โพส : 3/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 03-02-2013 16:01:57
จบหวานมากกก :-[ :-[ :-[
ใครได้เป็นประมุขของวกะหว่านี่?  กฤตรึป่าว  เพราะก็ไม่รู้จะมีใครอีกแว้วอ่า  :m28:

ส่วนพิภพ  อยากรู้ว่าจะได้เจอกับภูธิปอีกรึป่าว  อิอิ    :laugh:
คิดว่าคู่นี้เหมาะกันพอควรเลยนะ  แต่ถ้าได้เจอกันอีก สงสัยจะเป็นแนวตบจูบแล้วล่ะนั่น   :m20:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 27 P.14 (โพส : 3/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 03-02-2013 16:03:10
ดีจัง สถานการณ์คลี่คลาย คุณพ่อปลดระวางจากตำแหน่งประมุขแล้ว
ทีนี้มีเวลาเต็มที่คอยให้ความรักกับพิภพแล้วนะ ไม่ต้องน้อยใจแล้วล่ะ
พิภพก็ใช้เวลานี้อยู่กับคุณพ่อ ดูแลท่านให้เต็มที่เลย

ขอรีเควสคู่คุณพ่อเวทิตกับป๋าอุรคค่ะ สักสองตอนดีมั้ยน้า ฮ่าๆ อยากอ่านมากๆ  :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 27 P.14 (โพส : 3/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 03-02-2013 17:13:00
คุณนักเขียนปัดดดดดดดด. เห็นใจคนอ่านตาดำๆด้วยเถอะ :monkeysad: :monkeysad:
ลงตอนพิเศษซัก5-6ตอนเถอะ เค้ายังทำใจไม่ด้ายยยยยย อ่า :sad4: :sad4:



ถึงเวลาจะเปลี่ยนไป...แต่หัวใจฉันยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
[/color][/size]
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 27 P.14 (โพส : 3/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 04-02-2013 01:16:43
พิภพคงจะไม่น้อยใจพ่อแล้วสินะ แล้วภูธิปพิภพนี่ยังไงกันแน่ ภูธิปรู้สึกยังไงกับพิภพกันนะ แล้วใครจะได้เป็นหัวหน้าของเผ่ากันนะเนี่ย วิรัลธามหวานน่าดู พิชญ์ขี้อายนะนั่น ชาครดูแลพิชญ์ดี ๆ นะ แล้วอุรคเวทิตนี่ยังไงกันนะเนี่ย อุรครีบกลับไปหาเวทิตสินะเนี่ย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 04-02-2013 12:44:45
ดันๆๆ รออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 04-02-2013 12:44:54

ลิขิตรักอสุรกาย
บทสรุปส่งท้าย


   การเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรระหว่างสองเผ่าพันธุ์ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี  ประมุขเผ่าวกะคนใหม่นั้น อายุยังน้อยเพียงแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น ทว่าเจ้าตัวมีคุณสมบัติบางอย่างที่ผิดแผกจากคนอื่น ๆ ที่มีสิทธิ์เข้าเลือกตำแหน่งประมุข  นั่นก็คือ นอกจากจะมีหัวทางด้านการบริหาร และเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีแล้ว ชายหนุ่มยังมีความอ่อนน้อมถ่อมตน และยอมรับฟังความเห็นที่มีประโยชน์จากคนรอบข้าง อย่างที่ยากจะหาได้ในหมู่พวกวกะระดับผู้นำตระกูลส่วนใหญ่ ที่มักมีแต่ความเย่อหยิ่งยโสในตัวเพียงเท่านั้น

   “จนถึงทุกวันนี้ ผมเองยังไม่อยากเชื่อ ว่าจะได้รับตำแหน่งประมุขของเผ่าเลยล่ะครับ... ผมไม่มั่นใจว่าตัวผมจะพาเผ่าให้เจริญก้าวหน้า เหมือนอย่างท่านปุริมทำไว้ได้ไหม”

   อภิคม ประมุขคนใหม่ของเผ่าวกะ เอ่ยกับธามและวิรัล ในช่วงพักกินเลี้ยงหลังการเซ็นสัญญาจบลง

   “คุณทำได้อยู่แล้วน่า ลองพ่อและผู้คุ้มกฎทุกคนเลือกคุณมาแล้ว แสดงว่าพวกเขาก็ต้องคัดสรรกันมาเป็นอย่างดีแน่นอน”

   ธามให้กำลังใจประมุขคนใหม่ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม เขาขอบคุณธามเบา ๆ แล้วจึงขอตัวไปอีกทาง เมื่อมีคนมาแจ้งว่า มีเรื่องจะปรึกษาประมุขคนใหม่สักหน่อย

   “ทีนี้เผ่าของผมกับเผ่าของคุณก็เป็นพันธมิตรกันอย่างถูกต้องสมบูรณ์สักทีนะครับ คุณธาม”

   ธามยิ้มให้กับคนรักพร้อมกับเอ่ยตอบ

   “ใช่ ...ขอบคุณนะวิรัล ถ้าไม่ได้ความกล้าหาญของเธอ และทุกคนในเผ่ามโคเมื่อวันนั้น  บางทีพวกเราอาจจะไม่ได้มายืนคุยกันอย่างสงบสุขแบบนี้ก็ได้”

   วิรัลยิ้มรับ แล้วจึงแย้งกลับไป

   “ไม่ใช่แค่ผมและคนของผมหรอกครับ แต่เป็นเพราะทุกคนในเผ่าวกะร่วมมือร่วมใจกันด้วยต่างหาก”

   ธามโอบร่างคนรักมาใกล้โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่น ทว่าก็ไม่มีใครมองทั้งคู่อย่างดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างใด ตรงกันข้าม ล้วนแต่มีความชื่นชมให้เห็นกันถ้วนหน้าด้วยซ้ำ


   และเมื่องานฉลองเสร็จสิ้นลง ตัวแทนฝั่งมโคก็ต่างขอตัวเดินทางกลับเผ่า โดยมีประมุขรวมไปถึงผู้นำระดับสูงคนอื่น ๆ ของเผ่าวกะ ตามมาส่งถึงที่รถยนต์ของแต่ละฝ่าย

   “ธาม... วันนี้พี่เขายังไม่พร้อมจะมาพบลูก ...แต่ถ้าวันใดที่เขาพร้อมจะให้อภัยตนเองแล้ว  พ่อหวังว่าลูกคงจะยอมมาพบหน้าเขาบ้างนะ”

   ปุริมบอกกับลูกชายคนเล็ก ธามชะงักเล็กน้อย ก่อนจะสบสายตาผู้เป็นบิดาที่ยังคงมีความกังวลแฝงอยู่ ชายหนุ่มยกยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก แล้วจึงตอนกลับไปสั้น ๆ

   “ครับ...”

   “ขอบใจนะลูก...ที่อภัยให้พี่เขา”

   ปุริมบอกตอบด้วยความตื้นตัน ซึ่งธามก็มองบิดาของเขา พลางกำมือน้อย ๆ ก่อนจะคลายออก และตัดสินใจทำในสิ่งที่ต้องการมานาน โดยการโผกอดคนตรงหน้าเขา

   “ผมอภัยให้เขา เพราะไม่อยากให้พ่อต้องเสียใจ... และผมหวังว่าเขาจะคิดถึงความรู้สึกพ่อ ยอมอภัยให้ตัวเองสักทีเหมือนกัน”

   ปุริมที่นิ่งอึ้งตอนแรก ค่อย ๆ กระชับอ้อมกอดตอบบุตรชายคนเล็กด้วยความซาบซึ้ง ทั้งคู่กอดกันอยู่พักใหญ่ ธามจึงดันกายออกมาช้า ๆ

   “รักษาตัวด้วยนะครับพ่อ แล้วผมจะแวะมาเยี่ยมพ่อกับพี่บ่อย ๆ”

   ธามเอ่ยอำลา ซึ่งปุริมก็พยักหน้ารับ

   “แล้วพ่อจะรอนะลูก ...ลูกกับวิรัลเองก็เหมือนกัน รักษาตัวด้วยล่ะ”

   ธามกับวิรัลยิ้มรับ ทั้งคู่ยกมือไหว้อำลาปุริม จากนั้นพวกเขาจึงแยกจากพวกวกะ ตรงกลับหมู่บ้านมโคของพวกตนด้วยอารมณ์อันปลอดโปร่ง ที่เรื่องราวทั้งหลายล้วนแต่คลี่คลายลงไปในทางที่ดีแทบทั้งสิ้น

   
   เมื่อมาถึงหมู่บ้านมโค วิรัลก็บอกให้พิชญ์จอดรถ และชวนธามลงมาเดินเล่นที่สวนหย่อมหน้าหมู่บ้านของพวกเขา

   “จำได้ไหมครับ ผมเห็นคุณวันแรกที่นี่ ...คุณนั่งอยู่ในรถ ผ่านมา แล้วเราก็สบตากัน”

   วิรัลบอกกับคนรักพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งธามก็ยิ้มตอบ พลางโอบบ่าของอีกฝ่ายมาแนบใกล้ร่างเขา

   “จำได้สิ ...ฉันจำได้ดีทีเดียว ...เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ได้สบตาเธอ  ฉันก็ถูกขโมยหัวใจไปจนหมด และมีแต่ภาพของเธอในสมองของฉันเท่านั้น”

   วิรัลหน้าแดงวาบ ที่อีกฝ่ายเองก็เป็นเหมือนเขา เด็กหนุ่มพลิกกายซบหน้ากับอกกว้างของธาม แล้วพึมพำบอก

   “ถ้าหากเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นเพียงแค่ความฝัน และพอตื่นขึ้น ก็ไม่มีคุณอยู่ข้างกายเหมือนอย่างทุกวันนี้ ... ผมคงแทบจะทนไม่ได้ทีเดียว”

   ธามประคองกอดคนรักของเขาอย่างอ่อนโยน  แล้วจึงกระซิบบอกเสียงแผ่ว

   “เธอไม่ได้ฝันหรอกวิรัล ...และถึงจะเป็นฝัน หากเมื่อใดเธอตื่นขึ้นมา ตัวฉันในโลกแห่งความเป็นจริง ก็จะยังคงได้ตามมาพบกับเธอ...ได้รัก และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ครองคู่กันอยู่ดี... พวกเราเป็นคู่แท้ของกันและกันไม่ใช่หรือวิรัล”

   วิรัลเงยหน้ามองคนที่เขารักด้วยดวงตาเอ่อน้ำใส  พร้อมกับกระซิบตอบอย่างมีความสุข

   “ครับ...ไม่ว่าจะเกิดสักกี่ชาติ ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร ...ผมก็จะตามหาคุณให้พบ และได้รักกันแบบนี้ในทุกชาติไปอย่างแน่นอน”

   ธามมองคนตรงหน้าอย่างรักใคร่และตื้นตัน จากนั้นจึงโน้มใบหน้าลงจุมพิตที่เปลือกตาของอีกฝ่ายแผ่วเบา

   “มันต้องเป็นแบบนั้นแน่... ฉันเองก็เชื่อแบบนั้น”

   วิรัลยิ้มหวานตอบรับ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินชมนกชมไม้บริเวณนั้นกันอีกพักใหญ่ พิชญ์ที่ยืนดูห่าง ๆ กับชาคร จึงเชิญทั้งคู่กลับไปพักผ่อนที่บ้าน เพราะวันนี้ทั้งคู่ตื่นกันแต่เช้าเพื่อเดินทาง และยามนี้ก็ควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว

   “ช่วยไม่ได้ ...ดีเหมือนกัน ขืนอยู่ที่นี่นานต่ออีกนิด เกิดมีใครผ่านไปผ่านมาแล้วปิ๊งวิรัลของฉันเข้าบ้าง ก็คงไม่ดีนัก”

   ธามเปรยตัดบท เมื่อเห็นคนรักทำหน้าเบ้และบ่นอยากจะขออยู่เดินเล่นต่ออีกสักพัก 

    ส่วนวิรัลนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของธาม เขาก็หน้าแดงแล้วพึมพำบ่นใส่คนรักอย่างเขินอาย และนั่นจึงทำให้วิรัลยอมกลับไปพักผ่อนจนได้


    แต่เอาเข้าจริง ๆ พอถึงที่พัก แทนที่ทั้งคู่จะเข้านอนหลับพักผ่อนอย่างที่พิชญ์อยากให้เป็น  พี่เลี้ยงหนุ่มก็ต้องเกิดความเอือมระอา เมื่อธามนั้นพอมาถึงคฤหาสน์มฤคมาศ  ก็เริ่มอ้อนและลงมือลวนลามเจ้านายของเขาชนิดที่ว่าคงไม่มีทางยอมปล่อยให้วิรัลได้พักผ่อนตามที่เขาเคยคิดไว้แน่ 

    ส่วนตัวเขาพอเห็นดังนั้นจึงคิดจะเข้าไปห้ามปราม แต่ก็ดันถูกลูกน้องตัวแสบของอีกฝ่ายลากไปให้ห่างห้องนอนของผู้เป็นนาย แถมยังพาเขาไปรังแกหากำไรในห้องเจ้าตัวอีกต่างหาก

   รู้แบบนี้เขาน่าจะยอมฟังวิรัล แล้วปล่อยให้ทั้งคู่เดินเล่นจนเพลียไปเองเลยก็คงดี!


..
...
....
 


   ลึกเข้าไปในป่าใหญ่ ร่างโปร่งบางงดงามของชายหนุ่มผู้หนึ่ง กำลังร้องครวญครางอยู่ภายใต้ร่างแกร่งหนาของบุรุษผู้มีเส้นผมสีขาวโพลนทั้งศีรษะ  ทว่าใบหน้านั้นยังคงดูหล่อเหลาและยังอยู่ในวัยฉกรรจ์ผิดจากอายุจริงที่เป็นหลายเท่า

   “เวทิต ...เด็กน้อยที่น่ารักของข้า...จงจำไว้ว่าเจ้าเป็นของข้า และอย่าได้คิดผิดสัญญาระหว่างเราที่เคยมีให้กันอีก...รู้ไหม”

   อุรคกระซิบย้ำบอกร่างโปร่งในขณะที่เล้าโลมให้ร่างนั้นมีความสุข บนที่นอนผ้านุ่มผืนใหญ่ เวทิตพยายามกัดริมฝีปากข่มเสียงครางของตน แต่ก็หลุดหลงลืมตัวทุกครั้ง ยิ่งโดยเฉพาะยามที่ ร่างใหญ่นั้นสอดใส่ประสานแนบสนิทกับตนและเคลื่อนไหวนำพาเขาไปสู่ปลายทางแห่งความสุขซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   “คุณอุรค...ผมทนไม่ไหวแล้ว...ผมจะ...ฮึก...”

   “หึ ๆ ทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทน...ปลดปล่อยออกมา พร้อมเสียงครางที่น่าฟังของเจ้าเสียสิ กวางทองที่น่ารักของข้า”

   อุรคกระซิบเสียงแหบพร่า พร้อมกับเคลื่อนไหวกระแทกกระทั้นรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จวบจนร่างโปร่งต้องหวีดร้อง พร้อมปลดปล่อยหยาดอารมณ์ขุ่นข้นออกมาเปรอะเปื้อนเต็มหน้าท้องของทั้งคู่เต็มไปหมด

   “เด็กน้อย...เจ้าเป็นของข้า และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป  อย่าหวังแม้แต่จะคิดหลบหนีไปจากข้าอีก ...หากเจ้าคิดหนีกลับเผ่าเมื่อใด  ข้านี่ล่ะจะทำลายเผ่าของเจ้า เพื่อให้เจ้าไร้ที่กลับ...”

   อุรคกระซิบขู่เสียงเยียบเย็นจนเวทิตสะดุ้งเฮือก เขามั่นใจว่านั่นไม่ใช่เพียงคำขู่ หากแต่ประมุขเผ่านากาผู้นี้ สามารถทำอย่างที่พูดได้จริง และนั่นเป็นสิ่งที่เขาจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้

   “ผมจะไม่คิดหนีไปจากคุณอีกแล้ว...ผมสัญญา”
   
  อุรคแย้มยิ้มที่มุมปาก แล้วจึงกระแทกสะโพกสวนกลับเข้าไปใหม่ ทำให้คนเพิ่งปลดปล่อยไปสะท้านเฮือกทั้งร่าง ก่อนจะโอนอ่อนผ่อนตามร่างหนาที่ยังคงไปไม่ถึงฝั่งฝัน พร้อมกับร้องครางสุดเสียงอีกครั้ง ยามเมื่ออุรคกระแทกสุดแรง และนิ่งแช่กายเอาไว้ เพื่อปลดปล่อยหยาดอารมณ์มากมายของเจ้าตัว เข้าสู่ร่างกายของชายหนุ่มผู้อ่อนเยาว์กว่า  จนมันนองล้นออกมายามที่อีกฝ่ายขยับถอนกายออกมานอนข้าง ๆ ร่างโปร่ง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปก่อนอย่างพึงพอใจ  ทิ้งให้เวทิตชำเลืองมองร่างของอีกฝ่ายอยู่เพียงลำพัง

   อุรค...ประมุขเผ่านากา ผู้ที่ช่วยชีวิตเขาจากสงครามกับเผ่าวกะเมื่อสามปีก่อน ทว่าพอเขาหายดี ก็กลับถูกอีกฝ่ายกักขังเอาไว้และขืนใจเขา  เมื่อเขาตัดสินใจหนี ก็มักถูกติดตามกลับมาอย่างง่ายดาย และหลังจากนั้นเขาก็จะถูกอีกฝ่ายทรมานจนแทบขาดใจบนเตียงของเจ้าตัวติดกันหลายวันหลายคืน และยิ่งเขาหนีบ่อยขึ้น บทลงโทษนั้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกครั้ง จนเขาคิดหมดอาลัยตายอยากอยู่บ่อย ๆ

    ทว่าพอคิดจะฆ่าตัวตาย อุรคก็จะหยิบเผ่าของเขาขึ้นมาขู่ ทำให้เขาจำต้องทนอยู่กับพญางูใหญ่เช่นนี้ไปเรื่อย ๆ  โดยหวังว่าสักวัน หากอีกฝ่ายเบื่อ เขาก็คงจะได้เป็นอิสระบ้าง จนกระทั่งได้เจอกับพิชญ์ที่เข้ามาขอความช่วยเหลือถึงเผ่านากาในวันหนึ่ง

    และพอได้รับรู้ถึงเรื่องราวของวิรัล ก็ทำให้เวทิตเริ่มปลงตก ว่าต่อให้ไม่มีเขา บุตรชายของเขาก็ยังคงสามารถอยู่รอดเติบใหญ่ได้ และถ้าการเสียสละของเขาจะช่วยทั้งลูกชายและเผ่ามโคได้ เขาก็ยินดี

    “ผมเกลียดคุณ... ได้ยินไหม... ผมเกลียดคุณที่สุด”

   เวทิต กระซิบพึมพำ แล้วจึงเอนกายลงนอนซบกับอกกว้างของอีกฝ่าย ยิ่งได้รับไออุ่นและอ้อมกอดที่ประคองกระชับร่างเขาเข้าหา มฤคมาศหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกถึงความอบอุ่นอ่อนโยน จนกระทั่งเผลอหลับสนิทไปในอ้อมกอดของคนข้างกายอีกครั้งจนได้

   “ต่อให้เจ้าเกลียดข้าสักเพียงใด ....แต่ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าห่างกายข้าเด็ดขาด ...จำไว้นะเวทิต”

   คนที่ดูเหมือนหลับไปแล้ว ลืมตาขึ้นมาพึมพำพร้อมกับจ้องคนในอ้อมกอดของตนนิ่งสักพัก ก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม และหลับตาลงไปด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง
   
 
The End


จบแล้วค่ะ ...ตอนแรกปัดตั้งใจว่าจะให้จบแค่ตอนที่ชาครพาพิชญ์เข้าห้อง ... แต่ไหน ๆ เห็นหลายคนทวงถามถึงคู่คุณพ่อว่ามันมาไงไปไง จึงมาเฉลยทิ้งท้ายให้นิดหน่อย ในบทสรุป พอเป็นน้ำจิ้ม อิ ๆ ส่วนตอนพิเศษ ก็ตั้งใจจะเขียนรวบตั้งแต่ตอนทั้งคู่เจอกัน แล้วหลังจากที่เวทิตตัดสินใจอยู่ด้วยกันกับตาเฒ่าหัวงู (ผลั่วะ! โดนอุรคฟาดหางใส่)  เอิ่ม อยู่ด้วยกัน กับท่านอุรค  ซึ่งก็คงจะมีความหวานตามลำดับ สไตล์จำเลยรักนั่นเอง หุ ๆ

เอ....แต่เรื่องของพิชญ์กับชาครก็อยากแต่งต่อนะ   เรื่องของน้องม่านฟ้า กับพี่น้ำอำมฤต ก็เตรียมจะเขียนเหมือนกัน  คู่ SM ของพิภพกับภูธิป ก็คิด ๆ ไว้อยู่  แต่คงไม่ให้สมหวังหรอก เพราะตัวโกงนี่ ฮ่า ๆ (โดนภูธิปไล่จิกหัว)

อา.....โปรเจ็กต์เยอะแยะไปหมด แต่จะเขียนออกมาลงบอร์ดได้สักตอนไหมน้า (ส่วนใหญ่โพสคิดโน่นนี่ล่วงหน้ามักล้มเหลว) 

แต่! ....ถ้ามีคนสนใจอยากอ่านต่ออีกเยอะ ก็อาจจะเป็นแรงผลักดัน ให้สามารถปั่นมาลงได้อีกเรื่อย ๆ ก็ได้นะคะ ^^ อยากลองเขียนตอนพิเศษยาว ๆ ทยอยลงสักรอบเหมือนกัน

เอ้า! นักอ่านเงาและไม่เงาทั้งหลาย อยากอ่านคู่ใครเป็นพิเศษ จงปรากฎกายขึ้นมาเชียร์คู่ที่ท่านเป็นแฟนคลับ หลังจากนี้ไปได้เลยจ้ะ  ราว ๆ  3 - 4 วัน ถัดจากนี้ ปัดจะแวะมาเก็บข้อมูล เพื่อเอามาปั่นตอนพิเศษยาว ๆ หวาน ๆ จุใจ ให้คู่ที่ได้รับเลือกและลงให้อ่านในบอร์ดนี้ค่ะ


สุดท้ายตามธรรมเนียมเมื่อนิยายจบ ปัดก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านทั้งที่เป็นนักอ่านเงาและไม่เงา ที่ตามกันอ่านมาจนถึงตอนสุดท้ายนี้  ถ้ามีข้อบกพร่องในงานเขียนยังไง ปัดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ และจะพยายามนำไปแก้ไขในรวมเล่มให้สมบูรณ์ที่สุดค่ะ

แล้วเจอกันใหม่ เรื่องใหม่นะคะ (ยังไม่ได้คิด แต่คราวนี้คงไม่เขียนดราม่าแล้ว เค้าจะเขียนแนวหวานน้ำตาลกระจายยยยยยยยย)
 :pig4:
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 04-02-2013 13:20:26
อยากอ่านหมดเลย
แต่แอบชอบ คู่อุรคกับเวทิต  ดูจำเลยรักดี อิอิ ตาลุงหัวงู 555+   ชาครกับพิชญ์ ก็น่าสน
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆนะคับ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: toye ที่ 04-02-2013 13:21:45
 :z13: :z13: :z13:

อ่านเพลินตลอดดดดด ขอตอนพิเศษเยอะ พิชญ์ชาคร ลุงหัวงูกับพ่อกวางทอง อิอิ :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 04-02-2013 13:44:25
หวานหยดกันมากค่ะ  :o8: ชอบนิยายที่จบไม่เศร้า แต่ระหว่างทางมีดราม่าได้บ้างเป็นสีสัน

ขอบคุณนักเขียนที่มาลงสม่ำเสมอนะคะ ฉากต่อสู้นับว่ายิ่งใหญ่อลังการราวกับนั่งดูภาพยนตร์ เลยค่ะ

ขอคู่พิชญ และก็คู่ ภูธิปค่ะ ใครก่อนก็ได้  :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 04-02-2013 14:04:38
คู่น้องวิรัล  ขอหวานๆอีกตอนก็ดีนะคะ  อิอิ  :-[
แล้วก็คู่คุณพ่อกับเฒ่าหัวงู นี่ขอหลายๆตอนเลยจะดีมากค่ะ  อยากอ่านอ่ะ  น่าสนใจมากกกกกกคู่นี้  :laugh:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: sarama ที่ 04-02-2013 14:05:13
ขอคู่คุณงูค่ะ อยากรู้ว่าคนแก่คนเฒ่าเขาหวานกันขนาดไหน :laugh:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 04-02-2013 14:32:51
จบแล้วอ่ะ
เชียร์คู่พิชญ์ ชาคร และก็ พิภพ กับ ภูธิป
จริงๆถ้าคนเขียน เขียนเรื่องไหนก็อ่านหมด
เพราะชอบแนวเขียนของคนแต่ง ไม่น่าเบื่อดี
ยิ่งฉากรบนี่แบบลุ้นสุดๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 04-02-2013 16:20:17


อยากอ่านคู่อุรคกับเวทิตที่สุดเลยค้าาาา
กรี๊ด คู่ SM (จิ้นไปไกลเลย 555+)
 
 
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 04-02-2013 16:29:49
ขอตอนพิเศษคู่พ่ออ  อีกได้ไหมมม
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: RenaBee ที่ 04-02-2013 16:38:02
ชอบทุกคู่เลยค่า!!!
อยากเห็นพิชญ์กับชาครหวานกันเยอะๆ
คู่คุณพ่อกับลุงงูก็ชอบอร๊ายๆๆๆๆ
คู่SMก็ได้ใจ!!

สรุปอยากอ่านทุกคู่ค่าXD
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 04-02-2013 19:10:23
กรี้ดดดดด น่ารักมั่กๆเลยค่า อยากอ่านทุกคู่เลย ยกเว้นไอ้เลวภูธิปอ่ะ หาคนไหม่มาไห้พิภพเถอะ เค้าสงสารพิภพอ่า :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 04-02-2013 19:20:52
คู่อุรคกับเวทิต จะเอาคู่นี้ค่ะพี่ปัด

มันใช่เลย!!!!!

โฮะๆๆๆ ชอบเเนวนี้มากๆ

รอนะค่ะอยากได้คู่อุรคกับเวทิตหลายๆตอนเลยยย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 04-02-2013 19:25:26
กรี้ดดดดด น่ารักมั่กๆเลยค่า อยากอ่านทุกคู่เลย ยกเว้นไอ้เลวภูธิปอ่ะ หาคนไหม่มาไห้พิภพเถอะ เค้าสงสารพิภพอ่า :sad4: :sad4:

แหม อ่านความเห็นนี้แล้วพล็อตแวบ ...หรือจะให้พิภพ ได้พ่อหนุ่มน้อย ประมุขคนใหม่ของวกะ มาดามหัวใจแทนดีน้าา อิ ๆ แต่ความจริงรักกันแบบ SM ก็เข้าท่าดีนะคะ ^ ___^ รักกันไปนั่งหักกระดูกกันไป กรอบ ๆ แกรบ ๆ เพลินดี (นักอ่านวิ่งหนี)
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 04-02-2013 21:24:26
ขอขอบคุณนักเขียนปัดมากนะ อ่านเรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก  :m3:

แล้วเรื่องที่จะนำมาเขียน จะคู่ไหนก็รออ่านได้จร้าา :m1:

ยังก็รออ่านนะ :m7:

แน่น ฉากอ่าโล่ฮ่าก็ดีนะ :m12:

เค้าชอบ :haun4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: beer ที่ 04-02-2013 22:23:43
อยากอ่านคู่อุรคกับเวทิตมากๆๆๆๆ

จำเลยรักนี่แหละของชอบเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 04-02-2013 23:05:45
จบแล้ว จบแบบหว๊านหวานด้วยล่ะ
แบบว่าอ่านการทำโทษแล้วแอบหวั่นนิดหน่อยกลัวคุณพ่อจะขาดใจเสียก่อน>///<
แต่ยังอยู่ดีคิดหนีได้หลายครั้ง ก็อุ่นใจ คุณอุรคคงจะดูแลคุณพ่ออย่างดีมากๆเลยสินะ
ชอบค่ะชอบ

ยังไม่เคยเจอชาครลวนลามพิชญ์ เพราะฉะนั้น ไปหากำไรอะไรยังไงมาบอกกล่าวกันเดี๋ยวนี้เลยน้าาาา >////<

ปล.จริงๆอยากอ่านพิภพต่อจังเลย พอเจอภูธิปบอกว่ารักจริงๆแล้วก็เลยอยากอ่าน
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 04-02-2013 23:30:52
อยากอ่านทุกคู่เลย แต่อยากอ่านมากที่สุดคงเป็นอุรคเวทิต และภูธิปพิภพค่ะ เวทิตหนีหลายครั้งเลยหรือเนี่ย บทลงโทษของอุรคไม่ค่อยโหดเลยนะนั่น แล้วขู่เวทิตแบบนั้นอีกเนี่ยนะ แล้วเวทิตจะรักอุรคยังไงกันนะนั่น แต่เหมือนเวทิตก็รู้สึกดี ๆ กับอุรคอยู่นะเนี่ย แล้วอุรครักเวทิตตั้งแต่เมื่อไรกันนะนั่น พิภพคงจะรู้สึกผิดมากนะนั่น แล้วภูธิปยอมปล่อยพิภพไปงั้นหรือเนี่ย ธามวิรัลหวานกันน่าดูเลย ชาครก็ไม่ค่อยต่างจากเจ้านายเลยนะนั่น ดูแลพิชญ์ดี ๆ นะชาคร
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 05-02-2013 05:26:40
จบแล้ว หวานกันชื่นมื่น น่ารักมากๆ  :o8:
มีแอบปรอยคู่คุณพ่อส่งท้ายมายั่วนักอ่านด้วย
ทำเอาอยากอ่านคู่คุณพ่อมากขึ้นไปอีกนะคะเนี่ย ฮ่าๆ
คู่ที่อยากอ่านมากที่สุดก็คู่คุณพ่อเวทิตกับป๋าอุรคเลยค่ะ
ขอยาวๆซะใจด้วยนะคะ หรือจะเสิร์ฟมาหลายๆตอน
หรือเปิดเรื่องใหม่ก็ได้ค่ะ ชอบทั้งนั้นแหละถ้าเป็นคู่อุรคเวทิตเนี่ย
ชอบอ่านความรักแบบจำเลยรัก อยากเห็นบทลงโทษของอุรคอ่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆสนุกๆเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ
 :L1: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 05-02-2013 09:33:30
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 05-02-2013 20:48:52
เค้ามาทวงคู่อุรคกับเวทิต

เเต่ใจเค้าจริงๆถ้าไม่มีคู่คุณพ่อมาเค้าสะกิดใจอยากได้คู่ภูธิปกับพิภพมากเลย ต้องเเต่ที่บอกรักจริงอ่า

เอางี้เนอะเอาทุกคู่เลย ไม่ก็เยกไปเป็นเรื่องใหม่เลย ทุกคนจะได้ไม่น้อยใจ(ช่างกล้าพิม!)


5555555555555555555555555555

มาต่อไวๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 05-02-2013 20:57:31
อยากอ่านคู่รัก SM ภูธิปพิภพ ที่สุด
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: DarkAki ที่ 06-02-2013 04:51:40
ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาา อ่านรวดเดียวจบ

กรี๊ดมากกกกกกก น้องวิรัลน่ารักมว้ากกกกกกกกกกกก

อ่านแล้วอยากฉุดมาเลี้ยงสุดๆๆ //โดนเฮียธามขย้ำไม่เหลือซาก

คู่ชาพิชญ์ก็โดนใจที่สุดดดด ชอบแบบนี้อ่ะ ทะเลาะกันไปมาที่สุดก็รักกัน  :impress2: :impress2:

อยากอ่านตอนที่ ชาครรังแกพิชญ์จังเลยอ่าาาา แอร๊ยยยยยยยยย // เค้าไม่ได้หื่นเลยน้าาา เชื่อเนอะๆๆ

อยากอ่านคู่ของพ่องูน้อย (อุรค:ไม่น้อยนะ ถ้าเวทิตดู)กะกวางน้อยค่าาาาาาาาา คึคึ //>////<
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 06-02-2013 12:10:59
อยากอ่านคู่อุรคกับเวทิตค่ะ  :o8:  :pig4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 06-02-2013 16:31:43
ขอบคุณคุณปัดนะฮะ แต่งเรื่องสนุกๆใ้ห้ได้อ่าน
แถมอัพเรื่อยๆ ไม่ต้องรอนาน ประทับใจมากฮะ
ขอคู่เวทิตกับท่านอุรคก็แล้วกันนะฮะ
คู่อื่นเคลียร์ๆกันไปหมดแล้ว คู่ธาม วิรัลก็หวานซะ
ภูธิป พิภพ นี่ไม่ชอบเลยตัวโกงอ่ะ พิภพเองก็ไม่ได้รักด้วยนี่
ต้องหาคนมาเสริมกำลังใจผู้ปิดทองหลังพระมั้ง แล้วแต่คุณปัดล่ะกันฮะ
ดีจังที่คุณปัดไม่แต่งดรา่ม่า 555+ ไม่โปรดเป็นที่สุด
สรุปว่ารอตอนพิเศษ และเรื่องต่อไปล่ะกันนะฮะ ขอบคุณค้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 06-02-2013 19:51:26
รอๆๆๆๆๆ อยากอ่านอีกๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: titeaw ที่ 07-02-2013 00:19:56
อยากอ่านอีกกกกกกกกกกกก อ่านรวดเดียวจบแทบไม่ได้นอนเลยค่ะ 555

เชียร์คู่พ่อสุดกำลังอะ ชอบบบบบบบบบบบมากกกกกกกกกกกกกกก งูหัวหงอกกะกวางสีทอง อ้ายยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน 28 P.14 (โพส : 4/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 07-02-2013 14:05:50
ผ่านไปไม่กี่วัน อยากอ่านต่ออีกแล้วค่า~  o9 (ความอดทนต่ำจริง) - -''
โอ้ย เข้ามาอ่านตอนสุดท้ายอีกรอบ แล้วฟินและจิ้นคู่เวทิต-อุรคมากอ่ะ  :m3:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 07-02-2013 17:09:46

คู่โปรดคู่โหวตที่พวกท่านเรียกร้องกันมา พอดียังบิวส์อารมณ์เขียนไม่ออก ดังนั้นจึงส่งคู่สำรองมาขัดตาทัพแทนก่อนนะคะ ^^

ส่วนคู่จำเลยรักนั่น รออีกสักพัก ก็จะตามมาให้อ่านกันจ้า ^^




ตอนพิเศษ
ศัตรูที่รัก
ภูธิป – พิภพ



    หลังเสร็จศึกกับพวกครุโฬผ่านไปเกือบสามเดือน เผ่าวกะก็เริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางด้วยการบริหารของประมุขเผ่าคนใหม่และบรรดาผู้คุ้มกฎอาวุโสของเผ่า  แม้ว่าจะมีหลายฝ่ายที่ยังคงแสดงถึงความต่อต้าน และไม่ค่อยให้ความยอมรับในตัวประมุขผู้อ่อนเยาว์ผู้นี้อยู่บ้างนักก็ตาม

    และเมื่อมีการประชุมประจำปี ซึ่งจะจัดกันปีละครั้ง และมีผู้นำจากตระกูลต่าง ๆ ของเผ่ามาร่วมมากมายเกิดขึ้น อภิคมจึงรู้สึกกังวลเป็นยิ่งนัก เขาจึงไปขอร้องปุริมให้มาเป็นที่ปรึกษาของเขา และต้องการให้ปุริมเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย

     “ทีแรกพ่อก็ปฏิเสธอภิคมเขาไปแล้ว แต่เขายังตื๊อมาอีก แถมบอกว่าเขาไม่มั่นใจพอ แล้วรู้สึกว่าจะมีพวกจากตระกูลคู่แข่ง ที่คิดอยากจะลองของ และต้องการหักหน้าเขาในการประชุมครั้งนี้  เขาเลยอยากให้พ่อไปเป็นผู้ช่วยสักหน่อย  พวกผู้คุ้มกฎก็ช่วยขอร้องมาด้วย... ดูท่าเห็นที บ่ายนี้พ่อคงจะต้องออกเดินทางไปเตรียมร่วมประชุมกับทางนั้น อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้วล่ะ”

    ปุริมบ่นกับบุตรชาย ซึ่งพิภพก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยขึ้น

    “พ่อก็ไปสิครับ... อภิคมต้องการผู้ช่วยจริง ๆ นั่นล่ะ ยิ่งเป็นการประชุมใหญ่ขนาดนี้ด้วย และถ้าเขาผ่านมันไปได้ เขาก็จะได้รับการยอมรับในฐานะประมุขมากยิ่งขึ้นกว่านี้”

    ปุริมมองบุตรชายอย่างเป็นกังวลแล้วเอ่ยถามอีกฝ่าย

    “แล้วลูกอยู่คนเดียวได้หรือ ไม่เป็นไรแน่นะ ถ้าไม่อยากให้พ่อไปจริง ๆ เดี๋ยวพ่อปฏิเสธอีกครั้งก็ได้”

    พิภพแย้มยิ้มอ่อนโยนให้กับบิดาของเขา แล้วจึงเอ่ยออกไปจากใจจริง

    “...ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ อีกอย่างก็ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย พวกกฤตและคนอื่น ๆ ก็ยังอยู่  ...แถมยังได้รับการผ่อนปรนให้ออกไปเที่ยวชมธรรมชาติในป่าเขาแถบนี้ได้  ผมรู้สึกสบายกว่าตอนอยู่ในเมืองเมื่อก่อนอีกนะครับ”

    ปุริมมองบุตรชายคนโต ก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีใบหน้าและแววตายิ้มแย้มจริงใจอย่างที่พูดออกมา ก็ทำให้เขาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “แล้วพ่อจะรีบกลับนะ ถ้ามีอะไรด่วน ก็โทรไปหาพ่อได้ทุกเมื่อ พ่อจะเปิดมือถือไว้ตลอด”

    พิภพยิ้มรับ แล้วจึงขอตัวออกไปเดินเล่นรอบ ๆ บริเวณหุบเขา ซึ่งปุริมก็อนุญาต แล้วมองไล่ตามหลังบุตรชายของเขาไปเงียบ ๆ

    หลังจากสงครามเสร็จสิ้นลง และพิภพรักษาตัวจนหายดี ชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปราวเป็นคนละคน ยิ่งพอได้รับการอภัยจากคนรอบด้าน พิภพก็แสดงออกถึงความสับสน และเป็นทุกข์ผ่านสีหน้าเสมอ ชายหนุ่มมักคิดว่าหากตนถูกลงโทษหนัก ๆ คงจะยังดีเสียกว่า จนกระทั่งธามมาขอพบผู้เป็นพี่ชายในวันหนึ่ง แล้วบอกถ้อยคำบางอย่างกับพิภพ ที่ปุริมเองก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าทั้งคู่สนทนาอะไรกันบ้าง

     ทว่าหลังจากวันนั้นพิภพก็ค่อย ๆ เริ่มปรับตัวปรับใจ และมีรอยยิ้มให้เขาเห็นมากขึ้น  อีกทั้งยังหันมาเอาใจใส่ช่วยงานของเผ่าอยู่เบื้องหลัง  ซึ่งอภิคมเองก็ให้ความไว้วางใจ และคอยขอคำปรึกษาเรื่องงานบริหารธุรกิจกับพิภพอยู่เสมอ



    “ท่านพิภพครับ ท่านปุริมฝากมาบอกว่าเดี๋ยวท่านจะออกเดินทางเลย เพราะทางนั้นโทรตามเร่งมาอีกรอบแล้ว”

    พิภพหันมามองลูกน้องของตน แล้วจึงพยักหน้ารับรู้

    “สงสัยอภิคมคงจะกังวลน่าดู ...ก็ไม่แปลก การประชุมใหญ่ครั้งแรก ในฐานะเป็นประมุขนี่นะ ...มิหนำซ้ำ เจ้าตัวก็เคยผ่านตาการประชุมพวกนี้มาแล้วสมัยยังไม่ได้เป็นประมุขเอง  ถึงได้รู้ดีว่า มันดุเดือดแล้วคอยจ้องจะเล่นงาน ชิงดีชิงเด่นกันขนาดไหน... แต่ก็ยังดี ตอนที่เวลาเผ่ามีภัย ก็ยังสามัคคีกันได้ล่ะนะ”

    พิภพพึมพำเปรยกับตัวเองพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ทำให้กฤตที่มองอยู่ลอบยิ้ม  ดีใจที่เห็นเจ้านายของเขาปล่อยวาง และสามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขได้สักที

    “อืม...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะไปเดินเล่นแถวน้ำตกในป่าสักพักดีกว่า ส่วนข้าวกลางวัน ยังไม่ต้องเตรียมก็ได้ ฉันยังไม่หิวอะไรนัก ถ้ายังไงไว้ฉันกลับมาค่อยลงมือทำก็แล้วกัน”

    พิภพสั่งความกับลูกน้องคนสนิท ซึ่งกฤตก็พยักหน้ารับรู้ เพราะน้ำตกที่พิภพจะไป ก็ห่างจากที่พักของพวกเขาไม่ไกลมากนัก และเป็นระยะที่ทางผู้คุ้มกฎอาวุโสและประมุขคนใหม่ยอมอนุโลมให้พิภพออกไปได้

   

    ลำธารใสที่มองเห็นก้อนหิน เศษใบไม้ทับถม รวมไปถึงปลาตัวใหญ่ ตัวเล็กที่ว่ายแหวกไปมา ทำให้พิภพมีรอยยิ้มน้อย ๆ เจ้าตัวเดินลัดเลาะขึ้นย้อนริมตลิ่งไป จนกระทั่งถึงแอ่งน้ำตกชั้นล่างขนาดใหญ่ พิภพวักน้ำเย็นในนั้นลูบกาย ก่อนจะนึกอยากลงไปแหวกว่ายเล่น  จึงจัดแจงถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แล้วค่อย ๆ ก้าวลงไปแช่ให้น้ำสัมผัสซึมซับผิวกายอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะชะงักเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงกรอบแกรบไม่ห่างนัก

    “ใคร!”

    พิภพตวาด เพราะการเดินลักษณะย่อง และตั้งใจเข้ามาทางใต้ทิศทางลม นั่นส่อถึงพฤติกรรมที่ต้องการอำพรางตัวชัด ๆ

    “ยังหูดีเหมือนเดิมนะ...พิภพ”

    พิภพนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย และเมื่อร่างสูงของหนุ่มใหญ่ปรากฏกายออกมาให้เห็น เขาก็ต้องอุทานแผ่วเบาแทบไม่พ้นลำคอ

    “คุณภูธิป...”

    ภูธิปแย้มยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาช้า ๆ พิภพกัดฟันกรอด เขากลายร่างกลับสู่ร่างอมนุษย์ กระโจนขึ้นมาจากแอ่งน้ำ พร้อมที่จะสู้ตัดสินกับคนตรงหน้า ทว่าก็ช้ากว่าภูธิปที่ราวกับจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าพิภพจะทำอะไร ประมุขแห่งเผ่าครุโฬใช้ความว่องไว จับแขนของอีกฝ่ายไขว้หลัง และทั้งที่ภูธิป ยังอยู่ในร่างมนุษย์ แต่เรี่ยวแรงกลับมหาศาลไม่ผิดกับตอนที่อยู่ในร่างอมนุษย์เลยแม้แต่น้อย

    “ใจเย็นสิพิภพ...ฉันมาดีนะ ไม่ได้มาร้าย ฉันตั้งใจมาหาเธอโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเผ่าของเธอสักนิด”

    พิภพขู่เบา ๆ ในลำคออย่างหวาดระแวง แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อภูธิปจูบเบา ๆ ที่ซอกคอของตน

    “ฉันคิดถึงเธอ จนแทบบ้า... พอไม่มีเธออยู่ข้างกาย ฉันก็นอนไม่ค่อยหลับเหมือนเดิม ... เธอล่ะ เป็นเหมือนกันบ้างไหม”

    พิภพกัดฟันกรอด เขาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน เพราะคนอย่างภูธิปนั้นเจ้าเล่ห์แสนกล ขนาดที่เขามั่นใจว่าจะไม่เสียที ก็ยังถูกอีกฝ่ายตลบหลังเข้าจนได้

    “น่าเสียดาย ที่ตลอดสามเดือนมานี้ ผมไม่เคยนึกถึงคุณสักนิด... แถมยังคิดว่าคุณอาจจะช้ำในตาย เพราะโดนหัวหน้าเผ่านากาเล่นงานหนักไปแล้วก็ได้!”

    พิภพคำรามใส่ไม่ดังนัก ทว่าถ้อยคำที่เอ่ยออกไป ก็ทำให้คนฟังชะงัก แล้วมีอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาเล็กน้อย

    “เธอนี่ถนัดเรื่องยั่วโมโหฉันจริงนะ ...ไม่เอาน่า ฉันตั้งใจมาหาเพราะคิดถึงแท้ ๆ อย่าพยายามหาเรื่องให้ตัวเองต้องเจ็บตัวสิ”

    ภูธิปบอกแล้วแกล้งบีบข้อมือของอีกฝ่ายแรง ๆ จนพิภพสะดุ้ง ทว่าสักพัก ภูธิปก็คลายมือออก แล้วปล่อยให้ร่างของอีกฝ่ายเป็นอิสระ

    “...เธอคงโกรธฉันมาก ที่ฉันหักหลังและทำร้ายเธอเมื่อครั้งก่อนนั้นสินะ”

    พิภพมองอีกฝ่ายที่เลี่ยงไปนั่งบนหินก้อนใหญ่ แล้วคุยกับเขา เห็นดังนั้นเจ้าตัวจึงกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ แล้วจึงนั่งห่างออกไป โดยไม่คิดสวมเสื้อผ้าปิดบังกายแต่อย่างใด

    “ผมโกรธตัวเองต่างหาก ที่ชะล่าใจจนโดนคุณซ้อนแผนเอาได้ ...ส่วนเรื่องถูกทำร้าย มันเป็นเรื่องธรรมดาของการสู้รบ ...เพียงแต่ขัดใจเรื่องที่คุณยอมไว้ชีวิตผมนั่นเสียมากกว่า”

    ภูธิปมองหนุ่มน้อยตรงหน้าเขา แล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

    “เธอนี่ไม่ได้สนใจฟังฉันพูดเลยสินะ ...ฉันบอกแล้วไงว่ารักเธอ เธอคิดว่ามันเป็นคำพูดประชดประชันเฉย ๆ อย่างนั้นหรือพิภพ”

    พิภพชะงัก แล้วจึงจ้องมองคนตรงหน้าเขาอย่างหวาดระแวงปนลังเล จนภูธิปนึกขำ

     “เธอนี่ก็นะ...จริงอยู่ ฉันยอมรับเรื่องก่อนหน้านั้น ฉันอาจจะไม่ได้รักหลงเธอจากใจ คำพูดที่มีให้ก็อาจจะติดประชดไปบ้าง  แต่หลังจากที่เราห่างกัน ฉันถึงได้รู้ใจตัวเองสักทีว่า ฉันหลงรักเธอเข้าไปแล้วจริง ๆ นั่นล่ะ”

    พิภพนิ่งอึ้ง ก่อนจะเม้มปากน้อย ๆ แล้วเอ่ยประชดกลับไปอย่างไม่อยากเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายนัก

    “หึ! หลงรักอย่างนั้นหรือ...แล้วยังไงต่อล่ะ คุณจะใช้ผมเป็นสะพานแล้วเข้ามาเพื่อฆ่าล้างเผ่าผม แบบครั้งก่อนหน้านั้นอีกครั้งหรือเปล่า”

    ภูธิปมองคนตรงหน้าอย่างไม่นึกขุ่นเคือง ตรงกันข้ามกับยักไหล่นิด ๆ พร้อมกับเอ่ยตอบ

    “เรื่องอาณานิคม หรือล่าล้างเผ่า ตอนนี้ฉันปล่อยวางให้คนรุ่นหลังแล้ว ...รอให้เผ่าฟื้นตัวสักปีสองปี ฉันจะออกจากตำแหน่งประมุข  ...แต่แน่นอน ฉันยังไม่คิดยอมแพ้ไอ้งูแก่นั่นหรอก  ฉันจะไปเล่นงานให้มันเป็นฝ่ายร้องขอชีวิตต่อฉันบ้างให้จงได้!”

    ท้ายประโยคเมื่อหวนคิดถึงอุรค ภูธิปก็มีสีหน้าเคร่งขรึมและน้ำเสียงเข้มขึ้น จนคนฟังสะดุ้ง แล้วจึงกลายมาเป็นแปลกใจ ที่เห็นหนุ่มใหญ่ตรงหน้าเขาแย้มยิ้มอ่อนโยนให้อีกครั้ง

    “นี่...พิภพ ถ้าฉันไม่ใช่ประมุขเผ่าครุโฬแล้ว เธอจะให้โอกาสฉันบ้างได้ไหม ...มอบใจให้ฉัน เป็นของฉันเหมือนเมื่อก่อนหน้านั้นอีกครั้งได้หรือเปล่า”

    พิภพเม้มปากแน่นด้วยแรงอารมณ์ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

    “ผมไม่เคยรักคุณสักนิด...ที่ทำไปก็เผื่อตัวเองและเผ่าเท่านั้น!”

    ชายหนุ่มเอ่ยแล้วก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะค่อย ๆ ดังขึ้น และเมื่อหันหน้ากลับมามอง เขาก็ได้พบสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งเศร้าของอีกคนแทน

    “เรื่องนั้นฉันก็รู้ดี...แต่พอได้ยินจากปากแบบนี้ มันก็รู้สึกเจ็บเหมือนกันนะ ...นี่คงเป็นบทลงโทษที่เธอเลือกให้ เรื่องที่ฉันหลอกลวงและทำร้ายเธอใช่ไหม”

    พิภพเงียบไป เขานิ่งสบตากับอีกฝ่ายอยู่ครู่ใหญ่ จนมารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อภูธิปเดินเข้ามายืนใกล้เบื้องหน้าเขา

    “พิภพ...เด็กน้อยที่น่ารักของฉัน...ถ้าฉันจะขอกอดเธออีกสักครั้ง เธอจะอนุญาตไหม...”

    พิภพนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก เขาไม่ได้ขัดขืนหรือโต้แย้งออกไปอย่างที่ควรจะเป็น ตรงข้ามกับจ้องมองตอบนัยน์ตาคมกริบที่สะกดให้เขารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วกาย และเมื่อใบหน้านั้นโน้มลงมาใกล้ จนริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกันผะแผ่ว พิภพจึงใช้มือคล้องโอบรั้งให้อีกฝ่ายบดเบียดริมฝีปากให้แนบชิดกว่านี้ทันทีอย่างลืมตัว

    “อา...เด็กน้อยของฉัน...เธอยังคงร้อนแรงไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

    ภูธิปครางในลำคอ เมื่อพวกเขาผละริมฝีปากออกจากกัน ก่อนที่มือใหญ่กร้านของประมุขเผ่าครุโฬจะลูบไล้ไปทั่วผิวกายขาวเนียนของร่างงดงามสมบุรษเพศตรงหน้าอย่างหลงใหล และทุกสัมผัสที่ภูธิปมอบให้ ก็ล้วนเรียกเสียงครางอย่างพึงพอใจจากพิภพได้ทุกครั้ง

    “คุณภูธิป....ผมต้องการคุณ...อา...”

    เสียงครางอย่างลืมตัวของพิภพที่ถูกเล้าโลม จนตกอยู่ในห้วงแห่งตัณหาราคะ ทำให้หนุ่มใหญ่แย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ เขาจัดแจงถอดเสื้อผ้าของตนทิ้ง แล้วยกร่างของอีกฝ่ายนั่งตัก ซึ่งพิภพก็ใช้ลำแขนคล้องโอบกอดคออีกฝ่าย พร้อมรั้งใบหน้าของภูธิปเข้ามาใกล้ บดเบียดจุมพิตอย่างเร่าร้อน ส่วนบั้นท้ายของชายหนุ่มก็ได้หนุ่มใหญ่คอยนวดเฟ้น และใช้เรียวนิ้วเข้าไปสำรวจเตรียมพร้อม จนพิภพต้องส่ายสะโพกไปมา พร้อมกับส่งเสียงครางอย่างขัดใจที่ภูธิปไม่ยอมสานต่อในสิ่งที่เขาปรารถนาสักที

    “รอหน่อยสิเด็กน้อย... เธอคับแน่นขนาดนี้ ขืนรีบร้อนก็คงรัดฉันแย่...อา...ดีจัง นอกจากฉันแล้ว เธอไม่เคยให้ใครเข้าไปในร่างของเธออีกเลยสินะ”

    ภูธิปที่ถอนริมฝีปากกระซิบอ้อยอิ่งข้างหูของอีกฝ่าย พร้อมกับนวดเฟ้นเค้นคลึงและใช้นิ้วขยายปากทางคับแน่น ให้พร้อมรับตัวตนของเขาได้ในไม่ช้านี้

    “คุณภูธิป...เข้ามาเถอะครับ....ผมจะทนไม่ไหวแล้ว”

    พิภพครางเสียงกระเส่า ซึ่งพอได้ยินภูธิปก็แย้มยิ้มกับตัวเอง แล้วไม่คิดรั้งรอต่อไปอีก แก่นกายใหญ่โตค่อย ๆ จ่อ และดันเข้าไปช้า ๆ อย่างยั่วเย้า ทำให้คนที่รออยู่ขัดใจ จึงกดกายลงมาเสียเอง พร้อมกับสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ จากความคับแน่นที่เกิดขึ้น

    “อา...เธอตอดรัดฉันเสียแรงเชียวพิภพ...ผ่อนคลายหน่อยสิเด็กน้อย...พวกเราจะได้สนุกกันได้อีกนาน ๆ ยังไงล่ะ”

    ภูธิปที่นิ่วหน้าเพราะความเจ็บปวดไม่ต่างกันกระซิบปลอบ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานนัก ด้วยความเคยชินและคุ้นเคยกันอยู่แล้ว สักพักเสียงครางระงมด้วยความสุขสมจึงดังขึ้นไปทั่วบริเวณนั้น

    “พิภพ...ที่รัก... ฉันรักเธอนะ...เธอล่ะ...รักฉันบ้างไหม”

    ภูธิปกระซิบถามระหว่างเกมรักอันเร่าร้อนของพวกเขาดำเนินจนใกล้ถึงปลายทางฝั่งฝัน พิภพกึ่งหอบกึ่งคราง ตัวสั่นคลอนด้วยแรงกระแทกกระทั้นอันรุนแรงของอีกฝ่าย และการขยับกายสอดรับของตน  ชายหนุ่มมองคนพูดด้วยแววตาที่ปรือไปด้วยแรงพิศวาส แล้วจึงตอบออกไปด้วยน้ำเสียงกึ่งหอบไม่แตกต่างกัน

    “ผมไม่รู้...ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองตอนนี้เหมือนกัน...ไม่ได้รัก...แต่ก็ไม่ได้เกลียดคุณ...อา...”

    คำตอบของพิภพทำให้ภูธิปเม้มปาก แล้วเร่งแรงกระแทกให้มากขึ้น จนได้ยินเสียงหวีดร้องและสัมผัสถึงแรงตอดรัดของร่างด้านบน ที่ปลดปล่อยไปก่อนเขา ภูธิปหยุดพักรอคอยให้แรงตอดรัดคลายลง แล้วจึงขยับสะโพกของตนต่อ เพื่อให้ไปถึงปลายทางแห่งความสุขสมเช่นเดียวกัน

    “อา...คุณภูธิป...”

    คนที่ปลุกเร้าได้ง่าย ครวญครางขึ้นอีกครั้ง สร้างความพึงพอใจให้ภูธิป ยิ่งนัก และเมื่อหนุ่มใหญ่กระแทกร่างเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมแช่กายแน่นิ่ง เพื่อปลดปล่อยหยาดความสุขของตนไปบ้าง ก็เป็นเวลาเดียวกับที่พิภพปลดปล่อยความปรารถนาของเขาบ้างอีกครั้งหนึ่ง

   
.
..
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 07-02-2013 17:10:49



    พิภพปล่อยให้ภูธิปกอดเขาอยู่สักพัก จึงขอตัวลงไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ซึ่งภูธิปก็ตามลงไป และทำท่าจะขอเล้าโลมและร่วมรักกับชายหนุ่มต่อ ทว่าพิภพก็ออกปากห้ามเสียก่อน

    “อย่าเลยครับ... ผมออกจากที่พักมานานแล้ว ผมคิดว่าทางนั้นคงเริ่มจะเป็นห่วงแล้วล่ะ อีกสักพักก็น่าจะออกมาตามผมแล้ว ...หากพวกเขาเจอคุณเข้า มันก็คงไม่ดีนัก”

    ภูธิปมองอีกฝ่ายอย่างเสียดาย แล้วจึงเอ่ยถามกลับไป

    “แล้วฉันจะมาหาเธอได้อีกไหมพิภพ”

    พิภพชะงัก เม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองคนถาม แล้วเอ่ยออกไปตามตรง

    “คุณกลับไปเผ่าของคุณเถอะครับ คุณภูธิป  ...เรื่องของพวกเรายังไงก็คงลงเอยด้วยดีไม่ได้หรอกครับ... ต่อให้ผมยอมรับได้  แต่เผ่าวกะของผมคงยอมรับคุณที่ฆ่าพวกพ้องของเราไม่ได้... ก็เหมือนกับคนของคุณ ที่คงตะขิดตะขวงใจ และไม่สามารถยอมรับในตัวผม ที่เป็นศัตรูเช่นเดียวกัน”

    ภูธิปเงียบกริบ เขามองเห็นความจริงใจที่แฝงมากับแววตาและสีหน้าของอีกฝ่าย หนุ่มใหญ่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงหันหลังกลับ ขึ้นจากแอ่งน้ำตก เดินไปหยิบเสื้อผ้าของตนมาสวมใส่จนเรียบร้อย แล้วเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ กับตัวเอง

    “ฉันเข้าใจ ว่าฉันกับเธอ คงอยู่กันแบบคู่รักทั่วไปไม่ได้ ... แต่ขอแค่เธอไม่รังเกียจฉัน แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว  ...ส่วนเรื่องแอบมาที่นี่ ขอแค่ไม่ถูกคนในเผ่าของเธอพบตัว ก็ไม่เป็นไรสินะ”

    “คุณภูธิป...”

    พิภพเรียกชื่ออีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะยืนกรานความคิดของตัวเองอย่างไม่ยอมตัดใจ แล้วจึงเอ่ยตามมา พร้อมกับเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

    “แต่ผมจะไม่กลับมาพบคุณที่นี่อีกแล้ว...”

    ภูธิปเหลือบสายตามามอง ทว่าพอเห็นสีหน้าของพิภพและท่าทางลังเลที่ชายหนุ่มแสดง  เขาก็ยิ้มออกมาน้อย ๆ แล้วจึงหันกลับไป พร้อมแสร้งเปรยคุยกับตัวเองโดยไม่สนใจอีกฝ่าย

    “ไม่เป็นไร ต่อให้เธอไม่มา ฉันก็จะมานั่งคอยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ  อืม...แต่ถ้าเป็นตอนกลางวันก็คงไม่สะดวก แถมถ้ามาบ่อย ก็คงโดนพบตัวง่าย ๆ”

    พิภพเบือนหน้ากลับมามองคนที่หันหลังให้เขา แล้วจึงชะงักเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยต่อ

     “...ถ้าอย่างนั้นฉันจะแวะมาหาเธอในทุกคืนจันทร์เต็มดวงแล้วกันนะ  จะมารอเธอตั้งแต่ตอนที่พระจันทร์ขึ้นกลางฟ้า จนกระทั่งมันลับขอบฟ้าไป... ถ้าเธอไม่มาหาฉัน ฉันก็จะรอแบบนี้เรื่อย ๆ ในจันทร์เต็มดวงครั้งหน้า...และพอฉันพ้นจากตำแหน่งประมุข ฉันก็จะมารอเธอที่นี่ในทุก ๆ คืน...”

    ภูธิปบอกแล้วจึงหันมายิ้มให้กับพิภพ ทำให้พิภพสะดุ้ง แล้วรีบเบือนหน้าหลบตาหนุ่มใหญ่อีกครั้ง

    “ฉันไปล่ะพิภพ... อย่าลืมล่ะ ฉันรักเธอมาก ...ต่อให้เธอไม่รักฉัน และไม่มีฉันอยู่ในใจดวงนั้น แต่ฉันก็ยังคงรักเธอนะ”

    ภูธิปเอ่ยจบแล้วจึงเดินหายไปในป่าลึก ทิ้งให้พิภพยืนแช่น้ำนิ่งในแอ่งน้ำตกอยู่พักใหญ่ ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงกฤต เรียกขึ้นมาไกล ๆ 

    “ท่านพิภพ! อยู่แถวนี้หรือเปล่าครับ!”

    พิภพชะงัก แล้วจึงรีบขึ้นจากน้ำตก แต่งตัวให้เรียบร้อย โชคดีที่วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตมีกระดุมหน้า ชายหนุ่มจึงติดกระดุมปิดร่องรอยที่ภูธิปทำไว้ให้มิดชิดต่อสายตาของลูกน้อง

    “ฉันอยู่นี่กฤต ...แวะมาเล่นน้ำเพลินไปหน่อย กำลังจะกลับแล้ว”

    เสียงพิภพตอบกลับ ทำให้คนที่เดินมาใกล้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วจึงยิ้มรับ เมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกมา แม้จะแปลกใจกับที่อีกฝ่ายติดกระดุมคอเสื้อมิดชิดไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม ยิ่งพิภพเดินเร่งฝีเท้านำหน้าไป ก็ทำให้กฤตไม่ได้สังเกตอะไร จนกระทั่งเมื่อถึงที่พัก พิภพจึงสั่งให้คนนำอาหารมื้อกลางวันมาส่งให้เขาที่ห้องนอน ส่วนมื้อเย็นเขาของด เพราะรู้สึกเพลียและอยากพักผ่อนยาวมากกว่า ซึ่งลูกน้องของชายหนุ่มก็รับคำสั่งตามนั้นอย่างไม่สงสัยอันใดนัก

     

    หลายวันถัดมา คืนจันทร์เต็มดวงก็เวียนมาถึงจนได้ พิภพนั้นนั่งเหม่อลอยเกือบทั้งวัน จนปุริมนึกแปลกใจ

    “เป็นอะไรไปหรือพิภพ มีเรื่องกลุ้มใจอะไร ก็ปรึกษาพ่อได้นะ”

    พิภพที่นั่งเหม่อชะงัก แล้วฝืนยิ้มให้กับผู้เป็นบิดา

    “เรื่องไร้สาระน่ะครับพ่อ... เพียงแต่ถึงจะไร้สาระ แต่มันก็ยังรบกวนความคิดอยู่ไม่ยอมหายสักที”

    ท้ายประโยคชายหนุ่มพึมพำแผ่วเบา ด้วยแววตาเศร้า ๆ จนคนมองนึกเป็นห่วง

    “ถึงจะไร้สาระ แต่ถ้ามันช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของลูกชายพ่อได้ พ่อก็ยินดีรับฟังเสมอนะ”

    ปุริมเอ่ยขึ้น ทำให้พิภพยิ้มให้บิดาอย่างตื้นตัน ชายหนุ่มพึมพำขอบคุณเบา ๆ แล้วไม่เอ่ยอะไรต่อ ทำให้ปุริมไม่คิดซักไซ้ และคิดว่าหากถึงเวลา พิภพก็คงจะยอมพูดกับเขาเอง

    “จริงสิครับพ่อ... ช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่เมื่อบ่ายนั่น ใครส่งมาให้หรือครับ”

    พิภพเปลี่ยนเรื่องคุย  ทว่าเรื่องของเขากลับทำให้คนฟังสะดุ้ง แล้วสีหน้าจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อน ๆ อย่างน่าประหลาด

    “คนของอภิคมส่งมาให้น่ะ ...คงขอบคุณเรื่องที่พ่อช่วยเหลือไว้ในตอนประชุมครั้งก่อนนั้นล่ะนะ”

    พิภพขมวดคิ้วนิด ๆ พลางย้อนถาม

    “มันไม่ช้าไปหน่อยหรือครับ สำหรับดอกไม้ขอบคุณ พ่อกลับมาหลายวันแล้วนะครับ”

    ปุริมกลืนน้ำลายลงคอ แล้วพยายามเบือนหน้ามองไปทางอื่น พร้อมกับอ้อมแอ้มตอบ

    “พ่อก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่คนส่งเขาก็ส่งตามหน้าที่ พ่อก็รับมาก็แค่นั้น”

    พิภพเพ่งพิจารณาท่าทางแปลก ๆ ชวนให้สงสัยของบิดา แล้วจึงชะงักเมื่อนึกถึงคำตอบบางอย่าง ที่มันแทบจะไม่น่าเป็นไปได้

    “หรือว่าพ่อกับอภิคมจะ...”

    ชายหนุ่มบอกแค่นั้น  แล้วก็เงียบไป ทว่าอาการสะดุ้งของบิดา ก็ทำให้เขาพอจะคาดเดาได้ถึงคำตอบที่แน่ชัดขึ้นมาได้

    “คือ...พ่อ....เฮ้อ!”

    ปุริมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงตัดสินใจบอกความจริง เพราะเขามั่นใจว่าพิภพนั้นพอจะคาดเดาเรื่องราวบางอย่างได้บ้างแล้วแน่

    “เด็กคนนั้นมาสารภาพรักกับพ่อ... พ่อปฏิเสธไปแล้ว ...แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ และบอกว่าต่อให้พ่อไม่รักเขา ยังไงเขาก็จะขอรักพ่อแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ล่ะนะ ...พ่อเองก็ไม่รู้จะพูดยังไง ปฏิเสธเด็ดขาดก็แล้ว พูดจาเกลี้ยกล่อมก็แล้ว แต่อภิคมเขาก็ยังไม่ยอมเลิกรา  ...เห็นทีพ่อคงจะต้องวางตัวเงียบ ๆ แล้วปล่อยให้เขาหมดความหวังไปเองนั่นล่ะ”

    สิ่งที่ปุริมบอกทั้งหมด ทำให้พิภพนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ก็พอเห็นอยู่ว่า อภิคมนั้นค่อนข้างชื่นชมพ่อของเขามานานแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมีเรื่องรักใคร่มาเกี่ยวด้วยเช่นนี้

    “ลูกโกรธพ่อไหม ...พ่อเห็นว่ายังไงพ่อก็คงไม่รับรักเด็กคนนั้น จึงไม่อยากบอกให้ลูกกังวลน่ะ”

    พิภพจ้องมองบิดาของเขา แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ

    “ไม่หรอกครับ ดีใจเสียอีกที่ยอมเล่าความจริงให้ฟัง ดีกว่าให้มารู้เองทีหลัง ....ส่วนเรื่องของอภิคม ...พ่อจะปฏิเสธเขาจริง ๆ หรือครับ”

    ปุริมชะงัก แล้วจึงตอบกลับไป

    “ก็มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนี่ลูก ...เด็กคนนั้นเป็นประมุขของเผ่า ซึ่งจำต้องมีทายาทสืบสกุล อีกอย่างเขาก็อายุน้อยกว่าธามอีกนะลูก เป็นลูกของพ่ออีกคนได้สบาย ๆ แล้วจะให้พ่อยอมรับเขา พ่อเองก็ทำใจลำบาก”

    พิภพนิ่งรับฟัง แล้วหวนคิดถึงเรื่องของตัวเองบ้าง ก่อนจะพึมพำขึ้นมา

    “แล้วถ้ามองข้ามปัญหาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุ เรื่องที่อีกฝ่ายเป็นประมุขเผ่า หรือแม้กระทั่งเป็นผู้ชายด้วยกัน ...พ่อคิดว่าจะยอมรับอภิคมเขาได้ไหมครับ”

    ปุริมมองบุตรชายและนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะถอนหายใจยาวขึ้นอีกครั้ง

    “บอกตรง ๆ นะพิภพ ...พ่อเองก็หวั่นไหวกับความจริงใจของเด็กคนนั้นเหมือนกัน ...แต่พ่อตัดสินใจก่อนหน้านี้แล้วว่า พ่อจะไม่รักใครอีก ...พ่อไม่อยากให้ความรักของพ่อเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูก ๆ ของพ่อต้องเจ็บช้ำอีกต่อไปแล้ว”

    พิภพมองบิดาของเขาอย่างรู้สึกตื้นตันและซาบซึ้งใจ ที่อีกฝ่ายคิดถึงเขา จนยอมตัดเรื่องความรักส่วนตัวออกไปจากชีวิต

    “ขอบคุณนะครับ ที่ใส่ใจกับผม...แต่ตอนนี้ผมรู้ดีแล้วล่ะครับพ่อ  ว่าต่อให้พ่อมีคนสำคัญเพิ่มขึ้นมาอีกสักกี่คน ...ถึงยังไงผมก็ยังเป็นหนึ่งในคนสำคัญของพ่ออยู่ดีไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ...ตัวผมที่เคยโง่เขลาในอดีต ไม่มีอีกแล้วล่ะครับพ่อ ...เพราะฉะนั้นอย่าได้ปิดกั้นตัวเองอีกเลย ผมอยากให้พ่อยอมเปิดใจรับคนที่เขารักพ่อ และพ่อรักเขา ...ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม”

    พิภพบอกพลางบีบมือบิดาเบา ๆ ซึ่งก็ทำให้ปุริมนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยบอกกับบุตรชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

    “พิภพ...พ่อดีใจจริง ๆ ที่ลูกคิดเช่นนี้ ....ใช่แล้วล่ะลูก...ลูกน่ะเป็นคนสำคัญสำหรับพ่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือพ่อจะมีใครเพิ่มเข้ามาในชีวิต แต่ลูกก็ยังเป็นลูกชายคนโตที่สำคัญที่สุดของพ่ออยู่ดี”

    ปุริมบอกแล้วดึงร่างบุตรชายมากอดอยู่ครู่ใหญ่  สักพักจึงปล่อยร่างนั้นออก แล้วยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่าย

    “ส่วนเรื่องของอภิคม พ่อเองยังไม่คิดตัดสินใจอะไรลงไปหรอก...คงต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์สักระยะ ....และถ้าเขายังมั่นคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ....เมื่อถึงตอนนั้น พ่อก็อาจจะให้โอกาสเขาเข้ามาในชีวิตก็ได้”

    พิภพยิ้มตอบบิดา พลางหวนคิดถึงเรื่องของภูธิปกับเขา ชายหนุ่มลอบถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงชวนบิดาคุยถึงเรื่องของอภิคมต่อ จนกระทั่งเวลาเย็นมาถึง



    คืนนั้นท้องฟ้าไร้เมฆ พระจันทร์เต็มดวงสาดสว่างกลางท้องฟ้า ร่างสูงใหญ่ถอนหายใจเบา ๆ เมื่อผ่านไปครึ่งค่อนคืน ก็ยังไม่มีร่างของคนที่เขารอคอยปรากฏให้เห็น

    “ช่วยไม่ได้... ใครใช้ให้ฉันมาตกหลุมรักเด็กใจแข็งอย่างเธอเข้าล่ะ ...ก็คงต้องทำได้แค่รอเธอใจอ่อนเท่านั้นล่ะนะ”

    ภูธิปพึมพำกับตัวเอง เขาหวนคิดถึงใบหน้าเย็นชาหล่อเหล่านั้น แล้วก็ต้องอมยิ้มน้อย ๆ 

     สำหรับเขาในครั้งแรกที่เจอกัน พิภพอาจจะถูกใจเขา ที่สามารถตอบสนองและเติมเต็มความใคร่ของเขา อย่างที่คนอื่นทำไม่ได้เพียงแค่นั้น  ทว่าพอได้สังเกตเห็นแววตาจริงจัง ยามที่อีกฝ่ายคิดวางแผนการ แม้นั่นจะเป็นการกระทำเพื่อหักหลังเขาก็ตาม  มันก็ยิ่งชวนให้เขาสนใจในตัวของอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก

     ...อารมณ์รุนแรงยามผิดหวัง ความดื้อรั้นไม่ยอมแพ้ ความแข็งแกร่งและทรหดอดทนต่อความเจ็บปวด โดยไม่คิดร้องขออ้อนวอน ยามที่ถูกเขาทรมาน...

     ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวพิภพ กระตุ้นให้เขามีแต่อีกฝ่ายในความคิด จากความเอ็นดูและถูกใจ เริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นโหยหา จนทำให้เขาต้องพาตัวมาพบชายหนุ่มถึงถิ่นเช่นในยามนี้

    “พิภพ...ฉันรักเธอนะ”

    เสียงเปรยเบา ๆ กับตัวเอง แม้มันจะแผ่วเบาสักเพียงใด แต่ด้วยเป็นคืนที่เงียบสงัด ไร้เสียงสรรพสิ่งร้อง ด้วยความเกรงกลัวต่อกลิ่นอายของอมนุษย์ผู้แข็งแกร่ง ก็ทำให้คนที่แอบซุ่มมองอยู่ห่าง ๆ ได้ยินเสียงนั้นชัดเจนอยู่ดี พิภพกำมือแน่น ด้วยความรู้สึกปวดแปลบในจิตใจ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในสำนึกต่อสู้กันเองอยู่นาน จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินจากที่แห่งนั้นมา และพยายามไม่หันหลังกลับไปมองอีก

    ระหว่างที่พิภพค่อย ๆ เดินห่างออกไป ภูธิปซึ่งนั่งรออยู่เงียบ ๆ ก็ต้องถึงกับชะงัก เมื่อสายลมเริ่มเปลี่ยนทิศ พัดพากลิ่นอายคุ้นเคยเบาบางมาให้สัมผัส เจ้าตัวลุกขึ้นเดินไล่ตามกลิ่นที่ค่อย ๆ จางหายไป ก่อนจะชะงัก เมื่อสังเกตเห็นรอยเท้าค่อนข้างใหม่ ปรากฏอยู่บนผืนดินเปียกชื้นแถวนั้น

    “เด็กไม่ดี... นี่เธอจงใจจะทำให้ฉันหลงเธอมากกว่านี้ จนแทบบ้าไปเลยหรือไงกันนะ”

    ภูธิปพึมพำพลางแย้มยิ้มน้อย ๆ กับตนเอง แม้พิภพจะไม่ยอมออกมาพบเขา แต่การที่แอบซุ่มมองอยู่ ก็แสดงให้เห็นว่า ตัวเขาเองยังมีความหวังอยู่เช่นเดียวกัน

    “วันนี้ฉันจะยอมให้ก่อนก็ได้... แต่ครั้งหน้าฉันจะไม่ใจดีแบบนี้อีกแล้วนะ...เด็กน้อยของฉัน”

    ภูธิปเปรยขึ้นกับตัวเอง แล้วจึงหาที่เหมาะ ๆ แถวนั้นเอนกายหลับพักผ่อน เพราะมั่นใจว่าพิภพคงไม่ย้อนกลับมาแล้ว และเขาเองก็ต้องเดินทางกลับเผ่าในช่วงเช้ามืด จึงควรจะพักผ่อนเอาแรงไว้เสียดีกว่า



    เช้าวันรุ่งขึ้นพิภพมาที่ริมน้ำตกแต่เช้าโดยอ้างกับบิดาว่า เขาอยากจะมาเดินเล่นรับอากาศยามเช้าสักหน่อย ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ภูธิป ไม่อยู่แล้ว ทว่าร่องรอยที่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นนอนพักค้างคืนที่บริเวณนั้น ทำให้พิภพชะงักเล็กน้อย พร้อมกับรู้สึกผิดขึ้นมานิด ๆ

    “แบบนี้คงดีแล้ว...เขาเองก็คงไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงนักหรอก”

    พิภพพึมพำกับตัวเอง เขาไม่เห็นหนทางที่แสนสุขจะรออยู่เลย หากเขาเลือกที่จะรับภูธิปเข้ามาในหัวใจ  แต่ถึงกระนั้นเขาก็อดปฏิเสธตัวเองไม่ได้เลยว่า ตนเองเริ่มที่จะหลงใหลในรสสัมผัสที่ภูธิปมอบให้อย่างอ่อนโยนเมื่อครั้งก่อนเข้าเสียแล้ว

    จากนั้นพิภพจึงเดินกลับที่พักของตนไปเงียบ ๆ ...ทว่าพอวันเวลาผ่านพ้นไป ชายหนุ่มก็อดที่จะมาแวะเวียนสถานที่แห่งนี้เป็นระยะ ๆ ไม่ได้ ยิ่งหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างเขากับภูธิป ก็ทำให้เขาต้องเผลอช่วยเหลือตัวเอง เพื่อปลดปล่อยความต้องการที่อัดอั้นอยู่ในร่างกายบ่อยครั้ง



    ในที่สุดคืนจันทร์เต็มดวงก็เวียนมาถึงอีกครั้งหนึ่ง ภูธิปแวะเวียนมาเพื่อรอพบคนที่เขารัก พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ เมื่อสังเกตร่องรอยบริเวณนั้น ที่มันแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ร้างผู้คนเลยสักนิด ตลอดเวลาที่เขาไม่ได้กลับมา รอยเท้าจาง ๆ บนพื้นดินชุ่มชื้นยังคงมีอยู่ให้เห็น อันน่าจะเป็นรอยที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้

    “ปากไม่ตรงกับใจเลยนะ ... แต่ก็นั่นล่ะ เพราะเธอเป็นแบบนี้ ฉันถึงได้ชอบยังไงล่ะ”

    ภูธิปพึมพำ เขาแสร้งทำเป็นนั่งเล่นอยู่ครึ่งค่อนคืน ทว่าพอใกล้ถึงเวลาตีหนึ่ง เจ้าตัวก็ยืนขึ้นแล้วถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในป่าลึกอีกทาง ทำให้คนที่แอบเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ถึงกับชะงัก แล้วสักพักใหญ่ ร่างนั้นจึงค่อย ๆ เดินออกมา ตรงไปยังก้อนหินใหญ่ที่ภูธิปเคยนั่ง  มือข้างหนึ่งยื่นไปสัมผัสไออุ่นที่เริ่มจางลงจนเย็น พลางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันกลับมาเตรียมกลับที่พักบ้าง ทว่าก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นใครบางคนจับจ้องยืนมองเขาอยู่พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

    “ไง พิภพ ...ในที่สุดฉันก็ได้เจอเธอสักทีนะ”

    พิภพยืนอึ้งอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหน้าแดงระเรื่อตามมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นแผนการของอีกฝ่ายที่ต้องการล่อเขาออกมา และภูธิปก็คงจะล่วงรู้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เขาแอบมองดูอยู่เช่นนี้

    “คุณมันเจ้าเล่ห์นัก!”

    พิภพบอกกลับไปอย่างหงุดหงิด ทว่าคนฟังกลับหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลางย้อนกลับไป

    “ใครล่ะจะเจ้าเล่ห์สู้เธอได้  ฉันก็แค่หลอกเธอ ...แต่ตัวเธอน่ะสิ หลอกได้แม้กระทั่งหัวใจของตนเองไม่ใช่หรือ”

     พิภพชะงัก แล้วจึงเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย ภูธิป แย้มยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ แล้วรวบร่างนั้นเข้ามากอดอย่างโหยหา

    “คิดถึงเธอเหลือเกินพิภพ... เธอล่ะ คิดถึงฉันเหมือนกันไหม”

    พิภพพยายามขืนร่าง ทว่าพอได้ยินเสียงกระซิบถามแผ่วเบาอ่อนโยน ได้รับรู้ถึงไออุ่นและกลิ่นกายที่คุ้นเคย ก็ทำให้เขาเอนอ่อนลง จนกระทั่งยอมปล่อยตัวปล่อยใจ ให้ภูธิปกอดเขาอย่างที่เขาเองก็ปรารถนา อีกครั้งหนึ่ง…

   

    รัตติกาลเร่าร้อนยาวนานผ่านพ้นไปในที่สุด เสียงหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนก็ค่อย ๆ ลดลง ร่างเปลือยเปล่าสองร่างประคองกอดแนบสนิทโดยไม่สนใจอากาศหนาวเย็นภายนอกแม้แต่น้อย

    “ขืนเป็นแบบนี้ กลับไปผมคงได้เป็นปอดบวมพอดี”

    ภูธิปหัวเราะกับคำค่อนขอดของอีกฝ่าย แล้วจึงเปรยตอบ

    “เธอก็กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าสิ ...จะได้ไม่หนาว”

    พิภพค้อนให้นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำตามที่อีกฝ่ายบอก เพราะแม้อากาศจะเย็น แต่อ้อมกอดของภูธิปก็สร้างความอบอุ่นให้แก่เขาได้พอสมควร

    “ฉันมีความสุขจริง ๆ นะ เวลามีเธออยู่ในอ้อมกอดแบบนี้... สงสัยฉันคงต้องรีบเกษียณตัวจากตำแหน่งไว ๆ จะได้มาอยู่กับเธอบ่อยขึ้นกว่าเดิมเสียแล้วล่ะ”

     พิภพชะงัก ก่อนจะมีสีหน้าหมองลง แล้วพึมพำตอบอีกฝ่าย

    “ถึงจะเป็นอย่างนั้น  ก็ใช่ว่าผมจะออกมาได้ตลอด แค่ผมเหม่อ ๆ คิดถึงคุณ ...พ่อก็สงสัยจะแย่อยู่แล้ว”

    ภูธิปนิ่งอึ้งกับถ้อยคำที่เผลอหลุดปากของหนุ่มน้อยในอ้อมกอด สักพักจึงมีรอยยิ้มกว้างตามมาอย่างยินดีบนสีหน้าคมคายนั้น

    “นี่เธอคิดถึงฉันจริง ๆ น่ะหรือ”

    พิภพสะดุ้ง และเมื่อนึกได้ว่าตนเผลอหลุดคำพูดอะไรออกไป เขาก็มีสีหน้าแดงระเรื่อตามมา

    “ก็แค่คิดว่า จะทำยังไงให้คุณเลิกยุ่งด้วย ก็เท่านั้นเอง!”

    พิภพรีบแก้ตัว แต่ภูธิปก็อ่านสีหน้าอีกฝ่ายได้ดี จึงไม่ได้โกรธ และหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ จนพิภพรู้สึกเสียหน้า จึงยันกายหมายออกห่างอีกฝ่ายแทน จนหนุ่มใหญ่ต้องรีบรั้งร่างนั้นไว้ในอ้อมกอด

    “หึ ๆ ขอโทษ ...ไม่แกล้งเธอแล้วล่ะ ...อา เด็กน้อย ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีด้านที่น่ารักขนาดนี้ด้วยเลยนะ”

    ภูธิปพึมพำ พร้อมกับจูบซุกไซ้ไปทั่วใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างรักใคร่ พิภพหน้าแดงวาบเมื่อสัมผัสถึงบางสิ่งที่สงบไปแล้ว แต่ตอนนี้มันกำลังแข็งขึงปลุกขึ้นมาดุนดันแถวสะโพกของเขาอีกครั้งหนึ่ง 

     “คุณภูธิป...เดี๋ยวก็จะเช้าแล้วนะครับ”

    “เช้าก็เช้าสิ ...เอาแบบนี้ก็ได้ ถ้าเธอรีบ ฉันก็จะเร่งให้นะ”

    ประมุขเผ่าครุโฬตอบกลับหน้าตาเฉย ทำให้คนฟังถอนหายใจเบา ๆ อย่างเอือมระอา แล้วจึงดันกายออกห่างก่อนกระซิบดุ

    “ไม่เอาแล้วครับ... ขืนไม่ฟัง คราวหน้า ผมจะไม่มาหาคุณแบบนี้อีกแล้วนะ”

    ภูธิปหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงย้อนกลับหน้าตาเฉย

    “ลองดูสิ... ถ้าฉันอดใจไม่ไหว ฉันจะไปหาเธอถึงห้องเอง”

    พิภพขมวดคิ้วยุ่งกับคำพูดกึ่งเล่นกึ่งจริงของอีกฝ่าย ก่อนจะชะงักเล็กน้อย เมื่อภูธิปชะโงกหน้ามาจูบเขา พร้อมกับเอ่ยเบา ๆ

    “แต่ฉันสัญญานะว่า ต่อให้ถูกพบตัว ฉันก็จะไม่ลงมือทำร้ายคนของเธอโดยเด็ดขาด”

    พิภพนิ่งอึ้ง แล้วจึงค่อย ๆ ซบหน้าลงกับอกของอีกฝ่าย พลางพึมพำบอก

      “คนเจ้าเล่ห์ ...คุณเล่นพูดแบบนี้ แล้วจะให้ผมเกลียดคุณลงได้ยังไง”

     ภูธิปหัวเราะเบา ๆ จากนั้น หนุ่มใหญ่จึงยอมตัดใจที่จะขอร่วมรักคนในอ้อมกอดอีกครั้ง เพราะพิภพยืนยันมาว่า พวกวกะนั้นค่อนข้างตื่นเช้าด้วยกันทุกคน แล้วถ้าเขากลับไปช้ากว่านี้ คงจะถูกพบเจอตัวให้สงสัยเป็นแน่

   

    จากนั้นทั้งคู่จึงตรงไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ซึ่งน้ำเย็น ๆ ก็มีส่วนช่วยให้คนที่อ่อนเพลียไม่ได้หลับนอน ตาสว่างขึ้นมาทันที และเมื่อต่างแต่งตัวเสร็จ พวกเขาก็แยกย้ายกันเพื่อจะกลับถิ่นพำนักตามปกติ

    “แล้วพบกันอีกเดือนหน้านะ พิภพ...”

    ภูธิปเอ่ยลา ซึ่งพิภพก็ยิ้มน้อย ๆ ตอบ พร้อมกับพยักหน้ารับ

    “ครับ...แล้วเจอกัน”

    ประมุขแห่งเผ่าครุโฬแย้มยิ้มอ่อนโยน พลางเดินหายไปในป่าลึก ซึ่งพิภพเองก็เดินแยกกลับคืนที่พักเช่นเดียวกัน  ทว่าแม้จะอิ่มเอมในรสรักที่ผ่านมา  แต่พอนึกถึงเรื่องที่ตนปกปิดทุกคนเอาไว้ และลักลอบพบกับภูธิปอีกครั้ง ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดขึ้นมาไม่น้อย



    พิภพยืนนิ่งเงียบคิดอะไรหลาย ๆ อย่างอยู่ชั่วครู่  ก่อนจะตัดสินใจเดินต่อ จนกระทั่งถึงที่พัก เวลายามนี้ใกล้รุ่งสางเต็มทน เริ่มเห็นมีวกะบางคนตื่นขึ้นมาเดินเล่นยามเช้าบ้างแล้ว  ชายหนุ่มลัดเลาะไปตามเส้นทางลัดที่ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่าน ตัดตรงไปยังบ้านพักของเขา แล้วกลับเข้าห้องนอน โดยไร้คนเห็น แต่ถึงกระนั้น พิภพก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่ดี ยิ่งหวนคิดถึงบิดาที่คอยเอาใจใส่เขา ชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น

     “ขอโทษนะครับพ่อ แต่ขอเวลาผมอีกสักนิด ...ถ้าเรื่องของพวกเราจะทำให้เกิดปัญหาในเผ่าขึ้นมาเมื่อไหร่ ...ผมพร้อมจะยินยอมรับโทษทัณฑ์ทุกอย่าง โดยไม่คิดจะขัดขืนเอง”

    พิภพพึมพำ พลางกอดอกตัวเองหลวม ๆ หวนคิดถึงไออุ่นของคนที่จากไป แล้วจึงมีแววตาที่หมองลง

     ...บางที นี่คงเป็นการลงโทษในความผิดบาปที่เขาเคยได้กระทำมา  จึงทำให้เขาเผลอมอบใจให้คนที่ไม่ควรจะหลงรัก แถมยังเป็นทุกข์ที่ไม่อาจจะบอกใครในเรื่องนี้ได้อีก...

     พิภพไม่อาจจะล่วงรู้ได้ว่า ความรักลับ ๆ ของเขาและภูธิปจะดำเนินไปอีกนานแค่ไหน และจะถูกจับได้เมื่อใด ...เขารู้เพียงแต่ว่า เมื่อวันตัดสินชะตาวันนั้นมาถึง เขาจะไม่เลือกทรยศต่อเผ่าและคนสำคัญสำหรับเขาอีกแล้ว  แม้ว่านั่นอาจจะทำให้เขาต้องสูญเสียคนที่เขารักไปตลอดกาลก็ตาม



...END…


เป็นไงคะ  อาจจะจบแบบไม่แฮปปี้มากมายนัก แต่ก็เหมาะกับสองคนนี้แล้วล่ะนะ รักที่ต้องซ่อนเร้น ไม่อาจจะบอกใครได้  แต่ก็คงมีความสุขในแบบของคู่ตัวโกงที่หลาย ๆ คนหมั่นไส้ล่ะนะ อิ ๆ (แต่ปัดชอบสองคนนี้นะ ) เพราะเป็นตอนพิเศษเลยให้ป๋าภูธิป แกหวานหน่อย   ไว้เวลาอยู่กันลำพังค่อยใช้เครื่องไม้เครื่องมือ จับโยงต้นไม้ เล่น sm คราวหลัง ....


