พิมพ์หน้านี้ - End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: minibearsecret ที่ 21-05-2018 09:48:04

หัวข้อ: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 21-05-2018 09:48:04
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

...

นิยายเรื่องอื่นๆของนักเขียน

(เรื่องสั้น) 4P ไอ้แว่นเนี่ย!แฟนพวกผม YAOI   (มิค, ไมค์, โม x มิลค์) https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1237829 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1237829)   สถานะ จบแล้ว

(เรื่องสั้น)(3P Yaoi) Love Away! รักมาหลายปี...เจอทั้งทีขอก(อ)ดหน่อยนะ   (ไวน์, วิน x บูม) https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43083.0;topicseen (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43083.0;topicseen)   สถานะ จบแล้ว

(เรื่องสั้น)Control Love รักครั้งนี้ผมควบคุม (Yaoi)   (ฮยอนชิก x อิลฮุน) https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1054991 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1054991)   สถานะ จบแล้ว

(เรื่องสั้น)Hate เกลียดอะไรได้อย่างนั้น ผมเกลียดเด็กช่างก็เลย... (Yaoi)   (เฟียส x ณโม) https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1240000 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1240000)   สถานะ จบแล้ว

(เรื่องสั้น)รักวุ่นวายของคุณชายต่างขั้ว (Yaoi 4P)    (พี, เอ็น, เค x ต้นรัก) https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43081.0;topicseen (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43081.0;topicseen)   สถานะ จบแล้ว

End  ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)   (เอล x เพื่อน) https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67075.0#top (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67075.0#top)   สถานะ จบแล้ว

End (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)    (บาร์เทน, โดนัล, เลนโว, ไลฟ์ลี่, ดีเลย์ x โซฟา)   https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50474.0;topicseen (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50474.0;topicseen)   สถานะ จบแล้ว

End click love ยัยยากูซ่ากับนายตัวแสบ   (ไค x มิ)   https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1009757 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1009757)   สถานะ จบแล้ว

End My Love เพราะเป็นมึงกูถึงยอม (Yaoi)    (คอกเทล x เบค่อน) https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1016261 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1016261)   สถานะ จบแล้ว

End NEWS! ข่าวลับ ข่าวรัก YAOI 3P   (ฟาเรนไฮน์, เซลเซียส x มิกกี้) https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1171585 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1171585)   สถานะ จบแล้ว

(...) จงเติมคำในช่องว่าง (Yaoi)   (วีอาร์ x ของขวัญ)   https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67587.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67587.0)  สถานะ On Air
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #บทนำ [21/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 21-05-2018 09:49:35
#บทนำ


   ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ดินแดนแห่งเวทย์มนต์ ฮอตโตริ ดินแดนแห่งนี้แบ่งออกเป็นสามอาณาจักรใหญ่ได้แก่ อาณาจักรรัสเทียร์ของเหล่าปีศาจมีผู้นำคือจอมมารในแต่ละรุ่นปกครอง ต่อมา อาณาจักรฟาซอลเทียร์มีพระราชาแต่ละรุ่นเป็นผู้ปกครอง และสุดท้าย อาณาจักรอิลเทียร์ของเหล่าพ่อมดแม่มดมีผู้นำคือจอมเวทย์เป็นผู้ปกครอง อดีตกาลทั้งสามดินแดนอาศัยอยู่ร่วมกันเดินทางไปมาหาสู่กันได้ตามปกติแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนกลับเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้อาณาจักรรัสเทียร์ของปีศาจและฟาซอลเทียร์ของมนุษย์เกิดผิดใจกันจนแตกหักโดยที่อาณาจักรอิลเทียร์พยายามหาหนทางที่จะช่วยทั้งสองอาณาจักรคือดีกัน แต่กลับไร้วี่แวว จนวันหนึ่งที่เหล่าสภาเวทย์รวมตัวกันเพื่อถามคำทำนายที่ทางผู้คนในอาณาจักรนับถือจากศิลาเวทย์ที่ต้องใช้พลังเวทย์เยอะพอสมควรเลยใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น โดยในครั้งนี้รวบรวมเหล่าพ่อมดแม่มดที่ผ่านขั้นนักเวทย์มาแล้วด้วยกันเกือบพันคน หลังจากเริ่มร่ายเวทย์ทำพิธี ตัวศิลาปรากฏลำแสงพุ่งออกไปที่แผ่นหินตัวทำรอบศิลาก่อนจะเกิดแผ่นศิลาหนึ่งแผ่นขนาดใหญ่พอสมควรลอยเด่นใจกลางแสงสว่างนั้นก่อนจะลอยมาวางบนพื้นหน้าเหล่านักเวทย์ก่อนที่แสงเหล่านั้นจะหายกลับไปที่ศิลาศักดิ์สิทธ์ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ จอมเวทย์เดินไปยกแผ่นศิลาขึ้นตั้งก่อนจะอ่านข้อความบนศิลาแผ่นนั้นทันที


เมื่อเวลาเวียนว่ายมาบรรจบ
เราจักพบความสงบทุกสถาน
ไร้ความเกลียดความชังนิรันด์กาล
ปีศาจมาร มนุษา ชาวเวทย์เอย
   เมื่อใดก็ตามที่มีพ่อมดน้อยที่มีครบธาตุถือกำเนิดขึ้น คำทำนายจักขึ้นอยู่กับตัวของเขา หากสำเร็จจักพบความสุขสงบหากผิดพลาดจักวอดวาย จงตามหาเขาให้พบก่อนที่กาลเวลาจักพรากความหวังของ 3 ดินแดนไปตลอดพันปีกาลอีกครั้ง


ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆทุกอย่างตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน นักเวทย์ทุกคนที่เข้าร่วมพิธีต่างครุ่นคิดถึงเด็กในคำทำนาย บุคคลที่จะสามารถใช้เวทย์ได้ครบทุกธาตุจะมีอยู่จริงหรือ เพราะขนาดท่านจอมเวทย์ที่เป็นผู้นำยังมีเจ็ดธาตุเท่านั้น แถมถ้าจะมีครบธาตุต้องมีร่างกายที่เป็นเช่นไรกันถึงรองรับพลังเวทย์มหาสารนั้นได้


“เราจะต้องตามหาเด็กในคำทำนายนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนตาที่ตำรารวบรวมนักเวทย์ของหอตำราได้บอกแก่เราไว้ ลำดับขั้นสูงสุดของเราคือจอมเวทย์ตามตำราทั่วไปที่พวกเจ้าเรียนรู้บ่งบอกถึงเพียงขั้นนั้นเพราะนานนับหมื่นปีตามที่ข้ากล่าวไม่มีผู้ได้เกินกว่าขั้นนี้ไปได้ แต่ตามบันทึกของตำรานั้นบ่งบอกว่าเมื่อหมื่นปีก่อนมีจอมเวทย์ที่อยู่ในขั้นที่สูงกว่านั้นขึ้นไปและเป็นจุดสูงสุดของพวกเราชาวเวทย์แห่งอิลเทียร์” จอมเวทย์เอยด้วยความยินดีที่ตนสามารถเพิ่มวิธีที่จะตามหาเด็กในคำทำนาย


“ตำรานั้นอยู่ภายใต้การดูแลของสภาเวทย์ของเหล่าผู้อาวุโส พวกเราเหล่านักเวทย์เป็นเพียงขั้นกลางไม่มีสิทธิ์เข้าไปในห้องนั้นได้ ท่านจอมเวทย์ช่วยกล่าวต่อได้หรือไม่เจ้าคะ ว่าเนื้อหาภายในเล่มนั้นบอกกล่าวอะไรแก่ท่านบ้าง” นักเวทย์สาวที่เป็นอาจารย์หลังจากที่ผ่านการทดสอบเป็นนักเวทย์เมื่อหลายปีก่อนกล่าวถามแทนเหล่านักเวทย์อื่น


“ในบันทึกระบุไว้ว่าคนผู้นั้นสามารถใช้เวทย์ได้ทุกธาตุ ไม่จำเป็นต้องใช้สื่อกลางหรือการร่ายเวทย์ด้วยการร่ายแบบพวกเรา สามารถใช้เวทย์ได้ตามใจนึก เป็นชาวเวทย์เพียงคนเดียวที่สามารถหยิบยืมพลังจากธรรมชาติรอบกายได้ทุกชนิด คนผู้นั้นอยู่ในขั้น มหาปราชญ์จอมเวทย์  แต่ไม่มีบันทึกว่าเขาคือใคร ลักษณะเป็นเช่นไร แม้กระทั่งชื่อที่ทิ้งไว้ก็เป็นเพราะความเลือนรางจากเวทย์มนต์ลบตัวตนของเขาเช่นกัน” จอมเวทย์ทำหน้าเศร้าหลังจากเล่า เหล่าสภาอาวุโสที่เคยได้อ่านบันทึกต่างทำสีหน้าเจ็บปวดจนนักเวทย์ยิ่งอยากจะรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น


“เมื่ออดีตกาลชาวเวทย์เช่นเรายังคงหวาดกลัวต่อพลังที่ไร้รูปแบบเช่นนั้นจนเกิดเป็นการแบ่งแยกที่ชัดเจน และจอมเวทย์ในครานั้นยังมิสามารถจัดการในเรื่องนี้ได้จนมหาปราชญ์ตอนย้ายตัวเองหลีกหนีเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าลึกแต่เมื่อมีเหตุการณ์ที่เกินกำลังตนกลับเชิญเขามาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อเสร็จสิ้นก็ไม่เคยประกาศถึงตัวตนของเขา พวกเราชาวเวทย์ในตอนนั้นทอดทิ้งเขาไว้ด้านหลังเมื่อเกิดสงครามกับสัตว์อสูรร้ายที่โจมตีพวกเราทั้งสามดินแดน ผู้ที่หยุดยั้งในครั้งนั้นมิใช่ผู้ปกครองทั้งสามหากแต่เป็นเขาผู้นั้น ผู้ที่ยืนหยัดในสนามรบมีเพียงแค่ทหารบางนายเหล่าผู้ปกครองและเขา หลายคนหนีตายเอาชีวิตรอดกัน จนเหตุการณ์จบไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของเขาอีกนับจากนั้น เมื่อจอมเวทย์ใกล้จะสิ้นท่านกลับบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ไว้ ท่านใช้เวทย์จดจำเพื่อจดจำเขาแต่เวทย์ที่ต่างกันทำได้แค่จดจำเรื่องราวและชื่อไร้ซึ่งสิ่งบ่งบอกตัวตนและคำมั่นสัญญาของพวกเขาครั้งนั้นที่จะไม่กล่าวถึงตัวตนอีกฝ่ายตลอดกาล ท่านจอมเวทย์ยอมที่จะผิดสัญญาบันทึกบอกเล่าไว้แล้วท่านก็สิ้นใจตามสัญญาที่กล่าว"


“ท่านจอมเวทย์ ท่านสามารถบอกชื่อของเขาแก่พวกเราได้หรือไม่ครับ เพราะนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เชื่อโยงกับเด็กในคำทำนายก็ได้นะครับ” นักเวทย์หนุ่มอีกคนกล่าว


“ฉันก็คิดเหมือนกับพวกเธอเหล่านักเวทย์ทั้งหลายเรื่องการเชื่อโยงกับเด็กในคำทำนาย แต่มันก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของเราเท่านั้น ความจริงเด็กคนนั้นอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาที่พวกเราคิดว่าเป็นสายเลือดเลยก็ได้ ถูกไหม เราควรเผื่อวิธีอื่นในการตามหาต่อไป เอาละท่านมหาปราชญ์จอมเวทย์ มีชื่อว่า รัสเทล อินเทียส”


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 21-05-2018 14:05:34
 :pig2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #1 [22/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 22-05-2018 09:40:19
#1


“จงตื่นขึ้นมาเถิดบุตรแห่งข้า รัสเทล” เสียงทุ้มที่กังวานไปทั่วทุ่งกว้างที่มีเพียงร่างของชายหนุ่มต่างวัยสองคนอาศัยอยู่ตามลำพัง ชายหนุ่มที่นอนหลับตาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะลุกขึ้นนั่งหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านข้างตน ชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาจนไม่สามารถบรรยายได้ส่งรอยยิ้มเอ็นดูกลับมาที่เขา


“ท่านผู้สร้าง” เสียงที่นุ่มละมุนดังออกมาจากริมฝีปากบนใบหน้าที่ระบุเพศจากสายตาไม่ได้เพียงนิด หากแต่ความราบเรียบบริเวณหน้าอกที่ยืนยันว่าเป็นบุรุษเพศเพียงเท่านั้น


“หากเจ้ายังมิเลิกจมอยู่กับความเศร้าโศกจากพวกเขาเมื่อนานมาเช่นนี้ แล้วเจ้าจักมีความสุขในวันต่อไปได้เช่นไรบุตรข้า” ฝ่ามือที่ลูบอยู่บนศีรษะด้วยความเอ็นดูเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าสวยที่แฝงความเศร้าของเด็กหนุ่มตรงหน้า


“ข้ามิอาจลืมเลือนช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดที่พวกเขาทอดทิ้งข้ามิได้ พวกเขารับปากว่าจะช่วยเหลือข้าช่วยรักษาผืนป่าและสัตว์น้อยใหญ่ที่ข้าดูแลในนั้น พวกเขากลับทอดทิ้งมันจนเกิดเรื่องครั้งนั้นขึ้น พวกเขาบีบบังคับข้าให้ต้องทำร้ายลูกๆที่รักของตัวเอง พวกเขามิรักษาสัญญาที่จะดูแลสัตว์พวกนั้น พวกเขาทอดทิ้งพวกมัน และสุดท้ายก็หันหลังทิ้งข้าไว้กับปัญหาที่ข้ามิเกี่ยวข้องใดๆ  ข้าผิดอะไร ลูกๆข้าผิดอะไร ข้าแตกต่างกับพวกเขาเช่นไร ถึงทอดทิ้งข้ากัน เหตุใดจึงหวาดกลัวข้ากัน ข้าใช้เวลานานนับพันปีเพื่อหาเหตุผลมาตอบตัวเอง แต่ไม่มีอะไรที่บอกกล่าวแก่ข้าได้ว่าเหตุใดพวกเข้าถึงหวาดกลัวตัวข้าที่ปกป้องพวกเขาเช่นนี้”


“เจ้าบอกว่าเจ้าคือผู้ปกป้องพวกเขาเหล่าลูกแกะผู้หลงทางเช่นนี้ แล้วการที่เจ้าหนีพวกเขามานับหมื่นปีเช่นนี้ ใครเล่าที่ปกป้องเขาต่อกันบุตรแห่งข้า”


“ท่านผู้สร้าง ข้ารักและพร้อมปกป้องพวกเขาด้วยใจจริง แต่การที่พวกเขาทอดทิ้งข้ามันก็ทำให้ข้ามิสามารถมองพวกเขาดำเนินชีวิตต่อไปได้ พวกเขาต่างรักในพวกพ้องแล้วข้าเล่า มิรักพวกพ้องเช่นกันหรือ ข้าอยากมอบบทเรียนกับพวกเขา อยากให้พวกเขาได้ดูแลตนเอง อยากให้พวกเขาต่างเติบโตด้วยตนเองโดยไร้ข้าที่อยู่เฝ้ามอง”


“บุตรแห่งข้า ณ ตอนนี้ดินแดนด้านล่างกำลังระส่ำระส่ายยิ่งนัก หากเจ้ามิเชื่อจงส่องกระจกนี้เพื่อรับรู้เรื่องราวเถิด” ชายหนุ่มรับกระจกมามองโลกด้านล่างที่เขาเคยอาศัยเมื่อนานมาแล้ว


ความวุ่นวายในทุกย่อมหญ้าหลังจากที่เขาจากมาไม่นานจวบจนเหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดความแตกแยกของสองดินแดนจนเกิดสงครามอยู่ต่อเนื่อง ผู้คนบาดเจ็บล้มตายจากโรคประหลาด ผืนป่าที่เขาดูแลมิเปลี่ยนไปจากเดิม ไอเวทย์ที่ครอบคลุมไว้ทำให้เข้ารับรู้ได้ว่าที่นี่มีการดูแลรักษาที่สม่ำเสมอ ไอเวทย์จากปีศาจและพ่อมดแม่มดและเทคโนโลยีจากสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ที่ปกป้องคุ้มครองผืนป่าและสัตว์ภายใน ความเจ็บปวดเริ่มที่จะเลือนลางเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้ายังคงอยู่


“พวกเขาอาจจะหลงลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า แต่บทเรียนที่พวกเขาได้รับทำให้พวกเขาเข้าใจเจ้ามากขึ้น พวกเขากำลังรักษาสัญญาของเจ้าเช่นกาลก่อนแล้วบุตรแห่งข้า เจ้าสามารถละทิ้งความเจ็บปวดในอดีตครั้งก่อนได้หรือไม่เมื่อประจักษ์กับสายตาเจ้าแล้ว ว่าตอนนี้เจ้าเองก็ทอดทิ้งพวกเขาจากบทเรียนของเจ้าเช่นกัน บุตรแห่งข้า”


“ท่านผู้สร้าง ข้าไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลวร้ายลงเช่นนี้ เป็นข้าเองที่ทอดทิ้งพวกเขามานานนับหมื่นปีเช่นนี้ ข้าทอดทิ้งพวกเขาจนเหตุการณ์เลวร้ายกว่าเดิม ข้าจะทำอย่างไรดี พวกเขาจะให้อภัยกับโทษที่ข้าทอดทิ้งเขาครั้งนี้หรือไม่” เสียงของเด็กหนุ่มสั่นเทาจากความเสียงใจที่คิดว่าตนทอดทิ้งบุคคลที่ตนบอกว่าปกป้องไว้นานเกินไปจนแผ่นดินด้านล่างเริ่มระส่ำระส่ายเช่นนี้ ความแตกแยกของสองอาณาจักรที่ไร้ผู้ช่วยเหลือ ทุกอย่างดูหนักเกินไปที่อาณาจักรเวทย์แห่งนั้นจะช่วยได้


“หากเจ้าอยากจะรู้สิ่งใดก็จงตรองดูเอาเถิด หากแต่ไร้ซึ่งหนทางแล้ว ข้าผู้เป็นพ่อจักช่วยเหลือเจ้าเอง” อ้อมกอดที่กระชับเต็มไปด้วยความรักความห่วงใย ความสงบที่หาได้เสมอในอ้อมกอดนี้ทำให้เกิดประกายในดวงตาของเด็กหนุ่ม


“ท่านผู้สร้าง ข้าอยากปกป้องพวกเขาอีกครั้ง แต่ข้ากลัวว่าหากพวกเขาจำข้าได้จะหวาดกลัวข้าอีกหน”


“ข้าจะช่วยเจ้าเองบุตรแห่งข้า” แสงสว่างเกิดขึ้นก่อนที่จะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่กลับเหลือเพียงชายหนุ่มวัยกลางคนที่ยืนยิ้มอยู่เพียงลำพัง


“ไม่ว่าเจ้าจะหนีมันมาอีกสักกี่พันครั้งชะตาของเจ้าก็จะคงเดิม พวกเขาจักใช้ประโยชน์จากเจ้าเช่นเดิม อยู่ที่มุมมองของเจ้าแล้วว่าจะมองว่าพวกเขาใช้ประโยชน์จากเจ้าหรือเพียงขอยืมแรงของเจ้าเช่นมิตรสหายกัน พ่อคนนี้จักอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอไม่ว่ายามใด ขอให้เจ้าได้ประสบแต่สิ่งที่ดีเถิดหนา ลูกรัก”




   ภาพทุกอย่างกลายเป็นความมืดมิดเหมือนทุกครั้งที่เหตุการณ์จบลง เปลือกตาที่ปิดอยู่ถูกเปิดออก ร่างบางของเด็กผู้ชายที่อยู่บนเตียงซ้อนทับกับภาพของเด็กหนุ่มที่อยู่ในช่วงเวลาแห่งนิมิตฝัน ไม่ว่าส่วนใดของร่างกายที่ไม่แตกต่างจากกันที่แตกต่างคงเป็นเพียงขนาดของร่างกาย เพราะร่างบนเตียงเป็นเพียงแค่เด็กน้อยวัยสิบสามปีเท่านั้น


ร่างนั้นขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมานั่งนิ่งๆ ความงุนงงจากภาพฝันที่เห็นทุกครั้งยามหลับตานอนตั้งแต่จำความได้จากที่ตกใจที่เห็นคนที่หน้าคล้ายตัวเองกลายเป็นความชินชา หลังจากที่บอกเล่าความฝันกับบิดามารดาเขาก็ถูกหาว่าเพ้อฝัน เด็กน้อยจึงไม่เคยเล่าความฝันของตนเองแก่ใครอีก แม้จะจดจำเหตุการณ์ ชื่อและหน้าของเด็กหนุ่มในฝันได้แต่กลับเลือนรางเมื่อนึกถึงชายที่พูดคุยตรงหนาในฝันเสมอ


เมื่ออายุครบสอบขวบจึงเข้าโรงเรียนประจำอาณาจักรตามกฎระเบียบ และความฝันยิ่งเด่นชัดขึ้นเมื่อเข้ามาที่โรงเรียนแห่งนี้ในวัยสิบปี และทุกครั้งที่หลับตาภาพของเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าเหมือนตนก็ปรากฏขึ้นเสมอ


“ราส ถ้านายตื่นแล้วก็ไปจัดการตัวเองเร็วเข้า เรากำลังจะไปสายแล้ว” เสียงรูมเมทของเด็กหนุ่มดังขึ้นความคิดต่างๆจางหายเมื่อได้ยินคำว่าสาย

ขาสั้นที่แตกต่างจากเพื่อนร่วมรุ่นรีบวิ่งไปจัดการตัวเองแล้วพากันออกจากหอพักไปที่อาคารรวมทันทีเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมขึ้นปีที่สี่ของพวกเขาเหล่าพ่อมดแม่มดรุ่นใหม่ สิ่งที่ตื่นเต้นก็คือจากนี้ไปอีกสามปีพวกเขาจะได้เรียนภาคปฏิบัติกันเสียทีและวันนี้พวกเขาจะได้รู้ว่าพวกเขามีเวทย์อะไรกันบ้างและสามารถใช้ได้ในรูปแบบไหนกันบ้าง


   ยินดีต้อนรับทุกท่านเขาสู่ดินแดนแห่งเวทย์มนต์นะครับ กระผม ราสเต้ ดีนเซอร์ ผมจะขอทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายหลักนะครับ  ที่โลกที่ผมอยู่เรียกกันว่า ฮอตโตริ ในโลกนี้แบ่งออกเป็นสามดินแดนนะครับ เราจะเรียกกันว่าอาณาจักรนะครับ

มาเริ่มกันที่อาณาจักรแรกกันครับ เป็นอาณาจักรของเหล่าปีศาจทุกชนิดทุกสายพันธุ์มีชื่อว่า อาณาจักรรัสเทียร์ ต่อมาอาณาจักรที่มีเหล่ามนุษย์ที่ไร้เวทย์อาศัยอยู่แต่ถึงจะไร้เวทย์ก็มีวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีมาทดแทนสิ่งที่ขาด มีชื่อว่าอาณาจักรฟาซอลเทียร์และมาถึงอาณาจักรสุดท้ายที่ผมภูมิใจนำเสนอ อาณาจักรบ้านเกิดของผมเองครับ อาณาจักรอิลเทียร์

ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าพ่อมดแม่มดรายละเอียดเบื้องต้นเป็นเนื้อหาสามปีที่เราเรียนทฤษฎีกันมาทั้งหมดครับ ที่นี่เราจะแบ่งลำดับการเรียกชื่อชั้นตามหน้าที่และพลังเวทย์ด้วยนะครับ ชนชั้นสูงหรือกษัตริย์ผู้ปกครองเราเรียกว่าจอมเวทย์ รองลงมาเป็นเหล่าสภาเวทย์อาวุโส ทำหน้าที่คัดกรองและออกกฎต่างๆ ต่อมาเป็นปราชญ์เวทย์ทำหน้าที่ส่งต่อคำสั่งและดูแลหน่วยงานต่างๆในระดับสูง ต่อมาเป็นนักเวทย์คือเหล่าอาจารย์และเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาทุกคน สุดท้ายคือพ่อมดและแม่มด เป็นคำเรียกบุคคลที่ไม่ได้รับตำแหน่งใด เรียงลำดับจากบนลงล่างตามนี้ครับ

จอมเวทย์
สภาเวทย์อาวุโส
ปราชญ์เวทย์
นักเวทย์
พ่อมด,แม่มด

ในส่วนของชื่อเรียกของพวกเราตามลำดับขั้นพลังเวทย์จะมีลำดับจากบนลงล่างตามนี้นะครับ
มหาปราชญ์จอมเวทย์ (ปัจจุบันสาบสูญ)
จอมเวทย์
ปราชญ์เวทย์
นักเวทย์
พ่อมด,แม่มด
พ่อมด,แม่มดฝึกหัด

ระดับขั้นในแต่ละขั้นนั้นจะแบ่งได้อีกสามส่วนคือ ขั้นสูง ขั้นกลาง และขั้นเริ่มต้น ชนิดของเวทย์แบ่งเป็นสองชนิดคือแบบพื้นฐานและพิเศษ โดยเริ่มจากพื้นฐานคือ ดิน , น้ำ , ลม , ไฟ แบบพิเศษคือ แสง , มืด , น้ำแข็ง , ไม้ , ไฟฟ้า , ทำนาย(สาบสูญ) , ห้วงเวลา(สาบสูญ)และว่างเปล่า(สาบสูญ)

นี่เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับพวกเรานะครับ ที่อาณาจักรนี้จะมีโรงเรียนเพียงแห่งเดียวที่ฝึกสอนเหล่าพ่อมดแม่มดน้อยให้เติบโตกลายเป็นพ่อมดแม่มดหรือบุคลากรด้านต่างๆ ที่โรงเรียนนี้จะรับเด็กทุกคนในดินแดนเข้ามาเมื่ออายุครบสิบปีบริบูรณ์

สามปีแรกทางโรงเรียนจะสอนเฉพาะด้านทฤษฎีเท่านั้นเพื่อวัดระดับความรู้ พอปีที่สี่จะเริ่มวัดระดับพลังที่จะบ่งบอกว่าเจ้าตัวจะต้องอยู่หรือเดินทางไปตามเส้นทางใดในอนาคตของตน เด็กทุกคนเกิดมาจะยังไม่สามารถใช้เวทย์ได้จนกว่าจะผ่านการวัดระดับพลังจากที่นี่ก่อนเสมอ ผมและเพื่อนคนอื่นเลยอดที่จะตื่นเต้นไปกับมันไม่ได้เพราะอยากจะรู้ว่าผมได้พลังอะไร


“ต่อไปจะเป็นการแยกย้ายนักเรียนชั้นปีที่สี่ไปตามห้องวัดระดับพลังนะครับ” เสียงของอาจารย์ที่ทำหน้าที่ในงานปฐมนิเทศนักเรียนในครั้งนี้


เอ ผมลืมบอกชื่อโรงเรียนหรอครับ โรงเรียนนี้จะมีชื่อเดียวกับอาณาจักรเลยครับและอีกสองดินแดนก็เช่นกันครับ โรงเรียนอิลเทียร์  ชุดเครื่องแบบเป็นสีเทาเข้มทุกคนแต่ไทจะเปลี่ยนสีตามแต่ละชั้นปี ง่ายๆครับเราต้องเปลี่ยนไทใหม่ทุกปีครับเรียงจากปีแรกไปก็เป็น ขาว ครีม ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน ครามและสุดท้ายดำครับ แต่จะมีเข็มกลัดชื่อย่อตัวหนังสือ IT ติดไว้ทุกคนแต่จะเป็นสีเงินครับ ส่วนพวกมีตำแหน่งจะเป็นสีทองครับผมรู้แค่นี้เพราะไม่ได้สนใจมากมายถ้าเจอสีทองก็เลี่ยงเดินไปอีกทางก็จบครับ


ผมไม่ได้มีความผิดหรอกนะครับแต่มันไม่ชอบไงครับ ผมคิดว่าพวกคุณก็เป็นเวลาเจออาจารย์ฝ่ายปกครองใช่ไหมละครับ แหมรู้กันๆ ต่อครับตอนนี้นักเรียนสีไทอื่นๆเริ่มแยกย้ายออกจากหอประชุมอาคารรวมไปแล้วที่อยู่ก็เป็นพวกไทฟ้าอ่อนแบบพวกผมที่บ่งบอกว่าเป็นเด็กปีสี่


“ราส ทางนี้ ฉันโคตรจะตื่นเต้นเลยหวะ” เสียงของรัล เพื่อนร่วมชั้นและรูมเมทของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับจูงแขนผมดินตามไปทางห้องวัดพลัง


ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วครับที่มีหลายคนคอยเข้ามาถามมาคุยตั้งแต่เรื่องมีสาระจนเรื่องไร้สาระที่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ผมที่ร่าเริงเข้ากับใครก็ได้มีเพื่อนเยอะแยะเป็นที่รู้จักจากรุ่นพี่รุ่นน้องมากมายแต่กลับไม่มีใครสักคนที่ผมเรียกว่าเพื่อนสนิทสักคนเดียว เมื่อมีคนเข้ามาใกล้ผมมากเกินเขตที่ขีดไว้ผมจะถอยห่างออกมา อะไรบางอย่างในตัวผมกลัวการไว้วางใจใครสักคนมาโดยตลอด ผมไม่เคยที่จะเชื่อใจใครนอกจากตัวเอง


“คนต่อไปเชิญครับ” รุ่นพี่ไทสีครามบ่งบอกชั้นปีที่ห้าทำหน้าที่ขานเรียกรุ่นน้องและเช็คชื่อคนที่ผ่านเข้าห้องไปจนกระทั่ง


“เชิญครับน้องราส” ผมพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้พี่เขาทั้งที่จำชื่อพี่เขาไม่ได้ก็ตาม ผมเดินเข้ามาภายในห้องวัดพลัง กำลังจะได้รู้แล้วสินะครับ ตื่นเต้นสุดๆเลย


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤตย ที่ 22-05-2018 16:39:18
น่าติดตามครับ มาต่อไว้นะครับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #2 [23/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 23-05-2018 11:01:44
#2


“เดินไปที่กลางวงเวทย์เลยจะ” อาจารย์สาวที่สอนวิชาประวัติศาสตร์เมื่อตอนที่ผมอยู่ปีสอง

ผมเดินไปทั้งที่ขาสั่นเล็กน้อย มันตื่นเต้นมากครับ นี่เป็นพิธีปลุกพลังของชาวเวทย์ทุกคนที่เข้าเรียนที่นี่เพื่อลุกพลังในตัวของทุกคนว่าจะมีธาตุใดแฝงอยู่ในกายแต่ละคนบ้าง


เมื่อนักเวทย์ทำการร่ายวงแหวนรอบตัวผมก็เริ่มเรืองแสงสีขาวรอบตัวของผม ผมที่ตกใจจนเผลอหลับตาลง


ภาพต่างๆวิ่งเข้ามาในหัวของผม ทั้งภาพป่าหลังโรงเรียนที่มีอาณาเขตติดต่อทั้งสามดินแดน มีชายหนุ่มที่อยู่ในความฝันนั่งอยู่ที่ใจกลางป่าที่ผมเคยแอบเข้าไปเดินเล่นเป็นประจำทั้งที่เป็นเขตหวงห้าม อีกทั้งรอบกายของเขามีแต่สัตว์อสูรมากมายที่เคยเห็นตามตำราในหอบันทึกของโรงเรียน มีภาพเหตุการณ์ที่คล้ายสนามรบสักอย่าง จนสุดท้ายภาพที่เขากำลังเอ่ยบางอย่างกับผู้ชายที่ต่างกันสามคนก่อนจะร่ายเวทย์ที่ผมไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อนแต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความเศร้าของชายคนนั้นและรับรู้ว่าเวทย์นั้นคือเวทย์ที่ปรากฏในหน้าหนังสือที่ผ่านตา เวทย์ลบล้างตัวตน


เฮือก ผมสะดุ้งเมื่อนักเวทย์เดินเข้ามาจับที่ตัว ผมสะบัดแขนแล้วถอยตัวออกห่างสายตาของทุกคนทั้งนักเวทย์ผู้ทำพิธีและนักเวทย์ที่ร่วมพิธี อาจารย์สาวแล้วก็รุ่นพี่ที่เรียกผมเข้ามา ใจของผมเต้นแรง ความรู้สึกตกค้างมันเป็นความหวาดระแวงกลัวว่าจะมีคนรู้ถึงตัวตนของผมหากได้สัมผัสตัวกัน ผมพยายามตั้งสติของผมให้หลุดออกจากภาพที่เห็นเหมือนกับทุกครั้งที่เกิดเรื่องในทำนองนี้เสมอ


“ขอโทษครับที่เสียมารยาท ผมอาจจะตื่นเต้นมากเกินไป” สายตาเห็นใจจากอาจารย์ สายตาสงสัยจากรุ่นพี่ และอีกหลายๆสายตา แต่ที่ผมสะดุดตากับเป็นสายตาที่มองมาอย่างหวาดกลัว


ภาพซ้อนทับกับอีกภาพเข้ามา เป็นเหตุการณ์ทำนองเดียวกันแต่คนละสถานที่และบุคคล ภาพนั้นเป็นโบสถ์ใจกลางเมืองแห่งนี้คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ผมแต่เป็นเด็กหนุ่มที่หน้าเหมือนกับผม วินาทีที่ผมสบสายตากับเขากับรับรู้ความรู้สึกเดียวกันเหมือนกับที่ผมรู้สึกได้ เราต่างหวาดกลัวสายตาที่มองมาและผิดหวังที่เห็นมัน ผมรีบสั่นศีรษะเรียกสติอีกครั้ง พยายามอยู่กับตัวเองไม่ยอมให้ภาพอะไรมารบกวนเวลาที่ผมรอคอยมาเสมอ


“ดีขึ้นไหมจ้ะ ถ้าดีขึ้นแล้ว ยกมือเธอมาแตะที่ลูกแก้วนี้เพื่อทดสอบว่าพลังเวทย์ในตัวเธอคืออะไรนะจ้ะ” อาจารย์สาวยิ้มเอ็นดูมาให้ผม

ผมพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปที่โต๊ะที่มีลูกแก้วทดสอบตั้งอยู่ เมื่อผมแตะลูกแก้วมีแสงสีขาวรางหมุนวนอยู่ภายในนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเหมือนที่อ่านและได้ยินมา ทุกอย่างดูนิ่งสงบ กลุ่มควันสีขาวจางยังคงลอยตัว ผมหันไปมองรอบตัว มีทั้งสายตาสงสัย ทั้งครุ่นคิด และอื่นๆ ผมกำลังจะยกมือออกกลับมีเสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นประชิดใบหู


“กงล้อแห่งชะตาของเจ้าเริ่มหมุนแล้ว เจ้าจักหนีมันไม่พ้นเพราะข้าคือผู้ทำนายแก่เจ้า” เมื่อสิ้นเสียงผมชักมือออกแบบไม่ให้เกิดพิรุธใดๆ ไม่มีใครได้ยินเสียงแบบที่ผมได้ยิน ผมคิดว่าสิ่งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับความฝันและภาพในพิธีนั้น ผมต้องหาทางพิสูจน์สิ่งที่อยู่ในความคิดของผมให้ได้


“แปลกมาก ทำไมไม่เกิดสิ่งใดขึ้นเลยได้อย่างไรกัน” เสียงพูดคุยจากเหล่านักเวทย์ที่เข้าร่วมพิธีทำการพูดคุยกันจนดังระงม


ผมมองซ้ายมองขวาเริ่มเหงื่อตก ผมกำลังจะเป็นตัวประหลาดหรอครับ นี่แปลว่าผมไม่มีเวทย์ทั้งที่เกิดในดินแดนนี้หรอครับ


“ทำใจดีๆนะจ้ะ อาจารย์ว่าอาจจะเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นก็ได้นะจ้ะ” อาจารย์สาวให้กำลังใจกับผม


“ผมว่าเรารองตรวจสอบพลังใหม่อีกครั้งดีไหมครับ” ชายหนุ่มนักเวทย์เสนอความคิดขึ้นมากลางวงสนทนา


“ลูกแก้วตรวจสอบนี้ไม่เคยมีเหตุการณ์ผิดพลาดมาก่อนตั้งแต่โบราณกาล แต่เพื่อความแน่นอน เธอพ่อมดน้อย เราขอให้เธอตรวจสอบอีกครั้งได้ไหม” ผมพยักหน้าทั้งที่ใจหวาดกลัวกับผลลัพธ์ที่ผมมั่นใจว่าจะเป็นแบบเดิม เมื่อผมสัมผัสมัน ลูกแก้วก็มีแสงสีขาวจางหมุนวนเช่นเดิม ทุกคนต่างทำสีหน้าเคร่งเครียด


“เอาล่ะ เราจะเอาเรื่องของเธอรายงานต่อที่ประชุมกับทางสภานักเวทย์และส่งต่อที่สภาเวทย์อาวุโสถ้าหากหาข้อสรุปอะไรไม่ได้ เมื่อได้เรื่องเราจะขอเรียกตัวเธอมาอีกครั้ง หวังว่าเธอจะให้ความร่วมมือกับเราด้วยดีนะ” นักเวทย์ผู้ทำพิธีเป็นคนหันมาพูดกับผม


ผมคิดอยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ ผมพยักหน้าตกลงก่อนที่รุ่นพี่คนเดิมจะเดินนำผมออกจากห้องวัดพลัง ตลอดทางรุ่นพี่พยายามพูดปลอบไม่ให้ผมเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นภายในห้องนั้น ผมพูดคุยกับรุ่นพี่และคนที่ผ่านมาตามปกติเพื่อไม่ให้ทุกคนสงสัยว่ามีเรื่องผิดปกติกับตัวของผม


เมื่อผมเดินกลับมาที่หอเพราะวันนี้ปีสี่จะวัดพลังกันเพียงเท่านั้น พรุ่งนี้คือวันเปิดเรียนที่แท้จริงต่างหากครับ


“เป็นยังไงบ้างนายได้เวทย์ชนิดไหน ฉันได้น้ำกับน้ำแข็งขั้นกลาง” รัลรูมเมทของผมเอ่ยทักทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก


“ฉันยังไม่รู้เลย พอดีมีปัญหานิดหน่อย เอาเถอะว่าแต่พรุ่งนี้เรามีเรียนอะไรกันนะ” ผมเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเพราะผมมีความรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ควรให้คนอื่นรู้มันมากกว่านี้อีกแล้ว


“อ่าก็ได้ อืม พรุ่งนี้รู้สึกว่าจะเรียนเรื่องการร่ายเวทย์และเลือกสื่อเวทย์นะ นายไปอาบน้ำก่อนเถอะ วันนี้อากาศอบอ้าวพอสมควร”


“ได้ แล้วนายจะออกไปไหนต่อไหม”


“ไม่ละฉันว่าจะนอนเล่นรอเวลาอาหารเย็นทีเดียวอีกไม่กี่ชั่วโมงเอง”


“อืม” ผมตอบรับก่อนจะหยิบชุดเดินเข้าห้องน้ำที่ในตัวของแต่ละห้องพักเพื่อความสะดวกสบาย


ผมรีบปิดประตู วางเสื้อผ้าทิ้งลงพื้นที่หน้าประตูแล้วเดินมาที่อ่างน้ำ เปิดน้ำจนเต็มก่อนจะทิ้งตัวลงนอนในอ่าง ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนจะโผล่หัวขึ้นมาจนพ้นน้ำสูดหายใจเต็มแรง หัวใจของผมเต้นแรงเพราะการขาดอากาศเมื่อกี้ ผมรับรู้ถึงน้ำในอ่างว่าไหลไปทางไหน  เสียงกระซิบของสายลม เสียงกระซิบของธรรมชาติรอบตัว ใช่ครับ ตั้งแต่ที่ผมผ่านพิธีปลุกพลังเวทย์ ผมได้ยินเสียงต่างๆรอบตัวมากขึ้นรวมทั้งเสียงที่ดังขึ้นจากตอนที่ผมแตะลูกแก้วตรวจสอบ เสียงนั้นเป็นเสียงเดียวกับคนที่เด็กหนุ่มพูดคุยด้วยทุกครั้งที่ผมหลับตาฝันทุกคืน


ผมที่รับรู้การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองที่เบาขึ้นกว่าเดิมและมีอะไรบางอย่างที่หมุนวนไปทั่วทั้งร่างของตัวเอง ผมที่คิดจะบอกอาจารย์เผื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพลังเวทย์ของผม แต่เมื่อไม่สามารถตรวจสอบพลังได้ผมคิดว่าผมคงจะคิดไปเอง แต่เมื่อผมเดินผ่านสวนที่คั่นระหว่างตัวตึกของโรงเรียนและส่วนของหอพัก ผมได้ยินเสียงกระซิบจากสายลมที่รุนแรงจนชัดเจนมากขึ้นและต้นไม้ต้นหญ้าที่ร้องเรียกผมจนกระทั่งเข้ามาที่ห้องพัก


เสียงจากสายน้ำเมื่อผมจมอยู่ภายในอ่างเมื่อสักพัก ผมไม่ได้คิดไปเองแล้วละครับ ผมได้ยินเสียงเรียกจากธรรมชาติรอบกายของผมจริงๆ แต่ผมไม่มีพลังเวทย์นะครับ ตรวจสอบสองรอบด้วยซ้ำ ผมตั้งสติ ครุ่นคิด จนใจที่เต้นแรงเพราะตื่นกลัวกลับมาสงบราบเรียบตามเดิม พรุ่งนี้ตอนพัก ผมคิดว่าผมจะต้องเข้าไปหาที่สงบในป่าเพื่อทดสอบอะไรบางอย่างแล้วละครับ






   เสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นหินอ่อนดังขึ้นสะท้อนก้องทางเดินเข้าสู่ห้องทำงานของผู้ปกครองอาณาจักรเวทย์ จอมเวทย์รุ่นปัจจุบันผู้เป็นหนึ่งในผู้มีพลังเวทย์ขั้นจอมเวทย์แต่เป็นผู้เดียวที่อยู่ในขั้นสูงและมีเชื่อสายกษัตริย์สืบต่อมา


“ของอนุญาตครับ ท่านจอมเวทย์” นายทหารผู้นำเรื่องด่วนร้องบอกผู้ที่อยู่ด้านหลังบานประตูสิ้นเสียงอนุญาต ทหารผู้เฝ้าประตูก็เปิดพร้อมทำความเคารพ “มีจดหมายจากสภาเวทย์อาวุโสส่งมาครับพร้อมกำชับว่าเป็นเรื่องด่วนและสำคัญมากครับท่าน”


“สภาเวทย์หรือ คงจะด่วนจริงๆสินะถึงได้ใช้เจ้าที่เป็นแม่ทัพมาส่งข่าวเองแบบนี้”


“เห็นว่าเป็นเรื่องลับด้วยครับท่าน เลยวานผมให้ช่วยนำมาส่งเองเพื่อความปลอดภัย”


“อืม ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปทำงานต่อได้”


“ครับ” เมื่อแม่ทัพออกไปเรียบร้อย จอมเวทย์จึงจัดการร่ายเวทย์ปลดผนึกก่อนจะอ่านเนื้อความในจดหมายเรื่องของเด็กที่ไม่แสดงพลังเวทย์อะไรออกมาตอนที่ทำการตรวจสอบด้วยลูกแก้วตรวจสอบ


“เรื่องที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวกับคำทำนายในครั้งนั้นหรือเปล่ากัน ถ้าใช่สิ่งที่พวกเราเหล่าจอมเวทย์ทุกรุ่นตามหามาก็จะสำเร็จสักที”จอมเวทย์กล่าวพร้อมรอยยิ้มแห่งความหวังที่ตามหามานาน





   เช้าวันต่อมาผมและรัลก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆตลอดทางผมพยายามไม่นึกถึงภาพความฝันกับเสียงเรียกจากรอบข้าง เช้านี้ผมรู้สึกได้ว่าสามารถต้านเสียงเหล่านั้นได้ ผมสามารถที่จะควบคุมการรับเสียงได้มากขึ้นจนไม่เป็นปัญหาเหมือนกับเมื่อวานหลังปลุกพลังเวทย์


“ราส นายคิดว่านายต้องใช้อะไรเป็นสื่อเวทย์ระหว่างไม้กับคทา”


“ผมคิดว่าอาจจะยังไม่ได้เลือกวันนี้นะครับ เพราะพลังเวทย์ผมมัน” ผมเงียบเสียงลงเมื่อมีเพื่อนร่วมชั้นทยอยเข้าห้องมามากขึ้น


“อ่าฉันเข้าใจนายอยู่ ถ้าไม่เข้าใจเรื่องปฏิบัติถามฉันได้แลกกับที่นายคอยช่วยฉันที่ผ่านมาละกัน”


“ขอบคุณนะครับรัล” ผมยิ้มให้แต่รัลกับเพื่อนร่วมห้องที่หันมามองที่ผมต่างพากันหน้าแดงไปกันหมด


ผมชินแล้วครับ ก็ผมเจอแบบนี้มาตั้งแต่ปีแรกที่เข้าเรียนเลยนี่ครับ ผมลืมบอกไปครับ มีคนที่เข้ามาจีบผมด้วยนะครับ แต่ส่วนมากจะเป็นรุ่นพี่ทั้งชายและหญิง ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมใครๆถึงสนใจผมกันนัก แต่ผมก็ไม่เคยตอบรับใครนะครับ ก็ช่วงแรกผมกลัวการเข้าใกล้คนอื่นมากเลยนี่ครับ ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้วครับแต่ก็ยังไม่เปิดใจให้ใครเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวอยู่ดีละครับ


“พวกเธอตามฉันมา เราจะไปเรียนที่โรงยิมต่อสู้ต่อไปนี้ไปเจอกันที่นั่นสำหรับคาบเรียนนี้นะ” อาจารยซิลเวอร์เรียกพวกเราให้เดินตามไปที่โรงยิมต่อสู้ ถึงชื่อจะดูโหดไปบ้างแต่ตามจริงเป็นแค่โรงยินฝึกพวกเราใช้เวทย์ในการต่อสู้ครับ เรียกย่อๆก็โรงยิมต่อสู้นี่ละครับ


“เราจะมาลองดูว่าพวกเธอจะได้สื่อเวทย์แบบไหนกัน เอาละพวกเธอต้องตั้งสมาธิให้ดีนะ แล้วลองฟังว่าสื่อเวทย์ชนิดไหนเรียกเธอ” อาจารย์ซิลเวอร์เรียกพวกเราตามหมายเลขประจำตัวให้เข้าแถวเพื่อเลือกสื่อเวทย์ที่วางไว้ตรงหน้าอาจารย์ ผมที่อยู่ลำดับท้ายๆเลยยืนรอต่อไป ผมใช้เวทย์ไม่ได้แล้วสื่อเวทย์จะมีได้ยังไงกันละครับ จะทำยังไงดี ผมยืนคิดไปจนใกล้จะถึงคิวของผมและก็ถึงจนได้


“เธอคือเด็กคนเมื่อวานที่ห้องวัดพลังใช่ไหม”


“ครับ”


“เธอจะลองไหม ฉันเชื่อว่าเธอต้องมีเวทย์แค่อาจจะยังไม่ถึงเวลาก็ได้” อาจารย์ซิลเวอร์พูดปลอบและส่งยิ้มให้กำลังใจมาให้ผม ผมที่ทำใจว่าคงไม่มีเวทย์ในตัวกับสิ่งประหลาดที่เกิดกับผมได้แล้วพอได้ยินก็อยากจะลองดูเหมือนกัน


“ครับอาจารย์” ผมหลับตาตั้งสมาธิ แล้วผมก็ได้ยินเสียงครับ


“นายท่าน นายท่าน นายท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าพวกนี้เลยสักนิด หากใจท่านปรารถนาสิ่งใดเพียงกล่าวกับพวกข้า ท่านก็จะได้ดั่งประสงค์ทันที” เสียงกระซิบจากธรรมชาติเหมือนเดิมครับ


อะไรคือไม่ต้องใช้กัน ไม่เคยมีพ่อมดแม่มดคนไหนไม่เคยใช้เวทย์โดยไม่มีสื่อเวทย์มาก่อนเลยนะครับ ในบันทึกที่หอตำราที่พวกเราเข้าไปศึกษาตามประวัติศาสตร์ก็ไม่มีให้เห็นเหมือนกัน


“เป็นยังไงบ้าง ได้ยินเสียงสิ่งใดกัน” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้อาจารย์มากขึ้น อาจารย์เป็นหนึ่งในนักเวทย์ที่ร่วมพิธีเมื่อวาน ผมคิดว่าถ้าลองถามดูคงจะไม่เป็นอะไรแถมอาจารย์ยังดูน่าเคารพด้วยเหมือนกัน


“อาจารย์ซิลเวอร์ครับ เคยมีพ่อมดแม่มดคนไหนที่ใช้เวทย์โดยไม่มีสื่อเวทย์ไหมครับ”


“เธอถามว่าอะไรนะ” อาจารย์ทำหน้าตกใจก่อนจะรีบรับสีหน้าลงครุ่นคิดพลางเหลือบมองหน้าผม


“อาจจะเคยมีแต่อาจารย์ก็ไม่แน่ใจเพราะเป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมาสำหรับพวกเรานักเวทย์ที่ทำงานที่นี่ เมื่อหมื่นปีก่อนเคยมีจอมเวทย์ที่ใช้เวทย์ได้โดยไม่มีสื่อเวทย์แต่ก็หายสาบสูญไป มันเลยเป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมา ว่าแต่เธอได้ยินเสียงไหม”


“ไม่ครับ ไม่ได้ยิน” ผมไม่คิดจะบอกเรื่องที่ได้ยินเสียงพวกนั้นกับอาจารย์ต่อ เพราะความรู้สึกของผมมันร้องเตือนให้หยุด และผมก็เชื่อมัน


“น่าเสียใจจริงๆ เอาละเธอไปได้ คนต่อไปเชิญ”


“เป็นไงบ้างราส”


“ไม่มีอะไรเลยรัล ดูเหมือนฉันจะเป็นเด็กประหลาดละนะ ฮ่าๆๆ” ผมเดินกลับมาที่นั่งข้างรัลก่อนจะพูดคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเดิม จนเวลาผ่านไปจนหมดคาบเรียน


ผมแยกตัวกับรัลอ้างว่ามีธุระ วันนี้เรามีเรียนแค่คาบเช้าก่อนจะพักเที่ยง และเราจะเรียนต่อสู้ช่วงบ่าย และผมคิดว่าจะโดดครับ มันอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่เวลานี้ผมไม่มีสมาธิพอที่จะหยุดเสียงเรียกพวกนี้ได้เลยครับ



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 23-05-2018 15:54:10
น่าสนุกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 23-05-2018 17:35:08
น่าสนุกนะคะ แต่อ่านไม่ไหว ไมย่อหน้าติดกันเป็นพรืดเลย จะน่าอ่านขึ้นมากและก็อ่านง่ายขึ้นมากถ้าย่อหน้าให้ถูกความ จบความหนึ่งเสักสี่ห้าบรรทัดเล้วย่อหน้าลงมาเลยค่ะ เอาไว้แก้ไขเเล้วจะมาอ่านอีกทีนะ อยากอ่านแต่ไม่ไหวจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 24-05-2018 00:28:22
หน้าสนุกดีค่ะ  ลงต่อจนจบน้า เรื่องแบบนี้ ถ้าทำให้ค้างคา หยุดลงเป็นเดือนเป็นปี โกรธแย่เลย  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-05-2018 08:42:52
สนุกค่ะ ลงต่อให้จบนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #3 [24/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 24-05-2018 11:18:54
#3

หลังจากที่แยกตัวออกมาผมก็เดินมาที่ป่าหลังโรงเรียนมุดลอดผ่านเขตแดนป้องกัน และทะลุบาเรียเวทย์


ผมเคยสงสัยตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาเรียนแล้วครับตอนที่ผมเผลอเดินหลงมาที่นี่ บาเรียป้องกันกลับไม่ทำงานตามปกติ ผมเลยแอบที่จะเข้ามาเสมอเพราะไม่มีใครที่จะเข้ามารบกวนและไม่มีใครจับผมได้ ยิ่งผมเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่เสียงรอบข้างยิ่งดังมากขึ้น


สัตว์อสูรตัวน้อยที่ผมแวะเวียนมาเล่นด้วยประจำรีบออกมาเมื่อเห็นว่าผมเข้ามาแล้ว ผมลูบหัวพวกมันเหมือนทุกครั้งก่อนจะเดินไปที่ใจกลางป่าเช่นเดิม ที่ใจกลางป่านี่มีต้นไม้ใหญ่ที่ผมไม่รู้ชนิดแผ่กิ่งก้านสาขาเป็นร่มไม้บังแดดฝนแก่สัตว์น้อยใหญ่ที่เข้ามาพักพิงเสมอ และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกตาที่สุดคงจะเป็นเรื่องราวในครั้งนี้


“ในที่สุดท่านก็ตื่นขึ้นมา พวกเรารอคอยเวลานี้มานานแสนนานที่จะได้พบกับท่านอีกครั้ง” ต้นไม้ที่ผมเคยใช้นอน นั่ง ปีนป่ายเมื่อทุกครั้งที่เข้ามา มันกำลังพูดกับผม ครับมันมีปากพูดครับ


“นี่มันเรื่องอะไรกันครับ” ผมอึ้งที่เห็นต้นไม่พูดได้แต่ไม่ได้ตกใจมากเพราะสัตว์อสูรบางตัวก็พูดกับผมจนชินพอสมควร


“ดูเหมือนท่านจะยังจำเรื่องราวในกาลก่อนมิได้ แต่ไม่เป็นไรหรอกนะครับ พวกเราทุกตนยินดีที่นายท่านกลับมาเสมอ พวกเรามาทำความรู้จักกันใหม่และอยากขอให้ท่านช่วยฟังเรื่องราวจากพวกเราก็พอ” ผมเดินเข้าไปนั่งที่เดิมที่นั่งทุกครั้งก่อนจะฟังเหล่าสัตว์น้อยใหญ่เข้ามาพูดคุยแนะนำตัวรวมถึงต้นไม้ภายในป่าที่ผลัดกันส่งเสียงมาหาผมเสมอแม้จะอยู่ไกลก็ตาม


ผมมีความรู้สึกว่าที่คิดว่าที่ของผมมากขึ้นจากเดิม ผมสามารถที่จะเปิดใจรับพวกเขาและยอมที่จะเล่าเรื่องความฝันต่างๆออกมารวมถึงเสียงที่ได้ยินตั้งแต่เมื่อวานด้วย


“เสียงนั้นคือพลังเวทย์ของท่าน ที่ลูกแก้วตรวจสอบมิสามารถค้นพบพลังของท่านได้เพราะแก่นพลังของท่านยังติดอยู่ในสภาะลบตัวตนอยู่จึงไม่สามารถตรวจพบ แต่ท่านสามารถที่จะใช้เวทย์ได้ดังเดิม” ทรีมอส ต้นไม้ใหญ่ผู้ปกปักรักษาผืนป่าแห่งนี้ เป็นนายของสิ่งมีชีวิตภายในป่านี้


“คุณทรีมอสช่วยสอนผมใช้เวทย์ได้ไหมครับ แล้วไม่มีสื่อเวทย์ผมต้องทำยังไงกัน”


“ข้าสามารถช่วยท่านได้นายท่าน ท่านแค่ตั้งสมาธิและทำใจให้สงบ ก่อนที่จะนึกถึงสิ่งที่ท่านต้องการแล้วยื่นมือออกมา แต่เมื่อท่านชินแล้วท่านสามารถสั่งได้ทางความคิดไม่จำเป็นต้องใช้มือช่วยต่อไปครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะทำตามที่คุณทรีมอสบอก


เมื่อลืมตาผมคิดถึงหยดน้ำและสิ่งที่เห็นคือหยดน้ำที่ลอยออกมาจากฝ่ามือของผม ผมลองไฟบ้างก็มีไฟสีฟ้าที่ติดอยู่บนปลายนิ้ว ผมลองไปเรื่อยๆจนครบทุกธาตุที่เรียนมาจนมาถึงเวทย์สาบสูญทั้งสามเวทย์


“คุณทรีมอสครับ แล้วเวทย์ทำนาย ห้วงเวลาแล้วก็ว่างเปล่าละครับ ต้องทำยังไง”


“นายท่านแค่นึกเรื่องที่เกี่ยวกับเวทย์เช่นหยุดเวลาจะเกี่ยวกับห้วงเวลา สภาพอากาศเกี่ยวกับทำนายและว่างเปล่าคือเวทย์ของท่านอยู่แล้วครับ พลังเวทย์ของท่านคือเวทย์พิเศษว่างเปล่าขั้นสูงจึงสามารถใช้ได้ทุกเวทย์อย่างไรเล่าครับ”


“ผมมีเวทย์ว่างเปล่าหรอครับ ทั้งยังขั้นสูงอีกด้วย สุดยอดไปเลย คุณทรีมอสนี่เป็นคลังความรู้สำหรับผมเลยนะครับเนี่ย” ผมส่งยิ้มให้คุณทรีมอส แต่ผมว่าผมเห็นว่าใบของเขาสะบัดแรงทั้งที่ไม่มีลม แหมเขินผมอีกสินะครับ


ผมทดลองเวทย์ไปเรื่อยๆจนไม่จำเป็นต้องใช้มือแบบที่คุณทรีมอสบอกแล้วครับ ผมลองลอยตัวกลางอากาศ ลองบินโดยใช้เวทย์ลมช่วยพยุง ผมสนุกมากเลยครับ ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วผมที่เริ่มเหนื่อยนั่งพักเอาแรงที่ใต้ต้นคุณทรีมอสเหมือนเดิม


“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ผมสนุกมากเลยแล้วก็เรื่องที่ล่าให้ฟัง ถึงผมจะจำอะไรแบบนั้นไม่ได้ แต่ผมคิดว่าเราจะเริ่มใหม่ด้วยกันได้นะครับ นี่ก็เลยเวลามานานแล้วด้วยผมกลัวรัลจะสงสัยเอา ไว้มีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดเลยนะครับ ผมไปก่อนนะครับทุกคน” ผมลาพวกเขาก่อนจะใช้เวทย์ห้วงเวลาวาร์ปมาที่บริเวณใกล้ทางออกติดเขตบาเรีย ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะมุดลอดออกจากเขตแดนป้องกันตัวป่ากับโรงเรียนเดินออกมาอีกนิดก็เจอเส้นทางที่คุ้นเคย


แก็งค์ ฟุบ ผมกระโดดถอยหลังหลบหอกสองเล่มที่กั้นขวางหน้าของผมเมื่อออกมาที่ทางเดินแล้ว เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองที่ดูแลนักเรียนแบบพวกผม ซวยแล้วครับ โดนจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ ไหนจะเรื่องโดดเรียนไหนจะเรื่องเข้าไปในป่าที่เป็นเขตหวงห้ามอีก


“พวกเราคิดไว้แล้วว่าเธอจะต้องเข้าไปด้านในนั้น พวกเราตามหาเธอไปจนทั่วแล้วไม่เจอ เหลือแค่ที่เดียว ดูเหมือนเธอจะต้องอธิบายเรื่องที่เข้าไปด้านในป่าได้ด้วยเพิ่มจากเรื่องการปลุกพลังของเธอเมื่อวานละนะ เอาละ ตามพวกเรามา” อาจารย์ทั้งสองท่านเก็บอาวุธก่อนจะพาผมไปทางตึกอาคารรวมในส่วนของอาจารย์และนักเวทย์ที่เกี่ยวข้อง


เราสามคนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องประชุมใหญ่ที่มีไว้สำหรับผู้บริหารสถานศึกษากับพวกนักเวทย์ที่เกี่ยวข้อง


“นำตัวมาแล้วครับ พบที่ทางเข้าป่าต้องห้ามด้านหลังโรงเรียน” อาจารย์ที่คุยกับผมก่อนหน้านี้รายงานต่อท่านผู้อำนวยการโรงเรียนที่นั่งอยู่บริเวณที่นั่งประธานในที่ประชุมแล้วดันตัวผมไปที่เก้าอี้ที่ตรงกลางไม่มีโต๊ะด้านหน้าเพื่อมองเห็นผมได้ทั้งตัว


ในห้องนี้มีนักเวทย์ที่ผมเจอเมื่อวานในห้องพิธีทุกคนพร้อมอาจารย์หลายท่านรวมทั้งอาจารย์ซิลเวอร์และอาจารย์สาวเมื่อวาน ผมมองไปรอบตัว พร้อมทั้งฟังเสียงสายลมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องก่อนที่ผมจะเข้ามา


“ขอบโทษนะครับที่ทำให้วุ่นวาย ผมไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนี เพียงแต่ผมแค่อยากได้เวลาทำใจเรื่องที่ไม่มีเวทย์กับไม่สามารถได้ยินเสียงจากสื่อเวทย์ด้วย ถ้าจะลงโทษผมเรื่องที่โดดเรียนกับเข้าเขตหวงห้ามก็ทำได้เลยครับ ผมยอมรับผิด” ผมก้มหน้ายอมรับผิดในเรื่องที่ก่อต่อหน้าทุกท่าน


“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนละกัน เรามาคุยเรื่องของเธอเกี่ยวกับเวทย์กันก่อน เมื่อวานฉันได้ติดต่อกับทางสภาเวทย์อาวุโสเรื่องนี้แล้ว พวกท่านต้องการพบตัวเธอ อีกทั้งยังต้องการตรวจสอบด้วยตัวเองอีกครั้ง ฉันต้องขอโทษถ้าจะต้องบอกว่าฉันขอบังคับให้เธอต้องไปกับฉัน เธอมีเรื่องอะไรที่ต้องทำไหม” ผมส่ายหน้าเพราะต่อให้บอกไปพวกเขาก็จะให้ผมไปตามที่สั่งอยู่ดี


ผมมีความรู้สึกต่อต้านอยู่ภายในใจ เป็นความขุ่นเคืองปนผิดหวัง มันเหมือนกับเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้และภาพที่ซ้อนทับเป็นภาพของผมในอดีตที่พวกคุณทรีมอสบอกไว้เมื่อบ่ายกำลังคุยกับนักเวทย์หลายคนและฝากฝังอะไรสักอย่างแต่ความรู้สึกต่อมาคือผมผิดหวังที่โดนทอดทิ้ง


“แค่ผลประโยชน์เท่านั้นที่พวกคุณต้องการ” ผมพึมพำกับตัวเองและคิดว่ามีนักเวทย์สูงอายุหลายท่านมองมาพร้อมสีหน้าตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมนั่งนิ่งไม่สนใจอะไรต่อไป


ความคิดของผมมันล่องลอยไปถึงภาพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมยังมีความสุขกับพลังของผมอยู่เลยแต่ตอนนี้ผมหวาดกลัวที่จะมีคนอื่นมารู้ว่าผมมีพลังเวทย์แทน ผมไม่อยากเป็นแค่เครื่องมืออีกต่อไปแล้ว มันรู้สึกแบบนั้นออกมาจากก้นบึ้งของใจและผมก็เชื่อมันเช่นเคย



   เช้าวันถัดมาผมถูกพาไปที่พระราชวังซึ่งเป็นที่อยู่ของท่านจอมเวทย์ผู้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้ ผู้อำนวยการและนักเวทย์ที่ร่วมเดินทางมาด้วยต่างบอกกับผมว่าวันนี้ทางสภาเวทย์อาวุโสต้องการที่จะพบตัวผมตามที่เคยบอกไว้ ผมเดินตามพวกเขาไปเรื่อยๆจนถึงห้องโถงใหญ่ที่มีบุคคลมากมายยืนอยู่และที่บัลลังค์มีร่างของชายคนหนึ่งที่ผู้คนต่างเรียกกันว่าจอมเวทย์และเป็นพ่อมดที่มีพลังเวทย์อยู่ในขั้นจอมเวทย์ขั้นสูงเป็นขั้นที่สูงที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้


“พวกข้าพาตัวพ่อมดฝึกหัดมาแล้วครับท่านจอมเวทย์”


“ทำตัวตามสบายได้ เอาละพ่อมดน้อยยินดีที่ได้รู้จักเจ้านะ เราคือเวริล เป็นจอมเวทย์ และเป็นบุคคลที่มีระดับพลังเวทย์ขั้นจอมเวทย์ขั้นสูง และเป็นระดับที่สูงที่สุด แล้วเจ้าละพ่อมดน้อย เจ้าชื่ออะไร” ท่านจอมเวทย์แนะนำตัวกับผมก่อนที่จะถาม ผมที่รู้สึกดีขึ้นเมื่อสายตาที่มองมาไม่ใช่สายตาในด้านลบแบบหลายคนที่มองมา


“ผมชื่อราสเต้ครับ เป็นพ่อมดฝึกหัดที่ไม่พบพลังเวทย์แถมไม่มีสื่อกลางเวทย์เรียกหาครับ” ผมตอบตามความจริงแต่กลับได้รับเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเอ็นดูจากท่านจอมเวทย์แทน


“แน่นอนแล้ว เราคิดว่าเจ้าต้องเป็นบุคคลที่เราตามหาแน่นอน และเราจะขอทดสอบอะไรบางอย่างกับพลังเวทย์ของเจ้าได้หรือไม่พ่อมดน้อย” ผมไม่รู้ว่าที่ท่านจอมเวทย์บอกมาคืออะไร แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะส่ายหน้าอยู่ดีหรอกครับ กลัวว่าหัวจะหายไปก่อนตัวละครับ


“ได้ครับ” ท่านจอมเวทย์พยักหน้ากับหนึ่งในสภาเวทย์เพื่อส่งสัญญาณกัน ก่อนที่จะมีทหารนำลูกแก้วที่เหมือนกับลูกแก้วตรวจสอบพลังที่ผมเจอเมื่อวันปฐมนิเทศออกมาตรงหน้าผม


“นี่เป็นลูกแก้วตรวจสอบพลังที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าที่เจ้าใช้มาก่อน เป็นของวิเศษที่ตกทอดมารุ่นต่อรุ่นเป็นสมบัติส่วนตัวของจอมเวทย์ที่เข้ารับตำแหน่ง มันสามารถตรวจสอบได้ว่าบุคคลหรือสิ่งใดที่แตะเป็นใครและบอกความจริงทุกเรื่องของบุคคลนั้น เจ้ายอมที่จะทดสอบก็เข้ามาตรวจสอบพลังได้เลย” ผมมองหน้าท่านจอมเวทย์แล้วสบตา ท่านไม่ได้หลบตา ภายในดวงตาฉายชัดถึงความหวังบางอย่าง


ผมหลับตา เสียงสายลมกระซิบถ้อยคำจากคุณทรีมอสที่ฝากมา ผมลืมตาสบกับท่านจอมเวทย์อีกครั้งก่อนจะถามคำถามที่ทำให้ทั่วห้องโถงเงียบลงทันใด


“แล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรท่านจอมเวทย์ว่าพลังเวทย์ของผมเป็นพลังเวทย์แบบใดและท่านแน่ใจแล้วหรือว่าลูกแก้วนี้จะสามารถตรวจสอบพลังเวทย์ของผมเจอได้จริง ผมก็แค่สงสัยเท่านั้น ได้โปรดท่านจอมเวทย์ช่วยตอบข้อสงสัยผมด้วยครับ” ผมสบตาท่านจอมเวทย์กับทุกคำพูดที่พูดไป ท่านมีสีหน้าที่ตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นยินดี แต่ผมได้ยินเสียงด่าทอดังขึ้นมาเบาๆจากนักเวทย์รอบข้างบางคน


“ข้าอาจจะมีข้อมูลเวทย์มากมายแต่ถ้าพลังของเจ้าเป็นพลังนอกเหนือจากที่มีบันทึกไว้ข้าก็ขอตอบว่าอาจจะไม่รู้ก็ได้ส่วนลูกแก้วนี้ข้าไม่สามารถตอบได้แต่เจ้าสามารถทดสอบมันได้ด้วยตัวเจ้าเองพ่อมดน้อย ข้าชอบเด็กแบบเจ้าจริงๆ” ไม่มีความขุ่นเคืองทั้งน้ำเสียงและสีหน้าทุกอย่างเต็มไปด้วยความเอ็นดูที่ส่งมา ผมจะนับท่านจอมเวทย์เป็นบุคคลที่น่าคบหาเพิ่มเข้ามาต่อจากอาจารย์ซิลเวอร์ละนะครับ


ผมเดินไปที่ลูกแก้วแล้วลองแตะมัน ผมลัพธ์คล้ายกับเมื่อวานครับมีเพียงกลุ่มควันสีขาวจางๆลอยวนไปมา สภาเวทย์หลายคนเปิดตำราหาลักษณะเวทย์ที่ตรงกับบันทึกแต่กลับไม่มีหลายคนส่ายหน้าให้กัน ท่านจอมเวทย์ยังคงมองมาที่ลูกแก้วก่อนจะพยักหน้าให้ผมเอามือออกได้ เมื่อผมยกมือออกมันก็กลับไปวางเปล่าเช่นเดิม


“เราคิดว่าเราได้คำตอบกับเรื่องที่เราสงสัยแล้ว” ท่านจอมเวทย์กล่าวแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง เสียใจ และอื่นๆ


“ถ้าอย่างนั้นพวกข้าจะพาเด็กคนนี้กลับก่อนนะครับท่านจอมเวทย์” ผู้อำนวยการที่เห็นว่าหมดธุระแล้วเตรียมพาผมกลับ


“พวกท่านกลับไปทำงานกันต่อได้แต่ข้าของคุยกับพ่อมดน้อยต่อตามลำพัง” ท่านจอมเวทย์รั้งผมไว้ก่อนที่ทุกคนจะทำความเคารพแล้วทยอยเดินออกไปจากที่นี่ ท่านจอมเวทย์พาผมไปที่ห้องทำงานของท่านก่อนจะไล่คนอื่นออกไปจนเหลือแค่ผมกับท่านสองคน


“ฉันไม่เชื่อว่าจะมีพ่อมดที่ไม่มีเวทย์กำเนิดในดินแดนของที่นี่ และฉันคิดว่าเธอน่าจะไขข้อสงสัยฉันได้” ท่านจอมเวทย์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผมที่มีโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสารคั่นกลางถามผมด้วยความสงสัยและข้องใจมากมาย


“ผมจะตอบท่านต่อเมื่อท่านสัญญาด้วยเกียรติของจอมเวทย์ผู้ปกครองอาณาจักรว่าจะไม่นำเรื่องนี้บอกแก่ใครได้ไหมครับ” ผมจ้องหน้าท่านตอบ ท่านทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะยอมพยักหน้าตกลง


“ข้าตกลง ด้วยเกียรติของข้าผู้เป็นจอมเวทย์รุ่นปัจจุบัน ข้าขอให้คำสัตย์สาบานว่าจะไม่นำเรื่องที่เจ้าบอกแก่ข้าวันนี้ไปเล่าต่อกับผู้อื่นได้รับรู้”


“ผมมีเวทย์ครับ”ท่านจอมเวทย์แสดงสีหน้าตกใจออกมาทันที


“แต่ลูกแก้ว”


“เพราะเหตุผลบางอย่างที่ผมไม่สามารถบอกท่านได้ เอาเป็นว่าผมมีเวทย์ครับ เป็นเวทย์ที่สาบสูญไปนานมากแล้ว”


“เวทย์ที่สาบสูญไปแล้วอย่างนั้นรึ มันคือเวทย์อะไรกัน”


“เวทย์ว่างเปล่าครับ”


“อะไรนะ ไม่น่าเชื่อ ถ้าเจ้ามีเวทย์สาบสูญเจ้าก็ต้องใช้เวทย์อื่นๆได้ด้วยสินะ” ผมพยักหน้าตอบรับ


“ครับ ผมสามารถใช้เวทย์อื่นๆได้ทุกเวทย์ครับ ดูนะครับ” ผมสั่งให้เวทย์ทุกธาตุของตัวเองกลั่นตัวออกมาเป็นลูกบอลตามแต่ละธาตุ “วันนี้ท่านจะมีเรื่องดีๆที่ท่านรอคอยมานานปรากฏต่อหน้าท่าน นี่เป็นเวทย์ทำนายครับ ส่วนห้วงเวลา ณ ตอนนี้เวลากำลังหยุดอยู่ครับ” ท่านจอมเวทย์ดูเวลาด้วยความตกใจและไม่เลิกที่จะทำหน้าตกใจออกมา


“เจ้า ไม่ต้องใช้สื่อเวทย์แบบนี้ เวทย์ว่างเปล่าขั้นสูงรึ”


“ครับ เป็นเวทย์ว่างเปล่าขั้นสูง” ผมไม่ปิดบังเรื่องนี้กับท่านจอมเวทย์ ท่านส่งยิ้มที่ปลื้มใจมาให้ผมก่อนที่จะลุกขึ้นเดินเข้ามากอดผมแล้วหมุนตัวผมไปรอบๆ


“ฉันดีใจจริงๆ นายทำนายได้แม่นมาก ฉันทำภารกิจที่ส่งต่อมาทุกรุ่นสำเร็จแล้ว เพราะเธอพ่อมดน้อย เพราะเธอคนเดียว ต่อจากนี้ไม่ว่ามีเรื่องอะไรเจ้าสามารถเข้ามาหาเราได้เสมอ คิดเสียว่าเราเป็นสหายกันก็แล้วกัน เจ้ามีเรื่องเดือดร้อนสิ่งใดมาบอกกับเราได้ เราจะช่วยเจ้าทุกอย่าง” ท่านจอมเวทย์พูดด้วยความตื่นเต้นดีใจจนลืมไปว่าผมเป็นแค่พ่อมดฝึกหัดจะมาเป็นสหายท่านได้อย่างไรเล่าครับโธ่!!!!


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 24-05-2018 20:58:55
พระเอกเรื่องนี้ค่าตัวแพงนะคะ ไม่ออกมาซักที (รึมาแล้ว) *-*

ส่วนนายเอกก็ พลังพันล้าน เลิศศศศศศ ถ้ามีตัวโกง เราก็จะแฮปปี้เพราะนางเอกจะทำลายหมด 5555 รักค่ะ ♥
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 24-05-2018 23:45:15
นายเอกเทพทรูเลยยยยย เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #4 [25/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 25-05-2018 12:54:15
หลังจากกลับมาจากวังในวันนั้น ผมก็ใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนอิลเทียร์ตามปกติ ผ่านไปประมาณสองสัปดาห์ เรื่องประหลาดสำหรับผมก็เกิดขึ้น


“ในวันนี้อาจารย์จะมีเรื่องมาแจ้งนะคะ สำหรับนักเรียนทุกคนคงจะพอทราบกันมาบ้างแล้วว่าในทุกๆเทอมของนักเรียนชั้นปีที่สี่ที่ผ่านการปลุกพลังแล้วจะเริ่มออกทำภารกิจที่ทางโรงเรียนตั้งให้โดยที่นักเรียนทุกคนต้องใช้ความสามารถและเวทย์ที่ทางโรงเรียนได้แนะนำวิธีการใช้จนคล่องแล้ว” เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีที่อาจารย์ประจำชั้นพูดจบ บางคนยังไม่สามารถควบคุมเวทย์ตัวเองได้เลยแล้วจะออกไปทำภารกิจได้ยังไงกัน


“ไม่ต้องตกใจกันไป สำหรับภารกิจเริ่มต้นที่พวกเธอจะได้รับเป็นภารกิจง่ายๆที่ให้ไปช่วยเหลือผู้คนในเมืองเท่านั้น เพราะถ้าต้องออกนอกสถานที่ที่เสี่ยงอันตรายมากกว่านั้นจะเป็นของนักเรียนชั้นปีที่หกรุ่นพี่ของพวกเธอนะคะ” อาจารย์สาวรีบอธิบายต่อทันทีเพราะกลัวการเข้าใจผิด


“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงกันคะว่าจะได้ภารกิจแบบไหนกัน” เพื่อนนักเรียนร่วมห้องถามอาจารย์


“วันนี้อาจารย์จะเรียกพวกเธอมาฟังหัวข้อภารกิจของเธอกันนะคะ เอาละต่อแถวมากันเลย” สิ้นเสียงพวกเราก็ลุกเดินต่อแถวไปหาอาจารย์ที่อยู่หน้าชั้นเรียน วนไปจนถึงผม


“นี่เป็นภารกิจของเธอนะพ่อมดน้อย เธอจะบอกเพื่อนของเธอหรือไม่เป็นสิทธิ์ของเธอ เอาละรับไว้สิ” ผมรับม้วนกระดาษที่ถูกพันไว้อย่างดีแตกต่างจากคนอื่นพอสมควร สัญญาณในร่างกายร้องเตือนว่ามีเรื่องที่ทำให้หนักใจเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง


ผมเดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเองแต่ยังไม่ได้แกะม้วนเปิดดูเนื้อหาภายใน รัลที่นั่งข้างผมก็ไม่ได้ซักถามอะไรผมเพราะรู้ว่าผมยังไม่มีพลังเวทย์อาจจะเข้าใจว่าช่วยเหลืองานทั่วไปมากกว่า เรานั่งเรียนกันต่อไปตามปกติจนถึงเวลาพักเที่ยง


ผมหลบออกมาก่อนจะแอบเข้าไปที่ป่าเหมือนทุกครั้ง เมื่อมาถึงผมทักทายมิตรสหายตามปกติก่อนจะล้มตัวลงหนุนรากคุณทรีมอสแล้วเปิดม้วนภารกิจ


“มาพบข้าสิพ่อมดน้อย ข้าจะเป็นผู้มอบภารกิจแก่เจ้าสหายตัวน้อย”  สหายตัวน้อยหรือว่าจะเป็นท่านจอมเวทย์ ผมนั่งคุยเล่นกับเหล่าพืชและสัตว์อสูรเพื่อรับฟังข่าวสารจากดินแดนข้างเคียงที่เห็นว่าใกล้จะได้ครบกำหนดวันงานที่จะจัดขึ้นแต่ผมคิดว่าจากที่ฟังมามันก็งานเลี้ยงน้ำชาของผู้นำสามดินแดนมากกว่า


“ราส หลังจากที่สอบเสร็จสัปดาห์นี้ ฉันจะต้องไปทำภารกิจที่ในเมือง นายอยู่ได้ใช่ไหม” รัลที่ถามผมหลังจากออกจากห้องน้ำ ผมพยักหน้าตอบกลับไป


ที่โรงเรียนนี้จะเรียนตามปกติในสามปีแรกแต่เมื่อขึ้นปีสี่มาจะมีการสอบวัดระดับพลังเวทย์ในทุกๆเดือนเพื่อเป็นการเร่งพลังเวทย์ในตัวนักเรียนเพื่อให้อยู่ในจุดที่มากที่สุดที่ร่างกายรับได้


พลังเวทย์ของทุกคนจะมีมาตั้งแต่เกิดแต่จะสามารถรับรู้ได้เมื่อผ่านการปลุกพลังเวทย์เมื่ออายุถึงเกณฑ์ แล้วหลังจากที่ปลุกพลังมาจะสามารถเพิ่มพลังเวทย์ของแต่ละคนจากการเรียนรู้และฝึกฝนจนพลังเวทย์มั่นคงและเสถียรในตัวเอง เมื่อถึงขีดจำกัดแล้วร่างกายจะไม่สามารถเพิ่มระดับพลังเวทย์ได้ บางคนสามารถที่จะเพิ่มระดับพลังเวทย์จนมากขึ้นสามขั้นกันเลยทีเดียว ส่วนบางคนก็ไม่สามารถเพิ่มขั้นระดับพลังเวทย์ได้เหมือนกันก็มีไม่น้อยทีเดียวครับ


เวลาผ่านพ้นไปจนถึงวันที่เราสอบวัดผมกันเสร็จ รัลกลับมาที่ห้องพักเพื่อเตรียมตัวเก็บของ เราจะหยุดหนึ่งเดือนเพื่อให้นักเรียนออกทำภารกิจแรกของทุกคนแล้วกลับมาเรียนต่อได้ ผมที่ยังไม่รู้ว่าภารกิจคืออะไรก็คงต้องรอวันพรุ่งนี้ที่ท่านจอมเวทย์นัดผมไว้เท่านั้นละครับ


วันต่อมาผมเดินออกมาจากหอพักพร้อมกับรัลก่อนจะแยกไปตามทางของใครของมัน ผมเดินหลบมาที่ป่าหลังโรงเรียนก่อนจะใช้เวทย์ห้วงเวลาวาร์ปไปที่ห้องทำงานของท่านจอมเวทย์ทันทีเพราะถ้าเดินทางกลัวจะไม่ทันเวลา คุณทรีมอสบอกว่าเวทย์ของผมอยู่ในขั้นสูงทำให้ผมสามารถใช้เวทย์ขั้นสูงของทุกเวทย์ได้เหมือนกัน


ฟุบ หลังจากที่ช่องว่างมิติและควันหมอกหายไปสายตาทั้งสามคู่จากภายในห้องก็มองมาที่ผมทันที ซวยแล้วครับแอบเข้าห้องทำงานตอนนี้ว่าแย่แล้วดันมาเจอแขกพร้อมเจ้าของห้องอีก หนีกลับทันไหมครับ


“อ่า ขอโทษที่รบกวนครับ ขอตัว” ผมเตรียมที่จะหนีกลับถูกผู้ชายผมสีดำปีกกานัยน์ตาสีแดงสดดั่งเลือดคว้าข้อมือไว้ มาตอนไหนกันครับเร็วไปนะครับเนี่ย


“ขโมยหรือ ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่พ่อมดน้อยอย่างเจ้าเข้ามาได้ง่ายๆ เจ้าเป็นใคร” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์ที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากชายหนุ่มผิวซีดเจ้าของตาสีโลหิตตรงหน้าทำเอาใจของผมสั่นไหว เฮ้ นี่ผมใจเต้นแรงกับผู้ชายตรงหน้าครับ ทำยังไงดี แต่ผมคิดว่าหาวิธีหนีจากตรงนี้จะสำคัญกว่านะครับ


“ใจเย็นท่านจอมมาร ท่านกำลังทำให้พ่อมดน้อยคนนี้กลัวอยู่นะครับ” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสีเดียวกับดวงตาที่ทำให้ดูอ่อนโยน เดินเข้ามาดึงแขนผมออกจากการจับกุมของชายที่ถูกเรียกว่าจอมมารก่อนจะโอบเอวผมไปนั่งที่เก้าอี้ข้างท่านจอมเวทย์เจ้าของห้อง


ผมใจเต้นแรงอีกแล้วครับแต่ก่อนอื่นการเดินเข้ามาช่วยก็ดูสมกับภาพลักษณ์ความเป็นสุภาพบุรุษนะครับแต่เรื่องที่เนียนโอบเอวของผมมันก็อีกเรื่องนะครับ


“องค์รัชทายาทก็ไม่ต่างจากตัวข้านักหรอก ท่านก็กำลังทำให้พ่อมดน้อยกลัวเช่นกัน” สายตาล้อเลียนส่งมาที่มือที่ยังไม่ยอมปล่อยจากเอวของผมจนเจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเนียนเก็บมือกลับไป


“ทำไมวันนี้ถึงมาด้วยวิธีนี้กันสหายตัวน้อยของข้า” ท่านจอมเวทย์ที่มีบทบ้างแล้วถามผม ผมขยับเก้าอี้จนชิดท่านจอมเวทย์ก่อนจะตอบคำถาม


“ผมกลัวว่าถ้าเดินทางตามปกติจะมาเกินเวลาที่ท่านนัด ผมเลยรีบมาก่อนแต่ไม่รู้ว่าท่านจะมีแขก ผมขอโทษที่เสียมารยาท อย่าโกรธผมเลยนะ แต่ถ้าพวกท่านจะลงโทษก็อย่าทำโทษผมแรงละกันครับ” ผมก้มหน้ายอมรับผิดกับเรื่องที่ทำกับทั้งสามคนเพราะผมพอจะเข้าใจว่าแขกของท่านจอมเวทย์เป็นใครการที่ทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าผู้นำดินแดนทั้งสามคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่หรอกครับ


“ข้าไม่ถือสาหาความกับเจ้าหรอ สหายตัวน้อย” ท่านจอมเวทย์ยิ้มเหมือนทุกครั้งให้กับผม


“ท่านที่เป็นเจ้าของห้องไม่ว่างพวกข้าก็คงไม่ว่าอะไรเหมือนกันจริงไหมท่านจอมมาร” องค์รัชทายาทพูดบอกผมแต่จ้องหน้าผมตลอดตั้งแต่นั่งคุยมา มีปัญหากับผมมากไหมครับ


“ไม่ละ ข้าไม่อยากได้ชื่อว่ารังแกเด็ก” ถึงจะดูดีแต่ประโยคลงท้ายนี่ดูประชดแปลกๆนะครับ


“เอาละๆ เราไปที่งานกันเถอะนะ เจ้าด้วยราส ไปกับข้าด้วยแล้วกันหลังจากจบงานเราจะมาคุยเรื่องนั้นแล้วกัน” ผมพยักหน้าตอบรับท่านจอมเวทย์ก่อนจะเดินตามท่านจอมเวทย์ที่จูงมือผมนำไปก่อนที่สองผู้ปกครองดินแดนเดินตามผมอีกที แต่ผู้รู้สึกขนลุกกับสายตาพวกเขายังไงก็ไม่รู้สิครับ หรือผมอาจจะคิดมากไปเอง


   
   บรรยากาศในงานก็ตามงานเลี้ยงทั่วไปละครับ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการเมือง เรื่องทั่วๆไปของแต่ละอาณาจักร ตามที่ได้ยินมาเห็นว่าเกือบร้อยปีแล้วที่ดินแดนมนุษย์กับปีศาจบาดหมางกันมานานและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนมาถึงรุ่นของจอมารคนปัจจุบันหรือชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมที่ยุติสงครามที่มีแต่ความสูญเสียเปลี่ยนมาเป็นสงครามทางเศรษฐกิจแทนหลังจากที่ตกลงกับทางพระราชาหรือพ่อขององค์รัชทยาท ที่เริ่มมีการผลัดเปลี่ยนบังลังค์กันแล้วด้วยและดูเหมือนอีกไม่นานจะมีพิธีการอีกด้วยครับ


“ว่าแต่ท่านเจอกับสหายพ่อมดน้อยคนนี้ได้อย่างไรกันท่านจอมเวทย์” แล้วมาเรื่องของผมได้ยังไงกันครับ กลับไปคุยเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรของท่านต่อเถอะครับองค์รัชทายาท


“พอดีมีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อยในโรงเรียน เราที่ว่างจากงานเข้ามาพอดีเลยได้พูดคุย ด้วยที่เราถูกชะตาเลยนับเป็นสหายกันเพียงเท่านั้น” รางวัลมาเลยครับ เล่าได้สมจริงมากครับท่านจอมเวทย์


“ข้าก็รู้สึกถูกชะตาเช่นนี้ เจ้าก็ต้องรับข้าเป็นสหายเช่นกันนะพ่อมดน้อย” เดี๋ยวนะครับแล้วทำไมกรรมมาตกที่ผมละครับท่านจอมมาร อะไรคือคำว่าถูกชะตาครับ เมื่อครู่ท่านคิดจะลงมือกับข้าน้อยไม่ใช่หรือครับ ตอบครับตอบ


“เช่นนั้นข้าก็เช่นกันข้าก็รู้สึกถูกชะตากับเจ้าด้วยพ่อมดน้อย” ไม่มีหรอกครับคำว่ายอมกันเนี่ยครับ ผมเป็นคนนะครับไม่ใช่ตุ๊กตาที่แย่งกันไปมาเพื่อหาข้อชนะกันนะครับ แล้วมันใช่หรอครับที่จะให้พ่อมดฝึกหัดแบบผมเป็นสหายของราชาทั้งสามดินแดนแบบนี้ละครับ


หลังจากที่จบงานเลี้ยงด้วยความสนุกของราชาและความทุกข์ของผมแล้ว ราชาทั้งสองดินแดนก็เดินทางกลับที่พักของตนเอง ส่วนผมก็เดินตามเจ้าของสถานที่ไปที่ห้องทำงานอีกครั้งเพื่อคุยเรื่องภารกิจที่พูดกันก่อนหน้านี้


“ภารกิจที่ข้าจะมอบให้เจ้าคือการตามหาของสำคัญของราชาทั้งสองดินแดนที่เจ้าพึ่งจะพบเมื่อสักครู่”


“เดี๋ยวก่อนนะครับท่านจอมเวทย์ ไม่ใช่ว่าภารกิจแรกของเด็กนักเรียนแบบผมจะแค่ทำในเมืองหรอกหรือครับ”


“เจ้าเป็นกรณีพิเศษ และข้าไม่คิดว่ามีใครเหมาะสมไปกว่าเจ้าที่เป็นสหายข้าเช่นนี้แล้ว” พูดมาแบบนี้ผมคงจะขัดได้หรอกนะครับ


“ครับ”


“เอาละ ระยะเวลาไม่จำกัดแต่ถ้าสำเร็จเร็วจะยิ่งดี นี่เป็นหินเวทย์ที่จะบอกว่าเจ้าผ่านภารกิจแล้วหรือไม่ มันจะเรืองแสงเมื่อเจ้าทำเงื่อนไขสำเร็จแล้วหรือคอยบอกว่าของสำคัญที่เจ้าได้มาเป็นของจริงหรือไม่ มันสามารถใช้ติดต่อกับข้าได้ด้วยเหมือนกัน เอาละเจ้าจะถามอะไรข้าไหม”


“แล้วของสำคัญที่ว่าเป็นแบบไหนครับ พอจะรู้ไหมครับ”


“ไม่มีรายละเอียดหรอกนะ เจ้าต้องตามหามันเองให้พบ ส่วนเรื่องดินแดนข้าจะให้เจ้าไปที่ดินแดนมนุษย์ก่อนเพราะใกล้จะถึงวันงานรับตำแหน่งขององค์รัชทายาทแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าคงจะมีวิธีตามหามันให้เจอแล้วกันนะ”


“ครับ” ผมรับคำก่อนจะใช้เวทย์วาร์ปกลับมาที่ป่าหลังโรงเรียน เดินกลับมาที่ห้องพักแล้วครุ่นคิดเรื่องภารกิจจากท่านจอมเวทย์


ไหนท่านบอกข้าเป็นสหายกันเล่าครับ นี่มันส่งไปตายนะครับ องค์รัชทายาทก็ชอบส่งสายตาแปลกๆมาให้ตลอดวันไหนจะท่านจอมมารที่จ้องจนตัวผมจะพรุนด้วนซ้ำ อะไรคือความปลอดภัยของผมกันครับท่านจอมเวทย์



เช้าวันต่อมาที่หน้าพระราชวัง มีขบวนเดินทางสองขบวนของราชาทั้งสองดินแดน ผมที่ยืนอยู่ที่ข้างท่านจอมเวทย์ยืนส่งขบวนทั้งสองของราชาสองดินแดน สักพักก็ล่ำลากันเสร็จสิ้นสักที


“ไปกันเถอะสหายตัวน้อย” ผมที่กำลังจะเดินตามองค์รัชทายาทเพื่อทำภารกิจจากจอมเวทย์ที่อ้างว่างส่งผมเป็นตัวแทนเพื่อคอยช่วยเหลือในด้านต่างๆแทนท่านจอมเวทย์แต่เหตุผลแปลกๆนี้องค์รัชทายาทก็เชื่อนะครับ ผมละเชื่อเขาเลยครับ


“พ่อมดน้อยมีเรื่องอะไรกันถึงต้องร่วมเดินทางกับองค์รัชทายาทด้วย” ท่านจอมมารที่หันหลังจากไปหันกลับมาเมื่อได้ยินที่องค์รัชทายาทพูดกับผม


“ข้าส่งพ่อมดน้อยเป็นตัวแทนข้าร่วมเดินทางไปช่วยเตรียมงานขององค์รัชทายาทเอง” ท่านจอมเวทย์ยังคงเป็นคนที่ตอบคำถามจากจอมมารแทนผมเสมอ จอมมารยังไม่ยอมหันกลับไปแต่ยังมองมาที่หน้าผมด้วยสายตาที่ผมคิดว่าเจ้าเล่ห์และน่ากลัวมากครับ


“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ช่วยส่งท่านพ่อมดตัวน้อยไปเยี่ยมข้าในฐานะสหายสลับกับเตรียมงานขององค์รัชทายาทเป็นสัปดาห์ก็แล้วกัน” ผมได้แต่ทำหน้าอึ้งกับคำพูดท่านจอมเวทย์เอาแต่อมยิ้มมีความสุข ถามผมกันก่อนไหมครับว่ายอมไหม


“ถ้าเช่นนั้นก็ตามนั้น สหายข้าจะไปกับองค์รัชทายาทเพื่อเตรียมงานในสัปดาห์แรกเมื่อครบก็ไปเยี่ยมท่านจอมมารในฐานะสหายต่อจนกว่าจะเสร็จงานแล้วกัน เจ้าคงเข้าใจสินะพ่อมดน้อยสหายข้า”


“ครับ” ตอบรับหน้านิ่งแต่ในใจร้องไห้แทบเป็นสายเลือด ท่านแกล้งข้าท่านจอมเวทย์ ท่านกำลังส่งข้าเข้าปากอสูรแล้วนะขอรับ ข้าจะรอดจนครบจนภารกิจสำเร็จไหมครับท่านจอมเวทย์!!!!!



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 25-05-2018 14:32:31
หนูลูกกกกสงสาร  แต่ด้วยความพลังล้าน8 แล้วนั้น วาร์ปไปวารืปมาเลยค่ะ สบ๊ายยยย 5555
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: zeroshadaw ที่ 25-05-2018 19:19:25
ชอบมากเลยค่ะะะะ :pig4:

แต่อยากให้ปรับนิดนึงน้าาาา เวลาอัพแล้วช่วยจ่าหัวกระทู้ว่าตอนที่เท่าไร แล้วใส่วันที่ คนอ่านจะได้รู้ว่าผู้แต่งมาอัพแล้ววววว :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 25-05-2018 21:35:14
น่าสนุกค่ะ ชอบแนวเวทๆแบบนี้มากค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ แต่ย่อหน้านึงตัวหนังสือมันเยอะไปนิด อ่านแล้วตาก็จะลายๆ :really2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 26-05-2018 00:29:02
ตามมมม
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-05-2018 02:23:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #5 [26/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 26-05-2018 09:34:11
#5

   หลังจากที่ผมล่ำลาพวกคุณทรีมอสแล้วก็ได้รู้หนทางในการเข้าไปยังป่าจากทั้งสองดินแดนอีกด้วยครับ


ส่วนบรรยากาศในรถม้าตอนนี้หรอครับ มันออกจะแปลกไปหน่อยเพราะมีแค่ผมกับองค์รัชทายาทเท่านั้นที่นั่งอยู่ด้วยกัน ผมหันมองทิวทัศน์รอบข้างเพราะผมยังไม่เคยเดินทางไปต่างแดนเช่นนี้มาก่อนเลยครับ ส่วนอีกคนผมรู้สึกได้ว่าตั้งแต่ขึ้นมาก็แต่จ้องผมไม่หันไปทางอื่นเลยครับ มันดูอึดอัดนะครับแต่ก็พูดไม่ได้


“ใครๆต่างก็บอกว่าฉันเป็นสุภาพบุรุษเสมอ ให้เกียรติกับทุกคนที่อยู่รอบข้าง แต่พอเป็นเจ้าข้ากลับรักษาท่าทีไม่ได้เลย เพราะอะไรกัน” เสียงพึมพำจากคนด้านข้าง ที่ผมดันได้ยินทำเอาขนในตัวพากันลุกเกลียวเลยครับ


มันแปลกไปนะครับที่มามัวนั่งคิดเรื่องแบบนี้กับเด็กผู้ชายแบบผมด้วยและที่น่าตกใจคงเป็นใจผมนี่ละครับที่มันดันยินดีที่ได้ยินแทนละครับ น่ากลัวเกินไปแล้วนะครับ ถึงจะเคยโดนผู้ชายที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมาจีบก็เยอะแต่ไม่เคยใจเต้นแรงเหมือนกับที่เจอราชาสองดินแดนเลยนี่ครับ หรือว่า ผมจะชอบผู้ชายเข้าแล้วครับ แต่กับคนอื่นก็ไม่เป็นนี่ครับ อย่างนี้ต้องลองพิสูจน์แล้วสินะครับ ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันผมคงต้องทำบางอย่างเสียแล้วครับ


“เจ้าเบื่อหรือไม่”


“ไม่ครับ ผมไม่เคยเดินทางต่างแดนมาก่อน มันเลยออกจะตื่นเต้นตลอดเวลาเลยครับ” ผมตอบองค์รัชทายาทไป


“ในเมื่อเราเป็นสหายกันแล้วก็ควรจะแทนตัวด้วยชื่อดีกว่านะ เรียกข้าว่าฮาฟก็แล้วกัน เจ้าละ” ถึงจะบอกว่าเป็นสหายแต่ว่าเอาจริงหรอครับ มันจะดูสนิทไปไหมครับกับชื่อที่ให้เรียกเนี่ยครับ


“ผมชื่อราสครับ องค์ระ”


“ฮาฟ” ผมที่ลืมตัวเรียกตามเดิมกับโดนองค์รัชทายาทหรือฮาฟยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วเปลี่ยนคำเรียกกับผม ผมที่ตกใจยื่นมือออกไปกันตรงช่วงอกอีกฝ่าย แน่นมากครับ เอ๊ะ ผิดประเด็น


“เอ่อ ฮาฟครับ คือ ผมว่า ถะ ถอยออกไปก่อนไหมครับ” คุณพี่ครับช่วยขยับออกนั่งที่เดิมเถอะครับ แบบนี้มันไม่ดีต่อใจผมนะครับ


“ราส เธอเป็นใครกันแน่นะ ถึงมาทำให้ฉันคนนี้หวั่นไหวกับเธอกัน” แล้วผมจะรู้ไหมละครับท่าน แล้วมือหยุดลูบช่วงสะโพกของผมสักที


“สหายกัน ผมว่าไม่ได้ทำแบบนี้นะท่านฮาฟ ปล่อยผมลงไปนั่งดีๆเถอะครับ จะเป็นพระคุณมากครับ”


“ฉันจะต้องบ้าตายแน่ๆถ้ายังอยู่ใกล้เธอต่อไปแบบนี้นะราส” แล้วจะให้ผมทำยังไงกันละครับท่าน ก็ท่านไม่ใช่หรือไงที่บังคับผมให้มานั่งด้วยกันแบบนี้นะครับ




   ระหว่างที่เดินทางก็มีเรื่องแปลกของชาวบ้านให้เห็นเสมอ จนกระทั่งเข้าเขตดินแดนมนุษย์พวกเราลงจากรถม้าของทางฝั่งดินแดนเวทย์เพื่อเดินข้ามเขตแดนไปอีกฝั่ง


ฮาฟจับมือผมไม่ยอมปล่อยตั้งแต่ลงจากรถม้าแล้วละครับ เนียนจับมากใช่ไหมครับ ได้ครับได้ ไหนๆก็อยากจะลบความรู้สึกติดค้างในใจรวมถึงเรื่องที่อยากพิสูจน์ใจตัวเองด้วย เรามาหาเรื่องสนุกกันเถอะครับ


“ฮาฟ ผมเดินเองได้ครับ” ผมเขย่ามือที่จับกันไว้เล็กน้อยแต่ฮาฟแค่หันมามองก่อนจะหันกลับแล้วเดินต่อ


“ฉันกลัวราสจะหลงทางถ้าไม่จับมือไว้” มาแต่เสียงครับแต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามือฮาฟสั่นด้วยละครับ


“ถ้าฮาฟว่าอย่างนั้นก็อย่ารีบปล่อยมือผมนะครับ เพราะผมกลัวว่าจะหลงอย่างอื่นมากกว่าทาง” ฮาฟหยุดเดินหันมามองผมทันทีที่ฟังจบ คนในขบวนต่างหันมามองที่เราทั้งคู่ด้วยสายตาตกใจ


“ระ ราส คือ คือว่า นาย เธอ เจ้า คือ” ผมพึ่งจะรู้ว่าคนหน้าตาดีทำหน้าแบบไหนก็ดูดีนะครับ ผมยิ้มขำพร้อมกับหลายๆคนที่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าตัวมีสีหน้าตกใจก่อนที่หน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วจนผมกลัวว่ามันจะสุกซะก่อน


“ใจเย็นนะฮาฟ ผมยังอยู่ข้างฮาฟนะครับ” ผมยังไม่หยุดแกล้งเขาต่อด้วยการลูบมือที่เราจับกันไว้ หน้าเขายิ่งแดงมากขึ้นเรื่อยๆ และใจของผมก็ดันเต้นแรงเมื่อเห็นสีหน้าของเขาเช่นกัน ผมว่าผมชักจะติดใจการแกล้งฮาฟแบบนี้แล้วละครับ


“ฉันไม่คิดว่าราสจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ได้ครั้งนี้ฉันพลาดเอง ฉันจะยอมให้ราสก่อน แต่อย่าให้ฉันได้เอาคืนนะ จะไม่ให้ลุกได้เลย”


“ผมจะรอนะฮาฟ” ผมดึงมือออกตอนที่ฮาฟเผลอแล้วเดินนำไปทางเขตก่อนจะข้ามไปด้วยสายตาตื่นตกใจของหลายๆคน


“มีอะไรกันหรอครับ” ผมที่ข้ามมาแล้วยืนมองทุกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขตแดน


“ให้ตายเถอะฉันอยากจะจับนายมีตีก้นสั่งสอนให้เข็ดจริงเชียว หาเรื่องประหลาดใจมาให้พวกเราเสมอเลยสินะ” ฮาฟว่าผมก่อนจะปาหินเวทย์บางอย่างก่อนจะเดินข้ามมาทางเดียวกับผมเหมือนกับที่หลายๆคนทำแบบเดียวกัน


“ผมไม่เข้าใจครับ มีอะไรที่ผมพลาดไปครับ” ผมทำหน้าสงสัยจากใจจริงเลยครับ ก็ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเรื่องการข้ามดินแดนนี่ครับไม่เห็นจะมี อ่า ผมพลาดแล้วครับ


คนจากดินแดนทั้งสามไม่สามารถข้ามไปมาผ่านเขตแดนที่กั้นระหว่างดินแดนได้ต้องได้รับการยินยอมจากคนในดินแดนนั้นๆก่อน อย่างที่ฮาฟขว้างหินเวทย์แบบนั้นก็เหมือนการปลดผนึกเวทย์ชั่วคราวเพื่อผ่านเขตแดนมา และในตำราที่ผมเรียนมามีคนที่พยายามข้ามเขตแดนจะต้องเจอกับกระแสลมบาดผิวกายจนต้องถอยหนี ไม่แปลกเลยครับที่หลายคนมองผมมาแบบนั้น ก็ผมดันเดินผ่านมาแบบปกติไม่ต้องใช้เวทย์อะไรเลยนี่ครับ


“เอาเถอะเมื่อถึงเวลาที่ฉันควรจะได้รู้หวังว่าราสจะอธิบายเรื่องนี้ได้แล้วกันนะ” ผมพยักหน้าตอบกลับก่อนที่พวกเราจะเดินทางไปที่ยานพาหนะที่ทางชาวเมืองในดินแดนมนุษย์นี้นิยมใช้กัน


มันเป็นโลหะชนิดหนึ่งที่สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานบางอย่างที่ลอยตัวบนพื้น ผมที่อ่านมาแต่ในตำราเรียนเห็นแล้วอดที่จะคิดไม่ได้ว่าถ้ามีเวลาจะขอสำรวจจนทั่วเครื่องเจ้าสิ่งประดิษฐ์ตรงหน้าให้ได้เลยละครับ เราเดินทางมาไม่นานก็ถึงตัวพระราชวังหรือเรียกว่าบ้านของฮาฟละครับ


เราต้องเขาเฝ้าพระราชาหรือพ่อของฮาฟก่อนเพราะผมถือเป็นตัวแทนและมีจดหมายจากท่านจอมเวทย์ที่กำชับให้ส่งถึงมือพระราชาให้ได้อีกด้วย


“ยินดีที่ได้พบครับท่านพระราชา” ผมก้มตัวลงพร้อมทาบมือที่อกซ้ายตามแบบที่เคยเรียนวิธีทำความเคารพของชาวมนุษย์ดินแดนนี้มา


“ยินดีๆ ข้าขอต้อนรับเจ้าในฐานะแขกข้าเพิ่มด้วยเช่นกัน มาเถิดมีสิ่งใดที่จะมอบให้ข้ากัน” ผมพอจะรู้แล้วครับว่าฮาฟได้ความสง่างามมาจากใคร


“นี่เป็นจดหมายที่ท่านจอมเวทย์กำชับให้ส่งถึงมือท่านครับ ท่านพระราชา”


“ดี ข้าอยากจะรู้แล้วว่าเรื่องนี่เป็นเรื่องอะไรกัน” ถึงจะไม่เข้าใจที่พระราชาพูดแต่ก็ยังเดินเอาจดหมายส่งให้กับมือพระราชาตามที่บอกเหมือนเดิมก่อนจะกลับมายืนที่เดิม


พระราชาอ่านเนื้อหาในจดหมายด้วยความนิ่งสงบ หันมามองหน้าผมเป็นบางครั้ง จนผิดสังเกต แต่เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวกับผมก็เลยยืนนิ่งที่เดิมจนพระราชาอ่านเสร็จ


“ท่านจอมเวทย์บอกแก่ข้าเรื่องที่ส่งเจ้ามาช่วยงานและบอกแก่ข้าว่าเจ้าเป็นสหายของรัชทายาทด้วย เอาเป็นว่าก็คิดเสียว่าเป็นสหายลูกข้าก็เหมือนเป็นลูกข้าเช่นกัน ข้าขอให้งานที่เจ้ารับหน้าที่มาสำเร็จด้วยเช่นกัน ข้ารอมานานพอแล้ว”


“ครับ” แม้จะไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไรที่พระราชาพูดท้ายๆแต่ก็ยอมรับคำไปก่อน พูดคุยกันอีกนิดก่อนจะเดินออกจากห้องรับรองแล้วตามข้ารับใช้ของฮาฟไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยรูปภาพของราชวงศ์ของดินแดนมนุษย์ แอบสยองนิดหน่อยถ้าต้องเดินคนเดียวท่ามกลางรูปภาพพวกนี้ตอนกลางคืนละนะครับ


“เป็นอย่างไรบ้างราส” เสียงทักทายจากประตูห้องที่ติดกันถามผมที่กำลังจะเดินตามข้ารับใช้ของฮาฟเข้าห้องไป บรรยากาศคล้ายเพื่อนบ้านทักทายเพื่อนบ้านคนใหม่เลยครับ


“ปกติครับ ไม่มีอะไรผิดปกติหรอกครับ ว่าแต่ท่านพักห้องนั้นหรือครับ”


“ใช่นี่ห้องนอนฉัน ถ้าสนใจมาได้นะ”


“จะว่าไปแล้วการนอนต่างที่มันก็หลับยากนะครับฮาฟ สนใจมาเป็นหมอนข้างให้ผมสักคืนไหมครับ” ผมเกาะขอบประตูแล้วส่งสายตาชวนเชิญให้ฮาฟเข้าห้องพร้อมกัน สนุกมากครับ ฮาฟหน้าแดงอีกแล้วละครับ


“เอ่อ ไม่ดีหรอกนะ ฉะ ฉันคิดว่าเราควรแยกพักผ่อนก่อน ไปก่อนนะ” แล้วก็ปิดประตูหนีผมเข้าห้องไปก่อน


ผมยืนขำท่ามกลางสายตาเอ็นดูที่มองมา ผมยิ้มขอบคุณผู้นำทางก่อนจะหมุนกายเข้าห้องเหมือนกัน ผมว่าผมน่าจะชอบผู้ชายแล้วละครับ เพราะผมไม่ใจเต้นกับผู้หญิงสักครั้งเลย แต่อาจจะไม่แน่นะครับ ผมอาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่ก็ได้ ผมยังมีเวลาพิสูจน์อีกนานเลยครับ




เช้าวันต่อมาผมก็ตามติดแกล้งฮาฟให้หลุดมาดเสมอ


ผมเห็นภาพการดำเนินชีวิตของมนุษย์ที่ไม่ได้แตกต่างจากเราชาวเวทย์มากนักจะมีก็แต่ข้าวของเครื่องใช้เครื่องมือสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยให้มนุษย์ดำเนินชีวิตได้สะดวกยิ่งขึ้นมากกว่าพวกเรานิดหน่อย เพราะมนุษย์ไม่มีเวทย์มนต์เหมือนอีกสองดินแดน


ฮาฟเข้าร่วมว่าราชการกับพระราชาก่อนที่จะช่วยเรื่องคำร้องในห้องทรงงานของพระราชาเพื่อฝึกตนก่อนรับตำแหน่งจริง ผมได้เข้าร่วมในกรณีพิเศษจากพระราชาและดูเหมือนจะไม่มีใครคัดค้านเท่าไหร่ไม่รู้ว่าเพราะว่าเรื่องที่ผมเป็นพระสหายขององค์รัชทายาทหรือเหตุผมอื่นๆกันแน่ ผมจะแกล้งฮาฟเฉพาะช่วงที่อยู่พื้นที่ส่วนตัวหรือเหมาะสมมากกว่านะครับ เพราะภาพลักษณ์ขององค์รัชทายาทเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งพอสมควร เห็นขี้แกล้งแต่ผมรู้เวลาอยู่นะครับ


“ขออภัยขอรับ ท่านเสนาธิการต้องการเข้าเฝ้าองค์ราชาและรัชทายาทขอรับ”


“ผมขอตัวไปจัดการธุระส่วนตัวก่อนนะครับ” ผมก้มหัวขออนุญาตแล้วออกมาเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ


ตอนที่ออกมาเจอชายหนุ่มสูงอายุยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามมองมาที่ผมก่อนจะส่งยิ้มให้ผมเลยส่งยิ้มกลับก่อนจะต่างคนต่างเดินไปทางที่คิดไว้ ผมเดินออกมาที่ศาลาที่อยู่ห่างจากห้องนั้นพอสมควร ข้ารับใช้ที่ตามมาต่างทำหน้าที่ตัวเองอยู่ใกล้ๆไม่ได้เข้ามารบกวนผมเหมือนจะยังเกร็งๆผมอยู่


‘สายลมผมอยากรู้เรื่องราวในห้องนั้น ช่วยผมได้หรือไม่ครับ’


‘สักครู่นะขอรับนายท่าน’ ผมบอกสายลมในใจด้วยเวทย์สายลมสามารถที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านในห้องนั้นได้ ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับการมาและเหตุผลต่างๆที่ท่านจอมเวทย์ส่งผมมานอกเหนือจากภารกิจตามหาสิ่งสำคัญแล้วละครับ


“ท่านกลับมาจากชายแดนเมื่อไหร่กันท่านเสนาธิการฮิวรัส”


“มาถึงเมื่อเช้าขอรับองค์ราชา”


“คงเป็นเรื่องด่วนสินะถึงรีบมาหาข้า”


“ขอรับเรื่องเกี่ยวกับท่านจอมเวทย์”


“รัชทายาทเจ้าช่วยไปดูทหารแทนพ่อได้หรือไม่ พอติดธุระสำคัญเสียแล้ว”


“ได้ครับท่านพ่อ”
ผมได้ยินเสียงเดินออกไปจากห้องน่าจะเป็นฮาฟ แปลว่าเรื่องนี้ฮาฟก็ห้ามรู้เหมือนกันสินะ


“เอาละเจ้าว่ามาได้ฮิวรัส”


“ข้าได้ข่าวจากท่านแม่ทัพเรื่องที่ท่านจอมเวทย์ตามหาผู้ที่จะช่วยเหลือเราทั้งสองดินแดนได้แล้วขอรับ ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ขอรับท่าน”


“เป็นเรื่องจริงที่ท่านจอมเวทย์ตามหาเด็กในคำทำนายนั้นเจอแล้ว เป็นเด็กที่มีครบธาตุตามคำทำนายเสียด้วยแต่ก็ยังมีเรื่องลึกลับที่ท่านจอมเวทย์ยังไม่กระจ่างอีกหลายอย่างเลยไม่ได้ให้ข้อมูลมาว่าเรื่องอะไร”


“คำทำนายจากฝั่งชาวเวทย์ ข้าก็อยากจะเชื่อเช่นกันแต่ มันจะเป็นไปได้เช่นนั้นจริงหรือขอรับ เพียงเด็กคนเดียวที่จะหยุดยั้งสงครามทั้งสองดินแดนที่มีมาเกือบร้อยปีเช่นนี้ได้” 


สงครามกับเด็กแล้วก็ท่านจอมเวทย์ อย่าบอกว่าหมายถึงผมกัน เพราะมันคงจะบังเอิญเกินไปที่ผมจะถูกส่งมาทำภารกิจแบบนี้ทั้งที่เป็นเด็กปีสี่แถมคนที่มอบภารกิจยังเป็นท่านจอมเวทย์ที่รู้เรื่องพลังของผมดีกว่าใครอีก คำว่าสหายที่ท่านมอบให้ผมเป็นเพียงผลประโยชน์จากผมใช่หรือไม่ท่านจอมเวทย์ เหมือนที่ผ่านมาเมื่อหมื่นปีเช่นนี้สินะที่พวกท่านต้องการจากผม


“มีเพียงกาลเวลาที่จะตอบเราได้ เรารอมาเกือบร้อยปีหากเขาสามารถหยุดยั้งไฟสงครามนี้ได้ ดินแดนทั้งสองคงจะไม่สูญเสียอีกคราเช่นนี้”


“องค์ราชา”
หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับผมแล้ว


แบบนี้คงจะจริงที่พออ่านจดหมายนั้นที่ลงเวทย์แน่นหนาในจดหมายขนาดนั้นถึงยอมที่จะรับผมมาดูแลในฐานะสหายองค์รัชทายาททั้งที่ไม่ได้สอบถามอะไรเลย


ความรู้สึกจากก้นบึ้งหัวใจถูกกวนจนตะกอนที่ตกค้างฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง นี่เป็นบทลงโทษที่ข้าละทิ้งพวกเจ้าไปเมื่อหมื่นปีใช่หรือไม่ถึงต้องโดนทำร้ายความรู้สึกเช่นนี้อีกครา ไม่จบสิ้นเสียที


ข้าจะยังสามารถเชื่อใจใครได้อีกหรือไม่ ยังมีอีกหรือไม่ ท่านผู้สร้าง เสียงกระซิบที่ดังขึ้นในห้วงความคิดเป็นเสียงจากจิตใจของผมที่เริ่มตื่นขึ้นมา ความทรงจำที่เพิ่มมากขึ้นทุกครั้งยามหลับตาลง


ผมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับคุณทรีมอสและพวกสัตว์ทั้งหลายในป่านั้น ผมกลัวจากใจจริงว่าจะเสียพวกเขาไปอีกครั้ง


“เห็นข้ารับใช้บอกว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้มานานแล้วไม่ขยับไปไหน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าราส บอกฉันได้ไหม” ในช่วงที่ความคิดเริ่มทีจะไปในทางลบ เสียงของฮาฟก็ดังแทรกเข้ามา แล้วสองคนที่ทำให้ผมใจเต้นแรงและคิดจะเปิดใจรับเข้ามาในเขตพื้นที่ของผมอย่างนี้จะหวังอะไรจากผมหรือเปล่าครับ


“ฮาฟ ผมมีเรื่องอยากจะถามท่าน” ฮาฟนั่งลงตรงข้ามผมพร้อมกับอนุญาตให้ถามได้


“ว่ามาเลย ฉันจะตอบทุกอย่าง”


“ฮาฟพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับสงครามทั้งสองดินแดนมากน้อยแค่ไหนกันหรอ”


“ทำไมถึงอยากรู้ละ กลัวหรอ”


“ผมแค่สนใจ แล้วตอนนี้ก็ต้องเดินทางไปมาทั้งสองดินแดนที่ทำสงครามกันก็เลยอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย” นั่นเป็นแค่หนึ่งในเหตุผลมากมายที่ผมอ้างถึงมัน


“มันเป็นเรื่องเมื่อประมาณเกือบร้อยปี วันที่ทั้งสามดินแดนจัดงานอย่างที่จัดที่วังท่านจอมเวทย์ ครั้งนั้นผู้นำสามดินแดนเข้าล่าสัตว์เพราะจัดที่ดินแดนปีศาจเลยมีพื้นที่เหมาะแก่การล่าสัตว์

จนกระทั่งพระราชาที่ดำรงตำแหน่งตอนนั้นหรือปู่ของฉันพลาดยิงไปถูกองค์ราชินีของท่านจอมมารตอนนั้นพอดี แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่เพราะมีเรื่องราวกันพอสมควรในช่วงนั้นเพราะหาคนที่ยุยงไม่ได้เลยเกิดเรื่องราวใหญ่โตจนกระทั่งกลายเป็นสงครามสืบต่อมา

มีผู้คนทั้งสองดินแดนรวมถึงทหารที่ร่วมรบสูญเสียไปมากมาย จนมาถึงรุ่นของจอมมารคนปัจจุบันที่เธอเคยพบมาแล้ว ถึงจะมีนิสัยที่ดูเย็นชาตามแบบปีศาจแต่ก็คิดถึงผลเสียของสงครามไม่น้อยกว่าฝั่งมนุษย์เราเลยเปลี่ยนจากการรบมาเป็นเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าแทน ถึงจะลดความสูญเสียด้านกำลังคนแต่ก็ยังมีข่าวว่าสัตว์ปีศาจบางกลุ่มดักทำร้ายและเข่นฆ่ามนุษย์มาอยู่เสมอ

เมื่องานเลี้ยงครั้งนั้นเราคิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่ยังหาตัวไม่เจอเรื่องที่ยุยงจอมมารให้เริ่มคิดที่จะทำสงครามสองดินแดนครานั้นเหมือนกัน และคิดว่าไม่นานมันน่าจะลงมืออีกครั้ง” เพราะความเข้าใจผิดและมือที่สามคอยปั่นจนเกิดคลื่นใต้น้ำขึ้นมาจนเป็นสงครามแบบนี้ สงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือครั้งสุดท้ายนั้นและไม่เคยเกิดขึ้นอีกจนมาเรื่องครั้งนี้ ผมละเลยพวกเขานานจนเกิดเรื่องแบบนี้สินะครับ


“แล้วฮาฟรู้เรื่องคำทำนายอะไรนั่นไหม”


“มันเป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมาว่าจอมเวทย์รุ่นต่อมาตามหาวิธีที่จะทำให้ทั้งสองดินแดนกลับมาคืนดีกัน เป็นเรื่องที่เล่าขานกันทั่วทั้งสามดินแดนเลยทีเดียว แต่เฉพาะราชวงศ์ของทั้งสามดินแดนเท่านั้นที่จะรู้รายละเอียดของคำทำนาย”


“แปลว่าฝั่งจอมมารก็ต้องรู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกันสินะครับ”


“ใช่ แต่ไม่ได้สนใจเพราะความโกรธแค้นครอบงำรวมถึงข่าวลือว่าทางเราต้องการล้มล้างพวกเขาอีกเลยไม่สนใจจนมาถึงจอมมารรุ่นนี้อีกนั่นแหละที่สนใจและตามหาเหมือนกัน”


“พอจะบอกถึงรายละเอียดได้ไหมครับ”


“อืม ตามจริงเป็นเรื่องที่ห้ามบอกคนนอกละนะ แต่ในเมื่อเธอเป็นสหายของฉัน ก็ถือเป็นคนในละกัน ดีไหม”


“ครับๆ” ผมไม่ได้สนใจคำว่าสหายมากนักเพราะยังรู้สึกไม่ดีอยู่แต่มันก็ทำให้เบาใจว่าสหายที่ฮาฟพูดถึงฮาฟน่าจะคิดแบบนั้นจริง


“เมื่อเวลาเวียนว่ายมาบรรจบ เราจักพบความสุขทุกสถาน ไร้ความเกลียดความชังนิรันด์กาล ปีศาจมาร มนุษา ชาวเวทย์เอย

เป็นเรื่องราวว่าเมื่อเวลาที่เรารอคอยมาถึงจะมีแต่ความสงบทั้งสามดินแดน ส่วนสำคัญคือคำที่ต่อท้ายว่าคนที่สามารถจะช่วยเหลือเราเป็นพ่อมดน้อยที่มีเวทย์ครบทุกเวทย์แต่ไม่ได้บอกกล่าวว่ามีลักษณะรูปร่างหน้าตาแบบไหนเลย” เนื้อหาคำทำนายข้างต้นเป็นสิ่งที่พวกเรารับรู้มาโดยตลอดตังแต่เข้าเรียนแต่เนื้อหาที่บ่งบอกว่าพ่อมดจะเป็นผู้ช่วยเหลือคือสิ่งที่ถูกปกปิดไว้


ผมว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับพลังของตัวผมในอดีตด้วยส่วนหนึ่งเพราะจากที่ว่ามาถ้าหากสามารถหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวครั้งนี้ได้ก็จะยุติสงครามได้เช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องที่ตัวผมกลับมาที่นี่อีกครั้งน่าจะหมายถึงการรับผิดชอบที่ทอดทิ้งพวกเขาแบบที่ผมฝันเห็นเสมอมาตั้งแต่เด็ก และเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ชายอีกคนในฝันของผมด้วยเหมือนกัน


“ฮาฟ ท่านคิดว่าเวลานั้นจะมาถึงไหม” ผมก้มหน้าลงเมื่อถาม


“ไม่รู้สิ แต่สำหรับฉัน ฉันคิดว่าฉันจะไม่รอหรอกนะคนในคำทำนายอะไรนั่น ฉันคิดว่าจะลองสืบหาเองแทนเพราะสงครามเป็นเรื่องที่เกิดเพราะคนทั้งสองดินแดน ฉันกับจอมมารเห็นตรงกันว่าไม่ควรลากคนอื่นมาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ใช่ไม่เชื่อในคำทำนายของชาวเวทย์แบบพวกเธอหรอกนะ แต่พวกเราอยากจะรับผิดชอบปัญหาของพวกเราเองมากกว่าต่างหาก” ผมส่งยิ้มกับคำตอบของฮาฟและคิดว่าถ้าท่านจอมมารอยู่ก็จะได้รับรอยยิ้มจากใจของผมเหมือนกัน


“บางทีพวกเราอาจจะเจอคนในคำทำนายมานานแล้วก็ได้นะ”


“เธอจะบอกว่าเป็นคนใกล้ตัวเราสินะ แบบเธอนะหรอ”


“ถ้าใช่ละครับ” ผมลองสุ่มถามความคิดต่อไป


“ยิ่งถ้าเป็นเธอจริงๆยิ่งกันไม่ให้เข้ามามากกว่าเดิม เราก็ไม่อยากให้เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เหมือนเดิม เธอไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วยเลยแต่กลับต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแบบนี้ มันออกจะโหดร้ายเกินไป” ทำไมในอดีต ผู้คนถึงไม่คิดแบบนี้กัน เรื่องที่เดือดร้อนของผมไม่สนใจแต่กลับลากผมเข้าไปยุ่งกับเรื่องของพวกเขาเสมอ รวมถึงทำร้ายลูกๆของผมจนกลายเป็นผมที่ต้องทำลายพวกเข้าแทน ทอดทิ้งผมอย่างไม่ใยดีในสนามรบที่เป็นเรื่องของพวกเขาไม่เกี่ยวกับผมด้วยซ้ำ


สงครามครั้งนั้นเป็นเรื่องความขัดแย้งของกลุ่มคนที่รวมตัวต่อต้านอาณาจักรทั้งสามแล้วผมที่อยู่ในเขตป่าที่ไม่เกี่ยวข้องกับสามดินแดนต้องมารับกรรมและเฝ้าดูเหล่าลูกๆถูกลากออกไปจนผลสุดท้ายก็กลายเป็นผมที่ต้องรับผิดชอบในฐานะคนที่ดูแลพวกเขาเช่นนั้นหรือ



 เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ถึงจะเป็นเรื่องที่ผมทอดทิ้งพวกเขาให้เติบโตกันตามลำพังไม่สนใจหรือลงมาคลุกคลีเช่นกาลก่อนก็ตามแต่เรื่องที่พวกเขาทะเลาะกันไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผมเลยสักนิดเดียว แต่ก็ยงคงหาเรื่องที่จะมาเชื่อมโยงเพื่อเรียกผมกลับมาอีกครั้ง เพื่อให้ผมมาจัดการเรื่องราวในครั้งนี้ มาคอยตามเก็บปัญหาที่พวกเข้าก่อแล้วจัดการไม่ได้แบบนี้เสมอมา


ผมที่คิดว่าจะละทิ้งทุกอย่างแล้วกลับไปอยู่กับคุณทรีมอสในที่ของผม แต่ในเมื่อยังมีคนแบบฮาฟและจอมมารที่ยังคิดได้ว่าเป็นเรื่องของตัวเองที่ควรจะแก้ไขเองแบบนี้ ผมก็ขอเปลี่ยนใจมาคอยเฝ้าดูและช่วยเหลือพวกเขาเงียบๆในเงามืดก็แล้วกันครับ แต่อย่าคิดว่าท่านจอมเวทย์จะรอดตัวนะครับเรื่องที่สัญญากับผมไว้แบบนี้แต่กับไม่รักษาคำพูด ผมคิดว่าต้องหาเวลาว่างไปเยี่ยมสักหน่อยแล้วละครับ คิดเหมือนผมกันไหม


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 26-05-2018 09:52:47
ย่อหน้านึง อย่าหลายบรรทัดมากค่ะ คือไม่ต้องกลัวนักอ่านอ่านไม่รู้เรื่องเพราะความขาด เป็นพรืดนี่อ่านยากกว่าเยอะ นักเขียนลองดูในเว็บดู มันอ่านยากมาก นี่มารอจ่ออ่านนานเลย แต่นักเขียนยังไม่แก้ซักที เชื่อว่านักอ่านหลายคนเปิดเข้ามาดูเเล้วยอมแพ้ไปเยอะแน่ๆเลย รอนักเขียนมาแก้นะคะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #6 [27/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 27-05-2018 11:27:07
#6

   และแล้วผมก็อยู่ที่พระราชวังของฮาฟที่ดินแดนมนุษย์ครบสัปดาห์แล้วละครับ ตอนนี้ฮาฟกำลังพาผมเดินมาที่เขตเชื่อมต่อของทั้งสองดินแดนอยู่และดูเหมือนว่าจะเป็นเขตติดต่อที่ปลอดภัยที่สุดด้วยละครับ


“ดูเหมือนท่านจอมมารกับฉันจะมีความคิดคล้ายกันหลายส่วนเลยว่าไหมราส” ไม่เข้าใจครับ พูดถึงอะไร

ผมมองผ่านฮาฟไปด้านหน้าก็เจอกับกลุ่มคนที่ เอิ่ม บางคนอาจจะมีรูปร่างคล้ายคนแต่โดยรวมจะมีเขาที่อยู่บนศีรษะสองเขาอย่างต่ำและหลายคนมีครึ่งบนเป็นคนครึ่งร่างเป็นสัตว์


“สุดยอดเลย”

ฮาฟยื่นมือหวังจะดึงแขนผมไม่ให้เข้าใกล้เขตแดนเพราะกลัวว่าอาจจะไม่ได้โชคดีแบบครั้งก่อน แต่ก็เหมือนเดิม ผมวิ่งข้ามเขตแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วตรงไปหากลุ่มคนที่ยืนรอบข้างจอมมาร


“จับได้ไหม นะขอจับเขาได้ไหม”


ก็ในเมื่ออีกฝ่ายคิดว่าผมเป็นสหายและมีความคิดที่คล้ายกับฮาฟผมเลยเผลอที่จะอ้อนขอเวลาที่เจอสิ่งที่น่าสนใจไม่ได้ ถ้าถามว่าครั้งก่อนที่เจอละ ครั้งนั้นจอมมารใช้รูปลักษณ์มนุษย์สมบูรณ์ไม่มีเขาไปเลยทำให้ผมไม่เห็นเขาของจอมมาร


“หืม”


“นะ”


สายตาออดอ้อนจากร่างบางของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำเอาความคิดแปลกๆยามที่คิดจะแกล้งเจ้าพ่อมดตัวน้อยหายไป กลับยอมที่จะก้มตัวให้ฝ่ามือเล็กลูบไปที่เขาด้านบนหัวของตนที่ถือเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมากแต่เข้ากลับไม่คิดที่จะว่าพ่อมดตรงหน้าสักนิดเดียว ทั้งที่เขาที่เป็นถึงจอมมารไม่ชอบให้ใครก็ตามมาโดนตัวเด็ดขาด


“บางทีผมก็ชักจะอยากมีเขาแบบจอมมารซะแล้วสิ”


เสียงของฮาฟปลุกผมจากความคิดที่เมื่อได้จับกลับมีภาพของสัตว์น้อยใหญ่ที่เคยเปรียบเสมือนลูกๆของผมในป่า แต่สัตว์อสูรพวกนั้นมีร่างกายที่เป็นสัตว์โดยสมบูรณ์และมีเขาทุกตัวแบบปีศาจทั่วไป พวกมันจะอาศัยอยู่ในป่าลึกเพราะเป็นสิ่งมีชีวิตวิเศษที่ถ้าใครได้กินหัวใจจะสามารถใช้พลังของตัวนั้นๆได้เหมือนกัน


ผมที่ปกป้องดูแลที่นั่นเมื่อต้องจากไปไกลในสงครามและถูกหักหลังจากคำพูดกลายเป็นพื้นที่ของผมถูกทำลาย ลูกของผมถูกวาดต้อนและถูกเปลี่ยนเป็นสัตว์ดุร้ายเพื่อเป็นพลังของกบฏ และสุดท้ายก็ต้องจบชีวิตเพราะคำอ้อนวอนที่ให้ผมที่ควรจะฆ่าพวกมันก่อนที่จะเสียใจไปมากกว่านี้  เพราะอะไรเรื่องราวถึงดำเนินมาจนถึงการจุติครั้งใหม่ของผมกัน ทำไมถึงอยากจะลงมาช่วยเหลือคนที่ทอดทิ้งกันแบบนี้กันนะ


“เป็นอะไรไป” ผมมองหน้าจอมมารที่เอ่ยถามทั้งที่ผมเลิกที่จะสำรวจเขาจอมมารแล้วแต่ก็ยังยื่นหน้ามาอยู่ในระดับเดียวกันเหมือนเดิม


“พวกคุณสองคนคิดว่าจะมีวันที่สงครามจะยุติไหมครับ คิดว่าทั้งสามดินแดนจะกลับมามีความสุขอีกครั้งไหม”หรือผมควรจะทอดทิ้งแล้วกลับไปเฝ้ามองดูการล่มสลายในกาลต่อไปดี ท้ายประโยคผมไม่ได้พูดออกไป


ทั้งสองคนตรงหน้ามองหน้าผมพร้อมกับที่บรรยากาศกดดันแผ่กระจายออกไปรอบตัวเราทั้งสามคน


“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอกนะ และพวกฉันก็ไม่คาดหวังกับคำทำนายของพวกชาวเวทย์แบบนายด้วย มันเป็นเรื่องของอดีต ความโกรธ ความแค้น หลงผิด ทุกอย่างก็เกิดจากทั้งสองดินแดนเท่านั้นไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเอาเด็กคนนั้นมาเกี่ยวข้องด้วยทำไมเหมือนกัน”


“อย่างที่จอมมารว่า และก็ตามที่ได้พูดครั้งก่อนกับเธอ ถึงจะเป็นศัตรูกันก็ตามแต่เราทั้งคู่ก็คิดเหมือนกันว่าจะไม่ขอความช่วยเหลือจากเด็กเพียงคนเดียวตามคำทำนายนั้นหรอกนะ”


แกว๊ก เสียงนกร้องดังเหนือหัวของพวกเราก่อนที่ร่างของมันจะหล่นลงมาใกล้กับที่เรายืน ผมคิดว่ามันน่าจะบินหลงมาโดนเขตแดนละนะครับ เวทย์นี้แม้แต่สัตว์ก็ห้ามข้ามนะครับ เหมือนตัดขาดซึ่งกันและกันเลย

ผมพยายามคิดว่าเขตนี้มันเกิดขึ้นจากใครและเพราะอะไรถึงต้องทำมัน แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะอ่านได้จากไหน


“นี่เป็นครั้งที่สองเหมือนกันที่เธอเดินข้ามเขตแดนแบบไม่เป็นอะไร ครั้งแรกเพราะคิดว่าเป็นเขตแดนติดดินแดนของเธอ แต่ครั้งนี้เขตแดนนี้เป็นของมนุษย์และปีศาจ ไม่มีใครที่จะโชคดีติดต่อกันทุกครั้งหรอกนะจริงไหมราส”


“เจ้าสามารถเดินข้ามเขตแดนได้หรือ” ผมหันไปพยักหน้ากับจอมมารแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไปเพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน


“เอาเถอะ ฉันส่งนายตรงนี้แล้วกัน สัปดาห์หน้าจะมารับตรงนี้นะ” ฟอด


“อือ จะรอนะ” แล้วทำไมต้องก้มมาหอมแก้มกันด้วยละครับท่าน

สหายจากลาต้องทำแบบนี้หรอครับแต่ก็ไม่วายแกล้งฮาฟต่อนะครับ หน้าแดงเดินหนีข้ามเขตไปแล้วครับ ผมรู้สึกเหมือนโดนสายตาทิ่มแทงจากด้านหลังหันกลับมาก็เจอสายตาที่จ้องจนร่างจะพรุนจากท่านจอมมาร เอ่อ เอาไงดีละเนี่ย


“หึ เดินกลับเองดีไหมพ่อมดน้อย”


“ไม่เอาครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนี่ครับ อย่ามาแกล้งกันนะ” ผมประท้วงทันที เพราะดูเหมืนจอมมารจงใจอยากจะแกล้งผมจริงๆ


“ผิดที่ยอมให้เจ้านั่นสัมผัสตัวเธอ”


“งั้นท่านจอมมารก็มีความผิดด้วยที่ยอมให้ผมจับเขาเหมือนกัน เห็นไหมเราผิดเหมือนกันแล้วงั้นกลับด้วยกันได้ ไปกันเถอะ นะครับ” ผมว่าผมเริ่มจับทางท่านจอมมารได้แล้วครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่ลงท้ายว่านะครับท่านจอมมารจะหน้าแดงแล้วก็หันหน้าหนีตลอด


“กลับ” แต่ครั้งนี้ดึงแขนผมเบาๆให้เดินไปที่รถม้าแบบอาณาจักรผมเพื่อเดินทางกลับปราสาท ระหว่างทางมีเหล่าปีศาจหลากหลายเผ่าพันธุ์ต่างทำงานของตัวเอง


“พึ่งจะรู้นะครับว่าที่ดินแดนนี้ปลูกข้าวเหมือนกับดินแดนอื่นด้วย” ผมถามจอมมารที่เอาแต่นั่งมองหน้าผมนิ่งๆตั้งแต่ขึ้นรถมา ผมคิดว่าเขาต้องหาวิธีแกล้งผมแน่ครับ


“พวกเรามีการทำเกษตรกรรมเหมือนดินแดนอื่น มีบางพันธุ์ที่ดำรงชีวิตด้วยการกินอยู่คล้ายมนุษย์แต่ก็ไม่ได้เป็นส่วนมากเท่าไหร่ ข้าวที่ดินแดนนี้จะถูกส่งออกไปที่อาณาจักรทั้งสองเช่นกัน”


“แล้วท่านจอมมาร”


“เรียกข้าว่าอัล” ถึงจะตกใจที่ให้เรียกแบบนั้นแต่ผมก็เรียกฮาฟมาก่อนเหมือนกันคงไม่แปลกที่สหายกันจะเรียกชื่อกัน


“งั้นอัลก็เรียกผมว่าราสนะครับ” ผมส่งยิ้มเป็นมิตรให้ คนตรงหน้ามองผมนิ่งๆแต่ก็มีริ้วแดงจางๆให้เห็น


“จะถามอะไรข้า”


“อ๋อ ผมว่าจะถามเรื่องอาณาจักรผมครับ ว่าพวกคุณอาณาจักรปีศาจนี้รู้จักพวกเราชาวเวทย์มากน้อยขนาดไหน”


“พวกเจ้ามีตำนานมากมาย มีบันทึกของราชวงศ์เกี่ยวกับเรื่องสงครามที่สามกษัตริย์ผนึกกำลังต่อสู้กับกบฏที่คิดจะยึดครองโลกนี้ รู้ว่าพวกเจ้ามีจอมเวทย์เป็นผู้ปกครอง รู้ว่าพวกเจ้ากำลังตามหาเด็กในคำทำนายเพื่อช่วยพวกเราสองดินแดนที่เกิดสงคราม แล้วเธอละรู้จักพวกเราชาวปีศาจมากน้อยแค่ไหนกัน”


“ผมรู้แค่ว่าพวกคุณเป็นอาณาจักรข้างเคียงเป็นเพื่อนบ้านที่ดี แต่เอาจริงๆนักเรียนหรือคนอื่นๆอาจจะรู้จักพวกคุณสองดินแดนมากกว่าผมมากเลยละครับ เพราะตอนที่เรียนเรื่องนี้ผมหลับทุกคาบเลยทีเดียว แหะ แหะ” ผมหัวเราะแห้งๆแล้วโยกตัวหลบฝ่ามือที่ตรงมาที่หัวของตัวเอง ใจร้ายแค่แอบหลับตอนเรียนเองนะ จะมาทำร้ายกันแบบนี้ไม่ได้นะครับท่าน


“เธอนี่มัน ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงโดนภาพด้านนอกเธอล่อลวงได้ถึงขนาดนี้”


“อย่ามากล่าวหากันนะครับอัล ผมไม่ได้ชักชวนให้คุณหลงใหลความหล่อของผมสักหน่อยนี่ครับ จริงไหม”


“ช่างกล้าที่จะพูดถึงตัวเองแบบนั้นจริงๆ” สายตาเหยียดหยามนี่มันคืออะไรกันครับ


“อย่ามาตกหลุมรักผมก็แล้วกัน”


“อย่าพูดเรื่อยเปื่อย”


“ถึงวันนั้นจะกินจนร้องขอชีวิตเลยเถอะครับ” ผมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ที่ชอบใช้แกล้งฮาฟไป แต่ดูท่าจะมาผิดทางละครับ


“ใครกันแน่ที่จะได้กิน จริงไหม”


“ไม่เล่นแล้วครับ ผมขอโทษ ปล่อยผมเถอะครับ นะครับ นะ” ก็ใครจะไปคิดว่าแกล้งแบบฮาฟแทนที่จอมมารจะเสียมาดกลายเป็นเข้าทางจับผมกดติดเบาะที่นั่งแบบนี้กันละครับ ไม่ได้ครับต้องรีบเปลี่ยนแผนกลับโหมดเดิมทันที


“ที่แบบนี้มาอ้อนนะราส จะลงโทษคนปากดียังไงดีนะ”


“ไม่เอาครับ สำนึกแล้ว ไม่เล่นแบบนี้แล้วครับ ผมกลัวนะ นะครับอัล” สุดแล้วครับ งัดมาอ้อนจนหมดแล้วครับ หน้าที่เลื่อนมาใกล้หยุดลงสบตาก่อนจะเบี่ยงไปหอมแก้มผมแล้วปล่อยตัวออกก่อนจะจับผมลุกนั่งที่เดิม


ให้ตายสิครับนึกว่าจะโดนกินจริงๆ ถึงคิดว่าผมน่าจะชอบผู้ชายแต่ไม่ได้อยากมีสามีทันทีนี่ครับ ขอเวลาทำใจก่อนสิครับท่าน


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 27-05-2018 13:26:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #7 [28/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 28-05-2018 13:42:47
#7


   เมื่อเดินทางมาถึงปราสาทของจอมมารหรืออัลก็มีข้ารับใช้สาวมายืนต้อนรับตลอดทางพร้อมกับทหารบางส่วน


“อัล ท่านมีราชินีหรือยังครับ” ผมสงสัยนะครับ ฮาฟด้วยแต่ไว้กลับไปค่อยถามก็น่าจะทันนะครับ


“หืม ยังหรอกกำลังหาอยู่ สนใจ” แหม ความสงสัยนี่ครับ ไม่จำเป็นต้องส่งสายตาวาววับแบบนั้นมาก็ได้ครับ ดูสิครับข้ารับใช้สาวของท่านจะเลือดหมดตัวเอาก่อนนะครับ


“ก็มันสงสัยนี่ครับ อยากรู้ก็ต้องถามจริงไหมครับ” ผมเบี่ยงประเด็นไปทางอื่นให้พ้นตัวเองมาที่สุด อันตรายครับจะแกล้งแบบฮาฟก็ไม่ได้ กลัวครับ


“ถ้าอย่างนั้นก็ถามให้ได้ทุกเรื่องแล้วกัน ข้าจะตอบเธอเอง ตอบจนไม่มีเรื่องสงสัยอีกเลย ดีไหม”


“อ่า ก็ดีมั้งครับ แหะ แหะ ผมว่าเรารีบเข้าไปกันเถอะครับ คนของท่านดูท่าจะมีเรื่องอยากจะคุยกับท่านอยู่นะครับ” โยนครับ งานนี้ต้องโยนให้ไกลตัวมากที่สุด


“หึ เจ้าพาสหายข้าไปห้องพักก่อนแล้วพาเขามาที่ห้องทำงานข้าด้วย” สั่งสาวใช้ตนเสร็จก็เดินจากไปพร้อมทหารที่เข้ามารายงานบางอย่าง


“ทางนี้เจ้าค่ะท่านพ่อมด” ผมพยักหน้าแล้วเดินตามพี่สาวที่นำทางเธอเป็นปีศาจนกครับ ท่อนบนสวมชุดเหมือนมนุษย์ทั่วไปครับแต่จะมีช่วงเท้าที่พ้นชายกระโปรงยาวออกมาเป็นขาของนกสองข้าง แต่ถึงจะเป็นปีศาจที่มีท่อนล่างเป็นนกแต่ใบหน้าสวยมมากครับ แต่ใจผมก็ไม่ได้เต้นแรงเหมือนตอนที่เจออัลกับฮาฟตอนแรกเลยครับ เธออาจจะยังไม่ใช่แบบที่ผมสนใจก็ได้นี่ครับ จริงไหม


“เชิญสำรวจได้เลยเจ้าค่ะ” เธอเดินออกไปหลังจากพูดจบ ผมก็สำรวจห้องตามที่เธอบอก ลักษณะคล้ายกับห้องที่พระราชวังของฮาฟพอสมควรต่างกันที่ขนาดของห้องที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย


เมื่อจัดของเสร็จก็เดินออกมาเจอกับพี่สาวคนเดิมเธอพาผมไปที่ห้องทำงานของอัลตามที่อัลบอกจริงๆครับ ในห้องมีทหารและขุนนางหลายคนที่มองมาที่ผมและดูเหมือนก่อนที่ผมจะเข้ามาน่าจะมีบรรยากาศที่ไม่ดีมากเสียด้วยครับ


“มานี่สิ” ผมพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งข้างอัลที่ให้ทหารที่ยืนด้านหลังยกเก้าอี้มาเสริมข้างซ้ายอัลให้ผมนั่งอีกที่


“ผมมารบกวนเวลางานหรือเปล่าครับ” ผมมีมารยาทพอหรอกนะครับ ถึงจะเป็นเด็กแบบนี้ก็เถอะครับ


“ไม่หรอก ท่านเสนารายงานต่อไป”


“พะยะค่ะจอมมาร ตามที่กล่าวไปก่อนหน้า ทางเราสามารถจับตัวผู้บงการในครั้งนี้ได้แต่ยังไม่สามารถจัดการได้เพราะทางนั้นชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน ส่วนข้อมูลที่ได้มาตอนทรมานมีเพียงน้อยนิดเกี่ยวกับแผนที่จะลอบเข้ามาปั่นป่วนในกองกำลังที่ตรึงอยู่ที่ชายแดนของเราพะยะค่ะจอมมาร”


“คิดว่าข้อมูลที่ได้มาจะเป็นจริงแค่ไหนกันท่านเสนาธิการ”


“ตรวจสอบจากประวัติเดิมมีความเป็นไปได้มากพะยะค่ะที่จะเกิดขึ้น”


“อืม แล้วเหตุการณ์ที่ชายแดนตอนนี้ละท่านแม่ทัพ”


“พะยะค่ะจอมมาร ถ้าไม่นับการลอบเข้ามาเพื่อป่วนค่ายของเราที่ชายแดนก็นับว่าไม่มีอะไรเลยพะยะค่ะท่านจอมมาร”


“สงบเกินไป ข้าคิดว่าน่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า”


“หม่อมฉันจะควบคุมดูแลให้รัดกุมยิ่งขึ้นพะยะค่ะท่านจอมมาร”


“ดี ท่านแม่ทัพ”


“ขอประทานอภัยพะยะค่ะ มีข่าวด่วนแจ้งเข้ามาพะยะค่ะท่านจอมมาร” อยู่ดีๆก็มีเสียงดังขึ้นที่หน้าประตูก่อนที่จะเปิดเข้ามาเมื่ออัลอนุญาต


“ว่ามา”


“มีการก่อเหตุจลาจลที่หมู่บ้านทางตอนใต้ที่ติดกับชายแดนมนุษย์พะยะค่ะ”


“อืม”


“มีกลุ่มคนเข้าทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านแล้วจับชาวบ้านที่เป็นหญิงกับเด็กไปแถมยังสังหารปีศาจชราไปหลายตนด้วยพะยะค่ะท่านจอมมาร”


“จัดการได้หรือยัง”


“ตอนนี้ทางเรากำลังติดตามไปจนถึงที่พักพวกมันแล้วพะยะค่ะ จัดการช่วยเหลือปีศาจสาวกับเด็กได้บางส่วนเพราะพวกมันจัดการสังหารตอนที่เราบุกโจมตีทันทีพะยะค่ะ แต่เราสามารถจับตัวพวกมันไว้ได้แต่ก็มีบางส่วนที่หนีเข้าดินแดนมนุษย์ของพวกมันไปได้ มีหลายส่วนเริ่มเคลื่อนไหวเพราะคิดว่าพวกที่เข้ามาเป็นมนุษย์ด้วยทั้งที่เรายังไม่สามารถตรวจสอบได้ตอนนี้และรอคำสั่งจากท่านต่อไปพะยะค่ะท่านจอมมาร”


“กว่าเราจะเดินทางไปถึงก็ใช้เวลาสามวัน หากใช้พลังปีศาจก็เป็นวันเช่นกัน” ท่านเสนาธิการที่อัลเรียกกล่าวทันทีเพราะคิดว่ายังไงอัลก็ต้องเดินทางไปด้วยตัวเองแน่นอน


“พ่อมดน้อยเธอมีวิธีไหมที่จะลดระยะทางแบบนี้” อัลหันมามองหน้าผมเพื่อถาม


“ครับ ขอสถานที่ที่จะไปด้วยนะครับ”


“ไปที่ป่าทางใต้ของที่นี่ใกล้กับเขตแดนมนุษย์ คนละที่กับที่เจ้าข้ามมา”


“ไปตอนไหนครับ”


“ตามที่เจ้าสะดวก”


“งั้นเอามือมาครับ ไปกัน” อัลส่งมือมาที่ผม ผมจัดนึกถึงป่าทางตอนใต้ที่เป็นที่ตั้งทหารใกล้เขตแดนที่มีหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆ จากแผนที่ที่ผมเคยศึกษามาก่อนหน้านี้ ก่อนจะท่องเวทย์ห้วงเวลาเคลื่อนย้ายตัวผมกับเอลทันทีโดยการวาร์ปไปที่จุดหมาย


ภายในห้องหลังจากที่กลุ่มควันหายไปพร้อมกับร่างของจอมมารและพ่อมดน้อยต่างแดนก็ตกอยู่ในความเงียบสีหน้าของแต่ละคนตกตะลึงเพราะเรื่องราวเกี่ยวกับการหายตัวด้วยเวทย์มนต์นั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากบันทึกของท่านจอมมารรุ่นก่อนๆบอกว่าบุคคลที่ทำได้ต้องเป็นนักเวทย์ระดับจอมเวทย์ขั้นสูงที่มีเวทย์ชนิดนี้เท่านั้น แต่คนที่ทำคือพ่อมดน้อย หรือว่าคำกล่าวของท่านจอมมารในยุคหมื่นปีจะเกิดขึ้นแล้วจริงๆ


“เป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามอาการของคนที่ใช้วาร์ปครั้งแรก มักจะมึนหัวทุกคนตามที่คุณทรีมอสบอกมา


“ไม่เป็นไร ข้าสบายดี” จริงครับ ทุกอย่างดูปกติมากครับ สุดยอด ผมที่ลองครับแรกยังเกือบอ้วกเลยละครับ แข็งแกร่งเกินไปแล้ว


“แล้วไปทางไหนต่อครับ” ผมถามเพราะไม่รู้จักเส้นทางที่จะไปที่เป้าหมาย อัลเดินนำผมไปที่ค่ายทหารที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เรามาถึงนัก ทหารที่เห็นอัลต่างรีบเปิดประตูแล้วรายงานทันที


“เรียนท่านจอมมาร พวกเราจับตัวคนร้ายมาไว้ที่ค่ายแล้วพะยะค่ะ”


“นำทางไปรองแม่ทัพ” คนนี้เป็นรองแม่ทัพนี่เองถึงไม่สงสัยว่าทำไมอัลถึงมาถึงเร็วขนาดนี้กันแถมยังมองมาที่ผมแต่ไม่ได้ซักถามหรือส่งสายตาด้านลบให้ด้วย พวกเราเดินไปจนถึงสถานที่กักขังนักโทษของค่ายทหาร


“พวกเจ้าเป็นใครกัน” คนด้านในเมื่อเห็นอัลต่างทำหน้าหวาดกลัวคงเพราะไม่คิดว่าอัลจะมาด้วยตัวเองแถมรวดเร็วแบบนี้


“ข้าไม่กลัวเจ้าหรอกเจ้าปีศาจ พวกเจ้าเป็นคนฆ่าญาติพี่น้องข้า พวกเจ้าสมควรโดนแบบนี้”


“จงบอกคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้ามา”


“หึ ถึงจะบอกไปเจ้าก็ทำอะไรไม่ได้หรอกเจ้าปีศาจ ปีศาจเป็นแค่สัตว์เท่านั้นไม่มีปัญญาสู้กับมนุษย์แบบพวกข้าได้หรอกเลยใช้วิธีลอบกัดตลอดเวลา พวกเจ้าไม่มีทางเทียบมนุษย์ได้ไม่ว่าอดีตหรือตอนนี้ก็ตาม”


“หุบปาก อย่ามาอวดดีกับพวกข้าทั้งที่เจ้ายังไม่สามารถแม้กระทั่งนั่งได้ด้วยตัวเองแบบนี้”


“ใจเย็นก่อนรองแม่ทัพ” อัลห้ามรองแม่ทัพที่จะเข้าไปจัดการนักโทษที่นั่งอยู่ตรงหน้าอัล


“ขออภัยพะยะค่ะ”


“อืม หากเจ้าคิดว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่และสูงสุดจริงเหตุใดจึงเกิดสงครามในครั้งนี้กัน เหตุใดความแค้นถึงมาครอบงำเจ้าจนต้องมาทำเรื่องชุดคร่าชีวิตของผู้อื่นเช่นนี้ด้วยหรือ”


“แล้วฝั่งปีศาจอย่าเจ้าละ อย่ามาทำพูดดีสั่งสอนข้าเลย พวกเจ้าก็เลวไม่ต่างกันหรอก” ผมยืนฟังมานานแล้วนะครับ ทำไมถึงคุยกันไม่รู้เรื่องสักที


ดูเหมือนสรุปว่าคนร้ายมาก่อเหตุเพราะทหารพวกนี้เคยทำร้ายพวกพ้องเขามาก่อน แต่เกี่ยวอะไรกับชาวบ้านพวกนั้นละครับ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเหมือนกันนะครับ แถมอัลที่ผมคิดว่าไม่น่าจะสอบสวนด้วยความใจเย็นแบบนี้อีก ผมคิดว่าเขาน่าจะกำลังคิดอะไรในใจอยู่


“ขอโทษที่เข้ามาขัดนะครับ แต่คุณบอกว่าเกลียดทหารแล้วทำร้ายชาวบ้านทำไมหรือครับ”


“เจ้ามิใช่ปีศาจ เจ้าเข้ามาเกี่ยวอะไรด้วย แต่เอาเถอะ เพราะข้าจะทำแบบที่พวกมันทำกับข้าไงละ พวกมันส่งทหารเข้าไปทำร้ายหมู่บ้านข้า ข้าเลยใช้วิธีเดียวกันไง”


“แล้วทหารที่เข้าไปเป็นปีศาจจริงหรือ”


“เจ้าจะบอกว่าพวกข้ากุเรื่องขึ้นมาเพื่อมาแก้แค้นอย่างนั้นหรอ”


“ท่านกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ครับ” ผมถามอัลหลังจากที่ได้ยินคำถามนั้น


“ไว้ค่อยคุย ทหารจัดการตามกฎของเราไปตามหน้าที่ ข้าคิดว่าข้าเข้าใจเรื่องแล้ว” อัลแตะแขนผมให้เดินตามเขาออกมาก่อนที่เราจะกลับมาที่เดิม


“กลับไปคุยที่ปราสาทห้องเดิม”


“ครับ” ถึงการใช้เวทย์ชนิดนี้จะหนักแต่ผมที่ฝึกฝนกับวิธีการลดพลังเวทย์ในตอนที่ใช้ตามที่คุณทรีมอสบอกไว้เลยแค่รู้สึกเพลียเล็กน้อย แต่จากการใช้เวทย์ใหญ่ติดต่อกันสองครั้งในหนึ่งวันแบบนี้แถมเวลายังไม่ห่างมากนักอาจจะเพลียมากขึ้น


“ท่านจอมมาร” เสียงของบุคคลในห้องที่ยังคงอยู่เหมือนตอนที่ออกไป


“ไหวหรือไม่” น้ำเสียงห่วงใยจากร่างสูงตรงหน้าที่ประคองตัวผมให้นั่งลงที่เก้าอี้แล้วโอบเอวผมไว้ อยากปัดมือที่เนียนนะครับ แต่เหมือนจะหมดแรง


“ยังไหวอยู่ครับ ผมไม่เคยใช้เวทย์แบบนี้ติดต่อกันมาก่อนเลยเพลียนิดหน่อย ขอบคุณนะครับ” ผมส่งยิ้มให้ตอบแทนที่ช่วยไม่ให้ผมทรุดตัวจนขายหน้าละครับ


“ไม่เป็นไร งั้นพิงข้าก่อนก็ได้จนกว่าจะดีขึ้น” ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะครับ ก็มันรู้สึกดีนี่ครับ แหม มีหนุ่มหล่อมาเปิดโอกาสให้ขนาดนี้ ทิ้งไปโง่เลยสิครับ


“ขอบคุณครับ” ผมบอกเสียงเบาแล้วหลับตาเพื่อฟื้นฟูพลังตามที่คุณทรีมอสเคยสอนแล้วให้ตำราการควบคุมเวทย์กับผมให้เอาไว้ท่องตอนอยู่คนเดียว


“ข้าคิดว่าเรื่องในครั้งนี้มีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง จากการที่ข้าสอบถามคนร้ายมา เจ้านั่นบอกว่ามีทหารของเราเข้าไปทำร้ายฝั่งนั้นก่อน เลยทำให้เกิดความแค้นจนมาก่อเรื่องครั้งนี้”


“ไม่มีทางที่ทหารจะข้ามไปดินแดนศัตรูโดยที่พวกเราไม่รู้ได้พะยะค่ะ”


“ข้าก็คิดแบบนั้น ข้าฝากท่านแม่ทัพไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยแล้วกัน ส่วนท่านเสนาธิการข้าฝากด้วยอีกแรงเรื่องกลุ่มคนที่เราสงสัย เอาละไปได้” ทั้งสองคนเดินออกจากห้องตามรับสั่ง

ผมนั่งหลับตาฟังนิ่งๆไปเรื่อยๆในเรื่องอื่นๆที่อัลต้องหารือตามปกติในส่วนงานบ้านเมือง ผมว่าอัลเป็นจอมมารที่เป็นที่รักมากเลยนะครับจากคำพูดที่ทางขุนนางบอกให้ได้ยิน


“วันนี้พอแค่นี้ก่อนไปได้” เมื่อทุกคนออกไปจนหมดทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ


“คิดมากหรือครับ” ผมถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่


“นิดหน่อย ข้าเสียใจที่ต้องให้เจ้ามาเจอเรื่องแบบนี้”


“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ คนกันเอง ผมเต็มใจที่จะช่วยในส่วนที่พอช่วยได้ ก็ท่านบอกเราเป็นสหายกันนี่ครับ”


“ถ้าเป็นมากกว่าสหายได้ไหมละ”


“หืม เป็นพี่น้องหรอครับ” ถึงจะตกใจกับคำถามแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาเพราะใกล้ฟื้นฟูเสร็จแล้ว


“เป็นคนรักต่างหาก” พรึบ ผมลืมตาเตรียมหนีแต่ไม่ทันอ้อมแขนที่ดึงตัวผมไปนั่งที่ตักของร่างสูงทันที


“ล้อกันแรงไปนะครับ” ผมพยายามดันตัวออก ครั้งนี้อัลเล่นแรงนะครับ ถึงเนื้อถึงตัวเกินไปแถมยังมาทำให้ใจเต้นแรงเพราะคำพูดแบบนั้นอีก


“คิดแบบนั้นทั้งที่หวั่นไหวกับข้าเหมือนกันแบบนี้หรือ พ่อมดน้อย”


“เราพึ่งจะรู้จักกันแถมยังเป็นสหายกันด้วยนะครับ ปล่อยผมก่อน”


“แล้วเหตุใดถึงยินยอมที่จะเป็นคนรักขององค์รัชทายาทได้เล่า”


“ห้ะ ผมเป็นคนรักของฮาฟตอนไหนกันครับ”


“ข้ารู้แล้วกัน ตอบมาเป็นคนรักข้าเหมือนกันไม้ได้หรือ”


“ผมไม่เป็นคนรักของใครทั้งนั้นครับ ผมก็เป็นผู้ชายเหมือนพวกคุณนะครับ”


“ข้าไม่ถือหรอกว่าราชินีของข้าจะเป็นเพศใด เพราะข้าก็สามารถทำให้ท้องได้เหมือนกัน ลองไหม”


“ไม่ลองครับแล้วปล่อยด้วย ผมจะโกรธแล้วนะครับ”


“คิดว่าขู่ข้าได้หรือ หืม”


“อัล ปล่อยเถอะ นะครับ”


“ข้าไม่ชอบเวลาเจ้าพูดคำนี้จริงๆ เอาละ เก็บไปทบทวนก็แล้วกัน เปิดใจกับพวกข้าสองคนหน่อยก็ดี พวกข้าชอบเจ้าจริงๆ” อัลวางผมลงที่เก้าอี้เดิมก่อนจะเดินออกไปจากห้องก่อน ผมเดินตามมาก็ไม่เจอเงาร่างสูงแล้ว พี่สาวที่ยืนอยู่พาผมกลับห้องพัก


ผมล้มตัวนอนทันทีที่ถึงเตียงแต่กับหลับตาลงไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกันครับ เป็นแค่เรื่องตลกที่พวกเขาเล่นหรือความจริงที่บอกว่าพวกเขาชอบผม ถึงจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้คิดไปในทางนั้นก็จริงแต่ผมไม่กล้าคิดหรอกครับ มันจะเป็นยังไงกันนะครับถ้าคนที่ผมเปิดใจอีกครั้งกลับทอดทิ้งผมไปเหมือนเดิม


“ผมต้องทำยังไงกันนะ” แล้วก็หลับตาทิ้งความคิดวุ่นวายออกจากหัวไป


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 28-05-2018 19:21:25
สนุก รอตอนต่อไป :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 28-05-2018 23:19:28
แก้ไขแล้วอ่านง่ายขึ้นกว่าเดิมค่ะ พัฒนาขึ้นไปเรื้อยๆนะคะ อ่อ ถ้าอัพนิยายน่าจะขึ้นหัวกระทู้หน่อยนะคะว่าอัพตอนที่เท่าไหร่แล้ว วันที่เท่าไหร่ หน้าที่เท่าไหร่(ในอนาคต) คนอ่านจะได้รู้ว่ามีตอนใหม่มาอัพแล้วเนอะ ลองดูค่ะ  :mew1:
ชอบจังนายเอกมีพลังเหนือคนอื่นเนี่ย แต่กลัวจะมีอันตรายมาถึงตัวราสอะ อ่านไปก็ยังไม่ไว้ใจใครเลย
รออ่านตอนต่อไปค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #8 [29/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 29-05-2018 11:52:33
#8


“คิดมากหรือลูกข้า”เสียงกระซิบที่แผ่วเบาข้างหูเรียกให้ผมเปิดตาขึ้นมอง ผมนอนอยู่ที่สวนดอกไม้กว้างที่เหมือนจะเคยเห็นทุกครั้งที่ฝันถึงตอนเด็กเรื่อยมา


“ใครกัน” ผมถามกลับเพราะไม่เห็นเจ้าของเสียงที่ปลุกผมมาในที่ประหลาดนี้


“พ่อของเจ้าเช่นไรเล่า ข้าอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอลูกรัก สับสนกับหัวใจหรือ”


“ผม ผมกลัวว่าจะโดนทอดทิ้งอีกครั้ง ผมไม่เข้าใจชีวิตทั้งอดีตแล้วก็เรื่องตอนนี้เลยครับท่านผู้สร้าง” ผมคิดว่าเสียงที่ได้ยินต้องเป็นคนเดียวกับที่เคยเจอมาเสมอในฝันแน่นอนครับและครั้งนี้ก็เป็นผมไม่ใช่เด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว


“หากเจ้าคิดว่าเรื่องมันเกินจะรับไหวแล้ว ปล่อยวางมันลงแล้วคิดแต่สิ่งที่เจ้าเป็นตอนนี้ดีหรือไม่ ในเมื่อเจ้าคิดที่จะลงไปแก้ไขเรื่องผิดพลาดที่เจ้าคิดว่าเจ้าก่อไว้ ก็จงคิดเพียงเท่านั้นดีหรือไม่”


“ปล่อยวางหรือครับ”


“ใช่ พวกเขาทอดทิ้งเจ้าและเจ้าก็ทอดทิ้งพวกเขาเช่นกัน เจ้าคิดแบนี้ใช่หรือไม่ถึงคิดที่จะลงไปแก้ไขเช่นนี้”


“ครับ”


“งั้นก็สมเหตุสมผลกันกับเรื่องนี้แล้ว ชีวิตใหม่ที่เจ้าได้รับตอนนี้ เจ้าเป็นเพียงพ่อมดน้อยที่เป็นเพียงสหายของราชาสามดินแดนเท่านั้น เป็นพ่อมดน้อยที่มีพลังเวทย์สาบสูญ เจ้าคือราสเต้ ดีนเซอร์ พ่อมดฝึกหัดธรรมดา มิใช่รัสเทล อินเทียส มหาปราชญ์จอมเวทย์อีกแล้วนะลูกข้า”


“ผมคือราสเต้ ดีนเซอร์ ไม่ใช่รัสเทล อินเทียส ท่านจะบอกว่าให้ผมเป็นตัวผมในตอนนี้ไม่ต้องคิดเรื่องในอดีตพวกนั้นอีกแล้วหรือครับท่านผู้สร้าง”


“เป็นเช่นนั้น หากเจ้ามิมีความสุขกับอดีตจนปล่อยมันแล้วลืมมันไปเสียเถิดลูกข้า ที่เจ้าลงไปจุติใหม่นั้นเพราะข้าอยากให้เจ้ามีความสุขกับชีวิตอีกครั้ง แต่หากลืมไม่ได้ เจ้าอยากให้ข้าลบล้างมันหรือไม่”


“ไม่ ผมไม่อยากลืมความสุขในช่วงเวลาในอดีตครับ ผมอยากจดจำเรื่องราวได้ ผมจะพยายามไม่สนใจกับความผิดพลาดในอดีตแล้วละครับ ผมจะใช้ชีวิตเป็นแค่พ่อมดฝึกหัดตามที่ท่านบอก แต่เรื่องนั้น”


“มันเป็นโชคชะตาของเจ้าเองลูกข้า ไม่มีใครหนีมันพ้น ปล่อยมันเป็นไปในทางของมันเถิด ใช้หัวใจของเจ้าในการตัดสินใจเสีย เพราะพ่อไม่สามารถช่วยเจ้าได้ พ่อห้ามโชคชะตาของผู้อื่นมิได้ลูกข้า”


“ข้าควรให้โอกาสตัวเองและพวกเขาหรือครับท่านผู้สร้าง”


“ตามที่ใจเจ้าปรารถนาเถิด รู้ไว้ว่าเมื่อเจ้าทุกข์ใจพ่อจะคอยอยู่ข้างกายเจ้าเสมอ เอาละได้เวลาแล้ว ครั้งหน้าพบกันใหม่”
ภาพตรงหน้าดับไปกลายเป็นสีดำสนิท


“ราส ราส ราสเต้ ได้ยินข้าไหม” แรงเขย่าที่ปลุกผมขึ้นมา ภาพตรงหน้าเป็นท่านจอมมารที่อยู่ใกล้ในระยะฝ่ามือ


“ท่านจอมมาร” ผมยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้านั้นอย่าลืมตัว ให้โอกาสตัวเองกับพวกเขาหรือ ทำตามใจแบบนั้นจะดีหรือ


“เป็นอะไรไปหรือเปล่า” น้ำเสียงห่วงใยจากริมฝีปากหนาตรงหน้า ผมจ้องมองมันอย่างสนใจโดยไม่รู้ว่าใบหน้าของเราทั้งคู่เลื่อนเข้ามาใกล้กันมากขึ้นขนาดไหน


“ถ้าทำตามใจแล้วจะเสียใจไหมครับ” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่สับสนกับความคิดของตัวเอง


“ข้าไม่เข้าจะ” ผมสัมผัสริมฝีปากที่กำลังพูดโดยที่ไม่รู้ตัวก่อนจะผละออกมามองหน้าอัลที่ตกตะลึง รู้สึกดีจังครับ


“ข้าขอโทษที่มารบกวนเพียงแค่เจ้าลืมของไว้ที่ห้องทำงานข้า” เสียงคุ้นหูที่ดังอยู่ตรงประตูเรียกสายตาของผมกับท่านจอมมารให้หันไป ฮาฟยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาที่สับสนและเจ็บปวดที่มองมาที่ผม


ในมือของร่างสูงมีสมุดบันทึกเกี่ยวกับภารกิจที่ท่านจอมเวทย์มอบไว้เพื่อจดบันทึกความคืบหน้าเพราะมันจะส่งไปที่สมุดอีกเล่มที่อยู่กับท่านจอมเวทย์เพื่อติดต่อผ่านตัวอักษรที่เขียนลงไปคล้ายส่งการบ้านในแต่ละวัน


ผมลืมของสำคัญแบบนั้นได้ยังไงกัน แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าคนที่กำลังเข้าใจผมผิดแบบนี้ ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมต้องไม่อยากให้องค์รัชทายาทเข้าใจผิดแบบนี้ก็ตาม


“เจ้ามาที่นี่ทำไม”


“ข้าเอาของราสมาให้ ขอโทษด้วยที่รบกวน ข้าขอตัว”


“เดี๋ยวก่อนฮาฟ” ผมรีบวิ่งตามทันทีที่เห็นว่าฮาฟก้าวเท้าออกไป


“มีอะไรอีกหรือ ข้าคืนของให้เจ้าแล้ว”


“ท่านกำลังเข้าใจผิด”


“ไม่มีอะไรที่ข้าต้องเข้าใจผิด เจ้าเลือกที่จะรับรักจอมมารแล้ว”


“งั้นคงเป็นผมเองที่เข้าใจผิดคิดว่าท่านมีใจให้แก่ผมเช่นกัน ผมขอโทษท่านด้วย” ผมปล่อยมือที่จับแขนขององค์รัชทายาทออกแล้วถอยหลังออกมา เจ็บจังเลยครับ ไม่คิดว่าเพียงเริ่มเปิดใจกลับเจ็บแบบนี้แทน


“เดี๋ยว” เสียงของฮาฟกับอัลที่เดินมาพอดีเรียกผมไว้ แต่ไม่ทันกับเวทย์วาร์ปของผม


ตอนนี้ผมมาอยู่ที่หน้าของคุณทรีมอสแล้วละครับ


“นายท่าน หากหนักใจนักทิ้งมันลงแล้วมาพักที่ข้าจนกว่าจะสงบใจดีหรือไม่ครับ”


“ขอบคุณนะครับ คุณทรีมอส” ผมทิ้งตัวลงนอนที่รากของคุณทรีมอสก่อนจะหลับตาเพื่อพักร่างกายที่ใช้เวทย์วาร์ปครั้งที่สามของวันเพื่อเติมพลังเวทย์จากธรรมชาติรอบกาย ไม่มีใครสามารถเข้ามาในป่านี้ได้เพราะผมคิดว่าคุณทรีมอสคงไม่ปล่อยให้ใครเข้ามากวนผมในตอนนี้แน่นอน


ท่านผู้สร้างบอกว่าให้ผมทิ้งอดีต ให้เป็นตัวของตัวเองในตอนนี้ แล้วสุดท้ายผมก็เจ็บอีกเหมือนเดิม หรือผมตัดสินมันเร็วเกินไป อาจจะมีเรื่องที่ผมเข้าใจผิดไปก็ได้ แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยมากเลยครับ ขอพักใจก่อนแล้วกัน ผมไม่ได้โกรธอัลและฮาฟหรอกครับ ผมก็แค่เสียใจกับความคิดตัวเองแค่นั้น




   บริเวณทางเดินหน้าห้องของแขกคนสำคัญของท่านจอมมารมีร่างของบุรุษสองคน หนึ่งคือราชาของดินแดนปีศาจอีกหนึ่งคือว่าที่ราชาดินแดนมนุษย์ ทังสองจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองตั้งแต่ที่กลุ่มควันจางลงพร้อมกับที่ร่างบางของใครบางคนที่หายไป


“เจ้าทำให้ราสหนีไป” เสียงจากร่างหนาเจ้าของดินแดนปีศาจเอ่ยต่อว่าคู่กรณีตรงหน้า


“ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าเสียใจที่เขาเลือกเจ้าไม่ใช่ข้าดั่งที่หวังไว้”


“เขาบอกเจ้าแล้วหรือว่าเลือกข้า”


“ยังไม่ได้บอก”


“แล้วอะไรทำให้เจ้าคิดแบบนั้นกัน”


“ก็เจ้ากับราส” ปลายเสียงเงียบหายไป รอบด้านเกิดความเงียบอีกครั้ง


“ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับราสว่าเราทั้งคู่สนใจเขา และเหตุการณ์เมื่อสักครู่ข้าก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเขาจูบข้าเพราะเหตุใดและข้าคิดว่าราสไม่ได้เลือกใครทั้งสิ้นเพียงแค่ต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างเท่านั้น”


“ข้าทำร้ายราสเองหรือ ข้าจะตามเขาได้ที่ใดกันจอมมาร”


“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน คงได้แต่รอเวลาที่ราสจะกลับมาเอง”


“แล้วถ้าราสไม่กลับมา”


“ข้าเชื่อว่าราสจะกลับมา เจ้าจะทำอย่างไรต่อ”


“ข้าขออยู่รอราสที่นี่ได้หรือไม่ ข้าจัดการงานก่อนที่จะเดินทางมาแล้วคงอยู่ได้สักพัก”


“ได้ ข้าจะให้สาวใช้เตรียมที่พักให้ ข้าขอตัว”


“ขอบคุณจอมมาร” แล้วทั้งสองก็แยกย้ายกันไปตามทางของตนเพื่อรอเวลาที่ร่างบางจะกลับมา


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #9 [30/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 30-05-2018 12:43:45
#9


   เช้าอีกวันหลังจากที่ผมทานผลไม้ที่สัตว์อสูรนำมาให้เสร็จก็บอกลาทั้งหมดก่อนจะใช้เวทย์วาร์ปกลับมาที่ปราสาทของจอมมารเพื่อทำภารกิจต่อ

       ผมมาที่นี่เพื่อทำภารกิจที่ท่านจอมเวทย์มอบหมายมาเท่านั้น ดังนั้นเรื่องอื่นๆถือว่าไม่สำคัญ ผมอาจจะเป็นเด็กในคำทำนายเพราะอดีต แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมคือคนในคำทำนายนั้นผมก็จะเป็นแค่พ่อมดฝึกหัดที่ถูกส่งมาทำภารกิจเท่านั้น คิดเท่านี้ก็สบายใจแล้ว


“ท่านพ่อมด” เสียงของพี่สาวที่เคยพาผมกลับมาที่ห้องพักเอ่ยเรียกผมอย่างตกใจที่อยู่ดีๆผมก็โพล่มาตรงหน้าเธอที่กำลังเดินมาพอดี


“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ”


“มิเป็นไรเจ้าค่ะ ท่านกำลังจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ”


“กำลังจะไปหาจอมมารครับ ว่าแต่องค์รัชทายาทดินแดนมนุษย์กลับไปหรือยังครับ” ผมถามพี่สาวที่น่าจะพอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเพราะดูไม่แปลกใจที่พบศัตรูของดินแดนแบบนี้


“ยังเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านจอมมารอยู่ที่ห้องตำราหลวงเจ้าค่ะ แต่”


“ขอบคุณนะครับ” ผมเดินออกไปตามทางที่พี่สาวชี้ทั้งที่ยังไม่ได้ฟังคำต่อไปของข้ารับใช้สาว


เดินไปสักพักถามทางกับข้ารับใช้คนอื่นไปเรื่อยๆจนมาถึง พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับจอมมารที่นั่งสนทนากับองค์รัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว สงสัยที่พี่สาวจะบอกน่าจะเรื่องนี้แน่เลย


“สวัสดียามเช้าครับท่านจอมมาร องค์รัชทายาท” ผมทักทายทั้งคู่ก่อนจะเดินเข้าใกล้ทั้งคู่แล้วนั่งลงตรงที่ว่างตรงกลางระหว่างทั้งคู่


“ฉันขอโทษเรื่องเมื่อวานด้วยนะราส” เป็นองค์รัชทายาทที่พูดออกมาก่อนใคร


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว และก็ต้องขอโทษอัลด้วยนะครับที่ทำแบบนั้นไป”


“ไม่เป็นไร” น้ำเสียงที่เป็นไปตามคำพูดก่อนที่ผมจะส่งยิ้มให้ทั้งคู่


“เอาละ ที่ผมมาที่นี่ทั้งสองดินแดนเพราะผมได้รับภารกิจของการเป็นนักเรียนในโรงเรียนเวทย์ในอาณาจักรมาละครับ เป็นภารกิจที่ให้ตามหาของสำคัญของท่านทั้งคู่” ผมบอกตามความจริงอยู่ที่พวกเขาจะตอบผมตามตรงหรือเปล่าก็อีกเรื่องครับ


“ของสำคัญหรือ เป็นเรื่องที่คิดยากเหมือนกัน เชิญท่านจอมมารก่อน” ฮาฟส่งให้อัลรับแทนเพราะคิดไม่ได้


“ของข้าหรือ อืม อาณาจักรละมั้ง” อัลตอบแบบไม่แน่ใจ ผมหยิบหินเวทย์ออกมาก่อนจะจดลงไปในบันทึกเพื่อรอท่านจอมเวทย์ตอบกลับมา


“ฉันคงเป็นอาณาจักรเหมือนกันละมั้ง” ผมจดตามลงไปเช่นกัน


“เมื่อทำภารกิจสำเร็จเธอก็จะเดินทางกลับเลยหรือ”


“ครับ ผมต้องกลับไปเรียนต่ออีกสามปีเพื่อให้จบครับ”


“แล้วเมื่อจบเธอจะทำอะไรต่อ”


“ผมก็ยังไม่แน่ใจนะครับ อาจจะทำการค้าไม่ก็เดินทางไปเรื่อยๆละมั้งครับ ก็ผมไม่มีเวทย์นี่หน่า”


“ไม่มีเวทย์ ยังไงกัน”


“ที่อาณาจักรเวทย์ยังไม่มีใครรู้ว่าผมใช้เวทย์ได้เพราะตอนตรวจเวทย์ผม กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นไงครับ เรื่องที่ใช้เวทย์ได้มีแค่ท่านจอมเวทย์กับพวกท่านละครับที่รู้” ผมตอบตามตรงไม่ได้ปิดบังอะไรเพราะคิดว่าทั้งสองคนตรงหน้าไม่น่าจะเอาเรื่องของผมไปบอกใคร


“สนใจมาทำงานกับพวกข้าไหมราส” จอมมารเป็นคนพูดทำลายความเงียบที่ก่อตัวหลังจากที่ผมพูดจบ


“ทำงาน งานอะไรกันหรอครับ”


“เป็นที่ปรึกษาของพวกข้าไงละ”


“ที่ปรึกษา เรื่องอะไรครับ”


“ก็ทุกเรื่องเลย เธอสนใจไหม”


“ขอเก็บไปคิดก่อนนะครับ” ผมตอบทั้งคู่ไป “ว่าแต่ทำอะไรกันอยู่หรอครับ” ผมถามเพราะรอบตัวของทั้งคู่มีทั้งหนังสือและตำรากองอยู่เต็มไปหมด


“ฉันกับจอมมารกำลังคุยกันเรื่องวิธีกำจัดกบฏอยู่ มันออกจะน่าเบื่อ เธอหาอะไรทำก่อนก็ได้แล้วถึงเวลาค่อยไปทานอาหารกัน” ฮาฟบอกผมก่อนจะหันไปมองท่านจอมมารที่พยักหน้าเห็นด้วย กันผมออกละสิ ได้ผมไปหาเรื่องอื่นทำก็ได้


“ครับ งั้นขออ่านหนังสือนะครับ”


“ตามสบาย” เสียงของจอมมารดังตามมาว่าอนุญาตตอนที่ผมเดินออกจากโต๊ะมา

ผมเดินไปตามชั้นต่างๆลึกเข้าไปเรื่อยๆจนเจอตู้หนังสือที่ดูเหมือนลงเวทย์อะไรบางอย่างเอาไว้ มีหนังสือเล่มหนึ่งที่เรียกความสนใจจากผมได้ดีทีเดียว ขอแอบอ่านหน่อยละกันนะครับ


ผมจัดการเปิดตู้โดยที่เวทย์ที่วางไว้ไม่ได้ทำงานแต่อย่างใด ผมหยิบเล่มที่ติดใจออกมาก่อนจะปิดตู้ตามเดิมแล้วเดินหาที่เหมาะๆกับการอ่าน จนเจอมุมสงบที่มีเบาะวางไว้ ผมนั่งลงแล้วสำรวจตำราเล่มหน้าที่หยิบมา มันดูเหมือนตำราทั่วไปแต่กลับเรียกความสนใจเพราะคำว่าบันทึกหมื่นปีบนหน้าปก


ผมเปิดเนื้อหาด้านในอ่านไปเรื่อยๆเป็นเรื่องราวของจอมมารในแต่ละวันคล้ายกับบันทึกของจอมมารรุ่นนั้น ผมอ่านบ้างข้ามบ้างจนมาถึงช่วงกลางเล่ม มีบันทึกถึงเรื่องราวงานเลี้ยงที่ดินแดนจอมเวทย์ แล้วก็การพบเจอนักเวทย์ลึกลับที่ชายป่าตอนที่เข้าสำรวจป่าในเขตรอยต่อดินแดน จนกระทั่งเรื่องของสงครามครั้งนั้นที่ผมพยายามลืม


“ปีศาจไม่สามารถใช้เวทย์ลบล้างตัวตนต่อหน้าได้สมบูรณ์สินะ” เพราะในเนื้อหาเล่มนี้บอกว่าเคยมีการพบตัวผมในอดีตมาก่อนแต่ไม่มีการบรรยายลักษณะเพียงแต่จำได้แค่ชื่อเท่านั้น แล้วราชาอีกสองดินแดนละจะมีบันทึกแบบนี้อยู่ไหม


“ราส ได้เวลาแล้วอยู่ตรงไหนกัน” เสียงของฮาฟดังขึ้นมาจากทางที่เดินเข้ามา ผมรีบเอาหนังสือกลับไปเก็บที่ก่อนจะเดินออกไป


“ผมอยู่ทางนี้ครับ” ผมเดินออกมาเจอกับทั้งสองคนที่เลิกอ่านหนังสือหรือคุยกันแล้ว


“เห็นหายไปนานนึกว่าจะหลับไปแล้ว”


“อย่ามากล่าวหากันนะครับอัล ถึงจะเป็นแค่เด็กแต่ก็ไม่ต้องนอนกลางวันแล้วครับ”


“จริงหรือ ข้าลืมไปเลยว่าเด็กต้องนอนกลางวัน งั้นทานอาหารเสร็จเธอก็ไปนอนนะ”


“ผมก็บอกอยู่ว่าไม่ต้องนอนไงครับ ทำไมชอบแกล้งผมจัง” ผมพองแก้มใส่อัลเพราะขัดใจก่อนจะหันไปเจอสายตาของฮาฟที่มองมา อ่า ผมหาที่ลงได้แล้วละ


“มีอะไรครับ” ฮาฟที่ยังไม่รู้ตัวถามผมที่มองไปอย่างสงสัย


“จะว่าไป ฮาฟสนใจไปนอนกับผมไหมครับ ไม่ใช่สิ นอนกลางวันต่างหาก” ผมลูบมือบนหน้าอกฮาฟก่อนจะส่งสายตาชวนเชิญไป


ฮาฟเกิดอาการหน้าแดงอีกแล้วครับ ผมปล่อยวางทุกอย่างแล้วคิดที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามแนวทางของผมรวมทั้งเรื่องนี้ด้วย ผมมีความสุขที่ได้แกล้งฮาฟและอ้อนอัล ผมก็จะทำมันต่อไป


“เอ่อ ฉะ ฉันว่าเราไปทานอาหารกันดีกว่านะ” แล้วฮาฟก็เดินหนีผมออกไปทันที


“นิสัยเธอนี่มัน น่าจะลงโทษสักที”


“อัลตีผมลงหรอครับ อย่าตีผมเลยนะ นะครับ” ผมส่งสายตาออดอ้อนไปให้อัลที่ทำท่าจะตีผมตามที่พูด


“เพราะแบบนี้ยังไงละพวกฉันถึงตัดใจไม่ได้สักที”


“ก็ไม่ได้บอกให้ตัดนี่ครับ” ผมรีบวิ่งออกมาทันทีเพราะอัลไม่ใช่ฮาฟที่โดนคำพูดแบบนั้นแล้วจะเขินอย่างเดียว


“กลับมาโดนตีก่อนเดี๋ยวนี้เลย เจ้าตัวแสบ” เสียงของอัลไล่หลังมา ผมรีบวิ่งไปทางห้องอาหารทันที ผมอยู่มาจนพอรู้ทางไปห้องอาหารแล้วละครับ เรื่องกินสำคัญนะครับทุกคน


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #10 [31/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 31-05-2018 13:04:01
#10

   สวัสดีครับ กระผมพ่อมดฝึกหัดนามว่าราสเต้ ตอนนี้ผมอยู่ที่พระราชวังที่ดินแดนมนุษย์ของฮาฟแล้วละครับ ผมที่มาถึงเมื่อวานก็ไม่ได้ทำอะไร เอาจริงๆตั้งแต่มาผมยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำครับ ได้แต่เดินไปมาในพระราชวังเท่านั้น พอไปถามหางานที่ถูกส่งมาก็ไม่มีให้ทำบอกให้พักก่อน จนถึงวันนี้ ผมเดินรอบแล้วครับที่นี่ไม่รู้ว่าจะไปไหนแล้ว


จะว่าไปตอนไปหอตำราของท่านจอมมารก็เจอบันทึกแล้วที่นี่ละ แต่ผมเคยบอกกับท่านผู้สร้างแล้วว่าจะลืมอดีตนี่หน่า เอาไงดีๆ


ผมที่มัวแต่คิดจนไม่ได้ดูว่าตัวเองเดินมาทางไหนมาตกใจก็ตอนที่ด้านหน้าเป็นป่านี่ละครับ ที่ไหนกันนะ ป่าหลังวังหรือยังไง ทำไมเดินมาทุกวันไม่ยักจะเจอที่นี่ ผมเดินเข้าไปเพื่อสำรวจพื้นที่พร้อมกับทำความรู้จักต้นไม้รอบตัวไปเรื่อยๆ


“เรื่องที่ให้จัดการเรียบร้อยไหม” เสียงทุ้มที่บ่งบอกว่าคนพูดดูมีอายุมากพอสมควรดังขึ้นจากด้านขวามือ ความสนใจที่จะเรียนรู้เรื่องชาวบ้านของผมสั่งร่างกายให้ขยับไปทิศทางนั้นทันที


“ครับท่าน เมื่อเริ่มงานเราจะจัดการพวกมันและทำให้คิดว่าเป็นฝีมือของศัตรูได้แน่นอนครับ” ภาพที่เห็นคือทหารนายหนึ่งที่เห็นเดินอยู่รอบวังทำหน้าที่เฝ้าประตูทางเข้าออกของวังด้านหน้าส่วนชายอีกคนหน้าคุ้นมากเลยครับแต่จำไม่ได้ว่าเจอที่ไหนกัน


“ดี อุดมการณ์เมื่อร้อยปีจะต้องไม่เสียเปล่า เมื่อไหร่ที่พวกมันแตกคอกันมากขึ้นจนเกิดสงครามเหมือนเดิม เราจะได้จัดการพวกมันรวมทั้งเจ้าอาณาจักรอิลเทียร์นั่นด้วย ครั้งนี้ถ้าสำเร็จเราจะยึดครองทั้งสามดินแดน ไม่ยอมให้พลาดเหมือนเมื่อหมื่นปีก่อนตามบันทึกหรอกนะ” หมื่นปีก่อน หรือว่าจะเป็นพวกกบฏในครั้งนั้นกัน พวกมันยังไม่ยอมรามืออีกหรอ หรือว่าเรื่องเมื่อร้อยปีสงครามที่ยืดเยื้อจะเกี่ยวกับพวกมันด้วยเหมือนกัน


“ครับท่าน”


“ไปได้ อย่าให้พลาดเด็ดขาด” ทหารคนเดิมเดินออกไปเหลือแต่เพียงอีกฝ่ายที่ยืนอยู่สักพักก็ตามออกไป


ผมหันหลังกลับมาพิงต้นไม้ที่ซ่อนตัวก่อนจะครุ่นคิดเรื่องนี้ต่อ จะว่าไปแล้วผมเคยคิดอยู่ที่จะช่วยเหลือเรื่องสงครามของทั้งสองดินแดนให้กลับมาสงบสุขเหมือนที่ทำนายไว้ ผมคิดว่าผมจะตามดูผู้ชายคนนี้อีกหน่อย ดูเหมือนจะลงมือในวันงานด้วยสินะ สัปดาห์หน้าผมต้องไปอยู่ที่ปราสาทแดนปีศาจกลับมาก็เตรียมงานเพราะจัดงานกันกลางสัปดาห์พอดี งั้นเวลาที่เหลือทั้งสัปดาห์นี้คงต้องตามติดหมอนั่นก่อนแล้วกัน


“สายลม จงจับตาดูชายคนนั้นไว้แล้วมารายงานผมด้วยนะครับ ทุกเรื่องที่หมอนั่นทำ”


“ขอรับนายท่าน”
ผมใช้เวทย์สายลมที่วนเวียนรอบตัวของทุกคนจับตาดูแล้วรายงานการกระทำของชายคนนั้น ถึงจะอยู่ต่างแดนแต่สายลมสามารถเข้าถึงตัวผมและเป้าหมายได้โดยไม่มีใครรู้ตัว


ผมเดินเล่นไปทั่วอีกครั้งก่อนจะทะลุออกมาบริเวณสวนของพระราชวัง  ตอนที่ผมกำลังก้าวเข้าเขตห้องโถงรับรองก็มีคนเดินตัดหน้ากันพอดีจนทั้งผมและหญิงสาวที่ชนต่างล้มกันคนละทาง


“โอ้ย/โอ้ย” เสียงที่ประสานกันดังพอจะเรียกสายตาจากรอบทิศให้หันมามองที่ต้นเสียงได้ ข้ารับใช้หญิงคนอื่นรีบลนลานมาพยุงตัวผมและคู่กรณีทันทีแต่ดูเหมือนจะสนใจผมมากเกินไปนะครับเนี่ย


“เป็นอะไรไหมครับ เจ็บตรงไหนไหม ผมขอโทษนะครับที่เดินไม่ดูจนชนคุณเข้า”ผมรีบขอโทษด้วยเพราะผมเด็กกว่าแถมยังเป็นคนต่างถิ่น ดูท่าเธอจะรีบไปที่ไหนสักแห่งเหมือนกันต่างจากผมที่ไม่มีอะไรต้องรีบ


“ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ดิฉันไม่ทันระวังเอง ได้โปรดลงโทษในความผิดครั้งนี้ด้วยเจ้าค่ะ”


“หวา ลุกขึ้นครับลุกขึ้น อย่าทำแบบนี้สิครับ ผมเด็กกว่าคุณนะครับ โธ่” ผมรีบเข้าไปประคองเธอที่ทรุดตัวลงต่อหน้าผมเพื่อขอรับโทษ ข้ารับใช้หญิงคนอื่นที่เห็นผมนั่งลงก็นั่งตามด้วยเหมือนกัน


“แต่ว่า” เธอพยายามจะอธิบายกับผมต่อแต่ไม่ยอมจะลุกขึ้นในเมื่อเธอไม่ลุกผมก็ไม่ลุกครับยืนคุยมันเมื่อยงั้นนั่งคุยกันเถอะ ผมนี่โลกสวยดีจัง อิอิ


“มีอะไรกัน ราสเธอกำลังเล่นอะไรอยู่” เสียงคุ้นหูทำให้ผมหันหลังไปเจอกับฮาฟแล้วก็ชายที่เห็นในป่าเดินอยู่ในกลุ่มคนที่ตามหลังฮาฟมาเหมือนกัน


“ผมไม่ได้เล่นนะฮาฟ ผมกำลังพยายามจะไม่ให้คุณพี่สาวขอโทษผมอยู่ต่างหาก” มันอาจจะดูเป็นการเสียมารยาทที่ทำตัวสนิทสนมกับองค์รัชทายาทโดยการเรียกชื่อกันแบบนี้ต่อหน้าสาธารณะชน


แต่ผมเคยเรียกฮาฟว่าองค์รัชทายาท ดันกลายเป็นกลับถึงห้องดันโดนฮาฟแกล้งกดผมกับที่นอนแล้วบังคับให้เรียกฮาฟตลอดแทนนี่ครับ ผมที่คิดจะขัดก็โดนขู่ว่าจะปล้ำอีก อะไรจะขนาดนั้นกับครับท่าน นี่ผมเป็นพ่อมดนะครับ มิใช่ละครทีวีที่พวกท่านดูกันเน้อ


“มีเรื่องอะไรกันถึงต้องทำแบบนั้น” ฮาฟมองหน้าพี่สาวที่อยู่รอบตัวผม


จะว่าไปผมก็นั่งอยู่ท่ามกลางสาวงามไหงใจผมดันไม่เต้นแรงแบบตอนเจอฮาฟกับอัลเลยละครับ เสียใจ นี่ตกลงผู้มีใจกับสองคนนั้นจริงดิครับ ในเมื่อทำใจยอมรับการชอบผู้ชายแล้วผมก็จะขอยืนหยัดโดยการหาหนทางกดทั้งสองคนให้จงได้ครับ


“มันเป็นอุบัติเหตุเจ้าค่ะ มิเรียมที่รีบเดินแต่ไม่ทันได้มองว่าท่าราสกำลังก้าวเข้ามาเลยชนกันจนล้มทั้งคู่แบบนี้แต่ท่านราสพยายามที่จะไม่ลงโทษอยู่เจ้าค่ะ” ออ พี่สาวที่ชนผมชื่อมิเรียมนี่เอง ชื่อเพราะหน้าสวย แหม เปลี่ยนใจชอบสาวรุ่นพี่นี่ดีต่อใจมากขึ้นไหมครับ


“อะแฮ่ม ในเมื่อราสไม่เอาเรื่องก็แยกย้ายกันได้แล้ว ส่วนเธอถ้าไม่อยากโดนลงโทษเลิกมองคนอื่นด้วยสายตาแบบนั้นสักที” อะไรกันละครับท่าน นี่ผมกำลังหาช่องทางการเดินของชีวิตผมอยู่นะครับท่าน อย่ามาขัดขวางกันสิ


“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยนะฮาฟ” ผมเถียงครับ ยอมไม่ได้ นี่มันจำกัดสิทธิ์คู่แข่งนี่ครับ


“ไม่ได้คือไม่ได้ ห้ามมองคนอื่น”


“งั้นแปลว่าผมมองได้แค่ฮาฟกับอัลเท่านั้นสิครับ หืม” ผมที่ลุกขึ้นมาพร้อมพี่สาวที่พยุงแล้วเดินเข้าไปใกล้ฮาฟที่ก้มหน้าลงมาดุผมก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจนริมฝีปากเกือบจะชิดกัน ฮาฟหน้าแดงอีกแล้วละครับ หมอนี่ขี้อายจังเลยแฮะ


“ธ เธอ” จุ๊บ


“จะได้เท่าเทียมกันเนอะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปจบปากเราสัมผัสกันเหมือนที่ผมทำกับอัลตอนวันที่เกิดเรื่อง


ฮาฟตัวแข็งค้างไปแล้วครับ คนรอบข้างตกใจกับการกระทำของผมพอสมควร เพราะถึงผมจะหน้าสวยตัวเล็กร่างบางแต่ยังไงผมก็ยังคงเป็นเพศชายเหมือนกับฮาฟอยู่ดี ถึงจะมีตัวอย่างให้เห็นและไม่ผิดกฎอะไรก็ตามแต่ในวังกลับยังไม่มีให้เห็นมาก่อน เลยเป็นเรื่องที่โดนให้ความสนใจมากพอสมควร


“ผมขอตัว” ผมเดินเลี่ยงออกมาทันทีเพราะเมื่อหันไปเจอสายตาของชายคนเดียวกับในป่าที่มองมาผมก็นึกได้ว่าจะต้องรีบกลับไปวางแผนเรื่องการสอดส่องหมอนี่ต่อ


นอกจากจะให้สายลมช่วยจับตามองแล้ว น่าจะมีวิธีรับมือที่เพิ่มขึ้นสิ ถ้าเกิดมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมา หวา คิดไม่ออกเลย นี่ผมเป็นแค่เด็กสิบสามปีเองนะครับ จะมาคิดเรื่องพวกนี้ให้ปวดหัวกันทำไม เฝ้ามองแล้วคอยช่วยเหลือนะครับ ก็แค่ช่วยเหลือในตอนที่พวกเขารับมือไม่ไหวก็พอ ปวดหัว เกินที่สมองเด็กแบบผมจะคิดแล้วครับ พอดีกว่า เลิกคิดแล้วนอนกลางวันดีกว่า ก็มันว่างนี่ครับ



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #10 [31/5/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 31-05-2018 18:18:36
เอาใจช่วยราส
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #11 [1/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 01-06-2018 10:39:38
#11


   เช้าวันที่สามหลังจากที่กลับมาดินแดนมนุษย์ ผมก็ทำตัวตามเดิมครับ อยู่แบบว่างๆไปเรื่อยๆ จนช่วงสายๆที่คิดอยากจะจิบน้ำชายามว่างแบบนี้บ้างเหมือนทุกวัน ผมออกมาที่สวนใกล้ที่พัก มีพี่สาวหลายคนนำของว่างกับชามาวางไว้ให้ก่อนจะถอยหลบออกไปด้านหลัง


“นายท่าน ข้ามีเรื่องรายงานขอรับ”  เสียงของสายลมดังขึ้นตัดกับความเงียบรอบตัวของผม


“ว่ามาได้เลยครับ” ผมตอบรับด้วยเวทย์ลมเพื่อกันไม่ให้ผู้อื่นได้ยินเรื่องที่จะคุยกัน


“ชายที่ท่านให้ข้าติดตามมีชื่อว่า อับรา ฮาดัส ดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมการคลังของดินแดนนี้อยู่ขอรับ และจากการที่ติดตามทำให้ได้รู้แผนการที่วางไว้เพิ่มเติม เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการลงมือขอรับนายท่าน”


“แผนที่จะใช้วันงานหรอครับ เป็นแบบไหนกันครับ”


“ใช่แล้วขอรับนายท่านเป็นแผนที่จะทำเมื่อเริ่มงานสืบทอดตำแหน่งขององค์รัชทายาทขอรับ สายลมได้ยินมาว่าพวกนั้นจับสัตว์อสูรไว้ได้ก่อนจะใช่เครื่องมืออะไรสักอย่างที่ทำให้พวกสัตว์เหล่านั้นคลุ้มคลั่งแล้วสร้างความเสียหายแก่เป้าหมายที่วางไว้ จากที่ได้ยินมาเห็นว่าครั้งนี้จะโจมตีหมู่บ้านทางชายแดนเพื่อสวมรอยว่าการกระทำนี้เป็นทางดินแดนปีศาจที่ส่งสัตว์ปีศาจเหล่านี้มาทำลายขอรับนายท่าน”


“สวมรอยหรอครับ เลวมากเลยที่ทำแบบนี้ พวกเขาทำไมไม่คิดถึงคนอื่นพวกผู้บริสุทธิ์บ้างเลยหรือไงครับ จะต้องนองเลือดอีกนานขนาดไหนกันถึงจะพอใจ”


“นายท่าน อย่าได้เศร้าเสียใจไปเลยขอรับ สายลมคิดว่าเราน่าจะมีวิธีการช่วยเหลือได้นะขอรับ”


“วิธีหรือครับ ทำยังไงกันครับคุณสายลม”


“ดิฉันขอโทษที่ขัดจังหวะเจ้าค่ะนายท่าน แต่ดิฉันคิดว่าเราเข้าไปช่วยเหลือพวกสัตว์ปีศาจเหล่านั้นส่งคืนที่อยู่ก่อนที่คนพวกนั้นจะลงมือดีหรือไม่เจ้าคะ นายท่าน”


“เสียงใครกัน”
ผมมองหาเสียงที่แทรกเข้ามาเมื่อผมกำลังคุยกับคุณสายลม มีคนนอกได้ยินแบบนี้จะเกิดเรื่องไหมนะ


“ดิฉันเป็นเวทย์ไม้เจ้าค่ะนายท่าน เป็นสายดอกไม้เจ้าค่ะ ผู้ติดต่อกับดิฉันได้ต้องมีเวทย์ไม้ชั้นสูงเท่านั้นและดิฉันเลือกที่จะเคารพนายท่านผู้ช่วยเหลือพวกดิฉันเพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ”


“เวทย์ไม้หรือครับ ผมใช้ตอนไหนกันครับเนี่ย”


“เพียงแค่ท่านตื่นขึ้นมาก็สามารถสื่อสารกับพวกเราเหล่าเวทย์ธรรมชาติได้ทันทีแล้วเจ้าค่ะ”


“จะมหัศจรรย์เกินไปแล้วนะครับ พลังเวทย์ของผมเนี่ยครับ”


“เพราะท่านคือผู้ปกป้องและเป็นบุตรของท่านผู้สร้างอย่างไรเล่าขอรับนายท่าน”


“อ่า ช่างเรื่องพลังของผมก่อนละกันนะครับไว้คุยกันใหม่ทีหลัง แต่ตอนนี้ที่คุณดอกไม้บอกมาว่าให้ไปช่วยสัตว์พวกนั้น เราจะทำได้หรอครับ ผมไม่รู้วิธีสื่อสารด้วยนะครับ”


“นายท่านสามารถพูดคุยกับเหล่าสัตว์ปีศาจได้เหมือนกับที่ท่านพูดคุยกับเหล่าสัตว์อสูรในป่าต้องห้ามเลยเจ้าค่ะ”


“แล้วแหล่งกบดานของเหล่าสัตว์ปีศาจละครับ คุณสายลมกับคุณดอกไม้พอจะรู้ไหมครับ”


“สายลมจะนำทางท่านเองขอรับ”


“ดิฉันจะคอยช่วยเหลือท่านเองเจ้าค่ะ”


“งั้นพวกเราไปกันเลยนะครับ”
  ผมหันมองรอบตัวก่อนจะเจอพี่สาวบางคนที่หันมามองทางผมพอดี


“ผมขอเวลาไปทำธุระ ถ้าเสร็จแล้วจะรีบกลับมานะครับ”


“เอ๊ะ” ไม่รอฟังคำตอบก็วิ่งออกจากที่ตรงนั้นไปตามทางที่คุณสายลมบอกมา


ลัดเลาะออกมาจากพระราชวังหลบหลีกทหารยามจนมาถึงแนวป่าที่มีบ้านอยู่เพียงไม่กี่หลังและดูเหมือนยิ่งเดินจะยิ่งห่างจากบ้านอื่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงท้ายหมู่บ้านแห่งนี้ที่มีเพียงกระท่องหลังเล็กตั้งอยู่ดูไม่น่าสงสัยแต่กลับมีเวทย์บางอย่างคลุมบ้านหลังนี้เอาไว้ ถ้าไม่ใช่ผู้ใช้เวทย์ก็คงจะมองไม่เห็นม่านพลังแบบนี้แน่นอน


“เราจะเข้าไปอย่างไรดีขอรับ”


“ผมจะลบตัวตนแอบเข้าไปก่อนแล้วจัดการกางพลังเวทย์ซ้อนอีกชั้นกันอีกฝ่ายรู้ตัวดีไหมครับคุณสายลม”


“เป็นแผนการที่ดีมากขอรับนายท่าน”
ผมจัดการตามที่พูดด้วยการร่ายเวทย์ลบตัวตนหนึ่งในเวทย์มืดก่อนจะเดินเข้าไปแบบที่เวรยามสองคนไม่สามารถรู้สึกถึงผมได้


เมื่อเข้ามาด้านในกลับไม่ใช่กระท่อมธรรมดาเหมือนสภาพด้านนอก ภายในเป็นห้องขังสัตว์ปีศาจมากมายหลายสิบห้อง การบิดเบือนห้วงมิติเพื่อขยายช่องว่างระหว่างมิติเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในสิ่งนั้นๆที่ต้องการ


มันเป็นการรวมกันระหว่างเวทย์ตรงข้ามสองเวทย์คือเวทย์แสงกับมืดเพื่อบิดเบือนแสงจนเกิดการหักเหและเปิดมิติออกจากการบิดเบือนนั้น มันอาจจะฟังดูง่ายแต่วิธียากเพราะไม่มีใครที่จะสามารถใช้เวทย์แสงและมืดขั้นกลางในคนเดียวได้แถมยังหาคนที่ใช้เวทย์แสงและมืดสองคนที่อยู่ขั้นกลางแบบนี้อีก


แปลว่ากลุ่มนี้ต้องมีคนจากดินแดนผมเกี่ยวข้องแน่นอน แต่บางทีเด็กสิบสามขวบแบบผมก็ไม่น่าจะมาคิดเรื่องยุ่งยากแบบนี้หรือเปล่าครับ เสียสมาธิหมด


“ชูว์ อย่าพึ่งรีบส่งเสียกันนะครับ ผมมาช่วยพวกคุณนะครับ” เมื่อกางม่านพลังซ้อนทับเสร็จผมก็ปลดเวทย์ลบตัวตนออกเมื่อสัตว์ปีศาจที่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามาก็เตรียมขู่แต่ผมรีบห้ามไว้และดูเหมือนพวกสัตว์เหล่านั้นจะตกใจที่ผมพูดคุยกับพวกเขาได้


“เจ้าเป็นใครกับเด็กน้อย” สัตว์ปีศาจที่อยู่ลึกด้านในส่งเสียงถามมาด้วยพลังเวทย์ของเผ่าปีศาจ


“ผมชื่อราสเต้ครับ เป็นพ่อมดฝึกหัดจากอาณาจักรอิลเทียร์ครับ ที่ผมสื่อสารกับพวกคุณได้เพราะปกติผมสื่อสารกับคุณสัตว์อสูรในป่าต้องห้ามบ่อยๆครับ”


“เจ้าพูดคุยกับเหล่าสัตว์อสูรได้หรือ ไม่สิเจ้าเข้าไปในป่าต้องห้ามได้อย่างไรกันพ่อมดน้อย” สัตว์ปีศาจที่ทำท่าจะขู่ผมก่อนหน้านี้รีบถาม


“ทำไมจะไม่ได้ละครับ ก็มันเป็นที่ของผมนี่ครับ จริงไหม”


“เจ้าค่ะ/ขอรับ นายท่าน”  เสียงตอบรับจากลูกไฟเวทย์ที่ปรากฏขึ้นรอบกายของผมเพื่อยืนยันสถานะของตัวเอง


“นายท่าน” เหล่าสัตว์ปีศาจต่างก้มตัวลงเพื่อเคารพผมเหมือนเมื่ออดีตกาล


“ตอนนี้ผมเป็นเพียงแค่พ่อมดฝึกหัดเท่านั้นและที่สำคัญผมไม่มีเวทย์มนต์นะครับทุกท่าน เอาละเอาไว้เราค่อยมาคุยกันต่อไป ตอนนี้ผมว่าเรารีบออกไปกันก่อนเถอะครับ”


“พวกเราไม่สามารถออกไปจากห้วงมิตินี้ได้เลยขอรับนายท่าน มันทรมานเมื่อพยายามหนีออกไป” สัตว์ปีศาจนกบอกถึงความพยายามที่จะหนีออกไปจากที่นี่


“ผมจะพาทุกคนออกไปเอง สัมผัสตัวของแต่ละคนไว้นะครับ” เหล่าสัตว์ปีศาจต่างทยอยออกมาจากกรงขังหลังจากที่ผมส่งเวทย์ไฟไปตัดโซ่พวกนั้นที่คล้องไว้ออก


“พร้อมกันรึยังครับ”


“พร้อมแล้วขอรับ/เจ้าค่ะ”


“งั้นหลับตาและจับกันไว้แน่นๆนะครับเพราะถ้าตกหล่นระหว่างทางผมตามกลับไม่ได้นะครับ” เมื่อทุกคนหลับตาแล้วผมจึงใช้เวทย์ห้วงเวลาเพื่อพาทุกคนวาร์ปไปที่ป่าต้องห้ามทันที


เมื่อผมจากมาม่านพลังที่ถูกผมปลดหลังจากออกมาก็สลายแต่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปด้วยความปกติเหมือนเดิม


“อัก”


“นายท่าน” เสียงของเหล่าสัตว์ปีศาจและอสูรต่างร้องออกมาด้วยความตกใจที่เห็นว่าผมกระอักเลือดออกมาแล้วทรุดตัวลงนั่งพิงต้นคุณทรีมอสที่ส่งเสียงห่วงใยมาให้ผมเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน


“พักก่อนเถอะครับนายท่าน ท่านฝืนใช้พลังจนร่างกายใหม่นี้เกินจะรับไหวแล้วขอรับ ท่านจงอย่าลืมว่าตอนนี้ถึงท่านจะมีพลังเวทย์เทียบเท่ากาลก่อน แต่ร่างกายของท่านในตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้นนะครับ”


“ผมลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปหน่อยคุณทรีมอส อย่าห่วงเลยครับต่อไปผมจะระวังมากกว่านี้แน่นอน ผมขอพักสักหน่อยนะครับ รบกวนปลุกก่อนเวลาเย็นด้วยนะครับ”


“ได้ครับนายท่าน” สิ้นเสียงตอบรับจากคุณทรีมอส ผมก็ปิดประสาทการรับรู้ทันทีเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์และร่างกาย


   เมื่อร่างบางปิดตาหลับไปก็เกิดแสงสีขาวจากเวทย์รักษาทำงานทันทีเพื่อซ่อมแซมและดูแลร่างกายของตัวเองพร้อมกับที่ไอเวทย์สีฟ้าจางจะวนเวียนรอบด้านเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์ที่เสียไป


เหล่าสิ่งมีชีวิตรอบๆต่างจดจ้องมองมาที่ร่างบางตรงหน้าด้วยความรักและเทิดทูนที่นายท่านของพวกมันยังคงเสียสละตนเองเพื่อพวกมันเสมอมาแม้ว่าจะเจ็บปวดตนเพียงใดก็ตาม


“ไม่ว่าตอนจากนี้จะเกิดสิ่งใดต่อไป ข้าจะคอยยืนหยัดอยู่เคียงข้างกายของท่านตลอดกาล นายท่านแห่งข้า”


“พวกข้าด้วย”
สิ้นเสียงก็ต่างพากันก้มตัวทำความเคารพแม้ร่างบางจะไม่ได้เห็นและได้ยินคำสัตย์สาบานของพวกตนก็ตาม



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #12 [2/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 02-06-2018 12:55:44
#12


เมื่อฟื้นร่างกายได้ระยะหนึ่งแล้วถึงเวลาผมก็แอบวาร์ปกลับมาที่ห้องพักแล้วล้มตัวนอนต่อเพราะยังฟื้นฟูไม่เต็มที่แต่กลัวว่าจะเกิดเรื่องตามมาเลยรีบกลับมาก่อน


“ราส เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เห็นข้ารับใช้บอกว่าว่าเจ้าไม่ยอมออกไปกินอะไรเลย”


“ฮาฟหรอครับ” ผมที่หลับตาได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้าห้องมาก่อนจะรู้สึกถึงแรงยุบตัวของเตียงนอน


“ใช่ เธอไม่สบายหรือเปล่า”


“นิดหน่อยครับ พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”


“เรียกท่านหมอมาตรวจอาการดีไหม ฉันกลัวเธอจะไม่สบายหนัก ถ้าเธอเป็นอะไรไปฉันคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่” น้ำเสียงห่วงใยทำให้ผมต้องลุกขึ้นนั่งคุยกับฮาฟแม้จะเพลียมากขนาดไหนก็ตาม


“ฮาฟ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆครับ แค่เพลียนิดหน่อย ขอพักก่อนนะครับ แต่ถ้าฮาฟกลัวว่าผมจะเป็นอะไรไปก็มาเป็นหมอนข้างให้ผมมาครับ” ผมฉุดแขนฮาฟที่ไม่ทันตั้งตัวจนล้มลงนอนก่อนจะล้มตัวนอนทับช่วงอกฮาฟแล้วก่ายเหมือนฮาฟเป็นหมอนข้างที่หอพักในโรงเรียน


“ระ ราส ฉะ ฉันว่ามันไม่ดีนะที่เธอกับฉันจะมานอนกอดกันแบบนี้”


“อย่าดิ้นนะฮาฟ ผมเพลียมากจริงๆ ผมจะพักครับ อย่ากวนได้ไหม”


“ก็ปล่อยฉันก่อนสิราส แบบนี้มันแปลกนะ ราส ราส ให้ตายสิ” ผมปล่อยให้ฮาฟบ่นต่อไปคนเดียว ทีแรกก็ว่าจะแกล้งฮาฟหรอกนะครับ แต่พอได้นอนแบบนี้แล้วมันสบายก็เลยปล่อยเลยตามเลยแทน จนรู้สึกว่าจากผมที่กอดกลายเป็นฮาฟที่จัดท่านอนใหม่ ผมซุกหน้าเข้ากับอกของคนที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นแล้วหลับไปพร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผากตัวเอง





   ครบกำหนดการมาอยู่ที่ดินแดนมนุษย์แล้วครับ เมื่อผมหายดีคุณสายลมก็มาบอกข่าวเรื่องการเคลื่อนไหวของฝั่งกบฏพวกนั้นว่ากำลังตามหาสัตว์ที่หายไปและสาเหตุที่หายไปด้วย ดูท่าจะวุ่นวายกันพอดูเลยละครับ


“คิดอะไรอยู่” เสียงคุ้นหูดังตรงหน้า นี่ผมเหม่อเดินข้ามแดนมาถึงท่านจอมมารตอนไหนกัน หันกลับไปก็เจอฮาฟที่กำลังโบกมือให้ ผมโบกมือกลับก่อนฮาฟจะหันกลับไป


“พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงงานแต่งงานของลูกสาวเจ้าเมืองที่เมืองถัดไป”


“ครับ” แล้วบอกผมทำไมครับ แน่นอนผมไม่ได้ถามออกไป


“เราจะเดินทางไปพักที่เมืองนั้นกันก่อน ไม่ได้กลับปราสาทในวันนี้”


“ครับ” แล้วคืออะไรครับ ทำไมต้องพาไปด้วยละครับ


“ดูเหมือนพลังเวทย์ของเธอจะแปลกไปนะ”


“หืม คุณสัมผัสถึงพลังเวทย์ผมได้ด้วยหรอครับ”


“พวกเราชาวปีศาจสามารถมองเห็นไอเวทย์ของทุกคนได้แต่จะเห็นมากน้อยก็แล้วแต่ระดับพลังของตัวเองและฝ่ายตรงข้าม สำหรับฉันที่มีพลังจัดอยู่ในระดับสูง ย่อมมองเห็นพลังเวทย์ในตัวทุกคน”


“คุณเห็นเวทย์ผมแบบไหนกันถึงคิดว่าแปลก”


“ปกติเธอจะมีไอเวทย์สีขาวจางๆไม่สามารถสัมผัสได้มากนักแต่ก็แยกประเภทของเวทย์ไม่ได้อยู่ดี แต่วันนี้ไอเวทย์ของเธอกลับจางกว่าเดิมจนแทบมองไม่เห็น เธอไปทำอะไรมา” ท่านจอมมารที่นั่งอยู่บนรถม้าฝั่งตรงข้ามถามแล้วมองมาด้วยสีหน้าจริงจัง


“มันอธิบายยากนิดหน่อยนะครับ”


“ฉันคิดว่าตัวเองมีความรู้พอที่จะเข้าใจมัน” แหมบอกมาว่าอยากฟังก็ได้ครับ


“คือ ตอนที่ผมเกิดมาจนถึงอายุสิบสามทุกอย่างก็เป็นแบบพ่อมดเด็กทั่วไปจนมาถึงพิธีปลุกพลังของพวกเราชาวเวทย์ ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่มีเวทย์”


“ไม่มีเวทย์ ยังไงกัน” อัลทำสีหน้าสงสัยแต่ทำไมผมคิดว่ามันน่ารักละครับ


“อะแฮ่ม คือในตอนที่ทำพิธีมีการตรวจสอบเวทย์ ปรากฏว่าไม่มีเวทย์ชนิดไหนบ่งบอกว่าผมมีมันเลย มีแค่หมอกสีขาวจางปรากฏเท่านั้น”


“แต่เธอใช้เวทย์ได้” ก็จริงที่ท่านจอมมารจะสงสัยเพราะผมพึ่งจะใช้ให้เขาเห็นไปเมื่อสัปดาห์ก่อนเองนี่ครับ


“มันเป็นคำสาป”


“หืม คำสาป”


“ผมบอกแล้วยังไงละครับว่าอธิบายยาก เอาง่ายๆว่า พลังเวทย์ของผมไม่สามารถตรวจสอบได้เพราะมีคำสาปที่ติดตัวผมมาติดอยู่ แต่ผมสามารถใช้เวทย์ของผมได้เหมือนเดิม แล้วก็ที่ท่านจอมมารว่ามา อาจจะเพราะช่วงนี้ผมใช้เวทย์บ่อยและมากเกินไปด้วยเลยทำให้คำสาปน่าจะจางไปพอสมควร”


“ใช้เวทย์มากไปแล้วเกี่ยวอะไรกับคำสาป”


“คนรู้จักของผมที่อิลเทียร์เคยบอกกับผมว่าคำสาปชนิดนี้มันเป็นคำสาปที่ติดมาตั้งแต่เกิดแต่ไม่ได้มีผลอะไรกับผมมากและจะหายไปเอง”


“เป็นคำสาปที่แปลกมาก แต่เอาเถอะในเมื่อมันหายไปก็ดี แต่เรื่องที่ไอเวทย์เธอจางจนมองไม่เห็นแทนที่จะเข้มขึ้นตามสีเวทย์ก็เป็นอีกเรื่องเช่นกัน แต่ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเอาเป็นว่าถ้าพร้อมจะเล่าให้ข้ากับฮาฟฟังเมื่อไหร่ก็บอกด้วยแล้วกัน”


“ครับ” เหมือนจะคาดคั้นเอาคำตอบแต่ก็ปล่อยให้ผมตัดสินใจเสมอ ความจริงแล้วท่านจอมารก็อ่อนโยนขัดกับบุคลิกน่าดูเลยละครับ





   หลังจากนั้นรถม้าที่เรานั่งมาก็มาถึงที่พักที่ ที่นี่เป็นตัวตึกสีขาวที่ดูเหมือนจะมีหลายห้องคล้ายกับโรงแรมที่ดินแดนผมเหมือนกัน


“ตามมา” ผมเดินตามท่านจอมมารไปจนถึงห้องหนึ่ง ถึงจะสงสัยแต่ก็ตามเข้าไปอยู่ดี


“เราจะพักกันที่ห้องนี้”


“เราหรอครับ”


“ใช่ ทำไม กลัวข้าหรือ”


“เปล่าครับ ทำไมต้องกลัวท่านด้วย ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมไม่แยกห้องเอง”


“สิ้นเปลืองเปล่าๆ”


“ออ งก”


“ทำไมปากคอเราะร้ายจังนะราส อยากโดนลงโทษที่กล่าวหาข้ารึไม่”


“จะทำอะไรครับ ถอยออกไปนะครับ”ผมเดินถอยหลังหนีจอมมารที่ไม่ยอมหยุดเดินมาทางผม


“ลงโทษไง”


“ก็บอกว่า เหวอ” ตุบ มันจะเป็นใจไปแล้วนะครับ ใครก็ได้มาเอาเตียงออกไปที แล้วท่านจอมมารจะรีบมาอะไรตอนนี้ ลงไปจากตัวผมเลยนะครับ นี่เด็กนะครับ อาณาจักรผมถือว่าผิดกฎหมายนะครับ


“หืม เห็นชอบแกล้งหยอกฮาฟ ที่ไหนได้แกล้งข้าด้วยหรือพ่อมดน้อย”


“ลุกออกไปเลยนะท่านจอมมาร ผมไม่เล่นแบบนี้นะครับ”


“ใครบอกว่าข้ากำลังเล่นกับเธอกันเด็กน้อย นี่ข้ากำลังจะลงโทษเธออยู่นะ”


“ไม่เห็นจะเป็นการลงโทษตรงไหนเลยครับ นี่ท่านกำลังรังแกเด็กอยู่นะครับ”


“ที่นี่คือรัสเทียรมิใช่อิลเทียร์ของเธอนะพ่อมดน้อย กฎหมายของอาณาจักรอื่นไม่เกี่ยวข้องกันหรอกนะ ที่นี่สามารถมีคู่ครองได้ตั้งแต่สิบขวบปี และเธอก็เกินมาแล้วด้วย”


“ตะ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ใช่คู่ครองกันนี้ครับ มันไม่เกี่ยวกันเลยนะครับ” นี่ผมไปตกลงเป็นคู่ครองกับท่านจอมมารเมื่อไหร่กันครับ


“ใครบอกกัน เธอเป็นคู่ครองของข้าตั้งแต่แรกพบหน้ากันแล้วต่างหาก”


“เอ๋ ท่านจะบ้าหรือไง ปล่อย”


“ดิ้นไปเถอะ โอกาสแบบนี้หายากนัก”


“อัลไม่เล่นนะครับ ผมกลัวแล้วนะ” ผมรีบบอกตอนที่ท่านจอมมารก้มหน้าเข้ามาจนเกือบจะชิดกัน


“เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง ข้าถึงไม่อยากปล่อยไปไหนไกลสายตา”


“อัลปล่อยก่อนนะครับ ไม่เอาแล้ว”


“เลิกดิ้นก่อนราส ข้าเหนื่อยกับงานมากเกินไป ขอพักสักหน่อยแล้วกัน”


“แต่” หลับหนีกันไปแบบนี้ก็ได้หรอครับ นี่เป็นกรรมของผมสินะครับ คิดจะแกล้งฮาฟให้เป็นหมอนข้างตัวเองเลยโดนอัลจับมาเป็นหมอนข้างแบบนี้แทนกัน ฮือออออออ





ผ่านมาจนถึงเวลางานเลี้ยง ที่นี่ห่างจากสถานที่จัดงานไม่ไกลเราเลยมีเวลาเดินเล่นในตัวตลาดก่อนพอสมควร ผมลากท่านจอมมารมาเดินเล่นไปด้วยกันและดูเหมือนท่านจอมมารจะเป็นที่รักของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดมากด้วยครับ


“ใกล้เวลาแล้วกันเถอะ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามอัลไปที่รถม้า เราเดินทางกันไม่นานก็ถึง อัลลงไปก่อนแล้วส่งมือมาให้ผมจับ ผมก็จับตามมารยาทแม้จะดูแปลกๆก็ตาม


บรรยากาศในงานต่างจากที่ดินแดนของผมพอสมควรเพราะมีเหล่าปีศาจหลากหลายเผ่าพันธุ์กำลังพูดคุยบ้างก็เดินไปมาและเมื่อมองไปที่อาหารการกินก็มีหลายอย่างที่แปลกตา เข้างานเลี้ยงมาสิ่งแรกที่ผมพุ่งเป้าไปคือของกินครับ ใช่ครับมันสำคัญมากจริงๆ


“มองอะไรกัน ตามข้ามาได้แล้ว” อัลกุมมือผมให้เดินตามไป


พอเหล่าปีศาจเห็นผู้นำของตนก็หยุดกิจกรรมที่กำลังทำแล้วก้มตัวทำความเคารพพร้อมส่งสายตาสงสัยมาที่ผมที่เดินอยู่ข้างกายทั้งที่มือของเรายังจับกันอยู่ ไม่กล้าปล่อยครับกลัวโดนกิน มีสายตาบางตนที่มองมาแล้วหันไปถามว่ากันว่าผมเป็นชาวมนุษย์หรือไม่


“ท่านจอมมาร เป็นเกียรติยิ่งนักที่ท่านสละเวลาอันมีค่ามางานเลี้ยงงานแต่งงานของลูกสาวข้าวันนี้”


“ตามสบายเถอะ” หลังจบคำพูดทุกอย่างก็กลับมาปกติ ทุกคนหันกลับไปทำกิจกรรมของตนต่อ แต่ก็มีเยอะพอสมควรที่ลอบมองมาที่ผมบ่อยครับ


“ท่านจอมมารไม่ทราบว่าเด็กน้อยข้างกายท่านคือผู้ใดหรือเจ้าค่ะ” เสียงของหญิงสาวใบหน้าหมดจดจนผมอดที่จะมองไม่ได้ สวยมากครับ ใครกัน


“ยินดีด้วยที่ออกเรือน นี่เป็นพ่อมดน้อยจากอาณาจักรอิลเทียร์ ตอนนี้เป็นสหายเรา”


“อ่าพ่อมดน้อยหรอกหรือ พวกข้านึกว่าเป็นมนุษย์เสียอีก” เสียงกระซิบที่ดังขึ้นไม่มากนักแต่ก็พอที่ผมกับอัลจะได้ยิน สายตาที่มองมาเลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะเมื่อหมดความสงสัยก็กลายเป็นเอ็นดูแทน


“ตอนนี้เป็นสหาย ชี้แนะข้าที่โง่เขลาด้วยเถิดท่านจอมมาร” คราวนี้เป็นตัวเจ้าเมืองที่สงสัยคำพูดนั้นของท่านจอมมารไม่ได้ ผมก็งงนะครับ ทำไมต้องตอนนี้


“ก็ตอนนี้เป็นเพียงสหาย แต่ภายภาคหน้าอาจจะเป็นมากกว่านั้น” ไอ้สายตาวาววับแบบนั้นคืออะไรกันครับ


“คู่ครองหรือเจ้าคะ” จะขยี้กันไปทำไมครับคุณผู้หญิง เหลือตัวเลือกอื่นให้ผมบ้างก็ได้


“เจ้าตกลงหรือไม่กัน”


“มันไม่เกี่ยวกับผมนะครับท่านจอมมาร” ผมเถียงทันทีที่จอมมารถามผมพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์นั่น


“เกี่ยวสิมันเป็นเรื่องของข้ากับเธอนะ”


“อัล ถ้ายังไม่เลิกแกล้งผมจะเคืองแล้วนะครับ”


“นี่ข้ากำลังจริงจังอยู่นะ”


“อัล” ผมเรียกชื่อท่านจอมมารเสียงดังเพราะเริ่มจะหงุดหงิด แถมยังเริ่มจะร้อนที่หน้าแล้วด้วย ผมหันหน้าหนีก่อนจะคว้าแก้วน้ำที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของผมมาดื่มแก้เขิน


“หึหึ” ยังไม่เลิกขำอีก


“อึก” อยู่ดีๆก็รู้สึกชาไปทั้งตัว มึนงง สายตาเริ่มพล่าเลือน


“ราส เป็นอะไรไป”


“อะ อัล อัก” ผมกระอักเลือดออกมาก่อนจะสำลักอากาศที่พยายามหายใจเข้าไป อัลที่นั่งด้นข้างรีบเข้ามาประคองตัวผม


“ทหารตามหาคนร้ายเดี๋ยวนี้ ราส ราส เธอเป็นยังไง ราส นำทางข้าไปที่ห้องพักแล้วรีบตามหมอมา” เสียงของอัลที่สั่งงานก่อนจะรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองลอยได้


“ทำใจดีๆไว้นะราส เธอต้องไม่เป็นอะไร”


“อัล อึก”ผมเรียกชื่ออัลก่อนที่สติจะดับไป





ร่างบางของเด็กหนุ่มในอ้อมแขนหมดสติไปแล้ว ข้ารีบวางร่างของราสลงบนที่นอนก่อนที่หมอจะรีบเข้ามาตรวจอาการ


“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”ข้ารีบถามอาการทันทีที่หมอตรวจเสร็จ


“มียาพิษปนอยู่ในกระแสเลือดพะยะค่ะท่านจอมมาร ตอนนี้ต้องรีบขับพิษออกจากเลือดก่อนที่จะหนักกว่านี้พะยะค่ะ”


“ท่านรีบจัดการโดยเร็วเถอะ” ข้าร้อนใจมากขึ้นเมื่อผิวกายของราสเริ่มที่จะซีดลงทุกนาที

“แค่ก” เสียงไปพร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากมุมปากของร่างที่นอนอยู่ยิ่งบีบหัวใจของข้ามากขึ้นก่อนที่ร่างนั้นจะมีแสงสีขาวคลุมทับร่างกาย


ข้าและคนที่เหลือในห้องต่างถอยหนีแสงนั้นเพราะเดิมที่พวกเราเหล่าปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตจากความมืด ไม่ถูกกับเวทย์แสงอยู่แล้ว เมื่อเจอเวทย์แสงเข้มข้นและรุนแรงเช่นนี้จึงทำให้ร่างกายของเราสูญเสียพลังเวทย์ไปไม่ใช่น้อย


ข้าที่มีพลังเวทย์มากที่สุดในที่นี่รีบดันตัวทุกคนให้หลบออกไปให้ห่างจากเตียงหรือแสงนั่นจะส่องถึง เวลาผ่านไปไม่นานจากแสงสีขาวจ้าก็พลันมีเส้นแสงสีฟ้าใสเข้ามาพันเกี่ยวไปทั่วร่างของราส ก่อนที่แสงทั้งหมดจะหายไปในเวลาต่อมา





“แค่ก” ผมลืมตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกตัว ยังมีอาการเหนื่อยล้าที่ตกค้างในร่างกายจนยากที่จะขยับตัวตามใจ


“เป็นอย่างไรบ้างราส” เสียงของอัลที่ดังอยู่ข้างตัวเรียกสายตาให้ผมหันไปมอง


“อัลหรอ”


“ใช่ข้าเอง เธอนอนไปได้วันเดียวเองนะ ไหวหรือเปล่า” นี่ผมหลับข้ามวันเชียวหรอครับ ดูท่าครั้งนี้จะหนักเกินกว่าร่างกายจะรับไหวสินะครับ


“ผมดีขึ้นแล้วครับ แต่ขอพักอีกสักหน่อยก่อนนะครับ”


“งั้นข้าจะออกไปตรวจงานข้างนอก เธอนอนพักจนกว่าจะดีขึ้นแล้วกัน มีอะไรเรียกสาวใช้ได้เลย”


“ครับ” ผมส่งยิ้มให้อัลเพื่อความสบายใจว่าผมดีขึ้นพอสมควรแล้ว


หลังจากที่ร่างสูงของจอมมารเดินออกไปรอมยิ้มบนหน้าผมก็หายไปทันที ในน้ำนั้นมียาพิษ ทำไมถึงมีได้ละเมื่อไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นใคร หรือว่าจ้องจะทำรายจอมมารกันแน่


“คุณสายลม อยู่ไหมครับ”


“ข้าอยู่ข้างกายนายท่านเสมอขอรับ”


“ผมมีเรื่องจะวานให้ช่วยหน่อยครับ”


“บอกแก่ข้าได้ทุกเรื่องที่ท่านปรารถนาขอรับนายท่าน”


“ผมอยากรู้เรื่องในครั้งนี้ วานคุณสายลมช่วยหาข้อมูลให้ผมหน่อยนะครับ”


“ได้ขอรับนายท่าน ส่วนเรื่องทางดินแดนมนุษย์ข้าฝากพี่น้องข้าช่วยจัดการแทนแล้วขอรับนายท่าน ทางนั้นยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรมากไปกว่าตามหาคนที่ลอบเข้าไปทำลายแผนการพวกมันเท่านั้นขอรับนายท่าน”


“ขอบคุณนะครับคุณสายลม”


“ข้าเต็มใจเสมอนายท่าน”
  สิ้นเสียงผมก็นอนพักตามที่บอกกับจอมมารไป จนรู้สึกว่าร่างกายเริ่มที่จะขยับได้มากขึ้นแต่ยังไม่เหมือนปกติเท่าไหร่


“ข้ามาตามเธอไปทานอาหารเย็น ฮาฟติดงานมาเยี่ยมเธอไม่ได้หวังว่าจะเข้าใจ ฝากมาบอกแบบนี้”


“ครับ ผมเข้าใจ แล้วผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมาด้วย”


“อืม ข้าจะพาไป” ท่านจอมมารเข้ามาพยุงร่างกายของผมทั้งที่ผมหายดีแล้วพอสมควร จนมาถึงห้องทานอาหาร


เราต่างคนต่างกินจนหมด แล้วก็แยกย้ายกันไปนอนพัก ผมที่นอนมาทั้งวันก็ได้แต่นั่งฟื้นฟูพลังของตัวเองต่อไปจนแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาบ่งบอกว่าวันเวลาได้ผ่านมาอีกหนึ่งวันแล้ว


“เมื่อคืนเธอได้นอนพักหรือเปล่า” เสียงของจอมมารดังขึ้นที่ทางเข้าห้องผมจนผมต้องละสายตาจากภายนอกหน้าต่างกลับมาสบตากับคนตรงหน้าที่เดินมาทรุดตัวลงบนเตียงข้างกัน


“ผมนอนไม่หลับ”


“เฮ้อ เอาเถอะ ถ้าร่างกายไม่ทรุดก็ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ” ผมที่รู้ว่าอัลน่าจะมาตามไปกินข้าวเพราะถ้าว่างอัลจะมารับผมแบบนี้เสมอ


เราต่างใช้เวลาในแต่ละอย่างไปเรื่อยๆ ดูเหมือนวันนี้อัลจะมีเรื่องให้ทำเยอะพอสมควร เพราะส่งผมที่ห้องเสร็จก็รีบออกไปทำงานต่อทันที ผมเคยบอกอัลแล้วว่าไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้เพราะมันจะกลายเป็นผมมาถ่วงเวลาทำงานของอัลมากกว่าเดิม แต่บอกไปก็เท่านั้นเพราะดูเหมือนอัลจะไม่สนใจเท่าไหร่ในเรื่องนี้


“นายท่าน สายลมมีเรื่องมารายงานขอรับ”


“ว่ามาเลยครับคุณสายลม”


“ข้าสอบถามจากพี่น้องที่อยู่บริเวณนั้นจนได้ความว่า มีผู้สั่งการให้นำเครื่องดื่มแก้วนั้นไปจัดวางให้กับท่านจอมมารจริงขอรับตามที่ท่านสงสัย แต่มีการผิดพลาดกลายเป็นนายท่านที่ดื่มเข้าไปแทน”


“ผู้สั่งหรอครับ พอจะสืบหาตัวได้ไหมครับ ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับผู้นำกบฏฝ่ายปีศาจ”


“ข้าสืบเรื่องนั้นมาด้วยแล้วขอรับ เป็นทหารขั้นกลางที่พอจะรู้จักกันในหมู่ทหารว่ามีนิสัยที่จริงจังพอสมควรขอรับ จากข้อมูลได้ชื่อมาด้วยขอรับ ราฟานอส โดเกท ขอรับนายท่าน”


“ราฟานอส โดเกทหรอครับ งั้นจับตามองต่อไปด้วยนะครับ ตอนนี้เราก็รู้ถึงหัวหน้าของกบฏทั้งสองดินแดนแล้ว ผมคิดว่าที่อิลเทียร์ก็ต้องมีผู้นำฝ่ายนั้นที่ร่วมมือกันด้วยเหมือนกัน ผมจะลองติดต่อกับท่านจอมเวทย์อีกทีนะครับ ขอบคุณมากนะครับคุณสายลม”


“ขอรับนายท่าน”
พ้นจากงานขององค์รัชทายาทแล้วผมก็ต้องเดินทางกลับไปที่โรงเรียนเพราะครบกำหนดหนึ่งเดือนพอดีที่ทำภารกิจ ถึงจะยังหาของสำคัญไม่เจอก็ตาม หินวิเศษไม่เรืองแสงแถมท่านจอมเวทย์ยังบอกไม่น่าจะถูกอีก


ผมถึงยังหาไปเรื่อยๆทั้งที่รู้จุดประสงค์ของท่านจอมเวทย์ที่ส่งผมมาแล้วก็ตาม นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมคิดว่าจะต้องคุยกับท่านจอมเวทย์เมื่อกลับถึงอาณาจักรอิลเทียร์ด้วยเหมือนกัน


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #12 [2/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 02-06-2018 14:27:40
่อยากอ่านต่อ มาเร็วๆ นะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #12 [2/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 02-06-2018 21:51:20
อ่านไปอ่านมาสนุกกว่าที่คิดแฮะ น้องราสดูเหมือนจะ op แต่ก็มีข้อจำกัดในตัวเองเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #13 [3/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 03-06-2018 12:52:47
#13


   และแล้วก็มาถึงวันงานแล้วครับ กระผมราสเต้ พ่อมดฝึกหัดที่ถูกส่งมาทำภารกิจต่างแดนจะขอทำหน้าที่ผู้บรรยายในที่นี้นะครับ ก่อนอื่น อาหารเยอะมากครับ มีทั้งอาหารว่าง อาหารหลัก ผลไม้ ขนมหลากหลายชนิดที่จัดเตรียมไว้ตอนที่เริ่มงานเลี้ยงหลังเสร็จพิธี


ผมที่ทำหน้าที่สหายที่ดีด้วยการอยู่ข้างกายองค์รัชทายาทตลอดเวลาแม้กระทั่งเวลานอนครับ บางทีผมก็ไม่เข้าใจหน้าที่ผมเท่าไหร่นะครับ นี่ผมมาช่วยเตรียมงานหรือมาเที่ยวก็ไม่รู้นะครับ


“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้กันพ่อมดน้อย”


“สวัสดีครับท่านพระราชา” ผมหันกลับไปมองคนที่เดินเข้ามาทักด้านหลัง อะไรหว่าก็เห็นคุยกับคนที่มาร่วมงานตรงนั้นนี่ มาเร็วจัง


“อืม สวัสดีพ่อมดน้อย แล้วไม่ไปอยู่กับท่านจอมเวทย์หรือ ท่านมาแล้วนะ”


“จริงหรือครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมรีบขอตัวแล้วส่องสายตาหาท่านจอมเวทย์ที่ชอบแกล้งผม อ้ะ เจอตัวแล้ว


“สวัสดีครับท่านจอมเวทย์ ผมหวังว่ากลับไปครั้งนี้คงมีเรื่องคุยกันเยอะเลยนะครับท่านจอมเวทย์”


“อ่าวสหายตัวน้อย ทำไมทำหน้าทำตาแบบนั้นกันละ เอาละๆ ข้าจะหาของไถ่โทษให้เธอแล้วกันดีไหม”


“นั่นเป็นสิ่งที่ท่านต้องทำครับ แต่เรื่องคุยผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยด้วยจริงๆ แต่เอาไว้กลับไปที่อิลเทียร์ก่อนนะครับ”


“ได้ๆ ข้าก็มีเรื่องอยากคุยกับเจ้าเยอะแยะเหมือนกัน ไม่ได้เจอหน้ากันนานเกือบเดือน ทำไมเจ้าไม่โตขึ้นบ้างละสหายตัวน้อย”


“ท่านจอมเวทย์” ผมเคืองนะครับ มาว่ากันแบบนี้ได้ยังไง


“พวกท่านจะกลับอิลเทียร์เมื่อไหร่กัน”


“โอ้ท่านจอมมาร มาถึงแล้วเช่นกันหรือ พวกข้าจะกลับหลังเสร็จงาน อาจจะเป็นพรุ่งนี้หรือมะรืนก็ได้”


“เช่นนั้นท่านจอมเวทย์ช่วยกำหนดวันแล้วบอกแก่ข้าด้วย เพราะข้าคิดไว้ว่าจะเดินทางร่วมกับท่านเช่นกัน”


“ได้ ข้าจะบอกแก่ท่านแน่นอน” อะไรคือรอยยิ้มน่าขนลุกแบบนั้นกันครับท่านจอมเวทย์ ท่านกำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่ใช่ไหมครับ


“พิธีจะเริ่มแล้ว พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะครับ ท่านจอมเวทย์ ท่านจอมมาร” ผมไม่รอให้อัลแกล้งหรอกนะครับ รีบเดินหนีมาก่อนเลย


ตอนนี้มีคนทยอยเดนทางมาเข้าร่วมพิธีครั้งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนที่นั่งด้านในห้องโถงของพระราชวังเต็มไปจนเกือบถึงด้านนอกแล้ว


“ข้าขอสาบานว่าจะดูแลปกป้องอาณาจักรฟาซอลเทียร์แห่งนี้ด้วยชีวิตและจิตวิญญาณของตัวข้านี้ เพื่อความสงบสุขของประชาชนของข้า” คำกล่าวพิธีรับมงกุฎตามที่ฮาฟได้ซ้อมอยู่ทุกวันถูกกล่าวออกมาจนเสร็จสิ้น


พิธีการสำคัญต่างๆก็เสร็จสิ้นแล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาของงานเลี้ยงที่ประชาชนที่เข้าร่วมงานได้ดื่มกินตามสบาย


“จากนี้ข้าก็เป็นเพียงตาแก่แล้วสินะท่านจอมเวทย์ ท่านจอมมาร”


“อย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลยท่านพระราชา ยังไงท่านก็ยังไม่ได้แก่ชราเยี่ยงที่ท่านกล่าวเสียหน่อย” ผมมีความรู้สึกว่าภาพตรงหน้าคล้ายงานเลี้ยงน้ำชาของสองสหายวัยปลดเกษียรซะละครับ อย่าได้พูดไปนะครับ ไม่ดีๆ


“ฉันเหนื่อยมากเลย คือนี้มานอนด้วยกันนะ” เป็นแบบนี้มาตั้งแต่รู้ว่าหลังเสร็จงานผมจะกลับอิลเทียร์ละครับ ฮาฟชอบที่จะขอมานอนห้องเดียวกับผมเสมอและก็หาข้ออ้างได้ตลอดด้วยเหมือนกัน


“จริงหรือพระราชาคนใหม่ ท่านเหนื่อยก็ควรได้รับการพักผ่อนเหตุใดจึงต้องให้ราสเข้าไปรบกวนด้วย ข้าว่าให้ราสมานอนกับข้าดีกว่า จริงไหม” ผมว่าเรื่องนี้น่าจะไม่เกี่ยวกับนะครับ ทำไมถึงต้องลากไปด้วยละครับเนี่ย


“ไม่ดีหรอกท่านจอมมาร ข้าว่าให้ราสนอนกับข้านะดีแล้ว”


“นอนกับข้าดีกว่าพระราชา”


“เลิกเถียงกันครับ ผมจะนอนคนเดียว”ง่ายที่สุดแล้วครับ


“ไม่ได้/ไม่ได้”


“อย่าพึ่งเถียงกัน ต่อหน้าประชาชนควรรักษาเกียรติด้วยท่านพระราชา ท่านจอมมาร อย่าให้ถูกนำไปนินทาได้ ส่วนเรื่องนอนก็นอนด้วยกันทั้งสามคนง่ายที่สุด ไม่ดีหรือ”


“ความคิดดีท่านจอมเวทย์ ข้าเห็นด้วย”


“ตกลง”


“แต่ผมว่า”


“อะไรกันสหายตัวน้อย เจ้าไม่คิดแบบข้าหรือ”


“ก็ได้ครับ” ฝากไว้ก่อนนะท่านจอมเวทย์ หึ้ย





เป็นไปตามที่ตกลงครับ ตอนนี้ผมกลายเป็นหมอนข้างของราชาสองดินแดนไปแล้วครับ ฮาฟอยู่ทางด้านขวาอัลอยู่ทางด้านซ้ายและผมที่อยู่ตรงกลาง มันอุ่นนะครับเพราะตอนนี้ก็เริ่มหนาวแล้ว และมันทำใจหลับยากครับ ก็ใจมันเต้นแรงขนาดนี้กลัวทั้งสองคนจะได้ยินด้วย


“นอนไม่หลับหรือ”


“เหมือนผมจะยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่เลยครับอัล”


“หาอะไรทำไหมละราส”


“ท่านคิดสิ่งใดอยู่กันพระราชา”


“คิดสิ่งที่ท่านก็คิดนั่นแหละจอมมาร”


“หึหึ/หึหึ”


“นอนครับ ผมง่วงแล้ว” ไอ้สายตาน่ากลัวแบบนั้นช่วยเลิกทำทีเถอะครับ


“นอนก็นอน  โตพอเมื่อไหร่ไม่ปล่อยแน่ๆ”


“ฮาฟนอน”


“หนาวจัง”


“จริงด้วยจอมมาร อากาศคืนนี้หนาวจริงๆ”


“หนาวก็ห่มผ้ากันสิครับ จะมากอดผมทำไมกัน”


“ก็พวกข้ากลัวเธอหนาวไง นี่พวกข้าหวังดีนะ”


“ตามสบายครับ” ผมที่เริ่มง่วงไม่คิดจะเถียงแล้วละครับ


“ฝันดี/ฝันดี” สิ้นเสียงห้องนอนก็ตกอยู่ในความเงียบ ในเวลาไม่นานทั้งสามร่างก็จมสู่ห้วงนิทราตามกันไป





   ตอนนี้ผมอยู่บนรถม้าแล้วครับ เราออกเดินทางจากพระราชวังกันแต่เช้ามืดเพราะไม่อยากเสียเวลาตอนข้ามเขตแดนกลัวจะมืดเสียก่อน


ตอนนี้ภายในรถม้ามีสามราชาของสามดินแดนนั่งมาพร้อมกับผมด้วยเช่นกัน ผมไม่ค่อยจะเข้าใจว่าราชาทั้งสองจะตามมาด้วยทำไม จนผ่านไปหลายชั่วโมงก็ถึงพระราชวังของท่านจอมเวทย์เราแยกย้ายกันไปตามที่พัก ส่วนผมใช้เวทย์วาร์ปกลับไปเก็บของที่หอพักตัวเองแทน ดูเหมือนรัลจะยังไม่กลับมาจากการทำภารกิจเลยนะครับ


“สัปดาห์หน้าก็จะเปิดเรียนแล้ว นักเรียนหลายคนน่าจะเริ่มกลับมาจากทำภารกิจแล้วสินะ”


“ครับท่านจอมเวทย์” ผมที่วาร์กลับมาที่ห้องทำงานของท่านจอมเวทย์ตอบกลับเมื่อนั่งลงเก้าอี้เรียบร้อย


“เอาละมีเรื่องอะไรก็พูดมาได้”


“ที่ท่านส่งผมไปทำภารกิจ ตามจริงแล้วเพราะผมเป็นเด็กในคำทำนายสินะครับ”


“อ่า ดูเหมือนเจ้าจะรู้แล้ว ตามนั้น พอข้าได้ยินว่าเจ้ามีคุณสมบัติตามที่คำทำนายบอกข้าก็ส่งเจ้าไปเพื่อตรวจดูว่าจะใช่หรือไม่ ตามจริงข้าก็น่าจะบอกเจ้าก่อนละนะ เรื่องนี้ข้าผิด ข้าขอโทษด้วย”


“ครับ เรื่องนี้ผมพอจะรู้อยู่แล้ว งั้นผมมีคำถามอีกข้อ ขอให้ตอบตามความสัตย์จริง ถ้าท่านคิดว่าผมเป็นเด็กในคำทำนาย ท่านก็ต้องช่วยเหลือผมไถ่โทษที่ท่านส่งผมไปโดยไม่บอกอะไร”


“ได้ ข้าจะตอบตามที่เจ้าต้องการ” ผมสังเกตสีหน้าท่าจอมเวทย์ตลอดเพื่อจับพิรุธแต่ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย


“ผู้นำกบฏชาวเวทย์คือใคร”


“อ่า ข้าก็ตามหาเช่นกันเพราะข้าคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับอดีตกาลด้วยตามบันทึกที่สืบทอดมาเหมือนกัน”


“ท่านคิดว่าเกี่ยวข้องกับสงครามเมื่อหมื่นปีก่อนหรือครับ”


“ใช่ เพราะจากบันทึกให้รายละเอียดทั้งตอนที่เกิดสงคราม ระหว่างเกิดสงคราม และหลังเกิดสงคราม ได้ระบุไว้เกี่ยวกับการคิดที่จะล้มล้างการปกครองทั้งสามดินแดนและรวมดินแดนเป็นหนึ่งเพื่อตัวเองของหัวหน้าฝ่ายกบฏในครั้งนั้น และทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ ชาวเวทย์เราก็ทำการตรวจสอบจนเจอสิ่งเชื่อมโยงที่ทางสองดินแดนไม่เจอไว้มากมาย แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังตามหาคนที่คิดแบบนั้นอยู่ไม่เจอเสียที”


“ท่านจะบอกว่าชาวเวทย์เราอาจจะไม่เกี่ยวข้องหรือครับ”


“ไม่ใช่แบบนั้น ข้าแค่อยากจะบอกว่าข้าหาผู้นำกบฏที่เจ้าว่าในหมู่ชาวเวทย์ไม่เจอต่างหาก”


“งั้นคงต้องใช้เวลาพอสมควรเลยสินะครับกว่าจะตามตัวเจอ”


“แล้วเจ้ารู้ตัวผู้นำกบฏอีกสองดินแดนแล้วหรือ”


“เป็นบุคคลต้องสงสัยเท่านั้นครับ ยังระบุแน่นอนไม่ได้”


“อืม งั้นมีอะไรที่ข้าพอจะช่วยได้หรือมีข่าวยังไงข้าจะรีบบอกเจ้าแล้วกัน”


“ครับ”


“นี่ก็จวนจะได้เวลาอาหารค่ำแล้ว เอาไว้เจ้าพักอยู่ที่นี่ก่อนเปิดเรียนแล้วค่อยกลับแล้วกันนะ”


“ครับท่านจอมเวทย์” ไม่มีจริงหรือผู้นำกบฏทางนี้ แล้วเวทย์ที่ใช้ในการจับกุมสัตว์ปีศาจเหล่านั้นจะมีได้ยังไงกัน เวทย์ของปีศาจกับเวทย์ของพ่อมดมีกลิ่นอายเวทย์ต่างกันมาก ถ้าไม่ใช่ขั้นสูงไม่สามารถสัมผัสมันได้ก็จริงแต่ก็มีวิธีตรวจสอบมากมายที่ระบุได้


ผมว่ากลุ่มคนที่ท่าจอมเวทย์ส่งไปต้องมีสายอยู่แน่นอนครับ ผมว่าดูท่าแล้วอีกไม่นานพวกมันน่าจะต้องเริ่มเคลื่อนไหว แล้วผมก็คิดว่าน่าจะเป็นที่ที่เราคาดไม่ถึงในการนัดเจอ


“คุณสายน้ำครับ อยู่ไหมครับ”


“สายน้ำอยู่เจ้าค่ะนายท่าน”


“ผมรบกวนคุณสายน้ำช่วยตรวจสอบตามแหล่งน้ำทุกที่บนอาณาจักรกับเขตติดต่อใกล้เคียงได้ไหมครับ”


“ได้เจ้าค่ะนายท่าน ว่าแต่เรื่องอะไรหรือเจ้าค่ะ”


“ผมอยากให้คุณสายน้ำสังเกตบุคคลต้องสงสัยที่พูดคุยเกี่ยวกับการเมืองการปกครองของทั้งสามดินแดนที่ไม่ใช่ในทางที่ดีได้ไหมครับ”


“เจ้าค่ะนายท่าน แล้วข้าจะรีบมารายงานต่อนายท่านโดยเร็วที่สุดเจ้าค่ะนายท่าน”


“ขอบคุณนะครับคุณสายน้ำ”


“ด้วยความเต็มใจเจ้าค่ะ”
ขอให้สิ่งที่ผมคิดเป็นจริงด้วยเถอะครับ เพราะผมไม่รู้จะไปสอดส่องทางไหนแล้วเหมือนกัน



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #13 [3/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 03-06-2018 16:22:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #13 [3/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 16:21:23
รอตอนต่อไป  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #14 [5/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 05-06-2018 11:18:14
#14


   สวัสดีครับกระผม ราสเต้ เจ้าเก่าเจ้าเดิมไม่เพิ่มเติมไม่พิเศษอะไรทั้งสิ้น วันนี้ถือเป็นวันพักผ่อนของผมเลยละครับ เพราะอีกสามวันโรงเรียนก็จะเปิดเรียนตามปกติแล้วอีกทั้งวันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนที่ท่านจอมมารและพระราชาจะกลับอาณาจักรด้วย อ่า หาอะไรทำด้วยกันดีนะ


“ฮาฟครับ อัลครับ สนใจไปเดินตลาดกันไหมครับ”


“หืม เอาสิ” อัลที่กำลังนั่งอ่านหนังสือข่าวการเมืองของอาณาจักรอิลเทียร์อยู่หันมาตอบก่อนจะก้มลงไปใหม่


“ได้สิ”ฮาฟที่กำลังจิบกาแฟยามเช้าดื่มด่ำกับธรรมชาติในสวนในเขตพระราชวังของท่านจอมเวทย์ ตอบผมเบาๆ


“งั้นถ้าออกไปแบบนี้อาจจะดูวุ่นวายไป เรามาปลอมตัวกันเถะครับ” มันน่าสนุกมากเลยละครับ


“ปลอมตัว ยังไง” ฮาฟเป็นคนถามเพราะอัลแค่ทำหน้าสงสัย


“ก็แต่งตัวด้วยชุดของชาวพ่อมดธรรมดาไงครับ จะได้ดูกลมกลืนกับชาวบ้านทั่วไป เท่านี้เราก็จะเดินเล่นได้สบายไม่ต้องมาคอยระแวงรอบตัว อีกทั้งยังได้ลองใช่ชีวิตแบบคนธรรมดาด้วยยังไงละครับ”


“ก็เป็นความคิดที่ดี ไม่น่าเชื่อเธอจะคิดได้เหมือนกัน”


“อัลครับ ทำไมชอบว่าผมละ ผมจะงอนนะ”


“เลิกทะเลาะกันเถอะทั้งสองคน”


“แต่อัลว่าผมก่อนนะครับฮาฟ”


“เอาละๆ ฉันว่าเราไปเตรียมตัวกันก่อนดีกว่าจะได้รีบไป”


“งั้นผมรีบไปดีกว่า” จบคำร่างบางก็วิ่งหายกลับเข้าไปนตัวตึกทิ้งไว้แต่ร่างสูงของชายหนุ่มสองคนด้านหลังที่เดินตามมาเงียบๆไม่รีบร้อนอะไร


“วันนี้ผมจะทำหน้าที่คนนำเที่ยวเองครับ” ยืดครับยืดเข้าไปนานๆทีจะได้เป็นผู้นำบ้าง ก็นี่อาณาจักผมนี่ครับ ผมต้องรู้ดีอยู่แล้ว


“งั้นเธอก็ช่วยเดินต่อได้แล้ว ดูเหมือนแถวจะเริ่มติดนะ”


“อุ้ย ตามมาครับตามมา ผมจะพาไปร้านเครื่องประดับเวทย์”


“ทำไมต้องไปที่นั่นกัน”


“ฮาฟนี่ไม่รู้อะไรเลยนะครับ ที่นั่นนะมีเครื่องประดับเวทย์มากมายเลยนะครับ มีทั้งเวทย์เสริมพลัง เวทย์สื่อสาร หรือเวทย์คุ้มครอง พวกพลังเหล่านั้นจะอยู่ในรูปแบบเครื่องประดับที่เราจะพกพาได้ง่ายๆไงละครับ”


“จะพาพวกข้าไปหาเครื่องประดับคู่รักงั้นหรือ”


“มะ ไม่ใช่สักหน่อยครับอัล ผมก็แค่อยากจะพาไปดูเท่านั้นเองครับ” แล้วหน้าจะร้อนทำไมละเนี่ย


“หึหึ นำทางสิ” ผมรีบเดินนำทางทั้งสองคนมาทางร้านขายเครื่องประดับเวทย์ ภายในร้านช่วงสายๆคนจะยังไม่เยอะเท่าตอนเวลาเย็นที่หลายคนเลิกงานจะเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น


“อ่าว เจ้าราส ข้าคิดว่าใครเสียอีก วันนี้จะมาซื้ออไรกันละ”


“สวัสดีครับคุณลุงยอร์ช วันนี้ผมพาลูกค้ามาฝากครับ”


“ฮ่าๆๆ เข้าใจพูดดีๆ ตามสบายแล้วกัน ข้าจะเข้าไปจัดของสักหน่อยฝากดูหน้าร้านด้วย”


“ได้ครับ”


“ดูเหมือนเธอจะสนิทกับเจ้าของร้านนะ มาบ่อยหรือไง”


“เปล่าหรอกครับอัล ผมไม่ค่อยได้เข้ามาในเมืองบ่อยหรอกครับ ลุงยอร์ชเขาเป็นเพื่อนของพ่อผมที่เคยอยู่ที่บ้านเกิดผมอีกทีนะครับ เลยรู้จักกันอยู่บ้าง”


“หรอ ข้าก็นึกว่าเจ้ามาซื้อเครื่องประดับพวกนี้บ่อยเสียอีก”


“แล้วอัลจะมาหงุดหงิดใส่ผมทำไมกันละครับ”


“ดูเหมือนจะมีคนขี้หึงอยู่แถวนี้นะครับ จริงไหมราส”


“ฮาฟ เจ้าอยากประลองกับข้างั้นรึ”


“อัลข้ายังไม่ได้เอ่ยถึงท่านเลยนะ”


“พอครับพอ เลิกเถียงกันแล้วมาเลือกของกันเถอะครับ มันรบกวนลูกค้าคนอื่นด้วย”


“งั้นเธอก็นำไปสิของที่อยากให้ดูหนะ”


“ครับๆตามมาครับ ตามมา” ผมเดินนำทั้งสองคนมาในช่องที่เก็บพวกเครื่องประดับที่เกี่ยวกับเวทย์คุ้มครอง


“เครื่องประดับที่อยู่ในโซนนี้จะเป็นประเภทเวทย์คุ้มครอง มันจะช่วยตามชื่อมันเลยครับ คุ้มครองหลายๆด้าน อย่างเช่นแหวนวงนี้ จะคุ้มครองด้านสุขภาพ กำไลนี้จะคุ้มครองด้วยการป้องกันอุบัติเหตุ ตามที่เขียนไว้บนกล่องเลยครับ เอาละพวกท่านก็เลือกดูเอาได้นะครับ”


“ไหนๆเราก็มาที่นี่แล้ว แล้วพรุ่งนี้พวกข้าก็ต้องเดินทางกลับอีก ทำไมเราไม่มาหาเครื่องประดับที่ใส่ไว้แล้วระลึกถึงกันดีกว่าไหม”


“งั้นเอาเป็นต่างหูไหมครับ ที่แบบข้างเดียว อืม แบบันนี้ไหมครับ เป็นคริสตัลสีฟ้าใส อันนี้จะช่วยด้านสุขภาพกับการเดินทางด้วยพอดี” ผมหยิบเอาต่างหูที่มีขนาดเล็กพอดีผู้ชายสามารถใส่ได้และไม่เด่นจนผิดสังเกต อีกทั้งพลังเวทย์คุ้มครองก็ดีด้วย


“งั้นเอาเจ้าต่างหูนี่สามอันใส่คนละข้างแล้วกัน” อัลหยิบต่างหูมาสามกล่องแล้วเดินไปจ่ายเงินทันทีไม่รอใคร ผมกับฮาฟก็ได้แต่เดินตามมาทีหลัง


   พอออกจากร้านนั้นเราก็แวะไปตามร้านอื่นๆจนมาจบช่วงบ่ายที่ร้านอาหารขึ้นชื่อของเมือง


“เอาอาหารจานนี้ จานนี้ แล้วก็จานนี้ส่วนน้ำขอเป็นน้ำเปล่าก็พอครับ” ผมสั่งอาหารเพราะอัลกับฮาฟบอกแล้วแต่ผม


เราพูดคุยเรื่องทั่วไปจนอาหารมา เราจัดการตามความหิวของแต่ละคนจนเกลี้ยง จ่ายเงินเสร็จก็ออกมา ค่าอาหารผมขอให้หารเพื่อความยุติธรรมเพราะเครื่องประดับอัลเป็นคนจ่าย เสื้อผ้าฮาฟจ่าย ผมยังไม่ได้จ่ายก็ย่อมจะหงุดหงิดนิดหน่อย ก็ผมตั้งใจพาทั้งสองคนมาเที่ยวนี่ครับ ไม่ได้พาทั้งสองคนมาจ่ายเงินเสียหน่อย


พอใกล้จะค่ำเราก็กลับมาที่พระราชวังของท่านจอมเวทย์แวะทักทายพูดคุย ก่อนจะแยกย้ายกันอาบน้ำ ทานอาหารเย็นก่อนจะเข้ามานอน ผมที่โดนลากมานอนห้องของอัลเพราะฮาฟก็มาด้วย เหตุผลง่ายๆครับ


“พรุ่งนี้พวกข้าจะกลับแล้ว มาเป็นหมอนข้างของพวกข้าซะดีๆ” ตามที่อัลบอกมาครับ ขัดได้ซะที่ไหนกัน


“ผมเริ่มง่วงแล้วนะครับ จะนั่งมองหน้ากันอีกนานไหม”


“ก็ฉันอยากจะมองหน้าเธอไปนานๆก่อนที่เราจะแยกกันพรุ่งนี้นี่”


“อย่าทำเหมือนเราจะไม่ได้เจอกันสิครับ อ่าจริงสิ เรามาต่างหูกันดีกว่า” ผมหยิบต่างหูของพวกเราขึ้นมาจับการเจาะหูตัวเอง ดีนะครับร่ายเวทย์รักษาไว้ก่อนไม่งั้นมีร้องไห้แน่เลย


“ใส่ให้ข้าบ้างสิ” อัลยื่นต่างหูพร้อมกับเอียงหูด้านขวามาให้ ผมร่ายเวทย์รักษาให้อัลก่อนจะใส่เพราะอัลก็ไม่ได้เจาะหูมาก่อนเหมือนผม


“เสร็จแล้วครับ”


“ขอบคุณ” จุ๊บ อัลก้มลงมาฉกริมฝีปากผมโดยที่ห้ามไม่ทัน


“อัล”ผมได้แต่เม้มปากหน้าร้อนไม่กล้ามองหน้าอัล


“ไม่ได้ๆ แบบนี้ขี้โกง ฉันใส่ไปเองแล้วด้วย แต่ต้องได้เหมือนกัน”


“อ้ะ” ผมที่โดนฮาฟโอบเอลแล้วชะโงกหน้ามากดจูบที่ริมฝีปากแม้พวกเขาจะเพียงแค่สัมผัสด้านนอกเท่านั้น แต่ใจผมสั่งไหวอย่างรุนแรงมากเลยทีเดียว


“นอนกันเถอะ” อัลบอกแล้วล้มตัวลงนอน ฮาฟก็เหมือนกัน เหลือแต่ผมที่ยังนั่งตกใจไม่หาย จะรุกกันเร็วเกินไปแล้วนะครับ


“ถ้าไม่รีบนอนจะชวนทำอย่างอื่นแล้วนะราส” สิ้นเสียงอัลผมรีบล้มตัวลงนอนตรงกลางแล้วหลับตารวดเร็ว ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากฮาฟ พวกเขารวมหัวกันแกล้งผมนี่นา




เช้าวันต่อมา ขบวนรถม้าก็เตรียมพร้อมเดินทาง พวกเราล่ำลากันอีกเล็กน้อยก่อนที่จอมเวทย์จะอ้างเวลาจนพวกเขาทั้งสองคนกลับไปจนได้


“ไม่น่าเชื่อว่าปีศาจที่โหดเหี้ยมกับมนุษย์ที่สุภาพแบบนั้นจะเปลี่ยนไปเพราะเจอเธอนะสหายตัวน้อย”


“เปลี่ยนหรอครับ ผมก็เห็นทั้งสองคนเป็นแบบนี้ตั้งแต่เจอกันแล้วนะครับ อัลไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นสักหน่อยถึงจะขี้แกล้งแต่ก็ใจดี ส่วนฮาฟก็เหมือนหมาป่าที่จ้องตะครุบเหยื่อดีๆนี่ละครับสุภาพตรงไหน แต่แกล้งแล้วสนุกนะครับ”


“เพราะเป็นเธอยังไงละ พวกเขาถึงแสดงออกมาแบบนั้น ข้าเห็นนะของแทนใจพวกนั้นที่ใส่กันอยู่”


“ของแทนใจอะไรกันครับ”


“ก็เมื่อวานพวกเธอไปเดทกันมามิใช่หรือ”


“หวา แค่เที่ยวครับ ไม่ใช่เดทสักหน่อย”


“ใครๆก็ดูออกว่าพวกเธอเหมือนคู่รักที่พากันไปเดทมากกว่า แถมยังมีของแทนใจไว้เหมือนกันทั้งสามคน นี่ข้าต้องเตรียมตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาวอีกไม่นานละสินะเนี่ย”


“ท่านจอมเวทย์ ผมไม่คุยด้วยแล้วครับ เจอกันวันหน้านะครับ ลาก่อน” จะอยู่ให้โดนแซวอีกทำไมละครับ      วาร์ปหนีกลับมาที่หอพักเลย ดีนะครับ รัลยังไม่กลับมา


ผมจัดการจัดของเข้าที่จนเรียบร้อยก่อนจะนอนทบทวนบทเรียนบนเตียง แต่กลับมีแต่ช่วงเวลาที่พวกเราสามคนอยู่ด้วยกันเต็มหัวไปหมด หวานี่พวกคุณสองคนจะทำให้ผมตกหลุมรักไปถึงไหนกันครับ งื้อออออ




TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #14 [5/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 05-06-2018 20:44:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #15 [6/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 06-06-2018 13:01:17
#15


   สวัสดีครับทุกท่าน กระผมพ่อมดฝึกหัดนามว่าราสเต้คนเดิมเพิ่มเติมคือเราผ่านสัปดาห์เปิดเรียนมาได้สองอาทิตย์แล้วครับ ตอนนี้เป็นช่วงกลางสัปดาห์และวันนี้ก็เป็นการทดสอบการต่อสู้ในชั้นเรียนด้วยละครับ


“เอาละวันนี้อาจารย์จะให้แบ่งทีมละสามคนนะ เมื่อได้แล้วก็มาเข้าแถวด้านหน้าได้เลย” สิ้นเสียงอาจารย์ก็เกิดความชุลมุนพอสมควรเพราะการทดสอบถ้าได้คนที่แข็งแกร่งไปอยู่ทีมด้วยผลสำเร็จก็ต้องมากขึ้นกว่าเดิม


“ราส มาอยู่กับพวกเราไหม”


“ขอบคุณนะที่นึกถึงเรา รัล เรน่า” ผมส่งยิ้มให้รัลกับแฟนสาว ที่เห็นว่าคบกันตอนที่ไปทำภารกิจด้วยกันละครับ อิจฉาจัง


“พูดอะไรแบบนั้นกันคะ เราเป็นเพื่อนกันนี่คะ จะทิ้งกันได้ยังไง จริงไหมรัล”


“ใช่ ถ้าไม่มีนายเราสองคนก็ไม่ได้มายืนเรียนทุกวันนี้หรอกนะ”


“อื้ม” ผมยิ้มให้ทั้งสองคน หลังจากที่คิดว่าจะลองเปิดใจเพราะไม่อยากยึดติดกับอดีต ดูเหมือนผมจะเจอเพื่อนสนิทแล้วละครับ


“เอาละ ถ้าครบแล้วก็มาเริ่มกันต่อ วันนี้เราจะทดสอบด้วยการต่อสู้กับสัตว์เวทย์ขั้นกลางกัน โดยอาจารย์จะส่งพวกเราไปที่ป่าเวทย์จำลอง ในนั้นจะมีแค่สัตว์ป่าขั้นกลางเท่านั้น เตรียมตัวให้พร้อม ถ้าทีมไหนไม่ไหวให้บอกอาจารย์จะเรียกกลับมา ส่วนใครที่สามารถจัดการสัตว์เวทย์ได้ครบห้าตัวถือว่าผ่าน เอาละ พร้อมกันรึยัง”


“พร้อมแล้วครับ/ค่ะ”


“งั้นหลับตาได้” สิ้นเสียงผมก็รู้สึกวูบคล้ายกับตอนให้เวทย์วาร์ปครั้งแรก วงแหวนเคลื่อนย้ายของอาจารย์นี่ท่าจะหนักสำหรับคนไม่เคยใช้น่าดู


“อ้วก”


“รัลไหวไหม” เรน่าถามรัลที่ทำท่าจะลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับส่งเวทย์รักษาช่วยเหลือ เรน่ามีเวทย์แสงขั้นต้นกับเวทย์เวทย์น้ำขั้นกลางครับ


เวทย์แสงขั้นต้นจะสามารถรักษาได้แค่อาการเบื้องต้นเท่านั้น ขั้นกลางจะสามารถรักษาบาดแผลให้ปิดสนิทและสามารถสร้างวงแหวนเวทย์ที่ผสมกับเวทย์มืดขั้นกลางเพื่อเกิดมิติบิดเบือนได้ ส่วนเวทย์แสงขั้นสูงสามารถรักษาอาการได้ทุกชนิด รวมทั้งชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตได้ถ้าไม่เกินห้านาทีหลังจากตาย


“ขอบคุณเรน่า ผมดีขึ้นมากเลย”


“งั้นผมว่าเราไปกันต่อไหมครับ อยู่กลางแจ้งแบบนี้น่าจะอันตราย”


“ตามที่ราสว่า เรารีบไปหาที่หลบหน่อยดีกว่า”


เราสามคนเดินเข้ามาในตัวป่าสักพักก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาไม่ไกลดูท่าจะมีคนเริ่มต่อสู้กับสัตว์เวทย์แล้ว


“ราสหลบไปด้านหลังพวกเราไว้ นายไม่มีเวทย์เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเอา”


“แต่ว่า”


“ตามที่รัลบอกราสคอยช่วยหาจุดอ่อนของเจ้าสัตว์เวทย์ให้พวกเรานะค่ะ เราจะโจมตีล่อมันไว้ให้เอง”


“ครับ” ผมถอยห่างออกมาด้านหลังต้นไม้เพื่อช่วยเหลือตามที่พวกเขาบอก ผมยังไม่ได้บอกใครเรื่องเวทย์ แถมไม่มีใครพอจะมาฟังผมด้วยละครับ


“บ้าน่า” เสียงของรัลเรียกสายตาผมกลับไปที่สองคน ภาพตรงหน้าดูน่ากลัวเกินที่พวกเราจะทนได้ สัตว์เวทย์กระต่ายป่ากว่าสิบตัวกระโดดมาที่กลุ่มของพวกเรา


“ตามพฤติกรรมแล้วพวกมันจะอยู่กันไม่เกินห้าตัว ที่มาพร้อมกันแบบนี้แปลว่าทีมที่จัดการด้านหน้าคงเสร็จพวกมันไปแล้วแน่เลย”


“รัล เรน่า วิ่งมาที่ผมเร็วครับ” ไม่ได้การถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราซวยแน่


“เราจะทำยังไงต่อกันละทีนี้”


“บาเรีย” ผมไม่ได้ตอบคำถามของเรน่าเพราะมีกระต่ายเวทย์บางตัวปล่อยลูกไฟมาทางนี้แล้ว


“เหวอ” เสียงร้องตกใจของรัลที่กลัวว่าจะโดนย่างสดดังขึ้นก่อนจะถอนหายใจเมื่อเห็นว่ามีเกราะใสคลุมพวกเราอยู่


“เวทย์ลมนี่หน่า ราส มันยังไงกัน”


“เอาไว้เสร็จแล้วค่อยคุยกันดีไหม ผมขอจัดการพวกกระต่ายเวทย์ก่อนนะครับ” ผมไม่ได้ฟังคำตอบอะไรอีก เพ่งสมาธิไปที่กระต่ายที่พยายามโจมตีพวกเราไม่หยุดหย่อนด้านหน้าสิบตัว


“กักขัง” “สลาย” ผมร่ายเวทย์ลมกักขังกระต่ายสิบตัวพร้อมกันทำเอาลมหายใจเริ่มจะติดขัดเพราะใช้เวทย์ลมขั้นกลาง ก่อนที่จะใช้เวทย์มืดขั้นสูงสลายสิ่งที่อยู่ในส่วนที่กักขังของเวทย์ลม


ฟุบ ร่างของผมทรุดตัวลงทันที เนื่องจากหน่วงเวทย์ลมขั้นกลางเพื่อทำบาเรียกับกรงขังพร้อมกับใช้เวทย์มืดขั้นสูงสลายอีก ร่างกายที่ยังไม่คุ้นชินกับพลังเวทย์หนักหน่วงขนาดนี้ที่ใช้พร้อมกันสองเวทย์เลยออกอาการหมดเรี่ยวแรง


“ราส”


“ผมยังไหวครับ ขอพักก่อนนะ” เราสามคนนั่งพักกันจนลมหายใจผมกลับมาปกติ แต่เวทย์แสงก็ยังคงรักษาร่างกายต่อไปเพราะความอ่อนล้าจากการใช้พลังเกินขีดจำกัดร่างกายส่งผลพอสมควร


“ตอนที่ผมไปทำภารกิจมา ผมสามารถใช้เวทย์ได้ครับ”


“นายมีเวทย์ลมกับมืดหรอราส”


“อ่า ประมาณนั้นครับรัล”


“ขอโทษนะที่ฉันไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย”


“ไม่เป็นไรครับเรน่า เราเพื่อนกันนี่ครับ”


“จ้ะ” เรายิ้มให้กัน ผมคิดว่าดีแล้วที่ได้เป็นเพื่อนกับทั้งสองคนเพราะดูเหมือนจะให้ความเป็นส่วนตัวกับผมมากพอสมควร รู้ว่าควรถามตอนไหนอะไรบ้างที่ควรรู้


“งั้นพวกเรากลับกันเถอะครับ” ผมบอกกับอีกสองคนก่อนจะปาหินย้อนกลับที่อาจารย์ให้แต่ละทีมมาเมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบ


“เจอกันวันพรุ่งนี้นะ รัล ราส” เรน่าโบกมือลา เพราะตอนนี้ก็ใกล้เวลาเลิกเรียนของวันนี้แล้ว


“ราสเต้ หนึ่งชั่วโมงหลังทานอาหารเย็นเสร็จไปพบผู้อำนวยการที่ห้องประชุมครั้งก่อนด้วยนะ”


“ครับ อาจารย์” ผมรับคำทั้งที่ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก ไม่น่าลืมตัวใช้เวทย์มืดขั้นสูงเลยสิครับ โธ่!!!!



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #15 [6/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 06-06-2018 17:14:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #15 [6/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 06-06-2018 18:57:20
น้องราสสสส ทำไมน่ารักอย่างงี้เล่า
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #16 [7/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 07-06-2018 13:01:34
#16

   สวัสดีครับ กระผมพ่อมดฝึกหัดนามราสเต้คนเดิมเพิ่มเติมคือโดนเรียกตัวครับ ตอนนี้ผมมายืนอยู่ที่หน้าห้องประชุมครั้งก่อนที่โดนพามา แต่ครั้งนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างหลังประตูบานนี้


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ขออนุญาตครับ” ผมบอกคนในห้องก่อนตามมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไป


“มาแล้วหรือ นั่งสิ” ภายในห้องมีผู้อำนวยการ ตัวแทนจากสภาเวทย์อาวุโสที่พอจะคุ้นหน้าตอนเข้าไปหาท่านจอมเวทย์ นักเวทย์ที่ทำพิธีครั้งนั้นกับผม


“ขอบคุณครับ” ผมนั่งลงที่เก้าอี้ว่างด้านหนึ่งของโต๊ะประชุม ทุกสายตาต่างจดจ้องมาที่ผมด้วยความสงสัยมากมาย


“เราจะขอถามเธอเรื่องพลังเวทย์ของเธอ”


“ครับ” ผมตอบรับตัวแทนจากสภาเวทย์อาวุโส


“เธอสามารถใช้เวทย์ได้ พวกเรารู้มาจากการทดสอบในวันนี้ที่เธอใช้เวทย์ลมขั้นกลางกับเวทย์มืดขั้นสูง”


“ครับ ผมใช้จริง”


“แต่ตอนที่ตรวจสอบทั้งสามครั้ง เธอไม่มีเวทย์”


“ผมสามารถใช้เวทย์ได้เหมือนคนทั่วไปครับ ผมเริ่มใช้เวทย์ตอนที่ถูกส่งทำภารกิจที่ดินแดนมนุษย์กับปีศาจครับ”


“ทำไมถึงออกไปทำภารกิจที่นั่นกัน เธอเป็นแค่นักเรียนปีสี่นะ ใครเป็นคนส่งเธอไป”


“เรื่องนี้ทางท่านจอมเวทย์เป็นคนสั่งการลงมาครับ ท่านสภาเวทย์อาวุโส” ผู้อำนวยการรีบบอกเรื่องภารกิจอ้างท่านจอมเวทย์ทันที


“ท่านจอมเวทย์อย่างนั้นหรือ เธอไปทำภารกิจอะไรมาละ”


“ท่านจอมเวทย์ส่งให้ผมไปตามหาสิ่งสำคัญของราชาสองดินแดนครับ กับช่วยเหลืองานของพระราชาองค์ใหม่ในวันรับตำแหน่งครับ”


“แล้วเธอทำภารกิจสำเร็จไหม”


“ไม่ครับ เพราะความจริงท่านจอมเวทย์บอกว่าแค่ส่งไปดูลาดเลาครับ” งานนี้ท่านจอมเวทย์ได้ตอบคำถามยาวกว่าผมแน่ครับ


“เอาละ ข้าคิดว่าเจ้าไม่น่าจะรู้เรื่องอะไร งั้นก็ถือว่าพลังเวทย์ของเจ้ามีเช่นนักเรียนทั่วไป ที่เหลือข้าคิดว่าจะต้องถามจากท่านจอมเวทย์เองมากกว่า เจ้าไปพักเถอะ”


“ครับ” ผมทำความเคารพก่อนจะเดินออกมา







   วันนี้เป็นวันเริ่มสัปดาห์ใหม่ละครับ ตื่นมารับแสงแดดยามเช้าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ วันนี้เป็นการเรียนเรื่องสื่อเวทย์ละครับ


ผมที่ตอนนี้สามารถใช้เวทย์ได้เลยแอบออกไปซื้อสื่อเวทย์ไม้ ที่เป็นแท่งไม้สีดำธรรมดาไม่มีราคาแพงอย่างคนอื่น เพราะตามจริงแล้วผมไม่ต้องใช้แค่กลบเกลื่อนเท่านั้น


“วันนี้เราจะมาลองร่ายเวทย์กันต่อจากครั้งที่แล้วกันนะ รอบนี้จะมาลองบทที่ยาวมากขึ้นเพื่อช่วยหน่วงเวทย์จากสื่อเวทย์ของพวกเธอ”


“ครับ/ค่ะ”


นักเรียนทำตามที่อาจารย์ซิลเวอร์บอก ผมที่ตอนนี้มีเวทย์แล้วก็ทำตามเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น บางทีการใช้สื่อเวทย์ก็ยุ่งยากนะครับ เราต้องถ่ายพลังเวทย์ของเราไปที่สื่อก่อนถึงจะใช้ได้


“เอาละ ใครที่ไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ เอาที่ตัวเองรับไหวพอ” อาจารยเดินดูแต่ละคนที่เริ่มทำการหน่วงเวทย์ โดยการสร้างดวงเวทย์ของแต่ละคนออกมา มีหลากสีสันตามเวทย์ของแต่ละคนที่หน่วงไว้ บางคนมีขนาดใหญ่เพราะเริ่มพัฒนาการหน่วง บางคนเล็กเพราะยังไม่คุ้นชิน


“การหน่วงเวทย์มีความจำเป็นอย่างยิ่งเมื่อเราต้องใช้เวทย์บทใหญ่ เพื่อลดภาระการร่ายเวทย์หลายครั้งการหน่วงไว้จะดีกว่าแต่ก็เพิ่มภาระร่างกายตัวผู้ร่ายด้วย ดังนั้นต้องทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายด้วย


ในเวทย์ขั้นกลางของทุกเวทย์จะสามารถสร้างบาเรียเพื่อปกป้องตัวผู้ร่ายเวทย์ได้แต่ก็จะกินพลังเวทย์และเรี่ยวแรงของผู้ใช้มากขึ้น และเวทย์ที่ใช้การหน่วงน้อยที่สุดแต่แข็งแกร่งคือบาเรียจากเวทย์ลม ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ผู้ใช้เวทย์ลมมี และจะพบผู้ใช้เวทย์ลมขั้นกลางประจำอยู่ในแนวป้องกันในกองทัพเสมอ”


อาจารย์ซิลเวอร์ยังคงเดินดูพร้อมกับสอนพวกเราไปเรื่อยๆและแนะนำให้กับนักเรียนที่ยังไม่สามารถทำได้เท่าที่ควร


“เป็นยังไงบ้างราสเต้ ไหวไหม”


“ไหวครับอาจารย์”


“อย่าฝืนนะ เข้าใจไหม”


“ครับ” ผมยิ้มเพื่อยืนยัน จะไปฝืนยังไงละครับ ผมส่งเวทย์ลมเข้าไปในไม้นิดเดียวเพราะมันจะเกินขนาดเพื่อนคนอื่นไป สบายมาก มีสื่อเวทย์ก็ดีถึงจะยุ่งยากแต่ลดการใช้เวทย์พอสมควร เพราะส่งเวทย์ไปที่สื่อแล้วก็พอไม่ต้องใช้ต่อแบบปกติ


“เอาละ พอกันแค่นี้ ถ้ามีเวลาว่างก็หาเวลาฝึกกันต่อได้ แต่ห้ามทำเกินกำลังตัวเองเด็ดขาด เพราะมันอันตราย เลิกเรียนได้”


“ขอบคุณครับ/ค่ะ”


“ไปทานมื้อเที่ยงกัน” เรน่าเดินเข้ามาเรียกผมกับรัลที่นั่งพักอยู่ด้านหลังขั้นเรียน


“ครับ” ผมตอบก่อนจะเดินตามคู่รักไป


เราทานอาหารกันตามปกติ ก่อนจะพากันมาที่ชั้นเรียนต่อไป


“ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ ไปกันก่อนเลย”


“โอเคจ้ะ” ผมเดินมาอีกทาง ก่อนจะเข้าห้องน้ำ แต่พอเดินออกมา


โพล๊ะ เสียงกระถางต้นไม้ที่ไม่รู้มาจากไหนร่วงลงมาที่ทางเดินตรงที่ผมเดินผ่านมาพอดี อะไรกัน ลมแรงหรือยังไง ผมที่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ก็เดินต่อ จนใกล้จะถึงชั้นเรียน มีนักเรียนรุ่นน้องวิ่งกันมาตามทางเดิน ผมที่ไม่ได้สนใจกำลังจะเปิดประตู อึก


“กรี๊ด” เสียงร้องจากเพื่อนร่วมชั้นที่เห็นภาพผมที่กำลังเปิดประตู อะไรกัน แล้วทำไมถึงเจ็บที่ช่วงท้องได้ เลือด


“ราส มันเกิดอะไรขึ้น เลือด ท้องนาย ราส” รัลรีบเข้ามาพยุงร่างกายผมที่ทำท่าจะยืนไม่ไหว


“พาราสเต้ไปห้องพยาบาลก่อนเร็ว ส่วนพวกเธอตามมาที่ห้องอาจารย์” อาจารย์ที่ได้ยินเสียงความวุ่นวายเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์จึงพาตัวเด็กนักเรียนเจ้าของอาวุธไปคุมตัวที่ห้องพักครู


“ตายแล้ว รีบพาไปที่เตียงเลย” รัลกับเพื่อนร่วมห้องที่ผมจำชื่อไม่ได้ที่เข้ามาช่วยพยุงผมมาที่ห้องพยาบาลวางผมลงที่เตียงตามที่เจ้าหน้าที่ห้องพยาบาลบอก เธอเดินเข้ามาใช้เวทย์แสงในการห้ามเลือดและรักษาอาการต่อตามขั้นตอน


เวลาผ่านไปไม่นาน พร้อมกับยาที่ถูกส่งมาให้พร้อมน้ำเปล่า ผมดื่มน้ำตาทันทีที่กินยาเข้าไป อี๋ ไม่ชอบเลย


“ดีขึ้นไหม”


“ครับ ขอบคุณนะครับ”


“ไม่เป็นไรจ้ะ นั่งพักให้ดีขึ้นก่อนเถอะ ส่วนบาดแผลฉันจัดการรักษาแล้วไม่นานจะทิ้งรอยไว้ แต่อาจจะมีอาการเจ็บเป็นบางครั้ง แต่เล็กน้อย”


“ครับ” ผมนั่งพักพลางทบทวนเหตุการณ์ ก่อนที่จะเดินตามรัลที่เฝ้าผมอยู่ที่นี่ไปที่ห้องพักอาจารย์


“ขออนุญาตครับ” รัลพูดก่อนจะเปิดประตูเข้าไปตามด้วยผม


“ไม่เป็นอะไรร้ายแรงนะราสเต้”


“ครับ อาจารย์”


“เอา บอกพี่เขาไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น”


“ขอโทษนะครับรุ่นพี่ พวกเราเล่นกันมา แต่ว่ามีดที่เราเล่นกันมันเป็นของปลอมนะครับ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง”


“ครูตรวจสอบดูแล้วว่ามันเป็นของเล่นจริงๆ แต่ก็ต้องส่งตรวจอีกที”


“ครับอาจารย์ พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว พวกน้องไม่ต้องร้องไห้นะครับ” ผมยิ้มปลอบเด็กที่เป็นคนแทงผม


“ครับ รุ่นพี่”


“เอาละ ครูจะทำโทษที่วิ่งเล่นบนทางเดินจนเกิดเรื่องแบบนี้ ทำความสะอาดโรงยิมต่อสู้หนึ่งเดือน ทั้งคู่เลย”


“ครับ อาจารย์” เด็กทั้งสองคนรับคำ


“เอาละแยกย้ายกันไปเรียนได้ ส่วนราสเต้ ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรเพิ่มเติมครูจะเรียกมาคุยนะ ส่วนอาการถ้ามีอะไรผิดปกติก็ให้มาแจ้งครูด้วย”


“ครับ ขอบคุณนะครับอาจารย์” ผมเดินออกมาพร้อมรัล เราพูดคุยกันจนถึงห้องเรียน และเริ่มเรียนในช่วงบ่ายเพราะว่าใช้เวลารักษาบวกกับพักอีกจนหมดคาบแรก






   อีกสองวันต่อมาผมก็ต้องมาพบกับท่านจอมเวทย์ที่ได้ยินข่าวเรื่องของผม ผมว่าเรื่องไม่ได้ดังขนาดที่ท่านจะได้ยินนะครับ ผมว่าท่านต้องส่งคงตามผมแน่นอน


“อาการเป็นยังไงสหายตัวน้อย”


“ผมเป็นปกติแล้วครับท่านจอมเวทย์ ได้เวทย์รักษาของเจ้าหน้าที่ห้องพยาบาลช่วยพอดีครับ”


“อืม ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง”


“แล้ววันนื้ท่านจอมเวทย์มีอะไรรึเปล่าครับ ถึงเรียกผมมา”


“พอดีข้าได้ยินเรื่องเธอพอดี แล้วก็ทางสภาเวทย์อาวุโสรู้เรื่องที่เธอเป็นเด็กในคำทำนายแล้วนะ จะมาโทษข้าไม่ได้ด้วยเพราะเธอเป็นคนโยนมาให้ฉันตอบเอง”


“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรท่านจอมเวทย์เลยนะครับ ช่างเถอะครับ ยังไงสักวันคนอื่นก็ต้องรู้อยู่ดี”


“ถ้าอย่างนั้นก็ลองให้แพทย์หลวงตรวจอาการของเธออีกหน่อยนะ เพื่อความสบายใจของข้า”


“ครับท่านจอมเวทย์” เอาที่ท่านจะสบายใจเลยครับ ขัดไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าไม่เพราะความเป็นห่วงผมไม่ยอมนะครับท่าน




TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #16 [7/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 07-06-2018 14:26:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #17 [8/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 08-06-2018 10:29:03
#17


   สวัสดีครับ กระผมราสเต้คนเดิมเพิ่มเติมคือเหตุการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นกับผมช่วงนี้ครับ ตามร่างกายของผมถ้ายังเหลือร่องรอยน่าจะเกือบทั้งตัวแล้วครับ


ตอนที่กระถางต้นไม้ตรงทางเดินหล่นลงมาก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนที่โดนรุ่นน้องแทงด้วยของเล่นก็คิดว่าเรื่องบังเอิญ แต่มาหลังจากวันที่เข้าพบท่านจอมเวทย์วันต่อมาก็มีแต่เรื่องที่ทำให้ผมบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆตลอด


เช้าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ เลยทำให้ผมต้องนอนเหงาอยู่ที่ห้องพักคนเดียว จะว่าไปไม่ได้เข้าไปในป่านานแล้วหลายวัน คิดถึงจังเลยนะครับ


“ยินดีต้อนรับครับนายท่าน”


“สวัสดีครับคุณทรีมอส พวกคุณสัตว์อสูรด้วยนะครับ” ตอนนี้สัตว์ปีศาจกลับไปอยู่ในถิ่นอาศัยเดิมกันแล้วครับ ดูเหมือนคุณทรีมอสจะจัดการเรื่องความปลอดภัยให้ด้วยเพราะที่อยู่ของสัตว์ปีศาจอยู่ใกล้กับเขตป่านี้พอดี


“วันนี้มาพักผ่อนหรือขอรับ ข้าได้ข่าวเรื่องอาการบาดเจ็บมาด้วย ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”


“แค่โดนชนนิดหน่อยครับคุณสัตว์อสูร ไม่มีอะไรหรอกครับ”


“แต่ข้าคิดว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา ข้าคิดว่าคล้ายกับมีคนจงใจทำร้ายร่างกายนายท่านอยู่”


“ใช่ๆ พวกข้าก็คิดเหมือนท่านทรีมอสเช่นกัน”


“ผมก็เคยคิดเหมือนทุกคนนะครับ แต่ผมยังไม่มั่นใจเรื่องคนร้ายฝั่งนี้ด้วยสิครับ”


“นายท่านเจ้าค่ะ มีเรื่องด่วนมารายงานเจ้าค่ะ”


“มีอะไรหรือครับคุณสายน้ำ” เสียงคุณสายน้ำดังสะท้อนให้สิ่งมีชีวิตในเขตป่าบริเวณรอบคุณทรีมอสและผมพอจะได้ยิน


“เรื่องที่นายท่านมอบหมายให้สายน้ำจับตาดูความเคลื่อนไหวตามสายน้ำในครั้งก่อน เมื่อวานตอนดึกมีกลุ่มคนน่าสงสัยนัดพบกันบนเรือที่ล่องแม่น้ำจากทางตอนเหนือของอาณาจักรไปจนถึงบริเวณท่าท้ายหมู่บ้านตลาดเมืองเจ้าค่ะ”


“กลุ่มคนน่าสงสัย ยังไงครับ” ชักจะตื่นเต้นแล้วสิครับ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ผมคิดไว้ด้วยละครับ


“จากการสังเกต การแต่งกายดูเหมือนจะมีทั้งคนในอาณาจักรเราและอาณาจักรข้างเคียงทั้งสองเข้าร่วมด้วยเจ้าค่ะ”


“คนจากอาณาจักรข้างเคียง พวกมนุษย์กับปีศาจด้วยหรือครับ”


“เจ้าค่ะนายท่าน เนื้อหาที่พอจับใจความได้น่าจะเกี่ยวกับแผนการและก็ข่าวเรื่องของการพบเด็กในคำทำนายและคนที่ต้องสงสัยจะเป็นเด็กคนนั้นเจ้าค่ะ”


“เกี่ยวกับเรื่องของผมด้วยหรือครับ”


“เจ้าค่ะ เห็นว่าถ้าไม่อยากให้แผนการทุกอย่างที่เตรียมไว้เสียหายมากไปกว่าเดิมต้องกำจัดเด็กในคำทำนายก่อนเจ้าค่ะ”


“นายท่าน แปลว่าพวกนั้นเจาะจงมาที่นายท่านถึงส่งเวทย์มาทำร้ายท่านตลอดหลายวันที่ผ่านมาแบบนี้แน่เลยครับนายท่าน”


“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับคุณทรีมอส แต่คนพวกนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นเด็กในคำทำนาย”


“บุคคลน่าสงสัยที่ข้าเห็นมา ข้ารวบรวมข้อมูลเท่าที่พอหาได้แล้ว ชายคนนั้นชื่อ เรตัน โชฮา เจ้าค่ะ”


“เรตัน โชฮา หนึ่งในสภาเวทย์อาวุโสนี่ครับ”


“ถ้าเป็นอย่างที่นายท่านกล่าวมา ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะชี้เป้ามาที่ท่านได้แน่นอน”


“แปลว่าผู้นำกบฏฝ่ายเวทย์คือ เรตัน โชฮา สินะครับ”


“จากที่ลอบฟังมา ดูเหมือนตอนนี้ทางฝั่งนั้นจะรู้ว่าท่านเป็นคนช่วยเหลือสัตว์ปีศาจออกมาด้วยเจ้าค่ะ เลยวางแผนที่จะจับสัตว์ปีศาจแล้วล่อลวงท่านให้ไปช่วยแล้วจัดการท่านด้วยเจ้าค่ะ”


“ถึงจะเป็นคำลวงแต่ถ้ามีสัตว์ปีศาจโดนจับตัวไปเพราะเรื่องของผม ยังไงผมก็ต้องไปช่วยอยู่ดีละครับ แต่อาจจะต้องมีการซ้อนแผนก่อน”


“ข้าคิดว่าอีกไม่นานพวกนั้นต้องเริ่มที่จะลงมือแน่เจ้าค่ะ แล้วดูเหมือนว่าจะมีแผนการใหญ่อะไรสักอย่างที่ไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ด้วยเจ้าค่ะ”


“แผนการใหญ่หรือครับ พอจะบอกเพิ่มได้ไหมครับว่าน่าจะช่วงไหน”


“ข้าคิดว่าครั้งนี้น่าจะไม่เกินเดือนหน้าเจ้าค่ะ”


“เดือนหน้าจะมีงานเลี้ยงพบปะของสามราชาที่วังของท่านจอมเวทย์ ดูเหมือนครั้งนี้ท่านจอมเวทย์จะมีการเดินป่าด้วย”


“หรือว่าเจ้าพวกนั้นคิดจะทำแบบเมื่อร้อยปีก่อนครับนายท่าน”


“มันน่าสงสัยเหมือนกันนะครับคุณทรีมอส อาจจะเป็นแบบที่คุณทรีมอสบอก ผมคิดว่าน่าจะใช่ตัวแปรที่พวกเราสามารถควบคุมได้มาช่วยแล้วละครับ”


“ตัวแปรหรือครับนายท่าน”


“ครับคุณทรีมอส ผมจะลองเสนอให้มีการเดินป่าในเขตป่าชั้นกลางของที่นี่ดีไหมครับ เพราะเราสามารถคาดการณ์ การเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย”


“เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากขอรับนายท่าน”


“สวัสดีครับคุณสายลม แล้วที่สองดินแดนเป็นอย่างไรบ้างครับ”


“ทุกอย่างดูปกติขอรับนายท่าน แต่ข้าคิดว่ามันดูสงบจนเกินไปขอรับ”


“ผมคิดว่าฝ่ายนั้นคงกำลังเตรียมการครั้งนี้มากจนไม่สนใจเรื่องอื่นแน่ครับ”


“ข้าคิดว่าครั้งนี้น่าจะเป็นการก่อกบฏครั้งใหญ่เพราะดูจากที่ฟังมาน่าจะเกี่ยวกับชีวิตของสามราชาด้วยแน่นอน”


“แบบนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะสิครับคุณทรีมอส ผมในตอนนี้ยังไม่สามารถใช้พลังเวทย์ได้เต็มที่แบบอดีตด้วย ทั้งร่างกายเด็กแบบนี้ยังอ่อนแออีก”


“สายน้ำกับทุกคนคิดว่านายท่านน่าจะฝึกฝนเวทย์กับท่านทรีมอส และฝึกพลังการต่อสู้ด้วยแรงกายจากพวกเราดีหรือไม่เจ้าค่ะ”


“เยี่ยมไปเลยครับ งั้นผมขอความกรุณาด้วยนะครับทุกคน”


“ด้วยความเต็มใจครับ”


“งั้นเรามาวางตารางการฝึกกันดีกว่านะครับ เอาเวลาที่เหลือจากการเรียนเลยนะครับ”


“งั้นวันนี้นายท่านลองเรียนรู้การใช้พลังเวทย์แบบลดภาระทางร่างกายก่อนดีหรือไม่ครับ เพราะทุกครั้งที่ท่านใช้เวทย์ร่างกายท่านจะอ่อนเพลียจนเกินไปเสมอ”


“ครับคุณทรีมอส งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ”


“หลังตาแล้วตั้งสมาธิให้ดีนะครับ ลองสัมผัสเวทย์ที่อยู่ภายในตัวท่านแล้วพยายามทำตัวเองให้กลมกลืนกับมันให้มากที่สุดนะครับ”


“ครับ”


ผมเริ่มที่จะทำการฝึกฝนร่างกายและพลังเวทย์เพื่อตัวเองและคนสำคัญทั้งสามคนที่อยู่ในแผนการของั่งตรงข้ามด้วย ผมไม่อยากสูญเสียใครไป


ผมเบาใจในเรื่องของครอบครัวของผม เพราะที่บ้านของผมมีพี่น้องหลายคนคอยดูแลและคิดว่าไม่น่าจะมีใครสืบเรื่องราวของผมจนเจอกับทางครอบครัวที่อยู่ในต่างเมืองได้รวดเร็วกว่ากองกำลังภูตที่ผมส่งไปดูแลครอบครัวตัวเองได้


ผมจะไม่ยอมให้คนรอบข้างของผมต้องเป็นอันตรายจากเรื่องในครั้งนี้เด็ดขาด เมื่อหมื่นปีก่อนถ้าผมกำจัดจนหมดคงไม่มีเรื่องราวพวกนี้เกิดขึ้นมาแบบนี้อีก แต่ไม่ว่าอดีตจะยังไง ครั้งนี้ผมจะต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องราวให้กลับมาสงบสุขให้ได้แน่นอน



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #17 [8/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-06-2018 13:21:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #17 [8/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 08-06-2018 14:11:14
เอาใจช่วยราสเต้  :call:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #18 [9/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 09-06-2018 12:29:21
#18


   ผ่านมาหลายวันหลังจากที่เริ่มฝึกฝนร่างกายกับพลังเวทย์ของตัวเอง อีกสามสัปดาห์ก็จะถึงวันงาน แต่เรื่องสำคัญตอนนี้คืออีกสองสัปดาห์จะเป็นการสอบปลายภาคของชั้นปีที่สีแล้วครับ ผมจะจบเทอมอยู่แล้วแถมยังไม่ได้อ่านหนังสือมากเท่าที่ควรด้วย


ผมที่หลังจากเลิกเรียนก็แอบไปฝึกตอนกลางคืน ไหนจะตื่นเช้าไปเรียนกลางวันอ่านหนังสือเพื่อทบทวนในรายวิชาที่ไม่ใช่สอบปฏิบัติ ช่วงนี้เวทย์แสงถูกเรียกใช้มากที่สุดเพื่อซ่อมแซมร่างกายเรียกคืนพลังงานจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ


“นายท่านขอรับ สายลมมีเรื่องมารายงานขอรับ”


“มีอะไรหรอครับคุณสายลม”


“มีการเคลื่อนไหวจากฝั่งมนุษย์ขอรับ”


“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่ฟาซอลเทียร์หรือครับ”


“จากที่คาดเดากันไว้ล่วงหน้าครั้งนั้น ตอนนี้พวกกบเริ่มลงมือจับสัตว์ปีศาจไปไว้ที่หุบเขาใกล้เขตแดนมนุษย์กับปีศาจแล้วขอรับ”


“ทำไมถึงไปไว้เขตแดนตรงนั้นกันครับ หลอกผมไปจับไม่ใช่หรอครับทำไมไปไกลกว่าเขตอิลเทียร์กัน”


“สายลมได้ยินมาว่าเพราะถ้าจัดการท่านได้จะโยนความผิดให้รัสเทียร์ขอรับ”


“เอาการตายของผมโยนให้คนอื่นคิดว่าปีศาจไม่ต้องการยุติสงครามแบบนั้นรึเปล่าครับ”


“ขอรับนายท่าน”


“มันจะเกินไปแล้วนะครับ ทั้งจับสัตว์ปีศาจ ทั้งคิดจะฆ่าผม ไหนจะโยนความผิดให้กับทางท่านจอมมารอีกแบบนี้ ต้องโทษตัวเองที่ทำผมโกรธเองนะครับ”


“นายท่านสายลมว่า”


“ผมไม่ยอมให้ได้ใจไปมากกว่านี้หรอกครับ”



ผมที่กำลังจะเดินกลับจากการเรียนเพื่อเปลี่ยนชุดไปทานอาหารเย็น เมื่อคิดได้ถึงแผนที่วางไว้ในหัวก็หลบมุมวาร์ปไปที่ใกล้หุบเขา โดยไม่ฟังคำทัดทานจากคุณสายลม


ผมที่มาถึงสำรวจบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่กักขังสัตว์ปีศาจ เมื่อสำรวจจนเจอเป้าหมายก็ใช้เวทย์ลบตัวตนเหมือนครั้งก่อนแอบลอบเข้าไปด้านในหุบเขา


มีทั้งปีศาจและมนุษย์รวมถึงพ่อมดแม่มดหลายคนที่เป็นกลุ่มกบฏกำลังตรวจตราดูความเรียบร้อย ผมคิดว่าครั้งนี้คงเตรียมพร้อมจะเล่นงานผมแน่นอน แต่น่าจะอีกสักพักกว่าจะมีข่าวไปถึงผม เพราะทางฝั่งกบฏยังไม่รู้เรื่องเวทย์ของผมนอกจากท่านจอมเวทย์ที่รู้ว่าผมมีเวทย์ว่างเปล่าขั้นสูง


ผมคิดว่าท่านจอมเวทย์น่าจะไม่ได้บอกเรื่องพลังเวทย์ของผมกับใคร เพราะดูจากที่เห็นดูเหมือนจะเตรียมมารับมือกับทุกเวทย์ตามคำทำนายแต่เป็นระดับขั้นกลางเท่านั้น คงไม่คิดว่าผมจะเป็นขั้นสูง


การใช้เวทย์ลบตัวตนเป็นการกระทำคล้ายบิดเบือนมิติ แต่ลบตัวตนจะใช้เวทย์แสงขั้นสูงมากกว่าเวทย์มืดขั้นสูงทำให้เกิดการลบเลือนภาพเบื้องหน้าจนเปรียบเสมือนการล่องหน


ผมเดินผ่านเวรยามเข้ามาจนถึงสถานที่กักขังสัตว์ปีศาจ ครั้งนี้เป็นกรงขังธรรมดาที่มีการร่ายเวทย์คำสาปไว้ คงคิดว่าถ้าผมเดินเข้ามาเจอคำสาปนี้จะทำอะไรต่อไปไม่ได้


คำสาปนี้เป็นคำสาปที่ร้ายแรงพอสมควรและจะมีผลกับผู้ที่สัมผัสโดนตัวคำสาปเท่านั้น แต่ข้อเสียก็มีเยอะกว่าข้อดีตรงที่เมื่อร่ายเวทย์คำสาปนี้แล้วจะไม่สามารถรับรู้ว่าคำสาปถูกแตะต้องหรือทำลายไปแล้ว ต้องใช้ควบคู่กับการจับตามองเป้าหมายเท่านั้น


ซึ่งการเป็นมนุษย์ล่องหนของผมครั้งนี้คงจับตามองไม่ได้อีกทั้งผมยังสลายคำสาปออกไปก่อนจะจับต้องประตูกรงด้วย ผมร่ายเวทย์หยุดเวลา เวทย์ตัวนี้จะใช้การหน่วงเวทย์เยอะมากเพราะเป็นการฝืนกฎธรรมชาติ ถ้าเป็นเมื่อหลายวันก่อนผมไม่สามารถใช้ได้นานตามใจต้องการเท่าครั้งนี้หรอกครับ คงหมดแรงตั้งแต่ห้านาทีแรกแล้ว


ผมทำการร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายก่อนจะส่งสัตว์ปีศาจในกรงทุกตัวไปที่บริเวณที่สัตว์ปีศาจครั้งก่อนอาศัยอยู่เพราะคิดว่าถ้ายังอยู่ข้างนอกต้องโดนจับได้อีกครั้งแน่นอน พอเสร็จก็ถอนเวทย์ที่หยุดเวลาไว้ก่อนจะรีบหนีออกมาอยู่บริเวณที่ปลอดภัยก่อนจะลบภาพที่บิดเบือนไว้ เกิดความวุ่นวายตามมาเมื่อเวรยามสังเกตเห็นว่าสัตว์ปีศาจในกรงขังหายไป


“ส่งข่าวบอกท่านผู้นำ ด่วน”เสียงชายที่เป็นพ่อมดที่ดูน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มคนในนี้ตะโกนสั่งการ หึ ดูถูกกันเกินไปเจ้าพวกกบฏอวดดี


ผมไม่สนใจความวุ่นวายที่เหลือวาร์ปตัวเองกลับมาที่ป่าที่สัตว์ปีศาจถูกส่งมาก่อนหน้า พูดคุยเจรจาจนสัตว์ปีศาจเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก่อนจะกลับมาที่ห้องพัก ที่รัลกำลังจะเข้ามาพอดี


“ราส นายหายไปไหนมา ที่โรงอาหารก็ไม่เห็น”


“พอดีอาจารย์เรียกไปคุยเรื่องงานนิดหน่อยเลยพึ่งจะได้กลับมาเปลี่ยนเสื้อ ขอโทษที แต่เราไปกินข้าวเย็นกันเถอะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวจะถูกสงสัยมากขึ้น


“งั้นก็ตามมา เรน่าให้ฉันกลับมาดูแล้วก็เจอนาย นึกว่าเป็นอะไรไปแล้ว เห็นช่วงนี้ดูเหมือนนายจะดวงตก”


“อย่าพูดแบบนั้นสิครับรัล มันหดหู่นะครับ” ผมแกล้งทำหน้าเศร้า รัลที่เห็นเดินเข้ามาขยี้ผมของผมก่อนจะพากันเดินไปที่โรงอาหาร และได้รับความเป็นห่วงเป็นใยจากเรน่าที่เหมือนกับรัล บางทีผมก็คิดว่าสองคนนี้ชักจะเหมือนผู้ปกครองผมมากกว่าเพื่อนแล้วนะครับ แต่ผมก็รู้สึกดีมากขึ้นอยู่ดีครับ



พอกลับมาที่หอพักก็ได้เวลาเข้านอน วันนี้ใช้พลังเวทย์ไปค่อนข้างเยอะเลยคิดที่จะนอนพักแทนการทบทวนหนังสือ ถึงร่างกายจะเริ่มปรับตัวกับการใช้พลังงานได้ดีมากกว่าเดิมแล้วแต่ก็ยังมีอาการเหนื่อยล้าได้เพราะยังไงร่างกายนี้ก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี


คุณทรีมอสบอกไว้ว่าผมจะสามารถปลดล๊อคพลังงานทั้งหมดและสามารถใช้ได้อย่างเต็มที่จริงๆเมื่ออายุครบสิบห้าปีเต็มไปแล้ว ตอนนี้ผมสิบสามใกล้จะสิบสี่ปีแล้ว แปลว่าผมจะสามารถใช้พลังได้เต็มที่เมื่ออยู่ปีหก พอดีกับการออกไปทำภารกิจต่างแดนจริงๆครับ


ผมนอนคิดเรื่องราวต่างๆไปเรื่อยจนมาสะดุดกับเรื่องที่รัลพูด ดวงตกหรือ จริงสิ ผมสามารถทำนายด้วยเวทย์ได้ อีกสามสัปดาห์จะถึงวันที่จะมีเรื่องราวเกิดขึ้นแบบนี้ถ้าผมจะทำนายดวงของราชาทั้งสามดินแดนจะดีไหมนะ ผมนอนคิดกับตัวเองจนเผลอหลับไป




   เช้าวันต่อมา วันนี้เป็นวันหยุดแล้วครับ ผมมาที่ป่าเพื่อรับการฝึกฝนและเล่าเรื่องที่เกริ่นไว้เมื่อวานให้คุณทรีมอสและทุกคนฟังเรื่องเมื่อวานที่ไปช่วยเหลือพวกสัตว์ปีศาจมา ผมก็โดนคุณสายลมและคุณทรีมอสดุเรื่องที่ไม่ยอมบอกกล่าวจนทำให้ทุกคนเป็นห่วง ผมดีใจมากที่โดนดุเลยโดนคุณสายน้ำบ่นว่าผมเป็นพวกมาโซชอบใช้รับความรุนแรง


“คุณทรีมอสว่าผมจะลองทำนายชะตาทั้งสามราชาช่วงวันที่จะจัดงานดีไหมครับ”


“พลังทำนายของนายท่านจะสามารถใช้ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่จะต้องการทำนายเท่านั้นครับ แต่ก็จะมีเหตุการณ์ประหลาดเช่นเห็นภาพหรือฝันถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดกับผู้ใช้เวทย์ทำนายได้เหมือนกันครับ”


“อ่าว ผมนึกว่าจะใช้ได้ตามใจนึกสะอีกนะครับ”


“ไม่ครับ”


“แย่เลย แต่เรามาเริ่มฝึกกันต่อก่อนดีกว่า ผมอยากจะเตรียมพร้อมร่างกายเพื่อช่วยเหลือทุกคนมากกว่า”


“งั้นมาเริ่มกันต่อนะครับ”


“ครับ” ผมใช้เวลาในการฝึกฝนจนจบไปอีกวัน ก็กลับมาพักผ่อนที่ห้อง รัลที่กลับบ้านไปเมื่อเย็นวันศุกร์หลังเลิกเรียนก็กลับมาพอดี เราพูดคุยกันเรื่องทั่วไปเล็กน้อยก่อนจะแยกกันไปพักผ่อน ผมที่เหนื่อยจากการฝึกคิดว่าจะพักสายตากลายเป็นเผลอหลับไปแทนซะงั้น ราตรีสวัสดิ์ครับ




TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #18 [9/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 09-06-2018 13:27:23
ช่วงนี้พระเอกค่าตัวแพงแน่ๆ 5555  :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #18 [9/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 09-06-2018 13:48:41
พ่อมดน้อยต้องรีบฝึกวิชาให้เก่งๆ ไวๆ น้า
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #18 [9/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 09-06-2018 14:55:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #19 [10/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 10-06-2018 13:15:08
#19


สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งกับผู้บรรยายที่หน้าตาดีที่สุดในเรื่องนี้ กระผมราสเต้คนเดิม เพิ่มเติมคือสอบเสร็จแล้วครับ


“ในที่สุดเราก็จบปีสี่สักที ทำไมเหมือนร่างกายหมดพลังขนาดนี้”


“เอาน่ารัล ผมคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้วนะครับ”


“อย่าที่ราสบอกนั่นแหละ ฉันมีความคิดดีๆอยู่ ในเมื่อเราสอบเสร็จแล้วเราไปเลี้ยงฉลองกันดีกว่า”


“เยี่ยมมากที่รัก ตอนนี้เลยเป็นไง”


“ก็ดีนะครับ ผมชักจะหิวซะแล้วสิครับ”


“งั้นฉันขอเสนอร้านในตลาดกันเถอะ ร้านนี้อร่อยมาก ต้องไปลอง”


“แต่เราออกจากโรงเรียนได้หรอที่รัก”


“นายอย่าทึ่มหน่อยเลยรัล นี่เราสอบเสร็จแล้วนะ มันก็เท่ากับเราปิดเทอมแล้วนั่นแหละ”


“จริงด้วยสิครับ ตอนนี้เราถือว่าปิดเทอมแล้ว จะเข้าออกตอนไหนก็ได้ รัลลืมหรอครับ”


“อย่ามาซ้ำเติมกันนะราส ช่วงนี้ใช้สมองเยอะไปไง มันเลยรวนนิดหน่อยเอง”


“หราเจ้าทึ่ม”


“ที่รักอะ”


“เลิกหวานกันก่อนนะครับ เห็นใจคนไม่มีคู่บ้างครับ ผมไม่ได้อิจฉานะครับบอกก่อน”


“จ้า หนูราสของพี่เรน่าไม่ได้อิจฉาเลย”


“เรน่าอย่ามาล้อผมนะ ผมว่าไปกันเถอะครับเดี๋ยวจะมืดก่อนนะครับ”


“งั้นไปกันเถอะ”



เราสามคนหลังจากที่ตกลงกันแล้วก็ออกจากโรงเรียนมาที่ตลาดในเมืองกันครับ ร้านที่เรน่าพามาเป็นร้านอาหารขึ้นชื่อร้านเดียวกับที่ผมมาตอนนั้นเลยละครับ


“สวัสดีครับ มากันกี่ท่านครับ”


“สามคนค่ะ”


“เชิญทางด้านนี้เลยครับ”


เราสามคนเดินตามพนักงานที่มาต้อนรับด้านหน้าร้านไปยังโต๊ะที่เหมาะกับลูกค้าสามที่


“เชิญเลือกรายการอาหารได้ก่อนเลยนะครับ ผมจะมาอีกครั้งเมื่อคุณลูกค้ายกมือ”


โต๊ะที่เราถูกพามานั่งเป็นบริเวณริมระเบียงของชั้นสอง จากตรงนี้จะมองเห็นบรรยากาศของตลาดด้านล่างได้พอสมควรครับ ผมที่นั่งติดริมระเบียงเลยสามารถมองสำรวจได้มากกว่าคู่รักตรงหน้าที่กำลังอ่านรายการอาหารอยู่


“หนูราสจะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหมค่ะ”


“เรน่าครับ ผมก็อายุเท่าพวกคุณนะครับ เลิกเรียกชื่อเด็กๆแบบนั้นเถอะครับ”


“ก็ราสให้ความรู้สึกแบบนั้นนี่น่า ไม่เป็นไร พี่สาวคนนี้จะเอ็นดูหนูอย่างเต็มที่เอง”


“เรน่าอะ” ผมงอนแต่ก็ยังสั่งอาหารตามที่เรน่าบอก ตั้งแต่รู้จักกันมา เรน่ามักจะเรียกผมว่าหนูราสมาตลอดเวลาเผลอ ก็ตามที่เธอบอกละครับ ผมเถียงจนเหนื่อยใจเลยปล่อยเลยตามเลยดีกว่าแทน


เรานั่งพูดคุยเรื่องทั่วไปจนอาหารที่สั่งมาเสิร์พเราเริ่มลงมือทาน มีบางอย่างที่ผมเคยทานมาก่อน แต่ก็ทำเหมือนยังไม่เคยมา เพราะไม่อยากให้เพื่อนสงสัย


“ดีใจที่เจอเธออีกครั้งนะหนุ่มน้อย” เสียงของหญิงสาวที่ดังขึ้นจากด้านข้างของผมดูเหมือนจะเพิ่งเดินขึ้นบันไดมาด้วย


“คุณเป็นใครกันครับ”


“เธอจะลืมฉันก็ไม่แปลก ว่าแต่พี่ชายเธอไม่มาด้วยกันอีกหรือครั้งนี้”


“ผมไม่มีพี่ชายครับ คุณอาจจะจำผิดคน”


“ไม่ผิดหรอก ก็เมื่อไม่กี่เดือนฉันยังเห็นเธอกับพี่ชายสองคนที่หน้าตาดีๆมาที่ร้านนี้อยู่เลย”


“คุณต้องการอะไรครับ”


“ฉันแค่แวะมาทักทาย อยากจะเห็นหน้าพ่อหนุ่มที่ทำเอาเป็นข่าวไปทั้งเมืองเมื่อหลายเดือนอีกครั้ง”


“ข่าวหรอค่ะ ใช่เรื่องที่เจอขอดีในร้านอาหารนะหรอคะ”


“ใช่จะคุณน้องสาว ก็เรื่องของเพื่อนตัวน้อยนี่ยังไงละ เอาเป็นว่าฉันไม่รบกวนเธอแล้วดีกว่า เจอกันใหม่นะหนุ่มน้อย”


“ครับ สวัสดีครับ” ถึงจะยังงงๆอยู่แต่ก็ทำความเคารพตามอายุกลับไป


“ยังไงกันหนูราส เล่ามาๆ”


“ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับเรน่า แล้วข่าวมันยังไงกันครับ”


“มันเป็นข่าวเมื่อหลายเดือนก่อน ช่วงที่เราน่าจะกำลังกลับมาจากทำภารกิจ อืม น่าจะช่วงสัปดาห์ก่อนเปิดภาคนั่นแหละ” ชัดเลยครับ พี่สาวคนนั้นน่าจะมาทักถูกคนจริงๆ


“ฉันก็ได้ยินเหมือนกันราส ตอนที่ฉันกลับมาถึงที่ในเมือง มีคนพูดกันเยอะว่าเจอเทวดามาเดินบ้างละ เจอเทพบุตรมาเดินบ้างละ ไอ้ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจหรอกนะแต่มันพูดกันเยอะไงในหมู่แม่มดน่ะ”


“ตามที่รัลบอก เอาละตอบมาเลยหนูราส เรื่องมันเป็นยังไงไม่ได้ทักผิดคนใช่ไหม”


“คือว่า คือ อ่า ก็ตามที่พี่สาวบอกนั่นแหละครับ ผู้ชายสองคนที่มาทานอาหารกับผมที่นี่เป็นพี่ชายผมเอง”


“แต่นายไม่มีพี่ชายนะเท่าที่นายเคยเล่าให้ฟังตอนเจอกัน”


“คือ คือว่าเป็นพี่ชายที่นับกันนะครับ ตอนที่ไปทำภารกิจแล้วได้พี่สองคนนั้นช่วยเหลือเลยนับกันนะครับ” ผมไม่ได้โกหกนะครับก็ได้อัลกับฮาฟช่วยจริงๆ แล้วเราก็ยังไม่ได้ตกลงสถานะอะไรทั้งนั้น ถือว่าเราเป็นพี่น้องก็ไม่ผิดนี่ครับ


“อย่างนั้นเองหรอ”


“แล้วทำไมถึงต้องหน้าแดงกันละหนูราส มีอะไรที่พวกเราควรรู้แต่ยังไม่รู้ไหมจ้ะ”


“มะ ไม่มีหรอก ไม่มีอะไรสักหน่อย อากาศมันน่าจะร้อนมากกว่า”


“ร้อน นายบอกว่าร้อนทั้งที่หิมะกำลังตกเนี่ยนะราส”


“ก็ ก็ รัล นายอย่ามากดดันกันสิ”


“วันนั้นที่มากัน นายมาเดทสินะ”


“ไม่ใช่นะเรน่า ไม่ใช่เดท เที่ยวด้วยกันเฉยๆ อุ๊ป”


“หึหึ จริงๆสินะ ตกลงคนไหนแฟนนายกัน”


“ไม่ใช่แฟนนะ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีของผมนะ”


“ที่รักคิดเหมือนฉันไหมว่าราสกำลังควบสองนะคะ”


“นายนี่เจ๋งมากหนูราสของพวกเรา ไหวหรอ สองคนเชียวนะ”


“พะ พูดเรื่องอะไรกันครับ สะ สองคนอะไรกัน”


“หน้าแดงใหญ่แล้วนะหนูราสของพี่รัล”


“รัลครับ”


“โอ๋ๆ พวกเราไม่แกล้งหนูราสแล้ว บอกมาดีๆ อะไรยังไงกัน”


“ไม่มีอะไรหรอกครับ เราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ เราต่างกันเกินไปครับ”


“เฮ้อ อย่าคิดมากเลยราส ไม่ว่าจะยังไง ในตอนนี้นายก็ได้เรียนรู้แล้วนี่ ว่าความรักมันเป็นยังไง ถูกไหม”


“ครับรัล เอ๊ะ ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ใช่แฟนกันอะ”


“ฮ่าๆๆๆๆ”


“ผมจะงอนทั้งสองคนแล้วนะครับ ยังไม่หยุดหัวเราะอีก” ผมมองค้อนทั้งสองคนแต่ก็ยังไม่วายจะหัวเราะผมกันต่อ ผมไม่น่าเสียรู้ทั้งสองคนนี้เลย แต่รัลก็พูดถูกนะครับ ไม่ว่าจะจบยังไง ผมก็ได้รู้จักการเริ่มรักใครสักคนแล้วเหมือนกัน



   อีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงงานเลี้ยง ผมที่เข้าพบท่านจอมเวทย์ในเรื่องนี้ก็ได้กำหนดการมาอยู่ในมือผมอีกด้วยทำให้สามารถจัดเวรยามด้วยเหล่าสัตว์อสูรในป่าได้ แถมยังจำกัดขอบเขตการลงมือของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างดี


แต่อีกเรื่องคือ ที่โรงเรียนอิลเทียร์นี้จะมีวันหยุดปิดเทอมเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น เท่ากับว่าผมจะมีวันหยุดจริงแค่หนึ่งสัปดาห์ ทำไมกันนะ วันหยุดมันจะน้อยเกินไปแล้ว


และดูเหมือนว่า ช่วงทำภารกิจของปีห้าจะหนักขึ้นด้วยละครับ เริ่มมีการกระจายตัวนักเรียนไปรอบๆอาณาจักรโดยการสุ่มไปด้วยละครับ จะให้นักเรียนเตรียมตัวในช่วงต้นเทอมก่อนจะส่งไปโดยนักเวทย์ชำนาญการของสภานักเวทย์ประจำอาณาจักรด้วยละครับ งานนี้ใครตกในป่าก็ซวยกันไปครับ


ผมที่แยกย้ายกับเพื่อนมาที่ป่าเพราะรัลยังอยากใช้เวลาเดินเที่ยวในเมืองกับเรน่าก่อนที่จะกลับบ้านตัวเอง เพราะที่โรงเรียนจะให้นักเรียนทุกคนกลับบ้านในช่วงปิดเทอมทุกคน หอพักจะโล่งและเงียบมากครับในวันพรุ่งนี้ ผมที่ทางบ้านบอกว่าปิดเทอมครั้งนี้ไม่ต้องกลับบ้านเลยต้องระเห็จตัวเองมาอยู่ในป่าชั่วคราวแทน


ผมเล่าเรื่องราวให้กับพวกพ้องในป่ารวมถึงช่วยกันวางแผนในส่วนที่ยังไม่แม่นยำเพิ่มเพื่อความรัดกุมยิ่งขึ้น จนเวลาล่วงเลยไปจนค่ำ ผมโบกมือลาแล้วกลับมาที่ห้อง เจอกับรัลที่กำลังเก็บของ พูดคุยทักทายกันก่อนจะแยกย้ายพักผ่อน


 ผมนอนคิดเรื่องราวมากมายทั้งภาพที่มักจะมาวนเวียนยามหลับฝัน ใบหน้าของคนที่ติดอยู่ในความทรงจำตลอดเวลา ผมที่ยังเป็นเด็กตัวแค่นี้แถมยังเป็นแค่คนธรรมดา จะคู่ควรกับราชาสองดินแดนจริงหรือ ไม่ว่ายังไง ทั้งสองคนก็ต้องมีราชินีเป็นของตัวเองในอนาคต


ถึงจะบอกว่าชอบกัน แต่มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบหรือเปล่ากัน ผมคิดว่าควรหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ไม่ที่การเป็นเพื่อนกันน่าจะดีที่สุดมากกว่า แต่จะทำยังไงให้หัวใจที่เต้นแรงตอนเจอหน้าสงบกัน ร่ายเวทย์ใส่ตัวเองดีไหม คำสาปก็ได้ แล้วผมก็เผลอหลับไป


หลายวันแล้วครับที่ผมมาอาศัยอยู่ในป่ากับคุณทรีมอสและสัตว์อสูร สนุกมากครับ ผมมีเวลาในการฝึกฝนร่างกายและพลังเวทย์เยอะมากขึ้นจากเดิม ผมที่ตอนนี้สามารถใช้เวทย์วาร์ปได้แบบไม่ต้องพักเพราะร่างกายเริ่มที่จะคุ้นชินกับพลังเวทย์แถมยังดูสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะสถานที่กับการฝึกฝนทำให้ความสูงผมขยับขึ้นมาน่าจะหลายเซนเลยละครับภายในเวลาสัปดาห์เดียวเอง



ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องทำงานขอท่านจอมเวทย์ละครับ ท่านติดต่อมาให้ผมมารอในช่วงสายของวันที่จะจัดงาน ดูเหมือนท่านจอมเวทย์จะยังทำงานไม่เสร็จสักที นี่ผมรอมาหลายนาทีแล้วนะครับ


“ไงสหายตัวน้อย มา” ผมหันกลับไปทางประตูเพราะได้ยินเสียงของท่านจอมเวทย์ แต่อยู่ดีๆท่านก็เงียบไป


“สวัสดีครับท่านจอมเวทย์ วันนี้เรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ ท่านจอมเวทย์ ท่านจอมเวทย์”


“อะ เอ่อ คือ อ่า ใช่วันนี้มีเรื่องจะพูดคุยเรื่องสถานที่จัดงานเท่านั้น ว่าแต่ ไม่เจอกันไม่นาน เจ้าดูเปลี่ยนไปนะ”


“ครับ น่าจะสูงขึ้นนะครับ”


“อ่า นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ดูรวมๆแล้ว เจ้าสวยขึ้นมากเลยละ”


“ขอโทษครับท่าน ผมต้องดูหล่อเหลาขึ้นสิครับ ไม่ชมว่าสวยนะครับท่านจอมเวทย์”


“ฮ่าๆ หล่อหรือสหายตัวน้อย ถ้าการที่ใบหน้างามยิ่งกว่าหญิงใดในเมือง แถมร่างกายที่สูงขึ้นแต่กลับบางดุจสตรีแบบนี้เรียกว่าหล่อเหลาได้อีกหรือ”


“ท่านจอมเวทย์ ข้าออกกำลังกายจนมีกล้ามแล้วนะครบ ดูครับดู” ผมถกแขนเสื้อโชว์กล้ามแต่ท่านจอมเวทย์รีบดึงแขนเสื้อผมลงทันที


“พอเถอะข้ายังไม่อยากโดนเจ้าสองราชานั่นฆ่าเอา เจ้าก็เหมือนกัน อย่าไปเปิดเผยร่างกายกับคนอื่นง่ายๆแบบนี้รู้ไหม” อะไรกันครับ ท่านจะให้ผมใส่เสื้อคลุมตลอดเวลาหรือครับท่าน


“ครับๆ”ผมรับคำแบบขอไปที อะไรกันครับ การเตือนแบบนี้มันต้องเตือนสตรีนะครับท่าน นี่ผมยังเป็นบุรุษในสายตาท่านอยู่ไหมครับ


“เอาละตามมาทางนี้ นี่เป็นแผนที่บริเวณที่เราจะจัดงานเลี้ยงในเขตป่าที่ติดกับท้ายวัง” ผมนั่งฟังท่านจอมเวทย์อธิบายไปเรื่อยๆจนเสร็จ เราเดินออกมาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน และดูเหมือนวันนี้ท่านจอมเวทย์จะรั้งผมให้นอนที่นี่นะครับ


“ท่านจอมมารกับท่านพระราชาจะเดินทางมาถึงในช่วงค่ำพอดี แต่ข้าไม่ว่างจะต้อนรับเพราะต้องเตรียมงานต่อ ฝากสหายดูแลด้วย”


“แต่ว่า” ไม่ฟังกันหรอกครับ เดินลิ่วไปทิ้งกันไปแล้ว อะไรกันครับเนี่ยวันนี้


“ท่านราสเจ้าคะ รถม้าของท่านจอมมารมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”


“ขอบคุณครับ” ผมเดินออกมาที่บริเวณหน้าพระราชวัง เจอกับขบวนรถม้าที่กำลังจะหยุดตรงหน้าพอดี


“ยินดีที่ได้พบ เธอสวยขึ้นหรือเปล่า”


“ยินดีต้อนรับครับท่านจอมมาร”


“เธอทำให้ข้าดีใจที่จะได้พบหน้าเสมอ”


“ผมรู้ว่าอัลดีใจนะครับ แต่กอดผมต่อหน้าคนมากมายมันก็เป็นอีกเรื่องนะครับ”


“เธอก็ดีใจที่ข้ากอดสินะ” ผมทำได้แต่มองค้อนท่านจอมมารที่คิดเองฝ่ายเดียวตลอด


“เธอสวยขึ้นมากเลยราส”


“ยินดีต้อนรับครับท่านพระราชา”


“ชักไม่อยากรอเธอโตซะแล้วสิ”


“พูดเรื่องอะไรกันครับ” ผมเอียงคอมองทั้งสองคนที่พูดอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้แต่สายตาที่มองทำเอาเสียวสันหลังเลยละครับ


“เปล่า เข้าไปข้างในเถอะ”


“ครับอัล เชิญทางนี้ครับทั้งสองคน” ผมเดินนำราชาทั้งสองมาที่ห้องรับแขกที่มีอาหารวางอยู่มากมายเพื่อต้อนรับราชาทั้งสองตามที่ท่านจอมเวทย์เคยอธิบายไว้ก่อนหน้านี้


“คืนนี้เรามานอนด้วยกันนะ”


“แค่ก” ผมสำลักน้ำที่กำลังดื่มเพราะอยู่ดีๆฮาฟก็พูดขึ้นมา


“หึ” ผมที่ได้ยินเสียงขำจากอัลก็หน้าร้อน ดูท่าเรื่องที่นอนในวันนี้จะหนีไม่ได้ซะแล้วครับ


หลังจากที่ไล่ แค่ก เชิญท่านราชาทั้งสองไปยังห้องพักตัวเองได้สำเร็จผมก็เตรียมตัวที่จะเข้านอนบ้าง นอนสักพักคล้ายอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นก็รู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามาในห้อง แต่ความง่วงที่มีมากกว่าเลยไม่อยากจะลืมตาลุกขึ้นดู


“อย่ามาโทษกันทีหลังนะ เด็กน้อย” ได้ยินเสียงพึมพำแต่จับใจความไม่ค่อยชัด เด็กน้อยอะไรกัน ทำไมมันง่วงแบบนี้นะ มันรู้สึกตัวแต่กลับลืมตาไม่ขึ้น


“อือ” มีอะไรสักอย่างกำลังขบเม้มปากของผมกับที่ซอกคอ มือที่คิดจะปัดกลับกลายเป็นยึดจับแทน มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ


“ขอข้าบ้างสิ” สิ้นเสียงสัมผัสที่ปากก็หายไปแต่กลับเริ่มขึ้นใหม่แต่คนละความรู้สึก ครั้งนี้ดูดุดันมากว่า ผมทำได้แค่บิดตัวไปมาจนเริ่มหายใจไม่ออก สิ่งที่รบกวนการนอนก็หายไป


ความอบอุ่นที่คุ้นเคยดีเมื่อหลายเดือนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับสัมผัสเบาๆทั้งสองข้างบริเวณกระหม่อมกล่อมผมให้หลับลงไปทันที




ยามเช้ามาเยือนทุกอย่างในห้องดูปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วความรู้สึกเมื่อคืนคืออะไร สงสัยจะฝันไปเอง ผมเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำตาปกติ แต่มาสะดุดตอนที่กำลังล้างหน้าแปรงฟัน บริเวณคอทั้งสองข้างมีรอยแดงช้ำอยู่ พอลองนึกดูเหตุการณ์เมื่อคืนกับเสียงและสัมผัสก่อนนอนมันคุ้นเคยจนน่าจะเดาตัวคนร้ายออกละครับ


ใจบ้าจะเต้นแรงทำไม ต้องโกรธสิ จะมามัวเขินได้ยังไงกัน แต่จูบมันรู้สึกดีจริงๆนะครับ หวา นี่ผมคิดเรื่องอะไรอยู่กันครับ เลิกคิดๆ ต้องรีบไปเตรียมตัวแล้ว


บริเวณที่จัดงานเป็นชายป่าที่ห่างจากจุดกลางป่าพอสมควร ลักษณะของป่าจะอยู่กึ่งกลางระหว่างสามอาณาจักรพอดีแต่เพราะมีเวทย์คุ้มครองของคุณทรีมอสอยู่เลยปลอดภัยจากสงครามมาตลอด มีคนที่เข้าร่วมเพียงเล็กน้อยเพราะเป็นงานเลี้ยงส่วนตัวของสามราชา เหล่าข้ารับใช้ต่างถูกกันให้ห่างไปอีกที่แต่อยู่ไม่ไกลเพื่อความสะดวกในการเรียกใช้


ตลอดเวลาที่พูดคุยกันสองราชาต่างแดนพยายามหลบสายตาเมื่อผมมองไปเสมอ หึ พิรุธขนาดนี้ ทุกอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อย คุณสายลมคอยรายงานผมอยู่เสมอเรื่องที่มีคนร้ายพยายามเข้ามาในเขตที่ผมกางเวทย์คุ้มครองเอาไว้


จนในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงานเลี้ยง ตามกำหนดเดิมจะมีการล่าสัตว์แต่เพราะผมบอกท่านจอมเวทย์ไปว่าในป่าเขตนี้ไม่มีสัตว์ให้ล่าเลยกลายเป็นการเลี้ยงพูดคุยการเมืองแทน พวกฝ่ายตรงข้ามคงคิดไม่ถึงว่าผมจะเปลี่ยนกำหนดการไม่บอกแบบนี้เลยแสดงสีหน้าออกมาพอสมควร


“ช่วงบ่ายข้ามีธุระต้องไปจัดการ ฝ่ายสหายช่วยอยู่แทนข้าด้วยแล้วกัน”


“ครับ” จะปฏิเสธก็ไม่ทันหรอกครับเดินหนีผมตลอด ผมคิดว่าท่านจอมเวทย์ต้องมีแผนอะไรในใจแน่นอนครับ ถึงชอบที่จะปล่อยให้ผมอยู่กับทั้งสองราชาตลอด


“ไปเที่ยวกันไหมครับ แบบครั้งก่อน มีแม่มดอยากเจอพวกท่านหลายคนเลยครับ”


“จะว่าไปเราไปสำรวจป่านี้กันดีไหม แค่เราสามคน”


“คิดอะไรอยู่หรือเปล่าครับท่านจอมมาร”


“ฉันก็ว่าดีนะราส ไปกันเถอะ” ฮาฟลากแขนผมไปทางป่าเพื่อสำรวจป่าแทนการล่าสัตว์ของท่านจอมเวทย์


“ผมพอจะจำเรื่องเมื่อคืนได้นะครับ กล้าใช้เวทย์นิทรากับผมเชี่ยวหรอครับอัล” ผมหยุดอยู่หน้าอัลแล้วรีบบ่น


“เธอพูดเรื่องอะไร เวทย์นิทราอะไรกัน”


“ถ้าไม่รับผิดในเรื่องที่ทำกัน ก็อย่ามาคุยกันเลยครับทั้งสองคน” ผมเดินหนีจากทั้งสองคนทันที



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #19 [10/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 10-06-2018 18:58:29
แอบชิมน้อง แต่ไม่เนียน โดนน้องงอนเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #20 [11/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 11-06-2018 12:35:52
#20


ผมแค่แกล้งพวกเขาครับแต่ดูเหมือนจะคิดว่าผมโกรธรีบเดินมาดักหน้าผมไว้


“ใช่เมื่อคืนพวกเราเข้าไปเอง ข้าเป็นคนร่ายเวทย์นิทรากับเธอ แต่เราแค่อยากอยู่ใกล้เธอแค่นั้น”


“แล้วทำไมพวกคุณถึงต้องทำขนาดนั้นกันละครับ เราก็เคยนอนด้วยกันสามคนอยู่แล้วนะครับ ถ้าอยากนอนก็มาบอกกันได้ไม่เห็นจะต้องใช้เวทย์เลย”


“ก็พวกเราอยากสัมผัสเธอนี่ราส เจอกันครั้งนี้มันห้ามใจไม่ให้โยนลงเตียงยากมาเลยนะ เธอสวยมาก แปลว่าต้องมีคนอื่นจ้องเหมือนกัน”


“พวกคุณนี่มัน หึ้ย”ผมไม่รู้ว่าจะโกรธหรืออายดีกัน อะไรคือการห้ามไม่ให้โยนลงเตียงกันครับ


“เอาแบบนี้ดีกว่า ต่อไปเราจะทำอะไรจะบอกเธอทุกครั้ง ดีไหม”


“ขอให้ทำได้จริงเถอะครับท่านจอมมาร ท่านพระราชา”ผมมองค้อนทั้งสองคน


“หอมนะ” ฟอด ฟอด


“นี่”


“ก็บอกแล้วว่าจะทำอะไรจะบอกแต่ไม่ได้บอกว่าต้องรออนุญาตสักหน่อย จริงไหม”


“พวกท่านนี่มัน” ไม่รู้จะว่ายังไงดีกับความเจ้าเล่ห์ของท่านจอมมารแล้วละครับ


“ถ้าราสกลัวเสียเปรียบพวกเรา จะทำคืนก็ได้นะ ฉันยินดีมากเลยละ”


“ทำไมผมรู้สึกว่ามันจะยิ่งเสียเปรียบกว่าเดิมละครับฮาฟ”


“หึหึ หยุดก่อน”


“มีอะไรหรือเปล่าครับอัล” อยู่ดีๆท่านจอมมารก็สั่งให้เราหยุดเดินก่อนจะมองไปรอบๆ


“รู้สึกแล้วใช่ไหมพระราชา”


“อืม ราสมาอยู่ข้างหลังเราเอาไว้” ผมที่ยังงงอยู่โดนฮาฟลากมาอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคนที่เหมือนจะเตรียมพร้อมโจมตีอยู่


“คุณสายลมเกิดอะไรขึ้นกันครับ”


“นายท่านขอรับ ตอนนี้มีปีศาจหลุดเข้ามาในเขตของท่านทรีมอสได้ตนหนึ่งขอรับ”


“ปีศาจหรือครับ ใครกันครับ”


“ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากบฏฝั่งปีศาจขอรับ ท่าทางจะแค้นที่นายท่านทำลายแผนครั้งก่อนมากเลยไม่ปิดบังตัวแล้วละขอรับ ใกล้เข้ามาแล้วขอรับ ระวังตัวด้วยนะขอรับนายท่าน”


“กบฏปีศาจหรอครับ ขอบคุณครับ ผมจะระวังตัว”


“มันมาแล้ว” ท่านจอมมารร่ายเวทย์มืดออกมาเตรียมพร้อมหากฝั่งตรงข้ามแสดงตัวว่ามาร้าย


“อยู่พร้อมกันแบบนี้ จะได้กำจัดให้หมดไปสักที โดยเฉพาะแก เจ้าพ่อมด ไอ้มารทำลายความสุขของพวกเรา แกทำลายแผนการทุกอย่าง แกอย่าได้หวังจะรอดกลับไปเลย”


“ฮาฟ ข้าฝากราสด้วย” อัลบอกกับฮาฟก่อนที่จะเข้าไปต่อสู้กับศัตรูโดยที่ฮาฟคอยดูแลและจัดการกับเวทย์รบกวนที่ศัตรูส่งมาทางผมตลอด


“ฮาฟ ผมว่าไปช่วยอัลเถอะครับ อย่างน้อยสองคนยังดีกว่า ผมคิดว่าปีศาจตรงหน้าไม่ปกติแล้วนะครับ น่าจะกำลังคลุ้มคลั่งอยู่แน่เลยครับ”


“เอาแบบนั้นหรอครับ แน่ใจนะ ระวังตัวด้วยแล้วกัน” ฮาฟหันมามองที่ผมอีกครั้งก่อนจะเข้าไปร่วมวงโจมตีปีศาจที่เริ่มจะเปลี่ยนร่างให้เป็นร่างสัตว์เพื่อเพิ่มกำลังมากขึ้น


ผมกางเขตแดนครอบคลุมพวกเราไว้เพราะไม่ต้องการให้คนนอกมาวุ่นวาย ผมคิดว่าทั้งสองคนน่าจะจัดการเรื่องนี้ได้ ฮาฟใช้สิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าปืนที่ภายในบรรจุกระสุนเวทย์แสงที่มีผลกับปีศาจออกมาต่อสู้ และทุกครั้งที่ศัตรูโดนจะได้รับบาดเจ็บจนกรีดร้องออกมาเสมอ และจากที่ดูฮาฟมักจะเล็งในจุดที่ตัดกำลังเสมอ


ส่วนอัลซัดเวทย์มืดที่มีไอความเข้มข้นมากกว่าชาวเวทย์เพราะเป็นเจ้าของเวทย์เองแถมยังเป็นระดับสูงจึงไม่แปลกหากจะสามารถผลักปีศาจตรงหน้าให้ถอยจะเกิดช่องให้ฮาฟยิงได้ตลอดเวลา แถมยังเป็นตัวกระตุ้นให้ปีศาจตรงหน้าคืนร่างอีกด้วย


“อึก” หลังจากที่ใช้เวลามาพอสมควรฝั่งตรงข้ามก็ใช้การหลอกล่อจนฮาฟที่ไม่มีเวทย์เผลอเปิดช่องว่างจนโดนเวทย์จากศัตรูโจมตีแต่ถึงอัลจะเข้ามาช่วยแต่ก็ยังกระเด็นออกมาจนกระอักเลืออดอยู่ดี ผมว่าถ้าโดนตรงๆน่าจะตายได้เลยนะครับ นี่มันอะไรกัน สองราชายังใช้เวลานาขนาดนี้


“ฮาฟครับ” ผมรีบวิ่งไปประคองร่างสูงที่พยายามลุกแต่ดูท่าจะช้ำในพอสมควร ผมที่คิดจะใช้เวทย์รักษากลับต้องรีบถีบตัวเองกับฮาฟหลบไปอีกทางเพราะศัตรูไม่ยอมปล่อยให้ฮาฟได้พักส่งเวทย์ตามมาติดๆ


“ราส หลบไปก่อน ดูท่าปีศาจตรงหน้าจะไม่ง่ายอย่างที่พวกเราคิดแล้ว ฉันจะต้องกลับไปช่วยจอมมาร”


“แต่ว่าฮาฟ”


“เชื่อฉัน พวกเราจะปลอดภัย”


ฮาฟไม่ได้ฟังว่าผมจะตกลงไหมแต่กลับลุกแล้วเข้าไปโจมตีฝ่ายตรงข้ามต่อ อัลที่เป็นราชาของปีศาจกลับโดนลูกหลงมาบ้างจนมาแผลตามตัวพอสมควร แต่ก็ยังน้อยกว่าบาดแผลที่น่ากลัวตามตัวฝ่ายตรงข้ามที่ดูแล้วไม่น่าจะยังยืนได้ไหว มันแปลกเกินไป ทำไมถึงคลั่งได้ขนาดนี้กัน


“คุณทรีมอสครับ ผมมีเรื่องจะสอบถาม” เพราะว่ายังอยู่ในเขตป่าหรือภายในบริเวณเวทย์ของคุณทรีมอสผมเลยสามารถที่จะติดต่อกับคุณทรีมอสได้เสมอ


“เรื่องอะไรหรือครับนายท่าน”


“ปีศาจที่หลุดเข้ามา ก่อนที่จะเข้ามามีอาการผิดปกติไหมครับ”


“ดูเหมือนจะมีพลังเวทย์ที่แปลกประหลาดซ่อนอยู่ในตัวครับ ตอนที่ทำลายเขตแดนแล้วหลบเข้าไปกว่าผมจะรู้ตัวก็ไม่ทันแล้วครับ”


“เวทย์แปลกหรอครับ”


“ครับ สภาวะพลังเวทย์ที่ไหลเวียนในร่างกายของปีศาจตนนั้นมีมากว่าเวทย์มืดของตัวเอง มีมากจนยุ่งเหยิง ถ้าปล่อยให้ใช้พลังแบบนั้นต่อไปจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ผลสุดท้ายจะกลายเป็นปีศาจร้ายที่ยากจะต่อกรครับ”


“ตอนนี้ผมว่าจะเป็นปีศาจร้ายแล้วละครับ ดูท่าท่านจอมมารกับพระราชาจะเอาไม่อยู่แล้วนะครับ ผมจะทำยังไงดีครับคุณทรีมอส”


“ถ้าเวทย์มืดจะไม่สมารถทำอะไรปีศาจที่กำลังคุล้มคลั่งได้เลยครับ แต่ถ้าเวทย์แสงอาจจะพอมีหนทางครับนายท่าน”


“เวทย์แสงหรือครับ ผมพอจะคิดอะไรออกแล้ว ยังไงต้องลองดูว่าจะพอจัดการได้ไหม ขอบคุณสำหรับข้อมูลและคำแนะนำนะครับคุณทรีมอส”


“ยินดีเสมอครับนายท่านและขออภัยกับปีศาจที่หลุดเข้าไปด้วยครับ”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจ”



“อึก”


“ฮาฟ อัล เป็นยังไงบ้างครับ” ผมที่คุยกับคุณทรีมอสเสร็จกำลังจะทดลองวิธีที่จะจัดการฝ่ายตรงข้ามก็ต้องรีบวิ่งไปประคองร่างสูงทั้งสองที่กำลังล้มลง ส่วนฝ่ายตรงข้ามที่ดูเหมือนจะคุมตัวเองไม่ได้กำลังร่ายเวทย์แล้วทำลายป่ารอบๆอยู่


“มันกลายเป็นปีศาจร้ายแล้ว เราต้องรีบไปแล้วเรียกกำลังมาจัดการใหม่ ดูเหมือนฮาฟจะไม่ไหวแล้ว”


“ไม่ใช่แค่ฮาฟหรอกครับที่ไม่ไหว อัลก็เหมือนกันครับ จะร่ายเวทย์ไม่ไหวแล้วใช่หรอครับ ผมไม่ยอมให้พวกคุณกลับไปสู่อีกหรอกนะครับ ถึงยังไงคนที่มันจ้องเล่นงานก็คือผมนี่ครับ พวกคุณนั่นแหละที่ควรจะหลบไปพักมากกว่าผมครับ” ผมไม่ฟังสิ่งที่ทั้งสองคนจะแย้งกลับพูดออกมาทีเดียว พร้อมกับไล่ทั้งสองคนไปอยู่ในบริเวณที่หลอดภัย


“ราส เธอจะทำอะไร แค่ก”


“ผมรู้ว่าพวกคุณเป็นห่วงผมแต่ผมก็เป็นห่วงพวกคุณเหมือนกันนะครับ คุณจะให้ผมยืนมองคนสำคัญของผมได้รับอันตรายโดยที่ผมไม่ทำอะไรเลยหรอครับ จะใจร้ายกันเกินไปแล้วนะครับ”


“แต่ว่ามัน”


“เลิกพูดเลยนะครับ อย่ามาห้ามผมนะครับ นั่งพักอยู่ตรงนั้นเลยนะครับ ทั้งสองคนนั่นแหละ”


“ดื้อ” ผมรู้ว่าท่านจอมมารก็อยากจะห้ามผม แต่ดูท่าว่ายิ่งห้ามจะยิ่งเสียเวลามาขึ้นเพราะดูเหมือนปีศาจจะมองเห็นผมแล้ว


“เพราะเจ้า เจ้าทำให้แผนการของพวกข้าพังลงมา แผนที่จะยึดครองโลกอีกครั้ง ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย เจ้าก็ยังจะกลับมาขัดขวางพวกข้าอยู่ร่ำไป เจ้ารัสเทล อย่าคิดว่าจะขัดขวางพวกเราเช่นครั้งก่อนได้ เวลานี้เจ้าไม่ได้เป็นมหาปราชญ์ดั่งเช่นหมื่นปีก่อนแล้ว ครั้งนั้นเจ้าทำเอาข้าเกือบจะดับสูญไป ดีที่ข้าสามารถรวบรวมจิตวิญญาณกลับมาได้ วันนี้ข้าจะต้องจัดการเจ้าแม้ว่าเจ้าจะอยู่ในร่างของเด็กน้อยแบบนี้ก็ตามที”


“ที่แท้พวกคุณที่ตั้งตัวเป็นกบฏก็เกี่ยวข้องกับสงครามเมื่อหมื่นปีก่อนจริงๆสินะครับ ผมไม่เข้าใจว่าที่คุณพูดมาคืออะไร แต่ดูแล้วคุณน่าจะอยู่มานานแล้วนะครับ ผมว่าคุณควรจะได้พักบางนะครับ”


“กักขังขั้นสูง” ผมร่ายเวทย์กังขังขั้นสูงที่เคยฝึกกับคุณสัตว์อสูรในป่ามาก่อนเพราะคุณสัตว์อสูรเคยบอกว่าผมเคยใช้มันในการจัดการกับหัวหน้ากบฏในครั้งก่อนมาแล้ว


“มะ ไม่จริง เจ้า พลังเวทย์นี่มันอะไรกัน เจ้าคือใครกันแน่ เจ้าคือมหาปราชญ์จอมเวทย์รัสเทลคนนั้นได้ยังไงกัน เจ้าน่าจะแค่กลับมาเกิดไม่ใช่หรือยังไง  ดูท่าวันนี้ข้าคงจะประมาทเจ้ามากเกินไป อีกไม่นาน ข้าจะต้องจัดการกับพวกเจ้าให้ได้เลยคอยดู”


“แสงชำระล้าง” สิ้นเสียงคำสั่งสุดท้ายก็เกิดแสงสีทองจำนวนมากปกคลุมร่างของปีศาจตรงหน้า เวทย์แสงชำระล้างเป็นการใช้เวทย์แสงขั้นสูงในการลบล้างความชั่วในจิตใจและทำลายวิญญาณที่คลุ้มคลั่งได้


“ราส ราส” เสียงของอัลที่เหมือนดังออกห่างไปเรื่อยๆ จริงสินะ ผมใช้พลังเกินตัวอีกแล้ว เวทย์ขั้นสูงที่ใช้ติดต่อกันขนาดนี้ ถ้าจะคงที่คงต้องรอโตกว่านี้สินะครับ


“ดูเหมือนจะฝืนใช้พลังเวทย์เกินตัวอีกแล้ว”


“ข้าว่าเรารีบกลับไปหาท่านจอมเวทย์กันก่อนดีกว่า ให้ราสได้พัก ส่วนเราคงต้องคุยกับท่านจอมเวทย์เรื่องของเจ้าตัวแสบหน่อยแล้วละ”


“ตามที่เจ้าพูดพระราชา” ทั้งสองพาร่างบางที่ดูสูงขึ้นกลับมาที่พระราชวัง ตอนที่มาถึงท่านจอมเวทย์ดูตกใจที่เห็นร่างบางที่รักเหมือนลูกไม่ได้สติถูกจอมมารอุ้มมา ก่อนที่จะช่วยกันพาร่างบางไปพักที่ห้องให้หมอตรวจดูอาการ ถึงตรวจออกมาว่าร่างกายอ่อนเพลียเท่านั้นเลยปล่อยให้พักฟื้น แต่ดูเหมือนว่าสองราชาจะมีเรื่องคุยกับจอมเวทยอยู่และน่าจะสำคัญมากทีเดียว



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #20 [11/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: gagtoo ที่ 11-06-2018 16:26:04
ชอบบบบ เนื้อเรื่องสนุกดี รอนะครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #20 [11/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 11-06-2018 19:50:39
  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #21 [12/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 12-06-2018 14:29:41
#21


“ลูกรัก ทำไมเจ้าถึงทำร้ายร่างกายตัวเองแบบนี้กัน”


“ข้าเพียงลืมตัวเท่านั้นท่านผู้สร้าง ข้าขออภัย”


“เอาเถิด ในเมื่อเจ้ารู้ตัวว่าผิด พ่อก็จะไม่ดุด่าว่ากล่าวอะไรเจ้าอีก”


“ขอบคุณท่านผู้สร้าง ข้าสำนึกแล้ว แต่ว่าเรื่องปีศาจตนนั้น”


“ใช่ ปีศาจตนนั้นเป็นตนเดียวกับที่เคยสร้างสงครามกับเจ้าเมื่อหมื่นปีก่อน ตอนที่วิญญาณใกล้จะแตกดับ ปีศาจตนนั้นได้ใช้ช่องว่างนั้นซ่อมเศษเสี้ยววิญญาณของตัวเองไว้ แล้วคอยหลบซ่อนอยู่ในความมืดตลอดมา ดูเหมือนว่าเรื่องที่ปีศาจตนนั้นพูดจะทำให้เจ้าต้องตอบคำถามแก่คนทั้งสามยามตื่นเสียแล้วลูกรัก”


“แล้วข้าควรจะตอบพวกขาเช่นไรกันท่านผู้สร้าง”


“ตามที่ใจเจ้าปรารถนาเถิด หากใจเจ้าไม่คิดโกหกพวกเขาก็ตอบตามจริงเสีย การปิดบังมักจะก่อให้เกิดความหวาดระแวงตามมาเสมอลูกรัก หากเจ้าไม่ชอบใจเมื่อพวกเข้าปิดบังเจ้า เจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนั้นเหมือนกัน”


“ข้าจะตอบตามความจริงท่านผู้สร้าง ข้ารู้สึกไม่ดียามที่โดนปิดบังข้าจะไม่ทำเช่นนั้น”


“จงระวังร่างกายของเจ้าไว้ อีกไม่นานเจ้าจะสามารถทำได้ดั่งใจ รออีกนิดเถิด ช่วงเวลาที่รอคอย เจ้าก็ควรหมั่นฝึกฝนตนเองเสมอ เพราะอีกไม่นานชะตาครั้งใหญ่ของเจ้าจะมาถึง เมื่อถึงเวลานั้นความเชื่อใจจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เจ้าข้ามผ่านมันไป จงระวังตนเองให้ดี อย่าให้อารมณ์ใดๆมาทำลายสิ่งที่เจ้าตั้งใจได้”


“ข้าจะจำคำที่ท่านสอนท่านผู้สร้าง”


“เอาเถิด ได้เวลาที่เจ้าต้องตื่นแล้ว ไว้เจอกันใหม่ในกาลหน้าลูกรัก”



แสงแดดที่ส่องผ่านม่านมากระทบเปลือกตาปลุกผมตื่นจากการหลับใหล ด้วยความที่ยังมึนเพราะพึ่งจะตื่นนอนเลยไม่ทันได้ดูว่ามีอีกสองชีวิตที่ยังนอนกอดตัวเองอยู่


“หลับไปนานรึเปล่าเนี่ยเรา” ผมบ่นเบาๆกับตัวเองแล้วทำท่าจะลุกจากที่นอนแต่ติดที่ลุกยังไงก็ไม่ขึ้น


“ตื่นแล้วหรอราส”


“หืม ตื่นแล้วหรอ”


“สวัสดียามเช้าครับ อัล ฮาฟ”


“อืมสวัสดี” ทั้งสองคนบอกผมทั้งที่ยังหลับตากันเหมือนเดิม นี่ตกลงตื่นมาคุยกับผมหรือละเมอตอบกันแน่ครับ


“ผมจะไปเข้าห้องน้ำ ช่วยปล่อยก่อนได้ไหมครับ”ไม่มีเสียงตอบรับแต่ก็ยอมที่จะปล่อยผมออกจากอ้อมกอดของทั้งคู่


ผมจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินออกมาเห็นว่าทั้งคู่ยังนอนอยู่เลยไม่อยากจะรบกวนเลยเลี่ยงไปนั่งที่โต๊ะบริเวณหน้าต่าง ผมคิดว่าตอนนี้น่าจะสายแล้วพอสมควรไม่น่าจะเช้าตามที่ผมบอกสวัสดี


ถ้าผมบอกความจริงตามที่คุยกับท่านผู้สร้างแล้วพวกเขาจะรักษาสัญญาเหมือนกับในอดีตไหม ในเมื่อครั้งก่อนสามราชายังไม่รักษาสัญญากันเลย แต่ผมที่จะเริ่มต้นใหม่แบบนี้จะต้องไม่เอาอดีตมาปะปนกับปัจจุบันเด็ดขาดเลย


“อืม ราส ราส จอมมารราสหายไปแล้ว”


“อะไรนะ ราสหายไปได้ยังไงกัน”


“ผมอยู่ตรงนี้ครับ” ผมที่นั่งมองทั้งสองคนบนเตียงที่ดูตื่นตกใจว่าผมหายไป ทำไมพวกเขาสองคนถึงน่ารักจังครับ แค่ก ข้ามไปครับอย่าได้สนใจ


“ทำเอาตกใจกันหมด ตื่นแล้วทำไมไม่เรียกกัน แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม ยังเพลียอยู่อีกหรือเปล่า ตามจริงน่าจะพักต่ออีกสักนิดนะ”


“ฮาฟครับ ผมดีขึ้นแล้วครับ นอนต่อไม่ได้แล้วละครับ ในเมื่อตื่นแล้วไปหาอะไรทานกันเถอะครับ ผมเริ่มหิวแล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นรอพวกเราก่อนนะ ไปพร้อมกัน” ผมพยักหน้าให้ฮาฟเพราะอัลพอเห็นว่าผมยังนั่งอยู่ก็ไม่ได้ฟังที่ฮาฟบ่นเดินไปจัดการตัวเองตั้งนานแล้วละครับ ดูเหมือนอัลจะรำคาญเวลาฮาฟพูดนะครับ


หลังจากที่เราลงมาทานอาหารที่ห้องอาหารแล้ว เราก็เจอท่านจอมเวทย์ที่เสร็จจากงานมาพอดีเลยถูกชวนให้มาที่ห้องทำงานของท่านจอมเวทย์ทันที


“เมื่อวานที่ปีศาจตนนั้นพูดคืออะไรกัน เธอพอจะอธิบายได้ไหม”


“แล้วพวกท่านทั้งสามรู้จักเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ปีศาจตนนั้นพูดมากน้อยแค่ไหนละครับ” ผมไม่ได้ตอบในทันที เพราะดูท่าแล้วพวกเขาทั้งสามคนน่าจะพูดคุยกันเรื่องของผมในอดีตมาก่อนหน้านี้แล้ว


“ก่อนจะพูดเรื่องนั้น ฉันขอถามเธอสักคำถามได้ไหม”


“ครับฮาฟ”


“เธอแอบไปขัดขวางแผนการที่ปีศาจพวกนั้นพูดตอนไหนกัน” อ่า ดูเหมือนงานจะเข้าแล้วครับ


“คือ ที่ดินแดนมนุษย์ครับ ไปช่วยสัตว์ปีศาจที่ถูกจับมาเพื่อทำลายหมู่บ้านในช่วงวันทำพิธีของฮาฟเพื่อให้เข้าใจว่าฝั่งปีศาจอาศัยช่วงงานฉลองบุกโจมตีหมู่บ้านครับ”


“ใช่ตอนที่เธอนอนพักแล้วบอกว่าเพลียอะไรนั่นใช่ไหม”


“อ่าครับ ขอโทษครับฮาฟที่ไม่ได้บอก แล้วก็ขอโทษทุกคนที่ปิดบังครับ แต่ผมก็อยากจะช่วยเหลือพวกคุณนี่ครับ ทำไมต้องทำหน้าดุกันด้วยละครับ”


“เรื่องนั้นเอาไว้ลงโทษทีหลังแล้วกัน แล้วเรื่องขัดขวางแผนการหมื่นปีก่อนละ”


“เรื่องนี้มันอธิบายยากนะครับ เอาแบบเข้าใจง่ายก็ผมกลับมาเกิดใหม่ครับ”


“ง่ายเกินไปไหมสหายตัวน้อย”


“ก็ผมไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงนี่ครับท่านจอมเวทย์”


“งั้นเอาที่เธอพอจะบอกได้มาแล้วกัน”


“ตอนนี้ผมชื่อ ราสเต้ ดีนเซอร์ อดีตหมื่นปีก่อนชื่อรัสเทล อินเทียสครับท่านจอมเวทย์”


“รัสเทลที่ปีศาจบอก” อัลพึมพำออกมา


“รัสเทล อินเทียส อย่างนั้นหรอ” ท่านจอมเวทย์มีสีหน้าตกใจกว่าใคร


“มีอะไรหรือท่านจอมเวทย์”


“ตามบันทึกของจอมเวทย์แต่ละรุ่นมักจะระบุเรื่องราวของจอมเวทย์ที่เป็นตำนานที่หายสาบสูญไปเหลือเพียงเรื่องราวสืบต่อมาให้เราไม่ลืมเลือน”


“ตามบันทึกของจอมมารก็มีการบันทึกเรื่องราวพวกนี้เหมือนกัน”


“แต่ที่อาณาจักรมนุษย์ของข้าไม่มีเรื่องราวนี้ ทำไมกัน”


“คงต้องให้เจ้าตัวบอกเองแล้วละ ว่าอย่างไรกันราส”


“ตามจริงทั้งสามอาณาจักรควรจะไม่รับรู้ตัวตนของผมเหมือนกันกับอาราจักรของฮาฟ แต่เพราะจอมมารและจอมเวทย์ในรุ่นนั้นแอบใช้เวทย์เลยยังคงมีเรื่องราวสืบต่อมา

ในอดีตตอนที่เกิดสงครามหลังจากที่สิ้นสุดสงครามเราสี่คนมีผมในตอนนั้นกับสามราชาทำพิธีสาบานร่วมกันว่าจะรักษาสัญญาที่ให้กับผมไว้ว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องราวของตัวผมกับใคร หากเปิดเผยจะต้องทิ้งชีวิตตัวเองไปแทน ก่อนที่ผมจะใช้เวทย์ลบล้างตัวตนแล้วกลับไปที่ของผม หลังจากนั้นก็ตามที่รู้กัน ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมทิ้งชีวิตเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของผมแบบนี้”


“เหตุผลที่ไม่อยากให้เราเอ่ยถึงเธอในตอนนั้นคืออะไร”ฮาฟที่ไม่รู้เรื่องราวเพราะไม่มีบันทึกถามด้วยความสงสัย


“ความโกรธที่โดนทอดทิ้งละมั้งครับ มันนานมาแล้วครับ นานจนผมไม่อยากจะจดจำมันแล้ว”


“ถ้าไม่อยากจะจำก็ลืมมันไปซะ ตอนนี้เราควรจะอยู่กับปัจจุบัน เอาละ ตกลงที่ทำทั้งหมด เกี่ยวข้องกับเด็กในคำทำนายใช่ไหม”


“ครับอัล ผมเป็นเด็กในคำทำนาย”


“นี่เป็นเหตุผลที่ท่านจอมเวทย์ส่งราสไปกับพวกเราสินะ”


“ส่วนหนึ่งจอมมาร”


“แล้วที่เหลือละท่านจอมเวทย์” ผมที่อยากจะถามดันโดนฮาฟแย่งไปแล้วละครับ


“เพราะหลังจากที่ได้พบกับราส ข้าฝันเห็นชายผู้หนึ่งบอกให้ข้าทำตามที่เขาบอก เขาให้ข้าหาวิธีพาราสเข้าใกล้พวกท่านให้ได้ เขาบอกแค่ว่ามันคือชะตาของทั้งสามคน”


“ท่านผู้สร้าง”


“เธอว่าอะไรนะราส” อัลที่อยู่ใกล้ผมหันมาถาม


“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”


“แน่ใจ”จะย้ำให้รู้สึกผิดทำไมกันละครับ


“ถ้าผมบอกอัลไปจะเชื่อไหมละครับ”


“เธอลองบอกมาก่อนสิ”


“ผมคิดว่าที่ท่านจอมเวทย์เจอน่าจะเป็นท่านผู้สร้างครับ”


“ทำไมถึงคิดว่าเป็นท่านกัน” ท่านจอมเวทย์ถามแบบสงสัย


“จะมีใครที่ล่วงรู้ชะตาของผู้อื่นได้กันครับนอกจากคนที่อยู่นอกกฎเกณฑ์ของชะตา”


“ก็จริง” ทั้งสามคนพยักหน้าก่อนจะหันไปคุยกันเรื่องอื่นปล่อยให้ผมนั่งมองไปเรื่อยๆจนผ่านไปสักพักพวกเราก็แยกย้ายเพราะท่านจอมเวทย์มีงานเข้ามาพอดี


จะว่าไปท่านจอมเวทย์ก็อาวุโสที่สุดในสามราชาด้วยสินะครับ ส่วนท่านจอมมารกับพระราชานี่ไม่รู้อายุนะครับ ดูเหมือนทางปีศาจจะอายุยืนพอสมควรนะครับ ดูเหมือนจะส่งต่อตำแหน่งเมื่อทายาทครบอายุนะครับไม่ได้เป็นตลอดคล้ายๆกับฝั่งพระราชาเหมือนกัน ส่วนทางท่านจอมเวทย์นี่จะส่งต่อเมื่อสิ้นอายุคนเดิมละครับ




หลังจากวันนั้นนี่ก็เข้าสู่ช่วงเปิดเทอมแล้วละครับ ตอนนี้ผมอยู่ชั้นปีที่ห้าแล้วละครับ เรื่องการเรียนในตอนนี้จะเน้นการฝึกฝนเป็นหลักเลยละครับ


ส่วนช่วงของภารกิจเห็นว่าจะเริ่มมีออกไปตามชายแดนแล้วละครับ ช่วยเหลือชาวบ้านตามแต่ละสายความถนัด


ส่วนคนไหนที่มีแววก็จะถูกส่งไปตามหน่วยงานนั้นๆเพื่อฝึกฝนเมื่อจบออกมาจะสามารถเข้าทำงานในกระทรวงนั้นๆต่อไปครับ


สำหรับผมที่เมื่อถึงช่วงออกทำภารกิจก็ถูกส่งมาที่เดิมเลยครับ ออกมาช่วยเหลือราชาทั้งสองสลับกันตามเดิมครับจนกว่าจะหมดเวลาทำภารกิจ มีชาวเมืองหลายคนที่เริ่มจะรู้จักผมจากการออกพื้นที่ของทั้งสองอาณาจักรแล้วละครับ บางครั้งผมก็ทำการรักษาหรือแนะนำในส่วนที่พอจะช่วยได้ด้วยละครับ รู้สึกภูมิใจมากเลยครับ


ในการออกพื้นที่แต่ละครั้งทั้งสองราชาจะแนะนำว่าผมเป็นสหายของพวกเขานะครับเพราะเราตกลงกันไว้ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนเชื่อหรอกครับ เพราะมีหลายครั้งที่ชาวบ้านเรียกผมว่าราชินีก็มีครับ ผมต้องรีบแก้ข่าวเลยละครับ หลังๆมาก็เริ่มจะเข้าใจว่าผมเป็นแค่สหายจริงๆ หรือว่าอาจจะแค่ผมที่คิดไปเองว่าเข้าใจก็ได้นะครับ เพราะสายตาที่มองมาก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน


แต่จะไปว่าชาวบ้านก็ไม่ได้นะครับ ก็ทั้งสองราชาชอบที่จะแกล้งผมต่อหน้าชาวบ้านตลอดนี่ครับบางครั้งผมก็เผลอแกล้งฮาฟด้วยเหมือนกัน อีกทั้งเรายังเรียกกันด้วยชื่อแสดงความสนิทสนมกันอีก แต่ก็ไม่ได้ห้ามหรอกครับ เพราะเราสามคนตกลงกันว่าจะอยู่ในสถานะแบบนี้ไปก่อนจนกว่าผมจะเรียนจบละครับค่อยมาคุยกันใหม่ว่าจะทำอย่างไรกันต่อ


ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเราหรอครับก็ยังคงที่นะครับ แต่ผมเริ่มที่จะหวั่นไหวกับคำพูดและการกระทำของทั้งสองราชามากขึ้น อีกทั้งสองคนก็พยายามที่จะเข้ามาใกล้ตัวผมตลอด


ตอนนี้ผมเลื่อนขั้นจากสหายท่านจอมเวทย์มาเป็นบุตรบุญธรรมแทนแล้วละครับ เรื่องนี้ท่านจอมเวทย์ติดต่อกับทางครอบครัวผมแล้วด้วยครับ เท่ากับว่าตอนนี้ผมมีพ่อทูนหัวแล้วครับ เลยกลายเป็นว่าทั้งสองราชาต้องเกรงกลัวพ่อทูนหัวของผมมากกว่าเดิมละครับ


วันเวลาผ่านไปอย่างสงบสุขจนถึงวันสุดท้ายของการปิดเทอมปีห้าแล้วละครับ พรุ่งนี้จะถึงวันเปิดเทอมปีสุดท้ายของผม ลางสังหรณ์ของผมร้องเตือนว่าภายในปีการศึกษาสุดท้ายนี้ต้องมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นแน่นอนครั้ง แต่ไม่ระบุว่าช่วงไหน อีกทั้งท่านผู้สร้างก็ลงมาเตือนเรื่องความปลอดภัยแถมยังย่ำว่าเมื่อพลังของผมตื่นขึ้นมาเต็มที่เมื่อไหร่ คลื่นใต้น้ำจะเข้าจู่โจมทันที


ผมที่คิดเอาไว้ว่าตอนนี้มันยังเงียบเพราะเตรียมการรับมือกับผมอยู่แน่นอนเพราะผมเป็นทั้งเด็กในคำทำนายอีกทั้งยังเป็นคนทำลายพวกเขาเมื่อหมื่นปีก่อนอีกด้วย ครั้งต่อไปผมว่าคงเป็นสงครามตัดสินแล้วละครับ ผมไม่มีวันยอมให้คนสำคัญของผมต้องเป็นอันตรายเด็ดขาดครับ และผมคิดว่าปัญหาพวกนี้จะยุติลงได้ ผมเชื่อในสิ่งที่ผมคิดไว้ครับ และผมจะทำมันให้สำเร็จให้ได้ครับ


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #21 [12/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 12-06-2018 22:45:06
ราสเต้สู้ๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #21 [12/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 13-06-2018 07:23:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #22 [13/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 13-06-2018 10:21:59
#22


   สวัสดีครับ กระผมราสเต้คนเดิมเพิ่มเติมคือเปิดเทอมปีสุดท้ายแล้วครับ คิดแล้วก็ใจหายเหมือนกันนะครับ ปีสุดท้ายแล้วแบบนี้ อยู่มาตั้งหลายปี ผมก็ยังไม่รู้เลยนะครับว่าหลังจากจบไปแล้วจะทำงานอะไรต่อ บางทีผมอาจจะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวก็ได้นะครับ แต่ก่อนอื่นต้องทำให้คำทำนายสำเร็จก่อน ดูเหมือนทั้งสองอาณาจักรก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรกันแล้ว มีแต่พวกกบฏที่ยังคงปั่นกระแสอยู่ตลอด


“เอาละ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วสำหรับการศึกษาในโรงเรียนนี้ของพวกเธอ จงพยายามฝึกฝนตัวเองจนสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้นะนักเรียนทุกคน”


“ครับ/ค่ะ อาจารย์”


“สำหรับปีนี้ภารกิจจะถือว่ายากมากกว่าปีที่แล้วเยอะเลยนะ พอจะรู้มากันแล้วสินะนักเรียน”


“โห่”


“เงียบหน่อย ฟังก่อนๆ สำหรับภารกิจที่ว่ามาครั้งนี้จะไม่มีกำหนดเวลานะนักเรียน และสามารถมารับภารกิจได้ที่อาจารย์ถ้าคิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว เพราะปีนี้พวกเธอจะไม่มีการเรียนการสอนอะไรมากนักส่วนมากจะทบทวนความรู้เท่านั้น  และสำหรับคนที่ผ่านภารกิจจะมีหน่วยงานเข้ามาติดต่อด้วยนะ ใครที่อยากจะเข้าหน่วยงานไหนสังกัดอะไรก็รีบมารับภารกิจที่สนใจได้นะนักเรียน” เห ปีนี้เลือกภารกิจที่อยากจะไปเพื่อเข้าสังกัดงานไดด้วยหรอครับ


“เย้”


“เอาละๆ วันนี้อาจารย์มีเรื่องมาบอกแค่นี้ ทุกคนก็เตรียมตัวเรียนกันได้แล้ว”


“สวัสดีครับ/ค่ะ อาจารย์”


“ราสนายจะไปรับภารกิจตอนไหนหรอ”


“ผมยังไม่แน่ใจเลยครับรัล”


“แล้วหนูราสนใจหน่วยงานไหนบ้างรึเปล่าจ้ะ”


“ไม่ครับเรน่า ผมไม่ได้สนใจหน่วยงานไหนเลย บางทีเรียนจบผมอาจจะกลับไปอยู่ต่างเมืองกันครอบครัวก็ได้นะครับ”


“หวา แบบนั้นต้องคิดถึงหนูราสแย่เลยสิเนี่ย”


“ถ้าคุณสองคนคิดถึงผมก็ไปเยี่ยมได้นี่ครับ บ้านผมไม่ไกลหรอกครับ”


“สัญญาเลย เราจะไปบุกบ้านนายแน่นอน”


“แล้วคุณสองคนละครับ จะเข้าที่ไหนหรอครับ”


“ฉันกับเรน่ากำลังสนใจนักเวทย์กับปราชญ์เวทย์อยู่”


“ใช่ฉันอยากเป็นอาจารย์สอนเด็กๆ ส่วนรัลเห็นว่าอยากเข้าหน่วยงานทหารของสังกัดปราชญ์เวทย์ป้องกันละ”


“ถ้าพวกคุณเข้าทำงานได้แล้วอย่าลืมเลี้ยงผมนะครับ ทีนี้ผมก็จะโม้ได้ว่ามีเพื่อนทำงานอยู่ที่นั่น แบบนั้นดีไหมครับ”


“ฮ่าๆๆ” พวกเราสามคนหัวเราะออกมาแบบสนุกสนานกับเรื่องที่พูด


อนาคตมันไม่แน่นอนจริงๆนะครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ป่ากับคุณทรีมอสละครับ เพราะว่าทั้งรัลกับเรน่าก็ออกไปรับภารกิจกันตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อนแล้ว เพื่อนร่วมชั้นเรียนตอนนี้ก็เหลือน้อยเต็มที คงมีแค่ผมที่ยังไม่อยากจะออกไปจากที่นี่มากกว่าใคร ผมรู้สึกได้ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ผมออกไปรับภารกิจ ผมจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก


“คิดอะไรอยู่หรือครับ นายท่าน”


“คิดอะไรไปเรื่อยละครับคุณทรีมอส”


“ตอนนี้นายท่านก็จะสิบหกปีแล้วสินะครับ”


“อีกไม่กี่วันแล้วละครับ มีอะไรหรอครับ”


“นายท่านคงจะลืมไปว่าเมื่อนายท่านอายุครบสิบหกปี พลังของท่านก็จะตื่นขึ้นมา ทั้งพลังและร่างกายของท่านจะเปลี่ยนไปเหมือนดังกาลก่อน ท่านเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหรือยังครับนายท่าน”


“อ่า ผมลืมไปเลย แต่เรื่องการเปลี่ยนแปลงคงไม่เปลี่ยนมากหรอกครับ เพราะผมคงไม่น่าจะสูงแล้วละครับ” คิดแล้วก็เศร้า พยายามดื่มนมเท่าไหร่ก็ไม่ยืดเลยครับ สูงขึ้นแค่ช่วงเริ่มฝึกร่างกายแค่ครั้งเดียวเองครับ


“ท่านยังติดต่อกับสองราชาอยู่หรือไม่ครับ”


“หลังจากทำภารกิจเมื่อตอนปิดเทอมก็ไม่ได้ติดต่ออีกเลย งานเลี้ยงก็ติดเรียน หลายเดือนแล้วครับ มีอะไรหรือครับ”


“ข้าก็แค่คิดว่าเมื่อพลังของนายท่านตื่น พวกเขาทั้งสองจะทำอย่างไรกับท่านมากกว่าขอรับ”


“เอ๋ ผมไม่เข้าใจ”


“เอาไว้เจอกันท่านก็จะเข้าใจครับนายท่าน” คุณทรีมอสนี่ละก็ชอบพูดเรื่องอะไรที่คิดตามยากๆตลอดเลยนะครับ


“วันนี้ผมกลับหอก่อนนะครับ เริ่มจะเย็นมากแล้ว”


“พบกันพรุ่งนี้ขอรับนายท่าน” ผมลาคุณทรีมอสกับสัตว์อสูรก่อนจะกลับมาที่ห้องพัก


สามวันเท่านั้นครับ อีกสามวันจะครบวันเกิดผมแล้ว อีกเหตุผมที่ผมยังไม่ออกรับภารกิจเพราะอยากจะให้ผ่านวันเกิดพอดีมากกว่า ผมคิดที่จะรับภารกิจวันเกิดแล้วออกเดินทางในเช้าอีกวัน เหมือนกับที่ทำมาทุกปี และเรื่องวันเกิดไม่มีใครที่รู้เพราะผมไม่เคยบอกใคร




สองวันต่อมา ช่วงเวลาสองวันมานี้ผมฝึกฝนพลังกับร่างกายในป่าตลอดเวลาเพื่อเตรียมร่างกายรับพลังที่จะตื่นขึ้นมา วันนี้ผมเขามารับภารกิจครับดูเหมือนว่าจะเหลือแต่ภารกิจที่ใช้เวลาเยอะทั้งนั้นแล้วละครับ


“มาขอรับภารกิจครับอาจารย์”


“มาแล้วหรือราสเต้ อาจารย์คิดว่าเธอจะไม่มาซะแล้ว”


“มาครับ ว่าแต่เหลือแต่ภารกิจใช้เวลาทั้งนั้นเลยสินะครับ”


“ใช่แล้วก็เหลือไม่เยอะด้วย เอาละเลือกมาเลย อาจารย์จะบันทึกประวัติภารกิจของเธอให้”


“อืม ถ้าอย่างนั้นผมของเป็นภารกิจสำรวจ ดูแล ช่วยเหลือ ประชาชนสามาอาณาจักรแล้วกันครับ”


“ทำไมถึงเลือกภารกิจนี้ละ”


“ก็ถึงมันจะใช้เวลาในการเดินทางแต่ผมว่ามันเหมือนเราได้ท่องเที่ยวแถมยังได้เรียนรู้ความเป็นอยู่ของประชากรในแต่ละอาณาจักรด้วยนี่ครับ”


“เป็นเด็กที่คิดดีจริงๆ เอาละอาจารย์บันทึกเรียบร้อย นี่เป็นสมุดบันทึกนะ เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอทำสำเร็จหนึ่งอย่างก็ให้คนที่เชื่อถือได้ลงชื่อรับรองจนครบห้าสิบครั้งนะ”


“ขอบคุณครับอาจารย์”


“ขอให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนะจ้ะ”


“ขอบคุณมากครับอาจารย์ ผมไปก่อนนะครับ”



ผมที่รับภารกิจเสร็จก็กลับมาเก็บกระเป๋าเอาของที่จำเป็นใส่ในกระเป๋ามิติที่ซื้อมาจากร้านเวทย์ครั้งก่อนไว้ ผมที่คิดไว้ว่าภารกิจน่าจะต้องใช้ของเยอะน่าจะมีพื้นที่เก็บของได้เยอะพอสมควรเลยเลือกซื้อกระเป๋ามิติแบบไม่จำกัดชิ้นมาใส่ได้ทุกอย่างที่ยกใส่ไหว


“เอาละ เก็บครบแล้ว พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะเริ่มต้นใหม่จริงๆ”



ผมเดินออกจากห้องพักในเวลาเย็นแล้วแอบเข้ามาในป่าเพื่อพูดคุยกับสัตว์อสูรและคุณทรีมอสให้หายคิดถึงเพราะดูแล้วอีกหลายเดือนกว่าจะได้กลับมาที่อาณาจักรนี้แน่เลยครับ


“วันนี้เป็นวันเกิดผม เรามาเลี้ยงฉลองกันดีไหมครับ”


“เฮ” งานเลี้ยงง่ายๆถูกจัดขึ้น พวกเราต่างล้อมวงดื่มกินน้ำผลไม้ที่คุณสัตว์อสูรหมักไว้กับผลไม้ที่เก็บมา ร้องเพลงเฮฮา นอกจากวันเกิดแล้วยังเป็นการเลี้ยงฉลองการทำภารกิจสุดท้ายของผมอีกด้วย


ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านพ้นไปพวกเราต่างแยกย้ายกันพักผ่อนผมที่กำลังจะล้มตัวนอนบริเวณใต้ต้นคุณทรีมอสกลับเกิดความร้อนขึ้นตามบริเวณร่างกาย


“คุณทรีมอส”


“นายท่านเป็นอะไรหรือครับ”


“ร้อน ทรมาน”


“นายท่านตั้งสติไว้นะครับ อาจจะเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของพลังเวทย์ของท่านก็ได้นะครับ”


“นายท่านขอรับ / เจ้าค่ะ” เสียงของคุณสายลมและเวทย์อื่นๆต่างเรียกผมด้วยความเป็นห่วง



หลังจากที่ร่างบางหมดสติเกิดแสงสีฟ้าโอบล้อมร่างทั้งร่างเอาไว้จนไม่สามารถมองทะลุผ่านเข้าไปได้ ไร้ซึ่งเสียงใดๆในบริเวณนั้น จนเวลาผ่านล่วงเลยไปจนข้ามคืนและอีกไม่นานแสงอาทิตย์ก็จะโผล่งพ้นขอบฟ้าขึ้นมาต้อนรับเช้าวันใหม่


แสงสีฟ้าที่ทึบเริ่มเจือจางลงแต่ก็ยังมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้จนกระทั่งแสงแรกของวันปรากฏ แสงสีฟ้าก็สลายไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาหลายชีวิตที่เฝ้ารอคอยนายเหนือหัวต่างตกตะลึง


ร่างของชายหนุ่มที่มีผิวพรรณเนียนละเอียดดูคล้ายจะเปล่งประกายตลอดเวลา ดุจมีแสงสาดส่องมาที่ร่างกายนี้เสมอ เส้นผมสีดำเข้มที่พลิ้วไหวยาวจรดบั้นเอวของชายหนุ่มที่โค้งเว้าคล้ายสตรีเพศ ใบหน้าได้รูปที่เคยส่อแววความสวยถูกเปิดเผยมากขึ้น


ภาพตรงหน้าและภาพความทรงจำในอดีตซ้อนทับกันในความคิดของสิ่งมีชีวิตที่รายล้อมร่างบางไว้ เหมือนกันไม่มีข้อแตกต่าง นายท่านของพวกมันกลับมาแล้วจริงๆ


เสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้นมาจนเปลือกตาที่ถูกปิดไว้เป็นเวลานานเริ่มเกิดความเคลื่อนไหว ในไม่ช้าก็เผยดวงตาสีฟ้าสดใสต่างกับสีน้ำตาลก่อนหน้า ความเปลี่ยนแลงครั้งนี้ไม่เพียงร่างกายแต่ไอเวทย์รุนแรงที่แฝงอยู่ในท่วงท่าทุกการขยับเคลื่อนไหวในทุกอิริยาบถต่างๆที่ร่างตรงหน้ากระทำบ่งชี้ชัดเจนว่าพลังของท่านตื่นขึ้นมาอย่างแท้จริง


“ยินดีต้อนรับกลับบ้านอย่างเป็นทางการอีกครั้งครับ นายเหนือหัวแห่งข้า” เสียงสรรพสัตว์ต่างแซ่ซ้องกล่าวขานบุคคลตรงหน้าที่ลุกขึ้นยืนกลางวงล้อมของสิ่งมีชีวิตในป่า


“ขอบคุณครับทุกคน”



ผมที่ตื่นขึ้นมากำลังสำรวจร่างกายของตัวเอง แขนขาที่ยาวขึ้นมาแม้จะไม่มากแต่สีผิวกับสัมผัสต่างแตกต่างกว่าเดิม ยิ่งพลังมากขึ้นเท่าไหร่ผมยิ่งคล้ายผู้หญิงขึ้นไปอีกนะครับ ผมลองทดสอบพลังเวทย์ในตัวด้วยการทดลองหน่วยเวทย์ทุกชนิดในเวลานาน ตามเดิมจะปรากฏอาการเหนื่อยล้าแต่ครั้งนี้กลับไม่ปรากฏอาการอะไร นี่ผมจะเก่งขนาดไหนกันครับ


“นายท่านควรพักผ่อนก่อนดีไหมครับ อีกไม่กี่ชั่วโมงท่านจะต้องเดินทางไปทำภารกิจแล้วนะครับ”


“ขอบคุณครับคุณทรีมอส” ผมบอกกับคุณทรีมอสที่ช่วยเตือนผมก่อนจะล้มตัวนอนพัก



ช่วงสายของวันหลังจากที่ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็คำนวณเวลาการทำงานของท่านจอมเวทย์ก่อนจะบอกลาทุกคนแล้ววาร์ปมาหาท่านจอมเวทย์ที่บริเวณสวนด้านหลังใกล้กับเขตป่า


“สวัสดียามสายครับท่านจอมเวทย์”


“สวัสดี นั่น ราสเต้หรือ”


“ครับ ผมเองท่านจอมเวทย์”


“เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้”


“ผมอายุครบสิบหกปีแล้วครับเลยสามารถดึงพลังออกมาใช้ได้เต็มที่แล้ว แต่ถึงผมจะเปลี่ยนไปท่านจอมเวทย์ก็จำผมได้นี่ครับ”


“ตกใจจริงๆในเรื่องการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แล้ววันนี้มีธุระอะไรหรือเปล่า”


“ผมจะมาลาท่านจอมเวทย์ไปทำภารกิจครับ”


”ทำภารกิจ อ่า ถึงช่วงเวลาออกทำภารกิจของเด็กปีหกแล้วสินะ”


“ครับ”


“แล้วได้ภารกิจอะไรละ”


“ผมเลือกไปช่วยเหลือประชาชนของทั้งสามอาณาจักรครับ ที่แรกผมจะไปที่อาณาจักรฟาซอลเทียร์ ต่อด้วยรัสเทียร์แล้วกลับมาที่อิลเทียร์สุดท้ายครับ”


“แล้วไปที่ฟาซอลเทียร์ท่านจอมมารจะยอมหรอนั่น”


“เกี่ยวอะไรกับอัลครับ”


“ก็ไม่ได้เจอกันตั้งนานแต่กลับไปหาพระราชาก่อนจอมมารนี่นะ จะน้อยใจก็ไม่แปลก”


“เดี๋ยวนะครับท่านจอมเวทย์ ผมว่าท่านกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่”


“ไม่หรอก ข้าเข้าใจดี เรื่องรักๆใคร่ๆ ข้าเห็นมาเยอะแล้ว”


“แต่ว่า”


“เอาเถอะ ข้าขอเตือนทางที่ดีถ้าไม่อยากโดนเคือง ข้าแนะนำให้เจอทั้งสองราชาพร้อมกันดีกว่านะ”


“คือว่า”


“ข้าติดต่อให้มารับเจ้าที่นี่ดีกว่า เอาแบบนั้นละกัน”


“เดี๋ยวครับท่านจอมเวทย์” ไม่เคยจะฟังกันเลยครับท่านพูดเสร็จยังไม่ทันได้ตกลงก็เดินหนีกันไปซะแล้ว




TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #22 [13/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 13-06-2018 13:47:25
สรุปว่าน้องขึ้นปี 5 หรือปี6 เอ่ย ตอนก่อนบอกเปิดเทอมปี 5 แต่ท่านจอมเวทย์บอกว่าเป็นภาระกิจปี 6
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #22 [13/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 13-06-2018 17:42:37
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #22 [13/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 14-06-2018 10:58:03
สรุปว่าน้องขึ้นปี 5 หรือปี6 เอ่ย ตอนก่อนบอกเปิดเทอมปี 5 แต่ท่านจอมเวทย์บอกว่าเป็นภาระกิจปี 6

ตอบข้อสงสัยนะคะ ตอนนี้น้องออกทำภารกิจของปีหกแล้วค่ะ เพราะมีการบรรยายช่วงการออกทำภารกิจที่คล้ายกันของปีห้าอยู่ก่อนหน้าในช่วงท้ายของบทที่21 และจะมีอีกช่วงในท้ายบทที่21ว่า เป็นวันสุดท้ายของการปิดเทอมปีห้าและพรุ่งนี้เป็นวันเปิดเทอมปีหก และในส่วนของเริ่มต้นบทที่22 จะมีการแนะนำว่าเริ่มต้นปีสุดท้าย หมายถึงปีหกแล้วนะคะ

ขออภัยถ้าเกิดมีการรวบรัดเนื้อหาข้ามไปจนเกิดข้อสงสัย สามารถสอบถามนักเขียนได้นะคะ ยินดีตอบทุกข้อสงสัยและปรับปรุงเนื้อหาต่อไปนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาสอบถามนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #23 [14/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 14-06-2018 11:02:11
#23

   จากที่คิดว่าจะได้ออกเดินทางไปยังอาณาจักรฟาซอลเทียร์เพื่อทำภารกิจในวันนี้กลายเป็นต้องรออยู่ที่พระราชวังของท่านจอมเวทย์แทน


“นายท่านขอรับ สายลมมีข่าวจากทางฟาซอลเทียร์มารายงานขอรับ”


“มีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นกันครับ”


“กลุ่มกบฏที่ฟาซอลเทียร์เริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้วขอรับ”


“พวกนั้นคิดจะทำอะไรกันต่อครับ ไม่ได้เคลื่อนไหวมานานแล้วนะครับคุณสายลม”


“ตามที่ได้ข้อมูลมาดูเหมือนกำลังเตรียมเคลื่อนย้ายกองกำลังที่มีไปที่หุบเขาที่อยู่ติดกับแดนปีศาจที่ครั้งก่อนนายท่านเคยไปช่วยเหล่าสัตว์ปีศาจขอรับ”


“เคลื่อนย้ายคนหรือครับ แปลว่าทางนั้นต้องการที่จะรวบรวมคนเพื่อทำสงครามแล้วสินะครับ”


“ดูจากอาวุธและกำลังคนที่เข้าร่วมจากทางนั้นแล้วยังไม่สามารถจะดำเนินการอะไรตอนนี้ได้เลยขอรับ”


“ผมคิดว่าทางนั้นกำลังรอที่เหลืออยู่แน่เลยครับ แล้วก็ที่หุบเขานั่นผมคิดว่าต้องจัดเป็นฐานที่ตั้งแน่ครับ เพราะมันอยู่ไกลจากอาณาจักรอิลเทียร์ของผมไปเยอะพอสมควรเลย”


“สายลมคิดว่านายท่านควรสอบถามสายน้ำเรื่องทางอิลเทียร์ดีไหมขอรับ เผื่อมีอะไรคืบหน้ามากขึ้น”


“ครับคุณสายลมแล้วถ้ามีอะไรเพิ่มเติมช่วยแจ้งกับผมต่อด้วยนะครับ”


“ขอรับนายท่าน”


“คุณสายน้ำครับ อยู่ไหมครับ”


“อยู่เจ้าค่ะนายท่าน สายน้ำเห็นนายท่านกำลังสื่อสารกับคุณสายลมเรื่องด่วนเลยไม่กล้าแทรก”


“คุณสายลมมาแจ้งเรื่องกบฏฝั่งฟาซอลเทียร์ครับ แล้วทางอิลเทียร์ละครับ”


“ดูเหมือนว่าทางฝั่งนี้จะมีการเคลื่อนกำลังพลเช่นกันเจ้าค่ะนายท่าน”


“แปลว่าคิดจะรวมพลเพื่อก่อสงครามจริงสินะครับ”


“สายน้ำได้ข่าวมาเพิ่มว่า จากการต่อสู้กับจิตวิญญาณที่เหลืออยู่ดวงนั้นทำให้ผู้นำกบฏฝั่งปีศาจเสียชีวิต มีเหล่าปีศาจที่คิดกบฏรวมตัวกันแล้วเปลี่ยนร่างกายของปีศาจที่แข็งแกร่งเพื่อรับจิตวิญญาณมาด้วยเจ้าค่ะ”


“พวกนั้นกำลังจะดึงจิตวิญญาณหมื่นปีที่หนีไปครั้งนั้นมาเข้าร่วมสงครามด้วยสินะครับ”


“เจ้าค่ะ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นหนทางเดียวที่มีเพื่อต่อกรกับท่านเจ้าค่ะ”


“แปลว่าครั้งนี้เจ้าพวกกบฏคิดหาทางรับมือกับพลังของผมมาอย่างดีเลยสินะครับ เพราะมีคนที่เคยเผชิญหน้ากันมาสั่งการด้วยแบบนี้”


“นายท่านต้องระวังตัวให้มากนะเจ้าค่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรเพิ่มเติมสายน้ำจะรีบมารายงาน”


“ขอบคุณมากครับ”


“ด้วยความเต็มใจเจ้าค่ะ”



เตรียมรับมือกันมาขนาดนี้ ถ้าจะใช้รูปแบบการต่อสู่แบบเดิมดูท่าจะยากขึ้นมากเลยละครับ ปีศาจที่สามารถถอดจิตวิญญาณหนีจากการชำระล้างได้ไม่น่าจะธรรมดา แถมยังหนีได้ถึงสองครั้งแบบนี้ ดูเหมือนผมจะต้องตามหาเวทย์ชั้นสูงที่อยู่ในบันทึกหลวงมาเรียนรู้มากขึ้นแล้วละครับ


“ท่านจอมเวทย์ครับ ผมขออ่านบันทึกเวทย์ในหอตำราของท่านจอมเวทย์ได้ไหมครับ”


“หืม เอาสิ เจ้าคงเบื่อสินะ”


“ขอบคุณครับท่านจอมเวทย์” ผมที่นั่งมองท่านจอมเวทย์ทำงานมาหลายชั่วโมง ขนาดที่ว่าติดต่อพูดคุยกับคุณสายลมกับคุณสายน้ำเสร็จท่านจอมเวทย์ก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารเลย


ผมเดินมาที่ทางหอตำราหลวงของท่านจอมเวทย์ ภายในมีตำราและบันทึกมากมายที่มีทั้งเผยแพร่และหวงห้ามเต็มไปหมด ผมเลือกที่จะเดินมาตามบันไดวนเพราะคิดว่าบันทึกน่าจะอยู่ด้านบนแน่นอน


เดินมาสักพักก็ถึงชั้นบนสุด ที่นี่มีบันทึกเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้น และแต่ละเล่มมีขนาดใหญ่และหนาพอสมควร ผมเดินเข้าไปทางชั้นที่ใกล้มือก่อนจะไล่หาบันทึกเกี่ยวกับเวทย์แสงขั้นสูงที่สาบสูญ เวลาผ่านไปไม่นาน จนในที่สุดผมก็หาเจอ


ภายในมีเนื้อหาที่ถูกบันทึกไว้โดยจอมเวทย์แต่ละรุ่นโดยมีการกล่าวถึงการคิดค้นเวทย์แสงจากผู้ใช้เวทย์แสงขั้นสูงที่เป็นตำนานหลายคน มีหลายบทที่ผมพอจะรู้จักและเคยฝึกฝนมาจากคุณทรีมอสและสัตว์อสูรธาตุแสงมาบ้าง


แต่ก็ยังมีอีกมาที่เป็นบทที่หายไปนานไม่มีผู้ใช้ รวมถึงเวทย์แสงที่ชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตตมปกติจะมีเงื่อนไขห้ามเกินห้านาที แต่สำหรับบทที่ผมกำลังอ่านมันจำกัดเงื่อนไขเพียงแค่พลังเวทย์ของผู้ใช้จะลดขั้นลงไปถึงสามขั้น


อย่างเช่นผมที่มีแสงขั้นสูงระดับสูง ถ้าหากใช้เวทย์นี้ผมจะอยู่ที่แสงขั้นกลางระดับสูงเท่านั้น แต่ผมก็ศึกษาไว้เพราะไม่ว่ายังไงร่างกายของผมก็สามารถที่จะฟื้นพลังเวทย์กลับมาจนถึงขั้นสูงระดับสูงได้อยู่ดี


ผมใช้เวลาอ่านและจดจำเวทย์แสงจนเข้าใจจึงเปลี่ยนไปที่เวทย์ลมที่มีจุดเด่นอย่าเกราะป้องกัน เมื่อเกิดสงครามย่อมต้องมีคนที่บาดเจ็บจากการโดนลูกหลงผมไม่อยากให้มีแบบนั้นต่อหน้า การที่จะเรียกใช้เวทย์ลมขั้นสูงในการสร้างบาเรียคุ้มครองขนาดใหญ่ต้องใช้เวทย์ในการหน่วงที่มากขึ้นและจะลดพลังเวทย์ของผู้ใช้เรื่อยๆ


ผมเจอเวทย์ลมบทหนึ่งที่ตอบคำถามของผมในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ข้อดีคือสามารถคลอบคลุมได้ตามต้องการและสามารถระบุเป้าหมายได้แน่ชัดรวมถึงร่ายเพียงครั้งเดียวไม่ต้องหน่วงเวทย์ให้เสียเวลา ข้อเสียที่ต้องจ่ายคือจะไม่สามารถใช้เวทย์ลมขั้นสูงบทอื่นพร้อมกันได้


เมื่อดูเวทย์อื่นไปก็พบเจอเวทย์ที่ผมต้องการละสามารถนำมาประยุกต์รวมกันได้อีกมากมาย ผมไม่ได้สนใจเวลาจนมาถึงเวทย์สุดท้าย เวทย์มืด เวทย์นี้จะเป็นเวทย์ที่ทางปีศาจเชี่ยวชาญมากที่สุดและดูเหมือนว่าผมในครั้งก่อนจะไม่ถนัดในเวทย์บทนี้มากเท่าเวทย์แสง


เมื่อเปิดบันทึกเวทย์มืดไปเรื่อยๆก็เจอกับจุดอ่อนของแต่ละเวทย์และการผสมเวทย์มืดในแต่ละบทเพื่อเกิดเวทย์ที่รุ่นแรงมากขึ้นและดูเหมือนว่าเวทย์ที่ผสมกันของหลายๆบทจะเป็นเวทย์ที่สามารถกำจัดปีศาจได้เหมือนกัน ผมศึกษาเวทย์นี้อย่างละเอียดเพราะว่านี่น่าจะเป็นอีกอาวุธที่จะล้มเข้าจิตวิญญาณปีศาจนั้นได้อีกทาง


“ท่านราสเต้ขอรับ ท่านจอมเวทย์ให้ผมมาเชิญท่านไปที่ห้องอาหารขอรับ”


“ขอบคุณมากครับ” ชายที่เดินเข้ามาตอนที่ผมเก็บบันทึกเรียบร้อยและกำลังจะเดินลงมาถึงชั้นล่างเรียกผม คงเพราะไม่กล้าที่จะขึ้นไปด้านบนด้วยเลยรออยู่ พอบอกผมเสร็จก็เดินหายไป


ผมเดินตามทางมาเรื่อยๆผ่านห้องโถง ผ่านสวนดอกไม้ จนมาใกล้จะถึงห้องอาหาร ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของสองราชา จะมากันเร็วไปหรือเปล่าครับ


“ผมมาแล้วครับท่านจอมเวทย์” ผมบอกก่อนจะเดินนั่งที่เก้าอี้ที่ว่าง ตรงข้ามผมเป็นสองราชาตัวจริงเสียงจริงครับ


“เป็นยังไงบ้างละ อ่านจบทั้งหอหรือยัง”


“เวลาแค่ครึ่งวันท่านจอมเวทย์จะให้ผมอ่านหมดได้ยังไงกันครับ”


“ก็เห็นหายหน้าหายตาไปเลย กว่าจะมาได้”


“ขอโทษครับ”


“ไม่เป็นไร ข้าแค่หยอกเจ้าเล่น เห็นลูกขยันคนเป็นพ่อก็ภูมิใจ”


“ตามที่ท่านสบายใจเลยครับท่านจอมเวทย์”


“ฮ่าๆๆ”


“ว่าแต่ท่านราชาทั้งสองไม่คิดจะทักทายผมหรือครับ หรือว่าลืมกันไปแล้ว”


“ราสจริงๆสินะ”


“ก็ผมสิครับฮาฟ เห็นเป็นใครกัน”


“เธอไปทำอะไรมากัน ทำไมถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้”


“อ๋อ พลังผมตื่นแล้วครับ ร่างกายเลยเปลี่ยนแปลงตามพลัง ว่าแต่มันเปลี่ยนมากขนาดต้องทำหน้าเครียดกันเลยหรือครับ”


“พวกข้ากำลังคิดว่าจะซ่อนเธอจากสายตาคนอื่นยังไงดี”


“ใช่ฉันยังหยุดคิดเรื่องแบบนั้นกับเธอไม่ได้สักที”


“เดี๋ยวก่อนนะครับฮาฟ เรื่องแบบนั้นของคุณมันคืออะไรกันครับ”


“อะแฮ่ม ข้าเรียกพวกท่านมาเพื่อตกลงเรื่องภารกิจของลูกข้านะพระราชา จอมมาร ข้าไม่ได้เรียกเพื่อมาให้พวกเจ้าแทะโลมลูกข้าเสียหน่อย”


“ท่านจอมเวทย์ ลูกท่านก็ว่าที่ราชินีของพวกข้านะครับ”


“พอกันเถอะครับ ผมว่าทานอาหารกันดีกว่า ส่วนเรื่องอะไรที่ท่านพระราชาคิดก็หยุดคิดเถอะครับ ผมจะโกรธแล้วนะครับ” นอจากโกรธก็อายนั่นแหละครับ มาบอกว่าผมเป็นว่าที่ราชินีของพวกเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะครับ ถึงผมจะชอบก็เถอะ  แค่ก ผิดๆ ผมยังไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นเลยครับ


“ตามที่ลูกข้าพูด”



หลังจากนั้นเราก็ย้ายไปที่ห้องทำงานของท่านจอมเวทย์เพื่อตกลงเรื่องการทำภารกิจของผม


“ผมคิดว่าจะเริ่มที่อาณาจักรฟาซอลเทียร์ของฮาฟก่อน เพราะดูเหมือนมนุษย์น่าจะยังต้องการความช่วยเหลือและคำแนะนำอีกมากจากที่ผมลงไปสำรวจเมื่อครั้งที่แล้วมา ส่วนทางรัสเทียร์ของอัล ผมคิดว่ายังมีบ้างที่ต้องมีการให้คำแนะนำและช่วยเหลือแต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าอาณาจักรฟาซอลเทียรพอสมควร ส่วนที่อิลเทียร์ผมจะกลับมาหลังสุดเพราะผมคิดว่าจะกลับไปที่บ้านเกิดของผมด้วยทีเดียว”


“ทำไมถึงคิดว่าที่อาณาจักรฉันถึงควรได้รับการช่วยเหลือก่อนละ”


“เพราะมนุษย์ไม่มีเวทย์มนต์และเท่าที่ดู ชาวบ้านตามชายแดนมักจะขาดแคลนเครื่องมือการดำรงชีวิตอยู่หลายหลัง อีกทั้งค่อนมาทางในเมืองจะเกิดความเลื่อมล้ำทางสังคมการดำรงชีพของแต่ละอาชีพอยู่ให้เห็นเยอะพอสมควรเลยครับ”


“ฉันก็พอจะรู้มาบ้างแต่ก็ยังหาวิธีแก้ไขไม่ได้อยู่ดี พอคิดที่จะเริ่มลงมือแก้ไขก็มักจะมีเรื่องอื่นๆเข้ามาขัดเสมอ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกัน”


“แล้วทางอาณาจักรของข้ามีอะไรที่ต้องช่วยเหลือ”


“ทางรัสเทียร์ยังมีชาวบ้านที่ยังยึดความคิดแบบดั้งเดิมจนไม่ยอมรับการพัฒนาของสังคมรอบข้างอยู่ครับ ผมคิดว่าการทำความเข้าใจและแสดงผลให้เห็นน่าจะปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดและแก้ไขปัญหาทรัพยากรที่ขาดแคลนและมีเกินจำนวนที่ปล่อยทิ้งพวกนั้นได้พอสมควรนะครับ”


“แล้วอาณาจักรนี้ยังต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมอีกกัน”


“ที่นี่ตามชายแดนยังมีกลุ่มพ่อมดแม่มดที่ทำอาชีพสุจริตอยู่แต่โดนข่มเหงรังแกไม่น้อย มีการเรียกเก็บภาษีที่เกินจริงในช่วงเวลาที่ท่านจอมเวทย์ไม่ได้เข้าไปตรวจอยู่ครับ และดูเหมือนจะหนักข้อขึ้นทุกวัน และปัญหาใหญ่ที่สุดของทั้งสามอาณาจักรคือการที่ชาวบ้านบางคนยังลักลอบที่จะเข้ามาในเขตป่าต้องห้ามเพื่อจับสัตว์อสูรในเขตออกไปเพื่อการฆ่าและใช้งาน”


“ทำไมเรื่องนี้พวกข้าถึงไม่เคยได้ยินกัน” ท่านจอมเวทย์กล่าว


“มันไม่แปลกที่พวกท่านจะไม่รู้เพราะตัวการเป็นเหล่าสมาชิกกบฏที่เป็นเรื่องสำคัญที่ผมต้องจัดการให้เร็วที่สุดก่อนที่พวกมันจะตั้งตัวก่อสงครามขึ้นมา”


“มันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นโดยที่พวกข้าไม่รู้ตัวได้ยังไงกัน” จอมมารกล่าว


“ท่านจอมเวทย์ยังจำที่ผมเคยถามท่านเรื่องกบฏได้ไหมครับ”


“ข้ายังจำได้ เจ้ารู้ตัวแล้วอย่างนั้นหรือ”


“ทั้งสามอาณาจักรมีผู้นำกบฏแฝงตัวอยู่ใกล้ตัวของพวกท่านตลอดมานับตั้งแต่สงครามหมื่นปีมาแล้ว และสงครามเมื่อร้อยปีก็เป็นหนึ่งในแผนการครั้งใหม่ของพวกมัน”


“มีคนอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ใกล้ตัวพวกข้าสินะ ถึงได้จัดการไม่ได้สักที” พระราชากล่าว


“เธอรู้แล้วว่าเป็นใครสินะราส”


“อาจจะเป็นแค่การคาดการณ์เท่านั้นแหละครับ แต่ผมยังบอกอะไรไม่ได้เหมือนกันครับฮาฟ”


“เอาเถอะ คุยเรื่องเครียดกันมาเยอะแล้ว มาหาเรื่องสบายๆคุยกันดีกว่า”


“เรื่องสบายของท่านจอมเวทย์คงไกลตัวผมนะครับ”


“ไม่เลย เป็นเรื่องของเจ้าแน่นอน เรียนจบแล้วจะทำงานอะไรกันละ แต่ข้าว่าคงไม่ได้ทำหรอก”


“ทำไมถึงพูดแบบนั้นละครับท่านจอมเวทย์ พูดเป็นลางเลยนะครับ ว่าไม่มีงาน”


“เปล่าข้าคิดว่าเจ้าหน้าจะมีตำแหน่งดีๆรออยู่มากกว่า จริงหรือไม่ท่านจอมมาร พระราชา”


“จริงครับ ราสมีตำแหน่งในอาณาจักรของฉันรอเธออยู่นะ”


“ใช่ที่อาณาจักรข้าก็ยังรอเธออยู่”


“ตำแหน่งอะไรกันครับ แล้วทำได้สองอาณาจักรด้วยหรือครับ”


“ราชินีอย่างไรเล่าลูกข้า”


“ท่านจอมเวทย์”


“หรือไม่จริงกัน”


“จริง”


“อัล ฮาฟ”


“ที่หน้าแดงเพราะเขินอายสินะ อ่า นี่ข้าต้องเตรียตัวเป็นพ่อเจ้าสาวแล้วสินะ เห็นทีคงต้องติดต่อไปที่ครอบครัวเพื่อแจ้งข่าวเสียแล้ว”


“เดี๋ยวก่อนสิครับท่านจอมเวทย์ กลับมาคุยกันก่อนสิครับ” นี่ห้องทำงานของท่านนะครับ ท่านจะมาเดินหนีทิ้งแขกไปแบบนี้ไม่ได้นะครับ


“ที่ท่านจอมเวทย์พูดเป็นเรื่องที่ข้าสองคนคิดมาแล้วเช่นกัน”


“แต่อัลครับ”


“หรือว่าราสไม่ได้คิดเหมือนพวกฉันกัน แปลว่าที่ผ่านมาพวกฉันคิดไปเองสินะ”


“ไม่ใช่นะครับ แต่ว่าเรื่องแบบนั้น คือจะให้ผมพูดแบบไหนกันละครับ”


“พูดตามที่เธอคิดออกมาสิ พูดตามความรู้สึกจริงๆของเธอ”  ให้พูดเรื่องแบบนี้ออกไปได้ด้วยหรือครับอัล


“เธอคิดยังไงกับพวกฉันก็บอกออกมาตามตรง เราสามคนจะได้มีเวลาทำความเขาใจและวางแผนในอนาคตกันต่อได้อย่างไรเล่า”


“คือว่า ผมชอบที่จะได้อยู่กับพวกคุณสองคนนะครับ ชีวิตผมดูมีสีสันมากขึ้นแล้วผมก็ใจเต้นแรงเวลาที่อยู่ใกล้พวกคุณด้วย รวมถึงไม่ชอบใจเวลาที่เห็นคนอื่นเข้ามาใกล้ชิดพวกคุณสองคนมากเกินไป น้อยใจเวลาที่พวกคุณทำเหมือนไม่สนใจ แล้วก็คิดว่าถ้าคนที่สัมผัสตัวผมเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คุณสองคนคงจะรังเกียจตัวเองไปแล้วเหมือนกันครับ”


“ข้าดีใจที่เราคิดเหมือนกัน” อัลพูดพร้อมกับยืนมือมาลูบที่แก้มของผม


“และฉันดีใจมากที่เธอยอมจะพูดมันออกมาให้พวกฉันฟัง” ฮาฟกุมมือของผมเอาไว้


“แต่ว่าฐานะของเรามันต่างกันมากนะครับ แถมยังเป็นผู้ชายด้วย ต่อให้เรารักกันมากขนาดไหนก็ยากจะจบลงด้วยดีอยู่ดี”


“เรื่องเพศไม่ใช่เรื่องใหญ่ส่วนเรื่องฐานะ เธอที่เป็นลูกบุญธรรมของท่านจอมเวทย์ ยังถือว่าตัวเองไร้ฐานะอีกอย่างนั้นหรือ”


“แต่ว่าอัลครับ”


“ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนับจากนี้ พวกข้าจะจัดการเอง”


“ถ้าตกลงกันได้แปลว่าเราเป็นคนรักกันแล้วนะราส”


“คะ ครับ” บ้าจริง ทำไมใจถึงเต้นรัวตอนได้ยินคำว่าคนรักแบบนี้กัน


“ไม่อยากจะปล่อยให้ใครได้พบเจอเธอนับจากนี้เลยจริงๆ”


“เกินไปแล้วนะครับอัล”


“ฉันก็คิดเหมือนจอมมาร อยากจะควักตาเจ้าพวกที่มองมาที่เธอเสียทุกคน”


“ฮาฟครับ คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้นะครับ”


“ฉันแค่พูดเฉยๆเท่านั้นราส ไม่ได้จะทำจริงๆเสียหน่อย”


“ผมไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางทำภารกิจแล้วด้วย”


“แปลว่าต้องไปที่ฟาซอลเทียร์ก่อนสินะ แล้วข้าจะได้เจอเธอเมื่อไหร่กัน”


“ไว้ถ้าว่างจากการทำภารกิจจะแวะไปหานะครับ ทั้งสองคนเลย”


“ฉันด้วยหรอ เธอไม่ได้จะไปพักกับฉันหรือยังไง”


“ไม่ครับ ผมจะอาศัยตามห้องพักเหมือนเพื่อนคนอื่นๆครับ จะได้เข้าถึงปัญหาของประชาชนจริงๆ”


“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เรามานอนด้วยกันดีกว่า”


“แค่นอนนะครับ ถ้าใครกล้าทำแบบครั้งก่อนอีก ผมจะไม่คุยด้วยอีกต่อไปครับ”


“ได้”


หลังจากตกลงได้แล้วก็แยกย้ายทำธุระส่วนตัวขอใครขอมันเสร็จก็มารวมกันที่ห้องของผมก่อนจะล้มตัวลงนอนตามปกติ ผ่านไปสักพักผมที่มีเรื่องราวเข้ามาในวันนี้มากมายก็ผล่อยหลับลงในที่สุด


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #23 [14/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 14-06-2018 12:37:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #23 [14/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 14-06-2018 16:28:14
ขอบคุณครับที่มาตอบ โอเค เราขอโทษ สับสนช่วงเวลาไปบ้าง อาจจะอ่านผิด ปิดเทอมปี 5 เปิดเทอมปี 5 อะไรพวกนี้แหงๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #23 [14/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-06-2018 23:38:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #23 [14/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 15-06-2018 06:24:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #24 [15/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 15-06-2018 12:36:05
#24

   
   สวัสดีครับ ตอนนี้กระผมผู้บรรยายรูปหล่อนาม ราสเต้ คนเดิม เพิ่มเติมมีคนรักแล้วครับ เขินจังเลย ข้ามผ่านไปครับ ตอนนี้ผมมาทำภารกิจที่อาณาจักรฟาซอลเทียร์ได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้วละครับ ส่วนมากตามที่บอกไว้ที่อาณาจักรนี้ตามพื้นที่ชายแดนยังมีปัญหาการขาดแคลนเครื่องมืออยู่มากมายหลายครัวเรือน


ผมที่ให้คำแนะนำเรื่องการปลูกพืชผักและการเลี้ยงสัตว์เพื่อเพิ่มรายได้ของแต่ละครัวเรือนเพราะการจัดหาเครื่องมือดำรงชีพต้องมีปัจจัยอยู่พอสมควร


เมื่อมีปัญหาที่ผมไม่สามารถจัดการได้ก็จะบันทึกเรื่องเอาไว้และแวะไปหาฮาฟเพื่อส่งให้ดูแลต่อไป ผมก็คงช่วยได้เท่านี้


ผมยังคงแวะเวียนไปหาทั้งสองราชาเป็นประจำเพื่อทานมื้อเย็นเสมอ ถึงแม้จะเขินอายเวลาเจอหน้าแต่ก็ยังคงแกล้งฮาฟและเอาตัวรอดจากอัลคงเดิม


ผ่านไปอีกสัปดาห์สิ่งที่วางแผนไว้เริ่มเป็นรูปร่างมากขึ้น ชาวบ้านต่างพากันดีอกดีใจเพราะก่อนหน้านี้ไม่สามารถจัดการปัญหาเรื่องสภาพดินที่เสียได้จนเกิดการหยุดชะงักของการทำเกษตรจนขาดรายได้ไป


เมื่อดูแล้วผลเป็นที่น่าพึงพอใจและจำนวนชาวบ้านที่ได้รับความช่วยเหลือของอาณาจักรนี้มีมากตามจำนวนที่ระบุในภารกิจ ผมคิดว่าคงได้เวลาที่จะเริ่มทำภารกิจต่อที่อาณาจักรต่อไปเสียที เรื่องของการรับรองภารกิจผมให้ฮาฟที่เป็นผู้ปกครองอาณาจักรเป็นผู้รับรองในแต่ละภารกิจที่เห็นผลจริงๆให้


“ภารกิจที่ฟาซอลเทียร์เสร็จแล้ว วันนี้ผมจะเริ่มเดินทางไปที่อาณาจักรรัสเทียร์แล้วนะครับฮาฟ”


“เวลาผ่านไปเร็วมากเลย ไม่กี่สัปดาห์เธอก็จะหนีกันไปอีกแล้ว”


“ผมไม่ได้หนีไปไหนเสียหน่อยนี่ครับ ยังไงเราก็ยังเจอกันเกือบทุกวันอยู่ดี”


“แต่มันไม่อุ่นใจเท่ารู้ว่าเธอยังอยู่ใกล้ๆแบบนี้นี่”


“ถึงตัวผมจะอยู่ไกลแต่ไม่ได้แปลว่าหัวใจจะไกลนะครับ”


“เธอก็เป็นซะแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่ารู้จักกันมานาน ฉันคงเห็นเธอเป็นหนุ่มเจ้าสำราญไปแล้ว”


“ทำไมมาว่ากันละครับ”


“ก็มันจริงไหมละ เธอเอาแต่หยอดคำหวาน แต่ไม่เห็นจะทำอะไรสักอย่าง”


“ขนาดผมยังไม่ทำ ฮาฟยังเขินอายเลยนะครับ”


“เธอนี่มัน ดื้อซนเป็นเด็ก”


“ก็ผมยังเด็กนี่ครับ”


“เอาละพอเถอะ วันนี้ก็คุยกันไม่จบ แล้วจะออกเดินทางตอนไหน”


“อีกสักชั่วโมงครับ”


“เฮ้อ อย่าน้อยเราก็ได้เจอกันเกือบทุกวันอยู่ดีละนะ”


“ถ้าคิดถึงกันมาก ห้องนอนผมยังว่างอยู่นะครับ”


“ราส”


“หึหึ หน้าแดงอีกแล้วนะครับ”


“เธอนี่จริงๆเลย”


“ไม่แกล้งแล้วครับ ผมไปแล้วนะครับ”


“ขอให้โชคดีนะ เดินทางปลอดภัย”


“ขอบคุณครับ แต่เรื่องร่วมเตียงผมพูดจริงนะครับ”


“เจ้าเด็กแสบ”



ผมมักจะชอบแหย่ฮาฟแบบนี้เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าอาฟเสมอ แกล้งอัลแบบนี้ไม่ได้นะครับ หมอนั่นคำไหนคำนั้นเสมอ ถ้าลองพูดแบบนี้ใส่ ไม่เกินคืนนี้หรอครับ ผมได้สามีจริงๆแน่ คิดแล้วก็ขนลุก บรื้อ


หลังจากวันนั้นผมก็เดินทางมาที่อาณาจักรรัสเทียร์อยู่ช่วยเหลือชาวบ้านที่นี่ ตอนนี้เรื่องมีผลลัพธ์ออกมาให้เห็นหลายที่แล้วละครับ อีกสามวันผมคิดว่าน่าจะได้เวลากลับไปที่อาณาจักรอิลเทียร์ได้แล้ว เพราะดูแล้วปัญหาที่อาณาจักรผมน่าจะแก้ไขยากพอสมควร


“อีกประมาณสามวันผมจะกลับบ้านแล้วนะครับ”


“เวลาผ่านเร็วเหลือเกิน นี่ก็หลายสัปดาห์แล้วสิที่เธอออกมาทำภารกิจต่างแดน”


“ผมคิดว่าจะกลับไปเยี่ยมที่บ้านครั้งนี้พร้อมกันเลย ไม่ได้กลับบ้านตั้งนาน”


“ราส ฉันขอไปด้วยได้ไหม”


“ข้าด้วย”


“แล้วพวกคุณสองคนจะไปทำไมครับ ไม่อยู่ดูแลอาณาจักรละครับ”


“ก็เราอยากไปทำความรู้จักกับครอบครัวของเธอเหมือนกันนะราส”


“ใช่ที่เธอยังได้รู้จักกับครอบครัวของพวกข้าเลย”


“อัลครับ ที่ผมรู้จักครอบครัวของคุณเพราะมาอาศัยอยู่ด้วยกันนะครับ”


“อย่างที่จอมมารบอก เธอรู้จักครอบครัวเรา เราก็ต้องรู้จักครอบครัวเธอเหมือนกัน”


“ตกลงว่าพวกคุณจะไปให้ได้ใช่ไหมครับ”


“ใช่/ใช่”


“ถ้าอย่างนั้นก็อีกสามวันก็เตรียมตัวนะครับ ผมจะรออยู่เขตแดนนะครับ”


“ทำไมไม่ออกไปพร้อมกันละ”


“ก็เจอกันที่นั่นก็ได้ครับ ถ้าถามอีกผมไม่ให้ไปนะครับ”


“ก็ได้ตกลง อย่าคิดจะหนีเชี่ยวละ”


“แล้วผมจะหนีทำไมละครับ อุตส่าห์ได้พาแฟนเข้าบ้านทั้งที จริงไหมครับ”


“เจ้าเด็กแสบ / ราส”


“ไปดีกว่า” ผมวาร์ปหนีกลับมาที่ห้องพัก หลังจากที่ได้แกล้งทั้งสองคนเสร็จ แต่ที่พูดไปผมก็เขินเหมือนกันนะครับ




ครบกำหนดสามวันแล้วครับที่นัดกันกับสองราชาไว้ ตอนนี้ผมมาอยู่ที่บริเวณเขตแดนที่เป็นเขตติดต่อกันระหว่างอาราจักรรัสเทียร์และอาณาจักรอิลเทียร์ รอได้ไม่นานทั้งสองราชาก็มาปรากฏตัวตรงหน้าผม


“ไปกันเถอะ นำทางเลย”


“ครับ”


พวกเราข้ามเขตแดนมาเสร็จก็เดินเท้ากันเพื่อชมบรรยากาศในตอนสายของวัน ลมเย็นๆที่กำลังจะเข้าหน้าหนาวพัดผ่านหน้าของพวกเรา


“อากาศดีจังเลยนะครับ” ผมชอบความสงบแบบนี้จังเลยครับ


“ที่ห่างจากบ้านเธอมมากไหม”


“มากครับ”


“แล้วเราจะเดินเท้ากันไปแบบนี้จนถึงเลยหรือราส”


“เปล่าหรอกครับฮาฟ เดินอีกสักพักก็พอครับ”


“เธอหลอกให้เราเดินหรือเปล่า”


“เปล่าครับอัล ผมแค่อยากให้พวกคุณได้ผ่อนคลายจากการทำงานต่างหาก”


“เป็นห่วงพวกข้าสินะ”


“ใครบอกกันครับ”


“หน้าแดงนะราส”


“ฮาฟ หยุดนะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะให้เดินไปเองจริงๆ”


“พอ เลิกแกล้งกัน”


“จับมือผมไว้นะครับ”


ผมบอกทั้งสองคนก่อนจะเริ่มใช้การวาร์ปไปที่บริเวณป่าใกล้หมู่บ้านเพื่อลดความตื่นตระหนกถ้าเกิดโผล่ที่บ้านเลย


“เดินไปอีกนิดก็จะถึงแล้วครับ” ผมบอกทั้งสองคนก่อนจะเริ่มออกเดิน


เราเดินกันมาไม่นานก็มาถึงบ้านของผม ครอบครัวของผมมีฐานะปานกลาง พ่อกับแม่ผมเปิดร้านอาหาร ส่วนพวกพี่ก็ทำงานตามหน่วยงานต่างๆ ตอนนี้ผมหยุดอยู่ที่หน้าร้านพอดี


“รับอะไรดีครับ”


“สวัสดีดีเมียน”


“นายน้อย ท่านมาได้ยังไงกัน นายท่าน นายน้อยมาครับ”


“อย่าสนใจเลยครับ ดีเมียนเป็นลูกสมุนเก่าผมเอง”


“ก็คิดอยู่เหมือนกัน”


“ข้าก็คิด”


“พอเลยครับ ตามผมมาด้านในดีกว่า เดี๋ยวผมจะพาไปที่ห้องพักนะครับ”


“ข้าจะนอนกับเธอ”


“ใช่”


“ไม่ได้ครับ ผมจะนอนคนเดียว”


“พวกข้าไม่สน”


“มายืนเถียงอะไรกันตรงนี้ เจ้าตัวแสบกลับมาทำไมไม่ส่งข่าวมาบอกก่อน แล้วพาใครมาด้วยละนั่น”


“สวัสดีครับแม่ ผมกลับมาทำภารกิจที่หมู่บ้านเราพอดีเลยแวะกลับมาอยู่บ้าน ส่วนสองคนนี้เป็น เอ่อ เป็น”


“ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าอัลฟาโน่ ดีเวอรัส จอมมารจากอาณาจักรรัสเทียร์”


“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันอินดิรัส ฮาฟ ฟาซอลเทียร์ พระราชาจากอาณาจักรฟาซอลเทียร์”


“โอ้ ขออภัยในการต้อนรับท่านทั้งสอง”


“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราขอตามราสมาเอง รบกวนพวกท่านทั้งสองแล้ว”


“เป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับท่านราชาทั้งสอง”


“เช่นกัน”


“ราส พาท่านไปที่ห้องพักเสียก่อน”


“ครับแม่”


“เมื่อว่างจากงานแล้วพวกเราสองคนมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับท่านพ่อท่านแม่ของราสหน่อยได้ไหมครับ”


“ตามที่ท่านสะดวกเลยค่ะ”


“เอาที่พวกท่านสะดวกมากกว่า เราเป็นเพียงผู้อาศัยเท่านั้น”


“ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลยท่านจอมมาร”


“ราส”


“ครับพ่อ”


“ไปเก็บของแล้วเฝ้าหน้าร้านตอนที่พ่อกับแม่พูดธุระหน่อย”


“ได้ครับ”


ผมมองตามหลังของทั้งสี่คนไป จะคุยเรื่องอะไรกันนะ อยากรู้จังเลย แต่บางทีอาจจะไม่เกี่ยวกับผมก็ได้ ไปทำงานที่พ่อบอกดีกว่า


ผมเลิกสนใจเรื่องที่ทั้งสี่คนคุยกันก่อนจะเดินไปเก็บของที่ห้องนอนแล้วลงมาทำงาน





ภายในห้องที่ทั้งสี่เขามาแล้ว


“ท่านทั้งสองมีอะไรจะคุยหรอคะ”


“พวกข้ารักชอบกับราสอยู่เลยอยากจะบอกกับพวกท่านไว้”


“เรื่องนั้นเราพอจะรู้มาอยู่แล้วครับ ท่านจอมเวทย์บอกแก่ข้าตั้งแต่วันที่มาขอรับราสเป็นบุตรบุญธรรมแล้วครับ”


“ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะคุยได้ง่ายขึ้น พวกเราคิดว่าหลังจากที่ราสเรียนจบจะมาทำพิธีสู่ขอให้เรียบร้อย”


“อย่างที่พระราชาบอก พวกข้ารักราสด้วยใจจริง ไม่อยากจะทำให้ลูกชายของพวกท่านต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง พวกเราจะทำตามขั้นตอนประเพณี”


“ตอนนี้ราสก็สิบหกแล้ว ตามกฎของที่อาณาจักรก็สามารถที่จะตัดสินใจได้ด้วยตัวเองแล้ว เรื่องสู่ขอท่านก็ทำตาที่ท่านเห็นสมควรได้ แต่ว่าราสจะว่าอย่างไรพวกข้าที่เป็นแค่พ่อแม่ก็ไม่ขัดข้อง”


“ข้าอยากให้พวกท่านเข้าใจในความรักที่อาจจะดูแปลกไปของพวกเราสามคนว่าเรารักกันเหมือนดั่งเช่นคู่รักอื่นๆ เราดีใจที่ท่านทั้งสองที่เป็นคนสำคัญของราสเข้าใจ ในเมื่อท่านเป็นพ่อแม่ของว่าที่ราชินีของเรา ท่านก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ของเราเช่นกัน ได้โปรดรับการเคารพจากเราสองคนด้วย”


“ท่านจอมมาร ท่านพระราชา” ร่างของชายหญิงตรงหน้ารีบลุกมาห้ามการกระทำของสองราชาที่คุกเข่าลง


“เราเข้าใจในความตั้งใจของท่านทั้งสอง แต่การที่ท่านจะมาทำแบบนี้กับเราที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาดูไม่เหมาะสม ได้โปรดเห็นแก่เราด้วย เรารับความเคารพท่านไว้ด้วยใจนะคะ”


“ขอบคุณท่านน้ามากครับ”


“เรียกแม่ก็ได้จ้ะ”


“ครับ ท่านพ่อ ท่านแม่” สองร่างสูงของสองราชาลุกขึ้นมาพร้อมกับเรียกตามที่หญิงตรงหน้ากล่าว


“ในเมื่อเข้าใจกันแล้ว พ่อในฐานะเจ้าบ้านก็ขอต้อนรับลูกเขยทั้งสองคนเข้ามาเป็นครอบครัวของเราแล้วกันนะ”


“ขอบคุณครับ” สองราชากล่าวออกมาด้วยความยินดี





“ทำไมเธอถึงทำหน้าทำตาแบบนั้นกันราส”


“มากันแล้วหรอครับ หายไปซะนานเลย”


“คิดถึงพวกข้าอย่างนั้นหรือ”


“อย่ามามั่วนะครับอัล ใครคิดถึงใครกัน”


“หน้าแดงอีกแล้วนะราส”


“แล้วฮาฟอยากมาหน้าแดงกับผมไหมครับ หืม”ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ฮาฟจนฮาฟเริ่มจะหน้าแดงตามกัน


“ราส” เสียงเรียกของฮาฟที่ติดจะสั่นตรงปลายเสียงเล็กน้อย


“อย่าเข้าไปไกลกันขนาดนั้น ข้ายังยืนอยู่นะ”


“บางทีท่านจอมมารก็ขี้หึง ว่าไหมราส”


“คิดเหมือนกันเลยครับฮาฟ”


“เธอนี่มัน”


“อะไรครับอัล”


ฟอด ฟอด


“ทำไมมาลงที่แก้มผมคนเดียวละครับ”


“หอมคืนได้นะ”


“ใครจะไปทำกัน”


“แล้วนั่นจะไปไหน”


“ห้องน้ำครับ”


ผมเดินหนีออกมาหลังจาที่โดนรุมแกล้งจากทั้งสองราชา พ่อกับแม่ผมก็นั่งออยู่นะครับ มาแกล้งกันแบบนี้ได้ยังไง แต่ดูแล้วเหมือนโดนรุมแกล้งกว่าเดิมเพราะรอยยิ้มล้อเลียนของแม่กับพ่อผมนี่สิครับ



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #24 [15/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 15-06-2018 13:12:05
เขินเลย  :-[
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #24 [15/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 16-06-2018 00:11:18
ร้ายจริงๆ เหมือนหลอกให้น้องพาเข้าบ้าน เพื่อมาสู่ขอ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #25 [16/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 16-06-2018 11:01:52
#25


   หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจ ผมกลับมารายงานตัวที่โรงเรียนอีกครั้ง ดูเหมือนผมจะเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามารายงานตัว


ผ่านไปไม่นานการสอบก็กลับมาเยือนพวกเราอีกครั้ง สำหรับเด็กปีหกปีสุดท้ายนี้ การสอบของเราเป็นการเขียนบรรยายการทำภารกิจและสรุปการเรียนรู้ตั้งแต่ปีแรกจนปัจจุบัน


ตอนนี้ผมกำลังอ่านทบทวนเรื่องที่หลงลืมกับรัลและเรน่าที่หอสมุด พูดคุยกันได้จนบ่ายเราสามคนตัดสินใจไปทามมื้อเที่ยงพร้อมกับพูดคุยเรื่องที่ไปทำภารกิจมาก่อนจะแยกย้าย ผมกลับมาที่ห้องพักส่วนรัลและเรน่าเห็นว่ามีธุระอื่น


“นายท่านขอรับ มีข่าวจากค่ายกบฏมารายงานขอรับ”


“สวัสดีครับคุณสายลม มีอะไรเกิดขึ้นหรือครับ”


“ดูเหมือนตอนนี้ผู้นำกบฏที่เหลือกับปีศาจจิตวิญญาณกำลังวางแผนการอะไรบางอย่างอยู่ขอรับ”


“ผมว่าเราไปสอดแนมกันเถอะครับ”


“แต่มันเสี่ยงเกินไป หากถูกจับได้”


“ไม่ต้องกังวลไปครับ ผมแค่ต้องการสอดส่องใกล้ๆเท่านั้นครับ ไม่ได้เข้าไปในค่าย พอดีอยากลองเวทย์สอดแนมบทใหม่อยู่พอดี”


“แต่ว่า”


“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นคุณสายลมจะคอยเตือนก่อนที่ภัยจะมาถึงผมอยู่แล้วสินะครับ”


“ก็ได้ขอรับ ข้ายอมนายท่านแล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะครับ”



ผมเขียนข้อความบอกกับรัลไว้ว่ามีธุระในเมืองอาจจะกลับมาช้ากว่ามื้ออาหารเย็น ไม่ต้องรอ เมื่อเขียนเสร็จก็วาร์ปไปที่หุบเขาที่ตั้งค่าย



บริเวณที่ผมมาถึงเป็นป่าติดกับค่าย แต่เพราะมีต้นไม้อยู่เยอะทำให้มองเห็นผมได้ยาก ผมเริ่มใช้เวทย์พรางตัวเพื่อความไม่ประมาทก่อนจะร่ายเวทย์สอดแนมบทใหม่ที่เป็นเวทย์ลมขั้นสูงแต่มีเงื่อนไขเรื่องระยะการมองเห็นและรับเสียงพอสมควร


ภาพที่ปรากฏในสายตาเป็นภาพของผู้นำกบฏฝ่ายมนุษย์ อิบรา ฮาดัส ขุนนางคลัง กับเรตัน โชฮา สมาชิกสภาเวทย์อาวุโส รวมทั้งปีศาจที่ไม่คุ้นหน้า ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นร่างสถิตของจิตวิญญาณปีศาจเมื่อหมื่นปีก่อน ทั้งสามกำลังพูดคุยเรื่องแผนการที่จะเริ่มลงมือ


“ท่านผู้นำ ในเวลานี้ดูเหมือนเจ้าเด็กในคำทำนายเริ่มจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เห็นทีว่าถ้าปล่อยไว้นานน่าจะยากแก่การกำจัดนะครับท่าน”


“ข้าก็คิดเช่นกันกับท่านอิบรา ตอนนี้จอมเวทย์กับสองราชาพวกนั้นกำลังให้ท้ายมันมากขึ้น ดูจากภารกิจที่มอบหมายก็ดูเหมือนจะยิงทำให้ประชาชนทั้งสามอาณาจักรรักและเทิดทูนมันมากขึ้นอีก”


“การคิดจะทำการใหญ่หากเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งย่อยยากจะสำเร็จ พวกท่านทั้งสองคิดเช่นข้าหรือไม่”


“ขออภัยท่านผู้นำ พวกข้าแค่ทนรออยู่แบบนี้ต่อไม่ไหวเพียงเท่านั้น”


“ท่านเรตัน ท่านอิบรา อีกไม่นานหรอกนะ ข้าไม่ปล่อยมันอีกเป็นครั้งที่สอง มันจะต้องได้ชดใช้สิ่งที่มันก่อไว้ คิดจะเข้ามาขัดขวางแผนการของข้าทั้งอดีตทั้งปัจจุบัน ข้าไม่ปล่อยไว้อยู่แล้ว หากแต่เราต้องเตรียมตัวรับมือให้ดี การจะโค่นล้มบุคคลอันตรายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย”


“ตอนนี้ท่านผู้นำก็สมบูรณ์แล้ว ท่านจะยังกลัวมันด้วยเหตุอันใดกัน”


“ข้าไม่ได้กลัวมันท่านอิบรา หากแต่พลังของมันในครั้งนี้ดูท่าจะมากขึ้นจากครั้งก่อน ข้าไม่อาจะจะใจร้อนลงมือได้”


“ข้าเชื่อว่าท่านผู้นำย่อมมีวิธีจัดการมัน”


“พูดดีท่านเรตัน ว่าแต่เรื่องที่จะเปิดสงครามที่คุยกันครั้งก่อน พวกท่านจัดการไปถึงไหนกันแล้ว”


“ข้ารวบรวมเหล่านักเวทย์ที่เชี่ยวชาญในทุกเวทย์ที่คิดเห็นเหมือนกับเรามากพอสมควรตอนนี้กำลังรอคำสั่งโจมตีจากท่านเพียงเท่านั้น”


“ดีมากท่านเรตัน”


“ส่วนข้าตอนนี้ได้เครื่องมือและกำลังคนจากพวกที่คิดว่าการปกครองแบบนี้ไม่ยุติธรรม พวกมันคิดต่อต้านเจ้าพระราชานั่นอยู่แล้ว เลยเกลี่ยกล่อมมาเข้าร่วมกับเราได้ไม่อยาก”


“ดีท่านอิบรา ดูท่าว่างานของเราจะไปได้ดี เมื่อทุกอย่างพร้อมเราจะประกาศสงครามกับมัน หากพวกมันไม่ยินยอม เราจะจัดการทำลายพวกมันทั้งหมด เราจะปกครองแผ่นดินใหม่ ใครต่อต้านฆ่าทิ้งให้หมด ใครยินยอมก็รอด”


“ขอท่านผู้นำจงเจริญ”


พวกมัน อย่าได้หวังเลยว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริง ผมไม่ยอมให้ประชาชนต้องเดือดร้อนเพราะพวกมันแน่



ผมสลายเวทย์แล้วกลับมาที่พระราชวังของท่านจอมเวทย์ ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรได้รับการปรึกษาเพราะไม่ใช่เรื่องที่ผมจะคิดเอาเองได้


“ข้ากำลังจะส่งคนไปตามเจ้าพอดี”


“มีอะไรกันรึเปล่าครับ มาพร้อมหน้ากันเลย” ภายในห้องนอกจากท่านจอมเวทย์แล้ว จอมมารกบัพระราชาก็อยู่ด้วยเช่นกัน


“พอดีมีสายของเรารายงานว่าพบการเคลื่อนไหวแปลกๆบริเวณหุบเขาในเขตของอาณาจักรของข้า”


“และสายก็รายงานกับฉันมาว่าพวกที่เขาไปมีทั้งมนุษย์ ปีศาจ ชาวเวทย์ พวกเราเลยมาปรึกษากันว่าพวกที่เข้าไปรวมตัวกันน่าจะเป็นกลุ่มคนที่ต้องสงสัยของพวกเรา”


“และข้าคิดว่าน่าจะเรียกเธอมาเพราะดูเหมือนช่วงนี้คนที่ข้าส่งไปติดตามจะมารายงานพฤติกรรมแปลกๆของเจ้า จริงไหมลูกรัก”


“ผมแปลกไตรงไหนครับท่านจอมเวทย์ ผมก็ยังไปเรียน ทำกิจกรรมของทางโรงเรียนตามปกติ”


“แต่เจ้าก็เข้าไปในป่าทุกวัน วันละหลายชั่วโมงเสมอ”


“ก็มัน ผมยอมรับก็ได้ครับ ผมเข้าไปฝึกงานพลังเวทย์กับร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมครับ”


“มีอะไรที่เราทั้งสามต้องรับรู้เพิ่มเติมสินะ เพราะดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าจะไม่ได้เข้ามาหาข้าธรรมดาแบบทุกครั้ง”


“จากที่อัลกับฮาฟบอกมา ใช่ครับกลุ่มคนที่เดินทางลักลอบเข้าไปที่นั่นเป็นกลุ่มกบฏจริง และเรื่องที่ผมมาหาวันนี้เพราะคิดว่าจะให้ท่านจอมเวทย์ติดต่อทั้งสองคนมาปรึกษา เพราะผมมีเรื่องสำคัญจะบอกกับพวกคุณ”


“เรื่องสำคัญ ดูท่าจะสำคัญมากสินะ”


“วันนี้ผมได้รับข่าวจากสายของผมเรื่องการเคลื่อนไหวของฝั่งตรงข้ามเลยเข้าไปสังเกตการณ์ ก่อนที่จะได้ยินเรื่องที่พวกนั้นกำลังวางแผนกัน”


“เดี๋ยวก่อนนะ เข้าไปที่หุบเขาอย่างนั้นหรอราส”


“อย่าพึ่งโกรธสิครับทั้งสองคน ท่านจอมเวทย์ด้วย ผมปลอดภัยกลับมาอยู่แล้วนี่ยังไงครับ มาฟังต่อครับอย่าได้รีบลงโทษผมนะ”


“เอาละ ไว้ค่อยให้ลูกเขยข้าจัดการเธอลูกรัก”


“ท่านจอมเวทย์ก็”


“แล้วยังไงต่อ มีอะไรอีก”


“ครับอัล คือครั้งนี้ไม่ว่าจะยังไงผมจะบอกคนที่อยู่เบื้องหลัง แต่ขอให้ทุกคนอย่าพึ่งจัดการอะไรนะครับ”


“เธอจะบอกพวกฉันว่าเธอรู้ตัวคนร้ายที่อยู่ในกลุ่มพวกเราแล้วอย่างนั้น”


“ครับฮาฟ แต่ตามจริงก็พอรู้มานานแล้วครับแต่ไม่กล้าบอก กลัวพวกคุณจะไม่เชื่อ แต่ครั้งนี้ไม่ว่าพวกคุณจะเชื่อไหมก็อยากจะให้ระวังตัวกันไว้ก่อน อิบรา ขุนนางคลังของฮาฟ กับ เรตัน สามชิกสภาเวทย์อาวุโสของท่านจอมเวทย์ กับปีศาจที่เขามาโจมตีเราครั้งก่อนในป่า คือผู้นำกบฏของแต่ละอาณาจักร ส่วนผู้นำสูงสุดในครั้งนี้เป็นปีศาจจิตวิญญาณที่หลงเหลือเมื่อหมื่นปีก่อน ตอนนี้พวกนั้นกำลังเตรียมการรับมือกับผมและคิดแผนที่จะทำลายทั้งสามอาณาจักร และใครก็ตามที่คิดจะขัดขวาง พวกมันจัดการทุกคน สิ่งที่พวกมันต้องการคือการยึดครองทั้งสามอาณาจักรให้อยู่ภายใต้การปกครองของพวกมันคนเดียว”


“เป็นคนที่พวกเราคิดไว้จริงๆ ข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าน่าจะต้องเดือดร้อน ไม่คิดว่าจะโดนหมายหัวชัดเจนแบบนี้”


“แปลว่าพวกมันคิดจะก่อสงครามอีกครั้งสินะ และเธอพอจะรู้ไหมว่าพวกมันจะเริ่มเมื่อไหร่”


“ดูเหมือนอีกไม่นานหรอกครับอัล ผมมีความรู้สึกว่าหลังจากพิธีการจบการศึกษา พวกมันต้องเริ่มลงมือแน่นอน”


“อีกไม่นานจริงด้วย พวกเราต้องเตรียมการรับมือกันล่วงหน้าแล้ว”


“แต่ก่อนอื่นพวกข้าต้องขอรับเจ้าเด็กดื้อไปลงโทษก่อนละกัน”


“ดะ เดี๋ยวสิครับ ท่านจอมเวทย์ช่วยผมด้วย”


“โชคดีลูกรัก”


ท่านต้องช่วยผมสิครับปล่อยให้โดนหิ้วแบบนี้ไม่ได้นะครับ ตุ๊บ ร่างของผมโดนทิ้งลงบนเตียง ผมรีบพลิกตัวคลานหนีแต่ร่างของอัลกลับทิ้งตัวทับผมไว้ก่อนจะพลิกตัวผมให้นอนหงายบนร่างของเจ้าตัวแทน


“หนีไม่รอดหรอกครับราส ฉันกับจอมมารจะขอลงโทษเด็กดื้อแล้วนะ”


“อือ” สิ้นครับฮาฟก็ก้มลงมาจูบผมทันที ผมที่ตกใจพยายามไล่แต่กลายเป็นเปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนเข้ามาทำงานหน้าที่ของมัน


“ไม่ต้องกลัวพวกข้าจะไม่ลุกล้ำส่วนนั้นของเธอหรอกนะ แค่ลงโทษภายนอกเท่านั้น”


“แฮ่ก มันเป็นการลงโทษตรงไหนกันครับ” ผมเถียงอัลทันทีที่เป็นอิสระ


“ก็จะได้เตือนความจำเวลาที่คิดจะหนีไปเสี่ยงอันตราย แล้วพวกฉันก็ได้กำไรด้วยนะ”


“อืม” ผมยังไม่ทันได้ตอบฮาฟกลับถูกอัลพลิกตัวไปรับจูบแทน ผมที่ความคิดเริ่มติดขัดกลับทำได้แค่ปัดป่ายมือไปเรื่อยๆ


มือของฮาฟเริ่มไม่อยู่สุขเริ่มจัดการกับเสื้อผ้าของผม จนตอนนี้ร่างกายเปลือยเปล่าของผมปรากฏสู่สายตาของทั้งสองคน


“สวย”


“มองตรงไหนกันครับ” ผมดันหน้าของอัลที่จ้องบิรเวณยอดอกของผมแต่อัลกลับคว้าแขนผมไว้ก่อนจะก้มลงมาชิมในจุดที่สนใจ


“อ้ะ” ผมสะดุ้งกับสัมผัสแปลกที่ไม่คุ้นเคยจนเผลอยกตัวตามที่อีกฝ่ายชักนำ


“ยั่วกันสุดๆ” เสียงของฮาฟกระซิบข้างหูของผมก่อนจะเริ่มลูบไปตามลูกรักของผมที่เริ่มตื่นตัว


“ฮะ ฮาฟ อะ อัล มัน อึก”


“อย่าเกร็ง ปล่อยไปตามสบาย” เสียงปลอบจากอัลที่เลิกเล่นกับหน้าอกผมก่อนจะจับมือของผมไปสัมผัสส่วนนั้นของทั้งคู่


“อืม” เสียงครางเมื่อเริ่มขยับมือของผม พร้อมกับที่ฮาฟเริ่มขยับมือกับส่วนนั้นของผมอีกครั้ง อัลยังคงซุกไซร้ไปตามร่างกายคล้ายฮาฟแต่กลับจงใจใช้มือสัมผัสกับยอดอกของผมไปมาเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของผม


“ผมไม่ไหวแล้วครับ” ผมบอกเสียงเบาก่อนที่จะปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือของอาฟ


“อ่าราส/ อืมราส” ไม่นานทั้งสองคนก็ปล่อยออกมาตามๆกันจนเลอะมือของผม


เรานอนพักหายใจกันสักพักจนเริ่มดีขึ้น ทั้งสองคนก็จัดการพยุงผมไปอาบน้ำ หมดแรงครับไม่เคยเจอบทลงโทษแบบนี้มาาก่อน


“นอนพักซะ” ผมพยักหน้าพร้อมกับหลับตาหนีสายตาของทั้งคู่ที่ส่งมา แล้วพรุ่งนี้จะมองหน้ากันยังไงไม่ให้เขินละครับ งื้อออออ



TBC.


หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #25 [16/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 16-06-2018 16:52:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #25 [16/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 18-06-2018 15:09:43
 :-[
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #25 [16/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 18-06-2018 16:08:34
น้องโดนกินจนจะหมดตัวแล้วววววว
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #26 [18/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 18-06-2018 16:33:56
#26


   แสงแดดที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา ความอบอุ่นที่คุ้นชินยามนอนกอดกันเป็นเรื่องปกติที่ผมจะเห็นภาพนี้เมื่อได้นอนด้วยกันสามคน แต่เรื่องราวก่อนที่จะหลับย้อนกลับมาส่งผลให้หน้าของผมเปลี่ยนสีเป็นแดงเข้มจนกลัวว่าเลือดจะทะลักออกมา


ผมพยายามขยับตัวให้เบาที่สุดเพื่อหลบไปเรียกสติในห้องน้ำแต่กลับเป็นการปลุกทั้งสองราชาให้ตื่นแทน


“จะหนีไปไหนครับ” ฟอด ฟอด


“ดะ เดี๋ยวก่อนสิครับฮาฟ มาหอมแก้มผมทำไมครับ แล้วอัลครับ คุณกำลังจับตรงไหนกัน” ผมดันหน้าฮาฟที่ไม่หยุดทำร้ายแก้มของผมแต่เช้าพร้อมกับใช้มือที่เหลืออีกข้างห้ามอัลที่พยายามจะปลดกระดุมเสื้อของผม ทำไมเช้านี้ของผมถึงวุ่นวายกันแบบนี้ละครับ




“มาทานมื้อเช้ากับพ่อก่อนสิลูกรัก”


“ครับ” ผมที่เดินนำทั้งสองคนลงมา กว่าจะจัดการพวกเขาได้ หวิดจะโดนแกล้งอีกรอบแบบเมื่อวานไปแล้วครับ


“หน้าตาสดชื่นดีนี่จอมมาร พระราชา”


“ก็คนมันมีความสุขนี่ครับท่านพ่อตา”


“พอเลยครับ มาทานข้าวกันดีกว่า ผมต้องรีบกลับไปที่โรงเรียนแล้วด้วย”


“เสียดายจัง ฉันยังอยากอยู่กับเธอต่ออีกสักวัน”


“ข้าก็เหมือนกัน”


“พอเลยครับ แค่นี้ก็ช้ำไปหมดแล้ว จะแกล้งกันแบบนี้ทีหลังผมจะเอาคืน คอยดูเถอะครับ”


“พวกข้ารออยู่นะ”


“อะแฮ่ม ถึงข้าจะให้ท้ายแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเกินเลยที่ตกลงไว้นะ”


“ตามที่รับปากครับท่านพ่อตา”


“ดี แล้ววันนี้มีอะไรถึงต้องรีบกลับละลูกรัก”


“วันนี้ผมต้องไปอ่านตำราที่เหลือครับ พรุ่งนี้จะเริ่มสอบแล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นอีกไม่กี่วันก็เรียนจบแล้วสินะ ดีจริงๆ”


“ครับ”




หลังจากที่ร่วมทานอาหารกับทั้งสามราเสร็จก็ได้เวลาที่ผมต้องกลับมาที่โรงเรียนเพื่ออ่านหนังสือตามที่บอกท่านจอมเวทย์ไว้


“มาแล้วหรอราส พอดีเลย ฉันกำลังไม่เข้าใจในเรื่องนี้พอดี”


“สวัสดีราส ทานอะไรมาหรือยัง”


“สวัสดีครับรัลเรน่า ผมทานมาแล้วพวกคุณละครับ”


“ทานแล้วเหมือนกันจ้า”


“ราสมาช่วยตรงนี้หน่อย”


“ครับๆรัล”



เราสามคนใช้เวลาที่เหลือของวันสุดท้ายก่อนสอบจนเรียกได้ว่าคุ้มมาก ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันกลับที่พัก รัลที่เดินกลับมาพร้อมผม พอถึงห้องก็หนีขึ้นเตียงนอนก่อน เห็นบอกว่าเสียสละห้องน้ำให้ แต่ผมคิดว่าน่าจะขี้เกียจอาบน้ำมากกว่า



เช้าวันต่อมา พวกเราสามคนก็เดินทางมาถึงห้องเรียนที่วันนี้เป็นห้องสอบ เราแยกย้ายกันตามเลขที่ก่อนอาจารย์จะเข้ามาอธิบายถึงการสอบอีกครั้ง แล้วปล่อยให้นักเรียนเริ่มลงมือทำ



หลังจากนั้นสามวันก็จะเป็นการประกาศผลสอบและเป็นวันปิดภาคเรียนของชั้นปีที่หกซึ่งเป็นปีสุดท้ายแล้ว


“เราจะไปฉลองเรียนจบกันที่ไหนดีจ้ะ”


“ที่รัก คะแนนยังไม่ออกมาเลยนะครับ”


“ยังไงผมว่าพวกเราต้องผ่านแน่นอนแบบที่เรน่าว่าอยู่แล้วละครับ เราตั้งใจกันเต็มที่แล้ว”


“นั่นสินะ ขอให้เป็นแบบที่ราสว่าเถอะ”


“ไปกันเถอะครับ คนลดลงเยอะแล้วครับ” ผมชี้ชวนทั้งสองคนก่อนจะพากันเดินไปที่บอร์ดประกาศผลที่นักเรียนมุงเริ่มจะสลายตัว


“อันดับที่หนึ่ง ราสเต้ ดีนเซอร์ โหราส นายได้ที่หนึ่งอีกแล้ว”


“จริงหรือครับ คุณสองคนก็ติดหนึ่งในห้าเหมือนกันละครับ”


“เห็นไหมบอกแล้วว่าไปหาที่ฉลองกันเถอะ อีกนานกว่าเราจะได้เจอกัน เพราะวันพิธีการเลิกดึกพอสมควร”


“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ ไปเดินดูในตลาดกันเถอะครับ”



หลังจากที่เราตกลงกันได้ก็ออกจากโรงเรียนเพื่อเดินเที่ยวและซื้อของฝากให้แก่กันก่อนจะจบลงที่ร้านอาหารธรรมดาริมทางที่นอกเขตตลาดมาพอสมควร เมื่อทานเสร็จเราต่างก็แยกย้ายกันกลับห้องพักตามเคย




วันนี้เป็นวันพิธีจบการศึกษาของนักเรียนปีหกซึ่งเป็นปีสุดท้ายแล้วละครับ เวลาหกปีที่ผ่านมาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียจริงครับ


“ตื่นเต้นจังเลยนะราส”


“ผมก็เหมือนกันครับเรน่า”


“หลังจากนี้พวกเราจะได้เจอกหันอีกไหม”


“ต้องได้เจอกันสิครับรัล ยังไงก็แวะเวียนไปหาผมที่บ้านได้อยู่แล้วละครับ แต่ผมว่าอีกไม่นานเราต้องได้เจอกันแน่นอนครับ”


“ฉันก็มีความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”


“เอาเถอะอย่ามามัวคุยเรื่องเศร้ากันเลยดีกว่า ฉันว่าเราสามคนไปที่หอประชุมกันเถอะ”


เราสามคนเดินเข้าไปที่หอประชุมที่เป็นสถานที่จัดงาน วันนี้ท่านจอมเวทย์ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีมอบใบประกาศการจบการศึกษาเช่นเคย เรื่องที่ผมเป็นลูกบุญธรรมท่านจอมเวทย์ตอนนี้มีแต่ขุนนางและคนที่ทำงานรับใช้ใกล้ชิดที่จะพอรู้เรื่อง แต่ชาวบ้านด้านนอกยังไม่รู้กันไม่แปลกถ้าวันนี้จะมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น


“ฉันยินดีที่ได้มาพบกับพวกเธอทุกคนเหล่านักเวทย์ทั้งหลาย มีหลายคนในที่นี้ที่กำลังจะเข้ารับหน้าที่ในหน่วยงานของอาณาจักรหลายๆหน่วยงาน และข้ารู้สึกภูมิใจยิ่งขึ้นที่ได้มามอบใบประกาศให้กับลูกรักข้ายิ่งนัก” เกิดเสียงฮือฮาเพราะว่าบุตรที่แท้จริงของท่านจอมเวทย์นั้นจบการศึกษาไปหลายปี ตอนนี้ก็กำลังเตรียมตัวเข้ารับตำแหน่งผู้สืบทอดของท่านจอมเวทย์อยู่ ผมรู้จักท่านพี่ดีเพราะท่านพี่เป็นคนที่นำเรื่องท่านจอมเวทย์มาบอกกับผมเอง


“เอาละเรามาเริ่มพิธีกันเลยเถอะ” สิ้นเสียงทุกอย่างก็เริ่มตามกำหนดการ จนกระทั่งถึงลำดับของผมที่เรียงตามรายชื่อ ท่านจอมเวทย์ลุกออกมาที่เพื่อมากอดผมด้วยความยินดี ก่อนที่จะมอบใบกับผม มีเสียงซุบซิบตลอดการเดินลงจากเวทีจนถึงที่นั่ง มีหลายสายตาที่มองมาด้วยความสงสัยแต่ไม่มีสายตาที่มุ่งร้ายเลย


“ข้าขอให้พวกเจ้าทุกคนเป็นนักเวทย์ที่ดี และทำงานอย่าสุจริต ไม่เบียดเบียนหรือรังแกผู้ที่ด้อยกว่าตน และสามัคคีกันเพื่ออาณาจักรสืบไป”


“น้อมรับด้วยชีวิต” เสียงของนักเรียนที่เข้าร่วมพิธีทุกคนดังก้องหอประชุมก่อนที่ท่านจอมเวทย์จะเดินกลับเข้าหลังม่านไป พวกเราเริ่มแยกย้ายตามซุ้มต่างๆเพื่อเป็นการเลี้ยงส่งนักเรียนครั้งสุดท้ายจากทางโรงเรียน


“ราส คือ”


“ไปหาที่สงบคุยกันเถอะครับ” ผมบอกกับเพื่อนทั้งสองของตัวเองก่อนที่เราจะพากันมาที่สวนข้างหอประชุมที่เงียบสงบเพราะคนส่วนมากอยู่ที่งาน


“ท่านจอมเวทย์รับผมเป็นบุตรบุญธรรม เพราะท่านถูกชะตาและมีหลายเหตุการณ์ที่ผมยังบอกพวกคุณสองคนไม่ได้ ขอโทษด้วยที่ไม่เคยบอกพวกคุณมาก่อน”


“ไม่เป็นอะไรเลยราส แค่นายยอมที่จะบอกเราก็ดีแค่ไหน ไหนจะการที่นายยังรับพวกเราเป็นเพื่อนแบบนี้อีก เท่ากับว่าตอนนี้นายก็มียศเทียบเท่าองค์ชายเลยสินะ”


“น่าจะประมาณนั้นนะครับ เอาละครับ ถึงยังไงพวกเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเก่าละนะครับ ตอนนี้ผมว่าเรากลับเข้าไปในงานกันเถอะครับ ก่อนที่รัลจะหิวไปกว่านี้”


“รู้ใจกันเสียจริงราสเพื่อนรัก” รัลเดินเข้ามากอดคอผมก่อนที่เราสามคนจะเดินกลับเข้ามาในงาน เละดูเหมือนจะมีคนอธิบายเรื่องนี้แล้ว ทุกคนพยายามทำตัวตามเดิมแต่ก็มีหลายคนที่เกร็งเวลาที่ผมเดินผ่านอยู่ดี




หลังจากที่ล่ำลาเพื่อนทั้งสองคนเสร็จผมก็เก็บข้าวของที่มีน้อยนิดก่อนจะเดินทางมา ตอนนี้ผมกลับมาที่พระราชวังของท่านจอมเวทย์เพราะดูเหมือนว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นเกี่ยวกับกลุ่มกบฏ เมื่อมาถึงก็ตามท่านจอมเวทย์เข้ามาที่ห้องทำงาน เจออัลที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียดอยู่พร้อมกับฮาฟ


“มีอะไรเกิดขึ้นกันถึงรีบร้อนกันมาที่นี่”


“สวัสดีครับท่านพ่อตา”


“สวัสดีท่านพระราชา”


“สวัสดีครับทั้งสองคน”


“ดีครับราส”


“อัลครับ เป็นอะไรหรือครับ ถึงไม่พูดเลย” ผมเดินไปสัมผัสใบหน้าที่เอาแต่เคร่งเครียดไม่สนใจรอบข้าง อัลสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นผม


“ดีใจที่ได้พบกัน ตอนนี้มีเรื่องเข้ามามากจนเผลอแสดงท่าทีไม่ดี ขอโทษด้วยนะท่านจอมเวทย์”


“ไม่เป็นไรข้าพอจะเข้าใจ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกัน”


“นายท่านขอรับ สายลมมีเรื่องด่วนมารายงานขอรับ”
 

“ผมขอตัวสักครู่นะครับ เชิญตามสบาย” ผมเดินหลบมาที่บริเวณหน้าต่างที่มีเก้าอี้วางอยู่ ผมเดินออกมาเพื่อฟังเสียงของคุณสายลมได้มากขึ้น


“มีเรื่องอะไรครับ”


“เมื่อช่วงสายของวันมีการก่อความวุ่นวายตามแนวชายแดนทั้งสามอาณาจักรแต่ไม่ใช้เหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเพราะแค่การเข้าปล้นทรัพย์สินเท่านั้น”


“เป็นเรื่องที่ทำให้จอมมารเครียดอย่างนั้นสินะครับ”


“ขอรับนายท่าน แต่เหตุที่ท่านจอมมารเครียดน่าจะมาจากการที่กลุ่มคนพวกนั้นล้วนเป็นชาวปีศาจทั้งหมดและดูแล้วจะปล้นที่อาณาจักรมนุษย์จนตอนนี้เริ่มมีการตอบโต้กันจนเหตุการณ์เริ่มจะบานปลายแล้วครับ”


“ดูท่าทางนั้นเริ่มจะเคลื่อนไหวแล้วสินะครับ เห็นทีคงใช้แผนการปั่นป่วนตามเดิมและดูเหมือนจะโจมตีที่อาณาจักรรัสเทียร์ก่อนจริงๆด้วยสินะครับ”


“รายงานล่าสุดตอนนี้มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ร้ายแรงขึ้นแล้วครับ และดูเหมือนว่าที่อาณาจักรรัสเทียร์กำลังโดนชาวเวทย์เข้าโจมตีด้วยครับ”


“อะไรนะครับ มันจะดูวุ่นวายเกินไปหน่อยนะครับแบบนี้ เท่ากับว่าครั้งนี้ต้องการที่จะบอกว่าทุกอาณาจักรไม่สามารถร่วมกันได้แล้วสินะครับ”


“สายลมคิดว่าครั้งนี้น่าจะเป็นการลวงนายท่านเพื่อประกาศสงครามแน่เลยขอรับ”


“ผมวานคุณสายลมช่วยไปบอกคุณทรีมอสว่าให้กระจายข่าวเรียกสัตว์อสูรและสัตว์ปีศาจมารวมกันที่ป่าชั้นในให้หมดเลยนะครับ ผมจะกางเวทย์คุ้มครองอีกชั้น ครั้งนี้ผมไม้ยอมให้พวกพ้องของเราต้องการเป็นหุ่นให้พวกมันแน่นอนครับ”


“แล้วนายท่านจะออกไปตามที่พวกมันต้องการหรือขอรับ”


“ในเมื่อผมก็ต้องการที่จะจบเรื่องอยู่แล้ว ก็ให้มันจบตั้งแต่ตอนนี้เลยเถอะครับ”


“แต่นายท่านขอรับ”


“ไปทำตามที่ผมบอกเถอะครับ ผมจะระวังตัว”


“ขอรับนายท่าน”



ผมมองทิวทัศน์ด้านนอกเพื่อสงบใจอีกสักพักก่อนที่จะเดินกลับมาที่โต๊ะที่สามราชากำลังครุ่นคิดกันอยู่


“เราจะทำสงคราม”


“หือ เจ้าว่าไรนะลูกรัก”


“ผมบอกว่า เราจะทำสงคราม”


“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นกัน เธอถึงได้ออกไปยืนที่ตรงนั้น”


“ที่ดินแดนของคุณกำลังโดนชาวเวทย์เข้าโจมตี ตอนนี้มีผู้บาดเจ็บมากขึ้น แล้วก็อาณาจักรอีกสองแห่งก็โดนปีศาจเข้าโจมตีพร้อมกัน ในเมื่อทางนั้นต้องการประกาศสงครามกับผม ทำไมผมจะต้องไม่รับคำท้าละครับอัล”


“แต่การทำตามที่พวกมันต้องการไม่ใช่เรื่องที่ดีและเธอก็จะเป็นอันตรายด้วยนะราส”


“ผมรู้ครับฮาฟว่าอันตราย แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมคิดเอาไว้นานแล้ว ในเมื่อฝ่ายนั้นทนรอผมมาตั้งหมื่นปี ผมจะตอบแทนให้ก็ไม่ผิดนี่ครับ”


“ราส”เสียงของทั้งสามคนเรียกชื่อผมเหมือนไม่รู้ว่าจะโต้แย้งอย่างไร


“เอาละครับ ตอนนี้ผมขอตัวไปคุ้มครองป่าก่อนนะครับ ดูท่าพวกมันน่าจะเลือกใช้แผนเดิมด้วยเหมือนกัน”


“พวกฉันจะไปด้วย”


“ผมว่าฮาฟกับอัลควรกลับไปจัดการที่อาณาจักรของพวกคุณจะดีกว่านะครับ การขาดหัวหน้าในยามที่เผชิญวิกฤตกำลังใจของผู้ตามจะเป็นอย่างไรกันครับ”


“แต่ว่าเธอ”


“ผมดูแลตัวเองได้ครับ เอาไว้เจอกันใหม่นะครับ” ผมหอมแก้มทั้งสามราชาพร้อมร่ายเวทย์คุ้มครองไว้กับทั้งสามคนเพื่อช่วยเหลือและบอกแก่ผมเมื่อทั้งสามคนมีภัยในยามที่ห่างกัน”


“ตามที่ลูกข้าบอก กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง อีกไม่นานเราจะต้องได้พบกัน”


เมื่อผมมาถึงก็พบกับเหล่าสัตว์มากมายที่กำลังเตรียมที่พักของตัวเอง


“นายท่าน”


“สวัสดีครับทุกคน ทนหน่อยนะครับ ผมอยากให้ทุกคนปลอดภัย” ผมได้รับรอยยิ้มกลับมาจนรู้สึกสุขใจ ก่อน


ผมเริ่มทำการร่ายเวทย์ลมสร้างเกราะคุ้มครองและเวทย์น้ำสร้างเวทย์ลวงตาเพื่อป้องกันอีกชั้นหนึ่งจนเรียบร้อยก่อนที่จะเริ่มปรึกษากับคุณทรีมอสถึงเหตุการณ์และแผนที่จะใช้ในการตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามกลับไป


TBC.

หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #27 [19/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 19-06-2018 09:24:50
#27

   หลังจากวันนั้นผ่านไป ผมก็ได้รับข่าวเรื่องการจับกุมผู้นำกบฏของทั้งสองอาณาจักรในเรื่องการทุจริตและอื่นๆอีกมากมาย แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้เพราะเหมือนจะมีสายคอยรายงานจนหนีไปได้ และผมคิดว่าที่หลบของคนร้ายคงเป็นที่ค่ายกบฏแน่นอน


“ผมคิดว่าร่างกายผมปรับตัวกับการหน่วงเวทย์คุ้มครองทั้งสองได้แล้ว ผมจะเริ่มจัดการกับกลุ่มกบฏเสียที”


“นายท่านวางแผนสิ่งใดไว้หรือครับ”


“ผมคิดว่าน่าจะเริ่มจากกลุ่มที่เข้ามาโจมตีของทั้งสามอาณาจักรก่อนครับคุณทรีมอส”


“แต่มันจะเสียเวลาหรือเปล่าครับ เหตุใดท่านไม่กำจัดที่ต้นเรื่องเลยละครับ”


“ถ้าเราจัดการที่ตัวผู้นำเลย ผมคิดว่าจะเกิดการต่อต้านที่มากขึ้น ผมคิดว่าควรจะเริ่มจากระดับผู้ตามดีกว่าครับ ผมจะได้อธิบายสิ่งที่ผมคิดไว้ด้วย”


“เรื่องที่นายท่านจะรวมสามดินแดนเช่นนั้นหรือครับ”


“ครับคุณทรีมอส”


ผมเคยเล่าให้คุณทรีมอสฟังแล้วครับเรื่องการรวมสามอาณาจักร แต่เป็นการรวมเพื่อทำให้ทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์และไม่ได้มีผู้ปกครองทั้งสามดินแดนแบบที่กลุ่มกบฏคิดครับ ผมยังคงให้แต่ละอาณาจักรมีผู้นำตามเดิม แต่ทุกครั้งที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องย่อมต้องีการหารือและลงมติจากทั้งสามราชาก่อนเสมอครับ


รูปแบบการปกครองจะกลับไปใช้คล้ายกับเมื่อหมื่นปีก่อนที่จะเกิดการกบฏและครั้งนี้ผมคิดว่าจะสามารถลดการเกิดกบฏได้เพราะมีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่จะคอยสอดส่องการทำงานของทั้งสามอาณาจักรโดยคัดเลือดบุคคลที่มีความสามารถและเป็นธรรมจากทั้งสามอาณาจักรมารวมกันเพื่อคานอำนาจยามที่อาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่งคิดไม่ดีต่ออาณาจักรที่เหลือ


“ถ้าอย่างน้นผมฝากที่เหลือด้วยนะครับคุณทรีมอส”


“ด้วยความยินดีครับนายท่าน”




ผมวาร์ปมาที่ชายแดนที่เกิดเหตุตามที่ติดต่อกับคุณสายน้ำและคุณสายลมไว้ก่อนหน้า บริเวณนี้กลายเป็นสงครามย่อมๆเพราะมีทั้งชาวบ้านที่เป็นพ่อมดแม่มดกำลังต่อต้านพวกปีศาจที่กำลังรุกราน


“หยุดก่อนเถอะครับพวกคุณทั้งสองฝั่ง” ผมใช้เวทย์ลมในการกระจายเสียงของผมให้ดังจนทั้งสองฝ่ายหยุดการเคลื่อนไหวแล้วหันมองหา และเมื่อมีคนหนึ่งหันมาเจอคนที่เหลือก็หันมาตามจนกลายเป็นว่าทุกคนต่างหันมาสนใจผมแทนการต่อสู่เบื้องหน้า


“ท่านเป็นใคร”


“ผมเป็นเพียงพ่อมดธรรมดาเพียงเท่านั้น แต่ผมขอให้พวกคุณทั้งสองฝ่ายช่วยหยุดฟังผมก่อนสักนิดเถอะครับ”


“เหตุใดเราต้องฟังเจ้า ในเมื่อเจ้าเป็นพวกเดียวกับพ่อมดแม่มดพวกนี้”


“แล้วเหตุใดปีศาจเช่นพวกท่านถึงต้องเข้ามาเข่นฆ่าพวกเราด้วยในเมื่อพวกเราไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกัน การที่ท่านเข้ามาโจมตีเราในครั้งนี้ก็เป็นเพียงคำสั่งจากคนที่ไม่หวังดีอยากให้ทั้งสามอาณาจักรล่มสลายเพียงเท่านั้นไม่ใช่หรือครับ”


“ตกลงเจ้าเป็นพ่อมดธรรมดาแน่หรือ เหตุใดถึงรู้เรื่องของพวกข้าลึกถึงเพียงนี้”


“อย่าได้ถามหาว่าผมเป็นใครเลยครับ ตอนนี้พวกเราในที่นี้เป็นเพียงแค่หมากในกระดานของเจ้าปีศาจจิตวิญญาณเพียงเท่านั้น ผมขอเถอะครับเลิกต่อสู้กันได้ไหมครับ แล้วเรามาพูดคุยกันว่าเพราอะไรถึงต้องลงมือแบบนี้”


“แต่พวกปีศาจทำร้ายคนของเราจนบาดเจ็บมากมาย เราจะยอมให้พวกพ้องของเราต้องตายเปล่าหรือ พ่อมดน้อย”


“ถ้าผมรักษาพวกคุณแล้ว พวกคุณทั้งสองฝ่ายจะยอมหยุดแล้วมาพูดคุยกับผมไหมครับ”


“ถ้าเจ้าสามารถคืนพวกพ้องของพวกข้าได้ พวกข้าจะยอมฟัง”


ผมไม่ได้ตอบรับอะไรแต่เริ่มการร่ายเวทย์แสงรักษาขั้นสูงที่มีผมในการชุบชีวิตและเงื่อนไขลดระดับตามมา หลังจากที่ร่ายเสร็จ ภาพของผู้ที่ตายในสงครามย่อยนครั้งนี้ก็ลืมตาขึ้นมาส่วนผู้ที่บาดเจ็บบาดแผลก็จางหาย คนที่เหนื่อยล้าต่างกระชุมกระชวยเหมือนเก่า


“ท่านมิใช่พ่อมดธรรมดา ท่านเป็นใครกันแน่”


“ผมเป็นแค่พ่อมดเพียงเท่านั้นครับ เอาละได้เวลาที่เราจะมาพูดคุยกันเสียที”


ผมเริ่มที่จะเจรจากับทั้งสองฝ่ายโดยเริ่มอธิบายกับทางพ่อมดแม่มดถึงสาเหตุที่ทางปีศาจเข้ามารุกรานและอธิบายถึงสิ่งที่ทางปีศาจถูกหลอกใช้ และช่วยไขข้อข้องใจในเรื่องปัญหาที่เป็นบ่อเกิดจนทำให้ทางปีศาจต้องเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้


“เราจะขอติดตามท่าน มีสิ่งใดที่เราทั้งสองฝ่ายพอจะตอบแทนท่านได้หรือไม่”


“ถ้าอย่านั้นพวกคุณทั้งสองฝ่ายช่วยไปบอกกล่าวเรื่องในครั้งนี้ให้กับผู้ที่ยังไม่เข้าใจในเหตุแห่งสงครามและแก้ไขข้อข้องใจกับสิ่งที่เผชิญอยู่ อีกทั้งช่วยแจ้งแก่ผู้ที่มีปัญหาให้เขียนจดหมายแล้วนำไปไว้ที่พระราชวังของท่านจอมเวทย์สำหรับชาวเวทย์และปราสาทของจอมมารนับจากนี้เมื่อเกิดปัญหา เพื่อให้ทั้งสามราชาสามารเข้าแก้ไขปัญหาของพวกท่านได้”


“พวกเราเข้าใจแล้ว จะนำสิ่งทีท่านบอกไปแจ้งแก่ผู้อื่นอีกที”


“ในเมื่อจบเรื่องแล้ว ผมขอตัวไปช่วยเหลือที่อาณาจักรฟาซอลเทียร์ก่อนนะครับ ดูเหมือนจะหนักกว่าทางนี้พอสมควร”




ผมไม่รอให้ทั้งสองฝ่ายทำความเคารพ ตัดสินใจวาร์ปมาที่อาณาจักรปลายทางทันที เมื่อมาถึงภาพตรงหน้าเป็นอะไรที่สาหัสมากครับ และดูเหมือนว่าฮาฟกำลังจัดการอยู่แต่เหมือนจะยังไม่ได้ผล


“เหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้างครับฮาฟ”


“ราส เธอมาได้อย่างไร ที่นี่อันตรายมากนัก”


“อย่าห่วงเลยครับ ว่าแต่ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันหรือยังครับ”


“ยังเลย ทางมนุษย์กำลังคิดจะก่อสงครามเพราะทางฝั่งตรงข้ามเป็นศัตรูมานานพอสมควร พอมาโดนโจมตีแบบนี้เลยยากเข้าไปอีก”


“อย่ากังวลไปเลยครับ ผมจัดการเอง”


ผมบอกฮาฟก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านหน้าและใช้วิธีเดียวกับครั้งก่อน ออ และตอนที่พูดคุยกับฮาฟผมก็เพิ่มระดับขั้นที่ถูกลดจนกลับมาเหมือนเดิมแล้วนะครับ บางครั้งผมก็กลัวพลังตัวเองเหมือนกัน


“หยุดก่อนทุกท่าน ทั้งเหล่ามนุษย์และปีศาจ สิ่งที่พวกท่านกำลังกระทำอยู่ใช่หนทางในการตัดสินจริงแล้วหรือ ท่านทำการก่อสงครามเช่นนี้มีแต่ทำให้เกิดการสูญเสีย แล้วเหตุใดถึงยังกระทำการเช่นนี้อีกหรือ”


“เจ้าเป็นใคร”


“เป็นเพียงพ่อมดคนหนึ่งเท่านั้น”


“หากเป็นพ่อมดเรื่องนี้ก็ย่อมไม่เกี่ยวกับเจ้า อย่ามายุ่งกับเรื่องของพวกเรา”


“ผมคงจะไม่ยื่นมือเข้าไปแทรกไม่ได้หรอกครับ ผมไม่อยากเห็นการสุญเสียโดยไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ใดๆได้อีกแล้ว หยุดก่อความสุญเสียทั้งสองฝ่ายเถอะครับ”


“เมื่อสูญเสียแล้วเรามีแต่ต้องเอาคืน ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามทำร้ายพวกพ้องเรา เหตุใดเราต้องยินยอมให้จบลงง่ายดาย”


“ถ้าพวกพ้องของพวกคุณกลับมา พวกคุณจะหยุดแล้วฟังผมใช่ไหมครับ”



“ถ้าเจ้าทำได้พวกเราปีศาจจะยอมฟังเจ้า”


“พวกเราชาวมนุษย์เช่นกัน”


“ราส อย่าทำอะไรที่เกินตัว ฉันไม่อยากให้เธอต้องบาดเจ็บอีก”


“ผมจัดการได้ อย่าได้ห่วงไปเลยครับ”


ผมหันกลับมามองก่อนที่จะเริ่มร่ายเวทย์ และเป็นเหมือนครั้งก่อน ระดับขั้นลดลงมาอีกครั้ง แต่ผมไม่กลัวในเมื่อผมสามารถที่จะฟื้นพลังได้โดยง่าย


“เอาละเราทั้งหมดมาเริ่มพูดคุยกันเสียทีนะครับ”


“ราส ไหวแน่นะ หน้าเธอซีดพอสมควร”


“มันเป็นผลมาจากการใช้พลังเวทย์ขั้นสูงเท่านั้นครับ ไม่เป็นไรหรอกครับฮาฟ ผมยังไหว”


“ถ้าอย่างนั้นมานั่งก่อนไหม”


“ขอเก้าอี้แทนไม่ดีกว่าหรือครับ แบบนี้มันไม่เข้ากับสถานการณ์ยังไงก็ไม่รู้นะครับ” ก็ใครใช้ให้ฮาฟดึงผมลงไปนั่งที่ตักเจ้าตัวแทนเก้าอี้ตัวใหม่ แถมตอนนี้ตัวแทนทั้งสองฝ่ายก็เดินเข้ามานั่งตรงข้ามแล้วเหมือนกัน


“เอาเถอะ เธอก็รีบพูดกกับพวกเขาเสียสิ จะมามัวหาเก้าอี้เสริมกันไปทำไม” แบบนี้ก็ได้หรอครับ พูดเองเออเองเสร็จสรรพ


ผมใช้เวลาคุยกับทั้งสองฝ่ายคล้ายกับที่คุยก่อนหน้าจนได้ข้อสรุปที่เหมือนกันและฮาฟยินดีที่จะรับเรื่องตามที่ผมบอก แถมยังดูเหมือนเรื่องความสัมพันธ์ของเราจะกระจายมากขึ้นไปอีก


เหตุการณ์วันนี้เป็นการตัดกำลังของกลุ่มกบฏพอสมควรเพราะเป็นการดึงประชากรกบฏกลับมาเป็นคนของมทางเรา และผมร่ายเวทย์คุ้มครองกับพวกเขาไปเพราะไม่ต้องการให้ทางปีศาจตนนั้นใช้เวทย์สะกดใจพวกเขาให้เดินไปทางที่ผิดอีกครั้ง




ตอนนี้ผมมาอยู่ที่อาณาจักรปีศาจของอัลพร้อมกับฮาฟที่ขอติดตามมาด้วย ที่อาณาจักรนี้หนักที่สุดครับ เพราะเป็นชาวปีศาจที่เข้ามาเข่นฆ่ากันเองมากกว่ากลุ่มอื่น อัลที่มองภาพตรงหน้าด้วยแววตาปวดร้าว มันไม่เหมาะกับอัลเลยสักนิดแววตาเจ็บปวดแบบนั้น


“อย่าได้เศร้าใจไปเลยครับ ผมจะดึงทุกอย่างกลับมาในทางที่มันควรจะเป็นเองครับ”


“ราส เธอมาได้อย่างไร พระราชาเจ้าก็มาด้วยเช่นกันหรือ”


“ที่อาณาจักรของเรา ราสเข้าไปช่วยเหลือจนสงบแล้วตอนนี้ถึงเลาอาณาจักรของเจ้าเช่นกันจอมมาร”


“ข้าเจ็บปวดยามที่เห็นคนของข้ากำลังเข่นฆ่ากันเองเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่ยอมมองว่าตรงหน้าคือเผ่าพันธุ์เดียวกัน”


“เพราะคำสาปที่ติดตามตัวของฝ่ายตรงข้ามอย่างไรเล่า ถึงทำให้ต้องเข่นฆ่ากัน”


“คำสาปหรือ มันเกิดอะไรขึ้นกัน”


“ผมจะกลับมาอธิบายกับพวกคุณอีกครั้งแต่ก่อนอื่นผมขอจัดการเรื่องนี้ก่อนนะครับ”


ผมบอกกับทั้งสองคนก่อนที่จะเริ่มร่ายเวทย์แสงลบล้างคำสาปต่อด้วยเวทย์น้ำชำระจิตใจของทั้งหมดเพื่อล้างจนหมดสิ้น ต่อด้วยเวทย์แสงคล้ายกับที่ผ่านมาทั้งสองครั้ง เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บล้มตายในสงครามครั้งนี้ จนในที่สุดทุกอย่างก็ยุติ และคล้ายเดิม เราเริ่มที่จะพูดคุยเจรจากับทั้งหมดก่อนจะช่วยเหลือและฝ่ายกระจายข่าวตามเดิม


“พรุ่งนี้ผมจะบุกเข้าไปที่ค่ายของพวกมันเพื่อจับกุมตัวหัวหน้า และผมคิดว่าครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งตัดสินของผมกับปีศาจจิตวิญญาณ”


“มันอันตรายเกินไปที่เราจะเข้าไปในถิ่นของศัตรูแบบนั้น มันไม่ต่างกับเดินเข้าไปให้มันฆ่าเล่นเลยนะราส”


“ผมรู้ครับฮาฟว่ามันอันตราย แล้วเราจะทำยังไงกันละครับถ้าไม่เข้าไปในนั้น”


“เราจะส่งตัวล่อมันออกมาแทน”


“เราจะเอาอะไรไปล่อมันกันครับอัล สิ่งที่มันอยากจะได้ก็คือบังลังก์ของทั้งสามราชาเท่านั้น”


“มันต้องมีหนทาง ข้าว่าเราติดต่อท่านจอมเวทย์ดีกว่า ข้าคิดว่าท่านจอมเวทย์น่าจะช่วยพวกเราได้”


“แบบนั้นก็ได้ครับ”


ไม่ว่ายังไง ผมคิดว่า พรุ่งนี้ต้องเป็นวันตัดสินชะตาของทั้งสามอาณาจักรแล้วละครับ ขอให้สำเร็จด้วยเถอะครับ



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #27 [19/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 19-06-2018 12:12:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #27 [19/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 19-06-2018 13:40:03
กำลังสนุกเลย  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #27 [19/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 19-06-2018 17:55:27
ดูสมูทไปหมดเลยเพราะความ op ของน้อง แต่วิธีการแก้ปัญหาก็แค่นี้แหละ ต้องวางอาวุธ แล้วคุยกันให้ได้แบบที่ควรจะเป็น
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #28 [21/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 21-06-2018 12:41:56
#28


“ท่านจอมเวทย์”


“มากันแล้วหรือ ข้ากำลังจะส่งข่าวเรียกพวกเจ้าพอดี”


“มีอะไรหรือครับท่านจอมเวทย์”


“ตอนนี้ข้าจับกุมพวกหัวหน้ากบฏได้แล้วตอนนี้อยู่ที่คุกเวทย์”


“อะไรนะครับ เกิดอะไรขึ้นกัน”


“เหตุใดท่านจอมเวทย์ถึงได้จับกุมเหล่ากบฏได้กัน”


“ข้าก็นึกไม่ถึงว่าทางนั้นจะส่งคนมาลอบฆ่าข้าแบบนี้ ข้าเลยซ้อนแผนล้อมจับ จนได้คนที่ลูกข้าบอกว่าเป็นกบฏมาด้วยทั้งหมด เพราะข้าคาดว่าน่าจะร่วมกันลงมือเตรียมสังหารข้า”


“พวกเราขอไปดูได้ไหมครับ”


“ตามข้ามา”



ตอนนี้พวกเราสามคนมาที่อาณาจักรอิลเทียร์ที่พระราชวังของท่านจอมเวทย์ตามจริงเรามาเพื่อขอคำปรึกษา ใครจะไปคาดคิดว่าท่านจอมเวทย์จะสามารถจับกุมพวกมันก่อนแบบนี้ พวกมันคิดจะล้มราชาไปทีละดินแดนจริงด้วย


ท่านจอมเวทย์พาพวกเราทั้งสามคนไปที่คุกเวทย์เป็นคุกที่ไว้กักกันพวกที่มีเวทย์รุนแรง  เมื่อมาถึงภาพที่เห็นทำเอาคิ้วผมกระตุก


“สองคนเท่านั้นหรือครับ”


“ใช่ เจ้าสองคนนี้เป็นคนที่ลอบเข้ามาหมายสังหารข้าตอนที่กำลังจะเข้านอน”


“แบบนี้ก็แปลว่าเราจับกุมสองในสามกบฏได้แล้วสินะครับ”


“เรายังวางใจไม่ได้ ข้าว่ามันง่ายเกินไป”


“ยังไงกันครับอัลที่ว่าง่าย”


“เธอคิดว่าพวกมันที่วางแผนกันมานานจะยอมให้จับกุมตัวง่ายขนาดนี้กันรึ”


“อย่างที่จอมมารว่ามา ฉันคิดว่ามันกำลังคิดจะลงมือทำอะไรกันอยู่สักอย่าง”


“สายไปแล้วที่พวกเจ้าคิดในตอนนี้ เวลานี้ท่านผู้นำคงจะเข้ายึดครองอาณาจักรของพวกเจ้าหมดแล้ว”


“พวกคุณพูดเรื่องอะไรกันครับ”


“เจ้าเด็กในคำทำนายเอ๋ย ไม่มีวันที่เจ้าจะเข้ามาขัดขวางแผนการพวกข้าได้อีกแล้ว ตอนนี้ท่านผู้นำกำลังเข้าครอบครองทุกพื้นที่ในแผ่นดินนี้ พวกเจ้าไม่มีวันชนะ พวกเจ้าไม่มีวัน อึก”


“เกิดอะไรขึ้น” อยู่ดีๆเจ้ากบฏก็กระอักเลือดออกมาแล้วล้มลงไปนอนดิ้นกับพื้นรวมถึงอีกคนด้วยที่มีอาการเหมือนกัน


“นายท่านดูเหมือนจะมีพลังเวทย์แปลกปลอมในนี้ขอรับ”


“เกิดอะไรขึ้นครับคุณสายลม”


“คุณทรีมอสบอกกับสายลมว่าเวทย์ที่ปีศาจจิตวิญญาณใช้ในตอนนี้คือเวทย์ดูดกลืนขอรับ”



“เวทย์ดูดกลืน”


“เจ้ารู้จักเวทย์ชนิดนี้ด้วยหรือลูกข้า”


“มันคืออะไรหรือท่านจอมเวทย์”


“พระราชาอาจจะไม่เคยได้ยิน เวทย์ดูดกลืนเป็นเวทย์ของทางเผ่าปีศาจ เป็นเวทย์ขั้นสูงที่มีเพียงคนที่มีระดับพลังเวทย์สูงเท่านั้นที่ใช้ได้ มันเป็นเวทย์อันตราย มันจะดูกลืนเอาพลังเวทย์ของคนที่มีพันธะสัญญาต่อกันกลับไปที่ตัวผู้ร่ายเวทย์โดยที่ผู้ที่ถูกดูดกลืนไม่สามารถขัดขืนได้”


“นายท่านเจ้าค่ะ สายน้ำมีเรื่องด่วนมารายงาน”


“มีอะไรหรือครับ”


“จากที่พรรคพวกของสายน้ำส่งข่าวกลับมาตอนนี้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจากการถูกเวทย์จากปีศาจจิตวิญญาณที่กำลังจะกลืนกินพลังชีวิตของชาวเมืองทั้งสามดินแดนอยู่เจ้าค่ะ”


“มันเรื่องอะไรกันครับ ชีวิตของผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกลับถูกปลิดทิ้งเหมือนใบไม้ล่วงขนาดนี้”


“นายท่านอย่าได้วู่วาม โปรดระงับความโกรธด้วยเจ้าค่ะ”



“พวกมันต้องชดใช้กับสิ่งที่มันทำ”


“ราสเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”


“ราสเธอเป็นอะไร หันมาคุยกันก่อน”


“ลูกรักเจ้าเป็นอะไร”


ทั้งสามคนพยายามเรียกผมที่ตกอยู่ในวังวนความแค้น


“ผมจะไปจัดการกับมันที่ทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่อง ผมไม่ยอมให้เหล่ามนุษย์ที่คอยปกป้องถูกทำร้ายแบบนี้แน่นอน”


“ถ้าอย่างนั้นพวกข้าจะคอยช่วยเหลือเจ้า”


ผมจับมือทั้งสามคนก่อนที่จะพาวาร์ปมาที่บริเวณที่เกิดเหตุการณ์นอนเลือด ตรงที่พวกเราทั้งสี่คนมาถึงเป็นพื้นดินที่เป็นเขตติดต่อกันระหว่างดินแดนมนุษย์กับปีศาจ มีร่างไร้วิญญาณของประชาชนมากมายทอดร่างอยู่เบื้องหน้าของพวกเรา


“มาแล้วหรือท่านมหาปราชญ์จอมเวทย์ ข้ารอคอยเวลาที่จะได้บดขยี้ท่านมาโดยตลอด และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”


“หากต้องการสู้กับเรา เหตุใดถึงต้องทำร้ายผู้อื่นกันปีศาจจิตวิญญาณ” ผมก้าวออกมาด้านหน้าเมื่อฝ่ายตรงข้ามสังเกตุเห็นผมแล้วกล่าวท้าทาย


“พวกมันคือขุมพลังของข้า ท่านที่มีพลังมากมายจะมาเข้าใจข้าได้อย่างไร อย่าได้เสียเวลากล่าวกันอีกเลย อีกไม่นานทั่วทั้งแผ่นดินนี้ก็จะเป็นธาตุของข้า อีกไม่นานข้าก็จะสำเร็จ ส่วนพวกเจ้าสามราชา จงหายไปซะ แต่สำหรับท่านมหาปราชญ์จอมเวทย์ พลังของท่านข้าจะขอรับไว้หลังจากที่สังหารท่านเสร็จก็แล้วกัน”


“ถือว่าเป็นคำขอร้องของผม พวกท่านทังสามคนช่วยพาชาวบ้านที่ไม่รง็เรื่องออกไปให้พ้นจากตรงนี้เถอะนะครับ”


“อย่าได้คิดจะทิ้งพวกข้าสองคนไป”


“ผมไม่ได้คิดที่จะทิ้งชีวิต ขอร้องเถอะครับ ช่วยทำตามที่ผมบอกที”


“ทำตามที่ลูกข้าบอกเสียสองราชา ลุกข้าไม่ใช่ผู้อ่อนแอ ข้าเชื่อว่าลูกของข้าแข็งแกร่งพอ”


“ขอบคุณครับท่านจอมเวทย์ที่เชื่อใจ”


“ได้เพราะเราเชื่อว่าเธอจะกลับมา”


“ผมสัญญา” สามราชาเดินห่างออกไปพร้อมกันช่วยกันพาร่างของชาวบ้านรวมกันไว้ที่บริเวณใกล้เคียง


“พวกมันตายหมดแล้วไม่ว่าจะทำยังไงก็ช่วยพวกมันไม่ได้หรอกท่านมหาปราชญ์จอมเวทย์”


“อย่าได้กล่าวมากความอีกเลย ครั้งนี้เราจะต้องกำจัดเจ้าให้หมดสิ้นไม่เหลือสิ่งใดยึดติดอีก”


“ถ้าคิดว่าทำอะไรข้าได้ก็ลองดู”


“เหล่าเวทย์จงรับฟังข้าที่เป็นนายเหนือของพวกเจ้า” ลูกบอลเวทย์ทุกเวทย์ต่างปรากฏล้อมร่างของผมหลังจากที่พูดเสร็จ


“ฝนมืดจงทำลายมันซะ”ฝ่ายตรงข้ามชิงใช้ช่วงเวลาที่ผมเรียกเวทย์เริ่มเปิดฉากโจมตีก่อน


“บาเรีย” “สายฟ้า” ผมเรียกใช้เกราะเวทย์ลมในการป้องกันกับเรียกเวทย์แสงกับน้ำสร้างสายฟ้าโจมตีศัตรูที่พยายามกางเกราะเวทย์ป้องกัน แต่เพราะระดับที่ต่างกันอีกทั้งเกราะของฝ่ายตรงข้ามเป็นเวทย์มืดที่สร้างจึงไม่สามารถต้านพลังของสายฟ้าได้ ร่างของฝ่ายตรงข้ามโดนพลังอัดกระเด็นห่างออกไปจนกระอักเลือด


“กายหยาบที่เจ้าครอบครองมิใช่กายของเจ้า จิตวิญญาณที่ล่องลอยมานานไม่สามารถจะคงอยู่ได้ อีกไม่นานดวงจิตของเจ้าจะดับสลาย เมื่อดวงจิตแตกดับเจ้าจะไม่สารถกลับมาเวียนว่ายตามวัฏจักรได้อีก”


“อย่าได้มาสั่งสอนข้า ท่านก็พูดได้ในเมื่อท่านไม่มีวันตาย”


“เราก็มีอายุไขของเราเช่นกัน และทุกครั้งที่เรากลับมาเกิดใหม่ก็ไม่ได้ต่างจากดวงจิตอื่นเลย”


“ข้าไม่เชื่อ เทพแบบพวกท่านมันเห็นแก่ตัว พวกท่านก็ได้แต่นั่งมองพวกเรารบราข้าฟันจนกลายเป็นเรื่องขบขันของพวกท่านเท่านั้น”


“เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องราวของเราดีนักหนา เจ้าเป็นใครกันแน่”


“เป็นเพียงแค่ผู้ที่ถูกเบื้องบนทอดทิ้งอย่างไรเล่า ท่านอาจจะยังไม่รู้ ข้าถูกใส่ร้ายจนต้องโดนเนรเทศมาเกิดเป็นปีศาจที่ไม่สามารถมีชีวิตที่สงบสุขได้เลย”


“สิ่งที่ทำให้เจ้าไม่สามารถใช้ชีวิตสงบสุขได้คือความแค้นในใจของเจ้ามิใช่หรือ พวกเราไม่เคยคิดจะทอดทิ้งใคร”


“แต่ท่านก็ทอดทิ้งพวกเราไปเมื่อหมื่นปีก่อนเหมือนกัน”


“นั่นเพราะพวกเจ้าทอดทิ้งข้าในกาลก่อน”


“ท่านอย่าได้กล่าวอ้างอะไรอีกเลย ข้าไม่เชื่อใดๆอีกแล้ว”


“ไม่ต่างอะไรกันเลย”


“ท่านพูดอะไร”


“ไม่ว่าจะมนุษย์ ปีศาจ ชาวเวทย์ หรือแม้กระทั่งเบื้องบน ทุกชีวิตย่อมมีความผิดพลาด ความเห็นแก่ตัว ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความแค้น ความอาฆาตพยาบาท ไม่ต่างกันทั้งสิ้น เหตุใดกันถึงได้ต่อว่าตัวเองกันในเมื่อทุกชีวิตก็ไม่ต่างกัน”


“ท่านต้องการพูดอะไร”


“เจ้าต้องการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดของตนเองหรือไม่”


“อย่าพูดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”


“การย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่ตนเองเคยกระทำอาจจะไม่สามารถทำได้แต่การยอมรับแล้วแก้ไขสามารถทำได้เสมอ เจ้าคิดเหมือนเราหรือไม่”


“ท่านคิดจะทำอะไร”


“สายลมจงฟังข้า จับตรึงร่างของผู้ที่อยู่ตรงหน้าข้า”


“ท่านจะทำอะไรปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”


“เวทย์แสงจงฟัง จงชำระล้างวิญญาณที่ติดอยู่ในวังวนแห่งความแค้นนี้ให้หลุดพ้นตามเส้นทางที่ถูกต้อง จงชำระล้างจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์แล้วส่งไปในที่ของวิญญาณรอการลงทัณฑ์เสีย”


“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” สิ้นเสียงเวทย์แสงของผมก็เริ่มทำงาน เสยีงกรีดร้องจากดวงวิญญาณร้ายก่อนที่แสงจะดับพร้อมกับร่างที่สถิตจะสลายไปพร้อมกับดวงจิตตรงหน้า



ทุกอย่างรอบข้างเหลือเพียงความเงียบ ผมทำถูกแล้วใช่ไหมครับที่ให้โอกาสกับดวงจิตดวงนั้นเพื่อการชดใช้สิ่งที่เคยก่อ อย่าที่ดวงจิตบอกไว้ ผมก็เคยทอดทิ้งไม่ว่าด้วยเหตุผลไหน ในเมื่อทำผิดพลาดผมก็ต้องยอมรับและลงมือแก้ไข ในครั้งนี้คือการลงมาแก้ไขเรื่องราวของผมเหมือนกัน


ผมกางแขนเพื่อร่ายเวทย์รักษาและฟื้นฟูพื้นที่ที่ถูกทำลาย ครั้งนี้เป็นการใช้เวทย์ที่หนักเกินกว่าที่ร่างกายของผมจะรับไหว ร่างกายของผมเริ่มสั่นสะท้าน พร้อมกับที่เริ่มมีเลือดไหลออกจากริมฝีปากจากผลกระทบจากการใช้เวทย์ระดับสูง


ร่างของผู้คนที่บาดเจ็บล้มตายเริ่มฟื้นกลับมาอีกครั้ง พ่อแม่ต่างเข้ากอดลูกที่ฟื้น สามีภรรยาต่างมอบรอยยิ้มให้แก่กัน บ้านเรือนที่เสียหายถูกทำให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม


“ราส” เสียงของคนรักของผมทั้งสองที่รีบวิ่งมารับร่างของผมที่กำลังทรุดตัวลงไว้ในอ้อมแขนของทั้งคู่ได้พอดี


“ผมแก้ไขเรื่องที่ผิดพลาดแล้ว ดีแล้ว”


“เธอสัญญากับพวกฉันแล้วว่าจะกลับมา”


“ผมกลับมาแล้วยังไงครับ ไม่ได้ทิ้งไปไหน”


“แล้วที่เธอกำลังเป็นอยู่ตอนนี้คืออะไรตอบข้ามาสิราส เธอไม่ได้กำลังจะทิ้งพวกเราใช่ไหม”


“ผมแค่เหนื่อยเท่านั้นครับ อย่าได้กังวลไปเลยครับทั้งสองคน”


“อย่าทิ้งพวกฉันไปนะราส”


“ผมไม่ทิ้งพวกคุณทั้งสองคนหรอกครับ พวกคุณเป็นคนรักของผมนะครับ”


“ข้าดีใจที่ได้ยินแต่เหตุใดใจข้าถึงเจ็บปวดเมื่อได้ฟังกัน”


“ผมแค่พักผ่อนเท่านั้นครับ ไม่นานผมก็จะกลับมาวิ่งเล่นกับพวกคุณเหมือนเดิมแล้ว”


“เราจะรอวันที่เธอกลับมา ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ ได้โปรดกลับมานะราส”


“ผมจะกลับมาแน่นอนครับอัล ฮาฟ ผมรักพวกคุณนะครับ”



สิ้นสุดคำร่างโปร่งตรงหน้าที่อยู่ในอ้อมแขนของสองราชาก็หลับไป ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ประชาชนที่อยู่รอบข้างไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ไหนต่างหลั่งน้ำตาต่อความเสียสละต่อผู้ที่ช่วยเหลือพวกตน  ทุกคนต่างก้มหัวจนรดพื้นทำความเคารพพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เป็นภาพที่น่ายินดีที่ทุกคนต่างเข้าใจซึ่งกันและกันและเรื่องราวร้ายๆได้จบลงแล้ว แม้ว่าร่างโปร่งของคนตรงหน้าจะไม่ได้รับรู้การกระทำนี้ก็ตาม


TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #28 [21/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 22-06-2018 08:52:57
รีบฟื้นมานะราส  :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #28 [21/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 22-06-2018 09:54:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #29 [22/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 22-06-2018 11:30:45
#29


   ผ่านไปสามเดือนหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ร่างบางยังคงหลับใหลอยู่บนเตียงโดยที่มีสามราชาคอยเข้ามาเยี่ยมเยียนเสมอ ตอนนี้ทางสามอาณาจักกรกำลังหารือถึงมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องราวเลวร้ายอีกครั้ง


“ราส เธอหลับนานเกินไปแล้วนะ”


“พวกข้ารอเธอเสมอ แต่อย่าทำร้ายกันอีกเลยได้หรือไม่”


“ลูกรัก พ่อกับแม่รอเจ้าอยู่เสมอนะราส” เสียงของแม่แท้ๆของราสที่หลังจากเกิดเรื่องจอมเวทย์ก็ส่งบ่าวพร้อมพาเข้ามาเพื่อดูแลลูกชายของตนที่หลับใหลมาตลอดช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมา









“ตื่นเถิดลูกข้า”


“ท่านผู้สร้าง”


“จงมีชีวิตตามที่เจ้าปรารถนาเถิด อย่าได้กังวลกับสิ่งใดอีกเลย พ่อจะคอยเฝ้ามองอยู่ที่เดิมและรอวันที่เจ้าจะกลับมาหาพ่ออีกครั้งเมื่อสิ้นบุญ”


“ข้าจะกลับมา ขอบคุณท่านอีกครั้ง ท่านพ่อ”


“ไปเถิดลูกรักในเมื่อหายดีแล้ว อย่าทำให้คนที่เจ้ารักและรักเจ้าต้องรอคอยอีกเลย”


“ขอรับท่านพ่อ”


“อืม”








“ราส”


“ผมหลับไปนานแค่ไหนกันครับ” ทำไมเสียงของผมถึงแหบขนาดนี้กัน


“สามเดือนลูกแม่ ลูกหลับไปสามเดือน”


“ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกพี่ ท่านจอมเวทย์ อัล ฮาฟ ทุกคน ผมกลับมาแล้วครับ”


หมับ แรงกอดรัดจากร่างของคนรักผมที่กอดรัดทำให้ผมเกิดความเขินอายที่ถูกกอดต่อหน้าผู้อื่น แต่กลับอุ่นใจที่ได้กลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง


“ขอบคุณที่กลับมาหาพวกเรา”


“ขอบคุณที่รอผมกลับมาเหมือนกันครับ”


“เอาละ ในเมื่อมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นแล้ว ข้าในฐานะพ่ออีกคนของราส ข้าคิดว่าเราควรจะทำทุกอย่างให้ถูกให้ควรเสียที”


“ข้าเห็นด้วยกับที่ท่านจอมเวทย์พูด”


“พวกข้าสองคนจะทำตามที่ท่านพ่อตาแม่ยายบอก”


“พูดเรื่องอะไรกันหรือครับ” ผมที่นั่งฟังอย่าไม่เข้าใจ พวกพี่ผมต่างเอาแต่อมยิ้มมองมาที่ผมที่นั่งงงบนเตียงนอน


“แต่งงานกันนะ” เสียงของคนรักสองคนดังขึ้นพร้อมกันพร้อมกับกุมมือผมไว้


“เอ๊ะ” ผมที่ตกใจได้แต่นั่งตาค้างมองทั้งคู่ก่อนจะมองไปรอบห้องที่มีคนสำคัญของผมต่างรอคอยคำตอบของผม


“ตอบสิราส” พี่สาวของผมเร่งคำตอบจากผม


“ครับ ผมจะแต่งกับพวกคุณ แต่ว่าประชาชน”


“พวกเราจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เรื่องทีท่านทรีมอสบอกกับเราเรื่องสิ่งที่เธอต้องการก็เช่นกัน เราจัดการให้เธอแล้วเหมือนกัน” เป็นอัลที่ตอบคำถามผมเพราะฮาฟเอาแต่นั่งมองหน้าผม


“มีอะไรหรือเปล่าครับฮาฟ”


“ฉันกำลังนึกถึงวันแต่งงานของพวกเราอยู่”


“ฮาฟ เจ้ากำลังนึกถึงวันแต่งงานหรือตอนส่งตัวกันแน่”


“อัล อย่าได้มาถามเรื่องที่เจ้าก็คิดเช่นข้าเลย”


“พวกคุณพูดเรื่องอะไรกันครับ”ผมหลุดพูดเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายที่ได้ยิน


“เอาละ พวกเราอย่าได้รบกวนคนป่วยเลย เจ้าก็พักผ่อนอีกสักวันสองวันก่อนแล้วกันค่อยมาคุยกันอีกที”


“ครับท่านจอมเวทย์” ทุกคนต่างทยอยเดินออกจากห้องนอนของผม ก่อนที่ผมจะล้มตัวนอนเพื่อพักฟื้นร่างกายต่อ





หลังจากนั้นสามวัน ตอนนี้ผมกำลังเดินสำรวจพื้นที่เขตแดนที่กั้นพวกเราสามดินแดนเอาไว้ ตอนนี้ทังสามราชาต่างทำความเข้าใจกับประชาชนของแต่ละอาณาจักรเรื่องการรวมตัวกันในการดูแลปกครองอาณาจักรแต่ยังคงมีสามาราชาดูแลเช่นเดิม เพียงแต่ประชาชนสามารที่จะเข้าไปอยู่อาศัยในต่างแดนได้อย่างอิสระและมีหน่วยงานที่ตรวจสอบการทงานของสามราชาอีกครั้งในการดำเนินการที่เกี่ยวของทั้งสามดินแดน


สรุปโดยง่ายคือการรวมสามอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียวโดยมีการดูแลจากทั้งสามราชาคล้ายเดิมและมีคณะทำงานที่เข้ามาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง และสิ่งที่เป็นปัญหาคือเวทย์เขตแดนที่ไม่สามารถปลดได้ตลอดช่วงสามเดือนที่ผมหลับไป ทั้งสามราชาต่างคิดว่าผมน่าจะปลดได้ วันนี้เลยออกมาทดลองกัน


“ขอผืนดินและผืนฟ้าจงรับฟังคำของข้า ในฐานะของบุตรแห่งผู้สร้างแลข้าผู้ที่เป็นผู้ดูแลแผ่นดินนี้ จงปลดเวทย์ที่ขวางกั้นเขตแดนทั้งสามออก เดี๋ยวนี้”


สิ้นเสียงของผม เกิดปรากฏการแผ่นดินสั่นสะเทือนพร้อมกับการคำรามของฟ้าเปรียบเสมือนการตอบรับคำของผม ไม่นานเขตแดนที่เคยขวางกั้นทั้งสามดินแดนก็สลายไปจนหมดก่อนที่จะบังเกิดแสงทั่วทั้งแผ่นดิน เหล่าสัตว์ต่างๆและพืชพรรณต่างยินดีต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้


ผมพาทั้งสองราชามาที่ป่าต้องห้ามที่ตอนนี้ไม่มีม่านพลังคุ่มครองเพราะเรากำลังเปลี่ยนพื้นที่ด้านนอกป่าเป็นที่ตั้งของกระทรวงกลางในการรับเรื่องร้องเรียนของแต่ละอาณาจักรและรวบรวมการทำงานของทั้งสามอาณาจักรไว้ที่แห่งเดียว สัตว์ต่างๆเมื่อเห็นผมก็เข้ามาทักทายรวมทั้งยังเผื่อแผ่ไปที่สองราชาเช่นกัน


เรื่องการแต่งงานของพวกเราต่างถูกกระจายไปทั่วทั้งสามอาณาจักรเพื่อให้ประชาชนแสดงความยินดีต่อพวกเรา ผมฟังเรื่องหลังจากที่หลับไปจากทั้งสองราชาเรื่องของประชาชนที่ถูกผมช่วยไว้ ตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนต่างได้รับคำอวยพรจากประชาชนและความเคารพที่มากขึ้น ตอนนี้ทั้งสามอาณาจักรต่างมีแต่ความสุข ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ที่สุดเลยครับ



TBC.
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #29 [22/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 22-06-2018 14:29:25
ฟื้นแล้วว จะแต่งงานแล้วด้วย  :-[
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #30 [23/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 23-06-2018 11:07:53
#30


วันนี้เป็นวันจัดงานแต่งงานของพวกเราครับ และเป็นวันเดียวกันในการสถาปนาอาณาจักรทั้งสามเหมือนกัน ประชาชนต่างได้รับเกียรติให้เข้าร่วมมาเป็นสักขีพยานในครั้งนี้มากมายโดยไม่แบ่งพันธ์แบ่งชนชั้น


“ข้าสาบานว่าจะรักเจ้าไปจนนิรันด์”


“ข้าขอสาบานจะรักเจ้าไปจนวันตาย”


“ผมขอสาบานว่าจะรัก จะดูแลทั้งสองคนตราบสิ้นลมหายใจ”


“ข้าขอประกาศว่าทั้งสามคนเป็นสามีภรรยากันนับจากวันนี้ตลอดไป”


“เฮ” สิ้นเสียงบาทหลวงประจำอาณาจักรอิลเทียร์ผู้ดำเนินพิธีการครั้งนี้ที่จัดที่กระทรวงกลางที่อยู่กลางสามดินแดน ก็มีเสียงแสดงความยินดีจากประชาชนที่เข้าร่วมงาน


“ต่อไปจะเป็นพิธีการสถาปนาการรวมตัวกันของทั้งสามอาณาจักรเป็นลำดับต่อไป”


พิธีการต่างๆทยอยดำเนินไปจนสุดท้ายเป็นการกล่าวของสามราชาและผมที่ตอนนี้รับตำแหน่งราชินีของสองอาณาจักรเป็นลำดับสุดท้าย


“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ทั้งสองงาน ผมสัญญาว่าจะคอยช่วยเหลือพวกท่านในยามที่เดือดร้อนให้ได้มากที่สุด และอยากจะขออวยพรพวกท่านอีกครั้ง”


“ในนามข้าบุตรแห่งท่านผู้สร้าง ขออำนวยพรให้ทุกคนทุกท่านประสบแต่ผมสำเร็จในทุกๆด้านในทางที่ถูกที่ควร ประสพพบเจอแต่เรื่องดีๆ ขอทุกท่านจงมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นนับจากนี้ตลอดไป”


“เคารพองค์ราชา องค์ราชินี” เสียงสรรเสริญพวกเราสี่คนดังก้องไปไกลจนทำเอาผมน้ำตาซึม สองคนรักต่างกุมมือผมทั้งสองข้างไว้เพื่อปลอบใจ


หลังเสร็จสิ้นพิธีการ ย่อมเป็นงานเลี้ยงที่ทางเราจัดให้กับประชาชนทุกคน พวกเราต่างเปลี่ยนชุดที่ไม่เป็นพิธีการมากนักเพื่อร่วมงานเลี้ยง


“เคารพองค์ราชินี”


“รัล เรน่า” ผมวิ่งไปกอดเพื่อรักทั้งสองท่ามกลางแขกที่เข้าร่วมงาน ก่อนจะถูกแกะตัวออกมาแล้วดันมาอยู่ระหว่างทั้งสองราชาแทน


“ถึงจะเป็นสหายข้าก็หวง”เสียงของอัลดังหลังจากที่ดึงตัวผมมา


“อะไรกันครับ”


“หวง” นี่ก็อีกคนแทนที่จะห้ามกับเห็นด้วยแทน


“พวกคุณสองคนสังกัดตามที่เคยบอกไว้ใช่ไหมครับ”


“ใช่พวกเราสองคนอยู่ในสังกัดที่บอกนายไว้ราส”


“แบบนี้พวกเราก็เจอกันได้แล้วสิครับ”


“แน่นอน ถ้ามีเวลาว่างออกไปเที่ยวแบบที่เคยไปกันนะ”


“ราส ยินดีด้วยนะกับชีวิตคู่ของนาย”


“ขอบคุณครับ แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้ข่าวดีของพวกคุณบ้างละครับ”


“อีกไม่นานหรอก”


“พูดอะไรแบบนั้นกัน”


“ฮ่า” ผมคิดถึงบรรยากาศเก่าๆในโรงเรียนแล้วสิครับ



พวกเราพูดคุยกันจนงานเลิกต่างแยกย้ายกันเพื่อพักผ่อน ผมที่เดินมาเพื่ออาบน้ำก่อนจะเปลี่ยนชุดนอนล้มตัวนอนได้ไม่นานก็ถูกจู่โจมจากสองสามีหมาดๆของตัวเอง


“อะไรกันครับ”


“เธอจะรีบนอนไปไหนกัน นี่เป็นช่วงเวลาผลิตทายาทนะ”


“จะเป็นไปได้ยังไงครับ ผมเป็นผู้ชายนะครับ”


“ข้าเคยบอกแล้วมิใช่หรือ ไม่ว่าราชินีของข้าเป็นเพศใดข้าก็สามารถผลิตทายาทได้”


“และข้าตกลงกันแล้วว่าจะทำให้เจ้ากำเนิดทายาทให้แก่เราทั้งคู่เช่นกัน”


“อะ อะไรนะครับ แต่ผมว่า”


“ได้เวลาแล้ว เริ่มกันเถอะอัล”


“คิดเหมือนข้าเลยฮาฟ”


“อืม” ไม่ทันที่จะได้คัดค้านผมก็ถูกอัลกดริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็ว ลิ้นร้อนที่ส่งเข้ามาทำเอากายสะท้าน ชุดนอนของผมถูกฮาฟปลดลงพร้อมกันเริ่มใช้ลิ้นของตัวเองเลียไปจนทั่ว


“แฮ่ก” พออัลถอนจูบผมรีบโกยอากาศเข้าปอดทันที


“อะ อือ” ทั้งอัลและฮาฟต่างหยอกล้อกับหน้าอกของผมจนชูชันพร้อมกับสัมผัสร่างกายของผมไปทั่ว ก่อนที่จะมีมือของใครสักคนที่กอบกุมแก่นกายของผมไว้จนผมต้องบิดตัวเพื่อหนีสัมผัส


“ทะ ทำอะไรครับ อือ มัน อ่า มันสกปรกนะครับ”


“รู้สึกดีอยู่สินะ”อัลไม่ได้ฟังมที่ผมพูดแต่กลับครอบปากลงไปที่ยอดของแก่นกายแทน


“ฮาฟ อึก เจ็บ”


“ชูว์ อย่าเกร็งนะ ใจเย็น” ผมสะดุ้งทันที่ที่ฮาฟเลื่อนมือไปที่ช่องทางด้านหลังพร้อมกับกดนิ้วเข้ามาในตัวผม มันอึดอักแปลกๆแต่ปนกับความเสียงเช่นกัน


“เริ่มแล้วสินะ” ผมรับรู้ได้ว่าช่องทางของตัวเองมีน้ำออกมาเพื่อหล่อลื่นนิ้วของฮาฟที่ยังคงเพิ่มขึ้นพร้อมกับกดย้ำบริเวณรอบพนังด้านในจนผมกระตุกปลดปล่อยออกมาเมื่อโดนจุดด้านในตัวเอง


“ใจเย็นๆนะ ข้าจะทำเบาๆ” อัลบอกผมก่อนที่อาฟจะก้มลงมาจูบผมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากส่วนล่าง รู้สึกตัวอีกทีความเจ็บที่แล่นขึ้นมาจนผมสะดุ้งเกร็งตัวพร้อมกับเสียงครางของอัล


“อืม อย่าเกร็งราส มันจะทำให้เธอเจ็บกว่าเดิม” ผมพยายามทำตามที่อัลบอกพร้อมกับที่ฮาฟปลุกแก่นกายของผมอีกครั้งจนตังตรง


“อ้ะ อ้ะ  อัล”ผมครางเรียกชื่อคนที่ขยับสะโพกเข้าใส่ตัวผมเพราะความเสียงซ่านที่ได้รับจนลืมเลือนทุกอย่าง ผมคว้าแก่นกายขนาดใหญ่ของฮาฟก่อนจะยกตัวกลืนกินทางปาก จนเกิดเสียงครางจากเจ้าของ


“อ่า ราส อืม สุดยอม” เสียงครางของทั้งสองคนยิ่งกระตุนอารมณ์ของพวกเรามากขึ้นจนอัลปลดปล่อยออกมาพร้อมกับผม ความอุ่นร้อนที่ได้รับจนรู้สึกร้อนไปทั่วท้องก่อนที่อัลจะถอนตัวออกและฮาฟก็สอดใส่เข้ามาทันที


“อืม สุดยอดราส”


“อ้ะ ฮาฟ อ้ะ” ผมคราสงจนเสียงเริ่มแห้ง อาฟกดย้ำลงมาตรงจุดด้านในตัวผมจนผมต้องปลดปล่อยออกมาอีกครั้งก่อนที่อาฟจะปล่อยตามออกมาในเวลาต่อมา อาฟถอนตัวออก ผมรู้สึกโล่งทันที ขาสั่นระริกจากกิจกรรมครั้งแรกของตัวเอง


“ไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า” อัลพูดก่อนจะช้อนตัวผมอุ้มไปชำระล้างร่ายกายกับเอาน้ำที่ค้างออกจากช่องทาง ก่อนจะพาผมเดินกลับมาที่เตียง ฮาฟหยิบเสื้อผ้ามาใส่ให้ผมก่อนจะเดินมาล้มตัวนอน เราสามคนต่างหลับตามกันไปในที่สุด พร้อมรอยยิ้มติดมุมปาก


TBC.

หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #30 [23/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 23-06-2018 11:24:57
 :z1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 24-06-2018 11:37:23
#31


   หลังจากวันนั้นไม่นานก็เกิดข่าวดี ตอนนี้ผมกำลังท้องครับ มันเป็นเรื่องจริงอย่างที่อัลเคยบอก และดูเหมือนว่าผมจะท้องใหญ่กว่าที่คาดไว้ด้วยนะครับ ทั้งสองราชาต่างตามดูแลจนไม่เป็นอันทำงานจนผมต้องคอยไล่ให้กลับไปทำงานเสมอ


ชีวิตของผมตอนนี้บอกได้แต่ว่าสมบูรณ์แบบมากครับ มีคนรัก มีลูก มีครอบครัวที่อบอุ่น มีสหายที่ดี  ผมไม่เคยเสียใจที่ได้ย้อนกลับมาแก้ไขในครั้งนี้ ผมกำลังสร้างบันทึกเล่มใหม่ให้แก่คนรุ่นหลังได้อ่านมัน


“นั่งยิ้มอะไรคนเดียว”


“หนีงานมาอีกหรือเปล่าครับทั้งสองคน”


“เปล่างานของข้ากับฮาฟเสร็จแล้ว”


“อย่าให้รู้ว่าหนีงานนะครับ”


“พวกฉันไม่กล้าหรอก เดี๋ยวเธอจะโกรธอีก”


“ดีมากครับ” ฟอด ฟอด ผมหอมแก้มทั้งสองคนเป็นรางวัล


“วันนี้อาการเป็นอย่างไรบ้าง”


“ปกติดีครับ แต่ดูเหมือนจะมีแต่คนทักว่าท้องใหญ่เกินไป”


“บางทีเราอาจจะได้ลูกแฝดก็ได้นะ”


“ถ้าจริงก็ดีนะครับ โอ้ย”


“ราสเป็นอะไร”


“เจ็บท้องครับ”ผมบอกฮาฟก่อนจะถูกอัลอุ้มมาที่ห้องนอน ฮาฟที่ตามหมอมาทันที


“กำลังจะคลอดแล้วพะยะคะ” เสียงหมอจากอาณาจักรรัสเทียร์ของอัลที่คอยดูแลเพราะว่าเป็นท้องของผู้ชายและลูกในท้องก็เป็นสายเลือดปีศาจจึงเหมาะที่จะให้หมอที่เชี่ยวชาญมาดูแล


“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมคลอดเลย”


ไม่เกินสองชั่วโมง เสียงเด็กทารกสองเสียงก็ดังขึ้นเรียกสติของผมที่ล่องลอยให้กลับมา ผมมองไปที่เด็กสองคนที่อยู่ในห่อผ้าที่อัลกับฮาฟกำลังอุ่มอยู่ด้วยรอยบยิ้ม


“ราส ลูกของพวกเราเป็นผู้ชายทั้งคู่เลยนะ”


“ไหนๆหลายปู่คลอดแล้วหรอ ดียิ่งแบบนี้ก็มาจัดงานกันเถอะ” ท่านจอมเวทย์ที่เห่อหลานยิ่งกว่าใครพูดด้วยน้ำเสียงยินดีพร้อมกับออกไปป่าวประกาศถึงการเกิดขององค์ชายทั้งสอง


“ขอบคุณนะที่ทำให้พวกข้ามีความสุขขนาดนี้ ขอบคุณจริงที่รักของข้า”


“ฉันด้วย ขอบคุณที่ให้กำเนิดลูกที่น่ารักของพวกเรานะราส รักนะ”


“ผมก็รักพวกคุณครับ” ความสุขที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอวนไปทั่วทุกพื้นที่หลังจากที่ได้ยินคำประกาศ ประชาชนต่างโห่ร้องแสงความยินดีมากมายทั่วทุกหย่อมหญ้า




ผ่านไปสองปีเด็กชายทั้งสองต่างเติบโตแสดงความสามารถของตนเองออกมาเหมือนบิดาทั้งสองแม่จะยังเล็กแต่ก็สามารถเรียนรู้ตำราต่างๆได้อย่างรวดเร็ว


เรื่องราวของชีวิตของผมก็ยังคงดำเนินต่อไปตามทางแห่งโชคชะตาของผมและพวกเขา ทุกย่างเกิดจากชะตาของพวกเราและความรู้สึกของพวกเราที่ช่วยกันขับเคลื่อนไปจนในที่สุดก็มีวันนี้เกิดขึ้น


ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาให้เราได้เรียนรู้ ได้จดจำ ได้แก้ไข ล้วนเป็นบทเรียนที่เราทุกคนต่างต้องเผชิญกับการทดสอบจากเบื้องบน ว่าเราจะสามารุก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆได้หรือไม่ และเมื่อก้าวผ่านมันมาแล้ว สิ่งที่คงอยู่ย่อมสวยงามเสมอ

.

.

.

.

.

.

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด


“ราส”


“ราส”


“ราส”


“ราสเต้ ตื่นได้แล้ว เช้าแล้วนะ นายจะสายเอานะถ้าไม่รีบตื่น” หญิงสาวรางสูงหน้าตาดีหุ่นนางแบบยืนเขย่าแขนร่างบางบนเตียงที่ดูเหมือนจะไม่ยอมลุก


“ตื่นแล้วครับพี่” เสียงหวานที่ดังออกมาก่อนที่เปลือกตาจะเปิดขึ้น เส้นผมสีน้ำตาลดุจแพรไม้ตัดกับผิวขาวละเอียด ไหนจะดวงตาสีน้ำผึ้งที่แปลกตาที่บ่งบอกความง่วงงุน


“ตื่นแล้วก็อย่าแอบหลับต่อละ วันนี้มีเรียนเช้านี่ ไปช้าอาจารย์ปิดห้องนะ พี่ไปทำงานก่อนแล้วกัน รีบไปมหาลัยล่ะ”


“ครับ” หลังจากที่พูดจบร่างสูงของหญิงสาวก็เดินออกจากห้องไป จนเหลือเพียงร่างที่ยังนั่งเหม่อบนเตียงของตนเอง


“ฝันไปอย่างนั้นหรอ สมจริงจังเลยนะ” ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเจอหนังสือนิยายเล่มใหม่ที่ตนกำลังติดอยู่ช่วงนี้ที่ข้างหมอน


“สงสัยจะอ่านจนเก็บไปฝันต่อ เฮ้อ ไปอาบน้ำไปมอดีกว่า” กล่าวจบก็หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป โดยไม่ทันได้สังเกตว่าหนังสือนิยายของตนกำลังแปร่งแสงเองจากตัวหนังสือของชื่อเรื่อง “ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ”




The End
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 24-06-2018 11:42:20
จบซะแล้วว นิยายสนุกมากๆค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 24-06-2018 12:10:37
เป็นนิยายวายแฟนตาซีที่น่ารัก ใสๆ อ่านสบายๆ น้องราสน่ารัก
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 25-06-2018 12:56:44


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 26-06-2018 13:00:57
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ ให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-06-2018 15:35:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 26-06-2018 16:40:32
สนุกมากเลยค่ะ o13
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 22:31:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 18-04-2020 15:53:53
 :man1:
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 20-04-2020 20:48:31
สนุกมากค่าาา :L2:
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 23-04-2020 16:22:25
555555555 สนุกมากกกกกกกกก

จบมีฮาไปอีกกกกกก
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 24-04-2020 23:28:30
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้ได้อ่านจ้า ขอบคุณคนเขียน เป็นกำลังใจให้เสมอจ้า
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 03-05-2020 11:35:59
3p จงเจริญ ❤❤ ขอบคุณไรท์สำหรับนิยายสนึกๆแบบนี้นะงับ น่ารักเกิ๊นเบอร์มากกก
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 19-07-2020 15:00:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 25-07-2020 08:52:20
ชอบนิยายแฟนตาซีแบบนี้มาก เพราะทำให้ตื่นเต้นและลุ้นไปตลอดทุกตอน อิจฉาราสเลย มีสามีทั้งทีได้มาแบบหล่อและเก่งทั้ง2เลย ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ :pig4: