พิมพ์หน้านี้ - [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 10:39:55

หัวข้อ: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 10:39:55
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ



.::.กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ .::. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)





[อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?]

เรื่องนี้ผมเคยpostในpantip.comมาแล้ว ตอนแรกคิดว่าหาไม่เจอแล้ว พอดีfileนี้ผมยังsaveในpc ... ลองเอามาpostให้เพื่อนๆในนี้ได้อ่านกันบ้าง

เรื่องที่ผมจะเล่าให้อ่านมันเกิดจากความบังเอิญเมื่อประมาณ3ปีที่แล้ว ตั้งแต่ผมเรียนอยู่ปี4 เทอมแรก ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดกับผมเลย ผมจึงชื่อเรื่องความบังเอิญอย่างมาก ขอใช้ชื่อแทนตัวผมว่า “ที” และบุคคลที่ผมมีความบังเอิญชื่อ “ซี” ตอนนี้เริ่มเข้าปีสี่ ผมเคยตั้งความฝันของตัวเองว่า สักวันผมต้องเรียนวิชาป้องกันตัวสัก1วิชาให้เป็น บวกกับปีสี่เป็นปีที่ผมเรียนน้อยดี (จบใน3ปีคับ) เลือกอยู่นานว่าจะเรียนอะไรดี จนตัดสินใจว่าเรียน “เทควันโด” ดีกว่า มันมีปัจจัยหลายๆอย่างทีเลือกเรียน เช่น ชุดเท่ห์ดี ที่เรียนใกล้บ้าน เวลาเรียนok ฯลฯ
   
วันแรกที่ไปสมัครก็ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คุ้นเคย เก้งๆกางๆยังไงไม่รู้ สมัครเสร็จ จ่ายตัง ผมก็ไปเลือกซื้อชุดที่จะเรียนในยิมเทควันโดนั้น .... พี่ที่เขารับสมัครผมก็มาช่วยเลือกช่วยแนะนำ เลือกไปเลือกมาก็ยังเลือกไม่ถูก เพราะตัวนี้ชอบแต่sizeไม่ได้ ตัวนั้นไม่ชอบผ้าแต่sizeมันok ...อยู่ๆ... ก็ได้ยินเสียงพูดมาจากข้างหลังว่า “คุณก็เลือกตัวที่มันใส่แล้วสบายๆ ไม่ต้องไปเลือกมากหรอก เล่นๆซ้อมๆไปมันก็เก่าแล้ว คิดอะไรมาก” ตอนนั้นในใจคิดว่า ...ใครวะ เสือกเรื่องกรู .... หันหลังกลับไปมองก็พบกับเจ้าของเสียง ตัวเตี้ย (ก็ไม่มากหรอกคับ ผมสูง178 ส่วนซีสูง169 ... หรือมากหว่า!?) แต่สายคาดเอวสีแดง (สีชอบของผม) ซีบอกว่า ... “ซื้อๆใส่ๆไปเถอะ เดี๋ยวมันก็เก่าก็ดำ”  ปากผมก็บอกว่า ...คับ... แต่ในใจคิดว่า ... กรูจะไม่ปล่อยให้มันสกปรกให้มันดำหรอก ในที่สุดก็ได้ชุดเทควันโดพร้อมกับสายขาว แล้วก็บอกพี่ที่รับสมัครว่าจะมาเรียนอีก1สัปดาห์ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรไอ้ซีมันนะคับ ลืมไปเลยว่ามีมันมาเสือก

1สัปดาห์ผ่านไป .... กลับมาที่ยิมเทควันโด

วันแรก
รีบมาจากมหาลัย กลัวมาไม่ทันคับ แต่ก็มาก่อนที่จะเริ่มเรียนเยอะเหมือนกัน ....ตอนนั้นมันก็ยังเก้งกางๆอยู่ ไม่คุ้นที่ ยังไม่รู้จักใคร เข้าไปเปลี่ยนชุด อ้าว...! แล้วกรูจะผูกสาย(ขาว)ยังไงฟะ เดินออกมาจากห้องlockerทั้งๆที่ยังไม่ได้ผูกสาย(ขาว) ตอนนั้นในยิมมีอีกclassนึงเรียนอยู่ มองไปมองมาไม่เห็นมีใครแม้แต่พี่ที่รับสมัครผมอยู่เลย แล้วกรูจะทำยังงัยกับสาย(ขาว)ดีฟะ คิดในใจว่าเดียวครูที่สอนคงสอนผูก แล้วclassแรกของผมก็เริ่มขึ้น ตื่นเต้นมากๆคับ ทั้งชีวิตได้เรียนต้องกันตัวก็วิชากระบี่กระปองตอนอยู่มัธยม(นานมากกกกกกกกกกก) แต่classแรกก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิด ... classนั้นทั้งclassเป็นการแนะนำตัว ความเป็นมาของเทควันโด สอนกฎ กติกา และคำปฏิญาณ และสอนยืดเส้นยืดสาย
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 10:41:53
วันที่สอง
มาถึงก่อนเวลาอีกแล้วกรู เขาไปเปลี่ยนชุดดีกว่า .... ก็ยังผูกสาย(ขาว)ไม่เป็นอยู่ดี ไม่เป็นไรๆค่อยไปถามครูก็ได้ ให้ครูสอนใหม่ วันที่สองได้เริ่มเรียนซะที แต่ทำไมไอ้ยืดเส้นมันก็ไม่ธรรมดานี้หว่า นึกว่ายืดไปงั้นๆ นี้มันเริ่มจริงๆจังๆเลย ต่อด้วย .... มาเรียนท่าเตะๆต่อยๆตอนที่มันโตแล้วมันแปลกๆดี รู้สึกว่าclassนั้นมีผมที่อายุมากสุด ยอมรับว่าเขินมาก นอกนั้นเป็นเด็กประมาณประถมกันทั้งนั้น .... แต่ทำไงได้กรูอยากเรียน ความฝันของกรู ไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่เกิดนี้หว่า จบclassวันนั้นด้วยอาการปวดตามตัวนิดๆ แต่ก็ภูมิใจว่า กรูได้เรียนแล้วเว้ย

แล้ว2สัปดาห์นั้นก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก ... ผมได้เรียนรู้การยืดเส้นยืดสาย ท่าเตะต่อย(จริงๆเตะเยอะกว่ามาก)  และรู้จักน้องๆในclassมากขึ้น (เด็กๆทั้งนั้น) แต่ยังผูกสาย(ขาว)ไม่เป็นสักที ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม มันก็ไม่ยากนะคับ แต่มันสับสนซ้ายขวามากกว่า พาดไปพาดมา สอดขึ้นสอดลง งงคับ

สัปดาห์ที่สาม
ผมก็มาเร็วบางสายบาง แต่ความพยายามที่จะมาเรียนไม่เคยถอยคับ มันมีความอยาก ความฝันช่วยขับให้ไปเรียน วันนึงผมออกมาจากห้องlockerทั้งๆที่ยังไม่ผูกสาย(ขาว) กะว่าจะให้ครูผูกให้อีก .... แต่ผลปรากฏว่า โดนครูด่าว่า “เรียนมาตั้งนานแล้วยังผูกไม่เป็นอีก ไปหาวิธีผูกเอง” ….. อ้าว! ทำไมครูทำอย่างนี้ฟะ ผมไปพยายามผูกให้ได้ให้เหมือนกับของชาวบ้านเขา แต่ยังไงๆก็ยังไม่เหมือน รู้สึกว่ามันผูกผิดอย่างน่าเกลียด อายเหมือนกัน แต่ทำไงได้จำวิธีไม่ได้นี้หว่า ก็ซ้อมเทควันโดทั้งๆที่ผูกสาย(ขาว)อย่างน่าเกลียดๆอย่างนั้น จนถึงเวลาพัก .... ยืนกินน้ำอยู่ ... ได้ยินเสียงลอยมา “เรียนมากี่วันแล้วเนี่ย ยังผูกสายไม่เป็นอีกเหรอ ... น่าเกลียดชะมัด” …. .ใครฟะ แซวกรู ....หันไป ... อ้าว! ไอ้เตี้ยคนเดิมนี้หว่า ผมก็ไม่สนใจอะไร มันผูกไม่เป็นนี้หว่า ถึงเวลาครูเรียกไปซ้อมแล้ว วันนั้นซ้อมเสร็จกลับบ้านก็ไม่ได้สนใจอะไรและนึกถึงอะไรเกี่ยวกับไอ้เตี้ย ... เรียกว่าไอ้ซีดีกว่า ไปว่ามันไม่ดีๆ ตั้งใจว่าจะกลับไปonlineเพื่อsearchหาวิธีผูกสาย แต่สุดท้ายกลับบ้านไปกินข้าว เหนื่อยมาก หลับไปเสียก่อน

วันถัดมาผมก็ไปซ้อมตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็สายของผมเนี่ยแหล่ะ ยังง๊ายก็ยังผูกไม่เป็นอยู่ดี อายเหมือนกัน น้องๆเขาผูกได้ แต่กรูทำไมผูกไม่ได้ฟะ ....ผมก็ซ้อมตามครูบอกต่อไป อยู่ๆเห็นคนๆนึงมายืนข้างๆมองสายเอวผม จริงๆเขามองสายของผม ... ไอ้ซีนิ มองอะไรวะ แล้วมันก็พูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรว่า “ยังผูกไม่เป็นอีกเหรอ หยุดซ้อมก่อน เราจะสอนผูกให้” มันเหมือนอัตโนมัติ ผมหยุดซ้อม(ทั้งๆตอนนั้นคนอืนๆกำลังซ้อมอยู่)  ซีเดินเขามาแก้สายและค่อยๆสอนวิธีผูกสายอย่างช้าๆ ตอนนั้นคิดว่า ไอ้นี้ใจดีว่ะ ผมก็ฟังมันสอนไปเรื่อยๆจนมันผูกเสร็จ ... เมื่อผูกเสร็จ ปมของสายสวยมากๆ สายที่เหลือก็ยาวออกมาพอดี .... ซี “อะ...เสร็จแล้ว จำได้แล้วใช่มะ วันหลังไม่ผูกให้แล้วนะ ซ้อมต่อเลย” ผมก็ได้แต่พยักหน้าและตอบขอบคุณ แต่ในใจคือ ... จำไม่ได้วะ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 10:44:26
วันถัดมาก็มาเจอไอ้ซีที่ยิม แต่…เอ.... ไม่เคยเห็นมาเวลานี้เลย มารู้ทีหลังว่ามันปรับclassใหม่ คือมันเก่งขึ้น และเป็นclassสำหรับคนที่กำลังจะเตรียมสอบไปสายดำ(สายสูงสุดของเทควันโด ...เริ่มจาก ขาว เหลือง เขียว ฟ้า น้ำตาล แดง ดำ... คิดว่าเรียงถูกนะคับ) ผมเจอมันก็ยิ้มให้ แต่มันไม่ยิ้มตอบได้แต่พยักหน้า ... ก็okแล้วถือว่ายังรับรู้ว่ากรูทัก ... ผมออกมาจากห้องlockerด้วยสภาพเหมือนที่ผ่านๆมาคือ ผูกสายไม่เป็น ... ซีเข้ามาพูดว่า “ยังจำไม่ได้อีกเหรอ เมื่อวานก็สอนไป ไหนบอกว่าจำได้” ผม... “ตอนนั้นมันจำได้ แต่พอข้ามคืนไปก็ลืมแล้ว ความจำผมมันสั้น” ….ซี “มาๆ ผูกให้ เห็นแล้วรำคาญตา” … แล้วปากซีก็บ่นๆ แต่มือก็ผูกสายให้ สวยนิ้งเหมือนเดิม .... ผมตอบขอบคุณ ครั้งนี้แหล่ะคับที่ผมเริ่มได้คุยและรู้จักซี ซีเรียนเทควันโดมาปีกว่าแล้ว ตอนนี้เตรียมสอบเปลี่ยนสายจากสายแดงเป็นสายดำ อายุเท่ากัน เรียนอยู่ปีสี ซึ่งมหาลัยของซีอยู่ใกล้ๆกับมหาลัยผม (เห็นมะ... บังเอิญ... ทั้งๆที่อยู่ใกล้ๆ แต่ไม่เคยเจอกัน) ทำความรู้จักกันได้สักพักclassของผมและซีก็เริ่มขึ้น ต่างคนต่างซ้อม วันนั้นคิดว่า ...กรูได้รู้จักคนที่ยิมแล้ววะ ไม่ใช่แค่น้องๆในclassเดียวกันที่พูดจาไม่รู้เรื่อง(เพราะคนละวัย) แถมซนอีกต่างหาก .... classผมเลิกเร็วกว่า เลยกลับบ้านก็ ไม่ได้ลาซีเลย

หลังจากวันนั้นผมได้เจอซีทุกครั้งที่มายิม (เพราะclassของผมและซีเริ่มพร้อมกัน) ได้พูดคุยกันมากขึ้น และผมก็ยังผูกสายไม่ได้ แต่ซีก็คงผูกสายให้ผม พร้อมกับบ่นไปผูกไป (มานึกถึงตอนนั้นก็ตลก+น่ารักดี) ... เริ่มประทับใจซีคงเป็นตอนนี้หล่ะคับ ในขณะที่ซีผูกไปบ่นไป ... ผมก็สังเกตว่าหน้าตาซีก็ไม่ได้ใช่ว่าจะไม่ดี คิ้วเข้ม ตาโต ตาสีน้ำตาล ผิวขาว ไม่มีสิวขึ้นเลย .... เราสองคนเริ่มเรียกแทนตัวเองว่า คุณ ผม แต่นานๆไปจนถึงวันนี้มันกลายเป็น เอ็ง ข้า กรู เมิง ... สนิทกันมากขึ้นสรรพนามเริ่มเปลี่ยน

พอเลิกผมเลิกclassก็เริ่มๆแสดงตัวให้ซีเห็นว่า เอ้ย! เราจะกลับแล้วนะ .... ยกมึอบ๊ายบายบ้าง ชูมือให้เห็นบ้าง โผล่หน้าให้เห็นบ้าง ชี้บอกว่าจะกลับแล้วบ้าง ซีเริ่มยิ้มให้ ยกมือบ๊ายบายตอบ พยักหน้ารับบ้าง

เราได้พูดคุยเฮฮาสารพัด แต่ดูเหมือนว่าจะมีแต่ผมและซีเท่านั้นที่คุยกัน ไม่มีใครที่ในclassซีมาคุยด้วยเลย หรือว่าซีไปคุยเล่นเฮฮาในclassของซีเลย .... พูดคุยเรื่องเรียน เรื่องสารพัด บางทีก็หัวเราะขึ้นมาดังลั้นยิมซะอย่างนั้น ก็มันขำจริงๆ ต่างฝ่ายต่างยิงมุกกันกระจาย

แล้ววันนึงเหมือนปกติที่ผมมาซ้อม แต่วันนี้ไม่เห็นclassของซีเลย เห็นแต่ซีมาคนเดียว
ผม “ทำไมไม่เห็นclassของนายเลย”
ซี “วันนี้เค้าหยุดกัน”
ผม “แล้วนายมาทำไม ทำไมไม่หยุด”
ซี “มันไม่มีอะไรทำ เรียนเสร็จก็มายิม เผื่อซ้อมของเราไปเรื่อยๆ”
ผม “ขยันดีเนอะ”
ซี “ไม่ขยันหรอก แค่อยากได้สายดำ ตามความฝันของเรา”
ผม “ดีเนอะ เหมือนกับเราเลย แต่เราอยากได้สายแดง เพราะเป็นสีที่เราชอบ”
แล้วเสียงครูดังขึ้น เรียกclassของผมไปซ้อม
ซี “นายผูกสายเป็นแล้วนิ แต่มันยังไม่สวยเลย มะๆ เราผูกให้ใหม่”
…..ตอนนั้นประทับใจซีมากๆ.....
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 10:47:08
ความรู้สึกในการซ้อมและร่างกายในวันนั้นมันเหมือนมีรอยยิ้มอยู่ในใจ แล้วซีก็กลับบ้านก่อนๆที่classของผมจะเลิก ซีโผล่หน้ามาบ๊ายบาย ผมหยักหน้าตอบ

คืนนั้นหลับสบายอย่างบอกไม่ถูก ตื่นเช้ามาอย่างสดชื่น ไปเรียนสบายใจ แล้วรีบมายิมเพื่อซ่อมเทควันโด เจอซีอีกแล้ว แต่วันนี้classของเขาเริ่มก่อน สาย(ขาว)ของผมเลยเป็นปมอย่างไม่สวย(เท่าซีผูกให้) แต่ก็ถือว่าผูกคล่องขึ้น .... ผมก็ซ้อมไปตามปกติ แต่สายตาก็มีเหล่ๆไปมองclassของซีบ้าง แต่มองด้วยความรู้สึกว่า classเขาซ้อมท่าแปลกๆแถมซ้อมกันหลักมากๆ ....

ซีเลิกclassแล้ว เขาจะโผล่หน้ามาบ๊ายบายหรือเปล่าวะ .... อ้าว ... ทำไมเขาไม่ไปเปลี่ยนเสื้อกลับบ้าน อยู่ซีมานั่งอยู่หลังclassของผม เห็นหน้าซีหัวเราะขำๆ ผมเลยหันหน้าไปหาซีพร้อมทำหน้างงๆ สักพักซีก็มาอยู่ข้างๆผม พร้อมกับพูดว่า “เข้มแข็งๆหน่อยดิ นายเตะแปลกๆ ....ดูเราเป็นตัวอย่างนะ” …. แล้วซีก็ยืนเตะให้ดูเป็นตัวอย่าง ..... ซี “เออ... อย่างนั้นถูกแล้ว” (พร้อมกับสอนๆบอกๆสารพัด) หลังจากเลิกclassนั้น ก็แนะนำอีกสารพัดวิธีและเทคนิค)

....ซี! .... นายทำให้เราประทับใจอีกแล้ว

และแล้วผมก็ไม่ได้เจอซีไปหลายวัน จำได้ว่าผมต้องทำรายงาน ไม่มีเวลาไปยิมประมาณ2-3วัน กลับมาอีกที ซีก็ยังมาซ้อมเวลาเดิมกับเวลาของผม ... ไม่ได้เจอไอ้หอมนี้ เริ่มรู้สึกว่ามันขาดๆอะไรไป เจอหน้ากันก็ทักทาย

ซี “หายไปไหนตั้งหลายวันวะ”
ผม “มีรายงานต้องทำ เลยไม่มีเวลามาซ้อม”
ซี “นึกว่าท้อใจไม่ซ้อมแล้วซะอีก”
ผม “ได้งายยย ... ไม่ท้อหรอก”
ซี “นายยังเตะไม่ค่อยสูง ขายังกางไม่ดี นายต้องยืดตัวมากๆกว่านี้”
ผม “เราก็อยากได้มากกว่านี้ แต่มันยืดไม่ไปแล้ว”
ซี “เดี๋ยวเลิกเรียนแล้ว เราจะช่วยนายยืด ... จะได้ยืดแข้งยืดขาได้สะดวกๆ … รอเราแล้วกัน”
ผม “ok”

หลังจากเลิกเรียนวันนั้น ผมนั่งรอซี ก็นานอยู่แต่รอได้ เพราะอยากยืดให้ได้มากกว่านี้ บวกกับได้เจอซี เอ... ผมเริ่มอยากอยู่กะเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เย็นวันนั้น สอนท่ายืดตัวมากมาย ซีช่วยจัดท่า อยากบอกว่ามาเล่นเทควันโดตอนโตๆแล้วมันลำบากไอ้ตอนยืดตัวเนี่ยล่ะคับ ฉีกขา แหกขา ก้มตัว เอามือไปแตะตรงนั้นตรงนี้ให้ถึง  .... ทรมาน+เจ็บปวดมากๆ แต่ก็ต้องทำเพราะอยากเป็น แถมอยู่กะซี

พอยืดตัวเสร็จ เราสองคนก็ไปเปลี่ยนสุดในห้องlocker เพิ่งมาเห็นว่าlockerผมและของซีอยู่ข้างกัน (บังเอิญหรือเปล่าวะเนี่ย) ต่างคนต่างถอดเสื้อผ้า ได้สังเกตเห็นหุ่นของซี ... ตัวซีเตี้ยกว่าผมก็จริง แต่หุ่นfirmมากๆ ไม่ผมแห้งจนน่าเกลียด ... แล้วอยู่ๆซีก็พูดถามขึ้นมา ตกใจเหมือนกัน เพราะแอบมองหุ่นซีอยู่
ซี “ที ... นายใส่boxerเล่นเทควันโดเหรอ .. ทำได้ไง มันไม่รู้สึกแปลกๆเหรอวะ”
ผม “ไม่นิ สบายดีออก เราไม่ชอบใส่กางเกงในแบบลัดๆ มันอึดอัด”
ซี “แปลกดีเนอะ ระวังนะเว้ยจะเป็นไข่ดัน”
ผม “ไม่เป็นหรอก นายลองใส่บ้างดิ สบายดีออก”
ซี “ไม่เอาวะ กลัว เสียวไข่แตก”
ผม “555 …. วันหลังจะซื้อมาให้ลองใส่” (ตอนนั้นไม่พูดไปได้ไงว่าจะซื้อboxerให้)
ซี “555….”

แล้วเราก็เดินไปป้ายรถเมล์ รอรถกลับบ้านด้วยกัน พูดคุยสนุกสนาน .... แล้วต่างคนก็ต่างกลับบ้าน

จากที่สังเกต .. ทำไมซีมันไม่คุยกะใครในclassมันเลย คุยอะไรกับผมกันนั้นกันหนา .. หรือว่ามันเป็นเกย์ปะวะ ผมคิดไปต่างๆนาๆ ... แต่บุคลิกกันหน้าตามันก็ไม่น่าจะเป็นนา .. เห็นไม่คับ! คนที่เป็นเกย์ยังมองบางคนไม่ออกเลยว่าเขาเป็นหรือไม่เป็นเกย์
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 10:50:36
ผมและซีเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น หยอกล้อ เล่นหัวกัน เวลาทีซีว่าง ก็มายืนซ่อมเป็นเพื่อนผม มันบอกว่า “เมิงแก่สุด .... กรูรู้ว่าเมิงอายที่ต้องซ้อมกับเด็กๆ รีบซ้อมรีบสอบเลื่อนสาย”
ผม “รู้ได้งัยฟะ ขอบใจนะเว้ย”
ซี “กรูก็เคยเป็นแบบเมิงมาก่อน ย่อมจะรู้ ... กรูเลยรีบๆเรียน รีบๆซ้อม รีบๆสอบเลื่อนสาย”
ผม “อ่อ....!!”
ซี “ไว้กรูได้สายดำเมื่อไหร่ คราวนี้กรูสอนได้แล้ว แล้วกรูจะมาสอนเมิง อยากได้สายแดงไม่ใช่เหรอ”
ผม “แล้วเมิงจะสอบเมื่อไหร่วะ”
ซี “สัปดาห์วะ”
ผม “พร้อมหรือยังวะ ..... ถ้ายังไม่พร้อม เมิงไปซ้อมของเมิงก่อน”
ซี “พร้อมแล้วเว้ย ระดับนี้แล้ว”
ผม “เออ ... ปากดีนะเมิง ... ขอให้ผ่านแล้วกัน ไม่ผ่านจะหัวเราะให้”


หลังจากเลิกเรียนผมก็เริ่มรอซีกลับพร้อมกัน จนเป็นเรื่องปกติ ที่จะเห็นไอ้สองตัวนี้ เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกันและเดินไปป้ายรถเมล์ด้วยกัน จนหลังๆเริ่มมีคนแซวว่า ผมกะมันเป็นปาท่องโก๋ ทีซ่อมอยู่ซีจะยืนซ่อมข้าง ทีกับซีจะผลัดกันช่วยยืด ทีจะรอซีเสร็จและไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกัน .... แต่มองจากสายตาบางคน บางคนคิดว่า แม้งอาจจะเป็นคู่เกย์แน่ๆ ... แต่ผมก็ไม่สน .. ใช่ใสใจ กรูมีความสุข

สัปดาห์ถัดไปก็มาถึง จำได้ว่าวันนั้น classของผมไม่ได้เรียน เพราะครูให้ไปดูพวกที่จะสอบเลื่อนเป็นสายดำ .... ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้ดูซีสอบซะแล้ว ไม่นึกว่าสอบเลื่อนสายจะเป็นอะไรที่ดูเข้มขนาดนี้ ต้องสอบทั้งท่ารำ สอบท่าป้องกันตัว สอบท่าเตะสารพัด ฯลฯ ดูคนอื่นสอบว่าตื่นเต้นแล้ว ดูซีสอบตื่นเต้นกว่า ... ก่อนที่ซีจะสอบ ยื่นอยู่ในท่าเตรียม มันยังหันมามองผม และขยิบตาให้ครั้งนึง ดูมันหยอดกรูอีกแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่า ผมเป็นคนพิเศษของมันหรือเปล่า ...ก็แอบคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ยังไงก็ช่าง รู้สึกว่าตอนนี้มีความสุขมากๆแค่นี้เป็นพอ .... ในที่สุดความฝันของซีก็เป็นจริง ซีผ่านสอบเลื่อนสายเป็นสายดำ เห็นมันเปลี่ยนจากสายแดงเป็นสายดำ ดูซีมันเท่ห์ขึ้นตั้งเยอะ

หลังจากสอบเลื่อนสายเสร็จ ซีชวนผมไปกินข้าวฉลองด้วยกัน แปลกที่ซีไม่ไปกับเพื่อนๆในclassของซี .... จำได้ว่าเราไปนั่งกินส้มตำด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่ซีชวนผมกินปากเป็ดทอด แรกๆผมไม่กล้ากิน เพราะมันดูน่ากลัว พอมันเริ่มpsychoผม ..... กินก็กินวะ ... อร่อยว่ะ ไม่นึกว่าปากเป็ดทอดจะอร่อยขนาดนี้

เป็นวันนึงที่happyมากๆ ..... รู้จักกันมาตั้งนาน ยังไม่เคยรู้เบอร์โทรของซีเลย ขาเดินกลับไปรอรถเมล์ ผมจึงขอเบอร์ ...
ผม “ขอเบอร์โทรเมิงหน่อยดิ ...”
ซี “เอาไปทำไมวะ” (ทำเป็นเล่นตัวนะเมิง)
ผม “เถอะน๊า .... เผื่อโทรหา ถามนั้นนี้”
ซี “เอาโทรศัพท์มาดิ เดี๋ยวจะกดให้ แล้วยิงมาเครื่องกรูด้วยนะเว้ย”
ผม “แน่นอนอยู่แล้ว”

ในที่สุดก็ได้เบอร์มันมา แต่ก็ยังงงๆว่า จะเอาเบอร์มันไปทำอะไรดีวะ เพราะเจอกันเรียกได้ว่าทุกวันเลย

จำได้ว่า ....ประมาณ2วันหลังจากที่ได้เบอร์มันมา มันก็โทรมาหา แต่ผมเรียนอยู่เลยไม่ได้รับสาย และโทรกลับหลังจากเลิกชม.เรียนนั้นแล้ว
ผม “โทรมาทำไมวะ”
ซี “โทรหาไม่ได้เหรอวะ ... มีเรื่องให้เมิงช่วยหน่อย”
ผม “มีอะไรว่ามา.....”
ซี “เย็นนี้เมิงโดดซ้อมได้หรือเปล่าวะ”
ผม “อ้าว ... อยู่ๆจะมาให้กรูไม่ไปซ้อม กรูจ่ายเงินไปแล้วนะเว้ย … แล้วทำไมจะให้กรูโดด”
ซี “กรูรู้เมิงเก่งอังกฤษ .... มาช่วยกรูทำการบ้านหน่อยดิวะ ทำไมเป็น”
ผม .... เงียบไปสักพัก “เออ.... ได้ๆ ทีไหนวะ”
ซี “ที่บ้านกรู ... เดี๋ยวกรูเลี้ยงข้าวเย็นที่บ้าน”
ผม “จะดีเหรอ กรูไม่รู้จักบ้านเมิง”
ซี “เมิงเลิกกี่โมง กรูไปรอเมิงหน้ามหาลัย แล้วไปด้วยกัน”
ผม “เลิกตอน .... (จำไม่ได้แล้วเวลาเท่าไหร่)”
ซี “แล้วกรูจะไปรอ ... แล้วเจอกันเว้ย”
ผม “อืมๆ เจอกัน”
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 10:54:05
เจอซีในชุดนักศึกษามันแปลกๆยังไงไม่รู้ แต่ก็ดูสุภาพขึ้นมาอีกแบบ เหมือนจับลิงใส่uniform มารู้สึกว่าลักษณะซีและผมจะเป็นพวกยุกยิกเหมือนกัน แบบพวกactiveตลอดเวลา มันชอบมาหยอกๆล้อๆแหย่ๆมากขึ้น ผมก็เล่นมันกลับบ้าง ….. ผมกะมันก็นั่งรถเมล์ไปบ้านมัน บ้านมันเป็นบ้าน2ชั้นก็ธรรมดาๆนะคับไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย เข้าไปในบ้านมันก็หาน้ำให้กิน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านมันเลย และมันก็พาไปที่ห้องนอนมัน ... จำได้ว่า จัดของเป็นระเบียบมากๆ มากกว่าห้องนอนผมอีก ... และที่จำแม่นที่สุดคือรูปติดฝาพนังของมันที่มันทำท่าเดียวกันใส่ชุดเทควันโดเรียงกันอยู่ ต่างกันที่แต่ละรูปสายผูกเอวคนละสี ... เท่ห์โคตรๆ มันคิดได้งัยวะเนี่ย และมีอีกอย่าง คือ สายผูกเอวตั้งแต่สีขาวจนถึงสีแดงในกรอบบนฝาผนัง ... เห็นแล้วผมอึ้งไปนาน ... ซีมันรักเทควันโดมากๆ

ดูมันไม่เก่งเรื่องภาษาอังกฤษจริงๆ .... อธิบายบางอย่างไปมันไม่เข้าใจบ้าง บางทีต้องเขียนให้มันเลย อยากจะเขียนให้มันหมด ก็เกรงใจ กลัวว่ามันจะไม่ได้ใช้สมอง แต่ในใจลึกๆก็อยากทำให้หมดเลย ... สอนๆไป เริ่มตัวชิดกันเรื่อยๆ .... มีshotนึง คือ หันหน้ามามองกันเพื่ออธิบายอะไรสักอย่าง แล้วผมก็นิ่งไป แบบว่าตาของซีในตอนนี้หวานมากๆ ซีเป็นคนตาโต สองชั้น ตาดำเป็นสีน้ำตาล ... ไม่รู้ว่าผมนิ่งไปนานแค่ไหน คิดว่าก็นานอยู่ ... จนได้ยินเสียงมันพูดว่า “เฮ้ย ... แล้วไงต่อ” …. ผมสะดุ้งเลย ... ก็ตามันหวานจริงๆนี้หว่า ในที่สุดก็ช่วยมันทำการบ้านจนเสร็จ ... นั้นแน่! ไม่มีshotอื่นหรอกคับ อย่าคิดลึก ...

แล้วมันก็เลี้ยงข้าวเย็นผม โดยมันหุงข้าวที่บ้าน แต่ออกไปซื้อกับข้าวแถวปากซอย ... มารู้ว่า ซีเป็นลูกคนเดียว พ่อไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ ส่วนแม่ของซีทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา .... ส่วนใหญ่มันเลยอยู่บ้านคนเดียว วันนี้เลยไม่เห็นบุพการีมันเลย แต่ก็ดีแล้ว ได้อยู่กะซีสองต่อสอง หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ช่วยกันล้างจาน ผมเห็นว่าเริ่มค่ำแล้ว กลับบ้านดีกว่า ... ซีเดินไปส่งที่ป้ายรถเมล์ พูดขอบใจตลอดทางไปป้ายรถเมล์ ... ก่อนผมขึ้นรถเมล์ มันก็ชวนให้มาบ้านมันอีก ... แหม! จะให้กูมาช่วยทำการบ้านอะดิ ... แต่ผมก็อยากมาจริงๆนะ 555 .... พอถึงบ้านสักพักผมก็ได้smsจากมันว่า “ขอบใจมากที่ช่วยกรูทำการบ้าน กรูจะสอนเทควันโดตอบแทน” (ยังเก็บอยู่ในโทรศัพท์ผมจนทุกวันนี้)

ซีก็สอนเทควันโดผม (สอนเพิ่งจากในclassที่เรียน) จนวันที่ผมสอบเลื่อนสายจากขาวเป็นเหลือง ซีมาดูผมสอบ ตื่นเต้นมากๆคับ เป็นครั้งแรกที่สอบเลื่อนสาย ตอนนั้นมือไม้สั่น เหงือแตกมากๆ แต่ไม่น่าเชื่อตัวเองว่าจะสอบผ่านมาได้ และผมก็เพิ่งรู้ว่า ไอ้สายสีต่างๆเมื่อสอบเลื่อนขั้นแล้ว ต้องซื้อมาคาดเอง และแล้วผมก็เจอshotประทับใจโคตรๆจากซี เมื่อสอบเลื่อนขั้นผ่าน

ซี “ดีใจด้วยนะเว้ย เลื่อนได้เหลืองแล้ว”
ผม “ขอบใจว่ะ โคตรตื่นเต้นเลยเวลาสอบ … แล้วกรูจะได้สายเหลืองเมื่อไหร่วะ”
ซี “ตอนนี้ไง กูซื้อมาให้แล้ว”
ผม “ทำไมต้องซื้อ ครูเขาไม่ให้เหรอ”
ซี “ไม่มีหรอก ต้องซื้อมาเปลี่ยนเอง”
ผม “เท่าไหร่ล่ะ เดี๋ยวจ่ายให้”
ซี “ไม่เอาๆ กรูให้เมิง....ฉลองสอบผ่าน”
ผม “จะดีเหรอวะ ....!!”
ซี “ดีดิวะ ... มาๆ เอาสายขาวออก แล้วกรูจะผูกให้ ขอกรูผูกให้เมิง”

ตอนนี้อึ้งไปเลยคับ นึกว่าฟังผิด ... แล้วมันมายืนตรงหน้าใกล้ๆ และย้ำประโยคเดิม ... ผมถึงกับเขิน และอมยิ้ม แล้วก็ถอดสายเก่าออกอย่างว่าง่าย ตอนที่มันผูกสายอันใหม่ให้ ตัวผมรู้สึกขนลุกไปหมด เหมือนตรงนั้นยืนอยู่ด้วยกันแค่สองต่อสองเท่านั้น

.....รู้ไหมซี เมิงทำกรูประทับใจในตัวเมิงอีกแล้ว....

รู้สึกว่าผมไม่ได้พามันไปเลี้ยงที่ผมสอบผ่าน ... ไม่แน่ใจว่า ผมต้องรีบกลับไปทำการบ้านหรือว่าอะไรสักอย่าง
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 10:55:53
หลังจากนี้ผมและซีก็สนิทกันมากขึ้น ไปไหนมาไห้ด้วยกัน บางครั้งผมไปหามันที่มหาลัย หรือมันก็มากินข้าวที่มหาลัยผม .... ดูเหมือนซีจะเข้ากับเพื่อนผมได้ดี แต่รู้สึกว่าผมจะไม่ค่อยได้รู้จักเพื่อนซีเท่าไหร่ เพราะมหาลัยของซีเป็นแบบต่างคนต่างเรียน เรื่องที่ผมอยากรู้ช่วงนั้นคือ ตกลงไอ้ซีมันเป็นหรือไม่เป็นกันแน่!? แต่ก็ตั้งอีกคำถามกับตัวเองว่า ... แล้วกรูจะรู้ไปทำไม ในเมื่อตอนนี้เราก็สนิทกันดี ผมก็มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆซี .. ซีก็ดูมีความสุขเช่นกันที่ไปไหนมาด้วยกัน ช่วงนั้นทุกอย่างดูจะไปด้วยดี มีซีที่ไหนมีทีที่นั้น ที่ไปไหนซีก็ไปด้วย ... คือประมาณว่า ... ภายในหนึ่งปีหลังจากที่รู้จักกัน พูดได้เลยว่า ไม่มีวันไหนที่ผมและซีไม่เจอกัน ฟังดูเหมือนoverแต่มันเป็นไปแล้ว ถ้าไปเจอที่ยิม เราก็จะเจอกันที่มหาลัย ช่วงไหนหยุดซ้อม เราก็จะไปเดินเล่น ดูหนัง เรื่องซ้อมเทควันโด ก็เป็นไปได้อย่างเรื่อยๆ ซีจะคอยมาสอน ยืมอยู่ข้างๆ เวลายืดตัวก็จะช่วยกันยืดให้ .... จนบางครั้งการเรียนเทควันโดจะต้องมีคู่ซ้อมในการเตะหรือสู้ ครูก็เหมือนจะรู้ จะจับคู่ให้ผมคู่กับซีตลอด แต่ผมก็ขอร้องครูเป็นประจำว่า ทั้งๆที่สายของซีสูงกว่าของผมมาก ความชำนาญมันก็ต่างกัน จะซ้อมกันได้เหรอ ... ผมโดนเตะตายกันพอดี ครูก็มักจะพูดว่า “เอ็งสองตัวเห็นซ้อมกันบ่อย ไม่เป็นไรหรอก เอ็งสายน้อยกว่า ใช่ว่าจะเตะเบา .... เห็นเตะเป้า(ซ้อม)หนักเป็นบ้า”

เมื่อเวลาซ้อมอย่างจริงๆจังๆ ผมกะมันก็เตะกันจริงๆ มันแรงมา ผมก็หาทางเตะมันกลับ แต่เหมือนกับมันจะรู้แนวผม โธ่! มันได้ตั้งสายดำแล้วนิ ...  พอเตะมันได้ผมรู้สึกดีนะ แบบ... กรูสู้สายดำได้เว้ย ... เอ! ผมกะมันเป็นพวกซาดิสหรือเปล่าเนี่ย ชอบเล่นอะไรแรงๆเจ็บๆ

นอกจากเทควันโดแล้ว ซียังสอนผมเรื่องการป้องกันตัวอื่นๆ เป็นเรื่องที่ผมกะมันได้ใกล้ชิดกันมากๆ บางทีซีมันสู้แรงผมไม่ได้ มันจะจี้เอวบ้าง บางทีล็อคกันจนลงไปนอนฟัดบนพื้นถ้าซีสู้ไมได้มันจะชอบเล่นจุดยุทธศาสตร์ผม ... มันมาบีบน้องชายผมคับ ... ใครจะยอมล่ะ ถ้าผมสู้มันไม่ได้ผมก็ไปบีบน้องชายมันบ้าง (อย่าคิดมากน๊า ... ผู้ชายทะเล้นๆเล่นกันอย่างนี้แหล่ะ ... แต่ผมคิดนะ 555)

ผมก็สอบเลื่อนสายขึ้นมาเรื่อยๆ  …..จนมาถึง .... คราวที่มีเด็กใหม่เข้ามา อายุใกล้เคียงกับผม ช่วงนั้นเหมือนอารมณ์น้อยใจ เห็นซีไปใกล้ชิด แรกๆไม่เท่าไหร่หรอกคับ แต่นานๆไปทำไมซีไม่เป็นเหมือนก่อนฟะ ทำไมไปtake careเขาขนาดนั้น แล้วเราล่ะ? ไม่ค่อยซ่อมด้วยกันเหมือนเก่า ผมก็เกิดอาการ “งอน” ดิ แต่เหมือนซีจะรู้ว่าผมงอน และเหมือนผมไม่มีเหตุผล (ตอนนั้นมันหน้ามืดคับ มาคิดตอนนี้ก็ขำตัวเอง) ซีมักจะบอกว่า “เขามาใหม่ เขาไม่รู้เรื่อง รู้นะว่างอน”   .... ช่วงนั้นเหมือนไอ้หมอนั้นเป็นมารประจำตัวผมเลย เจอหน้ามันทีไรอารมณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก แต่ช่วงวันหยุดเราก็ยังไปเที่ยวกันอยู่ .... แถมช่วงนั้นผมก็ว่างเยอะซะด้วย เพราะผมเรียนจบหมดแล้ว (ผมเรียนแค่3ปีครึ่ง อีกครึ่งทีเหลือก็ว่าง ... รอเวลา รอบริษัทเรียกไปสัมภาษณ์บ้าง) บางทีผมจะไปอยู่บ้านของซี ไปช่วยซีทำการบ้าน ทำรายงาน มันก็มีความสุขดีนะคับ แต่พอไปซ้อมที่ยิมพอเห็นหน้าไอ้หมอนั้น อารมณ์ก็จะไม่ดี
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 10:59:58
ช่วงต้นปี ...อยู่มาวันนึง(ก่อนวันรับปริญญาผม3วัน) เอ...! ทำไมซีไม่มายิม รอแล้วรออีก ไม่เห็นมา ... โทรหาก็ไม่ติด มันปิดเครื่องทำไมวะ จำได้ว่าวันนั้น ไม่มีอารมณ์ไปซ้อมเทควันโดเลย มัวแต่โทรหามัน กดโทรศัพท์ตลอด มันเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกะมันหรือเปล่า ... ผมเลยตัดสินใจไปที่บ้านซี พอไปถึง ทำไมบ้านมันมืดจังวะ ไม่มีใครอยู่เหรอ ประตูรั่วใส่กุญแจอยู่ ยืนรออยู่นานเป็นชั่วโมงๆ ยังไม่มีวี่แววใครจะมา พยายามโทรหา แต่ก็ไม่ติด ส่งsmsไปเยอะมากๆ รอจนถึงเวลาเกือบเที่ยงคืน ยังไม่มีใครมา ... ในหัวคิดไปต่างๆนาๆ นอนไม่หลับเลยคืนนั้น ตอนเช้ากลับไปที่บ้านซีอีกครั้ง ยังคงเงียบ ประตูรั่วยังคงใส่กุญแจเหมือนเดิม บ่ายๆผมเลยตัดสินใจไปที่มหาลัย ไปเดินๆแถวคณะของซี มองหาเผื่อจะเห็นเพื่อน หรือคนคุ้นหน้าที่ซีเคยคุยด้วย ... แต่ก็ไม่มีคนไหนคุ้น ขณะเดียวกันก็พยายามโทรหา ... แต่เหมือนโทรศัพท์ของซีจะปิด ช่วง3วันนั้นผมพยายามหาซี โทรหาซี ส่งsmsหาซี ไปยืนรอหน้าบ้านซี แต่ยังไร้ซึ่งวี่แววของซี คิดไปต่างๆนาๆ คืนก่อนวันปริญญายิ่งนอนไม่หลับ น้ำตาซึมบ้างมันแต่คิดเรื่องของซี หายไปไหน ตื่นเช้ามาตาบวมคล้ำ ซึม... เพื่อนๆเห็นก็ตกใจกันหมด เล่าเรื่องซีหายไปให้เพื่อนๆฟัง ทุกคนเลยเข้าใจ จำได้ว่า ... เสียงรอบข้างเขาเฮฮา... แต่ผมเป็นคนเดียวที่เศร้า ขณะรอขึ้นไปรับประกาศฯพยายามแอบโทรหาซี แต่ก็ไม่ติด.... เดินขึ้นไปรับประกาศฯเหมือนไร้วิญญาณ พอออกมาจากห้องประชุม ... ทุกคนดูมีความสุข มีแต่ผมไปนั่งซึมๆแถวทะเลสาบ ถูกเพื่อนๆลากไปถ่ายรูปบ้างแต่ก็ไม่ค่อยจะสนุกหรือยิ้มด้วย ....กำลังคิดว่าออกจากงานไปรอหน้าบ้านซีดีกว่า เงยหน้าขึ้นมา ....(อยากจะบอกว่าsceneนี้เหมือนในหนังรักหรือmusic VDOรักเลย) ผมเห็นผู้ชายคนนึงหน้าตาคุ้นมากๆมากพร้อมกับช่อดอกไม้กับteddy bear ... ไอ้ซีนี้หว่า .... แต่ซีคงมองไม่เห็นผม ตอนนั้นวิ่งสุด รู้ตัวว่าน้ำตาไหลเข้าไปหาซี ซีหันมาหน้าตาตกใจ แต่ก็ยิ้มให้ ผมโดดเข้ากอดซี ตอนนั้นไม่สนใจใครแล้ว .... คำถามมากมายที่ผมถามซี

ผม “เมิงหายไปไหนวะ ทำไมโทรหาไม่ติด ไปไหนมา ทำไมไม่บอก รู้ว่าเป็นห่วงเมิงมากแค่ไหน สบายดีหรือเปล่า เป็นอะไรหรือเปล่า” (ซีคงงงและตกใจกับคำถามที่มาเป็นชุดๆ)
ซี “เอ้ย .... ช้าๆค่อยๆพูดค่อยๆถาม”
ผม ..... (นิ่งไป แต่ยังกอดซีอยู่)
ซี “ขอโทษนะเว้ยที่ไม่ได้โทรบอก ... พอดีพ่อกรูเข้าโรงพยาบาลที่ต่างจังหวัด กรูกับแม่ก็รีบไปหาพ่อ มือถือเอาไป แต่ตัวชาร์จไม่ได้เอาไปด้วย แบตหมด”
ผม ..... (ยิ้มพร้อมน้ำตา)
ซี ....“ปล่อยกรูหน่อยดี มันอึดอัด”
ผม “อืม .... โทษทีๆ ลืมตัว”
ซี “อะ .... (ยื่นดอกไม้กับteddy bearให้ผม) …surpriseปะ ยินดีด้วยนะ”
ผม “surpriseดิ มากๆด้วย ขอบใจนะ”


รู้ไหมซี เมิงทำกรูประทับใจอีกแล้ว surpriseมากๆด้วย
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 11:02:04
ในวันนั้น.... ความสดใสของการรับปริญญาก็กลับคืนมา ช่างภาพที่เตรียมไว้(เพื่อนผมเอง)ได้ทำงานซะที และทำงานรัวด้วย ผมและซีถ่ายรูปด้วยกันเยอะมาก มีท่าอะไรก็งัดกันขึ้นมาถ่ายหมด เฮฮากันน่าดู ผิดจากตอนเช้าที่ผมซึมเศร้าไปเลย ... ตอนนั่งรถกลับบ้าน(เพื่อนผมขับ เพื่อนอีกคนนั่งหน้า ผมกะซีนั่งหลัง)

ผม “เออ! แล้วพ่อของเมิงเป็นยังไงบ้าง”
ซี “เขาokขึ้นแล้ว ...ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว ตอนนี้แม่กรูอยู่พยาบาลที่นั้น”
ผม “อืม ...” “กรูคิดไปต่างๆนานๆเลยเมิง เห็นเมิงไม่มาซ้อม กรูทั้งโทรตาม ไปรอที่หน้าบ้านเมิง ไปที่คณะเมิง …. ก็คนมันเป็นห่วงนิ(ทำหน้าแบบอายๆ)”
ซี (หัวเราะ) “กรูไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”
ผม “เหนื่อยวะ ... เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ คิดแต่ว่าเมิงหายไปไหน”
ซี “เป็นเอามากว่ะเมิง”
ผม “ก็มีคนเดียวให้ห่วงนิ ... จะไม่ห่วงได้ไงวะ”
เพื่อนของผม ... “ซี ..... รู้ปะ!? ไอ้ทีมันไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย … เราคิดว่าจะซื้อฟิลม์มาเสียเปล่าซะแล้ว แต่ในที่สุดก็ใช้ถ่ายจนหมด”
ซี (หันมามองหน้า ยิ้มๆ)
ผม “เหนื่อยๆ ขอนอนแป๊ป” (แต่จริงๆเป็นอาการตอแหลของผม ...ทิ้งตัวลงนอน เอาหัวไปหนุนที่ตักซี ... มันก็ไม่ว่าอะไร ....มีความสุขจังวุ้ย!)