ส่วนคู่ของคุณพ่อปุริม ที่อ้างถึง หุๆ  ไม่มีอะไร อาจจะไม่เขียน ก็แค่สงสารคุณพ่อ มีเมียเมียก็ตายหมด เลยสงเคราะห์ให้ไปเป็นเมียเขาแทน คงจะเวิร์กกว่าล่ะนะ


ชอบไม่ชอบยังไงร่วมเมาท์ได้จ้ะ  ยิ่งมีฟีคแบคเยอะ คนเขียนยิ่งขยันนะเอ้อ เผื่อจะได้เอางู-กวาง มาต่อแบบยาว ๆ ให้อ่านกันไว ๆ เร็ว ๆ นี้ก็ได้นะคะ ^^ หุ ๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 07-02-2013 17:42:09



น่าสงสารอยู่นะกับคู่นี้
ถ้าหากพิภพลองปรึกษาปุริมดู คนเป็นพ่อก็น่าจะมีทางเลือกให้ลูกอยู่บ้าง
ตอนนี้เศร้าๆ ซึ้งๆ หวานๆ
ขอบคุณค้าาา
รองูเฒ่ากับพ่อกวางทอง >W<
 
 
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 07-02-2013 18:25:58
อ่านตอนนี้แล้ว รักภูธิปมากๆ สงสารอ๊าาา
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 07-02-2013 18:58:12
เป็นความรักที่สุขก็ไม่สุขที่สุด จะทุกข์ก็ไม่ทุกข์ มันหน่วง ๆ อ่ะ  :เฮ้อ:
ความรักต้องห้าม :m15:
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 07-02-2013 19:03:28
รักที่ต้องหลบซ่อน สู้ๆๆๆน่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 07-02-2013 20:10:35
ขอคู่หัวหน้าเผ่านู้นนน กับคุณพ่อน้องกวางน้อย

อีกคู่จะน่ารักมาๆๆๆ  อิอิ

ขอบคุนจ้า
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Jaratravee ที่ 07-02-2013 21:28:29
อ่านแล้วรู้สึกชอบคู่นี้ขึ้นมาตะหวิดๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 07-02-2013 22:00:54
ยาวได้ใจมากๆเลยค่ะ คู่นี้เป็นอีกคู่ที่ชอบมากๆ
ด้วยความที่ชอบเลยแอบเสียใจที่ถ้ามีเรื่องขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะเจ็บกันทั้งคู่ ถึงจะร้ายแต่ก็มีหัวใจเหมือนกันไม่ใช่เหรอ
เสียใจๆๆๆ แต่เอาเถอะ ในชีวิตจะมีความสุขกันทุกคนก็คงไม่ใช่
อย่างน้อยๆเขาก็รู้แล้วว่ารักกันไม่ใช่รักแค่ฝ่ายเดียว ยังไงก็ขอให้วันนั้นมันมาไม่ถึงแล้วกันเนอะ
ตอนหน้าคู่ไหนกันคะเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 07-02-2013 22:12:26
 :impress3: :impress3: :impress3:ม่าสงสารจังเลย :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:


เป็นกำลังใจให้คู่นี้ :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 07-02-2013 22:18:32
เป็นตอนพิเศษที่ยาวสะใจเลย ท่าทางคนเขียนจะชอบคู่นี้จริง อิอิ
ภูธิปจริงๆก็น่ารักนะ ดูรักพิภพมากเลย อยากให้สองคนนี้สมหวังกันซะแล้วสิ
เป็นกำลังใจให้คู่นี้ ให้ได้อยู่ด้วยกันจ้า
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 07-02-2013 22:59:39
สงสารคู่นี้ :z10:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: toye ที่ 07-02-2013 23:04:50
เอิ้กกกๆๆ เฮียภูธิปนี่กลับตัวกลับใจ :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 07-02-2013 23:26:28
โอเค ฉันยอมให้เเกคู่กับพิภพก็ได้ ที่ยอมเพราะเห็นว่าดูแลพิภพดีหรอกนะ :m16: :m16: ตัวเอง>>คนแต่ง เค้ารออ่านคู่ต่อไปอยู่นะ มาลงให้เค้าเรวๆนะตัว :-[ :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: DarkAki ที่ 08-02-2013 00:50:37
เฮ้อออออออออ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

รู้สึกอึดอัดแทนพิภพจังเลย รักแต่ต้องหลบซ่อน

มันเป็นอะไรที่ทรมานที่ทรมานมาก

เศร้าอ่ะ  อ่านแล้วเพลงหน่วงขึ้นมาในสมองเลย

แต่ก็...สู้ต่อไปนะ บางทีอนาคตมันอาจจะดีกว่าที่คิดไว้ก็ได้

มาเปลี่ยนอารมณ์กันดีกว่า

 :z1: :z1: :z1:  :impress2: :impress2: :impress2:  กรี๊ดอ่ะ ในที่สุดพ่อก็มีคู่ซะที

ถึงแม้ว่าตำแหน่งมันจะเปลี่ยนไปบ้างก็ไม่เป็นไร ><

แต่ถ้าพ่อรับรักแล้วเนี่ยสงสัยคงต้องเหนื่อยทุกวันแน่เลย หุหุหุ  :z1: :z1: :z1:

อยากอ่านงูน้อย กะ น้องกวางงงงง

แบบยาวๆเนี่ย ขอให้ความยาวเท่ากับอุรคตอนร่างนากาเลยน้าค่าาาาาาาาาาา 5555
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 08-02-2013 01:08:33
อภิคมปุริมงั้นหรือ แล้วปุริมจะใจอ่อนให้อภิคมเมื่อไรนะ พิภพเป็นคนคิดมากนะเนี่ย ภูธิปก็ดูแลพิภพให้ดีนะ อย่าทำร้ายพิภพแบบนั้นอีกนะ พิภพน่าจะลองคุยกับปุริมดูนะ แต่ภูธิปเองก็ต้องทำตัวให้คนอื่น ๆ มั่นใจเหมือนกันว่าภูธิปจะไม่ทำเรื่องร้าย ๆ แบบนั้นอีก
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 08-02-2013 01:42:54
อ้าาาา  :-[
ดีใจที่ได้อ่านคู่นี้อ่ะ แอบสงสารทั้ง ภูธิป กับ พิภพ
หวังว่าสุดท้ายแล้วคงจบได้ด้วยดี
ปล. เรื่องนี้นี่รักต่างวัยเยอะมากกก  :m20:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 08-02-2013 02:09:36
ร้ายก็รักนะเกเรอย่างไรก็รักนะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ/1 ศัตรูที่รัก...P.15 (โพส : 7/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 08-02-2013 02:28:00
แอบตกใจคู่ปุริมกับอภิคมอ่ะ 555+  ข้ามรุ่นมากมาย  :laugh:

ส่วนคู่นี้ จบแบบนี้ก็โอเคแล้วค่ะ  เพราะเริ่มกันไม่ค่อยสวย  จบแบบไม่แฮปปี้ก็ไม่แปลกอะไรเนอะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2...#1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 08-02-2013 11:21:15
ทยอยลงให้อ่าน กลัวมีคนลงแดง ฮ่าๆ   ....จะว่าไป พอเขียนคู่คุณพ่อ แล้วรู้สึกคู่นี้ เข้ากับชื่อเรื่อง "เหยื่อรักอสุรกาย" แทนซะงั้น  ยืมมาตั้งชื่อตอนแทนดีไหม รู้สึกเหมือนยิ่งเขียนยิ่งยาว

------------------------------------------------------------



ตอนพิเศษ
‘อุรค – เวทิต’



   กลิ่นคาวเลือดที่ลอยมาตามลม ทำให้บุรุษผู้มีเส้นผมยาวสลวยถึงกลางหลัง ทว่ากลับเป็นสีขาวทั้งศีรษะ หยุดชะงักฝีเท้า ใบหน้าหล่อเหลาดุจหนุ่มวัยฉกรรจ์ มีวี่แววสงสัยถึงที่มาของกลิ่นอันชวนให้ไม่น่าพิสมัยเช่นนี้   

   “...แถวนี้ เท่าที่รู้ก็มีพวกมโคตั้งถิ่นฐานอยู่สินะ”

   อุรค ประมุขแห่งเผ่านากาเอ่ยพึมพำกับตัวเอง แล้วจึงตัดสินใจเดินไปตามกลิ่นเลือดนั้น จนกระทั่งได้เห็นภาพการสู้รบอันน่าดูชมของกวางทองตนหนึ่ง ซึ่งกำลังถูกพวกวกะสองสามตนต้อนให้หลุดฝูงออกมา ทว่าแม้จะอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ ร่างโชกเลือดนั้นก็ยังคงยืนต้านทานต่อสู้อย่างไม่มีความเกรงกลัวให้เห็น

    และนั่นจึงสะกดให้สายตาของอุรคจับจ้องนิ่งที่ร่างนั้นอย่างลืมตัว จนกระทั่งการต่อสู้ได้จบสิ้นลง กวางทองแสนสวยก็สามารถสังหารเหล่าวกะที่มารุมทำร้ายตนจนหมดสิ้น ทว่าด้วยบาดแผลที่มีจึงทำให้ร่างนั้นเซไปมาและล้มลงไปกองกับพื้นในที่สุด

   “กวางทอง... มฤคมาศแห่งเผ่ามโคอย่างนั้นหรือ”

   อุรคพึมพำแล้วจึงตัดสินใจเดินตรงไปที่ร่างของกวางทองตนนั้น  ที่ยามนี้สลบไปแล้วและค่อย ๆ กลับกลายจากร่างกวางคืนสู่ร่างมนุษย์ดังเดิม พญางูเผือกพอได้เห็น ก็ถึงกับยืนตกตะลึงในรูปลักษณ์มนุษย์ของมโคหนุ่มอยู่ชั่วครู่ แล้วพอตั้งสติได้ เขาจึงค่อย ๆ ก้มลงช้อนร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายขึ้นอุ้มแนบอก ก่อนจะเดินย้อนหายกลับเข้าไปในป่าลึก คืนสู่ถิ่นฐานพำนักของตน

   

   ภาพแรกที่เข้าสู่จักษุนั้น เป็นเพดานมืดทึบคล้ายดินหรือหินไม่แน่ชัด แต่พอเริ่มตั้งสติได้ และมองไปรอบ ๆ เวทิตก็พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องกว้าง ซึ่งมีลักษณะคล้ายอุโมงค์ในถ้ำ เพียงแต่เป็นอุโมงค์ที่ราวกับจะถูกขุดและตกแต่งด้วยน้ำมือมนุษย์ ให้กลายสภาพเป็นเสมือนห้องพักขนาดใหญ่ ประดับประดาด้วยคบไฟสว่าง มีเครื่องเรือนตกแต่งเพียบพร้อม 

    และถึงแม้จะอยู่ในถ้ำ แต่อากาศที่ถ่ายเทเข้าออกจนทำให้รู้สึกหายใจได้สะดวกสบาย ก็ทำให้เวทิตรู้สึกแปลกใจต่อสถาปัตยกรรม ที่ไม่น่าจะใช่สิ่งซึ่งธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นแห่งนี้

   “ฟื้นแล้วหรือ...เจ้าหลับไปวันกับคืนเต็ม ๆ เลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าฟื้นตัวได้ไว ถ้าเทียบกับบาดแผลที่ได้รับล่ะนะ”

   น้ำเสียงทุ้มนุ่มของใครบางคนที่ดังขึ้น ทำให้เวทิตชะงักแล้วหันไปมองตามเสียงนั้น

   “คุณช่วยผมไว้อย่างนั้นหรือ...”

   เวทิตถามพร้อมกับจ้องคนที่เดินเข้ามาหาเขา อีกฝ่ายมีผมสีขาวยาวสลวยถึงกลางหลัง  ทว่าใบหน้านั้นกับคมเข้มหล่อเหลาราวดังมีอายุไม่มากสักเพียงใดนัก เจ้าตัวแต่งกายด้วยผ้าไหมโจงสีขาว มีผ้าพันเอวสีทองผูกคาดเอาไว้ เปลือยอกไม่ได้สวมเสื้อ อวดกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์งดงามของบุรุษเพศ มีเครื่องประดับมีค่าตกแต่งทั่วร่าง  อีกฝ่ายเดินเข้ามานั่งบนฟูกนอนผืนใหญ่ ที่เวทิตนอนอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นจึงยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับตอบคำถามของชายหนุ่ม

   “ใช่แล้ว...ข้าช่วยเจ้าไว้เอง มฤคมาศหนุ่มเอ๋ย”

   เวทิตสะดุ้งเฮือกที่ถูกล่วงรู้ตัวจริง เขาขยับกายคล้ายจะหนี ทว่าก็ต้องชะงัก เมื่อด้านหลังและอีกข้างก็เป็นผนังถ้ำ ไม่มีทางอื่นที่จะหนีได้นอกจากจะลุยฝ่าคนตรงหน้าไปแทน

   “ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ ...ข้าไม่คิดกินหัวใจของเจ้าหรอก ในเมื่อเรือนร่างของเจ้า มันน่าสนใจเสียยิ่งกว่าหัวใจของเจ้าถึงเพียงนี้ล่ะนะ”

   อุรคเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ในแบบที่เวทิตมองแล้วรู้สึกไม่สบายใจนัก รวมไปถึงคำพูดที่ฟังดูแล้วน่าหวั่นวิตกเสียยิ่งกว่าเดิมด้วยนั่นอีก

   “พักผ่อนเสียให้หายดีเถอะ แล้วถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติม ก็เรียกคนแถวนี้ก็ได้ ...ถึงจะดูบ้านป่าเมืองเถื่อน แต่ก็มีความสะดวกสบายไม่แตกต่างจากโลกภายนอกนักหรอก ...เพียงแค่ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาให้ใช้ เพราะข้าคิดว่ามันไม่จำเป็นกับชีวิตมากนัก”

   เวทิตมองคนพูดอย่างสงสัย เพราะดูการพูดจาและการแต่งกาย แม้จะดูเหมือนย้อนยุคไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะตัดขาดจากโลกภายนอกเสียทั้งหมด ... เอาจริง ๆ แล้วพอได้สังเกตการตกแต่งภายในห้องนี้ เครื่องเรือนบางชิ้นก็เป็นรูปทรงสมัยใหม่ผสานกันไปอย่างลงตัวด้วยซ้ำ

   “เดี๋ยวก่อน...”

   เวทิตเรียกคนที่กำลังลุกเพื่อเตรียมออกจากห้องไป ทำให้คนถูกเรียกหันมามองอย่างแปลกใจ

   “เอ่อ...คือ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตผมไว้...ผมชื่อเวทิต แล้วคุณล่ะ...”

   ชายหนุ่มผมขาวแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน

   “ข้าชื่อ อุรค ...เป็นประมุขของเผ่านากาแห่งนี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ เวทิต”

   ถ้อยคำแนะนำตัวของอีกฝ่ายทำให้เวทิตถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ซึ่งอุรคก็ยิ้มนิด ๆ ให้กับสีหน้าเช่นนั้น แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้กวางทองหนุ่มกึ่งนั่งกึ่งนอนนิ่งอึ้งอยู่เพียงลำพัง เพราะเขาเองก็เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับพวกนากามาก่อนหน้านี้บ้างแล้ว ว่าเป็นเผ่าอมนุษย์ที่แข็งแกร่ง แม้แต่พวกครุโฬที่ล้วนเป็นที่หวาดหวั่นต่ออมนุษย์เผ่าอื่น ยังไม่อาจต่อกรได้   

    

   เวทิตนอนพักผ่อนอยู่ที่เผ่านากาต่ออีกสามวัน ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาฟื้นคืนสภาพเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งระหว่างพักฟื้น อุรคก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อย แม้จะรู้สึกไม่ค่อยชอบใจต่อสายตาที่มองมายังเขาในบางครั้ง แต่เวทิตก็ต้องยอมรับว่า ประมุขแห่งเผ่านากานั้นมีไมตรีจิตและให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดีทีเดียว

   “พรุ่งนี้ผมคงจะออกเดินทางกลับเผ่าได้ ...และถ้ายังไงผมจะแวะมาเยี่ยมเยียนขอบคุณ คุณอีกครั้งนะครับ”

   เวทิตบอกกับอีกฝ่ายอย่างสุภาพ เพราะนอกจากอุรคจะเป็นถึงประมุขของเผ่านากาแล้ว พญางูเผือกก็ยังมีอายุมากกว่าเขา จนตอนแรกที่เขารับรู้เรื่องนี้  เขายังแทบไม่อยากจะเชื่อเลยทีเดียว แม้อุรคจะบอกว่าช่วงอายุ 300 กว่าปีของตนนั้น จัดว่ากำลังอยู่ในช่วงวัยฉกรรจ์ของคนในเผ่านากาทั่วไปก็ตาม

   “จะกลับอย่างนั้นหรือ...อืม...มันก็เป็นเรื่องธรรมดานี่นะ”

   อุรคพึมพำ น้ำเสียงนั้นฟังดูไม่ค่อยพอใจนัก ก่อนจะแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นแย้มยิ้ม แล้วเอ่ยกับอีกฝ่าย

   “ถ้าเช่นนั้นค่ำนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงส่งให้เจ้าแล้วกัน ...หวังว่าเจ้าคงจะไม่ปฏิเสธน้ำใจที่ข้ามีให้หรอกนะ”

   อุรครีบเอ่ยดักทาง ทำให้เวทิตที่เตรียมปฏิเสธต้องชะงัก แล้วจึงจำต้องยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะรู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายมากก็ตาม

   “ดี! คืนนี้ไม่เมา ไม่เลิก ...หึ ๆ รับรองว่าข้าไม่ให้เจ้าได้นอนง่าย ๆ แน่”

   อุรคเปรยขึ้นพร้อมแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ ทางด้านเวทิตไม่ทันได้เห็นสีหน้านั้น จึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย  เขาสนทนาแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ กับอุรคไปเรื่อย ๆ จวบจนกระทั่งถึงเวลาเย็น ประมุขแห่งเผ่านากา จึงชวนเวทิตไปยังห้องโถงจัดเลี้ยงซึ่งอยู่ตรงส่วนกลางของอุโมงค์ในหุบเขาแห่งนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วคือรัง หรือถิ่นอาศัยที่ชาวเผ่านากาได้สร้างขึ้นนั่นเอง

   

   งานเลี้ยงในตอนค่ำ ถูกจัดขึ้นอย่างอลังการ มีนางงามในเผ่านากา มาระบำโยกย้ายส่ายสะโพกยั่วยวนชวนมอง อาหารมากมาย และสุราเลิศรสซึ่งมีกลิ่นหอมประหลาด ถูกเติมมาเรื่อยชนิดแทบไม่มีพร่อง ทว่าคนคออ่อนอย่างเวทิต เพียงแค่ดื่มสุราไปสองสามจอกเขาก็มึนงงจนแทบนั่งต่อไม่ไหว แถมยังรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วร่างอีกด้วย

   “คุณอุรคครับ...ผมคงไม่ไหวแล้วล่ะครับ...ถ้ายังไงผมขออนุญาตไปนอนพักก่อนนะครับ”

   อุรคมองร่างโปร่งที่แดงก่ำไปด้วยฤทธิ์สุราชนิดพิเศษของเขา แล้วจึงเย้ยยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะฉุดแขนรั้งร่างของอีกฝ่ายให้เซมาใกล้เขา

   “จะรีบไปไหนกันเวทิต...ความสนุกของงานฉลอง กำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ต่างหาก”

   เวทิตมองคนที่ฉุดแขนเขาอย่างสงสัยแกมไม่พอใจ 

   “แต่ผมรู้สึกไม่ดี อยากพักผ่อน...คงต้องขอตัว อ๊ะ!”

   เวทิตอุทานอย่างตกใจ เมื่ออุรค รั้งร่างเขาไปแนบอก พร้อมกับจับพลิกร่างเขานั่งตักของอีกฝ่ายและลูบไล้เรือนร่างของเขาไปทั่ว

   “ปะ...ปล่อยนะ! ...อ๊ะ...อา...”

   เวทิตที่ตวาดต้องหลุดร้องครางออกมาอย่างลืมตัว ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำด้วยความตกใจ ที่ตัวเองเผลอมีอารมณ์ร่วมได้ง่ายดายเช่นนี้

   “หึ ๆ ออกฤทธิ์แล้วสินะ...เจ้ารู้ไหมว่าสุราของเผ่าเราชนิดนี้ นอกจากจะรสเลิศ มีกลิ่นหอมหวาน แล้วมันยังช่วยในการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศอีกด้วยนะ ...รู้สึกไหมล่ะ ว่าร่างกายของเจ้ามันกำลังอยากให้ข้าสัมผัสมากขึ้นกว่านี้น่ะ”

   คำตอบของอุรค ทำให้เวทิตเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก แล้วจึงพยายามสุดกำลังจะต่อต้านอีกฝ่าย แต่ก็ไม่สำเร็จ นอกจากเรื่องสรีระ รวมไปถึงพละกำลังที่แตกต่าง  อีกทั้งด้วยฤทธิ์ของสุราที่กระตุ้นอารมณ์ ก็ทำให้เวทิตอ่อนระทวยในอ้อมกอดของประมุขเผ่านากา ปล่อยให้อีกฝ่ายล่วงเกินเขาไปเช่นนั้น สติที่เริ่มลางเลือนมองภาพเบื้องหน้า  และได้เห็นว่า บัดนี้ผู้ที่อยู่ในงานเลี้ยงต่างเริ่มจับคู่คลอเคลียและร่วมรักกันบ้างแล้ว

   “หึ ๆ เป็นยังไงบ้างเวทิต ...งานเลี้ยงของเผ่านากาเรา วิเศษดีใช่ไหมล่ะ ...เจ้าอยากให้ข้าทำกับเจ้าในงานเลี้ยงนี่ หรือจะไปหาความสุขกันตามลำพังในห้องของข้าดีล่ะ”

   อุรคกระซิบถาม ขณะที่ลูบไล้แผ่นอกเปลือยเปล่าของมโคหนุ่มอย่างหลงใหล เวทิตกัดฟัน พยายามต้านทาน ทว่าร่างกายกลับตอบรับต่อสัมผัสของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

   “...อ๊ะ...อา...หยุดเถอะ...ได้โปรด...ผมขอร้อง”

   เสียงครวญครางห้ามเบาหวิว แต่ก็ไพเราะสมกับใบหน้าและเรือนร่างเจ้าของเสียง อุรคยกยิ้มนิด ๆ อย่างพึงพอใจ ก่อนจะเล้าโลมจนสติของอีกฝ่ายเริ่มเตลิดไปอีกครั้ง  ทว่าประมุขแห่งเผ่านากาก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่เขากำลังค่อย ๆ บดเบียดจุมพิต เพื่อแสวงหาความหวานชุ่มชื้นภายในปากของอีกฝ่าย ได้พยายามใช้แรงและสติที่เหลือเพื่อกัดปากของเขาจนเลือดไหลซึมออกมา

   “...หือ ชอบรุนแรงมากกว่านุ่มนวลหรอกหรือ ...ก็ได้ ถ้าต้องการข้าก็จะสนองเจ้าเอง”

   อุรคใช้นิ้วเช็ดเลือดที่ริมฝีปาก ก่อนจะเหยียดยิ้มเย็นชา พร้อมกับตรึงร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายลงบนผ้าขนสัตว์ผืนหนาที่ปูนั่ง แล้วเวียนจูบเพื่อแสดงเครื่องหมายความเป็นเจ้าของไปทั่วร่างให้เวทิตครวญครางแทบขาดใจ

     เสียงร้องของกวางทองหนุ่ม ทำให้ผู้ร่วมงานเลี้ยงหลายคนพากันกลืนน้ำลาย และมีบางคนที่เฝ้าดูการร่วมรักของประมุขเผ่าตนอย่างสนอกสนใจ จนเวทิตที่หันไปเห็นสายตาเหล่านั้น รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันที

   “ไม่เอา...ได้โปรด...หยุดเถอะ...ไม่ใช่ที่นี่...ผมขอร้องล่ะ”

   อุรคเห็นสีหน้าและแววตาของอีกฝ่าย ก็พอจะรู้ว่าเวทิตรู้สึกเช่นไร เขายิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ พลางย้อนถามกลับไป

   “งั้นถ้าเป็นห้องนอนของข้าล่ะ ...เจ้าจะยินดีเป็นของข้าไหม”

   เวทิตชะงัก แต่ในวินาทีนี้ เขาอยากไปพ้นงานเลี้ยงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงได้แต่เม้มปากแล้วพยักหน้าตอบรับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

   “หึ ๆ  ดีมากเด็กน้อย...  อ้อ! สำหรับพวกเจ้าทั้งหลาย ขอให้สนุกกับงานเลี้ยงกันต่อไปแล้วกัน!”

   อุรครับคำกับมโคหนุ่ม แล้วหันไปบอกกับคนในเผ่าของเขา ซึ่งบ้างก็เฮรับ บ้างก็ยิ้มรับ มีบางคนรู้สึกเสียดาย ที่จะไม่ได้เห็นสีหน้าและน้ำเสียงของเวทิตยามถูกร่วมรักอีก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่กล้าคำขัดสั่งหรือโต้แย้งอะไรออกไป

   

   ณ ห้องนอนของประมุขเผ่านากา ซึ่งกว้างใหญ่และหรูหราเสียยิ่งกว่าห้องที่เวทิตเคยไปพัก ทว่ายามนี้เวทิตไม่ได้มีเวลารับรู้และสังเกตการณ์อะไรมากนัก เขาถูกอุ้มนำไปวางกลางฟูกนอนขนาดใหญ่กลางห้องซึ่งปูด้วยผ้าไหมทอสีทองผืนกว้าง และถูกเจ้าของห้องขึ้นคร่อมทับตามมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเล้าโลมร่างข้างใต้ตนอีกครั้งอย่างคิดกลั่นแกล้ง เพื่อให้เวทิตรู้สึกต้องการเขามากขึ้นยิ่งกว่านี้ 

   ด้วยฤทธิ์สุราชนิดพิเศษ และฝีมือการปรนเปรอที่เชี่ยวชาญ ทำให้กวางหนุ่มถึงกับบิดกายไปมาอย่างเสียวซ่าน ต้องการได้รับการตอบสนองที่มากกว่านี้ แต่ก็ยังมีสติพอจะหลงเหลือให้สะกดกลั้นคำพูดอันน่าอายเหล่านั้นได้อยู่

   “...ช่างเป็นเด็กที่ปากแข็งจริง ๆ  ...แต่ก็ดี ถ้าง่ายไป มันก็ไม่สนุกสินะ”

   อุรคพึมพำอย่างถูกใจ และจัดแจงดึงผ้านุ่งที่สวมติดตัวเขาอยู่ผืนเดียวออก เผยให้เวทิตได้เห็นความแข็งแกร่งใหญ่โต ที่ชวนให้ตกตะลึง และยิ่งเมื่อคิดได้ว่าเขาจะต้องรับสิ่งนั้นเข้ามาในร่างกายของตน ก็ทำให้กวางหนุ่มตัวสั่นด้วยความหวาดหวั่นอย่างลืมตัว

   “อยากได้มันไหมล่ะ ...ร่างกายเจ้ายามนี้ก็น่าจะพร้อมแล้วไม่ใช่หรือ”

   อุรคเอ่ยยิ้มเยาะ ซึ่งเวทิตก็พยายามดิ้นรนหนีอีกครั้งด้วยความกลัว ทว่าพอเขาพลิกกายคว่ำ คนที่รอคอยอยู่แล้วก็ต้องลอบยิ้ม และนำความเป็นชายใหญ่โต จดจ่อที่ทางเข้าเบื้องหลังของอีกฝ่ายทันที

   “ไม่!! อ๊า!!”

   เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากการถูกรุกราน ดังขึ้นทันทีที่แก่นกายขึงขังของประมุขเผ่านากาล่วงล้ำเข้าไปด้านใน แม้จะเพียงไม่มาก แต่ก็ทำให้เวทิตเจ็บเจียนขาดใจ  ความหรรษาก่อนหน้าจากที่เคยถูกเล้าโลม เริ่มจางหาย หรือแต่เพียงความเจ็บปวดเท่านั้นที่มีอยู่

   “หึ ๆ เจ้าช่างตอดรัดข้าแน่นนัก กวางน้อย... ดีจริง ๆ ที่ข้าได้เป็นชายคนแรกของเจ้าอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด... แต่ถึงจะไม่ใช่ นับจากนี้ไป เจ้าก็ต้องเป็นของข้าคนเดียวอยู่ดี”

   อุรคเอ่ยกับอีกฝ่ายที่พยายามดิ้นรนหนีจากเขาเต็มที่ เขารอจนแรงบีบรัดเริ่มคลายลง ก่อนจะกระแทกร่างเข้าไปใหม่จนสุดแรง ส่งผลให้ร่างโปร่งข้างใต้สะดุ้งเฮือก เจ็บจุกจนไม่อาจจะร้องออกมาเป็นเสียงได้ 

   พญางูเผือกมีรอยยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ แม้สีหน้าหล่อเหลาจะบิดเบี้ยวจากแรงตอดรัดของอีกฝ่ายไปบ้างเล็กน้อยก็ตาม ทว่าพอเวลาผ่านได้สักระยะ อุรคก็เริ่มขยับกายเข้าออกจากช้า ๆ ไปถึงรวดเร็ว ตามความต้องการของตัวเอง

   “ไม่เอาแล้ว…ได้โปรด...พอสักที...ผมเจ็บ”

   เวทิตครางเจือสะอื้นแทบตลอดเวลา ไม่ได้มีความสุขสมปนมาอยู่ในการร่วมรักครั้งนี้แม้แต่น้อย เและอุรคเองก็ไม่คิดใส่ใจจะอ่อนโยนกับเขากว่านี้ด้วย  พญางูใหญ่กอบโกยความสุขของตนจนพึงพอใจ  แล้วจึงเอนกายนอนหลับไปข้าง ๆ ร่างโปร่ง ที่กัดริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้น ด้วยความเจ็บปวดและอับอายที่ถูกล่วงเกินและหยามศักดิ์ศรีกันได้ถึงเพียงนี้

   
... TBC ....



ใครว่าภูธิปร้าย  เจอตาแก่งูนี่ ยังชิดซ้ายไปเลยนะจ๊ะ  ฮ่า ๆ

คู่คุณพ่ออาจจะดราม่ากันเล็กน้อย แต่รับรองว่าจะมีความหวาน แทรกไปเป็นระยะนะจ๊ะ  (ถ้าคนแต่งไม่แกล้งตัวละครซะเพลิน อิๆ)

หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 08-02-2013 11:43:25
ทำไมร้ายกาจเยี่ยงนี้ :m31:  :fire:
น่าสงสารเวทิตงะ เด่วเจอฤทธิ์เวทิตมั้งเหอะ ชิส์  :z6:  :z6:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: toye ที่ 08-02-2013 11:53:54
อิลุงเผือกใจร้ายกับกวางน้อยได้ลงคอ :m16:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 08-02-2013 12:15:25
กำลังสงสารเวทิต หมั่นไส้อุรค



แต่เจอทอร์ก งูแก่ >>>> กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เออเนอะ เป็นตาแก่(หัว)งู
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 08-02-2013 13:29:47
 :m16: :m16: :m16: :m16:ตางูเฒ่าโคตรหื่นเลยอะ :impress3: :impress3:สงสารเวทิตจัง :impress3:


รอออออออออออออออออออออออจ้า
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 08-02-2013 13:44:54
 :angry2:ใจร้ายที่สุดเลยตาเฒ่างูเผือก
 
สงสารเวทิตค่ะ :o12: ถ้ามีโอกาสเอาคืนให้หนักเลยนะ  :z6:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 08-02-2013 14:15:15
เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ได้ใจไปเลย

เเอร๊ยยยยยยยยยยยย :-[ :-[ :-[

หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 08-02-2013 14:24:48
ทั้งโดนข่มขืน ทั้งบังคับทุกอย่าง หาข้อดีมาให้อ่านหน่อยนะ นึกไม่ออกจะรักกันยังไง  :a5:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 08-02-2013 17:08:03
ตาลุงหื่นมากกก
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Carmelian7 ที่ 08-02-2013 18:48:47
อัยยะชอบแนวแฟนตาซีแบบนี้จัง
มีมนุษย์หมาป่าด้วย ยิ่งหาคนแต่งแบบนี้ยากๆอยู่
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 08-02-2013 19:25:27
คุณพ่อเวทิตเป็น 'เหยื่อรักอสุรกาย' จริงๆด้วย O_O!
ตาลุงหัวงู ครั้งแรกเบาๆหน่อยสิ กวางทองตัวน้อยเค้าช้ำหมดแล้วเนี่ย
(คนเขียนอย่าแกล้งพ่อกวางทองเลย สงสารอ่ะ T^T )
เขียนตอนยาวๆเลยก็ไ้ด้ค่ะ ตั้งชื่อเรื่อง"เหยื่อรักอสุรกายเลย"
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 08-02-2013 19:59:19
แหงะ o22 o22
ชักจะชอบภูธิปขึ้นมาละ ภูธิปอ่อนโยนโคตร. มาเจออุรค ซาดิสม์ไปป่ะไอ้งูเเก่ตัณหากลับ
ว้ากกกก มาทำงี้กะเวทิตได้ยังงายห๊ะ อยากฆ่าไอ้งูซาดิสม์จิงโว้ย :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 08-02-2013 20:12:33
งูแก่ ใจร้ายยยย

เชอะๆๆๆๆๆ นิสัยไม่ดีเลยอ่า
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 08-02-2013 20:16:22

งูเผือกร้ายอ่า
อยากให้พ่อกวางทองหาทางเอาคืนบ้าง
ให้งูแก่ได้เจ็บปวด (ชักซาดิสแล้วเรา 555+)
 
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: DarkAki ที่ 08-02-2013 21:44:37
เหอ เหอ เหอ  :try2: :try2: o6 o6

งูน้อยยยยยยยยยยยยยยยยยย//โดนหางอุรคตบ

อ่อนโยนบ้างอะไรบ้างลูก เดี๋ยวนู๋กวางช้ำตายกันพอดี

ปล.พี่ปัดค่าาาาาาาาาา อย่าแกล้งตัวละครนานเลยน้าาาาาาาาาาาาาาา  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 08-02-2013 22:14:23
สงสารเวทิต อุรคใจร้ายมาก ๆ เลยและก็ท่าทางจะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ด้วย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #1...P.16 (โพส : 8/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 08-02-2013 22:37:38
เป็นดราม่าที่น่าติดตาม 55... อยากรู้ว่าทั้งคู่จะรักกันได้ยังไง (เพราะเริ่มต้นมาหนทางก็เลือนลาง)
 :pig4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 09-02-2013 15:19:13
มาต่อแล้วจ้า บอกแล้วว่าแนวจำเลยรัก เพราะฉะนั้น พระเอกอาจจะน่าหมั่นไส้ไปนิด (ไม่นิดละ)  นายเอกก็อาจจะน่าสงสารไปสักหน่อย แต่เอาเถอะ...เดี๋ยวมันก็รักกันเองล่ะ!  :o8:

.....................................................
ตอนพิเศษ 2 
#2



    เวทิตปรือตาขึ้นมองเพดานห้องอย่างอ่อนแรง เขารู้สึกถึงความแห้งผากในลำคอ และปวดรุมไปทั่วกาย

   “ไง...เด็กน้อย ตื่นแล้วหรือ....เจ้าเป็นไข้นะ สงสัยเมื่อคืนข้าคงรุนแรงต่อเจ้าไปสักหน่อยล่ะมั้ง”

   อุรคที่นอนอยู่ใกล้ ๆ เปรยพร้อมยื่นมือมาเขี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปิดหน้าของอีกฝ่ายอย่างนึกเอ็นดู ทว่าเวทิตกลับเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจที่ฉายออกมาให้เห็นผ่านสีหน้าและแววตา ทำให้คนที่กำลังยิ้มแย้มชะงัก แล้วจึงแค่นยิ้มขึ้นมาอย่างหงุดหงิด

   “เหอะ! รังเกียจกันเข้าไปเถอะ ...ถึงยังไงเจ้าก็ไม่มีวันหนีข้าพ้นอยู่ดี!”

   คนฟังชะงัก แล้วตวัดสายตากลับมามองอีกฝ่ายอย่างแข็งกร้าวไม่ยอมแพ้

   “ผมจะกลับเผ่า!”

   “ข้าไม่ให้กลับ!”

   อุรคแย้งกลับเสียงห้วน นัยน์ตาสีดำยามนี้คล้ายจะกลายเป็นสีแดงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

   “คุณไม่มีสิทธิ์มากักขังผมแบบนี้!”

   เวทิตเถียงกลับ แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นอยู่มากก็ตาม

   “หึ! สิทธิ์อย่างนั้นหรือ... สิทธิ์ที่เจ้าเป็นของข้าแล้วยังไงล่ะ! ถึงยังไงข้าก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไปจากข้าเด็ดขาด!”

   อุรคตวาดลั่นด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ นัยน์ตาที่กลายเป็นสีแดงก่ำ นั่นสะกดให้มโคหนุ่มตกตะลึงด้วยความหวาดหวั่น แต่แม้ร่างทั้งร่างจะสั่นเทิ้ม ทว่าเขาก็ยังคงจ้องตาอีกฝ่ายตอบอย่างไม่คิดจะหลบ นั่นจึงทำให้อุรคเริ่มรู้สึกตัวและลดโทสะลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจที่อีกฝ่ายกล้าต่อต้านเขาเช่นนี้

   “เด็กน้อย ...เจ้ากล้าหาญสมกับที่เป็นผู้นำของเผ่า ...สมแล้วที่ทำให้ข้ารู้สึกสนใจตั้งแต่แรกพบเช่นนั้น”

   อุรคเอ่ยชม พร้อมกับยื่นมือมาลูบใบหน้าของอีกฝ่าย เวทิตสะดุ้งรีบเบือนหน้าหลบ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะร่างสูงใหญ่ของพญางูเผือกขยับกายมาคร่อมทับกักร่างของเขาไว้ใต้ร่างนั้น ก่อนจะลงมือจูบซุกไซ้ปลุกอารมณ์ของมโคหนุ่ม ไอกายร้อน ๆ ของอีกฝ่าย กลับยิ่งชวนกระตุ้นให้ไฟราคะของอุรคโหมแรงขึ้น  เวทิตเนื้อตัวสั่นเทาเมื่อหวนคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อคืน กำลังจะย้อนมาอีกครั้ง ร่างกายที่อ่อนแอและยังคงจับไข้อยู่ จึงมีปฏิกิริยาต่อต้านสุดโต่ง พลางร้องขอความเห็นใจปนสะอื้นอย่างลืมตัวลืมอาย

   “ไม่นะ...อย่า....ได้โปรด....อย่าทำร้ายผมอีกเลย...ฮึก”

   อุรคชะงักการกระทำของตน เขามองร่างที่นอนสะอื้นคู้ตัวใต้ร่างของเขา ก่อนจะสบถเบา ๆ ด้วยความหงุดหงิด แล้วจึงขยับร่างมานั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างอีกฝ่ายแทน  พลางดีดนิ้วเบา ๆ คนรับใช้ที่รออยู่ด้านนอกก็รีบเข้ามาทันที 

   “ไปตามหมอมาให้ที!”

   “ขอรับท่านประมุข”

   อีกฝ่ายรีบรับคำแล้วเร่งเดินออกจากห้องไป เพราะลองเจ้านายของตนมีน้ำเสียงเช่นนี้ แสดงว่าไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าใดนัก

   

   เสียงสะอื้นที่ยังคงดังอยู่ แม้ว่าเขาจะเลิกราการกระทำลงไปแล้ว ทำให้อุรคขมวดคิ้วยุ่ง ทว่าพอเห็นสีหน้ากึ่งเจ็บปวดปนทรมานของเวทิต เขาจึงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของอีกฝ่ายแล้วก็เม้มปากน้อย ๆ ที่ไข้ของมโคหนุ่มมันขึ้นสูงมาอีกเสียจนน่ากังวล

   “หมอยังไม่มาอีกหรือไง! ไปตามถึงไหนกัน หา!”

   เสียงโวยวายอย่างหงุดหงิดกึ่งโมโห ทำให้ข้ารับใช้ข้างนอกที่เหลือพากันกลืนน้ำลายลงคอ และเมื่อหันไปเห็นเพื่อนของตนพาหมอชราเดินตรงมาเรื่อย ๆ เจ้าตัวจึงทำสัญญาณมือเร่งให้อีกฝ่ายมาให้เร็วกว่านี้ 

   “หมอยังไม่มาอีกหรือไง! ใครไปตามมาอีกรอบซิ! ชักช้าเสียจริง!”

   “มะ...มาแล้วขอรับท่านประมุข ข้ามาแล้ว”

   หมอประจำเผ่ารีบเร่งฝีเท้าแซงหน้าคนรับใช้ของพญางูเผือกเข้ามาอย่างหวาดหวั่น อุรคตีสีหน้าบึ้งตึง แต่ก็ยังคงขยับหลบให้หมอชราเข้ามาตรวจอาการของคนที่กำลังเพ้อเพราะพิษไข้อยู่ยามนี้

   “ไข้ขึ้นสูง คงเพราะ ...เอ่อ...เกิดจากความระบมอักเสบของร่างกายน่ะขอรับท่านประมุข”

   หมอชราพยายามหลีกเลี่ยงคำพูดที่เขาคิดว่าไม่สมควรไปเสีย ทางด้านอุรคมองเวทิตแล้วจึงหันมาถามผู้เป็นหมอข้างกายเขา

   “แล้วจะเป็นอันตรายต่อชีวิตไหม”

   “ไม่หรอกขอรับ ...ถ้าเป็นมนุษย์ก็คงไม่แน่ แต่อมนุษย์อย่างพวกเรา เรื่องแค่นี้ไม่เป็นปัญหาอันใดนัก เดี๋ยวข้าจะจัดยาต้ม ให้เขาดื่มทุกมื้อหลังอาหาร แค่วันสองวันไข้ก็น่าจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว ...ส่วนเรื่องร่างกาย เอ่อ...ข้าคิดว่า ควรจะให้เวลาเขาพักฟื้นสักอีกวันสองวันหลังจากไข้หาย ก็น่าจะดีกว่า”

   ผู้เป็นหมอตอบ แถมยังเอ่ยเตือนอีกฝ่ายทางอ้อม ซึ่งอุรคก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจในประโยคท้าย ๆ นั้นนัก

   “ถ้าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตก็ดีแล้ว ... งั้นข้าฝากเจ้าดูแลเขาหน่อยแล้วกัน ระหว่างนี้ข้าจะไปพักผ่อนที่อื่นก่อน”

   อุรคเอ่ยห้วน ๆ แล้วจึงเดินออกไปจากห้องนั้น แต่ก็ยังไม่วายเหลือบมามองร่างบนเตียงชั่วครู่ แล้วจึงตวัดสายตากลับ พลางเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หมอชราประจำเผ่ามองไล่หลังไป ก่อนจะถอนหายใจยาวตามมา พร้อมกับเหลือบมามองคนไข้ของเขาที่นอนอยู่

   “โถ...พ่อหนุ่มมโคเอ๋ย ...ช่างโชคร้ายจริง ๆ ที่ดันมาเป็นที่ต้องตาต้องใจท่านประมุขแบบนี้ ...เอาเถอะ ถ้าเจ้ารู้จักประจบประแจงและมอบความสุขให้ท่านอย่างเต็มใจสักหน่อย ไม่นานท่านก็เบื่อและปล่อยเจ้าไปเองนั่นล่ะ”

   หมอชราพึมพำกับร่างที่ไร้สติและนอนเพ้อเพราะพิษไข้อย่างนึกสงสาร ก่อนจะกลับไปจัดยาเพื่อมารักษาคนไข้ของตนต่อ

   

   อุรคตรงไปพักผ่อนในห้องสำรองของเขา  ซึ่งอยู่ห่างจากห้องใหญ่ที่เป็นห้องพักอย่างเป็นทางการของประมุขเผ่า  ซึ่งจริง ๆ แล้วห้องนี้นั้นเป็นห้องที่เขามักใช้หาความสุขกับบรรดาหนุ่มสาวชาวเผ่านากา ที่ล้วนเต็มใจพลีเรือนร่างให้เขาอยู่เสมอ  ทว่ากับเวทิต ผู้ชายที่เขาเป็นฝ่ายสนใจก่อน  กลับแสดงออกถึงความรังเกียจตัวตนของเขาจนน่าหงุดหงิด

   เซ็กส์ที่ปราศจากความรักดังเช่นเคย ไม่อาจช่วยให้อุรครู้สึกเติมเต็มขึ้นมาได้สักนิด สมองของเขามีแต่ใบหน้าหวานนองน้ำตาของเวทิต คอยรบกวนอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายเขาก็ไล่บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาวที่เขาเรียกเข้ามาปรนนิบัติเขาในห้องออกไปให้หมด  และตัดสินใจกลับไปยังห้องพักซึ่งมีเวทิตนอนอยู่

   “เด็กน้อย... ทำไมข้าจึงปรารถนาเจ้าได้ถึงเพียงนี้กันนะ”

   ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยร่วมรักกับอมนุษย์ชนเผ่าอื่นมาก่อน ทว่าแม้อีกฝ่ายจะเต็มใจหรือขัดขืนดังเช่นเวทิตเป็น แต่พอได้ชื่นชมเรือนร่างเสร็จสมอารมณ์หมาย ก็ไม่เคยมีใครทำให้เขาเฝ้าพะวงคิดถึงแต่เจ้าตัวเช่นนี้เลยสักครั้ง

   “กวางทองที่แสนน่ารักของข้า....คราวหน้าข้าจะอ่อนโยนกับเจ้ายิ่งกว่านี้นะ”

   อุรคกระซิบบอกร่างโปร่งที่หลับไปแล้วด้วยพิษไข้และฤทธิ์ยา พลางชะโงกหน้าจุมพิตหน้าผากอุ่นของอีกฝ่ายแผ่วเบา ก่อนจะปล่อยให้เวทิตพักผ่อนตามลำพัง ด้วยเกรงว่าหากชายหนุ่มฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นเขา จะทำให้เกิดอาการหวาดกลัว จนพิษไข้กำเริบขึ้นอีกได้

   

   ตกดึกของคืนนั้น ด้วยฤทธิ์ยาสมุนไพรของหมอชราเผ่านากา ก็ทำให้เวทิตฟื้นจากพิษไข้  อุณหภูมิร่างกายเริ่มลดลง เนื้อตัวบรรเทาปวดเมื่อยลงมาก แต่ก็ยังขยับไม่คล่องเท่าใดนัก

   ‘ต้องหนี! ต้องหนีเท่านั้น! อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว!’

   มโคหนุ่มตัดสินใจทันทีที่ไม่เห็นว่าอุรคอยู่ในห้องด้วย เขาลุกขึ้นเดินเลียบ ๆ เคียง ๆ มองไปข้างนอก ก็เห็นว่ามีคนคอยยืนยาม และคนรับใช้เฝ้าอยู่ เวทิตเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะตัดสินใจกลับคืนสู่ร่างกวางทอง และใช้ความสามารถพิเศษของตน ส่งกลิ่นสะกดให้ชนเผ่านากาที่ไม่ทันได้ระแวดระวัง หลับใหลกันไปจนหมด

   เวทิตในร่างกวางทองรีบเร่งฝีเท้าไปสู่ทางออกที่เขาพอจำได้ เนื่องจากตอนที่เขาหายบาดเจ็บใหม่ ๆ อุรคเคยพาเขาเดินชมห้องต่าง ๆ ภายในอุโมงค์แห่งนี้ทั้งหมด หนทางค่อนข้างวกวนชนิดที่ว่า ถ้าไม่เคยผ่านมาก่อน ก็อาจจะทำให้หลงทางได้ทีเดียว

   “ในที่สุดก็ออกมาได้แล้ว!”

   เวทิตอุทานอย่างยินดี เขาใช้ความสามารถของเขาสะกดคนเฝ้ายามในทางที่เขาต้องผ่าน จนกระทั่งออกมานอกถ้ำได้สำเร็จ แล้วจึงรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในป่าทึบ แม้จะรู้สึกปวดระบมร่างกายอยู่มากก็ตาม

   

   อีกด้านหนึ่งภายในถ้ำ อุรครู้สึกประหลาดใจ ที่คืนนี้มันเงียบผิดปกติ  แถมยังมีกลิ่นหอมประหลาดที่ชวนให้รู้สึกง่วงลอยมาจากทิศทางที่อยู่เดิมของเขา ประมุขเผ่านากาชะงัก เมื่อเดินย้อนไปตามกลิ่นแล้วรู้สึกตาพร่า เขากัดริมฝีปากตนเองค่อนข้างแรงจนเลือดออก แล้วจึงคำรามในลำคอด้วยความร้อนรน  เมื่อเดินไปถึงที่ห้องพักเดิมแล้ว พบคนของเขาต่างนอนหลับใหลไม่ได้สติ ส่วนในห้องก็ไม่มีร่างของเวทิตให้เห็น

   “เด็กน้อย! เจ้าช่างบังอาจนัก! กล้าลองดีกับคนอย่างข้าเชียวรึ!”

   อุรคคำรามลั่นอย่างเดือดดาล เสียงคำรามและรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านจากร่าง ทำให้ข้ารับใช้ที่หลับใหลไปแล้ว ถึงกับสะดุ้งเฮือก และตื่นมามองรอบด้านกันอย่างตื่นตระหนก

   “ไปปลุกพวกที่หลับอยู่ให้หมด แล้วออกไปตามจับตัวมฤคมาศกลับมาให้ได้!”

   สั่งเสร็จ อุรคก็ผลีผลามออกจากถ้ำไปก่อน ชายหนุ่มกลับคืนสู่ร่างงูยักษ์ แล้วเลื้อยเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว 

    

   เสียงโห่ร้องดังแว่ว ๆ จากด้านหลังไกลออกไป ทำให้เวทิตสะดุ้งเฮือก เขารีบเร่งฝีเท้ากระโจนให้หนีห่าง ทว่าด้วยความไม่ชำนาญป่าพื้นที่แถบนี้ ก็ทำให้เจ้าตัวเสียหลักเหยียบพลาดลื่นไถลลงไปตามไหล่ทางชัน จนขาหลังพลิก ทำให้ต้องกัดฟันวิ่งกะเผลก ๆ หนี  ก่อนจะสะดุ้งเฮือกสุดตัว เมื่อมีงูเผือกยักษ์โผล่มาดักหน้าเขาเอาไว้

   “มฤคมาศ! เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก!”

   เสียงทุ้มห้าวและนัยน์ตาสีแดงเลือด ทำให้เวทิตรับรู้ได้ทันทีว่า นี่คือร่างอมนุษย์ของอุรคนั่นเอง กวางทองหนุ่มตั้งท่าเตรียมกระโจนสู้ตาย หากแต่ก็ไม่ทันความรวดเร็วของอีกฝ่าย ที่แม้จะมีลำตัวยาวใหญ่โต แต่ก็เคลื่อนไหวว่องไวผิดรูปร่างนั้นมากนัก

   “อึก! ปล่อยนะ!”

   กวางทองที่ถูกงูเผือกเลื้อยรัดแน่นพยายามดิ้นรนหนีอย่างสุดชีวิต แต่ยิ่งดิ้น อุรคก็ยิ่งเพิ่มแรงรัดจนอีกฝ่ายทนไม่ไหว เวทิตกัดฟันกรอดพลางรีบคืนสู่ร่างมนุษย์ ทำให้อุรคที่ไม่ทันตั้งตัวเปิดช่องว่างให้มโคหนุ่มดันกายหนีออกมาจากการถูกรัดได้ ทว่าด้วยความอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวา วิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ต้องล้มลงไปทรุดกองกับพื้นอย่างหมดสภาพหนีต่อ

   “หึ ๆ หนีไม่รอดแล้วสินะ กวางน้อย”

   อุรคเลื้อยเข้ามาใกล้เตรียมจะรัดร่างของเวทิตอีกครั้ง มโคหนุ่มกัดฟันกรอดพลางเหลือบไปเห็นเศษกิ่งไม้แหลมบนพื้น เขารีบคว้ามาแล้วหันกลับไปจ้วงแทงลำตัวของอุรค ซึ่งก็สะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ และด้วยความโมโหจนลืมตัว งูเผือกยักษ์จึงคำรามลั่นพร้อมกับสะบัดหางกระแทกใส่ร่างของเวทิตจนกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ สลบไปในทันที

   “โธ่โว้ย!”

   อุรคสบถอย่างหัวเสีย เขารีบคืนสู่ร่างของมนุษย์ แล้วตรงไปสำรวจอาการของเวทิต เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพียงแค่สลบไป ไม่ได้อาการหนักอย่างที่คาดคิดไว้ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วจึงอุ้มร่างเปลือยของมโคหนุ่ม เดินกลับถิ่นพำนัก ผ่านพวกข้ารับใช้ที่กำลังค้นหาเวทิต  ประมุขแห่งเผ่านากาบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปได้ ซึ่งก็ไม่มีใครกล้าย้อนถาม หรือขัดคำสั่งนั้น เพราะสีหน้าของอุรคยามนี้ ดูน่ากลัวเสียจนแม้แต่พวกเขาที่คุ้นเคยกันดี ยังแทบไม่มีใครกล้าสู้หน้า

   

   เวทิตรู้สึกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ มาทับร่างให้เขารู้สึกหายใจไม่ค่อยออก เสียงหอบหายใจ เสียงคล้ายบางอย่างกำลังเสียดสี รวมไปถึงความจุกแน่นและความเจ็บแปลบอันคุ้นเคย ทำให้เขาต้องปรือตาขึ้นมอง ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่ามีผ้าพันแผลตรงท้องของอุรค กำลังยกสะโพกของเขาลอยขึ้นพร้อมกระแทกร่างกายเข้าออกเรื่อย ๆ

   “อ๊ะ...คุณอุรค...ยะ...อย่า...อ๊า!”

   เวทิตครางด้วยความเจ็บปวด ยิ่งเขาฟื้นคืนสติขึ้นมา อุรคก็ยิ่งลงมือรุนแรงขึ้น จนร่างเขาสั่นสะเทือนไปด้วยแรงกระแทกทั้งร่าง

   “นี่เป็นการลงโทษ...ที่เจ้าคิดหนีจากข้า...จำไว้นะ เวทิต ...เจ้าเป็นของข้า ...หากข้าไม่อนุญาตให้ไป ...เจ้าก็ไปไหนไม่ได้!”

   อุรคตวาดใส่กึ่งหอบ พร้อมกับเร่งขยับสะโพกด้วยความโมโห เขากระแทกรัวเร็วแทบไม่ยั้งจนกระทั่งเสียงหวีดร้องของร่างโปร่งดังขึ้น เมื่อการกระแทกกระทั้นรุนแรงยุติลง อุรคจึงปลดปล่อยหยดหยาดแห่งความปรารถนาเข้าไปในร่างของอีกฝ่าย แล้วจึงถอนกายออก จ้องมองดูร่างโปร่งที่บัดนี้สลบไปแล้วด้วยความเจ็บปวดและอ่อนล้า หยาดน้ำขุ่นข้นที่ไหลออกมาให้เห็นมีสีแดงของเลือดปะปนมาด้วย

    อุรคมองร่างนั้นด้วยแววตาเย็นชา แล้วจึงให้คนไปเรียกหมอประจำเผ่ามาดูเรื่องขาขวาที่บาดเจ็บของเวทิต รวมถึงเรื่องบาดแผลฉีกขาดจากการร่วมรักอันรุนแรงที่ผ่านมา

   

   “เอ่อ...ข้าได้จัดยาบำรุงร่างกาย รวมถึงเรื่องช่วยลดอาการอักเสบให้แล้ว...เพียงแต่ถ้าจะให้หายขาดในเร็ววันก็คงต้องงด....”

   หมอชราเมื่อมาถึงและตรวจร่างกายของเวทิตเรียบร้อย จึงรายงานตะกุกตะกักต่อผู้เป็นประมุขด้วยความหวาดหวั่น เมื่อเห็นแววตาเย็นชาคู่นั้นจับจ้องมองเขานิ่ง ทว่ายังไม่ทันเอ่ยจบ อุรคก็สวนขึ้นมาเสียก่อน

   “ท่านมีหน้าที่รักษาเขาให้ทุเลาก็พอ! ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องสนนักหรอก!”

   หมอประจำเผ่ากลืนน้ำลายลงคอ แล้วพยักหน้ารับรู้ ทว่าก่อนจะขอตัวจากไป เขาก็ต้องชะงัก เมื่ออุรคเอ่ยขึ้นเสียก่อน

   “บางทีดึก ๆ นี้อาจจะต้องรบกวนท่านหมออีก ...จนกว่าเด็กคนนี้จะปรับสภาพให้รับตัวตนของข้าได้ในที่สุดล่ะนะ”

   คำพูดของพญางูเผือก ทำให้หมอชราพูดอะไรไม่ออก นึกสงสารเวทิตขึ้นมาจับใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงและการตัดสินใจ แสดงให้เห็นแน่ชัดว่า อุรคตั้งใจจะทรมานเวทิตที่เคยแอบหนีไป ต่อในอีกหลายคืนหลังจากนี้เป็นแน่




... TBC ...


คุณพ่อเวทิตแม้จะน่าสงสารก็จริง  แต่คนแต่งชอบ อิ ๆ  เอาน่า ก็คุณพ่อดื้อนี่นา ก็เลยต้องโดนทำโทษเป็นธรรมดา ....

กวางน้อยหนีตอนหน้า รับรองโดนจัดหนักกว่านี้อีกค่ะ! คู่ที่แล้วไม่มี S&M เพราะตั้งใจจะเอามาลงคู่นี้แทนล่ะนะ  :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-02-2013 15:37:10
สงสารก็สงสาร
แต่ชอบอ๊า
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 09-02-2013 15:47:21
สงสารเวทิตง่ะ ฮื่ออออ :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 09-02-2013 15:51:57
ก็คิดว่าจะสงสารคุณพ่อเวทิตดีไหม

เเต่ทำไมเค้าถึงยิ่งอยากให้คุณพ่อหนีบ่อยๆ 555555

มาต่อไวๆนะค่ะ

ชอบเเบบนี้มากเลยยย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 09-02-2013 17:31:20
เง้อออออ คู่คุณพ่อนิรุนแรงจัง

ป๊าก็อย่าดื้ออีกเลยน้าาาา

เอิ๊กกก เดี๋ยวเลือดคนอ่านจะหมดตัว พร้อมกับอาการตาบวมจะตามมาด้วย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-02-2013 18:13:10
 :o12: อ่อนโยนบ้างสิพี่งู
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 09-02-2013 18:35:38
สงสารเวทิตนะ แต่ก็ชอบอ่านอ่ะ 55555+
อยากอ่านตอนต่อไปมากๆ ><!
อย่าลืมเติมความหวานแฝงลงไปในการกระทำทื่อๆของตาเฒ่าหัวงูด้วยน้า  :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: DarkAki ที่ 09-02-2013 20:16:33
ว้าววววววว SM!!!!!!

ของโปรดดดดดด

แต่ว่างูน้อยจ๋าาาาาาาาาาา

อย่ารุนแรงเกินไปนะ ><
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 09-02-2013 21:52:50
 :impress3: :impress3: :impress3: :impress3:ถึงจะสงสารเวทิตแต่ก็ชอบอะ :o8: :o8: :o8: :o8:



รอออออออออออออออออออออออออออออจ้า :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nomo9 ที่ 09-02-2013 22:49:36
สงสารเวทิตอ่ะ เอามาสั้นไปป่าวค้า ยังอ่านไม่จุใจเลย ^^
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 09-02-2013 23:54:54
 :o8: :o8: :o8: อุรุค S ได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 10-02-2013 00:24:57
ง.งู ใจร้ายยยยย  :o12:   สงสารพ่อกวางจริงๆ... รอ รอ รอ พรุ่งนี้ ???
 :pig4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 10-02-2013 00:46:05
นอนรออย่างหื่นๆ :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-02-2013 01:02:21
อุรคใจร้ายน่าดูเลยนะ เวทิตไม่สบายอยู่แล้วยังทำแบบนั้นอีก แบบนี้เวทิตก็คงไม่หายสักที หรือเป็นแผนของอุรคนะ ร่างกายไม่พร้อมจะไปไหนก็คงลำบาก แต่สงสารเวทิตมาก ๆ เลย อุรคทำแบบนี้แล้วใครจะอยากอยู่ด้วย เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ และเผด็จการมาก ๆ ไม่คิดบ้างหรือว่าเวทิตจะรู้สึกยังไง
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 10-02-2013 01:38:38
โดนไปขนาดนั้นก็น่าให้หนีอยู่น้า

จะรักกันยังไงเนี่ย ลุ้นๆๆ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 10-02-2013 02:17:23
สงสารคุณพ่อ แต่ก็สะใจดี55555555555
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #2...P.16 (โพส : 9/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 10-02-2013 09:40:03
สวัสดีตอนสายค่า

มารอพ่องูขาว กับกวางน้อยเวทิต~  :m1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 10-02-2013 22:59:43
อาจจะมาทีละน้อย - น้อยมากก็จริง   แต่เน้นถี่แทนนะคะ  หวังว่าคงไม่เซ็งกันนะเอ่ย ^^"

-----------------------------

#3


   ค่ำคืนแห่งการถูกลงทัณฑ์ ยังคงดำเนินต่อเนื่องไปอีกหลายวัน จนกระทั่งอุรคพึงพอใจ เขาเหลือบมองร่างโปร่งที่สลบไปด้วยความอ่อนเพลีย แต่ก็ไม่ได้จับไข้ตัวร้อนอย่างวันแรก ๆ  พญางูเผือกพลิกกายตะแคงข้างจ้องมองใบหน้าของมโคหนุ่มที่ยามนี้มีใบหน้าเจ็บปวดทรมานราวกับกำลังตกอยู่ในฝันร้าย  อุรคชะงักแล้วจึงค่อย ๆ เอื้อมมือไปลูบไล้ศีรษะของอีกฝ่ายคล้ายจะปลอบโยน ใบหน้านั้นจึงค่อย ๆ ทุเลาอาการทรมานลง  ประมุขแห่งเผ่านากาถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงตัดสินใจกอดร่างนั้นไว้แนบอก พลางจุมพิตที่เส้นผมชื้นเหงื่อของร่างโปร่ง  ก่อนจะนอนหลับไปด้วยกันทั้งอย่างนั้น

   เช้าวันถัดมา เวทิตก็ต้องสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าตนนอนซบแผ่นอกกว้างของอุรคมาตลอด ทั้งที่ตามปกติแล้ว เขาจะต้องตื่นมาอย่างเดียวดาย และกลายเป็นของเล่นสนองความต้องการของอุรคในยามค่ำคืนมาตลอดแท้ ๆ

   “หือ...ตื่นแล้วหรือเด็กน้อย...”

   อุรคปรือตาตื่นขึ้นมาทักทาย เวทิตสะดุ้งเฮือก แล้วขยับหนีด้วยความลืมตัวอย่างเคยชิน จนคนทักชะงัก แล้วถอนหายใจเบา ๆ

   “เช้านี้ท่าทางจะอากาศดี เสียงนก เสียงแมลงร้องดังแว่วเข้ามาให้ได้ยินถึงในนี้...ถ้ายังไงเราออกไปเดินเล่นข้างนอกเปลี่ยนบรรยากาศกันดีไหม”

   อุรคเอ่ยชวน ทำให้เวทิตมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง แต่เมื่อเห็นสีหน้านั้นเปลี่ยนเป็นเอือมระอา และทำท่าเหมือนจะลุกจากไป เขาจึงรีบรั้งมือของพญางูเผือกเอาไว้ด้วยความลืมตัว

   “...รั้งข้าเอาไว้ทำไมกัน”

   อุรคแสร้งถาม ซึ่งเวทิตก็ชะงัก เขาค่อย ๆ ปล่อยมือ แล้วก้มหน้าหลบสายตาของอีกฝ่าย ก่อนจะบอกเสียงแผ่ว

   “ไม่มีอะไร...ผมขอโทษ”

   อุรคถอนหายใจแรงเมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเวทิต แล้วจึงตัดสินใจช้อนร่างเปลือยของอีกฝ่ายอุ้มตัวลอยจนมโคหนุ่มต้องหลุดอุทานด้วยความตกใจ  ส่วนตัวอุรคเองก็เดินเปลือยตรงไปที่ห้องข้าง ๆ ซึ่งถูกขุดและตกแต่งเป็นห้องอาบน้ำสุดหรู

   “อาบน้ำเสร็จแล้ว เราจะไปข้างนอกด้วยกัน”

   ประมุขแห่งเผ่านากาออกคำสั่ง ทำให้เวทิตเม้มปากน้อย ๆ อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่ด้วยความที่เขาก็อยากจะออกไปสัมผัสอากาศภายนอกบ้าง จึงทำให้ชายหนุ่มพยักหน้ารับคู่ค่อย ๆ สร้างความพึงพอใจให้คนสั่งยิ่งนัก

   “มา...ข้าจะช่วยเจ้าอาบน้ำเอง”

   พญางูเผือกบอกต่อมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หลังจากหย่อนร่างของตนและอีกฝ่ายลงไปในอ่างน้ำใหญ่ราวกับสระขนาดย่อม  ทำเอาเวทิตสะดุ้ง พลางรีบปฏิเสธยกใหญ่

   “มะ...ไม่ต้อง ...ผมอาบเองได้!”

   “หือ...แต่ข้าอยากอาบให้เจ้านี่”

   คนพูดมีเสียงห้วนและไม่ค่อยสบอารมณ์ขึ้นเล็กน้อยจนสัมผัสได้ ทำให้เวทิตชะงัก ก่อนจะลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

   “ก็ได้ครับ...”

   “หึ ๆ  เด็กดี”

   อุรคเอ่ยขึ้นอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงลูบไล้แผ่นอกของคนที่เขาจับนั่งซ้อนร่างกันอย่างหยอกเย้า เสียงครางหลุดออกจากปากเวทิตด้วยความลืมตัวต่อสัมผัสอันคุ้นเคย ก่อนที่เจ้าของเสียงจะพยายามเม้มปากแน่น เพื่อกลั้นเสียงของตัวเองเอาไว้ให้ได้

   “หึ ๆ คิดหรือว่าจะทนไหวน่ะ ...เด็กน้อย”

   อุรคแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วจึงลูบไล้ฝ่ามือไปทั่วจุดอ่อนไหวของร่างโปร่ง ที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้จักมัน

   “อา...ดะ...ได้โปรด...อึก!”

   เวทิตพยายามห้ามตัวเองไม่ให้หลุดปากคำน่าอายออกไป ทว่าร่างกายที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดีนั้นกลับตอบสนองต่อฝ่ามือของพญางูเผือก จนอุรคต้องยกยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

   “อยากให้ข้าทำอะไรให้เจ้าล่ะ...เวทิต”

   “ผม...ไม่...”

   เวทิตพยายามฝืนเต็มที่ แต่แล้วก็ต้องหลุดครางลั่นเมื่ออุรคใช้นิ้วของตนสามนิ้วเข้าไปสำรวจเบิกทางเข้าออก ทว่าการเล้าโลมของพญางูเผือกในครั้งนี้ กลับอ่อนโยนผิดเคย ทำให้ปฏิกิริยาต่อต้านของมโคหนุ่มที่เคยมี ค่อย ๆ ลดละลง และตอบสนองกลับไปอย่างลืมตัว

   “หึ ๆ อยากได้มากกว่านี้ไหมล่ะ...เวทิต”

   อุรคถอนนิ้วออก พร้อมกับใช้แก่นกายแข็งขึงของตนถูไถที่บริเวณสะโพกของอีกฝ่ายเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของเวทิตให้เปิดเปิงไปมากกว่านี้

   “อ๊ะ...คุณอุรค...ผม...ผม...”

   “บอกมาสิ ว่าเจ้าต้องการข้า...แล้วข้าจะสนองเติมเต็มความต้องการของเจ้าเอง”

   อุรคบอกพร้อมกับใช้มือใหญ่ของตนจับแก่นกายแข็งขึงของมโคหนุ่มแล้วขยับมือรูดขึ้นลงปลุกเร้าให้อารมณ์ของร่างโปร่งพุ่งสูงขึ้นไปถึงขีดสุด

   “มะ....ไม่ไหวแล้ว...ผมต้องการคุณ... เข้ามาเถอะคุณอุรค...ได้โปรด”

   ร่างกายซึ่งถูกปลุกเร้าเต็มที่ไม่อาจอดรนทนไหว เจ้าของร่างถึงกับครางเรียกร้องให้พญางูเผือกร่วมรักกับตนอย่างลืมอาย ทำให้อุรคพึงพอใจต่อปฏิกิริยาของอีกฝ่ายยิ่งนัก

   “เด็กดี...ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้รางวัล ตามที่เจ้าต้องการนะ”

   อุรคเอ่ยพร้อมสอดใส่แก่นกายแข็งขึงเข้าไปภายในร่างของเวทิต จนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก ทว่าครั้งนี้อุรคไม่ได้รุนแรงอย่างที่เคยกระทำ กลับรอคอยให้เวทิตผ่อนคลายและตอบสนองต่อเขาอย่างเต็มใจแทน  และนั่นจึงทำให้การร่วมรักครั้งนี้จบลงด้วยความสุขสมของทั้งคู่เป็นครั้งแรก

   

   หลังการร่วมรักเสร็จสิ้นลงสักพัก เวทิตก็นอนหอบหายใจแผ่วเบา แผ่นหลังเอนพิงอกของอุรคต่างพนักพิง 

   “เหนื่อยมากไหม...หรือจะเปลี่ยนเป็นไปเที่ยวตอนเย็น ๆ แทน”

   เวทิตชะงัก แล้วนิ่งเงียบไป แม้ไม่พูดจาแต่ท่าทางที่แสดงออกถึงความผิดหวังของมโคหนุ่ม ก็ทำให้อุรคแย้มยิ้มอ่อนโยนอย่างเอ็นดู

   “ก็ได้ ...งั้นเดี๋ยวข้าช่วยเจ้าทำความสะอาดเสร็จแล้ว เราค่อยไปออกไปเที่ยวกัน”

   เวทิตสะดุ้ง เขาเตรียมจะปฏิเสธ ทว่าก็ไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายลงมือกระทำก่อนตามเคยโดยไม่คิดฟังความเห็นของเขา หากแต่ก็ยังดีที่อุรคไม่ได้คิดกลั่นแกล้งอันใดมโคหนุ่ม หลังจากล้างเนื้อล้างตัวเสร็จเรียบร้อยทั้งคู่ พวกเขาก็แต่งตัวแล้วออกไปเดินเที่ยวกันนอกถ้ำ ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของบรรดาสมาชิกเผ่านากา ที่เพิ่งเคยเห็นประมุขของเผ่า ดูแลเอาใจใส่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่นอนเป็นครั้งแรกเช่นนี้

   

   อุรคพาเวทิตมานั่งเล่นริมแอ่งน้ำตกขนาดใหญ่ใกล้เผ่า มโคหนุ่มดูมีสีหน้าสดใสขึ้นกว่าเดิม จนพญางูเผือกรู้สึกพึงพอใจ

   “อยากเล่นน้ำไหม”

   อุรคเอ่ยชวน ทว่าคนถูกชวนชะงัก แล้วรีบปฏิเสธ

   “อย่าดีกว่าครับ...เพิ่งอาบน้ำมาหยก ๆ”

   อุรคพิจารณาคนพูดสักครู่ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ เมื่อพอจะคาดเดาได้ว่า ทำไมเวทิตถึงปฏิเสธเขาเช่นนั้น

   “กลัวข้าจับเจ้ากดอีกรอบหรือ”

   คนฟังสะดุ้งโหยงกับคำพูดที่แสนจะตรงไปตรงมานั่น ใบหน้ามีสีเรื่อเล็กน้อย จนคนมองต้องยกยิ้ม แล้วแสร้งเดินเข้าหาคนที่นั่งเล่นพิงต้นไม้ใหญ่อยู่แถวนั้น ทรุดกายลงชันเข่าและกักร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ในอ้อมกอด

   “ถ้าข้าต้องการ ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ใด ข้าก็สามารถทำได้ทุกเมื่อนั่นล่ะ”

   เวทิตมีสีหน้าตื่นตระหนกด้วยความหวาดหวั่น ทว่าระหว่างที่เขากำลังหาทางหนีทีไล่  อุรคก็ถอนหายใจแรง ๆ ออกมาเสียก่อน

   “เอาเถอะ...ถ้าเจ้าเชื่อฟังข้า ทำตัวดี ๆ ไม่คิดหนีอีก ข้าก็จะพยายามทำดีต่อเจ้าเช่นกัน”

   คำพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนทำให้คนฟังหัวใจกระตุกวูบ ทว่าก็ต้องรีบเบือนหน้าหลบไม่กล้าสบสายตาอันแฝงไปด้วยความปรารถนาในตัวเขาอย่างชัดเจนคู่นั้น

    ทางด้านอุรคเองก็จ้องมองอีกฝ่ายสักพัก แล้วจึงยันกายลุกขึ้น เดินไปยืนพิงต้นไม้อีกต้นแล้วมองเวทิตอยู่ห่าง ๆ ไม่วางตา จนเวลาล่วงผ่าน ดวงตะวันเริ่มสูงขึ้นจนเกือบจะตรงศีรษะ พญางูเผือกจึงเอ่ยปากชวนกลับเข้าไปในเผ่า ซึ่งเวทิตก็พยักหน้าตอบรับเงียบ ๆ

    จากนั้นอุรคจึงยื่นมือมาให้  มโคหนุ่มลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงยื่นมือของตนไปสัมผัสมืออีกฝ่าย  ก่อนที่พวกเขาจะเดินจูงมือกันไปเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงเผ่า  โดยมีสายตาของชาวนากาคนอื่นลอบมองตามด้วยความสนใจเสียยิ่งกว่าครั้งแรกที่พวกเขาเดินออกไปจากถ้ำเสียอีก

   

   เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทว่าก็เชื่องช้าในความรู้สึกของใครบางคน เวทิตเองนั้นอยู่กับอุรคมาได้เกือบปี  มโคหนุ่มเริ่มคุ้นเคยนิสัยเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ของพญางูเผือก และพอรับมือกับอีกฝ่ายได้บ้างแล้ว  ทว่าถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงอยากกลับสู่เผ่า ไปหามารดาและลูกชายที่รอคอยอยู่ดังเดิม 

   ทว่าในครั้งนี้ เวทิตตัดสินใจรอคอยและวางแผนอย่างใจเย็นกว่าครั้งที่ผ่านมา เขาพยายามค้นหาช่องโหว่ของการป้องกันภายในเผ่า เพื่อที่จะได้หลบหนีไปจากอุรคอีกครั้งหนึ่ง



   “พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงประจำปีของเผ่า...เจ้าอยากเข้าร่วมงานไหม”

   อุรคถามขึ้นระหว่างที่พวกเขากำลังทานมื้อเย็นร่วมกันในห้องพักของประมุขแห่งเผ่านากา ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นห้องนอนถาวรของมโคหนุ่มด้วยเช่นเดียวกัน

   “งานเลี้ยง...เอ่อ...เป็นงานเลี้ยงแบบไหนหรือครับ”

   เวทิตถามด้วยความลังเล ภาพในอดีตคืนที่เขาถูกอีกฝ่ายขืนใจหวนกลับมาทำร้ายความรู้สึก จนทำให้เนื้อตัวของเขาสั่นเทาอย่างลืมตัว

   “...ก็คล้าย ๆ งานเลี้ยงรื่นเริงทั่วไปแบบที่เคยจัด แต่ยิ่งใหญ่กว่ามาก แล้วก็มีพิธีการมากกว่า เพราะเป็นงานประจำปีที่จะจัดขึ้นปีละครั้งเท่านั้น หลังจากพิธีการเสร็จ ก็ฉลองหาความสุขกันตามประสาเผ่าเรานั่นล่ะ”

   อุรคบอกตามตรง ซึ่งคำพูดของเขาก็ทำให้คนฟังหน้าซีดเผือด มือจิกพรมที่ปูพื้นแน่น จนพญางูเผือกต้องถอนหายใจยาวออกมา

   “ถ้าไม่อยากไปก็พักผ่อนรออยู่ในห้อง...ไว้ข้าจัดการในส่วนพิธีการเสร็จ แล้วจะมาอยู่เป็นเพื่อน”

   เวทิตชะงัก แล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง

   “จะดีหรือครับ...งานประจำปีของเผ่าไม่ใช่หรือ”

   “ก็เข้าร่วมในส่วนพิธีการแล้วไง  สำหรับเรื่องงานฉลอง ถึงไม่มีข้า พวกนั้นก็ฉลองกันเองได้”

   อุรคบอกอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจึงจ้องมองเวทิตนิ่ง จนเวทิตสะดุ้งเล็กน้อย

   “ที่จริงข้าก็ไม่อยากห่างสายตาจากเจ้านานนักหรอก แต่ก็ไม่อยากให้เจ้าไปร่วมงานเลี้ยงเช่นเดียวกัน เพราะข้ากลัวคนในเผ่าคนไหนเกิดติดใจเจ้าเข้า....ตัวข้าน่ะไม่อยากสั่งลงโทษคนในเผ่า เพราะมันคิดมายุ่มย่ามของ ๆ ข้าหรอกนะ”

   ประมุขแห่งเผ่านากาไม่พูดเปล่า ซ้ำยังส่งสายตาร้อนแรงมาให้ จนเวทิตได้แต่ก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายไม่กล้าสบตาด้วย เห็นดังนั้นคนพูดจึงแย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างรู้สึกพึงพอใจในปฏิกิริยาโต้ตอบที่เวทิตมีให้เขายามนี้

   “ถ้าเช่นนั้นคืนพรุ่งนี้ ข้าจะให้คนยกของกินมาให้ในตอนเย็น ...แล้วสักเกือบเที่ยงคืน ข้าถึงจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้านะ”

   อุรคสรุปตัดบท ซึ่งเวทิตก็พยักหน้ารับรู้ แล้วก้มหน้าก้มตาจัดการมื้อเย็นของตนต่อ ทว่าหัวใจกลับเต้นแรงด้วยความยินดีปนตื่นเต้น เมื่อโอกาสเหมาะสมที่เขารอคอยมานาน กำลังจะมาเยือนเขาแล้วในวันพรุ่งนี้

   

    ... TBC ...


กวางน้อยเตรียมหนีอีกแล้ว ...และอะไรจะรออยู่ หากถูกจับได้  โปรดติดตามอ่านกันต่อไปจ้า...

 :bye2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-02-2013 23:13:58
เวทิตจะทำยังไงนะนั่น เวทิตวางแผนให้ดี ๆ ก่อนนะ เพราะคิดว่าอุรคก็คงต้องเตรียมรับมือเต็มที่ ไม่ปล่อยให้เวทิตไปได้ง่าย ๆ แน่
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nomo9 ที่ 10-02-2013 23:35:31
เวทิตจะหนีอีกแล้ว ส่วนลุงงูเฒ่าก็นะ อย่าทำโทษกันหนักเกินไปน้า ^^
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 10-02-2013 23:36:45
อึ๋ย ไม่อยากจะคิด ถ้าเวทิตหนีไปอีกรอบแล้วถ้าอุรคจับตัวได้อีกรอบ เวทิตคงไม่ได้ออกไปไหนเลยแถมช้ำทุกวันแน่ๆ   บรึ๋ย ไม่คิดต่อแล้วดีกว่าเสียว  :z10: :z10: :z10:  อุรคอย่ารุนแรงมากนะ เค้าปวดกระดองใจ&สงสารเวทิต  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 10-02-2013 23:39:09
อยากให้หนีไปให้ได้จริงๆ หมั่นไส้ความเอาแต่ใจของพระเอกอ่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 11-02-2013 00:06:50
คุณพ่อหนีเลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


555555555555555555555555

จะได้โดนลงโทษ


ขอบทลงโโทษสะใจๆ สนองความหื่นของนักอ่านซักนิดนะค่ะ

เเวะมาส่องเรื่องนี้ทุกวันเลย

เเต่โควต้าในการเม้นมันไม่พอเลยได้เเต่ส่อง
มาต่อไวๆนะะจ้า
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: DarkAki ที่ 11-02-2013 02:33:02
เริ่มหวานแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :m4: :m4: :m4:

55555 ตอนหน้านู๋กวางไม่ได้ออกจากห้องอีกเป็นเดือนแน่

โฮะ โฮะ โฮะ

หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 11-02-2013 03:16:58
เวทิต  จำเลยรักมากๆเลย  ช่างต่างอะไรกับคู่ลูกขนาดนี้ 555+ 
แต่ชอบนะคะ  เพราะคู่หลักก็หวานแหววจิ๊จ๊ะกันมาเยอะแล้ว  คู่คุณพ่อเลยมาเพิ่มรสจี๊ดจ๊าดเผ็ดจัดให้อีกหน่อย 
นิยายเรื่องนี้เลยยิ่งหลากรสหลากอารมณ์  อ่านแล้วไม่อยากให้จบเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 11-02-2013 05:58:30
พ่อเวสู้ๆๆๆนะ หนีให้ไกลๆเลยล่ะ

แต่ถ้าโดนจับได้ ฟ้าเหลืองแน่เลยอะ

หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 11-02-2013 10:06:29
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆน๊าเวทิตน้อย :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-02-2013 10:35:46
สงสารพ่อกวางน้อย ท่านอุรคโหด+หื่นได้อีก งานนี้ก็คงจะหนีไม่รอดเหมือนเคย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nayne ที่ 11-02-2013 10:49:41
พอหายป่วยรีบมาอ่านเรื่องนี้ทันที
ในสุดก็ได้อ่านคู่คุณพ่อ
ยิ่งกว่าจำเลยรักซะอีก
คุณพ่อสู้ๆ คุณลุงงูนี่ก็นะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #3...P.17 (โพส : 10/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 11-02-2013 12:09:35
 :-[  ชอบตอนพิเศษมากเลยค่าาา

ชอบมาก มาต่อบ่อยๆนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 11-02-2013 14:25:24
มาต่อแล้วค่ะ  ฉากแบบนี้เขียนลื่นดีแท้ หุ ๆ  o18



#4



    ประมุขแห่งเผ่านากาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อกลับมาในห้องแล้วไม่เห็นร่างเวทิตอยู่ในนั้น ลูกน้องที่เฝ้าอยู่ของเขาก็หลับไปเช่นเคย ทว่าดูเหมือนคราวนี้เวทิตจะวางแผนโดยการใช้กลิ่นอ่อน ๆ เพียงแค่ให้เป้าหมายบางรายหลับไปชั่วครู่ เพื่อให้หลบหนีได้มากกว่า ผิดกับคราวที่แล้วมโคหนุ่มปล่อยกลิ่นหอมรุนแรง ไปเกือบตลอดทางที่ตนผ่าน จึงทำให้จับสังเกตได้ง่ายกว่านั่นเอง 

   “ไปตามจับตัวเขากลับมาให้ได้ และห้ามทำให้เขาบาดเจ็บเด็ดขาด!”

   อุรคออกคำสั่งด้วยความโกรธ  เขากังวลเรื่องระยะเวลาที่เวทิตหนีไปยิ่งนัก เพราะถ้าหากเวทิตหนีจากเขาไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน ก็ยิ่งเท่ากับว่าเขาจะตามหาอีกฝ่ายได้ยากขึ้นทุกที

   “เด็กน้อย...เจ้ากล้าหักหลังความไว้วางใจของข้าเชียวรึ! ข้าไม่ยอมหรอก ยังไงเจ้าก็เป็นของข้า  ข้าไม่มีวันยอมปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!”

   อุรคคำรามลั่น แล้วพุ่งตรงออกจากถ้ำ  และพยายามแกะรอยของเวทิต อย่างเต็มความสามารถ  พลางเม้มปากแน่นเมื่อเห็นร่องรอยนั้นมุ่งไปยังทิศที่จะออกจากป่า เพื่อตรงไปยังเผ่ามโคของอีกฝ่ายนั่นเอง



   เวทิตที่หนีออกมาจากเผ่านากา เริ่มรู้สึกยินดีเมื่อสามารถแกะรอยกลับเข้าเขตสู่ป่าที่เขาเริ่มคุ้นเคยได้ 

   “อา...ใช่แล้ว ผ่านป่าแถบนี้ออกไป ก็จะถึงป่าใกล้เผ่ามโคของเราแล้ว”

   เวทิตในร่างกวางทองเร่งฝีเท้าพุ่งไปด้านหน้าด้วยความดีใจ ทว่าก็ต้องหยุดฝีเท้าฉับพลันด้วยความตกตะลึง เมื่อรู้สึกถึงแผ่นดินที่สะเทือนเคลื่อนไหว เข้าใกล้ที่เขาอยู่ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

   “ไม่จริง...ตามมาทันได้ยังไงกัน!”

   เวทิตอุทาน แล้วตัดสินใจเร่งฝีเท้ามุ่งตรงไปยังเผ่าสุดกำลัง ทว่าก็ยังช้ากว่าพญางูเผือกยักษ์ที่เคลื่อนกายมาด้วยความรวดเร็ว โดนไม่สนว่าร่างใหญ่ยักษ์นั้นจะเลื้อยชนทำร้ายต้นไม้ใหญ่น้อยที่ขวางทางเกะกะหรือไม่ อุรคเลื้อยไล่มาอย่างบ้าคลั่ง แล้วอ้อมไปสกัดร่างของกวางทองทันในที่สุด

   “เวทิต! กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้!”

   มโคหนุ่มสะดุ้งเฮือก แต่ก็ต้องข่มความกลัวพลางโต้ตอบออกไป

   “ไม่! คุณอุรค ขอร้องล่ะ ปล่อยให้ผมกลับเผ่าเถอะ! ผมเป็นประมุขของเผ่า มีเผ่าต้องดูแล มีลูกชายที่ต้องเลี้ยงดูสั่งสอน  คุณจะมากักขังผมเหมือนเป็นสมบัติของคุณแบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะ!”

   อุรคสบถเบา ๆ พร้อมกับเลื้อยเข้าใกล้ร่างของอีกฝ่าย แล้วคำรามใส่ด้วยน้ำเสียงห้วน

   “ไม่ได้! ข้าไม่สนอะไรทั้งนั้น! เจ้าเป็นของข้าแล้ว ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าห่างกายข้าเด็ดขาด!”

   “คุณมันไร้เหตุผล! ผมเกลียดคุณที่สุด! ถอยไปนะ!”

   เวทิตเถียงกลับ ทว่าคำเกลียดที่หลุดออกจากปากของเขา ทำให้พญางูเผือกชะงัก ก่อนจะคำรามในลำคอด้วยความโมโหถึงขีดสุด

   “เกลียดเช่นนั้นหรือ...ดี ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้าเกลียดข้ายิ่งขึ้นกว่านี้ดีไหม เจ้าจะได้มีข้าอยู่ในใจของเจ้าตลอดไปอย่างไรล่ะ!”

   จากนั้นประมุขแห่งเผ่านากา จึงลงมือรัดร่างของอีกฝ่ายเพื่อทรมานทันที เขารอคอยจนเวทิตทนไม่ไหว ต้องกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ พญางูเผือกจึงคืนร่างเช่นกัน พลางเดินตรงไปยังร่างเปลือยเปล่าที่อ่อนแรงจากการถูกรัด เขามองหาเถาวัลย์แถวนั้น ตัดมันออกมาแล้วใช้มันมัดมือทั้งสองของเวทิต ก่อนจะพาดปลายเถาวัลย์ที่เหลือไปกับกิ่งไม้ใหญ่ละแวกนั้น  แล้วจัดแจงค่อย ๆ ดึงร่างโปร่งเปลือยนั่นขึ้นไปแขวนห้อยร่างต่อหน้าเขา โดยให้ฝ่าเท้าของอีกฝ่ายลอยเหนือผืนดินเล็กน้อย

   “ปะ...ปล่อยนะ...จะทำอะไรผมน่ะ”

   เวทิตเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น สถานการณ์ยามนี้น่าเป็นห่วงนัก เพราะดูเหมือนว่าอุรค จะโกรธจัดอย่างที่เขาไม่เคยได้เห็นด้วยซ้ำ

   “ข้าจะทำให้เจ้าจำคืนนี้ไปจนวันตายน่ะสิ! และถ้าเจ้าคิดหนีอีก ข้าก็จะให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติการทรมานที่มันหนักหนากว่านี้อีกเอง!”

   

   เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่วป่าละแวกนั้น เวทิตเจ็บปวดทรมานไปกับการร่วมรักที่แสนจะรุนแรงและไร้ความอ่อนโยนแม้แต่น้อย เขาเคยคิดว่าอุรคที่ทำร้ายขืนใจเขาในค่ำคืนแห่งการหลบหนีครั้งแรกนั้นจะเลวร้ายที่สุดแล้ว ทว่าเวทิตกลับได้พบอุรคที่โหดร้ายเสียยิ่งกว่า ภายในค่ำคืนนี้นั่นเอง

    อุรคระบายความกราดเกรี้ยวโมโหลงบนร่างของมโคหนุ่ม จนกระทั่งคนของเขาบางกลุ่มตามมาพบ และแต่ละรายก็ถึงกับต้องเบือนหน้าหลบด้วยความสงสาร ในสิ่งที่ประมุขของเผ่าทำกับคนที่ถูกแขวนพันธนาการบนกิ่งไม้เบื้องหน้า

    “ท่านประมุข...หากมากกว่านี้ เขาอาจจะตายได้นะขอรับ”

   พนา ที่ปรึกษาคนสนิทของอุรคเริ่มทนไม่ไหว จึงเข้าไปขัดขวางการกระทำของอีกฝ่าย เพราะเขารู้ดีว่ายามนี้อุรคกำลังโกรธจนขาดสติ และถ้าสติกลับคืนมา พญางูเผือกจะต้องเสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขามองออกดีว่า  อุรคนั้นหลงใหลในตัวของมฤคมาศผู้นี้เพียงใด

   เมื่อถูกเตือน อุรคจึงตวัดสายตามามองอีกฝ่ายอย่างโมโห ทว่าพอเห็นคนสนิทจ้องตอบเขานิ่งอย่างจริงจัง เขาจึงค่อย ๆ กลับคืนสติ และมองสภาพของคนถูกแขวนที่สลบไปแล้วอย่างเต็มตา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเลือดที่ไหลจากบาดแผลฉีกจากช่องทางที่ผ่านการร่วมรักของอีกฝ่ายแดงอาบไปกับขาทั้งสอง ทั่วร่างก็มีเลือดไหลซึมจากการขบกัดด้วยฟันอย่างรุนแรงไปทั่ว

   อุรคสบถกับตัวเอง แล้วจึงกระชากเถาวัลย์นั้นขาดออก ก่อนจะประคองอุ้มร่างของอีกฝ่ายไว้แนบอกด้วยมืออันสั่นเทา  ยามนี้เขากลัวเหลือเกินว่าเวทิตจะตายจากเขาไป ซึ่งเขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด

   “พนา! ไปหาสมุนไพรห้ามเลือดแถวนี้มาด่วน ส่วนพวกเจ้ารีบกลับเผ่า ไปให้หมอเตรียมการรักษาเอาไว้ เข้าใจนะ!”

   ประมุขแห่งเผ่านากาออกคำสั่ง ซึ่งแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว อุรคมองร่างในอ้อมกอดด้วยสีหน้าเจ็บปวด พร้อมกับพึมพำแผ่วเบา

   “ทำไม....เวทิต...ทั้งที่ข้าต้องการเจ้าขนาดนี้ ...ทำไมต้องหนีข้าไป... ทำไมต้องเกลียดข้า... ทำไมต้องทำเรื่องให้ข้าโกรธจนขนาดอยากฆ่าเจ้าให้ตายคามือแบบนี้ด้วย”

   อุรคมองร่างอ่อนแรงที่หายใจแผ่วในอ้อมกอด ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปจูบที่เส้นผมชื้นเหงื่อของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

   “อย่าตายนะเวทิต... ถ้าเจ้ารอดคราวนี้ แม้ข้าจะโกรธเจ้าเพียงใด แต่ข้าจะไม่ลงมือให้เจ้าต้องบาดเจ็บเช่นนี้อีกแล้ว...ข้าสัญญา”



   เวทิตไม่อาจได้ยินในสิ่งที่อุรคบอกกับเขาในป่า ทว่าเมื่อเขารู้สึกตัวอีกที เขาก็ฟื้นขึ้นมาบนเตียงนุ่มภายในห้องนอนเดิม แต่ที่ข้อเท้าของเขานั้นถูกโซ่ตรวนยาวล่ามเอาไว้ มันยาวพอเคลื่อนไหวได้อิสระภายในห้องแห่งนี้ก็จริง แต่ก็ไม่ยาวพอที่จะทำให้เขาหนีออกไปข้างนอกได้อีก

   “ทำไม...ทำไมไม่ฆ่าผมให้ตายไปเสียเลย...จับผมมาขังที่นี่อีกทำไม!”

   เวทิตตวาดใส่คนที่เข้ามาในห้อง และจ้องมองเขาด้วยแววตาเย็นชา  อุรคชะงักชั่วครู่ ก่อนจะกลับกลายเป็นนิ่งเฉยตามเคย

   “ถ้าข้าไม่อนุญาต เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ตาย...และถ้าเจ้าหนีไปอีกเมื่อใด ข้าก็จะตามจับเจ้ากลับคืนมาอีก!”

   เวทิตสะดุ้งเฮือก จากนั้นอุรคก็หันหลังกลับเดินออกไปจากห้อง โดยมีเสียงตะโกนไล่หลังมาอย่างเจ็บปวด

   “ผมเกลียดคุณ! ได้ยินไหม ผมเกลียดคุณที่สุด!”

   เวทิตตะโกนไล่หลังจนอีกฝ่ายลับตาไป ก่อนจะหลุดสะอื้นออกมาอย่างไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้  ในตอนที่เขาถูกอีกฝ่ายทรมานในป่า เขาคิดว่าเขาคงไม่รอดแน่  ถึงแม้เขาจะไม่ได้กลับไปหาวิรัลและมารดารวมถึงคนในเผ่าอีก แต่เขาก็คงได้เป็นอิสระจากอุรคสักที

   และทั้งที่เตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ท้ายที่สุด เขาก็ต้องกลับมาเป็นสมบัติของพญางูเผือกอีกเช่นเคย

   

   อุรคไม่กลับมานอนที่ห้องเป็นเวลาเกือบเดือน ทว่าการคุ้มกันรอบ ๆ ห้องที่เวทิตอยู่นั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เวทิตนั่ง ๆ นอน ๆ ไร้ชีวิตจิตใจด้วยความท้อแท้ต่อชีวิต จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง เขารู้สึกถึงความเงียบรอบด้าน โซ่ตรวนที่ข้อเท้าของเขาก็ถูกปลดออก มโคหนุ่มค่อย ๆ ย่องไปดูด้านนอกก็ไม่พบใคร เขาเม้มปากน้อย ๆ ก่อนตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกเพื่อหลบหนี แม้จะแปลกใจอยู่มากก็ตาม

   เวทิตตัดสินใจว่าจะยังคงไม่เปลี่ยนร่าง เพราะร่างมนุษย์นั้นหลบซ่อนได้ง่ายกว่าร่างกวาง ทว่าพอเขาเดินเข้าสู่เขตป่า แหใหญ่ก็ถูกเหวี่ยงลงมาคลุมร่างเขา พร้อมกับการปรากฏกายของประมุขเผ่านากาและพรรคพวก

   “ไหนดูสิว่า วันนี้จับเหยื่ออะไรได้... อ้อ ที่แท้ก็กวางทองแสนสวยของข้านี่เอง”

   อุรคยิ้มเย้ยหยัน ทำให้เวทิตชะงัก แล้วตวาดกลับไปอย่างหงุดหงิด

   “นี่มันหมายความว่ายังไง! คุณหลอกให้ผมหนีอย่างนั้นหรือ!”

   อุรคมองร่างโปร่งตรงหน้าเขา แล้วจึงเปรยตอบเสียงเรียบเฉย

   “ก็เห็นเจ้าชอบหนีจากข้า ...ข้าเลยจัดการให้เจ้าหนีได้สมใจ ...ไม่ต้องห่วงนะเวทิต หากเจ้าเริ่มเบื่อเมื่อไหร่ก็บอกข้าได้ ข้าจะให้เจ้าหนีได้ตลอด...และก็จะตามกลับมาทุกครั้งแบบนี้เอง หึๆ”

   เวทิตกัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ อย่างนึกอับอายที่เสียรู้ ถูกอีกฝ่ายใช้เป็นของเล่นเช่นนี้

   “คุณมันเลว! สักวันเถอะ! ผมจะหนีจากคุณให้ได้! แม้จะเป็นการหนีไปตลอดกาลก็ตาม!”

   คำพูดของเวทิตทำให้อุรคชะงัก แล้วจึงสั่งให้ลูกน้องของตนถอยไป เขาดึงแหที่คลุมร่างมโคหนุ่มออก พลางกระชากแขนร่างนั้น กึ่งจูงกึ่งเดินเข้าไปในถ้ำ ตรงไปยังห้องนอนของตน แล้วเหวี่ยงร่างโปร่งไปบนเตียงแรง ๆ  ยิ่งได้เห็นแววตาดื้อดึงของอีกฝ่าย ก็ยิ่งทวีความโกรธให้เขามากขึ้น  พญางูเผือกกำหมัดแน่น แล้วเงื้อขึ้น จนเวทิตต้องหลับตาด้วยความกลัว ทว่าเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเป้าหมายของหมัดนั้นคือหมอนที่อยู่ข้าง ๆ

   หมอนที่ถูกต่อยทะลุจนขนนกด้านในปลิวว่อนทำให้เวทิตประหลาดใจ ทางด้านอุรคกัดฟันกรอด แล้วจึงจับร่างของเวทิตตรึงไว้ใต้ร่างของตน ก่อนจะลงมือเล้าโลมร่างนั้นอย่างอ่อนโยนผิดเคย  ซึ่งก็ทำให้เวทิตเผลอลืมตัว ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสคุ้นเคยที่ห่างเหินไปเสียนานนั่น

   “เวทิต...เด็กน้อยของข้า...อยู่กับข้าเถอะ อย่าไปจากข้าเลยนะ...ได้โปรด”

   คำกระซิบอ้อนวอนหวานหูนั้น เวทิตไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินหรือคิดไปเอง เพราะตอนที่อุรคพูดออกมา ตอนนั้นเขากำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์หฤหรรษ์จนไม่คิดจะรับรู้อันใดอีกแล้ว และเมื่อเขาปลดปล่อยหยาดหยดแห่งความสุขในกายออกมา เขาก็ฟุบหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลีย ภายในอ้อมกอดของพญางูเผือก



   หลังจากนั้นผ่านไปอีกหลายเดือน อุรคก็เล่นเกมไล่จับกับเวทิตอยู่หลายครั้ง ทว่ากวางหนุ่มก็ไม่เคยหนีพ้น จากที่เคยมีความหวังเจ้าตัวก็ท้อถอย หมดอาลัยตายอยากลงตามลำดับ จนกระทั่งมาถึงวันหนึ่ง ที่อุรคล้ำเส้นมโคหนุ่มมากเกินไป โดยการปล่อยให้เจ้าตัวหนีไปจนกระทั่งเห็นเผ่าอยู่ตรงหน้า เวทิตยินดีอย่างขีดสุด และความยินดีนั้นก็ถูกทำลายสิ้นจนแทบไม่เหลือความหวัง เหมือนอุรคดักรอเขาอยู่และจับตัวเขากลับไปอีกครั้ง

   “...วิรัล แม่ครับ ทุก ๆ คนในเผ่ามโค ...ขอโทษด้วยนะ ที่ไม่อาจจะกลับไปได้อีกแล้ว”

   เวทิตพึมพำหลังจากถูกขังอยู่ในห้องนอนเพียงลำพังอย่างเคย เขาเหลือบไปมองหาของมีคมแถวนั้น ก่อนจะเจอมีดปอกผลไม้วางอยู่ในถาด แม้มันจะไม่คมกริบ แต่ด้วยแรงกดของคนที่ใช้มัน ก็ทำให้สามารถเฉือนปาดลึกเข้าไปที่ลำคอจนเกิดบาดแผลได้

    เวทิตค่อย ๆ นอนหงายไปบนเตียง ปล่อยให้เลือดไหลรินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจ จนกระทั่งกลิ่นคาวเลือดลอยไปด้านนอกห้องให้คนที่เฝ้าอยู่ได้กลิ่น และรีบเข้ามาดูเหตุการณ์ภายในห้อง ก่อนจะมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นสภาพของเวทิตยามนั้น พวกเขาคนหนึ่งรีบไปตามหมอประจำเผ่า ส่วนอีกหนึ่งก็รีบไปแจ้งอุรค ส่วนคนที่เหลือก็ช่วยกันห้ามเลือดยกใหญ่ ทว่าเวทิตยามนี้กลับเหม่อลอยไม่สนใจว่าใครจะทำยังไง แม้ยามที่อุรคเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แล้วออกคำสั่งหมอให้ช่วยชีวิตของเขาให้ได้ก็ตาม

   

    มโคหนุ่มกลับมาฟื้นคืนสติอีกครั้งในตอนดึกของอีกสองสามวันถัดมา และพบว่าอุรคกำลังนั่งจ้องเขานิ่งอย่างไม่วางตาอยู่บนเตียง เวทิตเบือนหน้าหนีน้อย ๆ แล้วหลับตาลงด้วยความผิดหวัง ที่ครั้งนี้เขาก็ไม่อาจหนีรอดพ้นพญางูเผือกไปได้อีก ทว่าขณะที่กำลังคิดหาวิธีฆ่าตัวตายอีกรอบ เขาก็ต้องชะงักเมื่อเสียงทุ้มเข้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบา ทว่ากลับแฝงไปด้วยความจริงจังในน้ำเสียงนั้น

   “ถ้าเจ้าคิดฆ่าตัวตายหนีจากข้าอีกครั้ง ...ข้าจะสังหารพวกมโคให้สิ้นเผ่า ...ไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดง ข้าก็จะไม่ละเว้น...เจ้าจะได้มีเพื่อนทั้งเผ่าไปเยือนปรโลกด้วยกัน อย่างที่เจ้าปรารถนายังไงล่ะ ...ดีไหมเวทิต”

   เวทิตสะดุ้งเฮือก เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น พร้อมกับหันมามองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

   “อย่านะ...คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้...พวกเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ”

   “ทำไมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อพวกนั้นเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เจ้าถึงกับคิดสั้น เพื่อจะหนีข้าไปตลอดกาล ไม่ใช่หรือ...”

   อุรคแย้งกลับไปพร้อมกับจ้องตอบเวทิตด้วยแววตาจริงจัง ดังเช่นคำพูด ทำให้เวทิตนิ่งอึ้ง แล้วจึงค่อย ๆ หลุบตาหลบลงช้า ๆ ด้วยความสิ้นหวัง

   “ตกลง...ผมจะไม่คิดฆ่าตัวตายอีกแล้ว...ผมสัญญา ...ได้โปรด อย่าทำอะไรทุกคนในเผ่าของผมเลย...ผมขอร้อง”

   อุรคมองร่างบนเตียงด้วยแววตาเย็นชา แล้วจึงเปรยตอบเรียบ ๆ

   “ถ้าเจ้าสัญญาเช่นนั้น ข้าก็จะยอมเชื่อ และไม่ทำอะไรพวกมโคนั่น ...แต่อย่าลืมล่ะเวทิต  หากเจ้าผิดสัญญาและคิดฆ่าตัวตายอีก ต่อให้เจ้าจะตายหรือรอดตาย ข้าก็จะสังหารพวกมโคให้สิ้นซากทั้งเผ่าอยู่ดี!”

   เวทิตนิ่งอึ้ง ก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้าตอบทั้งน้ำตา อุรคเห็นดังนั้นจึงโน้มใบหน้าลงมาบรรจงจูบที่เปลือกตาของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน แล้วเอนกายนอนเคียงข้างมโคหนุ่ม โดยไม่คิดทำอะไรไปตลอดค่ำคืนนั้น

   
... TBC …



ลากยาวมาจนถึงปัจจุบันแล้วจ้ะ หลังจากนี้ก็จะตัดเป็นตอนหลังจากที่เวทิตทำใจอยู่กับตางูหื่น(โหด) นี่แล้ว .... 

ว่าแต่ อยากอ่านต่อหวาน ๆ กันไหมคะเนี่ย เพราะหลังจากนี้มันไม่จำเลยรักแล้วนะจ๊ะ  มันจะเป็นทยอยหาเรื่องดี ๆ ใส่ให้อีตาอุรค (จะมีเหรอ) เพื่อทำคะแนนหัวใจให้กับอีตางูหื่น เพราะงั้นอาจจะมีอาการหวานเลี่ยนน้ำตาลหก ไม่แพ้คู่คุณลูกก็ได้นะเอ้อ!

เราเตือนท่านแล้ว!  (ไว้จะกลับมาดูผลโหวตอีกครั้งว่าจะเหลือคนอ่านต่ออีกราย)


หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: toye ที่ 11-02-2013 14:58:59
อิลุงช่างโหดร้ายนัก :m16:

ปล. รอคุณพ่อหมาป่ากะหัวหน้าเผ่าคนใหม่ จะมีมาใหม่คะคู่นี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 11-02-2013 15:02:29
อิลุงช่างโหดร้ายนัก :m16:

ปล. รอคุณพ่อหมาป่ากะหัวหน้าเผ่าคนใหม่ จะมีมาใหม่คะคู่นี้ :กอด1:

สำหรับคู่นั้น บางทีอาจจะมีในเล่มค่ะ แต่คงต้องดูโควต้าหน้ากระดาษก่อนน่ะค่ะ  จริง ๆ อยากให้อยู่ในเล่มเดียวจบ ทั้งตอนหลักและตอนพิเศษ แต่นี่ก็หนาไปทุกที เลยไม่แน่ใจว่าจะเขียนได้ทุกคู่อย่างที่คิดไว้ไหม แต่ถ้าปั่นทันก็อยากเขียน ถึงจะทำให้มันหนากว่าเดิมก็ตาม (ถ้าเกินสี่ร้อยห้าสิบหน้า อาจจะต้องจับแยกสองเล่มก็ได้ เพื่อป้องกันหนังสือแหก กับหนักเกิน)
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 11-02-2013 15:06:04
อ่านต่ออออออออออออ
มีอะไร เป็นยังไง เค้าก็จะอ่านให้หมด  :laugh:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-02-2013 15:08:55
ช้ำใจมาก ถึงบังคับกายได้ แต่ใจอ่ะนะ ใครจะโอนอ่อนตามคนที่บังคับตัวเอง  :z3:

ไม่ชอบเลย ขอตอนอุรุคทำตัวดีมีเหตุผลด่วนๆค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 11-02-2013 15:09:34
ถึงจะหวานเราก็จะอ่านจ้าาา
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-02-2013 16:06:31
คู่พ่อกวางทองเหมือนจำเลยรักเลย อิอิ ตางูก็โหดได้โล่
อยากอ่านคู่นี้ต่อค่ะ อยากเห็นตางูหงอพ่อกวางบ้าง 5555
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: RenaBee ที่ 11-02-2013 16:25:03
ชอบคู่นี้ที่สุดเลยค่ะ!!! o13

สงสารคุณพ่อเหมือนกันนะคะ ก็ลุงน่ะทั้งขังทั้งหื่นทั้งโหดแถมทำร้ายจิตใจด้วย!!

รออ่านตอนหวานๆนะคะอร๊ายยยยยยย :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: sarama ที่ 11-02-2013 16:26:12
จำเลยรัก มากกกก...  :m15:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 11-02-2013 17:10:29

สนุกค่ะชอบแนวนี้
จำเลยรัก >////<
รู้สึกชอบคู่พ่อมากกว่าคู่ลูกอีกนะเนี่ย (555+ เป็นงั้นไป)
รอคู่พ่อหมาป่าค้าาาา
คงสนุกพอๆ กบพ่อกวางแน่ๆ
 
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ДηοηγМ ที่ 11-02-2013 18:02:36
ชอบคู่พ่อจัง ดุเดือดได้ใจมากกกกก
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 11-02-2013 18:08:11
รอฉากตาหัวงูทำคะแนนความรักจากเวทิต คะแนนจะขึ้นไปได้แค่ไหนกันนะ
เพราะลุงงูขาวยังไม่ได้บอกรักเวทิตเลยนี่ (หรือว่าลุงงูจะยังไม่รู้ใจตัวเอง?)
อยากอ่านหวานๆแล้วเช่นกันค้า~  คู่นี้จะได้รักกันเสียที จะน่ารักขนาดไหนนะ อิอิ
 :L1: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 11-02-2013 20:20:23
เง้อออ ลุงก็น่าจะปล่อยๆพ่อเวไปเยี่ยมเผ่าบ้างไรบ้าง

หุ ลุงนิ ไม่ไหวๆๆ อยากอ่านตอนหวานๆๆจ้า

รออ่านน้า
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 11-02-2013 20:51:42
ส่องเรื่องนี้บ่อยเกิ๊นนนนนนนนนน


ขอหวานๆปนเลือด(NC)ได้ไหมจ้าาาาาา


 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 11-02-2013 20:54:09
 o22 ช็อค อ่านมาถึงตอนนนี้เพิ่งรู้
เวทิตเป็นพ่อวิรัลหรอกหรอ  o22
หง่าวจิงๆเลยเรา  :เฮ้อ:
ขอแบบหวานๆนะคะ สงสารเวทิต อยากให้อุรครู้ตัวว่ารักซะทีก่อนที่จะเสียเวทิตไปจิงๆ  :o12:  :sad4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 11-02-2013 21:18:14
ส่องเรื่องนี้บ่อยเกิ๊นนนนนนนนนน
เป็นเหมือนกานนนนนน มาส่องเรื่องนี้บ่อยๆเลยเนี่ย
เราจะเป็นสตอล์กเกอร์แระ  :laugh:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 11-02-2013 21:28:36
เป็นเหมือนกานนนนนน มาส่องเรื่องนี้บ่อยๆเลยเนี่ย
เราจะเป็นสตอล์กเกอร์แระ  :laugh:

ปัดก็แวะมาส่องคอมเมนต์ตลอดเช่นกันค่ะ ฮ่า ๆ  ตอนนี้กำลังคิดฉากหวาน ๆ ให้คู่นี้เขาอยู่  ....แต่ไม่รู้จะรอดไหม (ท่าทางช่วงนี้เขียน S จะรุ่งกว่าแฮะ)
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 11-02-2013 21:49:33
ปัดก็แวะมาส่องคอมเมนต์ตลอดเช่นกันค่ะ ฮ่า ๆ  ตอนนี้กำลังคิดฉากหวาน ๆ ให้คู่นี้เขาอยู่  ....แต่ไม่รู้จะรอดไหม (ท่าทางช่วงนี้เขียน S จะรุ่งกว่าแฮะ)
เข้าใจค่ะ ก็ตาลุงงูเผือกเค้าเถื่อนนี่ีนา ทั้งชีวิตสามร้อยปีไม่เคยรักใคร เลยไม่รู้จักอ่อนหวานเพราะเป็นคนป่าคนดอย
ลุงแกหื่นเป็นอย่างเดียว (ถือว่าร่างกายซื่อตรงกับหัวใจมั้ยเนี่ย) ฮา  :laugh3:
งั้นก็หวานแบบทื่อๆ เถื่อนๆก็ได้เนอะลุงงู เดี๋ยวคุณป๋าเวทิตเค้าก็รับรู้ได้เองแหละมั้ง 5555+
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 11-02-2013 22:03:21
 :L2: :L2: :L2: :L2:มีอะไรงัดมาเลยจ้า :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 11-02-2013 22:18:45
 o18 จำเลยรัก+คู่กรรมยังสู่ไม่ได้เลย

555+ ไม่รุ้จะสงสารใครดี  ขนาดคู่พิภพ ยังมีหวานบ้าง แต่คู่พ่อนี้กว่าจะ
หวานต้อง sm กันไปขนาดไหนเนี้ย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 11-02-2013 22:45:54
งูเผือก จะเป็น งูหวานแล้ว  จะออกมาแนวไหนนะ ลุ้นๆ


หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 11-02-2013 22:49:22
ง.งู โหดร้ายมากอ่ะ ทำแบบนี้ใครเขาอยากจะอยู่ด้วย.. อยากอ่านฉากหวานๆด้วยค่ะ แต่ก็อยากอ่านตอนที่อุรคโดนเอาคืนบ้างอ่ะ ขอสองได้ป่ะ ^^
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nomo9 ที่ 11-02-2013 22:53:56
อยากเห็นตาลุงหวานๆ ไม่รังแกพ่อกวางทองของเราบ้างอ่ะ แล้วหลังๆ ก็ให้เริ่มรู้จักเกรงใจภรรยาบ้างอ่ะ ^^
ปล.แยกเป็นสามเล่มหนาๆ เลยก็ได้น่ะ หรือจะเอา 4 เล่มดีน้า อิอิ ^^
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nayne ที่ 11-02-2013 23:46:24
อ้ากกกกก ชอบคู่คุณพ่อกับคุณลุงงูจริงๆ(หรือเราซาดิสว่ะ)
ต่อไปจะหวานเเล้วววววว(ลุงงูจะทำได้เร๊อะ)
แหมแต่ลุงนี่ก็เกินไปนะ ไม่ให้เขากลับไปเห็นหน้าลูกสักจึ๋งหนึ่ง
ขี้หวงเว่อออออร์
อ่านคู่คุณพ่อกับคุณลุงแล้วมันฟินดีจริงๆ(ยังเก็บเอาไปฟินต่อ)
ชอบคู่นี้มากค่ะ สงสารคุณพ่อ แต่ชอบมากกกกก
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: DarkAki ที่ 12-02-2013 00:02:03
อ่านเสร็จขึ้นขั้นปาดเหงื่อ

งูน้อยรุนแรงกะนู๋กวางสุดๆ เหอ เหอ เ้หอ

ตอนหวานๆเป็นอะไรที่ว้อนท์มากกกกกกกกกกกกกกกกค่าาาาาาาาาาาา ><

ขอแบบหวานน้ำตาลพุ่ง ขั้นโรคเบาหวานกำเริบเลยนะค่าาาาาาาาา คึคึ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 12-02-2013 00:18:54
โอ๊ยเมื่อไหร่จะหวานเนี่ย :z3:
สงสารกวางน้อย :m15:
อีตางูเผือกนี่ก็กระไร :m16:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Narcissus ที่ 12-02-2013 00:50:51
อ่านถึงตอนล่าสุดแล้ว เรื่องราวจบลงด้วยดี และเค้าชอบคู่อุรค-เวทิตมากๆ  :o8:
ดูจากหลายๆเม้นต์ คู่นี้ความนิยมมาแรง แซงหน้าคู่อื่นเค้าหมดเลย วิรัลกับธาม พิชญ์กับชาครชิดซ้าย ฮ่าๆๆๆ
คู่รักคุณลุง(แนวโอยาจิ) ช่างน่ารักจริงๆ คนอ่านชอบSMปนหวานๆนี่แหละใช่เลย ฮา
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 12-02-2013 01:14:33
อยากอ่านตอนหวานๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 12-02-2013 01:40:14
ตอยแรกเฉยๆกับคู่นี้นะ
แต่ตอนนี้ แบบ...เอิ่มสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 12-02-2013 03:52:59
อุรคเอาแต่พูดว่าเวทิตเป็นของตัวเอง จะให้อยู่กับตัวเอง แต่คำที่ควรจะพูดก็ไม่พูดนะ แต่ดูท่าว่าอุรคก็คงยังไม่รู้ตัวมั้งว่ารู้สึกยังไงกับเวทิต แต่น่าจะรู้ตัวได้แล้วนะเพราะพอเวทิตพูดแบบนั้นก็ไม่พอใจถึงกับลืมตัวทำร้ายเวทิตแบบนั้น ถ้าไม่มีพนาเข้ามา สงสัยเวทิตคงจะแย่ แล้วคนที่เสียใจที่สุดก็คงเป็นอุรคเอง แต่อุรคแกล้งกันแบบนี้เวทิตจะรู้สึกแย่ก็ไม่แปลกหรอก เห็นบ้านอยู่ตรงหน้าแต่ไปไม่ได้ ทำร้ายหัวใจกันมาก ๆ เลยนะนั่น แล้วยังขู่เวทิตแบบนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่เวทิตก็บอกเหตุผลแล้วแท้ ๆ อุรคจะเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่าเพื่อความสุขของตัวเอง ไม่สนใจความรู้สึกของเวทิตบ้างเลยหรือไง เวทิตก็ทำไมทำร้ายตัวเองแบบนั้น แต่เวทิตก็คงรู้สึกแย่จริง ๆ นะนั่น สงสารเวทิต รอตอนอุรคทำคะแนนกับเวทิต แต่คิดว่าคงต้องรอตอนอุรครู้ใจตัวเองก่อนนะเนี่ย และก็รอตอนอุรคเวทิตหวาน ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nomo9 ที่ 12-02-2013 11:05:59
แวะมารอๆๆๆ ปัดค้าบบบ มาเร็วๆ เหอะ รอนานแล้น ^^
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ 2 (อุรค-เวทิต) #4...P.17 (โพส : 11/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: e_new ที่ 12-02-2013 11:19:53
อ๊ายยยย อยากอ่านตอนต่อไป ใจจะขาดดด
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 12-02-2013 12:12:21
ปั่นมาแปะแบบสปีดเต่านะคะ เน้นน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ แทนนะจ๊ะ คิดว่าไม่กี่ตอนก็จะ(ตัด)จบแล้วล่ะจ้ะ สำหรับคู่นี้  แต่ช่วงนี้ขอทยอยถมความหวานให้นักอ่านกันก่อนจากแล้วกันค่ะ    :L2:


   
#5


   วันเวลาผ่านพ้นไป เวทิตนั้นก็เลิกคิดหนีจากอุรค เพราะเกรงว่าพญางูเผือกจะโกรธ และลงมือทำร้ายคนในเผ่าของเขา  และพอเขาตัดสินใจไม่หนี แม้อีกฝ่ายจะแกล้งเปิดโอกาสให้ก็ตาม อุรคก็เริ่มที่จะอ่อนโยนกับเขามากขึ้น แถมยังคอยเอาใจและสรรหาของกำนัลต่าง ๆ ที่เขาชอบมาให้เสมอ แต่ก็ยังคงคุมเข้มและจับตาดูเขาไม่ห่างตลอดเวลาด้วยความหวาดระแวงเช่นเคย 

   และในที่สุด วันที่เวทิตต้องตัดสินใจอีกครั้งก็มาถึง และครั้งนี้ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนชะตากรรมของเขาไปตลอดกาล เมื่อพิชญ์นั้นมาเยือนเผ่านากา และขอความร่วมมือจากอุรคให้ไปช่วยวิรัล ซึ่งอุรคก็ยื่นข้อเสนอ โดยแลกกับการที่เวทิตจะต้องอยู่ร่วมกับตนที่เผ่านากาตลอดชีวิต และไม่คิดหนีไปอีก



   “ท่านประมุขเต็มใจที่จะอยู่ที่นี่เองแน่หรือครับ”

   พิชญ์เอ่ยถามเวทิตหลังจากที่อุรคยอมทำตามคำขอของเวทิต ปล่อยให้ทั้งคู่สนทนาปรึกษากันตามลำพัง

   “...มันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วไม่ใช่หรือพิชญ์”

   เวทิตบอกไปเรียบ ๆ พลางเบือนหน้าหลบสายตาอีกฝ่าย พิชญ์เหลือบมองคนตรงหน้าอย่างชั่งใจ แล้วมองไปยังอุรคที่ตอนนี้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์และยืนเฝ้ามองพวกเขาอยู่ห่าง ๆ  สายตาของประมุขเผ่านากาที่จับจ้องร่างของอดีตประมุขเผ่ามโคนั้นแสดงถึงความรักใคร่หวงแหนและเป็นเจ้าของอย่างไม่คิดปิดบัง ส่วนเวทิตนั้นแม้จะทำเป็นเย็นชาต่ออุรค แต่ก็ยังคงมีแววตาบางอย่างที่ทำให้พิชญ์รู้สึกสงสัยว่าอีกฝ่ายนั้นเกลียดอุรคจริงแน่หรือ 

   “ถ้าท่านประมุขไม่เต็มใจจริง ๆ หลังจากเสร็จศึกทางนั้นแล้ว ต่อให้ต้องก่อศึกกับทางเผ่านากาอีกรอบ พวกเราก็ยินดีทำเพื่อช่วยนำท่านกลับคืนสู่เผ่าของเรานะครับ”

   พิชญ์ลองหยั่งเชิง ซึ่งเวทิตก็ชะงักแล้วรีบปฏิเสธ

   “อย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาดนะพิชญ์!”

   “สำหรับผม ไม่ใช่แค่ท่านวิรัลเท่านั้นที่สำคัญ ท่านเองก็ไม่แตกต่างกันนะครับ ท่านเวทิต”

   พิชญ์เรียกชื่อของอีกฝ่าย ทำให้เวทิตรู้สึกตื้นตัน แล้วยิ้มน้อย ๆ ให้ชายหนุ่มผู้อ่อนเยาว์กว่าเขา

   “ขอบคุณนะพิชญ์...แต่ฉันไม่เป็นไร  ถ้าการเสียสละของฉันจะช่วยเผ่าและลูกชายของตัวเองได้ ฉันก็ยินดี”

   “แล้วความรู้สึกของท่านล่ะครับ...ท่านไม่ได้มีใจกับเขาไม่ใช่หรือครับ แล้วท่านจะทนอยู่กับเขาตลอดชีวิตได้เช่นนั้นหรือครับ”

   พิชญ์เอ่ยถามกลับไปแล้วสังเกตดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ซึ่งเวทิตก็เม้มปากน้อย ๆ แล้วเบือนหน้าหลบตาคนถามอีกครั้ง

   “ฉัน...คือ...”

   “หรือผมจะเข้าใจผิดไป เรื่องที่ท่านไม่เต็มใจจะอยู่ที่นี่...”

   พิชญ์เอ่ยขึ้นอีกแล้วนิ่งรอคำตอบ ทางด้านเวทิตสะดุ้งนิด ๆ ก่อนจะนิ่งเงียบไป แล้วสักพักจึงถอนหายใจยาวตามมา เขาเหลือบชำเลืองมองอุรคแวบหนึ่ง แล้วจึงรีบหันกลับเมื่ออีกฝ่ายที่จ้องมองเขาอยู่แล้ว ขมวดคิ้วน้อย ๆ อย่างสงสัย

   “ฉันไม่เป็นไรหรอกพิชญ์...ไม่เป็นไร... ฉันผ่านช่วงเวลาที่คิดว่าเลวร้ายที่สุดมาแล้ว...และคิดว่าต่อไปจากนี้ ก็คงไม่มีอะไรอีก...คิดว่านะ”

   เวทิตพึมพำไม่ได้ตอบคำถามนั้นโดยตรง ทว่าแววตาคาดหวังและแสดงถึงความเชื่อมั่นบางอย่างที่ลอบมองอุรค ก็ทำให้พิชญ์ชะงัก แล้วจึงพยักหน้ารับรู้ตามมา

   “ครับ...ผมทราบแล้ว...ขอบพระคุณมากครับ สำหรับความเสียสละของท่านในครั้งนี้”

   เวทิตมองคนที่โค้งให้เขา แล้วจึงเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยบางอย่างออกมา

   “พิชญ์...ช่วยอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ๆ ในเผ่ามโคได้ไหม ...โดยเฉพาะแม่ของฉัน กับวิรัล ...ฉันอยากให้พวกเขาคิดว่าฉันตายไปแล้ว ดีกว่าที่จะรู้ว่าฉันยังอยู่ แต่ไม่อาจจะพบเขาได้อีก”

   พิชญ์มองอดีตประมุขของเขาอย่างสงสัย แล้วจึงเอ่ยถามต่อ

   “ทำไมล่ะครับ...ถ้าท่านกลับไปไม่ได้ ก็ให้ท่านวิรัลหรือนายหญิงมาเยี่ยมท่านที่นี่แทนก็ได้นี่ครับ”

   “เรื่องนั้นมัน...”

   ยังไม่ทันที่เวทิตจะตอบ คนที่อดทนรอคอยเงียบ ๆ ไม่ไหว ก็เดินใกล้เข้ามาและทันได้ยินประโยคสุดท้ายของพิชญ์เข้าพอดี

   “ข้าไม่อนุญาต! หากยิ่งได้พบก็ยิ่งจะทำให้หวั่นไหว แล้วมันอาจจะทำให้เจ้าคิดหนีไปจากข้าอีก ซึ่งข้ายอมไม่ได้!”

   อุรคเอ่ยขึ้นเสียงห้วนอย่างหงุดหงิด จนพิชญ์นั้นตกใจ และเวทิตชะงักชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจยาวตามมา

   “ผมไม่ได้บอกสักคำ ว่าจะให้พิชญ์ทำแบบนั้น ...ผมกำลังเสนอให้เขาอย่าบอกเรื่องนี้กับลูกชายและแม่ของผม รวมไปถึงคนในเผ่า ว่าเขามาเจอผมที่นี่ต่างหาก”

   อุรคหรี่ตาจ้องคนตรงหน้า แล้วย้อนถามไปอย่างหวาดระแวง

   “เจ้าไม่คิดจะวางแผนหนีจากข้าไปอีกแน่นะ”

   “ถ้าคุณสัญญาว่าจะช่วยเหลือลูกชายผม ผมก็สัญญาว่าจะไม่หนีไปจากคุณเช่นกัน”

   เวทิตตอบเรียบ ๆ ทว่าแววตาแสดงถึงความจริงจัง จนคนมองต้องถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยปากรับคำ

   “ก็ได้ ข้าตกลงตามนี้”

   “ท่านเวทิต...”

   พิชญ์ทำท่าจะแย้งบางอย่าง ทว่าเวทิตหันกลับมาทางมโคหนุ่ม แล้วเอ่ยเสียงเรียบทว่าชัดเจน

   “ตามนั้นพิชญ์”

   พิชญ์ลอบถอนใจ แล้วจึงพยักหน้ารับรู้

   “ครับท่าน”

    จากนั้นเวทิตจึงหันมาทางอุรค แล้วบอกอีกฝ่ายอย่างเป็นกังวล

   “คุณคงต้องรีบออกเดินทางนะ คุณอุรค ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันการ”

   “แล้วเจ้าจะอยู่รอข้าที่นี่ ไม่คิดหนีไปไหนสินะ”

   พญางูเผือกย้อนถามกลับไป พร้อมกับจ้องมองร่างโปร่งตรงหน้านิ่ง ซึ่งเวทิตก็จ้องเขา พลางย้อนตอบ

   “จะล่ามผมเอาไว้อีกก็ได้  ถ้าคุณไม่ไว้ใจ”

   คำพูดนั้นทำให้อุรคต้องถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยสรุปตัดบทตามมา

   “ไม่จำเป็น...ข้าจะให้พนาเฝ้าเจ้าเอาไว้ หากมีพวกนากาตนไหนคิดไม่ซื่อจะทำร้ายเจ้า เขาจะได้ปกป้องเจ้าได้ ส่วนนักรบนากา เอาติดไปสักร้อยตนก็คงจะพอ”

   เวทิตเบือนหน้าไปอีกทาง เขารู้สึกว่าแก้มของตนจะร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ ทางด้านอุรคเห็นดังนั้นก็แย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ แล้วจึงเดินมาใกล้ พลางประคองกอดร่างของเวทิตให้เดินไปด้วยกัน พร้อมกับหันมาบอกกับทางพิชญ์

   “ตามข้ากลับเผ่า เดี๋ยวข้าจะไปจัดทัพให้พร้อม!”

   

   หลังจากที่กลับถึงเผ่าแล้ว ประมุขแห่งเผ่านากาก็สั่งเรียกรวมพลทั้งเผ่า ทำให้พิชญ์นั้นถึงกับตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าสมาชิกในเผ่านากาจะมีมากมายหลายร้อยชีวิตเช่นนี้

   “ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงอยู่กันอย่างสงบสุขมานานจนนึกเบื่อหน่ายกันบ้างแล้ว  เพราะฉะนั้น หากใครอยากยืดเส้นยืดสายออกกำลังกันสักหน่อย ก็ให้ตามข้ามา พวกเราจะไปรบกับพวกนกปีศาจที่ด้านนอกป่านั่น!”

   ชนเผ่านากามองหน้ากันไปมาจนพิชญ์และเวทิตรู้สึกกังวล ทว่าเพียงชั่วครู่ เสียงเฮกระหึ่มก็ดังกึกก้องขึ้นไปทั่วหุบเขาอันเป็นถิ่นที่อยู่ของเผ่านากา  ต่างคนต่างอาสากันติดตามประมุขของพวกเขาไปออกรบด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือแทบทั้งสิ้น ทำเอาพิชญ์ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ พลางคิดในใจว่าดีแล้วที่เผ่าของเขาไม่ได้เป็นศัตรูกับอมนุษย์เผ่านี้



   “ไม่ต้องมากันทั้งหมด เยอะแยะเกินไป เดี๋ยวศัตรูฝันหนีดีฝ่อเสียก่อน เอาแค่ร้อยกว่าคนก็พอ พวกเด็ก ๆ อายุเจ็ดแปดสิบไม่ต้องตามมาเลย นั่งอยู่เฝ้าเผ่าไปแทน  ส่วนพวกนากาแก่ ๆ ถ้ายังรบไหว ก็ตามมา แต่ไม่ต้องออกแรงมากล่ะ ตายไปในสนามรบข้าขี้เกียจขุดหลุมฝังให้”

   อุรคออกคำสั่งเนือย ๆ กับคนในเผ่า ทำเอาพิชญ์มองตาปริบ ๆ ส่วนเวทิตนั้นลอบถอนหายใจ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่เรื่องเคร่งเครียดแค่ไหน ถ้าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเขาโดยตรง เขาก็มักสังเกตเห็นว่าพญางูเผือกดูไม่ค่อยจริงจังและไม่ใส่ใจอะไรมากนักอยู่เสมอ

   ใช้เวลาไม่นานกองทัพนากาก็จัดทัพเสร็จ เวทิตนั้นออกมายืนส่งที่ป่าใกล้บริเวณทางเข้าออกเผ่า โดยมีพนาคอยดูแลเฝ้าระวังอยู่ข้าง ๆ ตามคำสั่งของอุรค

   “ระวังตัวนะพิชญ์ ฝากวิรัลกับท่านแม่ด้วยนะ”

   “ครับ ท่านเวทิต”

   พิชญ์รับคำ จากนั้นเวทิตจึงเหลือบมองอุรคบ้าง ซึ่งอีกฝ่ายก็หันมาสบตากับเขา ทำให้เวทิตสะดุ้งและรีบหลบตา จนอุรคต้องถอนหายใจ ทว่าพอพญางูเผือกสั่งออกเดินทางและเริ่มเคลื่อนทัพไป เวทิตก็เงยหน้า พร้อมกับตะโกนไล่หลังอีกฝ่าย

   “ระวังตัวด้วยนะครับ คุณอุรค!”

   พนาที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ชะงัก ก่อนจะลอบยิ้มน้อย ๆ ส่วนพิชญ์หันมาชำเลืองมองอดีตประมุขของเขา แล้วหันไปลอบถอนหายใจกับตัวเอง ทางด้านอุรคนั้นยืนนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินกลับตรงมาหาเวทิต รวบร่างโปร่งมาใกล้ จัดการจุมพิตอีกฝ่ายอย่างดูดดื่ม ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้ แล้วผละไปอยู่กับกองทัพ สั่งเคลื่อนพลเดินห่างออกไปตามกำหนดเดิม ทิ้งให้เวทิตยืนหน้าร้อนวูบวาบ ส่วนพนานั้นโค้งศีรษะให้อีกฝ่ายน้อย ๆ แล้วเอ่ยขึ้น

   “กลับเข้าด้านในเถอะขอรับ ท่านเวทิต”

   “อะ...อืม”

   เวทิตรับคำเสียงตะกุกตะกัก เผลอยกนิ้วมือแตะริมฝีปากตัวเองแผ่วเบา ก่อนจะรีบสลัดความคิดบางอย่างออกไป แล้วย้ำความรู้สึกเกลียดลงไปแทนที่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็อดจะเป็นห่วงคนที่จากไปแล้วไม่ได้อยู่ดี พร้อมกับแก้ต่างให้ตนเองว่า หากอุรคเป็นอันตราย ก็จะทำให้ลูกชายและคนในเผ่าของเขาลำบากไปด้วยนั่นเอง

      

   สงครามสิ้นสุดลง พร้อมกับชัยชนะของเผ่านากา และเมื่อเวทิตได้รับรู้ว่า เผ่ามโคและวกะได้กลายเป็นพันธมิตรกันแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกหมดห่วง มโคหนุ่มใช้ชีวิตไปตามปกติของตน โดยการอยู่ในความควบคุมของอุรคแทบทุกฝีก้าว ทว่าเขากลับรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาอย่างประหลาด และเริ่มรู้สึกแปลกแทน หากวันใดที่ไร้เงาของอุรคอยู่ข้างกาย

   “คุณอุรค...พรุ่งนี้ผมขอออกไปเที่ยวในป่าบ้างได้ไหม”

   หลังจากทานอาหารมื้อค่ำอิ่มหนำสำราญเรียบร้อย  เวทิตจึงลองเสี่ยงถามดู โดยเลือกถามตอนที่เขาคิดว่าอุรคน่าจะอารมณ์ดี ทว่าพอเขาถามเสร็จอีกฝ่ายก็ชะงัก แล้วหันขวับมาจ้องเขานิ่ง

   “ทำไมถึงอยากไป...เบื่ออยู่ในถ้ำนี่แล้วหรือไง”

   แม้เหมือนจะถามตามปกติ แต่เวทิตก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังจับผิดเขาอยู่ มโคหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเอ่ยตามมา

   “ครับ...เบื่อ แต่ถ้าไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมก็แค่ลองขอเฉย ๆ เท่านั้น”

   “ที่เจ้าเบื่อ เพราะที่นี่มีข้าอยู่ใกล้เจ้าตลอดเวลาสินะ”

   อุรคยังคงตื๊อถาม พร้อมกับอารมณ์ที่เริ่มขุ่นมัวขึ้นเรื่อย ๆ จนเวทิตต้องลอบถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยตอบออกไปตามตรง

   “ผมเบื่อ เพราะที่นี่มองไม่เห็นแสงตะวัน แสงดาว ...ถึงมีอากาศไหลเวียน แต่ก็ไม่ใช่ลมเย็น ๆ พัดผ่านผิวกายอย่างข้างนอก ...บางครั้งผมก็อยากไปนั่งอาบแดดอ่อน ๆ เล่นริมลำธาร หรือลงว่ายน้ำในน้ำตกบ้าง ...อุตส่าห์มีธรรมชาติแสนสวยแวดล้อมที่อยู่แบบนี้ทั้งที แต่ไม่อาจสัมผัสได้ มันก็น่าเบื่อใช่ไหมล่ะครับ”

   อุรคชะงักแล้วจ้องมองอีกฝ่ายนิ่ง จนเวทิตแปลกใจ

   “ทำไมหรือครับ”

   “อืม...ก็ไม่มีอะไรนักหรอก ข้าแค่แปลกใจที่เจ้าอธิบายถึงสิ่งที่เจ้าต้องการให้ข้าฟังเช่นนี้ ...ปกติถ้าข้าอารมณ์เสียเจ้าก็มักตัดบทอยู่เงียบ ๆ เสียมากกว่า”

   เวทิตเองก็ชะงัก และจึงเริ่มรู้สึกว่าตนเปลี่ยนไปอย่างที่อุรคบอกเช่นเดียวกัน

   “เอ่อ...แล้วแบบนี้รำคาญไหมครับ”

   อุรคยิ้มให้กับคำถามนั้น ก่อนจะตอบไปตามตรง

   “ไม่หรอก...ข้าชอบนะ ข้าชอบให้เจ้าคุยกับข้ามาก ๆ เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าได้รู้ได้เห็นให้ข้ารับฟังบ้าง ...ข้าน่ะ อยากรู้จักตัวตนของเจ้าทั้งหมด  รู้ไหม”

   เวทิตนิ่งรับฟัง ก่อนค่อย ๆ หลุบตาหลบ แล้วเอ่ยถามกลับเสียงแผ่ว

   “แล้วถ้าผมบอกว่า อยากฟังเรื่องของคุณแลกเปลี่ยนบ้างล่ะ”

   พญางูเผือกชะงัก แล้วเพ่งมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

    “เจ้าอยากฟังจริงหรือ!”

   “...ก็รู้ไว้บ้างก็คงดี”

   เวทิตตอบอุบอิบ ยังคงก้มหน้าอยู่ แต่ปฏิกิริยาที่ชายหนุ่มมีก็ทำให้อุรครู้สึกยินดียิ่งนัก 

   “ถ้าเจ้าอยากรู้เรื่องอะไรของข้า ก็ถามได้ตลอด ข้ายินดีเล่าให้เจ้าฟังเสมอ”

    เวทิตไม่ได้เอ่ยต่อ ทว่าใบหน้าของเขานั้นร้อนวูบวาบ จนเขาไม่กล้าเงยหน้าให้อีกฝ่ายได้เห็น โดยไม่ได้รู้เลยว่า ใบหูขาวเนียนที่บัดนี้แดงระเรื่อ ก็ทำให้คนมองอมยิ้มอย่างพึงพอใจยิ่งนัก

   “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ พวกเราไปเที่ยวข้างนอกกัน ข้าจะให้คนทำอาหารเอาไว้ เรากินมื้อเช้าที่นี่ แล้วไปทานมื้อกลางวันที่นั่น เย็น ๆ ค่อยกลับดีไหม หรืออยากจะค้างคืนข้างนอกสักคืน จะได้ให้คนเตรียมกระโจมเอาไว้”

   คำว่าค้างทำให้เวทิตชะงัก แล้วจึงรีบเงยหน้าขึ้นถามอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น

   “ค้างได้หรือครับ!”

   “ได้สิ ...แต่ข้างนอกในป่านั่นหนาวเย็นเสียยิ่งกว่าอยู่ในถ้ำแห่งนี้อีกนะ”

   คำตอบของพญางูเผือกทำให้เวทิตเริ่มลังเลขึ้นมา

   “หนาวหรือครับ...”

   “เจ้าไม่ชอบอากาศหนาวไม่ใช่หรือ”

    อุรคบอกอย่างรู้ทัน เพราะหากคืนใดอากาศหนาวจัด เวทิตก็มักจะซุกกายเข้าหาเขาไม่ยอมหนีห่าง จนเขาอยากให้มีฤดูหนาวตลอดไปเลยด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นล่ะ เวลาเห็นร่างโปร่งนอนหนาวสั่นทรมาน เขาก็อดสงสารไม่ได้อยู่ดี

   “ก็ไม่ชอบหรอกครับ...แต่คงไม่เป็นไร”

   คำตอบของเวทิตพร้อมกับแววตาที่สบมองเขาอย่างสื่อความหมาย ทำให้อุรคชะงักนิ่ง ก่อนจะแย้มยิ้มอ่อนโยนตามมา แล้วเอ่ยตอบ

   “นั่นสิ ...คงไม่เป็นไร”

   จากนั้น อุรคจึงเรียกพนาคนสนิทของเขามาสั่งความให้เตรียมพร้อม แล้วจึงชวนเวทิตเข้านอน โดยพญางูเผือกก็อ้อนขอรางวัลที่เขายอมให้เจ้าตัวไปเที่ยวค้างคืนในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเวทิตก็ยอมตอบสนองตามข้อเรียกร้องนั้นในทุกเรื่องจนอุรคพึงพอใจ  ทั้งคู่จึงหลับสนิทไปด้วยกัน จนกระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่เวียนมาถึง

 

.... TBC ....


[แอบไร้สาระ พักสมองระหว่างปั่นตอนพิเศษ]
..
..
ค่ำคืนหนึ่ง ณ คฤหาสน์มฤคมาศ ในเมืองหลวง

วิรัล : คุณธามครับ...คุณไม่คิดอยากจะจับผมแขวน เอาแส้เฆี่ยน เทียนลน กับเขาบ้างหรือครับ

ธาม: (ตกใจ) ทำไมล่ะ หรือเธอชอบแบบนั้น

วิรัล : เฮ้อ... จริง ๆ ก็ไม่หรอกครับ แต่อยากเรียกเรตติ้งคืนกับเขาบ้าง ตั้งแต่คู่คุณพ่อออกมา ผมก็โดนแม่ยกเมิน ไม่สนกันสักนิดเลย(กระซิก...น้อยใจ)

ธาม : โอ๋ ๆ ถึงพวกนั้นเขาจะเมินเธอ แต่ฉันยังรักเธออยู่นะ

วิรัล : (อาย...แหมสามีผม หวานได้ตลอด)

ธาม : ว่าแต่เปลี่ยนจากแส้เฆี่ยน เทียนลน เป็นขนนกจั๊กจี๋แทนดีกว่าไหม เธอจะได้ไม่เจ็บมากยังไงล่ะ (ยิ้มหวาน)

วิรัล : (อึ้ง...แต่ก็พยักหน้าด้วยความถูกใจเช่นเดียวกัน)

...ปล่อยให้สองคนนี้เขาหวานกันต่อไป เพราะดูยังไงก็คงจะ S ไม่ขึ้นแน่นอน หุ ๆ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 12-02-2013 12:30:11
รักของอุรุคแฝงไว้ด้วยความเห็นแก่ตัวนะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: RenaBee ที่ 12-02-2013 12:44:29
คู่คุณพ่อเริ่มหวานเจี๊ยบแล้ววววววว :-[

น่ารักๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 12-02-2013 12:52:39
เย้ยยยยยยย วิรัลลลลลล อย่าน้อยใจไปเลยเนอะ

เป็นแบบธรรมดาอะดีแล้ว

55555

คู่ของคุณพ่อเขาแบบข้ามขั้นไปเยอะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 12-02-2013 13:01:17
ความหวานเริ่มคืบคลานมาแล้วค่ะ :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: toye ที่ 12-02-2013 13:06:49
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 12-02-2013 13:21:51
เวทัตเริ่มเปิดใจให้อุรคมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสินะ ที่จริงคงเพราะคลายกังวลเรื่องแม่และวิรัลแล้วด้วยใช่ไหมเนี่ย ส่วนอุรคก็บอกความรู้สึกตัวเองให้เวทัตรับรู้สักทีสิ แล้วทำไมถึงต้องทำแบบนั้นด้วยนะ แต่คงเพราะอุรคมีปมเรื่องเวทิตคิดจะหนีไปเพราะเผ่าอยู่สินะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 12-02-2013 14:17:11
คู่เด็กหวานๆกุ๊กกิ๊กน่ารักก็ดีแล้วนะหนูรัล
ไม่ต้องถึงขนาดเสียเลือดเรียกแฟนๆแบบคุณพ่อหรอกจ้ะ   แค่นี้ทุกคนก็หลงหนูกันอยู่แล้วแหละ  :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 12-02-2013 14:51:31
เริ่มจะหวานกันแล้วววว  อิอิ  ชอบอ่ะ  :impress2:

คนเขียนอย่าเพิ่งตัดจบเลยนะ เค้ารักเรื่องนี้เข้าซะแล้ว โดยเฉพาะคู่ของตาลุงงูกะพ่อกวางทอง

อยากให้มีตอนหวานๆอีกเยอะๆ อ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-02-2013 15:03:48
แหม,,,คู่พ่อเริ่มจะเข้ารูปเข้ารอย
ปล. วิรัลอยากลองเล่น sm กับเขาหรอนี่ เดี๋ยวพี่ธามก็จัดให้หรอก 555555
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 12-02-2013 17:00:27
ชอบๆๆๆคู่นี้อ่ะ เอาอีกๆๆๆหวานๆๆๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 12-02-2013 18:19:49
 :impress2: ตอนนี้น่ารักทั้งคู่เลยเนอะ
แบบว่า หว๊านหวานนน  :-[  :-[
ชอบบบบบ ดีใจแทนเวทิตอ่ะ  :กอด1:   :man1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: DarkAki ที่ 12-02-2013 18:54:34
หวานแย้วววววววววววววววววววว

แอร๊ยๆๆๆๆๆ  :mc4: :mc4: :mc4:

วิรัลจ๋าาาาาาาาาาาาาาา หนูอย่า SM เลยลูก

หวานๆไปอ่ะดีแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 12-02-2013 20:10:05
แอบหวาน จนมดตอมละ อิอิ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #5 ...P.18 (โพส : 12/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 12-02-2013 20:26:40

คุณพ่อเริ่มหวานเลี่ยนๆ แล้ว
วิรัลจ๋า เค้าก็ยังรักวิรัลอยู่นะ หนูเหมาะกับฉากหวานๆ อย่างนี้แหละลูก SM ให้พ่อเขากับงูแก่ทำไป อย่าไปขัดเขาเลย
ยังไงก็รักทั้งพ่อทั้งลูกนั่นแหละจ้า

ปล.อยากอ่านพ่อวกะกับหัวหน้าเผ่า (ขอ SM แบบพ่องูได้ป่ะค่ะคนเขียน)
 
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 13-02-2013 00:40:00
 :pig4:


#6


   กระโจมสีขาวขนาดใหญ่ ถูกผูกประตูผ้าซึ่งเป็นทางเข้าเอาไว้ ให้มองเห็นวิวน้ำตกใหญ่เบื้องหน้า ลมเย็นพัดกระทบผิว และแสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านต้นไม้หนาทึบลงมา ทำให้เวทิตมีรอยยิ้มประดับใบหน้า จนอุรครู้สึกพึงพอใจ

   “ชอบไหม...”

   “ชอบมากเลยครับ”

   เวทิตหันมายิ้มให้ ทำให้พญางูเผือกอยากจะหยุดช่วงเวลานี้เอาไว้ เพราะน้อยครั้งที่อีกฝ่ายจะยิ้มอย่างมีความสุขให้เขาเช่นตอนนี้

   “อืม...ดีแล้ว”

   อุรคพึมพำตอบ แล้วจ้องมองอีกฝ่ายนิ่ง จนเวทิตรู้สึกหน้าร้อนวาบ จึงเบือนสายตาหลบ แล้วแสร้งทำเป็นขอตัวไปเดินเล่นแถวนี้ ซึ่งอุรคก็อนุญาต เพราะยังไงอีกฝ่ายก็อยู่ในสายตาของเขา และคนของเขา ก็กระจายกันเฝ้ายามล้อมอยู่ห่างจากกระโจมแห่งนี้ไปทั่ว

   “กวางทองของข้า... เจ้าจะรู้บ้างไหม ว่าข้าปรารถนาเพียงแค่เจ้าเท่านั้น ขอแค่มีเจ้าอยู่เคียงข้าง ...ข้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว”

   อุรคพึมพำกับตัวเอง มาบัดนี้เขาล่วงรู้ถึงความรู้สึกอย่างหนึ่ง ที่เขาไม่เคยสัมผัสมันเลยสักครั้งในช่วงชีวิตสามร้อยปีที่ผ่านมา แต่กลับมาเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่เวทิตเข้ามาในชีวิตของเขา

   “ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่มีวันตอบรับความรู้สึกข้าได้...แต่ขอแค่เจ้าไม่เกลียดข้าไปมากกว่านี้ ...ยิ้มให้ข้ามากขึ้นอีกนิด ...ข้าก็พอใจแล้ว”

   พญางูเผือกเอ่ยกับตัวเองแผ่วเบา แล้วก็แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งให้คนที่กำลังเดินเล่นอยู่ ซึ่งเวทิตเองนั้น พอหันมาเห็นเขาก็โปรยยิ้มหวานตอบอย่างลืมตัว



   อุรคเหม่อมองคนที่กำลังเดินเล่นลัดเลาะบนก้อนหินใหญ่ริมน้ำตกได้สักพัก ก่อนจะสะดุ้งเฮือก พลางลุกขึ้นพรวด แล้วพุ่งกายไปจากกระโจมทันที เมื่อเห็นร่างโปร่งพลัดตกลงไปในแอ่งน้ำใหญ่นั้น

   “ฮ่า! แย่ชะมัด ตกน้ำจนได้!”

   เวทิตสะบัดเส้นผมเปียกชุ่มไปมาอย่างไม่คิดอะไรมาก นอกจากตกใจเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าพอเห็นสีหน้าของอุรค เขาก็นิ่งอึ้ง พลางรีบหลุบตาหลบอีกฝ่าย

   “ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเวทิต”

   น้ำเสียงทุ้มที่ถามมาด้วยความเป็นห่วง ทำให้เวทิตชะงักแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ

   “อืม...ดีแล้ว จะขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าไหม”

   “ไม่ดีกว่าครับ ไหน ๆ ก็เปียกแล้วเล่นน้ำเลยดีกว่า...”

   เวทิตตอบอุบอิบ ก่อนจะเงียบไปสักครู่ แล้วจึงเงยหน้าขึ้น พลางเอ่ยชวนคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเขิน ๆ

   “เล่นน้ำด้วยกันไหมครับ”

   อุรคนิ่งอึ้ง แล้วจึงแย้มยิ้มยินดีตามมา จากนั้นทั้งคู่ก็ลงไปแหวกว่ายเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน  ทางด้านพนาที่ปรึกษาคนสนิทของประมุขเผ่านากาซึ่งลอบมองอยู่ห่าง ๆ ยกยิ้มน้อย ๆ อย่างยินดี ที่เห็นเวทิตเริ่มเปิดใจให้กับประมุขของตนบ้างแล้ว 

    เขาเข้าใจว่ายากนัก ที่จะทำให้เวทิตยอมรับในตัวอุรค ที่ทำเรื่องเลวร้าย เห็นแก่ตัวกับมโคหนุ่มมาตลอด ทว่าในฐานะที่รับใช้กันมานานนับร้อยปี อุรคในวันนี้ช่างแตกต่างเป็นคนละคน กับอุรคคนเดิมก่อนหน้าที่จะได้เจอกับเวทิตอย่างสิ้นเชิง

    จากคนที่เกิดมาเพรียบพร้อมด้วยพลังและอำนาจ จนได้รับเลือกเป็นผู้นำของเผ่าตั้งแต่อายุเพียงแค่ร้อยกว่าปี เคยชินกับการถูกยอมรับมากกว่าปฏิเสธ อยากได้อะไรต้องได้ พอเบื่อแล้วก็ทิ้งกว้างไปอย่างไม่ใยดี 

    แต่ในที่สุดพญางูเผือกก็ได้พบกับคนสำคัญ ที่ทำให้เจ้าตัวถึงกับต้องยอมทำทุกอย่าง เพียงเพื่อให้คนผู้นั้นอยู่เคียงข้างตลอดไป โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำจะผิดหรือถูก หรือทำร้ายจิตใจใครต่อใครอีกสักเท่าไหร่ก็ตาม

     “เมื่อก่อนนี้ แค่คิดว่าท่านประมุขจะมีความรักกับเขาได้ มันก็แทบไม่น่าเชื่อแล้ว ...ถึงจะเป็นรักที่เห็นแก่ตัวก็ตาม...แต่มันก็เป็นเรื่องดีที่คนคนนั้นรู้จักความรักกับเขาได้บ้างล่ะนะ”

   พนาเปรยกับตัวเองอย่างนึกขำ ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องของเขาไปเตรียมชุดที่นำมาสำรองมาเตรียมไว้ให้กับทั้งอุรคและเวทิต ซึ่งเมื่อทั้งคู่ขึ้นมาจากน้ำ พญางูเผือกก็อาสาเป็นฝ่ายเปลี่ยนชุดให้กับเวทิตในกระโจม โดยไม่ยอมให้ข้ารับใช้คนอื่นจัดการทำให้

   

   เมื่อเข้ามาอยู่ในกระโจมกันตามลำพัง เวทิตจึงถอดเสื้อผ้าเปียกกองเอาไว้นอกพรม แล้วเบือนหน้าหลบสายตาที่แฝงความปรารถนาจริงจังที่จ้องมายังเขา  โดยปล่อยให้อุรคช่วยแต่งตัวให้เขา ซึ่งอุรคก็แต่งตัวไปและลูบไล้ผิวกายของคนตรงหน้าไปด้วย จนเวทิตต้องรีบจับมืออีกฝ่ายห้ามเอาไว้ด้วยความอาย

   “พอเถอะครับ ยังกลางวันอยู่เลยนะครับ”

    อุรคหยุดมือของตนแล้วยิ้มให้มโคหนุ่ม ก่อนจะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาบ้าง แถมยังให้เวทิตช่วยแต่งตัวให้เขาด้วย เวทิตหน้าแดงนิด ๆ แต่ก็ยอมทำตามคำสั่งนั้นแต่โดยดี จนพวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เรียกให้คนนำผ้าไปตาก ส่วนอุรคก็นั่งบนพรมนุ่มผืนใหญ่ เอนกายพิงหมอนอิง โดยมีเวทิตนั่งข้าง ๆ ชมนกชมไม้ผ่านจากในกระโจมไปเงียบ ๆ สักพักมโคหนุ่มก็ต้องอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจ เมื่ออุรคทิ้งตัวเอนกายนอนหนุนตักเขาแทน

   “ขอพักสักครู่ก่อนจะถึงเวลาอาหารกลางวันนะ”

   เวทิตหน้าแดงนิด ๆ แต่ก็พยักหน้ารับรู้และยอมให้อีกฝ่ายนอนหนุนตักเขา โชคดีที่ข้ารับใช้ของอุรคไม่ได้มาอยู่ใกล้ ๆ ด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่รู้จะวางสีหน้าเช่นไรในเวลาแบบนี้



   เสียงลมหายใจสม่ำเสมอในอีกชั่วครู่ใหญ่ ทำให้เวทิตอมยิ้มน้อย ๆ อุรคในยามนี้แลดูใบหน้าอ่อนเยาว์ลงกว่าเดิมอีกหลายปี และดูไม่เหมือนคนเอาแต่ใจตลอดในยามตื่นคนนั้นสักนิด

   “ถ้าคุณดีกับผมแบบนี้เสียแต่แรกที่เราพบกัน  ผมก็คง...”

   เวทิตชะงัก แล้วมีสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อรู้สึกตัวว่าเขากำลังจะหลุดปากพูดอะไรบางอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้ออกไป  ทั้ง ๆ ที่คนซึ่งนอนหลับอยู่เคยโหดร้ายกับเขาและทรมานจิตใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ทำเหมือนเขาเป็นสมบัติสิ่งของ ... สมบัติสำคัญ ที่ไม่มีวันจะปล่อยให้ห่างกายไปไหน

   น้ำใส ๆ ที่ไหลอาบแก้มลงมาโดยเจ้าของร่างไม่ทันรู้ตัว หยดโดนแก้มของคนที่นอนอยู่ให้สะดุ้งตื่น อุรคมีสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาจับบ่าอีกฝ่ายด้วยความตกใจ

   “เป็นอะไรไปเวทิต! ร้องไห้ทำไม! ใครทำอะไรเจ้า!”

   เวทิตชะงักแล้วค่อย ๆ ยกมือแตะน้ำตาบนใบหน้าอย่างแปลกใจ ก่อนจะสั่นศีรษะเบา ๆ ไม่พูดอะไรต่อ จนอุรคร้อนรน

   “ทำไมไม่บอกล่ะ ...เจ้าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า  เกิดอะไรขึ้นกันแน่!  พนา! อยู่ไหนน่ะ มานี่หน่อยสิ!”

   พญางูเผือกเรียกที่ปรึกษาคนสนิทให้มาพบ ทำเอาเวทิตชะงักแล้วรีบบอกอีกฝ่าย

   “ไม่เป็นอะไรครับ...ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าตัวเองร้องไห้ทำไม”

     อุรคมองร่างโปร่งนิ่งคล้ายดังจะค้นหาคำตอบ ส่วนพนาที่เพิ่งเข้ามาก็มองทั้งคู่อย่างแปลกใจ และสักพักอุรคก็ยกมือขึ้น แล้วบอกให้คนสนิทของเขาออกไปก่อน จากนั้นจึงบีบบ่าร่างโปร่งเบา ๆ พลางเอ่ยบางสิ่งกับคนตรงหน้า

   “เวทิต...มีอะไรก็บอกข้าได้นะ อย่าเก็บมันเอาไว้ให้ทรมานใจแบบนี้เลย ...จะด่าทอต่อว่า ที่ข้าทำให้เจ้ากลับไปพบครอบครัวพบเผ่าของเจ้าอีกไม่ได้ก็ตามใจเจ้า ...ขอแค่เจ้าได้ระบายความทุกข์ออกมา แล้วกลับมาเป็นเจ้าที่ยิ้มแย้มคนเดิมได้ ข้าก็พอใจแล้ว และข้าให้สัญญาว่าจะไม่โกรธ ไม่ทำร้ายให้เจ้าต้องเจ็บอีก ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรต่อข้าก็ตาม...ขอแค่เจ้าไม่หนีไปจากข้า อยู่ข้าง ๆ ข้า เช่นทุกวันนี้ก็พอ”

    เวทิตที่พยายามกลั้นน้ำตาในทีแรก พอได้ยินในสิ่งที่อุรคบอก ก็ทำให้เขาไม่อาจอดกลั้นมันไว้ได้อีก เจ้าตัวน้ำตานองหน้า สะอื้นตัวสั่นพร้อมกับโผเข้าไปซบหน้ากับอกของพญางูเผือก พลางพึมพำบอกอีกฝ่ายเสียงแผ่ว

   “ผมไม่เข้าใจ...ทั้งคุณ ทั้งตัวผมเอง...ไม่เข้าใจสักนิด...ฮึก”

   อุรคกอดอีกฝ่ายแน่น แล้วถอนหายใจเบา ๆ เขาลูบหลังปลอบโยนจนกระทั่งเวทิตสงบลง มโคหนุ่มจึงยันกายออกมา แล้วพึมพำขอโทษ ซึ่งคนฟังก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วต่างฝ่ายต่างก็เงียบกันไปอีก จนพนาขออนุญาตนำมื้อกลางวันมาให้พวกเขา เพราะตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงเต็มที

   “ทานข้าวกันดีกว่านะ”

   อุรคหันมาชวนคนที่อยู่ข้างกายคุย ซึ่งเวทิตก็พยักหน้ารับ นัยน์ตายังบวมแดงอยู่เล็กน้อย แต่ก็เริ่มมีรอยยิ้มเมื่ออีกฝ่ายชวนเขาสนทนาเรื่อยเปื่อยระหว่างทานอาหาร ซึ่งเวทิตก็คุยตอบ จากนั้นเมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว ทั้งคู่จึงไปเดินเล่นในป่าเพื่อย่อยอาหารกันต่อไป



   ค่ำคืนนี้แม้อากาศจะไม่เย็นมากนัก แต่เวทิตก็ยังคงซุกกายอิงอกกว้างของพญางูเผือกด้วยความเคยชิน และอุรคก็ทำแค่เพียงกอดตอบโดยไม่ล่วงเกินอันใดอีกฝ่าย แถมยังครุ่นคิดถึงบางสิ่งอยู่เงียบ ๆ จนเกือบไม่ได้นอนแทบทั้งคืน

   “เมื่อคืนคุณไม่ได้หลับหรือครับ”

   เวทิตถามอย่างแปลกใจ เมื่อตื่นขึ้นและเห็นสีหน้าซีดเซียวของคนข้างกาย  เขาเอื้อมมือไปจับแถวใบหน้าของอีกฝ่าย จนอุรคชะงัก เมื่อเห็นดังนั้นคนที่เผลอลืมตัวก็เงียบกริบ ก่อนจะหน้าแดงระเรื่อตามมา พร้อมกับหดมือช้า ๆ แล้วก้มหน้าหลบตาอีกฝ่าย

   “ถ้าคุณง่วงจะนอนพักต่อก็ได้นะครับ...แต่ถ้านอนที่นี่ไม่หลับ เรากลับไปนอนที่ห้องกันก็ได้”   

   คำพูดที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย ทำให้อุรคนิ่งอึ้ง แล้วจึงอดรนทนเก็บความในใจที่มันอัดอั้นต่อไปในอกไม่ไหว เขารั้งร่างของเวทิตมากอดแน่น พร้อมกับถามอีกฝ่ายเสียงแผ่ว

   “เวทิต...เจ้ายังเกลียดข้าอยู่อีกไหม...”

   “คุณอุรค...”

   เวทิตที่ตกตะลึงในตอนแรก ค่อย ๆ เงียบลง พลางก้มหน้าซุกกับอกกว้างของอีกฝ่าย

   “เวทิต...บอกข้าที อยากให้ข้าชดใช้เช่นไร เจ้าถึงจะยอมอภัยให้ข้า และหายเกลียดข้าสักที”

   เวทิตเม้มปากน้อย ๆ พูดอะไรไม่ออก ทั้งที่ใจอยากจะอภัยให้อีกฝ่าย แต่สิ่งที่อุรคทำกับเขา มันก็แสนจะโหดร้าย จนเขาพูดอภัยออกไปง่าย ๆ ไม่ได้เช่นกัน

    บางทีนี่คงเป็นการแก้แค้นของเขา เพราะเขารู้ดีว่าอุรคนั้นเจ็บปวดกับคำเกลียดของเขา ...เขาจึงไม่ยอมอภัยให้อีกฝ่ายสักที และยังไม่ยอมอภัยให้ตัวเองที่เผลอใจอ่อน จนมีคนที่เขาเคยพร่ำเกลียดเข้ามาอยู่ในใจตลอดเวลาเช่นนี้

   “ผมอภัยให้คุณไม่ได้หรอก...คุณพรากอิสระจากผม...คุณทำให้ผมกลับเผ่าไม่ได้...คุณทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจผมมาตลอด...ผมเกลียดคุณ ...ต่อให้คุณทำดีด้วยแค่ไหน ผมก็ยังเกลียดคุณ ...ฮึก”

   แม้คำพูดจะเย็นชา แต่เมื่อคนพูดพูดออกไปทั้งน้ำตา และยังกอดร่างตรงหน้าแน่น ถ่ายทอดถึงความเจ็บปวดของผู้พูดออกไป จนอุรคต้องกลายเป็นฝ่ายปลอบโยนเสียแทน เขารอจนเวทิตหยุดสะอื้น แล้วจึงชวนมโคหนุ่มกลับที่พักในถ้ำ ซึ่งเวทิตเองก็พยักหน้ารับคำเงียบ ๆ ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายอุ้มตนเดินกลับเผ่าไป โดยไม่คิดขัดขืน



   หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เวทิตก็เริ่มกลับมาซึมเศร้าอีกครั้ง จนอุรคเป็นห่วง ทว่าพอเขาถามไถ่ถึงสาเหตุ อีกฝ่ายก็มักจะมีรอยยิ้มหมอง ๆ ตอบกลับมาแทน  พร้อมกับคำว่าไม่เป็นไรเสมอ 

   เหตุการณ์ยังคงดำเนินไปเช่นนั้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในค่ำคืนหนึ่ง อุรค รอจนเวทิตหลับไปแล้ว เขาจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะชะงักเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายพึมพำละเมอเรียกชื่อเขา พญางูเผือกโน้มใบหน้าไปจุมพิตที่หน้าผากของมโคหนุ่มอย่างอ่อนโยน และห่มผ้าคลุมร่างโปร่งให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปนอกถ้ำ เหม่อมองดูท้องฟ้ายามราตรีอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งมีเสียงกระแอมดังขึ้น

   “ดึกป่านนี้แล้ว ท่านยังไม่เข้านอนอีกหรือขอรับ แล้วนี่ปล่อยให้ท่านเวทิตนอนคนเดียว ไม่กลัวเขาหนีอีกหรือขอรับ”

   พนา ที่ปรึกษาคนสนิทซึ่งยังไม่หลับ และได้ยินจากคนเฝ้ายามด้านในว่า อุรคออกมานอกถ้ำ จึงทำให้เขาตามติดมาด้วยความแปลกใจ

   “ให้เขาหนีข้าอีกครั้ง แล้วตะโกนว่าเกลียดด้วยความชิงชังเข้าไส้ เหมือนเมื่อก่อน ยังดีกว่าให้เขายิ้มให้ข้าด้วยสีหน้าเจ็บปวดแบบนั้นเสียอีก”

   อุรคบอกกับอีกฝ่าย ซึ่งพนาที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นเช่นเดียวกัน ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

   “ช่วยไม่ได้นี่ขอรับ...เป็นข้า ก็คงเลือกไม่ได้เช่นเดียวกัน ยิ่งอีกฝ่ายมีศักดิ์เป็นถึงอดีตประมุขของเผ่ามาก่อนด้วยแบบนี้ ก็ยิ่งยึดมั่นเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรีมากยิ่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปล่ะนะขอรับ”

   อุรคฟังแล้วก็เงียบไปอีก ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยในสิ่งที่เขาคิดมานานให้ที่ปรึกษาคนสนิทได้รับฟัง

   “ถ้าข้าอนุญาตให้เขากลับไปเยี่ยมเผ่ามโคได้ โดยมีกำหนดเวลาให้ เจ้าคิดว่าเขาจะย้อนกลับมาหาข้าอีกครั้ง หรือหนีจากข้าไป โดยไม่หวนกลับมาอีกเลยล่ะ”

   พนาเงียบกริบ แล้วลอบยิ้มกับตัวเองน้อย ๆ ที่ในที่สุด ประมุขของเขาก็เริ่มเข้าใจในความรักขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง

   “ทำไมท่านไม่ลองเดิมพันดูเล่าขอรับ ...ถ้าเขาเลือกที่จะกลับมาหาท่านอีกครั้ง บางทีการกลับมาคราวนี้ อาจจะช่วยลบเลือนสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของเขาออกไป แล้วมอบในสิ่งที่ท่านปรารถนามาตลอดให้แก่ท่านก็ได้”

   อุรคชะงัก เขาเองก็รู้ว่าเวทิตเริ่มมีใจตอบเขาบ้างแล้ว ทว่าเพราะทิฐิ ศักดิ์ศรีและเกียรติของประมุขที่เจ้าตัวมี ประกอบกับสิ่งที่เขาเคยทำต่ออีกฝ่ายในอดีต รวมไปถึงการกักขังอิสระของมโคหนุ่มในอนาคต จึงทำให้เวทิตไม่อาจจะเอ่ยในสิ่งที่ตรงกับหัวใจอย่างแท้จริงให้เขารับฟังได้ และต้องทนเจ็บปวดไม่แพ้กับเขาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่ถึงกระนั้น หากเขาปล่อยให้เจ้าตัวไป แล้วเวทิตไม่กลับมาอีก เขาก็คงมีชีวิตที่ปราศจากมโคหนุ่มต่อไปไม่ได้เช่นเดียวกัน

   “แล้วถ้าเขาเลือกไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วล่ะ...”

     พนามองผู้เป็นประมุข พลางคิดในใจว่า อีกฝ่ายคงตัดสินใจที่จะปล่อยให้เวทิตเป็นอิสระไปกว่าครึ่งแล้ว แต่ความผูกพันที่มีก็ทำให้ไม่อาจจะตัดใจเด็ดขาดได้  ดังนั้นแล้ว ที่ปรึกษาเช่นเขา ก็ควรจะช่วยทำให้ประมุขของเขาตัดสินใจทำในสิ่งที่ปรารถนาเอาไว้ให้ได้สักที

   “ถ้าเช่นนั้นท่านก็ลักพาตัวเขากลับมาอีกสิขอรับ  ลักพาตัวมาแล้วก็ให้ดีต่อเขา อ่อนโยนกับเขา ทำให้เขามีแต่ท่านเต็มหัวใจและไม่อาจขาดท่านได้ จากนั้นก็ปล่อยตัวเขากลับไป และรอจนกว่าเขาจะเต็มใจกลับมาเอง ถ้าครั้งนี้พลาด ก็ลองครั้งหน้าต่อ ๆ ไป ...อายุขัยของพวกเรายืนยาวพอที่จะใช้เวลากับเรื่องพวกนี้ได้นาน จนไม่ท่านก็เขาคงได้เบื่อกันไปข้างเองนั่นล่ะขอรับ”

    อุรคนิ่งอึ้งต่อคำแนะนำของอีกฝ่าย แล้วจึงหัวเราะเบา ๆ ออกมา ด้วยความสดชื่น ปลอดโปร่งเป็นที่สุดในรอบระยะหลายวันที่ผ่านมา

     “นั่นสินะ...ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำแบบที่เจ้าว่า  อา...ข้าชักอยากเห็นสีหน้าของเวทิตตอนที่ข้าอนุญาตให้เขากลับไปเยี่ยมเผ่าได้เร็ว ๆ เสียแล้ว ข้าว่าเขาคงต้องยินดีและมีรอยยิ้มให้ข้ารู้สึกดีอย่างมากเป็นแน่”

   อุรคพึมพำกับตนเอง เขาเอ่ยขอบคุณพนา แล้วขอตัวกลับไปห้องพัก พลางเอนกายนอนกอดร่างโปร่งอย่างเป็นสุข จนกระทั่งยามเช้ามาถึง และเมื่อเขาบอกถึงสิ่งที่ตัดสินใจลงไป เขาก็ได้เห็นใบหน้าตกตะลึงสุดขีดของคนที่เขารักหมดหัวใจ ก่อนจะตามมาด้วยถ้อยคำขอบคุณเขาทั้งน้ำตา บนใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่น  ...และเมื่อถึงวันเดินทาง เวทิตก็ได้ให้คำมั่นสัญญากับเขาว่า จะกลับมาหาเขาหลังจากนี้ในอีกหนึ่งอาทิตย์อย่างแน่นอน

    

    วันเวลาหนึ่งอาทิตย์ตามสัญญาผ่านพ้นไปอย่างเนิ่นนานในความรู้สึกของประมุขแห่งเผ่านากา   อุรคนั้นเอาแต่เดินวนเวียนรอคอยการกลับมาของมโคหนุ่มอยู่ปากทางเข้าเผ่า โดยไม่คิดสนใจอาหารการกินตั้งแต่เช้า

   ทว่าพอตะวันค่อย ๆ เคลื่อนผ่านจากเที่ยงสู่บ่ายคล้อย จนกระทั่งถึงยามเย็น ความยินดีนั้นก็ค่อย ๆ ลดลงตามลำดับ และสีหน้าผู้รอก็กลับกลายเป็นเงียบขรึม จนหลายคนแถวนั้นไม่กล้าสู้หน้าประมุขเผ่าของตน

   “ข้าจะไปพักในห้อง...ถ้าเขากลับมา...”

   อุรคหยุดเว้นวรรคเล็กน้อย มือข้างหนึ่งกำแน่น ปากเม้มตรง แล้วจึงเอ่ยต่อในที่สุด

   “...ถ้าเขากลับมา ก็แจ้งข้าให้ทราบด้วยแล้วกัน”

   พนาโค้งรับคำ แล้วมองตามไล่หลังประมุขของเขาไปด้วยความสงสาร ส่วนตัวเขาก็ยังคงยืนรอคอยอยู่ จนกระทั่งแสงตะวันลับขอบฟ้าไป เขาก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่  สั่งความเวรยามที่อยู่คอยดูแลปากถ้ำให้คอยสังเกตเอาไว้ว่าเวทิตจะกลับมาตอนไหน  จากนั้นจึงเตรียมเดินกลับเข้าไปในถ้ำ  ทว่าก็ได้ยินเสียงสวบสาบจากในป่าเสียก่อน พร้อมกับการปรากฏกาย ของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผู้หนึ่ง ที่ทำให้คนมองยิ้มออก แล้วจึงโค้งน้อย ๆ ให้อีกฝ่าย

   “เชิญขอรับ ท่านอุรครอคอยท่านอยู่ข้างในนั้นนานแล้ว”

   อีกฝ่ายยิ้มรับเขิน ๆ แล้วจึงเดินแบกกระเป๋าสะพายใบโตกลางหลัง เดินเข้าไปในถ้ำแห่งนั้นด้วยฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างรีบร้อน จนพนาที่มองตามไปถึงกับอมยิ้มน้อย ๆ ด้วยความเอ็นดู และรู้สึกดีใจแทนผู้เป็นประมุข ที่หลังจากวันนี้ไป คงได้สมหวังในสิ่งที่รอคอยมานานสักที



... END …



จบแล้วค่ะสำหรับตอนพิเศษคู่คุณพ่อ อาจจะดูเหมือนตัดจบ แต่ก็ตั้งใจจะเขียนแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ  อยากให้ตางูหื่นค่อย ๆ พัฒนาในด้านของอารมณ์ ตอนแรกก็อาจจะหึงหวงรุนแรง แสดงความเจ้าของไปบ้าง แต่พอยิ่งรัก ก็จะยิ่งอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุขล่ะนะ

ส่วนใครที่คิดว่าตางูได้รับกรรมน้อยไป ก็อโหสิให้พี่แกเถอะ หลังจากนี้ก็คงเข้าลัทธิเกียมัว ไม่แพ้หนุ่มคนอื่น ๆ ในเรื่องล่ะนะคะ

ส่วนตอนพิเศษหลังจากนี้ คงไม่ได้นำมาลงบอร์ดแล้วล่ะค่ะ คงจะลงในเล่ม ส่วนในเล่ม ตอนหลัก ตอนพิเศษทั้งหมด ปัดตั้งใจไว้ว่าจะให้อยู่ ในช่วง 440- 450 หน้า  เล่มเดียวจบค่ะ   ไว้ประกาศจองเมื่อไหร่จะมาแจ้งให้ทราบอีกทีนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ค่ะ 

สำหรับตอนพิเศษในเล่ม จากโควตาเกือบหกสิบหน้า(เอห้า) ก็คงเป็นตอนของตัวละครหลักคู่อื่น ๆ เช่นคู่ชาครกับพิชญ์  คู่คุณพ่อปุริมกับอภิคม (คู่นี้ไม่S นะคะใครขอไว้ ต้องขออภัย ออกแนวเด็กตื๊อคนแก่ แบบกุ๊กกิ๊กมากกว่า)  คู่หลักหวานแหวว นายธามกับน้องวิรัล อาจจะแจมหนูม่านฟ้ามาถ้าหน้ากระดาษเหลือ หรือไม่ก็ยำให้พวกนี้เขามาฮันนีมูนร่วมกันอีกรอบก็ได้

แล้วเจอกันเมื่อประกาศจองค่ะ คาดว่าน่าจะไม่เกินอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ พอปั่นตอนพิเศษเสร็จเมื่อไหร่จะกลับมาแจ้งให้ทราบแบบเป็นทางการอีกรอบค่ะ

ราคาต่อเล่มรวมค่าส่งลงทะเบียน ไม่น่าเกิน 400 บาทค่ะ หยอดกระปุกรอไว้ได้เลยจ้า


ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  ไว้เจอกันเรื่องใหม่ เร็ว ๆ นี้ค่ะ งวดนี้จะเขียนใส ๆ อีกแล้ว จะมีใครอ่านไหมเนี่ย

   :bye2:





หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: DarkAki ที่ 13-02-2013 01:11:20
แอร๊ยๆๆๆ มาเร็วโดนใจมากค่าาาา

ได้อ่านตอนนี้แล้ว จากที่เครียดๆเรื่องงาน ก็หายเครียดไปเลย

งูน้อยน่ารักขึ้นเยอะอ่าาาาา ><

จองเล่มนึงแน่นอนค่าาาา
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: waan_warunee ที่ 13-02-2013 01:17:22
รอรวมเล่ม อิอิ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 13-02-2013 02:17:05
อ้าาาา มีภูธิป กับ พิภพด้วยนะ ชอบคู่นี้
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 13-02-2013 03:00:04
เย้ดีใจจัง ในที่สุดก็ปล่อยให้กลับไปบ้านบ้าง

ใจต้องใช้ใจผูกสิ ในที่สุดเวทิตก็รู้ว่าที่พักพิงหัวใจจุดสุดท้ายคือที่ไหน
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 13-02-2013 03:09:12
ตอนพิเศษเยอะมากค่ะ  ได้อ่านจุใจเราแน่เลย  อิอิ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 13-02-2013 04:40:46
อุรคเวทิตรู้ใจตัวเองแล้วดีจัง อุรคคงคิดมากน่าดูนะเนี่ย แต่เพื่อเวทิตอุรคก็ยอมทำดีแล้วนะอุรค เวทิตมาหาอุรคคงไม่กังวลอะไรแล้วเพราะได้ไปเห็นกับตาจริง ๆ ว่าแม่กับวิรัลสบายดี อุรคดีนะที่มีพนาเป็นที่ปรึกษาเนี่ย
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 13-02-2013 06:07:27
เง้อออลุงอุรค โตขึ้นแล้วนะ 5555555

พ่อเวเองก็คงคิดถึงลุงอุรคเหมือนกันเนอะ เลยรีบเดินเชียว
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 13-02-2013 08:39:40
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:จบแบบนี้ก็ชอบนะ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 13-02-2013 10:05:29
อีตางูเผือกมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ  o13
อย่างนี้น้องกวางรักตายเลย :กอด1:
ต้องยกความดีให้พนานะเนี่ย :L2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: RenaBee ที่ 13-02-2013 10:55:18
ฮือออออออน่ารัก น่ารักมากๆเลย
ลุงงูกับคุณพ่อน่ารักสุดๆ!!!
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 13-02-2013 11:26:46
 :-[  :กอด1: ชอบตอนจบจ้า แต่ว่าขอ ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอคะ
กำลังอินเลยอ่ะ o18
คุณปัด คะ อยากได้เรื่องดวงใจจ้าวมังกรด้วยนะคะ จะมีรีปริ้นไหมคะ  :impress2:  :-[
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 13-02-2013 11:54:23
:-[  :กอด1: ชอบตอนจบจ้า แต่ว่าขอ ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอคะ
กำลังอินเลยอ่ะ o18
คุณปัด คะ อยากได้เรื่องดวงใจจ้าวมังกรด้วยนะคะ จะมีรีปริ้นไหมคะ  :impress2:  :-[

คิดว่าคู่งูกวาง นี่จะมีตอนแถมท้ายแบบหวานฉ่ำ ในเล่มด้วยค่ะ (แต่คงแบบสั้น ๆ ไม่ยาวเหมือนที่ลงบอร์ด)

ส่วนดวงใจจ้าวมังกรจะมีรีปริ้นท์พร้อมตอนเปิดจองเรื่องนี้ เช่นเดียวกับเรื่องอื่น ๆ (ยกเว้นแค่คุณตำรวจยอดรัก กับคุณอาที่รัก ที่ไม่มีรีปริ้นท์แล้วน่ะค่ะ)
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 13-02-2013 12:12:52
สนุกมากคะ ชอบทุกคู่เลย โดยเฉพาะ คู่คุณพ่อกับคุณงู
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 13-02-2013 15:17:35
จบได้ดีมากเลยค่ะ อิตาลุงงูเริ่มทำตัวน่ารัก แอบสงสารนิดๆตอนยืนรอพ่อกวางทอง

แต่ก็นะ เค้ากลับมาหากันตามสัญญาแล้วน๊าาา  :-[

มีความสุขที่สุดเลย ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านนะคะ เรื่องนี้ครบรสเลย

เราชอบมาก แอบสารภาพว่าเปิดเข้ามาอ่านซ้ำบ่อยมาก อิอิ

รอเรื่องต่อไปน๊าาา   :bye2:

หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 13-02-2013 20:43:15
เข้ามาอ่านอีกทีทำไมมันจบแล้วล่ะ o22
ตอนพิเศษคู่คุณพ่อเนี่ยหนังอินเดียชัดๆ หนีกันข้ามป่าข้ามเขา   :laugh:

คุณพ่อก็ยอมกลับมาซะด้วย สงสัยจะคิดถึงลูกนานไปหน่อยเล่นเอาตาลุงหื่นออกอาการงอนไปนิดหน่อยเลย
ชะรอยคืนนั้นจะถูกลงโทษอีกแล้วสิเนี่ย

ปล.คู่คุณลูกยังเบบี๋กันอยู่เลย
ส่วนคุณลุงเขาอยู่มาตั้งหลายร้อยปีเขาก็ย่อมรู้อยู่แล้วว่าแบบไหนถูกใจกว่ากัน >< 
อย่าไปน้อยใจเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 13-02-2013 22:41:02
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ น่ารักๆ หวานจนมดตอม ขอบคุณค่ะ ปัด :กอด1: :กอด1:  อ๊ะ!!ลืม ปัดเค้าขอจองด้วยนะ เล่มนึง :impress2: :mc4:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" :: ตอน พิเศษ (อุรค-เวทิต) #6 จบตอน ...P.19 (โพส : 13/2/56)
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 14-02-2013 19:13:34
  :กอด1: คนเขียนแน่น ๆ

 :L2: จบแล้วรุ้สึกตอนพิเศษจะเยอะใกล้กะ อีเดนเลยอะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 15-02-2013 15:46:20
ยืนยัน ID ซื้อขายเพื่อความมั่นใจของผู้โอนเงินค่ะ :: TBL-162-690
*ประวัติการซื้อขายมีให้ตรวจสอบนะคะ วางใจได้ค่ะ ว่าซื้อแล้วได้หนังสือแน่นอน*

เปิดจอง นิยายทำมือเรื่อง "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56

จำนวนหนึ่งเล่มจบ  จำนวนหน้าประมาณ 440 - 450 หน้า (หรืออาจจะเพิ่มให้มากกว่านั้นเล็กน้อย ถ้าติดลมในการปั่น) ใครนึกไม่ออกว่าใหญ่ขนาดไหน ก็ลองหยิบไม้บรรทัดมา ความหนาจะราว ๆ เกือบ 3 เซนติเมตรได้ (เพราะแค่400หน้าหน่อย ๆ มันก็เกิน 2.5 เซนแล้วล่ะ)

ราคาปก 400 บาทถ้วน

โดยราคานี้ ได้รวมค่าส่ง(ใส่กล่องแน่นหนาแพคซีนกันกระแทกอย่างดี) + ลงทะเบียน สามารถติดตามรหัสได้ในเว็บไซต์


สำหรับหน้าปก เดี๋ยวดีไซน์เสร็จในขั้นสุดท้ายจะเอามาลงให้ยลค่ะ  คาดว่าจะเป็นกราฟฟิกทำมือเองนะคะ
เพราะปกวาดต้องใช้งบประมาณเยอะ ปัดไม่แน่ใจว่าคนจะสั่งซื้อเยอะเปล่า กลัวกำไรจะไม่พอค่าวาดปกน่ะค่ะ แหะ ๆ ^^"

ส่วนของแถมอาจจะยัดถุงผ้าใส่ไปให้เหมือนเคยนะคะ (ตุนไว้เยอะ)
เอาไว้หิ้วของหิ้วหนังสือจ้า คิดว่าเลือกของแถมให้นักอ่านแบบเอาไปใช้งานได้จริง ดีกว่าเอาไปเก็บอย่างเดียวล่ะนะ 
ถุงผ้าใบหนาอยู่ ใครเคยได้แถมไป ก็คงรู้ว่าใส่ของได้ดีพอสมควร
(ไม่ใช่อันสตอเบอรี่นะ แต่ถ้าสตอเบอรี่เหลือ จะจับใส่ไปให้เช่นกันค่ะ)

-------------------------------------------------------------------------

 รบกวนส่งเมล์มาสั่งจอง รอการยืนยันโดยปัดจะส่งเลขที่บัญชีไปให้ค่ะ

สำหรับคนที่มีเบอร์บัญชีธนาคารของปัดอยู่แล้ว ก็ใช้กติกาเดิมค่ะ ส่งเมล์มาจองก่อน เผื่อสำหรับกรณี คุณโอนเงินมาแล้ว และลืมยืนยันการโอนเงิน ปัดจะได้ส่งเมล์หว่านตามตัวคุณถูก เพราะบางคนโอนแล้วลืมเลย --...


ส่งเมล์มาจอง หัวข้ออีเมล์ว่า  "สั่งจอง นิยาย ลิขิตรักอสุรกาย"
เมล์มาที่  novelpat (แอด) gmail.com


หรือถ้าใครต้องการรีปริ้นท์นิยายเก่า ๆ ที่พิมพ์ไปแล้ว ก็ใช้หัวข้อเป็น "สั่งจอง นิยายลิขิตรักอสุรกาย+รีปริ้นท์"   หรือถ้าไม่เอาเรื่องใหม่ เอารีปริ้นท์อย่างเดียว ก็"สั่งจองนิยายรีปริ้นท์รอบเดือนกุมภา-มีนา 2556" แทนค่ะ   

ซึ่งรีปริ้นท์ที่จะยังสั่งได้นั้น สั่งได้ทุกเรื่องยกเว้นสามเรื่องต่อไปนี้ ซึ่งจะไม่มีพิมพ์ใหม่อีกแล้วค่ะ
-คุณตำรวจยอดรัก
-คุณอาที่รัก
-เรื่องป่วน ๆ ของก๊วนยมทูต
----------------------------------------------------------------------
เรื่องที่ยังพิมพ์อยู่ (แนว Y)  ดวงใจจ้าวมังกร  ม่านราตรี และมิราเคิลคาเฟ่ ค่ะ
แนวปกติก็มี  โซลสคูล ,  DD บริษัทขนส่งไม่จำกัด(เรื่องนี้มีจิ้นและออกสไตล์โชเน็นไอ)

มีปัญหาสงสัยสอบถามได้ตลอดเวลาทั้งที่ข้อความส่วนตัว และที่แฟนเพจค่ะ
https://www.facebook.com/NovelPat

 
ป.ล. ที่ต้องเปิดจองไว้ ปิดไว เพราะอยากให้นักอ่านได้หนังสือทันก่อนหยุดยาวสงกรานต์ค่ะ  (คำนวนไว้หมดแล้วว่าน่าจะทันก่อนช่วงไปรษณีย์ปิดยาว)   ถ้าใครสั่งหลายเรื่อง และหนักเกิน 2 โล ไม่ว่าจะกทม.หรือต่างจังหวัด จับส่งเป็น ems อย่างเดียว เพื่อความสบายใจค่ะ ไม่ต้องเพิ่มเงินนอกรอบจ้ะ

สำหรับใครที่เก็บเงินไม่ทัน ก็แนะนำให้เก็บต่อไป เลยสงกรานต์ไปแล้ว อาจจะมีรอบตกหล่นให้จับจองอีกรอบจ้ะ

....
........

ตัวอย่างตอนพิเศษ ในเล่ม (คู่หลักและคู่รองอีกคู่ที่เน้นใส ๆ ) ส่วนคู่อื่น ๆ เช่นคุณพ่อปุริม ก็มีแน่ค่ะ  รวมไปถึงคู่รีเทินร์ ภูธิป-พิภพ // และคู่ งู-กวาง ที่จะมาแจกความหวานให้ท่านชดเชยในเล่มเช่นเดียวกัน

--------------------------------------------------------------------------------------------



   สงครามระหว่างเผ่าผ่านมาเกือบสองเดือน  พวกวิรัลก็ได้รับข่าวดีจากทางม่านฟ้า เด็กสาวกับอำมฤตนั้นเข้าพิธีแต่งงานด้วยกัน และตัดสินใจไปฮันนีมูนที่เกาะส่วนตัวทางทะเลใต้ของตระกูลพงศ์พิสุทธิ์   ทว่าม่านฟ้านั้นได้เชิญวิรัล ธาม พิชญ์และชาคร ไปเป็นแขกรับเชิญที่คฤหาสน์กลางเกาะของเธอด้วย เป็นเวลา 1 อาทิตย์  ซึ่งพวกวิรัลก็ตกลง และทั้งหมดก็ได้ออกเดินทางไปพร้อมกันด้วยเครื่องบินส่วนตัวของม่านฟ้าจากกรุงเทพฯ ไปยังจุดหมายปลายทางในเช้าของวันหนึ่ง

    “เป็นเกาะที่ใหญ่ใช้ได้เลยนะ แถมทรัพยากรธรรมชาติก็จัดว่าสมบูรณ์เลยทีเดียว”

   ธามเอ่ยชม หลังจากเครื่องบินถูกพาลงจอดที่รันเวย์ยาวบนเกาะเรียบร้อย

   “คุณพ่อท่านซื้อไว้หลายสิบปีแล้วค่ะ ตอนนั้นราคาที่ดินยังไม่แพงขนาดนี้ อีกอย่างท่านก็ยังมีบุญคุณกับมนุษย์ซึ่งเป็นใหญ่เป็นโตของบ้านเมืองในช่วงนั้น จึงได้เกาะแห่งนี้มาด้วยราคามิตรภาพน่ะค่ะ”

    ม่านฟ้าบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน แต่วิรัลนั้นยิ้มเจื่อน ๆ ตอบรับ ไม่ค่อยจะแปลกใจเท่าใดแล้วว่า นิสัยเจ้าเล่ห์แกมโกงนั้น เด็กสาวได้รับมาจากผู้ใดกันแน่

   “ท่านม่านฟ้าครับ รถรับส่งมาแล้วครับ พาพวกท่านวิรัลไปที่บ้านพักกันเถอะครับ”

   อำมฤตเอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นรถนั่งไฟฟ้า ขบวนยาว 10 ที่นั่ง แล่นมาจอดรอรับพวกเขาใกล้บริเวณรันเวย์ ทว่าม่านฟ้ากลับขมวดคิ้วยุ่ง และจ้องมองคนรักของเธอนิ่ง จนอำมฤตชะงัก แล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาเผลอพูดอะไรผิดไป

    “เอ่อ...คือผม...ง่า พี่ลืมตัวไปหน่อย...ถ้ายังไงเราไปกันได้แล้วล่ะ...ม่านฟ้า”

   ม่านฟ้ายิ้มหวาน พร้อมกับพยักหน้ารับ ทำเอาหนุ่ม ๆ แต่ละคนต้องมองอำมฤตด้วยความสงสาร เพราะอีกฝ่ายนั้นรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงมาตลอด แต่ต้องมาแต่งงานกับเด็กสาวผู้เป็นเจ้านาย กว่าจะปรับตัวให้ทัดเทียมกัน คาดว่าอำมฤตคงจะต้องโดนม่านฟ้างอนใส่ไปอีกหลายรอบเลยทีเดียว

   “อ๊ะ! อย่างนี้ผมก็ต้องเรียกคุณว่า ท่านอำมฤตด้วยสินะครับ”

   จู่ ๆ พิชญ์ก็โพล่งขึ้นระหว่างที่กำลังขึ้นไปนั่งบนรถรับส่ง ซึ่งนั่นก็ทำให้อำมฤตสะดุ้งโหยงแล้วรีบออกปากปฏิเสธทันที

   “หยุดเลยครับ กรุณาเรียกตามเดิมเถอะครับ ผมขอร้อง”

   พิชญ์หัวเราะเบา ๆ เช่นเดียวกับม่านฟ้า ที่รู้ดีว่าชายหนุ่มต้องการแกล้งแหย่คนรักของเธอ

   “สำหรับดิฉันขอแค่พี่น้ำวางตัวกับดิฉันตามปกติก็พอแล้วค่ะ ส่วนคนอื่น ดิฉันตามใจพี่น้ำเขา เพราะแค่นี้เขาก็เครียดหนักจะแย่อยู่แล้ว ที่ทุกคนในตระกูลของเรา เปลี่ยนท่าทางการวางตัวกับเขาอย่างสุภาพนอบน้อมกว่าเดิม...แต่เอาจริง ๆ ดิฉันคิดว่าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่  สถานะของพี่น้ำก็เป็นรองแค่ดิฉันกับท่านพ่อมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...ก็แค่เปลี่ยนจากคุณเป็นท่าน ก็ไม่เห็นจะน่ากังวลอะไรเลยนี่คะ”

   ม่านฟ้าบอกกับอำมฤต ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วบอกตอบ

   “แตกต่างกันมากในความรู้สึกของผม เอ๊ย พี่ เลยล่ะ ...เอาเถอะ หลังจากนี้ พี่จะพยายามเคยชินนะ ...เพื่อม่านฟ้าด้วย”

   อำมฤตบอกแล้วยิ้มน้อย ๆ คำพูดจริงที่ออกมาจากใจของเขา ทำให้เด็กสาวหน้าแดงระเรื่อ แล้วพยักหน้าตอบรับ เลิกพูดหยอกล้อ และนั่งเงียบ ๆ ข้างชายหนุ่มคนรักไปเช่นนั้น ทำเอาวิรัลกับพวกธามที่มองอยู่อดเอ็นดูไม่ได้

   

   รถไฟฟ้าขับเคลื่อนมาจอดยังบริเวณที่พักอาศัยของเกาะ ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากรันเวย์เกือบสิบนาที พวกเขาพากันตกตะลึง ราวกับได้เห็นสวนสวรรค์อยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะส่วนแผ่นดินปลายแหลมของเกาะนั้น เป็นที่ตั้งของบังกะโล จำนวนสี่หลังใหญ่ ที่มีระเบียงหน้าบ้านยื่นเข้าไปในส่วนของทะเล

   ถัดจากแหลมเข้ามาเป็นหาดทรายขาวละเอียดนุ่มเท้า ผืนหาดกว้าง น่านอนอาบแดด บนฝั่งมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่เบื้องหน้าคฤหาสน์หลังงามซึ่งถูกปลูกสร้างในลักษณะของรีสอร์ทซึ่งผสมผสานระหว่างความเป็นไทยและบาหลี คละเคล้ากันอย่างหลงตัว คนงานบนเกาะหลายสิบชีวิต ออกมาตั้งแถวโค้งต้อนรับ ซึ่งม่านฟ้าก็หันไปถามพวกวิรัล

   “ดิฉันกับพี่น้ำตั้งใจจะพักที่เรือนบนฝั่ง ที่นี่มีห้องหลายห้องให้เลือกนะคะ แถมประตูห้องนอนแต่ละห้องยังเปิดออกมาเล่นสระว่ายน้ำได้เลยอีกด้วย”

   วิรัลมองห้องพักริมสระน้ำอย่างสนใจ แต่บังกะโลที่ติดทะเลก็ทำให้เขารู้สึกลังเลเลือกไม่ถูก

   “ให้พวกเราเลือกพักสลับวันกันได้ไหมล่ะ สองสามคืนแรกนี้เราจะนอนพักกันที่บังกะโล แล้วคืนที่เหลือถัดมา ค่อยมาพักบนเรือนนี่”

   ธามที่เห็นคนรักเลือกไม่ถูก เสนอความเห็นโดยถามผ่านม่านฟ้า ซึ่งเด็กสาวก็ยิ้มแย้มแล้วเอ่ยตกลงทันที อย่างไม่มีเกี่ยงงอน

   “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญตามสบายค่ะ พวกคุณพิชญ์กับคุณชาครเองก็เหมือนกันใช่ไหมคะ”

   ม่านฟ้าบอกแล้วยิ้มหวาน เธอรู้มาจากวิรัลแล้วเช่นกันว่า พิชญ์กับชาครนั้นตกลงปลงใจคบหาเป็นคู่รักกันแล้ว

   พิชญ์หน้าแดงกับรอยยิ้มติดเจ้าเล่ห์อย่างรู้ทันของเด็กสาว แล้วจึงพยักหน้าค่อย ๆ ตามมา

   “ถ้าเช่นนั้นดิฉันจะให้คนนำสัมภาระของพวกคุณไปให้นะคะ เชิญเลือกบ้านพักกันได้ตามสบายเลยค่ะ”

   ม่านฟ้าบอกกับทุกคน แล้วจึงหันไปเรียกคนของเธอมาสองราย พลางสั่งความอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งคู่ก็พยักหน้า แล้วจึงเดินตรงมาโค้งให้กับพวกธาม ก่อนจะช่วยกันถือกระเป๋าทั้งหมดของแขกรับเชิญตรงไปยังบังกะโลอย่างขยันขันแข็ง

      

   จากนั้นพวกวิรัลก็เดินตามคนของม่านฟ้าไปทางด้านปลายแหลมของเกาะ ที่อยู่ไม่ห่างกันมากนัก ธามกับวิรัลเลือกบังกะโลหลังริมสุดที่ติดกับทะเล ส่วนชาครและพิชญ์นั้นเลือกหลังถัดมา บังกะโลแต่ละหลัง ปลูกสร้างไม่ติดชิดกันเกินไป มีระยะห่างเป็นส่วนตัว และที่สำคัญเท่าที่พวกวิรัลสังเกตเห็น ม่านฟ้าค่อนข้างใส่ใจกับการวางระบบบำบัดน้ำเสียจากบังกะโล ไม่ให้เกิดเป็นมลพิษกับสิ่งแวดล้อม และคาดว่าสิ่งปลูกสร้างบนเกาะเองก็น่าจะไม่ต่างกัน  แถมยังมีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทันสมัย โดยล้วนใช้พลังงานไฟฟ้าจากเทคโนโลยีธรรมชาติ ซึ่งเป็นพลังงานบริสุทธิ์ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะแทบทั้งสิ้น   

   “ถ้าทำรีสอร์ทแข่งกับตระกูลนี้ คงต้องคิดหนักเลยทีเดียว”

    ธามเอ่ยกึ่งขำกึ่งจริงจัง ซึ่งวิรัลก็หัวเราะเบา ๆ พวกเขาทั้งคู่แยกจากพวกพิชญ์และชาคร ขึ้นไปบนบังกะโลหลังริมสุดจากทางขึ้นด้านหลังซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งผืนดิน ทว่าพอวิรัลได้เห็นสภาพในห้อง เขาก็ต้องอุทานด้วยความตื่นเต้นและชื่นชม เพราะมันโล่งโปร่งสบาย ลำพังแค่ลมทะเลก็เย็นพอที่จะไม่ต้องเปิดแอร์ใช้อยู่แล้ว แถมรสนิยมในการตกแต่งห้องก็ยังดูดีลงตัวมากอีกด้วย

   “ห้องนอนอยู่ทางนี้ครับ”

   คนของม่านฟ้ายกกระเป๋าเดินทางของทั้งคู่นำมาที่ห้องนอนซึ่งเป็นห้องที่ติดกับระเบียง และมีทางลงไปสู่ท้องทะเลกว้างเบื้องหน้า

   “ห้องสุดยอดเลย! อ๊ะ! นั่นระเบียงที่เห็นนี่นา  คุณธามดูสิครับ! มีบันไดลงไปในทะเลจริง ๆ ด้วย  น้ำใสมากเลย เห็นปลาด้วยล่ะครับ!”

   วิรัลที่อึ้งกับความสวยของห้องนอน ยิ่งทึ่งมากกว่าเมื่อเห็นประตูกระจกใสที่เปิดออกไปสู่ระเบียงด้านนอก ที่มีลานระเบียงกว้างและเก้าอี้อาบแดดวางคู่อยู่สองตัว ข้าง ๆ มีบันไดลงไปสู่ด้านล่างซึ่งเป็นผืนท้องทะเล น้ำใสสะอาดและลึกราวครึ่งตัวของวิรัลได้

   “ใจเย็นเด็กน้อย เดี๋ยวเธอก็ได้เล่นน้ำทะเลจนสมใจเลย ตอนนี้เราพักผ่อนกันก่อนดีกว่านะ...ว่าแต่เรื่องอาหารในแต่ละมื้อล่ะ พวกเราต้องกินที่นี่ หรือขึ้นไปกินบนเรือนพร้อมพวกม่านฟ้ากันล่ะ”

   ธามยิ้มมองคนรักอย่างเอ็นดู แล้วจึงหันไปถามคนของม่านฟ้า ซึ่งอีกฝ่ายก็โค้งนิด ๆ แล้วบอกตามที่เคยได้รับคำสั่งมาก่อนแล้ว

   “ท่านม่านฟ้าบอกว่า พวกท่านสามารถสั่งอาหารตามสั่งทุกอย่างที่ต้องการได้ก่อนล่วงหน้ามื้ออาหาร โดยให้ทางครัวทำและมาเสิร์ฟ ที่นี่เลยก็ได้   ส่วนอาหารเย็น ถ้าไม่เป็นการลำบากนักก็อยากให้มาทานร่วมกันที่เรือนใหญ่น่ะครับ”

   ธามและวิรัลพยักหน้าอย่างรับรู้ แล้วจึงสั่งความไปให้คนของม่านฟ้านำความไปบอกเด็กสาวว่า พวกเขาจะไปร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นรวมกันในทุกมื้อแน่นอน

   

   จากนั้นเมื่อได้อยู่กันตามลำพัง วิรัลก็เริ่มจัดของเข้าตู้เสื้อผ้าด้วยตัวเอง เขาแว่ว ๆ เสียงชาครกับพิชญ์ทะเลาะกันใกล้ ๆ พอเดินออกไปชะโงกดูทางห้องด้านหลังที่พัก ก็เห็นชาครลากพิชญ์กลับบังกะโลของพวกเขาไปแล้ว

   “สงสัยพี่เลี้ยงเธอคงจะตามมาจัดข้าวของให้ล่ะมั้ง แล้วชาครก็คงมาลากกลับไปตามเคย ...เธอจัดการเองได้ใช่ไหมล่ะวิรัล”

   วิรัลหน้าแดงวาบ แล้วรีบบอกกลับไปด้วยความอาย

   “ได้สิครับ! ก็แค่เอาเสื้อผ้าเข้าตู้เอง”

   “หึ ๆ ว่าง ๆ ก็ย้ำบอกพี่เลี้ยงของเธอเอาสิ ...นี่ดีนะ ที่เขาเป็นแค่พี่เลี้ยงของเธอ ถ้าเขาเป็นพ่อของเธอ ฉันคงโดนพ่อตากีดกันกลั่นแกล้งแทนแน่”

   ธามเปรยขึ้นตามมา ทำเอาวิรัลหัวเราะด้วยความขบขัน แล้วสั่นศีรษะไปมา

    “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ อีกอย่างถ้าไม่ได้พิชญ์ช่วยเหลืออะไรหลาย ๆ อย่าง ผมกับคุณคงไม่ลงเอยกันแบบทุกวันนี้หรอกนะครับ”

   ธามอมยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นเขาจึงชวนวิรัลกลับเข้าห้อง แล้วช่วยคนรักตัวน้อยเก็บข้าวของใส่ตู้เสื้อผ้าและนำของใช้ส่วนตัววางไว้ในห้องน้ำให้เรียบร้อย

   “วิรัลดูห้องน้ำนี่สิ ถ้าเปิดมู่ลี่นี่ออก ก็ได้แช่อ่างน้ำแล้วเห็นวิวทะเลด้วยนะ โรแมนติกจริงเลยเชียว”

   ธามที่นำข้าวของส่วนตัวของเขากับเด็กหนุ่มมาเก็บที่ห้องน้ำ เรียกคนรักเข้ามา ซึ่งพอวิรัลได้เห็นเขาก็ตื่นเต้นยกใหญ่

   “อ่างนี่ก็กว้างด้วยนะครับ  ว้าว มีที่นั่งห้อยขาในอ่างด้วย”

   “พอเห็นที่นี่แล้ว ฉันชักอยากทำบ้านตากอากาศของตัวเองสักหลัง ในหมู่บ้านของพวกเราแล้วน่ะสิ  พื้นที่ในหมู่บ้านยังมีที่ว่างอีกไหมนั่น ไปสร้างบ้านพักในแบบที่พวกเราชอบไว้ไปผ่อนคลายหลังเลิกงานกันดีไหม จะได้ไม่ต้องไปในไกล ๆ ให้คนอื่นเป็นห่วงด้วยไง”

   ธามเสนอความคิด ซึ่งวิรัลก็พยักหน้าทันทีอย่างเห็นด้วย

   “เป็นความคิดที่วิเศษเลยครับ ไว้ผมจะลองถามพิชญ์ดูนะครับ”

   ธามอมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าร่าเริงของเด็กหนุ่ม จากนั้นพวกเขาจึงกลับมาที่ห้องนอนและเอนกายลงนอนพักบนเตียงนุ่มกว้าง ซึ่งทำมาจากวัสดุชั้นดีไม่แพ้เตียงที่คฤหาสน์ของวิรัลเลยสักนิด

   “มีเวลาอีกตั้งสองสามชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาพักกลางวันเลยนะ...”

   ธามบอกแล้วยกยิ้มน้อย ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งวิรัลก็ชะงัก พอจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องการพูดอะไรกับเขากันแน่ เด็กหนุ่มจึงแสร้งทำเป็นยิ้มหวาน แล้วพลิกกายขึ้นคร่อมร่างของคนรัก ก่อนจะจัดแจงจับร่างสูงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด แล้วกระซิบบอก

   “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็...”

   วิรัลค้างไว้แค่นั้น แล้วจึงลุกขึ้นพรวดพร้อมกับเดินมาที่ประตูกระจกเปิดมันออก พร้อมกับหันมายิ้มหวานให้คนรัก

   “ไปเล่นน้ำกันดีกว่าครับ ถ้าช้ากว่านี้แดดแรง ตัวดำหมดพอดี”

   คนโดนแกล้งถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงส่งสายตาเป็นการคาดโทษเอาไว้ก่อน ทว่าก็เดินไปหยิบครีมกันแดดบนโต๊ะเครื่องแป้งในห้อง แล้วเดินตามคนรักไปที่ระเบียง ก่อนจะบอกให้วิรัลนอนลงบนเก้าอี้ยาวซึ่งปรับระดับได้แล้วทำการทาครีมกันแดดให้อีกฝ่าย โดยระหว่างทา ธามก็แกล้งลูบไล้และขยำเน้นบางส่วนจนวิรัลต้องหลุดร้องครางอย่างลืมตัว

   “คุณธาม...ไม่เอานะครับ...ผมอยากเล่นน้ำก่อน...”

   ธามหัวเราะในลำคอ ยั้งมือที่ซุกซนแล้วทากันแดดให้อีกฝ่ายตามปกติ ก่อนจะผลัดให้วิรัลทาให้เขาบ้าง ซึ่งวิรัลก็ทาไปหน้าแดงไป เพราะต้องลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกกว้างและเรือนร่างกำยำกึ่งเปลือยของคนตรงหน้า ที่แม้จะคุ้นเคยกันดี แต่วิรัลก็แทบไม่ค่อยได้มีเวลาจ้องร่างนั้นแบบตรง ๆ ใกล้ ๆ อย่างครั้งนี้สักที

   “อือ...ทาดี ๆ สิ ...เดี๋ยวก็หมดอารมณ์เล่นน้ำ แต่มีอารมณ์ทำอย่างอื่นแทนหรอก”

   ธามเปรยกึ่งดุ เมื่อวิรัลนั้นเผลอลูบไล้แผ่นอกเขาชนิดที่ชวนกระตุ้นให้เกิดอารมณ์แทนที่จะทากันแดดแบบปกติที่ควรจะเป็น

   “อ๊ะ! ขอโทษครับ!”

   วิรัลชะงักรีบบอก แล้วบีบครีมกันแดดออกจากหลอดเพิ่มก่อนจะตบแปะ ๆ บนอกอีกฝ่ายแรง ๆ ด้วยความตกใจและกลัวจะอดเล่นน้ำเข้าจริง ๆ  จนธามสูดปากด้วยความเจ็บแทน  แต่ก็เพราะแบบนั้นอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นน้อย ๆ ของชายหนุ่มจึงถูกดับลงไปในที่สุด...

   
..................................................................................
แล้วพบกันในเล่มนะคะ ^^  ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดค่ะ
 :L2:

อ้อฝากแจ้งนิดหนึ่งนะคะ สำหรับนักอ่านที่เพิ่งเคยโอนเงินซื้อหนังสือกับปัด...  คือ คนที่โอนเงินให้ปัด และส่งเมล์ยืนยันการโอนเงินมาให้แล้ว ปกติปัดจะส่งเมล์ยืนยันตอบกลับให้ท่านภายในไม่เกิน 12 ชั่วโมง ถ้าเกินนี้แสดงว่าเมล์ของท่านไม่ถึงมือปัดค่ะ ให้ส่งมาใหม่ หรือสอบถามได้ทั้ง ผ่านแฟนเพจ หรือ โทรมาสอบถามโดยตรงก็ได้ค่ะ รับโทรตลอดในช่วงเวลาที่ระบุไว้ในอีเมล์นะคะ (ยกเว้นฉุกละหุกอาจจะรับช้าหน่อยค่ะ)

ปัดไม่ได้ขึ้นรายชื่อคนโอนแล้ว หรือยังไม่โอนบนบอร์ดนะคะ แต่ท่านที่โอนแล้วสามารถใช้เมล์ที่ปัดส่งยืนยันตอบกลับเป็นหลักฐานแสดงได้ หากวันส่งปัดเกิดตกหล่นไม่ได้เมล์หาชื่อท่านแล้วแจ้งหมายเลขพัสดุตามกำหนดค่ะ   

ปกติปัดจะเมล์หาคนโอนหลายรอบค่ะ  รอบแรกสุด คือส่งเบอร์บัญชี คอนเฟิร์มออเดอร์  อีกรอบคือ ยืนยันการโอนเงินและแจ้งกำหนดคร่าว ๆ ในการไปโรงพิมพ์   รอบต่อมาคือไปโรงพิมพ์แล้วรู้กำหนดพิมพ์เสร็จ และรู้กำหนดที่จะจัดส่งตามมา  ส่วนรอบสุดท้ายก็คือ ไปส่งพัสดุที่ไปรษณีย์และแจ้งรหัสพัสดุให้ท่านทราบ โดยรอบนี้ใครให้เบอร์โทรไว้ก็จะ sms ส่งไปว่า ส่งของแล้วนะ เช็คเมล์ด้วยฯ เป็นต้น

ดังนั้นรับรองว่าถึงไม่ขึ้นชื่อหน้าเว็บ หรือตามเฟชแต่ท่านก็ไม่ตกหล่นแน่นอน ถ้าท่านมีเมล์ตอบกลับทุกระยะเช่นดังที่กล่าวมาค่ะ รับประกันโดยการทำหนังสือแล้วส่งถึงผู้รับตอนนี้ก็ 7 -8 เรื่องเข้าไปแล้วจ้า! และตอนนี้ก็ได้ยืนยันตัวรับ ID ซื้อขายกับทางเล้าด้วยนะคะ TBL-162-690  ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 15-02-2013 15:51:58
555+
อารมณ์หื่นหายเลยนะธาม พอโดนโปะครีมแรงๆ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: waan_warunee ที่ 15-02-2013 16:04:21
เจ้เมล์ไปจองเร็วเกินไปใช่ป่ะ? 555555+
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 15-02-2013 16:57:15
555+
อารมณ์หื่นหายเลยนะธาม พอโดนโปะครีมแรงๆ
เดี๋ยวก็ปลุกใหม่ได้ค่ะ คุณพี่ธามเขา "ปลุก" ง่าย


เจ้เมล์ไปจองเร็วเกินไปใช่ป่ะ? 555555+
ว่องไวมากมายค่ะ เล่นเอาสะดุ้งเลยทีเดียวฮ่า ๆ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 15-02-2013 17:23:04
ตอนของกวางกับงูหวานน่ารักมากๆ >_<
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 15-02-2013 21:31:52
 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 15-02-2013 23:44:52
ธามวิรัลไม่ค่อยเลยนะนั่น น้ำท่าทางจะยังไม่ชินจริง  ๆ นะนั่น
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: yunchun ที่ 16-02-2013 04:14:18
ตายแล้ว ตอนแรกฟินกับคู่พิชญ์กับคุณชาครนะค่ะ
พอมาเจอคุณพ่อกวางกับอิลุงเผือก เล่นเอา
ผ้าอุดปากกรี๊ดๆ อยู่คนเดียว ชอบบมว๊าก
ตาลุงหื่นแถมยังแอบด้านเล็กๆ อิอิ
คู่ธามก็ชอบนะแต่ให้คะแนนแบบลูกเมียน้อย 555
ชอบตาลุงมากกว่า  :-[  หมู่นี้ชอบโอจิค่อน

หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 16-02-2013 09:58:01
แวะเข้ามาฝากแจ้งนิดหนึ่งนะคะ สำหรับนักอ่านที่เพิ่งเคยโอนเงินซื้อหนังสือกับปัด เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันค่ะ ^^ ... 

คือ คนที่โอนเงินให้ปัด และส่งเมล์ยืนยันการโอนเงินมาให้แล้ว ปกติปัดจะส่งเมล์ยืนยันตอบกลับให้ท่านภายในไม่เกิน 12 ชั่วโมง ถ้าเกินนี้แสดงว่าเมล์ของท่านไม่ถึงมือปัดค่ะ ให้ส่งมาใหม่ หรือสอบถามได้ทั้ง ผ่านแฟนเพจหรือ โทรมาสอบถามโดยตรงก็ได้ค่ะ รับโทรตลอดในช่วงเวลาที่ระบุไว้ในอีเมล์นะคะ (ยกเว้นฉุกละหุกอาจจะรับช้าหน่อยค่ะ)

ปัดไม่ได้ขึ้นรายชื่อคนโอนแล้ว หรือยังไม่โอนตามบอร์ด นะคะ แต่ท่านที่โอนแล้วสามารถใช้เมล์ที่ปัดส่งยืนยันตอบกลับเป็นหลักฐานแสดงได้ หากวันส่งปัดเกิดตกหล่นไม่ได้เมล์หาชื่อท่านแล้วแจ้งหมายเลขพัสดุตามกำหนดค่ะ   

ปกติปัดจะเมล์หาคนโอนหลายรอบค่ะ  รอบแรกสุด คือส่งเบอร์บัญชี คอนเฟิร์มออเดอร์  อีกรอบคือ ยืนยันการโอนเงินและแจ้งกำหนดคร่าว ๆ ในการไปโรงพิมพ์   รอบต่อมาคือไปโรงพิมพ์แล้วรู้กำหนดพิมพ์เสร็จ และรู้กำหนดที่จะจัดส่งตามมา  ส่วนรอบสุดท้ายก็คือ ไปส่งพัสดุที่ไปรษณีย์และแจ้งรหัสพัสดุให้ท่านทราบ โดยรอบนี้ใครให้เบอร์โทรไว้ก็จะ sms ส่งไปว่า ส่งของแล้วนะ เช็คเมล์ด้วยฯ เป็นต้น

ดังนั้นรับรองว่าถึงไม่ขึ้นชื่อหน้าเว็บ หรือตามเฟชแต่ท่านก็ไม่ตกหล่นแน่นอน ถ้าท่านมีเมล์ตอบกลับทุกระยะเช่นดังที่กล่าวมาค่ะ รับประกันโดยการทำหนังสือแล้วส่งถึงผู้รับตอนนี้ก็ 7 -8 เรื่องเข้าไปแล้วจ้า! และตอนนี้ก็ได้ยืนยันตัวรับ ID ซื้อขายกับทางเล้าด้วยนะคะ TBL-162-690  ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kururu ที่ 18-02-2013 18:21:41
รู้สึกว่ามันโหดร้ายนะ แต่ทำไมอ่านแล้ววูบวาบกว่าปกติ ...... 
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 18-02-2013 21:25:31
เลิศเลอที่สุดเรื่องนี้
เก่งจริง คนแต่ง
ขอคาระวะ งาม ๆ สัก 3 ครั้ง ครับ
เัียี่ยม จริง ๆ เยี่ยม จริง ๆ เ้ยี่ยม จริง ๆ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 19-02-2013 00:56:43
สนุกมากค่ะ แนวเรื่องแปลกแหวกแนวจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 19-02-2013 00:59:19
สนุกเหมือนเคย ฝีมือดีเริ่ดเหมือนเดิม ชอบๆ ชอบคู่พ่อเป็นพิเศษ555

รออ่านเรื่องต่อไปจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 19-02-2013 12:47:22
้เมลไปสั่งจองเรียบร้อยแล้ว  :mc4:
ขอชมเชยคุณปัทม์ที่มีการอัพงานได้สม่ำเสมอมาก ๆ เลยจ้ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: suonlyyou ที่ 19-02-2013 14:47:39
พี่ปัดเยี่ยมที่สุดเลยค่ะ   o13 o13

แต่งได้เก่งมากๆๆ

นู๋จะขอติดตามพี่ต่อไปค่ะ

นิยายเล่มนี้จะต้องสั่งแน่นอนค่ะ สัญญา อิอิ

ชอบคู่ของกวางทองกับพญางูที่สุดเลยค่ะ 

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 19-02-2013 18:13:14
สนุกมากมาย  o13
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 19-02-2013 21:22:39
เพิ่งจะได้เริ่มมาอ่าน เพราะไม่ชอบขาดตอน  และทำใจไม่ได้ถ้าไม่จบแบบแฮปปี้...
พอได้อ่านมาไม่เท่าไหร่...เฮ้!!!......คิดถึง..อินุยาฉะ....เทพอสูรจิ้งจอกเงิน.......
สุดที่รักขึ้นมาทันที............ลูกครึ่งปีศาจผมเงิน...ถ้าในคืนเดือนดับผมจะกลาย
เป็นสีดำและเป็นมนุษย์ธรรมดา..ไม่มีพลังใด ๆ.....พร้อมท่านพี่เซ็นโชมารู.....
ที่หล่อโคตร ๆ เลือดอสูรแท้.......แล้วท่านธามของเราจะมีวันที่จะกลายเป็นมนุษย์
ธรรมดาเต็มตัวหรือเปล่า.......อ่านต่อก่อนนะตื่นเต้นต้องรีบติดตาม.. :bye2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 21-02-2013 09:54:50
สนุกเหมือนเคย  :mc4: นิยายคุณปัดสนุกทุกเรื่องเลยค่ะ o13
เรื่องนี้ไม่พลาดแน่นอนค่ะ ที่จะเอามาเชยชมข้างกาย  :กอด1:
แต่ขออ่านคู่อีตางูเผือกกับน้องกวางอีกสักนิดนะคะ (ในเล่มก็ได้ค่ะ) :impress2:
อยากอ่านหวาน ๆ น้ำตาลขึ้นอิอิ  :o8:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 21-02-2013 13:19:47
สนุกเหมือนเคย  :mc4: นิยายคุณปัดสนุกทุกเรื่องเลยค่ะ o13
เรื่องนี้ไม่พลาดแน่นอนค่ะ ที่จะเอามาเชยชมข้างกาย  :กอด1:
แต่ขออ่านคู่อีตางูเผือกกับน้องกวางอีกสักนิดนะคะ (ในเล่มก็ได้ค่ะ) :impress2:
อยากอ่านหวาน ๆ น้ำตาลขึ้นอิอิ  :o8:

 :pig4:


จัดให้ตามคำขอค่ะ

เท่าที่เพิ่ม ๆ ไปนะคะ

- เกาะสวาท หาดสวรรค์  (ตั้งชื่อตอนมั่ว ๆ ไปงั้นเอง ในเล่มอาจจะเปลี่ยนชื่อ)
  :::: เป็นตอนพิเศษของสามคู่ ที่มาฮันนีมูน กันที่เกาะส่วนตัวของหนูม่านฟ้า (รู้สึกว่าบ้านหนูแกรวยจริง ๆ รีสอร์ท บ้านตากอากาศทั่วไทย)  โดยจะเน้นเด่นที่คู่ คุณพี่เลี้ยงของหนูวิรัลเป็นพิเศษ  กวางซึน กับหมาป่า(แอบ)หื่น

- รักใส ๆ (?) ของคุณพ่อหมาป่า กับหนุ่มน้อยหัวหน้าเผ่าคนใหม่ 
  ::::  หนุ่มน้อยอภิคม จะงัดลูกอ้อนอะไรมาจีบคุณป๋าปุริมของนายธามได้ อันนี้ก็ต้องติดตามกัน  มีเมียไม่รุ่ง มีสามีดีกว่าเนอะคุณป๋า

- รักขุ่น ๆ ปนดราม่า (?) นิด ๆ ของอดีตตัวร้าย  ภูธิป-พิภพ กลับมาอีกรอบแล้วจ้ะ  ยังแกล้งพิภพได้ไม่มันเท่าไหร่ ตั้งใจจะเก็บไว้แกล้งในเล่มแทน (หึ ๆ)  ว่าไปนั่น .... จัดแฮปปี้ให้ค่ะ แต่แฮปปี้ของปัด ไม่รู้คนอื่นจะแฮปปี้ด้วยหรือเปล่านะ (แอบขู่ให้กลัว อิ ๆ)

- แล้วก็อีกคู่ ก็คือคู่ขวัญใจแม่ยกที่นิยมความ S   แต่งวดนี้เขามากันแบบหวาน ๆ เป็นงูเผือกคลุกน้ำตาลกันเลยทีเดียว!


ที่จะเขียนเพิ่มในเล่ม ก็คงราว ๆ นี้ล่ะค่ะ ช่วงมีนา จะเอาปกมาให้ดูนะคะ ตอนนี้กำลังตบตีกับหมาป่าบนปกอยู่ -*-  แต่เท่าที่่วางแบบไว้ ก็คิดว่าพอไหวล่ะนะคะ

ป.ล. ถ้าปั่นติดลม จำนวนหน้าขยายเกินลิมิต จนอาจจะทำให้ไสกาวได้ไม่แน่น ปัดขออนุญาตเพิ่มเป็นสองเล่มนะคะ  แต่ถ้้าเป็นแบบนั้นจริง รับรองไม่เพิ่มราคาแน่นอน แต่ถ้าเล่มเดียวอยู่ก็เล่มเดียวค่ะ   จริง ๆ ทำสองเล่มต้นทุนจะเพิ่มขึ้นอีกล่ะนะ แต่ส่วนใหญ่มันดีตรงมันแน่นหนานี่ล่ะ ไว้ปั่นเสร็จจะมาพิจารณาดูอีกทีนะคะ  แต่ตอนนี้ก็เล่มเดียวไปก่อนนะจ๊ะ!
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 21-02-2013 17:51:55
อยากอ่านคู่งูเผือกคลุกน้ำตาลกับกวางทองซะแล้วสิ ว่าแล้วก็เก็บตังค์ต่อไป~ ><
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 21-02-2013 23:01:48
จบแล้ว......

เข้ามาอ่านแบบรวดเดียว :man1:

ตอนปกติมันก็ไม่เท่าไหร่ขอรับแต่......

ตอนพิเศษนี่ :jul1:

สนุกทุกตอน ลุ้นทุกหน้า

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีที่แบ่งปันขอรับ :L2: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: watop ที่ 22-02-2013 12:32:23
ขอบคุณคร้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 23-02-2013 13:38:02
ขออนุญาตอัพเดทหน่อยค่ะ

ใครที่โอนเงินมาและยืนยันเมล์ พร้อมที่อยู่มาให้แล้ว ปัดตอบเมล์ยืนยันกลับไป "ทุกคน" แล้วนะคะ

เพราะฉะนั้นใครที่โอนแล้ว(และส่งเมล์แจ้งยืนยันการโอนมาให้ปัดแล้ว) แต่ยังไม่มีเมล์ตอบกลับ แจ้งด่วนจ้ะ!


ป.ล. ตอนนี้เริ่มปั่นตอนพิเศษคู่ของคุณป๋าปุริม กับหนุ่มน้อยอภิคมแล้วค่ะ หน้ากระดาษก็เริ่มขึ้นหลักสี่ร้อยหน้าแล้วนะจ๊ะ แต่ไม่ต้องห่วงจ้ะ ยังไงดูจากเท่าที่จะเขียนแล้ว ก็น่าเกิน 450 หน้าแน่นอน  แต่ถ้าทะลุเกือบ 500 หน้าอย่างที่ตั้งใจไว้ บางทีอาจจะมีแบ่งเล่มล่ะนะ แต่ไม่ต้องห่วงสำหรับคนที่โอนแล้วและยังไม่โอนนะคะ ราคาเท่าเดิมค่ะ 400 บาทถ้วนนั่นล่ะ ส่งให้ฟรีเหมือนเดิมจ้ะ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 24-02-2013 12:17:33
เรื่องนี้อ่านแล้วไม่เครียดดี
วิรัลเป็นอสุรกายที่น่ารักมาก ใสซื่อบริสุทธิ์ไร้มารยา แสดงออกตรงไปตรงมา
รักธามก็บอกให้รู้ไม่มีกั๊ก โชคดีที่ธามเองก็รักวิรัลจริงเช่นกัน
เป็นคู่ที่รักกันง่ายสุดๆ แค่สบตา จากนั้นก็เออออห่อหมกกันง่ายๆเลย
แต่ก็รักจริงรักนานหวานแหววกันสุดๆ
คู่รองๆทั้งหลายก็น่าสนุกทุกคู่เลย

บวกๆค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Orlov ที่ 24-02-2013 14:51:16
อ่านจบแล้วววววววววววว
เห็นด้วยว่าเรื่องนี้อ่านแล้วไม่เครียดดี อ่านเพลิน
ไม่ต้องมีดราม่าให้เครียดมาก ช่วยเอ็นเตอร์เทนให้มีความสุขกับการอ่านนิยายได้ดีเลย
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 25-02-2013 11:39:13
สนุกมากเลยอ่ะ o13
ชอบคู่อุรคกับเวทิตมาก :m1:
รักกันรุนแรงเหลือเกิน :pighaun:
อยากอ่านตอนพิเศษของคู่ชาครกับพิชญ์จัง :m13:
คู่นี้ออกแนวปะทะฝีปากกัน น่ารักมากๆ :m3:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 25-02-2013 22:54:11
+1
สนุกถูกใจมากค่ะ  หาเรื่องแฟนตาซีสนุกๆแบบนี้ยากจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + แวะมาอัพตัวอย่างปก P.20 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 27-02-2013 16:04:47
เอาปกที่ลองดีไซน์มาให้ดูค่ะ
ได้ปกใหม่แล้วค่ะ ด้วยความอนุเคราะห์จากคุณพี่สาวนักอ่านผู้ใจดีวาดปกให้
ไว้แต่งปกเสร็จจะมาโชว์นะคะ



สำหรับตอนพิเศษ คู่ กวาง-งู  กำลังปั่นอยู่จ้า หมดคู่นี้ก็เตรียมรีไรท์ตรวจคำผิด ให้ละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะไม่ให้เจอแจ็คพ็อตแบบคราวที่แล้ว ที่ดั๊นผิดตั้งแต่ชื่อเรื่องแบบนั้น (ทำไปได้เรา ยังเคืองอยู่ไม่หายเลย) 

ป.ล. คู่งู-กวาง หวานจัดเต็ม ชดเชย ซาดิสต์ที่ผ่านมา (แต่ก็อยากแอบใส่เพื่อเพิ่มรสชาติเหมือนกันนะ หุ ๆ)


หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + แวะมาอัพตัวอย่างปก P.20 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 27-02-2013 22:13:02
 ปกหลังเอาเป็นกวางทองเลยคะจะได้คู่กับหมาป่าอิอิ :-[
อยากอ่านคู่พิชญ์กับคุณชาคร แบบว่าจัดเต็มจังเลยคะคู่นี้เค้าซึนเกินไปละ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + แวะมาอัพตัวอย่างปก P.20 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 28-02-2013 00:28:45
เค้าจะรอวันที่หนังสือทำเสดอย่างใจจดใจจ่อเลยละ ขอไห้โรงพิมทำไห้เสดไวๆด้วยเต๊อะ สาตุ๊ๆ :call: :call:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + แวะมาอัพตัวอย่างปก P.20 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 28-02-2013 20:56:44


สนุกมาก...คู่คุณพ่อน่ารักมากเลย....

หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + แวะมาอัพตัวอย่างปก P.20 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: toye ที่ 28-02-2013 23:21:41
อยากได้ ตอนนี้อยุ่ในโหมดเก็บเงิน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + แวะมาอัพตัวอย่างปก P.20 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 02-03-2013 15:51:54
สนุกมาก     o13                 o13               o13


น่ารักทุกคู่เลยค่ะ     :o8:              :o8:                :กอด1:



 :pig4:                            :pig4:                         :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + แวะมาอัพตัวอย่างปก P.20 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 02-03-2013 16:36:43
สนุกมาำกครับเรื่องนี้ ต้องหาเวลามาอ่านรอบที่สองให้ได้แน่นอน
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + แวะมาอัพตัวอย่างปก P.20 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: charapin ที่ 03-03-2013 01:56:51
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  ทีแรกเห้นชื่อเรื่องก็แอบลุ้น  อสูรกายเลยนะเฟ้ย  หน้าตาจะเป็นแบบไหน  อะไร  ยังไง :a5:

แต่ว่าพออ่านไปได้ สองตอนก็แบบว่า  o13 o13 o13  เยี่ยมมากกกกกกก

สนุกมากค่ะ มีหลายอารมณ์ให้ลุ้นตลอด  ชอบๆๆ :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + แวะมาอัพตัวอย่างปก P.20 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: preaw-sm ที่ 07-03-2013 11:20:46
ชอบมากๆเลยค่ะ ทุกคู่เลย น่ารักมากๆ
ป.ล.ส่งเมล์จองแล้วน้า
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + แวะมาอัพตัวอย่างปก P.20 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 07-03-2013 11:50:18
ชอบมากๆเลยค่ะ ทุกคู่เลย น่ารักมากๆ
ป.ล.ส่งเมล์จองแล้วน้า

เห็นแล้วจ้า ส่งเมล์รายละเอียดการโอนกลับไปแล้วค่ะ



ขออนุญาตใช้พื้นที่แจ้งให้ทราบนิดหนึ่งเพื่อความเข้าใจตรงกันนะคะ

หนังสือที่จัดเปิดโอนจองลักษณะนี้ เรียกว่า พรีออเดอร์  คือ สั่งโอนไปก่อน แต่ของต้องรอรอบส่ง ซึ่งในกรณีของหนังสือก็คือรอรวบรวมยอดโอนทั้งหมดในวันปิดจอง และนำส่งโรงพิมพ์พิมพ์นั่นเอง ซึ่งจะใช้ระยะเวลาเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับงานของโรงพิมพ์ช่วงนั้น และเมื่อหนังสือพิมพ์เสร็จ ทางปัดก็จะนำมาแพคใส่กล่อง จัดส่งตามที่อยู่ให้นักอ่านที่โอนเงินมาก่อนล่วงหน้าแล้วทุกรายนั่นเอง

*ทุกขั้นตอนเช่น พอรู้วันกำหนดส่ง วันไปส่ง แจ้งเลขพัสดุ  ปัดจะส่งอีเมล์บอกนักอ่านที่โอนเงินสั่งซื้อแล้วเป็นระยะไม่ให้ตกหล่น เพื่อความสบายใจของทุกท่านแน่นอนค่ะ *


นี่คือระบบการสั่งจองล่วงหน้าจ้า หวังว่าคงจะเข้าใจตรงกันนะคะ ^^
อยากให้หนังสือถึงมือกันไว ๆ แต่ต้องรอกระบวนการนิดหนึ่งนะคะ


แจ้งอีกเรื่องก็คือ. ปกนิยายเรื่องนี้ อาจจะมีการเปลี่ยนแบบอีกค่า มารอลุ้นไปด้วยกันนะคะ ^^


ลืมแจ้งไปค่ะ ::

นิยายแต่งตอนพิเศษครบแล้วกำลังอยู่ในช่วงรีไรท์  แก้คำผิด และ จัดหน้า ค่ะ จะพยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ  แต่ถ้ายังหลุดรอดอันใดไป ก็ขออภัยล่วงหน้าด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + อัพเดทข่าวคราว P.21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 09-03-2013 14:07:53
สนุกอยากอ่านคู่คุงพ่ออีกจัง o13
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 +ตัวอย่างตอนพิเศษ P.19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lnwcool ที่ 12-03-2013 19:13:26
ยังมีเรื่อง  ลิขิตรักอสุรกาย เหลืออีกไหมค่ะ?

อยากได้จัง :impress3:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + อัพเดทข่าวคราว P.21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lnwcool ที่ 12-03-2013 19:17:56
 ลิขิตรักอสุรกาย

อยากได้ๆ...
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + อัพเดทข่าวคราว P.21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 12-03-2013 19:35:45
ยังมีเรื่อง  ลิขิตรักอสุรกาย เหลืออีกไหมค่ะ?

อยากได้จัง :impress3:

ไม่มีเหลือค่ะ เพราะยังไม่ได้พิมพ์ (ฮา)

การเปิดจอง ทำในลักษณะพรีออเดอร์ค่ะ โอนเงินก่อน แล้วค่อยเอายอดไปส่งโรงพิมพ์  หนังสืองวดนี้ถ้าไม่ผิดพลาด คาดว่าจะได้อ่านกันตอนต้นเดือนเมษายน ก่อนสงกรานต์ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 + อัพเดทข่าวคราว P.21 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 13-03-2013 21:39:32
เพิ่งเข้ามาอ่านได้ตอนแรก !
สนุกมาก  o13 o13 o13 o13

สัตว์กินพืช -/- แอบนึกถึงคุณฮิ  :z2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 ] "ลิขิตรักอสุรกาย" / ภาพปกที่ใช้จริง P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 16-03-2013 14:25:40
ปกจริง ๆ มาแล้วค่ะ

อาจจะมีแก้ไขเรื่องฟอนต์บ้างในขั้นตอนสุดท้าย

แต่ปกที่จะใช้คือ ปกนี้ค่ะ 

ขอบพระคุณพี่ยุ้ย นักอ่านที่น่ารักซึ่งมาช่วยวาดปกสวย ๆ สีน้ำ ปกนี้ให้ปัดนะคะ  :L2:

(http://www.harempat.com/picpat/images/arx1363445527j.jpg)


ใครยังไม่ได้จอง หมดเขตโอน 21 มีนาคม เที่ยงคืน จ้ะ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 ] "ลิขิตรักอสุรกาย" / ภาพปกที่ใช้จริง P.21
เริ่มหัวข้อโดย: rinia ที่ 16-03-2013 14:39:03
ถูกใจค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 ] "ลิขิตรักอสุรกาย" / ภาพปกที่ใช้จริง P.21
เริ่มหัวข้อโดย: SOBANG✖ ที่ 17-03-2013 05:04:16
อยากอ่านคู่ตาเฒ่าหัวงูอีกจัง >.<

แต่งต่อได้ไหมคะ ไม่ก็ทำเปนเล่ม 2 เลย ชอบคู่เวทิตกับตาเฒ่ามากกกกกกกกกกก

อย่าน้อยขออีกสักตอนเถอะน้าาาาาา >.< คิดถึงตอนตาเฒ่าเห็นเวทิตกลับมาแล้วคงเขินน่าดูเลย

เขินอ่า >.< เขินรอแล้ววววว :z2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 ] "ลิขิตรักอสุรกาย" / ภาพปกที่ใช้จริง P.21
เริ่มหัวข้อโดย: lionnoi ที่ 20-03-2013 22:27:51
ปกน่ารักมากเลย  :mc4:
รอๆๆๆ อยากอ่านตอนพิเศษในหนังสือแล้ววว  o9
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง 15 ก.พ. - 21 มี.ค. 56 ] "ลิขิตรักอสุรกาย" / ภาพปกที่ใช้จริง P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 21-03-2013 12:45:44
แวะมาดันนิดหนึ่งค่ะ วันนี้วันสุดท้ายของการโอน/จอง แล้วนะคะ

พรุ่งนี้จะนำต้นฉบับเข้าโรงพิมพ์ค่ะ  ถ้าไม่ติดขัดอะไร คงได้อ่านกันก่อน สงกรานต์นี้กันถ้วนหน้านะคะ

ขอบคุณค่ะ

ป.ล. ตอนพิเศษแต่ละคู่จะถูกใจไหม ต้องรอลุ้นกันในเล่มค่ะ  สามเรื่องสามรส แต่(เกือบ)ครบทุกคู่ รอง ในเรื่องจ้า
หัวข้อ: Re: [ปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" / ภาพปกที่ใช้จริง P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 22-03-2013 11:28:51
Edit : หนังสือส่งได้  1 เมษายน นะคะ เตรียมรอรับกันได้ค่ะ (ถ้าไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน)

ปิดจองแล้วนะคะ

วันนี้ส่งไฟล์เข้าโรงพิมพ์

เย็น ๆ ค่ำ ๆ จะมาอัพเดทวันกำหนดส่งที่แน่นอนให้ทราบ ทั้งทางบอร์ด และทางอีเมล์ค่ะ รวมถึงแจ้ง sms ไม่ให้ตกหล่นในการเช็คเมล์ สำหรับผู้ที่ให้เบอร์ไว้ด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ป.ล. ใครที่จองแล้วโอนไม่ทัน มีสั่งเผื่อไว้ให้แค่จำนวนหนึ่งราว 10 เล่มเท่านั้น ซึ่งเล่มที่เหลือเหล่านี้ จะกำหนดระยะการโอน หลังจากคอนเฟิร์ม  ถ้าเกินให้ถือว่าสละสิทธิ์ และให้สิทธิ์คนต่อไปค่ะ 
หัวข้อ: Re: [ปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" / ภาพปกที่ใช้จริง P.21
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 23-03-2013 00:47:23
อยากอ่านๆๆๆๆๆ :z3:
อยากได้ไวๆจัง  :serius2:
หัวข้อ: Re: [ปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" / ภาพปกที่ใช้จริง P.21
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 23-03-2013 23:24:42
ปกสวยย ชอบค่าา จะรอหนังสือ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ปิดจอง] "ลิขิตรักอสุรกาย" / ภาพปกที่ใช้จริง P.21
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 25-03-2013 09:05:01
ปกสวยมากกกกกกกกกกกก ชอบจริง ๆ สื่อให้เห็นถึงตัวละครแล้วเนื้อเรื่องจริง ๆ จ้ะ รอเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / [ได้หนังสือแล้วนะจ๊ะ โชว์ภาพหนังสือก่อนแพคส่งค่ะ] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 30-03-2013 15:58:51
..
...
[ได้หนังสือแล้วนะจ๊ะ]

ภาพจ้ะ...(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/562308_568970799794636_2111549761_n.jpg)

(http://www.harempat.com/picpat/images/bwy1364634157n.jpg)

จัดส่ง 1 เมษายนนะคะ  ใครโอนเงินมาแล้ว ส่งเมื่อไหร่จะเมล์ไปแจ้งรหัสพัสดุให้ทราบเป็นรายบุคคลไปค่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / [ได้หนังสือแล้วนะจ๊ะ โชว์ภาพหนังสือก่อนแพคส่งค่ะ] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 30-03-2013 18:20:26
 :mew1: กรี๊ดๆๆๆๆๆ จะส่งถึงภายในกี่วันคะ
อีกกี่วันถึงจะได้หลังจากส่งมาแล้วอยากได้ๆๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / [ได้หนังสือแล้วนะจ๊ะ โชว์ภาพหนังสือก่อนแพคส่งค่ะ] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 30-03-2013 21:09:15
:mew1: กรี๊ดๆๆๆๆๆ จะส่งถึงภายในกี่วันคะ
อีกกี่วันถึงจะได้หลังจากส่งมาแล้วอยากได้ๆๆ  :ling1:

กทม. และปริมณฑล ไม่น่าเกินสองวันคือวันที่ 2 -3 ควรได้รับหมด ถ้าไม่ได้รับ รบกวนเอาเลขรหัสไปจิกไปรษณีย์แถวบ้านท่านได้เลยนะคะ  ส่วนต่างจังหวัด ไม่ควรเกิน ศุกร์ที่ 5 เมษาค่ะ  ถ้าไม่ถึงจะติดเสาร์ 6 อาทิตย์ 7 จันทร์ 8 ซึ่งเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่ควรได้รับภายในวันอังคารที่ 9 เป็นอย่างช้า ไม่เช่นนั้นก็ควรเช็คที่ไปรษณีย์เช่นกันค่ะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรได้ก่อนหยุดยาวสงกรานต์ทุกท่านค่ะ ยกเว้นไปรษณีย์บ้านท่านมีปัญหา หรือท่านจ่าหน้าซองมาให้ปัดผิดค่ะ

---------------------------
แวะมาแจ้งข่าวนิดหน่อยค่ะ ยกข้อความมาจากแฟนเพจนะคะ
---------------------------


นั่งคัดเล่มเมื่อยมาก-- พยายามคัดเล่มที่สมบูรณ์สุด ๆ ให้นักอ่านทุกคนทีสั่ง ลิขิตรักอสุรกาย มาในรอบแรก ซึ่งก็โอเคโชคดีที่สั่งเผื่อมาจำนวนหนึ่ง คนที่โอนมาในรอบนี้ ก็เลยได้เล่มสมบูรณ์กันถ้วนหน้า

..... งวดนี้สงสัยสั่งพิมพ์ทีเยอะไปหน่อย เจอตัดไม่เรียบร้อยหลายเล่มมีแบบเป็นกระดาษทูโทนมาสี่เล่ม -*- (แต่ทูโทนนี่สภาพสวยนะคะ อัดกาวแน่น ตัดกระดาษเนี้ยบ เสียอย่างเดียวกระดาษมันคนละสีอยู่ปึกเล็ก ๆ แต่อ่านได้ตามปกติ)

ปัดตั้งใจจะเอาพวกเล่มที่เหลือเหล่านั้นไปขายเป็นล็อตเลหลัง หักค่าตำหนิไม่งามไป 20 บาท เหลือเล่มละ 380 บาท ส่งลงทะเบียนให้ฟรี

ล็อตนี้เหลืออยู่ที่ตัว 10 เล่ม ใครสนใจ และไม่วอรี่สภาพหนังสือ (ที่ก็ไม่ขี้เหร่มากนัก อาทิเช่น เฉือนกระดาษตรงสันขอบไม่เรียบ / มีรอยแหว่งริมแผ่นนิดหน่อย(3- 4 แผ่น แต่ไม่กี่มิล)  / มีรอยยับบางแผ่น(แต่ ตัวหนังสืออ่านได้ปกติ) /มีรอยเปื้อนมุมกระดาษ ติ๊ดเดียว (และหน้าเดียว เป็นดวง ๆ ด่าง ๆ สีน้ำตาลจากขอบกระดาษเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึง 1 เซน)  แต่ดูแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์(ของปัดเอง)


สรุปมันอ่านได้ล่ะนะคะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่อาจจะขัดใจคนรักหนังสือเข้าไส้ก็เป็นได้ ......และอาการที่เป็น ก็ไม่จำเป็นต้องส่งโรงพิมพ์เพื่อซ่อมแซม (บางเล่มที่ขายตามร้านหนังสือใหญ่ ๆ ในห้าง สภาพน่าเกลียดกว่าหนังสือมีตำหนิที่ปัดคัดมาอีก)

..... ถ้าใครสนใจก็ติดต่อมาได้ที่เมล์ปัดนะคะ แต่อาจจะส่งหลังสงกรานต์ราว ๆ วันที่ 17-18 ตอนที่ไปรษณีย์เปิดทำการแล้วค่ะ กะจะรอส่งพร้อมกันทีเดียวเลย

ป.ล. สำหรับรีปริ้นท์เรื่องอื่น ๆ นอกจากคุณตำรวจยอดรัก เหลืออย่างละ 2 ชุดนะคะ

ป.ล. กลับจากวันจันทร์ส่งของ จะมาอัพภาพล็อตตำหนิให้ยลกันนะคะ  หรือถ้าใครจะรอล็อตใหม่ ก็โน่นเลยค่ะ กลาง ๆ ปลาย ๆ พฤษภาคมค่ะ  เปิดจองอีกรอบ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: CheetahYG ที่ 31-03-2013 21:11:27
 นั่งรอ นอนรอ กินรอ เรียน(ซัมเมอ)รอ  รอหนังสือพี่ปัดอยู่น้า :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 02-04-2013 13:40:23
จัดส่งพร้อมแจ้งรหัสพัสดุไปทางเมล์เรียบร้อยแล้วค่ะ

ขออภัยที่ส่งเลทไป 1 วันนะคะ ^^"

หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 02-04-2013 20:59:37
เย้ๆๆๆ จะได้อ่านแย้ววววววว
ดีจัยยยยยยยยยยยยยย :hao7:  :hao5:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 04-04-2013 21:37:16
ได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วนะคะ :mew1:
ขอเวลาอ่านก่อนนะจ้้าาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Manowkittyopeia ที่ 08-04-2013 17:53:14
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ

ภาษา ที่ใช้สวยงามมาก ในเรื่องของคำเชื่อมในประโยคและระหว่างย่อหน้า อ่านแล้วไม่สะดุดเลย

เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนมากนัก ถึงแม้จะตัวครเยอะ แต่ก็สามารถจัดให้สอดคล้องกันได้อย่างลงตัว

จัดว่าเป็นแฟนตาซีไทยที่ถูกใจมากอีกเรื่องนึงเลยค่ะ

ในเรื่องของบทบาทและความสัมพันธ์ของตัวละครนั้นดีมาก

โดยส่วนตัวชอบพิชญ์กับชาคร แต่คิดว่าบทของวิรัลออกจะอ่อนแอเกินไปหน่อย

เป็นว่าที่ประมุขเผ่า เลยคิดว่าน่าจะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวดและแข่งแกร่งมากกว่านี้

ในมุมนี้ม่านฟ้าที่ถูกกำหนดให้เป็นภรรยายังดูเข้มแข็ง ฉลาดเฉลียวมากกว่าวิรัลที่ดูตื่นตระหนกอยู่เสมอเสียอีก





ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้อ่าน เราไม่ทราบว่าผู้เขียนคิดและต้องการให้ออกมาเป็นแบบไหน

ถ้าหากจะรับความคิดเห็นส่วนบุคคลนี้ไปพิจารณาก็ขอขอบคุณมากค่ะ




- ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆที่สร้างมาบันเทิงใจผู้อ่านค่ะ -



ปล. รูปเล่มสวยมากๆเลย :3
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 08-04-2013 20:33:32
ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำติชมนะคะ ^^

สำหรับเรื่องบทของวิรัล ปัดจะปูให้ออกเป็นเด็กหนุ่มที่ถูกเลี้ยงดูปกป้องราวกับไข่ในหิน โดยมีพิชญ์คอยดูแลและเป็นบอดี้การ์ด+พี่เลี้ยงส่วนตัว  เนื่องจากพิชญ์และคนในเผ่านั้นคอยตามใจและดูแลวิรัลตั้งแต่เด็กแล้ว เนื่องจากเกิดมาก็กำพร้าแม่ พ่อกับย่าจึงให้ความเอาใจใส่กว่าเดิม   พอคุณพ่อของวิรัลหายสาบสูญ ก็ยิ่งทำให้พิชญ์และทุกคนในตระกูลของวิรัลวิตกจริต และดูแลวิรัลเข้มงวดกว่าเดิมชนิดที่พิชญ์รับทุกอย่างมาทำ .... อย่างในเรื่องยังมีตอนที่ชาครตำหนิว่า ดูแลกันเกินไป (เหมือนพ่อแม่รังเแกฉัน) แล้ววิรัลจะเข้มแข็งได้ยังไง   

(แต่เรื่องกำพร้าแม่นี่ปัดเอามาใส่กลาง ๆ ตอน และต้น ๆ ก็ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่าทางนี้ถูกประคบประหงมกันมาแต่เด็ก จึงทำให้ดูนิสัยอ่อนแอแบบไม่สมกับเป็นหัวหน้าเผ่า และไม่มีที่มา อันนี้รับผิดเต็ม ๆ เลยค่ะ )

 ยังไงก็ขอขอบพระคุณมากนะคะ และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีนักอ่านมาอ่านและช่วยวิเคราะห์ให้ได้เห็นจุดบกพร่องของเรื่องค่ะ  จะรับคำติตรงนี้ ไปปรับปรุงผลงานในเรื่องหน้า ให้สมเหตุสมผล ในด้านนิสัยของตัวละครให้มากขึ้นกว่าเดิมนะคะ

^ _____ ^
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 09-06-2013 14:25:45
อ่าาา เพิ่งจะได้มาอ่านเรื่องนี้ อ่านแล้วโฮกคู่คุณพ่อมากค่ะ แบบว่าอ่านไปกรี๊ดกร๊าดไปด้วย  :-[

เรื่องนี้คุณปัทจะรีปริ้นท์มั้ยคะ? อยากอ่านคู่อื่นๆ ในเล่มด้วยค่ะ  :hao5:

หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 12-06-2013 22:25:43
สนุกมากกกกกกชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 23-06-2013 20:31:10
น่ารัก และฮาได้ทุกคู่่จริงๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: suonlyyou ที่ 25-06-2013 15:33:52
จะมีรีปนิ๊นหรือเปล่า

เพิ่งเข้ามาอ่าน

อยากได้มักมากเลยอ่ะค่ะ   :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 26-06-2013 20:50:42
อ่านคู่แรก อ๊าย น่ารัก อ่านไปอ่านมา เย้ย ตกลง คู่ไหนคู่หลักหละเีนียะ (ดันไปติดใจคู่ ท่านงูขาวกับพ่อกวางจนได้)  :katai1:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 29-06-2013 09:52:13
สนุกจริงๆ  เรื่องราวเข้มข้นมากเลย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 30-06-2013 16:58:57
โอ๊ย กรี๊ดดดดดดดดดดดด
ชอบทุกคู่  ไม่เคยผิดหวังกับนิยายของคุณปัดเลยจริง ๆ

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: chatori ที่ 03-07-2013 11:06:46
สนุกมาก ชอบทุกคู่เลยค่ะ น่ารัก
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 04-07-2013 17:18:33
ใกล้จะเปิดรีปริ๊นซ์แล้วยังคะ
อยากได้หนังสืออ่า ยังไม่เคยอ่านในเล้า
แต่คิดว่าต้องสนุกแน่ๆ เปิดรีปริ๊นซ์เมื่อไรแจ้งข่าวด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 19-08-2013 23:02:46
แค่บทนำ... ก็น่าสนใจมากแล้วอ่ะ

อ่านตอนที่ 1 ไปด้วยเลย.. น่าสนุกดีนะคะ

กวาง กับ หมาป่า เหรอ ฮิฮิ จิ้น ๆ

อ่านต่อไปละคร๊าบบบบ ^^
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 20-08-2013 00:24:56
แยร๊กกก.. เจอกันแล้ว พ่วงตอนสามด้วย... แบบว่าในฝัน แล้วก็เป็นดั่งฝัน

แลจะรักกันง่ายดาย ..แบบถูกชะตากันซะนะคะนะ 5555

จัดไปคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 20-08-2013 02:20:24
น่าสงสาร ความรัก.. ลำบากที่จะต้องมาเจอกัน..แต่ก็เพราะรักล่ะนะ ต้องไปต่อให้จงได้!!

เพราะงั้น ฉุดเลย!! ถถถถถถถถถ

อ่านต่อ ๆๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 20-08-2013 07:24:49
แวร๊กกกกกกก มีดราม่าเบาเบา ..

หกเดือนหรอ.. รอเข้าไป รอต่อไป เฮ้ออออ

ม่านฟ้ารักใครอยู่น๊าาาาาาา อิอิ

อ่านต่อๆ ๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 20-08-2013 12:59:26
อร๊ากกกก..ได้สวีทกันแล้ด้วยยยยย แอร๊ยยยย

แต่ว่านะ...โดนสะกดรอยเนี่ยสิ...จะมันส์นะ 5555

อ่านต่อล่ะคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 20-08-2013 14:02:24
หายกันแล้ว...ตายซะ!! ดูแล้วไม่ช่วย ก้เลยโดนเองบ้าง..สะใจกันไป มันส์มากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 20-08-2013 15:37:53
อั๊ยยยยยย...จัดกันไปแล้ว ไงล่ะ กวางดำไม่อยู่..หมาป่าร่าเริง 5555

สนุกดีค่าาา พิชญ์ก้งอนเข้าไปเด๊ะ..ชาครง้อด่วน 5555

อ่านต่อ ๆๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 20-08-2013 15:39:45
วิรัล...นายแน่มาก ปลื้ม..กับความรัก ปริ่ม..

สนุกดีจริง ๆ ชอบมาก ๆ ขอบคุณมากที่แต่งมาให้ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 20-08-2013 22:36:48
อ้าวพี่ชาย....ไปเข้ากะทางนั้นซะนี่

จะดราม่าหนัก ๆ .. หนัก  แน่ ๆ น่าสนุก!!

อ่านต่อล่ะคร๊าบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 22-08-2013 16:32:13
อ๊าาาาา เรื่องราวสนุกมากกกก

บู๊กันสนั่น จัดไปปปปป

 เวทิต.. คือ พ่อวิรัล ใช่ไหมเนี่ยยย สงสัยยย


อ่านต่อล่ะคร๊าบบบบบบ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 22-08-2013 17:18:43
จบแล้ว... เวทิต..ไปถูกใจท่านงูใหญ่เข้านี่เอง

อยากอ่านเรื่องราวของคู่นี้จัง ดูลึกลับ แบบว่า ไปเจอได้ไง ทั้ง ๆ ที่ สู้กับวกะแท้ ๆ นะ

มีตอนพิเศษ อีก ไปอ่านล่ะคร๊าบบบบบบบ

ปล. สนุกมาก แฟนตาซี จินตนาการล้ำ...
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 22-08-2013 22:00:50
ท่านงูใหญ่....เริ่มการทรมานแล้ว อร๊ากกกกกกกกกกก

สงสารท่านกวาง ที่ต้องหายสาบสูญจากเผ่าเสียจริง!

อ่านต่อ ๆๆๆ มันสนุกมาก อินส์!!
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 22-08-2013 22:30:37
โหดแท้!! จะฆ่าหมดทั้งเผ่า เพราะหลงรักมโคคนนี้คนเดียว สุดยอด!!

ดราม่ากันไปอ่ะ อย่างอินล่ะ อยากจะร้องไห้ 555

อ่านต่อ ๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 22-08-2013 22:50:15
แบบว่า.. หวังอยากให้พ่อได้เห็นหน้าลูก(&เขย) บ้างจังน๊า อ๊าา..ผิดสัญญา หาเรื่องให้อีก 555

อยู่ไปนาน ๆ นานเข้าก็ ความรู้สึกแปรเปลี่ยนได้ ระทึกใจจริง!!

อ่านนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 22-08-2013 23:19:24
อ๊าาา จบแล้ว ชอบมากเลยฮะ สนุกมากกกก อ่านอยู่สามวันได้ล่ะมั้ง ..อย่างคลั่งเหมือนกันน่ะเนี่ย

ชอบทุกคู่เลย โดยเฉพาะคู่อุรคxเวทิต และ!!..ภูธิปxพิภพ เนี่ย ..เอ๊ะ!! คู่หลักล่ะ 5555

มันได้จินจนาการ จิ้นสุด ๆ สนุกเอามาก ๆ อย่างติดล่ะ

มาอ่านช้าไปมาก อะไร ๆ คนแต่งก็จัดการเรียบร้อยแล้ว โอ๊วว..แย่ 

อยากได้ตอนนี้ทำยังไงดีฮะเนี่ย Y_______Y อยากได้ ๆๆๆๆ

ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวสนุก ๆ และดี ๆ มาให้ได้อ่านกันนะคร๊าบบบบบ
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 23-08-2013 20:55:38
 :mew1:
คู่ของธามกับวิรัลก็หวานแหววดีนะคะ
คู่ของพิชย์กับชาครก็ดูน่ารักน่าหยิกไม่น้อย
จะเป็นไรมั้ย? ถ้าจะบอกว่า ชอบคู่ของ งู - กวางที่สุดเลย!!
อืมมม...นี่เราเข้าข่าย SM แล้วหรือนี่!

555555
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: "ลิขิตรักอสุรกาย" / โชว์เล่มหนังสือของจริง พร้อมแจ้งหนังสือเหลือ ล็อตเก็บตก P.21
เริ่มหัวข้อโดย: kawaiineko ที่ 16-09-2013 01:48:21
ชอบคู่ พ่อเวทิต-อุรค(ลุงงูหื่น)ที่สุดเลย >()<
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nichytaec ที่ 07-11-2013 08:13:29
ตามมาอ่านเป็นเรื่องที่ 4 แล้วล่ะค่ะ และคงจะทยอยอ่านที่เหลือ คนเขียนแต่งเก่งจังจากที่ตีมึนตอนแรกๆ ตอนนี้สนุกมาก มีให้ชื่นชอบหลายคู่นอกเหนิอจาก ธามวรัล ยังมีชาทรพิชย์ คุณน้ำน้องม่านฟ้า และยังมีคู่ตัวร้าย คู่รุ่นเดอะ เอ๊ะ!!! เยอะเหมือนกันนะคะ 555+ แต่ชอบ พ่อหนุ่มน้อยกวางทองเจอรักแรดพบกับหมาป่าหนุ่มสีเงิน ออกแนวแฟนตาซี บู้ล้างเผ่าพันธุ์ แนวนี้หาอ่านยากหรือมีเยอะแต่ไม่ค่อยเจอก็ไม่รู้ พออ่านแล้วทำให้ติดได้ง่ายๆ เลยนะ ยิ่งตอนพิเศษ แอบกรี๊ดดดดดดด เอสมากๆ อุรคกับเวทิต ฟินกว่ารุ่นไหนๆ เอ๊ะ!! หรือเราจะเอสเหมือนกัน 555+ เสียดายตอนพิเศษบางตอนที่มีเฉพาะในเล่ม เพราะเรามาช้าอีกแล้ว ถึงมาเร็วแต่หลายเรื่องที่อยากได้ก็ไม่ไหว หาเงินมาหมุนไม่ทันแน่ๆ ยังไงถ้ามีรีปริ้นท์อีกก็อ่านจะได้สักเล่มสองเล่ม # แม้ใจจริงอยากได้หมด แงๆๆๆๆๆ ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวตามไปอ่านเรื่องต่อไปเน้นๆ ที่จบแล้วเนอะ 555+
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: The darkness ที่ 09-11-2013 10:36:30
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ น่ารักดี แต่เปลี่ยนจากแส้เป็น ขนนกคูนี้คง SM ไม่ขึ้นจริงๆ ส่วนคู่คุณพ่อ + เฒ่าหัวงู นี่อ่านแล้วนึกถึง จำเลยรักชะมัด สรุปคือ  o13 o13 o13
ปล.รีปริ๊นเมือ่ไหร่คะอยากได้หนังสือบ้าง
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 16-11-2013 03:57:46
อ่านไปน้ำตาร่วงไป
ทะเลาะกันตลอดอ่ะคู่นี้
พอจะดี  ก็ดีกันง่ายๆซะงั้น(อันนี้ชอบมาก)
แถมยังจะหวานใส่กันอีกนิดหนึ่ง
โล่งไป  555555
รอตอนพิเศษตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 09-12-2013 11:44:19
ชอบมากเลยครับบบบ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 13-12-2013 19:01:15
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่าน สนุกมากๆ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 21-12-2013 14:23:31
พ่องูน่ารักอ่ะ เราชอบนาย

นายมันเถื่อนได้ใจ

 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 01-01-2014 00:10:34
จบแล้ววววววว
สนุกมากเลย ชอบค่ะ ชอบทุกคู่เลย ^^
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 02-03-2014 12:50:14
เพิ่งได้ตามอ่าน
ขอบอกว่าสนุกมากกกกกกกกกกก
น่ารักกันทุกคู่
แต่ไม่รู้เป็นไง
เราเทใจให้คู่พิภพ 55555555555
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 04-03-2014 20:56:24
ตามอ่านจนจบแล้ว :hao7:

ลุ้นคู่หลัก น่าดูเลยเรา  กลัวท่านย่าจะไม่ยอมรับ :a5:

ชาคร พิชญ์  คู่นี้ก็ลุ้นให้รวมร่างกันอยู่น้าาาาา แต่เสียดายที่ลงให้เฉพาะในเล่ม :ling1:

คู่ ท่านพ่อเวทิต กับลุงงู มันลงเอยง่ายไปหน่อยม้านอ่า  ตาลุง ทำเค้าเจ็บไว้เยอะ แต่แลดูสมหวังง่ายจังนะ ชริ! :katai4:

ภูทิป พิภพ  เราชอบคู่นี้มากเลย  :oo1: ตอนแรกสงสาร พิภพ ดูเหมือนว่าจะถูกข่มเหง แต่ที่ไหนได้ พี่ท่าน ใช้ร่างกาย เพื่อเผ่าวกะ ซะง้านนนน คดีพลิก กลายเป็น ครุโฬ ภูทิป รักหมาน้อยข้างเดียว น่าสงสารที่ซู้ดดดด  :เฮ้อ:

เป็นแฟนตาซีเรื่องแรกที่เราอ่านจนจบเรื่องนะ คนเขียน แต่งได้สนุกดีจ้า  ตัวละครเยอะ แต่ อ่านแล้วไม่งง ว่าใครเป็นใคร เผ่าไหนบ้าง ไม่สับสน เยี่ยมมากเลย o13 ยิ่งเป็นปฟนตาซีไทยด้วยแล้ว เราทึ่งในความสามารถ ในการใช้ภาษาของ คุณคนเขียนสุดๆ  ชอยๆ ถ้ามีโอกาส ก็อยากได้มาครอบครองสักเล่ม ถึงจะเป็นเล่มมีตำหนิก็เอานะ ยังพอมีเหลือหรือเปล่าคะ  หรือยังไงถ้า รีไรท์ ก็รบกวนแจ้ง ด้วยนะคะ  จริงๆคือ อยากอ่านคู่ พ่อปุริม และ คู่พิภพ  น่ะ    :-[
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 17-03-2014 16:18:52
มาอ่านซ้ำ ๆ.....ก้อยากได้เล่มนิยาย มาครอบครองจังเลยครับ

ใครที่เพิ่งมาอ่านรวมตัวกันดีไหม.....//หาพวก ถถถถถ

ทำยังไงดี คนแต่งจะรีปริ๊นได้ไหมครับ ชอบมากเลย ไม่น่ามาเจอช้าไป.....มากโข
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: skipkiss ที่ 10-04-2014 10:08:12
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ และเพิ่งรู้ตัวว่า นี่เราไปมุดหัวอยู่ที่ไหนตั้งนานนนนนนนนนนนนนนนนนน
มันสนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกอ่า ชอบคู่คุณพ่อมากมายอ่า แบบตาเฒ่างูเถื่อนอ่าชอบ 55555555 :oo1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: one ที่ 10-04-2014 20:57:32
สนุกมาเลย มีครบทุกรส  :กอด1: ขอบคุณมากคะ   :L2:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 12-04-2014 02:04:09
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกก อิ้อิ้
 
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-04-2014 15:42:49
สนุกมากเลย
ชอบคู่รุ่นใหญ่จังเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: lolitar ที่ 15-04-2014 22:37:29
น่ารักทุกคู่อ่ะ.. :hao7: :hao7:

เป็นเรื่องที่สนุกมากขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะค่ะ o13 o13

จะคอยติดตามและตามอ่านเรื่องเก่าๆของคุณนักเขียนให้หมดค่ะ.. :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: +zoLoMegWoz+ ที่ 03-07-2014 15:32:47
คู่หลักน่ารักใสๆ
แต่คู่คุณพ่อเนี่ยยยย
น่าสงสารอะ ยิ่งตอนถูกแขวนบนต้นไม้
ทำเอาหมั่นไส้ตางูหื่นเลย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 18-07-2014 22:26:12
จะมีรีปริ้นมาอีกไหมค่ะ อยากอ่านคู่คุณพ่อวกะกับอภิคม :impress2: แล้วก็คู่ของพี่เลี้ยงทั้งสองด้วยค่ะ :o8: เพราะว่าไม่มีในบอร์ด :impress3:
 :pig4: สำหรับเรื่องราวสนุกที่เขียนให้อ่านค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 13-08-2014 22:28:26
อ่านจนจบคู่รุ่นใหญ่นี่มันได้ใจไปเต็มๆ
กว่าคุณพ่อเวทิตจะใจอ่อน ตั้งหลายปี
ส่วนคู่อื่นๆ นี่น่ารักกันตลอด
ขอบคุณค่าสำหรับนิยายน่ารักๆ แบบนี้
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: poyhoney ที่ 28-08-2014 15:47:28
อ่านจบแล้วววววว

บอกเลยปลื้มคู่ งู-กวาง มาก

มันนวที่เราชอบเลย555555 :m25: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 29-08-2014 23:14:00
ตามอ่านจนจบแล้ว :hao7:

ลุ้นคู่หลัก น่าดูเลยเรา  กลัวท่านย่าจะไม่ยอมรับ :a5:

ชาคร พิชญ์  คู่นี้ก็ลุ้นให้รวมร่างกันอยู่น้าาาาา แต่เสียดายที่ลงให้เฉพาะในเล่ม :ling1:

คู่ ท่านพ่อเวทิต กับลุงงู มันลงเอยง่ายไปหน่อยม้านอ่า  ตาลุง ทำเค้าเจ็บไว้เยอะ แต่แลดูสมหวังง่ายจังนะ ชริ! :katai4:

ภูทิป พิภพ  เราชอบคู่นี้มากเลย  :oo1: ตอนแรกสงสาร พิภพ ดูเหมือนว่าจะถูกข่มเหง แต่ที่ไหนได้ พี่ท่าน ใช้ร่างกาย เพื่อเผ่าวกะ ซะง้านนนน คดีพลิก กลายเป็น ครุโฬ ภูทิป รักหมาน้อยข้างเดียว น่าสงสารที่ซู้ดดดด  :เฮ้อ:

เป็นแฟนตาซีเรื่องแรกที่เราอ่านจนจบเรื่องนะ คนเขียน แต่งได้สนุกดีจ้า  ตัวละครเยอะ แต่ อ่านแล้วไม่งง ว่าใครเป็นใคร เผ่าไหนบ้าง ไม่สับสน เยี่ยมมากเลย o13 ยิ่งเป็นปฟนตาซีไทยด้วยแล้ว เราทึ่งในความสามารถ ในการใช้ภาษาของ คุณคนเขียนสุดๆ  ชอยๆ ถ้ามีโอกาส ก็อยากได้มาครอบครองสักเล่ม ถึงจะเป็นเล่มมีตำหนิก็เอานะ ยังพอมีเหลือหรือเปล่าคะ  หรือยังไงถ้า รีไรท์ ก็รบกวนแจ้ง ด้วยนะคะ  จริงๆคือ อยากอ่านคู่ พ่อปุริม และ คู่พิภพ  น่ะ    :-[
 :L2: :pig4:



จะมีรีปริ้นมาอีกไหมค่ะ อยากอ่านคู่คุณพ่อวกะกับอภิคม :impress2: แล้วก็คู่ของพี่เลี้ยงทั้งสองด้วยค่ะ :o8: เพราะว่าไม่มีในบอร์ด :impress3:
 :pig4: สำหรับเรื่องราวสนุกที่เขียนให้อ่านค่ะ  :กอด1:

เดือนหน้า ประมาณวันที่ 14 -15 กันยายน 57 จะมาประกาศรีปริ้นท์ ทำมือ ทุกเรื่องที่เคยพิมพ์อีกทีค่ะ

อ้อ นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังมีลงขายแบบประหยัด สำหรับคนชอบแบบ ebook ด้วยนะคะ ลงขายที่เว็บ meb ค่ะ

ขอบคุณที่สนใจนิยายนะคะ ^^


อ้อ!! แล้วก็ต้องขอกราบขอบพระคุณทุกคอมเมนต์ที่ไม่ได้ยกอ้างถึงมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ นาน ๆ ย้อนกลับมาอ่าน ตอนหมดไฟ รู้สึกมีความสุข และมีแรงจะปั่นนิยายต่อไปได้อีก  ขอบคุณทุกท่านจริง ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 31-08-2014 11:57:43
เป็นนิยายที่ดีมากจิงๆ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 09-09-2014 10:41:25
ชอบทุกคู่เลยค่ะ  แต่ชอบคู่คุณพ่อมากกว่า SM ได้ใจ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 14-09-2014 23:05:54

เดือนหน้า ประมาณวันที่ 14 -15 กันยายน 57 จะมาประกาศรีปริ้นท์ ทำมือ ทุกเรื่องที่เคยพิมพ์อีกทีค่ะ

อ้อ นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังมีลงขายแบบประหยัด สำหรับคนชอบแบบ ebook ด้วยนะคะ ลงขายที่เว็บ meb ค่ะ

ขอบคุณที่สนใจนิยายนะคะ ^^


อ้อ!! แล้วก็ต้องขอกราบขอบพระคุณทุกคอมเมนต์ที่ไม่ได้ยกอ้างถึงมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ นาน ๆ ย้อนกลับมาอ่าน ตอนหมดไฟ รู้สึกมีความสุข และมีแรงจะปั่นนิยายต่อไปได้อีก  ขอบคุณทุกท่านจริง ๆ นะคะ



เค้ายังรอคอยคนแต่งอยู่นะ มาดูเรื่อย ๆ คือเค้าอยากได้จริง ๆ แบบจริง ๆ 14 แล้ว พรุ่งนี้ 15

จะช้ากว่านี้ก็รอได้ แต่ขอให้คนแต่งรีปริ๊นเถอะนะครับ ตาตั้งรออยู่นะ ฮ่า ๆ ^0^
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 15-09-2014 20:31:36
คู่คุณพ่อน่ารักมากๆๆๆ คู่ลูกก็หวานเจี๊ยบน้ำตาลเรียกพี่เลย  ขอบคุณนะคะที่เขียนมาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 23-09-2014 01:22:13
สนุกมากเลยคับ

ชอบทุกคู่เลย

คู่พ่อก็รุนแรง ซึ้งๆ

คู่ลูกก็หวานแหวว

คู่พี่ชายก็เศร้า หวานนิดๆ

หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 28-09-2014 16:44:59

เค้ายังรอคอยคนแต่งอยู่นะ มาดูเรื่อย ๆ คือเค้าอยากได้จริง ๆ แบบจริง ๆ 14 แล้ว พรุ่งนี้ 15

จะช้ากว่านี้ก็รอได้ แต่ขอให้คนแต่งรีปริ๊นเถอะนะครับ ตาตั้งรออยู่นะ ฮ่า ๆ ^0^

ตอนนี้ก็มีรีปริ้นท์แล้วนะคะ แปะไว้ที่กระทู้ในเล้า แจ้งเปิดจองที่นี่ค่ะ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21230.msg2815950#msg2815950  นอกจากนี้ก็ยังมีแบบอีบุคที่เว็บ meb ด้วยค่ะ ทยอยลงเรื่อย ๆ เหลือมิราเคิลคาเฟ่ ที่กำลังรอคิวจัดรูปเล่มให้อ่านสบายตาสำหรับอีบุคค่ะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-09-2014 09:26:42
นิยายสนุกมากเลยมีครบทุกรส

ชอบพ่องู 555555 คู่อื่นก็ชอบนะ แต่พ่องูนี่เถื่อนได้ใจ >.<

มีขายใน ebook ด้วยจริงสิ เดี๋ยวตามดู
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 16-10-2014 22:10:58
ตอนนี้ก็มีรีปริ้นท์แล้วนะคะ แปะไว้ที่กระทู้ในเล้า แจ้งเปิดจองที่นี่ค่ะ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21230.msg2815950#msg2815950  นอกจากนี้ก็ยังมีแบบอีบุคที่เว็บ meb ด้วยค่ะ ทยอยลงเรื่อย ๆ เหลือมิราเคิลคาเฟ่ ที่กำลังรอคิวจัดรูปเล่มให้อ่านสบายตาสำหรับอีบุคค่ะ

ขอบคุณมาก ๆ

Pre-0010 เรียบร้อยแล้วคร๊าบบบบบบบ รออย่างเดียว ดีใจจังเลยยยยยยย *-*

หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 07-11-2014 18:05:07
อยากอ่านคู่คุณพ่อเวทิตกับพี่งูอีก อ๊ากก ไม่อยากให้จบเลย
คู่พิชญ์ชาโค คู่พิภพลุงภูธิป คู่หนูวิรัลธาม ไหนจะคู่คุณพ่อ
กับประมุขหนุ่มอีก ว้ากกก อยากอ่านต่อๆๆ
ขอบคุณคุณนักเขียนสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: teamkoyza ที่ 21-02-2015 19:47:09
กวางทอง+หมาป่าสีเงิน = ฟิน หวานเจี๊ยบ
กวางทอง(พ่อ)+พญางูเผือกยักษ์ = sm มาโซ โอ้ ฟินนนนน
หมาป่า(ผู้พี่)+พญานก = ร้าย แต่ ตื่นเต้น อิอิ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 25-02-2015 12:27:05
ชอบบบบบบบ เค้าชอบเรื่องเน้!!!!!
ชอบคู่งูกวาง กับ ภูธิปพิภพ!!!!!  ยิ่งคู่หลังนี่อย่างน้อยก้อยากให้มีความสุขอ่าาาา
แค่สองเราก้ดีเนอะ อิอิ o13 o13
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 16-04-2015 11:20:14
 :m4: :m4: :m4: :give2: :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 25-04-2015 19:10:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: valentinesmile ที่ 27-06-2015 10:39:35
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 31-07-2015 13:47:30
งื้ออออ มีครบทุกรสเลยค่าาาา
ชอบมากๆๆๆ ><
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: painture ที่ 01-08-2015 14:15:44
ชอบคู่คุณพ่อจังเลย อ้ายยยยย
แว้บมาบอกว่าปกหนังสือสวยงามเชียวค่ะ

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ   :L2:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: yumijung ที่ 07-08-2015 14:49:01
แนวแฟนตาซี..ชอบมากค่ะ..อ่านรวดเดียวเลย..อยาดได้เล่มไว้สะสมอ่ะค่ะ..หนุกมั้กๆ. :mew2:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 27-09-2015 23:25:27
ทำไมพึ่งมาเจอนะ ฮือออ
สนึกมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 17-10-2015 21:58:51
คู่พ่อกวางกับงูนี่ทีแรกดุเดือด หลังๆงูเริ่มกลัวเมีย
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 18-10-2015 14:30:33
น่าติดตามทุกคู่เลยจ้าาาาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 08-01-2016 23:17:10
 :pig4: สนุกมากค่ะ  เนื้อเรื่องแปลกดีค่ะ  หมาป่ากับกวางทอง.....น่ารักค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 18-05-2016 19:18:52
อ่านแล้วชอบมากเลย ชอบแนวแฟนตาซีมากค่ะ
เนื้อเรื่องสนุกมาก  o13
เรื่องหน้าขอบแบบแวมไพว์ได้ไหมคะ อิอิ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 04-12-2016 10:48:22
สนุกมาก ๆ ครับ ชอบทุกคู่เลย

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 11-12-2016 00:46:06
โอ้ ชอบคู้คุณพ่อกับงูยักษ์มากเรยย โหดๆ สะใจดี อิอิ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: newannlyf7 ที่ 11-12-2016 22:13:28
ดีต่อใจจริงๆค่ะ สำหรับคู่คุณพ่อ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-12-2016 18:34:18
ตอนเห็นว่าอสูรกาย คิดไปถึงพวกตัวร้าย หรือแวมไพร์ค่ะ 5555

เค้าเรียกบุพเพจริงๆค่ะ แต่สบตา ก็ต้องใจ รักกันแบบไม่ต้องเอ่ยปาก

เป็นความรักต่างเผ่าพันธ์ุที่มั่นคง รักจริง ยืนยาวมาก ไม่ได้สนใจว่าจะเป็นอะไร
โชคดีที่แปลงกายเป็นคนได้

วิรัลเป็นเด็กน้อยมากเลยค่ะ คุณหนูโดยแท้ มีความน่ารัก ฉลาดในเวลาที่ควร
ธามให้อภัยได้ ดีแล้วค่ะ จะได้ไม่ต้องจมความแค้นนะ

ชาครชัดเจนมาก ตกหลุมพิชญ์หนักมาก พิชญ์ปากแข็ง แต่ดีที่รู้ตัวไวและยอมรับใจตัวเอง

ออกแนวสงสารเวทิตค่ะ อุครรักจริงแต่ก็ยังโหด แต่สุดท้ายต้องยอมอ่อนเพื่อความรักอะเนาะ ลงเอยด้วยดี
สุดท้ายก็กลับมาแบบเต็มใจ

พิภพน่าสงสาร สับสน จะรักก็รักได้ไม่เต็มที่ แต่คิดว่าพ่อรู้นะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 14-12-2016 12:58:47
สนุกมากเลยครับ น่ารักที่คู่เลย
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-12-2016 23:24:45
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 17-12-2016 09:36:52
ชอบคู่พ่อ น่าร๊าคคคคคคค ดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: indyska ที่ 18-12-2016 23:57:28
สนุกมากเลย ชอบคู่จำเลยรัก ของคุณพ่อกวางทองจังเลย >< แนวนี้นี่มันเด็ดสุดแล้ว ตบจูบนี่แหละ เข้าถึงอารมณ์ไทยๆเลย 55555
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 27-06-2017 15:56:44
เพิ่งได้อ่าน ชอบคู่พ่อมากกว่าอ่ะ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 07-07-2017 21:30:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ayniris ที่ 03-08-2017 00:18:25
เป็นนิยายแฟนตาซีที่ชอบมากๆๆจากที่เคยอ่านมา สนุกมากค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: armsa2531 ที่ 28-11-2017 16:35:33
 :ling1:โอ๊ย!!!แซบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 11-12-2017 22:23:00
ตามมาจากกระทู้อื้นค่ะ
ทำไม ชีวิตเราพลาดเรื่องนี้ไปนะ
อ่านไปจิกหมอนไป
ฉากตื่นเต้นก้อตื่นเต้นมากจนวิ่งรอบห้อง
ฉากหวานก้อจิกหมอนเกร็งมสก มือจะจีบ
จากดราม่า ก้อน้ำตาไหลเบาๆ แหมะๆ
โอ๊ย ดี๊ดี เป็นเรื่องที่ดีมาก
รักทุกอย่างที่เป็นเรื่องนี้
ปล. คุณหนูแดง คุณจะเป็นคนที่เราจะติดตามอ่านนิยายของคุณนะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 05-02-2018 09:28:24
 :L2: :L2:

 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 19-02-2018 02:51:47
แซ่บมากค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 21-05-2019 23:10:54
แงงงน่ารัก โดยเฉพาะคู่อุรค ชอบความขี้หวงง
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: archaeoloable ที่ 03-06-2019 09:57:24
ทำไมเพิ่งมาเจอ สนุกมากกก ตามไปซื้อใน Meb แล้วนะคะ. สนุกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 05-06-2019 12:49:18
แวะมาอ่านรอบสอง  :z13:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 28-09-2019 23:57:45
 o13
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-09-2019 13:31:44
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-10-2019 19:46:24
 :pig4: :pig4: :pig4: