พิมพ์หน้านี้ - N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: seira ที่ 05-02-2014 11:33:36

หัวข้อ: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 05-02-2014 11:33:36
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สารบัญ
Intro - คนเกลียดกัน มักจะด่ากันได้ทุกที่ (เลื่อนลงจ้า)
Ch. 1 - คนเกลียดกัน มักจะได้เรื่องให้ตัวติดกัน (เลื่อนลงจ้า)
Ch.2 - คนเกลียดกัน มักจะมีบางครั้งต้องใช้เวลาร่วมกัน (เลื่อนลงจ้า)
Ch. 3 - คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบมีอะไรติดค้าง (เลื่อนลงจ้า)
Ch. 4 - คนเกลียดกัน มักจะโดนล้อกัน (เลื่อนลงจ้า)
Ch.5 - คนเกลียดกัน มักจะทำให้เกลียดกันยิ่งขึ้นไปอีก (เลื่อนลงจ้า)
Ch. 6 - คนเกลียดกัน มักจะเจอเรื่องฉิบหายด้วยกัน (P.2 )
Ch. 7 - คนเกลียดกัน มักจะชอบทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน(P.2 )
Ch  8 - คนเกลียดกัน มักจะกลัวเรื่องเหมือนกัน(P.2 )
Ch 9  - คนเกลียดกัน มักจะชอบหักหน้ากัน(P.2 )
Ch 10 - คนเกลียดกัน มักจะทำให้ตกใจกัน(P.2 )

✖N o n   Roman ✖

เกลียด ฉิบ หาย!!




Authors: StraWBerry_ImIn
****เราไม่ใช่เจ้าของเรื่อง เป็นเพียงผู้มีสิทธิได้รับอนุญาตให้เอาเรื่องมาลงเท่านั้น เจ้าของอายไม่ยอมมาลงเอง ฮา***




Non Roman !! - I n t r o 00 – คนเกลียดกัน มักจะด่ากันได้ทุกที่

   เกลียด ฉิบ หาย

ไอ้ผู้ชายที่ทำให้ผม นายน้ำกรด วิจารนิโยช ไม่ได้นอน!

   คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ ชื่อจริงของผมคือ ‘น้ำกรด’  เรียกสั้นๆกันว่า กรด ไม่มีความหมายใดๆมากไปมากกว่าค่ากรดเบสที่pHต่ำว่า 7  และถ้าอยากรู้มากกว่านั้น ผมขอแนะนำให้พวกคุณที่รักทุกคนเข้ากูเกิ้ล เสิร์ชวิกิพีเดีย แล้วคุณก็จะได้ความหมายของ ‘น้ำกรด’ มาอย่างจริงๆจังๆยังไงล่ะ นั่นแหละ ความหมายชื่อของผม!

   จะเข้าเรื่องก็ได้ครับ.. เจ้าประโยค ‘เกลียด ฉิบ หาย’ ที่ผมคิดตอนแรกน่ะ.. ผมมอบให้กับ..
ไอ้ผู้ชายที่นอนอยู่ชั้นบนของห้องผม

ผมเป็นเด็กมัธยมปลายอายุ 17 ปี นอนที่หอชายของโรงเรียนประจำ แชร์ห้องกับไอ้เพื่อนตัวดีที่ชื่อว่า ‘นิว’ แต่เพราะมันแม่งเป็นคนหลับลึกน่ะสิ เลยไม่ได้ยินเสียงนั้น..

..เสียงผู้ชายเอากันบนเพดานห้อง!

   “มึงแม่งหลับลึก!”

 ผมตะคอกใส่เพื่อนตนเองที่กำลังนอนกรนน้ำลายยืดอยู่บนเตียง ทำได้แต่มองตาเขียวปัด แม่งจะนอนลึกไปไหน ไม่ได้ยินเสียงคนเอากันหรือไงวะ! “เหี้ยเอ๊ย! กูง่วงนอน!”

   ‘อ๊าา! อ๊ะ อ้ะ อ๊า!’

อ๊ะพ่อง อ้ะแม่งมึงอ่ะ!

   จะว่าหงุดหงิดก็หงุดหงิด! ที่ที่ผมสถิตอยู่คือหอชาย แถมยังเป็นโรงเรียนประจำชายล้วน อาจจะเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเหตุการณ์เฉกเช่นนี้ แต่ไม่ใช่ทุกวันเวลาประมาณตีสองถึงหกโมงเช้า!! แล้วมึงจะถึกไปไหนวะ อยากมากทำไมไม่หาผู้หญิงตอนเสาร์อาทิตย์ หรือไม่ก็ไปทำกันห้องอื่นดิ นี่แม่งคิดจะเอากันข้างบนห้องผมอย่างเดียวเลยหรือไง
คือ กู นอน ไม่ หลับ!

..นี่คือเหตุผลที่หงุดหงิดครับ...

แต่ถ้าจะถามผมว่า ‘ใครอยู่ชั้นบน’ ของห้องผมล่ะก็.. ผมรู้จักดีเลยล่ะ
   มันคือไอ้ผู้ชายตัวยักษ์สูง 187 เซนติเมตร ชื่อจริงว่านายดนัย การัตนสมบูรณ์ และเพื่อนๆเรียกกัน ‘ไอ้นัย ไอ้นัย’ .. อาจจะมีแต่ผมที่เรียกมันด้วยชื่อนั้น..

..ไอ้ดำ

   เพราะผิวแม่งแบบแทนๆคล้ำแดดนี่หว่า ช่วยไม่ได้ กูขาวด้วย เรียกแม่งไอ้ดำเลย หึ.. มันคือคนที่ผมเกลียดที่สุดในชีวิตอย่างร้ายแรงจนถึงขั้นวิบัติ! เพราะพวกเรามีหลายๆอย่างที่ไม่ลงรอยกัน แถมยังทะเลาะทุกครั้งที่เจอหน้าอีกด้วย..

แล้ววันนี้... ผมก็ทนไม่ไหวแล้ว เอากันได้อยู่ทุกคืน น้องน้ำกรดจะไม่ทน!

   ผมยกเฮดโฟนขึ้นมาปิดหู ก่อนจะเปิดเพลงเสียงดังจนสุด ใครแคร์กันล่ะ! แน่นอน ไม่ลืมพาร่างหุ่นดีๆของตนเองออกจากเตียงครับ แล้วเปิดประตูระเบียงครืดพลางสาวเท้าออกไป

สูดลมหายใจเข้าลึก .. พ่นหายใจออกลึก..

..เอาล่ะ เตรียมพร้อมแล้วสินะ นายน้ำกรด วิจารนิโยช..
...




เริ่มได้!




   “ไอ้เหี้ยที่มันสิงอยู่ที่ห้อง 707 ช่วยกรุณาลดเสียงด้วยครับ!! ไอ้เกย์เอ๊ย! เอากับผู้ชายอยู่ได้ทั้งวัน มึงจะแดกถั่วดำ แทงใครหรือโดนแทงแม่งก็ช่วยกรุณาลดเสียงด้วยครับ!! กูรำคาญ!! คนจะหลับจะนอนหัดมีมารยาทบ้างเดะ พ่อแม่ไม่สั่งสอนมาหรือไง!!!”


หึ


จบ


   หลังจากที่ตะโกนเสียงดังจนน่าจะทำให้คนข้างห้องผมตื่นได้แล้ว จะไปอยู่ทำไมละครับ? รีบพาร่างตัวเองกลับบนเตียงแล้วปิดไฟทันที ไอ้นิวแม่งก็ดีเหลือเกิน เสือกไม่ตื่นอีก เอ้า ไอ้เหี้ยนิทรา!!

...

และเสียงที่อยู่ชั้นบนของห้องผมก็ค่อยๆเงียบลง หึ.. สมน้ำหน้า มึงขายหน้าเขาไหมล่ะ โดนบอกว่าเป็นเกย์ กูสะใจวะ!!


แต่เหมือนว่าจะไม่ใช่ เพราะผมได้ยินเสียงตึกๆราวกับคนเดินแล้วก็เปิดประตูทางระเบียงเหมือนผมอีกด้วย
..
พร้อมกับเสียงทุ้มตะโกนลั่นกลับมา


   “ไอ้เหี้ยห้อง 607! จำใส่สมองขี้เลื้อยๆของมึงไว้ด้วยล่ะ ว่ากูไม่แคร์!! ถ้ามึงรำคาญมากนักก็มาให้กูเอาสิวะ จะได้enjoyกับกู!!!”


..แม่งอยากพูดให้ผมเสียหน้า.. ผมรู้!
แล้วเสียงทำกิจกรรมยามค่ำแม่งก็ยังคงดำเนินต่อไป ผมเองก็ได้ยินเสียงเหมือนกันครับ..
เหอะ
ไอ้เหี้ยนี่ไร้มารยาทมาแต่สันดาน!!

   ผมขยับเฮดโฟนที่ตนเองสวมอยู่แล้วเพิ่มระดับให้เสียงดังกว่าเดิมแทน ก่อนจะล้มตัวนอนหลับ.. ไม่ยงไม่ยุ่งแล้ว คืนนี้คงต้องทนๆไปก่อนก็แล้วกัน.. ฮึ่ม

ไอ้กรดคนนี้เกลียดไอ้เชี่ยดำ

และแน่นอน
ไอ้เชี่ยดำแม่งก็เกลียดไอ้กรดเหมือนกัน
ทั้งความรู้สึกของผมที่มีต่อมัน และความรู้สึกของมันที่มีต่อผม..
แค่ประโยคเดียว.. สุดโรแมนติกเลยครับ
...





เกลียด ฉิบ หาย!!












TBC..

สารจาก
StraWBerry_ImIn  :z1:

สวัสดีค่ะ>< ! มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเพื่อที่จะไม่เสียเวลา นิยายเรื่องนี้คือเรื่องแรกที่ลงเล้าไก่และฝากให้พี่สาวสุดน่ารัก(?)มาช่วยลงให้ค่ะ!
ขณะนี้ผู้แต่งอยู่ต่างประเทศจึงไม่ค่อยมีเวลามาอัพหรือลงนิยาย แต่ถ้าหากว่างเมื่อไหร่จะพยายามมาอัพเรื่อยๆค่ะ  :sad4: !
ขอฝากเนื้อฝากตัว ฝากหัวใจ ติเตือนได้และจะนำกลับไปแก้ไขค่ะ! ขอบคุณค่ะ ^__^
  :-[
เพจของ StraWBerry_ImIn
(เอาไว้เมื่ออยากคุยหรือทวง(?)หานิยายค่ะ!)
https://www.facebook.com/StraWBerryimin?ref=hl
[/color][/color]
หัวข้อ: Re: xNon Romanx เกลียด ฉิบ หาย!! 1 (05/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 05-02-2014 11:42:01
เกลียดแบบไหนได้แบบนั้น
หัวข้อ: Re: ✖N o n Roman ✖ เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.1 P.1 (6/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 06-02-2014 12:41:08



Non Roman !! - C h a p t e r  01 – คนเกลียดกัน มักจะได้เรื่องให้ตัวติดกัน


   คนเราแม่งก็ต้องมีฉิบหายบ้าง

   “ใครเป็นคนตะโกนคุยกันเมื่อคืนตอนตีสอง!! บอกผมมา!!”

   ไม่ใช่เสียงพี่ว๊ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่งแต่อย่างใด เพราะเป็นเสียงของอาจารย์ตัวร้ายกับ(พวก)เด็กม.6ทั้งรุ่นที่กำลังก้มหน้าก้มตากันอยู่ ไม่มีเสียงเล็ดลอดมาแม้แต่น้อย แหงล่ะ จะลอดได้ไงล่ะ

ก็อาจารย์ไม้ ผู้คุมหอม.6 กำลังโกรธจัด!

   เนื่องจากว่ามีคนหล่อบางคนกับเหี้ยอีกหนึ่งตัวตะโกนด่ากันเมื่อคืนนี้ ถึงจะเป็นแค่สองประโยคแต่ก็เหมือนว่าจะทำให้ผู้คนตื่นได้ ผมแทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย แม่ง รู้งี้กูกระซิบด่าเบาๆดีกว่า!

   “ผมถามว่าใครเป็นคนตะโกนคุยกัน!”

   เงียบ.. ยังคงเงียบ แหงสิ ใครจะไปกล้ายอมรับวะ! อาจารย์ไม้ก็โง่เนอะ ไม่รู้ อ้าว.. กรรม นี่กูด่าอาจารย์เหรอวะ ไม่ๆ ไม่ครับ แค่เปรียบเปรยจารย์แกกับคำว่าโง่..

ยังไงแม่งก็ด่านี่หว่า

   “เมื่อคืนเกิดไรขึ้นวะไอ้กรด..”

เสียงกระซิบจากตัวเหี้ยนิทราที่อาศัยอยู่กับผม.. เหี้ยนิวครับ แม่งไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆนั่นแหละ ขนาดกูตะโกนด่าแม่งยังเสือกไม่รู้เรื่องเลย!

ต้นเหตุก็มาจากห้องมึงอ่ะแหละ! ก๊ากก! รูมเมทมึงด้วย!

   โอเค ระหว่างที่อาจารย์แกกำลังเพ่งจิตตามหาตัวผู้ร้าย ผมจะอธิบายคร่าวๆ โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนประจำชายล้วนที่ตรงข้ามกับโรงเรียนประจำหญิงล้วนครับ เป็นอะไรที่กระตุกใจมากๆเวลาแอบเห็นสาวๆฝั่งตรงข้ามเดินยั้วเยี้ยอยู่ในโรงเรียนแต่ผมกลับกระโจนไปงาบไม่ได้!

ไม่ใช่ประเด็นสาวๆดิ! ผมต้องอธิบายโรงเรียนของผมก่อน

   โรงเรียนชายล้วนประจำของผมแบ่งหอตามระดับชั้นแต่ครับ แต่ไม่ใช่โรงเรียนแผนกม.ต้น จึงทำให้มีเพียงสามหอเท่านั้น หอม.4 หอม.5 แล้วก็ตามปิดท้ายด้วยหอม.6

แล้วผมก็อยู่หอม.6

   และสืบเนื่องมาจากเมื่อคืนที่ผมอยากบริหารเสียงมากไปหน่อยก็เลยตะโกนด่ากับไอ้คนชั้นบน ก็แค่นั้นล่ะครับ ไม่มีอะไรมากมายเลย! เพื่อนๆหอม.6 ทุกคนเลยต้องมารับกรรมตกที่นั่งลำบากก็เพราะผม โดนอาจารย์สั่งเรียกแถวหน้าหอหลังเลิกเรียนพอดี แต่ก็แหม ทุกๆคนรักผมอยู่แล้วล่ะ เรื่องแค่นี้พวกเพื่อนม.6ทุกคนยกโทษให้ผมได้

ให้ผมได้จริงๆนะ ไม่เชื่อเหรอ? หึหึ

   “ได้ ในเมื่อไม่มีใครยอมรับ ทุกๆคนที่อยู่ในหอม.6ก็ต้องได้บทลงโทษเหมือนกัน”

 เสียงอาจารย์ไม้ยังคงดังต่อเนื่องไป แหม.. เวลาที่ไม่มีใครยอมรับแม่งก็จบลงอีหรอบนี้เหมือนเดิมนั่นแหละ
เพราะอย่างนี้ไง ผมเลยไม่ยอมรับ.. มีเพื่อนทำโทษ ก๊ากก!

   ใครจะไปแคร์กันครับ ผมมั่นใจนะว่าพวกมันได้ยินเสียงตัวเลขห้องที่พวกผมตะโกนด่ากันสองประโยค เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดก็เท่านั้นแหละ

สุดท้าย.. เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกัน ก็เลยได้รับโทษไปด้วยกันอย่างไงล่ะ ก๊าก! สะใจสัตว์ๆ!!
..

นั่นเป็นแค่ความคิดของผมครับ เมื่อมีเสียงถัดไปดังมาจากอาจารย์ไม้

   “แต่ว่า พอดีตอนนั้นผมได้ยินเสียงเนี่ย.. เหมือนพวกเขาจะระบุตัวเลขห้องด้วยใช่ไหม?” น้ำเสียงทุ้มกังวานของอาจารย์ทำให้ผมนิ่ง

..ใช่ครับ ผมระบุชื่อห้องไป..
   ได้แต่คิดในใจเงียบๆพลางกลืนน้ำลายเอื๊อก ภาวนาไม่ให้เป็นอย่างที่ตนเองคิด เพราะมันเริ่มแปลกๆซะแล้วสิ..
...




   “ใครที่อยู่ห้อง606 และห้อง 707 มาพบผมหลังเลิกแถว.. เร็ว!!”



 ..
ที่สงสารมากที่สุดคงจะเป็นไอ้นิว

   เพื่อนผมที่กำลังยืนอ้าปากค้างหน้าเหวอหวาเพราะไม่รับรู้เรื่องเกี่ยวกับเมื่อคืน แถมยังต้องมาตกระกำลำบากก็เพราะผมแหกปากตะโกนด่าไอ้ดำไป มันทำหน้างุนงงแล้วหันมาถามผมทันที

   “..ตกลงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ..”

คำถามนี้ยังไม่เลิกหลุดออกจากปากมันครับ ถูกอาจารย์ไม้เรียกพบหลังเลิกแถวก็เล่นทำให้ถึงกับหน้าซีด มองๆไปนี่ดูน่าสงสารเหมือนกันนะเพื่อนกูเนี่ย.. “ไอ้กรด.. ไอ้กรด ตกลง..”

   “เมื่อคืนกูตะโกนด่าไอ้ดำชั้นบน”

ผมตอบพร้อมกับยักคิ้วหล่อใส่ไอ้นิวที่กำลังยืนเป็นเหี้ยโดนลูกหลง โธ่! กูขอโทษนะ แต่พอดีเพื่อนมึงปากไวนี่หว่า “มันเอากับผู้ชายเสียงดังมาก กูเลยตะโกนด่าไป”

   “แล้วทำไมเขาเรียกพวกเราวะ!”

   “ก็เพราะกูตะโกนด่าแล้วระบุชื่อห้องไอ้เหี้ยชั้นบนไง มันเลยตอบกลับแล้วเสือกระบุชื่อห้องกูต่อ”

ผมยังคงตอบหน้าตายไปเหมือนเดิมครับ แอบขำที่เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของนิวที่เหมือนจะสื่อประมาณว่า ‘กูว่ากูนอนอยู่ดีๆแล้วนะ’ โอ๊ย .. น่าสงสารฉิบหาย!

   “ม..มึงแม่ง..”

   “ไม่ต้องห่วง กูจะช่วยมึงเอง ถ้าโดนขัดห้องน้ำเหมือนครั้งก่อน มึงก็ไม่ต้องทำหรอก เรื่องนี้กูทำตัวกูเอง” ผมกระซิบมันตอบไปเบาๆขณะที่เอื้อมมือไปยีผมนุ่มแรงๆ ไอ้นิวตัวเตี้ยกว่าผมอยู่ประมาณหลายเซนพอควรเลยล่ะมั้ง ทำให้ผมสามารถขยี้หัวมันง่ายๆเลย “เข้าใจปะ?”

   “พ่อมึงเหอะ เฮ้อ!”

ถอนหายใจอีก! มึงแม่งน่าสงสารจริงๆวะ จากใจกูเลย!

   แต่ระหว่างที่ยืนรออาจารย์กับเพื่อน ผมก็พบกับไอ้คู่แค้นตั้งแต่ม.4ยันม.6 เดินมาพร้อมกับรูมเมทมัน!
..หึ.. ไอ้เหี้ยดำ..

   หน้าของมันเหมือนไม่สบอารมณ์กับเรื่องพรรค์นี้สักเท่าไหร่ครับ สมน้ำหน้า! ชอบเอากันไม่ดูเวลาเองนี่หว่า! ผมแอบชำเลืองไปมองด้านหลังก็เห็นหน้ารูมเมทมันครับ ตัวใหญ่พอๆกันเลยด้วยซ้ำ..

เอ๊ะๆ เรียกรูมเมทไม่ได้ ต้องคู่ขากันมากกว่าสิ!

   “ไง เมื่อคืนแตกกี่น้ำ”

ก๊าก! เป็นเสียงใครไม่ได้นอกจากผม! ไอ้ดำแม่งหันมาจ้องตาดุเลย โด่ว์ คิดว่ากูกลัวไง สมน้ำหน้า ไอ้เหี้ย สมน้ำหน้า! “ว่าแต่ เจ็บตูดเปล่ามึง หน้างี้โดนเอาแหง!”

สะใจโว้ย!

   ได้เห็นหน้าตาทะมึนๆของมันแล้วรู้สึกมีความสุข อีกฝ่ายหรี่ตาลงมองผมเล็กน้อย
   “ก็นะ ปากไม่มีพ่อแม่สั่งสอน”

ฉึก! เจ็บใจไหมเชี่ย ผมตอบเลยเจ็บใจมาก เล่นถึงพ่อถึงแม่ได้ไงวะ! เอ่อ แต่เมื่อคืนผมก็เล่นถึงพ่อแม่มันนี่หว่า!
แต่ไม่ได้ครับ! กูขึ้น! กูขึ้นแล้วนักเลงเลยนะ!

   “นี่มึงมาด่าพ่อแม่กูเหรอ! ไอ้ดำ!” ผมตะโกนเรียกมันด้วยฉายาที่มอบให้ตั้งแต่เข้าโรงเรียนมา ผมเจอมันวันแรกก็เกลียดกันทันที สัญชาตญาณบอกลึกๆว่าพวกเราสองคนกินกันไม่ลงอย่างแท้จริง!

   “กูไม่ได้ด่าพ่อแม่มึง กูด่ามึง”

เหี้ย! ไอ้เวรนี่!

   “กูก็ลูกมีพ่อมีแม่! ไม่เหมือนมึงอ่ะ เอากับรูมเมทตัวเองได้ทั้งวัน! เสียงดังรบกวนชาวบ้าน!!” ผมตะคอกกลับไปอย่างเหลืออด ยิ่งเห็นท่าทีกอดอกแบบไม่แยแสของมันก็ยิ่งทำให้รู้สึกเดือด!

   “ไอ้กรด อย่าไปหาเรื่องเขา” โว๊ย! แล้วก็ไอ้นิวน่ะ มึงเป็นเหี้ยโดนลูกหลงก็สงบปากสงบคำ ยืนเป็นตัวประกอบไป ไม่ต้องมาห้ามผม!   

   “นึกว่าไม่มีคนสอนสะกดคำ กูชื่อดนัย ชื่อเล่นชื่อนัย เรียกกูไอ้ดำ” แม่งยังเสือกพูดหน้าตายอีกนะ ผมกัดฟันกรอดเลย..
อย่างนี้ยอมไม่ได้!

   “นี่มึงหาเรื่องกูเหรอวะไอ้เหี้ยดำ!” ตะโกนลั่นด้วยความเกรี้ยวโกรธเลยครับ พร้อมกับจะเข้าไปยกหมัดต่อยมันสักรอบ!
คือทนไม่ไหวแล้ว เหี้ยนี่เหี้ยจริงๆ!

   “แน่จริงมึงก็มาดิ ฆ่ากันให้ตายข้างหนึ่งยิ่งดี!”

   เหมือนไอ้ดำแม่งก็จะเกลียดขี้หน้าผม ผมก็เกลียดขี้หน้ามันเหมือนกัน เออ ดี! จะได้ไม่ต้องพูดอะไรให้มันมากมาย
หากแต่ระหว่างผมกำลังจะเข้าไปต่อยมัน และแม่งก็เดินมาให้ต่อย พวกเราสองคนกลับถูกรูมเมทแต่ละคนรั้งไว้ก่อนครับ!
รั้งหาพ่อมึงหรืออ!

   “ใจเย็นๆก่อน! เฮ้ย! ไอ้กรด ใจเย็นสิวะ มึงไปหาเรื่องเขาก่อนนะ!” เสียงร้องเตือนของนิวพร้อมกับเข้ามาสอดมือสองข้างเข้าตรงรักแร้ผมก่อนจะล็อคแล้วพยายามดึงรั้งเอาไว้ ไอ้เชี่ยเอ๊ย! มึงจะอะไรของมึงเนี่ย!

เห็นตัวเล็กแต่มันเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวมาครับ แรงแม่งเยอะฉิบหาย!

   “มึงไม่เห็นเหรอว่ามันหาเรื่องกูตั้งแต่เมื่อคืนแล้วน่ะ!!”

ไอ้อาจารย์ไม้ก็มาช้าเหลือเกิน ผมเกือบต่อยมันไปล่ะ โชคดีที่นิวยังล็อคไม่ให้ผมเข้าไปกระโจนทำร้ายมันเหมือนเดิมครับ “ปล่อยกู!”

ไอ้ดำแม่งก็ขยับตัวแรง พยายามหลุดจากการถูกเกาะกุมเพื่อจะต่อยผม หนำซ้ำยังส่งเสียงท้าทายอีก

   “แน่จริงก็มาดิวะ!” เห็นไหมวะนิว ไอ้ดำมันท้า! ไอ้ดำแม่งท้า!

   “มึงใจเย็นๆ!” ผมได้ยินเสียงเพื่อนของไอ้เชี่ยดำที่กำลังห้ามปราม เหอะ เหม็นขี้หน้าฉิบหาย!

   “ไปบอกคู่ขามึงด้วยว่าลดเสียงลงหน่อย! หัดมีมารยาทซะบ้าง! คนจะหลับจะนอน!” หมั่นไส้! ผมตะโกนกลับไปขณะที่พวกมันก็หันมามองหน้ากันอีกต่างหาก เออ รู้ตัวไว้ด้วยว่ากูอยากจะเข้าไปต่อยจะตายห่า!

   “เฮ้ย ไอ้กรด ใจเย็น!” เสือกอะไรกับกูล่ะ เชี่ย เสือกอะไร๊!! ผมสะบัดตัวให้หลุดจากการล็อคครับ ไม่มองหน้าพวกไอ้ดำหรอกนะ
เห็นแล้วอยากเข้าไปต่อยฉิบหาย!

   พวกเราถูกกันให้ห่างจากกัน ผมไม่มองหน้าไอ้ดำเลยด้วยซ้ำ ยืนนิ่งๆและไกลจากมันให้ได้มากที่สุด มั่นใจว่าอีกฝ่ายก็ไม่มองหน้าเหมือนกัน เกลียดฉิบหาย เกลียดที่สุดในสามโลก กูว่าเกิดมากูคงเกลียดใครไม่ได้เท่ามึงแล้วล่ะ!

จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก คนเรียกแถวพวกผมก็มาสักที!!

   อาจารย์ไม้เดินเข้ามาด้วยท่าทีโหดอีกต่างหาก

   “ทั้งสี่คน มายืนตรงนี้ แล้วคุยกับผม”

โธ่ น่าสงสารไอ้เพื่อนนิวตัวน้อยๆของผมที่แม่งหูตกไปแล้วครับ ผมเลยจัดการยอมเดินไปตรงที่อาจารย์ชี้ หากแต่..
ปึก!

เหี้ย!! ใครชนกูวะ!

   หันไปแม่งก็เจอเลย ตัวต้นเหตุ ไอ้สัตว์ดำแม่งเอาไหล่มากระแทกเต็มๆ!! นี่กูว่ากูไม่ได้หาเรื่องมึงแล้วนะ!
   แต่จะว่าไป.. ทียืนอยู่..

ผมหรี่ตาลงเล็กน้อย มองแต่ละคนประจำที่กันครับ นิว ผม ไอ้ดำ คู่ขาไอ้ดำ

ไม่เอาอ่ะ รับไม่ได้ ผมยืนอยู่ใกล้มันเกินไป

   “นิว สลับที่ยืนกัน กลัวสีตกใส่” ผมสะกิดเพื่อนรูมเมทที่ทำหน้าเหวอหวาไปเล็กน้อยแล้วไม่ฟังเสียงตอบรับ เพราะผมแย่งที่มันไปแล้วอย่างไงล่ะ!

   “ดี คิดว่ากูอยากยืนกับมึงมากนักเหรอ จิน สลับที่”

   แม่ง นี่คิดจะเถียงกับกูให้ได้ใช่มะ! แอบชำเลืองเห็นสิ่งมีชีวิตวัตถุดำๆสลับที่กับคู่ขามันครับ ชื่ออะไรนะ จินใช่เปล่า ได้ยินแว่วๆอยู่

ตอนนี้ตำแหน่งแต่ละคนเปลี่ยนล่ะ ผม นิว จิว แล้วก็ไอ้ดำ

   “ฮู้ว! ช่วงนี้อากาศสบายดีเนอะว่าไหมนิว เนี่ย ไม่ได้หายใจใกล้กับคนดำๆ!”

   “จิน มึงว่าไหมว่าช่วงนี้หมามันชอบเห่า”

นี่มึงจะกัดกับกูให้ได้ใช่ไหม!

   ผมหงุดหงิดครับ ไอ้เชี่ยนี่

   “จะว่าไปแถวนี้ก็มีแต่พวกสัตว์สี่ขาเนอะ นิว”


   “คิดเหมือนกูเปล่าว่าเหี้ยมักชอบมองคนอื่นว่าเป็นเหี้ยแต่ไม่ดูตัวเองน่ะ จิน”


ไอ้เวร!!

   ผมกัดฟันกรอด พยายามไม่ให้ตัวสั่นด้วยความโกรธ โมโหโกรธาโว้ย!!! เข้าใจกูไหม นี่กูโมโหโกรธาแล้วนะ!
เห็นหน้านิวกับจิน สงสารพวกมัน แต่มีหรือจะยอม!

   ไม่ทันที่จะได้พูดครับ มีเสียงหนึ่งขัดก่อน

   “หยุดกันทั้งสองคน หุบปากให้สนิท นิรันดร์ จินตร์ เปลี่ยนที่ยืนให้น้ำกรดกับดนัยยืนคู่กันซะ”

..

อะไรนะ!


   ผมผงะ พร้อมกับไอ้ดำเลย

   “เมื่อกี้จารย์ไม้ว่าไรนะ!!” พูดพร้อมกันอีกครับ แล้วก็หันมามองหน้า โอ๊ย ทำไมต้องพร้อมกันวะ กูขยะแขยง! “มึงพูดตามกูทำไม!!”

เชี่ย! พร้อมกันอีกละ!

   ไอ้นิวกับจินแม่งก็ทำหน้าเหมือน ‘ฉิบหายชีวิตกูจริงๆ’ ประมาณนั้นแล้วยอมสลับที่อีก เชี่ยเอ๊ย พูดอะไรที่ช่วยกูบ้างก็ได้!
 ผมเห็นอาจารย์ไม้หรี่ตาลงราวกับครุ่นคิดเล็กน้อย.. และ.. และก็หยิบกุญแจมือขึ้นมา!

เฮ้ย! จารย์!! เอามาทำไมอ่ะ!

“เมื่อวานก็สงสัยว่าใครสองคนเป็นผู้ที่ตะโกนด่ากันน้า.. วันนี้ผมก็รู้จนได้ ว่าเป็นพวกคุณ ‘อีกแล้ว’ น่ะ” ผู้พูดยิ้มเย็น เชี่ย ทำไมผมขนลุกแปลกๆวะ .. “ผมก็อยากจะทำให้พวกคุณสนิทกันยิ่งขึ้นไปอีก..”

..ความจริงเพราะกัดกันบ่อยใช่ไหมอ่ะจารย์จ๋า ไม่นะ ไม่!
อย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย!

   “จารย์คิดจะทำอะไรอ่ะ..” ผมมองกุญแจมือ สลับหน้าอาจารย์ก็ขนลุกซู่เลยกู

   “ไม่นะเว้ยจารย์” เป็นเสียงไอ้ดำถัดมา

   “เห็นท่าทางชอบคุยกันต่อหน้าผมนี่ หัดดูตัวอย่างจินตร์กับนิรันดร์บ้าง สองคนนั้นเงียบสนิทเลยเห็นไหม .. มารยาทน่ะ มีไหมครับ”

..วันนี้ยอมรู้สึกเหมือนกับไอ้ดำอย่างหนึ่ง.. หนาวครับ.. อาจารย์แม่งปล่อยรังสีโหดมาเต็มๆ

   “ไม่ยอมรับผิดตอนที่ผมถามเมื่อเข้าแถวอีกด้วย.. นิรันดร์กับจินตร์ ไปทำความสะอาดห้องน้ำรวมหอชายทุกชั้น ส่วนพวกคุณสองคน...”

ยิ่งเห็นกุญแจมือนั่นแล้วก็ยิ่งขนลุกซู่..

   “เห็นว่าชอบคุยกันดีนัก เลยจะช่วยให้คุยกันได้อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ ผมให้โทษเพิ่มเป็นกรณีพิเศษเลยนะ จะได้ตัวติดๆกันบ่อยๆ สนิทกันเร็วๆ ยื่นมือมาครับ เสร็จแล้วก็ช่วยไปสองคนนั้นทำความสะอาดห้องน้ำด้วย อ้อ ผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะถอดกุญแจมือนี้ได้ ..ขอให้พวกคุณสองคนช่วยกรุณาทำตามบทลงโทษนี้ด้วยล่ะครับ”


....ผมไม่ทันได้เถียงอะไร เห็นอาจารย์ไม้เดินเข้ามาคว้ามือซ้ายของไอ้ดำกับมือขวาของผมสวมอย่างรวดเร็วทันใจ ไม่ถามถึงสุขภาพกูสักคำ


กริ๊ก


   เสียงกุญแจมือที่พันธนาการให้ผมกับไอ้ดำติดกันดังขึ้นมา พร้อมกับดวงตาของตนเองเหลือบไปมองนิดหน่อย พอจะตวัดกลับมาแต่หางตาดันบังเอิญสบกับมันซะก่อน ต่างคนต่างมองด้วยหางตา



   “เพราะมึงทำให้กูซวย” ได้ยินคนร่างสูงกว่าพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ผมเองก็อารมณ์ไม่ต่างจากมันมากนัก สะบัดหน้าหันไปอีกทางหนึ่ง


   “เพราะมึงเริ่มก่อนเอง”



   ให้ตายเถอะ นี่ผมรู้สึกหงุดหงิดจริงๆนะ รับรู้ได้ว่าตัวผมขมวดคิ้วแน่นเลยด้วยซ้ำ พยายามไม่ให้ตัวเองเครียดจนขมวดคิ้วบ่อยๆครับ เดี๋ยวหมดหล่อ.. แอบตวัดหางตาไปมองมันแวบหนึ่งแล้วรู้สึกหงุดหงิดทันทีที่เห็นหน้า.. แม่งเอ๊ย..





..เกลียดมัน.. ฉิบหาย!














_____________________________________________________

 StraWBerry_ImIn
สวัสดีค่าาา มาอัพต่อเนื่องค่ะ (ฮา) กำลังคิดว่าหนึ่งตอนยาวไปหรือเปล่า แล้วเป็นอย่างไงบ้างเหรอคะ
ไม่ค่อยมีความมั่นใจเลยว่าจะดีหรือภาษาขัดหรือเปล่า  :hao5: ฮือออออ

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากค่่าาาา T^T
หัวข้อ: Re: ✖N o n Roman ✖ เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.1 (06/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 06-02-2014 14:02:18
น่าสนุกดีคะ ยังนึกไม่ออกเลยว่าสองคนนี้มันะดีกันได้ยังไง หรือว่าจะกัดกันไปจนบเรื่องเลย ตามชื่อเรื่อง ติดตามคร่าาา
หัวข้อ: Re: ✖N o n Roman ✖ เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.1 (06/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 06-02-2014 14:14:08
เกลียดอะไรได้อย่างนั้น เกลียดไอดำเจอของดำ 555555555555


รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ✖N o n Roman ✖ เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.1 (06/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 06-02-2014 14:28:33
สนุกดีค่ะ เกลียดอะไรได้อย่างนั้นสิน่ะ
หัวข้อ: Re: ✖N o n Roman ✖ เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.1 (06/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 06-02-2014 14:55:30
สนุกคร๊าาาาาา

ชอบอ่านยาวๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ✖N o n Roman ✖ เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.2มักจะต้องใช้เวลาร่วมกัน (16/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 16-02-2014 18:34:47
N o n Roman!! - C h a p t e r  02 – คนเกลียดกัน มักจะมีบางครั้งต้องใช้เวลาร่วมกัน



   เพิ่งตรัสรู้ว่านรกคืออะไรก็วันนี้



   ‘พวกคุณสองคน ไหนๆก็เรียนอยู่ห้องเดียวกันมันก็คงไม่มีปัญหาอะไรกับคาบเรียน ผมจะแจ้งเรื่องนี้ให้กับอาจารย์ทุกคนทราบ.. เวลาตอนหกโมงเย็นมาหาผมที่ห้องเพราะผมจะปลดกุญแจมือให้พวกคุณ และตอนเจ็ดโมงเช้าให้มาหาผมอีกรอบเพราะจะสวมกุญแจให้คุณใหม่ .. ถ้าไม่มาอย่าหาว่าไม่เตือน พวกคุณจะได้รับเรื่องหนักกว่านี้แน่นอน’



เสียงของอาจารย์ไม้ดังแว่วๆในหัวผม..



   มันเป็นเรื่องที่ทำให้หัวใจผมจะขาดรอน แตกสลายไปกับสายลม! ตั้งแต่ได้ยินเสียง ‘กริ๊ก’ เพราะมือขวาของผมกับมือข้างซ้ายของไอ้ดำมันถูกกุญแจพันธนาการให้ติดกันและกัน เท่านั้นแหละครับ.. ผมก็เหมือนได้ยินเสียง ‘นรก’ เริ่มขึ้นมาทันที..


   ‘แล้วถ้าปวดฉี่อ่ะ!’ ผมเปิดประเด็น สำคัญมากเลยนะ


   ‘ก็ไปด้วยกันนี่แหละ มีอะไรเหมือนๆกันนี่’


   ‘แล้วถ้าปวดขี้ล่ะ?’ คราวนี้ไอ้ดำถาม


   ‘ทนๆได้กลิ่นกันและกันไป’


สรุปคือต้องทำใจ!


   ผมนั่งพ่นลมหายใจแรงอยู่ในห้องน้ำชายที่ถูกอาจารย์ทำโทษว่าต้องขัด แค่โทษเดียวก็ไม่พอนะจารย์ไม้! เฮ้อ.. ไปไหนก็ต้องไปกับไอ้ดำอีกต่างหาก แอบชำเลืองเห็นเหี้ยนิวที่กำลังนั่งขัดถูห้องน้ำข้างๆอยู่ก่อนจะลองถามมันดู


   “เฮ้ย นิว กี่โมงแล้ววะ?”


   “สี่โมงครึ่ง ทำไม?”


   “อีกชั่วโมงครึ่ง กูจะได้ไปสวรรค์ล่ะ”


   ผมตอบกลับไปทันทีโดยไม่สนใจผู้ชายที่กำลังนั่งขัดพื้นข้างๆอยู่เหมือนกัน หน้ามันตายมากเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังจะจบสิ้น เหอะ! ผมจบ มันก็จบล่ะวะ แม่ง!


คุณคิดเองนะ ถอดกุญแจมือตอนหกโมงเย็น สวมใหม่ตอนเจ็ดโมงเช้า เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ!! อะไรจะซวยขนาดนี้วะ แล้วนี่ผมมีเวลาได้รับอิสระกี่ชั่วโมงกัน?  .. ยังไม่ถึง 15 ชั่วโมงที่ได้เป็นอิสระจากเชี่ยดำ!! แม่เจ้า!

พรืด!

   “เฮ้ย!”

   เป็นเสียงของผมที่ร้องตะโกนลั่นเพราะหลังกระแทกกับพื้นเนื่องจากไอ้ดำแม่งขยับตัวไปอีกทางขณะที่กำลังขัดห้องน้ำอยู่
ไอ้เหี้ยนี่หาเรื่องทางอ้อม!

   “ถ้าหัวกูแตกจะว่าอย่างไงวะ!” ผมหันขวับไปด่าแม่งแล้วขมวดคิ้วใส่ แม่งก็ยังทำหน้าตายใส่เหมือนเดิม ไอ้เหี้ยนี่! “มึงเมินกูเหรอ!”

ปรายตามานิดหน่อยด้วย!

   “รู้ตัวก็ดี”

ป๊าด.. นี่มึงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกนิยายมาจากไหนกัน! ตอบประโยคสั้นๆแล้วหล่อเหรอ!

   ผมกัดฟันกรอดแต่ก็ถูกมือข้างขวาดึงไปตามแรงมันครับ เหอะ. .ได้.. ไอ้นี่หาเรื่อง!
มึงทำอย่างนั้น กูก็จะทำบ้าง!!

   คราวนี้จึงตัดสินใจกระชากมือด้านขวาของตนเองไปหยิบแปรงขัดพื้นทันที ไอ้ดำแม่งก็เหวอสิ แขนซ้ายเสือกตามผมมาติดๆ!


   “เชี่ย! สมองไม่มีหรือไง ใช้มืออีกข้างดิวะ!” ได้ยินมันตะโกนอยู่ครับ ผมเลยหันไปเลิกคิ้วให้พร้อมกับทำสีหน้ากวนประสาทส่งไปด้วย โอ๊ะๆ!

   “มี แต่พอดีถนัดด้านขวา” เท่านั้นแหละ แม่งก็อ้าปากค้างจะด่าผมต่อ เลยจัดการพูดเสริม “แล้วก็อย่าลืมเรื่องตอนเขียนหนังสือด้วยล่ะ.. หึ”

แม่งสงสัยเพิ่งรู้ตัว ก๊าก! กูล่ะ สมน้ำหน้า!!

ยกนี้ไอ้น้ำกรดชนะคนตัวดำ!!!

   ..
   แต่ไม่ทันภูมิใจจนสุด..
เหมือนได้ยินเสียงถอนหายใจจากเพื่อนผมดังแว่วๆซะงั้นอ่ะ!





   ขณะนี้เวลา ห้าโมงสิบเจ็ดนาที



เหลืออีกสี่สิบสามนาที ผมจะได้เป็นอิสระ!

   คิดแล้วก็รู้สึกเหมือนจะได้ขึ้นสวรรค์! หลังจากที่ทำความสะอาดห้องน้ำเสร็จ ตอนนี้ผมกับไอ้ดำกำลังนั่งอยู่ที่โรงอาหารใกล้ๆห้องพักครูก็เพราะว่ารอเวลาครับ จะไปนั่งจมปลักที่ห้องของใครสักคนมันก็แปลกๆใช่ไหมล่ะ!


   ส่วนไอ้เหี้ยนิวแม่งก็หายไปเลย พร้อมบอกคำเดียวว่า ‘จะกลับห้อง ขี้เกียจอยู่กับมึง’ ซะงั้น และคู่ขาของไอ้ดำที่ชื่อจินอะไรนั่นเสือกยอมให้ผมอยู่กับมันแถมยังอัญเชิญตัวเองกลับห้อง! เอ๊ะๆเดี๋ยว ผมไม่ได้เป็นฝ่ายแอบฟังนะ แค่ได้ยินมันลอยเข้าหูก็เท่านั้น!


   “เฮ้อ..” ชีวิตคนหล่อแม่งเลวร้าย น่าเศร้าจริงๆ ผมถอนหายใจทำลายความเงียบที่ค่อยๆครอบงำขึ้นมาครับ .. พอดีไม่ใช่คนชอบความเงียบน่ะนะ


แต่อยู่ๆก็สัมผัสได้ว่าคนข้างตัวขยับเสียงั้น


   เมื่อเหลือบมองเห็นไอ้ดำแม่งยกสมุดสีน้ำเงินขาวประจำโรงเรียนขึ้นมาแล้วเปิดนั่งเขียนบางอย่างขยุกขยิก ผมเบิกตากว้าง
เฮ้ย! นั่นมันการบ้านประวัติศาสตร์นี่หว่า!


   เวรเอ๊ย! แม่งนั่งทำการบ้านอ่ะ! ผมก็อยากทำเหมือนกันนะ โทรศัพท์หาเพื่อนก็ไม่ได้เพราะโรงเรียนไม่อนุมัติให้พก เกมอะไรพวกนี้เล่นได้แค่ในห้องเท่านั้นห้ามนำออกจากหอครับ นั่งตากลมอยู่โรงอาหารแบบนี้คงทำได้แค่ปั่นการบ้าน หือ? จะให้ผมนั่งเล่นหมากเก็บก็แปลกๆสิ!


คิดแล้วก็ลุกพรวดพร้อมกับจะก้าวขาเดินออกไป แต่ไอ้ดำแม่งเสือกกระตุกไว้ก่อน


   “ไปไหน?”



   “จำเป็นต้องบอก?” มันตวัดสายตามามองครับนั่น


   “จำเป็น เพราะกูต้องไปด้วย” แล้วแม่งก็เฉลยทำให้ผมบรรลุ เออ จริงของมัน


..แต่..


   “กูไม่อยากบอกอ่ะ ตามๆมาเหอะ”


   ไม่รู้ปากแม่งเป็นเหี้ยอะไรของผม อยากจะหาเรื่องแทบตายอย่างเดียวเลย! ไอ้เชี่ยดำหันมามองแวบหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรต่อ ยอมเก็บสมุดลงกระเป๋าครับก่อนที่ผมกับมันจะเดินไปด้วยกัน ความจริงก็เหมือนพยายามดึงกันไปมาจนได้ยินเสียงโซ่กระทบเบาๆเสียมากกว่า


...แถมมีแต่คนมอง มองอะไรวะ!
ไอ้สัตว์!! อย่าให้พวกมึงได้เจอแบบกูนะ.. มึง.. มึงเอ๊ยย!!!





      หลังจากที่แบกกระเป๋านักเรียนของตนเองได้แล้วก็ลงมาที่โรงอาหารใหม่อีกรอบครับ แอบหันไปดูนาฬิกา แม่ง เวลาเพิ่งผ่านไปแค่สิบนาทีเอง นี่กูเซ็งแล้วนะ นั่งอยู่กับมันก็เงียบแดก แหกปากพูดเป็นกัดกันอีก!


 ระหว่างที่ผมกำลังเปิดกระเป๋าแล้วหยิบสมุดเล่มสีน้ำเงินขาวออกมา ไอ้ดำก็ดันหันมามองหน้าพลางทำสายตา ‘อ๋อ ที่แท้ก็เลียนแบบกูนี่เอง’ อีก!


ว่าแต่.. ผมไปอ่านสายตามันได้ไงวะ


   แต่แล้วเมื่อผมจะลงมือทำการบ้าน ไอ้เชี่ยดำกลับเปลี่ยนเป็นนั่งฮัมเพลงแทนซะงั้น ความรู้สึกหงุดหงิดแล่นเข้ามาอีกรอบ คิ้วผมกระตุกยิกๆอีกต่างหาก เห็นมันอารมณ์ดีทำการบ้านแล้วรู้สึกขัดใจครับ นี่กูนั่งตัวติดกับมึงยังเสือกฮัมเพลงเขียนงานได้อีกเหรอวะ!!
หมั่นไส้!


..ว่าแล้ว ก็กระชากมือขวาตัวเองแม่ง!!


   ไอ้ดำชะงักไป หยุดฮัมเพลงแล้วทำหน้าทะมึนใส่ผมครับที่ทำลอยหน้าลอยตาอยู่


   “กูว่ากูพยายามอารมณ์ดีแล้วนะ ทำไมมึงต้องมาขัดด้วยวะ?” มันถามออกมา ในขณะที่ผมหันไปเลิกคิ้วน้อยๆเป็นเชิง ‘กูไม่รู้กูเมา’ อยู่ “ดึงมือซ้ายกูทำไม?”


แน่ะ! ยังจะมาถาม!


   “เอ้า ก็มันติดกับมือขวากูนี่หว่า” ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วพลางใช้นิ้วชี้ยิกๆไปยันโลหะที่เป็นสิ่งทำให้ผมกับมันตัวติดกัน


   “เหอะ .. หุบปากเงียบๆแล้วทำการบ้านไป กูไม่อยากเสียน้ำลายคุยกับสัตว์สี่ขา”


จี๊ด.. แม่งสวนกลับมาอีก เงียบใช่ไหม ได้ กูจัดให้!


   ผมตัดสินใจเงียบกริบแล้วกระชากมือขวาของตนเองครับ พร้อมกับหยิบปากกาขึ้นมาเปิดหน้าสมุด แล้วเขียนขยุกขยิกสักพักใหญ่แต่เหมือนจะไม่กระทบไอ้เหี้ยข้างๆนี่มากนัก


เลยจัดการพลิกสมุดหน้าหลังสุด แล้วเริ่มทำการวาดรูปแม่ง!


   เป็นครั้งแรกที่ตัดสินใจยอมเสียกระดาษเปล่าหน้าหลังสุดเพื่อคนตัวดำๆอย่างมึง! ผมกระตุกยิ้มน้อยๆก่อนจะวาดเป็นวนกลาม เสร็จแล้วก็ใช้ปากการะบายสีไปข้างในอีก


แน่นอนว่าไม่ลืมเลื่อนมือไปมาจนแอบเห็นมันคิ้วกระตุกเพราะรำคาญ!!


   หึ.. หึ.. ทำอะไรไม่ได้ล่ะสิ รำคาญกูล่ะสิ เออ เอาให้เยอะ รำคาญกูอีกนะ รำคาญกูอีกเยอะๆเลยนะมึง เกลียดกูเข้าไป เพราะกูก็เกลียดมึง!


   “เมื่อไหร่มึงจะหยุดระบายสี ทำเป็นเด็กอนุบาลไปได้”

ในที่สุดก็ตอกมาแล้ว! เข้าทางกู!

   “อะไรกันล่ะครับคุณดำ เราก็แค่อยากที่จะฝึกกล้ามเนื้อข้อมือเอง พอดีเราโดนผูกติดกับเหี้ยเนี่ย เบื๊อเบื่อ!” ตั้งใจดัดจริตแสร้งเป็นไม่พูดกูมึงใส่ ผมแอบเห็นหน้าแม่งหงุดหงิดเพิ่มขึ้นไปอีก เออ ดี กูสะใจสลัดผักเลยครับ

   “เหรอ เราก็เมื่อยเหมือนกันนะ”

   ทันใดนั้นก็ต้องชะงัก เห็นมันปิดสมุดสีน้ำเงินขาว..
..และลุกขึ้นยืนบิดไหล่ไปมา!

   แต่มันไม่ใช่บิดไหล่อย่างเดียวน่ะสิ เพราะใช้แขนเหวี่ยงๆเป็นวงกลมอีกด้วย แล้วมีหรือที่แขนผมจะไม่เหวี่ยงเป็นวงตามมันน่ะ!

   “ไอ้เหี้ย! ทำอะไรมึงวะ! หยุด!”

 พยายามออกดึงกลับเท่าไหร่แต่กลับไม่ช่วยอะไรเสียอย่างนั้น แรงจะเยอะไปไหน! ไอ้นี่แม่งก็ดีเหลือเกิน ยอมหยุดจริงๆด้วยครับ แต่แม่งเอาแขนตัวเองยกสูง หยุดค้างกลางอากาศ


สรุปคือ แม่งยกแขนข้างซ้ายของมันค้างสูงเอาไว้ แถมทำให้ผมต้องยกแขนตัวเองไปด้วยอย่าไงล่ะ!

   “เราหยุดแล้ว” ตอบหน้าตายใส่กูกลับอีกนะมึง!

ผมมองหน้ามันอย่างคาดโทษ กระชากกลับเห็นอีกคนไหวไปนิดแล้วก็แข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ต่อซะงั้น! นั่นไง น้ำกรด โดนเข้าแล้ว! ไอ้น้ำกรดโดนแล้ว!

   “เอาแขนลง กูเมื่อย”

   “แต่กูอยากคลายกล้ามเนื้อด้วยโยคะ”

โยคะพ่องโยคะแม่ง! เชี่ย! เกิดมาไม่เคยได้ยิน เสือกทำหน้าทำตาแบบนั้น อยากโดนผมเตะเป้าสักรอบใช่มะ หา! 
และก็ต้องชะงักกึก.. เมื่อได้ยินประโยคถัดไปดังออกมาจากปากมัน..

“มองทำไม.. เตี้ย”

..ฉึก!!

นั่นไง.. ไอ้เหี้ยนี่..

   หยามอะไรไม่หยาม.. มาบอกว่าผมเตี้ย.. คนอย่างน้ำกรดกระตุกยิ้มเย็นพลางจ้องหน้ากลับครับ..

   “แล้วไง.. ดำ”

..การแข่งขันทางสายตาได้เกิดขึ้น..


   รู้สึกเหมือนมีสายฟ้ามาปะทะกันเปรี้ยงๆระหว่างที่ทั้งผมกับมันจ้องตากัน... ไม่มีใครยอมแพ้ แน่นอนว่าผมถือคติคือ ‘ตูต้องชนะ’ อย่างไงล่ะ
หากแต่..


..มีอะไรบางอย่างทำให้ต้องผละทันที..





กิ้ง – ก่อง –





   “ฉิบหายแล้ว!!”


   เป็นเสียงตะโกนทั้งผมและมันที่ดังออกมาพร้อมกับผละออกอย่างไม่ลังเลเพราะนั่นน่ะ คือเสียงของกริ่งโรงเรียนที่บ่งบอกว่าเป็นเวลาหกโมงเย็นแล้วอย่างไงล่ะ!!


เชี่ยล่ะ! หนังสงหนังสือกูไม่แคร์แล้ว!



   ทั้งผมและมันวิ่งออกจากโรงอาหารอย่างรู้งาน แล้วตรงไปตึกของอาจารย์ทันที ทิ้งหนังสือ กระเป๋า สมุด ทุกอย่างเอาไว้ ในใจหวังเพียงที่จะแยกออกจากไอ้เหี้ยข้างๆนี่! จำได้แม่นยำว่าจารย์ไม้สถิตอยู่ชั้นสี่อีกด้วย!

บัดซบเอ๊ย!

   “ทำไมมึงไม่ดูเวลาเลยวะ!!” ผมตะโกนกลับด่ามันแม่ง โทษก่อนคนแรก เหี้ย!

   “แล้วทำไมมึงไม่บอกกูล่ะ!”

เออ จริงของมัน แต่เดี๋ยว! กูไม่ผิด!

   “เชี่ย! เพราะมึงจ้องตากู!”

   “เป็นเพราะมึงจ้องก่อนไม่ใช่หรือไง!!”

   เห็นเถียงกันอย่างนี้ แต่ขาก็วิ่งไปด้วยนะขอบอก! ผมกัดฟันกรอด มองหน้ามันก่อนจะตะโกนกลับ

   “มึงกวนตีนกูก่อน!!”

   “ไอ้ขาสั้น ชักช้าจริงๆ หุบปาก!”

อูย พูดที่เจ็บ! บอกแล้วว่ามันกวนตีนก่อน!

   ผมมองหน้ามันตาด้วยความโมโห ไอ้เหี้ยนี่ ทำไมถึงทำตัวกับนิสัยเสียอย่างนี้วะ ถึงที่มันพูดแม่งจะถูกเกือบหมดก็พอเหอะ
   แล้วผมก็ตัดสินใจกัดไอ้ดำกลับ

   “ใครขาสั้นกันวะ ไอ้ดำ.....!”


   หากแต่ทุกอย่างกลับพลิกผัน.. ขาของผมเหมือนว่าก้าวสลับ ผิดขั้นบันไดทำให้พลาดลง ดวงตาของตนเองเบิกกว้างเนื่องจากสูญเสียการทรงตัวทันที มือข้าวซ้ายที่ว่างอยู่พยายามไขว่คว้าราวบันได้แต่.. มันกลับไม่ทันเสียแล้ว!


วืด!


   อาจจะเป็นเพราะกำลังวิ่งอยู่ ทำให้ร่างของผมมีท่าทีราวกับจะร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น หากแต่..
ไม่ใช่ ..

..ผมเห็นไอ้ผู้ชายข้างๆมันหันมาหา

เกร้ง!!

   เสียงของกุญแจข้อมือที่พันธนาการให้ผมและเขาต้องอยู่ด้วยกันดังลั่นขึ้นมาเพราะต่างฝ่ายต่างถูกไปคนละทิศคนละทาง .. ร่างของผม.. ‘เกือบ’ จะร่วงลงที่พื้น

มันแค่เกือบ.. เพราะกุญแจข้อมือของผมที่ติดกับมัน..ช่วยเอาไว้

   ไอ้เหี้ยดำตรงหน้าอยู่ในสภาพเบิกตากว้างเล็กน้อย อีกฝ่ายเกร็งแขนที่ติดกับผมเอาไว้แน่นในขณะที่มือขวาอีกข้างของเขาคว้าราวบันได

..ผมมองหน้ามันแบบค้างพักใหญ่..

..แม่งช่วยชีวิตไม่ให้ผมตกบันได.. ต้องขอบคุณกุญแจมือของผมกับมัน..

   เหมือนเมื่อสติเริ่มกลับ ผมก็ถูกมันกระชากขึ้นมาจนถึงหน้าห้องของอาจารย์ไม้เรียบร้อยแล้ว ไอ้ดำยืนหอบแรงพร้อมกับใช้มือนวดแขนของมันเองเบาๆก่อนจะตวัดสายตาคาดโทษมาให้ อะไรวะ ตัวกูหนักขนาดนั้นเลยเหรอ!
อย่างน้อยผมก็ควรขอบคุณมันหน่อยล่ะ.. พ่อแม่สอนมาดี


   หากแต่ไม่ทันที่จะได้พูดออกมา มันหันกลับมามองหน้าตายแล้วขยับปากพูดขัด





   “เหอะ สะดุดความหล่อกูล้มหรือไง ไม่เข้าท่า”






...
เป็นประโยคเดียว






ที่ทำให้ผมตัดสินใจพับคำขอบคุณของตนเองไปทันที!!








______________________________________________________
StraWBerry_ImIn
อันดับแรกเลยยต้องบอกว่า ขอโทษที่หายไปนานค่าาา  :hao5: มีเรื่องเยอะนิดหน่อย(?) T^T
จะพยายามมาอัพอาทิตย์ละครั้งจริงๆล่ะนะคะ พยายามอัพตอนวันเสาร์หกโมงเย็น (ถ้าไม่ติดอะไร;v;) ฮืออ ค่ะะ
ตื่นมาอัพนิยายแล้วไปนอนต่อ (ฮา)
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์มากเลยน้าาา ตอนนี้ก็กัดกันอีกแล้วสิ  :hao7: :hao7: :hao7: >v<
ขอบพระคุณค่าาา

หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.2คนเกลียดกันมักจะต้องใช้เวลาร่วมกัน (16/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: ice-vanilla ที่ 17-02-2014 16:34:33
สองคนนี้กัดกันได้กัดกันดีจริงๆ ฮ่าๆๆ

ว่าแต่นัยเป็นคู่ขากับจินจริงๆเหรอ-..-
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.2คนเกลียดกันมักจะต้องใช้เวลาร่วมกัน (16/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-02-2014 00:39:34
สงสัยนัยกับจินเหมือนกัน คู่ขา? เสียงที่ได้ยินคืออะไร

จะรอจากวันที่มันพูดว่า "เกลียด ฉิบ หาย" เป็น "รัก ฉิบ หาย" o13
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.2คนเกลียดกันมักจะต้องใช้เวลาร่วมกัน (16/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 19-02-2014 10:19:00
กัดกันบ่อบๆเดี๋ยวก็ชอบกันเอง 55555
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.2คนเกลียดกันมักจะต้องใช้เวลาร่วมกัน (16/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 22-02-2014 01:22:51
แหม่ แซ่บจริงๆ คู่นี้
เค้าว่ากันว่า เกลียดอะไรมักจะได้แบบนั้น
คนเกลียดกัน มักจะต้องมาวนเวียนอยู่ใกล้กันแบบนี้หละ 5555
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.3 คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบมีอะไรติดค้าง(22/2
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 22-02-2014 12:19:45
N o n Roman!! - C h a p t e r  03 – คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบมีอะไรติดค้าง


   เวลาแห่งความสุขแม่งผ่านเร็วเกินไปนะ


   “ยื่นมือมา”

   ไม่ต้องคิดว่าที่เปรียบเปรยอย่างนั้นเพราะผมคิดว่าอยู่กับไอ้ดำแล้วมันผ่านไปเร็วครับ กลับกันต่างหากล่ะ ตอนนี้มันก็มาถึงวันถัดไปแล้ว! แถมไอ้ช่วงเวลาผมได้รับอิสระแม่งไม่มีเกริ่นมาในบทที่สามนี่เลยวะ

เกริ่นอีกทีก็ยื่นมือมา บรรเจิดเหอะ!

   “ผมโดนมือขวาครั้งที่แล้ว เขียนหนังสือมันลำบากนะจารย์ไม้” ร้องบอกไปครับพร้อมกับชูมือขวาที่ตัวเองถนัด แน่นอน อย่าคิดว่าผมจะยอมอยู่คนเดียวสิ “ให้มันโดนมือขวาบ้าง!!”

   อาจารย์ไม้ยักคิ้วเล็กน้อยเชิงกวนประสาทอีกนั่น

   “ก็ได้ ดนัย ยื่นมือขวามา”

   “ครับ” มันตอบเสียงรับหล่อๆอีก เชี่ย คิดว่าตัวเองดูดีมากหรือไง โธ่ ตัวก็ดำยังจะเก๊กอีกนะ แม่ง หมั่นไส้ว่ะ

กริ๊ก!

   เสียงกุญแจมือพันธนาการผมกับมันอีกครั้งครับ แม่งเอ๊ย .. ตอนแรกก็คิดว่าจะโดดไม่รับโทษแล้วนะ แต่นึกถึงคำขู่ของอาจารย์ไม้ อยู่ๆมันก็ขนลุกซู่!

เอาเหอะ!!

   “พวกคุณไปเรียนได้แล้ว ผมจะไปสอนต่อ”

   “คร้าบ”



ปัง



   เสียงผมกับไอ้ดำเดินออกมาจากห้องของอาจารย์ไม้เรียบร้อยแล้วครับ ..
..และยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง


นิ่งทำไมวะ!


   ผมตัดสินใจก้าวเท้าคิดจะเข้าเรียน แต่ไอ้ดำเสือกยืนนิ่งอีก! ออกแรงเท่าไหร่แม่งก็ไม่ไป.. เชี่ย! เพราะแขนซ้ายผมมันแรงน้อยกว่าแขนขวาของมันน่ะสิ!


   “มึงเดินไม่เป็นหรือไงวะ!” ผมหันไปมองหน้าไอ้เหี้ยตัวดำที่ยืนนิ่ง อีกฝ่ายเอานิ้วก้อยแคะขี้มูกอีกนั่น! “ยี้ เกย์ฉิบหาย!”
แม่งหันมามองแวบหนึ่ง


   แล้วเปลี่ยนเป็นใช้นิ้วกลางแคะขี้มูก!


   หนอย.. ไอ้เหี้ยนี่มันจะอะไรนักหนาวะ ผมล่ะเกลียดมันจริงๆ! เมื่อไหร่มันจะไปตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย .. อะไรนะ! เมื่อวานน่ะเหรอ ที่มันช่วยผม.. อะไร๊! ของพรรค์นั้นจำไม่ได้แล้ว!


เออ ผมแก่ ผมลืม!!


   “นี่มึงจะแดกขี้มูกแทนไปเรียนหรือไง” ผมหันไปกัดมันแว้ดหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายเหลือบสายตามามองด้วย


อ้าว..นะ..นะ นั่น! สายตาแบบนี้หาเรื่องกูนี่หว่า!


   “อยากไปเรียนนักก็ไปดิ” แม่งพูดมาอีก เชี่ยนี่.. ผมหงุดหงิด กำหมัดขวาแน่นเลยครับ..


..อย่าต่อยมันนะ.. ทำบุญไป ทำบุญ..
..อย่าต่อย..


ปึก!!


   ไม่ต้องคิดว่านั่นเสียงอะไร.. เป็นเสียงหมัดขวาผมที่ลอยไปหามันแต่เสือกโดนมือซ้ายแม่งรับเอาไว้ซะงั้น!

   “มึงเนี่ย รุนแรงจังเลยนะ”

   “มึงกวนตีนกูก่อน!!” เห็นมันยักคิ้วตอบกลับก็เหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟแท้ๆ แม่ง กูอยากเอามีดมาโกนคิ้วมึงออกจริงๆ!
แต่ปัญหาคือตอนที่ผมจะชักหมัดกลับ ดันโดนนิ้วอีกฝ่ายกำแน่นเหมือนปลาหมึกซะงั้น!

บัดซบ!! กูจะชักหมัดกลับ.. ไอ้เหี้ยนี่!!


   ผมมองมันตาเขียวปัด จะชักหมัดก็ชักกลับไม่ได้ นี่ตกลงนิ้วเป็นอะไร ห้านิ้วพญาเหี้ยหรือห้านิ้วหนวดหมึกดำกัน หา!!



   “ปล่อยกู!”


   “กูไม่จำเป็นต้องทำที่มึงสั่ง”


   ตอบกลับมาอย่างง่ายดายก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด.. หงุดหงิด.. หงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ!! ก่อนจะตัดสนใจยกเท้าขึ้นเพื่อถีบเป้าแม่ง!


หาก..




หากแต่!!





   “ดนัย! น้ำกรด! ทำบ้าอะไรของพวกคุณ หะ!”





อาจารย์ไม้แม่งมาแล้วครับ.. ตัวขัดศึกโดยแท้!!





   “น้ำกรด เมื่อกี้นี้คุณคิดจะทำอะไร บอกผมมาซิ”


   “จะก้าวเท้าลงบันไดแต่พอดีเผลอยกขาสูงไปหน่อยครับ”


   “ดนัย เมื่อกี้นี้คุณคิดจะทำอะไร บอกผมมาซิ”


   “นวดข้อนิ้วให้น้ำกรดครับ พอดีมันบอกว่าเมื่อยมาก”


   เชี่ย.. ตอแหลกว่ากูอีก มึงนี่ไม่ใช่แค่ตอแหลนะไอ้ดำ มึงนี่ซุงแหล ท่อนไม้แหล โลกแหล จักรวาลแหลมากเลยอ่ะ  นวดนิ้วให้กู คิดไปได้ไงวะ


แต่ผมพอรู้ว่าแม่งตอบอย่างนั้นทำไม


ขี้เกียจมีเรื่องกับอาจารย์ไม้ครับ


   “จริงหรือเปล่าครับน้ำกรด?” อะ อะ อ๊าว! จารย์แกเขาก็หันมาถามผม แอบเห็นไอ้ดำชะงักครับ เพราะถ้าผมบอกไม่จริง มันก็จะกลายเป็นไอ้ดำหาเรื่องผมทันที! หึ.. หึ..


เอาแล้วไงมึงเอ๊ย!


   ดวงตาของผมแอบชำเลืองไปมองไอ้ดำที่ยังตีสีหน้านิ่งๆ แต่อะไรวะ กูสัมผัสได้นะว่ามือมึงอ่ะกำแน่นเชียว! สม น้ำ หน้า!


เอาเหอะ


   ผมหันไปมองอาจารย์แล้วนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมาให้แนบเนียนที่สุด



อย่าเพิ่งคิดอะไรอย่างนั้น ผมไม่ได้ช่วยมันนะ


   “จริงครับ”







เอ้า ผมบอกแล้วว่าไม่ได้ช่วยมัน








   ทั้งผมทั้งไอ้ดำก็ถูกปล่อยหลุดพ้นจากอาจารย์ไม้ในที่สุด นี่ประมาทไม่ได้จริงๆนะครับ เพราะถ้าเกิดว่าเมื่อกี้หมัดผมโดนหน้าไอ้ดำหรือตีนผมโดนเป้ามัน แม่งก็จะกลายเป็นความผิดผมจริงๆ


หึ.. แต่ผมเอาตัวรอดเก่งอยู่แล้ว!


เกร้ง – เกร้ง


   เวลานี้ผมกับมันไม่มีวิ่งอีกแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่ามันขี้เกียจหรือเป็นเพราะว่าผมหันหน้าหนีไปอีกทางก็ได้! เอาเหอะ
ความจริงครั้งนี้มันต้องขอบคุณผม


   หยุดเลย! ผมไม่ได้ช่วยมัน ขอย้ำอีกทีว่าผมไม่ได้ช่วยมันนะ แค่พูดไปตามน้ำเพราะช่วยตัวผมเองต่างหากที่ไม่อยากมีเรื่องกับอาจารย์


อย่างไงน่ะเหรอ?


   คุณคิดดูเองแล้วกันว่าถ้าผมบอกจารย์ไม้ไปว่า ‘เปล่า ไม่จริงครับ ไอ้ดำมันโกหก’ คำถามถัดไปของอาจารย์ไม้ก็คือ ‘แล้วดนัยทำอะไรคุณ’ ใช่ไหม? ผมเดาออกเลย เสร็จผมก็ต้องใช้สมองน้อยๆคิดหาคำตอบอีก แล้วก็จะตอบไปว่า ‘มันจะหักมือผมครับ’
แม่งไม่เนียนเท่าไหร่ไง!


   แต่ถ้าอีกอย่างระหว่างถูกไตร่สวน ไอ้ดำมันแทรกมาว่า ‘ท่านน้ำกรดสุดหล่อจะชกผม ผมเลยเอามือรับครับ’ อย่างนี้ผมก็ซวยน่ะสิ เพราะท่าที่จารย์มาเจอเป็นท่าหมัดผมอยู่ในกำมือมัน ดูน่าเชื่อถือกว่าเยอะ.. หือ อะไรนะ?


ไอ้ดำจะเรียกผมว่าท่านน้ำกรด?


เปล่าครับ กูมโนเอง พอดีกูหล่ออ่ะ โอ๊ะ โอ๊ะ!


   เห็นไหม ผมเลยตัดสินใจพูดคำว่า ‘จริงครับ’ เพื่อเป็นการปิดประเด็น! ทีนี้อาจารย์แม่งก็จะไม่ได้สงสัย

เออ ใช่ อีกอย่าง


ถ้าไอ้ดำโดนเรียกไปเทศน์ ผมก็ต้องไปนั่งฟังด้วย.. เพราะมือแม่งโดนล่ามติดกันอย่างนี้ไง!
   


   ผมได้ยินเสียงไอ้ดำและตัวเองเดินลงบันไดห้องอาจารย์ตึก ตึก ตึก เป็นจังหวะเลยครับ กูหมั่นไส้อ่ะ ทำไมมึงต้องมาเดินจังหวะเดียวกับกูวะ.. รู้สึกขยะแขยง อยู่ร่วมโลกกับเหี้ยนี่ไม่ได้จริงๆ




..ผมก็เลย..


..
เลยซอยเท้าเดินลงบันได



   ไอ้ดำแม่งแอบนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วหันมามองประมาณ ‘มึงทำเหี้ยอะไรของมึง’



แม่งไม่เข้าใจผมจริงๆ



   “นี่มึงเกิดมาเป็นเหี้ยสายพันธุ์ลิงใช่ไหม?”


ถุย! คำถามมึงชวนกูปวดกบาลจริงๆ!


   ผมหันขวับ หรี่ตามองมันทั้งๆที่ยังซอยเท้าลงบันไดอยู่ แม่ง

   “เปล่า กูไม่อยากได้ยินเสียงเหี้ยเดิน กูเลยซอยเท้า”


   “...”


เอ้า แม่งเงียบ! ไม่เข้าใจอ่ะดิ เหอะ


   มันเงียบผมก็ไม่พูดต่อครับ เรื่องของมัน ต่างคนต่างหันคนละทิศทางแม่งก็ดีเหมือนกัน! ผมน่ะเป็นพวกที่ถ้าเกลียดใครแล้วจะเกลียด เกลียดจนหมดไส้หมดพุง ตั้งแต่หน้ามันยันไปถึงลมหายใจหรือของที่มันใช้ ผมไม่อยากจะแตะเลยด้วยซ้ำ!
เอ้า นี่ไม่เชื่อผมหรือไง!


   แต่ไม่ทันที่จะได้ไปไหนกลับโดนแรงหนึ่งกระชากซะก่อนครับ

ผมถึงกับหน้าเหวอ หันไปตามเห็นแม่งเดินอีกทาง


เชี่ย!! มันไม่ใช่ทางขึ้นตึกเรียน!


   “มึงจะไปไหนวะ!!”


   “ไม่ใช่เรื่องของมึง”


อ้าว ไอ้เหี้ย คำนี้คุ้นๆ ที่กูพูดกับมึงใช่ไหม!


   ผมขมวดคิ้ว หงุดหงิดจริงๆกับไอ้เหี้ยนี่น่ะ มาเลียนแบบได้ไง

อยากจะกระโดดถีบมันสักที!!


   ผมมั่นใจนะว่ากระโดดถีบมันถึงอยู่แล้ว! เพราะว่าตัวผมนี้ไม่ได้เตี้ยมาแต่ไหน ถึงจะเตี้ยกว่ามันสิบเซนก็เหอะ อันนั้นเพราะมันสูง!
ผมน่ะสูง 176 เชียวนะครับคุณ!


   หากแต่ไม่ทันจะได้ทำอะไร มือซ้ายผมก็ดันโดนจูงแล้วลากไปตามแม่งล่ะ


   “เชี่ยๆๆ! ช้าๆหน่อยสิวะ! กูเจ็บ!!” ผมตะโกนลั่น แม่งจะลากเร็วไปไหน สองขาผมก็เดินตามไม่ทันอีก เหี้ยนี่ขายาวฉิบหาย


   “....” แม่งไม่ตอบ แต่ดันลากต่อไปที่ก๊อกน้ำอีก!


   “กูบอกให้มึงช้าๆไง อ..โอ๊ยย! ไอ้เหี้ย! กูไม่ไหวล่ะ!” ผมไม่ไหวล่ะ! ขาผมแม่งพันจนเกือบล้มทิ่ม มึงสนใจกูบ้างง! “กูบอกว่าให้ช้าๆไงวะ!!”


   “เออ!” ตอบได้สักที กระชากเสียงแรงอีกแล้วแม่งก็เดินช้าลงจนหยุดทีก๊อกน้ำครับ


โอ๊ย..
กว่าจะฟังกูนะมึง


   “นี่หูหนวกหรือไงวะ.. บอกให้ช้าๆก็ไม่ช้า!”


   “กูมันเป็นพวกรวดเร็ว”


   อ้าว ไอ้เหี้ยนี่เสือกกวนตีนผมอีก!


   หมั่นไส้แม่ง.. เห็นมันกดก๊อกน้ำที่พุ่งได้แบบพุแล้วก้มลงไปดื่ม ไอ้สัตว์นี่ขนาดดื่มน้ำยังหล่อ เริ่มสงสัยล่ะว่าที่บ้านแม่งทำอะไรให้แดก หล่อได้หล่อดีขนาดนี้.. เออ ผมต้องสงสัยด้วยว่าที่บ้านทำอะไรให้ดื่ม แม่งดำได้ดำดี ก๊ากก!!


แต่อย่างไงก็หมั่นไส้วะ!


   ผมจัดการใช้มือขวาของตนเองกดที่เปิดขวดน้ำทันทีครับแล้วหันไปมองคนข้างๆแล้วตั้งใจหมุนตัวก๊อกให้ไปทางซ้ายพร้อมกับกดเปิดสุดแรงทันที!


ซ่า!


   ก๊ากกกก!! เสียงน้ำเย็นๆแม่งสาดใส่มันครับ! เออ เต็มหัวแม่งหมดเลย! ก๊ากกก!


   “สมน้ำหน้า!! ก๊ากกกก!” ผมหัวเราะใส่แล้วชี้หน้ามัน ส่วนแม่งก็หันมามองนิ่งๆ เออ แล้วไง กูไม่กลัวโว้ย! ก๊ากกก “โอ๊ยๆๆ! น้ำดำตราเหี้ยไหม้!” กูสะใจ! กูสะใจโว้ยย!


   “นี่มึงจะตามหาเรื่องกูได้ตลอดหรือไงวะ” ผมได้ยินเสียงแม่งบ่น โธ่..  น่าสงสารจริงๆครับ


   “มึงหาเรื่องกูก่อนเหอะ” ตอบกลับไปที่ผมจะนำมือออกจากที่กดน้ำแล้วยักไหล่น้อยๆ เห็นเหี้ย(คน)ข้างๆตัวผละออกมาแล้วสะบัดหัวแรงๆครับ นั่นแหละมึงเอ๊ย น้ำสาดกระจายมาเต็มกูเลย “นี่มึงหาเรื่องกูอีกแล้วใช่ปะ!”


แม่งหันมาทำหน้างงใส่กูอีก


   “มึงทำกูก่อนอีก”


..เออ จะว่าไปมันก็จริง


   คราวนี้รู้สึกตัวเองหน้าแตก แต่แม่งก็ยังไม่อยากยอมรับ ทำเพียงหันไปอีกทางแล้วหุบปากเงียบไปครับ ยืนรอแม่งเดินต่อแต่กลับไม่มีใครขยับ พอหันมองอีกทีไอ้เชี่ยดำก็กำลังจ้องหน้าผมซะอย่างนั้น


โว๊ย! อะไรวะ!




   “กูรู้ว่ากูหล่อ กูเท่ กูหน้าตาดีและกูไม่ใช่เกย์ แล้วมึงมีอะไรกับกูล่ะ?” พูดกระชากเสียงแบบเต็มยศด้วยความหงุดหงิด ไอ้ดำมันยังคงมองแล้วถอนหายใจเบาๆใส่กูอีก!




   “กูไม่ใช่เกย์..”    




   “คนที่เอากับผู้ชายเกือบทุกวันแล้วไม่ใช่เกย์เรียกว่าอะไรวะ” ผมถามกลับทันที ส่วนมันแม่งก็ยังยืนนิ่งซะงั้นไม่ตอบอีก “ตกลงมึงจะเอาอะไรกับกู บอกไว้ก่อนว่ากูไม่อัดถั่วดำ”



   “กูก็ไม่ได้บอกให้มึงมาอัดกู..”



   “แล้วกูก็ไม่ยอมโดนด้วย” ตอบดักไว้ ห่วงชีวิตนี่หว่า แม่งมองแล้วเลิกคิ้วน้อยๆ “อะไรมึงอีก”





   “เปล่า แค่คิดว่ามึงน่ะ.. ตอนที่จารย์ไม้ถาม...”



..เหี้ย
   ผมไม่ปล่อยให้มันพูดอะไรต่อหรอก ตัดสินใจกระชากมือซ้ายตัวเองแรงๆให้มันรู้สึกเจ็บจนต้องหุบปากแล้วมองแม่งด้วยสายตาหงุดหงิดใส่


   “ไม่ต้องพูดต่อ กูไม่อยากจำ”


   “มึงช่วยพูด..”

   “พ่อมึง! ใครบอกว่ากูช่วย?” ผมยักคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันหลัง กระตุกกุญแจมือเชิงให้แม่งเดิน
ยังดีที่คราวนี้มันยอมเดินมาด้วย


   “แล้วที่มึงพูดแบบนั้นหมายความว่าไงวะ? ทั้งๆที่ถ้ามึงบอกกูเริ่ม กูก็ผิด—..” เหี้ย ผมบอกว่าไม่ต้องพูดก็ไม่ต้องไง ไอ้นี่มันอะไรวะ


   ดันนั้น ผมจึงตัดสินใจพูดแทรกทันที







   “กูแค่ไม่อยากติดหนี้บุญคุณคนที่กูเกลียดเท่านั้นแหละ”





ความจริงจากปากผม
   เอาเข้าจริงตอนพูดก็ไม่ได้หันไปมองหน้ามันหรอก พูดหน้านิ่งๆตายๆ เลียนแบบหน้านิ่งของมัน ได้ยินเสียงหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอเบาๆแล้วตามด้วยเสียงฝีเท้าที่กระทบกับพื้นดังต่อไปตามจังหวะ




ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรต่อจากนั้น
..
แต่ก็นะ










ผมบอกแล้วไง ว่าผมน่ะ.. ไม่ช่วยคนทีผมเกลียดหรอก!



________________________________________________________________

StraWBerry_ImIn @Talk
กรี๊ดดดดดด >< มาลงตอนถัดไปแล้วค่าาา  :hao7: อาทิตย์ละตอนนนน อิอิ(?)
แอบเห็นมีคนอ่านด้วยย T^T ดีใจมากกกกกกกกก เย้ว์ววววว :hao5:
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์มกานะคะดีใจมากจริงๆๆ จะมาลงประจำทุกๆวันเสาร์ (พยายามลงประจำจองเวลาวันเสาร์ค่ะ ฮาาาา)

งั้นเค้าขอตัวไปก่อนก่อนน้าา รักรีดเดอร์อี๊สสสสสส  :z2:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.3 คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบมีอะไรติดค้าง(22/2)
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 22-02-2014 16:44:59
เนื้อเรื่องสนุกดี น่าติดตามครับ
มาเป็นกำลังใจให้อัพไวๆนะคราฟ :mew1:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.3 คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบมีอะไรติดค้าง(22/2)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 22-02-2014 19:16:00
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.3 คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบมีอะไรติดค้าง(22/2)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 22-02-2014 19:38:28
 :hao6: :hao6: :hao7: :hao7: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.3 คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบมีอะไรติดค้าง(22/2)
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 22-02-2014 21:07:09
รอติดตามค่ะ .. ดูมีวี่แวว จะดีกันได้อยู่เหมือนกันนะคะ หึหึ
อันที่จริงแล้วสาย ซึนทั้งคู่รึเปล่านะ
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.3 คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบมีอะไรติดค้าง(22/2)
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 22-02-2014 21:37:24
น่ารักดี^^ เกลียดๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง 55
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.3 คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบมีอะไรติดค้าง(22/2)
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 23-02-2014 00:08:38
จำได้ลางๆ ว่าน้องสตรอเบอร์รี่อินอินเนี่ย เคยเขียนเรื่องในเด็กดีอยู่เหมือนกันและตามอ่านอยู่ช่วงหนึ่ง ตามพร้อมๆกับไลท์เนี่ยแหละ จำได้ว่าเรื่องตอนนั้นตัวเล็กตัวโตอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ (file เรทยังอยู่ในอินบ็อกซ์อยู่เลย 555) หลังจากนั้นก็มีตัวเอชตัวไออะไรอีกสักอย่าง แต่เห็นคุณน้องรีไรท์เรื่องบ่อยมาก ตามอ่านแล้วรู้สึกพล็อตเปลี่ยนบ๊อยบ่อย เลยไม่ค่อยจะได้ตาม แล้วก็เฟดหายไป มาตอนนี้เพิ่งสังเกตว่าเปิดเรื่องนี้ใหม่ครับ  555 ก็สู้ๆนะครับ อย่าเปลี่ยนพล็อตกระทันหันอีกนะ พี่ขอ 555 >_______<

โดยรวมการใช้ภาษาก็โอเค เพราะน้องใช้ภาษาได้ดีมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว. (อันนี้ไลท์ชมไว้นานแล้ว ว่าคุณน้องเขียนเร็ว ไม่ค่อยมีคำผิด แต่ค่อนข้างมีจุดอ่อนเรื่องพล็อตกับสถานการณ์การดำเนินเรื่อง)
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.3 คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบมีอะไรติดค้าง(22/2)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 23-02-2014 00:35:23
กัดกันมากเดี๋ยวก็รักกัน :hao7:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.4 คนเกลียดกัน มักจะโดนล้อกัน (1/3/55)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 01-03-2014 21:09:16
N o n Roman!! - C h a p t e r  04 – คนเกลียดกัน มักจะโดนล้อกัน



   ชีวิตมันจะอะไรนักหนากันวะ



   เป็นความคิดของผมหลังจากเดินเข้ามาเหยียบในห้องเรียนที่เริ่มไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมงเต็มๆแล้วครับ ทันใดนั้นเองเหล่าเพื่อนๆก็หันขวับมาแล้วส่งเสียงวี๊ดว๊ายเป็นเหมือนอีตุ๊ดซะงั้น!


..



   “โอ๊ะ โอะ โอ! คุณชายสองคนกลับมาแล้วครับ แหม ไปทำอะไรกันมาเนี่ย ตัวเปียกเชียว!” เพราะพวกกูเล่นน้ำกันโว้ย



   “ดูนั่นสิ! ทุกคนเห็นนั่นไหม เนี่ย กุญแจมือเชียวนะ” เป็นเสียงไอ้ ‘ไทเกอร์’  ที่แม่งพูด ชื่อมึงก็ดูเกรงขามอยู่นะ ทำไมแม่งทำสันดานงี้วะ น่าตบกระโหลกสักทีจริงๆ




   “อ้าว นี่ไทก์ไม่รู้เหรอว่าเอากุญแจมือไปทำอะไรน่ะ?” อันนี้คู่ต่อมุข ไอ้ ‘ไลออน’ หันมาประจบประแจ ผมนี่น่าหงิกเลยครับ ถ้าพวกมันสองคนมาด้วยกันเมื่อไหร่มีว่าต้องทำตัวเหี้ยๆอีกแน่



   “เอ๋? เอาไปทำอะไรเหรอไลอ์?” นี่น้ำเสียงมึงเริ่มกระแดะแล้วนะเชี่ยไทเกอร์..



   “ก็เพื่อที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปอย่างไงล่ะ!”



   “ฮิ้ววว!”




   บอกกูทีว่าพวกนี้มันไม่ใช่เพื่อนกู!!!

   ผมเบ้ปากเมื่อโดนพวกมันตะโกนล้อกันทั้งห้อง สนุกมากไหมวะมึง เหี้ยย!



   “ตอนแรกก็นึกว่าเกลียดกัน ที่ไหนได้.. โดดคาบแรกแล้วไปสวีทกันอีก เนี่ย รุนแรงมากเลยเสื้อเปียกหมดแล้ว!” ไอ้ไทเกอร์ยังจะพูดต่ออีกครับ ส่วนผมก็เริ่มหงุดหงิด คิ้วกระตุกเป็นจังหวะกลองแล้วนะมึง



   “หัดทำตัวให้เหมาะกับชื่อเหี้ยๆของมึงหน่อยสิวะ!!”



เป็นผมที่ตะโกนด่าใส่พวกมัน ไอ้ไทเกอร์เบิกตากว้างเลย ทำสีหน้าตกใจสุดขีด แถมยังหันไปสะกิดไลออนที่กำลังยืนมองอึ้งๆอีกด้วย



   “เฮ้ย ไลอ์! ไทก์ไม่ได้ชื่อเหี้ยอ่ะ ดูดิ มันยัดเยียดชื่อใหม่ให้ไทก์ ถ้าไทก์ชื่อเหี้ย แล้วไลอ์ก็จ้องชื่อตะกั่วป่าปะ?”




   “บ้าจริง! ไลอ์ไม่อยากเปลี่ยนชื่ออ่ะ! แล้วทำไมไลอ์ต้องเป็นตะกั่วป่าด้วยอ่ะ!”



   “ก็เพราะว่าไลอ์กับไทก์เป็นคนคู่กัน เหี้ยก็ต้องคู่กับตะกั่วป่า.. เหมือนสองคนนั้นที่สวมกุญแจมือยืนยันว่าพวกเขาจะคู่และอยู่ด้วยกัน ครองรักชั่วนิรันดร์”



   “ฮิ้วว!”



ไอ้เวรตะไล!!


   ไอ้ไทเกอร์กับไลออนทำตัวสะดีดสะดิ้งปล่อยมุข แถมกระโดดกอดกันแบบสโลว์โมชั่นอีก นี่ขนาดแค่เรื่องชื่อมันยังโยงมากุญแจมือของผมกับไอ้ดำได้เลย จะบรรเจิดไปไหนวะ


   ผมหน้าบูดเพราะความหงุดหงิดที่โดนล้อไม่ต่างกับไอ้ดำ มันก็ทำตาเบื่อๆใส่แล้วเดินไปอีกทาง


   “กูจะไปนั่งที่” ผมพยักหน้าตอบ เวลานี้เซ็งเป็ดกันทั้งคู่ครับ



   “เออ”



แล้วผมกับมันก็เดินไปหมายจะนั่งประจำที่.. แต่ว่า..



เกร้ง!



   เสียงโลหะดังขึ้นมาทางมือของผมและไอ้ดำพร้อมๆกันระหว่างที่จะเดินไปคนละทิศคนละทาง กุญแจมืออันนี้มันแปลกๆหน่อยหนึ่งตรงที่ว่าถ้าหากผมกับไอ้ดำดึงคนละข้างมันจะมีเสียงดังเกร้งเหมือนสัญญาณบอกครับ และสัญญาณนั้นก็ทำให้ชะงักทั้งคู่

..พวกเรามองหน้ากัน

   ผมนั่งอยู่ที่มุมหน้าต่างซ้ายสุดติดผนังห้อง ส่วนไอ้ดำนั่งอยู่ที่มุมด้านขวาหลังสุดติดประตู..



คำตอบคือ พวกเรานั่งตรงข้ามกันและไกลเป็นโยชน์


..
ผมกับมันจ้องตากัน ได้ยินเสียงเพื่อนในห้องร้องเชียร์เหมือนเดิมครับ



   “กูจะไปนั่งที่กู” เป็นผมที่พูดออกมาพร้อมกับพยายามจะดึงมือมาทางตนเอง เห็นไอ้นิวกำลังโบกมือเรียกอยู่นั่น น่าระรื่นเชียวนะ!



   “ก็เรื่องของมึง แต่กูก็จะนั่งที่กู” มันว่า สายตามองไอ้จินที่กำลังอ่านการ์ตูนอยู่หลังห้อง โอ๊ย แม่งยังไม่เรียกมึงเลย ไม่ต้องไปหามัน! ดูเชี่ยนิวซะก่อน โบกมือเรียกผมเลยนะเว้ย



..แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าไม่มีกุญแจมือที่ไหนทำให้ผมกับมันนั่งได้คนละมุมห้อง..



   “ก็ตามใจมึงไง! กูจะนั่งที่กู!” กระชากเสียงใส่มันพร้อมกับจะเดินไปอีกทางเพื่อจะกลับประจำโต๊ะ แต่ที่ไหนได้.. เพราะไอ้ดำมันก็อยากไปที่สถิตของมันเองเหมือนกัน!



เกร้ง!



   เสียงกุญแจมือถูกกระชากแรงเสียงดังพร้อมกับพวกผมที่กำลังยืนไฟลุกโชนในดวงตาอยู่หน้าห้องครับ ไอ้พวกไทเกอร์กับไลออนหยุดส่งเสียงวี๊ดว๊าย เพื่อนคนอื่นๆก็เริ่มเงียบแล้ว..



เพราะมันรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว..
   มันรู้ว่าผมกับไอ้ดำไม่ชอบขี้หน้ากันและกันถึงขั้นฉิบหายอย่างไงล่ะ..



   “กูก็จะนั่งที่กู!!” ชายตรงหน้าผมตวาด ในขณะที่โดนสายตาขวางๆ ของผมกลับไป



   “แล้วไงวะ!?”



   ต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างหงุดหงิดและพยายมกระชากกุญแจมือ ถึงตัวของไอ้ดำจะใหญ่แต่โชคดีที่พละกำลังน่าจะใกล้เคียงกัน ผมไม่ยอมให้อีกฝ่ายลาก ส่วนไอ้ดำก็จะกลับไปที่นั่งของตัวเอง



อึก



   ..ห่วงของโลหะกลมเสียดสีกับข้อมือของผมจนต้องเม้มปาก โว๊ยย! กูเจ็บ!



   “กูก็จะนั่งที่กู!! อะไรของมึงวะ!” ผมหันขวับไปตะโกนด่า มันเองก็จ้องตากลับอย่างไม่ยอมแพ้



   “อะไรของกู? ก็คือกูจะนั่งที่กูไง!” อีกฝ่ายกระชากเสียงกลับพร้อมกับยักคิ้วกวนประสาทให้อีก เล่นเอาผมเหมือนสติแตก



ไอ้เหี้ย กวนตีน!
ไอ้สัตว์นรก! กูเกลียดมึง!



   “ไอ้เกย์หุบปาก!!”



   “กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ใช่เกย์!!”



ความอดทนผมใกล้จะหมดล่ะ! ปฏิเสธทั้งๆที่มีหลักฐานครบเนี่ยนะ!?



   “เมื่อวันก่อนยังเอากับผู้ชายอยู่เลยไม่ใช่เหรอวะ! เหี้ยอะไรล่ะ เสียงดังจนกูนอนไม่ได้ มึงหาเรื่องกูก่อนชัดๆ!!”



ตอกกลับไปครับ เรื่องเกย์ๆอะไรอย่างนี้ผมมั่นใจว่าพวกเพื่อนในห้องไม่ถือ เพราะเป็นโรงเรียนชายล้วน มันกลายเป็นเรื่องปกติเลยด้วยซ้ำ



แต่คือผมไม่ชอบเกย์ไง เกลียดฉิบหาย! อยากจะกระโจนไปตั๊นหน้าไอ้พวกเกย์ให้หมดโลก!



   “แล้วใครสั่งให้มึงตะโกนจนเกิดเรื่องวะ! คิดว่ากูอยากเจอหน้ามึงนักหรือไง!”



   “เพราะมึงหาเรื่องกูก่อน!!” เกลียดขี้หน้าแม่งตั้งแต่ม.4 แล้ว!



   “มึงนั่นแหละ หาเรื่องกูก่อน!!”



   “เฮ้ยๆ! ใจเย็นๆ!” ถ้าจำไม่ผิดนี่เป็นเสียงของไอ้จินดังแว่วๆมาจากหลังห้อง สงสัยแม่งคงรู้ว่าทะเลาะกันแล้วรีบห้ามทัพ ผมแอบเห็นนิวปีนโต๊ะแล้วกระโดดมาหาด้วยอีก มึงลงทุนทำตัวเป็นนินจาเหรอเหรอวะเพื่อนนิว



   “ไอ้กรด! มึง มึงใจเย็นก่อน!” ขอบคุณที่ห้ามกูนะเพื่อน



แต่ หึ


ไม่เย็นแล้วล่ะ!



   “กูจะซัดหมัดใส่หน้าไอ้เหี้ยนี่!” ผมตะโกนลั่นพร้อมกับชี้หน้าไอ้เชี่ยดำ มันเองก็หงุดหงิดอยู่เหมือนกัน



   “มาสิ ถ้าคิดว่าทำได้ก็มาเลย  ถ้าไม่กลัวนักก็มา!”



นี่มึงยังจะท้ากูอีกเหรอ!



   ผมหันขวับ เตรียมจะง้างหมัดครับ แล้วก็เห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นมาเหมือนกัน ได้ยินเสียงเชียร์ด้วย! ตอนที่อาจารย์ยังไม่มานี่แหละ..
นี่แหละ..
...




ไม่มีอาจารย์ แต่ก็มีเพื่อนสนิทเป็นมารพจญ!




   นิววิ่งมาล็อคตัวผมไว้ ในขณะเดียวกันไอ้จินล็อคเชี่ยดำ!


   “เหี้ยนัย! ใจเย็น!” ผมได้ยินเสียงจินตะโกนครับ ไม่ต่างจากนิวเท่าไหร่



   “เชี่ยกรด! มึงอย่ามีเรื่องดิวะ!”



เหอะ!!



   ผมยืนค้างอยู่ท่าถูกล็อคสักพักหนึ่งก่อนจะสะบัดตัวออกแรงๆจนไอ้นิวถึงกับเซ มองคู่แค้นด้วสายตาเกลียดชัง
บอกแล้วไง ว่าเหี้ยนี่น่ะ.. เกลียด ฉิบ หาย!!



   “แล้วเรื่องที่นั่งว่าไง” เป็นเสียงไอ้ดำที่หันถามจิน คู่ขาของมัน.. เหอะ คนที่อยู่เมื่อคืนนั้นคงเป็นใครไม่ได้นอกจากเชี่ยจินล่ะ



   “เอ้อ.. กูไม่ได้ฟังว่ะ.. กูอ่านหนังสืออยู่” หนังสือการ์ตูนสินะ หน้าอย่างมึงเนี่ย..


   “หือ เราฟังอยู่นะ จารย์ไม้ย้ำกับเราอีกที”


นิวหันไปพูดกับไอ้จินพร้อมยิ้มให้ครับ ไอ้เชี่ยนี่ มีการส่งยิ้มให้ไอ้ดำอีก มึงจะยิ้มกับศัตรูกูทำไม แล้วทำไมมึงต้องเป็นคนดีของสังคมจังวะ!


ความจริงแม้จะอยู่ห้องเดียวกัน ผมกับนิวก็ไม่ค่อยได้คุยกับไอ้ดำและไอ้จิน จนมาถึงม.6 นี่แหละ ก่อนหน้านี้อาจจะมีคุยบ้างแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นไอ้นิว เพราะแค่ผมง้างปากทักทายจิน ก็โดนเหี้ยดำกวนตีนตลอด ..


..ถึงเวลามันทักทายไอ้นิว ผมก็กวนตีนเหี้ยนี่ตลอดเหมือนกัน..


   “เหอะ” ผมสถบออกมาเบาๆแล้วตัดสินใจหันหน้าหนีไปอีกทางระหว่างรอนิวพูด แอบเห็นหน้าเพื่อนสนิทหันมายิ้มแห้งๆก่อนจะค่อยๆเปล่งเสียงเบาออกมา..


   “อาจารย์ไม้บอกว่าให้นัยกับกรดนั่งด้วยกันน่ะ”


..
หะ?


คราวนี้รู้สึกเหมือนทั้งผมกับไอ้ดำจะชะงัก
แล้วโลกทั้งใบก็กลายเป็นสีทะมึนทันที..
...



   “กูไม่ยอม” ผมหันไปพูดกับไอ้นิวที่เป็นคนบอกทันที แอบเห็นไอ้ไทเกอร์ไลออนเกณฑ์เพื่อนๆมาช่วยลากโต๊ะให้ชิดติดกันอีก
พวกมึงอยากเห็นคนต่อยกันกลางห้องเหรอวะ!!



   “มันได้ที่ไหนล่ะวะ.. ไอ้กรด”



   “แต่กูไม่อยากนั่งกับ..”



   “กูไม่อยากนั่งกับเหี้ย”



..ใครแย่งคำว่าเหี้ยผมพูดวะ!



   มีหรือว่าจะไม่ใช่ไอ้ดำ! ผมมองมันตาเขียวเลยครับ ไอ้เหี้ยนี่จะอะไรกับกูนักหนา เสือกมาแย่งประโยคคำพูดกูอีก!



   “เหอะ กูก็ไม่อยากนั่งกับเหี้ยว่ะ นิว” เห็นไอ้เตี้ยถอนหายใจเฮือก



   “เหี้ยกรด มึงคิดดูดีๆนะ” เพื่อนนิวแม่งเดินมาหาแล้ววางมือสองข้างไว้ที่ไหล่ผม มีการมาบีบแรงๆอีกต่างหาก “..มึงคิดว่ากุญแจแค่นั้นอ่ะ โซ่มันจะยาวไปถึงไหนกันวะ”



..ผมเงียบ


จริงของมัน


   “แค่ยอมทำใจอาทิตย์หนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับมัน..”



   “..นี่มึงจะพูดให้กำลังใจกูหรือพูดให้กูขึ้นวะ” ผมตอบกลับไปแล้วมองหน้าอีกคน เห็นไอ้นิวเบ้ปากอีกต่างหาก
แล้วมันก็หันมากระซิบครับ..



   “..ทำไมมึงไม่ใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ยอมจำใจอยู่กับมันหาจุดอ่อนมันแล้วตอกกลับไปเลยล่ะวะ...”



...โป๊ะ!



   เหมือนมีหลอดไฟแห่งความคิดของผมโป๊ะเด๊ะขึ้นมาอย่างนั้นเลย เออ ใช่ บรรลุแล้วกู! นั่นสิ ทำไมผมถึงไม่ยอมทำอย่างนั้นตั้งแต่แรกวะ


จริงด้วย! ไอ้นิวนี่มันฉลาดกว่าที่คิด!

หาจุดอ่อนแล้วจัดการแก้แค้น.. หึ หึ..



   “ได้ กูยอม!” ผมประกาศออกมาก่อนพลางแอบเหลือบไปมองไอ้คนตัวดำที่ยืนคุยกับจินและเหมือนถูกเกลี้ยกล่อมอยู่ครับ
   มันหันมามองแวบหนึ่งเป็นเชิงว่า ‘กูไม่อยากอยู่กับมัน’ ประมาณนี้ แล้วคิดว่ากูอยากอยู่มากนักเหรอ หา!
   แต่พอไอ้จินกระซิบกระซาบสักพัก เชี่ยนี่ก็พยักหน้ายอมรับอีก



   “ได้”

   สุดท้ายผมกับไอ้ดำก็ยอมตกลงที่จะนั่งด้วยกันครับ ถึงแม้ว่าการยอมรับของผมจะมีจุดประสงค์แปลกๆก็เหอะ อีกอย่างนะ ผมไม่ชอบเกย์ ไม่อยากนั่งกับเกย์.. แล้วไอ้ดำก็เป็นเกย์อีก อึ๊ย ปากบอกไม่ใช่เกย์ แต่เจอผู้ชายแล้วใส่เอาๆเนี่ยนะ!
ของแบบนี้เชื่อไม่ได้ ผมมั่นใจล่ะว่ามันเป็นเกย์ไปกว่าครึ่ง!



   อยากรู้เหตุผลที่ผมเกลียดมัน?



ขอเก็บไว้เป็นความลับก่อนแล้วกันครับ พูดถึงมันก็หงุดหงิด!




   “เอ้า! เชิญคร้าบ.. ที่นั่งของคุณชายสองคน” เสียงไอ้ไทเกอร์ดังขึ้นมาพร้อมกับผายมือไปทางโต๊ะที่ถูกชิดติดกัน ผมหน้าหงิกนิดหน่อย แม่ง..



อย่างไงก็ไม่อยากอยู่กับมันอ่ะ!

เออ แต่เพื่อหาจุดอ่อนมาแก้แค้น..

   ผมกำลังจะเลื่อนตัวไปนั่งทางซ้าย แต่..

ไอ้เหี้ยนี่แม่งมาแย่งเฉยเลย

   มันลอยหน้าลอยตาแล้วเดินไปเอาก้นวางที่ทางซ้ายพร้อมฮัมเพลงเบาๆอีกต่างหาก! นี่มึงอารมณ์ดีมากเหรอวะ หา! มากเหรอ!!
   ผมไม่นั่ง แต่ยืนมองหน้ามันแทน



   “ถอยไป นี่ที่กู” แม่งหันมายักคิ้วน้อยๆครับ



   “กูมาก่อน แล้วจะทำไม?”



อ้าว ไอ้เหี้ยนี่.. ผมเกลียดมันเข้าไส้จริงๆแล้วนะ ไม่สิ ต้องเกลียดตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก! ทำไมแม่งไม่ยอมสักทีวะ!



   “กูจะนั่งทางซ้าย มึงต้องหลบ”



   “ทำไม?”



   “ขวาดำ ซ้ายขาว กูขาว นั่งซ้าย” ผมตอบเหตุผลไปด้วยหน้าตายครับ แต่ไอ้เหี้ยตรงหน้าแม่งก็ยังจะหรี่ตาลงแล้วไหวไหล่!



   “เหรอ งั้นกูอยากขาว กูนั่งทางซ้ายแล้วกัน”



ไอ้เหี้ยดำนี่!!



   สุดท้ายต่อให้ไล่อย่างไงก็ไม่ไป มีแต่ทำใจเอาก้นวางลงเก้าอี้ขวาอย่างเดียว สลัดผักเถอะ และพอผมนั่งลงก็ตรัสรู้ได้ว่าเพราะกุญแจข้อมือนี่มันบังคับให้ผมนั่งทางซ้าย ถ้าผมนั่งด้านขวาหน้าของผมก็จะหันหลังให้กระดานนั่นเอง เหอะๆ! รู้สึกอายแปลกๆว่ะ แต่ไม่ใช่แค่พอนั่งแล้วจะได้ตรัสรู้เรื่องนี้เรื่องเดียวนะครับ



ได้ยินเสียงอีกด้วย...



   “ฮิ้ววววววววว!! คู่แต่งงานใหม่ของห้องเกิดขึ้นแล้ววว!!”






ก่อนจะเตะหน้าไอ้ดำ
ไปซัดเจ้าพวกล้อๆนี่ให้หุบปากได้ไหมวะ!!!




_____________________________________________________________
StraWBerry_ImIn @Talk
สวัสดีค่า >< มาตามสัญญาค่ะ ทุกๆวันเสาร์ ฮ่าาาาาา เดี๋ยวคงหายไปทำงานต่อ(?) ค่า
ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามกันมากเลยนะคะ >< ดีใจสุดๆเลยค่ะที่มีคนอ่านมากขึ้ น55555 ขออัพวันเสาร์อย่างเป็นประจำแล้วกันนค่าา //จองที่(????)  :hao6:

เชียร์ให้ไอ้ดำกับน้ำกรดรักกัน... แต่ไม่รู้ว่าจะตอนไหน ผ่านอะไรเยอะแยะ(?) แหง ฮ่าาาาา  :hao5:

PS. คุณ Grey Twilight สุดยอดมากกก นั่นเรื่องแรกที่แต่งเลยนะคะ
ขอบคุณสำหรับคำชมทุกๆอย่างและข้อแนะนำมากๆเลยค่ะ จะพยายามค่ะ! ดีใจมากเลย ขอบคุณนะคะ!
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.4 คนเกลียดกัน มักจะโดนล้อกัน (1/3/55)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 01-03-2014 22:06:52
 :hao6: แล้วความใกล้ชิดก็จะทำให้พวกแกหวั่นไหว เหอๆ

 :hao7: อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆแล้วสิ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.4 คนเกลียดกัน มักจะโดนล้อกัน (1/3/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 02-03-2014 15:24:42
กร๊ากกกเรื่องน่ารักดีรอค่ะรอ
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.5 UP!! (9/3)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 09-03-2014 10:43:13
N o n Roman!! - C h a p t e r  05

คนเกลียดกัน มักจะทำให้เกลียดกันยิ่งขึ้นไปอีก

   ไม่เคยเกิดมาแล้วชีวิตตกอับขนาดนี้มาก่อน





   “กูปวดเยี่ยว”



   คำๆเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกหดหู่

   มันน่าอายมากเกินไป! เมื่ออยู่ๆไอ้เหี้ยดำยกมือขึ้นมาระหว่างที่อาจารย์สอนแล้วพูดว่า ‘จารย์ครับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำ’ น่ะสิ ตอนแรกคนมันก็ไม่ได้อะไรมากหรอกนะ


แต่เพราะพอมันลุกจะเดิน ผมก็ต้องติดสอยแม่งไปติดๆอ่ะดิ!!
   คุณเอ๊ย คิดเองแล้วกันว่าฉี่กูก็ไม่ปวด เสือกต้องเดินตามมันเข้าห้องน้ำไปก็เพราะไอ้กุญแจมือ! โธ่..


แล้วมีเหรอว่าจะไม่โดนล้อ!!



   “คุณชายสองคุณชายไปห้องน้ำด้วยกันแหละเธอ ก่อนหน้านี้เนี่ยไม่เคยเห็นอยู่ด้วยกันมาก่อนเลย ว๊าย!”


ใครก็ได้ ไปฆ่าไอ้ไทเกอร์กับไลออนทีดิ๊!

   แต่ดูเหมือนคนที่ได้รับผลกรรมของผมที่ทำไว้มันจะไม่ได้มีแค่ผมกับไอ้ดำครับ นิวกับจินก็โดนลูกหลงไปด้วยเพราะในห้องมันมีโต๊ะพอดีคน ทำให้พวกมันสองคนต้องย้ายที่ไปนั่งด้วยกันโดนปริยาย คิดๆไปแม่งก็น่าสงสาร โดยเฉพาะนิว แม่งไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างเลย

คงอารมณ์ประมาณ ‘กูนอนอยู่ดีๆของกูนะ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยวะ!’

กึก


   “เฮ้ย เหี้ย!” ผมเผลออุทานคำหยาบออกมา เอ่อ ปกติก็พูดอยู่แล้วน่ะครับ แต่จะไม่ให้เผลอตะโกนได้ไง ในเมื่อไอ้ดำมันดึงมือผมไปแล้วกำลังรูดซิปกางเกงอยู่


ว่าแต่แม่งมาถึงห้องน้ำเมื่อไหร่วะ


   “ทำไรมึงเนี่ย!” เชี่ยล่ะ กูไม่ใช่เกย์นะ ผมก็ไม่อยากเห็นหรือจับ แตะโดนน้องมันหรอกนะเว้ย!


แม่งหันมาเลิกคิ้ว


   “กูจะฉี่” ชัดเจน กูรู้ครับ กูรู้!


   “มึงก็ใช้มือข้างซ้ายดิวะ!”


   “กูถนัดข้างขวา” ว่าแล้วแม่งก็เอามือปลดซิบกางเกงมันอีก โอ๊ย แล้วกูจะไปมองทำไม เสียสายตาหมด ผมเลยจัดการหันไปอีกทางซะเลย เชี่ยนี่ “หึ.. ไม่กล้ามองเพราะมันใหญ่ล่ะสิ กูไม่เล็กๆแบบมึงหรอก”


อ้าว นี่ดูถูกเกียรติลูกผู้ชายเหรอวะ!


   “เหอะ เพราะกูไม่ได้เป็นไอ้เกย์แบบมึงไง จะไปดูทำไมวะ” ผมตอบกลับทันทีขณะที่สัมผัสได้ว่าแม่งใช้มือประคองไอ้นั่นฉี่อีกต่างหาก โว๊ย! กูมาพูดเรื่องแบบนี้ นิยายแม่งจะโดนแบนไหมวะเนี่ย “เชี่ย ใช้มือประคองข้างเดียวไม่ได้ไงวะ”

   “พอดีแม่งใหญ่ไง กูเลยต้องใช้สองมือ” ไอ้ดำพูดอารมณ์ดีพร้อมกับฮัมเพลงเบาๆ โอ๊ย ผมได้ยินเสียงฉี่แม่งเลยอ่ะ บัดซบ เหี้ยฉิบหาย

แต่คิดแล้วก็ปวดฉี่เหมือนกันแหะ..

   “เออ เรื่องของมึง แต่อย่าให้มือกูโดนน้องน้อยมึงล่ะ”

   “หึ อยากจับตรงๆก็บอกมาเหอะ” อ้าว ไอ้เวรนี่!! ผมฮึดฮัดเล็กน้อยแต่ก็ไม่อยากเถียงต่อ เลยจัดการใช้มือซ้ายของตนเองปลดซิบแล้วเตรียมหยิบมังกรออกมาครับ

แต่มือซ้ายแม่งไม่ถนัดเลยว่ะ


เชี่ยเอ๊ย! เพราะมือขวาผมโดนดึงไปกับมัน ตอนนี้ก็เลยเหลือเพียงมือซ้ายที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเดียว ผมขมวดคิ้วแน่นก่อนจะใช้มือซ้ายดึงมังกรออกมาสำเร็จแล้วค่อยจัดการปลดปล่อย




..แต่ในขณะที่แม่งเกือบสุดแล้ว.. ได้ยินเสียงแว่วๆ..





   “ลูกงู ไม่สิ อย่างนี้แม่งต้องเป็นไส้เดือนมากกว่า”




พ่องมึงตาย!!



   หันไปหาก็ทำหน้าตายอีกต่างหาก มึงมาต่อยกับกูเลยดีไหมวะ ดีไหม!


   “ไอ้เหี้ย!!” ด่ามันแม่ง เสือกแอบมองกูเหรอ ไม่พอยังเปรียบมังกรยักษ์ของผมเป็นไส้เดือน! กูเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกก็วันนี้นี่แหละ!!    “คิดว่าตัวเองใหญ่มากไงวะ!”


   “เออ ใหญ่กว่ามึง”

เจ็บจี๊ด...!
   ผมไม่อยากหันไปดูให้เสียสายตาหรอกครับพอดีผมฉลาดพอ ตัดสินใจเก็บมังกรของตัวเองลงแล้วรีบสวมกางเกงให้เรียบร้อยทันที ส่วนมันน่ะ แต่งตัวเสร็จตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน

   “กลับห้อง!”

   “เออ”

   แม่ง พูดเหมือนเมียกำลังงอนผัว ตูล่ะเครียด แต่ผมก็ไม่อยากพูดอะไรต่อ ทำได้แต่เพียงหันหลังแล้วเดินกระชากอีกคนออกจากห้องน้ำอย่างเดียวครับ โดยไม่ลืมพูดประโยคนี้เอาไว้




   “เหอะ.. ไอ้เกย์วิปริต!!”


เชี่ยอีกล่ะ ได้ยินเสียง ‘หึ’ ดังมาจากมัน!




กูเกลียดมึงฉิบหาย!!
....






   ความเกลียดฉิบหายมันไม่หยุดไว้เท่านี้ เมื่อทั้งผมและมันต้องมากินข้าวโต๊ะเดียวกัน!!

พวกเราฉลาดพอที่จะไม่นั่งข้างกัน ชายคู่อริเลือกจะนั่งฝั่งตรงข้ามมากกว่า ผมเห็นไอ้ดำแม่งก็ไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งนิ่งๆหน้าตายเสียอย่างนั้นแหละ แต่เอาเหอะ มันไม่พูด ผมก็ไม่พูด!


เหมือนไม่ได้มีคนที่ต้องมารับกรรมเพียงเท่านี้


   ทำไมถึงคิดอย่างนั้นน่ะเหรอครับ? ผมเห็นไอ้นิวกับไอ้จินมันนั่งกุมขมับเป็นตัวประกอบเหมือนๆกัน เดาดูพวกมันน่าจะกำลังคิดว่า ‘ทำไมกูต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วยวะ’ ประมาณนี้แหง


แต่ตูนี่สงสารไอ้นิวจริงๆ

หน้ามันเหมือน ‘วันนั้นกูนอนอยู่ดีๆของกู ทำไมกูโดนลูกหลงกูไปวะ!’

ก๊าก! ไอ้เหี้ยนี่ซวยฉิบหาย!


   ความจริงตั้งแต่ก้าวเข้ามาน่ะ คนมองกันทั้งโรงอาหารเลยด้วยซ้ำ! เพราะชื่อเสียงความเกลียดจะเป็นจะตายของผมและไอ้ดำมันกระฉ่อนทั่วโรงเรียน แล้วอยู่ๆวันดีคืนดี.. ไม่สิ แล้วอยู่ๆวันเลวคืนร้ายพวกผมกับมันต้องมานั่งแดกข้าวด้วยกันเพราะ ‘กุญแจมือ’ พวงเดียว!!


ชีวิตบัดซบ!


   “กูหิว เดี๋ยวกูจะไปซื้อข้าว” เป็นเสียงไอ้เชี่ยดำที่พูดขึ้นมาพร้อมกับยืนขึ้นแล้วจะเดินไปแต่ก็ต้องชะงักกึก

เพราะผมไม่ยอมไปด้วย...

   “...กูบอกว่ากูจะไปซื้อข้าว” แอบเห็นหน้าไอ้นิวกับไอ้จินเหงื่อตกครับ.. เออ แล้วไงล่ะ ผมยักคิ้วใส่มัน

   “ไปดิ”

   “....” แล้วมันก็กำลังจะเดินไป.. แต่..


กึก!


หึ..โดนกูรั้งไว้ซะอย่าง!!


   ผมเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่ายแล้วรู้สึกอารมณ์ดีทันที! วุฮ่าฮ่า! เป็นไงล่ะมึง เป็นไง! กูไม่ไป มึงก็ซื้อไม่ได้! อีกอย่าง มึงทำอะไรกูไม่ได้หร๊อก!


   “กูหิว” นั่น มันหันมาบอกแล้วครับ


   “ไปดิ” เป็นไงล่ะ การกวนตีนของผม! เห็นหน้ามันแม่งอารมณ์ขึ้นเลยล่ะสิ ไอ้ดำคิ้วกระตุกยิกๆในขณะที่ผมนั่งเท้าคางสบายใจ


   “ไอ้เหี้ยนี่หาเรื่อง....”


   “หยุดๆ! เชี่ยนัย กรด เดี๋ยวกูกับนิวจะไปซื้อข้าวให้ พวกมึงจ่ายมาอย่างเดียวแล้วบอกว่าจะเอาอะไรก็แค่นั้นแหละ!” เสียงของจินรีบเข้ามาห้ามปรามไว้ก่อนทำเอาผมเลิกคิ้วน้อยๆ โฮ่! แม่งฉลาดดีกว่าที่คิดนะเนี่ย


   สุดท้ายไอ้ดำก็ยอมนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหันไปบอกครับ ผมเองก็เช่นกัน ยอมนั่งดีๆก่อนจะสั่งข้าวผัดกับไอ้นิวทันที
ก๊าก อย่างนี้ก็ดีนะ ก๊ากก กูสะใจโว้ย!


...
   แต่พวกมันพลาด






พลาดตรงที่ว่าปล่อยให้ผมกับไอ้ดำอยู่ด้วยกันสองคน..




...
   ทั้งผมและมัน ไม่มีใครจ้องตากันแม้แต่คนเดียวเลยครับเพราะรู้ว่าถ้าเกิดมองหน้าล่ะก็ มีหวังได้ลุกขึ้นมาต่อยอีกรอบแน่ๆ
แต่..ผมแค้น


แค้นที่แม่งทำตูนอนไม่หลับ
แค้นที่มันทำให้ผมต้องเข้าใกล้มันอีก
แค้นที่มันแอบมาดูมังกร แล้วแม่งบอกเป็นไส้เดือน




   ข้อสุดท้ายสำคัญ.. มันมองยังไงว่าเหมือนไส้เดือนวะ!



   “เฮ้อ” ผมเริ่มที่จะป่วนประสาทของอีกฝ่ายก่อนด้วยการถอนหายใจแล้วลากเสียงยาวๆ “เฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ!”

เอ้า แม่งยังไม่สนสินะ ได้ กูนี่ล่ะจะทำให้มึงรำคาญ!


   “เฮ้อ! เฮ้อ! เฮ้อ! เฮ้อ! เฮ้อ! เฮ้อ!”

   “ถอนหายใจเขาว่าจะตายเร็ว” นั่นไง การยั่วโมโหของผมสำเร็จ มันตอกกลับมาแล้ว

   “การถูกจับแบบนี้มันทำให้รู้สึกใกล้ตายเร็วกว่าอีก” ผมตอบอย่างไม่สะทกสะท้านพร้อมกับใช้กระบวนการร่างกายถอนหายใจ 108 ครั้งครับ ไอ้เหี้ยนี่แม่งก็รำคาญน่ะสิ!

   “เหรอ งั้นคงต้องจับไว้ด้วยกันนานๆจะตายตายเร็วๆแล้วกัน อวยพรจากใจ”

   “ขอโทษที พอดีคำอวยพรจากสัตว์สี่ขา เราไม่รับน่ะ”

เป็นบทพูดที่เรียกสายตาคมจากมันได้จริงๆ เออ แล้วไงวะ สงสัยจะแปลกใจที่ผมไม่ใช่มึงกูพูด .. แหม ก็ถ้าใช้มันจะดูไม่ประชดประชันนี่ครับ

เห็นอย่างนี้ ผมก็ฉลาดเหมือนกันนะเหวย!!

   “เดี๋ยวนี้พวกสัตว์สี่ขาชอบเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนบ่อยจริงๆ” แม่งก็พูดต่อแล้วเท้าคางมองไปอีกทางหนึ่ง ผมก็หมั่นไส้
ทำตามแม่ง

   และจากนั้นผมจึงนั่งเท้าคางพลางหันมองไปในทิศทางตรงข้ามกับมันครับ

   “ช่วงนี้พวกวิปริตนี่มันเยอะจริงๆ พ่อแม่เกิดมาให้ความเป็นชายแต่ยังเสือกไปแดกกันเอง ไม่ไหวๆ” พูดพึมพำราวเหมือนบ่นกับตนเองเบาๆ แต่ก็ยังทำให้อีกฝ่ายได้ยินอ่ะนะ

   ไอ้เหี้ยดำหันมามองผมแวบหนึ่ง


   “ไม่เข้าใจจริงๆเลยน้า เอากันก็เสียงดังรบกวนชาวบ้าน สงสัยสอยตูดกันแบบมีมารยาทท่าจะไม่เป็น”
   ผมได้ยินเสียงหัวเราะ ‘หึ’ เบาๆออกจากลำคออีกรอบ มันกลับเป็นตัวทำให้ผมหงุดหงิดแทนเสียอย่างนั้น
โดยเฉพาะประโยคต่อไปของมัน



   “ถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงเอาเสียงดัง ก็ลองมาโดนกูสอยตูดดูสิ จะได้เข้าใจคนที่กูสอยไปคืนนั้น”


...
   นิ่ง เงียบ หันขวับไปมองหน้าอีกคนที่กระตุกยิ้มมุมปาก ..


..พึง!


เสียงเส้นประสาทผมขาดไปแล้ว


   “เมื่อกี้มึงว่าอะไรวะ!!” ผมตะโกนลั่นโรงอาหารเลยครับก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วใช้มือข้างถนัดกระชากคอเสื้อของไอ้ดำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยืนขึ้นตาม

   เสียงคุยจอกแจกจอแจของผู้คนในลงอาหารค่อยๆเงียบลงตามลำดับ สายตาหลากหลายคู่เริ่มหันมาจับจ้องผมกับไอ้ดำที่กำลังจ้องหน้ากันเขม็ง จนผมสัมผัสได้ว่าไม่มีใครในโรงอาหารรเอื้อนเอ่ยอะไรแม้แต่อย่างเดียว ตัวเองเหมือนกลายเป็นจุดเด่นขึ้นมา



แต่.. ใครแคร์วะ จุดเด่นแล้วไง?


   ผมมองหน้าไอ้เหี้ยดำที่โดนกระชากคอเสื้ออยู่




   “กูถาม! เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร!!”


ตะคอกเสียงใส่มันพลางจ้องเขม้ง อีกฝ่ายกระตุกยิ้มกวน

..ไอ้เหี้ยนี่!!


   “กูแค่บอกว่า ถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงเอาเสียงดัง ก็ลองมาโดนกูสอยตูดดูสิ”


...มึง!!



ผัวะ!!



   ผมตัดสินใจต่อยหน้ามันไปทันทีหนึ่งหมัดเต็มๆ พร้อมกับเสียงฮือฮาในโรงอาหารที่ดังขึ้นเรื่อยๆเพราะความตกใจ พอกำลังจะออกหมัดที่สอง ไอ้นิวก็วิ่งเข้ามาคว้าผมไว้ทัน




เวรเอ๊ย!



   “ไอ้เชี่ยกรด! ใจเย็นๆดิวะ! ใจเย็นๆ!!”



   “กูไม่เย็นแล้ว! มันดูถูกกู! เหี้ยเกย์วิปริตนี่แม่งดูถูกกู! คิดว่าจะสอยตูดกูเหรอ! ฝันไปเหอะมึง!!” ผมหันไปตะโกนด่ามันแล้วพยายามดิ้นให้หลุดจากการล็อคตัวของไอ้นิว ดูเหมือนอีกฝ่ายก็ยังนิ่ง ยกมือขึ้นปาดเลือดที่กลบปากอยู่


เออ สมน้ำหน้า!


   “ไอ้เกย์วิปริต! ไอ้เหี้ยไม่เลือก! เอาเหมือนหมา.. ไม่เลือกที่!!”


เชี่ยดำแม่งหันตวัดสายตามามอง
สายตามันก็มีแต่ความเกลียดชัง เหมือนกับผม ..
เพราะทั้งผมและมันก็มีแต่ความเกลียดกันเท่านั้นแหละ



   “มองหน้ากูหาเรื่องเหรอ!!”



คราวนี้ผมตะโกนเสียงดัง ได้ยินไอ้นิวมันร้องห้ามแต่ก็ไม่ฟัง จะเข้าไปต่อยหน้ามันอย่างเดียวให้ได้.. วันนี้มึงโชคดีนะที่มีไอ้นิวอยู่เพราะมันช่วยล็อคกูไว้.. อย่าให้กูหลุดไปล่ะ เหี้ยเอ๊ย!


ไอ้เกย์ตรงหน้ากระตุกยิ้มมุมปาก แล้วชี้มาทางผม


   “ทุกคนในโรงอาหารฟัง!!” คราวนี้มันตะโกนลั่นพร้อมกับยันตัวขึ้นไปยืนบนโต๊ะอีกต่างหาก ทำให้สายตาทุกคู่เปลี่ยนทิศไปจ้องมองมัน ไอ้ดำก้มมองผมแวบหนึ่ง ก่อนจะชี้ลงหา


ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมเบิกตากว้าง จ้องมันอย่างไม่ไว้วางใจ



   “เฮ้ย..ไอ้นัย” เชี่ยจินร้องเบาๆเหมือนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไงดีกับสถานการณ์นี้ ส่วนไอ้ดำก็ได้แต่หัวเราะหึในลำคออีกแล้วพูดประโยคถัดไปต่อ



   “ไอ้เหี้ยน้ำกรดที่ต่อยหน้ากูวันนี้.. คือว่าที่เมียกู!! ขอให้ทุกคนเป็นพยานยืนยัน!! กูสาบานว่ากูจะสอยตูดมัน!!”



...ไอ้สัตว์นรก!!


   ผมอ้าปากค้าง ไม่ต่างจากไอ้นิวที่ยืนแข็งไปแล้ว แต่มันไม่ใช่เจ้าของชื่อน้ำกรด คนชื่อน้ำกรดมันมีแค่ผมคนเดียว.. ทั้งโกรธหน้าดำหน้าแดง โมโห เกลียด.. เกลียดมัน กูเกลียดมึงฉิบหาย เกลียดฉิบหายไอ้เหี้ยดำตัวนี้!!

 
   แต่ไม่ทันที่จะได้เปิดศึกต่อยอีกรอบ กลับมีเสียงผู้คุมหอคุ้นเคย คนต้นคิดเรื่องกุญแจข้อมือวิ่งเข้ามาและตะโกนดังลั่นราวกับคำสั่งเด็ดขาดเสียก่อน







“นายน้ำกรดและนายดนัย.. มาพบผมที่ห้องปกครองด่วน!!”
...


____________________________________________________

StraWBerry_ImIn @Talk
เย้ ในที่สุดก็คลอดมาอีกตอนด้วยความยากลำบาก อ๊อก.. เหนื่อย orz //ทรุด
ฮ่าา
ขอบคุณสำหรับคนที่อ่านแล้วคอมเม้นท์มากนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ
เค้กดีใจมากๆเลยค่ะ T T ขอบคุณค่าาา

หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.5 UP!! (9/3)
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 09-03-2014 12:00:02
ถ้าไม่ได้สอยตูดกันคงไม่ได้รักกันแน่ๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.5 UP!! (9/3)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 09-03-2014 12:57:56
เกิดเป็นคนรอบข้างสองคนนี้ต้องทำใจ
ยังไม่เห็นแววว่าจะรักกันยังไง
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.5 UP!! (9/3)
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 09-03-2014 18:57:36
ว่าแต่จะได้สอยกันเมื่อไหร่จ๊ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.5 UP!! (9/3)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 09-03-2014 22:41:54
 :haun4: ประกาศกันอย่างนี้ อยากให้ถึงฉากไวๆ
ยังจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะสอยกันยังไง ถ้าไม่กด ถ้าไม่เมา

มาบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.5 UP!! (9/3)
เริ่มหัวข้อโดย: KIMKUNG ที่ 09-03-2014 23:29:29
แรงอะ เรื่องนี้แซ่บ
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.6 UPP!! (16/3)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 16-03-2014 10:31:17
N o n Roman!! - C h a p t e r  06

คนเกลียดกัน มักจะเจอเรื่องฉิบหายด้วยกัน





   ชีวิตผมแม่งจะอะไรนักหนาฟะ!



   คำๆนี้ลอยเข้ามาในหัวของผมแทบจะทุกนาทีที่ยืนประสานมือกันไว้แล้วก้มหัวลงเพื่อเป็นการรับฟังคำด่าที่ดังออกมาจากปากของอาจารย์ไม้สุดโหดแต่โดยดี เห็นตัวเล็กแต่พริกขี้หนูชัดๆ ทำให้ผมแทบอยากจะบ้าตาย


แต่ว่า



ผมไม่ได้ผิดสักหน่อย!


   “ถ้าจารย์โดนคนบอกว่าจะเอาตูด จารย์ก็โมโหเหมือนผมแหละ” เป็นน้ำเสียงกระชากของผมที่ดังออกมาพร้อมกับตวัดสายตามองไอ้เหี้ยดำที่ยังยืนนิ่งไม่สนใจ


เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร มึง.. มึง!


อยากจะต่อยหน้ามันให้แหกจริงๆ!



   “แต่คุณไปต่อยดนัยเขาก่อน” อาจารย์ตัวเล็กพูดขึ้น ทำให้ผมเม้มปากเป็นเส้นตรง “ถ้าเทียบกันตามกฎโรงเรียน คุณทำร้ายร่างกายของเขา คุณผิด”


   “แต่มันก็พูดจาดูถูก! อนาจารใส่ผม!!” ไม่ยอมครับ ผมจะผิดได้ไงกัน ไอ้เหี้ยดำมันเริ่มก่อนอีกนะ พูดจาเชี่ยๆแบบนั้นน่ะ


   “หึ” ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอจากมันแล้วก็หงุดหงิดกว่าเดิมอีก ผมตวัดสายตามองคนข้างกายที่ยืนมองตรงไปทางอาจารย์


“เพราะไอ้เหี้ยนี่มันบอกว่าผมเป็นเกย์”


เชี่ย ฟ้องจารย์อีก!
   ผมกัดฟันกรอด


   “ก็มันเป็นจริงๆนี่หว่า!! จารย์ไม้ไม่รู้อ่ะ! มันเอากับผู้ชาย! เอากับผู้ชายแล้วได้ยินเสียงดังรบกวนคนอื่นเขา!!” หันไปฟ้องกลับแม่ง หมั่นไส้ ไอ้เชี่ยนี่จะอะไรนักหนาวะ ตัวเองเอาผู้ชายแล้วเสือกรบกวนชีวิตกูก่อนแท้ๆเลย!


   “ท่าทางพวกเรานี่จะเกลียดกันมากจริงๆเลยนะ”


   “ใช่!”


   ผมกับมันประสานเสียงคำเดียวกันเลยครับ เพียงเท่านั้นแหละ.. รู้สึกเหมือนปรอทความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นเป็นตัวแดงทันที หันขวับมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย


   “มึงพูดตามกูทำไมวะ!”


เสือกตะโกนคำเดียวกันอีก!
   อาจารย์ไม้กุมขมับด้วยความปวดหัว


   “เอาล่ะ .. พอ พอๆกันเลยทั้งสองคน” ชายตัวเล็กเดินเข้ามาคั่นกลางระหว่างผมและไอ้เชี่ยดำ ก่อนจะใช้แรงนั่นแยกออก “ดูเหมือนพวกคุณจะไม่กินเส้นกันจริงๆสินะ”


   “เหอะ”


   “หึ”


   นั่นไง อีกล่ะ ผมกับมันเมินหน้าหนีไปคนละทางอย่างรวดเร็ว เกลียดขี้หน้า ไม่ไหว ไอ้เหี้ยดำนี่..
แล้วพอมันมาพูดประกาศแบบนั้น
ยิ่งทำให้ผมอยากจะฆ่ามันจริงๆจังๆ!



   “เฮ้อ.. พวกคุณนี่ แล้ววันนี้ก็จะต่อยกันกลางโรงอาหาร”


   “ต่อยไปแล้วต่างหาก” ผมกระชากเสียงตอบกลับไป เหลือบมองแก้มไอ้ดำที่บวมขึ้นข้างหนึ่ง


ก๊ากก สมน้ำหน้า!!! กูสมน้ำหน้ามึงจริงๆ ไอ้เชี่ยดำ


   “ผมรู้.. งั้นเริ่มที่คุณก่อนเลยแล้วกัน นายน้ำกรด” คราวนี้สะดุ้งเฮือกครับ เริ่มอะไรกับผมกันจารย์!!? อาจารย์ไม้หันหน้ามามอมแล้วชี้หน้าผม “คุณรู้หรือเปล่าว่าการใช้กำลังมันไม่ดีอะไร”


   “....” ผมเงียบ ทำเพียงกัดริมฝีปากตนเองแน่นเท่านั้น


   “คุณใช้กำลัง ถ้าคุณอยู่ในสังคมภายนอก คุณผิด เพราะคุณใช้กำลังก่อน” อีกฝ่ายพูดสั่งสอนแล้วใช้มือชี้หน้าผม
มีเหรอที่จะฟัง


   ผมก็แค่ก้มหน้าไปอย่างนั้นแหละครับ พวกอาจารย์นี่น่ารำคาญจะตายไป


   “ตอนนี้อยู่แค่ในสังคมโรงเรียน มันยังเป็นสังคมเล็กๆ.. ถ้าหากคุณเผชิญสู่โลกภายนอก แล้วคุณจะทำอย่างไง กะอีแค่คำพูดยั่วโมโห คุณต้องทนให้ได้”


จะโดนเอาตูดเนี่ยนะ!? จะให้กูทนแล้วยื่นตูดให้มันพร้อมพูดว่า ‘อ๊าย มาเอาตูดหนูเลย’ หรือไง!   
   ได้แต่คิดในใจพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นเท่านั้น


   “...ครับ”


   ผมเห็นอาจารย์ไม้พยักหน้า


   “คุณจะเจอคำพูดที่ร้ายแรงและสาหัสมากกว่านี้ในอนาคต คุณต้องใจเย็นเพิ่มขึ้น” ผมกัดริมฝีปากแน่น
มึงจะเอาเหี้ยอะไรกับกูนักหนาวะ ไอ้จารย์คนนี้ ชักเริ่มเกลียดขี้หน้ารองจากเชี่ยดำแล้วนะ!


   “แต่แม่ง....!” พูดไม่ทันจบกลับโดนอาจารย์ยกมือห้ามปรามก่อนครับ


   “ถัดไป คุณ นายดนัย” คราวนี้ผมเห็นไอ้ดำผงะไปเล็กน้อย แม่งทำสีหน้าประมาณว่า ‘นี่กูต้องโดนด้วยเหรอ กูโดนต่อยนะเว้ย ต่อย’ เหอะ!


สมน้ำหน้า!

จารย์! ใส่มันเยอะๆ! เอาให้จ๋อย!


   “การที่คุณไปพูดจาหาเรื่องกับนายน้ำกรดแบบนี้คือสิ่งที่เรียกว่าใช้ไม่ได้” อาจารย์ตัวเล็กพูดเสียงเรียบพร้อมกับชี้ไปทางไอ้เชี่ยดำ “ถ้าหากคนๆนี้ไม่ใช้นายน้ำกรด หรือไปที่ออกไปที่โลกภายนอกแล้วคุณยังมีปากหมาๆอยู่ล่ะก็ ผมคิดว่าคุณคงอยู่ในสังคมลำบาก”


ก๊าก!
เชี่ย! สมน้ำหน้า ไอ้ปากหมา!
   โอ๊ย ไม่ไหวครับ มันโดนอาจารย์ด่าปากหมาอ่ะ! สุดยอดป่ะล่ะ ผมนี่กลั้นขำตัวสั่นริกเลย แม่งเอ๊ย ไอ้เหี้ยผู้น่าสงสารเอ๊ย ไอ้เหี้ยปากหมา!


   “..ครับ”


ก๊ากกก
   ไอ้เชี่ยดำแม่งจะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจากร้อง ‘ครับ’ ไปก็เท่านั้น โธ่ๆๆๆ ดำนี้ไม่สู้จารย์ไม้สินะ ก๊ากกก ไอ้ดำไม่สู้อาจารย์ไม้! สม น้ำ หน้า!
โอ๊ย เห็นมันจนมุมแล้วสะใจผมจริงๆ!


   “น้ำกรด ห้ามหัวเราะ” คราวนี้อาจารย์ไม่เรียกนายแล้วครับ ผมกลืนเสียงหัวเราะตนเองลงท้องไปให้หมดอย่างยากลำบาก


   “ค..คะ..ครับ..”


   อาจารย์มองหน้าทั้งผมและมันสลับไปมา


   “พวกคุณเกลียดกันมากใช่ไหม?”


   “ไม่อยากจะหายใจร่วมกับมัน”


   “ไม่อยากจะใช้อากาศร่วมกับมัน”


   เป็นสองประโยคที่สื่อความหมายคล้ายคลึงกันจริงๆ ผมเห็นไอ้ดำมันตวัดสายตาแวบหนึ่งราวกับว่า ‘เหี้ย มึงกับกูจะพูดพร้อมกันไปไหนวะ’ ประมาณนี้ครับ เออ นั่นดิ จะพูดพร้อมกันบ่อยๆทำไมวะ


อาจารย์ไม้ถอนหายใจเฮือก


   “โอเค.. ผมเข้าใจพวกคุณแล้ว” ได้ยินเสียงเล็กๆของอีกฝ่ายดังลอดออกมาพร้อมกับยืนนิ่งเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง
แต่ อาจารย์บอกเข้าใจผมกับมันแล้ว!! มันหมายความว่าจะให้ปล่อยใช่ไหม!


   เท่านั้นแหละครับ หน้าผมบานเลย เยส! ในที่สุดกูก็จะได้เป็นอิสระสักที!
หากแต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด


   “ผมคิดว่าพวกคุณต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการศึกษาชีวิตของกันและกัน เพื่อที่จะเข้าใจกันมากขึ้น”


...


ประโยคนี้ทำให้ผมกับไอ้ดำที่กำลังยิ้มถึงกับค้าง..


..
เหี้ยล่ะ



   “ม..หมายความว่าอะไรน่ะจารย์..” ผมอ้าปาก มองหน้าอาจารย์คุมหอม.6ที่มีรอยยิ้มอารมณ์ดีออกมาอีกด้วย


   “ผมไม่ขำนะจารย์” คราวนี้เป็นเสียงของไอ้ดำครับ


   อาจารย์คลี่ยิ้มงดงามออกมา แต่นั่นทำให้ผมขนลุกเกลียวอีกรอบ


   “นายน้ำกรด ฝากบอกเพื่อนรูมเมทของคุณด้วยนะ.. ว่าให้สลับห้องนอนกันกับนายดนัย”




...
ฉิบหาย!!!



   ผมนิ่ง อึ้ง มองอาจารย์ด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ .. หมายความว่าอะไรวะ ไอ้ที่บอกให้สลับห้องน่ะ นี่มันไม่ตลกเลยนะ โอเค ผมจะทวนคำพูดอาจารย์อีกที..



..นายน้ำกรด ฝากบอกเพื่อนรูมเมทของคุณด้วยนะ.. ว่าให้สลับห้องนอนกันกับนายดนัย..
   ขอแยกทีละประโยค นายน้ำกรดคือชื่อผม เพื่อนรูมเมท คือไอ้นิว สลับห้อง คือสลับ นายดนัย คือเชี่ยดำ
..




มันหมายความว่า ผมกับมันต้องมานอนอยู่ห้องเดียวกันใช่ไหมวะ!!







   “ไม่เด็ดขาด!!” น้ำเสียงของไอ้เชี่ยดำตะโกนขึ้นมาขัดครับ เออ คราวนี้ผมเห็นด้วย!


   “ผมก็ไม่เอาอ่ะจารย์!! ใครจะอยากไปอยู่กับเกย์วะ!” ไม่ไหว ผมส่ายหัวรัวพร้อมกับชี้หน้ามัน


   “เออ! ผมก็ไม่อยากอยู่กับเหี้ย!” ป็นเสียงไอ้ดำต่อ เล่นเอาผมหันขวับก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเป็นมองหน้าอาจารย์ไม้ที่ยังทำท่าเบื่อหน่ายอยู่


เพราะตอนนี้ที่ซีเรียสคือไม่ใช่โดนมันด่าแล้วต้องด่ากลับ


แต่ซีเรียสเรื่องที่.. รูมเมทกูเปลี่ยนน!


   “อาจารย์ไม้!!!”


แม่ง.. เรียกพร้อมกันอีกแล้ว ทำไมต้องพูดพร้อมกันด้วยวะ! ผมขยะแขยง!!
   อาจารย์ถอนหายใจออกมาครับ



   “เข้าใจแล้ว.. งั้นเดี๋ยวผมจะไปบอกรูมเมทของพวกคุณสองคนเองก็ได้”




...
ไม่ใช่อย่างนั้นโว้ย!!










   ...
   “เพราะมึงแท้ๆเลย ไอ้กรดเอ๊ย..”


   เสียงทุ้มเจือหวานของไอ้เชี่ยนิวที่ดังขึ้นมาหลังจากมีอาจารย์ไม้แจ้นข่าวมาบอกว่า ‘คุณ ไปย้ายห้องกับดนัย’ แถมยังต่อท้ายด้วยการชี้หน้าไอ้จินแล้วพูดว่า ‘ส่วนคุณ ไปช่วยรูมเมทน้ำกรดเก็บของ’ อีก


ท่าทางแม่งปลง


   กูสงสารมึงจริงๆนะไอ้นิว คือมึงนอนอยู่ดีๆของมึง เกิดเรื่องเฉยเลย..


   “เหอะ.. กูไม่ผิดสักหน่อย” อย่างไงก็ตาม ยังไม่ใช่ความผิดผมครับ ไอ้นิวทำหน้าปลาตายซะอย่างนั้น “ถ้าแม่งไม่เอากันดัง กูก็ไม่ด่าอะไรแม่งหรอก”


   “มึงนี่น้า..” พูดไปนั่น ความจริงไอ้เชี่ยดำก็ยังนั่งคุยกับจินอยู่เลยครับ ข้างๆนี่แหละ คู่ขามันนี่หว่า คิดแล้วก็สมน้ำหน้าว่ะ ที่ต้องแยกกับคู่ขา


แต่ตูก็ต้องแยกกับเพื่อนรักเหมือนกัน!!
   จะว่าไป ช่วงนี้ไอ้นิวกับไอ้จินมีสีหน้าเหมือนกันบ่อยๆ
สีหน้าที่ว่า..



.. ‘ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้วะ..’ นั่นแหละครับ..


.


.


.


   ความฉิบหายของผมยังไม่จบแค่นี้!



   พวกผมไม่ได้เรียนคาบบ่ายเพราะต้องช่วยกันขนของย้ายห้อง ซึ่งอาจารย์แต่ละคนก็ตกลงตามนั้นโดยไม่คิดมากเพราะเป็นคำขอร้องของผู้คุมหอม.6 ที่ถือว่าเส้นใหญ่และมีประสบการณ์พอสมควรครับ อาจารย์ไม้เป็นคนที่หน้าเด็ก แต่เท่าที่ผมคิดอายุก็คงประมาณ 30 ขึ้นไปนั่นแหละเพราะมีแต่คนเกรงกลัวอาจารย์เขาแถมยังเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนนี้อีกด้วย



อะไรคือความฉิบหายของผม? ไม่ได้เรียนคาบบ่ายน่ะ โชคดี


ข้อหนึ่ง ความฉิบหายของผมคือต้องย้ายห้องมาอยู่กับไอ้ดำ



   นั่นแหละ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะกระโดดถึงฆ่าตัวตายมากที่สุด บางทีก็เริ่มคิดแล้วว่าถ้านอนในห้องเชี่ยนิวทุกคืนบนเตียงไอ้นิว มันจะว่าอะไรผมไหมวะ?


ข้อสอง ไอ้เหี้ยดำแม่งเหี้ยฉิบหาย


   เพราะมือติดกันแบบนี้ผมเลยไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากที่ทำใจยอมเดินตามมัน หรือบางทีมันก็เดินตามผม แต่ว่านั่นไม่ค่อยเท่าไหร่ ติดตรงที่แม่งชอบนั่งนิ่งๆแล้วผมก็ชอบเดินไปเรื่อยๆแบบไร้ประโยชน์หรือเรียกว่าเดินเล่น เลยทำให้ทะเลาะกันทุกประโยคที่คุย.. ย้ำเลย ทุกประโยค



และข้อสาม อันนี้ฉิบหายที่สุด



เพราะเมื่อหกโมงเย็นตรงเป๊ะ เสียงระฆังประจำโรงเรียนก็บอกเวลาเอาไว้อีกด้วย เมื่อผมและเชี่ยดำมาหาอาจารย์ไม้เพื่อที่จะรับอิสรภาพ แม้ต้องอยู่ในห้องเดียวกันผมก็กระโดดหนีไปห้องไอ้นิวได้เหมือนกันครับ



แต่ แต่ว่า ที่พบน่ะไม่ใช่อาจารย์ไม้ แต่เป็นอาจารย์คนอื่นแทนน่ะสิ




พร้อมคำพูดที่ว่า



   “อะ..อ้าว วันนี้อาจารย์ไม้เขาบอกว่าปวดหัวมากเลยขอกลับก่อนน่ะ อาจารย์ไม่ได้บอกไว้เหรอ?”






...



..



.




เท่านั้นแหละครับ ผมกับไอ้ดำมองหน้ากัน
ผมก้มลงไปมองกุญแจมือที่ติดกัน
แล้วพูดประโยคเดียวกัน พร้อมกันอีกต่างหาก







   “ฉิบหาย”
...





_________
StraWBerry_ImIn @Talk
หว่าาาาา
มาได้อีกตอนแบบมึนๆแล้วล่ะค่ะ ><
ความจริงนิยายเรื่องนี้เค้กไม่อยากสื่อแค่นิยายวายอย่างเดียวน้าาาา
ลองอ่านแบบเจาะลึก(?)กันสิ แฮ่กๆ ถึงตอนแรกๆจะไม่มีเค้าโครงอะไรเลย แต่มันคือการวางแผนนนน (???)

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์นะคะ><
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.6 UPP!! (16/3)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 16-03-2014 15:31:24
 :hao7: "ศึกษาชีวิตของกันและกัน" คำนี้ทำเราฟินไปล่วงหน้าแล้ว

เรื่องนี้มีการวางแผน??  :hao4:
วางแผนอะไรอ่ะ อย่าบอกนะว่าดนัยวางแผนให้น้ำกรดมาอยู่ข้างๆแต่แรก
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.6 UPP!! (16/3)
เริ่มหัวข้อโดย: nnutchachar ที่ 16-03-2014 15:59:26
เกลียดอะไรก็ได้อย่างง้านนนนน กร๊ากกกกกกก
แต่ละคนที่ปากสุดๆกันเลยจริงๆ ไม่มีใครยอมใคร
แต่เดี๋ยวก็รู้ว่าใครต้องยอมใครละนะอุฮิๆ สนุกมากค่าาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.6 UPP!! (16/3)
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 16-03-2014 19:00:37
555 เริ่มใจตรงกันแล้ว
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.6 UPP!! (16/3)
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 16-03-2014 19:52:32
ฉิบหายของจริง คราวนี้คงอาบน้ำเห็นหนอนน้อยด้วยกัน  :o8:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.6 UPP!! (16/3)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-03-2014 16:57:02
หึหึ มันจะดีกันหรือเกลียดกันหนักกว่าเก่ากันแน่นิ

หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.7 UP!! (21/3)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 21-03-2014 12:42:31
N o n Roman!! - C h a p t e r  07 – คนเกลียดกัน มักจะชอบทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน



   แล้วคืนนี้กูจะนอนอย่างไง?


   เป็นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวหลังจากที่ผมเดินออกห้องของอาจารย์ไม้เรียบร้อยแล้ว ไอ้ดำเองแม่งก็นิ่งค้าง เหอะ คิดตามผมสิท่า!


แต่แล้วเหมือนมันกลับทำหน้าเคร่งเครียดเข้าไปใหญ่จนทำให้ผมรู้สึกสงสัยขึ้นมา นี่นอนกับกูมันจะเป็นปัญหามากเลยเหรอวะ.. เออ หรือความจริงผมต้องเครียดสิ เพราะมีสิทธิ์โดนไอ้เชี่ยข้างๆนี่ชิงแทงข้างหลังน่ะเด้!


   “..กี่โมงแล้ว?” เป็นคำถามจากอีกฝ่ายที่หันมามองหน้าผม อ้าว เดี๋ยวๆ มาถามกูเรอะ..


   “มีตาก็เงยหน้าดูเองเดะ” หึ.. คิดเหรอว่าท่านน้ำกรดจะตอบ ไม่มีวัน! ผมเห็นไอ้ดำแม่งทำหน้าจริงจังกว่าเดิมอีก ก่อนจะพูดเสียงเข้มใส่


   “กูถามว่ากี่โมง!!”


เชี่ย! ดุทำไมวะ!!


   ผมมุ่ยหน้าเล็กน้อย ไม่พอใจที่โดนมันขึ้นเสียงโว้ย แล้วอีกอย่าง กูไม่ใช้คนใช้ที่ต้องมาตอบมึง!!
เอ่อ ประโยคก่อนหน้านี้ผมแค่คิดนะ.. ส่วนกิริยาตัวเองน่ะคือหันไปดูนาฬิกาแล้ว
ฮึ่ม.. บอกไว้ก่อน เพราะเห็นว่ามันถามผม(น่าจะ)ครั้งแรกหรอกเลยยอมน่ะ


   “หกโมงสิบห้า” ผมตอบเสียงห้วนๆไปขณะที่อ้าปากหาววอด “คืนนี้อาจารย์ไม้ไม่อยู่ กูจะนอนกับไอ้เหี้ยนิว...”


กำลังจะพูดต่อแต่ก็ต้องชะงัก.. เออ ว่ะ เพราะอาจารย์ไม่อยู่นี่ ผมเลยต้องมา.. ติดแหง็กกับเหี้ยนี่!!


ฉิบหายแล้ว!!


   มันพ่นลมหายใจออกแรง


   “มึงไม่ต้องนอน.. วันนี้กูมีธุระ” ไอ้เชี่ยดำพูดเสียงนิ่งพร้อมกับมองกุญแจมือแล้วขมวดคิ้วเข้มๆของมันจนเป็นปมก่อนจะสถบออกมายาว “เชี่ยเอ๊ย! ทำไงแม่งให้ออกดีวะ กุญแจผีเหรอ? เวลาอย่างนี้มันทันที่ไหนล่ะวะ!”


โครม!!


   ผมสะดุ้งโหยงกับไอ้คนข้างๆที่แม่งหงุดหงิดห่าเหวอะไรไม่รู้ มันหันไปถีบถังขยะพลาสติกจนล้มทันทีเลยซะงั้น!? ไอ้เชี่ยย! กูขนลุกนะ ผีเข้าเหรอวะมึง!


   “เป็นเหี้ยอะไรวะ!” เห็นมึงอารมณ์ขึ้นแล้วถีบถังขยะ มาๆ กูขอขึ้นบ้าง คิดว่าตัวเองเครียดคนเดียวหรือไงเนี่ย “กูก็รังเกียจที่จะนอนกับมึงเหมือนกันอ่ะแหละ สัตว์! กูต้องนอนกับเกย์เลยนะ เหี้ย เกย์!!”


ไอ้ดำแม่งหันมาหาแวบหนึ่งแล้วเสไปหน้าไปทางอื่น


   “ไม่อยากนอนกับกูว่างั้น?”


 เอ้า มึงนี่ถามแปลกๆ ผมหายใจฮึดฮัดเป็นเสียงเชิงไม่พอใจ


   “แน่นอน”


   อีกฝ่ายเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะบิดกระดูกที่ข้อไหล่แรง และพูดประโยคถัดไปที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตนเองตอบผิดพลาดที่สุดในชีวิต..








   “เออ ดี งั้นคืนนี้ไม่ต้องนอน”










...อาเร๊ะ?



   “ห๊า! มึงหมายความว่าไงวะ!?”



   เสียงของผมตะโกนลั่นเมื่อได้ยินประโยคมาจากไอ้ดำที่เพิ่งพูดออกมา.. อะไรครับ? นี่คุณคิดว่าไม่ต้องนอนที่มันว่าเนี่ยหมายถึงทำกิจกรรมกลางคืนเหรอ อย่าเพิ่งหื่นกันสิ นี่อวยพรให้ผมโดนสอยแล้วใช่ไหม? เสียใจด้วยครับ.. เพราะว่ามันไม่ใช่!
แถมยังคนละเรื่องอีกต่างหาก!



   “มาวิ่งกับกูทั้งคืนก็แล้วกัน” เสียงของมันออกแนวเรียบๆแต่ก็ดันทำให้คนฟังอย่างผมยืนอ้าปากค้าง


   “หมายความว่าไงวะ? เหี้ย ไม่ไป กูจะนอน” ผมตอบกลับอย่างรวดเร็วพลางขมวดคิ้วแน่น “มึงพูดไม่เคลียร์”


เอ้า ได้ยินเสียงมันถอนหายใจยาวอีก อะไรนักหนาวะ นี่กูงงนะสัตว์
   ก่อนที่มันจะอธิบายออกมาในประโยคถัดไป ถึงผมจะรู้สึกไม่กระจ่างเท่าไหร่ก็เหอะ


   “เมื่อวานตอนเป็นอิสระ.. กูไปหาเรื่องไอ้เด็กม.6ที่อยู่สีเขียวมา”


   ได้ยินดังนั้นก็ทำให้ผมขมวดคิ้วจนเป็นปมแน่นอย่างสงสัย ไอ้เป็นอิสระน่าจะหมายถึงตอนที่ถอดกุญแจมือไปแล้วสินะ.. ว่าแต่ เวลายังไม่ถึงยี่สิบชั่วโมง มึงหาเรื่องคนอื่นได้เหรอวะเนี่ย? เชี่ย! เหี้ยนี่ท่าทางจะปากหมาจริงๆ กูยอมรับในตัวมึงแล้ว เวลานิดเดียวเสือกไปหาเรื่องคนอื่นได้อีก!


   อ้อ จริงสิ โรงเรียนของผมจะแบ่งหอตามสีของห้องครับ สีแดง เหลือ เขียว น้ำเงิน ชมพู ฟ้า ม่วง สีละสองห้อง .. ว่าแต่..



   “สีเขียวแม่งห้องไหนวะ?”


   “เด็กห้อง 7 กูกับมันนัดต่อยกันวันนี้” อีกฝ่ายอธิบายเสียงเรียบขณะที่ผมพยักหน้าหงึกๆเนื่องจากเริ่มเข้าใจ


แล้ว.. มันเกี่ยวอะไรกับกูวะ?


   “มึงก็ต่อยไปดิ หรือว่ากลัวแพ้?” มันตวัดสายตามามองผมอีกล่ะ


   “หึ.. กลัวสิ เพราะมีมึงเป็นตัวถ่วงไง” พูดจบอีกฝ่ายก็ชูกุญแจมือที่ยังติดกันอยู่ครับ.. แต่ประโยคคำพูดแม่งแทงใจกูฉิบเป๋ง


จึ๊ก!


..ตัวถ่วงเหรอวะ!!


   ไอ้เหี้ยนี่แม่งชักจะมาไปหน่อยแล้ว ปากหมาสมกับที่จารย์ไม้ด่า!! นี่มึงมาหาว่ากูเป็นตัวถ่วงเหรอวะ สัตว์! ไอ้เชี่ยดำ!


   “พูดจาหมาไม่แดก!! ก่อนไปต่อยกับพวกนั้น มาต่อยกับกูก่อนเหอะ!!” ผมว่าพร้อมกับถกแขนเสื้อขึ้นมาทันที แต่อีกฝ่ายกลับยกมือห้ามไว้พร้อมทำหน้าตายใส่


   “กูไม่อยากเสียเวลา แค่ขนาดตัวก็รู้แล้วล่ะว่าใครแพ้” แม่งเอ๊ย! แล้วที่ผ่านมากูต่อยหลายๆรอบตั้งแต่เปิดเรื่องจนถึงตอนนี้นั่นมันอะไรวะ! แต่ก็เอาเหอะ ผมไม่อยากจะยอมรับหรอกนะว่าเหี้ยนี่ตัวใหญ่กว่าผมฉิบหายน่ะ ไอ้ดำพ่นลมหายใจแรงๆพร้อมเหลือบมองด้วยหางตาใส่ “ตอนทุ่มตรง หลังโรงอาหาร 3 กูจะไปหาพวกมัน”


ผมขมวดคิ้วทันที อะไรมันวะ เมื่อกี้บอกให้วิ่งหนี แล้วตอนนี้บอกให้ไปหาซะงั้น ตกลงไม่ใช่แค่ปากหมาอย่างเดียว แต่สมองเพี้ยนด้วยใช่ปะ?


   “ตกลงมึงจะหนีหรือมึงจะสู้วะ” ถามกลับไปด้วยความสงสัยก่อนจะอ้าปากหาวต่อ


   “ถ้าไม่มีมึงอยู่ กูก็คงจะสู้ไปนานล่ะ” เสียงทุ้มนั่นเอ่ยเนือยๆพร้อมสั่นศีรษะไปมา “แต่ประเด็นคือกูกับมึงติดแหง็กอยู่ตรงนี้ไง”


   ว่าจบไอ้เชี่ยดำก็ชี้มาทางผมสลับกับกุญแจมือที่เป็นสาเหตุทำให้มันออกไปบู๊ฉายเดี่ยวไม่ได้ ผมนิ่งไปสักพักใหญ่แล้วขมวดคิ้วแน่น สมองอันชาญฉลาดทำงานอย่างรวดเร็ว


..ก่อนจะสรุปให้มันแม่ง!


   “งั้นไม่ต้องสู้ ปะ กูจะกลับหอนอน!”ว่าจบก็หมุนตัวหมายจะเดินลงบันได แต่กลับต้องหยุดชะงักเพราะไอ้เหี้ยตัวดำแม่งยืนนิ่งๆนี่สิ “เชี่ย!! กูจะกลับ”


ผมร้องออกมาพลางพยายามกระชากต่อ ใครจะอยากไปเจ็บตัวล่ะวะ ถ้ามึงอยากนักก็เจ็บวันอื่น! กูจะได้ไม่ต้องโดนลูกหลง!
ไอ้เหี้ยนี่หันมองหน้านิ่ง พร้อมกับเอ่ยประโยคถัดไปเสียงนิ่ง


   “แล้วศักดิ์ศรีกูล่ะ?”


..หา?


   ผมหันไปมองหน้ามันแล้วขมวดคิ้วกับสิ่งที่มันพูด


   “ถ้ากูหนีไปแล้วไม่สู้ กูจะเอาศักดิ์ศรีของกูไปวางไว้ที่ไหน?”


..คราวนี้บรรลุครับ


   แม่งห่วงเรื่องศักดิ์ศรีเรื่องเกิน ผมหัวเราะเหอะเบาๆออกมา


   “ศักดิ์ศรีมึง ก็เรื่องของมึงไง ไม่ใช่ศักดิ์ศรีกู .. ใครแคร์?” ตอกกลับง่ายๆพลางยักคิ้วเล็กน้อยกับไอ้เหี้ยที่ทำหน้าหงุดหงิดอยู่


   “....”


นั่นไง แม่งจ้องใหญ่!


   แต่ผมก็ยังเหมือนเดิมด้วยการส่งยิ้มเล็กน้อยให้มัน


   “เรื่องของมึง กูไม่ลงทุนขนาดที่ต้องไปเจ็บตัวกับมึงว่ะ อยากไปหาเรื่องเขาเอง ช่วยไม่ได้.. แถมมึงน่ะมันทำตัวเองชัดๆ ไอ้เหี้ยปากหมา” ผมยังคงพูดด้วยน้ำเสียงฉะฉานพร้อมกับยักไหล่ไม่สนใจ “ที่สำคัญ กูอยากให้มึงรู้ไว้อย่างนึง.. ศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายของมึงน่ะ มันหมดตั้งแต่มึงเป็นเกย์แล้วล่ะ!”



เอ๊ะ! คราวนี้ผมยั่วโมโหมันได้ผล!


   ไอ้หน้านิ่งๆราบเรียบของเหี้ยดำกระตุกขึ้นมาหนึ่งที อีกฝ่ายจ้องผมเขม็งพร้อมกับแค่นเสียงออกมาจากลำคอ


   “มึงนี่.. ดูถูกกูเหลือเกินนะ”


แม่งโกรธสินะ


เหอะ


   “ทำไม? หงุดหงิดกูหรือไงวะไอ้ดำ? ก็กูพูดความจริงนี่” ผมยังคงหาเรื่องมันอยู่เหมือนเดิมครับ แน่นอน ถ้ามันปากหมา ผมขอปากหมากว่าแล้วกัน.. แต่พอดีปากหมาใส่แค่คนที่เกลียดน่ะนะ ไม่ใช่ไปทั่วเหมือนมึง!


   “งั้นกูก็พูดความจริงว่ากู – จะ – ไป” อีกฝ่ายเน้นทีละคำราวกับจงใจสาดน้ำมันราดลงกองไฟเล็กๆของผมให้ลุกโชนขึ้นมา


“งั้นกูพูดย้ำอีกครั้งก็แล้วกัน.. ว่า กู – จะ – กลับ – ไป – นอน!”


ชายร่างสูงกว่าทำใบหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ใส่ใจก่อนจะยักไหล่ทิ้ง เป็นการกระทำเดียวกันของผมเมื่อก่อนหน้านี้.. มันจงใจ! ไอ้เหี้ยนี่จงใจอย่างเห็นได้ชัด!!


“แล้ว – ไง?” ประโยคอีกฝ่ายดังขึ้นอย่างกวนๆ เป็นเหตุให้ผมกัดฟันกรอด


..มึง.. ไอ้เชี่ย..


   “ศักดิ์ศรีของกู.. กูจะรักษาไว้ก็เรื่องของกู มึงไม่เกี่ยว” มันยังคงพูดต่อไปพร้อมกับก้มหน้าจ้องตาผมที่กำลังกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้นปูด “ดังนั้น...”




   “ไม่ใช่ว่าศักดิ์ศรีของมึงจะหายไปเมื่อทำให้คนไม่รู้เรื่องรู้ราวโดนลูกหลงหรือไง?”



เป็นประโยคพูดขัดของผมเอง

   ร่างของอีกฝ่ายเหมือนนิ่งค้างเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมเพิ่งเอ่ยออกมา นัยน์ตาสีดำลุกโชนนั่นค่อยๆสงบนิ่งลงราวกับเพิ่งรู้สึกตัวขึ้นมาได้..
ผมแม่งบ้าว่ะ .. นี่กูสาดน้ำมันเข้าไปไม่ถึงสิบนาที ดันเสือกสาดน้ำเย็นเพื่อดับต่อเหรอวะ?


   สุดท้ายเชี่ยดำก็หลบสายตาไปอีกทางหนึ่ง


   “เกลียดมึงฉิบหาย” ได้ยินเสียงมันพึมพำเบาๆพร้อมกับพ่นลมหายใจแรง “..นั่นสินะ ..”


ผมถึงกับชะงัก เบิกตากว้างเล็กน้อยพร้อมหันขวับไปมองหน้ามันด้วยความแปลกใจ ไม่คิดจะเถียงหรือด่ากลับเลยเหรอวะ..
เหี้ยย! มันเปลี่ยนทิศทางการโต้ตอบ เล่นทำเอาผมไปไม่เป็นเลย!


   “แต่มึงรู้ไหม ว่านิสัยไอ้พวกเด็กห้อง 7 เป็นไง?” ไอ้ดำเปิดประเด็นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งขณะที่กำลังค่อยๆเดินลงบันไดไปด้วยกัน เสียงฝีเท้ากระทบลงบนแผ่นกระเบื้องเป็นจังหวะคือสิ่งที่เว้นช่วงให้ผมคิดและตอบได้ทัน


   “กูไม่รู้ แต่กูจะกลับไปนอน.. และมึงต้องกลับกับกู” 


อ้าว .. กูตอบผิดอะไรวะ เห็นไอ้เชี่ยดำหันมาหาอีก


   “ห่วงกูบาดเจ็บ?”


   “เปล่า กูห่วงตัวเอง” เหี้ย นี่กูโนคอมเม้นท์เลยนะ ถามเหี้ยอะไรไม่คิดเล๊ย ผมยักไหล่เบาๆก่อนจะเดินต่อทว่ากลับคนข้างๆคราวนี้มันดันไม่ให้ความร่วมมือนี่สิ..


เพราะมันหยุดลงที่บันได
   หรือแม่งคิดจะเปลี่ยนใจไปต่อยวะเนี่ย?


   “อะไรของมึงอีกวะ! กูบอกไว้ก่อนว่า กู ไม่ ไป!” ผมหันขวับไปตะโกนใส่แม่งเลย เชี่ย “เดินต่อ! กูจะกลับห้องไปทำการบ้านนอน!”


   ไอ้สัตว์ดำยังทำหน้านิ่ง หันมาจ้องตาผม


   “นิสัยของพวกห้อง 7 คือ หมาหมู่ รุม ไม่เป็นไปตามนัด ดักต่อย”


 อีกฝ่ายเอ่ยออกมาในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากด่าต่อก็เลยต้องชะงักอีกรอบ


หา..?


   “มีพวกเหี้ยๆอย่างนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอวะ”   


   “เออ เพราะงี้ไงกูเลยอยากไปซัดหน้าพวกมัน” จะว่าไปมันก็สมควรนะ ไอ้พวกขี้โกงแล้วดักต่อยเนี่ย ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะกระตุกมือข้างๆเชิงว่าให้เดินต่อ


และไอ้เชี่ยดำมันก็ยอมเดินสักที


   “แต่ว่า.. มึง ฟังกู .. กูไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมึง นอกจากคนที่เกลียดกันฉิบหายเท่านั้น” คราวนี้ผมพยายามพูดครับ ถ้าแม่งชอบหมาหมู่แบบนี้ ไอ้ดำโดนต่อย ผมก็ต้องโดนต่อยด้วยดิวะ.. ไม่เอาอ่ะ ยังอยากมีหน้าหล่อๆอยู่! “เพราะฉะนั้นกูไม่อยากเดือดร้อนเพราะมึงวะ แค่นี้แม่งก็เยอะอยู่แล้ว!”


   “หึ.. แต่กูน่ะ อยากให้มึงเดือดร้อนเพราะกูสุดๆเลย ทุกเรื่องได้ยิ่งดี”


ประโยคที่มันตอบมาทำผมชะงัก อ้าว .. ไอ้เหี้ยนี่แม่ง! ไม่สำนึกเลยนี่หว่า!


   “ทุกวันนี้กูก็เดือดร้อนอยู่.. ตั้งแต่มึงเกิดมา กูก็เดือดร้อนแล้ว!! ไอ้สัตว์นรก!” ผมหันไปด่ามันแล้วมองด้วยสายตาเคียดแค้น แม่งเอ๊ย!


   “หึ”


เชี่ย!! เสียงนี้อีกแล้ว!


   “ไอ้เหี้ย อย่ามาทำเสียง ‘หึ’ ได้เปล่าวะ กูเกลียดฉิบ” ไม่ไหว.. ผมมีอดีตกับเสียงนี้ เกลียดเหี้ยๆเลยครับ แม่ง จะทำไปเพื่ออะไรวะ “หล่อนักไง สัตว์ พระเอกนิยายก็ไม่ใช่ เป็นเกย์ในนิยายดีๆยังจะมาเก๊ก”


   “เพราะมึงเกลียดไง กูเลยทำ”


ไอ้คำตอบกวนตีนนี่มันอะไรวะ


   ผมตวัดสายตาไปมองหน้ามันอีกรอบ


   “มึงพูดอย่างกับมึงรู้ว่ากูเกลียดอะไร” ไอ้เชี่ยแม่งมีเลศนัยแล้ว! มันเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบผมทันที


   “รู้สิ ก็ทุกอย่างที่เป็นกู มึงเกลียดนี่”




ประโยคนี้ทำให้ผมชะงักกึก
   ..
เฮ้ย..


แม่ง เจ๋งวะ




   “ก๊ากก!! รู้ตัวด้วยเหรอวะ! นี่มึงรู้ตัวด้วยเหรอ!!” โอ๊ยย! ไอ้เหี้ย! กูฮา! ถูกของแม่งจริงๆนั่นแหละที่ว่าทุกอย่างที่เป็นมัน ผมเกลียดแม่งหมดเลย!! ก๊ากกก “โหย กูเพิ่งรู้นะว่าเดี๋ยวนี้มึงพัฒนาแล้วอ่ะ!”


   “เออ”


   “กูอ่ะ เกลียดตั้งแต่หน้าตามึง ส่วนสูงมึง น้ำหนักมึง นิสัยมึง หู ตา จมูก ปากหมา ฟัน ขี้ตีน ทุกอย่างอ่ะ กูเกลียดทั้งหมดเลย!”
 ผมพูดไปก็ขำไป ไอ้เหี้ยนี่แม่งรู้ดีจริงๆว่าผมเกลียดอะไร เกลียดที่เป็นแม่งแหละครับ! แหม


จะว่าไป ทำไมอยู่ๆกูฮาได้ไงวะ..


   ยังจำได้ลางๆว่าก่อนหน้านี้ผมเครียดแทบตาย แถมยังด่าแม่งแบบจัดหนักอีกต่างหาก ไอ้ข้างๆนี่ก็เสือกไม่พูดอะไรเลย
หรือมันกินไก่ผิดปกติวะ?


   ถ้าถามว่าทำไมไม่ใช่ยาผิดปกติ.. เพราเหี้ยมันแดกไก่ครับ ดังนั้น มันกินไก่ผิดปกติแน่นอน


   “มองหน้ากูหาพ่อมึงเหรอ?” เป็นเสียงของไอ้ดำที่กำลังเหลือบมาหาพอดีครับ เล่นเอาผมสะดุ้งเลยด้วยซ้ำ
เหี้ยเอ๊ย กูกำลังคิดเกี่ยวกับมึงอยู่เลย พูดทำไมวะ!


   “เปล่า แค่คิดว่าหน้ามึงเหมือนเหี้ยดีนะ” คำแก้ตัว ข้ออ้าง หลอกด่า! นี่ทำไมตูเก่งอย่างนี้ ขนาดหาข้ออ้างยังหลอกด่ามันได้เลย ไอ้ดำแม่งเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอกใส่


   “มึงก็เหมือนกัน หน้าเหมือนกูเลยนะ”


ผมเงียบ
ไอ้เหี้ยนี่แม่งหลอกด่ากูกลับ!!!!


   “แต่กูว่ากูก็ไม่ดำนะ” ผมพูดต่อขณะที่กำลังเดินออกจากตึกอาจารย์แล้วตรงไปทางหอพักที่อยู่ใกล้ๆอีกฝั่ง “จะไปเหมือนมึงได้ไงวะ”


คิดดูดีๆ .. คุยกับเหี้ยนี่แม่งก็เพลินดีว่ะ


เถียงกันให้ได้ทุกคำ สมองผมเหมือนจะถูกเพิ่มรอยหยักให้ฉลาดขึ้นเพราะต้องคิดคำด่ากลับตลอด


   “อ้อ .. จริงด้วย พอดีกูหล่อกว่าเลยไม่เหมือนมึง” มันยังพูดต่ออีก เออ ได้ งั้นตูไม่หยุด


   “ใช่ กูหล่อกว่ามึงนี่ จะไปเหมือนได้อย่างไ...”


หมับ


   หากแต่ทุกเสียงของผมก็ต้องถูกหยุดและหุบปากฉับพลันพร้อมกับนิ่วหน้าเมื่อได้รับรสชาติเค็มแปล่มๆของฝ่ามือร้อนอีกฝ่ายที่เข้ามาอุดตรงปากผมพอดี!


เหี้ย! ทำห่าอะไรวะ!


กูกำลังเพิ่มรอยหยักในสมองกูอยู่!!



   ไม่ทันไรจะโวยวาย ผมก็ถูกมันลากไปฝั่งที่มีพุ่มไม้เล็กๆอยู่ครับก่อนจะถูกกดหัวจนเกือบมิด จะดิ้นก็แรงน้อยไปอีก ตกลงมึงเป็นเหี้ยหรือเป็นควายวะ ทำไมแรงเยอะจริงๆ


   อีกฝ่ายทำสายตาลอกแล่กเล็กน้อยก่อนจะกระซิบข้างหูผม



   “กูปล่อย.. แล้วมึงเงียบ..” พอพยักหน้ารัวผมก็หลุดออกจากพันธนาการทันที นัยน์ตาเคลือบแคลงความสงสัยของตนเองปรากฎออกมาทันทีทันใด


   “มีอะไรวะ!”


   “พวกห้อง 7 ดักอยู่หน้าหอ”


ว่าไงนะ?


   ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระซิบเบาๆตอบพร้อมกับหันไปมองตามสายตาอีกฝ่าย ตอนแรกก็ไม่เห็นอะไรหรอกครับ แต่พอสังเกตดีๆกลับพบชายประมาณสี่ถึงห้าคนกำลังหลบซ่อนอยู่แถวต้นไม้..


..อย่าบอกนะว่า.. ทั้งๆที่มันกำลังเถียงกับผมอยู่..


แต่มันก็คอยสังเกตตลอดเวลาน่ะ?



   “มึง.. มองพวกมันตลอดเลยเหรอวะ..” ผมเผลอเอ่ยถามออกไปขณะที่อีกฝ่ายพยักหน้าเบา


   “เออ .. มันชอบดักตี” น้ำเสียงทุ้มนั่นเอ่ยกระซิบกลับพร้อมกับกดศีรษะของผมให้ก้มลงต่ำราวกับว่าพยายามที่จะซ่อนพวกมัน แต่เอ่อ หัวมึงยังอยู่สูงนะครับ ถ้ามึงโดนตีสลบ กูก็ไม่น่าจะรอดนะ


เพราะไอ้พวงกุญแจที่แม่งติดกันนี่อย่างไงล่ะ..


แต่ถ้าผมรอดแล้วมันสลบ ผมก็ต้องแบกแม่งอ่ะดิ?


   “เชี่ยเอ๊ย.. ถ้ากูอยู่คนเดียว นี่กูลุยไปแล้วเชียว” ได้ยินเสียงพึมพำเบาๆ .. จะหาว่ากูเป็นตัวถ่วงหรือว่าอะไรอีกล่ะ เชี่ยเอ๊ย
อ้าว หันมามองผมแทนซะงั้น


   “....”


   “แล้วกูจะเข้าหอได้ไงวะ?” ผมถามมันกลับออกไปตรงๆขณะที่ไอ้เหี้ยดำได้แต่ส่ายหัวไปมาเหมือนจนปัญญา “เหี้ยเอ๊ย! เพราะมึงตัวเดียวทำให้กูต้องตกที่นั่งลำบาก!”


ผมพูดตามความจริง! ไอ้เหี้ยนี่สุดๆไปเลยนะ ครั้งแรกคือทำผมไม่ได้นอน ผลพ่วงตามมาคือผมตัวติดกับมัน ขายขี้หน้าที่แม่งบอกว่าจะจับเป็นเมีย ตอนนี้เสือกทำให้ผมเข้าหอไม่ได้ซะงั้น!!


   “กูเกลียดมึงฉิบ....”


ผัวะ!!


   พูดไม่ทันจบ..


หมัดของมันสวนหน้าผมไป


พร้อมกับนิ้วยาวของอีกฝ่ายที่รีบคว้าข้อมือผมแล้วกระชากตัวออกไปทันที




   “เฮ้ย!! เจอตัวไอ้เหี้ยนัยแล้ว!!”


   พวกคนที่ตะโกนนั่นทำเอาผมตั้งสติไม่ถูก งุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์ประหลาดอย่างนี้มาก่อน
   และจากนั้นผมก็ได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคยของคนข้างกายที่หันเข้ามาด้วยแววหน้าฉายแววความตื่นตระหนก มองผมด้วยท่าทีจริงจังกว่าครั้งใดจนน่ากลัว






   “บอกว่าไม่อยากเจ็บตัวไม่ใช่เหรอ.. ก็รีบวิ่งสิวะ!!”
...



______________________________
@StraWBerry_ImIn @Talk

อ้อก... ออกมาอีกตอนแล้วค่า ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ฯะคะ แอ้ก.. ขอตัวไปนอนก่อนค่ะเพราะพรุ่งนี้มีเรียน และฝากบทสัมภาษณ์ฮาๆ (?)ไว้ด้วยนะคะ..
(ไม่ควรอ่านระหว่างกินข้าว)


_________บทสัมภาษณ์ดนัยน้ำกรดและตัวละครอื่นๆฆ่าเวลา คำเตือน !! : อย่าอ่านเวลากินข้าว! ________


หัวข้อ : จงสปอยล์ตอนต่อไป


 

น้ำกรด – (ตะโกนเสียงดัง) สวัสดีคร้าบ! วันนี้พวกเราจะมาพูดถึงเรื่องตอนต่อไประหว่างรออันแสนยาวนานนะครับ กระผมนายน้ำกรดเองครับ!

ดนัย – (ถือไมค์แล้วเดินเข้ามาตีหน้านิ่งด้วยท่าทีจริงจัง ไล่สายตามองคอมเม้นท์) ทำไมคนเรียกชื่อผมผิดเยอจริงๆ ผมชื่อดนัย เรียกสั้นๆว่านัยก็ได้นะครับ

น้ำกรด – (เพิ่งคิดได้ว่ามีไมค์แล้วค่อยหยิบก่อนจะเหลือบก่อนจะกอดอก ลอยหน้าลอยตา) ฮู้ว์! ดำแล้วไม่ยอมรับจริงๆ!

ดนัย – (หันขวับมอง) กูบอกว่าชื่อนัย ไม่ใช่ดำ ไอ้เชี่ย!!!

น้ำกรด – เอ้าๆ (ยักคิ้ว) อะไรล่ะ มีแต่คนเขาเรียกไอ้ดำ ไอ้ดำ ไม่เห็นเหรอวะ

ดนัย – เพราะมึงไม่ใช่หรือไงวะ

น้ำกรด – กูเกี่ยวไรด้วย กูแค่บรรยาย เรียกมึงว่าไอ้ดำตลอดก็เท่านั้น

ดนัย – (สีหน้าหงุดหงิดก่อนจะหันไปอีกทาง) โอเค .. ทำไมแม่งต้องมาโดนสัมภาษณ์กับมึงด้วยวะเนี่ย ..แม่ง เอาไอ้จินออกมาซักนิดก็น่าจะดี

น้ำกรด – อ้าว อยู่กับกูแล้วมีปัญหาเหรอวะ กูมีปัญหาตรงไหน เอ๊อ! ใช่ซิ อยากยืนคุยกับคู่ขาก็บอกมาเหอะ

ดนัย – (เลิกคิ้ว) มึงพูดเหมือนกำลังน้อยใจวะ

น้ำกรด – ..................... (หน้าตาย) ... นี่หัวมึงตีความได้แค่นี้เองเหรอวะ

ดนัย – (พยักหน้า)

น้ำกรด - .....พ่องมึงตายยยยยยยยยยยยยยยย!! ใครน้อยใจวะ นี่กูยังไม่ทันจะทำสีหน้าน้อยใจเลยนะโว๊ยยย!! ไอ้ห่า! ไอ้ดำ ไอ้ถ่าน ไอ้ขี้!!

ดนัย – นี่มึงด่ากูจนกลายเป็นขี้เลยเหรอวะไอ้ปากหมา

น้ำกรด – เออดิ เหี้ย!

ดนัย – แต่บางทีขี้มันก็มีสีน้ำตาลนะ ทองๆก็มี

น้ำกรด – งั้นกูเติมก็ได้ มึงมันขี้ของคนแดกแต่เนื้อ สีดำ!

ดนัย - ..ควายเหอะ แดกเนื้อขี้มันต้องสีน้ำตาลคล้ำ

น้ำกรด – (สตั้นท์ไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะหันขวับ) ไอ้ห่า อย่ามาหลอกกู เรื่องนี้กูรู้ดี

ดนัย – ผู้เชี่ยวชาญเรื่องขี้?

น้ำกรด – มึงทำตัวเป็นเหี้ยเรียบร้อยๆสักวันแล้วไม่ย้อนกูนี่จะตายใช่ไหมวะ

ดนัย – มึงก็หัดหยุดย้อนกูได้แล้ว ตกลงคือแดกเนื้อมันขี้สีน้ำตาลคล้ำ

น้ำกรด – เหอะ ใครจะไปเชื่อวะ (หยิบไอแพดขึ้นมาแล้วจิ้มๆเปิดดู)

ดนัย – (ชะเง้อไปมองเห็นคนข้างๆกำลังยืนแข็งค้างแล้วหัวเราะหึในลำคอ) หึ.. โง่จริงๆ กูบอกแล้วไงล่ะ

น้ำกรด – อะ..อะ.. ไอ้เชี่ยยยยยยยยย!! เพราะมึงฟังผิดหรอก กูบอกแล้วไงว่าขี้สีน้ำตาลคล้ำมันคือแดกเนื้อ มึงอ่ะผิด กูไม่ผิด สัสสส

ดนัย – เหี้ยมักชอบเอาตัวเองเป็นใหญ่

น้ำกรด – (หันขวับไม่สนใจแทน) โอเค สรุป ขี้สีดำคืออาจจะหมายความว่ามีเลือดไหลที่รูตูดนะครับทุกคน (โค้ง) โอเค ผม นายน้ำกรด วิจารนิโยชขอจบการรายงานเพียงเท่า.....

ผัวะ!!!(เสียงโดนตบหัว)

ดนัย - ......................................ตกลง แม่งหันกูกับมึงมาสัมภาษณ์เรื่องอะไรกันวะ? (หันไปด้านหลังเห็นมองพวกถือโพยบอกอยู่(?)

นิว – (ถือป้ายบอกว่าให้สปอยล์ตัวอย่างตอนต่อไป)

จิน – (ถือป้ายบอกว่าพวกมึงเลิกสัมภาษณ์เหอะ เสียหน้ากระดาษ สงสารคนอ่านที่กินข้าวอยู่)

น้ำกรด - ... (มองป้ายแล้วนิ่งไปสักพักก่อนจะหันไปหาผู้อ่านทุกคนพร้อมรอยยิ้ม) ครับ! งั้นผม นายน้ำกรดขอสรุปดังนี้ครับ วันนี้พวกเราได้ทำการสัมภาษณ์เรื่องความแตกต่างของขี้สีน้ำตาลคล้ำและขี้สีดำครับ! เพราะฉะนั้น ขอจบการสัมภาษณ์เพียงเท่านี้ครับ สวัสดีครับ!!

ดนัย - ............... (มองน้ำกรดที่ขยิบตาอยู่แล้วทำหน้าขี้เกียจ) ก็นะ ผมเสริมอีกอย่าง เหี้ยมักบอกว่าขี้สีดำเกิดจากการแดกเนื้อสัตว์มากเกินไปครับ ขอบคุณที่รับชมครับ สวัสดีครับ (โค้ง)

นิว + จิน – (เสียงแว่วๆ) ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!

ดนัย – กูไม่ได้บอกว่าขี้สีดำเกิดจากการแดกเนื้อสัตว์ เหี้ยได้ไงวะ (เดินออกจากห้องสัมภาษณ์ ปล่อยให้น้ำกรดยืนอ้าปากค้างอย่างคับแค้นใจที่โดนด่า)

น้ำกรด – มึงอ่ะแหละเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!

ดนัย - ..(เดินออกไปแล้วส่ายหัวเบาๆ) เฮ้อ.. กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้เป็นคนพูดขี้สีดำเกิดจากการแดกเนื้อสัตว์ จะเป็นตัวเงินตัวทองได้อย่างไงล่ะ เฮ้อ (ถอนหายใจยาวๆ)

 

อาจารย์ไม้ -  (มองแล้วทำหน้าปวดหัว) .. นี่พวกคุณเป็นลูกศิษย์ผมจริงๆเหรอวะ .. โสโครก.. (เสียงเบา)

 

 

StraWBerry_ImIn – (คลานเข้ามาหา) ....คงจะเป็นบทสัมภาษณ์ของดนัยและน้ำกรดเมื่อบอกให้ออกมาสัมภาษณ์กันและกันค่ะ สาบานได้เลยว่ามันจะไม่มีวันเข้าถึงหัวข้อคำถามจริงๆ .. ขออภัยทุกคนที่กำลังกินข้าวอยู่ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ orz !

ปล. ข้อมูลเรื่องอุจาระผิดตรงไหนต้องขอโทษด้วยนะคะ ;v;

 

 

สรุปคือ.. ไม่สปอยล์ .. (??) //โดนคนอ่านตบผัวะ




#ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านค่ะ ..(?)


หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.7 UP!! (21/3)
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 21-03-2014 13:48:53
ชอบอ่านเวลาสองคนนี้เถียงจริงๆ
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.7 UP!! (21/3)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 21-03-2014 17:42:49
 :hao6: ชอบประโยคนี้จัง "คืนนี้ไม่ต้องนอน"

เวลามันเกลียดกัน ฉันล่ะช๊อบชอบ
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.7 UP!! (21/3)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-03-2014 19:16:53
รักจะเกิดที่ดงทีนอ่ะเปล่า...ไม่น่าใช่555

ว่าแต่สปอยไปๆมาๆไหงกลายเป็นเรื่องขี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.8 (26/3)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-03-2014 10:47:29
C h a p t e r  08
คนเกลียดกัน มักจะกลัวเรื่องเหมือนกัน





   อยู่กับมันแม่งซวยตลอด!


   ตอนนี้ผมกับไอ้เหี้ยดำกำลังถึงคราวฉิบหายของจริง จากเกลียดกันฉิบหายตอนนี้เป็นช่วยกันซอยเท้าวิ่งฉิบหายแล้วล่ะครับทีนี้ แม่งเอ๊ย! มึงจะมีเรื่อง ทำไมถึงต้องมีเรื่องกับไอ้เหี้ยห้อง 7 ด้วย ยกขบวนมากันเป็นโขยง!


แล้ว.. แล้ว.. แล้วทำไมจารย์ไม้ต้องปวดหัวกลับบ้าน ลืมพวกผมไปก่อนด้วยวะ!!



   “ทำไมมึงไม่วิ่งขึ้นหอแล้วกลับเข้าห้องนอนวะ!” เสียงผมตะโกนลั่นถามอีกฝ่าย เพราะว่าไอ้ดำมันเป็นคนพาวิ่งก่อนครับ ตอนแรกๆก็ตามมันนะ สักพักเริ่มแปลกๆ เอะใจ อ้าว ไอ้เชี่ยนี่.. ยิ่งวิ่งแม่งยิ่งไกลหอ



   “มึงจะวิ่งให้โดนไอ้พวกดักหน้าหอตีหัวตายไง!”


เออ เถียงมา.. พูดไม่ออก จริงของมัน

   แต่กูถามต่อได้!


   “แล้ว.. แล้วอาจารย์ตรวจหอ ไม่สงสัยอะไรเลยเหรอวะ!” นี่มันก็ค่ำแล้วนะเว้ย ทำไมอาจารย์ถึงไม่ออกมาตรวจหอวะ แต่คำถามนั้นดันโดนไอ้ดำมันหันมาแล้วทำหน้าหงุดหงิดใส่


   “มึงอยู่โรงเรียนนี้จนปีสุดท้าย ยังไม่รู้อีกเหรอวะว่าเขาห้ามนักเรียนออกจากห้องตัวเองตอนสี่ทุ่มน่ะ นี่มึงโง่หรือมึงเป็นเหี้ยมีเขาควายติดอยู่วะ เริ่มตรวจหลังสี่ทุ่ม!”


โอ๊ย.. แม่ง พูดทีแล้วกูเจ็บเลย!

   แต่ก็จริงของมัน ผมถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อกแล้วรีบวิ่งต่อเลยครับ ไม่รู้ว่าจะไปไหนแต่ก็วิ่งไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของชีวิต อย่างน้อยถ้าจะเจ็บตัว ผมก็ไม่อยากเจ็บตัวกับมันอ่ะ!

เอี๊ยด! ทางแยกครับ

   เอาล่ะ...


   ผมมองสองทางซ้ายขวาอย่างเชี่ยวชาญก่อนจะตัดสินใจเลี้ยวไปทางซ้ายทันที หากแต่..



เกร้ง!!



   ไอ้เชี่ยนรก! ไอ้กุญแจมือฟาย! ไอ้เหี้ยดำแม่งเหี้ย!



   “มึงจะไปทางขวาทำไมวะ!” ผมหันไปตะโกนด่าไอ้ดำที่แม่งวิ่งทางขวา


   “แล้วมึงจะไปทางซ้ายทำไมวะ!” คราวนี้มันก็หันมาถามผมเหมือนกัน เออ ว่ะ ..แต่..


   “ขวาร้ายซ้ายดี!”


   “ทางซ้ายมันตึกวิทย์ผีดุ ไปหาพ่อมึงเหรอ!!” เออ จริงด้วย .. หอวิทย์แม่งมีพวกกระดูกหรือศพจริงอะไรอยู่..


แต่ผมไม่ยอม! มองไปทางขวาเท่านั้นแหละครับ แล้วตอกกลับทันทีทันใด


   “ทางขวามันก็โรงยิมผีสิง!” ทางขวาเคยมีคนตายครับ.. ว่ากันว่าผีนักบาสเมื่อสองปีที่แล้วยังวนเวียนอยู่ เนื่องจากจะไปแข่งขันแต่รถกลับประสบอุบัติเหตุตาย..
..


จะว่าไป


ฉิบหาย.. พวกผมหมดทางหนีแล้ว..



   “..แต่พวกมันก็ไม่ตามมาแล้วนี่หว่า” เสียงทุ้มจากไอ้ดำดังออกมาพร้อมกับเจ้าตัวที่หันมองด้านหลัง ตอนนี้ผมมองไม่เห็นดวงตาสีเข้มของมันครับ..


เพราะทุกอย่างมืดไปหมด.. ดีนะที่แม่งเสื้อขาว ไม่งั้นคงคิดว่าตัวเองคุยกับผี ก๊ากก


   อุณหภูมิรอบตัวของผมค่อยๆเย็นลงจนทำให้รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา ยกมือสองข้างถูบริเวณแขนแรงเพื่อไล่ความหนาวเย็น


   “เหี้ย.. กลับเหอะ” ผมพูดออกมาเบาๆพร้อมกับกลืนน้ำลายเอื๊อก วิ่งกันจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าตอนไหนก็ไม่รู้ มีเพียงแสงจากหลอดไฟตามทางเท่านั้นที่ทำให้พวกผมยังพอเห็นอะไรต่อมิอะไรได้..


..แต่อย่างไงก็หลอนวะ..


   “มึงอยากกลับไปโดนพวกมันซ้อมหรือไง?” ไอ้ดำพูดออกมาพร้อมกับมองไปรอบๆตัว ทุกสิ่งทุกอย่างมันมืด ..คนข้างๆผมแม่งก็มืดด้วย(?) หลอนอ่ะ เดินไปอีกนิดเลี้ยวซ้ายก็เจอตึกวิทย์ผีดุ  เลี้ยวขวาก็เจอโรงยิมผีสิง


เชี่ยล่ะ ..
   ..กูยอมโดนซ้อมครับ กูยอม!



   “..กูว่า กลับเหอะมึง” ผมเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับหันหลัง เหี้ย.. กูไม่อยากอยู่แล้วอ่ะ ได้ยินเสียงลมพัดอีกต่างหาก แล้วทำไมใบไม้แห้งมันโผล่มาจากไหน ปลิวว่อนๆกระทบกับพื้นจนได้ยินเสียงแกร็กๆ ยิ่งทำให้ผมขนลุกซู่!


ม๊ายย!! ช่วยกูด๊วย!


   ฮือ.. ร่างผมสั่นหงกๆไม่หยุดอย่างกับเครื่องกระตุกแน่ะ ยอมรับเลยว่ากลัวผี กลัวสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติทุกชนิด เจอทีนี่อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด โฮฮ คุณคิดดูสิว่าเวลาดูหนังไรงี้ อากาศเย็นๆ ท้องฟ้ามืดๆ ดึกแล้วด้วย แถมตัวคุณกำลังเดินอยู่ในโรงเรียนที่มีประวัติมายาวนาน..


โฮฮ กูกลัวครับ กูกลัว! ก็มันกลัวนี่หว่า!!


   และไอ้ดำเหมือนจะจับอาการผิดปกติของผมได้ซะด้วย!


   “มึง.. กลัวเหรอวะ?” สะดุ้งเฮือกเลยกู เหี้ย! ใครจะไปยอมรับวะ “..สั่นอย่างกับตุ๊ด..”


   “ก..กะ กูสั่นสู้!” ขาพั่บๆนี่แหละ สั่นสู้ เจอปุ๊บนะเดี๋ยวขากูจะมีปีกงอกออกมาแล้วบินหนีพั่บๆ! “มึงไม่เข้าใจกู เหี้ย! กลับ!! กูยอมโดนซ้อม!”


โฮฮ! ยอมเจ็บตัวครับ เจ็บตัวแต่ก็ดีกว่าเจออะไรพวกนี้แล้วมันฝังลึกอ่ะ เข้าใจปะ!
   หันกลับไปทำเสียงจริงจังใส่มัน ผมเห็นชายข้างกายนิ่งไปอยู่สักพัก เขากวาดสายตามองรอบๆ.. ก่อนจะพยักหน้าหงึก


   “.. เออ กลับก็ได้”


..ตอนแรกก็แอบแปลกใจว่าทำไมมันพูดง่ายจังเลยวะ.. พอสังเกตเห็นหน้ามันดีๆ..



แม่งเอ๊ย! จากดำเป็นดำซีดเลยอ่ะ!!


   “เฮ้ย! นี่มึงกลัวเหรอวะไอ้ดำ!” เหมือนได้ทีขี่แพะไล่ครับ พวกเราสองคนตัดสินใจค่อยๆหันหลังวกกลับทีละก้าว ไอ้ดำแม่งก็ทำหน้าเหมือนโลกจะแตก เหงื่อแตกพลั่กๆอีกด้วย


   “....เปล่า กูไม่ได้กลัว เฉยๆ” แม่งพูดแล้วโบกมือไปมา ผมถึงกับขำพรืด สิ่งที่แม่งบอกอ่ะคนละอย่างกับการกระทำมันเลย!
เพราะมันหน้าซีดเผือกไง! 


   “หึ..หึ... หึ...” คราวนี้ได้หัวเราะใหญ่เลยครับ ยืมเสียงอีกคนมาใช้หน่อยแล้วกัน เอาแล้วไงล่ะมึง เป็นไงล่ะ..
จับจุดอ่อนมันได้แล้วหนึ่งจุด!


ถึงจะเป็นจุดอ่อนของผมด้วยก็เหอะ..


   “หึอะไรของมึงวะ!!”


   “กูก็แค่ทำเสียงที่มึงชอบทำเท่านั้นแหละ!” ผมยักไหล่เล็กน้อยเป็นการกลั่นแกล้งมันทางอ้อม เห็นเหี้ยดำเมินหน้าหนีไปอีกทางแล้วเงียบก็รู้สึกสะใจปนกลัวแปลกๆแหะ


หากแต่สายตาของผมก็ต้องสะดุดเข้ากับบางสิ่งบางอย่างบนถนน..
   สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่ทำให้ดวงตาต้องหยุดจ้อง..



   “เฮ้ย! เหี้ยดำ! ลูกหมาเว้ย ลูกหมา!” ผมพูดพลางรีบชี้ไปยันลูกหมาขนปุยครับ เฮ้ยๆ ลูกหมาจริงๆ น่ารักซะด้วย มันกำลังนั่งเลียขาอยู่ ดูดุ๊กดิ๊กๆจังแหะ


คนข้างผมชะงัก มองตามต่อ


   “ไหนวะ เขาว่าเหี้ยสายตาดีท่าจะจริง”


   “นี่ยังคิดจะหลอกด่ากูอีกเหรอ ตรงเสาไฟไง มานี่มึงๆ!”ว่าจบผมก็เดินไปทางเสาไฟแล้วพบลูกหมาตัวดำตาดำ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูด้วยครับ! แม่ง! บรรยากาศอย่างนี้มาเจอหมา เจ๋งอ่ะดิ กูก็หายกลัวสิ “เชี่ยๆๆ แม่งหน้าเหมือนมึงเลยวะ!” ผมพูดพลางยกไอ้ตูบขึ้นมาแล้วโชว์อีกฝ่าย


เหี้ยดำขมวดคิ้วครับ


   “มึงเล่นไรมึงเนี่ย?” มันถามพลางจ้องผมเขม็ง บอกไว้ก่อนว่าผมก็เก่งพอที่จะยกลูกหมาแบบหิ้วมือเดียวน่ะ


   “อ้าว ให้ดูหน้าไงสัตว์ มึงอ่ะ หน้าเหมือนหมาตัวนี้เด๊ะๆ” ว่าจบผมก็ดันส่งไปให้มันดูใกล้ๆ “หน้าดำตัวดำ.. ดำไปหมดทั้งตัว ก๊ากกก!! ไอ้เหี้ยดำ!!”


โอ๊ย! คิดแล้วขำ ว่าแต่ไอ้หมานี่น่ารักดีนะ แม่งไม่ดิ้นไม่เห่า ต่างจากไอ้เชี่ยดำเลย ผมยกมันขึ้นมากอดไว้มือเดียวก่อนจะเดินต่อไปครับ


   “..เออ.. กูไม่ใช่หมา” ผมมองหน้ามันแวบหนึ่งแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก


   “อืม มึงไม่ใช่หมา”


   มันชะงัก มองผมด้วยความทึ่งที่ผมไม่ได้ด่ามันกลับ


เดี๋ยว..



แค่กูยังพูดไม่จบ


   “แต่ปากมึงอ่ะ หมามาก”


   “ไอ้เหี้ย!!”


ก๊ากกกกกกกกกก


   โอ๊ย! สะใจได้สุดๆไปเลยครับ ไอ้เหี้ยดำมันทำหน้าเหมือนจะฆ่าผมให้ตายอยู่แล้ว โธ่ๆ! ผมก็แค่พูดความจริงเท่านั้นแหละนะ แม่ง!
   แต่ไม่ทันจะได้ด่าอะไรต่อ..


..




โฮ่ง!! โฮ่ง!! บรู๊วว์!!!



อ๊ากกกกกกกก!!


   ผมสะดุ้งโหยง เผลอปล่อยไอ้ตูบที่อยู่ในอ้อมอกอันแสนอกอุ่นของตัวเองลงทันทีครับ! แม่ง! กูไม่อุ้มหมาแล้วว! ว่าแต่ หมาที่ไหนหอนวะ!


หมับ!!


   ทันใดนั้นผมก็สัมผัสได้ถึงแรงบีบที่ส่งมาทางข้อมือของตนเอง .. เออ ผมกับไอ้ดำยังไม่ปล่อยมือกันเลยนี่หว่า คิดไปผมก็เพิ่งจะรู้สึกตัวแหะ แต่ว่าทำไมมันบีบแน่นจังวะ!


แถมยังฉุดกูอีกแล้วว! นี่ฉุดกูวิ่งจังนะ สลัดผัก ไอ้ดาร์กช็อกโกแลต กูเปลี่ยนคำด่าแม่ง!!


   “เหี้ย! วิ่งเร็วๆไม่เป็นหรือไงวะ!!” เสียงของมันดังขึ้นมาพร้อมกันมองมาทางผมแวบหนึ่ง แอบเห็นแม่งเหลียวมองไปด้านหลังอีก

 “กูบอกให้วิ่ง!!”


เอ่อ กูก็งงอ่ะดิ



   “ทำไมวะ! ไอ้พวกเด็กห้อง 7 แม่งยังไม่ไปอีกเหรอ!!” ผมถามครับ มองหน้ามันอย่างแตกตื่นเลยทีเดียวพร้อมกับวิ่งตามเนือยๆ ความจริงคือกึ่งโดนลากมากกว่า เห็นอีกคนไปมองข้างหลังอีกล่ะ “ข้างหลังมีอะไรว...”


   “อย่าหันไปมอง!! กูบอกว่าวิ่งก็คือวิ่ง! ตั้งใจวิ่งไปไอ้ขาสั้น!”


เหี้ย!! ไม่ตอบแล้วยังจะด่า!!


   แล้วเรื่องอะไรผมจะต้องทำตามมันล่ะครับ?


   ผมค่อยๆวิ่งช้าลง แต่ก็ดันโดนอีกฝากลากอยู่ดีนั่นแหละ ไอ้ดำแม่งวิ่งหน้าซีดเลย โธ่ เป็นเชี่ยไรมึงเนี่ย! เดาได้คร่าวๆเลยนะว่าถ้าไม่ใช่เพราะกุญแจมือติดกันอยู่อย่างนี้มันคงวิ่งเตลิดขึ้นหนีผมไปแล้วแน่ๆ


   “แรงวิ่งมึงมีแค่นี้หรือไงวะ!!” มันตะโกนกลับแบบไม่หันมาอีก แต่ขาแม่งก็ยังวิ่งเรื่อยๆ เห็นหอม.6อยู่ใกล้ๆด้วย อ้าว นี่มึงไม่คิดจะชะลอดูว่ามีพวกเด็กห้อง 7 ดักตีหัวแล้วเหรอวะ ความรอบคอบมันหายไปไหน!


   แต่ผมเป็นคนมารยาทดี มันถาม ผมจะตอบครับ


   “มึงไม่บอกเหตุผลที่กูต้องวิ่ง!”


   เท่านั้นแหละ เป็นไงล่ะ คราวนี้ผมเห็นไอ้ดำเงียบไป ขาแม่งก็ยังวิ่ง มือลากให้ผมตามไปด้วย ความจริงคือถ้ามันวิ่งก็ต้องพกผมไปด้วยนั่นแหละ เพราะกุญแจมือสั่งให้ติดกันอย่างนี้ไงล่ะ!


   “ได้..” เห็นอีกฝ่ายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “..อย่างแรก ..มึงรู้หรือเปล่า ว่าหมาหอนเพราะอะไร”




ตึก ตึก ตึก




   เสียงวิ่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหมือนไอ้ดำจะเริ่มเหนื่อย


   “เออ กูรู้ แต่ไม่เห็นอะไรนี่หว่า จะวิ่งทำไมวะ”


   “..แล้วมึงรู้หรือเปล่า.. ว่าโรงเรียนเรามีกฎห้ามนำสัตว์เข้ามา”


..คราวนี้ผมชะงัก..

เชี่ยล่ะ รู้สึกหนาวแปลกๆ..

   ไอ้ดำหอบแรง แต่ขายังวิ่ง แถมลากผมอีกด้วย ..


   “..สุดท้าย แล้วมึงเคยได้ยินเรื่องเล่าที่ว่า...” มันพูดเสียงหอบ เห็นประตูขึ้นหออยู่ใกล้นิดเดียว ก่อนที่จะเหลือบมามองผมด้วยสีหน้าซีดเผือก “..เจ็ดปีที่แล้ว..มีเด็กเอาลูกหมาที่ตัวดำตาดำ สีดำไปทั้งตัวเข้าโรงเรียน.. แล้วพอเผลอลูกหมาตัวนั้นมันก็วิ่งหนี.. ก่อนจะโดนรถทับใกล้ๆเสาไฟ ตายคาที่น่ะ..”



“...”



ผมก็เริ่มตรัสรู้แล้วครับ..



   ทั้งไอ้เชี่ยดำที่มันเริ่มเงียบขึ้นเรื่อยๆ ไม่ค่อยเถียงตั้งแต่ผมเจอลูกหมา สีหน้าปนตื่นๆ.. ใช่ .. ไอ้ลูกหมาที่ผมหยอกว่าดำไปทั้งตัวเหมือนไอ้ดำ ไอ้ลูกหมาที่ผมทั้งอุ้ม ทั้งกอดเสร็จสรรพเลยด้วย..




..




ฉิบหายล่ะ




และ..




บรู๊วววววววววว์!!!




   “อ๊ากกก!” เสียงห่าอะไรอีกกูไม่รู้แล้ว!! ผมร้องลั่นออกมาเมื่อคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จะวิ่งเร็วกว่าเดิมไอ้เชี่ยดำเสือกเหนื่อยซะก่อนเพราะลากผมมาตลอดทาง โอ๊ย มึง มึง! มึ๊งง! กูรู้ล่ะว่าทำไมมึงห้ามไม่ให้กูมองไปด้านหลัง
เพราะไอ้เสียง ‘บรู๊วว์’ นั่นน่ะ .. มาจากข้างหลังกูนี่เอง!




   แล้วตอนนี้มึง มึงไม่มีแรงแล้วใช่ไหมวะไอ้ห่า ไอ้เหี้ย...





เออ!!
ได้!! งั้นกูลากมึงเอ๊งงง!!!



.
.
.

ปัง!



   เสียงปิดประตูห้องหมายเลข 607 ดังขึ้นสนั่น ผมใช้พลังเฮือกสุดท้ายวิ่งขึ้นหอ ตัดสินใจทั้งฉุด กระชาก ลาก ดึง ไอ้เหี้ยดำที่หมดแรงเพราะลากผมตอนแรกอย่างรวดเร็วก่อนจะล้มตัวแปะอยู่หน้าห้องแล้วหายใจหอบแฮ่ก


..เหี้ย. .กูน้ำตาจะไหล..


   “กะ..กะ ..กูกอดผ.....”


อุบ!


   ไม่ทันพูด ไอ้เชี่ยดำแม่งเอามือมาปิดปากอีกแล้ว นี่มึงให้กูระบายหน่อยไม่ได้เหรอ ไอ้เชี่ย ไอ้หมาเวรตัวนั้นอ่ะ สัตว์เอ๊ย


   “อย่าพูดถึงมัน.. หุบปาก.. เข้าใจไหม ถ้าพูดแล้วแม่งจะตามมา...” น้ำเสียงเย็นๆจริงจังทำให้ผมต้องพยักหน้ารัวทันทีทันใด .. เหี้ย.. เหี้ยแล้ว คือ กูกอดผีอ่ะ กูกอดหมาผี!!


โฮฮฮ ตึกวิทย์ผีดุ โรงยิมผีสิง มีหรือจะสู้หมาผีได้!!



บ๊อก! บ๊อก! บรู๊วว์ว!!



ปัง! ปัง! ปัง!



   “อ๊ากก!”


แม่งยังไม่ออกไปจากชีวิตพวกกูอีกเหรอ! เสียงเคาะประตูอีก! ทั้งผมและไอ้ดำสะดุ้งโหยงร้องพร้อมกันเลยครับ มองไปตามเสียง
..เสียง.. มันมาจากหน้าประตู...


   “..มึงล็อคยังวะ..” ไอ้ดำแม่งถามออกมาเบาๆแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก


   “กูล็อคแล้ว..”  ผมตอบกลับไปพลางค่อยๆกระดึ๊บพร้อมๆกับมัน ถอยไปทีละก้าวอย่างรู้หน้าที่


   “...มึง เตียงกูอยู่ตรงกำแพง..ฝั่ง.. ใกล้ประตู..” มันพูดเสียงเบาแล้วกวาดตามองไปรอบห้องที่ยังรกพอสมควรจากข้าวของกระจัดกระจาย แถมก่อนหน้านี้ผมกับมันก็เกลียดฉิบหาย ทำข้าวของออกไปคนละฝั่งด้วยซ้ำเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ๆกัน


..แต่...ตอนนี้..
   เชี่ยดำหันมามองหน้าผม


   “..กูขอเลื่อนไปชิดเตียงมึงก็แล้วกัน”


..นั่นไง..


   ตอนแรกห้องมันก็เป็นแบบเตียงสองชั้นประกอบร่างแหละครับ แต่ผมนอนชั้นล่าง ไอ้นิวนอนชั้นบน.. พอเชี่ยดำมามันไม่อยากนอนชั้นบนเลยต้องปรับเปลี่ยนโยกย้ายใหม่หมดเป็นนอนชั้นล่างคนละฝั่งกับผม..


แต่ตอนนี้แม่งมาฝั่งเดียวกันแล้วล่ะ เพราะมันลากเข้ามาติดครับ.. แหม.. ผมก็ไม่ได้กลัวผีเลยยอมให้ไอ้ดำมานอนใกล้ๆหรอกนะครับ สงสารมันน่ะครับ..สงสาร..


พูดจริงๆนะเฮ้ย! ถึงขาผมจะสั่นก็เหอะ!


   “..มึง...” มันพูดหลังจากดันเตียงมาที่ฝั่งผมห่างประตูเสร็จ อยู่ๆบรรยากาศก็หนาวซู่จนทำเอาขนลุกไปทั้งร่าง มือของผมกับมันเผลอจับกันแน่น สบานได้เลยว่าหาอะไรมาสะบัดตอนนี้ก็ไม่ออก เราสั่นกันทั้งคู่ สั่นนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะ.. สั่นสู้! “..กะ..กะ กูจะนอนแล้ว ปิดไฟดีไหมวะ..”


   “อืม..” ผมตอบชัดเจน กำลังจะไล่ให้มันไปปิดไฟ หากแต่ว่า..


แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!

บ๊อก! บ๊อก! บรู๊วว์ว!!


   เหี้ยย! คราวนี้ไมใช่ทางประตูครับ.. ทางหน้าต่างระเบียงห้อง! ไอ้ฉิบหาย!!
   ผมกับไอ้ดำนี่สะดุ้งเฮือกเลย กระโดดห่างทันทีกระจกอีก


เวร!

ประตูก็มี หน้าต่างระเบียงก็มี!


อ๊ากกก! นี่มันนรกน้อยๆใช่ไหมวะ!?


   เริ่มคิดล่ะว่าผีหมามันแค้นอะไรผมหรือเปล่า แค้นเพราะว่าผมบอกหน้าไอ้ดำเหมือนมันเหรอ เสียศักดิ์ศรีใชไหม ฮืออ! ไอ้น้ำกรดคนนี้กราบขอโทษจริงๆครับที่ให้ผีเจ้าตูบหน้าเหมือนตัวเหี้ย!


แต่แล้วสรุป..


ทั้งผมและไอ้ดำ ก็ไม่มีใครพูดอะไร แน่นอนว่าไม่มีใครนอนที่เตียงด้วยเพราะพอสะดุ้งตกใจก็รีบกระโดดลงมานั่งพื้นกลางห้อง จุดระยะห่างจากประตูและหน้าต่างระเบียงมากที่สุด..



...
ปัง! ปัง! ปัง!




บ๊อก! บ๊อก! บรู๊วว์ว!!



แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!



บ๊อก! บ๊อก! บรู๊วว์ว!!



   ...




   ผมกับไอ้ดำมองหน้ากันเพราะเสียงที่มาทั้งสองทิศ พร้อมเอคเฟคอีกต่างหาก



..ก่อนจะ..



.
.
.
.

   “อ๊ากกกกกก!!!!”

___________________________
StraWberry_ImIn @Talk
เป็นตอนที่คิดนานมากว่าจะเอามาลงดีเลยรึเปล่า..
..
อืม....
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
//มองฟ้า// นั่นสินะคะ นั่นสินะ ชีวิตคนเกลียดกัน ตอนนี้เขาได้อยู่ด้วยกันทั้งคืน.. ทั้งคืนเลยนะคะ ก๊ษกกก
แอ้ก.. วันนี้ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ฝันดีค่ะทุกคนน รักนะ จุ๊บๆ <3

เพจ StraWBerry_imin >> https://www.facebook.com/StraWBerryimin?ref=hl

 แอ๊ย!
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.8 UP!! (30/3)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 30-03-2014 01:14:57
C h a p t e r  09
คนเกลียดกัน มักจะชอบหักหน้ากัน


   จากตัวเหี้ย เป็นหมีแพนด้าไปแล้วครับ..
..



ไม่ได้นอน..


   ผมกับไอ้ดำที่ต้องตาสว่างทั้งคืนเพราะเสียงหลอนๆมันดังจนถึงหกโมงเช้าเลยครับ.. แล้วยิ่งตอนประมาณตีสองถึงตีสามเนี่ย ใจแทบขาดดิ้นตายร้อง ‘จ๊าก’ และ ‘อ๊าก’ กับไอ้ดำแบบประสานเสียงกันอีก!


แน่นอนว่ากุญแจก็ยังทำให้ผมกับมันตัวติดกัน และโชคร้ายแบบนี้!


   ยอมรับว่าพอเสียงหยุดแล้วแทบจะกระโดดตัวลอยเลยครับ แม่ง สติเกือบจะหลุดไปเพราะไอ้เจ้าตูบหลอนน่ะสิ ผมเริ่มคิดจริงๆจังๆแล้วนะว่าไปทำอะไรให้มันหรือเปล่า..


 แต่มือผมอ่ะ อุ้มเลยนะ กอดด้วย.. โฮฮ! อุ้มผี กอดผี!


   “.....”


ในเวลานี้ต่างคนต่างไม่พูดอะไรกันทั้งนั้น เพราะผมกับมันน่ะ ขอบตาเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้วน่ะสิ! น้ำเนิ้มอะไรก็ไม่อาบแล้ว ทิ้งความคิดที่จะล้างหน้าแปรงฟันไปได้เลยครับ เพราะกว่าจะเข้าใกล้ประตูกับหน้าต่างในตอนเช้าหลังจากเสียงเงียบไปได้นี่ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง!


..แล้วตอนนี้พวกผมกำลังทำอะไรน่ะหรือ..
..


ไปเรียน..


   ง่ายๆเลย .. ผมกับไอ้ดำเดินจิตวิญญาณหลุด ขอบตาหมีแพนด้าลงมาจากหอทีละก้าว ทีละก้าว.. ไม่มีใครกล้าทักสักคนเลยครับ! แน่นอนว่าคราวนี้สมัครสมานใจเงียบแดกไม่กัดกันอีกด้วย


..เพราะพวกกูง่วงกันจะตายห่าอยู่แล้ว!


   แค่เดินผมยังเซเลย ส่วนไอ้ดำแม่งโชคดีนะ ยังก้าวได้ แต่พอดีแอบเห็น.. คือขาแม่งสั่นว่ะ!

ตอนนี้ก็เป็นจุดเด่นจะตายห่าแล้วครับ.. เดินออกมาหัวกระเซิงสองคน ขอบตาดำๆ

และพอก้าวเท้าเข้าไปในห้องเท่านั้นแหละ..

   เพื่อนๆมองมาอย่างตกตะลึง ทำตาโตแถมยังอ้าปากค้างอีกต่างหาก!!

   “เชี่ย! พวกมึงไปเอากันเรียบร้อยแล้วเหรอวะ!”


เหี้ย! ไม่ใช่โว้ย!


   อยากตอบแต่ไม่มีแรงตอบ.. เมื่อคืนร้องอ๊ากๆจ๊ากๆเยอะไปหน่อย ผมจึงรอให้ไอ้เชี่ยดำที่น่าจะมีแรงเถียงกลับครับ เพราะผมไม่ไหวแล้ว


แต่..
..แม่งเงียบเหมือนกูเด๊ะ!


   คราวนี้ไอ้ไลออนกับไทเกอร์รีบวิ่งมาพร้อมกันเป็นคู่หูเลยทีเดียว แม่งมองทั่วตัวผมอีก มึงหาอะไร รอยแดงเหรอวะ บ้านพ่อมึงอ่ะดี เจอแต่รอยผีประทับยังน่าเชื่อถือกว่าเลย สาดด!

   “พะ พวกมึงได้กันแล้วจริงๆเหรอวะ!”

โว๊ยย!! ไม่ใช่เว้ย! พวกกูแค่ไม่มีแรงจะเถียงมึง!

   “กูแค่ไม่มีแรงตอบ! แค่กๆ จะบ้าเหรอ...” ประโยคนี้ผมพูดเองครับ กำลังจะเอ่ยต่อแม่งก็ดันไอซะก่อน สงสัยคอแห้งเพราะเมื่อคืนจริงๆ

แต่เหมือนผมจะเลือกตอบประโยคผิดไป ไอ้ไลออนกับไอ้ไทเกอร์ คราวนี้พวกมันอ้าปากค้างเลย

   “เชี่ย! มึงครางจนเสียงไม่มีเลยเหรอวะกรด!”

ไอ้ห่า! ใครครางกันวะ เอาให้มันดีๆนะโว้ย!!

   “แล้วเมื่อคืนพวกมึงได้ยินเสียงอะไรไหมล่ะ..” เชี่ยดำเอ่ยประโยคถัดไป สงสัยน่าจะเริ่มมีแรงแล้วล่ะ ผมตวัดสายตาขวับไปมองหน้าคนข้างๆที่กำลังยืนนิ่ง

เชี่ยไลออนกับเหี้ยไทเกอร์แม่งพยักหน้าใหญ่

   “พวกกูได้ยินเสียงทั้งคืนเลยมึง.. เสียงดังมาจากห้องพวกมึงอ่ะ!”

กูว่าเสียงจ๊ากกับอ๊ากมากกว่าสินะ  เหี้ย!  แล้วมึงได้ยินแบบ ‘อ๊ะ อ้ะ อ๊า’ ไหม ไอ้สลัดผัก!

   “ถ้าพวกมึงได้ยินเสียง ทำไมไม่มาหากูวะ!” ผมตะคอกด่าแม่ง เชี่ย ทำไมไม่ยอมมาเปิดประตูหากูหน่อย จะได้ถูกผีหมาหลอกเป็นเพื่อน แอบเห็นหน้าเชี่ยนิวที่นั่งอยู่ทำหน้ามึนๆแล้วหันไปถามคนข้างๆประมาณว่า ‘เสียงเหี้ยไรวะ’ ส่วนไอ้จินก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา เออ .. เพื่อนนิวแม่งหลับลึกจริงๆครับ ผมสาบาน


   แต่ไอ้ไลออนกับไทเกอร์ทำหน้าโลกแตก


   “ใครจะไปกล้าวะ! ใช่ไหมพวก!” คราวนี้แม่งหันขวับไปถามเพื่อนที่อยู่ในห้อง “เมื่อคืนพวกมึงได้ยินเสียงอะไรกันป่ะ?”


ไอ้พวกนี้แม่งเชี่ยจริงๆ พยักหน้ากันใหญ่ เล่นเอาผมรู้สึกไมเกรนจะจับ


   แอบเหลือบมองเชี่ยดำที่ทำหน้าปลาตายอยู่ครับ นิ่งๆ เงียบๆ แต่ความจริงหน้าแม่งยังซีดไม่หายเลย หึ กลัวสิท่า! อ่อนจริงๆเล๊ยนะมึง กลัวผีเนี่ย!


เหมือนกูเลย.. ถุย!


   “กูได้ยินเสียงดังฉิบหายเลยอ่ะสัตว์” ตัวประกอบเอเอ่ยออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นแสดงความคิดเห็น


   ผมกุมขมับ


   “แล้วทำไมพวกมึงไม่มาหากูวะ!” นั่นสิ ถ้าแม่งได้ยินเสียงกันอย่างน้อยก็น่าจะเปิดประตู ชะแวบมาหาแล้วถามว่า ‘เป็นไรป่ะมึง’ อะไรเทือกๆนี้ ไม่ใช่ปล่อยให้กูโดนผีหลอกกับไอ้ดำอยู่ทั้งคืน!

พูดจบก็โดนหน้ามึนๆงงๆตามมาซะได้


   “มึงอยากเล่นสวิงกิ้งเหรอวะไอ้กรด! หลายคนอ่ะ!” ไทเกอร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆก่อนจะเอามือสองข้างปิดที่หัวนมตัวเอง ไอ้กระแดะ! “อ๊าย! ไลอ์! ไลอ์! มาเล่นสวิงกิ้งกันไหมคะ!”


เชี่ยล่ะ ไอ้ไลออนแม่งก็ตอบมุขดีจริงๆ เอาตูดไปกระแทกเหี้ยไทเกอร์อีก


“ไม่เอาอ้ะ! ตัวเองก็.. ไลอ์อยากเล่นกันแค่สองคนกะตัวเอง ขอโทษนะคะที่เมื่อคืนไลอ์เสียงดังไปหน่อย!”
นั่นไง เชี่ย ไอ้พวกนี้มันน่าจะไปได้กันเองจริงๆ!!


   ผมมองมันด้วยสายตาคาดโทษ แม่งสื่อกับกูไม่รู้เรื่อง แอบเห็นไอ้ดำถอนหายใจไปนานแล้วครับ เออ งั้นกูเอามั่ง!


แต่ไม่ทันไรก็ถูกใครสักคนกระชากตัวให้ออกจากกลุ่มเชี่ยไทเกอร์กับเหี้ยไลออนที่แม่งต่อกันด้วยทำท่าจะดูดปากกันอยู่แล้ว ไอ้พวกนี้แม่งเล่นอะไรวะ น่าขนลุก!


   “ตกลงพวกมึงไปทำอะไรกันมาเมื่อคืนวะ .. กูนอนไม่หลับ!” ที่แท้ก็.. คนที่นอนอยู่ข้างบนห้องผม ไอ้จินนี่เอง มันทำสีหน้าจริงจังแล้วหันมาจ้องตาผม แถมยังแอบชี้ไปทางไอ้เชี่ยนิวอีก “เหี้ย! แล้วเพื่อนมึงอ่ะ หลับลึกฉิบหาย หลับง่ายสุดๆ!”


   ก็เออดิ แม่งหลับง่าย ผมพยักหน้าหงึกๆเชิงเข้าใจครับ


   “ไอ้นิวแม่งหลับง่าย เพราะงี้ไงตอนมึงกับไอ้ดำเอากัน แม่งก็ยังหลับได้ทั้งๆที่เสียงดังฉิบหาย” ตอกกลับไปนิ่งๆ แอบเห็นเชี่ยดำตวัดสายตามมอง แม่ง มีมองนะมึง เดี๋ยวปั๊ดต่อย แค่นี้รับความจริงไม่ได้ไงวะ


   “หา..? เออๆ ว่าแต่ตกลงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ” ไอ้จินทำหน้ามึนแป๊บหนึ่งแล้วเข้าเรื่องต่อ แอบเห็นตัวเตี้ยๆของเชี่ยนิวเดินมาด้วยติดๆเลยครับ ชะเง้อหน้ามาเสือกทำเป็นอยากรู้อีก ก่อนหน้านี้ยังอ่านการ์ตูนอยู่เลย!


ผมนิ่งไป


คือ..  ไม่อยากพูดอ่ะ


เข้าใจไหมว่าพูดถึงผีมันแขยงปาก


   คิดแล้วก็เอาศอกสะกิดแขนไอ้ดำเบาๆพร้อมกับเหลือบมองหน้าที่ซีดของมันอยู่ เออ ต้องขอบคุณผี มึงขาวขึ้นเยอะเลยว่ะ


   “เชี่ยดำ .. มึงบอกพวกมันไปดิ” ว่าแล้วผมก็ทำท่าขนลุกครับ แต่เสือกถูกแม่งเมินอีก


   “..กูแสบคอว่ะ มึงบอกเอง” อ้าว! เชี่ย นี่ไม่คิดจะแก้ข่าวหน่อยเหรอ ผมมุ่ยหน้าพร้อมกันหันมองหน้าเพื่อนที่ตั้งตาฟัง


..แต่.. กูไม่อยากพูดอ่ะ


   “..มึง มึงอ่ะ บอกเหอะ กูไม่ไหวจริงๆ..” ว่าแล้วผมก็แอบชำเลืองไปมองชายร่างสูงผิวเข้มข้างๆที่ยังยืนนิ่ง หรี่ตาเล็กน้อยเป็นเชิงครับ “..หรือว่าที่มึงไม่อยากบอก เพราะมึงกลัววะ โหย.. นั่นดิ หน้าดำๆมึงขาวขึ้นเยอะ ต้องขอบคุณเมื่อคืนนี้จริงๆ”


ไม่ไหว
ไม่ได้หลอกด่ามันนะ เพราะผมเหนื่อยจริงๆ เลยขี้เกียจพูด


   แต่ไอ้เชี่ยดำถลึงตาใส่เลย ก๊ากก! สมน้ำหน้า! ไม่อยากพูดดีนัก!


   เหมือนผมจะพูดผิดประโยคไปหน่อยอีกแล้ว ไอ้จินกับไอ้นิวอ้าปากค้างแล้วชี้มาทางพวกผมสองคน


   “มีไรวะ?” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วมองหน้ามันที่กำลังเบิกตากว้างอยู่


..


เป็นเสียงไอ้จิน ที่เปิดประเด็นถามอีกครั้ง
   ...


   “ไอ้ดำเป็นเมียมึงแล้วเหรอวะ กรด?”



...


สตั้นท์


เงิบ


เงียบ


   ทั้งผมทั้งไอ้ดำนั่นแหละ และเหมือนประโยคนั้นจะดังเชี่ยๆด้วยครับ ทั้งห้องที่คุยกันเสียงแซ่ดแซ่ค่อยๆเงียบลงราวกับว่ากำลังรอคำตอบจากพวกผม และเป็นไอ้เชี่ยดำที่ได้สติก่อน


   “มึงไปเอาความคิดเหี้ยๆนี่มาจากไหนวะ! อยากต่อยกับกูหรือไง!! ไอ้เชี่ยจิน!!”


นั่นไง! แม่งสติแตก!



   “ก็มึงเจ็บคอนี่หว่าไอ้เชี่ยนัยย!”


   ชายร่างสูงข้างๆผมแม่งถึงกับถลาไปหาจินแล้วทำท่าจะต่อยหน้า จะต่อยกันก็ไม่ว่าอะไรหร๊อก! แต่มือมึงอ่ะ.. มือมึงข้างที่จะต่อยเหี้ยจินมันติดกับมือกู๊!


   “เชี่ยย!! หยุดดิวะ! กูเจ็บบบ!!” ผมตะโกนลั่นแล้วพยายามกระชากกลับครับ แม่งเอ๊ย! เหล็กจากกุญแจมือนี่ถูไถกับเนื้อผม เจ็บสุดๆไปเลย เห็นไอ้เชี่ยดำแม่งขึ้นแล้วผมต้องรีบหยุดไว้ก่อน เดี๋ยวกูเจ็บตัวอีก “ไอ้เหี้ยตัวดำ! อย่าไปต่อยหน้ามัน! รอกูกับมึงเป็นอิสระจากกันแล้วค่อยต่อย!”


ว่าแล้วผมก็ถีบให้เหี้ยที่หันหลังอยู่ด้วยความหงุดหงิด


โครม!!


โดยลืมนึกไปอีกว่าถ้ามันล้ม อย่างน้อยผมก็ต้องทรุดวะ!!


   เชี่ยดำแม่งล้มจริงๆ สงสัยจะหมดแรง ผมเลยต้องตกกระไดพลอยจนทั้งๆที่ตัวเองเป็นฝ่ายถีบเขาด้วยการ..
...


นั่งทับมันแม่ง


   “..พวกมึงทุกตัว ฟังกู!” เป็นเสียงผมที่ประกาศหลังจากหย่อนก้นงามๆนั่งทับหลังมันครับ เชี่ย.. เอาตรงๆกูขยะแขยงที่เอาก้นขาวๆของตัวเองไปแตะหลังมันนะ แต่ช่วยไม่ได้ ผมแก้ข่าวก่อนๆ! อันนี้สำคัญที่สุด!


เพื่อนทุกตัวฟังจริงๆครับ แม่งเงียบทั้งห้อง.. พวกมึงอยากรู้มากขนาดนั้นเลยเหรอวะ!


ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ


   “กูกับไอ้ดำ ไม่ได้เป็นอะไรกัน”


   “..แล้วทำไมถึงดูโทรมกันทั้งคู่!!”


ใครสักคนยกมือถามอีก ผมแอบถอนหายใจครับ ส่วนไอ้ดำเหมือนจะก้มหน้าก้มตาหลับ ตายคาพื้นไปแล้วแหง..


   “เมื่อคืนพวกกูไม่ได้นอน”


นั่นไง ผมตั้งใจตอบให้พวกมันสงสัย.. ทำตาโตกันใหญ่แล้ว!


คราวนี้เป็นไอ้เชี่ยนิวที่แอบกระซิบว่าอยากมีบทบ้าง เลยยกมือตาม


   “ทำไมถึงไม่ได้นอน!”


หึ.. เล่นอย่างนี้ผมว่าแม่งก็มันส์ดีนะ ไอ้เชี่ยดำก็หลับเป็นตายด้วย

   “เพราะว่าตื่นทั้งคืนไง”

เท่านั้นแหละ.. เพื่อนแม่งตาโตหมดแล้ว!


ก๊ากกกก! โอ๊ย! ไม่ไหว ฮาว่ะ ถึงจะแอบคลื่นไส้เล็กๆก็เหอะ ผมยักคิ้วเล็กน้อย ขณะที่เพื่อนแม่งพูดกระซิบกระซาบประมาณว่า ‘เชี่ย นี่กัดกันจนรักกัน จริงเหรอวะ’ อีก โอ๊ย กูขำ กูฮา แม่ง! คิดไปได้ไง?


แต่ก็เอาเหอะ


   “กูยังพูดไม่จบ!!”


   ผมตะโกนออกมาอีกทีเหมือนคำสั่งให้พวกมันฟังครับ แล้วก็ได้ผล แม่งหันมาจริงๆ เรื่องกูนี่อยากเสือกจังนะ


   “กูกับไอ้ดำ ไม่ได้เป็นอะไรกัน.. เมื่อคืนพวกกูโดนสิ่งมีชีวิตลึกลับของโรงเรียนหลอก”


....
ผมพูดจริงๆนะ ทำไมห้องแม่งเงียบกริบเลยวะ


   แต่ละคนมองหน้าผมคลับคล้ายคลับคลาว่า ‘กูไม่เชื่อ’ ซะอย่างนั้น อ้าว อะไรวะ!

คราวนี้แอบเห็นไอ้ดำได้สติ  .. ถึงลุกก็คงไม่ได้..

ผมเลยตัดสินใจเอาก้นกระแทกหลังมันแม่ง!


   ได้ยินเสียง ‘แอ้บ’ หนึ่งทีด้วย กูสมน้ำหน้าแม่งจริงๆ! ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนๆที่จ้องแบบตาเป็นมัน


   “เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตลึกลับ มึงจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็เรื่องของมึง” ว่าแล้วผมก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆพลางใช้มือข้างที่เป็นอิสระชี้ไปทางหัวดำๆของคนนอนตะแบะอยู่ที่พื้น


   “....”


   เพื่อนแม่งตั้งหน้าตั้งตารอฟัง ได้เลย เดี๋ยวกูต่อให้!


   ผมพูดด้วยน้ำเสียงดังพอๆกับตอนที่ตะโกนด่าไอ้ดำเวลามันเอากับคู่ขา


   “ไอ้พวกสมองกลวง! ลองคิดดูดีๆนะว่ากูจะจับมันทำเมียหาพ่อทำไม! หน้าตาก็เหี้ย ตัวแม่งก็ดำ! แถมตอนใส่ไปแม่งคงครางไม่เหมือนเสียงผู้หญิงหรอก! แถมท่านน้ำกรดคนนี้ก็ตาสูงพอที่จะไม่เอามันไปต้มยำทำแกงหรืออะไรหรอกนะ .. เพราะกูน่ะ.. เกลียดมันฉิบหาย! ไม่อยากจะหายใจร่วมโลกกับมัน!”


หึหึ..


แม่งเงียบ เงียบกันเป็นแถบ แหงล่ะ ก็ผมมันพวกชัดเจนนี่หว่า

แต่แล้ว.. ผมก็ต้องชะงักไป เมื่อเหมือนมีเสียงตอบกลับมาซะงั้น

แถมยังดังออกมาจาก.. คนที่ผมนั่งทับอยู่นั่นแหละ


   “เออ! ไอ้พวกสมองปลวก! คิดได้ไงว่ากูจะเป็นเมียวะ กูว่ากูประกาศให้ทุกคนรับรู้แล้วไม่ใช่หรือไงว่ากูสาบานอะไรไว้! ..เพราะว่ากู ดนัยน่ะ.. จะจับไอ้เหี้ยหมานี่ไปเป็นเมีย! .เข้าใจไหมไอ้เชี่ยทั้งหลาย! เพราะกูน่ะ.. เกลียดมันฉิบหายอย่างไงล่ะ!”


..ผมอึ้ง เพราะแม่งตะคอกด้วยน้ำเสียงดังพอๆกับผม แถมจากที่นอนกกพื้นอยู่ มันเปลี่ยนเป็นนอนแขนบนแขนตนเองแล้วตะโกนครับ.. แถมยังหันมากระตุกยิ้มมุมปากใส่ผมอีก


แถวร้องเบาๆในลำคอ.. ด้วยเสียงนี้ ที่ผมเกลียดที่สุดในชีวิต



   “หึ”




..ไอ้..เชี่ย..นี่..



และผมก็ได้เริ่มมวยกับมัน.. อีกแล้ว..


ผัวะ!!


_____
อ้อก..
orz
//ไม่รู้จะพูดอะไรค่ะ 555// ไม่ยอมกันทั้งคู่เลยเนอะ .. อืม..

ขอบคุณสำหรับทุกๆยอดวิวนะคะ >< และทุกๆคอมเม้นท์ด้วยค่า
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.9 UPP!! (30/3)
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 30-03-2014 08:57:56
กำลังสนุกเลย  เถียงกันเก่งจริงๆ

จะรักกันยังไงวะเนี่ย   :hao7:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.9 UPP!! (30/3)
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 30-03-2014 12:13:30
ถ้าจะรักกันยากแฮะสองคนนี้
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.9 UPP!! (30/3)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-03-2014 12:15:27
มาติดตามนะคะ
คือมันน่าสนใจ
ดูถ้าจะรักกันยากเนอะ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.9 UPP!! (30/3)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 30-03-2014 22:24:59
ประกาศกร้าวกันแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.9 UPP!! (30/3)
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 30-03-2014 23:35:28
สนุกมากเลยค่าาาาาาาา><
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.9 UPP!! (30/3)
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 16-04-2014 10:04:35
คนแต่งหายไปไหนคะ :mew2:
หัวข้อ: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.9 UPP!! (30/3)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 21-04-2014 09:09:55
มารอดูคนเกลียดกัน ^^
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.10! (26/4)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-04-2014 12:23:57

C h a p t e r  10
คนเกลียดกัน มักจะทำให้ตกใจกัน


   นี่แหละ.. ความซวยของการมือเร็ว..


   “กอดอก!”


   ใครก็ได้.. มาช่วยผมที..
   ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ที่หน้าเสาธงครับ..


..เคียงคู่กับไอ้ดำ
และอาจารย์ไม้หนึ่งคน..


   ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก กุญแจมือถูกปลดไปตั้งแต่ต่อยกับไอ้เชี่ยดำครั้งล่าสุดนี่แหละ .. แถมยังถูกจับยืนคู่กับมันอีก ผมกับไอ้ดำเหงื่อแตกพลั่กเพราะแสงแดดยามบ่ายมันสะท้อนลงหน้าจนมันเงาวับเลยครับ..


..ทำไมกูแม่งซวยงี้วะ..


   ว่าแล้ว ต่างคนต่างกอดอกแน่นกว่าเดิม..


   “เงยหน้า!”


   เป็นคำสั่งถัดไปที่หลุดดังออกมาจากปากของอาจารย์ไม้ .. นั่นไง ไม้สมชื่อ เพราะในมืออาจารย์เขาถือไม้เรียวอยู่อย่างไงล่ะ!

ฮืออ.. ตั้งแต่ตะโกนด่าไอ้เชี่ยดำ ชีวิตกูเจออะไรดีบ้างวะ!

   แล้วก็ต้องเงยหน้าต่อ ..ผมกับไอ้ดำยืนคู่กัน มีเพื่อนๆชั้นม.6กำลังยืนราวกับเข้าแถวหน้าสลอนในตอนเช้า .. แน่นอน มากันทั้งชั้น

ทำไมชีวิตผมซวยอย่างนี้ เปลี่ยนชื่อเรื่องจากเกลียดฉิบหาย เป็น ซวยฉิบหาย ได้ไหมม!

   “หลับตา!”

   ผมหลับตาแน่น รับรู้ได้ว่าไอ้ไม้เรียวแท่งเล็กๆบางๆกำลังลูบตูดตัวเองอยู่ครับ ทั้งเล็กทั้งบาง คล่องแคล่ว ตวาดเดียวผมร้องเจี๊ยกแน่ แถม.. ยาวอีกต่างหาก อย่างที่พูดได้เลยว่า ‘ฟาดหนึ่ง แสบสอง’ เพราะมันไปโดนตูดไอ้ดำด้วยนี่แหละ

ซี๊ด.. อย่าลูบสิ เสียว เสียวจริงๆนะ ฮืออ!! ผมเสียวตูดจริงๆนะ โฮกกกกกก! อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นเรื่องอย่างอื่นสิ แต่.. แต่ผมเสียวตูดจริงๆ...!!!

ขวับ!!

เพี๊ยะ!!


   “เจี๊ยกก!” นั่นไง! ผมร้องเจี๊ยกจริงๆด้วย สะดุ้งโหยงพร้อมกันสองคนเลยครับ โฮฮฮ ไอ้ดำแม่งอึด ถึก ทนของจริง ดูดิ เหงื่อแตกพลั่ก ขาสั่นพั่บๆแต่เสือกไม่ร้องเหี้ยอะไรเลย ดูไอ้กรดคนนี้ดิ ร้องอย่างกับลิง!

   “ห้ามคุยกัน! หยุดหัวเราะ! เพื่อนคุณเขากำลังเจ็บตัวอยู่ มันน่าสนุกมากเหรอเหรอครับ!?” เป็นอาจารย์ไม้ที่หันไปตะคอกใส่เด็กม.6 ที่กำลังแอบขำครับ บางคนก็หน้าซีด เอามือลูบตูดตัวเองเหมือนเสียวๆ ขนลุกๆแบบผม เห้อ! มาโดนเองนี่มา!

ว่าแต่ บอกผมมาทีเดะ ต้นแบบอาจารย์ไม้คือพี่ว้ากใช่ไหมวะ แม่งง!!! หรือเป็นอาจารย์สุดโหดที่โรงเรียน! บอกผมม๊าา!

   “พวกคุณรู้ไหมว่าความผิดของพวกคุณคืออะไร!”

น้ำเสียงของอาจารย์ตัวเล็กยังคงดังต่อเนื่องเหมือนเดิม พร้อมกับไม้ที่ลูบลงบนก้นงามๆของผมและไอ้ดำ แม่ง เสียวจริงๆนะ เสียงตูดด โฮฮฮฮ!! เจ็บก็เจ็บ แสบก็แสบ น้ำตาผมจะเล็ดแล้ว!


   “ต..ต่อยกันในห้องครับ!!” นายน้ำกรดคนนี้ตอบออกไปก่อนจะสะดุ้งโหยงอีกที..


..เพราะ..

ขวับ!

เพี๊ยะ!!

   “เจี๊ยกก!!” ร้องอีกแล้วกู ลิงอีกแล้ววว! อ๊ากก อาจารย์แกเขายกไม้ขึ้นมาฟาดผมกับไอ้ดำอีกรอบ เชี่ยดำนี่ก็จริงๆ เก็กได้เก็กดี ขอให้มึงหลุดเก็กเข้าสักวัน เหี้ยย!

   “รู้ตัวก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องพูดย้ำ ความผิดของพวกคุณคือต่อยกันในห้อง” อาจารย์แกค่อยๆลดไม้ลง ผ่อนคลายผมกับไอ้ดำครับ เหมือนจะโหดร้ายนะเพราะว่าอาจารย์เรียกเด็กม.6 ทั้งรุ่นมาเหมือนจะประนามการกระทำผมและไอ้ดำว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี อะไรว้า!

   “.....” ตอนนี้เสียงพูดคุยกันค่อยๆเงียบกริบลงแล้วครับ ผมกับไอ้ดำได้แต่ยืนขาสั่นหน้าเสาธงแล้วประสานมือ ก้มหน้า สงบจิตตามระเบียบ

ฮือ... กูเจ็บตูดอ่ะ เจ็บตูด!

   “พวกคุณมาทำอะไรที่นี่! พวกคุณมาเรียน.. อาจารย์ทุกคนสอนพวกคุณให้เป็นนักเรียนที่ดี! สั่งสอน ให้ความรู้ ปลูกฝังวัฒนธรรมดีงาม แต่พวกคุณกลับอยากเป็นนักเลง ไม่ใช่นักเรียน!”
 
..เฮือก.. ขนลุกซู่..

   อาจารย์แกดูหงุดหงิดพอสมควร ใช้ไม้เรียวนั่นฟาดพื้นแรงๆสามถึงสี่ทีเพื่อเขย่าขวัญของเด็กในรุ่นครับ ..

   “ต่อยกันกลางห้อง! นี่เป็นมารยาทที่ไม่สมควรอย่างยิ่งของการเป็นนักเรียน! หน้าที่พวกคุณตอนนี้คือเรียน! เข้าใจไหมครับ!?”

   “.....” เด็กแม่งเงียบ อาจารย์ก็ถามย้ำอีกครั้ง

   “เข้าใจไหมครับ!!”

   “ครับ!!!”

   คราวนี้เหมือนเพิ่งได้สติกัน รีบตอบเพื่อที่จะทำให้อาจารย์เขาพึงพอใจโดยเร็ว ผมเหงื่อตก ร้อนก็ร้อน.. แม่งจะอะไรนักหนาวะ แอบเหลือบไปมองไอ้ดำก็เห็นหน้าแม่งมีแต่เหงื่อโชกเลย เออ .. มองไปมองมาก็เหมือนเหี้ยหน้าเท่ๆดีๆนี่เอง

แต่ขอโทษ ผมหล่อกว่า!

   “ดีมาก! โรงเรียนประจำจังหวัดชายล้วนของเรามีชื่อเสียงมายาวนาน! พวกคุณอย่าทำให้เสียชื่อเสียงของโรงเรียน! การกระทำที่ต่อยกัน นับว่าเป็นพฤติกรรมที่แย่ มาก!”

คราวนี้อาจารย์แกก็เหลือบมามองที่พวกผมสองคนเป็นการย้ำว่า ‘แย่มาก’ อีกด้วย เล่นเอาจุกพอสมควรเลย.. อูย..

   “....”

   “ดังนั้นผมหวังว่าพวกคุณทั้งสองคนจะทำตัวให้ดีกว่านี้” น้ำเสียงทุ้มนั่นยังคงดำเนินต่อไป นัยน์ตาของอาจารย์ตัวเล็กตวัดมามองผมและไอ้เชี่ยดำ “เข้าใจไหมครับ..?”

..กดดันอีกต่างหาก..
..มันคงไม่มีคำตอบอะไรที่พูดได้.. นอกจากประโยคเดียว


   ...



   “ครับ”




วันนี้ซวยไปเลยสุดๆ เจ็บตูด .. แต่ก็ยังมีสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าโชคดี บนหนทางของคำว่าซวยอยู่

   อาจารย์ไม้รับผิดชอบที่ลืมผมกับไอ้ดำเมื่อวันก่อนอย่างไงล่ะ!

ผมกับไอ้ดำ.. ได้แยกกันแล้วโว้ย!

   นั่นเป็นความคิดที่เหมือนสวรรค์เลยครับ! หลังจากหน้าเสาธงผมกับไอ้ดำก็ถึงกับเดินกระเพก ระบม แถมยังเจ็บตูดสักพักใหญ่ๆแล้วค่อยทำการพยายามตะเกียกตะกายไปพบอาจารย์ไม้ที่ห้องพักครูก็เช่นเดิม

   “พวกคุณสองคนไม่ต้องใส่กุญแจมือเพื่อตัวติดกันแล้ว”อีกฝ่ายบอกออกมาขณะที่เอื้อมมาปลดกุญแจมือ ทำเอาผมแทบกระโดดตีลังกาสามรอบหลังฟังจบเลยครับ ส่วนเหี้ยดำ รายนี้ไม่ต้องพูดถึง

รังสีมีความสุขแม่งปล่อยออกมาชัดเจนเลย! เชี่ย!!


   รู้สึกทะแม่งๆว่ะ แม่ง เห็นมันมีความสุขแล้วผมหงุดหงิดจริงๆนะ อยากให้แม่งหน้าบูดๆ เชี่ยย! บูดอีกสิ บูดอีก กูสะใจ!

   “แต่ว่าท่าทางพวกคุณจะไม่ชอบขี้หน้ากันเหมือนเดิม ผมต้องการให้พวกคุณเข้าใจกันมากกว่านี้” นั่นไง.. คำว่าแต่มาเมื่อไหร่ เป็นต้องมีการชะงัก ผมเงียบ ไอ้ดำก็ค่อยๆดูดรังสีความสุขกลับเข้าร่างเหมือนเดิม “พวกคุณสองคนต้องอยู่ห้องเดียวกันจนกว่าจะจบชั้นม.6 และคอยพบผมทุกๆหนึ่งเดือนเพื่อให้ผมเห็นความก้าวหน้าของพวกคุณ”

เฮ้ย!!

ห้องกับมันเหรอ ตูนึกว่าจะได้อิสระแล้วเชียว.. มากไปปะอาจารย์!


   “จารย์กำลังบุกรุกสิทธิส่วนบุคคลนะ!” นายน้ำกรดอย่างผมตะโกนออกมาแล้วขมวดคิ้วแน่น ตวัดมือชี้หน้าไอ้เหี้ยดำที่แก้มบวมเพราะถูกผมต่อยในตอนก่อนหน้านี้ “ทำไมผมต้องอยู่กับไอ้เหี้ยนี่ด้วยอ่ะ!”

   “ผมเองก็ไม่อยากหายใจร่วมกับมันเหมือนกัน!” คราวนี้เป็นเชี่ยดำครับ แม่งชี้ตาเขียวๆปูดๆของผมที่ตัวมันต่อยเอง เออ ไม่อยากจะอวดหรอกนะว่าพวกผมสองคนไปรับโทษโดนไม้เรียวฟาดกลางสนามด้วยสภาพย่ำแย่อย่างนี้เนี่ย

ว่าแต่ ไอ้เหี้ยเกย์นี่ ไม่ไหว ถ้าตัดจบไม่เถียงมัน ก็ไม่ใช่นายน้ำกรดน่ะสิ

   “ไม่อยากอยู่กับไอ้เกย์นี่! ถ้าอยู่ๆแม่งอยากได้ผมเป็นผัวมันขึ้นมาทำไง!!” นั่นแหละครับ ประโยคผมเอง “ผมไม่เดือดร้อนเหรอ!”

เหอ! นี่พูดจริงนะ อาจารย์ไม้ชะงัก ส่วนเชี่ยดำหันขวับเลย

   “ถุย! มึงต่างหากต้องเป็นเมียกูแน่ .. ไอ้หมา!”

อ้าว ไอ้สัตว์นี่! อยู่ต่อหน้าอาจารย์ยังจะพูดเรื่องอย่างนี้อีก ตบมันทีได้ไหมวะ!!

   ผมเบ้ปาก มองหน้ามันกลับไปแล้วทำท่าจะตะคอกกลับ แต่กลับถูกอาจารย์รั้งไว้ทัน
เชี่ยย! วันนี้มึงโชคดีนะ!

   “หยุด.. เพราะพวกคุณเป็นอย่างนี้ไง ดังนั้น ผมจะรอการพัฒนาของพวกคุณ” อาจารย์ว่าพลางยกมือกุมขมับอีกต่างหาก ท่าจะปวดหัวของจริง “จนกว่าพวกคุณจะดีขึ้น ผมจะไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่.. พวกเรานักเรียนเหมือนกัน สายเลือดน้ำเงินขาว ก็ควรที่จะรักกัน สามัคคีกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันสิ”

สีน้ำเงินขาว คือสีประจำโรงเรียนของผมเอง..
สายเลือดน้ำเงินขาว.. ก็ควรที่จะรักกัน สามัคคีกัน.. ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน..
อย่างงั้นเหรอ..

   ผมเห็นไอ้เหี้ยดำเบ้ปาก มันแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจนด้วยซ้ำก่อนจะยักไหล่แรงๆ

   “ได้ ผมรักกัน สามัคคีกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน.. แต่ไม่ใช่กับไอ้หมาเวรนี่!”

อ้าว... นี่มึง!!

   ผมว่าผมอยู่นิ่งๆเงียบๆ (?) ไม่พูดอะไรมากมายแล้วนะ ยังจะเสือกหาเรื่องอีก! มันตวัดสายตามามองผมนิ่งจนน่ากลัว แต่.. มีหรือผมจะกลัว!

แล้วมันก็ทำท่าทีฮึดฮัดแล้วเดินออกไปอย่างไร้มารยาท อะไรวะ! นี่มึงไม่ฟังกูพูดใช่ไหม เออ งั้นประโยคถัดไป ผมตะโกนใส่หน้าอาจารย์ไม้!! อย่างน้อยก็ทำให้เหี้ยที่เดินออกข้างนอกได้ยินวะ

   “เออ!! ผมเองก็ไม่ใช่กับมันเหมือนกัน! คนอื่นๆผมยังพอรับได้.. แต่กับไอ้เหี้ยดำ ผม ไม่ เอา!”พูดจบ จะไปอยู่ทำไมล่ะครับ..

เดินออกไปจากห้องอาจารย์ทันที!
.
.
.


เหี้ยยยยย!! เจ็บตูดดดด!!


   เป็นอะไรที่ทำให้น้ำตาผมเล็ดได้! จะว่าไปอาจารย์ไม้แม่งก็ฟาดมาแบบเต็มแรงเลยจริงๆ ผมเดินกระเพกๆไปห้องพยาบาลครับ ไม่ไหว เนื้อลอก เลือดซิบ ตูดแหกแน่ๆ ไอ้น้ำกรดเอ๊ย!

   “เจ๊ดาว!!”

ผมเรียกชื่อของอาจารย์ห้องพยาบาลเองครับ เจ๊ดาว เจ๊กระเทยสุดสวย.. ตอนแรกที่ผมเข้ามาใหม่ๆนะ ดีใจมากที่โรงเรียนแม่งมีผู้หญิง อยู่ไปอยู่มารู้ว่าเป็นกระเทย ถึงกับหน้าหงายเลยครับ แม่ง
เอ๊ย

แต่กับกระเทยผมเฉยๆ ไม่เหมือนกับเกย์ว่ะ..

   เกย์มันเป็นผู้ชายกับผู้ชายใช่ไหม? กระเทย.. อย่างน้อยแม่งก็รูปร่างเหมือนผู้หญิงนี่หว่า แต่อย่างไงก็วิปริตวะ!

และพอเข้าไปในห้อง.. ไม่เจอเจ๊ดาวครับ..
..
แต่เจอเหี้ยตัวดำแทน..
..

   แม่งมาได้ไงวะ! แล้วผมกับมันเจอกันอีกทำไม เชี่ยย! ท่าทางเหมือนกำลังมาหายาอีกต่างหาก ไอ้เหี้ยนี่ ทำไงดีวะ

   หากแต่เมื่อนัยน์ตาของตนเองตวัดมองไปยันมืออีกฝ่ายก็ถึงกับชะงัก

เฮ้ยย! นั่น... นั่นมันยาที่เวลาผมโดนจารย์ตีแล้วเจ๊ดาวให้ผมบ่อยๆนี่หว่า.. มันอยู่ในมือไอ้ดำ!

   แต่เหมือนอาการตกใจของผมจะมีรังสีแผ่ออกมารุนแรงเกินไป ไอ้ดำหันมาเจอพอดีพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

   “.....” หน้ามันเหมือนจะบอกว่า ‘ทำไมกูต้องเจอมึงอีกวะ’ เออ.. ผมก็คิดเหมือนกันว่าทำไมผมต้องเจอมันอีก!

   ไม่ไหว ถ้าไม่กวนมันอยู่ไม่ได้ครับ

   “เดี๋ยวนี้เจ๊ดาวหน้าเหมือนตัวเหี้ยเนอะ” เสียงของผมดังออกมาพร้อมกับจ้องหน้ามัน ไอ้เหี้ยดำเหมือนจะไม่สนใจครับ หยิบยาทาตัวนั้นแล้วทำท่าจะออกไปทันที ไม่ได้ๆ! กูหายาทาตูดกับเจ๊ดาวพอดี มันต้องรู้ที่อยู่แน่ๆ “เชี่ย! เดี๋ยว! เจ๊ดาวอยู่ไหน!”

นั่นไง แม่งชะงัก แล้วหันมาอีก
ทำไมมึงเย็นชาจังวะ! สาดดดด!

   “อยู่ข้างหลังมึง กำลังทำหน้าจะฆ่ามึงอยู่เพราะมึงบอกเจ๊ดาวหน้าเหมือนตัวเหี้ย”

..เฮือก!

   ผมสะดุ้งโหยงแล้วหันไปข้างหลังทันที....

...

ไม่เห็นเจอเหี้ยอะไรเลย!!

   “นี่มึงหลอกกูเหรออ!!” คราวนี้หันขวับไปมองหน้าไอ้เชี่ยดำที่แม่งยืนกอดอกนิ่งๆอยู่ครับ ไอ้เชี่ยนี่หลอกผมอ่ะ! “ไอ้ควาย!!”

   “มึงต่างหากควายที่เชื่อกู!” เชี่ย! ต่อให้มึงจะนิ่งขนาดไหนก็จะกัดกับกูให้ได้ใช่ไหมวะ! ผมเบ้ปาก มองหน้าคนที่กำลังทำท่าทีเมินโลก “ถอยได้ยัง กูจะกลับห้องไปทายา”

ผมชะงัก
เออ จริงด้วย ทายา..
แล้วก็มองยาในมือมัน..

   “..อะไรมึง?” มันพูดออกมาพร้อมกับร้องอ๋อเบาๆแล้วชูยาให้ดูอีกนั่น กวนตีน! “อยากได้ยาทาล่ะสิ. .โธ่”

   “เออ รู้ก็เอามาดิ” ผมพูดพร้อมกับจ้องหน้าแล้วแบมือออกครับ แม่งเอ๊ย ไอ้เหี้ยดำมันมองมานิ่งๆเหมือนเดิมแต่ดันสามารถยักคิ้วกวนตีนได้! “โทษที.. อันนี้มันตลับสุดท้ายแล้ว เสียใจด้วย”

พ่องมึงงง!!

   ผมอ้าปากค้าง แล้วชี้หน้ามัน

   “นี่มึงจะใช้ยาทาตูดทั้งตลับเลยเหรอวะ!!” ที่ถามนี่ไม่ได้กวนตีนนะครับ แม่ง คือแบบ.. ใช้ทั้งตลับจริงอ่ะ! โดนตีไปแค่สองทีเนี่ยนะ ตูดมึงไซส์ใหญ่ขนาดนั้นเลยเรอะ “เหลือให้กูบ้างก็ได้!”

โฮฮฮ ไม่มียาแล้วแย่จริงๆนะ เวลาโดนตีอ่ะ .. แบบ มันเจ็บ ฮือออ!

   ผมแยกเขี้ยวใส่ขณะที่ไอ้ดำมันยักคิ้วเล็กน้อยพลางสาวเท้ามาหาผม เล่นเอาตกใจไปเลย!
   “เชี่ยย! อย่าเข้ามาใกล้กูนะ เดี๋ยวกูดำ!” ตกใจที่เห็นอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้.. มันขมวดคิ้วแน่นจนเล่นเอาผมนิ่งไป เอ่อ หน้ามันหงุดหงิดแล้วผมมีความสุขวะ เวรล่ะ นี่กูโรคจิตเปล่าวะ!

   แต่อยู่ๆระหว่างที่ผมกำลังดื่มด่ำกับหน้าหงุดหงิดๆของมันอยู่.. เหี้ยนี่ก็เข้ามาใกล้..!
ใกล้.. ใกล้เกินไปด้วยซ้ำ!! เชี่ยย!!

   ผมผงะไปแล้วเผลอเดินถอยหลัง ในขณะที่อีกฝ่ายใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เชี่ยล่ะ หงุดหงิดแต่ใกล้กูเกินไป ก็ไม่ไหวนะครับ!!

   “..ข้อมือมึง..” สายตาอีกฝ่ายเลื่อนไปที่ข้อมือผม.. แล้วเปลี่ยนเป็นจ้องหน้าผมพักใหญ่..

   “.....”

   “จ.. จะจ้องอะไรกูนักหนาวะ! เหี้ย!!”

 ผมรีบกระชากเสียงแรงกลับ ทำสู้ก่อนครับ แม่งมาจ้องงี้ได้ไง ไอ้ดำเข้ามาใกล้.. ใกล้มากๆ..
..จนผมคิดว่ามันใกล้เกินไป..

ไม่ได้การล่ะ..

   หากแต่ไม่ทันที่จะยกขาขึ้นถีบ อีกฝ่ายกลับเป็นคนถอยออกก่อน ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก หัวสมองสับสนไปหมด

   “ทำเหี้ยไรวะ.. ขนลุก!”

 ผู้ชายที่ตัวสูงๆผิวแทนๆแม่งยังเงียบ มีเพียงแต่ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆก่อนจะส่ายหัวไปมา

..เชี่ย.. เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นวะ...

   “แล้วทำไมมึง...” ผมไม่ทันพูดจบ อีกฝ่ายกลับเอ่ยขัดต่อก่อน

   “เปล่า.. มึงมีเขี้ยวเหมือนหมาเลยว่ะ สมควรแล้วที่ปากหมา”

..เพียงเท่านี้ก็ทำผมผงะไปได้..
หา.. เขี้ยวเหรอวะ? เขี้ยว.. ในปากกูอ่ะนะ?

   และพอได้สติอีกที เชี่ยดำกลับหายตัวไปอย่างรวดเร็ว เชี่ย ดำกลมกลืนธรรมชาติสินะมึงเนี่ย..
แต่เมื่อกี้..

   “ไอ้เหี้ยยย!! ใครหมากันวะ ไอ้สาดด!!”

   เกิดมาไม่เคยมีใครด่ากูแบบนี้มาก่อนเลยนะสลัดผัก!! ไอ้บรรลัย!! หงุดหงิดสิครับ หงุดหงิด! แม่งมาพูดแบบบนี้ได้ไงวะ! ผมกำลังจะเดินออกไปอย่างหงุดหงิดด้วย หากแต่สายตากลับเหลือบมองเห็นอะไรบางอย่างบนโต๊ะ



ตลับยา..ที่แม่งบอกว่ามีแค่ตลับเดียว..


   ผมเงียบ เหลือบมองข้อมือตนเองที่มีรอยช้ำจากกุญแจมือเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วก็ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่

..ข้อมือมึง..


   ประโยคคำพูดของมันที่ถูกหยุดค้างไว้แค่นี้เรียกความสงสัยให้ผุดขึ้นมาในหัวผม..  แต่เอาเหอะ! ผมตัดสินใจหยิบตลับยาบนโต๊ะนั่นมา อาจจะวางไว้อย่างนั้นตั้งแต่แรกแต่ผมไม่เห็นเองก็ได้นี่ สองเท้าของผมตัดสินใจก้าวออกจากห้องพยาบาลทันที คิ้วขมวดแน่นอย่างหงุดหงิด ผมเริ่มรู้สึกทะแม่งๆล่ะ


 .. เมื่อกี้มันเข้าใกล้ผมเกินไป เกินกว่าทุกที เกินความจำเป็น..
..แม่งจะจับผมทำเมียเปล่าวะ.. เหี้ยล่ะกู ตูดกู ไม่นะ! ฉิบหายกูล่ะ!


   ..โอ๊ย เพิ่งมาห่วงสวัสดิภาพตูดตัวเองก็ตอนนี้เหรอวะกู


 แต่สิ่งที่ผมรู้สึกฉิบหายมากกว่าเก่า คงจะเป็นอะไรไม่ได้ นอกเหนือจากปฏิกิริยาของผมที่ตอนนั้นกลับตอบสนองช้าเกินไป..




ผมยกมือขึ้นขยี้หัวตนเองรุนแรง ในขณะที่ในใจยังคิดวนเวียนไปมา
...






ทำไมเมื่อตอนที่มันเข้าใกล้ในวินาทีแรก
.. ผมถึงไม่ยอมถีบมันออกวะ?
...


________________________________________-
@StraWBerry_ImIn@Talk
ฮือ..
มาสารภาพและยอมรับผิดอย่างแท้จริงค่ะที่ไม่ได้อัพอะไรเลย T__T! ขอโทษจริงๆนะคะ เดี๋ยวจะค่อยๆทยอยอัพให้ค่ะ แงงงงง
ขอบคุณมากเลยนะคะที่มีคนมาตามหาตัว(?)คือแบบ.. เห็นแล้วดีใจจนพูดอะไรไม่ถูก น้ำตาจะไหลจริงๆค่ะ
แงงง
นึกว่าไม่มีคนอ่านเรื่องนี้ซะแล้ว ฮือ.. ขอบคุณจริงๆนะคะสำหรับทุกๆคอมเม้นท์ถามหาตัวว่าหายไปไหน แงงงงงง

สามารถตามกันได้ที่แฟนเพจของเค้าเลยน้าา ><!!
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์มากนะคะ!
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.10 กลับมาแล้วค่า!! (26/4)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 26-04-2014 18:57:56
อร๊ายย! นายดำเขารู้สึกอะไร ๆ กับท่านน้ำกรดแล้วแหละ
แหมๆๆ มีแอบวางตลับยาให้ซะด้วย
รอว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนจากเกลียดฉิบหายมาเป็นรักฉิบหายแทน
ปล.มายกมือว่าเป็นแฟนคลับเรื่องนี้นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! ตอนพิเศษ!(26/4)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-04-2014 21:18:25
Special

 April’s fool day

หลอก(ลวง) ฉิบ หาย !!

                หลอกลวงฉิบหาย

หลอกลวงประชาชนฉิบหาย

ใครก็ได้ช่วยกูด้วย

..

เปลี่ยนเป็นน้องน้ำกรดซวยฉิบหายเหอะ ขอร้องง!!

 

                ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่?

..

คำตอบคือยืนขาสั่นพั่บๆอยู่บนเวทีอย่างไงล่ะครับ!!?

                ด้วยเหตุที่ว่าวันนี้คือวัน Apirl’s fool day ซึ่งใครๆต่างก็เฉลิมฉลองด้วยการโกหก .. พ่อมึงดิ! ฉลองที่ไหนวะ โอ๊ยย โรงเรียนกูนี่แหละที่ฉลอง!

                เป็นที่เห็นดีเห็นงามของอาจารย์ที่จะมอบคะแนน ‘จิตพิสัย’ ให้นักเรียนทุกๆคน .. ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในเด็กคะแนนจิตพิสัยติดลบเนื่องจากชอบเข้าไปกระโดดต่อยหน้าหาเรื่องกับไอ้เชี่ยดำตลอด! ด้วยเหตุนี้จึงโดนเสนอชื่อให้ได้รับคะแนนจิตพิสัย..

ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมบนเวทีนรกนี่!

ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกแถมวันนี้สาวๆโรงเรียนหญิงล้วนตรงข้ามยังมาดูเต็มอย่างกับจัดคอนเสิร์ตดาราเกาหลีแน่ะ!

ไอ้ตอนแรกผมก็จะไม่ลงนะ แต่พอถูกคนกรอกหูบอกว่าคะแนนจิตพิสัยผมกลายเป็นติดลบเรียบร้อยจึงตัดสินใจยอมหาคะแนนเพิ่ม อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องโดนสั่งทำความสะอาดห้องน้ำก่อนเรียนจบเป็นบทลงโทษ!

                ผมพ่นลมหายใจเบาๆอย่างเบื่อหน่าย ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆที่อยู่ข้างล่างอีกต่างหาก เออ ก็ดีเหมือนกัน.. เผื่อนี่จะเป็นวิธีการเหล่สาวไปในตัวเลยก็ได้ โฮ๊ยย! เสร็จกู หึหึ

                “ชีวิตกูนี่ซวยจริงๆ..” ร่างของตนผงะเล็กน้อยก่อนจะหันไปข้างกายแล้วเบิกตากว้างทันที เห็นไอ้เชี่ยนิวยืนหน้ามุ่ยอยู่นั่น! “อ้าว.. ว่าไงวะกรด”

                “เหี้ย? มึงมาได้ไงวะ!?” ตกใจสิครับถามได้! อยู่ๆแม่งก็โผล่หัวมาข้างตัวผมเฉยเลย เตี้ยเกินไปก็ลำบากนะ ผมมองมันไม่เห็นเนี่ย ฮึ่มม

                นิวตีหน้าเบื่อใส่ผมทันทีทันใดเลยด้วยซ้ำ

                “ก็เพราะมึงอ่ะไปตะโกนด่าไอ้เชี่ยนัย กูเนี่ย! โดนลูกหลงเพราะจารย์แกหัดคะแนนจิตพิสัยกูด้วย โอ๊ยย! สงสารเด็กดีแบบกูหน่อยเห้อ!”

ผมผงะ ..

มันโดนลูกหลงเหรอวะ? รู้สึกผิดนิดๆแล้วดิ

                หากแต่สมองอันน้อยนิดของตนเองก็ทำงานอย่างรวดเร็ว ผมขมวดคิ้วแน่น.. เดี๋ยวก่อน .. ถ้าไอ้เชี่ยนิวอยู่ตรงนี้.. บางที..

..

.

                “ไง กรด”

..นั่นไง โป๊ะเช๊ะเลยกู!!

                ไอ้ห่าเอ๊ยย! ไอ้เชี่ยจินร้องทักผมด้วยสีหน้าหมดอาลัยอาวรณ์ครับ โธ่ .. งั้นคราวนี้กูไม่ต้องเดาล่ะ มีไอ้จินเมื่อไหร่ มีไอ้ดำเมื่อนั้น!

ผมรู้ได้ไงว่ามีเหี้ยดำ?

ก็เพราะว่ามันยืนทำหน้าตายอยู่ข้างๆเชี่ยจินไง!

                โหย พวกมึงแม่งตัวติดกันฉิบหาย ไปเป็นแฟนกันเหอะ ไป๊ๆ ไอ้พวกเกย์เอ๊ยยย!

                “อ้าว .. มึงก็มาด้วยเหรอวะจิน” ได้ยินเสียงปลงๆจากเหี้ยนิวที่ดังถัดมา ไอ้จินพยักหน้าหงึกเบาๆก่อนจะหันมองเพื่อนผมที่พ่นลมหายใจแรง “โธ่.. ชะตาเดียวกัน”

                “เออ”

ผมเบ้ปาก ผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกสองร่างตามติดๆ..

ไอ้เชี่ยไทเกอร์กับไลออนครับท่าน!!

                “เหี้ย! มึงก็มาด้วยเหรอวะ?” ไอ้เชี่ยดำ ไอ้เหี้ยจิน หรือไอ้เวรนิวยังพอว่าเพราะพวกเราสี่คนมีคดี(?)ที่ก่อไว้กับอาจารย์ค่อนข้างเยอะอยู่ แต่ไอ้เสือกับสิงโตมันมาได้ไงวะ สองแฝดเก๊นรกหันขวับมาก่อนจะมองหน้ากันหนึ่งทีแล้วขยิบตาเล็กน้อย

                “แน่นอน! <3 ”

..ไหนพูดด้วยท่าทีน่าขนลุกวะ

                “พวกมึงมาได้ไง?” ไอ้จินเป็นคนถามแล้วเลิกคิ้ว ส่วนทั้งไทเกอร์และไลออนก็ยักไหล่พร้อมๆกันอีกต่างหาก

                “ไลอ์ก็แค่เปิดแผ่นเอวีนั่งดูเอง เนอะไทก์” เจ้าเสือหน้าหวานพูดเรื่องหื่นๆแล้วควงแขนเหี้ยสิงโตต่อ

                “ไลอ์ ไม่เป็นไรน่า มีไทก์มาคอยรับกรรมข้างๆแล้วนี่ไง”

                “อาจารย์ใจร้ายที่สุดอ่ะไทก์ มาค้นกระเป๋าไลอ์แล้วเจอหนังโป๊ ดูดิ หัดคะแนนเค้าหมดเลยอ่ะ แง!” ไลออนยังทำเสียงดัดจริต แถมคว้าแขนเสื้อเหี้ยนิวมากัดแทนผ้าเช็ดหน้าอีกต่างหาก โชคดีของเตี้ยนิวที่แม่งกระโดดหลบทันจริงๆ

                “โธ่ .. ไลอ์ จะห่วงอะไรล่ะตัวเอง เนี่ย เค้าก็มาแบกรับชะตากรรมเป็นเพื่อนตัวเองไง...ก็เพราะหนังโป๊ของมึงนั่นแหละไอ้ห่าาาาา!!! เพราะมึงอ่ะ เหี้ยยย!! ทำกูโดนหักคะแนนไปด้วยเลย ไอ้สัตว์!!”

เฮ้ย!? ผมถึงกับเงิบ

แม่งหักมุมว่ะ!

                คราวนี้ผมหัวเราะก๊ากทันที ไอ้เชี่ยไลอ์โดนไทเกอร์ตบกบาลเต็มๆ มันร้องจ๊ากลั่นแล้วพูดเสียงกระแดะต่อ

                “พ่อมึงอ่า! มึงไม่รักกูแล้วเหรอไทก์ ไทก์อย่าทำอย่างนี้กับไลอ์สิคะ!”

                “กูเกลียดมึงหนึ่งวันแล้วไอ้เชี่ยย! เพราะมึงอ่ะทำกูโดนหักคะแนน ห่า ไอ้เสือ เดี๋ยวคืนนี้กูจัดมึงหนึกแน่!”

ไลออนทำหน้าเหวอหวา ยกมือขวาแตะไหล่ มือซ้ายแตะเอวแล้วดิ้นไปมาอีกต่างหาก

                “อ๊าย! จะจัดไลอ์หนักๆเลยเหรอตัวเอง กี่ยกอ่ะ อย่าลืมวาสลีนโหลหนึ่งสำหรับคืนนี้นะ”

                “วาสลีนมายัดปากมึงอ่ะ เชี่ย ยัดลูกตามึงให้บอดไปเลยก็ดี!!” ห่ากูขำ! ท่าทางไอ้ไทเกอร์จะหงุดหงิดจริงๆจังๆ มันคว้าคอไลออนมาแล้วจิ้มๆลูกกะตาอีก “เหี้ย! เลิกดูเอวีหนังโป๊เลย มึงทำคะแนนกูหาย!!”

                “แอ๊ยย! อย่ารุนแรงกับไลอ์สิคะ ไม่เอานะ ม๊าย!”

 

 

                พวกผมถึงกับหลุดขำพรืดกับมุขคราวนี้ของพวกมันที่เหมือนว่าไอ้ไลออนจะเล่นคนเดียวเพื่อหนีรอดจากเงื้อมมือของไอ้สิงโตตะปบครับ สรุปคือไทเกอร์มันโดนลูกหลงจากเอวีของไอ้ไลออนนี่เอง ผมเริ่มบรรลุล่ะ!

                หากแต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักลง รวมถึงมุขตลกนั่นด้วยเมื่อผมเห็นร่างเล็กสองคนเดินสวนไป คิ้วของตนเองขมวดเป็นปมเล็กน้อย

                “โอ้? นั่นใช่ข้าวฟ่างกับสาลี่ เด็กม.4 ปีนี้ที่ดังๆใช่ปะ?” เป็นเสียงเชี่ยนิวพร้อมการชะเง้อมองครับ หา.. ข้าวฟ่าง สาลี่ เหี้ยไรวะ กูไม่เห็นเคยได้ยิน แต่ชื่อแม่งน่าแดกสัตว์ๆ

                “คนไหนข้าวฟ่างคนไหนสาลี่? แดกได้ไหม” ไอ้จินพูดต่อทันทีก่อนจะโดนนิวตบกะโหลกทีนึง

                “นั่นรุ่นน้องโว๊ย”

                “หน้าสวยๆหยิ่งๆอ่ะข้าวฟ่าง หวานๆน่าทะนุถนอมอ่ะสาลี่” เป็นไทเกอร์ที่เสริมพร้อมชะเง้อมองในขณะที่ผมมองตาม อืม..

..อืม.. ไอ้เชี่ยดำแม่งบทหาย สงสัยค่าตัวแพงแล้วพูดน้อย น่าสงสารจริงๆ

..

เวร กูมองน้องข้าวฟ่างสาลี่อยู่แล้วจะไปคิดถึงมันทำเหวไรวะ?

                ผมสะบัดหัวแรงเพื่อเรียกสติของตนเองกลับมาพลางเปลี่ยนทิศทางความสนใจไปหารุ่นน้องสองคนบนเวทีนรกนั่น

                “สวัสดีครับทุกๆคน! ผมสาลี่เองฮะ!”

                “กรี๊ดดดด! น้องสาลี่น่ารักที่ซู้ดด!”

                “พี่หิวน้องสาลี่จุงเบย!!”

                ผมถึงกับเบ้ปากกับไอ้พวกหื่นๆที่ตามมาด้านหลัง ไอ้เด็กหน้าหวานเจี๊ยบ ตาโต ผิวขาว ร่างอ้อนแอ้นชื่อน้องสาลี่นี่เอง แหม ผิวขาวเหมือนสาลี่เลยนะ พอๆกับผมเลยด้วยซ้ำ ..

น้องเขาผิวขาวเหมือนสาลี่ เลยได้ชื่อสาลี่

แล้วทำไมกูผิวขาวแล้วได้ว่าชื่อน้ำกรดวะ? อย่าบอกนะว่าเพราะแม่กูสาดน้ำกรดใส่ผิวแล้วมันกัดกร่อนเลยขาวอ่ะ เวร!!

                “และส่วนคนนี้.. ข้าวฟ่างนั่นเองฮะ!” รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าของน้องสาลี่ที่ผายมือไปทางข้าวฟ่าง ไอ้เด็กนี่ดูหยิ่งแปลกๆ มันเพียงแค่พยักหน้าหงึก..

แต่..

แม่ง เรียกเสียงกรี๊ดได้ว่ะ

                “กรี๊ดดด!! ข้าวฟ่างสุดสวย! ราชินีค่ะ! ราชินีมากค๊าา!”

                “อยากฟาดแส้ลงในใจพี่หน่อยไหมครับน้องข้าวฟ่างง!”

                ประโยคหลังนี่ขนลุกครับ พวกมึงเป็น M ใช่ไหม สัตว์ ผมเห็นข้าวฟ่างคนสวยเลิกคิ้วเล็กน้อยราวกับหงุดหงิดอีกต่างหาก

                “ฉันไม่อยากเสียแรงกับพวกต่ำต้อยอย่างนาย หุบปากไปได้แล้ว รำคาญ!”

เป็นไงล่ะทีนี้.. ออกไมค์ด้วยนะครับทุกคน..

แต่..

                “กรี๊ดดดดดดด!! ราชินีที่สุดเลยอ่ะ ราชินีม๊ากมาก!”

                “เฮือกก! ไล่พวกผมอีกสิครับน้องข้าวฟ่างง!”

กูมั่นใจว่าพวกนั้นมันสติไม่เต็ม!!!

                “ฟ่าง ไม่เอาน่า อย่าพูดอย่างนั้นสิ” น้องสาลี่เป็นคนหันไปหาพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ เฮือก.. น่ารักสุดๆไปเลยล่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงนี่ไม่น่ารอดนะ

                แต่ข้าวฟ่างนั่นกลับฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนจะกอดอกแน่น

                “ฉันหงุดหงิดตั้งแต่พวกนั้นมันจ้องลี่แล้ว หยุดจ้องลี่ของฉัน!”

..อาเระ..

ผงะดิงานนี้..

                “ตำนานนักเรียนใหม่หน้าหวานสวยติดอันดับของโรงเรียนเรา เด็กม.4 น้องข้าวฟ่างและน้องสาลี่ .. พวกเขาคือคนรักกัน” เสียงบรรยายโดยไลออนตามมาติดๆ “แต่ประเด็นคือคนหนึ่งหน้าสวย คนหนึ่งหน้าหวาน.. เรื่องรุกเรื่องรับ ยังเป็นความลับ”

แล้วประโยคสุดท้ายมันจะคล้องจองกันทำไมวะ!?

                น้องสาลี่หัวเราะร่า เสียงใสๆนั่นกึกก้องเลยด้วยซ้ำ

                “ฟ่างขี้หวงอ่ะ .. เอ๊ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่านะครับ!” สาลี่เป็นคนวกกลับมาเข้าเรื่องพลางหยิบโพยเล็กๆขึ้นมาดูครับ “เนื่องจากวันนี้คือวัน April’s fool day ทางโรงเรียนจึงจัดกิจกรรมเพื่อที่จะเปิดโอกาสให้กับเหล่าเด็กคะแนนไม่สวยครับ”

                “ซึ่งภาคเช้าหรือช่วงเวลานี้ก็คือของรุ่นม.6 ได้เปิดก่อน” เสียงน้องข้าวฟ่างตามมาติดๆ เขายกมือเท้าสะเอวพร้อมกับปรายตามาทางพวกผมเล็กน้อย “พวกเราจะให้อาจารย์คุมหอม.6 หรืออาจารย์ไม้เป็นคนตัดสินใจการให้คะแนน โดยมีคะแนนทั้งหมดเต็ม 10”

                จบประโยค ผมเห็นข้าวฟ่างกับสาลี่สบตากันเล็กน้อย ก่อนที่จะเป็นน้องหน้าหวานยิ้มร่า ส่วนข้าวฟ่างค่อยๆคลี่ยิ้มตอบน้องหน้าหวาน..

..ซึ่งนั่นก็ทำให้สาวๆโรงเรียนตรงข้ามผมกรี๊ด!!

                “จะ..จะ..จะเป็นลมแล้วค่ะ! อ๊ายยย! ราชินีฟ่างเขายิ้มให้ลี่ด้วยอ่ะ อ๊ากกก! กร๊าซซซ” กูคิดไปเองหรือเปล่าว่าประโยคสุดท้ายมันเหมือนเสียงพ่นไฟมากกว่าเสียงกรี๊ดน่ะ

                “นะ..นั่นมัน ‘รอยยิ้มในตำนาน’ ที่มอบให้กับน้องสาลี่คนเดียวเท่านั้น! อึก..อึก.. งดงาม!! งดงามจริง!” บอกกูทีว่ารอยยิ้มในตำนานหรือดาบในตำนาน ตื่นเต้นกันทำไมวะ

                “กะอีแค่ยิ้มจะตื่นเต้นทำไมวะ” ผมได้ยินเสียงทุ้มบ่นเบาๆก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย โอ๊ะโอ ไอ้เหี้ยดำแม่งได้บทสักที

ดี งั้นกูต้องกวน เดี๋ยวแม่งบทหายแล้วหมดสนุก

                “อิจฉาที่รุ่นน้องมีคนกรี๊ดล่ะ...”

                “โดยคู่ที่พวกเราได้เลือกมานั้นต้องพยายามแสดงแอ็คท่าให้ดีที่สุด.. เพื่อชิงคะแนนจิตพิสัย 10 คะแนนนี่ไป! ตัดสินที่เสียงกรี๊ดตอนจบครับ!”

                เชี่ย!! ขัดจังหวะบทกัดกันของกู๊! รู้ไหมว่านี่น่ะมันจุดขายของผมเลยนะ แถมพวกมึงบทเยอะเกินไปล่ะน้องข้าวฟ่าง น้องสาลี่!

                ไม่มีใครฟังเสียงประท้วงในใจของผมสักคน! เพราะบทน้องข้าวฟ่าง น้องสาลี่ยังดำเนินต่อไปน่ะสิ!

                “โดยคู่แรกจะเป็นคู่ของ....” เป็นเสียงของน้องหน้าสวยที่พูด เจ้าตัวลากยาวก่อนจะเหลือบมองมาทางพวกผมเล็กน้อย

“รุ่นพี่เสือรุ่นพี่สิงโต! คู่จิ้นของชั้นครับ!” เอ๊ะ ประโยคนี้เปลี่ยนเป็นสาลี่พูดแทน ดูเข้ากันได้จริงๆแหะ

                “พวกพี่ๆที่ชื่อไทเกอร์กับไลออนครับ! เดินมาหน้าเวทีหน่อยเร็วว!!”

                ผมได้ยินเสียงร้องเรียก เจ้าของชื่อหน้าเหวอหวาเล็กน้อยเพราะยังไม่ได้เตี๊ยมอะไรกัน แต่สุดท้ายพวกมันก็ยอมเดินเตาะแตะกันเข้าไปล่ะนะ เห็นไอ้ไทเกอร์ยกมือเกาแก้มแกรกๆเชิงเขินอาย ขณะที่ไลออนหน้าขึ้นสีไปแล้ว โธ่.. ถ้าไม่มีวันนี้ กูไม่รู้นะว่าพวกมึงเขินเป็นด้วยน่ะ

                “โจทย์ของพี่ไทเกอร์กับพี่ไลออนนะครับ” น้องข้าวฟ่างพูดต่อพลางยกโพยขึ้นมาดู “ให้ต่างฝ่ายต่างแสดงเป็นคู่รักต้องห้ามครับ”

                “กรี๊ดดดดดดดด!”

..สาบานเหอะว่าไอ้สาวโรงเรียนตรงข้ามน่ะเป็นผู้หญิงจริงๆ

                มาถึงตอนนี้ผมชักเริ่มล้มเลิกจีบสาวโรงเรียนตรงข้ามเพราะไอ้เสียงกรี๊ดนี่แหละ ไอ้ไทเกอร์กับไลออนเลิกคิ้วเล็กน้อย ..

แน่นอน บทคู่รักไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกมัน..

                ผมเห็นทั้งคู่ส่งสัญญาณก่อนที่จะเป็นไทเกอร์เริ่มเปิดก่อน

..แต่..

แต่คราวนี้มันไม่ได้มาแบบเกรียนๆ..อย่างเคยครับ..

.

.

.

 

 

 

                “ไลอ์ ..”

                เสียงนุ่มทุ้มดังออกมาจากปากของไทเกอร์ ผมผงะเล็กน้อยพลางหันขวับไปดูการแสดงอย่างเผลอไผล..

น้ำเสียงมันไปจริงๆ..

                “..ไทก์? เรียกไลอ์ทำไมเหรอ?” ไลออนเอียงคอเล็กน้อยพลางส่งยิ้มให้กับอีกฝ่าย ดวงตากลมโตของมันกระพริบจนเรียกเสียงวี๊ดว๊ายจากผู้ชมได้

                ไทเกอร์เม้มปากแน่น มันคว้ามือเข้าไปจับแขนไลออนก่อนจะเห็นว่าบีบแรง

                “..ไลอ์ ไทก์ขอโทษ..”

                ทุกอย่างโปรยปรายเข้าสู่ความเงียบจนน่าใจหาย ผมเห็นนัยน์ตาของไลออนสั่นคลอนเหมือนไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนตัวเล็กกว่ายกมือแตะลงบนนิ้วของไทเกอร์ต่อ

                “..ขอโทษ? ขอโทษเรื่องอะไรกัน ไทก์? ไทก์ขอโทษไลอ์เรื่องอะไร?” เสียงหวานสั่นระริกจนทำให้ผมถึงกับนิ่งงันไปได้

                “..ฮึก..” เป็นไทเกอร์ที่สะอื้นออกมาก่อน มันก้มลงเล็กน้อยเพื่อมองหน้าของไลออน “..ทำไม.. ทำไมมึงต้องเป็นผู้ชายวะ ..ไอ้ไลอ์..”

..ทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบ..

..รักต้องห้าม.. เพราะเพศที่เหมือนกัน..?

                “....” ไลออนเบิกตากว้าง ร่างกายของมันสั่นระริกจนเห็นได้ชัด “..หมาย— หมายความว่ายังไง?”

                “ถ้ามึงไม่ใช่ผู้ชายล่ะก็.. ล่ะมึงไม่ใช่ผู้ชายกูก็คงขอมึงคบไปแล้วแท้ๆเชียว!!” เสียงไทเกอร์ตะโกนลั่นพร้อมกันจับจ้องใบหน้าหวานของอีกฝ่าย “ทำไมวะ ไลอ์.. ทำไมมึงต้องเป็นผู้ชายด้วย.. ทำไมวะ!!”

                “..ทะ..ไทก์”

                “ทำไมวะมึง— แล้วทำไมกูต้องตกหลุมรักผู้ชายอย่างมึงหมดใจด้วยวะ .. ผู้ชายที่เป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง..”

                “ไทก์ .. ฟังไลอ์ก่อน..” ไลออนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งมั่น มองไทเกอร์ที่กำลังตัวสั่นเบาๆแล้วจับแขนทั้งสองข้างเอาไว้ “..ฟังไลอ์นะ เงยหน้ามาฟังไลอ์..”

                “ไลอ์..”

                “....”

                ความเงียบค่อยๆเข้าครอบงำอีกครั้ง ทุกๆอย่างเหมือนหยุดลง สะกดสายตาเอาไว้ .. รวมถึงผมที่ไม่ค่อยชอบเรื่องเกย์ๆก็ต้องนิ่งงัน..

มันแสดงกันเก่งมาก..

.

. .

หากแต่ประโยคถัดไป ทำกูแทบอยากล้มโต๊ะ

                “คือความจริงไลอ์เป็นกระเทยฮ๊าาา!!”

                “แอ๊ย! จริงอ่ะ งั้นเราก็รักกันได้แล้วอ่ะดิ”

                “อ๊ะใช่เลยเตงงงง!”

                “...........”

                สภาพหน้าทุกๆคนคือดอท ดอท ดอท มองพวกมันกระโดดกอดกัน ต่อด้วยยื่นปากจะจู๊บๆกันคนละทีอีกต่างหาก

                แต่ระหว่างที่พวกมันกำลัง ‘เกรียน’ หน้าเวทีนั้น เหมือนผมเห็นน้องสาลี่กระเถิบไปด้านหลังไลออน ขณะที่น้องข้าวฟ่างกระเถิบไปด้านหลังไทเกอร์ครับ..

และ...

ผลั่ก!

จุ๊บ!

                ..ไอ้น้องทั้งสองต่างฝ่ายต่างผลักหัวกันและกัน ส่งผลให้เชี่ยไทเกอร์กับเชี่ยไลออนจุ๊บปากกันทันที!!

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

                “แหวะ!!”

                กรี๊ดจากสาว แหวะจากหนุ่ม ผมได้ยินเสียง ‘จ๊ากก’ จากไทก์และไลอ์หลังที่มันผละออก แถมท่าทางทั้งสองคนจะไม่เคยจูบกันแหง พวกมันไม่คิดจะฟังคะแนนอะไรเลยด้วยซ้ำ วิ่งเตลิดลงเวทีกันเป็นแถว

                “ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะของน้องสาลี่ดังก้องเลยครับ เชี่ย.. สงสารพวกมันนะ ท่าทางคงไม่เคยจูบกันจริง หรือไม่ก็เคยจูบกันแต่อายคนเพราะมันกลางเวที! “โอ๊ย.. พวกพี่ๆเขาหนีไม่เอาคะแนนซะแล้วล่ะ งั้นคู่ต่อไปคือใครเหรอ ฟ่าง?”

                “คู่พี่นิวกับพี่จิน”

                “หะ..”

                ได้ยินเสียงไอ้นิวร้องออกมาเบาๆก่อนจะทำหน้าปลาตายไม่ต่างกับจินครับ นั่นไง แปลว่าพวกนี้ไม่รู้เรื่อง..

เฮ้ย

เดี๋ยวนะ ถ้านิวกับจินคู่กัน..

ผมก็ต้องกับไอ้ดำอ่ะดิ? เฮ้ยย!!

                “ให้กูคู่กับเชี่ยจินเหอะ!!” นั่น ผมไม่ทันร้อง ไอ้ดำร้องก่อนเลย เออ ดี แต่ดูเหมือนน้องข้าวฟ่างจะส่ายหัวด้วยท่าทางหยิ่งยโสซะได้

                “ไม่ได้หรอกครับคุณรุ่นพี่ เพราะผลโหวตคู่พี่กับพี่จินน้อยกว่าน่ะครับ”

                “ขอโทษน้า! พี่ดนัย! แต่มันต้องเป็นไปตามผลโหวตอ่ะ!” เสียงน้องลี่ตามมาติดๆ ผมเห็นเชี่ยดำหน้าซีดไปแล้วครับ แต่ไม่ทันไรก็เป็นไอ้นิวยอมเดินขึ้นไปบนเวทีก่อน

                “...หึ.. แค่นี้.. แค่นี้อย่าคิดว่ากูจะกลัว..”

..มึงพูดไปนั่น ขาสั่นพั่บๆเลยนะไอ้เตี้ย..

                ผมแอบเห็นเชี่ยจินมองนิวแวบหนึ่งก่อนจะฮึดขึ้นมา

                “กู..กูก็ไม่กลัวเหมือนกัน!”

..

แล้วพวกมันก็ยอมเดินเตาะแตะไปยืนขาสั่นพั่บๆบนเวทีครับ..

                ขาสั่นทั้งคู่ ไอ้จินยกมือขึ้นพลางเกาแก้มเบาๆราวกับเก้อเขินเล็กน้อยแล้วหันไปอีกทาง ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง..

คือ..

พวกมันเหมาะสมกันสุดๆอ่ะ..

                คนหนึ่งขั้นดูดี่ขั้นเทพ อีกคนหนึ่งก็หน้าหวาน.. สุดยอดไปเลย

                น้องสาลี่ทำตาโต ส่วนน้องข้าวฟ่างก็เลิกคิ้วเล็กน้อยมีเลศนัยพลางหยิบโพยขึ้นมาอ่าน ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดมาเป็นระยะๆจากคนล่างเวที

                “หัวข้อที่พวกพี่ได้รับเพื่อทำคะแนนจิตพิสัยก็คือ .. ขอแต่งงาน”

พรวดด!!

กูว่าคนซวยฉิบหายไม่น่าเป็นผมกับไอ้ดำแล้วล่ะ แต่เป็นเชี่ยจินกับเหี้ยนิวนี่แหละ!

                “หะ..หา!?” มันสองคนประสานเสียง หันขวับมองพิธีกรทันทีเลยครับ ส่วนน้องสาลี่กลับพูดต่อ

                “ถ้าพี่จินขอพี่นิวแต่งงานมันก็ดูปกติไปเนอะ เอาพี่นิวขอพี่จินแต่งงานดีกว่า”

                “..........”

                หน้าเชี่ยจินซีดไปทันที

                “เสร็จแล้วก็ขออุ้มท่าเจ้าสาวแล้วเดินลงเวทีด้วยนะ”

                ผมพอเดาสีหน้าพวกมันได้ครับ เหมือนจะบอกว่า ‘มึงเป็นรุ่นน้องหรือปีศาจ บอกกูมา’ มากกว่า ทั้งข้าวฟ่างและสาลี่ต่างก็มีท่าทีสบายๆ ผิดกับไอ้เหี้ยนิวและจินลิบลับ.. โดยเฉพาะเชี่ยจิน ดูมันไม่อยากรับบทสาวจริงๆ เออ ผมเข้าใจ

                น้องสาลี่ยิ้มกว้างก่อนจะเดาะลิ้นเบาๆพลางตวัดสายตามองรุ่นพี่บนเวที .. ก่อนที่จะพูดประโยคให้สัญญาณ

 

                “งั้นก็.. เริ่มได้เลยฮะ!”

.

.

.


(ต่อถัดไปค่ะ)
 
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.10 กลับมาแล้วค่า!!+ตอนพิเศษ (26/4)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-04-2014 21:20:09
งั้นก็.. เริ่มได้เลยฮะ!”

.

.

.

                เป็นเวลาอยู่นาน ผมแอบเห็นจินหน้าขึ้นสีเจื่อนๆก่อนที่อีกฝ่ายจะเบนหน้าหนีพลางเกาแก้มแกรกๆราวกับทำอะไรไม่ถูก ก็พอเดาได้น่ะนะ เพราะไอ้เชี่ยจินมันต้องยืนเฉยๆส่วนนิวเป็นคนขอแต่งงาน  เมื่อหันมองเพื่อนซี้ของตนก็เห็นมันก้มหน้าลงเล็กน้อยเหมือนพยายามทำอะไรบางอย่าง..

และพออีกคนเงยหน้า ..

..

มึง

ทำ

น้อง

กรด

สตั้นท์..

                “..จิน”

                น้ำเสียงหวานที่ดูทะแม่งๆเพราะพยายามดัดแปลงให้ต่ำลงจนกลายเป็นพิเรนท์เหมือนกระเทยดังออกมาจากปากไอ้เชี่ยนิว ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ามีแสงออร่าเปล่งประกายระยิบระยับออกมาจากตัวมันน่ะ ไอ้เหี้ยนิวขยับร่างเล็กน้อย ยกมือเสยผมขึ้นทำหล่อทั้งๆที่ผมสั้นแล้วจะเสยทำไมก็ไม่รู้

เหี้ย..

กูคิดไปเองหรือเปล่าวะว่ามีออร่าบางอย่างออกมาน่ะ!

ไอ้เชี่ยยย! กูแสบตาเลยย! ไอ้เวรแอ๊บแมนน!

                “หะ...หะ?”

                ไอ้จินนี่ดิ ถึงกับไปไม่ถูก มันมองนิวที่เดินย่างก้าวเข้ามา ปั้นหน้าแมนเข้าไปนะมึง ปั้นไป โอ๊ยยย! ไม่เข้ากับพันธุกรรมที่แม่มึงให้มาเล๊ย!!

                เชี่ยนิวเก๊กหน้าเท่ทั้งๆที่ทำให้อุบาทว์ขึ้นต่อ มันย่อตัวลงก่อนจะคว้านิ้วมือของไอ้จินไว้..

..

เหี้ยเอ๊ย..

กูสงสารมึงว่ะจิน เป็นกูนะ เงิบตายห่า

                “......”

                “..แต่งงานกับนิวนะ .. จิน”

                “........”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย!! แล้วไหนพอท่อนนี้เปลี่ยนเป็นเสียงหวานหยดย้อยเหมือนสาวๆฉบับเสียงจริงๆมึงวะ!!

                ผมสาบานได้ว่าเห็นเหี้ยจินกลั้นขำอยู่!!

                “......”

                “ปะ .. เราไปเข้าเรือนหอกันเหอะ!!” ไอ้นิวว่าจบมันก็ลุกพรวดก่อนจะพยายามช้อนตัวจินเพื่ออุ้มท่าเจ้าสาว

แต่..

แต่ว่า..

มันยกไม่ขึ้น..

                “....”

                “อึก..อึ๊บ...อึ๊บบ..” เสียงคล้ายๆคนเบ่งขี้แต่ทำกูยืนกลั้นขำได้เลย.. หน้าไอ้นิวเหยเก มันพยายามยกขาไอ้จินแต่เสือกยกไม่ขึ้นซะงั้น “ฮึ่ย..ฮึ่มมม อึ๊บบบ”

                “....”

                “ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยย!! ทำไมมึงหนักอย่างงี้วะ ห่า!!” ได้ยินเสียงมันบ่นแล้วครับ ก๊ากกกกก กูสงสารมึงนะ แต่กูสงสารไอ้จินมากกว่า

                “ก็กูตัวใหญ่กว่ามึงอ่ะ!”

                “ไอ้เหี้ย หนักไปไหนวะ..คิดว่าแน่เหรอ มึง .. มึง หน็อย.. ย๊ากก!!”

                เพื่อนสนิทผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายของชีวิตยกไอ้จิน.. ก่อนจะ..

..

โครม!!!!!!

                เชี่ยนิวใช้ศิลปะป้องกันตัว เปลี่ยนจากอุ้มเป็นจับทุ่มไอ้ห่าจินตัวลอย!!!!?

                “เฮ้ยยย!!”

                “พาพี่จินไปห้องพยาบาลเลย.. หะ!? พี่นิวเป็นลม? หวา! รีบๆพากันไปห้องพยาบาลๆๆ!!”น้องสาลี่ก็ทำหน้าที่ดีเหลือเกิน ปล่อยข้าวฟ่างยืนค้างตกใจซะงั้น ท่าทางไอ้นิวจะพลังช้าง อุ้มไม่ไหวเลยเปลี่ยนเป็นจับทุ่มแทน!!

.

.

.

                เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายพักใหญ่ๆจนผมเกือบจะถ่อกลับห้องไปแล้วหากแต่ดันมีคำว่า คะแนนจิตพิสัย คะแนนจิตพิสัย ลอยอยู่เต็มไปหมดน่ะสิ!

สุดท้ายคือ..ยอมยืนรอมันครับ..

                “กูจะกลับ” ไอ้เชี่ยดำเป็นคนเอ่ยออกมาก่อนที่มันจะยืนขึ้น แต่เดี๋ยว! ถ้าแม่งกลับผมก็ไม่ได้คะแนนอ่ะดิ จริงปะ?

                “กูไม่ให้”

                “ห้ามได้?”

                “มีตีนเหยียบหางเหี้ยให้ห้าม”

                แต่เหมือนไม่ทันที่มันจะอ้าปากเถียง รุ่นน้องม.4 สาลี่กับข้าวฟ่างกลับกระโดดมาบนเวทีแล้ว!?

                “ขอโทษที่หายไปนานเพราะเหตุฉุกเฉินนะครับ วันนี้ผมก็มาต่อให้แล้วนะ!” สาลี่ขยิบตาหนึ่งที ส่วนข้าวฟ่างก็กอดอกนิ่งต่อ

                “ตามที่ได้ยิน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานั้น ..  ขอเชิญคู่ต่อไปเลยแล้วกัน พี่ดนัยและพี่น้ำกรด...”

หากแต่พูดไม่ทันจบ

ยังไม่ได้ก้าว..

..

เสียงกรี๊ดแม่งมาแล้ว!

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เกลียดกันมากๆแล้วได้กัน เย้! กรี๊ดดดด”

ไอ้เหี้ยยยย! สาวที่ไหนวะ ผมขอสาบานว่าจะไม่จับสาวที่จบจากโรงเรียนตรงข้ามมาทำเมีย!!

                “..วายฉิบหาย” ไอ้ดำพึมพำออกมาพลางส่ายหัวเบาๆก่อนที่จะยอมก้าวไปคนแรกครับ แถมมีการปรายตามามองผมอีก! “อะไร? กลัวรึไง?”

เหี้ย!

พูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ คิดเหรอว่าชายชาตรีสุดมาดแมนอย่างท่านน้ำกรดจะกลัวนะ!

                “กลัวพ่อง” แต่พอผมกำลังจะก้าวตาม เสือกสวนต่อ

                “อ๋อ .. เป็นพวกขี้โมโห”

ไอ้..ไอ้..ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย!!

                “กรี๊ดดด กัดกันอีกแล้วอ่ะ กัดกันอีกแล้ว! เมื่อไหร่จะได้กันค๊าา!”

เชี่ยล่ะ แค่กูด่ากันนี่ต้องกรี๊ดด้วยเหรอ มันมีอะไรน่ากรี๊ดวะบอกผมที๊! แล้วได้กันคืออะไร!

                สุดท้ายก็ยอมก้าวขึ้นไปเพราะเห็นสีหน้าหงุดหงิดของน้องข้าวฟ่างครับ เหมือนน้องเขาจะกระโดดฆ่าผมให้ตายห่าอยู่แล้วนั่น  ท่าทางจะเป็นเพราะรำคาญเสียงกรี๊ดมากกว่าแหะ

                “บทของพวกพี่ไม่มีอะไรมากหรอกฮะ” สาลี่เป็นคนเอ่ยออกมาพร้อมกับชะเง้อมองผมกับไอ้ดำสลับกัน “คือ..”

                “...”

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วชะงัก..

เดี๋ยว .. ชักเริ่มรู้สึกไม่ดี

                ของไอ้แฝดเก๊นรก เป็นรักต้องห้าม

                ของไอ้นิวกับจิน เป็นขอแต่งงาน..

..

แล้วของผมกับเชี่ยดำ..

.

.

.

                “บอกรักกันฮะ”

.

.

.

นรกแตกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!

                ผมถึงกับอ้าปากค้าง แทบขว้างไมค์ทิ้งแต่ติดตรงที่น้องข้าวฟ่างวิ่งมาจับไว้ได้ทันก่อน ส่วนเชี่ยดำนี่เหมือนกำลังยืนวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว

เชี่ย!

บอกรักพ่ออออออ! เวร ไม่ได้บอกรักพ่อ บอกรักเชี่ยดำหาพ่องเหรอ สาดด

กูไม่อ๊าววว!

                อยากจะกรีดร้องดังๆครับ ไม่ไหว ไม่เอา กูไม่อยากยุ่งด้วย บอกรักอะไรไม่รู้เรื่อง เหี้ย ทำไมต้องบอกรักด้วยวะ เอาอย่างอื่นไม่ได้เหรอ!

                “เอาน้า เพื่อความฟินและคะแนนจิตพิสัย สิบคะแนนเลยนะพี่น้ำกรด” น้องสาลี่ยังขะยั้นขยอครับ ฮือ.. Help me ช่วยกูที กูโดนสั่งให้บอกรัก โฮฮฮ!

..

เอ๊ะแต่เดี๋ยว?

คำบอกรัก แลกกับสิบคะแนน.. สิบคะแนนเชียวนะ นายน้ำกรด!

                หัวสมองน้อยๆจัดแจงตีความอย่างรวดเร็ว .. ใช่ครับ สิบคะแนนกับการบอกรัก..

..

น่าขายหน้า แต่มันก็คุ้มว่ะ

                ผมกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เหมือนน้องข้าวฟ่างจะส่งโทรจิตกับกูได้จริงๆ อีกฝ่ายปล่อยผมออกไปแล้วเรียบร้อย..

หากแต่ระหว่างที่กำลังจะพูด..

กลับถูกตัดหน้าเสียก่อน

            “ไอ้หมา”

..สตั้นท์สิกู ใครหมาวะ หันซ้ายหันขวา แล้วก็รู้ว่าเชี่ยดำเรียกผมอยู่!!

เสียงห้องค่อยๆเงียบลงทันที ทุกอย่างนิ่งสงบ นัยน์ตาของไอ้เชี่ยดำนั่นจับจ้องผมโดยไม่ผละออกจากกัน..

.

.

.

ก่อนที่มันจะเริ่มพูดก่อนคนแรก..

                “..จำวันแรกที่กูกับมึงเจอกันได้ไหม?”

                “...”

 

                “วันนั้นคือวันที่กูไม่มีวันลืมเพราะมันทำให้กูประทับใจมึงมาก คนเหี้ยไรไม่รู้ ไม่เคยเจอกันมาก่อนเสือกเอาแต่ด่ากู กูแค่หัวเราะแม่งก็บอกกูหาเรื่อง กูแค่ถอนหายใจเสือกพูดกูอยากตายไว กูจะอ้าปากตอบก็บอกกูด่าเก่ง มึงแม่งเป็นผู้ชายที่สุดยอดจริงๆว่ะ”

 

                ..

 

ฉิบหาย ผมจำเรื่องวันแรกกับมันไม่ได้ ไหนมันเสือกจำได้วะ.. ว่าแต่ มึงสารภาพรักหรือด่ากู บอกมาดิ๊..

เถียงไม่ออกสิครับ เชี่ยดำเองก็เสือกพูดต่อ

 

                “มึงคือผู้ชายที่กูไม่เคยเจอมาก่อน เป็นแปลกใหม่ พันธ์ประหลาด เจอหน้าทีไรก็หาเรื่องตลอดจนอยากจะเข้าไปกระทืบสักรอบ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วกูทำเหี้ยอะไรไว้เสือกต้องมาเจอกับมึง .. แต่ว่า กูก็ดีใจนะที่กูได้มาเจอกับมึง ได้มาเจอกับไอ้เหี้ยหมาตัวหนึ่งที่ปากหมาๆเอาแต่ด่ากูไปวันๆ กูไม่เคยรู้สึกเหมือนว่าอยากเจอใครแล้วด่าเท่ามึงมาก่อน ความรู้สึกนี้ของกูมีให้แค่กับมึงคนเดียว กูอยากจะบอกว่ากูไม่รู้ว่ากูสนใจมึงตอนไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กูเผลอมองไปทางมึงหรือเผลอจ้องมึง จ้องปากหมาๆของมึง อยากรู้ว่าวันนี้มึงจะด่ากูด้วยคำไหนอีก มองตัวเตี้ยๆของมึง จนกระทั่งพอกูรู้ตัวอีกทีกูก็สนุกที่ได้เจอกับมึงและอยู่กับมึงทุกๆวันแล้ว ..เพราะงั้นจะเป็นอะไรไหมวะ .. ถ้ากูอยากจะอยู่กับมึงตลอดไปน่ะ?”

 

..

 

                เกือบซึ้ง

ขนลุก และคลื่นไส้ อาเจียน ผมถึงกับพะอืดพะอม ..

ที่มันพูดมายาวๆนี่เอาตรงๆผมฟังไม่หมด แต่ที่รู้ๆคือ พอมึงมีบทแล้วพูดยาวเลยนะ อีกอย่าง..

..

พูดเรื่องพรรค์นี้ด้วยน้ำเสียงโมโนโทนนี่มันน่ากระทืบจริงๆ ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยย!!

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

                ไม่เข้าใจสาวโรงเรียนตรงข้ามครับ จะกรี๊ดทำไม มีอะไรน่ากรี๊ด แค่คำโกหกเสียงโมโนโทนเท่านั้นแหละ!!

                ผมนิ่งไปนาน..

ถ้าทำอย่างนี้ ไอ้เชี่ยดำก็จะเป็นฝ่ายชนะไปใช่ไหม

                ผมมองอีกฝ่ายที่ค่อยๆเดินออกเหมือนลงจากเวที น้องสาลี่เรียกก็เสือกไม่หัน นี่มึงดำแล้วยังหยิ่งอีกเหรอวะ

แต่เอาเหอะ..

เพื่อคะแนนจิตพิสัย..

                ริมฝีปากของตนกระตุกยิ้มเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย..

.

.

.

ก่อนจะพูดบางอย่างที่ไม่เคยคิดจะพูดมาก่อน

                “...นัย”

...

นั่นทำให้คนตรงหน้าชะงักได้..

                เชี่ยยยย! แขยงปากว่ะ พูดชื่อมันทำไมวะเนี่ย เออ คะแนนจิตพิสัย สิบคะแนน สิบคะแนน สิบคะแนน เป็นของกู โอ้ว เพี้ยงๆ ท่องไว้ไอ้น้ำกรด!

                “กูคงพูดอะไรยาวๆแบบมึงไม่ได้ว่ะ..”

                “....”

                “แต่กูแค่จะบอกประโยคเดียวคือ” ว่าจบก็กลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนจะเป็นประโยคถัดไปที่ออกแนวตะกุกตะกัก “..ทะ..ที่ผ่านๆมา กูน่ะ ไม่เคยที่จะไม่ชอบมึง... ตรงข้ามซะมากกว่า”

พูดออกไปแล้ว..

..

แขยงปากอ่ะ..

..

กูทำเหี้ยอะไรลงไป..

                ผมกลืนของที่ตีคลื่นเข้ามาตรงลำคอของตน .. เชี่ย จะอ้วกแล้ว ไม่ไหว ไม่ๆ กูต้องทนไว้ก่อน เพื่อคะแนน..

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ซึนมากเลยค่า! ซึน ซึนจริงๆอ๊ายยยย!!”

                สาบานเหอะว่าอย่าเอาสาวๆพวกนี้ไปทำเมีย น้องน้ำกรดขอเตือน!!

                ผมกระตุกยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปมองสาลี่ที่กระพริบตาปริบๆอยู่

                “เหมือนเสียงกรี๊ดพี่จะมากกว่านะ ตัดสินสิว่าใครได้คะแนน”

                ร่างบางผงะเล็กน้อย ก่อนจะรีบพูดทันที

                “ต..ตัด...”

                “เดี๋ยว”

..เชี่ยย ไอ้ดำมารพจญคะแนน!!

                ผมขมวดคิ้วแน่นพลางมองไปยันอีกฝ่ายก่อนจะจ้องเขม็งไอ้เหี้ย.. ไอ้เหี้ยยย! มาดงมาเดี๋ยวอะไรวะ!!

หากแต่ประโยคถัดไปที่พูด กลับทำให้เงียบบลงได้ทันที..

                “งั้นกูก็คงต้องขอพูดอะไรนิดหน่อย .. ว่าที่กูพูดอะไรยาวๆไปนั่นน่ะ .. กูพูดจริง” ผมนิ่ง ดวงตาของตนเองเบิกกว้างขึ้นทันที “..และกู.. ก็ไม่เคยคิดจะไม่ชอบมึง ตรงข้ามกับมึงเหมือนกัน”

เหี้ย

แย่งประโยคกู

แต่..

แต่แม่งงงงง!!

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หล่อมากค่า!!”

                อ๊ากกกกกกก แต่ผมโคตรหงุดหงิดอ่ะ แม่ง อะไรของมึง มาแย่งซีนกูเหรอ! เอออ มึงนะมึง !!

ผมเห็นน้องสาลี่เงอะงะก่อนจะตะโกนลั่น

                “อ..เอ่อ! คะแนนคนละครึ่ง! เอาไปคนละห้าคะแนนแล้วกันฮะ!”

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ไอ้สาลี่เน่า ไอ้สาลี่เฮงซวยยยยยยยยยยยยยย!!

                ผมอ้าปากค้างพะงาบๆ มองคนที่อยู่อีกฝั่งของเวที..

..

ซึ่งมันก็มองมาเช่นเดียวกัน..

แถมอีกอย่าง .. หยิบไมค์ขึ้นมา และส่งเสียงบางอย่างที่ผมเกลียดที่สุดอีกด้วย

.

.

.

                “หึ”

.

.

.

พ่องมึงตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย! ต่อยกันบนเวทีได้ไหมวะ ได้ไหมมม!!!

.

.

.

 

 

                ผมเดินลงจากเวทีท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆด้วยความหงุดหงิดครับ ไทเกอร์ไลออน เชี่ยจินเหี้ยนิว แม่งหายหัวไปไหนหมดก็ไม่รู้ ให้ตายเหอะ!

                คิดถึงประโยคเมื่อกี้ทีไอ้ดำพูด นั่นสิ เอพิลฟูลเดย์ แปลว่าทุกๆอย่างที่มันพูดมาน่ะ โกหกทั้งหมดเลยสินะ? ไอ้เชี่ย.. ไอ้เหี้ยเอ๊ย!!

                ผมแอบชำเลืองเห็นมันที่กำลังเดินอยู่ก่อนจะยกนิ้วกลางใส่ไป ตาแม่งก็ดีเหลือเกิน หันมาเห็นแล้วยกกลับอีกต่างหาก!

                “พ่อมึง!”

ด่าไปทีเลย นี่แน่ะ!

                ไอ้เชี่ยดำเลิกคิ้วเล็กน้อย

                “พ่อกูทำไม?”

                “ไปตายซะ!”

                “พ่อกูยังไม่ตาย”

                ไอ้ห่า เลิกเถียงกูสักครั้งได้ไหมวะ!!

                ผมกัดฟันกรอด มองหน้ามันแล้วจ้องเขม็ง

                “มึงแม่งเหี้ย พูดอะไรวะ น่าขนลุกฉิบหาย พูดเรื่องพรรค์นี้หน้าตายได้ไง กูอ้วกไปหลายถุงล่ะ!” ไอ้ดำยักไหล่กลับ เชี่ย ทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกนะมึง “เหี้ย! ถ้าไม่ใช่ว่าวันนี้วันโกหกแห่งชาติ กูจะไปกระโดดตึกตาย!!” ว่าจบผมก็หันหลังหมายที่จะเดินหนีมันครับ..หากแต่ประโยคถัดไปทำให้ผมชะงัก..

.

.

.

 

                “งั้นมึงก็ไปกระโดดตึกตายสิ”

 

 

..

หะ?

นี่..มัน..

                “มึงไล่กูไปตายเหรอวะไอ้เหี้ยดำ!!!” ตะคอกใส่เลยสิ เชี่ยย! “กูบอกว่าถ้ามึงไม่โกหกกูจะไปกระโดดตึกตาย!!”

                “ก็ตามที่พูด”

                “นี่ไล่กูไปตายเหรอวะ!!”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย

มันไล่ผมไปตายอ่ะ ไอ้เชี่ยยย! หงุดหงิด.. หงุดหงิด

                ไอ้ดำก้มหน้ามองผมพลางถอนหายใจแรง

                “..มึงนี่มัน.. โง่จริงๆ ไอ้หมาเอ๊ย”

อ้าว..

ไอ้ห่านี่มีด่า!!

                “ด่ากูเหรอ!!”

                “เออ”

                “มึงแม่งก็ดำเหมือนกันนั่นแหละ!!”

                “ควาย”

                “ควายพ่อมึงอ่ะ!!”

                “พ่อกูคน มึงอ่ะควาย .. หมามีเขาควาย” แม่งมองผมด้วยสายตาเหยียดหยามอีก “โง่ โง่จริงๆ .. เหอะ..”

ไอ้เชี่ยดำยักไหล่ ก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเดินไปอีกทาง ในขณะที่ผมขมวดคิ้วแน่นเป็นปม

มันด่ากูโง่อ่ะ..

ไอ้เชี่ย..

                ไม่ด่ากลับแม่งไม่เคลียร์!!

                “อย่าเพิ่งไป .. กลับมาให้กูด่าเดี๋ยวนี้เลย ไอ้เหี้ยดำ!!”

 

..คิดว่านิยายเรื่อง Non Roman มันจะรักกันฉิบหายเมื่อไหร่น่ะเหรอ?

..

เชื่อผมดิ

ไม่ใช่ชาตินี้แน่นอน!!

 

End

 

StraWBerry_ImIn @Talk

;v;

ขอโทษที่เอามาลงช้าค่าาา และ!
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

ใครพอเดาออกบ้างว่านัยหมายถึงอะไร? ชือ่ดนัย เป็นอะไรที่มีเลศนัยมาก(?)

 

----

 

“เหี้ย! ถ้าไม่ใช่ว่าวันนี้วันโกหกแห่งชาติ กูจะไปกระโดดตึกตาย!!” ว่าจบผมก็หันหลังหมายที่จะเดินหนีมันครับ..หากแต่ประโยคถัดไปทำให้ผมชะงัก..

.

.

.

 

                “งั้นมึงก็ไปกระโดดตึกตายสิ”

 

 

 

กรี๊ดดดดด เชิญจิ้นกันตามสะดวกค่ะว่ามันหมายถึงอะไร (??) 55555

 

 

ขอบคุณ
 
ตัวประกอบ น้องสาลี่ น้องข้าวฟ่าง จากเรื่อง How To be a SEME ❀ สอนรุก ❀
(พอแต่งแล้วจะเอามาลงค่าา)


ขอบคุณตัวหลัก น้ำกรด ดนัย(ไอ้ดำ) จิน นิว ไลออน ไทเกอร์

จากเรื่อง ✖ N o n Roman ✖ เกลียด ฉิบ หาย!!
 

และขอขอบคุณนักอ่านที่สละเวลามาอ่านค่ะ >////<
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.10 กลับมาแล้วค่า!!+ตอนพิเศษ (26/4)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 26-04-2014 23:50:29
 :hao6: ควรช่วยกันทายานะ ดำหมา จะได้สนิทไวๆ

ปอลิง: ควรเปลี่ยนเป็น คนเขียน คนอ่านนะ เดี๋ยวระวังเม้นโดนอุ้ม  :mew5:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.10 กลับมาแล้วค่า!!+ตอนพิเศษ (26/4)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-04-2014 00:15:45
 :m20:   :laugh: :pigha2::jul3: กรี๊ดดดดดดด สนุกมากกกกกกกกเลยเรื่องนี้ นั่งอ่านแล้วก็หัวเราะเหมือนคนบ้าเลย จนเพื่อนพากันหันหน้าหนี ไม่รู้จักกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.10 กลับมาแล้วค่า!!+ตอนพิเศษ (26/4)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 27-04-2014 02:53:59
:hao6: ควรช่วยกันทายานะ ดำหมา จะได้สนิทไวๆ

ปอลิง: ควรเปลี่ยนเป็น คนเขียน คนอ่านนะ เดี๋ยวระวังเม้นโดนอุ้ม  :mew5:


T[]T!??  เปลี่ยนตรงไหนเหรอคะ ฮือ.. ไม่แน่ใจแต่ลองเปลี่ยนดูแล้วแต่ไม่ทราบว่าถูกหรือเปล่าน่ะค่ะ  คือไม่ค่อยได้เข้ามาใช้บอร์ดมากเท่าไหร่ปกติสิงอยู่อีกที่หนึ่งน่ะค่ะ ฮือ..?  ขอความกรุณาด้วยนะคะ T^T
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.10 กลับมาแล้วค่า!!+ตอนพิเศษ (26/4)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 27-04-2014 09:22:53
สนุกมาก ชอบเนื้อเรื่องแบบนี้ ทะเลากัน กัดกัน แล้วสักวันก็คงรักกัน
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.10 กลับมาแล้วค่า!!+ตอนพิเศษ (26/4)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 27-04-2014 15:48:34
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย.. มอบประโยคนี้ให้น้องน้ำกรดเลย 555555
เชี่ยดำเขาพูดขนาดนั้นยังไม่รู้อีก
                        :mc4:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.11 อัพ!!! [2/5]
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 02-05-2014 07:35:10

C h a p t e r  11
คนเกลียดกัน มักจะได้ผลกระทบกันและกัน

   เกิดอะไรขึ้นกับนายน้ำกรดคนนี้กันแน่?


ระหว่างที่สมองผมกำลังปั่นป่วนอยู่นั้นสายตาก็เหลือบเห็นเจ๊ดาวสาวกระเทยหุ่นจี๊ดใจเดินกรีดกรายกลับมาพอดี อื้อหือ.. นมเป็นนม เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก ทำไมสาวประเภทสองเดี๋ยวนี้มันสวยจังเลยวะ


   “อ้าว ว่าไงจ๊ะหนูกรด” ผมชะงักเล็กน้อยพลางมุ่ยหน้าลง หนูกรดอะไรเล่า! เจ๊เขาเรียกผมอย่างนี้ตั้งแต่สมัยเด็กๆเลยด้วยซ้ำ เดี๋ยวปั๊ดมีตบกระเทยร่วง... อ๊ะ ล้อเล่นนา ล้อเล่น! “ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะเนี่ย!”


   “โหย.. เจ๊อ่ะ” ไม่เจอกันนานสิครับเจ๊ ตอนแรกๆผมก็ชอบมาห้องพยาบาลนะ มีสาวสวย แต่พอรู้ทีหลังว่าเป็นกระเทยเท่านั้นแหละครับ..

..กูเลิกส่องเลย!

   เจ๊ดาวนี่สุดยอดเลยนะ ภายนอกเหมือนสาวอวบอึ๋ม คัพ F ด้วยครับ.. F ที่แปลว่า Fake หลอกลวงอ่ะ โฮฮฮฮ!! ของปลอม! ผมโดนหลอกมาเต็มๆเทอมนึง จนกระทั่งมือไปเผลอสัมผัสโดน
นมเจ๊เขาแล้วรู้สึกแปลกๆ ก่อนจะไปหาความจริงมานี่แหละ..

เสียใจที่ซู้ดด! ฮือออ สาวสวยของโรงเรียนชายล้วนคือกระเทยย!

   “ว่าแต่เรามาทำอะไรน่ะ?” เสียงของเจ๊ถามต่อครับ พร้อมกับมองผมและเผยสีหน้าครุ่นคิดถัดไป “เห? ได้ยินข่าวว่าถูกครูไม้ทำโทษให้ตัวติดกับหนุ่มดนัยเขานี่ ก่อนหน้านี้เห็นเขาก็มาเหมือนกันนะ รู้หรือเปล่า?”

รู้สิ! ก็แอบกัดกันกับมันแป๊บหนึ่งนี่แหละ ฮึ่ย

   “อู๊ย! เจ๊ อย่าพูดนะ อย่าพูดถึงมัน กรดไม่อยากฟัง” แม่ง .. ได้ยินก็รู้สึกหงุดหงิดปวดกบาลล่ะ ผมโบกมือไปมาเบาๆให้กับเจ๊ดาว “กรดแค่มาหายาทาตูดอ่ะเจ๊ โดนจารย์ไม้ฟาด เจ็บมากก!” ลากเสียงครับ บอกให้รู้ว่าเจ็บจริงๆ!

   “โอ๋ๆ มาให้เจ๊ทาให้ไหมจ๊ะ?”

   “ไม่เป็นไรเจ๊ เกรงใจ!” รีบตอบทันที ก็แหม... ช่วงนี้ผมเสียวตูดจริงๆนะ ต้องมีใครวางแผนจะกระทำชำเลาตูดผมแน่ๆ เหี้ยดำหมายปองตูด จารย์ไม้ก็ตีตูดผมอีก แม่งง! แถมเจ๊ดาวก็เสือกอยากลูบตูดกูอี๊กก! “กรดได้ยาแล้วเจ๊ เดี๋ยวกลับไปทาเอง”

บอกต่อทันทีแล้วโชว์ยาในมือครับ ฉีกยิ้มกว้างให้เธอเพื่อเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือ ผมเห็นสาวประเภทสองเลิกคิ้วเล็กน้อยราวกับสงสัย

   “ว่าแต่ หนูกรดหาเจอได้ไงนะ?” เสียงพึมพำแว่วๆของเจ๊ดาวเข้าหูมาครับ ระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังเดินไปเปิดตู้เย็นอยู่

   “ทำไมอ่ะเจ๊?”

   “ก็เจ๊ว่า ตลับที่ให้ดนัยเขาน่าจะเป็นตลับสุดท้ายนี่น่า แปลกจัง”

ทันใดนั้นเอง ผมชะงัก..
..ว่าอย่างไงนะ..

   “เมื่อกี้เจ๊บอกว่าอะไรนะ?” ผมรีบถามอย่างร้อนรน ได้ยินอะไรแว่วๆ เข้ามานะ?!

   “เมื่อกี้เจ๊บอกว่าแปลกจัง”

   “ไม่ๆเจ๊! ก่อนหน้านี้!” เห็นอีกฝ่ายทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะร้องอ๋อออกมา

   “เจ๊บอกว่า ตลับสุดท้าย.. เจ๊คิดว่าเจ๊ให้ดนัยไปแล้วนะ ทำไมเหรอ?”

...

   ผมเงียบไปพักหนึ่ง พลางก้มมองตลับยาในมือ

..
.

.

.

ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้ทั้งวันนะครับ..

   ผมแค่คิดเรื่องนี้.. ครึ่งวันที่เหลือ!

   ได้แต่ถอนหายใจเบาๆเท่านั้นแหละ คิดอะไรไม่ออกนี่หว่า.. ทำไมต้องให้ยากับผมด้วยวะ

บางทีเจ๊ดาวอาจจะจำผิดก็ได้ .. แบบ ความจริงมันมีสองตลับอะไรงี้! แต่กระเทยละเอียดอ่อนแบบเจ๊ดาวก็น่าจะจำผิด.. ผมตัดสินใจโดดเรียน(อีกครั้ง)แล้วมานั่งๆนอนๆอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าแทนครับ มองก้อนเมฆปุยขาวที่ล่องลอยอยู่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

   “เฮ้อ..”

   “มึงเป็นไรมึงวะ?”

   “เฮ้ย!” ผมสะดุ้งเฮือกพร้อมกันหันขวับไปตามเสียง.. เหี้ย! ไอ้เชี่ยนิวนี่เอง แม่งหายไปแบบบทหมดตั้งนาน ในที่สุดก็กลับมาแล้วครับ! แถมมาอีกทีเสือกทำตัวอย่างกับผีอีก!  “มึงมาได้ไงวะ!” 

ไอ้นิวแม่งขำอีก เฮ้ยๆ นี่ผมจริงจังนะ ถ้าเกิดเป็นผีขึ้นมาผมก็ขนลุกแย่ดิ ยิ่งอยู่ดาดฟ้าคนเดียวอีก! ผีปลอมตัวเป็นไอ้นิวอย่างนี้อ่ะ น่ากลัวนะเว้ย

   “กูเห็นมึงโดด เลยโดดตาม.. ส่วนเรื่องทำไมมาดาดฟ้า เพราะกูเก่งกูเลยรู้ว่ามึงมาดาดฟ้า แต่มึงอ่ะ! ปล่อยไอ้คู่กัดมึงนั่งเรียนหัวโด่อยู่คนเดียวเลยนะ” ได้ยินมันพูดแล้วก็.. เออ ก็แล้วไงล่ะ ผมกับไอ้ดำไม่ได้ตัวติดกันแล้วนี่หว่า กุญแจมือก็หายวับไปนานแล้วด้วย

   “บอกกูทำไม..”

   “อ้าว กูนึกว่ามึงอยากรู้” ว่าจบไอ้เตี้ยก็หัวเราะ ผมเบ้ปากใส่นิวก่อนจะเงยหน้ามองฟ้าอีกรอบครับ .. 

อืม.. บรรยากาศสบายจริงๆ..

   “นี่มึงจะฝึกไปเป็นพระเอกเอ็มวีที่ไหนวะ?”  เชี่ย! ให้กูดื่มด่ำแบบน้ำกรดดื่มด่ำบ้างอะไรบ้าง คือกูเป็นตัวเด่นนะ ให้กูดูมีราศีหน่อยก็ดี!

   “เรื่องของกูน่า” ตอบไปส่งๆอย่างไม่มีอารมณ์จะพูดจริงๆ ก่อนจะถอนหายใจดังเฮือก “...”

   “เป็นเหี้ยไรวะมึง?”

เออ.. นั่นดิ ผมเป็นเหี้ยอะไร.

   คิดได้เท่านั้นก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆ

   “กูรู้สึกว่าอยู่ๆแม่งก็น่าเบื่อว่ะ” ผมพูดจริงๆนะ แม่งแบบ.. ชีวิตเหมือนน่าเบื่อไปกะทันหันซะงั้นอ่ะ ทั้งๆที่ปกติน่าจะกระโดดโลดเต้นที่ได้ปล่อยจากมันแล้วนะเนี่ย “แบบ.. ไงดีวะ กูบอกไม่ถูก”

   ไอ้นิวยกมือขึ้นเกาแก้มเบาๆ ผมแอบเห็นรอยยิ้มบางๆปรากฎบนใบหน้ามันพร้อมกับหันศีรษะไปอีกทางหนึ่ง

   “เหอะๆ .. เหรอ ชีวิตกูก็... ดูแปลกๆขึ้นเยอะเลย” ..พูดไปแล้วมึงจะหน้าขึ้นสีทำซากอะไรวะ
แต่... สงสัยเหมือนจะตกอยู่ในชะตาเดียวกัน

   เพราะไอ้นิวก็โดนถีบให้ไปอยู่กับไอ้ผู้ชายตัวสูงๆ ที่น่าจะเป็นคู่ขาของไอ้ดำ รู้สึกจะชื่ออะไรนะ? ใช่จินหรือเปล่าหว่า.. เอ้อ คิดแล้วมันก็น่าสงสารแหะ อยู่ๆโดนลูกหลงเพราะการตะโกนด่าของผมเนี่ย

   “แล้วมึงเป็นไงบ้างล่ะ?” ผมลองถามมันดูอีกรอบพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย ทว่าเหมือนจะไม่ได้ผล ไอ้เชี่ยนิวเสือกนั่งเหม่อลอยไปอีกทางราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนมันซะงั้น อ้าวๆ นี่เมินกูเหรอวะ! “ไอ้เหี้ยนิว!”

   เรียกทีคราวนี้แม่งสะดุ้งเลยสิ หันขวับมาหาผมแล้วทำหน้าเหวอหวาอีก

   “หะ .. ห๊ะ? อะไรล่ะมึง?” อือหือ.. ผมกระพริบตาปริบๆ มองหน้ามันพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น

   “มึงคิดถึงสาวๆอยู่เหรอวะ! หน้าแดงหมดแล้ว”

   “หะ หา? เออ กูร้อนว่ะ ร้อนๆ” มันตอบทันทีพร้อมกับจับคอเสื้อตนเองแล้วขยับไปมาเชิงสร้างลมอย่างไม่ใส่ใจอะไร และใช่ว่าผมจะสน มีอะไรไอ้เหี้ยนี่ก็คงบอกเองล่ะน่า

แต่ว่า.. ทำไมวันนี้แม่ง..

   “เหี้ยเอ๊ย! น่าเบื่อว่ะ ไอ้นิว!” ถอนหายใจแรงๆพลางยันตัวขึ้นยืนแล้วแล้วบิดไหล่ตนเองไปมาแรงๆจนได้ยินเสียงกร๊อบให้หายปวดเมื่อยครับ “เชี่ยย! กูเบื่ออ่ะ!”

   “เอ้า บอกกูแล้วจะให้ทำไงวะ พรุ่งนี้ก็วันเสาร์.. จะออกไปเที่ยวกันเปล่าล่ะ?” อ่อ ใช่ครับ โรงเรียนผม.. วันเสาร์อาทิตย์สามารถกลับบ้านหรือไปเที่ยวได้ แต่วันจันทร์ก็ต้องกลับมานอน

เหมือนเดิม นี่แหละโรงเรียนนี้!

จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน ไอ้เหี้ยนิทรามักจะมีความคิดดีเสมอ!

   “เอาดิมึง.. แต่ยังไงก็ยังไม่ถึงพรุ่งนี้” ผมถอนหายใจแรงๆอีกทีพร้อมสะบัดศีรษะตัวเองไปมา “ไอ้เชี่ยย!!! กูเบื่อ!!!”

   ตะโกนครับ! ตะโกนเลย เหี้ยนิวแม่งสะดุ้งโหยง

   “เหี้ยย! กูเบื่อ! เบื่อ! เบื่ออ!”

   “เฮ้ย! มึง! อย่าเสียงดังสิวะ”

   “ยังไงก็คาบสุดท้ายแล้ว.. กู เบื่ออ!” ผมรีบตอบมันกลับแล้วตะโกนต่อ เก็บกดนิดหน่อยครับ แม่ง! เบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อฉิบหาย!!

ทำไมชีวิตมันน่าเบื่ออะไรอย่างนี้วะ!!!

   หากแต่ไม่ทันที่จะถูกไอ้นิวตะครุบปากห้าม ประตูดาดฟ้าก็ถูกถีบออกอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นเสียงดังทำให้ผมและไอ้เพื่อนเตี้ยชะงักพลางหันขวับตามอย่างสงสัย

   ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพิจารณาชายสี่คนที่เดินตรงเข้ามา .. อืม.. แม่ง หน้าตาเหี้ยๆแบบนี้กูไม่น่ารู้จักนะ คนรู้จักผมส่วนใหญ่หน้าตาดีหมด.. ยกเว้นไอ้เชี่ยดำไว้ก่อนคนนึง ก๊ากกกก แม่งดำเลยหน้าตาเหี้ยมาก!

เออ ว่าแต่ มึงเป็นใครวะ สะเออะเดินจ้องหน้ากูเขม็งอีก ไม่เคยเห็นคนหล่อไงวะเนี่ย น้ำกรดสุดหล่อ
เนี่ยมึงเอ๊ย ถ้าไม่เคยก็ยกมือไหว้กูได้เลยนะ แต่ห้ามเอาผ้าสามสีมาพันตัว กูกลัวเด่นเกินหน้าเกินตา!

   “เฮ้ย! มึงอ่ะ!” นั่นไง ..ผมชะงักเมื่อเห็นปลายนิ้วนั้นชี้มาทางผม โถ่.. มาหาคนหล่ออย่างกูจริงๆด้วยสินะเนี่ย มีเดี๊ยะๆ บังอาจมาชี้หน้า เดี๋ยวปั๊ดเอาน้ำกรดสาดหน้าแม่ง

   “ไร?”

   “ชื่อน้ำกรดใช่ป่ะ?”

นั่นไง.. มาหากูจริงๆด้วย ใช่เลย กูชื่อน้ำกรด พอผมผสมกับเบสแล้วจะได้ลูกออกมาเป็นกลางและความร้อน.. ถุย!!

   แต่เอาไงดีหว่า หน้าตาแม่งก็ดูนักเลงๆด้วย ชักเริ่มตะหงิดๆซะแล้ว ผมจึงตัดสินใจตอบรับไปก่อนครับ

   “เออ มีไร”

   “นั่นไง กูจำหน้ามันได้ ไอ้น้ำกรดจริงๆด้วย”  คนที่ถามชื่อผมหันไปพูดกับเพื่อนๆมัน อ้าวเวร ไอ้พวกนี้ถามชื่อกูไปแทงหวยหรือไงวะ แม่งอะไรมันวะเนี่ย ถามชื่อกูเสร็จแล้วไปคุยกับเพื่อน เดี๋ยวปั๊ดมีต่อยๆ

แต่.. กูไม่เคยเห็นหน้าพวกมันมาก่อน .. หรือเปล่าวะ

   “ใครวะกรด?” ไอ้เชี่ยนิวกระตุกเสื้อของผมแล้วถามเบาๆ ดวงตากลมโตของมันเพ่งเขม็งไปทางกลุ่มห้องพวกนั้นก่อนที่คิ้วเรียวจะขมวดติดกันแน่น “กูจำได้ลางๆ ไอ้คนย้อมหัวทองนี่น่าจะเป็นเด็กห้อง 7 เปล่าวะ?”

   ผมนิ่งไป หันขวับมองไอ้เหี้ยที่ย้อมหัวทองแล้วพยักหน้าเบาๆ

..อ๋อ..  ถ้าใช่ตามที่ไอ้นิวบอก ก็เด็กห้องเจ็ดนี่เอง..

   เอ๊ะ เดี๋ยว ..ห๊า! เด็กห้อง 7 งั้นเหรอ!!?

   คราวนี้ก็อ้าปากค้างเลยครับ รีบเพ่งหน้าพวกมันสี่ตัวดีๆ จำได้ลางๆว่าหนึ่งในนั้นมีใบหน้าที่ตัวเองเคยพบอยู่ด้วยในคืนหมาผี!!

ฉิบหายล่ะ!

   “นี่ไง ไอ้คนที่เชี่ยนัยประกาศว่าจะจับทำเมีย” เหี้ยย! ได้ยินนะสัตว์! คุยอะไรก็เบาๆหน่อยดิวะ ทำไมรู้สึกถึงอันตรายที่ย่างกายเข้ามาเรื่อยๆวเนี่ย? ผมเหงื่อตก รีบฉุดไอ้นิวที่ทำหน้าเหล๋อหลาอยู่ “กูพอจำได้ด้วย ว่าคืนนั้นแม่งก็อยู่ด้วยกันกับไอ้นัยนะ”

คืนไหนวะเหี้ย คืนทีกูโดนผีหลอกอ่ะนะ! เวร!

   ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก ทำไมรู้สึกไม่ปลอดภัยแปลกๆก็ไม่รู้ ส่วนเชี่ยนิวเหมือนจะงงไปใหญ่ครับ ขมวดคิ้วจ้องหนุ่มหัวทองนานก่อนจะหันมากระซิบเบากับผม

   “กูว่าแม่งเหมือนนักเลงเลยว่ะ” ผมเงียบไป แล้วพยักหน้า ไม่เหมือนนะมึง..นักเลงเลยแหละ

   “..เออ ก็นักเลงไง.. แม่ง ศัตรูไอ้ดำ” ไอ้กลุ่มพวกนี้ชัวร์ๆ ผมเริ่มมั่นใจล่ะ! เชี่ยนิวหันมาแล้วทำหน้าประมาณ ‘มึงไปเสือกเรื่องมันได้ไงวะ’ อยู่ โถ่.. จะอธิบายตอนนี้ก็กลัวโดนตื้บนะครับ ดังนั้นขอเลี่ยงก่อนก็แล้วกัน “..แม่งยาว เดี๋ยวกูค่อยเล่า”

   คราวนี้ไอ้คนหัวทองแม่งหันมามองผมกับนิวอีกครั้งหนึ่ง พร้อมจ้องเขม็ง

   “กูว่าใช่ว่ะ.. จำหน้าเหี้ยๆอย่างนี้ได้ จัดเลยปะมึง?”

ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก จัดเหี้ยอะไรวะ แล้วหน้ากูไม่เหี้ยนะสัตว์ หน้าน้ำกรดออกจะหล่อ เดี๋ยวมีต่อยแน่..
..

แต่ผมว่า กูนี่แหละ โดนต่อย.. เพราะตอนนี้พวกมันเข้ามาล้อมผมแล้วยังไงล่ะ! ไอ้.. ไอ้หมาหมู่!!

   “เชี่ย! พวกมึงมีไรวะ!” เป็นคำถามจากนิวครับ แม่งดูเหมือนจะหงุดหงิดพอสมควรเลยด้วยซ้ำกับเหตุการณ์ประหลาดนี่ อีกล่ะเพื่อนกูคนนี้ เดือดร้อนเพราะกูตลอดเล๊ย.. ฮือ ขอโทษ! เดี๋ยวน้องน้ำกรดจะไถ่โทษด้วยการแบ่งความสูงไปให้มึงนะเหี้ยนิว จุ๊บๆ

   “มึงไม่เกี่ยว ไอ้เตี้ย” เจ้าหัวทองแม่งพูดพร้อมกับจะพยายามเดินมาหาผม แต่..

..ท่าทางจะพลาดอะไรไปซะแล้ว เพราะเชี่ยนิวมัน ‘เดือด’ ปุดๆเลยน่ะสิ..

   “ใครเตี้ยวะ.. พ่อมึงตาย!!” นั่นไง.. อย่าด่ามันเตี้ย เชี่ย! เตี้ยพิฆาตครับ เตี้ยกังฟู เตี้ยแพนด้า เตี้ยมวย เตี้ยต่อยหนัก เอาเลยมึง! ไอ้นิวน่ะ มันเดือดหนักแล้ว! “มึงพูดให้มันดีๆหน่อยเหอะ! ไอ้หน้าลาวแล้วยังจะยอมหัวทอง!!”

   “อ้าวไอ้สัตว์นี่!! มึงด่ากูเหรอ!” ทำไมรู้สึกเหตุการณ์มันทับซ้อนกับของผมแปลกๆวะ แค่เปลี่ยนจากผมกับไอ้ดำ เป็นเหี้ยนิวกับไอ้หัวทอง แต่สุดท้ายไอ้หน้าลาวตามคำด่าของเหี้ยนิวก็เบนทิศทาง.. มาทางผม และเดินเข้ามาเหมือนหัวหน้าเผ่านักเลงและเสือกผลักผมเบาๆเป็นการเรียกอีก “เฮ้ย มึงอ่ะ”

   “อย่ามาเมินกูนะ!” ได้ยินเสียงเชี่ยนิวตะโกนป่าวๆ โธ่.. มึงเอ๊ย เตี้ยจนเขาไม่เห็นอยู่ในสายตาหรือเปล่า น่าสงสารว่ะเพื่อนกู ไอ้หัวทองจ้องหน้าผมเขม็งเลยด้วยซ้ำก่อนจะถามเสียงเย็น

   “มึงรู้ใช่ปะ ว่าพวกกูกับไอ้นัยน่ะ เป็นไรกัน” มึงเป็นเมียเก่ามันเหรอ เป็นชู้เก่า หรือเป็นคู่นอน คู่ขา คู่ตีน ถุย! กูจะไปรู้ได้ไงวะ ก่อนที่พวกมึงจะมาวิ่งไล่ตีเหี้ยดำแบบนี้อาจจะเป็นเพราะเคยโดนมันฟันแล้วทิ้งก็ได้ เหี้ย กูเกี่ยวสัตว์อะไร เดี๋ยวจะเอาน้ำกรดสาดหน้าสักรอบ!

แต่ช่างเหอะ ..เพื่อความปลอดภัยของชีวิต

..พยักหน้าแม่ง..

เพียงเท่านั้น ไอ้หัวทองก็ฉีกยิ้มกว้าง แต่ผมกลับเสียวสันหลังวูบวาบเลยแหะ

   “แล้วมึงน่ะ คือคนที่ไอ้นัยบอกจะจับทำเมีย..” แม่งกดน้ำเสียงต่ำลงเรื่อยๆ

..ฉิบหาย..

   ฉิบหายจริงๆ เพราะอยู่ๆไอ้พวกสมุนแม่งอีกสองตัวดันเดินมาด้านหลังผม ส่วนเชี่ยนิวเพราะเห็นว่าตัวเล็ก เคยโดนใครสักคนล็อคตัวไปนานเรียบร้อยแล้ว มันทำหน้าหงุดหงิดขั้นสุดยอดอย่างรวดเร็วเลยด้วยซ้ำ แต่เดี๋ยว กูมีสองคนล็อคเลยนะเว้ย เฮ้ยๆ!

   “เหี้ย! จะทำอะไรกูวะ!!”

หมับ!

   ไม่ทันจะได้ขยับ แม่งก็คว้าตัวผมซะงั้น!

   “กูไม่เข้าใจรสนิยมเชี่ยนัยที่อยากจับมึงทำเมีย.. แถมท่าทางมันจะหวงมึงมากด้วย”

...หวงกูเหรอ!! หวงกูหาพระแสงอะไร! ผมกับมันกัดกันจะตาอยู่แล้ว ไม่เคยได้ยินวีรกรรมเหรอวะ! กัดจนเลือดอาบด่ากระจุยข้ามชั้นเรียนน่ะ เวร

   “กูกับมันจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว!!” เหี้ย พูดความจริงไปมันก็เสือกยิ้ม ไม่ตอบ เพียงแค่ยกนิ้วขึ้นมาลูบๆคางผมซะงั้น!

อ๊ากกกก!! ขนลุกซู่เลย! เชี่ยยย! แล้วพวกที่มันจับกูอยู่ก็แรงเยอะเหลือเกิน! ให้น้องกรดสะบัดน้องกรดดิ้นหน่อยแบบบนี้ไม่ได้เหรอวะ

   “อะไรมึงวะ! อย่ามาจับกูนะสัตว์!!” ขยะแขยง! ขยะแขยงเหี้ยๆ แล้วจะมองกูด้วยสายตาอยากแดกทำไมวะ โฮฮ ตั้งแต่เจอกับเหี้ยดำนี่ผมเสียวเสียตูดจริงๆ โดนคนหมายปองตูดเยอะไปแล้ว อ๊าก อยากหมายก็ไปหมายไอ้นิวดิวะ ตัวเล็กหน้าหวานกว่ากูอี๊ก! แถมหน้ากูอ่ะ ไม่มีคำว่าหวานสักนิดเลยนะเวรร

   “เหอะ ..มึงคิดว่าการแก้แค้นศัตรู มันจะมีอะไรที่น่าสนุกกว่าการเห็นเหี้ยนัยเจ็บใจที่สุดวะ..” แม่งพูดเรื่องอะไร ตูไม่เข้าใจ!! แถมฟังกูหน่อยเหอะ ฟังกู๊! “ตอนนั้นเห็นอยู่ด้วยกัน ท่าทางแม่งจะรักเมียมาก..”

เชี่ยย!!

เมียเหี้ยอะร๊ายย!

   “กูไม่ใช่เมียไอ้ดำ!” ผมชักสังหรณ์แปลกๆล่ะ ดิ้นก็ดิ้นไม่หลุดอีก เจริญล่ะกู! ไอ้หัวทองแม่งก็จริงๆเลย ลูบหน้าทำไม กูขนลุก สยอง สยิว  เอ๊ย!

   “ถ้าจับเมียมันมาเป็นเมียกู.. มึงว่ามันจะทรมาน โกรธ แค้นมากไหมวะ?”

..
และคำถามนั้นก็ทำผมชะงัก..

   มองหน้ามันแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก แอบเห็นเหี้ยนิวที่โดนล็อคอยู่อีกทางเริ่มตัวสั่นริกซะแล้วครับ ขณะที่ไอ้หัวทองยังจ้องหน้าผมอยู่

   “ม..มึงหมายความว่าไงวะ..” ผมไม่รู้ว่าทำไมเสียงผมถึงตะกุกตะกัก อาจเพราะไอ้ฝ่ามือสากๆนี่กำลังลูบหน้าตัวเองจนขยะแขยงและรู้สึกคลื่นไส้อย่างไงก็ไม่รู้.. 

ตาของผมกับไอ้หัวทองแม่งประสานกันพอดี เล่นเอาขนลุกซู่ โดยเฉพาะประโยคถัดไปของมัน.. ที่ขยายความชัดเจน

   “..ถ้ากูจับมึงทำเมีย.. ไอ้เหี้ยนัยแม่งคงจะทรมานจนน่าสนุกเลย ว่าไหม?”
...

ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก ในขณะที่หน้าแม่งเข้ามาใกล้ .. ใกล้เรื่อยๆเลยด้วยซ้ำ..

เหี้ย..

เหี้ยจริงๆแล้วกู

   ทำไมต้องโดนดึงเข้ามาในเรื่องซวยฉิบหายแบบนี้ด้วยวะ เปลี่ยนจากชื่อเรื่องเกลียดฉิบหาย เป็นซวยฉิบหายเหอะ เพราะไอ้ประโยคตะโกนด่าวันนั้นเป็นต้นเหตุใช่ไหมวะ?

อีกอย่าง.. ใช่ครับ ไอ้เชี่ยดำแม่งจะทรมานมาก.. ถ้ามันรักผม (คิดแล้วก็ขนลุก)

แต่ที่บอกจะจับผมทำเมียอ่ะ เพราะจะหักหน้าผมเฉยๆ .. แม่งมีคนเข้าใจผิดด้วย..

ดังนั้น สรุป .. มันแม่งเกลียดผมฉิบหาย ผมเองก็เช่นเดียวกัน .. ดังนั้น...

   “อ๊ากกกก!! มึงหยุดเดี๋ยวนี้! หยุดด! มึงกำลังเข้าใจผิดด กูกับไอ้เหี้ยดำไม่ได้รักกันสักติ๊ดดด!!”

แม่งกำลังจะจูบกูแล้ววว! ผมตัดสินใจแหกปากลั่นก่อนจะดิ้นสุดแรงเกิดแม่งเลย อ๊ากกก!!

อย่างไงก็ตาม.. กูไม่ยอมเป็นเมียใครโว้ยย! เสียตูดเรอะ ไม่เอา ไม่อ๊าวว! ไอ้พวกเกย์เอ๊ย สมองจัญไรๆของพวกมึงคิดอะไรต่ำๆกันฉิบหายยย!!

แต่ดูเหมือนไอ้เหี้ยนิวที่สั่น ..จะออกฤทธิ์เดชเป็นไอ้เตี้ยพริกขี้หนูซะแล้ว..

เพราะว่าที่มันสั่น คือ สั่นเพราะกำลังอดทนอยู่ครับ!

   “เชี่ยย! กูทนไม่ไหวล่ะ! มาจับกูหาพ่อมึงเหรอ!!!”

   หยุดอย่าคิดเลย มันไม่ใช่เสียงผม! เพราะเป็นเสียงไอ้เชี่ยนิวที่มาพร้อมพลังขั้นสุดยอดด้วยการศอกใส่ท้องคนที่อยู่ด้านหลังพร้อมกับจับทุ่มดังโครม แถมยังทำหน้าหงุดหงิดฉิบหายและระบายด้วยการถีบไอ้สามตัวรวดที่เกาะกุมผมอยู่อีกต่างหาก! มึงเป็นซุปเปอร์ไซย่าใช่ไหมวะ ไอ้นิวไซย่า!

   “อั่ก!” ทำไมมึงไม่ระเบิดพลังมาให้เร็วๆกว่านี้วะเนี่ย ปล่อยกูโดนมันลูบหน้าอยู่ได้!

    “ไอ้สัตว์!! พวกมึงแม่งเหี้ยฉิบหายย!” ไอ้นิวไซย่าที่ช่วยผมตะโกนลั่นพร้อมกับเตะพวกมันสี่ตัวที่นอนลงพื้นด้วยความเร็วแสงครับ โถ่ ผมก็บอกตั้งแต่ต้นๆแล้วว่าไอ้นิวแม่งเรียนศิลปะป้องกันตัวชั้นสูงน่ะ ดวงตากลมโตของมันฉายแววความหงุดหงิดก่อนที่จะใช้มือน้อยๆคว้าหมับที่ข้อแขนผมอย่างรวดเร็วพร้อมตะโกนลั่น “แล้วมึงจะยืนอึ้งหาพ่อมึงเหรอ ไอ้เชี่ยกรด!!”

หมับ!!

   ไม่ทันจบ ชาวไซย่าก็กระชากผมออกไปจากดาดฟ้าอย่างรวดเร็ว เห็นเหี้ยสี่ตัวนอนร้องอรวญโอยกุมเป้าอยู่ครับ อือหือ.. นิวไซย่าเพื่อนกู มึงเล่นเตะเป้าเลยเหรอวะ แมนมากเพื่อน โธ่ น่าสงสาร สูญ
พันธ์ไปซะได้ก็ดีนะมึง เข้าใจผิดอะไรง่ายๆแบบร้ายแรงนี่น่าตบกะโหลกและทำกูเกือบตาย สัตว์!

   “มะ มึงใจเย็นดิวะ!” รู้สึกเหมือนไอ้นิวกำลังเป็นผมสมัยก่อน แล้วผมเป็นไอ้นิวจริงๆงานนี้! อย่างน้อยต้องทำเป็นคนดีแล้วบอกให้มันใจเย็นก่อนครับ “เชี่ย! ใจเย็นๆ”

   “ไอ้ห่า! ตอนนี้มึงโดนคนหมายหัวว่าจะจับทำเมียเพิ่มล่ะ.. เชี่ยเอ๊ยย! กูไม่รู้เรื่องหรอกนะ แต่เดาๆเอาเพราะแม่งเป็นศัตรูเชี่ยดำ เลยคิดว่าเชี่ยดำชอบมึงเสร็จเลยจะเอามึงทำเมียให้เชี่ยดำแค้นชัวร์!”

อ้าว.. มึงไม่เรียกไอ้ดำว่านัย แล้วเรียกไอ้ดำว่าดำเหมือนกูแล้วเหรอ

แต่เดี๋ยว แม่งมองทะลุปรุโปร่งเลย โอ๊ยยย! ท่านนิวไซย่าที่เคารพ แม่งเจ๋งอ่ะ!

   “เออ .. น่าจะ”

   ไอ้นิวฉุด กระชาก ลาก แทบอุ้มผมลงมาจากดาดฟ้าและเข้าไปหลบอยู่ที่มุมเล็กๆครับพร้อมคิ้วเรียวของมันขมวดแน่น คนตัวเล็กสะบัดหัวรุนแรงเพื่อสะบัดความหงุดหงิดออกก่อนจะจ้องหน้าผมนาน

   “เหี้ย เพราะเชี่ยดำแท้ๆเล๊ย ทำกูเดือดร้อนใช้กำลังไปด้วย” เวร.. มึง เพื่อช่วยกูนะสัตว์ เออ ใช่เพื่อช่วยกู.. คือนิวเป็นคนที่ไม่ชอบใช้กำลังสักเท่าไหร่นอกจากเวลาโมโหหรือเดือดจริงๆน่ะครับ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นต้น..

   ดวงตากลมโตของมันจับจ้องใบหน้าผมอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไป

   “มึงต้องบอกเรื่องนี้กับไอ้ดำ”

...
ห๊ะ.. ท่านชาวไซย่า เมื่อกี้มึงบอกอะไรกูนะครับ?

   “ว่าไงนะ?”

   “มึงต้องบอกเรื่องนี้กับไอ้เชี่ยนัย” แน่ะ คราวนี้ไม่เรียกดำแล้ว ผมนิ่งไป ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นอย่างงุนงง

   “ทำไมวะ?”

   เพื่อนเตี้ยพลังช้างขมวดคิ้วพร้อมสีหน้าหงุดหงิด ก่อนที่มันจะพูดรัวออกมา

   “..มึงต้องบอกเรื่องนี้กับมัน และมันต้องรับผิดชอบกับการกระทำที่แม่งทำให้มึงเดือดร้อน ไอ้น้ำกรด!”

...

   “ไอ้เชี่ยนัยต้องรับผิดชอบมึง!”


รับผิดชอบ..!!?

   เหี้ยไรวะ พูดอย่างกับกูไปเสียตูดให้มันแล้วไอ้ดำแม่งต้องรับผิดชอบงั้นแหละ ผมมองนิวที่มีสีหน้าจริงจังจนทราบได้ว่าตอนนี้ไม่ได้ล้อเล่นอย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่.. แต่คือ กูก็ไม่ได้ไปเสียตูดอะไรให้กับมันนะครับ เมียก็ไม่ใช่ มีแต่ต่างฝ่ายต่างเกลียดฉิบหายก็เท่านั้น แล้วคนเกลียดกันจะมารับผิดชอบกันเหรอ..?

..


ยังไงวะ!?
หัวข้อ: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.11 UP (2/5)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 02-05-2014 11:15:46
ท่านนิวไซย่าแมนสุดเลยอัด 4คนซะหมอบ 5555555
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.12 UPPP (2/5)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 02-05-2014 16:11:58
C h a p t e r  12
คนเกลียดกัน มักจะต้องรับผิดชอบกัน

   “มึงทำเพื่อนกูเดือดร้อน มึงต้องรับผิดชอบ”

   เป็นเสียงใครไปไม่ได้นอกจากท่านเหี้ยนิวที่กำลังยืนกอดอกหน้าบึ้งตึงใส่ไอ้เชี่ยดำอยู่ครับ! นิวแม่งตัวเล็กกะทัดรัดเร็วจี๊ดจริงๆ พอพูดประโยคที่ว่าจะให้รับผิดชอบเสร็จก็วิ่งด้วยสองขาสั้นๆตรงมาห้องผมแถมยังเปิดประตูมาก็เจอไอ้เชี่ยดำกำลังอ่านหนังสืออยู่อีก! บ๊ะแล้วเฮ้ย คนตัวดำอ่านหนังสือเป็น บร๊ะเจ้า! แม่งต้องอ่านหนังสือโป๊แน่ๆ เชื่อผมดิ!

   “เรื่อง?” อ้าว ไอ้สัตว์นี่เสือกไม่กระตือรือร้นอยากจะรู้เล๊ย ทำหน้าเบื่อๆใส่อีกเวร ผมว่าเปลี่ยนตัวเอกจากไอ้ดำเป็นไอ้นิวเหอะ มันอาจจะเวิร์คกว่าก็ได้นะ! ดูดิ เตี้ยจิ๊ดริ๊ด ขยันขันแข็ง ก๊ากกก

   “มึงทำเพื่อนกูเดือดร้อน” เอ้า พูดประโยคเดิมอีก แล้วเชี่ยดำจะรู้เรื่องไหม? คนทำผมเดือดร้อนทำหน้างงใส่แล้วชี้ที่หน้าตัวเองพลางมองมาทางผมที่.. เอ่อ..

..คือตอนนี้ผมกำลังเดินก้มหน้าหงุดๆครับ แหะๆ กูอายอ่ะ รับผิดชอบห่าไรวะ..

   “เรื่องไรวะ..?”

   “หลายเรื่องว่ะ ตั้งแต่กูโดนลูกหลงย้ายห้องเปลี่ยนที่นั่ง วุ่นวายไปหมด! แถมเพื่อนกูก็จะโดนจับทำเมีย ใช่ไหมไอ้กรด?” ผมสะดุ้งโหยง พวกมึงจะเคลียร์กันก็ช่วยอย่าเอากูไปเอี่ยวได้เปล่าวะ ว่าแต่แม่งมาโดนผมได้ไงเนี่ย? คือตูยังไม่ทันจะโวยวายอะไรเลยนะครับ ..แถมเมื่อกี้ยังเหม่ออยู่ด้วย ไอ้นิวพูดอะไรวะ..

..แต่ตอนนี้เหี้ยนิวแม่งน่ากลัวฉิบหาย .. พยักหน้าส่งๆไปแล้วกัน..

   “เอ่อ? เออ น่าจะ” คราวนี้เชี่ยดำทำตาโต เวร ตกใจอะไร?

   “มึง.. โดนจับทำเมียเหรอวะ?”

หะ..?

   แม่งพูดบ้าอะไรวะ!

   “มึงจะบ้าเหรอวะสัตว์!! ใครจะโดนจับทำเมีย.. กูท่านน้ำกรดนะ ไม่ใช่มึง! แถมหน้าอย่างกู
เป็นได้แค่ผัวด้วย!” ผมรีบตะโกนออกมาทันที เชี่ยดำก็เหลือเกิน อึ้งไปสักพักก่อนจะหัวเราะในลำคออีก

   “เออ.. อย่างไอ้กรดจะไปโดนได้อย่างไงล่ะ มันเกลียดเกย์”

   ไอ้ดำพูดอีกก็ถูกอีกครับ ใช่แล้ว ใครจะไปยอมล่ะ ไอ้นิวไซย่า เป็นเพื่อนกูมาจะครบสามปีเต็ม ทำไมไม่รู้เรื่องนี้วะห๊ะ?

   “กูไม่ค่อยมั่นใจมากนัก แต่เมื่อกี้ไอ้กรดกับกูโดนรุม รู้สึกมันจะพูดถึงมึงด้วย.. กูคิดว่าน่าจะเป็นศัตรูมึง” จะว่าไป เพื่อนนิวไซย่าของผมแม่งก็ไม่พูด ‘เรา – นาย’ กับมันแล้วแหะ สงสัยจะโกรธจริง “มึงทำให้กูกับเพื่อนเดือดร้อน”

คราวนี้เหมือนไอ้ดำจะได้ยินคำว่าศัตรู ผมเห็นมันชะงักไปนิดหน่อยพลางละสายตาออกมาจากหนังสือสีฟ้าที่แม่งอ่านได้ทั้งวันทั้งปีแล้วลุกขึ้นนั่งแทน

   “กูไม่ค่อยเข้าใจ ยังไง? ศัตรูกู?”

   “เออ.. มึงจำวันที่มึงประกาศจะจับไอ้กรดทำเมียได้ปะ?” คนฟังแบบผมสะอึกเลยครับ.. เหี้ยเอ๊ย.. กูโดนพูดถึงอีกล่ะ เชี่ยดำแม่งก็ยังเออออ พยักหน้าไปอีก “มันทำให้ไอ้ศัตรูมึงคิดว่ามึงชอบไอ้กรด”

   “เหี้ย!! คิดไปได้ไงวะ!!”

นั่นไง!! เห็นไหม ปฏิกิริยาเดียวกับกูเด๊ะ!

   “กูก็ขนลุกจะตายห่า!” เมื่อได้โอกาสจึงรีบชิงพูดบ้าง ช่วงนี้ท่าทางจะไม่มีบทกับเขาเลย ไม่ได้ๆ! ตัวเอกอย่างผมเนี่ยจะต้องพูดทุกบท! ทำท่าขนลุกขนพองเสริมด้วย เอ้า!

   “เชี่ยเอ๊ย แล้วไงต่อ” ..เหี้ยดำเมินกูครับ ต่อยกันไหม?

   “พวกมันเลยมารุมไอ้กรด จะจับไอ้กรดทำเมีย..” เชี่ยนิวเว้นจังหวะไปเล็กน้อยแล้วเหลือบมองตาของชายผิวแทน “..เพื่อที่จะทำให้มึงเจ็บ แต่พอดีกูอยู่ พวกมันเลยไม่กล้า”

..ไอ้เหี้ยนี่กล้าพูดเต็มปากว่าไม่กล้า ได้ข่าวมึงก็โดนล็อคไม่ใช่เหรอ!

   ผมเห็นสีหน้า ‘โลกถล่มทลาย’ จากไอ้เชี่ยดำออกมาครับ แหม มึง ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้.. โลกกูก็จะล่มสลายเหมือนกัน สลัดผัก!!

   “ไอ้พวกนี้มันโง่ดักดาน.. มึงรู้หรือเปล่าว่าอยู่ห้องไร?”

   “กูจำไอ้คนย้อมหัวทองได้ น่าจะห้อง 7” คราวนี้แหละ ไอ้เชี่ยดำทำหน้า ‘บรรลุ’ ยิ่งกว่าเดิมอีก ไอ้ผมเองก็เข้าใจมันนะครับ เข้าใจอย่างสุดซึ้งเลยด้วย

แต่คนเดือดร้อนน่ะ มันกู๊!

   “ชีวิตกูแม่งเหี้ยตั้งแต่เจอมึง” ผมถอนหายใจดังเฮือก ใช้มือขยี้หัวตนเองไปมาแรงๆ “ตั้งแต่โดนลงโทษ หักหน้า นู่นนี่นั่น ย้ายห้อง จากเพื่อน โดนคนหมายปองจะ....”

   “ทำเมีย” ประโยคหลังเชี่ยนิวต่อให้ เออ ขอบใจ พอดีผมก็ไม่อยากพูดด้วยน่ะ!

   แต่ตอนแรกที่คิดว่าไอ้ดำน่าจะเข้าใจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่เหมือนไม่ใช่ เพราะประโยคถัดไปที่บ่งบอกชัดเจน

   “แล้ว.. พวกมึงมาบอกกูทำไม?” เสียงทุ้มดังหลุดออกมาจากปากของชายตรงหน้า เล่นเอาไอ้นิวเดือดจัดอีก ไอ้เชี่ยเอ๊ย มึงนี่มันควายดำของจริง!

   “ไอ้เหี้ย! มึงต้องรับผิดชอบเพื่อนกูสิวะ! แม่งจะโดนจับทำเมียก็เพราะมึงอ่ะ! แถมกูก็อยู่ปกป้องมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ได้ด้วย!” ผมอ้าปากเหวอ จะเข้าไปบอกให้เชี่ยนิวใจเย็นลงก็อยากอยู่ ว่าแต่ไอ้ประโยคมันพูดปกป้องผมไม่ได้นี่หมายความว่าไงวะ! เห็นกูไม่มีขา ไร้แขน ตีนหดหรือไง ห๊า?

   “เชี่ย กูดูแลตัวเองได้ มึงมองหน้ากูดิ หน้าอย่างกูเหรอจะไปมีผัว มีแต่เมียก็พอ!” คราวนี้เชี่ยนิวแม่งตวัดสายตามาอีก เล่นเอาผมสะดุ้งโหยงเลย.. เหี้ย อย่าดุกูสิ ดุกูทำไม!

   “มันไม่ได้มาทีคนเดียว แต่มันมาทีรุมโทรมมึงอ่ะดิ”

..ฉิบหาย เถียงไม่ออก!

   เป็นเพราะก่อนหน้านี้พวกมันก็มาจริงๆน่ะครับ โชคดีที่ไอ้นิวอยู่ด้วยและนิสัยนักเลงมันระเบิดนั่นแหละ ไอ้ดำยังทำหน้างงอยู่เหมือนเดิม ทีอย่างนี้เป็นเหี้ยงงเลยนะมึง!

   “เออ ตกลงพวกมึงจะบอกกูทำไม? ไม่มีอะไรแล้วใช่ป...”

   “มี” นิวพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับกอดอก โอ๊ย ไอ้เตี้ยพริกขี้หนูของแท้เลยงานนี้ ดวงตากลมของคนตัวเล็กสุดในกลุ่มตวัดมองไอ้เชี่ยดำทั่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง

   “แล้วอะไร?”

   “เคลียร์กับพวกนั้น แล้วระหว่างที่เคลียร์ ช่วยคุ้มครองตูดเพื่อนกูด้วย”

   “...”

   “รับผิดชอบไอ้กรด เพื่อนกูซะ”


อือหือ..

..

..กูเกือบนึกว่าตัวเองท้องแล้วนะเนี่ย..


.
.
.

   “แล้วทำไมมึงถึงยอมมันวะ?”

   เป็นประโยคคำถามแรกของผมที่เอ่ยขึ้นมาหลังไอ้เชี่ยนิวกลับห้องไปแล้ว หลังจากนั้นไอ้ดำมันก็ ‘พยักหน้า’ อย่างนิ่งๆซึ่งก็ถือเป็นการตกลงนั่นแหละ ว่าแต่ มันจะประหยัดคำพูดไปถึงไหน! ทีตอนเถียงๆด่าๆกับผมแม่งอย่างหมาอ่ะ!

   “มึงไม่จำเป็นต้องรู้” มันพูดเสียงเรียบๆขณะที่โถมตัวลงเตียงอีกครั้งครับ เอ้า ไอ้เวรนี่!

   “นี่มึงหาเรื่องกูอีกแล้วใช่ปะ?”

   “กูว่ามึงหาเรื่องกูก่อน” อะไรวะ ผมอุตส่าห์ถามดีๆนะเชี่ยนี่ “กูง่วง”

ผมเลิกคิ้ว หันไปมองมันเล็กน้อย

   “บอกกูเพื่อ?”

   “ปิดไฟ กูจะนอน” พูดจบก็เอาหยิบหนังสือเล่มฟ้าๆนั่นมาปิดหน้าอีกแล้ว ผมเบ้ปากใส่ มึงเมินกูอีกแล้วเหรอวะ ห่า

   “ไม่เอาอ่ะ กูยังไม่นอนตอนนี้ นี่มึงเด็กดีเกินไปนะ” แอบเหลือบนาฬิกาไปเห็นเข็มชี้เลขเก้าสามทุ่มพอดี .. บ้าเปล่าวะ?

   หากแต่ระหว่างรอเถียงกับมัน สิ่งที่ได้รับกลับคือความเงียบสนิท ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วหันไปมองเตียงฝั่งตรงข้ามที่มีร่างสูงนอนอยู่บนเตียงพร้อมหนังสือปกฟ้าปิดหน้าอยู่ .. ฮึ่ม สาธุ ขอให้หนังสือปิดรูจมูกตายเข้าสักวัน เพี้ยง!

จะว่าไป
ไอ้ตลับยายังอยู่ในกระเป๋าผม

   ว่าแต่ แม่งทนเจ็บตูดได้ไงวะ ขนาดผมทายาแล้วยังเจ็บๆแสบๆอยู่เลย แล้วยิ่งตอนโดนไอ้พวกนั้นล็อคตัวเนี่ย ไม่อยากจะบอกว่าปวดตูดจนจะร้องจ๊าก ฮือ

ผมแอบมองไปทางมันที่นอนสวมเสื้อกล้ามสบายๆพร้อมบ็อกเซอร์ลายมวยไทยอีกต่างหาก ไม่ห่มผ้าจนเสื้อถลกขึ้นมาด้วย กล้ามเป็นมัดๆเลยนะมึง ไอ้ถึกเอ๊ย!

   “....”

   ผมจ้องมันสักพักใหญ่ จนได้ยินเสียงกรนคร่อกในลำคออย่างสม่ำเสมอก็เลยคิดว่าชายตรงหน้าน่าจะหลับไปแล้ว.. จะว่าไปคืนแรกพวกผมก็ไม่ได้หลับเลยนี่หว่า เบิกตามาสองสามวันติด จะหลับก็แค่ประมาณสามสี่ชั่วโมงหลังเลิกเรียน..

..เอาเหอะ..

   ผมจ้องมันอีกรอบ

   ไม่ได้ทำอะไรหรอกนะ .. ไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ..

   ผมแค่เดินไปหามันใกล้ๆเพื่อตรวจดูว่ามันตายกับกองหนังสือหรือยัง และหยิบตลับยาทาที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู..

..

แล้วโยนเบาๆไปที่หัวเตียงมันเท่านั้นแหละ..


.
.
.

   ผมลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนมีความร้อนจากฝ่ามือของมนุษย์วูบผ่านใบหน้าของตนเองไป คิ้วเรียวย่นติดกันทันทีด้วยความหงุดหงิด หรี่ตาลงเมื่อแสงจ้ากระทบเข้ากับนัยน์ตาตนเอง..
..หากแต่เมื่อเริ่มได้สติ.. กลับเป็นเงาทะมึนๆแทน..

   ..ทั้งร่างแข็งทื่อ .. ห่า เวรแล้ว .. ผีเปล่าวะ..

..เอ๊ะ ! แต่เดี๋ยวนะ?

   ผมขยับร่างตนเองเบาๆ .. เพ่งไปที่ภาพตรงหน้า..

และ..


   “อ๊ากกก! พ่อเอ๊ยแม่เอ๊ย! เหี้ยมาปลุกแต่เช้าเลยจ้า!!” เชี่ยย! เป็นเสียงอุทานผมเองครับ! ไอ้ดำแม่งก็ท่าทางตกใจ เดินถอยออกไปอีกนั่น!  เมื่อกี้มันทำห่าไรวะ! “ไอ้เชี่ย! มึงมาอะไรของมึงเนี่ย กูตกใจหมด!!”

เหี้ยล่ะ แม่งทำหน้าแมนใส่ผมอีก! โอ๊ย ไอ้เกย์นี่ เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลย สาดดดด

   “กูจะออกไปข้างนอก”

   “แล้วทำไมวะ.. ว่าแต่ ไอ้เชี่ย! มึงเข้ามาเขตแดนกูแล้ว!” ประโยคหลังนี่คือเพิ่งรู้สึกได้ครับ ผมบอกหรือยังว่า ‘เขตน้ำกรดและเขตคนดำ’ มีแบ่งเอาไว้น่ะครับ ตั้งแต่วันแรก.. ส่วนคืนโดนไอ้ตูบหลอก พวกผมแค่สั่น(?)จนลืมเรื่องเขตแดนเท่านั้นแหละ

   “เออ ช่างแม่ง แต่กูจะออกไปข้างนอก”

..เหี้ยนี่ไม่ยอมเข้าใจกูเล๊ย!

   ไม่ทำตามข้อตกลงที่กูสร้างขึ้นเอาไว้คนเดียวอีก .. เออ ว่าแต่.. บอกทำไมวะ..

   “แล้ว?”

   “ไปกับกู”

..นิ่งได้สักพัก..

   “ทำไมวะ?” เออ ถามมันต่อ วันนี้วันเสาร์แล้วทำไมต้องออกไปกับมันด้วย เชี่ยดำแม่งถอนหายใจแรงๆอีก อ้าวๆ ล้ำเขตกันยังไม่พอ นี่หาเรื่องด้วยการถอนหายใจสินะ งานนี้ต้องมีเคลียร์!

   “ถ้ากูปล่อยให้มึงอยู่คนเดียว อาจจะมีคนมาเอาตูดมึงก็ได้ ดังนั้นไปกับกู” ผมเงียบครับ อึ๊ย! จริงของมัน แต่ผมไม่ไปได้เปล่าวะ..

   “..วันนี้กูจะกลับบ้านไปหาแม่..”

   “ไอ้นิวบอกมาแล้วว่ามึงกลับบ้านแค่ตอนปิดเทอมเลยทีเดียวเหมือนๆกับกู วันเสาร์อาทิตย์ก็เที่ยว”

...

เชี่ยยย!!! ไอ้เหี้ยนิวแม่งบอกมันทำไมวะ!

   ผมนี่ก็ได้แต่เงียบเท่านั้นไงล่ะครับ เหี้ยล่ะ ฉิบหาย ผมไม่อยากอยู่ใกล้ๆมันมากเท่าไหร่ครับ..
แต่เพื่อความปลอดภัยของประตูหลัง..ยอมก็ได้วะ!

..
ถึงจะไม่มั่นใจว่าอยู่กับมันแล้วจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เหอะ!


   สุดท้ายผมก็ยอมลุกอาบน้ำอาบท่าแต่โดยดีด้วยการเงียบ ไม่พูดไม่จา ที่สำคัญคือผมไม่คิดจะมองหน้ามันเลยด้วยซ้ำครับ ไอ้ดำแม่งก็นิ่งๆอยู่เหมือนกัน แล้วก็เดินต๊อกๆกลับไปนั่งปุ๊กที่เตียงมันอีกนั่นไง เออ ..

   “กูจะไปที่ห้างแถวๆโรงเรียน” มันพูดขึ้น ทำให้ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย

   “ไปทำไมวะ?”

   “ซื้อของขวัญวันเกิดพี่สาว”

ผมแอบเลิกคิ้ว แม่งมีพี่สาวด้วย.. เอาเหอะ อย่างน้อยก็มีเหตุผลล่ะวะ

   “กูไปอาบน้ำ แป๊บ”

   “ไม่ได้ชื่อแป๊บ ชื่อดนัย ชื่อเล่นชื่อนัย เรียกให้ดีๆสิวะ” แม่ง นี่สุดท้ายก็จะกัดผมให้ได้ใช่ไหม ไม่หาเรื่องสักวันแล้วสีผิวมึงจะตกเหรอครับ ห๊ะ?

   “นึกชื่อเหี้ย” แอบพึมพำครับ ไม่ไหว ดูอย่างไงคนที่หาเรื่องผมก็มันชัดๆ!

   “งั้นเรียกเหี้ย ไม่ใช่ดำ”

   “....”

ผมขอไม่ต่อบทสนทนาหรือพูดอะไรอีกก็แล้วกัน เหมือนเหี้ยดำก็ปลง หยิบไอ้หนังสือเล่มฟ้าออกมาแถมยังจมอยู่ในโลกความคิดมันไปแล้วด้วย เออ เอาเหอะ วันนี้รู้สึกเหนื่อยแปลกๆแหะเรา

แต่ไม่รู้ทำไม ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออกมา สายตาแม่งดันเหลือบไปหัวเตียง.. ที่ผมเผลอทำยาหล่นไว้.. ผมเผลอทำยาหล่นจริงๆนะโว้ย! ไม่ได้คิดจะให้มันหรอก!!

...
ตลับยามันไม่อยู่แล้วครับ..

..ก็หมายความว่า..ไอ้ดำใช้มัน

   ผมเงียบกริบ ตัดสินใจเดินดุ่มๆเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตูดังปังเสียงดังปัง

   “ที่บ้านไม่มีประตูหรือไงวะ!”

ไอ้เหี้ยนี่แม่งตะโกนเข้ามาแว่วๆอีก! ผมพิงตัวลงทีประตูห้องน้ำก่อนจะทรุดลง ตะโกนด่ากลับไปทันทีทันใด

   “เปล่า พอดีกูนึกว่ามึงหูหนวกเลยไม่น่าจะได้ยิน วันหลังจะปิดเบาๆก็แล้วกัน!”

เหอ.. กูนี่เถียงกับมันได้ตลอดจริงๆ

   ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยกับบางอย่างที่เปลี่ยนไป ภาพตลับยานั่นหายไปแล้วย้อนกลับมาวนเวียนในหัวผม ตอนแรกก็คิดว่าไม่มีอะไรหรอก.. หากพอเริ่มได้สติไอ้ภาพนั้นกลับไม่ยอมหายไปนี่สิ
แถม.. ยังมีบางอย่างแปลกไปกว่าเดิม..

..ตรงที่ว่า

...


ทำไมกูหุบยิ้มไม่ได้เลยวะ ฉิบหาย!



หัวข้อ: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.12 UPP (2/5)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 02-05-2014 16:42:25
บางโมเม้นท์ก็เหมือนจะกุ๊กกิ๊กงุ้งงิ้ง
แต่ก็นะ..เขาเกลียดกันนี่นา 5555555
คนอ่านก็ลุ้นไปสิเมื่อไหร่จะร๊ากกกกัน
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.12 UPPP (2/5)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2014 23:03:27
เมื่อไรจะกลายเป็น รัก ฉิบ หาย
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.12 UPPP (2/5)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 02-05-2014 23:46:50
 :hao7: อุต๊ะ นานๆทีคู่นี่จะมีโมเม้นน่ารักๆบ้าง
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.12 UPPP (2/5)
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 04-05-2014 12:57:18
มีปกป้องตูดให้ ชวนไปเดททางอ้อมป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.12 UPPP (2/5)
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 05-05-2014 04:28:42
โอ๊ย ด่ากันไม่หยุดด่ากันมันส์มาก อ่านมันส์เลย พึ่งเจอเรื่องนี้เรื่องแรกจริงๆคะที่ด่ากันตลอดเวลาขนาดนี้ ชอบนะนี่ชอบ!
อย่าจะค้านมากเรื่องกุญแจมือ เป็นเราฟ้องอ.ไม้ไปแล้ว ผิดกฏหมายชัดๆ บ้าไปแล้ว แต่นึกได้ว่าอันนี้นิยาย(วาย)นะ โอเคคะ ผ่านไป
ชอบตอนเจอผีมาก คือน่ารักอะ ชอบ5555
ชอบนิวมากด้วยคะ ชอบแบบนี้ ต้องเทพแบบนี้ ท่านไซย่า!!!
รอนะคะ อยากอ่านดำด่ากับกรดต่อ มันส์โคตรๆ
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.12 UPPP (2/5)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 05-05-2014 11:13:09
สนุกสุดๆๆๆๆ ชอบมาก
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.13 Upแล้วค่า (6/5)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 06-05-2014 15:42:58
C h a p t e r  13
คนเกลียดกัน มักจะซวยเพราะกัน


   ถ้าตัวแม่งไม่...


สูง


ดำ


ถึก


เหี้ย

   ผมคงคิดว่ามันเป็นผู้หญิงไปซะแล้วล่ะครับ..

   “....”


   ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปกับเหี้ยดำ กว่าจะลากออกกันมาได้ก็แทบแย่เพราะทะเลาะกันตลอดทางจนพี่แท็กซี่เขาแทบจะหันมาตะโกนด่าอยู่แล้ว! แต่พวกผมไม่แคร์สักหน่อย อีกอย่าง..

..

ผม ไม่ อยาก มา เลย ว่ะ..

   ผมเบ้ปาก คุณลองคิดเองแล้วกันนะ ผู้ชายสองคนตัวสูงเกินร้อยเจ็บสิบทั้งคู่ เดินเข้าห้างด้วยกันไม่พอ หนึ่งคนหล่อ(อย่างผม)หนึ่งคนดำ(อย่างมัน)ด้วย และหนำซ้ำ..
เดินเข้าร้านตุ๊กตาด้วยกัน!


ไอ้เชี่ยบัดซบ!!


   ตอนแรกผมไม่ไปครับ ยืนยัน นอนยัน เอาน้ำกรดสาดหน้ายันก็ไม่ไป! เพราะมันเหมือนเกย์ ชายสองคนกำลังจะเลือกของให้กันและกันจะตายไป แถมยิ่งสายตาสาวๆเดี๋ยวนี้ที่ปกติมันต้องเป็น ‘กรี๊ด! ชายสองคนเดินเข้าร้านตุ๊กตา เกย์อ้ะ!’ ดันกลายเป็น ‘กรี๊ด! ชายสองคนเดินเข้าร้านตุ๊กตา จิ้นอ้ะ!’ ซะงั้น!

โลกนี้แม่งอยู่ยากขึ้นทุกวัน!!

   อย่างไรก็ตาม..  สุดท้ายผมต้องยอมเดินตามมันต้อยๆหลังจากสะบัดสะบิ้งอยู่หน้าร้านแทบตาย เหตุผล.. ก็เพราะข้อเดียวที่มันพูด คือ..

   ‘ถ้ามึงโดนคนดักจับทำเมียแล้วจะซวย’

..
เออ.. กูเสียวตูดขึ้นมาทันที..

   คุณลองคิดดูนะ โดนรุมเพราะอยู่คนเดียว กับ อยู่กับเชี่ยดำแล้ว(เกือบ)ปลอดภัย อย่างน้อยถ้าวันดีคืนดีมันอยากจับผมทำเมียก็ยังพอสู้ได้แน่ครับ เนื่องจากมันหนึ่งต่อหนึ่ง แต่ถ้าโดนรุม.. ผมกลัวตายนี่หว่า!

ว่าแต่.. ทำไมแม่งเลือกตุ๊กตานานจังเลยวะ

   ดวงตาของผมแอบเหลือบไปมองชายข้างกายที่กำลังกุมขมับราวกับกำลังใช้ความคิดเหมือนทำข้อสอบโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโอลิมปิคอยู่ ไอ้ดำเม้มปากแน่นใน คิ้วของมันขมวดติดกันจนเป็นปมเลยด้วยซ้ำ

..โคตรตั้งใจเลือกอ่ะ ถ้าไม่บอกว่าเป็นพี่สาว ผมคงนึกว่าเลือกให้แฟนมัน!

   “มึงอย่ามายืนขวางทางได้ปะ? ถ้าว่างนักก็มาช่วยกูเลือก” เอ้า ใช้กูอีก

   “ขี้เกียจอ่ะ ไม่อยากใกล้ แค่นี้เสนียดดำก็ติดกูเยอะอยู่ล่ะ” ผมพูดจบก็เอามือปัดที่ชายเสื้อตนเองเล็กน้อยเพื่อเป็นการยืนยันว่า ‘เสนียดดำ’ ติดจริงๆ แน่ะ ผมว่าคุณจินตนาการว่ามันผิวดำจริงๆแล้วสิเนี่ย ความจริงคือแทนๆคล้ำๆครับ.. แต่ผมอยากเรียกมันว่าไอ้ดำ ก็ผมขาวนี่หว่า! หือ..

อะไรนะ? คุณมาถามว่าตอนที่แล้วยังยิ้มอยู่เลยทำไมตอนนี้รังเกียจมัน?

เฮ้อ!

ปล่อยมันไปเหอะ! นี่ขึ้นตอนใหม่แล้วนะ พวกคุณอย่าไปสนเลย! อดีตน่ะทิ้งๆไปบ้างก็ได้นะคร้าบ
 
   “กูไม่ใช่ขี้กาก ไม่ต้องมาแสร้งรังเกียจ” เสียงของไอ้ดำที่ดังขึ้นต่อเนื่อง แถมยังด่ากลับแบบเนียนๆอีก มันเลื่อนมือจับตุ๊กตาคุณหมีคิ้วหนาตัวใหญ่พร้อมกับขมวดคิ้ว ก่อนจะหันมาทางผมแล้วบุ้ยปากไปหาตุ๊กตา “ตัวนี้ดีไหมมึง?”

   ผมมองตาม เห็นหน้าหมีหัวใหญ่ๆคิ้วหนาๆ เออ คนเราก็ประหลาดดีนะ ชอบไปได้ไงวะไอ้หมีคิ้วหนาเนี่ย ผมว่าประหลาดดี

   “หมีอะไร คิ้วหนาด้วย กูไม่ชอบอ่ะ”

   “กูไม่ได้ซื้อให้มึง จะให้พี่สาวกู.. มึงไม่จำเป็นต้องชอบหรือไม่ชอบ”

อ้าว นั่น ผมแค่พูดความรู้สึกตัวเองนะเว้ย!  ฮึ่ย ฮึดฮัดครับ อึดอัดจนอยากจะหันไปต่อยหน้ามันสักหมัด!

   “มึงถามกูเองนี่หว่า” ว่าแล้วก็ยักไหล่น้อยๆพร้อมทำหน้าบูด ผมพูดจริงๆนะ ไอ้ดำมันถามผมเอง แถมผมก็แค่ตอบไปตามความรู้สึกผมเท่านั้นแหละ “มึงต้องดีใจที่กูยอมมากับมึงด้วยนะสัตว์”

   “ความจริงกูมาคนเดียวก็ได้.. แต่เพื่อนมึงสั่งให้รับผิดชอบในสิ่งที่กูทำ”

เหี้ยย! แม่ง ดูมันพูดดิ เหมือนกับมันจับผมเป็นเมียแล้วถูกบอกให้รับผิดชอบเลย แอบเหล่มองเห็นสาวๆในร้านตุ๊กตาเริ่มจ้องมาทางพวกเราซะแล้ว มีกรี๊ดกร๊าดหน้าแดงอะไรอีก อ๊ากก ทำไมสาวๆกลายเป็นรสนิยมแบบนี้วะ

แต่คนอย่างน้ำกรด ไม่ – แคร์!

   “กูดูแลตัวของกูได้” พูดจบก็หันขวับไปจ้องตาอีกฝ่าย ชายร่างสูงข้างกายชะงักมือที่กำลังจิ้มๆคิ้วตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ด้วยสีหน้าจริงจังจนผมอยากจะตบหัวมันไปสักที ไอ้ดำเหลือบมามองผม
..และ..พูดด้วยความหนักแน่น

   “แต่กูจะรับผิดชอบ”

เห็นมะ! ดูมันดิ!!

   ผมเบ้ปากใส่มันไปหนึ่งที ไอ้เหี้ยนี่ก็จริงๆเลย เล่นเอาหัวผมจะระเบิด.. แถมตอนแรกเห็นจ้องหน้าหมีคิ้วหนาตั้งนาน สุดท้ายดันเลือกตุ๊กตาหมาฮัสกี้ที่ทำหน้าแอ๊บแบ๊วข้างๆซะงั้น!

   “ตกลงมึงจะเอาหมีหรือฮัสกี้วะ! ให้แน่ ไอ้คนโลเล!”

ด่าแม่งไปหนึ่งทีเลย! มันโลเลจริงๆนะ เห็นมองหมีประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วอยู่ๆดันไปเลือกหมาฮัสกี้เฉยเลยอ่ะ ดูแม่งดิ “กูสงสารคุณหมีเขา!”

เชี่ยดำหันมาทำหน้านิ่งใส่อีก!

   “ก็เรื่องของหมีดิ มึงควรจะสงสารตัวเองที่มีคนคอยสอยตูดเยอะแยะไปหมด” ผมคิ้วกระตุกทันที พูดอะไรของมันวะแม่ง! ไม่รู้เหรอว่านี่ในห้าง คนจากที่มองกันเยอะอยู่แล้ว พอได้ยินคำว่า ‘สอยตูด’ ก็ดันมองกันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัวทันทีเลยด้วยซ้ำ “อะไร?”

   “หัดพูดเสียงเบาๆเป็นปะเชี่ย! แล้วก็กูอยู่ที่ไหนแม่งก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้นแหละ!” พูดจริงนะเว้ย! ผมอยู่คนเดียวก็เสียวแม่งมารุมเหมือนตอนนั้นอีก โดนรุมโทรม เอาหลายที ปวดตูดแหง แถมถ้าอยู่กับไอ้เชี่ยดำที่น่าจะปลอดภัยก็เสี่ยงโดนจับทำเมีย ถึงผมจะไม่ยอมมันก็ต้องขืนใจแน่ๆ ที่สำคัญเคยได้ยินมาว่าถ้าได้ลองมีอะไรกับผู้ชายครั้งหนึ่งแล้วจะติดใจ...

..ไม่เอาโว้ย!

   ผมยืนยันเลยว่าท่านน้ำกรดคนนี้จะไม่ติดใจพันเปอร์เซ็นต์!

   “เอ้อ.. ก็จริงของมึง” คราวนี้ไอ้ดำเห็นด้วยอีกนะ! ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเสี่ยงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว โอ๊ย ตูดกูจะเป็นอะไรไหมวะ นี่กูชักหวงเอกราชจริงๆล่ะ ไอ้ห่าา

   “เชี่ย.. ชีวิตกู ฉิบหายตั้งแต่เจอมึง” ขอบ่นหน่อยครับ..

   “งั้นมึงก็จะบอกว่า ฉิบหายตั้งแต่ม.4ล่ะสิ?”

   “ใช่”

   ผมตอบกลับไปอย่างไม่รักษาน้ำใจเพราะมันคือความจริง ส่วนไอ้เชี่ยดำก็ร้อง ‘หึ’ ในลำคอหนึ่งทีอีกเป็นการตอบกลับ

ซึ่งเสียงอย่างนั้นผมเกลียดที่สุด!

   “มึง! อย่าทำเสียงแบบนั้นได้เปล่าวะ!” ผมหันไปพูดกับไอ้ดำที่กำลังควักเงินขึ้นมาเพื่อจ่ายตุ๊กตาฮัสกี้ตาแบ๊วอยู่ มันเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดกลับประโยคสั้นๆ

   “ทำไม?”

   เอ้า ถามมากจริง

   “ก็กูไม่ชอบ”

   “งั้นกูจะทำบ่อยๆ” ..


...
ดูแม่งดิ!


   ผมเบ้ปากกับคำพูดอีกฝ่าย ดูดิ! ไม่ชอบอะไรก็ทำบ่อยๆ นี่มึงเป็นคนประสาทป่วนหรือพวกจิตแตกกันแน่วะ

   “นี่มึงหาเรื่องอีกแล้วใช่ปะ!” นัยน์ตาสีเข้มของผมจ้องใบหน้าอีกฝ่ายเขม็ง หวังว่าจะให้มันเงียบได้สักที หากแต่มันกลับหันมายักคิ้วให้ แล้วทำหน้าดำๆใส่อีก!

   “เคยมีวันที่กูไม่หาเรื่องมึงด้วยเหรอ?”

ป๊าดด!


จริงของมัน!




   สุดท้ายผมก็ได้แต่เม้มปากแน่น ร้อง ‘ไอ้.. ไอ้!’ แล้วต่อประโยคคำด่าไม่ออก ทำใจเดินดุ่มๆออกจากร้านขายตุ๊กตากุ๊กกิ๊กสีชมพูหวานแหววนี่ทันทีโดยไม่คิดจะหันกลับไปมอง ส่วนไอ้เชี่ยดำแม่งก็กระตุกยิ้มมุมปากหนึ่งทีเป็นเชิง ‘คราวนี้กูชนะ’ แล้วสาวเท้าตามผมมาติดๆ มือมันแม่งก็เสือกถือตุ๊กตาหมาฮัสกี้ตัวขนาดพอดีอีกต่างหาก

เชี่ย มุ้งมิ้งฉิบหาย!

   “อย่ามาใกล้กูนะ” ผมหันขวับไปพูดกับมันพร้อมสองขาที่เขยิบออกสามเมตรเพื่อจะเพิ่มระยะห่าง อีกฝ่ายเลิกคิ้วเล็กน้อยเหมือนสงสัย “ไม่.. ถ้าเกิดคนเข้าใจผิดว่ากูเป็นเกย์กับมึงล่ะก็ ฉิบหาย โลกแตก สวรรค์ปะทุ นรกระเบิด”

   ไอ้ดำนิ่งแล้วก้มลงมองตุ๊กตาฮัสกี้ที่ถืออยู่และไม่เข้ากับหน้าของผู้ถือแม้แต่น้อย ผู้ชายตัวใหญ่ๆดำๆ แล้วเสือกถือตุ๊กตาหมาฮัสกี้เดินในห้างไปมา ดูอย่างไงก็ตุ๊ดชัดๆ โชคดีตรงที่ตูดของไอ้ดำไม่บิดหรอกนะ ถ้าบิดเมื่อไหร่ผมต้องคิดว่ามันเป็นตุ๊ดแน่ๆ!

   “คิดว่ากูอยากมากับมึงนึกเหรอ?”

   คิ้วกระตุกเลยครับ

   “แต่มึงก็ชวน.. ไม่ดิ! ‘สั่ง’ ให้กูมานี่หว่า เชี่ย เดือดร้อนฉิบหาย ทำไมต้องมากับมึงด้วยเนี่ย” ผมบ่นเป็นหมีกินผึ้งแถมขาก็ยังก้าวออกห่างไปเรื่อยๆ คนมันไม่อยากเข้าใกล้นี่นา เข้าใจผมหน่อยเถอะ!

   “อยู่คนเดียวแล้วมีผัวหลายคน หรือจะอยู่กับกูแล้วมายืนต่อยกันทั้งวัน เลือกเอา”

   “กูขออยู่กับไอ้นิว”

ผมรีบสวนกลับทันทีก่อนจะหายใจฮึดฮัดแรงๆด้วยความหงุดหงิด ไอ้ดำเองแม่งก็หรี่ตาลงมองเล็กน้อยอีกรอบพลางยักไหล่

   “งั้นไปหาไอ้นิวสิ” เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นมาพร้อมร่างของชายขนาดสูงกว่าที่สาวเท้าเร่งความเร็วให้มาเดินเทียบเคียงกับผม

   “เพราะมึงทำกูเดือดร้อนเลยต้องมานั่งจมปลักอยู่กับมึงนี่ไง!” หันไปแว๊ดมันก่อนหนึ่งที ไม่ไหว.. แต่อีกฝ่ายกลับยักคิ้วเสียงั้น

   “มึงไม่ได้นั่ง ตอนนี้มึงยืน”

ยังจะกวนตีน!!

   ฮึ่ม.. แล้วมีหรือคนอย่างน้ำกรดจะยอม ผมหันขวับไปมองใบหน้าดำๆเข้มๆของอีกฝ่ายทันที คิ้วตนเองขมวดมุ่นก่อนที่มือสองข้างจะยกขึ้นมาชี้หน้า

   “กู.....”

โครก!

   “....”

ความเงียบแล่นวาบเข้ามาทันที ไอ้ดำมองหน้าผม..

   เมื่อกี้ฟ้าผ่าครับ..

   เหมือนว่ากำลังจะด่ากลับ แต่แค่มีบางสิ่งขัดเอาไว้.. แหะๆ..

   “กู...?” ไอ้ดำกอดอกแล้วยักคิ้วเล็กน้อย ในขณะที่ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก

   “..กู..”
โครก!

   แล้วเสียงมันก็ร้องขัดที่ผมพูดอีกจนได้ โอ๊ย! ไอ้ท้องนี่มันไม่รักดีจริงๆ!! เห็นไอ้ดำแม่งยักคิ้วอีกต่างหาก... และผมก็พูดออกไป..

...


   “...กูหิวแล้ว..”




ไอ้ดำนี่สมกับเป็นไอ้ดำจริงๆ..

   หลังจากที่ผมพูดประโยคนั้นเสร็จมันก็พยักหน้ารับแล้วบอกว่า ‘จะพาไปกินข้าว เลี้ยง ค่าขอบคุณที่มาด้วยกัน’ อย่างไงล่ะครับ ตอนแรกก็เล่นทำเอาผมระริกระรี้ใหญ่ แน่นอน ก็ของฟรีนี่หว่า
แต่แม่งเลี้ยงสมกับเป็นมันจริงๆ

เพราะมันพูดจบก็เดินออกห้างฉับๆเล่นเอาผมงง!! หนำซ้ำยังเลี้ยวเข้าร้านสะดวกซื้อด้วย!

..และ..

   “ซดไวๆล่ะ ปากจะได้พอง”

มาม่าหมูสับหนึ่งถ้วย กับน้ำอีกหนึ่งขวด..

   พูดแล้วก็เหมือนตัวเองเป็นคนยากจนไร้ที่อยู่ ผมกำลังนั่งซดมาม่าหมูสับโดยการมีไอ้เชี่ยดำมาอวยพรให้ปากพองอยู่ข้างๆ

เลี้ยงมาม่ากูด้วย! สาดดด! กูควรจะดีใจไหมวะ!! โอ๊ยๆๆ น้องน้ำกรดซึ้งจนน้ำตาไหล!

   “กินรสจืดชืด” แม่งมีการมาดูถูกมาม่าหมูสับที่ผมเลือกอีกครับ ต่อยมันสักหมัดหน้าร้านขายของจะเป็นอะไรหรือเปล่าวะ!

   “ต้มยำก็ไม่ได้ดีนักเท่าไหร่หร๊อก”

   “กูชอบกินเผ็ด”

   “บอกทำไม ไม่ได้ถาม”

   “บอกให้หมาย้อน”

เมื่อไหร่วันนี้ผมจะชนะเถียงกับมันวะ!!

   รู้สึกคิ้วของตนเองกระตุกยิกๆอย่างรวดเร็วเลยด้วยซ้ำครับ แม่งก็เหลือเกิน ไม่ยอมหยุดเถียงกับผมได้เลย! สุดท้ายก็ยอมจำใจก้มหน้าแล้วซดเส้นมาม่าพรวดเดียวแม่ง ส่วนไอ้ดำก็ทำหน้านิ่งๆของมันต่อไป

   “อยากกินอะไรอีกหรือเปล่า?”

   “ทำไมวันนี้บริการกูดีจังเลยวะ” เป็นคำถามสงสัยที่ย้อนกลับไปทันทีเมื่อมันถามอีกประโยค “ปกติเห็นแต่ด่ากูอย่างเดียว”

   “วันนี้บริการเหี้ยไง”

นั่น! อีกล่ะ!

   ผมเบ้ปากพลางลูบคางน้อยๆ

   “โอเค กูยอมโดนด่าเพราะมึงเลี้ยงกู..”

   “กูเลี้ยงแค่ 20 บาท” นั่นแน่ะ มีการมาพูดดัก แต่ก็เอาเถอะ ดีกว่าไม่เลี้ยงล่ะวะ

   “นมสตอเบอรี่ขวดหนึ่งให้กูที กูนั่งรอตรงนี้แหละ”

   ผมยักคิ้วให้ไอ้เชี่ยดำไปหนึ่งที ตอนนี้เหมือนกำลังถือไพ่สูงกว่านิดหน่อยก็เพราะสั่งมันได้ดั่งใจครับ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามันรำคาญผมก็ได้เลยยอมทำตามที่บอกไป ถึงจะมีบ่นๆก็เหอะ!

   “ผู้ชายบ้าอะไรวะดื่มนมสตอเบอรี่ ดื่มไปมึงก็ไม่สูงขึ้นหรอก” เอ้า ดูถูกนมสตอเบอรี่อีก ก็ชอบของผมนี่หว่า แอบหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางไหวไหล่เบาๆครับ

   “ใครจะสูงแบบเปรตอย่างมึง”

มันตอกมา ผมก็ตอกกลับ เอาดิ!

   “เออ.. รอตรงนี้ล่ะ”

   สุดท้ายไอ้ดำก็ถอนหายใจปลงๆแล้วเดินเข้าร้านสะดวกซื้อให้ผมตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายครับ วันนี้ถึงจะเถียงแพ้มันไปเยอะแต่ก็ได้มันมาเป็นคนใช้นี่หว่า ถือว่าค่อนข้างคุ้มก็แล้วกัน


   ผมยกมือปิดปากหาวเบาๆพลางสะบัดศีรษะไปมาเพื่อไล่ความเหนื่อยล้า วันนี้เกือบทั้งวันต้องเดินตามไอ้เชี่ยดำต้อยๆในห้าง ถ้ามันไม่ตอบแทนอะไรเลยก็น่าตบอยู่เหมือนกันนะ


   ดวงตาของผมปรือปรอยลงเล็กน้อยขณะที่มือนั่งเท้าคางมองไปยันถนนที่มีรถแล่นผ่าน การจราจรในวันนี้ไม่ติดขัดเลยจริงๆ จะว่าไปก็อิ่มชะมัดกับไอ้มาม่าที่แดกเข้าไปแทบจะทั้งถ้วย
..ว่าแต่ ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย การจราจรแล้วเปลี่ยนไปเรื่องมาม่าได้ไง?


   หากแต่พอสะบัดศีรษะไล่ความคิดสับสนงุนงงนั่นอีกครั้งหนึ่ง กลับก็ต้องชะงักไปทั้งตัว..

..

เมื่อมีชายสี่คนใบหน้าคุ้นเคยที่จำได้ลางๆเดินเข้ามาประกบสี่ทิศเลยด้วยซ้ำ..

..


ผมเงียบ นี่แค่ไอ้ดำเดินไปซื้อนมสตอเบอรี่แป๊บเดียว.. ห่างกันยังไม่ถึงห้านาที พวกมันเสือกโผล่มาซะแล้ว..

   ทั้งสี่คนนั้นเดินเข้ามาประกบ ผมจำได้แม่น..โดยเฉพาะไอ้หัวเหลืองคนนั้นที่กำลังยืนยิ้มแล้วยักคิ้วให้อีก

   “เอาล่ะ กูให้เลือก” เป็นเสียงดังออกมาจากปากของคนที่ย้อมหัวเป็นสีทองจนน่าหมั่นไส้ ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย “จะมากับกูดีๆ หรือมากับกูทางน้ำตา?”

..

เป็นตัวเลือกที่ห่วยแตกมาก

   ผมพ่นลมหายใจแรงๆพลางส่ายศีรษะตนเองไปมาเบาๆ .. น้ำกรดอย่างผมไม่ใช่คนที่ต้องร้อง ‘แว๊ก ว๊าก อ๊าก’ เวลาเจอเรื่องหรือตัวสั่นแล้ววิ่งหนี ผมเป็นผู้ชาย ของแบบนี้มันก็ต้องมีบู๊บ้างอะไรบ้าง


 “สงสัยกูต้องพยายามทำให้พวกมึงรีบๆเปลี่ยนความคิด..สักหมัด สองหมัด”

“จะเป็นเมียพวกกูเร็วๆนี้ก็อย่ามาพูดมาก!”

น้ำเสียงทุ้มของไอ้หัวทองหน้าหมาดังออกมาทำให้ผมถึงกับคิ้วกระตุกน้อยๆ แม่งจะอะไรนักหนาวะ .. ชอบคิดจริงๆว่าผมจะเป็นเมีย มันไม่รอช้า เข้ามาจะล็อคตัวผม ..

แต่โดนที่ไหนละ เพราะผมเร็วกว่าน่ะสิ!

พลั่ก!
   ผมใช้ศอกกระแทกลงที่ท้องของชายด้านหลังตนเองอย่างรุนแรงและไม่ทันตั้งตัวจนทำให้พวกมันหนึ่งคนล้ม กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะเข้ามาเลยตัดสินใจเหวี่ยงหมัดลงหน้าอย่างรวดเร็ว

ผมเป็นผู้ชาย รู้เรื่องทักษะการต่อสู้.. ไม่ใช่พวกที่จะมาร้องวี๊ดว๊ายคอยความช่วยเหลือ!

   มันเป็นแค่เบาะๆเท่านั้น ผมตัดสินใจหันหลังวิ่งถอยห่างออกมา พวกมันมีสี่คน ผมมีแค่หนึ่งคน แถมไอ้ดำเสือกหายหัวไปซื้อนมสตอเบอรี่อีก นี่มึงหลงทางในร้านสะดวกซื้อเปล่าวะหรือไปซื้อนมสตอของกูที่ขั้วโลกเหนือ เจอหมีขาวแล้วยืนเทียบสีผิวอยู่หรือไง หา!M สัตว์ พอคนต้องการให้มันช่วยเสือกหายไปซะงั้น!

   ไอ้สี่ตัวนั่นจ้องผมใหญ่ คนที่โดนชกและถูกศอกที่หน้าท้องกัดฟันกรอด มองตรงมาทางผม..
ซึ่งแน่นอน ใครจะไปกลัวมันล่ะ? ผมก็ยักคิ้วให้แล้วกระตุกยิ้มกว้างอยู่นี่ไง

   “กูจะไม่เป็นเมียไอ้ดำ.. ไม่เป็นเมียใครทั้งนั้น”

   ผมพูดราวกับประกาศกร้าวให้ได้รับรู้ พวกมันจ้องราวกับจะฆ่ากันให้ตาย.. ผมเชิดใบหน้าตนเองเล็กน้อยก่อนจะหันไปชี้หน้าพวกมันแล้วยกยิ้มมุมปาก   

   “แล้วก็.. ถ้าไปกับพวกมึงดีๆ กูคงไม่ได้ชื่อว่าน้ำกรดหรอก ไอ้ควาย!”

ใช่ ผมน่ะ ไม่ชอบใช้ความรุนแรง

แต่ว่า..

คนอย่างน้ำกรดน่ะ.. นักเลงยามจำเป็นครับ!
__________________

StraWBerry_ImIn @Talk
หว๊า เจอคอมเม้นท์บอกกุญแจมือผิดกฎหมาย.. จริงเหรอคะ;v; เพิ่งรู้ ขอโทษจริงๆนะคะที่ไม่ศึกษาให้ดีก่อน.. ฮือ..
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.13 Upแล้วค่า (6/5)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 06-05-2014 21:35:03
ช่างเป็นเดทที่สมกับเป็นพวกมันจริงๆ
กร๊ากกกกกกกกกกกกกก  :m20:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.13 Upแล้วค่า (6/5)
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 06-05-2014 21:37:25
อั่ยยะ รออยู่เลย ด่ากันตลอดอีกแล้ว น่ารัก~~~
น้ำกรดสู้ๆ ฮูเร่ๆ ซัดแม่งเลยค่าาาาา
ไอ้ดำบ้า นมขวดนึงนี่นานเว่อ จงใจเรอะเฮ๊ยยยยย
ปล.เดี๋ยวนี้ตีนักเรียนยังฟ้องร้องได้ ประสาอะไรกับกุญแจมือคะ ถือเป็นการกักขังโดยมิได้เห็นชอบ แถมมีการบาดเจ็บ(ที่ข้อมือ) ฟ้องข้อหาทำร้ายร่างกายต่อได้อีก
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.13 Upแล้วค่า (6/5)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 07-05-2014 00:54:09
คนจ้องน้ำกรดเยอะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.13 Upแล้วค่า (6/5)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 07-05-2014 01:18:35
รอดูน้ำกรดกับมาดนักเลง
ว่าแต่นมสตอเบอรี่นี่เหมาทั้งร้านป่ะนานแท้ 5555
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.13 Upแล้วค่า (6/5)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 08-05-2014 17:16:59
C h a p t e r  14
คนเกลียดกัน มักจะเกิดความรู้สึกเล็กๆต่อกัน


   ด้วยความหล่อเหลาของนายน้ำกรดจากตอนที่แล้ว.. และหวงหล่อนิดหน่อย กลัวหน้าเละ



   ผมจึงตัดสินใจวิ่งหนีครับ..


   เป็นความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในสมองพร้อมเร่งฝีเท้าแล้วหายต๋อมไปจากกลุ่มไอ้พวกเวรที่คิดจะปล้ำผม! โธ่ .. ไอ้น้ำกรดเอ๊ย มึงจะหนีแล้วทำไมไม่ยอมวิ่งจู๊ดเข้าร้านสะดวกซื้อเจอไอ้ดำวะเนี่ย? รู้สึกอยากแหกกะบาลตัวเองจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ .. อย่างน้อยผมก็หลบหลีกพวกมันออกมาได้แล้ว!



   แต่ด้วยร่างกายอันหล่อเหลาของน้องกรดอย่างผม.. นอกจากต่อยหน้า(ไอ้ดำ) ผมก็ไม่ค่อยมีแรงอะไรหรอก หา.. ถ้าจะว่าถึงตอนวิ่งหนีหมาผีทำไมทั้งวิ่งทั้งแบกไอ้ดำได้ อันนั้นเขาเรียกว่าสัญชาตญาณความเอาตัวรอดกับสิ่งเหนือธรรมชาติครับ! กับพวกเหี้ยๆนี่มันเลยไม่ตื่น!


ว่าแต่.. พวกมันแม่งคิดไปได้ไงวะ?


   ไอ้ที่ว่า ‘น้ำกรดเป็นคนที่นัยหมายปอง ดังนั้นพวกเราเป็นศัตรู ถ้าได้ไอ้น้ำกรดแล้วจะทำให้ไอ้นัยเจ็บปวดได้’ เนี่ย!


แบบนี้ไอ้ผู้ชายที่ชื่อว่า ‘น้ำกรด’ มันก็ซวยฉิบหายเพราะไอ้ดำน่ะสิ! อีกอย่าง.. กูไม่เป็นเมียมันโว้ย!

   “เหี้ย!” ผมสถบคำหยาบออกมาก่อนจะเลี้ยวหลบเข้าที่ตรอกซอยเล็กๆอย่างเหน็บเหนื่อย ไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬามากนักเพราะแค่นี้แม่งก็จะฉิบหายอยู่แล้ว แ แถมถ้าถึงหูอาจารย์ที่โรงเรียนผมเข้าล่ะก็.. มีหวังได้ถูกจับอยู่แต่ในหอแน่ๆ!


เหตุเกิดเพราะไอ้ดำบอกจะจับทำเมียแท้ๆ!


   คิดดูแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด แถม.. ทำไมรู้จักมันแล้วแม่งเจอแต่เรื่องวะ นี่ตัวซวยมันคือไอ้ดำแล้วแบ่งปันความซวยมาให้กูใช่ไหม? ผมแทบจะบ้าตายไปวันๆแล้วด้วยซ้ำ! ไอ้ดำมันก็เชี่ยจริงๆ มีแต่ศัตรูรอบทิศ ขนาดผมยังเป็นศัตรูมันเลย! ห่า! สักวันกูนี่แหละจะจับไอ้ดำฆ่าหมกส้วม ไอ้นรกแหก!


   แต่ก็เป็นโชคดีอย่างหนึ่งของผมที่พอตนเอง ‘ชกแล้วหนี’ ก็เลยไม่บาดเจ็บอะไรมากนัก หึ.. มีคำถามมาล่ะสิว่าทำไมน้องกรดผู้นี้ถึงไม่ยอมบู๊..

แหงล่ะ มันมากันหลายคน ตูจะบู๊แล้วโดนจับทำเมียเพื่ออะไรวะ!
ว่าแต่.. มีอะไรกับผู้ชายนี่ต้องเจ็บมากแหง


   วันหลังผมควรจะลองถามไอ้ดำไม่ก็ไอ้จินดูว่าเจ็บรึเปล่า จะได้รู้ๆไปเลยว่าสองคนนี้ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายเสียเอกราชและฝ่ายแทงเอกราช(?) ผมวิ่งมาจนหยุดลงที่ตรอกซอยเล็กๆด้วยความเหน็บเหนื่อย ลมหายใจของตนหอบแรงพร้อมกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อ ..หวังว่าจะสลัดพวกนั้นทิ้งไปได้แล้วนะ

..ว่าแต่


ผมจะหนีไปที่ไหนล่ะ?


   ถ้าจะหนีเข้าโรงเรียนก็ดูปลอดภัยดีแต่อัตราความเสี่ยงค่อนข้างสูงเพราะว่ามันต้องนั่งแท็กซี่กลับลูกเดียวนี่สิ ถึงระยะทางจะไม่ไกลมากแต่ก็เป็นกิโลอยู่ด้วย..


   “เอาไงดีวะ” ผมพึมพำออกมาแผ่วเบาพร้อมขมวดคิ้วมุ่น สองขาเผลอเดินออกตามซอยเล็กๆที่เป็นแหล่งซ่อนตัวตามนิสัยเผลอไผลของตนเอง

และก็เป็นเพราะเหตุนั้นนั่นแหละ.. พวกมันจึงเห็นตัวผม!

   เพราะระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเองกลับสัมผัสได้ถึงท่อนแขนของใครบางคนที่เข้ามาล็อคคอของผมอย่างรุนแรงโดยไม่ทันตั้งตัวจากด้านหลังจนหายใจไม่ออก ทั้งร่างสะดุ้งโหยง จะหันกลับไปก็ขยับไม่ได้เสียแล้วเพราะมันออกแรงรัดแน่นกว่าเดิม

ฉิบหาย!!

   “อึก..!” เสียงของผมหลุดลอดออกมาพร้อมกับพยายามที่จะดิ้นแรงเพื่อหลุดออกจากพันธนาการนั่น ทว่ามันกลับไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ไอ้ผู้ชายที่ล็อคลำคอของผมมันทั้งตัวใหญ่พอๆกับไอ้ดำแถมยังมีกล้ามอีกด้วยซ้ำ! มันลากผมเข้าไปซอยบรรลัยที่ตูเพิ่งออกมาอี๊กก!

   “อยู่นิ่งๆ..” ใครบางคนกระซิบที่ข้างหู ความขยะแขยงของผมแล่นแวบเข้ามาทันที พยายามตั้งสติเอาไว้และลืมตาดู  และภาพที่ปรากฏด้านหน้า.. ก็คือเด็กหนุ่มย้อมหัวทองเสียด้วย..

..ผมเบิกตากว้าง..

มันตามผมทันแล้ว..


   “ต่อยเพื่อนกู ศอกเพื่อนกูอีก.. บัญชีนี้ยาวแน่” น้ำเสียงทุ้มห้าวของอีกฝ่ายดังขึ้นมาด้วยความหาเรื่องโดยไม่ปกปิด ขนาดตัวของเขาสูงกว่าผมเล็กน้อยเท่านั้น มันสะบัดหัวสีทองไปมาเบาๆพลางหันไปยักคิ้วให้ชายที่กำลังล็อคคอผมอยู่ “มึงเจ๋งมาก เชี่ยวิน”

..พวกเด็กห้องเจ็ด..

   เลือดในกายเย็นเฉียบ ผมเม้มปากแน่นก่อนจะตะโกนลั่น

   “ปล่อยกูสิวะ!”

   “เพื่ออะไร?” เสียงไอ้หัวทองดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มันก้าวเข้ามาหาผมพร้อมกับกระตุกยิ้มเล็กน้อย.. ไอ้ชั่วเอ๊ย!

   “กูไม่ใช่เมียไอ้เชี่ยดำ! แล้วกูกับมันก็เกลียดกันจะตายห่าไปข้าง! เลิกคิดอะไรเหี้ยๆได้แล้ว!” ผมกระแทกเสียงใส่พร้อมกับพยายามใช้ศอกตอกไปยันท้องคนที่ล็อคคอตนเองอยู่ แต่มันกลับไม่สะทกสะท้านเลยด้วยซ้ำ ยิ่งเหมือนเสียเปรียบเข้าขึ้นเรื่อยๆ! เหี้ยไรวะ นี่กูศอกใส่กล้ามใช่ไหม โฮฮ เจ็บศอกโว๊ย!

   ไอ้หัวทองเดินเข้ามาหาพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างจนน่าหวาดระแวงอีกต่างหาก และมันก็กดย้ำเสียงทีละคำ..

เป็นประโยคที่ทำให้ไอ้น้ำกรดคนนี้แทบจะกระโดดไปต่อยหน้ามัน!

   “แล้ว – ไง  ?”

เหี้ยเอ๊ย!

   ผมก่นด่ามันในใจ อยากจะขยับตัวเข้าแล้วถีบสักยอดหน้าสักที แต่กลับทำไม่ได้นี่สิ ไอ้เหี้ยที่ชื่อวินแม่งก็ล็อคกูแน่นจั๊ง! เดี๋ยวปั๊ดตดใส่.. ไม่ เดี๋ยวๆ กูไม่มีเวลามาฮา เวลานี้ต้องหาทางรอดก่อนดิวะ!

   “มึงตอนนี้ไม่ได้มีแค่กระทงเดียวว่ะ มันสามกระทงเลยต่างหาก” เจ้าหัวทองยังคงเอ่ยสาธยายต่อไปโดยไม่หยุด ผมได้แต่กัดฟันกรอด พยายามสะบัดตัวออกจากคนที่ชื่อไอ้วินแต่ก็ยังไร้ผล “กระทงแรก.. ถ้าหากกูทำร้ายมึงได้ ไอ้เชี่ยดำก็จะเจ็บ..”

ดอกกะหล่ำทองง! นี่มึงยังคิดเรื่องนี้อยู่เหรอฟะ!

   “มึงเป็นศัตรูกับมัน แล้วเกี่ยวอะไรกับกูวะ!” ตั้งแต่เจอแม่งก็รู้สึกจะมีแต่เรื่องฉิบหายจริงๆ! ผมตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายก่อนจะไอคอกแค่กเพราะแรงรัดที่คอมันเพิ่มขึ้นเสียนี่ ขอกูเถียงหน่อยเหอะ .. ไม่เถียงนี่กูตายเร็วนะเว้ย

   “มันหวงมึงจะตาย.. ไม่งั้นแม่งจะประกาศจับมึงทำเมียที่โรงอาหารเหรอ?”

..ไม่ใช่! คนละเรื่องแล้ว!!

   ผมกัดฟันกรอดกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แม่งเข้าใจผิดแบบมหันต์แล้วพากูเจ็บตัว จะเสียตูดหรือเปล่าก็ไม่รู้เนี่ย! นี่เชี่ยหัวทองเห็นชีวิตกูเป็นนิยายหรือไง ไอ้ประกาศทำเมียเพราะแอบรักไรงี้ กูว่ามันต้องชอบอ่านนิยายรักหวานแหววแน่ๆ!

   “กระทงสอง มึงทำร้าย..พรรคพวกกู” คราวนี้มันเปลี่ยนเป็นแสยะยิ้มกว้างกว่าเดิม คงหมายความตรงที่ผมไปต่อยเพื่อนๆมันสินะ เดี๋ยวๆ พูดอย่างนี้ไม่ถูกครับ กูเถียงก๊อนน!

   “ก็มึงจะรุมกู! กูแค่ป้องกันตัว!” ผมแก้ตัว ก่อนที่มันจะตะคอกใส่ประโยคถัดไปทันที

   “และกระทงที่สาม กูเกลียดขี้หน้ามึง!”

ผัวะ!

   คราวนี้ไม่ว่าเปล่า เป็นหมัดที่ลอยมาด้วยจนทำให้หน้าของผมถึงกับสะบัด กลิ่นคาวเลือดที่ลิ้มรสได้ภายในโพรงปากตนเองจนต้องเม้มปากแน่น.. เชี่ยเอ๊ย! แม่งต่อยหน้าผม! หน้ากูหล่อจะตายมึงจะต่อยหาพ่อมึงเรอะ!

   “กูเกลียดขี้หน้ามึงเป็นบ้า.. แถมมึงดันกลายเป็นคนสำคัญของศัตรูกูอีก..” มันยิ้มเหี้ยม ยกกำปั้นขึ้นมาขณะที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยด้วยซ้ำเนื่องจากถูกล็อคเอาไว้แน่น ปล่อยให้มันซัดเข้าไปอย่างนั้นแทน

ผัวะ!

   หมัดอีกข้างลอยเข้ามาพร้อมกับทำให้หน้าของผมหันไปอีกทาง แม่ง..  ถ้าไม่มีไอ้เหี้ยที่คอยจับตัวผมเอาไว้นะ ป่านนี้ต้องบุกไปต่อยหน้ามันกลับได้สักหมัดแล้วแน่ๆ! กูเสียหล่อหมดแล้ว สงสารกูเหอะ

   “เชี่ยวิน! มึงจับดีๆสิวะ!”  ผู้ชายที่ชื่อวินผงะไปครับก่อนจะล็อคแขนผมมากกว่าเดิม ไอ้หัวทองแม่งก็นักเลงเหลือเกิน สั่งอยู่นั่นแหละ ส่วนมึง ไอ้วินอย่าเสือกไปเชื่อฟังแม่งทุกอย่างดิวะ ตัวใหญ่ซะเปล่านะเหี้ย! ช่วยกูที๊! “คราวนี้กูจะทำอะไรกับหน้าเหี้ยๆอย่างมึงดีน้า..?”

   น้ำเสียงยียวนของมันดังขึ้นมาพร้อมกับเอื้อมมือสัมผัสใบหน้าผมที่ทำให้ขนลุกเกลียวทันที ความขยะแขยงแล่นเข้ามาจนทำให้ต้องพยายามถอยออก

..อย่าบอกนะว่า..
รู้สึกลางร้ายลอยเข้ามาแล้ว..


   “..เอ้า มองหน้าว่าที่ผัวของมึงดีๆซะสิ” ชายหัวทองตรงหน้ายังคงพูดต่อไป พร้อมกับจับปลายคางของผมก่อนจะเชิดขึ้นให้จ้องตา มันกระตุกยิ้มเล็กน้อย “มองหน้ากู.. แล้วจำไว้ดีๆ ว่ากูคนนี้จะเป็นผัวมึง!”

ห่า! กูโกรธ!

   เหี้ยเอ๊ย ชีวิตกูอะไรจะบัดซบขนาด มีแต่คนหมายปองเอากูไปทำเมีย หน้าผมก็ใช่ว่าจะหวานอะไรมากมาย คิดจะเอาก็ไปหาคนอื่นสิวะ!

   “ปล่อยกู! ไอ้สัตว์!” เสียงของผมตะโกนดังลั่นพร้อมกับร่างที่พยายามสะบัดไปมาเพื่อหลุดพ้นจากพันธนาการ หากแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเสียเลย อีกฝ่ายมันขยับตัวเข้ามาแล้วกระตุกยิ้มเหี้ยมอีกครั้งจนทำให้ผมขนลุกไปทั้งร่าง “มึงเป็นเกย์เหรอวะเชี่ย!”

   “มองไปมองมา หน้ามึงก็สวยดีเหมือนกันนี่”

   “สวยบ้านพ่อมึง!” รู้สึกเหมือนโดนหยามศักดิ์ศรีความเป็นผู้ชายของตนเองอย่างได้ชัด มันเลื่อนไปสอดมือเข้าใต้เสื้อของผมทันที ความรู้สึกคลื่นไส้สะอิดสะเอียนแล่นเข้ามาทำให้ผมแทบจะสำลัก พยายามดิ้นเท่าไหร่กลับไม่สามารถสะบัดออกได้เสียที ชายที่อยู่ข้างหลังผมมันดีกลางเป็นที่พิงให้ซะงั้น!

เหี้ย!!

   อีกฝ่ายใช้มืออีกข้างกระชากเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของผมจนกระดุมหลายเม็ดหลุดออกหล่นพื้น
..ผมกำลังเสียเปรียบ..

..อย่าบอกนะว่าต้องเป็นเมียมันจริงๆนะ?

   คิดได้ดังนั้นก็ถึงกับหน้าซีด..

..ไม่เอา..เชี่ย!
..กูเกลียดเกย์..

   ประโยคนี้สะท้อนอยู่ในหัวของตนเองวกวนไปมา สู้แรงของพวกมันไม่ได้จริงๆ.. ยิ่งผมจะพยายามดิ้นสุดตัวแต่กลับถูกมันต่อยลงที่ท้องสามสี่หมัดจนจุกและขยับตัวแทบไม่ได้อีกด้วย..

..เหี้ยเอ๊ย!

   “อย่ามาทำเก่ง..” น้ำเสียงน่าขยะแขยงในความรู้สึกถูกกระซิบดังแผ่วเบาข้างใบหู ลิ้นร้อนที่โลมเลียอยู่และสัมผัสเปียกชื้นทำให้ผมถึงกับขนลุกเกลียวไปทั่วร่าง..

..ไม่เอา เหี้ยเอ๊ย!

   และมันก็เปลี่ยนจากการโลมเลียที่หู ฝ่ามือค่อยๆลูบไปทั่วหน้าท้องของผมจนทำให้ทั้งร่างรู้สึกขนลุก ทั้งพยายามที่จะดิ้นสุดความสามารถ สองขาสะบัดไปมาถีบอย่างไร้ความหมายแต่คนตัวสูงกว่ากลับแทรกร่างเข้ามาที่กึ่งกาง ใช้เข่าถูไถลงที่จุดศูนย์กลางแล้วคลึงไปมาจนทำให้ผมรู้สึกขยะแขยง มันไม่ได้เกิดอารมณ์ขึ้นแม้แต่นิดเดียว..

..เหี้ย.. กู ..กูไม่เอา!

   ความทรงจำบางอย่างของผมแล่นเข้ามาพาลให้น้ำตาแทบจะคลอเบ้า ทั้งร่างเหมือนจะไม่มีแรง พยายามสะบัดออกก็ถูกอีกฝ่ายโลมเลียขึ้นมากเท่านั้น ยิ่งตอนที่ริมฝีปากมันเข้ามาประทับลงบนต้นคอของตนเองยิ่งทำให้ผมรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วร่าง รับรู้ถึงความเจ็บเพราะชายตรงหน้ากัดเข้ามาอีกด้วยซ้ำ

..หากแต่ระหว่างที่กำลังถูกชายตรงหน้าบุกรุก.. ผู้ที่ชื่อว่า ‘วิน’ กลับค่อยๆเอนใบหน้าเข้ามาข้างหูของผม!

   ทั้งร่างรู้สึกเหมือนถูกหักศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชาย.. นี่มึงแค่คนเดียวยังไม่พออีกเหรอ ทำไมต้องสองคนวะ กูไม่เอา.. กูไม่เอา!

ทว่า..ทุกอย่างกลับตาลปัตร.. เมื่อไอ้ชายชื่อวินเข้ามากระซิบจนใกล้ใบหู แล้วเอ่ยออกมาแผ่วเบา..

   “..พอกูปล่อยมึง.. ต่อยหน้าไอ้ท็อป หันมาชกกู แล้ววิ่งออกไปเลยนะ”

หา..?

..หัวของผมเองยังไม่ทันที่จะได้ทำงานได้ดี ไอ้ผู้ชายนั่นมันก็ดันปล่อยให้ตัวของผมเป็นอิสระระหว่างที่เจ้าหัวทองกำลังไล่มาทางหน้าอกแบนราบของผม!


เหี้ย ใครชื่อท็อป ไอ้หัวทองนี่เหรอ เออ ช่างแม่ง!


   ผมไม่รู้ล่ะ.. แต่..ผมถีบไว้ก่อน!


โครม!!

   เหมือนการทรงตัวของผมจะง่ายขึ้นเมื่อไม่ถูกไอ้เชี่ยที่ชื่อวินกักเอาไว้ ที่แท้เจ้าท็อปก็ไม่ได้แรงเยอะอะไรหรอกเพราะพอโดนลูกถีบผมแม่งถึงกับเซถลาไปเลยด้วยซ้ำ คนที่แรงเยอะจริงๆน่ะ คือวินต่างหาก!

..แต่.. มันช่วยผม?

   “ไอ้เหี้ย!” เสียงของท็อปที่ถูกตะโกนลั่นราวกับโกรธแค้นผมดังขึ้นทำให้ทั้งร่างสะดุ้งเฮือก หันไปต่อยไอ้วินมันไม่ทันแล้วแหงๆ ผมจึงตัดสินใจรีบหมุนตัวออกแล้ววิ่งออกไปทันที!
เดี๋ยวค่อยขอบใจไอ้คนชื่อวินที่หลัง!

   เป็นความคิดลำดับแรกที่ดังขึ้นมา ผมวิ่งไปสักพักเพื่อพาร่างตนเองออกจากที่นี่ หากแต่ถูกคนที่สามขวางเอาไว้เสียก่อน!

ผมควรจะจำเอาไว้ให้ดี.. ว่ามันมีกันสี่.. ไม่ใช่สอง!

   ผมกัดฟันกรอด สองขาเผลอถอยหลังทว่ากลับถูกชายตรงหน้าที่น่าจะเป็นคนที่ตนเองต่อยลงไปเต็มๆมองกลับมา

   “ไง.. ทำกับกูแสบมากเลยนะ” เป็นเสียงของอีกฝ่ายที่ดังแว่วขึ้นขณะที่นัยน์ตาของอีกฝ่ายจับจ้องมาทางผม “หมัดหนักไม่เบา.. สมกับเป็นเมียไอ้นัยจริงๆ”

   “ใครเมียมันวะ!” ไม่ไหว.. เสียวเสียพรหมจรรย์จริงๆ! แต่ก็ยังขอเถียงว่ากูไม่ใช่เมียไอ้เชี่ยดำก่อน! ไอ้เชี่ยยย

   “โธ่.. ไม่ใช่เมียไอ้นัยมันก็ได้” อีกฝ่ายเอ่ยออกมาพร้อมกับใช้ลิ้นเลียปากน้อยๆจนทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงกว่าเดิมเป็นหลายเท่า สายตาของมันเหมือนพวกคนหื่นกามที่มองมาอย่างต้องการ ไล่สายตาบริเวณร่างของผมที่ถูกเปิดเผยเพราะเสื้อผ้ายับยู่ยี่ “..แต่เป็นเมียกูไปก่อนก็แล้วกัน.. ไอ้หัวนมสีชมพู”

ปี๊ด...!

   “ชมพูพ่อง!!” คำว่า ‘หงุดหงิด’ เข้ามาแทนที่ความรู้สึกหวาดผวาทันทีทันใด ใครหัวนมสีชมพูกันวะ แม่งสงสัยตาบอดสี! ผมกัดฟันกรอดแต่ขามันก็ได้แต่ถอยต่อเท่านั้น ถึงจะแอบสงสัยว่าทำไมไอ้คนชื่อท็อปกับวินมันไม่ได้วิ่งตามมาก็ตามเหอะ..

แต่เหี้ยนี่ก็อันตรายเหมือนกัน พวกห้องเจ็ดแม่งมีแต่หื่นกามใช่ไหมวะ!

   “รอยแดงเต็มคอเลยนะมึง..” ชายตรงหน้าเอ่ยออกมาก่อนจะสาวเท้าก้าวเข้ามาใกล้กว่าเดิมจนทำให้ร่างของผมขนลุกซู่อีกรอบ “ว่าไงล่ะ..”

   “ไม่ต้องมายุ่งกับกู! ศัตรูใครก็ศัตรูมัน! อย่าเอากูไปเสือกดิวะ!” ตัดสินใจที่จะตะโกนประโยคนี้ออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น สองขาเผลอถอยหลังกลับสู่เส้นทางเดิมที่เพิ่งวิ่งออกมาเสียอย่างนั้น

   “แต่ถ้ามันทำให้ไอ้เชี่ยนัยรู้สึกแย่ได้.. พวกกูก็ยอมให้มึงเสือก!!”

   มันว่าพร้อมกับเดินข้ามาจะใช้สองมือนั่นล็อคผมเอาไว้ แต่คราวนี้มันทำอะไรไม่ได้หรอก.. ก็ผมน่ะไม่มีใครล็อคแล้ว!

ผัวะ!

   เป็นเสียงหมัดของผมเองที่ลอยเข้าไปใส่หน้าของไอ้เชี่ยนี่ก่อน ครั้งที่แล้วกูชกด้านซ้าย คราวนี้โดนด้านขวาไปก็แล้วกัน!

   “ไอ้เชี่ยนี่!” มันเหมือนจะเกรี้ยวกราดตัวของผมเองไม่น้อย หันกลับมาก่อนจะกระชากกางเกงผม! ฉิบหายกูแล้ว! มันไม่ได้จ้องที่จะต่อยหรือกระทืบ.. แต่มันจ้องที่จะ ‘เอา’ ผม!!

   “ไอ้เหี้ย!! ปล่อยกางเกงกู!” ผมร้องลั่นแล้วพยายามที่จะส่งหมัดไปที่หน้ามันแต่กลับทำอะไรไม่ได้ หนำซ้ำยังเสียหลักเพราะถูกดึงขาจนทำให้หลังกระแทกแล้วนอนราบไปกับพื้นอีก! “ไอ้.. ไอ้เวร! ปล่อย!” มันเลื่อนร่างกายเข้ามาเพื่อที่จะทาบทับตัวผมจนทำให้ขยับไม่ได้.. อึก น้ำหนักเยอะฉิบหาย! กูเกลียดมึง! เหี้ยยย

   ผมพยายามที่จะดิ้นหลุดออกแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เข่าของอีกฝ่ายกดแน่นที่ช่วงบริเวณต้นขาของผมทำให้ไม่สามารถดิ้นหลุดได้ ในขณะที่มือมันก็จับไหล่ของผมติดไว้ที่พื้นสกปรกนั่นอีก..

   ความรู้สึกขยะแขยงแล่นวาบเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ..ก่อนหน้านี้ยังรอดมาได้เพราะมีคนช่วย แต่คราวนี้ไม่มีใคร..






..ไม่มีใครเป็นคนช่วย..





   ความทรงจำในอดีตเมื่อยาวนานถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนทำให้น้ำตาพาลรื้นขึ้นมา ..ใช่ สองครั้งที่เกือบจะโดน.. ผมมีคนช่วยเอาไว้ตลอดเลยนี่นา..




   ทั้งร่างรู้สึกเหมือนถูกจมดิ่งลงสู่น้ำทะเลลึก หายใจไม่ออกด้วยความกลัว ขยะแขยง..ที่สุด.. โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้..


..ใกล้.. จนสัมผัสถึงลมหายใจกันและกัน.. ผมหลับตาแน่นด้วยความหวาดกลัว..
..


ช่วงวินาทีนั้นเอง.. ประโยคบางอย่างกลับแล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง


..แต่กูจะรับผิดชอบ..


   ผมเม้มริมฝีปากของตนเองแน่น


..ไหนบอกจะรับผิดชอบกูไงวะ .. ไอ้เหี้ยดำ..
..แล้วตอนนี้..มึงไปอยู่ไหนกัน?
.




.
.


ผัวะ!!


   “อุก!”

   ทันใดนั้นเองกลับมีของแข็งถูกจับกระแทกกับบางสิ่งจนเกิดเสียงดังขึ้นมาพร้อมกับร่างของชายตรงหน้าที่ร้องออกจนทำให้ผมสะดุ้ง น้ำหนักของอีกฝ่ายถูกถาโถมเข้ามาทับร่างของผมเอาไว้จนรู้สึกอึดอัด ร่างที่กำลังสั่นอยู่ค่อยๆหยุดลง..

เกิดอะไรขึ้น?

   มือของไอ้ผู้ชายคนนั้นมันไม่ได้เข้ามาละลาบละล้วงแล้ว.. ผมทำใจสักพักใหญ่ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นยอมมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความหวาดผวา..

..และ..

สีชมพู.. คือสิ่งแรกที่เห็น..


   มันเป็นสีชมพูที่ล่องลอยอยู่ตรงหน้า ผมกระพริบถี่ๆเพื่อเพ่งให้แน่ชัด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงเป็นสีชมพู ไม่นานนักความรู้สึกอึดอัดแน่นก็ต้องหากไปเมื่อร่างของชายที่ทับผมอยู่ถูกเขี่ยออกด้วยฝ่าเท้า ทัศนวิสัยการมองเห็นของผมถูกขยายให้กว้างขึ้นจนทำให้รู้ขึ้นมา..

..ประสาทการมองเห็นถัดมาที่รับรู้..

..
สีดำ..
..ไม่สิ สีคล้ำกร้านแดดต่างหาก..


   ผมค่อยๆยกมือขึ้นขยี้ดวงตาตนเองทั้งๆที่ยังคงนอนแผ่ราบบนพื้น.. ทุกสิ่งทุกอย่างจับกันเป็นรูปร่าง ชายร่างสูงที่มีผิวสีแทนกำลังนั่งยองๆอยู่ข้างตัวของผมอยู่ อีกฝ่ายใช้นัยน์ตาคมที่ผมเกลียดนักเกลียดหนาจับจ้องนิ่งๆตามนิสัยของมัน..

   เขากำลังถือขวดนม.. รสสตอเบอรี่อยู่..

สีชมพูเห็นอย่างแรก คงจะเป็นสิ่งนี้ก็เป็นได้..

   อีกฝ่ายก้มลงจับจ้องผมด้วยสายตาเรียบเฉย ใช้มือโยกขวดนมไปมาก่อนจะเป็นเอ่ยประโยคคำพูดแรกออกมา..





   “กูบอกว่าให้มึงรอหน้าร้านไม่ใช่เหรอ.. ไอ้เหี้ย”




   คำพูดแรก.. ที่สมกับเป็นมันจริงๆ

   ผมรู้สึกทั้งร่างหมดเรี่ยวแรงไป มันยังคงมองนิ่ง ก่อนจะเอาขวดนมรสสตอเบอรี่มาทาบใบหน้าของผม

   “..เอ้า.. นี่ นมรสสตอเบอรี่ ของมึง”


   ไม่รู้ทำไมถึงอยากร้องไห้เสียดื้อๆ .. แต่มันกลับทำไม่ออกเพราะศักดิ์ศรีค้ำคออยู่ ไอ้เชี่ยดำยังคงหน้านิ่งใส่แล้วทรุดตัวนั่งอยู่ข้างๆผมที่กำลังนอนแผ่ราบไปกับพื้น สายตามันไม่คิดจะมองเสื้อผ้ายับยู่ยี่ที่ผมใส่อยู่เลยด้วยซ้ำ ไม่มองแม้กระทั่งลำคอหรือร่างกายที่เกือบถูกกระทำจนเป็นรอยแดง เพราะมัน.. เพียงแค่จ้องมาที่ใบหน้าของตัวผมเองก็เท่านั้น..


แค่นั้นจริงๆ.. เป็นเหตุทำให้ความรู้สึกเล็กๆบางอย่างก่อขึ้นมาภายในใจของตน


   สุดท้าย รอยยิ้มกวนประสาทของผมก็ผุดขึ้นที่ใบหน้า แม้จะรู้สึกเจ็บ กูก็ยังยิ้มได้ล่ะวะ เพิ่งรู้สึกว่าแก้มข้างที่ไอ้เชี่ยดำเอานมสตอเบอรี่ทาบ มันจะเป็นข้างเดียวกับที่โดนไอ้ท็อปต่อยและบวมหนักซะด้วย..


..เหอะ.. มึงนี่มันแผนสูง..


    ผมค่อยๆมองมันอย่างตั้งใจกวนโทสะน้อยๆ ความเย็นที่บริเวณแก้มตนเองยังถูกส่งออกมา ก่อนจะเป็นฝ่ายพูดตอบมันตามนิสัยตนเองบ้าง
...






   “มึงมาช้ามาก.. นมสตอเบอรี่แม่งไม่เย็นแล้ว ไปซื้อใหม่ให้กูเลย”





....
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.14 UPPPP (8/5)
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 08-05-2014 21:39:18
โอ๊ย!!!!น่ารักโว๊ย!!!!เชี่ยดำแม่งมาช้าแต่โผล่มาทีอย่างน่ารักเลยโว๊ย!!!
อ๊าคๆๆๆ ขออภัยที่หยาบนะคะ
ลุ้นมากให้ตายเหอะ เราเข้าใจละทำไมเกลียดเกย์ ที่แท้มีความหลังนี่เอง
เฮ้อ ดีจัง อย่างน้อยในพวกเหี้ยๆก็ยังมีพวกที่พอรู้เรื่องแบบวินอยู่ เฮ้อ ลุ้นสุด
ดำคุณมึงกรุณาโชว์แมนด่วนๆนะคะ เห็นไหมเสื้อเละกระดุมกระเด็นนะ ถอดเสื้อให้เลย!!!
รอต่อนะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! UP! Ch.14 UPPPP (8/5)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 09-05-2014 00:02:46
 :hao7: ดำเท่ห์มาก เท่ห์สุดๆ
ถึงจะมาช้าแต่เปิดตัวได้เท่ห์จริงๆ
ในเมื่อเราถูกใจดำขนาดนี้เอาน้ำกรดไปเลย ฮ่าฮ่าฮ่า

ปอลิง: วินท๊อปจะมีซัมติงป่ะ แอบจิ้น หึหึ  :hao6:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.14 UPPPP (8/5)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 09-05-2014 13:10:58
สุดยอดดดด เท่มากๆ
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.14 UPPPP (8/5)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 10-05-2014 00:23:27
น้ำกรดมีความหลังฝังใจซะด้วย
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.14 UPPPP (8/5)
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 24-05-2014 20:15:50
 :call:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.14 UPPPP (8/5)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-05-2014 01:21:08
 o13
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.14 UPPPP (8/5)
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 25-05-2014 19:18:16
รอตามอ่านต่อน๊าคร๊าฟ


นี่อ่านมาหลายตอนละ  ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้กันเลย   ๕๕๕
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.14 UPPPP (8/5)
เริ่มหัวข้อโดย: Satanza321 ที่ 26-05-2014 03:40:16
รู้สึกเป็นปลื้มนายดำ(นัย)ยังไงไม่รู้แฮะ :m3:
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.15 UPPPP (4/6)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 04-06-2014 19:53:13
กราบขอโทษที่หายไปนานทั้งๆที่คิดว่าจะอัพแล้วแท้ๆ.. จะรีบอัพให้ทันแล้วค่ะ TvT ตอนนี้เริ่มเคลียร์งานเสร็จมีเวลามานั่งอัพแล้วว เย้! ขอบคุณทุกๆการติดตามนะคะ

___________________________________


C h a p t e r  15
คนเกลียดกัน มักจะต้องตามหากัน


   คนกวนตีนมักจะกวนตีนได้เสมอ ตลอดเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง ตลอดทั่วทั้งชีวิตที่มันหายใจอยู่ ไม่ว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์เหี้ยๆ หรือฉิบหายมากแค่ไหน.. ก็ยังกวนตีนได้


เป็นประโยคที่ผมมอบให้ตัวเอง และไอ้ดำครับ..


   ผมไม่คิดจะเอ่ยแม้คำว่า ‘ขอบคุณ’ ในขณะที่ไอ้ดำก็เสือกไม่พูดคำว่า ‘ไหวไหม?’ หรือแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใย เพียงแค่ด่าผมด้วยคำที่ว่า..


   “มึงเหี้ยมาก”


..นี่คือคำพูดของมันจริงๆ!


   ผมขบฟันกรอดก่อนจะยันตัวขึ้นมาพร้อมกับพ่นลมหายใจแรง ความรู้สึกเจ็บบริเวณซีกแก้มที่ถูกต่อยแล่นแวบจนต้องเบ้ปาก ไอ้เชี่ย.. ต่อยหนักจริงๆ เวรเอ๊ย


   แต่เอาเหอะ.. แต่อย่างไงผมก็เกือบโดนเอาแล้ว ซวยฉิบหายไหมล่ะ ไอ้น้ำกรดคนนี้เนี่ย!


   “จะไปไหนวะ?” ผมถามไอ้เชี่ยดำขณะที่มันใช้เท้าเขี่ยร่างบนพื้น.. ไอ้ผู้ชายที่ชมว่าหัวนมกูชมพู! เหี้ย ตาบอดสีเหรอวะ น้ำตาลเห็นๆยังบอกว่าชมพู! “ไอ้เชี่ย ตอบกูสิ!”


   มันปรายตามามองผมแวบหนึ่งแล้วยักไหล่น้อยๆ


   “แดกนมสตอมึงได้ล่ะ” เสียงทุ้มกล่าวกับตัวผมก่อนจะชี้ไปยันนมสตอเบอรี่ในมือ นัยน์ตาคมของอีกฝ่ายกวาดตามองรอบซอย


   “เหอะ.. เออ ว่าแต่.. มึงใช้อะไรทุบหัวมันวะ?” ผมจำได้ลางๆว่ามีเสียง ‘ตุบ’ ไม่ก็ ‘ผัวะ’ นี่แหละดังขึ้นมาก่อนที่ร่างของไอ้เหี้ยที่ลวนลามตัวเองจะล้มไป.. เชี่ยดำเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะชี้ไปยัน


..


นมสตอเบอรี่ของโปรดกูครับ..

   “.....”

   “อาวุธชั้นดี”

.. เหี้ยดำ กับอาวุธนมสตอวิเศษ..

   ผมคิดในใจเงียบๆรับรู้บางอย่าง แปลว่าอีกฝ่ายแรงเยอะพอสมควรเลยด้วยซ้ำที่จะทำให้ไอ้ผู้ชายร่างยักษ์สลบได้ด้วยการใช้ขวดนมสตอเบอรี่ตีหลังคอเนี่ย..


   “สงสัยอะไรอีก?” มันถามเสียงเรียบขณะที่มองมายันผม คิ้วเข้มขมวดติดกันเล็กน้อย


   “ไม่มีแล้ว” ตอบกลับไปพร้อมกับขยับไหล่ตนเองเบาๆครับ แต่ก็ต้องชะงัก..


..เมื่อเห็นสายตาอีกฝ่ายกำลังมองที่ตัวเอง..


   “....” แม่งยังจ้องไม่เลิก ทำไมวะ เชี่ย สัตว์ จ้องกูหาพ่อมึงเหรอ?


   “มองหน้ากูนี่มีปัญหาหรือเพราะกูหล่อ?” ถามกลับไปพร้อมก้าวเท้าไปหา ไอ้เชี่ยดำก็ยังคงมองอยู่ ดวงตาสีเข้มตวัดสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า..


..อะไรของมันวะ?


   ก่อนที่จะได้ยินเสียงถอนหายใจดังเฮือกแรงๆซะงั้น!


   “..มึงนี่.. ขนาดเสื้อหลุด ยังไม่เซ็กซี่เลยว่ะ.. ปลุกอารมณ์กูไม่ได้สักนิด”


...


   ผมเงียบ ก้มลงมองร่างตัวเองแล้วก็ทราบทันทีว่ามันมองอะไรอยู่.. แล้วดูประโยคที่อีกฝ่ายพูดสิ.. เล่นเอาคิ้วกระตุกยิกๆ..


   เพราะว่าเสื้อผ้าที่ปกติถูกติดกระดุมอยู่มันกลับยับเยินจนโชว์หน้าอกขาวๆของตัวเองน่ะสิครับ..


..ขนาดเสื้อหลุดยังไม่เซ็กซี่เลย..


   พอรู้อีกที ร่างสูงของไอ้ดำแม่งก็เดินนำออกไปก่อนลิ่วๆแล้ว.. เล่นเอาผมกัดฟันกรอด..


   “แล้วคิดว่ากูอยากเซ็กซี่นักเหรอ.. เหี้ย!!”




   หากแต่เช้าวันต่อไปคงเป็นอะไรที่ห่วยแตกที่สุด.. เพราะเมื่อเคารพธงชาติหน้าเสาธงเสร็จ ชื่อนามสกุลผมกับไอ้ดำและใครไม่รู้อีกประมาณสามสี่ตัวก็ลอยประกาศพบอาจารย์ไม้ลั่น!!


บอกผมที ใครเป็นคนปากเปราะไปฟ้องอาจารย์?


   “ได้ยินมาว่าพวกคุณมีเรื่องกันในวันเสาร์ที่ผ่านมานี่ครับ”


หวับ หวับ


   น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางของอาจารย์ไม้ดังขึ้นมาเรียบๆพร้อมกับเสียงไม้เรียวที่ตวัดหวดอากาศ ผม ไอ้ดำ และเจ้าพวกเด็กห้องเจ็ดถูกเรียกมาในห้องอาจารย์ไม้ตอนเวลาหลังเลิกเรียนทันที..


..ฉิบหายไหมล่ะ..


   เอาตรงๆรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจมอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่ผมเข้าเรียนมานี่ไม่เคยถูกส่งเข้าหาอาจารย์คุมหอบ่อยขนาดนี้.. เพราะเจอกับมึงแน่ๆเลย ไอ้เชี่ยดำ!


จะว่าไป ไอ้ดำเองก็มีสีหน้าหงุดหงิดอยู่พอสมควรเลยทีเดียว คิ้วเข้มของมันขมวดติดกันแน่นราวกับไม่พึงพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เออ ผมก็ไม่พอใจเหมือนกัน!


   “คราวนี้ใครต่อยใคร ไหนบอกผมมาสิ”


เชี่ย! อย่างนายน้ำกรดน่ะ เรียกว่าป้องกันตัวจากการโดนปล้ำ!


   อยากจะตะโกนออกไปนะ.. แต่ถ้าพูดแม่งก็เหมือนเสียศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายอย่างหนึ่งเลยล่ะ อยู่ๆโดนคนมาไล่จับปล้ำเนี่ยนะ? บ้าไปแล้ว! ผมทำได้แค่กัดฟันกรอดแล้วก้มหน้านิ่ง

 ..เหี้ย ..เหี้ย.. เหี้ย.. ผมน่ะ เป็น ‘คนเดือดร้อน’ ที่สุดไม่ใช่เหรอ?

ตั้งแต่เริ่ม ผมไม่ใช่เหรอที่โชคร้ายที่สุด!


   ทั้งไอ้เชี่ยดำที่มีเรื่องกับผู้ชายจนเดือดร้อนและเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น จนถึงต้องวิ่งหนีไอ้พวกเด็กห้องเจ็ด ศัตรูเชี่ยดำ ถูกพวกมันเข้าใจผิด จบด้วยการจะโดนจับทำเมีย!

คนเดือดร้อนน่ะมันผมไม่ใช่หรือไง? ทำไมกูต้องมาเจอเหตุการณ์นี้ด้วยวะ!

เหี้ย.. กูผิดแค่ปากหมาเองนะเว้ย?


   “นายธนพล คุณยังไม่ไปย้อมสีผมกลับเลยนะครับ” อาจารย์ไม้กล่าวเรียบๆพลางหันไปมองหน้าเชี่ยท็อปหัวทองอร่าม มันยักคิ้วเล็กน้อยกวนประสาทกลับไปอีกนั่น


   “ชีวิตผม ผมมีสิทธิ์ของผม”


   “แต่กฎก็คือกฎ คุณควรจะย้อมกลับมาเป็นสีดำดั่งเดิม” ชายตรงหน้ายังคงเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไอ้ท็อปทำเสียงจิ๊ในลำคอน้อยๆแล้วสะบัดหน้าไปอีกทาง “ถ้าครั้งหน้าคุณยังไม่ย้อมผมกลับมาเป็นสีเดิม ผมจะหักคะแนนจิตพิสัยคุณ”

   “หักสิ ใครกลัว”


นั่นแน่ะ มันยังจะท้าอาจารย์!
   

   ชายวัยกลางคนพ่นลมหายใจแรงราวกับเหนื่อยหน่าย คราวนี้เขาเปลี่ยนทิศไปยังคนที่ยืนข้างๆเชี่ยท็อป.. ไอ้วิน

ผู้ชายที่ช่วยผมเอาไว้..


   วินเป็นคนร่างสูงพอๆกับไอ้ดำเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่หน้าตามันเข้าขั้นเด็กเรียนอย่างร้ายกาจเนื่องจากแว่นดำกรอบสี่เหลี่ยมที่สวมอยู่ อาจารย์ไม้มองใบหน้าของอีกฝ่ายพักใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ


   “ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นหนึ่งในนั้น ภวิน”  ผู้ถูกเรียกยังทำสีหน้านิ่งเฉยอยู่เช่นเดิมราวกับไม่ตอบสนอง ไอ้เหี้ยนี่.. แม่งเจ๋งว่ะ โดนจารย์กดดันยังเงียบสนิทอย่างกับขอนไม้ได้เลย ต่างกับเพื่อนมันสุดๆ ดูเชี่ยท็อปดิ หน้าบูดเป็นเป็ดแล้วนั่น! “คุณเป็นเด็กเรียนเก่ง”


   “...”


   “แต่อย่างไงก็ตาม เรื่องทะเลาะวิวาทก็ไม่สมควรจะเกิดขึ้น ขอโทษที่ผมต้องหักคะแนนคุณ”


   “ครับ” เขาตอบรับเงียบๆพลางพยักหน้าหงึกอีกรอบ เฮ้ยๆ เหี้ยนี่ทำผมแอบปลื้มแล้วว่ะ แม่งพูดนิ่งๆอย่างเจ๋งอ่ะ! ระหว่างที่ผมกำลังชื่นชมไอ้วินอยู่นั่นเองก็เห็นว่าสายตามันเหลือบมามองผมนิดหน่อยด้วย


เฮ้ย! ยิ้มให้ผมด้วย


   เออ ต้องอย่างนี้ดิ อยู่กับจารย์แล้วมีมารยาท อยู่กับเพื่อน(?)แล้วยิ้มให้ ถึงจะหน้านิ่งแต่ก็ยังดูน่าคบ!


..ไม่เหมือน.. ใครบางคน..


   คิดได้เท่านี้ ผมก็แอบเหลือบมองไปยันคนผิวสีคล้ำที่อยู่ใกล้ๆแทนครับ..


..


หน้าก็เหี้ย ตัวเสือกดำ แถมยังทำนิ่งกวนตีนอีกต่างหาก!


   นั่นแน่ะ ไอ้เชี่ยดำแอบเหลือบมามองนิดๆ หึ กูกำลังนินทามึงอยู่ในใจเองล่ะ! มีปัญหาไรเปล๊า!


   “ต่อไป .. นายกรกฎ” เหมือนอาจารย์ไม้จะเรียงตัวจริงๆ ไอ้กรกฎ.. คือคนที่จะจับผมทำเมีย แถมบอกกูหัวนมสีชมพูอีก ไอ้เชี่ย ไอ้หมาไม่แดก ไอ้เหี้ยตาบอดสี! “คุณอยู่ในเคสพิเศษเพราะเป็นเด็กม.5 ผมจะทำโทษคุณที่หลังสุด เก็บข้าวของแล้วไปยืนหน้าห้อง”


   เฮ้ยย! ม.5 เองเรอะ? อ่อนกว่าผมหนึ่งปีเลยอ่ะดิ!?


   “....บู้ว์” ไอ้คนที่ชื่อกรกฎพ่นลมออกมาเบาๆแล้วเอียงหัวไปมาก่อนจะหันหลังเดินออกไปยืนอยู่หน้าห้องตามที่อาจารย์ไม้บอกจริงๆด้วย ว่าแต่ เคสพิเศษ? เรื่องอะไรวะ นี่มีคนทำตัวเหี้ยๆกว่าพวกผมอีกเหรอ?


   แต่แล้วความคิดก็ต้องหยุดลงกลางอากาศ ..เมื่อนัยน์ตาคมของอาจารย์ไม้เปลี่ยนทิศ.. มาหาผมกับไอ้ดำ!


   “ข่าวของผมแจ้งมาว่าพวกคุณสองคนไม่ได้มีเรื่องกัน เป็นความจริงหรือเปล่า?”


   “ครับ” เชี่ยดำเป็นฝ่ายตอบขณะที่พยักหน้ารับอีกรอบ ส่วนผมก็ทำเพียงแค่ยืนพยักหน้าแล้วเมินหนีไปอีกทางเพราะความหงุดหงิด ในใจยังคงท่องเสมอ ประโยคที่ว่า ‘ทำไมกูต้องมารับโทษด้วยวะ เหี้ย!’ เนี่ย ..


..ลองมานับดูดีๆ ผมหาเรื่องมันไปแค่ครั้งเดียวเองนะ แล้วทำไมมีเรื่องตามมาเยอะขนาดนี้วะ?


   “แต่พวกคุณสองคนอยู่ในการทะเลาะวิวาทกัน ถูกไหม?”


   “ไอ้เหี้ยนัยมันเป็นคนเริ่มก่อน!!” คราวนี้ถึงกับสะดุ้งเป็นแถบ ไม่ใช่เสียงผมหรอกนะ อย่างนายน้ำกรดไม่มีวันเรียกเชี่ยดำว่านัย แต่เป็นเจ้าหัวทองต่างหาก! “มันหักอกน้องกู!”


อ๋อ.. ที่แค้นเชี่ยดำก็เพราะอย่างนี้เองเหรอ..


เดี๋ยว! อะไรวะ?


   ผมหันขวับไปมองเชี่ยดำที่กำลังยืนนิ่ง ดวงตาของมันไร้อารมณ์จนน่าตกใจด้วยซ้ำ ส่วนไอ้ท็อปก็กัดฟันกรอดซะแล้ว


   “...”


   “มันฟันน้องกูแล้วทิ้ง! ไอ้เหี้ยอย่างมันน่าจะมีชีวิตอยู่บนโลกไหมเล่า!” รับรู้ความจริงที่ไอ้ท็อปตั้งแง่เป็นศัตรูกับไอ้ดำแล้วนั่นไง.. ดำ มึงเลวเต็มประตูเลยนะ เอาคนแล้วทิ้งเนี่ย แล้วทำไมมึงถึงคิดจะฟันกู(?)แทนเพื่อแก้แค้นเหรอวะ สมองมึงนี่บรรลัยมากเลยนะไอ้หัวทอง!


อ้าว เดี๋ยว แล้วคู่ขามันล่ะ เจ้าจินล่ะ เฮ้ยๆ! นี่มึงก็ฟันจินแล้วทิ้งเหรอวะ! ชักแปลกๆแล้ว!


   “ใจเย็นๆ” ผมได้ยินเสียงคนที่เพิ่งส่งยิ้มให้ตนเอ่ยแผ่วเบาด้วยสีหน้าเหมือนตื่นตระหนก ส่วนอาจารย์ไม้ก็ทำเพียงกอดอกแล้วปรายตาจ้องพวกเราสี่คนเท่านั้นราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่


   แต่มีหรือที่ไอ้ท็อปมันจะฟัง?


   “จารย์คิดดูสิ! มันฟันน้องผม! คนอย่างมึงควรไปตายจริง!!”


   “ไอ้เหี้ยท็อป! ใจเย็น!” เสียงวินได้ขึ้นมาพร้อมทั้งร่างที่พุ่งเข้าไปล็อคแขนของชายร่างโปร่งที่หมายจะกระโจนเข้าไปต่อยหน้าไอ้เชี่ยดำ “ใจเย็นๆดิวะ!”


   “กูไม่เย็นแล้วไอ้วิน! ปล่อยกู.. กูจะเอาเลือดออกจากปากมัน!!” ท็อปดิ้นแรงจนวินต้องเพิ่มแรงล็อคให้แน่นกว่าเดิมด้วยซ้ำ “ไอ้..ไอ้เชี่ยวิน!”


   “กูไม่อยากให้มึงมีเรื่อง!!” เพื่อนร่างสูงหันไปตะโกนใส่หน้าเจ้าของเรือนผมสีทองที่กำลังดิ้นอยู่ วินกระชับตัวของท็อปให้ขยับมาใกล้พร้อมตวัดดวงตาจ้องไปในใบหน้าของคนตัวเล็กกว่า “..ท็อป”


   ประโยคถัดไปเหมือนเรียกสติของคนที่ใกล้ปะทุแตก ท็อปเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะหายใจหอบแรงราวกับพยายามสงบสติอารมณ์ ผมแอบเหลือบมองไปยันชายที่เป็นต้นเหตุของเรื่องบ้าบอนี่ทั้งหมด..


..


มันยังคงทำหน้านิ่งเหมือนเดิม


   “ผมขอโทษนะครับอาจารย์” วินเอ่ยต่อพร้อมกับโค้งศีรษะลงเบาๆ ในขณะที่มือนึงคว้าไหล่ไอ้ท็อปเอาไว้พร้อมลูบไปมาราวกับต้องการให้สงบสติอารมณ์ “พวกผมกับดนัยไม่ค่อยถูกกันตั้งแต่ม.5แล้วด้วยน่ะครับ..”


   อาจารย์ไม้พยักหน้าเบาๆก่อนที่คิ้วจะขมวดแน่นเมื่อได้ยินประโยคถัดไปดังมาจากท็อป


   “มึงมันเลว..” เสียงทุ้มดังขึ้นแผ่วเบาราวกับเคียดแค้นก่อนที่ผู้พูดจะถูกจับกดหัวให้หน้าผากซบลงบริเวณไหล่ไอ้วินแทน “...”


   “ใช่ว่าผมไม่เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขา ..มันลั่นจนใครๆทราบกันทั่วโรงเรียนแล้ว” อ้าว ..ไอ้ดำ นี่มึงดังเรื่องฟันแล้วทิ้งเหรอวะเนี่ย เสียประวัติห้องกูจริงๆ “แต่ประเด็นเหมือนว่าคราวนี้คุณจะลากนายน้ำกรดเข้าไปเกี่ยวด้วยเหมือนกันนะครับ”


   “...” ท็อปผละออกมาจากวินทันทีพร้อมสะบัดหน้าหนีไปอีกทางแล้วกัดฟันกรอด เวร.. เกริ่นมาตั้งหลายหน้า กูก็มีบทสักที


   และพอบทผมมา.. เหยื่อรายถัดไปของอาจารย์ไม้ก็เปลี่ยนทันที


   “ผมขอชื่นชมที่คุณกับดนัยได้เริ่มสนิทกันแล้ว..”


   ประโยคแรกดังขึ้นทำเอาผมอยากเข้าไปทุบหัวคนพูดให้ตาย ..สนิทเหรอ สนิท? ..ถุย!


   ผมเผยสีหน้าเหยเกออกมา ความรู้สึกขยะแขยงบางอย่างแล่นวูบเข้าอก สนิทบ้าบออะไรกัน เพราะมันทำผมเดือดร้อนต่างหาก! ดูดิ! เชี่ยดำแม่งก็ยังอยู่เงียบๆเหมือนเดิมครับ แม่ง หน้าตะคริวแดกยังวะเชี่ย


   ส่วนอาจารย์ไม้ก็เหมือนพูดต่อ


   “แต่ยังไงก็ตาม การทะเลาะวิวาทคือสิ่งที่ไม่สมควรทำ”


หวับ!


ซี๊ด.. เสียงไม้เรียว!


   “แต่ผมไม่เกี่ยวเลยนะจารย์!”เดี๋ยว น้ำกรดมันโดนลูกหลง ขอแก้ตัวก่อน! “พวกมันหาเรื่องก่อน”


   “มึงเป็นเมียไอ้นัยไม่ใช่ไง! สมควรโดนแล้ว!”ไอ้ท็อปเป็นคนตะโกนครับนั่น อ้าว เชี่ยนี่เข้าใจผิดแล้วทำกูซวย! ผมแอบเห็นเจ้าวินมันเอามือใหญ่ๆตะครุบปิดปากอีก “ไอ้เอี่ยอิน! อ่อยอู!”


   “อย่าพูดแทรกอาจารย์” แหม.. เพื่อนวินของมึงก็ดีเหลือเกินนะ ไอ้หัวเหลือง ต่างจากมึงลิบลับ!


   “แต่เหมือนว่าคุณจะชกเขาไปด้วยนี่ครับ” อึก.. ผมโดนอาจารย์ไม้ตอกกลับมา เอาแล้วไง เชี่ยเอ๊ย มีตาทิพย์เปล่าวะเนี่ย “พวกคุณมีสายเลือดน้ำเงินขาวเหมือนกัน ไม่ควรทะเลาะเบาะแว้ง ชกต่อยหรือตบตีกัน”


   “มันต่อยผมก่อน!” อีกอย่างผู้ชายใครจะไปตบตีกันวะจารย์!


   แต่ดูเหมือนคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ไม่ฟังผมเลยด้วยซ้ำ เขากวาดตามองนักเรียนทั้งสี่คนก่อนจะหวดไม้เรียวกลางอากาศอีกสองสามรอบ


   “ถ้าหากพวกคุณไปอยู่ในสถานที่อื่นที่ไม่ใช่โรงเรียน พอพวกคุณทะเลาะเบาะแว้งกัน สิ่งที่พวกคุณเจอมันไม่ใช่ผมหรืออาจารย์คนอื่นๆ แต่พวกคุณจะเจอตำรวจ!” น้ำเสียงของชายตรงหน้าถูกกระชากแรงขึ้น ขณะที่ผมกัดฟันกรอด




ความผิดผมเหรอ?



ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักหน่อย..



..ที่ผ่านมาผมเป็นคนเดือดร้อนทั้งหมดเลยไม่ใช่เหรอ? ถ้าลองดูดีๆเกี่ยวกับด้านของพฤติกรรม ผมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เดือดร้อนทั้งหมด..


   “เข้าโรงพัก เกิดเรื่องขึ้นอีกมากมายเพียงแค่การโกรธเกลียดทำให้คุณต้องสูญเสียประวัติในชีวิต และผมเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่านี่เป็นสังคมของโรงเรียน ยังเป็นแค่สังคมเล็กๆอยู่ ถ้าคุณกล้าที่จะทำเรื่องพวกนี้ พอคุณโตขึ้น คุณก็จะกล้ามากขึ้นและทำให้เกิดสิ่งร้ายๆ!”


   “....”


..น่ารำคาญ พูดอะไรยาวเหยียดวะ.. น่ารำคาญ.. น่ารำคาญที่สุด..


   “ที่ผมพูดมานี่เพราะต้องการให้พวกคุณเลิกพฤติกรรมแบบนี้ได้สักที หยุดเตะต่อยกันได้แล้ว หัดสงสารพ่อแม่ตัวเองซะบ้าง...”


..รำคาญว่ะ..


   “ที่จารย์พูดมา! ก็แค่อยากเอาหน้าใช่ไหมล่ะ!”


   ..


เป็นเสียง.. ของ..ผมเอง..


   อ่านไม่ผิดหรอกครับ เป็นเสียงของผมที่เงยหน้าขึ้นมาเพราะทนไม่ไหวก่อนจะตะโกนออกไปดังลั่นพร้อมจ้องเขม็ง อาจารย์ไม้ผงะแล้วหยุดพูดทันทีพลางหันมามองด้วยแววตาตกตะลึง


   “จารย์อยากจะเอาหน้าแล้วได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘อาจารย์ดีเด่น’ ก็บอกมาเหอะ! ฟังผมพูดบ้างหรือเปล่า! แล้วทำไมผมต้องมานั่งรับเคราะห์เรื่องแบบนี้ด้วยวะ!” ผมยังคงพูดระบายออกไปอย่างหงุดหงิด คิ้วของตนเองขมวดแน่นพลางหันมองหน้าอาจารย์ไม้ที่นิ่งไปแล้ว


เหอะ น่าหงุดหงิดเป็นบ้า


   “ใช้สิทธิ์ของคำว่าอาจารย์แล้วก็ให้ตัวผมติดกับไอ้เชี่ยดำ ตีผม แถมยังไม่ยอมฟังเหตุผลอีก นี่ตกลงที่พูดๆเนี่ย ก็แค่อยากเอาหน้าแล้วได้รางวัลที่เขาให้ทุกๆปีน่ะสิ!”


   ผมกัดฟันกรอด ไม่ไหว เจอคนแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดจริงๆ อาจารย์เขาจะเอาอะไรกับผมนักหนา ตั้งแต่ตอนแรกก็มาจับผมย้ายห้อง เปลี่ยนให้อยู่กับเชี่ยดำอีก แล้วรู้บ้างหรือเปล่าว่าตอนนี้ผมเจออะไรบ้าง? เดือดร้อนมากขนาดไหนกัน?


แต่เหมือนชายตรงหน้าผมจะไม่ฟัง


   “ที่ผมมาเป็นอาจารย์เพราะผมต้องการจะปลูกฝังจิตใจที่ดีงาม ปลูกฝังให้พวกคุณทุกคนสามัคคี รักใคร่กลมเกลียว มีสัมมาคารวะ และไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน” ผมขมวดคิ้วหงุดหงิด มองชายที่ยังพูดไม่หยุด “และผมเคยเป็นเด็กมาก่อน ผมรู้ว่าการกระทำตัวเช่นนี้มันมีแต่พ้นร้ายก็เท่านั้น”
เหอ?


ไอ้คำพูดที่มันเอาแต่พูดๆถึงแต่หลักของการเป็นอาจารย์แบบนั้น สมัยนี้จะมีนักกี่คนเชียว?


แล้วการยกตัวอย่างแบบนี้.. มันจะได้ผลนักเหรอวะ?


   “จารย์แม่งก็เอะอะจับทำโทษ สักพักก็ถือไม้เรียวฟาด! ผมผิดตรงไหนวะจารย์ ผมยังไม่รู้เลยว่าผมผิดตรงไหน! ผมเป็นคนเดือดร้อนด้วยซ้ำ.. โว้ย!! ตั้งแต่มาเจอไอ้เชี่ยดำกับพวกมึง ชีวิตกูแม่งมีแต่ฉิบหาย!”


ไม่ไหว

จะไม่ทนแล้ว!


   ผมตะโกนลั่นพลางตวัดสายตามองไอ้ดำที่ยืนนิ่งอยู่ เออ กูพาล ตอนนี้ผมโมโหมาก พาลด้วย พาลแม่งให้หมดทุกคน ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใครแล้ว เหอะ


   “พวกมึงสองตัวด้วย! อะไรกับกูนักหนาวะ!” ไล่พาลไปไอ้ท็อปกับไอ้วินที่ยืนเอ๋ออยู่ก่อนครับ “แม่ง.. ไปตายๆให้หมดทุกตัวเลย ไอ้เหี้ย! ลากกูไปเกี่ยวอยู่นั่นแหละ บรรลัย!”


   “นายน้ำกรด!” เป็นเสียงอาจารย์ไม้ที่เรียกชื่อของผมดังลั่น “คุณกำลังทำตัวไร้มารยาทอยู่นะ!”


เออ กูรู้!!


แล้วไงวะ! เป็นแค่อาจารย์แท้ๆ อย่ามาพูดอะไรให้มากความจะได้ไหม?


   ผมชักสีหน้าหงุดหงิด มองอาจารย์ไม้ที่ขมวดคิ้วแน่นใส่สลับกับไอ้เหี้ยอีกสามตัว ..
แม่ง

เชี่ย.. เชี่ยเอ๊ย!


   “ถ้ามามองดูดีๆแล้ว คนที่เดือดร้อนที่สุดมันไม่ใช่กูหรือไงวะ!!? เหี้ยเอ๊ย!!”ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครจะทำหน้าอย่างไง มองผมด้วยสายตาแบบไหน ช่างมันแล้ว หงุดหงิด น่ารำคาญ แม่งจะเอาอะไรนักหนากับชีวิตผมวะ ทั้งอาจารย์ ทั้งไอ้เชี่ยดำ แล้วเจ้าพวกนั้นอีก เหี้ยหัวทองๆก็ด้วย!


คือให้รู้เอาไว้ว่ากูรำคาญใจจะขาด!!


ผมหันหลังขวับพลางก้าวไปถีบประตูออกจากห้องทันทีโดยไม่ฟังเสียงตะโกนเรียกชื่อของตนเอง ไม่อยากจะหันกลับมองทุกคนที่กำลังยืนตกใจเพราะผม ‘ระเบิด’ อารมณ์ออกมาแล้ว..
จะเป็นใครหน้าไหนก็ช่างหัวมัน!


   เป็นความคิดของผมที่ยังคงก้องอยู่ในหัว สองขาก้าวอย่างไร้จุดหมายออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ผมไม่คิดจะเข้าเรียน และไม่คิดกลับห้องไปนอนเล่นด้วยซ้ำ อยากจะหนีไปให้พ้นๆจากที่นี่ซะจริงเชียว


..ตอนนี้ผมกำลังหงุดหงิด


หงุดหงิดมาก มากถึงมากที่สุด รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด แถมอยากต่อยหน้าใครสักคนระบายอีกต่างหาก!


จะเป็นใครหน้าไหน.. ก็ช่างหัวมัน!


   หากแต่ระหว่างที่สองขากำลังก้าวอยู่นั้นเอง ข้อมือของผมกลับถูกใครบางคนคว้าหมับจากด้านหลัง พอจะสะบัดออกแต่ไม่สามารถสู้แรงมันได้ ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว


   “ใครวะ!” ผมกระชากเสียงก่อนจะตวัดสายตากลับไปมองผู้ที่รั้งตนเองเอาไว้ ได้ยินเสียงหอบแฮ่กราวกับวิ่งมาดังเป็นช่วง


สิ่งแรกที่เห็น.. คือผิวคล้ำกร้านแดด?


   .. มีแค่ไอ้ดำคนเดียวนี่แหละ ที่ผิวแบบนี้ แถมตอนนี้เหงื่อมันก็ออก.. ผมจำกลิ่นได้


   นัยน์ตาของตนเองตวัดไปมองร่างที่สูงกว่าของอีกฝ่าย คนตรงหน้าก็กำลังก้มมองผมเช่นกัน มันเพิ่มแรงบีบข้อมือแน่นกว่าเดิมเมื่อผมพยายามสะบัดออกอีกครั้ง เพิ่มความหงุดหงิดให้กูอีกแล้วนะ


.. ไอ้เหี้ยนี่..


...


บอกแล้วไง เหี้ยนี่มันเหี้ยจริงๆ ..


   ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ .. มันมาแบบไม่พูดอะไร ตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์จะเงียบหรือเถียงกลับ
..เออ ได้ .. งั้นกูยอมพูดก่อน..


...



   “ตามกูมา หาพ่อมึงเหรอ เชี่ยดำ”


...


หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.15 UPPPP (4/6)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 05-06-2014 00:26:03
ดำตามมาทำให้เมียใจเย็น  :hao3:

ว่าแต่สงสารอาจารย์เหมือนกันนะ อาจารย์หวังดีล่ะน่า
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.15 UPPPP (4/6)
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 07-06-2014 02:37:24
อ่านแล้วขอบอกเลยค่ะว่ารำคาญครูมาก ถามก่อนไหม?คือหวังดีก็รู้ไง แต่ถามก่อนไหม นี่ไม่ใช่ต่อยกันธรรมดา นี่มันป้องกันตัวเองจากการโดน"ข่มขืน"นะค่ะครู เอางี้ ครูมาโดน"ข่มขืน"ดูเองก่อนดีไหมค่ะ แล้วก็พูดกับอีกฝ่ายแบบนี้น่ะ แหม อยากรู้จริงๆว่าจะเป็นยังไงต่อ หึ
ขอโทษค่ะ ใส่อารมณ์มากไปนิด แต่เราไม่ชอบครูไม้เลยซักนิด
ดำจะวิ่งตามมาเพื่ออะไร รอนะค่ะ อยากรูัว่าจะอะไรยังไงต่อจริงๆ
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.15 UPPPP (4/6)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 13-06-2014 19:33:04
จิ้นเบา ๆ กับท็อปวิน
อยากอ่านคู่นี้ด้วยจังเลยยย

 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.15 UPPPP (4/6)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 13-06-2014 21:14:06
ค้างอ่ะ อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.16 UPPPP (20/7)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 20-07-2014 12:16:43
สวัสดีค่า!>< วันนี้จะมาทอร์คสักหน่อย และขอโทษที่หายไปนานนะคะพอดีเพิ่งกลับมาที่ไทยน่ะค่ะ >__< <3 ต่อไปนี้ก็อาจจะอัพอาทิตย์ละตอน(อย่างพยายาม)จริงๆแล้ว(มั้ง)คะ >__< ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์จริงๆค่าาา

_______________

C h a p t e r  16
คนเกลียดกัน มักจะบ้าใส่อีกฝ่าย




   เงียบกริบจริงๆ..


   ผมเหลือบสายตามองมือกร้านที่กำลังจับเรียวแขนของตนเองเอาไว้สลับกับใบหน้าคล้ำ เมื่อจ้องไปยันนัยน์ตาของมันกลับไม่สามารถบอกถึงอารมณ์ใดๆที่อยู่ภายใน



พูดอีกอย่าง..คือผมอ่านอารมณ์มันไม่ออก


   “ปล่อยกู” รับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของตัวเองนั้นถูกกระชากแรงเพราะอารมณ์หงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด อีกฝ่ายเลิกคิ้วเล็กน้อย


“จะไปไหน?” ในที่สุดมึงก็พูดสักทีนะครับไอ้ดำ คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกงั้นเหรอวะ แม่งเอาแต่เงียบแล้วจ้องตาเนี่ย! “ไม่ไปเรียน?”


   “ยุ่งว่ะ!” ผมกระแทกเสียงอีกครั้ง สะบัดมือแรงจนคราวนี้หลุดออกจากพันธนาการได้ “มึงมีเหี้ยไรกับกูอีก!! อยากโดนสักหมัดหรือ
ไง!”


   “มวยหมาเบาๆน่ะนะ?”


   “กวนตีน!”



ตุบ!



   จบประโยคผมก็ปล่อยหมัดหนึ่งหมายจะซัดหน้ามันให้กระเด็น! อย่างมึงอ่ะเอาหัวหลุดจากบ่าไปเลยก็ดี ไป๊!



   แต่เหมือนว่าทุกอย่างจะพลิกผันเมื่อไอ้เชี่ยดำมันรับหมัดของผมได้อย่างง่ายดาย แรงควายเป็นบ้า ไอ้ถึกเอ๊ย! สมกับที่มาคู่นมส
ตอวิเศษจริงๆมึงเนี่ย!



   “ไอ้เหี้ยดำ! ปล่อยกูดิวะ” ผมตะโกนใส่ สะบัดแขนตนเองจนหลุดอีกครั้งแต่ชายตรงหน้ากลับใช้นิ้วยาวของมันเข้ารวบข้อมือผมซะ
ได้ รวบจนแน่นเลย! เหี้ยเอ๊ย กูขยะแขยงนะเว้ย ผ่านมา 16 ตอนแล้วก็ยังขยะแขยงเวลาจับตัวมันเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน!



   “กูถามว่ามึงจะไปไหน?” ไอ้เหี้ยนี่ก็เสียงเรียบเหมือนเดิมซะเหลือเกินนะ ช่วยตะโกนใส่บ้างก็ได้ เชี่ยย!


   “มันก็เรื่องของกูดิ! ตัวกูกับมึงไม่ได้ติดกันเหมือนแต่ก่อนแล้ว ไอ้ห่า!”


   “คิดว่ากูอยากยุ่งนักหรือไง?” มันตอกกลับ ดึงผมให้เดินไปตามทาง แม่งเอ๊ย! ทำไมผมไม่เกิดมาตัวสูงกว่ามันวะหรือเป็นไอ้เตี้ย
ไซย่าวะจะได้มีแรงขัดขืนหน่อย


   “แล้วมาหากูทำไม! หน้ากูเหมือนหน้าพ่อมึงเหรอ คิดถึงพ่อมากไปปะ!” อย่าหาว่าผมกวนประสาท เป็นอย่างนี้ของนายน้ำกรดอยู่แล้วครับ!


   แอบเห็นไอ้เชี่ยดำถอนหายใจแรงๆขณะที่ยังฉุดมือผมอยู่เช่นเดิม เออ ลากไปเลย เดี๋ยวผมจะกลับบ้านอาบน้ำยาฆ่าเชื้อโรค น้ำยาล้างจาน ล้างห้องน้ำ ล้างให้แม่งหมด เอาตัวเองกลายเป็นกรดจริงๆสักที!


   “กูกับมึงเป็นรูมเมทกัน” น้ำเสียงนิ่งไร้อารมณ์ของอีกฝ่ายดังขึ้นขณะที่ผมกำลังก้าวเดินตามมันอยู่


   “แล้ว?”


   “อาจารย์ไม้สั่งให้ตามกลับ”




ตึก!



   เพียงแค่ได้ยินชื่อของผู้ชายที่เป็นถึง ‘อาจารย์’ แต่กลับไม่ยอมรับฟังเหตุผลของผม มันทำให้รู้สึกสมองจี๊ดขึ้นมาทันที เส้นสติของตนเองถึงกับสะบั้นลงในที่สุด ผมสะบัดมือไอ้ดำแรงจนหลุดอีกรอบ เปลวไฟความโกรธแค้นถูกสาดด้วยน้ำมันเพราะคำพูดของมัน




   “กูไม่ไปหาไอ้จารย์เหี้ยๆนั่น!” ผมกระชากเสียง คิ้วทั้งสองข้างขมวดติดกันเป็นปม ใครจะอยากไปหาผู้ชายที่ไม่มีความเป็นครูขนาดนั้นวะ อย่างน้อยก็น่าจะฟังเหตุผลของผมบ้างสิ “เอะอะทำโทษ เอะอะหักคะแนน! แม่งน่ารำคาญ!”



   “กูเข้าใจ” อ้าว เชี่ย บอกเข้าใจ แต่แม่งเสือกลากูไปหาจารย์ไม้เนี่ยนะ?



   “อาจารย์บ้าอะไร! น่ารำคาญฉิบหาย!!” ผมตะโกนใส่อย่างไม่ลังเล “กูน่ะ เดือดร้อนเห็นๆ! ผู้เสียหายอีกต่างหาก! ทำไมต้องเป็นคนลูกหลงตลอดด้วยวะ!”




   วินาทีนี้คืออารมณ์โมโหของผมจริงๆ ผมโกรธอาจารย์ไม้ถึงที่สุด ไม่ใช่หงุดหงิดแบบที่เคยทำกับไอ้ดำ เพราะอาจารย์แกไม่ฟังผมเลยด้วยซ้ำ เอะอะก็ทำนู่นทำนี่ สุดท้ายก็เป็นไง ผมซวย!!



   “....” เชี่ยดำ เวลาอย่างนี้แม่งเป็นผู้ฟังที่ดีเหลือเกิน น่าเข้าไปเตะสักตุบ



   “อาจารย์ไม้แม่งปัญญาอ่อน! เหี้ยก็เหี้ย! กูเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพราะการทำโทษของอาจารย์แก้หลายรอบแล้วนะ ไอ้สัตว์!”
   ผมกัดริมฝีปากตนเองแน่น เขม็งสายตาจ้องชายตรงหน้า




   “คนอะไรวะไม่สมควรเป็นอาจารย์ แม่ง....”



หากแต่พูดไม่ทันจบ.. กลับได้ยินเสียงตะคอกเข้ามา






   “ถึงอาจารย์เขาจะทำตัวแบบนั้น มึงก็ไม่สมควรไปด่าอาจารย์!!”





   น้ำเสียงตะโกนดังลั่นที่เหมือนดึงสติของตัวผมให้กลับมา ไอ้เชี่ยดำตรงหน้าจ้องผมเขม็ง มืออีกฝ่ายหันมาคว้าคอเสื้อของผมแทน ก่อนจะกระชากให้ไปตามแรงแทบล้ม




   “เขาเป็นอาจารย์คอยให้ความรู้และสั่งสอนมึง! มีพระคุณกับมึง! มึงควรให้ความเคารพกับคนที่อวุโสกว่าไม่ใช่ทำตัวเหี้ยใส่อย่างนั้น!!”



   ผมยืนอึ้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดแล้วเถียงกลับไป



    “เหี้ยอะไรมึง! เป็นแค่เหี้ยแท้ๆอย่าริมาสั่งสอนกู!!” หงุดหงิด! หงุดหงิดเป็นบ้า ไอ้เหี้ยนี่ตะโกนใส่หน้าแบบนั้น อยากจะถีบมันกระเด็นจริง!! เข้าข้างอาจารย์ไม้จริงๆนะมึงไอ้สัตว์!




   อย่างไงก็ตาม ผมไม่สามารถสู้แรงของผู้ชายร่างสูงใหญ่ผิวกร้านแดดคนนี้ได้ อีกฝ่ายหุ่นนักกีฬาต่างจากผม การขัดขืนและพยายามดิ้นสู้เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์เพราะมันกระชากลากให้กูไปไหนแล้วก็ไม่รู้!




ตุบ!




   มันตรงมาที่โรงยิมก่อนจะโยนร่างของผมเข้ากับเบาะรองสีน้ำเงินเข้ม เวลาเช้าๆแบบนี้ผมคิดว่าไม่มีใครเข้ามาใช้โรงยิมนี่หรอก คงเป็นเหตุผลหลักที่มันพามา




..แล้ว.. กูมาทำด๋อยอะไร?




   “มึงพากูมาทำเหี้ยอะไรวะ!”




ไอ้สัตว์! จะจับกูทำเมียเหรอ เหี้ย ไม่เอานะโว๊ย!



   ผมมองไอ้ดำที่กำลังยืนสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆอยู่ราวกับพยายามเย็นอารมณ์ตนเอง นัยน์ตาสีเข้มมองมายันร่างของผมที่กำลัง
นั่งอยู่บนเบาะกันกระแทก




   “มึงไม่สมควรไปด่าอาจารย์เขา” เรื่องของกูที่จะด่า ไอ้หมอนั่นทำตัวไม่สมกับเป็นอาจารย์เองนี่หว่า



   “เสือก” ผมตอบกลับไปหนึ่งคำพอเป็นพิธี ไอ้เชี่ยดำยังคงยืนกอดอกนิ่ง โอ๊ย ทำหน้าอย่างนั้น คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกหรือไง!
   “กูตามมึงมา เพราะอาจารย์ไม้สั่ง”




   “ไม่จำเป็นต้องตามก็ได้ กูไม่ว่า ถ้ามันถามเดี๋ยวกูค่อยโกหกว่ามึงตาม” ผมตวัดสายตาไปมองชายตรงหน้าพลางยันตัวขึ้น ใช้มือปัดฝุ่นตามร่างเบาๆ “กูเบื่อขี้หน้ามึง”




   “กูก็เบื่อ” มันพูด เอ้า เบื่อแล้วตามทำไม “แต่จารย์สั่ง เลยมา”



เหี้ยนี่ ตบหัวสักทีได้ไหมวะ




   “เออ งั้นมึงมาแล้ว ทีนี้ก็ไสหัวไป” ว่าจบก็ก้าวสวนชายร่างสูงกว่าอย่างไม่สนใจ ทว่ามันกลับหันมาจับไหล่ผมเอาไว้นี่
โอ๊ย.. นี่กูคงต้องไปอาบน้ำยาฆ่าเชื้อจริงๆใช่ไหม ตราอะไรดีวะ ไฮเตอร์หรือเป็ดโปร ช่วยกูเลือกหน่อย.. แต่เอ๊ะ ไฮเตอร์ซักผ้า
กับเป็ดโปรขัดส้วม กูว่ากูเลือกเป็ดโปรแล้วกัน!




   ผมขมวดคิ้วใส่มัน



   “เหี้ยไรมึงอีก?”



   “การด่าอาจารย์ เป็นสิ่งไม่สมควร” ไอ้ดำมองผมด้วยสายตานิ่งเฉย สั่งสอนกูเหรอวะ เชี่ย! คิดว่าตัวเองเป็นใครกันนะ หา? ผมอยากจะเข้าไปต่อยหน้ามันอีกสักหมัดจริงๆ! ถึงเวลาต่อยแล้วจะถูกปัดหรือรับหมัดได้เกือบตลอดก็ตามเหอะ




   “แล้ว – ไง? ใครสน!” ผมย้ำ แล้วมันก็ยังมีหน้ามาตอบ



   “กู”




   “เรื่องของมึง!” ไอ้นี่ก็กวนตีน ตอบได้ตลอดจริงๆ! “อาจารย์ที่ไม่ยอมฟังความจริงจากปากของเด็กนักเรียนน่ะ ไม่สมควรเป็นอาจารย์หรอก!”



   ผมกระแทกเสียง สะบัดไหล่ตนเองแรงให้มือไอ้เชี่ยดำหลุด ยกขึ้นปัดเบาๆเป็นเชิงขยะแขยงอีกรอบเผื่อมันเห็น



   “แต่การที่จารย์แกสั่งให้กูมาตาม ไม่ใช่ว่าเพราะเขาเป็นห่วงมึงหรือไง?” น้ำเสียงนั่นฟังดูเหมือนหาเรื่องในความคิดของผม แต่ความหมายของประโยคทำให้ร่างของตนเองนิ่งพักหนึ่ง



   “เหอะ” ผมไหวไหล่เบาๆแทน



   “....” อ้าว.. เงียบซะงั้น เอ้า ไอ้ดำนี่ หาเรื่องกันใช่ไหมวะ.. แล้วอย่างจารย์ไม้นี่นะเป็นห่วง ปัญญาอ่อนเปล่าเหอะ



   “กูเดือดร้อนฉิบหายตั้งแต่มาเจอมึง” ผมเงยหน้าพูด พร้อมกับมองตาอีกฝ่ายที่กำลังจ้องกลับ “เดือดร้อนเชี่ยๆ เรื่องมันเริ่มตั้งแต่วันนั้นวันเดียว แล้วแม่งก็เสือกมีเรื่องเยอะแยะตามมา!”



   “เพราะมึงตะโกนด่ากูไม่ใช่ไง?” สวนกูอีก! เอาน้ำกรดสาดหน้าหน่อยไหมวะ


   “แล้วมึงจะเอากับไอ้จินให้เสียงดังทำไมวะ! ไม่มึงก็ไอ้จินอ่ะ สักตัว ถ้าเอากันอีกก็ช่วยลดเสียงด้วย!” เห็นไอ้ดำเบิกตากว้างเล็ก
น้อย กำลังจะอ้าปากพูดแต่ผมดันชิงตัดก่อน “หลังจากนั้นกูก็ต้องตัวติดกับมึง! ถูกจับแยกกับเชี่ยนิวอีก!”


ระบายแล้ว! ไม่ไหว ถึงคราวนี้มันทำให้ผมเดือดจริงๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด อารมณ์ร้อนเป็นไฟทันที!


   ตั้งแต่ตะโกนด่าไอ้ดำ ผมก็ถูกเจ้าอาจารย์ไม้เผด็จการนั่นทำโทษขัดห้องน้ำ แค่นั้นไม่พอ กุญแจมือให้ตัวติดกับไอ้เชี่ยดำ โดนแยกกับเจ้านิวอีกต่างหาก แถมอยู่ใกล้เชี่ยดำก็มีเรื่องเจ็บตัวตลอด ทั้งทะเลาะกันเอง ต่อยกัน โดนดูถูกศักดิ์ศรีด้วยการประกาศว่าจะจับทำเมียอีก! และเรื่องที่ใหญ่ก็คือไอ้ศัตรูเหี้ยหัวทองและหลายๆตัวนี่แหละที่หมายปองผมเป็นเมียเพื่อแก้แค้นไอ้ดำ!



ชีวิตกูแม่งรันทดไปไหมวะ!



   “เยอะแยะไปหมด! กูเจ็บตัว โดนคนจะจับทำเมีย! เพราะมึงอ่ะ! ไอ้เชี่ย ถ้ามึงไม่ไปประกาศวันนั้นกูจะโดนไหมเล่า!”


   เหมือนเป็นการระบายความรู้สึกเก็บกดที่ถูกสั่งสมมานาน ผมตะโกนลั่นพร้อมผลักร่างของชายตรงหน้าแรง ถึงมันจะไม่สะเทือน
แล้วยืนนิ่งก็เหอะ! ไอ้เชี่ย!


   “กูอยากจะบ้าตายตั้งแต่เจอกับมึง! แม่ง ซวยเพราะมึงจริงๆ ไอ้ตัวซวย! ไอ้พาฉิบหาย! พากูฉิบหายตั้งแต่ใกล้มึง! อยากไปตายที่ไหนก็ไปเลยไอ้เชี่ยเกย์! ไอ้ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย! ไอ้ไร้ศักดิ์ศรี—”


   แต่แล้วคำพูดของผมก็ต้องหยุดลง.. เมื่อคนตรงหน้าซัดหมัดเข้าที่หน้าของผมเต็มๆ!!


ผัวะ!



   รสปะแล่มของเลือดที่อบอวลอยู่ในโพรงปากให้ผมสัมผัส ทั้งร่างถึงกับเซไปตามแรงของอีกฝ่าย มันต่อยหนักจนทำให้ผมหยุดชะงักและเกือบล้มได้ทีเดียว..


เจ็บ..


..ไอ้เหี้ย.. มึง..


   ผมยกมือขึ้นปาดเลือดของตนเองที่มุมปาก ความโกรธแค้นเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว.. มัน.. มันต่อยหน้าผม! มึงต่อยกู!!



   อีกฝ่ายยังคงเผยสีหน้าเรียบเฉยอยู่เหมือนเดิม ยิ่งเป็นการราดน้ำมันหลายแกลลอนเข้ามรสุมไฟให้เดือดพล่านเลยล่ะ


   “คำก็เกย์ สองคำก็ไร้ศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชาย” ไอ้ดำพูดเสียงเรียบ สาวเท้าเข้ามาหาผมพลางก้มมอง “กูบอกกี่ครั้งแล้ว ว่ากูไม่ใช่เกย์”


..หึ


ไอ้คำแก้ตัวแบบนั้นน่ะ ...



   “คนที่เอากับผู้ชายแบบนั้นน่ะ ไม่ใช่เกย์แล้วจะเรียกว่าอะไรวะ?” ผมกระตุกยิ้มมุมปาก จ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา “รู้สึกว่ามึงไปเอาน้องไอ้เชี่ยหัวทองแล้วไม่รับผิดชอบด้วยนี่หว่า..”


..เห็นมันชะงักไป..
เหอะ.. อย่างนี้เขาเรียกว่าเรื่องจริงสินะ.. ตกใจล่ะสิ


   “มึงมันไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชาย ฟันแล้วทิ้ง!” กระชากเสียงอีกฝ่ายเพื่อยั่วโมโหพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากเชิงท้าทาย ผมเห็นไอ้เชี่ยดำถึงกับหน้าชา มันยังคงยืนนิ่ง


เป็นความจริงสินะ.. ที่ว่าแม่งฟันแล้วทิ้งน่ะ..
..ถ้าผมโดนมันเอา ก็คงทิ้งเหมือนกัน..
..เหอะ ไอ้เหี้ยไร้ศักดิ์ศรี!



   หากผมก็ต้องสะดุดความคิดของตัวเองลง.. ‘โดนมันเอา’ งั้นเหรอ? ..เมื่อครู่นี้สมองของผมเป็นอะไรกัน?



   แต่ทุกอย่างก็หยุดลงอีกครั้ง เมื่อไอ้เชี่ยดำตวัดสายตามามองมาทางผม แปลกที่เหมือนแววตาของมันเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย สีดำขลับนั่นวูบลงราวกับเคลือบแคลงความเศร้ากับการกระทำเพียงแวบเดียว.. ก่อนจะหายไปจนทำให้ผมนึกว่าตัวเองน่าจะตาฝาด



   “เออ.. ใช่ กูฟันแล้วทิ้ง ส่วนใหญ่ที่กูเอามันก็เป็นพวก one - stand night ทั้งนั้น” เสียงทุ้มของชายตรงหน้าเอ่ยเรียบ “และส่วนใหญ่พวกนั้นก็ยั่วกูก่อน ตกลงกับกูแล้วว่าเป็นแบบนั้น.. แต่มันเสือกอยากต่อเอง กูไม่ผิด”


   “....” ผมเงียบไป ข้อตกลงนั่นก็คือสิ่งที่ควรเข้าใจ ไอ้ดำคงเป็นประเภท One – stand night สินะ ถ้าเป็นอย่างที่มันพูดจริงก็แปลว่าน้องเชี่ยท็อปก็มีส่วนผิดอยู่



..แล้วมาบอกกูทำไม? ไม่อยากรู้!
   แต่เหมือนมันยังพูดไม่จบครับ..


   “แล้วก็..” ไอ้ดำลากเสียงยาว ดวงตาเข้มหันมามองผม .. และประโยคถัดไปจากปากมัน ทำให้รู้สึกเหมือนร่างของตัวเองเผลออ่อนยวบไป “..ถึงกูจะไม่มีศักดิ์ศรี.. แต่กูก็ช่วยมึงได้แล้วกัน”



   “....”


..เออ ใช่.. มันพูดถูก..


..


ไอ้ดำช่วยผม..


   จากหลายๆสถานการณ์ที่มันเข้ามาหา แม้บางทีอาจชักช้าไปหน่อย ไม่รู้ว่าถือคติ ‘พระเอกมาช้า’ หรือเปล่า .. แต่มันก็ช่วยผม


..ตั้งแต่เหตุการณ์ตัวบันได..


..รวมเหตุการณ์หนีจากไอ้ห้องเจ็ด ที่แม่งช่วยพาออกมา ถึงจะเจอกับอะไรแปลกๆและมันคือต้นเรื่องก็เหอะ..
หรือจะเหตุการณ์ล่าสุด.. ช่วยผม— จากพวกนั้น..


   “อย่างไงกูก็ช่วยมึงแล้ว” น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูอ่อนแรง เป็นเหตุทำให้นัยน์ตาของตนเองเลื่อนไปมองใบหน้าอีกฝ่าย
..ใช่ มันช่วยผมเอาไว้.. หลายๆเรื่อง..



   “....”



   พวกเราทั้งสองคนจมอยู่ในความเงียบ ผมไม่พูด เพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี ส่วนไอ้ดำก็ยังคงเมินหน้าหนี ได้ยินเสียงลมหายใจที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอของมัน ผิดกับผมที่เหมือนสะดุดไปเสียแล้วเพราะประโยคถัดไปนั่น


   “แต่ว่า.. ตั้งแต่นี้ มึงน่ะ คงไม่เจอเรื่องพวกนี้อีกแล้วล่ะ”



..หะ?


   ทั้งร่างชะงัก หันไปมองผู้พูดพร้อมขมวดคิ้วอย่างงุนงง


..หมายความว่าไงวะ?



   ความสงสัยของผมพรั่งพรู่เข้ามา และทั้งร่างก็ต้องเย็นเฉียบเมื่อชายตรงหน้าพูดประโยคถัดไป





   “กูรับผิดชอบด้วยการอธิบายทุกอย่างให้พวกนั้นเข้าใจหมดแล้ว รวมถึงอาจารย์ไม้ด้วย.. ตั้งแต่นี้มึงจะไม่มีวันเดือดร้อนเพราะเรื่องกูอีก”




...



ผมเงียบ เพียงแค่หันไปมองหน้ามัน..
   ความรู้สึกประหลาดที่ปรากฏขึ้นมาในใจทำให้หัวสมองของตนเองอื้ออึงไปหมด มองร่างชายตรงหน้าที่ค่อยๆระบายยิ้มอยู่



..ยิ้มทำไมวะ..
ยิ้มอะไรของมัน แล้วทำไมยิ้มในเวลาแบบนี้..?



   คำถามมากมายที่ปรากฏขึ้นมาทำให้ผมรู้สึกสับสน แล้วทำไมต้องสับสนล่ะ? ผมควรจะดีใจ กระโดดโลดเต้นที่จะไม่เห็นไอ้เชี่ยดำ
เข้ามาในสายตาอีก ไม่มีไอ้เกย์ตัวดำๆอยู่..



..แล้วทำไมความรู้สึกบางอย่างถึงวูบไป.. เหมือนดิ่งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก..





นี่ผมกำลังเป็นอะไร?




   “ดังนั้น คงไม่มีเหตุผลอะไรที่เราต้องยุ่งกันอีก.. ที่กูจะมาบอก ก็มีแค่นี้แหละ”
   

น้ำเสียงของอีกฝ่ายยังคงนิ่ง เรียบเฉย แต่กลับทำให้ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาได้จนน่าประหลาด ทั้งร่างยืนค้างราวกับหุ่นขี้ผึ้ง ความรู้สึกภายในมันตีปรวนจนไปหมด สับสน วุ่นวาย ไม่เข้าใจ..



..ไม่เข้าใจว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่..


   ผมเห็นร่างสูงกว่าของมันเดินสวนตนเองไป


..มึงจะไม่มีวันเดือดร้อนเพราะเรื่องของกูอีก..



   เสียงของอีกฝ่ายยังคงดังอยู่ในหัว



..คงไม่มีเหตุผลอะไรที่เราต้องยุ่งกันอีก..



   ความรู้สึกปวดหนึบจนแทบตะโกนระบายออกมาดังๆ ทั้งร่างเหมือนวูบไป ผมเป็นอะไร? ใครทำอะไรในตัวของผม? ในความรู้สึกนี่..




   ผมหันไปมองชายที่เดินสวนตนเองโดยอัตโนมัติ จับจ้องแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายที่กำลังอยู่ห่างไปเรื่อยๆ มือของผมยกขึ้นราวกับจะไขว่คว้าเอาไว้แต่กลับไร้ผล..



..มันไปไกลเกินไป..
..แล้วทำไมผมต้องคว้ามันล่ะ?.. ไม่เข้าใจ— ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ



   สองขาของตนก้าวเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว มือนั้นคว้าร่างใหญ่กว่ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาเซถลาตามแรง ผมเหวี่ยงมันตอนทีเผลอลงไปกระแทกบนเบาะสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าของไอ้ดำฉายแววความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกเหวี่ยงลง



..ผมกำลังทำอะไรอยู่?





..คำตอบ— คือไม่รู้





   ผมขยับร่างตนเองเข้าไปขึ้นคร่อมอีกฝ่ายอย่างได้เปรียบเพราะอยู่ในตำแน่งที่สูงกว่า ยกร่างทับหน้าท้องแกร่งให้ขยับไม่ได้ สองมือกดบ่ากว้างให้ติดชิดกับเบาะ ดวงตาของมันเผยความตกใจอย่างไม่ปกปิด



   “มึงทำเหี้ย—!!” น้ำเสียงของมันถูกปิดลงเหมือนหยุดชะงักเมื่อผมก้มหน้าเข้าไปหาก่อนจะทาบริมฝีปากของตัวเองกับอีกฝ่าย ใครเคยคิดว่าผมเป็นน้ำกรดที่มีค่าpHอ่อนๆคงต้องเลิกคิดไปได้เลย ผมมีประสบการณ์กับผู้หญิง..








รวมถึงการจูบด้วย— เพียงแต่นี่คือจูบกับผู้ชาย







   ลิ้นที่สอดเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัวและฉาบฉวยโอกาสตอนอีกฝ่ายเปิดปากด่า ชายตรงหน้าเหมือนนิ่งค้างไปเพราะตกตะลึง ผิดกับผมที่ก้มลงใช้ริมฝีปากแนบชิดกับเขา จูบจาบจ้วงอย่างรวดเร็ว สองลิ้นที่สัมผัสกันทำให้รับรู้ถึงรสเหมือนช็อกโกแลตเปเปอร์มินต์อ่อนๆแทรกเข้ามา ในตอนแรก อีกฝ่ายยังไม่ตอบโต้เพราะช็อกอยู่ ซึ่งผมก็ใช้โอกาสนี้เป็นทีของการรุกจูบเลยด้วยซ้ำ
   เหมือนว่ามันจะเคลิ้ม ผมกดย้ำริมฝีปากของตนเองเข้ากับอีกคนอย่างรุนแรง ดุนดันลิ้นสู้กับความนุ่มหยุ่นที่ต่างฝ่ายต่างได้รับมันแทบทำให้ร่างกายอ่อนเปลี้ย ก่อนที่ผมจะสัมผัสได้ว่าอีกคนเริ่มตอบโต้กลับด้วยความรุนแรง



และเหมือนว่าจะเริ่มรู้สึกตัว..


พลั่ก!


   มันผลักร่างของผมให้ผละออกมา นัยน์ตาของอีกฝ่ายฉายแววความตกใจ จับจ้องใบหน้าของผมที่เพิ่งจูบมันไป..


..ใช่ ผมจูบมันไป..
..รุกจูบมันไป..



   เป็นสิ่งที่ซ้ำเหมือนถูกกรออยู่ในหัวสมอง ไม่เข้าใจการกระทำบ้าบอของตัวเอง เพื่ออะไร? ไม่สามารถหาคำตอบได้เลยด้วยซ้ำ เพียงแค่รู้ว่า.. ไม่อยากให้อีกคนออกจากชีวิตตนเองไป


เพราะ..





..ในเมื่อมึงเข้ามาแล้วเกลียดกูแล้ว..คิดว่าจะออกไปจากชีวิตกูได้ง่ายๆหรือไง?




   “..ทำเหี้ยอะไรของมึง!” มันกระชากเสียง ขยับร่างไม่ได้เพราะที่ค้ำยันร่างถูกผมทับกดติดกับเบาะ รวมถึงน้ำหนักของผมบนหน้าท้องอีกฝ่ายด้วย คงทำให้ขยับไม่ได้เลยล่ะสิ



..ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่— ตัวมันไปเอง ทั้งร่างมันไปของมันเอง..
..และแน่นอน ว่าปากของผมก็ไปเองเหมือนกัน..



   “..เหอะ” เสียงสถบออกมาแผ่วเบาในลำคอ พร้อมสายตาจิกกัดที่จ้องอีกฝ่ายอย่างเหยียดหยาม


..ผมเกลียดเกย์.. เพราะมีอดีตกับมันที่ฝังใจ..
..แต่ที่รู้อยู่— คือไม่อยากให้คนตรงหน้าหายไปไหน..


มันหมายความว่าอะไร?



   “..ไอ้ที่ว่าเก่งนักเก่งหนา .. สาบานว่าจะจับกูทำเมียกลางโรงอาหาร ความจริงก็มีน้ำยาแค่นี้หรือไง?” ผมเอ่ยออกมาขณะที่กระตุกยิ้มมุมปาก รสช็อกโกแลตกลิ่นเปปเปอร์มินต์ยังคงติดอยู่ที่บริเวณปลายลิ้นของตนเอง


..บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าผมบ้าไปแล้วที่อยากให้อีกฝ่ายคงอยู่กับตัวเอง..
..ไม่ต้องการให้ชีวิตช่วงนี้ขาดหายไป..



   “...” ไอ้ดำยังคงนิ่ง สาบานได้ว่าบางทีมันอาจจะกำลังช็อกอยู่ ผมจึงถือโอกาสนี้กระตุกยิ้มที่มุมปากตนเองทันที






   “..สงสัยคงต้องเปลี่ยนเป็นกูจับมึงทำเมียมากกว่าแล้วล่ะ.. ไอ้ดำ”





.. เพราะอยู่ใกล้คนตัวดำ เลยติดเชื้อแปลกๆมาสินะ..
ถึงผมจะหล่อจะดูดี แต่ก็ท่าทางภูมิต้านทานเชื้อนี่จะไม่ไหว



..มันเลยทำให้ผมบ้า..
..


ที่พูดประโยคนั้นออกมา..



___________________________________________
@StraWBerry_ImIn
กรี๊ดด
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์งามยามดีมาอัพสักทีค่ะ งานเยอะมากมายเลยค่ะ ฮือ ขอโทษที่ไม่ค่อยได้มาอัพเว็บนี้นะคะ แต่หลังจากนี้จะพยายามขึ้นแล้วล่ะค่ะ >___<! ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์นะคะจากตอนที่แล้ว ดีใจจังที่แต่งแล้วมีคนอินได้ขนาดนี้ ฮืออ T////T ขอบคุณอีกทีนะคะ ขอบคุณงามๆๆเลยค่ะ >/////<
รักนักอ่านทุกคนเลยน้าาา <3 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านมากเลยนะคะ ><



หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.16 UPPPP (20/7)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 20-07-2014 16:09:50
เอาจริงๆ แล้ว ก็น่าอยู่หรอกที่น้ำกรดระเบิดใส่อาจารย์ไม้อย่างนั้น
รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ต้นแล้วกับวิธีการของอาจารย์ ที่น่าจะทำให้ปัญหารุนแรงขึ้นด้วยซ้ำ
ซึ่งคนอ่านก็ไม่คิดมากอะไรเพราะเห็นว่าเป็นการผูกสถานการณ์ของนิยายให้เกิดความวายขึ้นแบบขำๆ
แต่พอน้ำกรดยกประเด็นนี้ขึ้นมา เลยทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความสมจริงขึ้นมาทันที
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.16 UPPPP (20/7)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 20-07-2014 22:53:19
อร๊ายยยยยยย สรุปว่าเธออยากโดนกดแล้วเหรอน้ำกรด  :hao7:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.16 UPPPP (20/7)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 24-07-2014 21:04:49
ชอบเค้าแล้วอ่ะดิ่
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.16 UPPPP (20/7)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 24-07-2014 22:07:48
ไม่นะ น้ำกรดทำอะไรออกไป  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.16 UPPPP (20/7)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-07-2014 21:54:58
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า มาอัพบ่อยๆนะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.17 UPPPP (2/8)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 02-08-2014 17:12:15
C h a p t e r  17
คนเกลียดกัน มักจะโดนจับคู่กัน



กิ้ง – ก่อง –



   เสียงระฆังโรงเรียนบ่งบอกเวลาหกโมงเย็นดังขึ้นมาพร้อมกับผมที่กำลังยืนมองใบหน้าตื่นตระหนกของชายหนุ่มผิวคล้ำ ริมฝีปากของตนเองยกยิ้มขึ้นพร้อมกับลุกยืนแล้วหันหลังคิดจะก้าวหนี


และทันทีที่หลบจากสายตามันได้..


ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาฉับพลัน..


กูทำเหี้ยอะไรลงไป


ผมกลืนลายเอื๊อก เดินออกมาได้สักพักใหญ่แล้วกลับมานั่งจุมปุ๊กที่หอบนเตียงเห็นไอ้ดำมันยังไม่กลับมาเลยครับ สงสัยคงจะนอนสะพรึงอยู่บนเบาะโรงยิม เวลาผ่านไปนานพอสมควร และหลังจากสติสัมปชัญญะของผมครบถ้วนเพียงเท่านั้นแหละ..



เท่านั้นแหละครับ.. กูอ้วกเลย!



“โอ๊กกก!”


เสียงโอดอรวญดังลั่นออกมาพร้อมกับข้าวปลาที่ออกไปหมดจนเล่นเอาแสบท้อง ผมนิ่วหน้าเพราะความขมร้อนผ่านออกมาจากหลอดลมของตัวเอง.. อ๊อก! อาหารมื้อเช้าของกูออกไปหมดเลยโว๊ย! ฮือออ เพราะมึงคนเดียวไอ้เชี่ยดำ!


..ว่าแต่ ทำอะไรลงไปวะ..


ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยใบหน้าซีดเผือกพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปากตนเองแรงๆ จูบมัน? เผลอจูบไอ้ดำไปใช่ไหม แล้วกูจะจูบหาพ่อเหรอ ทำอะไร เพื่ออะไรวะ!


..ฉิบหาย.. หรือว่าตูเป็นเกย์..?


..



ไม่นะโว๊ย!


“ฉิบหาย— ฉิบหาย— ฉิบหาย”


คำๆนี้ร้องดังออกมาจากผมต่อกันสามสี่รอบ เอื้อมมือไปกดชักโครกให้สิ่งปฏิกูลลับสายตา ร่างทรุดตัวบนพื้นพร้อมกับเอนตัวพิงผนังห้องน้ำด้วยความเหนื่อยล้า .. เชี่ยมากๆ เมื่อกี้ไอ้น้ำกรดคนนี้ทำอะไรลงไปวะ.. ทำอะไรลงไป๊!



แล้วจะไปสู้หน้าเหี้ยดำได้ไง?


คิดแล้วก็อยากจะเอามือจิกหัวตัวเองแรงๆสักที! ไอ้น้ำกรดเอ๊ย มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะสัตว์ เป็นอะไร! กับไอ้คนที่เกลียดนั่น.. จูบ!? จูบไปทำไมวะ จูบเพื่ออะไร ทั้งๆที่แม่งก็บอกจะออกจากชีวิตแล้วนี่หว่า!


อย่ากลับห้องมาตอนนี้นะมึง!


ผมคิดในใจพลางรีบลุกขึ้นมองหาน้ำยาบ้วนปากก่อนจะคว้าหมับเมื่อเห็นขวดสีฟ้าใสแจ๋วอยู่ โอเค ดีเลย เยี่ยม! รีบหยิบสำลีชุบน้ำสีฟ้าก่อนจะมองกระจกตรงหน้า



..และมองปากตัวเอง.. อืม.. จะว่าไปก็รสช็อกโกแลตกลิ่นเปปเปอร์มินต์..


..อืม..

..จะว่าไปไอ้รสน้ำยาบ้วนปากนี่ก็เปเปอร์มินต์..

ผมเงียบ มองสำลีในมือสลับกับน้ำยาบ้วนปาก.. ของ ‘ไอ้ดำ’ สินะ..

..



ไอ้ห่า!



“บัดซบบรรลัย!”

 ตะโกนสุดเสียงพลางวางน้ำยาบ้วนปากออกแล้วโยนสำลีทิ้งต่อเนื่อง ก่อนจะยอมหยิบยาสีฟันของตัวเองออกมา โชคดีจริงๆที่ยังไม่ได้ใช้ ถ้าอย่างนั้นคงได้มีสีดำๆติดปากตัวเองแน่นอน!



ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก มองยังยาสีฟันก่อนจะบิแรงจนล้นทะลักออกมาพร้อมป้ายด้วยสำลี นัยน์ตาสีดำสนิทของตนมองไปยันกระจกตรงหน้าที่สะท้อนภาพร่างตัวเอง..


ก่อนจะ..


..
ละเลงยาสีฟันลงบนปากแบบสุดแรงเกิด!


รู้สึกเหมือนเป็นสิ่งอัปมงคลชีวิตที่สุดในสามโลกเลยด้วยซ้ำครับ! โอ๊ย แม่งเอ๊ย กูจะทำไปทำเหี้ยไรวะ เสียปาก เสียแรงมานั่งขัดปากอีกรอบด้วยต่างหาก! ผมแทบน้ำตาเล็ด เค้นแรงตัวเองให้ถูๆขัดๆ อยู่รอบปากตัวเองจนมันขึ้นสีแดงช่ำ


ฮือ.. เจ็บ แต่ไม่เป็นไร รู้สึกดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเยอะ!


หากแต่ระหว่างที่ผมกำลังก้มหน้าลงไปล้างคราบยาสีฟันออกจากปาก ประตูทางเข้าก็ถูกเปิดขึ้น!


ปัง!


เฮือก!


โอ๊ย.. สะดุ้งโหยงไงครับ เชี่ยดำเรอะ? มันกลับมาแล้วเหรอ มันกลับมาทำไม เมื่อไหร่ มึงไปอยู่ห้องเดียวกับคู่ขามึงไป— ไป๊!



ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก ห้องน้ำที่ตนใช้อยู่ก็แค่เปิดไฟไว้แต่ไม่ได้ปิดประตู ได้ยินเสียงมันโยนกระเป๋าลงเตียงเหมือนที่ผ่านๆมาก่อนจะเดินตรงในห้องน้ำเหมือนกันครับ..


เฮ้ย! ห้องน้ำก็มีอยู่ห้องเดียว งั้นก็มาห้องกูอ่ะดิ!?


เอาแล้วไงล่ะ เอาแล้วไง!


ร่างของเด็กหนุ่มเดินเข้ามาพลางหยุดอยู่หน้าห้องน้ำขณะที่ผมกำลังก้มลงล้างใบหน้าตนเองอยู่ รู้ว่ามันชะงักไปนิดหน่อยเท่านั้นพลางเปลี่ยนเป็นหน้านิ่งเหมือนเดิม นี่มึงยังเก็กเรอะ! ฮือ แต่ก็ดีกว่าทำหน้าแดงใส่กูก็แล้วกัน ไม่งั้นมึงกลายเป็นไอ้ดำคาบคาบพริกเลยนะสัตว์ เอ๊ะ ผมเปรียบเทียบถูกเปล่าหว่า..


ผมหมุนปิดก๊อกน้ำพลางยกผ้าเช็ดหน้าที่ห้อยอยู่บนบ่าตนเองขึ้นเช็ด ก่อนจะแอบชำเลืองไปมองมัน..


..เชี่ย.. เหี้ยนี่ก็มองผม..


“.....”


ไม่มีคำพูดใดๆออกมาเท่านั้น ต่างคนต่างมองหน้ากัน ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดฉิบหายอีกหนึ่ง เพราะมันยังคงทำหน้าตานิ่งๆกวน

ประสาทจนอยากเข้าไปถีบแรงๆสักรอบเหมือนเคย ไอ้คิ้วนั่นก็น่าไถ ตามันก็น่าควัก จมูกโด่งดีนักเหรอ สักวันกูจะถีบให้ดั้งยุบ!

แถมปากมันก็รสช็อกโกแลตกลิ่นเปปเปอร์มินต์..



..


แล้วทำไมกูต้องคิดว่าปากมันรสช็อกโกแลตกลิ่นเปปเปอร์มินต์ด้วยวะ สลัดผัก!


ผมตัดสินใจเบี่ยงหน้าหลบพร้อมกับพ่นลมออกแรงเป็นเชิงไม่พอใจอยู่ เห็นไอ้ดำก็เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำ แอบชำเลืองมองสักหน่อย อีกคนหยิบสำลี.. น้ำยาบ้วนปากกลิ่นเปปเปอร์มินต์ที่ตัวผมเกือบใช้ไป..


..


และเริ่มขัดปากตัวเองหน้านิ่งๆครับ!

กูอยากจะขำให้ตายห่า! โอ๊ย.. ผมถึงกับแอบกระตุกยิ้มออกมา นั่นคงเป็นสีหน้าท่าทาง ‘หงุดหงิด’ เพราะถูกผมจูบไปสินะ เอาเหอะ แอบขยะแขยงที่จูบ แต่ได้เห็นสีหน้าแบบนั้นไปก็ถือว่าคุ้มจริงๆ!


อีกอย่างหนึ่ง



โชคดีจริงๆที่ผมไม่ใช้น้ำยาบ้วนปากนั่น.. ไม่งั้นแขยงตาย!

   




   “มึง! กูกับไอ้ไลอ์ได้สรุปว่ากิจกรรมห้องเราจะเป็นการแสดงนะเว้ย”



   เสียงของไอ้ไทเกอร์ที่พูดอยู่หน้าชั้นดังขึ้นทำให้ผมละสายตาออกจากการ์ตูนไปจ้องแวบหนึ่ง มันกำลังพูดถึง ‘กิจกรรมม.6’ ที่จัดขึ้นทุกปีอยู่ครับ ..แต่ยังไงก็แค่กิจกรรม ไม่เกี่ยวกับผมนี่หว่า


   พูดเข้าจริงไอ้ไทเกอร์เห็นอย่างนี้มันก็เป็นถึงคณะกรรมการนักเรียนที่ค่อนข้างพึ่งพา พอสมควร แน่นอน ถ้าไอ้ไทเกอร์เป็น เชี่ยไลออนก็ต้องเป็นด้วย ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคนอย่างพวกมันจะเข้าไปจุ้นเรื่องการช่วยเหลือโรงเรียนได้ไงน่ะ!


   ผมพ่นลมหายใจเบาๆพลางคิดจะก้มลงไปสนใจการ์ตูนอีกรอบ ยังไงซะงานโรงเรียนกูก็ไม่อยากเสือกอยู่แล้วครับ แถมตอนนี้คาบว่าง ผมกับไอ้นิวเลยได้กลับมานั่งด้วยกันอีกครั้งเป็นการชั่วคราวซะด้วย



..


เออใช่ เรื่องโรงเรียนกูไม่อยากเสือก..
..แต่เรื่องเพื่อนน่ะมันอีกเรื่อง!! โดยเฉพาะเรื่องของไอ้นิวที่มันกระซิบออกมาพร้อมกับทำหน้าโลกดับ!



“..กรด เมื่อวานไอ้เหี้ยหัวทองห้องเจ็ดมาสารภาพรักกับกูวะ”



..สมควรดับจริงๆ!


   บ๊ะ.. บอกกูดิว่ามันล้อเล่น! ผมเบิกตากว้างมองเพื่อนซี้หน้าหวานที่กุมขมับด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ ไอ้เหี้ยหัวทอง? แม่งหมายถึงคนที่ชื่อท็อปใช่ปะ เดี๋ยวๆๆ แล้วสารภาพรักนี่คือการบอกเลิฟยูใช่ปะ!?


เฮ้ยย! มันแปลว่าผู้ชายที่เคยมีเรื่องด้วยกันมาสารภาพรักใช่ปะ!!?


   กูจะทำหน้ายังไงดีครับ สองสามตอนที่แล้วแม่งยังพยายามปล้ำกูอยู่เลย ตอนนี้มึงเปลี่ยนทิศเป็นเพื่อนกูแล้วงั้นเหรอ? แม้ผมจะแอบขำแต่ก็แอ๊บเครียดอยู่นะ

โธ่ๆๆ.. ไอ้นิวที่รัก ทำไมมึงดูชีวิตบัดซบอย่างงี้ หรือเพราะอยู่ใกล้ๆกูเลยได้ความซวยฉิบหายติดเป็นของแถม ก๊ากก


 “..เอาไงดีวะมึง แม่งให้การ์ดมาเลยน่ะ”

นิวพูดเสียงจริงจจังแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก ผมล่ะสงสารที่มันหน้าหวานจริงๆ มีผู้ชายติดเพียบ ไม่เหมือนผม.. สาวๆทั้งนั้นครับ มากันให้พรึ่บ อันแน่ะอย่าเพิ่งมาทำหน้าไม่เชื่อผม ผมยังพูดไม่จบ.. สาวๆในความฝันของเฮียกรดอย่างไงล่ะ ก๊ากกก


แต่เฮ้ยๆ เข้าเรื่องก่อน


..ไอ้นิวนี่น่าสงสารจริงๆนั่นแหละ..


“มึงจะผันตัวเป็นเกย์เหรอวะไอ้นิว”

ประโยคคำถามนี้ทำให้เพื่อนแม่งถึงกับสะดุ้ง ผมจึงเบ้ปากใส่ไปทันที “เชี่ย! อย่านะเว้ย กูหยะแหยง”


มันดูตกใจนิดหน่อยพลางตบหัวผมดับป้าบ


“บ้าเรอะ ใครเกย์วะ กูกำลังตกใจอยู่นะเชี่ย.. มันบอกชอบคนเตะต่อยเก่งด้วยว่ะ เป็นมาโซเหรอเนี่ย”


 ได้ยินไอ้นิวพูดแล้วก็ขำ โอ๊ย เพื่อนกูน่าสงสารจริงๆ มันทำหน้าโลกจะแตกอีกต่างหาก! ผมจึงจัดการแย่งการ์ดในมือเจ้าเตี้ยแล้วอ่านครับ


“ผมชื่อท็อป อยู่ห้องเจ็ด พวกเราเคยเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่งแม้ว่าการเจอกันนั้นจะไม่ค่อยดูดีสักเท่าไหร่นักแต่ผมก็บอกว่าผมชอบคุณ ชอบสกิลการเตะต่อยของคุณเก่งมากเลย กรุณาคบกับผมด้วยครับ”


ผมอ่านด้วยน้ำเสียงดัดจริตก่อนจะหัวเราะก๊าก โอ๊ยยยย แม่ง แม่งง! เขียนมานิสัยไม่ดูหนังหน้าตัวเองเล๊ย ไอ้วิธีการบอกรักพื้นบ้านแบบนี้มันไปจำมาจากไหนวะ! แต่ยิ่งเห็นหน้าไอ้นิวก็อยากจะหัวเราะจนฟันหลุดเลยครับ พอมันได้ยินที่ผมอ่านก็ถึงกับแสดงสีหน้าเหยเกออกมาเต็มๆ! ก๊ากกก มึงนี่น่าสงสารจริงๆนะ สมกับเป็นเพื่อนกูเลย!



   ว่าแต่ ไอ้ชอบสกิลการเตะต่อยของคุณเก่งมากเลยในการ์ดที่เขียนไว้เนี่ย แม่งเป็นมาโซคิสม์จริงๆด้วยสินะ พวกชอบถูกทรมาน อยากคบกับเจ้านิวเพื่อเป็นกระสอบให้มันเล่นเรอะ! ก๊ากก




   “อ่านอะไรวะ กรด?”


หะ..?


   ผมชะงักกึกพลางเงยหน้าขึ้นผละออกจากการ์ดสีชมพูหวานแหวว เห็นไอ้เชี่ยนิวหน้าเหวอครับ ความจริงผมก็เหวอเหมือนกันนะ.. เพราะไอ้คนที่อยู่ข้างหน้าตอนนี้คือเจ้าจินไงล่ะ!


..ไอ้จิน..


มึงอยู่คนละฝั่งซีกห้องกับกูยังจะเสือกเดินมาคุยได้อีกเหรอวะ!


   ทุกคนคงยังไม่รู้ว่าหลังจากโดนลงโทษกับพวกของไอ้ดำบ่อยๆผมกับจินจึงเริ่มสนิทกันและคุยเป็นครั้งคราวครับ เหี้ยนิวก็เหมือนจะนิสัยเข้ากับเชี่ยดำได้ดีจนน่าสะพรึงอีกต่างหาก แต่เพื่อนซี้ผมบอกว่าไม่อยากคุยกับไอ้ดำบ่อย คุยแล้วเมื่อยคอ ก๊ากกกกกกกก ไอ้เตี้ยยย กูว่าฝั่งนั้นก็คงเมื่อยเหมือนกันนั่นแหละ ก้มมาก ก๊ากก


   ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางรีบหันมองไปรอบๆ.. เออ ปกติมึงตัวติดกับเชี่ยดำ แล้วตอนนี้ตัวแถมของจินมันไปไหนวะ?

   แล้วร่างของตนก็ต้องสะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อจับได้ถึงการแผ่รังสีบางอย่างจากทางด้านซ้ายที่มีไอ้จินยืนทะมึนเป็นเดวิลน้อยซะงั้น!


เชี่ย! แผ่รังสีทำอะไรวะ

   “อ่านอะไรวะ กรด” มันถามย้ำอีกที


   “นี่มึงจะฆ่ากูเพราะไม่อ่านให้หรือเปล่าวะ?” ขำสิครับ แม่งจะแผ่รังสีอะไรออกมานักหนา ขนลุกซู่เลยนะเว้ย “เนี่ย! ไอ้หัวทองห้องเจ็ดที่เป็นอริกับเหี้ยดำอ่ะ มันส่งจดหมายบอกรักไอ้นิวโว้ย!”


 เสียงของผมตื่นเต้นพร้อมกับเอื้อมไปคล้องคอเพื่อนนิวที่กำลังเหงื่อตกซะงั้น


เป็นอะไรกันวะ?


   “มึงเอ๊ย! เห็นท่าทีเถื่อนๆอย่างนั้นแม่งมีการมาแอบตกหลุมรักเพื่อนกูด้วย นี่หน้ามึงหวานเกินไปนะเว้ยไอ้นิว” ผมพูดต่ออย่างไม่เกรงกลัวพลางเอื้อมมือดึงแก้มยุ้ยๆของไอ้นิว อ้าว มึง ทำไมหน้ามึงเย็นๆเลยวะ ไม่ดิ ซีดด้วย


   “....” นิวยอมนั่งนิ่งๆให้ผมยืดแก้มซะงั้น เฮ้ย.. ปฏิหาริย์เหรอวะ ปกติมันไม่เคยให้ผมยืดแก้มเลยนะ


   “อ้อ ไอ้ท็อปน่ะเหรอ? มึงนี่เสน่ห์แรงดีจังนะ.. นิว” จินพูดเสียงนิ่งพร้อมหันไปมองเพื่อนผมที่ยิ้มแห้งเล่นทำเอาน้องกรดมึน อะไรวะ ปกติมึงน่าจะตอบกลับไปนะเชี่ยนิว อย่างน้อยก็โวยวายนิดหน่อยดิ


..ผมงงสิ? เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ผมห่างกับมันไปวะ?


   ผมกระพริบตาปริบๆ รู้สึกเหมือนมีกำแพงใสบางๆที่ค่อยๆก่อเกิดขึ้นมากั้นผมระหว่างนิวและจิน .. เดี๋ยว? มันเกิดอะไรขึ้น ไอ้เหี้ย.. กูไม่เข้าใจ


..ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเลยวะ .. ไม่ดิ ไม่ได้ๆ!


   “นิว มึงเป็นไรเปล่าวะ?” ผมหันไปหาเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งหน้า


   “เปล่าน่ะ เหี้ยนี่แม่งคงแค่กลัวไอ้ท็อปเฉยๆ เนอะ” เจ้าจินก็เอ่ยต่อออกมาพร้อมกับย่อตัวลงนั่งยองๆพลางเอามือเกาะที่หน้าโต๊ะของนิว เห็นอีกฝ่ายช้อนตามองด้วยรอยยิ้มกว้าง “ใช่ปะ นิว?”


   “เอ่อ.. นิดหน่อย”


ผมก็งงสิ.. ทำไมเพื่อนตูดูไร้ความมั่นใจอย่างนี้วะ?

   คิ้วของตนขมวดแน่นก่อนจะมองสองคนนี้สลับไปมา ทะเลาะกัน? หรืออะไรกันวะเนี่ย


   “ใช่ไหมล่ะ จะกลายเป็นเมียไอ้เชี่ยท็อปแล้วเหรอมึงเอ๊ย! ถ้ามึงเป็นนะ ไอ้นัยต้องบีบคอมึงแน่ๆ! มันถือคติทำร้ายคนที่อีกฝ่ายรักซะด้วย”


ผมถึงกับหน้าซีด เชี่ยนี่ถือคติอะไรแปลกๆ คิดแล้วก็หงุดหงิด เกือบโดนคนจับทำเมียเพราะคติทำร้ายคนที่อีกฝ่ายรักแท้ๆเลย! ฮือ พวกเหี้ยๆนี่เป็นแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ ไอ้นิวน่าจะกลัวตรงนี้(?)ก็ได้ล่ะมั้ง เออ งั้นพี่กรดจะปลอบ(?)เอง


   “เออ กูเข้าใจเว้ยนิว ไม่ต้องห่วง! เดี๋ยวคราวนี้กูจะปกป้องมึงเอง!” ไอ้นิวชะงัก เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาไม่อยากเชื่อแล้วหัวเราะเจื่อนๆอีก ไหงทำหน้าไม่เชื่อถือพี่กรดอย่างนี้วะนิว “เป็นไรวะสัตว์! เชื่อใจได้เลย กูจะปกป้องไม่ให้มึงโดนจับทำเมี....”


..แต่พูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงขัดขึ้นมาก่อนครับ..

..เหมือนจะผู้พูดจะเป็นคนที่ผมไม่ได้คุยตั้งแต่เมื่อวานต้องเย็นซะด้วย..

   “ก่อนจะช่วยคนอื่น ช่วยตัวเองไม่ให้ตกเป็นเมียกูก่อนเหอะ”


...ไอ้เชี่ยดำ!!


   มันมาเมื่อไหร่แล้วมันมาทำห่าอะไรวะ! ผมเบิกตากว้างพลางหันขวับไปตามเสียง เห็นชายร่างสูงใหญ่กำลังยืนอยู่ข้างๆไอ้จินแถมยังโยนหนังสือการ์ตูนไปมาในมือ ได้ยินเสียงจินดังว่า ‘หนังสือการ์ตูนกู’ ประมาณนี้อีก!


...

ไอ้เชี่ยนิวกุมขมับครับ ส่วนเจ้าจินก็ถอนหายใจ


   ใช่ ผมกำลังยืนขึ้นแล้วมองหน้าอีกฝ่าย นี่กูไม่ได้คุยกับมึงนาน มาถึงก็เปิดประเด็นเลยเหรอวะ!


เออได้ ถ้ามึงเปิดประเด็น กูก็จะเปิดตาม


   “งั้นก่อนจะทำให้กูตกเป็นเมียมึง.. หลบหมัดกูให้ได้ก่อนเหอะ!!”


พอจบประโยคเท่านั้น.. หมัดผมที่กำลังจะลอยก็ต้องหยุดชะงัก..
..
เพราะเสียงทุ้มที่ดังลอดออกมาจากปากของไอ้ไลออน







   “เหี้ย!! กูเจอสองคู่กัดที่จะแสดงในละครห้องเดือนหน้าได้แล้วเว้ย!”





ทั้งผมและไอ้ดำหันไปพร้อมมองผู้พูดที่ชี้มาทางเขาพร้อมกับห้ามศึกได้อย่างรวดเร็ว คิ้วของเราสองคนก็ขมวดติดแน่นทันที




   “...หา?”




...





___________________________
StraWBerry_ImIn @Talk
อ๊ากกก
อ๊ากกกกก
ในที่สุดก็มาอัพสักทีค่ะ รู้สึกเขินเบาๆกับการอัพช้า แหะๆๆ แต่จะพยายามมาอัพเรื่อยๆและไม่หายไปเป็นเดือนนะคะ !
ช่วงนี้งานเยอะมากกกกกกกก
อ๊ากกกกกก

เรื่องนี้ยังคงอัพช้าอยู่ แหะๆๆ วันจันทร์มีสอบเจ็ดวิชารวดเดียวเลยค่ะ T3T  คงพูดอะไรไม่ได้มาก ขอตัวก่อนนะคะนักอ่านทุกคนนน <3 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ <3
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.17 UPPPP (2/8)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 03-08-2014 00:13:19
ตลกการ์ดที่ท๊อปเขียนมาอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า หลงรักสกิลต่อยตี ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh:
จินนี่เตรียมกลับไปทำโทษนิวแล้วสิ
ส่วนดำต้องรีบใช้โอกาสนี้ต้อนน้ำกรดให้จนมุมนะ
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.17 UPPPP (2/8)
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 10-08-2014 21:13:22
สนุกมากก ถึงตอนที่5แล้ว

“กูจะฉี่” ชัดเจน กูรู้ครับ กูรู้!
   “มึงก็ใช้มือข้างซ้ายดิวะ!”
   “กูถนัดข้างขวา” ว่าแล้วแม่งก็เอามือปลดซิบกางเกงมันอีก

เหมือนพี่ดำล๊อกมือซ้ายของตัวเองกับกรดน๊า
ทำไมกรดไปแนะนำให้เขาใช้มือซ้ายละลูก :hao6:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.17 UPPPP (2/8)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 11-08-2014 11:30:30
ติดงอมแงม
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.17 UPPPP (2/8)
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 11-08-2014 17:54:29
มาต่อเร็วๆน๊าาาาาาาาาา :ling1:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.18 UPPPP (11/8)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 11-08-2014 20:21:26
C h a p t e r  18
คนเกลียดกัน มักจะแพ้อะไรเหมือนกัน



   น่าจะเปลี่ยนจากชื่อเรื่องเกลียดฉิบหาย เป็น ซวยฉิบหาย เหอะ .. น้ำกรดขอร้อง


   ผมมองไทเกอร์ที่ยิ้มกว้างแล้วชี้มาทางตัวเองกับเชี่ยดำ หน้าของพวกเราสองคนเหวอไปถนัดตาเลยทีเดียวครับ
 อยู่ๆแม่งก็มามงมาพูดว่าแสดง แสดงห่าเหวอะไรวะ นี่มันสตั้นท์ยิ่งกว่าเจออาจารย์ไม้เลิกทำโทษเด็กอีกนะเหวย!


   “...เฮ้อ.. โชคดีจริงๆ กูขอบคุณมึงมากนะไอ้ไทด์ที่มาห้ามทัพน่ะ” ไอ้นิวแม่งถอนหายใจพร้อมกับยกมือไหว้อีก เหมือนไทด์จะ
ไม่รู้เรื่องอะไร มันเผยสีหน้างุนงงต่อ แต่ก็เปลี่ยนเรื่องครับ


   “เฮ้ย! พวกมึงสองคนอ่ะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของมันดังขึ้นมาพร้อมกับเดินคั่นกลางระหว่างผมและไอ้ดำ “งานโรงเรียนปีนี้ พวกมึงมาช่วยแสดงหน่อยได้ปะ?”


..แสดง? แสดงห่าไรวะ?


   “เหี้ยไรเนี่ย?” ผมถามแล้วขมวดคิ้วงุนงง คือกูไม่ได้ฟังห่าอะไรเลยแล้วจะให้แสดงเหวอะไร! “ปัญญาอ่อนปะเนี่ยสัตว์?”
 ไอ้ไทด์ยิ้มมาให้แทน


   “นัยกับกรดมาแสดงเป็นคู่กัดทะเลาะกันบนเวที โอเคปะ?”


   “หา?” เสียงนี้ดังมาจากปากเชี่ยดำที่กำลังฟังอยู่  “หมายความว่าไรวะ?”


   “นั่นดิ” เออ โอกาสนี้ผมต้องเสริม! แสดงเชี่ยอะไร ให้กูแต่งหญิงแบบนิยายเลิฟๆเรอะ ขอบอกว่าไอ้ผู้ชายหน้าแมนๆแบบผมแต่งหญิงไม่ขึ้นครับ


หา..อะไรนะ? เคยมีคนบอกผมหน้าสวย?

แม่งโม้ อย่าไปฟัง!


   “คืองี้เว้ย กูรู้ว่าพวกมึงไม่ฟังหรอก งั้นกูอธิบายให้!” คนที่เสนอให้ผมแสดงฉีกยิ้มกว้าง ทำหน้าตาน่าหมั่นไส้อีกนะสัตว์ ชื่อมึงแปลว่าสิงโตไม่ใช่เหรอวะ ช่วยกรุณาทำหน้าให้ดูเกรงขามหน่อยดิ! “ห้องเราจะจัดการแสดงปลายเดือนหน้าเว้ย เนื้อหาก็เกี่ยวกับเด็กที่ทะเลาะกันและกัดกันมากๆ”


ผมกับไอ้ดำนิ่ง
..ทะเลาะและกัดกันมากๆ.. ก็ทั้งผมและเชี่ยนี่อ่ะดิ?



   “แล้ว?” แหม เชี่ยดำ กูขอบใจมึงที่กวนตีนไอ้ไทด์แทนกู เห็นไลออนเดินตามมาติดๆพร้อมกับยิ้มกว้างแล้วพูดต่อ สมกับเป็นแฝดเทียมนรกกันจริงๆ


   “กูว่าพวกมึงเหมาะกับบทนี้ที่สุดแล้วนะ แค่ทะเลาะกันให้ได้มากๆก็พอ น้ำหน้าอย่างมึงอ่ะถึงไม่ได้อยู่บนเวทีก็ทำได้อยู่แล้ว จริงปะ?”


เอ้อ! พูดอีกก็ถูกอีก! ไอ้ไลอ์มันเก่งจริงๆที่รู้ว่าผมกับไอ้ดำต่อให้เจอกันอยู่ในชีวิตจริงก็จะต่อยกันตายอยู่แล้วครับ


..แต่

..แต่คือ..



กูไม่ใช่เด็กกิจกรรมว่ะ



   “ขอปฏิเสธ” ผมพูดพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นไปอีกทาง อะไรล่ะ? ใครจะหาว่าผมไม่มีน้ำใจก็ช่างหัวแม่งสิ “กูไม่ใช่พวกนักแสดงว่ะ”
   ไทเกอร์เลิกคิ้วเล็กน้อย


   “แต่บทนี้เหมาะกับพวกมึงนะเว้ย”


   “กูก็ไม่เอา” เสียงเชี่ยดำตามมาติดๆ “เดี๋ยวก็ได้เห็นคนต่อยกับเหี้ยบนเวทีหรอก”  อืมมม.. ถูกของมัน ..

อ้าว เฮ้ย เดี๋ยวๆ แม่งหลอกด่าผม!


   “นั่นสิ เหี้ยมันก็บอกเดี๋ยวได้เห็นคนต่อยกับเหี้ยเนี่ย” หึ..
มึงหลอกด่า กูด่ากลับก็ได้!


   ไอ้เชี่ยดำตวัดสายตาขวับเมื่อรู้ว่าโดนประโยคคำด่าของตัวเองย้อนเข้าแล้ว ก๊ากกก! สมน้ำหน้า! คิดจะด่าใครไม่ด่า ด่าไอ้น้ำกรดคนนี้เองนะ


   “เหี้ยมักชอบด่าว่าตัวเองเหี้ย”


   “อืม.. ใช่ เหี้ยมักชอบด่าว่าตัวเองเหี้ย เนอะ นิว?” ผมหันไปหาแนวร่วมก่อนครับ แม่งพูดขุดหลุมฝังตัวเอง! แอบเห็นไอ้เชี่ยดำผงะไปแล้วขมวดคิ้วแน่น โอ๊ย .. กูล่ะสมน้ำหน้ามัน!


   “.....” คนถูกดึงมาเป็นแนวร่วมก้มลงกุมขมับซะงั้น อ้าว ไม่คิดจะช่วยเพื่อนพูดหน่อยเหรอวะ!
แต่เหมือนเพราะการที่ผมและเชี่ยดำยืนเถียงกัน.. จึงถูกน้ำเสียงถัดไปที่ดังขึ้นมาทำให้เงิบไปตามๆกัน


   “ดูดิ ขนาดยังไม่เข้าบทบาทนักแสดงยังสมจริงได้ขนาดนี้ คงไม่มีใครเหมาะเท่าพวกมึงแล้วล่ะ”


   “...”


หะ?



   “เออ นั่นดิ ยังไม่ทันที่จะเข้าบทก็แสดงได้แล้ว พรสวรรค์แท้ๆ”


เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆๆ!!


   ผมอ้าปากค้าง มองไปยันกระดานไวท์บอร์ดที่เชี่ยไลออนเดินไปถือปากกามาแล้วเขียนยุกยิกๆตรงชื่อนักแสดง
เฮ้ย— เฮ้ย—เฮ้ย!



   “กูยังไม่ยอมรับเลยนะเชี่ย! เอาชื่อกูไปเขียนหาพ่อมึงเหรอ!” นายน้ำกรดคนนี้ยอมไม่ได้ครับ! ยอมไม่ได้!! นี่มันมัดมือชกเลยนี่หว่า!



   “เอาชื่อเหี้ยนี่ไปได้ แต่ลบชื่อกูออก!” เวร ไอ้ดำแม่งก็ตะโกนติดๆ ว่าแต่ อะไรลบชื่อมันออกแล้วให้คงชื่อผมไว้น่ะเหรอ?
ไม่เอานะเว้ย!


   “เชี่ย! มึงนั่นแหละ ไปแสดงคนเดียว กูไม่อยากเสือก!!”


   “มึงแหลเก่งไม่ใช่เหรอวะ ไปคนเดียวสิ”

   “ไอ้เวร ไม่ต้องเลย มึงนั่น—”
   และสุดท้ายผมก็ต้องหยุดชะงักปากตนเองไปเสียสนิทเลยด้วยซ้ำ เมื่อเห็นเจ้าไลออนฉีกยิ้มหวานหยดเยิ้มแถมเปลี่ยนจากปากกา
เขียนไวท์บอร์ดเป็นปากกาเคมีลบไม่ออกน่ะสิ!


..เฮ้ย..เฮ้ย เดี๋ยว! มันเล่นอะไรแปลกๆวะ!


   “กูไม่อยากทำกิจกรรมโรงเรียน!” ผมรีบตะโกนไปคนแรก ไอ้ไลออนกับไทเกอร์ก็ดันเสือกหันมายักคิ้วพร้อมกันอีก นี่พวกมึงเป็นฝาแฝดกันหรือเปล่าวะ ทำอะไรเหมือนกันดีจริง! “เหี้ย หยุดเลยนะเว้ย”


   “พวกมึงเป็นความหวังห้องเราเลยนะเว้ย! อย่างน้อยก็ชนะห้องเจ็ดให้ได้นะสัตว์!” เจ้าไทเกอร์พูดออกมาแล้วยกนิ้วโป้งเป็นเครื่องหมายยอดเยี่ยมอีก ยอดยงยอดเยี่ยมอะไรวะ กูไม่เอา กูไม่อยากไป กูขี้เกียจด้วย!


   “พวกมึงใช้อะไรคิดวะ!”


   “ไอ้พวกเด็กห้องเจ็ดไง อริห้องเรา แพ้ใครไม่ว่าแต่ห้ามแพ้เด็กห้องเจ็ด .. ใช่ไหมเพื่อน!” ไลออน มึงก็ลูกคู่ได้เก่งจริงๆ หันไปตะโกนเรียกเสียงเพื่อนตัวประกอบที่ตะโกนว่าใช่ๆ อยู่อีก


อ๊ากก อย่ามาหวังอะไรจากกู๊!


   ผมอยากจะตะโกนคำนี้ไปแทบใจขาดรอนครับ เห็นเพื่อนๆมองตาเปล่งประกายแบบนั้น...


..เอื๊อก..ปฏิเสธไม่ลง


   “...ใครเขียนบทวะ” นายน้ำกรดใจอ่อนง่ายๆเมื่อถูกคนมาขอร้อง แล้วนี่แถมเป็นขอร้องทั้งห้องอีก รู้สึกอยากจะเอาหัวตัวเองทุบเต้าหู้ตายจริงๆ!


เอ๊ะๆ แต่บอกไว้ก่อนว่าผมยังไม่ยอมเล่นบท!


   “เออ .. ใครเขียนบท?”เหมือนไอ้ดำน่าจะเป็นประเภทเดียวกับผม ใจอ่อนง่ายเมื่อโดนสายตาแห่งความหวังแอคแทค ฮือ กูหยะแหยง มึงจะมาเป็นประเภทใจอ่อนง่ายแบบกูทำไมวะ.. และทันใดนั้นก็มีคนหน้าอ่อนยกมือขึ้นเล่นเอาพวกผมชะงัก..


   “เราเอง”


   เสียงของเขาหวานจนแทบปาดแก้วหูและไม่อยากเชื่อว่าเป็นผู้ชายเลยด้วย หน้าขาววอกยิ่งกว่าตูดเด็ก ดวงตากลมโตแบบไม่ต้องใส่คอนแทกเลนส์เล่นทำผมอ้าปากค้าง มองผู้ที่พูดอยู่กำลังยิ้มกว้างพลางโบกมือไปมา


..ไอ้หน้าเด็กม.ต้นมันอยู่ในห้องเราด้วยเหรอวะ..


   ผมไม่คิดว่าเจ้านี่จะอาศัยอยู่ในห้องผมนะ ปกติถ้าไม่เจอหน้าหวานๆแบบเชี่ยนิวเข้าไปซึ่งมีน้อยมาก หันซ้ายขวาก็พบแต่เห็นเถื่อนๆ โอเค ยอมรับนิดหน่อยว่าไอ้ไลออนมันค่อนขาวสวยๆแต่นิสัยดันเชี่ยจนน่าปวดหัวน่ะสิ ในห้องกูมีคนที่ดูบริสุทธิ์น่ารักอย่างนี้ด้วยเหรอวะ..


อีกฝ่ายยิ้มกว้าง เล่นเอาดาเมจแม่งกระแทกเลย โอ๊ย! .. น่ารักว่ะ


เดี๋ยวๆ— กูชมผู้ชายน่ารัก ไม่ได้แปลว่าเป็นเกย์ใช่ไหมวะ?


   “ขอบคุณนะที่น้ำกรดกับนัยยอมมาเล่นบทนี้น่ะ” แอบเผลอมองปากอมชมพูนั่น.. เฮือก น่าจูบฉิบหาย.. น่าจูบเชี่ยๆ เด็กที่ไหนวะ เปลี่ยนตัวเด่นจากไอ้นัยเป็นเจ้าเตี้ยนี่ได้ไหม ผมอยากเข้าไปเลียหัวแผล่บๆ ฮือ..


   แอบเหลือบเทียบหน้าตาไอ้ดำกับเพื่อนหน้าม.ต้นครับ .. อื้อหือ เทียบกันไม่ได้เลย ขาวดำ แบ๊วเข้ม มึงแพ้ว่ะไอ้เชี่ยดำ บอกเปลี่ยนตัวเด่นโล้ด!


แต่เดี๋ยว.. ผมเห็นไอ้ดำน้ำลายไหล เดี๋ยวๆ มึงจะแดกเพื่อนคนนี้เขาเหรอวะ!


   “..ฝากตัวด้วยแล้วกันนะ” เสียงทุ้มจากชายผิวเข้มดังออกมา มันก้มมองเด็กหนุ่มที่ยืนยิ้มกว้างให้อยู่ ท่าทางโดนดาเมจแล้วสิมึง.. โดนดาเมจล่ะสิ! “อย่าเขียนให้บทแย่ล่ะ”


เท่านั้นเจ้าหมอนั่นก็มีออร่าความสุขแผ่ออกมาครับ!


เอ่อ.. กูคิดไปเองหรือเปล่าว่าออร่านั่นไม่ใช่ออร่าดอกไม้.. แต่เป็นสัตว์อะไรบางอย่างรอบๆตัว สีเหลืองๆด้วย..
   ท่าทางผมจะเพ้อแล้ว แอบเอามือตบหน้าตัวเองแรงๆ เห็นเชี่ยนิวกับไอ้จินคุยกันอยู่อีกด้วย คนหน้าเด็กหันมามองผมพร้อมกับ
เอียงคอเล็กน้อย


   “แล้วน้ำกรดล่ะ?”


..เฮือก..
   เอาแล้วไงนั่น ผมชะงัก กลืนน้ำลายเอื๊อกแล้วมองมายันอีกคน จะเรียกกูน้ำกรดทำไม อย่าเลย ขนลุก..แต่ว่า..


..นัยน์ตาเปี่ยมด้วยความหวัง..

..ความหวังจริงๆ.. จะทำลายมันก็ใช่เรื่องอยู่..


   ผมเม้มปากแน่น
..

ไม่อยากเล่นกับไอ้เชี่ยดำ.. แต่ถ้าปล่อยให้แม่งเล่นคนเดียว มีหวังแดกเด็กนี่แน่ๆ ต้องฉุดมากระทำกันในห้องกูชัวร์ป้าบ..


..ดังนั้น..
ดั้งนั้น..เพื่อปกป้องพรมจรรย์ของห้องนอนกู..


   “เรียกฉันว่ากรดเฉยๆก็ได้... อื้ม คิดว่าจะลองดูนะ”


วิ้ง!


   ..ผมเหงื่อตก เห็นออร่าแห่งความสุขเข้ามากระแทกหน้าอีกแล้ว รู้สึกแสบตาแปลกๆ
..แล้วคิดไปเองหรือเปล่าวะที่มันไม่ใช่ออร่าดอกไม้ แต่เป็นออร่าลูกเจี๊ยบเนี่ย..?


   “อ้าว นี่มึงคุยแป๊บเดียว ไอ้พวกนั้นยอมเลยเหรอวะ?”


..เสียงเชี่ยไทเกอร์!

   มันหันมาหาไอ้หนุ่มหน้าม.ต้นครับ เจ้าของออร่าลูกเจี๊ยบชะงักไปพลางหัวเร่าะร่าเสียงั้น


   “อือ เดี๋ยวกูคงจะไปเขียนบทก่อนน่ะ”
เฮ้ยๆ เดี๋ยว เดี๊ยววว!! ไอ้เรา – นาย ที่สร้างความแอ๊บแบ๊วให้หมอนี่มันหายไปไหนน!


   “เออๆ ดีแล้ว เฮ้ย! ไลอ์! สองตัวนี้มันยอมแล้วโว๊ย งั้นอาทิตย์หน้าพวกมึงเริ่มซ้อมเลยแล้วกัน!”
   ผมอ้าปากค้าง ไม่ต่างกับไอ้เชี่ยดำที่เหมือนเบิกตากว้าง ท่าทีผิดหวังสุดๆ


   เจ้าของร่างเล็กฃชะงักไปเมื่อเห็นสีหน้าพวกผม เขาหันมาชูสองนิ้วให้จนดูน่ารักอย่างประหลาดเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างยิงฟันขาว


   “เรื่องบทน่ะ เชื่อมือกูได้เลย”  อีกฝ่ายยักคิ้วเล็กน้อย ผมไม่อยากจะบอกหรอกนะว่าได้ยินเสียงหัวใจไอ้ดำแม่งแตกเพล้งๆ สงสัยคิดว่าเป็นเด็กสุภาพล่ะสิ สมน้ำหน้า! “เรียกกูว่าซานก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักล่ะ— จันทร์หน้าอย่าลืมมาซ้อมนะ บาย”


..เชี่ยยยย!! ไอ้ออร่าโมเอะมันหายไปไหนหมดวะ!!
แต่ว่ากูโดนไอ้หน้าละอ่อนนั่นหลอกใช่หม๊ายยยย ฮือออ เอาน้องโมเอะกูคืนม๊าา!






กิ้ง— ก่อง


   เสียงระฆังบ่งบอกว่าหมดเวลาของคาบประชุมแล้วทำให้พวกเพื่อนๆรีบสลายตัวกลับห้องอย่างรวดเร็ว และผมก็เช่นกัน..ซะที่ไหนล่ะครับ!


เอ่อ ความจริงคือผมแอบยืนมองไอ้หนุ่มซานที่ตอนแรกมาซะน่ารักเรียกเรานายๆ แต่พอตกเหยื่อหน้าตาเหมือนผมกับไอ้ดำได้เท่านั้นแหละ มึงกูขึ้นทันทีเลยนะ..


..กูแหละเครียด..


   ผมเห็นเจ้าตัวเดินออกไปกับเพื่อนกลุ่มคนอื่นๆแล้วก็กลืนน้ำลายเอื๊อก หน้าตาน่ารักฉิบหาย นี่ถ้าเป็นผู้หญิงผมต้องกระชากขึ้นเตียงไปแล้วแน่ๆเลย! ลองคิดดูสิ ดวงตากลมโตสีดำขลับแป๋วๆกับรอยยิ้มอันเจิดจ้านั่นทำใจผมละลายซะไม่มี

   เวลาผ่านไปได้ไม่นานนักเพื่อนก็ออกไปจนเกือบหมดห้องปล่อยให้เหลือแค่ผมที่กำลังยืนหน้าตายมองไปยันชื่อบนกระดานไวท์
บอร์ด


   ..ชื่อแรก.. น้ำกรด แสดงเป็นพี่ของนางเอก..


   ..ชื่อสอง.. ชื่อของไอ้ดำ แสดงเป็นคู่กัดพี่นางเอก..


..โอ้ชีวิตน้ำกรด.. ซวยฉิบหาย..


ไม่น่าเป็นโรคแพ้คนน่ารักจริงๆ..
   ผมตัดสินใจผลุบสายตาลงก่อนจะถอนหายใจดังเฮือก ท่าทางกูคงจะเข้าขั้นซวยสุดๆจริงๆล่ะ เสาร์อาทิตย์ต้องวางแผนทำบุญวัด
เก้าวัดซะบ้างแล้วแหะ


ผมคิดจะหันกลับไปชวนไอ้นิวเดินเล่นก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงดังลั่นจนทำให้ความคิดของผมกระจัดกระจายทันที

ปัง!


เหี้ยย! ใครมาฟาดอะไรแถวนี้วะ!!


   เชี่ยเอ๊ย! กูกำลังเป็นพระเอกเอ็มวี ‘ซวยฉิบหาย’ อยู่นะมึง! ถอนหายใจหมุนตัวแบบหล่อๆด้วยไอ้สัตว์! แถมเพลงนี้ขับร้องโดยนายน้ำกรด ประพันธ์โดนนายน้ำกรดด้วย! เหี้ยยย!


แล้วคำด่าในความคิดของผมเองก็ต้องชะงัก..เมื่อเห็น..


ขวับ!


   วัตถุบางอย่างถูกเหวี่ยงแรงในอากาศจนเกิดเสียงดังลั่น ผมอ้าปากค้าง ไม่ต่างจากเพื่อนในห้องทีเหลือนั่นแหละครับ..


..เพราะไอ้นั่น— คือไม้ที!


   “เชี่ย! ใจเย็นๆสิวะ!”


เฮ้ย! เสียงใคร? คุ้นๆ!
   ใบหน้าของตนเองรีบถอดสีทันที จำได้ว่านั่นเป็นเสียงไอ้เชี่ยวิน! แล้วมันมาทำอะไรหน้าห้องตู!


   “.....เด็กห้องเจ็ด!” ได้ยินคนที่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่เค้นเสียงลอดออกมาตามไรฟันทันที ผม รีบหันมองเชี่ยดำที่กำลังจ้องเขม็ง เดี๋ยว แม่งรู้ด้วยว่าเป็นเด็กห้องเจ็ดเฮ้ยย!


   “ปล่อยกูสิวะ! ปล่อย! ปล่อยกู!”


..แอบเห็นหัวทองๆแทงตากูอยู่ลิ่วๆ.. เชี่ยท็อปสินะที่ถือไม้ทีน่ะ!


อุ๊ต๊ะ! ต่อไปนี้กูจะเรียกมึงว่าไม้ทีทองแล้วไอ้หัวราคาแพงง!


   ..อย่าเลย มุขหัวราคาแพงแม่งไม่ผ่าน ผมตัดสินใจหยุดเพ้อในใจแล้วรีบวิ่งเข้าไปดูสถานการณ์ เห็นไอ้ท็อปใช้มือข้างหนึ่งถือไม้ทีแต่ก็โดนเจ้าวินมันล็อคไว้จนขยับตัวไม่ได้ครับ อีกฝ่ายดิ้นแรงจนทำเอาผมเหงื่อตก แถมไม้ทีนั่นเหวี่ยงบนมือไปมาด้วย แปลว่าคนที่แรงเยอะในตอนนั้นคือวินจริงๆสินะ จะว่าไปมันช่วยผมด้วยนี่หว่า อยากจะขอบคุณมันสักหน่อยแหะ..
   
“อ๊าก ไอ้วิน! ปล่อย! ปล่อยกู!”

   “มึงก็วางไม้ทีลงก่อนดิวะ! มาแบบจิ๊กโก๋ฉิบหาย!”


เออ จริงของไอ้วินมัน!


   ผมเห็นเจ้าท็อปหายใจหอบแรงแล้วมองมาทางผมด้วยสายตาอาฆาตครับ เวร กูเกี่ยวอะไรด้วย เฮ้ยๆ กูงงนะสัตว์!
   สุดท้ายมันก็ยอมเปลี่ยนเป็นโยนไม้ทีลงพื้น ไอ้วินจึงยอมปล่อยให้ชายร่างโปร่งเป็นอิสระทันที ผมเห็นเชี่ยดำเดินเข้ามาพร้อมกับ
มองนิ่งๆอีก

   “มีธุระอะไร?” เสียงทุ้มของมันดูสงบนิ่งเล่นเอาผมแอบกลืนน้ำลายเอื๊อก ไอ้ท็อปตวัดสายตามามองพลางชี้หน้า “....”


   “มึง.. มึง!”


แล้วแม่งก็จะก้มไปหยิบไม้ทีอีกรอบ!


   “เฮ้ย!!” โชคดีจริงๆที่เชี่ยวินเตะทิ้งไปทัน โอ๊ย กูนึกว่าต้องแจ้งความคนโดนไม้ทีฟาดหัวซะแล้ว “นี่ขนาดโยนทิ้งแล้วมึงยังคิดจะหยิบอีกรอบเรอะ!” อืม.. จริงของไอ้วิน ว่าแต่ทำไมวันนี้กูไม่มีบทพูดเลยวะ บรรยายอย่างเดียว เบื่อนะเว้ย

   ดังนั้นขอพูดสักนิดครับ


   และเมื่อผมกำลังจะอ้าปากและเปล่งเสียง..


   “มึงมาทำอะ—”
   

“กูอยากต่อยหน้าไอ้ดำจังไรนี่ทีนึง!!”


โอ๊ย!! บทพูดผมโดนเชี่ยท็อปตะคอกกลบหมด! ไอ้เวร!! ตอนนี้กูยังไม่ค่อยมีบทพูดเลยนะโว๊ย!

..แต่ ดำจังไร? เอ่อ... ยอมยกโทษให้มึงเพราะคำนี้นะ สะใจสัตว์ๆ ก๊ากกก

   แอบเห็นไอ้ ‘ดำจังไร’ คิ้วกระตุกเล็กน้อยครับ หน้ามันสื่อคล้ายกับว่า ‘กูดำอีกแล้วเรอะ’ นั่นแหละ โอ๊ย ตูล่ะฮา!


   “เหี้ย .. กูขอโทษนะไอ้นัย แต่วันนี้เชี่ยท็อปมันไม่ได้มาเพื่อจะหาเรื่องมึง” เป็นวินที่หันไปพูดพร้อมกับยิ้มแห้ง เชี่ยดำก็สูดลมหายใจเข้าออกแรงจนได้ยินเสียงเพื่อเป็นการบ่งบอกว่ากำลังสงบสติอารมณ์อยู่พร้อมกับส่ายหัวไปมาเชิงไม่เป็นไร “เออ ไอ้ท็อป มึงจะทำอะไรก็ทำสิวะ”


   “เออ”

..แล้วมันก็เดินไปหยิบไม้ที..


   “เฮ้ยยย! อย่าเอาไปตีหัวไอ้นัย! เดี๋ยวค่อยตีตอนอื่นก็ได้!” เดี๋ยว นี่พวกมึงคิดจะตีตอนอื่นอีกเหรอวะ

ไอ้ท็อปหันขวับ!


   “ใครว่าจะตีหัววะ! ไม่มีไอ้นี่แล้วกูรู้สึกอ่อนแอ!” เหยชโดว์ คนสูงเกือบร้อยแปดสิบอย่างมึงมีมารู้สึกอ่อนแอด้วย ไอ้ท็อปยกไม้ทีพาดไหล่ตัวเองพลางหายไปฮึดฮัดแล้วมองมาทางผมพักหนึ่งครับ

..หา? ทางกู?

   มันพ่นลมหายใจแรงๆก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไป

   “..เรื่องวันนั้นกูขอโทษด้วย พอกูทำเสร็จก็ไม่มีแรงไปกระทืบมึงต่อเลย ยืนอ้วกกับไอ้วินตั้งนาน”

   “......”


ขอบคุณชีวิต!


   ไอ้ ‘เรื่องวันนั้น’ ทำให้ผมรู้สึกคิ้วกระตุก กูขอยืมไม้ทีมึงมาฟาดหัวมึงได้ไหมวะไอ้ท็อป!

   เชี่ยดำเองก็ไม่พูดอะไร หลังเอนตัวพิงประตูพร้อมกับกอดอกมองนิ่งๆ คิดว่ามาดแมนมากนักไง! ผมเห็นไอ้ท็อปปรายตามองแว่บหนึ่งแล้วกำไม้ทีแน่น..


..แน่นเลยครับ.. แต่ไม่ทำอะไร..


   ร่างโปร่งของมันเดินผ่านประตูห้องผมและไอ้ดำเข้าไปในห้องที่มีเพื่อนอยู่สองคน ไอ้วินก็เดินตามต้อยๆพร้อมกับยักคิ้วให้หนึ่งที

..แล้วพูดเสริมอีกว่า..
..ว่า..


   “วันนั้นมันอ้วกจริงๆนะ กูเลยเข้าไปช่วยมึงตอนคนหลังไม่ได้เพราะแม่งอ้วกเละเสื้อกูเลย”


จี๊ด.. จะบอกว่าร่างกายกูน่าขยะแขยงก็บอกมาตรงๆเหอะ!


   “โทษที พอดีกูมีเสน่ห์แต่กับสาวๆ” ผมแอบกัดฟันกรอดครับ แม่งเอ๊ย ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนั้นโดนมันไปทำเมียจริงๆจะเกิดเหี้ยอะไรขึ้น แล้วที่แม่งอ้วกเนี่ย ยังไม่ถึงไหนเลยนะ แค่ถอดเสื้อกูเอง..

เออ.. อย่างน้อยก็บอกได้ว่ามันไม่คิดจะลองกับผมเป็นครั้งที่สองพันเปอร์เซ็น!

   ระหว่างที่ผมกำลังบ่นกับตัวเองอยู่นั้นก็แอบเห็นไอ้ดำชำเลืองมามองนิดหน่อย


   “...มันพูดถูก กูก็อ้วกไปรอบหนึ่ง”


   “...” ผมเงียบ มองหน้าคนที่ยืนพิงประตูอยู่พร้อมกับคิ้วกระตุก คือกูก็อ้วกเหมือนกันครับ ทำเองอ้วกเอง ยังไม่อวดมึงเลยนะไอ้ดำจุงเบย..


..แต่แม่งก็เหลือบมามองด้วยหางตา.. พร้อมกับพูดประโยคถัดไป..
..ที่ทำให้ผมยกหมัดขึ้น..


   “..กูไม่ชอบรสนมสตอเบอรี่ว่ะ รีบหาอะไรแดกใหม่นะ มันจะได้เปลี่ยนรสสักที”


..ไอ้เหี้ยดำ—! มึง!! มึง!!


   “มึงตายย!!” ผมแหกปากลั่นก่อนจะเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายหวังจะคว้ามาแล้วซัดสักหมัด
หากแต่แม่งมีอะไรที่ทำให้ผมอดต่อยหน้ามันอีกแล้ว!


ปัง!


   หยุดชะงักครับ.. คราวนี้ไม่ใช่เสียงไอ้ไทเกอร์ที่เข้ามาพูดเรื่องอื่น


ไม่ใช่เสียงอาจารย์ที่เข้ามาห้าม..


แต่เป็นเสียงไม้ทีกระทบกระดานไวท์บอร์ดต่างหาก..
   

ทั้งผมและไอ้ดำนิ่งพร้อมกัน จากหน้าตากวนตีนๆของมันที่เตรียมไว้รองรับหมัดนายน้ำกรดคนนี้ก็เปลี่ยนเป็นตกใจ ผมเองก็เช่นกัน

พวกเราหันไปในห้องเรียนทันที

..และภาพที่เห็น ก็เล่นทำให้ผมนิ่งค้าง..
   

ไอ้ท็อปยืนตรงพร้อมกับใช้ไม้ทีชี้หน้าไอ้เชี่ยนิวที่นั่งอ้าปากค้าง ผมเห็นไอ้จินทำท่าเหวอหวา ส่วนเจ้าวินก็ยกมือขึ้นขยี้หัวแบบไม่แคร์อีกต่างหาก


แต่.. เฮ้ยๆ! เพื่อนกูจะโดนประทุษร้ายเหรอวะ! ไม้ทีมันอันตรายนะเว้ย!
   

ผมรีบปล่อยมือจากไอ้เชี่ยดำ แล้วเปลี่ยนทิศวิ่งเข้าไปหาเพื่อที่จะช่วยไอ้นิวไม่ให้โดนไม้ทีฟาดกบาลไว้ทันที
ทุกอย่าง.. มันเกิดขึ้นเร็วมาก
   

“มึง!!”


   เสียงไอ้ท็อปดังก้องกังวาน เอาไม้ทีชี้หน้าเพื่อนตัวเล็กของผมที่นั่งอึ้ง พร้อมกับจ้องเชี่ยนิวเขม็ง..


เขม็งจริงๆ เขม็งจนเส้นเลือดปูด!


   “มึงห้ามทำร้ายเพื่อนกูนะสั—”


แต่ไม่ทันที่ผมจะพูดจบหรือวิ่งเข้าไปห้ามทัพ กลับได้ยินประโยคถัดไปที่ทำให้สะดุดลมล้ม หน้าตัวเองกระแทกไปขลุกกับฝุ่นบริเวณนั้นทันที..




   “กูชอบมึง!! มาคบกับกูเดี๋ยวนี้เลย— ไอ้เตี้ย!!”





..ถึงไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวผม.. แต่ก็ต้องผงะครับ..
..
ว่าไงนะ..?
   
 
_______________________________________
@StraWBery_ImIn @Talk
กร๊๊ดดดดดดด :hao7: ท็อปสุดน่ารักของเค้าเองแหละทุกๆคน ย๊ากกกก
ในที่สุดก็ถึงวันหยุดและเวลาว่างค่ะ
แฮ่

คืนนี้จะมาอัพตอนถัดไปนะคะ
เวลาประมาณห้าทุ่มอาจจะมาอัพนะคะ เตรียมตัวรับชมได้เลยค่ะ อิอิ  :hao6:


ตอบคอมเม้นท์น้าาาา

@IsDeer อี๊สสส เตง เตง เตงอ่านตลอดด เตงอ่านทุกครั้ง เตง เตงงงง //กระโดดกอดรัดฟัดเหวี่ยงง/ ขอบคุณมากๆๆๆน้าาา TvT ฮือออ เป็นปลื้มม แงงง

@อ๊ายอาย หน้าตาเธอคุ้นๆเหมือนว่าเราเคยพบกันมาก่อนนนนนน ก๊ากกกกกก กรี๊ดดด อ๊ากกกก YvY มาอ่านด้วยเหรอคะ แงงง โฮกก อ๊ากกก/พ่นไฟแป๊บ// รู้สึกเหมือนแดดิ้นสิบรอบ 5555555555555 คือสะพรึง ช็อก อ่ะเฮือกมาเลยยยยยย //เขินแป๊บบบ//

@๛゙★βra_11!☆゙ T///////T ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับคำชม โฮกกก :o8: เขินนน แงง เขินน บิดไปบิดมาแป๊บบ :-[ 55555
จะตั้งใจแต่งต่อไปค่ะ!! ย๊าก

@ณ ที่เดิม™  :-[ ติดงอมแงมจริงอ้ะเปล่าา แอ๊ยย เขินนะ อ๊ากกก

@Buppha ย๊ากกกกกกกกกก คืนนี้ได้พบกับอีกตอนค่!!!  :impress2:



ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์มากเลยนะคะ >//////////////< พบกันคืนนี้ค่าาา
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.19 UPPPP (12/8)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 11-08-2014 23:57:51
C h a p t e r  19


คนเกลียดกัน มักจะเข้าใจกันทางการกระทำ


ผัวะ!


เดี๋ยว .. อย่าเพิ่งตกใจ ไม่ใช่หมัดของผมตรงเข้าสู่หน้าไอ้ดำครับ!
แต่เป็นกำปั้นล้วนๆของไอ้เชี่ยนิวที่อยู่ๆปีนขึ้นโต๊ะแล้วกระโดดลงไปต่อยหน้าไอ้หัวทองต่างหากล่ะ!!


โอ๊ยย มึงแมนฉิบหายเลยไอ้นิวว!


“เหี้ยไรวะ!” เสียงหวานของมันตะโกนลั่นพร้อมกับชี้หน้าไอ้ท็อปที่ทรุดฮวบ ผมกับเชี่ยดำนี่ดิ ยืนเงิบกันเป็นแถบ ถึงกับหยุดกัดกันเลยนะเว้ย ..


คือ..คงช็อกน่ะครับ เข้าใจครับ


ภาพลักษณ์ภายนอกของไอ้นิวนั้นมันไม่เหมือนกับผม และสามารถพูดได้ว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้ ร่างกายของผมค่อนข้างสูงและมีกล้ามนิดๆพอเป็นหนุ่มเซ็กซี่ ผิดจากไอ้นิวที่ตัวเล็กๆบางๆ หน้าหวานอีกต่างหาก


แต่ถ้าพละกำลังล่ะก็... ว่ากันอีกเรื่องครับ!


มันเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวมาเป็นเวลามากกว่าสิบปี เพราะฉะนั้น...

หมัดไอ้นี่น่ะ.. หนักแน่นอน!!

คนหัวทองฟันไม่หลุดก็ดีแค่ไหนแล้ว!


“อ..อุก..” ไอ้ท็อปถึงกับไม้ทีกระเด็นแล้วเอามือกุมแก้มซ้ายตัวเองไว้

เอ่อ .. กึ่งสมน้ำหน้าและสงสารอ่ะ..  คือมึงทำกับกูเอาไว้เยอะ ความสงสารกูเลยจางหายไปกับอากาศแล้ว..


ถึงตอนด่าดำจังไรจะยกย่องมันก็เหอะ!

“เฮ้ย—ไอ้นิว ใจเย็นๆดิวะ” เอาเหอะ ในฐานะเพื่อนที่ดีต้องรีบเข้าไปห้ามครับ! นายน้ำกรดคนนี้จึงรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปแล้ว
ลูบหลังไอ้เชี่ยนิวที่หอบหายใจแรงเหมือนโมโหอยู่

อ่ะฮึก ฮือ.. เห็นแล้วกูก็เริ่มคิดนะ ทำไมวะ มึงตัวออกจะเล็กๆเตี้ยๆ แต่เสือกแมนฉิบหาย ดูกูนี่ดินิว ทำไมเวลากูลุกขึ้นไปต่อยแบบนั้นแล้วมันดูไม่เท่อ่ะ มันดูเป็นกวนตีนซะได้ โฮฮฮฮ  ผมมีหมัดไว้ชก มีตีนไว้ถีบ มีปากไว้ด่า.. ขนาดทำทุกอย่างพร้อมกันยังน่า
ขลัวไม่เท่าไอ้นิวส่งกระแสจิตเลย!


“...นี่มึงหาเรื่องกูใช่ปะ! หา?  กูปฏิเสธไปตั้งแต่ครั้งแรก แล้วนี่ยังจะมาอีกเรอะ!” ผมเห็นท็อปถึงกับหน้าเสีย มันเลิกลั่กไปเล็กน้อยก่อนจะเม้มปากแน่น “อะไรมึงอีก!”


“กูก็บอกแล้วว่าชอบมึง! กูเลยขอคบด้วย!” น้ำเสียงจริงจังจากไอ้เด็กห้องเจ็ดเล่นเอาผมทำสีหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ไอ้นิวยังแข็งกระด้างอยู่เช่นเดิม มันขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมชี้ไปทางไม้ทีที่ตายซากอยู่บนพื้น

“แล้วเอาไม้ทีมาหาพ่อมึงเหรอ?”

“เปล่า.. เอามาสู่ขอมึง”

..โอ๊ะช๊ะเด๊ะ!!

เท่านั้นแหละครับ ไอ้เพื่อนที่ใจร้อนอยู่ถึงกับสะอึก มันอ้าปากค้างพะงาบๆแล้วชี้หน้าท็อปที่เกาแก้มหันหน้าหนีเขินๆซะงั้น

ว่าแต่.. ถ้าไอ้ท็อปชอบเชี่ยนิว ก็แปลว่ามันเป็นเกย์อ่ะดิ?

เพียงเท่านั้นผมก็ถึงกับขนลุกซู่ทันที กลืนน้ำลายก้อนเหนียวหนืดของตนเองลงคอครับ.. ถ้ามันชอบไอ้นิว แล้วนิวชอบกลับก็
เท่ากับเกย์..

..เกย์.. ไม่เอา กูมีความหลังกับคำนี้ เกลียดฉิบหายเลยพวกเกย์!
..คิดแล้วก็เหลือบมองไปทางไอ้ดำ.. เหมือนมันจะชะงักแล้วมองตอบพอดี

พร้อมกับประโยคถัดไป..


“...เพื่อนมึงนี่ดูแมนกว่ามึงอีกนะ”


กึก..

ไอ้..เวร!


“นี่มึงหมายความว่าไงวะเหี้ยดำ!” นายน้ำกรดสุดหล่อแหกปากลั่นเพื่อเรียกร้องความสนใจและทวงบังลังค์บทพระเอกคืนทันที ไอ้ดำเลิกคิ้วก่อนจะยักไหล่

“คิดว่าอย่างไหนก็อย่างนั้น”

“นี่พวกมึงหาเรื่องกูใช่ปะ!”

ในตอนนั้นเองเหมือนไอ้เชี่ยนิวกับไอ้เวรท็อปจะหยุดกึกทั้งคู่..

เพราะแม่งหันมาดูผมเถียงกับเชี่ยดำ! เจ๋งปะล่ะ! วิธีแย่งบทมาอย่างแนบเนียน!!

“กูว่ากูยังไม่ทันจะได้หาเรื่องเลยนะ” มันทำลอยหน้าลอยตา กอดอกแล้วเอนพิงกระดานไวท์บอร์ดอีก ขณะที่ผมปวดหัวตุ้บๆ ดูมัน
สิวะ ดูมัน

บอกกี่ทีแล้วไงว่าเห็นทำหน้าระรื่นแล้วรู้สึกอยากเข้าไปกระโดดเตะ! แม่งหน้านิ่งๆมึงก็กวนตีนแล้วนะ แต่พอกูเจอหน้าอารมณ์ดีมึงเท่านั้นแหละ.. กูขึ้นเลย!

..ยืนขึ้นไปจะต่อยหน้ามึงเลย!

“คำพูดมึงนั่นแหละหาเรื่องกู!” ผมตะโกนใส่ หันจ้องอีกฝ่ายที่กำลังทำนิ่งอยู่ โอ๊ย มึงจะนิ่งไปไหนวะ ชาติหน้าอยากเกิดเป็นรูปปั้น
ไง!? เห็นแล้วมันขัดหูขัดตาเป็นบ้า

“เฮ้ย—พวกมึง..” ได้ยินเสียงเจ้านิวเรียกอยู่แว่วๆครับ ผมอ่านอารมณ์เสียงมันออกนะ คงกำลังคิดว่า ‘จากเรื่องกูเปลี่ยนเป็นเรื่องมึงได้อย่างไงวะ’ น่ะสิ! โธ่ เพื่อนมาเป็นปี ผมปล่อยให้มันแย่งบทไปสองตอนเลยนะเว้ย สองตอน!! สองตอนอันมีค่าของผม

คือตอนนี้น้ำกรดกับไอ้ดำกลับมาแล้ว!

..มาด่ากันเหมือนเดิมแล้ว!!

“หือ..” เชี่ยดำเสือกลากเสียงยาวพร้อมหรี่ตาลงเล็กน้อย “..ถ้ามึงแมนจริง ก็ต้องไม่กลัวที่กูพูดสิ จริงปะ?”

จี๊ดเลยกู..

ปี๊ดด้วย..

ไอ้เหี้ยนี่มัน!!

ผมกัดฟันกรอดพร้อมจ้องหน้าอีกฝ่ายกลับ..

“เอาหมัดกูไปแดก....”

ไม่ทันที่จะพูดจบมันก็เอ่ยแทรกทันที

“ดีแต่ใช้กำลัง” ไอ้ดำลากเสียงยาว เหลือบมองมาทางผม.. ก่อนจะพูดประโยคต่อไปด้วยความยียวน “งี้แหละนะ ...เหี้ยไร้สมอง”

แถม.. แม่งด่ากู!

“นี่มึงจะหาเรื่องกับกูให้ได้ไหมไอ้สัตว์!”

เออดี อย่างไงคราวนี้ก็ไม่มีใครห้ามผมแล้ว!

ทั้งร่างของตนเองกระโจนหาอีกฝ่ายพร้อมกับใช้มือกระชากคอเสื้อชายตรงหน้าทันที ผมกัดฟันกรอด จ้องตาไอ้เชี่ยดำตรงหน้าที่กำลังก้มมองอย่างเหยียดหยามอยู่..

“เฮ้ย! ไอ้กรด! หยุด!!” เสียงเชี่ยนิวห้ามปรามลอยมาแว่วๆ..

 แต่ใครจะไปสน..
พวกเราจ้องตากันเขม็ง ไม่มีใครยอมแพ้กันทั้งนั้น..

จนกระทั่งที่บางอย่างรั้งหมัดของผมเอาไว้

..ดีแต่ใช้กำลัง..
คำพูดประโยคเมื่อกี้ของมันลอยเข้ามาในหัว..


..ซึ่งทำให้ผมนิ่งได้..

เหมือนว่าเชี่ยดำก็เผยสีหน้าประหลาดใจแว่บหนึ่งที่ผมยังไม่ต่อยมัน.. หึ.. ใช่


เพราะถ้าผมต่อยมัน ก็จะไปตรงกับคำพูดถูกของมันน่ะสิ จริงไหม?


ดังนั้น..

ผมตัดสินใจปล่อยคอเสื้อของชายตรงหน้าออก ไอ้ดำเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยพร้อมก้มมองด้วยท่าทีแปลกใจ รวมทั้งเชี่ยนิว ไอ้จิน
ท็อป และวินเหมือนจะผงะไป
ทุกคนกำลังตกใจและงุนงงกับท่าทีของผม

“...” ชายตรงหน้าที่เพิ่งหาเรื่องมองด้วยความไม่เชื่อสายตา ขณะที่ผมยังคงยืนใกล้มันอยู่ เพียงแต่เอามือกอดอกตนเองเอาไว้

แทนเพื่อที่จะไม่ให้เผลอเข้าไปต่อยมันอีก..
แล้วขยับรอยยิ้มมุมปาก ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน

“..จำใส่กะโหลกมึงไว้ด้วย .. ไอ้เชี่ยดำ” น้ำเสียงทุ้มของผมดังขึ้นมาก่อนที่จะใช้สายตาของตนเองเลื่อนมองใบหน้าคมของชาย
ตรงหน้า..

สองสายตาจ้องกันโดยไม่มีใครคิดจะผละออก

มันเหมือนนิ่ง ชะงักอยู่ ในขณะที่ผมทำเพียงกระตุกยิ้ม..

“กูจะไม่มีวันยอมให้คนที่กูเกลียด.. ดูถูกกูเด็ดขาด”
และนั่นคือสาเหตุ.. ที่ผมตัดสินใจ ‘ไม่ใช้กำลัง’ ลงไป..

   ไอ้ดำเหมือนจะยืนค้างไปชั่วขณะโดยไม่ละสายตาออกจากใบหน้าของผม แต่ทันใดนั้นเองก็เป็นผมที่ต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อคน

ตรงหน้าค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาทั้งๆที่สายตามันยังคงมองมาที่ผมอยู่ราวกับกำลังพึงพอใจบางอย่างและชื่นชมในตัวผม

..มันยิ้ม..ให้ผม?


   “...”

ปัง!

   และทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องหยุดลงเมื่อผมได้ยินเสียงไม้บางอย่างฟาดเข้าแรงที่ประตูหน้าห้อง ทั้งตัวสะดุ้งโหยง รีบหันไปตามเสียง
ก่อนจะพบร่างเพรียวของอาจารย์คนหนึ่งทีกำลังหอบหายใจแรง

..

   “พวกคุณสี่คน.. นายน้ำกรด! นายดนัย นายธนพล และนายภวิน.. มาพบผมที่ห้องปกครองด่วน!”



..เหี้ย!! ชื่อคนอื่นๆยังพอเข้าใจ..

..แล้วไหงมีชื่อกูได้ไงวะ!! ไอ้อาจารย์เผด็จการเอ๊ย!





      เหมือนว่าคราวนี้จะโดนเข้าใจผิดกันเต็มๆเป้าเลยนะสิ!

   ผมกำลังยืนประสานมือเอาไว้แล้วก้มหัวด้วยสีหน้าบูดบึ้งอย่างร้ายแรง แน่นอนว่ามีขบวนเข้าห้องปกครองอย่างไอ้เชี่ยดำ ไอ้สัตว์
ท็อป แล้วตามด้วยเจ้าวินอีกด้วย!
กูผิดอะไรครับ กูผิดตรงไหน!

   เป็นความคิดของผมเอง อย่าบอกนะว่านี่คือกรรมตามสนองมาจากเรื่องทำให้เชี่ยนิวโดนลูกหลงไปน่ะ หา?


   “พวกคุณทำอะไรกัน ไหนบอกผมมาซิ” น้ำเสียงทุ้มดังลอดออกมาจากริมฝีปากของชายร่างเล็ก อาจารย์ไม้กอดอกกระดิกไม้เรียว
ที่ทำเอาคนมองอย่างผมขนลุกซู่ จะอะไรกับกูวะ เชี่ย กูว่ากูแค่เป็นผู้เฝ้ามองดีๆยังเสือกโดนเรียกได้เลย!

เปลี่ยนชื่อเรื่องจากเกลียดฉิบหาย เป็นซวยฉิบหายเหอะ ผมขอร้องจริงๆอีกรอบ!

   “ไปเยี่ยมเพื่อนครับ”

ไอ้วินเสนอหน้าตอบก่อนพร้อมมองอาจารย์ตัวเล็กด้วยสายตาหนักแน่น ส่วนผมก็ได้แต่แอบชำเลืองไปหน่อยๆ แหม.. มึงนะมึง หน้าตาเด็กเรียนอ่ะดิ กล้ามากเลยที่ตอบคนแรก

แต่ไอ้จารย์ตรงหน้าเสือกหรี่ตากลับ ตามด้วยย้อนใส่

   “ไปเยี่ยมเพื่อน แล้วจะถือไม้ทีทำไม?”

..เหยช! ถูกใจกู!
   โอ๊ยย! เอาเลยจารย์! ใส่มันไปเลย! ใส่ไปเลย! ทำให้มันเงียบแล้วหุบปากแม่ง!

หากแต่คนที่ต้องเงียบกริบก็ต้องเป็นผมแทนครับ เพราะอีกฝ่ายเขาตวัดสายตาดุใส่


   “ไม่ต้องยิ้ม พวกคุณก็มีเรื่องต้องคุยกับผมหลังสองคนนี้เหมือนกัน”

..จ๋อยเบยกู..

   “คุณทำอย่างนั้นไปทำไม” เสียงอาจารย์ไม้ยังคงนิ่งสงบ แต่ดันเย็นเฉียบจนทำให้คนฟังตัวสั่นได้เลยด้วยซ้ำ ไอ้ท็อปยิ้มแล้วยกมือเกาหัวแกรกๆ

   “เอาไปสารภาพรัก”

   “......”
แม่ง พูดตรงจริงๆว่ะ

   ..มึงช่วยพูดอ้อมค้อมหน่อยก็ดีนะ..



   ผมตัดสินใจเบนไปอีกทางหนึ่งเพราะไม่อยากเห็นหน้าแดงๆของเชี่ยท็อป ท่าทางมันจะเขินนะ แต่คือแบบว่าไงดีล่ะ? ..กูว่ามึงดู
เหี้ยมากกว่าน่ารักนะ..
และพอหันกลับไปก็เจอไอ้เชี่ยดำ..

..ผมยืนข้างมันเมื่อไหร่วะ?

   คำถามนี้ผุดขึ้นมาในสมองทันทีทันใดก่อนที่ความรู้สึกขนลุกเกลียวไปทั่วร่าง มองหน้าไอ้เชี่ยดำที่นิ่งๆแล้วรู้สึกอยากเข้าไปต่อย
จริงๆ ที่ขนลุกเมื่อกี้เพราะแอบเหลือบมองปากน่ะนะ..

..ปาก..

..ปากผมกับมัน..

   เหมือนชายร่างสูงกว่าจะรู้ตัวซะด้วย

มันยักคิ้วเข้มๆให้ผมหนึ่งที

   “มองเพราะกูหล่อสินะ?”


เปิดประโยคใส่ตูก่อนซะด้วย อย่างนี้มันต้องมีฟาดฟัน(?)กันแล้ว!

“เปล่า กำลังคิดอยู่ว่าทำไมเหี้ยมันด๊ำดำ” หึ เป็นไงล่ะ โดนสวนกลับเลย! ผมเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาอย่างได้รับชัยชนะ
ขณะที่เขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อยอีกรอบ

   “ดำพ่อง”

   “พ่อกูไม่ดำครับ”

   “กูหมายถึงมึง” ยังจะเถียงกูอีกนะสัตว์!

   “กูขาวจั๊วะ” ผมเป็นฝ่ายพูดต่อทันทีพร้อมกับหัวเราะในลำคอ ไอ้เชี่ยดำแม่งเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว หึ สู้ความกวนตีนของกูไม่ได้ล่ะสิ!

แต่อยู่ๆเหี้ยนี่มันก็เปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มซะงั้น เล่นเอาผมผงะ พร้อมตอบพูดประโยคถัดไปที่ทำให้อารมณ์ขำของตนดับวูบ!

   “เออ .. ขาวเหมือนเนื้อในมึง”


..จี๊ด..
คลื่นสมองของตัวเองกำลังพุ่งสูงจนกลั่นออกมาเป็นเสียงดังลั่น..

..ไอ้— ไอ้เหี้ย!! ไอ้เหี้ยนี่มัน..!!

   “มึงหาเรื่องกูอีกแล้วใช่ปะ!!?” ผมว่ามันต้องใช่แน่ๆเลย! แม่งยังจำตอนที่ตูเสื้อหลุดลุ่ยได้แหงๆ ไม่งั้นมันไม่พูดอย่างนี้หรอก! ไอ้
เชี่ยดำนี่..


อย่างงี้ก็มีหาเรื่องอ่ะเดะ!!
   ..แต่เหมือนคราวนี้ผมจะเป็นฝ่ายฉิบหายจริงๆนั่นแหละ.. เพราะลืมไปว่าอยู่ในห้องอาจารย์ไม้!

   “พวกคุณสองคน นี่ขนาดอยู่ในห้องผม ยังจะคิดต่อยกันอีกเหรอครับ!!?”

เชี่ยย!!

   กูลืมไปได้ยังไงวะว่ามีจารย์ที่หันขวับมามองเขม็งอยู๊! ผมขนลุกซู่ ความซวยที่มาเยือนทำให้รู้สึกอยากจะกระโดดหนีออกจากห้อง

ไปจริงๆ อะไรวะ ผมผิดที่ไหน ไอ้ดำมันมาพูดอะไรแบบนี้ก่อนนะเว้ย!
และพอเมื่อผมมองเจ้าตัวต้นเหตุ..

..มันเสือกยิ้มมุมปากกลับ! หาเรื่องกันอย่างเสร็จสมบูรณ์ใช่ไหมวะ!?

   “ผมไม่รู้จะทำอย่างไงกับพวกคุณดีจริงๆ..” อาจารย์ไม้ส่ายหน้า ในขณะที่ผมมุ่ยปาก ก่อนจะชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดัง
แว่วๆมา

   “เชี่ยวิน! ทรงตัวดีๆหน่อยดิวะ— ไม้จะร่วงแล้วนะเว้ย!”

   “บัดซบจริง..” เสียงวินเหมือนปลงโลก..

   “มึงอย่ามาทำเสียงนิ่งๆดิวะ! ไอ้สัตว์— ไอ้สัตว์! ฉิบห๊ายย! เอียงซ้ายดิวะ เอียงซ้ายๆ กูไม่อยากตูดลายนะเหี้ยย!”

เป็นเสียงเชี่ยท็อปและเจ้าวิน!

   ผมหันขวับไปอีกทางก่อนจะเจอเรื่องเซอร์ไพร์ซ เพราะเจ้าสองตัวนั้นมันเอาไม้ทีใหญ่ว่างไว้บนหัวแล้วพยายามเดินออกจากห้อง
อาจารย์ไม้อยู่!


   พอหันมาก็เห็นอาจารย์ยังเก็กครับ เก็กแบบสุดขั้วด้วยการก้มหน้าแล้วเอามือดันแว่นอีกรอบ
   “เอ้าๆ ผมไม่ตีพวกคุณ แต่พวกคุณห้ามทำไม้ทีหล่นนะครับ นั่นแหละ.. ห้ามใช้มือด้วยครับ” ได้ยินเสียงของคนร่างเพรียวดังออก
มาเป็นระลอกๆอีก

..อย่าบอกนะว่า.. บทลงโทษจาที่มักตีเอาๆ เสือกกลายร่างเป็นแบบนี้แทนน่ะ!?

   สุดท้ายอาจารย์ตัวเล็กก็หันกลับมาทอดสายตามองพวกผมต่อ นัยน์ตาสีดำขลับจับจ้องใบหน้าสลับกันไปมาด้วยความนิ่งเฉย

หนำซ้ำยังกอดอกเพิ่มอาการให้ผมรู้สึก ‘หนาว’ ขึ้นมาอีกต่างหาก..

..จะทำอะไรกู..

กูไม่ผิดนะ..

   เมื่อแอบชำเลืองไปทางร่างสูงใหญ่ของชายผิวคล้ำข้างกาย เขาไม่ท่าทีไม่ต่างจากผม..

..คือก้มหน้ามองพื้นเตรียมตัวรับโทษแน่ครับ.. ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นโทษแบบไหนก็เหอะ..

   จะว่าไปกับมันก็มีท่าทีทะเลาะกันบ่อย ไม่แปลกที่จะเข้าใจผิดกัน..

..แต่— แต่กูก็ไม่อยากก้นลายแล้วทายาบ่อยหรอกนะเชี่ย..

   “สุดท้าย.. กับพวกคุณสองคน”

ลมหายใจเผลอสะดุดไปนิดหน่อย..

   ผมหลับตาปี๋ ไม่ได้ป๊อดนะครับแค่เตรียมตูดไว้ เพราะอาจารย์ไม้มือหนัก ขนาดโดนตีบ่อยๆแล้วรู้สึกขยาดนี่หว่า!!

หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับไม่ใช่ เพราะมันคือฝ่ามืออุ่นที่ทาบลงมาบนหัวของผมเสียนี่..

..ทั้งร่างเหมือนหยุดชะงักไป..


   “..ดีมาก ที่ไม่ได้ชกต่อยกัน”

..ห..หา?

   ทั้งผมและไอ้ดำต่างก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องด้วยสายตาตกตะลึง ภาพตรงหน้าคือรอยยิ้มบางบนใบหน้าของอาจารย์ไม้ที่กำลังจับจ้องมองพวกผมด้วยสายตาอบอุ่น เขาลูบหัวทั้งคู่ด้วยมือสองข้าง

และความรู้สึกผิดของตัวผม.. ก็ถูกก่อตัวขึ้นช้าๆภายใน

..เอะอะจับทำโทษ สักพักก็ถือไม้เรียวจะฟาด!..

   ประโยคนั้นลอยเข้ามาในหัวของผม..

ประโยคคำพูดของผม..
   ดวงตาของตนขยับเล็กน้อยพลางจับจ้องร่างเล็กกว่าที่ยืนยิ้มให้อยู่ ก่อนที่เขาจะปล่อยมือออก พูดเพียงคำว่า ‘กลับห้องได้แล้ว’

เท่านั้น
ซึ่งก็ทำให้ผมนิ่งไปได้สักพักใหญ่เชียว


   สองขาก้าวออกมาจากห้องอาจารย์ไม้แล้ว ไอ้ดำที่อยู่ข้างๆเหมือนจะจับผิดสังเกตกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมอยู่ได้ มันนิ่งแล้วมองมาด้วยสายตาสงสัย ขณะที่ร่างของผมยังคงยืนนิ่ง ทั้งหัวเริ่มลองคิดบางสิ่งออกมา มีนึกถึงการกระทำที่อีกฝ่ายลงโทษไอ้ท็อปกับไอ้
วิน.. จนกระทั่งมาถึงผมด้วย..


..หรือว่าอาจารย์ไม้— กำลังพยายามปรับตัวเองอยู่นะ?

มันหมายความว่ายังไงกัน?

“อึ้งล่ะสิ” เป็นประโยคที่ดังออกมาจากปากของชายหนุ่มข้างกาย ผมหันไปมองหน้ามันที่กำลังยักคิ้วเล็กน้อย


   “เชี่ย.. จารย์แกกินยาผิดเปล่าวะ” ถามกลับพร้อมกับขนลุกซู่ ลองคิดดูดีๆ อาจารย์แกก็แปลกไปได้เหมือนกัน ปกติต้องตีเอาๆดิ “กู
ว่าเมนส์มา!!”


   “จารย์เขาเป็นผู้ชาย”

   “เหี้ย! แต่ทำตัวแบบนี้แม่งเมนส์มาแน่ๆว่ะ” ผมหนาวเลยนะครับ หนาวเลย! แม่งอยู่ๆเสือกทำอะไรแปลกๆได้ไงวะ

ไอ้ดำหันมามองผมแวบหนึ่ง

   “..กูว่ามึงนั่นแหละที่เมนส์มา”

ผมชะงักกึกกับประโยคของมัน คิ้วเรียวของตนเองขมวดมุ่นผูกกันเป็นโบว์พร้อมเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
ผมที่เมนส์มาเรอะ?

   “กูเป็นผู้ชาย!” ประโยคแรกที่ออกมาพร้อมกับกระชากเสียงใส่ นี่ถ้ามีไอ้กุญแจมืออยู่ป่านนี้ผมคงกระชากแรงๆให้อีกฝ่ายเซถลา
แล้ว!

เอาเหี้ยอะไรมาพูดวะ!

   “..มึงยังบอกว่าจารย์แกเมนส์มาได้เลย มึงก็น่าจะเมนส์มาได้นี่หว่า”

   ผมเบ้ปาก

   “อะไรวะเหี้ย! นี่กูยังไม่ทันหาเรื่องมึงเลยนะไอ้สัตว์!” ฮึ่ม ผมพูดความจริงนะ หงุดหงิดสิครับ ก็ดูไอ้ดำสิ มันเล่นหันมามองหน้าตาย
ใส่

และประโยคถัดไปก็ทำให้ผมถึงกับปี๊ดขึ้นมาทันที!


   “แค่มึงเกิดมาก็ถือว่าหาเรื่องกูแล้วว่ะ”

   “เชี่ย! มึงมันรกโลก!”

   “อย่างน้อยกูก็ฉลาดกว่ามึง” จี๊ด.. เจ็บ!

   “ด่ากูโง่เหรอวะ!”

   “อ้าว.. ฉลาดที่รู้ว่ากูด่าด้วยนี่”

   โฮ๊ก!! นี่ตกลงอยู่ๆมันอัพเกรดความกวนตีนสินะ! ตอนอยู่ในห้องจารย์ไม้นี่คงเป็นเพราะโดนรังสีอำมหิตกดทับความเหี้ยอยู่ใช่ไหม
ใช่ไหมไอ้ห่ารากก!!

   ผมหายใจฮึดฮัด เดินลงบันไดด้วยความฉุนเฉียว เชี่ยดำแม่งก็น่ากระทืบสับตื้บหนึ่งเหลือเกิน ..ถ้าไม่ใช่เพราะกูเพิ่งโดนอาจารย์ชมนะมึง.. มึ๊งง!

หน้าแหกไปแล้วแน่นอน!

   “มึง.. เมนส์มาจริงๆด้วย”


กึก
   ผมชะงักครับ..

   อยู่ๆทำไมมันพูดอีกแล้ววะ?

   “นี่สงสัยว่ากูเป็นผู้หญิง?” หันไปถามกลับพร้อมขมวดคิ้วแน่น มองใบหน้าคมของอีกฝ่ายที่กำลังจับจ้องผมอยู่..

เฮ้ย เดี๋ยว มันไม่ได้จ้องตาผมว่ะ..

..แต่มันจ้อง.. ปาก..

   ผมถึงกับขนทั้งร่างถึงกับลุกซู่ขึ้นมาอย่างหยุดไม่อยู่ ไอ้เชี่ยดำมันจ้องปากผม.. จ้องปากผมจริงๆ คงไม่ได้มองไปที่จมูกหรือคาง
หรอก .. มันจ้องปากครับ.. ปาก!

..ปาก..

   “ปกติมึงปากหมากว่านี้”



..และประโยคถัดไปของเหี้ยนี่ ก็ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองกำลังปัญญาอ่อนที่คิดว่ามันเกิดพิสวาทปากผมน่ะสิ!!

   “ถะ.. ถ้ามึงจะมาด่าว่าปากหมาก็อย่าจ้องปากกูสิวะ!! จ้องหน้ากูนี่!” เผลอตะโกนเสียงดังลั่นออกไปพร้อมกับจ้องใบหน้าเด็กหนุ่ม
ผิวแทนที่ยักไหล่ไม่สนใจอีก โอ๊ย.. ไอ้ ไอ้เชี่ยเอ๊ย “เหี้ย!”

   “ด่าปาก จะให้จ้องตา?”

   “จ้องตูดกูก็ได้.. ถุย!”

   “งั้นหันตูดมาสิ”

   “.....”

กูผิดเองที่ต่อมันไปอย่างนั้น!!

   จ้องตูดเหรอวะ ไอ้เชี่ย.. ไอ้เชี่ยเอ๊ยย! คงต้องพยายามคิดไตร่ตรองดีๆแล้วว่ามันเล็งสอยตูดผมอยู่ นายน้ำกรดกำลังจะบ้าตาย โฮฮ
บอกแล้วไงว่าไม่เอาเกย์ กูไม่อ๊าวว!

จะว่าไป.. ถ้ามันเล็งสอยตูดผม..

แปลว่าทุกๆวันที่ผ่านมา ผมก็เข้าข่าย ‘สถานการณ์เสี่ยง’ ต่อการเสียตูดอ่ะเดะ..

   คิดได้เท่านั้นก็ถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งร่างรอบที่ล้านแล้ว .. ใช่ จริงๆด้วย พอลองดูดีๆ ที่ผ่านมาก็มีผมกับไอ้ดำอยู่ในห้องกันสองคน..
สองต่อสอง ถ้าอยู่ๆมันคิดจะทำอะไรผมหรือปล้ำผมขึ้นมา คงวิ่งไปประตูไม่ทันเพราะเชี่ยดำอยู่ใกล้ประตู กระโดดตึกบินออกทาง
ระเบียงไม่ได้น้ำกรดไม่มีปีก ..

..ฉิบ..หาย.. ชัดๆ.. เลย.. นี่..หว่า..


   เพิ่งมาบรรลุครับ ..

   “...วันนี้กูจะไปนอนห้องไอ้นิว!” ในที่สุดก็เป็นเสียงของผมที่ประกาศออกมาเมื่อถึงหน้าหอพักชาย หันขวับมองเชี่ยดำที่ยักไหล่เชิงไม่แคร์ “เดี๋ยวกูจะให้คู่ขามึงไปนอนกับมึง .. อย่าเอากันเสียงดังล่ะเดี๋ยวกูตะโกนด่าแล้วจารย์ไม้รู้เรื่องอีก!”

   เหมือนไอ้เชี่ยนั่นจะผงะไป

   “คู่ขา? เหี้ยจินน่ะเหรอ?” มันถามกลับในขณะที่ผมขมวดคิ้ว อะไรวะ ก็ใช่อ่ะดิ มีแค่เหี้ยจินคนเดียวไม่ใช่เรอะที่มึงเอาอยู่วันนั้นน่ะ!

..เอ๊ะ .. แต่เดี๋ยวก่อน..

   “อย่าบอกนะว่ามึงเคยนอนกับคนอื่นๆด้วย?” ผมผงะครับ ในขณะที่ไอ้ดำก็เสือกทำหน้านิ่งใส่ซะงั้น


..มันฟันน้องกูแล้วทิ้ง!..
   เสียงของเชี่ยท็อปในวันนั้นแล่นเข้ามาในหัว ทำให้ผมมองชายตรงหน้า มันบิดไหล่ตัวเองเบาๆพร้อมกับเหล่กลับเล็กน้อย

และพูดประโยคถัดไป

   “เออ”

..เพียงแค่คำๆเดียวผมถึงกับชะงัก..

   อีกฝ่ายก้มหน้าลงมองผมด้วยแววตาที่ไม่สามารถสื่ออะไรได้ ในขณะที่ผมเองก็เงยหน้ามองชายตรงหน้าเช่นกัน..

นอนกับคนอื่น..

   “เอาแล้วทิ้ง ไอ้สัตว์! สันดาน!”

   ตะโกนด่ากลับไปครับ! ไอ้เชี่ยเอ๊ย!

   ผมสะบัดหน้าหนีออกก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่รีรอชายรูมเมทที่ตนเองเกลียดแม้แต่น้อย แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้มีอาการจะ

พูดว่า ‘เฮ้ย เดี๋ยวดิ’ อย่างนี้ด้วย! ดันทำหน้าเหมือนกูอยากไปก็ไป ไม่แคร์สื่อ!
   สองเท้าของผมเริ่มเดินมาจนถึงชั้น 7 จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย หอบก็หอบ เมื่อยฉิบหาย ไม่อยากคิดเลยว่าไอ้เชี่ยนิวจะลำบากขนาด

ไหนที่ต้องกลับมานอนห้องวะเนี่ย?

แต่จะว่าไป.. พอคิดเรื่องไอ้ดำ..

มันเอาแล้วทิ้งจริงๆด้วยใช่ปะ? แต่เดี๋ยว.. เชี่ยจินมันก็เอา(หรือถูกเอาวะ)เหมือนกันนี่หว่า แต่ไหนทำไมไม่ทิ้งไอ้จินวะ..
หรือจะเป็นเพราะไอ้เชี่ยจินเป็นคนพิเศษกัน?

   ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะเดินมาหยุดที่ห้อง 707 แปลว่าไอ้จินก็คงเป็นคนสำคัญมากๆของเชี่ยดำพอสมควรเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นมันก็น่า
จะทิ้งเหมือนคนอื่นๆ..

..คนสำคัญ..

   หากแต่ระหว่างที่ผมกำลังจะยกมือเคาะประตู กลับมีเสียงลอดออกมาเสียก่อน ตามด้วยบางสิ่งบางอย่างกระแทกลงกับพื้นดังลั่น
ผมเบิกตากว้าง มือรีบคว้าไปทางลูกบิดก่อนจะพบว่าห้องไม่ได้ล็อค..

และเมื่อเปิดประตูออก .. ภาพที่เห็นก็ต้องทำให้ทั้งร่างถึงกับเย็นเฉียบ!

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก..

   ร่างเล็กของเพื่อนสนิทผมกำลังถูกเด็กหนุ่มตัวใหญ่ขึ้นคร่อมเอาไว้อยู่ ดวงตาของผมเบิกกว้างเมื่อเห็นคนทั้งคู่โน้มริมฝีปากลงทาบ
ทับกันจนสนิท

..ทั้งตัวมันชาไปหมด..ขยับไม่ได้..

   เห็นมือของจินไล่ไปตามลำตัวเล็กของเพื่อนสนิทผม.. ก็ยิ่งทำให้รู้สึกใจหาย..

..ไอ้นิว..

   เหมือนว่าเสียงเรียกในใจของผมมันจะสื่อออกไปได้ .. เพื่อนสนิทของตนเองเหลือบสายตามามองแวบหนึ่ง อีกฝ่ายเผยสีหน้า
ตกใจก่อนจะรีบผลักร่างคนที่กำลังทาบทามอยู่ทันที

   “เชี่ยกรด!”

อา.. ใช่ เสียงไอ้นิวกำลังเรียกชื่อของผม..

..ผม..ที่ยืนมองด้วยความตกใจ..

   ..มึง..เป็นเกย์เหรอวะ.. ไอ้นิว?

   คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองว่างเปล่า สองขาเริ่มขยับได้อีกครั้งหนึ่งก่อนที่ทั้งร่างจะหันหลังและออกตัววิ่งให้เร็วที่สุดทันที!


   “มึง— กรด!!”

ผมได้ยินเสียงไอ้เชี่ยนิวเรียกตนเองอยู่ซ้ำไปซ้ำมาราวกับต้องการให้หยุด.. แต่มันกลับไม่ง่ายเลย..

   ความรู้สึกของผมคือสิ่งที่เรียกว่าไม่สามารถอธิบายได้ ทั้งช็อก ตกใจ ตะลึง ผิดหวัง .. และไม่เข้าใจ

ผมวิ่งออกมา.. แล้วผมจะไปที่ไหนต่อล่ะ?


   สองขาเผลอหยุดลงประตูห้องที่มีตัวเลข 607 ติดเอาไว้อยู่ ก่อนที่จะใช้มือเคาะประตูรัวแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่มีน้ำเสียงดัง
ออกมาจากปากผม

มีแค่ความผิดหวัง..  ไอ้นิว— มึงเป็นเกย์จริงๆเหรอวะ..

..จริงๆเหรอวะ..?

   ภาพที่ทั้งสองจูบกันลงไป เพื่อนสนิทของตนไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด .. คือสิ่งที่บอกชัด

แกร๊ก

   เสียงเปิดประตูดังขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดของชายร่างสูงใหญ่ มันขมวดคิ้วแน่น มองมาเหมือนหาเรื่องเช่นเดิม

แล้วผมจะมาหามันทำไม? ไอ้ไลออนกับไทเกอร์ก็มี ทำไมไม่เดินไป?

..ทำไมผมขาของตนเองต้องหยุดลงตรงหน้าห้องไอ้เชี่ยนี่— คนที่ตัวเองเกลียดที่สุดด้วยกัน

   “จะเคาะหาพระแสงอะไร กุญแจก็มี...”

หมับ!

   ผมดึงมันเข้ามากอด อีกฝ่ายดูตกใจไม่น้อยพร้อมกับจะขยับออกแต่พอทราบว่าร่างของผมกำลังสั่นอยู่นั้นก็ถึงกับนิ่งไป ..

คุณอ่านไม่ผิด.. ผมดึงมันเข้ามากอด.. ไม่ได้ไปกอดมัน..

   ไอ้เชี่ยดำยังคงย่อตัวนิ่งๆ ไม่ปริปากบ่นว่าเมื่อยขาแต่อย่างไร ยอมให้ผมเป็นฝ่ายกอดมันอยู่อย่างนั้น เพียงไม่นานนักก็สัมผัสถึงท่อนแขนอุ่นที่โอบรอบเข้ามา มันไม่ได้กอดตอบอย่างแน่นหนา แต่อย่างน้อยก็ยังสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากสองท่อนแขนนั่น..


แล้วถ้าจะถามว่า ทำไมผมถึงดึงมันเข้ามากอด— ผมก็ไม่รู้หรอก


..

และถ้าอยากจะถามอีกต่อว่า ทำไมพวกเราถึงกอดกันโดยไม่มีปากเสียง

..


ผมก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน


...

   


_____________________________
เฮือกกก
อัพวันแม่
ฉลอง(?) ค่ะ...
ก๊าซซซ
มาอัพแล้วนะคะ >/////////<
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านมากเลยค่าา

____


@อ๊ายอาย อี๊สส พรมลิขิตบันดาลชักพาาาาาา กร๊๊ดเขินแป๊บ 55555 เค้าก็อยากไปอ่านพี่นะ แต่ว่าช่วงนี้ยุ่งเหลือล้นมาก 555555
 :sad4: ขอรอว่างๆก่อนนะคะ ก๊าซซซซซซซซ งานเยอะะะ 55555 (ไม่ได้อ่านอะไรเบยย T3T) ถ้าพี่รวมเล่มเมื่อไหร่ขออย่างละเรือ่งนะคะ-- ก๊าซซซซ


ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านค่าา >//<

หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.18 UPPPP (11/8)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 12-08-2014 00:34:08
 :m20: ตอนที่ 18 ทำเอาขำทั้งตอนเลยล่ะ

ยิ่งประโยค
อ้างถึง
“ดูดิ ขนาดยังไม่เข้าบทบาทนักแสดงยังสมจริงได้ขนาดนี้ คงไม่มีใครเหมาะเท่าพวกมึงแล้วล่ะ”

   “เออ นั่นดิ ยังไม่ทันที่จะเข้าบทก็แสดงได้แล้ว พรสวรรค์แท้ๆ”

กับที่ท๊อปสารภาพรัก ทำเอาขำกลิ้งจนหมดความเป็นผู้ดี ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh5: :laugh5: :laugh5:

ส่วนตอนที่ 19 นี่ช่วงแรกๆฮามาก แต่อยู่ๆก็ตัดเข้าฉากลากสู่ความดาร์ก ปมของน้ำกรดที่ไม่ชอบเกย์

ว่าแต่ จินนิว เค้าไปกินกันตอนไหน  :jul1:
ยังงี้ท๊อปก็ไม่สมหวังสิ วินเพื่อนรักปลอบใจท๊อปหน่อยสิ จับมันกดเบาๆ อิอิ  :laugh:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.19 UPPPP (12/8)
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 13-08-2014 19:53:47
กอดกัน น่ารัก :กอด1:
ดำดูแปลกๆ แหน่ แอบคิดอะไรรึเปล่า
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.19 UPPPP (12/8)
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 30-08-2014 23:55:58
 :hao6:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.19 UPPPP (12/8)
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 08-09-2014 23:26:26
ThankS
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.19 UPPPP (12/8)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 09-09-2014 00:36:33
แป๊ะไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.19 UPPPP (12/8)
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 11-09-2014 21:24:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.19 UPPPP (12/8)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 11-09-2014 22:55:40
 :hao6: น้องนิว ที่ไม่รับรักเพราะชอบคนอื่นอยู่แล้วสินะ
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.19 UPPPP (12/8)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 28-09-2014 19:08:52
กำลังลุ้นเลย
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.20 UP! (3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 03-10-2014 21:41:40
C h a p t e r  20
คนเกลียดกัน มักจะมีความลับกัน



   ไอ้ดำลากผมเข้ามาในห้องนานแล้ว

   อ่านไม่ผิดหรอกครับ มันฉุดกระชากจิกหัวผมที่เกือบจะงอกรากฝังอยู่หน้าห้องให้เข้ามายืนตัวสั่นหงกๆเป็นที่เรียบร้อย แถมไม่พอ

ฉุดกูเสร็จแล้วผลักกูให้ถอยห่างอีก นี่มึงจะยังไงวะ   

   “เป็นเหี้ยอะไรของมึง?” น้ำเสียงที่ไม่พึงพอใจดังขึ้นสร้างความแปลกประหลาดใจให้ผมทันที เฮ้ย เดี๋ยวๆแม่งไม่ได้ด่าแต่เสือก
ถามด้วยสีหน้าเรียบๆว่าเป็นอะไร เดี๋ยว มันแอบอามือถูแขนตัวเองอีกด้วย! นี่ขยะแขยงกูมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ


   “กู.. กูไม่ได้เป็นเหี้ย กูเป็นสุดหล่อ” ไม่ไหวครับ ดราม่าแค่ไหนไอ้กรดคนนี้ก็ขอกวนตีนหน่อยเหอะ ผมเห็นชายตรงหน้าผงะไปแถมคิ้วกระตุกยิกๆก่อนจะเดินหันหลังกลับไปนั่งบนเตียงมันต่อ


   “เหี้ยขี้เหร่” อ้าว อยู่ๆด่ากูเฉยเลย! งี้ก็สวยเด้

   ผมตวัดสายตาจ้องกลับพร้อมชี้หน้าขู่


   “มึงก็เหี้ยเหมือนกันแหละวะ!”


   “มีวันไหนมึงไม่เคยด่ากูเหี้ยบ้าง?”


   “แล้วมีวันไหนมึงไม่เคยทำตัวเหี้ยบ้าง?” ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆจากมันหนึ่งที


   “มีวันไหนมึงจะทำตัวปากหวานๆบ้าง”


   ดูคำถามมึงสิ โธ่.. ถามได้แบบปัญญาอ่อนมาก ต่อให้โลกแตกน้องกรดก็ไม่น่าจะทำตัวดีๆกับมึงหรอกนะครับ น่าสงสารจริง อยากให้กูปากหวานกับมึงเรอะ.. ตายแล้วเกิดใหม่สิบชาติยังไม่คิดจะทำเล๊ย!


แต่เอ๊ะๆ เดี๋ยวขอด่าต่อก่อน


   “แล้วมีวันไหนที่มึง..” ผมไม่ทันที่จะพูดจบ ไอ้ดำกลับยกหนังสือการ์ตูนขึ้นมาเปิดดูพร้อมกับเอ่ยขัดผมทันที


   “หือ.. จะว่าไปก็หวานนี่หว่า เคยแดกแล้วครั้งนึง”
..








เงิบดิกู
ไอ้..ไอ้เหี้ย..







   “พ่องมึงตาย!!!” อ๊ากกกกกกกก! อย่างนี้แม่งหาเรื่อง!



   ผมแหกปากลั่นแล้วกระโจนเข้าไปหมายจะง้างหมัดใส่หน้าดำๆของมัน ยอมเปื้อนสีหน่อยก็ได้กูเดี๋ยวค่อยขัดออก.. แต่เอ๊ะ ถ้าผมต่อยแม่งต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่อีกแน่ๆ!


กูบีบคอแทนก็ได้วะ!


   แต่ไอ้ดำรู้ตัวทันครับ แม่งเบี่ยงหลบเลย


   “โอ๋ๆ พ่อกูยังไม่ตาย พ่อกูยังอยู่ดีเสวยสุข”


   “นี่มึงยังจะกวนตีนกูอีกเรอะ! ถ้ามึงพูดเรื่องนี้อีกทีละก็ กูจะตัดลิ้นมึง!” ไม่ไหวแล้ว ไอ้เหี้ยยย! ไอ้เหี้ยเอ๊ย กูเกลียดมึง พูดอะไรเยอะแยะนักหนาวะ


   ไอ้เชี่ยดำเลิกคิ้วเข้มของมันเล็กน้อยพร้อมกับหรี่สายตาลงเหมือนจับผิดขณะที่ผมฮึดฮัดสามสี่ที ยังไงมึงก็กวนประสาทกูเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ


   สุดท้ายมันดันพ่นลมหายใจออกแรง..
   และพอประโยคต่อไปก็ทำให้ผมนิ่งค้าง




   “แล้ววันนั้น.. มึงจะจูบกูทำไม? ไม่ใช่คิสธรรมดาด้วย ดีฟคิสอีกต่างหาก”
...


เอาตีนยัดปากมันตอนนี้ได้ไหมวะ..


   “ถ้ามึงพูดเรื่องนี้อีกที กูจะกระซวกไส้มึง!” เหี้ยย! คือกูจูบเองแล้วกูขนลุกเอง เข้าใจกูไหม เข้าใจหม๊ายย!


   “อ้อ.. รสนมสตอเบอรี่”

แล้วจะพูดต่อหาไก่แดกเหรอสัตว์!


   “เชี่ย! กูบอกแล้วว่าอย่าพูด หุบปากไปซะถ้าไม่อยากโดนกูตัดลิ้น!” แล้วตูจะทำตัวรนๆเพื่ออะไรวะ เชี่ยเอ๊ย! ผมยืนขึ้นแล้วมองไปบริเวณหัวเตียงแล้วรีบตรงควานหาของทันที “กรรไกรอยู่ไหนวะ อยู่ไหน กูจะเอามาตัด...”


ระหว่างที่กำลังหันซ้ายขวาพูดไม่ทันจบอีกรอบ ก็ถูกมันตัดหน้าไปซะก่อน






   “ตัวหายสั่นสักทีนะ”




..ซึ่งก็ทำให้ผมชะงักความคิดหากรรไกร..


   เมื่อผมก้มลงมองฝ่ามือของตนเองที่เคยสั่นระริกเพราะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก่อนหน้านี้กลับต้องเบิกตากว้าง.. ไม่สั่นแล้ว..



มันไม่สั่นแล้ว.. แปลกเป็นบ้า..


   ผมเปลี่ยนทิศสายตาไปมองไอ้ดำแล้วก็ต้องผงะทันที
เพราะมันกำลังจ้องมาทางนี้.. อย่างไม่วางสายตา



   “มานั่งนี่” ว่าแล้วอีกฝ่ายก็ตบลงพื้นดังแปะสองรอบเป็นเชิงให้ผมเดินไปหามัน



   “ทำไมกูต้องทำตามคำสั่งมึงวะ” เออ จริงไหมล่ะ ไอ้ดำเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนที่มันเกลียด..


..แล้วก็เดินมาหาผมเอง หนำซ้ำไม่พอ นั่งตุบบนเตียงผมด้วย!



   “ไอ้เชี่ย! เสนียดติดเตียงกู กูขี้เกียจซักผ้าปูที่นอนนะเว้ย!” ไม่ได้กวนตีนครับนี่เรื่องจริง ถ้าอยู่ๆสีผิวมันตกลงใส่ผ้าปูที่นอนผมจะ
ทำไงล่ะเฮ้ย ผ้าปูเตียงกูยิ่งขาวๆอยู่ “ไอ้สัตว์! ลุกออกไปเลยนะมึง!”


   “เจออะไรมา”


..นี่ไม่คิดจะเถียงกูกลับหน่อยเรอะ!
   ผมอ้าปากค้าง น้ำเสียงของอีกคนยังเรียบๆเหมือนเดิม แต่สายตานี่สิ.. เล่นทำให้ความคิดแถกลับของผมดับวูบเลย



   “เหี้ยเอ๊ย.. มองกูอย่างนี้หาพ่อมึง..” ว่าแล้วก็เสหน้าหลบอีกทางขณะที่ได้ยินเสียงถอนหายใจ



   “มึงเป็นเหี้ย ไม่ใช่พ่อ” ไอ้ดำยังคงคงโทนเสียงได้อย่างดิบดีจนผมอยากจะเข้าไปตบหลอดลมมันซะเหลือเกิน “แล้วตกลงไปเจออะไรมา”


..ยังไม่เลิกถามกูอีก!


   โอเค.. ผมตัดสินใจสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติแล้วผลุบสายตาลงก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น ขณะที่หัวค่อยๆกรอย้อนไปถึงความทรงจำก่อนหน้านี้..


..ภาพ..ไอ้จินและไอ้นิวจูบกัน..



   “เชี่ยดำ..” น้ำเสียงของตนเองอ่อนแรงลงไปจนแทบจับความไม่ได้ ชายตรงหน้าผงะ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “..มึง.. กู— กู..”
..ผมควรจะทำอย่างไงดี..พูดอะไรไม่ถูกแล้วนะ




   “....” ไอ้ดำยังคงมองผมตาไม่กระพริบ บ้าฉิบหาย.. ไม่อยากให้มันเห็นเลยว่ะว่าน้ำตาของตัวเองแม่งคลอเบ้าอีกแล้ว ..เวรเอ๊ย




   โอเค ผมยอมรับอย่างหนึ่งครับว่าตั้งแต่เด็กยันโต แม่บรรเจิดคิดชื่อว่าน้ำกรดแต่เสือกร้องไห้ง่ายจนขัดกับนิสัยตัวเองเหมือนอีตุ๊ดแถวบ้าน..



ร้องไห้ง่าย โดยเฉพาะ..เรื่องเพื่อน



   “..กู..มึง.. มึง” รู้สึกว่าลำคอเริ่มแห้งผากไปกับสิ่งที่กำลังจะพูด ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายก่อนจะจิกเล็บลงบนตักของตนเองแน่น “..ฮึก.. มึง..”



   “เชี่ย.. เป็นเหี้ยไรมึงวะ..”



   เออ ชักเริ่มเดาได้ล่ะว่าแม่งไม่รู้วิธีรับมือกับคนร้องไห้ เจ๋งมาก ต่อไปนี้เกิดอะไรขึ้นกูจะร้องๆๆๆ ร้องแม่งจนมันสะพรึงเลย
แล้วผมร้องทำไมน่ะเหรอ?



..ก็เพราะว่า..




..เพราะ..









   “ฮึก.. กูขอโทษแทนไอ้นิวด้วยนะสัตว์ที่แย่งคู่ขามึงไปอ่ะ! ฮึกก ไอ้นิวกับไอ้จินแม่งแอบคบกันเว้ย กูขอโทษแทนเพื่อนกูจริงๆ ไอ้เหี้ย.. ไอ้..โฮฮฮฮ!!”








ผมปล่อยโฮแม่งง! น้ำตาหยดแหมะๆเลยกู ฮือออ


   ไอ้เชี่ยดำเหมือนนิ่งช็อกไปของจริง ผมจึงถือโอกาสนี้ระบายสิ่งที่ติดค้างไปให้หมด



   “กูขอโทษแทนเพื่อนกูนะที่แย่งคนสำคัญของมึงอ่ะ..ฮึกกก! กูขอโทษนะมึง กูขอโทษที่มันเอาไอ้จินไปทำผัว ทิ้งให้มึงกลายเป็นเมียม่าย....”




ผัวะ!!!





และกำปั้นมันก็ตบลงกบาลผมอย่างรวดเร็ว!





   “เหี้ย!”


นั่นแน่ะ ด่ากูอีกหนึ่งที!


   ผมสะอึกสะอื้นอย่างเจ็บหัว เงยหน้ามองไอ้ดำด้วยสภาพคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้าของตนเองจนหมดหล่อ สะอึกฮึกๆเป็นการเสริมให้มันดูน่าสงสาร.. ถึงจะท่าทางน่าตบก็เหอะ


..แต่ยังพูดไม่จบ .. ขอต่อก่อน..



   “กูขอโทษที่เพื่อนกูทำให้มึงกลายเป็นเมียม่าย..”



   “..เมียม่ายคืออะไรวะ?”



   “..พ่อม่าย แม่ม่าย มึงคงเป็นเมียไอ้จินสินะ กูบรรลุแล้ว มึงก็น่าจะเป็นเมียม่าย...”



ผัวะ!


รอบสองแล้วนะสัตว์!



   “พ่อมึงตาย!” อะ อ้าว! ไอ้เชี่ยนี่มาด่าผมทำไม ไอ้เราอุตส่าห์ดราม่านึกสงสารมึงนะ มันทำหน้าบึ้งใส่ ขมวดคิ้วแล้วจ้องผมเขม็ง “ใครบอกว่ากูเป็นเมียไอ้จิน?”



   “หรือมึงเป็นผัว?”



ผัวะ!



รอบสาม! ทำไมวันนี้กูโดนมันตบหัวเยอะจัง อย่าให้กูหยุดร้องนะมึง จะเอาตีนตบคืน!!


   “กูกับไอ้เชี่ยจินไม่ได้เป็นเหี้ยอะไรกันทั้งนั้น นี่มึงใช้ส้นตีนหรือขี้เลื้อยในหัวคิดวะ!” น้ำเสียงด่าจริงจังดังลั่นเข้ามาจนทำหูของผม
แทบหนวกไปข้างหนึ่ง หากแต่เนื้อความในประโยคนี่สิ ทำให้ตนเองถึงกับนิ่งค้าง



..ว่าไงนะ..



   “แต่ไอ้จินมันเป็นคนที่มึง..ไม่เคยทิ้ง กูก็นึกว่ามันเป็นคนสำคัญ..” ผมพูดเสียงจ๋อย “ว่าแต่.. มึงกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันหรอกเหรอ?” แอบชำเลืองมองหน้าอีกฝ่ายนิดหน่อย เล่นทำตาดุใส่ซะงั้น



   “เออ!”


   “..งั้นกูก็หน้าแตกอ่ะดิ?”




   “เออ!!”




   “....” ผมมองหน้ามันนิ่งๆ



   “ชัดยัง!!?”




 เออ .. กูรู้ล่ะ แม่งชัดแล้ว ชัดแจ่มแจ้งเลยล่ะ



   คิดแล้วผมก็ลุกพรวด เห็นไอ้เหี้ยตัวเดิมหันมองหน้าตามติดๆแล้วถามอีก “ไปไหน?”
แหม.. ยังจะมีหน้ามาถามอีกนะครับ




   “ไปหยิบไม้มาฟาดเหี้ยที่แม่งไม่เคยบอกกูสักแอะ!” กระชากเสียงพร้อมกับตวัดสายตาหา แม่งอึ้งสักพักก่อนจะขำเบาๆ “เชี่ยไรมึงอีกวะ”



   “มึงนี่มันพวกคิดไปเองสินะ” แม่งพูดแล้วก็ยักไหล่ ส่วนผมก็ฉุนอย่างเดียวสิ เถียงอะไรไม่ออกเหมือนกัน ฮืออออ อยู่ๆกูเล่นน้ำตาหยดแหมะๆเพราะสงสารมันอ่ะ เวรแล้วไง บัดซบเอ๊ยยย! นี่ตกลงคือมันไม่เป็นอะไรกันเหรอวะ!



..ว่าแต่ .. ทำไมวันนี้ถึงคุยกันดีๆได้นะ..



   “ไอ้เชี่ยจินกับไอ้นิวเพื่อนมึงแอบสปาร์คกันลับๆตั้งนานแล้ว เพิ่งรู้หรือไง?” ไอ้ดำยังคงพูดกลับพร้อมกับยักไหล่น้อยๆเชิงเหมือน
ผมโง่มาก เออ ใช่ ตอนนี้ก็โง่จริงๆนั่นแหละ



โง่ที่ไม่รู้เหี้ยอะไรเลย..


   “หะ..สปาร์ค?” ผมทวนคำเดิมด้วยน้ำเสียงตกใจ ขณะที่เด็กหนุ่มยังคงพยักหน้าและก้มลงเปิดหนังสือการ์ตูนอ่าน.. บนเตียงกูอีกด้วย เชี่ย! “เดี๋ยวสีตก ไสหัวออกไปจากเตียงกูเลย ชิ้วๆ”



โดนสายตาคมๆเหลือบมามองแวบหนึ่ง แล้วมันก็วกเข้าเรื่องต่อ



   “แล้วมึงจะเอาไงล่ะ” ไอ้ดำยิงประโยคคำถามใส่ผมที่เล่นเอาชะงักไปทันที “หรือมึงจะหนีไอ้นิวเพราะมันเป็นเกย์ ผันตัวกลายเป็นคนเกลียดกันไปเลย”


..จะตรงไปไหนวะ..

   ทั้งร่างของผมนิ่งค้างไปชั่วครู่ ภาพที่นิวและจินจูบกันยังคงติดค้างอยู่ในหัวอย่างไม่หยุดหย่อน วนเวียนไปมาอยู่อย่างนี้ราวกับเทปหมุนกรอซ้ำ




   มันเป็นเกย์.. แต่ไม่เคยบอกผม..



..มึงจะผันตัวเป็นเกย์เหรอวะไอ้นิว..
..บ้าเรอะ ใครเกย์วะ กูกำลังตกใจอยู่นะเชี่ย..




   ภาพความทรงจำก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับเสียงคำตอบของไอ้นิว .. แม้จะดูเป็นประโยคคำถามที่ไร้สาระ แต่กลับสามารถทำให้ผมเริ่มเก็บไปคิดได้พอควรเลยด้วยซ้ำ


..คำตอบของไอ้นิว..



   “..เหี้ย?” ..สาบานนะว่ามึงกำลังเรียกชื่อกูอยู่น่ะไอ้ดำ..



..ผมเป็นคนแคร์สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘เพื่อน’ ครับ.. แม้บางทีอาจจะดูกวนประสาทหรือน่าตบกะโหลกไปหน่อยก็ตาม ถ้าเป็นคนที่
ผมแคร์แล้ว ผมแคร์ที่สุด.. รวมถึงไอ้นิวด้วย


มันเป็นเพื่อนสนิทที่ผมแคร์ ..และบอกความลับกับมันทุกเรื่องอย่างไม่มีข้อปิดบัง..

แต่มันกลับ.. โกหกผม แถมท่าทางจะนานแล้วอีกต่างหาก


   “..กู..” ทราบทันทีว่าน้ำเสียงของตนเองสั่นเครือจนน่าตกใจ ผมเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะก้มหน้าลงมองพื้น ขณะที่รับรู้ได้ว่าไอ้เชี่ยดำกำลังจ้องมาทางตนเองอยู่ “..กูเสียใจ..”


   “ที่มันเป็นเกย์?” อีกฝ่ายพูดราวกับเจือปนความสงสัยที่ฟังได้ชัดเจน ผมส่ายหัวรัว “แล้ว.. เสียใจอะไร?”
   ผมเงยหน้ามองมัน แอบเห็นภาพเลือนลางนิดหน่อย.. น้ำตากูคลอสินะ



..พอเป็นเรื่องเพื่อนแล้วก็อ่อนแอทุกที..









   “..กูเสียใจ.. ที่มันปิดบังกูว่ะ..”





   เหมือนโลกหยุดนิ่งไป ทุกอย่างค่อยๆเงียบลงชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนที่ผมจะเห็นมือใหญ่หยิบไอโฟนขึ้นมาจิ้มอะไรบางอย่างบนหน้าจอ เดี๋ยว โรงเรียนมีกฎห้ามเล่นโทรศัพท์แล้วมึงมีไอโฟนได้ไง.. ไม่ดิๆ




นี่กูดราม่า มึงยังจะเล่นไอโฟนอีกเหรอวะ!




   “เหี้ย! ตกลงมึงจะ...”




   “พูดใหม่” ผมชะงักปากที่กำลังจะหาเรื่องมันแล้วขมวดคิ้ว



พูดใหม่งั้นเหรอ?


   “อะไรวะ?”

   “กูบอกให้พูดใหม่.. ที่มึงเสียใจน่ะ เป็นเพราะเหี้ยนิวเป็นเกย์งั้นเหรอ?” นั่นไงครับ คำถามมาเหมือนเดิมอีกแล้ว ผมขมวดคิ้วแน่นพร้องใช้จังหวะฮึดฮัดสะบัดน้ำตาที่กำลังคลออยู่อย่างเทพๆสไตล์นายน้ำกรด



   “นี่มึงหูหนวกเหรอวะ จะให้ตะโกนเลยไหมสัตว์?”



   “ตะโกนได้ก็ดี”  อะ อ้าว! มาท้ากูอีกนะ ผมจ้องมันเขม็ง คิดว่ากูไม่กล้าเหรอวะ หา!


   “กูบอกว่าที่กูเสียใจเพราะไอ้เหี้ยนิวเพื่อนกูมีความลับกับกู ไม่ใช่ที่มันเป็นเกย์!! ไอ้สัตว์! ชัดไหมมึง! ชัดไหม!”



   แม่งหาเรื่องทางอ้อมกันชัดๆ! เชี่ยดำเสือกยกนิ้วก้อยขึ้นมาแคะหูอีก โอ๊ย! สนใจโดนลูกถีบนายน้ำกรดไหม หา สนไหมวะ!
หากแต่ผมก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงต่อเนื่องมา








ตึก


 ตึก


 ตึก


ตึก



   ..เหมือนว่าจะเป็นฝีเท้าของใครบางคนกำลังวิ่งอยู่บน... เพดานห้องผม




ซึ่ง.. เพดานห้องผมนั้นก็เป็น.. อดีตห้องเชี่ยดำ..ที่ตอนนี้มีนิวกับจินอยู่



   สมองขี้เถ้าของผม ถึงมันจะโง่ดักดานแต่ก็ยังพอเข้าใจเหตุการณ์อยู่ ก่อนหน้านี้ไอ้เชี่ยดำยกโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้มๆอะไรสักอย่าง


แล้วพอผมตะโกน ถัดไปก็ได้ยินเสียงคนวิ่งบนเพดานห้องตัวเอง



ไม่ใช่ผีหรอกครับ... ผมมั่นใจ..



   “ไอ้เชี่ยดำ.. อย่าบอกนะว่ามึง..” นัยน์ตาของตนตวัดมองหน้ามันที่ยังคงนิ่ง อีกฝ่ายไหวไหล่เล็กน้อยพลางเมินหน้าหนีไปอีกทาง

..อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้มันโทรหาไอ้เชี่ยนิว.. ไม่ก็ไอ้จินน่ะ..




   และไม่ทันต้องเดา เสียงเปิดประตูก็ดังลั่น





โครม!!





   ผมอ้าปากค้างเห็นร่างเล็กของเพื่อนสนิทยืนหอบแรงอยู่ที่หน้าประตู นิวจ้องผมเขม็งด้วยสายตาจริงจังกว่าครั้งไหนที่เคยเห็นมา สองขาเรียวสาวเท้าเข้ามาใกล้ในขณะที่เหลือบเห็นเจ้าจินตามเข้ามาติดๆ



..เรื่องอะไรวะเนี่ย..



   “ที่กู..แฮ่ก ..ที่กูไม่บอกมึงน่ะ..แฮ่ก..” น้ำเสียงหวานหอบเบาราวกับเหนื่อยล้าจากการวิ่ง ผมกระพริบตาแรง มองใบหน้าเพื่อนซี้ที่เข้ามาใกล้ พวงแก้มของอีกคนขึ้นสีแดงระเรื่อจนดูน่ารักด้วยซ้ำ


..เวร นี่กูไปชมมันทำไมวะ นี่กำลังดราม่าอยู่นะ ไอ้กรด เรียกสติๆ!



   “เชี่ยนิว..” ผมครางชื่อเพื่อนสนิทออกมาแผ่วเบาพร้อมกับมองใบหน้าของมันกลับ อีกฝ่ายกัดฟันกรอดไปชั่วครู่แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก



..ก่อนจะตะโกนลั่นออกมา



   “ที่กูไม่บอกว่ากูเป็นเกย์น่ะ เพราะมึงเอาแต่พูดว่าเกลียดเกย์ๆ! ขยะแขยงเกย์! เพราะถ้ากูบอกไปมึงก็คงตัดเพื่อนกับกูแน่ๆน่ะเซ่!!”




..เงียบดิ.. ใช่ ..จริงของมัน..



   ผมเอาแต่บอกว่าเกลียดเกย์ ขยะแขยงเกย์ ถ้าไอ้เชี่ยนิวบอกเพศของมันมา มองในแง่อีกฝ่ายก็คงคิดว่าผมจะตีตัวออกห่างแน่ๆ..



   “กูน่ะนะ.. กูอยากเป็นเพื่อนกับมึงอยู่ว่ะ น้ำกรด กูอยากเป็นเพื่อนสนิทมึงเข้าใจไหมวะ..” เสียงอีกฝ่ายดูอ่อนล้าลงทำให้ร่างกายของผมนิ่ง



..เข้าใจสิวะ.. เข้าใจ..



   ไอ้นิวหอบหายใจแรง ใบหน้าของมันเหมือนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว..



   “..มึง.. กูขอร้อง.. กูเป็นเกย์ ใช่ กูเป็นเกย์..” น้ำเสียงสั่นริกนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมา ท่าทางไอ้นิวก็กังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากไม่ต่างกับผม



..ไม่ต่างกันเลย.. เพราะพวกเราคือเพื่อนกัน..
และอยากเป็นเพื่อนกันเรื่อยๆต่อไป




   “..แต่กู— ยังอยากเป็นเพื่อนกับมึงอยู่ .. อย่าเอาเรื่องเพศเป็นปัญหากับคำว่า ‘เพื่อน’ ได้ไหมวะ กรด..”
ผมมองหน้านิว



ปัญหาอะไร? ปัญหาที่ว่าผมจะเลิกคบกับมันเพราะมันเป็นเกย์อย่างนั้นเหรอ?

คิดแล้วก็อยากขำเบาๆว่ะ..



   ผมส่ายไปมาเล็กน้อยเหมือนปลอบใจอีกฝ่าย แต่ไอ้นิวยังคงก้มหน้าอยู่เช่นเดิมจึงตัดสินใจเอื้อมมือเข้าคว้าไหล่บางเอาไว้เบาๆ



   “..กูไม่ขยะแขยงมึงหรอก รวมถึงเกย์ด้วย— แค่พูดไปงั้นแหละสัตว์ แล้วก็ขยะแขยงแค่เฉพาะบางคน” ไอ้ประโยคหลังแอบเหลือบมองหน้าเชี่ยดำนิดหน่อย แต่เหมือนไม่สะทกสะท้าน ดำดีสีไม่ตก ด้านตายห่าชัวร์ป้าบ “กูกับมึงเป็นเพื่อนกันมาจะครบ 3  ปีแล้ว ทิ้งเพราะเหตุผลแค่นี้แม่งก็ปัญญาอ่อนไปหน่อยมั้ง ใช่ปะ?”




   เห็นสีหน้าซาบซึ้งใจของเชี่ยนิวทันที แน่ะ วันนี้กูหล่ออ่ะดิ แห๊ม



   “..เออ . .ว่ะ จริงด้วย กูลืมคิดไปเลย”



   ผมหัวเราะแล้วเข้าไปขยี้หัวนุ่มๆของนิวจนฟูฟ่อง แต่ก็ต้องหันไปด่าอีกรอบเพราะไอ้.. จะเรียกว่าไอ้เหี้ยไรดีวะ คู่ขาไอ้นิว เชี่ยจิน? เอ่อ มันก็แขยงปากแปลกๆที่เรียกว่าคู่ขา เอาเป็นเรียกว่าไอ้เชี่ยจินแล้วกัน


เชี่ยจินแม่งมีแขวะกันอีกต่างหาก



   “เฮ้ย นี่พูดอะไรดีๆเป็นด้วยเหรอวะเนี่ย”



เชี่ยยย!


   แอบด่าในใจครับแต่ไม่ขอพูดอะไร ผมชำเลืองมองใบหน้าไอ้เชี่ยดำเล็กน้อย.. มันเป็นตัวคลี่คลายเรื่องที่อุตส่าห์กดโทรศัพท์ไปให้เลยนี่หว่า แม่งเอ๊ย อยากจะขอบคุณแต่พอเห็นหน้ามันแล้วรู้สึกว่าต่อยสักหมัดเป็นการตอบแทนได้ไหมวะ


แต่เอาเหอะ



   “เฮ้อ.. ไอ้เชี่ยนิว มึงนะมึง คิดไปได้ไงว่ากูจะรังเกียจ” ผมสูดลมหายใจเข้าลึก เปลี่ยนเป็นตวัดสายตามองใบหน้าเพื่อนซี้ที่ยิ้มแก้มปริราวกับโลกนี้ไม่มีเรื่องทุกข์แล้ว ต่างจากเมื่อครู่นี้ลิบลับยิ่งกว่าหน้ามือและหลังตีนซะอีก




   “เอ้า ก็มึงพูดบ่อยๆนี่หว่า ถึงจะพูดเล่นก็เหอะ” 



เอ่อ ก็จริงของมันอีก





   ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง ครุ่นคิดบางอย่างด้วยความลังเลในใจก่อนที่คิ้วเรียวจะขมวดมุ่นเล็กน้อยพร้อมหันไปมองหน้าไอ้นิว



..บอกดีไหมวะ .. ปิดมาจะครบสามปีแล้ว..



แต่ถ้าไม่บอกก็รู้สึกผิดแปลกๆ.. และบางทีอาจจะไม่ต้องมีอะไรปิดบังแล้วก็ได้
   ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ในขณะที่เห็นเจ้านิวยังยิ้มระรื่นเหมือนเดิม ผมสูดลมหายใจเข้าลึกออกลึกราวกับเรียกแรงในร่างตนเอง ก่อน



จะพูดประโยคถัดไป






ที่ทำให้ทุกสายตาหันขวับมามองผมราวกับกลายเป็นจุดสนใจ










   “กูจะไปรังเกียจเกย์ได้ไงล่ะ .. ในเมื่อกูเองก็เคยเป็นเกย์มาก่อนเหมือนกัน”
..



_______________________________________________________________

U////U จะรีบมาลงต่อนะคะ จุ๊บบบบบ
 รักทุกคนค่าาาาา แอ๊ยย  :mew1:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.20 UP (3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: plengpit ที่ 03-10-2014 22:32:45
 :hao7: น้องขาว พี่ดำ ลูกเทาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.20 UP (3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 04-10-2014 00:03:53
อร๊ายยยยยย เล่าด่วนเลยลูก มันค้าง  :z3:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.21 UP (5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 05-10-2014 18:57:21
C h a p t e r  21
คนเกลียดกัน มักจะเจอโชคชะตาเล่นตลกด้วยกัน


   หลังจากวันที่ผมบอกความลับไปก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ..


..ตอนนี้ผมกำลังเล่นซ่อนแอบอยู่ครับ..

ไม่ใช่! จะว่าเล่นซ่อนแอบก็ไม่ได้สิ ต้องพูดว่ากำลังหนีไอ้ไลออนที่ลากตัวไปซ้อมละครกับไอ้เชี่ยนิวที่ห้องเก็บของโรงยิมอยู่ต่างหากล่ะครับ!


“ไอ้เหี้ย.. โดดงี้.. คิดดีแล้วเหรอวะ” เสียงเชี่ยนิวร้องออกมาแว่วๆ ถึงจะพูดอย่างนั้น มึงก็เขยิบหลบหลังกูอยู่เหอะ


“เออ หรือมึงจะไป?”


“ไม่”


พวกคุณรู้หรือยัง.. ว่าไอ้เชี่ยนิวก็มีบทน่ะ!


   แถมบทที่มันได้ยังแทบทำให้ไอ้นิวอยากจับผมปั่นเหลวแล้วเอาราดหน้าตัวเองเลย! ..เอ่อ เมื่อกี้เป็นมุขครับ มันอยากเอาน้ำกรด
ราดหน้าตัวเองให้เสียโฉมแบบทันทีทันใด


เพราะบทที่มันได้.. คือ นางเอก!
นางเอกตัวเล็กตัวน้อย ร่างบางน่ารัก!



   คือไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่มึงน่ารักจริงๆนี่หว่า สงสารมันข้อนี้เหมือนกันแต่ก็ช่วยไม่ได้ เรื่องพรรค์นี้มันขึ้นอยู่กับหน้าตาของแต่ละคน ผมยักไหล่เล็กน้อยพลางเอนตัวพิงกับเบาะเขียวในห้องเก็บของโรงยิม


..จะว่าไปที่โรงยิม..


   เหมือนสมองของตนจะเริ่มทำงานปั่นขี้ฝุ่นน้อยๆออกแล้วเกิดเป็นความทรงจำประหลาดที่สมควรจะลบออกผุดพรวดพราดขึ้นมาเล่นเอาทั้งร่างสะดุ้งเฮือก


..รส—ช็อกโกแลตเปเปอร์มินต์..
เชี่ย! ผมคิดอะไรอยู่วะ!!


   “มึงเป็นเหวไรวะกรด?” น้ำเสียงหวานที่เรียกสติของตนเองให้กลับมา ผมหันขวับพลางส่ายหัวรัว ไอ้นิวขมวดคิ้วเชิงจับผิดก่อนจะพูดต่อ “เอ้อ.. มึง กูสงสัยอย่างนึงน่ะ”


   “เหี้ยไรอ่ะ?”


   “มึง.. เคยเป็นเกย์จริงๆเหรอวะ”


พรวด!

   ตูแทบสำลักน้ำลาย! จริงสิ หลังจากบอกอดีตตนเองตอนม.ต้นไปแล้วทุกๆคนรวมถึงไอ้เชี่ยดำก็ดูเหมือนจะอึ้ง ทึ่ง ช็อกไปตามๆกันเลยทีเดียวด้วยซ้ำ ซักถามเท่าไหร่ผมก็ตัดสินใจปิดปากเงียบ ใครจะไปอยากบอกหรือนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเลิกไปแล้ววะ!


   “เออดิ กูโกหกมึงทำไมวะ หรือเห็นกูเป็นพวกตอแหล?” ผมย้อนกลับพร้อมพ่นลมหายใจแรง ตวัดดวงตามองหน้าเพื่อนซี้ที่ดูอยากรู้อยากเห็นจนน่าตบหัวสักป้าบ


   “ใช่”



ป้าบ!
   ขอหน่อยเหอะ ซัดฝ่ามือลงไปบนหัวเล็กๆของไอ้นิวรอบหนึ่ง!



   “เชี่ย! ทำร้ายกู! รับผิดชอบมาด้วยเล่าเรื่องม.ต้นซะ” แหม มึงนี่ คิดว่ากูจะใจอ่อนกับคนหน้าหวานเหรอวะ เออ ใช่ กูใจอ่อนกับ
คนที่หน้าหวานเหมือนผู้หญิงหรือพวกเพศแม่ครับ


..แต่ไม่ใช่กับมึง ไอ้เชี่ยนิว!


   “ไม่เสือกสักวันจะตายเปล่าวะ?” ผมย้อน เลิกคิ้วเล็กน้อยพลางมองหน้าอีกฝ่าย เชี่ยนิวเสือกพยักหน้าอีกต่างหาก แม่งจะตรงไปไหนวะ “งั้นก็ตายไปเหอะมึง”    


   “เหี้ย! นี่กูโกรธที่มึงไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้กูฟังนะเว้ย พอมารู้ก็ตอนม.6 มึงจะปิดบังกูต่อทำไมวะ”


เอ่อ .. จริงของมัน ผมจะปิดทำไมในเมื่อบอกขนาดนี้?



   นัยน์ตาของตนเองเหลือบไปทางไอ้เพื่อนซี้ที่กำลังส่งสายตาหวานแหววประกายระยิบระยับอยู่ก่อนที่จะถอนหายใจดังเฮือกชัก
ใจอ่อนแล้วซะอย่างนั้น..



..แล้วเริ่มพูด ซึ่งทำให้เชี่ยนิวตาประกายแวววับทันที..



   “เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนม.ต้น “ ผมเกริ่นด้วยท่าทีมาดแมนก่อนจะยกเท้าวางขึ้นโต๊ะ เห็นไอ้นิวกลายเป็นหมาอยากรู้อยากเห็นหูกระดิกๆอีก เสือกชาวบ้านนี่มาก่อนจริงๆสินะเพื่อนกู




   “แล้วไงวะๆ” ยังมีขอต่อ ผมกรอกตาไปมาก่อนจะลองนึกถึงเรื่องในอดีต..





..ในอดีต..






อดีตที่ไม่น่าจดจำของผม
...







   “กูเคยมีคนรักเป็นผู้ชาย”





   “...”





   “จบว่ะ”




   “..................”




   แหม .. หน้าตาไอ้นิวตอนนี้น่าสงสารจริงๆ เหมือนจะสื่อว่า ‘มึงเป็นเกย์ จะให้มีคนรักเป็นทอมเหรอวะ’ ประมาณนี้อีก โธ่ๆ คิดแล้วก็ขำ



   “ไอ้เชี่ยกรด! นี่ตกลงมึงจะมีความลับกับกูเหรอ!!” ก๊ากกกกก! โอ๊ย ไม่ไหว! ไอ้นิว มึงนี่น่าสงสารจริงๆนะสัตว์ ผมพยักหน้าแล้ว
ยักคิ้วหล่อใส่มัน


   “ถูกต้องนะคร้าบ!”


ดูแม่งดิ โกรธตัวสั่นเลย ไอ้.. ไอ้... ด่าเหี้ยไรวะ ตั้งแต่รู้ว่ามันเป็นเกย์ นับวันผมยิ่งมองไอ้เหี้ยนี่จากหน้าหวานเปลี่ยนเป็นน่ารักไป

ซะแล้ว ยิ่งตอนโกรธนะ หน้ามันขึ้นสีแดงๆจางๆอีกต่างหาก แม่งเอ๊ยยยย โอ๊ย.. ไอ้กรด ใจเย็น ใจเย็นดิวะ แล้วทำไมหลังจาก

ป่าวประกาศว่าเคยเป็นเกย์แล้วความคิดจริงๆในหัวผมเริ่มเตลิดมองผู้ชายน่ารักวะเนี่ย


หรือกูหลงรักไอ้นิว?



ฉิบหาย!! เชี่ยจินจะด่ากูไหมวะเนี่ย กูจะโดนฆ่าไหมฟะ!



   หากแต่ไม่ที่ไอ้นิวจะตะโกนด่าผม กลับเป็นเสียงประตูห้องเก็บของโรงยิมที่ถูกเปิดดังลั่นเสียก่อน และนั่นก็คือสัญญาณของคำว่า ‘นรกมาเยือน’ อย่างไงล่ะครับ



ปัง!



   “ไอ้เชี่ยกรด ไอ้เหี้ยนิว! ไป – ซ้อม – ละ – คร!”



เชี่ยย!! ไอ้ห่าไลออนมันมาได้ไงวะ!




   ทั้งผมและไอ้นิวสะดุ้งเฮือกพร้อมกัน กระโดดเกาะแทบไม่ทันเมื่อแสงจากโรงยิมสาดส่องเข้ามาทางประตู.. พร้อมกับเงาไอ้เหี้ย
เสือที่เดินเข้ามา..




   “ไอ้เชี่ย! นี่มึงมาได้ไงวะ!” นิวพูดพร้อมกับเอานิ้วชี้หน้าขณะที่มันยังเกาะผมแน่นครับ โธ่.. นี่น้องน้ำกรดกลายเป็นหนุ่มแมนขนาดนี้แล้วเหรอวะ มีคนหน้าหวาน(อย่างเชี่ยนิว)มาเกาะหลบหลังกูเนี่ย..



ถึงจะเป็นหลบหลังเพื่อพยายามหนีจากการแสดงละครก็เหอะ


   ไอ้ไลออนเบ้ปาก เมินคำถามไอ้นิวแล้วนอกเรื่องอีกต่างหาก



   “นี่มึงนอกใจไอ้นัยเหรอวะกรด เชี่ยมาก” ไลออนว่าแล้วชี้หน้าผมอีก หะ หา? อะไรวะ นอกใจห่าไร!  กูงงนะสัตว์ “เชี่ยนิว มึงจะเป็นชู้กับไอ้กรดเหรอวะ?”



   “ไม่ใช่โว๊ย!”



   “กูก็ไม่ได้เป็นเชี่ยไรกับไอ้ดำ!” ผมพูดต่อจากไอ้นิวแล้วจ้องหน้าเชี่ยไลออนเขม็งครับ แม่งมีการมาหรี่ตาเล็กน้อย ยักคิ้วซ้าย ยักคิ้วขวาอีกต่างหาก “อยากโดนตีนกูไหม!?”



   “ว๊าย! น้องสิงโตกลัวจังเลยค่ะพี่เสือ!” นั่นไง แอบเห็นไทเกอร์เดินมาติดๆ เชี่ยไลออนเนียนจัดกระโดดเกาะอก ไอ้ห่าร๊ากกกก
กก!


ไทเกอร์ก็ดีเหลือเกิน เพิ่งเดินมาก็รับมุขไอ้ไลออนทันทีอีก



   “กลัวอะไรเหรอจ๊ะน้องสิงโตของพี่! ใครทำอะไรน้องสิงโต!” แม่งมีการประคองตัว โอบเอว จ้องตากันแบบมาดแมนอีก ผมควรจะ
ใช้เวลาที่มันเล่นตลกวิ่งหนีไปดีไหมวะ?



   “คะ คือ คือพี่เสือคะ น้องสิงโตแค่พูดว่าอิกรดนอกใจพี่นัยไปคบชู้กับนิวเองน่ะค่ะพี่ขา น้องสิงโตกลั๊วกลัว”
ไอ้เหี้ยยย เสียงมึงจะดัดจริต ตอแหลไปไหนวะ!



   แล้วไหงเป็น ‘อิกรด’ ‘พี่นัย’ และ ‘น้องนิว’ วะ โหย ไม่แฟร์ชัดๆ



   “อิกรดบ้านพ่องมึงไอ้เชี่ยเสือเน่า!!” ผมแหกปากแล้วกระโจนออกมาจากห้องเก็บของโรงยิมเพื่อขอถีบตูดมันแรงๆสักรอบหนึ่งครับ!


แต่นั่นแหละ.. เลยทำให้พลาด!



   “จับตัวไอ้กรดกับไอ้นิวแล้วแบกมันกลับห้องไปซ้อม!”



..ห๊ะ!!?



   ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ จากเห็นภาพตรงหน้าเป็นเชี่ยไลออนกำลังซบอกไอ้ไทเกอร์ ก็มีเสียงแว่วๆ คาดเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนหน้าเด็กไอ้ซานตะโกนลั่น..

เฮ้ย.. เดี๋ยว!?



   แล้วทุกอย่างก็มืดลงไปหมด!



   “ไอ้เชี่ยยย!! นี่มันอะไรวะ!!” ผมโวยวายลั่นครับ .. แม่ง! แม่งมีใครไม่รู้เอากระสอบคลุมหัวผม.. ไม่ดิ ทั้งตัวเลย! “อ๊ากกกก! อย่า อย่ายกกูสิวะมึง อย่า! เหี้ย ใครยกกูห้องหอบึ้มม!!”



แหกปากดิ.. เพราะตัวผมลอยแล้ว!




   ตกลงมันคือแผนยั่วโมโหเพื่อที่จะลากผมกับไอ้นิวไปซ้อมละครใช่ไหมวะ! สุดท้ายเจ้านั่นก็เลิกยกผมแล้วเปลี่ยนเป็นลากผมในกระสอบใหญ่แทน โอ๊ย .. ตูดกเสียดสีกับพื้น จะระบมอยู่แล้วเนี่ย ห่า!



   “เพราะมึงไม่ยอมมาเองนะเว้ย กูเลยต้องใช้แผนนี้” ได้ยินเสียงเชี่ยไลออนดังแว่วๆ ผมหน้าบูด แต่คงไม่มีใครเห็นหรอก.. เพราะกูอยู่ในกระสอบทรายนี่ไง! ดิ้นไปก็เปล่าประโยชน์แท้ๆ จะลากก็ลากเดะ แม่งเอ๊ย ตูดกู๊! “มึงยกไอ้กรดแบบที่จินยกไอ้นิวไม่ได้เห
รอวะ?”




   เหมือนไลออนจะถามคนที่ลากผมอยู่ เออ นั่นดิ ใครวะ


   “ไม่”


แม่ง ดีแล้วล่ะ อย่ายกกูเลย ขอร้อง! เดาๆเอาไอ้คู่รักโลกแตกนั่นน่าจะอุ้มแน่ๆครับ เวรเอ๊ยย

   “ใครลากกูวะไอ้เสือ” ผมถามเพื่อนไลออนแล้วก้มหัวลงนั่งมองกระสอบ แหม กูไม่เห็นเหี้ยอะไรเลยนะ แต่ท่าทางมันจะไม่ได้ยิน
ครับ เสือกเงียบอีก


เออ ก็ได้


   “เฮ้ย! ไอ้คนที่ลากกูอยู่ มึงเป็นใครวะ” ลองถามหน่อยเดะ ผมไม่รู้ว่าจะอะไรหรอก แต่สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายชะงักไปนิดหน่อย



   “คน”



..แม่ง เออ! กูรู้ว่าเป็นคน แล้วใครวะ!


   “เหี้ย! รู้แล้วเว้ย ชื่อเหี้ยไรวะ?” ถามต่อครับ แม่งเหมือนลากผมไปเรื่อยๆอีก


   “ไม่มีใครชื่อเหี้ย”


อ้าว.. กวนตีนกูอีกนะมึง!


   ไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อ มันก็โยนปล่อยกระสอบออก ถึงจะทำให้หลังกระแทกแต่ผมยิ้มกว้างทันที เอ้อ! ดีมากมึงที่ปล่อยกูก่อน!

..และพอไต่ๆออกมา เสือกไม่เห็นหน้าคนที่ลากผมมาซะแล้ว..



   “กูยืมสนามบาสในการแสดง เข้าใจไหมวะ” พอออกมาสู่โลกภายนอก ได้ยินเสียงเชี่ยไลออนมาคนแรกเลยครับ โอ๊ย พอเวลา
งานแล้วมันเข้าเรื่องจริงๆไอ้เหี้ยเอ๊ย “ไอ้กรด! มึงมายืนใกล้ๆกับกูเลย เดี๋ยวหนีอีก”


   “คร้าบ!”



   ผมพยักหน้าหงึกๆแล้วปัดตูดนิดหน่อย คือมันปวดตูดอ่ะ เสียดสีกับพื้นนานไปหน่อย แต่สุดท้ายกูก็ต้องมาแสดงสินะ



   “เหี้ย.. พวกมันโหดร้ายอ่ะกรด..”



แน่ะ.. ไอ้นิว ไม่ต้องมางอแง แต่แม่งน่าสงสารจริงๆว่ะ..


   ผมรู้สึกทั้งสงสารทั้งขำเชี่ยนิวที่ได้บทนางเอกไปนะครับ ต้องแสดงเป็นผู้หญิง! ผู้หญิงเชียวนะคุณ โอ๊ยย!


   “อ้าว ไอ้นัยไปไหนล่ะ?” เป็นเสียงของนิวเช่นเดิมที่หันไปถามจิน แม่ง พวกมึง จะตัวติดกันไปไหน แพ็คคู่เลยใช่ไหมสัตว์ อะไรวะเนี่ย!

   “มันบอกลากเหี้ยนานไปหน่อยเลยปวดแขน โอ้ นั่นไง มาแล้วๆ .. ไอ้เหี้ยนัย!” ลากเหี้ยนานไปหน่อยเหรอ? ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนี้ อะไรของมันวะ


   พอหันไปตามที่ไอ้จินเรียกก็ปรากฏร่างสูงใหญ่ของชายผิวแทนที่เดินเข้ามา มันหันมองผมแวบหนึ่ง



..แวบเดียวจริงๆนะ.. แล้วเสือกพูดประโยคต่อไปคือ..



   “หัดลดน้ำหนักซะบ้างนะ”




..มึงคือคนลากกูเองสินะไอ้สัตว์!!




   “อ้อ ไม่ใช่แค่ลดน้ำหนัก อย่าโดดซ้อมด้วยก็ดี”


ผมกัดฟันกรอด.. ไอ้เชี่ยเอ๊ย ไอ้เหี้ย! จะอะไรกับกูนักหนาวะ ฮึ่ม..

ได้แค่ฮึดฮัดครับ ยังไม่อยากตอบกลับ ..


..


ซะที่ไหน ไม่ด่าแม่งก็ไม่ใช่น้องน้ำกรดดิ





   “เฮ้อ รู้สึกไหมวะนิวว่าคนดำๆแม่งน่ารำคาญ”


   “เหี้ยมักปากหมา น่าตบกะโหลก ใช่ไหมวะจิน”


   “เออ นิว ช่วงนี้หมาสีดำๆเห่าได้เนอะ เห่าเก่งด้วย”



   “จิน ช่ว..”


   “พวกมึงช่วยหยุดกัดกันแล้วฟังที่กูก่อนได้ไหมวะ ..?”

เฮือก!


   ต้องหุบปากฉับพลันเมื่อไอ้ไทเกอร์เดินเข้ามาแล้วเอ่ยประโยคนี้ คือตอนนี้หน้ามันไม่ได้เล่นๆแบบแต่ก่อน จริงจังขึ้นมานิดนึง ผม

กับไอ้ดำเลยเงียบไปเลยปริยาย ท่าทางไทเกอร์จะอารมณ์เสียนิดหน่อยด้วยละมั้งเนี่ย?


   สุดท้ายก็เข้าใจครับ เพราะตอนนี้ทุกคนเงียบหมดเลย ส่วนซานก็เดินยืนข้างหน้าและอ่านบทละครเรื่องราวคร่าวๆ ได้ก็คือ


นางเอก(เหี้ยนิว)จะได้แสดงบทนิสัยดี รักสันติ น่ารัก และเป็นพวกที่คุณแม่สอนมาดี แต่พี่ของตัวเองกับคนข้างบ้านกลับชอบ

ทะเลาะกันตลอด จนมีอยู่วันหนึ่งมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ ตบตี ชกต่อยกัน ทำให้ทุกคนต้องรีบมาห้าม สุดท้ายนางเอกก็พูดให้

เข้าใจและเรื่องก็จบที่คู่กัดทำตาม รักกันในที่สุด..


บทอะไรง่ายๆตอนจบปัญญาอ่อนๆ.. แต่...


..หะ..เดี๋ยว? คู่กัดรักกันในที่สุดเรอะ..


   จำได้แว่วๆว่าผมกับไอ้ดำแสดงคู่กัด..


   “เชี่ย!! กูไม่อนุมัติบทนี้!” ยกมือเสนอกับไอ้คุณซานที่กำลังชี้แจงครับ มันผงะไปนิดหน่อยพลางหันมามองผมแล้วตีหน้าเศร้าซะงั้น อ้าว นี่คิดว่าเศร้าแล้วตูจะยอมเหรอ!


   “แต่.. เราแต่งมาแล้วอ่ะ..”


ทีอย่างนี้แทนตัวเองว่าเราเชียวนะมึง! ไอ้ตอแหลลล!


   “เราก็ไม่อยากได้บทนี้เหมือนกันนะ เปลี่ยนเป็นคู่กัดเราตายดีกว่าไหม?” เสียงใครวะ.. ไอ้เชี่ยดำนี่เอง แม่งมาเงียบๆแต่เสือกได้เหมือนเดิมครับ เสือกกวนตีนกู!



แต่ผลก็คือ ไอ้ซานโดนไทเกอร์ลากตัวไปแล้วกรอกหูว่าไม่ต้องฟังพวกมันน่ะเซ่!!


   “เปลี่ยนจากนางเอก เป็นพระเอกไม่ได้เหรอวะ?” นี่ไง เชี่ยนิวมาต่อด้วยสีหน้าคร่ำเครียด ท่าทางจะจริงจังครับ แต่คนตอบเสือกไม่ซานซะนี่..


เป็นไอ้เชี่ยเสือเหมือนเดิม!


   “ไม่ได้หรอก ต้องนางเอกนี่แหละ ดีแล้ว!”


   “ทำไมวะ?”


   คราวนี้เจ้าไลออนเสนอหน้า เขยิบเข้าประชิดไอ้ซานที่ยืนบื้อด้านซ้าย ตามด้วยไทเกอร์ก็เขยิบมาประชิดอีกด้านขวา
แล้วพูดพร้อมๆกันอีก


   “เพราะมันเป็นเทรนด์ยังไงล่ะ”


..ถุย!


   เฮ้ยๆ! ผมเปล่าถุยนะ! นั่นมันสีหน้าไอ้เชี่ยนิวต่างหากล่ะ!!


   “เอ้อ เดี๋ยวกูแจกบทก็แล้วกัน นักแสดงอีกสี่คนเขาได้บทแล้วก็กลับไปนานแล้วน่ะ” ผมเลิกคิ้วมองไลออนเล็กน้อยแต่ก็ไม่สนอะไรมากนัก


เฮ้อ.. กิจกรรมโรงเรียนสินะ กูทำก็ได้วะ!



   คิดเพียงเท่านี้แล้วรับกระดาษจากมือไอ้ไลออนครับ ผมไล่สายตามองไปตามตัวหนังสืออย่างไม่เร่งรีบ



   หืม.. ตัวละคร.. นางเอกชื่อ..


   “นางเอกชื่อแคลอรี่ นั่นมันหน่วยอาหารไม่ใช่เหรอวะ!” ..เอ่อ นั่นแหละ ชื่อแคลอรี่ เสียงร่ำไห้จากไอ้นิวดังแว่วๆ มึงมันน่าสงสาร

ที่สุดในเรื่องจริงๆด้วย เชี่ยนิวเอ๊ย!


   เอาเหอะ มาหาบทของตัวเองก่อนดีกว่า


   ผมพยายามไล่สายตาไปยันบทละครของตนเอง ไม่รู้ว่าเป็นตัวเหี้ยอะไรในเรื่องเลยด้วยซ้ำ ทว่าคิ้วเรียวก็ต้องขมวดมุ่นทันทีทันใด
เมื่อสะดุดกับชื่อของตัวเองที่อยู่ใกล้ๆไอ้ดำ..




..เพียงเท่านั้นแหละ.. ผมถึงกับช็อกค้างเลย..



เพราะบทของผมมัน...




   “เฮ้ย!! กูไม่อยากได้บทนี้!”


   เป็นไอ้เชี่ยดำที่ตะโกนมาพร้อมกับอ้าปากค้างครับ นั่นไง หลุดมาดเงียบๆกวนตีนๆของมึงแล้วนะสัตว์!


เออ สมควร กูยังช็อกค้างเลย


   “แต่มันเป็นบทนี่น่า คิดอะไรมาก” ไอ้ดำสั่นหัวแรงยืนยันว่าไม่อยากได้ มันชี้กระดาษที่บทตัวเอง ก่อนที่คนอื่นๆจะพากันขำลั่นซะงั้น รวมไปถึงไอ้นิวกับไอ้จินด้วย!


   “เหี้ยเอ๊ย .. กูเห็นบทมึงกับไอ้นัยแล้วดีใจที่ตัวเองเป็นนางเอกว่ะ”


..นั่นไง..


   ไอ้นิวเดินเข้ามาตบบ่าผมแปะๆขณะที่ยิ้มจนตาปิด นี่มึงไม่เครียดเรื่องบทของมึงแล้วใช่ไหมวะ..


   “จะให้ไอ้เหี้ยนั่นแสดงบทนี้ไปคนเดียวก็ได้ แต่ก็ไม่อยากแสดงบทนี้แล้ว!” แม่ง .. คู่กัดผมยังโวยวายเหมือนเดิม มึงนี่ไม่ไหวเลยนะ จะเงียบๆแบบกูก็ได้..


..เฮ้ย ว่าแต่ มันพูดอะไรนะ?



   “ไอ้เชี่ยย! กูก็ไม่อยากได้บทนี้เหมือนกันน!” ผมร้องลั่นเดะ เอออ! ใช่ นายน้ำกรดคนนี้นี่แหละร้องลั่นเลยครับ ขณะที่ไอ้ไทเกอร์ไลออน รวมไปถึงซานกลั้นหัวเราะอยู่ “ไอ้บทนี้ไปกับไอ้ดำซะ! กูไม่ไหวกับบทนี้ว่ะ!”


   ว่าจบก็เอามือชี้ไปที่กระดาษอย่างร้อนรน แต่เหมือนทุกคนยังหัวเราะอยู่เหมือนเดิม .. หัวเราะ— หัวเราะหาพ่องมึงเหรอ!!



   “ห่า! กูก็ไม่อยากได้บทนี้ มึงเอาไป!”


   “เชี่ย!! กูไม่เอา มึงอ่ะ เอาไป เข้าคอนเซปกว่าเยอะ!”


   “เอาล่ะๆ ไม่ต้องแย่งกัน .. พวกมึงสองตัวได้เหมือนกันนั่นแหละน่า คิดไรมากวะ” ประโยคดังออกมาจากปากไทเกอร์ทำเอาผมและเชี่ยดำหันขวับ


..ยังจะกล้าถามกูอีกเหรอว่าคิดอะไรมาก หา ยังจะกล้าถามอีกเหรอ!


   ผมมุ่งมั่น ชี้ไปยันกระดาษ สภาพไม่ต่างจากเหี้ยดำมากนัก




ก่อนที่จะตะโกนดังลั่น..แถมยังพร้อมกันอีกต่างหาก







   “แล้วทำไมกูต้องแสดงเป็นกะเทยด้วยวะ!!”
..




___________________________

 :mew1: :mew1: แอ๊ย ในที่สุดก็ว่างเข้ามาค่ะ T3T จะพยายามอัพเรื่อยๆน้าาา >< ขอบคุณที่ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.21 UP (5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: plengpit ที่ 05-10-2014 20:31:44
กระเทยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.21 UP (5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 05-10-2014 22:38:03
เป็นกะเทยแล้วตอนจบมารักกัน แล้วใครจะรุกล่ะเธอ
ถ้านัยใส่ชุดผู้หญิงนี่ฮาแน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh5:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 06-10-2014 22:59:29
C h a p t e r  22
คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบให้มาดูถูกกัน


   “ต๊าย! อีคนที่วันๆแต่ปลูกผักไปมันจะมีอะไรดีกั๊น!”
   น้ำเสียงวิปริตดังออกมาจากปากของผมด้วยสีเหยียดหยามพร้อมกับตวัดสายตามองไอ้เหี้ยดำที่กำลังยืนนิ่ง ท่าทางหมดอาลัยอาวรณ์ซึ่งพอเห็นแล้วกูอยากจะขำใส่ดังๆจริงๆ



   “พี่คะ! อย่าไปว่าเขาอย่างนั้นสิคะ!” ไอ้นิววิ่งเข้ามาก่อนจะเอาตัวบังระหว่างผมกับชายผิวแทน โธ่.. มึงนี่นะ แต๋วแตกแล้วนะสัตว์
เอ๊ย



   “อะไรกันล่ะยะยัยเด็กนี่! ก็มันเรื่องจริงนี่ ดูซิ ปลูกผักจนตัวดำเลยเนี่ย อ๊ายย! น่าสงสาร!” ว่าแล้วเอาเข้าไป เอ้า! ผมใช้มือชี้ผิวสีแทนของคนที่กำลังยืนหน้าตายอยู่ด้วยอีกนะ  “ว๊ายๆๆ น่าสงสารๆๆ!”


   “นี่หล่อนจะ...”


   “คัท!! ไอ้นัย! นี่มึงหัดพูดให้กระแดะๆไม่เป็นเหรอวะ แรดๆอ่ะมึง แรดๆ!”



   น้ำเสียงดังลั่นออกมาจากปากของไทเกอร์ที่กำลังยืนจ้องอยู่พร้อมกับชี้หน้าเชี่ยดำ มันทำหน้าตายใส่พร้อมกับหันหนีไปอีกทาง



   “กูไม่เอาบทกะเทย!”



   “หัดดูตัวอย่างไอ้น้ำกรดบ้างดิเหลือแค่ตูดบิดอีกนิดหน่อยก็เป็นได้อยู่แล้วเนี่ย” อืม ใช่ๆ  มึงควรจะเอากูเป็นตัวอย่างในการแสดงบทกะเทยที่ดีนะ...


..ถุย!



   “ คิดว่ากูอยากได้บทนี้มากนักเหรอไอ้กะหล่ำ!!” ผมตะโกนลั่นพร้อมหันขวับมองหน้าเชี่ยไทเกอร์ ไหงมึงเอากูมาเป็นตัวอย่างล่ะ เหี้ยเอ๊ย! “กูก็แค่แสดงไปตามบทบาท!”



   พอจบประโยค ชายผิวแทนก็หันมามองผมแวบหนึ่งแล้วพูดเสียงเรียบทันที



   “บางทีมันอาจจะเป็นจริงก็ได้.. ใครจะรู้”

ปรี๊ด.. อะไรวะ นี่กูแสดงนะสัตว์ แสดง! หัดฟังภาษาคนให้ออกซะบ้างดิวะ!

   “นี่มึงหาเรื่องกูเหรอไอ้เหี้ย! บอกว่าแสดงก็แสดงไง!!” ผมกระชากเสียงตนเองดังลั่นพร้อมกับเดินเข้าไปหาไอ้เชี่ยดำพลางชี้หน้าอีกฝ่ายที่กำลังทำท่าทีไม่สนใจแล้วก้มลงอ่านบทเงียบๆแทน “ได้บทกะเทยก็ดีกว่าไอ้นิวที่มันต้องเป็นสาวเต็มตัวแล้วกัน!”

   แอบเห็นคนถูกพาดพิงสะดุ้งโหยง หันขวับแล้วทำหน้าสื่อทางจิตกับผมว่า ‘แม่งเกี่ยวอะไรกับกูอีกวะ’ ด้วยแหะ


   “หึ”

สาดดด! เสียงนี้อีกแล้ว กูเกลียดแม่งง!




   โอเค ผมจะเริ่มมาอธิบายคร่าวๆว่าที่เกริ่นขึ้นบทนี้มันไม่ได้มีอะไรมากเลยนอกจากซ้อมละครของห้องตัวเองครับ แค่ลองอ่านบทและแสดงท่าทีคร่าวๆเพียงเท่านั้น และดูเหมือนเชี่ยนิวจะราบรื่นกับตัวละครสาว ผมพอถูๆไถๆกับบทกะเทย..
เหลือแต่ไอ้ดำที่แม่งไม่ให้ความร่วมมือเอาซะเลย!




   คิดดูซิ นี่ก็ซ้อมมาหลายเทคแล้วนะ กูอยากกลับบ้านครับ มึงช่วยทำหน้ากระแดะไม่ก็แรดๆ เสียงดัดจริตหน่อยได้ไหมวะไอ้เชี่ย!




   “ทุกคนคงเหนื่อยกันมาก มาพักก่อนดีกว่านะ กูทำไข่ต้มมาให้แดกกันด้วยล่ะ” น้ำเสียงหวานใสที่ไม่เข้ากับรูปประโยคดังออกมาจากปากของผู้คิดบทอย่างซานที่เดินเตาะแตะเข้ามาพร้อมถาดและชามกระดาษที่มีไข่ต้มเต็มไปหมด “ทะด้า!”



   “ช่วงนี้ว่าไข่แพงไม่ใช่เหรอซาน? ไหนมึงซื้อมาได้วะ” ไลออนเอ่ยถามเป็นคนแรกก่อนจะกระโดดเข้าไปย่อมๆมองๆไข่ต้ม


   “นั่นสิ ไข่แพงนะ ฟองละตั้งหลายบาท” ไทเกอร์ก็ยังจะพูดสริมอีก แถมระหว่างที่คนถูกถามอ้าปากจะตอบ แม่งก็เสือกคว้าไป
คนละใบสองใบด้วย ไอ้สัตว์ มือเร็วกันจริงๆ!



   ผมมองไข่ต้มพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปหยิบกิน เหมือนเจ้าซานนี่จะปลอกเปลือกไข่จนหมดแถมยังสวยงามอีกต่างหาก ระหว่างที่กำลังจะอ้าปากงับก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดแว่วๆมาเล่น


   “อ๋อ .. ที่บ้านเลี้ยงไก่น่ะ”



พรวด! .. ไข่ต้มกูหล่นเลยครับ!



   “อ๋ออ.. อย่างนี้นี่เอง” ไลออนกับไทเกอร์เสือกไม่ตกใจกันสักนิดเดียว! แม่งลากเสียงพร้อมกับเดินละลิ่วเคี้ยวไข่ต้มเหยาะซอสแม็กกี้หนึ่งทีไปด้วยอีกต่างหาก ผมมองตาค้างในขณะที่เจ้าหนุ่มหน้าเด็กหันมาฉีกยิ้มกว้าง



   “เอ๋? หิวเหรอ เดี๋ยวมึงเอาเพิ่มไปก็ได้นะ” ได้แต่พยักหน้ารับแกนๆไปครับก่อนจะรับไข่ใบใหม่พร้อมน้ำจิ้มซองแถมมาด้วยอีก ท่าทางบ้านแม่งจะเปิดฟาร์มไก่จริงๆด้วยแหง “ว่าแต่ .. มึง แสดงบทนี้ไหวเปล่า อยากให้กูช่วยเปลี่ยนบทไหม?”


ได้ยินน้ำเสียงอ้อมๆแอ้มๆดังเข้ามา แต่ผมเบ้ปากใส่


   “เปลี่ยนตอนนี้มันจะทันเรอะ” ยักไหล่น้อยๆเป็นสัญญาณเชิงไม่แคร์ หากแต่เมื่อดวงตาของผมมองไปยันใบหน้าหวานหยดของอีกฝ่ายที่ควรจะเรียบเนียนและดูผุดผ่องเหมือนวันก่อนที่เจอก็ต้องชะงักกับรอยดำใต้ขอบตาและสภาพใบหน้าที่ดูโทรมไปมากเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว



ทำไมหน้าโทรมขนาดนั้นวะ?



   ผมมองไปยันไข่ต้มขาวๆก่อนจะสรุปทันที



   “ต้มกับลอกเปลือกไข่ออกนี่มันยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”  เปรยขึ้นเบาๆขณะที่เห็นซานเริ่มวิ่งไปให้บริการไข่ต้มกับคนอื่นครับ เดาๆเอามันน่าจะนั่นแกะไข่หลังต้มเสร็จให้เพื่อนๆซะด้วย ขยันขันแข็งซะจริงนะ กะอีแค่งานโรงเรียนเอง ไหงพยายามขนาดนี้วะ

จะว่าไป ไอ้เชี่ยดำแม่งอยู่ไหนวะ?



   พอกำลังจะหันไปหามันก็ต้องสะดุดสิ่งที่ตนเองคิดเมื่อครู่ .. เชี่ยล่ะ จะมองหามันทำไม? เฮ้ย! หรือว่าช่วงนี้สายตากูต้องการอะไรที่มันมืดๆวะ ฉิบหาย..



โอเค ผมขอสรุปว่าที่มองหาเชี่ยดำ เพราะอยากเห็นมันฝึกซ้อมท่ากะเทยตูดบิดอยู่!



   “เฮ้อ.. นี่กูทำดีหรือยังวะ?” แล้วทั้งร่างของตนก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆเชี่ยนิวเดินมาแล้วกระซิบข้างหูซะอย่างนั้น ผมหันขวับด้วยความตกใจ ไอ้เหี้ยเอ๊ย มาอะไรวะ ไม่ให้เสียงกันเล๊ย! “มึงคิดว่าไง?”


   โอ้ มันหันมาถามผมแหะ ได้ งั้นตอบไปแล้วกัน


   “ตุ๊ดดีนะมึง”



ผัวะ!



..ตบหัวกูอีก ไอ้เชี่ยย! หัวคนนะครับ ไม่ใช่กลอง ตบอยู่ได้!


   “อะไรมึงล่ะ ไอ้เชี่ย!”


   “อ้าว ก็มึงแสดงเก่งอ่ะ เหมือนสาวเด๊ะๆเลยไอ้นิวเอ๊ย!” คิดไปก็ขำ เห็นท่าทีมันดูสาวๆนั่นอีก ผมมองเพื่อนสนิทที่กำลังทำหน้า
เซ็งก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย จะว่าไปตอนแรกไอ้นิวมันมีท่าทีต่อต้านการแสดงเป็นสาวนี่หว่า แล้วไหงอยู่ๆยอมจัดเต็มบทบาทวะ
   คิดได้ปุ๊บ ก็เลยถามไปปั๊บ


   “ตอนแรกมึงไม่อยากแสดงนี่หว่า ไหงตอนนี้ตั้งใจทำอย่างกับสาวจริงๆวะไอ้นิว” เจ้าของชื่อผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหันมามองผม

“หะ ..  อย่าบอกนะว่ามึงอยากกลายเป็นสาวจริงๆแทนเกย์แล้วอ่ะ! เฮ้ย! มึงง! อย่ายกมือตบหัวกู!”

   รีบห้ามเลยครับ เชี่ย กูล้อเล่นนิดเดียว เสือกจะยกมือคิดจะตะเพิดหัวผม!

   สุดท้ายแม่งก็ถอนหายใจแรงๆแล้วเอนหัวซบกับหลังของผมครับ อ้าว อะไรมึงเนี่ย


   “ความจริงกูก็ไม่ได้อยากทำหรอกนะ .. เหนื่อยจะตายห่า” ว่าแล้วมันก็เอาหัวมาถูๆไถๆกับหลังผม เอ่อ คือ กูอยากบอกว่าถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกูนึกว่าแฟน สัตว์ แล้วเสือกมาเป็นเกย์อีก คิดอะไรกับกูเปล่าวะไอ้เชี่ยนิว!

เอ๊ะ แต่ผมก็เคยเป็นเกย์เหมือนกันนี่หว่า? เฮ้ยๆ นั่นมันแค่เคย ไม่นับ!


   “แล้วจะตั้งใจทำไมวะมึง” สงสัยสิครับงานนี้ เห็นบอกไม่อยากทำแต่เสือกตั้งใจจนถ้าสวมวิกคงกลายเป็นสาวได้เลย หากแต่ก็ต้องผงะไปเมื่อผมเห็นนิ้วเรียวของอีกฝ่ายชี้ตรงไปยันคนที่เพิ่งบริการไข่ต้มให้นักแสดงทุกคนเสร็จแล้วกำลังนั่งพักอยู่ “หา?”

   “..เพื่อเจ้านั่น”

คิ้วของตนถึงกับขมวดแน่นด้วยความไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะสื่อ

   “มึงหลงรักซานหรอ แล้วไอ้จินล่ะ”

   “หัวมึงคิดได้แค่นี้จริงๆเหรอวะเชี่ยกรด” ได้ยินเสียงบ่นจากมันก็ยิ่งทำให้ผมขมวดคิ้วผูกกันเป็นปมกว่าเดิม “มึงลองมองไอ้ซานดูสิ”

มองมัน? มองทำไมวะ..

   ว่าแล้วผมก็หันไปตามที่มันบอกก่อนที่จะชะงัก คนตัวเล็กบางกำลังก้มหน้าใช้หัวฟุบลงบนโต๊ะอยู่ด้วยท่าทีอ่อนล้า ..


..นอนพัก?


   “กูได้ยินมาจากไอ้คู่แฝดกำมะลอว่าเจ้านั่นทุ่มเทกับงานนี้มาก” น้ำเสียงของเพื่อนสนิทตนเองเกริ่นขึ้นมาข้างๆในขณะที่ผมกำลังมองซานอยู่ “รู้สึกว่าแก้บทบ่อยมากๆ แถมยังไม่ได้หลับไม่ได้นอนอีกด้วย”


..และก็เริ่มเข้าใจที่เชี่ยนิวตั้งใจแสดงแล้ว..


   “ทำไข่ต้มแถมปลอกเปลือกมาเรียบร้อยให้พวกเรากินด้วย จริงไหมล่ะมึง” นิวยังคงพูดต่อ ขณะที่มันผละหัวออกจากหลังของผม “แถมยังเป็นห่วงทุกๆคนด้วยอีกต่างหาก ก่อนหน้านี้ก็ลองถามกูว่าไหวไหมอีกด้วย”


   ผมนิ่ง ความทรงจำเมื่อครู่ไหลเข้าในหัว


..มึง แสดงบทนี้ไหวเปล่า อยากให้กูช่วยเปลี่ยนบทไหม?..
   ..ภาพรอยคล้ำและใบหน้าทรุดโทรมของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นมาจนทำให้ต้องหยุดคิดลง
   ผมหันไปมองคนที่กำลังนอนฟุบหน้าอยู่กลางแดดด้วยท่าทีเหน็บเหนื่อย..


   “มันโคตรทุ่ม .. ถ้างานล่มล่ะก็แม่งคงเสียใจแน่ๆ ดูสภาพตอนนี้ก็น่าจะรู้นะสัตว์”


..ทุ่มเทกับงาน ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อเพื่อนๆและเพื่อห้อง..


ผมเริ่มหันกลับมาย้อนดูตัวเองที่แทบไม่ได้ช่วยทำอะไรเลยหนำซ้ำยังขี้เกียจไปวันๆอีกต่างหาก



ปกติก็เอาแต่โดดไปนู่นไปนี่โดยไม่คำนึงถึงเพื่อนที่อยู่เบื้องหลังและคอยทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง หากแต่พอจะรับรางวัลห้องก็เฮ มีความสุขกันทั้งห้อง และเมื่อห้องแพ้ตนเองก็ดันเข้าไปต่อว่า ด่าเพื่อนที่มันทำงานว่าห่วยแตก โดยไม่สนใจความรู้สึกของพวกมันที่ตั้งใจ...



..ทั้งๆที่ไม่มีสิทธิ์ด่าแท้ๆ..


   ผมมองไปยันซานที่กำลังนอนฟุบหัวอยู่บนโต๊ะสักพักใหญ่ ..เอาเถอะ


.. ไหนๆม.6 ก็ปีสุดท้ายที่จะได้ทำเรื่องพวกนี้แล้วนี่หว่า..
..เป็นประโยชน์สักปีเพื่อคนที่พยายาม.. คงไม่เป็นไร!

...







   “พวกมึงง! มาซ้อมกันอีกรอบเร็ว พักกันจนเย็นแล้วนะโว๊ย!”


   น้ำเสียงตะโกนลั่นของไทเกอร์พร้อมกับการโบกมือไล่ต้อนพวกเพื่อนๆที่กำลังพักผ่อนแล้วทำท่าทีอิดโรย ผมพ่นลมหายใจแรง วางบทที่นั่งอ่านเมื่อครู่นี้ลงก่อนจะตั้งสติ เอาล่ะ ไอ้น้ำกรด บทกะเทยก็ต้องแสดงเป็นกะเทยให้สมจริงแม้ใจจะเป็นชายชาตรี(?)ก็ตาม!


   คิดเสร็จแล้วก็เดินตามเสียงเรียกของไอ้ไทเกอร์ไป

หากแต่ระหว่างที่กำลังจะเดินไป กลับสวนกับใครบางคน..

..ใครบางคน.. ที่ก่อนหน้านี้กำลังตามหาอยู่..

   ก่อนจะได้ยินประโยคพึมพำที่ทำให้ผมขมวดคิ้วแน่น


   “แม่ง..จะอะไรนักหนาวะ น่ารำคาญ”
..




“ต๊าย! อีคนที่วันๆแต่ปลูกผักไปมันจะมีอะไรดีกั๊น!”


   ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ตนเองคิดว่าดัดจริตอย่างสุดชีวิตก่อนจะเชิดหน้าตามด้วยสะบัดก้นไปอีกทางแบบคนที่เห็นต้องอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว หึ กูใส่เต็มที่กับชีวิตแล้วนะครับ! ก้นโด่งตูดบิด นายน้ำกรดคนนี้ทำได้!


   ไอ้นิวน่ะสิ เสือกมองตาค้างอย่างตกใจก่อนจะเรียกสติตนเองเมื่อได้ยินจินเดาะลิ้นเบาๆอีก คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาทางผมพลางใช้ร่างนั่นบดบังให้ไอ้ดำกับน้องน้ำกรดคนนี้ห่างกันทันที


   “พี่คะ! อย่าไปว่าเขาอย่างนั้นสิคะ!” คราวนี้ผมรู้สึกได้ว่าเสียงของมันดูใส่อารมณ์และท่าทีร้อนรนตามบทมากกว่าเดิมครับ คราวที่แล้วว่าแต๋ว คราวนี้กูเรียกมึงไอ้ตุ๊ดนิวเลยดีกว่า สัตว์! โอ๊ยยย พูดเรื่องดราม่ากับความพยายามของไอ้ซานแป๊บเดียว มึงแปลง
เพศได้เลยเหรอวะ


   “อะไรกันยะยัยเด็กนี่! ก็มันเรื่องจริง! ดูซิ ปลูกผักจนตัวด๊ำ ตัวดำแล้วเนี่ย อ๊ายย! น่าสงสารๆ!” แอบเติมบทให้มันปากไปนิดหน่อยด้วยแหะ ผมทำท่าทีหยิ่งยโส พลางใช้นิ้วกรีดกรายราวกับกะเทยผู้มีประสบการณ์ใส่เชี่ยดำ “ว๊ายๆๆ! น่าสงสารจุงเบย อ๊ายย!”


   “นี่หล่อนจะ...”


   “คัท! นี่มึงหัดใส่อารมณ์มากกว่านี้ไม่เป็นเหรอวะไอ้เชี่ยนัย!”


   ทุกอย่างเหมือนจบลงก่อนที่ผมจะถอนหายใจออกมาแรงๆเมื่อได้ยินเสียงสั่งหยุดพร้อมกับคำด่าดังจากปากของไอ้ไทเกอร์เป็นชุดๆ มันขมวดคิ้วแน่นพลางจ้องหน้าชายร่างสูงเขม็ง


   ไอ้ดำยกมือขึ้นยีหัวแรงๆครับ คิดว่าตัวเองหล่อมากเหรอวะ เหอะ แสดงเป็นกะเทยไม่ได้ ถือว่ายังไม่ถือว่าหล่อเว้ย   


“..กูไม่อยากได้บทนี้” มันยังคงยืนยัน ในขณะที่ผมหันมองผู้พูดแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย


   “แต่มึงอ่ะยังไงก็ต้องบทนี้” ไลออนย้ำ จ้องผู้ที่พูดอยู่ด้วยเขม็ง “มึงดูเชี่ยกรดสิวะ แม่งทำออกมาได้ดีกว่ามึงอีกนะ”


   “...”


   ผมนิ่ง เอ่อ ควรจะดีใจไหมวะที่กูแสดงเป็นกะเทยเก่งว่าไอ้ดำเนี่ย?

   สุดท้ายก็สั่งให้คนอื่นๆได้กลับบ้านไปก่อนเหลือแค่ไอ้ดำกับคนหลักๆอย่างไลออน ไทเกอร์ และซาน รู้สึกว่านิวจะเดินปลิวว่อนหายไปไหนพร้อมกับเหี้ยจินแล้วก็ไม่รู้ครับ ตัวพวกมันเริ่มติดกันอย่างกับแมลงวันและก้อนขี้ตั้งแต่วันที่ความสัมพันธ์ถูกเปิดเผย แต่ก็ดีเหมือนกัน ดูเหมือนว่าเชี่ยนิวก็ไม่ค่อยเกร็งเวลาอยู่กับผมและจินสามคนอีกด้วย


   และเมื่อผมหันกลับไปอีกทางก็ต้องผงะกับเชี่ยดำที่กำลังยืนขมวดคิ้วแน่นด้วยท่าทีจริงจังพร้อมคุยอะไรบางอย่างอยู่กับไทเกอร์ ไลออน และซานอยู่


   “มึงหัดจริงจังหน่อยดิวะสัตว์ เพื่อห้องอ่ะ เพื่อห้อง” ไทเกอร์พูดก่อคนแรก จ้องไอ้ดำไม่วางตา


   “เออ นั่นดิ จริงจังหน่อยเป็นไหมวะมึง” ไลออนเสริมต่ออีก ผมยืนเกาหัวแกรกๆ เห็นอย่างนั้นแล้วจึงเปลี่ยนทิศจะตามหาเหี้ยนิ
วกับไอ้จินแทนดีกว่าแหะ

   หากแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยตะโกนลั่น   


   “กูบอกกี่ครั้งแล้ววะว่าไม่อยากแสดงบทเหี้ยๆนี่!!”


ทั้งห้องเหมือนตกอยู่ในความเงียบสงัด ทั้งไลออนและไทเกอร์ก็พาลชะงัก ยืนอึ้งไปด้วย..
รวมถึงเจ้าหนุ่มหน้าเด็กก็เช่นกัน


   นัยน์ตาของผมตวัดกลับไปมองใบหน้าคมเข้มที่กำลังขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูนพร้อมกับมือที่กำแน่นราวกับสกัดกั้นอารมณ์ความรู้สึกมานาน


   “มาบังคับคนอื่นอยู่ได้ กู – ไม่ – ชอบ! ไอ้เชี่ยเอ๊ย ไร้สาระฉิบหาย จะอะไรนักหนากับชีวิตกูวะเนี่ย คิดบทอะไรเหี้ยๆมาวะ น่ารำคาญเป็นบ้า!” ชายตรงหน้ายังคงตะโกนลั่นพลางตวัดสายตามองเพื่อนสามคนอย่างคาดโทษ “แม่งเอ๊ย กูบอกให้เปลี่ยนตัวก็
เปลี่ยนไงวะ สัตว์! กะเทยบ้างพ่อมึงดิ!”


 สายตาที่ผมหันไปมองคนแรกไม่ใช่ใครอื่น..


แต่เป็นซาน.. ที่ยืนก้มหน้าอยู่


   “ไอ้บทไร้สาระแบบนี้กูไม่เล่น! กูไม่แสดงด้วย เหี้ย!!”


เป็นคำสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากของไอ้เชี่ยดำก่อนที่จะผุนผันออกไปทันที
   ผมมองร่างที่เดินออกไปทางโรงยิมก่อนจะตวัดสายตาหันมองอีกรอบ ในเวลาแบบนี้เหลือแค่ไลออน ไทเกอร์ ผม และซานก็เท่า
นัน..

..และทั้งร่างก็ต้องนิ่งค้างอีกรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อได้เห็นคนหน้าหวานที่สุดกำลังตัวสั่นเทาอยู่..


   “..ขอโทษที่แต่งอะไรไร้สาระว่ะ” น้ำเสียงอ่อนแรงดังแว่วออกมาจากเรียวปากบางอมชมพู ผมลังเลสักระยะหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้ที่กำลังยืนอยู่ “...ขอโทษที่กูยุ่งกับชีวิตเพื่อนๆมาเกินไป..”


..กำลังกลั้นน้ำตาอย่างนั้นเหรอ?


   คำๆนี้ผุดขึ้นมา ผมเห็นทั้งไทเกอร์และไลออนตรงเข้าไปหาซานแล้วกอดไว้แน่น รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เด็กแค่หน้าตา และท่าทางจิตใจก็บริสุทธ์ผุดผ่องไปด้วยนั่นเอง เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ไม่น่าจะร้องไห้อะไรง่ายดายขนาดนี้เลยนี้


   “..ไม่หรอกน่า มึงทำดีที่สุดแล้วไอ้ซาน”

   “เชี่ย อย่าร้องดิวะ”

   ได้ยินเสียงปลอบประโลมดังมาเป็นระยะไม่หยุดหย่อน ผมยังคงยืนนิ่ง มองซานที่กำลังเม้มปากแน่นอยู่ อีกฝ่ายค่อยๆเงยหน้า
แล้วหันมามองผม


   “..กรด ถ้ามึงคิดว่าไร้สาระก็ไม่เป็นไรนะเว้ย .. กูไม่บังคับว่ะ” น้ำเสียงหวานดังแผ่วเบาราวกับจะหายไปในอากาศ “ให้คนอื่นเล่นก็ได้ เนี่ย เดี๋ยวกูเล่นเองก็ได้ เดี๋ยวหาคนอื่นมาแทนก็ได้ มึงพักห้องเดียวกับนัยเขาใช่ไหม? ฝากบอกมันด้วยนะว่าไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะหาคนเล่นแทนให้.. ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเล่นแล้ว .. มึงก็ด้วยนะกรด”

   ประโยคคำพูดของอีกคนเหมือนกำลังกระทบเข้าจิตใจผมอย่างแรง อีกฝ่ายเหมือนอ่อนล้าและดูจะแตกสลายไปได้ง่ายๆ

 ผมจับจ้องไปยันใบหน้าของร่างเล็กกว่าที่ดูหมดเรี่ยวหมดแรง ขอบตาที่คล้ำดำนั่นเป็นตัวบ่งบอกอย่างดี

..ได้ยินมาจากไอ้คู่แฝดกำมะลอว่าเจ้านั่นทุ่มเทกับงานนี้มาก รู้สึกว่าแก้บทบ่อยมากๆ แถมยังไม่ได้หลับไม่ได้นอนอีกด้วย.. เป็นห่วงทุกๆคนด้วยอีกต่างหาก ก่อนหน้านี้ก็ลองถามกูว่าไหวไหมอีกด้วย

เสียงของไอ้นิวลอยเข้ามาอยู่ในโสตประสาทผม


..มันโคตรทุ่ม .. ถ้างานล่มล่ะก็แม่งคงเสียใจแน่ๆ ดูสภาพตอนนี้ก็น่าจะรู้นะสัตว์..

   ยิ่งมองไปยันรอยยิ้มเจื่อนๆนั่นก็ทำให้ผมค่อยๆเข้าใจขึ้นมาทีละนิด .. เพื่อนคนนี้ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพื่อนงานห้อง .. พยายามจนถึงที่สุดให้ออกมาดี..


..มึง แสดงบทนี้ไหวเปล่า อยากให้กูช่วยเปลี่ยนบทไหม?..
   ซ้ำ.. ยังเป็นห่วงทุกๆคน..

   คิ้วของตนเองขมวดแน่น ภาพความทรงจำที่ไอ้เชี่ยดำมันตะโกนด่าด้วยความหงุดหงิดลอยเข้ามาในหัวอีกครั้งก่อนที่ผมจะกำมือตนเองจนสั่นไปทั้งแขน..

..ไอ้เหี้ยนี่มันไม่รู้จักถึงความเหน็บเหนื่อยของซาน..
เอาอะไรมาพูดวะ .. มันจะมากไปแล้วนะมึง..

   เพื่อนของผม ถึงแม้จะไม่สนิทมากแต่มันก็คือเพื่อน ซ้ำยังทำดีแต่ต้องมาถูกด่าเรื่องบทปัญญาอ่อนอีกตั้งหาก ผมกัดฟันกรอด ..

แม่ง มึงเป็นใครดำมาจากไหนกูไม่รู้ แต่อยู่ๆดีๆมาด่าเพื่อนคนนี้ของกู กูไม่ยอม
   แล้วสายตาตนเองก็ตวัดมองร่างตรงหน้า

   “ซาน ไม่ต้องเปลี่ยนบท.. และจะไม่มีใครที่ไหนเปลี่ยนบทกันทั้งนั้น” ผมยืนกรานด้วยน้ำเสียงมั่นคงจนทำให้ชายตรงหน้าต้องผงะไปทันที

   “แต่ว่า.. น้ำกรดกับนัยไม่อยากได้บทนี้..”

   ยังจะเป็นห่วงอยู่สินะ ภาพของไอ้เชี่ยดำแวบเข้ามาในหัวผมอีกครั้งก่อนที่จะค่อยๆระบายยิ้มที่คิดว่าดูเป็นธรรมชาติที่สุด และเอ่ย
ประโยคถัดไป.. ราวกับเป็นคำมั่นสัญญา

.



.


.



   “ไม่ต้องห่วง ซาน .. กูจะลากตัวไอ้เชี่ยดำมารับบทกะเทยคู่กับกูเอง”

.

.

.
พูดออกไปแล้ว
..

อืม


.. ถ้าตัดคำว่าบทกะเทยไปนี่ กูหล่อเลย..
...




___
ต่อข้างล่างน้า
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 06-10-2014 23:02:02



ถ้าหากถามว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ คงจ้องพูดตรงๆว่ายืนอยู่หน้าโรงยิม .. เอ่อ โรงยิมเดิมที่ผมเคยจูบมันนั่นแหละ
คิดแล้วก็แขยงปากว่ะ.. กูทำไปได้ไงวะเนี่ย!?


   ทำไมผมต้องกลับมาสถานที่ซ้ำๆซากๆแบบนี้ด้วยน่ะเหรอ? เพราะว่าเชี่ยดำกำลังยืนชู้ตบาสอยู่ข้างในอย่างไงล่ะครับ!

ฟวบ!


   ร่างของผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงลูกบาสลอดลงห่วง โธ่ ไอ้เชี่ยเอ๊ย เล่นเอากูเสียขวัญเลย ผมพ่นลมหายใจตนเองแรงๆในขณะที่เหลือบมองร่างสูงของอีกฝ่าย ไอ้ดำตอนนี้เหมือนว่ามันจะดูหงุดหงิดชอบกลจนสัมผัสได้จากบรรยากาศรอบๆตัวมันเลย
ด้วยซ้ำ


เฮือก.. แอบขนลุกว่ะ


ห๊ะ? อะไรนะ ผมไม่ได้กลัว!


   เอ่อ ก็ตามนั้นแหละ ผมสูดลมหายใจตนเองเข้าลึกๆก่อนจะเดินตรงไปหาอีกฝ่าย เห็นคนที่กำลังยืนเล็งลูกบาสอยู่ไม่ไกลจึงแทรกร่างของตนเองผ่านช่องว่างประตูโรงยิมที่แง้มอยู่น้อยๆก่อนจะตัดสินใจใช้เท้าถีบให้มันปิดลง


แกร็ก


   ไอ้ดำผงะครับ เหมือนมันจะรู้ว่ามีคนเข้ามา สายตานั่นตวัดมองผมด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ทันที


   “....” เอ้า! ไอ้เชี่ยนี่ จ้องกูเขม็งแต่เสือกไม่พูดซะงั้น เออ ได้ งั้นผมเริ่มทักก่อนก็ได้!


   “ไง.. เหี้ย”


..ผมว่า ผมไม่เคยทักมันได้ดีๆจริงๆอ่ะแหละ..

   ไอ้เชี่ยดำเลิกคิ้วเล็กน้อย

   “มึงเองก็เหี้ยเหมือนกันนั่นแหละ” แม่ง.. ตอบกูมาอย่างนี้ใช่ไหม ได้ งั้นกูตอกกลับ!


   “แต่ก็น้อยกว่ามึงแล้วกัน”

   “เอาเชี่ยไรมาวัด?” แน่ะ นี่มึงย้อนกูอีกเหรอ ย้อนกูอีก! ผมสูดลมหายใจเข้าลึกราวกับตั้งสติ เห็นมันเดินไปหยิบลูกบาสขึ้นมาแล้วชู้ตต่ออย่างไม่สนใจอีกครับนั่น

และพอมันกำลังจะออกแรงที่ข้อมือ ผมก็ตัดสินใจพูดขัดทันที

   “เหี้ยเห็นแก่ตัวไง”


ปึก!


   เสียงลูกบาสที่ถูกส่งออกไปกระแทกแรงที่แป้นทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าอีกคนค่อนข้างจะผงะไปและลังเลบางอย่างก่อนชู้ต ใช่ เหี้ยดำหันมามองผมด้วยสายตาขุ่นมัว


   “พูดจาเหี้ยอะไรของมึง”  อ้าว นี่ไม่รู้อีกเหรอวะ ได้ งั้นไอ้น้ำกรดนี่บอกเอง!


   “ไม่ตั้งใจร่วมกิจกรรมเพื่อห้อง เห็นแก่ตัว! เหอะ” ผมพูดออกไปพร้อมกอดอก ก้าวเท้าเข้าหาอีกคนที่กำลังเหลือบมองนิ่ง “ถ้าไม่
เรียกเห็นแก่ตัวแล้วจะให้กูเรียกว่าอะไรอีกดีล่ะ? เห เรียกว่าไร้ความรับผิดชอบดีไหม ได้บทไปแล้วก็เสือกไม่ยอมตั้งใจเนี่ย!”

สงสัยปากกูจะจัดขึ้นตั้งแต่ได้บทกะเทยว่ะ


   “ถ้าจะมากวนตีนก็ไสหัวไปไกลๆกู” ไอ้เชี่ยดำพูดเสียงเรียบ มองผมด้วยแววตาเย็นเฉียบ .. แต่โทษทีว่ะ พอดีกูเป็น ‘น้ำกรด’ น่ะมึง .. แค่นี้ไม่สะทกสะท้าน!

เพราะผมนี่แหละจะเอาคำพูดตัวเองผสมกับน้ำกรด .. แล้วสาดมันให้เละ!

   “ใครกวนตีนกัน ไม่มี๊” ผมพูดเสียงสูงพร้อมกับยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าหงุดหงิดปรากฎขึ้นมา หึ ไงล่ะมึง เป็นไง กูไม่เคยกวนตีนนะครับ เพราะกูไม่มีไม้พาย ก๊ากก

   ไอ้เชี่ยดำคิ้วกระตุกหงิกๆ มองผมด้วยแววตาเฉียบคมใส่ต่อ

   “กูไม่มีอารมณ์มาคุยกับมึงตอนนี้”

แน่ะ .. คิดเหรอว่าจะยอมให้ง่ายๆ

   “โธ่ .. เป็นแค่เหี้ยเห็นแก่ตัวไม่ยอมช่วยคนอื่นแท้ๆ เฮ้ออ.. ไม่ไหวๆ” ตัดสินใจทำเสียงดัดจริตอีกรอบแล้วพ่นลมหายใจแรง

   “มึงมาที่นี่ต้องการอะไรกับกูกันแน่วะ” นั่น! มันหันกลับมากระชากเสียงใส่ผมด้วยท่าทีเหมือนว่าเส้นสติใกล้ขาดผึง โธ่ๆ! นี่กูยั่วโมโหได้ผลสินะ เออ สมน้ำหน้า ขาดไปเลยนะมึงอ่ะ!

   “ก็ไม่ได้ต้องการอะไรหรอก กูแค่อยากมาดูหน้าคนเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมช่วยงานห้องก็เท่านั้น...”

   “กูไม่ใช่มึงที่อยากจะได้บทกะเทยมาแสดง!!”


 ไอ้ห่า ไร้มารยาทกับกูจริงๆ ไอ้ดำตะโกนขัดผมด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดพร้อมยกลูกบาสในมือขึ้นแล้วปาเข้ากับผนังอย่างแรงราวกับระบายอารมณ์

ตึง!

   ได้ยินเสียงลูกบาสที่ร่วงลงพื้นและกระทบเป็นจังหวะก่อนที่ตนเองยังคงตีหน้านิ่งอยู่


   “แม่งเอ๊ย! บทเหี้ยอะไรไม่รู้ กะเทยบ้านพ่อมึงสิ! เอาหัวคิดได้ไงวะว่าให้กูเป็นกะเทย! แม่งใช้ขี้เลื่อยในสมองมันคิดรึไง!?”
มันยังคงพูดรัวออกมาด้วยท่าทีหงุดหงิด หันมาตะคอกใส่ผมราวกับแค้นกันมาเป็นสิบชาติครับ เอ๊ะ เออว่ะ ปกติกูกับมันก็แค้นกัน
อยู่แล้วนี่หว่า


   “แต่เพื่องานห้อง คิดว่ากูอยากทำมากเหรอ? แล้วมึงไม่เข้าใจหรือไงวะว่างานห้องอ่ะ!” เริ่มรู้สึกโทษปากตัวเองจริงๆแล้วว่าไม่น่าบอกซานจะช่วยเลย โอ๊ย นี่กูหาเรื่องใส่ตัวมาทะเลาะกับมันแหงๆ

   “ให้กูทำงานอย่างอื่นก็ได้! ไอ้เชี่ย! มาอะไรกับกูวะบทกะเทย หาคนอื่นแสดงไม่เป็นรึไง แล้วมึงจะยุ่งอะไรกับกูนักหนาวะ!!”

เสียงกระชากของอีกฝ่ายทำให้ผมชะงักแล้วหยุดคิดอีกรอบ

ถามว่าจะยุ่งอะไรกับมึงนักหนาเรอะ?

เออ ถามตรง กูตอบตรง!

   “เพราะกูสัญญากับซานว่าจะทำให้มึงกลับมาแสดงบทนี้ให้ได้ไง” ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายพร้อมนัยน์ตาตนเองที่จ้อง
หน้าอีกฝ่ายเขม็ง “ไม่ว่ายังไง.. คนแสดงบทคู่กัดกับกู ต้องเป็นมึง คนเดียวเท่านั้น! จะเป็นคนอื่นไม่ได้!”

   เออ!! ผมย้ำประโยคสุดท้ายเสียงดังลั่นพร้อมกับตัดสินใจใช้เท้าเตะลูกบาสที่กำลังเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นสุดแรงจนมันกระเด้งไปชนฝาผนัง ไอ้เชี่ยดำก็ยังคงหงุดหงิดครับ แม่งหันมามองผมตาเขม็ง

   “กูไม่แสดงแล้วมันจะทำไมวะ!!” มันตวาด พร้อมกับจ้องหน้าไม่วางตา “กูไม่อยากจะได้บทเหี้ยๆ ปัญญาอ่อนมาแสดง!!”


   “....!!” ผมเบิกตากว้างกับคำพูดของมัน สองมือกำหมัดตนเองแน่นเมื่อได้ยินประโยคนั้น..


..บทเหี้ยๆ ปัญญาอ่อน..
..นี่มึง..


   “ถ้ามึงคิดว่ามันดีนักดีหนาก็ไปแสดงคนเดียว!! ไม่ต้องเอากูไปเอี่ยวด้วย! กูไม่อยากจะยุ่งกับอะไรไร้สาระนี่!!” อีกฝ่ายยังคงตะโกนลั่น ขณะที่ผมนิ่งค้างเหมือนช็อกไปเลยทีเดียวด้วยซ้ำไอ้เชี่ยดำฮึดฮัดพลางหันหลังให้กับผมพร้อมก้าวเท้าไปอีกทางราวกับจะออกจากโรงยิม


   ในขณะที่สองเท้าของผมกลับวิ่งตรงไปหามันอย่างรวดเร็ว


ตึก ตึก ตึก


   ได้ยินเสียงฝีเท้าตนเองกระทบกับพื้นจนดังก้องทั่วโรงยิม ไอ้เชี่ยดำเหมือนจะรู้ว่าผมเดินตามอยู่ มันหันขวับมาขมวดคิ้วด้วย


ใบหน้าที่เหมือนกับจะฆ่าคนให้ตายได้ง่ายๆเลยด้วยซ้ำ


   “มีเหี้ยอะไร...”


..และเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมา.. หมัดขวาของผมก็ตรงเข้าไปที่ซีกซ้ายของใบหน้ามันทันที!!





ผัวะ!




   ทั้งร่างของมันถึงกับเซถลาด้วยความไม่ตั้งตัวและหมัดของผมที่ปล่อยไปสุดแรง ไอ้ดำยกมือขึ้นกุมจมูกเอาไว้แล้วหันขวับ เดาได้ว่ามันคงจะลิ้มรสเลือดตนเองที่ซึมออกมาทางมุมปากได้อย่างแน่นอน เมื่อกี้คงถือว่าต่อยหนักพอสมควรสินะ..


แต่แล้วยังไง? ผมไม่สนหรอกครับ..


   “ทำเหี้ยอะไรของมึง!” มันตะโกนลั่นพลางพยุงร่างของตนเองให้อยู่กับที่ หันมามองผมด้วยสายตาเคียดแค้น “อยากลองดีหรือ
ไงวะ!”


   แล้วหมัดก็กำลังพุ่งตรงมาหาผม


อืม..
..ทำใจก่อนโดนต่อยไปแล้วล่ะว่าต้องโดนแม่งต่อยกลับแน่นอน
แต่อย่างไงก็ขอพูดประโยคนี้หน่อยเหอะ



   “กูแค่ผิดหวังในตัวมึง”


กึก
..


.. หมัดของมันกลับชะงักค้างในอากาศ



 ถุยย กูอุตส่าห์เตรียมหน้าไว้แล้วนะมึง!



   เอาเหอะ ได้ งั้นผมพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดต่อ


   “คนที่เคยเตือนกูว่าไม่ควรด่าอาจารย์กลับมาพูดแบบนี้” ผมเอ่ยเสียงเรียบ จับจ้องใบหน้าอีกฝ่ายที่มีรอยเลือดซิบอยู่บริเวณมุมปากเล็กๆ “.. มาดูถูกสิ่งที่เพื่อนตั้งใจ”


   “....” มันยังเงียบ  ค่อยๆลดมือลงพร้อมกับเม้มปากจนเป็นเส้นตรง


   “..บอกว่าปัญญาอ่อนและไร้สาระ .. มึงรู้บ้างไหมว่าเบื้องหลัง ไอ้เพื่อนที่ตั้งใจทำน่ะ มันไม่ได้หลับไม่ได้นอนกับบทการแสดงพวกนี้” น้ำเสียงของผมยังคงดำเนินต่อไป นัยน์ตาของตนเองจับจ้องไปยันร่างสูงกว่า “พยายามให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เป็นเพื่อห้องของ ‘เรา’ ต่างหาก”


   “.....”


   ผมเงยหน้าขึ้นจ้องตามัน
ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไปด้วยเสียงนิ่งๆที่ไม่เข้ากับนิสัยของตัวเองสักเท่าไหร่นัก



   “..แต่การที่มึงมาทำแบบนี้ ..มันไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยเหรอวะ?”
...


ทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆโปรยปรายอยู่ในความเงียบในที่สุด


   ไอ้เชี่ยดำหันหน้าไปอีกทาง ผมได้เห็นมือของมันกำแน่นราวกับประโยคคำพูดของผมกำลังเสียดแทงจิตใจของอีกฝ่ายอยู่
ก็ใช่ไง.. แทงใจมึงไหมล่ะ..


   ร่างสูงใหญ่เปลี่ยนเป็นหมุนตัวหันหลังให้กับผมทันที


   “..หึ”

เชี่ย .. เวลาแบบนี้ยังเสือกจะทำเสียงที่กูเกลียดอีกนะ!


   คิ้วของตนเองกระตุกหงิกๆทันทีทันใด มองคนที่เดินออกไปครับ ผมมองมันจนถึงสุดขอบประตูโรงยิมก่อนจะยักไหล่เบาๆ

เออ .. เหี้ยมันคิดไม่เป็นสินะ

สั่งสอนกูได้ แต่สั่งสอนตัวเองไม่ได้เหรอวะเนี่ย บ้าปะ?

   หากแต่ระหว่างที่กำลังคิดอยู่กลับต้องผงะเมื่อได้ยินเสียงกุกกักดังต่อเนื่อง
กุกๆกักๆ


   ..ผมหันไปมองแล้วก็เงียบ..


   ไอ้เหี้ยดำกำลังยืนหน้าประตูโรงยิมแล้วพยายามเขย่าประตูแรงเพื่อที่จะเปิด..
หากแต่..



   “....” มันยังคงยืนอยู่ตรงนั้น


..ทำไมผมเริ่มเห็นลางร้ายเกาะเป็นกลุ่มเมฆซะแล้ว..
   แล้วสุดท้ายมันก็หยุดเขย่า แล้วหันมาหาผม

..

ตามด้วยประโยคที่ทำให้กูแทบกระโดดพังหน้าต่าง


   “...ประตูโรงยิมล็อคตอนหนึ่งทุ่มตรง และตอนนี้มันก็สองทุ่มแล้วว่ะ”
   “.....”


   “กูกับมึงถูกขังแล้ว”
..


   “เชี่ยยยยยยยยยยย!!” ผมแหกปากลั่น ไอ้สาด ภารโรงเวร! หัดชำเลืองดูหน่อยเหอะว่าแสงไฟโรงยิมมันยังเปิดใช้อยู่ นี่มึงไม่เช็คอะไรเลยใช่ไหมวะ!


   ผมพุ่งถลาไปยันประตูครับ ก่อนจะเขย่าแรงและพยายามบิดออกหากแต่พอผลักก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยด้วยซ้ำ อ๊ากก! ไอ้ห่า! ไอ้เหี้ยย!


   “เปิดซิวะ! เปิดดิ.. ไอ้เชี่ยเอ๊ย เปิดดิวะ ไอ้ประตูเวร ไอ้ประตูเหี้ย!” โอ๊ยย! กูขอตะโกนด่าเข้าไปเออ ตะโกนด่าประตูแม่ง สาดดด! มึง มึ๊งงงงง!


กูไม่อยากอยู่กับมันสองต่อสอง.. แถมยังเป็นอยู่ในสถานที่ที่ไม่น่าจดจำอีกด้วย อ๊ากกก!

   “..หุบปากแล้วนั่งเงียบๆไป ภารโรงจะกลับมาเปิดประตูอีกทีตอนหกโมงเช้า”” ได้ยินเชี่ยดำพูดเสียงเรียบแล้วก็เหมือนสายฟ้าผ่า
เข้าหัวตัวเองดังเปรี๊ยงครับ อะไรวะ นี่กูต้องอยู่กับมันอีกแล้วเหรอ!

เออ

ไอ้ห่า!!


   “ชีวิตกูแม่งฉิบหายตั้งแต่มาเจอกับมึง!!” ผมร้องลั่น ชี้หน้ามันแม่ง ไอ้เชี่ย กูโทษไว้ก่อน โทษมึงไว้ก่อนคนแรกเลยย! “สาดด! เพราะมึงอ่ะ เพราะมึงง!”


รู้สึกวิญญาณน้ำกรดแม่งจะกลับมาเข้าสิงล่ะ ไอ้คนมีสาระเมื่อกี้คือน้ำกรดตัวปลอมแหงๆ!
   เชี่ยดำเผยสีหน้าตกใจเล็กน้อยกับปฏิกิริยาผมครับ ก่อนที่มันจะ..


..จะ...


   “หึ”


..เสียงนี้อีกแล้ว!! เสียงนี้หาพ่องมึงเหรอออ!!


   “กูบอกว่ากูเกลียดเสียงนี้ มึงจะทำอีกเพื่อไรวะ! พูดภาษาคนไม่เป็นไง!”


   “เปล่า เพราะมึงพูดภาษาเหี้ย กูเลยไม่เข้าใจ”


อ๊ากกกกก!! นี่มึง!! มึง... มึ๊งงงง!!

   ผมกัดฟันกรอดก่อนจะพยายามตั้งสติแล้วตัดสินใจเลิกเขย่าประตูแบบเอาเป็นเอาตาย แม่ง.. เปลืองแรง ไร้ประโยชน์ฉิบเป๋ง

   “.....”

   ..อย่าหาว่าอะไรเลยนะ แต่ไอ้เชี่ยดำแม่งกำลังมองผมอยู่ครับ

   “ไม่เคยเห็นคนหล่อไงวะ” ตอกกลับไปทันทีทันใด แล้วก็ต้องเงียบกริบเพราะอีกฝ่ายไม่ตอบอะไร .. เพียงแค่จ้อง..

..จ้อง.. ปากกู..
..จ้องทำเหี้ยอะร๊ายยยย!


   “..เชี่ยเอ๊ย!!”

   เหี้ยย แม่งมันจะมีจริงๆไหมวะ ไอ้เสียตูดในโรงยิมน่ะ กูล่ะรู้สึกขนลุก กลัวตูดจะไปจริงๆ!!


   เมื่อผมบรรลุความคิดตัวเองได้ดังนั้นก็ตัดสินใจรีบสาวเท้าก้าวออกห่างเชี่ยดำให้ได้มากที่สุดครับ ยังพอระลึกได้ว่ามันสาบานกับคนทั้งโรงอาหารว่าจะสอยตูดผมได้อยู่ มันไม่ปลอดภัยชัดๆ อย่างน้อยถ้าตัวผมอยู่คนละฝั่งฝากกับมัน เวลาแม่งวิ่งเข้าหื่น พอมันประชิดตัวผมแล้วอาจจะเหนื่อย แถมด้วยล้มเลิกความคิดกดผมก็ได้


..เอ่อ


แล้วกู..  คิดอะไรนักหนาวะเนี่ย?

   ไอ้เชี่ยดำมองตามผมด้วยแววตานิ่งๆ เห็นสองขาของกูออกห่างแล้วสงสัยล่ะสิ


   “..มึง .. ว่างเปล่าวะ?”


คำถามมัน.. ทำสตั้นท์เลยครับ..

   ผมผงะการเดินถอยออกห่างไอ้เชี่ยดำทันทีทันใด หันไปมองใบหน้าอีกฝ่าย ..
..คิดไปเองหรือเปล่าวะที่สายตามันดูหมดความหงุดหงิดไปแล้ว แต่เอาเหอะ กูน้ำกรด กวนไว้ดีกว่าเงียบ


   “ไม่ว่าง กูหายใจอยู่” เอ้า นี่ผมแค่พูดความจริงนะ!


   หากแต่ก็ต้องเบิกตากว้างทันทีเมื่อใบหน้าอีกคนเสไปอีกทางราวกับไม่ต้องการเห็นบางอย่างหรือจ้องตาผม มันมือที่ยกขึ้นยีหัวเล็กน้อย ..


..ก่อนจะพูดประโยคถัดไป .. ที่ทำให้อารมณ์ซวยฉิบหายของผมถูกสลัดทิ้ง..
..และเผลอหลุดยิ้มออกมาทันที..


   “..บทละครกูยังอยู่— มาฝึกให้กูหน่อย..ดิ..”
...

.
.
.




Special’s part



   ตั้งแต่พูดประโยคน่าอายแบบนั้นออกไป ผมก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว


   ..ทั้งผมและไอ้หมาปากร้ายนั่นนั่งท่องบทกันปาวๆ


นับวันความสัมพันธ์ของทั้งผมและมันก็เริ่มประหลาดขึ้นทุกที

   นัยน์ตาของตนเองเหลือบมองไปยันร่างเล็กกว่าที่พิงผนังข้างๆแล้วนอนหัวโคลงเคลงไปมา มันนั่งยืดขาด้วยท่าทีสบายๆ บนตัก
มือแผ่นกระดาษบทเป็นปึกอยู่

หากถามว่าทำไมผมค้างหมัดของตัวเองไว้เพราะคำพูดประโยคที่ว่ามันผิดหวังในตัวผม— คำตอบคือ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน..
หากแต่ต่อจากนั้น.. มันยังจำสิ่งที่ผมเคยทำกับมันได้ คือตักเตือนเรื่องของอาจารย์ไม้

และหลังจากที่เคยเตือนมัน ผมพอจำได้คร่าวๆว่าไอ้เหี้ยนี่ไม่เคยด่าอาจารย์ไม้อีกเลย..

หึ

ต่างคนต่างสอนสินะ?

   มันบอกให้ผมอย่าดูถูกความตั้งใจของเพื่อน.. ในขณะที่ผมบอกให้มันเรื่องด่าครูผู้สั่งสอน

อืม .. แปลกดี

   แปลกตรงที่ .. ต่างคนต่างทำตามที่อีกฝ่ายบอก อยู่ๆผมก็อยากหยิบบทขึ้นมาแล้วซ้อม ใส่มันให้เต็มที่เหมือนกับที่ไอ้เหี้ยข้างๆทำ.. เพื่อเพื่อน เพื่อคนคิดบท เพื่อห้อง..

และเพื่อที่จะไม่ให้มันได้ดูถูกเรื่อง ‘เห็นแก่ตัว’ อีก..

   บางทีการที่เจ้านี่เลิกด่าอาจารย์ไม้ก็อาจจะเป็นเพราะไม่อยากให้ผมดูถูกเหมือนกัน
ความสัมพันธ์ของพวกเราอาจจะเหมือนการแข่งขันก็ได้.. การแข่งขันที่ว่า ใครทำให้อีกฝ่ายยอมรับได้ก่อนกัน.. คนนั้นถึงจะเป็นฝ่ายชนะ


   ตั้งแต่ผ่านมายาวนาน ผมเองก็เห็นการพัฒนาของมันเช่นกัน
   ..

   ไอ้ปากหมาข้างๆช่วยผมฝึกซ้อมบทจนหลับคร่อกไปแล้ว ในขณะที่ผมยังคงพยายามจดจำประโยคคำพูด โอเค— ถึงจะดูประหลาดไปหน่อย แต่ผมก็อยากจะบอกคำหนึ่ง

ผมจะแสดงให้ดีกว่ามันให้ได้

..เพื่อที่จะไม่โดนเจ้านี่มันดูถูก.. เห็นสายตาสั่งสอนแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า
   หากแต่ความคิดของตนเองก็ต้องชะงักลงเมื่อหัวของคนที่นอนอยู่ค่อยๆโคลงเคลงอีกรอบ

..แต่คราวนี้มันหยุด.. และซบลงที่ไหล่ของผม..

   ผมนิ่งไปสักพักใหญ่พลางหันมองชายที่ชอบหักมุมในหลายๆเรื่องแม้กระทั่งเรื่องที่มันเคยเป็นเกย์..

 อ้อ แต่ผมไม่คิดจะถามหรอกนะ อดีตคืออดีต จะเอาอะไรมาเกี่ยวข้องกันให้มากล่ะ


เอาเถอะ


ตอนนี้ก็ดึกแล้วเหมือนกัน.. เริ่มง่วงแล้วสิ



   ทั้งๆที่ถ้าเป็นผมเมื่อก่อน ก็น่าจะสะบัดไหล่แล้วแกล้งให้มันตื่นก่อนจะกวนต่อไปแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าผีกะเทยที่ไหนเข้าสิง
ผมปล่อยให้มันหลับไปอย่างนั้น เหลือบมองใบหน้าของคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงนิทรา


ก่อนจะไล่สายตาสำรวจเค้าโครงรูปหน้าอีกฝ่าย..


หากแต่ต้องหยุดลง..

..ที่ริมฝีปากเรียวเล็ก..

   ..และมองอีก.. จนเหมือนกับคนโรคจิต..


   วันนั้นยังจำได้ดี..


..รสนมสตอเบอรี่นั่นยังคงอยู่ในความทรงจำผม ชักแอบสงสัยนิดหน่อย.. แม่งไปแดกนมสตอมาตอนไหนแล้วทำให้ผมรู้สึกถึงรสนั้นได้วะ..


   สุดท้ายผมก็ตัดสินใจสะบัดหัวตนเองเพื่อขับไล่ความคิดบ้าๆบอๆที่เผลอเกิดขึ้นได้ .. ทั้งๆที่มันควรจะลืมไปแล้วแท้ๆ


   “..บ้าบอว่ะ..” คิดไปนั่นก็ไม่เข้าใจว่าตนเองจะปล่อยให้มันนอนที่ไหล่ทำไม ผมพ่นลมหายใจออกทางริมฝีปากแผ่วเบาพลางหลับตาลงบ้าง


บางสิ่งบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน .. ภายใต้ความสัมพันธ์ที่ต่างคนต่างบอกว่าเกลียด..



   “..ราตรีสวัสดิ์ .. ไอ้หมา”



   เป็นคำสุดท้ายที่ผมบอกกับคนที่หลับไปแล้ว พลางค่อยๆจมลงห้วงนิทราตามไป
..




พร้อมกับบางสิ่งเล็กๆที่ก่อตัวขึ้นในใจตนเอง




..อ้อ.. จริงสิ แน่นอนว่าผมไม่ได้โง่




เพราะผมรู้
..


ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไร
..





เพียงแค่พยายามยอมรับมันอยู่ก็เท่านั้น





เฮ้อ
ผีกระเทยแม่งคงเข้าสิงกูจริงๆนั่นแหละว่ะ




______________________________

 :mew1: //หายวับไปกับกลีบเมฆ
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 06-10-2014 23:18:49
ชอบๆ รักคนเขียนน้า (⌒_⌒)
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 06-10-2014 23:35:02
นี่พวกแกรักกันเพราะบทกะเทย  :laugh:

ซานนี่ทุ่มเทสุดยอดไปเลย  o13
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 05-12-2014 12:19:29
เมื่อไหร่จะรักกัน ?
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 05-12-2014 12:31:45
 :กอด1: miss u so muchhhhhh :ling1:hh
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: plengpit ที่ 05-12-2014 17:25:24
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 07-12-2014 21:52:05
อยากให้มาต่อจังเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 14-12-2014 09:03:14
ThankS
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 14-12-2014 19:31:27
ค้าง
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:20:40
ขอโทษที่หายไปนะคะ
แต่รื้อรหัสผ่านมาได้แล้วค่ะ T__T

_____________
C h a p t e r 23
คนเกลียดกัน มักจะมีเรื่องให้สตั๊นต์หนักๆ


ซ่า !!
หยาดน้ำสาดจากฝักบัวปะทะลงเส้นผมของผมจนเปียกชุ่ม ถูกละเลงต่อด้วยแชมพูอย่างไม่คิดจะหยุด เมื่อคืนนี้มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกตื่นมาแล้วขนแขนมันแสตนด์อัพขึ้นมาครับ ก็คือ..
..กูนอนซบไหล่มัน.. ทั้งคืน !
เออ ขอย้ำว่าทั้งคืน !
   ไม่รู้ว่าแม่งเกิดเหี้ยอะไรขึ้น ผมเผลอหลับไปตอนไหนทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นยังด่ามันเรื่องแสดงบทกะเทยได้ห่วยแตกอยู่เลย แต่พอตื่นขึ้นอีกทีก็เห็นไอ้ดำนั่งนิ่ง ๆ เดาะลิ้นตั้งใจกวน ตอนแรกก็กำลังจะอ้าปากด่าเลยครับ
สักพักเห็นหัวกูติดแหงกกับไหล่มันอ่ะ !
อ๊ากกก ศักดิ์ศรีหัวของกู ! โดนเสนียดดำติดแน่ ๆ น้องน้ำกรดอยากตาย !
   จะมาว่าอะไรก็ไม่ได้เพราะหัวกูนี่แหละที่กระเถิบไปติดไหล่มันเอง ! ผมไม่ใช่พวกที่จะโวยวายร้องว้าย อุ้ยตายอย่างนี้เพราะพอแยกแยะอะไรออกว่าใครเอาหัวไถลวางบนไหล่มัน !
กูแน่ ๆ กูนี่แหละครับ ! ไอ้ดำคงไม่จับหัวผมไปตั้งตระหง่านไว้บนไหล่แน่นอน !
   เหมือนช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ผมอ้าปากค้าง ชี้หน้าไอ้ดำก่อนที่โรงยิมจะเปิดโดยท่านภารโรงเจ้าปัญหา เท่านั้นแหละครับ ผมกระโจนวิ่งออกจากโรงยิม ตรงกลับห้องตนเองเพื่อที่จะสระผมแบบรุนแรงขั้นหนักแทบไม่ทัน !
จะถามว่าทำไมต้องสระผมน่ะหรือ ?
เดี๋ยวขี้ไคลบนไหล่มันมาติดหัวผม !

ปัง ๆ !!
   “เร็ว ๆ ดิวะเหี้ย !! กูจะขัดไหล่ !”
   เสียงไอ้ดำลอยเข้ามาทำให้ผมกัดฟันกรอด ไอ้เวร ไอ้เหี้ย ไอ้ห่า ! กูกำลังสระผมอยู่นะมึง เอาเสนียดดำออกไปจากหัวกู๊ ! อย่าเร่งดิ ! โฮ พรหมจรรย์เส้นผมอันบอบบางของผม !
   “ไปยืมฝอยขัดหม้อที่โรงอาหารก่อนดิ ไป๊ !”
ตอกกลับไปครับ ไม่ ยังไงกูก็ไม่ยอมออกเด็ดขาด !
ได้ยินเสียงมันด่ากลับมาแต่ผมก็ตั้งใจที่จะเมินเฉย กัดฟันกรอดแล้วใช้นิ้วขยี้หัวรุนแรง ฮือ กูขอกระชากเส้นผมแบบถอนรากถอนโคนออกมาได้ไหม แล้วรอให้มันงอกใหม่เนี่ย
   สุดท้ายก็ต้องทำใจเปิดน้ำแรงอีกรอบจน ผมหลับตาแน่นก่อนจะปล่อยให้กระแสน้ำชำระล้างร่างกายของตนเองหงุดหงิด
..แต่แปลกดี
   ปกติถ้าใคร ๆ เขานอนไหล่คนมันน่าจะตื่นมาปวดคอนี่หว่า แต่ผมนี่ดิ กลับรู้สึกเหมือนหลับสบายราวกับว่าหัวตัวเองทำมุมองศากับไหล่มันได้พอดีเป๊ะ ๆ !
สงสัยคงจะเป็นเรื่องบังเอิญล่ะมั้ง ?
   ผมตัดสินใจจัดแจงร่างกายจนเสร็จสรรพ เดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำครับ โอเค กูมั่นใจล่ะว่าหัวกูสะอาดเอี่ยมอ่อง ปราศจากร่องรอยไอ้ดำอย่างแน่นอน ! น้องน้ำกรดฟันธง !!
   ผมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มที่ฝั่งของตนเอง จะว่าไปตั้งแต่อยู่กับไอ้ดำก็คล้าย ๆ ต่างคนต่างอยู่ มีเขตล้ำเส้นแดนอีกต่างหาก
..ไหน ๆ ก็นึกถึงมัน หันไปดูสักแวบดิ๊..
   แล้วก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อเหลือบมองด้วยหางตากลับไม่เจอชายร่างสูงที่ปกติมักจะนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่อีกฝั่งหนึ่งเสียได้
อะไรวะ ?
   คิดแล้วมันก็เกิดอาการสงสัยขึ้นมาครับ เออ แปลกดี แม่งหายไปไหนของมันเนี่ย ?
..
อย่าบอกนะว่าแม่งไปขอยืมฝอยขัดหม้อที่โรงอาหารมาขัดไหล่ตัวเองจริงๆ น่ะ !?
ครืด
   เสียงเปิดกระจกทางฝั่งระเบียงทำให้ผมสะดุ้งตัวเบา ๆ หันขวับไปเห็นไอ้ดำสาวเท้าเข้ามากำลังเสียบหูฟังอยู่เสียอย่างนั้น เหมือนมันยังไม่เห็นผม เดินเลยไปพร้อมกับทิ้งตัวลงบนที่นอน
เออ ? ฟังเพลงเรอะ.. ก็ปกติดีสุขของมันนี่หว่า
ผมตัดสินใจหันกลับไปนั่งเช็ดหัวเหมือนเดิม
   ประเด็นคือ ตอนแรกกูกะจะไม่สนแล้วนะ.. ไม่สนจริง ๆ ..
..แต่..
   “อืม .. อาทิตย์นี้นัยคงยังไม่กลับบ้านนั่นแหละ”
..เหี้ยยยย !!!
   ผมอ้าปากค้าง หันขวับ !! ทุกคนได้ยินไหม อ่านเหมือนกัน ฟังไม่ผิดใช่ไหม ! ไอ้ดำในรูปประโยคที่ ‘ไม่มีคำหยาบ’ แม้แต่นิดเดียว เท่านั้นไม่พอ แทนตัวเองว่า ‘นัย’ อีกต่างหาก !
เฮ้ย.. เฮ้ยย ! นี่มันเรื่องเหลือเชื่อที่สุดในโลกแล้ว ! เกิดเชี่ยอะไรขึ้นกันแน่ บอกกูทีเหอะ อย่าปล่อยให้กูสะพรึง !!
   ไอ้ดำแม่งยังไม่รู้ตัวว่าผมจ้องอยู่ครับ มันหลับตา พลิกตัวคุยโทรศัพท์ไปอีกทาง แต่ที่น่าสะพรึงไปมากกว่านั้นคือ มันกำลังอมยิ้มหวานที่สุดในโลกอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
   “เอาน่า เดี๋ยวก็ได้เจอกับนัยแล้วนะ”
..อึก..
กู..
จะ..
อ้วก..
   ใคร ใครแม่งเอาไม้มาทุบหัวไอ้ดำให้กลายเป็นคนพูดจาแบบนี้ด้วยสีหน้าระรื่น บอกกูทีว่าใคร ! หรือเพราะบทกะเทยที่กูสอนไปเมื่อวานมันจะทำให้คนเหี้ยกลายเป็นคนสมองเสื่อม เหี้ยสมองเสื่อมเหรอวะ บอกกูที !
   “ฮะๆ นัยไม่ลืมหรอกน่า”
อ๊ากกก กูขนลุก ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว !
   ผมยกมือขึ้นถูแขนตนเองแรง ๆ ไอ้เชี่ย หรือว่าจะเป็นแฟนมันวะ ? ถ้าเป็นจริงล่ะก็แม่งก็เลวสัตว์นรกมากเลยนะ เพราะมันเสือกเอากับคนอื่นไปทั่วเนี่ย !
   “เดี๋ยวนัยจะรีบกลับนะ” ไอ้ดำพลิกตัวนอนหงายแทน ส่วนผมกำลังพะอืดพะอม นั่งจ้องอากัปกิริยาของมันถึงกับคลื่นไส้ “อือ.. อย่าทำเสียงน่ารักแบบนี้ดิ เดี๋ยวนัยก็เขินหรอก”
อึก... อ๊าก !!
   บอกกูที มึงสมองเสื่อมเพราะบทกะเทยใช่ไหมวะ โอเค ได้ กูจะไม่พยายามขอให้มึงแสดงเป็นกะเทยแล้ว ขอโทษ กูขอโทษษษ !
   ถ้ารู้ว่าวันถัดไปมึงจะกลายร่างเป็นไอ้ดำแบ๊ว ๆ แบบนี้กูขอตายดีกว่า อ๊อก ! มึงจะแบ๊วด้วยคำพูดก็ช่วยพาร่างกายตัวเองแบ๊วไปด้วยเหอะ !
   ลองคิดดูนะ สูงเหยียบร้อยเก้าสิบห้าเซน ดำ (?) ก็ดำอีก แถมยังพูดจาอย่างนั้น... อ๊อก มันอุบาทว์ !
   ผมยกมือขึ้นปิดปาก เหมือนว่าน้ำย่อยตัวเองในกระเพาะน้อย ๆ จะตีคลื่นขึ้นมาจนหยุดไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ
แม่ง..
แม่งเอ๊ย
   หากแต่ระหว่างที่กำลังพยายามกลั้นความขมที่ไล่จุกตรงลำคอของตน สายตากลับตวัดไปเห็นใบหน้าของคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงเสียก่อน
รอยยิ้มอ่อนโยนที่ปรากฏบนใบหน้าของไอ้ดำทำให้ผมนิ่งงัน
   ดวงตาเบิกกว้างกับสิ่งตรงหน้า ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ปกติจะเจอแต่มันยิ้มกวนตีน ๆ
แต่ว่านี่มัน
..อ่อนโยน และทะนุถนอม..

   ชักเริ่มสงสัยจริง ๆ แล้วสิ ว่าใครกันแน่ที่มันกำลังคุยด้วยอยู่ ตอนแรกเดาว่าเป็นครอบครัว สักพักพอได้ยินเสียงน่ารงน่ารักเหี้ยอะไรนี่แหละ กูว่ามันคงไม่สติแตก ไปชมแม่ตัวเองว่าเสียงน่ารักหรอก
..มีอย่างเดียวก็คือแฟน ?
   “..หือ อืม นัยก็คิดถึงเหมือนกัน อยากเจอไว ๆ ไปก่อนนะ”
อึก.. แต่แม่ง
อยู่กับแฟน แล้วเป็นคนละตัวกันเลยเหรอวะ !?
   ผมเห็นไอ้ดำกดวางสายไป มันมองมาหาผม ไม่มีสีหน้าตกใจใด ๆ เหมือนจะเป็นเรื่องปกติของชีวิตมัน
ในขณะที่กูกำลังช็อก
   เพราะอาศัยอยู่ห้องเดียวกับมันจะครบสามเดือน ยังไม่เคยเห็นท่าทีพิเรนทร์ ๆ แบบนี้มาก่อนเลย
   “เออ ไม่ใช้ห้องน้ำแล้วใช่มะ กูไปขัดไหล่ก่อนล่ะ”
มันเอ่ยออกมาพร้อมหยัดตัวขึ้น ..
เออเดี๋ยว
ยัง..
   ผมยกมือขึ้นเชิงห้ามปรามไม่ให้ไอ้ดำลุกเข้าห้องน้ำ..
..อาทิตย์นี้นัยคงยังไม่กลับบ้านนั่นแหละ..
..เดี๋ยวก็ได้เจอกับนัยแล้วนะ..
..นัยไม่ลืมหรอกน่า..
..นัยจะรีบกลับนะ..
..อย่าทำเสียงน่ารักแบบนี้ดิ เดี๋ยวนัยก็เขินหรอก..
..นัยก็คิดถึงเหมือนกัน อยากเจอไว ๆ ไปก่อนนะ
   เสียงทุ้มต่ำคุ้นเคยที่มักจะเอ่ยปากด่าและเถียงกับผมเป็นประจำที่มักเจอหน้ากันดังขึ้นวนเวียนไปมา ทันใดนั้นเองร่างกายของผมก็เผลอลุกขึ้นอัตโนมัติ เป็นเหตุทำให้ไอ้ดำที่นั่งบนเตียงเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตางุนงงเล็กน้อย
..นัย.. นัย.. นัย..
อี๋..
สักพักแม่งก็นัยอย่างนู้น นัยอย่างนั้น มีการนัยจะเขินด้วย..
   บางสิ่งในท้องตนเองถึงกับตีขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งจนเล่นเอาเวียนหัวไปเลยทีเดียว ก่อนที่ผมจะตัดสินใจพูดออกมา
   “กู.. ใช้ห้องน้ำ !”
   ว่าจบ ก็รีบวิ่งตรงเข้าห้องน้ำพร้อมกระโดดเกาะโถส้วมทันที สัตว์ กูจะมีเมียเป็นโถส้วมแล้วเนี่ย กอดแม่งได้เกือบทุกวัน..
และแล้ว..
   “อ้วกกกกกกกกกกกกกก ! ”
..น้องกรดก็จากไปอย่างสงบ..


ออกหมดแล้ว
แม่งออกหมดจริง ๆ สาบานได้เลย
   พออาเจียนทุกอย่างออกมาเสร็จ ไอ้ดำก็พูดทันทีเลยว่า ‘กูไม่เข้าห้องน้ำล่ะ’ ครับ กลิ่นอ้วกกูเองนะ นี่มึงมีปัญหากับกลิ่นอ้วกกูใช่ปะ เออได้ ! วันหลังเดี๋ยวจะเอาอ้วกไปป้ายหน้า !
..คิดเองแม่งก็ไม่ทำหรอกครับ กูกลัวเหม็นอ่ะ.. ไม่ใช่กลัวมันเหม็นหรอกนะ ตัวเองนี่แหละเหม็น !
   “ห้ามพูดแบบเมื่อเช้าอีกนะสัตว์” เป็นคำแรกของผมหลังจากที่ตนเองอ้วกออกมาเสร็จแล้วและกำลังแต่งตัวเพื่อไปซ้อมละครอีกครั้งหนึ่ง ช่วงนี้คือพวกที่มีหน้าที่ซ้อมละครมักจะได้คาบโดดเรียนได้ ส่วนพวกไม่มีบทต้องนั่งเรียน เฮ้ย ๆ หรือบางทีผมจะคิดถูกที่มาแสดงเป็นกะเทยวะเนี่ย ?
   “พูดแบบเมื่อเช้า ? เหี้ยไรวะ” ไอ้ดำทวนพร้อมขมวดคิ้ว อ้าว นี่มึงดำแล้วยังสมองเสื่อมด้วยจริง ๆ สินะ
   “แบบที่มึงคุยในโทรศัพท์” ผมเอื้อมมือไปหยิบปึกกระดาษบทละครบนโต๊ะมาทบทวน “ขนลุกสัตว์”
   “คิดว่ากูจะพูดกับมึงเรอะ.. อ้อ นั่นเป็นสาเหตุที่มึงอ้วก ?”
   “เออ” ส่งเสียงกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “คุยกับแฟนไงวะ แม่งขนลุกเหี้ย ๆ”
   บ่นสิครับ น้องกรดบ่น แม่งคุยเหี้ยอะไรจะขนาดนี้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากไอ้ดำมันไม่ใช่การเมินหรืออะไร..
แต่กลับเป็น..
   “หึ”
..
การส่งเสียงในลำคอที่กูเกลียดมาก ๆ พร้อมเดินออกไป..
เอ๊ะ แต่เดี๋ยว
นี่มึงไม่ตอบกูเหรอวะ..
..หาเรื่อง ! มันไม่เมินซะที่ไหนกันเล่า ! แบบนี้แหละเรียกว่าเมินชัด ๆ !
   ผมกัดฟันกรอด หงุดหงิดเชี่ย ๆ เลย เหมือนถูกเมินยังไงไม่รู้ อะไรวะ ปกติมึงต้องเถียงกูดิ หรือเพราะเมื่อวานไปสอนบทกะเทยให้แล้วมันจะเปลี่ยนนิสัยคนได้จริง ๆ วะ !?
   คิดแล้วก็หมั่นไส้ว่ะ
   “โหย ถ้าเป็นแฟนมึงจริง ๆ คงโคตรน่าสงสารเลยวะ” ผมพูดจบพลางเลี้ยวเดินลงบันได “แม่ง นอกใจไปเอากับคนอื่น”
เฮ้ยๆ นี่กูหาเรื่องมึงอยู่นะ
   “....”
 แม่งยังเงียบอยู่ใช่ไหม เออได้
งั้นกูไม่ยอมครับ เออ มึงเงียบ กูจะพูดเอง !!
   “นี่นะ ไม่นึกว่าคนเหี้ย ๆ อย่างนี้จะมีในโลกด้วย ที่ว่ามีแฟนแล้วแต่เสือกเปลี่ยนคู่นอนไม่เลือกหน้า” เอ่ยเสียงเรียบโดยไม่ลืมแอบปรายตาไปมองคนข้างกาย เฮ้ย ๆ เห็นแม่งคิ้วกระตุกแล้ว สนุกว่ะ ! โอ๊ยย กูจะเข้าสู่การชิงแชมป์หาเรื่องคนระดับชาติ ! “โธ่ .. ไอ้เกย์...”
   “จะด่าคนอื่นว่าเป็นเกย์ มึงก็เคยเป็นเกย์ไม่ใช่รึไงวะ”
..
ฉิบหาย !!
   กูเผลอปากพูดอะไรออกไปวะ ผมหน้าซีดเผือดทันทีทันใด ฉิบหายล่ะ.. จะด่ามันเป็นเกย์เหมือนเดิมก็ไม่ได้แล้วอ่ะดิเพราะแม่งรู้ความลับกูแล้ว !
..เอาไงดีวะ..
   ..คำตอบคือ กูตอกมันกลับไม่ด้ายย !
   อารมณ์เหมือนปากหมา ๆ ผมถูกสับสวิตซ์ดับเลยครับ เงิบ เงียบ พูดกลับไม่ถูกอย่างจริงจังเลย
   “แล้วช่วงนี้น่ะ เคยเห็นกูนอนกับใครไหมล่ะ ?” เสียงทุ้มของอีกฝ่ายตอกกลับมาเล่นทำให้ผมเงียบกริบ นี่มึงเงียบ ๆ แต่ความจริงรอซุ่มโจมตี แอทแทคกูทีเดียวติดคริติเคิลใช่ไหมวะ
   “..บาง— บางทีมึงอาจจะไปเอาคนในห้องน้ำ !”
   “มึงก็เห็นว่ากูตัวติดกับมึงเกือบตลอดเวลาแล้วนะ เอามึงง่ายกว่าไหม”
..เออ จริงของมัน ช่วงนี้ผมกับมันตัวติดกันเกือบตลอดเวลานี่หว่า เอาผมน่าจะง่ายสุด..
เอาผม..
..เอา..
   “เอาพ่อมึง !” ผมตะโกนด่าทันที นี่มันตอกกูนี่หว่า ไอ้เหี้ย มึงแค้นเชี่ยไรกับกูวะ ไอ้สัตว์เอ๊ย !
   อีกคนเลิกคิ้วเล็กน้อย
   “เดี๋ยวนี้เปลี่ยนรสนิยมเอาพ่อกูสินะ”
ไอ้ห่ารากกก !!
   อ๊ากกก รู้สึกเหมือนถูกปั่นหัว หัวหมุน อยากจะกระโดดเข้าไปถีบหน้ามันอย่างไงก็ไม่รู้ !
   “พ่อมึงตาย !”
   “พ่อกูทำงานอยู่” คือ.. คือกูชอบเห็นหน้ามึงหงุดหงิดครับ แต่ไม่ชอบเห็นหน้าตัวเองหงุดหงิด อยากกระโดดตกจากบันไดตอนนี้จริง ๆ
บอกกูทีว่าบทกะเทยไม่ได้ช่วยให้มันทำตัวน่าขนลุกขึ้น
แต่เสือกทำให้มันกวนตีนกูกว่าเดิม !!
   หรือปกติแม่งกวนอยู่แล้ววะ ?
   ดีแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ยอมหันไปต่อยหน้ามันให้ตกบันไดหัวแตก พอคิดอย่างนั้นไอ้เรื่องที่แม่งบอกว่าดีแต่ใช้ความรุนแรงก็ตอกเข้ามาในหัวทำให้ตนไม่อยากที่จะทำเชี่ยอะไรเลย พอทำแล้วมันต้องดูถูกกูแน่ ๆ สัตว์ ! โอ๊ยย น้องกรดจะไม่ยอมให้คำดูถูกพวกนั้นมากระเทือนจิตใจอันบอบบาง !
   และผมก็แทบจะร้องไห้ด้วยความดีใจ เพราะเมื่อลงมาชั้นล่างสุดเจอไอ้เชี่ยนิวกับไอ้จินพอดี !
   “ไอ้นิว !” ร้องลั่นเลยสิครับงานนี้ เจ้าของชื่อสะดุ้งน้อย ๆ ทำหน้าตกใจใส่
   “อ้าว เฮ้ย มึงมาได้ไง.. หือ มากับไอ้นัยเหรอวะ ?” ช่วงนี้เหมือนพวกเราสี่คนจะสนิทขึ้นแปลก ๆ แหะ ชายผิวคล้ำพยักหน้าเบา ๆ แทนในขณะที่ผมทำหน้าไม่สนใจ
   “ฮือ.. กูคิดถึงมึงมากเลย คิดถึงสุด ๆ อ่ะ”
   “อ่อ..”
   “เดี๋ยวนิว มึงกับกูยังคุยกันไม่จบ แล้วก็ไอ้เชี่ยกรด ห้ามกอดสัตว์นิว” เสียงนี้ดังมาจากเชี่ยจินที่ทำให้ผมถึงกับสตั๊นต์ หันขวับมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง อะไรวะ กูกอดไอ้นิวแล้วมันผิดตรงไหนวะ
   “เชี่ย กูกอดประจำของกูอ่ะ”
   “ไม่ได้ เพราะงี้ไงมึงเลยโดนคนหมั่นไส้บ่อย ๆ”
   “เหี้ยไรวะ ?”
   “คนชอบเชี่ยนิวเยอะเป็นโขยงเลยด้วยซ้ำ แถมมึงเสือกสนิทสุด ๆ กับมันอีก เลยโดนหมั่นไส้ไง สัตว์” ตกลงกูอยู่ชายล้วนหรือหญิงล้วนกันแน่ มีการมาหมั่นไส้ด้วย
ว่าแต่ เรื่องคนชอบเชี่ยนิวเยอะนี่มันจริงเรอะ ?
พอหันไปหาเพื่อนซี้ก็เล่นเอาเงียบกริบเมื่อมันยิ้มแห้ง ๆ แทน
   “เออ ก็ประมาณนั้น”
   “แล้วก็ไอ้นิว กูกับมึงคุยต้องกันก่อน” ไอ้จินพูดพร้อมกับจับแขนนิวเอาไว้ขณะที่เพื่อนตัวเล็กผมยังคงพยายามทำท่าสะบัดออก
   “ขอเสือกหน่อย เรื่องไรวะ ?” ไม่ได้การล่ะ ผมเป็นตัวเอกนะ มีความสามารถพิเศษคือการเสือกได้ทั้งเรื่องครับ ก๊ากกกกกก ..
ถึง.. กูจะดูไม่รู้อะไรที่สุดในเรื่องก็เหอะ !
   “เนี่ย มึงดูดิ แม่งจะไปแดกหมูกระทะกับเพื่อนเก่าแล้วเสือกไม่ยอมพากูไปด้วย” เอ่อคือ เสียงเชี่ยจินทำผมแทบสตั๊นต์ มันดูน้อยอกน้อยใจแปลก ๆ ยังไงไม่รู้
   นิวชักสีหน้า หันมองชายร่างสูงกว่า
   “เอ้า ก็กูจะไปเจอเพื่อนกูอ่ะ มึงเกี่ยวไรด้วยวะ”
   “เกี่ยวดิ เรื่องของมึงก็คือเรื่องของกูนั่นแหละ”
   “...”
   เหมือนไอ้นิวจะนิ่งไปประมาณสามวินาทีเต็มๆ ครับ.. ก่อนที่สายตาหงุดหงิดของมันจะแปรเปลี่ยนเปล่งประกายวิบวับทันที พร้อมรอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหวานที่เล่นทำเอาผมเงิบแดก มันเคยยิ้มกว้างขนาดนี้ซะทีไหนกันเล่า !
   “งั้นอยากไปก็มาด้วยกันเลยนะ”
ไอ้เหี้ย ! ไหนตอนแรกบอกไม่ ๆ พอแม่งพูดคำหวาน ๆ นิดเดียว มึงยอมแล้วเหรอวะ
   ผมอ้าปากค้าง นิวเนี่ยดิหน้าระรื่นไปแล้ว
   เอ๊ะ แต่เดี๋ยว..
ขอเรียงลำดับเหตุการณ์ก่อน
   ถ้าไอ้เชี่ยนิวไปกับจิน ตอนกลับก็น่าจะกลับสองต่อสอง
เดี๋ยว.. สองต่อสอง = โอกาสเสียเอกราชสูง
   เท่านั้นแหละ ผมรีบโพล่งออกมาทันที สปิริตความเป็นเพื่อนถึงกับทะลุเป้า
   “กูไปด้วย !”
   “หา ? มึงจะไปหาพ่อมึงเหรอกรด” เป็นเสียงจินครับ ไอ้สัตว์ ! กูรู้นะว่ามึงคิดเหี้ยไรอยู่ อย่า ๆ ไอ้นิวมันเพื่อนกูเลยนะเว้ย
   “ไม่ ! กูจะไปรักษาเอกราชเพื่อนกู ถ้าอยู่ ๆ ตอนกลับมึงฉุดไอ้นิวแล้วจับกดขึ้นมาทำไงวะ !!” เห็นไหม กูรักเพื่อน รักมาก เดี๋ยวจะยอมพลีตัวถวายกายไปแดกหมูกระทะด้วยเพื่อช่วยปกป้องประตูหลังเพื่อนยังไงล่ะ !
   แต่เหมือนเชี่ยนิวจะขมวดคิ้ว
   “เหี้ยไรวะ”
   “ถ้าอยู่ ๆ ไอ้จินหื่นแล้วอยากปล้ำมึงทำไงวะ ! กูกำลังปกป้องเพื่อนอยู่นะเว้ย” พูดจบก็หันไปโวย ในขณะที่คนถูกพาดพิงหน้าบูดไปซะแล้ว
   “อะไร กูก็แค่อยากสวีตกับนิวบ้าง มึงไปไกล ๆ ตีนกูเลยกรด” ว่าแล้วก็โบกมือไล่อีก ส่วนผมกระโดดไปเกาะเอวไอ้นิวทันทีเลยครับ ตัวเล็ก ๆ อย่างนี้ระวังโดนอุ้มนะมึง
   “เชี่ยไรวะ” เอ่อ มึงมีบทนาน ๆ ทีก็ประหยัดบทพูดเหลือเกินนะ ก่อนหน้านี้เหี้ยไรวะ ตอนนี้เสือกเปลี่ยนเป็นเชี่ยไรวะซะงั้น
   “ไม่ ๆ กูจะอยู่กับไอ้นิว ไปแดกที่ไหนก็แดกด้วยกัน เนอะมึง” ไอ้เพื่อนตัวเตี้ยของผมกรอกตาไปมาอย่างปลง ๆ มันคงรู้ว่าถ้าผมปักหลักแล้วเปลี่ยนอะไรไม่ได้อย่างแน่นอน !
   “เฮ้อ.. ตามใจมึงเหอะ..”
นั่นไง ปลงแล้วจริงๆ ด้วย !
   “เหี้ย ! งั้น— งั้นไอ้เชี่ยนัย มึงต้องไปด้วย ! ”
หะ ?
   ผมหันขวับทันที ไอ้จินชี้ไปยันชายที่ยืนเงียบ ๆ ดำ ๆ กลมกลืนตัวไปกับมุมมืดจนผมลืมไปแล้วว่ามันเป็นพระเอกของเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน อีกฝ่ายขมวดคิ้วแน่น
   “ไปไหนวะ ? ”
   “แดกหมูกระทะ”
   “ไม่”
   แม่งพูดจบก็ก้มลงกดไอโฟนต่ออีก อ้าว มีโทรศัพท์ดี ๆ แล้วอวดนะมึง กูขอให้โดน‘จารย์ยึดเหอะ เพี้ยง กฎหอเขาก็บอกอยู่ว่าห้ามใช้โทรศัพท์ มึงแม่งเหี้ยฉิบหาย
   “ทำไมวะ กูจะสวีตกับนิวอ่ะมึง กูจะสวีตกับนิว !” ไอ้จินงอแงด้วยท่าทีไม่เข้ากับขนาดตัวแม้แต่น้อย ผมเห็นนิวยิ้ม ๆ อยู่ครับ เออ แปลกดี เป็นกูนี่รำคาญสัตว์ ๆ อ่ะ “ไอ้เชี่ย ! มึงเลิกกดโทรศัพท์แล้วมองกูหน่อยดิวะ”
   วันนี้เชี่ยจินได้บทพูดเยอะจริง ๆ ไม่ไหว ๆ สงสัยวันนี้ค่าตัวมันลดลง เข้าใจหน่อย
   “ไรอีก ?”
   “เดี๋ยวกูเลี้ยงมื้อหนึ่งเลยมึง ! ขอเหอะ ไปกับกูหน่อย เสร็จแล้วช่วยกัดกับเชี่ยกรดบ่อย ๆ ด้วยนะ มันจะได้ไม่ต้องมาขัดกูสวีตกับนิว ! ”
เฮ้ย ! กูนี่สะดุ้งเลย
   ผมหันขวับ แม่งอะไรของมันวะ ให้กูกัดกับมันก็เหนื่อยนะครับ นี่คนนะ ไม่ใช่หมา !
   “เหี้ยไรมึงเนี่ย !! ไอ้นิว มึงเป็นเจ้าของงาน ไม่ให้ไอ้ดำไปใช่ปะ !”
   เพื่อนสนิทผมทำหน้าปลงใส่อีก
   “ใครอยากไปแม่งก็มาเหอะ กูบรรลุล่ะ”
ไอ้ห่าเหววววววว !! บรรลุบ้านป้ามึงดิ !
   ผมหันขวับมองไอ้ดำที่กำลังยกมือขึ้นยีหัวตัวเองไปมาพร้อมส่งสายตาเรียบนิ่งไป.. ก่อนจะปฏิเสธทันที..
..
ซะทีไหน
   “ฟรีเหรอ ? เออ เดี๋ยวกูไปดิ”
ไอ้สเลดเป็ด !!
   อ๊าก อย่าเห็นแก่กินได้ไหมวะมึง กูอยากจะบ้าตาย ผมเห็นไอ้จินกระโดดตัวลอยเลยด้วยซ้ำ ฮือ.. สงสารกูเหอะ สงสารกูหน่อย !
   “ว่าแต่จินต้องไปเรียนไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวกูกับกรดแล้วก็นัยต้องไปซ้อมละครนะ” เสียงหวานร้องเตือนขึ้นทำเอาไอ้เชี่ยจินถึงกับสะดุ้งเฮือกเหมือนเพิ่งนึกได้
   “เออ งั้นกูไปก่อน.. ว่าแต่ ไอ้นัย วันนี้มึงดูเงียบ ๆ วะ ทำเหี้ยไรอยู่วะ ? ” ผู้ถูกถามผงะเล็กน้อยพร้อมละสายตาออกจากโทรศัพท์ “เฮ้ย ๆ กลายเป็นคุณหนู สาวน้อยที่นั่งจิ้มโทรศัพท์เหรอวะ”
   จะว่าไป ถ้าพูดถึงเรื่องโทรศัพท์ก็ต้องมีเสริมครับ
น้องกรดคนนี้ไม่ยอมให้มันจบอยู่ที่จิ้มไอโฟนแน่นอน
   “ใช่ แถมเมื่อเช้าแม่งพูดอะไรน่าขนลุกจนกูอ้วกเลยล่ะ”
   “มึงก็เปรียบเทียบเกินไป” ไอ้นิวขำเบา ๆ อะไรวะ นี่มึงไม่คิดว่ากูอ้วกจริงบ้างเหรอ เชี่ย ! กูขนลุกจนอ้วกจริง ๆ นะ หมดไส้หมดพุงแล้วเนี่ย
   คนถูกถามทำหน้าเอื่อยเฉื่อย
   “กูคุยกับพี่สาวกูอยู่” ว่าแล้วมันก็บิดกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ขณะที่ผมถึงกับสตั๊นต์..
เดี๋ยวนะ พี่สาวเหรอ ? เฮ้ย ๆ
   “ใช่คนที่มึงจะซื้อตุ๊กตาฮัสกี้ให้ใช่ปะ ?” ความทรงจำในอดีตเหมือนถูกปลุกขึ้นมาแถมจำได้ลาง ๆ ว่าไอ้ตุ๊กตาฮัสกี้นั่นยังตั้งอยู่ในห้องอยู่เลยครับ แถมไอ้ดำยังเสือกพยักหน้าตอบอีก
ถ้าเป็นพี่สาว .. คงเป็นพี่สาวที่สนิทกันมากแหง ๆ ซื้อตุ๊กตาฮัสกี้ตัวหลักพันให้เนี่ย..
   ได้เพียงแค่คิดในใจ ขณะที่เชี่ยจินเบิกตากว้าง
   “นี่มึงซื้อตุ๊กตาฮัสกี้ให้พี่เขาเลยเหรอวะ ?” ทั้งผมกับนิวก็ถึงกับขมวดคิ้ว จะตกใจอะไรนักหนาวะ แค่ซื้อของให้พี่สาวเองนะ
   “อืม” เด็กหนุ่มร่างสูงสุดพยักหน้าเบา ๆ “ทำไม ?”
   ไอ้จินทำหน้าฮึดฮัด
   “แล้วเมื่อเช้ามึงคุยกับพี่เขา แบบเหมือนเดิมปะ ?” เดี๋ยว เหมือนเดิมอะไรวะ ผมชักเริ่มงงแล้ว ส่วนไอ้ดำก็เสือกพยักหน้าตอบกลับไปอีกต่างหาก “ไอ้..นี่ มึงนี่มันเหี้ยจริง ๆ”
เอ๊ะ เดี๋ยว อันนี้ประโยคผมพูดบ่อย ๆ
ว่าแต่ ทำไมเชี่ยจินต้องหงุดหงิดขนาดนั้นด้วยวะ หรือเรื่องที่แม่งเป็นกิ๊กไอ้ดำคือความจริง ? แต่เชี่ยนิวก็อยู่ตรงนี้ ท่าทางจะไม่ใช่หรอกมั้ง
   “เครียดไรวะจิน ?”
เสียงของไอ้นิวดังขึ้นมา ผมพยักหน้าเออออกับมันไปด้วย
   “กูทำทุกอย่างเหมือนเดิมกับที่กูเคยทำกับพี่เขา.. แล้วจะทำไม ?” น้ำเสียงทุ้มต่ำนั่นเหมือนเปลี่ยนไปเล็กน้อยราวกับถูกขัดใจ ทำให้ผมถึงกับผงะไป
   ชายร่างสูงผิวกร้านแดดไม่ได้จ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์อีกต่อไป เพียงแต่เปลี่ยนเป็นเผชิญหน้ากับจินทีกำลังจ้องตาเขม็ง
   ก่อนที่มันจะพูดประโยคถัดไป..
   “ถ้ามึงทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำกับพี่เขา.. แล้วเมื่อไหร่มึงจะตัดใจจากพี่สาวแท้ ๆ ของมึงได้สักทีวะ ไอ้นัย !?”

..ที่ทำให้หัวใจของผมเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะทันที..






หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:21:24
C h a p t e r 24
คนเกลียดกัน มักจะไม่ชอบให้อีกคนทำตัวพิลึก


   พี่สาวแท้ ๆ ?
   หมายความว่ายังไงวะ ?
ผมมองใบหน้าไอ้จินและไอ้ดำสลับกัน ตกลงมันเกิดเหี้ยไรขึ้น ตัดใจจากพี่สาวแท้ ๆ ? มันหมายความว่า ผู้ชายคนนี้หลงรักพี่สาวแท้ ๆ ของตัวเองเหรอวะ
   “ไอ้จิน..” ได้ยินไอ้ดำเรียกชื่อเพื่อนเตือนให้หุบปาก แต่เหมือนจินจะไม่สน ปล่อยให้นิวกับผมงงเป็นไก่ตาแตก ซ้ำยังพูดต่อ
   “แต่ก่อนก็ชอบลากคนเข้ามาห้องกูแล้วไล่กูไปค้างที่อื่นอยู่นั่นแหละ มึงอ่ะ กูรู้นะเว้ยว่ามึงพยายามหาคนมาแทนที่พี่เขา แล้วมันเคยได้สักรอบไหมวะ”
   “หุบปากไปเงียบ ๆ ก็ไม่ตายหรอกนะ”
   เสียงของไอ้ดำแปลกกว่าปกติ มันเหมือนคนที่กำลังควบคุมอารมณ์ตัวเอง
   “หัดจัดการเรื่องของมึงให้จบก่อนจะสั่งสอนคนอื่น ๆ น่าจะดีกว่านะ”
..เหี้ย
กูงง จัดการสัตว์ไรวะ แล้วตกหลุมรักพี่สาวแท้ ๆ นั่นอีก
   แต่เมื่อประโยคนี้จบ เพื่อนสนิทของผมกลับสะดุ้งเฮือกสุดตัว ดวงตากลมโตของมันมองมาทางไอ้ดำด้วยท่าทีล่อกแล่กผิดปกติ
   “..มึงรู้ ?” เสียงหวานดังขึ้นเบาหวิว ไอ้ดำไม่ตอบอะไรพร้อมยักไหล่เล็กน้อยในขณะที่จินก้มหน้านิ่งราวกับเข้าใจทุกอย่าง
เหมือนทุกคนจะรู้กันหมด
มีแต่ผม.. ที่ไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว
   “พวกมึงพูดเรื่องอะไรกัน กูงงไปหมดแล้วนะเว้ย” ผมประท้วง กวาดสายตามองทุก ๆ คนที่กำลังหันหน้าหนีไปอีกทาง ความงุนงงก่อเกิดขึ้นมาภายในจิตใจ
พร้อมกับความรู้สึกหน่วง ๆ ตรงกลางอก
   นิวหันมามองผมแวบหนึ่ง แล้วส่ายหัว
   “..ไม่มีอะไรว่ะกรด” น้ำเสียงหวานของมันตั้งใจปกปิดความลับจนชัดเจนทำให้ผมรู้สึกขัดใจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อะไรวะ ไม่มีอะไรงั้นเหรอ ?
มันก็เห็น ๆ อยู่ว่ามีอะไร
แล้วทำไมกูไม่รู้ ?
   ทั้ง ๆ ที่อยากจะอ้าปากถามแท้ ๆ แต่พอเห็นสายตาของมันกลับทำให้ต้องหุบปากเงียบทันทีทันใด
   มันคือแววตาที่ผมไม่เคยเห็นจากเพื่อนสนิทตัวเองมาก่อน ยิ่งขับให้ข้อสงสัยมากขึ้น มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ ทำไมผมถึงไม่รู้ ?
   ความหงุดหงิดบางอย่างได้ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาแล้ว
ไม่ดิ
มันไม่ใช่ค่อย ๆ แต่มันก่ออย่างรวดเร็วต่างหาก..
..เพราะ..
   ผมจิกนิ้วลงบนฝ่ามือของตัวเองแน่น แม่ง.. แม่ง.. แม่งเอ๊ย..
เพื่อนกันรู้กันทุกเรื่อง ..แล้วทำไมพอกับกูต้องปิดบังกันด้วยวะ !
   หงุดหงิด น้องน้ำกรดหงุดหงิด ไอ้เชี่ย ไอ้เหี้ย.. ไอ้สลัดผัก ไอ้พวกเวร !
   “เหี้ยเอ๊ยย !! พวกมึงเป็นบ้าอะไรกันวะ !” ผมตัดสินใจตะโกนลั่นขัดบรรยากาศมาคุนี่ไปทันทีครับ อะไรนักหนา แล้วไหงกูเสือกไม่รู้เรื่องคนเดียววะ เห็นชัดเลยว่าพวกมันทุกตัวเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แล้ว.. แล้วไหงเป็นกูที่ไม่เก็ตวะ !!
เกิดเป็นพระเอกหล่อ ๆ นี่มันซวยจริง ๆ !
   ประโยคผมจะทำให้ทุกอย่างจบลงได้จริง ๆ วะ ไอ้ดำหันมามอง นิวแม่งสะดุ้งโหยง และจินเงยหน้ามองขวับ
   “....” เงียบแดก เออ เงียบแดกกันเข้าไป ปิดบังกูดีนักใช่ไหม ได้ งั้นกูไม่อยากรู้ก็ได้ !
   “พูดเรื่องห่าเหวไรวะ ไม่รู้เรื่อง ! พวกมึงไม่มีสิทธิ์มาพูดเรื่องที่กูไม่เก็ต !” น้ำกรดขอเอาแต่ใจหน่อยแล้วกันวันนี้ ผมไล่ชี้หน้ารายตัวครับ “เชี่ยจิน มึงต้องไปเรียนไม่ใช่ไงวะ ไสหัวไปเลย พวกมึงทำกูหงุดหงิดแล้ว !”
   “เป็นเหี้ยไรมึง ?” แน่ะ ถูกไล่แล้วยังจะทำหน้าสงสัย
   “เป็นคนหล่อที่หงุดหงิดมาก พูดไรไม่รู้เรื่อง รีบ ๆ ออกไปก่อนที่กูจะซักไซ้หาคำตอบเลย” ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ชี้หน้าจินทันที แม่งทำเอ๋อ ๆ ใส่อีกต่างหาก “เร็วเข้าดิวะ กูรำคาญแล้วนะไอ้เหี้ย กูอยากเสือกแต่กูรู้สึกว่ากูเสือกไม่ได้เนี่ย รู้ไหมว่ามันทำให้กูหงุดหงิดขนาดไหน หา”
   “เออ”
   “ไป๊ ๆ !” ไล่สิครับงานนี้ โอ๊ย เดี๋ยวต่อมเสือกกูทำงาน เข้าใจหน่อยดิ สุดท้ายแม่งก็ยักไหล่ หันไปบอกลาเชี่ยนิวอีกต่างหาก หวานกันเข้าไปนะมึง
   ตกลงความลับคู่นี้คืออะไร หรือคือกูต้องติดตามต่อไปใช่ไหมวะ วันหลังพวกมึงมาแบบสปอยล์ ๆ ใส่กูแล้วไม่บอก ช่วยติดคำว่า To be continued.. ให้กูด้วย !   ไอ้นิวที่โบกมาจินไปแม่งทำหน้าหงอย ๆ ครับ เชี่ยไรมึงอีก
   “มึงเองก็ไปไกล ๆ ตีนกูเลย ก่อนที่กูจะโมโห มีความลับแล้วไม่บอกกู” ตอบได้ชัดเจนว่ากูงอนนิวสัตว์ ๆ อ่ะ แม่ง ! โหดร้ายมาก มีอะไรไม่บอกผม หงุดหงิดนะเนี่ย หงุดหงิด ไอ้ดำก็พูดลับลมคมนัย ให้พวกมันเข้าใจกันเองเนี่ย !
   “เออ”
นี่มึงนัดพูด ‘เออ’ กับไอ้จินมาใช่ไหมวะ ! ไอ้.. ไอ้.. ไอ้เตี้ย !
   สุดท้ายนิวก็สะบัดตูดใส่ผมจากไปทันที ตัวเล็กแถมเร็ว ถึกอีกต่างหาก .. แม่ง ไอ้หน้าหวานเอ๊ย กู.. กู กูขอให้โดนไอ้จินสอยตูดเร็ว ๆ สาด !
..เอ๊อะ ..ตอนที่แล้วเพิ่งบอกจะปกป้องประตูหลังมัน ไหงตอนนี้มาอวยพรให้โดนสอยวะ..
เออ ช่างแม่งเหอะ !
   ผมพ่นลมหายใจออกทางริมฝีปากตนเองแรง ๆ ด้วยความหงุดหงิดที่เจือปนขึ้นมา หางตาตนเองก็ดันเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่ง ๆ ซะงั้น
..ไอ้ดำ !
นี่มึงยังไม่หายหัวไปอีกเหรอวะเนี่ย ?
   “..เหี้ย ออกไปห่าง ๆ กูเลย” เห็นหน้ามันแล้วความหงุดหงิดของผมเพิ่มพูนเป็นเท่าตัว
   “เคยสั่งกูได้ ?”
มาแบบกวนตีนกูตลอดอ่ะ !
   “รู้จักตีนปะ อยากได้มะ ตีนอ่ะ ตีน”
   “รู้ พอดีเรียนภาษาไทย อ้อ แล้วก็ขอบใจสำหรับความหวังดีนะ แต่พอดีกูมีสองตีนพอแล้วน่ะ ไม่อยากมีสี่ตีนเหมือนมึง”
แอบด่านี่หว่า !
   ผมจ้องมันเขม็ง จะอ้าปากด่าอีกครั้งกลับมีความรู้สึกบางอย่างแล่นแวบเข้ามาทำให้ต้องหุบปากลง แถมไอ้ดำเสือกหันไปเงยหน้ามองฟ้าเหมือนตัวเหี้ยในเอ็มวีอีกต่างหาก บิ้วท์อารมณ์อะไรของมันวะ..
แล้วก็ประโยคนั้นก็ลอยเข้ามาอีก
แล้วเมื่อไหร่มึงจะตัดใจจากพี่สาวแท้ ๆ ของมึงได้สักทีวะ
   น้ำเสียงเหี้ยจินวกเข้ามาอยู่ในหัวผม
..เงียบสิ
   ชอบพี่สาวตัวเอง ?
   ประโยคนี้แล่นเข้ามาในความคิดผมก่อนที่จะรู้สึกหน่วงบางอย่าง ไม่ดิ มันจุก อยู่ตรงที่ลำคอของผม ไม่ค่อยเข้าใจแฮะว่าทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนี้ ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ผมชำเลืองมองไอ้ดำที่กำลังถอนหายใจเบา ๆ แทน
   ..เอาไงดี
   และเหมือนไอ้เชี่ยนี่จะรู้ทัน มันหันมามองผมด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
   “..อยากเสือก ?”
..เหี้ย ! ตรงฉิบหาย !
   ถามตรง กูก็ตอบตรงแล้วกัน
   “เออ” เป็นไงล่ะครับคำตอบผม ไอ้ดำมันมีแววตาลังเล ก่อนที่เจ้าตัวจะยักไหล่เหมือนว่าจำเป็นต้องมีอะไรปิดบังให้มากนัก
   “ก็ตามนั้น รักแรกกูคือพี่สาวตัวเอง” เสียงทุ้มของอีกฝ่ายเอ่ยออกมาแผ่วเบา นัยน์ตาของมันมองไปอีกทางหนึ่ง “เดินไปพูดไปเหอะ”
ผมไม่ตอบอะไรพลางพยักหน้าเบา ๆ ความรู้สึกหน่วงมันจุกแน่นในอกของตนเองขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เอ่ยอะไรไม่ออกเสียอย่างนั้น
..ทำไมถึงจุกขนาดนี้นะ ?
   เสียงฝีเท้าที่กระทบลงกับพื้นดังขึ้นเป็นจังหวะ ทุกอย่างรอบข้างเงียบสนิท ไม่มีใครอื่นมาคอยวุ่นวายเนื่องจากได้ตรงไปเรียนกันหมดเรียบร้อย ไอ้ดำและผมเดินไปด้วยกันสองคน น่าแปลกที่คราวนี้กลับไม่มีเสียงถกเถียงเหมือนทุก ๆ ครั้ง
..มีเพียงแต่บรรยากาศจุกและอึดอัด..
ผสานกับอาการแปลก ๆ ของผมด้วย
   “มึงก็คงจะรู้ว่ารักกับพี่สาวแท้ ๆ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” มันยังคงเอ่ยต่อเดินหน้าไปเรื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบพร้อมกับผม
   “คนที่ซื้อไอ้ฮัสกี้ให้น่ะนะ ?”
   “งั้นมั้ง..”
   “มึงจะบอกว่า รักแรกมึงไม่สมหวัง” คราวนี้ผมตัดสินใจหยุดฝีเท้าตนเอง คิดย้อนประโยคที่จินได้พูดเอาไว้ “..มึงเลยชอบหาใครมาแทนที่ไปเรื่อย ๆ และมีเซ็กส์ไม่เลือกหน้าเพื่อตามหาคนมาเติมเต็มมึงว่างั้น ?”
ทำไมช่วงนี้กูพูดดีวะ เออ ช่วงนี้ท่าทางผมจะติดอะไรแปลก ๆ มาเยอะซะแล้ว
   นัยน์ตาของอีกฝ่ายฉายแววความเศร้าเคลือบแคลงเอาไว้อยู่
   “มั้ง..”
   ผมนิ่ง
เหี้ย...
ไม่ชอบเลยว่ะ ทำไมมันต้องเศร้าด้วยวะ..
   ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัวของตนเอง ผมควรจะอธิบายอย่างไงดีนะ ?
มัน ‘ไม่ใช่’ ว่ะ
   เหมือนไม่ใช่ไอ้ดำที่ผมรู้จักเลย มึงต้องปากหมา กวนตีนหน้านิ่งดิวะ แล้วอย่ามาทำเสียงเศร้า ๆ ใส่กูได้ไหม
ไอ้เหี้ย..
ไม่ชอบ— ไม่ชอบให้มันดูเศร้าแบบนี้เลย
ในเมื่อผมไม่ชอบ.. แล้วจะทำยังไงดีวะ.. ?
   “อย่าเศร้าไปดิวะ !” ไม่รู้จะพูดอะไรดีเพราะอีกฝ่ายดูเศร้าอย่างจริง ๆ จัง ๆ ผมรู้สึกประหลาด มันไม่อึดอัดด้วย แถมยังเศร้าตามแปลก ๆ ตอนแรกเคยคิดว่าถ้าเห็นมันเศร้าแล้วตนเองจะสะใจซะอีก
แต่แม่งไม่ใช่ว่ะ
ไม่ใช่เลยจริง ๆ
   ไอ้ดำหันมามองผม
   “มึง ! ไม่ต้องเศร้า ๆ สักวันก็ต้องหาได้เองน่า เออ เอ้อ !” เหี้ยเอ๊ย กูก็ปลอบคนไม่เก่งอยู่ ผมพูดตะกุกตะกักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากเข้าไปตบหลังเชิงปลอบมันแรง ๆ นะ แต่แบบ..
แบบว่ากูทำไม่ได้ ไม่กล้าครับ !
   “...” เวร.. ยังเสือกมองกูอีก
   “เฮ้ย ๆ คนเราแม่งก็ต้องมีพลาดกันได้นั่นแหละน่า” เอ้า ไปกันใหญ่แล้วกู ไอ้ดำพลาดเหี้ยไรวะ แล้วทำไมพูดอย่างกับมันทำผู้หญิงท้อง เวร !
   “.....” คราวนี้ใยขมวดคิ้วครับ สงสัยไม่เก็ทที่ผมพยายามพูด ความจริงกูเองก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำอะไรอยู่
   “ดูดิ สัตว์ อย่างกูนี่ เอ่อ กูยังชอบไปด่าคนเป็นเกย์เลยทั้ง ๆ ที่ตัวเองเคยเป็น .. เอ่อ เอ้อ..”
   “..กูรู้ แล้วมันเกี่ยวกับที่กูหลงรักพี่สาวแท้ ๆ ของตัวเองยังไงวะ”
   “....”
..จริงของมัน..
   ผมเงียบกริบ พูดอะไรไม่ถูก มันเกี่ยวอะไร เออ ใช่ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน ..
แล้วก็ เออ ใช่ กูจะพยายามปลอบมันทำไมวะ !?
   แต่เหมือนจะได้ผล เพราะมันหันมากวนตีนผมแล้วยังไงล่ะ !
   “กูว่ากูกับมึง ไม่ได้พูดภาษาคนกันแล้วว่ะ” ว่าจบเสือกถอนหายใจอีก อ้าว ๆ ไอ้เชี่ย ! เกี่ยวไรวะ “..ขอโทษที่หวังสูงตรงเหี้ยมันจะเข้าใจที่กูพูดภาษาคน”
   “เชี่ย ! มึงนั่นแหละพูดภาษาเหี้ย ทำกูไม่เก็ต !” ไม่ได้ ยอมไม่ได้ น้ำกรดจะไม่ยอม น้ำกรดจะเถียงกลับ มาด่ากูเป็นเหี้ยได้ไงวะ “มึงไม่ต้องเลย อะไรวะ ไอ้เชี่ย !!”
   ผมแหกปากลั่นเมื่อเห็นไอ้ดำแม่งเดินนำลิ่ว ๆ ไปซะงั้น
   “ทิ้งกูเหรอห่า !”
   ตอนแรกนึกว่ามันจะเดินต่อไปครับ แต่แม่งกลับหยุดฝีเท้าเสียงั้น แถมหันมามองผมด้วย
..เอ่อ ทำไงได้ล่ะ ? เลยเผลอหยุดตามมันซะนี่
   “ถึงปกติกูจะเอาคนเข้าห้องบ่อย ๆ แต่ตอนนี้กูก็ไม่ได้เอาเข้าแล้วล่ะ” มันพูดเสียงเรียบ หรี่ตาใส่ผมที่ยืนชะงักอยู่
..เอ่อ จริงด้วย..
   ตั้งแต่มันมาอยู่กับผม ไม่มีเคยเห็นว่าห้อยสอยหนุ่มหน้าหวานที่ไหนมาเข้าห้องอีกเลยด้วยซ้ำ
   ผมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เข้าใจ ในขณะที่ไอ้ดำเองก็ขยับยิ้มชั่วร้ายที่มุมปากออกมา
..และพูดประโยคต่อไปทิ้งท้ายเอาไว้
   “เพราะตอนนี้กูมีเหี้ยตัวหนึ่งให้อยู่ด่าตลอด 24 ชั่วโมงแทนแล้วไงล่ะ”
ใช่ครับ
ว่าจบก็หมุนตัวออกไปเลยด้วยซ้ำ ทิ้งให้ผมยืนหัวโด่อยู่คนเดียว
และเมื่อได้สติอีกที..
มันก็หายลิ่วไป..
ทำให้ผม..
   “เชี่ย !! ใครเหี้ยกันวะ พ่อมึงตายยยย !!”
   ผมตะโกนกลับไปเสียงดัง ยกมือขึ้นชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยท่าทีเคียดแค้น แม่งเอ๊ย ! หลอกด่ากูว่าเหี้ยใช่ไหม คิดว่ากูรู้ไม่ทันเหรอวะ ไอ้ดำ !
แต่ว่า..
..อยู่แทนตลอด 24 ชั่วโมงเหรอวะ..
   ไอ้คำกำกวมแบบนั้น มันหมายความว่าไง..
..
แล้ว— แล้วแม่งทำไมผมต้องยิ้มกรามค้างอย่างนี้ด้วยวะ..
   ภาพที่อีกฝ่ายพูดจาตั้งใจกวนประสาทกันอย่างเห็นได้ชัดย้อนเข้ามาในหัวของผมอีกครั้งหนึ่งจนทำให้ถึงกับต้องยกมือตบหน้าตนเองแรง ๆ เพื่อให้ความเจ็บขับไล่มันออกไป
..เออใช่ เชี่ยล่ะ..
มันต้องฉิบหายแล้วแน่ ๆ
   ไอ้ดำ.. มึงมันเลว ไอ้เวร กรามกูค้างก็เพราะมึงอ่ะ.. หุบไม่ได้ด้วย ยากฉิบหาย
   ผมเม้มปากแน่น ยกมือขึ้นลงบนอกแผ่วเบา
ประโยคของมันยังวนเวียนอยู่เหมือนเดิม
แต่ก็.. เหอะ
   ด่าได้ 24 ชั่วโมงพ่อมึง กูไม่ใช่เซเว่น รับบริการคำด่าและตอกกลับได้นะเว้ย
เหี้ยนี่มันเหี้ยจริงๆ
   ผมถอนหายใจแรงดังเฮือกหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายหายไปกับความมืดแล้ว โธ่ เกือบหล่อนะมึง ความจริงก็มองมันไม่ค่อยเห็นตั้งแต่เดินออกห่างแล้วล่ะครับ อะไรน่ะเหรอ ? พอดีเห็นเสื้อลอยได้อ่ะนะ !
   จะว่าไป ทำไมวันนี้คุยกันแบบดี ๆ ได้วะ ?
   คิดเสร็จผมก็ขมวดคิ้วตนเองแน่น .. มันเริ่มแปลก ๆ แล้ว เหมือนมีอะไรแปลกไป และเปลี่ยนไปกว่าเดิม.. ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ ?
คำตอบคือ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน..
   รู้ตัวอีกทีคือพอทำให้แม่งกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ กรามกูก็ค้างแล้วเนี่ย .. สัตว์เอ๊ย !
แต่..
ช่างแม่งเหอะ
   ผมตัดสินใจเดินออกไปจากสถานที่เกิดเหตุเพื่อที่จะหลุดออกจากวังวนแห่งความคิดของตัวเองครับ อาจเป็นเพราะช่วงนี้อะไรมันวุ่น ๆ ก็ได้ เจอเรื่องอะไรเยอะแยะไปหมดเลยทำให้อารมณ์และจิตใจไม่อยู่กับตัว ชอบเตลิดแล้วเกิดความรู้สึกแปลก ๆ บ่อย ๆ
เออ
แถมอีกอย่างก่อนจบตอนนี้
..
อืม
จะว่าไป..
.
.
.
วันนี้อากาศร้อนจังเนอะ

หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:21:52
C h a p t e r 25
คนเกลียดกัน มักจะโกรธ...แทนกัน ?


   “ไอ้ไทเกอร์คนทรยศ !!”
เสียงจะดังปรอทแตกไปไหนวะ !
   เป็นคำแรกหลังจากที่ผมย่างก้าวเข้ามาสถานที่ที่ไอ้ไลออนได้นัดเอาไว้เลยครับ พอหันไปมองรอบ ๆ ก็เห็นว่าทุก ๆ คนทำหน้าตายกันหมดเลยด้วยซ้ำ
เกิดเหี้ยไรขึ้น ?
   ไลออนกัดฟันกรอด ยกมือชี้หน้าไทเกอร์
   “ไลออน กูไม่ได้ทรยศเลยนะเว้ย”
ทะเลาะกัน ?
   ผมเลิกคิ้วเชิงสงสัย มองไลออนที่ทำท่าฮึดฮัด ส่วนไทเกอร์โบกมือโหยงเหยง
   “มึงเป็นเหี้ยไรกันวะ” เออ กูคือน้ำกรดครับ ไม่เสือกนี่ไม่ได้ !
หากแต่เหมือนผมจะถามผิดเวลาไปซะงั้น
   “เชี่ยกร๊ด !” เสียงไอ้นิวตามมาติด ๆ แถมด้วยการถลามาปิดปากผมท่ามกลางสายตาที่เพื่อน ๆ กำลังรุมด่า (?) ผมทางอ้อมอยู่
อ้าวเชี่ย กูทำไรผิด ?
   “ไรวะนิว” ผมพูดเสียงอู้อี้ ไอ้นิวก็ดีเหลือเกิน พยายามลากตัวผมออกจากสถานที่เกิดเหตุอีกด้วย โธ่.. กูผิดอะไรวะ “เหี้ย แล้วทำไมกูไม่รู้เรื่องอีกแล้ววะเนี่ย”
   ขอสักนิดครับ ไม่ไหวล่ะ กูแม่งโง่ตลอดเลย พระเอกเรื่องนี้โง่เหรอวะ สงสารกูบ้าง ดูไอ้นิวดิ ตัวประกอบยังเสือกได้บทฉลาดกว่าผมเลย แม่งไม่แฟร์จริง ๆ !
   “มึงมันมาช้าแล้วยังถามผิดเวลานะสัตว์ !”
.. โดนด่าซะงั้น
   ผมเบ้ปากมองเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายลากไปหาตรงที่มีไอ้ดำนั่งอยู่ก็ยิ่งหน้ามุ่ยเลยครับ กูยิ่งไม่อยากเจอมันอยู่ ไอ้คนชอบพูดอะไรกำกวมเอ๊ย
เอ่อ.. ความจริงผมก็เป็นด้วยนั่นแหละ..
   ผมเห็นภาพไลออนกำลังจ้องไอ้เชี่ยไทเกอร์เกาแก้มแกรก ๆ อื้อหือ นี่กำลังจะกลายเป็นการแดกกันทางสายตาแล้วใช่ไหม บอกกูมา !
   หากแต่ประโยคต่อไปจากปากแดง ๆ ของเจ้าเสือหน้าหวาน ก็เล่นทำให้ผมถึงกับอ้าปากค้าง
แถมเข้าใจแล้ว.. ไอ้คำว่า ‘คนทรยศ’ ที่ไลออนหมายถึงนี่คืออะไร
เพราะว่านั่น..
นั่นน่ะ..
   “เชี่ยไทก์ ! นี่นอกใจน้องไลอ์ของมึงไปมีแฟนได้ไงวะ ! หา !!”
   ผมเงียบกริบ มองไทเกอร์ที่กำลังหัวเราะเก้อเขินอยู่ซะงั้น พอเข้าใจล่ะว่าแม่งทรยศไปมีแฟนก่อน แต่..
..
อ้าว..
นี่พวกมึงไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอวะ ..


   เหมือนวันนี้ไอ้ไลออนมันจะหงุดหงิดกว่าปกติจริง ๆ ด้วยครับ
   สุดท้ายผมก็มารู้ที่หลังว่าความจริงไอ้ไทเกอร์มันเพิ่งมีแฟนและคบได้ประมาณ 1 เดือนเต็ม ๆ แล้วแถมยังปิดเป็นความลับแบบมิดชิดอีกต่างหาก ! ที่สำคัญก็คือ..
   “มึงไม่ยอมบอกกู !” เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากปากของไอ้เสือที่ทำหน้างอนตุ๊บป่องเพราะคู่แฝดเทียมของมันไม่ยอมบอกอะไรเลย เอ่อ ถ้าเป็นผม ผมก็คงจะหงุดหงิดเหมือนกันนะที่ไม่ยอมบอกเนี่ย
   “โธ่.. ก็น้องสิงโตของพี่เสือไม่ยอมถามนี่น่า” ดูแม่งตอบกลับสิ.. เดี๋ยว ๆ ! มึงมีแฟนอยู่แล้วยังเสือกเรียกพี่เสือน้องสิงโตกันอีกเหรอวะ !
   เจ้าไลออนมันทำหน้าเหมือนปลาขาดอากาศหายใจครับ
   “ดูดิ ไม่ยอมบอก แถมยังเสือกมีแฟนก่อนกูอีก !”
   “มึงทำไลออนงอนแล้วนะไทเกอร์” เจ้าซานพูดออกมาปลง ๆ พลางยกมือขึ้นลูบหน้าขณะที่ผมพยักเพยิดหน้าตามไปด้วย
   “โอ๋ ๆๆ ! ไลอ์ที่รักของไทก์ ไม่งอนไทก์นะ จุ๊บ ๆ !” ขนาดง้อยังเล่นกันอีกเหรอวะ แต่คราวนี้มาแปลก ตรงที่ไอ้ไลออนจ้องไทเกอร์เขม็งแทนการพูดอะไร
   “...”
   “พี่ไทก์ขอโทษนะน้องไลอ์ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ กิ๊ว ๆ” ว่าแล้วไอ้ไทเกอร์เสือกขยับกอดแน่นแล้วเอาปากจุ๊บ ๆ ที่กระหม่อมอีก อื้อหือ ผมนี่หน้าแขยงเลย
...เกย์นี่หว่า
   หากแต่กำลังจะถอยออก สายตากลับเผลอไปสบตากับผู้ชายคนหนึ่งทีก่อนหน้านี้ทำให้อากาศบริเวณใบหน้าของผมร้อนขึ้นมาได้
ไอ้ดำ..
   มันกอดอกนิ่ง ๆ แล้วส่งสายตากลับมาเหมือนโทรจิต
   ‘มึงก็เกย์นั่นแหละ’
..นี่มึงไม่ตอกกูสักรอบจะได้ไหมวะ แล้วทำไมกูอ่านโทรจิตที่แม่งส่งมาออกวะเนี่ยยย !
   หงุดหงิดสิครับคราวนี้ เหมือนทุกคนกำลังยืนดูการแสดงตลกฉากดราม่า ผู้นำโดยเสือและสิงโตอยู่ เห็นไอ้ไลออนลุกพรวดพราดออกมาจากเก้าอี้ก่อนจะหันขวับจ้องไทก์
   “กูเป็นอะไรกับมึงกันแน่วะไอ้ไทเกอร์ !!”
   น้ำเสียงตะโกนลั่นทำให้ดึงดูดสายตาทุกคู่กลับไปจับจ้องพวกเขาได้อีกครั้ง ผมเบิกตากว้างเล็กน้อย มองคนสองคนที่กำลังเป็นจุดเด่นอยู่ตอนนี้..
..สีหน้าของไลออนเหมือนโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่ไทเกอร์อึ้งไปชั่วขณะ
   “..มึงก็.. ก็เป็น..”
   “กูเป็นเพื่อนมึงไม่ใช่เหรอวะ ทำไมมึงมีแฟน มึงชอบใครมีนู่นมีนี่ ! ทำไมมึงไม่บอกเหี้ยไรกูเลยวะ !!” ไลออนยังคงไม่ยอมพร้อมกับปัดมือหนาที่ยื่นเข้าตัวตนเองอย่างเต็มแรงจนคนตรงหน้าเขาอึ้งไปทีเดียวด้วยซ้ำ
   “ไลออน..” เสียงทุ้มครางเรียกชื่อเพื่อนสนิทเบาหวิวราวกับอึดอัด.. “..กู..แค่ไม่บอกมึงเอง..”
เหมือนมันไม่เข้าใจ
ว่าทำไมไลออนถึงโกรธขนาดนั้น..
   เด็กหนุ่มที่มักจะมีใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มและความทะเล้นเสมอกัดฟันกรอด เล็บจิกลงที่ฝ่ามือจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา ทั้งร่างสั่นคลอนไหวหวั่นจนน่าใจหาย..
ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยเปล่งเสียงพูดแต่ละคำมาอย่างยากลำบาก
   “..กูกับมึงเกิดวันติดกัน..” ไลออนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมก้มหน้าลงมองพื้น ดวงตาของมันปิดสนิทเหมือนกับกำลังพยายามเก็บบางอย่างที่รื้นออกมา “..เรียกว่าอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้..”
   “..ไลอ์..”
   “ไม่ว่าจะอะไร ๆ พวกเราก็มักจะอยู่ด้วยกันเสมอ” น้ำเสียงตัดพ้อดังออกมาแผ่วเบา ไม่มีใครกล้าเข้าไปพูดห้ามปรามทั้งสองคนที่กำลังคุยอยู่
เพราะมันเหมือนกำลังทะเลาะในเรื่องส่วนตัว
   ผมเห็นซานลุกลี้ลุกลน ทำท่าจะเข้าไปอยู่ครั้งหนึ่งแต่ก็ถูกคนบริเวณนั้นรั้งเอาไว้ก่อน
   “มึงเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอวะ .. ว่า ‘เรื่องของมึงก็คือเรื่องของกู’ น่ะ” มันเอ่ยอย่างยากลำบาก “..และ ‘เรื่องของกูก็คือเรื่องของมึง’ ไง..”
   “...”
   นัยน์ตาของไลออนฉายแววเจ็บปวดออกมา
   “แต่ทำไม.. มึงถึงไม่ยอมบอกกูวะไทก์.. ความสำคัญที่พวกเราเคยให้กันแล้วกันมันลดลงไปแล้วเหรอวะ..”
ผมเหมือนหายใจไม่ออกเลย
   “..กูไม่ได้ลดความสำคัญ..”
   “..แต่มึงแค่เปลี่ยน.. เอาความสำคัญที่มึงเคยให้กูไว้ ไปให้ผู้หญิงคนนั้น” น้ำเสียงนั่นเบาหวิว “จากที่เคยรักกูมากกว่าใคร ๆ มึงก็เปลี่ยน.. ไปให้คน ๆ นั้น..”
..รัก ?
   ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย มองใบหน้าไทเกอร์และไลออนสลับกัน พวกมันดูจริงจังกับสิ่งที่เกิดขึ้น
   “..ไทก์.. กูไม่ได้เปลี่ยน.. กูก็บอกแล้วไงว่ากูกับมึงน่ะ.. เรารักกันไม่ได้”
   “..ทำไมวะ .. เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอวะมึง..”
   บรรยากาศรอบตัวของพวกผมเหมือนค่อย ๆ เงียบลงไปฉับพลัน สายตาทุกคู่เริ่มจับจ้องไปทางคู่แฝดเทียมเกรียนของห้องโดยไม่ได้นัดหมาย ไอ้ไทเกอร์เม้มปากแน่นขณะที่ไลออนกำลังหลับตาแน่นราวกับเจ็บปวดอยู่ นิ้วเรียวของคนร่างเพรียวกำจนสั่น
   “..ไม่” เสียงไทเกอร์ดังต่อเนื่อง
..ราวกับพวกมันสองคนดึงบรรยากาศออกมาได้จริง ๆ ..
   ไร้เสียงพูดคุยตอบโต้กันในบริเวณรอบ.. เพื่อน ๆ พากันเงียบโดยไม่ได้นัดหมาย ..
“เพราะว่ามึง.. เป็นผู้ชายยังไงล่ะ”
ตึก..
..
   เหมือนหัวใจของผมสะดุดกึกลงทันทีที่ได้ยินประโยคพวกนั้นออกมา นัยน์ตาของตนเองเบิกกว้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน..
หากแต่สุดท้ายก็ต้องผงะเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมา
เพราะมันเป็นเสียง.. พลุปาร์ตี้วันเกิด !
ปัง !
   “ทาด้า !! เป็นไงมั่งกับละครที่กูและไทก์แสดง !”
..หะ !?
   “...” หน้าทุกคนตอนนี้คืออารมณ์ ‘ไอ้เชี่ยยยยยยยยยย’ ครับ มองพลุวันเกิดในมือไอ้ไลออนตาเป็นแถว
   “กูตกใจหมดเลย ห่า !” ผมตะโกนลั่น ไอ้เวร พวกมึงเล่นอะไรกันวะ สงสารใจคนดูบ้าง ! “ตกลงคือพวกมึงแสดงเหรอวะเนี่ย !?”
   “เออดิ ! จะออกแอคติ้งอ่ะ เวลาพวกมึงแสดงก็ออกให้ได้อย่างนี้ เข้าใจปะ” ไลออนตอบผมกลับมาอีก โอ๊ย ไอ้เหี้ย ไอ้กะหล่ำปลี ไอ้หอกหัก “เมื่อกี้คือตัวอย่างวิธีการแอคติ้งที่ดีนะครับทุกคน แสดงโดยน้องไลอ์และพี่ไทก์ อ่ะฮ้า !”
   ว่าแล้วเสือกกระโดดไปทำมือเป็นรูปหัวใจกับไทเกอร์อีก !!
พวกมึง.. พวกมึงทำกูตกใจ !
   “เข้าถึงอารมณ์ได้ดีมาก !” เจ้าเด็กหน้าละอ่อนยกนิ้วโป้งให้ “สุดยอด ๆ”
   “แน่น๊อน ! ไลออนกับไทเกอร์ซะอย่าง เนอะ !” ไทก์พูด ใช้ศอกกระแทกเบา ๆ กับคู่หูของตัวเอง แม่ง.. ผมเกือบเคลิ้มเลยนะ เกือบแล้วเชียว
   “พี่ไทก์ขา พี่ทำน้องไลอ์ตกใจหมดเบยอ่ะพี่” แม่งมึง มีการมาทำเสียงเบย จุงเบย อะไรอีก “แอ๊ย ! ดูสายตาชื่นชมของพวกเขาที่มองเราสิคะพี่ไทก์ !”
   กระโดดกอดกันอีก ผมนี่ดิ อยากเข้าไปฆ่า นึกว่าจะทะเลาะจริง ๆ กูอยากจะบ้าตายกับไอ้คู่นรกพวกนี้ มึงมาจากนรกใช่ไหมวะ ไอ้แฝดบัดซบ !
   ไทเกอร์หัวเราะก๊าก หันไปโบกมือเชิงขอโทษทุกคน แต่ประโยคถัดไป กลับทำให้เพื่อน ๆ ของมันที่ได้ยินถึงกับสตั๊นต์
   “แต่ว่า เรื่องที่กูมีแฟนน่ะ ของจริงนะ”
..
หะ ?
   ผมผงะเมื่อได้ยินคำพูดที่ไทเกอร์กำลังคุยกับซานอยู่ คิ้วของตนขมวดมุ่น
   “แค่ไอ้ไลอ์น่ะมันรู้จักกับแฟนกู คบกันได้มาประมาณสามเดือนล่ะ”
   “ก็บอกแล้วว่าไทเกอร์มันคนทรยศมีแฟนก่อนเพื่อน ความจริงก็เพิ่งบอกกูเดือนที่แล้วไม่ใช่ไงวะ”
..
อ้าว..
สรุปคือไอ้ละครน่ะเล่น ๆ แต่เรื่องมีแฟนเนี่ย.. ของจริงใช่ไหม ?
   ผมยกมือขึ้นยีหัวตัวเองแรง ๆ เห็นพวกมันสองตัวเดินไปทักเพื่อนคนอื่น ๆ ต่อพร้อมกับขยิบตา บิดซ้ายทีขวาที กลายเป็นไทเกอร์ไลออนคนเดิม
   ผมถอนหายใจ พอหันไปมองนิวก็เห็นมันนั่งกดโทรศัพท์แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ น่าจะแชทกับไอ้จินอยู่ล่ะสิ
   จะว่าไป.. ถ้าอยู่ ๆ เพื่อนสนิทมีคนรักนี่ ก็คงรู้สึกแปลก ๆ แย่เลยนะ ?
   เพราะไอ้นิวอยู่ ๆ มันก็มีคนรักโผล่หัวออกมาเหมือนกัน แถมยังเสือกใกล้ตัวอีก ผมเลยรู้สึกทะแม่ง ๆ ไปนิดหน่อยนะ
แล้วความรู้สึกไอ้ไลออนที่อยู่กับไทเกอร์มาตลอดล่ะ ?
   เมื่อคิดแบบนั้นได้จึงหันไปมองทางคนที่ตนเองกำลังนึกถึงอยู่
หากก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนเกรียนตัวแสบนั่น เป็นจังหวะพอดีกับที่ไทเกอร์หันหน้าไปทางอื่น และไม่น่าจะมีใครสังเกตคนหน้าสวยข้าง ๆ มัน
เพราะสายตาของคนที่ผมกำลังนึกถึงอยู่นั้น..
..มันดูเหมือนกำลังเจ็บปวด..


   ไลออนเป็นบ้าอะไรของมัน !
   “คัท ! คัท ๆๆ !”
   อ๊ากกก ! นี่ตกลงพอคู่หูมึงมีแฟนแล้วมาประกาศตัวแบบโจ่งแจ้งนี่ถึงกับเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอวะ ! ผมกับไอ้ดำเข้าฉากกะเทยด่ากันประมาณสิบกว่ารอบได้แล้วก็ยังไม่ให้ผ่านสักที กูจะบ้าตายแล้ว อยากกระโดดออกห่างไอ้เวรนี่แล้วครับ ทำไมมึงยังไม่หยุดสักที กูอยากพักแล้ว เข้าฉากหลายรอบแล้วนะมึง !
   “วันนี้ทำไมพวกมึงแสดงได้เหี้ยมากเลยวะ !”
มึงนั่นแหละที่เหี้ยมาก !
   เห็นว่าไทเกอร์ขอตัวไปคุยกับแฟนสาวและทิ้งไลออนกับซานช่วยดูบท คนอื่น ๆ เสือกผ่านไปได้ง่าย ๆ เลย โดยเฉพาะนิว แม่งแอคติ้งได้เก่งฉิบหายวายวอดเป็นสาวน้อยอ้อนแอ้น จนลอยหน้าลอยตากลับห้องไปคนแรก แล้วพวกตัวประกอบเอ บี ซี ดี อี เอฟ จี ก็ได้ไปนานแล้ว เหลือตัวเอกอย่างนายน้ำกรดผู้นี้..
กับเหี้ยอีกหนึ่งตัว !
   “กูว่านัยก็โอเคแล้วนะ”
 ซานพูดครับ เออ ! ใช่ ๆ วันนี้ยอมให้ไอ้ดำดูดีครับ ผมขี้เกียจซ้อมแล้วอ่ะ โฮฮ แถมบทที่มันเหี้ยคือบทด่ากับผมอีกต่างหาก โอ๊ย มึงจะเอาอะไรกับกูนักหนา สัตว์ !
   “....” ไอ้ดำทำหน้าเหนื่อยใจ ซึ่งคราวนี้ผมจะไม่ว่ามัน น้ำกรดเหนื่อยด้วย
   “ไม่ว่ะ ซาน มันยังไม่ใช่ !” ไลออนขมวดคิ้ว กระโดดลงมาจากโต๊ะที่ตนเองนั่งอยู่ มันมองหน้าชายผิวคล้ำที่ยืนปลง ๆ “กูก็อยากให้มันเสร็จไวๆ เหมือนกันนะ มึงได้กลับไปซ้อมบ้างเปล่าวะ ?”
   จุดนี้ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย
   ไอ้ดำไม่ตอบครับ.. ตามนิสัยของมันนั่นแหละ
   “ไอ้นัย ตกลงคือมึงไม่ได้กลับไปซ้อม ? ไอ้สัตว์ ! หัดทำเพื่อห้องบ้างดิวะ ! กูทำกูก็เหนื่อยเป็นนะเว้ย !”
   “หวา.. ไลอ์ ใจเย็น ๆ ถ้าเทียบกับครั้งที่แล้วถือว่าดีขึ้นเลยนะ” ซานเป็นคนรีบห้ามทัพ ถึงมันจะทำท่ากวนตีนไม่ตอบ แต่ความจริงมันพยายามแล้วนะ
ผมรู้
   “เหี้ย ! อย่างน้อยก็น่าจะให้ดีได้สักครึ่งนึงของไอ้กรดดิวะ !” ซานสะดุ้งโหยงกับเสียงตะคอก “เนี่ย ! มันได้บทกะเทยไปยังแสดงได้ดีกว่ามึงเยอะเลย นี่มึงตั้งใจจริง ๆ เหรอวะไอ้นัย !”
เวร !! ชี้มาที่กูอีก ไอ้เหี้ยนี่
   ถึงกูจะแสดงบทกะเทยได้ดี แต่มันไม่ช่วยทำให้ผมยิ้มได้เพราะคำชมที่ว่า ‘แสดงบทกะเทยเก่ง’ เลยนะเว้ย บอกกูแสดงเหี้ยยังรู้สึกดีกว่าเยอะเลย ไอ้สัตว์ !
   “ความพยายามของมึงแม่งมีหรือเปล่าวะไอ้เหี้ย !!”
   เหมือนคนถูกต่อว่าจะชะงักไป
   “หัดทำเพื่อคนอื่นบ้างดิวะ !! เพื่อห้องอ่ะมึง อย่าเห็นแก่ตัว !”
   ริมฝีปากหนาของไอ้ดำเม้มแน่น เปล่งเสียงทุ้มออกจากลำคอเบา ๆ
   “...กูพยายามแล้ว” มันพูด เสียงแทบกระซิบ “แต่ได้เท่านี้ว่ะ..”
..เหมือนประโยคนั้นกระแทกใจผมแปลก ๆ
   นัยน์ตาของตนเองเลื่อนมองชายร่างผิวเข้ม ทบทวนสิ่งที่มันพูด
ใช่ มันพยายามแล้วจริง ๆ
   ความทรงจำคืนถูกขังด้วยกันในโรงยิมย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง น้ำเสียงที่ถามผมและหันไปอีกทางก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวตนเองปรากฏขึ้นในห้วงความทรงจำ
..บทละครกูยังอยู่— มาฝึกให้กูหน่อย..
   ..จำได้ว่ามันพูดประโยคนั้น และพยายามซักซ้อมละครกับผม
   ไอ้ดำที่เคยบอกว่า ‘บทละครปัญญาอ่อน’ และ ‘ไม่อยากซ้อม’ พูดคำนั้นออกมาตาม แต่พอวินาทีสุดท้ายกลับบอกให้ผม คนที่มันเกลียดฉิบหายและกัดกันตลอดช่วยซ้อมให้
   “ถ้ามึงพยายามแล้วทำไมยังออกมาได้เหี้ยอยู่เหมือนเดิมวะ !”
   ไลออนยังคงตะโกนใส่ไอ้ดำ มันขว้างบทปึกใหญ่ลงพื้นเสียงดัง
..ไม่ใช่
..ไอ้ดำ— มันพยายามแล้วจริง ๆ
   ..ผมรู้ได้อย่างไงน่ะเหรอ ?
ก็เพราะมันยอมลดสิ่งที่หมาไม่แดกที่เรียกว่าศักดิ์ศรีเข้ามาคุยและขอให้ผมสอนให้ไงล่ะ
   ผมจำได้ว่าคืนนั้นไอ้ดำห่วยแตกกว่านี้เยอะ ทั้งท่าทางและน้ำเสียงไม่ออกเลยด้วยซ้ำ สอนแอคฯเป็นกะเทยได้ยากยิ่งกว่าเอาเหี้ยไปเรียนภาษาอังกฤษอีกครับคุณเอ๊ย ! และยังจำได้คร่าว ๆ เลยว่าผมเองก็นั่งดู ด่ามันที่พยายามทำเสียงดัดจริตเพื่อให้เข้ากับการเป็นกะเทยอยู่จนผล็อยหลับไป แม้จะไม่แน่ใจอะไรมากก็ตาม
..แต่ผมมั่นใจ.. ว่าไอ้ดำพยายามแล้ว..
ดังนั้น..
   ดวงตาของตนเองเลื่อนมองไลออน มันเอาแต่ด่า ไร้คำติชม โดยไม่สนใจหรือเปรียบเทียบความแตกต่างของอดีตและปัจจุบัน
   ผมกำหมัดแน่น เห็น ‘คนมีความตั้งใจฝึกซ้อม’ โดนด่าระนาวยิ่งทำให้อุณหภูมิใจหัวมันขึ้นสูงพรวดพราด
หงุดหงิดว่ะ..
แม่ง..
   ไอ้ไลออนด่าไอ้ดำก็หงุดหงิด เห็นไอ้ดำยืนนิ่งเงียบให้ด่า ก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก ทำไมวะ มึงพูดได้ไม่ใช่เหรอ ทีกับกูยังพูดเอา ๆ อยู่เลย ทำไมเวลานี้มาเงียบวะ
   “มึงน่ะหัดพยายามแล้วก็มีความตั้งใจให้มากขึ้น แค่นี้ทำไม่ได้เหรอว...”
   “ไอ้คนที่ไม่ได้ดูมันซ้อมบทอย่างมึงอ่ะ จะมีสิทธิ์พูดอะไรวะ !!”
..
เป็น..
เป็นเสียงของผมเอง..
   รับรู้ได้ว่าตอนนั้นตนเองตะโกนจนเจ็บคอ ไลออนถึงกับค้าง หันหน้ามามองผม ไม่ต่างกับซานที่สะดุ้งด้วยความตกใจ และไอ้ดำ มันเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยท่าทีอึ้ง ๆ
..เออ.. ใช่ เสียงกูเอง
แล้วจะทำไม ?
   ผมหันขวับมองไอ้ดำเป็นรายถัดไป
   “มึงเองก็ขอให้กูช่วยฝึกมึงไม่ใช่เหรอวะ ! ทำไมไม่คิดจะพูดหรือเถียงไอ้ไลออนเลยวะ !! ไอ้ควาย ! เอาแต่เงียบอยู่นั่น คิดว่าหล่อมากนักไง ! สู้กูยังไม่ได้อย่าทำมาทำหน้าตาดี !” ด่าสิกู ด่าแตกเลยคราวนี้ ยิ่งเห็นหน้าที่ดูเหวอ ๆ ของมันยิ่งไม่สบอารมณ์ขึ้นทุกที
แม่งเอ๊ย
ทำไมถึงต้องยอมด้วยวะ มึงพยายามเต็มที่แล้วไม่ใช่หรือไง ไอ้ดำ ?
   “....” กวนตีนด้วยการไม่ตอบกูอีกนะมึง
   “กูแหละอยากต่อยหน้ามึงข้อหาไม่ยอมพูดเชี่ยไรสักหมัดจริง ๆ” นัยน์ตาของอีกฝ่ายประกายคำพูดเชิงว่า ‘เมื่อวานต่อยไปยังไม่พอเรอะ’ แวบหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เดี๋ยวนี้มึงค่าตัวแพงมากใช่ไหมเลยไม่ค่อยมีบทพูดน่ะสัตว์ เอาแต่ส่งโทรจิตกับกูนี่
โอเค ตอนนี้ผมไม่ขำ
แต่ที่รู้ๆ คือหงุดหงิดโคตรพ่อโคตรแม่เลย
   “มีปากแล้วยังจะอุบเงียบนะสัตว์ ! ปากอ่ะ มีแค่ไว้แดกข้าวหรือไง หะ ? หรือจะบอกว่ามีไว้แค่เถียงกับด่ากู !” พูดรัวเลยสิทีนี้ ผมขมวดคิ้วแน่น มองใบหน้านิ่ง ๆ ของมัน “ซาน พาไอ้ดำออกไปดิ กูเห็นหน้ามันแล้วอารมณ์เสีย”
   “กรด..” ผมเม้มปากแน่นพลางพ่นลมหายใจออกมาแรง
   “ขอเหอะซาน ตอนนี้กูจะระเบิดล่ะ..”
   ซานเงอะงะ ยอมพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินออกไปกับไอ้ดำ ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมหันมองไอ้สัตว์ไลออน
..มึง.. ชื่อมึงก็สัตว์แล้ว
การกระทำมึงแม่งสัตว์กว่าว่ะ
   เหมือนความไม่พอใจของผมจะมากพอที่ไลออนรับรู้ได้ มันก้มหน้าลงแทน ท่าทางสำนึกผิด โธ่ ไอ้เหี้ย เพิ่งรู้สึกตัวเหรอ
   “ส่วนมึง” ผมพูดเสียงเรียบ “ไปพูดอย่างนั้นได้ไงวะ เหี้ยมาก บ้าปะ ?”
   “....” มันเมินหน้าหนี เออ เมินเข้าไปนะมึง ผมพ่นลมหายใจแรง พูดด้วยน้ำเสียงคงเส้นคงวา
   “กูรู้ว่ามึงอยากให้การซ้อมมันออกมาได้ดี แต่ไอ้ดำแม่งทำเต็มที่แล้วจริง ๆ” ไลออนก้มหน้ามองพื้น ไม่สบตากับผมที่กำลังยืนขมวดคิ้วอยู่ “เมื่อวานมันมาบอกให้กูช่วยซ้อมบทละครให้”
   ชายหน้าหวานหันขวับมาหาผมเหมือนตกใจ ก่อนจะหลบสายตาเช่นเดิม ซึ่งนั่นก็ทำเอารู้สึกคิ้วกระตุกหงิก ๆ
แต่ก็ทำให้ทราบว่า อีกฝ่ายกำลังรู้สึกผิด
   “ถ้าเทียบกับเมื่อวาน มึงไม่คิดเหรอว่ามันแสดงดีขึ้นแล้วน่ะ ? แถมเวลาก็อีกตั้งประมาณเดือนสองเดือนกว่าจะแสดง ตอนนี้แค่ไอ้ดำแอคติ้งได้อย่างนี้แม่งก็น่าจะดีแล้วนะ”
โอ๊ย
ไอ้น้ำกรด มึงหล่อขึ้นและพูดเก่งขึ้นมาก
   ผมขอบอกเลย สมัยก่อนไม่มีวันพูดอย่างนี้แน่นอน ยิ่งโต ประสบการณ์มันยิ่งมากขึ้นครับ ส่วนไอ้ไลออนผงะ พยักหน้าขึ้นลงเบา ๆ
   ท่าทีมันจะเริ่มคิดได้แล้ว..
   “..นั่นสินะ” มันพูดเสียงอ่อย “กูคงหงุดหงิดมากไปหน่อยจนแยกอะไรไม่ถูกว่ะ ..โทษที”
ผมนิ่งไป
หงุดหงิด ?
อย่าบอกนะว่า..
   “เรื่องไอ้ไทเกอร์ที่มีแฟนอ่ะนะ ?” เหมือนคำถามผมจะตรงประเด็นกับสิ่งที่อยู่ในใจของอีกฝ่าย มันชะงัก เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมพลางยิ้มแหยให้
   “..อา”
ฉิบหายล่ะ..
ตอนนี้มันคิดได้ก็ดีแล้วนะ .. แต่พอเจอไลออนเวอร์ชั่นไม่เกรียน เหมือนไม่ใช่ไลออนเลยว่ะ
   “แหะ ๆ ช่วงนี้กูก็แค่..” มันเว้นจังหวะพักใหญ่ “..เหงานิดหน่อยว่ะ..”
..พอเข้าใจแล้ว..
   เพื่อนสนิทไปมีแฟน และให้เวลากับแฟนมากกว่าให้เวลากับเพื่อนเลยทำให้รู้สึกประหลาด ๆ สินะ
   ..ดูๆ ไปก็เข้าใจนะ..แต่..
   “กูรู้ว่ามึงหงุดหงิด แต่มึงไม่ควรมาลงกับไอ้ดำ” ผมพูด ไอ้ไลออนยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ ยิ้มแห้งกลับ “แล้วก็คนเราน่ะต้องมีบางครั้งอยู่คนเดียวได้ ไม่ตายหรอกสัตว์” ประโยคหลังแอบนึกถึงตัวเองในอดีตนิดหน่อย แต่เอาเหอะ ปัด ๆ ทิ้งไปแล้วกัน
   “กูก็.. ว่างั้นว่ะ”
   “...” ดูมันจะเย็นลงเพราะคำพูดหล่อ ๆ ของผมแท้ ๆ เลย
   “กูไปขอโทษมันดีกว่าเนอะ..” ผมพยักหน้าตอบรับ มองซานกับไอ้ดำที่ยืนอยู่ไม่ห่างเหมือนกังวลว่าผมจะทำอะไรไลออนอยู่ พอหันไปสบตาต้นเหตุที่ทำให้ผมหงุดหงิดได้ถึงขนาดนี้ก็ยิ่งรู้สึกอยากทุบกบาลตัวเองสักรอบหนึ่ง
ผมเป็นอะไรของผม ?
ปกติต้องสะใจดิที่มันโดนด่าไม่ใช่เหรอวะ
   คิดแล้วก็พ่นลมหายใจแรง เห็นไอ้ไลออนเข้าไปขอโทษไอ้ดำปะลก ๆ ก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่ชอบการเห็นคนที่พยายามแล้วโดนด่าก็เป็นได้
..
ทุกอย่างแม่งเริ่มแปลกไปแล้วจริง ๆ
   คิดเสร็จก็ได้แต่ยกมือขยี้หัวตนเอง นับวันมันเริ่มเยอะขึ้น เยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้รู้สึกประหลาด ทั้งเรื่องที่ดีใจเชี่ย ๆ ตอนมันกลับเป็นตัวมันเหมือนเดิม เรื่องที่หน่วงเหี้ย ๆ ตอนรู้เรื่องพี่สาวมัน หรือแม้กระทั่งเรื่องโมโหแถมยังหงุดหงิดฉิบหายตอนมันโดนคนต่อว่า..
..เอาล่ะสิ
ไอ้น้ำกรดเอ๊ย .. ทุกอย่างมันเริ่ม ‘กำกวม’ ขึ้นแล้ว
   ระหว่างที่ผมตัดสินใจจะก้าวขาตรงไปหาซานเพื่อขอกลับห้องก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะร่างสูงใหญ่ของไอ้ดำปรากฏขึ้นตรงหน้า มันเอามือล้วงกระเป๋า มองผมด้วยสายตานิ่ง ๆ
เชี่ย.. ล้วงกระเป๋าอีก
นึกว่าหล่อมากเหรอวะ
   ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวทันทีพร้อมจ้องเขม็ง ไอ้ดำยืนนิ่งเหมือนเดิม
   “ไม่มีอะไรจะพูดก็ไสหัวไปเลย” ผมพูดเสียงทะมึน พ่นลมหายใจแรง ขณะที่มันยังไม่ขยับไปไหน “ขวางโลกว่ะ” สบถออกมาเบา ๆ แล้วยอมเป็นฝ่ายเบี่ยงตัวไปอีกทางหนึ่ง แต่ระหว่างที่เฉียดกันนั้นกลับได้ยินเสียงบางอย่างดังแว่วข้างหูมา..
..มันเป็นคำว่า.. ‘ขอบใจ’ ..
   ผมหันขวับมองอย่างตกใจ ดวงตาตนเองเบิกกว้างด้วยความสับสน น้ำเสียงที่เหมือนกับไอ้ดำพูดประโยคนั้นออกมา แต่พอจ้องหน้ามันกลับอีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉยอยู่
เมื่อกี้หูฝาดเหรอวะ ?
หรืออะไร..
   ไม่มีการเอ่ยปากถามสิ่งใดทั้งนั้น มีเพียงความสับสนที่ตีปรวนเข้ามาในตัวผม ..
ถ้าหากเมื่อกี้เป็นเสียงของมันจริง ๆ ล่ะก็..
   ผมหันกลับไป เม้มปากตนเองแน่น.. บัดซบว่ะ นี่กูจะยิ้มอีกทำไมวะ .. ยิ้มเพื่อเหี้ยไรเนี่ย..
..
ไม่อยากยอมรับว่าดีใจกับประโยคนั้นของมันเลยว่ะ..


   “ไอ้นัย ! เหี้ยกรด !”
   เสียงเรียกชื่อทำให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์อย่างง่ายดาย เห็นไลออนวิ่งเข้ามาหอบของพะรุงพะรังแล้วหอบแฮก เรียวคิ้วของตัวเองผูกเข้าหากันอย่างสงสัยกับคนหน้าสวย
เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มึงไปขอโทษแล้วหายจ๋อยไปตอนนี้มึงกลับมาภายในเสี้ยววิ ?
   “มีไรวะ ?”
   อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้าง.. เออ ค่อยสมกับเป็นไอ้ไลออนคนเดิมหน่อย
   “คือ.. นัย กูขอโทษเรื่องก่อนหน้านี้ด้วย”
   “ไม่เป็นไร กูไม่ถือ” ไอ้ดำส่ายหัว แม่ง.. หมั่นไส้ว่ะ พระเอก คนดีนักเหรอมึง ทีกับกูนี่จะฆ่ากันตายให้ตายไปข้างนึง
   “เหี้ยมันไม่ถือตัว ต้องเข้าใจ” ผมเสริม ไม่ไหว ขอจิกหน่อยเหอะ
   “ตกลงมึงเป็นเหี้ยหรือมึงเป็นไก่ จิกบ่อยจริง ๆ”
   “กูเป็นคน”
   “ไม่สิ ต้องหมามากกว่า .. กัดบ่อยว่ะ ไอ้หมา”
..เชี่ยย !
   ผมกำลังจะพูดต่อปากต่อคำกับมันแต่เป็นไอ้ไลออนที่เข้ามาขวางเอง
   “เอาไงดีวะ แต่กูรู้สึกผิดที่ทำอย่างนั้น ขอบใจมึงด้วยล่ะกรดที่ช่วยพูด นัย มึงเองก็มีความพยายามเหมือนกันนี่”
   “เออ”
   “หึ”
   เหี้ย เสียงหึอีกแล้ว ผมหันขวับจะอ้าปากด่าอีกรอบหากแต่ไลออนกลับพูดขึ้นขัดเสียก่อน
   “กูอยากทำอะไรแทนคำไถ่โทษที่หงุดหงิดแล้วลงใส่พวกมึงนิดหน่อย ไปดูหนังกันไหมมึง ? กูเลี้ยง”
   “หนัง.. หนังอะไรวะ ?” ผมเลิกคิ้ว เห็นแผ่นดีวีดีที่มันโชว์มาก็ถึงกับเบิกตากว้างขึ้นทันที ไม่ต่างจากไอ้ดำที่มีแววตาความตกใจแฝงอยู่
   “เพื่อเสริมสร้างสานสัมพันธ์ของพวกเรา.. อย่าลืมทิชชู่มาด้วยนะ สัตว์”
‘ หนัง xxx R- 20 ‘
..
มึงไปหยิบตอนไหนวะไลออน
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:22:22
C h a p t e r 26
คนเกลียดกัน มักจะชำเลืองมองกัน


   “กูไม่ป๊ายยยยยย !”
   เสียงใคร ?
อ๋อ .. น้องกรดสุดหล่อเองครับ
   ผมแหกปากดังที่สุดในสามโลกขณะที่ดิ้นไปมากับการถูกจับโดยไอ้เวรไลออน มันดูตื่นเต้นกับไอ้หนังเอวีบัดซบนี่ที่ผมปฏิเสธว่าจะไม่ดูทันทีน่ะสิ ไอ้เราก็คิดนะว่าทำไมถึงตื่นเต้นกันจังเลย กะอีแค่เอวี..
ที่ไหนได้.. ไอ้นางเอกน่ะมันคือน้อง ‘ซึบาสะ อะมามิ’ ผู้แสดงน่ะสิ
แต่ประเด็นคือ ไอ้ผู้หญิงที่ว่าคือใครวะ กูไม่รู้จัก !
   “เชี่ย ๆๆ ! มึงต้องลองนะ !” ผมผลักหัวไอ้ไลออนที่เพิ่งหายดราม่า มันจึงเบนเข็มไปใส่อารมณ์กับไอ้ดำ “มึงเอ๊ย ! น้องอุมามิอ่ะสุดยอดนะสัตว์ ๆ”
   “เมื่อกี้มึงเพิ่งบอกกูชื่ออะมามิ ตอนนี้อุมามิล่ะ”
   “จะอะหรือจะอุแม่งก็เด็ดพอ ๆ กันอ่ะ” ว่าแล้วไอ้หื่นเสือเสือกยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายอีก เฮือก.. บัดซบไหมล่ะมึง มึงเอ๊ย
   “อุมามิมันอร่อย” ไอ้ดำพูดเสียงเรียบแก้ไขให้ แต่แล้วมันก็ถูกไอ้ไลออนกระโดดเข้าไปหาแทน
   “สนใจดูเปล่าสัตว์ ! เพิ่งออกเดือนนี้เลยนะมึง !!” ดูมันดิ ตื่นเต้นอะไรวะ ผมเบ้ปาก สงสารผู้หญิงเขานะมึง..
   ตอนแรกนึกว่าไอ้ดำจะปฏิเสธครับ แต่มันกลับคว้าแผ่นเอวีไปยืนจ้องอยู่นาน
   “ซึบาสะ อะมามิ ?” เสียงทุ้มของมันทวน ไอ้ไลออนพยักหน้าตาวาว ส่วนผมก็ได้แต่พยายามแกะแขนที่มันล็อคคอครับ ขอกูออกไปเถอะ เอาตรง ๆ คืออยากดูนะ แต่ไม่อยากดูกับพวกมึงอ่ะ เหี้ย !
ผมน่ะ เป็นพวกใสซื่อ ใส ๆ อ่ะ ใส ๆ เข้าใจกันหรือเปล่าครับ น่ารักเรียบร้อยตามสไตล์น้ำกรดผู้หล่อเหลาน่ะ
..
เอ่อ.. ยอมรับก็ได้ว่าเอวีอ่ะเคยดู แต่ไม่รู้จักชื่อสักคนอ่ะดิ !
   “ใช่ ๆ มึงรู้จักปะ ซึบาสะ อะมามิอ่ะ !” ไลออนพูดเสียงตื่นเต้น ซ้ำยังล็อคคอผมแน่นกว่าเดิมอีก คือ มึง กูหายใจไม่ออก..
   “อ้อก.. ปล่อย ปล่อยกู !”
   “หือ..” ได้ยินไอ้ดำลากเสียงเบา ๆ “ที่อายุ 25 ?”
   “เออ ๆ !” เจ้าตัวคนเสนอเอวีพยักหน้ารัวอีกครับ
   “สัดส่วน 33 – 24 – 35 ?”
   “เจ๋ง”
   “ที่ลีลาเด็ด ๆ ใช่มะ ?”
   “อืมม” ไลออนครางตอบ ทำหน้าเคลิ้มใส่อีก
   “ใช่คนได้ที่ 1 นางเอกเอวีตัวแสบปี 2013 หรือเปล่า ?”
   “กูว่าถ้ามึงรู้เยอะขนาดนี้ก็ไปดูน้องอุมามิอะไรนั่นสิวะ ห่า !!”
   ไม่ต้องรอให้ไลออนมันตอบล่ะ ผมนี่แหละพูดเองเลย เวรเอ๊ย มึงจำได้กระทั่งชื่อ อายุ สัดส่วน ลีลาท่าทาง แถมยังจำรางวัลหนังเอวีได้อีก กูว่าแม่งเคยศึกษาเกี่ยวกับน้องอุมามิแหงเลย แต่ไอ้ดำกลับหันมาเลิกคิ้วน้อยให้ผม
   “ไม่ใช่น้องอุมามิ อะมามิต่างหาก เหี้ยไม่พอแล้วยังจะเป็นควายเหรอวะ ?”
จี๊ด.. มีการสวนกูกลับอีก !
   “ใครควายวะ ! ถ้ากูควายไอ้ไลออนมันก็ควายนั่นแหละ ก่อนหน้านี้แม่งพูดชื่อน้องอะมามิ ๆ อะไรนั่นผิดเหมือนกัน !” ยอมไม่ได้ครับ อย่างนี้มันยอมไม่ได้ คู่กัดผมเสือกเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองไลออนที่ยืนถือหนังเอวีอยู่
   “จำไม่เห็นได้ มึงพูดผิดเหรอวะไลออน ?”
   “เปล๊า !”
อ้าว.. ไอ้พวกนี้เนียน น่าจับกระทืบให้ตายจริง ๆ ! พูดชื่อผิดเห็น ๆ แล้วไหนไอ้ดำเสือกเข้าข้างมันวะ นี่มึงวางแผนด่ากูคนเดียวใช่ไหม ตอบสิไอ้ห่าราก !!
   “แล้วตกลงมึงจะมาดูเปล่าวะ ? ไอ้คุณชายผู้มีประสบการณ์” เจ้าตัวดีตาประกายวิบวับ มองไอ้ดำที่คว้าแผ่นหนังมาจ้องอีกครั้งหนึ่ง สาเหตุที่มันได้ฉายามีประสบการณ์เชื่อว่าเวลามันเอาคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้แล้วได้ยินเสียงกันทั่วหอครับ อืม.. กูเข้าใจจริง ๆ
   และไอ้ดำก็แสดงท่าทีไม่อยากดูด้วยความเกรงอกเกรงใจผมครับ.. เพราะคำตอบมันคือ..
   “มาห้องกูเลยก็ยังได้”
   อ๋อ.. เออ ก็ดี ให้พวกมันไปดูกันที่ห้องมัน จะได้ไม่ต้องมารบกวนผม..
..
หะ.. ?
..
   “ห้องมึงก็ห้องกูไม่ใช่เหรอวะไอ้ถ่าน !!” ผมตะโกน จ้องหน้าแม่งเขม็ง ดูดิ ไม่สำนึกผิดด้วยอ่ะ ห้องกูเลยนะห้องกู๊ !!
   “พอถ่านโดนไฟจุดแล้วมันมีสีขาว” ไอ้ดำเอ่ยเรียบในขณะที่ผมผงะ เออ ว่ะ พอถ่านมันเริ่มไหม้ ๆ ก็มีสีขาวขี้เถ้านี่หว่า
   “เชี่ย กูเปลี่ยนเป็นไอ้ตัวมอดก็ได้”
   “มอดบางตัวสีน้ำตาล”
   “ห่า งั้นกูเรียกมึงไอ้ดำอ่ะดีแล้ว... เชี่ยยยยย ! พากูนอกเรื่อง !!” ผมร้องลั่นพร้อมจ้องเขม็ง ไม่ไหว ๆ นี่มึงคิดจะเล่นว่าวในห้องกูใช่ไหม ไม่ได้มีพื้นที่เยอะขนาดนั้น ชักกันที่อื่นดิวะ !!
   “เออ ตกลงตามนี้นะ” เดี๋ยว ๆๆ ไอ้ไลออนมันก็เวรเหลือเกิน สรุปเสร็จสรรพเล่นเอาผมอ้าปากค้าง “ซานจะไปปะ ?” มึง เดี๋ยวนะ มึง เกรงใจกูหน่อย !
   “อ๋อ .. ไม่ดีกว่า แฟนหวง” เจ้าหนุ่มหน้าอ่อนส่ายหัวไปมาเป็นเชิงปฏิเสธพลางยิ้มให้ครับ “ขอให้พวกมึงสนุกนะ”
อ่ะเฮือก กูไม่สนุกครับคุณซาน กูไม่สนุก !
   ผมเบ้ปาก ซานคร้าบ เอากูไปด้วย ทำไมกับซานมึงไม่บังคับ แล้วกับกูถึงล็อคคอเลยวะ ฮือ อยากจะร้องตะโกนลั่น ๆ แต่พวกมันดันเสือกนัดกันซะเสร็จสรรพ แถมยังวางแผนเรียกไทเกอร์ ไอ้จินและนิวให้มาด้วยกันอีกต่างหาก เวรเอ๊ย !
   ..โดยคนแรกที่โดนถามคือจินและนิวที่กำลังนั่งสวีทบนโต๊ะหินอยู่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่ของโรงเรียนข้างๆ หอครับ..
   “อะมามิ ?”ไอ้จินเป็นฝ่ายทวนคนแรกหลังจากไลออนกลายร่างเป็นคนหื่นกามผู้ครึกครื้น หาเพื่อนดูเอวีด้วยกัน มันพยักหน้ารัวโชว์แผ่นที่ถูกห่อด้วยกระดาษเพื่อกันไม่ให้อาจารย์เห็น
   “ไปเปล่ามึง ห้องไอ้นัย บอกไว้ก่อนว่าอย่างเด็ด !” ห้องนัยก็ห้องกู เหมือนไอ้จินจะคิดนานราวกับกำลังประมวลว่าห้องไอ้ดำคือห้องใครแล้วค่อยร้องอ๋อ
   “ตอนแรกนึกว่าห้องกู.. ห้องเชี่ยกรดกับไอ้นัยสินะ” ว่าจบมันก็พยักหน้ากันหงึก ๆ ครับ ผมชำเลืองเห็นไอ้เชี่ยนิวกำลังโซ้ยยำมาม่าเข้าปากอย่างไม่สนใจใครเลย สัตว์นี่ ได้แฟนลืมเพื่อนเหรอวะ เดี๋ยวปั๊ดตบสักรอบให้หัวแหก !
   “เชี่ยนิว” ไอ้ดำเอ่ยปากเรียกชื่อมันให้หันแต่เหมือนจะไม่ได้ผลเพราะอีกคนกำลังหมกมุ่นกับยำมาม่าอยู่ ทว่ากลายเป็นไอ้ดำที่เลื่อนตัวไปหานิวแล้วคว้าชามโฟมออกมาแทน
   “เฮ้ย !” เสียงหวานร้องลั่นพร้อมเบิกตากว้างขณะที่ถูกแย่งส้อมไปด้วย “เชี่ยนัย ! ทำไรมึงเนี่ย !”
   “กูหิว” เหยด.. แม่งตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ แล้วโซ้ยมาม่าไอ้นิวต่ออย่างไม่รังเกียจเลยครับ อูย.. นั่นไง นั่น ! ไอ้จินหันขวับจ้องเขม็งอย่างกับจะฆ่าไอ้เพื่อนนิวและไอ้ดำให้ตายห่า ถ้าพรุ่งนี้รูมเมทกูหายนี่ฟันธงได้เลยว่าเชี่ยจินนี่แหละเอาไปหมกส้วม !
   แต่สุดท้ายคนหึงก็สะบัดหน้าหนีแล้วตอบคำถามไลออน
   “กูไป”
   “มึงจะไปไหนวะ ?” นิวหันขวับมองจินด้วยสายตามึนงง อีกฝ่ายบุ้ยหน้าทางหนังเอวี “เหี้ยไรเนี่ย ”
   “เอวี อะมามิ ไปไหมมึง”
   “เชี่ยจิน ! มึงไปเหรอวะ !?”
   “เออ”
   “ไอ้.. ไอ้เหี้ย ! ไปหาพ่อมึงเหรอ !?” เอาล่ะสิ นี่คือศึกชิงความรักกันใช่ไหมครับ ไอ้นิว VS อะมามิ มาแข่งกันว่าใครจะยั่วได้อารมณ์ขึ้นกว่ากัน “ห่า !! ถ้ามันไปกูก็ไป.. เดี๋ยว ๆ ! มาม่าตังกูนะไอ้นัย !”
   ไอ้ดำยักไหล่ โซ้ยต่อแบบไม่คิดขยะแขยงเลยด้วยซ้ำ ขณะที่ผมยังคงขมวดคิ้วแน่นไม่ต่างจากเชี่ยจิน แอบชำเลืองเห็นความหึงหวงที่ประกายไฟแวบ ๆ อยู่ในนัยน์ตามันอีกด้วย
   “เจ๋ง คืนนี้หกโมงเจอกันห้องไอ้นัย !”
   ไอ้เรื่องพากันไปดูเอวีห้องผมน่ะ พอทำใจได้นานแล้วล่ะ
แต่ว่า..
ไอ้ดำกับไอ้นิว.. ไปสนิทกันจนถึงขั้นแย่งมาม่ากันได้เมื่อไหร่วะ.. ?

   “เอาล่ะพวกมึง... เวลาที่ทุก ๆ ท่านรอคอยได้มาถึงแล้ว !”
รอคอย.. รอคอยพ่อมึงดิ !
   ผมเบ้ปาก นอนแผ่กลางเตียงของตนเองในขณะที่สายตาปรายเพื่อนเต็มห้องทั้งฝูงที่อยู่ฝั่งเตียงไอ้ดำ ความไม่เข้าใจปรากฏขึ้นทันที
ทำไมต้องเป็นห้องกู ?
..
เออ เพราะไอ้ดำบอกให้เอาห้องมัน !
   บัดซบ ! นี่พวกมันไม่นึกถึงความคิดของกูเลยใช่ไหมวะ กูก็เจ้าของห้องนะ
   ไอ้ไลออนได้หลอกล่อจิน นิว และไทเกอร์มาด้วยกัน รวมถึงไอ้ดำและผมที่โดนลูกหลงมาด้วยอีก ทำไมต้องมาเจอเรื่องอะไรพวกนี้ด้วยวะ น่าจะเปลี่ยนจากเรื่องเกลียดฉิบหายเป็นซวยฉิบหาย ลูกหลงฉิบหาย เหี้ยฉิบหาย อะไรก็ว่าไป ไม่ต้องมามงมาเกลียดแล้ว โง่ฉิบหายก็ได้เพราะกูตัวเอกนี่โง่แบบจริงจัง !!
มาถึงตอนนี้น่ะเหรอ ?
ขอเหอะ เป็นหื่นฉิบหายที !
   ในตอนแรกผมจำได้ลาง ๆ ว่าไทเกอร์มันปฏิเสธแทบเป็นแทบตายเพราะกลัวแฟนสาวหึง แต่พอถูกไอ้ไลออนคะยั้นคะยอเข้าหน่อยดันลอยตามน้องซึบาสะ อะมามิซะงั้น นี่ตกลงมันเกรงใจแฟนจริงเปล่าวะ ?
   พวกเราทุกคนกำลังนั่งอยู่หน้าทีวีจอใหญ่ที่ผมกับไอ้นิวระดมเงินกันซื้อรวมถึงขอทุนพ่อแม่ด้วย ไอ้ตัวการไลออนเลียมุมปากตอนกำลังแกะแผ่น
   “ห่า.. ทำไมต้องห้องกูเนี่ย ?”
   “รับไม่ได้ก็ไปอยู่ห้องกูก่อนได้นะ” จินเสนอ สายตายังคงจับจ้องไปทางทีวีไม่ขาด ส่วนเชี่ยนิวนี่ดิ แอบเหลือบมองหน้าไอ้จินเป็นระยะ ๆ เหมือนห่วงอะไรเสียอย่างนั้น โอ๊ย ไอ้คู่นี้นี่มันสวีตกันไม่ขาดสายจริง ๆ ปล่อยให้กูหนีไปเถิด
   “มึงก็มีห้องไม่ใช่เหรอวะไอ้ไลออน ทำไมไม่ใช้ห้องมึง”
   “มีทีวีแต่ไม่ดีเท่าห้องมึงไง” เป็นเสียงของไทเกอร์ตอบกลับ มึงเองก็หื่นพอ ๆ กับพวกนั้นเลยไอ้สัตว์เอ๊ย ตอนแรกแม่งทำเป็นคนดีไม่ดู ๆ กลัวแฟนว่า ไป ๆ มา ๆ ดันเสือกดีแตก เกาะอยู่หน้าจอทีวีห้องผมซะงั้น เชี่ยเอ๊ย !
   เหมือนทุกคนในนี้จะตื่นเต้นกันหมดครับ.. เอาตรง ๆ ผมก็ตื่นเต้นนะ แม้จะไม่เต็มใจเท่าไหร่ก็เหอะ พวกหนังแบบนี้ไม่ค่อยได้ดูนานพอควรแล้วเหมือนกัน ปกติผมมักจะปลดปล่อยช่วงที่ไอ้นิวออกไปข้างนอกหรือไม่อยู่ครับ
อะไรครับ ? ผมก็ผู้ชายคนหนึ่ง ต้องการหลั่งออกบ้างเหมือนกันแหละน่า !
   “เอาล่ะนะมึง... ปิดไฟ ๆ” เสียงไลออนดังออกมาก่อนจะชี้นิ้วสั่ง ไอ้ดำแม่งดูตื่นเต้นแต่ไม่แสดงออกทางคำพูด สายตามันนี่แหละ วิบ ๆ วับ ๆ
กูจะบ้าตาย สงสารกูเหอะ กูไม่หื่นอ่ะ เข้าใจไหมวะ !
   แต่เหมือนไม่มีใครรับฟังเสียงกรีดร้องในใจของผมเลยด้วยซ้ำ ไอ้ไลออนกดดิสก์เข้าไปในตัวเครื่องเล่น
ทุกคนเงียบสนิท..
จนผมสัมผัสได้ว่าใจตัวเองเต้นแรง.. ฉิบหายล่ะ กูจะตื่นเต้นด้วยทำไม
   หน้าจอทีวีได้เปล่งแสงเจิดจ้าโฆษณาบริษัทและผู้สนับสนุนก่อนอันดับแรก แต่กลับไม่มีเสียงเพลงใด ๆ ให้รบกวน เป็นเพียงความเงียบสงบที่ได้กรีดกรายเข้ามา ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก นัยน์ตาชำเลืองมองอย่างอดไม่ได้ ภาพที่เห็นคือทุก ๆ คนต่างจดจ้องบนทีวีจอใหญ่ ..
แน่นอน รวมถึงผมด้วย
   เลือดทั้งกายของตนสูบฉีดแรงขึ้นกว่าเดิมจนทำให้ทะลักออกมา เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนใบหน้าของผม
ก่อนที่หนังเอวีบ้าๆ นี่.. จะเริ่มขึ้น

   ผมเม้มริมฝีปากแน่น หัวสมองสั่งให้ตัวเองเบนสายตาออกและยกมือปิดหู แต่มันกลับไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย นัยน์ตาของผมเลื่อนมองไปทางทีวีอย่างช่วยไม่ได้ ภาพของหญิงสาวสวยสัดส่วนสเปกหนุ่มกำลังเดินเข้ามาอยู่ภายในฉาก ตามด้วยผู้ชายถึงกับสองคน ! โอ๊ย พระเจ้า ! ชายสองหญิงหนึ่ง !
   เริ่มแรกเป็นฉากที่ค่อย ๆ ปลดเสื้อก่อน เหมือนฝ่ายหญิงจะถูกชายคนหนึ่งช้อนตัวจากด้านหลังและล็อคแขนเอาไว้ ผมเพิ่งสังเกตว่าพวกผู้ชายนั่นน่ะใส่แค่กางเกงยีนส์เนื้อสวยตัวเดียว
   “เริ่มแล้ว ๆ !” เสียงไลออนดังขึ้นมาก่อนมันจะถูกไทเกอร์ปิดปากหมับเนื่องจากขัดบรรยากาศ ในห้องอยู่ในความเงียบกริบ ผมแอบยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างตัวเองเอาไว้
บอกแล้วไงว่าไม่ได้ช่วยตัวเองมานานแล้ว..
   ฝ่ายหญิงเป็นคนปลดเสื้อชายเหล่านั้นออกก่อน แม้ว่าใบหน้าจะดูสงบเสงี่ยม แต่หล่อนกลับกระชากเสื้อจนหลุดลุ่ยไปเสียหมดก่อนจะเป็นฝ่ายกระโจนเข้าไปหาอีกคนหนึ่งเหมือนแม่เสือสาว เธอเลียริมฝีปากแดงสวยพลางทาบลงบนผิวกายสีแทนนั่น..
สีแทน..
   คิดเพียงเท่านั้นผมก็เหลือบไปมองชายที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ไอ้ดำกำลังจ้องไม่วางตาด้วยกัน..
เหี้ย ! แล้วกูจะไปมองมันทำไมวะ !
   “อึก..” ผมได้ยินเสียงร้องออกมาแผ่วเบา ขณะที่ในจอภาพนั้นฝ่ายหญิงได้เริ่มอ้าปากครองครองแก่นกายของชายคนแรกในทีวี ขณะที่ปราการชิ้นล่างของเธอก็ถูกชายอีกคนถอดไปด้วย
   “มึงแม่งหื่นแต่ปาก ทนไม่ไหวล่ะสิ” ได้ยินเสียงไทเกอร์เป็นคนพูดก่อนที่จะยกยิ้มแล้วมองเจ้าของหนังเอวีที่กำลังเม้มปากแน่นส่งผลให้ผมหันตาม พวงแก้มขาวของไลออนเล่นทำให้ผมรู้สึกว่ามัน ‘เซ็กซี่’ ขึ้นมาดื้อ ๆ เลย
เก่งแต่ปากท่าจะจริง นี่ยังเริ่มไม่ถึงไหนเลยนะโว้ย ! มึงจะไปคนแรกแล้วเหรอ ?
คิด ๆ ไปนั่น ก็ปวดท่อนล่างตุบ ๆ แหะ .. ฉิบหายแล้วกู
   ‘อึก.. ดีมาก.. ดูดแรง ๆ สิ’ เสียงจ๊วบจ๊าบดังลอดออกมาจากทีวีทำให้สติของผมกลับมาอีกครั้ง นัยน์ตาหันมองในจอภาพ ฝ่ายหญิงกำลังขยับริมฝีปากรัวทำผมหัวใจเต้นรัว
   “ไทก์..” เสียงไลออนดังขึ้นอ่อน ๆ ก่อนที่เจ้าเสือหื่นแต่ปากจะขยับตัวไปหาไทเกอร์ นัยน์ตาโต ๆ ของมันปรือปรอยจนดูยั่วยวน ขนาดผมยังต้องยอมรับเลยว่าสภาพไอ้ไลออนตอนนี้แม่งน่าขยี้จริง ๆ “..แม่งไม่มีใครเปิด กูขอเปิดแล้วกัน..”
   “รอกูก่อนดิวะ.. มานี่ !” ไอ้ไทเกอร์ขยับตัวให้ชิดกับไลออนก่อน.. ก่อนที่พวกมันจะทำการรูดซิบกางเกงออก..
เฮ้ย ! ผมไม่บรรยายแล้ว !!
   ไอ้เชี่ยไทเกอร์ ! มึง.. มึงมีแฟนแล้วนะโว้ย ! ยังคิดจะผลัดกันจับกับไอ้ไลออนอีกเหรอวะ ใครจะไปนึกไปฝันว่าแม่งจะจับผลัดกันจับ !! ผมพูดจริง ๆ พวกมันผลัดกันจับให้กันและกันเลยด้วยซ้ำ ห่า !! เวร ! แม่งมีซัมติงกันเปล่าวะ !?
   ผมรีบเบี่ยงหน้าไปอีกทาง เสียงครางหวานดังออกจากทีวี คราวนี้เหมือนส่วนล่างของตัวเองปวดหนึบแล้วดุนดันเหมือนพยายามจะออกมาให้ได้เลยด้วยซ้ำ เวรแล้วกู โอ๊ย..
   “นิว” เชี่ย หูกูก็ดีเหลือเกิน ได้ยินไอ้จินเรียกชื่อเพื่อนสนิทของผมเบา ๆ แอบหันไปมองก็เห็นใบหน้าของมันหายแมนเป็นปลิดทิ้ง นัยน์ตาอีกฝ่ายปรือปรอยจนเล่นเอาผมถึงกับผงะ นี่มันดูยั่วยวนชัด ๆ พอ ๆ กับไลออนเลยนะมึง
   ไอ้นิวเลิกคิ้ว สายตามันผละออกมาจากทีวี
   “เป็นไง บอกแล้วว่าอย่าดู เชื่อยังล่ะ” ผมได้ยินเสียงเพื่อนซี้ตัวเล็กของตัวเองตอบ ไอ้จินคว้าไหล่นิวเอาไว้ก่อนจะเอนซบลงที่อกบางของมัน ..เฮ้ย เดี๋ยว เดี๋ยว ๆๆ ! กูว่าโพสิชั่นมันชักแปลก ๆ นะ ของไอ้ไลออนไทเกอร์ยังพอรับได้
แต่ไหนเป็นเชี่ยจินที่ทนไม่ไหวก่อนไอ้นิววะ !
   “กะ.. ก็กู.. กูไม่รู้ดิ” จินเป็นคนตอบ ใช้หน้าแมน ๆ ที่เพิ่งกลายเป็นสาวเพราะขึ้นสีแดงระเรื่อซุกลงอก เชี่ยนิวหัวเราะในลำคอแผ่วเบาเล่นเอาผมถึงกับสะพรึง..
..ไอ้นิว มึงแมนมาก ..
   “ไหวไหม ?” เสียงหวานของมันถามกลับพลางเอื้อมมือลูบลงบนหัวของจิน อีกฝ่ายนิ่งไปเล็กน้อย สายตามันเหลือบมองทีวีก่อนจะส่ายหัวยุกยิกเป็นสาว ๆ เพียงเท่านั้นนิวก็ใช้มือลูบลงบนหลังของจินพร้อมหันมาหาพวกผมด้วยรอยยิ้ม “สงสัยคนของกูจะไม่ไหวแล้วว่ะ.. ขอตัวสละสิทธิ์กลับก็แล้วกัน”
เล่นอะไรง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอวะ !?
   แถม นิว.. ทำไมมึงยังทำอะไรแล้วดูสบาย ๆ ได้อีกล่ะ แม่ง ไม่ขึ้น ไม่โด่ ไม่ดุนดันที่เป้าแบบกูเลยเรอะ !?
   “..นิว..” จินพูดเสียงเบา กระพริบตาปริบ ๆ ขณะที่นิวก้มมองคนซุกอกตัวเองเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มหวานหยด
   “รู้แล้วน่าว่าอยากให้ทำอะไร” มันว่า ก่อนจะยกลิ้นเลียริมฝีปากตนเองเบา ๆ “เราก็ไปกันเถอะ”
...
แค่นี้จริง ๆ
   ไอ้นิวในสายตาผมดูแมนเพิ่มขึ้นพันเปอร์เซ็นต์ในขณะที่เชี่ยจินถึงกับคะแนนแมนติดลบ ความแมนที่ไม่เข้าใครออกใครและไม่สามารถดูที่ขนาดหรือรูปร่างได้ !! โอ้พระเจ้า ! กูล่ะช็อก !
   ‘อ๊ะ.. อ๊าาา แรง แรงกว่านี้ อ๊าา !’
เฮือก !
   หันมองอีกรอบกลายเป็นผู้หญิงกำลังถูกขย่มอยู่ในขณะที่หล่อนก็ยังใช้ริมฝีปากปรนเปรอให้ชายอีกคน เสียงหวานที่ดังก้องทำเอาทั้งร่างของผมปวดจี๊ดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่..
บัดซบ..
กูก็จะไม่ไหวแล้ว..
   “อึก..อะ..” ได้ยินเสียงดังมาจากคู่ไทเกอร์กับไลออนเป็นระยะ ๆ พวกนี้นี่มันไม่แคร์หรือไม่อายกันเลยสินะ แต่สองตัวนั่นก็ช่วยกันและกันอยู่จนเล่นเอาผมเมินหน้าหนีแทบไม่ทัน
..แต่
แต่กู..
   ความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งพราดขึ้นมาจนทำให้ผมต้องกำชับผ้าห่มที่คลุมตนเองอยู่ มองไปทางทีวีที่กำลังแสดงบทรักร้อนแรง หัวใจของตนเองเต้นระรัวจนแทบหลุดออกมาด้วยซ้ำ..
ไม่ไหว..
ไม่ไหวแล้ว..
   พวงแก้มของตนเองขึ้นสีแดงระเรื่อจนผมรับรู้ได้ ริมฝีปากตนเองแห้งผาก ผมใช้นิ้วของตนเองแตะลงบนแก่นกลางร่าง หัวใจเต้นระรัวจนแทบหลุดออกมา มือค่อย ๆ ปลดซิบกางเกงตนเองและล้วงเข้าไป รับรู้ได้ว่าส่วนนั้นกำลังแข็งขึ้นมาอย่างหยุดไม่อยู่ ใช้นิ้วสัมผัสแผ่วเบาบนผิวเนื้อนุ่ม..
มะ..ไม่ไหว..
กูจะไม่ดูเอวีกับพวกมันอีกแล้ว สาบานได้เลย !
   คิดเพียงเท่านี้พลางค่อย ๆ กอบกุมแก่นกายตนเองทีละเล็กทีละน้อย บีบนวดแผ่วเบาเพื่อเล่นกับอารมณ์ในร่างให้พุ่งพล่าน ดวงตาปิดแน่นในขณะที่ใบหน้าร้อนฉ่า ใช้นิ้วของตนเองกดลงบนส่วนปลายยอดที่มีหยาดน้ำเยิ้มออกมาตามหนังเอวีที่ผู้หญิงคนนั้นเอาปลายนิ้วของหล่อนถูไถที่ส่วนปลายของความเป็นชาย
   หัวใจของผมกระตุกวูบ
   “อ..อะ..” เสียงที่น่าอับอายหลุดออกมาจากปากของตนเอง ไม่นะเว้ย.. ตอนนี้คนเยอะอยู่ ห้ามเผลอส่งเสียงเด็ดขาดแม้จะฟินแค่ไหนก็ตาม !
   ดวงตาของตนปรือปรอยขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่ไม่รู้ว่าคิดอะไร.. บางสิ่งบางอย่างกลับทำให้สายตาหลุดออกจากจอทีวีนั่นไป
   ผม..สบสายตากับใครบางคน..
   หัวใจของตนเองพาลเต้นแรงระรัว เมื่อดวงตาของผมสบกับชายผิวแทนที่กำลังนั่งอยู่ข้าง..
มัน..ไม่ได้มองไปยังหนังเอวีนั่น..
..
เพราะมัน.. กำลังมองผม..
..
   พวกเราสบตากัน ไอ้ดำเลิกคิ้ว และมันก็ค่อย ๆ กระตุกยิ้มมุมปากด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะพูดขยับปากหนึ่งประโยคซึ่งทำให้ความอับอายของผมขึ้นสูงทันที
   ‘อ่อน’
พรวด !!
   ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมที่จะกอดผ้าห่มที่ครอบคลุมร่างของตนเองเอาไว้ ใบหน้าของตนเองแดงแจ๋.. ไอ้เหี้ย.. ไอ้เหี้ยนั่น..
มันจ้องกูตลอดเลยใช่ไหมวะ !? เวรเอ๊ย !
   ไม่รู้ว่าจะด่ามันยังไงแล้ว บัดซบสิ้นดี !!
   “ห้องน้ำ !” กระแทกเสียงตนเองออกพร้อมรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที ผมปิดประตูดังโครมก่อนจะกดล็อคอย่างเร่งรีบ ไม่วายสองขาถึงกับอ่อนเปลี้ย ความต้องการที่ถูกปลุกขึ้นมาทำให้ร่างพาลไม่มีแรงไปในทันใด..
บัดซบ..
บ้าบอที่สุด..
เหี้ยเอ๊ย..
   ผมเขี่ยผ้าห่มให้อยู่ห่าง ก่อนจะร่นกางเกงนักเรียนออกให้อยู่ในระดับที่ตนมั่นใจว่ามันจะไม่สกปรกเมื่อถึงจุด ๆ นั้น เม้มริมฝีปากของตนเองแน่น คว้าแก่นกายนุ่มภายใต้บ็อกเซอร์ตัวเก่งแล้วพลางค่อย ๆ ขยับฝ่ามือแผ่วเบา ดวงตาพริ้มหลับลง นึกถึงภาพของหญิงสาวเอวีที่กำลังเป็นฝ่ายทำให้ผมอยู่ ความรู้สึกอัดแน่นเข้ามาที่ส่วนยอด ทั้งร่างเหมือนกระตุกเกร็งอย่างรวดเร็ว ผมโค้งตัวงอเล็กน้อยก่อนที่จะเร่งฝ่ามือของตนเองให้ขยับแรง
   “อ..อึก” เสียงครางแผ่วเบาดังออกมาเพราะความสุขสม ภาพหญิงสาวที่ขยับเข้ามาแล้วใช้ริมฝีปากคอยจัดการกับน้องชายของตนเองปรากฏขึ้น แหงนคอด้วยความทรมาน เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นทั่วร่าง เร่งจังหวะมือให้ถึงขั้นสุดท้ายโดยเร็ว ..
หากแต่.. มันไม่ใช่..
   ..ฉับพลันเมื่อความร้อนขาวขุ่นจากร่างกายของตนถูกปลดปล่อยออกมา ภาพชายผิวเข้มคุ้นเคยกลับวาบเข้ามาในหัว นัยน์ตาคมเข้มของมันที่ดูเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมา มันเลียริมฝีปากของตนเองอย่างร้ายกาจ ก่อนที่จะโน้มตัวลงไปใช้ลิ้นหนาครอบครองส่วนอ่อนไหวของผม
   “อ..อะ..อา” ในหัวเหมือนถูกตีกันจนน่าสับสน.. ไม่ใช่หญิงสาวหุ่นสวยเอ็กซ์เซ็กซี่แต่อย่างไร กลับเป็นชายผิวเข้มกล้ามมัดกำยำเสียนี่..
ย.. อย่าบอกนะว่า..
   คิดย้อนไปถึงภาพก่อนที่จะปลดปล่อยความสุขสม.. ภาพของมัน.. คนที่ผมเกลียดฉิบหายกำลังใช้ริมฝีปากกับส่วนนั้นของตัวเองอยู่..
..
ไม่จริงน่า..
   หัวสมองและหัวใจกำลังร้องประท้วง .. แต่ร่างกายกลับทรยศ เพราะเมื่อคิดถึงภาพปากของมันกำลังปรนเปรอให้ผม ส่วนนั้นกลับได้รับผลพลอยคือแข็งทื่อขึ้นมาอีกครั้ง !!
   ผมก้มมองน้องชายของตนที่แสนจะทรยศ..
ไม่จริง
เฮ้ย.. เป็นไปไม่ได้..
   ใบหน้าของตนซีดเผือด.. ทำไมวะ ตอนกูปล่อยออกมามันไม่ใช่สาวสวยหมวยเอ็กซ์ หรือผู้หญิงน่ารักดึงดูดล่ะวะ ..
ท.. ทำไม.. ทำไมมันถึงเป็นมัน..
ไอ้ดำ
   หัวของผมเริ่มไล่เรียงสติได้ ผมก็ถึงกับอ้าปากค้างพะงาบ ๆ กับร่างกายและความคิดของตัวเอง ถ้าผมปลดปล่อยออกมาแล้วเห็นภาพไอ้ดำกำลังใช้ปากให้กับตัวเองอยู่ มันก็หมายความว่าผมอยากมีอะไรกับมันงั้นเหรอ ?
ฉิบหาย..แล้วกู..
..คิดได้เท่านั้นก็ร้องออกมาลั่นแบบไม่อายใคร..
   “เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!”

   ร่างของไลออนที่เพิ่งจัดการกับตนเองเสร็จพร้อม ๆ กับไทเกอร์สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ไม่ต่างจากชายผิวเข้มที่นั่งอยู่บนเตียงของตน เขาหันขวับไปทางห้องน้ำอย่างงุนงง
   “..ไอ้กรดแม่งแปลกว่ะ” ไทเกอร์ว่า คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ “นึกถึงเหี้ยแล้วน้ำแตกเหรอวะ?”ไลออนผงะเล็กน้อยก่อนจะเก็บแผ่นเอวีลงดั่งเดิมพลางยักไหล่น้อยๆ และพูดประโยคถัดไป
   “บางที ไอ้กรดอาจจะมีอารมณ์กับเหี้ยก็ได้ ใครจะไปรู้”
….






หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:22:45
C h a p t e r 27
คนเกลียดกัน มักจะยุแหย่กัน (ขึ้น)


   ไอ้.. ไอ้บัดซบ !
เวร.. ไอ้ฉิบหายเอ๊ย !!
   มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของผมวะ ไปมีอารมณ์กับผู้ชายอีกเหรอกู แถมไม่ใช่กับคนหน้าตาหมวย ๆ ขาว ๆ น่ารักตาโตจมูกเล็กปากแดงแก้มชมพูอีกด้วย เอาเข้าจริง ๆ ให้กูไปมีอารมณ์กับเชี่ยนิวยังดีซะกว่าเลย
แล้วทำไมต้องมีอารมณ์กับมันด้วยวะ !
ไอ้ผู้ชายผิวเข้มกล้ามเป็นมัด ๆ หน้าตาร้าย ๆ ปากหมา ๆ ที่กูเกลียดฉิบหาย !
   ชีวิตน้องน้ำกรดมันจะแย่ไปไหน เริ่มแรกด้วยการเปิดมาตะโกนด่าเกลียดขี้หน้ามันตั้งแต่แรกเจอ สักพักถูกจับมาอยู่ด้วยกันเพราะอาจารย์ไม้สุดโหดนี่ !
..สุดท้าย .. คือน้ำแตก (?) เพราะหน้ามัน !!
บ้าไปใหญ่แล้ว !
   ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก แข็งมาทำไมครับไอ้น้องชายน้ำกรด ! สงสารกูเหอะ กูไม่อยากมีอารมณ์กับมัน แล้วไอ้น้องชายตั้งทำไม ! มึงจะแตกทำไมวะ !
   ผมคว้าบ็อกเซอร์ใส่ด้วยความมืดมัวแล้วเดินไปล้างมือพร้อมกับจัดการตนเองให้เสร็จสรรพ
 จิตใจกู.. ปกติพอปลดปล่อยแล้วมันต้องฟินสิ ร้องอูว์ อาห์ แล้วทำไมทีกูปลดปล่อยเสร็จแล้วอยากกระโดดตึกตายวะเนี่ย ฉิบหายแล้วกู โอ๊ย ฉิบหายแน่ ๆ ทำแบบนี้ฆ่าตูให้ตายเลยดีกว่า !
 เฮ้ย ไม่ต้องฆ่า น้ำกรดนี่แหละจะเดินลงไปโดดตึกตายเอง ! จะว่าไปตอนนี้ก็มีโถส้วมนี่หว่า อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือการจมน้ำในโถส้วมตาย โอ้ว ใช่เลย ถึงมันจะดูเหี้ยบัดซบแต่ก็ไม่เลว..
ถุย ! เออ ปล่อยกูไป ไอ้พล่าม ๆ มาข้างต้นอ่ะ ผมเพ้อ !
   ผมพาร่างของตนเองเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมสภาพจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสับสน หน้ามืด ตามัว กูขอกระโดดตึกตายได้ไหมวะเนี่ย ?
   หากแต่เมื่อกวาดสายตามองไปรอบ ๆ กลับต้องขมวดคิ้วทันทีทันใด .. ไอ้ลูกคู่ลูกรับนรกนี่มันหายตัวไปซะแล้ว
   “เชี่ยไทเกอร์กับเหี้ยไลออนมันหายหัวไปไหนวะ ?” พูดจบก็หันไปหาคนที่กำลังนั่งนิ่งอยู่บนเตียงครับ ความเงียบคือสิ่งที่ได้รับตอบกลับ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมถึงกับคิ้วกระตุกหงิกๆ “ไอ้ดำ”
   “...”
ไอ้ห่า ! แม่งยังเงียบอีก !
   ผมเบ้ปาก เดินไปทางเตียงของตัวเองพร้อมเหลือบตามองอีกฝ่าย
   “แม่งกลับห้องไปแล้วเหรอว..”
..หากแต่ไม่ทันจะได้พูดจบประโยค.. ก็ถึงกับชะงัก..
   ใบหน้าของมัน.. ดูนิ่งมากเลยด้วยซ้ำ นัยน์ตาคมตวัดกลับมามองผมพร้อมพูดเสียงเบา
   “..ออกไปจากห้องนี้ซะ”
หะ ?
   เฮ้ย ๆ ! เดี๋ยว เหี้ยไรวะ อยู่ ๆ มาไล่กูเนี่ย ?
   “นี่ก็ห้องกู มึงมีสิทธิ์อะไรมาไล่วะ” ผมชักเสียงและสีหน้าอย่างหยุดหงิด ไอ้ห่าราก อยู่ ๆ มาบอกให้กูออกไปจากห้องเนี่ยนะ ? นี่มึงกินยาผิดปกติหรือเปล่าวะเนี่ย ?
   “ไสหัวออกไปซะ”
อ้าว เชี่ย ไล่กูอีกล่ะ !
   สนใจต่อยกันสักหมัดไหมครับ มวยน้ำกรดสุดหล่อ ปะทะ คนดำสุดเหี้ย น่ะ สนใจไหม หา สนเปล่า !
   เอ๊ะ.. จะว่าไป มันดูแปลก ๆ นะ
   คิ้วของผมขมวดมุ่นติดกันทันทีที่เริ่มจับผิดได้ ร่างอีกฝั่งหนึ่งของเตียงกำลังก้มหน้านิ่ง ซ้ำยังไม่คิดจะหันมาสบตาพูดตอบกับผมเลยด้วยซ้ำ ผมพยายามเพ่งสายตามองอีกฝ่ายที่ยังคงนิ่งสนิทอยู่ จำได้คร่าวๆ ว่าพวกเราเพิ่งดูเอวีกันมา..
..อย่าบอกนะว่า..
..
   “มึงมีอารมณ์เหรอวะ .. ไอ้ดำ ?”
คือกูก็ถามไปงั้นแหละ คิดว่ามันจะเถียงกลับมา แต่ที่ไหนได้..
..เงียบ..
ความเงียบคือคำตอบ..
   ..น้องน้ำกรดถามอะไรลงไป
.. ความคิดนี้แล่นวูบเข้ามาในหัวผมทันที นัยน์ตาของอีกฝ่ายตวัดมองราวกับเคืองแค้นผมมาประมาณสิบชาติแล้วอย่างไงก็ไม่รู้ !
   “..เออ .. เพราะงั้นออกไปอยู่ห้องไอ้จินซะ” มันพูดเสียงเรียบเป็นคำตอบครับ.. แต่ผมนี่ดิถึงกับผงะ เดี๋ยว ๆ มึงมีอารมณ์แล้วไล่กูหาพ่อมึงเรอะ ?
   “เหี้ย อยากรีดออกก็ไปรีดในห้องน้ำดิวะ กลัวตัวเองครางเสียงหวานรึไง” ผมสวนกลับทันที
    ..โอย กูอยากจะขำให้ฟันร่วง คือแบบ หน้าไอ้ดำตอนนี้มันดูทรมานฉิบหายวายวอดจริงๆ อ่ะ โธ่.. ทำไมกูมีความสุขเยี่ยงนี้ ท่าทางการเห็นหน้ามันหงุดหงิดอย่างเดียวคงจะไม่ใช่แค่ความสุขผมแล้วล่ะ มันต้องทรมานด้วยสินะ
เอ๊ะ หรือกูจะกลายเป็นสาย S ?
เฮ้ย ๆ ไม่ใช่ล่ะ !
   ไอ้ดำมองผมกลับนิ่งๆ รับรู้ได้จากสายตามันทันทีว่ากำลัง ‘หงุดหงิด’ เข้าขั้นสมบูรณ์แบบ !
   “อย่ามาเป็นเหี้ยตอนนี้ กูบอกว่าไสหัวไปก็ไปดิ”
อ้าว ๆ มึง นี่หาเรื่องซะล่ะ อย่าคิดว่าผมจะยอมนะโว้ย !
   “ไร ? นี่ห้องกูนะสัตว์ คิดจะไล่กูได้ง่าย ๆ เหรอ ?” ผมสวนกลับ ริมฝีปากเผลอยกยิ้มขึ้นมาด้วยความสะใจครับ “อะไร๊ อย่าบอกนะว่าอายที่กูจะนั่งอยู่อย่างนี้น่ะ”
   “...”
   เฮ้ย มันยังไม่ตอบ ดำแล้วหยิ่ง เชี่ย ขอให้สาวไม่มอง ได้ ! งั้นผมต่อ !
   “หึ ความจริงอายกู ปอดแหกก็บอกมาเหอะ” เสียงทุ้มขอตนเองยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่คิดจะแคร์สื่อใด ๆ ทั้งนั้น “หรือว่าความจริงอยากจนลุกออกจากเตียงไม่ได้แล้วกันวะ โธ่ ไอ้อ่อนเอ๊ย มือไม้ไม่มีแรงจะช่วยตัวเองน่ะ..”
   “เพราะทำคนเดียวมันไม่สนุก”
..ประโยคคำพูดของผมเพื่อการจิกกัดถึงกับสะดุดกลางอากาศ..
ว่าไงนะ ?
   นัยน์ตาสีเข้มของมันตวัดมามองผมด้วยความนิ่งเฉยทว่ากลับมีเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาบนใบหน้าสีกร้านแดดทันที
ทำคนเดียว— ไม่สนุก ?
   “มึงคิดเหี้ยอะไรอยู่ !!” ผมเผลอขึ้นเสียงทันที ปรอทอารมณ์ของตัวเองทะลุแตกก่อนที่สองขาจะถดถอย ขยับร่างตนเองชิดขอบผนังอีกด้าน มองมันด้วยความไม่ไว้วางใจ “ทำคนเดียวไม่สนุกพ่อมึง ! เหี้ยอะไรวะสัตว์ !!”
   ไอ้ดำขยับร่างเล็กน้อย ซึ่งก็ทำให้ผมถึงกับเสียววูบ .. เหี้ย อะไรวะ..
ไอ้เหี้ยน้ำกรดที่ต่อยหน้ากูวันนี้..
คือว่าที่เมียกู !
 ขอให้ทุกคนเป็นพยานยืนยัน !!
กูสาบานว่ากูจะสอยตูดมัน
   ประโยคคำพูดในวันที่อีกฝ่ายต้องการหักหน้าผมย้อนเข้ามาในหัวทันที ความหวาดกลัวที่แล่นวูบเข้ามาทำให้ทั้งร่างสับสนจนน่าใจหาย แปลว่าผมประมาทเกินไปจริงๆ สินะ แถมมันไม่ได้อยากจนไม่มีแรงด้วย เพราะแม่งลุกขึ้นแล้วเดินข้ามเส้นที่ผมกั้นอีกแล้ว !
   “อย่าข้ามเขตแดนสิวะ !”
   ผมตะโกนลั่นพร้อมกับเตรียมท่าต่อยมันอีก ช่วงนี้ไม่ค่อยต่อยมันเพราะไม่อยากโดนคำพูดดูถูกที่แม่งบอกว่าชอบใช้ความรุนแรงครับ แต่ถ้าอยู่ ๆ ไอ้ดำคิดจะเอาผมขึ้นมา ..
คิดเรอะว่าน้ำกรดจะยอม !?
   มันชักสีหน้าหงุดหงิด คิ้วเข้มขมวดมุ่นก่อนที่ผมจะสะดุ้งเฮือกอีกรอบกับมือที่ทุบแรงลงบนผนัง
   “อย่าทำเป็นเก่งแต่ปาก ไอ้หมา !” เหี้ย ใครหมาวะ ! ไอ้ดำจ้องผมไม่ละสายตาพร้อมพ่นลมหายใจแรง “แล้วคิดว่ากูจะเอามึงหรือไงวะ ?”
ห..หะ ?
   “...” เหวอแดกดิกู พูดไม่ออกด้วย
   “ถ้ากูจะเอามึงนะ กูเอาไปตั้งแต่วันแรก จับมึงปล้ำแล้ว !” อีกฝ่ายกระชากเสียง ซึ่งก็เหมือนเรียกสติของผมกลับมา “กูไม่ชอบบังคับเรื่องบนเตียงกับใคร หัดจำใส่กะโหลกไว้ด้วย”
หน้าแตกดังเพล้งเลยกู..
   ..ไม่ดิ ไม่จริง ! มันไม่คิดว่ากูจะขัดขืนบ้างเหรอวะเนี่ย ไอ้เหี้ย กูเป็นน้ำกรด มีแขนมีขาเหมือนกันนะสัตว์ !
   “แล้วมึงจะบอกให้กูออกไปจากห้อง..ทำไม ?” ผมเอ่ยถามแผ่วเบาราวกับเผลอไผล ไอ้ดำตวัดสายตามามองอย่างหงุดหงิด ทรุดลงบนพื้นกลางห้อง
“..ทำไมกูต้องมารายงานมึงด้วยวะ” อ้าว มีบ่น เออ กูตอกกลับแม่ง
“มึงไล่กูออกจากห้อง แถมนี่ก็ห้องกู มึงไม่มีสิทธิ์ไล่ ถ้าอยากให้กูออกทำไมไม่บอกเหตุผลมาล่ะวะ” เอ้า นายน้ำกรดเติบโตขึ้นก็เริ่มมีเหตุผลขึ้นนะเออ บอกไว้ก่อน
นัยน์ตาของอีกฝ่ายฉายแววความลังเลราวกับมีบางอย่างอยากพูดออกมาแต่ก็เก็บลงอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่มันจะตอบผม
“..กูบอกแล้วว่าคนเดียวมันไม่สนุก..”
นั่นทำให้ทั้งร่างของตัวเองเผลอเย็นเฉียบ..
   “..เลยจะพารุ่นน้องมาเล่นด้วย ตอนไอ้จินมันก็ออกไปสิงห้องอื่น” ไอ้ดำเอ่ยอย่างราบเรียบ แต่เนื้อหากลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกน้ำสาดหน้าแรง ปลายนิ้วของตนเองเผลอเย็นเฉียบจนทำให้หัวใจสะดุดไป “..มึงก็น่าจะรู้ .. ว่าก่อนหน้านี้กูมีเซ็กส์บ่อยขนาดไหน”
ความรู้สึกโหวงเหวงที่กลางอก..
..
จริงของมัน..
   ไอ้ดำอยากจะไปเซ็กส์กับใคร ทำอะไรที่ไหน แทงใคร ก็เรื่องของมัน เพราะปกติไอ้ดำแม่งก็ทำอยู่แล้ว.. ก่อนหน้านี้มันทำมาแล้วนี่หว่า..
   มันมีอะไรบางอย่างที่ติดค้างภายใน แต่ผมเลือกที่จะไม่ยอมรับเอง..
   “..ดังนั้นถ้าไม่อยากเจอหนังสดก็ไสหัวออกไปจากห้องซะ อีกสองชั่วโมงค่อยกลับมา กูจะไม่ทำอะไรเลอะเขตแดนมึงแน่นอน”
..
ไม่ใช่เพราะคำพูดมันที่ทำให้นิ่งค้าง
แต่เป็นเพราะความรู้สึกตัวเองนี่แหละ
   ห้องค่อย ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด ได้ยินเสียงเดินของนาฬิกาเข็มปัดเป็นจังหวะ ความคิดในหัวของตนเองถูกตีปรวน ปั่นป่วนจนน่าใจหายไปเสียหมด ..
..ทำไมวะ..
ทำไมผมต้องรู้สึกอะไรแปลก ๆ พรรค์นี้ด้วย..
   ไอ้ดำผลุบตาลง มันหมุนตัวกลับไปที่เตียงของตนเองแล้วทรุดนั่งนิ่ง ๆ ราวกับว่าวางใจที่ผมจะเดินออกไปจากห้องแน่นอน..
..แต่แม่ง
หงุดหงิดว่ะ
ทำไมช่วงนี้กูหงุดหงิดบ่อยจริง ๆ
   ผมขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกตีปรวนเหมือนคนเมนส์มาฉิบหาย เริ่มสงสัยแล้วว่าผู้ชายแม่งมีเมนส์ได้หรือเปล่า
..เออ ใช่ อาจเป็นเพราะว่ามันจะมาใช้ห้องของ ‘ผม’ แบบสาธารณะ
ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ เลยรู้สึกทั้งโหวง ทั้งหงุดหงิดแบบนี้ เพราะมันเสือกมาใช้ห้องของผม
..
ดังนั้น กูจะไม่ไปครับ นี่มันห้องผมนะเว้ย
   “ถ้ามึงอยากมากก็ไปห้องอื่นดิวะ” ผมกระชากเสียงกลับพร้อมตวัดสายตามองชายอีกฝั่งหนึ่ง “นี่ห้องกู กูก็มีสิทธิ์อยู่”
   “มึงจะมาหาเรื่องกัดกันทำไมตอนนี้วะ” ไอ้ดำตอกกลับมา ท่าทีมันเหมือนจะเริ่มหมดขีดจำกัดแล้ว
   “ยังไงมึงก็ต้องไปหาเด็กมาด้วยไม่ใช่รึไง”
   “แค่กูโทรเรื่องกริ๊งเดียว แม่งก็มาหาถึงห้องแล้ว ถ้าไม่อยากดูหนังสดมึงก็ออกไปซะ” ประโยคนิ่งเฉยดังขึ้น มือของมันคว้าโทรศัพท์หัวเตียง “ไสหัวไปซะ”
   ผมมองอีกฝ่ายที่กำลังเลื่อนนิ้วราวกับกำลังค้นหาชื่ออยู่ ความไม่พอใจพุ่งขึ้นสูงจนน่าประหลาด สองขายันตัวลุกขึ้นตรงไปหาชายที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งก่อนมือจะคว้าโทรศัพท์แย่งกลับมาอย่างรวดเร็ว
ผมเป็นอะไร ?
คำตอบง่าย ๆ ..คือไม่รู้อีกแล้ว !
   “เหี้ยไรมึงวะ !? ” ไอ้ดำตะโกนลั่นอย่างหัวเสีย “มึงจะเอาอะไรกับกูเนี่ย ?”
   ผมเลิกคิ้ว ตอบกลับไปเสียงเรียบ
   “กูบอกแล้วไงวะ อยากมากก็ไปห้องอื่น ไม่ใช่ห้องนี้”
   “คิดว่ากูมีความอดทนเดินไปตึกม.4 มากขนาดนั้นเลยเหรอวะ” อีกฝ่ายยังคงพูด มองไปยันไอโฟนในมือผมไม่วางสายตา
   “แฟ้บเอง ทำไม่เป็นรึไง” สวนดิ งานนี้ต้องสวน
   “กูบอกกี่ทีแล้วว่าคนเดียวมันไม่สนุก” คิ้วกระตุกเลยกู ไอ้ห่า
   “แล้วสองคนมันจะสนุกนักรึไง ? กูบอกไว้ก่อนเลยนะ พอมึงทำแบบนี้ ฟันแล้วทิ้ง ถ้าสุดท้ายกูเป็นฝ่ายเดือดร้อนอีกจะว่าไงวะ” เออ ใช่ ๆ ผมรีบหยิบเรื่องนี้เข้ามาโยงทันที มันเคยทำผมเดือดร้อนเพราะอาการฟันแล้วทิ้ง กูเลยเกือบโดนเหี้ยท็อปจับทำเมียเลย
   ไอ้ดำคิ้วกระตุกหงิก ๆ เป็นสัญญาณของอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด
   “เออ ไม่อยากให้กูพาคนเข้ามาในห้องมากใช่ไหม ?” มันถามย้ำ
   “เออ”นัยน์ตาคมเข้มของอีกฝ่ายจับจ้องใบหน้าผม ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นยื่นข้อเสนอถัดมา
   “ถ้าอย่างนั้น..”
   “...”
   “มึงก็มาช่วยกูสิ”
..
ตุบ !
เสียงไอโฟนตกครับ !
   “เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!”
   ผมแหกปากลั่น อะไรนะ ? หะ ? ช่วยมันเหรอวะ ? เชี่ย นี่มึงดำแล้วยังด้าน ไอ้.. ไอ้ด้านดำเอ๊ย ! ถามอะไรไม่อายผีสางฟ้าเทวดาเลยนะมึง
ช่วย ? ช่วยมัน..
แม่งหมายความว่าให้มัน ‘เอา’ อ่ะนะ ?
   ผมขอพูดเลยครับทุกคน แม่ง นี่กูฝ่าฟันอุปสรรคหลากหลายอย่างเพื่อหลุดพ้นจากไอ้ดำ สุดท้ายแม่งมาขอเอาตูดง่าย ๆ ด้วยประโยคเดียวเนี่ยนะ !?
ใครยอมแม่งก็ควายแล้ว !!
   “มึงคิดอะไรของมึง” เสียงไอ้ดำวกกลับมาทำให้ผมขนลุกซู่ ถอยห่างไปอีกก้าวหนึ่ง ท่าทางตอนนี้มันอยากจนไม่สนใจไอ้ไอโฟนเครื่องหรูที่ตกพื้นเลยด้วยซ้ำ จะว่าไปเสียงแม่งก็ดูร้อนรนแปลก ๆ.
   “ถามอะไรกูอย่างนี้ไม่อยากอ้วกบ้างเหรอวะ” ผมรีบตะโกนใส่มันกลับ ความพะอืดพะอมแล่นวูบเข้ามาที่ต้นคอ ไอ้เหี้ยเอ๊ย กูชักไม่เข้าใจร่างกายตัวเองล่ะ ก่อนหน้านี้ยังอยากมีอะไรกับมัน ทำไมตอนนี้เสือกอยากอ้วกแทนวะ “เหี้ย..”
   “ก็นิดหน่อย” ชายร่างสูงตอบขณะที่ผมอยากจะวิ่งออกไปให้ไกล ๆ แต่ขาเสือกไม่ขยับเพราะศักดิ์ศรี ‘เจ้าของห้อง’ ที่ค้ำคออยู่นี่สิ ถ้าผมวิ่งจู๊ดหนี มันต้องเรียกคนมาเอาในห้องนี้แน่ ๆ ! “แต่ตอนนี้ความอดทนกูจะใกล้หมดแล้ว”
เวรเอ๊ย !!
   “กูยังไม่อยากเป็นผัวมึงว่ะ .. ขอผ่าน” ผมพูดพร้อมเมินหน้าหนีไปอีกทาง ช่วยเอามัน.. ไม่เอาอ่ะ “กูยังอยากมีเมียเป็นสาว ๆ สวย ๆ อยู่”
   “พ่อมึงตาย”
   “ไอ้เหี้ย นี่มึงขอให้กูช่วยยังด่าพ่อกูเลยเรอะ ! ” ไอ้ดำชักสีหน้า เขวี้ยงหมอนมาทางผมอีกต่างหาก “เหี้ยไรวะ”
   “หัวมึงคิดแต่เรื่องจะเอากูหรือถูกกูเอาใช่ไหมวะเนี่ย ?” มันยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ “อีกอย่าง น้ำหน้าอยากมึงไม่น่าจะเป็นผัวหรอก”
   “เหี้ย นี่มึงอยากแล้วยังจะหาเรื่องอีกเหรอ” ผมกระชากเสียง ขมวดคิ้วแน่นพร้อมจ้องหน้ามันด้วยความหงุดหงิด
   “ช่วยกู ไม่จำเป็นต้องโดนเอา” ไอ้ดำพูดเสียงเรียบ แต่ประโยคมันอ่ะ น่าเตะฉิบหาย “มึงไม่เห็นไอ้ไทเกอร์กับไอ้ไลออนเหรอวะว่าทำอะไรในห้องนี้”
เอ๊ะ..
   เพียงเท่านั้น ภาพของไอ้ชายกะล่อนสองตัวที่กำลังผลัดกันจับไอ้นั่นก็วนเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง
.. เวร นี่มันไม่ใช่เล่น ๆ แล้วนะมึง
   “หะ..เหี้ยไร”
   “สำหรับมึง แค่จับให้กูเท่านั้นก็พอ”
   อ๊ากก ! ไอ้หน้าด้าน ดำ ด้าน ด้าน ดำ ไอ้เชี่ย นี่มึงคิดอะไรวะเนี่ย ?
   ผมอ้าปากค้าง ใช่ว่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่มันต้องการสื่อ แต่เพราะเก็ทน่ะสิ เลยรู้สึกขนลุกซู่ๆ แถมอยากเข้าไปกระโดดถีบหน้าหนา ๆ ที่ยิ่งกว่าปูนของมันกระเด็นจริง ๆ
   “ใครจะไปทำวะ นี่มึงสมองเพี้ยนไปแล้วเรอะ” ผมพูดเสียงรัว “แค่ดูน้องอุมามิถึงกับสติแตกหรือไงวะ ไอ้เหี้ย ไม่เอา” ปฏิเสธสิกู โฮกกก แม่งบ้าเปล่า ใครจะไปจับของผู้ชายวะ ! อีกอย่างผมไม่ใช่เกย์นะ ถึงจะเคยเป็นแต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ล่ะวะ !
   ไอ้ดำเลิกคิ้วเล็กน้อย นัยน์ตาของมันตวัดมองหน้าผม
   “กลัวหรือไง”
เฮือก..
   ชะงักสิ
   “กลัวอะไร”
   “นั่นสินะ ไอ้นั่นมึงน่ะมันยิ่งกว่าไส้เดือนอีก คงไม่กล้าออกมาสู้มังกร”
..
ไอ้จัญไร !!
   นี่มึงยังจำเหตุการณ์โลกแตกวันนั้นได้อีกเหรอวะ ไอ้สัตว์ ไอ้.. ไอ้กะหล่ำปลีเน่า ไอ้เชี่ยเอ๊ย ไอ้ดำ !
   “ไส้เดือนพ่อมึง ! นี่ดำแล้วยังจะตาบอดอีกเหรอวะ !?” ผมรีบตอกกลับ นัยน์ตาของตนขยับจ้องชายตรงหน้าเขม็ง เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าดูถูกก็ยิ่งรู้สึกเหมือนน้ำมันสาดลงกองไฟโทสะของผมให้ลุกท่วม
   “เปล่านี่ ก็แค่พูดความจริง” น้ำเสียงดังขึ้นราวกับดูถูกเข้ากระทบโสตประสาทผม “หึ.. เล็ก ๆ อย่างมึงน่ะคงไม่กล้าออกมาโชว์สิท่า”
อึก..
มึง.. บังอาจ !
   บังอาจมาดูถูกน้องชายของนายน้ำกรดคนนี้เหรอวะ ไอ้เวรนี่หาเรื่องเจ็บตัวแล้ว ! ผมจ้องชายตรงหน้าเขม็งก่อนจะกำหมัดแน่นจนทั้งร่างสั่นเทา ไอ้ดำ.. มึง ...
มึงมาดูถูกน้องชายสุดแสนภาคภูมิใจของกูได้อย่างไง !?
คิดเรอะว่าพูดแบบนี้แล้วผมจะยอมไปช่วยแฟ้บให้มันน่ะ ?
   “นั่นสินะ กูก็เข้าใจมึงพอสมควรเลยล่ะว่าไม่กล้าเอาออกมาสู้กับกู” น้ำเสียงนั่นยังคงดำเนินต่อไป
..
เหอะ
คิดว่าคนอยากน้ำกรดน่ะ เป็นพวกถูกยุง่าย ๆ หรือไง ?
   ผมรู้ ที่มันพูดแบบนั้นก็เพราะอยากให้ผมเข้าไปช่วยมันล่ะสิ !
   “เดี๋ยวนี้พวกผู้ชายเขาก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ รวมถึงแข่งในเรื่องความอดทน” นัยน์ตาคมของมันปรายตามาทางผม ความท้าทายประกายวูบภายใน กูอยากจะถามมันจริง ๆ ว่าผู้ชายที่ไหนเขาผลัดกันจับเพื่อแข่งเรื่องของความอดทนวะ แม่งปัญญาอ่อน
   “...” คิดจะยุกูเหรอ เห็นผมเป็นพวกถูกยุง่าย ๆ งั้นเหรอ ? เปลี่ยนทัศนคติใหม่ได้เลยนะมึง
   “นั่นสินะ คนปอดแหกแบบมึงคงจะไม่รู้เรื่องแบบนี้เลยไม่กล้า..”
   “...” ฝันไปเหอะ ตอนนี้น้องน้ำกรดพัฒนาตัวเอง กลายร่างเป็นน้องน้ำกรดผู้ไม่มีวันยุขึ้นแล้วล่ะ
   “สุดท้ายมึงก็เป็นพวกป๊อด...”
พรวด !!
   ผมลุกขึ้นพรวดออกจากเตียงทำให้ไอ้ดำชะงักคำพูด มันเงยหน้ามองผม ขยับยิ้มมุมปากเยาะเย้ยเพราะสองขาของผมก้าวเข้าไปที่หน้าประตูทันที แต่เมื่อมือจับลูกบิดกลับได้ยินใครบางคนพูดบอกแว่ว ๆ
   “จะออกไปอยู่ห้องไอ้นิวก็ไม่ต้องล็อคประตูนะ เดี๋ยวเบนซ์ก็คงมาล่ะ”
..เบนซ์ ? ใครวะ..
   ผมยืนนิ่งอยู่ที่ประตูราวกับนิ่งคิด ..
..กูบอกแล้วไง ว่ากูเป็นพวกยุไม่ขึ้น..
   ระหว่างนั้นมือก็เผลอเลื่อนไปล็อคประตูพร้อมกับหมุนร่างเดินกลับ เห็นไอ้ดำ มันขมวดคิ้วแล้วหันมามองผม
   “...”
   ดวงตาของอีกฝ่ายเบิกกว้างเมื่อผมก้าวเท้าเข้าไปหามันที่กำลังกดโทรศัพท์อยู่ มือปัดไอโฟนเครื่องสวยกระเด็นลงพื้นอีกรอบทั้งที่มันเพิ่งเก็บ กระชากผ้าห่มหนาของมันออกก่อนจะเห็นบางสิ่งนูนออกมาที่บ็อกเซอร์ของมัน
..แปลว่าระหว่างที่คุยกันอยู่ก็คงจะทนตลอดเลยสินะ
   “เหี้ยอะไรวะ !”
   “มึงด่าใครป๊อด”
   ผมถามกลับเสียงนิ่ง ขณะที่อีกคนดูแตกตื่นไม่น้อย
เออ.. บอกแล้ว.. น้องน้ำกรดพัฒนาเกรด เลเวลอัพ ยุเท่าไหร่ กูก็ไม่คล้อยตามมึงหรอก
   “...” มันนิ่งอึ้ง.. เพราะผมได้หย่อนร่างตัวเองลงเตียงของอีกคนเรียบร้อย
   พวกเราจ้องตากันโดยไม่มีใครต่างคิดผละออก ก่อนที่ผมจะเอ่ยประโยคทำลายความเงียบทันที.
   “กูจะทำให้มึงรู้ว่าพจนานุกรมของนายน้ำกรด วิจารนิโยช ไม่มีคำว่าป๊อด”
ใช่... บอกแล้วไง ว่ายุผมเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นหรอก
เพราะผมไม่ใช่คนยุขึ้น..
..
แต่พอดีผมเป็นพวกไม่ยอมคนว่ะ
ดังนั้น..
น้องกรดจะไม่ยอม
   “อยากให้ช่วยนักไม่ใช่เหรอ .. งั้นก็ถอดกางเกงสิวะ”
   ไอ้ดำนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มชั่วร้ายจะปรากฏบนใบหน้านั่น..
..
และการกระทำต่อไป
ก็ทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไป— ตลอดกาล
..
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!
ใครก็ได้เอาไทม์แมชชีนมาให้กูที๊ !!
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:23:27
C h a p t e r 28
คนเกลียดกัน มักจะหมดคำพูดใส่กัน


   ถ้าย้อนกลับไปได้ผมจะไม่พูดคำนั้น จะยอมวิ่งจู๊ดหนีออกไปจากห้อง จะยอม ยอมทุกอย่างเลยที่ไม่ใช่การท้าทายแบบนี้ !
อับอาย ขายนี้หน้า ไอ้เหี้ยเอ๊ย
ไหงผมต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้กับคนที่ตัวเองเกลียดฉิบหายด้วยวะ
   ริมฝีปากของผมเม้มแน่นขึ้นเมื่อมือของตนเองกำลังสัมผัสกับแท่งเนื้อร้อนอยู่ ฮื่อ ใครก็ได้ฆ่านายน้ำกรดคนนี้ สงสารกูเหอะ ฆ่าเลย เอามีดมาปาดคอกันเหอะ
   “นี่มึงมีปัญญาแค่นี้จริงเหรอวะ”
ไอ้ห่า !! แค่กูยอมจับของมึงมันก็ดีขนาดไหนแล้ววะ
   ไอ้ดำมองหน้านิ่ง ๆ ราวกับ ‘ไม่รู้สึก’ อะไรเลยด้วยซ้ำครับ กูทำอะไรผิดตรงไหน ก็แค่จับ ๆ หมับ ๆ รูด ๆ แค่นี้มันก็น่าจะโอเคแล้วนี่หว่า ทำไมมึงไม่แตกสักทีวะ โอ๊ยย ไอ้เหี้ยย !
   “กูเคยทำให้ตัวเองแต่ไม่เคยทำให้คนอื่น จะไปรู้ไหมวะ”
   “ปกติทำให้ตัวเองก็แค่จับไปมาสินะ ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่ามึงแตกได้เพราะแค่จับ ๆ”
อ๊ากกกก !
ไอ้เหี้ยนี่หยาบคาย !!
   ผมกัดฟันกรอด อยากจะเข้าไปต่อยหน้ามันสักหมัดมาก ตอนแรกก็ไม่กล้ามองหรอกว่าไอ้ดำทำหน้ายังไง แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยเหล่ไปนิดหน่อย เจอหน้าตายซะงั้น โฮฮ นี่กูอ่อนด๋อยจนขนาดมึงไม่รู้สึกจริง ๆ เหรอวะ โกหกน่า !
   “มึงอย่าหาเรื่องในเวลาแบบนี้ได้ไหมวะ !”
   “เพราะมึงมันอ่อน” ประโยคของไอ้ดำไม่ทันจะจบ ผมก็ตัดสินใจบีบไปเต็ม ๆ มือ เล่นเอาไอ้เหี้ยนั่นสะดุ้งตัวโหยงเลย สมน้ำหน้า ถึงจะขยะแขยงมือแต่ก็สะใจล่ะวะ
   “ใครที่ไหนเขาบีบกันวะ !!” ได้ยินมันร้องเสียงหลงเลยครับ โธ่.. เจ็บล่ะสิ กูสมน้ำหน้าจริง ๆ
   “กูไง บีบให้มึง” เวลาแบบนี้กูยังกวนตีนกันได้ อย่างเก่งอ่ะ
   ขอบอกเลยว่าผมแม่งเทพจริง ๆ ไม่เทพทำไม่ได้นะบอกให้ !
   แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดลงเพราะไอ้ดำถอนหายใจดังเฮือก มันคว้ามือของผมออกระหว่างที่กำลังนั่งด่าในใจอยู่
   “หะ.. เหี้ยไรวะ”
   “มึงทำเองชาตินี้กูต้องไม่มีวันแตกแน่ ๆ” เท่านั้นแหละถึงกับสะอึก ทว่าประโยคถัดไปกลับทำให้ผมต้องสะอึกมากกว่าเก่า “กูจะโชว์มึงเองว่าของจริงมันเป็นอย่างไง”
..หะ ..นี่จะแฟ้บให้กูดูเรอะ ?
   ไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากกวนประสาทตามนิสัยผมก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะไอ้ดำกระชากร่างของตนเองพลิกลงไปกดจมกับเตียงมัน
   “เฮ้ย !? เหี้ยไรวะ !!” นี่กูตกใจจริง ๆ นะ แถมสะพรึงกว่าเก่าเป็นเท่าตัวตอนอีกคนขยับตัวขึ้นมาใกล้ผม
อ.. ไอ้ดำกำลังคร่อมกูอยู่ !
ท่านี้แม่งล่อตาฉิบหาย อ๊ากก !
   “หุบปากเงียบ ๆ ไป แล้วจำวิธีที่กูกำลังจะทำ” ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก วิธีที่มึงกำลงจะทำ ? เหี้ยอะไรวะ มึงจะทำเหี้ยอะไรกับกู !
   แล้วสติก็ถึงกับบรรลุ .. เพราะมือร้อน ๆ ของมันเลื่อนมาแตะลงบนเป้ากางเกงของผม !!
   ..ฉับพลันที่ร่างกายรับรู้ ความทรงจำในห้องน้ำของตนเองก็แล่นเข้ามาประกายในหัวสมองอีกครั้ง ภาพไอ้ดำใช้ริมฝีปากให้บริเวณจุดอ่อนไหวของตนเองทำให้ผมสติแทบแตก จะอ้าปากร้องเพื่อห้ามการกระทำบ้า ๆ กลับถูกระงับเอาไว้เพราะมืออีกข้างของมันทาบลงปิดปากของผมเต็ม ๆ !
   “ไอ้เอี้ยย !” ร้องอู้อี้ ๆ ตอบกลับไปเท่านั้น แต่ดูเหมือนไอ้ดำไม่คิดจะสนใจกูเล๊ย มัน.. มัน.. เฮ้ย ! มันปลดซิบกางเกงผมเลยด้วยซ้ำ !
   “กูแค่จะสอน” น้ำเสียงทุ้มตอบกลับเรียบ ๆ ใช้แรงกระชากกางเกงนักเรียนของผมหลุดปลิวไปเรียบร้อย
โฮ กูไม่อยากให้มึงสอนอ่ะ ไม่เอา.. ไม่อ๊าว !
   เหมือนร่างกายกับความคิดผมจะขัดกันได้อย่างน่าโมโหเลยจริง ๆ สมองกูก็บอกนะว่าอย่า ๆ แต่ร่างกายเสือกตอบสนองมันเหลือเกิน ไอ้ดำเลิกคิ้ว ใช้นิ้วของมันไล่ลงบนส่วนอ่อนไหวของผมภายใต้เนื้อผ้าบาง
   “อะไรว้า.. จับแค่นี้มีอารมณ์เรอะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังแว่ว ๆ ข้างหู แต่ผมเถียงกลับก็ไม่ได้เพราะเหี้ยนี่ปิดปากกูแน่นเหลือเกิน โฮก.. ทรมานสลัดผัก “หือ”
..แล้วทำไมมึงดูเปลี่ยนไปจากไอ้ดำที่ชอบเถียงกับผม เป็นไอ้ดำหื่น ๆ วะ
   เปลี่ยนชื่อเรื่องไหมมึง ไม่เกลียดแล้ว หื่นฉิบหายเหอะ กูขอร้อง หน้ามึงตอนนี้ดูอยากแดกกูเข้าไปมากเลย อย่านะสัตว์ ไม่เอา กูกลัวแล้วว อ๊าก !
   ความคิดผมถูกจับให้เตลิดไปอีกครั้งหนึ่งเมื่อไอ้ดำใช้ฝ่ามือใหญ่กอบกุมแก่นกายของผม ทั้งร่างสะดุ้งด้วยความตกใจ ยิ่งมันบีบเบา ๆ ราวกับกำลังยั่วอารมณ์ ยิ่งทำให้ส่วนนั้นดุนดันมากกว่าเดิม ผมอยากจะเข้าไปต่อยหน้าแล้วเดินหนีจริง ๆ
..หากแต่ร่างกายของตนเองกลับไม่ใช่อย่างนั้น..
   ทั้งตัวเหมือนอ่อนเพลี้ย หมดเรี่ยวหมดแรงทุกการกระทำ ผมหายใจแรงเมื่อได้รับสัมผัสบีบนวดบริเวณจุดอ่อนของตนเอง เหมือนความต้องการในจินตนาการมันกลายเป็นจริง
   ไอ้ดำก้มลงมาใกล้ รับรู้ถึงลมหายใจจรดข้างใบหู นัยน์ตาของผมพร่ามัวไปเสียหมด
   “มึงน่ะ.. ขึ้นตั้งแต่จับของกูก่อนหน้านี้แล้วสินะ”
..เหี้ย.. พูดอะไรบัดซบ ๆ วะ
   อยากจะตอกมันกลับแต่ก็ถูกปิดปากเอาไว้แน่นจนได้เพียงส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมาในลำคอเท่านั้น ไอ้ดำขยับร่างเข้ามาใกล้ มือกร้านล้วงเข้ามาในบ็อกเซอร์ของผมก่อนจะสัมผัสกับจุดอ่อนไหวโดยตรง ผมเบิกตากว้าง อยากจะผลักร่างมันออกไปไกลๆ แต่พอถูกนิ้วของมันบดขยี้ที่ส่วนยอดทั้งร่างพาลขยับไม่ได้แทนเสียนี่
   ทั้ง ๆ ที่ถ้าผมอดทนกว่านี้ สองมือที่ไม่ถูกสิ่งไหนเหนี่ยวรั้งไว้ก็สามารถผลักชายตรงหน้าออกไปได้อย่างง่ายดายแท้ ๆ
   แต่ผมกลับเลือกที่จะปฏิเสธ.. และยอมให้มันทำตามใจชอบ ทั้ง ๆ ที่สมองสั่งร้องห้าม
ทำไมกัน ?
   “อึก..” ชายที่อยู่ด้านบนยังคงไม่พูดอะไรต่อ มันกระชากบ็อกเซอร์เกะกะออก ใช้นิ้วไล่ไปตามความยาวราวกับหยอกล้อ
บัดซบเอ๊ย
มึง.. มึงจะจ้องหน้ากูทำไมวะ
   “จำเอาไว้.. ว่าช่วยกันให้สนุกมันต้องแบบนี้” มันว่า นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าร้อนผ่าวของผม เวร.. ผมอยากจะมุดดินหนีจริงแหะตอนนี้
   ความเสียวซ่านแล่นเข้ามาทั่วร่างราวกับถูกไฟช็อต มันใช้นิ้วถูบริเวณส่วนหลังของจุดอ่อนไหวเหมือนต้องการฝึกความอดทนของผมเล่นๆ
   “อะ.. อือ” เสียงของผมลอดออกมาในลำคอแผ่วเบา ความต้องการเพิ่มสูงขึ้นกว่าเก่า อยากจะปลดปล่อยออกไปให้มันจบ ๆ อึดอัด ทรมานฉิบหาย
   และเมื่อนัยน์ตาปรือปรอยของตนเองหันไปพบกับใบหน้าไอ้ดำ..
..ใบหน้า.. กำลังสนุก..
   ในตอนนี้มันเหมือนกับคนหื่นกระหาย ใบหน้าคมเข้มนั่นแสดงความต้องการอย่างเห็นได้ชัด มือของอีกฝ่ายเริ่มทำการเลื่อนกอบกุมน้องชายของผมพร้อมขยับเป็นจังหวะ ร่างตนเองกระตุกแรง ผมมองใบหน้าร้าย ๆ ของมัน และสติของตนเองก็กลับมา เมื่อนิ้วมัน.. เริ่มลามปาม !
   นัยน์ตาตนเองเบิกกว้างกว่าเดิม นิ้วที่ไล่ลงมานอกเหนือขอบเขตของส่วนอ่อนไหว มันกรีดกรายลงบริเวณร่องซึ่งทำให้ทุกอย่างเหมือนแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ สติสัมปชัญญะที่เกือบจะล่องลอยถูกดึงกลับมาอีกครั้ง ภาพความทรงจำบางอย่างแวบขึ้นมาบนหัวขณะที่ผมเบิกตากว้าง
...ไอ้เหี้ยนี่— มันอยากอยู่ตั้งนานแล้วนี่หว่า !!
ใครจะไปยอมกันวะ !?
   ผมตัดสินใจใช้แรงทั้งหมดของตนผลักร่างของมันออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะรีบลุกขึ้นมานั่ง ความรู้สึกปวดหนึบบริเวณกึ่งกลางยังไม่หาย แต่กูขอรักษาเอกราชก่อนเหอะ
   ไอ้ดำนิ่ง สายตาของมันสะท้อนแววความตกใจกับการกระทำตนเอง ส่วนผมทำหน้าดุใส่
..กูรู้ว่าอยาก.. แต่ต้องไม่ใช่เอากับกู..
พูดตามตรง ใครจะไปยอมเสียตูดง่ายๆ วะ ?
   “..มึงแม่ง...ไม่แฟร์” ผมพูดเสียงแผ่วเบาขณะที่ลุกขึ้นมานั่ง ไอ้เวรนั่นแค่ปลดซิบปลดกระดุม กูนี่ ส่วนล่างกูหายไปหมดเลย ดึงออกไปแบบไม่ถามความสมัครใจกูสักคำ “ไอ้เหี้ย !! คิดจะทำอะไรวะ ตอบกูดิ ตอบไอ้ควาย ไอ้นรก !”
   มันเบี่ยงสายตาหนีเหมือนคนขี้ขลาด น้ำเสียงสำนึกผิดของมันจะตามมา
   “..โทษ”
มันไม่ได้ตั้งใจ.. แต่เผลอ นั่นแหละคือสิ่งที่ผมรับรู้
บางทีอาจจะแค่เคยชิน
   โชคดีที่ตัวเองได้สติทัน ไม่อย่างนั้นมีหวังคงได้เกลียดเหี้ยนี่มากกว่านี้แน่ ๆ
..เพราะมันขอโทษหรอกนะ.. แถมดูท่าทีสำนึกผิดด้วย ..
เลยไม่เอาเรื่องน่ะ..
   นัยน์ตาของตนเองตวัดจ้องหน้าอีกฝ่าย ตัดสินใจเขยิบเข้าไปใกล้กว่าเดิม หัวใจเผลอเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมา
เมื่อผมได้เอ่ยประโยคต่อไป
   “ว่าแต่.. สอนเสร็จแล้วใช่มะ ? ให้กูลองฝึกวิชาได้ยัง”
..
   ต้องเป็นเพราะน้องอร่อยในเอวีของเชี่ยไลออนแน่ ๆ เลย ที่ทำให้ผมและไอ้ดำแปลกไปได้ขนาดนี้
   ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงของไอ้ดำ เหมือนความต้องการมันพุ่งพล่านจนเสียสติไปแล้ว ขยับร่างตนเองเข้าไปใกล้ วางมือลงบนท่อนเนื้อใหญ่ เหี้ย.. ยิ่งจับก็ยิ่งรู้สึกแพ้เข้าไปทุกที ทำไมมันใหญ่อย่างนี้วะ เพราะมันใช้บ่อยใช่ไหมเลยโคตรใหญ่แบบนี้ สงสัยกูต้องใช้บ้างแล้วล่ะ
ว่าแต่.. มันทำอะไรให้ผมบ้างนะ ?
   “...” ไอ้ดำก็เหลือเกิน ไม่พูดไม่อะไรในเวลาแบบนี้เลย มันนั่งนิ่ง ๆ ให้ผมได้ลูบ ๆ น้องชายที่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีก ใหญ่แล้วก็ใหญ่ขึ้น นี่ตกลงมึงใหญ่สุดได้เท่าไหนกัน
   สมองของผมพอจำการกระทำและเทคนิคที่มันให้ผมดูอันน้อยนิดได้อยู่ มือของตนเองเข้าไปกอบกุมลงบนความใหญ่โตนั่น แอบหงุดหงิดนิดหน่อยที่มือตัวเองเสือกกุมไม่ได้ทั้งแท่งนี่ดิ เวร จะใหญ่ไปไหน แบ่งมาให้กูบ้างก็ได้ !
   “..เวรเอ๊ย..”
   “ไม่ต้องอะไรมาก แค่จับแล้วรูดก็พอ” เสียงของไอ้ดำเหมือนเป็นไฟนำทางให้ผม ไม่ค่อยอยากทำตามที่มันพูดสักเท่าไหร่แต่เวลาแบบนี้คงต้องยอมอย่างเดียว ผมยอมล้มเลิกความคิดเทคนิคบ้า ๆ นั่นก่อนจะลองขยับฝ่ามือตนเองที่กอบกุมแก่นกายร้อนผ่าวอยู่
หากแต่.. มันไม่ใช่
   “ของมึงก็โด่นี่.. ให้กูช่วย”
   อีกฝ่ายพูดเสียงเรียบขณะที่ผมถึงกับเบิกตากว้าง ร่างกายพวกเราใกล้กันกว่าเดิม มันเอื้อมมือเข้าไปจับส่วนอ่อนไหวที่ไร้ป้อมปราการใด ๆ ของผม จากที่มีอารมณ์อยู่แล้วเพราะติดค้างกลับยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม ฝ่ามือของตนเผลอสั่นริกเมื่ออีกฝ่ายกดนิ้วโป้งลงบนปลายยอด บดขยี้แรงจนมีน้ำเยิ้มออกมาที่ส่วนหัว ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นวาบทั่วร่างอีกครั้งหนึ่ง ผมรู้สึกวูบบริเวณช่วงท้องน้อยของตนเองเมื่อมันเริ่มเปลี่ยนเป็นบีบเบา
..แล้ว.. ใครจะไปยอมล่ะวะ..
   “อ..อะ..” เสียงครางเบาของตนเองลอดออกมาขณะที่พยายามจับแก่นกายของอีกฝ่ายกลับ ผมเลียนแบบสิ่งที่มันกระทำด้วยการใช้นิ้วถูวนรอบปลายของมัน เหมือนไอ้ดำผงะมือเล็กน้อย มันเก็บอารมณ์เก่งพอควรทั้ง ๆ ที่ส่วนนั้นชี้โด่เด่แล้วก็ตาม
   ผมรับรู้ได้ถึงพวงแก้มที่ขึ้นสีแดงจัดเพราะความต้องการที่จะปลดปล่อย ลมหายใจของตนเองหอบเบาขณะที่มันเปลี่ยนเป็นเร่งจังหวะกว่าเดิม เหมือนร่างโอนอ่อนไปตามแรง ..
แต่ผม.. ก็พยายามที่จะทำให้มันด้วยเช่นกัน..
   “อ้ะ... กู.. จะไม่ไหว..” น้ำเสียงขาดห้วงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากแห้งผากของตนเอง ผมเอนหน้าผากของตนเองซบลงบนอกแกร่งของมันอย่างไม่รู้ตัว..
..แถมไม่รู้ว่าไอ้เหี้ยนั่นขยับเข้ามาใกล้กับตนเองตั้งแต่ตอนไหน..
   ฝ่ามือของไอ้ดำขยับเร็วขึ้นสลับกับการขยี้ส่วนปลายปริ่มน้ำของผมไปด้วยกัน รับรู้ได้ว่าลมหายใจของตนเองหอบแรงกว่าเดิม ผมเองก็ไม่ยอมแพ้ ขยับฝ่ามือที่กอบกุมแก่นกายอีกฝ่ายเร็วตาม เสียงครางหวานดังแว่วออกมาจากริมฝีปากของตนเอง ผมเผลอเอื้อมมือเข้าไปขยุ้มลงบนเสื้อของอีกฝ่ายอย่างเผลอไผล เปลือกตาตนเองปิดสนิทขณะที่เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาบนใบหน้า ได้ยินเสียงหอบและลมหายใจจรดข้างใบหูของตัวเอง สุดท้ายคงเป็นเสียงครางพร้อมกับหยาดน้ำสีขุ่นร้อนของเราทั้งคู่ที่ถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน



หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:24:24
   ผมหลับตาลงแน่น หายใจหอบแรงราวกับต้องการพักทุกอย่าง เอนตัวลงนอนเตียงของคนที่ตนคิดว่าเกลียดที่สุดในชีวิตราวกับเผลอไผล ก่อนจะผล็อยหลับลงในที่สุด
..
โดยไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ ..
ทั้งใบหน้าแดงระเรื่อเพราะความต้องการ
น้ำเสียงครางแผ่วเบาของตนเอง
หรือท่าทีที่ขยับเข้าไปหาอีกฝ่าย..
มันถูกชายคนหนึ่ง.. คอยเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา..

วันนี้แม่งเป็นวันที่แปลกจริงๆ ด้วย..เพราะเมื่อวาน..
   กูทำอะไรลงป๊ายยย !!
   เป็นสิ่งที่ผมกรีดร้องในใจลั่นหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเฮงซวยนั่น ไอ้ห่าเอ๊ย เพราะมึงแท้ ๆ เลยนะไลออน กูจะเอาปืนไปสอยกบาลมึง ต่อด้วยการสาดน้ำกรดใส่หน้าด้วย เหี้ย ! โอ๊ย.. ชีวิตน้องน้ำกรดถูกย่ำยี ปั่นปี้ สีขาวในตัวโดนสีดำปะปนหมดแล้ว
หลังจากนั้นเป็นอะไรที่..
..ที่..
ที่พวกผมทั้งสองคนต่างไม่มีใครคุยอะไรกันแม้แต่คำเดียว !!
   คุณคิดเองแล้วกันสิว่าใครจะไปกล้าคุยอะไรกันครับ ! ฮือ.. กล้าอะไร ใครจะไปกล้าวะ แค่มองหน้าก็มองไม่ติดแล้ว พอหลังจากที่นั่ง เอ่อ ..ผลัดกันจับ ? ผมไม่อยากใช้คำนี้เลยมันช่างแขยงริมฝีปากอันงดงามของผมเยี่ยงนัก ฮือ.. หลังจากที่พลัดกันจับเสร็จผมก็เผลอหลับไปแวบหนึ่งก่อนจะตื่นมาแล้วรีบกระโดดหนีแทบไม่ทัน
   อย่าเพิ่งหาว่าผมบ้า แต่มันเป็นอะไรที่อะเมซิ่งมาก ๆ เหี้ยสุด ๆ เวรแน่ ๆ สมองกูต้องถูกมนต์ดำครอบงำแหงเลยถึงยอมมันขนาดนั้น ไม่นับเรื่องในห้องน้ำที่เกิดขึ้นอีกนะครับ..
ฮือ.. น้อง.. น้องกรดอยากตาย !
   อยากจะเอาหัวจุ่มลงชักโครกจริงๆ ให้รู้แล้วรู้รอดกันไปข้างหนึ่งเลยด้วยซ้ำ ไอ้ดำก็ดีเหลือเกิน ทำตัวปกติด้วยการเมินหน้าผมอีกด้วย.. ฮึก ฮือ.. เกิดมายังไม่เคยพลัดกันจับขนาดนี้มาก่อนเลยนะ แถมยังเป็นคนที่ผมเกลียดฉิบหายอีกต่างหาก ทำไมวะ ..แล้วทำไมกูต้องยอมขนาดนี้ด้วย ?
..ไม่ดิ
ที่น่าตกใจมากกว่านั้น ..คือทำไมตอนทำอยู่ ผมถึงไม่ขยะแขยงแล้วจะอ้วกวะ..
   ความคิดนี้ของตัวเองปรากฏขึ้นโดนอัตโนมัติ ถ้าย้อนอดีตที่ไม่อยากคิดสักเท่าไหร่ จำได้ลางๆ ว่าผมเคยจูบมันไปแล้วเลยด้วยซ้ำ เอ่อ ใช่ จูบ..
..แถมเป็นคนเริ่มก่อนอีกด้วย..
..ในเมื่อมึงเข้ามาแล้วเกลียดกูแล้ว.. คิดจะออกไปจากชีวิตกูได้ง่าย ๆ หรือไง ?
   ประโยคทุ้มต่ำที่ประกายวูบเข้ามาในหัวของตนเองทำให้ทั้งร่างสะดุ้งโหยง นัยน์ตาเบิกกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมจำได้ลางๆ .. ว่านั่นคือสิ่งที่ตนเองคิดในตอนที่เข้าไปจูบ.. ไอ้ดำ
อา..
ไม่จริงน่า..
   เสียงก้อนเนื้อในอกของตนเองเต้นผิดจังหวะอย่างรวดเร็ว ผมค่อย ๆ เบนสายตาไปมองบริเวณเตียงฝั่งตรงข้ามที่ไร้ร่องรอยเจ้าของ
..ความรู้สึกนี้ ..คืออะไรกันวะ..
   ผมตัดสินใจสลัดมันทิ้งออกไป พ่นลมหายใจเรียกสติของตน
ว่าแต่ไอ้ดำหายไปไหน ?
   จะว่าไปหลังจากวันนั้นเสร็จต่างคนต่างไม่มองหน้า หนำซ้ำยังเมินเฉยกันไปด้วย และพอผมตื่นมาตั้งแต่เช้าไอ้ดำแม่งก็เสือกหายหัวไปแล้ว..
..หรือว่า.. จะเมินกูวะ.. ?
คิดแล้วทำไมมันรู้สึกเศร้าใจงี้เนี่ย .. อ๊าก ! น้องน้ำกรดอยากตาย ทำไมกันวะ นี่กูเป็นอะไร ? มันจะเมินก็ช่างหัวแม่งดิ เฮ้ย !
โครม !
   ไม่ทันจะได้กรีดร้องลั่น ประตูห้องก็ได้เปิดออกขึ้นพร้อมกับร่างเล็กคุ้นเคยของผมที่ย่างก้าวเข้ามา สีหน้าของมันดูหงุดหงิดพอสมควรก่อน ไอ้นิวก้าวเตาะแตะมาหาผม
   “เชี่ยกรด !” อ้าว เวร เรียกกูอีก เรียกกูทำไมวะไอ้เตี้ยไซย่า ทำหน้าโหดใส่กูอีก “นี่มึงซ้อมเป็นกะเทยจนลืมไปแล้วเหรอวะ ?”
..หา..
ไอ้กะเทยน่ะ ผมยังพอเข้าใจ .. แต่ลืมเนี่ยลืมอะไร ?
   “เหี้ยไรวะนิว ?” ผมถามกลับ ยกมือขึ้นสางหัวตนเองเบา ๆ แน่ะ มันยังทำหน้ายักษ์ใส่ผมอีก จะให้ร้องเพลงไหมเพื่อน ยักษ์เตี้ยไล่ยักษ์ใหญ่ โอ๊ะ ยักษ์ใหญ่วิ่งหนียักษ์เตี้ย..
เอ่อ เนื้อเพลงมันแปลก ๆ แต่ช่างเหอะ
   “มึงบอกว่าจะไปแต่เสือกจำไม่ได้เองเนี่ยนะ ?” หา.. อยากไป อยากไปอะไรวะ สมองน้อย ๆ อย่างกูนี่จะไปจำอะไรได้ ! แถมพอผมแสดงสีหน้าแบบนั้น นิวเสือกยกมือขึ้นมาแล้วโขกหัวผมแรง ๆ อีกต่างหาก “ไปแดกหมูกระทะไงสัตว์ !”
อ๋อ ! เออ !
   “เหี้ย ! เรื่องแดกกูลืมได้ไงวะ สงสัยเมื่อกี้น้ำกรดตัวปลอม !” พูดขึ้นทันทีพร้อมกับกระเด้งตัวออกจากเตียงครับ เออนั่นดิ คนอย่างน้องกรดลืมเรื่องกินไปได้ไงว้า !!
   ไอ้นิวทำหน้าละเหี่ยใจใส่ผม ชี้นิ้วบอกว่าจะออกไปรอข้างนอกอีก โอเค ได้เลย จัดไป.. เดี๋ยวน้องน้ำกรดจะรีบแต่งตัวกลายเป็นไอ้หล่อเพื่อแดกหมูกระทะเดี๋ยวนี้แหละครับ !

   แต่ดูเหมือนพอออกมาทุกอย่างจะน่าสะพรึงเลยทีเดียว
   เมื่อผมแต่งตัวเสร็จ เปิดประตูออกไปแล้วเจอกับไอ้ดำ
   “....” เป็นอะไรที่อะโด๊ะเบเบ๊มากเลย ผมนิ่ง เงียบ สภาพร่างกายตอนนี้อยู่ในชุดลำลองที่คิดว่าหล่อสุดๆ ขณะที่ไอ้ดำแม่งยังยืนนิ่ง ก้มลงมามองผมแวบหนึ่งพลางเบนสายตาหนีทันทีทันใด
..ต่างคน.. ต่างเงียบ..
   “พวกมึงสองตัวมีอะไรกันเปล่าวะ ?” เป็นเสียงไอ้จินที่ดังขึ้นขณะที่ไอ้ดำขยับตัวเดินข้าง ๆ เชี่ยจินครับ เอ้า ๆ แล้วมีหรือที่น้องน้ำกรดจะไม่ยอม ? กูนี่แหละต้องไปเดินฝั่งนิวดิ !
   “จะมีเหี้ยไรวะ เฮ้ย ๆ ! ไอ้จิน อย่ามาจับมือเพื่อนกู !” เดี๋ยวต้องแสดงท่าทีไว้ก่อน ผมตะโกนลั่นหลังจากเห็นห่าจินเขยิบตัวจะกุมมือเล็ก ๆ ของนิ้วเอาไว้ “ไอ้เหี้ย ! เอามือออกไปเลยนะสัตว์ !!”
   “มึงนั่นแหละเหี้ย แค่จับมือเอง”
   ไอ้นิวเอ๊ย ! ไอ้เวร.. ไอ้.. ไอ้ตะไลปลาทอง ทำไมมึงถึงไม่เข้าใจกูเลยวะ รักนวลสงวนตัวน่ะรู้จักหรือเปล่า !
เอ่อ คือ ความจริงผมก็ไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้เท่าไหร่.. แต่ก็เอาเหอะ !
   “ถ้ามึงท้องขึ้นมาจะทำไงล่ะวะ !!” ผมยังพูดต่อครับ ไม่ได้ ๆ หวงเพื่อน จินเบ้ปาก
   “มึงอย่ามาทำตัวเป็นคุณลุงแก่ๆ ที่งมงายเรื่องพวกนี้เลยว่ะ” อ.. อะ.. อะ..อ้าวว ! นี่มึงบังอาจมาหาว่ากูงมงายอย่างนั้นเรอะ ไม่รู้อะไรซะแล้ว เรื่องดวงกูน่ะเช็กตลอดเลยนะเว้ย !
   “ประเด็นคือกูท้องไม่ได้ !” ..เออว่ะ ผมลืม ไอ้นิวแม่งระเบิดเสียงออกมาก่อนจะโบกมือเรียกแท็กซี่ครับ ผมยกมือขึ้นเกาแก้มแกรก ๆ ก่อนจะพึมพำเสียงเบา
   “..โทษ.. พอมองหน้ามึงนาน ๆ แล้วกูลืมว่ะ” ไม่ไหว ไม่ปากหมากับเพื่อนสนิทก็ไม่ใช่เชี่ยกรด ! นั่นไง ไอ้เตี้ยหันขวับพร้อมทำท่าจะเอามือทุบหัวผมอีก อ๊ากก ! อย่าทำร้ายกูเลยนะ กลั๊วว กลัว ! “ใช้กำลังไม่ดีนะมึง !”
   “กูไม่ชอบให้คนบอกว่าหน้าหวาน !” มันตะคอกออกมาทันที ก่อนจะชะงักกึกเมื่อได้ยินประโยคถัดไปออกมาจากปากจิน
   “..กูก็ว่ามึงก็น่ารักดีนะ นิว”
..
   พอไอ้จินพูดเท่านั้นแหละครับ จากมือที่กำลังจะตบกบาลผมค่อย ๆ ลดลงและเปลี่ยนเป็นก้มหน้างุด ๆ เฮ้ย ๆ นี่มันอะไรกันวะกับไอ้ปฏิกิริยาตอบสนองนี่อ่ะ !
นั่นไง ..เพื่อนกู ลำเอียงโคตร ๆ ลำเอียงสัตว์ ๆ !
   “ลำเอียง !” ผมประท้วงความเป็นธรรมทันทีทันใด เคยได้ยินไหมล่ะมึง เป็นธรรมน่ะ ตรงดิ่งตรงแด่ว สัตว์ มึงไม่มีเลยไอ้นิว เหี้ย เอนเอียงไปทางจินอย่างเห็นได้ชัด “กูเพื่อนสนิทมึงนะ”
   “แล้วไงวะ” โหยย แม่งมีพูดงี้ เดี๋ยวต่อย ๆ !
   “อย่างมึงอ่ะบอกให้คนอื่นใช้กำลัง สุดท้ายมึงก็ชอบใช้นี่หว่า” เป็นประโยคถัดไปที่ดันออกมาจากจินครับ เล่นเอาอารมณ์ผมสะดุดกึกเลย เพราะมันหันไปพยักเพยิดใส่คนข้าง ๆ ด้วยนี่ดิ “เนอะ ไอ้นัย”
..เหี้ยย ! ถ้าจินไม่ทักมึง กูนึกว่าคงตายห่าไปแล้วแน่ ๆ !
   เจ้าของชื่อหันไปเลิกคิ้วเล็กน้อย “คงงั้น”
ไอ้.. ไอ้.. ไอ้เหี้ย ! มาหาว่ากูใช้กำลังเรอะ ตั้งแต่คราวนั้นที่ต่อยเพราะเรื่องเหี้ย ๆ ไปผมก็ไม่ได้ต่อยกับมันอีกเลยนะเว้ย !!
..ด่ามันในใจเท่านั้นแหละ.. เพราะพอหันขวับจ้องหน้าไอ้ดำ..
ผมดันทำอะไรไม่ถูกซะงั้น !
   ราวกับว่าไอ้นิวคือคนแรกที่จับความแปลกประหลาดนี่ได้รับ มันเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางมองหน้าผมกับไอ้ดำสลับกันไปมาอย่างรวดเร็ว คิ้วเรียวขมวดมุ่ยเชิงสงสัย
   “มึงกับไอ้นัยเป็นเหี้ยไรกันวะ ทำไมวันนี้ไม่เห็นกัดกันเลย”
..อ่ะโป๊ะเด๊ะ !
   ผมเงียบสนิท กลืนน้ำลายเอื๊อกขณะที่ไอ้ดำยักไหล่เบา ๆ ปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่เหมือนนิวนี่ดิ จ้องผมเขม็งเลย
   “มึงอ่ะแหละที่แปลก ปกตินัยมันไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว เพราะมึงคอยกวนมันหรอกเลยพูด แต่คราวนี้มึงไม่กวนมัน...” ดวงตากลมโตของมันมองอย่างไม่วางสายตาเล่นเอาผมรู้สึกขนลุกซู่ อย่าจ้องกูแบบนั้นสิ ไม่เอานะ ไม่.. “เป็นเหี้ยไร บอกกูมาเลย”
   “....” คือจะให้กูบอกมึงเหรอที่ไม่กล้าด่าหรือคุยกับมันเพราะผมแฟ้บกับมันแล้วจ้องหน้ามันไม่ได้อ่ะ
   “..น้ำกรด วิจารนิโยช..”
โฮฮ !! แล้วเรียกชื่อเต็มกูทำม้ายยย !
   “รถมาแล้ว” เหมือนเสียงไอ้ดำที่ดังขึ้นเป็นการช่วยชีวิตผมจริง ๆ ในที่สุดแท็กซี่แม่งก็มาพอดีครับ ดึงดูดความสนใจจากไอ้นิวได้อย่างดิบดี ผมล่ะนึกสวดมนต์นะโมสามจบเพื่อให้รอดพ้นจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ เกือบตายแล้วไหมล่ะกู รู้สึกฉิบหายขึ้นมาตะหงิด ๆ เลยแหะ
..ถ้าพวกมันรู้ว่าเกิดเรื่องพรรค์นั้นขึ้น จะโดนหัวเราะเยาะไหมเนี่ย ?
   คิดไปนั่น ไม่นานนักรถแท็กซี่ก็หยุดลงที่หน้าร้านหมูกระทะพอดีครับ ผมลอบถอนหายใจและนึกขอบคุณที่นิวไม่คึกถามขึ้นมาบนรถอีกรอบ ฉิบหายจริง ๆ เลยกู แค่อยากมาปกป้องตูดเพื่อน แล้วทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ทำตัวปกติไม่ได้ด้วยวะเนี่ย คิดแล้วก็นึกโมโห ฮึ่ม !
   “กูจองโต๊ะไว้แล้ว ๆ” ไอ้นิวพูดจบก็หันไปคุยกับพี่พนักงานพอดี
..และมันก็เสือกหันมาถามผมอีกรอบ !!
   “ตกลงมึงกับเหี้ยนัยเป็นเชี่ยอะไรกัน ?” โฮ ถามเหมือนกูกับมันได้กันแล้วเลย เออ แค่เกือบ ๆ หรอกนะยังไม่ถึงจะได้กัน ! ตะกุกตะกักสิทีนี้ ทำยังไงดี
นอกเรื่องสิครับพี่น้อง ถามได้ !
   “ค่าหมูกระทะหัวละเท่าไหร่วะจิน” ผมชะเง้อไปมองไอ้จินที่ยืนอยู่ข้างหน้า มันหันมาเลิกคิ้วเชิงสงสัยก่อนจะตอบ
   “199 นั่นแหละ สัตว์.. ไม่ได้พิเศษอะไรมาก เฮ้ย ๆ มึงไม่ต้อง กูนั่งข้างนิว” แม่งเสนอตัวเลย เดี๋ยว ๆ ถึงแม้ไอ้นิวจะถามผมบ่อย ๆ แบบมึน ๆ แต่ยังจำได้ครับ ผมต้องปกป้องเพื่อนตัวเองนะเว้ย !
   “กูก็จะนั่งข้างไอ้นิว !”
   “แต่กูอยากนั่งข้าง...”
   “หุบปากแม่งให้หมดทุกตัว กูนั่งตรงกลาง ไอ้จินนั่งซ้าย มึงนั่งขวา โอเคไหม ?” นิวแม่งแจกแจงครับ แหม.. กำลังจะพยักหน้าแล้วเชียว.. แต่พอสายตาเหลือบไปอีกทางเท่านั้นแหละ..
..
ทำไมกูต้องมานั่งข้างไอ้ดำด้วยวะ !
   “เชี่ย ไม่เอา !” ขอพูดคำนี้ทันที เห็นไอ้ดำส่ายหัวไปมาเบา ๆ โถ่ นับวันบทมึงยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ กูล่ะสงสารจริง ๆ เออ แต่บทน้อยก็ดี จะได้ไม่ต้องมาอยู่ในสายตาผมบ่อย ๆ “กูนั่งซ้าย ไอ้จินนั่งขวา !”
   “มึงกับไอ้ดำนั่งด้วยกันแล้วจะตายเหรอวะ !” อ้าว นิว นี่มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว
   “ก็เออดิ !”
   “กูกับมันอยู่ห้องเดียวกันก็ด่ากันจะเป็นจะตายอยู่แล้วทุกวัน ขอให้กูห่างมันบ้างเหอะ” นั่นแน่ะ เป็นไอ้ดำที่ออกมาพูดกับเขาบ้างสักที มีการเหล่มามองผมอีกต่างหาก.. เออ ไอ้เหี้ย !!
..แต่พอจะอ้าปากด่าตอบเท่านั้นแหละ.. สองสายตาได้จ้องมองกัน..
ผมก็เสือกเบนหลบไปอีกทางหนึ่งทันที.. เวรกรรม..
   จินขมวดคิ้วแน่นอย่างงุนงง มองหน้าผมกับไอ้ดำสลับไปมา
   “ตกลงพวกมึงมีอะไรกันเปล่าวะ ?”
..เงียบสิครับถามได้
   ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก เห็นไอ้ดำเขยิบตัวไปนั่งที่ด้านขวาสุดแล้วเลยตัดสินใจก้าวนั่งลงที่ตำแหน่งซ้ายสุดตรงข้ามกับมันทันที..
   “..ไม่มีอะไร..”
..
ไม่มีอะไร..
ซะที่ไหนกันเล่า !!

   วันนี้แม่งเป็นวันที่ผมรู้สึกแปลก ๆ ฉิบหาย
   บรรยากาศตอนนี้ดูเงียบกว่าเคย อาจจะเป็นเพราะไอ้นิวกับเชี่ยจินไม่ค่อยคุยกัน แต่ผมแอบเห็นว่าสองตัวนี้แม่งจับมือกันตลอดซะงั้น ฮึ่ม เดี๋ยวพ่อปั๊ดต่อยให้เลย สาดเอ๊ย ทำอย่างกับไม่มีอะไรแต่ใต้โต๊ะเสือกจับมือ !
   “มึงรอใครวะ ?” ไอ้ดำหันไปถามนิว
   “กูรอเพื่อน.. เห็นว่ามันจะมานะ” เจ้าของใบหน้าหวานชะเง้อมองก่อนจะยิ้มร่า สะบัดมือที่กอบกุมกับจินทันที “เฮ้ย ! นั่นไง ๆ ทางนี้ !”
   “โธ่.. ได้เพื่อนลืมแฟน น่าสงสารว่ะ” ขอนิดนึงเหอะจิน กูหมั่นไส้ ดูมัน หน้าบูดเลย !
   ผมเห็นร่างเล็ก ๆ ของไอ้นิววิ่งดุ๊กดิ๊กตรงไปหาเพื่อนเก่าแก่ที่มันพูดเอาไว้ นั่นแน่ะ แอบเห็นมีการกระโดดกอดหมับกันด้วย เพื่อนยังมีการคุยกับผู้ชายตัวเล็ก ๆ อีกคนที่น่าจะเพิ่งรู้จักกันอีก.. อืม ผมเดา ๆ เอานะ น่าจะเป็นแฟนของไอ้เพื่อนเก่าแก่ของนิวมันนั่นแหละ เพราะพอคุยจบไอ้นิวเสือกกระโดดขี่คอไอ้เพื่อนตัวสูงโดยไม่แคร์สื่อเลยด้วยซ้ำ สงสารสายตาแฟนมันกับเชี่ยจินบ้างก็ดีนะเออ !
   “ฮ่า ๆ ! ไม่ได้เจอกับกูตั้งนาน เป็นไงบ้างวะคุณสามี !”
..เหยดโด้ววว์ ! เกิดมาผมไม่เคยเห็นนิวเรียกใครว่าสามีแบบสนิทสนิมเลยนะครับ !
   “คุณภรรยาครับ คนที่น่าจะเป็นแฟนคุณแผ่รังสีจะฆ่าผมให้ตายอยู่แล้วนะครับ” เพื่อนเก่าแก่ของมันตอบกลับมา ส่งผลให้นิวหัวเราะเสียงแห้งแทน
   “กูแค่เล่น ๆ กับมันนะเว้ย อย่าคิดมาก ๆ ไอ้จิน อย่าคิดมาก !” มีการกำกับคนที่แผ่รังสีรุนแรงข้าง ๆ ผมอีก จินจ้องเขม็งเลย ไอ้ดำทำหน้าเบื่อโลก ส่วนผมก็ตัดสินใจนั่งลงไปที่เดิม เพิ่งเห็นนิวดูมีความสุขแบบนี้ก็ครั้งแรกแหะ
   “น่าตกใจจริง ๆ ที่ในที่สุดมึงก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที” เสียงทุ้มต่ำที่ทำให้ผมรู้สึกคุ้นหูอย่างน่าประหลาดดังมาจากปากของเพื่อนเก่าไอ้นิว “คงไม่ใช่ว่าควงแป๊บแล้วเลิกอีกแล้วนะ ?”
   “มึงอย่าเอาสันดานเก่ากูมาเผยแพร่ ที่นี่กูเป็นคนดีนะ”
   “โฮ่.. แต่ก่อนได้ใครเอาคนนั้นไม่ใช่หรือไง” ผมคิ้วกระตุกเล็กน้อย มันกำลังพูดถึงนิสัยนิวในอดีตอย่างนั้นเหรอ ? สุดท้ายก็ถึงกับขนลุกซู่เมื่อได้ยินเพื่อนซี้ตนเองเอ่ยประโยคถัดไปราวกับขู่ให้กลัวโดยไม่สนใจจินที่หันขวับเลยด้วยซ้ำ
   “ถ้ามึงไม่รีบหยุดพูดกูจะจับมึงจูบเดี๋ยวนี้แหละ”
   “...เฮ้อ”
   เพื่อนของนิวถอนหายใจเอื่อย ๆ กึ่งรำคาญ ขณะที่ผมเบิกตากว้าง ทั้งตกใจในคำพูดของนิว แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดใจ ก้อนเนื้อในอกของตนเองเผลอสั่นไหวอย่างรวดเร็ว ความคุ้นเคยกับเสียงนั่น.. ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าตาเพื่อนเก่าของนิวให้ชัดเจนทันที
   “เออ นี่ไอ้จิน ไอ้ดนัยหรือนัยก็ได้ แล้วก็ไอ้กรด ! เพื่อนซี้กูตอนนี้” มันพูดเสียงใส ชี้แนะนำทีละคนพร้อมกับยิ้มกว้าง “จริงดิ เหี้ยกรด เหมือนว่าตอนม.ต้นเพื่อนกูอยู่โรงเรียนเดียวกับมึงด้วยนะ”
..
และนั่น.. ทำให้ผมถึงกับค้าง..
   ผมเพ่งมองใบหน้าของผู้มาใหม่ทั้งคู่ฉายแววตกใจ โดยเฉพาะคนตัวเล็ก ๆ หน้าหวาน ๆ ที่อยู่ข้างกับเพื่อนเก่านิวนั่น สายตาของพวกเราทั้งคู่ประสานกันทันทีราวกับว่ามีบางอย่างถูกสะกดเอาไว้ ความเย็นเฉียบปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของผมก่อนจะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
..ผมนิ่ง..
ใบหน้าที่คุ้นเคย..
   “นั่น..” เสียงทุ้มต่ำดังลอดออกมาจากริมฝีปากของชายตรงหน้าผม มันขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่จับจ้องมายังตัวผม “..น้ำกรดใช่ไหม.. ?”
..เสียง.. ที่ไม่ได้ยินมาเกือบสามปี..
   ก้อนเนื้อในอกของผมเผลอสั่นแรงกว่าเดิม ไอ้นิวที่ค่อย ๆ เงียบลงเพราะเหมือนว่าเพิ่งสัมผัสกับบรรยากาศได้.. กับผมที่ยังคงนิ่งกว่าเดิม
..อา ใช่ วันนี้แม่งเป็นวันที่แปลกจริง ๆ ด้วย..
   เหมือนว่าร่างกายกลับสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ ฝืนส่งยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยทักทาย
   “..อืม ..ไง เบส ..เซ็น” ผมพูดชื่อที่ตนเองจำได้ขึ้นใจและอาจจะไม่มีวันลืม
   มือของตนเองเผลอกำแน่น
   ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะไม่ได้เจอมันอีกแล้วเชียว..
..เบส..
..
แฟนเก่าของผมเอง

หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:25:28
C h a p t e r 29
คนเกลียดกัน มักจะเปิดใจกันยามเผลอ


   ‘เลิกกันเถอะ’
   ‘.. ?’ น้ำเสียงทุ้มแผ่วเบาที่ทำให้ผมต้องหันขวับมองชายข้างกาย ความงุนงงปรากฏในสมอง พร้อมกับความรู้สึกไม่เข้าใจที่ถาโถมเข้ามามากกว่าเดิม
   ‘กูสับสนตัวเอง’ มันพูดพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ สองมือประสานกันแล้วก้มหน้าลงมองปลายนิ้วโป้ง ‘กู.. ไม่รู้ว่ะ’
   ‘...’ ผมยังคงเงียบ มองหน้ามันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
ไม่คิดจะพูดอะไรทั้งนั้นแหละ
   ‘มึงก็รู้นี่.. ว่าช่วงนี้กูมีเด็กอีกคนเข้ามาใกล้..’ คนสูงกว่าพูดพึมพำ
   ‘น้องเซ็นสินะ’ เอ่ยชื่อนั้นออกมาแผ่วเบา พร้อมกับความจุกบริเวณอกที่ทำให้อยากจะเดินหนีออกไป ไม่ก็ระบายด้วยการต่อยหน้าคน ๆ นี้สักรอบ ‘มึงสับสน ?’
   มันไม่ตอบ แต่นั่นคือคำว่า ‘ใช่’ ในความหมายนั้น
   ‘กูทำให้มึงเจ็บกี่ครั้งแล้ววะ..’ แต่ละถ้อยคำของอีกฝ่ายทำให้ผมหายใจไม่สะดวกเอาซะเลย
ใจเย็นๆ ไว้ดิวะ
..
   ‘กูว่าเกินสาม’ ผมตอบ ยักไหล่น้อยๆ พลางเปิดกระเป๋า ‘มึง.. รู้ใช่ไหมว่าถ้าเราเลิกกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น’
   ‘โทษ กูโง่ กูไม่รู้’
..ไอ้ควาย กูจะด่ามึงยังไงดีวะ..
   ผมถอนหายใจ ผมไม่ใช่คนที่จะต้องมาร้องห่มร้องไห้ เรียกร้องหรือรั้งใครเอาไว้ นั่นไม่ใช่นิสัยของผมเลย ยอมให้แม่งไปไกล ๆ ส้นตีนน่าจะง่ายกว่า
แต่ถามว่าเจ็บไหม.. มันก็เจ็บนะ อยู่ดี ๆ ของกู ดันเสือกโดนบอกเลิกเนี่ย สัตว์ บอกกูสักคำว่ากูผิดเหี้ยไรแม่งก็ไม่พูด ไอ้เหี้ยย !
   ‘พวกเราอาจจะโดนแอนตี้ โดนอะไรสักอย่าง..’
   ‘ไม่หรอก มึงเพื่อนเยอะ ไม่มีใครเขาเกลียดมึงหรอก’ นัยน์ตาของตนหันขวับมองใบหน้าของคนคุ้นเคย
เพื่อน ?
เพื่อนงั้นเหรอ.. มึงคิดว่าใครเขาอยากจะเป็นเพื่อนกับ ‘เกย์’ สักกี่คน ?
   แต่เอาเถอะ..
   ‘คนชอบมึงเยอะ อีกไม่นานคงมีคนเข้ามาในชีวิตมึงใหม่’
   ผมไม่ตอบคำพูดนั้น เพียงแค่หัวเราะกับความคิด และคำพูดปัญญาอ่อนนั่น ก่อนจะตอบรับออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ดูเหมือนปกติที่สุด
   ‘อืม.. ถ้ามึงว่าอย่างนั้น.. ก็ได้’ พยักหน้าเบากับประโยคก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่ามันตั้งใจเมินหรือเปล่า.. แต่อีกฝ่ายก็ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าแล้วทำท่าจะเดินออกไป
   ‘ที่จะมาบอก.. ก็แค่นี้ กูไปล่ะ’
   ‘อืม’
ผมมองแผ่นหลังมันที่เริ่มค่อย ๆ ห่างไปไกลกว่าเดิมทุกที
..
คงเอื้อมไม่ถึงอีกแล้ว
   ภาพของชายที่กำลังเบี่ยงตัวเดินออกจากห้องเริ่มเลือนรางพร้อมกับหยดน้ำเม็ดโตที่เริ่มเข้ามาแทนที่ บดบังวิสัยทัศน์เบื้องหน้า
อา
ผมล่ะ..

 เกลียดน้ำตาจริง ๆ..


   ให้ตายเหอะ... หายใจไม่ออกเลยแหะ
   บ้าฉิบ พอมาเจอกับ ‘เบส’ ใครบางคนที่ผมเคยรู้จักด้วย.. เอ่อ เอาตรง ๆ ก็แฟนเก่านั่นแหละ ลมหายใจที่ติดขัดของตนพร้อมกับความรู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างจุกลงที่ลำคอทำให้อึดอัดแม้กระทั่งหายใจ เบสมันมองมาทางผมด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อย กับเซ็น ..เห็นหน้าเชี่ยเบสกับเซ็น หัวใจผมก็พาลปวดแปลบ..
   แฟนกันอย่างนั้นเหรอวะ ?
เหอะ.. ความจริงน่าจะได้กันตั้งนานแล้วล่ะ วันนั้นผมยังจำได้ดีเลย.. วันที่ผมเลิกกับเบส..
พวกเราเลิกกันเพราะไอ้เด็กเวรนั่น..
   ไอ้เซ็นเข้ามาในชีวิตคู่ของผมและเบส มันเกาะติดเบสหนึบซะยิ่งกว่าปลิงอีก ห่าเอ๊ย อย่าให้กูด่านะเด็กเวร อย่าให้กูมีแรง ไอ้.. ไอ้เหี้ย ! แม่งตอแหลสัตว์ ๆ กูยังจำได้อยู่เลยว่าตอนนั้นอ้อนเบสซะตูอยากจะเอาตีนยัดปาก โอ๊ยย ฮือ นึกถึงช่วงเวลานั้นแล้วก็คิดทำไมกูถึงไม่เอารองเท้ายัดปากเชี่ยเซ็นให้ตายห่าไปตั้งแต่แรกวะ
   “อ้าว พวกมึงรู้จักกันแล้วเหรอ ?” นิวเผยสีหน้างุนงงออกมาแล้วมองผมกับเบสสลับไปมา เออ ใช่แล้วเหี้ยอึนนิว รู้จักดิ รู้จักดีด้วยสัตว์ แฟนเก่ากูเอง ไอ้ห่า !
   “อืม ประมาณนั้น” แฟนเก่าของผม.. ไม่ ผมควรจะเปลี่ยนคำแทนของมัน .. ไอ้เบสพูดพร้อมพยักหน้าเบา ๆ เหลือบสายตามองนิวที่กะพริบตาปริบ ๆ เกาะแขนตนเองอยู่ นิว มึงจะกอดแขนใคร เกาะใคร จู๊บใคร กูก็ไม่ว่ามึงหร๊อก ! แต่ทำไมต้องเป็นเชี่ยเบสด้วยวะ อีกอย่างพวกมึงไปรู้จักกันตอนไหน นี่กูอยากจะบ้าตาย ห่า !
เกลียดฉิบหาย เปลี่ยนเป็นซวยฉิบหาย.. ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนชื่ออีกรอบครับ
บังเอิญฉิบหาย !! เออ !! นี่แหละใช่เลย !
   “เหลือเชื่อเลยว่ะ” จินพึมพำพร้อมมองผมกับพวกเบสสลับไปมา สายตามีจิกกัดแฟนเก่าของผมอีกครับ เออสมควร ก็ไอ้นิวเสือกเกาะแขนเบสแน่นซะขนาดนั้นนี่หว่า “ชื่อกรดเบส อย่างกับคู่กัน”
   “อืม..” อยากพูดออกไปเหลือเกินว่านิวเอ๊ย มึงอย่าติดแจกับเบสมาก เดี๋ยวโดนเซ็นกับไอ้จินกระทืบตาย ! แต่เหมือนส่งกระแสจิตไม่ถึงครับ เพื่อนซี้ผมเสือกเอาหน้าไปซุก ๆ แขนแฟนเก่าผมอีก โฮก.. อารมณ์ ‘เพื่อนสนิทคาบแฟน (เก่า) ไปแดก’ นี่แล่นวูบ ๆ เข้ามาเลย แต่ไม่ใช่ว่ะ มันไม่ใช่ ถูกไอ้จินปล่อยรังสีอำมหิตมาตัดไว้ก่อนนี่ดิ ฮือ..
   “เออเหลือเชื่อดี.. มึงคือจิน ?” เสียงทุ้มต่ำของเบสดังขึ้นมาพร้อมกับเหลือบมองคนที่นั่งตรงข้ามตนเอง แน่ะ สัตว์เอ๊ย กูเห็นนะ แม่งรีบเก็บสายตาหึงหวงแล้วพยักหน้าหงึก ๆ เลย
   “อือ เบสสินะ ?”
   “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ไอ้จินผงกหัวเบา ๆ เชิงรับ ก่อนที่มันจะเบี่ยงทิศไปอีก “ส่วนนี่... นัย ?”
   ไอ้ดำดีมาก พยักหน้าหนึ่งทีคือคำตอบครับ
   “เออ กูเบส ส่วนนี่เซ็น..” วินาทีที่เบสแนะนำตัวเซ็นทำให้ลมหายใจของผมเผลอสะดุดไปหนึ่งจังหวะเลยด้วยซ้ำ หัวใจเหมือนโหวงแปลก ๆ จนทำให้รู้สึกมีก้อนจุกตรงที่ลำคอตนเอง “..น้องชายกู”
ผมเงยหน้าทันที
..หะ.. ?
   “น้องชาย ?” ทวนซ้ำเบา ๆ พร้อมกับกัดริมฝีปากแน่นแล้วเมินดวงตาหนีไปอีกฝั่งหนึ่ง ตัดสินใจทำปากขมุบขมิบ “โกหก..”
..มันโกหก..แฟนเห็น ๆ !
   “เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรหรือเปล่าวะ ?” ไอ้จินเป็นคนถาม ผมส่ายหัว ชี้นิ้วสะเปะสะปะเบี่ยงเบนเมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินเข็นเนื้อหมูและผักที่ได้สั่งจองเอาไว้ล่วงหน้ามาเสิร์ฟไว้
ผมไม่พูดอะไรหลังจากนั้น
   ..มันพูด ..อะไรไม่ออก..
   นัยน์ตาของตนเองเหลือบไปทางเซ็นที่ตักหมูชิ้นบางลงในจานของไอ้เบสก่อนจะเม้มปากแน่น เหี้ยเบส มึงเลิกกับกูไป มึงจะคบกับใครก็ได้นะเว้ย
แต่ทำไมต้องเป็นไอ้เซ็นด้วยวะ ?
   ผมเกลียดมัน เหี้ยเซ็น ห่าเซ็น อ้อ คงไม่ได้บอกตั้งแต่แรกสินะครับว่าชื่อเต็มๆ ของมันคือ ‘เซ็นเตอร์’ ที่แปลคร่าว ๆ ว่า ‘กลาง’ วัฏจักรความรักของผมกับไอ้เบสแม่งน่าหัวเราะเยาะฉิบหาย ตัวผมชื่อน้ำกรด มันชื่อเบส ควรจะมีลูกเป็นกลาง แต่ไอ้ห่าเซ็นเตอร์ดันไปแทรกระหว่างกลางชีวิตคู่ของพวกผม
..ต้นเหตุที่ทำให้ผมเลิกกับเบส..
และมันก็เป็น.. ต้นเหตุที่ทำให้ผมเกลียดเกย์
   “น้ำกรด” ผู้ชายที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของไอ้นิวยังคงใช้คำเรียกเดิม ๆ .. ‘น้ำกรด’ ชื่อเต็มของผม มันมักเรียกอย่างนี้เสมอ ไม่ว่าจะครั้งไหน ๆ ก็ตาม เป็นสิ่งตอกย้ำว่ามันยังคงมีบางสิ่งบางอย่างหลงเหลืออยู่ภายในความทรงจำ..
บางสิ่งบางอย่าง.. ที่เกี่ยวกับผม
 “เป็นไงบ้าง ? ”ผมก้มหน้าลงมองตะเกียบที่ถูกวางคู่อยู่ในชามตนเองสักพัก พยายามเค้นเสียงตอบออกไป
   “ก็ดี” ทั้งร่างผงะไปทันทีที่เห็นไอ้เบสมันคีบหมูมาวางไว้ในจานผม “ไรวะ?”
   “แดก” มันเอ่ยคำเดียว แล้วก้มลงไปมองจานตนเองใหม่ ได้ยินเสียงเชี่ยนิวร้องโวยวายเกี่ยวกับไม่ยอมตักให้บ้าง เหี้ยเบสจึงจัดการกำผักสด ๆ ในจานที่ไม่ได้ต้มยัดปากเพื่อนซี้กูทันที เวร มึงนี่โหดไปไหนวะ..
..แต่.. ไม่เปลี่ยนเลยแฮะ..
   เมื่อก่อนมันก็มักจะเป็นแบบนี้ประจำ เวลาพวกเราไปไหนมาไหนด้วยกัน กินหมูกระทะด้วยกันไอ้เบสก็จะเป็นฝ่ายคีบหมูลงจานผม มันรู้ว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไร มันรู้ว่าผมไม่ชอบแดกผักก็เลยมักจะเลี่ยง แต่ถ้ากูเผลออ้าปากเมื่อไหร่เป็นอันต้องยัดเข้าปากนั่นแหละ
   “รูปร่างมึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ” เบสทักอีกครั้งพร้อมกับหันไปป้อนผักให้เชี่ยนิวที่อ้าปากรออยู่ ฮือ.. กูล่ะอยากตายจริง ๆ ไอ้ห่าจินแม่งปล่อยรังสีอำมหิตใหญ่แล้ว นิวเอ๊ย รู้ตัวบ้างเดะ
   หากอยากถามว่าทำไมอยู่ ๆ เบสทักรูปร่างผมเปลี่ยน ?
คงเป็นเพราะตอนมอต้นผมตัวเล็ก บอบบาง อุ้มง่าย แต่ตอนนี้ส่วนสูงกูพุ่งพรวดพราดยิ่งกว่าอุณหภูมิความร้อนประเทศไทยอีกครับ แถมผมเองก็แอบไปเล่นกล้ามมานิด ๆ ไม่แปลกที่มันจะทัก
อยากตอบนะ ตอบแบบปกติ.. เหมือนก่อนที่เราจะเลิกกัน
..แต่ทำไม่ได้ว่ะ..
   “อืม..” ผมครางตอบไปในลำคอ จ้องหมูชิ้นบางในมือที่ไอ้เบสคีบมาให้อีกรอบ ผมคิดจะใช้ตะเกียบคีบหมูรับเอาไว้
แต่.. มือของผมอีกข้างกำลังสั่น
   มันจิกขากางเกงตนเองไว้แน่นโดยที่ไม่รู้ตัว..
หน้าผมต้องซีดไปแล้วแน่ ๆ อึดอัดฉิบ
   ผมเหลือบมองอดีตคนรักเก่าที่เผยสายตางุนงง แล้ววางหมูนั่นลงชามของตน สลับกับใบหน้าหวานของเด็กข้างกายที่นั่งด้วยกัน..
..
ไม่
ไม่อยากเห็น
ไม่อยากได้ยิน
..
ไม่
ไม่อะไรทั้งนั้น..
   กูไม่อยากเจอมึง เบส ได้ยินไหมว่ากูไม่อยากเจอมึง.. พร้อมไอ้เด็กนั่น
   “มึงไม่แดกเหรอวะ ?” คนรักเก่าของผมยังคงส่งคำถามกลับมาเหมือนเดิม “ปกติยิ่งกว่าพายุอีกนะ วันนี้เมนส์มาเรอะน้ำกรด” ..ห่า แล้วทำไมต้องเล่นมุขอะไรแบบนี้ด้วย
อยากตีมุขกลับนะครับ.. แต่..
..
ผม.. ไม่มีแรงว่ะ.. ไม่มีจริง ๆ ..
   “เหอ ๆ” เป็นเชี่ยนิวที่เลิกคิ้วเล็กน้อยพลางหันมามองผมและพูดขึ้นขัด
   “เหี้ยกรด มึงเป็นไรเปล่าวะ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนะเว้ย เพิ่งสังเกตกูเรอะ ตอนนี้แหละกำลังสั่น สั่นจนพูดเหี้ยไรไม่ได้เลย ไม่มีแรงด้วย สงสัยคงใกล้ตายแล้ว ฮือ จะฝังกูเมื่อไหร่ขอศาลาหรู ๆ นะมึง
   “นั่นดิ มึงเงียบเกินไปเปล่าวะ” เป็นเสียงจินที่ดังต่อเนื่องกันมาติด ๆ ทำให้ผมต้องเม้มปากแน่น อยากเถียงกลับไปนะ.. อยากเถียงจริง ๆ ครับ
แต่พอเห็นหน้าไอ้เชี่ยเบสแล้วมัน.. ไร้แรงฉิบหาย..
   มันไม่ใช่อาการของคนตกใจหรืออะไร.. แต่เหมือนสภาพร่างกายของผมจะช็อกไปแล้วมากกว่าจึงทำให้พูดได้เพียงอ้อม ๆ แอ้ม ๆ ก็เท่านั้น เบสหันมามองใบหน้าของผม อ้าปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง มันเหมือนเข้าใจว่าทำไมผมเป็นแบบนี้
พวกเราเคยเข้าใจกันทุกอย่าง
เบสคือคนเดียวที่มักจะเดาอารมณ์ผมได้ง่าย ๆ เสมอ
“น้ำกรด ..มึงเป็นอะไรหรือเปล่า ?”
   มันถาม ขณะที่ผมได้แค่ส่ายหัว มีสายตาเพื่อนอีกสองคู่ที่มองมาและเจือปนด้วยความเป็นห่วง
   “มึงไม่พูดอะไรเลย น้ำกรด”
   มึงเลิกถามกูเหอะ เบส.. มึงเลิกถามกูก่อน กูพูดอะไรไม่ออกแล้ว..
   “น้ำกรด...”
..
   “เรียกน้ำกรด ๆ อยู่ได้ รำคาญ”
... !?
   ผมสะดุ้งโหยงตัวโยนทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำคุ้นเคยดังออกมาอีกฝั่งหนึ่ง ใบหน้าของตนเองหันขวับไปมองผู้ที่นั่งข้าง ๆ จิน .. ไอ้ดำ มันกลับมาแล้วครับทุกคน กลับมาพร้อมกับบทคำพูด ฮือ กูควรจะดีใจและร้องไห้แทนมึงดีไหมวะ.. คือมึงอ่ะเผลอ ๆ บทน้อยกว่าเชี่ยนิวอีก เป็นตัวเด่นประสาห่าอะไร เดี๋ยว.. ทำไมกูนอกเรื่องอีกละ
   แต่.. อะไรนะ ? ..รำคาญที่แม่งเรียกผมว่าน้ำกรด ?
   “ที่มันไม่พูดเพราะแม่งกำลังเคี้ยวหมาในปากอยู่ ไม่เห็นเรอะ ?”
   “เหี้ยนัย มึงอย่าไปกัดไอ้กรดก่อนดิวะ” จินร้องห้ามครับ อืม..อืมม..
   “เออ นั่นดิ เดี๋ยวมันก็กระโจนจิกหัวมึงหรอก” ไอ้นิวก็ดีเหลือเกิน พูดต่อท้ายที่รักได้ทันที..
   เหมือนจะเป็นสถานการณ์เพื่อนๆ รีบร้องห้ามเอาไว้ครับ แต่สุดท้ายพวกมันทั้งสามตัวก็ถึงกับหันขวับมามองผมที่ยังคงนั่งมองชามหมูกระทะตนเอง
..ใช่ จะไม่หันมามองได้อย่างไงล่ะ..
..
เพราะผม.. ไม่ได้เถียงไอ้ดำ..
   ตัวเอียงกับคำนี้อีกรอบ.. สภาพร่างกายกูยังไม่พร้อมครับ กรดยังไม่เถียง แต่ขอเก็บเอาไว้ในบัญชีดำที่มันเคยด่าผมก่อน ตอนนี้ร่างกายของผมกำลังสั่นอย่างเดียว แค่มือยื่นออกไปจับตะเกียบไว้ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
   ใบหน้าขาว ๆ ของตนเองซีดเผือดกว่าเก่าจนทำให้ทุกคนขมวดคิ้ว ก่อนที่ไอ้นิวเสนอคำพูดมาเป็นคนแรก
   “กรด มึงป่วยเหรอ ?” มันลุกพรวด เดินออกมาจากที่นั่งข้างๆ เบสแล้วเอื้อมมือมาแตะหน้าผากผม “ทำไมวันนี้มึงพูดน้อยผิดปกติวะ ?”
..สิ่งที่ทำก็มีเพียงฉีกยิ้มแห้งออกไปครับ ไอ้จินเริ่มหันกลับมาแล้วคว้ามือผมไปทาบชีพจรอีก เวร ทาบทำไมสัตว์ เห็นกูนอนชักแด่ว ๆ อยู่หรือไง หะ
   “ชีพจรก็เต้นปกตินะนิว” ฮือ.. คือกูยังไม่ได้ไปตายครับ ยังอยู่ครบถ้วน แค่กูเงียบ อะไรกัน กรดเงียบกรดผิดเรอะ ไอ้เหี้ย กูแค่เงียบ ! มันมีอะไรน่าสะพรึง !?
   “บางทีอาจจะโดนทุบหัวมาก็ได้ ไอ้นัย มึงแอบเอาไม้ทุบหัวเพื่อนกูเปล่าวะ ?” นิวเก๊กหน้านักสืบ พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังครับ ฮือ แค่กูไม่พูด กูไม่บ่น กูไม่ด่า ทำไมพวกมึงต้องจริงจังกันขนาดนี้ด้วยวะ ไม่ดิ นี่ไม่ใช่จริงจัง นี่มันเกรียนโว้ย !
   “อย่างมันน่าจะเอาหัวชนเต้าหู้แล้วสติแตกมากกว่า” อ๊าก ไอ้ดำ คือปกติมึงเงียบ มึงนิ่ง แล้วทำไมคราวนี้มึงต่อมุขวะ ไอ้ห่า.. ไอ้เวร ไอ้เหี้ย !
..แล้ว ..แล้วทำไมกูถึงไม่ยอมด่าอะไรแม่งเลย ..ฮือ
   “...” เบสหันมาจ้องผมเลยครับคราวนี้ เออก็สมควร นาน ๆ ทีจะเห็นกูไม่พูด กูไม่บ่น กูไม่ด่านะ อย่าลืมกราบตีนกูด้วย.. คิดแล้วอยากจะร้องไห้ว่ะ โฮฮ !
...
หากแต่จะถามว่าทำไมอยู่ ๆ ผมถึงไม่พูด เงียบ นิ่งไป.. มันมีเหตุผลครับ..
..เจอไอ้เบสน่ะมันไม่เท่าไหร่หรอก ..แต่เพราะกูเจอเชี่ยนั่น
   ไอ้เชี่ยหน้าหวานสุดจัญไรนั่น..
..ไอ้ห่าเซ็น..
   คิดถึงสิ่งที่มันเคยทำไว้กับกู ไม่ใช่แค่ทำให้ไอ้เหี้ยเบสบอกเลิกอย่างเดียวด้วย ทั้งเรื่องที่ทำให้ผมต้องย้ายโรงเรียน หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ขนาดนี้ ผมเผลอกัดริมฝีปากตนเองแน่นกว่าเดิมเมื่อไปสบสายตากับเด็กร่างเล็กตรงนั้นพอดี ความทรงจำบางอย่างวาบเข้าสมองเหมือนมันจะไม่มีวันลบเลือนไป
   ‘พี่น้ำกรด’
   ‘หือ ? ’
   ‘มีคนฝากมาบอกว่ารอพี่อยู่ตรงห้องน้ำชายข้างๆ สนามบาส.. ไปหาสิ’
   “พ่อง ! ไอ้หมากรดไม่เถียงหมายความว่าสติมันเจ๊ง มันหลุดไปแล้ว แถมยังต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อเช็กสมองส่งจิตแพทย์เลยนะเว้ย !!” เสียงของนิวดังลั่นเรียกให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด นึกอยากขอบคุณมันอย่างสุดซึ้งที่ชอบแหกปากโวยวายในเรื่องไม่เป็นเรื่องก่อนเพื่อนและทำให้ผมเลิกคิดถึงความทรงจำปัญญาอ่อนๆ ในอดีตนั่น ผมกำลังจะเริ่มอ้าปากพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน แต่กลับมีใครบางคน.. มาขัดความคิดนี้ไว้เสียก่อน
และทุกประโยค.. ก็ถูกกลืนหายไปในลำคอ
“บางที...” น้ำเสียงหวานของคนที่ทำให้ผมเงียบไปได้ขนาดนี้ดังขึ้นเป็นครั้งแรก ทุกสายตาเบนทิศไปทางเซ็นที่เพิ่งเริ่มแสดงความเห็นเป็นครั้งแรก “พี่น้ำกรดอาจจะป่วยอยู่ก็ได้นะครับ”
..น้ำกรด ? .. อย่ามาเรียกกูด้วยชื่อ..
กูขยะแขยง คนอย่างมึงไม่มีค่าพอจะเรียกกู สาด !
   อยากเดินเข้าไปเถียงมันจริง ๆ เหี้ยเอ๊ย อยากเดินไปตบกะโหลกสักที แต่แม่ง.. แม่ง.. ทำไมขาของผมมันต้องแข็งค้าง ขยับไม่ได้ด้วยนะ
   “พี่นิวก็ว่างั้นนะน้องเซ็น” ไอ้นิวก็เฟรนด์ลี่เป็นกันเองเกินไปปะไอ้ห่า
   “ใช่ครับ ผมก็คิดว่าอย่างนั้น แล้วพี่น้ำกรดกินยาหรือยังครับ ?” น้ำเสียงเจือปนความเป็นห่วงดังต่อเนื่องออกมาจากปากของคนที่ผมเกลียด ไม่ใช่เกลียดแบบเหม็นขี้หน้าแบบไอ้ดำ แต่เป็นเกลียด.. เกลียดอย่างที่ไม่ต้องการเข้ายุ่ง เพราะขยะแขยง
ผมกับไอ้เซ็น ..พวกเรารู้ ๆ กันโดยจิตใต้สำนึกว่าไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้ว..
ที่ถามอย่างนี้ก็มีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ ..ตอแหล ไอ้ห่า !
   “.....” ผมยังคงตัดสินใจนิ่งและเงียบอยู่อย่างเดิม ใบหน้าของตนเองก้มมองพื้นโดยไม่คิดจะละสายตาไปทางอื่น น้ำเสียงรอบ ๆ ตัวของผมเหมือนค่อย ๆ เงียบลงเพราะตนเองจมปลักอยู่ในโลกส่วนตัวเล็ก ๆ นี่ ทั้งร่างเหมือนเริ่มสั่นเทากว่าเดิมอย่างไม่ทราบสาเหตุ ภาพในอดีตวกขึ้นสมองเป็นฉาก ๆ จนผมเผลอใช้เล็บจิกลงบนเนื้อของตนเองแต่มันกลับไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย..
..ชา.. ไปทั้งร่าง.. แค่ขยับปากพูดยังไม่มีแรงเลย
   “ปกติพี่น้ำกรดเป็นคนพูดเก่งมาตั้งแต่ตอนม.ต้นเลยนะครับ ดังมากเลย” ประโยคนี้ เซ็นหันไปคุยกับทุกๆ คนด้วยรอยยิ้มหวานเข้ากับหน้าของมัน “พูดเก่ง.. น่ารัก จนเป็นที่รู้จักของใคร ๆ”
..
หุบปากมันที.. หุบปากมันได้หรือเปล่าวะ..
   ความคิดของตนเองผุดขึ้นมาในสมอง อยากจะตะโกนออกไปให้มันรับรู้ว่าผมไม่ต้องการฟัง อดีต ? ..อดีตม.ต้นอันแสนขมขื่นที่อยากจะโยนทิ้งไปในหัวสมอง อดีตที่ผมไม่ต้องการจะรับรู้และคิดว่าลืมไปพ้น ๆ อดีตที่ผมพยายามจะวิ่งหนีมันมาตลอดและผลักไสไปให้พ้น แม้ว่านั่นจะเสมือนกับเงาตามตัวมาเรื่อย
ให้ตายเหอะ.. ไม่อยากนั่งแดกหมูกระทะนี่แล้ว
ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว.. ใครก็ได้..
..
พากูออกไปจากบรรยากาศน่าอึดอัดนี่ที..
   “แต่แปลกจังนะครับ ผมจำได้ว่าก่อนจบการศึกษาประมาณสองสามอาทิตย์ ทำไมพี่น้ำกรดถึงไม่มีใครพูดด้วยเลยนะ ?”
..หุบปาก
มึงหุบปากไปได้ไหม ไอ้ตอแหล ..
กูไม่อยากได้ยินมึง..
   ประสบการณ์อันเลวร้ายที่เสมือนกับตราตรึงอยู่ในหัวของผมอย่างไม่มีวันลบเลือนวนเวียนเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ผมยังคงจำได้กับความรู้สึกเจ็บปวดที่ได้รับ มือของชายตัวสูงใหญ่กว่าที่กระชากทั้งร่างเข้าห้องน้ำ โยนตัวผมลงบนพื้นโดยไม่สนใจว่ามันจะเจ็บหรือไม่ ความแค้นที่ถูกมือสากน่าขยะแขยงไล้ไปทั่วร่าง กดริมฝีปากจูบมาส่วนไหนต่อไหน พยายามที่จะโลมเลียให้ได้มากที่สุดโดยไม่สนถึงความสมัครใจ การถูกใครบางคนคอยพันธนาการไม่ให้ผมดิ้นหนีรอดไปไหน หรือว่าจะเป็นคนที่ขึ้นคร่อมแล้วกระทำการบางอย่างจนรู้สึกพะอืดพะอม ตีเข้ามาให้ท้องไส้ปั่นป่วน
ผมจะไม่รู้สึกแย่เหี้ย ๆ ขนาดนี้..
ถ้าตอนนั้น.. ตัวของผมไม่อ่อนแอเหลือเกิน
   สู้ใครเขาไม่ได้แม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะร้องห้าม มือพยายามปัดป่ายหนีก่อนถูกพันธนาการ สุดท้ายผมก็ทำเพียงแค่ร้องไห้ออกมาอย่างเสียศักดิ์ศรีผู้ชายคนหนึ่งดื้อ ๆ
   เจ็บใจที่ถูกทำแบบนั้น... โดยไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลย..
   แต่ที่แค้นมากที่สุด อาจจะเป็นตัวของผมเองที่ไร้ความสามารถในการปกป้องแม้แต่ร่างกายตัวเอง
   “หือ” นิวเป็นคนต่อบทสนทนาพร้อมขมวดคิ้ว ไอ้นิว.. กูไม่คิดจะว่าอะไรมึงหรอกนะ เพราะมันไม่รู้เหี้ยอะไรเลย มึงไม่รู้เกี่ยวกับอดีตน่าโสโครกของกูเลยแม้แต่น้อย.. สุดท้ายเพื่อนของผมก็ต้องชะงักค้าง เมื่อได้ยินประโยคถัดไปออกจากปากเซ็น
   “..จะว่าไป ตอนนั้นก็เป็นช่วงที่พี่น้ำกรดกับเบสเลิกกันพอดีนี่นา..”
   “....หะ ?” คนหน้าหวานเบิกตากว้างเป็นไข่ห่าน เหมือนสมองน้อย ๆ ของมันน่าจะทำประมวลความคิดทุกอย่างเข้าด้วยกัน
   จินมีสภาพไม่แตกต่างกัน ไอ้เวรนี่ถึงกับอ้าปากค้างเลยด้วยซ้ำ..
..เหอะ ..ใช่
เหี้ยเบสนี่แหละ ..แฟนเก่ากูเอง..
   หากแต่ระหว่างที่ผมหันไปมองท่าทีเชี่ยจิน สายตาของตนเองกลับเผลอไปสบกับคนด้านหลังมันเสียก่อน
..ไอ้ดำ..
   มันมองมาทางผมเหมือนกัน ไม่ใช่แค่มอง.. น่าจะเป็นจ้องเสียมากกว่า นัยน์ตาคู่นั้นสงบนิ่งจนเหมือนว่ากำลังใช้ความคิดอยู่ ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าอย่างไร.. เพราะสุดท้ายก็ตัดสินใจก้มลงมองหน้าตักตนเองเหมือนเดิม
..ยอมรับฟังไปเงียบ ๆ .. และไม่เถียงอะไร คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด..
แม้ว่าจะทำให้ทุก ๆ คนที่นี่รู้อดีตไปก็ตาม..
   “แปลกดี..เหมือนพี่น้ำกรดจะมีข่าวลือที่ว่าเอาไม่เลื..”
ปั้ง !
   เสียงฝ่ามือที่ถูกกระแทกลงบนโต๊ะทำให้ทุกร่างที่กำลังนั่งอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ถ้อยคำพูดคุยได้เงียบลงไปทันทีทันใด.. ไม่เว้นแม้แต่โต๊ะผม คนโต๊ะอื่น ๆ ก็ดูตกใจและหันมามองเป็นทางเดียวกันด้วย
ไอ้ดำยืนขึ้นพร้อมกับกวาดตามองทุกคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะนี้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
   “ไอ้หมา ไปกับกู” ผมผงะ ..เงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าไร้อารมณ์ของมันที่ไม่รู้ว่าต้องการจะสื่ออะไรอยู่ “กูกับมันมีงานคู่ที่ต้องทำส่งวันจันทร์นี้” ประโยคคำพูดนั้นทำให้ผมนิ่ง..
..หา งานคู่ ?
   คิดดี ๆ แล้วมันมีเหรอวะ แต่ไม่ทันจะได้อ้าปากถาม ไอ้ดำก็เดินตรงเข้ามาพร้อมกับกระชากแขนของผมให้ลุกขึ้นตามไปทันที นัยน์ตาสีเข้มของมันเจือความหงุดหงิดพร้อมกับพูดสั่ง
   “แดกกระดูกอยู่หรือไง เร็ว !” โอ๊ย ไอ้ห่า นี่กูงงนะ สาด !
   “เดี๋ยวดิ ! พวกมึงแดกยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย” นิวร้องทักพร้อมมองมาทางพวกผม แต่ไอ้ดำกลับยักไหล่เบา ๆ หนำซ้ำยังคว้าคอเสื้อผมแล้วลากให้ไปอีก เหี้ย เรื่องอะไรวะ !


ยังไงก็ตามท้ายสุดแล้ว
 ..มันก็เป็นคนที่ลากผมออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี่..
...
   จินยกมือขึ้นเกาหัว มองเพื่อนสองคนที่ลับสายตาไปอย่างรวดเร็ว พลางพึมพำกับตัวเอง
   “..จารย์สั่งให้ทำงานคู่เมื่อไหร่วะ.. ?”


   ผมถูกไอ้ดำกึ่งเดินกึ่งลากมาติด ๆ ครับ ไม่เข้าใจว่ามันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม ไอ้กูนี่ก็เหลือเกิน แค่แรงจะโวยวายให้หยุดยังไม่มีเลยอ่ะ ..ฮือ กรดหมดแรง วันนี้กรดเจือจางหน่อยก็แล้วกัน ไม่ไหว พูดอะไรไม่ได้เลย.. ทำไมต้องมารู้สึกอะไรแบบนี้ด้วยวะเนี่ย ?
   ไอ้ดำพาผมออกมาแล้วเดินไปใกล้ใต้ต้นร่มไม้พอดีเลยครับ อือหือ มึงนะสาด.. อย่าหยุดใต้ต้นไม้นะมึง ถ้ามันมืดล่ะก็ ต่อให้กูไม่มีแรงแค่ไหนกูก็วิ่งเลยนะ หลอนสัตว์ แถมยังเจออะไรเงาดำ ๆ ตรงหน้า กูกลัวไอ้เชี่ยย
   ..สุดท้ายมันก็หยุดอยู่ใต้ต้นไม้กับผมจริง ๆ ด้วย ไม่สนใจการประท้วงภายในใจของผมสักนิด
   ผมนิ่วหน้าเมื่อรับรู้ถึงความเจ็บบริเวณที่ถูกกอบกุม จึงหันมองคนที่ยังคงจับข้อมือของผมเอาไว้อยู่
แล้วก็ต้องชะงัก.. กับสายตาของมัน..
   “..นั่นแฟนเก่า ?” เสียงทุ้มถามเป็นครั้งแรก ขณะที่ผมตัดสินใจก้มหน้าลงใหม่ น่าแปลกที่รู้สึกอึดอัดและไม่อยากจะตอบมันเสียได้ จึงตัดสินใจพยักหน้าเบา ๆ ไปแทน ไอ้ดำปล่อยข้อมือของผมออกทันทีราวกับเพิ่งรู้ตัว
   ผมไม่รู้ว่าไอ้ดำมีสีหน้ายังไง.. เพราะตัวผมกำลังก้มหน้า..
..ก้มหน้า..อย่างเดียว..
   ใช่ ไอ้เบสคือแฟนเก่าของผม สาบานได้เลยว่าจะไม่รู้สึกอะไรถ้าหากมันไม่ได้มาพร้อมกับไอ้เซ็น ผู้ชายที่ผมเกลียดที่สุดเลยก็ว่าได้
   “...ไอ้..” ไอ้ดำตั้งท่าจะพูดบางอย่างต่อแต่มันกลับหยุดเอาไว้ นัยน์ตาคมนิ่งเฉยของมันมองมาทางร่างกายผมที่กำลังสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด.. ไม่เอาว่ะ ไม่อยากพูดถึงไอ้เหี้ยเบส ไอ้สัตว์เซ็นด้วย .. ทำไมต้องมาเจอด้วยวะ
ไม่อยาก..
แปะ..
   ความคิดของผมได้หยุดชะงักลง นัยน์ตาตนเองเบิกกว้างทันทีที่สัมผัสถึงความอบอุ่นแล่นผ่านเข้ามาบนหัวของตนเอง.. ไอ้ดำกำลังลูบหัวของผมอยู่..
..ลูบหัว.. ?
   “..มึงน่ะ” มันเว้นจังหวะ ก้มหน้ามองผมที่ค้างไปแล้ว “อย่าร้อง”
..ห่า..
   ..เหมือนกับกำแพงของผมพังทลายคงไปทันที ใบหน้าของไอ้ดำที่ตนเองมองอยู่ค่อย ๆ เลือนรางไปและกลายเป็นภาพพร่ามัวเพราะหยาดน้ำตาของผมที่บดบังอยู่ ผมตัดสินใจก้มหน้ามองพื้นอีกครั้งราวกับไม่อยากให้ใครเห็นสภาพตนเองตอนนี้
ให้ตายเหอะ.. สุดท้ายผมก็เป็นคนร้องไห้ง่าย ๆ จริง ๆ ด้วย..
   จะกี่ครั้ง.. ผมก็ร้องไห้ง่ายดายเกี่ยวกับเรื่องเจ็บปวดเสมอ ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของกูมันอยู่ไหนวะ
   ไอ้ดำไม่พูดอะไรต่อ เพียงแค่มองมาทางผม ก่อนที่มันจะดึงศีรษะของผมเข้าไปเอนซบลงเบาๆ ตรงไหล่ขวาของมัน..
..เออ ผมนี่ก็บ้าเนอะ..
..น้ำตาพาลไหลพรากเป็นเขื่อนแตกจนได้.. แถมยังมาร้องไห้ต่อหน้าใครก็ไม่ร้อง.. ต่อหน้าคนดำ ๆ อย่างมึงอีก !
   “..ไม่เป็นไร” เสียงทุ้มดูอ่อนโยน ดังเข้ามาในโสตประสาทและให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากทุกที ผมซุกใบหน้าลงบนที่ไหล่อีกฝ่าย ให้เสื้อยืดของมันซับหยดน้ำตาตนเองออกไป “..กูอยู่ตรงนี้.. ไม่เป็นไร”
เหี้ย..
มึงเป็นใครมาจากไหน อยู่ ๆ มาปลอบกูวะ ..ต่างคนต่างเกลียดขี้หน้ากันมาตลอด แถมเมื่อเช้าเพิ่งพยายามเมินใส่กันอีก..
..แล้วทำไมตอนนี้ถึง..
   “กูเกลียด.. อดีตกู” ผมพูดออกมาตะกุกตะกัก ปล่อยให้อีกฝ่ายลูบเรือนผมตนเองโดยไม่ขัดขืน “ไอ้เหี้ย.. กูเกลียดอดีตของกู.. อึก..” ใช้ฟันตนเองกัดลงที่ริมฝีปากแรง ๆ เพื่อเป็นการกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้
..ผมเกลียดอดีตของตนเอง..
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:25:44
   สุดท้ายก็เหมือนกับว่าทุกสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจของผมพังครืดลงมาเพียงครั้งเดียว การเจอพวกเบสและเซ็นคงคล้ายคลึงกับทำให้ความรู้สึกแข็งแกร่งนั่นถูกสะกิดให้เกิดรอยร้าว ก่อนจะถล่มทลาย แตกเป็นเสี่ยง ๆ.. ทำให้ค้นพบว่าข้างในความรู้สึกแข็งแกร่งของผมมันช่างเปราะบาง เป็นรูกลวงภายในที่ไม่มีใครสามารถจะค้นพบมันได้จนกว่าจะทำลาย
และ.. ผมก็ทำได้เพียงแค่สร้างกำแพงหนา ๆ ขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองเอาไว้ เพียงแค่การทุบเพียงเล็กน้อยไม่อาจทำให้มันพังได้ ขดตัวลงหลังกำแพงใหญ่และดูแข็งแรง คอยวางใจว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นหากตนเองยังคงอยู่ข้างหลังป้อมปราการนี้ โดยปราศจากการคิดคำนึงถึงว่าถ้าหากถูกทุบลงด้วยแรงเกินกว่าจะรับไหว ไอ้กำแพงกลวง ๆ นี่จะไปปกป้องอะไรผมได้กัน ?
   ผมเริ่มเล่าอดีตของตนเองออกมาเหมือนน็อตหลุด ยินยอมให้ชายตรงหน้าที่เพียงแค่เอื้อมมือมาในเขตของกำแพงใหญ่หลังจากมันพังทลายลงรู้ทุกอย่าง โผเข้าหาราวกับต้องการความอบอุ่น
   เล่าทุกสิ่ง.. จนกระทั่งเซ็นเข้ามาในชีวิตคู่ของพวกเรา ดึงเบสออกห่าง จนสุดท้ายเบสก็เป็นฝ่ายขอเลิกเอง แต่มันจะไม่ทำให้ผมรู้สึกบ้าคลั่งและปิดกั้นตนเองมากขนาดนี้.. ถ้าหากไม่เกิดเหตุการณ์นั้น
เหตุการณ์ที่เป็นรอยแผลภายในใจมาเนิ่นนาน
   ผมพูดถึงความทรงจำทั้งหมดที่เคยอยู่ในกล่องปิดตายเอาไว้อย่างแน่นหนา แต่สุดท้ายกลับยินยอมเปิดกล่องใบเองนั้นให้แก่ผู้ยื่นมือเข้ามาหาเหมือนขาดสติ มันเลือกที่จะฟังเงียบ ๆ เพียงลูบหัวผมและรับฟัง ผมพูดถึงเรื่องที่ถูกฉุดเข้าไปในห้องน้ำก็ยิ่งรับรู้ว่าน้ำเสียงตนเองสั่นมากแค่ไหน อ่อนแอบัดซบ ไล่ไปถึงการถูกกดตัวลงพื้น บีบแก้มทั้งสองข้างจนต้องอ้าปากออกอย่างไร้หนทางขัดขืน ยัดบางอย่างเข้ามาในปาก ไม่ว่าจะร้องไห้มากเท่าไหร่หรือพยายามขัดขืนมากแค่ไหนก็ไม่มีวันถูกหยุด ได้ยินทั้งเสียงหัวเราะ เสียงเยาะเย้ยนั่นยังคงดังก้องอยู่ในหัวราวกับหลอกหลอน
   สุดท้ายผมก็ได้แค่ร้องไห้ออกมา.. และได้รับการช่วยเหลือจากรุ่นพี่ประธานนักเรียนคนหนึ่งเอาไว้..
   มันยังไม่จบแค่นี้ วันถัดไปของทุกสิ่งอยู่ในความหวาดกลัว ผมเหมือนคนเป็นโรคหวาดระแวง ประสาทหลอน กลัวทุก ๆ สัมผัสไม่ว่าจะเป็นจากผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่กล้าไว้วางใจใครหรืออยู่ใกล้กับใคร จนสุดท้ายก็มีข่าวลือจำพวกผมเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัวออกมา เดาได้ว่าคงมีคนเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นไม่มากก็น้อย..
   สุดท้ายผมก็หนีออกมาจากอดีตทั้งหมด ใช้เวลาพักฟื้นทั้งสภาพร่างกายและจิตใจด้วยการหยุดเรียนช่วงเวลาที่เหลือของโรงเรียนเก่า ค่อยๆ ยินยอมที่จะพบกับปัญหาและแก้ไขที่ละน้อยโดยการเข้ามาอยู่ในโรงเรียนชายล้วนและเผชิญกับสิ่งที่เคยหวาดกลัว ทุกอย่างก็ได้ดีขึ้นตามลำดับแบบแผนที่ตนเองได้วางเอาไว้
เพราะช่วงเวลาที่เกิดเรื่องตอนนั้น.. สิ่งที่ผมแค้นมากที่สุด คือ ตัวเอง
   แค้นตัวเอง.. ที่ไม่สามารถปกป้องได้แม้กระทั่งตนเอง
   ผมเปลี่ยนตัวเอง เริ่มต้นจากรูปลักษณ์ที่เคยดูอ่อนแอและเปราะบาง ออกกำลังกายมากขึ้นส่งผลให้ร่างกายสูงและแข็งแรงได้มาถึงจุดนี้ ใช้ช่วงเวลานั้นรักษาแผลในใจขึ้นมาตามลำดับ สร้างกำแพงใหญ่ให้ดูแข็งแกร่งและน่ากลัวเพื่อปกป้องตนเองที่กำลังเอาแต่ขดตัวอยู่ด้านหลัง พึงพอใจทั้งที่ความจริงการสร้างกำแพงนั่นไม่ได้ช่วยอะไร เพราะสุดท้ายมันก็ต้องพังทลายอยู่ดี..
   จนสุดท้าย.. มันก็พังลงจริงๆ
   ผมไม่สามารถจะขดตัวหนีความจริงอยู่ข้างหลังกำแพงนั่นได้อีกต่อไป
   ความเงียบค่อย ๆ ถูกโปรยปรายลงทั่วบริเวณใต้ร่มไม้นี่ ผมยังคงสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเคลื่อนมือไปมา ลูบเรือนผมของตนเองเบา ๆ โดยไร้การขัดขืน ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากบ่ากว้างของมันทำให้มีเพียงแค่หลับตาลง
ผมสบายใจ..
   หลังจากที่พูดทุกอย่างออกไป ระบายกับเหี้ยอะไรไม่รู้อย่างลืมตัว ผมกลับรู้สึกสบายใจราวกับได้ยกสิ่งที่แบกรับเอาไว้ออกจากบ่า..
มันจะไม่มีวันบอกเรื่องนี้กับใคร
   ทำไมผมถึงคิดแบบนี้.. คำตอบก็คือไม่รู้ ไม่รู้เลยจริง ๆ ..
..
ทำไมผมถึงรู้สึกเชื่อใจมันมากขนาดนี้กันวะ ?


   “เคลิ้มเลยล่ะสิ”


..หะ.. ?
   ..ฉิบหายครับ เหมือนสติของผมจะถูกดึงกลับมาอย่างรวดเร็วเพียงแค่ประโยคคำพูดเดียวที่ดังออกมาจากปากของไอ้ดำ ผมเงยหน้าขึ้นมองมันอย่างรวดเร็ว มือที่กำเสื้อของอีกฝ่ายค่อย ๆ คลายลง พร้อมนัยน์ตากวนประสาทที่ถูกส่งมาหา
   “ไงล่ะ ไหล่กูกว้าง อุ่นล่ะสิ” ..ไอ้เหี้ย ถูก เอ๊ย ไม่.. เดี๋ยว..
..ก่อนหน้านี้.. กะ.. กูเผลอไปทำอะไรวะ !
   แย่ล่ะ ทุก ๆ อย่างค่อย ๆ กลับมา สติน้องกรดกลับมาแล้ว เฮ้ย.. เฮ้ย.. ?    เดี๋ยวนะ.. ผมเรียบเรียงแป๊บ ถ้าจำไม่ผิดคือตอนนั้นตัวเองรู้สึกอ่อนแอปวกเปียก.. เลยไปซบไอ้ดำ พูดเรื่องอดีตให้ฟัง..
..แล้ว.. แล้วก็ฉิบหาย !!
   “เหี้ย !” คำเดียวทำเอากูกระโดดออกห่างเลย อ๊าก เมื่อกี้ผมซบมันใช่ไหมวะ ? “ห่าา ทำ.. ทำเชี่ยไรมึงวะ”
   “กูไม่ได้ทำ มึงเข้ามาหากูเอง” โอ๊ย.. ฆ่ากูเหอะ ฆ่ากูเล๊ย !
   “เพราะมึงดึงกูเข้าไปหาต่างหาก” น้ำกรดครับ ชื่อกรดต้องหน้าด้าน เข้าใจไหมวะ ? หา เข้าใจไหม ! “กูไม่รู้ กูไม่ผิด เหี้ยยยยย” ผมตัดสินใจชูนิ้วกลางส่งไปหนึ่งที ส่วนไอ้ดำก็ได้แต่เหลือบมอง
รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของมัน แบบที่มันไม่เคยได้ทำมากนัก
..
และพูดประโยคถัดไปที่ทำให้ก้อนเนื้อในอกผมแทบเด้งออกมา
   “แต่มันก็ทำให้มึงกลับมาพูดเหมือนเดิมได้แล้ว.. ใช่ปะล่ะ ?”
...
..เออ.. จริงของมัน..
   ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก บางสิ่งในใจของตนเองเต้นแรงเร็วยิ่งกว่าเครื่องเคาะสัญญาณเวลาอีกกู พอหันไปมองมือตนเองก็พบว่ามันหายสั่นริกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้..
ใช่.. หายไปแล้ว..
น่าจะหายไปตั้งแต่ได้ซบไหล่นั่น..
   ควรจะทำอย่างไงดีล่ะ ? ขอบคุณเหรอ ? มันเข้ากับสภาพของผมตอนนี้ที่ไหน.. ไอ้.. ไอ้เหี้ย.. ควาย ไอ้ดำ กูเกลียดมึง สัตว์ .. เกลียดมึงแล้ว ห่า !!
   “หึ..”
อ๊ากก เสียงนี้อีกแล้ว !
   “ไอ้เวร.. !” ผมอ้าปากค้างก่อนจะชี้หน้าอีกฝ่ายพลางชะงักกึกเมื่อเห็นสายตาของไอ้ดำมันไม่ได้มองมาทางผมเสียงั้น อ้าว ไอ้ห่านี่ เมินกูเรอะ นี่ดำแล้วยังจะเมินคนขาวเหรอมึง เดี๋ยวโดนการเหยียดสีผิวแน่สัตว์ “มึงเมินกูเหรอวะ !”
   “...”
นั่นแน่ะ !! เมินจริง ๆ ด้วย เมินกูจริงจังอีก ไอ้เหี้ย !
   ผมขมวดคิ้วแน่นก่อนจะจ้องหน้าอีกฝ่ายกลับ อ้าปากด่าปาว ๆ แม่งยังไม่หันกลับมาเลยสุดท้ายก็ต้องถามออกไปเองครับ
   “ดำแล้วยังจะเมินกูอีก สัตว์ มองเหี้ยอะไรวะ !?” คือสงสัยจริง ๆ นะ ปกติเวลาผมด่าไอ้ดำน่ะมันก็ต้องหันมาจ้องเขม็งแล้วส่งสาตาอาฆาตใส่ดิ แต่นี่อะไรวะ เมินซะงั้น หนอย.. กรดจะไม่ทนครับ ! ต้องหันไปดูซะหน่อยแล้วว่าแม่งมีอะไรน่าดึงดูดกว่ากูด่ามึง หะ ?
   “มองควาย”
หา.. อะไรนะสัตว์ ? ควายเรอะ นี่มันสมองเพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ !
   คิดได้แล้วผมจึงรีบหันกลับไปหมายจะเห็นควายหน้าร้านหมูกระทะ ..หากแต่ระหว่างนั้น.. ทั้งร่างของผมกลับถูกอีกคนกระชากให้เข้ามาเสียก่อน ความตกใจแล่นวูบเข้ามาทันทีทันใด
   “เหี้ยไรวะ... !” เสียงของตนเองถึงกับเขวไปทันที ร่างของผมเซถลา สิ่งที่รับรู้ถัดมาคือใบหน้าของตนเองที่ถูกจับเงยขึ้นทันทีทันใดพร้อมกับความร้อนผ่าวประกบลงมาที่เล่นทำให้ทั้งร่างนิ่งค้าง นัยน์ตาของตนเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสนั่น ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปากผมอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญ เพียงแค่ครั้งเดียว.. มันขโมยความชุ่มชื้นจากผมไปหมดเลยด้วยซ้ำ.. สองขาถึงกับอ่อนเปลี้ยในทันที
เร็ว..
   ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป เล่นเอาผมตั้งสติไม่ถูกเลยทีเดียว
   ไอ้ดำถอนริมฝีปากออกมา นัยน์ตาคู่นั้นยังคงจับจ้องผมอยู่ไม่ผละออก ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำของมันจะดังขึ้นมาติด ๆ
   “..มึงน่ะ ไม่ต้องไปมองควายหรอก” ผมนิ่งค้าง อึ้งกับสิ่งที่มันกำลังกระทำอยู่ ชายตรงหน้ายังคงมองด้วยความนิ่งเฉย เว้นจังหวะเล็กน้อยพลางพูดประโยคถัดไป “มองแค่เหี้ยของมึงคนเดียวก็พอแล้ว”

...
จัญไรเถอะ !

Special’s part


   “..จารย์สั่งให้ทำงานคู่เมื่อไหร่วะ ?”
   ผมได้ยินเสียงคนที่รู้สึกน่าจะชื่อว่าอะไรนะ.. ? ใช่จินหรือเปล่า ไม่แน่ใจแหะ เขาพูดขึ้นพร้อมกับมองน้ำกรดที่ถูกดนัยลากไปอยู่ คิ้วของผมขมวดติดกันแน่นกับท่าทางที่แสดงออกอย่างชัดเจนขนาดนั้น
..แต่..ไม่ได้เจอกับน้ำกรดมานานแล้วเหมือนกัน..
   พอมาเจออีกทีก็เขวไปนิดหน่อย พวกเราเลิกกันด้วยประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ และต่อด้วยการตีตัวออกห่าง ผมเป็นพวกปิดหูปิดตา เมินโลก เลิกรับรู้การรับข่าวสารทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองออกไปและหยุดสนใจทุกอย่าง
   นัยน์ตาของตนเองมองไปยังดนัยที่ชำเลืองมาทางผมแวบหนึ่ง แล้วคิ้วของตนเองก็ต้องขมวดติดกันแน่นอีกครั้งหนึ่ง
..ผู้ชายคนนี้.. แอบมองน้ำกรดมาตั้งแต่ผมเข้ามาร่วมโต๊ะด้วยแล้ว
   ผมเป็นพวกสังเกตคนจึงเห็นว่ามันมองอยู่
..หรือว่า..
   พอคิดได้ดังนั้นจึงรีบยืนขึ้นทันที
   “นิว ..เดี๋ยวกูมา” ผมพูดเสียงเบา พยายามดันหัวเจ้าเพื่อนตัวเตี้ยที่เกาะหนึบอยู่ นิวกับผมสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อยู่ด้วยกันมาตลอดจนแยกตอนสอบขึ้นมัธยมต้น กินข้าวด้วยกัน นอนด้วยกัน หรือกระทั่งอาบน้ำด้วยกันก็ทำมาหมดจนรู้ทั้งเปลือกนอกแล้ว
   “มึงจะไปไหนอ่า..” ไอ้เตี้ยลากเสียงอีกต่างหาก หมั่นเขี้ยวมันจริง ๆ คิดเท่านั้นผมจึงหันไปดีดเหม่งอีกคนหนึ่งที ดูดิ แม่งอ้อนกูแบบนี้ คนที่ชื่อจินนี่ปล่อยรังสีอาฆาตจะกูจะตายห่าอยู่แล้วไอ้แคระ
   “เดี๋ยวกูก็กลับมา” นิวไม่ว่าอะไรต่อ มันทำเพียงพยักหน้าและอยู่ ๆ ก็หยิกผมแรงทีหนึ่งจนเล่นเอาสะดุ้งไปทั้งตัว “เฮ้ย ?”
   “..เรามีเรื่องต้องคุยกัน” คนหน้าหวานกดเสียงลงต่ำ ทำให้ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมา นานนักที่ไอ้เตี้ยนี่จะเผยสีหน้าจริงจังและน่าสยองขนาดนี้ “เข้าใจ.. ?”
..อือหือ.. นี่มึงนัดคุยกับกูต่อหน้าที่รักมึงเลยเหรอวะ ?
   ผมเหงื่อตก พอรู้อยู่จากสายตาอาฆาตมันนั่นแหละ ต้องเป็นเรื่องของน้ำกรดแน่ ๆ เลย ผมไม่ค่อยจะเข้าใจความบังเอิญที่เกินคาดขนาดนี้
เจอแฟนเก่าตัวเองเพราะเพื่อนสมัยเด็ก..
   พอเห็นนิวหันไปคุยกับจินแทน ผมจึงตัดสินใจหมุนตัวจะเดินออกไปแต่กลับถูกคนอีกข้างดึงชายเสื้อเอาไว้ก่อนทำให้ต้องหยุดชะงักลง
   “...จะไปไหนเหรอเบส..” เสียงหวานที่ดังออกมาจากปากของน้องเซ็นทำให้ผมต้องหันกลับไปมองอีกคน เขากำชายเสื้อของผมเอาไว้แน่นขณะที่มืออีกข้างกำลังเหนี่ยวกางเกงเอาไว้เช่นกัน
   “เดี๋ยวก็มา” ผมตอบ มองเซ็นที่ชอบเกาะติดกับผม ความจริงพวกเราไม่ได้เป็นหรือคนรักอะไรกันหรอกครับ
..ผมเอ็นดูเฉย ๆ ..อารมณ์พี่ชายน้องชาย..
หรือพ่อเอ็นดูลูกก็ว่าได้นั่นแหละ..
   เอ่อ อาจจะเทียบแปลกไปหน่อย แต่ก็นะ ..
   เซ็นเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมเม้มริมฝีปากแน่น ผมทราบว่าอีกคนรู้สึกอย่างไงกับผม แต่ผมก็ตั้งใจที่จะเมินเฉยไปในหลายๆ เรื่อง มีแค่ช่วงแรกเท่านั้นแหละที่เผลอตัว.. แถมตอนนั้นเสือกแจ็กพ็อตแตกอีก.. ตรงที่น้ำกรดมาเจอเข้านี่แหละ
   “ไม่ไป.. ไม่ได้เหรอ..” อีกฝ่ายยังคงรั้ง ขณะที่ผมนิ่งงันไปพลางผลุบสายตาลง ค่อย ๆ แกะมืออีกฝ่ายออก..
มองคนตัวเล็กด้วยสายตานิ่ง ๆ แบบทุกที
   “มันสำคัญกว่ามึง”
   ผมพูดแค่นี้
ใช่
ผมพูดแค่นี้ก่อนจะหมุนตัวและรีบวิ่งตามสองร่างก่อนหน้านี้ไปทันที
และก็มาเจอเข้าจริง ๆ ด้วย..
   ผมนิ่งยืนค้าง อุณหภูมิภายในร่างถูกดิ่งลงถึงติดลบเลยด้วยซ้ำ นัยน์ตาของตนเองมองไล่ไปทีละส่วนของคนคุ้นเคย น้ำกรดถูกจับให้ซุกที่ตรงไหล่ของอีกฝ่าย ตรงนั้นมันเคยเป็นที่ของผมมาก่อน.. พวกเราชอบนอนซบไหล่กันเสมอ ๆ ..
..ภาพอดีตย้อนกลับเข้ามาในหัว พาลให้หัวใจเผลอปวดแปลบขึ้น..
   แผ่นหลังน้ำกรดยังคงเหมือนเดิมเมื่อมองจากทางนี้ แม้ว่าร่างกายใหญ่ขึ้นมากก็ตามที.. หน้าตาเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ไอ้นิสัยแข็งกร้าวเพียงแค่เปลือกนอกนั้นก็ยังอยู่เสมอ..
   อยู่ ๆ ทั้งสองก็ผละออกจากกัน ผมเห็นอดีตคนรักโวยวายบางอย่างกับไอ้ดนัย
หึ.. ขี้โวยวายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแหะ
   และเหมือนกับว่านัยน์ตาสีเข้มของอีกฝ่ายที่ยืนอยู่กับน้ำกรดขยับมาสบตาผมพอดี
   มันเผยความหงุดหงิดออกมาจนเห็นได้ชัด ผมเชื่อว่าคนซื่อบื้อแบบน้ำกรดดูไม่ออกอย่างแน่นอน.. ว่าดวงตาคู่นั้นหมายถึงอะไร ไม่นานนักอีกฝ่ายก็คว้าคนตัวเล็กกว่าเข้าไปประกบปากจูบทันที
   และนั่นทำให้หัวใจที่น่าจะด้านชาไปแล้วเจ็บแปลบขึ้นมา
   ..ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่าทางน้ำกรดจะตกใจพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรให้แน่ชัด ถึงจะจูบเสร็จแล้วก็โวยวายต่อและเดินไปกับไอ้ผู้ชายคนนั้นต่อ ท่าทีทั้งสองดูอยากออกห่างกันให้มากที่สุดแต่ไม่รู้ทำไม.. ผมถึงเห็นสิ่งที่เรียกว่าความสุขออกมาได้นะ
บางทีเวลาน้ำกรดอยู่กับมัน ..ภายในคงยิ้มดีใจอยู่สินะ.. ?
   แม้จะดูไม่ชอบหรือรังเกียจแต่ลักษณะของมันแสดงให้เห็นออกมาได้อย่างแน่ชัด..
..หือ.. น้ำกรดกำลังมีความสุข..
..ความสุข.. ที่ได้อยู่กับผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่ผม..
   “..ดีแล้วล่ะ”
   น้ำเสียงของตนเองดังออกมาแผ่วเบาก่อนที่จะเผยรอยยิ้มเบาบางบนใบหน้าตนเอง ใช่ ดีแล้วล่ะ นึกว่ามันจะจมปลักกับผมแล้วไม่ยอมหาความสุขใส่ตัวเข้าซะแล้ว แต่ความจริง..
..
มันก็ดูมีความสุขนี่..
ดังนั้น.. คงไม่ต้องอะไรแล้วล่ะ..
ผมพอใจแล้ว
   ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกกลางหรือทำตามตัวร้ายในละคร เพียงแค่ยืนเห็นคนที่ตนเองเป็นห่วงมีความสุข ..แค่นี้ผมก็สบายใจแล้ว เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยแฮะ .. โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
   ผมจับจ้องแผ่วหลังนั่น ก่อนจะยกมือขึ้นพลางพยายามเอื้อมไปหาแม้ว่าอีกฝ่ายจะเดินไปไกลแล้วก็ตาม
..แผ่นหลังที่เคียงคู่กัน..
..แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปแทนเสียนี่..
...ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าพอใจแล้วแท้ๆ ..
..แต่ทำไมภาพตรงหน้าถึงเลือนรางกันล่ะ ?
   ผมนิ่ง.. ใช่ ผมยอมรับจริง ๆ ว่าผมพอใจแล้ว ดีใจด้วย มีความสุขไปกับมัน.. ดีแล้วจริง ๆ ที่มันน่าจะลืมผมไปได้แล้ว อะไรกันวะ.. แล้วทำไมมันต้องจุกตรงลำคอนี่ด้วยวะ.. แล้วทำไมมันต้องเจ็บที่อกด้วยวะ..
...
แล้วทำไม..
..
น้ำตากูถึงต้องไหลด้วยวะ ..
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:26:16
C h a p t e r 30
คนเกลียดกัน มักจะเจอเรื่องเซอร์ไพรส์


   หยุดเลยครับ หยุด
   อย่ามาถามผมว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น ไอ้กอด ๆ กันนั่นมันภาพลวงตาต่างหากครับ ภาพลวงตา ! อย่ามาถามผม !
คือ.. กูก็ไม่รู้ครับ สลัดผัก !!
อย่ามาถามกู๊ !
   “นายน้ำกรด ! คุณเหม่ออะไรของคุณน่ะครับ !?” ทั้งร่างของตนถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเพราะน้ำเสียงโหดเหี้ยมอำมหิตที่ทำให้หัวใจแทบหลุดออกมาจากอก อือหือ.. อาจารย์ไม้ตะโกนใส่ผมทั้ง ๆ ที่อยู่ตรงหน้าทำไมกัน บอกผมทีดิ๊ว่าตอน‘จารย์แกเป็นเด็กมหาลัยเคยเป็นพี่ว้ากมาก่อนใช่ปะ บอกผมมาเลย ต้องการรับรู้ความจริงด่วน
โอเคหยุดเรื่องมโน อันดับแรกก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอครับ.. ผมเองก็ไม่รู้
ไม่สิ.. รู้ดิ รู้ต่างหาก !
   เพราะหลังจากที่ผมและไอ้ดำเดินกลับจากร้านหมูกระทะด้วยกันก็เหมือนสุขสงบปกติดี คอยจิกกัดกันระหว่างทางบ้างและเดินคุยตามปกติ ใช่ครับ อ่านไม่ผิด เหมือนปกติทุกระเบียบนิ้วไม่ว่าจะเป็นการคอยกัดกันทางคำพูดหรือสายตา จิกได้จิกดียิ่งกว่าไก่สองตัวมาเปิดสงครามกันซะอีก ทุกอย่างปกติ และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย..
..ซะเมื่อไหร่เล่า
ผมว่ามันเปลี่ยนสิ เปลี่ยนเป็นคนละขั้วตรงด้านของความรู้สึก
   จำพอได้กันไหมว่าก่อนหน้าที่เรื่องจะจบมันเกิดอะไรขึ้น ไอ้ดำดึงผมเข้าไป.. จูบ...รอบสอง
เออ จูบ..
   เออ ! นั่นแหละ ! ผิดปกติอย่างแรง มันเกิดเหี้ยอะไรขึ้นก็ไม่รู้ นี่ผมก็งงจริง ๆ นะ มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกูวะเนี่ย ใครก็ได้บอกผมที ไอ้กรดอยากตายย อ๊าก !
   “นายน้ำกรด !!”
   “จารย์เรียกผมทำไม ” ฮือ จารย์ไม้นี่ไม่มีบทมานานใช่ไหมเลยอยากพูดบ้างอะไรบ้าง ผมเข้าใจครับ แต่คือแบบ.. ‘จารย์จ๋า ‘จารย์พูดได้นะ แต่ช่วยอย่าเอาไม้เรียวในมือนั่นฟาดผมเหอะ น้องกรดขอร้อง !
   “พวกคุณไม่ทำตามข้อตกลงของผม” อาจารย์ไม้ว่าพร้อมตวัดสายตามองผมกับไอ้ดำที่กำลังงยืนเอ๋อแดกอยู่
..หะ..ข้อตกลง ?
   โอเค .. ผมจะขอเกริ่น ๆ มาก็แล้วกัน ความจริงคือพอมาถึงเช้าวันจันทร์หลังเลิกแถวอาจารย์ไม้ก็เล่นประกาศลั่นโรงเรียนเลยครับว่าให้ผมและไอ้ดำไปพบที่ห้องนั่นเอง สุดท้ายเลยต้องยอมมาบรรจบเจอกันอีกนั่นแหละ คือกูว่ากูจะหลบมึงแล้วนะ ไม่อยากเจอมึงอ่ะไอ้ดำ เจอทีไรเสียวตูด.. เอ๊ย หงุดหงิดทุกทีเลย พอมาคิดดูดี ๆ แม่งลวนลามผมตั้งเยอะเพราะเผลอตัว ! อ๊าก กรดเป็นผู้ชายนะครับ ผู้ชายรักนวลสงวนตัวนะครับคุณ
..
แหะ ๆ เป็นผู้ชาย แต่ก็เคยเป็นเกย์มาก่อน
เอ่อ
กูนี่ก็มึนกับตัวเองดีว่ะ
“ข้อตกลง ?” ไอ้ดำทวน ขมวดคิ้วข้องใจ ผมเองก็เช่นกัน งงเลยสิพี่น้อง กูเคยไปทำข้อตกลงกับอาจารย์ไม้ตอนไหนวะหรือจะเป็นสนธิสัญญากันแน่ ฮือ ผมไม่เห็นจะจำอะไรได้เลย “เรื่อง ?”
เพียะ !
   “ทำไมพูดกับครูบาอาจารย์ไม่มีหางเสียงกันครับ ? นี่ผมเป็นเพื่อนเล่นคุณเหรอ !?” เสียงดังลั่นพร้อมไม้เรียวฟาดลงพื้นเล่นผมกับไอ้ดำสะดุ้งโหยงอีกรอบเลย อ๊ากกก ไอ้ดำ ไอ้ดำ.. ดำสีไม่ตกเอ๊ย มึงทำกูตกใจไปด้วยเลยนะสาดด !!
   เหมือนไอ้ดำจะกลัวพอ ๆ กับผมครับ มันยอมไร้บทเหมือนเฉกเช่นเคยแล้วปิดปากเงียบหลังอาจารย์พูดจบเลยด้วยซ้ำ ชายร่างเล็กสุดที่ถือไม้เรียวเป็นยักษ์ตัวจิ๋วพลางสูดลมหายใจเข้าออกแรงพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
   “ผมเคยสั่งคุณไว้ว่าอย่างไรครับ ?” .. เล่นเอากูชะงักเลย..
..สั่ง.. สั่งอะไรวะ ?
   “จารย์เคยสั่งจริงอ่ะ ?” ผมถามครับ นี่กูนึกไม่ออกจริง ๆ นะ..แต่นั่นก็เป็นเหตุให้..
เพียะ !
   เฮือกกก ! จ๊ารย์ ! ตีพื้นอีกแล้ว สงสารพื้นหน่อยเหอะ !
   “จ.. ‘จารย์ไม้เคยสั่งอะไรไว้เหรอครับ..” ไม่ไหว กูกลัวไม้ ฮือ ไม่เอานะ ผมล่ะกลัวตูดเป็นรอยเส้น ๆ เหมือนเดิมอีกจริง ๆ ครับ ฮือ ทายงทายาก็ไม่เอา แสบอ่ะ เจ๊พยาบาลสวยแค่ไหนแต่เป็นกะเทย กูก็ไม่เอา “....แหะ”
   นัยน์ตาเรียวของอีกฝ่ายปาดตามองพวกผมรวดเดียวครับ ก่อนที่‘จารย์แกจะถอนหายใจเฮือก แอบเห็นทำหน้าเหมือนปลงโลกอีกด้วย !
   “พวกคุณจะบอกผมว่า ‘จำไม่ได้’ แล้วใช่ไหมครับ ?”
   “แหะ.. ถูกเผงเลยครับ‘จารย์” ผมพยักหน้า อาจารย์ตัวเล็กดูไม่สบอารมณ์อย่างร้ายแรงทันทีเลยครับ อ๊ากก อย่าแกว่งไอ้ไม้เรียวในมือนี่ดิ กูกลั๊วว !
   ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ตามมานั่น..
   “ผมเคยบอกว่าให้พวกคุณสองคนมาหาผมทุก ๆ เดือนเพื่อรายงานความคืบหน้า ! นี่ก็รวมสองเดือนเข้าไปแล้วทำไมยังไม่มาหาผมสักทีครับ !?”
   ในที่สุดนายน้ำกรดคนนี้ก็จำได้แล้ว โฮกกกกกก ‘จารย์เคยบอกให้ไปพบทุก ๆ เดือนนี่หว่า อ๊ากกก ฉิบหายแล้วกู ฮือออ เปลี่ยนชื่อเรื่องเพื่อ‘จารย์ไม้ว่าเป็นโหดฉิบหายเหอะ เมะอย่างกูขอร๊องง !
   แต่เหมือนว่าจะเป็นผมคนเดียวครับที่กรีดร้องในใจ เพราะไอ้ดำตัวซวยเสือกผงะนี่สิ
   มันนิ่งไปก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ..
   “..สองเดือน ?” เอ่ยทวนเสียงเบาพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อยเชิงสงสัย ในขณะที่ประโยคนั่นก็เล่นทำให้ผมนิ่งไปด้วย “..ไม่เห็นรู้ตัวเลย..”
..
จริงด้วย..
   เออ.. ว่ะ นี่กูอยู่กับไอ้ดำมาได้สองเดือนแล้วเหรอ ? ผมไม่อยากจะเชื่อเลย .. อะไรๆ มันเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมด หมายความว่ายังไงกันวะเนี่ย แล้วที่สำคัญ..
...
เขาบอกกันว่าพอคนเรามีความสุข เวลามักจะผ่านไปเร็ว
..อย่าบอกนะว่า.. ?
   “เฮ้อ.. แต่ผมก็ดีใจที่พวกคุณไม่ได้ทะเลาะหรือต่อยกันบ่อย ๆ จนเข้าพบผมอีก” แล้วไอ้น้ำเสียงดูปลาบปลื้มนี่คืออะไรกันวะ “เหมือนว่าความจริงพวกคุณสองคนก็อยู่ด้วยกันได้นี่ครับ..”
..หะ
อะไรนะ ใครวะ ใคร๊ ? ใครบอกว่าอยู่ด้วยกันได้ !!
   ผมชักสีหน้าทันทีครับ คิดไปได้ยังไงว่าอยู่ด้วยกันได้ ไม่จริงเลยครับไม่จริง !
   “ไม่เด็ดขาดเลย‘จารย์ ! ให้ผมกลับไปหาไอ้นิวเหอะ !” พูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน ไม่ กูจะไม่อยู่กับไอ้ดำ “ถ้าให้ผมอยู่ต่อนะ ผิวผมต้องเปลี่ยนสีได้แบบกิ้งก่าแน่ ๆ เลยอ่ะ ! ทูโทนโอรีโอเลยนะ‘จารย์ ! ”
แน่ะ ไอ้ดำเสือกคิ้วกระตุกอีกครับ
   “คิดว่ากูอยากอยู่มากนักเหรอ ? ” เห็นไหม ‘จารย์ไม้ได้ยินที่มันพูดไหม “ไอ้คนที่วัน ๆ เอาแต่บ่น ด่า ปากหมา น่ารำคาญ ผมก็อยากอยู่เงียบ ๆ กับชีวิตของผมบ้างนะ‘จารย์”
อะไรวะ ? ใครขี้บ่น ใครชอบด่า หา ?
แล้วมึงมาว่ากูน่ารำคาญเรอะ !?
   “ถ้าอยากอยู่เงียบ ๆ นักก็ไปบวชไป๊ !! ห่า ! คิดว่ากูอยากอยู่กับมึงเรอะ” กูจะไม่ยอม จะไม่ยอมเด็ดขาดด ! “คนที่วัน ๆ เอาแต่หมกมุ่นกับเรื่องเอ็กซ์อย่างมึงอ่ะหุบปากไปเลย !”
   “เหอะ ? ดีกว่าพวกที่เอาแต่ขี้บ่นขี้โวยวาย เพ้อไปวัน ๆ ก็แล้วกัน” นั่นไงสัตว์ ยังจะมาด่ากูต่ออีก อย่างนี้ยอมไม่ได้โว้ยย !
..แต่ไม่ทันจะได้สู้ต่อครับ..
เพียะ !
   อ๊ากกกก เสียงไม้ฟาดลงโต๊ะแม่งมาอีกแล้ว !! เล่นทำให้ทั้งผมทั้งไอ้ดำสะดุ้งโหยงสุดตัวเลย ได้รับถึงรังสีอำมหิตจาก‘จารย์ไม้แผ่ออกมาอีก ฮือๆ ใครก็ได้ช่วยกูด้วย !
   “เหมือนว่าผมจะคิดผิดไปนะครับ” ...เออ ใช่ ‘จารย์คิดผิดครับ ดังนั้นพวกกูยังกัดกันอยู่ ยังอยู่ด้วยกันไม่ได้ด้วย ปล่อยออกไปเต้อะ.. “คงต้องเพิ่มระยะเวลาให้เรียนรู้กันและกันเพิ่มสินะครับ”
..
ไม่ใช่โว้ยยยยย !!
   “หะ .. !!” ผมนี่แหละที่ตะโกนลั่นเลย อะไรนะ ? นี่‘จารย์แกเขาล้อเล่นเปล่าเนี่ย เพิ่มห่าอะไรกูไม่เอาโว้ย ! “หมายความว่าไงน่ะ‘จารย์ ? ”
   “ก็.. ทำให้พวกคุณสองคนได้เรียนรู้กันและกันมากกว่านี้อย่างไงล่ะครับ” ว่าจบอาจารย์ตัวเล็กก็ยิ้มเลยครับ ยิ้มที่ทำให้ผมหนาว เสียวสันหลังวูบ...
..ถ้าจู่ ๆ เปลี่ยนคำพูดไปบอก‘จารย์ว่าช่วงระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมานี่ผมเรียนรู้กับไอ้ดำจนถึงเนื้อถึงตัว (?) แล้วจะโดนปล่อยกันและกันไหมวะ.. ?
“....อยากทำอะไรก็เรื่องของ‘จารย์เหอะครับ..” เป็นเสียงไอ้ดำที่ดังออกมาเชิงปลงชีวิต ฮือ กูก็เข้าใจนะเพราะกูก็เริ่มปลงล่ะ “แต่อย่าเอาผ้ามาก็พอ” เฮ้ย ๆ อันนี้ขอสนับสนุนเห็นด้วยว่ะ !
เห็นอาจารย์ไม้เลิกคิ้วเล็กน้อยกับไอ้ดำ เออ สงสัยจะเพิ่งรู้ตัวว่าพวกกูนี่แหละปลงล่ะ จะอยู่กับไอ้ดำแบบนี้ต่อไปก็จะยอมโอเคก็ได้.. ฮืม..
เพราะความจริง
อยู่กับมัน.. ก็ไม่มีได้เลวร้ายสักเท่าไหร่หรอก..
..
   “ครับ.. งั้นที่ผมเรียกพวกคุณสองคนมาก็เพราะมีอีกเรื่อง” น้ำเสียงที่ดังออกมาจากริมฝีปากของอาจารย์ไม้ทำให้พวกผมทั้งคู่หยุดชะงัก ชายอายุมากที่สุดหันกลับไปเอื้อมมือคว้ากระดาษบนโต๊ะใบหนึ่งมาชูให้ดู “...ก็เพราะนี่แหละครับ”
   และเมื่อผมลองไล่สายตาดู.. ก็..
..เงิบสิกู..
..เพราะนี่มัน..
...
   “...ใบแจ้งเกรดไอ้เหี้ยหมานี่มันเกี่ยวอะไรกับผมครับ ?”
   บอกกูทีว่าประโยคที่คนดำพูดนี่คือสุภาพหรือคำหยาบ เหี้ยหมา แล้วเสือกลงท้ายด้วยครับ โอ๊ยยย กูล่ะคารวะกับความคิดมึงจริงๆ !
เอ๊ะ..แต่เดี๋ยว..
   พลันสมองน้อย ๆ ที่ไม่น่าจะมีของน้องน้ำกรดก็ได้ประมวลคำพูดไอ้ดำ และสายตาตนเองที่ประสานจ้องมองกระดาษอยู่..
..เฮ้ยยยยยย นั่นมันใบแจ้งเกรดการเรียนกู !!
   “จ๊ารย์ !! เอามาโชว์ไอ้ดำทำไม !!” เสียงหลงเลยสิกู ก็มันเล่นมีตัวเลข 2 กับ 1.5 เต็มไปหมดเลยอ่ะดิ อ๊าก เดี๋ยวแม่งก็ด่าผมว่าโง่อีก ไอ้ดำมันจ้องเกรดผมจริง ๆ ด้วยครับ ฮือ อะไรล่ะสาดด มึงไม่เคยเห็นคนเกรดไร้อะไรที่มากกว่าสองมาก่อนเลยใช่มะ โว้ย !
   “หือ.. ไม่ใช่หมาแต่เป็นควายเหรอวะเนี่ย.. ?” ดูมันพูดดิ เปรียบกูเป็นควายซะงั้น โอ๊ย ไอ้ห่า อย่างนี้น้ำกรดจะไม่ทนครับ ผมหันขวับ จ้องไอ้สัตว์ดำเขม็ง
   “แล้วคนชอบโดดเรียนอย่างมึงคิดว่าจะดีนักเหรอวะ” กูไม่ทน ขอเถียงก่อน แต่เสือกเห็นไอ้ดำยักคิ้วเล็กน้อยอย่างกวนส้น ก่อนจะได้ยินเสียงอาจารย์ไม้บรรยายถัดไปซะงั้น
   “ถ้าไม่รวมเวลาเข้าเรียน พวกงาน การบ้าน ข้อสอบย่อย หรือแม้กระทั่งสอบ ดนัยน่ะเขาติดหนึ่งในห้าของห้องตลอดเลยนะ”
   “.......” เงียบดิกู
   “โดยเฉพาะด้านภาษาน่ะ เขาพูดภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่นได้คล่องปร๋อเลยล่ะ”
   “......” เงิบดิกู
   “แถมยังเก่งวิทย์คณิตอีกต่างหาก เผลอ ๆ คะแนนมากกว่าเด็กสายวิทย์คณิตบางคนอีก”
   “......”
   “ดังนั้น..”
   “จารย์หยุด !” ผมตัดสินใจแหกปากตะโกนลั่นครับ โฮกกก ! ทำไมมันดูดีเหมือนหลุดออกมาจากนิยายวะ แต่ดีแค่การเรียนนะสลัดผัก ! เรื่องนิสัยนี่เหี้ยอย่าบอกใคร ! ฮึก มึงเอาตำแหน่งพระเอกเรื่องนี้ของกูไปเลยไอ้ดำ เอาไปเลย แม่ง ! “พอ เออ ผมรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ควายแต่มันเป็นเหี้ยทาสีดำ !”
   “...” แน่ะ ไอ้ดำเสือกหันมามองด้วยสายตาว่างเปล่าอีก อะไรวะ นี่มึงหาเรื่องกูเรอะ
   “แล้ว‘จารย์จะโชว์เกรดผมทำไม !” เดี๋ยวๆ ไม่ได้ ขอกอบกู้สิทธิมนุษยชนเรื่องเกรดก่อนครับ เป็นอาจงอาจารย์นี่มาทำงี้ได้ไงวะ
   “ผมก็แค่อยากจะโชว์ส่วนนี้ให้คุณดู” ว่าจบอาจารย์ไม้ก็ชี้ไปทางช่องว่าง ๆ บนกระดาษครับ เล่นเอาผมผงะเลย “ตรงนี้”
   “ไรอะ‘จารย์ ?”
   “ถ้าจะคุยเกี่ยวกับเรื่องไอ้หมานี่ ผมไปได้ยัง ?” ได้ยินเสียงไอ้ดำร้องประท้วงครับ แต่‘จารย์ไม้เสือกส่ายหน้าซะงั้น “เฮ้อ..” ไอ้ห่า ทำท่าปลงโลกนี่หมายความว่าไงวะ
   “คุณไม่ได้สอบย่อยวิชาภาษาอังกฤษเพราะโดดเรียน และตรงนี้” ว่าจบ‘จารย์ก็เล่นไล่นิ้วไปตามกระดาษที่มีตัวเลขเทือก ๆ หนึ่ง หรือไม่ก็สองเต็มไปหมดเลยครับ “มีหมายเหตุคุณสอบตก แต่ยังไม่ได้ไปแก้” เพ่งดูดี ๆ มันไม่ใช่หนึ่งหรือสอง แต่เป็นติดร. นี่หว่า
   “...” เงิบแดกดิกู “..ภาษาอังกฤษอ่ะนะ ?”
คิดแล้วเหงื่อตกครับ .
แม่ง หมายความว่าอะไรวะ ภาษาอังกฤษเรอะ ?
   “ใช่ครับ” อาจารย์ตัวเล็กเงยหน้ามายิ้มกว้างให้ผมและไอ้ดำสลับกัน “แล้วคุณก็อ่อนภาษาอังกฤษมากพอสมควรเลยด้วย” ผมนิ่ง รับรู้ถึงวี่แววและก้อนเมฆดำ ๆ ทะมึน ๆ ลอยเข้ามาในชีวิตกูอีกแล้ว
ไม่จริงน่ะ..
อย่าเป็นแบบที่ผมคิดเลย.. ขอร้องเถอะพระเจ้า
ถึงผมจะไม่ได้ช่วยท่านขายกล้วยทอด แต่ก็อย่าทำแบบนี้..
   “ดังนั้น นายดนัย ฝากคุณติวภาษาอังกฤษให้นายน้ำกรดจนกว่าอีกฝ่ายจะสอบผ่านก็แล้วกัน”
โอ้ จ๊อดของโรบินสัน..
ผมควรจะช่วยพระเจ้าขายกล้วยทอดอย่างจริงจังซะแล้ว เผื่อท่านจะได้เห็นใจผมบ้าง

   “ทำไมผมต้องมายอมสละเวลาอันมีค่าให้ไอ้หมานี่ด้วย ?”เป็นเสียงถัดไปของไอ้ดำที่ต่อครับ เออ ! ใช่ ทำไมมึงต้องสละเวลาให้กูด้วยล่ะ ใช่ไหมมึง ? ดังนั้นปฏิเสธไปซะ !
เฮ้ย..แต่เดี๋ยว
แม่งพูดนี้ก็หมายความว่า..
   “มึงจะบอกว่ากูไม่มีค่ามากพอใช่ปะ !? หาเรื่องกูเรอะ !!” ไอ้ห่า ! เครื่องน้ำกรดแปลภาษาได้เรียบร้อยครับ ไอ้ดำแม่งด่าว่ากูไร้ค่า ! “เหี้ยไรมึงวะ !? นึกว่ากูอยากเรียนกับมึงมากเหรอ !”
   “แล้วคิดว่ากูอยากสอนมากหรือไง ?” แม่ง... ตอกกลับมาอีก ไอ้ห่า ไอ้เวร กูเกลียดมึง !
   อาจารย์ไม้ยกมือขึ้นนวดขมับตุบ ๆ เลยครับ ท่าทางจะหนักใจ ไม่ต่างจากกูนักหร๊อก !
   “จารย์หาคนสอนให้ผมใหม่เหอะ !” รีบหันขวับไปบอกด้วยท่าทีจริงจังทันที จ้องชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์เขม็ง อีกฝ่ายดันแว่นกรอบสี่เหลี่ยมให้ขึ้นมาเล็กน้อยพลางกระดิกไม้เรียวในมือยุกยิก ๆ อีกต่างหาก
   “มีสอบซ่อมก่อนที่พวกคุณจะไปเข้าค่ายเชื่อมสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้อง ..ฝากด้วยล่ะนายดนัย ผมเชื่อมั่นในตัวคุณนะครับ”
..
ช่วยมากมาย !
   ประชดนะครับ ประชดเหี้ย ๆ ผมอ้าปากค้าง ไม่ต่างจากไอ้ดำที่เบิกตากว้างเหมือนกัน
   “ผมไม่อยากสอน...”
   “ห้ามโดด อย่างนายน้ำกรดน่ะแค่สอบผ่านก็พอแล้ว” ผมก็อ้าปากค้างดิ
   “นี่‘จารย์คิดว่าผมจะไม่ผ่านเหรอ !”
   “แล้วผ่านไหมล่ะครับ ?”
   “...” เงิบแดกเลยกู เออ ใช่ ผมไม่ผ่านอังกฤษทุกตัวครับ.
   “ถ้ารู้แล้วก็ก้มหน้าหุบปาก ยอมรับดนัยไปเงียบ ๆ ซะ” เอาอีกนั่น ผมก็ต้องยอมดิ ‘จารย์ไม้ไม่ได้มีบทซะนาน เลยอัพเกรดความโหดขึ้นมาใช่ไหมวะเนี่ย
สุดท้ายก็ยอมประสานมือก้มหน้ามองพื้นครับ..
   “แล้วทำไมต้องเป็นผม ?” เป็นเสียงไอ้ดำที่เล็ดลอดต่อออกมาอีก มันดูอิดออดไม่อยากทำนัก
   “เพราะคุณอยู่ห้องเดียวกับนายน้ำกรดเขาและเก่งด้านภาษาด้วยนี่ครับ” อาจารย์ไม้ตอบกลับพร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าขัดใจจากไอ้ดำชัดเจน
   “ผมไม่อยาก...”
พรืด !!
   เสียงเปิดประตูเลื่อนดังลั่นเล่นเอาพวกผมทั้งสามสะดุ้งเฮือกก่อนจะตามมาด้วยท่าทีร้อนรนของเด็กนักเรียนคนหนึ่งมา ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อมองไปยันจุดตรงปกสีเขียวสองจุด ถ้าจำไม่ผิด.. น่าจะเป็นพวกเด็กห้องเจ็ด สองจุดคงหมายถึงม.5 สินะ
หือ.. เด็กม.5 มาทำอะไรที่ห้องของอาจารย์ม.6 กัน ?
   “จารย์ไม้ !” เจ้าของชื่อชักสีหน้าหงุดหงิดอย่างไม่ปกปิด แต่ก็ยังคงตอบรับด้วยความสุภาพเหมือนเดิม
   “ครับ ”
   “ไอ้กรณ์ไปที่ดาดฟ้าตึกวิทย์ฯ‘จารย์ ! มันเชื่อว่าคนไทยบินได้แล้วจะลองไปบินดูอ่ะ ! รีบไปห้ามหน่อยดิ‘จารย์ !!”
 เฮ้ย ? หะ ..อะไรนะ คนไทยบินได้ นี่แม่งโง่หรือเปล่าวะ
   ท่าทีร้อนรนของอาจารย์ไม้ปรากฏขึ้นตามลำดับเลยครับ ต่อด้วยถามเสียงดูรนๆ กว่าปกติ
   “กรณ์ ? นายกรกฎน่ะเหรอ ?”
   “ใช่จารย์ !! รีบไปเลย” ผมได้ยินเสียงผู้คุมม.6 รีบสั่งให้เด็กม.5 คนนั้นวิ่งไปห้ามขณะที่หันกลับมาหาผมด้วยสีหน้าแปลกไปกว่าเดิม
   “โอเค ช่วงนี้ผมงานยุ่งมาก ดังนั้นพวกคุณไม่จำเป็นต้องมาพบทุก ๆ เดือน และเรื่องภาษาอังกฤษ ผมขอฝากนายน้ำกรดไว้กับคุณด้วยล่ะนายดนัย” หะ อะไรนะ ? ฝากกูเรอะ.. นี่บ้าหรือเปล่าวะเนี่ย “ถ้านายน้ำกรดเกรดไม่ดีขึ้น เรื่องนี้ได้ไปถึงน้องไวท์แน่ครับ ดังนั้นฝากด้วยล่ะครับ ขอบคุณ”
   ไม่ทันที่จะได้ยินอะไรต่อครับ อาจารย์ไม้ก็รีบวิ่งออกไปทันทีเล่นเอาผมเงียบกริบ อะไรวะ .. ไอ้เด็กม.5 ที่ชื่อกรณ์แล้วเชื่อว่าคนไทยบินได้นั่นมันอะไร กูล่ะสตั้นท์ ไอ้ห่า นี่เห็นคนไทยแม่งมีปีกเหรอวะ ?
..
แต่ว่า..นี่กูต้องเรียนกับมันจริง ๆ เหรอวะ..
   แอบชำเลืองไปหาไอ้ดำเล็กน้อย แม่งทำหน้าเหมือนตายซากแล้วจริง ๆ
   “..เวลาว่างกู”พึมพำเบา ๆ อีก แต่เดี๋ยว ๆ ตอนนี้ผมยังมีข้อสงสัยนิดหน่อยครับ
   “มึงพูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยเหรอะ ?” ไอ้ดำเลิกคิ้ว หันมาพยักหน้าหงึกหนึ่งที เฮ้ย.. แม่ง ได้จริงอ่ะ ? “เหี้ย กูชอบอ่านการ์ตูน สัตว์ ! มึงแม่งเจ๋งวะ !”
   “เออ..” ตอบรับเอื่อย ๆ แล้วยักไหล่ตามสไตล์หนึ่งทีด้วยแหะ แต่ว่าไม่ใช่แค่เรื่องเดียวที่ผมสงสัยครับ เหมือนไอ้ดำจะรู้ใจจริง ๆ มันเหลือบมาสบตาแล้วเอ่ยถามประโยคหนึ่ง “จะถามว่าไวท์คือใคร ?”
   “นี่มึงอ่านใจกูได้เหรอวะเนี่ย !?” เชี่ย ไม่ใช่แค่ดำธรรมดาแล้วนะมึงอ่ะ เป็นดำพยากรณ์ อ่านใจคนได้ !
   “ลูกพี่ลูกน้องกูเอง อยู่ม.4น่ะ แล้วแม่ก็เอ็นดูมากด้วย..” มันดูเนือย ๆ กว่าปกติ “อ้อ .. กูไม่เคยไปหลงรักน้องเขาล่ะ” เหี้ย.. มีพูดดักอีก เพื่ออะไรวะ เรื่องหลงรักพี่สาวกูก็พอรู้อยู่นะ
..ว่าแต่
ผมจะไปอยากรู้เรื่องของมันทำไม ?
   คิดแล้วก็อยากจะเอามือตบหัวตนเองแรง ๆ จริง ๆ ! นี่ผมจะอยากรู้ไปทำไมวะ เครือญาติแม่งก็เยอะเหลือเกิ๊น เล่นเอากูสตั๊นต์เลย แล้วทำไมผมต้องขี้เสือกแบบนี้เนี่ย
   “แล้ว..” เป็นเสียงไอ้ดำที่ลากต่อเบา ๆ มันชำเลืองมาทางผมพร้อมกับนิ่งไปนานก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไป “..มึงต้องมาติวอังกฤษกับกูสินะ.. ?”
..ผมเงียบ..
   หัวน้อย ๆ ที่ไม่ค่อยถูกใช้แรงงานค่อย ๆ เรียบเรียงทุกอย่างทันที คิ้วตนเองขมวดมุ่น คิดไปทีละอย่างจนเหมือนกับกำลังเรียบเรียงครับ ..อืม..
..
   “...ก็คงงั้นว่ะ”

เขาบอกกันว่า.. กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
ดังนั้นน้ำกรดต้องเดินด้วยอาหาร
   “จะไปติวเมื่อไหร่ ?” เป็นเสียงไอ้ดำที่ดังออกมาเชิงหงุดหงิดครับ โถ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าไม่อยากให้น้องไวท์อะไรนั่นของมึงรู้ แต่คือแบบกูหิวอ่ะ ความจริงมันพูดคำเดิมเป็นรอบที่สิบแล้วมั้งตั้งแต่เลิกเรียน สงสัยอยากติวกับผม (?) จริง แต่โทษทีนะ คือกูไม่อยากติวกับคนดำน่ะ ..กลัวสีตก ก๊าก
   ผมเดินออกมาจากห้อง‘จารย์ไม้ก็ดำเนินชีวิตตามปกติคือไปเรียนครับ หากแต่มันประหลาดไปตรงที่มีติวอังกฤษหลังเลิกเรียนนี่สิ อยากจะโดดอยู่หรอกนะแต่ห้องมันกับผมเสือกเป็นห้องเดียวกันไง จะไปขออาศัยอยู่กับไอ้จินนิวแต่ก็ดูจะขัดความหวานนี่เกินไป จึงจำใจหาอะไรแดกแล้วยอมไปติวครับ
   “อยากหาไรแดก สัตว์ ไปรอที่ห้องเลยก็ได้” อี๋.. พูดไปแอบสะพรึงตัวเองไปนะ อยู่ๆ เสือกบอกให้มันไปรอที่ห้องซะงั้น “เหี้ย กูจะไปซื้อลูกชิ้นปิ้งหน้าโรงเรียน”
   “กูกลัวมึงหนี” อ้าว นี่เห็นน้ำกรดคนนี้เป็นโจรวิ่งราวไงวะ “แล้วออกไปได้เหรอวะ ? ” ดูมันสิ ถามกลับอีก ผมเลิกคิ้วกวนประสาทเล็กน้อย
   “เปล่าว่ะ ตะโกนข้ามรั้วสั่งเอา ดูตัวอย่างตรงนั้นก็ได้นะมึง” ว่าจบผมก็บุ้ยปากไปทางรั้วโรงเรียนครับ เห็นไหนนั่น มีเด็กสามคนอยู่เลย อือหือ.. หน้าหวาน ๆ สวย ๆ ทั้งนั้น “เห็นปะ แม่งต่อแถวซื้อหมูปิ้งอยู่”
   “ห่า ผิดกฎ” ไอ้ดำว่าแล้วมองตาม เออ มันก็ผิดกฎอยู่หรอกนะแต่คือคนไม่ค่อยแคร์ไงครับ.. แค่แดกลูกชิ้นปิ้งเอ๊ง “เวร..” อ้าว อยู่ ๆ สบถคำนี้อีก
   “เป็นเหี้ยไรมึงวะ ?”
   “นั่นน้องไวท์ น้องสาลี่ แล้วก็น้องข้าวฟ่างนี่หว่า” ผมขมวดคิ้ว แม่ง..พูดออกมาแต่ละคนกูไม่เห็นรู้จัก แต่เอ๊ะ เดี๋ยวนะ..
   “น้องไวท์ ? ญาติมึงอะนะ ?”
   “เออ แล้วมึงอยากจะไปหาอะไรแดกก็รีบ ๆ ไป กูรอตรงนี้” แม่ง มึงก็เฝ้ากูจัง เป็นตัวจัญไรเฝ้าคนเหรอครับคุณดำ ผมเบ้ปากก่อนจะหมุนตัวแล้ววิ่งไปอีกทางครับ ตะโกนบอกให้เฝ้า‘จารย์ด้วยอีก
   ผมหยุดลงตรงรั้วโรงเรียนอีกฟาก โชคดีที่ตอนนี้รปภ.น่าจะไปเข้าห้องน้ำแหะ กลิ่นหอมของลูกชิ้นปิ้งลอยมาแตะจมูกเลยด้วยซ้ำ เฮือก.. อยากแดกเร็ว ๆ จัง จ้องแล้วก็หิวเชี่ย ๆ
   “ป้า ลูกชิ้นสามไม้ !” ผมร้องสั่นออกไปทันทีกับหญิงแก่คนนั้น เหมือนว่าเสียงของผมจะไปไม่ถึงซะงั้น เพราะเธอดันเอาแต่ก้มหน้าก้มตาตักน้ำจิ้มลงถังเสียได้ เล่นเอาผมเบ้ปากเลย “เฮ้ย ! ป้า.. ป้า !”
เวร ! เดี๋ยวนี้เสียงกูเสื่อมสมรรถภาพเหรอวะ !?
   ความคิดนี้แล่นเข้ามาทันทีเมื่อพบว่าป้าดันไม่หัน สายตาของตนเหลือบไปมองใครบางคนที่เดินเข้ามาพอดีครับ เออ เยี่ยมยอดมากนะมึง เหมือนมันจะหันหลังให้ ผมจึงตัดสินใจตะโกนเรียกไป
   “เฮ้ย ! นาย.. นายตรงนั้นน่ะ !” ได้ผล ! ไอ้ชายแปลกหน้าชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาเลิกคิ้วน้อย ๆ ครับ “ฝากบอกป้าขายลูกชิ้นทีดิว่าเราสั่งสามไม้ !”
   มันไม่ตอบอะไรก่อนที่จะพยักหน้าหงึกแล้วไปสั่งให้จริง ๆ ผมนี่ดิน้ำลายสอเลย เหี้ย กลิ่นหอมสัตว์ ๆ
   ไม่นานนักอีกฝ่ายก็หันกลับมาพร้อมลูกชิ้นปิ้งสามไม้ก่อนจะยื่นให้ผมครับ ผมจึงรีบควานหาเงินทันทีก่อนจะควักออกมาแล้วส่งแบงค์ยี่สิบให้พร้อมยิ้มกว้าง
   “เฮ้ย ขอบใจมาก ๆ แบงค์ยี่สิบนะ มีตังทอนปะ...” ว่าจบผมก็ยัดแบงค์เขียวใส่มือชายคนนั้น
   “ค่าส่งลูกชิ้นเข้าโรงเรียนมึงห้าบาทรวมกันเป็นยี่สิบพอดี กูไม่ทอนนะ น้ำกรด”
 ไอ้เหี้ย !! เชี่ยนี่เป็นใครวะมากวนตีนกู อีกห้าบาทกูล่ะ
 หะ ! ..เฮ้ย แต่เดี๋ยวนะ ทำไมมึงรู้ชื่อกูวะ ?
และเมื่อผมหันไปมองหน้ามันก็ถึงกับสตั๊นต์..
หน้ากูซีดอีกทีหนึ่งเลย ถือลูกชิ้งปิ้งมือค้างอีกด้วย..
..
      “...เบส..”
..มึง..
ทำหน้าที่รับจ้างส่งลูกชิ้นปิ้งให้โรงเรียนกูเมื่อไหร่วะ..
..

หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:26:34
C h a p t e r 31
คนเกลียดกัน มักจะชอบแผ่ความซวยให้คนอื่น


   เงิบเลยกู..
ประโยคเดียวบ่งบอกความรู้สึกของผมได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง !
   โธ่ .. ไอ้กรดเอ๊ย กูว่ามึงควรจะไปทำบุญเก้าวัดล้างซวยอะไรเทือก ๆ นี้ได้แล้วนะ รู้สึกเหมือนว่าช่วงนี้ผมจะดวงตกแล้วก็โชคร้ายสุด ๆ ไปเลยด้วยซ้ำ ฮือ ชาติที่แล้วกูไปทำเหี้ยอะไรมาวะบอกกูที๊ ! ตั้งแต่ตะโกนด่าไอ้ดำ กุญแจข้อมือเอย หมาผีเอย คนรุมตอมเอย จับเข้าแสดงละครเอย อะไรต่าง ๆ อีกมากมาย หนำซ้ำตอนนี้ยังเจอแฟนเก่าหน้าตายไอ้เบสอีก..
โอ๊ย... นุ้งกรดเพลีย ! ขอบอก !
   “..ตกลงคือไม่ทอนนะ” ไอ้เบสมันพูดหน้าตายตามนิสัยเชี่ย ๆ ของมันครับ อือหือ.. ไอ้.. ไอ้บรรลัยเอ๊ยย ! สุดท้ายมึงจะแดกเงินกูเหรอวะเนี่ย ห้าบาทเชียวนะสัตว์ ห้าบาท ! “โอเคไหม น้ำกรด ?”
กูไม่โอโว๊ย !
   “หยุดเลยนะไอ้ห่า” ผมชิงพูดก่อนพร้อมจ้องหน้ามันเขม็ง แล้วก็สตั๊นต์อีก ฮือ.. อย่ามองกูด้วยสายตาอย่างนั้นได้ไหมมึง อ่ะเฮือก มันแทงกูจริง ๆ แทงใจกูนี่แหละ ฮือ ๆ
..คือความจริงแม่งก็มองแบบปกติน่ะครับ ผมนี่แหละเพ้อไปเอง..
   เบสเป็นพวกชอบมองนิ่ง ๆ หน้าตาย ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมไปต่อไม่ถูกเสมอนอกจากโวยวายนั่นแหละ ผมไม่ชอบคนที่ทำตัวนิ่ง ๆ แต่ไม่รู้ทำไมพวกเราถึงเคยลงเอยกันทำนองเลิฟ ๆ ได้.. ใช่ ไอ้ดำกับไอ้เบสนี่พอ ๆ กันเลยครับ ดูนิ่ง ๆ กัด ๆ คุยแล้วปวดหัวโคตร
   เบสหัวเราะในลำคอ สุดท้ายก็ยอมโยนเงินกลับมาให้ผมเป็นอันโล่งใจ
   “เห็นนิวไหม ?” ประโยคถัดไปที่ดังออกมาจากปากมันทำให้ผมถึงกับผงะ .. เดี๋ยว ๆ ไหงมาแล้วถามถึงนิววะ
   “อ้าว.. ไม่ได้มาหากูหรอกเหรอ ?”
..ไอ้เบสส่ายหัวตอบทันที..
..เวร.. หน้าแตกเลยกู
   “ไอ้นิวเรียกมาน่ะ แล้วบอกจะให้รับหน้าประตู แต่นี่ก็เลยครึ่งชั่วโมงแล้ว.. มันยังไม่มาเลย” น้ำเสียงเรียบ ๆ ดุจดั่งเส้นตรงของอีกฝ่ายดังออกมา เบสชะเง้อหน้าไปมองภายในรั้วด้วยท่าทีนิ่งๆ เหมือนปกติครับ “..หรือมันหลงทางในโรงเรียนวะ..”
   ผมเบ้ปาก ไอ้นี่แม่งมาก็พูดถึงนิวซะงั้น ห่า นี่กูแฟน (เก่า) มึงนะ สาด เสือกพูดถึงภรรยาให้แฟนเก่าฟัง เดี๋ยวปั๊ดต่อยหน้าแหกเลย
เอ๊ะ ..แต่เดี๋ยว..
   ผมนิ่งไปเล็กน้อยพลางยกมือขึ้นจับอกตัวเอง ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
ทำไมกูถึงไม่รู้สึกอะไรเลยวะ ? มีแต่รู้สึกอยากสร้างความฮาแทน (?)
   “มึงเป็นมะเร็งเต้านมเหรอวะน้ำกรด” มันถามผมหลังจากที่ผมยกมือจับหน้าอกครับ อือหือ.. ชีวิตกูเจอแต่คนกวนตีนสินะเนี่ย ? ดูสิ ทั้งไอ้ดำ ไอ้เบส พวกมึงควรไสหัวออกไปจากชีวิตกูนะ
   “เต้านมพ่องมึงดิไอ้ดำ...” ผมชะงักปากตัวเองก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้เบสที่กระพริบตาปริบ ๆ แล้วชี้หน้าสื่อประมาณว่า ‘กูดำเหรอวะ’ อยู่ .. เออว่ะ..
มันกวนตีนเหมือนไอ้ดำฉิบหาย ไม่ดิ ต้องพูดว่าไอ้ดำกวนตีนเหมือนมัน
   “โทษที กูพูดผิดนิดหน่อย” ส่ายหัวไปพร้อมหยิบลูกชิ้นปิ้งครับ อือหือ.. กลิ่นหอมน้ำลายย้อยมากเลย “ไอ้นิวบอกจะมารับตอนไหน ?” ผมหันไปถามพร้อมกับเลิกคิ้วใส่มัน แล้วกัดลูกชิ้นไปคำแรก
   “ห้าโมง” เสียงตอบสั้น ๆ ทำให้ตนเองตวัดสายตาหันมองนาฬิกาแทนแล้วก็ต้องเงียบกริบ .. ก็ตอนนี้มันห้าโมงสี่สิบห้าแล้วนี่หว่า คิดได้ดังนั้นผมจึงตัดสินใจส่ายหัวไปมาเบาๆ “.. ?”
   “กูว่ามึงกลับไปก่อนเหอะ สงสัยมันลืมแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้กูตามให้” พูดแล้วก็กัดลูกชิ้นปิ้งไปอีกคำ “แค่ไม่ไปหามันวันนี้มึงคงไม่ตายหรอกน่า” ใช่มะ ผมพูดตามความคิดของตนขณะที่เก็บไม้แหลมลงไปในถุงพลาสติกครับ
หากแต่.. สัมผัสร้อนบริเวณไหล่ตนเองก็แล่นวาบ เล่นเอาทั้งร่างสะดุ้งโหยง
   พอหันไปก็พบกับไอ้เชี่ยเบสกำลังจ้องมาด้วยสายตาจริงจังจนเล่นทำให้ผมเหงื่อตก สองมือมันจับหัวไหล่ผมผ่านทางช่องรั้วแน่น.. เกิดมาไม่เคยเห็นมันทำหน้าจริงจังขนาดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ นี่มึงเคยเป็นแฟนกูจริงเหรอไอ้เบส ความทรงจำกับมันตอนนั้นมีแค่หน้านิ่ง ๆ ตาย ๆ กวนตีน ๆ แล้วนี่อะไรวะ..
    ชายตรงหน้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามผมส่ายหัวปฏิเสธคำพูดที่เพิ่งได้ยิน
   “..ไม่...” ว่าแล้วเบสก็ส่ายหัวไปมาอีกรอบ “..ไม่.. ถ้าไม่ไป.. มันขู่ว่าจะเอากูตายแน่..”
   “...”
   “...ช่วยพากูเข้าโรงเรียนมึงที..”
..นิวมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอมึง..
   ความจริงไอ้เหี้ยเบสจะเป็นตายร้ายดีอะไรก็เรื่องของมันนะ ผมคนนี้เกี่ยวซะที่ไหนล่ะ แต่พอเห็นหน้าตาจริงจังแถมยังซีดเผือดของมันก็เล่นเอาผมตะลึงไปเลย .. ห่านิว มึงไปขู่อะไรไอ้เบสไว้วะเนี่ย ? มันถึงได้กลัวขนาดนี้น่ะ
   “ไอ้เหี้ย.. ถ้าอยากเข้าก็ต้องปีนกำแพงลูกเดียวว่ะ .. เออ ๆ ใช่ ๆ ตรงนั้นนั่นแหละ !” ผมตะโกนบอกมันที่กำลังเอามือแตะ ๆ กำแพงโรงเรียนครับ โชคดีที่แม่งไม่สูงมากเท่าไหร่แหะ “กูบอกให้ค่อย ๆ ปีน ระวังตกดิวะ !”
   “คิดว่ากูอยากปีนมากนักเหรอไอ้สัตว์” เสียงตอบกลับกูมาอีก โอ๊ยย ทำไมอารมณ์ภาพไอ้ดำลอยมาเลย พวกมึงสองคนจะเหมือนกันไปถึงไหนวะเนี่ย ? นิสัยเสือกคล้าย ๆ กันอีก ผิดอย่างเดียวคือไอ้เบสขาว.. ไอ้ดำก็ดำไง ..ก๊ากกกกก ดำ โอ๊ยย กูฮา พวกมึงเป็นแฝดสองสีผิวกันใช่ปะ
   “บอกอยากเข้ามานี่ไม่ใช่ไงวะ”
   “เพราะนิวสั่งต่างหาก” มีการเถียงผมด้วยนั่น ! เบสใช้มือเคาะเบา ๆ ทีกำแพงก่อนจะยันเท้าขึ้นแล้วเริ่มทำการโยนร่างตนเองขึ้นไปครับ ผมมองภาพนั้นแล้วก็สะพรึงนะ อือหือ.. เหี้ยเบส มึงอย่างเจ๋งอ่ะ แม่งปีนไม่ถึงสามก้าวก็ผ่านกำแพงได้ครึ่งหนึ่งแล้ว !
   “เฮ้ย.. เหี้ย ๆ” เวร อุทานอะไรของมัน ผมเงยหน้ามองไอ้เบสที่กำลังกลืนน้ำลายเอื๊อกเลย
   “โดดลงมาทีเดียวเลยมึง !” ให้กำลังใจนิดหน่อยครับ มันเหงื่อตก ก้มหน้าลงมองก่อนจะยันตัวขึ้นแล้วทำท่ากระโดดลง..
หากแต่..
   “มึงไปแย่งลูกชิ้นปิ้งแดกกับหมาอยู่เหรอวะ !! ‘จารย์มา.. !” น้ำเสียงตะโกนลั่นมาจากข้างหลังที่ทำให้ร่างของผมสะดุ้งโหยงพอ ๆ กับไอ้เบสเลยครับ.. นั่นไง กูเพิ่งนินทามึงเมื่อกี้เอ๊ง !
ไอ้.. ไอ้ดำ !!
   “...” มันเหมือนสตั๊นต์แบบเหี้ย ๆ กับภาพที่เบสกำลังปีนเข้ามาในโรงเรียนส่วนผมก็ถือลูกชิ้นปิ้งสะบัดโหยงเหยงคอยเชียร์มันอยู่ ไอ้ดำกระพริบตา มองสลับกับชี้หน้าผมกับไอ้เบส
   “ฮ..เฮ้ย ๆ ! ไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะเว้ย” ผมรีบโพล่งออกไปทันทีอย่างกับสาว ๆ แก้ตัว .. แต่เดี๋ยว เอ๊ะ ? แล้วกูจะแก้ตัวทำไมวะ .. “ไอ้เหี้ยนี่มีเรื่องคุยกับนิว มึงมาก็รีบ ๆ ช่วยให้มันเข้าโรงเรียนก่อน !”
   ไอ้ดำเลิกคิ้วมอง โอ๊ย นี่มึงจะดำแล้วยังชักช้าอีกเหรอวะเนี่ย
   “กูบอกให้มาช่วยเอาเหี้ยเบสนี่ลงก่อนดิวะ !!” มันร้องอ๋อครับ แล้วเดินเข้ามา เออ.. ดีมาก ในที่สุดมึงก็เข้าใจกูสักที หากแต่ระหว่างที่ผมกำลังจะพูดต่อ ไอ้ดำกลับขมวดคิ้วแน่นอีกรอบ
   “มันชื่อเบส ?” น้ำเสียงมันดูปนสงสัยนิดหน่อย ส่วนสีหน้ายังคงนิ่ง ๆ เหมือนเดิม แต่แอบเห็นว่าคิ้วกระตุกยิก ๆ.. อะไรมันวะเนี่ย ? “กรด.. กับเบสเรอะ”
..
ไอ้ควายยยยยย !! นี่ดำแล้วยังควายอีกเรอะ เออ ไอ้เหี้ยย มันชื่อเบสส !
   “นี่มึงเพิ่งรู้เหรอวะ ?” ผมขมวดคิ้วใส่ ไอ้ดำเปลี่ยนเป็นมองนิ่ง ๆ แทนครับ
   “กรดกับเบส”
   “เออ”
   “กรด กับ เบส” คราวนี้จู่ ๆ มันก็ทวนอีกรอบ เล่นเอาผมกลอกตาขึ้นฟ้าเลย
..มึงจะพูดซ้ำหาพ่อมึงเรอะ ?
   คิดแล้วก็เอามือตบหัวไอ้ดำไปแรง ๆ หนึ่งที เอ๊อ สงสัยคงจะสตั๊นต์กับความเข้ากั๊นเข้ากันของชื่อผมกับมันอ่ะดิ มีการยืนให้ตบอีกต่างหาก
   “กูว่าไอ้นิวบอกไปแล้ว.. เฮ้ย ๆ เดี๋ยว ! นี่ไม่ใช่เวลามาเถียงหรือแนะนำตัวกันนะเว้ย ช่วยเพื่อนกูลงกำแพงก่อน !” โชคดีที่สติผมกลับมาทันนะ ไอ้ดำเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันมามองผมสักพัก เหมือนสมองมันกำลังทำการไตร่ตรองประโยคของผมอยู่ “เหี้ย เป็นสัตว์ไรวะ”
   “ช่วยเพื่อนมึง..” ประโยคนี้ผมเห็นว่าสีหน้ามันดีขึ้นมากว่าเดิม แต่ก็ยังนิ่งอยู่ครับ แล้วหันกลับจ้องตาผมอีกรอบ “แล้วทำไมกูต้องช่วย ?” อ้าว.. เดี๋ยวนี้มีถามย้อนกลับ เวร ปกติมันก็ย้อนอยู่แล้วนี่หว่า ผมเบ้ปากใส่
   “ถ้าไม่ช่วยกูก็ไม่ยอมติวกับมึง” น้องกรดมีข้อโต้แย้งนะเออ ไอ้ดำถอนหายใจเหมือนคนปลงชีวิตก่อนจะหมุนตัวไปส่งมือให้กับเชี่ยเบสที่ติดแหงกอยู่ครับ ดีจริง ๆ ที่ไอ้เบสมันก็รู้หน้าที่ ยื่นมือลงมาและพยายามคว้าไอ้ดำเอาไว้นั่นแหละ หือ อย่างนี้ใช่ไหมวะที่เรียกกันว่าตอนปีนขึ้นไม่เป็นไรแต่ตอนลงนี่กระอักเลือดน่ะ ?
..แต่เหมือนว่า.. จะมีอะไรบางอย่างทำให้ผิดแผนไปหน่อย..
   “กรี๊ดดด ! รักข้ามรั้วโรงเรียนอ่ะ กรี๊ด ! ใครเคะใครเมะอ๊า !”
เฮ้ย !?
   พวกผมสามคนสะดุ้งเฮือกเลยทันทีครับ เสียงกรี๊ดลั่นจากโรงเรียนหญิงล้วนฝั่งตรงข้าม ! เฮ้ย ๆ เดี๋ยว รักข้ามรั้วห่าอะไรวะ ว่าแต่ทำไมพวกเธอถึงกรี๊ดกัน อย่าบอกนะว่าปลื้มอะไรแปลก ๆ แบบนี้น่ะ !
..เพราะเสียงนั่นแหละครับ ที่ทำให้ไอ้เบสเสียหลัก..
และร่วงลงมาทันที !
   “ไอ้เบส !” ผมตะโกนชื่อมันลั่นด้วยความตกใจ ร่างของเบสที่ร่วงลงมาแต่กลับไม่ตกพื้นเพราะถูกแรงกระชากจากชายผิวเข้มอยู่ใกล้ ๆ แทนครับ ผมอ้าปากค้าง เหมือนทุกอย่างเป็นแบบสโลว์โมชั่นสุด ๆ .. เพราะไอ้เบสค่อย ๆ ตกลงมาก่อนที่ไอ้ดำจะคว้ามือไว้ทัน
..และรังสีสีม่วงก็บานสะพรั่งทันที..
....
   “กรี๊ดด” ได้ยินเสียงกรี๊ดลั่นจากฝั่งตรงข้ามอีกเหมือนเรียกสติของผมให้กลับมา เฮือก.. เหี้ยไรวะเนี่ย น้องกรดสะพรึง.. ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความระทึกใจก่อนที่ไอ้ดำจะพ่นลมออกมาแรงออกจากปาก
   “..ขอบใจ” เบสพูดออกมาเบา ๆ ครับ ไอ้ดำส่ายหัวเล็กน้อยแล้วตอบกลับ
   “..ไม่ถือ”
   “....”
   พอผมได้ยินดังนั้นก็แอบชำเลืองไปมองไอ้สองตัวนั่น .. ยังไม่ปล่อยมือกันด้วยอ่ะ..
..
อาห์ .. น้องกรดกลายเป็นธาตุอากาศไปซะแล้ว..

   “แล้วเมื่อไหร่นิวจะมาวะ..”
เออ อันนี้กูสนับสนุนนะ !
   สถานการณ์ตอนนี้คือพวกเราสามคนแอบหลบอยู่ที่ซอกตึกอยู่ครับ การนำเด็กโรงเรียนอื่นเข้ามาในโรงเรียนประจำนี่ถือเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่พอสมควรเลยด้วยนะ ไอ้ดำเหมือนหงุดหงิดด้วยการส่งสายตาดำทะมึนเล็กน้อย ส่วนเชี่ยเบสยังคงทำหน้าตายตามสไตล์มันอีก ผมว่าถ้าเทียบกันเหมือนคนตัวดำจะสื่อความรู้สึกได้ง่ายกว่าคนตัวขาวครับ น้องกรดสัมผัสได้
   ผมกัดลูกชิ้นคำสุดท้ายเข้าปากตัวเองก่อนจะลูบท้องปอย ๆ ครับ อืม.. น้ำจิ้มเจ้านี้เผ็ดไปหน่อยแหะ วันหลังต้องบอกเขาไม่ใส่น้ำจิ้มซะแล้ว ก่อนจะหันมองหน้าคนรักเก่าตัวเอง
   “กูต้องอยู่รอไอ้นิว” เบสยังคงยืนยันคำเดิม
   “มึงไม่ไปที่หอล่ะ ?” ผมหันไปถามก่อนจะโดนไอ้ดำตวัดตามองนิ่ง ๆ แทน
   “เดินไปเสี่ยงโดนจารย์จับได้.. แค่เครื่องแบบก็ต่างกันแล้ว คงรอมืดอีกหน่อย มึงมีโทรศัพท์ไหมล่ะ ?” เสียงทุ้มต่ำของไอ้ดำดังต่อออกมา มันเมินผมแล้วมองเชี่ยเบสแทน อ้าว.. เหี้ยนี่ ตั้งแต่เปิดเรื่องมามึงเมินกูกี่ครั้งแล้ววะหะ ! แล้ว.. แล้วมันจะบ้าหรือไงที่ไปถามเรื่องโทรศัพท์เนี่ย !?
   “มึงจะบ้าเหรอวะ ? โรงเรียนเราไม่ให้เด็กพกโทรศัพท์นะเว้ย !” ผมเตือนด้วยเสียงฉลาดหลักแหลม นี่มึงดำแล้วยังควายอีกเรอะ ใช่เลย บอกตั้งแต่ต้นเรื่องว่าห้ามมีแล้ว ผมก็ไม่มี ส่วนไอ้ดำนี่แอบพกเอาร้อยเปอร์เซ็นต์ !
   แต่.. เหมือนกูจะพลาดไปนิดหน่อย..
   “นี่มึงควายเหรอวะ ? ไอ้ห่านี่มันอยู่คนละโรงเรียนกับเรา”
..เออว่ะ
   ผมเงิบแดก.. ใช่เลย เบสมันพยักหน้าหงึก ๆ แล้วควักโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ครับ อือหือ.. หน้าแตกเต็ม ๆ เลยกู
ไม่ ๆ ..ไม่ได้ ! กูไม่ยอม ! กูจะไม่ยอมหน้าแต๊กก !
   “สัตว์ กูหมายถึงไอ้นิวมันจะมีโทรศัพท์หรือเปล่าต่างหาก”
   “เหี้ยที่ยากไร้จนไม่มีตังซื้อโทรศัพท์น่ะมีแค่มึง” อ๊ากกก ! ไอ้ดอกกะหล่ำปลี มึงด่ากูยากไร้ขาดแคลนทุนทรัพย์เหรอไอ้เหี้ยย !
   “กูแค่ปฏิบัติตามกฎของโรงเรียน...”
   “กฎของโรงเรียนคือ ‘มีโทรศัพท์ได้แต่ต้องใช้ตอนอยู่ในหอพักเท่านั้น’ ต่างหาก ควาย ไปอ่านมาใหม่ก็ดีนะ”
   “.....”
..แม่งพูดจริงเหรอวะ..
   ผมเงียบกริบเลยครับ อะไรกัน.. อย่าบอกนะว่ากูเข้าใจผิดมาตลอดน่ะ ? แต่..แต่..
แต่กูไม่ผิดดดด สาดดดดด !!
   “กะ กะ กะ กะ กฎเหี้ยอะไรของมึง เรื่องแค่นี้กูรู้อยู่แล้วน่า” กูจะไม่ผิด กูจะไม่ยอมม ผมพูดจบแล้วกอดอกเชิดหน้าอย่างคนฉลาดครับ ฮืออออ ทำไมรู้สึกหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บเลยวะ ไอ้ดำก็เสือกมองนิ่งๆ อีก ไม่ต่างจากเชี่ยเบสที่หน้าตายตั้งแต่เริ่มเลย โฮกกก !
   “เหี้ยมักชอบไม่ยอมรับความผิด”
..
เสือกพูดพร้อมกันด้วยน้ำเสียงโมโนโทนอีกกก ไอ้... ไอ้ไขสันหลัง ! กูจะไปกระโดดตึกต๊ายย !
   ผมอ้าปากค้างพะงาบ ๆ ชี้หน้าเจ้าคนใจตรงกันใหญ่ สายตาสองคู่ของพวกมันนี่แหลมคมยิ่งกว่าปลายมีดมาปักฉึกที่กลางอกผมอีก !
   “ไม่ต้องมาพูดเลยไอ้เหี้ย !! มึงมีโทรศัพท์ไม่ใช่เหรอวะเชี่ยเบส รีบ ๆ ไปโทรดิ !” ผมตะคอกกลับออกไปครับ ประโยคหลังหันไปหาเบสที่พยักหน้าเรียบ ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเบอร์อยู่ อือหือ นี่มึงกดเบอร์ได้แบบไม่ต้องดูเลยเหรอวะเนี่ย ?
   “หึ”
..ไอ้ดำแม่งส่งเสียงออกมาในลำคอเบา ๆ อีก.. ไอ้.. ไอ้สลัดผักไข่ !
   “ส่งเสียงเหี้ยไรของมึง หาเรื่องกูเหรอวะ !” ไม่ไหว ขอมาดนักเลงน้ำกรดกลับคืนมาหน่อย ผมหันขวับก่อนจะถกแขนเสื้อขึ้นทันที
   “ส่งเสียงให้หมาหงุดหงิด”
..มึงด่ากูนี่หว่า ! หมาอีกแล้ว คำก็หมา สองคำก็หมา ไอ้ดำ !!
   “ด่ากูหมาอีกแล้วนะไอ้ดำ !!”
   “ทีมึงเรียกกู ‘ไอ้ดำ ๆ ’ กูยังไม่บ่นสักคำ ชื่อดี ๆ มีก็ไม่เรียก เสือกเรียกดำ .. เป็นหมาไปอ่ะดีแล้ว” ชัดเจนเลย นี่มันกำลังตอกผมอยู่นี่หว่า หมา.. ทำไมต้องเป็นหมาด้วยวะ !
   “กูเป็นคนเดินสองขา ชัดเจนไหม ? ”
   “แต่ปากมึงอ้าทีนี่หมากระโจนใส่หน้ากูเลย” นั่น มีการโต้ตอบอีก ผมเบ้ปากพร้อมจ้องหน้ามันก่อนจะกำลังตอกกลับครับ
..ได้แค่กำลัง.. เพราะไอ้เชี่ยเบสเสือกยกมือขึ้นห้าม..
   “..ถ้าจะเถียงกันล่ะก็ไปเถียงกันไกล ๆ กูเหอะ” หน้าตามันดูเหมือนตายด้านอย่าบอกใครเลย เล่นเอาผมเงียบกริบ.. ไอ้ดำก็เสือกยักไหล่แล้วหันไปอีกทางครับ
   พวกเราจ้องไปทางเบสทีกำลังกดโทรศัพท์เรียกสาย มันขมวดคิ้วเล็กน้อย
   “มีไรเปล่าวะ ?” ผมถาม ส่วนไอ้ดำก็กอดอกพิงกำแพงมองเรียบๆ แทน
   “โทรไปสายแรกไม่รับ ..เดี๋ยวกูลองโทรใหม่ก่อน” มันเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจก่อนจะลองกดโทรใหม่ไปอีกครั้งขณะที่พวกผมเริ่มขมวดคิ้วงุนงง “..ปกติมันรับสายกูเร็ว.. แปลก”
   ความเงียบเริ่มเข้าครอบงำในบรรยากาศรอบ ๆ ของพวกเราสามคน ไอ้ดำหันไปมองเบส รวมถึงผมเช่นกัน ก่อนที่มันจะโทรซ้ำไปซ้ำมาประมาณสองรอบ
   สีหน้าตื่นตกใจของเบสปรากฏขึ้นพร้อมกับการยกโทรศัพท์ให้ออกห่างหู ตามด้วยเสียงจากปลายสายที่เล็ดลอดออกมาลั่นจนผมกับไอ้ดำได้ยินอย่างไม่ยาก
   ‘มึงผิดสัญญากับกูรอบที่เท่าไหร่แล้ววะ ? จิน !!’
..
พวกเรานิ่ง ..
   “เสียงนิว” ไอ้ดำเลิกพิงกำแพงแล้วก้าวเท้ามาใกล้ เอ่ยออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว มันแย่งโทรศัพท์เบสไปเลยด้วยซ้ำก่อนจะกดเปิดลำโพงจนทำให้ผมได้ยินเสียงบางอย่างหล่นโครมลงกับพื้นราวกับมีความรุนแรงเกิดขึ้น
   ‘นิว.. อย่างี่เง่า’
อันนี้คือเชี่ยจิน.. เสียงเนือย ๆ ของมันดังลอดออกมาในขณะที่พวกผมเริ่มเงียบกริบ ความเป็นห่วงเพื่อนสนิทของตนเองแล่นเข้ามาทันทีทันใด ผมกลืนน้ำลายก้อนเหนียวหนืดลงคอของตนเอง เลือดในกายพาลจับตัวเย็นเฉียบแทบทุกอณู ความงุนงงก่อเกิดขึ้นในสมองกลวง ๆ ของผม
เกิดอะไรขึ้น ?
   ‘ไอ้.. เหี้ยเอ๊ย..’ ได้ยินเสียงหวานของเพื่อนสนิทตนเองสั่นเครือกว่าเดิม ผมขมวดคิ้วแน่น ในขณะที่มือตนเองเริ่มสั่นกว่าเดิมจนตนเองสัมผัสได้
..เกิดอะไรขึ้นกับนิวกันแน่.. ?
   ‘นิว..’ จินเหมือนเริ่มอ่อนลงกว่าเดิมในขณะที่ผมนิ่งงัน ทั้งร่างของตนเองสั่นเทาจนสัมผัสได้ว่ามือไม้สั่นไปหมด
เออ ผมกำลังโกรธ ..
..โกรธที่เพื่อนสนิทตัวเองเสียงสั่นเหมือนร้องไห้ขนาดนั้น..
   ใครทำอะไรมันวะ.. ? ไอ้เหี้ยจินงั้นเหรอ แล้วทำไมมันต้องเถียงกันด้วย แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ? และที่สำคัญที่สุดคือ ..
ทำไมเสียงไอ้นิวถึงดูเจ็บปวดขนาดนี้..
   “....ไอ้จิน..” เสียงของผมลอดออกมาจากลำคอแห้งผากตนเองด้วยความโมโหที่เริ่มครุกกรุ่นราวกับเปลวไฟ ไม่รู้ว่าใครจะถูกหรือใครจะผิด ..แต่ไอ้นิวเป็นเพื่อนสนิทของผม .. ดังนั้น..
ผม.. ไม่ชอบใจเลย
   ระหว่างที่ความหงุดหงิดเริ่มลุกโชนขึ้นกว่าเดิมนั้นเอง กลับมีบางอย่างที่ทาบลงมาบนศีรษะของตนเอง ก่อนจะกลายเป็นการตบหัวของผมเบา ๆ
เป็นมือที่อบอุ่น แต่กลับเป็นเหมือนน้ำเย็นมาดับความโมโหของผม
..ทุกอย่างมันเหมือนทำให้ตนเองได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง..
   ผมเงยหน้าขึ้นไปเพื่อมองหาเจ้าของมือนั่นแต่กลับพบเบสทำหน้าอึ้งๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วจนทำเอาสะดุ้งเฮือก
   “มึงจะเอาไงกับกูวะไอ้เชี่ยนิว” เบสหันไปพูดกับโทรศัพท์แทนขณะที่ความอบอุ่นบนหัวตนเองได้หายวับไปทันทีเลยด้วยซ้ำ พอหันไปหาไอ้ดำมันก็ยังจ้องเบสอยู่นี่หว่า.. หรือแม่งจะหลงรักเบสขึ้นมาวะ ?
เฮ้ย เดี๋ยว ๆ กูนอกเรื่องละ !
   ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วใครเป็นเจ้าของมือเมื่อกี้กันในเมื่อไอ้เบสก็ยังจดจ่อกับโทรศัพท์ และไอ้ดำก็เสือกจดจ่อกับแฟนเก่ากูด้วย... เหี้ย.. อย่านะ.. อย่าบอกนะว่าผีน่ะ !?
   “ไอ้กรด มึงช่วยพูดอะไรหน่อยดิ เดี๋ยววันนี้กูกลับบ้านไม่ได้” ทั้งร่างสะดุ้งอีกครั้งเมื่อถูกเร่งครับ ผมรีบหันขวับไปมองคนรักเก่าทันที “เร็ว ๆ ดิ นี่ก็เริ่มมืดแล้วนะ”
เออะ .. จริงด้วย แม่งเริ่มดึกแล้วว่ะ
   “ไอ้นิว ! มึงเรียกเชี่ยเบสมาแล้วทำไมมึงไม่....”
   ‘ห่า ! กูยุ่งอยู่ ฝากเบสไว้กับพวกมึงก่อน ! เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปเอา !’
   “....”
   หน้าพวกกูสามตัวดอทเลย..
ไอ้เตี้ยไซย่า ! จากดราม่าๆ แล้วเปลี่ยนเป็นมึงพูดอย่างกับเบสแม่งเป็นเครื่องดนตรีแล้วฝากไว้กับพวกกูเล๊ย ! ไอ้เหี้ยเอ๊ยยย !!
ติ๊ด
   แล้วนิวก็ตัดสายไป
   เบสแม่งถึงกับหน้าตายครับ มันมองไปรอบๆ .. และก็พบว่าเริ่มมืดกว่าที่คิด
   “แล้วจะเอาไงกับมัน ? ” เสียงไอ้ดำที่เงียบไปนานโพล่งขึ้นและหันไปมองชายหัวโด่ใส่แว่นคนเดียวในกลุ่ม “กลับไปซะ” แน่ะ.. ไล่เพื่อนกูอีก
แต่คราวนี้ กรดขอสนับสนุนคนดำครับ !
   “เออ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ก็ได้” ผมว่าแล้วโบกมือไล่มัน ท่าทางไอ้การติวหนังสือกับไอ้ดำแม่งจะได้ยกเลิกแล้วแหง “เคปะ ?”
   ไอ้เบสไหวไหล่น้อยๆ เชิงไม่สนใจพร้อมกับหันมองทางอื่น ขณะที่ไอ้ดำยกมือขึ้นถูแขนแทน
   “เป็นเหี้ยไรวะ ดำหนาวเรอะ ? ” ขอกัดหน่อยเหอะ
   “เออ” มันส่งเสียงตอบเรียบๆ พลางตวัดสายตามองผมที่ยืนใกล้ๆ “..มึงไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอวะ” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย
ไอ้รู้สึกของมันนี่หมายความว่าไงวะ ?
   “มึงหมายถึงเรื่องไอ้นิวน่ะเหรอ เออว่ะ กูกะจะไปถามพรุ่งนี้” ผมตอบตามความคิดตนเองพร้อมพ่นลมหายใจแรง แม่ง.. มีอะไรก็เสือกโดนปิดบังตลอด กูล่ะเซ็ง
สิ่งที่ได้รับมาไม่ใช่ประโยคคำตอบครับ แต่กลับเป็นสีหน้าหงุดหงิดไอ้ดำแทน
   “เปล่า .. กูหมายถึงมึงไม่รู้สึกหนาว ๆ เหรอวะ ?” แล้วมันก็ทำให้ผมฉุดคิดได้พอดิบพอดี .. เออ จะว่าไปช่วงนี้อากาศก็เริ่มเย็นๆ แล้วนั่นแหละ
   “เพราะมืดไม่ใช่เหรอวะ มึงควายปะเนี่ย” ด่ากันไปมาว่าควายครับ ไอ้ดำเริ่มหน้าซีดแล้วหันไปมองอีกทางซึ่งก็ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วสงสัยทันที “เหี้ย อย่าเมินกูดิ มองห่าไรวะ ?”
   มันไม่ตอบ แต่แค่มองอยู่และค่อย ๆ ถอยทีล่ะก้าว ซึ่งก็ทำให้ผมสงสัยกว่าเดิมทันที
   และผมก็ได้คำตอบทุกอย่างเมื่อหันไปมองตามมันครับ เป็นภาพไอ้เบสที่ก้มลงไปอุ้มบางอย่างพร้อมกับหันมาหาผมและพูดประโยคถัดไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นนั่นเอง
   “กูเจอลูกหมาว่ะ.. ไม่รู้มาจากไหน แต่แม่งน่ารักดีเนอะ”
นาฬิกาตอนนี้ บ่งบอกเวลาว่าเลยหกโมงแล้ว
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า กับหลอดไฟจากเสาไฟฟ้าที่เริ่มกระพริบติด ๆ ดับ ๆ เหมือนกำลังขัดข้อง
   เมื่อหันมองเบส.. และเลื่อนสายตาดูในมือมัน
ลูกหมา
สีดำ
..ทั้งผมและไอ้ดำเงียบกริบ อะไรวะเนี่ย.. กูเจอหลอนๆ หลังหกโมงเย็นเลยเหรอเนี่ย
แล้วพวกเราก็ได้ยินเสียงถัดไปดังขึ้นมา
   “บ๊อก !”
....ฉิบ..หาย..
   “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ! ”

หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:26:53
C h a p t e r 32
คนเกลียดกัน มักจะช่วยเหลือความรู้สึกกันทางอ้อม


   “ย..อย่า !”   
   เสียงของผมตะโกนดังลั่นพร้อมกับรีบถอยหนีหากแต่ทั้งร่างกลับถูกชายข้างกายดึงลงไม่ให้หลบหนีไปไหนอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาของตนเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะใบหน้าคุ้นเคยที่เหลือบมองมาทางตนเองพร้อมหยาดเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนใบหน้าผิวสีแทนนั่น
   “..ให้กู” ไอ้ดำ.. ใช่ ไอ้ดำพูดแผ่วเบาด้วยน้ำเรียบแหบพร่าพลางกำมือของผมแน่นกว่าเดิม “ให้กูก่อน” มันเอ่ยเท่านี้ ขยับตัวแรงขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับดึงผมเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน
หยุดนะเว้ย..
   “ไม่..” ผมเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกระเสือกกระสนเพื่อที่จะเขยิบห่างจากอีกฝ่าย ทว่ากลับโดนไอ้ดำจับเอาไว้แน่นเสียนี่ “..ไม่เอา กูเสียเปรียบ..” พยายามที่จะตอบกลับออกไปและขยับตัวหลุดแต่กลับถูกมันพันธนาการเอาไว้อย่างเสียเปรียบด้วยแรงมหาศาล
   “แล้วไงวะ..” มันเอ่ยเสียงแผ่วเบา ขณะที่ผมเบิกตากว้างกับนัยน์ตาที่อีกฝ่ายจับจ้อง..
..เพราะแม่งเต็มไปด้วยความกลัว..
   ก่อนที่ผมจะตะโกนออกมาดังลั่น..
..
   “ไอ้เหี้ยย !! แล้วมึงจะมากักกูหาพ่อมึงเหรอไอ้ด๊ามม ! ดูไอ้เชี่ยเบสคนอุ้มดิ แม่งวิ่งนำไปแล้วนะสาดดดดด”

ปัง !!
   เสียงปิดประตูดังลั่นพร้อมกับร่างของผมที่ทรุดลงไปกับพื้นอย่างเหน็บเหนื่อยจากการวิ่งหนีไอ้หมาเวรนั่น ! อ๊ากก มึงค่าตัวแพงนักเหรอวะเลยชอบโผล่มาเวลาแบบนี้อ่ะสัตว์ เวลาที่พวกกูควรจะจริงจังเพราะมีไอ้เชี่ยเบสประกอบ มันควรจะดราม่าดิ ไม่ใช่วิ่งหนีผีหมาแบบนี้ !!
   “ไอ้.. ไอ้เหี้ยเบสส !!” ผมแหกปากตะโกนชื่อชายที่กระโดดเข้าห้องก่อนใคร ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนเปิดประตูแท้ๆ แต่พวกมันกลับวิ่งแวบแทรกตัวกูไปเลยนะไอ้สัตว์ “มึงทำกูสยอง !!”
   “ใครจะไปรู้ว่าโรงเรียนมึงมีเรื่องเล่าแบบนี้วะ !!” ไอ้เบสหันขวับกลับมาตาเขียวปัดเลยครับ นั่น เวลามันกลัวคงจะแสดงท่าทีอะไรแบบนี้ออกมาสินะ “เหี้ย.. กูเคยได้ยินแต่ผีโดดตึก ผีห้องพยาบาล ผีดาดฟ้า ผีนาฏศิลป์ แต่เพิ่งได้ยินผีหมาครั้งแรกก็คราวนี้แหละ !” สงสัยจะแค้นจัด.. แหม โรงเรียนกูเจ๋งอ่ะดิ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลยใช่ไหมล่ะ
   “หมาอ่ะมึง แล้วหมาอ่ะจะไปอุ้มทำไมวะ เพราะมึงเลย.. ฮือ.. ถ้ามันตามมากูจะส่งมึงไปสังเวย !" ว่าจบก็ค่อย ๆ ลุกตัวขึ้นก่อนจะพยายามทำสู้แล้วเดินตรงไปที่เตียงของตนเอง เอาเหอะ ท่าทางวันนี้เชี่ยเบสคงต้องค้างแล้วล่ะ อย่างน้อยก็ให้มันนอนพื้น..
..กึก..
   แต่คือ.. ประเด็น กูเดินแล้วมันเสือกไม่ไปน่ะสิ
ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินไปข้างหน้าอีกครั้งแต่ก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างรั้งเอาไว้ ผมหันมองรอบ ๆ พร้อมกับรับรู้ถึงความเย็นเฉียบที่อยู่บริเวณข้อมือตนเอง ไอ้เบสแม่งนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นไปเรียบร้อย ท่าทางจะใกล้ตายจริงๆ นั่นแหละ
..งั้นคนที่จับข้อมือกูอยู่นี่คงเป็น..
อืม
ชัดเลยครับ พอมองแล้วเห็นอะไรคล้ำ ๆ ไม่ทำให้สายตาเสีย (?)
   “..ไอ้ดำ”
   “.....” เจ้าของชื่อ (?) ผงะไปเล็กน้อยแล้วเหลือบมามองผมด้วยหางตา มันกำลังจับข้อมือผมอยู่ครับ ถึงว่าสิทำไมเย็นที่ข้อมือแปลก ๆ ผมหรี่ตามองอีกคน รับรู้ถึงความแนบแน่นจากฝ่ามือมันเลยทีเดียวเชียว อือหืม.. มึงนะมึง กูรู้ว่าข้อมือกูสวย ไม่ต้องจับขนาดน๊านน
   “อะไรกันวะ ? นี่กลัวจนต้องมาจับข้อมือกูเลยเหรออ !” ลากเสียงหน่อย ไม่ไหว นานๆ ทีจะเห็นมันตัวอ่อนเพลียเปลี้ยแรงดุจดังถ่านมอดไหม้เป็นผงแบบนี้ ไอ้ดำจ้องเขม็งอีก “โธ่ กูรู้ว่ากูหล่อและมึงต้องการคนปกป้อง..”
   “....”
..เอ๊ะ แม่งไม่เถียงแหะ เออ งั้นขอต่อแล้วกัน
   “โธ่ มึงนี่ป๊อดเนอะไอ้สัตว์” ผมยักคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับค่อย ๆ เขยิบตัวออกมาอย่างแนบเนียนครับ.. คือ.. ไอ้ดำมันนั่งอยู่หน้าประตูไง คิดว่ากูอยากนั่งหน้าประตูนักเหรอวะ.. ถ้าจู่ ๆ หมาแม่งลอดผ่านช่องด้านล่างประตูมาแบร่ใส่นี่ทำไง “แหมมึงนี่...”
   “....” ..เฮ้ย แปลกล่ะ มันไม่เถียงผมกลับอ่ะ !
..เชี่ย...เชี่ยแล้ว นี่มันแปลกเกินไปจริงๆ นะ
   ผมเบิกตากว้างเล็กน้อย จากที่เขยิบหนีเปลี่ยนเป็นเดินไปหาแทน ส่วนไอ้เบสก็นอนใกล้ ๆ ตายแล้วล่ะมั้ง
   “..มึง.. ไม่เถียงกูเลยเหรอวะ..” ..เออ ผมนี่ก็แปลกนะ พอเถียงก็หงุดหงิด พอไม่เถียงเสือกตะลึง สัตว์ ตกลงกูจะเอายังไงกับมึงกันแน่วะ เออ.. งงตัวเองเหมือนกัน
   ไอ้ดำที่นั่งอยู่มองมานิ่ง ๆ ครับ .. นิ่ง นิ่งมากจริง ๆ จนทำเอาน้องกรดสะพรึง ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก มองใบหน้าอีกฝ่าย..
..มันชักแปลก ๆ แล้วนะ..
   ผมหันไปมองไอ้ดำที่ยังคงนิ่งอยู่.. เขยิบตัวดึ๊บ ๆ หา ก่อนจะใช้มือวาดผ่านใบหน้ามันสามสี่ที..
..แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึง..
   “..อย่าบอกนะว่า.. มึงโดนผีเข้าน่ะ.. ไอ้ดำ ?”
มันคงไม่ตอบผมด้วยการร้อง ‘บ๊อก’ หรอกนะ ใช่ไหม.. ?
เท่านั้นแหละครับ พอผมพูดประโยคนั้นไปแม่งก็ถึงกับหันขวับมองหน้ากลับด้วยสายตาเขม็งใส่ผมทันที
ดะ..เดี๋ยว.. ฉิบหายล่ะ..
   “..... !!” อย่าบอกนะว่าแม่งเรื่องจริงที่ไอ้ดำโดนผีเข้าน่ะ เฮ้ย.. เฮ้ยย ! ไม่เอานะโว้ย ผมยังไม่อยากมีตัวเงินตัวทองร่วมห้องเป็นหมาหรือไม่ก็ร้องบ๊อกๆ ออกมาเป็นการเถียง เฮ้ย ไม่เอา.. เฮ้ยยย ! นี่กูกังวลผิดเรื่องง ! ถึงไอ้ร้องบ๊อกๆ มันจะน่ารักแต่ไม่เข้ากับหน้ามึงเลยนะไอ้ดำ อย่าทำกูสะพรึงแบบนี้..
..ไม่นะ.. ไม่.. ไม่.. ไม่ !
   และระหว่างที่ผมกำลังกังวลเรื่องบัดซบอยู่นั้นเอง ก็ได้ยินเสียงดังถัดไปจากมันทันที..
..
“บ้านมึงเป็นพวกเพ้อเจ้อเหรอวะ ?” ไม่ใช่เสียงไอ้เบสเพราะมันนอนตายอยู่ เป็นเสียงไอ้ดำครับ อ๊ากก แม่งไม่ได้โดนผีเข้าจริงๆ สินะ ว่าแต่.. ใครเป็นพวกเพ้อเจ้อกันวะไอ้เหี้ย !
“ก็มึงไม่พูดนี่หว่า ! กูก็นึกว่าผีเข้า”
“เพราะกูคิดไม่ออกจะพูดอะไรต่างหาก” ผมอ้าปากค้าง
“เหี้ยย !! ไอ้ดำคิดไม่ออกว่าจะเถียงกูเรื่องอะไร !” เอาล่ะสิครับงานนี้ โลกถล่ม สวรรค์แตก นรกล่ม ทุกอย่างได้เกิดแน่ เพราะไอ้ดำแม่งคิดไม่ออกว่าจะเถียงเรื่องอะไร เชี่ยยย ฉิบหายแล้ว ! “ม..แม่ง.. แม่งถึงจุดจบของมวลมนุษยชาติแล้ว !”
“....” เชี่ย คือกูพูดขนาดนี้แม่งยังไม่เถียงอะไรเลย ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก
“อ..ไอ้ดำ.. มึง ตั้งแต่มึงได้รับบทกะเทยมึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ.. เจอหมาผีก็เปลี่ยนไปเยอะ..” ผมพูดเสียงตะกุกตะกักด้วยความตกใจ ฮือ.. แย่แน่ ๆ สุด ๆ ไปเลย “..ระ.. หรือว่าที่กูคุยตอนนี้มันไม่ใช่ไอ้ดำแต่เป็นผีหมาวะ..”
“...”
“..กะ..กู.. กูต้องร้อง ‘บ๊อก’ แล้วคุยกับมึงไหม..” กูกลัวจริงๆ นะ นี่กูไม่ได้ฮา แต่กูกลัว เข้าใจกูหน่อย.. “ไอ้..ไอ้ดำ..”
“....” มันเงียบ.. ผมเลยจัดไปทีนึง..
..
   “บ๊อก”
   และมันก็จบลงที่ไอ้ดำถอนหายใจแรง ๆ พร้อมกับยืดตัวขึ้นมาครับ.. และพูดประโยคต่อไป
ที่ทำให้ผมรู้ว่ามันเป็นไอ้ดำจริงๆ แน่..
   “..มึงนี่ท่าทางจะมีแรงเหลือนะ .. ไปหยิบหนังสืออังกฤษมาได้แล้ว..” ..และนายน้ำกรดคนนี้ก็สตั้นท์ครับ.. “..แรงเยอะขนาดนี้คงไม่ต้องนอนแล้วล่ะ...”
..
ถ้ามึงจะหายสยองได้เร็วขนาดนี้นะ

   ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในสถานการณ์เคร่งเครียดกันอยู่ครับ
   อาจจะเป็นเพราะว่าไอ้ดำเริ่มชินกับสถานการณ์เจอผีหมาแล้วก็ได้ส่วนไอ้เบสมันก็ไม่คิดอะไรอยู่แล้ว เพราะเจ้าตัวนอนกลิ้งไปกลิ้งมาเล่นแทนน่ะสิ เวลาตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดจะเข้านอนครับ ยังไม่ถึงเวลาออกจากห้องไม่ได้เลยด้วยซ้ำ..
ป๊อก ป๊อก
   เสียงเคาะปากกาดังเป็นจังหวะจนทำให้ใจของผมเต้นแรงเพราะความเคร่งเครียดจากภาษาอังกฤษ ท่าทางจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไอ้หมาผีมันจะไม่มากงมากวน หรือวกวนแถวนี้แล้ว.. แต่มึงยังจะอารมณ์ดีติวหนังสือให้กูอีกเหรอวะไอ้ดำ..
   “..ดึกแล้วนะมึง..” ผมพูดอ้อมแอ้ม มองชีทในมือที่สะอาดเอี่ยมอ่อง “นอนเหอะ..”
   “หุบปากแล้วอ่านชีทไปซะ” ..
..ฮือ... ดูแม่งดิ..
   สุดท้ายผมก็ตัดสินใจก้มลงไปมองชีทอีกรอบครับ ..ฮือ อะไรไม่รู้อ่ะ เอ บี ซี ดี อี.. เอฟ จี.. ฮือ กูไม่รู้จัก ภาษาเหี้ยไรวะเนี่ย..
   “....”
..เขียนไปมั่วๆ ก็แล้วกัน..
ผัวะ !!
   “โอ๊ย !” ผมตะโกนลั่นออกมาเมื่อกำปั้นล้วนๆ ของไอ้ดำตบลงมาบนหัวครับ โอ๊ยย ไอ้เหี้ย นี่มึงจะโหดไปไหนวะเนี่ย “กูเจ็บ !” ละเมิดสิทธิมนุษยชน !!
   ไอ้ดำจ้องผมเขม็งพร้อมกับวางนิ้วลงบนกระดาษแรงเลยครับ
   “ไอ้คำถามว่า ‘What’s your name ? ’ แล้วตอบคำว่า ‘Dog’ มาเนี่ยนะ ?” น้ำเสียงดูถูกดังออกมาจากปากของมันเล่นเอาผมคิ้วกระตุกยิกๆ ทันที “เข้าใจตอบดี”
   “ตกลงมึงจะชมกูหรืออะไรวะ ! เชี่ย” ผมแหกปากทันที ฮืออ.. คือ.. ยอมรับก็ได้ครับว่าผมรู้ศัพท์ไม่กี่คำเกี่ยวกับภาษาอังกฤษและไม่ค่อยตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ ไม่สิ ต้องเรียกว่า ‘ไม่ตั้งใจเรียน’ เลยต่างหาก ฮึกก ฮืออ ! “ซีเอที แคท แมว อาร์เอที แรด หนู ..ดีโอจี ด๊อก หมา..”
   “...ศัพท์เด็ก” ไอ้ดำแม่งตอบมานิ่ง ๆ ก่อนจะหันไปมองเชี่ยเบสที่น่าจะสลบไปนานบนพื้นครับ ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมาอย่างชาญฉลาด
   “อังกฤษนี่แปลกนะมึง อาร์เอที แร๊ด หนู อ่านว่าแรดแท้ ๆ ..”
   “Rat ต่างหาก”
   “คล้ายกันกูไม่ถือ”
   “หมาพูดอังกฤษไม่เป็นสินะ” ไอ้เหี้ยยย ท่าทางมันจะแทนกูเป็นหมาจริงๆ สินะ เออ เอาเข้าไป หน้าหล่อๆ แบบนี้หมาได้ไงวะ “กูยอมเข้าใจก็ได้..”
   “..หะ..หึ ! ใคร๊ ใครพูดไม่เป็นวะ อย่างกูน่ะเรียกว่าอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยต่างหาก”
   “เหรอ ? ได้ข่าวว่าภาษาไทยก็เขียนผิด ๆ ถูก ๆ นี่” มึงจะคอยไล่จิกกูไปถึงไหน ชาติที่แล้วเกิดเป็นไก่เหรอวะไอ้เชี่ย ! “อย่าบอกนะว่าโรงเรียนเก่ามึงสอนแบบนี้ ?”
“ไอ้เชี่ย ! นั่นเป็นเพราะกูตั้งใจต่างหาก” ผมเบ้ปาก ก่อนจะเขยิบตัวไปตบ ๆ หัวไอ้เหี้ยเบสแล้วตบหัวเบา ๆ ให้มันตื่น ไม่ได้ ! ผมไม่อยากให้ใครดูถูกโรงเรียนผม ! “เดี๋ยวดูเลยนะมึง ไอ้เหี้ยเบสนี่แหละเก่งอังกฤษ ติวให้กูตลอด”
“..ไรวะ..” ได้ยินเสียงงัวเงียๆ ดังออกมาจากปากของชายที่เพิ่งฟื้น ดีมากมึง ตื่นซะนะไอ้เหี้ย โชว์ความเมพอิ๊งของมึงซะ !
“ไอ้ดำแม่งบอกว่าเด็กโรงเรียนเราแม่งไม่เก่งโว้ย” เหมือนเชี่ยเบสดูงงๆ ครับก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย
“เรื่องมึงโง่น่ะเหรอ ?” ..กูให้ช่วย ไม่ได้ให้มาแดกดันกู ไอ้ห่า !
“เชี่ย หมายถึงภาษาอังกฤษ !” ว่าจบมันก็ร้องอ๋อ ผมเห็นไอ้ดำหันไปหยิบชีทมาให้ด้วย “โชว์เลยเว้ยเบส โชว์แม่ง !”
“จะโชว์อะไร กูเมพอยู่แล้ว” ดูดิ มั่นใจด้วย ดีมากเพื่อนที่มั่นใจ ก๊ากกกกก “จัดมาเลย” ไอ้ดำหรี่ตาลงเล็กน้อยครับ มันทำหน้าเหมือนไม่เชื่อสุดๆ ก่อนจะเริ่มถามคำแรก
   “กูถามไอ้เหี้ยหมาก่อน” เวร.. กูก่อนอีก นี่มึงจะแกล้งกูเล่นใช่ไหมวะ “ถ้ามึงพูดว่า ‘Thank you’ แล้วมีคนพูดคำว่า ‘you’re welcome’ ตอบ.. หมายความว่าอะไร ?”
   ผมนิ่งไปนาน
   “สะกดมาดิ๊” แล้วไอ้ดำก็ก้มลงไปเขียนลงในกระดาษก่อนจะส่งให้ผมเรียบๆ “..แต้งค์กิ้ว แปลว่าขอบคุณ !! ” ขอโชว์ฉลาดคำแรก !!
   “เออ แล้วอีกคำล่ะ ? ” ...เงียบดิกู..
   ผมนิ่งไป.. ก้มลงมองคำว่า ‘you’re welcome’ อย่างชั่งใจ ..
   “..จำได้นะว่า welcome ..มันแปลว่ายินดีต้อนรับ.. ส่วน you มันแปลว่าคุณใช่เปล่าวะ..”
   “....”
   “ย..ยินดีต้อนรับคุณ..” ..พูดขอบคุณแล้วจะตอบยินดีต้อนรับคุณทำไมวะ ..
   สุดท้ายไอ้ดำเสือกทำหน้า ‘กูว่าแล้ว’ อย่างเห็นได้ชัดก่อนจะถอดถอนหายใจยาวซะอย่างนั้นแหละ !! ผมอ้าปากค้าง มองใบหน้าอีกฝ่ายทีดูปลงจิตอย่างเห็นได้ชัดสุดๆ !
   “เหี้ย มั่วแล้ว” ไอ้เบสเสริม เขยิบตัวมาเขกหัวผมเบาๆ อีกที “มันแปลว่ายินดีต้อนรับรวบๆ ต่างหาก อย่าโชว์โง่ดิวะ” เอ๊อ ! แม่ง อาจจะใช่ก็ได้นะเบส..
..เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ..
   “..เขาพูดขอบคุณ.. แล้วจะตอบยินดีต้อนรับทำอะไรวะ.. ? ”
   ผมกับไอ้เบสมองหน้ากัน .. จ้องตาด้วยท่าทีอันหวานชื่น (?) อย่างไม่ควรจะทำมาก่อน..
..ครับ..
ความเป็นจริงคือ.. กูกับแฟนเก่ากูโง่แดกตกอิ๊งทุกปี..
   “..พวกมึง.. ผ่านอนุบาลมาได้ไงวะ” สุดท้ายก็เป็นไอ้ดำที่ถอนหายใจยาวเหยียดประมาณสิบกิโลเมตรอีกรอบพร้อมกับพูดอธิบายยกใหญ่ “มันแปลว่าไม่เป็นไร พอดีเป็นสำนวนพื้นฐานที่ควรรู้น่ะ”
   “...” ไอ้เบสเงียบกริบเลย ..เออ ก็สมควรนะ ..
   “แต่ถ้า welcome น่ะ มันแปลว่ายินดีต้อนรับอยู่” ไอ้ดำหันไปมองเชี่ยเบสที่นั่งนิ่งครับ “พวกมึง..ควายแดกจริงๆ ด้วยสินะ..”
   “เหี้ย ! ปกติไอ้เบสสอนอิ๊งกูมาตลอดนะ มึงอ่ะจำผิดเปล๊า ! ” ฮือ.. คือกูไม่อยากหน้าแตกอ่ะ เข้าใจกูหน่อยดิ “มึงอ่ะไม่ต้องเลยเชี่ยย ! ”
   “จะไปถาม‘จารย์ดูก็ได้”
   “ห่า ไม่เอา !” ผมรีบพูดทันควันพร้อมกับยืนขึ้นมาทันที “เหี้ยไร กูไม่ติวแล้ว ไว้คราวหน้า !! ไอ้เบส มึงแม่งกาก !!”
   “กากกว่ากู อย่ามาพูด” ไอ้เชี่ยเบส กูเกลียดมึงจริง ๆ ล่ะ ไอ้ดำด้วย กูเกลียดมึงเหมือนกัน !
   “พวกมึงนี่...” เสียงทุ้มต่ำของชายที่อยู่ข้าง ๆ ดังขึ้นมาพร้อมถอนหายใจยาว ไอ้ดำถึงกับส่ายหัวกับความโง่ของผมและไอ้เบสเลยครับ ฮือ อะไรวะ ไอ้เบสมันถึงกับตัดสินใจเมินหน้าหนีไปอีกทางแล้วผิวปากเบา ๆ เป็นเชิงไม่รู้ไม่ชี้อีก
คือกูไม่อยากถูกคนที่เกลียดด่าว่าโง่นี่หว่า เข้าใจกูหน๊อยย !
   “เหี้ยยย ! กูเกลียดมึง เกลียดพวกมึ๊งง !”
   ผมแหกปากแล้วรีบหันไปอีกทาง ขณะที่ไอ้ดำชะงักไปเล็กน้อยแล้วเหลือบมองกับประโยคคำพูดที่ดังออกมาจากปากผม ..
   “เกลียด ? ” มันทวน เล่นทำให้ทั้งร่างของตนผงะไปเล็กน้อย ผมหันกลับไปจ้องตามันเขม็ง..
..
รู้สึก..มีบางอย่างไม่เหมือนเดิม..
   ไม่เหมือนทุกทีที่เราจ้องตาเขม็งใส่กัน..
..เพราะ..
   ไอ้ดำกระตุกยิ้มเล็กน้อย กับดวงตามีฉายแววเลศนัย..
   “หึ.. กูก็เกลียดมึงเหมือนกัน ไอ้หมา”
ตึก
   อา.. ฉิบหายแล้ว..
   ผมนิ่งงัน ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่กระตุกแรงในตอนอีกฝ่ายส่งยิ้ม..
..เต้นทำไมวะ..
เหี้ย.. มึงจะเต้นทำไม..
   ทุกความรู้สึกของตนเองได้ถูกดับลงเมื่อรับรู้ถึงสายตาเชิงสงสัยของบุคคลที่สาม ไม่นานนักผมก็ดึงสติได้กลับมาอย่างเต็มเปี่ยมเพราะเสียงสั่นครืด ๆ ของโทรศัพท์บนเตียงนอน ผมไม่ได้พกโทรศัพท์ไปไหนมาไหนดังนั้นไม่ใช่ของผม ส่วนของไอ้เบสท่าทางจะอยู่ในกระเป๋า  เพราะงั้นมันคือโทรศัพท์ของไอ้ดำครับ
   มันเลิกคิ้วสูง พร้อมลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบไอโฟนมาแนบหู
   “ไร ?” เพียงแค่ประโยคเดียวก่อนที่คิ้วเข้มของอีกฝ่ายจะขมวดแน่น ไอ้ดำพ่นลมหายใจแรง ก่อนจะเอาโทรศัพท์ออกแล้วกดตัดสายแทบทันทีทำให้ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่
   “ใครวะ ?” ขอถามที ด้วยความอยากรู้อยากเห็น โถ อย่าทำหน้างั้นดิ เสือกนิด เสือกหน่อย จะเป็นไร แค่อยากรู้ว่าใครที่ทำให้ไอ้ดำรีบกดตัดสายทิ้งได้
แต่พอมันพูด ผมก็เงิบแดก
   “ขึ้นไปช่วยพวกนั้นเคลียร์” หา ช่วยพวกนั้น .. นิวกับจินอ่ะนะ  “คนเดียว ?”
   “อืม”
   จู่ ๆ ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นก็แตกกระเจิงออกเป็นเสี่ยง ๆ ทันทีเลยครับ กลายเป็นว่าเหมือนมีมือบางอย่างมาตบหน้าตัวเองแรง ๆ แทน แย่.. แย่มาก ทำไมต้องเป็นไอ้ดำอีกแล้ววะ ผมเพื่อนสนิทนิวนะ แล้วไอ้จินก็เพื่อนไอ้ดำ .. แต่ไหงเหมือนมีกำแพงบาง ๆ คอยคั้นระหว่างผมและพวกมันสามคนเลยล่ะ ผมไม่รู้เรื่องเหี้ยอะไรสักอย่างจนน่าหงุดหงิด..
ทำไมต้องเป็นแบบนี้วะ รู้สึก.. เหมือนเป็นคนนอกเลยแหะ
   และอีกอย่างหนึ่งก็คือ.. ถึงผมจะทำท่าทีโอเคกับไอ้เบส หรือดูเป็นปกติได้ แต่ความจริงมันไม่ใช่นะเว้ย คือมันแปร่งๆ ถ้าต้องอยู่คนเดียวสองต่อสองในห้องนี้ ผมไม่ค่อยอยากจะ.. เผชิญหน้ากับไอ้เบสเท่าไหร่นัก
   นัยน์ตาสีเข้มของมันตวัดมามองผมอีกครั้งหนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจยาวอีกรอบเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้น ผมเบื้องใบหน้าหนีไปอีกทางไม่ยอมพูดอะไรส่วนเบสก็คงมองพวกเราสลับกับโทรศัพท์อย่างหน่ายๆ ไม่ค่อยสนใจ ทันใดนั้นก็มีสัมผัสอุ่นร้อนที่ถูกทาบเข้ามาบนศีรษะของผมเบา ๆ ทำให้ทั้งร่างหยุดชะงัก
แปะ แปะ
เสียงไอ้ดำกำลังตบหัวผม
   “เดี๋ยวกูกลับมา” ผมเงยหน้ามองมัน ไม่รู้ว่าสีหน้าตัวเองกำลังเป็นแบบไหนอยู่ แต่ก็ทำเพียงแค่พยักหน้าตอบเบา ๆ โดยไม่พูดอะไรต่อ มันกดฝ่ามือลงหนัก ๆ ที่หัวผมเหมือนอยากให้ไออุ่นติดตราอยู่ตรงนี้ก่อนที่จะค่อย ๆ ผละมือออก
..อา ให้ตายเหอะ ผมจำมันได้..
..สัมผัส.. เหมือนก่อนหน้านี้เมื่อสองสามชั่วโมงก่อน..
ปัง
   ผมมองแผ่นหลังมันที่เดินออกไปจากห้องนี้ เสียงปิดประตูเป็นการบ่งบอกว่าความรู้สึกวังเวงที่จุกแน่นภายในอกทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก บรรยากาศในตัวห้องเหมือนจะเริ่มถูกความอึดอัดคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบ
ในห้องตอนนี้มีเพียงแค่คนสองคน
คือผม.. กับไอ้เบส
   ผมผลุบสายตาลงต่ำมองพื้น.. ไม่อยากอยู่คนเดียวสองต่อสองกับมัน แต่จะไปทำอะไรได้วะ .. วินาทีนี้อาจจะเป็นครั้งที่แรกหรือครั้งที่สองก็ไม่รู้ที่ผมไม่อยากให้ไอ้ดำไปไหน อยากให้มันมาอยู่ตรงนี้กับผม..
   “ยุ่งยากจริง ๆ ว่ะ” น้ำเสียงทุ้มต่อที่ถูกเปล่งออกมาเป็นโทนนิ่งทำให้สติผมเริ่มกลับมาทีละนิด ทั้งร่างที่นั่งอยู่บนพื้นห้องเผลอเขยิบตัวหนีไอ้เบสโดยอัตโนมัติทั้งๆ ที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้น สายตาคู่เคยคุ้นชินกันตวัดมาจ้องผมนานสักพักใหญ่
ผมไม่กล้าจะเอ่ยถามอะไร นอกจากจ้องมันตอบเพียงเท่านั้น
   พวกเราทั้งสองสบสายตากันนานพอสมควร มือไอ้เบสก็เอื้อมเข้ามาพลางปิดสมุดภาษาอังกฤษบนโต๊ะให้แทน
   ก่อนที่อีกคนจะเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นก่อน
   “ไหน ๆ ก็อยู่ในห้องกันสองคนแบบนี้..” เบสเว้นวรรค พูดประโยคถัดไปที่ทำให้ลมหายใจของผมสะดุดกึกไปทันที “..เรามาคุยเรื่องเก่า ๆ ให้เคลียร์กันดีไหม ? น้ำกรด”

หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:28:23
C h a p t e r 33
คนเกลียดกัน มักจะหวงกัน


   ‘ลองคบกันดูไหม ?’
   น้ำเสียงของผมดัง เหลือบมองร่างข้างกายที่เหมือนนิ่งค้างไปแล้ว โอ๊ย ..แค่กูพูดอะไรแบบนี้มันดูแปลกขนาดนั้นเลยเหรอวะ โธ่ มีปัญหากับกูหรือไงกัน หะ ?
..แต่.. ทำไมอากาศมันร้อน ๆ วะ.. หรือเพราะหน้าผมแดงอยู่กัน
   ‘จริงจัง ?’ คำถามติดสงสัยดังออกมาขณะที่อีกฝ่ายขยับร่างเล็กน้อยเพื่อให้หันมาจ้องผมชัด ๆ ..เหี้ย อย่ามาจ้องกูดิ จ้องทำไมวะ เพื่ออะไรไอ้สัตว์
   ‘อ.. ไอ้เหี้ย ! กูล้อเล่น !’ ผมรีบพูดออกไป สะบัดหน้าไปทางอื่น.. เหี้ย เมื่อกี้กูพูดอะไรออกไปวะ.. อาย อายเป็นบ้า เขินฉิบหาย ..ไอ้เวรน้ำกรดเอ๊ย ..แล้วหน้ากูจะร้อนไปทำไมวะเนี่ย
   ‘นิ่ง ๆ แบบนี้มึงรับได้หรือไง ?’ มันถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก ผมเม้มปากแน่นแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อตั้งสติตนเองก่อนจะตอบกลับทันที
   ‘กะ.. กูรู้ว่ากูพูดอะไรออกไปและกูจริงจั...’
   ‘ไหนว่าเมื่อกี้บอกล้อเล่นไงวะ ตอนนี้มาจริงจัง’
..
ไอ้บรรลัยยย !! นี่มึงกวนตีนกูแล้วว ไอ้เหี้ยย แล้วกูก็เสือกหลุดอีก โฮกกก !!
   ผมอ้าปากค้างพะงาบ ๆ ยกมือขึ้นแล้วซัดกำปั้นลงไปบนหัวของชายข้างกายอย่างเต็มกำลัง ฮือ.. มึง มึงบังอาจมากนะ คิดว่าชื่อตรงข้ามกับกูแล้วมันจะทำให้กูไม่กล้าทำไรมึงไง !
   ‘เหี้ย อย่าใช้ความรุนแรง !’ อีกฝ่ายร้องห้าม รีบยกมือขึ้นบังกำปั้นของผมทันที ‘มึงนี่.. ตกลงเพศเหี้ยไรกันแน่วะ ? แล้วขอกูคบงี้สาวน้อยร้อยมาลัยห้องแปดของมึงอ่ะ ?’
   ‘กูบอกกี่ครั้งแล้วว่ากูเป็นไบ’ ผมยอมถอยตัวออกมา ‘เดี๋ยวกูเลิกเอง’ ..ความจริงโม้ครับ ไม่ได้มีฟงมีแฟนอะไรหรอก นั่นคู่จิ้นเฉย ๆ
แต่.. จำไว้เลยนะมึง มีการมาถามอะไรแบบนี้กับกูอีก เดี๋ยวปั๊ดเหวี่ยงเลยไอ้เหี้ย.. เหี้ยเอ๊ย แล้วคิดดู กูชอบ (?) มึงขนาดไหน ! ชอบจนถึงกับยอมเลิกกันแฟน (ในมโน) คนปัจจุบันเลยนะเว้ย !
   ‘แล้วแฟนกูล่ะ ?’ มันย้อนกลับ เออนั่นดิ เหี้ยนี่ก็มีแฟนสาวนี่หว่า ผมเบ้ปาก ลุกจากเก้าอี้ด้วยความหงุดหงิด
   ‘เออ งั้น.. งั้นกูผิด กูอกหักแล้ว ! ไอ้เหี้ย !’ ว่าแล้วก็สะบัดร่างตนเองเดินหนี ฮือ.. ไอ้กรดเอ๊ยยยย อกหักดังเปาะเลย ครั้งแรกนะเนี่ย โฮกกกกก กูเศร้าใจจุงเบย.. อ่ะฮึก อ่ะเฮือกกก ฮือ ! น้องกรดปวดร้าว โฮกก ถึงจะอกหักแบบแปลก ๆ แต่ก็เรียกว่าอกหักใช่ไหมครับ ? ..ผมก็แค่คนที่มีแฟน (ในมโน) อยู่แล้ว ไปชอบเพื่อนสนิทที่มีแฟน ..สารภาพรักกับมันอย่างไร้สมองอีก
   แต่ระหว่างลุกหนี กลับถูกแรงดึงเอาไว้ก่อนทำให้ทั้งร่างผงะไป น้ำตาผมคลอเบ้าแล้วนะ ฮือ.. ไอ้เหี้ย มึงพูดให้กูอกหักแล้วจะเอาอะไรกับกูอีก !
   ‘เดี๋ยว..’ ผมเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะสะบัดมือออกแต่กลับไร้ผล น้องกรดจะร้องไห้จริง ๆ แล้วนะ ฮือ..
และประโยคถัดไปก็ทำให้ผมชะงัก..
   ‘เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเลิกกับแฟน’
ผมนิ่ง ดวงตาเบิกกว้างพลางขวับมองมันที่ยิ้มออกมา
   ‘..มึงเพ้อเหรอวะเบส..’ พึมพำสิครับ.. แต่อีกฝ่ายยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ใจตนเองเต้นรัวเลยก็ว่าได้ พร้อมประโยคถัดไป.. ที่ทำให้ผมถึงกับหน้าแดงก่ำและอยากจะร้องไห้เพราะความดีใจออกมาจริง ๆ
   ‘แล้วพวกเรามาคบกันนะ .. น้ำกรด’
เหี้ย..
เขินฉิบหาย..

ตอนนั้นมันเขิน แต่ตอนนี้อ่ะเพิ่งรู้ว่าตัวเอง..
..
หน้าด้านฉิบหาย..
   ผมยกมืออุดหูตัวเองด้วยสีหน้าตายด้านใส่ไอ้เบสที่หน้าตาจริงจังอยู่กับการเล่าเรื่องราวในอดีต.. คือ น้องกรดไม่อยากรับรู้ เข้าใจกูหน่อยเหอะ พูดไปได้ไงวะว่าขอคบผู้ชายเนี่ย
   “..กูบอกให้มาเคลียร์ ..เป็นเหี้ยไรมึงวะครับ..” เสียงยาน ๆ ของเบสดังขึ้น มองผมด้วยสายตางุนงง เอ่อ คือความจริงพอไอ้เบสพูดคำว่าเคลียร์และเอ่ยปากเล่าเท่านั้นแหละครับ ผมก็ตัดสินใจแนวแน่ด้วยการยกมืออุดหูทันที อย่ามาหาว่ากูอะไรเลยหรอกนะ คือ.. ไม่อยากได้ยินอ่ะ
   “ไม่ใช่น้ำกรดมึงไม่รู้หรอก” ผมตอกกลับ ไอ้สสารนรกเอ๊ย อย่ามาย้อนนะมึง อย่ามาเคลียร์เรื่องนั้นด้วย..   
..เรื่องที่กูขอมึงคบก่อนอ่ะ..กูไม่เคลี๊ยร์ !
   “เอาล่ะ เรามาเคลียร์...”
   “อ๊ากก !!” ผมแหกปากทันที โฮกก น้องน้ำกรดขอแหกปากเอาตัวรอดไว้ก๊อนน ! เบสสะดุ้งโหยง มองผมด้วยสายตาพิลึก “มึง ! หยู๊ด ! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะสัตว์แว่นน ! ถ้าอยู่ ๆ มึงมาเคลียร์เรื่องกูหน้าด้าน ๆ อ่ะกูไม่เอ๊า !!”
   มันเลิกคิ้ว
   “หน้าด้าน ?” มึงจะทวนและตอกย้ำหาอะไรครับ ต่อยกันกับกูเลยดีไหม ผมเบ้ปาก ตวัดสายตาไปจ้องเขม็ง “เรื่อง ?”
   “ก็ตอนกูขอคบมึงอ้ะ !!” น้องกรดขอแหกปากอีกที “มึงจะเคลียร์เรื่องความหน้าด้านของกูใช่ปะ หยุดเลย กูขอร้องง !”
   “!” ดูดิ เสือกทำหน้าตกใจอีก
   “หยุด หยุดเลย กู.. กูด้านไปแล้ว.. กูยอมรับว่ากูด้านก็ได้” กรดคำราม อ้ากก พ่นไฟเลย แม่ง ! แล้วดูหน้าไอ้เหี้ยเบสดิ ทำไมถึงทำท่าทางเหมือนเหวอหวาแบบคนสะพรึงอย่างง๊านน ! “เลิก เลิกเลยมึง หุบปาก...”
   เบสจับจ้องผมด้วยทีหน้านิ่ง ๆ เพียงพักหนึ่งก่อนจะวางฝ่ามือบนไหล่ผม ความทรงจำเก่าที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมันมาค่อย ๆ ย้อนรอยให้ทบทวนในจิตใต้สำนึก เบสมักจะชอบวางมือบนไหล่ผม เวลาต้องการให้ผมยอมรับความจริงบางอย่าง..
   ผมยอมรับนะว่าผมหน้าด้านขอคบเบสก่อนน่ะ อย่าพูดถึงเลยมึง..
   แต่นัยน์ตาคมของอีกฝ่ายที่มองผมลอดผ่านกรอบแว่นทำให้ร่างของตนเองถึงกับสั่นงันงกเลยด้วยซ้ำ อึก.. มึง ไม่เอานะ สัตว์ อย่ามองแบบนั้นสิ มันทำให้ผม.. ใจหวิ๊ว ใจหวิว..
และประโยคถัดไปก็ทราบว่าใจไม่หวิวครับ..
แต่ร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มต่างหาก..
   “..กูจะเคลียร์เรื่องมึงขอคบทำไมวะ ?”
หะ .. เอ่อ
เออ จริงของมัน
   ผมอ้าปากค้างพะงาบ ๆ ขาสั่นพั่บ ๆ เลยให้ตายเหอะ
   “กูรู้ว่ามึงหน้าด้าน”
ฉึก ! แทงใจแฟนเก่ามึงนะ ห่า
   “และมึงก็หน้าด้านจริง ๆ นั่นแหละ จนตอนนี้ก็หน้าด้าน”
ฉึก ! ปวดใจแฟนเก่ามึงนะสัตว์
   “อย่าทำหน้าเจ็บปวดอย่างนั้นดิ แต่มึงน่ะ..” มันว่า ก่อนจะบีบไหล่ของผมแรงกว่าเดิม “..หน้าด้านจริง ๆ นะ มึงเนี่ย”
...
ฮือ.. กูทำตัวเองสินะ ..
   สุดท้ายเบสก็ยอมปล่อยตัวผมที่อ่อนโรยราเป็นอิสระแตกฝุ่นกระจุยกระจายไปเลยครับ.. มึงนะมึง พูดอะไรไม่รู้ กูล่ะเจ็บขั้นบอบช้ำจุงเบย
   “..เหี้ย..” น้ำตาคลอเลยกรดน้อย.. “ตกลงมึงมีไรกับกูวะ..”
   ไอ้เบสเลิกคิ้ว มองผมที่กำลังดราม่ากับตัวเอง มันพูดประโยคถัดไปที่ทำให้จิตของผมกลับมาอยู่กับตัวทันที
   “..เรื่องที่พวกเราเลิกกัน”
...
ฮะ.. อ่ะฮึก.. ได้ถึงเวลาเงียบจริง ๆ จัง ๆแล้วล่ะคราวนี้
   ผมกลืนน้ำลายของตนเองลงลำคอเอื๊อกใหญ่ ตัดสินใจเบี่ยงสายตาตนเองหนีจากไอ้แฟนเก่าทันที ที่แท้ก็เรื่องเราเลิกกันนี่เอง อา.. ใช่ ในนั้นผมยังพอจำได้ ตอนนั้นเหมือนมีข่าวลือที่ที่ว่า เบสรับไม่ได้เพราะผมอ่อยไปทั่วเลยเลิกกัน แต่ผมยังไม่จำ อ่อยไปเรื่อย ถูกแบนออกจากสังคมม.ต้นเลยนี่นา ..เป็นขนาดนั้นแล้วทำไมกูจะไม่ออกวะ อยู่ต่อก็หน้าด้านแล้ว !
แถม.. ไอ้ข่าวลือนั่นก็มาจากน้องที่ดูเหมือนจะไร้เดียงสา..
น้องเซ็น..
   “กูได้ยินข่าวลือหลังจากที่เลิกกันไป..” มันมองผม “ตอนแรกกูก็ปล่อยให้มันผ่าน ๆ เพราะคิดว่าคงหายไปเอง ..แต่ทำไมมึงต้องย้ายโรงเรียนด้วยวะ ?”
ผมนิ่งงัน..
   จะให้บรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ยังไงกัน
   ถ้าหากไม่ได้ไปยืนอยู่ ณ จุด ๆ นั้น ..คงไม่เข้าใจ
   ผมเป็นเพียงแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่ต้องการจะถูกใครนินทาใส่ร้ายและโดนแบนออกจากสังคม พวกเพื่อน ๆ ที่เคยมีมาและคบกันในช่วงนั้นได้เริ่มห่างเหินออกไปทำให้ผมรู้ว่านิสัยแต่ละคนเป็นยังไงกันแน่ ใครกันที่จะเป็น ‘เพื่อนแท้’ และสามารถอยู่เคียงข้างกันยามที่ผมจนตรอกถูกข่าวรุมจนสภาพยับเยิน
แต่สุดท้าย.. มันก็ไม่มีใคร
ในตอนนั้นผมไม่เจอสิ่งที่เรียกว่า ‘เพื่อนแท้’ แม้แต่คนเดียว
   ทุกคนปล่อยผมออกไป ปล่อยออกให้เผชิญกับความโดดเดี่ยวและทิ้งห่าง ถอยหลังหนีกันไปทีละนิด ๆ จนในตอนหลัง คำว่าตัวคนเดียวมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับผม ผมเรียนรู้มัน เริ่มชิน และเฉยชา
...
   เออดิ
   เพราะกูเป็นฝ่ายรับไง เลยโดนหนักขนาดนี้ ทีฝ่ายรุกแม่งเอาใคร ๆ ไม่เลือกหน้าเสือกไม่เห็นจะโดนนินทาแบบนี้สักราย อย่าให้กูหงุดหงิด คิดแล้วก็นึกถึงหน้าไอ้ดำเลย โอ๊ย ไอ้สาด !
   คิ้วผมแอบกระตุกพอประโยคในใจเมื่อครู่ผุดขึ้นมา ตัดสินใจไม่พูดอะไรตอบให้ไอ้เบสรับรู้ ไม่ได้ทำตัวเป็นนางเอกหรือคนดี แต่มันจบไปแล้ว แถมพูดไปก็มีแต่ผมจะหงุดหงิด ขยะแขยงมากกว่าเดิมก็เท่านั้น
   “แค่ทนไม่ได้ก็เท่านั้นแหละ” ไหวไหล่ตัวเองส่ง “..แค่ไม่อยากอยู่คนเดียวกับอีกสามปีม.ปลายที่เหลือก็เท่านั้นแหละมึง..”
   คิ้วเข้มของเบสขมวดมุ่นเล็กน้อย มันมองใบหน้าผมด้วยสายตาราวกับต้องการทราบความจริงอย่างเห็นได้ชัด มืออีกข้างเอื้อมเข้ามาราวกับจะยึดร่างของผมไว้..
..
   “มึง.. กลัวงั้นเหรอ ?” เสียงทุ้มของอีกฝ่ายเอ่ยถามออกมาแผ่วเบาเจือความเป็นห่วง ผมนิ่งไป มองคนที่กำลังจับข้อมือของผมแน่น “น้ำกรด ..กลัวเหรอ ?”
..ผมเงียบ ..อย่าใช้น้ำเสียงแบบนี้ดิวะ..
   “ตัวมึงสั่นแล้ว..” ผมเม้มริมฝีปากของตนเองแน่น ก้มใบหน้าหลบหลีกสายตาที่กำลังค้นหาตนเองอยู่ “ช่วยบอกได้ไหมวะ.. ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
เหมือนลมหายใจของตนเองจะสะดุดไป
   “หลังจากที่พวกเราเลิกกัน” มันพูดสั่น ๆ อย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน “..เกิดเหี้ยอะไรกับมึงบ้างวะ”
   “....”
    “แล้วทำไมกูถึงไม่รู้เหี้ยอะไรเลยวะ”
   ผมฝืนยิ้มออกมา
   “..ตัวมึงก็สั่น เหมือนที่มือกูสั่นเลยนะ..” เอ่ยแผ่วเบาเหมือนตักเตือนมันครับ ท่าทางไอ้เหี้ยนี่จะไม่รู้เรื่องและรู้สึกผิดจริง ๆ นั่นแหละ สมกับเป็นมันจริง ๆ
   “..เพราะกูเมินเฉยกับโลกไป ดูแลมึงได้ไม่ดี.. แถมยังทำตัวเหมือนนอกใจมึงตลอดด้วย” ประโยคถัดไปที่พูดรัวออกมาทำให้ร่างของคนฟังอย่างผมชะงัก “..กูขอโทษ”
..แม่งเอ๊ย..
   ผมเม้มปากแน่น รับรู้ได้ถึงแรงที่บีบเพิ่มขึ้นราวกับบังคับไม่ให้หนีไปไหนจากมันอีกครั้งหนึ่ง
   “เพราะงั้นบอกกูมาได้ไหมวะ ..น้ำกรด” น้ำเสียงทุ้มสั่นดังออกมาจากริมฝีปากของชายตรงหน้า “บอกกูมา.. ว่าหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้น..”
ผม.. อยากร้องไห้จัง..
   “ทำไมพวกเพื่อน ๆ ถึงเริ่มไม่คุยกับมึง ทำไมมึงถึงโดนแบนออกจากกลุ่ม”
..ให้ตายเหอะ ..น้ำตาเริ่มคลออีกแล้ว
   “..ทำไมมึงถึงโดนด่าว่าร่านวะ..”
อา ..ผมนี่มัน..
   “แล้วทำไม.. มึงถึงกลายเป็นคนโดดเดี่ยวได้ยังไงวะ ..น้ำกรด ?”
..
ขี้แงซะจริง ๆ ..
   เหมือนทุกอย่างพังทลายลงกว่าครั้งเก่า ..น้ำตาของผมไหลออกมาไม่หยุดเลยด้วยซ้ำเมื่อทุก ๆ คำถามกระทบลงบนแผลใจเก่าของผม ความเจ็บปวดที่ตนเองตัดสินใจเก็บซ่อนเอาไว้ที่เพิ่งถูกแง้มเปิด ยังคงสมานแผลได้ไม่ดีพอสักเท่าไหร่นัก
ดังนั้นเมื่อมีใครสักคนยื่นมือมาสัมผัสร่องรอยนั้นจึงได้รู้สึกแสบกว่าที่คิด
   แล้วผม.. ก็เผลอพูดออกไปอีกครั้ง
...
   “..กู ..” ผมนิ่งไปชั่วอึดใจ พลางเม้มริมฝีปากแน่น “..กูเกือบถูกคนรุมโทรม” ไอ้เบสที่ฟังอยู่เบิกตากว้างราวกับตกใจ มือที่จับแน่นอยู่ถึงกับเย็นเฉียบทันที
   “มึงก็รู้นี่หว่าว่าตอนกูเด็ก ๆ กูตัวเล็กแค่ไหน..” ผมกัดปากตนเองแน่นกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ .. ศักดิ์ศรีน่า.. ศักดิ์ศรี.. “..แล้ว.. แล้วก็มีคนลากกูไป.. หลังจากเลิกกับมึงไม่กี่วันหลังจากนั้น”
   “...” มันเงียบ มองหน้าผมด้วยแววตาตกตะลึง
   “..แต่กูรอด ..กูรอดมาได้เพราะมีคนช่วยเอาไว้” ถึงจุด ๆ นี้ผมยอมรับได้เลยว่าเสียงของตนเองสั่นยิ่งกว่าครั้งไหน ภาพของไอ้เบสเริ่มเลือนรางกว่าเดิมเข้าไปทุกที “..กูนึกว่าจะรอดแล้วเจอแต่เรื่องดี ๆ”
   “..น้ำกรด..”
   “..แต่สุดท้ายกลับมีข่าวลือว่ากูไปเอากับผู้ชายไม่เลือกหน้าหลายคน มึงก็รู้นี่หว่าว่าโรงเรียนเราน่ะไม่ค่อยยอมรับคู่เกย์นอกจากจะเป็นคู่รักกัน ถ้า.. ถ้าประกาศแบบนั้นเมื่อไหร่เลิกกันก็จะโดนแบนเมื่อนั้น”
   น้ำเสียงของผมแผ่วเบาจนแทบจะจับใจความใด ๆ ไม่ได้ ภาพความทรงจำสะอิดสะเอียนที่ทำให้รู้สึกขยะแขยงร่างกายตนเองถูกเล่นฟิล์มในหัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง กรอเทปหมุนซ้ำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหตุการณ์นั้นคือจุดเปลี่ยนของชีวิตผม ..
จุดเปลี่ยน.. ทุกอย่าง
ขวับ !
   ทั้งร่างของตนถูกชายตรงหน้ากระชากเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมเบิกตากว้าง อ้อมแขนอบอุ่นเข้ามาโอบกอด พร้อมกับความรู้สึกหลากหลาย เบสขยับตัวกอดผมแน่นกว่าเดิมจนทำให้ทั้งร่างแทบขยับไม่ได้
   “ถ้าอย่างนั้น .. ทำไมมึงถึงไม่ยอมกลับมาหากูวะ !!”
..หา.. ?
   ผมกระพริบตาเบา ๆ ..กับคำพูดของเขา
   เหมือนเบสจะเพิ่งรู้ตัว อีกฝ่ายดูเงอะงะกับประโยคของตน ถอยห่างสองสามก้าวอย่างเผลอไผล
   “หลังจากที่เลิกไป เรากลับมาใหม่เหมือนเดิมไม่ได้เหรอวะ” มันพูดอย่างยากลำบาก ท่าทีราวกับจะพูดประโยคบางอย่าง ก่อนจะกลืนมันลงไปและเปลี่ยนเป็นคำใหม่ “..กลับเป็น ..เพื่อนกัน”
   “.. !” ถ้อยคำของอีกฝ่ายช่วยดึงสติตนเองให้กลับมา ผมกระพริบตาอีกครั้งไล่ความงุนงงออกไป เห็นชายตรงหน้าค่อย ๆ คลี่ยิ้ม
นานนัก.. จะได้เห็นรอยยิ้มของมัน
   “อย่างน้อย.. ก็อย่าลืมว่ามีกูเป็นเพื่อนอยู่ดิวะ ..น้ำกรด”
..เพื่อน..
คำ ๆ นี้..
   “กูขอโทษที่ไม่สนใจมึงตอนนั้น..” ผมได้ยินเสียงมันพึมพำบางอย่าง แต่เหมือนสติตัวเองกำลังล่องลอยอยู่เลยแหะ “..ถ้าเป็นไปได้..กูอยากจะ..”
หมับ !
   สองมือของตนคว้าหมับที่แขนอีกฝ่ายทันที ไอ้เบสถึงกับผงะไป ขณะที่ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกคน
..เพื่อน..
ใช่ ..
   “ยังไงที่เก่า ๆ แม่งก็จบไปแล้ว กูย้ายโรงเรียนไปแล้ว แต่..”
   “...”
   “แต่กูกับมึง.. เป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมวะ !?” น้ำเสียงของตนเองแสดงถึงความสดใสอย่างไม่ปิดบัง ผมจับจ้องแฟนเก่าที่เบิกตากว้างขึ้น
ใช่.. ตอนนี้ตื่นเต้นจริง ๆ นะ..
..นึกว่าจะกลับไปเป็นเพื่อนเหมือนเดิมไม่ได้ซะแล้ว..
   พอไอ้เบสพูดแบบนั้นก็โล่งอกขึ้นมาหลายเปาะเลยแหะ ผมจึงจัดแจงมอบอ้อมกอดน้องกรดให้ไอ้เชี่ยเบสไปหนึ่งยกเลยด้วยซ้ำ
   “ฮืออ.. มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกูจริง ๆ ด้วยนะไอ้เบส.. ฮือออออ ใจมากก” ไม่ใช่กรดทำไม่ได้นะ การเปลี่ยนอารมณ์เร็วขนาดนี้เนี่ย ส่วนเบสเหมือนจะยืนอึ้งค้างไปนิดหน่อยก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ ครับ
   “หึ.. เออ มึงนี่มันบื้อจริง ๆ” มันตอบรับผมพร้อมกับกอดกลับอีกรอบ ..ฮือ.. เพื่อน เพื่อนนี่มันดีที่สุดจริง ๆ ด้วย ตอนแรกผมนึกว่าเลิกกับมันแล้วก็จะกลับเป็นเพื่อนไม่ได้แถมยังต้องหนีหน้าตลอดแน่ ๆ เพราะไอ้เราก็ดันมีข่าวลือปัญญาอ่อน ๆ แบบนั้นทั่วโรงเรียน ซ้ำยังย้ายหนีอีกด้วย !
แกรก
   ผมผงะเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูครับ คิดจะให้กลับไปดูว่าใครกลับถูกเชี่ยเบสรัดร่างตนเองแน่นไม่ให้ขยับก็ทำเอาคิ้วขมวดมุ่ยเสียนี่
   “หึ”
..อ้าว ..เบส มึง ทำเสียงแบบนี้อีกแล้วเรอะ ..อะไรวะ ?
หากแต่ประโยคถัดไปที่ดังออกมาก็เล่นเอารีบถีบไอ้เชี่ยเบสออกแทบไม่ทัน
   “ที่บ้านมึงขาดความอบอุ่นหรือไง.. ไอ้หมา ?”
..ไอ้ดำ !!
   ผมหันขวับพร้อมกับส่งแรงถีบไอ้เบสออกไปทันทีทันใด รีบอ้าปากพะงาบ ๆ หันมองชายที่เพิ่งเข้ามาใหม่ โธ่ มึง พิ่งมีบทมาแล้วเสือกหาเรื่องกูเลยเหรอวะ ต่อยกันไหมไอ้ห่า !
   “ไอ้ดำ !!” เสียงของตนแหกปากเรียกฉายาของมันดังลั่นพร้อมกับกระโจนเข้าไปหาแล้วจ้องเขม็ง “มึงมาก็หาเรื่องกูเลยเหรอวะ !” นี่แน่ะ ตบหัวแม่งหนึ่งทีให้เป็นพิธี ไอ้ดำเสือกเอียงหลบอีกต่างหาก
   “ถ้ากูไม่เข้ามาตอนนี้จะเห็นฉากนี้เหรอวะ” มันพูด หรี่ตาลงเล็กน้อยราวกับจับผิดกูอีก เหี้ย จับผิดบ้าบออะไรวะ เออแล้วทำไมกูต้องรู้สึกผิดด้วย !
   “ไอ้ห่า ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะสัตว์” ผมแทรก “กูกับไอ้เบสนี่แค่ตกลงจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปเฉย ๆ ใช่ไหมไอ้เบส ?” ว่าจบก็หันไปขอเสียงสนับสนุนครับ แต่...
   “หึ”
..เชี่ยเบสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส มึงง ไอ้คนทรยศ ! ทำเสียงแบบนั้นหมายความว่าไงวะ
   ไอ้ดำเลิกคิ้วเล็กน้อย มันกอดอก จ้องผมด้วยสายตาเรียบนิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะตอกไอ้เบสกลับ
   “หึ”
..
เชี่ย
   “หึ” ..เบสแม่งต่อเสียงนี้อีก ไอ้ดำไม่ยอมแพ้ครับ อือหือ ทำเสียงนี้ต่อเลย
   “หึ”
   “หึ”  นี่กูพากย์บอลใช่ปะ โอ้โห ไอ้เบสส่งเสียงต่อเลยครับ แต่ไอ้ดำไม่ยอมแพ้ มันส่งเสียงหึตอบกลับมาแล้ว !
   สุดท้ายผมก็ตัดสินใจยกมือขึ้นอุดหูตัวเองกับเสียง ‘หึ’ สลับกันไปมาของไอ้สองตัวเวรนี่ก่อนจะกัดริมฝีปากแน่นพร้อมแหกปากตะโกนลั่นออกมาสุดเสียงของตนเท่าที่จะทำได้ทันที
   “พวกมึงสองตัว... ไสหัวไปจากห้องกูซะ !”
เหี้ยยยย กูเกลียดจริง ๆ ไอ้เสียง ‘หึ’ เนี่ย !!
   




หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:28:43
Special’s Part


   ผมไหวไหล่น้อย ๆ ก่อนจะเห็นน้ำกรดเดินไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย เหอะ ๆ ทำไมช่วงนี้เรื่องมันเยอะแยะจนน่ารำคาญจริงว่ะ แม่ง ตั้งแต่ไอ้ภรรยา (?) เตี้ยเรียกมาเคลียร์ สุดท้ายมันเสือกมีเรื่องเองซะงั้นแล้วดันไปโป๊ะเช๊ะเจอกับแฟนเก่าอีกต่างหาก
เฮ้อ.. ผมล่ะปวดหัว
   แถมไป ๆ มา ๆ กูดันเสือกดวงดี พบหมาดำในตำนานที่ลือกันว่าเฮี้ยนนักเฮี้ยนหนาอีก เหอ.. ทำไมชีวิตกูต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ
   จะว่าไปก็เป็นห่วงไอ้นิวแหะ.. แม่งทะเลาะกับไอ้เจี๋ยมเจี้ยมนั่นแน่เลย
   “อ้อ..” ผมผงะเมื่อได้ยินเสียงดังออกมาจากบนเตียงฝั่งด้านประตู เห็นชายผิวคล้ำกำลังนั่งอยู่ มันทำท่าเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้พลางโยนหมอนใบเล็กมาให้ผม “นอนพื้นสินะ ?”
   “อืม” ดีจริง ๆ ที่ยังจำได้ว่ามีกูอยู่ในห้อง.. ใจคอไอ้น้ำกรดบอกว่าให้ค้างห้องเสือกไม่เอาพวกหมอนหรือผ้าห่มมาให้ผมสักนิดเลย
   “ถ้านิวไม่บอกให้ดูแลมึงดี ๆ กูไม่ทำหรอกนะ” มันพูด ยื่นหมอนกับผ้าห่มอีก
   “ไอ้นิวเป็นไงบ้าง ?” เป็นห่วงครับ มันเคยโทรมาเล่าให้ฟังบ่อย ๆ เรื่องชีวิตรักสุดประหลาดของตนเอง ผมเห็นไอ้นัยนิ่งไปเหมือนครุ่นคิด
   “มันฝากบอกมาว่าไม่ต้องเป็นห่วง” ผมพยักหน้าแผ่วเบารับคำที่บอกก่อนจะจัดแจงเริ่มปูผ้าห่มผืนใหญ่ให้เป็นที่รองพื้นแข็งนี่หากแต่ก็ต้องผงะเมื่อได้รับประโยคคำถามถัดไป “..แล้ว.. มึงกับมัน..”
ผมนิ่ง เงยหน้ามองคนที่หยุดปากไว้แค่นี้ ..
..หือ ?
   นัยน์ตาของตนตวัดไปมองใบหน้าคมคายที่เสไปทางอื่นครับ หืม..
   “กูกับมัน มันนี่คือมันไหน ?” ถามกลับแล้วกระตุกยิ้มเล็กน้อย อีกฝ่ายถึงกับผงะ ค้างไปใหญ่ก่อนจะตอบออกมาแผ่วเบา
   “ไอ้หมา”
โฮ่ ..
   ผมชำเลืองมองใบหน้านิ่งของอีกฝ่ายที่ตอบกลับมาอย่างเชื่องช้า ..ชักสนุกแปลก ๆ แหะ
   “แฟนเก่ากูอ่ะน..”
   “มันเป็นของกู”
   ร่างของตนชะงักไป ได้ยินเสียงแน่วแน่ที่ดังออกมาจากปากของไอ้นัย ดวงตาคมกริบมองมานิ่ง ๆ ราวกับเดือดดาลบางอย่าง ได้ข่าวว่าพวกมึงยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยไม่ใช่เรอะ ..
..แต่ก็เอาเหอะ..
   ผมแอบยกยิ้มเล็กน้อย นึกถึงในตอนนั้นที่ตนเองไปกอดน้ำกรดแต่มันกลับดูลังเลแปลก ๆ คิดจะเอ่ยขอคืนดีด้วยหากแต่สายตาที่ถูกมองมามันกลับไม่เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว
   คิด ๆ ไป.. สายตาของน้ำกรดตอนมองผู้ชายคนนี้ มันเหมือนสายตาของน้ำกรดที่เคยมองผมเมื่อก่อนเลยแหะ
..แอบเจ็บนิดหน่อย ..แต่ก็น่าสนุกไม่หยอก
   “ของมึง..” ผมเว้นช่วงเล็กน้อยราวกับตั้งใจยั่วโมโห เห็นชายตรงหน้ายังคงมองนิ่งอย่างไม่ละสายตาก่อนจะตัดสินใจพูดประโยคถัดไป “แล้วอยู่ ๆ มากอดกูได้ไงวะ ?”
   ผมได้ยินเสียงหัวเราะหึเบา ๆ ในลำคอ นัยน์ตาคมของชายตรงหน้าจับจ้องไม่ลดละ ก่อนจะเอ่ยประโยคตอบคำถามของผม ..ที่มันเหมือนไม่ใช่คำตอบ เป็นคำประกาศกร้าวมากกว่า
   “ใครจะคิดอย่างไงกูไม่สน หรือจะถูกแย่งไปก็เหอะ แต่มึงจำเอาไว้แล้วกัน” เสียงทุ้มดังออกมานิ่ง ๆ ทว่าเหมือนทรงพลัง “ว่าไอ้หมานั่น.. จะไม่มีวันสามารถออกไปจากชีวิตกูได้อย่างแน่นอน”
ผมนิ่งอึ้งกับคำประกาศนั่น ได้ยินเสียง ‘ไอ้หมา’ ฮัดชิ้วดังจากห้องน้ำอีกต่างหากเล่นเอายิ้มออก
   ตกลงพวกมันสองตัวอยู่ในสถานะอะไรกันแน่วะ แต่ก็เอาเหอะ ในเมื่อไอ้ดนัยประกาศขนาดนี้ แล้วสายตาของน้ำกรดก็เปลี่ยนไปขนาดนั้น..

เรื่องความรักแบบประหลาดฉิบหายอย่างนี้
เบสขอไม่ยุ่งก็แล้วกัน
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:29:09
C h a p t e r 34
คนเกลียดกัน มักจะสื่อความรักทางอ้อม


   เบสหายหัวไปแล้วครับ..
   กว่าจะนอนได้ก็รู้สึกเหมือนอึดอัดจนน้องกรดแทบกระอักเลือด ! คิดดูสิ มีทั้งไอ้เบสและไอ้ดำอยู่ในห้อง บัดซบเอ๊ย ..ว่าแต่ ชักเริ่มคิด ๆ แล้วว่าผมแม่งอยู่ไปได้ยังไงวะกับห้องที่น่าอึดอัดฉิบหายขนาดนี้เนี่ย ? ไม่ดิ ต้องคิดไล่ไปตั้งแต่กูอยู่กับไอ้ดำได้ยังไงก่อนเหอะ แต่.. แต่ประเด็นน่ะไม่ใช่อะไร คือ..
ไอ้เชี่ยเบสหายหัวไปไหน !!
   “ไอ้เบสอยู่ไหนวะ”
   “หือ ?” ไอ้ดำที่กำลังติดกระดุมเตรียมตัวไปเรียนหันมาเลิกคิ้วเล็กน้อยราวกับสงสัย อือหือ.. แอบเห็นกล้ามมันแวบๆ  ด้วย ไอ้สัตว์ มึงเพิ่งม.6 เอาเวลาที่ไหนไปเพาะกล้ามวะเนี่ย
แต่ไม่ ๆ ผมต้องถามหาไอ้เบสก่อน
   “ไอ้ดำ ! ไอ้เบสมันหายไปไหนวะ !” ยืนขึ้นเลยกู ตาสว่างครับ แหกขี้ตามาแล้วไอ้เบสหาย เฮ้ย.. แล้วอย่าลืม เมื่อวานกูเจอมาผีแต่ยังมีอารมณ์สุนทรีย์ติวหนังสือด้วย “อย่า..อย่าบอกนะว่ากูจำเรื่องทั้งหมดได้คนเดียว !?”
   “หา ?”
   ผมมองคิ้วของไอ้ดำที่ขมวดมุ่ยเหมือนสงสัยกับสิ่งที่ตนเองพูดก่อนจะกลืนน้ำลายเอื๊อก.. ไม่จริงน่าไอ้กรด อย่าบอกนะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีผมรู้คนเดียวนะ..
อย่าบอกนะว่า.. ความจริงไอ้เบสเมื่อวานไม่ใช่ไอ้เบสแต่เป็นหมาผีน่ะ !?
ผัวะ !
   “เหี้ย !” ผมสบถดังลั่นเมื่อไอ้ดำเดินเข้ามาโบกหัวตัวเองแรง ๆ อูย คอแทบเคล็ดเลยครับ แม่งจะโบกทำอะไรวะ “ตบหัวกูหาพ่อง !”
   “อย่าเพ้อ” แม่งพูดเหมือนอ่านความคิดผมออกเลย เฮ้ย .. หรือแม่งอ่านออกจริงวะ “มองหน้ามึงก็รู้แล้วว่าคิดเรื่องปัญญาอ่อนอยู่”
   “ปัญญาอ่อนเหี้ยอะไร ! มึงรู้หรือไงว่ากูคิดห่าไรอยู่”
   “ถ้าเกี่ยวกับไอ้เบส มันกลับไปแล้ว” ได้ยินจบผมก็ถึงกับผงะเลยครับ.. อ้าว ไอ้เบสกลับไปแล้วอย่างงั้นเหรอ ? เดี๋ยวดิ แม่งกลับไปได้ไงวะ เกิดเหี้ยไรขึ้น “ตื่นตั้งแต่ตีห้าแล้วออกไปเลย”
   “เฮ้ย !!” ผมแหกปากลั่นพร้อมกับเบิกตากว้างพลางมองไปทางนาฬิกา เชี่ยล่ะ หกโมงครึ่งล่ะ.. ว่าแต่แค่มองหน้ากูก็รู้แล้วเหรอว่ากูคิดเหี้ยไรอยู่
เดี๋ยว ๆ ไม่ใช่ประเด็น !
   “แล้ว.. แล้วทำไมมึงไม่ปลุกกูวะไอ้ดำ !” ผมแหกปากลั่นพร้อมจ้องหน้ามันเขม็ง ยอมไม่ได้ ! แม่งนึกจะเก็บเบสไว้คนเดียวใช่ปะ ความจริงมึงแอบหลงรักเบสงั้นเหรอ ! “ไอ้เหี้ย !”
   ชายตรงหน้าเก็บหนังสือที่กองไว้ตรงพื้นเข้ากระเป๋าพลางหันมามองผมแวบหนึ่งครับ
   “กูปลุกมึงประมาณล้านรอบได้ ตัวเหี้ยไรวะหลับลึกฉิบหาย” อ้าว มึงปลุกกูด้วยเหรอทำไมไม่เห็นรู้สึกเลย ไม่ดิ เชี่ย กูไม่ใช่ไอ้นิวนะที่หลับลึกอ่ะ !
   “ห่า กูออกจะตื่นง่าย” น้องกรดขอเถียง !
   “ตื่นง่ายจริงแล้วทำไมถึงหลับเป็นตายเลยวะ” ผมอ้าปากค้างพะงาบ ๆ พลางมองอีกฝ่ายที่ไหวไหล่น้อย ๆ “มึงแม่งโง่ฉิบหายเลย”
   “ตกลงมึงจะด่ากูหรืออะไรกับกูกันแน่ เหี้ย อีกอย่างกูตื่นง่ายนะเว้ย !” แม่ง ไอ้ดำ กูล่ะอยากเข้าไปตบกะโหลกมันสักป้าบจริงๆ ผมหายใจฮึดฮัดแรงพร้อมหันกลับไปเริ่มคว้าเสื้อนักเรียนที่ร่วงอยู่ที่ไหนสักแห่งมาใส่บ้าง ไม่ขออาบน้ำวันนี้แล้วกัน
   เด็กโรงเรียนผมมักไปกินข้าวเช้ากันที่โรงอาหารอย่างเสมอ ๆ ซึ่งโรงเรียนก็เสือกให้เข้าแถวเคารพธงชาติตอนเจ็ดโมงสี่สิบห้าอีก กูไม่ขอเสียเวลาไปเข้าห้องน้ำก็แล้วกัน
   ผมเห็นไอ้ดำมันคว้ากระเป๋าขึ้นมาแบกเรียบร้อยก่อนจะหันมามองผมที่กำลังแต่งตัวอยู่ เล่นเอากูขมวดคิ้วเลย
   “มองทำไม ไม่เคยเห็นคนหล่อไง ?” หันไปยักคิ้วใส่เล็กน้อยพร้อมถอดเสื้อกล้ามที่ไว้ใช้นอนออกและหยิบเสื้อนักเรียนมาสะบัด ๆ เชี่ย.. ใส่ยับ ๆ แบบนี้ไปแล้วกัน
แต่คำตอบที่อีกฝ่ายให้มาเหมือนชวนผมทะเลาะจริง ๆ ..
   “เห็นมาหมดแล้ว แต่แค่มองอีก”
..
ไอ้.. ไอ้เศษธุลี๊ววว์ !!
   อ๊ากกก มึง มึงพูดอะไร พูดเหี้ยอะไรของมึงวะไอ้ดอกกก ! ผมนี่ดิถึงกับสะดุ้งโหยง.. เห็นมาหมดแล้วอย่างนั้นเรอะ ? นี่มึงอยากพูดให้มีความหมายกี่ความหมายกัน มันสื่อได้หลายประโยคนะสัตว์ อ๊ากกกก ไอ้.. ไอ้ดำ กูเกลียดมึง ฮือออ มึงพูดอะไรบัดซบอย่างนี้วะ !
   “ไอ้สัตว์ !!” ผมด่ามันไปคำหนึ่ง ไม่ได้การ มือกูก็เสือกสั่นไปด้วยอีก ฮือ ชีวิตน้องกรดรันทดจริงๆ ผมรีบสวมเสื้อทันทีพร้อมติดกระดุมมือสั่นเลยด้วยซ้ำ
   “ช่วงนี้ด่ากูแค่คำเดียว ลดโปรโมชั่นไง ? หมา” ดูมันเดะ ดูม๊าน ! ผมเบ้ปากครับก่อนจะติดกระดุมจนเสร็จแล้วคว้ากางเกงนักเรียนเข้าสวมต่อทันที
   “เปล่า พอดีแม่งเหี้ยเกินกูเลยลืมให้ของแถม ไอ้สว่าน” ไอ้ดำเลิกคิ้วกับคำด่าแบบใหม่อันนี้นิดหน่อย เออ กูก็เข้าใจนะว่าทำไมถึงเลิกคิ้วงง ๆ แบบนั้น แหงดิ ก็ด่าแบบบัดซบมาก ผมยังงงตัวเองเลยว่าจะสว่านทำไม ไอ้ดำแม่งจมูกแหลมเหมือนสว่านอย่างงั้นเรอะ
..
แล้วกูจะมานั่งเพ้อในใจเพื่อ ? อ๊ากก !
   “ไม่อาบน้ำก็รีบไปแปรงฟันซะ กูอยากไปแดกข้าวแล้ว” เสียงทุ้มต่ำของอีกฝ่ายดังเข้ามาในหูทำให้ร่างของผมชะงักไปเล็กน้อย นัยน์ตาตนเองตวัดมองชายตรงหน้าอย่างสงสัย มันยกมือขึ้นขยี้ผมเบา ๆ ราวกับเหนื่อยใจ “เร็ว”
   ผมกระพริบตาเบา ๆ สวมกางเกงก่อนจะรูดซิบขึ้นแล้วคิ้วก็ต้องขมวดเล็กน้อย
   “..มึง..” เสียงของตนเหมือนหยุดไปชั่วขณะ สมองไล่เรียงสิ่งที่ไอ้ดำพูด..
..อยู่ ๆ มันบอกให้ไปแปรงฟัน.. จะบอกทำไม..
..ถ้ามันไม่ได้รอผม ?
   “ไร ?” ไอ้ดำหันมามองพร้อมกับทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหยิบถุงเท้าขึ้นสวมราวกับหงุดหงิด ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก ความสงสัยในใจค่อย ๆ ก่อขึ้นมา
พลางเอ่ยประโยคถัดไป..
   “..รอกูไปกินข้าวเช้าพร้อมกับมึง.. เหรอวะ ?”
   คนถูกถามผงะไปเล็กน้อย .. ทุกอากัปกิริยาของมันอยู่ในสายตาผม ไอ้ดำพ่นลมหายใจเบา ๆ พร้อมตวัดสายตาหันมามอง..
..
ก่อนจะพูดประโยคถัดไป..
..ที่ทำให้การเต้นของหัวใจผมถึงกับสะดุด..
   “..เออ”
..
..แต่เดี๋ยว..
ยังไม่ทันเต้นแรงครั้งที่สอง ใจกูก็ดันหลุดไปซะล่ะ..

   “จะได้สอนภาษาอังกฤษไปด้วย ไม่ยุ่งยาก”
..
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !
   ผมกำลังถูกจ้องมอง
   สายตาเกินสิบคู่ที่จับจ้องมายังพวกผมเป็นเหตุทำให้ร่างกายของตนสั่นไม่หยุด ผมเพ่งสายตามองเม็ดข้าวผัดตรงหน้าที่เหมือนจะขยับได้เพราะมือของผมไม่นิ่งพอพลางกลืนน้ำลายเอื๊อก อ้าปากคิดจะงับช้อนที่มีเม็ดข้าวผัดอยู่..
หากแต่..
   “E – A – T eat ..แปลว่ากิน”
พรวดดดด !!
   กูพ่นเลย อ๊ากก !!
   ก็ไอ้ดำดิ มันมานั่งจ้องผมแดกข้าว พระเจ้า ! ดูที่มันพูดหน่อยดิดู๊ ดู ! ตอนแรกแม่งทำให้กูเสือกนึกว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน ที่ไหนได้ เสือกมานั่งจ้องกูแดกข้าวและพูดภาษาอังกฤษทุก ๆ การกระทำที่ผมทำทั้งหมด โอ๊ย.. แม่งต้องการอะไรกับชีวิตกูวะ !
   ผมตัดสินใจเมินไปครับ เห็นไอ้ดำแม่งตักผัดกะเพรายัดใส่ปากต่อด้วย ริมฝีปากของตนเองเม้มแน่นโดยพยายามไม่พูดด่าเหี้ยอะไรทั้งนั้นก่อนจะใช้ช้อนตัดไข่เจียวให้เป็นชิ้น ๆ แทน
..และแม่งมาอีกแล้ว..
   “C – U – T cut แปลว่าตัด”
ไอ้คาราเมลไหม้ !!
   อ๊ากกกกกกก มึงต้องการเหี้ยอะไรกับกูวะ !
   “หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้สัตว์ดำ !!” ผมแหกปากลั่นพร้อมกับยืนขึ้นพรวด ไม่สนใจสายตาที่ใคร ๆ เขาหันมามองอีกต่อไปแล้วครับ ฮือ ไอ้ดำ ทำไมมึงถึงได้ทำตัวเหี้ยอย่างนี้วะ มันเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคว้าเป๊ปซี่กระป๋องขึ้นมาซดหนึ่งอึกอย่างเยือกเย็น
และพูดประโยคถัดไป..
   “S – T – O – P stop แปลว่าหยุด”
กูจะด่ามึงยังไงให้หลาบจำ !!!
   โฮกกกก ไอ้เหี้ยนี่มันกวนตีนแบบจงใจอ่ะ ดูดิ แม่งมองมาทางผมแบบเหยียด ๆ ด้วย ! ไอ้ดำ.. ไอ้เชี่ยด๊ามมมม หยุดพูดได้ไหมวะไอ้สลัดผัก !
   “หุบปาก— หุบปากเดี๋ยวนี้ ! กูเอาตีนฟาดหน้ามึงแล้วหุบปากเลยเข้าใจปะ !” ผมพูดครับ เอามือชี้ไปทางเท้าตนเองอย่างหงุดหงิด
   “S – H – U – T – U – P Shut up” ไอ้ดำพูดเรียบ ๆ พลางโยนกระป๋องเป๊ปซี่ลงในถังขยะข้าง ๆ พร้อมยืนขึ้นถาม “แปลว่าหุบปาก”
มึงหลอกด่ากูอยู่ใช่ปะ !
   “ไอ้.. ไอ้เหี้ย ! กูบอกให้หยุดอย่างไงเล่า !” ผมแหกปากลั่นพร้อมกับคว้าจานข้าวผัดของตนขึ้นมาทันที ฮือ กูไม่แดกล่ะ ไม่ไหว ๆ เจอเรื่องแบบนี้แล้วอารมณ์บ่จอย แดกข้าวไม่ลงเลย
   ไอ้ดำเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางคว้าจานข้าวของมันบ้างแล้วเดินตามกูอีก แถมยังได้ยินเสียงแว่ว ๆ ถัดมา
   “W – A – L – K  walk แปลว่าเดิน”
   “ไอ้ดำ หยุด !”
   “B – L – A – C – K  black แปลว่าดำ”
   “มึง กูบอกให้หยุดพูด”
   “S – P – E – A – K  speak แปลว่าพูด”
   “ไอ้ดำ !!!!!”
   อ๊ากกก อยู่ ๆ ทำไมมันกลายร่างเป็นเหี้ยกวนตีนได้ขนาดนี้วะ บอกกูที ฮือ ไม่ไหวล่ะ ผมจึงหันขวับไปแล้วตะคอกชื่อ (ฉายา) ของมันดังลั่นโรงอาหารทันที เหมือนว่าไอ้ดำจะผงะไปนิด ๆ ก่อนจะหันหน้ามามองผมพร้อมกับเลิกคิ้วเล็กน้อย
   “What ?” มึงยังจะเสือกพ่นภาษาต่างด้าวมาให้กูอีกนะ ผมกัดฟันกรอด โยนจานอาหารลงไปในถังสีดำใกล้ ๆ อย่างเสียอารมณ์
   “หยุดพูดภาษาอังกฤษใส่กูได้แล้ว !” ผมแหกปากลั่น ดูดิ พอกูไม่อยากจะหาเรื่องต่อย ทำไมไอ้ดำมันถึงหาเรื่องกวนวะ เชี่ยยย กูอุตส่าห์อยู่ดี ๆ ของกูแล้วนะไอ้เหี้ย ! “ไอ้สัตว์ เงียบไปเลย หุบปากก !”
   “Why ?” อะไร มึงพูดอะไรนะวาย ๆ กูฟังไม่ทัน แล้วแม่งแปลว่าเหี้ยไรวะ อ๊ากกก กูเกลียดภาษาต่างด้าว ! ผมกัดฟันกรอดพร้อมสะบัดหน้าไปอีกทางด้วยความหงุดหงิด เห็นหน้ามันกวนตีนแบบนั้นแล้วอยากจะเข้าไปตบหัวสักรอบจริงๆ ให้ตายเหอะ ! หยุดพ่นอิงลิชใส่กูได้แล้วว !
   “ไอ้เหี้ยยยยย กูจะไม่พูดกับมึงอีกแล้วไอ้ดำ !” ไม่รู้ว่าเสียงตัวเองดังลั่นขนาดไหน แต่ก็พอที่จะทำให้คนเกือบทั้งโรงอาหารเริ่มหันมามองกันเยอะกว่าเดิมแล้ว ใช่ เพราะช่วงนี้ผมกับไอ้ดำตัวติดกันบ่อยครับ คนเลยสงสัยว่าไอ้ที่กัดๆ กันแล้วรักกันนี่จะเป็นจริงหรือเปล่า
กูขอฟันธงเลยว่าไม่จริง ถ้ามันรัก (?) กูแล้วจะกวนตีนกูเพื่อแสดงความจริงใจเรอะ !
   ไอ้ดำเบิกตากว้างกับประโยคนั้นน้อย ๆ ก่อนที่มันจะไหวไหล่เบา ๆ ผมเห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองเบา ๆ ในขณะที่ผมจ้องหน้ามันเขม็ง
และได้ยินเสียงประโยคถัดไปที่ทำให้ผมขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมเป็นปม..
   “Don’t –” มันพูดเพียงเท่านี้ก่อนจะผลุบสายตาลงพื้นเล็กน้อย
..อะไรวะ ..แม่งไม่สมกับเป็นไอ้ดำเลย..
   “…Don’t make me die.”
หะ....
   “ฮิ้ววววววววววววววววว ! คู่รักคู่กัดรีเทิร์นนนน !!”
เฮ้ย !?
   เสียงร้องโห่ขึ้นมาทำให้พวกผมเหมือนกับได้สติทันที ส.. เสียงนี้ ไอ้ไทเกอร์กับไอ้ไลออนนี่หว่า ! ผมเห็นพวกมันถลาเข้ามาตรงหน้าพร้อม ๆ กันแล้วเข้ากอดแน่นเลยครับ
   “ย.. อย่ากวนตีนไลอ์อย่างนี้นะไทก์ ! หยุดพูดภาษาอังกฤษเลยนะ !” กูขอเดา.. มันเลียนแบบท่าทางผมกับไอ้ดำอยู่นี่หว่า ผมเห็นไอ้ไลออนสะบัดตูดออกแล้วเดินหนี ส่วนเชี่ยไทเกอร์แม่งก็เสือกเดินตามจ๋อย ๆ ครับ
   “I cannot” เดี๋ยว ประโยคนี้กูจำได้ can นี่มันแปลว่ากระป๋องใช่ปะ .. I แปลว่าฉัน ฉันกับกระป๋อง และ not แปลว่าไม่
แปลได้ดังนี้
ฉันกระป๋องไม่..
มึงพูดอะไรกันครับ..
   “ไลอ์บอกให้หุบปากยังล่ะ ! ไลอ์ไม่เก่งอังกฤษอ่ะ เงียบไปเลยนะ ! เงี๊ยบบ เงียบไปนะ !” ผมสาบานว่าผมไม่ได้ทำท่าทุเรศ ๆ แบบนี้นะ..
   “จะให้ไทก์หยุดได้อย่างไงล่ะไลอ์ ! จะให้ไทก์หยุดได้ไง.. !” อ้าว มึงไม่กระแดะพูดอังกฤษแบบไอ้ดำแล้วเหรอ ผมเห็นไอ้ไทเกอร์เอามือแตะหัวใจครับ พลางคว้าหมับเข้าไปที่ข้อมือของไลออน อื้อหือ ได้ข่าวมึงมีแฟนแล้วนะสลัด “..I ..I can’t stop loving you.”
ไอ้ดอกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กูไม่รู้ว่าแม่งพูดเหี้ยอะไร แต่กูรู้แค่ว่า love แม่งแปลว่ารัก ไอ้เหี้ยยยยยยยย
   “อ๊าย !! ไทก์ขา ไทก์ ! ไลอ์ก็ระ....”
   “หุบปากของพวกมึงไปให้โม้ดดดด !” ผมแหกปากลั่นพร้อมกันหันขวับมองไอ้แฝดนรกเทียมที่กำลังจะกระโดดเข้ากอดจู๋จี๋กันอีกรอบทันที ไอ้เหี้ยเอ๊ย พวกมึงเลียนแบบดัดแปลงได้ทุเรศมากกกก ดัดจริตตต ไอ้.. ไอ้พวกเวรร !
   “อุ๊ย !” ดูเสียงไอ้ไทเกอร์ดิ แม่ง ดูเสียงมันดิ อย่ามาทำเป็นแรดสามนอนะสัตว์
   “อ๊าย !” มึงไม่ต่างกันเลยครับไลออน !!
   ผมหายใจฮึดฮัดก่อนจะชี้หน้าพวกมันสองตัว
   “ไอ้เชี่ยไลออน ! ชื่อมึงแปลว่าเสือก็หัดทำเหี้ยอะไรให้มันดีๆ บ้างดิวะ มึงก็ด้วย ไอ้เชี่ยไทเกอร์ ! ชื่อมึงแปลว่าสิงโตแล้วทำไมถึงไม่มีอะไรน่าเกรงขามบ้างเลยวะ !”
เท่านั้นแหละ..
เท่านั้นแหละ.. แม่งสตั๊นต์กันทั้งสองตัวเลย..
   ผมเห็นไอ้ไทเกอร์กับไอ้ไลออนกอดกันแน่นแล้วหันมาจ้องด้วยสายตาตะลึงเลยครับ.. หึ เป็นไงล่ะ พวกมึงรับรู้ถึงความน่าเกรงขามของน้องกรดได้แล้วใช่ปะเลยมาจ้องด้วยสายตาแบบนี้น่ะ !
และแล้วผมก็ทราบทันทีว่าทำไมพวกมันทั้งสองตัวถึงได้สตั๊นต์กันชัดๆ แบบนี้..
..
เพราะประโยคถัดไปของไอ้ดำ..ที่ดังเข้ามา..
   “L – I – O - N lion ไลออน แปลว่า สิงโต”
   “......”
   “T – I – G – E - R tiger ไทเกอร์ แปลว่า เสือ”
....ผมเงียบ..
ทวนประโยคที่กูพูดอีกที..
ไอ้เชี่ยไลออน ! ชื่อมึงแปลว่าเสือก็หัดทำเหี้ยอะไรให้มันดีๆ บ้างดิวะ มึงก็ด้วย ไอ้เชี่ยไทเกอร์ ! ชื่อมึงแปลว่าสิงโตแล้วทำไมถึงไม่มีอะไรน่าเกรงขามบ้างเลยวะ !

เงิบแดก ขนาดไทเกอร์กับไลออนแม่งยังพากันสะพรึงไปด้วยก่อนที่มันจะขำก๊ากออกมาทันที
   “ก๊ากกกกกกกกกก สงสัยไทก์ต้องเป็นพี่เสือซะแล้ว เดี๋ยวไลอ์จะเป็นน้องสิงโตให้เองนะจ๊ะ ๆ”
   “โอ๊ยยย ไอ้เหี้ยยยย กูฮา ! สัตว์น้ำกรด ชื่อพวกกูมันคำศัพท์เด็กอนุบาลเลยนะเหี้ยยย !”
   ผมถึงกับหน้าซีด.. พอมาคิดดูดีๆ พวกมันก็เรียกกัน ‘พี่เสือน้องสิงโต’ ตลอดเลยนี่หว่า มีแต่ในใจกูนี่แหละที่คิดว่าไลออนคือเสือ ไทเกอร์คือสิงโตมาตลอด..
..
กะหล่ำปลีสับทอด..
   ..เป็นคำด่าในใจน่ะครับ.. ช่วงนี้ด่าหยาบมากไม่ได้ เพราะน้องกรดวางแผนในอนาคตว่าจะถือศีลห้าเผื่อชาติหน้าจะได้ไปเกิดมาเป็นคนฉลาด ๆ บ้าง
   ประโยคเมื่อกี้ก็ดังพอที่จะทำให้คนทั้งโรงอาหารหันมามองแล้วนั่งกลั้นขำด้วยเลยก็ได้.. ผมหันไปอีกทางเพื่อหลีกหนีความจริง แต่ตาดันเสือกไปสบกับไอ้ดำที่มองมานิ่ง ๆ ซะได้..
..และประโยคเดียว.. ที่ทำกูบรรลุ..
..
   “B – U – F – F – A – L – O buffalo แปลว่า ควาย”
..
อืม..
กูยอม
..

   “กูว่าระดับน้ำกรดนี่ข้อสอบอังกฤษของมัธยมต้นไม่น่าไหวว่ะ”
   “...”
   “ประถมปลายก็ไม่น่าได้.. มึงลองประถมต้นยังวะ ?”
   “กูลองหาโหลดในเน็ตไม่เจอเลยว่ะ”
   “ของอะไร ?”
   “เด็กป.1”
   ..นี่คือบทสนทนาโดยเกริ่น ๆ ของไอ้ดำ ไทเกอร์ และไลออนที่กำลังสุมหัวประชุมกันอยู่ครับ.. เหมือนพวกมันจะมีเส้นจากอาจารย์มาว่าไอ้ดำได้รับหน้าที่ให้สอนภาษาอังกฤษให้ผมผู้เสือกมีความสามารถเป็นศูนย์ ไอ้ดำจึงนั่งปรึกษาหารือกับเชี่ยเสือสิงโตอยู่..
..กูควรจะดีใจไหมที่พวกมันทำเพื่อกู..
   แต่พอคิดดูดี ๆ มันก็ทำเพื่อไวท์ น้องชายมันนี่หว่า.. เออว่ะ แล้วกูจะมาคิดอะไรให้มากมายวะ
   “เฮ้อ.. กูไม่เคยนึกเลยนะว่ามึงจะโง่ขนาดนี้” ไอ้ไทเกอร์พูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาเคาะหัวผมก๊อก ๆ ครับ อืม.. กูก็ไม่คิดว่ากูจะโง่ขนาดนี้เหมือนกันนะ..
   “นั่นสิ มึงจบม.ต้นมาได้ไงวะ ?”
   “..กูก็ไม่รู้เหมือนกัน.. ลอกไอ้นิวตลอดว่ะ..” ผมพึมพำตอบกลับอย่างจนใจครับพร้อมพ่นลมหายใจดังเฮือก กูควรจะซึ้งใช่ไหมที่พวกมึงสนใจการศึกษาของกู ไอ้ดำมันหันมามองผมแวบหนึ่งพลางส่ายหัว
   “ยังไงกูก็ต้องทำให้มันผ่านอังกฤษ ไม่งั้น‘จารย์ไม้ฆ่ากูตาย” แม่ง.. เป็นโรคกลัวไม้ใช่ปะ แปลว่าไม่ใช่ปลวก .. เดี๋ยว มุขนี้ไม่ผ่าน แต่มันเหมือนกูเลย ถึงพักหลัง ๆ ‘จารย์แกเขาจะไม่ตีแล้วก็เหอะแต่ก็ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี ผมไม่ค่อยชอบวิธีหรือมาตรการเหนือความคิดเหนือการขาดหมายของอาจารย์ไม้อย่างสุดซึ้ง
   “..มึงไม่สอนกูล่ะ ?” ผมหันไปถามไอ้ดำที่กำลังยืนลูบคางอยู่ครับ มันเลิกคิ้วเล็กน้อยพร้อมตอบคำถามผมกลับจริง ๆ
   “ก็คิดอยู่ แต่กูไม่รู้จะเริ่มยังไงดี” ไอ้ดำหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมพูดหน้าตาย “กูรู้สึกว่า.. มึงไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ จะให้สอนตั้งแต่แรกก็ไม่ไหว”
   “ถ้าหาพวกหนังสือไรงี้มันน่าจะง่ายขึ้นใช่ปะ ?” ไลออนพูดออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไทก์ คิดไรออกบ้างปะ ?”
   “อืมม.. ยังเลย ไลอ์อ่ะ ?”
   “รอแป๊บนะ” ฮือ.. ในเวลาแบบนี้ไอ้คู่แฝดสองตัวนี่ก็ดูเหมือนจะช่วยชีวิตผมและไอ้ดำได้จริง ๆ บอกแล้วว่าพอถึงยามคับขันมันก็เป็นอะไรที่ช่วยได้อยู่เหมือนกัน ไลออนเอนหัวไปมาเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกทันที “เฮ้ย ไลอ์คิดออกแล้ว !”
   “คิดได้ว่าอะไรเหรอไลอ์ ?”
   “อืมม.. คือว่านะ..”
..ทำไมมันดูมุ้งมิ้งแปลกๆ วะ..
   ผมคิ้วกระตุกจึ๊ก ๆ แม่งแทนตัวเองว่าไลอ์กับไทก์ตอนพูดกันด้วยนี่หว่า เหมือนไอ้ไทเกอร์จะรู้ครับ หันมาพูดดักเอาไว้ก่อนเลย
   “เวลาพวกกูแทนตัวเองอย่างนี้แล้วจะแก้ปัญหาได้น่ะ”
..มันเกี่ยวกันไหมวะ แต่ก็เอาเหอะ
   “แล้วมึงคิดได้ว่า ?” เสียงทุ้มของไอ้ดำดังขึ้นต่อเนื่อง ไลออนฉีกยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วล้วงบัตรบางอย่างให้ผมดู แต่ไม่ทันที่จะได้รับมันไอ้ไทเกอร์ก็ถึงกับเบิกตากว้าง
   “เฮ้ย ! ไอ้เหี้ยสิงโต ! มึงเอาจริงอ่ะ !?” ไทเกอร์แหกปากลั่นแล้วมองไลออนด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ ซึ่งก็ตกอยู่ในความงุนงงของผม มันยักไหล่เล็กน้อย
   “ตกลงกูจะเหี้ยหรือสิงโต.. เอาจริงดิ.. กูติดหนี้บางอย่างกับไอ้กรดอยู่” ผมนิ่งไปเมื่อเห็นสายตาของไลออนตวัดมองมาทางตนเอง มันคลี่ยิ้มบางเล็กน้อย “ใช่ไหมกรด ?”
..หา เรื่องไรวะ ?
   “มึงไปยืมเงินไอ้กรดเหรอวะเชี่ยไลอ์ ?” คู่แฝดนรกของมันถามขึ้นทันทีขณะที่ไอ้ไลอ์ยักไหล่น้อย ๆ
   “โอเค ไอ้นัย ไอ้กรด ฟังกูนะ” ฮะ..เฮ้ย ! ไอ้เชี่ยสิงโต (ตอนนี้ผมพูดถูกแล้วนะ..) เมินไทเกอร์ครับ พระเจ้า ! นี่มันเรื่องโลกแตกเลยนะเนี่ย ! “กูกับไอ้ไทก์น่ะมีสิทธิ์ออกใบให้เด็กโรงเรียนเราออกไปข้างนอกได้”
   “มีเรื่องพรรค์นี้ด้วยเหรอวะ” ได้ยินเสียงไอ้ดำพึมพำเบา ๆ ในขณะที่ผมอ้าปากค้างแล้วพูดต่อ
   “การเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนมันดีขนาดนี้เลยเหรอวะ !”
   ไทเกอร์แม่งหน้าเหวอไปแล้วตอนที่ไอ้ไลออนพูด ผมเห็นรอยยิ้มกว้างของคนหน้าหวานปรากฏอยู่ซะงั้น
   “ใช่.. กูจะเขียนใบให้มึงกับไอ้นัยออกจากโรงเรียนได้เย็นนี้ แต่ต้องกลับก่อนหกโมงเย็นล่ะ” ว่าแล้วไอ้ท่านไลออนก็หัวเราะออกมาเบาๆ ครับ “มารับใบหลังเลิกเรียนได้เลย เดี๋ยวกูทำใบอนุญาตกับบัตรผ่านให้”
   “เจ๋ง” ไอ้ดำพยักหน้าต่อ เออ แต่เจ๋งจริงไรจริงนะเว้ย คือผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยอ่ะ.. แบบ อยู่ในโรงเรียนนี้นี่ก็ปีที่สามแต่เพิ่งรู้เรื่องนี้ โอ๊ะ แต่ก็ดีกว่าไม่รู้เลยแล้วกัน
   “พวกมึงจะไปไหนกันล่ะ ?”
   “ร้านหนังสือ ซื้ออังกฤษเด็กประถมเสร็จแล้วก็กลับ” คนผิวแทนข้างๆ ผมตอบขณะที่ผมพยักหน้า เออดีมากมึง ตอบแทนกูให้หมดนะ..
เฮ้ย เดี๋ยว.. !
   “หะ .. ไปซื้อหนังสือ !?” เดี๋ยว ๆๆ เฮ้ยจริงด้วย ! จะไปซื้อหนังสือกันนี่หว่า “กูกับมึงอ่ะนะ ?”
   “เออ เหตุผลนี้พอออกจากโรงเรียนได้ไหม ?” ไอ้ดำหันมาตอบผมแวบหนึ่งแล้วคุยกับไลออนต่อครับ แม่ง เจ้าไลอ์เสือกยิ้มตาหยีเชียว
   “เดี๋ยวกูจัดการให้ หลังเลิกเรียน.. อย่าลืมล่ะ”
เฮ้ยยย เดี๋ยววว !!
   งี้.. งี้ก็หมายความว่าพวกมันจะพาผมไปซื้อหนังสือเรียนเพื่อตัวเองอ่ะดิ แถมวิชาภาษาอังกฤษด้วย เฮ้ย ? ไม่จริงนะเว้ยย กูไม่อ๊าวว !! กูไม่ไปแล้วอ่ะกูไม่ไป ซื้อหนังสือเรียนให้ตัวเองใครจะอยากไปวะบ้าหรือเปล๊า !!
   ผมเห็นไอ้ดำเหลือบมามองแวบหนึ่งครับ ก่อนจะได้ยินเสียง ‘หึ’ ที่ผมเกลียดดังขึ้นมากระทบกับประสาทหู ..
พร้อมประโยคถัดไปที่ทำให้กูเห็นนรกอยู่กราย ๆ ..
   “..เตรียมฟิตติวอังกฤษเก่งภายในวันเดียวได้เลย.. ไอ้หมา..”
..
กูว่า.. วิธีติวของมันแม่งต้องไม่เหมือนใครแน่ ๆ เลยว่ะ..
..
   ผมแทบกุมขมับ.. ทำไมชีวิตกูแม่งเป็นอย่างนี้วะ เพราะท่าทางคราวนี้ไอ้ดำจะไม่ปล่อยไปง่าย ๆ เนื่องจากมีคุณญาติน้องไวท์ (ที่โคตรน่ารัก) เป็นตัวประกันซะด้วย.. อารมณ์ตอนนี้เหมือนอาจารย์ไม้คือโจรร้ายโดยเอาปืนจ่อขมับหนูไวท์ที่ถูกปิดตาอยู่เพราะไม่รู้เรื่อง คอยบงการไอ้ดำ ไอ้ไทเกอร์และไลออนเป็นตัวแถมคอยฮีลเวลาไอ้ดำบาดเจ็บ..
..ส่วนกู ..
..
เป็นตัวประกอบที่ซวยฉิบหายและถูกไอ้ดำสั่งการอีกรอบก็แล้วกัน..

หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:29:58
Special’s part


   “มึงทำอย่างงี้ได้ไงวะ ไอ้ไลอ์ ?”
   เสียงทุ้มต่ำของคนที่ได้รับฉายาคู่แฝดนรกเหมือนผมดังขึ้นทำให้ร่างตนเองชะงักจากการบ้านของตน ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยราวกับใช้ความคิดว่าเรื่องอะไรก่อนจะร้องอ๋อขึ้นมาทันที
   “มึงหมายถึงเรื่องที่กูออกใบออกนอกโรงเรียนให้ไอ้กรดกับไอ้นัยน่ะนะ ?” เท่านั้นไอ้ไทก์ก็พยักหน้าหงึกจริงจังเลยครับ การออกใบแบบนั้นมันไม่ใช่ง่าย ๆ นี่นา ก็สมควรอยู่ที่มันจะสงสัย
   “ไลอ์ออกใบให้น้ำกรดกับดนัยเหรอ ?” ซานเดินดุ๊กดิ๊กเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับไทเกอร์ก่อนจะเอ่ยถามเสียงใส ฮือ.. หน้าตาน่ารักจัง อยากจะเข้าไปจับฟัดสักรอบ.. เอ๊ย ไม่ได้ ๆ ไอ้ไลออน ใจเย็นเอาไว้ดิวะ..
   “นั่นแหละ กูไม่ว่าหรอกนะถ้ามึงจะออกแต่น่าจะปรึกษากูก่อนที่จะรับปาก !” อ้าว.. อย่าเพิ่งทำเหมือนโกรธกูดิ ผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ แล้วพูดเสียงทะเล้นใส่
   “พี่ไทก์ น้องไลอ์ก็แค่...”
แต่เหมือนไม่ได้ผล..
   ไทเกอร์จ้องผมด้วยสายตาจริงจังจนทำให้ความขี้เล่นหายวับไปกับอากาศ
   “เรื่องงาน กูไม่เล่น”
..งะ.. กูทำมึงโกรธอีกแล้วเหรอ..
   “หวา.. ใจเย็น ๆ ดิ..” ได้ยินเสียงซานร้องห้ามอีกรอบครับ มาเป็นคนห้ามทัพเสมอจริง ๆ ไอ้ไทเกอร์จ้องผมเขม็งเลยก็เล่นเอาอยากจะขำก๊าก.. โธ่
   เห็นมันเป็นพวกขี้เล่นกับผมแบบนั้นแต่พอถึงงานมันก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย
   “กูบอกแล้วไงว่ากูติดหนี้ไอ้กรดอยู่” ผมว่า ปิดสมุดบนโต๊ะลงพร้อมกับเผยรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา
   “หนี้เหี้ยไรวะ ? เดี๋ยวนี้มึงมีอะไรไม่บอกกูเหรอ !”
   ไม่แปลกที่มันจะถามแบบนี้.. ผมกับไอ้ไทเกอร์รู้จักกันมาตั้งแต่เกิด พ่อแม่ของพวกเรารู้จักกันและนัดหมายตั้งชื่อคู่กันอีก เราอยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เกิดยันโตถึงปัจจุบันแบบนี้ ดังนั้นการที่มันดูหงุดหงิดก็ไม่แปลกครับ โธ่..
แต่ว่าเรื่องนี้น่ะ.. มันไม่ผิดหรอก..
   “บอกไปมึงก็ไม่เข้าใจหรอก ไอ้เหี้ยไทก์ !” ผมหัวเราะร่าก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปประคองแก้มอีกฝ่ายแล้วยื่นจมูกไปชนด้วยเบา ๆ แบบปกติที่ทำกันบ่อย ๆ พอทำแบบนี้เวลาโกรธไอ้ไทเกอร์จะเริ่มอารมณ์เย็นขึ้นมานิดหน่อยเลยด้วย
   “หว.. หวา !” น้องตัวประกอบซานของเราก็ดันหน้าแดงกับการกระทำของพวกผมเลยครับ โธ่.. พี่สิงโตขอโทษนะจ๊ะ คือแบบว่าพวกพี่สนิทกันอ่ะน้องเอ๋ย ทำแบบนี้บ้างอะไรบ้างไม่แปล๊กไม่แปลกหรอก
   “มึงไม่ลองบอกแล้วกูจะเข้าใจเหรอวะไลอ์..” ดูประโยคที่มันตอบกลับดิ เดาไว้ไม่มีผิดเพี้ยนเล๊ย ผมหัวเราะร่าออกมาพร้อมกับเอาจมูกชนกันอีกรอบเบา ๆ ไอ้เชี่ยไทก์ก็ไม่ขัดขืนและยืนนิ่ง ๆ ไปครับ
   แม้ว่ามันจะมีแฟนแล้ว.. แต่นิสัยมันก็ไม่เคยเปลี่ยน
ยังสวีตหวานแหววในโรงเรียนกับผมให้คนภายนอกเห็นเหมือนเดิม
แต่ว่า.. สิ่งที่เปลี่ยนคือเวลาของพวกเรา
   หากเวลาของไทก์มีร้อยเปอร์เซ็นต์ การเรียนและงานคือหกสิบห้า และที่เหลือสามสิบห้าก็คือผม..
แต่นั่นเป็นแค่อดีต เพราะตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
   ปัจจุบัน หากเวลาของไทก์มีร้อยเปอร์เซ็นต์ การเรียนและงานคือหกสิบห้า คนรักอีกสามสิบและอีกห้าเปอร์เซ็นต์คือผม..
   มันจัดการลดชีวิตที่อยู่กับผมของมันเพื่อเพิ่มให้แฟน ผมที่อยู่เคียงข้างมันมาตลอดเหลือแด่ว ๆ อยู่แค่ห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ทำไมผมถึงรู้ ?
เพราะว่าผมสังเกตมันมาตลอดอย่างไงล่ะ
   “ไอ้กรดน่ะ.. สอนอะไรบางอย่างกับกู” รอยยิ้มบางๆ ของผมปรากฏก่อนจะเห็นว่าไทเกอร์ผละออกจากตนเองพลางแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความเล่นอีกแล้ว ..น่าจะเป็นแฟนมันนั่นแหละ
ทั้ง ๆ ที่เราเกือบจะทะเลาะกันอยู่ แต่พอแฟนมันมา.. ก็เป็นแบบนี้เสมอเลย “มันสอนให้กูรู้ถึงบางอย่างน่ะ ไทก์”
..ผม..อึดอัด
   “สอนไรวะ ?” ดูเหมือนจะอยากรู้อยากเห็นแต่ตาของมันก็ยังคงไม่ผละออกจากจอโทรศัพท์ ผมรับรู้ว่าซานยกมือลูบไหล่ผมเบาๆ เหมือนเป็นการปลอบประโลม
ทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวจริง ๆ ของผมรู้.. ว่าไอ้ไทก์มันเปลี่ยนไปในเรื่องของเวลาในชีวิต
ถ้ามีแฟนเมื่อไหร่.. ผมก็แค่หายไปก็เท่านั้น
..แล้วก็คนเราน่ะต้องมีบางครั้งอยู่คนเดียวได้ ไม่ตายหรอกสัตว์..
   คำพูดของน้ำกรดสะท้อนเข้ามาในหัวผมอีกครั้งทำให้เผลอยิ้มอีกครั้ง.. ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้กรด ผมคงจะหงุดหงิดเรื่องที่ไทเกอร์มันลดความสำคัญของตัวเองลงแน่ ๆ..
   “สอนว่า..” ผมลากเสียง เดินเข้าไปกอดคอซานพร้อมหันไปยักคิ้วให้มันเล็กน้อย “ควรจะแยกแยะอะไรให้เป็นยังไงล่ะ”
   “ไอ้กรดทำเรื่องแบบนั้นเป็นด้วยเหรอวะ ?” แม่ง.. ดูดิ พูดเหมือนไม่น่าเชื่อ ผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าไอ้กรดจะสอนเรื่องนั้นให้กับผม.. มันสอนตอนที่ตัวผมหงุดหงิดแล้วลงกับไอ้ดำ..
ใช่ แต่มันไม่ได้สอนแค่อย่างเดียวนะ
   “เออ กูก็ไม่อยากเชื่อ.. วันนี้มึงจะคุยกับแฟนเวลาเดิมปะ ?”
   “คงงั้น พี่เสือขอโทษน้องสิงโตมากเลยนะ อย่าโกรธพี่นะ ปิ๊ง ๆ !” ดูมันดิ น้ำเสียงตอแหลฉิบหาย ตาก็เสือกแบ๊ว ๆ ด้วย ผมหัวเราะร่าพลางส่ายหัวไปมาเชิงไม่ถือสา
   “มึงไปเหอะน่า”
   “งอนกูเปล่าหนิ ?” เอ้า .. ยังมีหน้ามาถาม
   “งอนเพื่อไรวะ บ้าปะ” ผมกอดคอซานให้แน่นมากกว่าเดิมก่อนจะส่งยิ้มกว้างอย่างเคยกับไทเกอร์ “ยังไงกูก็สำคัญกับมึงอยู่แล้ว ใช่ไหมล่ะไอ้เสือ”
   มันนิ่งไปกับคำพูดผมพักใหญ่พลางยิ้มออกมา
   “เออ.. ยังไงมึงก็สำคัญอยู่แล้ว อย่าเผลอเอาใครมาแทนที่กูนะ” คนตรงหน้าผมเว้นช่วงไปนิดหน่อย “เพราะมึงก็สำคัญสำหรับกูเหมือนกัน”
ใช่
พวกเราสำคัญสำหรับกันและกัน.. เพียงแค่บางเรื่องมันต้องแยกแยะให้ออกเท่านั้น ไม่มีใครจะให้เวลาได้เหมือน ๆ เดิมเต็มเปี่ยมตลอดไปหรอก
นี่คืออีกอย่างหนึ่งที่ผมเรียนรู้ตอนไทเกอร์มีแฟน
   ผมหัวเราะร่า โบกมือลามันก่อนจะกอดคอเดินออกไปกับซานที่บีบมือผมราวกับให้กำลังใจอยู่ มันรู้.. ว่าการถูกลดความสำคัญเจ็บปวดขนาดไหน
อ่านะ.. ยังไงผมก็ต้องขอบคุณน้ำกรด..
   ผมผลุบใบหน้าลงเล็กน้อย.. เหลือบมองไอ้ไทเกอร์ที่จดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ด้วยหางตาเป็นครั้งสุดท้ายพลางยิ้มออกมาแล้วหันหลังกลับเดินออกไป

   พวกเราเคยอยู่ด้วยกันมาตลอด
   เกิดด้วยกัน คุยด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน ทะเลาะกัน คืนดีกัน
   กินข้าวด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน นั่งโต๊ะด้วยกัน เล่นบ้า ๆ บอ ๆ ด้วยกัน
   ต่างคนต่างให้ความสำคัญกัน..
   แต่ไม่ว่ายังไงเราทั้งสองก็ยังคงมีโลกส่วนตัวของกันและกันอยู่.. ยังมีอนาคตที่อาจจะจากกันก็เป็นไปได้ และตอนนี้มันก็คงมาถึงแล้วล่ะมั้ง..
   ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้เมื่อไหร่.. แต่ยังไงมันก็มาถึงแล้ว
ดังนั้น..
..
ขอบคุณน้ำกรด
ที่สอนให้กู.. อยู่คนเดียวเป็น..
..เพราะว่าการอยู่คนเดียว มันไม่ตายยังไงล่ะ..










หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:31:21
C h a p t e r 35
คนเกลียดกัน มักจะไปด้วยกัน


   ตะ..
ตื่นเต้น.. จุงเบย..
   ผมยืนมองบัตรออกนอกโรงเรียนในมือไอ้ดำด้วยสายตาเปล่งประกาย สถิตอยู่ที่นี่มาตั้ง 3 ปีไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าถ้าคนในสภานักเรียนออกบัตรให้แล้วจะสามารถออกจากนอกโรงเรียนได้ ! พระเจ้าช่วยน้ำกรดทอดกล้วย !! ของแบบนี้มันมีได้ไงวะ แม่งเจ๋งสุดยอดไปเลย !
   หลังจากเลิกเรียนวันนี้ไอ้ไลออนก็ให้บัตรกับไอ้ดำครับ และตอนนี้ไอ้ดำแม่งก็กำลังยืนอวดบัตรกับผมอยู่นี่ไง
   “มะ.. มึง” เสียงของตนตะกุกตะกัก จ้องบัตรตาไม่กระพริบ “ขะ.. ขอเลียบัตรหน่อยได้ปะ.. สักนิด..”   
   “โสโครก”
ฉึก !
แทงใจกูมาเต็ม ๆ เลยคำนี้ แต่ก็ไม่เถียงหรอกนะครับ ฮือ.. คือผมสะพรึงนี่หว่าที่อยู่ ๆ ก็สามารถออกนอกโรงเรียนได้อย่างนี้น่ะ !
   “กูไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าออกนอกโรงเรียนได้ด้วย..” ผมพูด ยอมตัดใจกับการขอเลียบัตรผ่านอย่างรวดเร็วพลางหันกลับไปมองป้อมยามที่อยู่ตรงหน้า เห็นว่าต้องไปคุยกับยามที่เขาเฝ้าประตูโรงเรียนด้วยนี่หว่า โชคดีที่เมื่อวันก่อนตอนไอ้เชี่ยเบส ยามมันไม่อยู่เฝ้า.. ก๊ากกก เสร็จกูล่ะ
แต่ตอนนี้..
   ผมกระตุกยิ้ม เชิดหน้าสิครับ เชิดเลย ถึงจะเดินอยู่กับคนตัวดำแบบไอ้เหี้ยข้าง ๆ แต่กูจะขอเกิดเป็นน้ำกรดผู้เปล่งประกายวิบวับ เดินเฉิดฉายก้าวเท้าแบบนายแบบแฟชั่นอย่างมาดแมนไปหายามด้วยความภาคภูมิใจ หึหึ.. เมื่อกี้แอบชำเลืองมองไอ้ดำที่หันมาจ้องอยู่ เป็นไรของมึงล่ะ
   “มองไม ไม่เคยเห็นคนหล่อไง ?” ถามกลับด้วยน้ำเสียงกวน ๆ และเดินต่อไปจนเด็กนักเรียนคนอื่นที่เขาผ่านมาเห็นผมถึงกับเก็บไปซุบซิบเลยครับ โด่.. สงสัยไม่เคยเห็นคนหล่อเลยตื่นเต้นสินะ
   ไอ้ดำเลิกคิ้ว ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงกวนส้นตีนอีก
    “ไม่เคยเห็นหมาเดินเชิดหน้าเลยมองน่ะ”
..เท่านั้นแหละ กูสตั๊นต์เลย..
   เห็นแผ่นหลังของไอ้ดำเดินนำหน้าลิ่ว ๆ ไปอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะ หมาใช่ไหมวะ ? นี่มึงจะเปรียบกูเป็นหมาอะไรมากมายวะ กูออกจะหล่อขนาดนี้..
แต่เดี๋ยว ไอ้เชี่ยนี่
   “มึงหลอกด่ากูกี่ครั้งแล้ววะไอ้เชี่ย !” นับ ๆ ดูวันนี้แม่งเกินสามแล้วนะสัตว์ ! ผมกัดฟันกรอด เร่งฝีเท้าตามไอ้ดำไปให้ทันเพื่อเดินพร้อมมัน
..ฮึ่ม.. ไม่ได้
น้ำกรดต้องขอสวน !
   “มึงรู้ไหมว่าเหี้ยน่ะมักสายตาสั้น” ผมพูดเกริ่นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก้าวเท้าตามมันไปเรื่อย ๆ
   “มึงด่าอาจารย์ไม้ว่าเหี้ย ?” หน้าผมจะซีดเผือด.. เฮ้ยเดี๋ยว แม่งมั่วแล้ว “อาจารย์เขาใส่แว่น ก็ต้องสายตาสั้นสิ”
   “อาจจะยาวก็ได้ ใครจะรู้ !” อ๊าก กูขอเถียงก่อน ไม่ ๆ ผมไม่ได้ด่าอาจารย์ว่าเหี้ยแล้ว ! น้ำกรดวิวัฒนาการกลายเป็นน้ำกรดเด็กดีไม่ด่าอาจารย์อย่างนั้นแล้วครับ “มึงแม่งมั่ว !”
   “อ๋อ..” ไอ้ดำลากเสียง พลางไหวไหล่เบาๆ อีกรอบ “จะด่าอาจารย์ว่าแก่ก็พูดมาตรง ๆ เถอะ”
   “กูด่ามึงต่างหากไอ้ควาย !”
   “คนที่ไม่รู้ว่า lion กับ tiger แปลว่าอะไรต่างหากที่ควาย”
   “...ก ..กูแค่ทดสอบว่าพวกมันจะรู้ความหมายของชื่อจริง ๆ หรือเปล่าต่างหากล่ะ !” ผมเถียง แต่ไอ้ดำกลับหันมามองด้วยสายตาตายด้านอีกรอบ อะไรวะ มึงจะฝึกความตายด้านไปถึงไหน เล่นเอากูขนลุกเลยนะเว้ย
แต่แล้ว.. ผมก็ต้องสตั๊นต์
เมื่อมันชูบัตรที่ไอ้ไลออนให้ไว้ครับ..
   “เถียงอีกครั้ง ไม่ต้องออก”
   “..กูขอโทษษษษษ !”
   สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว ผมรีบแหกปาก ปรี่ตัวเข้าไปจะแย่งบัตรแต่ก็ไร้ผลเพราะไอ้ดำมันหมุนตัวหลบอย่างง่ายดายซะได้ จริง ๆ ตอนแรกก็ไม่อยากออกหรอก แต่พอมานึกไปนึกมาก็เปลี่ยนใจครั้ง กลายเป็นอยากออกแทน
   ฮือ ! ขี้โกงอ่ะ เอาน้องบัตรเป็นตัวประกันแบบนี้ฆ่ากูให้ตายเหอะ !
   “หยุดทำหน้าระรื่นได้แล้วด้วย กูรำคาญ” มันพูดเสียงเรียบก่อนจะเหลือบมองอีกไปทาง โธ่ ไอ้ดำ มึงอยู่กับกูมาตั้งหลายตอนยังไม่เลิกรำคาญกูอีกเหรอวะ
   “เออ..” หงุดหงิดเลย เวรเอ๊ย ความจริงผมก็ดีใจจริง ๆ นั่นแหละที่ได้ออกจากโรงเรียนวันธรรมดา แต่ความดีใจของผมมันหายไปตั้งแต่ไอ้ดำได้มาด้วยนี่แหละ โฮกกก จะมาทำไมฟะ !
..
แล้วก็อีกอย่าง..
..
   “กูจะเลิกทำหน้าระรื่น ถ้ามึงไม่หยุดผิวปาก !”
   ไอ้ช็อกโกแลตชิพ !! เชี่ย ดูดิ ดูม๊านนนนนนน ผมทำหน้าระรื่นนิดเดียวเสือกด่า ดูมันดิผิวปาก อะไรวะ น้องกรดจะไม่แพ้ครับ น้องกรดจะไม่แพ้ ! นึกว่ากูจะให้มึงเหนือกว่าได้ทุกเรื่องรึไง กูต่างหากที่ต้องเหนือกว่ามึงทุกเรื่อง !
..ยกเว้นภาษาอังกฤษนะ..
   “เฮอะ” แม่ง ! ยังจะมาทำหน้าตาแบบนี้อีกเรอะ !
   สุดท้ายมันก็หยุดผิวปากขณะที่ผมกัดฟันกรอดระงับอารมณ์ตัวเองไว้ ตอนนี้เลิกเรียนและพวกเราก็เดินมาถึงหน้าป้อมยามพอดีครับ เฮ้อ ? ดูหน้าพี่ยามดิ เขามองมาทางผมกับไอ้ดำด้วยสายตาอย่างกับเจอตัวเหี้ยเดินสองขาแน่ะ
   “มึงไม่ต้องพูดอะไรล่ะ” ไอ้ดำหันมาบอก เล่นเอาผมงง
   “ทำไมวะ ?”
..นั่น.. แล้วมันก็ไม่สนกูอีกล่ะ !
   เขาก้าวเข้าไปเดินคุยกับพี่ยามซะได้ ผมเบ้ปากก่อนจะยอมกอดอกรอแทน แม่ง.. เห็นว่าวันนี้กูแพ้เยอะ ท่าทางจะไม่ใช่วันของกู ยอมก็ได้ !
 “พวกผมมาขอออกจากโรงเรียนครับ” ชายอายุย่างห้าสิบหันมาถามเสียงก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วแน่นและพูดตอบไอ้ดำครับ
   “พูดอะไรไร้สาระ กลับไปนอนที่หอไป๊”
..อ้าว.. ไอ้ยาม ถึงว่าดิทำไมช่วงนี้กูปากไม่หมา ที่แท้มึงเอาหมาในปากกูไปแดกใช่ปะ
   ประโยคแรกที่โผล่มาทำผมคิ้วกระตุกยิก ๆ เลยทีเดียว แม่ง.. แม่ง... พูดแบบนี้นี่วอนตีนกรดน้อยซะแล้ว
   “ผมมีบัตรผ่าน” เสียงทุ้มของมันดูจริงจังขึ้นกว่าเดิมขณะที่ผมเริ่มกัดฟันกรอด
   “บอกให้กลับไง” ไอ้ยามหมา สัตว์ ไอ้ยามปากหมา อย่ามาปากหมามาก ๆ ใส่นะเว้ย เดี๋ยวกูจะขอให้ไอ้หมาผีไปอยู่กับมึงงงง
   ไอ้ดำพ่นลมหายใจแรง ๆ ส่งบัตรให้เขาพร้อมมองด้วยสายตาเรียบนิ่งครับ คุณยามปากหมาคว้าบัตรมาไล่สายตาอ่านสักพักเขาก็เบิกตากว้างเล็กน้อย
   “จากคนในสภานักเรียน ?”
   “ครับ” นั่นไง ดูดิ หน้ายามปากหมาสะพรึงเล่นทำผมอยากจะขำแรง ๆ โอ๊ย มึง เป็นไงล่ะมึ๊งเอ๊ย กูล่ะสะใจ
   “งั้นนายผ่านได้ กลับมาก่อนหนึ่งทุ่มล่ะ” ว่าแล้วมันก็เปิดประตูให้ไอ้ดำทันที อือหือ.. ไอ้สภานักเรียนนี่มันใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ กูล่ะอยากสะพรึงจริง ๆ
   แต่ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออกจากนอกโรงเรียนอยู่นั้น..
ปัง !
..ประตูแม่งก็ปิดขึ้นอีก..
   “.......”
   “จะไปไหน ?” ..น้องกรดหน้าตายอ่ะดิ.. อารมณ์ดี ๆ ที่กูได้ออกนอกโรงเรียนหายวับไปกับสายลมเลย
   “..ผมมาขอออกนอกโรงเรียนครับ”
   “พูดอะไรไร้สาระ กลับไปนอนที่หอไป๊”
...
กูต่อยหน้ายามสักรอบมันจะเป็นอะไรเปล่าวะ ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยย !!


   ข้อผิดพลาดของไอ้ไลออนคือมันออกบัตรให้แค่ไอ้ดำคนเดียวครับ ไอ้.. ไอ้เชี่ยไลออน ไอ้เสือ เอ๊ย สิงโตป๊อด ไอ้สิงโต.. ไอ้สิงโตทรยศศศ เหี้ยยยยยยย !
   โชคดีที่สุดท้ายก็เจอไลออนกับซานที่เดินผ่านแถวนั้นพอดีเลยเรียกมาคุยกันได้ จึงทำให้ทั้งผมและไอ้ดำได้ออกมาจากโรงเรียนปิดตาย.. ไม่ ไม่ใช่ดิ โรงเรียนหมาสิง เออ.. คำนี้เข้ากว่าว่ะ !
   ผมบรรยายใหม่แล้วกัน เพราะไอ้ไลออนกับซานเดินผ่านมาพอดีจึงทำให้ผมและไอ้ดำออกมาจากโรงเรียนหมาสิงได้อย่างง่ายดาย (โดยมีสายตาอำมหิตของยามคอยมองเป็นระยะ ๆ) ครับ แต่อย่างไรก็ตาม กูล่ะสะใจฉิบเป๋งตอนไอ้ยามหน้าจ๋อยเพราะโดนไลออนดุเรื่องที่พูดจาไม่ดี โอ๊ย โรงเรียนกูคนในสภานักเรียนเป็นใหญ่สินะ ก๊ากก
   “น่ารำคาญฉิบ” เสียงบ่นพึมพำของไอ้ดำดังขึ้นระหว่างที่พวกเราเดินเลือกหนังสือในห้างฯ กันอยู่ ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางมองไปรอบ ๆ เห็นมันเดินตรงอย่างชำนาญทางเลยด้วยซ้ำ
   “มึงมาที่นี่บ่อยเหรอวะ ?”
   “ไม่เคยเห็นแบบฝึกหัดบนหัวเตียงกูรึไง”
..หะ..
   กูสตั๊นต์เลย.. พูดแบบนี้แปลว่ามีสินะ สงสัยกลับไปผมต้องสังเกตหัวเตียงมันบ้างแล้วล่ะว่ามีอะไรบ้าง เอ๊ะ แต่เดี๋ยว มันไม่ใช่หน้าที่หรือเรื่องน่าสนใจในการสังเกตหัวเตียงไอ้ดำเลยนะเว้ย
   ระหว่างที่ผมกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดไอ้ดำก็หยุดลงที่หมวดภาษาอังกฤษเด็กประถมพอดีครับแถมยังก้มลงไปเลือกอย่างจริงจังโดยไม่อายใครอีกต่างหาก
ฮือ.. แต่คนที่ต้องตามมันต้อย ๆ อ่ะอายฉิบเป๋ง...
   ผู้ชายตัวบักเอ๊บสองคนกำลังเลือกหนังสือเด็กประถมด้วยกัน คนหนึ่งหล่อขาวอีกคนดำเหียก ดูดิ ถ้ามีคนมาเห็นแล้วเขาจะคิดกันยังไง !
   “มึง.. ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลย..” ผมพึมพำขณะที่ไอ้ดำยังคงนั่งยอง ๆ เพื่อเลือกหนังสือเด็กประถมอีก “....กูไม่มีตังค์นะเว้ย..”
   “ใช้เงินกูไปก่อนแล้วค่อยคืน” มันเอ่ยเสียงเรียบพลางหยิบหนังสือมาประมาณสี่ห้าเล่มครับ มอง ๆ ดูคือแบบฝึกหัดกับพื้นฐานภาษาอังกฤษทั้งนั้นเล่นเอาผมเบ้ปากแล้วไปต่อไม่ออกเลย ฮือ โตขึ้นมึงไปเป็นครูสอนหนังสือเหอะสัตว์ แม่งโหดฉิบเป๋ง
   “จ.. จะจริงจังทำไมวะ..”
   “มึงม.6แล้ว” ไอ้ดำตอบผมมาเสียงเรียบ ๆ ตรงเข้าไปจ่ายเงินแทน “ถ้าสอบมหา‘ลัยไม่ได้จะเรื่องใหญ่เอานะ”
เออว่ะ.. กูลืมเรื่องนี้ไปเลย..
   ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก คิ้วของตนขมวดแน่น .. ใช่ เรื่องอนาคตหลังม.6 นี่หว่า ไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ..
   “คงจะ..” ผมเอ่ยพึมพำแผ่วเบาพร้อมกับยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตนเอง “ถ้าไม่ติดจริง ๆ คงจะทำงานทั่วไป.. ล่ะมั้ง”
   ร่างของคนที่กำลังยื่นเงินจ่ายค่าหนังสือผงะไป ใบหน้าของมันฉายแววความตื่นตระหนกชั่วครู่ และกลับมาเป็นเช่นเดิม
   “กูไม่อนุญาต”
..หา..
   “เหี้ยไรมึงวะเนี่ย ?” เออ มึง อยู่ ๆ มาบอกไม่อนุญาตหน้าตายแบบนั้นได้ยังไงวะ ไอ้ดำหรี่ตามอง “มึงบ้าปะสัตว์ กูเกรดต่ำต้อยติดดิน ไม่เหมือนเด็กเก่งอย่างมึงนี่”
แม่ง.. ไม่อนุญาตห่าอะไร เหี้ย กูไม่เข้าใจ !
   จากที่ได้ยินมาอาจารย์ไม้ก็บอกว่ามันเรียนเก่งพอสมควรเลยนี่หว่าแถมท่าทางจะเป็นเรื่องจริงแหะ แต่.. แม่งจะมายุ่งกับชีวิตกูตรงไม่อนุญาตทำม้ายย !
   “กูจะติวให้มึงเอง” ไอ้ดำพูดเสียงเรียบพร้อมกับยกหนังสือที่เพิ่งซื้อมาให้ผมเห็น “ทุกวิชา”
..
ชีวิตกูได้บรรลัยในอีกไม่ช้า..
   ไม่ ๆ แล้วไอ้ดำมีสิทธิ์มาบงการชีวิตผมได้ที่ไหนล่ะ !
   “ไอ้ห่า ! กูไม่เอา เหนื่อยตาย กูขอไปทำงานแล้วอยู่แบบเป็นสุข ๆ เหอะ !” ผมถึงกับแหกปากก่อนจะสั่งหัวรัวแบบสุดฤทธิ์ มันยักไหล่ ทำท่าจะพูด แต่สายตาของมันมองผ่านหน้าของผมไป..
หา.. ผ่านไปงั้นเหรอ ?
..ไหงอยู่ ๆ เมินกูวะ..
   ความรู้สึกประหลาดแล่นเข้ามาชั่ววินาทีก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นไอ้ดำถกแขนเสื้อขึ้นเตรียมพร้อมลุยเสียงั้น !? เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ.. !
และพอผมหันไปตาม.. สิ่งที่เจอก็เล่นอ้าปากค้าง
ไอ้หัวทองกับไอ้วินนี่หว่า !
   “ต่อยกันกลางห้างฯ ก็ไม่เลว” เฮ้ย ! เดี๋ยว กูนึกว่าเคสพวกมึงจบไปนานแล้วนะเว้ย ! ผมรีบถลาเข้าไปห้ามไอ้ดำที่เพิ่งรับหนังสือสอนเด็กประถมไว้เลยครับ “ปล่อย !”
   “สัตว์ ! เรื่องมึงจบไปนานแล้วนะไอ้เหี้ย ใจเย็นดิวะ !”
   “กูเห็นหน้าพวกมันแล้วหงุดหงิด”
   “มึงบอกให้กูหยุดใช้ความรุนแรงแต่มึงเสือกใช้เองเนี่ยนะ บ้าปะ !” ไม่ไหว ไอ้ดำนี่แรงเยอะจริง ๆ ขนาดผมเข้าไปดึงตัวมันไว้ไอ้เหี้ยนี่ยังเดินไปข้างหน้าต่อได้อยู่เลย โฮกกกกก “ไอ้ดำ !”
   “......” มันเริ่มนิ่งแล้วครับ ค่อย ๆ หยุดลงตามลำดับ บ๊ะแล้ว.. พอผมมองกลับไปเห็นว่าคนในร้านหนังสือจ้องเราเต็มเลย..แหะๆ
แต่กูไม่แคร์... ที่มาไม่ได้เพราะจะต่อย แต่มาเพราะซื้อหนังสือ สูดอากาศนอกโรงเรียนแล้วก็กลับ !
   สุดท้ายทั้งผมกับไอ้ดำก็ค่อย ๆ เดินเลี่ยงมาแทนครับ.. อย่าเผชิญหน้าเลยดีที่สุด เพราะเหมือนว่าไอ้ดำก็ไม่ชอบขี้หน้าไอ้ท็อปและไอ้วินแบบสุด ๆ เหมือนกันนั่นแหละ
หากแต่..
   “..ไอ้สองตัวนั้นมันออกมาจากโรงเรียนได้ไงวะ” ผมกระซิบถามคนข้างกายระหว่างที่กำลังชำเลืองมองไอ้หัวทองเจิดจรัสที่เหมือนซุ่ม ๆ ดูอะไรบางอย่างกับเชี่ยวิน
   “เห็นคนใส่แว่นใช่ไหม ?” มันว่าพร้อมกับชี้ไปทางวิน
   ผมพยักหน้า ก่อนที่มันจะพูดต่อ
 “ลูกผอ.”
..
เฮ้ย !!
   “หลอกกูเปล่าเนี่ย ?” หันขวับเลยสิกู ลูกผอ.เลยเหรอวะ มึงจะเส้นใหญ่เกินไปล่ะ “ถ้าลูกผอ.จริงทำไมถึงอยู่ห้องเจ็ดวะ !?”
   “กูจะไปรู้ได้ไงวะ” เสียงทุ้มต่ำของมันบ่นเบา ๆ ยกมือขึ้นขยี้หัวไปมาครับ ปกติไอ้ดำมันรู้แทบทุกเรื่องนี่หว่า ทำไมคราวนี้มันไม่รู้ กูกะจะเรียกมันว่ากูรูดำอยู่เหมือนกัน !
   “ว่าแต่ ไอ้เชี่ยหัวทองแม่งมองอะไรอยู่วะ ?” ผมถามมันอีกรอบ หันไปมองไอ้ท็อปกับไอ้วินที่กำลังชะเง้อหน้าเหมือนส่องบางอย่างอยู่ครับ
   “วันนี้มีคนแอบออกนอกโรงเรียนเยอะใช่ย่อยนะ” คำพูดของไอ้ดำทำให้ผมนิ่งไป “ไอ้นิวก็โดดมาด้วยแฮะ”
..หา !?
   ผมอ้าปากค้าง มองตามสายตาไอ้ท็อปก่อนจะเห็นนิวนั่งเท้าคางจ้องอะไรสักอย่างอยู่ที่สตาร์บัคส์ครับ ! อือหือ มึงโดดออกมานอกโรงเรียนได้ไงวะ อีกอย่าง ! ทำไมมึงมีปัญญาไปนั่งแดกอะไรรวย ๆ ได้ไอ้เชี่ยนิว !
   แต่.. แต่เดี๋ยว ! เรื่องผมกับไอ้นิวยังไม่เคลียร์เลยนี่หว่า หรือการออกนอกโรงเรียนมันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมผมไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยวะ
   “มึง ! แล้วไอ้นิวเป็นไงบ้างวะ ?” ผมเห็นคนที่ตนถามขมวดคิ้ว “เชี่ย รีบ ๆ ตอบกูดิมึง ! รีบ ๆ ตอบ” อ๊าก กูห่วงเพื่อนครับ ช่วยกูเหอะ กูห่วงเพื่อนน !
   “ก็..” ไอ้ดำลากเสียง นัยน์ตาของมันจ้องไปทางเพื่อนสนิทตัวเล็กของผมที่ถูกจับแยกห้อง “มันบอกว่าสบายดีแต่กูว่าไม่”
   “หา ?” หมายความว่าไงวะ..
   คิ้วของตนค่อย ๆ ถูกจับผูกเป็นปมอย่างง่ายดาย ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนิวกันแน่ แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงออกมานอกโรงเรียนโดยไม่บอกผมสักคำ ถึงพักหลัง ๆ ตัวกูจะอยู่กับไอ้ดำตลอดก็เหอะ แถมพอถามอะไรไอ้นิวก็ไม่ยอมตอบอีกด้วย
ผมเบี่ยงใบหน้าของตนเองไปทางเพื่อนสนิทอีกครั้งหนึ่ง
   ดวงตาเบิกกว้างทันที.. เมื่อเห็นสีหน้าของมัน..
   “กูคิดว่ามึงควรจะรอไปสัก...”
สีหน้าเจ็บปวดของไอ้นิวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน..
   ผมไม่รู้ว่าไอ้ดำพูดอะไรต่อ รู้แค่สองขาของตนก้าวผ่านมันไปอย่างรวดเร็ว ก้าวผ่านไอ้ท็อปและไอ้วินที่คอยซุ่มอยู่อีกฝั่ง ตรงไปหาเพื่อนสนิทที่มีความเศร้าแฝงปนมาจากแววตาของมัน
   “ไอ้หมา ! หยุด— !” ผมได้ยินเสียงคนที่ตนเองออกมาด้วยร้องห้ามพร้อมกับรีบวิ่งตามมาเมื่อได้สติ แต่เหมือนมันจะช้ากว่าผม
   ความหงุดหงิดของตนเองเพิ่มสูงขึ้นเพราะใบหน้าของเพื่อนสนิทยังคงมองไปอีกทาง นัยน์ตากลมโตของมันมีร่องรอยความเหนื่อยล้าเหมือนคนอดหลับอดนอน..
..เกิดอะไรขึ้น ?
ใครทำมันเป็นขนาดนี้ ?
   “ไอ้นิว !” น้ำเสียงของตนตะโกนเรียกชื่อของมันดังลั่นก่อนจะตรงเข้าไปหาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่ดูเหมือนจะไร้ผล.. ไร้ผลจริง ๆ เพื่อนคนนี้ของผมยังคงอยูในห้วงภวังค์ “ไอ้เชี่ยนิว ! ได้ยินกูหรือเปล่าไอ้เหี้ย !”
   มันชะงักเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ หันมาหาผม ได้ยินเสียงไอ้ดำที่เพิ่งเดินวิ่งตามมาถึงหายใจหอบแรงอยู่ด้านหลัง
   “..กรด ?” มันกระซิบชื่อของผมแผ่วเบา ขณะที่ร่างกายของผมเย็นเฉียบไปหมดแล้ว ดวงตากลมโตของนิวที่มักจะสื่อแววประกายวาววับเหมือนดำมืดลงในหลุมดำ ก่อนที่จะเป็นหยาดน้ำสีใสที่คลอเบ้าดวงตาค่อย ๆ หยดลง..
..เพียงแค่หนึ่งหยดเท่านั้น ที่ทำให้ผมถึงกับเบิกตากว้าง..
   “ค.. ใครทำมึงวะ !?” รับรู้ได้ว่าเสียงของตัวเองสั่นเมื่อเห็นน้ำตาของมัน.. อยู่ ๆ ทำไมไอ้นิวมันมาร้องไห้ล่ะ ? เกิดอะไรขึ้น มันทำท่าจะพูดบางอย่างแต่ผมกลับหันขวับไปมองตามที่ไอ้เชี่ยนิวเคยมองไว้ก่อน
..มันคือไอ้จิน..
..กับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้..
   ..ผมเบิกตากว้างกว่าเดิม ทั้งร่างเหมือนร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีโดยไม่ได้ตั้งใจ ความโมโหพุ่งพล่านขึ้นมาจนทำให้ผมแทบจะตั้งตัวไม่อยู่.. ไอ้จินกับผู้หญิงที่ไหนล่ะ ? เธอคนนั้นเป็นใครกัน ? แล้วทำไมถึงเดินจับมือกันขนาดนั้น !
   “ไอ้เหี้ยจินมันทำอะไรมึงวะ !” ผมแทบตะคอก ปล่อยมือตนเองจากไหล่ของนิวทันที
พอหันไปมองไอ้ดำก็เหมือนกับว่ามันจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเพราะสีหน้าที่ไม่ได้แสดงถึงความตกใจอะไร ผมกัดฟันกรอด ตวัดสายตามองไปทางไอ้จินกับผู้หญิงคนนั้น ทั้งร่างสั่นเทิ้มจนควบคุมตัวเองไม่ได้
..แล้ว ..แล้วทำไมกันล่ะ ?
...
กูเป็นเพื่อนมึงไม่ใช่เหรอวะไอ้นิว.. กูเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของมึงไม่ใช่เหรอ ?
   เหตุการณ์เก่า ๆ ย้อนกลับมาในหัวผม ตอนนั้นที่จินและไอ้ดำคุยกัน
..แถมพูดอยู่นั่นแหละ หัดจัดการเรื่องของมึงให้จบก่อนจะสั่งสอนคนอื่น ๆ น่าจะดีกว่านะ..
   เป็นคำพูดของไอ้ดำเมื่อนานมาแล้ว ..
   อย่าบอกนะว่า.. พวกมันรู้ทุกอย่าง..
..
แล้ว..
..
แล้วทำไมกูถึงไม่รู้เรื่องเหี้ยอะไรเกี่ยวกับมึงเลยวะ !!
   “กูจะไปคุยกับไอ้จินให้รู้เรื่อง ! ตอนนี้ ! เดี๋ยวนี้ไปเลย !” ผมตะโกนลั่น สองขาที่คิดจะก้าวออกไปหากแต่เป็นนิวที่ได้สติกลับมาแทนแล้วคว้าข้อมือขอผมเอาไว้ก่อน
   “หยุด ! ไอ้กรด— เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึง หยุด !”
ไม่เกี่ยว ?
..ไม่เกี่ยวอย่างงั้นเหรอวะ..
   “มันจะไม่เกี่ยวกับกูได้ยังไง ในเมื่อมันทำเพื่อนกูร้องไห้ ! มันจะไม่เกี่ยวกับกูได้ยังไงวะไอ้นิว !”
   ผมสะบัดแขน จ้องผู้หญิงแปลกหน้าและไอ้เชี่ยจินที่กำลังอยู่ด้วยกันเขม็ง ..เกิดเหี้ยอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ !
   “ไอ้.. ไอ้เชี่ยนัย !! ช่วยห้ามไอ้กรดหน่อยดิ !” ไอ้ดำมาทัน มันใช้สองแขนสอดลงที่ตรงใต้รักแร้จากด้านหลังและรั้งตัวของผมเอาไว้อย่างรวดเร็ว
   “ไอ้ดำ ! ปล่อย.. ปล่อยกู !” ตอนแรกจำได้ว่าผมห้ามไม่ให้ไอ้ดำกับไอ้ท็อปต่อยกัน ตอนนี้ไอ้ดำแม่งเปลี่ยนเป็นห้ามไม่ให้ผมไปต่อยหน้าไอ้เชี่ยจินแทนซะงั้น “กูบอกให้ปล่อย !”
   “มึงก็ใจเย็นลงก่อนสิวะ !” เสียงตะโกนของไอ้ดำทำให้คนเริ่มหันมาและพวกเรากลายเป็นจุดสังเกตมากขึ้นทันที ผมกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะพยายามสะบัดร่างของตนอยู่สามสี่ทีแต่กลับไร้ผลเพราะเรี่ยวแรงที่มีน้อยกว่า ..
..จนกระทั่งภาพของจินและผู้หญิงคนนั้นเดินหายไปจนลับสายตานั่นแหละ.. สติของตนจึงค่อย ๆ กลับมา..
   “...ปล่อย” ไอ้ดำยอมให้ผมหลุดออกมาจากพันธนาการและหันกลับมามองหน้านิวโดยตรง มันยังคงก้มหน้านิ่งอยู่เช่นเดิม
   ผมหันไปมองทั้งไอ้ดำและไอ้นิวสลับกันไปมา..
..ก่อนจะกัดฟันกรอด
..พวกมึงไม่ใช่กูนี่..
..
   “..ไอ้ดำก็รู้เรื่องนี้ด้วยใช่ไหม ?” ถามขึ้นมาประโยคแรกแล้วจ้องไอ้นิวไม่วางสายตา มันทำเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น..
ใช่ พยักหน้า..
..ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมเคยอยู่กับไอ้นิวสองคน ไปไหนมาไหนด้วยกันสองคน
แต่ตอนนี้ดันมีไอ้ดำและไอ้จินเข้ามาร่วมอยู่ด้วย ..แต่ว่า..
   “..แล้วทำไมกูถึงไม่รู้เหี้ยอะไรเลยวะนิว” น้ำเสียงของตนเองเริ่มอ่อนแรงลงกว่าทุกที “..กูเป็นเพื่อนมึงหรือเปล่า ? กูเป็นเพื่อนมึงไม่ใช่เหรอวะ”
..ทำไมพวกไอ้ดำถึงรู้..
..
แล้วทำไมผมไม่รู้.. ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นเพื่อนมันมาตั้งแต่แรกนี่ ?
   ไอ้นิวเม้มริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาผมกลับ ..
   “..กู..” มันเว้นช่วงไว้เล็กน้อย สองมือเผลอกำจิกที่บริเวณกางเกงนักเรียน “..ไม่อยากให้มึงคิดมากเรื่องกูนี่หว่า..”
   ผมตัดสินใจสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งทันที
   “แล้ว.. ตกลงไอ้เชี่ยจินแม่งอยู่กับใครวะ..” เสียงทุ้มของตนเอ่ยประโยคถัดไปอย่างยากเย็น ผมเห็นไอ้นิวชะงัก ตามด้วยถอนหายใจแผ่วเบา “..ผู้หญิงคนนั้นคือใครวะ ไอ้จินมันไม่ใช่แฟนมึงเหรอ นิว ?”
   มันหันมามองหน้าผม
   “..น้ำกรด” อีกฝ่ายเรียกชื่อเต็ม ๆ พร้อมกับหมุนตัวหันไปคว้าแก้วน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ “ทุกสิ่งทุกอย่างน่ะ มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอกนะ”
   “หมายความว่ายังไง ?” ผมขมวดคิ้วแน่น มองเห็นไอ้นิวที่กำลังโยนแก้วทิ้งลงถังขยะ “มึงอธิบายมา”
   เพื่อนสนิทของผมยักไหล่
   “กูกับจิน พวกเราไม่ได้เป็นคนรักกัน”
   ผมนิ่ง ดวงตาของตนเบิกกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว หมายความว่ายังไง ? แล้วไอ้ที่มีการหึงหวงนี่มันคืออะไร ?
   “ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เป็นแฟนของจิน คบกันมาได้จะครบสามปีแล้วด้วย”
   “ห.. หา..” ความสับสนมึนงงแล่นเข้ามาในหัวของผม “แล้ว.. แล้วมึงล่ะ ?”
..ไม่เข้าใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
   “กูไม่อยากให้มึงผิดหวังในตัวกูเท่าไหร่หรอกนะ”
   ไอ้นิวค่อย ๆ หันกลับมาจ้องตาผม
   มันคลี่รอยยิ้มเจื่อน จนรู้ได้ว่ากำลังเจ็บปวด เป็นรอยยิ้มแปลกประหลาดกว่าทุกที พร้อมกับเอ่ยประโยคถัดไป
   “คนที่เป็นแค่ชู้ของมันอย่างกู.. จะไปทำอะไรได้วะกรด ?”
...ว่ายังไงนะ.. ?
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:33:23
C h a p t e r 37
คนเกลียดกัน มักจะรักกัน


   ค่ายเชื่อมสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้อง
   คือ ค่ายที่ต้องการให้เหล่าเด็กนักเรียนมัธยมปลายแต่ละห้องผูกพันกันและรู้ถึงคำว่า ‘รุ่นพี่รุ่นน้อง’ ให้มากกว่าเดิม รุ่นน้องจะเป็นฝ่ายจับฉลากว่าจะได้คู่กับรุ่นพี่ห้องไหนและไปเข้าค่ายด้วยกันที่ชลบุรี ซึ่งทุกห้องจะต้องไปเข้าค่ายด้วยกัน ซึ่งในปีนี้.. ม.6 ห้องของผมก็ถึงเวลาจะไปกับกลุ่มรุ่นน้องแล้วครับ !
   มันคล้ายคลึงกับการเล่นพี่รหัสน้องรหัส ม.6หนึ่งห้องคุมน้องหนึ่งห้อง เข้าค่ายด้วยกัน.. ซึ่งปีนี้พวกเราก็ได้ไปเข้าค่ายเชื่อมสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องที่ชลบุรีกับรุ่นน้อง..และ..
ไอ้เด็กห้องเจ็ด !
   บอกกูเลยว่าเป็นการจับฉลากที่ห่วยแตกสิ้นดี !
   เป็นการฉลองสอบเสร็จที่เหี้ยมาก !
   “เชี่ย ยืนคิดไรอยู่ ขนของขึ้นรถ” ผมได้ยินเสียงไอ้จินที่เดินเข้ามาทักพร้อมกันบุ้ยปากไปทางกระเป้าสะพายของผมครับ เออใช่ หลังจากที่กูสอบซ่อมอังกฤษเสร็จด้วยคะแนนผ่านฉิวเฉียดก็มีประชุมงานสำหรับค่ายต่อ.. ทุกอย่างต่อ และบทสรุป..
..
กูอยู่กับไอ้ดำตลอดเลยเพราะอิทธิพลอาจารย์ไม้ด้วยครึ่งหนึ่ง !
   อ๊าก ! ทำไมชีวิตน้องกรดมันช่างรันทดอะไรเยี่ยงนี้ !
   “เออ ๆ” ตอบรับไอ้จินไปก่อนจะเดินช่วยเพื่อนคนอื่น ๆ ขนของขึ้นรถตามกันติด ๆ รู้สึกเหมือนแต่ละคนจะอารมณ์บูดครับ แหงล่ะ โชคชะตาฟ้าลิขิต บันดาลให้เด็กห้องผมและเด็กห้องเจ็ดมาพบเจอร่วมงานสานสัมพันธ์ด้วยกัน ไม่ดิ มันควรจะเปลี่ยนเป็นชื่องานเชื่อมสัมพันธ์เพื่อนกับเพื่อนซะมากกว่า ถุย !
   “ได้คุยกับไอ้นิวบ้างยัง ?” ผมชะงักไประหว่างที่จินถามขึ้น เอาตรง ๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยอยู่ใกล้มันมากหรอกนะครับ.. แต่ก็นะ
   “ยัง.. มึงรู้เรื่องหมดแล้วเหรอวะ ?” ไอ้จินถอนหายใจดังเฮือก
   “เออรู้ดิ เพราะกูส่วนหนึ่งไม่ใช่ไง” พูดจบมันก็ก้มลงยกกระเป๋าที่กองบนพื้นยัดเข้าไปในช่องคลังรถต่อ “ไม่นึกว่านิว.. จะมาดูนี่หว่า”
   “เอ้อ”
   “ไม่นึกว่ามึงจะมาเห็นด้วย” ผมแอบชำเลืองสายตามองมัน
   “แล้วคนนั้นใครล่ะ ?”
   “ชื่อน้ำฝน คบกันมาตั้งแต่ม.3 แล้ว” อือหือ.. แปลว่ายาวพอสมควรนะเนี่ย “แต่กูแม่งเลวเองแหละที่มีชู้ เป็นผู้ชายอีกต่างหาก” อืมมม.. ใช่ มึงมันเลว
   “พิลึกดีว่ะ” เออ คนเหี้ย ๆ แบบนี้ก็ยังมีบนโลกด้วยแหะ “แล้วทำอย่างนี้ ไม่กลัวน้ำฝนเสียใจเหรอวะ ?”
   “....” จินนิ่งเลยครับ
   “เลือกเหอะสัตว์ ไอ้นิวเองก็ไม่น่าจะเล่น ๆ กับมึงหรอก” ผมยักไหล่ใส่ไอ้จินไปที “มันเป็นคนแปลก ๆ สักหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับแย่”
   “มึงยังไม่รู้อะไรจริง ๆ เกี่ยวกับไอ้นิวอีกเยอะ” คำพูดมันทำเอาผมอยากเถียงกลับ แต่ถ้าคิดดูดี ๆ .. มันก็จริงว่ะ เพิ่งรู้ว่ามันเป็นเกย์ตอนม.6 อีกด้วยแม่ง
แต่..
   “ถึงพฤติกรรมมันกูจะไม่รู้” ว่าจบผมก็ดันกระเป๋าใบสีดำเข้าไปในตัวรถให้ลึกกว่าเดิม “แต่สันดานลึก ๆ มันหลังจากที่เจอกัน.. กูพอรู้นะ”
   “...” จินผงะ หันมามองผมด้วยสายตาตื่นตระหนก
   “กูไม่รู้ว่าสำหรับมึงไอ้นิวเป็นยังไง แต่สำหรับกู ตอนที่เจอกับมันครั้งแรกจนถึงครั้งนี้แม่งต่างกันเยอะเลย” ตั้งใจกวาดตามองรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่ากระเป๋าทุกใบน่าจะถูกเก็บไปแล้ว ไอ้ดำก็คงจะขึ้นไปหาที่นั่งแล้วล่ะมั้ง “..เห็นเตี้ย ๆ แบบนั้นมันก็เป็นคนจริงจัง คิดมาก ดังนั้น.. มึงเลือกสักคนเหอะ กูไม่อยากเห็นเพื่อนกูเจ็บ” ผมเอื้อมไปตบบ่าจินเบา ๆ อีกทอด
   ใบหน้าหล่อใสของมันหมองลง ก่อนจะผลุบสายตาหนี
   “..มึงแม่งประหลาด ไม่โกรธที่มันโกหกมึงเยอะแยะเลยเหรอวะ ?”
คำถามนั้นทำเอาผมชะงักแล้วหันไปมองหน้าของไอ้จิน สีหน้าของมันเหมือนรวบรวมความกล้าที่จะถามผม..
..อืม..
“เจอขนาดนี้.. ก็ต้องโกรธสิ” รับรู้ได้ว่าเสียงของตนไม่สั่นเหมือนเคย ผมหันไปยิ้มให้กับคนถาม “แต่ว่ามันคงมีเหตุผลส่วนตัวของมัน กูรอให้มันมาบอกกูเองนี่แหละ”
“..”
“เพราะยังไง.. มันก็คือเพื่อนสนิทกู” พูดจบก็หันไปโบกมือให้กับไอ้ไทเกอร์ที่ชะเง้อหัวลงมาจากรถบัสอยู่
“อ๊ายยย ! พี่ไทก์เห็นหนุ่มนอกใจคนตัวดำแหละ !” ..อ้าว เวร กูกำลังหล่อ มาขัดจังหวะอะไรตอนนี้วะไอ้สิงโต.. เอ๊ย ! ไอ้เสือ !
แต่เอาเหอะ ขอหล่อให้จบก่อนแล้วกัน
ผมเอื้อมมือไปบีบบ่าของจินแรง ๆ อีกครั้งด้วยรอยยิ้ม
“เอ้อ.. ฝากบอกไอ้นิวด้วยแล้วกันว่ากูงอนมันอยู่ ให้มาง้อกูด้วย !” ว่าจบก็ปล่อยมือออกพลางหันขวับไปทางไอ้ไทเกอร์ที่กรี๊ดกร๊าดเพราะผมจับบ่าไอ้จินครับ อ้าว ไอ้เหี้ยนี่ “พ่องมึง ! ตุ๊ดไงสัตว์ !”
“อ๊ายยย น้องไลอ์ ! น้องไลอ์เห็นหรือเปล่า น้องไลอ์ไม่เห็นอ่ะ พี่ไทก์เสียจุยจัง อ๊าย ๆๆ อิกรดอย่ามา อย่าวิ่งเอาเขาขวิดสิ อ๊ายย”
ไอ้เวรตะไลไทเกอร์ !!
   “มึงหุบปากสักพักได้ปะไอ้สาดดดดดดดดดดดดดดด !!”
   “อ๊าง ! ไทก์จะฟ้องพี่มืดว่าน้องกรดของพี่มืดนอกใจ !” ฟ้องพ่องฟ้องแม่งมึงอ่ะ ไอ้เหี้ยยยย แน่นอน เชี่ยไทก์กับเชี่ยไลอ์แม่งชอบบอกว่าผมกับไอ้ดำเป็นสามีภรรยากัน !! โอ๊ยย โลกนี้แม่งบัดซบสิ้นดีเลย ไอ้เวรรรรร ไอ้.. ไอ้....
   “ก่อนไปชลฯ มึงโดนตีนกูยันหน้าแน่ไอ้กร๊วกกกกกก !!”
...


   ชายที่ยังคงยืนอยู่นิ่งกระพริบตาเบา ๆ พร้อมกับหันขวับไปมองตามเสียงโวยวายด้วยความงุนงง เขาทบทวนสิ่งที่ได้ยินอีกครั้งหนึ่ง.. พลางผลุบตาลง
“เป็นไง ?” จินหันไปตามเสียงก่อนจะปรากฏร่างของชายหน้าหวานที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ “เออ ๆ ใช่ กินข้าวเช้ามายัง ? กูซื้อหมูย่างมาแหละ” ว่าแล้วนิวก็ชูถุงพลาสติกในมือ
“..ไม่ว่ะ กูเหนื่อย” เสียงทุ้มตอบกลับออกไปพร้อมพ่นลมหายใจ ก่อนจะถูกนิ้วเล็กกว่ารวบที่ข้อมือ
“ไม่ต้องรีบก็ได้.. ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป”
นัยน์ตาของจินจับจ้องภาพเพื่อนที่กำลังดึงตัวเขาให้ขึ้นรถบัสไป เสียงโหวกเหวกโวยวายหรือบรรยากาศรอบ ๆ ตัวนั่นแทบไม่ช่วยให้ตนเองได้สติกลับมาเลย
..ประโยคสนทนาก่อนหน้านี้ยังคงวนเวียนในหัว..
   “มึงนี่.. มีเพื่อนดีนะ นิว”
   เขาพูดแผ่วเบาให้ได้ยินกันเพียงสองคน เจ้าของชื่อเหมือนจะทราบ ชะงักฝีเท้าเพียงครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเดินต่อขึ้นรถอีกคัน
   “เพราะงี้.. กูเลยไม่อยากให้มันรู้ด้านเหี้ย ๆ กูไง”
...


   “กูไม่นั่งกับไอ้หัวทองคำเก๊เด็ดขาด !”
   เสียงของพระเอกน้ำกรดแหกปากลั่นสนั่นด้วยความจริงใจครับผม ! อ๊ากก อยู่ ๆ อาจารย์คุมรถก็เสือกบอกว่า ‘เชื่อมสัมพันธ์ ดังนั้น เด็กทั้งสองห้องควรจะรู้จักกันให้ดีก่อน’ อีก ! ซึ่ง.. ซึ่งห้องผมนั่งแถวซ้าย ห้องเจ็ดนั่งแถวขวา ! แม่ง จะเรื่องมากไปถึงไหนวะ !
   “คิดว่ากูอยากนั่งตรงข้ามกับมึงนักไง !” เสียงสนั่นของไอ้ท็อปที่ดังขึ้นมาหลังจากบทหายไปเกือบชาตินึงดังขึ้น ซ้ำยังชี้หน้าผมกลับอีกต่างหาก
   “กู – ไม่ – นั่ง ! กูไม่นั่งโว้ย !”
   “พวกคุณควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องนะครับ !” นั่นไง สะดุ้งเลย.. เสียงอาจารย์ไม้ครับท่าน อาจารย์ไม้ตะโกนมาพร้อมกับชี้หน้าผมอีกต่างหาก โถ่วววว์ ตัวอย่างบ้าตัวอย่างบออะไร รุ่นน้องเขาอยู่อีกรถนึง.. แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า !
   “ไอ้เชี่ยท็อป.. หยุดเหอะ” อื้อหือ ดูดิ หัดดูไอ้วินเป็นตัวอย่างซะบ้าง มันมาห้ามศึกผมกับท็อปซะแล้ว คนดีจริง ๆ ด้วยสินะมึงเนี่ย ฮือ กูล่ะอยากเอามันมาเป็นพรรคพวกจริง !
   “หยุดบ้าอะไร ไอ้ไร้เสน่ห์มันหาเรื่องกูก่อน”
..ไร้เสน่ห์..
หมายถึงกูเรอะ !
   “เขาพูดความจริงก็อย่าไปเถียง” เสียงทุ้มต่ำคุ้นเคยที่นั่งติดอยู่ริมหน้าต่างดังมาขัดจังหวะการโวยวายของผมทำเอาหันขวับ..
ใช่ครับ..
ไอ้ดำ ผมนั่งริมหน้าต่างกับไอ้ดำ !
   หากจะถามว่าทำไม.. คงพ้นไม่ได้ที่ว่าไม่มีคนนั่งด้วยแล้วนั่นแหละ ปกติกูนั่งกับไอ้นิวมาตลอด พอทะเลาะกันก็เป็นโอกาสบรรจบเหมาะที่จะนั่งกับมัน ! ฮือ.. ทำไมชีวิตกูน่าสงสารแบบนี้ นั่งก็ข้างไอ้ดำ ฝั่งตรงข้ามเป็นไอ้ไม้ทีกับเชี่ยวิน !
สงสารน้องกรดอย่างกูหน่อยเฮ้อ
   “ทะเลาะกันไม่ดีนะ” อยู่ ๆ ก็ต้องชะงักเมื่อมีร่างเล็กโผล่หัวมาฝั่งเบาะด้านหลังของผมครับ โฮ่ “ไข่ต้มมะ ?”
..ไอ้ซาน..
..มันใช่เวลาไหมวะ !
   “ไม่เป็น...”
   “ไอ้เด็กน่ารักนั่นใครวะ !”ผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงของไอ้เชี่ยท็อปที่ตะโกนมาอีกฝั่งหนึ่ง เดี๋ยว มึง ใจเย็น ๆ”เฮ้ย ! วิน.. ไอ้วิน แม่งน่ารักเชี่ย ๆ เลยอ่ะ..”
..มึงเป็นโรคแพ้คนน่ารักใช่เปล่าวะเนี่ย ?
   ซานผงะเล็กน้อยพลางหันไปมองท็อปกับวินครับ..
   “..โทษที.. คู่อริกูน่ะ” ไอ้ดำหันไปอธิบายขณะที่คนหน้าแบ๊วพยักหน้า..
ส่วนเชี่ยท็อปน่ะเหรอ..
   ..แม่งล้วงกระเป๋าควักไม้บรรทัดขึ้นมาแล้ว.. ตัวสั่นหงกๆ อีกต่างหาก..
   “ม..มะ มะ มึงอยู่ห้องเดียวกับไอ้... ไอ้กรดเหรอวะ” แหม ตั้งแต่เปิดเรื่องมานาน ๆ ทีมึงจะเรียกชื่อกูนะ ไอ้สลัดนี่ “ม..มะ ..มะ..”
   “ใจเย็นดิ” ผมได้ยินเสียงไอ้วินกระซิบเบา ๆ พร้อมกับตบบ่าท็อปอีกรอบ ขณะที่ซานยังคงหันไปมองอย่างงุนงง
   “เด็กห้องเจ็ดเหรอ ?”
เดี๋ยว.. มึง ไอ้ท็อปแม่งมีท่าทีเขินอายอย่างเห็นได้ชัด !
   ผมรีบหันขวับไปมองแม่งทันที เฮ้ยเดี๋ยว ๆ อย่าบอกนะว่ามึงจะเริ่มคิดอะไรนอกใจนิว (?) ไปหาซานแทนน่ะ ไม่ได้นะเว้ย ! แล้วทำไมมันต้องถือไม้บรรทัดพลาสติกแล้วสั่นริก ๆ อย่างนั้นวะ !
   “เออดิ !” ท็อป.. กูมั่นใจเลยว่ามึงเป็นพวกแพ้อะไรน่ารัก ๆ ใช่ไหม เห็นนิวก็หลง เห็นซานหน้าแดง ถ้ามึงเจอไอ้ไลออนไปนี่ไม่เลือดพุ่งเลยเหรอวะ เออดิ ใช่ซี้ กูมันตัวเอกไม่มีเสน่ห์ แม่ง ไม่มีใครมากรี๊ด (?) กูเล๊ย “ม...”
และไม่ทันที่วินหรือท็อปจะได้เปิดประเด็น..
แต่คนเปิด คือ นางฟ้าไข่ต้มของเรา.. ซานครับ..
   “ห้องเจ็ดแม่งกากสัตว์ ถุย”
   “............”
อารมณ์.. สตั๊นต์กันทั้งแถบ..
   “นี่มึงด่าห้องกูว่ากากเหรอวะ คิดว่าหน้าตาหวาน ๆ อย่างมึงแล้วจะมีอะไรดีหรือไง !” ไอ้ซาน !! ไอ้ซานด่าห้องท็อปกากครับนั่นน ! แถมไอ้ท็อปยังเอาไม้บรรทัดชี้หน้าเอาเป็นเอาตายจนไอ้วินต้องเข้ามากักตัวมันทันทีเลย
   “ไอ้เชี่ยท็อป ! ใจเย็นดิวะ !”
   “เหี้ยวิน ! มันด่าห้องเจ็ดกากอ่ะ มึงได้ยินปะ สองรูหูเลยปะไอ้แว่น !” คราวนี้เสือกหันไปทะเลาะกับพวกเดียวกันอีก “มีสิทธิ์อะไรมาด่าห้องพวกเราวะ !!”
   ผมดิไม่มีบทอีกแล้วหันไปมองซานที่ทำสีหน้ากวนประสาทใส่ ขนาดกูยังช็อกเลยนะมึง..
   “ซานเขามีคติกับเด็กห้องเจ็ดน่ะ เห็นว่าตอนม.5 เด็กห้องเจ็ดไปทำไก่บ้านมันตาย” อยู่ ๆ ไอ้เชี่ยไลออนแม่งก็โผล่ออกมาข้าง ๆ ซานครับ “อย่าไปทำสัตว์เลี้ยงของหมอนี่ตายเด็ดขาดนะ ไม่งั้นมึงก็โดนเหมือนที่พวกเด็กห้องเจ็ดโดน”
   ผมหันกลับไปมองซานที่สะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่ง ได้ยินเสียงเชอะตามต่ออีก
   “รังแกไก่ไม่มีทางสู้”
..มึง...
   พูดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูกเลยกู
   “ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกนะ” พอไลออนเก็บซานไปเข้านั่งประจำที่ เสียงของชายหน้าเด็กเรียนแต่เป็นหนึ่งในแก๊งไอ้หัวทองดังขึ้น ไอ้วินนั่นเอง ผมผงะ หันไปมองอีกรอบพวกมันก็สลับที่กันเรียบร้อย
   “เออ.. นั่นดิ”
   “แล้วไอ้นัยล่ะ.. อ้าว ?” วินพูดจบก็ชะเง้อไปมองไอ้ดำที่นั่งอยู่อีกข้าง เออว่ะ ไอ้เราก็เพิ่งนึกออก หันไปมองตามแล้วก็ต้องผงะ..
ถึงว่าสิ.. ว่าทำไมมันถึงเงียบ ที่แท้..
..
หลับ ?
   “แม่งหลับเหรอวะ ?” ผมพึมพำแล้วเอียงหน้าเข้าไปมอง ..เออ ไม่ค่อยได้เห็นหน้าตามันตอนหลับแหะ จะว่าไปพักหลัง ๆ ก็อยู่ติวให้ผมตลอดเลยนี่หว่า แถมบางวันมีเตรียมบทเรียนให้อีกต่างหาก
จะเหนื่อยก็คงไม่แปลก
   “เออ หลับไปแล้วน่ะ สงสัยแม่งหูหนวก” เสียงรถทั้งคันก็ออกจะดังแต่ดันมานั่งหลับแบบนี้.. แปลกจริง ๆ นั่นแหละ
   “เหรอ.. ท่าทีมันดูเหนื่อย ๆ ว่ะ” วินพูดต่อพร้อมมองหน้าไอ้ดำ ก่อนจะร้องเสียงหลงออกมา “เฮ้ย ! ท็อป มึงทำเหี้ยไร กูมองไม่เห็น !”
 อยู่ ๆ ไอ้หัวทองก็ปิดตาวินเฉยเลยครับ
   “อย่าไปมองพวกมันมากเว้ย เดี๋ยวความเกย์ติดหรอกมึง” ..
..
อ้าว พูดงี้ก็สวยดิ
   วินที่ถูกปิดตาอยู่ถึงกับหัวเราะพรืด ไม่ทันที่ผมจะสวน มันเสือกสวนเอง
   “คนที่ส่งจดหมายสารภาพรักไปหาผู้ชายอย่างมึงพูดแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”
   “....”
เป็นไงล่ะ ลูกน้องแม่งหักหน้ามึงอ่ะไอ้หัวทองง ก๊ากก !
   สุดท้ายไอ้ย้อมหัวทองก็สบถออกมาแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทางครับ แหม สงสัยจะไม่อยากเถียงอะไร สมน้ำหน้ามันจริง !
   และไอ้วินมันก็ไม่หันมาคุยกับผมอีกครั้ง เปลี่ยนเป็นนั่งคุยกับท็อปไม่ก็กลุ่มเพื่อนในห้องของตัวเองขณะที่ผมรับรู้ได้ว่า.. มีเหี้ยที่ไหนไม่รู้เอาเท้ามาเตะ ๆ เบาะนั่งของกู !
   “มึง มึงรู้เรื่องแจกจ่ายงานยัง ?” เป็นเสียงไอ้ไทเกอร์ที่เล่นเอาผมผงะ..
เดี๋ยวนะ.. พวกมึงสามตัวนั่งกันแบ่งสองเบาะเหรอวะ !?
   “เหี้ย ! ไหงมานั่งเบียดกันสามคนล่ะวะ !” ผมหันขวับไปมองก็เห็นไอ้ซาน ไลออน ไทเกอร์ แม่งนั่งเบียดตูดกันสามคนครับ พระเจ้า คิดไปได้ไงวะเนี่ยย !
   “ที่มันไม่พอแล้วก็ไม่มีใครยอมนั่งพื้นน่ะ” ซานตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางพร้อมกันเข้ามาเกาะเบาะโผล่หัวอีกครั้ง คราวนี้ไอ้ไลออนและไทเกอร์ตาม ๆ กันมา ผุดกันเป็นดอกเห็ดเลยทีเดียว
   “..แม่ง.. โหดร้ายไปเปล่าวะเนี่ย..” เงิบดิกู...
   “จะว่าไป มึงกับไอ้ดำยังไม่รู้งานที่ต้องทำในค่ายนี้ใช่ปะ ?” เสียงของไลออนดังต่อเนื่อง ชะเง้อไปมองหน้าไอ้ดำที่พิงหน้าต่างหลับสนิทไปเรียบร้อย “โห.. หลับจริงเหรอวะเนี่ย..”
   “ยัง.. เออ อย่าไปกวนมันเลย ปล่อยแม่งไปเหอะ” พูดจบผมก็ปัดมือไลออนให้ออกไปครับ “ช่วงหลัง ๆ มันไม่ค่อยได้นอนอ่ะ ปล่อยแม่งไ...”
..แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองพลาดไปแล้วจริง ๆ ..
   “ตายจริงพี่ไทก์ ! พี่ไทก์.. ช่วงพักหลัง ๆ พี่ไทก์ก็ไม่ค่อยได้นอนนี่เคอะ ดังนั้นวันนี้พี่ไทก์นอนก่อนก็ได้ เดี๋ยวที่เหลือน้องไลอ์จัดการเองนะฮ๊า !”
   “...........”
   “หาว.. พี่ไทก์ง่วงนอนเหมือนกันนะน้องไลอ์.. ขอบคุณ..”
   “พ่องมึงตาย ! นี่พวกมึงคิดเหี้ยอะไรแล้วมาล้อเลียนพวกกูอีกแล้ววะ !!” ผมถึงกับแหกปากลั่นแล้วซัดกบาลไอ้เชี่ยสองตัวนี่ไปทันที ซานก็ยังทำหน้ามึนก้มปอกไข่ต้มแทน โอ๊ยย ตูล่ะเครียด !”ที่มันไม่ได้นอนเพราะว่ามันสอนภาษาอังกฤษให้กูโว้ย ! แล้วเตรียมแบบฝึกหัดเฉย ๆ !!” เออ แม่งไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย !
   ไอ้ไลออนร้องอ๋อพร้อม ๆ กับคู่แฝดนรกเก๊ของมันเลยทีเดียว
   “ที่แท้ก็ช่วยกันสอนรักเติมใจนี่เอง แหม ๆ” แน่ะ มากระแดะแหมอะไรอีก เดี๋ยวพ่อสอยร่วง
   “เอาเหอะ กูแค่จะบอกว่ามึงไม่ได้มีหน้าที่เด่นอะไรมากมายเพราะพวกมึงอยู่ในกลุ่มแสดงละครงานโรงเรียนอยู่แล้วอ่ะ กูเลยคิดว่างานสานสัมพันธ์.. แค่ดูแลน้อง ๆ แล้วก็พูดนันทนาการนิดหน่อย ได้ปะวะ ?”
   ไอ้ไทเกอร์ลากเข้าเรื่องอีกแล้วครับ ดูไปดูมา พึ่งมึงได้ดีกว่าไลออนสินะเนี่ย
   “คืองี้ ของมึงน่าจะเป็นตอนวันสุดท้ายก่อนกลับอ่ะสัตว์ แค่ขึ้นพูดคุยกับน้องสักสิบห้านาที แล้วกูกับไอ้ไลอ์จะรับไมค์ต่อ เคปะวะ”
   “คิดถูกแล้วเรอะ กูพูดไม่เก่งนะ” ด่าเก่งอย่างเดียวครับ
   “น้อง ๆ เขาอยากเห็นคู่กัดฉิบหายขึ้นเวทีน่ะสัตว์” คราวนี้ไลออนเข้ามาเสริมต่ออย่างรวดเร็วเลย เล่นเอาผมผงะ ก่อนที่มันจะเปลี่ยนคำพูด “ไม่ดิ .. ต้องบอกว่าตัวติดกันฉิบหายมากกว่า”
   “ติดพ่อง”
   “เอ้า ๆ ไม่ติดแล้วไหงมานั่งอยู่ด้วยกันแบบนี้วะ จริงปะล่ะ ?” ไทเกอร์ยังคงอยู่ข้างไอ้ไลออนครับ แม่งงงง เออโอเค ตัวติดกัน.. จริงก็จริงวะ ! “จะว่าไป ช่วงนี้มึงกับมันไม่ค่อยทะเลาะกันแล้วนี่เนอะ ?”
   ประโยคถัดไปทำผมเลิกคิ้วน้อย ๆ
   “หา ? กูกับมันอะนะ ?”
   “ช่าย.. หลัง ๆ เหมือนสนิทกันขึ้นเยอะเลยนี่หว่า” ไลออนเอ่ยต่อพร้อมกับชะเง้อหน้ามองผมกับไอ้ดำสลับกัน “เห.. อย่าบอกนะว่ามีอะไรในกอไผ่น่ะ...”
..มีอะไรในกอไผ่..
   เหมือนหัวสมองของตนเองจะค่อย ๆ รื้อฟื้นความทรงจำต่าง ๆ ที่ผ่านมาอย่างรวดเร็ว เราเคยทำอะไรกันไปบ้างนะที่พอแปลว่า ‘มีอะไรในกอไผ่’
..หนีผีหมาด้วยกัน ? เอ่อ.. แปลก ๆ
   พักหลัง ๆ ไอ้ดำก็เริ่มยิ้มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เลยนี่หว่า จะว่าไปผมก็จูบกับมันไปสองสามรอบ.. เดี๋ยวนะ ยังไม่นับเรื่องที่ช่วยตัวเอง..
และ..
และผลัดกัน.. จับ..
   ..เพียงเท่านั้นหน้าของตัวเองก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเลย พร้อมกับเสียงร้องทักของไทเกอร์ต่อ
   “อ้าว ไอ้กรด.. ในรถบัสมันร้อนขนาด..”
   “อ๊ากกกกกกกก ไม่มีอะไร ! ไม่มีอะไรทั้งนั้น ! กูนอนล่ะ สาดดดดด !” ผมแหกปากลั่นพร้อมกับมือทีดันหน้าไอ้ไลออนกับไทเกอร์ลงทันทีก่อนจะกระโดดหันขวับไปอีกทางพร้อมกับก้มหัวจนชิดเข่า “..เชี่ย.. เชี่ยล่ะ.”
..หน้าผม.. ต้องแดงอยู่แน่ ๆ เลย..
   “เหี้ยกรด มึงจะร้องเสียงดังทำไมวะ ดูดิ ไอ้นัยแม่งสะดุ้งตื่นอีก” ผมไม่พูดอะไรตอบไลออนแต่เปลี่ยนเป็นก้มหน้าติดเข่า แก้มตนเองร้อนผ่าวจนแทบอยากจะระเบิดตัวตาย..
บ้า..
บัดซบเอ๊ย.. ทำไมต้องหน้าแดงขนาดนี้ได้วะ..
   ได้ยินเสียงขยับตัวเบา ๆ ดังมาจากคนที่นั่งข้าง ๆ ก็ถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อก ..มันตื่นแล้วจริง ๆ ด้วย คงจะเป็นเพราะเสียงผมแน่
   “ฮ้าว..” ผมแอบชำเลืองมองไปทางไอ้ดำที่เพิ่งจะงัวเงีย ได้ยินมันบ่นสามสี่คำว่าเอะอะสักอย่าง ก่อนที่นัยน์ตามันจะเหลือบมาทางผมแล้วนิ่งไป
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนแทบจะตั้งตั้งตัวไม่ทันอีกแล้ว
ไอ้ดำเบิกตากว้างเหมือนหายง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง
พวกเรา.. จ้องตากันสักพักใหญ่โดยไร้ซึ่งเสียงพูดคุยใด ๆ ทั้งสิ้น ท่าทางหน้าตาของผมจะทำให้มันตกใจได้นานอยู่เลยทีเดียว ก่อนที่ชายร่างสูงกว่าจะพึมพำบางอย่างออกมาแผ่วเบา
   “..ชิ” ผมได้ยินเสียงออกมาก่อนที่จะเหมือนทุกอย่างมืดลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อใครบางคนโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้
   ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงตรงบริเวณแก้มของผมอย่างไม่ทันตั้งตัว
พร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบา
ที่..
ทำให้หัวใจเต้นระรัวกว่าเดิม..
..
   “..ขี้โกงเป็นบ้า”
อานั่น..
   และไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ.. ทุกอย่างในสมองผมเหมือนดับไปทันทีเพราะสายตาอีกสองคู่ของคู่แฝดเก๊ที่จ้องมาอย่างสะพรึง..
   “..นี่.. นี่ B1.. B1 เห็นอย่างที่ B2 เห็นหรือเปล่า..” เสียงไลออน..
   “..อืม ..B1 ..B1 ก็เห็นอย่างที่ B2 เห็นนั่นแหละ..” เสียงไทเกอร์..
   “...” เหมือนไอ้ดำจะหันขวับไปมองสักพักก่อนจะเบนหน้าหนีไปทางหน้าต่างอีก ส่วนผมน่ะเหรอ ? เด้งตัวมาอ้าปากพะงาบ ๆ รับรู้ถึงสายตาของเชี่ยแฝดนรกที่มองมาอย่างมีเลศนัย
..ก่อนที่พวกมันจะพูดออกมาพร้อมกัน..
เป็นประโยคที่.. ทำผมรู้สึกอยากจะระเบิดตัวตายให้พ้น ๆ ไปทันที..
   “..เขาว่ากันว่า.. คนกัดกัน.. มักจะรักกัน” มันเอ่ยเสียงเอื่อย ๆ อย่างจงใจพร้อมมองมาทางผมและไอ้ดำ ก่อนจะหันไปจ้องตากันแล้วพูดต่อ
“..เนอะ น้ำกรด” ..ไอ้ไทเกอร์เนอะกับกูเฉยเลย..
“..เนอะ ดนัย” ..ต่อด้วยเหี้ยไลออน.. เนอะใส่คนนั่งข้าง ๆ ผมอีก..
..
ฮือ..
กูตายทันไหม..



หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:33:51
C h a p t e r 38
คนเกลียดกัน มักจะอยากอยู่ด้วยกัน


สงสัยโตขึ้นน้องกรดต้องเข้าบ้านหลังคาแดงแน่ ๆ
ประสาทผมเริ่มจะระเบิดเข้าไปทุกที..
   สิ่งที่น่าประหลาดที่สุด มันไม่ใช่อะไรนอกเสียจากว่า ‘กูยอม’ นี่แหละครับ ที่เครียดโคตร ๆ คือตรงนี้ แถมคราวนี้ไม่มีความรู้สึกขยะแขยงหรือสยองเจือปนอยู่เลยด้วยซ้ำ ! โอ้น้องกรด กูล่ะอยากจะเอาหัวโขกกำแพงจริง ๆ ฮือ !
ผัวะ !
   “เป็นเหี้ยไรวะ” เสียงทุ้มต่ำร้องทักพร้อมกับฝ่ามือฟาดลงบนหลังผมเต็ม ๆ อ้อก.. จำได้แว่ว ๆ ว่านั่นคือไอ้เชี่ยจิน เวร มึงมาหากูทำไม “ท่าทางมึงดูสติไม่เต็มว่ะ”
   “..เหี้ยไร มึงไม่ไปช่วยงานบนเวทีไง” ผมทักกลับ เบ้ปากให้มันที่คว้าเก้าอี้พลาสติกมานั่งข้าง ๆ ครับ ฮือ.. เหี้ยอะไรมึงวะเนี่ย มาข้างกูทำหอยหลอดอะไร
   หลังจากลงรถแล้วไอ้ไทเกอร์กับไลออนก็ไม่พูดอะไรต่อนอกจากหัวเราะ ‘ฮิฮิฮิ’ อยู่แบบนี้ทุกครั้งที่หันมามองผมกับไอ้ดำครับ ..เวรโคตร.. ฮือ..
   “ช่วยเหี้ยไร.. เออ มึงเห็นไอ้นัยปะ ?”
   “กูจะไปรู้เรอะ” อ้าวแม่ง มีการถามอีก
   “ปกติอยู่ด้วยกันตลอดไม่ใช่ไง” เฮ้ย เดี๋ยวนะจิน ทำไมคำพูดนี้ของมึงมันดูเหมือนงอน ๆ ไอ้ดำจังเลยวะ
   “ไม่รู้ก็คือไม่รู้ แล้วไอ้นิวเป็นไงบ้าง” ผมถือโอกาสรีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่มันจะรู้ตัวทันที จินผงะแล้วไหวไหล่ใส่ “ไรวะ”
   “ก็ปกติดี แค่ดูซึม ๆ ไปนิด”
   “คนที่สมรู้ร่วมคิดอย่างมึงอย่ามาพูดเลย โด่” แอบเขม็งนิดหน่อยแล้วถูกจินกอดคอหมับแทน “เหี้ยไรมึง”
   “โธ่ มึงอย่าเย็นชากับกูนักดิกรด” ดูสิครับ ผมแค่ตีหน้าหล่อแล้วหันไปอีกทางปล่อยให้ไอ้จินดึงแก้มตัวเองต่อไป
   “แก้มกูไม่นุ่มเหมือนไอ้นิวหรอกนะ” พอพูดดักแม่งก็หันมาเบิกตาเล็กน้อยก่อนที่มันจะยกยิ้มกับให้ผมพลางพูดประโยคถัดไป
   “ถึงจะไม่นุ่มแต่ก็ว่างให้หอมได้เหมือนกัน” ถึงกับขนลุกซู่.. ผมเอามือถูแขนตัวเองไป กล้าพูดมาได้ไงวะ “เฮ้ย ๆ ล้อเล่น ๆ ! อย่าถอยห่างงั้นดิ”
เอ้า.. จะไม่ให้กูถอยได้ไง นี่กูขนลุก !
   “มึงนี่นับวันยิ่งน่าขนลุกขึ้นว่ะ..”
   “โธ่ กูแค่ล้อเล่น กูจำได้ลาง ๆ ว่ามึงสัปหงกในห้องระหว่างที่เขาพูดถึงเรื่องเข้าค่ายใช่ปะ ?” เสียงของจินทำให้ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนไหนวะ เออแต่น่าจะใช่เพราะเรื่องเข้าค่ายไม่ได้อยู่ในหัวผมแม้แต่น้อย
   “แล้วไงวะ”
   “คือกูไปถามไอ้ไทก์กับไอ้ไลอ์มา มีกิจกรรมที่ทุกคนต้องทำก็คือเล่นบัดดี้บัดเดอร์ ไม่ดิ.. คล้าย ๆ พี่รหัสกับน้องรหัสอ่ะสัตว์ แล้ววันสุดท้ายมึงกับไอ้ดำก็ไปยืนพูดสักสิบห้านาที เคปะ ?”
   “ที่มากวนตีนกูตั้งนานนี่คือแค่นี้เหรอวะไอ้จิน” ถึงกับคิ้วกระตุกเลยกู แม่งทำผมขนลุกเกือบชาติ ที่แท้จะพูดแค่นี้เอง
   ไอ้จินก็เหลือเกินครับ หัวเราะก๊ากทันทีที่ผมพูดจบอีก
   “ใช่เลยมึง.. เดี๋ยวมึงไปจับฉลากเลือกน้องตรงนั้นนะ” ผมหันไปมองตามนิ้วที่จินชี้อย่างเนือย ๆ โอย.. กิจกรรมส่วนรูปอีกแล้ว กูขี้เกียจฉิบหอง.. “ตรงที่ไอ้นัยแม่งยืนหัวโด่อยู่อ่ะ”
   พอเพ่งดี ๆ เออว่ะ รังสีดำแม่งแผ่ออกมาชัดเจน
   “อ้าว ตกลงมึงรู้แล้วว่าไอ้ดำอยู่ไหนแล้วจะมาถามกูทำเหี้ยไรวะ”
   “ถามมึงลองเชิงไง”
โอ๊ยย ! กวนตีนกูจริง !
   ช่วงนี้สภาพจิตใจผมไม่พร้อมจะกวนกลับ ขอน้องกรดพักยกสักครู่ แล้วจะกลับมาระดมคอมโบให้มึงระรวนไปทั้งตัวเลยไอ้จินเอ๊ย !
   “อ้าวกรด ได้น้องยัง ?” แน่ะ ซานถามผมแล้วทำหน้าแบ๊วใส่กูอีก คิดเรอะว่ากูจะหลงระเริงน่ะ หืมมม.. แต่ความจริงก็น่ารักเหมือนกันนั่นแหละ ฮือ
   นักเรียนชายปกติมักจะมีหน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตรครับ หรือไม่ก็กวนตีน.. แต่เท่าที่ผมเห็นๆ มานี่ก็มีประมาณสองสามคนที่ดูดีนะและออกแนวสาวน้อย มีไอ้นิวเลยคนแรก ไอ้ไลอ์นี่ค่อนไปทางหน้าสวยแต่กวนตีนฉิบหาย แล้วก็ซานนี่แหละ ..นิสัยหักมุมกับหน้ามึงมากเลยไอ้ไข่ต้ม !
   “ยังเลยน่ะ” ผมตอบกลับไปก่อนที่จะถูกกล่องสีเหลืองอ๋อยยื่นมาตรงหน้า
   “จับฉลากสิ” ซานพูดเสียงใส บุ้ยปากไปทางไทเกอร์ต่ออีกต่างหาก “พอทานข้าวเที่ยงแล้วเขาจะเรียกหมายเลขน้อง ๆ น่ะ อย่าลืมไปดูหน้าน้องด้วยนะ !”
   “อ.. อืม..”
   ผมพยักหน้าพร้อมกับหยิบกระดาษที่ถูกม้วนอยู่ในกล่องนั่นมา.. น้องงั้นเหรอ จะว่าไปตอนผมอยู่ม.ต้นก็เล่นเหมือนกันแหะ ม.4ของที่นี่ก็มีพี่รหัส.. แต่จบคือพี่เขาเสือกไม่เทคแคร์กูแม้แต่หยดเดียว คิดไปคิดมาตอนม.5เทอมแรกผมก็เล่นเหมือนกัน แต่เนื่องจากพี่รหัสแสนดีของตนไม่ยอมเทค
..
กูเลยไม่เทคแม่ง..
   คิดแล้วหลุดขำครับ สงสารน้องรหัสตัวเองฉิบหาย
   ผมคลี่กระดาษอย่างไม่เร่งรีบก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อเล่นและหมายเลขประจำตัว
หมายเลข 12 (น้องไวท์)
   ..ถามว่าตื่นเต้นไหม ก็เอ่อ ตื่นเต้นนิด ๆ ก็ได้ว่ะ
   ตอนนี้เป็นเวลาพักทานข้าวซึ่งผมก็แอบชะเง้อมองหา ‘น้องไวท์’ ที่ว่านี่อยู่ครับ หน้าตาจะเป็นไงวะ ชื่อแม่งแบ๊ว หน้าตาจะแบ๊วตามหรือเปล่า อย่างน้อยก็ขอให้นิสัยแบ๊วตามด้วยเถิ๊ด.. อย่าออกมาหักมุมเหมือนเพื่อน ๆ กูเล๊ย
   “น้อง ๆ ครับ ! รีบ ๆ ตักข้าวให้เป็นระเบียบครับ” เป็นเสียงของหัวหน้าห้องเจ็ดครับ.. ใครก็ไม่รู้ แต่ตัวสูง ๆ หน้าตามาดนิ่งฉิบหาย จะว่าไปในนี้มีคนที่ผมไม่รู้จักอีกเยอะเลยนี่หว่า
   เสียงซอกแซกดังระงมกันมาไม่หยุดพร้อมกับเด็กรุ่นน้องที่ต่อแถวเป็นระเบียบจนหมด ถึงคราวรุ่นพี่ครับ.. แต่.. พวกกูต้องรู้หน้าตาน้อง ๆ ก่อนนี่ดิ อ้อก..
   “เอาล่ะครับ น้องคนไหนจำชื่อพี่ได้บ้าง ยกมือซิ !” ไอ้ไลออนเป็นคนจัดการด้านพวกนี้อีก.. พวกมึงสามตัว ไลออน ไทเกอร์ ซาน เด็กกิจกรรมโดยแท้จริง ๆ
   “พี่ไลออนครับ” ผมเห็นน้องคนหนึ่งยกมือตอบก่อนจะได้ยินเสียงปรบมือจากไทเกอร์ได้เป็นอย่างดีเลย
   “เก่งมากครับ ส่วนพี่ชื่อไทเกอร์ เป็นลูกคู่ลูกรับกับเจ้านี่ ยินดีต้อนรับน้องทุกคนเข้าสู่ค่ายสานสัมพันธ์นะครับ !”
   ผมได้ยินเสียงตอบรับคร้าบมาพร้อมเพรียงครับ . อืม.. ตอนนี้น้อง ๆ ก็นั่งอยู่บนโต๊ะกันหมดทุกคนแล้วนี่หว่า มาเดา ๆ หน่อยแล้วกันว่าใครคือรุ่นน้องที่น่ารักของผมกัน !
   “เดี๋ยวพี่จะเรียกชื่อใครหมายเลขไหน ให้คนนั้นยืนขึ้นนะ ถือว่าเป็นการเช็คชื่ออีกครั้งไปในตัวด้วยเลย” ไลออนพูดต่อพร้อมกับหยิบใบรายชื่อมาอ่าน เห็นน้อง ๆ ค่อย ๆ ลุกขึ้นตอบ
   “ได้เลขไรวะ ?” ร่างของตนผงะไปเมื่อจินเดินเข้ามากระแทกศอกใส่ ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับกระซิบกลับ
   “12 ว่ะ.. มึงอ่ะ ?”
   “กู 38 ไอ้นิว 40 เชี่ยนัยได้เบอร์ 7” กูถามมึงคนเดียว ได้โปรโมชั่นรู้ครบทุกตัวเลยแหะ เออ ดี ๆ
   ผมไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้ารับแล้วเปลี่ยนเป็นตั้งหน้าตั้งตาสมาธิใส่น้องไวท์ เบอร์ 12.. ไหน..
..
   “เบอร์ 7 น้อง.. โหย ชื่อน้องน่าอมมากเลยครับ น้องวิตามินซี !”
เหยดด นั่นชื่อคนเหรอวะเนี่ยยย !
   เอ่อ ความจริงผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปถามหรอกนะว่าวิตามินซีที่มันชื่อคนหรือเปล่า แต่รู้สึกนั่นจะเป็นน้องของไอ้ดำแฮะ
   “เฮ้ย ๆๆ ! พี่ เรียกผมว่าน้องซี น้องวิ น้องตา หรือน้องมินได้หมดเลยนะพี่ แต่อย่าเรียกชื่อเต็มดิ !" ..หันไปแล้วถึงกับตาโตเลยครับ บ๊ะแล้ว.. น้องแม่งน่ารักสุดยอด แถมมีรอยยิ้มกวน ๆ สดใส ๆ โผล่ออกมาอีก
   “ทำไมไม่ให้พี่เรียกชื่อเต็มล่ะ ?” ไทเกอร์ถามอย่างสนอกสนใจครับ สงสัยมันจะเล็งลูกศิษย์ตลก ๆ ไว้สืบทอดแน่
   “เพราะว่ามันจะดูอลังเกินไปไงพี่ กลัวคนอิจฉา !”
   สิ้นเสียงก็ได้ยินคนหัวเราะตามกันใหญ่ครับ ขนาดผมยังหัวเราะตามเลย แอบเหลือบมองไอ้นัยแม่งก็ยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ พร้อมกับมองหน้าน้องวิตามินซีอะไรนั่นของมันอีก
   “เออใช่ จะว่าไปห้องของพี่ไทก์ก็มีรุ่นพี่ชื่อแปลก ๆ อย่างนี้เหมือนกันใช่เปล่าครับ ?” คนที่น่าจะเป็นเด็กห้องเจ็ดหันมาถือไมค์ถามครับ ไทเกอร์เลิกคิ้ว
..
ขณะที่กูเริ่มจะขนลุกแล้ว
   “ก็มีเหมือนกันนะ ชื่อโคตรแปลกเลย ชื่อพี่น้ำกรดอ่ะครับ” ไลออนเป็นฝ่ายชะเง้อหน้ามาตอบเองพร้อมกับแอบควงแขนไทเกอร์อีก แน่ะมึง ไอ้ไทก์มันมีแฟนแล้วนะเว้ย ใจเย๊นน (?) “เอ้า ใครอยากเห็นพี่กรดบ้างคร้าบบ !”
   เสียงหวีดร้องดังมากครับ เอาตรง ๆ มันมาจากม.6หมดเลยนี่แหละ เล่นเอาผมเบ้ปาก
   “เอ้าพี่กรด ! พี่กรด ! พี่กรดอยู่ที่ไหน พี่กรดอยู่ที่ไหน น้อง ๆ รออยู่ น้อง ๆ รออยู่ !” ไทเกอร์เป็นคนร้องเพลงครับ เรียกผม มันคือกิจกรรมเวลาโผล่หัวรุ่นพี่คนใหม่ ๆ จะต้องร้องเพลงเรียก แต่.. ไอ้นรกหอกหัก! ไหนบอกกูไม่ต้องทำอะไรมากไงวะ แล้วที่อยู่ ๆ ให้เดินไปโชว์ตัวนี่คืออยากต่อยกันใช่ไหมม !
   สุดท้ายทุก ๆ คนก็เปลี่ยนเป็น ‘ปรบมือกดดัน’ ผมที่ไม่ยอมออกไปสักพักใหญ่เลยครับ.. นั่น.. ปรบมือยิ่งมากเท่าไหร่ กูก็ต้องไปสินะ..
   “คร้าบ ๆ พี่ไทก์ พี่ไลอ์ เรียกผมมาทำไมคร้าบ” ต้องเข้าใจครับ อยู่ต่อหน้าน้อง ๆ เลยต้องสุภาพเข้าไว้ ผมเดินไปหาพวกมันแล้วยืนอยู่ต่อหน้ารุ่นน้องรวมหกสิบคนที่กำลังมองอย่างสนอกสนใจอยู่
   “พี่ ๆ ! พี่ชื่อน้ำกรดจริงดิ !?” เสียงใส ๆ ของน้องวิตามินทำเอาผมแทบแสบแก้วหูเลยทีเดียว
   “ใช่ครับ” ตอบกลับเก๊ก ๆ สุภาพหน่อย
   ผมเห็นน้องวิตามินทำตาโตแล้วหันไปก้มหน้าซุบซิบบางอย่างพร้อมกับชี้มาที่ผมอีกรอบด้วย หา.. อะไรวะ ?
   “พี่ ๆ ถ้าผมขอเป็นตัวแทนถามอะไรหน่อยจะว่าผมปะ ?” ถึงกับเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนั่น ผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ ก่อนจะได้ไอ้ไลออนจับไมค์มาช่วยครับ
   “สำคัญหรือเปล่าน้อง ถ้าไม่สำคัญไปหลังไมค์ ๆ”
   “ไม่ ๆ พี่ ตรงนี้นี่แหละพี่ !” น้องวิตามินซี.. เปลี่ยนแม่ง น้องชื่อโคตรยาวพูดเสียงรัวพร้อมกับทำตาประกายแวววับเลยครับ “เรื่องที่พี่กรดกับพี่.. อะไรนะ ชื่อพี่นัยใช่ไหม ? อยากรู้ว่าพี่กรดกับพี่นัยเป็นอะไรกันอ่ะครับ”
โอ้วววววววววววว มรึ๊ง !!
   ถึงกับสะดุ้งโหยงเลย ได้ยินเสียงโห่มาอีกด้วย ไอ้น้องม.4เวร !!
   แล้วปฏิกิริยาไอ้ดำก็ไม่ต่างจากผมครับ เผยสีหน้าตกใจเพราะน้องรหัสตัวเองถามอะไรแปลก ๆ แบบนี้ซะงั้น
   “เรื่องนั้นไว้หลังไมค์ดีกว่านะครับน้อง ตอนนี้เวลาจำกัด” ขอบคุณไอ้ไลออนที่เข้ามาแก้สถานการณ์ครับ ฮือ กระซิก ๆ เลยกู โอ๊ย.. แล้วไหงเรื่องกูไปถึงหูพวกน้อง ๆ ได้ไงวะเนี่ย !
   สุดท้ายผมก็หลุดพ้นจากคำถามของน้องวิตามินบ้าบอห่าอะไรนั่น กูว่ามึงอย่าชื่อวิตามินเหอะ มึงชื่อน้องจำไมดีกว่ามั้ง กูขอ
   “น้องเบอร์ 12 น้องไวท์ครับ”
   เสียงเรียกถัดไปทำให้ผมแอบทำหน้าเก๊กแล้วชำเลืองมองไปตามหาเด็กที่จะยื่นขึ้น โอ๊ะ.. รู้สึกจะเป็นคนที่ซุบซิบกับน้องวิตามินซีก่อนที่เขาจะถามผมนี่หว่า น้องไวท์เป็นเด็กตัวเล็กแถมยังขาวจั๊วะสมชื่ออีกต่างหาก ตากลม ๆ โต ๆ นั่นเล่นเอาผมแอบใจสั่นตึก ๆ เลยแหะ
แต่.. คิดไปเองหรือเปล่าว่าน้องเขากำลังมองมาทางผมน่ะ ?


   การจดจำชื่อหน้าของน้องที่พวกเราต้องดูแลจบลงและผมก็ได้รับประทานอาหารเรียบร้อย ตอนแรกกูก็ตะหงิด ๆ นะว่าทำไมทุกเมนูแม่งมีไข่ประกอบด้วย สุดท้ายพอแอบย่องไปจ้องหลังครัวก็ถึงกับร้องอ๋อ.. ไอ้ซานเจ้าของฟาร์ม (?) ไก่เป็นพ่อครัวหน้าหวานอยู่นี่เอง ! กูว่าหลังจากวันนี้ต้องได้กินไข่ไก่ทุกวันเป็นอย่างแน่แท้ ฟันธง !
   “พี่ ๆ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นพร้อมกับการสะกิดเรียกผมทำให้ร่างของตนชะงักไปก่อนจะหันมองเด็กตัวเตี้ยกว่า.. เฮ้ย “ไงพี่”
   “อ้าว.. ไอ้น้องชื่อประหลาดนี่เอง ว่าไง ๆ” น้องคนถามแปลก ๆ เองครับ น้องวิตามินซีน่าอม
   “ทำอย่างกับพี่ชื่อไม่ประหลาดอ่ะ แต่เฮ้ย ๆ พี่ มันไม่ประหลาดนะ ต้องเรียกว่าชื่อพวกเราเจ๋งต่างหากล่ะ !” คิดไปคิดมาก็ถูกอีกนะ “เออพี่ ผมมาถามคำถามพี่อ่ะ”
..
เงิบเลยกู
   ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกหลังได้ยินประโยคถัดไปที่ดังออกมาจากปากของเจ้าเด็กนี่ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง
   “..เอ่อ..”
   “พี่เป็นอะไรกับพี่นัยอ่ะ ?” ..มึงตรงเกินไปปะไอ้น้อง ! เตี้ยแปะยิ้มเอ๊ย
   “แล้วจะอยากรู้ไปทำไมล่ะ ?” ผมตัดสินใจถามกลับ ยักคิ้วให้อีกครับ คือผมไม่ได้สร้างภาพนะ แต่แค่พูดถึงชื่อไอ้ดำก็รู้สึกไม่อยากได้ยินแล้วอ่ะ..
..
คือ.. ก่อนหน้านี้กูเพิ่งมีเรื่อง (?) กับมันบนรถบัสเอง..
   “ผมไม่ได้อยากรู้หรอกพี่ แต่ไอ้นี่มันยากรู้ต่างหาก !” วิตามินซีพูดพร้อมกับฉีกยิ้มฟันขาวแล้วคว้าไหล่เพื่อนตนเองทันทีทำให้ผมผงะเล็กน้อย เฮ้ย ไอ้น้องที่อยากรู้แม่งหน้าคุ้น ๆ ว่ะ
มองไปมองมา.. อ้าว นั่นน้องที่กูต้องเทคแคร์นี่หว่า
   “แล้วจะอยากรู้เรื่องของไอ้ดำไปทำไ...”
   แต่ผมยังพูดไม่ทันจบก็ดันมีเสียงดังขัดขึ้นมาอีกซะก่อนครับ..
   “ไอ้หมา ไปจัดเต๊นท์.. ไวท์ ?”
   “พี่นัย ?”
..
เอ๊ะ..
   เดี๋ยวนะ ผมหันขวับไปตามเสียง มีคนเรียกกูว่าหมานี่คนเดียว ไม่ดิ ต้องพูดว่าตัวเดียวตั้งหาก และนั่นก็คือไอ้ดำครับ ! แต่..
ไวท์ ?
พี่นัย ?
   แล้วสมองผมก็เรียบเรียงสำเร็จ สายตาของผมรีบตวัดไปมองใบหน้าของไอ้ดำที่เผยความประหลาดใจไม่ต่างจากไวท์และน้องวิตามินซี
   “มึง.. รู้จักกับน้องเขาเหรอวะ ?” ไอ้ดำพยักหน้ารับอีกรอบครับ ยิ่งทำให้ผมเบิกตากว้างขึ้น
เดี๋ยวนะ
กูจะค่อย ๆ เรียบเรียงความเข้าใจของตัวเอง
   สายตาของตนเริ่มจ้องจับผิดใบหน้าที่ดูประหลาดของไอ้ดำสลับกับน้องไวท์ครับและสมองอันชาญฉลาดได้ทำงานทันที แอบเห็นทั้งสองคนนั้นมีก้มหน้าจ้องตาประสานกันด้วย..
..
อย่าบอกนะว่า..
   “น้องคนนี้คือคนที่มึงเคยนอน...”
ป้าบ !
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !! เจ็บแสรดดดด !
   “ญาติกูเอง !” โอ๊ย ไอ้ดำแม่งตบหัวผมลงมาได้ยินเสียงเต็ม ๆ หูเลย ทำไมมึงทำกับกูได้อย่างนี้วะ ไอ้เหี้ยเอ๊ย กูเจ็บนะไอ้สัตว์ แม่งตบหัวผมอ่ะ
   “ตบมาหาพ่อง !”
   “ตบให้มึง หุบ – ปาก” ไอ้ดำย้ำอีกทีละคำครับ มึงบอกให้กูหุบปากดี ๆ ก็ได้ ไม่ต้องตบแบบนี้ “เออ แล้วก็จะเรียกให้มึงไปจัดเต๊นท์ด้วย ไปได้แล้วสัตว์ จะได้เลือกที่นอน”
   “เลือกเหี้ยไร ไม่นอนข้างไอ้นิว แค่นั้นจบ” งอนนิวจริงจังอยู่ ให้เชี่ยจินไปบอกให้รีบง้อกูมันยังไม่มาง้อเลยเนี่ย ฮึ่ม
   ไอ้ดำพ่นลมหายใจดังเฮือกต่อ
   “ฟัง” เสียงแม่งดูจริงจังนิดหน่อย อ่ะ ๆ ยอมฟังก็ได้ “ท็อปจะนอนข้างวินกับเพื่อนห้องมันอีกคนเท่านั้น แล้วก็อยากนอนข้างนิวแต่จินไม่ยอม ดังนั้นจึงกลายเป็นจินนอนข้างท็อปแต่ไอ้ท็อปก็ไม่ยอมเลยสลับที่กับวิน เรียงจากขวานะ เด็กห้องเจ็ด ไอ้ท็อป วิน จิน นิว ..”
   “เออ.. แล้ว ?” เด็กห้องเจ็ดมานอนด้วย แต่ทำไมต้องเป็นพวกหัวทองวะเนี่ย แอบสังเกตรุ่นน้องมองสายตางุนงงจึงหันไปพูดบอก “รอแป๊บนึงนะ พี่ขอเคลียร์ก่อน”
   แล้วไอ้ดำก็พูดต่อทันที
   “มึงไม่นอนข้างนิวใช่ไหม ?”
   “เออ”
   “งั้นจะให้กูนอนไหน ?” จบแล้วไอ้ดำก็ชี้หน้าตัวเองครับ
อืม..
ง่าย
คำถามนี้ง่ายจริง ๆ
   ผมตวัดสายตาไปมองหน้ามัน ก่อนจะตอบชัดเจนอย่างไม่เกรงกลัว
   “ก็ข้างกูไง”
..

   อย่าให้อธิบายหน้าไอ้ดำตอนนี้ เพราะมันดันดูอุบาทว์ไปในสายตาผมทันที ทั้งเอ๋อทั้งสะพรึงผสมรวมกันอย่างลงตัวจนเป็นสีดำเนี่ย
อูย.. มึงจะทำหน้าตกใจหาพ่องมึง
   “..กูนึกว่ามึงจะไล่ไปนอนกับเด็กห้องเจ็ดไม่ก็ไอ้จิน..” ถามอะไรแปลก ๆ อีกแล้ว ผมเลิกคิ้ว จ้องหน้ามันตอบ
   “บ้าปะ ไล่มึงไปนอนมีหวังต่อยกันตายก่อนเช้า ไอ้นิวกับไอ้จินนอนข้างกัน มึงจะไปนอนกันก็ไม่ได้ ข้างไอ้จินก็ไม่ได้อีกเพราะพวกห้องเจ็ดอยู่ ดังนั้นมึงก็ต้องนอนข้างกูดิ.. จริงเปล่าล่ะ ?”
เห็นไอ้ดำทำหน้าสะพรึงใส่อีก โว๊ะ ดำสะพรึงเหรอวะสัตว์
   สุดท้ายคนฟังก็ยกมือลูบหน้าเบา ๆ พร้อมกับเมินหนีไปอีกทาง
   “อืม.. นอนข้างมึง” เมินกูอีก.. แต่เอ้า มึงก็เข้าใจนี่หว่า
   “เหี้ยไร แน่จริงอย่าเมินกู... เฮ้ย !! น้องไวท์ !” พูดยังไม่ทันจบผมก็ถึงกับแทบกรีดร้องมาเลยครับ พอจบคำพูดไอ้ดำปุ๊บจู่ ๆ ไอ้เด็กน้องที่ตนต้องดูแลดันเลือดกำเดาไหลพรากออกมาจากรูจมูกสองรูซะงั้น เฮ้ย !
   “ไวท์ !” ไอ้ดำแม่งพอ ๆ กันเลย เมินกูไปหาไวท์ก่อน เออ ก็สมควรนะ คือตอนนี้น้องเขาเลือดไหลพรากเลย วิตามินซีเหมือนรู้หน้าที่ครับ จับน้องไวท์เงยหน้าฉับพลันทันที
   “มันเป็นบ่อย ๆ น่ะพี่ เส้นเลือดฝอยมันเปราะ เดี๋ยวผมพาเพื่อนไปนั่งก่อน”
   “จะเป็นอะไรมากหรือเปล่า ?” คนผิวคล้ำข้าง ๆ ผมถามติด ๆ เลยแหะ “ให้พี่พาไปห้องพยาบาลไหม ?”
   เจ้าวิตามินซีสั่นหัวเชิงปฏิเสธครับ กูว่ามึงเปลี่ยนจากซีเป็นเคเหอะ ได้ยินว่าเป็นบ่อย ๆ เผื่ออยู่ใกล้ ๆ กันแล้วจะหายเลือดไหล
   “โธ่ เพราะพวกพี่ต่างหากที่ทำให้ไวท์เกือบหัวใจวาย.. เอ๊ะ เอาเป็นว่าผมพาเพื่อนไปนอนก่อนนะพี่ ๆ” มันโบกมือ อีกข้างยังคงจับเพื่อนเงยหน้าอยู่เพื่อหยุดเลือดกำเดานั่น “ไวท์ปะ ๆ”
   “..ฮือ.. ผมไปก่อนนะครับพี่นัย พี่กรด..” แอบเห็นมันเดินโซซัดโซเซไปกับน้องวิตามินคนทะเล้นแหะ “..ฮือ.. วิ กูฟินอ่ะ.. กูฟิน.. ฮืออ”
..
อะไรนะ ?
   ผมขมวดคิ้ว เหมือนได้ยินเสียงน้องไวท์ที่กูต้องปกป้องพูดพึมพำ.. อะไรฟิน ๆ นะ.. เฮ้ย ?
   พอหันไปหาไอ้ดำ มันก็ดันเผยสีหน้าเป็นห่วงญาติตัวเองแบบเต็มกำลังจนเล่นเอาสะพรึงเลยครับ..
..
   “..ไม่ไปดูน้องมึงล่ะ” ผมถาม ชายข้างกายตนเองหันกลับมาหา สายตาของมันฉายแววความลังเลอยู่นิดหน่อยด้วยซ้ำ
   “แต่พวกเราต้องไปจัดเต๊นท์” เออจริงของมัน
เอ๊ะ.. คราวนี้มันใช้คำว่าพวกเราแหะ กระดากหูกูแปลก ๆ ..
   “นั่นน้องรักมึงนะ” ยังแย้งครับ มันสมควรจะไปหาน้องตัวเองดิ ไม่ใช่ช่วยจัดเต๊นท์ ถ้าอยู่ ๆ น้องเขาเลือดไหลพราก ๆ จนหมดตัวตายขึ้นมา มันก็จะอดเห็นน้องตัวเองครั้งสุดท้ายก่อนตายเลยนะเว้ย
   แต่สิ่งที่ได้รับคือการถอนหายใจของไอ้ดำ
   “ถ้ากูไปหาไวท์ มึงก็จะไปจัดเต๊นท์ใช่ไหม ?” ผมนิ่ง..
   “ก็เออดิ นี่สมองมึงเพี้ยนไปแล้วหรือไง”
   ไอ้ดำตวัดสายตากลับมาจ้อง
   “ถ้ากูไป มึงก็ต้องจัดเต๊นท์คนเดียวน่ะสิ” ประโยคคำพูดกำกวมของมันทำให้ผมเผลอขมวดคิ้ว ไม่ทันไรก็รับรู้ถึงแรงดึงที่บริเวณข้อมือของตนให้ฉุดกระฉากไปด้วยกัน “ดังนั้นกูอยู่กับมึงน่ะ ดีแล้ว”
อะไรของมันวะ ?
   “ไปจัดเต๊นท์ได้แล้ว”
   ผมเดินเตาะแตะเหมือนเด็กเดินตามพ่อ ขมวดคิ้วกับคำพูดของมันที่เหมือนมีหลาย ๆ ความหมายอยู่ภายในหนึ่งประโยค ใบหน้าของตนเองก้มลงมองพื้น ขณะที่สองขายังคงก้าวไปตามแรงฉุดกระชากของมันอยู่
ใช่
เพราะผมก้มหน้ามองพื้นไง..
..
เลยไม่มีใครนอกจากตัวเองรู้ว่า.. ตอนนี้ผมกำลังยิ้มจนเมื่อยปากไปหมดซะแล้ว..
..


   “เชี่ย มึงเกิดมาไม่เคยตั้งเต๊นท์ใช่ไหมวะไอ้ควาย !!”
เสียงด่าใคร ? โอเค ! เสียงด่าของผมที่ตั้งใจด่าไอ้ดำด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างร้อนแรงครับ แม่ง อากาศร้อนก็ร้อน ไอ้ห่าดำเสือกตั้งเต๊นท์ไม่เป็นซะงั้น ! โอ๊ยยย แล้วมึงจะชวนกูมาทำม้ายยยย
“มึงเองก็ตั้งไม่เป็น ไม่ต้องมาบ่น” แน่ะ ดูมันดิ ยังจะเถียง
“อย่างน้อยกูก็มั่วถูกแล้วกัน.. โอ๊ะ ๆ ! เหี้ยแล้ว ไอ้ดำหายไปไหนวะ ?” ว่าจบก็แสร้งทำเป็นหันมองซ้ายมองขวาทั้ง ๆ ที่มันอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ
“หา ?”
“ตายล่ะ ! เพราะว่าเริ่มตกเย็นแล้วนี่เองเลยมองไม่เห็น โถ่ ! มึงอยู่ตรงนี้เองเหรอ ต้องเพ่งสินะถึงจะเห็นเนี่ย !”
“เมื่อไหร่มึงจะเลิกปากหมาวะ” มีการมาด่ากูกลับอีก เดี๋ยวปั๊ดเจอน้ำกรดคิกส์เลยนะสัตว์
ผมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเรื่องด้วยการไม่ต่อกรกับคำด่ามันครับ ใคร ๆ ก็รู้ว่าการด่าพวกนี้มันไม่มีวันจบจนกว่าผมและมันจะตายไปข้างหนึ่ง ไม่ก็จนกว่าจะมีใครสักคนมาช่วยห้าม.. ซึ่งตอนนี้มันไม่มีอย่างไงล่ะ เหอะ !
“เฮ้ย พวกดำจังไรแม่งจัดเต๊นท์เสร็จแล้ววะ”
..ฮึ ! อะไรนะ !?
   หูกูกระดิกยิก ๆ เลย.. ใครวะ หะ ใครเป็นพวกดำจังไร กูไม่ดำนะเว้ย !
   “ไอ้ห่าหัวทอง เก็บปากไว้แดกข้าวซะ” เอ่ยเสียงแข็งพร้อมกับจ้องหัวทอง ๆ ของมันเขม็ง แม่งดูดิ นักเรียนคนอื่นทำหัวทองแล้วโดน‘จารย์เก็บซะเรียบ ทำไมเหลือไอ้กะหล่ำนี่ได้อยู่คนเดียววะ ความเท่าเทียมมันอยู่ตรงไหน !
   “เป็นเมียมันหรือไงเลยทนไม่ได้ที่เห็นผัวถูกด่า” อือหือ.. ผมมองหน้าไอ้เชี่ยท็อปที่พูดพร้อมกับยักคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในตัวเต๊นท์ครับ มันโยนกระเป๋าทิ้งไว้ในเต๊นท์พร้อมกับหันมามองด้วยสายตาเหยียดหยาม แน่นอน ผมเองก็ไม่แพ้กัน เหยียดมาเหยียดกลับดิ มึงหาเรื่องกวนตีนกูแล้ว !
คิดว่าหัวทองเพราะย้อมมามันเจ๋งนักหรือไง สู้หมาในปากกูได้เปล๊า !
   “ไอ้ท็อป.. อย่าไปหาเรื่องคนอื่นเขา” โอ๊ย.. วิน พ่อบุรุษมหาประเสริฐจริง ๆ กูล่ะอยากจะกราบมึง มันมาห้ามทัพอีกแล้ว !
   “เหี้ยไรล่ะ กูยังแค้นมันอยู่นะ” แค้นไอ้ดำแล้วมันเกี่ยวเหี้ยไรกับกูคร้าบ ถามจริง “โว้ย ! ไอ้วิน มึงไม่ต้องทำหน้างั้นดิ เออก็ได้ ! ไอ้สารเคมี ถ้าวันไหนไอ้วินไม่อยู่กับกู มึง-ตาย-แน่ !”
   ถามว่าผมเข้าใจที่มันแสดงออกไหม ตอบตรง ๆ คือไม่ แค่เห็นไอ้วินขมวดคิ้วที่มันมายุ่งกับผมก็เปลี่ยนทิศทางซะงั้น คนเรานี่แปลกจริง ๆ
   ผมตัดสินใจละสายตาหนีไปอีกทางก็พบว่าพวกเพื่อน ๆ เริ่มไล่ (?) ให้เด็กไปนอนกันแล้วนั่นเองครับ พอยกนาฬิกาขึ้นดูก็พบว่าเป็นเวลาสามทุ่มพอดีอีก
แม่งจะเร็วไปไหนวะ ?
   ว่าแต่ ทำไมกูจัดเต๊นท์นานฉิบหายเลยวะ..
ผัวะ !
   “อั่ก !” เสียงกระอั่กน้ำลายดังออกมาจากผมเองนี่แหละ ! เมื่อมีเหี้ยที่ไหนไม่รู้ปาบางอย่างนุ่ม ๆ นิ่ม ๆ มาใส่ผมซะงั้น !”ไรวะ !”
   “คิดถึงพ่อไง ? นอนได้แล้ว” พอหันกลับไปก็พบว่าเป็นไอ้ดำครับ ผมเบิกตากว้าง เดี๋ยวนะ มันเอาหมอนมาจากไหนวะ
   “...เชี่ยแล้ว.. กูเห็นหมอนแม่งลอยได้..” ผมพึมพำ มองหมอนสีขาว ๆ กับคนผิวคล้ำที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ (?) ก่อนจะได้สายตานิ่ง ๆ ใส่ซะงั้น
   “ระวังหมอนมันจะลอยหนีมึงไป”
..แล้วมันก็หันหลังขวับ..
   “เชี่ย เอาหมอนมาให้กูก็ให้ดิ อย่าเอากลับ” ผมแหกปาก เข้าไปตะครุบหมอนทันทีแล้วรีบเดินเข้าเต๊นท์ เมื่อเปิดซิปออกก็ต้องสตั๊นต์ เหมือนพวกไอ้ท็อปจะรู้หน้าที่จริง ๆ แม่งไปชิดอีกฝั่งของเต๊นท์เลยด้วยซ้ำ..
แถม..
   “..เชี่ยหัวทองมันหลับแล้วเหรอวะ..” เสียงทุ้มของตนลดระดับจากปกติเพราะไม่อยากรบกวนมัน ไอ้วินที่กำลังตบหมอนแปะ ๆ หันมาทางผม
   “ไม่แน่ใจ..” มันว่าแล้วชะเง้อมองเชี่ยท็อป ขณะที่ผมใช้โอกาสนี้พาร่างตัวเองเข้ามาในเต๊นท์และย้ายไปอีกมุมหนึ่งครับ แต่เต๊นท์พวกเราค่อนข้างกว้างสุด ๆ จริง ๆ ไม่งั้นคงอัดไม่ได้หกคนหรอก
   “เด็กอนามัย” แอบเหน็บแล้วเอากระเป๋าที่โยนทิ้งไว้มาใกล้ ๆ ครับ.. เห็นไอ้ดำเดินตามเข้ามาติด ๆ เลยด้วย “มึง อย่าเสียงดังนะสัตว์ ไอ้หัวทองหลับแล้ว”
   “ช่างหัวแม่ง”
..
ไอ้สัตว์ดำแม่ง..
   ผมเห็นสายตาของมันแอบเหลือบมองคนหัวทองที่กำลับนอนเอาหน้าซุกลงหมอนอย่างมีสไตล์อยู่ก่อนจะละสายตาไปจัดส่วนที่นอนของมันแทน
   “อย่ามาเบียดกูมากนะเว้ย”
   “มีอยู่หกคนในเต๊นท์ กูว่าน่าจะอึดอัดพอควร” ..จริงของมันอีกนั่นแหละ
   ผมยักไหล่ ขอเป็นเด็กอนามัยแบบเชี่ยท็อปนอนไวบ้างแล้วกัน คิดแล้วก็ล้มตัวนอนลงพร้อมพ่นลมหายใจแรง ๆ ออกมาทีหนึ่งครับ
เป็นจังหวะเดียวกับคนถัดไปเข้ามาพอดี
   “อ้าว พวกมึงคิดจะนอนกันแล้วเหรอวะ ?” เสียงคุ้นๆ ของไอ้จินทำให้ผมพลิกตัวหันเข้าอีกทางของเต๊นท์เร็วไว “มึงกับไอ้กรดนอนด้วยกัน ? เฮ้ย ๆ นี่มันโลกแตกเปล่าวะเนี่ย” ได้ยินมันขำต่ออีก.. เชี่ย น่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ
   “มันยื่นข้อเสนอมาเอง กูไม่เกี่ยว”
   “พูดแบบนี้แต่มึงดูเต็มใจนะ” ผมขมวดคิ้วกับประโยคนี้แต่ก็ตัดสินใจไม่คิดอะไรต่อ ปิดตาหลับไปแทนแล้วกันกู
   “แล้วเชี่ยนิวล่ะ ?” โอ๊ย.. กูกะว่ากูจะนอนแล้วนะ เจอชื่อนี้ หูกระดิกอีกล่ะ
   “เดี๋ยวก็มา.. ไอ้กรด กูเห็นหูมึงกระดิก ยังไม่นอนใช่ปะ ?”
..หูกูกระดิก ?
พ่อง ! กูไม่ใช่หมา !
   ผมตัดสินใจยกมือขึ้นปิดหูแล้วจงใจหลับตาต่อครับ ไอ้ยินเสียงหัวเราะของไอ้จินดังมาแว่ว ๆ อีก เวรเอ๊ย กูชักขึ้นแล้วนะ.. ไอ้.. ไอ้ดอก.. นรก..
   “แล้วเมื่อไหร่มึงกับไอ้นิวจะคืนดีกันวะ งอนกันยิ่งกว่าผัวเมียอีก”
   “......” ประโยคนี้ผมตัดสินใจหลับตานิ่งแล้วปิดหูแน่นกว่าเดิม..
   “มึงก็น่าจะรู้นี่ว่าไอ้นิวมันขี้งอนขนาดไหน ขี้งอน ขี้น้อยใจ ซึนกับเพื่อน แถมยังงี่เง่...”
..
เดี๋ยวว่าไงนะ
   ขมวดคิ้วทันทีเลยครับ.. ไอ้ขี้งอนขี้น้อยใจเนี่ย เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นไอ้นิวมันเป็นกับผมเลยนะเว้ย !
   “กูว่ามันอาจจะพยายามหาทางง้อมึงอยู่ก็ได้ แค่...”
และเชี่ยจินยังพูดไม่ทันจบ
ก็ได้ยินเสียงซิปเต๊นท์เปิดพรืดเข้าให้แทน
   “มาดูว่ากูพาใครมาด้วย !”
ไอ้เวรนิว...
   ไม่รู้ว่ามันพาใครมาด้วยแหละ แต่ที่รู้ ๆ แม่งทำกูเสียบรรยากาศหมด.. ผมยอมหันไปแง้มตามองหน้าหวาน ๆ ครับ ก่อนจะ..
โป๊ะ..
..
สบตากับแม่งพอดีเลย
   นิวเป็นคนหันสายตาหนีผมไปทางอื่นแทนก่อนที่จะลากใครคนด้านหลังเข้ามาแทน
   “กูมีเซอร์ไพรส์ด้วย !” มันลากเสียงครับ แอบรู้สึกตะหงิด ๆ ที่โดนหันหนีนิดหน่อย..
แต่..
แต่ความตะหงิด ๆ นั่นมันดันทำให้ผมถึงกับคิ้วกระตุก เพราะว่า..
..คนที่มันพามาด้วยนั้นคือ..

..
   ชายหน้าตาคุ้นเคยหันมาหาผมและยกมือโบกไปซ้ายทีขวาที..
..
พร้อมกับพูดเสียงเรียบๆ ตามนิสัย
..
   “ไง..”
..
เชี่ยเบส
บทมึงยังไม่หมดอีกเหรอวะ..
...


หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:34:42
C h a p t e r 39
คนเกลียดกัน มักจะขอเป็นแฟนกัน


เงียบดิ
เงิบแดก
ครั้งที่เท่าไหร่กับเรื่องราวแบบนี้วะเนี่ย..
   “เอามันมาทำไมวะนิว..” เสียงจินมันร้องออกมาเบา ๆ ส่วนผมยกมือลูบหัวอย่างเคร่งเครียด แม่งจงใจเอาไอ้เชี่ยเบสมาใช่เปล่าวะ ไม่สิ.. ต้องพูดว่าอะไรมันจะบังเอิญขนาดที่ว่ามีอีกโรงเรียนที่มาเข้าค่ายพร้อมกัน แถมเป็นโรงเรียนเชี่ยเบส !
พูดง่าย ๆ ให้เข้าใจ.. โรงเรียนเก่าของผม !
   แค่นี้ก็แคบแล้ว มึงยังจะหาคนเพิ่มเหรอวะ
   “ก็กูตื่นเต้น ไม่นึกว่าจะเจอมันนี่หว่า” นิวพูดด้วยน้ำเสียงสดใส แถมยังดันให้ไอ้เบสนั่งลงอีกด้วย ไม่พอ มีการควงแขนอีก มึงตุ๊ดมากเลย มึงตุ๊ดขึ้นเมื่อไหร่ บอกกูดิไอ้ห่า ! “นาน ๆ ทีจะเจอเพื่อนสนิทสมัยเด็กนะมึง”
แน่ะ.. ท่าทางครึกครื้นอีก
   “แล้ว.. เอามันมาเพื่อ ?” เป็นเสียงไอ้ดำครับที่ยังคงพูดต่อ นิวฉีกยิ้มหวานหยดย้อยจนน่าตบกะโหลกสักทีนึง
   “เอามาค้างด้วยคืนนึง.. นอนเบียด ๆ กันคงไม่เป็นอะไรหรอก.. เนอะ.”
   ผมถึงกับหันขวับไปมองคนพูดสลับกับไอ้เบสที่มีท่าทีตกใจทันที
   “นิวนี่เฟรนด์ลี่นะ” เสียงไอ้ท็อปดังขึ้นมาติด ๆ กูเห็นท่าทีมันก็รู้เลย.. แม่งอยากมีส่วนร่วม แต่ดูเหมือนอะไร ๆ จะไม่โอเคเท่าไหร่ เพราะไอ้นิวเมินนี่ดิ ว่าแต่.. มันตื่นตอนไหนวะ..
   “มึงถามความสมัครใจเชี่ยเบสยัง ?” ไอ้หน้าหล่อ ตัวสูง ใจแต๋ว (ในความคิดผม) ถามต่อพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่นิวเอาศอกสะกิดเชี่ยเบสยึก ๆ อีกต่างหาก
   “ว่าไง ?”
   “กูยังไงก็ได้”
..
เชี่ยย นิสัยเดิมของมันแม่งไม่เปลี่ยนเล๊ย !
   ผมเอามือขยี้หัวตัวเองแรง ๆ ทันที โอ๋ย.. มึง ทำไมมึงทำตัวเหี้ยอย่างนี้วะ ทำอย่างนี้กับกูเพื่ออะไร ฮือ.. สงสารกูบ้างเหอะ..
   “อาจจะเป็นการง้อมึงทางอ้อมก็ได้ ใครจะรู้” เสียงไอ้ดำหันมาพูดเบา ๆ กับผมครับ
   “...มึงใช้อะไรคิดวะ..” สุดท้ายไอ้ดำก็ไม่พูดอะไรต่อ เห็นนิวมันบอกว่าจะให้เบสนอนข้าง ๆ ตัวเองอีกข้างอีกครับ เออเอาเข้าไป ผมเพิ่งมารู้อีกนิสัยนึงของมันคือโคตรเอาแต่ใจนี่แหละครับ เป็นข้อใหม่ที่ผมเพิ่งรู้เลย
   “แต่กูไม่ให้ไอ้เบสมานอนแค่เบื่อ ๆ หรอกนะ” เสียงทุ้มหวานของนิวดังขึ้นมาพร้อมกับมือของมันที่หยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมา เล่นเอาทุกคนหันไปมองมันเป็นตาเดียวเลยครับ “วันนี้กูจะให้พวกมึงเล่นเกมด้วย”
   “เกม ?” จินทวนก่อนเป็นคนแรก ขณะที่ไอ้ท็อปพูดจาสรรเสริญเพื่อนหน้าหวานของผมจนเชี่ยวินตบหัวมันไปให้หุบปากทีนึง
   “ใช่เลย พวกมึงรู้จักเกมพูดความจริงไหมวะ ถ้าหากกูหมุนขวดน้ำแล้วฝาทางไหน คนนั้นต้องตอบคำถาม และก้นของขวดน้ำไปทางไหน คนนั้นจะต้องเป็นคนถาม”
   “อ้อ” ไอ้เบสร้องออกมาพร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อย ขณะที่ไอ้ดำเอียงคอราวกับสงสัย
   “เกมปัญญาอ่อน”
..
พวกมึงคิดว่าแบ๊วกันเหรอวะ.. แบ๊วนักเหรอ โดยเฉพาะมึงไอ้ดำ เอียงคอเพราะสงสัย — แบ๊วตายห่าล่ะไอ้สัตว์ !
   “หึ.. แต่นี่ไม่ใช่เกมพูดความจริงหรอกนะ” ประโยคถัดไปของไอ้นิวทำให้ทุกสายตาหันมอง เหมือนเชี่ยท็อปจะถูกไอ้วินจับหน้าซุกหมอนไปแล้วครับ เออ ๆ ไอ้วินนี่ก็เป็นพวกพอแยกแยะสถานการณ์ออกเหมือนกันแหะ
แต่เอาเหอะ
ถึงไอ้นิวจะพูดยังไง.. มันก็ไม่เกี่ยวกับผม มันคงไม่อยากให้ผมเล่นด้วยหรอก
   ผมตัดสินใจทิ้งหัวลงหมอนต่อ
   “..เพราะนี่คือเกมพูดคำหวาน”
   “คำเสี่ยว ? ปัญญาอ่อนเปล่าวะ” ไอ้เบสยังคงเอ่ยประโยคนี้ ขณะที่จินทำหน้างุนงงใส่
   “กูไม่รู้ล่ะ แต่พวกมึงต้องพูด คนที่ฝาของขวดกับก้นของขวดชี้ไปจะต้องพูดคำเสี่ยวใส่กัน เป็นเวลาหนึ่งนาที..คนที่ถูกฝาชี้จะต้องหมุนขวดเพื่อเป็นรอบถัดไป กูจะยกตัวอย่างนะ ไอ้นัย หลบ”
   ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ได้ยินเสียงไอ้ดำขยับตัวเล็กน้อยอีก ขณะที่ทุก ๆ คนก็เงียบและมองมันด้วยความไม่เข้าใจ
ปึก
   ไอ้นิวน่าวางขวดน้ำนั่นลง
   “..สมมติว่า.. ตูดขวดหันมาทางกู..” เสียงหวานนั่นเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนที่จะเป็นประโยคถัดไป ที่ทำให้ผมที่หันหลังให้มันอยู่เบิกตาขึ้นมา “..และ.. ฝา.. หันไปทาง.. ไอ้กรด”
...หา ?
   หัวของตัวเองเผลอหันขวับไปมองเชี่ยนิวอย่างไม่ทันตั้งตัว
ไม่มีใครพูดอะไรหรือเอ่ยคำใดต่อ .. เพราะพวกมันเหมือนจะ ‘นัด’ กันไว้แล้วมากกว่า..
   ดวงตากลมโตของนิวจ้องมาทางผม พวงแก้มนั่นแม้จะเห็นแค่แสงสว่างจากโทรศัพท์ แต่ก็ทราบได้ว่า.. มันกำลังหน้าแดงสุด ๆ ..
   “..ก ..กรด”
เสียงมันตะกุกตะกัก
และดูกำลังพยายามมากซะด้วย..
   “..นิวรู้.. ว่านิวชอบทำตัวงี่เง่า.. ไม่ให้กรดมีความลับกับนิว..” ..
..มันต้องพยายามสกัดกั้นความขนลุกนี่เพื่อพูดออกมามากแหง..
   “..แต่นิวดันมีความลับกับกรดซะเอง.. ไม่ยอมบอกกรดด้วย” ผมแอบเห็นไอ้นิวหันหนีไปอีกทางแล้วเอามือถูแขนไปมาด้วย.. โธ่ พูดเรื่องพวกงี้เพื่อง้อกูไม่ใช่เรอะ ช่วยขอความกรุณาทำสีหน้าจริงจัง ๆ ไม่ใช่หน้าแดงแล้วมีท่าทีพะอืดพะอมหน่อยดิ
แต่ว่า
มัน
ชอบทำอะไรเซอร์ไพรส์ผมเป็นบ้า..
   คิดบ้างดิว่าจะมีเพื่อนที่ไหนเขาง้อกันแบบนี้ — ไอ้.. ไอ้แต๋วเอ๊ย..
แต่ถ้าผมไม่พูดอะไรสักอย่าง
แม่ง.. จะต้องคิดมากเหี้ย ๆ อีกแน่..
..
ดังนั้น..
..
   “กรดไม่โกรธนิวหรอกน่า”
ประโยคที่ดังออกมาจากปากผมทำให้ไอ้คนพยายามง้อ (?) อยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นฉับพลัน ดวงตากลมโตของมันเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยราวกับตกใจในสิ่งที่ได้ยิน และประโยคถัดไป..
ก็ทำให้ใบหน้าแดง ๆ พะอืดพะอมนั่นยิ้มร่าออกมาทันที
   “ก็นิวเป็นเพื่อนของกรดนี่ใช่ปะ ?”
..จัดฉากเล่นเกมกลายเป็นฉากง้อกูได้อย่างสุดยอด
   ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อ เพียงแต่เห็นไอ้นิวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วจะกระโจนกอดผม แต่โดนเชี่ยจินจับตัวเอาไว้ซะก่อนนี่สิ รอยยิ้มเล็ก ๆ และเสียงเฮฮาที่ผมได้หยอกล้อกับมันกลับมาอีกครั้งหนึ่งซึ่งก็ทำให้รู้สึกคิดถึงเป็นบ้า ก่อนที่สายตาตนเองจะไปสะกิดกับขวดน้ำที่ทางฝาขวดหันมาทางผมได้
ดวงตาของตนประกายขึ้นมานิด ๆ
พร้อมกับประโยคคำถามที่ดังออกมาจากปากของตนถัดไป
   “ฝาขวดหันมาหากู.. ต่อไปกูหมุนใช่ปะ ?”

ความเงียบ.. เริ่มเข้ามาครอบงำในเต๊นท์แห่งนี้
   มีเพียงแค่แสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์ของแต่ละคนเท่านั้นที่ยังคงเผยให้เห็นถึงใบหน้าของทุก ๆ คนได้ เหมือนจะมีคนบอกมาแว่ว ๆ ว่าให้นอนก่อนเที่ยงคืนเพียงเท่านั้น..
ดังนั้นตอนนี้มันยังไม่ถึง .. กูก็เล่นได้
   ดวงตากลมโตของนิวขยับมองผมเล็กน้อยราวกับครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนที่จะเลื่อนหันกลับไป ท่าทางมันจะกลัวผมเอาคืนแน่ ๆ เลย..
แต่อย่าหวังเหอะ
เพราะกูควบคุมไอ้ขวดนี่ไม่ได้ !
   “รีบ ๆ หมุนดิวะ” เสียงทุ้มที่ผมจำได้คร่าว ๆ ว่าเป็นของไอ้หัวทองดังขึ้นมาทำเอาคิ้วกระตุกหงิก ๆ เลยครับ แม่ง จะเร่งอะไรกูวะ เดี๋ยวปั๊ดต่อยหน้าแหก “กูชักง่วงล่ะนะ”
   “ไอ้นักเลงอนามัย” นี่แน่ะ ขอด่ามันไปสัก แล้วค่อยหมุนขวดต่อ
 วืด วืด วืด วืด..
..
เสียงขวดเสียดสีกับพื้นไม่ขาดสาย..
   มันค่อย ๆ หยุดลงและทำให้ผมต้องหันไปมองผู้โชคร้ายคนถัดไป ซึ่งนั่นก็คือ..
..
ไอ้วินและไอ้นิวครับ..
   ตูดขวดหันไปหาไอ้นิว ฝาขวดหันไปหาไอ้วิน..
โอ้ หรือว่านี่คือสัญญาณของคู่ใหม่กันวะ ?
   “ไอ้เชี่ย !” เป็นเสียงท็อปที่แหกปากลั่นพร้อมกับชี้หน้านิวกับวินสลับแบบรัวๆ “ไอ้เชี่ยวิน มึงบังอาจมาพูดคำหวานกับนิวของกูได้ไงวะ บอกกูมา !”
นี่มึงสติเต็มเปล่าวะ ?
   คนโดนกล่าวหาเสือกยักไหล่น้อย ๆ สะใจครับ แต่เหมือนไอ้ท็อปจะสติแตกไปแล้ว ส่วนนิวก็ได้แต่ถอนหายใจ
   “นี่กูประเดิมเลยเรอะ ท็อป มึงช่วยหุบปากหน่อยก็ดีนะ” เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกชะงักและได้ผล มันลงไปนั่งจ๋อย ๆ ที่เดิมซะงั้น
   ไม่.. ต้องบอกว่ามันเปลี่ยนที่ครับ ผมได้บอกหรือยังว่าตอนแรกที่นั่งมันเรียงเป็น ไอ้ดำ ผม จิน เบส นิว ท็อป และวิน แต่พอผมกับนิวคืนดีกันปุ๊บ ที่นั่งก็เปลี่ยนเป็นเบส ไอ้ดำ จิน ผม นิว ท็อป และวินเช่นเดิม
ซึ่งตอนนี้ท็อปมันเปลี่ยนไปนั่งตรงข้ามกับนิวแทนครับเพราะเหมือนเพิ่งตรัสรู้ได้ว่าถ้าอยากพูดคำหวานใส่กันมันจะต้องนั่งตรงข้ามกัน
   “กูว่าอย่างนี้แม่งไม่แฟร์ว่ะ คนที่นั่งตรงข้ามกันก็ต้องพูดคำเสี่ยวใส่กันตลอดไงวะ” เสียงไอ้จินที่โพล่งออกมาเชิงไม่พอใจทำให้วินกับนิวหยุดการโต้คำหวานทันที.. ไม่ดิ ไม่ใช่หยุด ความจริงพวกมันยังไม่ได้เริ่มโต้เลยครับ “กูว่ารอบนึงน่าจะหมุนสองครั้ง ครั้งแรกเอาตัวคนที่ฝาหันไป ครั้งสองเอาตัวคนที่ตูดหันไป น่าจะแฟร์กว่าไหมมึง ?”
   “กูเห็นด้วย !” ท็อป.. มึงโพล่งได้ทำกูปวดเฮดมาก หวงไอ้นิวสินะ เอ๊ะ หรืออย่าบอกว่าความจริงมึงหวงวิน !? “เพราะงั้นรอบนี้ฟาวล์ว่ะ”
   “เรื่องมากกันจริง” เสียงไอ้ดำพูดพึมพำพร้อมถอนหายใจครับ ไม่ต่างจากเบสที่ทำหน้าคล้ายคลึงกับว่า ‘มึงลากกูมานี่ทำไม’ นั่นแหละ
   “สรุปมึงหมุนใหม่ว่ะกรด”
แล้วดูข้อสรุปแม่งดิ !
   ผมเบ้ปากทันทีเลย
   “อะไรวะ ทำไมพอถึงตากูแล้วแม่งเปลี่ยน โกงฉิบหาย !” ไม่ครับ น้องกรดจะไม่ยอม พระเจ้ากลั่นแกล้งน้องกรดเห็น ๆ กูจะไม่ย๊อม ! และสายตาอันแหลมคมของผมก็ดันเหลือบไปเห็นคนต่างโรงเรียนแล้วโพล่งขึ้นมาทันที “มึงไม่ต้องมายิ้มด้วยไอ้เชี่ยเบส !” นั่นแหละ !
   เหมือนนิวมันจะหันไปมองเบสทันทีเลยด้วยซ้ำ
   “เบสยิ้มตรงไหนวะ ?”
   “ตามัน เมื่อกี้ตามันยิ้ม !” กูชี้ล่ะ กูชี้เลย ! ปกติไอ้เบสเป็นพวกหน้าตายครับ เวลายิ้มหรือแฮปปี้อะไรแม่งไม่ค่อยแสดงออก คล้าย ๆ ไอ้ดำนั่นแหละ แต่ถ้าเทียบกัน เบสจะค่อนข้างตายด้านกว่าไอ้ดำเยอะ ผมยังจำได้เลยว่าตอนที่ผมเป็นแฟนกับมันนะ ต่อให้แสดงท่าทางเซ็กกุซี่มากไหน ไอ้นั่นมันก็ไม่มีวันตั้งหรอก เชื่อกู !
   “ยิ้มเหี้ยไร ?” อือหือ.. สำนวนการพูดมึงเหมือนไอ้ดำอีก โอ๊ย น้องกรดอยากจะกระโดดฆ่าตัวตาย
   “จะว่าไปเมื่อกี้กูก็เห็นมันเหมือนยิ้ม ๆ นะ ไอ้กรดไม่ได้ตาบอด” คราวนี้เป็นจินพูดเสริมต่ออีก ส่วนนิวก็หน้าเหวอไปแล้ว
   “กูว่ามึงหมุนอีกรอบอย่าเพิ่งนอกเรื่องดีกว่านะ” เสียงทุ้มนุ่มไม่คุ้นเคยทำให้ผมหันมอง.. หืมม ที่แท้ไอ้วินเป็นคนหันมาบอกนี่เองครับ
   “ไอ้เชี่ยวิน ! อย่าไปพูดกับหมา เดี๋ยวมึงติดเชื้อบ้า !” และคนที่เตือนจะเป็นใครไม่ได้.. นอกจากเชี่ยท็อป โอ๊ยยยย น้องกรดขอแสดงหน้าปวดเฮดแป๊บ
   “ถ้าติดได้ กูว่ากูควรติดจากมึงคนแรกนั่นแหละ” นัยน์ตาหลังกรอบแว่นตวัดไปมองหน้าท็อปที่เอาแต่หาเรื่อง มันกำลังจะอ้าปากว่าตัวเองบ้าตรงไหนครับ แต่วินก็พูดขัดต่อ “มึงแม่งบ้า จะนอนแล้วยังเสือกเอาเจลเสยผมขึ้นไปอีก คิดว่าหล่อมากไง”
   “แน่นอน กูหล่อ”
...อึก ..อ้วก..
   แม่งพูดไม่ดูสารรูปใบหน้าที่ไม่เข้ากับหัวทองนั่นเลยยยยย โอ๊ยยย ไอ้นักเลงหัวทองง ! มาต่อยกับกูหน่อยมา มาเลย ! คราวนี้อย่าเอาไอ้เชี่ยวินกั๊กแขนกูด้วย ! ตัวต่อตัวนี่แหละ สัตว์เอ๊ยย !
   “สกปรก”
   หากแต่ไม่ทันที่ผมจะได้ออกโรง เสียงหวาน ๆ ของไอ้นิวที่ดังออกมาก็เล่นทำให้คนทั้งเต๊นท์อยู่ในอาการสตั๊นต์สุด ๆ แทนครับ โดยเฉพาะเชี่ยท็อปหันไปทางนิวแถมอ้าปากค้างอีก
   “หะ.. หา.. หา ?”
..แม่ง.. ดูจะตกใจนะ
   เพื่อนตัวเล็กหน้าหวานแต่แข็งแกร่งที่สุดเลิกคิ้วเล็กน้อย
   “มึงไม่กลัวผมมึงเสียหรือไง แค่ย้อมผมเป็นสีทองแม่งก็อุบาทว์ตาอยู่แล้วนะ”
   “.....”
   “คิดว่าตัวเองเด่นมากเหรอวะ แถมผมเหนียว ๆ เหนอะ ๆ มันน่าขยะแขยงจะตาย”
   “...”
   “พอกูรู้ว่ามึงเอาเจลที่ใช้เสยผมค้างข้ามคืน กูก็อยากจะอ้...”
   “เหี้ยวิน ! กูจะไปสระผม ! ไปกับกูเดี๋ยวนี้ !”
   เสียงกรีดร้องของท็อป.. ย้ำเลยครับ ย้ำว่ามันแทบกรีดร้องพอถูกไอ้นิวพูดแทงจิตแทงใจไปพร้อมกับกระชากคอเสื้อวินแล้วรีบกึ่งวิ่งจะออกจากเต๊นท์
   “เฮ้ย ใจเย็น ช้า ๆ ดิวะ เชี่ย ตอนนี้มึงจะไปสระที่ไหน !”
   “กูไม่รู้ แต่กูจะไปสระผม ! แล้วกูจะกลับมาใหม่ มึงต้องไปกับกู !”
ใครก็ได้บอกกูทีว่าไอ้พวกนี้มันเหี้ยอะร๊าย !!
   ผมมองเชี่ยท็อปที่หายไปกับไอ้วินแถมยังลากเพื่อนที่หลับอยู่ให้ไปกับพวกมันอีกต่างหากก็เล่นเอากลั้นหัวเราะไม่อยู่ครับ.. แม่ง แม่งเอ๊ยยย !!
   “มึงแม่งสุดยอดเลยว่ะนิว !”
   “กูแค่พูดความจริง” นิวมุ่ยหน้าใส่ผมแล้วหันไปนั่งจ้องขวดน้ำแทน “พวกนั้นไปแล้ว มึงก็รีบ ๆ หมุนต่อเหอะกรด”
เออจริงของมันแฮะ
   “มึงแม่งทั้งเหี้ยทั้งเมพจริง ๆ ว่ะ” จากใจไอ้กรดเลย กูชมจากใจเลยครับ ! แต่เพื่อนตัวเตี้ยของผมก็เสือกยักไหล่น้อย ๆ พร้อมกับหาววอดอีกต่างหาก ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายหมุนขวดน้ำอีกรอบ...
และรอบแรกที่ออก..
วืด.. วืด.. วืด..
ฝาขวด.. หันไปทางจิน..
   “...เอ๊ะ กูหรา ?” ...แม่งพูดเสียงจัญไรมากอ่ะ น้องกรดบอกตรง
   “มึงอ่ะดิไอ้เบื๊อก” ผมพูดแล้วตบหัวมันไปอีกป้าบ ก่อนที่จะโดนเชี่ยจินซัดหน้าท้องกลับ “อ้อก !”
   “หมุนต่อดิกรด กูอยากรู้ว่าใครคู่กับจิน” เสียงหวาน ๆ ของนิวทำให้ผมแอบถอนหายใจครับ.. แม่ง มึงหวงจินใช่ปะสัตว์ เรื่องชู้ลับ ๆ ของมึงยังไม่จบ แถมค้างฉิบหาย อีกอย่างมึงเสือกไม่เล่าอะไรให้กูฟังด้วย เดี๋ยวจะตบหน้าแหกจริง ๆ ก็งานนี้แหละ
   “เออ ๆ !” ผมตอกกลับปนรำคาญก่อนจะยอมหมุนรอบที่สอง..
และ..
วืด วืด วืด วืด..
รอบที่สองก็ตกอยู่ที่...
..
ไอ้..
เบส..
.....เชรด มึงจะสร้างคู่ใหม่กันใช่ไหมวันนี้ เบสจิน จินเบส บ๊ะแล้ว บ๊ะแล้ว !
   “อื้อหือ สามีกูปะทะกับแฟนกู โด้เชรด !” นิวแม่งอุทานเหี้ยอะไรของมันไม่รู้ แต่ท่าทางตื่นเต้นและไม่หึงหวงซะนี่ เวรกรรมนะมึง ทีกับกูแม่งหวงจินยิ่งกว่าจงอาง ไอ้เตี้ยบรรลัย !
   “เฮ้อ.. เมื่อไหร่กูจะได้นอนวะ” ไอ้ดำครับ บ่นพึมพำใหญ่ อะไรวะ มึงบทน้อยบทหายยังจะเสือกบ่น มาเป็นกูไหมสัตว์ ได้บ่นทุกตอนเลยเนี่ยไอ้ห่า
   เบสมันเปลี่ยนเป็นตวัดสายตานิ่งเรียบใส่ไอ้จินแทนครับ ซึ่งเหมือนจินก็สะดุ้งน้อย ๆ เพราะตกใจ พร้อมกับมองด้วยแววตางุนงง
   “แค่พูดก็พอใช่ไหม ?” คำถามถัดไปของอดีตคนรักผมดังขึ้น ขณะที่นิวพยักหน้ารัว ส่วนน้องกรดก็ได้แต่จ้องรัว ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และไอ้ดำแม่งมองแต่หน้าจินครับ โถ.. คู่ขาเก่าของกันและกันสินะพวกมึงเนี่ย มองหน้าไม่หยุดเลย เอ๊ะ ๆ หรือความรักเก่ามันจะแผ่ซ่าน อ่ะฮ่า
   “กูขอพูดก่อนได้ไหมวะ...” เสียงจินแม่งแว่ว ๆ มาครับ ส่วนไอ้เบสแม่งหันไปมองหน้าแวบหนึ่ง
   “อืม”
..ตอบรับนิ่ง ๆ ตามนิสัยมันตามเคย
   ทุกอย่างค่อย ๆ ถูกโรยด้วยความเงียบอีกครั้งเมื่อไอ้จินมันเอาแต่ก้มหน้าก้มตาแล้วเกาแก้มแกรก ๆ ไม่ยอมพูดทั้งที่ตนเองบอกว่าจะเป็นฝ่ายพูด ขณะที่เชี่ยเบสก็ทำเพียงนั่งขัดสมาธิมองนิ่ง ๆ ตามนิสัยของมันนั่นแหละ ..เอ่อ จะว่าไป มองไปมองมาเหมือนไอ้จินจะ..
..
หน้าแดงว่ะ..
   “..เอ่อ..คือ..”
   “รีบ ๆ พูดซะสิ” เป็นไอ้ดำที่ต้องการบทและพูดเร่งครับ แต่เหมือนว่าจินมันยังคงทำไม่ได้ เม้มปากแล้วยังยิ้มแหย ๆ อีกต่างหาก “เฮ้อ เขิน ?”
   “..เอ่อ ..ก็ ก็นิดหน่อย..”
หา.. เขินเรอะ..
   ผมสตั๊นต์..
ขณะที่ไอ้นิวขมวดคิ้วแน่น
   “นี่มึงเขินคนอีกแล้วเหรอวะจิน คราวนี้เขินเพื่อนกูอีก สัตว์ !” เสียงร้องประท้วงของนิวดังขึ้น “โอ๊ย แค่เกม มึงก็เขินแล้วเหรอวะเนี่ย”
   “ก็.. ก็ ก็กูไม่รู้จักมันนี่หว่า.. เขินก็น่าจะเป็นเรื่องธรรมดา..” พอเอาไฟส่องหน้ามันดี ๆ หูแม่งขึ้นสีแดงจริง ๆ ด้วย.. โอ๊ย “ก.. กะ กูไม่รู้จักมัน กู กู...”
..มันเป็นพวกอย่างนี้จริง ๆ เหรอวะ..
   “ถึงจะเป็นครั้งแรก แต่อย่าอายไปหน่อยเลย”
   และ.. เสียงเรียบง่ายของไอ้เบสที่ดังขึ้นมาก็ทำให้ทุกคนสตั๊นท์ ทั้งไอ้ดำ ไอ้นิว รวมถึงผมด้วยครับ..
อะไรนะ.. เมื่อกี้มันว่าอะไรนะ..
   “...กูจะทะนุถนอมมึงเอง.. ไม่ทำให้มึงเจ็บมากหรอก..” อันนี้เสียงไอ้เบส.. มาอย่างหล่อ..
ส่วนหน้าเชี่ยจินน่ะเหรอ..
..
แดงแจ๋ไปแล้วครับ..
   “กูบอกให้มึงมาพูดคำเสี่ยวไม่ใช่มาพูดคำลามกใส่เมียกู๊ !” ไอ้นิวถึงกับแหกปากแล้วยกมือปิดหัวจินอย่างรวดเร็ว ส่วนคนถูกกระทำน่ะหรือ.. หน้าแดงก่ำไปแล้วล่ะครับ “ในฐานะกูเจ้าของคนคิดเกม ขอสั่งให้ไอ้กรดหมุนใหม่อีกรอบ !”
..
หะ ?
   “ไหงเป็นงั้นวะ ! นี่กูหมุนมาหลายรอบแล้วนะไอ้ห่า !” อ๊ากกก น้องกรดยอมไม่ได้ ไหงมันโมฆะทุกรอบวะเนี่ย !?
   “เพราะกูหวงเมีย จบเลยมึง จบ และไอ้จิน มึงหยุดหน้าแดง เดี๋ยวนี้ !” เสียงลั่นดังออกมาจากไอ้เตี้ยไซย่าคนเดิมที่คราวนี้มันดึงหน้าจินไปซุกอกบาง ๆ แล้วเรียบร้อยครับ อือหือ.. ค่อนข้างจะเปลี่ยนแพร์ริ่งขนาดรูปร่างพอสมควรนะเนี่ย
แต่..
   “ให้กูหมุนใหม่อีกทีเนี่ยนะ !?”
   “ใช่ !”
นี่มัน..
นิวไซย่าปล่อยพลังคลื่นเต่านี่หว่า !!
   น้องกรดสตั๊นต์บวกเงิบไปด้วยเลยครับ ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก..
หน้าไอ้นิวแม่งบ่งบอกว่าให้ทำจริง ส่วนเชี่ยจินดันสั่นหงัก ๆ หน้าแดงไปแล้ว และไอ้เบสก็ท่าทางไม่คิดอะไรมากด้วย..
ดังนั้น
นี่กู.. ต้องหมุนไหมเหรอวะ ?
   “ต่อไปนี้มึงไม่ต้องมาให้กูเริ่มก่อนคนแรกเลยนะไอ้นิว กูซวยฉิบหาย !” ผมเน้นสามคำหลังพร้อมกับเอามือหมุนอย่างไม่ไยดี ฮือออ ! ทำไมกูต้องเกิดเรื่องบัดซบเฮงซวยอะไรอย่างนี้ด้วยวะ จบค่ายนี้ไปทำบุญเก้าวัดสักหน่อยน่าจะดีเหมือนกัน
วืด วืด วืด ..
   ขวดที่ตัวผมได้ออกแรงหมุนนั่นค่อย ๆ หยุดลงไปเรื่อย ๆ
และตามด้วยฝาขวด.. ที่ชี้ไปทาง..
เชี่ย..
..

กูเอง
   “.........”
   “มึงแม่งบรมซวยเลยว่ะไอ้กรด !” เสียงขำก๊ากจากนิวครับ ผมว่าผมสนับสนุนคำพูดของมันก็คราวนี้ ครั้งแรกโดนก็ยกเลิก ครั้งสองโมฆะ หมุนครั้งสามเสือกโดนตัวเองอีก
แล้ว..
ใครจะเป็นที่ต้องมาพูดคำเสี่ยวกับผม..
   ผมตีหน้าเครียด.. ไม่ได้การแล้วไอ้กรด ฉิบหายมึงจริงๆ ..
   คิดแล้วก็จะเอื้อมมือไปหมุนอีกรอบ แต่มือดันสั่นซะงั้น.. สั่นแบบเป็นจังหวะร็อคเลยล่ะมึงเอ๊ย..
..หัวใจผมเต้นแรง
และในที่สุด. .ก็ออกแรงหมุนอีกรอบจนได้
   “ครั้งนี้ไม่มียกเลิกแล้วนะมึง” ไอ้จินที่โผล่หัวออกมาจากนิวพูดพร้อมกลั้นขำ โธ่ มึงกลายเป็นปลาวาฬหลบอยู่ใต้สาหร่ายหางกระรอกอยู่ได้.. ไม่ดิ ไม่ใช่เวลามาด่ามัน ตอนนี้ต้องรอลุ้นผลของผมซะก่อน
วืด วืด วืด..
ขวดกำลังหมุน..
   ผมจ้อง..
และทุกคนก็จ้องตาม..
วืด วืด..
..
ขวดที่อยู่บนพื้นค่อย ๆ หยุดนิ่งลง
และก้นของมันก็หันไปที่..
   นัยน์ตาของผมหันไปมองคนที่ขวดหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนจะกลืนน้ำลายเอื๊อก แล้วเริ่มนึกว่าชีวิตกูเหมือนนิยายรักจริง ๆ ..
เมื่อ..
   “ไอ้ดำ หวยออกมึงแล้ว”
..
   ทำไมคืนนี้มันดูเงียบ ๆ จังเลยน่อ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเฮฮาเล่นกันอยู่เลย มีหึงหวงกันบ้าง อะไรกันบ้าง แต่ทำไมพอถึงกูกับไอ้ดำ ทุก ๆ คนถึงเงียบและตั้งใจฟังแปลก ๆ กันจังน้า..
ผมกำลังตกอยู่ในความลำบากครับ..
   ไอ้ดำก็กำลังมองหน้าผมอยู่เหมือนกัน..
   “.....”
   ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยคำไหนหลัง เหมือนจะรอลุ้นว่าจะพูดอะไรเสียมากกว่า
ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก ขณะที่ไอ้ดำยักไหล่ราวกับมันรู้ล่วงหน้าแล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ฮึก..ฮือ.. ไอ้มือเวร ทำไมมึงต้องทรยศเจ้าของด้วยวะ สลัด !
   “กูเริ่..”
   “เดี๋ยว !! กูเริ่มก่อน !” ระหว่างที่ไอ้ดำจะพูดผมก็ตัดสินใจขัดด้วยความกล้าหาญชาญชัยทันทีพร้อมกับยกมือปรามเอาไว้ .. แน่นอน ใครจะให้มันเริ่มก่อนล่ะวะ ผมควรจะรีบ ๆ ทำให้มันเสร็จ ๆ ไปดีกว่า !
   “ตามใจ” ไอ้ดำเอ่ยออกมาเรียบ ๆ จ้องหน้าผมไม่ละสายตาครับ ส่วนพวกที่เหลือเสือกมองซะอย่างกับจะแดกพวกกูสองตัวเนี่ย
   ผมตัดสินใจสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อควบคุมจิตใจของตนให้สามารถพูดประโยคน่าอาย ๆ นั่นได้ก่อนจะเม้มปากแน่น มองหน้าไอ้ดำรอบหนึ่ง
   นัยน์ตาของมันเองก็มองผม ใบหน้านิ่ง ๆ เรียบ ๆ ไม่ได้สื่ออะไร แต่ว่า.. สายตาของมันนี่สิ ดูจริงจังกว่าปกติที่ควรจะเป็น
ผมจึงตัดสินใจหันไปหานิว
   “..ไม่มีโมฆะแล้วเหรอวะ..”
   “ไม่”
..ดูมันดิ !
   กัดฟันกรอดสิครับ ทีตาคนอื่นแม่งให้โมฆะ ทีตากูเสือกหมดเวลายกเลิกแล้วให้หมุนใหม่ นี่มึงโหดร้ายกับกูมากไปเปล่าวะ ?
เอาเหอะ
ก็แค่คำพูดน่า น้ำกรด แค่คำพูด..
   “..ทะ ที่ ที่กูด่ามึงบ่อย ๆ อ่ะ..” เสียงตะกุกตะกักของผมดังขึ้นแผ่วเบา.. “..เพราะกู..อยากหาเรื่องคุยกับมึง..”
   “...” ได้ยินไอ้นิวร้องโฮ่ครับ ฮือ.. ไม่คิดว่ากูอายบ้างเหรอ
   “ความ.. ความจริง.. ความจริงกูอ่ะ..” ..ทำไมอยู่ ๆ รู้สึกหน้าตัวเองร้อนแปลกๆ วะ “ความจริงกูน่ะ...”
และผมก็ยังพูดไม่ทันจบ
เหมือนว่าตัวมันเองนี่แหละจะเอ่ยประโยคขัดออกมาเสียอย่างนั้น..
มันเป็นประโยคที่ว่า..
..
   “..ถ้ามึงจะพูดจาน่ารักขนาดนี้ มาเป็นแฟนกูเลยไหม ?”
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:36:26
C h a p t e r 41
คนเกลียดกัน มักจะต้องขย่มกัน


   ผมอยากจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและบอกกับตัวเองว่า ‘มันคือความฝัน’ มากกว่า
   ไม่ ถึงเป็นความฝันก็คงจะรู้สึกประหลาดที่ผมจะต้องฝันอะไรแบบนี้นี่สิ ถ้าก่อนหน้านี้เป็นความฝันจริง แล้วทำไมต้องฝันแบบนั้นด้วย.. เพราะจิตใจส่วนลึกของตัวเองอยากให้เกิดขึ้นงั้นเหรอ ?
   จบความคิดตัวเองความร้อนบริเวณรอบเอวก็ยิ่งเป็นแรงสนับสนุนว่าสิ่งที่ผมเพ้อเจ้อมาคือสิ่งถูกต้อง
ใช่
ผมไม่ได้ฝันครับ
เพราะว่าไอ้ถ่านยังกอดกูอยู่เลย
   อ๊ากก !!
   อกกูนุ่มนิ่มเหรอมึง กูมีก้อนเนื้อตู้ม ๆ สองก้อนให้มึงหนุนเรอะ !!
   ไม่ได้ฝัน ! ไม่ได้ฝันโว้ย ! ฆ่ากูเหอะ ฆ่ากูที ผมล่ะอยากจะจิกหัวตัวเองแรง ๆ สักรอบ กู ไม่ ได้ ฝัน !!
งั้นแปลว่า..
   ประโยคที่ไอ้ดำพูดก่อนหน้านี้คือความจริงเหรอ ?
   พอนึกถึง ใบหน้าของผมก็พาลร้อนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากอกก่อนที่จะรีบหันมองคนอื่น ๆ ในเต๊นท์..
ไม่มีแล้วครับ ไอ้เบสหายไปแล้วเรียบร้อย เดาว่ากลับถิ่นแล้ว
..แต่
   “กูไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเกิดมาแล้วมีโอกาสเห็นภาพนี้น่ะ” น้ำเสียงหวานใสของเพื่อนซี้ปึกที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้างทำเอาเหงื่อแตกพลั่ก “จิน มึงคิดแบบกูไหม ?”
   “ถ้ากูถ่ายรูปพวกนี้แล้วเอาไปขายจะเป็นอะไรไหมวะ”
   “ไม่เล--”
   “พ่องมึง !!” ผมแหกปาก สะบัดตัวสุดแรงจนทำให้มือไอ้ดำกระเด็นออกพร้อมกับรีบลุกพรวดไปอีกฝั่งครับ ความร้อนฉ่าที่ยังคงอยู่บนใบหน้าทำให้รู้สึกใจเต้นแรงไปหมด ฮือ อย่าบอกนะว่ากูจะเป็นสาวแรกแย้มแล้วจริง ๆ อ่ะ ไม่นะ ไม่ !
   “น้ำกรดหน้าแดงล่ะ น้ำกรดหน้าแดงล่ะ” อย่าคิดว่าเป็นเสียงใครครับ ไอ้นิวนี่แหละ พูดออกมาด้วยโทนเส้นตรงเหมือนล้อผมอีก ! ”มึงร้อนเหรอออออ”
   “หุบปากของพวกมึงไปเดี๋ยวนี้เลยไอ้สัตว์ !!” ผมหันไปตวาดด่าทุกคนที่ขวางหน้าเลยครับ แม่ง กูชักจะมีน้ำโหแล้วนะสาดดดดดดด
   ไอ้นิวกับไอ้จินยังหัวเราะครึกครื้นกันต่ออีก เออใช่สิ พวกมึงไม่ได้มาเป็นแบบกูนี่ !
   ผมตัดสินใจหันหน้าหนีกับไอ้พวกนี้แทนเพราะท่าทางมันคงไม่เลิกล้อแน่ ๆ ยิ่งโมโหหรือหงุดหงิดมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งแซว ๆ แซะ ๆ มากกว่าเดิมนี่สิ โอเค กูจบครับ กูจบเองก็ได้ !
   “แม่ง..” ผมสบถออกมาเบา ๆ ขณะที่ยันตัวขึ้นยืน และสายตากลับเหลือบไปเห็นชายที่เมื่อคืนพูดอะไรแปลก ๆ ออกมากำลังงัวเงียขึ้นตื่นอยู่ “....”
มันมองผมอ่ะ
..กูจะทำให้น้ำกรดตกเป็นของกูแค่คนเดียว..   
   ประโยคเมื่อคืนเหมือนถูกกรอเทปอีกครั้งหนึ่งทำให้คิ้วน้อย ๆ ของตนเองกระตุกหงิกขึ้นทันทีอย่างช่วยไม่ได้..
..และมันก็ทำให้ผมหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ ก่อนจะยกนิ้วกลางให้ชายผิวคล้ำที่กำลังสะบัดหัวไปมาเรียกสติอยู่
   “K”
   มันเงยหน้ามามองผมครับ เหมือนจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างแล้วหยุดไป ขณะที่ไอ้นิวกับไอ้จินเริ่มสงบลงแล้ว ไอ้ดำเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วตอบผมกลับแทน
   “..กูมีแค่ท่อนเดียวก็เกินพอ”
   “......พ่อมึงตาย”
   ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย กูไม่คุยแม่งล่ะ !
   ผมรีบจ้ำอ้าวไปคว้าแปรงสีฟันกับยาสีฟันก่อนจะรีบหมุนตัวออกจากเต๊นท์เหี้ย ๆ นี่ทันที โว้ยยยย ขอบอกเลยนะว่าความจริงคนปากหมาที่สุดในโรงเรียนนี้คงไม่ใช่ผมหรอกครับ แต่เป็นไอ้ดำต่างหาก ดูแม่งดิ ยังไม่ทันจะได้ลืมตาสว่างถึงห้านาที พอผมด่าปุ๊บ แม่งย้อนมาได้ทันทีเลยไอ้สลัดผัก !
   “ไปแปรงฟันเหรอวะกรด ? ไปด้วย ๆ” เสียงหวานของนิวดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับคนตัวเล็ก ๆ ที่มุดออกมาจากเต๊นท์ก่อนมันจะขำก๊าก “ไงล่ะมึง ไอ้นัยมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดมึงโคตรเลยว่ะ”
   “คำด่าอ่ะดิเหี้ย”
   “สมกับนอนกอดด้วยกันทั้งคืนจริง ๆ”
   “พ่อมึง !” ไอ้นิวเหมือนชินกับคำด่าของผมเต็มแก่ มันยักไหล่เบาๆ เชิงปลงชีวิตใส่อีก “เออ ไม่ไปแปรงฟันกับไอ้จินไง ?”
   “หะ ?” ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะย้ำอีกรอบ
   “ไอ้จินไง เมียมึงอ่ะ เมีย” นับวันกูชักเริ่มแน่ใจจริง ๆ แล้วว่าไอ้จินแม่งเคะแน่ ๆ ครับ จากเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างมาปะติดปะต่อกันได้เหมือนจิกซอว์นี่ นิวส่ายหัวยุกยิก ยักไหล่ พลางเดินนำไป
พร้อมกับทิ้งคำพูดที่ทำให้ผมต้องหุบปากเงียบลงทันที
   “ไม่ล่ะ.. มันคุยโทรศัพท์กับแฟนอยู่”
...
   เสียงโหวกเหวกโวยวายและผู้คนพลุกพล่านจนทำให้ผมรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที ลืมไปว่าตอนนี้เป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่จะตื่นแล้วออกมาทำภารกิจส่วนตัวกันนี่หว่า เออนะ
   “นิว มึงแม่งขาวว่ะ”
   “ดูตัวเองก่อนพูดซะบ้างเหอะ” อะไรวะ.. ผมแค่ชมนิวที่ถอดเสื้อนอกออกและใส่เสื้อตัวใหม่ไปเองนะ เออ แต่จะว่าไปก็จริง ผมขาวกว่าไอ้นิวอีกนี่หว่า ฮือ แต่หน้ากูไม่เหมาะจะขาวเลยนะครับ ! บางทีผมก็คิดนะว่าผมอยากผิวเข้มกว่านี้อ่ะ ขาวแล้วมันลำบาก สักพักอือหือ กูมีผิวทูโทนอีก
เอ๊ะ.. แต่ดำแบบเหี้ยบางตัวก็ไม่เอานะเออ !
   “ไอ้เชี่ยกรด !” ทั้งร่างของตนสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังลั่นจากนอกห้องน้ำก่อนที่ปรากฏตัวของไลออน มันถลาเข้ามาหาผมเลยด้วยซ้ำ “มึง.. มึง เมื่อวานพวกมึงแอบไปเข้านอนก่อนแล้วไม่ยอมมาช่วยกิจกรรมภาคค่ำ !”
   ผมย่นจมูกใส่
   “ก็คนเยอะแล้วนี่หว่า ขาดพวกกูไปก็คงไม่เป็นไร แถมไอ้เด็กห้องเจ็ดแม่งก็โดดด้วย...”
   “สัตว์ กูโดน‘จารย์ไม้ใช้งานแล้ว !”
เฮ้ย !?
   ผมสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินอีกเสียงหนึ่งจากด้านหลัง.. เสียง เสียงไอ้ท็อปครับ !! พอหันขวับไปก็พบกับร่างสูงพอ ๆ กันที่กำลังเปลือยท่อนบนอยู่กับไอ้วิน มันใช้ขันตักน้ำสาดหน้าตัวเองโดยไม่นึกอะไรมากมาย เรือนผมสีทองนั่นทำให้ผมตงิดใจ..
..เหมือนไอ้ท็อป.. แต่..
   “..มึงเอาน้ำสาดแบบนั้นแล้วจะมองเห็นได้ไงวะ” เสียงทุ้มต่ำของวินเรียกสติของตน มันเอื้อมมือไปเกลี่ยเรือนผมของชายหัวทองที่สะบัดหัวจนน้ำกระจายไปหมด
เดี๋ยวนะ..
   ผมขมวดคิ้วมุ่น สายตาจ้องเขม็งไปยันร่างหัวทองนั่น ก่อนที่ชายปริศนานั่นจะยกมือขึ้นเสยผมทำให้เห็นแววตาหาเรื่องดำสนิทที่สบกับผมเข้าเป๊ะๆ
   “..มองกูหาพ่องเหรอวะ ?”
   “มึงคือไอ้ท็อปเรอะ !?”
พระเจ้า ! คือ.. ปกติผมเห็นมันเอาหัวเสยขึ้นไปทั้งหัวตลอดครับ ไม่เคยเห็นแม่งเอาผมลงเลยด้วยซ้ำ ทำไมพอเอาลงแล้วแม่งเสือกเหมือนหนุ่มน้อยบ๊องแบ๊วเลยวะ ไอ้สาดดดดด กูสยอง ! นี่ทรงผมมีอิทธิพลกับตำแหน่งรุกรับได้ขนาดนี้เลยรึไงวะ
เอ๊อะ.. ผมไม่ควรจะตัดสินใจคนด้วยทรงผมนะ ..
   คิดแล้วก็ชำเลืองมองไอ้นิว.. มันแปรงฟันยิก ๆ แล้วเหลือบมองผมเล็กน้อย ท่าทีดูเซ็กซี่ไม่หยอกเลย .. โอย รอบตัวกูมีแต่คนหน้าตาดี แล้วดูกูนี่เหี้ยฉิบ !
   “อีอะไอเอ้ออรด ?”
...เอ่อ ผมว่าผมควรจะจบเรื่องตำแหน่งรุกรับในหัวสมองครับ
   “แล้วมึงจะให้กูทำไรล่ะไอ้สิงโต ?”
   “อ้าว กูไม่ใช่เสือแล้วเหรอน้องบัฟ ?”
ไอ้เหี้ย !!
   ถึงกับพูดไม่ออกเลย มึง.. มึ๊งง ! โอ๊ยยยย ผมทำหน้าปลาตายใส่ไลออนไปครับ มันก็ดันหัวเราะก๊ากออกมาอีกซะด้วยก่อนที่จะโบกมือไปมา
   “เมื่อคืนพวกไอ้ท็อปมันแอบออกไปเดินเล่นแล้วโดนอาจารย์ไม้พบเข้า อาจารย์แกเลยลงโทษ พวกมันเลยไม่ต้องมาช่วยงานข้อหาโดดกิจกรรมช่วงค่ำแล้ว” เสียงอธิบายของไลออนทำให้ผมวกหันไปมองหน้ามันใหม่อีกรอบ
   “ลงโทษ ?”
   “เออดิ เดี๋ยวนี้‘จารย์แกแปลกประหลาดไปสุด ๆ เลยล่ะ” ท็อปพูดต่อ “ให้กูแกล้งไปเป็นผีหลอกน้อง ๆ ที่ไม่ยอมนอนกับเพื่อนเว้ย เฮ้ย ไอ้วิน ตักน้ำมาให้หน่อย” ผมเห็นไอ้วินพยักหน้าหงึกแล้วหยิบขันให้ครับ
   “เออ ๆ ใช่ ๆ เอะอะก็ไม่ตีแบบไม่มีเหตุผลแล้วด้วยมึง” นิวเสริมต่อขณะที่มันทำให้ผมได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อก
   “แต่ให้ไปวิ่งรอบสนามแทน..”
   “......”
เงียบกันทั้งกลุ่มนินทาอาจารย์
ซ่า !!
   เสียงน้ำในขันที่ถูกสาดลงบนใบหน้าผมเต็ม ๆ ทำลายความเงียบงันจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ผมได้สติกลับขึ้นมาก็เห็นไอ้เชี่ยท็อปหัวเราะก๊ากพร้อมขันในมือครับ !
   “ไอ้สัตว์ !!”
   “กูก็แค่เห็นแม่งเงียบว่ะ.. เฮ้ย ๆ ดูหัวนมดิ ก๊ากกกกกก” ไอ้ฟายยยยยยยยยย !! อยู่ ๆ แม่งเอามือมาชี้หัวนมผมอีก โฮกกกกก “ไอ้วิน มึงเห็..”
   “มึงก็ไม่ต่างหรอก”
   “....................”
เอ๊ะ..
   ครั้งนี้ผิดคาด ไอ้วินเข้าข้างผม !
   “ก๊ากกกกกกกก โอ๊ยยย ไอ้ท็อป เป็นไงล่ะ ไอ้หัวทอง ไง เหี้ยทองคำ !!” ผมขำก๊ากแล้วหันไปบีบยาสีฟันแล้วเริ่มลงมือแปรงทันที ต่างจากท็อปที่หน้าขึ้นสีไปแล้ว โถ หน้าตามึงตอนนี้น่าแดกมากเลยบอกตรง คือพอมันเอาผมลงแล้วความรู้สึกช่างแตกต่าง จากเหี้ยกลายเป็นเหี้ยติดปีก อัพเกรดขึ้นระดับหนึ่งแน่ะ !
   “กูโกรธมึงแล้วไอ้วิน ! พ่อง !” คนหัวทองกระแทกเสียงแล้วหมุนตัวก่อนจะกระทืบเท้าเดินออกไปทันที วินส่ายหัว หันมามองผมพลางหัวเราะเบา ๆ
   “โทษที มันไม่ได้คิดจะแกล้งให้คนในห้องน้ำรู้หรอกว่าหัวนมมึงสีอะไร”
   “มึงไม่ต้องย้ำก็ได้นะ..” ผมพึมพำตอบ เพื่อนผู้ชายก็หันมามองเป็นระยะ ๆ เดาว่าคนมองคือ พวกเกย์ กะเทย ตุ๊ด เก้ง กวาง ส่วนพวกไม่สนน่ะคือชายแท้ครับ น้องกรดเดาได้เลย
   “ความจริงมันแค่อยากสนิทกับมึง” คิ้วของตนเองขมวดขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินไอ้วินพูดแบบนั้น “คงรู้สึกผิดที่ลากมึงมาเกี่ยวในครั้งนั้น แต่แสดงออกไม่ถูกมากกว่าน่ะ”
   ถึงแม้ว่าเสียงของวินจะดูราบเรียบ แต่มันกลับทำให้ผมเงียบลงได้ หัวนึกย้อนไปตอน ‘ครั้งนั้น’ ที่มันว่า คงจะหมายถึงครั้งที่ไอ้ดำฟาดผู้ชายปริศนาด้วยขวดนมชมพูแน่ ๆ
แต่.. ท็อปรู้สึกผิด ?
แปลว่ามันเข้าใจแล้ว ?
   สายตาผมเบี่ยงไปมองแผ่นหลังทั้งคู่ที่ไกลออกไป
.. บางทีพวกมันอาจจะไม่ใช่คนแย่ ๆ อย่างที่ใคร ๆ คิดก็ได้นะ
..


   “เออใช่ วันนี้ตอนเช้ากิจกรรมนันทนาการ มึงกับไอ้ดำขึ้นไปเป็นแบบอย่างสาธิตให้พวกกูทีนะ”
   “หะ ?” ผมหันขวับเมื่อได้ยินประโยคจากไอ้ไลออน เดี๋ยว ๆ อะไรสาธิตวะ.. พอคิดไปคิดมาก็เรื่องที่พวกผมไม่ได้เข้าไปช่วยกิจกรรมภาคค่ำนี่เอง “เออ ๆ แล้วพวกไอ้นิวล่ะ”
   “นิวมันตีกลองได้ ช่วยเชี่ยจินคงทำงานเบื้องหลัง แล้วมึงกับไอ้ดำสาธิตด้วยกัน แค่แป๊บเดียวก็พอแล้วล่ะสัตว์”
   “แล้วทำไมต้องกูกับไอ้ดำ ?” นี่แหละครับ คำถามเลย เมื่อคืนยิ่งมีเรื่อง
แปลก ๆ ทะแม่ง ๆ อยู่ด้วย
แต่คำตอบของไอ้ไลออนทำให้ผมต้องช็อก ผิดกับไอ้นิวที่ขำพรืดออกมาทั้ง ๆ ที่กำลังบ้วนปากอยู่
   “ก็พวกมึงสองตัวเป็นคู่จิ้นสำหรับพวกเพศที่สามของเด็กม.4กันนี่”
....
...กูปลงครับ..


   เหมือนว่าทั้งไทเกอร์และไลออนจะจัดสรรการทำการเป็นสองฝ่าย ทางไลออนเดินมาบอกผม ทางไทเกอร์ไปบอกไอ้ดำ ทำให้พอผมไปที่บริเวณใต้อาคารซึ่งเป็นจุดนัดรวมเด็ก ๆ ทั้งหลายก็พบกับคนที่ตนต้องทำงานด้วย นัยน์ตาคมของมันหันมามองเพียงแวบหนึ่งทำให้ร่างของผมสะดุ้งเล็กน้อยทันที
..กูไม่อยากเข้าคู่กับมึงตอนนี้.. ฮืออออออ
   “ตอนเก้าโมงครึ่งคือกิจกรรมสร้างเสริมความสามัคคีให้น้อง ๆ กูคิดว่าจะให้มึงกับไอ้กรดเล่นนี่กัน” เสียงทุ้มต่ำของไทเกอร์ที่ดูมีหลักการดังขึ้นพร้อมกับส่งลูกแอปเปิ้ลให้หนึ่งลูก ชายข้างผมรับมาก่อนจะมองด้วยสีหน้าสงสัย
   “มึงอยากให้กูทำอะไร ?”
   “เกมเหรอวะ ?” พูดขัดไอ้ดำ มองแอปเปิ้ลที่มันถืออยู่ ..โอเค ตอนนี้คืองานที่ตัวเองควรทำและผมก็ควรจะรีบ ๆ ทำให้มันเสร็จ รวมถึงลืมคำพูดของไอ้ดำทุกประโยคนั้นด้วย !
   “พอคิดอะไรได้บ้างล่ะ พ่อหนุ่มสารเคมี” ผมสะดุ้งโหยงกับคำพูดประโยคหลังที่ถูกดัดจนน่าขนลุกขนพอง พร้อมร่างที่สูงไม่ต่างจากตนเข้ามากอดแขนผมเอง..
และก็ค้นพบว่า.. มันคือ ไอ้ไลออน
   มึงทำเหี้ยอะร๊ายยย !!
   “ไอ้สาดดดดดดดดด ! พ่อง.. พ่อง .. พ่องมึงเป็นกะเทยเหรอวะสาด !!” รีบกระโดดถอยห่างทันทีครับ หันไปอีกทีพบเชี่ยไลออนที่มีเมคอัพหนา ๆ เต็มหน้าไปหมด มันหัวเราะก๊ากเลยล่ะ โฮ “ไอ้.. ไอ้ ! มึงทำเหี้ยไรวะ !!”
   “กูจะเล่นเป็นสาวดี๊ด๊าสร้างสีสันให้น้อง ๆ” ไลออนพูดเสียงสดใส เขยิบตัวเข้าควงแขนไทเกอร์แถมยังเอาหน้าซบต่ออีกทอด “พี่ไทก์ขา.. น้องไลอ์สวยไหมก๊ะ ?”
ไอ้.. ดัดจริต !!
   ชักเริ่มคิดถึงตอนตัวเองต้องแต่งเป็นกะเทยแล้ว นี่กูต้องเป็นแบบนั้นจริง ๆ เหรอวะ ?
   “น้องไลอ์ของพี่สวยสยองมากเลยครับ.. เดี๋ยว มึงอย่าเพิ่งชวนกูเล่น ช่วยกูคิดเกมก่อนดิวะ” ผู้แต่งเป็นกะเทยเลิกคิ้วเชิงสงสัย และไทเกอร์ก็เฉลยต่อ “เกมที่ให้ไอ้นัยกับไอ้กรดเล่นไงวะ”
   “พวกเราก็เคยคิดกันแล้วไม่ใช่เหรอ ใช้แอปเปิ้ลไปอ่ะแหละ” มันพูดราวกับเป็นเรื่องสบาย ๆ ขณะที่ผมขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม หันมองแอปเปิ้ลในมือไอ้ดำอีกสักรอบ
..แอปเปิ้ล..
..มึงเอาแอปเปิ้ลไปทำอะไรได้นอกจากแดก ?
   “มันจะยอม ?”
   “น้ำกรดกับดนัยนิสัยดีพอและจะช่วยพวกเราดูแลรุ่นน้อง” รอยยิ้มหวานเยิ้มและคำชื่นชม รวมถึงชื่อจริงของผมและไอ้ดำปรากฏบนประโยคคำพูดของไลออน ทำให้รู้สึกขนลุกขึ้นมาตงิด ๆ คาดว่าไอ้ดำก็เริ่มรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติได้แล้วครับ เพราะแววตามันเผยความไม่สู้ดีสักพัก
   ไลออนหันกลับมา ใบหน้าหนาเตอะด้วยเครื่องสำอางไม่ได้ทำให้ความชั่วร้ายในแววตาของมันหายไปแม้แต่นิดเดียว รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏขึ้นทำให้ผมเผลอถอยห่าง
   “แดกแอปเปิ้ลลูกเดียวกันร่วมสาบาน” ประโยคนี้มันยกนิ้วก้อยขึ้นมาอย่างสะบัดสะบิ้งแต่ช่างจัญไรเสียกระไร
   ผมเริ่มกุมขมับ
   “หรือจะตัดแอปเปิ้ลเป็นชิ้น ๆ คาบเอาไว้คนละด้านแล้วเดินไปกลับรอบหนึ่ง” คราวนี้มันยกนิ้วนางต่อ
   “แบบนั้นแอปเปิ้ลก็ช้ำหมดสิวะ”
   คราวนี้เป็นไอ้ดำที่เงยหน้ามองเพดานอย่างจนใจ
   “เอ๊ะ แล้วยังมีอีกอย่างหนึ่งนะที่เป็นตัวเลือกนอกจากแอปเปิ้ล” เป็นเสียงของไทเกอร์ที่ขัดขึ้น แล้วสะกิดให้กะเทยน้อยพูดต่อทำให้ผมและไอ้ดำวกกลับมองอีกรอบทันที
   “อ๋อ.. อันนั้นอ่ะนะ ?” ไลออนยิ้มร่า ก่อนจะชูนิ้วกลางขึ้นมาทำให้ครบสามนิ้ว เป็นรูปตัวโอเค “เกม.. ขย่มลูกโป่งน่ะเหรอ”
...
หะ ?
   “เออ ! ใช่ ๆๆ กูชอบอันนั้น เอาแอปเปิ้ลทิ้งไปเหอะมึง”
   “กูกลัวน้องชายใครสักคนได้รับบาดเจ็บตอนลูกโป่งแตกมากกว่า” ผมถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก แน่นอนว่าคนข้าง ๆ ตนเองก็ด้วย “แต่กูว่าเกมนั้นต้องโอเคแน่เลยว่ะ”
   “ใช่มะ ๆ เออ ๆ ตกลงเกมนี้แล้วกันมึง เสร็จก็ให้น้อง ๆ เล่น เคนะ ?” ไทเกอร์พูดไป พลางหันมองนาฬิกา ขณะที่ผมกระพริบตาปริบ ๆ
   “เดี๋ยว ๆ ขย่มลูกโป่งอะไรวะ ?” ถึงกับอึ้งไปเลยครับ.. ไอ้ดำก็เหมือนกัน มันมองด้วยสายตางุนงงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย “หา.. ?”
   ไทเกอร์หันมายิ้มกว้างให้พวกเรา
แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกจริง ๆ
   “คนหนึ่งนั่ง.. เอาลูกโป่งวางบนตัก อีกคนหนึ่งขย่มลูกโป่งบนตักนั่นให้แตกโดยห้ามใช้มือ ที่ใช้ได้มีแค่ก้นเท่านั้น”
มาถึง ณ จุด ๆ นี้ ผมค้างไปนาน
   “..ดูจากขนาดตัวแล้ว ไอ้นัยคงนั่งแล้วเอาลูกโป่งวางไว้บนตัก ส่วนมึงน่าจะขึ้นขย่มลูกโป่งว่ะ”
   “.........” กูเงิบ เงิบแดก พูดอะไรไม่ออกและไอ้ดำก็เงยหน้ามองเพดาน มองฟ้า เหมือนโลกจะล่มสลายไปแล้วครับ
   “เดี๋ยวลองไปถามกับคนอื่น ๆ เพื่อซ้อมก่อนก็ได้นะสัตว์ บทพูดก็คิดสดแม่ง.. พอเล่นเกมจบก็บอกแค่ว่าเชิญพบกับพวกกูต่ออ่ะ”
   “........” ได้ยินเสียงถอนหายใจดังจากคนที่กำลังมองฟ้า
   ต่อด้วยน้ำเสียงไทเกอร์และไลออนที่ประสานกัน และหัวเราะจนทำให้ผมอยากจะเอาหัวไปจุ่มโถส้วมตาย
   “ขย่มกันให้สนุกนะ”
..
พ่อง !


   “สวัสดีน้อง ๆ ม.4 ทุกคนนะครับ ผมพี่ไทเกอร์ จะมาเป็นพิธีกรวันนี้คู่กับนางสาวไลออนครับ !” เด็กหนุ่มร่างสูงกล่าวขณะที่อยู่บนหน้าน้อง ๆ ไอ้ไทเกอร์เดินมาพร้อมกับโบกมือน้อย ๆ เรียกเสียงร้อง ‘เฮ’ ได้มากกว่าเก่า และเมื่อเปิดตัว ‘นางสาวไลออน’ เท่านั้นแหละครับ..
แม่งร้อง ‘โวยยยย’ กันเลย !
   “แอ๊ย.. น้อง ๆ อย่าร้องแบบนี้สิฮ๊า พี่เขินเป็นนะ” ไลออนสะดีดสะดิ้งได้จัญไรกว่าที่ผมคิดมากมันบิดตัวซ้ายทีขวาทีอย่างกับกะเทยจริง ๆ อย่างนั้นแหละ “โธ่ ๆๆ พี่สวยล่ะซี้ !”
   พวกน้อง ๆ เหมือนจะรู้ว่าเล่นกันครับ มันหัวเราะครึกครื้นกับท่าทีเลยของไอ้ไลออนเลยล่ะ
   “ถึงแม้ว่าพี่ไลอ์จะสวยขนาดไหน หรือมีคนมาจีบขนาดไหนก็จีบไม่ติดหรอกนะครับน้อง ๆ” ไอ้ไทเกอร์ไม่เลิก มันส่งเสียงจุ๊ ๆ ใส่ไมค์พลางเอามือทาบอกซ้าย “เพราะว่าพี่ไลอ์.. เขาอยู่ในหัวใจของพี่ไทก์คนนี้แล้วยังไงล่ะครับ”
   คราวนี้น้อง ๆ ให้การตอบรับมาดีกว่าที่ผมคิด แม่งร้องสบถคำเสียดายกันใหญ่ โถ่.. น่าสงสารจริง
   “พี่แม่งคิดไงเอาพี่ไลอ์มาแต่งกะเทยวะ ! เสียดายของ !”
   “พี่แม่งเหี้ยยยยย !”
สมกับเป็นเด็กม.4โรงเรียนกูจริง ๆ ..
   ดูท่าคนรักไลออนเยอะครับ ไอ้ไทเกอร์ก็ดูสนุกกับการได้แกล้งน้อง ๆ ด้วยแหละ ส่วนคนมีแฟนคลับแม่งทำลอยหน้าลอยตาเป็นกะเทยหน้าหนาถือไมค์สวยวิ้งค์
   “น้อง ๆ อย่าก่อม็อบเพราะความสวยพี่เลยครับ” มึงก็กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำนะไอ้ไลออนว่าตัวเองสวย กระดากหน่อยก็ดีสัตว์ ! “เอาล่ะ เช้านี้พวกพี่ก็มีกิจกรรมให้ทุกๆ คนได้มาเล่นกันด้วยนะครับน้อง ๆ !”
   เสียงร้องฮือฮาของนักเรียนชายล้วน.. ไม่ใช่ดิ ไม่ใช่แค่ชายล้วน พวกตุ๊ด กะเทย เก้ง กวาง และชาย ดังขึ้นต่อเนื่อง ทำเอาผมที่ยืนอยู่หลังเวทีถึงกับกุมขมับ..
..ใกล้ตากูแล้วสินะ.. ฮือ.. ฮือ..
   “แต่คราวนี้ไม่ใช่พี่ไทก์สุดหล่อ และพี่ไลอ์สุดสวยจะมาเล่นกิจกรรมนี้นะครับ” ไทเกอร์จุ๊ปากเบา ๆ ทำให้เสียงฮือฮาเริ่มซาลงราวกับสนอกสนใจ ท่าทางไอ้สองตัวนี้จะออกหน้าเยอะเด็กแม่งเลยเบื่อแล้วล่ะครับ ”คราวนี้จะเป็น.. สองหนุ่มผู้โด่งดังในชั้นมัธยมหกครับ !”
   “พี่ให้น้อง ๆ ทายเล่นดีกว่าว่าใคร” คนแต่งเป็นกะเทยพูดด้วยแววตาเลศนัย “ใครทายได้เดี๋ยวพี่ให้ไทเกอร์ไปไว้ที่บ้านเลย !”
..เงียบ
ไม่มีเสียงตอบรับจากน้อง ๆ..
   “..นี่น้องรังเกียจพี่มากขนาดนั้นเลยเหรอครับ..” คนที่ไม่อยากมีใครเอาไว้บ้านพึมพำเสียงเศร้าใส่ไมค์ ส่วนไอ้ไลออนถึงกับขำก๊าก
   “น๊อง ! น้องทำตัวได้เจ๋งมาก พี่ชอบ ก๊ากกกกก สมน้ำหน้า !” ไลออนหัวเราะสะบัดรูปลักษณ์กะเทยทิ้ง ต่างจากไทเกอร์ที่พึมพำเศร้าใส่ ทำเอาน้อง ๆ หัวเราะครึกครื้นกันอีกรอบ
เอาล่ะ..
ตอนนี้ล่ะที่ผมกับไอ้ไลออน และไทเกอร์ รวมถึงไอ้ดำนัดกันไว้แล้ว
   ผมกำชับไมค์ในมือแน่น .. ระหว่างที่ซ้อมกันอยู่มันให้ผมไปขัดครับ.. ซึ่งซ้อมกันหลายรอบแล้วก็จริง แต่ผมถึงกับตัวสั่น..
..ผมไม่ชอบเผชิญคนเยอะ ๆ สักเท่าไหร่นัก
หรืออาจจะเป็นเพราะหนึ่งในอดีตของผมก็ได้ อดีตที่ผ่านมานานมากแล้ว
   “ตามึงแล้ว” เสียงทุ้มต่ำของคนข้าง ๆ ตนเองดังขึ้นเรียกสติ ไอ้ดำหันมามองแวบหนึ่งเชิงเตือนให้รู้ ขณะที่ผมตอบรับเออ ๆ ออ ๆ ไปตามที่บอกแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเอาไมค์จ่อปาก
   “เห ? ไม่มีใครคิดจะทายจริง ๆ เหรอครับว่าคนที่จะมารับช่วงกิจกรรมต่อคือใครกันน้า ?” ผมตัดสินใจพูดด้วยน้ำเสียงพยายามเป็นธรรมชาติและอยู่ในสคริปต์มากที่สุด แน่นอนว่าไม่มีน้องคนไหนเห็นผมครับเพราะผมอยู่หลังเวที ส่วนเสียงมันออกมาจากลำโพงที่ต่อกันอยู่นั่นอง
   “อ้าวน้อง ๆ ! ได้ยินเสียงพี่คนนั้นแล้วใช่ไหมครับ คิดว่าใครเอ่ย ?” ไลออนพูดด้วยท่าทีราบรื่น ผมชะเง้อมองมันที่เดินป้วนเปี้ยนไปมาบนเวที “เสียงคุ้น ๆ ไหมครับ ?”
   “ใครวะ”
   “เออ เสียงแม่งคุ้นจริง”
   “มึงว่าใครวะ”
   “แม่ง.. คุ้นแต่นึกไม่ออกว่ะ”
   ผมกลั้นขำ น้อง ๆ เสือกนึกไม่ออกซะงั้น โธ่..
   “จะให้ทำอะไรก็รีบ ๆ อย่าปล่อยให้พี่รอนานนัก” น้ำเสียงถัดไปเป็นไอ้ดำที่พูดด้วยท่าทีรำคาญตามปกติของมัน ยิ่งทำให้น้อง ๆ ฮือฮากันมากขึ้นกว่าเดิม
   ไทเกอร์รีบกลับสภาพตามปกติและพูดต่อทันที
   “ต่อไปนี้พี่จะให้คำใบ้แล้วกันนะครับน้อง ๆ .. สองคนนี้ที่จะมาเป็นผู้ช่วยพวกเรานี้ไม่ใช่ใครคนอื่นไกลแต่อยู่ห้องเดียวกับพี่ครับ”
   “เป็นคนที่พออยู่ด้วยกันแล้วจะเด่นมาก ๆ ด้วยนะครับ” ไลออนเสริมอีก
   “เด่นมากเลยเนอะไลอ์ สายตาคนในห้องก็ชอบหันไปมองตอนสองคนนี้คุยกัน สุดยอดจริง ๆ”
   “ใช่ครับ เพราะว่าสองคนนี้.. เท่าที่ผ่านมา ผมในฐานะเพื่อนร่วมห้องพอนับครั้งได้เลยว่าสองคนนี้คุยกัน ‘ดี ๆ’ กี่ครั้งนะครับ !”
   คราวนี้น้อง ๆ เหมือนเริ่มเดาได้แล้วครับ..
   “แต่จะว่าไป พวกเราก็มีเรื่องทำให้ต้องย้ายมาอยู่ห้องหอเดียวกัน.. แถมยังนั่งโต๊ะข้าง ๆ กันอีก โอ๊ะโอ น้อง ๆ เริ่มรู้แล้วใช่ไหมครับ ?”
   “งั้นบอกพี่ทีซิว่าใคร”
   “พี่นัยพี่กรด!”
   ผมหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงน้อง ๆ นี่แค่บอกการกระทำเหี้ย ๆ ของพวกกูไม่กี่ประโยค ดันเสือกรู้แล้วเหรอเนี่ย... ขี้เสือกจังนะเด็ก ๆ
   “ถ้าน้อง ๆ รู้แล้ว.. ก็ขอเชิญพบกับ... พี่นัยพี่กรดได้เลยครับ !”
   เสียงปรบมือดังกระหึ่มทำให้ผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ก่อนจะพบว่าไอ้เชี่ยนัยแม่งเดินหน้านำตนเองไปแล้วเรียบร้อย ทำให้ตัวเองได้แต่เดินขึ้นตามไปครับ
ฮือ...
ตัวผมนี่หด ลีบเป็นกุ้งแห้งเลยกู..
   พอมาเผชิญกับสายตาเกินร้อยคู่.. ก็ทำให้ผมต้องสั่นอย่างกับผีเข้า คิดดูดิ สายตาทุก ๆ คนกำลังจับจ้องมาทางพวกเรา ! อ๊ากกกกกก
ไมค์ในมือกูสั่นแล้วว !
   “พี่นัยพี่กรด ! พี่นัยพี่กรดจริงๆ ด้วย !”
   “เฮ้ย ! เอาเขามาไว้บนเวทีเดียวกันไม่ต่อยกันตายเหรอวะ ?”
   “เกย์สัตว์..”
   “แม่งงง พี่นัยหล่ออิ๋บอ๋ายยย ! มาดเยอะ กูจะแดกกกกกก”
   ..เอ่อ เสียงพวกนี้นี่มาจากรุ่นน้องทั้งนั้นครับ
   ผมแทบฟังไม่ออกว่าเสียงใครเป็นใครแล้ว ไมค์ในมือมันสั่น.. ขาผมก็สั่น ตัวผมก็สั่น ฮือออ ฉี่กูจะแตกแล้วมึง
ได้เวลานี้รีบหันไปขอความช่วยเหลือจากไลออนกับไทเกอร์ครับ !!
   ฮือออออออออออออออออ ตั้งแต่เกิดมากูยังไม่เคยต้องเผชิญหน้าหรือทำอะไรต่อหน้าฝูงชนนับร้อยแบบนี้เลย โฮกกกกกกก น้องกรดจะตายแล้วววว !
...
และไอ้ไทเกอร์กับไลออนก็เป็นเพื่อนที่ดีมาก นั่นไง มันยืนปอกไข่ต้มอยู่ตรงโน้น !
   ไอ้สัตว์ ! มีการชูไข่ต้มโชว์กูอีกต่างหาก จุ๊บไข่ต้มอีก อือหือ มึงคิดว่ากูจะแดกเหรอ ตอนนี้กูฉี่จะราดแล้ว อย่าให้กูลงจากเวทีนี้ไปได้นะ กูจะเอาไข่พวกนั้นยัดตูดมึงง !
   
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:37:53
“สวัสดีครับ..” ระหว่างที่ผมเป็นคนเพ้อในใจ เสียงทุ้มต่ำที่โคตรจะเก๊กขรึมจากคนข้าง ๆ ก็ทำให้สติได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ไอ้ดำมันนิ่ง มองไปข้างหน้าโดยไม่สนใจรอบข้างแถมยังไม่สั่นอีกต่างหาก นี่มึงมือโปรฯ เหรอวะ ! ได้ข่าวว่าไม่ค่อยอยู่กิจกรรมนี่ สาดดดดดด มึงหลอกกรดดด !
   เสียงฮือฮากะอีแค่คำว่า ‘สวัสดีครับ’ ของไอ้ดำทำเอาผมสะพรึงครับ เด็กแม่งกรี๊ดจริงๆ กรี๊ดแบบกรี๊ดเลย ! บอกผมทีว่าพวกมันคือชายล้วน ! โธ่.. โชคดีที่ได้ยินร้อง ‘โห่’ มาต่อเลยทำให้วางใจนิดหน่อยว่านี่ชายล้วน
   “พี่ชื่อ....”
   “พี่นัยยยยยยยยยย !”
กูว่ามึงไม่ต้องแนะนำตัวอย่างที่เตี๊ยมกันไว้แล้วล่ะไอ้ดำ ดูแม่งดิ โด่งดังในหมู่เด็กซะงั้น
   ผมมองคนที่ทำสีหน้างุนงงเล็กน้อย มันยักไหล่เบาๆ พลางพูดลงไมค์ต่อ
   “พี่ชื่อดนัย อยู่ม.6 เรียกว่าพี่นัยก็ได้.. คิดว่าน้อง ๆ หลายคนคงจะรู้จักกันอยู่แล้วนะครับ” มันเอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อมตามประสาคนกำลังทำงาน “แล้วใครรู้ไหมว่าหมาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พี่ชื่ออะไร ?”
อืม..
ตามกูแนะนำตัวแล้ว..
   ..เดี๋ยว !
   “ใครหมาวะ” ผมนี่ถึงกับขึ้น !! ไอ้เชี่ย นี่มึงคิดจะด่ากูทางอ้อมเหรอวะ ! ตอบดิสัตว์ ตอบ ไหงอยู่ ๆ บอกว่าหมา คิดว่ากูไม่รู้เหรอว่าจะด่ากูอ่ะ !!
ไอ้ดำเบนสายตามาเล็กน้อยครับ
   “พี่ไงครับ”
..แอบช็อกเล็กน้อยที่มันพูดเพราะ สักพักนึกขึ้นได้ อ๋อ พวกกูอยู่ต่อหน้าน้อง ๆ นี่เอง
   “พี่ดำครับ พี่ดำไม่ควรจะทำตัวหมา ๆ แบบนี้นะครับ”
   “พี่สารเคมีต่างหากล่ะครับที่ทำตัวหมา ๆ ..ผมว่าพี่น่าจะแนะนำตัวได้แล้วนะครับ” มันพูดเชิงให้ผมกลับมาเนื้อเรื่องครับ แต่... ไอ้บทที่แม่งพูดก่อนหน้านี้น่ะ ไม่เคยเตี๊ยมกับผมเล๊ย !! มึงจะเล่นมุขอะไรช่วยบอกกูสักนิดก็ยังดีนะไอ้ห่าราก !
   ผมตัดสินใจละทิ้งกับความคิดด่ามันไปก่อน แล้วหันกลับมองหาน้อง ๆ ที่กำลังนั่งอยู่ครับ
และเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า..
สติถึงกับกระจาย..
   เด็ก ๆ .. เด็ก ๆ ไม่ดิ น้อง ๆ หลายร้อยคนกำลังจ้องมาที่ผม..
..
ไม่..
ไม่..
กูกลับฉิบหายยยยยยยยยยยยยยยยย !
   ฮือออออออออออ อย่าจ้องดิ หันไปคุยกันดิ จะตั้งใจฟังอะไรนักหนาวะ แม่งงง ไม่เคยเห็นคนหน้าตาดีมาพูดข้างหน้าเหรอวะ แงงง โฮกกกกก
   “พูดดิวะ จะได้ต่อ..” ผมได้ยินเสียงไอ้ดำกระซิบเบาๆ ครับ
   “ระ.. ระ ระ ระ รู้.. นะ.. น่า”
สาบานเลย.. ว่าเสียงกูไม่สั่น..
ไม่ ๆๆ ไม่สั่น อ๊ากกก
   ผมนี่ถึงกับ.. เอ่อไม่ ๆ จะใช้คำว่าสั่นไม่ได้ เอาเป็นว่าผมโยกตัวเร็ว ๆ นิด ๆ แล้วกันครับ ฮือ โอเค ยอมรับว่าสั่นก็ได้ ! แน่นอนเลยว่า ‘กลัว’ สุด ๆ ครับ..
ผมไม่ชอบการออกมายืนด้านหน้าสักเท่าไหร่..
   “สะ สะ.. สะ.. สวัส.. ดี..” แต่ละคำนี่ถึงกับเอื้อนเอ่ยออกมายากลำบาก เล่นเอาอยากจะร้องไห้ไปตาม ๆ เลย “พะ ..พี่ชื่อพี่น้ำ......” ..กรดล่ะวะ กรดล่ะ ฮืออออออออ ทำไมลิ้นกูแข็งเยี่ยงนี้ !!
   น้อง ๆ ทุกคนจ้องมองผมเป็นสายตาเดียวกันยิ่งทำให้ลมหายใจของตนเริ่มติดขัดมากขึ้นเท่านั้น ความหวาดผวาต่อผู้คนเพราะไร้ประสบการณ์ด้านนี้เป็นเหตุให้ความกลัวแล่นแวบเข้ามาภายใต้จิตใจที่ปั่นป่วน
เอากูออกจากที่นี่ที..
..
เอากูออกไปที..
   ในวินาทีนั้นผมคิดแค่นั้น แต่แล้วกลับมีเสียงหนึ่งจากคนข้าง ๆ พูดออกไมค์อย่างเสียดาย มันหันมาหาผม
   “ไอ้หมา”
   “หะ” อะไรวะ เรียกูหมาออกไมค์เลยเหรอ แต่ที่น่าโมโหคือผมยังบ้าจี้หันไปมองมันนี่แหละ ไอ้ดำก้าวเข้ามาใกล้กว่าทุกที มันยื่นหน้ามาใกล้รวดเร็วชนิดที่ผมถีบออกไม่ทัน ซ้ำยังมีลมหายใจร้อน ๆ จดบนกลางหน้าผากผมดัง ‘ฟู่’ เหมือนเป็นการให้พรอีกด้วย..
เล่นเอากูค้างเลย..
   “โทษทีที่ไม่ได้ทำแบบนี้ก่อนขึ้นเวที.. คงตื่นเต้นมากสินะ ?”
ดะ ดะ.. เดี๋ยวนะ เดี๋ยวเลยมึง !
นี่มันไม่มีในสคริปต์ที่นัดไว้เลย !
   “....”
   “ไม่เป็นไรน่า กูอยู่ด้วยแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว..”
ตึ่ง ! ตึ่ง ! ตึ้ง !
   กรี๊ดดด ! แล้วนั่น ! ไอ้จินเล่นตีกลองต่อเลยเป็นการตบมุก แถมยังมีเสียงกรี๊ดวี้ดว้าย ร้องโฮ่ ๆ แซะผมกับไอ้ดำต่อเลยนี่ดิ ! เฮ้ย เฮ้ยย
   “พี่กรดหน้าแดงแล้วโว้ย !”
   “นี่เวทีสานสัมพันธ์น้องนะครับ ไม่ใช่สานสัมพันธ์พวกพี่อ่ะ !”
   “โฮ้วว !”
ไอ้เหี้ยดำ ! มึงทำอะไรลงไป !
   ผมอยากจะกรีดร้องแบบนี้ใส่นะ แต่มันดันไม่สนใจนี่สิ จังหวะต่อไปมันกลับหันไปรับลูกโป่งจากนิวที่ส่งมาให้ ดูดิ ได้ไมค์แล้วพูดใหญ่ ปกติอยู่กับผมแล้วไม่ได้พูดไงตอนนี้เลยอยากพูดเยอะก็บอกมาเหอะ !
   “ต่อไปพี่กับไอ้หมานี่จะสาธิตเกม ‘ขย่มมหาวิปโยค’ นะ” ผมสูดลมหายใจ คว้าไมค์มาพูดต่อจากไอ้ดำ
   “ใช่แล้วครับ ซึ่งเกมนี้คนสาธิตนั่นก็คือพวกพี่สองคนนี่เอง” ลากเก้าอี้มาแล้วผายมือให้ไอ้ดำนั่ง มันก็รู้งานเหลือเกิน เข้าไปนั่งอย่างง่ายดาย
   ผมรับลูกโป่งมาแล้วโชว์ให้ทุกคนดู
   “นี่คือลูกโป่งนะน้อง อันดับแรกพี่จะวางลูกโป่งไว้ตรงนี้” จบประโยค ผมก็วาง.. เอ่อ วางลูกโป่งนี่แหละครับ เอาไว้ตรงเป้าของไอ้ดำมัน..
มันเป็นเกมโว้ย !
   “ซี้ด..”
   “นั่น.. เสียวอะไรน่ะน้อง” ได้ยินรุ่นน้องซี้ดปากซะอย่างนั้นเล่นเอาผมยิ้มกรุ้มกริ่ม ถือไมค์ได้แบบไม่สั่นแล้วหันไปพูดต่อ “อ๋อ.. เสียวแทนเหรอครับ? แน่ะ” พูดไม่พอ ผมแกล้งเอาลูกโป่งที่วางอยู่บนจุดกึ่งกลางของคนนั่งบนเก้าอี้คลึงไปรอบ ๆ “ดูไว้ให้ดีนะน้อง.. เพราะต่อไปน้องต้องทำ.. และลำดับต่อไป”
   “ไอ้.. หมา”
..อ้าวเรียกกูอีกทำไม
   ผมหันไปมองมันดุ ๆ แปลกที่หน้าไอ้ดำซีดแปลก ๆ สงสัยกลัวเรื่องเกมล่ะมั้งเลยหน้าซีดขนาดนี้
   “เออ กูไม่ทำมึงเจ็บหรอกน่า” ผมกระซิบตอบ โดยไม่ลืมปิดไมค์ตอนพูด “อยู่นิ่ง ๆ พอ”
   “ไอ้ห..”
   “เอาล่ะครับน้อง ๆ ต่อไปคือน้อง ๆ ก็ต้องทำการ.. นั่งคร่อมเพื่อนครับ !” ผมตัดสินใจไม่ฟังไอ้ดำมันอีก แล้วค่อย ๆ ยกขาขึ้นคร่อมหน้าตักไอ้ดำอย่างมีชั้นเชิงเรียกเสียงกรี๊ดกันใหญ่ได้เลยทีเดียว “แน่ะ .. น้องทำไรน่ะ แอบดูอะไร”
   คุยกับเด็กสนุกครับ ยิ่งสนุกตอนได้เห็นเรือนร่างไอ้ดำ ...
   “ต่อไปขอส่งไมค์ให้พี่ไทเกอร์ครับ !”
   ผมพูด ยื่นไมค์ไปให้มันแล้วหันไปวางมือไว้บนบ่าของไอ้ดำทั้งสองข้างเพื่อเตรียมการ ส่วนไอ้ไทเกอร์ก็เริ่มพูดเงื่อนไข กติกาง่าย ๆ คือใครทำแตกก่อนคนนั้นชนะ แถมยังเชิญเด็กอีกสองคนขึ้นมาเป็นตัวแทนแข่งกับผมและไอ้ดำอยู่ด้วย
และนั่น.. ทำให้ผมเพิ่งสังเกต..
ว่าเราอยู่ท่าไหนกัน
   ลองจินตนาการนะครับ เก้าอี้หนึ่งตัว ไอ้ดำนั่งและผมยกสะโพกขึ้นคร่อม หน้าอยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงหายใจ.. แถม..
นี่มัน.. ท่า.. ออนท็อป.. ชัด ๆ ..
   “ไอ้.. หมา” นั่น เสียงไอ้ดำพูดอีกแล้ว “ตอนนี้..”
   “หะ ?”
   “คือกู..”
   “ต่อไปนี้ขอเริ่มเกมได้.. เริ่มครับ !”
ปรี๊ดดด !
   เสียงเป่านกหวีดเรียกสติของผมให้กลับมาจดจ่อกับเกม สะบัดเรื่องไอ้ดำทิ้งทันที
   “เดี๋ยวค่อยคุย !” พูดกับมันก่อนที่บ่าจะคว้าหัวไหล่ไอ้ดำไว้ สะโพกเริ่มทำการขย่ม ๆ ทันทีเลยครับ
   เออ รู้สึกแปลกดีนิดหน่อยที่ได้ขย่มมันอย่างนี้ ผมขมวดคิ้ว แล้วเริ่มขย่ม ขย่มเท่าไหร่ลูกโป่งก็ไม่แตกสักที ยิ่งต้องขย่มแรงมากขึ้นกว่าเดิม
   “ไอ้.. ไอ้หมา..”
เรียกเหี้ยไรนักหนา เรียกกูอีกแล้ว !
   ผมอยากจะกรีดร้องแต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ ตวัดสายตาหันไปมองแม่งแทน
   “มีอะไรก็พูด !”
   “โอ้ ตอนนี้คู่แข่งของทีมนัยกรดลูกโป่งทำท่าจะแตกแล้วครับ !”
   จะมาแพ้ใครไม่ได้นะโว้ย !
   ผมหน้าซีด รีบจัดการตั้งใจขย่มแล้วไม่ฟังเสียงร้องประท้วงใด ๆ สมาธิเอ่ย.. จงจดจ่ออยู่กับการขย่ม (ลูกโป่ง) บนตัวไอ้ดำ !
   “ไอ้หมา !”
   “เหี้ยไร เล่นเกมอยู่ !”
   “มึงต้องฟังกู”
   “ก็ว่ามาสิวะ... โว้ย ! จะนำแล้ว !”
   “มึง..”   
   “โว้ย !”
   ผมรีบขย่ม ขย่มต่อแบบไม่อายฟ้าดิน ไม่อายคนพื้นหลังก่อนที่จะได้ยินเสียง ‘โพล๊ะ !’ ของลูกโป่งและบั้นท้ายตัวเองกระแทกลงตักไอ้เชี่ยดำอย่างแรง พร้อมประโยคของมันที่หลุดออก
   “มึงขย่มจนน้องชายกูแข็งแล้ว”
   ...
   ผมมองไอ้ดำที่ทำหน้าจุกตรงนั้นมาก ๆ ตอนลูกโป่งแตก ตบท้ายด้วยการที่ตูดผมกระแทกอย่างจัง
   แล้วผมก็เงียบสนิทเป็นเกมที่ได้รับชัยชนะจากอีกฝั่งแต่รู้สึกพูดอะไรต่อไม่ถูก
..
เพราะอะไรน่ะหรือ?
เพราะไอ้นั่นของมันชี้โด่เด่มาทิ่มตูดผมอยู่นี่ไง !

   สุดท้าย.. หลังจากที่ผมและไอ้ดำผ่านพ้นการพบปะรุ่นน้องและเกมขย่มมหาวิปโยคเรียบร้อย ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีครับ..
..ดีเหี้ยอะไรล่ะ !
   ลองคิดสภาพดูสิคุณ ผมนั่งคร่อมไอ้ดำ ได้ยินเสียงร้องเชียร์ วู้ว ฮู้ว ด้วย แถมยังไม่พอ ต้องขย่ม ๆ แล้วเสียงลูกโป่งแตกดังโพล๊ะ ..
.. ก็มาทักทายกับน้องชายที่ชี้โด่เด่ของมันอีก .. ไอ้หื่นกามโว้ย !
   เออ นั่นคือเรื่องที่ผมอยากจะโวยใส่มัน บัดซบมาก.. โคตรจะบัดซบ เพราะทุกอย่างผมต้องหยุดโวยเมื่อเห็นสีหน้าของคนโดนลูกโป่งแตกใส่มังกรน้อยครับ
   “มึงสูญพันธุ์ยังวะ...”
   ผมพูดเสียงเบา แอบเหลือบมองหน้าคนสูงกว่าที่เดินลงมาจากเวที มันเงียบกริบ เงียบแบบเงียบอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
   ผมพอเข้าใจนะ.. คือผมอ่ะใช้ตูดขย่ม (?) แต่ไอ้ดำ.. พอลูกโป่งแตกทีก็... ตึ้ม ! แตกตรงไอ้นั่นมันเลยนะเว้ย โอ๊ยยยยยยยยยยยยย กูละคิดแล้วเสียวแสบแทนจริง ๆ !
   “....เหอะ” ไอ้ดำสถบออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะเสหน้าหนีไปทางอื่น โถ.. ไม่ต้องบอกก็เดาได้ครับว่ามันเจ็บน้องชายมันฉิบหาย แรงกระแทกจากลูกโป่งทำลายล้างสูงล่ะสิ โอ๊ยยย กูแหละสงสารเป้ามึงจับใจ !
   “เออ...”
   “กรด นัย !” น้ำเสียงหวานแหบ ๆ ที่ทำให้พวกผมหลุดออกจากการคิดเองคนเดียวดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กวิ่งตรงมาหาพวกเราทั้งสอง และก็พบว่า.. แต่น แต้น แต๊น ! ไอ้หนุ่มหน้าเยาว์ ซานน้อยนี่เอง “คือฝนจะตกแล้วอ่ะสัตว์ มึงไปเก็บผ้ากับเก็บเต๊นท์ดิ ๆ !”
   “หะ ?” ผมร้องออกมา หันไปมองข้างนอกผ่านหน้าต่างใกล้ ๆ .. เออ ว่ะ เริ่มมืดจริง ๆ นั่นแหละ แถมลมแม่งยังพัดแรงอีกด้วย “ได้ ๆ เดี๋ยวกูไปเก็บให้ แล้วคนอื่น ๆ ล่ะวะ ?”
   “มันไปอยู่เกี่ยวกับเครื่องเสียงแล้วก็อุปกรณ์ ส่วนอีกห้องแม่งไปเตรียมอาหาร แล้วยังมีพวกไปกับอาจารย์ด้วย พวกมึงไปเก็บแค่ตรงเต๊นท์นอนของพวกมึงก็พอ” ซานสั่งเสียงเด็ดขาด ก่อนที่มันจะหมุนตัวเดินลิ่ว ๆ กลับไปอย่างง่ายดาย ปล่อยให้ผมได้แค่กะพริบตามองอยู่ตรงนั้นที่เดิม
   “...” สรุปคือมึงให้กูไปเก็บกับไอ้ดำสินะ
   “เฮ้อ..” ได้ยินเสียงถอนหายใจยาว ๆ ของไอ้ดำดังแว่วมา พวกเราไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้น ทำเพียงแค่เดินออกไปจากหลังเวทีแล้วรีบวิ่งเพื่อที่จะไปเก็บเต๊นท์ให้ทันก่อนที่ฝนจะเทลงมาเพียงเท่านั้น..
ไม่ดิ.. ไม่ใช่ว่าไม่มีใครพูดอะไร
“ไอ้ดำ”
ผมเรียกคนที่กำลังเดินนำ มันชะงัก หันกลับมาแล้วไม่พูดอะไรอย่างเคย แต่สายตาก็สื่อความสงสัยออกมาโดยไม่ปกปิด ผมทำหน้าทะเล้น บุ้ยปากไปทางเป้ากางเกงของมันแล้วพูดต่อ
   “สูญพันธุ์ไหมล่ะมึง”
...
   แน่นอนว่ามันไม่ตอบครับ ทำแค่หันมามองด้วยสายตานิ่ง ๆ อย่างเคย ซึ่งมันก็ทำให้ผมสะใจเป็นบ้าแบบไม่เคยเป็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ !
ได้แก้แค้นเรื่องไอ้นั่นโดนตูดผมล่ะโว้ย !


   ข่าวดีของวันนี้ คือ ผมสามารถแก้แค้นไอ้ดำได้หลังจากที่แก้อะไรไม่ได้ซะตั้งนานจนใจจะขาดรอนรอนครับ แถมยังได้กลิ่นอาหารหอมฉุยโชยมาจากห้องครัวอีก รวมถึงหลังจากวันนี้ ผมจะได้นอนที่ตึกแทนแล้วเพราะท่าทางฝนจะตก
   และข่าวร้าย คือ ผมมาช้าเกินไป มันไม่ใช่ว่าฝนท่าทางจะตก
ฝนกำลังตกเลยต่างหาก
   เสียงหยดน้ำเม็ดใหญ่ ๆ ที่ตกลงโครมลงมาเหมือนกับตั้งใจระหว่างที่กำลังพยายามเก็บเต๊นท์สุดท้าย ผมอ้าปากค้าง มือถือข้าวของพะรุงพะรัง เงยหน้ามองฟ้า..
ฝนตกแล้ว
อะไรจะเร็วขนาดนั้นวะ
   การเก็บเต๊นท์และเก็บผ้าที่เหลืออยู่ไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่นักเพราะทั้งผมและไอ้ดำ ไม่มีใครพูดอะไรกันต่อแม้แต่คำเดียว สุดท้ายพอฝนตกโครมลงมา ไอ้ดำก็ลากผมเข้าไปหลบอยู่ตรงโรงอาหารเก่าใกล้ ๆ ที่พวกเราไม่ได้ใช้เป็นการจัดค่ายนี้
   “ทำไมไม่วิ่งฝ่าไปเลยวะ” ผมออกความเห็น
   “เดี๋ยวผ้าเปียก พวกนี้ต้องใช้ผ้าทำงานของวันสุดท้ายก่อนกลับอีก” มันเฉลย ทำให้ร้องอ๋อขึ้นมา เออว่ะ ถ้าพวกเราวิ่งฝ่าไปผ้าที่แบกและอุปกรณ์ทั้งหลายต้องเปียกแน่ ๆ แต่เอาเหอะ..
..ซ่า ซ่า..
เสียงฝนเข้ามาแทนที่ประโยคพูดคุยของพวกเราอีกแล้ว
   ผมก้มหน้าลง ทำได้เพียงแต่รอให้ฝนหยุดตกก็เท่านั้นแล้วจะได้กลับค่ายพบเพื่อนคนอื่น ๆ ให้มันจบ ๆ ไปเสียที
ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่กับมันสองคน
สองคน.. แบบสองต่อสอง..
   จำไม่ได้ว่ากี่ครั้งที่อยู่กับมันสองคนแล้วมีอาการแปลก ๆ เหมือนวันนี้
   แต่เหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้ผมรู้สึกทะแม่ง ๆ ลางสังหรณ์บางอย่างบอกตนเองว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อจากนี้แน่
   นัยน์ตาของตนเหลือบมองซีกหน้าของคนสูงกว่า ไอ้ดำมองไปทางสายฝนที่กระหน่ำตกรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีท่าทีจะหยุดเลยแม้แต่น้อย
ดีแล้ว..
ดีแล้วที่มันไม่พูดอะไรและไม่มีการพูดคุยระหว่างพวกเรา
   ผมเริ่มเผลอพิจารณาใบหน้าของคนข้างกาย ท่าทีแข็งกระด้างที่พบเห็นได้ทั่วไป ไอ้ดำเป็นผู้ชายที่คือผู้ชายและจัดว่าหน้าตาค่อนข้างดี ดีจนถึงขนาดว่าแม้มันจะทำหน้าอารมณ์เสียตลอดเวลาก็ยังดูดีและมีเสน่ห์
   เหมือนผมจะมองมันนานไปหน่อย อีกฝ่ายตวัดสายตามามองแทน
   พวกเราสบตากันวูบหนึ่ง
   “มีอะไร”
   “จ้องทำไม”
...เออว่ะ แล้วกูไปจ้องมันทำไม
   ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ลงคอ หันกลับไปมองฝนที่ตกซ่า ๆ ลงมาแทน หางตายังแอบเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่เหมือนกำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง แล้วก็เงียบลงเหมือนเดิมทำให้ความสงสัยของตนเพิ่มขึ้นมาทันที
   “มึงนั่นแหละ มีอะไร” ผมตอกกลับ ไม่คิดจะหันมองหน้ามันแม้แต่น้อย ไอ้ดำเองก็เหมือนจะไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ
   “กูเปล่า”
   “ตอแหลแล้ว มึงมีอะไรก็บอกดิวะ”
เถียงดิ มันทำท่าจะพูดมาหลายรอบแล้วนะเว้ย
   ความเงียบเข้าครอบงำชั่วอึดใจ ผมได้ยินเสียงฝนที่สาดแรงขึ้นเป็นเพื่อนให้ช่วยคลายเหงา ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เหมือนเรียกความกล้ายังไงอย่างนั้น..
   “..เมื่อคืน..” คำพูดแผ่วเบาของมัน ทำให้หัวใจของผมแทบหยุดเต้น “กูรู้ว่ามึงตื่นอยู่”
กูจะทำให้น้ำกรดตกเป็นของกูแค่คนเดียว
   ประโยคชัดเจนจากเมื่อคืนวาบเข้ามาในหัว หน้าของผมขึ้นสี ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันจะพูดอะไรต่อ อยากจะหันขวับไปอ้าปากด่ามันซะเหลือเกิน แต่พอเห็นท่าทีของเม้มปากแน่นของมันลังเลของมันกลับทำให้ต้องเก็บคำด่าลงไปอย่างช่วยไม่ได้ ..
ไอ้ดำไม่เคยเป็นแบบนี้
   “กูหลับแล้ว” ผมเถียง ตัดสินใจหันกลับมองสายฝนที่สาดลงมาเทน้ำเทท่า พิงหลังลงบนผนังเย็นเฉียบ ทั้งที่หน้าของตัวเองจะไหม้อยู่แล้ว “กูไม่รู้”
   “เสียงหัวใจมึงเต้นแรง” ..สัตว์ ยังจะเถียงนะ
   “ใครหัวใจไม่เต้นก็ตายดิวะ” ยืนยัน ปฏิเสธและไม่รับความจริงอีกรอบ ผมไม่รู้ว่าไอ้ดำทำสีหน้ายังไงอยู่ ไม่รู้ว่าตัวเองทำสีหน้ายังไงอยู่ แต่รู้แค่ว่าหน้ากูนี่ร้อนเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ฝนตก อากาศเย็นขนาดนี้แท้ ๆ
   “ก็นะ” ไอ้ดำพึมพำ ได้ยินเสียงมันขยับตัวเพื่อผิงผนังบ้าง “จะได้ยินหรือไม่ได้ยิน ก็แล้วแต่มึง”
   “...” ผมยังคงมองฝนที่ตกลงมากระเด็นสาดเข้าเล็กน้อยจนส่งผลให้เบียดติดกำแพงแทน
   “แต่ที่กูพูดไปน่ะ..” มันเว้นจังหวะเหมือนหยุดหายใจ “..กูจริงจังนะ”
..
มึงเป็นใคร
ไอ้ดำที่กูรู้จักไม่ได้พูดประโยคพวกนี้เป็น
   ผมตัดสินใจไม่ตอบอะไรกลับ เพียงแค่เงียบและเงียบก็เท่านั้น ปล่อยให้คนที่นานนักจะได้ยินเสียงพูดเองคนเดียว
   “กูจะจีบมึง”
มันชัดเจน
เป็นคนที่ชัดเจนมาก
   “ถ้าไม่พูดตรง ๆ มึงคงไม่เข้าใจ” สายฝนที่เทลงมา เพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม “กูไม่คิดจะล้มเลิกอะไรง่าย ๆ แน่”
ฝนกำลังตกอยู่
อากาศโคตรจะเย็น
ต่างจากหน้าของผมที่ร้อนผ่าวจริง ๆ
   ผมไม่รู้ว่ามันมองมาทางนี้หรือเปล่า ผมไม่รู้อีกด้วยว่ามันทำสีหน้ายังไงกัน แต่น้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวนั่นบ่งบอกว่ามันเอาจริง
   “อืม” ทำได้เพียงแค่ครางตอบรับในลำคอเบา ๆ ไม่เหมือนอย่างเคยคล้ายกับว่ารับรู้ มองไปข้างหน้าโดยไม่คิดจะสนใจอะไรนอกจากสายฝนอีก
ผมรู้สึกดีกับมัน
..
นี่คือความจริง..
   “..ตามใจ”
   สองคำที่มอบให้..
ผมเห็นไอ้ดำหลุดคำว่า ‘หะ’ ออกมาเบา ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้งเพราะสายตาผมที่ยังคงมองไปข้างหน้า
   มันจะจีบผม
..
เออดิ ใช่ไง
ตามใจ..
อยากจีบก็จีบดิ ไม่ได้ว่า
   “อากาศ..” เสียงของคนที่เพิ่งประกาศใส่ผมโต้ง ๆ ว่าจะจีบดังขึ้น แต่ก็ไม่ได้เรียกความสนใจให้ตนเองหันมองสักเท่าไหร่นัก “หนาวดี ทั้ง ๆ ที่พอกลางวันร้อนแท้ ๆ .. คงเพราะฝนล่ะมั้ง”
   มันดูรนเลยพูดเยอะกว่าปกติ
ไม่ต่างจากผมที่พูดน้อยผิดปกติ
   “อืม” ผมพยักหน้ารับคำ ต่อจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก ก่อนจะสัมผัสได้ว่าหลังมือของพวกเราชนกันเบา ๆ เพราะไอ้ดำที่ขยับท่ายืน วินาทีนั้นทำให้ผมรู้ว่า.. มือของมันเย็นมากแค่ไหน มันเย็นมาก เย็นเหมือนคนกำลังตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก แน่นอนว่าผมไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อน
   พวกเราไม่มีใครพูดอะไรต่อทั้งสิ้น ความเงียบเข้าครอบงำแทน
   ผมได้ยินเสียงที่ตกลงกระหน่ำ ไม่มีท่าทางหยุด .. ความเย็นเฉียบของอากาศในวันนี้
   และสัมผัสถึงความอบอุ่นจากหลังมือของกันและกันที่กำลังแนบชิดกันอยู่เท่านั้นเอง

หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:38:14
C h a p t e r 42
คนเกลียดกัน มักจะดูแลกัน


   แค่นั้นจริง ๆ
แค่ประโยคบอกว่า ‘จะจีบ’ ของไอ้ดำ มีเท่านั้นจริง ๆ
   หลังจากวันนั้นพวกเราก็ได้กลับมายังหอพักตามเดิมและปฏิบัติภารกิจเหมือนปกติ ทุก ๆ วันไอ้ดำก็ตื่นและปลุกผมไปโรงเรียนด้วยฝ่าเท้าแห่งความรัก (?) ของมันนั่นแหละ ส่วนผมเองก็งัวเงียไปโรงเรียนอย่างเดิม กัดกันอย่างเดิม แขวะใส่กันบ้างบางโอกาส หรือไม่ก็คอยตบตีต่อยอัดกันตามประสาพวกเรา
ทุกสิ่งก็เหมือนเดิม.. ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
   เรื่องข่าวสารเหี้ย ๆ อะไรอย่างนั้นก็ไม่มี.. เพราะไอ้ดำไม่ได้ไปป่าวประกาศกับใครว่าจะจีบผม ในขณะที่ผมเองก็ไม่ได้พูดออกมา ใช่ดิ ใครจะไปพูดวะ ปัญญาอ่อนเหอะ
แต่..
ถึงไม่ได้พูด ก็มีคนจับผิดได้..
   “มึงกับไอ้ดำดูแปลกไป” เป็นเสียงทุ้มเจือหวานดังลอดอกมาจากริมฝีปากสวยของนิวที่กำลังนั่งซู้ดเส้นก๋วยเตี๋ยวและพูดไปด้วย ผมเลิกคิ้วมองมัน เห็นเศษพริกติด ๆ แก้มเต็มไปหมดเลยด้วยซ้ำ
   “ไงวะสัตว์ ?”
   “ออร่าวิ้งค์ ๆ สีชมพูชอบจิ้มตาเวลามึงกับมันอยู่ด้วยกัน”
แม่งเป็นยังไงวะนั่น !
   “เพ้อแล้วเหี้ย มึงไปกลับบ้านไปนอนไป๊”
   “กูกลับได้แต่หอ” นิวยักไหล่แล้วหยิบชามขึ้นมาซดน้ำซุปจนได้ยินเสียงซู้ดด “จะว่าไป ช่วงนี้กูกับจินก็ทะเลาะกันบ่อยว่ะ”
   อ้าวไอ้เหี้ย เปลี่ยนเรื่องกูวกเป็นเรื่องตัวเองอีก นี่มึงไหวไหมวะ
   “ไรอีก” ผมถาม เอาไม้เขี่ย ๆ ลูกชิ้นในถุงพลาสติกรอคำตอบ “มึงโดนไอ้จินแทงไง ?”
   “อย่ามาพูด กูจริงจังกับเรื่องนี้” ช่วงนี้นิวเย็นชาขึ้นกว่าเดิมครับ ..อย่างไร้สาเหตุสุด ๆ ซึ่งผมก็ตามอารมณ์มันไม่ค่อยทันสักเท่าไหร่ แต่ก็เอาเหอะ ขอเรื่องตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า “ไม่รู้ว่ะ.. แค่รู้สึกว่าช่วงนี้มันห่าง ๆ กันไปยังไงก็ไม่รู้”
   พอได้ยินประโยคนี้ ผมแทงลูกชิ้นแล้วเขมือบเข้าปาก เหล่มองใบหน้าหวานของเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
   “ยังไงของมึง ?”
   “..กู ..กูก็ไม่รู้ดิ” นิวส่ายหัว วางชามก๋วยเตี๋ยวลงแล้วปาดคราบน้ำซุปที่มุมปาก “...ไม่รู้จริง ๆ ว่ะ”
...
พวกเราได้แต่เงียบ
   ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่รู้จักนิวได้ดีที่สุดในโรงเรียนนี้ แต่พอพักหลังตั้งแต่หลากหลายเรื่องเริ่มเปิดเผยออกมา มันทำให้ผมพูดได้ไม่เต็มปากว่านิวตรงนี้กับนิวที่ตัวเองเคยรู้จักนั้นเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า
แล้วผมควรจะปลอบมันยังไงในเวลาแบบนี้
   นิวเป็นเพื่อนที่.. พอมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกอย่างกลับไปคนละทิศคนละทาง นิสัยใจคอเปลี่ยนแปลงไปอย่างกับว่าเราไม่เคยได้รู้จักกันมาก่อน
ดังนั้น.. ผมเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีเหมือนกัน..
   “มึงต้องคิดดี ๆ นะนิว” ผมตัดสินใจพูดออกมา “มึงคิดหรือเปล่าวะ ว่ามึงกับไอ้จินจะยั่งยืน”
   ณ ตอนนั้น มันเงยหน้ามามองผม สายตาดูเคว้งคว้างแปลก ๆ
   “กูไม่ชอบที่มึงทำแบบนี้” ผมหมายถึง.. เรื่องที่มันไปเป็นชู้ “และกูก็ไม่เคยคิดว่าคนที่สามารถเลิกกับแฟนตัวเองเพื่อมาคบกับคนอีกคนจะเป็นคนที่ดีในเรื่องความรัก”
   ผมมองนิว มันนิ่ง
   “และกูก็ไม่คิดว่า คนที่ยอมเป็นชู้คนอื่นจะเป็นคนที่ดีในเรื่องความรักเหมือนกัน”
   พวกเราจ้องตากัน
   นิวไม่มีท่าทีของคำว่าโกรธ มันมีแต่คำว่าขอโทษและยิ้มเจื่อน
   “กูรู้..” เสียงพึมพำของนิวแทบเบาจนไม่ได้ยิน “ขอบใจ.. ที่เตือนสติกู”
   “เพื่อนกันก็แบบนี้แหละ”
   ผมสวนกลับ จากนั้นจึงเริ่มมีเสียงร้องทักของจินพร้อมกับสองจานข้าวมาวางบนโต๊ะ และไอ้ดำที่กลับนั่งต่อพร้อมน้ำสี่แก้วเต็มมือ
   “อ้าว พวกมึงเป็นเหี้ยไรกันทำหน้าอย่างกับอมขี้”
   นิวหันไปหัวเราะให้จิน
   “กรดแม่งปวดขี้ว่ะมึง”
..
อ้าว
นี่กูอีกแล้วเหรอวะ
   ผมหน้าเหวอ เดี๋ยว ๆ มึงพูดจาอะไรเหี้ย ๆ เนี่ยนิว เมื่อกี้เพิ่งจะเข้าสู่กลิ่นอายความดราม่าโศกเศร้ามีแก่นสาระสำคัญอยู่เลยนะโว้ย !
   “ไมกูอีกแล้ววะ !”
   “ไม่ใช่มึงแล้วใคร กูเชื่อนิวนะเว้ย” ไอ้จินครับ มันตามมาติด ๆ อะไรก็กูอ่ะ มึงเห็นน้องกรดเป็นเหี้ยอะไร หา
   ไอ้ดำและไอ้จินเลื่อนตัวมานั่งบนโต๊ะด้วยกันครับ เออใช่ รู้ไหมว่าตอนนี้ผมกับไอ้ดำเริ่มเพลา ๆ เรื่องกัดกันแบบบ้านแตกไปได้เยอะจนน่าสะพรึงเลยครับ อาจจะเป็นเพราะชิน เบื่อขี้หน้า หรืออะไรสักอย่างก็ได้ล่ะมั้ง
   “ปิดเทอมแล้วไปไหนกันบ้าง” นิวเริ่มเปิดประเด็น “ว่าไง”
   “กูอาจจะกลับพัทยา” ผมตอบคนแรก ไหวไหล่เมื่อเห็นสายตาตกใจของจินและการเหลือบมองนิ่ง ๆ เหมือนสงสัยของไอ้ดำ “โทษที่ไม่ได้บอก กูเด็กพัทยา”
   “ไอ้จินมันก็ชลบุรี” นิวเฉลย เล่นเอาผมอึ้งตาค้างไปตามกัน “กูเด็กนนฯ ไอ้นัยเด็กกรุงเทพ”
   “อือหือ ...” ถึงกับอึ้งล่ะสิทีนี้.. “แล้วพวกมึงจะไปทำอะไรกันต่อวะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง มองไอ้ดำที่นั่งเจาะไข่แดงในชามกับไอ้จินที่กำลังสูดชาไข่มุกอยู่
   “แบบมึง กลับบ้านไปช่วยงาน” ว่าจบแล้วเคี้ยวไข่มุกหยับ ๆ ต่ออีกนะมึงนี่
   “กูน่าจะเหมือนเดิม กลับบ้านเหมือนกัน”
   คุยได้สักพักก็มีข้อสรุป คือ ทุกคนกลับบ้านกันหมด ไอ้ดำมันไม่พูดอะไรแต่ก็เหมือนเดิมคือพยักหน้าเห็นด้วย มันเองก็จะกลับบ้านเหมือนกัน
กึก
   เสียงของช้อนจากจานไอ้ดำที่กระทบลงเสียงดังกว่าปกติทำให้พวกเราทุกคนหันไปมองพร้อมเพียงกัน ชายร่างสูงนั่งเยื้องจากผมมองไข่ดาวบนจานมันครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นสบสายตาทุกคู่
   “ปิดเทอมที่บ้านกูมีงานเลี้ยง”
   ผมนิ่ง ความทรงจำบางอย่างสะกิดอยู่ ได้ยินไอ้นิวถามเจื้อยแจ้วว่างานอะไร นัยน์ตาสีดำคู่นั้นก็เบนทิศมาพร้อมสบตากับผมแทนพร้อมกับประโยคถัดไปที่เผลอทำให้หัวใจมันวูบลง
   “..วันเกิดพี่สาวกูเอง”
   

   “คิดไงมาชวนพวกกู”
   จินวางแก้วชาไข่มุกในมือ เอ่ยถามเป็นคนแรกเพื่อทำลายความเงียบที่เข้ามาโปรยปรายแทน ชายผิวคล้ำไหวไหล่ทำเหมือนว่าทุกอย่างเป็นไปตามปกติ มันไม่ตอบเหมือนเดิมซึ่งก็เรียกข้อสรุปได้ว่ามันจะไม่ตอบ ไอ้จินจึงกลอกตาไปซะทีหนึ่ง “เออ เดี๋ยวจะไปถ้าว่างนะ”
   “จินไปกูก็ไป”
   นิวพูดตามมาติด ๆ ให้อารมณ์เหมือนสามีหวงภรรยาได้เป็นอย่างดี ผมยังไม่ทันจะได้ยิ้มแซวมันเลย เพราะสุดท้ายสายตาสามคู่ก็เบนทิศมายังผมที่นั่งมองพวกมันคุยกันอยู่แทน ความเจ็บแล่นแวบเมื่อนิวศอกลงที่เอวผมเป็นเชิงให้รีบตอบ
เอ่อ.. ว่ะ
มันถามพวกเราสามคนนี่
   เหมือนผมจะเพิ่งนึกออก ไล่สายตามองทั้งสองคน ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ไอ้ดำพูดออกมา งานวันเกิดพี่สาวของมัน.. แล้วก็ใช่ มีตุ๊กตาฮัสกี้ที่ยังอยู่ในห้องอีกด้วย
   และจู่ ๆ หัวใจของผมก็พาลกระตุกวูบ
   ไร้สาเหตุมากที่เกิดอาการเช่นนี้ขึ้น ปลายนิ้วมือของผมเหมือนถูกฉีดยาชาเข้าลงเส้นประสาท นัยน์ตาตนเองเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะกะพริบรัวเรียกสติ
ไอ้ดำยังคงมองอยู่
รวมถึงนิวกับจินด้วย
พวกมันรอคอยคำตอบของผมอยู่..
   ความสับสนก่อเข้ามาภายในอกของตนเอง นานนักที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกประหลาดแบบนี้ อึดอัดจนไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยคำใด ๆ ได้ ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์นี้คงจะเป็นตอนช่วงเบสและเซ็น
แต่ครั้งนี้..
   ผมเลื่อนสายตามองหน้าไอ้ดำ ซึ่งมันกำลังจ้องตรงมาเช่นเดียวกัน
จะตอบว่าอะไรล่ะวะ ..ไอ้กรด..
มึงจะตอบว่าอะไร
   เหมือนว่าคำถามจากจิตสำนึกจะเป็นคนเอ่ยออกมาแทน ผมรู้สึกหายใจติดขัด กลืนน้ำลายก้อนเหนียวหนืดลงลำคอ มันยากลำบากกว่าที่คิด
   ก็ผมเผลอใจไปแล้วนี่หว่า ได้ยินอะไรแบบนี้.. เลยรู้สึกสะดุดนิดหน่อย
   “กู..” ในที่สุดผมก็ทำใจรวบรวมสติที่กระจัดกระจายมาไว้เป็นกลุ่มก้อนในสมองได้สำเร็จ ไม่รู้ว่าผมเผลอคิดนู่นนั่นไปนานแค่ไหน.. ตอนนี้ผมรู้แค่อย่างเดียว
ผมรู้แค่ว่าตัวเองไม่กล้าจ้องตาไอ้ดำ
   ‘..อยากเสือก ?’ น้ำเสียงในอดีตที่ทำให้ผมต้องหยุดชะงักปากของตนเองดังขึ้นมาในหัว ภาพความทรงจำที่ควรจะหลงลืมเพราะระยะเวลานั้นกลับขึ้นมาย้ำเตือนอย่างน่าใจหาย
   เสียงของไอ้ดำ.. น้ำเสียงที่เรียบ ๆ นิ่ง ๆ ตามปกติมันดังขึ้นมาอีกครั้ง
   ‘เออ’
   จำได้ลาง ๆ อีกว่าผมตอบมันไปแบบนี้ ภาพแววตาลังเลของไอ้ดำที่เหมือนกำลังตัดสินใจว่าจะพูดถึงดีหรือไม่แวบขึ้นมาก่อนที่มันจะไหวไหล่
   ‘ก็ตามนั้น รักแรกกูคือพี่สาวตัวเอง’ เสียงของมันแผ่วเบา ‘เดินไปพูดไปเหอะ’
   ‘..เออ’
   ผมพยักหน้าเบา ๆ จำได้ว่าตอนนั้นมีความรู้สึกหน่วงที่จุกแน่นในอกของตนเอง มันจุกจนพูดยาก เหมือนกับตอนนี้ที่ผมกำลังเป็นอยู่..
ต่างกัน แค่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าความรู้สึกหน่วง ๆ มันหมายความว่ายังไง
   “เป็นอะไรวะมึง ?” นิวดึงผมออกจากเทปความทรงจำ รอยยิ้มของตนผุดขึ้นบาง ๆ บนใบหน้าที่เหมือนจะท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
   ‘มึงก็คงจะรู้ว่ารักกับพี่สาวแท้ ๆ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว’ เสียงของไอ้ดำลอยเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้งหนึ่งส่งผลให้ผมที่กำลังจะอ้าปากพูดต้องกลืนน้ำลายลงแทน
    ‘คนที่ซื้อไอ้ฮัสกี้ให้น่ะนะ ?’
   ‘งั้นมั้ง..’
   ประโยคอีกสองประโยคยังคงดังก้องอยู่ในหัวของผม ขณะที่ตนเบนสายตาไปมองไปหาไอ้ดำ..
อย่าสิวะน้ำกรด
อย่าหนี.. มึงต้องผ่านมันไปได้
   ผมพูดย้ำกับตัวเอง ระบบทางเดินหายใจเริ่มทำงานผิดปกติเมื่อเห็นสายตาคู่นั้นเพราะว่ามันกำลังซ้อนทับกับภาพที่ติดอยู่ในความทรงจำของผมอยู่
ความทรงจำในวันที่ตนเคยถามเกี่ยวกับเรื่องพี่สาวของมัน
   ‘มึงจะบอกว่า.. รักแรกมึงไม่สมหวัง มึงเลยชอบหาใครแทนที่ไปเรื่อย ๆ และมีเซ็กส์ไม่เลือกหน้าเพื่อตามหาคนมาเติมเต็มมึง ว่างั้น ?’
   ประโยคคำถามในอดีตของตัวเองมันดังก้องอยู่ในหัว
   ขณะที่เริ่มเปล่งเสียงตอบไอ้ดำที่กำลังจ้องมองมาทางนี้ด้วยแววตานิ่งเฉยเหมือนอย่างที่เคยเป็นตามปกติ
   “กู..” รู้สึกว่าลำคอของตนแห้งผาก เปล่งเสียงออกมาได้ยากกว่าที่คิด ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงไม่กี่คำพูดเท่านั้น “กูไป”
เมื่อสิ้นเสียงของผม
คำตอบไอ้ดำในวันนั้นก็ดังก้องเข้ามาหลอกหลอนทันที
   ‘มั้ง..’
...


   เหมือนโดนลด HP แปลก ๆ เลยว่ะวันนี้
   ผมทิ้งกระเป๋านักเรียนลงบนเตียงตัวเอง เดินโซเซเข้าไปล้มลงบนเตียงที่อยู่คนละฝั่งกับไอ้ดำทันที วันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากประโยคคำถามนั้น ? คำตอบคือ ไม่มีอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ผมยังคงแหกปากคุยกับไอ้ดำ กัดกันนิด ๆ แม้จะมีความรู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้างเล็กน้อยก็ตาม เจออาจารย์ไม้คอยกอดอกเดินเชิดหน้าไปมาคุมนักเรียนอีกด้วย หรือไม่ก็เห็นนิวจินสวีตหวานโดยมีไทเกอร์กับไลออนเป็นตัวคอยผสมโรงร่วมด้วยอย่างไม่แคร์สื่อเช่นเดิม
   แต่วันนี้รู้สึกเหนื่อยผิดปกติ
   ผมขอตัวกลับหอมานอนพักก่อน รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ หายใจไม่ค่อยออกด้วย.. อะไรวะเนี่ย อย่าบอกนะว่ากูจะเป็นหวัดน่ะ
   ทุกคนตอนนี้คงนั่งติวหนังสือเตรียมสอบไม่ก็เตะบอลเล่นกันแล้วล่ะมั้ง..
   คิดเพียงเท่านี้ก็พริ้มตาลงซุกกับหมอน หัวเผลอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อย่างไม่ได้ตั้งใจก็เล่นทำเอาหัวว้าวุ่นไปหมด เวรเอ๊ยไอ้กรด มึงจะสอบแล้ว อย่าเพิ่งเอาอะไรมารกหัวสิวะ
เกลียดฉิบ.. ความรู้สึกนี้
ที่มันมักจะมาเวลาหลงรักใครสักคน
   มันเหมือนกับว่าแท่นอารมณ์ของตนเองตกไปอยู่ที่มือของเขา ไม่ว่าจะอะไรเกิดขึ้น เพียงแค่เขาเอนมันซ้ายทีขวาที อารมณ์ก็คล้อยตามไปอย่างง่ายดายเหมือนว่าผมควบคุมมันไม่ได้อีก
   ไอ้ดำตอนนี้ก็เหมือนกัน.. มันกำลังถือแท่นอารมณ์ของผม..
นัยน์ตาของตนเลื่อนไปมองเห็นถุงพลาสติกใหญ่ที่มีตุ๊กตาฮัสกี้ตัวหนึ่งแลบออกมาจากหลังหัวเตียง ความรู้สึกผมจมดิ่งกว่าเดิม พลิกใบหน้าซุกลงกับผ้าห่มผืนหนาเพื่อหนีความคิดตัวเอง
พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกัน
ย้ำเอาไว้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน
   แต่ผมหลงรักมันไปแล้ว ไอ้ดำก็บอกว่าจะจีบผมแต่การกระทำมันดันขัดกับคำพูดเหลือเกินจนทำให้รู้สึกหงุดหงิด
ไม่ได้หงุดหงิดมันว่ะแต่หงุดหงิดตัวเอง
หงุดหงิดที่ว่าทำไมต้องหงุดหงิด
   สายตาตรงหน้าเริ่มพร่ามัวกว่าเดิม ผมซุกหน้าลงกับผ้าห่มให้แน่นขึ้นอีก เม้มริมฝีปากกับน้ำเสียงหรือถ้อยคำต่าง ๆ นานาที่กำลังถาโถม
แกร๊ก
   เสียงเปิดประตูเรียกสติที่กำลังจะวูบลงให้กลับมา ผมได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินเข้ามา โยนกระเป๋าลงบนเตียงอีกฝั่งก่อนที่มันจะเดินมาหยุดลงที่ตรงเตียงของผม
   เมื่อปรือตามองขึ้น.. ก็เห็นชายตรงหน้า
ไอ้ดำอยู่ตรงนี้
   มันมองผมสักพักแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงของผม ทั้ง ๆ ที่ปกติแค่ของใช้ยังไม่จับเลยด้วยซ้ำ ผมกำลังจะอ้าปากพูดบางอย่างแต่ก็ต้องหุบลงเพราะฝ่ามือร้อนที่เอื้อมเข้ามาทาบลงบนหน้าผากของตน
   “ทำไมไม่บอก”
..
หา..
   คิ้วขมวดมุ่นกับถ้อยคำที่ได้ยิน เห็นใบหน้าของมันที่กำลังจ้องมาชัด ๆ ก็เล่นพูดไม่ออก นัยน์ตาสีดำสนิทนเหมือนกำลังหงุดหงิดอยู่ทั้งที่ปกติจะไม่ค่อยแสดงท่าทีนัก
   “อย่าเหี้ยให้มาก” ..อะไรวะ กูงงนะ กูงง ..
   ไอ้ดำเหมือนรู้ว่าผมยังไม่เข้าใจ มันก็จัดแจงดันหน้าผากที่เจ้าตัวจับอยู่เป็นเหตุให้หัวของผมเอนลงหมอน “ป่วยแล้วทำไมไม่บอกวะ”
..หะ..
   “กูป่วย ?” ผมทวนอย่างไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่ได้รับมาคือการเห็นคนตัวดำ ๆ เดินกอบผ้าห่มฝั่งตัวเองแล้วมายกทับร่างผมซะงั้น “เฮ้ย ร้อนนะโว้ยไอ้สัตว์ !”
   “เออมึงป่วย รีบ ๆ ร้อนให้เหงื่อออกดิวะ” มันพูดพร้อมกับจ้องตอบ สายตามีแววความขุ่นมัวอยู่ภายใน “เร็วไอ้หมา รีบนอนแล้วรีบหายป่วย”
   “กูไม่ได้ป่วย”
   “ไม่งั้นจะตัวร้อนแล้วรีบกลับมาทำไม”
เออว่ะ.. เพิ่งนึกออก
   อันที่จริงก็อาจจะป่วยก็ได้.. รู้สึกมึน ๆ งง ๆ อย่างไร้สาเหตุด้วย ผมหายใจฮึดฮัด พยายามขยับหลบกองผ้าห่มที่ไอ้ดำแม่งเอาเข้ามาถาโถมใส่ร่างตนเองต่อ แต่หัวสมองเหมือนสั่งการไม่เต็มที่เพราะเริ่มรู้สึกวิงเวียนกว่าปกติ พระเจ้าเหอะ ก่อนหน้านี้กูยังไม่เป็นอะไรเลยนะครับ ทำไมร่างกายผมถึงมาสำออยตอนไอ้ห่าดำโผล่หัวออกมาวะ
   เดาว่าเพราะตากฝนเมื่อตอนไปค่ายแน่ ๆ เลย สัตว์เอ๊ย
   “เอาผ้ามาทับทำไมเยอะแยะวะ กูร้อน”
   “เหงื่อจะได้ออกไง”
   “เหนียวตัวตายห่า”
   “ตายได้ไง แค่ผ้าห่ม”
   “โว๊ะ.. ไอ้เหี้ย !” ผมหันขวับ แม่งจะอะไรว้า อยู่ ๆ มึงเกิดแดกอะไรขึ้นมาเลยเป็นอย่างนี้ ! คิดจะหันไปด่า ปากหมาใส่สักทีแต่ก็ต้องชะงักกึกเลย..
   สายตามันมองมาแปลกไปกว่าเดิมนิดหน่อย
   ถึงจะนิ่ง ๆ แต่มันเจือปนบางอย่าง
   “มึงมองกูด้วยสายตาแบบนั้นทำไมวะดำ..” ผมกลืนน้ำลายก้อนเหนียวหนืดลงลำคออย่างยากเย็น โชคดีที่มีผ้าห่มผืนหนาทาบทับร่างตนเองอยู่เลยทำให้ไม่เห็นอีกฝ่ายชัดเจนกว่าปกตินักแต่ก็ยังพอมีวิบวับกระปิดกระปอยอยู่ ชายผิวแทนพ่นลมหายใจ
   “ควายสัตว์” อ้าว.. ไอ้เหี้ย ด่ากูอีก
   “มึงไม่หาเรื่องกูตอนป่วยได้ไหมไอ้เชี่ย กูปวดหัว !” ตะเบ็งเสียงออกไปแล้วดันผ้าห่มที่ทับตัวเองอยู่ออกจนตกพื้นแต่ไอ้ดำกลับรับมาไว้แล้วให้ทับร่างผมใหม่อีกรอบ คราวนี้เสริมออพชั่นเอาหมอนฝั่งมันมาทับตัวอีกครับ “นี่มึงคิดจะฆาตกรรมกูอย่างเลือดเย็นด้วยหมอนและผ้าห่มใช่ไหมวะ !”
   “ทำไมป่วยแล้วไม่ฉลาดขึ้นเลยวะ”
   “คิดว่าพอป่วยแล้วไอคิวกูจะสูงขึ้นเหรอไอ้สัตว์ !”
   “เออ มึงโง่ตลอดกาล โทษ กูเพิ่งนึกออก”
   “กวนตีน !”
คราวนี้ไอ้ดำเลือกที่จะไม่อะไรกับผมต่อ นอกจากไหวไหล่เบา ๆ พลางเดินเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้น้องกรดคนนี้นอนทำหน้าควายงงแล้วรีบยกผ้าห่มกับหมอนออกไปทันทีเลยครับ ไอ้เชี่ยนี่คิดจะฆ่ากูใช่ไหมวะ
   ชายร่างสูงใหญ่เดินกลับมาอีกที นัยน์ตาของมันมองมาทางผมเจือความหงุดหงิด
   “นอนลงไป”
   “ทำไมกู..”
   “อย่าให้กูอารมณ์เสีย” ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก เหมือนว่าจะไม่ใช่การกวนประสาทแต่อย่างใดจึงยอมทิ้งตัวลงนอนตามคำสั่ง ไม่นานนักก็สัมผัสถึงความเย็นชื้นจากเจลบริเวณหน้าผากของตน
   “เจลลดไข้ ? ไปหามาจากไหนวะ..”
   “อย่าถามมาก รู้ว่ามึงมีไข้แล้วหามาให้ก็พอ” มันตอบไม่ตรงคำถาม ใช้ฝ่ามือหนาเกลี่ยบริเวณหน้าผากให้แผ่นเจลราบเรียบไป ความเย็นของมันทำให้ภายในหัวของผมรู้สึกโล่งขึ้นอย่างน่าประหลาด ผมจ้องมองฝ่ามือของคนผิวแทนที่กำลังลูบหน้าผากตนเองอย่างทะนุถนอมแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอยู่
..อ่อนโยน
   คำนี้เข้ามาในหัว มันอ่อนโยน เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาตลอดทั้งชีวิตว่าจะได้เจอกับคนอย่างไอ้ดำ..
   ใบหน้าของตัวเองรู้สึกร้อนขึ้นกว่าเดิมอย่างไร้สาเหตุ ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพราะพิษไข้ที่เริ่มลุกลามขึ้นมามากกว่า
   มันมองมาทางผม ทำให้ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นเป็นอีกเท่าตัว ยิ่งเห็นการกระตุกรอยยิ้มขบขันที่มุมปากอย่างไร้สุ้มเสียงก็ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงขึ้นอีก ..
ผมแพ้ทางมันอีกแล้ว..
   ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มือของตัวเองเข้าไปจับนิ้วเรียวยาวที่ใหญ่กว่าไว้แน่น จับเอาแน่นเหมือนบังคับให้อีกคนทาบมือลงบนหน้าผากของตนเองเอาไว้ สติเริ่มล่องลอยไปตามอากาศอย่างไร้จุดหมาย ไอ้ดำไม่พูดอะไรคล้ายกับกำลังรอฟังประโยคคำพูดของผม
   “มึง..” เสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาจากลำคอแห้งผากของคนป่วยอย่างยากลำบาก ผมบีบฝ่ามือเบา ๆ เหมือนต้องการการตอบรับ “..อย่าเพิ่งไป กู.. มึง เรื่องงานวันเกิด พี่สาวมึง.”
ผมกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่วะ ..
และก็เออ.. ไม่รู้.. ผมใช้คำนี้ตอบคำถามตนเองเพื่อหลีกหนีอีกครั้ง
   ไอ้ดำเพียงแค่ระบายยิ้มออกมาเหมือนเดิม ยิ่งมันยิ้มเยอะ ๆ แบบนี้ยิ่งทำให้ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความฝันมากกว่าความจริง.. เพราะปกติไอ้เหี้ยนี่มันยิ้มซะที่ไหนล่ะ
   อีกฝ่ายก้มตัวลง เลื่อนมือปิดตาของผม พร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ดังลอดออกมาจากปากมันและสัมผัสบางอย่างที่ถูกกดลงมาจากเจลลดไข้
..
   “..ตอนนี้มีแค่มึงคนเดียว”
..
พูดแค่นั้น
แค่นั้นจริง ๆ ..ก่อนที่ผมจะผล็อยหลับไปในที่สุด..
..
 










หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:38:32
Special’s part


   ผมยืนมองร่างสูงโปร่งที่กำลังขดตัวอยู่ในห้วงนิทราบนเปลราวกับไม่รู้เรื่องอะไรพลางระบายยิ้มจาง ๆ ออกมาอีกครั้งหนึ่ง เอื้อมมือไปลูบหัวไอ้หมาเบา ๆ มันดูหลับลึกและกำลังฝันดีอยู่ด้วยเพราะริมฝีปากเล็ก ๆ นั่นคลี่ยิ้มบนใบหน้าออกมา ท่าทีที่เหมือนหมาหงอยก่อนหน้านี้หายวับไปอย่างกับลมเล่นเอาผมเปลี่ยนอารมณ์ตามตัวมันเองเกือบไม่ทัน
   ตอนนี้ไอ้กรดกำลังหลับอยู่ มีอาการไข้จากตากฝนตอนเข้าค่ายนิดหน่อย
   ผมถอนหายใจ เดินไปหยิบปฏิทินแล้วมองวันสอบก่อนจะพลิกดูแผ่นถัดไปเห็นรอยหมึกสีแดงที่วงตัวเลขวันเกิดพร้อมกับเขียนคำว่าพี่สาวเอาไว้เล็ก ๆ อยู่ก็ทำให้ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ อีกครั้งหนึ่ง
รักแรกที่ลืมไม่ลงสักที
   ดูเป็นตราบาปติดตัวที่เผลอใจหลงรักพี่สาวแท้ ๆ ของตนเอง แถมยังฝังใจ.. จนมาเข้าโรงเรียนชายล้วนอีกต่างหาก ผมหัวเราะกับความคิดประหลาด ๆ ที่อยากจะออกห่างพี่สาวให้ได้มากที่สุดนี่ จนสุดท้ายตอนนี้พวกเราก็ยังเป็นพี่น้องกันอยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรมากมายหรือน่าก้าวก่ายไปมากกว่านั้น
เรื่องราวของผมเป็นยังไงน่ะเหรอ ?
..เป็น.. สิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้ไง
   ผมหันไปมองน้ำกรดที่กำลังครางเบา ๆ ในลำคอเพราะพิษไข้ รอยยิ้มบนใบหน้ามันก่อนหน้านี้จางหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่พวงแก้มขึ้นสีแดงก่ำที่ท่าทางน่าเอ็นดูอยู่
   น้ำกรด.. ชื่อของผู้ชายที่ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มันเหี้ยขึ้นเยอะเลย
   ตั้งแต่ม.4ที่ได้เจอกับมันอย่างน่ารำคาญเป็นว่าเล่น คิดว่าจะไม่มีวันที่ต้องมาอยู่ด้วยกันซะแล้ว แต่เมื่อลองเข้ามาก้าวก่ายชีวิตของกันและกัน มันก็ทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้แย่อย่างที่ตนเองเคยคาดคิดเอาไว้ครั้งแรกแม้แต่น้อย
มันดู..
..
น่ารัก.. มากกว่าซะอีก
   ปกติน้ำเสียงที่น่ารำคาญของไอ้หมานั่นมักจะทำให้ผมหงุดหงิดเสมอ ๆ เจื้อยแจ้ว พูดมาก เสียงมันก็ทุ้ม ๆ เหมือนผู้ชายนั่นแหละแต่กลับฟังแล้วอยากหันไปเตะก้นสักป้าบ ไม่รู้ว่าไอ้นิวมันทนอยู่กับน้ำกรดไปได้ยังไงกัน
   การที่อยู่ ๆ ได้รู้จักมันมากขึ้นก็เหมือนทำให้การควบคุมอารมณ์ของผมค่อย ๆ ถูกพังทลายลงโดยมันมากขึ้นกว่าเดิม น้ำกรดทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับความทรงจำในอดีตของตนเองได้หลุดลอกไปตามคำพูดกวนสมองของมัน
ผมยิ้มอีกครั้งหนึ่ง มองดูเลขที่วงกลมเอาไว้ในปฏิทินบนโต๊ะ
ก่อนจะหันไปมองร่างที่กำลังหายใจอยู่บนเตียงอีกฝั่งหนึ่ง
..
   สุดท้ายก็ตัดสินใจสาวเท้าไปใกล้กับมันพลางทิ้งตัวลงนอนด้วยเงียบ ๆ ในตำแหน่งต่ำกว่า ได้ยินเสียงของน้ำกรดครางเพราะความรำคาญ เพราะถูกรบกวน มีการเอามือมาดัน ๆ ด้วยอีกต่างหาก แต่คิดว่าจะได้เรอะ
   ผมแอบยิ้มกับท่าทางคนป่วย
   อุณหภูมิภายนอกของมันสูงขึ้นกว่าเดิมจนน่าตกใจ ถึงว่าทำไมมันดูเนือย ๆ ตอนคุยกัน.. ผมยกมือขึ้นแล้วเอื้อมไปโอบเอวอีกคน พลางรั้งร่างอีกฝ่ายเข้ามาหา
   กลิ่นของมัน.. ก็เหมือนผู้ชายทั่วไป
   แต่ผมไม่ค่อยได้สัมผัสอุณหภูมิร่างกายคนอื่นมานานแล้ว.. ที่สัมผัสล่าสุดไปก็คืออุณหภูมิของไอ้หมานี่คนเดียวนั่นแหละ แถมไม่เสร็จอีกต่างหาก น่าโมโหเป็นบ้า
   ผมหลับตาลง สองมือยังกอดเอวอีกคนเอาไว้พร้อมซุกกับแผ่นท้องราบ มือน้ำกรดเหมือนรู้หน้าที่ เข้ามาวางบนกลุ่มเรือนเส้นผมนุ่ม แถมด้วยการครางเบา ๆ ในลำคอเป็นการบ่งบอกว่าเริ่มนอนหลับสบาย ๆ ต่ออีก..
..
และจากนั้นไม่นาน
ผมก็ค่อย ๆ หลับตามมันไป..


หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:38:52
C h a p t e r  43
คนเกลียดกัน มักจะต้องแยกกัน


   คุณเคยมีความรู้สึกเหมือนหนักอึ้งในอกไหม
..
ผมกำลังเผชิญกับมัน..
   สองมือที่เย็นเฉียบเมื่อได้ปะทะกันอย่างจัง ๆ ทำให้หัวใจของผมเหมือนจมดิ่งลงห้วงทะเลลึกเลยด้วยซ้ำ นัยน์ตาตนเองกำลังมองภาพตรงหน้าที่เริ่มเลือนรางไปทีละน้อยนิดราวกับว่าจะจางหายออกจากทัศนียภาพ ลมหายใจของผมติดขัดหนักกว่าเก่าเมื่อยิ่งพยายามจับจ้องภาพตรงหน้าให้เห็นชัดเจน อารมณ์ความสับสนของตนแล่นวาบเข้ามาเหมือนทำอะไรไม่ถูก เลือดในกายพาลเย็นเฉียบจนทำให้สองมือของตัวผมนี้ชาขึ้นมาจนแทบกระดิกไม่ได้..
เหี้ย..
   ผมมองแผ่นกระดาษตรงหน้า.. ก่อนจะเม้มปากแน่น ปลายนิ้วชาเริ่มพยายามจับดินสอในมือให้แน่นกว่าเดิม..
..
กูทำไม่ได้สักข้อเลย..
...


   อย่าถามว่าที่เพิ่งประสบพบเมื่อครู่นี้คืออะไร.. มันคืออาการของหนุ่มน้อยวัยอายุย่างเข้า 18 ขวบที่ไม่สามารถทำข้อสอบในห้องสอบได้ครับ ผมนั่งอึ้งทึ่งกับข้อสอบอยู่จนน้ำตาเกือบจะไหล ก่อนหน้านี้ไม่น่าป่วยเลยกู แถมพอป่วยก็ไม่ยอมอ่านหนังสือ ถึงจะมีคนมาช่วยติวให้ก็ตามเหอะ ฮือ
   ผมพาร่างตัวเองเดินออกจากห้องสอบอย่างโทรม ๆ ก่อนจะทรุดลงที่ที่พื้นทันทีครับ
โอ๊ย.. นี่มันเหี้ยอะไรวะเนี่ย..
   ยังไงก็ตาม.. วันนี้คือวันสอบวันสุดท้ายนั่นเอง ทำให้ผมรู้สึกโล่ง.. โล่งแบบโล่ง โล่งเพราะกูรอซ่อมไง ฮือ
   “เป็นไงบ้างวะมึง” ไอ้นิวเป็นคนที่เดินออกจากห้องสอบไล่เลี่ยกับผม มันเอื้อมมือมาตบไหล่เบา ๆ ตามที่เคยทำมาตลอดสองปีครับ ผมอยู่กับมันเข้าปีที่สาม แม่งก็ยังตบไหล่กูเหมือนเดิมหลังออกนอกห้องสอบ ฮือ มึงฆ่ากูเหอะนิว ทำงี้เอามีดมาแทงกูเลยมา มามะ ไอ้เตี้ยไซย่า กูจะร้องไห้แล้วเนี่ยสาดดด
   “เหมือนเดิม”
   “โอโจ้ด้วยปะ ?” เสียงจินตามมาติด ๆ
   “ตกแน่นอน ไอ้เหี้ยเอ๊ย !!” ผมสบถออกมาอย่างเสียอารมณ์ คว้ากระเป๋าเดินนำเพื่อนสองตัวไปทันที ไม่ทันไรก็ต้องถูกเตี้ยตัวเล็กแรงควายเข้ามาเกาะไหล่เอาไว้ซะก่อน “ไรวะเนี่ย”
   “เดี๋ยว ๆๆ ไปแดกหมูกระทะกันเหี้ย ฉลองสอบเสร็จไง ก่อนปิดเทอมตุลา” นิวยิ้มกว้าง อะไรมึง.. หมูกระทะอีกแล้วเหรอ ครั้งก่อนก็หมูกระทะ ช่วยสาบานต่อหน้าคะแนนสอบกูได้ไหมว่ากูจะไม่เจออะไรเชี่ย ๆ อีก
   “ไม่ กูต้องรีบเก็บของแล้วจะกลับบ้าน” ผมยื่นคำขาดครับ ปิดเทอมตุลาคมนี้ผมจะรีบเก็บของและกลับบ้านเกิดของผม..
ยังไม่บอกเลยใช่ไหมว่าผมเกิดที่พัทยาน่ะ ?
   โธ่ เปิดเรื่องมาจนจะจบเพิ่งรู้กันล่ะสิว่าผมอยู่พัทยา เด็กพัทยาครับ เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ นั่นแหละ
   “บ้านมึงอยู่ไหนวะ ?” เป็นไอ้จินที่เดินเข้ามาถามต่อ
   “กูเด็กพัทยา”
   “เหี้ย กูก็ชลบุรีแต่เป็นแถวบางแสนว่ะ” มันทำตาโตเสร็จผมก็เพิ่งระลึกได้ว่าบางแสนเองก็อยู่ชลบุรี พอหันมองนิวก็เห็นเจ้าเตี้ยนั่นหน้าบูดไปแล้วด้วย
   “พวกมึงจะกลับบ้านพร้อมกันหรือเปล่าน่ะ” มันถามเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความหงุดหงิด โอ๊ย โอ๊ย ! น้องน้ำกรดสัมผัสได้ว่าไอ้นิวหงุดหงิดอยู่ ! ผมรีบสั่นหัวเลย เอาชีวิตรอดไว้ก่อนน่า
   “กูรีบ ไม่รู้ล่ะสัตว์ เดี๋ยวจะรีบไปเก็บของแล้วอีกสักสองวันจะเดินทางกลับบ้าน ต้องไปหางานพิเศษทำด้วย”
   “งานพิเศษ ?”
   “ทุกวันนี้มันทำงานตอนปิดเทอม เก็บเป็นค่าเรียนค่าใช้น่ะ” เสียงนิวดังตอบคำถามเชี่ยจนแทนที่ผมจะได้อ้าปากพูด เล่นเอามันร้องอ๋อทันที “เออ แล้วตกลงคือมึงจะเก็บของวันนี้เหรอไอ้กรด”
   “ใช่แล้ว ทำไมวะ ?” ผมเลิกคิ้ว มองเพื่อนสองตัวที่จ้องมาทางตัวเองด้วยความสงสัย “พวกมึงดูมีความลับกับกูอีกล่ะ”
   “เยอะแยะ” อ้าวไอ้นิว เดี๋ยวนี้มึงพูดอะไรเทือกนี้กับกูแล้วเหรอวะ !
   “แต่ก่อนแม่งไม่เคยมีอ่ะสาด”
   “มีแต่มึงไม่รู้” ผมเริ่มทะมึนแล้ว สรุปคือมีนานแล้วแต่ผมไม่รู้เองเหรอ “อีกอย่างมึงไม่ถามด้วย”
เอ้า ความผิดที่ผมไม่ถามเรอะ ขอเถียงก่อนครับ
   “กูเคยบอกว่าให้มึงบอกทุกอย่างไง”
   “กูไม่รู้จะบอกอะไรนี่หว่า.. อ้าว ไอ้นัย” ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากเถียงคำต่อเพื่อทำสงครามกับมันเลยครับ เสียงเรียกชื่อที่ไม่คุ้นหูก็ดังขึ้นทำให้ผงะไป หันไปมองคนที่กำลังเดินถือกระเป๋าเป้สีดำ ๆ เข้ามา “สอบเป็นไงบ้างวะ”
   มันยักไหล่ทีหนึ่ง ไม่พูดอะไร
   “ทำหน้ากวนตีนคิดว่าหล่อนักไงวะ” ขอกัดทีเหอะ ไม่ไหวล่ะ
   ไอ้ดำหันกลับมามองผมแล้วเลิกคิ้วใส่
   “เหี้ยที่ทำหน้าจะร้องไห้ตอนทำข้อสอบเงียบไปเลย”
   “....”
โอ๊ย !!  กูเจ็บจี๊ด !!
   ดูมันพูดดิ ไม่ให้เกียรติคนทำไม่ได้เลย !
   แต่ผมไม่ทันโวยวายครับ มีเสียงนิวขัดขึ้น
   “มึงรู้ได้ไงว่ามันทำหน้าจะร้องไห้”
   เออใช่ ไอ้นิวพูดถูก จินเริ่มเงี่ยหูฟังว่าไอ้ดำจะตอบอะไร
คำถามไอ้เชี่ยนิวว่าค้างหนักแล้ว
คำตอบไอ้ดำแม่งทำผมช็อกกว่าอีก
   “ก็เพราะกูมองมันตลอดไง”
....
จะถือว่าผมไม่ได้ยินอะไรก็แล้วกัน


ทุกอย่างมันเหมือนความฝัน
   ผมรีบหนีจากไอ้ดำแล้วพาร่างของตัวเองกลับเข้ามาในห้องพัก เมื่อเปิดประตูสิ่งที่พบคือ สภาพห้องเละเทะ ของระเกะระกะเต็มพื้นจนแทบจะยกมือนวดขมับ.. ก่อนที่จะเสื้อผ้าบางส่วนกลับบ้าน คงต้องทำความสะอาดห้องก่อนจริง ๆ จัง ๆ สักรอบหนึ่งล่ะมั้ง
   จะว่ายังไงดี.. เสื้อผ้าฝั่งไอ้ดำกับฝั่งผมไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นักครับ ผิดคือ ไอ้ดำกองบนเตียง ลากยาวไปพื้นครึ่งฝั่งมัน ส่วนผมแค่กองบนพื้นใกล้ ๆ กันเฉย ๆ ต่างหาก
ปิดเทอมงั้นเหรอ..
..
แปลว่าผมจะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ เลยใช่หรือเปล่า ?
   ความคิดนี้แล่นเข้ามาระหว่างก้มเก็บบ็อกเซอร์สีเทาของตัวเองลงตะกร้าระหว่างคิดไปด้วย
   พอปิดเทอมผมจะต้องไปทำงานพิเศษตลอดเพื่อที่จะเก็บเงินเอาไว้เรียน มันเป็นกิจวัตรประจำยามปิดเทอมของผมไปสักพักแล้วด้วยซ้ำ
ไม่ได้เจอไอ้นิวกับไอ้จิน..
   คงรู้สึกแปลก ๆ ไม่น้อย ถึงปกติต้องบอกว่าพอปิดเทอมนิวมักจะโทรศัพท์มาหาผมบ่อย ๆ ระหว่างทำงานไม่ก็หลังมันเลิกเรียนพิเศษเพื่อคุยเล่นเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ นานาก็ตาม..
แต่.. ยังไงก็อดรู้สึกไม่ได้น่า
หยุดไปเลย.. ก็คือไม่ได้เจอกันเหรอ..
   ผมต้องยอมรับว่าม.6คราวนี้มันแปลกใหม่ไปจากตอนผมอยู่ม.ปลายครั้งแรก ๆ .. ผมเป็นคนเล่นกับทุกคนไปทั่วแต่สนิทจริง ๆ ก็ไอ้นิวคนเดียว
ปีนี้มันเพียงแค่มีคนเพิ่มขึ้นก็เท่านั้น..
จิน.. ที่เป็นเพื่อนก่อนหน้านี้ยังพอคุยด้วย
   ผมไม่ค่อยอยู่กับผู้ชายเป็นกลุ่ม ๆ เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ทั่วไป ส่วนใหญ่ผมจะอยู่กับนิวมากกว่า..
แต่ว่า..
ตอนนี้มีมันเพิ่มอีกคนแล้ว
..
ไอ้.. ดำ
   ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน มองห้องของตัวเองที่เริ่มสะอาดสะอ้านขึ้นครึ่งหนึ่งก่อนจะพบว่าของที่เกะกะบนพื้นคือของของผมหมดเลย ส่วนไอ้ดำมันแพ็คกระเป๋ากลับแล้ว
   ปิดเทอมของโรงเรียนประจำมักจะยาวกว่าปกติครับ.. ซึ่งมันทำให้ผม.. เหงาแบบบอกไม่ถูก
   ความรู้สึกโหวงเหงทำให้หัวใจแกว่ง ๆ ไปไม่น้อยเลย ผมไม่เจอจิน ผมไม่เจอนิวยังไม่รู้สึกแบบนี้..
แต่ถ้าผมไม่เจอไอ้ดำ..
   คิดได้ดังนั้น ภาพต่าง ๆ กลับย้อนเข้ามาในหัวเหมือนกรอเทป คอยตอกย้ำความรู้สึกผมที่มีต่อมันมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่เริ่มต้นได้เจอกัน การตะโกนด่าทอ ผ้าผูกมือ จูบของพวกเราทั้งคู่
ทุกสิ่งทุกอย่างมันผ่านไปเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
..
มันช่วยผมไว้กี่ครั้งกัน ?
   ‘ช่วยผม’ ที่คอยกวนประสาทบ้า ๆ บอ ๆ เอาเรื่องงี่เง่าใส่หัวมัน ‘ช่วย’ โดยไม่จำเป็นที่ผมจะต้องเอ่ยปากใด ๆ ออกมาเลย
   ผมลูบข้อมือตัวเอง พวกเราเคยอยู่ด้วยกัน ตัวติดกันเพราะผ้าผืนนั้น และผมอยากจะถีบมันออกแทบตาย แต่พอถึงเวลาที่ต้องห่างกันจริง ๆ ผมกลับไม่อยากให้มันหายไป
   “...”
   หลังจากมโนคนเดียวในหัวซะนาน ผมก็ยกมือตบหน้าผากเสียงดังลั่น
   โว้ย ! ทำไมต้องมาทำตัวเหมือนคนอกหักจะเป็นจะตายด้วยวะ ! ไอ้ดำแค่จะปิดเทอมแยกย้ายกลับบ้านแต่ผมกลับทำเหมือนมันมาได้ผมแล้วหายไปจากชีวิต ! ไอ้น้ำกรด ! หลุดออกมาจากมโนได้แล้ว !
   ผมกลอกตากับความคิดตัวเอง แล้วเก็บข้าวของชิ้นสุดท้ายที่ควรเอากลับลงในกระเป๋าเป้ใบใหญ่
ปิดเทอมทีไรเฟลทุกที
   ผมหยัดกายขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายแล้วเดินออกไปนอกห้อง เห็นเพื่อน ๆ ตัวเองเริ่มเก็บข้าวของกันและด่าทอความโสโครกของเพื่อนตัวเองต่อ แต่ไม่ทันจะได้ไปไหนไกล ร่างสูงคุ้นเคยที่ทำให้ผมมโนได้เป็นตุเป็นตะก็ปรากฏขึ้นมาวิ่งหอบด้วยท่าทางร้อนรนกว่าปกติ
   “อ้าว.. ไอ้ดำ...”
   “เดี๋ยวค่อยคุยกับกู โดนตามตัวแล้ว” มันดูเร่งรีบ พรวดพราดเข้าไปในห้องชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คว้ากระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายแทน เล่นเอาผมหน้าเหวอ
   “เหี้ยไรวะ.. เฮ้ย !”
อ้าว ๆ
ไม่สนน้ำกรดแบบนี้มีหงุดหงิดนะโว้ย !
   นี่มันวันสอบวันสุดท้ายของเทอมนี้ ! ก็รู้แหละว่าจะต้องกลับบ้านแต่ทำไมต้องดูรีบขนาดนั้นวะ อีกอย่างผมอุตส่าห์เสียเวลามโนถึงมันนะ ไหนว่าจะจีบผมล่ะ มารีบ ๆ รน ๆ ใส่แบบนี้เดี๋ยวจีบไม่ติดจะหัวเราะให้ !
ยังไงก็ตาม จะจีบผมไม่ใช่เหรอ สนใจผมหน่อยดิวะ !
   “ไอ้ดำ !!” ผมแหกปากเรียกชื่อมันแล้วรีบจ้ำอ้าวไปหา ใช่ มันทำอะไร มึงมีสิทธิ์อะไรไม่สนกูวะ มึงต้องสนกูดิ ไหนบอกว่าจะจีบกูแล้วนี่ปิดเทอมไม่เจอหน้ากันหลายวันมึงจะไม่คิดถึงกูหน่อยเร้อ ! “มึงรีบเหี้ยไรนักหนา !”
   “อะไรมึง ?” มันพูดปัด เล่นเอาผมเม้มปากมองขัดใจเลย กูสาวแตกแล้วนะ กูกรี๊ดได้แบบนางร้ายนี่กูทำไปแล้วสัตว์ เปลี่ยนเป็นเสียงร้องจ๊ากของกูแทนเลยแม่ง “กูรีบ ขอเก็บของแป๊บ”
   “เดี๋ยวค่อยเก็บก็ได้เหี้ย มึงจะกลับวันนี้เลยหรือไง” ผมถามกลับ แต่เหมือนมันยังไม่ฟังครับ “ไอ้ดำ !”
   เจ้าของชื่อชะงัก ถึงแม้จะไม่ใช่ชื่อมันแต่ผมก็เรียกติดปากจนน่าจะกลายเป็นชื่อมันไปแล้ว
แต่..
มันมองผม แล้วพยักหน้าช้า ๆ เล่นเอาร่างของตนเองเผลอนิ่งงันไป
   “ใช่ กลับวันนี้”
หมายความว่ายังไงวะ..
   ผมเบิกตากว้าง นิ่งอึ้งมองคนทีตัดสินใจกลับวันนี้อย่างไม่เข้าใจ .. มันต้องการจะกลับวันนี้ ? ทำไมวะ..
   “แล้วที่ว่าไปกินหมูกระทะกัน..”
   “มีรถมารับกูแล้ว” น้ำเสียงอีกฝ่ายยังคงเป็นโทนเดิม ๆ ตามปกติที่มันพูด แต่ไม่รู้ทำไมแต่ละคำดูเหมือนบาดใจผม ทั้ง ๆ ที่มันก็เป็นแค่ประโยคปกติ ธรรมดา ดูเป็นธรรมชาติทั้งนั้น “แล้วจะมีคนมาเก็บของให้กูที่หลัง แต่ตัวกูกลับไปก่อน”
   “ทำไม..”
   มันขมวดคิ้ว   
   “อะไรวะ ?”
   “ทำไมกูเพิ่งรู้เรื่องนี้วะ” ผมพูด น้ำเสียงเบาหวิวจนแทบจะลอยหายไปกับอากาศ มองอีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อในสายตาตนเอง
เออ
ทำไมผมเพิ่งมารู้
ไหนว่าจะไปหาอะไรแดกหลังสอบเสร็จไง
..
   มันหันมามองผม แววตาอ่านยากเหมือนเดิม และไม่นานนักไอ้ดำก็ถอนหายใจออกมา เปล่งน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยคำว่าขอโทษให้แทน
   “ขอโทษ กูก็เพิ่งรู้.. เมื่อกี้ที่บ้านโทรมาบอกน่ะ กูต้องกลับตอนนี้” มันเอ่ยช้าๆ พลางก้มลงมองกระเป๋าครู่หนึ่งแล้วค่อย ๆ เดินมาหาผม “..ไอ้หมา.. กระเป๋าสตางค์มึงอยู่ไหน”
หะ.. ?
   ..ผมนิ่งอึ้งกับคำถามประโยคนี้ของมันครับ..
....
เดี๋ยวดิ.. เดี๋ยว..
   ไม่ทันจะได้บอกอะไร ไอ้ดำกลับกวาดตามองรอบ ๆ เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ผมโยนทิ้ง ๆ ไว้บนเตียงแล้วเปิดดูทันที
   “...มึงเดี๋ยวดิ เดี๋ยว กูกำลังดราม่า เรื่องที่มึงจะไปไหนแล้วไม่ยอมบอกกูให้เร็วกว่านี้” น้ำเสียงตนเองสั่นเครือ พูดเสียงรัวจนไม่รู้จะเร็วได้ยังไงแล้ว “แล้ว แล้วนี่มึงยังคิดจะเอาตังค์กูไปอีกเหรอวะ.. ไอ้ดำ มึงไม่บอกกู แถมยังคิดจะไถเงินกูเอากลับบ้านอีกเหรอ”
   “.....”
แม่งไม่ตอบ
กูดราม่าหนักแล้วนะมึง
   “ไอ้.. ไอ้ดำ !! กูไม่มีตังจะแดกนะโว้ย ! ไอ้เหี้ย !” ผมแหกปากหลังจากเห็นมันหยิบแบงค์ร้อยสามใบออกจากกระเป๋า “นั่นเงินค่ากลับบ้านกู ไอ้ใจบาป!”
เหี้ย !
   กูอารมณ์ตามไม่ถูกเลย มึงเอ๊ย... ทั้งเสียใจ ดราม่า ผิดหวัง ช็อก เงิบ สัตว์ มึงให้กูเลือกสักอารมณ์กับการกระทำมึงเหอะไอ้ดำ กระเป๋าตัง.. กระเป๋าตังกูทำไม !!
   แล้วมันก็เก็บเงินกระเป๋าครับ พลางหยิบบัตรในกระเป๋าผมขึ้นมามองแทน
..
บัตรประจำตัวประชาชนกู๊ !!
   “มึงดูเหี้ยไรวะ !!”
   “เอ้า ไหนว่าดราม่า ?” มันเลิกคิ้ว หันมองผมแล้วยืนอ่านสักพักก่อนจะเก็บลง “หน้าตอนถ่ายรูปเหี้ยดีนะ แต่กูยืนยันแทนว่าตัวจริงแม่งหมากว่าเยอะ”
   “ไอ้สัตว์ !!”
Rrrrr !!
   เสียงไอโฟนเครื่องสวยสั่นครืดขึ้นทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักลง ไอ้ดำมองผมสักพัก ก่อนจะถอนหายใจพรืดพร้อมโยนกระเป๋าสตางค์ลงที่เดิมพลางหยิบไอโฟนขึ้นมาตอบรับส่ง ๆ
   “ครับ.. ออกไปเลยเหรอ ? ได้สิครับ”
ผมนิ่ง มองชายตรงหน้าเงียบ ๆ แทน
มันคุยกับครอบครัว..
และตอนนี้ครอบครัวมันเร่งให้รีบกลับบ้าน..
   ไม่นานนักไอ้ดำก็วางสายพร้อมกับก้มลงหยิบกระเป๋าที่ตัวเองเพิ่งยัดของใส่ลงไปขึ้นมาสะพายไว้ ก่อนที่มันจะหันมองผม
   “กูต้องไปแล้ว”
..
พูดอะไรไม่ออกเลย..
   นัยน์ตาของผมเลื่อนไปมองใบหน้ามันตอบอย่างอดไม่ได้.. แต่อีกคนหลบสายตาผม มันทำตัวแปลกประหลาดทั้งที่ปกติมันต้องจ้องตอบ ..
   “..อย่าทำสีหน้าแบบนี้ดิวะ” เสียงพึมพำออกมาเบา ๆ จากมัน ทำให้ผมได้แต่สงสัยกับประโยคของมัน “กูไม่ได้ไปไหน เดี๋ยวก็เจอกัน”
สีหน้า.. งั้นเหรอ..
ผมกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่กัน..
   เสียงไอโฟนที่สั่นครืด ๆ อีกครั้งในกระเป๋าเป็นตัวบอกว่าถึงเวลาที่มันต้องกลับได้แล้ว ทำให้ผมได้แต่มองหน้ามัน ไอ้ดำดูลังเล มันไม่ได้ยกสายโทรศัพท์ขึ้นรับทันทีเหมือนตอนแรกที่โทรตาม ฝ่ามือใหญ่เอื้อมเข้าไปยีหัวผมเล่นเบา ๆ
   “เหงา ?”
   ผมไม่ได้ตอบอะไรมัน แค่ผงกหัวลงช้า ๆ แทน ถ้าเป็นปกติผมคงโวยวายใส่มันแล้วบอกว่าตัวเองไม่ได้เหงา แต่ตอนนี้.. ผมแค่อยากยื้อเวลาอีกหน่อย เพิ่งบอกว่าจีบกูไปเองไม่ใช่เหรอวะ ช่วยอยู่กับกูนานอีกหน่อยดิสัตว์..
   “ติดต่อกูมา โอเคไหม?”
   “..”
   “อย่าทำตัวเป็นเด็กดิสัตว์ม.6แล้ว ไม่พูดแล้วก็จะรู้ไหมว่ามึงต้องการอะไร” มันยังพูดต่อ ดูใจดีกับผมขึ้นหลายเท่าเลยทั้งที่ผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันสักหน่อย.. แค่เป็นคนที่มันจะจีบ แถมยังไม่ทันตกลงคบด้วย
   ไอ้ดำมองหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะพบว่ามันเป็นปากกา มันดึงมือผมมาแล้วเขียนตัวเลขบางอย่างลงไปก่อนจะเสียบปากกาแท่งเดิมไว้ในกระเป๋าเจ้าตัว
   “ดูไว้แก้เหงา” ไอ้ดำยีหัวผมอีกรอบ ท่าทางข้อสันนิษฐานของผมว่าถ้าไอ้ดำเขินหรือแปลกไปจะดูรน ๆ และพูดมากกว่าปกติ ขณะที่ถ้าผมเป็นอะไรสักอย่างจะดูพูดน้อยหรือเงียบกว่าปกติ “กูไปล่ะ”
   “เออ.. เดินทางดี ๆ” ผมพึมพำ มองมันที่คว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไปแล้ว หัวใจโหวงเหงทันทีที่เห็นแผ่นหลังนั่นลับสายตา เมื่อสติผมกลับมาจึงได้แต่ก้มหน้ามองสิ่งที่เอาไว้แก้เหงาของมัน
   ริมฝีปากบางเผลอแย้มรอยยิ้มออกมาทันที
08x-xxx-xxxx
เหงาก็โทรมา
   .. มึงเป็นสก๊อยเหรอ สัตว์เอ๊ย !
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:39:14
C h a p t e r 44
คนเกลียดกัน มักจะคิดถึงกัน


   คุณรู้ไหม
   ถ้าหากคนเราเจออะไรบางอย่างซ้ำ ๆ ซาก ๆ กันทุกวัน
   แล้วหากวันหนึ่งวันใดไม่ได้เจอมัน
   ..
   เขาจะรู้สึกเหมือนบางอย่างในชีวิตตัวเองกำลังขาดหายไป
   ผมไม่สามารถติดต่อมันได้เลย
   ผมลองกดโทรออกเพื่อติดต่อมันหลังจากวันที่ไม่เจอกันประมาณสองสามวัน แต่สิ่งที่ได้รับคือการถือสายรอ ก่อนหน้านี้มีความคิดที่ว่าจะรวบรวมความกล้าไปขอเฟซบุ๊กของมันจากคนอื่น ๆ แต่กลับยังไม่มีโอกาสได้ขอสักทีนี่สิ
   ผมถอนหายใจด้วยความหวังที่ว่าตัวเองจะหาทางติดต่อมันได้สักที

   “กลับบ้านดี ๆ นะมึง”
   นิวเดินออกมาบอกลาผมกับไอ้จินที่กำลังจะขึ้นรถตู้ไปชลบุรี ส่วนเจ้าเพื่อนรักตัวเตี้ยของผมมันบอกว่าจะกลับบ้านทางแท็กซี่เพราะยังไงก็ยังคงอยู่ในตัวกรุงเทพฯ ทำให้ไม่ต้องห่วงมันมากนัก
   “มึงก็ระวังตัวด้วยนิว กลับบ้านดี ๆ” คนหน้าหวานที่ได้รับการกำชับคำพยักหน้า ส่งยิ้มให้จนผมอยากจะหยิบผ้าเช็ดหน้ามากัดแรง ๆ ด้วยความอิจฉา ดูแม่งดิ ผมดราม่าจะตายห่าแต่พวกมันเสือกมาหวานกันต่อหน้ากูอีก !
“เออ มึงก็อย่าลืมดูแลไอ้กรด ไอ้กรด มึงดูแลจิน.. เออ กูว่ามึงดูแลตัวเองดีกว่าว่ะ” นิวเปลี่ยนคำแทบไม่ทันเมื่อหันมาหาผม.. อ้าว เฮ้ย ผมทำไม ผมดูแย่หรือไงเลยพูดแบบนี้เนี่ย
   “นั่นสิสัตว์ มึงไหวไหมวะ”
   “เหี้ยไรวะ กูไม่ได้เป็นอะไร๊ !” โอ๊ย กูนี่ปากแข็งได้โล่จนเซ็งตัวเอง ไอ้กรดเอ๊ย นี่ปากนะไม่ใช่ไอ้นั่นที่จะแข็งเนี่ย
   “มึงต้องเป็นอะไรแน่ ๆ ไอ้สัตว์” จินพูด ยกแขนขึ้นกอดคอผม ส่วนนิวก็ได้แต่จ้องเขม็ง “มึงว่าไหมนิว”
   “เออกูก็ว่างั้น.. เหี้ยกรดมึง..”
   แต่เวลาที่บอกลาหรือจะพยายามซักไซ้หาคำตอบมันน้อยเกินไป
   เสียงเรียกผู้โดยสารขึ้นรถทัวร์ดังขึ้นทำให้พวกเราสามคนหยุดชะงักไป ผมเห็นจินและนิวหันไปคุยกันสองสามคำ โผกอดกันแน่น ๆ อย่างคนรักที่จะไม่ได้เจอกันนาน มันทำให้ผมคิด..
..คิด.. ว่าถ้าไอ้ดำมันอยู่ตรงนี้ ผมกับมันจะทำอะไรกันนะ?
   “รีบขึ้นรถกันเหอะมึง” จินพูด ยกกระเป๋าขึ้นถือ “กูไปก่อนนะ แล้วเจอกันในแชท”
   “อย่าลืมอ่านแชทด้วยนะ” เพื่อนตัวเล็กของผมยิ้มหวานจนเล่นเอามดแทบไต่ครับ โอ๊ย ..พวกมึง พวกมึงจะหวานไปไหน ไสหัวออกไปห่าง ๆ กูเลยนะโว้ย ! อิจฉา !
   สุดท้ายผมกับจินก็แบกสัมภาระที่เหลือขึ้นรถทัวร์ เลือกที่นั่งด้วยกันสองคนโดยผมนั่งติดกระจกส่วนจินเป็นคนกระเป๋าทั้งหมดขึ้นวางบนชั้นด้านบนแล้วค่อยนั่งตาม
   “แย่งที่กู” อ้าว แม่ง มีทวง ผมเบ้ปาก ตอกกลับเลยสักประโยค
   “ที่มึงคือเฝ้าของ !”
แม้น้องกรดจะนอยด์แต่น้องกรดก็จะไม่หยุดกวนตีนนะเว้ย !
   ผมหัวเราะก๊ากในชัยชนะที่ได้รับมาเมื่อไอ้จินมันปลงแทน แน่นอนล่ะ ยังไงใคร ๆ ก็ต้องให้ผมชนะ ลีลาการเอาแต่ใจของผมมันเด็ดฉิบหายยังไงล่ะ
   สายตาผมกวาดมองไปด้านนอกกระจกใสเพื่อที่จะมองทัศนวิสัยภายนอกอย่างใจเย็น แสงอาทิตย์สาดส่องร้อนแรงยังกับจะจับมนุษย์ตัวน้อยอย่างผมย่างสด โชคดีจริง ๆ ที่พวกเราอยู่ในรถแอร์ ไม่อย่างนั้นต้องมีเกรียมไปข้างหนึ่งแน่
   จินเองก็ยอมลงมานั่งข้างผมอย่างจำใจ พอผมเหลือบมองอีกฝ่ายดันเห็นว่าเจ้าตัวนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชั่นแชทเฟซบุ๊กดูเล่นเอาผมได้เพียงแต่แอบกรอกตาปลง ๆ ดูมันดิ มีคนคอยรักคอยหวง เห็นสติ๊กเกอร์รูปหัวใจที่คนส่งมาเดาได้ไม่อยากปรากฏอยู่บนหน้าจอนั่นก็ยิ่งทำให้รู้เข้าไปใหญ่เลยว่าใครที่มันกำลังคุยด้วยกันแน่
   “นิวกับมึงเป็นไงบ้าง ?” ผมเปิดประเด็น เบี่ยงสายตามองคนนั่งตอบแชทแทน คำถามของผมดูทำให้จินแปลกใจไม่น้อย มันหันมาหัวเราะ
   “เพิ่งจากกันเมื่อกี้เองนะมึง” มันพูด น้ำเสียงปกติ ๆ แต่การกระทำคือกดปุ่มหน้าจอโทรศัพท์เพื่อปิดหน้าแชทลง
   “มึงรู้ว่ากูหมายถึงอะไร”
   “...”
   ร่างสูงโปร่งของคนที่นั่งข้าง ๆ เงียบลงไปชั่วอึดใจ
   “ทำไมอยู่ ๆ มาถามวะ”
   “กูห่วงเพื่อนกู”
   ผมยืนยันคำชัดเจน แม้จะอยากรู้เรื่องพวกมันขนาดไหนแต่ถ้านิวไม่เล่าเองผมก็คิดว่าตัวเองไม่ควรจะไปซักไซ้ให้มากความหรือถามเยอะแยะ ไอ้จินที่ได้ยินดังนั้นก็ร้องอ๋อ พูดเสียงหยอก ๆ กลับอีก
   “นึกว่าห่วงกูซะอีก” แน่ะ มีการพูดอะไรแบบนี้อีก “หลงกูแล้วเอาเพื่อนมาอ้างรึเปล่า ?”
โห.. ช่างกล้า
   มึงเอาความคิดจัญไรแบบนี้มาจากไหนวะเนี่ยไอ้จิน ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
   “กูเนี่ยนะ ..ปัญญาอ่อน เกลียดมึงจะตาย”
   “ก็ทีไอ้นัย..”
   “กูคุยเรื่องนิว”
   ผมรู้ว่ามันคิดจะเปลี่ยนเรื่องแต่ฝันไปเถอะ ผมไม่ยอมให้มันหนีอะไรอีกแล้ว ต่อให้เอาเรื่องไอ้ดำมาล่อผมก็ไม่คล้อยตามคนอย่างจินอีกแล้วครับ !
   สุดท้าย ไอ้จินทำได้แต่ถอนหายใจยาว มันก้มหน้ามองฝ่ามือที่ประสานกันบนตัก
   “กูเป็นแฟนนิวแล้ว”
   “...หะ !?”
..
หะ
หะ !!
   เดี๋ยวดิเดี๋ยว !! มึงมาเนิบ ๆ แต่ทำไมมันถึงเป็นประโยคที่ชวนช็อกอย่างนี้วะเนี่ย ผมมองไอ้จินอึ้ง ๆ สลับกับสีหน้าตายของมันอย่างอดไม่ได้ นี่มันประหลาดเกินไปแล้วไอ้เชี่ยเอ๊ย พวกมึงเป็นแฟนกันเมื่อไหร่ กูไม่เข้าใจ กูงง น้องกรดตามไม่ทัน !
   “อีกรอบดิ !”
   “กูกับนิวเป็นแฟนกันแล้ว”
   “เหี้ย !”
   “ไม่ได้เป็นแฟนกับเหี้ย กูเป็นแฟนกับนิว”
   “โอ๊ย.. ไอ้พวกนี้มันเป็นเชี่ยอะไรกันทำไมไม่ยอมบอกกูสักเรื่องวะ”
   “ไม่ได้เป็นเหี้ย เชี่ยก็ไม่ได้เป็น กูเป็นแฟนกับนิว”
..
ไอ้หนอนผีเสื้อเอ๊ย
   มาตรการด่าเซ็นเซอร์ด้วยคำน่ารักฉบับน้ำกรดได้ปรากฏออกมาอีกแล้วครับทุกคน ผมแทบตีลังกากลางอากาศถ้าไม่ติดว่าตอนนี้อยู่ในรถผมคงกระชากคอเสื้อมันมาถามรายละเอียดแบบชัด ๆ อีกทีแน่ !
   “สรุป.. คือ มึงเป็นแฟนนิวแล้ว...”
   “ถูกเผง”
   อือหือ.. ชัดเลยมึง ชัดมาก เพื่อนกูมีแฟนแล้ว !!
เอ๊ะ
แต่เดี๋ยว
   “..คนเก่าล่ะ” ผมหันขวับมองจินครับ อีกฝ่ายทำเพียงถอนหายใจแล้วสั่นหัวเบา ๆ แทนเป็นการตอบรับ “หมายความว่าไงวะ”
   “เลิก.. มาคบกับนิวน่ะ”
..
   ผมนิ่ง อึ้ง พูดอะไรไม่ออก อีกใจหนึ่งไม่รู้จะยินดีกับไอ้เพื่อนเตี้ยหรือว่าจะด่ามันดี แต่หลักความยุติธรรมในใจผมมันกลับบอกให้ตัวเองหยุดยินดี..
นี่มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย
   “อย่ามองกูแบบนั้น.. ไอ้กรด” จินพึมพำ ถอนหายใจพรืด “มึงเคยได้ยินไหมวะ.. ประโยคที่ว่า ถ้าหากเรารักคนแรกจริง เราจะไม่หลงรักคนที่สอง”
   ผมเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรมันเหมือนกำลังคิดตามอยู่ จินยิ้มเจื่อน
   “กูรู้สึกผิดกับน้ำฝนนะ” มันเอ่ย ปลายนิ้วโป้งถูกันเบา ๆ “และกูเองก็ไม่คิดว่าจะคบกับนิวได้นานเท่าไหร่นัก”
   ประโยคนั้นทำให้ผมขมวดคิ้ว
   “ทำไมวะ ?”
   คนที่นั่งข้าง ๆ ผมหัวเราะแผ่วเบา หมือนน้ำเสียงนั่นจะจางหายไปกับเสียงรถที่เริ่มสตาร์ตเครื่องออกจากถนน
   “ไม่รู้สิ..” มันเงียบ เงียบไปนาน แล้วสวนกลับประโยคต่อไปที่ทำให้ผมแทบล้ม “เสือกเรื่องกูอยู่ได้ เอาเรื่องตัวเองก่อนดีกว่าไหมมึง”
..
หะ..
   ทุกอย่างถึงกับหยุดสตั๊นต์
เขาเรียกอะไรนะ.. ความคิด สมอง หลาย ๆ เรื่องมัน Shut down ไปหมดเลย..
   “มึงชอบไอ้นัย แต่ติดต่อมันไม่ได้แบบนี้มันจะดีแล้วเหรอวะ”
..
กรี๊ดดดด !!
   ไอ้เหี้ย ไอ้เวร ไอ้สัตว์ มึงพูดเชี่ยอะไรไป ! มาถงมาถามอะไรไม่คิดถึงสุขภาพกูเลยเชี่ยเอ๊ย เดี๋ยวมึงจะโดนกูกระโดดกัดเอาเชื้อบ้าเข้าสู่เส้นกระแสเลือดกระแสประสาทมึงแน่ กูอุตส่าห์ลืมเรื่องตัวเองไปนิดหน่อยแล้วนะโว้ย
   “โอ๋.. อย่าเพิ่งทำหน้าเหมือนจะโดดกัดกูสิ”
   “เหี้ยหยุด” ผมเบ้ปากใส่ ยกกำปั้นทุบหัวไปแรง ๆ สักรอบ “มึงหยุดพูดเหอะ กูไม่ได้ชอบไอ้ดำสักหน่อย”
   “โอ๊ย รุนแรงใหญ่ ไม่ได้ชอบ รักเลยดิ”
   “มึงเป็นไอ้คู่แฝดเทียมไทก์ไลอ์แล้วเหรอจิน กูนึกว่ามึงยังเป็นเหี้ยอยู่ซะอีก”
   “กูคนว่ะ โทษ”
   “คนจริงแม่งไม่ปากหมาขนาดนี้ !”
   จินหัวเราะก๊าก ยกมือยอมแพ้ไม่สู้ผมต่อซึ่งมันทำให้ผมพอใจเป็นอย่างมาก ถอนหายใจแรงแล้วหันหนีไปมองนอกหน้าต่าง รถเริ่มแล่นผ่านตัวเมืองกรุงเทพฯ แหล่งที่เรียนของผมได้สักพักเหมือนกัน เดาว่าใกล้ถึงบ้านผมแล้ว..
กลับบ้านงั้นเหรอ..
   “กูขี้เกียจว่ะ” เสียงของจินเรียกสติผมให้ดึงกลับมาอีกครั้ง โธ่.. มึง คิดว่าตัวเองขี้เกียจคนเดียวเหรอเลยบ่น กูก็ขี้เกียจ อยากจะนอนแอ้งแม้งอยู่บ้านไปทั้งคืนเลยด้วยซ้ำ ฮือ แต่กูทำได้ซะที่ไหนล่ะโอ๊ย
   “กูเข้าใจมึงมาก” ผมหลุบลงมองฝ่ามือตัวเองเล็กน้อย ไอ้จินไม่ตอบอะไรกลับครับเพราะว่ามันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดจึ๊ก ๆ แทนอีกแล้ว “มึงกดโทรศัพท์อีกแล้วเหรอวะ”
   “ใช่ นิวตอบไวฉิบ” ได้ยินมันพึมพำ สายตาผมพยายามแอบชำเลืองมองหน้าจอมือถือของอีกฝ่าย จินใช้ไอโฟนหน้าจอใหญ่อยู่ ทำให้ผมมองอะไรได้ไม่ยากมากมายนัก “มีอะไรหรือเปล่าวะ ?”
   “เล่นเฟซบุ๊กเหรอมึง ?”
   “เออใช่..” มันนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกดจิ้มไปไม่กี่ทีแล้วหน้าจอมือถือของจินก็เด้งไปอยู่อีกหน้าจอหนึ่งแทน
   “เหี้ยไร..”   
โอ๊ย..
ได้ยินไหม
น้องกรดขอเสือกทุกเรื่อง
   ไม่ได้เลยนะครับถ้าเรื่องไหนไม่มีผมเนี่ย น้องกรดขอแจม ขอยุ่งกับทุกเรื่อง โธ่.. ถ้าไม่ยุ่งแล้วเดี๋ยวผมไม่รู้ โง่ดักดานเหี้ยเน่าเหมือนเดิมควรจะทำยังไงได้ล่ะ ผมก็ต้องขออยากรู้เรื่องหน่อยสิ
   จินหัวเราะใส่แล้วพูดออกมาคำหนึ่งที่ทำให้ผมเผลอชะงักไปทั้งตัว
   “เฟซบุ๊กไอ้นัย”
   “...”
   “เอาไหม ?”
   “...”
   “ว่าไง ?”
   ผมหัวเราะหึ
   “ทำไมกูต้องเอาวะ ไม่เอา ไม่อยากคุยกับแม่งหรอกสัตว์ คนเหี้ย ๆ ออกห่างกันไปได้ก็ดีแล้ว”


ผมจำคำพูดของตัวเองได้ดิบดีเลยครับ..
จำได้แม่นยำ..
และ...
จำชื่อเฟซบุ๊กของไอ้ดำที่ตัวเองแอบมองผ่านหน้าจอเชี่ยจินได้แม่นยำเหมือนกัน
   มันเป็นชื่อภาษาอังกฤษและปกติผมไม่ค่อยจำภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่ อาจจะด้วยเหตุผลประหลาดสักอย่างทำให้ผมรู้สึกว่าจำได้แทนซะอย่างนั้น ฮึก.. หรือว่าน้องน้ำกรดกำลังจะพัฒนากลายร่างเป็นคนเก่งอังกฤษกัน ? บอกผมทีสิครับ บอกที
เฮ้ย
จะว่าไปไอ้ดำก็เคยสอนอิ๊งให้นี่หว่า
   อย่าบอกนะว่าไอ้ดำจะช่วยผมได้จริง ๆ น่ะ ? แล้วมาได้ใช้ประโยชน์ตอนจำชื่อเฟสบุซกมันคนแรก !! โอ้.. น้องน้ำกรดช่างเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมซะจริง ๆ โถ ผมรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมากครับ.. ภูมิใจเหลือเกิน...
   “ตกลงมึงจะไม่เอาจริงดิ ?”
หะ !
   น้ำเสียงของคนข้าง ๆ ผมเรียกสติตัวเองถูกดึงกลับมาอีกครั้ง โธ่มึง กูกำลังเพ้อฝันอยู่เลยทำไมมึงต้องมาลบความรู้สึกของกูทิ้งได้ไงวะ ฮึก มึงมันแย่ไอ้จิน มึงทำให้คนที่กำลังเพ้อฝันอยู่หลุดออกจากห้วงความมโน ไอ้สัตว์ จำไว้เลย กูจะฟ้องตำรวจให้มาต่อยมึง
   “กูแค่คิดนู่นคิดนี่ เออไม่เอา !”
ว่าไปนั่น
สมองผมนึกถึงชื่อเฟซบุ๊กไอ้ดำตลอดจนสลัดความคิดออกไม่ได้เลยนี่สิครับ
...


   ผมบอกลาไอ้จินที่ลงรถก่อน
   มันแบกของออกไปโดยที่ไม่ลืมจะหันมาโบกมือหยอกล้อผมกับการปฏิเสธเรื่องเฟซบุ๊กสุดชีวิตนั่นเหมือนกัน แล้วดูสีหน้ามันดิทะเล้นจนน่าเอาตีนลูบแก้มสักสองสามที ยิ่งตอนถามว่าชอบไอ้ดำไหมแล้วผมปฏิเสธยิ่งยิ้มกรุ้มกริ่มจนน่าสยดสยอง !
   สุดท้ายผมก็ตัดสินใจโยนความคิดอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ออกให้หมด เริ่มที่จะข่มตาหลับ นับหนึ่ง สอง สาม ในหัวพลางมองลูกแกะวิ่งดุ๊กดิ๊กก่อนจะกระโดดดึ๋งข้ามรั้วไปทีละตัว ๆ อย่างพยายามเย็นใจ ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ พอดีว่าไม่อยากให้สมองตัวเองไปนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้.. ตั้งแต่ตอนไหนน่ะเหรอ
   ตั้งแต่ออกจากโรงเรียน ความผิดพลาดครั้งหนึ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเฟลแตกซะยิ่งกว่าสอบตก ถูกเพื่อนตอกย้ำความรู้สึกแล้วคอยพยายามปิดบัง ผมหลับตาตนเองแน่นสนิทเพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มลบเลือน จางหายออกจากสมองกลวง ๆ ของตัวเองได้สักที
แกะตัวที่หนึ่งกระโดด
แกะตัวที่สองกระโดด
แกะตัวสามสี่กระโดด
..
เอ๊ะ.. ทำไมแกะตัวที่สามเป็นขนสีดำวะ ?
   “แม่งเอ๊ย !!” ผมสบถคำนี้ลั่นจนทำให้คนที่นั่งหลงเหลืออยู่ในรถหันมองกันเป็นแถวครับ แต่ตอนนี้จะอะไรก็ไม่สนแล้วล่ะ เออ หวังว่าจะไม่มีใครอัดคลิปผมที่ทำอะไรเมื่อกี้ลงเน็ตนะ.. กลัวหมดอนาคต !
   แกะตัวที่สามเป็นขนสีดำ ดูดิ ขนาดจะหลับพักสักหน่อย อะไร ๆ ก็ยิ่งตอกย้ำ..
ตอกย้ำว่าผมชอบไอ้ดำ
   นึกว่าโง่จนไม่รู้เรอะ ย้ำกับตัวเองเกินสิบรอบแล้วล่ะมั้งเนี่ย แล้วเมื่อไหร่มึงจะพูดสักทีวะไอ้น้ำกรด !
   เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งรถทัวร์ก็ค่อย ๆ หยุดจอด ผมพ่นลมหายใจออกแรงพลางหยิบข้าวของแบกลงรถ ก้าวแรกที่สัมผัสกับพื้นดินพร้อมกับอากาศที่มีกลิ่นของทะเลปะปนอยู่ทำให้สัญชาตญาณในร่างกายตัวเองรับรู้ได้ว่าที่นี่คือบ้านเกิดของตน ผมมองไปรอบ ๆ แบกกระเป๋าใบยักษ์ก่อนจะออกเดินจากอู่รถไป
   ที่นี่คือบ้านของผม บ้านที่นานนักจะได้เข้ามาเหยียบเพราะว่าตัวผมมักจะอาศัยอยู่แต่ในหอ วัฏจักรชีวิตของการอยู่ที่โรงเรียนคือความสุขของผมแม้ว่าจะมีน่าหงุดหงิดบ้างก็ตามที
   ผมเดินต่อไปเรื่อย ๆ ถามเส้นทางที่อยู่ในความทรงจำอันเลือนราง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สภาพแวดล้อมของเมืองพัทยาจะแปรเปลี่ยนไปสักเท่าใด แต่ก็ยังคงมีร่องรอยสิ่งเก่า ๆ ที่เป็นเครื่องเตือนใจผมได้อย่างสม่ำเสมอเกือบตลอดเส้นทางที่ตนเองเดิน
   ห้องเช่าของผมไม่ต่างจากอู่รถมากนัก อาใช่ครับ ผมไม่มีบ้านเป็นหลัง ๆ แต่อยู่กับครอบครัวของตัวเองเป็นห้องเช่าห้องหนึ่งในพัทยา อยู่กับคุณแม่กับพ่อเลี้ยง..
   ความจริงทั้งพ่อและแม่แท้ ๆ ได้แยกกันอยู่ตั้งแต่ผมห้าขวบ ทุกวันนี้คืออยู่กับแม่แท้ ๆ ที่มีแฟนหนุ่มคนใหม่เป็นพ่อเลี้ยง บอกตรง ๆ .. ผมเกลียดขี้หน้าพ่อเลี้ยงฉิบหาย เซ็งสุดพิกัดที่ต้องมาเจอหน้ากันแบบนี้เนี่ย
   เอาเหอะ.. บ่นมาก็บ่นไป ผมควรจะจัดการกับสภาพอารมณ์ตัวเองตอนนี้
   ผมแบกกระเป๋าใบโตแล้วเดินขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องของตัวเอง เมื่อเปิดประตูก็พบสภาพเละเทะจนได้แค่ถอนหายใจดังเฮือกอย่างเบื่อหน่าย โยนกระเป๋าทิ้งพลางเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่หน้าคอมพิวเตอร์
ไม่ทำอะไรครับ นอนก็ไม่นอน เปิดคอมนี่แหละ
   ไม่นานนักหน้าจอเก่า ๆ ก็กะพริบปริบเล็กน้อยพลางแสงสว่างขึ้นมา ผมเปิดเว็บไซต์ คีย์คำว่าเฟซบุ๊กลงไปก่อนจะเข้ารหัสของตัวเองทันที
..
เอายังไงดีล่ะน้ำกรด..
   ซื่อสัตย์.. กับตัวเองหน่อยสิ
   หลายครั้งที่นึกอิจฉาคนที่สามารถพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาได้โดยที่ไม่เคอะเขินใครหรือมีความกล้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก
ผมอยากเป็นแบบนั้น
เพราะผมไม่มีสิ่งนั้น
   นัยน์ตาของตนจับจ้องไปที่หน้าจอเฟซบุ๊ก เมาส์เลื่อนไปที่ปุ่ม ‘ค้นหาบุคคล สถานที่ และสิ่งต่าง ๆ’ พร้อมคลิก หัวสมองย้อนทวนไปยันภาพหน้าจอเฟซบุ๊กไอ้เชี่ยจิน ตัวอักษรภาษาอังกฤษชื่อของใครบางคนถูกไล่เรียงผ่านแป้นนิ้วที่กดลงคีย์บอร์ดอย่างเชื่องช้า ผมกด Enter เพื่อค้นหารายชื่อและพบว่ามันเด้งมาเป็นชื่อแรกเลยด้วยซ้ำ
คิดถึง..
คำ ๆ นี้ทำให้หัวใจผมรู้สึกหนักอึ้ง
   ผมเลื่อนเมาส์ไปจ่ออยู่ที่ปุ่มบวก ก่อนจะหลับตาลงเหมือนรีดเค้นความกล้าหาญของตนเอง เอาล่ะ น้ำกรด.. ซื่อสัตย์สิ ซื่อสัตย์กับความรู้สึก... ให้ตรงกันสักที ทั้งปาก ทั้งการกระทำ
แค่กดแอดเพื่อน
มันจะอะไรนักหนา
   ผมสูดลมหายใจเข้าลึกกว่าเดิม หัวใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ก่อนที่จะกดคลิกแอดเพื่อนอย่างเชื่องช้า
และช่วงเวลาไม่นาน
การตอบรับก็เกิดขึ้นไวกว่าที่ตนเองคิด
   ด้วยระยะเวลาไม่ถึงสามนาที เสียงแจ้งเตือนและหน้าต่างแชทก็เด้งขึ้นมา ปรากฏชื่อของชายที่ตัวเองเพิ่งจะกดแอดเพื่อนไปได้ไม่นาน..
พร้อมกับประโยคแรก

Danai Garuntanasomboon : ไง คิดถึงกูใช่ไหมล่ะ ไอ้หมา

   ผมกระตุกยิ้ม พิมพ์ตอบกลับไปทันที

Nomkod Mephmorethanseven : ใช่ กูคิดถึงมึง


หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:39:37
C h a p t e r  45
คนเกลียดกัน มักจะเจอกันอีกครั้งหนึ่ง


   ใช่ กูคิดถึงมึง
   …
   ใช่ กูคิดถึงมึง
อืม
ครับ..
..
   ผมตอบไอ้ดำไปเมื่อประมาณสามชั่วโมงที่แล้ว
เครื่องหมายคำว่า ‘อ่านแล้ว’ ปรากฏบนหน้าจอครับ
..
และข้อความข้อผมก็ยังคงเป็นแบบนั้น
ไม่มีใครตอบกลับมาเลย
   ผมเงียบ.. เงียบกริบ มองเฟซบุ๊กตัวเองแล้วกระพริบตาปริบ ๆ สักสี่ห้ารอบ แอบไปส่องหน้าไทม์ไลน์ไอ้ดำ เห็นมันแชร์เว็บนู้นเว็บนี้เต็มไปหมดแถมยังเวลาหลังจากที่ผมบอกคิดถึงอีก..
แต่เดี๋ยวดิ
เฮ้ยเดี๋ยว .. ทำไมมึงไม่ตอบกู๊ !
   เฮ้ย ๆ ผมเห็นนะเว้ยว่ามันตอบหน้าไทม์ไลน์อ่ะ แต่เสือกไม่ตอบผม มันชักตงิด ๆ ไปใหญ่แล้ว ไม่เห็นก็ไม่น่าใช่เพราะในแชทขึ้นอ่านแล้ว !
..แบบนี้นี่มัน...
มึงเมินแชทกูเหรอไอ้ดำ !!
   ผมว่าแม่งหาเรื่องผมแล้วว !!
   นี่ผมรวบรวมความกล้ากดแอดมันไป แล้วทำไมมึงไม่ตอบวะไอ้สัตว์

สรุปครับ
..
ไอ้ดำแม่งไม่ตอบแชทผมจริง ๆ !
   ผ่านมาประมาณสองอาทิตย์จากครั้งล่าสุดที่ผมไปนั่งเปิดคอมพิวเตอร์ดูครับ แน่นอนว่าไร้วี่แววการตอบกลับ ไม่มีแม้กระทั่งกำลังรอพิมพ์ เจอแต่คำว่า ‘อ่านแล้ว’ ประจักษ์ให้ตาเห็นอย่างสง่างาม
   อะไรวะ.. นี่คือกวนตีนกันเหรอ มึงไหนบอกชอบกู จีบกู แต่ไม่ตอบแชทกู โว้ย อุตส่าห์ยอมลดทิฐิตัวเองพิมพ์บอกคิดถึงไปเลยนะเว้ย คิดถึงน่ะคิดถึง แล้วทำไมมึงถึงหายหัวไปไม่ตอบกูอะไรเลยวะ !
รู้สึกยังไงน่ะเหรอ.. ก็น้อยใจไง !
   น้อยใจทำไมมันไม่ใช่คนรัก.. ไม่ ๆ ผมน้อยใจเพราะมันคือคนที่มาขอจีบผมอ่ะ แล้วทำไมมันไม่แคร์ที่จะตอบแชทผมล่ะ มึงหาเรื่องกูแล้วไอ้ดำ มึงกล้าเมินข้อความของกู แถมเสือกมาองมาอ่านแต่ไม่ตอบ กูจะ.. จะงอนมึงสุดชีพเลย คอยดู !! 
มันน่าหงุดหงิดเป็นบ้า !
   “ทำไมไม่ตอบ ! หรือมึงไม่คิดถึงกูบ้างวะ !!”
   “น้องน้ำกรด ! ลูกค้าตกใจหมดนะคะ !!”
อาเระ..
   ไม่ทันไรสติของผมก็ถูกดึงกลับมาเพราะการร้องเตือนเสียงหลงของสาววัยสามสิบกว่า ๆ ที่ยืนอยู่ข้างตน ผมเผลอพูดที่ตัวเองคิดไปได้ครับ เอ่อ ความจริงตอนนี้ผมเริ่มทำงานพิเศษเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้ออยู่ ไม่ควรจะคิดเรื่องอื่นให้มากดิวะ
..
   “ขอโทษครับ” ผมพึมพำ นึกแค้นในใจคนเดียว
เพราะมึงเลย เป็นเพราะมึงคนเดียวที่ทำให้กูสติแตกไปแบบนี้ !
เพราะมึงไม่ตอบแชทกู๊ !

   จริง ๆ ผมเป็นแบบนี้มาได้สองสามอาทิตย์แล้วครับ
   เฮ้อ ..ไหนกลายเป็นแบบนี้ได้วะ ไม่เข้าใจความรู้สึกนึกคิดมันจริง ๆ ทั้งที่มันรุกก่อนแท้ ๆ แต่ดันเมินผมซะได้ ไอ้เหี้ยเอ๊ย มึงจะเอายังไงกับกู !
   “น้องกรด เที่ยงแล้วนะ ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว” เสียงของพี่คนเดิมที่เตือนผมเมื่อครู่ทำให้ผมร้องอ๋อ บอกขอบคุณพี่เขาก่อนจะเบี่ยงกายออกไปอีกทาง อันที่จริงวันนี้ผมมีนัดกับไอ้จินไว้น่ะครับ เพราะไม่กี่วันก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์บังเอิญขึ้นคือไอ้จินมันเดินเข้ามาซื้อขนมในร้านสะดวกซื้อและเจอกับผมพอดิบพอดี ต่อจากนั้นมันก็มาหาแทบทุกวันเลยล่ะครับ ไม่รู้จะมาทำไม อยู่บางแสนถ่อมาแถวพัทยา ว่างนักหรือไงวะ
   จากนั้นไม่พอ มาหาผม อุดหนุนมาม่าหนึ่งถ้วยแล้วยืนคุยกันต่ออีก โว้ย !
   การบ่นจบไป ขอเข้าเรื่องครับ วันนี้ผมมีนัดกับไอ้จิน.. นั่นคือ..
..นัดกัน.. เข้ากรุงเทพฯ ครับ
   “มึงพร้อมยัง ?” เสียงทักทายเรียกให้ผมหันกลับไปมองมัน นัยน์ตาตนเองเบิกกว้างกับการแต่งกายแฟชั่นของไอ้เชี่ยจินทันที เห็นเสื้อกล้ามลายพระอาทิตย์ยิ้มแป้นแล้นของมันถูกทับด้วยเสื้อยีนส์สีเข้มแขนยาวสู้ความร้อนแห่งประเทศไทยกับกางเกงยีนส์ตัวขาด ๆ เซอร์ ๆ ที่ดูเหมือนจะทำให้มันดูเท่ขึ้นอีกเป็นกอง รวมถึงรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังสีน้ำเงินดำขาวนั่นอีก มึง.. ทำไมมึงแต่งตัวเจ๋งงี้วะ
   หรือพระอาทิตย์ยิ้มแป้นมันจะไม่เจ๋ง ? แต่ช่างเหอะ ผมรู้สึกว่ามันเจ๋ง
และพอหันกลับมาดูตัวเอง..
..
   เสื้อของพนักงานลายเขียวทาง ๆ กับกางเกงสีดำยาว ๆ และร้องเท้าแตะคีบอีกหนึ่งคู่
..ผมจะร้องไห้ขึ้นมาทันทีเลยขอบอก
...
   “กูขอไปเปลี่ยนเสื้อแป๊บ”
   จะเข้ากรุงเทพฯ ทั้งที ถ้าไม่แต่งตัวดี ๆ เดี๋ยวมันจะเสียหมดนี่หว่า
   ผมเดินออกมาจากประตูพร้อมเสยผมหล่อ ๆ กับเสื้อผ้าที่ตัวเองเป็นคนเก็บเงินซื้อเองอย่างภาคภูมิใจ เสื้อยืดสีขาวเข๊าเข้ากับสีผิวอันแสนผุดผ่องของผมกับกางเกงยีนส์ขายาวและรองเท้าผ้าใบ พร้อมกับหมวกแก๊ปที่เขียนไว้เป็นคำว่า ‘Acid’ อีกต่างหาก แน่นอน หมวกนี้ผมสั่งทำพิเศษเพื่อให้ทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาสงสัย เอ๊ะ อะไรกรด กรดเบสเหรอ สสารเหรอ
โดยหารู้ไม่ว่า ‘Acid’ บนหมวกแปลว่ากรด ที่เป็นชื่อผมนั่นเอง !
   “มึงโอเคไหมไอ้กรด มึงดูปัญญาอ่อนขึ้นนะ” เสียงจินเรียกสติของผมให้กลับมาหลังจากยืนชื่นชมแฟชั่นใส่หมวกของตัวเองได้สักพักหนึ่ง
   เปล่าปัญญาอ่อนนะมึง กูแค่กำลังตระหนักถึงความหล่อเหลาของตัวเองอยู่แค่นั้นเอง ! “รีบไปขึ้นรถตู้เหอะสัตว์ เข้ากรุงเทพฯ รถมันติดนะเว้ย”
   สุดท้ายพวกเราสองคนก็แบกสัมภาระที่พกมาขึ้นรถตู้ทันทีครับ หากจะถามว่าไปที่แห่งไหนกันคงต้องตอบตรง ๆ ว่าพวกเรากำลังจะไป ..เอ่อ บ้านไอ้ดำนั่นแหละ เนื่องในโอกาสงานวันเกิดของพี่สาวมัน แต่ผมกับจินวางแผนจะไปค้างที่นั่นก่อนงานวันเกิดสักคืนสองคืนอะไรแบบนี้เพื่อจะให้ตัวเองคุ้นเคยอยู่
ซึ่งคนติดต่อไอ้ดำทุกอย่างคือจิน..
   “มันตอบแชทมึงยังวะ ?”
   “ยัง”
..
ที่มันถามแบบนี้.. ไอ้จินมันคุยแชทกับไอ้ดำไง !! โธ่ไอ้เหี้ย !
   ดูแม่งสิ ไม่ตอบแชทผมคนเดียวอ่ะ ! เพื่ออะไรวะมึง กูคือคนที่มึงคิดจะจีบนะเว้ยแต่เสือกไม่คิดจะตอบแชท อย่างนี้มันหาเรื่องชัด ๆ มึงบังอาจปล่อยให้กูมโนเพ้อพกอยู่คนเดียวว่ามึงเป็นเหวอะไรเหรอวะไอ้สัตว์ดำ กูเกลียดมึง !! เหี้ย !
   “แต่กูคิดถึงนิวจัง” แหม.. มึงก็บังอาจมากไอ้จิน บังอาจเพ้อถึงที่รักของมึงขณะที่กูกำลังหงุดหงิดแบบนี้ ! ผมหันไปทำตาขวางใส่ ส่วนจินก็สวนกลับด้วยรอยยิ้มหวานหยด
   “หึงกูเหรอไอ้กรด”
ห่าราก ทำเสียงยานคางอีกมึง !
   ผมเบ้ปาก พยายามเขยิบออกแทบจะเกาะชิดกับหน้าต่างขณะที่จินมองหน้าผมไม่เลิก เดี๋ยว ๆ กูไม่ใช่นิวนะมึง กูไม่ใช่นิว !
   “ไอ้เหี้ยจิน มึงตื่น !”
   “ไอ้กรด..” แม่งแกล้งผมด้วยการยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก เดี๊ยววว เดี๋ยวว ! อะไรของมันวะเนี่ย อะไรของมัน ความคิดถึงมึงทำตาพร่ามัวไปแล้วเรอะ !
   “ออกไปไกล ๆ กูเลย อย่าเอาหน้าเข้ามาใกล้กูนะ กูขน----”
และดุจดั่งนิยายรักหวานแหวว..
เพราะรถแม่งเลี้ยวหักโค้งอย่างไม่ทันตั้งตัว
..
ทำให้ปากไอ้เชี่ยจินพุ่งตรงลงมาจุ๊บบนแก้มผมจัง ๆ !!
   ผมอ้าปากพะงาบ ๆ กับความร้อนผ่าวข้างแก้ม ปากสาก ๆ ของไอ้จินที่กำลังแปะ ๆ ทาบ ๆ ค้างไว้อย่างนั้นอีก สุดท้ายก็ได้แต่ส่งเสียงแหกปากดังลั่นแทน..
จิน..มึง..
มึงมัน...
   “ไอ้จัญไรรรรรรรรรรรรร !!”
ขยะแขยง !
คุณเคยรู้สึกแขยงอะไรแบบนี้ไหมวะ !!
   หลังจากที่จิน.. ไอ้เหี้ยจินแม่งจ๊วบลงทีแก้มผมอย่างจัง ๆ เพราะอุบัติเหตุ ! โอ๊ย อ๊าก ! ใครก็ได้เอาอะไรมาซักหน้ากูที๊ ! เอาแปรงมาขัด ๆๆ เลยก็ได้ครับ ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันน่าขยะแขยงกว่าไอ้ดำอีกวะเนี่ย ! กูจะอ้วก !
   แล้วดูจินดิ มีท่าทางทุกข์ร้อนที่ไหน !
   มันแค่ผละออกแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวแทนซะอย่างนั้น มึงลอยหน้าลอยตาได้อีก เหี้ย มึงกลายเป็นเกย์ไปแล้วใช่ไหมวะสัตว์ กูว่ามึงแม่งใช่แน่ ๆ เลยไอ้จิน !
   สุดท้ายหลังจากที่ผ่านอุบัติเหตุถูกจ๊วบ ๆ ลงแก้มแล้ว จินกับผมก็ไม่ได้คุยกันต่อแม้แต่ประโยคเดียวเลยครับ ต่างคนต่างนั่งแยกกันแล้วหันมองคนละทาง ผมมองไปทางหน้าต่าง จินมองไปอีกข้างหนึ่งแทน เชื่อว่าต้องมีคนเห็นเหตุการณ์อย่างแน่นอนเพราะที่ที่พวกเรานั่งอยู่คือรถตู้ ได้ยินเสียงสาว ๆ จากเบาะหลังกระซุบกระซิบกันจนน่าสยดสยองอีกต่างหาก หะ อะไรนะ อะไรเก ๆ .. เกย์ เกย์ อ๊าก ! ไม่นะโว้ย !
ผ่านมากี่เดือนแล้วผมก็ขอปฏิเสธเรื่องเกย์ (?) พอฟังแล้วมันแขยง ๆ
ถึงกูจะเคยมีแฟนเป็นผู้ชายก็ตามทีเถอะ
..และถึงตอนนี้จะเผลอปันใจให้ผู้ชายด้วยก็ขอปฏิเสธ !
   รถตู้ได้เคลื่อนตัวเข้าที่อู่ ผมที่ยังพยายามเอาเล็บขูดขีดหน้าตัวเองตรงส่วนถูกหอมผงะไป มองสภาพแวดล้อมด้านนอกก็ทำให้เดาได้ว่าน่าจะมาถึงตัวกรุงเทพแล้ว.. อืม ถึงกรุงเทพ..
จึ๊ก ๆ
   แรงสะกิดจากไอ้จินทำให้ผมต้องยอมหันกลับไปมองด้วยสีหน้าพะอืดพะอม มันหัวเราะเสียงแห้ง เพยิดหน้าไปทางด้านนอกตัวรถ
   “ไปกันได้แล้ว ไอ้นัยมารอรับอยู่ด้านนอก”
..อ๋อ.. บอกให้ลงรถแล้วมีคนมารอรับ..
หะ ! ใครมารอรับผมนะ !?
   ผมเบิกตากว้าง รีบคว้าไหล่ไอ้จินไม่ให้ลงรถ ความขยะแขยงเมื่อครู่ถูกเลือนหายไปกับสายลมเพราะประโยคคำพูดของมันเพียงประโยคเดียว
ไม่ใช่สิ
ต้องเพราะชื่อในประโยคคำพูดนั้นต่างหาก !
   “มะ เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ ?”
   แม่งหันมามองผมเหมือนรู้ครับ หรี่ตาจ้องหน้าอีกต่างหาก
   “ไอ้นัยรอรับอยู่ เร็ว ๆ ดิวะ” ผมอ้ำอึ้ง พูดอะไรไม่ออก มันหมายความว่า ‘ไอ้ดำรอรับอยู่’ ใช่ไหมวะเนี่ย ! จู่ ๆ ก้อนเนื้อในอกผมก็พาลเต้นรัวขึ้นอย่างไม่ตั้งตัว ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นมานานแล้ว ทั้ง ๆ ที่ได้ยินแค่ชื่อของมันเนี่ยนะ โอ๊ย.. ไอ้กรด มึงควรรีบ ๆ เลิกปากแข็งเรื่องนี้ได้แล้วนะ ฮือ..
   ผมกำลังยิ้ม
   เพราะผมเริ่มที่จะเมื่อยหน้าตัวเองอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะครับ พอเจอไอ้ดำ ผมจะทำหน้ายังไงดีวะ ผมควรทักทายมันยังไงดี แล้วทำไมถึงรู้สึกดีใจขนาดนี้เนี่ย แค่ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกันสองสามอาทิตย์เองนี่หว่า
ทำไมผมถึงเป็นขนาดนี้..
   สุดท้ายก็ได้ยินเสียงถอดถอนหายใจเหมือนหน่าย ๆ กับท่าทีของผม จินมันจับล็อคคอ ถือกระเป๋าสะพายแล้วลากผมลงจากรถตู้เป็นคู่สุดท้ายของรถคันนี้ สายตาของผมได้แต่มองไปที่พื้นไม่กล้าเงยหน้าครับ.. อืม จะมีรังสีทะมึน ๆ แผ่ออกมาจากตัวไอ้ดำหรือเปล่านะ ถ้ามันเห็นว่าผมไม่ยอมหุบยิ้มแบบนี้ มันจะทำหน้ายังไงวะ แล้วผมควรจะทำยังไงดีกับหน้าตัวเองที่แม่งท่าทางจะเป็นไอ้หมาแป้นแล้นเลยเนี่ย
ผม... รู้สึกตื่นเต้นเป็นบ้า
   “จะมองพื้นไปถึงไหน ทำเป็นลุงแก่ไม่กล้าเงยหน้ามองฟ้าไปได้” เสียงจินได้แว่ว ๆ แถมลากให้เข้าไปใกล้รถคันที่ว่านั่นอีก เสียงก้อนเนื้อภายในอกมันเต้นรัวยิ่งกว่าจังหวะกลอง ผมรับรู้ได้ถึงพื้นที่เคลื่อนไปเรื่อย ๆ เนื่องจากเพื่อนคนข้างตัวกำลังลากผมไปที่ใดที่หนึ่ง ก่อนทุกอย่างจะหยุดลง
   มันแย่งกระเป๋าผมไปจากมือ ได้ยินเสียงพูดคุยกันอีกต่างหาก เป็นเสียงคุ้น..คุ้นมาก ๆ
ถ้าผมเงยหน้า ผมจะเจอมันใช่ไหม
เจอคนที่ผมรอมาตลอดหลายวัน
   มันอาจจะแกล้งยืนตรงหน้าผมอยู่ แกล้งกอดอกมองพร้อมยกยิ้มกวนประสาท แกล้งมองใบหน้าของผมที่ดูร้อนรนอย่างไม่น่าเชื่ออยู่
และผม.. ก็ยอมเงยหน้ามองตามความคิดของตัวเอง..
..เพื่อพบกับมัน..
..
ไอ้ดำ....
...
หะ ?
   ความคิดของผมเหมือนถูกทลายออกไปทันที ภาพตรงหน้าคือรถสีดำสนิทขัดวาวที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเจ้าของดูแลมันอย่างดิบดี ไร้รอยขีดข่วนใด ๆ
แต่..
เจอแค่รถสีดำ
แล้วไหนไอ้คนดำ ๆ ล่ะวะ !
   “ไปกันได้แล้ว ‘คนขับรถ’ บ้านไอ้นัยมารอรับอยู่”
เสียงจินแม่งเหมือนตั้งใจกลั่นแกล้ง เน้นย้ำทีละประโยค..
คน ขับ รถ..
คนขับรถ..เรอะ.. ?  เฮ้ย..
   เดี๋ยว ๆ ผมจำได้นะ ตอนแรกมันพูดว่า ‘ไปกันได้แล้ว ไอ้นัยมารอรับอยู่ด้านนอก’ ไม่ใช่เหรอ !?
   ผมหันขวับ มองไอ้เชี่ยจินที่เดินขึ้นรถไปนั่งตรงเบาะหลัง พร้อมกับผิวปากเชิงสบายอารมณ์อยู่ ขณะที่ผมได้แต่จ้องหน้ามาตาโตเลยทีเดียว.. เดี๋ยวดิมึง อย่าบอกนะว่า..
แม่งตั้งใจแกล้งผมน่ะ !? ไอ้เหี้ย !!
...


และสุดท้ายก็มาถึงสักที
   ผมทำหน้าเป็นหมาอดกินน่องไก่แล้วเสือกได้อาหารแมวมาแดกแทนใส่ไอ้จินครับ แต่กับคนขับรถผมก็ยังคงทำตัวน่ารัก ๆ ยิ้มแป้นให้เขาอยู่เหมือนเดิมนะวางใจได้เลย ผมมีมารยาท (?) พอที่จะรู้ว่าสิ่งไหนเหมาะจะทำกับใครหรือเหมาะจะไม่ทำกับใคร
   แต่ตอนนี้ไอ้อารมณ์ตื่นเต้น ๆ ดีใจที่จะได้เจอกับคนตัวดำเหมือนจะหมดไปเลยครับ
   จินแค่หันมาแล้วหัวเราะกับท่าทีของผม แน่นอนว่าผมเมินมันไปแล้ว ตัวรถที่ถูกขับโดยลุงแก่ ๆ เลี้ยวเข้าไปยังบ้านหลังหนึ่งที่ถือว่าค่อนข้างใหญ่และกว้างพอสมควร แม้จะไม่มีน้ำพุอยู่กลางบ้านแบบในละครก็เหอะ แต่ลานจอดรถน่าจะจอดรถได้ประมาณสามคันเป็นอย่างต่ำและไม่เกินหกค่ำ ที่ข้าง ๆ มุมบ้านมีศาลพระภูมิใหญ่โตตั้งอยู่อีกด้วย
ผมกัดฟันกรอด
แม่ง.. รวย (กว่ากู) ฉิบหาย..
   “ถึงบ้านแล้วครับ” เสียงแหบแห้งที่สมควรถูกเติมเต็มด้วยน้ำผึ้งมะนาวดังลอดออกมาจากปากของคนขับรถ จินกับผมขอบคุณเขา ไม่ทันจะเปิดประตูลงแต่ดันมีคนเปิดประตูมาให้ก่อนเสียนี่
   “เดี๋ยวยกของไปให้นะคะ”
บ้านมึงมีคนใช้กี่คนไอ้เหี้ย !
   ความคิดนี้แล่นขึ้นมาเลยครับ แม้จะเป็นความคิดอันแสนหยาบคาย แต่ต่อหน้าผมก็ยังยิ้มหวานรื่นให้กับสาววัยกลางคนที่ช่วยกันยกกระเป๋าไปอยู่
   “ไม่เป็นไรครับ ผมยกเองดีกว่า” จินปฏิเสธ ซึ่งสาวคนนั้นจึงยิ้มอย่างนอบน้อม พูดต่อเสียงปกติ
   “น้องนัยรอทั้งสองคนอยู่ด้านในนะคะ รีบเข้าไปดีกว่าค่ะ”
..
หะ
น้องนัยเรอะ !?
   ผมถึงกับทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขณะที่จินได้แต่กลั้นหัวเราะกับคำว่า ‘น้องนัย’ ครับ เริ่มคิดแล้วสิว่าบ้านมันเป็นยังไงกันแน่
   สุดท้ายพวกเราก็ยอมเดินเข้าไปในตัวบ้านตามที่สาวใช้ได้บอกกล่าวไว้
และไม่ทันไร.. ก็ได้เห็น..
ก้อนวัตถุสูงดำที่นั่งจิ้ม ๆ โน้ตบุ๊กอยู่ตรงบริเวณสวนเล็ก ๆ หน้าบ้าน
...
ไม่ ! ไม่ใช่ก้อนวัตถุ นั่นมันไอ้ดำ !!
   “น้องนัยอยู่ทางนั้นนะคะ เชิญเลยค่ะ น้องนัยบอกทุกอย่างให้พี่หมดแล้ว เดี๋ยวพี่จะยกของขึ้นไปให้นะคะ” น้ำเสียงเป็นธรรมชาติ ๆ แต่กลับไม่ได้ดึงดูดสายตาของผมครับ
ถ้าถามว่าทำไม.. คุณเคยรู้เรื่องปฏิกิริยาของสีดำไหมครับ
ปฏิกิริยาที่ว่า สีดำมักจะเป็นสีที่ดึงดูดแสงแดดและเก็บความร้อนได้ดีสุด
น่าจะคล้าย ๆ กับดูดสายตาผมได้ล่ะมั้ง
   ร่างคุ้นเคยที่กำลังนั่งจิ้มแป้นพิมพ์โน้ตบุ๊กอยู่บนเก้าอี้ตรงนั้นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นละออกจากจอ ขณะที่ผมได้เพียงแค่มอง นัยน์ตาตนเองเบิกกว้างขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจเต้นรัวขึ้นมาอีกครั้งเหมือนตอนแรกที่ถูกกลั่นแกล้ง เพียงแค่ตอนนี้.. ไม่มีใครแกล้งผมเหมือนก่อนหน้า
เขาอยู่ตรงนั้น..
ไอ้ดำ
   มันหันมามองทางผมพอดี ท่าทีเหมือนตกใจเมื่อสองขาของผมกระโจนเข้าหามัน หวังว่าคราวนี้จะไม่ใช่โดนหลอกเหมือนคราวก่อน
   “...ไอ้หมา”
   ผมยิ้มกว้าง เมื่อได้ยินน้ำเสียงคุ้นหูที่กำลังเรียกชื่อของตนเองอยู่
ก่อนจะหุบยิ้มลง
และแหกปากดังลั่น
   “ทำไมมึงไม่ยอมตอบแชทกูวะไอ้ถ่านดำ !!  !!”
..
เออ
คำทักทายครั้งแรกของพวกเราคือสิ่งนี้ครับ
..
แต่ยังไงก็... สมกับเป็นผมและมันดีน่ะนะ
   “หา ?” เสียงทุ้มต่ำนั่นร้องออกมาเหมือนกับไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด แหมไอ้เหี้ย มึงไม่ตอบแชทกูอ่ะ มึงไม่ตอบแชทกู จะให้กูทำไงวะไอ้สัตว์ ทักซ้ำก็เป็นการกวนปะ เหี้ยย !
   “แชทไง แชทเฟซบุ๊ก !” ผมพูดทวนความจำได้ยินเสียงอ๋อยาวเฟื้อย “ทำไมไม่ตอบแชทกู !”
แม่งทำหน้าตายใส่
   “เพราะกูไม่ชอบชื่อเฟซมึง”
..
หา ?
   คราวนี้เป็นผมครับที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่มันพูด เดี๋ยว ๆๆ แค่นี้เหรอ ชื่อเฟซกูมีอะไรผิดวะมึง มีอะไรผิด !
   “ไม่เข้าใจหรือไง ?” มันดูหงุดหงิดกว่าเก่า หันไปอีกทางพร้อมกับพูดออกมา “น้ำกรด มีพีเอชมากกว่าเจ็ด”
..
อาเระ เดี๋ยว เดี๋ยว..
   ผมทำหน้านึกขึ้นออก..
..ใช่ครับ.. ชื่อเฟซบุ๊กของผมตั้งมาตั้งแต่ม.ต้น.. และคู่กับไอ้เบส..
เบส มีพีเอชน้อยกว่าเจ็ด
น้ำกรด มีพีเอชมากกว่าเจ็ด
....
   มันหันมามองผมด้วยสายตาตายด้านฉบับไอ้ดำที่ทำเอาผมพูดอะไรหรือไปต่อไม่ถูกเลย ท่าทางจะไปเจอเฟซบุ๊กไอ้เบสด้วยแน่ ๆ
   แม่งนิ่ง นิ่งใส่ครับ ความรู้สึกผิดของผมถาโถมขึ้นมาทันที จากน้อยใจที่มันไม่ตอบเป็นรู้สึกผิดกับมันทั้งที่ไม่มีความจำเป็นเลย ไอ้ดำกำลังมีท่าทาง ‘งอน’ อยู่ใช่ไหมวะ ?
แม่เจ้า ! ไอ้ดำกำลัง ‘งอน’ อยู่ !
   ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก เอื้อมมือไปสะกิด ๆ แขนเสื้อเพื่อง้อมันที่ทำหน้าเมินใส่แบบรู้สึกได้
แต่แล้วผมกลับหยุดความคิดลง
   เพราะน้ำเสียงหวานใสของหญิงสาวผู้มาใหม่ ร่างเพรียวระหงปรากฏขึ้นในชุดเสื้อเชิ้ตโปร่งยาวและกางเกงยีนส์ขาสั้นเผยให้เห็นเรียวขาขาวผ่อง.
ผมเงียบไป.. เดาได้ไม่ยากเลยว่าเธอคนนี้คือใคร
   เรียวปากบางนั่นแย้มยิ้มออกส่งให้กับพวกผมทุกคนที่อยู่ที่นั่น
   “นัย.. พาเพื่อนมาค้างที่บ้านด้วยเหรอ ?”
..รักแรกของไอ้ดำนั่นเอง..
..


หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:40:01
C h a p t e r  46
คนเกลียดกัน มักจะไม่อยากให้ใครหายไป


   หัวใจของผมมีอาการแปลก ๆ ไป
   ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ก้อนเนื้อในอกของผมเกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรงจนอยากยืนกุมอกแน่ ๆ แทนด้วยซ้ำ ภาพของหญิงสาวอายุไม่เกินยี่สิบห้าในชุดอยู่บ้านง่าย ๆ เสื้อยืดและกางเกงยีนส์สั้นเผยให้เห็นขาเรียวขาวตัดกับผิว    ทรวดทรงอกเอวที่เป็นรูปร่างมีส่วนนูนโค้งเว้าทำให้ผมรู้สึกถึงข้อ 'เสียเปรียบ’ ภายในจิตใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อีกฝ่ายคือผู้หญิง
ผู้หญิงที่สวย.. มาก
   ผมกระพริบตาถี่เรียกสติของตนเองให้กลับมา เธอสวย ดูมีเสน่ห์ น่าจับตามองเป็นที่สุด พอหันไปหาชายที่อยู่ข้างกายเพื่อที่จะพยายามพูดคุยด้วย ทุกอย่างกลับทำให้ต้องหยุดชะงัก
ไอ้ดำกำลังยิ้ม
ยิ้มละมุน.. ยิ้มอ่อนโยน แบบที่เหมือนกับวันนั้น
วันที่มันโทรศัพท์คุยกับพี่สาวตัวเอง
   “พี่ชื่อพี่มดนะเด็ก ๆ” น้ำเสียงหวานแต่ก็ยังคงดูเป็นผู้ใหญ่ทักทายอย่างเป็นกันเอง พร้อมทั้งโบกมือให้ผมและจิน พวกเราสองคนได้เพียงปะหลกหัวหงก ๆ แล้วยกมือไหว้ขึ้น “พี่เป็นพี่สาวดนัยเองแหละ”
   จินมองอึ้ง ๆ พึมพำต่อเสียงเบา
   “พี่สาวนัย.. ทำไมผิวต่างกัน”
..
สติกูกลับมาทันใดเลยครับ !!
   เออว่ะ ใช่ พอหันไปมองดูผิวของไอ้ดำสลับกับผิวพี่สาวมันนี่ถึงกับอึ้ง ทึ่งไปเลย ไอ้จินพูดถูก ผิวของพี่สาวเป็นผิวแบบขาว ๆ อมชมพู น่ารัก ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นพี่สาวไอ้นัยได้ ไม่ก็ไอ้เชี่ยนัยนี่แหละ มึงไม่สมควรจะไปเป็นน้องชายเขา ออกไปจากบ้านนี้ซะไปเลยไป๊ ชิ่ว ๆ !
   “ไอ้สัตว์หุบปาก” ไอ้ดำบอกแล้วตบกะโหลกจินไปทีหนึ่ง “กูได้ฝั่งพ่อ พี่สาวได้ฝั่งแม่ แต่พี่สาวแท้ ๆ กันแน่นอน”
   “จริงเร้อ..” คราวนี้เป็นผมครับที่แกล้งทำเสียงสูงใส่ ดันโดนไอ้ดำหันมามองด้วยหน้าตายใส่อีก เจริญล่ะมึง หาเรื่องกูเหรอ ต่อยกันปะ มาสิมา !
   “อย่าทะเลาะกันสิ นัย ไม่ทำร้ายเพื่อนน่า” คนคั่นกลางเป็นพี่สาวสุดแสนน่ารักคนนั้นครับ เธอยิ้มบาง ๆ แล้วกวาดตามองพวกเราทุกคนก่อนจะทำท่าทีนึกขึ้นได้ “เดี๋ยวพี่ไปยกขนมมาให้นะ”
   ไม่ทันที่จะได้เดินออกไป เจ้าของบ้านอีกรายก็รีบจับไหล่พี่สาวห้ามเอาไว้
   “พี่มดไม่ต้อง นัยทำเอง”
   “เฮ้ย ๆ แทนตัวเองว่านัยด้วย !” ไอ้จินนี่ถึงกับล้อเลียนเลยครับ แหงล่ะ ปกติกูมึง ๆ นี่นา อยู่ดี ๆ กลายเป็น น้องนัย นัย อี๋.... ขยะแขยง !
แต่จะว่าก็ว่าเถอะ
   ผมแอบชำเลืองมองมือใหญ่ของไอ้ดำที่แตะลงไหล่พี่สาวมันก่อนที่จะลุกไปข้างในบ้าน
..
เหี้ย
เจ็บ
..
   ผมกำลังอิจฉา
   นัยน์ตาของตนหลุบลงมองที่แป้นพิมพ์โน้ตบุ๊กบนโต๊ะกลม ผมรู้ รู้ว่ามือไอ้ดำมันอบอุ่นขนาดไหน เพราะวันนั้นแค่หลังฝ่ามือของพวกเราสัมผัสกันเพียงน้อยนิดมันก็ทำให้ความรู้สึกวางใจแผ่ซ่านเข้ามาในอกนี้แล้ว
ผู้หญิงคนนั้นคือรักแรก
รักแรกที่คงมีเยื่อใยและไม่มีวันสมหวัง
   ผมเม้มปากตนเองแน่น ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นเข้ามาภายในอก อึดอัดจนไม่อยากจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำไหนให้ใครได้ยิน เสียงของจินที่คุยหรือแซะโลมพี่สาวของไอ้ดำนั้นเหมือนถูกปิดกั้นด้วยกำแพงบางอย่างในใจผม ผมไม่ได้ยินอะไรสักอย่างเลยนอกจากเสียงความคิดของตัวเอง มันดังขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเสียงความคิด ความรู้สึกอิจฉาที่ลุกพล่านอยู่ภายในอกนี้
ผมอิจฉาผู้หญิงคนนั้น
   ทั้ง ๆ ที่เป็นพี่สาวก็ตามที แต่ก็คือรักแรก อกเอว ทรวดทรงทุกอย่างที่ผมไม่มี ผมลองยกมือขึ้นลูบแผ่นอกตนเองเบา ๆ มันไม่มีแม้กระทั่งส่วนที่น่าจับตามองเหมือนผู้หญิง ไม่นุ่มนิ่มเหมือนอกผู้หญิง หรือจะเป็นเอวที่มันไม่ได้คอดอย่างกับสาว สะโพกก็แข็ง บีบแล้วไม่สบายมือ ตักก็นอนแล้วเจ็บหัวอีกต่างหาก หรือกระทั่งแม้แต่น้ำเสียงของตนเองก็ตามที ไม่ได้น่าฟังอะไรเลย เสียงแหบ ๆ เหมือนผู้ชาย ส่วนอีกฝ่ายนั้นคือเสียงหวานใส กังวานเสนาะหู
ยังไงเพศตรงข้ามก็มีเสน่ห์สำหรับกันและกันอยู่ดี
เพศเดียวกัน.. จะรู้สึกว่ามีเสน่ห์สำหรับกันและกัน.. จริงเหรอ ?
..
   “อยากนมใหญ่หรือไง งั้นแดกซะ” น้ำเสียงทุ้มมีเสน่ห์ขัดจังหวะสติและความคิดผมให้แตกกระจายราวกับถูกค้อนทุบ พร้อมกับรสชาติเค็ม ๆ ปะแล่ม ๆ แล่นเข้ามาภายในโพรงปาก ผมกระพริบตารัว ความเค็มเพราะการถูกหมักด้วยเกลือเรียกสติได้ดีกว่าอะไร รีบเอามือออกจากแผ่นอกตนแล้วหันไปมองคนที่ยัดบางอย่างเข้ามาในโพรงปากตนเอง
..ไอ้ดำ ?
   “ไก่ทอดหมักเกลือ แดกไปซะ จะได้นมใหญ่” ไอ้ดำพูดก่อนจะวางชามใบใหญ่ลงที่โต๊ะ มันเก็บโน้ตบุ๊กของตัวเองไปตอนไหนผมยังไม่รู้เลย “กูเห็นมึงเหม่อ ๆ เป็นไรเปล่าวะ ?”
คำถามนั่นทำให้ผมนิ่ง
...
อาใช่
นั่นสิ..
   ได้เพียงแค่ส่ายหัวอย่างเชื่องช้า หันกลับไปเห็นจินและพี่มดกำลังมองมาทางผมอย่างงุนงง
..ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน..
ว่าเมื่อกี้.. ผมคิดอะไรอยู่กันนะ.. ?
..

   “คุกกี้พี่มดทำเองเหรอครับ !”
   “ถูกแล้วจ้า” เสียงคำตอบรับของจินกับพี่มดยังคงดังเป็นระลอก ๆ ไอ้จินก็ปากหวานเหลือเกิน ชมได้ชมดี ชมทุกอย่างที่ขวางหน้าจนผมอย่างจะหาอะไรตบกบาลมันจัง ๆ สักรอบ
   “อร่อย ๆ สุด ๆ ไปเลยครับพี่มด” จินเอ่ยต่อแล้วหยิบคุกกี้ชิ้นที่สามใส่ปาก หญิงสาวหัวเราะ
   “ไม่ขนาดนั้นหรอก ลองทานไก่ด้วยสิ นัยทำเชียวนะ”
   “ผมไม่กล้ากินของที่ไอ้เชี่ยนั.. เฮ้ย ! มึง ๆ อย่า ๆ กูยอมแล้ว !” มันไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ไอ้ดำแม่งก็หันไปหรี่ตามองแล้วดันชามไก่ออกทันใดเลย “กูกินก็ได้มึง จริง ๆ มันก็อร่อยน่า”
   “นัยไม่ค่อยทำกับข้าวน่ะ เนอะ”
   “ที่พี่ไม่เห็นเพราะนัยอยู่หอต่างหาก” เสียงที่ตอบกลับเรียบ ๆ แต่แฝงอารมณ์ดูงอน ๆ ไว้ทำให้ผู้หญิงคนเดียวในนี้หัวเราะคิก “กิน ๆ ไปเหอะ เออ ไอ้จิน ชิ้นนั้นกูทำ” ว่าจบแล้วมันก็ชี้ไปทางคุกกี้ชิ้นที่จินถืออยู่
   คนถูกชี้ชะงัก ก้มมองคุกกี้สลับกับหน้าไอ้ดำและ..
   “กูให้กรดกินดีกว่า”
อ๋อ.. ที่แท้ก็ไม่อยากกินชิ้นที่ไอ้ดำกินนี่เอง..
.. หะ.. เดี๋ยวนะ
   “มาไอ้กรด มาอ้าม ๆ” ผมนี่หน้าเหวอเลยครับ เดี๋ยว !!
   “ไหนเป็นกูล่ะ พ่-- !!” ไม่ทันด่า จินแม่งยัดเข้าปากมาทันใดเลย อือหือ .. สัตว์ ทำงี้กับกูเดี๋ยวต้องมีถีบตอนกลับบ้านแน่ ๆ จำไว้เลยนะมึง !
แต่จะว่าไป.. มันก็อร่อยดีนี่หว่า
   ผมใช้ปลายนิ้วดันส่วนที่เหลือของคุกกี้เข้าปากจนหมดแล้วเคี้ยว ๆ ก่อนจะดูดนิ้วที่มีเศษเล็ก ๆ ของมันติดอยู่อย่างเผลอตัว ปกติอยู่กับไอ้นิวทำแบบนี้ตลอด แต่..
ตอนนี้แม่งโดนจ้องเป็นตาเดียวเลย..
   “น้องกรดน่ารักจังนะ” เสียงหัวเราะของพี่มดนี่แหละทำให้ผมเขิน แต่พอเป็นเสียงไอ้จินหัวเราะทำให้รู้สึกโกรธแทนซะงั้น
   “โหย เป็นเด็กเล็กเหรอมึง !”
   “ไอ้เหี้ย ก็กูเสียดายเศษ ๆ มันอ่ะ !” ผมแหกปากใส่มัน สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง แต่ก็คงจะลืมไปว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่จินกับพี่มด เพราะว่า..
พอเห็นไอ้ดำก็มองผมอยู่เหมือนกัน มันเล่นอายม้วนแทนนี่สิ
   ตกลงมึงจะให้กูอายหรือให้กูรู้สึกปวด ๆ ร้าว ๆ กับเหตุการณ์ตอนนี้ เอาสักอย่างสิวะ กูปรับตัวไม่ทันแล้วเนี่ย !
   “ว่าแต่ทุกคนจะเข้าคณะไหนกันเหรอ ? อยู่ม.6กันแล้วนี่นา” คำถามนี้ดึงสติของทุกคนให้กลับมาและเลิกสนใจกับท่าทางเลียนิ้วของผม “ถ้านัยน่าจะวิศวะหรือเปล่า ?”
   เจ้าของชื่อพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรเช่นเดิมเป็นอันรู้นิสัยและความจืดจางของมันกัน
   “ผมไม่แน่ใจ คิดว่าอาจจะเป็นวิศวะเหมือนไอ้นัยแต่ก็ลังเลระหว่างบริหารกับกฎหมายแล้วก็การท่องเที่ยวอยู่น่ะพี่มด” จินเป็นฝ่ายก่อนพลางเกาแก้มเบา ๆ เรียกรอยยิ้มของพี่มดได้เป็นอย่างดี
   “ก็เรียนบริหารอยู่นะ อยากเข้าที่ไหนล่ะ ?”
   “คงเป็นในชลบุรีน่ะพี่ ผมอยู่ในชลบุรี เหมือนกับไอ้กรดมัน” ว่าจบก็เพยิดหน้ามาทางผมครับ.. เดี๋ยว ๆ มึง เอ่อ คือมึงกูม.6 กูยังไม่ตรัสรู้ตัวเองเลยว่าอยากจะทำอะไร เห็นไหมว่าวัน ๆ กูเอาแต่ทำงานงก ๆ หางานพิเศษเลี้ยงครอบครัวน่ะ มึงรู้บ้างไหมหา
   “อ๋อจ้ะ แล้วน้องกรดล่ะ ?”
เอาล่ะสิ ว่าไง ซวยแล้ว
   ผมเงอะงะไปก่อนจะตอบเบา ๆ
   “..ยัง.. ไม่มีคณะที่ชอบเลยล่ะครับ” ..พูดจริง ๆ นะ ชีวิตนี้คิดแค่ว่าไปเป็นลูกจ้างเขาแล้วได้เงินสักเดือนละหมื่นก็คงพอแล้วล่ะมั้ง แต่คำตอบนั่นดูสร้างความตกให้กับพี่มดเป็นอย่างมาก
   “เราอยู่ม.6แล้วนะ” เธอพูดเตือน เออใช่พี่ ผมอยู่ม.6 แล้ว แต่ผมคิดไม่ออกนี่หว่า ! อีกอย่างที่บ้านผมก็อยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง วัน ๆ เห็นหาเช้ากินค่ำอย่างเดียว ผมเองก็ต้องไปช่วยทำงานอีกแรงด้วยต่างหาก จะวิ่งไปหาที่เรียนพิเศษแบบไอ้นิวได้ซะที่ไหนล่ะ พูดแล้วเซ็งจริง ๆ “อย่างน้อยก็น่าจะพอคิดได้แล้วนี่”
   คิ้วกระตุกหงิกๆ เลยครับ ...พระเจ้า
   จะมายุ่งอะไรกับชีวิตผมวะเนี่ย คนมันไม่รู้แล้วก็คือไม่รู้ดิ ไม่ต้องมาพูดจาอะไรน่าหงุดหงิด
โอ๊ย
   ผมรู้ว่าผมเริ่มพาลในใจแล้ว !
   “มันเริ่มมืดแล้วนะ นัยพาเพื่อนไปดูห้องก่อนดีกว่านะพี่มด”
..
อือหือ..
   เสียงไอ้ดำนี่แหละครับ ปกติเราจะเหมือนกับจนมุม หงุดหงิด ทุกอย่างเป็นสีดำแล้วมีแสงสว่างจ้า ๆ มาปะทะหน้า และเรียกว่า ‘เห็นทางสว่าง’ อะไรเชิงนี้ใช่ไหมครับ แต่นี่ผมเหมือนกำลังเจอผู้หญิงยิงคำถามที่เต็มไปด้วยแสงสว่างจนแสบตา ก่อนจะมีไอ้แสงเชี่ย ๆ สีดำ ๆ เขยิบมาบังให้ลืมตาได้เหมือนเดิม เอ้อ ซุปเปอร์ฮีโร่แบล็กคัลเลอร์ !
   ใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษทั้งชีวิตที่ได้ร่ำเรียนมาคิดคำให้มันเลยล่ะ !
   พี่มดเหมือนเพิ่งรู้ตัว ก่อนที่เธอจะยิ้มแห้ง ๆ ให้แทน
   “โทษทีจ้ะ ..พี่แค่ตกใจนิดหน่อย” เธอพูด หันไปมองน้องชายตัวเองที่ยังคงแสดงสีหน้าเป็นกราฟตรงอยู่ “แล้วจะนอนห้องไหนกันเหรอนัย”
   “จินทิ้งของไว้ที่นี่ แล้วอาจจะไปค้างบ้านเพื่อนอีกคนสักคนนึง ส่วนกรดเดี๋ยวนอนห้องข้างนัยก็แล้วกัน” ผมไม่อยากจะเถียงอะไรนอกจากพยักหน้าหงึก ๆ แอบเหล่มองจินครับ มึงนะมึง ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรกูก็เดาได้ว่ามึงจะไสหัวตัวเองไปนอนบ้านนิว เหี้ย ทิ้งกูนะมึง
   “โทษทีล่ะกรด เดี๋ยวกูต้องไปรออีก จะมาอีกทีก็งานวันเกิดพี่มดนะครับ” ประโยคหลังหันไปยิ้มหล่อ ๆ ให้ผู้หญิงคนเดียวนี้อีกต่างหาก ดูระดับความน่าหมั่นไส้ของมันพุ่งทะลุปรอทไปถึงไหน เอาใจสาวเข้าไปนะมึง เดี๋ยวกูจะฟ้องนิว มึงโดนแน่ไอ้เชี่ยจิน มึงไม่รอดแน่ ๆ !
   “มึงมาดูห้องกับกู ไอ้เหี้ยหมา” ไอ้ดำหันมาบอกผมพร้อมกับเพยิดหน้าเข้าไปทางตัวบ้าน ส่วนพี่มดก็พยักหน้าตามเบา ๆ แล้วโบกมือให้ผมพร้อมกล่าวคำว่าราตรีสวัสดิ์ล่วงหน้าเล่นเอาแอบงงตึ้บไปเลยครับ
ใช่
เพราะพอรู้สึกตัวอีกที.. นี่มันก็ทุ่มหนึ่งแล้ว


      บ้านของไอ้ดำเป็นหลังค่อนข้างใหญ่และถูกประดับตกแต่งด้วยลวดลายตามผนังจนทำให้เพิ่มความรู้สึกอลังการมากขึ้น บันไดกลางบ้านของมันกว้างและแยกออกได้เป็นทั้งเดินทางซ้ายหรือเดินทางขวา ไอ้ดำบอกว่ามันแยกไว้ ทางซ้ายคือห้องผู้หญิง ทางขวาคือห้องผู้ชาย แม่งดูดิ โคตรแบ่งแยกเพศ
   “แล้วถ้าตุ๊ดมานอนบ้านมึงอ่ะ จะเดินทางไหน ?”
   พอผมถามประโยคนี้ มันหันกลับมามองหน้าตายแทน
   “ใต้ดิน”
   “เฮ้ย ! บ้านมึงใหญ่ขนาดนี้ ยังจะมีชั้นใต้ดินด้วยเหรอวะ !” ผมทำตาโต เฮ้ย ! แม่งจะสุดยอดไปแล้วปะ นี่มึงบ้านใหญ่ขนาดนี้ ใต้ดินยังจะมีชั้นให้หลบภัยอีกเหรอ หรือพอเวลาเกิดอะไรอันตรายๆ อย่างเช่นโจรปล้นบ้านงี้ ครอบครัวไอ้ดำก็จะลี้ภัยไปอยู่ชั้นใต้ดิน ? เจ๋ง !
ผัวะ !
   ความคิดผมหลุดกระจายอีก เมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ ๆ เข้ามาปะทะหัวดังป้าบ สติที่เพ้อเจ้อหลุดลอยไปโดนดึงกลับมาพร้อมเสียงปรามดุ ๆ
   “กูประชด” ไอ้ดำพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เดาว่ามันต้องหน่ายเรื่องผม มันหยุดเดินอยู่ที่หน้าประตูห้อง ๆ หนึ่งที่มีป้ายรูปลูกเป็ดตัวเล็ก ๆ “เอาเหอะ.. มึงนอนห้องข้าง ๆ กูแล้วกัน”
หมายถึงไอ้ห้องลูกเป็ดนี่อ่ะนะ ?
   “เออโอเค” ผมรับคำ พลางเปิดประตูเข้าไปในห้องทันใด..
..
อื้ม..
กว้าง
มีแอร์อีกต่างหาก
    โอ้ ห้องนี้มันสวรรค์..
   “อะ อะ อะ อะ อะ อะ.. ไอ้ ไอ้ อะ..” ผมพูดชื่อมันไม่ออกก็งานนี้ครับและได้การตบหัวรอบสองทำให้สติกลับมา “ไอ้- ไอ้ดำ ห้อง ห้อง..”
   “เออ ห้องพักมึง”
   “ใหญ่กว่าห้องเช่าที่กูอยู่อีก” ผมพูดออกมาพร้อมตาโตมองไปรอบ ๆ รีบเดินเข้าไปอย่างกับเด็กบ้านนอกเข้ากรุง นี่อึ้งจริง ๆ แถมเตียงยังเสือกเป็นเตียงเดี่ยวสองเตียงห่างกันด้วย คงเอาไว้สำรองให้แขกจริง ๆ สิเนี่ย “มึง มันแบบ แบบว่ามันสุด.. สุดยอด !”
   “เออ ไอ้สัตว์”
   “ไอ้ดำ กู-กูอยากเปิดแอร์” คุณรู้ไหม นอกจากเรียนห้องคอมพิวเตอร์ เข้าห้างฯ เข้าห้องสมุด ผมยังไม่ค่อยได้อยู่กับแอร์เลย แต่ห้องนี้แม่งมีแอร์ครับ ตัวใหญ่ตัวหนึ่งติดอยู่ ผมตาวาว รีบชี้ไปทางแอร์ “มึง กูขอเปิด กูขอ !” ไอ้ดำแม่งคงคิดว่าทำไมกูดูตื่นเต้นจัง แต่อยากคิดไรก็คิด ผมไม่แคร์แล้ว กูอยากเปิดแอร์โว้ย !
แต่สุดท้าย สิ่งที่มันพูดก็ทำให้ความหวังผมจบลง
..
   “แอร์ห้องนี้เสีย พัดลมได้เปล่าวะ ?”
..
ไอ้จัญไร

   
   สุดท้ายผมก็ตัดสินใจแบกข้าวแบกของก้าวฉับ ๆ ออกมาจากห้องเยี่ยงคนเอาแต่ใจพร้อมกับเปิดประตูห้องข้าง ๆ ด้วยความรู้ทันและโยนข้าวของของตนเองเข้าไปทันที ชายร่างสูงที่เฉลยว่าห้องแอร์เสียยกมือขยี้หัวตัวเอง สีหน้าหน่ายใจนั่นไม่ทำให้ผมรู้สึกสะทกสะท้านสักเท่าไหร่นัก แล้วไงวะ มึงมองกูงี้เหรอ ได้เลย ผมทำตาหน่ายใจใส่มันกลับครับ จะไม่ยอมแพ้เลยนะ คอยดู
   “มึงนี่มัน.. เหี้ย” เสียงสบถเบา ๆ ของไอ้ดำดังขึ้น ผมเชิดหน้า ท่าทีไม่รู้อิโหน่อิเหน่แล้วกระโดดนอนที่เตียงมันอย่างไม่สนใจ แล้วไงวะ แล้วไง คิดว่ากูจะกลัวเหรอหะ
   “เฮ้ย ไอ้ดำ เปิดแอร์ดิ” ว่าแล้วก็ใช้เท้าชี้ไปทางแอร์ครับ ผมเห็นคนหน้าตายกลอกตาที่ผมทำประดุจว่ามันเป็นคนใช้หลังพี่สาวมันหาย แต่ไอ้ดำก็เชื่องดีนะ แม่งไปเปิดให้จริง ๆ ด้วย “กูหิวอ่ะ เหนียวตัว อยากอาบน้ำ”
   “ให้กูช่วยอาบให้ไหม ?” พูดแบบนี้นี่กวนตีนเหรอวะ ได้ยินเสียงมันถอนหายใจแทนต่อ “เออ ไปอาบน้ำซะ”
   ผมพยักหน้าตามคำสั่งมันแล้วมองห้องน้ำก่อนจะพูดต่อ
   “เออ แต่กูไม่ได้เอาขันมา...”
..
แล้วทุกอย่างก็เงียบลงครับ
   คิดว่าพูดคำว่า ‘ไม่ได้เอาขันมาว่ะ มีให้ยืมไหม’ แต่แล้วน้ำเสียงของผมก็ต้องจบลงเพราะสายตาที่ไอ้ดำมองมาเหมือนมีความตกใจนิดหน่อยเคลือบแคลงอยู่ ประมาณสามวินาทีถัดมา ก็เป็นฝ่ายผมที่ทำหน้าตกใจตามเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน
..กูอยู่บ้านไอ้ดำนี่หว่า !
   “ไม่ต้องใช้มึง มีฝักบัว” เสียมเอือม ๆ ต่อด้วยการส่ายหัวยิ้ม ๆ ทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก จะว่าเขินมันก็เขิน จะว่าอายมันก็อาย แต่.. อืม.. มันดูเป็นรอยยิ้มเอือม ๆ มากกว่าว่ะ แม่ มึงจะยิ้มทีแล้วทำงี้เหรอ ไอ้สัตว์ อยากจะเตะตูดสักรอบจริง ๆ
   ผมหมุนตัวไปหยิบรื้อของในกระเป๋าแทนก่อนจะเลือกหยิบเสื้อผ้าที่ต้องใช้งาน หลังจากนั้นก็เดินผ่านไอ้ดำที่มันทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บริเวณมุมสุดขวาของห้องแล้วหยิบโทรศัพท์ สีหน้าเคร่งเครียดไม่ใส่ใจผมส่งเสียงผิวปากเบา ๆ กวนประสาท
ความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นในใจผมอีกครั้งหนึ่ง
แต่สุดท้ายก็เลือกจะกดมันจมลงพื้นเฉกเช่นเดิม
   ผมเข้าไปในห้องน้ำครู่หนึ่งแล้วยืนส่องกระจก.. ใช่ นี่คือตัวผม ตอนนี้ผมมาอยู่บ้านคนรวย ๆ โดยที่ตนเองกำลังจะใช้ห้องน้ำบ้านเขา และผมอยู่ห้องเดียวกับไอ้ดำ ผมเพิ่งรู้ตัวข้อนี้ แต่มันแค่ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดออกไปกว่าตอนอยู่หอ ทั้ง ๆ ที่อยู่ห้องสองคนเหมือนกันแท้ ๆ น่าแปลกใจ
   ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นถึงคนที่มีใบหน้าเหมือนกับผม ไม่สิ นั่นคือเงาของผมเลยต่างหาก..
    ผมเม้มปากแน่น วินาทีนั้นเองภาพเสี้ยวใบหน้าของชายที่เล่นมือถืออยู่ก็แล่นแวบเข้ามาในหัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ท่าทีของเขาดูเครียดกว่าครั้งไหน คิ้วเข้ม ๆ ขมวดติดกันจนทำให้ผมอยากเข้าไปเคาะแล้วดึงให้คลายออกแต่เกรงว่ามันจะติดแน่นกว่าเดิมนี่สิ
แต่ตอนนี้ผมกำลังต้องการอะไร ?
   นัยน์ตาของตนหลุบลงมองพื้นด้วยความสงบนิ่ง หลากหลายความคิดย้อนเข้ามาปั่นป่วน วนเวียนในหัวจนแทบจะหมุน ริมฝีปากของต้นเม้มติดกันแน่น.. ผมคิดว่าตัวเองกำลังหวังอะไรอยู่ลึก ๆ อะไรบางอย่าง.. ที่พอคนมีความรู้สึกตรงกันเขามักจะทำกันตอนอยู่สองคนในห้อง
..แย่มาก นี่มันแย่มาก ๆ
ผม...
   “แม่งเอ๊ย..” คำสบถออกมาเบา ๆ ก่อนที่ผมจะหันหนีสีหน้าตัวเองที่สะท้อนในกระจก มันแย่ แย่มาก.. ผมกำลังรู้สึกผิดหวังอยู่ เพราะมีบางสิ่งบางอย่างไม่ตรงกับความต้องการของผม..
และสุดท้ายผมจึงเลือกที่จะให้หยาดน้ำชำระล้างความคิดบ้าบอนี่ออกไป


   เมื่อออกมา ทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิม
ไอ้ดำนั่งที่เดิม
กดคุยแชทในโทรศัพท์เหมือนเดิม
   ผมเดินออกมาด้วยสภาพที่เรียบร้อยแล้ว แต่งตัวภายในห้องน้ำจนเสร็จ ไอ้ดำเงยหน้ามาสบตาแวบเดียวเท่านั้นก่อนมันจะก้มลงไปแล้วกดโทรศัพท์ดังเดิม
แน่นอน.. ว่าไม่ชอบเลย
ไม่ชอบท่าทางแบบนั้นแม้แต่น้อย
   ผมขมวดคิ้วมุ่น เมื่อกี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไปแล้ว คราวนี้ยิ่งไม่ถูกใจมากกว่าเดิมอีก !
   “ไอ้เหี้ย” เสียงเรียกนั่นดังออกมาจากลำคอของตนเอง เหมือนมันจะรู้ เงยหน้าออกจากโทรศัพท์อีกรอบแล้วยักคิ้วเชิงจะถามว่ามีอะไร
และผมกำลังจะอ้าปากครับ.. โดยคิดเลย.. จะพูดว่า..
.. ‘สนกูหน่อย’ ..
   “คุยกับใครวะ” ผมถามขึ้นมาแล้วลงไปนั่งเช็ดหัวอยู่บนเตียงมัน ไอ้ดำก้มมองไอโฟนเครื่องสวย แล้วหันกลับมาจ้องผมต่อ
   “กับพี่มด”
.. ‘สนกูหน่อยดิ’ ..
   “ทำไมไม่เดินไปคุยกัน”  คำถามที่สองถูกยิงเข้าไปใส่มัน โดยเบี่ยงประเด็นสิ่งที่ต้องการสื่อจริงๆ ออกไปเช่นเดิม
   “กูรอมึงอาบน้ำเสร็จ” มันตอบ สบตาผมที่ทำหน้าสงสัยไปแล้ว หัวใจพองโตได้ไม่ถึงสามนาที ก็แฟ่บลงเพราะประโยคถัดมา “แล้วจะบอกมึง ว่ากูจะไปหาพี่มด”
ไอ้สัตว์
กูแขกมึงนะ กูมาบ้านมึงเลยนะ กูมาถึงที่ห้องมึงเลยนะ
 ‘สนกูหน่อย’ ดิวะ !
   “ไปหาทำไม ?” เสียงเริ่มนิ่ง ผมไม่รู้ ผมแค่ควบคุมมันไม่ได้ “แล้วกูอ่ะ ?”
สนกูดิ
สนกูหน่อย
มึงไอ้สัตว์ ส้นตีน สนกู !
   “เดี๋ยวกูจะกลับ...” พูดไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์เหี้ย ๆ นั่นก็ดังขึ้นมา “พี่เขาโทรเรียกกูแล้ว”
..พี่น้อง ?
พี่น้องกันจริง ๆ ใช่ไหมวะ แล้วก็รักแรกด้วยใช่เปล่าวะ
..
   “เกิดเหี้ยอะไรขึ้น”
   “มีเรื่องนิดหน่อย เดี๋ยวกูกลับมาเล่า” มันพูดพร้อมลุกขึ้นแล้วเดินผ่านหน้าผมไป
..ไอ้ดำ..
สนกูหน่อยดิ
สนกูไม่ได้เหรอมึงตอนนี้อ่ะ ..
..
กู.. อยากอยู่กับมึงสองคนเหมือนก่อนหน้านี้..
   “เดี๋ยวดิวะ กูกลัวผี” ผมรีบหันกลับไป พยายามหาประโยคที่จะสื่อให้มันรู้สักทีว่าผมต้องการรั้งมันไว้ แต่ไอ้ดำกลับหันมามองครู่หนึ่งแล้วเดินตรงมาหาครับ
สน.. กูแล้ว ?
   ในใจตอนนี้คิดแบบนั้น แต่มันไม่ใช่ว่ะ
   ชายผิวคล้ำเดินตรงไปเปิดลิ้นชัก หยิบบางอย่างแล้วเดินกลับมาพลางวางของไว้บนมือผม
   “นี่พระ ใส่ไว้จะได้รู้สึกปลอดภัย”
   “....”
   ผมเงยหน้ามองมัน
   และมันเองก็มองผม
   “โทษทีที่ต้องปล่อยให้แขกแบบมึงอยู่คนเดียว..” น้ำเสียงของมันเริ่มอ่อนลง ไม่รู้เพราะว่าพวกเราได้สบตากันหรือเปล่า บางทีมันอาจจะเห็นแววตาของผมแล้วก็ได้ “แต่กูจะกลับมา โอเค๊? อีกอย่าง กูไม่ได้ไปตาย ใจเย็น”
   อย่างกับไอ้ดำจับใบดำใบแดงโดนไปเกณฑ์ทหาร
   หรือผมจะรู้สึกเกินไปหน่อยวะ
   “...” สุดท้ายเป็นผมที่หลุบตาลงมองพื้นแทน “จะรอ” ประโยคสองคำสั้น ๆ นั่นดังขึ้นจากผม ผมมองพระในมือที่แม่งให้ไว้ ไอ้เหี้ย สนใจกูมากกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ
   “กลัวก็กำพระเอาไว้แล้วกัน นอนเตียงกูใช้ผ้าห่มห้องกูได้เลย” อีกฝ่ายพูดเสียงเรียบ ๆ ก่อนที่โทรศัพท์มันจะสั่นอีกครั้งหนึ่ง “นอนไปก่อนได้เลยมึง กูต้องไปแล้ว”
ผมเงียบ มองหน้าไอ้ดำอีกครั้ง
   เห็นแผ่นหลังนั่นไกลออกไปเรื่อย ๆ ได้ยินเสียงเปิดประตู ก่อนจะปิดลง
..
นี่มันเรื่องอะไรวะ..
   ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มองพระในมือแล้วทำได้เพียงแต่เม้มริมฝีปากแน่น
มันบ้า
บ้ามาก
   มันสมควรจะรู้ไม่ใช่เหรอวะว่าการที่มีมันมาอยู่ข้าง ๆ ผม มันน่าอุ่นใจกว่ามีสร้อยพระอยู่ในมือแท้ ๆ..
   ผมเบี่ยงสายตามองไปยันประตูนั่น รอเวลาให้มันเปิดออกและปรากฏการกลับมาของไอ้ดำ
แต่สิ่งที่ผมได้รับมันกลับตรงข้ามกัน
..
สติผมถูกชักจูงเพราะความเหนื่อยล้า
ดวงตายังคงมองทางประตู
จนแล้วจนรอด
กลับไร้วี่แววการกลับมาของมันเลย






หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:40:28
C h a p t e r  47
คนเกลียดกัน มักจะอยากได้ยินคำตอบที่ชัดเจน


   ไอ้ดำกลับมาตอนเช้าพร้อม ๆ กับบอกว่าวันนี้วันเกิดพี่สาวของมันและให้ผมเตรียมตัว มันจัดทุกอย่างไว้หมดแล้ว
   ความรู้สึกไม่สบายอกสบายใจของผมยังอยู่ครับ.. ผมรู้ดิ รู้ตัวว่ามันงี่เง่า วันเกิดพี่สาวมัน แต่ผมอยากอยู่กับไอ้ดำนี่หว่า.. ไม่ได้เจอกันตั้งหลายอาทิตย์เลยนะ
   “งานวันเกิดเริ่มตอนทุ่มนึง” เสียงทุ้มต่ำของไอ้ดำดังขึ้นมาระหว่างมันกำลังเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร จานแพนเค้กถูกวางไว้ตรงหน้าของผมพร้อมกับตัวมันที่นั่งฝั่งตรงข้าม “เมื่อคืนโทษทีที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนมึง”
   ผมสั่นหัว ใช้ส้อมตัดแพนเค้กในจาน
   “เออ.. กูเข้าใจ”
..
ผมงี่เง่ามากเลย
   ผมรู้ตัวครับ โคตรจะรู้ตัวเลย เป็นแฟนก็ไม่ใช่ ไอ้เหี้ยน้ำกรด มึงต้องการอะไรวะเนี่ย โอ๊ย กูแบบ.. กูควรทำไงดี โว๊ะ !! แม่ง แฟนก็ไม่ใช่แต่ยังจะมานั่งงี่เง่าอีก ไอ้ดำมันก็.. ก็เออ โอ๊ยสัส มึงใจดีกับกูเกินไปแล้ว แล้วทำไมผมต้องงี่เง่าด้วยวะ
อดน้อยใจไม่ได้อ่ะ
   “มึงนั่งคิดเหี้ยไรอยู่ ?” สะดุ้งเฮือกทันทีแล้วหันขวับมองหน้ามันที่ขมวดคิ้วใส่ “ไอ้หมา ?”
   “กูเปล่า” ผมสั่นหัว “เออ แล้ววันนี้กูก็แค่นอนเล่นอยู่บ้านเฉย ๆ น่ะเหรอ ?”
   เสี้ยววินาทีที่สบสายตากัน ไอ้ดำเป็นฝ่ายก้มมองแพนเค้กในจานแทน
   “ไปอาบน้ำแล้วมากับกู เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกกัน”
หะ.. ?
   ผู้พักอาศัยแบบงง ๆ อย่างผมทำไรได้ครับนอกจากออกมาข้างนอกกับมัน.. ไอ้ดำเองก็ไม่อะไร มันอาบน้ำเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ระหว่างผมที่ต้องเดินคอตกไปอาบน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
บางทีผมอาจจะหวังอะไรอยู่..
   หวัง ? หวังอะไร.. ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวผมต้องการหรือหวังอะไรกันแน่ บางทีอาจจะหวังให้มันไม่มีความลับกับผมหรือบอกเรื่องระหว่างตัวมันและ ‘พี่มด’ ที่ว่านั่นก็ได้ และอันที่จริงผมเองก็รู้สึกว่ามันไม่มีความจำเป็นที่ไอ้ดำต้องบอกเรื่องครอบครัวกับผม
แล้วกูเป็นเหี้ยอะไรวะ..
   ใคร ๆ ก็อาจจะเคยเป็น .. ความรู้สึกที่ว่า ‘อะไรสักอย่าง’ แต่ก็ ‘ไม่รู้’ ว่ามันคืออะไร จุกอยู่ในอก บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘หึง’ .. แต่ผมไม่ได้โง่ ที่จะไม่รู้ ไม่สิ จริง ๆ แล้วผมคงโง่อ่ะแหละ แต่ไม่ได้โง่ขนาดนั้น..
   ผมคิดว่าตัวเองแค่อยากเป็นที่หนึ่งของมัน
สนใจกูเป็นที่หนึ่ง แค่นั้นอ่ะแหละ.. ผมรู้ว่าผมงี่เง่า แต่.. แต่โว้ย !! แม่ง หงุดหงิด !!
   ผมคว้าผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำที่ติดตามไรผมให้เรียบร้อยแล้วแต่งตัวตามปกติ ภาพที่สะท้อนอยู่ระหว่างส่องกระจกคือภาพตัวผมเองครับ.. เป็นตัวผมเอง
แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกว่า มันคือตัวผม
   ผมไม่ใช่แบบนี้.. ผมไม่ใช่คนที่คิดอะไรเยอะขนาดนี้ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่คนที่ต้องกังวลห่าเหวอะไรมากมายด้วย แต่มันทำให้ผมนึกนู่น คิดนั่น สารพัดจนหัวจะระเบิด
เพราะมึงเลยไอ้ดำ..
เพราะมึงคนเดียวทำให้กูเป็นอะไรที่กูไม่เคยเป็น


   “ตกลง.. มาทำไมวะ ?”
งงสิครับ.. งงเหี้ย
   ไอ้ดำบอกว่ามีของต้องซื้อที่ห้างฯ เลยออกจากบ้านมากับผมแค่สองคน ได้แต่งงงวยสุด ๆ ส้นตีนอ่ะ เพราะแทนที่มันจะเดินไปซื้อของ ไม่ครับ มันเหมือนพามาเดินเล่นมากว่า เดินไปเรื่อย ๆ ตามทางห้างฯ แถมห้างฯ แถวบ้านมันผมไม่รู้จักทิศทางอีก จะเดินทางอื่นก็กลัวหลง
   “จะซื้อของไม่ใช่เหรอวะ !” ผมประท้วงคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ อีก “มึงก็รีบ ๆ ซื้อ รีบ ๆ กลับสิ กูอยากตากแอร์ที่บ้าน”
   “ห้างฯ ก็มีแอร์ไม่ใช่เรอะ ?” อึก.. เงิบเลยกู เออจริงของไอ้ดำ มันตอกกลับแบบนี้แล้วผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
เอาตรง ๆ อึดอัด..
อึดอัดเพราะความรู้สึกตัวเองนี่แหละ สัตว์ !
   ไอ้ดำแม่งไม่ได้ผิดครับ ผมนี่แหละ โฮฮฮฮ ผมเป็นอะไรวะ อยากจะทึ้งหัวตัวเอง เอาหัวฟาดขอบโต๊ะสักป้าบ ผมงี่เง่าจริง ๆ  งี่เง่าไปเองคนเดียวอ่ะ !
   “แล้วมึงจะลากกูมาทำไมวะเนี่ย ! ห่า !”
   “ก็มึงไม่อยากอยู่บ้านกูไม่ใช่เหรอ ?”
..
สตั๊นต์หนัก..
   ผมเหวอแดกอ่ะ .. เดี๋ยวนะ นี่ผมแสดงออกทางสีหน้าเหรอครับ หรือว่ายังไง ทำไมไอ้ดำจู่ ๆ มาพูดแบบนี้
   “มึงไม่อยากเห็นกูอยู่ใกล้พี่มดไม่ใช่เรอะ ?”
เหี้ย.. มันรู้
   “...กะ กู กูขอโทษ.. กูเปล่ารู้สึกแบบนั้นนะเว้ย..” มันเสียมารยาทไป ผมพอรู้จักมารยาท ไปอยู่บ้านคนอื่นฟรี ๆ ได้อาหารฟรี ยังเสือกทำหน้าแบบนั้นอีก แย่ครับ.. ผมนี่แหละแย่ ! “เฮ้ย.. ไอ้ดำ กู.. กูทำหน้าตาไม่อยากอยู่เหรอวะ..”
   “เปล่า มึงทำหน้าตาอุบาทว์แบบเดิม ๆ” นัยน์ตาคมของอีกฝ่ายตวัดมามองหน้าผม เป็นอีกครั้งล่ะมั้งที่ผมเห็นแววตาความเอ็นดูที่มันมอบให้ .. “แต่กูรู้เอง”
..ผมไม่ได้ขนลุกคราวนี้
..ตรง ๆ ผมเขินมากกว่า
   ..ไอ้เหี้ย.. รู้เอง มึง.. มึงนี่มัน.. อะไรวะ ทำไม สัตว์ กูทำอะไรพลาดไปรึเปล่า.. ผมว่าผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ผมแค่บ่นอ่ะ บ่นในใจ โวยวายในใจลั่นๆ ออกมาเฉ๊ยเฉย !
มันรู้อ่ะ.. มันรู้ตลอดว่าอะไรทำให้ผมรู้สึกดี
โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
   “เพ้อเจ้ออะไรในใจอีกล่ะมึง” ได้ยินเสียงไอ้ดำแล้วอยากจะมุดพื้นห้างฯ ลงกลับพัทยาเลยครับ ฮื่อ.. “กูรู้ว่ามึงอยากรู้ทุกอย่าง”
   “...”
   “มึงอยากรู้ใช่ไหมล่ะ ว่ากูกับพี่มดไปทำอะไรกันเมื่อคืน” โห พูดซะ
   “ทำม..” กำลังจะอ้าปากถามว่าทำไมถึงรู้แต่กลับโดนขัดก่อน
   “เพราะมึงขี้เสือก” ..โอ้โห พูดแบบนี้เอาส้นตีนมาอัดหน้ากูดีกว่า “โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับกู”
   “...”
   “และถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกู มึงจะอยากรู้เป็นคนแรกด้วย”
   “มั่นใจเกินไปไหมไอ้เหี้ย”
   “เกินล้าน”
..เกลียดมัน !!
   เกลียดมันที่อ่านผมออกน่ะสิครับ ! อ่านออกอะไรนักหนาวะ ไอ้ดำแม่งก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก้าวฉับ ๆ ไปดูหมวดรองเท้ากีฬาพร้อม ๆ กับพูดต่อไปด้วยเหมือนไขปริศนาในใจผมเองเลย
   “เมื่อคืนแฟนเก่าพี่มดเขาโทรมา เรื่องงานวันเกิด พี่เขาเลยเฟล ๆ เพราะเพิ่งเลิกกันไปไม่กี่อาทิตย์น่ะ ท่าทางแฟนเก่าจะมาง้อ” มันกล่าวระหว่างที่ก้มลงหยิบรองเท้าวิ่งสีดำกว่าผิวมันขึ้นมาพลิก ๆ ดู “กูเลยต้องอยู่ปลอบแต่ไม่มีเหี้ยไรแบบที่มึงคิดหรอก”
..
เดี๋ยวๆ !
   “กูคิดอะไร..” พูดดักครับ เดี๋ยวนะ ไอ้ดำ.. มึงอะไร ..
   มันเหลือบมามองแวบหนึ่ง แล้ววางรองเท้าคู่เดิมลง ยกฝ่ามือฟาดบนกบาลผมดับป้าบ
   “ฟังกู” มันพูดแล้วยักไหล่ “ทุกอย่างที่อยู่ในหัวมึงน่ะ มึงต้องการอะไร มึงก็ควรพูดออกมา เพราะกูไม่ได้อ่านใจมึงได้แบบนี้ทุกครั้งไอ้หมา”
   “แต่มึงก็ทำได้ตลอด” เถียงดิ มันทำได้จริง ๆ ตอนนี้ความโล่งใจของผมก็โผล่ขึ้นมาหน่อย เห็นไหม ไอ้ดำอ่านใจผมได้ “กูไม่จำเป็นต้องพูด มึงก็เก็ท”
   มันไม่ได้โต้ตอบ แต่หันมาสบตาผมตรง ๆ เสียอย่างงั้นและประโยคถัดไปกลับทำให้ลมหายใจของผมสะดุดแทน..
   “กูแค่อยากให้มึงพูดความรู้สึกของมึงออกมา” ไอ้ดำเอ่ย ยักไหล่ช้า ๆ แทน “กูขี้เกียจเดาแล้ว”
เหมือนมันกำลังจะบอกอะไรสักอย่างกับผม
แล้วมันอะไรกันะ ?


      ไอ้ดำพาผมมานั่งร้านขนมเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสไตล์สีโทนน้ำตาลดำขาว ไม่ได้หรูหราอะไรมากมายนัก มันแค่บอกว่าอยากกินขนมแล้วก็พามาที่ร้านนี้ สายตาของผู้คนรอบด้านต่อให้เขาคิดว่าผมเป็นเกย์ ผมก็เริ่มไม่สนใจแล้วถ้าหากอยู่กับไอ้ดำ
   ไอ้ดำคราวนี้มันสั่งโกโก้ปั่นมาง่าย ๆ ตอนแรกผมกะจะไม่สั่งอะไร แต่มันก็ดันบังคับซะงั้น แต่แน่นอน ถ้ามันเลือกกินพวกของดำ ๆ ผมก็จะเลือกกินของขาว ๆ.. อย่างเช่นนมชมพูปั่น
..มันขาวตรงไหนน่ะเหรอ ?
สว่างกว่าโกโก้ไอ้ดำอ่ะ !
   “แค่มึงอยากกินเลยมานั่งเนี่ยนะ ?” ผมเถียง เห็นมันหยิบเมนูมาเปิด ๆ ดูแบบไม่ใส่ใจอีก เอ้าไอ้เหี้ย ตกลงพามาทำซากอะไรวะ “ไอ้ดำ ตอบกูดิ”
   “กูดูขนมก่อน” มันกล่าวครับ เล่นเอาคิ้วผมขมวดติดกันเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง
   “ปกติมึงไม่ชอบกินของหวาน”
   “งั้นมึงเลือก”
   ว่าแล้วก็โยนเมนูมาให้ผม..
   อะไรของมันวะ นี่ผมงงจริง ๆ นะ คือ.. จู่ ๆ ก็ให้ทำงี้ แต่ยังไงก็ตาม ของกินฟรีครับ โอเคมาก ผมจึงรับเมนูมาจากไอ้ดำแล้วหันไปสั่งพี่พนักงานทันที
   “ไอ้นี่เลย เค้กสตรอว์เบอร์รี่แล้วก็ช็อคโกแลตลาวาของไอ้ตัวดำ ๆ นี่ครับ” แน่ะ ผมก็แค่สั่งเผื่อมันด้วยเท่านั้นแหละ อันที่จริงใจลึก ๆ อยากกินช็อคโกแลตลาวาเหมือนกันครับ เดี๋ยวค่อยจิ๊กมันสักคำสองคำ
   ที่น่าแปลกคือไอ้ดำ วันนี้มันมาแปลก ๆ อีกแล้ว.. หรือพักหลัง ๆ มันแปลกทุกวันวะ คือมันไม่พูดอะไรขัดผมเลยสักนิด ไม่เลย มัวแต่ก้มกด ๆ จิ้ม ๆ โทรศัพท์อยู่ได้ไอ้เหี้ย กูสั่งช็อคโกแลตลาวาราคาเท่าไหร่มันยังไม่สนเลย ทำไมวะ
   “มึงทำเหี้ยไรอยู่” ไม่ไหวแล้ว ผมไม่ได้เป็นพวกเล่นโทรศัพท์ติดแชทตลอดครับ ไอ้ดำผงะจริง ๆ มันเงยหน้ามอง วางมือถือไว้ข้างตัว “คุยแชทเหรอวะ ?”
   “เออ” มันตอบแค่นี้ “มึงสั่งเสร็จแล้วเหรอวะ”
   “กูสั่งเสร็จเป็นชาติแล้วไอ้เหี้ย !”
   “มีอะไรที่อยากได้ไหม”
..
ไรวะ
   “มึงเป็นห่าไรมึง วันนี้ทำตัวแปลก ๆ” ผมขอถามหน่อย คราวนี้พูดตรง ๆ ตามสิ่งที่ตัวเองคิดแล้วด้วย ไอ้ดำมันดูแปลกมากจริง ๆ ครับ ปกติมึงต้องแบบ.. แบบ ไม่ใช่แบบนี้ ! เออกูก็พูดอะไรของกูเนี่ย
   มันเงียบลง ไม่พูดอะไรแม้ว่าผมจะถามก็ตาม ไอ้เหี้ยนี่ถามแล้วเสียท่าเลย
สัตว์..จนกระทั่งมีคนยกเอาของกินมาเสิร์ฟครับ โกโก้ปั่น นมชมพูปั่น เค้กสตรอว์เบอร์รี่ แล้วก็ช็อคโกแลตลาวาอีกหนึ่ง
   “มึงสั่งช็อกโกแลตลาวาให้กู ?”
   แน่ะ เสียงดูไม่อยากเชื่ออีก
   “เออสิ ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใครวะ มึงดูชอบแดกช็อคโกแลต” ผมพูด คว้าส้อมเล็ก ๆ จิ้มลงส่วนสตรอว์เบอร์รี่เป็นส่วนแรก “ทำไม ? กูทำไรผิด”
   “สั่งอะไรไม่ถามกูสักคำ”
   “มึงคุยโทรศัพท์อยู่นี่หว่า”
   เถียงได้เถียงไปเลยครับ ไอ้ดำแม่งก็เงียบตามด้วยเสียงหัวเราะหึหึตามสไตล์มัน แปลกที่วันนี้ผมไม่รู้สึกรำคาญแล้ว กลับอยากหาอะไรคุยกับมันมากกว่า
อาจจะเป็นเพราะไม่ได้เจอกันนานก็ได้..
   “ตกลงมึงพากูมาที่นี่ ทำตัวแปลก ๆ ฉิบหายเพื่ออะไรวะ” ความสงสัยยังไม่หยุดแค่นี้ ถ้ามันไม่ชวนผมคุย ผมก็จะพูดเองครับ ไอ้ดำเลิกคิ้ว เหลือบตาขึ้นมามองแค่แวบเดียวแล้วก้มลงจิ้มเนื้อเค้กทีไส้ช็อคโกแลตลาวาทะลักแน่ะ โอ้โห โหดฉิบหายอ่ะ อารมณ์เหมือนเจอไข่ต้มแล้วโดนเจาะไข่แดงแตก
เดี๋ยว ผมกลับเรื่องก่อน
   “ตอบกูดิวะ”
   “มึงจำได้ไหมว่ากูเคยเอาบัตรประจำตัวประชาชนมึงมาดู”
สตั๊นต์เลย
เค้นสมองหนักมากครับ
   ..ตอนไหน ..ตอนไหนวะ แต่เหมือนจะมีเหตุการณ์นั้นราง ๆ ครับ ผมว่ามันมีนะ น่าจะก่อนปิดเทอมรึเปล่า ? 
   ได้ยินเสียงถอนหายใจหน่าย ๆ ของชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประหนึ่งว่าปลงที่ผมจำไม่ได้
   “ก่อนปิดเทอม ?”
   “เออนั่นแหละ”
   “แล้ว.. แล้วทำไมวะ..”
ยังงงอยู่ งงมากด้วย เอาไปดูทำไม..
   แต่พอเงยหน้าขึ้นถาม เนื้อเค้กสีกึ่ง ๆ น้ำตาล.. ไม่สิ เนื้อเค้กจุ่มช็อคโกแลตลาวาในจานไอ้ดำก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าผม แถมยังจ่อปากผมเสียด้วย พอจะอ้าปากถามว่ามีอะไรนักหนา มันก็จัดการยัดเข้าปากผมทันที ตามด้วยประโยคถัดไป
   “อาทิตย์ก่อนหน้านี้วันเกิดมึงไม่ใช่เหรอวะ” ผมอึ้ง ได้แต่เคี้ยว ๆ ช็อคโกแลตลาวาปาก รสชาติหวานอมขมที่ผสมกันได้อย่างลงตัวในปากไม่ได้ซึมซับเข้าไปเต็ม ๆ เลยเมื่อได้ยินประโยคชวนใจเต้นพวกนั้น “..สุขสันต์วันเกิดย้อนหลัง”
..
ทำรสชาติช็อคโกแลตลาวากูเสียหมดไอ้เหี้ย !
   อยากจะตะโกนแหกปากบอกมันไปอย่างนี้ ผมไม่ไหวแล้ว ไอ้.. ไอ้เหี้ยเอ๊ย มึง.. ทำไมวะเนี่ย ไอ้ดำก็จริง ๆ เลย เวลามันพูดอะไรแต่ละอย่างแม่งก็จ้องตรงมาที่ผมไม่ไหวไปไหน แล้วคิดว่าผมจะทำไงได้ล่ะครับนอกซะจากก้มหน้าตักเค้กสตรอว์เบอร์รี่เข้าปากรัว ๆ แต่รสชาติกลับไม่ได้เข้ามาสู่ประสาทปลายลิ้นของผมแม้แต่น้อย
   “มึง.. อะไร อะไรวะ..” พูดไม่ออกสิครับ ชีวิต.. ผมจะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อมันจริงจังขนาดนี้ “กู.. กูไปต่อไม่ถูก”
   ไม่กล้าแม้กระทั่งเงยหน้าเพื่อมองว่าอีกฝ่ายเผยสีหน้าเช่นไร ผมไม่อยากเห็น ผมเดาออก ไม่รู้ทำไมแต่ผมว่าผมเดาออกว่ามันทำหน้าอย่างไรอยู่.. ต่อให้เสียงที่ตอบกลับมาจะแข็งเท่าไหน แต่ผมรู้
ว่ามันยิ้มอยู่
เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบหายากของมัน
   และทันใดนั้น ประโยคเมื่อตอนอยู่ในร้านรองเท้าก็ย้อนกลับมา
   ผมรู้ว่าผมแย่ที่ไม่ยอมตอบรับมันตอบ ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างในตัวผมชัดเจนว่ามีความรู้สึกยังไงกับมัน แต่ไอ้ดำก็คือไอ้ดำ มันรอให้ผมพูดอยู่
..มันรอผมได้
   เมื่อคิดดังนั้น ความโล่งใจอย่างน่าประหลาดก็พลันปรากฏขึ้น แต่กลับได้เพียงแค่แวบเดียว ทุกสิ่งก็กลับกลายเป็นเช่นเดิม สิ่งที่อัดแน่นอยู่กลายเป็นความหวาดกลัว
แล้วถ้าวันนึงมันรอผมไม่ได้ล่ะ
ผมที่เอาแต่ไม่ยอมพูดออกมาสักทีแบบนี้
   “มึง..” ผมต้องพูด น้ำกรด มึงต้องพูด เสียงของผมเหือดแห้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่การพูดคือเรื่องถนัด แต่มันกลับยากในตอนนี้ “ทำไมถึงทำขนาดนี้วะ”
   มันหุบยิ้มเหมือนกับกำลังคิด
   สีหน้าของผมตอนนี้มันเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่ไอ้ดำกลับสามารถตักช็อคโกแลตลาวาเข้าปากตัวเอง พูดต่อเสียงนิ่ง
   “กูแค่รอ” มันพูด “รอ”
ย้ำอีก ไอ้สัตว์..
   ได้แต่ด่ามันในใจเท่านั้นแหละ เท่านั้นเลย ผมเม้มปากแน่น ก้มหน้าไม่ยอมสบตาสักที ขณะที่ไอ้ดำก็ตักขนมเรื่อย ๆ เป็นคำต่อไป
   “แต่กูมองปฏิกิริยามึงออก” เสียงทุ้มพูดต่อ กล่าวเนิบ ๆ เหมือนตัวของมัน เหมือนว่าตอนนี้พวกเรากำลังคุยเรื่องสัพเพเหระ หรือบางทีผมอาจจะเครียดไปคนเดียวก็ได้ “แค่อยากฟังมึงพูดออกมาด้วยตัวเอง”
   “...”
ตอบไม่ได้..
ตอบไม่ได้จริงๆ มันติดอยู่ตรงลำคอผม.. ผมรู้ว่าผมควรพูดสักที
   ไอ้ดำ.. ไม่ มึง มึงคิดถูก ปฏิกิริยากูมึงมองออก มึงมองออกมาตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันเว้ย.. เหี้ย..
   “ขอแค่สักครั้งเดียวก็ยังดีที่มึงพูดออกมาตรง ๆ”
   อยากจะบอก บอกออกไปแต่ทำไมทิฐิของผมมันหนักขนาดนี้วะ หรือเพราะความถือตัวของผมที่ยกเอาไว้สูงเกินกว่าจะดันออก
   และประโยคถัดไปของไอ้ดำ ปล่อยให้ความเงียบครอบงำระหว่างพวกเราสองคน มันเป็นประโยคที่ผมรู้ว่าทุกอย่างขึ้นกับการตัดสินใจของผม แค่อ้าปากพูด ทำไมมันยากขนาดนี้กัน
..

   “กูแค่ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองคิดไปเอง”



หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:41:10
C h a p t e r  48
คนเกลียดกัน มักจะได้กัน
   

   ผมไม่ใช่คนที่จะรับความกดดันเช่นนี้ได้บ่อยนัก
   เมื่อผมไม่พูด ผมจะไม่พูด แต่เมื่อไหร่ที่ผมคิดจะพูด ผมจะพูดไม่หยุด ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องความคิด เรื่องความรักทั้งหมดทั้งมวล โดยเฉพาะข้อสุดท้าย เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะถูกกดดันมากที่สุด
   หลังจากประโยคนั้นของมัน ใจผมเหมือนถูกผลักตกเหวอีกครั้ง แค่คำพูดของผม ทิฐิของผม มันดูหนักอึ้ง ผมอาจจะงี่เง่า หรือบางทีผมอาจจะกลัวอะไรบางอย่างอยู่ในใจ กลัวอดีตทั้งหมดแม้ว่ามันจะรู้หมดแล้ว กลัวความรู้สึกของตัวเอง อาจจะกลัวความผิดหวังหลังจากความรักที่เกิดหรือกลัวทุกอย่าง
ไอ้ดำแค่อยากได้การยืนยัน ซึ่งมันไม่ยาก
แค่ประโยคเดียว..
   “กลับมาแล้วเหรอหนุ่ม ๆ เป็นไงบ้างจ๊ะ ?” เสียงทักทายของพี่มดเรียกสติผมให้กลับมาครับ “นัยกับกรดไปเที่ยวกันสนุกไหม ?”
   “อ.. เอ่อ”
   “พี่มด” เสียงของไอ้นัยดังขึ้นก่อน มันเงียบครู่หนึ่งแล้วยิ้มให้พี่เขา “ปกติดีพี่ มีงานอะไรให้นัยช่วยไหม”
คราวนี้เป็นเสียงของไอ้ดำที่พูดขัดขึ้น
   ผมไม่รู้ว่ามันพูดขัดไม่ให้ผมกับพี่มดคุยกันเพื่ออะไร แต่อาจจะมีสาเหตุบางอย่าง.. หรือไม่ก็ มันช่วยผมไม่ให้ต้องคุยในตอนที่ผมรู้สึกไม่โอเค
และมันก็ทำแบบนั้นบ่อยแล้วเหมือนกัน
   พี่มดเลิกคิ้วเหมือนสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อนอกเสียจากยิ้มให้กับน้องชายของตัวเอง พร้อมทั้งหันกลับไปบอกงานที่มีและไอ้ดำเองก็เดินไปทำงานนั้นพร้อม ๆ กับลากพี่มดออกไปด้วยโดยไม่ทันจะได้คุยอะไรกับผมเลยแม้แต่ประโยคเดียว
ไอ้กรด.. ไอ้กรด มึงควรทำยังไงดีวะ
มึงต้องทำอะไร.. และมึงควรจะทำอะไร ให้มันดี ให้มันถูก
   ผมเม้มปากตัวเองแน่น ได้ยินเสียงพี่มดบอกให้ช่วยจัดเตรียมแก้วกระดาษที่วางอยู่ใกล้ ๆ ผมจึงได้แต่พยักหน้าลง ทำตามสิ่งที่ตัวเองควรทำอยู่ในตอนนี้
   “โทษทีนะน้องกรด เมื่อกี้พานัยไปช่วยฝั่งโน้นแล้วน่ะ” เธอกลับมาพร้อมกับเสียงเป็นกันเอง ท่าทางสดใสจนผมต้องพยายามส่งรอยยิ้ม แต่ใช่.. มันได้แค่รอยยิ้มเจื่อน เท่านั้น ผมไม่สามารถยิ้มออกมาเต็มใบหน้าได้แบบปกติ
   “อา.. ขอบคุณครับ” 
   “เราดูไม่โอเคนะ ? เป็นอะไรรึเปล่า ?” เจ้าของร่างระหงยังคงเอ่ยถาม ทำให้ผมรู้สึกมีก้อนบางอย่างจุกที่ลำคอ ใช่ ผมไม่โอเค และไม่โอเคมาก ..แต่ใครจะไปพูดล่ะ
   “เดี๋ยวผมยกแก้วไปไว้ด้านนอกให้นะ ข้าง ๆ ริมสระใช่ไหมครับ ?”
   “ใช่..” ผมยิ้ม คว้าแก้วกระดาษที่ถูกต่อเรียงเป็นชั้นสูง ๆ วางไว้ด้านนอก พี่มดก้าวตามผมมา สายตาของเธอเป็นสายตาที่อ่านยากไม่ต่างจากไอ้ดำเสียเท่าไหร่ เมื่อผมวางมันไว้บนโต๊ะ เธอกลับหยิบแก้วที่อยู่ชั้นสูงสุดมาแล้วส่งให้ผม
   “ครับ ?”
   “ถือนี่ไว้นะ น้องกรด” ร่างของผมนิ่งไป แต่ก็ทำตามที่อีกฝ่ายบอก เธอไม่ว่าเปล่า รอยยิ้มอ่อนโยนประทับที่ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแต่กลับไม่ได้ดูแย่เลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากอมชมพูของพี่มดดูจิ้มลิ้มเหมือนเด็ก ทว่าคงเสน่ห์ความเป็นตัวของตัวเองได้
และถ้อยคำถัดไปของเธอ ทำให้ผมเงียบไป
   “เกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นระหว่างน้องกรดกับนัยเหรอ ?”
..กร๊อบ
   เสียงแก้วกระดาษในมือของผมที่ถูกขย้ำยู่ยี่อย่างไม่ทันตั้งตัวปลุกให้ความงุนงงแตกกระเจิงและสติที่เผลอหลุดไปครู่หนึ่งกับประโยคนั้น ผมอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
   “เอ่อ.. คือ..”
   “ไม่ต้องตอบแล้วล่ะ” พี่มดตัด ไม่ยอมให้ผมพูดแล้วแย่งแก้วนั่นไปเฉยๆ “เดี๋ยวพี่จะมาคุยกับน้องกรดนะ แต่ตอนนี้พี่ขอเตรียมงานก่อน”
   “พะ พี่มด.. คือผมไม่..”
   เธอหัวเราะ แกว่งแก้วที่ยู่ยี่ในมือไปมา พูดสิ่งที่ทำให้ผมได้แต่กดศีรษะลงมองพื้น
   “ชู่ว์.. ไม่เอาสิ พี่ว่า.. สภาพแก้วนี่เป็นคำตอบให้พี่แล้วล่ะ น้องกรด” หญิงสาวตรงหน้าผมยิ้มอ่อนโยน “เดี๋ยวพี่จะมาคุยกับเรานะ”
..   


   ตอนนี้เป็นเวลาช่วงเย็น พวกเรากลับมาอีกครั้งคือช่วงที่งานปาร์ตี้เริ่มต้นพอดี ไอ้ดำออกไปช่วยจัดงานอย่างปกติ เป็นปาร์ตี้ริมสระน้ำสำหรับวันเกิดง่าย ๆ มีคนเข้ามาคึกคักพอสมควรและแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งอยู่ทั่วงาน ผมคือคนหนึ่งที่ไม่ได้รู้สึกอินครับ หลายอย่างมันทำให้ความรู้สึกไปด้วยกันไม่ได้ จึงทำแค่นั่งจุ่มเท้าอยู่ข้าง ๆ สระน้ำในมุมที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมาเท่านั้น
   สายตาของผมเหม่อลอยมองตามผู้คน แอบรู้สึกเหงานิดหน่อยเหมือนกัน.. ผมไม่รู้จักใครที่นี่นอกจากไอ้ดำและพี่มด แต่พวกเขาทั้งสองรู้จักเกือบหมดจึงมีหน้าที่ทักทายแขกที่มางาน ในทีแรกผมหวังว่าจินกับนิวจะมา มันก็แค่หวัง เพราะทั้งสองคนไม่ได้ติดต่อมาเลยด้วยซ้ำ
   “น้องกรด” ระหว่างที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ และจมกับห้วงอารมณ์ของตัวเอง เสียงเรียกปลุกจากภวังค์ของพี่มดทำให้ผมสะดุ้งตัวเบา ๆ
   “พี่มด.. ผมตกใจหมดเลย” พึมพำเสียงเบาพร้อมด้วยรอยยิ้มเจื่อนลง “พี่ไม่ไปรับแขกเหรอครับ ?”
   หญิงสาวที่นั่งลงข้าง ๆ ผมทำตาโตใส่ แล้วสั่นศีรษะช้า ๆ แทน
   “น้องกรดก็แขกของพี่เหมือนกันนะ จริงสิ พี่เอาน้ำมาให้” ว่าจบเธอจึงส่งน้ำให้ ผมมองมัน น้ำเปล่านี่เอง คนละอย่างกับแก้วที่พี่มดถือ เพราะพี่เขาถือไวน์อยู่มั้ง
   “ข.. ขอบคุณครับ”
   “เอ๊ะ หรือน้องกรดอยากดื่มไวน์ ?” เธอกล่าวต่อ ระบายรอยยิ้มที่เหมือนว่าโลกนี้มันอบอุ่นเหลือเกิน.. ผมพอรู้แล้วว่าทำไมไอ้ดำถึงเคยชอบผู้หญิงคนนี้ พี่เขาเป็นพี่ที่.. ให้ความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยนในแบบของผู้หญิงที่ทำให้รู้สึกน่าทะนุถนอมและปกป้องไว้
   ผมไม่ได้กล่าวอะไรตอบโต้ แค่รับแก้วมากอบกุมเอาไว้บนหน้าตัก สายตาจ้องมองของเหลวภายในที่สะท้อนใบหน้าของตัวเองเป็นเงาเลือนลาง
อา.. นี่หน้าผมเหรอ ?
ดูอุบาทว์สุด ๆ ไปเลยล่ะ
   “น้องกรดกับน้องนัยเป็นแฟนกันเหรอ ?” คำถามนั้นทำให้สติผมกลับมาอีกครั้ง นิ่งงันไปเสียนาน แฟน ? ไม่.. ไม่ใช่หรอก ไม่น่าใช่จริง ๆ แต่ผมไม่ได้ตอบโต้อีกฝ่าย เลือกที่จะเงียบและจมกับภาพของตัวเองบนผิวน้ำมากกว่า
   พี่มดเหมือนอ่านใจผมได้ ความอ่อนโยนถ่ายทอดออกมาจากฝ่ามือนุ่มที่วางบนไหล่ผมอย่างดิบดี
   “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ.. น้องนัยน่ะ เป็นคนที่รักเดียวใจเดียว รักนานด้วย แล้วก็.. อ่อนโยน” ผมรู้.. ผมรู้ดิ ก็เขาเคยชอบพี่มดมาก่อนนี่นา “พี่ไม่รู้หรอกว่าน้องนัยทำตัวยังไงที่โรงเรียน หรือแย่แค่ไหน แต่เรื่องความรัก ถ้าเขารักใครสักคน.. เขาจริงใจเสมอนะน้องกรด”
..ทำตัวที่โรงเรียนงั้นเหรอ..
   มาถึงเหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกย้อนสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ตั้งแต่วันแรกที่เราได้เจอกัน การตะโกนด่าข้ามชั้นอันเป็นประวัติศาสตร์ทำให้อาจารย์ไม้เกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง จนมาถึงวันที่ผมกับมันถูกผ้าผูกมือติดกัน ลากยาวจนถึงวันที่พวกเราวิ่งหนีไอ้พวกเด็กนักเลงต่อ วันที่นมชมพูทาบลงแก้มผม การกระทำนิ่งเฉยแต่กลับคงความอ่อนโยนไว้ในตัว..
..ผมรู้ตั้งแต่แรก
เป็นผมเองที่เผลอใจให้มันอย่างไม่รู้ตัว
   เหมือนกับว่าพวกเราค่อย ๆ เข้าในโลกของอีกฝ่าย อาจไม่ใช่ทันทีทันใด แค่ทีละหนึ่งมิลฯ เขยิบเข้าด้วยกัน กาลเวลาถักทอให้ทุกอย่างมันแน่นหนาและมากขึ้น ความทรงจำทุกอย่างหลาย ๆ อย่างปะปนกันในหัวเต็มไปหมด พอนึกมาถึงช่วงเวลาที่ได้วิ่งหนีผีหมาด้วยกันมันทำให้ผมหัวเราะ
เวรเอ๊ย.. จะเศร้าก็เศร้าไม่ถูกเลยกู
   “พี่มด ครั้งหนึ่งผมกับ.. มันเคยถูกทำโทษด้วยกันด้วย” ผมเริ่มเผลอปริปากเล่า รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนดวงหน้าตัวเองอย่างไม่ได้รู้ตัวเลย ฝ่ามือถูกับขอบแก้วพลาสติกราวกับประหม่า “โดนผูกผ้าจับติดกันด้วยพี่ ที่โรงเรียน.. ลำบากมากเลย”
   เธอไม่ตอบอะไร แค่ส่งเสียงครางในลำคอเหมือนว่ากำลังฟังอยู่
   “น้องพี่อย่างเหี้ยอ่ะ.. มันมีคู่อริเยอะแยะที่โรงเรียนเลยนะ พาผมเดือดร้อนไปด้วยเลย เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งเจอผีด้วย ผีหมาอ่ะพี่ ที่โรงเรียนกรดมีผีหมาอยู่” และไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนคำแทนไปเมื่อไหร่
   “ผีหมาเหรอ ?”
   “ใช่พี่ มันรู้ว่าเป็นผี แต่กรดนึกว่าลูกหมา จับอุ้มจับกอดซะ ที่ไหนได้ พอรู้เป็นผีปุ๊บนะ วิ่งแทบตาย กรดอุ้มผีหมากับมือเลยนะพี่ !” ผมหลุดหัวเราะร่วนแต่ไม่รู้ทำไมเสียงตัวเองกลับเบาหวิวเหมือนจะล่องลอยไปในอากาศ “แล้วก็มีงานแสดงละครโรงเรียน โคตรแย่อ่ะพี่ กรดกับมันได้รับบทเด่นเพราะเป็นกะเทย.. ตั้งแต่เทอมแรกแล้ว บอกเลยว่าตอนแรกมันไม่ยอมด้วย ไปด่าเพื่อนที่เขียนบทจนน้ำตาแตกเลย”
   พี่มดเลิกคิ้ว ไม่กล่าวขัด และยอมให้ผมพูดต่อ
   ผมหัวเราะก่อนที่เสียงของผมเริ่มหยุดลง ไหววูบไปตามอากาศ ทุกอย่างในอกเริ่มพรั่งพรูออกมา ความทรงจำของผมเหมือนปะทุออก ผมเป็นคนอ่อนแอ แต่ผมแค่ปิดทุกอย่างไว้.. เพียงมีใครสักคน แตะต้องมันในยามที่อ่อนแอ
มันก็ทำให้ผมหลุดออกมาอย่างง่ายดาย
   “มันทำกรดเดือดร้อนมากพี่ มากสุด ๆ เกิดมายังไม่เคยเดือดร้อนเพราะใครขนาดนี้เลย..”
   ใช่ ไอ้ดำทำผมมาเยอะ ทั้งเรื่องทะเลาะ โดนต่อย วิ่งหนีผีหมา งานแสดงที่แสนจะงี่เง่าของมัน
   มาถึงจุดนี้.. เหมือนความทรงจำอีกอย่างประดังเข้ามาหา
   ภาพของตัวผมที่ทะเลาะกับนิว และมันยื่นมือเข้ามาช่วย ภาพผมที่หันหลังในวันไปกินหมูกระทะกันกับเพื่อนนิว และยืนร้องไห้ในวันนั้น ไออุ่นจากอ้อมแขนมันที่ทำให้รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ การคอยจับมืออยู่เคียงข้างมาตลอด
เรียกได้ว่า.. พวกเราไม่เคยห่างกันเลยด้วยซ้ำตั้งแต่วันที่เป็นวันเริ่มต้น
   ทั้งตอนที่มันสอนหนังสือ เดินไปด้วยกัน คอยอยู่กับผม เรื่องราวในเต๊นท์ตอนค่ายกระชับมิตร.. จนไปถึงวันที่ฝนตก
   มันทำให้น้ำตาเม็ดโต ๆ ของผมไหลพรั่งพรูออกมา
..กูแค่ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองคิดไปเอง..
   เสียงมันดังก้องในหัวผม
   ผมพึมพำกับพี่มด ไม่รู้ตัวว่าเผลอเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองตอนไหน
   “นัยทำให้กรดเดือดร้อนฉิบหาย..” ผมพึมพำ เดือดร้อนมากที่ต้องมาคิดเรื่องมันเนี่ย “แล้วกรด.. แล้วกรด.. “ บ่าของตัวเองเริ่มสั่นไหว ร่างถูกหญิงข้างกายรวบเข้าไปกอด กดศีรษะให้ซุกบนหัวไหล่เล็ก ผมสะอื้น กล่าวต่อเสียงสั่นคลอน “..กรดก็ทำให้นัยเดือดร้อนเหมือนกัน..”
   ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ผมร้องไห้ออกมาอีกแล้ว
ร้องแบบงี่เง่าโคตร ๆ ร้องแบบไม่รู้ว่าร้องเพราะอะไร
   “กรดชอบนัย.. พี่มด.. กรดรู้ว่ากรดชอบนัยแล้วนัยก็ชอบกรด” เสียงของตัวเองสั่นคลอน แก้วน้ำถูกวางทิ้งไว้อยู่ข้างกายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พี่มดปลอบผม ฝ่ามือบางลูบตามศีรษะอย่างอ่อนโยน “กรดชอบนัย.. แต่กรด.. กรดไม่กล้าพูด กรดไม่รู้ ทำไม แต่กรดไม่กล้า.. ฮึก..”
   “น้องกรด.. ชู่ว์.. คนเก่ง ฮึบนะคะ.. ฮึบ”
   มันเป็นแบบนี้อยู่พักใหญ่ พี่มดเป็นคนดีมาก ถงมากที่สุด ผมถูกพี่เขากอดเอาไว้ สะอื้นตัวแรง ๆ ในอ้อมแขนบอบบางกว่าผม.. โห น่าอายมากอ่ะ ถูกผู้หญิงกอดเหรอวะไอ้น้ำกรดเอ๊ย
   “กรดกลัว.. กรดเคยมีแฟนผู้ชายตอนม.ต้น แล้วทุกอย่างมันแย่ไปหมดเลยพี่มด มันแย่มาก กรดโดนคนรุมด่าว่าเป็นเกย์ ทั้งสายตาที่มองกรดแต่ละคนเหมือนไม่ใช่คนอ่ะพี่ กรดแค่ชอบเขาที่เป็นผู้ชายเท่านั้นเอง ทำไมวะ..”
   “..”
   “ไหนจะโดนคนอยากลองกับพวกเกย์อีกพี่ กรดเคยถูกเกือบ.. เกือบโดนข่มขืน แล้วกรดก็หนีมาได้.. ตอนนั้นกรดก็เลยบอกกับตัวเองว่าจะไม่เป็นเกย์อีกแล้ว จะเกลียดเกย์.. ไม่ กรดไม่ได้เกลียดเกย์ กรดแค่เกลียด ‘การเป็นเกย์’ .. เพราะมันทำให้ชีวิตกรดไม่ใช่แบบที่กรดต้องการ” ผมสั่นหัวรัว พึมพำพูดเสียงเบา ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะมองยังไงอีก “แต่สุดท้าย.. กรดก็กลับมาเหมือนเดิม.. กรดก็ชอบผู้ชายอีก..กรดก็ชอบนัย แล้วกรดก็ ..กลายเป็นเกย์”
   สุดท้ายพี่มดยอมผละออก เธอเอามือปาดใต้ดวงตาผมที่มีน้ำคลอเบ้าอยู่ รอยยิ้มคล้ายคลึงกับไอ้ดำทำให้ผมรู้วางใจอีกฝ่ายอย่างน่าประหลาด
   “ฟังพี่มดนะ น้องกรด” ผมกระพริบตา พยายามไล่หยาดน้ำที่ฉ่ำขนตาตัวเองออกแต่กลับไม่หมดเสียที “อดีตอาจจะเจ็บปวด แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไปได้”
   “..”
   “น้องกรดไม่จำเป็นต้องถือว่าตัวเองเป็นเกย์ก็ได้..” อีกฝ่ายลูบเรือนผมของผมอย่างอ่อนโยน “น้องกรดก็แค่ชอบคน ๆ หนึ่ง ความรักมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรอก น้องกรดแค่รู้สึกดี รักความผูกพันที่มีด้วยกัน และไม่อยากให้อีกฝ่ายหายไปไหน..”
   “กรดไม่อยากให้นัยหายไปไหน.. แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าชอบมันสักที..”
   “..เด็กปากแข็ง” พี่มดพูด ใช้นิ้วชี้ตีลงปากผมที่ยังสั่น ๆ เปล่งเสียงสะอึกสะอื้นอยู่ “พี่เชื่อว่านัยรู้นะ ..ว่าน้องกรดชอบนัยเหมือนกันน่ะ”
   “ครับ..” รู้ดิวะ รู้ดิพี่ แต่มันรอผมพูดอ่ะ
   “แต่ถ้าเราไม่พูดออกมา อีกฝ่ายจะแน่ใจได้ยังไงกันคะ” เธอเกลี่ยทรงผมหน้าม้าของผมช้า ๆ ฝ่ามืออีกข้างแตะบนอกซ้ายของผมต่อ “พูดให้ออกมาจากใจของน้องกรดเองไง”
   ผมเงียบ.. แค่หลบตามองพื้น
   “ลองหลับตาลง.. แล้วซ้อมก่อนดูไหม ซ้อมหน้ากระจก” เสียงนุ่มละมุนยังคงดังต่อเนื่องในหัวผม “ซ้อม.. บอกชอบนัย ให้ได้เหมือนที่เมื่อกี้น้องกรดบอกกับพี่ว่าชอบนัยไง”
..

   ใช่ ตามที่ได้กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น
มันควรจะเป็นผมมาซ้อมหน้ากระจก พอไอ้ดำมาปุ๊บ ผมก็สารภาพอย่างมาดแมนแฮนด์ซัมอย่างที่ไม่มีใครเทียบติด (?) !! 
แต่..
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นยังไงล่ะครับ !!
   “ตกลง เมื่อกี้มึงว่าไง ?”
   ..งงกันไหม เออ งง งงงั้นผมจะเกริ่นคร่าว ๆ ..
   ตอนนี้ผมกำลังนั่งคุกเข่ามือวางไว้บนหน้าขาก้มหน้าหงุด ๆ พร้อมเหงื่อผุดทั่วหน้าทั้ง ๆ ที่แอร์เย็นฉ่ำ แต่มันก็ฉ่ำแค่ภายนอก ภายในผมร้อนจะเป็นไฟอยู่แล้ว !!
   หลังจากผมกับพี่มดแยกกัน ผมจึงตัดสินใจมาซ้อมหน้ากระจก แล้วแหกปากกับตัวเอง ใช่ ไม่มีอะไรต้องกลัว ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน เกย์.. เออ เกย์ !    เกย์แล้วไง ผมไม่ใช่เกย์ก็ได้ ผมแค่รักคน ๆ หนึ่งเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเกย์สักหน่อย
   แล้วผมก็แหกปากด้วยคำว่า ‘กูชอบมึงไอ้ดำ กูชอบมึงไอ้ดำ กูชอบมึงไอ้ดำ’  หน้ากระจก ตามคำสอนพี่มดทุกอย่าง
   จากนั้น ระหว่างที่ผมกำลังตะโกนหน้ากระจกคำสุดท้ายว่า ‘กูชอบมึงไอ้ดำ !!’ ประตูห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังก็เปิดออก พร้อมกับวัตถุสีดำทะมึนในชุดอยู่โผล่ออกมา
แล้วก็.. โป๊ะเช๊ะ..
   ไอ้ดำได้ยินชัดเจน พอผมจะหนี มันก็ล็อคประตู ล็อคคอผมมาพูดคุยกันด้วยท่าคุกเข่าที่ผมเป็นคนคุกเองครับ..
   “....”
   “....”
   ต่างคนต่างเงียบใส่กัน ไม่หรอก มันไม่ได้เงียบ ผมนี่แหละเงียบ ! ไอ้เหี้ยเอ๊ย ! มึงจะให้กูทำไงวะสัตว์ อยู่ ๆ ก็มาจับตัวผมนั่งแบบนี้ จะให้เงยหน้าแล้วบอก ‘ฮัลโหล เบเบ้ กูชอบมึงนะไอ้ดำ มาเป็นแฟนกู มามะ’ แบบนี้อ่ะเหรอ ?
บ้า !
ผมไม่เอา !!
   “ตกลงมึงจะไม่พูดอะไร ?” มันถามเสียงสูง เล่นเอาน้ำกรดสะดุ้งโหยง ไหล่สั่นพั่บ ๆ เลยครับ เออใช่ ตกลงผมจะไม่พูดอะไรเหรอ ไม่พูดได้มะ ..
   “มึงได้ยินแล้ว”
   “ในห้องน้ำกูได้ยินไม่ชัด อยากฟังอีก”
   “หาไทม์แมชชีนไปมึง หมดโควตาแล้วเหี้ย”
   “..”
   “..”
   “เออ งั้นกูไม่ฟัง” ผมผงะ มองมันที่หยัดตัวขึ้นแล้วคว้าแขนผมทันที เฮ้ย เฮ้ยๆ ! เดี๋ยวนะโว้ย ! คว้าแขนผมทำไม มึง อย่าเพิ่ง อย่า !!
   “ไรมึงวะไอ้ดำ !! ไม่ฟังก็ปล่อยกูดิ !!” แหกปากสิครับ ขอเล่นตัวไว้ก่อนเหอะมึงเอ๊ย
   แต่ไอ้ดำไม่สนใจผม มันลากผมให้ยืนขึ้นแล้วผลักลงเตียงพอดี
หะ.. ลงเตียง ?
   
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:41:46
“กูไม่ฟังแล้ว ขอเอามึงเลยแล้วกัน”
   “...” น้ำกรด วิจารนิโยช ขอใช้สิทธิ์สตั๊นต์ก่อน 3 วิฯ …
..
และ..
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!
   กูกรี๊ดเลยมึง กรี๊ดในใจ ! ไอ้เหี้ยยยยย สัตว์ !! ไม่เอาโว้ย ไม่เอา
   “มึงหยุดเลย ไอ้เหี้ย ! ห่า ! วันนี้วันเกิดพี่มึงนะโว้ย ! แล้วจะมา.. หยุด หยุดมึง อย่าเพิ่งคร่อมกู อย่าเพิ่ง !!” หน้าเหวอแดกเลยกู โอ้โห หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้ดำ กูไม่ไหว กูไม่พร้อม ไม่สิ ถึงกูพร้อม กูว่ามันดูง่ายไป !!
   “มึงจะรอเหี้ยไรอีก กูอดทนไม่ไหวแล้ว รอมานานสัตว์แล้ว” ทนห่าทนเหวอะไร ! วันนี้มึงได้เยอะเกินไปแล้ว ไหนจะแอบฟังกูฝึกบอกชอบมึง แล้วมึงคิดจะเอาประตูหลังกูไปอีกเหร๊อ ! กูขอเตรียมใจ เตรียมใจอะสัตว์เตรียมใจ !
   “แล้วถ้าพี่มึงได้ยิน หรือใครได้ยินขึ้นมาเอาไงวะ ! พ่อแม่มึงอ่ะ !”
   “ไม่มีใครได้ยินหรอกไอ้หมา ลองเงียบแล้วฟังสิ”
ผมนิ่ง..
แล้วเงียบฟังจริง ๆ ตามที่มันบอก
   วันนี้คืองานปาร์ตี้วันเกิดครับ และแน่นอนว่าพอยิ่งดึกจะยิ่งมีเสียงเพลงที่สนั่นอยู่ด้านนอกประหนึ่งผับนอกสถานที่ คิ้วของผมขมวดเข้าหากันเมื่อได้ฟังเนื้อหาของเพลงดี ๆ แล้ว นี่มัน..
..ฉันก็แค่กลัวว่าจะมองไม่ชัด ที่จะพูดอาจจะดูไม่ดีนัก..
..ได้โปรดขยับขาเธอเป็นรูปตัว M อ้าออกช้า ๆ ให้เป็นรูปตัว M..
   ผมหน้าซีด หันมองไอ้ดำที่อยู่ด้านบนของตัวเอง มันเงียบตาม ไม่แสดงสีหน้าอะไรเลยด้วยซ้ำ นอกซะจากเลื่อนมือไปจับข้อเท้าผมทั้งสองข้างแทน..
..เริ่มจากข้างขวาและขยับข้างซ้าย นั่งตรงนั้นเธอไม่ต้องไปไหน..
..ได้โปรดขยับขาเธอเป็นรูปตัว M อ้าออกช้า ๆ ให้เป็นรูปตัว M..
   ...และมัน ก็พึมพำ
   “อ้าออกช้า ๆ .. ให้เป็นรูปตัว M”
   “...”
   “...”
   “ไอ้เหี้ยด๊ามมมมมมมมมมม ! มึงจะร้องหาพระแสงของ้าวอะไรสัตว์ !!  หยุด โอ้โหยยย ! มึงหยุดดด !!”
   ผมดิ้นสิครับ ดิ้นพล่าน ดิ้นแพร่ด ดิ้นเป็นปลาดุกถูกจับจะโดนทุบหัว จะยกขาถีบมันออกก็โดนจับเอาไว้ จะทำอะไรมันก็ดันขวางไปหมด ฮื่อ นี่น้ำกรดถูกอำนาจมืดดูดพลังไปเหรอวะ ผมหน้าเหวอ เหงื่อหลายเม็ดผุดขึ้นบนใบหน้าตัวเองขณะที่จ้องไอ้ดำกำลังอยู่ด้านบน มันทำหน้าจริงจังขึ้นกว่าเก่า พยายามเอามือปลดกางเกงผมออกด้วย โว้ย ! มือมึงอ่ะ มือมึงงง !
   “มึงหยุดดิ้นสักทีได้ไหมวะ” เอ้า ยังจะพูด
   “ก็มึงจะปล้ำกูอ่ะ !” มันไม่เหมือนโดนขืนใจแบบครั้งที่เคยโดนครับ ผมไม่ได้รังเกียจมันนะ แต่แค่แบบอาย อายโว้ย ! “ฮื่ออ”
   “งั้นมึงก็หยุดดิ้นก่อน ไอ้หมา.. ไอ้..” ผมไม่ฟัง ยิ่งจับแน่น ก็ยิ่งดิ้น จนเหมือนมันสติแตก คว้าไหล่ผมแล้วกระแทกติดกับเตียง
   “ไอ้สัตว์ ! กูจะไม่เสียครั้งแรกของกูแบบนี้!”
   “ไอ้หมา.. หยุดดิ้น..”
   “ไม่ ไม่.. กูม..”
   “กรด!!”
..
ได้ผล..
   ผมนิ่งค้าง กะพริบตาปริบ ๆ รัว ๆ เมื่อได้เห็นสีหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ มันไม่ได้ทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนอย่างเคย สิ่งเดียวที่มันเหมือนเดิมน่าจะเป็นสีผิวครับ.. ดำ ๆ แทน ๆ .. คล้ำแดดเหมือนเดิม
   แต่ตอนนี้ สายตามันมากกว่าที่ทำให้ผมต้องนิ่งงัน..
   มันมองผม สายตาดูจริงจังผสมกับความตื่นเต้นโดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องอะไร ถ้าสังเกตอีกนิดจะเห็นได้ว่าแก้มมันน่าจะดู.. แดงขึ้น ? ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ ได้แค่มองด้วยสายตาตัวเอง ไอ้ดำทำหน้าบึ้ง โน้มตัวลงเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเก่า
   “น้ำกรด..” เสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วเบา รอบ ๆ ตัวผมตอนนี้ทั้งที่ควรจะมีเสียงเพลงอยู่ แต่ผมกลับไม่ได้ยินมันซะอย่างนั้น เหมือนสติทุกอย่างของตัวเองจดจ่ออยู่กับใบหน้าหล่อเหลาของชายที่คร่อมตนเองอยู่ “กรด..”
ตึกตัก..
   หัวใจของผมกำลังเต้นแรงไม่เป็นจังหวะแบบที่ควรเป็น ยิ่งริมฝีปากของมันแนบบนหน้าผากตนเอง ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อในอกแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
ปากของมันร้อน.. ชื้นหน่อย ๆ ด้วย
   มันเริ่มกดจูบแผ่วเบา เชื่องช้า ไม่รีบร้อน ขณะที่ผมได้แต่นอนนิ่งเป็นหมาโดนจับใส่ตะกร้อครอบปาก นัยน์ตาของตัวเองปรือลงอย่างโอนอ่อน ยิ่งพบว่าริมฝีปากกดจูบลงทั่วอย่างไม่มีเบื่อ เหมือนว่ามันรอคอยเวลาแบบนี้มานานแล้วอย่างนั้นแหละ
   เวลานี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีแค่เสียงผมที่หายใจบ้าง กลั้นหายใจบ้างตอนมันเข้ามาใกล้ แล้วหลับตาปี๋ตอนริมฝีปากแนบบนแก้มต่อ จากนั้นก็ปรือตาขึ้นมอง เมื่อมันผละออกไปอยู่แบบนั้นซ้ำ ๆ หลายรอบ
   มันยังไม่ได้จูบริมฝีปากของผมในทันที เหมือนมันสำรวจ แค่พรมจูบทั่วใบหน้าอันดับแรก ฝ่ามือที่กดบนไหล่ได้คลายออกไปแล้ว มีเพียงเสียงกระดุมเสื้อของตนเองถูกปลดออกตามและเป็นริมฝีปากร้อน ๆ ที่แนบลงอีกคราหนึ่ง
แต่คราวนี้ ผมไม่เงียบเหมือนเดิม
   “อ.. มึง จักจี้..” จักจี้จริง ๆ ครับ มันไม่เหมือนเมื่อกี้ ผมเม้มปาก รับรู้ได้ว่าไอ้ดำเองก็เริ่มมีหนวดแล้วเหมือนกันนะ เพราะตอนมันเริ่มไซ้คอเล่นซะขยับตัวยุกยิกหนีแทบไม่ทัน “เฮ้ย เดี๋ยวมึง..เฮ้ย !” แหกปากแทบทันทีตอนรู้ว่าโดน.. โดนดูดคอ !
   ผมตัวแข็งทื่อ เกร็งไปหมด มันครั้งแรกของผมนี่นะ ไอ้ดำเองก็ไม่สงสารเลย มันเริ่มจูบหน้าอีกครั้งหลายรอบแล้วเปลี่ยนเป็นทั่วลำคอ อาจจะเรียกได้ว่าไม่มีที่ว่างเหลือให้ผิวขาว ๆ ของผมอวดเลยก็ได้
..หรือบางที มันอาจจะไม่ให้อวดผิวขาวกับใครวะ
   “มึง.. ทำไรอยู่.. วะ” เค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบากครับ โอเค ท่าทางงานนี้ผมจะไม่มีทางรอดจากเงื้อมมือมันได้อย่างแน่นอน เพราะปากมันทำหน้าที่จูบทั่วลงมาถึงแผ่นอกแล้ว ส่วนมือมันอ่ะเหรอ.. ปลดกางเกงออกเรียบร้อย
   “ทำรอย”
โอ้โห คิดว่ากูซื่อจนไม่รู้เหรอว่ามึงทำรอยกูอยู่เนี่ย
   “ละ แล้ว แล้วถอดกางเกงกูทำเพื่อ..”
   “ทำรอยทุกที่ให้ครบ”
คิดว่าโดนขนาดนี้จะทำอะไรได้ไหมล่ะครับคุณ !
   มันเชี่ยวชาญมาก เชี่ยวชาญสุดๆ จนผมไม่รู้จะหาคำไหนมาเปรียบเทียบ พอกะพริบตารอบแรก กระดุมโดนปลดหมด กะพริบตารอบที่สองกลายเป็นกระดุมกางเกงโดนปลด กะพริบตารอบที่สาม ผมก็พบว่ากางเกงแม่งร่นไปอยู่ที่ข้อเท้าเรียบร้อย
มึงไวมาก
   ผมชะงัก เมื่อเห็นมันเอาแต่จ้องแทน
   “จ้องเหี้ยไร..”
   “งงว่ามึงนอนนิ่ง ๆ ทำเหี้ยไร” พูดพร้อมขมวดคิ้วอีก เอ้า กูเริ่มงงล่ะ มึงอยากให้กูขัดขืนดิ้นดุ๊กดิ๊ก ๆ ไหมล่ะ “นอนกระพริบตาให้กูถอดเฉยเลย”
   “มึงอยากให้กูขัดขืนเหรอไอ้ดำ กูรู้ว่ากูคงไม่รอดแน่นอน” ผมพูดหน้าตาย โรแมนติกอะไรไม่มีเล๊ย “ผิวขาว ๆ กูเป็นรอยเพราะมึงอ่ะ”
   ไอ้ดำกระตุกยิ้ม ปกติผมมองว่าชั่วร้ายนะ แต่คราวนี้ดูหื่นกามมากกว่า
   ยิ่งฝ่ามือทั้งใหญ่ทั้งร้อนของมันแนบบนแก้มผม ไล้ลงตามลำคอยิ่งทำให้ขนลุกวาบ เสียวที่ท้องน้อยชอบกล
   “แล้วมึงชอบไหม ?”
..ถามกูงี้เลยเหรอ..
   ผมเม้มปากตัวเองเข้าหากัน มองคนที่รอคอยคำตอบอยู่ด้านบน เหมือนมึงจะหน้าด้านมากนะไอ้ดำที่ถามกูตรง ๆ แบบนี้ แถมมึงนี่เก่งจริง ๆ อยู่ในท่าคร่อมกูนานซะจนสงสารเข่ากับศอกว่าจะเสื่อมก่อนวัยอันควร หรือบางทีแม่งอาจจะเมื่อยแต่ยังพยายาม
ดังนั้น เห็นแก่ความพยายามของมัน
   สายตาของผมเลื่อนสบตาด้วยกัน ประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากเรียวปากของตัวเอง
   “ชอบว่ะ.. ชอบมาก”
   แต่ไม่เห็นมีใครบอกผมเลยว่า ประโยคนี้จะเป็นประโยคสุดท้ายที่ได้พูดแบบมีสติครบถ้วนในคืนนี้
..

   หลังจากนั้นเหมือนไอ้ดำจะยิ่งได้ใจ ริมฝีปากร้อนเริ่มจู่โจมอีกครั้งหนึ่ง ความชื้นฉ่ำไล่ไปทั่วร่างของผม และเมื่อคอยปรือตามองว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างกลับยิ่งพบว่าจุดที่เปียกแฉะบนตัวผมกลายเป็นรอยแดงไปเสียแล้ว จะเรียกได้ว่าทุกที่เลยก็ว่าได้ ทุกตารางนิ้วบนแผ่นอก มันไม่ยอมให้เหลือรอดเลยแม้แต่นิดเดียว
เก็บกดอะไรมันวะ..
   ไอ้ดำไม่ยอมพูดอะไรต่อ ผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะพูดอะไร ผมสะดุ้งนิดหน่อยตอนลิ้นมันแลบเลียเหมือนลองชิมบนยอดอก ไม่สิ ไม่ใช่สะดุ้ง..
เสียงผมงึมงำออกมาด้วย
   “อ.. อึก.. เดี๋ยวมึง..”  มันไม่หยุด เหมือนว่ายิ่งได้ใจซะอย่างนั้น ฟันคมขบกัดบนส่วนปลายนุ่มนิ่มที่เริ่มแข็งทื่อเป็นไต มันให้ความรู้สึกแปลก ๆ ยิ่งเวลาฟันมันลองครูดลงยอดอกยิ่งทำให้ขนอ่อนลุกชันทั่วร่าง..
ผมเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า.. รู้สึกดีชะมัด..
   “กูรู้ว่ามึงชอบ” ไหล่ของตัวเองสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงแทรกขึ้น “มึงชอบให้กูจูบตรงนี้ไหม ?” ไม่ทันได้ตอบอะไร มันก็เอาอีกแล้ว กดจูบบนยอดอกผมครบสองข้าง “แล้วตรงนี้ด้วย” ผมอ้าปากค้าง จะโต้ตอบแต่เสียงกลับถูกดูดกลืนเป็นครางแผ่วเบา เพราะลิ้นร้อน ๆ นั่นลากลงมาตามจุดกึ่งกลาง แล้วมันก็แนบจูบอีกครั้งที่เหนือสะดือ
   “มึงแม่ง..” แล้วพูดไม่ทันจบ.. แม่งไม่ทันจบ ทั้งเนื้อทั้งตัวผมก็ต้องสะดุ้งโหยงสุดตัวเพราะฝ่ามือที่จำได้ว่าทั้งร้อนและใหญ่ ล้วงเข้ามาในชั้นในแล้วตะครุบจับส่วนนั้นของตัวเองอย่างจัง “แม่งเหี้ย !”
   ปฏิกิริยาตอบสนองโดยส่วนตัวครับ..
   “มึงด่ากูคำนี้มาเกินยี่สิบครั้งแล้วนะรู้ไหม ?” มันแกล้งพูด ใช้เสียงอ่อนโยนแบบที่ไม่ควรใช้เวลานี้ยิ่งขับให้ใบหน้าผมแดงจังกว่าเก่า นิ้วยาวรั้งชั้นในตัวจิ๋วของผมลง และดึงออกไปกองที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ “ตรงนี้ของมึงเริ่มแข็ง”
   “อะ.. ไอ้ควาย” ผมด่าทีนึง จะอยู่กระบวนท่าไหน ได้โอกาสเถียงแล้วขอเถียงก่อน “แข็งนานแล้วเหอะ”
   มันขำครับ เออ ขำเข้าไป ทำไม !
   “มึงทำร้ายบรรยากาศโรแมนติกของกูมากเลย” ไอ้ดำ มึงจะพูดเยอะแค่เวลาแบบนี้ใช่ไหม แต่โอเค ผมไม่มีอากาสได้ตอบมันซ้ำสอง เพราะปลายนิ้วที่ไม่อยู่สุขเริ่มทำให้ทั้งร่างกระตุก “แต่ไม่เป็นไร ปากหมาเป็นมึงตัวจริง”
   “พูดมากเชียวนะ.. อึก..” หลุบตามองฝ่ามือใหญ่ที่แกล้งขยับเนิบช้าอยู่ บ้าชะมัด.. ยิ่งรู้ว่าเป็นมือมัน ตรงนั้นของผมก็ยิ่งแข็งกว่าเก่า แล้วไอ้ดำก็เหมือนสนุกกว่าเดิมอีก “มึง.. ไอ้ห่าเอ๊ย”
   “กูให้มึงพูดตอนนี้ก่อนแล้วกัน” มันคว้าเจลหล่อลื่นที่อยู่หัวเตียง.. เดี๋ยว แม่ง เดี๋ยวเฮ้ย เอามาจากไหนวะ ! คว้ามาแล้วชโลมลงมือเลยนั่น “ก่อนที่มึงจะไม่มีโอกาส”
   “มึงมีเจลตอนไหนวะ ! เฮ้ยไอ้ดำ !”
   “วางนานแล้วไม่เห็นเอง”
โอ๊ย ไอ้เหี้ย !!
   หมดคำจะด่าแล้วเนี่ยสัตว์ ร่างของผมกระตุกวูบอยู่หลายต่อหลายครั้งตอนความเย็นจากเจลมันชโลมอยู่ด้านหลัง แต่น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกกลัวหรืออะไรแล้ว ผมแค่รู้สึก..
ตื่นเต้น
เออ.. ตื่นเต้นมากกว่า
   แล้วก็ตื่นเต้นแค่ตอนนั้นแหละครับ จนกระทั่ง.. นิ้วแม่งอ่ะ !
   “ไอ้เหี้ย !!” ด่าอีกสักทีแล้วสะดุ้งสุดตัว ไอ้นิว ไอ้จิน ไอ้หน้าไหนที่แม่งเป็นฝ่ายรับทั้งหลาย มึงไม่เห็นเคยบอกกูเลยว่าแค่นิ้วเดียวมันจะเจ็บ แล้วไอ้ดำเหมือนจะไม่ฟัง พรวดทีเดียวสองนิ้วอีก “มึง ! กูเจ็บ.. เจ็บโว้ย !!”
   “อยากให้กูหยุด ?”
เอ้าไอ้ห่า นิ้วทะลวงตูดกูแล้วยังจะถามให้หยุด
   “กูหมายถึงให้ช้า ๆ ! เนิบ ๆ นาบ ๆ อ่ะสัตว์ มึงทำเป็นไหม ! ไม่ให้หยุด !”
   แล้วผมก็หน้าซีดเผือดเมื่อพบว่าตัวเองหลุดปากอะไรออกไป อือหือ ไอ้กรด กรรมมึงแท้ ๆ เลยที่ปากไวกว่าความคิด ไอ้ดำแม่งขยับเปลี่ยนท่า โน้มตัวลงจูบบนขมับผมเบา ๆ ซะอย่างนั้น
   “ได้สิ.. ช้า ๆ” มันพูด ปากแนบจูบแผ่วเบาบนขมับขอผมที่มีเหงื่อผุดขึ้นมาเหมือนจะปลอบประโลม พอผมไม่พูดอะไรแล้ว ทั้งห้องกลับมีแค่เสียงแอร์ และเสียงจากการขยับร่างกายบนเตียงเท่านั้น คราวนี้มันไม่ได้พูดเหมือนเดิม ยกฝ่ามือข้างที่ว่างลูบแก้มผมช้า ๆ
   ร่างกายของผมสั่นริกเมื่อรับรู้ได้ว่ามันเริ่มขยับปลายนิ้วยาวที่อยู่ด้านใน มันรู้สึกอึดอัด คับ เหมือนโดนอะไรสักอย่างสอดเข้ามา แล้วก็ใช่ มันสอดเข้ามาอยู่น่ะแหละ สายตาผมมองคนด้านบน เชื่อไอ้ดำเองตรงนั้นก็คงตื่นแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะอยากให้ผมพยายามปรับตัวชินได้ก่อนด้วย
   คราวนี้เป็นนิ้วที่สามที่สอดเข้ามา ยิ่งเพิ่มความอึดอัดให้ผมอย่างน่าประหลาดเลยล่ะ เรียกได้ว่าโคตรจะเจ็บ เจ็บกลบความเสียวไปหมดล่ะเนี่ย
   “กูไม่พูดหรอกนะ ว่ามึงจะเจ็บหน่อย” นัยน์ตาของผมพร่ามัวอย่างไร้สาเหตุปรือขึ้นมองอีกฝ่าย เพิ่งทราบได้ว่ามีน้ำตาคลอ ๆ บนเบ้าตาตัวเอง เพราะแบบนี้สินะมันเลยพูดแทรกขึ้น “มึงจะเจ็บมาก”
โอ้โห ปลอบกูทีเหอะ
   “ไม่หลอกกูหน่อยเรอะ” มันไม่ตอบ แต่หมุนนิ้วที่อยู่ในกายผมเชื่องช้า สร้างความบิดเกร็งให้ร่างกายไปทั่ว  ผมครางเสียงต่ำ ฝ่ามือจิกกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น “อะ ..แม่ง..”
   มันเจ็บ เจ็บมาก หัวใจผมแทบปลิวว่อนตอนอีกฝ่ายกระชากปลายนิ้วออก แล้วเปลี่ยนเป็นสอดใส่ส่วนที่ทั้งแข็งและใหญ่ยาวกว่านิ้วมันมากเชื่องช้า ทั้งร่างผมเหมือนจะฉีกขาดออกจากกันให้ได้เลยด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเป็นตัวของมันต่างหากที่เข้ามาโผกอดผมคล้ายปลอบประโลมไม่ให้บุบสลาย
บ้าโว้ย.. มึงจะถนอมกูขนาดนั้นเพื่อไรวะ
   “กรด.. กอดกูไว้” น้ำเสียงอ่อนโยนอีกแล้ว ให้ตายเหอะ สัตว์ มึงเลือกใช้น้ำเสียงได้ถูกเวลาที่สุดในโลกเลยไอ้เหี้ยเอ๊ย
   รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ริมฝีปากร้อน ๆ อุ่น ๆ แนบจูบบนเปลือกตาฉ่ำน้ำใส ๆ อยู่ มันปลอบผม ฝ่ามือของมันทำหน้าที่ได้อย่างดิบดี บีบนวดสะโพกช้า ๆ ให้ผ่อนคลายแทน
   “ฮ.. ฮะ.. มึง..” เกลียดเสียงตัวเองตอนนี้ที่เปล่งออกมาไม่เป็นภาษาที่สุดเลย ผมว่าสติผมเหมือนล่องลอยแปลก ๆ มันดูไม่ปกติ สองแขนที่สั่นเทาของตัวเองค่อย ๆ ยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอมันตามคำพูดนั้น ยิ่งร่างกายของผมและมันแนบชิดกันเท่าไหร่ ความร้อนจากอุณหภูมิอีกฝ่ายยิ่งช่วยเยียวยาผม แต่ก็ได้แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ มันเจ็บจนผมพูดไม่ออก ไม่มีแรงจะตอบโต้อะไรทั้งสิ้น
   ทัศนวิสัยของผมเริ่มพร่ามัว เดาได้จากน้ำตาที่คลออยู่บดบังจนหมด สัมผัสอะไรไม่ค่อยได้นอกซะจากความเจ็บปวดผสมโรมกับความเสียวซ่าน แต่ผมพนันได้เลยว่าเจ็บมากกว่า
   “ก.. เกลียดมึง” สุดท้ายก็งึมงำคำนี้ออกมา แต่ไอ้ดำดูชะงักไปนิดหน่อย มันจ้องหน้าผม และผมเองก็จ้องหน้ามันด้วย และไม่นานพวกเราทั้งสองคนกลับยิ้มออกมา ผมเจ็บด้านหลังแต่มันดันยิ้ม และผมก็ยิ้มด้วย โคตรแปลกใจตัวเองชะมัด
   มันโถมร่างลงเข้ากอด ขยับกายส่วนล่างเข้าจนสุดเล่นทำให้ผมร้องเสียงหลงไม่เป็นภาษา ริมฝีปากของมันคลอเคลียบนใบหูของผม กระซิบเสียงแผ่วเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน และแน่ล่ะ ก็มีแค่สองคนที่อยู่ในห้องนี้นี่หว่า
   “เกลียดมึงเหมือนกัน”
   ชั่ววินาทีที่เราสองคนได้กอดกันและอยู่ใกล้ชิดกันมากที่สุดกว่าครั้งไหน
ผมเองก็ได้ยินเสียงหัวใจของมันเต้นแรงไม่แพ้กันเลย
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:42:15
C h a p t e r  49
คนเกลียดกัน มักจะเป็นอะไรกัน


   “สรุปมึงกับมันได้กันแล้ว ?”
   เวลาไล่มาถึงตอนเปิดเทอมครับ ตอนนี้ผมกับนิวกำลังนั่งทำฉากการแสดงอยู่ โอเค ทุกคนพอจำการแสดงได้ใช่ไหม ? นั่นแหละ การแสดงที่ผมได้รับบทเป็น.. ตุ๊ด และนิวเป็นนางเอก นักแสดงก็ต้องมานั่งทำฉากด้วยเหมือนกัน โถ สงสารตัวเอง
   ผมใช้โอกาสที่เย็น ๆ และคนเริ่มซาลง เล่าเรื่องช่วงปิดเทอมของมันทั้งหมดให้ฟัง แน่นอนว่าเรื่องที่ไอ้จินจุ๊บ ๆ บนแก้มตัวเองด้วย นิวก็ทำสีหน้าตื่น ๆ นิดหน่อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติ มันเลิกคิ้วข้างหนึ่ง เท้าคางมองผมด้วยสายตากลม ๆ โต ๆ อีก แต่ถ้าสังเกตให้ดีหน่อยจะเห็นขอบตาคล้ำช้ำของมันอยู่
   ไหน ๆ นิวก็ถามผมแบบนี้ ก็ได้ ตอบตรง ๆ ไปสิวะ
   “ครั้งแรก ครั้งเดียว” ผมยืนกราน คว้าแปรงมาทาสีพื้นหลังของไม้ต่อ “มึงไม่เห็นบอกกูเลยว่ามันเจ็บตูด”
   “มึงเคยถามกูเหรอ อีกอย่าง กูไม่ได้รับ” เออว่ะ จริงด้วย ผมต้องไปถามไอ้จินต่างหาก โว๊ะ ! “แล้วเป็นไงล่ะมึง ? สนุกไหม”
   “เจ็บตูดน่ะสิถามได้ !” โพล่งขึ้นทันทีเลยครับ คิดแล้วสยอง จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมยังกลัว ๆ หวั่น ๆ ยังไงก็ไม่รู้อยู่เลย นึกถึงตอนตื่นขึ้นมาเมื่อยตัวนอนตายซากอยู่ในห้องส่วนไอ้ดำก็ดีเหลือเกิน ช่วยเปลี่ยนเสื้อให้ผม สีหน้ามันเหมือนคนอิ่มเอมบุญกุศลใด ๆ ทั้งปวงด้วย โอ๊ยยยยย ไอ้เหี้ยย กูเกลียดมึงจริง ๆ
   “เอ๊อะ”
   “แถมมึง ห่าเอ๊ย แม่ง กูโคตรของโคตรเจ็บตูด ไหนว่ามันจะเสียวสนุก สนุกเหี้ยไร โว้ยยยย” โวยวายดิ เป็นน้ำกรด ขอโวยวายก่อน
แต่คนที่นั่งฟังอยู่เลิกคิ้วมองผม ท่าทางนิ่ง ๆ ซะอย่างนั้น แต่ประโยคถัดไปของมัน..
   “แล้วมีความสุขรึเปล่าล่ะ ?” ดู.. ดูมันถาม ถามมาได้ ผมหายใจฟึดฟัด มึงคิดว่าเจ็บขนาดนี้จะรู้สึกไงล่ะวะ ! ดังนั้น ผมจะตอบไปตามที่ตัวเองคิด ตอบไปเลย มีความสุขไหมน่ะเหรอ... !
   “มาก”
   “ดูก็รู้แล้ว หน้าแดงล่ะมึง”
..
เกลียดจริง ๆ เวลาปาก สมอง ร่างกาย ไม่ตรงตามที่ต้องการ
   “แล้วตอนนี้พวกมึงเป็นอะไรกันวะ ? คนรัก ? แฟน ?” ยิ่งนิวถาม ยิ่งทำให้ผมรู้สึกอายครับ อ๊าก ! จากน้ำกรดคนจัญไรกลายเป็นน้ำกรดผู้เขินอายไปแล้วมึงงง ! ผมจะทำไงได้ล่ะ นอกซะจากอ้ำอึ้งกับมัน
กู
เขิน !
   แต่จะปิดนิวก็ปิดไม่เป็น พอเปิดเทอมวันแรก เห็นหน้ามันแล้วก็พูดอะไรไม่ถูก ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ บอกว่า ไอ้ดำ ๆ กู ๆ เอา ๆ มันก็ร้องอ๋อ แล้วบอกรอเลิกเรียนช่วงทำฉากหลังการแสดงค่อยคุยกันซะงั้น ก่อนจะไล่ผมไปเรียนเช่นเดิม ฮื่อ ๆ
   ใครจะไปคิดวะ จากคนที่กัดกันในวันนั้น เกลียดแทบตายในวันโน้น จะกลายมาเป็นคนได้กันบนเตียงในปัจจุบัน !
ฮื่อออออ น้ำกรดพูดไม่ออก บอกไม่ถูก !
   “ไม่รู้ว่ะ..” ผมพูดไปตามจริง ใช่ ยังไม่ได้ตกลงว่าเป็นอะไร แต่ผมเสียตัวไปแล้วครับ อือหือ นึกถึงอนาคตถ้ามันไม่รับผิดชอบขึ้นมาผมควรจะทำยังไงดี แต่คิดอีกสักพักก็พบว่าตัวเองไม่มีอะไรเสียหาย นอกจากไปตรวจเลือดเพราะวันนั้นไม่ได้ใช้ถุงยาง
ดูซิ ดูสิ ! น้ำกรด ทำไมมึงไม่บอกให้มันใช้ถุงยางวะ !
   “กูจะไปตรวจเลือด”
   “...” นิวมองหน้าผม แล้วขำลั่นอีก เอ้า ขำกูทำไม กูจริงจังนะนิว ! “เออ แล้วแต่มึง แต่กูอยากให้พวกมึงสองคนมีสถานะมากกว่าว่าเป็นอะไร ให้มันชัดเจนดิวะ แค่นี้ยังไม่พอหรอก”
   ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก
   “งานแสดงศุกร์นี้เป็นไง ?” ยิ่งมันถามก็ทำให้ผมได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ต่อ ใช่ โรงเรียนผมมีการแสดงละครอาทิตย์หน้าแล้วหลังจากปิดเทอม จริง ๆ ก่อนเปิดเทอมประมาณ 2 อาทิตย์ ผมย้ายกลับมาอยู่หอเพราะต้องเตรียมตัวและพวกเด็กม.6ที่เหลืออยู่ก็ฝึกการแสดงตลอด
บทกะเทยที่.. โคตรเหี้ย
   “เออ อาทิตย์หน้า.. มีงานโรงเรียนนี่หว่า” ผมพึมพำ จำได้ครับว่ามันมีงานโรงเรียนพอดี “ให้เลือกช่วงงานโรงเรียนจะดีเหรอวะมึง”
   “ยังไงมึงก็แต่งหญิงวันนั้น น่าจะดี”
   “แต่งหญิง..” มึงบอกว่าเป็นตุ๊ดดีกว่าเหอะ.. มึง.. คิดแล้วก็หงอยแดกอย่างเดียวเลยครับ.. “เออ แค่แสดง”
   “ใช่ การแสดง กูก็แต่งหญิง” นิวมันยักไหล่ เออว่ะ มันนางเอกเลยนี่หว่า “แล้วจะมีช่วงว่าง ๆ อยู่ช่วงนึง มึงหาโอกาสไปคุยกับไอ้นัยตอนนั้นก็ดี”
   “แล้ว.. แล้วก็ควรทำไง” ผมงึมงำอีก “เป็นเรื่องที่รู้กันแค่สองคนไม่ได้เหรอวะ..”
   “ถ้ารู้สองคนมึงจะบอกกูเพื่อ..”
   “สามก็ได้”
   “สี่แล้วเหอะ กูว่าไอ้จินก็รู้”
..
เออว่ะ ใช่ ไอ้ดำน่าจะบอกจิน
   โอ๊ยยยยยยยย แม่งโว้ย ! ผมเอามือถู ๆ หน้าตัวเองหลายรอบ ไม่ไหว อยากจะร้องไห้ ชีวิตผม ทำไม.. ทำไม.. โว้ย !
   “แล้ว แล้วมึงกับไอ้จินเป็นไงบ้าง..” เสียงถึงกับขาดเลยครับ “พวกมึงเป็นแฟนกันนี่หว่า เออ.. มึงเป็นไงกันบ้าง แนะนำกูหน่อย กูทำม...”
คราวนี้จากเสียงขาดผมกลายเป็นเงียบกริบ
เพราะประโยคต่อไปของนิว
   “เปล่า” นิวมันมองผมด้วยหางตา มือคว้าขวดน้ำขึ้นมาเปิดดื่มแล้วต่อประโยคด้วยเสียงเนิบนาบที่ทำให้ผมแทบจะหายจากอาการเขินของตัวเอง “กูเลิกกับไอ้จินแล้วตอนมันมาบ้านกู น่าจะช่วงวันเกิดพี่สาวนัยพอดี”
   “หา ?”
ถึงกับอึ้ง อะไรวะ เดี๋ยว เดี๋ยวดิมึง เฮ้ยกูงง !
   นัยน์ตาของตัวเองเบิกกว้างเป็นไข่ห่าน ยิ่งเห็นสีหน้าเรียบนิ่งของมันยิ่งอึ้ง จะถามว่าอะไรต่อ แต่เหมือนสัญชาตญาณของตัวเองรั้งไว้ไม่ให้ลองเอ่ยถามต่อเสียอย่างนั้น นิวเงยหน้ามองผม ระบายรอยยิ้มเจื่อน ๆ ให้แทน
   “กูขี้หึงไปหน่อยน่ะ อีกอย่าง..” มันเว้นจังหวะ เอ่ยต่อเสียงเบาเหมือนกระซิบไปกับสายลม “มันน่าจะอยากได้อิสระมากกว่านี้”
   “ไอ้นิว..”
   “ก็แค่เลิกตามปกติ เหมือนคู่รักทั่ว ๆ ไปที่เลิกกัน”
   “มึง..”
   “ความรักที่แย่งคนอื่นมามันไม่ยั่งยืนหรอกมึง จริง ๆ กูไม่ได้บอกมึงสินะว่ากูทำเรื่องขอย้ายห้องตั้งแต่ช่วงปิดเทอมแล้ว” ยิ่งนิวพูด ยิ่งทำให้พบเอ่ยอะไรต่อไม่ถูก จะว่ายังไงดี เหมือนอึ้ง ทึ่ง ตกใจน่ะครับ ประมาณนั้นเลย
   “แต่มึง นิว.. ทำไม..”
   “กรด” เสียงหวานที่เริ่มแตกทำให้มันดูแปร่ง ๆ ไปดังขึ้น “กูขอ อย่าเพิ่งพูดอะไร ถามอะไรตอนนี้.. รอจนกว่ากูจะเล่าเองเถอะ”
   มันจ้องตาผมที่ได้แต่นั่งนิ่ง
   “ถือว่ากูขอ..”
..
ในเมื่อมันขอ มีหรือผมจะไม่ให้
   “เออ.. กูจะรอวันนั้นแล้วกัน..”


   ผมมองแผ่นหลังนิวที่เดินออกห่างไปช่วยงานทางอื่น ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเย็นชาขึ้นกว่าตอนเทอมก่อนมาก ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความรักจะทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ นิวมันแค่ยิ้ม ๆ แล้วบอกผมว่าจะไปช่วยอีกทางนะ ก่อนจะเดินจากไปเลยครับ
แต่แล้วพอนิวไป.. ก็มีคนมาแทน
   “อันนั้นต้องสีเขียว..”
เสียงคุ้นเหลือเกิ๊น !
   ผมสะดุ้ง หันขวับไปมอง ไอ้ห่าหนิ ไอ้ดำ !
   “เออ..” ใช่.. ผมทาแผ่นไม้สีเหลืองซะอย่างงั้น โอ๊ยย ไอ้เหี้ยกรด มึงคิดไรอยู่วะเนี่ย “กูแค่เหม่อนิดหน่อย”
มันเลิกคิ้ว หยิบถังสีเขียวมาวางไว้ข้าง ๆ ผม
   “เออรู้” ผมเบะปากใส่มันไปซะที แล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นทาสีเขียวตามที่มันว่า เอาตรงๆ ตั้งแต่ได้กันวันนั้น ก็ยังไม่มีรอบสองเลยครับ แต่ผมแค่รู้สึกเหมือน .. จะว่าไงดี
มันอ่อนโยนกับผมเยอะขึ้น
แต่ยังเป็นตัวมันอยู่นั่นแหละ
   มันดูเป็นฝ่ายเดินมาหาผมบ้าง ชวนผมคุยด้วย มากกว่าจะกวนตีนผม จริง ๆ ก็ค่อนข้างไม่ชินแหละ แต่จะรู้สึกดีไหม มันก็ใช่..
พวกเราใจตรงกัน
   “คิดอะไรอยู่.. หูแดงแล้ว”
..อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!
   ผมสะดุ้งตัวโหยงทันทีแล้วรีบออกห่าง ไอ้ห่า ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ ไอ้.. ไอ้ !! คนที่พูดไม่ใช่ไอ้ดำอีก แต่เป็น... ไอ้ห่าไลออน !!!
   “มึงมาอะไรเนี่ย !!”
   “กูแค่แวะมาดูว่าทำไมพวกมึงสองคนนั่งด้วยกัน แล้วก็มาเจอภาพ.. อ่ะจ๊ะบ๊ะ !”
อ่ะจ๊ะบ๊ะพ่องอ่ะจ๊ะบ๊ะแม่งมึง !! 
   ผมอ้าปากพะงาบ ๆ เห็นไอ้ดำทำหน้านิ่ง ก้มไปทาสีแกรก ๆ ต่อซะอย่างนั้น มึงช่วยมีปฏิกิริยาตอบสนองกับกูบ้างมะ หา ! เอากูเป็นเมียแล้วยังจะนิ่งใส่กูเหรอ เดี๋ยวเหอะ !!
ผมยอมรับเรื่องเมียแล้วนะครับ
แต่ยอมรับแค่ในใจเท่านั้นแหละ !
   “แค่หูแดงเพราะอากาศมันร้อน !!” เถียงก่อน เถียงก่อนหมดโอกาส
   “พัดลมจ่อหัวมึงอยู่” แต่เถียงแบบไร้สมองแบบผมเหมือนขุดหลุมฝังตัวเองครับ..
   “อะไรแน่ะ แน่ะ ปิดเทอมไปแป๊บเดียว พัฒนาอะไรเหรอวะมึง” ไลอ์ ไอ้เหี้ยไลอ์ เอาอีกละ คราวนี้ผมแอบสังเกตได้ว่าคู่หูไทเกอร์ของมันไม่ได้อยู่ด้วยเหมือนสมัยก่อน แอบสงสัยนิดหน่อย แต่เอาเหอะ แม่งเล่นมุกเองตบมุกเองก็ได้ด้วย เหงามากเหรอวะสลัดผัก !!
   “หุบปากไปเลยโว้ย ! กูเปล่า !!” แหกปากหน่อยเหอะแม่งเอ๊ย “พัฒนาห่าเหวอะไรวะ !”
โอ้โห อาการปากแข็งผมกลับมาแล้ว
   ไอ้ไลออนแม่งยักคิ้ว หลิ่วตา ทำหน้าชั่วอีก แล้วเขยิบ ๆ ไปออเซาะไอ้ดำ
   “ไงล่ะมึง ไม่พูดไรหน่อยเหรอ” เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย ! อย่านะเว้ย ! “แน่ะ ช่วงนี้มึงดูอารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อน อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ”
   “...” ไอ้ดำเงียบ เงียบอีก
   “ไอ้เหี้ยไลอ์ ! เป็นสิงโตก็เงียบดิ !”
   “อ้าว ไม่ใช่เสือแล้วเหรอ”
โว้ย !!  ยังจะมาย้อนอดีตความอ่อนอังกฤษผมอีก !
   ผมกัดฟันกรอด ๆ มึงนะมึง จะเอาคำไหนมาด่าดี ผมเริ่มคิดคำด่ามันไม่ออกแล้ว ฮื่อออออ แม่งด่าเยอะจนจะหมดคำบนโลกแล้วเนี่ย ! โอ๊ย ทำไมชีวิตน้องกรดต้องเจออะไรแบบนี้กัน
   “เปล่า” ไอ้ดำมันพูดขึ้นมา เรียกสติของผมให้กลับมาทันที “กูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน”
..
เงียบ
เงียบสิครับคุณผู้ชม..
   “แต่กูอยากเป็นอะไรกับมันนะ”
   “...”
   ไอ้ไลออนชะงัก เพราะประโยคหลังไอ้เชี่ยดำมันหันมาหาผม มองหน้าผมอีกหาก ก่อนที่เจ้าสิงโตนั่นจะเขยิบ ๆ ออกแล้วหัวเราะ
   “เคลียร์กันเองนะจ๊ะ ไทก์จ๋าา ไลอ์ไปช่วยงานไทก์ด้วย !”
   แล้วมันก็วิ่งหนีไปครับ ปล่อยให้ผมกับไอ้ดำเหลืออยู่สองคน ..
กูไปต่อไม่ถูกเลยไอ้เหี้ย
   ฮื่อ มึงช่วยเป็นคนแบบ ไม่พูดอะไรแต่ก็รู้กันสองคนแบบนี้ไม่ได้เหรอวะไอ้ดำ โฮ่ย อ่อนล้าเกินจะเดินต่อเหลือเกินน้ำกรด น้ำกรดควรทำไงดีวะ มันไม่ได้พูดครั้งแรก พูดมาหลายรอบล่ะ ไม่คิดเหรอว่ากูตามไม่ทันอ่ะ
   “มึง.. คือกูรู้” ผมงึมงำ เอาแปรงป้ายทาแกรก ๆ บนแผ่นป้ายต่อ “กูรู้ว่ามึงชอบกูมาก” ดูจากการกระทำมันตอนอยู่ที่บ้านดิ ทำอย่างกับถ้าแตะผมมาก ๆ ผมจะแตก แล้วก็หายไปงั้นแหละ
   “เออ” แต่เอาตรงๆ ผมก็มีเรื่องสงสัยเยอะนะแต่ก็ได้แต่เม้มปากแน่น แล้วทาป้ายบนพื้นให้เสร็จ เอื้อมมือไปจุ่มสีเป็นครั้งสุดท้าย
   “กูก็รู้ว่ากูชอบมึงมาก แล้วมึงก็ชอบกูมากด้วย”
พรืด !!
โอ้โห ! ไอ้ดำ ! พูดอะไรออกมา ผมจุ่มสีพลาดเลย !!
   ได้แต่หันไปทำตาขวาง ๆ กับมันครับ ดูมันดิ พูดอะไรไม่อายฟ้าอายดิน คิดว่ากูเขินไหม เออ บอกเลยว่าเขิน แต่แม่งเอ๊ย
   “เออ ๆ ..” ผมหลุบตาลง แล้วจุ่มสีอีกครั้งหนึ่ง นิ่งไปซะนาน แล้วหันกลับไปหาชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ตนเอง “มึง ไอ้ดำ..”
   มันหันกลับมามองตอบ เลิกคิ้ว
   “มึงก็รู้ ว่าอะไรที่ไม่มีสถานะ มันพูดยาก..” ผมสูดลมหายใจเข้าลึก “เรามีสถานะเป็นทั้งเพื่อน ทั้งอะไรก็ไม่รู้ควบคู่กันมาตลอด พอมันจะเปลี่ยนสถานะ บางทีกูก็แอบรู้สึกตงิด กลัว แต่กูก็ไม่อยากให้มึงหายไปเหมือนกัน”
   “กลัว ?” โหย ไอ้ดำ กูพูดมาตั้งยาว มึงช่วยโฟกัสจุดอื่นด้วยได้ไหมวะ แต่เอาเหอะ
   ผมเม้มปาก แล้วยอมพูดต่อ
   “ใช่ กลัว” ว่าจบจึงวางแปรงทาสีลง “ไม่ใช่กลัวสายตาคนภายนอก กูลอยจากจุดนั้นมานานแล้ว กูกลัวการเลิกรามากกว่า”
   มันพยักหน้ารับฟังคำพูดผมเงียบ ๆ สมกับเป็นผู้ฟังที่ดีจริง ๆ
   “มึงเคยได้ยินไหม คนคุยกันมาร่วมปี แต่พอกลายเป็นคนรักดันคบกันไม่ถึงเดือน กูกลัวจุดนั้น กูกลัวพอคบกับมึงไปจะเกิดอะไรขึ้น กูกลัวที่จะไม่สามารถกลับมาเจอมึงได้อีก กลัว กลัวหลาย ๆ อย่าง” ผมก้มหน้าลงมองแผ่นป้ายแทน “กูไม่อยากให้มึงหายไปจากชีวิต”
   มันหันมามองผมแล้วพยักหน้า
   “กูก็เหมือนกัน”
ต่างคนต่างมองกันสักพัก ก่อนที่ผมจะยิ้มบาง
   “แล้วเราควรทำยังไงกันต่อ” มันเป็นคำถามของผม ส่วนมันก็ได้แต่นิ่งเสียนาน
คิดว่ามันคงเพิ่งรู้สึกเหมือนกัน กับคำว่าสถานะที่กำลังจะเปลี่ยนไป
   “มึงอยากให้เป็นยังไง”
   “กูบอกไปแล้ว” ไอ้ดำพูดเสียงเรียบ “กูอยากเป็นอะไรกับมึง แต่ถ้ามึงไม่โอเค กูก็ไม่บังคับ”
   “ไม่ มึง ไม่ เอ่อ กูแค่กลัว” มันขมวดคิ้ว หันมามองผมที่รีบแก้เป็นพัลวัน “เอ่อ คือ..”
   “ตกลงมึงจะยังไงวะ” นั่นไง มันเริ่มงงแล้ว เอ้อ เออ ผมก็งงกับตัวเองครับ ได้แต่นิ่ง อึ้งไปนาน ก่อนจะสะบัดหัวแรง ๆ โอ๊ย กูมึนกับตัวเองแล้ว !
   “กูบอกว่า กูแค่กลัว” ใช่ ๆ ผมบอกแค่นี้ บอกมันว่าผมแค่กลัว !
   “แล้วไงต่อ ?” เอ้า ยังจะถาม ย้ำอีกทีก็ได้
   “ก็บอกว่าแค่กลัว”
   “ก็ถามว่าแล้วไงต่อ มีอีกประโยคที่อยากพูดต่อให้จบไม่ใช่เรอะ” เดี๋ยว มันเป็นใคร มึงชื่อน้ำกรดเหรอ มาอ่านใจผมแล้วบอกว่าผมมีประโยคที่อยากให้จบเนี่ย “พูดออกมาให้ครบ”
   ผมนิ่งดิ พูด.. พูดไรวะ
   “มึงอยากให้เป็นยังไง” เหมือนเครื่องกำลังรีสตาร์ทกับตัวเองครับ ใช่ ผมบอกมัน ว่าผมแค่กลัว “พูดให้จบแบบที่กูพูดสิ”
   “กูแค่กลัว” ได้แต่พึมพำกับตัวเองเสียงเบา “แต่ไม่ได้หมายความว่ากูไม่อยากเป็นอะไรกับมึง..”
..
และ..
ติ๊ง... คอมพิวเตอร์แบรนด์น้ำกรดได้ทำงานแล้ว..
   เมื่อจบประโยคของผม.. แค่จบประโยค เหมือนสติตัวเองกลับมาอีก
เฮ้ย !
เดี๋ยว !
เมื่อกี้ผมพูดว่าอะไรนะ !!
   และเมื่อหันขวับไปหาไอ้ดำ มันดันเผยรอยยิ้มแบบที่นานนักจะเห็น ฝ่ามือหยาบเข้ามาจับปลายนิ้วผม สอดปลายนิ้วเข้าประสานมือกัน
   “นั่นแหละ คำตอบที่กูอยากรู้” มัน บีบมือแน่นขึ้น “มาเป็น ‘อะไร’ กันนะ ?”
นี่แหละ.. สถานะที่ว่า
ไม่ต้องรอแบบที่ไอ้นิวพูดเลย
   หน้าผมร้อนจนจะระเบิดแล้ว แต่ก็ยังตอบรับมันไป
   “เออ.. มาเป็น ‘อะไร’ กันเถอะ”



แล้วทายซิ.. ว่าพวกเราเป็น ‘อะไร’ กัน ?
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:46:21
Last Chapter


   เสียงโหวกเหวกโวยวายของวันเริ่มการแสดงดังกันอย่างครึกครื้น พวกผมเด็กนักเรียนม.6กำลังเตรียมตัวของการแสดงในช่วงเช้าวันนี้ที่หลังหอประชุม มันเป็นจุดสำหรับแต่งตัวแต่งหน้า ผมไม่แน่ใจนักว่าไอ้พวกหัวการแสดงไปสรรหาคนมาจากไหนเยอะแยะ แต่ดูก็รู้ว่ามันคือสิ่งที่พวกนั้นพยายาม
ม.6 คือ ปีสุดท้ายที่จะได้อยู่ร่วมกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน
   บางครั้งพวกเพื่อนอื่น ๆ อาจหายหน้าหายตาไปไม่มีสิทธิ์เจออีกเป็นรอบที่สอง.. ดังนั้นห้องของผมจึงทุ่มเทกับงานนี้เป็นพิเศษ
   แต่ในบางครั้ง ความสัมพันธ์กลับถูกตัดออกก่อนที่จะแยกจากกันตามหลักเรียนจบของม.6 อย่างเช่น เพื่อนของผม นิวและจิน มันไม่คุยกัน ไม่พูด ไม่อะไร แค่มองหน้าเหมือนว่าจะไม่อยากมองเท่าไหร่ พอผมตัดสินใจถามนิวว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มันกลับสั่นหัว ยิ้มเจื่อน แล้วบอกว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลย
   ผมไม่อยากจะสอบสวนอะไรของมันอีก แค่สีหน้าเพื่อนที่ดูปวดร้าวก็พอเป็นคำตอบแล้วว่ามันทำใจไม่ได้
   “นี่กูแต่งเก่งกว่าที่คิดนะโว้ย !” เสียงของไทเกอร์ดังขึ้นเรียกสติผมให้กลับมาครับ เอ่อ ใช่ ตอนนี้ผมกำลังนั่งขัดสมาธิบนพื้น คิดนู่นนี่อะไรเพลินๆ ระหว่างที่ไทเกอร์ช่วย ‘แต่งหน้าเป็นผู้หญิง’ ให้ผม...
เออ ใช่ เป็นผู้หญิง !!
   ไลออนเดินมาแทรก ทำตาโตใส่ “เฮ้ยๆ สู้กับสาวใหญ่ของเราอีกคนได้เลยว่ะ”
   “เอ้าไอ้กรด.. มึง- พรืด !” อันนี้เสียงนิว มึงแต่งสาวเรียบร้อยแล้วสวยเช้งเด๊ะมาก แต่มามองหน้าผมปุ๊บ แม่งขำจนน้ำลายแทบกระเด็น
   “...กูอยากได้กระจก” ยืนยันความคิดตัวเองครับ ช่างแต่งหน้าไทเกอร์ยืดอกภูมิใจ ยื่นกระจกมาให้ผม..
คุณคิดว่าจะเจออะไรล่ะ.. นอกจากกะเทยควายตัวบักเอ๊บอยู่ในนั้น
   “ตัวเหี้ยอะไรวะเนี่ย !!” ผมแหกปากสิครับคุณ แหกปาก ! แหกปากลั่นเลย ไอ้ไทเกอร์กับไอ้นิวถึงกับขำก๊าก ส่วนไลออนดันลากใครสักคนหนึ่งมาให้ผมซะงั้น
   “มึงมีเพื่อนนะเว้ยไอ้กรด” เสียงจินดังแว่วๆ มาพร้อมกับร่างคนตัวสูงพอๆ กับมันที่มีผิวเข้มเป็นเอกลักษณ์ ..ใช่ ไอ้ดำ ไอ้ดำในสภาพแต่งหน้าตาแล้วเรียบร้อย !
   ตัดคำว่าสาวคมกับไอ้ดำไปได้เลย และตัดคำว่าสาวสวยกับผมไปอีกรอบ ผมถูกไอ้ไทเกอร์กับไลออนจับมายืนคู่กับไอ้ดำที่เหมือนสติล่องลองไปแล้ว มันนิ่ง หน้านิ่งมากเหมือนคนทำใจมานานแล้วว่าจะโดนอะไรแบบนี้
   “....” คิดสภาพดู ชายผิวคล้ำ ๆ คนหนึ่งตัวสูงกว่า180 เซนฯ ถูกปัดมาสคาร่าหนาขนตายาวเฟื้อย พร้อมอายไลเนอร์หนายิ่งกว่ารองเท้าส้นตึก คิ้วถูกทาให้ดำขึ้นทั้งที่มันก็ดำอยู่แล้วประหนึ่งหยิบสาหร่ายหลายชั้นมาแปะไว้ ปัดแก้มออกแดงแจ๋เหมือนอีกาคาบพริก แต่ที่เด็ดที่สุดคือ ลิปสติกสีแดงจัดชนิดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน !
   “....” ไอ้ดำเองก็ยืนนิ่งมองกระจกที่ไลออนกับไทเกอร์ถือเอาไว้เหมือนผม แน่นอน มันน่าจะมองสภาพตัวเองเสร็จก็มองผมแหละ สภาพไม่ต่างจากมันสักเท่าไหร่แค่ขนตาผมเหมือนประกายเพชรฟรุ้งฟริ้งอีก ตามด้วยปัดแก้มสีม่วง ๆ พร้อมลิปสติกสีเหมือนท้องฟ้ามีดาวระยิบระยับตอนกลางคืนที่ดูเท่าไหร่ก็หาความงามไม่ได้ อือหือ มองหน้าแล้วนึกว่าตัวเองตายเพราะไซยาไนด์ ปากม่วงเลยกู
   “ไอ้เหี้ยเอ๊ย !! พวกมึงแม่งยอดเลย !” เป็นเสียงนิวขำก๊ากแบบไม่คิดชีวิตครับ เออ ยอดตรงไหน มึงสวยแบ๊วน่ารักนี่ มันหัวเราะลั่น เกือบจะทำให้ผมเบ้ปากใส่ได้แล้ว แต่สิ่งที่ต้องตะลึงคือ แขนเล็ก ๆ ของมันยกขึ้นกอดคอไอ้จินซะอย่างนั้น “เพื่อนมึงอ่ะจิน”
   ผมเห็นจินผงะ ร่องรอยความเศร้าที่เคลือบแคลงอยู่วูบหนึ่ง ก่อนจะหายไปเป็นรอยยิ้มขบขันแทน
   “เออ มึงก็สุดยอดไอ้กรด ไอ้นัย แสดงเต็มที่ เดี๋ยวกูจะช่วยคุมฉากให้”
   ผมเงียบ นิ่งไป ไม่ต่างจากไอ้ดำที่ดูตกใจอยู่  มันอาจจะไม่ได้คืนดีกันหรอก แต่บางทีเห็นว่าวันนี้คือหนึ่งในความทรงจำที่หาได้ยากในโรงเรียน เลยพยายามทำตัวเป็นปกติแบบนี้
   ไอ้ไทเกอร์กับไอ้ไลออนหัวเราะ วางกระจกแล้วหมุนตัวไปจัดการทางอื่น ส่วนนิวก็ขอตัวซ้อมบทอีกรอบ และจินก็เช็กฉาก ทวนเวลาฉากแต่ละคน ปล่อยให้ผมกับไอ้ดำในสภาพแต่งสาวยืนด้วยกันสองคน
พวกเราหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
   และสิ่งที่แปลกไปคือ เราสองคนยิ้ม พร้อมพูดประโยคเดียวกันออกมา
   “หน้ามึงแม่งโคตรเหี้ย”
   และหัวเราะพร้อมกันทั้งคู่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน


   การแสดงไม่ได้ราบรื่นอย่างที่พวกเราคิดเอาไว้ ไอ้ดำพูดตะกุกตะกักบ้าง นิวเผลอสะดุดรองเท้าส้นสูงของตัวเองตอนแสดง ผมลืมบทพูดแล้วยืนถือไมค์เอ๋ออยู่กลางเวทีจนไอ้ดำช่วยแก้สถานการณ์หรือพวกไลออนรีบเข้ามาแก้ให้บ้าง แต่มันกลับเรียกเสียงหัวเราะของผู้ชมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเวลาเขาหันมามองหน้าผมกับหน้าไอ้ดำ ยิ่งขำเข้าไปใหญ่
   “ขอบคุณที่รับชมคร้าบ !” ไอ้ไทเกอร์คว้าไมค์มาพูดพวกเราเรียงหน้ากระดานแล้วแสดงจบ เสียงหวีดร้องกรี๊ดกร๊าดดังไม่มีท่าทีจะหยุด มันทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ กว่านักแสดงอย่างผมกับไอ้ดำจะยอมรับบทนี้มันเกือบจะต่อยกัน มีดราม่าในห้องเรียนอีกต่างหาก แต่ในที่สุดทุกอย่างกลับทำให้คนดูยิ้มได้
เมื่อผมเหลือบมองหน้าสาวใหญ่ข้าง ๆ ตัวเอง.. มันก็กำลังยิ้มเหมือนผม
   ไม่ได้ยิ้มเยอะ แต่สายตาของมันเปี่ยมไปด้วยความสนุก และไม่ใช่แค่ผม.. ทุกคนที่แสดงต่างหากล่ะ

   พวกเราไม่ได้รอฟังผลที่ได้รับ เพราะคิด ๆ ดู ผมว่ามันคงไม่ได้แน่เพราะพลาดเยอะขนาดนี้ แต่สิ่งที่ตอบแทนก็ดูคุ้มค่า ทุกคนมีเสียงหัวเราะ พร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกันทั้งหมด
   หลากหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ของผม ไม่คิดเลยว่าจะมาถึงจุดนี้ได้..
   ผมที่เคยปิดรับและไม่ฟัง ตัดสินคนจากการมองผ่าน ๆ ไม่ยอมเรียนรู้ เพียงแค่ได้รับรู้ถึงตัวตนจริง ๆ ของเขา อย่างเช่น ไอ้ดำ มันทำให้ผมรู้สึกขึ้นมาจริง ๆ ว่าคนเราไม่สามารถมองจากภายนอกได้เลย ผมที่เคยคิดว่าเพื่อนกันควรบอกกันทุกเรื่อง แต่เมื่อรู้ว่านิวเองก็มีความลับ ผมเรียนรู้คำว่า ‘ให้พื้นที่ส่วนตัว’ กับคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนสนิท
   ผมที่เคยไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับกิจกรรมห้องหรือการช่วยเหลือเท่าไหร่ ในตอนของไอ้ไลออนยังได้เรียนรู้ที่จะพูดจา โน้มน้าว ให้เพื่อนตัวเองเย็นลงและเข้าใจได้
   ผม.. ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากที่นี่ในปีเดียว เพราะว่าตัวผมยอมตัดสินใจเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามา แม้ว่าจะไม่เต็มใจในตอนแรก แต่สุดท้ายมันก็จบลง แม้ว่าจะไม่สวยที่สุด แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยได้รับมาก่อนที่เรียกว่าประสบการณ์
   และผมไม่ได้เรียนรู้แค่คนเดียว
   สายตาของตัวเองกวาดมองคนที่ยืนอยู่ด้านล่างเวที เลื่อนมองคนข้าง ๆ .. ชายผิวสีเข้มคล้ำ ที่ผมเรียกมันว่า ‘ไอ้ดำ’ ตลอดปี
ไม่รู้มันระลึกชาติเหมือนผมหรือเปล่า แต่มันเองก็ค่อย ๆ หันกลับมามองด้วยเช่นกัน
   แล้วพวกเราก็ยิ้มออกมา
   คนเริ่มทยอยลงจากเวทีด้วยเสียงปรบมือกระหึ่ม ผมมองแผ่นหลังของไอ้ดำที่อยู่ด้านหน้าตัวเอง
ทุกอย่างได้รับการเรียนรู้
เปลี่ยนแปลง..
รวมถึงความสัมพันธ์ของผมและมันด้วย
   ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวอนาคตต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อ พวกเราอาจจะรักกันเหมือนเดิม กลายเป็นเพื่อนรักกัน หรือเลิกรา เข้าหน้ากันไม่ติดก็ได้ และนั่นคือสิ่งที่ผมกังวลอยู่
แต่ว่านะ
   สุดความคิดของตัวเอง ระหว่างที่ไอ้ดำเดินไปถึงบันได ผมวิ่งกระโดดลงจากเวทีอย่างรวดเร็ว เสียงเพื่อนคนอื่น ๆ มีท่าทางตกใจ ตะโกนโหวกเหวกว่าไอ้น้ำกรดทำเหี้ยอะไร
   ผมไม่สน
   ผมวิ่งตรงไปทางไอ้ดำ กระโดดเอาท่อนแขนโอบกอดรอบลำคอของมัน พร้อมกับขาที่กอดหมับเข้าบนสะโพก มันดูตกใจ เซจนเกือบล้มแต่ก็มีจินประคองไว้ได้ทางด้านซ้าย ส่วนนิวทางด้านขวา ไอ้ดำไม่ปฏิเสธอะไร สองแขนนั่นช้อนเข้าใต้ขาผมกันไว้ไม่ให้ตกไปก่อน
   “ทำเหี้ยไรมึงเนี่ย” มันพูด แต่ผมหัวเราะ
   “ไอ้กรด มึงปัญญาอ่อนไปแล้วเรอะ” อันนี้จิน
   “กรดปัญญาอ่อนนานแล้ว” นี่ก็นิว
   “เฮ้ย ๆๆ ! พวกมึง ! จะได้รางวัลหรือไม่ได้ก็ช่างแม่งเหอะน่า !” ผมแหกปาก ระหว่างที่กำลังเดินไปหลังเวที “ซาน ! ไข่ต้มยังเหลือเปล่าวะ ! มาฉลองๆๆๆ”
   “หา ?” ซานที่ยืนเรียงไข่ต้มบนโต๊ะชะงักกึก
   “ฉลองโว้ยยย ! ฉลองด้วยไข่ต้มนี่แหละ !”
   “มา ๆๆ กูเอาด้วย !” ไทเกอร์แทบไถลมาเลยครับกับไข่ต้ม
   “เฮ้ย ๆ เดี๋ยวกูเอาไปฝาก‘จารย์ไม้ด้วย” ผมพูด หัวเราะลั่นเพราะไลออนแม่งหยิบไข่ต้มที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกมาโยนเล่น
   “ฉลอง ๆ กินไข่ต้มเหอะมึง เอ้า ฮิ้วว !”
   แล้วทุกคนที่ร่วมแสดงด้วยก็หัวเราะ แน่นอนว่าคนผ่านมาก็ด้วย ดูตลกกับความบ้า ๆ บอ ๆ ของพวกผม
   ตอนนี้ผมอมยิ้ม
   “ยังไม่ลงเหรอวะ ?” ไอ้ดำหันมาถาม หน้ามันดูงง ๆ ยิ่งทำให้สองแขนกระชับกอดลำคอมันเอาไว้แทน “เอ้า พิการ ?”
   สิ้นเสียงที่มันพูด ผมเอียงหน้าหา พึมพำข้างหูเสียงเบา ท่ามกลามคนโหวกเหวกโวยวายเรื่องไข่ต้ม “กูมีความสุขฉิบหายเลยที่ได้อยู่กับมึง”
   ไอ้ดำนิ่ง มันเงียบ ไม่ตอบ แต่ถ้ามองไม่ผิด หูมันเปลี่ยนจากดำเป็นแดงแล้ว
   ผมหัวเราะในลำคอ
   ใช่ ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวอนาคตต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อ พวกเราอาจจะรักกันเหมือนเดิม กลายเป็นเพื่อนรักกัน หรือเลิกรา เข้าหน้ากันไม่ติดอย่างที่ผมกังวลก็ได้
แต่ว่านะ
ตอนนี้ ผมโคตรรักปัจจุบันที่ได้อยู่กับมันเลย


Fin
หัวข้อ: [End] N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!!
เริ่มหัวข้อโดย: seira ที่ 26-11-2017 13:47:29

                เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งช่วง 6 กุมภาพันธ์ ประมาณปี 2557 ค่ะ

                ไม่อยากเชื่อเลยค่ะ ว่าสามารถแต่งจนมาถึงตอนนี้ได้ ตื่นเต้นมากเลยที่ได้แต่งตอนจบที่ต้องการของเรื่อง Non Romance แล้วสักที ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ ขอโทษที่ไม่ได้มาต่อนะคะ ไม่อยากพูดแก้ตัวนอกจากยอมรับผิดค่ะ

                ทั้งนักอ่านเก่า

                นักอ่านใหม่

                คนที่กดผ่านเข้ามา

                หรือไม่ว่าใครก็ตาม..

                ขอบคุณมากค่ะ ที่รอกัน เริ่มอ่าน หรือเข้ามาเยี่ยมชม

                สำหรับอิมอิน คงไม่มีอะไรน่ายินดีไปกว่าการมีคนเข้ามาอ่านนิยายของเรา และรู้สึกรักนิยายเราเหมือนที่เรารักนิยายเรื่องนี้ และไม่มีอะไรวิเศษไปกว่าได้มีคนเข้ามาอ่านนิยายตัวเอง ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วค่ะ

 

ขอบคุณมากนะคะ

StraWBerry_ImIn

 

 

 

 

หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: pitiatah_hp ที่ 27-11-2017 06:56:38
ขอบคุณนะคะ คุณนักเขียน สำหรับผลงานดี ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-11-2017 23:38:52
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อ่านแล้ว ติดหนึบเลย ชอบบบบบบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:

จาก เกลียด - ชิบ - หาย เป็น ชอบ - รัก - โคตรๆ
น้ำกรด ที่ปากจัดด่าดนัย ซะทุกประโยค เหมือนชื่อเลย
นัย ที่กวนประสาททำเสียงดังทั้งคืน เพราะมีเซ็กส์ จนกรดนอนไม่ได้
กลับกลายมาเป็นคู่รักตัวติดกันกับนัย
นัย กรด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

นิว จิน ที่ตามไม่ทันว่าไปแอบชอบกดกันตอนไหน
หลงคิดว่าต้องซวยเพราะกรดด่านัย
แต่ผิดคาด ที่คิดว่ารุก กลายเป็นรับ ที่คิดว่ารับ กลายเป็นรุก  o22 o22 o22์

ไทก์ ไลก์ แรกๆก็ป่วนกรดซะ จนกรดอยากซัด เป็นสีสัน ทำกิจกรรมได้เก่งซะอีก
ไลก์ ยังได้คิด ว่ากรดสอนแนะตัวเอง แบบที่กรดคิดไม่ออกแน่ๆ

ไรท์ยอดมาก สนุกจริงๆ
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: xNon Romanx เกลียด ฉิบ หาย!! 1 (05/02/2014)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 15-02-2018 14:38:10
 :laugh: :laugh: ตลก 5555555 ตะโกนกันไป ตะโกนกันมา

อยากรู้จัง จะสปาร์คกันได้ไงน้า เกลียดขี้หน้ากันขนาดนี้
หัวข้อ: Re: N o n Roman เกลียด ฉิบ หาย!! by StraWBerry_ImIn Ch.15 UPPPP (4/6)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 15-02-2018 17:33:48
ในตอนนี้ เราเห็นอะไรแปลกๆล่ะ รังสีสีม่วงๆ :m26:


วินกับท๊อปอ่ะ ทำไมต้องกดหน้าซุกไหล่อ่ะ เราคิดนะ :hao3:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 15-02-2018 23:34:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [End] N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!!
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 16-02-2018 09:26:56
จบแล้ววว ขอบคุณมากๆค่ะ

แต่เราสงสารวิน  :hao5:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 21-02-2018 10:04:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 21-03-2018 19:56:19
 :pig4:  o13
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 22-03-2018 20:49:50
ขอบคุณมาก มันมีแง่คิดให้เราคิดตามจริงๆ
หัวข้อ: Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 26-03-2018 08:11:04
มาอ่านอีกรอบแล้ววว