เพื่อนผมมาส่งถึงบ้าน .... แล้วซีก็ปลุกผมเมื่อถึงบ้านผม ...ผมเอาของไปเก็บและเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากนั้น ผมจึงพาซีและเพื่อนอีก2คนไปเลี้ยง ... เพื่อนคนอื่นๆมันไปฉลองตามผับ แต่ผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และไม่ชอบเสียงbaseดัง เลยไม่ไป หลังจากฉลองกันเสร็จ ผมและเพื่อนอีก2คนจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมไปส่งซีที่บ้าน

หลังจากวันรับปริญญา ความว่างก็มาเยือน ... ไม่มีบริษัทไหนเรียกไปสัมภาษณ์ ล่อนresumeไปตั้งหลายบริษัท วันๆก็รอแต่โทรศัพท์เรียกสัมภาษณ์ เย็นๆก็ไปเล่นเทควันโด ถึงไม่มีบริษัทไหนเรียก แต่ดีใจที่ได้เจอซีทุกครั้งที่ไปซ้อมเทควันโด

วันที่ซีเรียนจบก็มาถึง แต่ซีบอกว่า “กรูไม่ไปงานรับปริญญานะเว้ย มันไม่สำคัญอะไรหรอก”
ผม “ทำไมจะไม่สำคัญวะ ไปซิ กรูอยากทำsurpriseให้เมิงบ้าง”
ซี “แหม! จะsurpriseกรู ... ไม่มีทางซะหรอก”
ผม “ไปรับเถอะเมิง อย่างน้อยๆเมิงน่าจะภูมิใจที่เมิงได้รับปริญญาจากมือของพระบรมวงศานุวงศ์เลยนะเมิง … เป็นครั้งนึงในชีวิต ไปเถอะๆ กรูขอ”
ซี “อะๆ ไปรับก็ไปรับ”
ผม “ดีมากกกก.....ว่าง่ายๆโตไวๆ”
ซี “ถ้าเมิงไม่ขอ กรูไม่ไปนะเนี่ย”
ผม “อย่างนี้แถวบ้านกรูเรียกตอ-แหล 555”

ในวันงานรับปริญญาของซี ใม่มีอะไรมากคับ ผมเป็นตากล้องให้(เพราะซีขอ) เพื่อนๆของซีส่วนใหญ่เป็นครูที่ยิมเทควันโด และเพื่อนสมัยมัธยมบ้าง ผมไม่ได้surpriseอะไรมันหรอก ให้ดอกไม้หนึ่งช่อ (ดูๆไปแล้ว ผมไม่ค่อยจะทำอะไรให้ซีประทับใจเลย) หลังงานเลิกผมไปส่งซีที่บ้านพร้อมกับให้ของขวัญไป1กล่อง

ซี “อะไรวะ?”
ผม “ไปเปิดดูเอาเองดิ”
ซี (ทำท่าเขย่าๆ) “ขอบใจนะ”
ผม “อย่าลืมมาใช้ให้กรูดูด้วยนะเว้ย อยากเห็นๆ”
ซี (ทำท่าสงสัย) “ได้ๆ …. ไปล่ะ ขอบใจมากๆนะสำหรับวันนี้”
ผม “สำหรับเมิงได้เสมอ”
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 29-12-2006 11:03:47
ปาดๆๆ แกล้งคน
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 11:05:39
เรื่องบังเอิญอีกเรื่องก็เกิดขึ้น เมื่อผมและซีได้งานทำ ที่ทำงานของเราสองคนมีเพียงถนนอโศกกั้น ตึกทำงานอยู่ตรงข้ามกัน แต่ชั้นทำงานของผมอยู่สูงกว่าของซี มองออกไปเห็นแต่ตัวตึกครับ มองหน้ากันไม่เห็น (แต่ใจถึงกัน ... เขียนเองยังอยากจะอ้วกเองเลย ...555) ต่างคนก็มีสังคมที่ทำงาน แต่ผมและซีก็มีเวลามากินข้าวเที่ยงด้วยกันบ้าง งานของผมจะอิสระมากกว่า คือ ไม่จำเป็นต้องนั่งประจำofficeเหมือนของซี บางทีผมเลิกงานก่อน ก็ไปรอซีที่ใต้ตึกและไปเล่นเทควันโดด้วยกัน ... อยู่มาวันนึง ... ซีมาบอกว่า จะไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆที่ทำงาน ซีให้ผมไปเป็นเพื่อน แต่ผมบอกซีว่า ไม่ขอเข้าไป ขอรออยู่ข้างนอกแล้วกัน เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นซีไปเที่ยวกลางคืน

พอไปถึงที่ผับ ผมรออยู่ข้างนอก ซีกับเพื่อนๆที่ทำงานเขาเข้าไปข้างใน ตอนนั้นคิดว่า ... เอ! ซีไม่เคยเห็นซีมันกินเหล้า มันจะเป็นยังไงบ้างหว่า ผมก็รอ และรอมันต่อไป ไม่เบื่อนะคับ ... ไม่รู้ว่ามันเข้าไปนานแค่ไหน มารู้อีกทีตอนที่มันถูกหิ้วออกมาจากผับ หน้าแดงไปหมด ... ไอ้นี้ท่าทางคอจะอ่อนว่ะ .... ผมเข้าไปรับตัว เพื่อนๆมันบอกว่า ... มันกินไปไม่กี่แก้วก็เมาซะแล้ว ผมเลยบอกเพื่อนๆมันว่า ผมจะไปส่งบ้านมันเอง ตอนนั้นมันเมาไม่รู้เรื่องเลย พูดอะไรของมันก็ไม่รู้ ไม่เป็นภาษาเลย ได้กลิ่นเหล้าคลุ้งไปหมด ...

ในที่สุดก็มาถึงบ้านมัน ... อ้าว! แม่มันไม่อยู่เหรอวะ ... จะเข้าบ้านซียังไงวะ ก็คลำๆหากุญแจบ้านมันในกระเป๋ากางเกง (อย่าคิดมาก .. หากุญแจจริงๆ) ไขเข้าบ้าน เข้าห้องมันได้แล้ว ... โยนตัวมันนอนลงบนเตียง ตัวไม่ใช่เบาๆเลยเนี่ย ... กำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อดี  เห็นซีมันลุกจากเตียง... และแล้วเสียงที่ไม่คาดคิดก็ดังขึ้น ....

“...อ้วกกกก...กกก...ก.!!” 

“อ้ายเชี้..ย...! กรูจะทำยังงัยดีวะเนี่ย เกิดมาไม่เคยเช็ดอ้วกเลย” ….

ยังดีที่มันอ้วกลงพื่น ไม่ได้อ้วกใส่เตียงและตัวมัน แต่ปากมันก็เลอะไปด้วยอ้วก ...คงต้องเป็นกรูแล้วซินะที่ต้องทำความสะอาด …. บอกได้เลยว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เช็ดอ้วก เหม็นเข้าจมูกเลย .... พอจัดการกับอ้วกบนพื้นเสร็จ ผมก็มาคิดว่า กรูต้องทำความสะอาดไอ้ซีด้วยหรือเปล่า ... นั่งคิดอยู่นาน ... เอาก็เอาวะ ไม่คิดอะไรนี่หว่า และแล้วปฏิบัติการปลดอาพรก็มาถึง .... ไอ้ถอดเสื้อไม่เท่าไหร่คับ มามือสั่นก็ไอ้ตอนถอดกางเกงเนี่ยแหล่ะ

มือไม้มันสั่นยังไงไม่รู้ ... ไม่ได้คิดอะไรเลยนะคับ เริ่มปลดกางเกงมาได้ ผมถึงกับอึ้ง (อย่าคิดมากดิ) ก็ไอ้ที่อยู่ตรงหน้าผม คือ boxerที่ผมให้มันเป็นของขวัญวันรับปริญญา คิดในใจ ... “มันใส่ด้วยเว้ย คิดว่า…คงไม่กล้าใส่” ตอนนั้นรู้สึกดีใจที่มันใช้ของที่ผมซื้อให้ ... ผมเหลือboxerเป็นชิ้นเดียวที่ติดตัวซี ...(นั้นแน่!! ลุ้นกันอยู่อะดิ) จัดการเช็ดตัวให้ซีจนสะอาด จับใส่ชุดนอน ... เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมจึงไปอาบน้ำ เอาเสื้อของซีมาเปลี่ยน (ถือวิสาสะเอาเสื้อซีมาใช้) … ผมจัดการเอาผ้าหม่ในตู้เสื้อผ้ามาปูนอนบนพื้น ปล่อยให้ซีนอนบนเตียงของมัน
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 11:07:15
มารู้สึกตัวอีกที่ตอนเหมือนมีอะไรมาว่างพาดอยู่บนตัว อ้าว!! ขาไอ้ซีนี้หว่า … อะไรกันฟะ กรูจับมันนอนบนเตียงนี้หว่า อยู่ๆมันมานอนที่พื้นข้างล่างได้งัย … มันคิดอะไรกะกรูหรือเปล่าวะ แอบอมยิ้ม … แล้วแอบขอหอมหัวมันหน่อยนึงนะ … และพูดในใจว่า กรูรักเมิงนะไอ้ซี หัวมันเหม็นกลินบุหรี่อย่างแรง ซีมันไม่สูบบุหรี่ แต่มันคงโดนรมควันตอนที่อยู่ในผับ … แล้วผมก็หลับไป

หลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ แต่รู้สึกว่าแสงมันแยงตา พร้อมกับเสียงผู้หญิงเรียกซี …. ผมสะดุ้งจากพื้นมานั่ง นั่งคิดอยู่นาน กรูอยู่ที่ไหนวะเนี่ย …. “อ่อ ..บ้านซีนี้หว่า แล้วซีมันหายไปไหนวะ” เสียงซีตะโกนขานตอบ “อาบน้ำอยู่…” ผมลุกขึ้นมานั่งบนเตียงรอมันออกมาจากห้องน้ำ

ซีออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างอยู่ …โอ๊ย! sexyว่ะ
ซี “อ้าว ตื่นแล้วเหรอวะ”
ผม “ถ้ากรูนอนอยู่ เมิงจะเห็นกรูนั่งอยู่ตรงนี้เหรอ” (เรื่องกวนทีน ผมถนัดนัก555)
ซี “เออ!! กวนทีนทันทีที่ตื่นเลยนะเมิง”
ผม (ยิ้ม)
ซี “กรูมีอะไรจะให้ดู…” (พูดยังไม่ทันจะหมดประโยค มันก็ดึงผ้าเช็ดตัวออก)
ผม (ปิดตาดิคับ)
ซี “ปิดตาทำซากอะไร เมื่อคืนเมิงก็คงเห็นหมดแล้ว กลัวอะไรผู้ชายด้วยกัน เปิดๆ”
ผม “จะดีเหรอวะ … เมื่อคืนกรูเช็ดตัวให้เมิง เหลือแค่boxerอย่างเดียวนะเว้ย”
ซี “ช่ายดิ กรูจะให้เมิงดูboxerที่เมิงซื้อให้ ดูๆ …”
ผม (รอดไป นึกว่าจะได้เห็นไอ้ซีน้อยซะแล้ว) “okกรูเห็นเมิงใส่ของที่กรูให้แล้ว” (ผมซื้อboxerให้มัน3ตัว)
ซีตะโกน “แป๊ปนึงนะแม่ ขอแต่ตัวก่อน และจะลงไปกิน”
ซี “ถ้าไม่รังเกียจ เมิงใช้แปรงสีฟันของกรูก็ได้นะเว้ย ไม่ถือ”
ผม “แต่กรูถือวะ” (จริงๆแล้ว ผมไม่ถือหรอก แต่เกรงใจปากตัวเอง)
ซี ….ยื่นแปรงอันใหม่ให้ “ก่อนเข้าไปแปรงฟัน ดมหัวให้หน่อยดิวะ กลิ่นเหม็นหายหรือยัง”
ผม “ไม่เอา… ”
ซี “แค่นี้ทำให้กรูไม่ได้เหรอวะ เออ… จำไว้นะเมิง”
ผม “อะๆ ก็ได้ๆ” (ยื่นจมูกไปดม… จริงๆก็ตอ-แหลไปอย่างนั้น จริงๆอะ ทำได้สบายอยู่แล้ว)
ผม “ไม่มีกลินแล้ว หอมแล้ว แต่อ้วกเมิงเมื่อคืนโคตรเหม็นเลย”
ซี “อ้วกบ้านใครไม่เหม็นบ้าง บอกมาดิ!! แต่ขอบใจนะที่มาส่งกรู ไม่ได้เมิงกรูคงมาไม่ถึงบ้าน … แปรงฟันได้แล้ว จะได้ลงไปกินข้าวกัน ไม่รู้ว่าแม่ทำอะไรให้กิน”

ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นแม่ของซีแบบเต็มๆ แม่ของซีออกจะท้วมๆ ผิดกับซีที่ดูตัวผอม
ผม “สวัสดีคับ คุณป้า”
แม่ซี “ว๊าย… (จำได้ว่าแม่ของซีร้องเสียหลงเลย) เรียกแม่ดีกว่าไหม”
ผม “คับ แม่… ผม..ที..คับ”
แม่ซี “แม่รู้จักแล้ว ซีเล่าให้แม่ฟัง … รู้จักซีที่ยิมซินะ”
ผม “คับ.. ที่ยิม”
ซี “เริ่มกินกันดีไหม … หิวแล้ว”
โดนตัดบทเลย แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมเข้ากับผู้ใหญ่ไม่เก่งซะด้วย ข้าวมือนั้นก็พื้นๆคับไม่มีอะไรมาก จะอร่อยที่สุดก็แกงจืดตำลึงหมูสับ ผมกะซีแย่งกันตัก …. อิ่มไปอีกมื้อ สบายใจไม่ต้องจ่ายตัง 555 หลังจากกินเสร็จ ผมกะซีไปช่วยกันล้างจาน แม่ของซีไปนั่งดูtv … แล้วอยู่ซีก็พูดขึ้นมาว่า “กินข้าวบ้านกรูแล้ว ช่วยกรูซักผ้าด้วย”
ผม  “ได้งัยวะ”
ซี “เถอะน่า แต่ช่วยยัดๆลงเครื่องซักผ้า”
ผม (รอดไป นึกว่าซักมือ)

ถ้าแม่ผมรู้คงจะโกรธน่าดู เพราะเรื่องงานบ้านที่บ้านผมๆไม่เคยแตะเลย หลังจากนั้นซีชวนผมไปเดินเจเจ
ผม “กรูไม่มีเสื้อใส่ไปข้างนอกนะเว้ย”
ซี “ก็เสื้อกรูงัย .. คิดมากไปได้”

ผมจัดแจงอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า สังเกตว่าในตู้เสื้อผ้ามันมีแต่เสื้อเก่าๆ ไม่เท่ห์เท่าไหร่ เกิดideaว่าถ้าไปเจเจแล้วเจอเสื้อเท่ห์ๆจะซื้อให้ซีตัวนึง ตอนเดินที่เจเจก็ไดผมก็ซื้อเสื้อยืดให้ซีๅ
1ตัว และให้ผมตัวนึง ลายเหมือนกัน แต่คนละสี ของผมสีเหลือง ของซีสีฟ้า มันคงชอบเหมือนกัน (ไม่ได้มัดมือชกให้มันชอบนะคับ) แล้วเราก็เดินๆกินๆจนเย็น และแยกย้ายกันกลับบ้าน คืนนั้นได้smsจากซีมา good night (ครั้งแรก)และขอบใจเรื่องเสื้อ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 11:09:36
เดี๋ยวผมไปหาหมอก่อนนะคับ ไม่มีไรมาก แค่ตรวจร่างกายประจำปี  แล้วเย็นๆจะมาpostเรื่องต่อ bye bye
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 29-12-2006 12:09:35
มาทีเยอะเลยนะครับ อ่านจนตาลาย
ที่จริงไม่ต้องรีบกระหน่ำลงก็ได้นะครับ
ลงวันละ 2-3ตอนก็ได้ เดี๋ยวเพื่อนๆอ่านกันไม่ทัน
ว่าแต่อ่านๆมาเนี่ย ยังไม่เห็นมันเกี่ยวกับหนังเหมือนชื่อเรื่องเลยนะครับ เอ๊ะ รึว่าเกี่ยวแล้ว เอ๊ะ งง :really2:
อย่าลืมมาลงต่อนะครับ น้องหมีเป็นกำลังใจให้ :yeb:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: dokebi ที่ 29-12-2006 13:25:32
 :impress2: มาต่อไวไวนะครับผม อิอิคุณทีเค  มาถึงได้ไปเที่ยวไหนยังครับเนีย
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 29-12-2006 15:32:53
 :confuse:ว่าแต่เหมือนหนังเรื่องไรนะ อิอิ ขอเดาว่าเพื่อนสนิทแหละกัน หุหุ ใช่หรือป่าวก็ไม่รู้ 555+
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 15:45:50
ชีวิตช่วงนั้นก็เป็นเหมือนที่ผ่านๆมาคับ ไปทำงาน ไปเล่นเทควันโด ไปเที่ยวไหนๆกับซี จะเปลี่ยนไปที่ผมและซีสนิทกันมากๆๆ และสายที่เปลี่ยนไปจนตอนนี้เป็นสสายแดงอย่างที่ผมใฝ่ฝันมานานแสนนาน ใช้เวลาประมาณปีครึ้งคับ แต่มันยังคงเป็นสายแดงดั้งหนึ่ง ไม่ใช่สายแดงดั้งสอง ….ในการเลื่อนขั้นของแต่ละสาย ไม่ใช่ว่าจะแค่จากเหลืองเป็นเขียว แต่มันคือ เหลืองดั้งหนึ่ง เหลืองดั้งสอง แล้วค่อยเป็นเขียวดั้งหนึ่ง หมายความว่า ในแต่ละสายสีจะมีสองดั้ง ผมบอกกับตัวเองว่า แค่สายแดงดั้งสองก็พอแล้ว ไม่เอาให้ถึงสายดำหรอก ไม่ชอบสีดำ

วันนั้นในยิมมีclassเดียวที่เรียนอยู่ ผมกะซีเล่นกันอีกซีกนึงของยิม เล่นและซ้อมกันซีเป็นปกติ จะไม่ปกติตรงที่ว่า เราเล่นกัน เตะ ต่อย ปล้ำกันมันส์ และแรงจริงๆ(แรงแต่ทนได้ เพราะเราใส่เกราะหมด ถึงใส่เกราะแต่เจอเตะเข้าท้องจริงๆก็อาจจะจุกได้) และแล้วภาพล่าสุดที่ผมเห็นคือ เท้าของซีที่เตะตวัดเข้าที่สีข้างผม รู้สึกตัวเส ชา และได้ยินเสียงดัง “ตุ๊บ” ….

….ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว………

มารู้สึกตัวอีกทีว่า นอนอยู่ที่ไหนสักแห่ง บรรยากาศรอบข้างเย็นๆ พอขยับตัวได้ ผมรอ้ง “โอ๊ย” ด้วยความปวดทันที แล้วผมก็เห็นหน้าซีที่เต็มไปด้วยน้ำตา ….
“อย่าขยับตัว อยู่เฉยๆไว้นะ”
ผม “ซี๊ .. ตอนนี้กรูอยู่ที่โรงพยาบาลใช่ไหม ทำไมกรูถึงมาอยู่ที่นี้”
ซี ร้องไห้ “กรูขอโทษ กรูผิดเอง กรูทำให้เมิงเจ็บ”
ผม “อะไรนะ!? มันเกิดอะไรขึ้น อย่าร้องไห้ดิ ใจกูไม่ดีนะเว้ย”
ซี “กรูเตะพาดเข้าข้างหลังเมิง แล้วเมิงก็สลปไป”
ผม “กรูว่ากรูหลบทันแล้วนะเว้ย”
ซี “ไม่ทัน … กรูขอโทษๆๆ”
ผม “หยุดขอโทษกรูเลย และหยุดร้องไห้ด้วย”
ซี สะอื้น … “กรูไม่่รู้จะโทรบอกที่บ้านเมิงยังไงดี ตอนนี้มี่บ้านเมิงคงยังไม่รู้”
ผม “กดโทรศัพท์ไปที่เบอร์นี้ แล้วบอกแม่กรูแล้วกัน”

ซีหยิบโทรศัพท์มากดหาแม่ของผม บอกว่าผมอยู่ที่ไหน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเสียงสะอื้น น้ำตา และคำขอโทษกับแม้ผม โทรศัพท์ถูกโอนมาให้ผมคุย …ผมเจอคำถามที่ถูกยิ่งมาเป็นชุดจากแม่ แต่ก็บอกกับแม่อย่างเดียวว่าไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากนั้นประมาณ30นาที แม่ผมก็มาที่ห้องพร้อมกับหมอ ซีวิ่งเข้าไปหาแม่ผมพร้อมกับแนะนำตัว และมันยังพูดขอโทษไม่หยุด จนผมต้องบอกมันอีกรอบว่า ให้หยุดได้แล้ว พอได้แล้ว …. แม่ ซี มายืนข้างผม จำได้ว่าแม่กำมือผมไว้แน่นมากๆ พวกเราฟังหมออธิบาย ซึ่งหมอบอกตอนนั้น ยังบอกอาการได้ไม่มากจนกว่าจะได้x-ray และแล้วผมก็ถูกพาตัวเขาห้องx-ray ตอนนั้นที่ต้องย้ายเตียง ผมต้องกัดฟันตัวเอง เพราะว่ามันปวดอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างทางที่นอนไปห้องx-rayมีแม่เดินขนาบข้าง แม่มากำมือผมตลอดทาง ส่วนอีกข้างเป็นซี มือซีจับของเตียง ผมเอามือไปจับและเปลี่ยนเป็นกุมมือกัน มันหันมามองหน้า ตามันยังมีน้ำตาเอ่อๆ …. ผมบอกมันว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง กรูจะกลับไปเหมือนเดิม” 
กุมมือทั้งสองคนไปได้สักระยะ ก็ถึงเวลาที่ต้องปล่อย เมื่อผมมาอยู่ตรงห้องx-ray ก่อนเข้าห้อง ผมหันไปยิ้มให้แม่และซี อาการปวดแปป..ป..ป.. ยังคงมีอยู่

.... พร้อมพูดว่า ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วเจอกัน .....
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 15:47:05
ระหว่างที่อยู่ในห้องx-ray ผมได้คุยกับหมอเรื่องที่ผมปวดหลัง .... หมอยังสรุปไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปจนกว่าผมx-rayจะออก แต่ผมก็ยังย้ำหมอว่า “หมอต้องทำให้ผมหายให้ได้ ผมจะยอมทำทุกอย่างให้หายเป็นปกติ ผมยังมีความหวังและความฝันตั้งหลายอย่างที่ผมจะต้องทำ” คืนนั้นผลx-rayยังไม่ออก จะต้องฟังผลตอนเช้า

ซีขอผมนอนเฝ้าผมคืนนั้น แต่ผมต้องไล่มันไปเอาเสื้อมาเปลี่ยน เพราะมันยังคงใส่ชุดเทควันโดอยู่ ส่วนผมบอกให้แม่กลับไปนอนที่บ้านและกลับไปบอกพ่อผม ... ระหว่างที่ซีกลับไปเอาเสื้อที่บ้าน ...
อยู่ๆแม่ก็ถามผมว่า “ใครเหรอ”
ผม “เพื่อนสนิทที่เล่นเทควันโดด้วยกัน”
แม่ “จริงเหรอ!? ทำไมทีต้องกุมมือเขาด้วย แม่เห็นนะ”
ผม (จะพูดยังไงดีวะ เลยตัดสินใจพูด) “สนิทแค่ไหนทีไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาทำให้ทีประทับใจ อยู่กับเขาแล้วทีสบายใจ บางครั้งอบอุ่นด้วยซ้ำ” แม่คงอึ้งไปช่วงขณะ คงไม่คิดว่าลูกชายตัวเองจะเป็นขนาดนี้ ... ผมก็เข้าใจหัวอก คนเป็นพ่อเป็นแม่นะคับ เรื่องอย่างนี้ใช่ว่าจะรับกันได้ง่ายๆทุกคน
ผม “เอาเป็นว่าทีรู้สึกดีๆกับเขา ... และทีคิดว่าเขาก็รู้สึกดีๆกับทีเช่นกัน… ทีเข้าใจความรู้สึกแม่ตอนนี้ อย่าคิดมากเลย”
แม่ “แล้วแต่ลูกแหล่ะกัน ... อย่างไหนที่ลูกสบายใจ แม่ก็สบายใจด้วย แต่ตอนนี้เอาตรงนี้ให้หายก่อนนะ”
ผม (ยกมือขอบคุณแม่ผม) “ขอบคุณคับที่เข้าใจที (เป็นครั้งแรกที่พูดคับกับแม่)”  .... “ตอนนี้ทีหิวแล้ว ผมกินอะไรได้บ้าง”

มื้อนั้นผมกินได้แต่ของที่เป็นน้ำๆ กับขนมปัง ลุกขึ้นมานั่งกินไม่ได้ เพราะขยับตัวไม่ได้เลยปวดแปปมากๆ  ....  ระหว่างที่แม่ป้อนผมอยู่ อยู่ๆแม่พูดขึ้นมาว่า “ทีจะเป็นอะไรก็ช่าง ขอให้ทีเป็นคนดี แค่นี้แม่ก็พอใจในตัวทีแล้ว” ….. โอ๊ย! มันกินใจผมเหลือเกิน และแล้วซีกลับมาที่ห้องกับเสื้อที่ผมซื้อให้มันใส่ ... เห็นมันใส่เสื้อตัวนั้นแล้วมีกำลังใจขึ้นมาเป็นกองเลย ...

แม่ “ไปล่ะนะ แม่ฝากดูทีด้วยนะ”
ซี “คับ”
ผม “มึงกินข้าวหรือยัง หิวปะ”
ซี “ไม่หิววะ ....”
ผม “กรูไม่เชื่อมึง กรูรู้มึงหิว... หยิบโทรศัพท์สั่งข้าวมากินเดี๋ยวนี้”

แล้วคืนนั้นซีก็นอนเฝ้าผม ดูมันไม่ค่อยจะพูดเล่น นั่งนิ่งๆอยู่ข้างๆบ้าง ลงไปนอนบนโซฟาบ้าง
 
ตื่นอีกทีก็ตอนสายๆแล้ว ... ยังคงนอนท่าเดิม แต่หลับสบายโคตะระๆ (สงสัยเพราะยาที่กินไปก่อนนอน) ซีนั่งดูtvอยู่

ผม “เปิดเสียงก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจกรูหรอก”
ซี “เมิงนอนอยู่อย่างนั้น จะให้กวนได้ไง”
ผม .... “ตอนนี้กรูตื่นแล้ว เปิดเสียงได้แล้ว”
ซี “อืม… ได้ๆ ... เออ ... หมอนัดฟังผลตอนเที่ยง เมื่อเช้าแม่มึงโทรมาถามอาการมึง แม่กะพ่อเมิงจะมาฟังผลเมิงด้วย”
ผม “ขอบใจ ... แต่ทำไมเมิงไม่ไปทำงานวะ สายแล้ว”
ซี “จะให้กรูไปไหนไกลๆจากมึงได้ง่าย ... เมิงยังเป็นอยู่อย่างนี้ กรูโทรไปลาแล้วด้วย แต่ยังไม่ได้ลาของเมิง เพราะกรูไม่รู้เบอร์”
ผม “ตามใจเมิงแล้วกัน ... (แอบดีใจข้างใจ)”
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 15:48:00
จำได้แม่นมากๆว่า เวลาฟังผลจากหมอเป็นเวลาที่ผมแพลงฤทธิ์ .... เพราะผลที่หมอมาบอก คือ “ตอนนี้กระดูกหลังคุณเคลื่อนไปมาก แต่ยังโชคดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ คุณจะหายเป็นปกติ แต่จะไม่สามารถเล่นเทควันโดได้อีกแล้ว” เป็นประโยคที่บาดใจผมตอนนั้นอย่างแรง เหมือนโดนสั่งห้ามทำในสิ่งที่ผมรัก ในสิ่งที่ผมฝัน ผมอึ้งไปนาน ก่อนที่ผมจะตะโกนใส่หน้าหมอว่า “ไม่มีทาง ผมจะต้องหาย ผมต้องกลับไปเล่นเทควันโดให้ได้ หมอไม่มีสิทธ์มาสั่งให้ผมหยุดเล่น” …. จนพ่อผมต้องเอามือเข้ามาปิดปากผม สั่งให้ผมหยุด .... หมอคงอึ้งไปเหมือนกันที่เจอผมตะโกนใส่หน้าอย่างนั้น แล้วหมอขอให้พ่อกะแม่ผมออกไปคุยข้างนอก ... ผมนอนร้องไห้และพูดกับซีว่า “กรูไม่ยอม กรูจะหาย กรูจะไปเล่นเทควันโด ... มึงต้องสอนกรูนะ กรูจะเอาสายแดง กรูจะซ้อมกับเมิง” ซีได้แต่พยักหน้าและร้องไห้ตาม .... และผมก็ยังคงย้ำคำพูดนั้นกับซีและกับพ่อแม่

อยากจะบอกว่า พิมพ์ถึงตอนนี้ผมร้องไห้ไปพิมพ์ไป คำพูดที่พูดกับซี กับพ่อแม่ ยังคงดังอยู่ในหัว

หลังจากวันนั้นผมก็อยู่ที่โรงพยาบาลอีก4วัน หมอโหมให้กินยาอย่างหนัก หมอบอกให้ทำอะไรผมทำตาม โดยที่นึกไว้อย่างเดียวว่าต้องหายให้ได้ ทุกๆเย็นจะมีกำลังใจของผมมานั่งพูดคุยข้างๆ ค่อยเล่าเรื่องงาน เรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ผมฟัง เพลินดีคับ จริงๆแค่เห็นหน้าซีผมก็สบายใจแล้ว
ผม “ไม่ไปเล่นเทควันโดเหรอวันนี้”
ซี “จะไปเล่นได้งายยย ... คู่ซ่อมกรูยังไม่หายเลย จะให้กรูไปเล่นคนเดียวได้ยังไง … หายไวๆ แล้วไปเล่นด้วยกันอีก”
ได้ฟังแค่นี้กำลังใจมีขึ้นมาเป็นกอง ประมาณวันสุดท้ายก่อนออกจากโรงพยาบาล อาการปวดของผมก็ดีขึ้น แต่ยังรู้สึกเสียวที่สันหลัง เมื่อจะก้มหรือเอื้อมไปยินของ ... ผมกลายเป็นวิตกไปเลย เพราะกลัวที่จะเสียวสันหลัง

และแล้ววันที่ออกจากโรงพยาบาลก็มาถึง ... ซีขออนุญาตแม่ผมพาผมไปยิมเทควันโด และจะพาผมกลับบ้านเอง (มันไม่กล้าขอพ่อหรือคุยกะพ่อผมหรอก มันบอกว่าพ่อผมหน้าดุ ...555) ไปถึงที่ยิมฯ ความรู้สึกผมเหมือนได้กลับไปที่ๆผมชอบ ที่ๆผมรอจะไปมานาน ... พี่ๆน้องๆในยิมฯเข้ามาทัก ถามเรื่องอาการกันเยอะ แม้แต่ผู้ปกครองที่มีเฝ้าลูกๆก็เข้ามาถามผม ... มีผู้ปกครองคนนึงถามผมว่า “โทษนะค่ะ ... คุณสองคนเป็นอะไรกันเหรอค่ะ เห็นเล่นด้วยกันบ่อยๆ หน้าตาก็คล้ายกัน” …ผมยังงงว่า ...คล้ายกันตรงไหนฟะ ... พอโดนถามอย่างนี้ผมกะซีหันมามองหน้ากันและยิ้ม ... ซีหันไปตอบว่า ทีเป็นคู่ซ้อมกับผมคับ ... ลุ้นตั้งนานกว่ามันจะตอบอะไร

ซีปล่อยให้ผมเดินเล่นในยิมสักพัก ... อยู่ๆซีเรียกผมไปหาผู้ชายคนนึงซึ่งเป็นผู้ปกครองคนนึง ... ซีแนะนำให้รู้จัก
ซี “พี่เขาเป็นครูสอนโยคะ ... พี่เค้าแนะนำให้ทีไปลองเล่นดู”
ผุ้ปกครอง “ลองไปดูซิคับ ผมว่าโยคะน่าจะทำให้คุณหายได้ แต่คุณต้องไปเป็นประจำ”
ผม “ได้คับ ผมจะลองไป ผมอยากกลับมาเล่นเทควันโดอีก”
ผู้ปกครอง “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เดี๋ยวก็กลับมาเล่นได้”

หลังจากวันนั้นผมต้องไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล กินยา และไปทำโยคะ ซีจะตามผมไปให้ได้ แต่ผมบอกมันว่า “เรื่องงานของเมิงก็มี ให้เวลางานกับงานบ้างเถอะนะ ... กรูเข้าใจว่าเมิงห่วงกรู และเมิงเลิกคิดมากได้แล้ว...ที่ว่าเมิงทำให้กรูเป็นอย่างนี้”

จากวันนั้นเป็นเวลาเกือบ3อาทิตย์อาการปวดหรือเสียวสันหลังก็ไม่มีอีก ไปถ่ายx-ray หมอบอกว่า ... ผลออกมาดีเกินคาด แต่ก็ยังคงต้องระมัดระวังเรื่องหลัง

จนมาถึงวันนี้ผมหายสนิทแล้ว เล่นเทควันโดแบบบ้าพลังได้ ... อยากขอบคุณกำลังใจจากแม่กะพ่อ เมิงด้วยไอ้ซี ครูสอนโยคะ และอีกหลายๆกำลังใจ ... และต้องขอโทษคุณหมอท่านนั้นด้วย ที่ผมตะโกนขี้หน้าแพลงฤทธิ์เป็นชุด

เป็นเวลาเกือบเดือนหลังจากหายสนิท ผมถึงกลับมาเล่นเทควันโด ถึงตอนนี้เวลาใน1สัปดาห์ผมต้องแบ่งให้กับโยคะ2วัน 3-4วันเล่นเทควันโด (ผมมันบ้าพลังคับช่วงนั้น) ... ตอนนั้นรู้สึกว่า ... วิชาผมหายไปเยอะ ความคล่องตัวลดลง เหมือนมันลดลงไปครึ่งนึงจากที่เล่นๆมา ความยืดหยุ่นก็น้อยลงเช่นกัน ... ซียังคงช่วยซ้อม เล่นเป็นเพื่อนอยู่เหมือนเดิม ... แต่ผมซิคับ ต้องระวังตัวมากขึ้น บางครั้งจะโดนเตะเข้ามาที มันยังคงคิดถึงภาพเก่าที่โดนเตะแล้วสลบไป 
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 15:49:11
อีกประมาณ2เดือนกว่าหลังจากนั้นก็ถึงเวลาสอบเลื่อนเป็นสายแดงดั้งสอง ... ตื่นเต้าเป็นที่สุด คนมาสอบแค่7คน ทำไมมันมากันน้อยนักฟะ ... ไม่ครบคู่ด้วย แล้วเวลาจับคู่สู้กันจะทำยังไงดี และดูเหมือนคนอื่นๆเขาจะนัดแนะจับคู่กันแล้ว จะไปจับคู่กับครู ...ไม่เอานะเว้ย ผมโดนเป็นคนสุดท้าย ไม่มีคู่จริงๆด้วย ความหวังสุดท้ายอยู่ที่หลังห้อง ... หันไปส่งสายตากับซี พร้อมกับวิ่งเข้าไปหา ...
“เมิง .... กรูไม่มีคู่ว่ะ ทำไงดี!?”
ซี (มันชี้ไปที่ตัวมัน) ... “นี้ไง ...กรูเนี่ยไงคู่มึง”
ตอนนั้นอยากจะหอมแก้มมันสักฟอด ... แต่ไม่กล้า (ผมมันเก่งแต่ปาก555) การสอบเป็นไปตามปกติ พอจับคู่สอบกับซียิ่งสบายใหญ่ มันเหมือนรู้ทางกันแล้ว แต่ตอนสอบต่อสู้ ... แม้ง...ซี! ทีนหนักขึ้น ไม่ยอมเบาๆทีนเล๊ย

ในที่สุดผมก็ผ่านการสอบ .... สายแดง ดั้งสอง... ผมได้ความฝันของผมมาแล้ว ใช้เวลาเกือบ2ปี ตั้งแต่สายขาว เข้าโรงพยาบาลมาหนึ่งครั้ง มองย้อนกลับไปและคิดกับตัวเองว่า ... “กรูผ่านมาได้ไง … วันนี้กรูทำได้แล้ว”
หันไปบอกซี “กรูผ่านแล้วเว้ย ได้แดงดั้งสองแล้ว”
ซียิ้มตอบ (ตอนนี้มันน่ารักมากๆ) “กรูยินดีด้วย”

คนอื่นๆเริ่มทยอยไปเปลี่ยนชุด ผมเดินรั้งท้าย แต่ซีไม่ยักกะเดินตามไปเปลี่ยนชุด ... สักพักได้ยินเสียงซีจากข้างหลัง “จะรีบไปไหนวะ ... หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน” แล้วซีก็เดินเข้ามาหาผม เหมือนมีอะไรซ้อนอยู่ข้างหลัง
ผม “จะทำอะไรกรู” (พร้อมทำท่าป้องกัน ... แบบขำๆ)
ซีหัวเราะ “กรูไม่ทำอะไรเมิงหรอก สายแดงดั้งสองแล้วนิ ใครจะกล้าทำ”
มันเดินมาประชดตัวผม “ปลดสายแดงที่เมิงคาดได้แล้ว” พร้อมกับชูสายแดง (แดงโส๊ดสด ไม่ใช่แดงเข้มๆ) เส้นใหม่ ใหญ่กว่าของเก่าให้ผมดู .... ขนลุก เย็นวาบเลยคับตอนนั้น พูดอะไรไม่ออก “กรูจะคาดเส้นใหม่ให้” .... ผมยังคงนิ่ง มันเลยแกะเส้นเก่าให้ .... ดูมันกล้าดีเนอะ ผมได้แต่ยืนนิ่งดูมันแกะและคาดเส้นใหม่ให้ผม คาดไปมันก็พูดไป
“กรูให้มึงเพราะมึงสอบผ่าน เส้นนี้กรูให้พี่ที่รู้จักเอามาจากเกาหลี ... ที่นี้คงไม่ค่อยมีคนใช้หรอก สีจะสดกว่า เส้นมันจะหนาและใหญ่กว่าปกติ” พอมัดปมเสร็จ ซียกปลายสายทั้งสองที่เหลือให้ดู .. มันถูกปักเป็นภาษาเกาหลีสีดำทั้งสองข้าง 
ผมถาม “เขียนว่าอะไรวะทั้งสองข้าง อ่านไม่ออก”
ซี “อยากรู้จริงๆเหรอ”
ผม “อยากรู้ดิ”
ซี “ยกปลายข้างซ้ายขึ้น อันนี้ปักเป็นชื่อยิมที่พวกเราเล่น ….”
ผม “และอีกข้างมันปักยาวจังวะ ... มีสองแถวด้วย”
ซีมองหน้าผม “ที่มันยาวและมีสองแถวเพราะว่า แถวนึงเป็นชื่อเมิง อีกแถวเป็นชื่อกรู”
ผมได้ยินแค่นั้น ถึงกับอึ้ง หูอื่อ ขนลุก ตัวเย็นกว่าเก่า .... พูดอะไรไม่ออกเลย .... ผมเดินอ้อมไปกอดข้างหลังซี พร้อมกับพูด “ขอบใจมากนะเว้ย ไม่เคยมีใครทำกูได้ประทับใจเท่านี้ ขอบใจจริง” … ตอนนั้นเหมือนมีผมกับซีแค่สองคนในโลก ทุกอย่างเงียบไปหมด ... และเสียงขัดอารมณ์ก็ดังขึ้น ...เสียงครูดังมาแต่ไกล “เอ็งไอ้สองตัวนั้นน่ะ ... ถ้าจะจู๋จี๋กัน ไปทำที่อื่น” …. ผมรีบเอามีที่กอดซีออก เราสองคนหัวเราะ(กลบเกลื่อน...หรือเปล่าไม่รู้)

(โดยธรรมดาแล้ว สายแดงดั้งหนึ่งกลับสายแดงดั้งสองมันเป็นสายแดงเหมือนกัน เขาจึงไม่เปลี่ยนกัน ก็คาดแดงอันเดิมไป)

ตอนเปลี่ยนเสื้อกลับมาเป็นเสื้อปกติ ผมไม่อยากจะแก้สายออกเลยจริงๆเถอะ แต่ต้องจำใจแก้ออก จะเดินทั้งชุดเทควันโดกลับบ้าน มันยังๆอยู่ ... วันนั้นผมพาซีไปเลี้ยงข้าวฉลองที่ผมได้สายแดงดั้งสอง

รู้ไหมซี ... เมิงทำกรูประทับใจอีกแล้ว surpriseอย่างมากด้วยกับสายแดงเส้นนั้น ทุกวันนี้มันยังถูกเก็บเป็นอย่างดี
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 15:51:01
ในใจลึกๆของผมมีความคิดนึงที่ผมคิดจะพูดกับซี ทุกครั้งที่ผมได้มองตาซีผมก็แอบพูดในใจ เผื่อซีจะได้ยินสิ่งที่ผมพูด ... มันเป็นคำพูดไม่กี่ประโยค แต่มันเป็นสิ่งที่อาจจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของผมและซีได้เลย ...และคิดว่าสักวันนึงผมจะบอกกับซี ......คือ

“ความบังเอิญทำให้กรูเจอเมิง เมิงทำให้กรูประทับหลายๆอย่าง... กรูรักเมิง รักเมิงมาก ...”

คิดว่าหลายคนที่เจอประสบการณ์อย่างนี้ ก็จะมีคำพูดประมาณนี้อยู่ในใจ และกลัวว่าเมื่อบอกกับคนที่เรารักไปแล้ว ... ถ้าเขาokทุกอย่างมันจะhappy แต่ถ้าเขาไม่okทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม ... ผมก็กลัวๆมากๆด้วย กลัวที่จะได้รับคำตอบที่ไม่ok และอนาคตจะเป็นอย่างไร ที่เป็นอย่างนี้ทุกวันก็happyดีอยุ่แล้ว แต่ในใจก็อยากจะmake sure ... คิดว่าสักวัน เมื่อมีโอกาสจะบอกซี

และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่หนังเรื่อง “เพื่อนสนิท” เขาฉาย .... ผมรีบโทรชวนซีไปดู ซีตอบตกลง ผมเลือกรอบที่ดึกที่สุด ... ก่อนไปดูหนังเราไปกินข้าวกันก่อน ... ในใจผมคืนนั้นเต้นเร็วกว่าปกติ ซีพูดคุยเรื่องที่ทำงาน มันเหมือนจะไม่เข้าหูผมเลย ในใจคิดแต่ว่า คืนนี้...คืนนี้ล่ะจะบอกซีให้ได้ ... เดินเข้าโรงหนัง แต่ในใจก็ยังบอกกับตัวเองว่า คืนนี้ คืนนี้...กรูจะสารภาพกับเมิง

นั่งดูหนังด้วยกัน ซีดูตั้งใจดูหนังดี แต่ผมซิจะคอยหันมามองซีตลอด ... จนมาถึงsceneที่พระเอกพูดกับนางเอกว่า “ฉันรักแกว่ะ” … หมดประโยคนั้น ผมหันหน้าไปมองซี ... แต่ดูเหมือนซีจะไม่ได้สังเกต สักพักซีคงรู้สึกว่าผมมองมันอยู่ ... ซีเลยพูดว่า “ดูหน้ากรูทำไม ดูหนังดิ” … ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ

หนังจบ ทุกคนเริ่มทยอยออกจากโรงหนัง ผมยังไม่พูดอะไร รวบรวมความกล้าและหาโอกาสเหมาะๆพูด แต่ดูเหมือนความกล้ายังไม่พอ และโอกาสยังไม่เหมาะ ... ซีชวนคุยเรื่องหนังไปเรื่อยๆ วันนั้นเราไปดูโรงหนังไกลๆบ้านซี ... ผมขอเดินไปส่งซีที่บ้าน ... ระหว่างทางเดินในซอยเงียบสนิท ใกล้ถึงบ้านซี ...
ผมประโยคแรกที่ผมเริ่มพูด “หนังสนุกเนอะ...”
ซี “อืม... แต่พระเอกน่าจะบอกนางเอกเร็วกว่านี้”
ผม “คนมันไม่กล้านิ ... ถ้าบอกไปแล้วนางเอกไม่รับรักล่ะ ...! มันจะมองหน้ากันไม่ติด”
ซี “ก็ช่าย”

เงียบไปสักพัก .... เดินมาถึงหน้าบ้านซี

ซี “ถึงบ้านกรูล่ะ ... เหนื่อยวะวันนี้ .. กรูเข้าบ้านก่อนนะ”

ตอนนี้ล่ะคับ ผมรวบรวมความกล้า พูดออกไป “อย่าเพิ่งเข้าบ้านดิ”
ซี “มีอะไรเหรอ …”
ผม (มองหน้าซี นิ่งไปสักพัก) ... “กรูมีเรื่องอยากบอกมึง”
ซี “จะบอกอะไรเหรอ ....”
ผมยังคงมองหน้าซี และเงียบ ... ซีมันคงเข้าใจแล้วคับว่าทำไมผมเงียบไป และซีก็พูดขึ้นมาว่า “อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?” 
ผมนิ่งเข้าใจใหญ่ ในที่สุดผมก็พูดออกมา “ขอกรูพูดเถอะซี กรูอยากบอกเมิงมานานแล้ว ทุกครั้งที่กรูมองหน้าเมิง กรูกูพูดในใจมากตลอด” … “ซี ... ความบังเอิญทำให้กรูเจอเมิง เมิงทำให้กรูประทับหลายๆอย่าง... กรูรักเมิง รักเมิงมาก”
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 29-12-2006 15:52:51
ทุกอย่างรอบข้างนิ่ง เงียบ ... ไม่มีอะไรตอบกลับมาจากซี ... ในหัวผมคิดว่า ทำไมมันนิ่ง เงียบไปล่ะ ความเงียบให้คำตอบกรูไม่ได้นะ .. และซีก็เริ่มพูด “กรูก็คิด ... คิดบ้างว่าตกลงเมิงเป็นอะไร และคิดว่าเมิงเป็นอะไรก็ช่าง แต่กรูรู้สึกดีที่มีเมิงอยู่ข้าง” …. แล้วไงต่อ ….  “…กรูรักเมิงเช่นกัน แต่ .... กรูขอโทษ...”






ผมเพียงได้ยินคำว่า “ขอโทษ” ผมก็เข้าใจแล้วว่าต่อไปมันจะเป็นอย่างไร ไม่อยากจะฟังประโยคต่อๆไปอีกเลย


“…กรูรักเมิงเช่นกัน แต่ .... กรูขอโทษ...กรูรักเมิงแบบเพื่อน เพื่อนที่สนิทกันมาก กรูเจอเมิงวันแรกก็รู้แล้วว่าไอ้นี้มันบ้าพลัง ลุยไหนลุยกัน”


และแล้วในนาทีนั้นผมก็ได้รับคำตอบที่รอมาแสนนาน ... เป็นคำตอบที่มันเสียดแทงใจผม ... ในสมองมีแต่ภาพของซีที่ทำให้ผมประทับใจหลายๆครั้ง และซีก็พูดว่า “เป็นเพื่อนกันดีแล้ว ขอโทษที่ไม่เป็นอย่างที่มึงคิด” ไม่มีคำพูดจากผม มีเพียงน้ำตาที่เริ่มไหลออกมา ... ซี “อย่าร้องไห้ดิ เมิงต้องเข้มแข็ง” … ณ. นาทีนั้นความเข็มแข็งผมไม่มีแล้ว สมองเริ่มคิดว่า ชีวิตข้างหน้าต่อไปจะทำยังไง ... มันหมดแล้วจริงๆ


มาถึงตอนนี้ผมคงพิมพ์ต่อไปไม่ได้แล้ว ขอเวลาทำใจก่อนนะคับ แล้วจะกลับมาต่อ ... ไม่เคยลืมภาพนี้ในหัวเลย 


ในคืนนั้นที่ผมได้สารภาพและได้รับคำตอบจากซี ผมกลับบ้านด้วยร่างกายที่ไร้สติ นอนไม่หลับ คิดแต่ว่า ... กรูทำอะไรลงไป ไม่น่าไปบอกซีเลย ... เป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่ พรุ่งนี้จะได้เจอซีอีกหรือเปล่า ซีจะเหมือนเดิมอีกไหม ... คิดวนเวียนอย่างนี้ทั้งคืน

อ้าว! เช้าแล้วเหรอ คิดวนไปเวียนมาจนเช้า ... ไม่อยากไปทำงานเลย กรูsickดีกว่า ... โทรไปลาหัวหน้าบอกว่าไปทำงานไม่ไหว นอนไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ไอ้ซีโทรมา ... “กรูจะรับดีไหววะ … รับแล้วกัน”
“กินข้าวเที่ยงกัน ... กรูรอที่เดิมนะ” ซีชวนกินข้าว
ผม “วันนี้กรูไม่ได้ไปทำงาน”
ซี “เป็นอะไรไปเหรอ ไม่สบายเหรอ”
ผม “อืม ... ไม่สบายที่ใจ”
ซี “เมิงอย่าคิดมากดิ ... เป็นเพื่อนกันนะ”
ผม “กรูคิดเกินไปแล้ววะซี ... ”
ซี “กรูเข้าใจ แต่เมิงอย่าคิดมากนะ”
ผม  “อืม... มึงไปกินข้าวเถอะ กูขอเวลากับตัวเองก่อน”

หลังจากนั้น 2-3วันผมไม่ได้ติดต่อซีเลย ผมเงียบหายไป มันยังคงเศร้าอยู่ข้างใน กินไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ ... ตอนนั้นรับรู้เลยว่า ความผิดหวังเป็นอย่างไร ... คนแรกที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังคือแม่ของผม แม่ของผมเข้าใจดีคับ แม่บอกว่า “กาลเวลาจะช่วยทำให้ดีขึ้น” ….

คืนนั้นซีโทรมาหา
ซี “เป็นยังไงบ้างเมิง เงียบหายไปเลย”
ผม “ก็ดีขึ้น ... แต่ยังลืมไม่ได้หรอก ผูกพันกันมาตั้งกี่ปี เมิงทำหลายๆอย่างให้กับชีวิตกรู ลืมไม่ลงหรอก”
ซี “พรุ่งนี้มากินข้าวบ้านกรูไหม ...”
ผม “ขอบใจ แต่ไม่ว่ะ”
ซี “อืมๆ กรูเข้าใจเมิง ... ดูแลตัวเองดีล่ะ”
ผม “อยากบอกว่า คิดถึงเมิงนะ”

นับแต่วันนั้นผมคุยกับซีน้อยลง ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยเหมือนแต่ก่อน เพราะเจอหน้าซีทีไร น้ำตามันจะเอ่อไหลทุกที และยิ่งถ้าได้ยินเพลง “ช่างไม่รู้เลย” และ “ทำไมต้องเธอ” … ผมจะนิ่งไปโดยอัตโนมัติ และmoodซึม เศร้าจะเข้ามาครอบงำ ... ไม่น่าเชื่อว่า คนๆหนึ่งจะมีอิทธิพลกับผมได้ขนาดนี้ และแล้วเวลาก็ทำให้ผมดีขึ้น แต่ไม่มาก .... และคงเพราะฟ้าลิขิตเมื่อประมาณ 1ปีที่แล้ว ฟ้าทำให้มีเรื่องบังเอิญให้ผมและซีต้องเปลี่ยนแปลงที่ทำงาน ซีได้รับตำแหน่งใหม่ แต่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด ส่วนผมต้องไปต่างประเทศครั้งละนานๆ ทำให้ผมและซีติดต่อกันน้อยลง ... แต่ทุกครั้งที่ผมรู้สึกว่าไม่มีใคร ผมจะโทรหาซี ขอแค่ได้ยินเสียงของซีก็รู้สึกสบายใจขึ้น ผมจะบอกคิดถึงมันทุกครั้ง

จนมาถึงทุกวันนี้ ... ผมยังคงเก็บซีไว้ในความทรงจำที่ลึกที่สุด และนี้อาจจะเป็นข้อเสียของผม เพราะผมไม่เปิดรับใครอื่นที่เดินเข้ามาหาผมเลย เหมือนกับว่า ... ซีเอาใจผมไปแล้ว...

“กรูยังจำทุกๆสิ่งที่ เมิงทำให้กรูได้เป็นอย่างดี ... ขอบใจมึงมากๆ กรูยังรักเมิง ยังคิดถึงเมิง ดูแลตัวเองดีๆ เมื่อไหร่ที่เมิงไม่มีใคร กรูจะอยู่กับเมิง ... และเมื่อไหร่ที่กรูไม่มีใคร กรูขอเพียงแค่รอยยิ้มจากเมิงกรูก็พอ”

ขอจบเรื่องผมกับซีแค่นี้นะคับเพื่อนๆ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ร้องไห้ตลอดที่พิมพ์ครั้งสุดท้าย
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 29-12-2006 16:34:23
 :impress:ขอให้คุณTKjunior สู้ๆต่อไปนะ คิดซะว่าไงเค้าก็ยังเหมือนเดิมนะ ไม่ได้เปลี่ยนไปเหมือนที่เคยคิดไว้

ก็อย่างที่คุณแม่บอกแหละ ว่าเวลาจะเป็นสิ่งที่เยียวยาได้ ขอบคุณเรื่องดี ๆ ที่เอามาเล่าให้ฟังนะคับ

ทุกคนในบอร์ดแห่งนี้ก็จะเป็นกำลังใจให้นะ ขอให้เข้มแข็ง
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 29-12-2006 16:41:03
เอาใจช่วยคุน ที อีกคนนะครับ   :yeb:

แต่ผมว่าดีแล้วนะครับที่คุนทีได้บอกไป
ดีกว่าที่จะต้องเกบไว้คนเดียวเปนไหนๆ
ถึงแม้บางอย่างจาไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดไว้  :monkeysad:

แต่อย่างน้อยคุนทีก็ได้มีช่วงเวลาที่ดีที่ได้มีคนที่รักช่ายมั้ยคั้บ   :yeb: :myeye:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: taexxxx ที่ 29-12-2006 17:06:11
 :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: NewcoolstaR ที่ 29-12-2006 17:21:13
ยาวโคตรๆ
จาพยายามอ่านนะคับๆ
 :3128: :3128:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 29-12-2006 18:11:20
เต้เป็นรายอ่ะ
โดนหรือ คิกคิก
 :kikkik:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 29-12-2006 20:58:24
 :monkeysad: 
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 30-12-2006 01:21:16
พออ่านเรื่องของtaeถึงหน้า13 เราก็รู้แล้วว่าทำไมtaeน้ำตาไหลกับเรื่องของเรา และทำไมเราน้ำตาไหลกับเรื่องของtae ... เข้าใจคับเข้าใจ ... :sad4:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 30-12-2006 03:03:13
 :monkeysad:
เป็นกำลังใจให้นะครับ :impress3:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: sonicacc ที่ 01-01-2007 02:28:16
อ่านจบละคับ ประทับใจกับความรักระหว่างเพื่อน

 :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: forsaken ที่ 03-01-2007 02:11:54
ว่าจะมาอ่านหลายครั้งแล้วแต่ติดอ่านอีกเรื่องนึงอยู่ แฮะ ๆ  (หลายหน้าเกิน ^^")

 :monkeysad: อ่านแล้วซึ้งดีครับ อย่างน้อยคุณก้อได้บอกความในใจคุณ ถึงจะไม่สมหวังก้อตาม
เก็บความรู้สึกดี ๆ ที่เรามีให้เค้าดีกว่า อย่างน้อยก้อได้รู้ว่าเรารักหมดหัวใจ
อย่างที่แม่คุณบอกแหละ กาลเวลาจะเยียวยาหัวใจ
ตอนนี้ยังได้เจอซีอีกบ้างป่าว ถ้าได้เจอกานก้อดีครับ
เข้มแข็งไว้นะครับ... :yeb:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 03-01-2007 13:48:51
อ่านจบล่ะ  :monkeysad2:
เลยมาโพสเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปนะคะ
ยิ้มไว้ สู้สู้  :yeb:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: lilth ที่ 03-01-2007 14:22:32
 :sad4:
สู้ๆๆคับ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: dokebi ที่ 03-01-2007 16:29:48
 :monkeysad2: โชคดีนะครับที่มีโอกาสได้บอกคนที่เรารัก ว่าเรารักเขา ดีกว่าเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้บอก  :sad5: พูดเอง งงเอง :confuse:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 04-01-2007 12:23:15
ขอบคุณทุกๆคนสำหรับกำลังใจคับ คิดว่าไม่ได้เจอซีมาประมาณสามเดือนแล้ว เพราะเวลาไม่ตรงกัน แต่ยังมีโทรหาถามสาระทุกข์สุขดิบอยู่ ล่าสุดซีส่งsmsมาhappy new year เราดีใจมากๆ ตอนนี้คงไม่ได้เจอซีอีกนาน ประมาณสองเดือน เพราะเราอยู่ต่างประเทศ กว่าจะกลับคงเกือบสิ้นเดือนกุมภา

หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 05-01-2007 09:04:49


อิจฉาคนมีแฟนหล่อ  ชิส์ๆ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 05-01-2007 18:02:07
ความรักแบบเพื่อนนี่หล่ะ ยั่งยืนที่ซู๊ด เป็นกำลังใจให้นะคะ  :teach:
ขอให้เจอคนที่ลงตัวนะคะ  :like6:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-01-2007 12:14:38
ไม่หมือนเดิมจริงๆ นะครับ

จะกลับไปเป้นเหมือนเก่ามะได้แล้ว

เศร้าจิงๆๆๆๆ

พูห์ :sad4:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: box_breathe ที่ 06-01-2007 21:15:12
เฮ้อ..นี่แหละหนา

ที่เรียกว่าความรัก !!
   
  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 11-01-2007 04:12:01
จริง ๆ อ่านเรื่องนี้จนจบตั้งแต่ที่พันทิพย์แล้วละคะ  แต่ว่าไม่เคยโพสให้กำลังคุณ T เลยนะ  โทษที ๆ เน้อ   :try2:   

เรื่องนี้อ่านแล้วน่ารักดีคะ  สำนวนอ่านง่ายดี  ไม่ต้องแปลความมาก  อ่านแล้วรู้สึกได้เลยว่าคุณ T รู้สึกยังไงนะ  ความรักคับอกเนอะ  บอกเค้าไม่ได้  บอกไปแล้วเค้าก็ให้อย่างที่เราต้องการไม่ได้อีก   ความรู้สึกดี ๆ ที่เราให้กับใครคนนึง  ไม่ว่าเค้าจะให้เรากลับมาแค่ไหน  มาก น้อย หรือแม้ว่าจะไม่ได้เลย  ก็ถือซะว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว  อย่างน้อยก็ยังมีเวลา ๆ ดีดีให้เราได้ระลึกถึงนะคะ  เค้าถือว่าเป็นคนดีน่ารักนะคะ  ไม่ทำให้ความเป็นเพื่อนเสียไป  ยังไงก็รักษามิตรภาพระหว่างกันไว้แล้วกันคะ  เอาใจช่วยให้เจอคนที่ใช่ในวันที่ใจพร้อมไว ๆ นะคะ  ตอนนี้ก็มีความสุขกับงานไปก่อนละกัน   สู้สู้   :yeb:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: Guddafy ที่ 15-01-2007 15:55:19
ขอบคุณมากนะครับ ที่เข้ามาเขียนเรรื่องดีๆให้อ่านกัน
เศร้านะครับกับการที่เรารักใครสักคน
แต่เวลาจะเป็นสิ่งที่ช่วยเราได้ครับ
เก็บสิ่งดีๆใว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของใจ
เรียกมันมาหาบ้างในวันที่เหงาใจและไม่มีใคร
 :monkeysad:
 :sad4:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: sak ที่ 16-01-2007 19:28:18
 :monkeycry2:  :monkeycry2: :monkeycry2: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:



เอาใจช่วยด้วยคนนะ ครับ   เพราะผมเองก็เจอเหตุการณ์ เหมือนๆกัน กับ คุณ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 24-01-2007 16:20:35
 :sad5:

เศร้าอ่ะ...

แง่วๆ


เป็นกำลังใจให้ครับผม

 :teach:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 01-02-2007 14:00:37
 :sad4:  ม่ายเหมือนเดิมอีกแล้วอ่า
เข้าใจๆ  เวลาเท่านั้นล่ะมั้ง ที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: luvdisc ที่ 04-02-2007 02:39:28
เพื่อน ๆ ครับ เรื่องของนายทีผมว่านะเหมาะกะเพลงนี้มากเลย พอดีได้ขุดเพลงเก่า ๆ มาฟังแล้วสะดุดกะเพลงนี้เลยเอามาให้เพื่อนช่วยกันตัดสินครับ

แค่มีเธอ * ปนัดดา
เป็นแค่คนหนึ่ง     ในโลกใบเก่า
ชีวิตฉันเงียบเหงา
ไม่เคยได้เห็นความจริง
มีพร้อมทุกอย่างและมีในทุกสิ่ง
อยากบอกว่าความจริงฉันเดียวดาย
เธอนั้นก็อยู่    ในโลกใบหนึ่ง
ที่ฉันเอื้อมไม่ถึง
และยังไม่เคยได้เข้าใจ
เธอเหมือนลมผ่าน   ผ่านมาในหัวใจ
แต่งเติมชีวิตฉันให้สดใส
*แค่เพียงได้พบเธอ
แค่เพียงได้รักเธอ
อยากอยู่กับเธอตลอดไป
**จะนานเพียงไหน
ใจฉันก็มีแต่ภาพเธอ
แม้ความจริงไม่เห็นว่าเธออยู่ข้างกาย
หลับตายังคงพบกัน
ไม่มีวันลบเลือนไป
ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน
ก็อยากจะขอ   ให้ฉันมีเธออยู่เรื่อยไป
แค่มีเธอเคียงข้างดูแลและเข้าใจ
ไม่เคยมีใครเหมือนเธอ
ที่ทำเพื่อฉันมากมาย
ใจฉันจะมีเธออยู่อย่างนี้    ตลอดไป

ป.ล.ใครอยากได้เพลงนี้ก็หลังไมค์มานะครับ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 19-02-2007 21:15:13
หวังว่าคงไม่ช้าไปนะฮะ

ชอบเรื่องของพี่ทีมากๆเลยคับ
เหมือนได้ยินคนคุยกัน
เพราะอ่านแล้ว...แล้วมันไม่ขัดหูขัดตา แถมลื่นไหลอีกต่างหาก

อ่านตอนแรก บอกได้คำเดียวว่า
ปลื้มมาก
ปลื้มกับความรักของพี่ทั้งสอง

มันเป็นความรักที่ไม่ต้องบอกว่า"รัก"แต่ก็รับรู้ได้จากการกระทำ


แต่พอมาตอนที่พี่ทีบอกว่า"รัก"พี่ซี
แล้วพี่ทีตอบปฏิเสธ ขอเป็นแค่เพื่อน
น้ำตาผมจะไหลเสียให้ได้

เป็นคนอ่อนไหวมั้งครับ เฮ้ออออออ


รักษาสถานภาพคำว่า"เพื่อน"ไว้มันก็มีข้อดีนะฮะ
แต่คนเรามักหวังสิ่งที่มากกว่าสิ่งที่มีอยู่มากขึ้นไปอีกขั้นนึง

เมื่อผิดหวัง เป็นธรรมดาที่รู้สึกหดหู่
แต่เราต้องเชื่อซิ ว่าซักวัน โชคต้องเข้าข้างเราบ้างซินะ

ลองเปิดรับคนใหม่ๆที่เรารับรู้และรู้สึกได้ว่า เค้าเนี่ยะแหละ ที่รู้สึกเหมือนๆกับเรา
แล้วซักวัน พี่ทีจะเจอคนที่เค้า"รัก"พี่ทีจริง ผมเชื่ออย่างนั้นนะ

พูดซ๊ะเป็นปรัชญา อ่านเองก็มึนเอง เหะๆๆ


รอรับรู้ความคืบหน้าของ"ที"คนใหม่ครับ


ยินดีมากที่ได้อ่านเรื่องราวของพี่ทีคับ

RrMz`,,
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: MiNuluuvZ ที่ 25-02-2007 14:58:12
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่าน  เอาใจช่วยคุณทีนะคะ
บางครั้งความรักแบบเพื่อน
มันก็ยั่งยืนกว่าความรักแบบอื่นนะคะ  :really2:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 25-02-2007 21:38:46
 :sad4: เพิ่งอ่านจบเมื่อกี้นี้แบบรวดเดียวเลย

ยังไงเสียทั้งสองคนก็มีความรักให้แก่กันแหละนะ

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความรักคนละความหมายก็ตาม
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: chanonnarak ที่ 28-02-2007 11:24:08
เรื่องนี้ผมเคยอ่าน อิอิอิ จำได้ล่ะ :call: :call:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: Kirihara ที่ 04-03-2007 21:49:28
ซักวันทุกอย่างจะดีขึ้นเองค่ะ  สู้ๆนะคะ  :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: LulLaby ที่ 05-03-2007 22:09:07
นึกว่าจะ happy ending

 :monkeysad: เศร้าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: LonelyBoiZ ที่ 16-03-2007 12:38:55
มันเหมือนเพลงนึ่งเลย ที่ชอบเลยอ่ะ

อยู่ในใจ

จะห่างรึไกลเพียงใด ไม่ว่าเวลาจะพ้นไปนานเท่าไร
หัวใจของฉันยังคงเหมือนเคย
ผ่านไปทุกทุกวัน ไม่เปลี่ยนไม่ผันเลย
เคยเป็นอย่างไร วันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น

คือยังมีความรัก ไว้เพื่อให้กับเธอ
ที่เข้าใจเสมอ แม้ว่าเธอกับฉัน
จะไม่มีทางที่ได้เคียงคู่
และยังต้องอยู่เหมือนกับคนที่ใกล้กัน
และฉันก็ยังคงมีเธออยู่ในใจ

คงเดิมทุกวินาที ไม่ว่าชีวิตจะเดินไปพบอะไร
หัวใจของฉันยังคงเหมือนเคย
ผ่านไปทุกทุกวัน ไม่เปลี่ยนไม่ผันเลย
เคยเป็นอย่างไร วันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น

คือยังมีความรัก ไว้เพื่อให้กับเธอ
ที่เข้าใจเสมอ แม้ว่าเธอกับฉัน
จะไม่มีทางที่ได้เคียงคู่
และยังต้องอยู่เหมือนกับคนที่ใกล้กัน
และฉันก็ยังคงมีเธออยู่ในใจ

มีเธอเรื่อยไป และฉันนั้นจะยังมีเธอจนตราบสิ้นลมหายใจ...


เศร้าๆๆๆๆ  :monkeycry4: :monkeycry2: :3024: :dont2:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: :+: MashiRo :+: ที่ 25-06-2007 19:24:26
อ่านแล้วแทบจะร้องไห้เลยจริงๆ
แต่ละเหตุการณ์ เหมือนถูกให้ความหวังโดยไม่ได้ตั้งใจ
ไม่ใช่ความผิดของเค้าที่ทำให้เราคิด
และไม่ใช่ความผิดของเราที่เกินเลยไปเอง
ถึงยังไงทั้งคู่ก็มีความรู้สึกดีๆให้แก่กัน
ถึงจะเป็นไปคนละแบบ
แต่สุดท้ายก็หวังให้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น
กลายเป็นความทรงจำที่ดีของทั้งสองคนนะ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 25-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 25-06-2007 21:27:14
อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง? >>> เรียกว่าversionอะไรดีหว่า [เรื่องจริง]
.................................


ไม่แน่ใจว่าหลายๆคนยังจำซีได้อยู่หรือเปล่า ซี คือ ไอ้หนุ่มบ้าพลัง ตัวไม่สูงมากประมาณ170cm. (sizeเนี่ยผมชอบ) หน้าใส คิ้วเข้ม นัยตาสีน้ำตาล เครากำลังเขียวๆ ไอ้คนนี้ล่ะคับเราเล่นเทควันโดเป็นคู่กะมันมานานแสนนาน และเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น

สมัยตอนpostเรื่องนี้ในpantipและthaiboyslove มีหลายๆคนบอกว่า เป็นแต่ซีtake careที ทำไมไม่มีsceenที่ทีtake careซี แหม! ก็มันออกจะบ้าพลัง แรงเยอะซะขนาดนั้น 100วัน1000ปี จะเห็นมันไม่สบายเป็นเรื่องยากส์ .... จริงๆแล้วซีมันไม่สบายก็มี แต่ไม่ถึงกะร้ายแรง มีอยู่ช่วงนี้ที่มันจะเป็นโรคอะไรเกี่ยวกับเท้าก็ไม่รู้


"เมิงว่าทีนกูเหม็นปะ" มันยกทีนขึ้นมาตอนไม่รู้ ทีนเปล่าๆด้วย ไม่ได้สวมถุงเท้าเลย
"เฮ้ย ..!! ยกขึ้นมาตอนไหนฟะ บอกกันหน่อย กรูกั้นหายใจไม่ทัน"
"เหม็นจริงๆเหรอ กรูว่าเท้ากูมันแปลกๆหว่ะ มันเป็นรู แถมลอกด้วย" ซีถาม พร้อมกันมองไปที่ทีน
"ไหนๆ" ด้วยความสนใจ บวกกะความอยากรู้ เราเลยต้องก้มลงไปดู (ไม่ดม) ใกล้ๆ
"เออ ... จริงด้วยวะ มันเป็นรูๆลอกๆ มันเกินจากอะไรวะ เป็นนานหรือยัง" เราถาม
"ก็ได้สักพักใหญ่ๆแล้ว ที่สังเกตเห็นนะ" ซีตอบ
"ไปหายามาทาดิวะ"
"ทาไปหลายขนานแล้ว ยังไม่หายเลย"
"ลองดูอีกสักพักแล้วกัน ถ้าไม่หาย เดี๋ยวค่อยไปหาหมอ กรูจะพาไปหาเอง"

หลังจากนั้นประมาณ1สัปดาห์เห็นจะได้ เราก็ถามซีเรื่องทีนของมันอีกว่าเป็นยังงัยบ้าง สรุปก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ... ถึงเวลาแล้วที่เราต้องลากมันไปหาหมอ ... เราเลยหาข้อมูลเรื่องโรงพยาบาล checkเวลาของเราและมันว่าว่างเมื่อไหร่ จะได้พาไปหาหมอ ... ในที่สุดเราก็พามันไปหาหมอจนได้ หมอสรุปออกมาว่า เหงือที่ทีนมันเป็นเชื้อหรืออะไรสักอย่าง เหงือจะไปกัดผิวทีนให้เป็นรู เปื่อย และลอกออก หมอจ่ายยาทา และกำชับให้แช่ทีนในน้ำอุ่นที่ผสมเกลือทุกวัน

หลังจากนั้น เราก็จะคอยกำชับให้มันทายา เอาทีนไปแช่น้ำอุ่นผสมเกลือ จนผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ ได้เวลาเราติดตามผล ... เฮ้ย! ไม่หายอะ ... แต่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเดิม ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

"ทำไมทีนเมิงยังไม่หายอีกวะ" เราถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน .. ก็ทายาตามที่หมอบอกแล้วนา" ซีตอบแบบเหมือนมีอะไรปิดบัง
"แล้วเมิงเอาทีนเมิงแช่น้ำอุ่นผสมเกลืออย่างที่หมอบอกหรือเปล่า" เราเริ่มสงสัย
มันก้มหน้าตอบอย่างกับคนรู้สึกผิด พร้อมพูดว่า "เปล่าวะ ขี้เกียจทำ กลับถึงบ้าน ล้างเท้า ทายา"
"ได้งัยฟะ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะหาย รอให้เหงือมันกินทีนให้หมดก่อนหรืองัย" เราแอบมีน้ำเสียงโมโห
"เอาอย่างนี้ เริ่มจากพรุ่งนี้ กรูจะไปทำน้ำอุ่นผสมเกลือให้เมิงแช่ทุกวัน จะได้หายๆซะที okปะ" เราบอกมัน ก็อยากให้ทีนคนที่เราชอบหายอะนะ บวกกับได้ไปอยู่กะมันด้วย อิอิ

จากวันนั้นเวลาเลิกเล่นเทควันโด เราจะไปบ้านซีเพื่อไปทำน้ำอุ่นผสมเกลือ ให้ซีแช่เท้า ... เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่าจะมาจับหรือล้างเท้าให้ใคร แต่เพื่อคนๆนี้ เราทำได้ แถมมีความสุขอีกต่างหาก อาจเพราะได้อยู่ใกล้ๆคนที่เราชอบ และอยากให้เขาหายไวๆ ... แค่นี้ก็สุขใจแล้ว

หลังจากนั้น อาการผิวหนังเป็นรู เปื่อย และลอกก็ค่อยๆหายไป

จากคุณ : TK Jr.
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 25-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 25-06-2007 21:58:17
อ่านแล้วจะร้องไห้เลยคับ

เศร้ามากๆ

กลัวเหมือนกันว่าถ้าบอกชอบคนที่เราชอบแล้วเขาจะไม่เหมือนเดิม

ผมเลยเลือกที่จะไม่บอกดีกว่า............ :m15:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 25-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 25-06-2007 22:20:34
 :sad2: :sad2: :sad2:
เศร้าจายยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 26-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 26-06-2007 16:36:54
การที่เราชอบใครสักคน มันก็มีเรื่องแปลกๆที่โดยปกติแล้วเราไม่สนใจหรือไม่จดจำ แต่เรากลับสนใจและจดจำกับเรื่องเล็กน้อยของเขาคนนั้นได้ ... พูดอย่างนี้เราก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมนะ เราถึงจำรายละเอียดของซีได้เยอะมากขนาดนี้ ... ถามมาlistในนี้คงมีหลายข้อที่เราจำได้

1. จริงๆแล้วซีเป็นคนกินอะไรง่ายๆ แต่ถ้าเข้าร้านข้าวมันไก่ ซีจะไม่กินข้าวมันไก่(ไก่ต้ม) แต่จะกินข้าวมันไก่ทอด
2. ซีจะไม่กินนมตอนเช้า เพราะจะทำให้อึไหล
3. ซีจะชอบกินอะไรหนักๆตอนกลางวัน จะไม่ค่อยเห็นซีกินก๋วยเตี๋ยวตอนกลางวัน ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวก็จะกินแบบแห้ง และเป็นเส้นหมี่
4. ซีไม่สูบบุหรี่ เราเคยโดยซีด่าด้วย กับการที่เราถามซีไปว่า "จะเป็นไรไหมถ้าเราสูบบหรี่" ประโยคแรกที่ซีตอบกลับมาคือ "กรูยังไม่สูบบุหรี่เลย ทำไมเมิงต้องสูบด้วย"
5. ซีกินน้ำพริกหนุ่มทีไร มักจะอึแตกทุกที
6. ซีกินอาหารรสจัด แต่เป็นจัดว่าเป็นรสอะไรก็ไม่รู้ เห็นมันเติมนั้นนี้ในปริมาณเท่ากันทุกอย่าง
7. ซีชอบดูและคุยเรื่องหนังมากกว่าคุยเรื่องฟุตบอล ซีไม่รู้ชื่อทีมฟุตบอลเลยว่างั้น
8. ซีดูหนังได้ทุกแนว ... แต่เราดูแนวสยองขวัญสั่นประสาทไม่ได้ เพราะฉะนั้นช่วงที่อยู่ด้วยกัน ซีไม่ได้มีโอกาสดูเลย ฮาๆๆๆ
9. ซีเป็นคนผมเส้นใหญ่หนา เคราเขียว เครามันต่อกะหนวดด้วยนะ (ชอบมากกกกกกกกก...)
10. ถึงแม้ซีจะดูเหมือนลิง แต่ไม่ยักกะมีขนตามตัวเยอะ (ยกเว้นที่ขา) .... แหม!! คิดไปไกลแล้วดิ ... ไม่บอกหรอกว่าส่วนอื่นเป็นยังงัย คิกๆๆ
11. ซีนอนตะแคงไม่ได้ มันจะนอนไม่หลับ ต้องนอนหงาย
12. ซีเป็นคนผิวหน้าแห้ง แปลกที่ว่ายิ่งออกกำลังกายมาเท่าไหร่ หน้าจะยิ่งใส แปลกคนจริงๆ
13. ซีเกิดเดือนเดียวกับเรา ต่างกัน22วัน แต่ตอนเกิดแจ้งผิด เลยเกิดต่างจากเรา20วัน (ไม่ยอมไปแก้สักที)
14. มันคุยว่า ถ้ามันกินเบียร์มากๆ มันจะอึด ... อันนี้ไม่รู้ข้อเท็จจริง ไม่เคยลอง
15. ซีชอบซื้อถุงเท้ามากกว่าซื้อเสื้อ ไม่รู้เป็นไร ... ตะกร้าถุงเท้าของซีใหญ่มากๆ
16. ซีเลือกที่จะกินCokeมากกว่าPeppsi แต่ถ้าจะให้เลือกจริงๆ ซีไม่กินน้ำอัดลม (เหมือนเราเลย)
17. ซีชอบไปนวดแผนโบราณสัปดาห์ละครั้ง(ถ้ามีเวลา)
18. ซีชอบกินผัก แต่ชอบกินแตงกวาที่สุด
19. ซีมีแผลเป็นที่แขนขวา ได้มาจากขี่มอเตอร์ไซค์แล้วคว่ำ(ถนนลื่น) ... มันบอกว่า มันเอามือไปกันหน้า กลัวเสียโฉม
20. สีที่ชอบไม่มี ใส่ได้ทุกสี เห็นได้จากเสื้อผ้าในตู้ แต่เสื้อเชิ้ตมีแค่สีขาวกับสีฟ้า ... อ่อ! ผูกเน็คไทค์ไม่เป็นด้วย ... แต่ป่านนี้อาจจะผูกเป็นแล้วมั้ง

ฯลฯ

วันหนึ่งซีชวนไปเดินคลองถม เพื่อจะซื้อDVDหนัง มันบอกว่าถูกดี อะ! ไปก็ไปกัน เราก็อยากจะไปหาซื้อหนังบางเรื่องที่มันไม่ค่อยจะมีขายแล้ว อีกอย่างซีชวนทั้งทีไม่ไปได้งัย ใช่มะ!? ... เดินกันไปเดินกันมา หมดแรง ท้องร้อง หิวแล้วดิ! หาอะไรกินดีหว่า ... แถวนี้ไม่ใช่ถิ่นซะด้วย นึกไปนึกมา ... ในpantipเคยมีกระทู้เรื่อง ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ... เราเลยโทรหาข้อมูลสถานทีจากเพื่อนๆ ได้การ! อยู่ไม่ไกล พอถึงที่ร้าน

"กินอะไรดี" ซีถาม
"มาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ... เมิงจะกินข้าวคลุกกะปิมั้ง" ได้ทีกรูกวนทีน
"เออๆ กรูผิดที่ถามเมิง ... งั้นกรูกินแบบพิเศษ หิวแล้ว!"
"อ้าว! เมิงไม่กินข้าวคลุกกะปิแล้วเหรอ" เรายังกวนไม่เลิก
"พอๆ กรูหิวแล้ว" ซีคงเริ่มขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง
"น้องๆ .... ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่พิเศษ 2 ที่ น้ำเปล่า น้ำแข็ง 2" ผมตะโกนสั่ง

สักพักใหญ่ๆ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ 2 ที และน้ำเปล่า น้ำแข็ง 2 ก็มาอยู่ตรงหน้า ... กลิ่นหอมยวนใจจริงๆ แต่พอเริ่มจะลงไม้ลงมือกับก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ชามโตตรงหน้า

"หยุดก่อน" ซีเบรค .... ขัดอารมณ์จริงๆ แต่ก็สงสัยว่าทำไม
"มีอะไรเหรอ คนกำลังจะกิน หิวเหมือนกันนะ"
"เมิงไม่ชอบกินปลาหมึกไม่ใช่เหรอ" ....อึ้งไปชั่วขณะ มันจำได้ด้วยว่ากรูไม่กินปลาหมึก แล้วมันก็พูดว่า
"ไม่ชอบกินปลาหมึก ...ม๊ะ ...! กรูกินให้เอง" แล้วมันก็คีบปลาหมึกจากชามของเราไป ด้วยอาการเราก็ยังงงๆว่ามันจำได้ด้วยเหรอ

ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่วันนั้น เป็นก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ที่อร่อยอีกหนึ่งมื้อ กับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ซีจำได้


มาลองเขียนlistของคนที่ชอบหรือสนใจเป็นพิเศษว่าเขาเป็นยังงัย ชอบไม่ชอบอะไรซิคับ แล้วคุณจะไม่เชื่อตัวเองว่า คุณจำอะไรๆหลายๆอย่างของเขาได้
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 26-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 27-06-2007 00:16:41
ชอบค๊าบบบ

เป็นผมคงจำรายละเอียดขนาดนั้นไม่ไหวอ่ะ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 26-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 27-06-2007 00:22:36
 :o11: :o11:
คงจำละเอียดขนาดนั้นไม่ได้เหมือนกันอ่ะ
แบบว่าเป็นปลาทองกลับชาติมาเกิด
 :m7: :m7:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 26-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: meeza31 ที่ 27-06-2007 01:57:06
น่าสงสารทีจังเลยนะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 27-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 27-06-2007 18:16:28
● MaYa~Boy ● เป็นผมคงจำรายละเอียดขนาดนั้นไม่ไหวอ่ะ---------- ถ้าเป็นคนที่เรารักมากๆก็แน่นะครับ  :m3:
krappom แบบว่าเป็นปลาทองกลับชาติมาเกิด----------ระวังลืมหน้าแฟนนะ   :m14:
meeza31 น่าสงสารทีจังเลยนะ ----------หลายๆคนคงเคยแอบรักเพื่อน และมักจะฝังใจเพราะมันเกิดจากความผูกพันไงหล่ะ   :m1:

***********************************



ทำไมผมถึงเลือกเรียนเทควันโด?

ตอนนั้นอยู่ประมาณปี3 มีเหตุผล 3 อย่าง

1. อยากหาอะไรออกกำลังกาย - บอล เราก็เล่นไม่เป็น, ว่ายน้ำ สระแถวบ้านก็น่ากลัว, บาส ก็พอจำว่าเล่นงัยได้ แต่ไม่ชอบ, เทนนิส เคนเรียนเยอะ ตากแดด กลัวดำ
2. อยากมีวิชาป้องกันตัว ให้สมชายชาตรี - อะๆ ผมก็ผู้ชายคนนึงนะคร๊าบบบบ ก็ต้องอยากมีอะไรที่จะป้องกันตัวเอง และพร้อมที่จะป้องกันคนที่เรารักด้วยดิ (สร้างภาพจังเลยกรู คิกๆ)
3. อยากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ - ช่วงปี3 มันก็มีเวลาว่างเยอะมากๆ ไม่รู้จะไปทำอะไรดี เพราะเราเรียนอัดๆไปตอนปี1และปี2ไปเยอะแล้ว และไม่อยากเป็นNERDด้วย (ถ้าเจอตัวเป็นๆ หน้าตาผมก็ไม่เหมือนกันNERDหรอก)

ช่วงนั้นก็ค้นหาข้อมูลและตัวเลือกเรื่องศิลปะป้องกันตัวอยู่หลายต่อหลายอย่าง ตั้งแต่ จูจิดซึ ยูโด คาราเต้ ฟัดดาบ กระบองยาว คาโบเอล่า เทควันโด

ผลสรุปก็มาลงตัวที่ "เทควันโด" เพราะเป็นศิลปะป้องกันตัวที่ไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ให้เสียตังมาก แค่ชุดก็พอแล้วและมีแค่ตัวก็ไปเรียนได้แล้ว เทห์อีกต่างหาก สถานที่เรียนก็ไม่ไกลจากบ้านเราด้วย

พอมาสมัครเรียนก็ได้เรื่องเลย เจอไอ้เตี๊ย (170ซม. เตี๊ยไหม?) หน้าใส คิ้วเข้มมากวนทีนตั้งแต่วันสมัครที่ชื่อว่า "ซี" ... แรกๆไม่ชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่หรอก แต่พอหลังๆได้รู้จักมัน กลายจากไม่ชอบขี้หน้าเป็นรักมันได้งัยเนี่ย ก็เพราะมันทำให้เราประทับใจหลายๆอย่าง (ถ้าได้อ่านเรื่องหลักที่เราเขียน ก็จะรู้ว่ามีอะไรบ้าง)

ได้เรียน ได้ซ้อมเทควันโด ได้เลื่อนสายจากขาว เหลือง เขียว ฟ้า น้ำตาล มาสุดที่ แดง ก็เพราะไอ้ซีเนี่ยล่ะ ที่เป็นคู่ซ้อม คู่ฝึก ... จะฝึกอะไรก็มันเนี่ยล่ะ ไม่เว้นแม้ตอนที่ครูเลือกให้ ครูก็ยังเลือกเราและมันเป็นคู่ซ้อม คู่โชว์ .... ได้เรียนเทควันโดที่นี้ก็ไม่เสียเปล่า ... ได้อะไรหลายอย่างเพิ่มเป็นของแถม ... ไม่ใช่ซีนะที่เป็นของแถม เราหมายถึง เขาแถมให้เรียนวิชาป้องกันตัวพวกกดจุด จับทุ่ม ... ส่วนซีเป็นของขวัญต่างหาก คิกๆๆ

มีอยู่วันนึง ครูเขาสอนวิชาการล็อคและการทุ่ม ช่วยไม่ได้จริงๆที่ เราและซีก็ยังคงเป็นคู่ฝึกคู่ซ้อมกันอย่างเคย วิชานี้ดีนะสำหรับคนที่เป็นคู่กัน เพราะว่ามันถึงเนื้อถึงตัวดี คิกๆๆ วิชานี้ใช้สำหรับการป้องกันตัวระยะประชิดกันมากๆถึงมากที่สุด โอ๊ย! ได้ใกล้ชิดกะคนที่เราชอบ มันช่าง .... ไม่ๆคิดไปไกล เดี๋ยวจิตหลุด (ยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย)

พอได้เรียนครบสูตรก็ถึงเวลาเอาของที่เรียน มาใช้จริงแล้วล่ะคับ

ในclassเรียนตอนนั้นมีไม่กี่คู่หรอก ไอ้พวกบ้าพลังมันมีน้อย sceenที่ได้ใกล้ชิดมาแล้ว เราตัวสูงกว่าซี (ก็แค่7ซม.)ก็ต้องเป็นคนไปอยู่ข้างหลังซี แต่ด้วยความที่เกรงใจ ก็ไม่ได้เอาท้องไปชนหลังซี ได้แต่เอาสีข้างไปประชิดหลังมัน

"เมิงเอาอะไรแข็งๆมาทิ่มหลังกรูวะ" ซีหันหน้ามาถาม ด้วยความสงสัย
"สะโพกเว้ย เมิงไม่ต้องคิดมาก" เราตอบไปอย่างอายๆ+เกรงใจ ก็มันไม่กล้านี้หว่าที่จะเอาไปชนหลัง
"มะๆ เมิงไม่ต้องอาย" ซีบอกพร้อมกับเอามือเอื้อมจับตัวเราให้หันท้องไปชนหลังมัน
" -_-" " ตอนนี้ผมเหรอ ตอบไม่ถูกเลย เพราะมันไปดุนๆอยู่หลังซี ไม่ได้ทะลึ่งนะ

แล้วครูก็สั่งให้ล็อคคอด้วยแขนขวา และล็อคตัวบริเวณใต้ราวนมด้วยแขนซ้าย .... โอ๊ย! ลองนึกซิคับว่าตอนนี้ซีโดนเรากอดเอาไว้ ไม่ใช่ซิโดนเราล็อคเอาไว้ จะหลุดไปไหนได้เพราะผมตัวสูงและตัวใหญ่กว่า .... เป็นท่าที่แนบแน่นกันจริงๆ คิกๆๆ จะหาว่าเราถือโอกาสก็ยอมฟะ ได้แนบชิดกันขนาดนี้

เมื่อครูสั่งให้ปลดล็อคให้ได้ ซีก็พยายามจะดิ้นให้หลุด แต่กับยิ่งดิ้นมันกลับยิ่งล็อคแน่นเข้าไปอีก ไม่รู้ว่าไอ้วิธีปลดล๊อคที่เรียนมาซีมันจำไม่ได้หรือเปล่า ผมล็อคมันแรงไป

ในที่สุดซีทำให้ผมเสียศูนย์ล้มตัวลงไปนอน แต่ผมก็ยังล็อคซีไว้อยู่

"แก้ล็อคไม่ได้อะดิ" น้ำเสียงเราเต็มไปด้วยอาการกระยิ่มยิ้มย้อง
"แรงเยอะนักนะเมิง" ซีพูดไปดิ้นไป

และแล้วซีก็เบี่ยงตัวออกไปได้นิดนึง ... ด้วยความไวของมัน อยู่ๆเรารู้สึกเหมือนมีอะไรมาตะปบเข้าที่หว่างขา ... โอ๊ย! เกี๊ยวเราโดนไอ้ซีมันกำเอาไว้....

"ทำไมเมิงเล่นอย่างนี้วะ" เรามีอาการช๊อคที่มันทำ
"ถ้ากรูไม่ใช้วิธีนี้ จะให้กรูใช้วิธีไหน" ซีก็ยังคงกำเกี๊ยวเราอยู่
"เมิงก็เอาที่เรียนมาดิวะ" เราตะโกนใส่มัน
"เมิงล็อคกรูแน่นซะขนาดนี้ วิธีเนี่ยง่ายสุดแล้ว" ซีหันหน้ามาบอก
"ไอ้สาด! เมิงหาวิธีอื่นได้ไหม หน้ากรูจะเขียว" แต่เรายังไม่ปล่อยล็อดมัน ตอนนั้นสภาพรอบข้างเป็นไงไม่รู้ รู้แต่ว่ามันยังกำเกี๊ยวเราอยู่
"เออ ... กรูปล่อยก็ได้" เราคลายล็อคมัน แต่ด้วยความเร็วกว่า และเป็นการแก้เผ็ดมันบ้าง ... ทันใดนั้น!! เราเอามือเอื้อมจับ "เกี๊ยว" ของซี
"......................" ซีถึงกับพูดไม่ออก
"ให้มันรู้กันไปว่าเมิงจับกรูได้ กรูก็จับเมิงได้"


ในที่สุดครูต้องมาบอกให้แยกออก ไม่งั้นไอ้สองตัวนี้ก็คงหน้าเขียวกันต่อไป

เราไม่ได้คิดทะลึ่งนะ มันมาจับของเราก่อนเอง แต่มืออย่างมันก็จับเกี๊ยวเราไม่มิดหรอก 555 ... แต่มือเราจับเกี๊ยวมันหมดหรือเปล่า อันนี้ขอไม่บอก คิกๆๆ

จากคุณ : TK Jr.
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 27-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 27-06-2007 18:48:05
5555  อ่านตอนนี้แล้วฮาดี  ซีกับทีก็ทะลึ่งน่าดูเนอะ จับได้ด้วย  รู้กันแล้วอะจิ  :m10:

เคยอยากเรียนเทควันโดเหมือนกัน  แต่เพื่อนบอกว่ามันต้องตะโกน เอ๊กกกกกกกกก ดังๆ ก่อนเริ่มท่า 
กลัวหลุดขำกับเป็นพวกตะโกนไม่เป็น  เลยไม่ได้เรียนเลย 55 (พูดไปงั้น  :try2:)

เพิ่งรู้ว่าเรย์มาต่อเรื่อง  รออ่านต่อน้าเรย์ที่ร้ากกกกกก  :impress:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 27-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 27-06-2007 21:51:46
ผลัดกันหน้าเขียวหน้าเหลืองกันเลยงานนี้ :m12:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 27-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: thomaskung ที่ 28-06-2007 11:12:58
- -"
ซีจำได้ว่า ทีไม่กินปลาหมึก
เพราะซีจะได้แย่งกินปลาหมึก  :m12:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 27-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: sonicacc ที่ 28-06-2007 12:31:49
ง่ะ ภาคพิเศษมาแว้วววววว   :m4:

แห่ะ ๆ ตามอ่านต่อคร้าบบบบ

มาต่อเร็ว ๆ น้า   :m5:



หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 28-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 28-06-2007 22:45:50
มูมู่น้อย   เคยอยากเรียนเทควันโดเหมือนกัน  แต่เพื่อนบอกว่ามันต้องตะโกน เอ๊กกกกกกกกก ดังๆ ก่อนเริ่มท่า  ---------กำ ไม่ได้เล่นเพราะไม่ได้เป็นแม่ไก่นี่เอง ร้อง เอ๊ก เอ๊ก เอ๊ก ไม่เป็น
 :m11: :m11: :m11:


krappom ผลัดกันหน้าเขียวหน้าเหลืองกันเลยงานนี้ --รู้สึกว่าไอ้ทีจะหน้าหื่น ส่วนซีหน้าแดงมากกว่ามั้ง  :laugh:

thomaskung ซีจำได้ว่า ทีไม่กินปลาหมึก  เพราะซีจะได้แย่งกินปลาหมึก---มีเหตุผลถึงชอบชวนไปกินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่
 :laugh3:

โซนิค_แอค ง่ะ ภาคพิเศษมาแว้วววววว--------คิกคิก อ่านทันป่าวพักนี้เห็นยุ่งๆ เรื่องไรหนา  :m13:

*****************
การที่ได้ดูแลใครสักคนที่เราชอบหรือแอบชอบมันก็เป็นความสุขเล็กๆหรืออาจจะมากๆในบางcase แม้ว่าเราจะไม่รู้เลยว่าเขาชอบหรือไม่ชอบเรา ... คิดว่าหลายๆคนที่อ่านคงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดีไม่มากก็น้อย

บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ มันเป็นความสุขที่เราได้เอาใจเขา ได้เห็นเขายิ้มรับ พูดตอบกลับเล็กๆน้อยๆก็มีความสุขแล้ว มันเหมือนความรู้สึกหลอกตัวเอง(น่าจะเป็นอย่างนั้น)

การไปดูหนังกับซีในช่วงweekendถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเราในช่วงนั้น ... จริงๆแล้วช่วงที่รู้จักกัน แทบจะไม่มีวันไหนไม่เจอกันเลย เอาเป็นว่าเจอกันทุกวันเลยว่างั้นได้ weekendมาเมื่อไหร่ หนังออกใหม่ เรากะซีไม่เคยพลาด ทุกweekendจะเห็นไอ้สองคนนี้ อยู่ตามโรงหนัง (แต่เราก็ไปดูตามโรงหนังทั่วกทม.นะ)

จำได้ว่ามีอยู่เสาร์นึงที่นัดกันไปดูหนัง แต่ไม่ได้ที่โรงหนังพร้อมๆกัน ธรรมดาจะไปเจอกันที่บ้านซีก่อนแล้วค่อยไปโรงหนังด้วยกัน เสาร์นั้นซีต้องไปสะสางงานที่ที่ทำงานก่อน จึงนัดเจอกันที่โรงหนัง โดยเราไปรอที่นั้นก่อน เพราะซีก็ไม่แน่ใจว่างานจะเสร็จกี่โมง

"ฮัลโหล ... งานกรูยังไม่เสร็จเลย" ซีโทรมาบอก
"อ้าว .. แล้วจะเสร็จกี่โมง" เราเริ่มสงสัย
"ยังไม่แน่อะ ... จะโทรบอกอีกที แต่รอบบ่าย2คงไม่ทัน" ซีน้ำเสียงเครียด
"อืมมม ... ไม่เป็นไรๆ ทำงานให้เสร็จก่อนแล้วกัน ใกล้เสร็จแล้ว โทรมาบอกแล้วกัน" เราตอบไปด้วยน้ำเสียงเซ็งนิดๆ
"แล้วจะโทรมาบอกนะ ไปทำงานก่อนนะ" ซีบอกก่อนว่างสาย
"อืมมมม ...." เราดิ จะทำอะดี

ได้แต่เดินเรื่อยเปื่อยแถวๆนั้น แวะเข้าร้านนั้นออกไปเข้าร้านนี้ ... ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะโทรมาบอก เราก็ไม่อยากจะโทรไปกวนตอนทำงาน ให้เขามีสมาธิทำงาน จะได้ทำงานเสร็จไวๆ ...

".....จ๊อกกกก....!!" เสียงดังมาจากท้องซะแล้ว นาฬิกาบอกเวลาว่าจะ5โมงแล้ว

หิวแล้วดิ แต่ซียังไม่มา ทำไงดีหว่า ... ซีก็คงหิวเหมือนกัน ถ้ามาแล้วมันหิวแต่กรูกินไปแล้ว มันจะว่าไง ...

โอ๊ย! คำถาม108อยู่ในหัว

กินดี ไม่กินดี? ... รอมันดีไหม? .... มันน้อยใจขึ้นจะทำไง? .... ไม่กิน กรูก็หิวอยู่อย่างนี้ดิ!? .... ไม่รอก็น่าเกลียดดิ!?

สรุป! กินก็กินวะ มันจะว่าไงค่อยว่ากันอีกที .... เราเห็นแก่ตัวไปปะ? บอกเราหน่อย

หลังจากกินอิ่ม สบายท้อง ... เสียงtrue toneจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น บวกกับรูปของสุดหล่อก็showขึ้น ... เอ! ไอ้นี้เหมือนรู้ว่ากรูกินเสร็จแล้ว

"งานเสร็จแล้ว" เสียงซีมาตามคลื่น(ไม่ได้ตามสาย)
"ดีๆ รีบมานะ กรูจะได้ไปซื้อตั๋วเลย" เราน้ำเสียงดีใจ
"แต่รถค่อนข้างติดวะ น่าจะอีกชั่วโมงเจอกัน แล้วจะรีบไป" ซีตอบด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ
"แล้วเมิงหิวไหม" เราพูดยังไม่ทันครบประโยค มันก็ตัดสายไปแล้ว

ตอนนั้นคิดว่าซีมันหิวแน่ๆ ทำไงดีหว่า .... ไปเดินแผนกfood center กะ supermarket หาอะไรให้มันกินดีกว่า เดินวนเวีนยอยู่แถวๆนั้น ก็ได้ของติดไม้ติดมือมานิดหน่อย

หลังจากนั้นไม่เกิน30นาที .... เสียงtrue toneจากโทรศัพท์มือถือก็ดัง บวกกับรูปของสุดหล่อก็showขึ้น ...

"ถึงแล้ว เจอกันที่หน้าโรงหนังนะ" มาแต่เสียงซี แล้วก็วางสายไป ไม่รู้มันรีบอะไรขนาดนั้น

ในที่สุดก็เจอกันตัวเป็นๆที่หน้าโรงหนัง

"หนังเข้ากี่โมงอะ" ซีถาม
"อีกประมาณ20นาที ก็จะเข้าแล้ว" เราตอบไปเสียงเบา เพราะรู้สึกผิดที่กินข้าวก่อน
"งั้นเข้าโรงหนังเลยดีกว่า" ... มันจะรีบอะไรขนาดนั้น
"ไม่ต้องรีบเลยเมิง" เราเบรคมันก่อน ก่อนที่มันจะลากเราเข้าโรงหนัง
"ทำไม" .... ซีมันถามโดนไม่หันหน้ามา
"เมิงมานั่งตรงนี้ก่อน มา มา ..." เราชวนให้มันนั่งที่ม้านั่งหน้าโรงหนัง
"นี่ก็เย็นแล้ว กรูรู้ว่าเมิงหิวข้าว เมิงคงรีบทำงาน ไม่มีเวลากินข้าว นั่งๆ" เราพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง


"กินซะ จะได้มีอะไรรองท้องก่อน เดี๋ยวจะปวดท้อง" เราพูดพร้อมพร้อมกับยื่นเบอร์เกอร์จากถุงให้ซี
"รู้ใจจังวะ ... " ซีพูดยิ้ม
"ไม่รู้ใจได้งัย ... รู้จักกันมานานซะขนาดนี้" เราตอบ

เรานั่งดูซีกินอย่างมีความสุข กินยังกะเด็ก ดูมันรีบๆกินด้วย

"เฮ้ย! ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวติดคอหายไปจะว่างัย" มันยัดมากกว่ากิน
"....." มันไม่ตอบ เอาแต่กิน
"อะ! ... นี้น้ำ กรูยังไม่อยากทำfirst aidตรงนี้" เรายื่นน้ำให้มัน
"แหม! รู้ใจอีกแล้ว" ... ดูมันพูด
"...." เราไม่ตอบอะไร ได้แต่อมยิ้ม ดูม้นกิน พร้อมกับยื่นทิชชูให้มันเช็ดปากที่มอมแมม



..........................................................................

แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว ได้ทำอะไรดีๆกับคนที่เราแอบชอบ

จากคุณ : TK Jr




หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 28-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 28-06-2007 23:09:00
แค่ได้แอบมองก็มีความสุขแล้วสำหรับคนบางคน
 :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 29-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 29-06-2007 19:52:32
krappom แค่ได้แอบมองก็มีความสุขแล้วสำหรับคนบางคน.....สำหรับบางคนเราทำได้แค่นั้นจริง แม้ว่าอยากจะทำมันมากกว่านี้ก็ทำไม่ได้ เพราะรู้ว่าผลลัพธ์คงออกมาไม่ดีแน่

บางสิ่งบางอย่างหากแม้อยู่ในใจเราก็สวยงาม หากแต่เมื่อไหร่เผยมันออกบางทีก็จะกลายเป็นสิ่งไม่งดงาม
 :m15:


*************************************


"การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ"

เราเข้าใจประโยคนี้ดี เพราะว่าเรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นหนักๆ มันเคยเกิดขึ้นกับเราแล้วหนึ่งครั้ง หลายคนที่เคยอ่านเรื่องของเราไปแล้ว จะรู้ว่าเราเคยเจ็บหนักเพราะซ้อมเทควันโดกับซี ... ซีเตะเข้าที่สีข้างแต่เราหลบผิด มันเลยไปเข้าที่หลัง และเป็นหลังล่างด้วย ... ผลปรากฏว่าเราสลบไป มารู้สึกอีกทีก็ตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ... มาคิดอีกที ไม่นึกเลยว่า โดนเตะไปแค่นี้ทำให้เราสลบได้ นึกแล้วก็เสียวที่หลังแปปๆ ... สภาพตอนนี้ที่หลังล่างของเราก็okดีแล้ว พยายามที่จะไม่ทำอะไรให้มันไปกระทบกระเทือนหลังเราอีก และมันก็เป็นบทเรียนหนึ่งที่ต้องจดจำมันตลอดไป ...

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ มันก็ถูกอยู่ แต่พอมีโรคเราก็ได้บางสิ่งตอบแทนอันประเสริฐเช่นกัน ฟังดูแล้วอ่านจะงงๆ ไม่ต้องสงสัยหรืองงหรอก ... เราหมายถึงได้เห็นน้ำใจคนก็ตอนนี้แหล่ะ

มันเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ซีและเราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ก็ตอนนั้นเราเป็นคนไข้นิ มันก็ต้องมีอ้อนกันบ้าง 555

"ได้เวลากินข้าวแล้ว ตื่นๆๆ...!!" ผมสลึมสลือตื่นจากเสียงปลุกของซี
"อ้าว! เที่ยงแล้วเหรอ ยังหลับไม่อิ่มเลย" ผมลืมตาข้างเดียวมาพูด
"ไม่เที่ยงแล้ว เที่ยงกว่าแล้วด้วย ตื่นๆๆ" ซียังคงส่งเสียงปลุกอยู่
"........" ผมยังคงงัวเงีย
"รีบๆตื่นมากินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวต้องกินยาต่อ ไม่อยากหายเหรอ?" ซีถามมาได้
"...อยากดิ ทำไมจะไม่อยาก มีอะไรกินบ้าง" ผมถาม
"มื้อนี้เป็นข้าวต้มกุ้ง น่ากินวะ" ซีมันทำหน้าสูดกลิ่มจากชามข้าวต้ม พร้อมกับลากโต๊ะมาตรงเตียงที่เรานอน
"จริงดิ!! ชอบๆ" ผมพยายามดันผ้าห่ม แต่ยังคงปวดหลัง
"เมิงงง! ... กูไม่มีแรงดันผ้าห่ม ช่วยหน่อยดิ" เราพยายามทำน้ำเสียงน่าสงสาร
"แล้วก็ไม่บอก มะๆ" แล้วซีก็ไปพับๆดันๆผ้าห่มออกจากตัวเรา
"... แต่ว่ากรูจะกินยังงัย กรูยังนอนอยู่อย่างนี้เลย ปรับให้หน่อยดิ" อ้อนมันอีกแล้วคับท่าน

แล้วซีก็ไปปรับให้เตียงมันดันหลังเราขึ้นมา


"โอ๊ย!!! มันเจ็บหลังวะ" อันนี้ไม่อ้อนแต่เจ็บจริง
"เป็นยังงัยบ้างวะ ให้เรียกพยาบาลมาไหม" ซีมันเลิกลั่กถาม
"ไม่ขนาดนั้นหรอก ... กินข้าวดีกว่า" ...ดีใจจังที่ดูมันเป็นห่วงเรา
"ว่าแต่ เมิงกินแล้วเหรอ ไม่เห็นมีของเมิงเลย" เราหันไปมองหน้าถามซี
"กินแล้ว ... ลงไปกินที่ร้านอาหารข้างล่าง" มันตอบ
"มากเรื่องอีกแล้วเมิง ทำไมไม่สั่งมากินในห้องวะ ลงไปทำไม ... และถ้าช่วงที่เมิงไม่อยู่ กรูเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ใครจะมาช่วยกรูวะ" เราทำน้ำเสียงหงุดหงิด จริงไม่มีอะไรหรอก แค่ไม่อยากให้มันไปไหนไกลๆ อิอิอิ ..!
"ok ok.... คราวหน้าไม่ทำแล้ว ... กินได้แล้ว ไม่ต้องมาทำเป็นหงุดหงิด" ซีพูดเหมือนรู้สึกผิด ส่วนเราเหรอ แอบยิ้มอยู่ในใจ
"อ้าว ... แล้วไม่มีป้อนเหรอ คนไข้นะเนี่ย" เราแหย่ม้น
"......." ซีละสายตามามองหน้าเรา
"กรูล้อเล่นน๊า.....! กรูกินเองได้ เรื่องแค่นี้เอง ว่าแต่เปิดTVให้ดูหน่อยดิ"
"......." ซีกดremoteเปิดTV และเดินเอาremoteมาให้เรา
"เฮ้ย! เมิงมาลองกินข้าวต้มนี้หน่อยปะ อร่อยนะเว้ย" เราเชิญชวนมันมากินข้าวต้ม
"ไม่อะ ... เดี๋ยวเมิงไม่อิ่ม" ซีพูดไปดูTVไป
"เมิงก็อย่ากินหมดดิ กรูแค่ให้ชิม นิดนึงๆ" เรายังเชิญชวนไม่เลิก
"ไม่อะ เมิงกินไปเถอะ" ... ซียังคงดูTV
"นิดนึงน๊า.... อยากให้เมิงชิม นะๆๆๆ" คำเชิญชวนของเราได้ผล

ซีเดินมาข้างๆเตียง เรายื่นข้าวต้มกุ้งหนึ่งคำให้มัน ... อ้อนจนได้ผล อิอิอิ ... มันน่ารักก็ตรงนี้ล่ะ

"อร่อยปะ ถ้าอร่อย คราวหน้าลองสั่งมากินนะ" เราแนะนำ
"อืม ... อร่อยดีเหมือนกัน กุ้งตัวโตด้วย" ไม่รุ้ว่ามันอร่อยจริงๆหรือเปล่า
"อ้าว ... แล้วจะเดินไปไหน" เราทักมัน
"ก็เดินไปนั่งดูTVตรงโซพา" ซีหยุดตอบ
"นั่งดูตรงนั้นมันไม่ค่อยถนัดหรอก มะๆ ลากเก้าอี้ตัวนั้นมานั่งข้างๆเตียงดีกว่า ... อีกอย่างกรูจะได้มีคนนั่งข้างๆด้วย ... กรูต้องการกำลังใจ นะๆๆๆๆ" เราพูดพร้อมส่งยิ้มหวาน ... อ้อนอีกแล้วกรู
"......" ซีไม่พูดอะไร แต่ก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงเรา
"......" เราไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มตอบ

เราก็กินข้าวไปเรื่อยๆ พร้อมกับพูดคุยเรื่องหนังในTVกับซีไปด้วย จนข้าวหมด

"อิ่มแล้วววววว..... อร่อยๆ" เราพูดพร้อมเลียริมฝีปาก ก็มันอร่อยจริงๆนิ
"ok อิ่มแล้วใช่ไหม คราวนี้ก็ได้เวลากินยาแล้ว พยาบาลบอกว่า ต้องให้กินยาทันทีหลังจากกินข้าวเสร็จ" ซีมันเดินไปหยิบยามาให้ พร้อมกับเติมน้ำในแก้ว


เรารับถ้วยยาจากมือซี กรอกยาใส่ปาก และต่อมาซียื่นแก้วน้ำมาให้ แต่เราไม่ได้หยิบแก้วน้ำ กลับเอามือไปกุมมือของซีที่ถือแก้วน้ำอยู่ และกระดกทันที ... มันก็ไม่เห็นจะว่าอะไร

"...ก็คนเขาต้องการกำลังใจอะ...." เราพูดไม่เต็มเสียง
"ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย กรูก็อยากให้เมิงหายไวๆ" ซีพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
"ขอบใจนะที่เข้าใจกรู ... กรูว่าเมิงก็รู้ว่ากรูอ้อน" เราก้มหน้าพูด
"เข้าใจๆ ไม่ต้องคิดมาก ... หายไวๆนะเมิง" ซียังคงยืนพูดอยู่ข้างๆ
"......." เราหันไปยิ้มให้ซีมันหนึ่งที
"ดูหนังต่อเถอะ..." ซีนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆเตียง

..........................................................................

เห็นมะลูกอ้อนเรา!! ช่วงที่เราไม่สบายและหลังออกจากโรงพยาบาลยังมีอ้อนอีกเยอะ ... เราก็เข้าใจซี และได้เห็นน้ำใจของมัน


ขอบใจเมิงมากๆนะซี ที่ดูแลกรูในช่วงนั้น "กรูรักเมิงวะ"

จากคุณ : TK Jr.
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 29-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 29-06-2007 20:06:32
ตอนไม่สบายนี่เป็นอะไรที่เหมาะกับการออดอ้อนคนที่เราชอบ  :m4:มากจริงๆ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 30-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 30-06-2007 22:23:22
งอนกับน้อยใจ เรายังแยกไม่ค่อยออกเลยว่ามันต่างกันยังงัย อยากรู้!! ต่างกันยังงัยช่วยบอกเราที

ไอ้อาการงอนหรือน้อยใจ เท่าที่จำได้ซีไม่เคยงอนหรือน้อยใจเลย ส่วนใหญ่จะเกิดกับเรามากกว่า ไม่รู้เป็นไร!

เรื่องนี้มันเกิดขึ้นไม่ใช่ตอนไหนหรอก ก็ตอนที่จะซ้อมเทควันโดเนี่ยล่ะ! เรื่องก็มีอยู่ว่า ...

"เฮ้ย! เริ่มซ้อมอันต่อไปเมื่อไหร่ ไปตามกรูด้วยนะ กรูจะไปนั่งอ่านหนังสือตรงซอกที่เก็บเบาะนะ" เราบอกซีให้มันไปตามเราเมื่อถึงเวลาซ้อม
ตอนนั้นเป็นช่วงพักของการซ้อม รอการซ้อมชุดต่อไป เราเลยแว๊ปไปอ่านหนังสือตรงซอกเก็บเบาะ มันน่านั่งมากๆ เพราะว่าเงียบ พิงเบาะนิ่มๆ ลมจากแอร์ตกลงมากำลังสบาย 
"เดี๋ยวก็ซ้อมแล้ว ... อีก45นาที จะไปอ่านหนังสือทำไม!!?" ซีมันถาม
"ก็กรูกำลังติดหนังสือเล่นนี้หว่า อยากอ่านเว้ย ถึงเวลาซ้อมเมื่อไหร่ ไปตามมมาด้วยแล้วกัน" เราตอบอบอย่างเสียอารมณ์ แหม..! มีเวลาทั้งที ขออ่านหน่อยไม่ได้
"ดูเวลาเองแล้วกัน นั้นนาฬิกา" ซีพูดพร้อมชี้ไปที่นาฬิกาบนฝนัง
"ไม่เอาอะ ... ไม่อยากแหงนหน้าขึ้นไปมอง มาตามหน่อยหน๊า ไปอ่านแล้ว" เราตะโกนบอกมันพร้อมกับเดินไปที่ซอกเก็บเบาะ
"........." ตอนนั้นมองไม่เห็นหน้าของซีแล้วว่ามีreactionยังงัย 

เราก็ไปอ่านหนังสือ อ่านไปเรื่อยๆ อ่านไปเพลินๆ ไม่ได้สนใจเวลาหรือแหงนหน้าไปมองดูนาฬิกา สมาธิจดจ่ออยู่กับหนังสือ พิงเบาะไปอ่านไป อากาศก็กำลังสบายๆ ... รู้สึกแว๊ปๆว่าเห็นมีคนเดินผ่านไป ไม่รู้ว่าเป็นใคร อาจจะเป็นซีมั้ง มันคงเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็คิดว่าถ้าถึงเวลา มันก็จะมาตามเองแหล่ะ!

อ่านไปเรื่อยๆ ชักรู้สึกเอะใจ

"กรูอ่านมานานแค่ไหนแล้ววะ เกิน45นาทีหรือยังวะ" เราพูดกะตัวเอง
"ไอ้สาดดด .... นี้มันเกินเวลาซ้อมเริ่มแล้วนี้หว่า" เราตกใจโคตรเมื่อมองไปที่นาฬิกา
"อะไรฟะ .... ทำไมแม้งไม่มาตามกรูวะ"

แค่นั้นล่ะ เราเดินหน้าหงิกไปที่ๆเขากำลังซ้อม โยนหนังสือ ...โครม! ... ลงพื้น ... ซีหยุดซ้อมหันมามองหน้าด้วยหน้าตางงๆ

"เมิงลืมอะไรไปหรือเปล่า!?!?" เราทักมันด้วยคำถาม +อาการหน้างิก
"......." ไม่มีคำตอบจากซี
"กรูถามว่าเมิงลืมอะไรไปหรือเปล่า!?!?" เราถามมันซ้ำ
"กรูว่า กรูลืมตามเมิงมาซ้อมวะ" ซีพูดแบบไม่เต็มเสียง
"ok งั้นกรูไม่ซ้อมก็ได้" เราเริ่มมีน้ำโห
"เฮ้ย! ทำไมอะ มาซ้อมดิวะ" ซีเริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ
"ไม่! ก็เมิงไม่ตามกรูมาซ้อม แล้วกรูจะซ้อมไปทำไม" เราเริ่มไม่พอใจล่ะ ก็บอกแล้วอะ
".... ซ้อมเถอะน๊า .... ซ้อมกะกรูงัย" แหม! ทีอย่างนี้มาเชิญชวนกรู
"ไม่! กรูจะกลับบ้านแล้ว ไม่ซ้อม ในเมื่อไม่มีคนมาตามไปซ้อม ลืมกรูแล้วนิ" อย่างนี้เขาเรียกว่าน้อยใจหรืองอนล่ะคับ
"น๊า!! อย่างอนไปเลย กรูขอโทษ กรูลืมไปตามเมิง ... ซ้อมกันเถอะนะ" ซีพูดไปพร้อมกับพรมมือขอโทษ ส่วนเราก็เดินออกจากที่เขาซ้อมกันอยู่

เสียงครูพูดมาจนได้ยิน ..... "ซี! ตัวเมิงอะผิด ไม่ยอมไปตามมัน ไปง้อมันซะ ... เดี๋ยวเมิงจะไม่มีคู่ซ้อม ดูดิ ... มันงอนเดินไปโน้นแล้ว!!"


"กรูขอโทษ อย่างอนกรูดิ กรูขอโทษ" ซีพยายามง้อ พร้อมลากแขนเรากลับไปซ้อม
"กรูไม่ได้งอนเว้ย ....!!" เราพูดพร้อมกับพยายามสะบัดมือมันออกจากแขน
"ไม่ได้งอนอะไรล่ะ อาการเนี่ยเขาเรียกว่างอนแล้ว กลับไปซ้อมปะ" หรือว่าจะจริงอย่างที่ซีมันพูด
"ไม่ ไม่กลับไปซ้อม!!" เรายังคงปากแข็ง
"กรูขอโทษๆ ... กรูผิดไปแล้วที่ไม่ได้ไปตามเมิง กรูผิดเอง กลับไปซ้อมเถอะนะๆ" ซียังคงพยายามที่จะลากแขนเรากลับ
".........." เราไม่พูดอะไร พยายามที่จะขืนแรงซี เพื่อไปห้องเปลี่ยนเสื้อ
"กลับไปซ้อมเถอะ ถ้าเมิงไม่ไปกรูก็ไม่ไป" ซีก็ยังคงพยายามง้อ
"เรื่องของเมิงดิ ไม่ซ้อมก็เรื่องของเมิง" เราเสียงแข็ง
"....อ้าว!...." ซีคงอึ้งไปอีกรอบ

และแล้วกรรมการก็มาจนได้ "กลับไปซ้อมเถอะ ซีมันก็ง้อและขอโทษแล้ว .... ดีกันไว้ เรื่องแค่นี้เอง ปะ! ไปซ้อมกันได้แล้ว" ครูเดินมาเป็นกรรมการห้ามศึก

"เห็นม๊า... ครูมาตามไปซ้อมแล้ว ไปเถอะเมิง" แหม! ได้ทีเลยนะเมิงไอ้ซี!
"ก็ได้ ... ไปซ้อมก็ได้" เราบอกซี พร้อมกับเดินตามครูไปเข้าซ้อม

วันนั้นอารมณ์ไม่ได้ ซ้อมกับซีไป เราก็ใส่แรงเต็มที่ มีเท่าไหร่ใส่ให้หมอ มันน่าไหมล่ะ ไม่ยอมมาตาม .... จำได้ว่าซีมันให้เราเตะกับเบาะที่เป็นชนิดสวมแขนตลอด ไม่มีสลับให้เราใส่และมันเตะเลย ... เราก็เต็มที่เต็มแรงเต็มทีน เตะทีตัวซีคงทนแรงเราไม่ไหว ตัวกระเด็นไปข้างหลังตลอด

หลังจากซ้อมเสร็จ ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน จนกระทั้งระหว่างทางเดินกลับบ้าน

"กรูขอโทษเมิงอีกครั้งนะ ที่กรูไม่ได้ไปตามเมิง ทีหลังอย่างอนกรูอีกนะ" ...ซีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"กรูบอกแล้วว่ากรูไม่ได้งอน" เรายังคงเถียง
"ไม่ได้งอน แล้วอย่างนี้เขาเรียกว่าอะไร" ซีหันหน้ามาถาม
"กรูน้อยใจเว้ย" ... เราตอบโดยไม่มองหน้าซี
"อย่างเนี้ย เขาเรียกว่า ...งอน..." ซียังคงยืนยัน
"น้อยใจ" ... เราก็ยังคงยืนยันอย่างนั้น
"ok ok ... อะไรก็ได้ แต่อย่าทำอย่างนี้อีกนะ ผู้ชายเขาไม่ทำกันหรอก" ดูมันพูดดิ
"ทำไมจะทำไม่ได้ ผิดด้วยเหรอ" ก็มันไม่ผิดนิที่จะทำอย่างนี้
"........" ไม่มีคำตอบจากซี

..........................................................................

อยากจะบอกซีว่า ขอโทษนะที่วันนั้นทำตัวงี่เง่าไปหน่อย และต่อไปเราจะไม่ทำตัวอย่างนี้อีก

หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 30-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 30-06-2007 22:36:08
ขี้งอนจริงๆ เล้ยยย :m12: :m12:
เอ๊ะ...หรือว่าน้อยใจ

งงๆ เหมือนกัน o2
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 30-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 30-06-2007 23:19:40
ขี้งอนเหมือนเราเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 30-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: suraontour ที่ 08-07-2007 16:11:51
o9 มาแอบอ่าน มาแอบเม้นท์ครับ
ที่จริง อาการแบบนี้ ก็เคบเกิดขึ้นกับผมเหมือนกัน แต่โชคดีที่ว่า เวลามันช่วยรักษาอาการเหล่านั้นไปหมดแล้ว ผมก็ได้แต่ภาวนาให้คุณทีเค หายไวๆ
สิ่งที่เราจะเก็บไว้คือความทรงจำที่ดีๆ ไม่ใช่ความเจ็บปวด
จริงไหมครับ?
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 30-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: :+: MashiRo :+: ที่ 09-07-2007 22:12:42
เรื่องบางเรื่องเมื่อหวนนึกไปถึงมันก็ทำให้เรายิ้มได้โดยไม่รู้ตัว
ถึงจุดจบของมันจะเจ็บปวดไปบ้าง แต่โดยรวมแล้ว...
มันก็เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ จริงไหม? ^^
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?version พิเศษ update 30-6-50
เริ่มหัวข้อโดย: theera ที่ 10-07-2007 13:36:53
กลุ้มแทนคับ คู่นี้555 :seng2ped:
หัวข้อ: Re:[อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?]"เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 11-07-2007 23:09:00
krappom ต้องมีบ้างอ่ะชีวิตจริงนิ  :m13:

MaYa~Boy ● งอนบ่อยๆก็ไม่ดีนะ ต้องรู้จักให้อภัยแล้วก็หายงอนง่ายๆด้วย ถ้าเราผิดเราก็ต้องเป็นฝ่ายง้อนะครับ

suraontour เวลาจะช่วยเยียวยาสิ่งต่างๆได้ มองกลับไปก็ภูมิใจเตอะที่ได้มีรู้จักคำว่ารัก

theera กลุ้มเพราะว่านายเหมือนทีหรือซีหล่ะ

***************************
ภาค "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?" [เรื่องจริงของทีกะซี]
***********************************************************************************************
planที่เราวางไว้ว่าจะไปปลีกวิเวกที่หัวหิน(คนเดียว) 3วันก็เป็นอันพับเก็บไป เหตุเกิดจากซีโทรมาหาเราคืนก่อนจะไปหัวหิน


..........................................................................



แต่ก่อนจะถึงเรื่องนี้ เราขอย้อนเวลากลับไปประมาณสักเดือน มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะโทรไปหาซี ถ้าเกินรู้สึกว่าอยากได้ยินเสียงของซี เหนื่อยกับงาน เหงา คิดถึง ตอนนั้นไม่มีใคร หรือว่าอยากจะคุยกับซี ตอนนั้นเวลาประมาณเย็นๆเห็นจะได้ เราเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากเตียง กดไปหาphonebook เพื่อหาชื่อของซี และกดโทรออก

"........................." ไม่มีคนรับสาย
"ทำงานอยู่หรือเปล่าหว่า!?!" เรานึกในใจ แต่ก็หันไปมองนาฬิกาที่ผนัง
"........................." ยังคงไม่มีคนรับสาย
"เวลานี้ใกล้จะเลิกงานได้แล้วนาาาาา .... ทำไมยังรับสายไม่ได้ หรือว่ากำลังยุ่ง clearงานอยู่" เรายังบ่นใจใน
"หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ .........." รอจนในที่สุด
"สงสัยงานยุ่ง เดี๋ยวมันก็โทรกลับ" เราคิดว่าคงเป็นอย่างนั้น รอซีโทรกลับแล้วกัน

หลังจากที่โทรไปหาซีแต่ซีไม่รับสาย เราก็หาเรื่องทำนั้นทำนี้ไป จนเกือบลืมไปแล้วว่าโทรไปหาซีเมื่อเย็นๆ ตอนนั้นกำลังนั่งอยู่หน้าจอcomputer

"นี้มันจะสามทุ่มแล้วนี้หว่า ...." เรามองไปที่มุมขวาล่างของจอcom
"...ทำไมซีมันไม่โทรกลับมาวะ ... หรือว่ามันมองไม่เห็นmissed call" คิดไปต่างๆนานๆ
"โทรดี ไม่โทรดี ... โทรไปรอบสองมันจะหาว่าจิกมันหรือเปล่าวะ" เราชั่งใจอยู่นาน
"...โทรละกัน..." ก็มันอยากได้ยินเสียงนี้หว่า

เราหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างๆkeyboard กดunlock และดูหน้าจอ .... หน้าจอปกติ ไม่มีขึ้น missed call

"ซีมันก็ไม่ได้โทรกลับมานี้หว่า หรือว่าโทรศัพท์เสีย?"

เรากดและเลื่อนไปที่เบอร์โทรออกล่าสุด .... หน้าจอขึ้นรูปของเจ้าของเบอร์ที่โทรออก .... คนน่ารักของเรา

"......................." มีสัญญาณ แต่ไม่มีคนรับ
"มันหายไปไหนหว่า..." เรานึกในใจ
"....ฮัลโหล...." เสียงซีนั้นเอง รับสายจนได้
"เมื่อเย็นโทรไปหาแล้วรอบนึง เห็นไม่รับสาย ทำงานอยู่อะดิ" เรายิงคำถามแรกให้หายสงสัย
"เปล่าๆ วันนี้ไม่ได้ทำงาน" .... ซีตอบกลับมา เรางงเลยซิ
"ไม่ได้ทำงาน!?!!?" เราพูดด้วยความสงสัย
"อืมมมม ... ไม่ได้ทำงาน ตอนเมิงโทรมา กรูคงอยู่ข้างนอก ทิ้งโทรศัพท์ไว้ในห้อง นี้ก็เพิ่งกลับเข้ามา" ...งงซิเรา ไปไหนของมัน
"อ้าวเหรอ .... อยู่บ้านเหรอ?" ตอนนั้นคิดว่ามันคงอยู่บ้าน
"เปล่า ไม่ได้อยู่บ้าน ตอนนี้อยู่ระยอง มาเที่ยว" อ้าว ... ไม่เห็นชวนกรูกันเลย
"ระยอง!! ไปเที่ยว ทำไมไม่เห็นชวนกรูเลยวะ" แอบน้อยใจนิดๆ
"............................." ปลายสายเงียบไป
"ล้อเล่นๆ เที่ยวหนุกไหม" เราก็ยังมีแอบน้อยใจ
"สนุกดี ไม่ได้มาทะเลนานแล้ว" ฟังเสียงมันก็คิดว่าสนุก
"แล้วไปกะที่ทำงานเหรอ" อาการอยากรู้ว่าไปกะใครเริ่มปรากฏ
"............................" ปลายสายเงียบไปนานพอควร
"ฮัลโหลๆๆ ...... ยังอยู่เปล่า" เรากลัวสัญญาณหาย 
"อยู่ๆ ... เปล่า ... ไม่ได้มากะที่ทำงาน" เสียงซีดูเจื่อนๆ
"แล้วไปกะใครเหรอ?" ทำไมเราต้องอยากรู้ตอนนั้นด้วยวะ
"............................" ปลายสายเงียบไปอีกแล้ว
"เฮ้ย! เมิงเป็นอะไรไปวะ สบายดีหรือเปล่า" เราเริ่มเป็นห่วงมันล่ะ
"............................" ปลายสายก็ยังคงเงียบ
"ฮัลโหลๆๆ ยังอยู่ใช่ปะ .... หรือว่าเมิงไปเที่ยวกะแฟน" เป็นคำถามที่เราไม่อยากถามเลยจริงๆ เพราะกลัวคำตอบ
".............................................อืม..." เสียงปลายสายเงียบไปพักนึง ก่อนจะได้คำตอบ
"............................." เราเลยเงียบไปด้วย ยอมรับเลยว่าshockไปชั่วขณะ
"ฮัลโหลๆๆ ............." ซีถามหา
"ยังอยู่ ... ไม่หายไปไหน" เราซิ น้ำเสียงเจื่อนกว่า
"เรามาเที่ยวกะแฟน" ซีมีน้ำเสียงเรียบๆ
"............................." เรายังรู้สึกหูอือ
"เมิงเป็นอะไรไปหรือเปล่า okใช่ไหม" ซีเริ่มตกใจ
"สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง" เรารู้สึกเหมือนจะหมดแรง
"อืมมมม............" ซีรับฟัง
"อ้าว ... มีแฟนแล้วเหรอ ไม่เห็นบอกกันเลย" พูดไปด้วยน้ำเสียปกติ แต่ในใจเราดิ ไม่สบายเลยจริงๆ
"อืมมมมม.......... " เมิงตอบอย่างอื่นเป็นบ้างไหม
"อย่าให้รู้นะว่าแฟนเมิงเป็นผู้ชาย จะตามไปเจอให้ถึงที่เลย" เป็นประโยคล้อเล่นที่ชอบพูดกับซีบ่อยๆ เมื่อสมับก่อน
"........................" ปลายสายเงียบ
"เฮ้ย! กรูล้อเมิงเล่น บอกมาเถอะผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นผู้ชาย .... กรูไม่ทำอะไรเมิงกะเขาหรอก กรูเข้าใจ" พูดไปแต่เราก็เตรียมตัวเตรียมใจกะคำตอบ อย่าบอกนะว่าเป็นผู้ชาย ไอ้ทีได้ร้องไห้แน่ๆ
"อืมมมมม........." มันหมายความว่างัยวะ
"อืมอะไรไร หมายความว่างัย" งงกับคำตอบ
"ผู้หญิง" .... คำตอบที่ได้รับ โล่งอกไปหนึ่งข้าง
"กรูดีใจด้วยนะ เที่ยวให้สนุกแล้วกัน แค่นี้นะ" เราพยายามจะวางสายมันทันที
"เดี๋ยวก่อน ... อย่าเพิ่งไปดิ" ซีรีบบอก
"ทำไมเหรอ" .... รอฟังมันว่าจะบอกอะไร
"เมิงokใช่ไหม กรูรู้ว่าเมิงคงไม่สบายใจ คิดมาก กรูไม่อยากทำให้เมิงสบายใจ" ก็มาเป็นแฟนกะกรูดิ .... แต่ทำงัยได้ แค่นี้เมิงก็ดีกะกรูมาแล้ว จริงๆนะซี
"อืมมมม .... กรูสบายดี ไม่คิดมากหรอก ดีใจกะเมิงมากกว่า แค่นี้นะ" แล้วเราก็วางสายจากซีทันที

ตอนนั้นเหมือนไม่มีทุกอย่างรอบข้าง เสียงรอบตัวเงียบไปหมด เราไม่ได้ยินอะไรเลยจริงๆ ตัวนิ่ง เย็นและชา ในหัวมีแต่เสียงที่บอกกับตัวเองว่า ..... "ซีมันมีแฟนแล้ว เป็นผู้หญิง" .... มันดังอยู่ในหัวหลายรอบ จนมีอีกเสียงหนึ่งในสมองที่แทรกบอกว่า "กรูควรจะดีใจกับเพื่อนกรูดิ เพื่อนกรูมีแฟนแล้ว" .... และทุกอย่างรอบตัวก็กลับมาได้ยินเสียงรอบข้างอย่างปกติ จะมีก็แต่น้ำตาที่เอ่อออกมา

จากคุณ : TK Jr.


หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?ตอน "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 11-07-2007 23:30:37
 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:


อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าซียังคงแคร์ความรู้สึก
แม้ความรักที่มีให้มันจะไม่ใช่แบบที่ต้องการ
หัวข้อ: Re:[อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?]"เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 12-07-2007 02:10:44
 :impress: :impress: :impress:

ใช่ครับอย่างน้อยเราก็รู้ว่าเค้าแคร์เราอยู่เช่นกัน

เอาใจช่วยนะครับ แล้วเอาซี มาเป็นแฟนให้ได้นะครับ

ผมจะช่วยอีกแรง อิอิ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re:[อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?]"เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"
เริ่มหัวข้อโดย: Red_Chocobo ที่ 12-07-2007 08:44:27
 :เฮ้อ:


บางครั้ง การวิ่งไล่ตามอะไรเกินไป มานกะเหนื่อยนะครับ

พักบ้าง หันหน้าออกไปดูสิ่งอื่น ๆ  :undecided:

บางทีหันกลับมาแล้ว อะไร ๆ มันอาจจะเข้าที่ เข้าทาง โดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้   :teach:

หรือว่า หากทุกอย่างยังไม่ลงตัวเหมือนเดิม เราก็ไม่ได้เสียอะไรไปมากกว่าเดิมน๊  า  o16
หัวข้อ: Re:"​เราขอนาย​เป็น​แฟนหนึ่งวัน​ได้​ไหม​?"​[เรื่องจริงของที​กับ​ซี]update 14-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 14-07-2007 13:37:44
krappom จะว่าไปทีก็โชคดีปะ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะโดนทำร้ายจิตใจมากกว่านี้อีก

deshiwa ขำๆ สงสัยถ้าตื้อมาเป็งแฟนได้ นี่จะฮาไม่ใช่น้อย

Red_Chocobo เห็นด้วยนะครับ อย่าหยุดกับที่เลย อะไรมันจะเกิดก็เกิดไป อย่ากลัวจนก้าวไม่ออก มันก็ไม่ถึงจุดหมายสักที

********************************



หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้โทรหาซีอีกเลย มีหลายๆปัจจัยที่ทำให้เราไม่โทรหา หนึ่งในนั้นคือ ซีเขามีแฟนแล้ว เราควรจะตัดใจให้มากขึ้น แต่แล้วเมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว เวลาที่เราเพิ่งกลับถึงบ้านจากที่ทำงาน นั่งพักให้หายเหนื่อย เริ่มคลายเน็กไทค์ ปลดกระดุมคอ(ขอร้องว่าอย่าผวนคำนี้) หยิบปากกาออกจากกระเป๋าเสื้อ หยิบกระเป๋าเงินออกจากกระเป๋ากางเกง .... โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงเกิดอาการหนาว .... สั่นๆๆๆ .... มือล่วงเข้าไปหยิบในกระเป๋ากางเกง

"ใครวะเข้าใจโทรมาเนอะ โทรมาตอนถึงบ้านพอดี" ในใจคิดอย่างนั้น 
"ฮัลโหล ...." หลับตากดรับสาย พร้อมน้ำเสียงอันมีความสุข
"เมิงว่างหรือเปล่า" น้ำเสียงที่ปลายสายคุ้นๆ ไอ้ซีนี้หว่า
"ทำไมเหรอ ว่างอะ เพิ่งกลับจากทำงาน" อารมณ์ไหนวะโทรมาหาเนี่ย
"ดีเลย .... มาช่วยกรูหน่อยดิ" น๊ะว่าแล้วต้องมีอะไรให้ช่วย
"ว่าม๊ะมีอะไร แต่ทำไมน้ำเสียงเมิงดูเบาๆ พูดไม่เต็มเสียงเลยวะ" เราแอบสงสัย
"กรูตกบันไดที่บ้าน" ฟังไม่ผิดหรอก มันตกบันได
"อะไรนะ!! เมิงตกบันได ... แล้วตอนนี้เป็นยังงัยบ้าง แขนขาหัวเป็นยังงัยบ้าง" เราดิเสียงหลง ตกใจเลย
"กรูปวดขาข้างนึง อีกข้างไม่รู้สึกอะไรเลย มาช่วยกรูหน่อยดิ" เสียงน่าสงสารมากๆ
"กรูไม่แน่ใจว่าจะไปได้เร็วแค่ไหน แต่กรูจะพยายามไปให้เร็วที่สุด" เรารีบพูดและรีบคว้ากระเป๋าเงิน เพื่อรีบออกจากบ้าน
"เออๆ รีบๆมานะ" น้ำเสียงมันไม่ค่อยดีเลย
"ตอนนี้ให้แม่เมิงมาช่วยก่อนดิ หรือแฟนเมิงก็ได้ .... จะได้ปฐมพยาบาลไปก่อน" เราให้คำแนะนำกับมัน 
"ตอนนี้ไม่มีใครเลย กรูเหลือเมิงคนเดียว" .........อึ้งกับประโยคนี้ของมันมากๆ ยิ่งทำให้ทำเราต้องรีบไปหา
"....แล้วกรูจะรีบไปให้เร็วที่สุด..." รีบวางสายมันทันที

เรารีบออกจากบ้าน รีบโบกtaxiไปหาซีให้เร็วที่สุด พอขึ้นtaxiได้ก็บอกสถานที่ๆจะไป และกำชับคนขับให้ไปให้ถึงเร็วที่สุด

ในที่สุดก็มาถึงหน้าบ้านของซี เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการtaxiคันนี้เหมือนกัน ขับเร็วชิบ ... แทบจะกระโดดออกจากtaxiได้ .... พอถึงประตูรั้วบ้านของซี

"ถ้ามันล็อคประตู กรูจะทำยังงัยวะเนี่ย ไม่อยากกระโดดข้ามรั้วบ้านแม้งเลย สูงก็สูง คนเขาจะมองว่ากรูเป็นขโมยไหมวะ" คิดในใจต่างๆนานๆ
พอจับประตูรั้วและลองเลื่อนดู ...."อ้าว! โชคดีเป็นของเมิง ที่ประตูรั้วไม่ได้ล็อค" .... เรารีบวิ่งไปเข้าในตัวบ้าน .... นั้นงัยตัวเป็นๆนอนอยู่บนพื้น

"ไอ้ทีใช่ไหม" ... เสียงซีมาก่อนเลย
"กรูมาแล้ว เมิงเป็นงัย เจ็บตรงไหน ยังงัยบ้าง" เราวิ่งเข้าไปหามันโดยไม่ถอดรองเท้า
"กรูเจ็บเท้า ลุกไม่ได้ พยายามแล้ว พากรูไปโรงพยาบาลที" น้ำเสียงมันเหมือนกัดฟันพยายามพูด ท่าจะเจ็บมาก
"ได้ๆ เดี๋ยวกรูพาเมิงไปเอง ไม่ต้องห่วง แต่ตอนนี้กรูจะเอาเมิงลุกขึ้นยืนยังงัยดีวะ" เรามองหาทางที่จะดึงตัวมันให้ยืนให้ได้
"เบานะ กรูเจ็บ" ..... เออ ... กรูรู้
"......................................." ตอนนั้นท่าทางเราก็เกงๆกางๆหาท่าทางจะสอดแขนพยุงมันให้ลุกให้ได้ พยายามอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็ได้ท่าที่เหมาะ

"กรูจะยกเมิงขึ้นแล้วนะ ถ้ามีแรงก็ช่วยกรูนิดนึง แต่ถ้าเจ็บก็ทนเอาหน่อย" เราก้มลงไปบอกมันใกล้ๆ
".........................." มันไม่พูดอะไร ได้แค่พงกหัวนิดๆ
"เอาล่ะนะ ... กรูเริ่มยกเมิงขึ้นแล้วนะ" เราลงไปนั่งคุกเข่า ก้มลงไปหาตัวซีให้มากที่สุด .... เอามือไปโอบสอดข้างตัวซีทางขวา พอคล้องได้ที่ ก็จับแขนซ้ายมาพาดบ่าเรา และลุกขึ้นยืน พร้อมประคองตัวซีขึ้นมา
".........................." ไม่มีเสียงอะไรจากมัน คิดว่ามันคงเจ็บ
"ไหวไหมเมิง?" เรายกมันขึ้นมายืนได้แล้ว 
"ไม่ไหวก็ต้องไหววะ" เออ ... ดีมากๆ ตอบได้ดีมาก
"ok กรูจะพยายามให้เมิงไม่เดิน ไม่ออกแรงที่เท้า กรูจะยกตัวเมิงอย่างนี้ไปขึ้นtaxi" ตอนนั้นนึกขึ้นมาได้ว่า ทำไมกรูไม่บอกให้taxiคันที่นั่งมา รอที่หน้าบ้าน
"อืมมม ......." มันตอบมาได้สั้นมาก
"เอาล่ะนะ" ... แล้วเราก็พอมันออกมาหน้าบ้านได้สำเร็จ ตัวหนักชะมัด ไม่นึกว่ามันจะหนักขนาดนี้ (ประมาณ50กิโลปลายๆ) ถ้าอุ้มได้ กรูอุ้มไปแล้ว

ยืนรอtaxiไม่นานเท่าไหร่ taxiก็มา .... ตอนเอาซีมันเข้าtaxiนี้ดิ ลำบาก ดันนิดหน่อยมันก็ร้อง ....

"พี่ๆ ไปโรงพยาบาล ..... (ขอไม่บอก) รีบๆเลยนะ" พอปิดประตูรถtaxiได้ ผมรีบบอกที่ๆจะไป
"ครับๆ ... แล้วเขาเป็นอะไรเหรอ" คนขับหันหน้าไปมองซี และหันมาถามเรา
"เพื่อนผมมันตกบันได ... ออกรถได้แล้วพี่" ไม่รู้ว่ามันจะหันมาถามทำไม

ระหว่างทางไปโรงพยาบาล เราก็ให้ซีมันโทรไปรายงานแม่ของมันว่าเป็นยังงัยบ้างแล้ว จะไปโรงพยาบาลไหน ไปยังงัย กับใคร .... สรุปว่า แม่มันก็จะไปเจอกันที่โรงพยาบาล ซึ่งจากที่ทำงานของแม่มันก็คงใช้เวลาไม่น่าจะนาน และก็ถามมันว่ามันตกบันได้งัย

"กรูคิดว่า กรูว่าจะเหยียบพลาด แถมพื้นมันลื่นด้วย" มันสรุป
"ซุ่มซ่ามจริงๆ เมิงนี้" เรายังซ้ำเติมมัน
"ขอบใจมากๆนะเว้ยที่มาช่วยกรู ขอบใจจริงๆ"
"ไม่มาช่วยได้งัย เพื่อนที่กรูรักทั้งคน" เราแอบหยอด


ดีที่ถนนที่ไปมันสวนทางกับทางที่รถติด เลยใช้เวลาไปถึงโรงพยาบาลไม่นาน .... (โชคดีของเมิงนะซี) พอถึงโรงพยาบาล เราลงจากรถ แม่ของซีก็วิ่งเข้ามาหา ส่วนเรื่องเอาซีออกจากรถ ก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เรื่องที่เกี่ยวกับโรงพยาบาล แม่ของซีก็เป็นคนจัดการ เรายืนดูอยู่ห่างๆ จนซีเข้าไปหาหมอ เราและแม่ของซีเลยได้มานั่งคุยกัน

"ขอบใจลูกมานะ ถ้าไม่ได้ลูกเนี่ย ไม่รู้ซีจะเป็นยังงัย" แม่ของซีขอบอกขอบใจใหญ่
"ไม่เป็นไรจริงๆคับ" ..... เรื่องเล็กน้อยมากสำหรับซี
"ขอบใจอีกครั้งนะลูก"  แม่ซียังคงพูดขอบใจอีก
"คร๊าบๆ"   

แล้วเรากับแม่ของซีก็พูดคุยกับไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ไม่รู้ว่าซีเป็นยังงัยบ้าง แต่มันหายไปนานเหมือนกัน จนในที่สุดก็ออกมาพร้อมกับรถเข็น ลักษณะมันดึขึ้นเยอะ สังเกตจากรอยยิ้ม แม่ของซีไปคุยกับหมอ ส่วนเราไปรับช่วงต่อจากบุรุษพยาบาลที่เข็นรถมาให้ ท่าทางมันดีกว่าช่วงก่อนมาโรงพยาบาลเยอะ มีผ้าพันเท้ามันหนึ่งข้าง

"เป็นยังงัยบ้างเมิง" เราก้มหน้าลงไปถามมัน
"ดีขึ้นเยอะแล้ว" มันตอบไปยิ้มไป
"ดีก็ดีแล้ว แล้วตกลงเป็นอะไรที่เท้าเมิงวะ" ก็สงสัยนี้หว่าเลยถาม
"หมอว่า กรูข้อเท้าพลิก .... จะให้ยาทากะยากินไป และคอยดูอาการ ถ้าไม่okก็กลับมาใหม่" 
"กรูว่าเมิงน่าจะokแล้วนาาาาา ...." หลังจากพิจารณาภาพนอก 


หลังจากที่แม่ของซีไปจ่ายเงิน รับยา .... และได้รับไม้เท้าช่วยเดินมาอีก1อัน (เขาเรียกว่าไม้เท้าหรือเปล่าหว่า) เราก็นั่งtaxiกลับไปพร้อมกับแม่ของซี และซี คิดว่าแม่คงไม่มีแรงช่วยพยุงซีขึ้นไปบนห้องนอนของมันแน่ๆ  ..... พอถึงบ้านมัน เราเคยช่วยพยุงมันขึ้นไปบนห้องนอนของมัน และรีบลากลับบ้านเรา คืนนั้นมันคงไม่ได้อาบน้ำแน่ๆ นอนตัวเหม็น อิอิ

จากคุณ : TK Jr.
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 14-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 14-07-2007 14:20:51
ขอบคุณนะครับที่เอาตอนพิเศษมาให้อ่าน

สนุกมากมายเลย o14 o14
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 14-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-07-2007 14:27:38
แม้จะไม่ใช่คนรัก
แต่ก็เป็นคนแรกๆ ที่ซีคิดถึง :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 14-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 14-07-2007 16:50:08
เพ่งมีโอกาสได้อ่าน
ประทับใจมากๆ เลยครับ
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 16-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 16-07-2007 21:53:04
เพื่อนๆคิดว่าควรตัดสินใจยังไงอ่ะตอนนี้
*****************
ในที่สุดทำงานมาเหนื่อย เราก็ได้วันหยุดยาว .... ideaของวันหยุดยาวก็ปรากฏว่าต้องไปต่างจังหวัด ... ทะเลเท่านั้นที่เราอยากไป ที่ไหนดีล่ะ พัทยา บางแสน เสม็ด ระยอง หัวหิน หรือชะอำ ... สรุปออกมาเป็น "หัวหิน" จัดแจงโทรชวนเพื่อนๆ แต่ปรากฏว่าเพื่อนๆที่ชวนไปไม่ได้ (ไม่ได้ว่าคนแถวนี้นะ เราเข้าใจที่นายไปไม่ได้) ก็เลยต้องไปปลีกวิเวกคนเดียว (ตามประสาชายโสด) และแล้วคืนก่อนวันไปปลีกวิเวกที่หัวหินก็มาถึง  ... ต้องนอนแต่หัววัน เพราะต้องไปขึ้นรถประมาณ6โมงเช้า ขณะเคลิ้มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น เสียงทรูโทนของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

"ใครโทรมาวะ! จะนอนหลับทั้งที พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า" หลับตาบ่นในใจ ไม่อยากรับสายเลย แต่มือก็เอื่อมไปหยิบโทรศัพท์ พร้อมกับลืมตา

"อ้าว! ซีนิ มีอะไรหว่า" รูปที่แสดงบนหน้าจอ

"ว่าๆ?" น้ำเสียงออกงัวเงียนิดๆของเราถามไป
"นอนไปแล้วเหรอ" ก็ใช่อะดิ ถามมาได้
"โทษทีๆ นึกว่าเมิงยังไม่นอน" นอนไปแล้วโว้ย
"ไม่เป็นไรๆ ... คุยได้ มีอะไรเหรอ" แหม ... โทรมาดึก หรือหลับสนิทไปแล้วก็คุยได้
"พรุ่งนี้เมิงว่างหรือเปล่า" ซีถามมาอย่างนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ
"พรุ่งนี้เหรอ กรูไปหัวหิน เนี่ยเลยต้องนอนแต่เช้า" เราพูดตรงไปปะ
"อ้าวเหรอ ... งั้นเมิงนอนไปเถอะ" แต่เราว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
"มีอะไรว่ามา กรูรู้ว่าเมิงต้องมีอะไร" ต้องเค้นในรู้ให้ได้ว่ามันมีอะไร 
"คือว่า ............. พรุ่งนี้ไม่มีใครช่วยดูกรูที่บ้าน เลยจะขอเมิงให้มาอยู่ที่บ้านกรูหน่อย" มันมารมณ์ไหนวะ แม่กะแฟนมันล่ะ
"แล้วแม่เมิงล่ะ แฟนเมิงด้วย" จริงมะ มีแฟนก็น่าจะ
"เมิงไปหัวหินเถอะ ไม่เป็นไร แค่นี้นะ" แล้วมันก็วางสายไป 

โอ๊ย!!! เราจะทำยังงัยดีวะเนี่ย พรุ่งนี้เราจะไปปลีกวิเวกที่หัวหิน ได้วันหยุดยาวๆสักที แล้วเราจะทำยังงัยดีวะเนี่ย หนักใจวุ๊ย!! คิดหนักวุ๊ย!! ไปหัวหินก็อยาก ไปอยู่กับซีก็อยาก ทำงัยดี ทำงัยดี!! แล้วอยู่ๆ ไฟก็สว่างขึ้นมาเหนือหัว (ปิ๊ง ....!!) "โทรหาถามเพื่อนดีกว่า"

"เฮ้ย! กรูจะทำยังงัยดีวะ" ไม่มีฮัลโหลอะ ยิงคำถามเลย
"ทำอะไรของเมิง?" มันก็คงงงที่ไม่เล่าเนื้อเรื่องก่อน
"คือ ซีโทรมา ให้ไปอยู่เป็นเพื่อนมันที่บ้านพรุ่งนี้ แต่พรุ่งนี้กรูจะไปหัวหินนะเว้ย......." และก็เล่าๆว่าซีพูดยังงัยบ้าง
"ไปอยู่กับซีเถอะ" เพื่อนแนะนำอย่างนี้
"แต่นานๆ กรูจะได้หยุดยาวสักทีนะเมิง" จริงๆ นานๆ เราจะได้หยุดยาวสักที
"หัวหินเมื่อไหร่ก็ไปได้ แต่ซีมันโทรมาชวนทั้งทีนะเมิง อยู่กับซีเถอะ" มันเริ่มชักจูง จิตใจก็โอนเอียง
"หิวหิน หรือ บ้านซี?" ..... ทำไมเราต้องเลือกด้วยฟะ
"เอางัย ... ไปบ้านซีล่ะดีแล้ว ไม่ต้องคิดมาก" ดูมัน ยังชักจูง
".....นึกไม่ออก..... หัวหินก็อยากไป บ้านซีก็อยากไป" เลือกไม่ถูกเจงๆเรา
"บ้านซี" เพื่อนกรูตอบให้เสร็จ
"เอาเป็นว่า ... ถ้ากรูตื่นไม่ทันไปหัวหิน กรูจะไปบ้านซีแล้วกัน" บทสรุปของเรามาแล้ว
"ไปบ้านซีๆ" มันยังย้ำ
"เออๆ พรุ่งนี้ ... เดี๋ยวก็รู้ ไปนอนล่ะ ดึกแล้ว" ล่ำลาเสร็จ ก็วางสาย

วางสายไปแล้ว หลับตานอนไปแล้ว หัวก็ยังไม่วายที่จะคิด คิดไปคิดมาๆๆๆๆๆ

"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"

และแล้วก็หลับไป ........................

จากคุณ : TK Jr.
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 16-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 16-07-2007 22:03:32
ก็พาซีไปหัวหินด้วยจิ   :m1:  :m1:  :m1:
แต่ถ้าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง  สงสัยจะเป็นบ้านซีละมั้ง  คิดขนาดนี้ นอนหลับยาวแหงๆ อิอิ

ซีเป็นคนดีน่ารักนะ  ไม่ว่าจะเป็นอะไร  อย่างน้อยก็มีคนรู้ใจไม่ทิ้งกันยามยากคนหนึ่งละ  :m13:
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 16-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 16-07-2007 22:22:49
ก็พาซีไปหัวหินด้วยจิ   :m1:  :m1:  :m1:
แต่ถ้าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง  สงสัยจะเป็นบ้านซีละมั้ง  คิดขนาดนี้ นอนหลับยาวแหงๆ อิอิ

ซีเป็นคนดีน่ารักนะ  ไม่ว่าจะเป็นอะไร  อย่างน้อยก็มีคนรู้ใจไม่ทิ้งกันยามยากคนหนึ่งละ  :m13:

สนับสนุนพาซีไปหัวหินซะเลย  :m4: :m4:

น่าดีใจที่ซียังคิดถึง แม้จะรองจากแม่กะแฟน :m1:
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 16-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 16-07-2007 22:38:26
พรุ่งนี้ตื่นไม่ทันแน่เลย  :m12:
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 16-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: *Ecks* ที่ 16-07-2007 22:54:03
...บ้านซี ดีกว่าครับ .. บ้านซีดีที่สุด หัวหินไปเมื่อไหร่ก็ได้ ..... ตอนนี้บ้านซีสำคัญกว่า .... อุอุ :m4:
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 16-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 16-07-2007 23:03:50
 o17หนุก
 :m1:น่าร้ากก
:o7:แล้วก็เศร้าด้วยอ่า
ชอบคับ ชอบ
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 16-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 16-07-2007 23:51:19
 :haun5:  บ้านซีซิคับ
เจงม้ายยยย
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 16-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Red_Chocobo ที่ 17-07-2007 14:29:46
บ้านซี ค๊าบบ เชียร์ อิอิ :m3:

วันหยุดยาว ๆ น่ะ มีทุกปีแหละ  :m1:

หัวหิน กะ มะ หนีปายหนายยร๊อกก (แค่ อาจจาฉกกาปก ขึ้นอีกหน่อย อิอิ) :m7:


ตอนนี้ เปน เวลาตักตวงคะแนนคับ  สู้ ๆ  :m11:

หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 17-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 17-07-2007 19:36:57
จะเป็นอย่างที่เพื่อนๆหวังไว้ไหมนี่
 :m13:
*********************
!@##฿*$!#$#%$#^%$&%& .....!! เสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น .... งัวเงีย เอามือเลือยไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ข้างหมอน ลืมตามาหนึ่งข้างเพื่อมองหาปุ่มกดเพื่อปิดalarm!!

"ตี5แล้วเหรอ ...!?!? ทำไมมันเร็วอย่างนี้ฟะ เพิ่งนอนไปไม่เท่าไหร่เอง" นึกใจไป
"ขออีกหน่อยแล้วกัน .... ยังไม่อยากงัดตัวออกจากที่นอน" เลื่อนนิ้วไปกดปุ่มsnooze และแล้วก็หลับตาลง นอนต่ออีกหน่อย

เวลาผ่านไปราวๆ5นาที .......   !@##฿*$!#$#%$#^%$&%& .....!!  มาอีกแล้ว เสียงปลุกจากโทรศัพท์  ..... งัดตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียงจนได้ และหันไปคว้าโทรศัพท์มือถือมาเพื่อปิดเสียงalarm

"ได้เวลาอาบน้ำ เตรียมตัวไปขึ้น ไปหัวหินแล้ว ไอ้ที" .... ขี้ยี่ตาอยู่ยิกๆ

ลืมตามาเต็มที่ได้ ก็หันไปมองเป้ที่อยู่บนพื้นห้อง ข้างในจัดเสื้อผ้าและของใช้ล้านแปดที่จำเป็น ..... แต่ในหัวมันยังมีคำถามเดิมที่ถามตัวเองก่อนที่หลับไป

"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
......"โอ๊ย! คิดไม่ตกเว้ย กรูจะไปไหนดี" .... ตื่นขึ้นมาได้สติ สติก็จะแตกกับคำถามนี้!!


























"เอาล่ะ!! เป็นงัยเป็นกันวะ .... กรูไปบ้านซีก็ได้ กรูง่วงนิ นอนต่อดีกว่า" .....




และแล้วคำตอบก็ออกมาว่า "ไปบ้านซี" ส่วนง่วง เป็นเหตุผลสนับสนุนที่จะไม่ไปหัวหิน

*****************************

....
..
...
...
.....


..
..

.
.
"งึม งึม ..... ปวดแน่นๆที่ท้องน้อย" มันเป็นสัญญาณเริ่มต้นของอาการปวดฉี่นั้นเอง

" .... ง่วงอะ ทำไมมันต้องมาปวดด้วยวะ ... แสงก็แยงตา" สติเริ่มบอกกะตัวเอง

"ไปฉี่ก็ได้วะ ... ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้ว" ปลือตามองพร้อมกับมือพยายามควานหาโทรศัพท์มือถือแถวหมอน

"7โมงนิดๆแล้วเหรอ .... ไปฉี่ดีกว่า" เราเป็นอย่างนี้ประจำอะ ตื่นมาเข้าห้องน้ำเวลาประมาณเนี่ย



..........................!! เสียงสายน้ำที่ไหลจากที่สูง กระทบกับแอ่งน้ำในชักโคตร ดังลั่นห้องน้ำ .... พร้อมอาการคลายแน่นท้องที่แสนสบาย

เมื่อเสร็จกิจ ... (ใช้คำถูกไหมเนี่ย!!) ... กำลังเดินออกจากห้องน้ำ เราก็กลับหลังหัน เปลี่ยนใจ .... อาบน้ำเลยดีกว่า จะได้ไปบ้านซีแต่เช้า (เช้ามากๆๆด้วย) และแล้วปฏิบัติการปลดอาภรก็มาถึง เริ่มจากถอดเสื้อยืดตัว ที่ไม่ค่อยจะมียางให้มันยืด และตามด้วยboxer ....okพอๆ ขอข้าม เดี๋ยวFCจะนึกภาพไปไกล เอาเป็นว่าอาบน้ำแล้วกัน


แต่งตัว ทาครีมนั้นนี้เสร็จสิ้น ... ได้เวลาไปบ้านศซีแล้ว มองไปที่นาฬิกาข้อมือ .... "อ้า!! อีกประมาณ15นาทีจะแปดโมง"  แล้วก็คว้ากระเป๋าสะพายข้างคู่ใจ(ใบใหม่ เพิ่งซื้อมา)ไปด้วย ในนี้ก็ไม่มีไรมาก กระเป๋าเงิน กุญแจบ้าน โทรศัพท์มือถือ และ iPod     

"ปะออกจากบ้านได้....!!"

และแล้วก็มาถึงปากซอยบ้านซี ไม่เคยมาบ้านมันช่วงเช้านานมากๆแล้ว .... เริ่มเดินเข้าไปในซอย เดินสวนทางกับหลายๆคนที่กำลังเดินออกมา ... เดินใกล้บ้านของซีเข้าไปเรื่อยๆๆ นั้นงัยแม่ของซี รีบวิ่งไปหาดีกว่า

"สวัสดีคับ" ..... ทักทายกันเลย
"อ้าว ลูก!!" แม่มีการตกใจเมื่อเห็นเรา
"ผมเอง .... มาเช้าไปไหมคับ"
"แม่กำลังจะออกไปทำงานพอดี" ตอนนั้นแม่อยู่นอกรั้วบ้านพอดี
"งั้นผมก็มาจังหวะพอดีเลยดิคับ" เหมาะมากเลยใช่มะ
"จ๊ะ!! ... ลูกมาพอดีเลย.... งั้นแม่ฝากดูแลซีด้วยนะ" ได้เลยเรื่องนี้
"คับ จะดูแลให้คับ ว่าแต่อาการมันเป็นยังงัยบ้างแล้วคับ" เราจะได้ช่วยถูกงัยที่ถาม
"ดีขึ้นเยอะแล้ว .... พอเดินได้แล้ว แต่ยังกะเพกๆนิดๆ" อาการดีแล้ว มันยังให้เราไปดูมันดีวะ
"คับๆ"
"แม่ไปทำงานก่อนนะ ... เออ! แม่ไม่รู้ว่าลูกจะมา กับข้าวตอนเช้าแม่ทำไปนิดเดียว อยากกินอะไรเพิ่มก็ทำได้เลยนะ ของอยู่ในตู้เย็น"
"คับ"


และแล้ว แม่ของซีก็ไปทำงาน ส่วนเราก็เดินเข้าบ้านมาอย่างสบายใจ มองรอบบ้าน .... หลังจากที่ไม่ได้มานาน สภาพก็ไม่เปลี่ยนไปเยอะนะ ...  เดินขึ้นไปชั้นสอง ตรงไปที่ห้องของซี ... มันตื่นหรือยังหว่า


"เคาะดีหรือไม่เคาะดีวะ"  ยืนอยู่หน้าห้องของซีแล้ว
"ไม่เคาะแล้วกัน" เผื่อมันยังหลับอยู่


เปิดประตูห้องได้ด้วย ห้องมันไม่ได้ล๊อค .... นั้นงัยตัวการของเรื่องนี้ ยังนอนอยู่เลย ...  เราเดินเข้าไปใกล้ๆเตียง มองไปที่หน้าของมันที่โผล่พ้นผ้าห่ม

"คนอะไรวะ ตอนหลับก็ยังน่ารัก ทำไมเมิงไม่เป็นแฟนกรูวะ น่ารักวู๊ย!!" ยืมมองหน้ามันตอนหลับ ก็ถามพวกนี้ในใจ และอมยิ้มไปด้วย   


okมันนอน .... ไม่กวนมันดีกว่า ปล่อยมันนอนไปก่อน .... เราเลยเดินหาหนังสือในห้องมัน ทิ้งก้นนั่งอ่านบนพื้น หยิบหูฟังยัดใส่หู เปิดเพลงจากiPod และอิงตัวกับข้างเตียง ..... อ่านหนังสือไปเรื่อยๆๆๆ รู้สึกถึงการยับตัวของมันบ้างเป็นบางครั้ง มารู้สึกอีกทีตอนที่หูฟังข้างนึงถูกดึงออก หน้าและตาของเราจึงละจากหนังสือตรงหน้าไปด้านที่หูฟังถูกดึงออก

"...มาตั้งแต่เมื่อไหร่...?"  เป็นคำถามที่มาจากตาสีน้ำตาลหวานๆ ของซี
"................................"  อึ้งไปเลยเรา
"กรูก็นึกว่าเมิงจะไปหัวหิน" ยังคงมาจากตาสีน้ำตาลหวานๆ คู่เดิม
"... ถึงบ้านเมิงประมาณ8โมงนิด ... เข้ามาให้ห้องเห็นเมิงหลับอยู่เลยไม่กล้าปลุก..." ใครจะกล้าไปปลุกคนกำลังหลับสบายอยู่ล่ะ


"ขา เท้าเมิงเป็นยังงัยบ้าง เดินได้แค่ไหนแล้ว ไอ้ไม้เท้ายังต้องใช้ไหม" เราลุกขึ้นมาชันเข่าคุยกะมัน และมองไปที่ขาที่เป็นเพิ่งแค่ผ้าบางๆพันอยู่
"ดีขึ้นเยอะแล้ว พอเดินได้ ไม่ถึงกะต้องใช้ไม้เท้าแล้ว" ซีกลับไปนอนหงายเหมือนปกติ


"ถ้าดีขึ้นแล้ว ทำไมยังต้องให้ใครมาดูอีกวะ?" เราถามมัน ขณะลุกขึ้นยืน เปลี่ยนไปนั่งบนเตียงของซี
"มันก็ยังเดินไม่สะดวกเท่าไหร่ อีกอย่าง .... อยากมีเพื่อนคุยด้วย" .....นี้เหรอเหตุผลของมัน
"อืมมม...." (กรูเข้าใจๆเมิง)

สักพักใหญ่ๆ ซีดันตัวขึ้นมาจากที่นอน เขยิบตัวออกจากผ้าห่ม

"จะไปไหนเหรอ ให้ช่วยไหม" .... มันจะไปไหนของมัน เพราะตัวมันเขยิบมานั่งขอบเตียง
"จะไปห้องน้ำ ปวด ...." เราฟังไม่ทันว่าบ่นว่าปวดอะไร
"มะๆ กรูช่วยพยุง" เราเลยต้องช่วยคล้องใต้แขนมัน เพื่อให้มันลุกยืนออกจากเตียงได้สะดวก

"เดินไปห้องน้ำไหวเปล่า ... ม๊า!! กรูช่วยไปส่งที่ห้องน้ำ แต่กรูไม่เข้าไปด้วยนะ 555" มีหยอกๆ แล้วเราก็ประคองมันไปส่งที่หน้าห้องน้ำ

ขณะนั้นความคิดนึงก็พุดขึ้นในหัว ไม่รู้เหมือนกันว่า คิดได้ยังงัย .... แต่ก็ถือว่ากล้าได้กล้าเสีย

เราเปิดประตูห้องน้ำให้ซี แต่แขนที่เราประคองมันไว้ กลับดึงให้มันยังไม่เข้าไปห้องน้ำ

".....................!?!?" ซีหันหน้ามาหา แสดงเครื่องหมายคำถาม





"....เมิง ....!! กรูของเมิงเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?" ไม่รู้ว่าตอนนั้นกล้าขอไปได้ยังงัย























"......................!!!" เงียบ ..... ไม่มีคำตอบจากซี มันก็เข้าห้องน้ำไป ประตูปิด

จากคุณ : TK Jr
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 17-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 17-07-2007 19:55:07
 :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5:

ซีทำไมไม่ตอบอ่ะ
ทำอย่างนี้ใจเสียน้า.......
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 17-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 17-07-2007 21:32:12
เพิ่มเติมส่วนสีฟ้าหน่อย
นะครับ ตกไปหน่อย
 :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 17-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 17-07-2007 23:16:19
คุณเรย์ โพสค้างมากมาย ใจจะขาดแล้วเอย...
 :sad3:
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 17-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Red_Chocobo ที่ 18-07-2007 07:31:53
ช่างกล้ามากมายนัก   :o

แต่ไหน ๆ กะพูดไปแร้วว  รอลุ้นคำตอบดีก่า  :interest:
หัวข้อ: Re: "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?"[เรื่องจริงของทีกะซี]update 17-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-07-2007 16:31:17

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์ 

เรื่องนี้มีต่อด้วยเหรอ

ชอบๆ   :m4:

ตามอ่านนะ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกว่าเอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?ขอเป็นแฟนหนึ่งวันupdate18-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 18-07-2007 21:38:56
มาแว้ว เด่วไม่ทันจายน้องโจ้
 :laugh: :laugh:
****************************************************


โอ๊ย! เรียกสติกลับมา ............. กรูขออะไรไปเนี่ย กรูกล้าทำไปได้ยังงัย มันจะคิดยังงัยวะเนี่ย ..... ทำงัยดีๆ ....  โทรหาเพื่อน! ใช่!! โทรหาเพื่อนดีกว่า เรารีบไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า  ...ok เจอแล้ว...

"โทรหาใครดีล่ะ" ...นี้ดิปัญหา
"นึกออกแล้ว!! .... คนนี้ล่ะกัน" แล้วเราก็เปิดphonebookเลือกไปที่ชื่อเพื่อนคนนี้ กดโทรออกทันที


"ฮัลโหล ตอนนี้กรูไม่ได้ไปหัวหิน อยู่บ้านซี" บอกมันก่อนเลย
"กรูนึกแล้วว่าเมิงต้องไปบ้านซี" ... แหม! รู้ดีจังนะเมิง
"เฮ้ย! .... กรูเพิ่งขอซีเป็นแฟนหนึ่งวันวะ" นี้ล่ะปัญหา
"เอ้ย ... จริงดิ!? ทำไมเมิงทำอย่างนี้วะ" ... อ้าว! ก็มันกล้าไปแล้วนิ +อยากด้วย
"ก็กรูอยากลองนิหว่า"
"โธ่ .... เมิง! ที่ซีชวนเมิงมาบ้าน มาอยู่เป็นเพื่อน มันก็คงคิดว่าเมิงเลิกคิดอะไรกะมันแล้ว คิดเป็นเพื่อนกันเฉยๆ" ก็จริงอย่างมันพูด
"........-_-' ....!!" จ๋อยดิกรู
"ถ้ามันคิดว่าเมิงเลิกคิดกะมันแล้ว มันไม่ชวนมาหรอก" ก็จริงอีก
"......-_-'.......!!" จ๋อยอีกรอบ
"แล้วซี....มันว่างัยบ้าง?" นั้นล่ะที่กรูอยากจะบอกเมิง
"คือ กรูบอกมันก่อนที่มันจะเดินเข้าห้องน้ำ ตอนนี้ยังไม่ออกมาเลย" รายงานสถานการณ์ล่าสุด
"...แม้ง...คงคิดหนักอยู่ในห้องน้ำ" ... กรูคิดเหมือนเมิง
"เอาเป็นว่ากล้าได้กล้าเสียแล้วกัน" ... นั้น! ยังไม่วาย ยังจะกล้าได้กล้าเสีย
"แล้วซีมันเข้าไปนานหรือยัง" 
"คงกำลังอึอยู่ ... เออ!! แค่นี้ก่อนนะ ไปล่ะ" เรากะว่ามันเข้าไปอย่างนั้น ...แล้วก็วางสาย



รออยู่นานพอควร ในหัวเราก็คิดไปเยอะ "กรูทำอะไรลงไปฟะ" ... "กล้าได้กล้าเสียน๊าาาา" ... "ถ้ามันคิดว่ากรูยังไม่เลิกชอบมัน อาจจะมองหน้ากันไม่ติดอีก" ... "ทำงัยดี!?"







และแล้วเสียงหมุนลูกบิดก็ดังแทรกขึ้น ... สายตาจับจ้องไปที่ประตูห้องน้ำ ที่กำลังเปิดออก
.
.
..
.




.
.
.
..

..
แล้วประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก เป็นผู้ชายสูงไม่เกิน170ซม. คิ้วเข้ม ตาหวานสีน้ำตาล มีเคราเขียวนิดๆ คนเดิมคนเดียวที่เข้าห้องน้ำไปเมื่อประมาณ10นาทีที่แล้วและเป็นคนเดิมคนเดียวกับที่เราขอเป็นแฟนหนึ่งวัน


"เอ้ย!! ซีๆ กรูล้อเล่นนะเว้ย ที่จะขอเป็นแฟนเมิงหนึ่งวัน" เรารีบปราดเข้าไปหามันทันที ใจก็เริ่มป๊อด! เพราะกลัวมันคิดมาก
"..................." มันกลับนิ่งไม่พูดอะไร
"กรูล้อเล่น" เริ่มทำเป็นตลกแล้วเรา กลบเกลื่อนๆ
"เมิงอยากเป็นแฟนกรูจริงเหรอวะ" ..... อะนั้น! มีถามตอบกลับมาแล้ว
"ล้อเล่นน๊าาาา .... แต่ถ้าเป็นได้ก็ดี...." นั้นงัย! เรายังคงมีอีกเม็ดนึง
"...!! อยากเป็นก็เป็น...!! กรูให้วันนึง" ... โอ๊!!! ได้ยินเหมือนที่เราได้ยินไหมคับท่านผู้อ่าน
"จริงเหรอวะ! .... เมิงไม่ได้มาเล่นมุขกะกรูนะเว้ย" เรายังคงไม่เชื่อ
"ก็อยากเป็นไม่ใช่เหรอ" ..... โอ๊ย!! ... ไม่เชื่อคับท่านผู้อ่าน เห็นไหมๆ ด้านได้อายอด
"อืมมมม ..." ยิ้มออกแล้วกรู
"เฮ้ย! อย่ายิ้มอย่างนั้นดิ ... ทำเป็นแฟนกันได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ากรูต้องมีอะไรกะเมิงนะเว้ย" แหม... แค่กรูยิ้มแค่นั้นไม่ได้ถึงอย่างนั้นสักกะหน่อย
"ไม่ๆๆ กรูไม่ได้ต้องการถึงขนาดนั้น กรูบอกเมิงเลยว่า แค่กรูได้อยู่ใกล้ๆเมิง กรูก็มีความสุขแล้ว เรื่องอย่างนั้นกรูไม่เคยคิดกับเมิงเลย" เราสารภาพ บรรยายไปหมดเปลือก
"เออ ... ดีแล้ว!!" ...แหม! มันก็คิดไปได้เนอะ



"งั้นวันนี้กรูจะไม่ใช่คำว่าเมิงกรูกะเมิงนะ เพราะว่าเป็นแฟนกัน กรูว่าพูดเมิงกรูมันไม่เพราะ" เริ่มแล้วไอ้ที อิอิ!
"อืมม ...." ซีคงเข้าใจ
"หิวหรือยัง! ก่อนเข้าบ้านมาเจอแม่ แม่บอกว่ามีกับข้าวทิ้งไว้" เราก็เริ่มหิวเล็กๆแล้วล่ะ
"ไปกินดิ เมิง...เอ้ย! นายหิวหรือยังล่ะ?"
"ถ้าไม่ถนัด ใช้เมิงกรูก็ได้ .... เราหิวนิดนึงแล้วล่ะ ว่าแต่นายต้องกินยาหลังอาหารด้วยนิ ไปกินเถอะ" .... ได้เวลาtake careแฟนแล้ว อิอิ
"อืมๆ ไปกินเถอะ" แล้วก็เริ่มเดินลงไปข้างล่าง
"มะๆ เราช่วยพยุง" take careอีกแล้วเรา
"ไม่เป็นไรๆ เราเดินพอได้"
"ม่ายเอาอะ ... เราอยากช่วย นะๆ!?" เริ่มลบเล้าแล้วเรา
"อะๆ มาช่วยพยุงข้างซ้ายแล้วกัน มือขวาเราจะได้จับราวบันได้ถนัด" ... แล้วเราก็เดิมอ้อมไปพยุงซีทางด้านซ้าย ตอนช่วยพยุงเขาได้อยู่ใกล้ๆเขา เรารู้สึกดีชมัดเลย


ในที่สุดก็มาอยู่ที่ห้องครัว จับซีมานั่งที่เก้าอี้ พร้อมกับเดินไปเปิดฝาชีตรงหน้า มีกับข้าวอยู่ตรงหน้าสองจาน

"มีกับข้าวสองอย่างเองอะ" เราหันไปมองสบตากับซี
"อืมมม ... อาจจะไม่พอ" ความเห็นตรงกันเลย
"เอางี้ ....เดี๋ยวเราทำเพิ่มอีกหนึ่งอย่างแล้วกัน นายคิดว่างัย" เราจึงเสมอความคิดเห็น
"ทำเลย อยากกินอะไรทำเลย อีกสักอย่างก็ดีนะ" ... นั้นงัยเปิดทางแล้ว
"เดี๋ยวขอไปดูของในตู้เย็นก่อนนะ นายก็นั่งเฉยๆ เดี๋ยวเราแสดงฝีมือเอง" จริงๆซีคงไม่มาช่วยหรอก เพราะมันทำอาหารไม่เป็น
"เอาเลย ...ตามสบาย"
"มีอะไรในตู้เย็นบ้างหว่า" ... สายตาเราสอดส่ายตามชั้นในตู้เย็น


"ok เจอแล้ว ... วันพิเศษๆอย่างนี้ เราต้องทำอะไรพิเศษๆให้นายกิน" .... จริงๆไหม เห็นด้วยกะเราไหม?
"อะไรเหรอวะ ... ไม่ต้องพิสดารมากนะเว้ย" จ๊าาา ... ไม่พิสดารมากหรอก
"นี้งัย ..... ไข่เจียว" เราหันกลับมาหาซี พร้อมกับชูไข่ไก่ให้มันดู
"...-_-' .... เออ!! พิเศษมาก พิเศษเจงๆ" น้ำเสียงมันประชดประชันน่าดู
"ฮาๆๆ ..... กี่ฟองดีอะ ... 2ก็น่าจะพอเนอะ" เราล่ะหัวเราะกลิ้ง
"พอๆ 2ฟองก็พอ" .... ซีมันตอบแบบเซ็ง ... ฮาๆๆเจอมุขกรู


แล้วเราก็จัดการตอกไข่ใส่ชาม2ฟอง เติมน้ำปลานิด พริกไทยหน่อย บีบมันนาวไปหน่อย(เพื่อให้ไข่มันฟู ... เสน่ห์ปลายจวักคร๊าบบบบ) ตีๆๆๆๆๆๆ เปิดไฟที่เตา ตั้งกะทะ เติ่มน้ำมัน รอน้ำมันร้อน .... เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ เราก็showการเจียวไข่  .... ไม่เกิน10นาทีก็ได้เขียวเจียว เหลือง ฟู 1จานพร้อมเสริฟ

"ได้แล้ว ... กลิ่นหอมดี ... น่ากินปะ?" เราเอาไข่เจียวไปshowตรงหน้าซี
"อืมมม... หอมวะ กินเลยๆ เร็วๆ" ท่าทางจะหิวแล้วล่ะ
"เดี๋ยวก่อน ... เราไปตักข้าวให้ รออีกแป๊ปนึง" เรารีบแจ้นไปตักข้าวสวยมาสองจาน



"อะ ...! นี้ข้าวนาย ถ้าไม่พอดี๋ยวตักให้อีกนะ และนี้ช้อนส้อม" ซีรับจานและช้อนส้อมจากเรา
"ทำไมนายกินข้าวน้อยจังวะ" ซีมองมาที่จานของเรา
"ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่วะ ตอนเช้าไม่ค่อยกินข้าวด้วย ... อีกอย่างก็อิ่มอกอิ่มใจอย่างอื่น" เขินอีกแล้วกรู
"อืมๆ เข้าใจๆ ... กินข้าวเถอะ หิวแล้ว ไข่เจียวก็หอมซะ" ประธานสั่งให้ลุยแล้ว เริ่มได้!!
"เดี๋ยวก่อนๆ .... อย่าเพิ่งๆ" เราเบรคซี
"อะไรอีกอะ" เสียงออกขุ่นๆสงสัยๆ
"......คำแรกขอเราป้อนนายนะ....." นั้นงัย .... เราได้โอกาสอีกแล้ว ก็มันอยากทำนิ
"..............." มันเงียบ แต่ด้วยความไว เราก็เอื้อมไปหยิบช้อนส้อมของซีมาตักไข่เจียว ไปใส่จานข้าวของซี และใช้ช้อนตักข้าวกับไข่เจียว
"มาาาา ... อ้าปาก เดี๋ยวป้อนให้หนึ่งคำ" เราเอาช้อนไปใกล้ๆปากซี
"มันแปลกๆวะ ......." มันมีบ่นนิดนึง แต่ก็อ้าปาก
"นายน่ารักก็ตรงนี้แหล่ะ" แล้วเราก็ป้อนซี แต่มันก็ทำหน้าแปลกๆบอกไม่ถูก
".........." ซีก็เคี้ยวเต็มปาก เราก็ส่งวางช้อนส้อมในจานของซี
"เอาน๊าาา .... ขอเราทำอย่างนี้สักครั้งนะ" แล้วเราก็ยิ้มให้มัน
"..........." มันไม่พูดอะไรตอบ ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป ส่วนเราก็ไปเอาน้ำมาให้ ....



มันรู้สึกดีมาก มากอย่างบอกไม่ถูก ได้ทำในที่สิ่งที่อยากทำ ได้take careคนที่เรารัก ได้เห็นเขากิน สิ่งที่เราทำให้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงไข่เขียวหนึ่งจาน .... แต่มันเป็นเไข่เจียวที่เราใส่หัวใจและความรู้สึกดีของเราลงไปทั้งดวง


หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up18-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 18-07-2007 21:58:18
ซีเป็นคนดีจัง  :m1:  :m1:  :m1:
ก็ดีที่ทีไม่คิดอะไรมาก  ขอแค่ได้อยู่ใกล้
ถ้าคิดมากไปกว่านี้  คงเจ็บน่าดู

อ่านแล้วมันน่าจะดีใจ  ทำไมมันไม่ดีใจตามก็ไม่รู้แฮะ 

รออ่านต่อแล้วกันนะเรย์ที่ร้ากกก  :m3:  :m3:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up18-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 18-07-2007 21:59:16
อ่านตอนนี้แล้วน่าจะรู้สึกดีไปกับทีด้วย

แต่ทำไมถึงรู้สึกว่ามันเศร้าๆ ไงก็ไม่รู้น้า
 :sad2:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up18-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 18-07-2007 22:34:58
ไม่เศร้าเลยครับ รู้สึกดีไปกับทีมากๆ การที่เราได้ทำอะไรให้กับคนที่เรารัก ถึงแม้เราจะไม่ได้อะไรกลับมา ก็มีความสุขล้นเหลือแล้ว
 :m1:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up18-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Red_Chocobo ที่ 19-07-2007 08:33:05
 :เฮ้อ:

มีเวลาวันเดียวเอง

กลัวซี จารู้สึกไม่ดี เหมือนกะ คุนที ฉวยโอกาศ

จนต่อไป เข้าหน้ากันไม่ติดจังเรยยยย    ขออย่าให้เปนหยั่งงั้นเรยน๊า :m5:

สู้ ๆ คับ คุนที o13


หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up18-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 19-07-2007 11:30:55
 :impress: :impress: :impress:

ที่น่าแปลกคือซี ยอมเป็นแฟนทีวันหนึ่ง ยอมตดลงเพื่ออะไร

เกรงใจเพราะความเป็นเพื่อนเหรอก็ไม่น่าจะให้ความหวังกันขนาดนั้น

ก็ซีก็รู้อยู่ว่าทีชอบซี...........แล้วแฟนซีไปไหนอะไมไม่มาดูแล

ตอนซีไม่สบายกลับโทรบอกทีให้มาดูแลซะงั้น........ไมไม่โทรบอกแฟนตัวเองให้มาดูแล

(หรือว่าซีโทรหาแฟนแล้วแต่แฟนซีไม่ว่าง หรือที่ซีบอกว่ามีแฟนแล้วเป็นเรื่องโกหกเพื่อให้ทีตัดใจจากซี.....)

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up18-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-07-2007 14:20:02
ไข่เจียวที่ใส่ใจลงไปด้วย  อร่อยที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :m11:

ปล. ในความคิดของบางคน...เป็นแฟนแค่วันเดียวก็ยังดีกว่าไม่เป็นเลยชั่วชีวิต
 :m13:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up18-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Dentyne ที่ 19-07-2007 20:42:24
ไข่เจียวที่เราใส่หัวใจและความรู้สึกดีของเราลงไปทั้งดวง  :impress: :impress: o7
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up19-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 19-07-2007 20:54:05
ถ้าต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมคงแย่กว่าทีเป็นแน่ ช่างกล้าหาญดีแท้
**********************
หลังจากกินข้าวเช้ากันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาclearอาหาร ล้างจาน ช่วงนั้นก็ปล่อยให้คนไม่สบาย นั่งเล่นแถวๆนั้น ตอนเราล้างจานก็คิดว่า ทำไมเราทำได้ฟะ ทีอยู่บ้านตัวเอง ก็ไม่เคยคิดจะทำ พอมาบ้านคนอื่นทำไมถึงทำได้วะ แปลกจริงๆ .... จานใบสุดท้ายถูกวางลงบนที่ตาก

"ล้างจานเสร็จแล้ว ทำอะไรต่อดี!?" เราหันหลังกลับไปถามซี แต่ภาพที่เห็นคือ ซีหายไปไหนแล้ววะเนี่ย ... คนเจ็บหายไปไหนเนี่ย ... มันเดินยังงัยของมัน ขนาดขาเจ็บยังเดินไม่มีเสียง
"ซี!! หายไปไหนฟะ .... ซี?" เราเริ่มเดินออกจากห้องครัว แหกปากตามหามัน 
"อยู่นี้!!!" ....  เสียงดังมาจากนอกห้องครัว
"ไหนอะ ไปไหนไม่บอกเลยอะ ... ทำอย่างนี้ได้งัย .... เดี๋ยวเรางอนนะเว้ย" ดูมันดิ ไปไหนไม่บอกกันเลย ทิ้งให้เรายืนล้างจานเงียบๆคนเดียว
"ห้องนี้ ดูTVอยู่" อ้า!! นั้นงัย หนีไปดูTVอยู่ที่ห้องรับแขก


"นายบอกกันบางดิก่อนจะไปไหนอะ .... เดี๋ยวงอนนะเว้ย" เรามายืนอยู่หลังโซฟาที่ซีกำลังนั่งดูTVอยู่
"แหม! แค่นี้ทำเป็นงอน เราไม่สบายนะ" .....จ๊าาา .... เอาการไม่สบายมาอ้างนะเมิง
"โอ๋!!!! ไม่งอนหรอก ใครจะไปงอนนายได้" แล้วเราก็ก้มตัวลงไปกอดซีจากด้านหลังโซฟา 
".........!!" มันหันมามองอย่างอึ๋งๆไป ....
"ขอกอดหน่อยนะ ให้...ไม่ให้ ไม่รู้แล้วละ เรากอดไปแล้ว" เราทำหน้าทะเล้นใส่
"..........อืม...!!" มันพยักหน้าแบบเซ็ง ... แหม! แค่นี้ทำเซ็ง
"...ซูดดดด........" เราไปหอมหัวของซีไปหนึ่งฟืด ไม่รู้รมณ์ไหนเหมือนกัน
"เฮ้ย! ทำอะไรวะ"
"ก็ๆๆๆ ... ก็หอมหัวนายไปหนึ่งที แฮะๆ" สาระภาพไปแล้ว
"ท่าทางจะโรคจิตวะ มาหอมหัว" มันหันมามองพร้อมทำตาดุๆ ตอนนั้นเราก็คลายกอดจากซีแล้ว
"ก็มันชอบนิ .... จะว่าโรคจิตก็ยอม" .... จริงๆนะ จะว่าโรคจิด ก็หอม ... ไม่รู้เป็นไรชอบหอมหัวคนผมสั้นๆ


"นายๆ ....." อารมณ์ไหนวะ มาทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่เรา แค่หอมหัวมันแค่นี้
"อะไรเหรอ?" ....เราเริ่มสงสัย
"ได้เวลาแล้วอะดิ" ... นึกแล้วเชียวมันต้องเริ่มใช้
"โธ่! นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้จะให้เอายามาให้กิน"
"นั้นล่ะ ... เอายามาให้หน่อยดิ อยู่บนห้องเรา โน้น!!" อะจ๊ะ!! บอกกันธรรมดาๆก็ได้ ไม่ต้องมาใส่เสียงอ่อนเสียงหวาน
"ได้ๆ เดี๋ยวขึ้นไปเอาให้" เราเริ่มเดินออกจากห้อง
"เอ้ย! .... เอาDVDหนังลงมาด้วยนะ เราซื้อมาหลายเรื่องตั้งนานแล้ว ยังดูไม่หมดเลย นะนะ" แหม... ได้ทีขี้ขี่แป๊ะไล่เลยนะเมิง
"ได้ครับคุณแฟน" เราหันไปโค้งให้หนึ่งที
"เอามาให้หมดเลยนะ วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ" ...อะจ๊าาา.... ได้ทีใช้เลยนะเมิง

เรารีบขึ้นไปบนห้องเพื่อไปเอายาและDVDหนังให้กับคุณแฟน(หนึ่งวัน) .... เห็นDVDหนังมันแล้วถอนหายใจ จะเยอะไปไหนเนี่ย ถุงใส่ยาถุงนิดนึง แต่DVDที่จะต้องเอาลงไปเนี่ยดิ 10กว่าเรื่องได้

"มาแล้วๆ กินยาก่อนนะเว้ย ก่อนที่จะดูหลัง" เราบอกมันพร้อมกับวางตลับDVDหลังตรงหน้ามัน
"อืมมม....." มันส่งเสียงออกจากปากแค่นั้น
"นายเลือกยาที่จะกินนะ เดี๋ยวเราไปเอาน้ำมาให้"
"เฮ้ย! ในตู้เย็นมีส้มแช่อยู่ หยิบมาด้วยนะเว้ย" ...อะนั้นงัย... ตกลงเรามันคนรับใช้หรือเปล่าวะ ... แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กรูยอม!! อิอิ

น้ำหนึ่งแก้ว กับส้มหนึ่งถุงมาวางตรงหน้าซี ...... และแผ่นDVDหนังยื่นมาตรงหน้า

"ขอรับ คุณแฟน....!! เดี๋ยวข้าน้อยจะไปเปิดให้ดูนะขอรับ" ได้ทีใช้กันเจงๆเลยนะเมิง
"แหม! นิดๆหน่อยๆเอง .... ฮาๆๆๆ" ดูมันๆ ชอบอกชอบใจใหญ่
"จะสนุกเหรอวะเรื่องนี้ ไม่คุ้นเลยอะ" เรื่องอะไรสักอย่าง เราไม่คุ้นเลย
"สนุกๆ เรารับประกัน หนังactionหนุกแน่ๆ" อะๆ มันรับประกัน ดูกะมันเรื่องอะไรก็สนุก
"ว่าแต่นายกินยาก่อนดีกว่าไหม" เรายื่นน้ำ พร้อมกับดูมันกินยา

หลังจากหนังเริ่มมา อาการtake careเราก็เริ่มมาด้วย ... หยิบส้มจากในถุงมาแกะเปลือก ดูซีจะไม่ละสายตาจากTV ขนาดหนังยังไม่ถึงตอนหสนุกๆหรือaction สมาธิดีจริงๆนะ

"....อะ.... ส้ม....." เรายื่นไปใกล้ๆปากของซี ดูเหมือนมันจะรู้งาน อ้าปากงับส้ม
"................" มันงับไปแล้ว
"ฮา ฮา ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ" จากที่เรานั่ง ก็กลายเป็นลงไปนอนขำกลิ้งบนโซฟา 
"ไอ้นิ ... นึกว่ายื่นมาให้เป็นกลีบ .... นี้แม้งดันยื่นมาให้กินทั้งลูก" ซีมันพูดใส่อารมณ์ พร้อมกับกำส้มที่มันงับทั้งลูกอยู่ในมือ
"ฮาๆๆๆ ก็เห็นมีสมาธิอยู่กับหนังนิ .... สะใจๆ ฮาๆๆๆๆๆ" ได้แกล้งคนนี้มันหนุกดีเนอะ
"อะๆ ขำเข้าไป ขำเข้าไป" มันทำมาเป็นเหร่ตามอง
"ก็มันขำจริงๆนะวะ ... ฮาๆๆๆ"
"อะๆ ยังขำไม่เลิกนะ" มันทำท่าจะแกะเนื้อออกมาเป็นกลีบๆ
"ฮาๆ ok ไม่ขำแล้ว ... เอาส้มมา" เราไปแย่งส้มจากมือมัน
".............."
"....มามะ .... เราป้อนให้ ..... อะ ส้ม ...." คราวนี้เรายืนให้เป็นกลีบให้มัน
"..............." มันอ้าปากรับส้มไป
"....แหม! ติดใจอะดิ มีคนป้อนให้...." เราพูดไปแต่ก็ยังมีแอบขำนิดๆ
"แน่นอน มันสบายนี้หว่า" .... จ๊า... คุณชาย ให้เราเป็นแฟนทั้งชีวิตดิ จะป้อนให้ตลอดเลย


หลังจากป้อนส้มมันหมดไป4ลูก .... มันไม่ได้กินหมดไปคนเดียวหรอก ก็มีเรากินไปบ้างด้วย .... เราก็เริ่มเกิดอาการเมื่อยหลัง อาการเลื้อยเริ่มออก จากเรานั่งๆอยู่ ก็เลื้อยไปนั่งอิงแขนของซี ... มันก็ไม่มีทีท่าจะว่าอะไร ก็ปล่อยให้เราอิงอย่างนั้น ... เป็นอีกช่วงเวลาที่มีความสุขจริงๆ กับการที่ตัวเราไปอิงกับคนๆหนึ่งที่เรามีความรู้สึกดีๆให้ มันเหมือนได้รับไออุ่นจากเขา ยิ่งอิงตัวเราก็ยิ่งเหมือนจะละลาย มันอบอุ่นจริงๆนะ หนังไม่รู้ว่ามันยังงัย แต่ข้างกายมันอบบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

และแล้วเสียงของซีก็แทรกหนังขึ้นมา









"........................ทำไมนายถึงชอบเราขนาดนี้วะ?.............." 
 :sad5: :sad5: :sad5:

จากคุณ : TK Jr.
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up19-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 19-07-2007 21:09:15
เป็นคำถามที่คนที่ถูกจีบมักจะถาม  "ทำไมถึงชอบเราอะ"
555  จะว่าไปชอบตอบรึเปล่าไม่รู้  ถามไปงั้นแหละ  มีคนมาชอบใครจะไม่ดีใจละเนอะ

ทำวันนี้ วันที่ทีรอคอยมานาน  อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด  มีความสุขกับมันดีกว่า
ทีน่ารักจัง  อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย  ขอเป็นแฟนวันดิ อยากเป็นคุณนายอะ 55

รออ่านต่อนะเรย์ที่ร้ากกกก   :m1:  :m1:  :m1:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up19-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 19-07-2007 21:23:13


การจะรักจะชอบใครสักคนมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ
 :undecided: :undecided: :undecided:

หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up19-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: TKjunior ที่ 19-07-2007 21:44:14
ขอบใจนะเรย์ที่มาpostให้  :m12: ... อยากpostเองเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยว่าง และขอบคุณทุกๆกำลังใจ  :m13:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up19-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Dentyne ที่ 19-07-2007 21:48:52
 :m4:
"........................ทำไมนายถึงชอบเราขนาดนี้วะ?.............." 
 :m3: เป็นคถามที่ตอบยากนะนั่น เหอๆ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up19-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 19-07-2007 22:21:31
 :impress: :impress: :impress:

ถามทีซะงั้น แล้วทีจะตอบยังไงเนี้ย

แล้วซีอะครับเริ่มชอบ ทียังอะ

เป็นกำลังใจให้ทีครับผม

เอาซีมาเป็นแฟนให้ได้นะครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up19-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 20-07-2007 05:33:33
เฮ้ออออ  ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้แร้ว
เศร้า ...........  แต่ทีก้อเข้มแข็ง  มากเลย
ดีใจไปกับทีด้วยที่ได้เป็นแฟนซี(แม้จะแค่หนึ่งวัน)แต่ก้อเป็นหนึ่งวันที่ทีมีความสุขที่สุดในโลก
ได้ดูแลคอยเทคแคร์ซีได้ทำหน้าที่แฟน เอาใจช่วยนะคับให้เป็นวันที่ทีมีความสุขเพื่อจะ
ได้เก็บเอาไว้เปนแรงผลักดันให้ก้าวต่อไป

ปล.อย่างับหัวซีล่ะ   5555

  :m1: :m3: :m4: :m1: :m3: :m4:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up19-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 20-07-2007 11:17:07
น่ารักกันมากๆ เลย
เป็นกำลังใจให้คุณทีคับ
 :give2:

ขอบคุณเรย์ด้วยจ้า
 o14 o15
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up21-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 21-07-2007 00:18:50
ขำขำ :laugh3: :laugh3: จะได้ซีมาเป็นแฟนตลอดไปไหมน้อ
เพื่อนๆช่วยวางแผนหน่อยดิ
 :m11: :m11: :m11:
***************
และแล้วเสียงของซีก็แทรกหนังขึ้นมา









"........................ทำไมนายถึงชอบเราขนาดนี้วะ?.............." 

.
.
.
.
.
....................................................................................
..
..
..
.



".............................!!"  เงียบบนอึ้งไปเลยเรา อะไรฟะ! ดูหนังอยู่ดีๆก็มายิงคำถามนี้
".........ว่างัย!?..........."  ซียักแขนที่เรากำลังอิงอยู่
"นึกงัยมาถามอะไรอย่างนี้วะ!?" เรายันตัวจากที่เราอิงๆมันอยู่ขึ้นมานั่งปกติ 
"ก็เราอยากรู้ ...... บอกเราหน่อย?" ทำไมต้องมาอยากรู้ตอนนี้ด้วยฟะ แหม ... กำลังเคลิ้มๆ
"อืมมมม ได้ๆ จะบอกให้ แต่มันก็เขินนะ" อยู่กันอย่างนี้ และต้องมาพูดเรื่องอย่านี้ มันก็เขินจริงๆนะ

อาการเลื้อยก็มาอีกรอบ คราวนี้เราคว้าหมอนอิงที่อยู่บนโซฟามาวางไว้ข้างๆตักของซี และทิ้งหัวลงไปหนุนหมอนอิงที่อยู่ข้างตักซี จริงๆเราอะอยากจะไปนอนหนุนตักมัน ไม่ได้กลัวว่ามันจะไม่ให้หนุนหรอก แต่เห็นว่าขามันเจ็บ กลัวมันต้องเกร็งขาตอนที่เราหนุนแน่ๆ

"ขอจับมือหน่อยดิ!?" เราบอกซี แต่ดูมันเหมือนจะไม่ได้ฟังหรือไม่ทำตามคำขอ เราเลยเอื้อมมือไปดึงมือซีมาจับ มือนิ่มๆนิ้วเรียวๆ ... ดูเราจะหาโอกาสทำกำไรตลอดเลย อิอิ

"ทำไมเราถึงชอบนายเหรอ? .... ว่าแต่นายฟังอยู่หรือเปล่า?" เราทวนคำถามที่มันถามอีกที
"......ฟังอยู่ ว่ามะ....."  okแสดงว่ามันยังสนใจ
"เรื่องมันยาวมากๆ ตั้งแต่เรารู้จักนายครั้งแรกที่ยิมเทควันโด ... ตอนแรกที่เจอ เราไม่ได้คิดชอบอะไรนายเท่าไหร่เลย ... นายดูกวนทีนๆด้วยซ้ำ ไม่ได้คิดว่าชอบนายที่หน้าตาด้วย หน้าตาของนายมาทีหลัง มันเริ่มมาจากความประทับใจที่นายทำให้หลายๆอย่าง เริ่มจากที่นายช่วยเราผูกสายให้เรา" เราพูดไปก็กำมือมันไป
"สายอะไรวะ" ดูมันถามมาได้
"ก็สายขาวคาดเอวเรางัย ที่ตอนแรกเราผูกไม่เป็นอะ ... แค่นี้ทำเป็นจำไม่ได้" ....ดูดิ แค่นี้จำไม่ได้
"อ่อ ... แล้วงัยต่อ"
"ต่อมาก็เรื่องที่ช่วยเราซ้อมและแนะนำเทควันโดงัย อยู่เป็นเพื่อนตอนที่เราไม่มีใครซ้อมด้วย ตอนนั้นเราเจอนายทุกๆวัน ทุกๆวัน มันก็เลยรู้สึกว่าผูกพัน มาที่ยิมทีไรต้องเจอนาย ได้พูดคุยกับนาย แล้วหลายเรื่องที่คุยมันก็เลยรู้สึกพูดคุยกันรู้เรื่อง" พูดไป มือก็ยังกุมมือซี


"มันมีหลายเรื่องมาก เยอะมากๆเลยนะ เรื่องsurpriseก็มี อย่างเรื่องที่นายหายไป แล้วก็โผล่มางานรับปริญญาของเรา ตอนนั้นนะ เราไม่คิดว่านายจะมา นึกว่าคงหายไปแล้วคนๆนี้ คิดไปต่างๆนานๆ ... อีกเรื่องก็เรื่องสายแดงที่นายทำให้เรา ดูเหมือนนายก็รู้ว่าเราชอบสายแดง มันประทับอย่างบอกไม่ถูกจริงๆที่นายทำสายแดงเส้นนั้นให้ บวกกับสายแดงเป็นสายที่เราอยากได้มานานที่สุด ถึงแม้มันจะเป็นรองจากสายดำ แต่สายแดงคือที่สุดของเราแล้ว" พูดแล้วน้ำตาก็คลอ
"อ่อ ... สายแดงเส้นนั้นใช่มะ ... เราอยากให้นายจริงๆ ขอบใจที่นายชอบมัน" ซีพูดแต่มันไม่ได้หันมามองหน้า ตายังคงดูที่TVอยู่
"อืม ... เส้นนั้น และเส้นเดียว ... ที่เรารักมากๆ ถ้าจะให้บอกว่าเราชอบนายตรงไหน คงบอกได้ว่า ที่นายเป็นนาย เป็นตัวตนของนาย ไม่เคยรู้สึกชอบหรือผูกพันกับใครเท่านายเลย"

"ไม่เอาไม่พูดละ เดี๋ยวน้ำตาไหล" เราเอามือมาปาดตา
"เฮ้ย! ขนาดนั้นเลยเหรอ" 
"เออดิ ... " ก็มันนึกถึงเรื่องเก่าๆแล้วมันก็ซาบซ้ำ
"ได้ๆ .. ไม่ถามล่ะ ดูนายก็sensitiveเนอะ ไม่น่าเชื่อ" แหม .. เพิ่งจะรู้เหรอเนี่ย รู้จักกันมานาน
"จะบอกว่าเราทำอะไรไม่เข้ากะหน้าตาเหรอวะ" เราตีความไปนั้น 555
"ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ... เอาเป็นว่าตอนนี้เราพอเข้าใจแล้วว่าทำไมนายชอบเราขนาดนั้น!"





แล้วเราก็พลิกตัวจากนอนหงายเป็นนอนตะแคงหันไปดูTVต่อ ถึงตอนไหนยังงัยแล้วก็ไม่รู้ แต่มือเราก็ยังคงจับมือของซีอยู่ มันก็ไม่ว่าอะไร ใจดีไหมซีของผม

จากคุณ : TK Jr.
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up21-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 21-07-2007 01:49:24
 :impress: :impress: :impress:

เอ้า....แล้วทีทำไมไม่ถามซีกลับละครับว่า

ซีอะคิดกับทียังไงตอนนี้อะครับ กลัวอกหัก

ไมกล้าถามอะดิ ใช่ปะ

ชอบมากครับผม เป็นอีกเรื่องที่ผมติดตามตลอดเลยครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up21-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 21-07-2007 02:00:21
เฮ้ออออ   นายซีนี่เหมือนคนที่เรารักเลย  อิอิ
ขอจับมือก้อให้จับ นอนกอด หนุนตัก แถมมีแฟนแล้วเหมือนกัน
เสียอย่างเดวม่ายค่อยจาทำอะไรที่ประทับใจ แถมไม่เคยถามด้วยว่าชอบมันตรงไหน
แต่ก้อนะมันรักไปแล้ว   ตอนนี้ก้อคงคบกันเป็นเพื่อนต่อไป

อยากให้ทีสมหวังจังเลย   
 :m5: :m5: :m5: :m5: :m5:

หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up21-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 21-07-2007 06:19:03
ถ้าจะให้บอกว่าเราชอบนายตรงไหน คงบอกได้ว่า ที่นายเป็นนาย เป็นตัวตนของนาย ไม่เคยรู้สึกชอบหรือผูกพันกับใครเท่านายเลย


 :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:

สุดท้ายแล้วคำๆ นี้มันก็ไม่มีเหตุผลหรอก
เพราะเหตุผลมันมาจากหัวใจ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up21-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 21-07-2007 16:53:34
ประทับใจสุดๆ
 :m15:

ซีก็รักทีนะ แต่ไม่ได้รักแบบฉันท์ชู้สาว (เป็นชู้ชายและกันเนาะ)
 :m1:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up22-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 22-07-2007 20:21:43
แอบเป็นกิ๊กหล่ะกัน
 :m11: :m11: :m11: :m11:
********************



"ตื่นๆ ตื่นดิ!!" เสียงซีดังมาแว่วๆ มือเราก็สั่นๆ
"...................!" เราพยายามปรือตาลืมขึ้น .... อ้าวเราหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ และนี้มือใครวะ .... อ่อ! มือของซีนี้หว่า เราเกาะมือมันมานานแล้วเหรอเนี่ย
"หนังไม่สนุกเหรอถึงได้หลับไป" ตอนนั้นเรายังงงๆเบลอๆกับที่ซีถาม แต่ก็ถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่า หลับไปตอนไหนวะ
"เปล่าๆ ....สงสัยวันนี้เราตื่นเช้าไปมั้ง ว่าแต่เราหลับไปเมื่อไหร่" สงสัยตัวเองจริงๆ
"ไม่รู้เหมือนกันวะ เห็นนายเงียบๆไปนึกว่ากำลังตั้งใจดูหนัง ... หนังจบ เราหันมา ก็เห็นนายหลับ..." แล้วก็เพิ่งจะมีสะกิดตอนหนังจบเนอะ 
"อืมม ....." เขินจัง .. ทำไมเราทำอย่างนั้นหว่า
"ว่าแต่ตอนนี้มือเราชาแล้วอะ ปล่อยมือหน่อยดิ" ..... ท่าทางเราจะกำมือมันนานจริงๆ 
"อ้าว!! .... เพลินไปหน่อย อิอิ...!" เราปล่อยมือที่กุมมือซีอยู่ ช่างทำไมไปได้เนอะเรา แต่ก็มีความสุขดี ว่ามะ!?


แล้วเราก็ลุกจากโซฟาที่นอนมานั่งตั้งสติสักพัก จากนั้นจึงค่อยเดินไปเอาแผ่นDVDออกจากเครื่อง


"ดูเรื่องไหนต่อไปดี" เราหันไปถามซี
"ตอนนี้พักก่อน ค่อยๆดูไปก็ได้ เหลืออีกตั้งเยอะ อีกอย่างถ้าดูต่อ นายคงหลับอีกแน่ๆ" ช่าย .. เห็นด้วย มันเยอะมากๆ ... ยังมีแอบแซวๆกัดๆนะ 
"......................." เราเหล่ตาแบบมีงอนนิดๆใส่ซี แต่ซีกลับยิ้มๆขำๆ  ดูดิ .... มันกัดเราแล้วยังขำๆอีก
"หิวข้าวแล้ว กินอะไรดี" .... คุณชายของผมหิวแล้ว...
"หิวแล้วเหรอ ทำไมหิวเร็วจัง" พร้อมกับมองที่นาฬิกาข้อมือของเรา .... เที่ยงนิดแล้วนี้หว่า ยังมีแอบคิดว่า เราก็หลับไปนอนดิอย่างนี้
"อืมมม ... หิวแล้ว กินอะไรดี" ท่าทางจะหิวจริงๆคุณแฟนของเรา
"อยากกินอะไรล่ะ ... ขอไปปเซ็คของในตู้เย็นก่อนว่ามีอะไรให้ทำได้บ้าง รอแป๊ปนะ" แล้วเราก็เดินออกไปจากห้อง แต่ซีเรียกเอาไว้ "เฮ้ย! ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก เราอยากกินอะไรง่ายๆ กำลังคิดอยู่ว่าจะกินอะไรแถวร้านในซอยดี!"
"อ้าว! จะกินร้านในซอยเหรอ .... ก็ได้ๆ จะกินอะไรล่ะ" เราเดินกลับมานั่งที่โซฟา
"นายอยากกินอะไร ถามนายดีกว่า นายไม่ได้มากินแถวนี้นานแล้วนิ" ดูมันพูด ..... น่ารักเจงๆคุณแฟน ... เขินเหมือนกันนะ
"กินอะไรดีหว่า!!? ขอนึกก่อนนะ" ต้องใช้เวลานึกนิดนึง เพราะไม่ได้มากินแถวนี้นานอย่างที่ซีพูดจริงๆ
"คิดเร็วๆนิดนึงนะเว้ย หิวแล้วอะ" อะจ๊าาาา ... มีเร่งๆ
"ได้ๆ .... อย่างนี้... เราอยากกินก๋วยเตี๋ยวแคระ" ideaมาแล้ว แต่ซีมันจะกินหรือเปล่าหว่า เพราะซีมันไม่ค่อยกินก๋วยเตี๋ยว
"งั้นเราเอาด้วย" นั้นงัย มันกินด้วย อิอ
"บะหมี่แห้งใช่ปะ .... เดี๋ยวเราจัดให้" ซีมันชอบกินเส้นบะหมี่แห้ง
"อืมม ... ขอ2นะ กลัวไม่อิ่มวะ!! " แหม ... กลายเป็นน้องพลับเลยนะนาย!!
"จำได้ว่าเจ้านี้ให้เยอะมากนะเว้ย ... เราก็อยากกินเบิลแต่กลัวกินไม่หมด .... เรามาแบ่งกันดีกว่าปะ" เราช่วยชาติประหยัดงัย ถ้ากินไม่หมดจะได้ไม่เหลือทิ้ง เสียดาย อิอิ
"ยังงัยก็ได้ ... หิวๆ" รู้แล้วคร๊าบบบบว่าหิว
"งั้นนายรอแป๊ปนะ เดี๋ยวจะรีบไปซื้อมาให้กินอย่างด่วนเลย ว่าแต่อยากกินหนมหวานอะไรปะ จะได้ซื้อมาพร้อมกันเลย" กินของคาวก็ต้องมีของหวานตบท้ายใช่ม๊าาาา!?
"นึกไม่ออกอะ อยากกินไรก็ซื้อมาแล้ว เรากินได้หมดอยู่แล้ว ... เฮ้ย! เงินเราวางบนโต๊ะในห้องข้างบน กวนนายด้วย" ช่ายแล้วเงิน แต่ม่ายเป็นไร
"ไม่เป็นไรๆ แค่นี้เอง เราเลี้ยงเอง" .... ใช่มะ แค่นี้เอง
"เกรงใจวะ" ....แหม... น่ารักจังรู้จักเกรงใจ
"ไม่ต้องมาทำเกรงใจอะ แค่นี้เอง เราไปก่อนนะ" แล้วเราก็ซอยเท้ายิกๆออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยว


20นาทีกว่าๆหลังจากนั้น เราก็กลับมาที่บ้านซีพร้อมกับก๋วยเตี๋ยวแคระ3ห่อ แต่ไม่มีขนมหวาน เพราะไม่รู้จะซื้ออะไรดี แต่มีชาเย็นมาสองถุง ซึ่งถุงนึง ... ชาเย็นโดนดูดไปแล้วเกือบครึ่งระหว่างทางที่เดินกลับเข้ามา ก็มันร้อนแดดแรงนิ ทำม๊ายทำไมแดดมันแรงจริงๆ ครีมกันแดดไม่รู้จะกันได้ครบหรือเปล่า


"ก๋วยเตี๋ยวมาแล้ววววว" เราตะโกนซะลั่นบ้าน พร้อมกับวิ่งตรงไปที่ครัวเพื่อไปเอาชามมาใส่
"ไม่ต้องๆ .... เราหยิบมาแล้ว เข้ามานั่งกินให้ห้องนี้เลย" ซีตะโกนออกมาจากห้องรับแขก
"ดูดิ! ... นายไม่ต้องทำ ...  เดี๋ยวเราไปหยิบมาเอง" เป็นห่วงมันอะ เท้ามันเจ็บนิ
"แค่นี้เองน๊าาา ... ไม่เป็นไรหรอก มันไม่เจ็บขนาดนั้นหรอก ... อีกอย่างขอเดินบ้างเถอะ นั่งเฉยๆ เบื่อจะแย่" ก็น่าจะเป็นอย่างที่มันว่าจริงๆ นั่งอยู่เฉยๆ เบื่อแย่
"ok ว่างัยว่าตามกัน" แต่เราก็ยังแอบเป็นห่วง


และซีกะเราก็ช่วยกันแกะก๋วยเตี๋ยวแคระใส่ชามทั้ง3ใบ .... ปรุงตามอัธยาศัย และก็คลุกๆ ให้มันเข้ากัน .....

!!....ฉึก......!! ส้อมเราไปจิ้มกับลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวของซี
".........!!" ซีเงยหน้าแบบงงๆ อึ้งๆ ขึ้นมามองหน้าเรา
"อิอิ ... ไม่มีอาราย... ไม่ต้องตกใจ ไม่ได้แย่งกินลูกชิ้น.... อ้าปากดิ จะป้อน" เราไม่มีนิสัยอย่างนั้นสักกะหน่อย
"........." ว่าง่ายเจงๆ บอกให้อ้าปาก ก็อ้าปาก
"ว่าง่ายๆโตไวๆนะ" ....เรามีหยอก
"แค่นี้ยังไม่โตอีกเหรอวะ" ซีมันพูดทั้งๆที่มีลูกชิ้นอยู่เต็มปาก
"เออๆ เอาเหอะๆ กินได้แล้ว ดูดิ ลูกชิ้นอยู่เต็มปากเลย กินๆ" ....แล้วและความเงียบก็มายืน ต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตากิน



ในที่สุดก๋วยเตี๋ยวของแต่ละคนก็หมดในเวลาใกล้เคียงกัน ... เหลืออีกชามที่ต้องแบ่งกัน ไม่เค๊ยไม่เคยเลยที่จะต้องกินก๋วยเตี๋ยวชามเดียวกันมาก่อน มันก็รู้สึกแปลกๆ ตักกินไม่ถูกจริงๆ มีแอบเขินด้วยๆ หรือว่าเราเป็นคนเดียวหว่า!? มีโอกาสลองดูนะคับ มาบอกเราด้วยนะว่ารู้สึกอย่างเดียวกับเราหรือเปล่า อิอิ!
...............
หลังจากอิ่มแปร๋กับก๋วยเตี๋ยวแคระกันคนละชามครึ่งแล้ว เราก็พาซีออกไปนั่งข้างนอกตัวบ้านตรงที่มีมานั่งไม้ยาว ไปนั่งดูดชาเย็นที่ซื้อมา ซึ่งตอนนั้นมันเกือบจืดเพราะน้ำแข็งในถุงชาเย็นละลายไปพอควรแล้ว แต่ก็ยังเย็นและหอมชาอยู่ .... นั่งมองรถผ่านไปผ่านมา มองคนเดินผ่านไปผ่านมาเพลิน ... บางครั้งเราก็หันหน้าไปมองหน้าซีที่กำลังดูดชาเย็นมองออกไปนอกรั่ว น่ารักไปอีกแบบเนอะคนนี้ และอมยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้า

"มองอะไร?" ซีคงรู้สึกตัวเมื่อถูกเรามองนานๆ ชายตามาถามเราทั้งๆที่ยังมีหลอดอยู่ที่ปาก
"มองหน้านายงัย มองไม่ได้เหรอ" เราทำหน้ายิ้มยียวนกลับ
"อย่ามองนานดิวะ..... เขินเป็นนะเว้ย" ดูมัน ... ทำมาเป็นบอกว่าเขิน เขินๆอย่างนี้ละ จะมองเยอะๆเลย 
"............" เราหัวเราะคริกๆ  แลัวก็หันหน้ากลับไปมองข้างนอกบ้าน

นั่งกันไปได้สักพัก เราก็ชวนซีกลับเข้าบ้าน เพราะว่าแดดมันแรงเหลือเกิน ผิวผู้ดีๆอย่างเราทนไม่ค่อยได้ มันแสบจริงๆ อิอิ ... พอเดินผ่านประตูเข้ามาในตัวบ้าน สภาพข้างในบ้านต่างกับข้างนอกมาก เรากลับไปนั่งห้องเดิม เพื่อเตรียมดูหนังเรื่องต่อไป ส่วนเราก็ไปหยิบน้ำเปล่ามาให้ซีกินยาหลังอาหารกลางวัน

"ช่วยอะไรเราหน่อยดิ" หลังจากเอาน้ำเปล่ามาให้ซี
"มีอะไรเหรอ ไม่ต้องเกรงใจ ว่ามะ!" เราtake careอยู่แล้ววันนี้
"เราไม่ได้เอามือถือลงมาจากห้อง นายช่วยไปเอามาให้หน่อยดิ" ....โธ่! นึกว่าอะไรเรื่องแค่นี้เอง ทำมาเป็นเกรงใจ
"ได้ๆ มันอยู่ตรงไหนเหรอ" ขอdetailหน่อยจะได้ไปหาให้ตรงจุด
"มันคงอยู่บนเตียงข้างๆหมอน ลองหาดูแถวนั้น" ได้พิกัจจากซีแล้ว
"ok รอแป๊ป"

แล้วเราก็ขึ้นไปหยิบมือถือจากห้องซี เป็นไปตามที่มันบอก มือถือมันวางอยู่ข้างหมอน ... มองไปที่หน้าจอก็รู้ว่ามีคนโทรมาหา เพราะมันขึ้นสัญลักษณ์ missed call แต่เราก็ไม่ได้ไปกดดูว่าเป็นใครโทรเข้ามามั้ง (เรื่องส่วนตัวของเขานิ)

"อะนี้ มือถือของนายได้แล้ว" เรายื่นมือถือไปใกล้ๆหน้ามัน มันมีสะดุ้ง
"อืม ... ขอบใจ" ซีรับไป พร้อมกับกดๆมือถือ
"ไม่ได้ตั้งใจมองนะ แต่เห็นว่ามีmissed callเข้ามานิ ท่าทางจะเยอะ" อันนี้ดูจากที่มันกดปุ่มยิกๆๆ
"อืมมมม ... นิดหน่อยเอง" มันพูดแต่ก็ไม่ละสายตาจากมือถือ

เราหันไปกดรีโมทเปลี่ยนช่องในTV แต่ก็ยังเห็นซีมันกดๆมือถืออยู่

"เสร็จละ ... ดูหนังต่อดีกว่า" ซีวางมือถือไว้บนโซฟาที่เรากะมันนั่ง แต่วางไว้คนละข้างกับตัวเรา
"อ้าว ... มีmissed callไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่โทรกลับละ" เรายังข้องใจกับมัน
"ไม่มีอะไร ไม่สำคัญ ไม่ต้องโทรกลับก็ได้ ดูหนังเถอะ" ไอ้นี้แปลกๆเว้ย 
"ดูก็ดู ... จะดูเรื่องอะไรล่ะ เยอะซะขนาดนี้ เลือกไม่ถูกเหมือนกัน นายเลือกมาละกัน" เรายื่นตลับDVDให้ซีเลือก
"................... เอาเรื่องนี้แล้วกัน" หลังจากที่มันเลือก มันก็ยื่นมาให้เรา เอาDVDไปใส่และเปิด

เมื่อนั่งดูหนังไปได้สักพัก ... อาการตัวอ่อนที่ต้องหาที่พักพิงก็เกิดขึ้นอีก ... เราหยิบหมอนอิงมาวางไว้ข้างๆตักของซี และก็ทิ้งหัวลงไปหนุนหมอนอิง แต่คราวนี้ไม่ได้เอามือมันมากุมแล้ว กลัวมันมือแขนชาอีก

นอนดูไปได้สักพักใหญ่ๆ เราก็รู้สึกถึงเสียง ... หึ่งๆ สั่นๆ นิดๆ .... สักพักก็หยุดและเงียบไป .... แล้วเสียงสั่นมันก็มาใหม่

"เรารู้สึกว่า เราได้ยินหึ่งๆสั่นๆอะ นายได้ยินปะ" เราสะกิดซีพร้อมกับถามมัน
"................." แต่ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมาจากซี

อีกสักพัก เราก็รู้สึกถึงเสียง หึ่งๆสั่นๆ อีกแล้ว

"นิๆ นายไม่ได้ยินหรือรู้สึกถึงอะไรสั่นๆเลยเหรอ" เราลุกขึ้นมานั่ง หันหน้าไปถามซี
"อะไรเหรอ" ... มันพูดได้แค่นี้
"ก็เรารู้สึกว่ามันมีอะไรสั่นๆ"
"................" ซีไม่พูดอะไร

เรานั่งคิดไปคิดมา .... ในที่สุดก็คิดว่ามันต้องใช่แน่ๆ ไอ้ที่มันสั่นๆ มันต้องเป็นมือถือของซีแนะ

"เฮ้ย! เราว่าเรารู้แล้วว่ามันเสียงอะไร"  เราหันหน้าไปหาซีอีกครั้ง
"..............." ซีก็ยังคงไม่พูดอะไรตอบ
"มันเสียงสั่นจากมือถือนายแน่ๆ .... ใช่ปะ" 
"..............." ซีเงียบ
"ใช่ปะ เราคิดว่าเราเดาไม่ผิด .... เป็นอะไรไปอะ นายเป็นอะไรไป" เราเริ่มเขย่าแขนซี
"อืม ... ช่าย ..." ดีหน่อย ที่คราวนี้ตอบ
"แล้วทำไมไม่รับสายละ" เราเริ่มหงุดหงิดใส่
"ก็มันไม่สำคัญ ไม่ต้องรับก็ได้" ซีตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ  ..... แสดงว่าต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่ๆ
"ยังไม่ทันกดดูเลย จะรู้ได้งัยว่า สำคัญ ไม่สำคัญ" เราเริ่มมีใส่อารมณ์ละ
"เออน๊าาา รู้แล้วกัน .... ดูหนังต่อเถอะ....." มันตอบปัด

แล้วเราก็กลับลงไปนอนท่าเดิม แต่ในใจก็ยังขุ่นๆอยู่ ว่าทำไมมันไม่รับสายวะ ... หรือว่าไม่สำคัญจริงๆ ... นอนดูไปได้อีกสักพัก เราก็รู้สึกถึงเสียงสั่นๆอีก .....

"ไม่ไหวแล้ว .... รับสายเถอะ แสดงว่าเขามีเรื่องสำคัญถึงโทรมาหา" เรากระเด้งตัวมานั่งจากท่านอน
"ไม่เป็นไร" ซีก็ยังยืนยันว่าไม่เป็นไร ไม่รับสาย 
"................." ส่วนเราก็ทำหน้าหงุดหงิดใส่
"นี้งัย สายตัดไปแล้ว" มันโชว์มือถือให้ดู
"โทรกลับไปดิ" เราชี้ไปที่มือถือ แต่ซีกลับวางมือถือไว้ที่เดิม

"นายเป็นอะไรของนายอะ ทำไมทำอย่างนี้" เราเริ่มงอน
"ไม่มีไรหรอก" มันก็ยังยืนยันว่าไม่มีไร
"บอกเรามานะว่าใครโทรมาหา ... อย่ามาบิดปัง" เราทำเสียงเขียวใส่
"อย่ารู้เลย" ไอ้บอกว่าอย่ารู้เลย มันยิ่งอยากรู้ 
"บอกเรามาเถอะ และโทรกลับหาคนที่โทรมาซะ" ตอนนั้นหมดแรงที่จะเถียงกะมันแล้ว
"............." เงียบคับ มันเงียบ

ความเงียบในห้องเริ่มปรากฏ มีเพียงเสียงจากTV ซีมองไปที่TV แต่เรากำลังมองหน้าซีอยู่

"ผู้หญิงคนนั้นโทรมาหาใช่มะ แฟนนายโทรมาหาใช่มะ" เรายังคงจ้องไปที่หน้าซี
".............." แต่ซีก็ไม่พูดอะไรตอบกลับ
"โทรกลับไปหาเขาเถอะ เขาคงอยากรู้ว่านายเป็นยังงัยบ้าง สบายดีไหม ไม่งั้นเขาไม่โทรมาหานายขนาดนี้หรอก โทรกลับไปเถอะ" เราพูดไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
"............. ไม่เป็นไรจริง" ซีหันมามองหน้าเรา
"เถอะนะ โทรกลับไปหาเขาเถอะ เราขอร้อง" เป็นคำขอร้องอีกคำที่ขอจากซีในวันนั้น
"....เราไม่อยากทำให้นายเสียความรู้สึก .... เรารู้ว่านายจะต้องเสียความรู้สึก" .... อึ้งไปเลยกับประโยคนี้ที่มันตอบมา ....
"................." เราเงียบไปพักนึก พร้อมกับรู้สึกมีน้ำตาเออๆ
".................." ซีก็เงียบไปเหมือนกัน
"โทรกลับไปหาเขาเถอะนะ เราไม่คิดมากหรอก กดตอนนี้เลยนะ แล้วเราจะไปอยู่ในครัว ปล่อยให้นายคุยไปก่อน เสร็จแล้วค่อยเรียกเรา โทรหาเขานะ ขอร้อง..... เราไม่คิดมากจริงๆ" ซีหยิบมือถือขึ้นมา ส่วนเราเดินออกจากห้องไปที่ห้องครัวพร้อมน้ำตาเออๆซึมๆ ..... เมื่อไปถึงห้องครัว เราก็ได้แต่ไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว พร้อมกับปาดน้ำตาไปหนึ่งที .... ใจคิดแต่ว่า "มันcareความรู้สึกเราจริงๆ" ในตอนที่กระพริบตาตอนนั้น น้ำตาก็ร่วงมาทั้งสองข้าง T_T

สักพักใหญ่ๆ เสียงตะโกนจากซีก็ดังขึ้น "คุยเสร็จแล้ว......!!!" เราเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น นั่งลงที่โซฟา ทิ้งตัวลงนอน หัวหนุนหมอนอย่างเดิม

"ไม่บอกว่าจะไม่คิดมากงัย" ซีก้มลงมามองหน้า
"............. " เราไม่ตอบอะไร
"ดูดิ ตาแดงเลย" มันพูดแบบเยอะ แต่ก็แผงด้วยความรู้สึกว่าเป็นห่วง
"..............." เราไม่พูดอะไร แต่ไปจับมือซีมาลูบหัวเรา
"เข้มแข็งแข้าไว้นะ นายต้องเข้มแข็ง" นึกถึงประโยคนี้ที่ซีพูดทีไร เราอดไม่ได้ที่น้ำตาจะซึมออกมา
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up22-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 22-07-2007 20:32:58
ซีเป็นคนน่ารักจริงๆ เลย  แคร์ความรู้สึกของทีด้วย  สมควรที่ทีจะรักแล้วละ
:m1:  :m1:  :m1:
แต่ก็นะ  "เข้มแข็งเข้าไว้นะ  นายต้องเข้มแข็ง"
สู้ๆ นะที  ทำใจๆ

รออ่านต่อจ้าเรย์  :m4:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up22-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 22-07-2007 20:37:08


 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

เข้มแข็งไว้นะที

หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up22-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-07-2007 02:15:19
 :impress: :impress: :impress:

อะครับ ซีแคร์ ความรู้สึกของทีขนาดนี้เลยเหรอครับ

อะนะก็แค่แครือะนะไม่ได้รัก เอาใจช่วยทีนะครับ

แต่ขอให้เข็มแข็งหน่อยนะครับนายที

เอาซีมาเป็นแฟนให้ได้นะ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up22-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 23-07-2007 02:33:16
เข้มแข็งเข้าไว้ครับที
สู้ๆ นะ เป็นกำลังใจให้ครับ
 o13
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up22-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 23-07-2007 03:21:31
อย่างน้อยซีก้อยังแคร์ทีอยู่
อย่างน้อยมันก้อคงช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจของทีไม่ให้แห้งเฉาขาดรักไปได้บ้าง

เธอเป็นดังสายฝนของคนอ่อนไหว
เธอเป็นลมหายใจที่ฉันต้องมี (ฉันต้องมี)
เป็นที่สุดสิ่งดีๆ ที่เจอ
พอใจแค่ได้รักๆ เธอเท่านั้น
เราไม่ต้องรักกันแต่ฉันต้องรักเธอ รู้ตัวเสมอ
หัวใจที่ซ่อนเร้น เต้นได้อยู่ ก็เพราะเธอ

เอาใจช่วยเสมอนะคร้าบ

 o7 o7 o7 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up22-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: yomaster ที่ 23-07-2007 08:27:54
ที : ขอเปงแฟนนายหนึ่งวันนะ
ซี : ม่ายได้เว้ย หนึ่งวันม่ายเอา ให้ไปเลยตลอดชีวิต..
หุหุหุหุ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up22-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 24-07-2007 14:51:30
 :impress: :impress: :impress:

มารออ่านครับผม มาตอให้ทีครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50 จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 24-07-2007 16:29:05
กร๊าก ได้เป็นแฟนตลอดชีวิต
จับซีล่ามโซ่ไว้ซะเลย
 :m11: :m11: :m11: :m11:
**********************

และแล้วสถานการณ์ก็กลับมาเป็นปกติ เรายังคงนอนหนุนหมอนอิงข้างตักของซี และดูหนังไปพร้อมกับซี ... ตื่นเต้นไปกับหนัง หัวเราะอิ๊กอ๊ากไปกับบางประโยคในหนัง ... เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้


"อยากกินอะไรเย็นๆอะ ....!!" เราผุดตัวลุกขึ้นมานั่ง
"........!!" ซีทำท่าเหมือนจะตกใจ มันคงนึกในใจ .. เมิงมาอารมณ์ไหนวะ ดูหนังอยู่ดีๆผุดตัวลุกขึ้นมาแล้ว บอกว่าอยากกินไรเย็นๆ
"เราจะออกไปซื้อไอติมที่7-11หน้าปากซอยนะ" หน้าซียังคงงงๆอึ้งๆขณะฟังเราพูด
"อืมมม ... จะกินก็กินดิ" ซีคงเริ่มตั้งสติได้แล้ว
"อยากได้แบบไหน รสอะไรเหรอ" เราเขยิบเข้าไปถามซีใกล้ๆ
"เอาอะไรมาก็ได้ กินได้หมด" พอซีพูดจบ ... เราก็ลุกออกจากโซฟา เดินออกจากห้อง
"แล้วจะเอาอะไรเพิ่มปะ .. พวกขนมหรือว่าอะไรกรอบมากิน" แต่เราก็ยังส่งเสียงมาถามซี 
"ไม่เอา ไอติมก็พอแล้ว" ซีตะโกนกลับ

ตอนนั้นเวลาประมาณบ่าย3แก่แล้ว แดดก็ยังร้อนและแรงอยู่ ... มันจะร้อนอะไรกันนักกันหน้าบ้านเมือง เดินผ่านร้านคนนั้นบ้านคนนี้ ในที่สุดก็มาถึง7-11 .. ค่อยยังชั่ว ได้แอร์จาก7-11ช่วยไว้ ไม่งั้นผิวไหม้ ตัวเกรียม เหงือแฉะไปทั้งตัวแน่ๆ มี7-11ก็ดีตรงนี้ละ เราตรงดิ่งไปที่ตู้แช่ที่อยู่ในสุด พอเปิดบานตู้แช่ ไอเย็นแบบสะใจๆก็มาปะทะตัว ... สวรรค์ทรงโปรด มันยอดเยี่ยมจริงๆ ... ไอ้เราก็ทำเป็นแกล้งมองหาน้ำอะไรสักขวด เพื่อตบตา ... แต่ความจริงๆคือมัน "ร้อนโว๊ย" ... (เราว่า หลายคงก็คงจะเคยใช้ไอ้มุกอย่างนี้เหมือนกัน จริงปะ? อิอิ)  เมื่อสบายตัวได้ที่แล้ว .... เราก็ปิดปานตู้แช่ เดินตรงไปยังตู้แช่ไอติมของวอลล์ ไม่รู้จะเลือกอะไรเหมือนกัน เราเลยซื้อไอติมแบบแท่งมา4แท่ง  ... คิดว่าเอาไปกินคนละ 2 แท่งคงหาอยากและสะใจ


ขากลับเข้าบ้านก็ต้องรีบๆเดิน เพราะถ้าขืนเดินช้าๆมีไม่ได้เกินไอติมเป็นแท่งๆแน่  ... กลับจะได้กินแบบที่เป็นน้ำๆแทน ... แดดอย่างนี้ไอติมละลายเร็วจะแย่

"มาแล้วๆ" เราแหกปากบอกมาแล้วไกล เดินตรงดิ่งเข้าไปที่ห้องรับแขก
"................!" ซีหันหลังมามอง
"รีบๆเร็ว ก่อนที่มันจะละลาย ... เลือกๆ คนละ2แท่ง" เรายื่นถุง7-11ที่ใส่ไอติมให้ซีเลือกก่อน
"................" ซีมันหยิบรสอะไรไปก็ไม่รู้ จำไม่ได้ 
"รีบๆแกะกินเลย เดี๋ยวละลายหมด"  เราบอกซี และรีบมานั่งบนโซฟา และแกะไอติมแท่งแรก


ในที่สุดก็ได้กินแล้วไอติม หายอยากซะทีนะเรา ... ทำตัวยังกะลงแดง 555 .... มองไปทางซี เห็นมันกินอย่างอร่อยเหมือนกัน นึกถึงสมัยเด็กๆที่นั่งกินไอติมรถเข็นข้างๆทาง กินกับเพื่อนๆเยอะๆ สนุกดี

"ไหนชิมหน่อยดิ อันที่นายกินอะ" เราทำหน้าพยักเพยอไปที่ไอติมแท่งที่ซีกำลังกิน
"อันนี้เหรอ" .... ซียื่นไอติมออกมานิดนึง
"อืม... ช่ายๆ" .... เรายื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ... เหมือนซีจะรู้ว่า ต้องยืนไอติมเข้ามาหาเราอีก .... แล้วเราก็กัดเข้าไปหนึ่งคำ


"ไหนบอกว่าจะชิม ... กินเข้าไปซะคำใหญ่" มันมีบ่นคับพี่น้อง
"อะๆ แลกกัน" เรายืนไอติมของเราให้ซีกัดบ้าง
"............."  นั้นงัย .... ใช่ว่าจะคำเล็กซะที่ไหน มันก็กัดคำใหญ่เข้าไปเหมือนกันเลย
"แหม ... ไม่ต่างกันเลยนะ" เราดูท่ามันออกจะกะหยิ่มยิ้มย่อง
"ฮาๆๆๆ ....!! ไม่ได้เว้ย ต้องถอนทุน" ซีมันหัวเราะทั้งๆที่ไอติมคำโตอยู่ในปาก .... น่ารักกันดี หยอกล้ออย่างนี้

ไอติมคนละ2แท่งหมดในเวลาอันรวดเร็ว ... จริงๆแล้วแท่งนึงก็ไม่ใหญ่มาก หรือว่าพวกเรากินกันดุก็ไม่รู้ 555 .... แล้วเราก็เดินไปที่ตู้เย็นไปกินน้ำล้างปาก และเอาน้ำมาเติมให้ซี ....


ถึงตอนนั้นซีก็เปลี่ยนหนังไปอีกเรื่องนึงแล้ว ส่วนเรามานั่งข้างเหมือนเดิม และค่อยๆทิ้งตัวลงไปนอนข้างซี .... แต่ตอนนั้นกลับรู้สึกล้าๆ หนังตาเริ่มค่อยลดลงจนปิดสนิท .... หลับไปอีกแล้วเรา หลับง่ายจริงๆ หลับไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้




มารู้สึกอีกทีตอนที่ ได้ยินเสียงอะไรสั่นๆบนเบาะ .... แต่ตอนนั้นเรายังไม่ลืมตา และคิดได้ว่าโทรศัพท์ซีสั่นอีกแล้ว ....


บอกกับตัวเองว่า .. "ไม่เอา ไม่ลืมตา" ....


รู้สึกเสียงสั่นจะหายไป แต่เป็นตัวของซีที่ขยับนิดๆเอง ... "ซีมันคงหยิบโทรศัพท์มาดูแล้วมั้ง!" ....



แล้วเราก็ได้ยินเสียงจากซี





















"ฮัลโหล........!!"

จากคุณ : TK Jr.
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up24-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 24-07-2007 19:55:53
หง่า    ค้างอ่ะ
อยากรู้จังว่าซีพูดกะใคร อ้ากกกกกกก

 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up24-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 24-07-2007 20:05:17


โหลๆ แล้วไงต่อ่ะ... o9 o9 o9

คาใจๆๆ อยากรู้ๆๆ  :serius2:

หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up24-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 24-07-2007 21:15:27
ซี ก็พยายามรักษาน้ำใจทีอยู่ดี 
แอบรับตอนทีหลับ

แต่....  :m15:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up24-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 25-07-2007 00:54:45
เรย์ใจร้ายที่สุด คืนนี้นอนไม่หลับแน่เลย
 :serius2:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up24-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 25-07-2007 04:46:14
 :impress: :impress: :impress:

อะนะสงสารทัจังครับ

แล้วซีคุยว่าไงอะครับ

จะรออ่านตอนต่อไปครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up24-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: LeO* ที่ 25-07-2007 16:59:17
มาเล่าต่อนะคับ
อ่านแล้วประทับใจจัง
ขอให้ความรัก Happy นะคับ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 25-07-2007 17:42:23
ขอบคุณคนโพสที่เขียนเรื่องราวๆดีให้อ่านนะครับ
ขอบคุณคนคอมเม้นต์ที่เป็นกำลังใจนะครับ

สู้ต่อไป ไอ้มดแดง
 :m11: :m11: :m11:
*******************
[wma=300,50]http://www.uploadblaster.com/?cmd=dl&file=9545a997dbd5d38cc7ce179877900e53[/wma]

ตอนนั้นในใจก็คิดว่าจะทำยังงัยดี จะตื่นลืมตาขึ้นไปนั่งดีไหม หรือว่าจะทำเป็นหลับ ... ไหนๆเราก็หลับอยู่แล้ว เราก็หลับตาแล้วกัน ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะแอบฟังซีคุยโทรศัพท์เลย ... และเขาก็รับโทรศัพท์ไปซะแล้ว ... เราก็ได้ยินเพียงแค่เสียงของซีอย่างเดียว

"ฮัลโหล.......!!"

"ตอนนี้ ... ดูหนังอยู่ที่ห้องรับแขก"

"อืมมม ... ไม่เท่าไหร่แล้ว หายปวดไปเยอะแล้ว"

"ยังอยู่ๆ ... เมื่อกลางวันทีออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวแคระให้กิน" (อ้าว ... ใครหว่า มารู้จักเราด้วย)

"ยาก็กินแล้ว"

"เนี่ย! หลับอยู่บนโซฟาข้างๆซีเนี่ย" (นั้น ... บอกเขาไปอีกนะว่าเรากำลังนอน)

"ซีว่า ... คงกลับหัวค่ำมั้ง ...."

"อะไรก็ได้" (อะไรวะ อะไรก็ได้!?!?)

"ไม่รู้เหมือนกัน ... จะให้ปลุกมาถามไหม .... แต่ซีคิดว่าอะไรก็ได้"

"ได้ๆ แล้วซีจะเตรียมให้"

"เอาอะไรอีกไหมเหรอ!? ซีว่า .... ไม่ดีกว่า แค่นี้ก็เยอะแล้ว"

"ฮะๆ ... แค่นี้นะฮะ"

"เดี๋ยวๆ ...แม่ ... แม่จะผ่านร้านที่ขายวุ้นกะทิปะ ... ถ้าผ่านซื้อให้ซีหน่อยดิ ไม่ได้กินนานแล้ว" 

"แค่นะฮะ"


นั้นงัย ... รู้แล้วว่าปลายสายที่ซีคุยด้วยเป็นใครกัน ... ที่แท้ "แม่" ของซีนั้นเอง .. ปล่อยให้เราคิดอยู่ได้

...........
หลังจากที่ซีคุยโทรศัพท์เสร็จ ... เราก็คิดว่าถ้าลุกขึ้นมาตอนนี้เลยซีเขาจะคิดว่าเราแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์หรือเปล่าหว่า ... คิดไปคิดมา ... ก็ .... ทิ้งระยะไว้แป๊ปนึงดีกว่า แล้วค่อยลุกขึ้นมานั่ง หลังว่าที่หลับตารอเวลาลุกขึ้นมานั่ง ก็คิดว่า ... หนึ่งวันวันนี้ใกล้จะหมดลงแล้ว อยากให้วันๆนี้ยาวนานออกไปอีกนานแสนนาน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ... ได้คืบอย่าเอาศอก ... ได้แค่นี้ก็ดีมากแล้วสำหรับสิ่งที่ซีทำให้เรา แล้วก็รู้สึกดีใจกับวันนี้และเสียใจที่วันนี้ใกล้จะหมดลงทุกที ... อยู่ๆเหมือนจะมีน้ำตาเอ่อออกมาจากสองตาของเราที่ปิดอยู่ ... จากที่นอนตะแคงจึงพลิกตัวมาเป็นนอนหงาย ลืมตามองขึ้นไปบนเพดาน ...


"ตื่นแล้วเหรอ" และภาพเพดานที่เห็นกลับเป็นหน้าของซีที่ก้มลงมามองเรา
".................." เรานิ่งไปพูดอะไร
"เป็นอะไรไป ตาแดงๆ" ซีถามทั้งที่ยังก้มหน้ามองเรา
"เพิ่งตื่นมั้ง ตามันก็คงยังแดง และใส่คอนแทก เลนส์นอนด้วยแหล่ะ" เราตอบอย่างถูๆไถๆไป ไม่อยากให้มันรู้ว่าเรามีน้ำตาซึมๆ


แล้วเราก็ดันตัวลุกขึ้นมานั่ง นั่งนิ่งๆไปสักพัก ......... อยู่ๆ ซีก็มาจับไหล่เราเขย่าๆ ...


"เฮ้ย!! เป็นอะไรไปวะ ....!!?" มือมันยังวางอยู่ที่ไหล่เรา
เราส่ายหัวพร้อมกับตอบว่า "ไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่มึนๆ สงสัยนอนมากไป" แต่จริงๆแล้วมันเป็นอากาศซึมเล็กๆ
"อืม ... นายคงนอนเยอะจริงๆ" แล้วซีก็เอามือที่เกาะไหล่เราออก
"เดี๋ยวมานะ ... หิวน้ำ ปวดฉี่ด้วย ...!" 
"อืม..."


ขณะที่เรากำลังจะลุกขึ้นเพื่อจะไปห้องน้ำ ... เราก็เปลี่ยนใจกลับเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆซี และเอาแขนทั้งสองข้างกอดเข้าไปที่เอว เอาหน้าไปพิงที่ต้นแขนของซี .....


"เฮ้ย!! ..... เป็นอะไรไปวะ!??" ซีกลับสะดุ้ง
"ไม่เป็นอะไรหรอก แค่อยากกอดนายไว้ ขอกอดนายแป๊ปนึงนะ" .... และน้ำตาก็ซึมออกมาอีกครั้ง .... ตอนนั้นนึกในใจว่า เราขาดความอบอุ่นขนาดนี้เลยเหรอ ... นี้เหรอความอบอุ่นที่เราต้องการ ... ขอบใจนะซีทีให้ความอบอุ่นกับเรา ..... กอดซีอยู่ได้สักพัก เราจึงเบี่ยงหน้าจากต้นแขนของซีออกมามองหน้าซี 


"เล่นอะไรวะ ตกใจหมดเลย" ซีถาม และรู้สึกได้ว่าตัวมันแข็งๆเกร็งๆ
"ก็แค่อยากกอดนาย" เราตอบไปทั้งที่มีน้ำตาเอ่อๆในตา
"แล้วทำไมต้องตาแดง น้ำตาเอ่อๆด้วย?" ซียังคงมองนัยตาเราอยู่
".........." เรากลับไม่ตอบ คลายมือจากเอว และลุกขึ้นมานั่งปกติ
"เป็นอะไรหรือเปล่า!?" ซียังคงถาม
"ไม่เป็นไรจริงๆ ... ไปฉี่ก่อนนะ" เรายิ้มให้ แต่ก็รู้สึกว่าตายังน้ำตาเอ่อๆ และเราก็ลุกขึ้น เดินไปเข้าห้องน้ำ พร้อมกับเอามือปาดน้ำตา


พอได้เข้าห้องน้ำ และล้างหน้าก็รู้สึกสบายใจขึ้น สดใสขึ้น .... เดินไปกินน้ำในครัว และเอาน้ำมาเติมให้ซี


"ล้างหน้ามาใช่ปะ ... ดูดีขึ้นหน่อย" ซีทักหลังจากเติมน้ำให้ซี
"ช่าย ... ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย" เรายังคงยืนอยู่
"แม่โทรมาบอกว่า กำลังจะกลับบ้านแล้ว"
"อ้าวเหรอ ...!! งั้นเราก็ได้เวลาเปลี่ยนมือแล้วดิ ได้เวลากลับแล้ว" เราลงมานั่งบนโซฟา
"เฮ้ย! อย่าเพิ่ง ... อยู่กินข้าวเย็นกันก่อนดิ จะรีบกลับไปทำไม" ซีหยิบรีโมทมาปิดหนัง เพราะว่าหนังจบพอดี พร้อมกับเปลี่ยนทีวีเป็นช่องปกติ 
"อืมมม... ได้ๆ" เราหันหน้าไปหาซีพร้อมกับพยักหน้า ตอนนั้นไม่รู้จะพูดอะไรดี
"แม่บอกว่าจะซื้อน้ำพริกปลาทูมาด้วย ... ลองกินนะ เจ้านี้อร่อย" หน้าตาของซีตอนนั้นดีใจมากๆ คงเพราะมันชอบกินน้ำพริก
"อืมมมม ....." แต่เราก็ยังคงไม่รู้ว่าจะตอบอะไร
"แต่ว่าแม่ให้เตรียมล้างผักสด และหุงข้าวเตรียมเอาไว้"
"อันนั้นไม่ใช่ปัญหา ... เดี๋ยวเราหุงให้ เรื่องแค่นี้สบายมาก .... ว่าแต่ต้องออกไปซื้อผักใช่ปะ" ถึงตอนนี้เราค่อยมีเรื่องพูดหน่อย ไม่งั้นมัวแต่จิตตกเล็กๆ
"ไม่ๆ ... ผักสดมีอยู่ตู่เย็นอยู่แล้ว" 
"ok เดี๋ยวเราไปเตรียมให้นะ ... นายนั่งอยู่ที่นี้แหล่ะ" เราบอกซี
"เราไปด้วยดิ ... นั่งอยู่ตรงนี้มานานแล้วนะ เบื่อแล้ว ... ให้เราย้ายที่ เปลี่ยนบรรยากาศ หรือทำอะไรบ้างเถอะ" ก็จริงอย่างที่มันว่า ... เป็นเราๆก็คงเบื่อถ้านั่งอยู่ห้องเดิมนานๆ
"เดินไหวไหม?" เราก็เป็นห่วง กลัวมันเดินไม่ไหว
"มันไม่เท่าไหร่แล้ว .. ให้ขาให้เท้ามันออกแรงบ้างเถอะ" ถูกของมัน
"ม๊ะ ... เดี๋ยวช่วยพยุงขึ้นมายืน" แล้วเราก็ลุกขึ้นยืน ไปช่วยพยุงตัวให้มันลุกขึ้นยืน 






........ และซีก็เดินเกาะไหล่เรา เดินเข้าไปในครัวพร้อมๆกันสองคน
...........
พอเข้าไปในครัว เราก็ปล่อยให้ซีนั่งบนเก้าอี้ของโต๊ะกินข้าว ... บอกมันว่า ให้นั่งอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเราจัดการเอง ... เรื่องหุงข้าวกับล้างผักสด แค่นี้สบายมากๆ ... เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เราจีงลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆซี นั่งมองตาสีตาลหวานของมันแป๊ปนึง (หวานจริงๆนะ) แล้วเราก็ชวนคุยเรื่องที่ทำงานของมัน และที่ทำงานของเรา ... เม้าท์เรื่องที่ทำงาน เป็นอะไรที่สนุกสุดๆแล้ว ว่ามะ!? อิอิ .... คุยกันนานพอควร


"แป๊ปนึงนะ ... ขอไปห้องน้ำก่อน ปวดฉี่วะ ... ไม่เป็นไร เราเดินไปเองได้" มันเบรค และมันก็ขอเดินไปเอง ตามใจ! เพราะดูท่าทางมันคงจะokดีแล้ว
"อืมม ... ได้ๆ เดินเองได้นะ" ตามใจ! เพราะดูท่าทางมันคงจะokดีแล้ว
"ได้ ... เดินได้" แล้วมันก็ยันตัวลุกขึ้นมา เดินไปห้องน้ำ
"ถ้าอย่างนั้น ... เราไปนั่งที่ห้องรับแขกนะ" เราตะโกนบอกมัน ตอนที่มันใกล้จะถึงห้องน้ำแล้ว


สักพักใหญ่ๆ ซีก็เดินเข้ามาที่ห้องรับแขก ... "เราว่า .. แม่กลับมาแล้ว เราได้ยินเสียงเปิดประตู"
"มาแล้วเหรอ!?" เราสปริงตัวขึ้นยืนจากโซฟา แล้วเดินตรงไปที่ประตูบ้าน


"อืมๆ ... มาแล้ว ... เดี๋ยวเราออกไปช่วยแม่ถือของเอง" เราหันไปบอกซี  แล้วเราก็จัดแจง ออกไปช่วยแม่ของซีถือถุงกับข้าวเข้ามาในบ้าน ... และตรงดิ่งไปที่ครัว ... แม่เขาบอกให้แกะและเทใส่จานชามเลย มีวุ้นกะทิที่ซีอยากกินด้วย เราจัดการเอาเแช่ในตู้เย็น และแล้วกับข้าวทุกอย่างก็ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย แม่ของซีไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว และซีก็เดินมานั่งรอในครัวเรียบร้อยแล้ว


"วันนี้ซีกินทั้งวันเลย ... แต่ยังไม่เท่าที ... รายเนี่ย กินและก็นอน ... ว่าแต่มีวุ้นกะทิหรือเปล่าแม่" อะ ... นั้นงัย มีแอบเม้าท์กรูด้วย
"มีๆ เราแช่ตู้เย็นไว้แล้ว" เราดันสะเหร่อตอบแทน อิอิ
"ดีๆ ... ไม่ได้กินนานแล้ว" ท่าทางมันดีใจมากๆ ยังกะไม่ได้กินวุ้นกะทิมาเป็นแรมปี


ในที่สุดเวลาที่กรามต้องทำงานก็มาถึงอีกครั้ง มื้อนี้เราไม่มีการป้อนซี ... ขืนป้อนต่อหน้าแม่เขาดิ ... โดนไล่ตะเพิดออกจากบ้านแน่ๆ หรือไม่แม่มันอาจจะอึ้งจนกินอะไรไม่ลงแน่ๆ ... ส่วนเรื่องกับข้าวอร่อยดี โดยเฉพาะน้ำพริกปลาทู กินกับผักสด ... ทุกใจเราอย่างแรง ดูซีก็enjoyกับมื้อนี้เหมือนกัน ... ตบท้ายด้วยวุ้นกะทิเย็นๆ .. อร่อยจริงๆขอบอก


เมื่ออิ่มกันหมดแล้ว เราก็เริ่มเก็บจานชาม ... แต่แม่ของซีห้ามไว้ไม่ให้ทำ ... แต่เรารู้สึกไม่ดี เลยบอกว่าไม่เป็นไร และซีก็สมทบด้วยว่า ให้แม่เขาขึ้นไปอาบน้ำ และมันจะล้างจานชามกับเราเอง .... แม่ของซีจึงออกจากครัวขึ้นไปบนบ้าน ส่วนเรากะซีก็ยืนล้างจานกันสองคน เราโกยเศษอาหารทิ้ง และลงน้ำยาล้าง ส่วนมันเป็นคนล้างน้ำ และคว้ำจานชาม ... มันก็ได้อีกfeelนึงที่ได้อยู่ใกล้ๆกัน


เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ...


"เราว่า ... เราได้เวลากลับแล้วล่ะ!" เราหันไปบอกซี
"เฮ้ย! จะกลับแล้วเหรอ" มันพูดเหมือนจะตกใจ ... ตกใจอะไรกันนักกันหนาวะ
"ใช่ ... นี้มันก็จะหัวค่ำแล้ว อีกอย่างแม่นายก็กลับมาแล้ว"   
"อืมม ... ตามใจนายแล้ว" มันพยักหน้า
"แต่ต้องไปเอากระเป๋าของเราที่ห้องนายก่อน" มันไม่พูดตอบอะไร ส่วนเราก็เดินออกจากครัวขึ้นไปข้างบนห้องนอนของมัน โดยมีมันเดินเกาะไหล่ตาม


พอเข้าห้องนอนของมัน ซีเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ส่วนเราเดินไปหยิบกระเป๋าที่อยู่บนพื้นห้อง  ... แล้วเราก็เดินไปนั่งบนเตียงข้างมัน


".........." ซีหันมามองหน้าเรา
".........." เราก็ไม่พูดอะไร .... แต่มือนึงก็ล่วงเข้าไปในกระเป๋า ควานหาipod ... พอหยิบออกมาได้ เราก็หาเพลงๆหนึ่ง
"ทำอะไร" ซียื่นหน้ามาถาม
"กำลังหาเพลงๆนึง อยากให้นายฟัง" เรายังคงวนนิ้วบนipodหาเพลงๆนั้น
"เจอแล้วๆ...!!" แล้วเราก็โชว์หน้าจอipodให้ซีดู เพลงที่เราหาเจอ ซึ่งhighlightด้วยสีฟ้า
"อ่อ ... เพลงนี้เหรอ ... ทำไมต้องเพลงนี้ล่ะ"
"ฟังเถอะน๊าา .... ใส่หูฟังคนละข้างนะ ... มะๆ เดี๋ยวเราใส่ให้" แล้วเราก็ยัดหูฟังข้างนึงในหูขวาของมัน และอีกข้างในหูซ้ายของเรา แล้วจึงกดไปที่play ... แล้วเพลงก็ดังขึ้นในหูฟัง





แล้วหัวของเราก็ค่อยๆลดต่ำลงไปซบไหล่ของซี ... เสียงเพลงในหูฟังทำให้หวนคิดถึงช่วงเวลาในวันเก่าๆที่ได้พบ ได้พูดคุย ได้ไปไหนต่อไหน ได้มีช่วงเวลา และประสบการณ์หลายๆอย่างกับซี ... และที่สำคัญคือวันๆนี้ วันที่เราขอซีเป็นแฟนหนึ่งวัน .... ในตอนนั้นไม่มีน้ำตาหรืออาการซึมเศร้า กลับมีแต่รอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก

อยากขอบคุณวัน เวลา โอกาส สถานที่ ที่ทำให้เราได้รู้จักกับซี ... และหนึ่งคนที่สำคัญที่สุดนั้นคือ "ซี"

ขอบคุณทุกๆอย่างที่นายทำให้เรา
ขอบคุณที่นายเข้าใจเรา
ขอบคุณที่นายไม่รังเกียจเรา
ขอบคุณที่นายก็รู้ว่าเรางอน นายยังตามมาง้อ
ขอบคุณที่นายตามใจเรา
ขอบคุณที่นายมีความรู้สึกดีในฐานะเพื่อนให้เรา
ขอบคุณที่นายไว้ใจเรา
ขอบคุณที่นายให้สายแดงเรา
ขอบคุณที่นายที่ช่วยฝึกช่วยสอนเทควันโดให้เรา
ขอบคุณที่นายเป็นกำลังใจเราหลายอย่าง
ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่นายให้เรา
ขอบคุณจริงๆ


ถามว่า...ยังรักนายไหม : เรายังรักนาย
ถามว่า...ห่วงนายไหม : เรายังคงห่วงนายเสมอ
ถามว่า...คิดถึงนายไหม : เรายังคิดถึงนายอยู่
แต่ถ้าถามว่า เราคิดกับนายในฐานะไหน : นายคือเพื่อน(เท่านั้น) แต่อาจจะมีความรู้สึกที่มากกว่า

**************************************************
THE END
**************************************************

http://www.myfirstsight.com/music/bird4.htm

ทำไมต้องเธอ - เบิร์ด   
 
ก็มันไม่อยากรู้ ก็มันไม่อยากรัก
ไม่มีเวลา ที่จะคิดที่จะสนใจ
แต่พอได้เจอะเธอ ก็ดูชีวิตมันผิดเพี้ยนไป
ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอ ไม่ชอบเลย

เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป
ไม่เป็นตัวเองไม่เหมือนเคย
แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย
ทำไมต้องเป็น(เธอ)ไม่เข้าใจ

นี่ตัวฉันเองหรือ เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
หมดความเข้มแข็ง และเหตุผลไปอย่างอย่างง่ายดาย
อาจเป็นเพราะเธอนั้น ที่เดินมาหาเข้ามาค้นใจ
แล้วฉันก็เลยเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ

เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป
ไม่เป็นตัวเองไม่เหมือนเคย
แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย
ทำไมต้องเป็น(เธอ)ไม่เข้าใจ

เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป
ไม่เป็นตัวเองไม่เหมือนเคย
แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย
ทำไมต้องเป็น(เธอ)ไม่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 25-07-2007 18:09:47
ซึ้งสุดๆ :m13:

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะครับ

ขอบคุณมากมายจริงๆ o1 o1
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 25-07-2007 18:12:45
สู้ต่อไปนะคับ :m15: เปงกำลังใจให้คับ :give2:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 25-07-2007 19:51:43
อ่านจบแล้วซึ้งน้ำตาคลอเลย   :impress:
นี่ถ้าเราเป็นซีละก้อ คงจะไม่รีรอที่จะรักคุณทีเลยละ  o18
แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณทีนะ อย่าไปเสียใจเลย
บางครั้งการเป็นเพื่อนมันอาจจะดีกว่าแฟนก็ได้ เพราะเมื่อเป็นแฟนกัน ไอ้ความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
เนี่ย มันก็ไม่พ้นต้องมีการหึงหวง การระแวง และตามมาด้วยการทะเลาะวิวาทกัน

เฮ้อ คิดแล้วก็...  อยู่เป็นโสดดีกว่าเรา
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 25-07-2007 20:42:20
 :impress: :impress: :impress:

จบไปแบบไม่สมหวังอีกแล้ว

เป็นกำลังใจให้ทีนะครับ สู้ต่อไป

แล้วจะมีตอนพิเศษป่าวครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 25-07-2007 21:09:58
จบแล้วว   :m1:  :m1:  :m1:

ซึ้งมากกับความรักของคุณทีแล้วก็คุณซี
คนเรารักกันได้หลายแบบ 
ดีใจกับคุณทีด้วยที่รู้ใจตัวเอง 
รู้เท่าทันความรู้สึกตัวเองว่าความสัมพันธ์ควรอยู่เพียงแค่ไหน
มิตรภาพที่ดียังคงอยู่ต่อไปอีกนาน

ขอบคุณคุณที  ที่แต่งเรื่องดีๆ มาให้อ่านกันคะ
ขอบคุณเรย์ที่โพสเรื่องดีๆ ด้วย
บวกหนึ่งให้ทั้งคู่จ้า
 :m3:  :m3:  :m3:  :m3:  :m3:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 25-07-2007 21:28:38
ประทับใจสุดๆ
เรากับนาย...เพื่อนกันตลอดไป ...
 :m15:
=======================
C & T FRIEND FOREVER
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 25-07-2007 21:44:22


ซึ้งปนเศร้า.....


เหงาปนสุข......



 :undecided: :undecided: :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: LeO* ที่ 26-07-2007 00:22:12
เศร้าจังเลยคับ
ขอเป็นกำลังใจให้ทีนะคับ
หวังว่าจะได้รีบรู้เรื่องราวต่อๆไปของทีกับซีน
ะคับและขอให้ทีสมหวังในความรักให้ได้นะคับ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เ$
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 26-07-2007 16:10:48
 :m28:เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้มีภาคต่อด้วย เพิ่ง เข้ามาอ่านวันนี้รวดเดียวจบ (ภาคต่ออ่ะ) ซึ้ง ปน เศร้า อ่ะ (แต่ก็แอบมีสุขเล็กๆนะ) แต่เราชอบที่เรื่องเป็นแบบนี้อ่ะ อย่างน้อยความเป็นเพื่อนที่ซีมีให้มันก็ยั่งยืนกว่า เราว่าซีทำดีที่สุดแล้วอ่ะ เขาก็ยังแคร์ความรู้สึกทีอยู่เสมอ ไม่รังเกียจและไม่เลิกคบที  แต่เขาคงไม่สามารถ รักที ได้แบบคนรักอ่ะนะ  :m17: ยังไงก็ขอให้กำลังใจทีละกัน ขอให้เก็บซีไว้ในความเป็นเพื่อนตลอดไป  :m18:

ปล. ลืมบอกว่าอ่านจบแล้วน้ำตาซึมด้วย ถามว่าเศร้ามากมั๊ย ก็ตอบว่าไม่มากนะ แต่มันบอกไม่ถูกอ่ะ น้ำตามันซึม มันประทับใจ บอกไม่ถูก เลย + 1 ให้ทีด้วยนะ โทษฐานที่ทำให้ซึ้ง
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 27-07-2007 18:53:24
ซึ้ง  สุดๆๆ น้ำตาคลอ
เอาน่ะอย่างน้อยได้เป็นแฟนตั้ง 1 วัน  แม้จาไม่ได้มีอะไรมากมาย
แต่ก้อเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของ ทีแล้ว
เก็บเรื่องราวดีๆในวันนี้ ไว้เป็นพลังในวันต่อไป
เอาใจช่วย นะคับ
ในเมื่อยังมีวันต่อไป  แล้วทำไมเราต้องจมอยู่กับวันวาน
ก้าวต่อไปนะคร้าบ   สิ่งดีๆยังมีอีกเพียบ

 :a2: :a2: :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: domino ที่ 28-07-2007 19:36:58
ซึ้งจังเลย
เศร้าจัง
เอาใจช่วยนะครับ สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 30-07-2007 21:27:03
อยากมีคนให้กอดมั่งจัง
 :m21:

จะไปขอกอดใครได้มั่งเนี่ย   :m17:

คล้ายๆกับชีวิตเราเลยเนอะ

แต่ว่ายังไมได้ขอใครเป้นแฟนแบบนี้เลย  เป็นแค่วันนึงก็ดี

ว่าแล้ว เดี๋ยวจะลองทำมั่ง  55 สงสัยจะโดนตัดพี่ตัดน้องแน่เลย

หัวข้อ: Re: อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?[ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน]up25-7-50[จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-07-2007 21:31:12

ทำไมเจ้ต่อมน้ำตาแตกวะ  ไม่เข้าใจเหมือนกัน  :m15:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50 จบแล้
เริ่มหัวข้อโดย: eyukiz ที่ 31-07-2007 10:22:30
 o13

ชอบค่ะ

อ่านและให้ความรู้สึกแบบว่า โอ้วววว. . .  ชั้นอยากเจอคนอย่างนี้บ้าง

ถึงท้ายสุดจะเป็นเพื่อนกัน. . .แต่ก็ยังน่าอิจฉานะคะ ที่ได้เพื่อนที่ดีขนาดนี้ ^_______^

เอาใจช่วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: anTon ที่ 31-07-2007 13:41:43
เพิ่งดั้ยมาอ่าน ภาคเสริมนี่แระคับ
ซึ้งมากมาย
1 วันก้อคุ้มค่าสำหรับการดั้ยดูแลคนที่เรารัก
1 วันก้อคุ้มค่าสำหรับการดั้ยอยุ่เคียงข้าง
แค่นี้มันก้อทัมหั้ยสุขจัยมากมายแล้ว ดีกว่ามั่ยดั้ยทัมอารัยเลย

 :m23:อินง่ะ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 09-08-2007 21:48:19
อ่านแล้วน้ำตาไหล ..

อ่านเรื่องของทีกับซีแล้วคิดถึงตัวเอง

เหงาจัง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 09-08-2007 23:54:01
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า อ่านแล้วทำไมถึงน้ำตาคลอ  :m15:
ดูเหมือนว่าจะอยู่ในอาการเดียวกันนี้หลายคนด้วย  :m28:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: No_ProMises ที่ 10-08-2007 00:55:58
ไม่รู้อะไรดลใจให้เปิดเรื่องนี้ อ่านถึงหน้า 2

แล้วถึงตอนที่สารภาพ แล้วไม่เปนอย่างที่คิด

เห้ออ รู้สึก เหงาๆ เส้าๆ ง่ะ


-----------------------

เด๊วมาอ่านต่อให้จบค้าบ หุหุ เรื่องนี้ทำให้ข้าอ่านนิยายอีกแย้วว

เอิ้กๆๆๆ

หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 10-08-2007 03:34:26
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: moonleaf ที่ 10-08-2007 06:10:09
 o1 ขอบคุณมากครับที่นำมาโพสให้อ่านกัน

เรื่องนี้ได้ทั้งอารมณ์เศร้า เหงา รัก เลยอ่ะ ชอบๆ :m11:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: No_ProMises ที่ 10-08-2007 22:25:53
อ่านจบหมดแล้วคับ

ทั้งสุข ทั้งเส้า

ยิ้มทั้งน้ำตา


แค่นี้ สักครั้ง ก็คงมีความสุขแล้วละเนอะ


ชอบมากๆๆ คับ ซงึ้งมากคับ  มีอะไรหลายๆ อย่างให้คิดได้เลย


ทั้งความรัก มิตรภาพ และ ความเข้าใจ


หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: moonleaf ที่ 12-08-2007 22:38:36
 o1 ขอบคุณมากครับที่เอามาให้อ่านกัน

อ่านจบแล้ว ก็เเปลกไปอีกแบบสำหรับความรักที่ไม่สมหวัง (แต่ยังเป็นเพื่อนกันอยู่) :m17:

อย่างไรก็เนื้อเรื่องสนุกดีครับ ชอบๆ :m1:

หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ::Reflection:: ที่ 13-08-2007 03:00:29
 :a6:    เราชอบเรื่องนี้จัง   แบบว่ามันให้ความรู้สึกดีๆ  แต่ก็แฝงด้วยความเศร้าอยู่ลึกๆ เราก็เข้าใจเหมือนกันว่า  ทีใช้ภาษาได้สุดยอด  หรือ  เพราะอะไร    แต่ที่แน่ๆ คือเราสัมผัสถึงความรักที่ทีมีให้ซีจริงๆ นะ  แบบมันเต็มไปด้วยความห่วงใย ตลอดเวลาจริงๆ  เวลาหนึ่งวันที่ได้เทคเคร์คนที่เรารู้สึกดีด้วย  มันคงยิ่งใหญ่มากๆ  (เราก็อยากจะมีวันนั้นเหมือนกัน :give2:   )   ขอให้ทีโชคดีกับความรักนะ...แล้วลองเปิดใจให้คนอื่นก็ดีนะ   ไม่แน่ใจอาจจะมีคนที่เฝ้ารอให้คุณทีมาเทคแคร์ไปตลอดชีวิตอยู่ก็ได้
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: tazzuko ที่ 16-08-2007 15:53:26
 o13lสนุกมากเลย
ตามมาอ่านแบบรวดเดียวเลย แอบลุ้นว่าจะสมหวังมั๊ย
สภาพตอนอ่านจบ -----> :o12:
แต่ซีก็น่ารักเนอะ  :m2: ทีก็น่ารักอ่ะ
โอ๊ยยย น่าจะได้รักกัน โฮกกกกกกกก
ขอบคุณมากนะครับ อ่านแล้วมันก็อิ่มใจไปด้วย  :m1:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 16-08-2007 19:02:21
 o7 เพิ่งได้อ่านภาคต่อ

รวดเดียวจนจบเลย

เหงาๆ เศร้าๆ แต่มันก็มีความสุขดีนะครับ กับความรักแบบนี้

พอใจในสิ่งที่ตัวเองได้รับ (จากเค้า) ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเพื่อนก็ตาม

เฮ้อ เล่นเอาน้ำตาซึม  :m2:

ขอบคุณ เรย์กับ ที มากครับ ที่เอาเรื่องดีๆอย่างงี้มาให้อ่านกัน

 :a2: สุดยอดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Eastwind ที่ 26-08-2007 00:52:13
ขอบคุณนะครับที่เอามาโพสให้อ่านกัน ตอนนี้เลยเป็นอย่างที่หลายๆคนเป็น ซึ้ง+เศร้า น่าประทับใจในมิตรภาพของทีกับซีครับ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: na_na_fuji ที่ 26-08-2007 20:39:36
 ซึ้งคับ บอกตามตรงว่าซึ้ง + เศร้า  :a3: :a3: :a3:  เป็นกำลังให้เเล้วกันคาบบบบ

ปล. จะเป็นกำลังใจให้เสมอนะคับ



                                                                           จาก นายฟูจิซัง  :a3: :a3:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 28-08-2007 16:32:22
ตอนแรกอ่านไปหน้า1 ก็งงจบล่ะ ไหงเร็วจัง
แต่อ่านต่อไปเรื่อยๆซึ้งอ่ะ o7
รู้เลยว่าแอบรักเนี่ยมันเจ็บปวด :m8:
แล้วซีก็ดีมากๆเลย
เอาใจช่วยแล้วกันเผื่อซีเปลี่ยนใจ ทีสู้ๆ :a2:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: manano ที่ 30-08-2007 23:03:55
เห็นด้วยกะหลายๆความเห็นคับ o13

ชอบเรื่องแนวนี้มากๆ อ่านแล้วทั้งสุข ทั้งเศร้า(ท่าทางจะหนักทางนี้) o7

ถ้าเป็นผม คงร้องไห้ตายห่าแน่เลยถ้าเป็นตัวเอง นี่ขนาดอ่านยังน้ำตาซึมเลย

ลำบากนะคับ เป็นตัวเองไม่รู้จะทำใจได้ป่าว เฮ้อ :undecided:

เป็นกำลังใจให้นะค๊าบ :a1:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 12-10-2007 09:31:32
 o7
สุดยอดครับผม ชอบมาก ๆ เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 12-10-2007 09:43:05
อินอ่ะ    :m17:  มะไหวล่ะ    :o12:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 12-10-2007 13:16:41
ขอบคุณคับทั้งคนเขียนคนโพส ที่นำเรื่องราวดีๆมาถ่ายทอดถึงกัน  :m15:

อยากกินวุ้นกะทิมั่งงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: cokeclub ที่ 26-10-2007 03:11:00
อิอิ เริ่มอ่านได้นิดเดียวเองครับ เดี๋ยวมาอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 24-11-2007 17:49:02
ซึ้งปนเศร้าอ่ะ  ถึงรักในฐานะคนรักไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นเพือนรักกันได้นะ

มิตรภาพและความรู้สึกดีๆ ยังคงอยู่เสมอ

ขอบคุณที่มีเรื่องดีๆให้อ่าน  :m13:

หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 28-11-2007 16:30:49
 :o12: o7 กลับมาอ่านอีกรอบ ซึ้งอะ นี่แหละรัก
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: GREENBE* ที่ 06-12-2007 21:15:32
สู้ต่อไปค่ะ
สักวันนนน นน นนน นน ! :o12:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 19-12-2007 14:28:52
จบไปอีกหนึ่งเรื่องราว

ทำให้รู้สึกว่า "หนึ่งวัน" มีค่าสำหรับบางคนมากจริงๆ  :pig4:

หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: marknight ที่ 09-01-2008 16:04:46
ขอบคุณที่ เขียนเรื่อง ดีๆ  เกี่ยวกับมิตรภาพ ระหว่างเพื่อน เพราะได้เป็นแค่เพื่อนก้อยังดีกว่าที่ไม่ได้รู้จักกันเลย ขอให้โชคดีละกันคับ     o7
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sMILEDog ที่ 10-01-2008 08:06:14


หนุกจัง ชอบๆ  :m4:  o13
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: succubus ที่ 10-01-2008 13:12:14
น่ารักอ่า  :m1: เป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆ  :m4:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 10-01-2008 20:29:01
ขอบคุณคับ สำหรับ เรื่องราว ที่เล่าให้ฟัง

ผมว่า ซี เป็นคนดีมากๆเลยคับ ไม่ว่าจะใน ฐานะ ไหน...^^

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aum ที่ 24-01-2008 08:07:03
ดีจังครับ ทำให้แน่ใจอีกครั้งว่า โลกนี้ยังมีความรักที่สวยงามอยู่จริงๆ ขอบคุณมากครับผม   :a11:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Yเข้าสายเลือด ที่ 18-02-2008 01:27:54
 :m15:

เฮ้อ.......... การที่เป็นได้แค่"เพื่อน" กับคนที่เรารัก ตลอดไปนี่  บางทีมันก็เจ็บปวดเกินบรรยายเหมือนกันนะ
เหมือนกะว่าแผลมันไม่หายซักที  คอยเป็นซ้ำเรื่อยๆ ไม่มีทางหาย

ลุ้นอยู่เหมือนกันว่า ซี จะเปลี่ยนใจในตอนสุดท้ายรึเปล่า
แต่โลกแห่งความเป็นจริงมันก็ยังคงไม่สวยงามอย่างที่ใจคิดเสมอ

เป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันด้วยนะ รวมทั้งตัวเราเองด้วย
ที ยังโชคดีที่ไม่เสียซีไป  ไม่เหมือนเรา  เจ็บปวดชะมัด
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: piengtavan ที่ 01-03-2008 21:58:15
มันเป็รเรื่องราวบทหนึ่งในชีวิต ................ :o12:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: baros ที่ 02-03-2008 21:30:50
 :o12:แค่ๆด้เป็นแฟนวันนึงก้อคุ้มค่าแล้ว โอ้ยเศร้าและซึ้ง o7
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: gpperfun ที่ 05-03-2008 23:18:21
ซึ้งมากๆ  o7

สุดไปเลยค่ะ เยี่ยม  o13
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: modlovesor ที่ 06-03-2008 14:24:15
ซึ้งๆ ชอบมากค่ะ

ขอบคุณนะคะ ที่เอามาลงให้อ่านค่า
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: iceageno7 ที่ 07-03-2008 01:00:54
ตามอ่านรวดเดียวจบเลย

ซึ้งจังอ่ะคับ อยากมีความรู้สึกดีๆ แบบนี้มั่งจัง

 o7
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: dada ที่ 05-04-2008 02:45:56
 :m1: ชอบๆ แต่เศร้า  :o12: ความจริงไม่เหมือนนิยาย
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 05-04-2008 23:56:36
จะมีต่ออีกมั๊ยคะ สงสารทีจังแต่ก็เข้าใจซีนะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 06-04-2008 00:01:53
คนเขียนกำลังคิดเหมือนกันว่าจะมาต่อ
คงขึ้นกับว่าอยากอ่านกันหรือปล่าวนะ
อิอิ
 :oni1:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 07-04-2008 16:10:21
 :sad4: :sad4:เพิ่งจะได้เข้ามาอ่าน...อ่านแบบรวดเดียวจบ... :sad4: :sad4:

เศร้าจิงๆเลยยยยยย.... :o12: :o12: :o12:...อ่านไปน้ำตาซึมไป...อย่างน้อยยังมีเรื่องที่น่ายินดีคือ...

ความสัมพันธ์ที่ยังคงอยู่..อย่างน้อยก็ไม่ได้ตัดขาดกัน... o7

รักษาไว้ให้ได้ตลอดไปนะ... :a2: :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 07-04-2008 17:34:27
มาต่อก็ดีค่ะ อย่างน้อยความผูกพันระหว่างเพื่อนก็สำคัญและมีค่าไม่น้อยนะคะ
ถึงจะอ่านแล้วเศร้าแต่ก็อบอุ่นใจใช่น้อยนะคะ :m1:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: vvoonsen ที่ 07-04-2008 19:16:00
 :serius2: o7 :o12: :sad2:

บอกได้ประโยคว่าเดียว.....


"ขอให้คุณทีมีความสุข สู้ๆ"


ปล. ขอโทษที่สมัครมานานแล้วแต่ไม่ได้โพส

อ่านเรื่องของคุณแล้วรู้สึกดีมากๆ

ขอบคุณมากๆ่นะคะะะะะะ....( คับ :o8: { ฝืนๆยังไงไม่รู้ อิอิ } )
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: patpartth ที่ 01-05-2008 23:31:11
 :m15: ฮือๆ เหมือนชีวิตตัเองเลย

ได้แค่รัก เค้าข้างเดียว

 :o12:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: baroona59 ที่ 03-05-2008 03:26:06
แค่ได้รัก ก็เป็นสุขใจแล้ว

 :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: arq ที่ 25-05-2008 00:05:05
ไม่เอา ไม่เอานะครับ ทำไมจบแบบนี้ ทำไมต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ นี่เว็บไซท์ของเกย์นะครับ ขอเป็นที่สักแห่งนึงที่จะไม่มีความทุกข์ของเกย์บ้างได้ไหมครับ

นั่งร้องไห้เลยนะนี่
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ArtyKung ที่ 28-05-2008 10:31:09
เปนกำลังใจให้นะคับ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: 6488 ที่ 01-06-2008 20:53:49
(http://www.antfly.net/pic.php?id=080601201028570)

เป็นเรื่องที่ดีๆอีกเรื่องสำหรับคนรักเพื่อน ไม่ใครผิดไม่มีใครถูก มีแต่สิ่งดีๆที่ควรจดจำ
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: vint ที่ 02-06-2008 19:17:52
เรื่องนี้คุณภาพนะครับผม
ใส
สอาด
ชอบจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: dekchin ที่ 02-06-2008 22:24:21
 o7 o7 o7 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 06-06-2008 22:32:52
 :sad2: :sad2: :sad2:

อ่านทีเดียวจบเลย

มันจุกๆ ตื้อๆ มึนๆ ยังไงบอกไม่ถูก

มันก็เศร้า  ใช่ มันเศร้าจิงๆ...

แต่สิ่งที่ซีกะที ยังรักษาไว้ได้คือมิตรภาพ ความผูกพันธ์ ที่ยังคงอยู่

ก็เลยยังมีเรื่องให้ยิ้มได้บ้าง แต่มันก็ไม่เต็มที่

งงเนอะ เรานี่ยังไงเนี่ย

 :m15:
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะ ทั้งสองคนเลย สู้ๆ  :a2:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 06-06-2008 22:35:14
ปอลอ...

+1 ทั้งคนเขียน และคนโพสก๊าบบบ
น่ารักเจงๆเล้ยยยยย
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: shotiwat ที่ 10-09-2008 19:21:31
ตอนนี้ยังอ่านไม่ละเอียดเท่าไหร่  แต่แค่ คร่าวๆๆ ก้อรุ้สึกจุกๆๆ แน่นๆ แล้วคราฟ

เราก้อเคยเจ็บมา เข้าใจคราฟ สุ้ๆๆนะ เป้นกำลังใจ อีก 1 กำลังใจเสมอ คราฟ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Benibear ที่ 10-09-2008 21:56:29
อย่างว่าเนอะ ชีวิตจริง มันยิ่งกว่านิยาย + + // ก็ขอเป็นกะลังใจให้นะจ้ะ // ตอนสารภาพรักแทบจะร้องไห้ไม่หยุดเลย นึกถึงเพลง "ใจหายไปเลย หายไปในอากาศ ลอยไปกับสายลม ไปสู่ความเหงา ใจหายไปเลยเหลือเพียงความว่างเปล่า ฉันไม่ต้องรออีกต่อไป "// เราเองก็แอบชอบเพื่อนเหมือนกัน แต่ไม่กล้าบอกอ่ะ ไม่กล้าพอหรอก
นับถือความกล้าของคุณทีนะ จนวันนี้ก็รู้สึกชินชาไปแล้ว // เราคงกลายเป็นคนตายด้านแล้วซะแล้วอ่า :t2: :t2:// ขอบคุณที่เอามาโพสต์ให้อ่านกันนะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: BABY_CHICK ที่ 11-09-2008 12:31:01
มาติดตาม แต่เพิ่งเริ่มอ่าน
ชอบๆ แนว ชีวิตรักรันทด 55
ออกแนวซาดิสม์ไงไม่รู้นะ อิ อิ
เป็นกำลังใจให้นะครับ :L2:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: echisen ที่ 11-09-2008 23:49:07
อ่านแล้วฮับ เศร้าฮับ  :o12: o7 :sad2: เป็นกำลงัใจให้ฮํบ สู้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: chully_annie ที่ 15-09-2008 19:36:17
เอาใจช่วยนะคับ เข้มแข็งไว้นะ  o7 o7
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: autumnmoon ที่ 20-09-2008 10:51:46
 :m15: ปวดจายย รักเพื่อนน .. นี่นะ เฮ้อ. ..
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: reliance07 ที่ 22-09-2008 02:56:51
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะครับ

ผมก็เป็นคนนึงที่แอบรักเพื่อน
และก็บ้าบิ่นบอกรักเพื่อนไปตรงๆเหมือนกัน
 :m31:
แต่ก็อย่างที่ว่าล่ะครับ

เราคงไม่ได้อะไรเลยหากไม่มีการเริ่มต้น
แต่เมื่อกล้าทำก็ต้องยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วยน่ะนะครับ

ฮืมมม...นี่ล่ะ้น้า~ชีวิต

ขอบคุณอีกครั้งครับ..เรื่องนี้เหมือนกับกระจกสะท้อนตัวผมเองเมื่อก่อนเลย :m23:

รักนะ คุณผู้เล่า้เรื่อง :m4:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: andyus1 ที่ 30-09-2008 04:03:39
เอ้อ นี่ละครับชีวิตจิง ไม่ใช่นิยาย

สารภาพว่า อ่านไม่หมด อ่านไปแค่สองน่า

รุ้สึกว่า มันไม่ไหวแล้ว

อ่านตอไป ต้องเสียน้ำตาเปนกระบุงแน่

ขอแค่เป็นคนนึงที่รับรุ้ในมิตรภาพของคุนทั้งสองคน

และขอชื่นชมจากใจจิง

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ครองคู่กัน

ก็อยากหั้ยมีกันและกันอย่างนี้ตลอดไปนะคับ

friendships never end

แต่หากเกิดวันไหนที่ใช้ชีวิตไปแล้วได้สังเกตแล้วพบว่า

ไม่มีครัยจิงจัยกัยคุนทั้งสองคนแล้ว

มีความหวังอย่างเหลือเกินว่า คุนทั้งสองคนจะลองหั้ยโอกาศกันและกันนะคับ

ได้เติมเต็มกันและกันนะคับ

แค่ได้รุ้ว่าคุนยังเปนเพื่อนที่ดีต่อกัน ก็ดีจัยละคับ

ทำงัยได้ ก้นี่คือชีวิตจิงใช่ไหมละคับ

....
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaelover ที่ 01-10-2008 17:48:10
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: 1อ่านจบแล้ว ประทับใจคุณ Tมากๆ เลย ชอบตอนที่คุณที ขอ คุณซี เป็นแฟนหนึ่งวัน อ่ะ อย่างไรก็ขอให้คุณทีได้สมหวังในความรักนะค่ะ  :bye2: :bye2: 
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sandlephone ที่ 02-10-2008 00:38:30

น่าแปลกดีนะครับ
บ่อยครั้งเลยที่ผมรู้สึกว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมเลย
ทำไมคนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน หรือผู้หญิงเหมือนกัน
จะรักกัน หรืออยู่ร่วมกันอย่างคนอื่น ๆ ไม่ได้

ทำให้เรื่องในบอร์ดนี้ เกินทั้งหมดเป็นเรื่องเศร้า
และเราทุกคนที่อ่านเรื่องเหล่านั้น
ก็เข้าใจในความเศร้าอย่างง่ายดาย

ถ้า 20 ที่แล้วการรักเพศเดียวกันคือสิ่งที่ต้องหลบซ้อน
แต่ในตอนนั้นก็เริ่มกลายเป็นเรื่องที่พอรับได้
ผมก็หวังให้ 20 ปีข้างหน้า
การรักเพศเดียวกันจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสนใจ
เพราะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

ถ้าบอร์ดนี้อยู่ไปถึงตอนนั้น
นิยายในนี้คงจะ happy ทุกเรื่อง

ขอให้โลกนี้สงบสุบครับ
~sand
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Akiizz ที่ 18-10-2008 00:36:52
ชีวิตจริงไม่อิงนิยาย

นี่ไช่มั้ยมี่เรียกว่ารักอย่างจริงใจ

ปรามานว่าขอเพียงได้เห็นเค้ามีความสุขเราก้สุขใจ(ถึงจาเจ็บนิดๆก้เถอะ)

เป็นเรื่องราวดีๆอีกเรื่องที่ผมอ่านแล้วประทับไจ

จริงๆแล้วการที่เราจะรักเพศเดียวกันมันก้คงไม่ผิดอารายหรอก

ผมว่ามันขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นพลเมืองดีของสังคมรึเปล่า อันนนี้ต่างหากที่เราต้องห่วง

ไปแระคับ ง่วงจัง  :a12:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: popper ที่ 19-10-2008 01:35:38
เรื่องของพี่ทำผมน้ำตาไหล

เรื่องของพี่เหมือนกะเรื่องของผมเลย

เเต่ของผม ขอคบเค้า 1 ปี

เค้าก้อไม่ว่าอะไร

ผมขอเค้าคบตอนเราจะจบ หลังจากเค้าบินกลับมาจากนอก

เห้อ คิดเเล้วเส้า เเหะๆๆ

สุดท้าย ก็คือเพื่อนกันจิงๆ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 22-05-2009 21:45:18
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ ที่เอามาแบ่งปัน
อ่านแล้วก็
ใจหนึ่ง การกระทำของซียิ่งดีก็ยิ่งเจ็บ
 ยิ่งตัดใจยาก อดคิดเกินเพื่อนไปไม่ได้
อีกใจก็ ขอบคุณกับความเป็นเพื่อน ความ
 สัมพันธ์ที่คงเส้นคงวา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

หวังว่าคุณทีจะพบรักอีกครั้ง ทำให้รักที่มีให้
คุณซีกลายเป็นความทรงจำได้สักทีนะครับ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า 
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 23-05-2009 14:42:28
อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆคะ
ความรักไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยกัน หรือได้ครอบครองเป็นเจ้าของ
ความรักของทีที่มีให้ซี มันมีมุมมองที่ดีกว่านั้น อาจดูเหมือนทีอกหัก
หรือทีไม่สมหวังในค.รัก แต่เราว่า ทีได้รับค.รักอีกรูปแบบหนึ่งที่ซี
มอบให้ที แล้วก็ไม่มีใครนอกจากทีที่เป็นเจ้าของที่ว่างตรงนั้นได้
ค.รักมันออกแบบไม่ได้หนิ มันไม่มีรูปแบบตายตัวด้วย
เราิคิดว่า แค่ที่ได้แสดงความรู้สึกที่มีให้ซี และซีรับรู้ความรู้สึกนั้น
แค่นี้ก็ดีมากๆแล้ว เพราะถึงยังไง ความรักมันก็ยังคงอยู่
มิตรภาพความเป็นเืพ่อนก็ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย

เป็นกำลังใจทีนะคะความรักในรูปแบบของทีสวยงามจริงๆคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: actboyz ที่ 23-05-2009 18:07:49
นี่หล่ะหนา .. ความรัก ถึงแม้ไม่ได้ครอบครอง แต่ อย่างน้อย
เราก็ได้เป็นคนหนึ่งที่สำคัญสำหรับเค้า ขอเพียงได้แค่อยู่ใกล้ๆ
ความสุขก็เกิดขึ้น ก็มากมายพอแล้ว

แล้วทั้ง 2 คน เป็นยังไงกันบ้างหว่า..ป่านนี้
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: olar74 ที่ 24-05-2009 23:08:06
จบแล้วก็เศร้า.. ก้อเข้าใจอ่ะน่ะ.. ความรู้สึกของคนที่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้
รู้ เข้าใจ แต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้..  :monkeysad:
เพราะเราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่.. น่ะ..
แต่ความเป็นเพื่อนมันก็ยังคงอยู่ อีกอย่างเค้าก็มีแฟนแล้วด้วย.. เกรงใจ (ฝ่ายหญิง)  :เฮ้อ:

.. ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ไม่สมหวังกับคนที่เรารักน่ะจ๊ะ..  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 04-06-2009 13:47:29
 :o12: :sad4:
เฮ้อออ ไม่รู้จะพูดงัย
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วน้ำตาไหลไม่หยุดเลยอ่ะ
แบบว่า งง กับตัวเองเหมือนกัน
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่มีทั้งเศร้าและสุขผสมกันไนค่ะ
ขอให้เข้มแข็ง และมีความสุขมากๆนะค่ะ
ยังงัยก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ และอย่าปิดกั้นตัวเองนะค่ะ
สู้ต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้นะ
 o13 :3123:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: hours ที่ 04-06-2009 16:34:17
ถ้าอ่านแล้วฟังเพลงไปด้วย

แบบว่า

ไม่ไหวละๆๆๆ
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nickudez ที่ 08-06-2009 20:43:04
ดีใจออก

ผมจะขอบคุณซีมากเลยที่เค้าเข้าใจถึงขนาดนี้อะ

มีเพื่อนอย่างงี้ ผมอิจฉาจิงๆน้า :mc4:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nickudez ที่ 08-06-2009 22:21:49
 :seng2ped:ไม่รู้ว่ามีต่อ

เพิ่งมาเห็น

ตอนอ่านนี่ซึ้งอะ

มีความสุขและก็ทุกข์ด้วย

เหมือนดูเรื่อง AI ที่อยู่ได้แค่ วันเดียวกับคนที่เรารักที่สุด  :o12:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 11-06-2009 19:16:12
แค่ได้เห็น รอยยิ้ม ของเค้า
ก็ทำให้เรา ลอยไปไหนต่อไหนก็ได้
ทำให้เรามีความสุข
ทำให้เรามีกำลังใจ
แม้แต่เสียง แค่คำๆเดียวก็ยังมากพอ
สำหรับกำลังในวันหน้า  :serius2: :dont2: :dont2:

แต่ว่าสำหรับเรา เราลองคิดมาดูทุกอย่าง
เรากับรู้สึกว่า เค้าไม่ได้ใจร้ายอะไรกับเรามาก
เค้ายังมีคำว่า มิตรภาพ กับเรา
เท่านี้ก็ยังดี
ดีกว่าที่ต้องทนทุกข์ทรมาน กลับกลายเป็นไม่ชอบกัน
มองหน้ากันไม่ติด

มันชั่งเป็นชีวิตของใครหลายๆคนจริงๆ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: autthawat ที่ 03-01-2010 03:46:21
sanook dee krub...
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 04-01-2010 20:36:54
อ่านจบเป็นเรื่องที่สองแร้วววว
หลังจากอ่าน เด็กช่างรักจริงไปหนุ่งรอบ

อ่านแล้วอยากมีแฟน
อยากมีคนที่เราอยากจะดูแลได้ขนาดนัีี้
อยากจำอะไรๆเกี่ยวกะคนนั้นได้เยอะๆบ้าง
อยากมีความสุขอย่างในนั้น
ความจริง มีความทุกข์แบบในนั้น ก็โอเค

ถ้าเราได้เจอกับใครซักคน
ที่เป็นเพื่อนเราได้ดีขนาดนี้
ถึงแม้ว่าเราจะคิด มากกว่านั้น แต่ก้อไม่เปลี่ยนแปลง

มันโดนใจตรงที่เราเป็นแบบนี้ และบอกไป และ จบ...

ไม่กล้าคุย ไม่กล้ามองหนา ไม่กล้าเข้าใกล้

เสียดาย...
เสียดายความรู้สึกที่ดีๆ
เอิ๊กๆๆๆ



เศร้าใจจังเลย

แต่ขอบคุณที่นำเรื่องนี้มาให้อ่านครับ
เป็นกำลังใจให้ผมได้เยอะเลย

คัมซาฮัมนิดา
ซารังเฮ ไวรท์เตอร์
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 04-02-2010 14:15:50
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: gotoho ที่ 06-08-2010 15:11:19
ขอบคุณครับ แอบมีบางมุมที่เหมือนเรื่องเราเลยแฮะ แต่ผมเลือกที่จะไม่พูดไปอะ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Chocolate108 ที่ 07-08-2010 10:02:43
ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ

อ่านแล้วอินอะ

ร้องไห้เลย

ง่าปวดใจ TT'
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: adisablady ที่ 09-08-2010 18:25:48
เก็บ ๆ น่ารักดี
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: gotoho ที่ 10-08-2010 17:01:10
ขอบคุณครับ สุขแบบเหงาๆอะ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?(ขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม)update 24-7-50จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: u-only-one ที่ 11-08-2010 12:03:40
เป็นเรื่องที่ซึ้งมากๆ อ่านแล้วมีความสุข ปนเหงา
ฟังเพลงสุดท้ายของพี่เบิร์ด ยอมรับเลยว่าเป็นเำพลงที่เข้ากับสุดๆ
ฟังไปทำน้ำตาซึม  :o12:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 07-09-2011 15:35:33
 :L2: ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ นะฮ๊าฟฟฟฟ
เรื่องของความรู้สึกมันห้ามกันไมได้เนอะ เข้าใจ ๆ  :sad11:
 :L2: ขอบคุณฮ๊าฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 09-09-2011 21:30:24
ขอบคุณมากคะที่่มาเล่าเรื่องมิตรภาพที่ดีของเพื่อนให้รับรู้กัน....อ่านไปแรกๆที่คุณทีเริ่มมีใจให้เพื่อนสนิทบอกความนัยกันไปแล้วไม่ได้เป็นด้งหว้ง....ปวดใจ....เข้าใจเลยคะยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ.....แต่ซีดีมากแคร์ความเพื่อนตลอด.....ชอบตอนที่ขอเป็นแฟนหนึ่งวัน...น่ารักดีแต่ก็เศร้าไปด้วยตอนที่ซีโทรกลับไปหาแฟนแล้วทีแอบไปร้องให้นะ....โอ๊ยยยยยยย...:ๆๆ.....น่าเห็นใจอะ...:แต่ดีนะสารภาพไปแล้วเพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้างกันเสมอ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 21-06-2012 07:22:38
โอ๊ยย อ่านแล้วโครตประทับใจเลยอะ !!!

ชอบมากเลยคะ...ให้ความรู้สึกที่ดีๆให้กะนถึงแม้สถานะจะเป็นเพื่อน
แต่ก็แอบเศร้านิดๆทำเอาเราร้องไห้เลย
สุดท้ายก็ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่านคะ
หัวข้อ: Re: คนนี้แหละที่พี่อยากได้ ขอวลอีกนิดนคดี๋ยวอมลงห้น่นอน อย่กันลืมน
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 21-06-2012 12:17:02
ถึงม่สมหวังต่ก็น่จดจ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 22-06-2012 01:03:57
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ยังไงความรักก็มีหลายรูปแบบ  ให้เราเลือกใช้ อย่า....ปิดกั้นตัวเองเลยค่ะ
คนเราต้องเดินต่อไปข้างหน้า มิตรภาพระหว่างเพื่อนมันงดงามเสมอ  แต่ถ้ามีคนพร้อมจะเดินข้างๆ เรา
ก็ควรเปิดโอกาสหันไปมองบ้างนะคะ   บางครั้งความรัก มันก็ไม่ใช่ทุกอย่าง  ถึงจุดๆ หนึ่งเราเองก็อยากมีใครข้างๆ ตัวเราเช่นกัน
ยังไงซะ  ....ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเรา แค่เรามีความสุขก็คงพอแล้ว 
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ค่ะ  ประทับใจมากๆ เลย สู้ต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: mumamayza ที่ 01-07-2012 22:18:49
 o8 น่าสนจัย !!
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 08-05-2013 08:47:05
ถึงปลายทางไม่สมหวังแต่ระหว่างทางที่อยู่ด้วยกันมาก็เป็นความทรงจำที่ดีสุดๆนะ
บางครั้งรักกันแบบนี้มันบริสุทธิ์กว่าแบบแฟนอีก
 ซีเป็นคนที่น่ารักมากๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมคุณทีถึงรัก
 เพราะซีเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนมากๆ แต่ในอีกแง่นึงมันก็เป็นการให้ความหวังกลายๆนะ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 16-11-2014 20:56:56
มิตรภาพที่ดีระหว่างเพื่อนเป็นสิ่งสวยงามครับ ซึ้งและก้อเศร้ามาก

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: yibsee2009 ที่ 08-12-2015 11:16:48
 :mew2:สู้ต่อไปนะครับ  สักวันคงมีวันของคุณที :mew2:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 09-12-2015 21:44:48
หะหะหะ เยอะจัด ตาลายอ่ะ :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 12:14:04
 :z3:
หัวข้อ: Re: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
เริ่มหัวข้อโดย: sukiraw ที่ 26-06-2017 17:54:48
ขอบคุณที่เข้ามาแบ่งปันเรื่องราวนะคะคุณที เป็นกำลังใจให้นะคะ เก็บเรื่องดีๆไว้ในความทรงจำ ชีวิตเราเริ่มต้นใหม่ไม่สายค่ะ สู้เขานะ =)  :L2: