พิมพ์หน้านี้ - { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: March. Marcia ที่ 17-01-2016 16:46:54

หัวข้อ: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 17-01-2016 16:46:54
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ







BAD
ร้ายเกินกว่ารัก

(http://image.free.in.th/v/2013/ih/160105090817.png)

:: CLARK TREVOR ::
THIS CAN NOT BE LOVE, THIS IS NOT WHAT I CALL LOVE”
:: NARA NARUETHAI ::
“YOU KNOW I'M IN LOVE WITH YOU, AND YOU KNOW YOU'RE IN LOVE WITH ME TOO...DON'T RUN AWAY FROM ME



...
“รักผู้ชายด้วยกันน่ะมันไม่ผิดหรอก ที่ผิดน่ะคือการรักคนที่เขาไม่รักเราต่างหาก”
...




ลูกเอ๋ยยังไม่เคยรู้รสร้าย
ที่ความรักกลับกลายแล้วหน่ายหนี
อันเจ็บปวดยวดยิ่งทุกสิ่งมี
ไม่เท่าที่เจ็บช้ำระกำใจ

( ขุนช้างขุนแผน : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย )

บทนำ

มนุษย์นั้น...ต่อให้เลวร้ายเพียงใด...ต่ำทรามหยาบช้ามากแค่ไหน
หากทว่าก้อนเนื้อที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ ก็สามารถถูกทำร้ายย่ำยีได้เช่นเดียวกัน
หัวใจเป็นสิ่งเปราะบาง หากทว่ามีกลไกซับซ้อนจนยากที่ใครจะหยั่งถึงได้
ภายนอกนั้นอาจดูเข้มแข็ง ร้ายกาจ เลือดเย็น
แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ ว่าภายใต้ความเลวร้ายที่เราเลือกแสดงออกให้ทุกคนได้เห็นนั้น
แท้จริงแล้ว -- มันก็เป็นเพียงหน้ากากในการปกปิดหัวใจที่ขาดวิ่นของตนเองก็เท่านั้น
เป็นคนชั่วแล้วยังไง คนชั่วมันไม่มีหัวใจเหรอ
เป็นคนเลวแล้วยังไง คนเลวเจ็บปวดไม่เป็นเลยอย่างนั้นเหรอ
นาราก็แค่ผู้ชายเลว ๆ คนหนึ่ง เป็นเพียงคนเลวที่รักคนคนหนึ่งหมดทั้งหัวใจ
และเมื่อเขารักใคร คนคนนั้นก็จะต้องเป็นของเขาเพียงแค่คนเดียว
‘คลาร์ก เทรย์เวอร์’ จะต้องเป็นของเขาเพียงแค่คนเดียว
คนเดียวเท่านั้น

     เพล้ง!

     “นารา!” น้ำเสียงโกรธจัดของคลาร์กตวาดขึ้นลั่นห้องทันทีที่แจกันใบสวยถูกร่างเล็กบอบบางเขวี้ยงผ่านหน้าของเขาไปกระแทกกับผนังห้องจนแตกละเอียด ดวงตาคู่คมดุดันวาวโรจน์ จ้องมองสบกับดวงตาเรียวสวยของคนที่ยืนหอบจนตัวโยน

     ฝ่าย ‘นารา นฤทัย’ เองก็จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาโกรธขึงอย่างไม่ลดละ ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     “ผมเคยบอกคุณแล้วนะว่าอย่าเอาอีตัวมากกที่คอนโด มันน่าขยะแขยง” จบประโยค ดวงตากลมก็ตวัดมองร่างเปลือยเปล่าบอบบางบนเตียงกว้าง ในขณะที่คู่กรณีมองมาที่นาราด้วยแววตาหวาดกลัว

     คนถูกมองแค่นยิ้ม หันกลับมาจ้องหน้าคลาร์กที่ยังยืนนิ่ง สองมือกำแน่นเพื่อสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้

     “เอามันออกไปจากห้องนี้ซะก่อนที่ผมจะหมดความอดทน คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ใจดีเหมือนเมียเก่าของคุณหรอกนะ”

     “อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับกีรติจะดีกว่า กีย์น่ะดีกว่านายเยอะ อย่างน้อย ๆ ก็ไม่เที่ยวทำตัวตกต่ำน่าอับอายแบบที่นายกำลังทำอยู่” คลาร์กพูดเสียงเย็น ทำเอานาราหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกับเอ่ยประชดกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

     “ก็ถ้ามันดีนักหนาแล้วคุณตกลงหมั้นกับผมทำไมล่ะ ถ้ารักกันมากนักจะแบกหน้ามาขอผมกับพ่อทำไม!”

     “เพราะฉันสมเพชนายไงล่ะนารา”

     คลาร์กฉีกยิ้มเย้ยหยัน ร่างสูงเดินเข้าไปหาร่างขาวเนียนที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนาแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงกว้าง สองแขนรั้งร่างเล็กเข้ามากอดแน่นเพื่อปลอบประโลม ในขณะที่นารามองภาพตรงหน้าด้วยแววตานิ่งเรียบไร้ความรู้สึก

     เขาชินชากับมันแล้วล่ะ...

     ชินกับภาพที่คู่หมั้นของเขากอดปลอบคู่นอนอยู่บนเตียงกว้าง โดยมีนารายืนมองอยู่ห่าง ๆ ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

     “นายเองก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าทำไมฉันถึงต้องลดตัวลงไปหมั้นกับคนน่าสมเพชแบบนาย” คลาร์กตอบกลับมาเสียงเรียบ เรียกโทสะของนาราให้พุ่งสูงขึ้น ชายหนุ่มหันไปคว้าโมเดลตั้งโชว์ทรงสี่เหลี่ยมที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นมาแล้วจัดการฟาดมันใส่ร่างของหนุ่มลูกครึ่งเต็มแรงจนเกิดเสียง

     ปั้ก!

     “แล้วไง คนอย่างผมมันทำไมเหรอ ถ้าฝืนใจมากก็ถอนหมั้นซะสิ โง่ดันทุรังทำซากอะไร!!!!” นาราตวาดกร้าว นัยน์ตาคู่สวยวาวโรจน์ขึ้นอย่างน่ากลัวหากแต่คลาร์กกลับไม่มีความรู้สึกกริ่งเกรงคนที่กำลังโมโหร้ายตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มตวาดกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดันไม่แพ้กันหวังจะให้คนตรงหน้าได้สำนึก แต่ก็ดูเหมือนคำพูดของเขาแค่ผ่านหูนาราไปเท่านั้น

     “ก็หมาตัวไหนล่ะที่พอฉันจะถอนหมั้นแล้วมันดันเรียกร้องความสนใจด้วยการลุกขึ้นมาจะฆ่าตัวตายน่ะ หมาตัวไหนล่ะที่มันเห่าใส่หูฉันทุกวันว่ารักฉันไม่ให้ฉันทิ้งไป ก็หมาอย่างนายไงล่ะนารา หมาอย่างนายนั่นแหละที่ทำให้ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้ สำนึกซะบ้างเถอะ!”

     “ทำไม ผมมีอะไรด้อยกว่าไอ้ตัวอีตัวที่คุณกกอยู่ตรงไหน ผมด้อยกว่าไอ้เวรกีรตินั่นตรงไหนทำไมคุณถึงรักผมไม่ได้ ถ้ามันฝืนใจมากก็ปล่อยให้ผมตายไปเลยสิ!”

     “แล้วคิดว่าทุกวันนี้ฉันอยากให้นายมีชีวิตอยู่นักหรือไง!”

     “!!!!”

     “ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อนาย ไม่ใช่เพราะพ่อฉัน ฉันปล่อยให้นายตายห่าไปตั้งแต่วันแรกที่นายคิดจะตายแล้วล่ะจำเอาไว้!!!” คลาร์กพูดจบก็โอบกระชับร่างเล็กให้แน่นขึ้น นารามองภาพตรงหน้าด้วยสายตาวูบไหวเพียงชั่วครู่ก่อนจะแสยะยิ้มร้าย ดวงตากลมเบนทิศไปยังร่างที่กำลังสั่นไหวในอ้อมกอดของคู่หมั้นหนุ่มแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง

     “ชื่อรณกรสินะ”

     “คะ...คุณคลาร์ก”

     “ชู่ว เงียบไว้ หมอนั่นทำอะไรนายไม่ได้หรอก” คลาร์กกระซิบกับคนในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะก้มลงจูบที่ขมับบาง รณกรซุกใบหน้าหลบสายตาเชือดเฉือนของนาราพร้อมกับร่างกายขาวบางที่กำลังสั่นระริก

     น่ากลัว...คู่หมั้นของคลาร์กน่ากลัวเกินไปแล้ว

     “กลับไปก่อนไปนารา” คลาร์กเอ่ยไล่คนตัวเล็กพร้อมกับจ้องใบหน้าขาวเนียนตรงหน้า นาราเลิกคิ้วมองคู่หมั้นหนุ่มก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ

     “ทำไมล่ะ กลัวผมงั้นเหรอ?”

     “...”

     “หึ! ดูเด็กของคุณเอาไว้ให้ดี ๆ นะคลาร์ก ดูมันเอาไว้ให้ดี ๆ ” นาราพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างมุ่งร้าย คลาร์กมองคนตรงหน้าพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะโอบกระชับร่างของรณกรให้แนบแน่นยิ่งขึ้นไปอีก

     เขารู้ดี รอยยิ้มแบบนี้มักจะตามมาด้วยหายนะเสมอ

    “ดูเด็กของคุณเอาไว้ให้ดี ๆ ก็แล้วกันนะคลาร์ก ระวังเอาไว้ให้ดี ซักวันมันจะมีชะตากรรมไม่ต่างอะไรไปจากเมียเก่าของคุณคนนั้นแน่ จำเอาไว้”



อ่านพระเอกเหี้ยมาเยอะแล้ว มาลองเปลี่ยนแนวอ่านนายเอกอำมหิตบ้างดีกว่าเนาะ
สกรีมในทวิตติดแท็ก #คุณคลาร์กกับหนูนา นะคะ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } บทนำ - 1.17.2016
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 17-01-2016 16:48:09
สารบัญ

... 0 % ...
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } บทนำ - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 17-01-2016 17:01:40
ตอนที่ 1


     พลั่ก!
     
     “อ๊ะ! เจ็บนะ!!!” เสียงเล็กหวีดร้องออกมาทันทีที่คลาร์กก้าวเข้ามาถึงตัวนาราภายในห้องกว้างของเจ้าตัว ร่างสูงของชายหนุ่มอาศัยแรงที่มีมากกว่ากดร่างเล็กลงกับเตียงนอนขนาดคิงไซส์ ก่อนจะเอื้อมมือไปกำรอบลำคอขาวเอาไว้พร้อมกับออกแรงกดจนนาราหายใจสะดุดใบหน้าแดงก่ำ

     “ไอ้ชั่ว ปล่อยนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับผมแบบนี้ อื้อ!!!” ร่างเล็กพยายามดิ้นพร้อมกับวาดมือสะเปะสะปะไปทั่ว หากแต่คลาร์กไม่สนใจ ความโกรธคืบคลานเข้าครอบงำร่างสูงโปร่งจนชายหนุ่มขาดสติ มือแกร่งออกแรงบีบลำคอของคนตัวเล็กกว่าจนสุดแรงทำเอานาราเบิกตากว้าง เอื้อมไปหยิบโคมไฟราคาแพงที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ตั้งใจจะใช้มันฟาดเข้าที่ร่างของคลาร์กเต็มแรงหากแต่คนตรงหน้ากลับคว้ามือเล็กเอาไว้ได้และจัดการเหวี่ยงโคมไฟจนปลิวไปกระแทกกับผนังห้องจนแตกละเอียด

     เพล้ง!!!!

     “อึ่ก ปะ ปล่อยนะ…” นาราพูดเสียงกระท่อนกระแท่นพร้อมกับน้ำสีใสที่เอ่อคลอขึ้นมาที่ขอบตาเรียว คลาร์กจ้องมองคนใต้ร่างพร้อมกับแสยะยิ้ม

     “อยากตายไม่ใช่หรือไง นี่ไงก็กำลังจะสงเคราะห์ให้ ไม่ดีใจเหรอ!!!!” ชายหนุ่มตะคอกอย่างเดือดดาลพลางออกแรงบีบลำคอขาวจนนาราสะดุ้งสุดตัว

     ไม่ เขายังไม่อยากตาย นารายังไม่อยากตาย

     เขาจะตายไม่ได้ ถ้านาราตายตอนนี้คลาร์กก็จะมีไปความสุขอยู่คนเดียว

     ไม่มีวัน!!!!

     พลั่ก!

     “โอ๊ย!” ร่างเล็กใช้แรงเฮือกสุดท้ายยกขาถีบเข้าที่กลางลำตัวของคลาร์กจนชายหนุ่มกระเด็นไปด้านหลัง และเมื่อร่างกายได้รับอิสระนาราก็ตะกายขึ้นไปนั่งบนเตียงกว้างพร้อมกับจ้องมองมาทางคลาร์กด้วยแววตาดุดัน

     “สารเลว!” คนตัวเล็กตะคอกสุดเสียงพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าหวาน

     “เออ!” คลาร์กตะคอกกลับพลางมองร่างเล็กบนเตียงด้วยความเกลียดชัง นาราหลับตาลงหนีสายตาของคู่หมั้นหนุ่มก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้แก่ตัวเอง

     คิดไม่ผิดจริง ๆ นารากะอยู่แล้วเชียวว่าสุดท้ายมันก็เหมือนเดิม

     คลาร์กไปมีอะไรกับคนอื่น

     เขาตามไปอาละวาดแล้วก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงคลาร์กก็ตามมาทำร้ายเขา และจบลงด้วยการที่ต่างฝ่ายต่างเงียบใส่กันและแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง มันเป็นแบบนี้ซ้ำ ๆ มาตลอดสองปีที่เขาและคลาร์กใช้ชีวิตอยู่ในฐานะคู่หมั้นของกันและกัน ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีประโยคแก้ตัวหรือคำพูดที่บอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก มีแค่เพียงคำพูดร้ายกาจที่พ่นใส่หน้ากัน มีเพียงแค่ฝ่ามือของแต่ละคนที่ส่งแรงลงไปยังร่างกายของอีกคน มีเพียงแค่เสียงข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกทำลายไปทั่วห้อง

     ไม่มีใครเอ่ยขอโทษ ไม่มีใครพูดว่าจะหยุด...ไม่มี

     แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะต่างออกไปตรงที่คลาร์กโกรธกว่าทุกครั้ง ชายหนุ่มลงมือรุนแรงกว่าทุกครั้ง เรียกได้ว่านี่เป็นครั้งที่สองที่คลาร์กตั้งใจจะฆ่าเขา

     ใช่ นาราบอกว่ามันเป็นครั้งที่สอง

     ครั้งแรกคือตอนที่ชายหนุ่มรู้ว่าเขาส่งคนไปข่มขืน ‘กีรติ’ อดีตคนรักของคลาร์กเพื่อบังคับให้ชายหนุ่มตกลงหมั้นกับเขา หลังจากนั้นสองวันคลาร์กก็ปรากฏตัวขึ้นและตั้งใจจะทำร้ายนาราแต่ก็ไม่สำเร็จ ในตอนนั้นนาราก็แค่คนงี่เง่าอ่อนแอ เขาเจ็บปวดกับสิ่งที่ตนเผชิญ ร้องไห้จนแทบบ้า และเมื่อคิดอะไรไม่ได้ ทางออกเดียวก็คือมีดโกนในห้องน้ำ นาราหยิบมันขึ้นมากรีดไปทั่วแขนจนเลือดชุ่มไปทั่วห้องก่อนจะสลบไป รู้ตัวอีกทีเขาก็อยู่ที่โรงพยาบาล และแน่นอนคนแรกที่เขาถามหาก็คือผู้ชายใจร้ายอย่าง คลาร์ก เทรย์เวอร์

     นาราในตอนนั้นเหมือนคนโง่ เขาวิ่งตามคนคนเดียวโดยไม่สนใจใครมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพียงเพราะคำพูดโง่ ๆ ของคนคนหนึ่ง และคุณพิสิทธิ์บิดาของนาราผู้ที่รักลูกชายยิ่งกว่าอะไรจึงต้องบากหน้าไปทวงบุญคุณกับคลาร์กในฐานะที่เคยช่วยให้ครอบครัวของอีกฝ่ายรอดพ้นจากการล้มละลาย คุณพ่อของนาราขอให้คลาร์กหมั้นหมายกับเขา ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่กีรติหายไป ทิ้งไว้เพียงคำเลิกราผ่านกระดาษเพีบงแผ่นเดียว คลาร์กจึงตกลงอย่างจำยอม

     และเรื่องราวทุกอย่างก็เริ่มต้น

     ชีวิตของนาราเต็มไปด้วยความหวาดระแวง การทะเลาะเบาะแว้ง นาราตามหึงหวงแต่คู่หมั้นหนุ่มกลับไม่สนใจ ชายหนุ่มควงใครต่อใครออกงานมากมายหักหน้านาราไม่เว้นแต่ละวัน และนาราเองก็ตามวีนคลาร์กทุกวันจนคนภายนอกและสื่อต่าง ๆ ชินชากับการทะเลาะเบาะแว้งนี้

     ไม่ใช่แค่คนภายนอกที่ชินชา คุณพิสิทธิ์หรือแม้แต่ตัวนาราและคลาร์กเองก็ชินชากับมันราวกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต

     แต่พอมาวันนี้...วันที่นาราตามไปอาละวาดรณกรอะไรนั่น ก็ดูเหมือนว่าคลาร์กจะฉุนจนขาดสติ

     บางทีเวลานั้นอาจจะมาถึงแล้ว

     เวลาที่จะมีใครซักคนมาแทนที่กีรติในหัวใจของคลาร์ก

     ใครซักคนที่จะมาทำให้คลาร์กลืมคนรักเก่า ใครซักคนที่คลาร์กจะมอบหัวใจให้

     ใครซักคนที่ไม่ใช่ นารา นฤทัย คนนี้

     “คุณออกไปเถอะไป ผมง่วง จะนอน” นาราเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบพร้อมกับมองคนที่ยืนหอบหายใจถี่ข่มอารมณ์ตัวเองอยู่ ร่างเล็กพับความเจ็บปวดลงให้ลึกสุดใจและเลือกที่จะใช้สายตาเย็นชาจ้องไปที่ใบหน้าหล่อของอีกคน คลาร์กจ้องดวงหน้าเล็กที่ฉายแววเหนื่อยอ่อนอิดโรยแล้วก็ยิ้มเยาะออกมา

     “หึ เหนื่อยแล้วงั้นสิ นอนแล้วก็ตาย ๆ ไปให้มันจบเรื่องเลยก็ดีนะ คนอย่างนายอยู่ไปก็เปลืองอากาศซะเปล่า ๆ ” ชายหนุ่มพ่นคำพูดร้ายกาจออกมาทำเอาคนฟังหน้าชา นาราสูดหายใจอีกครั้งก่อนจะส่งยิ้มให้คลาร์กพร้อมกับพูดเสียงอ่อนโยน

     “เสียใจด้วยนะ คนชั่วน่ะใคร ๆ เขาก็บอกว่าตายยาก ผมมันหนังเหนียว ไม่ตายหนีคุณไปง่าย ๆ หรอก จะอยู่จองล้างจองผลาญคุณให้ตกนรกตาม ๆ กันไปแบบนี้นี่แหละ...อีกอย่าง ผมยังไม่ได้เล่นอะไรสนุก ๆ กับรณกรเลย เห็นคุณหวงนักหวงหนาคงมีอะไรเด็ด ๆ ซ่อนไว้เยอะน่าดู ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ แบบนั้นลูกน้องของผมน่าจะชอบ...”

     ปึ่ก!

     “อย่าแตะต้องรณกร ฉันขอเตือน” คลาร์กพูดเสียงเย็นหลังจากที่ชายหนุ่มคว้าที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้มือเขวี้ยงใส่นารา ดวงตากลมฉายแววดุดันน่ากลัวจนคนมองใจกระตุก นาราหลบสายตาน่ากลัวของคนตรงหน้าพลางมองไปยังที่เขี่ยบุหรี่บนตักของตัวเอง ไม่นานความรู้สึกเจ็บจี๊ดก็แล่นจากบริเวณหางคิ้วพร้อมกับความรู้สึกเย็นเยียบที่ตามมา พอเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสและผละออกมาก็พบกับของเหลวสีแดงฉานของตนเอง

     เลือด...

     “หึ...” คนตัวเล็กแค่นหัวเราะพลางช้อนสายตาขึ้นมามองใบหน้าของคู่หมั้นหนุ่ม

     “ก็เจ็บดี” คลาร์กชะงักทันทีที่เห็นสายตาของคนตัวเล็ก ชายหนุ่มเบนหน้าหนีภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นสายตาแบบนี้ นานมากแล้วที่นาราไม่ได้มองเขาด้วยสายตาเจ็บปวดแบบนี้

     คลาร์กเกลียดมัน เขาเกลียดสายตาแบบนี้ของนาราที่สุด

     “...”

     “คุณไปนอนเถอะ วันนี้เหนื่อยจะทะเลาะแล้วจริง ๆ ผมไม่อยากเผลอทำให้คุณเจ็บตัว” นาราพูดเสียงเบา ไม่สนใจจะเช็ดเลือดที่เริ่มไหลอาบใบหน้าหวาน มือขาวเอื้อมไปหยิบที่เขี่ยบุหรี่ขึ้นมาวางไว้ที่หัวเตียงก่อนจะจัดผ้าห่มเพื่อล้มตัวลงนอน

     “ก่อนหน้านี้ที่เขวี้ยงของใส่น่ะ ถ้ามันช้ำก็อย่าลืมทายาด้วยล่ะ ขอโทษด้วยก็แล้วกัน” ร่างเล็กเอ่ยคำขอโทษออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอน ทว่าคนฟังกลับใจหายวาบทันทีที่ได้ยินคำนั้น คำขอโทษที่ไม่เคยมีใครเอ่ย แต่พอมาวันนี้นารากลับเป็นคนพูดมันขึ้นมา คลาร์กควรจะรู้สึกยังไง?

     “นายควรห้ามเลือดก่อนจะนอน ปัญญาอ่อนรึเปล่านอนทั้ง ๆ แบบนั้น” ชายหนุ่มปัดความรู้สึกแปลก ๆ ออกไปจากหัวใจก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ นารายิ้มเยาะกับตัวเองก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงอู้อี้

     “ไปให้พ้นเถอะไป ไม่ต้องมาห่วงผมหรอก ไสหัวออกไปจากห้องได้แล้ว”

     “เหอะ” คลาร์กแค่นยิ้มก่อนจะหันหลังเตรียมตัวเดินออกจากห้อง ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเปิดประตูค้างเอาไว้แล้วหันหน้ากลับมามองกองผ้าห่มก้อนกลมบนเตียงอีกครั้งก่อนจะเอ่ยเสียงรามเรียบ

     “เรื่องกรน่ะ ขอล่ะนารา”

     “...”

     “คนนี้ฉันรักจริงๆ ” ชายหนุ่มทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะก้าวออกจากห้องไป ทันทีที่ประตูห้องปิดลงความเข้มแข็งและหน้ากากที่มีทั้งหมดก็พังทลายลง

     “...”

     ทำไมนะ

     “อึ่ก”

     ทำไมกัน

     “ฮึก...”

     ทำไมมันเจ็บแบบนี้ล่ะนารา ทำไมการรักใครสักคนมันถึงเจ็บปวดแบบนี้

     “ฮือออ...”
 
 
 
 
 
อีกด้านหนึ่ง

     “เคลียร์กันรู้เรื่องแล้วเหรอครับ” ร่างบางในชุดนอนลายทางสีฟ้าเอ่ยถามคลาร์กทันทีที่ร่างโปร่งปรากฏกายขึ้น รณกรเอื้อมมือไปแตะลำแขนแกร่งด้วยความเป็นห่วงก่อนจะจ้องมองใบหน้าเครียดจัดของอีกคนด้วยความกังวลใจ

     “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ คุณนาราไม่หายโกรธเหรอ ให้ผมไปช่วยพูดให้ดีมั้ยครับว่าเรา...”

     “ไม่ต้องหรอก อยู่นิ่ง ๆ ไปจะปลอดภัยที่สุด นายไม่รู้หรอกว่านาราสามารถทำอะไรนายได้บ้าง” คลาร์กพูดเสียงเครียดพลางตวัดร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ รณกรรับรู้ถึงกระแสความตึงเครียดที่ส่งผ่านมาจากร่างกำยำของอีกคน ชายหนุ่มยิ้มบางเบาก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหลังคลาร์กเพื่อให้อีกฝ่ายได้ผ่อนคลาย

     “คุณนาราอาจจะร้ายกาจไปบ้าง แต่ที่คุณเขาทำก็เพราะรักคุณมากไม่ใช่เหรอครับ” รณกรเอ่ยขึ้นอย่างมีเหตุผล คนฟังหัวเราะหึออกมาก่อนจะพูดเสียงราบเรียบ

     “รักแล้วไง รักแล้วต้องทำทุกอย่างให้ชีวิตของฉันล่มจมงั้นเหรอ ฉันรักคนเลวแบบนั้นไม่ลงหรอกกร นายไม่เห็นที่หมอนั่นทำวันนี้หรือยังไง นาราน่ะโมโหร้าย นิด ๆ หน่อย ๆ ก็อาละวาดได้ง่าย ๆ ฉันอยู่ด้วยคงประสาทตายเข้าซักวัน”

     รณกรหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของชายหนุ่ม คลาร์กขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ยิ่งคิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็ยิ่งหนักใจ กลัวเหลือเกินว่านาราจะทำอะไรร้ายแรงกับคนตัวเล็กตรงหน้านี่อีก

     “ปากก็บ่นว่าทนไม่ได้ แต่ก็ทนอยู่มาตั้งสองปีไม่ใช่เหรอครับ ทำไมคุณเปิดใจแล้วมองคุณนาราบ้างล่ะ เอาแต่ประชดคุณเขาด้วยการมีคนอื่นแบบนี้ก็ไม่วายจะทะเลาะกันเหมือนเดิม เผลอ ๆ จะดึงคนอื่นมาเดือดร้อนด้วยนะครับ”

     “จะให้ฉันรักคนที่ทำลายชีวิตของกีย์กับฉันได้ยังไงกร ทุกวันนี้สิ่งที่ฉันทำได้อย่างเดียวคืออดทน ได้แต่ภาวนาขอให้หมอนั่นตาย ๆ ไปให้พ้น ๆ ซักที” คลาร์กพูดขึ้น ภาพใบหน้าสวยหวานของนาราที่มีเลือดไหลบริเวณหางคิ้วทำให้รู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น

     จะทำตัวน่าสมเพชไปถึงเมื่อไหร่กันหนูนา...

     “คุณคลาร์กไม่น่ารักเลย ถ้าคุณนารามาได้ยินเขาจะเสียใจมากรู้มั้ยครับ” รณกรเอ็ดพร้อมกับย่นจมูกใส่คนตัวสูง คลาร์กยิ้มน้อย ๆ กับกริยาท่าทางน่ารักของคนตัวเล็กกว่าก่อนจะก้มลงฟัดแก้มนิ่มของรณกรด้วยความหมั่นเขี้ยว

     “ฮื้อออ คุณคลาร์กพอแล้วนะ ผมเหนื่อยแล้ว!”

     “ไม่พอ เด็กดื้ออย่างนายต้องโดนฉันทำโทษทั้งคืน!” คลาร์กพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนและก้าวเดินไปยังเตียงกว้าง ชายหนุ่มวางร่างเล็กของรณกรลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนจะเคลื่อนกายขึ้นไปทาบทับร่างเล็กที่หอมกรุ่นกระตุ้นอารมณ์บางอย่างให้ก่อตัวขึ้น

     “มาทำโทษอะไรกัน ผมยังไม่ดื้อซักหน่อย อย่ามาโมเมสิ” รณกรพูดพร้อมกับดันอกแกร่งของคนด้านบนเอาไว้ยามเมื่อคนตรงหน้าหมายจะก้มลงมาช่วงชิงริมฝีปากคู่สวย คลาร์กยิ้มอ่อนโยนให้กับคนตรงหน้าก่อนจะเคลื่อนตัวไปกดจมูกลงบนขมับบางพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ

     “ก็นายน่ะเอาแต่บอกให้ฉันรักนารา เอาแต่เข้าข้างหมอนั่น ทำเหมือนนายไม่รักฉันอย่างงั้นแหละกร ชอบนักเหรอผลักไสฉันให้คนอื่นน่ะ” คลาร์กบ่นข้างใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงงอน ๆ รณกรได้ฟังก็ทอดถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย ดูเหมือนคนตรงหน้าจะลืมอะไรไปรึเปล่า...

     “ที่ผมเข้าข้างคุณนาราก็เพราะว่าคุณเขาอยู่ในฐานะคู่หมั้นของคุณ ผมมันก็เหมือนกับคนที่มาแย่งคุณมาจากเขา คุณนารามีสิทธิ์ในตัวคุณทุก ๆ อย่างในขณะที่ผมไม่ต่างอะไรไปจากมือที่สามเลย อย่าให้ผมดูแย่ไปกว่านี้เลยนะครับ คุณต้องเข้าใจผมด้วยนะ ความสัมพันธ์ของเราสองคนมันก็เหมือนคู่นอนทั่ว ๆ ไป ซักวันก็ต้องแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางอยู่ดี”

     “แต่ฉันรักนายนะกร นายไม่รักฉันบางเหรอ ไม่เจ็บปวดบ้างเหรอที่เห็นฉันไปเป็นของใครคนอื่น” คลาร์กเอ่ยถาม ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ร่างเล็กและกอดรณกรเอาไว้แน่น ทุกลมหายใจเข้าออกหนักอึ้ง ในอกรู้สึกปวดแปลบแปลบราวกับมีคนเอาหินก้อนใหญ่มาถ่วงเอาไว้ มันเจ็บ มันหน่วง คลาร์กอธิบายไม่ได้ว่าทำไม่เขาจึงรู้สึกเช่นนี้

     “รักสิครับ รักมาก แต่คุณเป็นของคนอื่น แน่นอนผมเจ็บปวด แต่เราจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อคุณนาราไม่ยอมปล่อยคุณ” คำพูดของรณกรสะกิดใจคลาร์กอย่างแรง ใช่ ถึงเขาจะรักใครแต่ถ้านารายังมีชีวิตอยู่เขาก็คงไม่มีทางสมหวัง

     “หยุดความสัมพันธ์ของเราเอาไว้แค่ตรงนี้เถอะนะครับ ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้” รณกรฉีกยิ้มกว้างแต่นัยน์ตาคู่สวยกลับเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ทำไมเขาจะไม่รักคลาร์ก เขารัก รักมาก รักมากพอ ๆ กับที่คลาร์กรักเขา รักจนยอมปล่อยตัวปล่อยใจกลายเป็นคนเลวทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่ถึงจะรักมากแค่ไหนแต่รณกรก็ต้องตัดใจ

     เพราะตราบใดที่นารายังหายใจอยู่บนโลกใบนี้ คลาร์กจะไม่สามารถไปเป็นของใครได้อีกแล้ว

     “ฉันรักนายมากนะ สัญญากับฉันนะว่าจะรักฉันตลอดไป” คลาร์กไม่ตอบแต่กลับเลือกที่จะบอกรักคนตัวเล็กแทน รณกรพยักหน้ารับรู้ก่อนจะซุกกายเข้าหาร่างแกร่งของคลาร์กแล้วเอ่ยพึมพำเสียงเบาหวิว

     “ผมก็รักคุณ” ทั้งสองพึมพำบอกรักกันท่ามกลางความมืดมิด สองมือโอบกระชับร่างของกันและกันแน่นราวกับกลัวว่าวันพรุ่งนี้อีกคนจะหายไป คลาร์กหลับตาลง เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาควรจะปล่อยให้เรื่องนี้มันดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน

     บางที...มันอาจจะถึงเวลาที่ต้องคุยกับนาราให้รู้เรื่อง

     บางที...มันอาจจะถึงเวลาที่ต้องบอกให้นาราเข้าใจเสียทีว่าเขารักนาราไม่ได้

     ใช่ มันถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะทำอะไรซักอย่างเพื่อตัวเองและคนที่เขารัก

     แต่คลาร์กคงไม่รู้ว่าหลังจากวันพรุ่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล...
 
 
 
 
 
     ร่างเล็กนอนเหยียดกายไปตามความยาวของเตียงกว้าง ดวงตาเรียวแดงก่ำบ่งบอกว่าเจ้าตัวผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ใบหน้าหวานเกรอะกรังไปด้วยคราบเลือดที่แห้งแล้ว ความเจ็บแสบที่บริเวณคิ้วไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กสนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย บัดนี้นาราทำเพียงแค่นอนหงาย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองไปบนเพดานท่ามกลางความมืดมิด

     อ่อนแอ เผลออ่อนแออีกแล้ว

     เมื่อไหร่เขาจะเข้มแข็ง เมื่อไหร่จะสามารถยืนหยัดอยู่เพียงลำพังได้ ใช่ว่านาราอยากจะเป็นแบบนี้ เขาไม่อยากจะรักคลาร์กจนโงหัวไม่ขึ้น ไม่อยากเป็นคนน่าสมเพชในสายตาคนอื่น แต่จนแล้วจนรอดนาราก็ทำไม่ได้ เขารักคลาร์กมากเกินไป มากเสียจนยอมซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างขอแค่ได้มีร่างสูงของคนคนนั้นมายืนอยู่ข้างกาย

     นารารักและอยากครอบครองคลาร์กเอาไว้คนเดียว เขาไม่คิดจะแบ่งอีกฝ่ายให้กับใคร

     “เมื่อฉันไม่ได้นายก็ต้องไม่ได้ รณกร...” ร่างเล็กพึมพำด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบก่อนจะแสยะยิ้มท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมไปทั่ว มือบางควานหาโทรศัพท์ของตนเองก่อนจะหยิบขึ้นมากดเบอร์ที่คุ้นเคยแล้วนำเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาแนบใบหูเล็ก รอเพียงไม่นานปลายสายก็กดรับพร้อมกับกรอกเสียงนิ่งเรียบกลับมาให้

     [ครับคุณหนู]

     “ฉันมีงานให้นายทำ” นาราเอ่ยความต้องการออกไปทันที ปลายสายนิ่งไปอึดใจก่อนจะถามกลับมาด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิม

     [ครับ] คำตอบรับเพียงหนึ่งพยางค์ทำเอานารายิ้มร่า

     “เหมือนเดิม เพียงแต่ครั้งนี้เอาให้ตาย อย่าให้มันรอดเหมือนคราวของกีรติอีก ไม่งั้นคนที่จะตายคือนาย”

     [ครับ แล้วคนที่คุณนาราจะให้ผมไปทำ...]

     “มันชื่อรณกร...เดี๋ยวจะส่งข้อมูลไปให้พรุ่งนี้เช้า”

     [ครับ...]

     “งานนี้อย่าได้พลาดอีกเป็นอันขาด ถ้าครั้งนี้นายพลาด คงรู้ชะตากรรมตัวเองดีนะ...อีริค”



เคยลงไปนานมากแล้วแต่ไฟล์หาย เราเพิ่งหาเจอเลยหยิบมารีไรท์ใหม่ (เจอแบบบังเอิญมาก ๆ ฮือ ;_;)
ตอนนั้นใช้ชื่อไทย พระเอกไทย นายเอกไทย แต่เวอร์ชั่นนี้ขอพระเอกหรั่งนะคะ ฟามชอบส่วนตัว 5555
ขอฝากคุณคลาร์กกับหนูนาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของพี่ยกน้องยกด้วยนะคะ <3<3
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 1 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 17-01-2016 20:21:54
หลังจากผ่านพระเอกแนวเหี้ยน้ำจืด เหี้ยน้ำเค็ม เหี้ยน้ำฝน แล้ว
มาเจอนายเอกเหี้ยมๆบ้างน่าจะสนุกค่ะ
แต่นิสัยหลงคลาร์กจนโงหัวไม่ขึ้นนี่ ตามมาอาละวาด มันดูอารมณ์เมียหลวงร้ายๆเหมือนละครหลังข่าว
คุณน้องรณกรนี่ก็แปลกทำเป็นพูดว่าให้รักให้เห็นใจนารา แต่สิ่งที่ตัวเองทำมันสวนทางกันเลย
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 1 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 17-01-2016 20:42:21
อารมณ์ที่อ่านตอนที่รณกรบอกว่าตราบใดที่นารายังอยู่จะไม่มีใครสามารถได้อยู่กับคลากนี่เห็นย้ำหลายครั้งเหมือนกับว่านางอยากให้คลากฆ่านาราไปเสีย

ก็จริงตามที่รณกรว่าไว้ว่าคลากทนมาได้ตั้งสองปี  ทนมาทำไม เรื่องบุญคุญ ความแค้น?  โศกนาฏกรรมมากกว่าที่มีคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับสองคนนี้
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 1 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 17-01-2016 20:48:28
มารอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 1 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 17-01-2016 22:20:00
ตอนที่ 2


รักลวง รักจริง ทิ้งขว้าง
รักร้าง รักหลอก ชอกช้ำ
รักไร้ รักร่วง บ่วงกรรม
รักซ้ำ รักซัด ตัดใจ
หยกสีหม่น

     “นี่คุณ ไปกินข้าวกันเถอะ” ร่างเล็กของนาราก้าวเข้ามาในห้องทำงานของคู่หมั้นหนุ่มในวันรุ่งขึ้น ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูอิดโรย หากแต่เจ้าตัวก็พยายามปกปิดมันเอาไว้ด้วยรอยยิ้มสดใส ขาเล็กก้าวเร็ว ๆ เข้ามาถึงตัวร่างสูงที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน พร้อมกับเอื้อมมือไปกอดคอคลาร์กจากทางด้านหลังพลางแนบแก้มนุ่มไปกับแก้มเย็น ๆ ของอีกคน
     
     “เที่ยงแล้ว พักงานก่อนแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ” นาราพูดเสียงออดอ้อน เอียงใบหน้าเข้าไปมองคลาร์กจนจมูกเล็กเฉียดกับแก้มของอีกคน

     ร่างสูงถอนหายใจกับกริยาของคู่หมั้นตัวเล็กก่อนจะตอบเสียงราบเรียบ

     “ไม่ได้หรอก โปรเจ็คนี้พ่อนายต้องการด่วน ฉันต้องรีบเคลียร์ให้เสร็จ นายกินไปก่อนเถอะ” คำตอบของคลาร์กทำเอานาราหุบยิ้ม ร่างเล็กทำตีสีหน้านิ่งขึ้นมาทันทีก่อนจะกอดคอชายหนุ่มแน่นขึ้นพร้อมกับเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนแก้มกลมแนบกับแก้มของคลาร์กอีกครั้ง

     “ไม่เป็นไรหรอกน่า คุณก็บอกไปสิว่าผมลากไปกินข้าว แค่นี้พ่อก็ไม่ว่าแล้ว” นาราพูดอย่างดื้อดึงจนอีกฝ่ายต้องเอ็ดออกมา

     “นี่นารา หัดทำตัวให้มีเหตุผลหน่อยได้มั้ย บอกว่าไม่ว่างก็คือไม่ว่างสิ จะไปไหนก็ไปเถอะไปฉันรำคาญ”

     “...” นาราเม้มปากแน่นทันทีที่ประโยคของคลาร์กจบลง อีกแล้ว มันเป็นแบบนี้ตลอด หลังจากที่ทะเลาะกันก็แยกย้ายกันไป พอวันรุ่งขึ้นนาราก็จะมาหาคลาร์กและชวนไปนั่นไปนี่ ทำราวกับเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้น ทำเหมือนกับว่าคำพูดร้ายกาจและบาดแผลตามร่างกายของกันและกันนั้นไม่ได้เกิดจากการทะเลาะกัน นาราพยายามเยียวยาความรู้สึกของเขาและตัวคลาร์กเองแม้จะรู้ดีว่าไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่รู้แต่เขาก็ยังทำ
 
     กี่ครั้งที่โดนดุ
 
     กี่ครั้งที่โดนด่า
 
     กี่ครั้งที่โดนว่า
 
     กี่ครั้งที่คนตรงหน้าส่งสายตาเย็นชามาให้
 
     มันกี่ครั้งแล้วที่คลาร์กขยี้หัวใจเขาให้มันแหลกจนไม่มีชิ้นดี แต่คนโง่อย่างนาราก็ยังเก็บเศษหัวใจที่ขาดวิ่นขึ้นมาเย็บให้มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่ แม้ว่าเข็มจะทิ่มมือจนเจ็บ แม่รู้ว่าหัวใจดวงน้อย ๆ ดวงนี้มันจะไม่เหมือนเดิมแต่นาราก็ยังจะทำ เจ็บแค่ไหนก็ทน ทนเพียงเพราะเหตุผลเดียว
 
     เพราะรักคนตรงหน้ามากกว่าอะไรทั้งนั้น
 
     ทำตัวดีก็แล้ว กลายร่างเป็นคนเลวร้ายก็แล้ว แต่ผลตอบแทนของความรักในครั้งนี้ก็ยังเหมือนเดิม นาราเริ่มจะเหนื่อยแล้ว เหนื่อยมากแล้วจริง ๆ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เขาจะพยายามเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าจนแล้วจนรอดคลาร์กไม่รักเขาจริง ๆ นาราก็จะยอมปล่อยอีกฝ่ายไป

     ปล่อยให้คลาร์กได้มีอิสระอย่างที่เจ้าตัวต้องการ ปล่อยให้คลาร์กได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
     ปล่อย...ให้คลาร์กใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวให้สมกับการที่ทิ้งขว้างหัวใจของเขา ให้อยู่เพียงลำพังเหมือนอย่างที่คลาร์กทำกับเขา ปล่อยให้เจ็บเจียนตาย...
     เพราะปกป้องคนที่บอกว่ารักนักรักหนาเอาไว้ไม่ได้
     คุณทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เองนะ คุณรนหาที่เอง
 
 
 
 
 
Grand Deluxe Hotel
     ร่างขาวบอบบางของรณกรนอนขดอยู่บนเตียงกว้าง ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ห้องนอนกว้างบนโรงแรมหรูระดับห้าดาวบัดนี้ดังกึกก้องไปด้วยเสียงร้องไห้ มือบางจิกลงบนแขนเล็กเปลือยเปล่าจนเลือดซึมสร้างความเจ็บปวดให้แก่ร่างกายแต่เจ้าตัวก็หาได้สนใจไม่ ร่างขาวที่ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำนอนคุดคู้กกกอดตัวเองเอาไว้ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศยิ่งช่วยทำให้ร่างกายและจิตใจหนาวเหน็บเย็นยะเยือก

     น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลเอื่อยจากหางตาตกลงบนหมอนใบกว้าง แรงสะอื้นจากการร้องไห้มาเป็นเวลานานทำให้รู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งหน้าอก รวมถึงร่างกายอ่อนล้าที่เพิ่งผ่านการใช้งานมาอย่างหนักนั่นก็ยิ่งทำให้ร่างเล็กเจ็บปวดจนแทบขาดใจ

     “ฮึก รณกร...นายมัน ฮึก คนโง่”

     “คนโง่ ฮึก ไอ้โง่”

     “สมควรโดนแล้ว ฮึก ฮือออออ” รณกรพูดซ้ำ ๆ พร้อมกับกอดตัวเองแน่นขึ้น ชายหนุ่มร้องไห้จนน้ำตาแทบจะไหลออกมาเป็นสายเลือด ความเจ็บจากการถูกทำร้ายทบทวีกับความเจ็บปวดในใจยิ่งทำให้ตอนนี้รณกรราวกับสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บ

     มันสมควรแล้ว

     สิ่งที่รณกรโดนมันเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว

     รณกรคนโง่ โง่ที่จมดิ่งไปกับความรักจนพาตัวเองเข้ามาสู่กงล้อแห่งความโสมม โง่จนพาตัวเองเข้ามาอยู่ในวังวนแห่งความชั่วร้ายของนารา สมแล้วที่จะโดนแบบนี้ สมควรแล้วที่คนเลวอย่างรณกรจะได้รับผลตอบแทนของการแย่งของของคนอื่น

     เป็นไงล่ะรณกร ทั้ง ๆ ที่ใครหลายคนคอยเตือนเสมอว่าคนอย่างคลาร์กนั้นไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าไปยุ่งด้วยง่าย ๆ ไม่ว่าใครก็ตามหากได้หลวมตัวเข้าไปรู้จักกับผู้ชายคนนั้น หากได้หลวมตัวเข้าไปมีความสัมพันธ์ด้วยก็เป็นต้องพบเจอกับความเจ็บปวดทุกราย

     บ้างก็ล่าถอยเพราะไม่อาจทนความร้ายกาจของนาราผู้เป็นคู่หมั้น บ้างก็ต้องเจ็บเจียนตายและพังพินาศก่อนจึงจะสำนึกได้ว่าตนเองพ่ายแพ้และยอมหลีกทางออกมา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจหนีนาราพ้น แต่รณกรก็ยังดื้อดึง ดื้อที่จะรัก ดื้อที่จะมอบกายมอบใจให้

     สุดท้ายสิ่งที่เขาเจอก็ไม่ต่างจากคู่นอนของคลาร์กคนอื่น ๆ

     หากใครไม่ยอมถอยไปดี ๆ ก็คงจะโดนแบบที่เขาโดนอยู่ในตอนนี้

     รณกรโดนข่มขืน...

     และแน่นอนว่าไม่ใช่ฝีมือใครที่ไหนนอกจากนารา เขารู้ดีเพราะไม่เคยทำให้ใครขุ่นข้องหมองใจนอกจากคู่หมั้นตัวเล็กของคลาร์กคนนั้น รณกรผิดที่เข้าไปยุ่งกับคนของนาราอันนี้เขารู้และเจียมตัวเองอยู่เสมอ เพราะแบบนั้นตัวเขาเองจึงพยายามยุติความสัมพันธ์ลง แต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไป นาราไม่ปล่อยเรื่องของเขากับคลาร์กเอาไว้นาน นาราไม่ปล่อยเขาเอาไว้นาน
ไม่ถึงวันชีวิตของรณกรก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาเชื่อแล้วจริง ๆ ว่าคลาร์กคือสิ่งต้องห้าม คลาร์กเกิดมาเพื่อเป็นของนาราคนเดียวเท่านั้น และรณกรก็จะไม่ฝืนแย่งคลาร์กมาจากใคร เขามาทีหลังและแน่นอนคนที่จากไปจะต้องเป็นเขา

     “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ร่างเล็กพึมพำกับตัวเองก่อนจะค่อย ๆ พยุงร่างกายที่อ่อนล้าเข้าไปยังโซนที่จัดไว้สำหรับเป็นห้องครัว สายตากลมกวาดมองไปรอบบริเวณก่อนจะสะดุดอยู่ที่มีดสำหรับปอกผลไม้เล่มเล็กเล่มหนึ่ง รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นที่มุมปากขณะที่รณกรพาร่างกายที่บอบช้ำให้เข้าไปใกล้และเอื้อมมือไปหยิบมีดเล่มนั้นขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ ส่วนมืออีกข้างก็กำโทรศัพท์เครื่องเล็กที่หยิบออกมาด้วยเอาไว้ และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะลงตัวเสียเหลือเกินเพราะเพียงไม่กี่อึดใจโทรศัพท์ของเขาก็แผดเสียงขึ้น ร่างบางมองชื่อที่ปรากฏขึ้นในจอก่อนจะยกยิ้มพร้อมกับกดรับ กรอกเสียงแผ่วเบาทักทายคนที่อยู่ปลายสาย

     “ครับคุณคลาร์ก”

     [ทำอะไรอยู่ เลิกงานรึยัง ให้ไปรับรึเปล่า] คลาร์กกรอกเสียงกลับมาอย่างกระตือรือร้น รณกรยิ้มกว้างพร้อมกับพาร่างตัวเองไปนั่งบนโซฟากลางห้อง ก่อนจะตอบคำถามของปลายสายกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

     ได้แต่บอกตัวเองให้อดทน อย่าร้องไห้ให้คลาร์กได้ยินเป็นอันขาด

     “เลิกนานแล้วครับ คุณคลาร์กไม่ต้องมารับผมหรอก”

     [ได้ไงล่ะ ฉันคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง คิดถึงมากเลยรู้มั้ย ] ชายหนุ่มส่งเสียงหวานออดอ้อนมาตามสายเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากปากเล็กได้เป็นอย่างดี รณกรหัวเราะเบา ๆ ชั่วครู่ก่อนจะเงียบเสียงลงไป

     “...”

     [นี่ ๆ เสาร์อาทิตย์นี้ว่างไหม โปรเจ็คใกล้เสร็จแล้วอยากไปทะเลน่ะ ฉันจองห้องพักไว้แล้วด้วย ไปด้วยกันนะ] คลาร์กชวนมาตามสาย ฟังจากน้ำเสียงก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าตอนนี้คนปลายสายต้องกำลังฉีกยิ้มกว้างจนไม่น่าดูอยู่แน่ ๆ

     พอคิดถึงรอยยิ้มของอีกคนรณกรก็อดยิ้มตามออกมาไม่ได้ ชายหนุ่มกำมีดในมือแน่นก่อนจะถอนหายใจบางเบา และนั่นก็นับว่าเป็นสิ่งผิดพลาดเป็นอย่างยิ่งเพราะมันทำให้เขาหลุดสะอื้นออกมาจนคลาร์กได้ยิน

     “ฮึก”

     [กรเป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น?] คลาร์กถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน รณกรเม้มปากแน่นก่อนจะรู้สึกถึงความเย็นชื้นบริเวณข้างแก้ม
เขากำลังร้องไห้

     “ฮึก...”

     [กร เกิดอะไรขึ้น! นายอยู่ไหน!] ปลายสายถามออกมาอย่างร้อนรน น้ำเสียงสั่นเครือของคนตรงหน้ายิ่งทำให้ร่างเล็กรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น

     “ผมสบายดีครับ สบายดี”

     [กร]

     “ผมรักคุณนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สัญญานะว่าคุณจะทำในสิ่งที่คุณควรจะทำ”

     [หมายความว่ายังไง นายอยู่ที่ไหน]

     “ฮึก สัญญานะ สัญญากับผมได้มั้ย...” ร่างเล็กตัวสั่นเทิ้ม พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นแต่ก็ทำไม่สำเร็จ รณกรร้องไห้ออกมาจนทำเอาปลายสายใจแทบสลาย แทบจะนั่งไม่ติดพื้น ได้แต่ถามซ้ำ ๆ ว่ารณกรอยู่ที่ไหน

     “ผมรักคุณนะ ผมรักคุณ ฮึก...”

     [...]

     “อย่ารักใครนะครับ ฮึก สัญญากับผมว่าอย่ารักคนอื่นนะ” อย่ารักคนอื่นที่ไม่ใช่คุณนารา...

     [กร นาราทำอะไรนาย...]

     “ชีวิตคุณ ฮึก...เกิดมาเพื่อเป็นของคน...อึก คนคนเดียว” ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นพาเอาหัวใจของปลายสายแทบจะแหลกเป็นชิ้น ๆ รณกรคนดีของคลาร์กจะรู้ไหมว่าตอนนี้เสียงแผ่วเบาของเจ้าตัวทำให้คลาร์กอยากจะร้องไห้ขึ้นมาดื้อ ๆ
 
     ทำไมเขารู้สึกราวกับว่าบทสนทนาครั้งนี้ระหว่างเขากับรณกรมันจะเป็นบทสนทนาครั้งสุดท้าย
 
     [กรครับ อย่าทำแบบนี้ ได้โปรด] คลาร์กอ้อนวอนเสียงแผ่ว

     “อย่ารักใคร ฮึก อย่ารักคนอื่น” รณกรย้ำ ไม่ได้รับรู้เลยว่าบัดนี้ปลายสายกำลังยืนนิ่งหลับตาข่มความเจ็บปวดเอาไว้
คนทั้งคู่ต่างก็เจ็บเจียนตายไม่แพ้กัน

     “ฮึก สัญญากับผมนะ คุณต้องรัก ฮึก ต้องรักคนของคุณ ฮือ คนของคุณเท่านั้น”

     [อย่าทิ้งฉันไปเหมือนกีย์เลยนะกร อย่าทิ้งฉัน ได้โปรด]

     “ผมรักคุณนะ รักคุณมากจริง ๆ ” สิ้นประโยคคนตัวขาวก็กลั้นใจยกมีดเล่มเล็กขึ้นมาและปักลงบนแผ่นอกอย่างรุนแรง
 
     ฉึก!
 
     แรงกดทำให้ใบมีดฝังแน่นลงไปตัดขั้วหัวใจจนมิดด้าม มือบางปล่อยโทรศัพท์ลงไปตามแรงโน้มถ่วงพร้อมกับร่างบางที่ทรุดลงไปนอนราบกับโซฟาและกระตุกสองสามทีก่อนจะแน่นิ่งไป สิ่งสุดท้ายที่รับรู้ก่อนจะสิ้นใจคือเสียงของคลาร์กที่เอาแต่เรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมา

     รณกรตัดสินใจแล้ว จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไป ต้องไปอยู่ในที่ที่อีกฝ่ายตามไปไม่ได้

     และรณกรก็ขอเลือกที่จะเป็นฝ่ายไปเอง

     [กร...]
     
     “…”
     
     [กร...ตอบฉันที นายไปไหนเหรอ]

     “…”

     [กรครับ ตอบผมหน่อยได้มั้ย ตัวเล็กครับ]

     “...”

     [ตัวเล็ก...ตอบผมหน่อยสิคนดี]
     
     “...”

     [ได้โปรด ตอบผมที]

     “...”

     [ผมรักกรนะ คุณคลาร์กรักน้องกรจริงๆ ]
 
 
 
 
 
     “ว่าไงนะ!!! ไม่ได้ฆ่ามัน!?” นาราตวาดกร้าวขึ้นมาเสียงดังลั่นห้อง ใบหน้าหวานฉายแววหงุดหงิดพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องนอนด้วยความหงุดหงิด

     [ครับ] ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเรียกอารมณ์หงุดหงิดให้ตีตื้นขึ้นมาจนต้องหยิบหมอนที่วางอยู่ใกล้ตัวขึ้นมาขยำจนแน่น

     “ฉันสั่งนายว่ายังไงอีริค ฉันบอกให้เอาให้มันตาย แค่นี้ทำไม่ได้เหรอ” นาราพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ทุกทีคนของเขาไม่เคยทำงานพลาด อีริคไม่เคยทำพลาด

     [ฆ่าคนนะครับคุณหนู ถ้าคุณคิดว่ามันง่ายทำไมคุณไม่มาทำเองล่ะ] ปลายสายสวนขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์

     “จะมาสำนึกอะไรตอนนี้ มันไม่สายไปหน่อยเหรอ เหอะ!” ร่างเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ปลายสายถอนหายใจออกมาเบา ๆ เหนื่อยหน่ายกับความเอาแต่ใจของคนตัวเล็กนี่เหลือเกิน

     [เอาเป็นว่าสิ่งที่ผมทำมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ชายคนนั้นออกไปจากชีวิตคุณ คุณไม่ต้องตามไปราวีอะไรเขาหรอก] ปลายสายพูดขึ้นทำเอานาราเบ้ปากออกมา คิดว่าสูงส่งนักหรือไงถึงจะมานั่งสอนเขาว่าควรทำยังไงน่ะ

     [คุณควรจะยอมรับความจริงนะครับคุณนารา ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รักคุณ และให้ตายยังไงเขาก็ไม่รักคุณ ต่อให้คุณตามไปทำร้ายคนที่เขารักกี่คนต่อกี่คนหมอนั่นก็ไม่มีวันรักคุณ]

     “...”

     [ตรงกันข้าม สิ่งที่คุณทำ สิ่งที่คุณแสดงออกมันจะยิ่งทำให้หมอนั่นเกลียดและอยากจะหนีคุณไปให้ไกล ๆ ยิ่งคุณวิ่งตามเขาก็จะยิ่งอยากวิ่งหนี ไม่เหนื่อยบ้างเหรอครับ]

     “...”

     [จะทนวิ่งตามความรักที่มันไม่มีวันเป็นของเราตลอดชีวิตเลยเหรอครับคุณนารา จะทนเจ็บปวดไปจนวันตายเลยเหรอ จะให้ชีวิตใครอีกกี่คนต้องพังพินาศเพราะคุณกัน]

     “...”

     [เหนื่อยก็หยุดเถอะครับ ผมเป็นห่วงคุณนะ ผมรักคุณเอ็นดูคุณเหมือนกับน้องชายคนหนึ่ง ผมไม่ชอบเห็นคุณในแบบนี้ คุณหนูนาราตัวจริงต้องไม่ใช่คนที่เลวร้ายแบบนี้]  อีริคเตือนสติ เขาคิดถึงนาราผู้ชายตัวเล็กที่แสนดี ร่าเริงสดใสและเข้าใจคนรอบข้าง คนตัวเล็กแก้มยุ้ยลูกของเจ้านายที่เขาทำงานอารักษ์ขาอยู่ อีริคคิดถึงรอยยิ้มจริงใจและใบหน้าเปื้อนยิ้มของนาราคนนั้น ไม่ใช่คนที่จมปลักอยู่กับรักที่ไม่มีวันสมหวังคนนี้

     “ฮึก...ทำไมล่ะริค ฉันไม่ดีตรงไหนเหรอ ทำไมเขาถึงรักฉันไม่ได้” นารายอมพูดขึ้นมาในที่สุด ร่างเล็กถอนสะอื้นพร้อมกับนั่งน้ำตารินเงียบ ๆ ไม่บ่อยนักที่ความอ่อนแอจะเล่นงานจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้และร้องไห้ให้คนอื่นเห็น แต่ครั้งนี้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ

     คลาร์กเจอคนที่รักแล้ว
     และคนคนนั้นก็ไม่ใช่นารา
     เจ็บปวด เจ็บเหลือเกินนาราเอ๋ย ทั้ง ๆ ที่บอกหัวใจให้ชินชากับความเจ็บปวดนี้แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ยามใดที่นึกถึงยามนั้นก็จุกขึ้นมาในอกจนแทบขาดใจ

     ความรักมันช่างน่ากลัวจริงๆ

     [ความรักมันไม่สนคนดีหรือคนเลวหรอกนะครับ มันก็แค่ทำหน้าที่ของมัน ส่วนตัวเรามีหน้าที่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ หากรักสมหวังก็ต้องเรียนรู้ที่จะประคับประคองให้มันคงอยู่จนตลอดรอดฝั่ง แต่หากไม่สมหวังเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเจ็บปวด ปล่อยวางและเข้มแข็ง]

     “ฮึก...”

     [พอเถอะครับ คุณหนูของผมเหนื่อยมามากพอแล้ว คุณหนูตัวเล็กของผมเจ็บมามากพอแล้ว อย่าถลำลึกลงไปกว่านี้อีกเลย]



ออกตัวก่อนว่าเรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตอนนั้นไม่รู้คิดอะไรเหมือนกันที่เขียนให้ตัวละครของกรเลือกที่จะฆ่าตัวตายแทนที่จะหนีไปอยู่ไกล ๆ คนเราเลือกการหนีปัญหาด้วยวิธีที่แตกต่างกัน รณกรก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ตัดสินใจโง่ ๆ ด้วยการทำอะไรโง่ ๆ ตอนแรกก็ลังเลว่าจะเปลี่ยนดีไหม แต่แล้วก็เลือกที่จะคงเรื่องแบบเดิมเอาไว้ อาจจะไม่สมเหตุไม่สมผลไปบ้างก็ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ อ่านกันขำ ๆ ก็พอเนาะ ฮาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 2 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 17-01-2016 22:32:23
รณกร ถ้าดีจริงก็ไม่ควรจะเข้ามายุ่งกับพระเอกแต่แรกแล้วป้ะ? มาฆ่าตัวตายจากไปอีก เฮ้อ

นารานี่ เหนื่อยแทนอ่ะ ทั้งเหนื่อยใจ ทรมานใจ เจ็บปวด ยังจะทนรักมากไปได้อีกเนอะ

คราวนี้ กรตายแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นไม่อยากจะเดาเลย

ปกติก็เหมือนผัวเมียอยู่ด้วยกันไม่ได้พร้อมจะแยกทางกันตลอดแต่อีกคนไม่ยอมปล่อยอยู่แล้ว

แล้วนี้มีเชื้อไฟสุมทรวงเข้าไปอีก ทีนี้แหละ ตายกันไปข้างนึงจริงๆแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 2 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 17-01-2016 22:34:04
รออยู่นะคะ จำได้ว่าเคยอ่านมานานมากกกกกแล้ว555555
หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ คลาร์กจะต้องทำร้ายนาราสุดๆแน่ๆเลย
สงสารนารานะ แค่ก็เพราะตัวเองทั้งนั้น กลับมาเป็นนาราคนเร็วๆนะ ;-;
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 2 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 17-01-2016 23:00:40
ขิงก็ราข่าก็แรงจริงๆ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 2 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 18-01-2016 00:32:16
ถ้าตัวเองไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้ซินะ
มันน่าลุ้นนะว่าอิตาคลาร์กจะรักนาราได้อย่างไร เพราะนี่ก็เห็นแต่ความเกลียดชัง
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 2 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 18-01-2016 09:03:08
นารา เราว่านายพอเหอะ ปล่อยเค้าไปเหอะ
เรามาเริ่มชีวิตใหม่ไม่ดีกว่าหรอกับการยื้อคนที่ไม่รักเราอ่ะ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 2 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-01-2016 11:20:15
นารา รักมาก ถึงขนาดทิ้งสติ เลยเหรออออ

นึกไม่ออก จะรักกันยังไง
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 2 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 18-01-2016 21:24:36
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 2 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 18-01-2016 22:40:28
มีแต่คนไม่ชอบรณกร แต่เรารักนาง และก็เชียร์ให้นางเป็นอีกคู่นึง
ชอบคนนิสัยแบบนี้
 เสียดายที่นางไม่สู้ ไม่คิดว่านางจะตายเร็ว บาย
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 2 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: monoboruok ที่ 19-01-2016 00:36:14
เจ็บปวดกันไปทุกฝ่าย หวังว่า ต่อไปทุกคนจะเจอหนทางของตัวเองนะ


/จุกตรงหัวใจ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 2 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 20-01-2016 12:59:19


รอติดตามค่ะ  :pig4:

หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 2 - 17.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 20-01-2016 15:46:29
ตอนที่ 3


     สายฝนและพายุในยามค่ำคืนโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง เสียงฟ้าร้องดังอึกทึกไปทั่วพร้อมกับสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบราวกับเทพพิยดากำลังสู้รบเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน เม็ดน้ำสีใสตกกระทบหน้าต่างบานสวยเม็ดแล้วเม็ดเล่าพร้อมกับแผ่ไอเย็นทะลุหน้าต่างที่เจ้าของห้องเปิดแง้มเอาไว้ คนตัวเล็กจ้องมองไปยังหน้าต่างที่เปิดแง้มเอาไว้และพื้นห้องที่อยู่ไม่ไกลซึ่งบัดนี้เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนด้วยสายตาว่างเปล่า แม้ว่าสายฝนด้านนอกจะโหมกระหน่ำแต่นาราก็ไม่ได้เดินไปปิดหน้าต่าง

     หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไร้เรี่ยวแรงในการเคลื่อนไหว เหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรทั้งสิ้น

     เสียงโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งเอาไว้โดยไม่กลัวฟ้าผ่าไม่ได้เข้าหูนาราเลยซักนิด ในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยคำพูดของอีริคที่เอ่ยกับเขาเมื่อตอนเย็น

     คุณควรจะยอมรับความจริงนะครับคุณนารา ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รักคุณ และให้ตายยังไงเขาก็ไม่รักคุณ ต่อให้คุณตามไปทำร้ายคนที่เขารักกี่คนต่อกี่คนหมอนั่นก็ไม่มีวันรักคุณ ตรงกันข้าม สิ่งที่คุณทำ สิ่งที่คุณแสดงออกมันจะยิ่งทำให้หมอนั่นเกลียดและอยากจะหนีคุณไปให้ไกล ๆ ยิ่งคุณวิ่งตามเขาก็จะยิ่งอยากวิ่งหนี ไม่เหนื่อยบ้างเหรอครับ

     จะทนวิ่งตามความรักที่มันไม่มีวันเป็นของเราตลอดชีวิตเลยเหรอครับคุณนารา จะทนเจ็บปวดไปจนวันตายเลยเหรอครับ จะให้ชีวิตใครอีกกี่คนต้องพังพินาศเพราะคุณกัน

     ความรักมันไม่สนคนดีหรือคนเลวหรอกครับ มันก็แค่ทำหน้าที่ของมัน ส่วนตัวเรามีหน้าที่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ หากรักสมหวังก็ต้องเรียนรู้ที่จะประคับประคองให้มันคงอยู่จนตลอดรอดฝั่ง แต่หากไม่สมหวังเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเจ็บปวด ปล่อยวางและเข้มแข็ง

     พอเถอะครับ คุณหนูของผมเหนื่อยมามากพอแล้ว คุณหนูตัวเล็กของผมเจ็บมามากพอแล้ว อย่าถลำลึกลงไปกว่านี้อีกเลย


     นาราควรจะหยุดจริงๆ หรือ...

     ร่างเล็กสะบัดหัวสองสามทีไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวก่อนจะหันไปจ้องข่าวในโทรทัศน์อย่างตั้งใจ และภาพข่าวตรงหน้าที่ปรากฏแก่สายตาก็ทำให้นาราผุดลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ

     นั่นมัน...

     เมื่อเวลา 17 นาฬิกา 23 นาทีของวันนี้ได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นที่โรงแรมหรูชื่อดัง โดยได้มีการรับแจ้งมาว่ามีคนพบศพชายหนุ่มคนหนึ่งนอนเสียชีวิตอยู่บนโซฟากลางห้องสวีทของโรงแรม สภาพศพตามร่างกายมีรอยฟกช้ำและมีแผลฉีกบริเวณทวารหนัก ที่อกข้างซ้ายมีมีดปอกผลไม้ขนาดเล็กปักเอาไว้ ทราบภายหลังว่าผู้ตายมีชื่อว่า นายรณกร รัตติวงศ์ พนักงานร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากผลการชันสูตรแพทย์เผยว่าสาเหตุการตายเกิดจากการที่ใบมีดเสียบทะลุตัดขั้วหัวใจทำให้เสียชีวิตทันที และรอยนิ้วมือบนมีดเล่มดังกล่าวก็เป็นของผู้ตายเอง ส่วนร่องรอยตามตัวและแผลที่บริเวณทวารหนักนั้น แพทย์เผยว่าเกิดขึ้นก่อนการเสียชีวิตประมาณ 1-2 ชั่วโมง รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้หลังโฆษณาค่ะ...


     ตุ้บ!

     “มะ หมายความว่ายังไง...” ร่างเล็กของนารายืนนิ่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ในห้องกว้างของตนเอง ใบหน้าหวานซีดเผือดไร้สีเลือดในขณะที่ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าไม่วางตา ภาพตรงหน้าปรากฏเรือนร่างเล็กของรณกรในสภาพไร้ชีวิต ที่อกข้างซ้ายมีมีดเล่มเล็กปักอกอยู่ รอบกายของร่างไร้วิญญาณถูกฉาบไปด้วยสีแดงของเลือดทำเอาร่างทั้งร่างของนาราสั่นเทิ้ม
     กลัว...
     นารากำลังกลัว
     “ไม่จริง...มันไม่ใช่ความผิดฉัน มันไม่ใช่...ริค...ต้องโทรหาริค!” กลีบปากเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างร้อนรน ความกลัวคืบคลานเข้ามากอบกุมจิตใจของนาราจนร่างทั้งร่างอ่อนแรง มือบางควานหาเครื่องมือสื่อสารของตัวเองที่วางไว้ที่ไหนซักแห่งตอนเข้ามา และเมื่อพบมือเล็กก็รีบตะครุบโทรศัพท์เอาไว้แน่นและต่อสายหาอีริคอย่างรีบร้อน
     “ทำอะไรอยู่ รับสิ...” คนตัวเล็กพึมพำเสียงเบาหวิวพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก็ไหนเมื่อตอนเย็นอีริคบอกกับเขาว่าแค่ข่มขืนรณกรเพียงแล้วก็จากมา ก็ไหนบอกว่าไม่ได้ฆ่าไง
     แล้วนี่มันอะไรกัน
     ร่างไร้วิญญาณของรณกรที่เขาเห็นในข่าวนั่นมันคืออะไร
     “ริค รับโทรศัพท์หน่อยสิ!” ร่างเล็กพูดออกมาอย่างสิ้นหวังเมื่อปลายสายไม่มีทีท่าว่าจะกดรับโทรศัพท์ของเขา ถึงแม้ว่าตอนนี้ข่าวของรณกรจะจบไปแล้ว หากแต่นารากลับลนลานนั่งไม่ติด เขาอยากได้ยินจากปากอีริคอีกครั้งว่าอีริคเป็นคนฆ่ารณกรหรือเปล่า ถึงแม้ข่าวจะบอกว่าลายมือบนมีดจะเป็นของเจ้าตัวเองแต่นาราก็อยากได้ยินจากปากของอีริคเพื่อให้แน่ใจ

     คนของเขาไม่เคยโกหก ไม่ได้ฆ่าก็คือไม่ได้ฆ่า
     
     และในขณะที่นารากำลังร้อนรนเพราะปลายสายไม่ยอมรับโทรศัพท์อยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะทำเอานาราขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองที่หน้าประตูก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองสั่งอาหารเย็นจากห้องอาหารด้านล่างไว้
     “เข้ามาเลยครับ ห้องไม่ได้ล็อค” ร่างเล็กตะโกนบอกไปก่อนจะหันมาสนใจกดโทรศัพท์ต่อ พยายามทำตัวปกติเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นว่าประตูห้องถูกเปิดเข้ามา
     “วางไว้บนโต๊ะตรงหัวมุมเลยนะครับ” คนตัวเล็กบอกอีกครั้งก่อนจะก้มลงจิ้มโทรศัพท์ในมือด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ไม่ได้สังเกตเลยซักนิดว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่พนักงานร้านอาหาร แต่เป็นใครอีกคนที่คุ้นเคยกันดี คนคุ้นเคย...ที่กำลังทอดมองมาที่ร่างเล็กด้วยสายตาวาวโรจน์ดุดันพร้อมกับขยับริมฝีปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
     “กินอยู่สุขสบายไม่ได้สนใจคนที่นายเพิ่งฆ่าไปเลยสินะ...นารา”

     !!!

     คนคุ้นเคย...ที่นาราไม่ควรจะเจอที่สุดในเวลานี้

     “คุณ…”

     พลั่ก!!!

     “โอ๊ย! อึ่ก...” คนตัวเล็กร้องเสียงหลงทันทีที่ร่างกายถูกจู่โจมจากร่างโปร่งที่มีความสูงมากกว่าตนเอง ร่างเล็กล้มลงไปนอนหงายอยู่บนโซฟาตามด้วยร่างเปียกโชกของคลาร์กที่ตามขึ้นมาทาบทับนาราเอาไว้อย่างรวดเร็ว สองมือของคู่หมั้นตัวสูงเอื้อมไปคว้าหมับเข้าที่ลำคอขาว ออกแรงล็อคเอาไว้แน่น ดวงตาของคลาร์กแข็งกร้าวดุดันยิ่งนักยามที่จ้องมองดวงหน้าเล็กที่กำลังมองเขา สีฝาดของสีเลือดจางหายไปจากใบหน้าหวานในขณะที่มือเล็กเลื่อนขึ้นมาจับข้อมือคลาร์กเอาไว้แน่น
     “คุณ...อึ่ก ผมไม่...ไม่ได้ทำ” นาราพยายามพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นพร้อมกับออกแรงดิ้น แต่แรงเขากลับสู้แรงของคนที่กำลังขาดสติตรงหน้าไม่ได้เลยซักนิด
     “สะใจรึยังนารา สาแก่ใจแล้วใช่มั้ย!!!!” คลาร์กตวาดกร้าวพร้อมกับกดร่างเล็กให้จมหายลงไปกับโซฟานุ่ม ดวงตากลมโตที่นาราหลงรักบัดนี้ฉายแววเกลียดชังเสียจนหัวใจของร่างเล็กด้านใต้เต้นแรงด้วยความเจ็บปวด ขอบตาเรียวมีน้ำใสรื้นขึ้นมาขังคลอและไหลลงไปหยดแหมะอยู่บนโซฟา นาราจ้องมองคนที่ตัวเองรักที่กำลังจะกระชากลมหายใจของเขาเพียงชั่วครู่ก่อนจะหลับตา
     “ฮึก...”
     เอาสิคลาร์ก ฆ่าเลย นาราเหนื่อยที่จะดิ้นรนแล้ว เขาจะไม่ดิ้นอีกต่อไปแล้ว
     ร่างเล็กปล่อยมือที่จับข้อมือของคลาร์กเอาไว้และสงบลง ดวงตาเรียวหลับปี๋เมื่อเริ่มรู้สึกถึงแรงบีบรัดรอบลำคอระหง แม้จะหวาดกลัวความมืดมิดหลังความตายแต่เขาก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เขาเองสมควรได้รับ เพราะนารารู้ดีว่าเขาคือต้นเหตุของการตายของรณกร

     จริงอย่างที่อีริคบอก ยิ่งร้ายคลาร์กยิ่งจะไม่รัก
     บางทีนาราควรจะหยุดเสียที
     แต่ดูเหมือนเขาจะคิดได้เมื่อทุกอย่างมันสายเกินไป

     “ทำไมล่ะ!!! ทำไมล่ะนารา ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้!!!” คลาร์กพูดเสียงดัง สองมือยังคงออกแรงกดลำคอระหงให้จมอยู่กับโซฟา คลาร์กในตอนนี้ไร้สติ โกรธเกรี้ยวราวกับปีศาจร้ายที่กำลังจนตรอก เสียงกึกก้องของร่างสูงดังซ้ำไปซ้ำมาแข่งกับเสียงคลื่นพายุและเสียงฟ้าผ่าด้านนอก ยิ่งอารมณ์ของร่างสูงปะทุขึ้นมากเท่าไหร่สายฝนก็กระหน่ำอย่างรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

     นาราที่ทุกทีเคยชั่วร้ายบัดนี้กลับไร้หนทางต่อสู้

     “ฮึก ผมไม่...อึ่ก”
     “หึ อยากได้มากเหรอ...ชาตินี้ต้องได้ฉันไปครองให้ได้เลยงั้นสิ” คลาร์กพูดพลางแสยะยิ้ม ยอมคลายแรงที่ลำคอขาวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าหวานที่ชื้นแฉะไปด้วยน้ำตาของนาราด้วยสายตาว่างเปล่า คนถูกมองขนลุกซู่ทันทีที่เห็นสายตาของคู่หมั้นหนุ่มที่มองมา ร่างเล็กส่ายหน้าหวือเป็นพัลวัน กลีบปากอิ่มเอาแต่พึมพำย้ำเตือนกับคนตรงหน้าว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ เขาไม่เกี่ยวด้วย นาราไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จริง ๆ
     หากแต่อธิบายอะไรไปก็ดูจะไร้ประโยชน์
     “ก็ได้...ถ้าอยากให้ฉันเป็นของนายนัก ฉันก็จะเป็นให้” คลาร์กพูดด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็น ดวงตากลมจ้องมองร่างเล็กตรงหน้าด้วยแววตาวาวโรจน์น้อย ๆ ประกายในตาของคลาร์กที่เมื่อครู่คุกรุ่นไปด้วยเพลิงแห่งความกรุ่นโกรธบัดนี้แปรเปลี่ยนไปเป็นความเย็นเยือกทำเอานาราหนาวเหน็บ ความกลัวแล่นปราดขึ้นมาเกาะกุมจิตใจของคนตัวเล็กแต่นาราก็ยังคงนอนนิ่งไม่กล้าขยับกายได้แต่ปล่อยน้ำตาแห่งความเสียใจให้หลั่งรินออกมาอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
     “ไม่ต้องร้องนะนารา ฉันไม่ไปไหนแล้ว ฉันเป็นของนาย จะเป็นของนายเพียงคนเดียว” คลาร์กพูดไปพร้อมกับแสยะยิ้มเหี้ยม ร่างสูงโปร่งผละกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเอื้อมมือไปดึงนาราให้ลอยหวือเข้ามาปะทะแผ่นอกของตนก่อนจะเช็ดน้ำตาออกจากตาคู่สวยและแก้มกลมนิ่ม นาราขมวดคิ้วงุนงงกับกริยาที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย ดวงหน้าหวานจ้องมองมาที่คลาร์กอย่างสงสัยหากแต่เพียงไม่นานนาราก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจพร้อมกับหันหลังเตรียมตัวหนีอสูรกายตรงหน้า
     ทว่าทุกอย่างกลับสายเกินไป
     “แต่จำเอาไว้อย่างนะ คนชั่วแบบนายสมควรได้แค่ตัวฉัน นายสมควรได้แค่ตัว นายมันไม่คู่ควรกับหัวใจของฉัน!!!!”
     นาราถูกคลาร์กลากเข้ามาในห้องนอนอย่างรวดเร็วพร้อมกับกดลงบนเตียงนอนกว้างอย่างรุนแรง ดวงตากลมฉายแววตื่นตระหนกขณะมองใบหน้าของคู่หมั้นหนุ่มด้วยความหวาดกลัว คลาร์กจ้องมองร่างเล็กด้วยสายตาคุกคามก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น
     “กลัวทำไม ทุกทีเห็นอ่อยฉันจะเป็นจะตายไม่ใช่เหรอ กลัวทำไม!!!!” เสียงตวาดดังกึกก้องเคล้าไปกับเสียงฟ้าร้องด้านนอกทำเอานารากลัวจนตัวสั่น คลาร์กไม่เคยเป็นแบบนี้ ชายหนุ่มไม่เคยใช้สายตาแบบนี้มองนาราเลยซักครั้ง
ทุกครั้งที่คลาร์กมองมานาราจะเห็นความเหนื่อยหน่ายในหน่วยตาคู่คมคู่นั้น หากแต่วันนี้สิ่งเดียวที่นาราเห็นคือความเคียดแค้นชิงชัง ดวงตาของคลาร์กดุดันจนน่ากลัว
     “เพราะรณกรเหรอ คิดว่าผมเป็นคนฆ่าคนรักของคุณงั้นเหรอ” นาราถามเสียงสั่นทำทีใจดีสู้เสือร้ายตรงหน้า
     “ก็แล้วมันไม่ใช่หรือยังไง คิดว่าฉันโง่งั้นสิ!!!!” คลาร์กสวนกลับ นาราหลับตาลงพร้อมกับพึมพำเสียงแผ่วเบา
     “ผมไม่ได้ทำ จะให้บอกอีกกี่ครั้งคำตอบมันก็ยังเหมือนเดิม!”
     “เหมือนหรือไม่เหมือนกรก็ตายไปแล้วนารา คนรักของฉันตายไปแล้ว แล้วรู้อะไรมั้ย ก่อนตายเขาบอกฉันว่ายังไง” คลาร์กพูดเสียงเรียบพลางตรึงสองแขนของนาราไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว คนตัวเล็กเงียบเสียงไม่ตอบคำถามจนในที่สุดคลาร์กก็เอ่ยออกมาเอง
     “เขาบอกว่าชีวิตฉันเกิดมาเพื่อเป็นของนาย...คนเดียว”
     “...”
     “สมใจนายแล้วนารา ฉันเป็นของนาย เป็นของนายคนเดียว”
     “คลาร์ก...”
     “ฉันเป็นของนาย และนายเองก็ต้องเป็นของฉันเหมือนกัน!!!”
     “อื้อ!!!!!”
     เสียงร้องอื้ออึงดังขึ้นแผ่วเบาเคล้าไปกับเสียงร้องของท้องฟ้าในยามที่มีพายุโหมกระหน่ำ สายลมแรงพัดพาเอาละอองฝนและความเย็นเยียบเข้ามากระทบผิวกายของร่างสองร่างที่อยู่บนเตียงนอน ข้อมือเล็กของนาราถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยมือแกร่งเพียงข้างเดียวของคลาร์ก ส่วนมืออีกข้างทำหน้าที่ไม่ต่างกับคีมเหล็กที่คอยบีบคางเล็กให้ร่างบางยอมเปิดปากเพื่อที่คนด้านบนจะได้ส่งลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กในโพรงปากหวาน คลาร์กบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างรุนแรงไม่ยอมปราณี ลิ้นร้อนเคลื่อนเข้าไปเกี่ยวกับลิ้นเล็กก่อนจะดูดดึงไปมาจนเกิดเสียงดังน่าอาย
     “อื้อ...” ร่างเล็กส่งเสียงครางประท้วงเมื่อตนเองใกล้จะขาดอากาศหายใจ คลาร์กผละริมฝีปากออกให้คนด้านล่างได้กอบโกยเอาอากาศเข้าปอดก่อนจะฉกวูบเข้าไปดูดกลีบปากอิ่มอีกครั้ง ฟันคมออกแรงกัดริมฝีปากของนาราเต็มแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด แต่ถึงอย่างนั้นคลาร์กกลับคิดว่ารสจูบนี้มันหอมหวานจนเขาไม่อยากละจากไปไหน
     มือแกร่งปล่อยให้มือเล็กเป็นอิสระ นาราเอื้อมมือไปดันไหล่ของคู่หมั้นหนุ่มทันทีที่หลุดจากพันธนาการ ร่างเล็กดิ้นหนีกายแกร่งด้านบนหากแต่มันก็เป็นความพยายามที่สูญเปล่า คลาร์กโถมกายเข้าไปทาบทับนาราเอาไว้พร้อมกับตะโกนออกมาสุดเสียง
     “รักฉันมากไม่ใช่เหรอ หนีทำไมเล่า!!!!”
     “หยุดเถอะ ได้โปรด ผมไม่ได้ฆ่ารณกรจริง ๆ นะ” นาราพูดเสียงเบาหวิว พวงแก้มอิ่มแดงรื้นจากไอเย็นของสายฝนด้านนอกที่ล่องลอยเข้ามา นาราพยายามขยับหนีให้ห่างจากคนด้านบนแต่ก็โดนร่างสูงกดลงกับที่นอนนิ่ง
     “หึ คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ นายมันเลวนารา คนอย่างนายมันก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ!” คลาร์กพูดขึ้นพร้อมกับจิกมือลงบนอกข้างซ้ายของนาราอย่างแรงผ่านเนื้อผ้าที่นาราสวมใส่จนเจ้าตัวร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
     “โอ๊ย!!!”
     “รักฉันมากใช่มั้ยนารา รักมากก็ตายเพื่อฉันสิ ตายเหมือนที่กรตาย ควักมันออกมา ควักหัวใจนายออกมา!!!!”
     เปรี้ยงง!
     คลาร์กตะโกนกร้าวเป็นจังหวะเดียวกับท้องฟ้าด้านนอกส่งสายฟ้าฟาดผ่าลงมา มือขาวออกแรกขยี้ตำแหน่งหัวใจของนาราเต็มแรงโดยไม่รู้เลยว่าบัดนี้ผิวกายภายใต้เสื้อผ้าสีสวยแดงรื้นจากแรงที่คลาร์กกระทำ
     “อึ่ก คลาร์ก...เจ็บ!”
     “ควักมันออกมาสิ!! ไอ้หัวใจเฮงซวยไร้ค่าที่บอกว่ารักฉันนักหนาน่ะ ลองควักมันออกมาให้ฉันดูซิ กล้าฆ่าคนอื่นเพราะรักฉันแล้วกล้าฆ่าตัวเองที่มารักฉันบ้างมั้ยนารา ควักมันออกมา!!!!!” ร่างสูงตะโกนอย่างบ้าคลั่งพลางกดแรงลงไปบนอกซ้ายของคนตัวเล็กอย่างไม่ปราณี นาราจ้องมองคลาร์กด้วยแววตาเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยพร่ามัวด้วยม่านน้ำตา
     “ฮึก”
     “ร้องไห้ทำไม ร้องให้ฉันสงสารงั้นเหรอ! สายไปแล้ว มันสายไปแล้ว ฉันเกลียดนาย!!”
     “ฮืออ...อื้อ!!!” ร่างเล็กครางฮือทันทีที่กลีบปากเล็กถูกจู่โจมอีกครั้ง คลาร์กละมือออกจากแผ่นอกบางแล้วเลื่อนไปที่สะโพกสวยก่อนจะออกแรงบีบจนร่างเล็กน้ำตาริน ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างจาบจ้วง กลีบปากอิ่มถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบวมแดงและฉ่ำไปด้วยน้ำ ร่างโปร่งผละออกจากริมฝีปากคู่สวยเมื่อช่วงชิมความหอมหวานจนพอใจก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงไปซุกไซร้ซอกคอขาว ฟันคมฝังรอยกัดเอาไว้อย่างรุนแรงจนนาราต้องร้องประท้วง มือเล็กเคลื่อนไปดันไหล่คลาร์กให้ห่างกายแต่ก็สู้แรงคู่หมั้นหนุ่มไม่ได้ สุดท้ายสิ่งเดียวที่ทำได้คือระบายความเจ็บปวดที่ได้รับลงกับแผ่นหลังกว้างของคนด้านบน
     “อื้อ...” คนตัวเล็กส่งเสียงครางออกมาเมื่อคลาร์กแตะลิ้นร้อนลงบนรอยกัดตามลำคอ ความเจ็บแสบแล่นขึ้นจนข้อนิ้วเล็กต้องออกแรงจิกลงบนไหล่กว้าง คนด้านบนชะงักทันทีก่อนจะช้อนสายตาขึ้นไปมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของร่างเล็ก และทำให้ดวงตากลมของคลาร์กสบเข้ากับดวงตาวาววับไปด้วยน้ำ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คลาร์กเคลื่อนใบหน้าเข้าหาดวงตาคู่สวย รู้ตัวอีกทีรีมฝีปากของเขาก็จูบซับน้ำตาให้กับร่างเล็กด้านใต้อย่างอ่อนโยนเสียแล้ว เพียงเท่านั้นนาราก็ไม่ออกอาการขัดขืนคลาร์กอีกต่อไป
     นาราเพิ่งจะเข้าใจในประโยคที่ว่า ‘ยอมเพราะรัก’ ในวันนี้นี่เอง
     ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าที่อีกฝ่ายทำไปเพราะอยากให้เขาเจ็บปวด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าหลังจากคืนนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคลาร์กใช้เขาเป็นเพียงเครื่องระบายอารมณ์และอยากจะทำลาย แต่นาราก็ยังยินยอมเดินลงไปในหลุมที่คลาร์กขุดเอาไว้ หลุมที่เต็มไปด้วยหนามมากมายที่คอยทิ่มแทงร่างเล็กให้ตายทั้งเป็น
     “อ๊ะ...คลาร์ก” ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือแกร่งเอื้อมมากระชากเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจากร่างจนร่างของนาราเปลือยเปล่า คลาร์กไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ชายหนุ่มก้มลงบดจูบลงบนกลีบปากเล็กอีกครั้งพลางจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองจนตอนนี้สองร่างอยู่ในสภาพที่เท่าเทียมกัน นาราหอบสะท้านออกมาเมื่อร่างกายสัมผัสความเย็นของอากาศและความเย็นจากร่างของคนด้านบน ดวงตาหวานฉ่ำปรือดูยั่วยวนจน คลาร์กจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
     ทั้งหงุดหงิด ทั้งเกลียดชัง
     “คิดว่าฉันจะทำให้นายมีความสุขงั้นเหรอ” ร่างสูงกระซิบเสียงเย็นพลางเลื่อนมือไปกระชากเรียวขาขาวแล้วแยกออกจากกันก่อนจะแทรกตัวลงไปบดเบียดหน้าท้องแกร่งกับส่วนอ่อนไหวของนารา ชายหนุ่มส่งแรงบีบต้นขาอ่อนอย่างแรงจนเกิดรอยแดงเด่นชัด ลิ้นร้อนลากผ่านลำคอข่าวไปที่แผ่นอกบางก่อนจะหยุดอยู่ที่ยอดอกเล็ก
     “อ๊ะ อึ่ก”
     “มันจะไม่มีวันนั้นนารา นายจะไม่มีวันมีความสุข”
     คลาร์กทิ้งท้ายเพียงประโยคสั้น ๆ ก่อนจะกลายร่างเป็นอสูรร้ายฉีกทึ้งร่างเล็กของนาราจนบอบช้ำตลอดทั้งคืน





     ภายหลังพายุที่โหมกระหน่ำมักจะทิ้งร่องรอยความเสียหายเอาไว้มากมาย คลาร์กเองก็เช่นกัน...ชายหนุ่มนอนหลับใหลอยู่บนเตียงกว้างแผ่นหลังเปลือยเปล่าปรากฏรอยเล็บเป็นทางยาวตั้งแต่ต้นคอจนถึงสะโพกสอบ ที่หัวไหล่แกร่งมีรอยฟันฝังเอาไว้จนห้อเลือดเด่นชัดจนดูน่ากลัว
     หากแต่รอยบนร่างแกร่งกำยำก็มีเพียงเท่านั้น ตรงข้ามกับร่างเล็กของนาราอย่างสิ้นเชิง
     ร่องรอยบนตัวของร่างสูงนั้นมีเพียงน้อยนิด เทียบไม่ได้กับร่างกายเล็กของนาราที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา รอยช้ำสีกุหลาบและรอยเขี้ยวคมของคู่หมั้นหนุ่มฝากฝังเอาไว้ทั่วลำคอระหงและแผ่นอกบาง ที่แขนทั้งสองข้างและสะโพกขาวปรากฏรอยนิ้วมือทั้งห้าเด่นชัด ดวงตาเรียวเล็กบวมช้ำและแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างยาวนาน กลีบปากเล็กมีเลือดซึมเพราะโดนคนข้างกายกัดอย่างแรง ช่องทางด้านหลังที่ถูกรุกรานเจ็บแสบเพราะความรุนแรงของคลาร์ก และเพราะนาราไม่เคยมีสัมพันธ์กับใคร แต่แม้ร่างกายจะเจ็บจนแทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ หากแต่มันก็เทียบไม่ได้กับหัวใจที่ตอนนี้ถูกคลาร์กโยนลงเครื่องปั่นและทำลายจนมันแหลกยับเย็บต่อกันไม่ได้ คำพูดเมื่อคืนที่เขาได้ยินยังคงดังกึกก้องในหัวสมอง ภาพความโหดร้ายทารุณแต่แฝงไปด้วยความหอมหวานยังคงฉายชัดราวกับเดจาวู

     รักฉันมากใช่มั้ยนารา รักมากก็ตายเพื่อฉันสิ ตายเหมือนที่กรตาย ควักมันออกมา ควักหัวใจนายออกมา!!!!

     ควักมันออกมาสิ!! ไอ้หัวใจเฮงซวยไร้ค่าที่บอกว่ารักฉันนักหนาน่ะ ลองควักมันออกมาให้ฉันดูซิ กล้าฆ่าคนอื่นเพราะรักฉันแล้วกล้าฆ่าตัวเองที่มารักฉันบ้างมั้ยนารา ควักมันออกมา!!!!!


     “ฮึก....” นาราถอนสะอื้นแผ่วเบา เจ็บหนักทั้งร่างกายและจิตใจ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่ากรูกันหลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่สวยจนแทบจะแปรเปลี่ยนจากสีใสกลายเป็นสีเลือด นาราจ้องมองร่างที่หลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้าก่อนจะค่อย ๆขยับกายลงไปยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความลำบาก
     คราแรกที่เท้าเล็กแตะพื้นความเจ็บแปลบก็แล่นจากช่องทางด้านหลังขึ้นสู่ก้านสมอง นาราน้ำตาตกพลางกัดริมฝีปากข่มความเจ็บปวดทั้งหมดและพยุงร่างกายให้ยืนหยัดขึ้นก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องน้ำ

     เหนื่อยเหลือเกิน

     ถึงเวลาพักแล้วนารา ถึงเวลาที่นายต้องพักเสียที ถึงเวลาที่ต้องหยุดทุกอย่างเสียที

     “ฉันขอโทษ...ฮึก ขอโทษ” นาราพึมพำกอดตัวเองใต้สายน้ำเย็นเฉียบ ในยามนี้จะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่ลุ่มหลงในรักจนเกินไป ยึดติดและจมดิ่งจนพาใครต่อใครมากมายให้เข้ามาเดือดร้อนไปด้วย เฝ้าไล่ตามคลาร์กมาเป็นเวลานานเพื่อหวังให้คู่หมั้นหนุ่มหันมาเห็นเขาบ้างแต่ก็ไร้ประโยชน์ ที่ทำไปทั้งหมดสุดท้ายผลตอบแทนที่ได้ก็คือความร้ายกาจทารุณ
     แน่นอน คลาร์กไม่ผิดที่รักนาราไม่ได้ แต่คนที่ผิดคือนาราที่ไม่รู้จักการเสียสละ นาราผูกติดอยู่กับสิ่งสิ่งเดียวนั่นก็คือคลาร์กมาหลายปี แต่สุดท้ายมันก็ล้มเหลว
     คลาร์กไม่ได้เกิดมาเพื่อรักเขา และช่างน่าเศร้าที่มีเพียงนาราเท่านั้นที่เกิดมาเพื่อรักคลาร์กเพียงคนเดียว
     “เหนื่อยก็พอนะหนูนา เหนื่อยก็พอ นายเจ็บมามากพอแล้ว” ร่างเล็กพึมพำพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบใบมีดโกนที่วางอยู่ตรงอ่างล้างหน้า ความคมของใบมีดแวววาวสะท้อนแสงไฟ ร่างเล็กมองใบหน้าของตนเองที่ฉายชัดออกมาผ่านใบมีดเล่มนั้นก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้กับการตัดสินใจของตัวเอง
     “ผมรักคุณนะคลาร์ก...ฮึก ผมรักคุณ” คนตัวเล็กบอกรักซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับกดใบมีดลงบนท่อนแขนข้างซ้ายอย่างช้า ๆ เพียงใบมีดเฉือนบาดผิวเนื้อเนียนนุ่มเลือดสีแดงข้นก็ไหลทะลักออกมา ความเจ็บปวดในคราแรกแปลเปลี่ยนเป็นความเฉยชา

     มันเจ็บจนชินชา

     “อึ่ก!...” ดวงตากลมจ้องมองแขนเล็กที่ปรากฏตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวแรกพร้อมกับเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย
     “ฮึก เหนื่อยก็พอ...พอ” กลีบปากเล็กพึมพำกับตัวเองพร้อมกับวาดมือที่ถือใบมีดลงไปบนแขนเล็กของตัวเอง จากตัวซีถัดมาก็เป็นตัวแอลที่อยู่ติดกันและอีกหลายต่อหลายตัวที่นารากรีดลงบนแขนเล็ก ๆ ไม่นานลำแขนขาวก็โชกไปด้วยเลือดพร้อมกับรอยแผละเหวอะหวะที่อ่านจับใจความได้ว่า

     ‘CLARK’

     นารายิ้มให้กับผลงานของตัวเอง สายน้ำยังคงหลั่งไหลมาชะล้างน้ำเลือดจากแผลที่นารากระทำ ยิ่งนานไปพื้นห้องน้ำที่เคยเป็นสีขาวสะอาดตาก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นสีแดง นาราจ้องมองชื่อของคู่หมั้นหนุ่มบนแขนของตัวเองชั่วครู่ก่อนจะค่อย ๆ เดินถือใบมีดเล่มเดิมออกไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงของคลาร์ก
     ทางด้านร่างสูงเองเมื่อรู้สึกว่าถูกจ้องมองก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาก่อนจะกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับโฟกัสภาพ และเมื่อภาพตรงหน้าฉายชัดชายหนุ่มก็เบิกตากว้าง ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
     “นารา นายทำบ้าอะไรวะ!!!!” คลาร์กสบถออกมาเสียงดังก่อนจะถลาเข้าไปหาร่างเปลือยเปล่าที่ยืนมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด แต่ยังไม่ทันที่จะเข้าไปถึงตัวร่างเล็กก็ก้าวถอยหลังและยกมือขึ้นมาห้ามคลาร์กเอาไว้
     “ฮึก...อย่าเข้ามา”
     “ปัญญาอ่อนไปแล้วรึไง นายทำบ้าอะไร!!!!” คลาร์กยอมยืนนิ่งจ้องมองร่างเล็กด้วยแววตาอาฆาต ไม่สนว่าตอนนี้เขาทั้งคู่กำลังเปลือยเปล่า สิ่งที่คลาร์กสนคือร่างเล็กที่โชกไปด้วยเลือดของนารามากกว่า
     “นี่...ที่นายพูดเมื่อคืน...” ร่างเล็กเค้นเสียงออกมาแผ่วเบาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย แขนข้างซ้ายเองก็ยังคงมีเลือดไหลลงมาและหยดลงบนพื้น
     คลาร์กมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
     “...”
     นารา...
     รักเขาขนาดนี้เชียวหรือ?
     “เรื่องที่คุณบอกให้ผมควักหัวใจออกให้ดู...ฮึก” นาราพูดต่อ คราวนี้คลาร์กตัวสั่นเทิ้มทันทีที่คู่หมั้นตัวเล็กพูดจบพร้อมกับกำมีดในมือแน่น

     หนูนาอย่าทำ

     “ฮึก ถ้า...ถ้าผมทำ ฮึก...”

     อย่าทำแบบนี้

     “ถ้าผมทำจริงๆ ฮึก...คุณจะรักผมมั้ยคลาร์ก ถ้าผมควักหัวใจออกมาให้คุณดูว่าหัวใจของผมมันเต้นเพราะคุณ ฮึก...คุณจะรัก รักผมบ้างมั้ย” นาราพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน คลาร์กยืนนิ่งมองภาพตรงหน้าไม่ละสายตา ร่างกายหนักอึ้งขอบตาร้อนผ่าว

     บางทีถ้าเขารักคนคนนี้

     “...”

     “รักผมได้มั้ยพี่คลาร์ก ฮึก ฮือ”

     ถ้าเขารักนารา ไม่ทำให้นาราเสียใจตั้งแต่แรก เรื่องทุกอย่างจะดำเนินมาถึงตรงนี้รึเปล่า?

     “หนูนา...”

     “รักกันได้มั้ย” ร่างเล็กเอ่ยถามคลาร์กอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาและทำในสิ่งที่คลาร์กคาดไม่ถึง

     “หนูนาอย่า!!!!!!!”

     หากการควักหัวใจคือการพิสูจน์ให้คลาร์กได้เห็นว่าเขารักคลาร์กจริง ๆ นาราก็จะทำ นาราไม่ได้โง่ แต่เขาแค่พาตัวเองออกไปจากวังวนนี้ไม่ได้

     นาราไม่ได้โง่ แต่เขาแค่รักคลาร์กมากเกินไป

     ก็เท่านั้น



หนูนาเป็นเด็กกล้าคิดกล้าทำค่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 3 - 20.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-01-2016 16:08:07
รักคนอื่นจนลืมรักตัวเองก็ปล่อยตายเหอะคนอ่อนแออยู่บนโลกโหดร้ายไม่ไหวหรอก
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 3 - 20.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Sulwyn22 ที่ 20-01-2016 16:53:37
พิมพ์ไม่ออกบอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว :hao5:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 3 - 20.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: MysteriOuS ที่ 20-01-2016 17:14:41
หนูนาคนจริง หูววว ใจเด็ดมากอ่ะ
 :katai1: o22
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 3 - 20.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 20-01-2016 19:00:14
ทำไมหนูถึงไม่รักตัวเองละลูก.
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 3 - 20.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 20-01-2016 22:39:16
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 3 - 20.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 23-03-2016 09:54:16
กล้าเกินไปละ ตายเพื่อนที่ไม่รักเราเนี่ยนะ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 3 - 20.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 23-03-2016 13:43:25
อยากอ่านต่อแล้ว
เมื่อไหร่จะมาต่อ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 3 - 20.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 23-03-2016 15:16:09
ชื่นชมนะ หนุนา :katai2-1: :katai2-1:

ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะโง่ในความรักขนาดนี้
ดีแล้ว ทำร้ายตัวเองแบบนี้ดีแล้ว ทำร้ายจนเขารักเทอนะ หนูนา
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 3 - 20.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:21:36
ตอนที่ 4


3 เดือนต่อมา

ร่างสูงแกร่งกำยำในชุดสูทสีดำสนิทยืนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าแผ่นหินทรงสีเหลี่ยมขนาดใหญ่ ดวงตากลมโตดุจกวางป่าหม่นแสงยามจ้องมองตัวอักษรที่สลักอยู่บนแผ่นหินนั้น ใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มทรุดโทรมเนื่องจากอดหลับอดนอนมาเป็นระยะเวลานาน

สายลมอ่อน ๆ พัดโชยผ่านร่างโปร่งช่วยบรรเทาความรู้สึกหนักอึ้งในใจ ริมฝีปากคู่สวยเผยยิ้มบางเบาขึ้นมาน้อย ๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบกาย ป้ายหินที่ใช้บ่งบอกตัวตนของคนที่จากไปตั้งเรียงรายมากมายนับไม่ถ้วน บ้างก็มีแมกไม้เกาะกรังเพราะถูกละเลย แต่บางป้ายก็ยังดูสะอาดสะอ้านเพราะได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ ชายหนุ่มเบนสายตากลับมายังป้ายตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะยกยิ้มบางเบา

“ที่นี่อากาศดีไม่หยอกเลยนะ...” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับทรุดกายลงนั่งอย่างเหนื่อยล้า มือเรียวเอื้อมไปลูบไล้ตัวอักษรที่ถูกสลักเอาไว้บนแผ่นหินพร้อมกับทอดมองมันด้วยสายตาโหยหา

“ขอบคุณนะ...ขอบคุณสำหรับทุก ๆ อย่างที่ทำให้ฉัน”

ริมฝีปากหยักแย้มยิ้มพร้อมกับพูดถึงคนที่หลับใหลภายใต้พื้นดินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หน่วยตาเข้มดุดันและจมูกโด่งถูกพาดผ่านด้วยสีแดงระเรื่อเป็นสัญญาว่าอีกไม่นานบุคคลที่ยังมีลมหายใจอยู่กำลังจะเผยด้านที่อ่อนแอออกมา

มันช่างเป็นจริงดังคำกล่าวที่ว่า คนตายมักจะไม่เจ็บปวดเท่ากับคนที่ยังมีชีวิตอยู่

“ขอโทษที่ทำให้เหนื่อย ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้นายต้องมานอนอยู่ตรงนี้ ขอโทษสำหรับทุก ๆ สิ่งทุกอย่าง” ชายหนุ่มเอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมา มือเรียวยังคงลูบไล้แผ่นหินนั้นด้วยความอาลัยรัก หัวใจที่เคยเต้นแรงเพราะความสุขบัดนี้เต้นอย่างเชื่องช้าจนแทบจะหยุดลง

“หลับให้สบายนะครับคนดี...”

มนุษย์เรานี่ช่างโง่เขลายิ่งนัก คนสมควรรักกลับไม่คิดจะเหลียวแล หากแต่กลับท้าทายอำนาจของกงล้อแห่งโชคชะตาโดยการมอบหัวใจให้ใครอีกคน และเพราะความโง่เง่าดื้อดึงนี้เองที่ทำให้มนุษย์โลกได้รู้จักกับคำว่า

ความเจ็บปวด...

“ฉันรักนายนะ...รณกร”

ความสุขอยู่กับเราเพียงแค่ข้ามคืน หากแต่บาดแผลบนร่างกายรวมถึงบาดแผลในจิตใจนั่นต่างหากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต...

 

 

 

 

 

“ริค” เสียงแหบแห้งของคนตัวเล็กดังขึ้นแผ่วเบา ร่างสูงหันไปสบกับดวงตากลมที่ไร้ความสดใสก่อนจะอมยิ้มบางเบาและเดินเข้าไปหา มือแกร่งยกขึ้นลูบกลุ่มผมนิ่มที่ล้อมกรอบหน้าเล็กอย่างแผ่วเบาก่อนจะขานรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ครับคุณนารา”

“ฉันไปหาคลาร์กได้มั้ย” นาราพูดเสียงเบาหวิวพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนร่างสูงตรงหน้า อีริคหน้าเครียดทันทีที่ร่างเล็กพูดจบก่อนจะเอ่ยเสียงแข็ง

“ยังไม่ลืมอีกเหรอครับ...”

“…”

“เมื่อไหร่จะพอใจครับ ต้องเจ็บอีกซักแค่ไหน ร้องไห้อีกกี่ครั้งคุณถึงจะเข้าใจว่าสุดท้ายสิ่งที่คุณพยายามมาทั้งหมดมันก็สูญเปล่า”

“ฮึก...”

“เหนื่อยมั้ยครับคุณนารา เจ็บมั้ย...”

“ฮึก เหนื่อยสิริค ทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บ...แต่ครั้งนี้ ฮึก มันจะเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายจริง ๆ ได้โปรด พาฉันไปหาคลาร์กได้มั้ย” นาราอ้อนวอนพร้อมกับกอดร่างสูงของอีริคแน่น คนผิวเข้มหลับตาลงข่มความรู้สึกหนักอึ้งในจิตใจพร้อมกับยกแขนขึ้นมาตระกองกอดร่างเล็กของนาราเอาไว้แน่น

เป็นเวลาสามเดือนกว่า ๆ แล้ว สามเดือนหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของนาราอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่อีริคไปทำร้ายรณกรตามคำสั่งของนาราเขาก็กลับมาและติดธุระส่วนตัวนิดหน่อย ไม่รู้เลยซักนิดว่าผู้ชายตัวบอบบางคนนั้นจะใจเด็ดถึงขนาดปลิดชีพตัวเองลงหลังจากที่เขากลับไปไม่ถึงสองชั่วโมง และแน่นอนว่าการตายของผู้ชายคนนั้นทำให้คุณหนูของอีริคตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ถึงขีดสุด

คู่หมั้นของนาราตามไปทำร้ายคนตัวเล็กถึงห้อง อีริคไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาราบ้าง พอรู้ตัวอีกทีเจ้านายของเขาก็โทรศัพท์มาบอกว่านาราอยู่ที่โรงพยาบาลอาการสาหัส ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนอีริคตกใจ เขากับคุณพิสิทธิ์เดินทางมาถึงโรงพยาบาลหลังจากรู้ข่าวอย่างรวดเร็ว และภาพที่เห็นก็ทำเอาทั้งเขาและบิดาของนาราถึงกับน้ำตาไหล

ร่างเล็กของนาราโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ที่แผ่นอกขาวมีรอยมีดกรีดเป็นทางยาวจนถึงสะโพก ข้อมือข้างซ้ายปรากฏแผลเหวอะหวะดูน่ากลัวหากแต่ทั้งเขาก็รู้ดีว่าแผลนั้นไม่ใช่แผลที่เกิดจากการกรีดแขนตัวเองซ้ำไปซ้ำมา

แต่มันเป็นแผลที่ถูกกรีดเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษซึ่งเป็นชื่อของใครคนหนึ่ง

คลาร์ก

อาการของนาราน่าเป็นห่วงอยู่หลายอาทิตย์ ทั้งเขาและบิดาของนาราต่างก็นั่งไม่ติดเพราะเจ้าตัวไม่ยอมฟื้นเสียที ตลอดเวลาที่นาราหลับใหลก็เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายให้ปวดหัว เรื่องแรกก็คงไม่พ้นเรื่องการตายของรณกร อีริคถูกตำรวจคุมตัวไปให้ปากคำเพราะมีคนเห็นเขาเข้าห้องไปกับรณกรก่อนจะเสียชีวิต แต่เขาก็รอดมาได้เพราะหลักฐานที่ว่าเขาเป็นฆาตกรมีไม่มากพอ อีกทั้งเขาก็ให้เหตุผลว่าร่องรอยที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรสนิยมของรณกรที่ชอบถูกกระทำแบบนั้น อีริคเลวเขายอมรับ แต่เขายังไม่พร้อมกับติดคุกหากนารายังอาการน่าเป็นห่วงอยู่แบบนี้

ส่วนคลาร์ก คู่หมั้นหนุ่มของนาราจัดการเรื่องงานศพของรณกรเพราะอีริครู้มาว่าผู้ชายคนนั้นไม่มีญาติที่ไหน หลังจากจบเรื่องคลาร์กก็มาขอลาออกจากงานที่ทำอยู่ภายในบริษัทแต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลบางอย่าง คุณพิสิทธิ์บอกเพียงแค่ว่าให้คลาร์กแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานให้ออกและจะไม่บังคับคลาร์กเรื่องนาราอีกต่อไป

ช่วงสองเดือนแรกเกิดความวุ่นวายอยู่บ้างเพราะทั้งคุณพิสิทธิ์และคลาร์กเองเป็นคนที่มีหน้ามีตาทางสังคม แต่อำนาจของเงินก็บันดาลได้ทุกสิ่ง สุดท้ายเรื่องก็เงียบไปด้วยอำนาจของเงิน และการหมั้นระหว่างนาราและคลาร์กเองก็ถูกยกเลิก

วินาทีที่นาราลืมตาตื่นขึ้นมาและรับรู้ว่าคลาร์กเป็นอิสระจากตน ร่างเล็กไม่ได้อาละวาดอย่างที่ควรจะเป็น อีริคจำได้ดีว่านาราในตอนนั้นทำเพียงแค่ฉีกยิ้มบางเบาและไม่เอ่ยถึงคลาร์กอีกเลย จะว่าไปตั้งแต่ที่นารานอนโรงพยาบาลมา เขาก็ไม่เคยเห็นว่าอดีตคู่หมั้นของนาราจะโผล่หน้ามาเยี่ยมเลยซักครั้ง

มันอาจจะเป็นเรื่องดี เขาคิดว่าคุณหนูของเขาคงทำใจยอมรับเรื่องทุกอย่างและจะหยุดเสียที แต่พอมาวันนี้อีริคก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด

แม้จะพยายามหลอกตัวเอง ทำตัวเสแสร้งไม่รับรู้ว่านารานอนร้องไห้ทุกคืนแต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง

คุณหนูของเขายังรักผู้ชายคนนั้น และอีริคไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ความรักนี้จะหมดลง

หรือมันอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็เป็นได้

“นะริค ให้ฉันไปเจอคลาร์กเป็นครั้งสุดท้าย ฮึก...ฉัน...” เสียงเล็กของนาราดึงสติของอีริคให้หันกลับมาสนใจบทสนทนาตรงหน้าต่อ วันนี้เป็นวันที่นาราจะออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่พักรักษาตัวและบาดแผลตามร่างกายมาเป็นเวลานาน

“...”

“ได้โปรด...”

“...”

“ฉัน...ฉันจะไปเอา...ฮึก หัวใจฉันคืน” นาราพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว อีริคถอนหายใจด้วยความลำบากใจก่อนจะมองร่างเล็กในอ้อมกอดที่กำลังซุกตัวร้องไห้กับอกของเขา

“แน่ใจนะครับว่าแค่ไปเอาหัวใจคืน...” ร่างสูงถามเพื่อความแน่ใจ นาราพยักหน้ากับอกแกร่งจนในที่สุดอีริคก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้

“เอาเถอะ ยังไงผมก็แพ้คุณหนูอยู่วันยังค่ำ” ชายหนุ่มพูดอย่างปลงตกหวังให้บรรยากาศกดดันนี้จางหายไป นาราหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะช้อนดวงตากลมขึ้นไปมองใบหน้าคมแล้วก็ส่งยิ้มไปให้ อีริคมองดวงหน้าหวานที่ยิ้มแฉ่งจนตาหยีแล้วก็อมยิ้มกับตัวเอง

คุณหนูคนเดิมของเขากำลังจะกลับมาใช่ไหม?

 

 

 

 

 

“นาย...” คลาร์กครางเสียงแผ่วเมื่อเห็นนารายืนอยู่หน้าประตูห้อง คนตัวเล็กส่งยิ้มบางเบาก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องกว้างของชายหนุ่มแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหน้าทีวีพร้อมกับหันมาฉีกยิ้มให้เจ้าของห้องที่ยังยืนจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่หน้าประตู และเมื่อได้สติใบหน้าหล่อเหลาก็เรียบตึงขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยถามนาราด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“มาที่นี่มีธุระอะไรรึเปล่า”

นาราหุบยิ้มทันทีที่จับน้ำเสียงแห่งความไม่พอใจจากร่างสูง ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดสิ่งที่ค้างคาใจมานาน

“เรื่องรณกรเป็นยังไงบ้างเหรอ” จบประโยคร่างเล็กก็ได้ยินเสียงแค่นหัวเราะดังมาจากปากของคลาร์ก ชายหนุ่มหันกลับมามองอดีตคู่หมั้นของตนเองพร้อมกับตอบคำถามของนาราด้วยท่าทีสงบนิ่ง

“จะถามถึงคนที่ตายไปแล้วเพื่อตอกย้ำความเลวของตัวเองให้มันได้อะไรขึ้นมา ไม่ต้องห่วง ฉันรู้แล้วว่านายไม่ได้ทำ” คลาร์กพูดออกมา พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มองใบหน้าเศร้าหมองของคนตรงหน้า ความรู้สึกผิดที่เกาะกินจิตใจของเขากำลังทำให้คลาร์กอ่อนแอ ได้แต่บอกตัวเองว่าสิ่งที่นาราโดนมันสาสมแล้วกับสิ่งที่คนตัวเล็กนั่นทำ

 

ทำไมคลาร์กจะไม่รู้ว่านาราส่งคนไปทำร้ายรณกรจนทำให้คนรักของเขาฆ่าตัวตาย

 

แต่รื้อฟื้นหรือแก้แค้นอะไรไปรณกรก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมา อีกอย่างนาราก็ได้รับบทเรียนอย่างสาสมไปแล้ว เรื่องทุกอย่างก็ควรจะจบสิ้นเสียที มันอาจจะจบไม่สวยงามเสียเท่าไหร่แต่คลาร์กก็คิดว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด

เรื่องบางเรื่องไม่อาจให้อภัย แต่ก็ไม่ควรยึดติดกับมัน สิ่งที่ต้องทำคือต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองและไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกันอีก

“ตกลงว่าที่มานี่มีธุระอะไรรึเปล่า ถ้าไม่มีก็กลับไปซะนารา ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยกับนายตอนนี้” คลาร์กบอกกับร่างเล็กก่อนจะพยักเพยิดให้นาราออกจากห้องไป แต่คนตัวเล็กกลับทำเพียงแค่ส่งยิ้มบางเบามาให้เขาแล้วก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันทำยากที่จะให้อภัย แต่ช่วยรับคำขอโทษของผมไปหน่อยได้มั้ยครับ”

“...”

“สัญญาว่าหลังจากวันนี้จะหายไป สัญญาจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก แต่ช่วยรับคำขอโทษของผมได้มั้ยคลาร์ก” นาราอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา คลาร์กถอนหายใจก่อนจะเบือนหน้าหนีดวงหน้าเล็กที่ฉายแววเจ็บปวดแล้วก็พูดเสียงเรียบ

“เก็บคำขอโทษของนายไว้เถอะ ฉันไม่รับอะไรจากนายทั้งนั้นนารา เราสองคนควรออกไปจากชีวิตของกันและกันนั่นแหละคือสิ่งที่ควรทำ” คลาร์กพูดจบก็เตรียมตัวเดินหนีเข้าห้องนอน แต่เพียงไม่นานร่างโปร่งก็ต้องหยุดชะงักเมื่อนาราถลาเข้ามากอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นจากทางด้านหลัง แก้มเล็กแนบกับแผ่นหลังกว้างของคลาร์ก แขนเรียวกระชับเอวของร่างสูงแน่นราวกับว่าถ้าปล่อยไปแล้วนาราจะสูญเสียคลาร์กไปตลอดกาล

“ได้โปรดคลาร์ก ผมขอโทษ ผมเสียใจจริง ๆ ”

“...”

“ช่วยรักกันหน่อยได้มั้ย...” นาราอ้อนวอน จนถึงตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

นารา นฤทัย ยังคงต้องการความรักจากผู้ชายที่ชื่อว่า คลาร์ก เทรย์เวอร์

“...”

“แค่วันนี้ สามนาที สามชั่วโมง หรือเท่าที่คุณต้องการ แค่ครั้งนี้ รักผม โกหกก็ได้...” นาราพูดพร้อมกับกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น คลาร์กหลับตาข่มความรู้สึกเอาไว้ก่อนจะเอื้อมมือไปแกะมือเล็กออกจากเอวสอบ ร่างโปร่งหันกลับไปเผชิญหน้ากับร่างเล็กพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปเกลี่ยดวงตาเรียวที่เอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำใสอย่างแผ่วเบา นาราถอนสะอื้นเล็กน้อยก่อนจะช้อนสายตาเว้าวอนขึ้นไปสบกับดวงตากลมของคลาร์กแล้วเอ่ยขอ

“รักผม ครั้งสุดท้าย...”

“...”

“ได้โปร...อื้อ” เสียงหวานขาดหายทันทีที่กลีบปากเล็กถูกคลาร์กเลื่อนใบหน้าเข้าไปบดเบียดดูดซับความหอมหวาน มือแกร่งเลื่อนไปวางที่เอวเล็กพร้อมกับตวัดร่างของนาราให้เข้ามาแนบชิดกับร่างสูง กลีบปากบางถูกบดเบียดอย่างเร่าร้อนและอ่อนหวาน คนตัวเล็กหลับตาซึมซับความรู้สึกหวามไหวที่ทบทวีพลางยกสองแขนขึ้นโอบรอบลำคอของอีกคน

คลาร์กพาร่างของนาราไปยังเตียงกว้างก่อนจะทำตามคำขอครั้งสุดท้ายของนาราก่อนที่วันพรุ่งนี้สองหัวใจจะขาดจากกันอย่างสิ้นเชิง

วันพรุ่งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลง...

ตลอดกาล...

 

 

 

 

 

สายลมบางเบาในยามค่ำคืนพัดผ่านเข้ามากระทบร่างเปลือยเปล่าสองร่างที่กำลังแนบชิดกันบนเตียงกว้าง นาราจ้องมองเครื่องหน้าคมได้รูปของคนที่กำลังหลับใหลอยู่ข้างกายด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม มือบางยกขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าของคลาร์กแผ่วเบาก่อนจะเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกคนขมวดคิ้วมุ่นเมื่อถูกรบกวนการนอนหลับ

“ถ้าชาติหน้ามีจริง คุณจะยอมให้ผมเกิดมาเป็นคนที่คุณรักได้รึเปล่า” นาราพูดกับคนที่กำลังนอนหลับด้วยเสียงแผ่วเบา มือบางยังคงลูบไล้ใบหน้าของคลาร์กอยู่อย่างนั้น

“แล้วชาติต่อ ๆ ไป คุณยังจะยอมให้ผมได้รักคุณมั้ย”

“...”

“ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ ตราบใดที่ผมมีหัวใจ ทุกครั้งที่ได้เกิดมา ผมก็จะขอรักผู้ชายเพียงแค่คนเดียว...”

“ผมจะรักคุณเพียงแค่คนเดียว คนที่ตอนเด็ก ๆ เคยสัญญาว่าจะกลับมา ผมจะรักคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

 

รัก แม้ว่าคุณจะไม่เคยจำสิ่งที่เคยพูดเอาไว้ในตอนเด็ก ๆ ได้เลย

 

นาราพูดพร้อมกับยิ้มละไมในความมืดมิด ดวงตากลมทอดมองใบหน้าของคลาร์กด้วยความรักทั้งหมดที่มีก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าไปแตะริมฝีปากเล็กกับกลีบปากอิ่มของคลาร์กอย่างแผ่วเบาพร้อมกับกระซิบถ้อยคำอำลาสุดท้ายข้างใบหูเล็กของอีกคน

 

ไม่มีอีกแล้ว...ความรักของผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง

 

ไม่มีอีกแล้ว...สุ้มเสียงที่คอยแต่จะด่าทอ ฟาดฟันวาจาร้ายกาจใส่กันและกัน

 

ไม่มีอีกแล้ว...คุณหนูตัวเล็กเจ้าอารมณ์ที่มีความร้ายกาจจนใคร ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้

ต่อจากนี้จะไม่มีเขาแล้ว...

 

จะไม่มีผู้ชายที่ชื่อนาราในชีวิตของคลาร์กอีกต่อไป

 

ไม่มี...

 

“ลาก่อน...”

 

 

 

 

 

แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามากระทบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของคนที่นอนหลับฝันดีมาตลอดทั้งคืน ความร้อนจากแสงอาทิตย์ปลุกให้คลาร์กรู้สึกตัว แขนแกร่งวาดไปด้านข้างเพื่อดึงร่างเล็กของอีกคนที่เขากอดทั้งคืนเข้ามาสู่อ้อมแขน หากแต่พอวาดมือไปกลับไม่พบร่างนุ่มนิ่มของนารา มีเพียงเตียงนอนที่ว่างเปล่าเท่านั้นที่คลาร์กสัมผัสได้

“หนูนา...” คลาร์กพึมพำก่อนจะลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าที่ปรากฏทำเอาชายหนุ่มใจกระตุกวูบ เตียงนอนยับยู่ยี่บ่งบอกว่าข้างกายของเขามีคนเคยนอนจริง ๆ แต่บัดนี้มันว่างเปล่า ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้ผมตัวเองไปมา ร่างโปร่งถอนหายใจกับตัวเองพร้อมกับสอดส่ายสายตาไปทั่วห้องแต่ก็พบกับความว่างเปล่า รอบกายของเขาเงียบสงัดจนรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าภายในห้องนี้มีเพียงเขาแค่คนเดียว

 

นาราไปแล้ว...

 

สัญญาว่าหลังจากวันนี้จะหายไป สัญญาจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก

 

ชายหนุ่มหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า พลันสายตากลมก็เหลือบไปเห็นรอยบางอย่างบนโต๊ะโคมไฟที่หัวเตียง ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจกับภาพตรงหน้า

ครีมสีขาวซึ่งคลาร์กจำได้ขึ้นใจว่ามันเป็นครีมโกนหนวดของเขาถูกวาดเอาไว้เป็นรูปหัวใจดวงเล็ก ๆ บนโต๊ะ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปแตะครีมบางเบาขึ้นมามองด้วยสายตาว่างเปล่า หัวใจที่เคยเต้นอย่างเหนื่อยล้าพลันเร่งจังหวะขึ้นเล็กน้อย คลาร์กยกยิ้มมุมปากเพียงชั่วครู่ก่อนจะยกมือขึ้นมาเสยผมพร้อมแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างอีกครั้ง

นาราไปแล้ว หายไปตามสัญญาแล้ว

และคงจะหายไป...ตลอดกาล

หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 4-End {กำลังทยอยลง}
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:23:34
ตอนที่ 5


กรุงลอนดอน, ประเทศอังกฤษ

“เอ่อ...คุณหมอคะ” เสียงหวานเอ่ยเรียกชายหนุ่มใบหน้าอ่อนเยาว์ที่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารในมือด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ คุณหมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับใช้ดวงตากลมภายใต้กรอบแว่นจ้องมองไปยังพยาบาลสาวก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม

“นี่ก็ดึกมากแล้ว เอ่อ...ดิฉันขอกลับได้มั้ยคะ” หญิงสาวพูดเสียงแผ่ว กลัวถูกตำหนิที่ตนขอกลับก่อนทั้ง ๆ ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในคลินิกแห่งนี้ได้เพียงไม่กี่วัน แต่คำตอบที่ได้กลับมีเพียงรอยยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับอาการพยักหน้าแผ่วเบา หญิงสาวเห็นดังนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาน้อย ๆก่ อนจะกล่าวขอบคุณและเดินจากไป

หลังจากลับร่างของพยาบาลสาว เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันภายในคลินิกเล็ก ๆ ร่างโปร่งของกีรติมองใบสั่งยาในมือก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งกับปัญหาตรงหน้า ความอ่อนล้าเนื่องจากต้องตรวจคนไข้ทั้งวันทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงแต่อย่างไรก็ตามคืนนี้กีรติก็ต้องอยู่ที่คลินิกจนกว่าจะเคลียร์ปัญหาเรื่องยาที่หายไปจนเสร็จ

เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าพยาบาลคนเก่าที่อยู่ ๆ ก็ลาออกไปแอบเอายาไปให้ใคร...

“เฮ้อ...” ร่างโปร่งถอนหายใจอย่างปลงตกอีกครั้งพร้อมกับเบ้หน้าออกมาเหมือนกับเด็กเล็ก ๆ เมื่อสืบหาข้อมูลอยู่เป็นเวลานานแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้เรื่องอะไรเพิ่มเติม ใบหน้าหวานซบลงกับโต๊ะพร้อมกับหลับตาลงเพื่อพักสายตา หากแต่พอหลับตาความทรงจำเก่า ๆ เมื่อหลายปีก่อนก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวอย่างช่วยไม่ได้

ความทรงจำที่เขาเคยมีความสุขและความทุกข์ไปพร้อม ๆ กัน

ความทรงจำที่มีคลาร์กและอีริคอยู่ในนั้น

คนแรกนั้นกีรติโหยหาอยากพบหน้า แต่อีกคนเขากลับอยากจะลืมเลือนหากแต่ทำไม่ได้

คลาร์กคือคนรัก ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาคมดุคนนั้นคือบุคคลที่ได้หัวใจของกีรติไปทั้งดวง

หากแต่อีริคคือฝันร้าย...ร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาและผิวสีแทนดูเซ็กซี่เป็นดั่งมัจจุราชที่คร่าเอาความสุขของกีรติไป

อีริคคือคนที่ทำให้เขาต้องนอนฝันร้ายอยู่ทุกค่ำคืนตลอดระยะเวลาเกือบสองปี

ใบหน้าหล่อเหลายามซุกไซร้ไปตามโครงหน้าเรียวสวย ลิ้นร้อนที่คอยตามไล้เลียทุกส่วนของร่างกายทำให้รู้สึกวูบวาบ ไหล่กว้างที่ครั้งหนึ่งมีมือขาวของกีรติเกาะเกี่ยวและจิกแน่น หน้าท้องและสะโพกแกร่งที่เคยขยับเป็นจังหวะยามที่ร่างสูงกระแทกกายสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเขา ทุกสัมผัส ทุกสุ้มเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากร้อนและแววตาโชนแสงแห่งปราถนาที่ฉายชัดในดวงตาคมชัดเจนนักในความทรงจำของคุณหมอตัวโปร่ง

กีรติไม่เคยลืมความโหดร้ายแต่ทว่าหอมหวานราวกับน้ำผึ้งอาบยาพิษ

คลาร์กคือคนที่เขารัก...ใช่ กีรติไม่เถียง

แต่คนที่ได้ครอบครองร่างกายของเขาคนแรกก็คืออีริค...ครอบครองและทำร้ายเขาอย่างป่าเถื่อนตามคำสั่งของนาราผู้เป็นเจ้านาย

และเพราะรู้สึกผิดที่ไม่อาจรักษาร่างกายเอาไว้ให้คนที่รัก บวกกับแรงกดดันจากผู้ชายหน้าหวานเจ้าของตำแหน่งคู่หมั้นของคลาร์ก กีรติจึงเลือกวิธีที่เห็นแก่ตัวที่สุดนั่นคือการทิ้งคลาร์กมา หนีออกมาให้ไกล ไกลแสนไกลจนแน่ใจว่าคลาร์กจะหาตัวเขาไม่เจอ

เขาเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างที่เคยมีและเริ่มต้นชีวิตใหม่

แต่เขาคงลืมไป...โลกนี้น่ะแคบกว่าที่คนคิดนัก

 

กริ้งงง


“ขอซื้อยาหน่อยครับ!” เสียงกระดิ่งของคลินิกดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาเกาะที่เคาน์เตอร์และพูดกับกีรติที่ยังฟุ่บอยู่โต๊ะด้านข้าง ร่างโปร่งสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นและลุกจากเก้าอี้ เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์จ่ายยาและหันหลังให้กับผู้มาใหม่เพื่อเปิดเตรียมตัวเปิดเอายาที่ต้องการพร้อมกับถามชายหนุ่มเสียงนุ่ม

“ยาอะไรครับ บอกอาการผมได้รึเปล่า”

“ก็ไข้สูง ไอ หายใจแรง...แบบหอบ ๆ อ่ะ หายใจไม่ทันงี้อ่ะ เร็วหน่อยสิหมอ” ชายหนุ่มเร่งกีรติที่ก้ม ๆ เงย ๆ หายาอยู่ คุณหมอตัวขาวกรอกตาไปมากับความรีบร้อนของลูกค้าพร้อมกับไล่สายตามองหาซองยาที่ตรงกับอาการที่ได้ยิน ซักพักร่างบางก็หัวกลับมาพร้อมกับวางยาลงบนเคาน์เตอร์ก่อนจะเงยหน้ามองคนตรงหน้า และเมื่อดวงตาเล็กสบเข้ากับดวงตากลมที่คุ้นเคยร่างบางก็ตัวแข็งทื่อ

“นาย...” ริมฝีปากบางพึมพำเสียงแผ่วเช่นเดียวกับร่างสูงที่เบิกตากว้างมองกีรติอย่างตกใจ

“กีย์...ทำไมนายมาอยู่ที่นี่”

 

ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจากมาไกล

ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะลืมเลือน

หากแต่พอได้พบหน้ากันอีกครั้ง

ความทรงจำทุกอย่างกลับยังคงฉายชัดอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ

หัวใจ..ที่เคยถูกทำร้ายจนพังยับไม่มีชิ้นดี

 

“อีริค...”

 

 

 

 

 

“ฉันไม่ขาย!!!”

“เฮ้ย ได้ไงวะ!” อีริคสบถออกมาเสียงดังพร้อมกับมองใบหน้าหวานด้วยแววตาเอาเรื่อง กีรติหน้าบึ้งจ้องมองร่างสูงด้วยแววตาเกลียดชัง เหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ ผู้ชายคนนี้ทำให้เขาตกอยู่ในความฝันที่แสนโหดร้าย อีริคทำให้กีรติสูญเสียความสุขไป

เขาเกลียดผู้ชายคนนี้

“กลับไปซะ คลินิกปิดแล้ว มาทางไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้นเลย!” ร่างโปร่งบางตะคอกออกมาเสียงดัง หันหลังเพื่อที่จะเดินหนี ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง สองปีสำหรับใครหลาย ๆ คนอาจจะเพียงพอที่จะลบเลือนความเจ็บปวด หากแต่กับกีรติมันไม่มีทางเป็นไปได้

 

สองปีสำหรับเขามันไม่พอ...มันไม่เคยพอ

 

พรึ่บ!

 

“อ๊ะ...นี่!!!” ร่างบางร้องเสียงหลงทันทีที่แขนเล็กถูกใครอีกคนกระชากให้หันกลับไปเผชิญหน้ากัน อีริคใช้ดวงตาดุจ้องมองใบหน้าเนียนใสของอีกคนพร้อมกับดันร่างของกีรติให้ถอยหลังไปจนแผ่นหลังบางแนบกับตู้ยา

“จ่ายยาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะกีย์ ฉันไม่มีเวลามากพอมาเล่นเกมวิ่งไล่จับกับนายเหมือนเมื่อสองปีก่อนหรอกนะ” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบทว่าดุดันจนน่ากลัว กีรติใจกระตูกวูบเมื่อโดนคนตรงหน้าสะกิดแผลที่เขาพยายามปกปิดมาเนิ่นนาน ระยะห่างที่มีเพียงน้อยนิดทำให้จมูกเล็กสูดกลิ่นกายของคนตรงหน้าเข้าไปเต็มปอด

ไม่เปลี่ยนเลย...อีริคไม่เคยเปลี่ยนไปเลยซักนิด

“มะ...ไม่ ทำไมฉันต้องทำให้นายด้วย นายเคยทำอะไรกับฉันไว้ก็น่าจะรู้ตัวเองดีไม่ใช่เหรอ ออกไปห่าง ๆ เลยนะ” กีรติพูดเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว จบประโยคของคนตัวบาง อีริคก็ชักสีหน้าพร้อมกับขยับร่างแกร่งเข้าไปจนชิดร่างบอบบางจนไม่เหลือช่องว่างใด ๆ

“จะยอมจ่ายยาให้ฉันดี ๆ หรือต้องให้ฉันกระตุ้นต่อมจรรยาบรรณนายก่อนดีล่ะครับคุณหมอ” ร่างสูงพูดจบก็เคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปคลอเคลียกับซอกคอขาว ลิ้นร้อนแตะลงบนลำคอระหงของกีรติแผ่วเบาจนคนตัวบางสะดุ้งสุดตัว สองมือยกขึ้นมาหวังผลักอกอีกคนให้ห่างกายหากแต่ข้อมือเล็กก็โดนมือของอีกคนรวบเอาไว้เหนือหัว

“อ๊ะ!” กีรติร้องออกมาเมื่อฟันคมของอีริคกัดลงบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม ลิ้นร้อนไล้เลียลำคอข่าวของคนตัวบาง รสชาติหอมหวานยังคงตราตรึงอยู่ในความรู้สึกแม้จะผ่านมานานหลายปี

ร่างกายกีรติยังหวานเหมือนเดิม

ความหอมหวานที่อีริคหลงใหล ร่างขาวบางของคนตรงหน้าดูน่าสัมผัสจนชายหนุ่มอยากจะกระชากเสื้อผ้าและชุดกาวด์สีขาวออกให้พ้นตัว ครอบครองให้กีรติเป็นของเขาเพียงแค่คนเดียว กีรติเป็นของอีริคเพียงแค่คนเดียวตั้งแต่วันนั้น

และในวันนี้ก็เช่นกัน

“อื้อ ปล่อย” คนตัวขาวบอกเสียงแผ่วใบหน้าหวานแดงซ่าน สัมผัสร้อนที่คลอเคลียอยู่ที่ต้นคอเรื่อยขึ้นมาถึงใบหูเล็กทำเอาจิตใจของกีรติเต้นระส่ำ ลมหายใจและเสียงแหบพร่าที่คอยกระซิบอยู่ข้างหูมอมเมาจนสติของเขาเกือบจะเลือนหาย แผงอกแกร่งแนบสนิทชิดกับแผ่นอกบอบบางของคุณหมอตัวบางจนสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจสองดวง

“ว่าไง หืม...จะยอมจ่ายยาให้ฉันดี ๆ แล้วหรือยัง” อีริคกระซิบเสียงแผ่วเบาพร้อมกับขบกัดใบหูเล็กจนกีรติสั่นสะท้าน

“ยะ ยอมแล้ว ปล่อย!” ร่างบางบอกเสียงสั่นเรียกรอยยิ้มจากคนตัวสูงได้เป็นอย่างดี อีริคยอมปล่อยให้อีกคนเดินไปหยิบยาแต่โดยดี ริมฝีปากบางพึมพำก่นด่าร่างสูงจนคนถูกด่าต้องอมยิ้มออกมาเล็กน้อยกับท่าทางน่ารักของคนตรงหน้า

“ช่วยบอกอาการอีกทีได้มั้ย ขอละเอียดหน่อยก็ดี”

“ก็ไอไม่หยุด หายใจลำบากแล้วก็มีแผลอักเสบนิดหน่อย ไข้สูงมาสองสามวันแล้วไม่ลดซักทีด้วย”

“เอ๊ะ ไข้สูงติดกันแบบนี้ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาลเลยล่ะ ปล่อยไว้ทำไมอาการน่าเป็นห่วงออก” กีรติขมวดคิ้วจนยุ่งเหยิงพร้อมกับตำหนิอีริคเมื่อชายหนุ่มพูดจบ ด้วยเพราะตนเองทำอาชีพเป็นแพทย์ที่ต้องรักษาคนไข้ ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนที่เกลียดขนาดไหนและตัวกีรติเองก็ไม่อยากจะวุ่นวาย แต่พอได้ฟังแบบนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ อีริคเองพอโดนตำหนิก็ถอนหายใจออกมาแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า

“ลองแล้วแต่เขาไม่ยอม ไม่รู้จะทรมานตัวเองไปถึงเมื่อไหร่” ร่างสูงบ่นเบา ๆ ท้ายประโยคคนตัวขาวแอบเห็นว่าแววตาของอีกฝ่ายไหววูบไป

“งั้นก็แล้วแต่ก็แล้วกัน ตายมาไม่รู้ด้วยนะ” กีรติพูดพร้อมกับเบ้ปาก ไม่นานซองยาสี่ห้าซองก็ถูกยื่นไปให้ร่างสูงตรงหน้า กีรติอธิบายสรรพคุณของยาและช่วงเวลาในการกินให้อีริคฟังอย่างละเอียดพร้อมกับยื่นใบเสร็จค่าใช้จ่ายให้ร่างสูง

“ราคาทั้งหมดตามนี้”

“แพงว่ะแม่ง ขูดเลือดขูดเนื้อกันชัด ๆ อ่ะ” อีริคบ่นเรียกสายตาค้อนจากร่างบางได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มหัวเราะออกมาแผ่วเบาก่อนจะโบกมือไปมากลางอากาศ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามาจ่ายละกัน วันนี้รีบ ไปนะครับคุณหมอคนสวย” ชายหนุ่มเอ่ยลาพร้อมกับส่งยิ้มไปให้อีกคน และในขณะที่กีรติกำลังงุนงงอยู่นั้น ใบหน้าคมก็ถือโอกาสเคลื่อนเข้ามากดจมูกลงบนแก้มใสก่อนจะสูดดมความหอมบนผิวแก้มนุ่มนิ่มเข้าไปจนเต็มปอด

ฟอด

“อ๊ะ!!!”

“ฝันดีนะกีย์” อีริคกระซิบข้างหูกีรติด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะหันหลังแล้วรีบเดินออกจากคลินิกไป คนตัวขาวยกมือขึ้นมากุมแก้มของตัวเองเอาไว้พร้อมกับเบ้ปาก ใบหน้าขาวเนียนพาดผ่านด้วยเฉดสีชมพูระเรื่อดูน่าเอ็นดู แต่ไม่นานจากอาการเขินอายก็แปรเปลี่ยนไปเป็นการขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไวเท่าความคิดคุณหมอตัวขาวก็รีบปิดคลินิกก่อนจะพาร่างของตัวเองวิ่งตามร่างสูงของอีริคออกไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อวิ่งมาจนประชิดตัวคนที่กำลังเดินอย่างรีบเร่งมือขาวก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของอีกคนพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปนหอบ

“นาย แฮ่ก...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วยานั่นนายจะเอาไปให้ใคร”

“นายจะรู้ไปทำไม มันไม่ใช่เรื่องของนาย กลับไปเฝ้าคลินิกเถอะไป” อีริคพูดพร้อมกับสะบัดตัวแล้วหันหลังให้ แต่กีรติก็ยังดื้อดึงตามไปยื้อร่างสูงให้หันมาประจันหน้ากัน

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ริค ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่” กีรติคาดคั้น แต่ก็ได้รับความเงียบมาเป็นคำตอบ

“ถ้านายไม่ตอบก็ไม่ต้องไปไหน ปล่อยให้คนของนายเจ็บจนตายไปเลย” คุณหมอหน้าหวานยื่นคำขาด อีริคชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจออกมา มือแกร่งเอื้อมไปจับมือเล็กขึ้นมาแนบแก้มของตนเองอย่างต้องการที่พักพิงก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

“มันจบแล้วกีย์ เรื่องทุกอย่างมันจบลงแล้ว” อีริคพูดขึ้นแต่คนฟังกลับขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ อะไรที่ว่าจบ...?

“เอาไว้ฉันจะเล่าให้นายฟังถ้านายอยากจะฟัง แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบกลับแล้ว มีคนรอฉันอยู่” ร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มบางเบาไปให้คนตัวขาว กีรติได้ฟังก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเข้าไปอีกก่อนจะเอ่ยถามอีริคด้วยความสับสน

“ใคร?”

อีริคมองใบหน้าน่ารักของคนตรงหน้าก่อนจะกระชับมือบางและออกแรงลากร่างเล็กให้เดินไปด้วยกัน กีรติขืนตัวเอาไว้เล็กน้อยก่อนจะมองร่างสูงด้วยสายตาหวาดระแวง คนถูกมองอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะคว้ามือเล็กมาจับไว้แน่นพร้อมกับออกแรงลากร่างเล็กอีกครั้ง

“นี่! นายจะพาฉันไปไหน!” คุณหมอกีรติแหวออกมาเสียงดังลั่น

“ก็อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็จะพาไปหาอยู่นี่ไง” อีริคพูดพร้อมกับเดินไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่าที่คลินิกของกีรติอยู่ใกล้กับที่พักของเขาพอดิบพอดี

“พาไปหา? ไปหาใคร?” กีรติยังคงสวมบทเป็นเจ้าหนูจำไมถามนั่นถามนี่จนร่างสูงชักรำคาญ อีริคยกยิ้มขึ้นกับท่าทางราวกับเด็กน้อยของคนข้างกายก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

 

“นาราน่ะ...”

 

“นารา...ไม่ เดี๋ยว...นาราเป็นอะไร? นี่ อย่าลากสิ!!”

“หึ เดี๋ยวนายก็รู้เองละน่า ตามมาเถอะครับคุณหมอคนสวย” อีริคพูดพร้อมกับพากีรติเดินไปตามท้องถนนในยามค่ำคืน ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายของคุณหมอตัวขาวที่ดังกรอกหูเขาไปตลอดทาง

 

 

 
เรื่องราวบางเรื่องได้ปิดฉากลง หากแต่ก็ยังมีเรื่องราวใหม่ ๆ เริ่มต้นขึ้นเสมอ



หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 4-End {กำลังทยอยลง}
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:24:30
ตอนที่ 6


สายลมบางเบาในยามค่ำคืนพัดผ่านแก้มกลมใสส่งผลให้ผิวสีเนื้ออ่อนปรากฏริ้วสีแดงจางๆขึ้นบนใบหน้า ความเย็นจากอุณหภูมิที่ลดฮวบลงอย่างรวดเร็วทำให้ปลายจมูกเล็กขึ้นสีแดงระเรื่อและมีน้ำมูกเล็กน้อย ดวงตากลมโตทอดมองไปยังแสงไฟบนท้องถนนด้วยแววหม่นหมอง แม้ความเยือกเย็นของอากาศจะทำให้ร่างกายที่ยังไม่คุ้นชินนักสั่นเทิ้มขึ้นเล็กน้อยหากแต่เจ้าของร่างเล็กในชุดนอนสีขาวสะอาดตาก็ยังคงยืนนิ่งจ้องมองวิวทิวทัศน์ผ่านระเบียงห้องอย่างเงียบสงบ

“เหม่ออะไรอยู่ครับ...หืม?” ร่างสูงของอีริคเดินเข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กกว่าจากด้านหลังก่อนจะถามเสียงแผ่วเบา จมูกโด่งกดลงที่ขมับเล็กพร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูที่เขาเป็นคนซื้อให้แล้วก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีกเพื่อให้ร่างเล็กได้รับความอบอุ่น

“คิดถึง...” ปากเล็กขยับพึมพำเสียงแหบแห้ง อีริคเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปเอาแก้มของตนเองแนบกับแก้มกลมนุ่มนิ่มแล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“คิดถึง? คิดถึงใครเหรอครับ”

“...”

“อ่า...คุณหนู...”

“คลาร์ก”

กึก. ร่างสูงชะงักทันทีที่ชื่อของใครอีกคนหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากคู่สวย แววตาหม่นหมองทอดมองภาพแสงสีเบื้องหน้า เพียงครู่เดียวแก้วตาใสก็วาววับเปล่งประกายสะท้อนแสงไฟเพราะน้ำสีใสที่ขังคลอเอ่อล้นจวนเจียนจะร่วงหล่น อีริคเม้มปากเน้นอย่างเจ็บใจที่ตัวเองได้แต่มองดูความเจ็บปวดที่ฉายชัดบนกรอบหน้าเล็กโดยที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่นเพื่อปลอบประโลมร่างเล็กที่แสนบอบบางดุจลูกนกตัวน้อยที่กำลังบาดเจ็บพร้อมกับโยกไปมาเบาๆ

“คิดถึงคลาร์ก...”

“ครับคุณหนู ผมรู้”

“คิดถึงคลาร์ก...ฉันคิดถึงคลาร์กมากเลยริค ฮึก.”

“ผมรู้ครับ ผมรู้”

“ฮึก ฮือ”

คลาร์ก ตอนนี้นายกำลังมีความสุขอยู่รึเปล่า? นายรู้บ้างหรือเปล่าว่าผู้ชายคนนี้เจ็บปวดมากแค่ไหน? เขาได้แต่ร้องไห้เพราะความรักที่มีให้กับนาย เขายังคงจมดิ่งอยู่ในวังวนที่ฉันไม่รู้จัก วังวนที่มีนายอยู่ในนั้น

นายรับรู้มันบ้างรึเปล่า

รับรู้ความทรมานพวกนี้บ้างมั้ย?

 

 

 

 

 

“ฉันให้ยาฆ่าเชื้อแล้วก็ยาแก้ปวดแล้ว ยังไงก็ต้องให้เขาพักผ่อนเยอะๆเพราะแผลยังไม่หายดี...” น้ำเสียงห่วงใยดังออกมาจากกลีบปากอิ่มสีแดงระเรื่อของคุณหมอตัวบาง กีรติกับอีริคยืนคุยกันเสียงเบาข้างเตียงของนาราที่บัดนี้หลับสนิทเพราะความอ่อนเพลีย ดวงตาคมของชายหนุ่มทอดมองร่างบอบบางที่เขาเฝ้าดูแลก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า

อีริคไม่ได้เหนื่อยที่ต้องมาดูแลนารา แต่เหนื่อยแทนนาราที่ยังไม่ยอมปล่อยวาง

“นายไหวแน่นะ นี่ไม่ได้นอนมากี่คืนแล้วเนี่ย” กีรติถามขึ้นเมื่อมองเห็นร่องรอยความอิดโรยบนใบหน้าคมเข้ม อีริคยกยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินเข้ามาสวมกอดร่างบอบบางของคนตัวขาวกว่าพร้อมกับซบใบหน้าลงกับลาดไหล่เล็กอย่างคนที่ต้องการจะพักใจ

“เหนื่อยกายน่ะมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่เหนื่อยใจนี่สิ...” พูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นร่างสูงก็ผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง กีรติได้แต่ยืนนิ่งให้อีริคกอดอยู่อย่างนั้น ดวงตากลมเลื่อนไปมองคนบนเตียงที่หลับสนิทเหมือนเด็กอ่อนก่อนจะเผยยิ้มบางเบา นาราในตอนนี้ดูแตกต่างกับนาราคุณหนูที่แสนเอาแต่ใจและร้ายกาจคนนั้นอย่างสิ้นเชิง กีรติไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความรักจะทำให้คนที่เคยอ่อนหวานใจดีแปรเปลี่ยนไปได้มากขนาดนั้น จะมีใครซักกี่คนที่มีโอกาสได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณหนูผู้แสนอ่อนโยนคนนี้บ้างนะ...

“นายยังโกรธคุณหนูอยู่หรือเปล่า” อีริคถามขึ้นมาทำลายความเงียบเรียกสติของกีรติให้กลับมา คุณหมอตัวบางยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันลืมมันไปหมดแล้ว สิ่งที่หนูนาเจอมันมากพอที่จะชดเชยสิ่งที่เขาทำกับฉันแล้ว หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก เริ่มต้นกันใหม่ก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง” คนตัวขาวพูดก่อนจะดันร่างของอีริคให้ห่างกายและเดินเข้าไปวัดอุณหภูมิร่างกายของคนที่นอนหลับสนิทบนเตียงอีกครั้ง

“นายต้องดูแลคุณนาราดีๆนะ ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่เม็ดเลือดสร้างเซลล์ขึ้นมาซ่อมแซมร่างกายแล้วก็สร้างตัวกำจัดเชื้อโรคออกอยู่ อย่าให้ไปเล่นซนจนได้แผลได้เชื้อโรคมาอีกล่ะ ถึงตายได้เลยนะรู้มั้ย” กีรติพูดเสียงเครียดเรียกรอยยิ้มจากอีริคได้เป็นอย่างดี

“พูดเหมือนคุณหนูเป็นเด็กเล็กๆไปได้ วางใจเถอะ ฉันไม่ปล่อยไปไหนจนกว่าจะหายดีหรอกน่ะ” อีริคยืนยัน กีรติพยักหน้ารับก่อนจะเก็บของให้เข้าที่และเดินนำร่างสูงออกมาจากห้องนอน

“นายแน่ใจนะว่าจะไม่พานาราไปโรงพยาบาล อาการแบบนี้น่าเป็นห่วงใช่เล่นนะริค” กีรติเอ่ยออกมาด้วยความกังวล อีริคพาร่างบอบบางของคุณหมอตัวขาวมานั่งที่โซฟาห้องรับแขกก่อนจะเอ่ยเสียงเครียด

“คุณหนูไม่ยอมไปนี่ งอแงหนักเลยล่ะพอจะพาไปโรงพยาบาล ร้องจ้าเป็นเด็กๆเลย ไอ้ฉันนี่ก็จนปัญญาแล้ว ถึงได้ขอให้นายมาดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่ไง”

“เฮ้อ เออๆรู้หรอกน่ะ ไม่ต้องมาตีหน้ายุ่งใส่กันเลยนะ ถึงฉันจะยอมมาดูคนของนายแต่ใช่ว่าฉันจะลืมเรื่องเลวๆที่นายเคยทำไว้นะ แค่พักยกเอาไว้ก่อนเท่านั้นแหละ” คุณหมอตัวสูงขู่ฟ่อเหมือนลูกแมวพร้อมกับหันมาทำหน้าบึ้งใส่คนตัวสูง อีริคยกยิ้มก่อนจะพยักหนารับรู้ ชายหนุ่มหมายมั่นปั้นมือในใจว่าตลอดเวลาที่กีรติมาอยู่ที่นี่เขาจะต้องทำให้คนตรงหน้าใจอ่อนและยอมยกโทษให้จนได้ แต่ตอนนี้เขากับกีรติต้องสงบศึกกันชั่วคราวเพราะนาราไม่สบายหนัก ผลพวงก็คงมาจากเหตุการณ์ที่คนตัวเล็กกรีดแขนและแผ่นอกตัวเองนั่นแหละ แม้จะผ่านมาได้ซักระยะแล้วแต่บาดแผลก็ยังไม่หายดีเท่าใดนัก ซ้ำร้ายก่อนหน้านี้นารายังติดเชื้อเข้ากระแสเลือดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด พอได้ถ่ายเลือดและล้างท้องก็ทำให้ดีขึ้นแต่ก็ต้องนอนห้องไอซียูเกือบสามอาทิตย์ พออาการพ้นขีดอันตรายคนตัวเล็กก็บังคับให้อีริคพากลับบ้านทันทีโดยอ้างว่าไม่ถูกกับโรงพยาบาลของที่นี่ ออกจากโรงพยาบาลไม่เท่าไหร่นาราก็ไข้สูงไม่สบายจนอีริคต้องวิ่งออกไปซื้อยาที่คลินิก และนั่นทำให้เขาได้เจอกับกีรติ

อีริคพากีรติมาดูอาการของนาราและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียดเท่าที่ตัวเขารับรู้มา คราแรกกีรติตกใจจนมือไม้สั่น แต่พอคิดได้ว่าตัวเองเคยโดนอะไรบ้างก็นั่งนิ่งและดูอาการของนาราเงียบๆจนคุณหนูของเขาดีขึ้น พอนาราได้สติและเห็นกีรติก็ช็อคไปครู่ใหญ่ก่อนจะขอเคลียร์กันตามลำพัง อีริคไม่รู้ว่าคนทั้งคู่คุยอะไรกัน แต่พอเขาเข้าไปหาอีกทีก็เห็นคนตัวบางสองคนนั่งกอดกันบนเตียงร้องไห้เป็นเด็กๆ พอเห็นว่าบรรยากาศระหว่างกีรติกับนาราดีขึ้นเขาจึงขอให้กีรติมาดูแลนาราช่วงที่เขาออกไปทำงานจนกว่าคนตัวเล็กจะหายดี ด้วยเพราะนารางอแงไม่ยอมไปโรงพยาบาลและอีริคเองก็ไม่มีความรู้ทางด้านนี้ อ้อนวอนอยู่นานในที่สุดกีรติก็ตกลง ทั้งคู่ตรงไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นของคุณหมอตัวบางที่คอนโดก่อนจะแวะซื้อของกินและกลับเข้ามาที่บ้านพักหลังเล็กที่พวกเขาพักอาศัย

บ้านพักที่พวกเขาอยู่มีสองห้องนอนกับอีกหนึ่งห้องน้ำ อีริคให้กีรตินอนกับนาราส่วนเขานอนอีกห้อง คนตัวขาวเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ตอนนี้ทั้งสามคนก็ใช้ชีวิตร่วมกันมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง กีรติเลือกที่จะลืมเรื่องเลวร้ายในอดีตและเริ่มต้นใหม่กับมิตรภาพที่ดี หากแต่นารากลับไม่เป็นเช่นนั้น

คนตัวเล็กยังคงคิดถึงคลาร์กและแอบร้องไห้ก่อนนอนแทบจะทุกคืนจนอีริคและกีรติไม่สบายใจ

“นี่ก็ดึกมาแล้ว นายจะเข้านอนรึยัง” อีริคถามขึ้นทำลายความเงียบ กีรติพยักหน้าเบาๆพร้อมกับตอบกลับไป

“เดี๋ยวอาบน้ำก่อน วันนี้มีเคสรถชนมาด้วย เหม็นคาวจะแย่” คนตัวขาวบุ่นงุ้งงิ้ง อีริคได้ยินก็ยกยิ้มกว้างก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปสูดดมความหอมจากพวงแก้มใสเต็มแรงจนแกมนุ่มยุบลง คนถูกหอมสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปฟาดฝ่ามือลงบนท่อนแขนของคนตัวสูงอย่างแรงพร้อมกับแหวเสียงแหลม

“ทำบ้าอะไรของนายวะ”

“เอ้า ก็เห็นบอกตัวเหม็นเลยดมดู ไม่เห็นเหม็นเลย หอมออก” อีริคลอยหน้าลอยตาตอบจนกีรติทนไม่ไหว คุณหมอหนุ่มยกเท้าขึ้นถีบสีข้างของร่างสูงแรงๆหลายทีก่อนจะวิ่งกลัวเข้าห้องนอนไป อีริคมองตามคนตัวบางไปจนลับสายตาก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วก็หันมาเปิดรายการโทรทัศน์ดูเพื่อรอเวลาอาบน้ำต่อจากคนตัวขาว แต่ดูทีวีไปได้เพียงครู่เดียวเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มก้มลงมองเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอก่อนจะกดรับและกรอกเสียงลงไปตามสายด้วยโทนสงบนิ่ง

“ครับท่าน”

[นาราหลับรึยัง] ทันทีที่ชายหนุ่มรับสาย เสียงแหบห้าวก็พูดขึ้นแทบจะในทันที

“หมอให้กินยาแล้วก็พักผ่อนแล้วครับท่าน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” อีริคตอบกลับไปพร้อมกับยกรีโมตขึ้นมากดเบาเสียง

[ดีแล้วล่ะ ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว] ปลายสายพูดออกมาก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก บทสนทนาเงียบไปชั่วครู่ทำเอาอีริคใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ชายหนุ่มเม้มปากแน่นชั่งใจอยู่นานว่าควรจะเอ่ยถามถึงใครอีกคนดีหรือเปล่า ทั้งๆที่ควรลืมเลือนแต่สุดท้ายริมฝีปากของเขาก็ขยับเป็นคำพูดออกไป

“ท่านครับ คลาร์กเป็นยังไงบ้าง?”

[คลาร์กน่ะเหรอ ทำไมอยู่ๆถึงถามขึ้นมาล่ะ นาราฝากถามเหรอ]

“เปล่าครับ คุณหนูไม่ได้เอ่ยถึงใครเลย ผมแค่อยากรู้ว่าทางฝ่ายนั้นเค้าเป็นยังไง” อีริคอธิบาย ครั้นจะบอกว่าลูกชายของท่านเอาแต่ร้องไห้หาคลาร์กก็ไม่กล้า อีริคเลยได้แต่โป้ปดไปพร้อมกับรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

[ทางนี้ก็ดีล่ะมั้ง เอาแต่ทำงานไม่สนใจใคร ฉันเองก็เดาใจไม่ถูกเหมือนกัน] ปลายสายตอบกลับมา

“อ๋อครับ...” อีริคขานรับเพราะไม่รู้จะตอบกลับไปว่ายังไงทำเอาคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานอย่างคุณพิสิทธิ์หัวเราะขึ้นมาเบาๆ

[นารางอแงหาคลาร์กตลอดเลยล่ะสิ] ชายสูงวัยพูดขึ้นอย่างรู้ทันจนอีริคถอนหายใจ

“ครับท่าน ผมจนปัญญาแล้วจริงๆ คงต้องหาหนุ่มตาน้ำข้าวซักคนมาดามหัวใจแล้วล่ะ” อีริคเสนอทำเอาปลายสายหัวเราะขึ้น

[ไปหาทำไมเล่า ก็นายนั่นแหละ ดามอกให้นาราเขาหน่อย ถ้าเป็นนายฉันจะได้สบายใจ] พิสิทธิ์พูดติดตลกหากแต่คนฟังไม่ได้รู้สึกตลอกไปด้วย ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันจนยุ่งเหยิงก่อนจะตอบเจ้านายกลับไปเสียงเครียด

“ก็ถ้าคุณหนูยอมเปิดใจซักนิดทุกอย่างมันคงง่ายกว่านี้ครับ” อีริคบอกก่อนจะฟ้องเจ้านายถึงวีรกรรมที่นาราทำเอาไว้ ชายต่างวัยนั่งคุยกันอีกสามสี่ประโยคก่อนที่อีกฝ่ายจะขอตัวไปทำงานต่อ เมื่อสายตัดไปแล้วอีริคก็วางโทรศัพท์เอาไว้บนโต๊ะพร้อมกับจ้องมองรายการโทรทัศน์ต่อเงียบๆ ไม่นานกีรติก็โผล่หน้าออกมาในชุดนอนสีเทาก่อนจะพูดกับอีริคด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“ห้องน้ำว่างแล้วนะ ฝันดี”

อีริคขานรับก่อนจะปิดโทรทัศน์และพาตัวเองไปชำระร่างกายก่อนจะเข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย

 

 

 

 

 

5 ปีต่อมา

กรุงเทพมหานคร

“เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ก็แล้วกัน ยังไงก็ฝากให้ทุกคนช่วยกันดูแลโปรเจ็คนี้ด้วยนะ ถ้าเราตีตลาดอาเซียนได้และขยายฐานลูกค้าออกไป อีกไม่นานเราก็จะเจาะตลาดยุโรปได้สบายๆ” คุณพิสิทธิ์พูดขึ้นในที่ประชุมเพื่อสรุปใจความสำคัญและประเด็นหลักของโปรเจ็คก่อนจะปิดการประชุมในเวลาต่อมา บรรดาผู้บริหารต่างวัยวุฒิมากหน้าหลายตาก็พากันทยอยเดินออกจากห้องประชุมไป เช่นเดียวกับคลาร์กที่สวมชุดสูทสีกรมท่าดูภูมิฐานที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเเละกำลังจะก้าวขาเดินไปยังทางออก หากแต่ชายหนุ่มก็ต้องหมุนตัวกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกแหบห้าวดังขึ้นจากด้านหลัง

“เดี๋ยวก่อนคลาร์ก ลุงมีเรื่องจะคุยด้วย” พิสิทธิ์พูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้อดีตคู่หมั้นของลูกชายอย่างเป็นมิตร คลาร์กพยักหน้ารับน้อยๆก่อนจะเดินกลับเข้ามานั่งที่เดิมที่ชายหนุ่มเคยนั่งขณะกำลังประชุมงานอยู่

“ช่วงนี้หักโหมงานหนักไปรึเปล่า ผอมลงไปเยอะเลยนะ”

“ผมสบายดีครับท่าน แล้วท่านมีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ?” คลาร์กตอบเสียงนุ่มนวล พยายามรักษาระดับคำพูดและน้ำเสียงของตัวเองให้คงที่

ชายหนุ่มพยายามทำตัวให้เป็นปกติแม้ในใจจะรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ความรู้สึกผิดเกาะกินหัวใจและสามัญสำนึกของคลาร์กจนเขาไม่กล้าทำตัวตีเสมอหรือผ่อนคลายยามอยู่ต่อหน้าชายอาวุโสตรงหน้า ภาพร่างเล็กของนาราที่ถูกย้อมเต็มไปด้วยเลือดยังติดอยู่ในความทรงจำ ทั้งๆที่เขาเองก็ทำร้ายนาราทั้งทางตรงและทางอ้อมไปขนาดนั้นแต่คนตรงหน้าก็ยังนึกเอ็นดูเขาเหมือนกับลูกคนหนึ่ง ถือได้ว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือและควรค่าแก่การให้ความเคารพเป็นอย่างยิ่ง คลาร์กคิดในใจแบบนั้น

“เปล่าหรอก แค่เป็นห่วงเห็นนายโหมงานหนักติดต่อกันมาหลายปีแล้ว ยังไม่ลืมเรื่องเมื่อห้าปีก่อนอีกหรือ” พิสิทธิ์ถามเสียงนุ่ม คลาร์กไม่ตอบอะไรกลับไป ได้แต่ตีหน้านิ่ง

“...”

“อย่าคิดมากไปเลยคลาร์ก ลุงรู้จักหนูนาดี รายนั้นทำแสบกับเราเอาไว้เยอะ ลุงไม่ขอให้เรารักน้องหรือให้อภัยน้อง แค่แยกแยะเรื่องของน้องและเรื่องลุงกับบริษัทให้ออกก็พอ” คนอายุมากกว่าพูดพร้อมกับบีบไหล่คลาร์กอย่างให้กำลังใจ ชายหนุ่มก้มหน้าลงเงียบๆ ความรู้สึกเทิดทูนตีตื้นขึ้นมาเต็มอก เขานับถือผู้อาวุโสตรงหน้ามากจริงๆ

“ถ้ายังไงจบโปรเจ็คนี้ก็ลาพักร้อนซะนะ รวบยอดห้าปีที่นายโหมงานมาก็สองเกือบสามเดือน อยากพักผ่อนที่ไหนก็แล้วแต่จะไปเลย แล้วก็อย่าคิดปฏิเสธล่ะ เพราะนี่คือคำสั่ง...” ประธานบริษัทพูดเองเออเองเสร็จสรรพก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน คลาร์กที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกได้แต่ทำหน้างง รู้ตัวอกทีห้องประชุมก็เหลือเพียงแค่เขาเท่านั้น

“พักร้อนเหรอ...” ชายหนุ่มพึมพำก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เปลือกตาบางปิดลงเพื่อพักผ่อนชั่วครู่ แต่พอหลับตาลงภาพใบหน้าน่ารักของรณกรก็ฉายชัดขึ้นมาในความทรงจำ

รณกรในชุดนอนสีฟ้าแสนน่ารักกำลังส่งยิ้มที่แสนสดใสมาให้เขา รอยยิ้มที่คลาร์กตกหลุมรัก รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของเขากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง

รอยยิ้มที่เหมือนกับรอยยิ้มของคนคนนั้น...

“ฉันคิดถึงนาย กร...”

พี่คิดถึงนาย กีย์

 

 

 

 

 

“ฮัดชิ่ววววววว!”

“เห้ย! ... อี๋ ขี้มูกกกกกก คุณหนูดูดิ กีย์เล่นขี้มูกกกก” เสียงโวยวายของอีริคดังขึ้นในเช้าวันหนึ่งในขณะที่ทั้งสามชีวิตกำลังเตรียมตัวจัดสำรับสำหรับรับประทานอาหารเช้า อยู่ๆคุณหมอตัวขาวที่กำลังเช็ดจานอยู่ข้างๆอีริคก็จามออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาอีริครีบวิ่งแจ้นไปฟ้องคนตัวเล็กอีกคนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแทบจะไม่ทัน กีรติส่งค้อนวงใหญ่ไปให้คนตัวโตพลางเงื้อมมือที่ถือจานขึ้นเหนือหัวทำทีจะฟาดใส่ อีริคเห็นแบบนั้นก็ถลาไปกอดร่างเล็กของใครอีกคนจนแน่นพร้อมกับซุกหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่นพร้อมกับอ้อนเสียงหวาน

“คุณหนู~ ช่วยด้วย หมอโหดจะตีผมอ่ะ” จบประโยคคนตัวโตก็เงยหน้าขึ้นมายักคิ้วให้กีรติหมั่นไส้เล่นๆ คุณหมอตัวบางฮึดฮัดอยู่กับที่ก่อนจะหันไปจัดจานและตักข้าวต่อ

“ฮะๆ กีย์งอนนายแล้วน่ะเห็นมั้ย เล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้” คนที่ถูกกอดพูดขึ้นพร้อมกับอมยิ้ม อีริคเอียงหน้ามองใบหน้ากลมขาวผสมสีชมพูฝาดแล้วก็ยิ้มออกมา มือแกร่งคลายอ้อมกอดออกเเล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบาแทน

“คุณหนูนายิ้มแล้ว” บอดี้การ์ดหนุ่มพูดขึ้นเรียกสายตาแปลกใจจากคนตัวเล็กให้หันไปมอง

“หือ???” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ นัยน์ตากลมสุกใสเต็มไปด้วยคำถาม

“ผมแค่ดีใจที่คุณหนูยิ้มได้ซักที คนน่ารักแบบคุณไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะรู้มั้ย” อีริคขยายความพร้อมกับยกมือขึ้นมาบีบจมูกเล็กไปมา คนตัวเล็กได้ยินก็ส่งยิ้มบางเบามาให้ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว

“คนเลวแบบฉันมันไม่คู่ควรกับรอยยิ้มหรอกนะริค คนแบบฉันไม่สมควรมีรอยยิ้ม คนที่ทำลายชีวิตใครหลายคนแบบฉันไม่สมควรมีความสุขหรอก”

“...” อีริคเงียบไปเมื่อคนตรงหน้าพูดจบ

“ช่างมันเถอะ ... แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าคุณหนูได้แล้ว บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าให้เรียกว่าหนูนา นี่ฉันบอกนายมาหลายปีแล้วนะริค อยากโดนฉันโกรธอีกคนหรือไง” คนตัวเล็กพูดขึ้นพอดีกับที่กีรติยกสำรับกับข้าวออกมาตั้งที่โต๊ะพอดิบพอดี นาราจึงรีบนั่งตัวตรงเตรียมกินข้าวและส่งยิ้มแฉ่งพูดคุยกับกีรติเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศทันที อีริคเห็นแบบนั้นก็ย้ายตัวขึ้นไปนั่งประจำที่ของตัวเองบ้างก่อนจะลงมือรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ

“เออหนูนา อาทิตย์หน้าไปเดินเล่นสวนสาธารณะกันดีมั้ย ช่วงนี้นายเอาแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้องคงจะเบื่อแย่ ตอนนี้ร่างกายก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วด้วย” กีรติพูดขึ้นทำลายความเงียบ คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจนคุณหมอรีบพูดต่อ

“ก็แล้วทำไมต้องไปอาทิตย์หน้าอ่ะ” นาราถามขึ้น กีรติอมยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะตอบกลับไป

“อาทิตย์นี้เห็นกรมอุตุบอกว่าพายุจะเข้าน่ะ ดูข่าวบ้างมั้ยเนี่ย!”

“อ้อ อื้อ! อยากออกไปเดินเล่นเหมือนกัน จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” นาราพูดขึ้นก่อนจะก้มลงกินข้าวต่อ

 

อาทิตย์หน้าเขาจะได้ออกจากบ้านเสียที นาราเองก็อยากจะไปพบปะผู้คนภายนอกบ้างเพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่จนเวลาล่วงเลยไปกว่าห้าปีแล้วเขาก็มีโอกาสไปแค่โรงพยาบาล ห้างใกล้บ้าน จบท้ายด้วยการนอนแหมะอยู่บนเตียงเพราะอาการติดเชื้อในกระแสเลือดยังไม่หายดี การออกไปเที่ยวเล่นครั้งนี้อาจจะทำให้เขาได้พบเจอสิ่งใหม่ มันอาจจะช่วยให้เขาเลิกคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่คอยหลอกหลอนอยู่ทุกคืนก็ได้

 

แต่ใครจะไปรู้ ว่าการออกจากบ้านในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้นาราพบเจอกับอนาคตใหม่อันสดใส แต่กลับเป็นอดีตที่แสนเลวร้ายที่จะมาฉุดเขาให้ก้าวลงไปอยู่ในวังวนเดิมอีกครั้งต่างหาก

 

วังวนที่นาราพยายามลืมเลือน

 

วังวนที่นาราพยายามหลีกหนี

 

วังวนที่มี ‘คลาร์ก’ อยู่ในนั้น

 

 

 

 

 

“จบโปรเจ็คนี้นายจะลาพักร้อนยาวเลยใช่มั้ยคลาร์ก” เพื่อนร่วมงานของคลาร์กถามขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่กำลังเดินทางเข้าประชุมเพื่อฟังผลตอบรับของงานที่บากบั่นห้ามรุ่งหามค่ำทำติดต่อกันมาเป็นเวลาเกือบอาทิตย์

“อืม เหนื่อยมาหลายปีแล้ว ขอพักผ่อนบ้าง” คลาร์กพูดขึ้น อันที่จริงต้องบอกว่าเขาโดนประธานบริษัทบังคับให้ลาพักร้อนเสียมากกว่า

“ดีอ่ะ ฉันก็อยากพักบ้าง”

“ก็แล้วทำไมไม่ลาล่ะวะ” คลาร์กถามกลับไปเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนบ่น คนถูกถามยิ้มรับจางๆก่อนจะตอบกลับมาเสียงหนักแน่น

“จะเก็บเงินขอแฟนแต่งงานน่ะ”

“...” คำตอบของคนข้างกายทำให้คลาร์กนิ่งเงียบ ชายหนุ่มไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้าบางเบาพร้อมกับสิ่งยิ้มเป็นกำลังใจไปให้

“ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะหาใครซักคนมาเป็นคู่ชีวิตบ้างเหรอ ฉันเข้าใจนะว่านายรักกรมาก แต่เขาคงไม่สบายใจหรอกถ้านายยังเอาแต่อมทุกข์อยู่แบบนี้ เรื่องมันก็ผ่านมาห้าปีแล้วนะเว้ย! อีกอย่างตอนนี้คุณนาราก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”

“...”

“ฉันว่าถึงเวลาที่นายควรจะลืมเรื่องร้ายๆแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้วนะ”

 

นั่นสินะ.

 

ห้าปีมันคงมากพอที่จะลบล้างรอยแผลและความเจ็บปวดออกไปจากหัวใจของเขา ให้มันคงอยู่เพียงแค่ความทรงจำจางๆที่คอยย้ำเตือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

คลาร์กควรจะเริ่มต้นใหม่เสียที.

 

“ขอบใจมากนะ”

“อื้อ ไม่เป็นไรหรอก ... ว่าแต่นายเถอะ พักร้อนนี่จะไปพักผ่อนที่ไหนอ่ะ?” เพื่อนร่วมงานถามขึ้น คลาร์กเงียบไปอึดใจก่อนจะส่งยิ้มไปให้คนข้างกายพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“อังกฤษน่ะ กะว่าจะไปเที่ยวอังกฤษซะหน่อย”

 

มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด...

 

หรือเป็นกงล้อแห่งโชคชะตา

 

 
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 4-End {กำลังทยอยลง}
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:25:24
ตอนที่ 7


สวนสาธารณะในช่วงเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์คลาคลั่งไปด้วยผู้คนมากมายที่มาพักผ่อนหย่อนใจ แดดอ่อนๆส่องแสงลอดผ่านช่องว่างของใบไม้ที่ประดับอยู่บนต้นไม้ใหญ่ทอดผ่านลงมากระทบสู่พื้นหญ้า สายลมอ่อนๆพัดพริ้วไปมาเป็นระยะๆทำให้บรรยากาศบริเวณสวนสาธารณะแห่งนี้ดีขึ้นทบทวี เสียงร้องชอบใจของบรรดาเด็กๆที่ผู้ปกครองพามาเล่นที่สนามเด็กเล่นซึ่งตั้งอยู่ติดกันยิ่งทำให้ที่แห่งนี้ดูครึกครื้น ร่างเล็กของนาราในชุดลำลองสบายๆนอนแผ่หลาไปบนผ้าปูที่พวกเขาเตรียมมาก่อนจะจดจ้องไปยังท้องฟ้าสีครามและปุยเมฆขาวที่ลอยละล่อง หมูนกน้อยบินว่อนไปว่อนมาส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวสอดประสานกับเสียงผู้คนรอบข้างกลายเป็นท่สงทำนองแห่งความสนุกหรรษา ริมฝีปากอวบอิ่มสีเชอรี่ระบายยิ้มขึ้นแต้มบนใบหน้านวลก่อนจะสูดลมหายใจกอบโกยอากาศที่แสนสดชื่นเข้าเต็มปอด

นานแค่ไหนกันที่ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้

“อากาศที่นี่ดีจังเลยเนาะ” กีรติที่เพิ่งกลับมาจากไปซื้อน้ำพูดขึ้น คุณหมอตัวขาวนั่งแหมะลงข้างๆนาราก่อนจะวางขวดน้ำลงในตะกร้าปิกนิคขนาดย่อมที่พวกเขาช่วยกันจัดเตรียมก่อนออกมา นาราหันไปมองใบหน้าอ่อนเยาว์ก่อนจะเลื่อนตัวไปนอนตักคนตัวบางแล้วก็ฉีกยิ้มไปให้

“นอนแบบนี้สบายอ่ะ” คนตัวเล็กพูดพร้อมกับยิ้มจนเต็มแก้มเรียกค้อนวงใหญ่จากกีรติได้เป็นอย่างดี คุณหมอตัวขาวเลื่อนมือมาลูบกลุ่มผมนิ่มของนาราแผ่วเบา ดวงตากลมเลื่อนไปมองแขนซ้ายที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ก่อนจะจมเข้าสู่ห้วงความคิดของตัวเอง

ครั้งแรกที่เจอกับนารา กีรติไม่คิดจะให้อภัยคนบนตักเสียด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่นาราทำมันเลวร้ายสำหรับเขามาก แต่ด้วยจรรยาบรรณของความเป็นหมอบวกกับสิ่งที่อีริคเล่าเลยทำให้กีรติยอมดูแลคนตัวเล็กจนอาการดีขึ้น พอนาราได้สติและเห็นหน้าเขาคนตัวเล็กก็เอาแต่ขอโทษ นาราในตอนนั้นสภาพดูย่ำแย่จนกีรติใจหาย ยิ่งเห็นรอยแผลเป็นที่แขนกับแผ่นอกที่เจ้าตัวเป็นคนกรีดเองกับมือก็ยิ่งทำให้กีรติพูดไม่ออก

 

รอยแผลเป็นที่แม้แต่เด็กตัวเล็กๆที่อ่านหนังสือได้ก็อ่านออก

 

รอยแผลที่เป็นชื่อของอดีตคนรักของเขา ‘คลาร์ก’

 

นั่นทำให้กีรติได้รู้ว่านาราถลำลึกลงไปในความรักที่มีต่อคลาร์กมากแค่ไหน และสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่านาราเจ็บปวดกับมันมากเพียงใด

 

กีรติเชื่อเรื่อง ‘โอกาสที่สอง’

 

เขาจึงลองเปิดใจและให้โอกาสนารากับอีริคได้แก้ตัว เขายอมรับมิตรภาพที่สองคนนั้นวอนขอและทั้งคู่ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง

เวลาล่วงเลยไปกว่าห้าปี จากคนที่เคยเกลียดกันจนแทบจะทำลายชีวิตของอีกฝ่าย กลับแปรเปลี่ยนมาเป็นสายสัมพันธ์ที่พวกเขาเรียกมันว่า ‘ครอบครัว’ เขาทั้งสามคนเลือกที่จะฝังอดีตของตนเองลงในหีบแห่งความลับและโยนมันลงมหาสมุทร ไม่มีคุณหนูนาราผู้เคยร้ายกายอีกต่อไป เพียงหนูนาเพื่อนที่แสนดีและอ่อนโยนจนน่าปกป้องเท่านั้น

 

นาราตายไปแล้ว ตายลงพร้อมกับความร้ายกาจและหัวใจที่จมปลักอยู่กับคนเพียงคนเดียว...

 

ทุกอย่างในอดีตถูกลืมเลือน

 

“นี่กีย์” นาราที่นอนหลับตาบนตักของชายหนุ่มพูดขึ้นทำลายความเงียบงัน เจ้าของชื่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเงียบไปรอให้นาราพูดต่อ

“แผลเป็นที่แขนมันรักษาได้รึเปล่า” คนที่กำลังนอนบนตักของคุณหมอตัวบางช้อนสายตาขึ้นมาถามเสียงสั่น มืออีกข้างเลื่อนไปจับแขนที่ถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลก่อนจะเม้มปากเน้นอย่างรอคอยคำตอบ

ห้าปีมาแล้ว เหตุการณ์มันผ่านมาห้าปีแล้วแต่แผลนี้ก็ยังไม่หาย


และมันจะไม่มีวันหายไปตลอดชีวิต

นารารู้ดี.

 

กีรติมองคนที่เอาแต่จ้องแผลเป็นที่แขนของตัวเองก่อนจะถอนหายใจ รอยยิ้มบางเบาจุดขึ้นที่ริมฝีปากคู่สวย มือข้างหนึ่งละจากเส้นผมของคนตัวเล็กเเล้วเลื่อนไปแตะแขนซ้ายของคนที่นอนตักเขาอยู่อย่างแผ่วเบา

“ก็...ตอบตามความจริงก็คงไม่ได้อ่ะ นอกซะจากว่าหนูนาจะตัดแขนทิ้งไปเลย” คุณหมอหน้าหวานทำทีพูดติดตลกเรียกร้อยยิ้มน่ารักจากนาราได้เป็นอย่างดีก่อนจะพูดขึ้น

“นั่นสิเนาะ...มันจะไปรักษาได้ยังไง แผลตั้งขนาดนี้”

“ก็แล้วตอนนั้นกรีดแขนตัวเองทำไมล่ะ” กีรติสวนทันทีที่นาราพูดจบ คนถูกถามเงียบไปทันทีพร้อมกับดวงตาที่ไหววูบจวนเจียนจะร่ำไห้ กีรติเห็นแบบนั้นก็ลูบกระหม่อมเล็กเพื่อปลอบประโลมก่อนจะเอ่ยสั่งสอนเด็กน้อยที่กำลังหลงทางบนตัก

“ในเมื่อหนูนาทำมันลงไปแล้วก็ต้องทำใจยอมรับกับผลที่มันตามมา ยอมรับบาดแผลที่จะติดตัวนายไปตลอดชีวิต นายกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้หรอก” จบประโยคนาราก็เงียบลงพร้อมกับช้อนสายตาขึ้นมาสบกับดวงตากลมของกีรติ ความเงียบเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนที่คนตัวเล็กจะแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยแล้วพูดเสียงสดใส

“อื้อ รู้แล้วน่า แต่พอมองมันทีไร อดีตที่ตั้งใจจะโยนทิ้งมันก็ผุดขึ้นมาในสมองตลอดเลยนี่นา” นาราตัดพ้อติดตลกพร้อมกับชูมือข้างที่ถูกพันเอาไว้ขึ้นมาตรงหน้า แม้แผลจะถูกปกปิดด้วยผ้าผืนบางหากแต่นาราก็จำรูปร่างหน้าตาของมันได้เป็นอย่างดี

 

จะลืมได้ยังไง ในเมื่อแผลนี้นาราเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น

 

จะลืมได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นชื่อของคนที่เขารักจนหมดหัวใจ

 

“ถ้าความทรงจำมันควบคุมได้ ฉันก็อยากจะสั่งให้ลืมเรื่องเมื่อก่อนให้หมด...” คนแก้มกลมพูดขึ้นทำลายความเงียบ มือบางเลื่อนไปกอบกุมแก้มขาวของคนที่เขานอนตักแผ่วเบาพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้

“ลืมเรื่องเลวร้ายที่ฉันเคยทำ ลืมตัวตนที่ฉันเคยเป็น ลืมคนที่ฉันเคยเกลียด ลืมว่าฉันเคยทำร้ายใครไปมากมายแค่ไหน ลืมว่าใครเคยเสียน้ำตาเพราะความโง่งมของฉันบ้าง...”

“หนูนา...” กีรติพึมพำเสียงแหบแห้งเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาก่อนจะไหลลงกระทบกับกางเกงของเขา นาราลูบไล้แก้มนุ่มของกีรติไปมาเบาๆก่อนจะส่งยิ้มที่ตัวเองคิดว่าสดใสที่สุดไปให้

 

แต่นาราจะรู้รึเปล่า การยิ้มทั้งๆที่ดวงตาเรากำลังร้องไห้มันไม่เคยสดใสเลยซักนิด

 

“ฉันอยากจะลืมเรื่องทุกอย่าง ลืมมันไปให้หมด”

 

อย่าร้องไห้ คนบนตักของกีรติตอนนี้ไม่ควรร้องไห้ นาราไม่เหมาะกับน้ำตา

 

“...ฉันอยากลืมเหลือเกินว่าฉันเคยรักเขา...”

 

นาราปล่อยน้ำตามากมายให้ไหลลงผ่านห่างตาจนเปียกกางเกงของกีรติเป็นวงใหญ่ คุณหมอตัวขาวยกมือขึ้นมากอบกุมมือเล็กที่อยู่ข้างแก้มของตัวเองและบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

 

นาราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ เหมือนกับที่เขาเคยผ่านมันมาแล้ว

 

“ฮึก.”

“อย่าร้องไห้เลยนะหนูนา” กีรติพูดพร้อมกับดึงมือเล็กมาจูบเบาๆ นาราสะอื้นฮักบนตักของคุณหมอตัวขาวโดยไม่สนคนรอบข้าง ความเจ็บปวดอัดอั้นที่สะสมมาหลายปีถูกระบายผ่านหยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าท่ามกลางผืนฟ้าที่นารานอนหงายประจันหน้าอยู่

“ขอโทษนะกีย์ ฉันขอโทษ อย่าเกลียดฉันนะ ฮึก อย่าเกลียดฉัน” นาราพูดพร้อมกับสะอื้น กีรติยิ้มบางๆให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตาให้คนตัวเล็ก

“ฉันลืมมันไปหมดแล้วหนูนาก็รู้ ขี้แยจังเลย เดี๋ยวจะฟ้องริคนะ”

“ฮึก ฉันรักกีย์นะ ฮือ ฉันรักนาย” นาราร้องไห้โฮออกมา กีรติหัวเราะออกมา นาราในตอนนี้เหมือนเด็กน้อยที่นอนร้องไห้กอดแขนคุณแม่เพราะกลัวว่าคุณแม่จะหายไป กีรติลูบหัวเล็กเบาๆก่อนจะกระซิบถ้อยคำบอกรักซ้ำๆให้นารามั่นใจ

กีรติเองก็รักนารา สัญญาว่าจะไม่ทิ้งนาราไปไหน

“หยุดร้องไห้ได้แล้ว กางเกงฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย เด็กขี้แย” คุณหมอตัวบางพูดพร้อมกับลูบหัวเล็กเบาๆ นารายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาป้อยๆก่อนจะซุกใบหน้าลงกับตักของกีรติแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนโดยมีกีรติคอยลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มและทอดมองนาราด้วยสายตาอ่อนโยน ไม่นานนาราก็นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าโดยมีกีรติเป็นหมอนจนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงสายกีรติก็ปลุกนาราให้ตื่นจากนิทราเพื่อที่จะพาคนตัวเล็กกลับบ้านเพราะแดดเริ่มแรงเกรงว่านาราจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน

“หนูนาเดินไปรอที่รถก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันขอเก็บของก่อนแล้วจะตามไป” คุณหมอตัวบางสั่งคนตัวเล็กพร้อมกับดันหลังนาราที่ยืนทำหน้างัวเงียอยู่ให้ออกเดิน ร่างเล็กพยักหน้าเนือยๆก่อนจะหันหลังและเดินออกมา เป้าหมายคือรถยนต์ของกีรติที่จอดอยู่ริมฟุตบาตรข้างๆสนามเด็กเล่น นาราก้าวเดินไปตามทางเดินพร้อมกับขยี้หูขยี้ตาไปด้วยเหมือนเด็กเล็กๆเรียกรอยยิ้มจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี

ไม่นานคนแก้มกลมก็พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างรถของกีรติได้ในที่สุด ร่างบางเอนตัวไปพิงกับประตูรถก่อนจะหลับตาเพราะความปวดที่ค่อยๆเกิดขึ้น สาเหตุก็คงมาจากการที่นาราร้องไห้ก่อนหน้านี้นั่นแหละ พอคิดถึงตรงหน้านาราก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“อีกแล้วนะนารา...งี่เง่าอีกแล้ว” นาราบ่นพึมพำ ดูเหมือนว่าตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมานั้นมันทำได้แค่เพียงเยียวยาบาดแผลตามร่างกายให้จางลงเท่านั้น หากแต่บาดแผลในจิตใจของนารามันกลับไม่ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย

นาราก็คือนารา ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือนาราผู้ที่เคยทำลายชีวิตใครมากมายเพียงเพราะความต้องการของตัวเอง นาราหนีความรู้สึกผิดในใจไม่ได้ เขาทิ้งอดีตอันเลวร้ายของตัวเองไม่ได้

นาราทำไม่ได้

และในขณะที่คนตัวเล็กกำลังจมอยู่กับอดีต ร่างบางของกีรติก็ก้าวฉับๆเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าอ่อนเยาว์ฉายแววเป็นกังวลและสับสนอย่างเห็นได้ชัด คุณหมอตัวขาวเดินเข้ามาประชิดตัวนาราอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบดันร่างเล็กให้ก้าวขึ้นไปบนรถด้วยความร้อนรน

“หนูนา! ขึ้นรถ!” กีรติตะโกนบอกเสียงดุดัน นาราสะดุ้งกับเสียงตะคอกของร่างสูงตรงหน้าก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

“อะ อะไร รีบไปไหนเนี่ย แล้วนี่ไปโกรธใครมา” นาราไม่ยอมทำตามที่กีรติบอกหนำซ้ำยังเอ่ยถามชายหนุ่มกลับมา กีรติเม้มปากแน่นก่อนจะมองไปด้านหลังจนสายตากลมปะทะเข้ากับร่างสูงของใครคนหนึ่งที่กำลังวิ่งตรงมายังทิศทางของพวกเขา คุณหมอตัวข่าวหน้าซีดทันทีก่อนจะรีบหันกลับไปดันร่างเล็กของนาราให้ขึ้นรถแต่ทว่าดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไป

“หนูนา ขึ้นรถ! เร็ว!”

“อ่ะ อะไรกัน เป็นอะไร”

“บอกให้รีบขึ้นรถไปไงเล่า อย่าเพิ่งถามตอนนี้ได้มั้ย โธ่!” กีรติพูดพร้อมกับออกแรงดันร่างของนาราสุดแรง แต่แล้วคุณหมอตัวขาวก็ต้องอุทานเสียงหลงเมื่อร่างบอบบางของเขาถูกใครคนหนึ่งกระชากให้หันกลับไปด้านหลังพร้อมกับที่ชายปริศนาคนนั้นถลาเข้ามาสวมกอดกีรติเอาไว้แน่น

“กีย์ นายจริงๆใช่มั้ย ให้ตายสิ! นายทิ้งพี่ นายทิ้งพี่ไปได้ยังไงกีรติ!”

เสียงทุ้มดังกึกก้องขึ้นข้างใบหูเล็กของคุณหมอตัวขาวพร้อมกับอ้อมกอดที่รัดแน่นเสียจนกีรติอึดอัด

“นาย... บ้าเอ๊ย รู้มั้ยว่าพี่คิดถึงนายมากแค่ไหน รู้มั้ยว่านายทำให้พี่รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย นายทำมันลงไปได้ยังไงกีรติ ทั้งๆที่พี่รักนายมากขนาดนั้น นายทิ้งพี่ลงได้ยังไง” ชายหนุ่มตรงหน้ายังคงพูดออกมาไม่หยุด กีรติรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมด ในใจได้แต่ภาวนาขอให้นาราไม่ได้ยืนอยู่ด้านหลังและกำลังมองภาพนี้อยู่

 

แต่ก็นั่นแหละ...โลกน่ะมันแคบกว่าที่คิด

 

“คุณ...”

เสียงแหบแห้งของนาราดังขึ้นด้านหลังเรียกความสนใจของคนที่กำลังกอดร่างบางของกีรติได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มในชุดออกกำลังกายเงยหน้าขึ้นมองร่างเล็กที่ยืนตัวสั่นพิงประตูรถอยู่ก่อนจะชะงักไป ดวงตาสองคู่สอดประสานกันเนิ่นนาน ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณพร้อมกับบรรยากาศอึดอัดที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว กีรติขืนตัวจากอ้อมกอดของคนตรงหน้าก่อนจะหันกลับไปมองนาราที่ยืนตัวสั่นอยู่ไม่ไกล คุณหมอตัวขาวกำลังจะถลาเข้าไปหานาราเมื่อเห็นสภาพของคนตัวเล็กแต่ทว่าแขนขาวกลับถูกมือแกร่งของใครอีกคนรั้งเอาไว้แน่น กีรติเงยหน้าขึ้นไปมองผู้มาใหม่ก่อนจะตัวชาวาบเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่ม

!!!

“ทำไม...” ร่างสูงโปร่งขยับริมฝีปากขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพเหตุการณ์ในอดีตไหลทะลักกลับเข้ามาในความทรงจำพร้อมๆกับความรู้สึกผิดและโกรธเกลียดผุดขึ้นมาในใจ

“อึ่ก....” นารายกมือขึ้นมาจิกแขนข้างซ้ายของตัวเองแน่น ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันอย่างแรงพลางหอบหายใจถี่รัว สองขาที่สั่นระริกพยายามพยุงร่างกายให้ทรงตัว หัวใจที่เคยตายด้านกลับมาเต้นระรัวอย่างรุนแรงจนเจ็บไปทั่วทั้งหน้าอก อดีตที่ชายหนุ่มพยายามหลีกหนีและลบเลือนกลับฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง ความกดดันเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงจนกระบอกตาของนาราร้อนผ่าว

 

เขากำลังจะร้องไห้

 

ทำไมกัน ทั้งๆที่หนีมาไกลถึงที่นี่แท้ๆ

 

ทั้งๆที่คิดเอาไว้ว่าชีวิตนี้จะไม่ขอเจออีกแล้วแท้ๆแต่ก็ยังเจอจนได้

 

นาราจะต้องหนีไปที่ไหนถึงจะหนีพ้น นรก หรือ สวรรค์ ?

 

“ทำไมนายถึง...” ชายหนุ่มตรงหน้านาราถามเสียงเย็นพลางตวัดร่างของกีรติเข้าไปในอ้อมกอดอย่างหวงแหน ในใจเกิดคำถามขึ้นมากมาย

 

ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ ยืนอยู่กับอดีตคนรักของเขา

 

“คุณ...”

“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่”

“ฮึก”

“ทำไมนายถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ นารา” น้ำเสียงเย็นยะเยือกที่ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากคู่สวยทำให้นารารู้สึกเหมือนกำลังตกลงไปในหุบเหวลึก ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงด้วยน้ำตานองหน้า นารากอดร่างกายที่กำลังสั่นเทิ้มของตัวเองเอาไว้แน่นก่อนจะค่อยๆเค้นเสียงพูดออกมาอย่างยากลำบาก

 

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ... คลาร์ก”

 

กีรติคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ... ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไป

 

 
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 4-End {กำลังทยอยลง}
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:26:14
ตอนที่ 8


เสียงท่วงทำนองของบทเพลงรักที่แสนไพเราะดังแผ่วเบาออกมาจากเปียโนตัวสวยสีดำขลับขับให้บรรยากาศยามเช้าในคฤหาสน์หลังงามอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ร่างเล็กกะทัดรัดของเด็กชายตัวน้อยแก้มกลมสวมใส่เสื้อผ้ามีราคากำลังนั่งบรรเลงบทเพลงที่ร่ำเรียนมาจากคุณครูอย่างตั้งอกตั้งใจ ข้อนิ้วเล็กกรีดกรายไปตามแป้นเปียโนอย่างชำนิชำนาญเรียกรอยยิ้มภาคภูมิใจให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นบิดาได้เป็นอย่างดี คุณพิสิทธิ์ในวัยสามสิบกว่าปียืนมองทายาทตัวน้อยขับขานบรรเลงเครื่องดนตรีขนาดใหญ่อยู่ห่างๆโดยมีเด็กชายคนหนึ่งยืนขนาบข้างด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม ก่อนที่เสียงปรบมือจะดังขึ้นเมื่อบุตรชายเล่นเปียโนจนจบเพลงและหันมาส่งยิ้มสดใสให้แก่ผู้เป็นบิดา

“จบแย้ว~ เพราะมั้ยฮะพ่อ” เด็กตัวน้อยเอ่ยถามชายหนุ่มก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้และวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าสู่อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อพลางหัวเราะคิกคักโชว์ฟันกระต่ายคู่สวย

“เพราะที่สุดในโลกเลย หนูนาของพ่อเก่งมากกกกก มาให้พ่อหอมที” ผู้เป็นบิดาพูดพร้อมกับอุ้มลูกชายขึ้นมาแนบอกก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มใสหลายทีจนเจ้าตัวหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

“คิกคิก นาจั๊กกะจี้น้าา คิกคิก” สองพ่อลูกหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานโดยมีอีริค เด็กกำพร้าที่พิสิทธิ์รับอุปการะยืนอมยิ้มมองพวกเขาอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงกอดลูกชายเอาไว้แนบอกก่อนจะเรียกให้เด็กตัวสูงผิวคล้ำกว่าเข้าไปหาและตวัดร่างของอีริคให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเช่นเดียวกับนารา

“โตขึ้นเราสองคนต้องรักกันให้มากๆนะ ริค ... เป็นพี่ต้องดูแลน้องนะเข้าใจไหม”

“ครับท่าน” เด็กชายอีริครับคำอย่างหนักแน่นพลางมองคุณหนูนาราตัวจิ๋วที่กำลังจ้องหน้าเขาตาแป๋ว คนโตกว่าส่งยิ้มไปให้เด็กน้อยแก้มกลมบางๆ นาราเห็นแบบนั้นก็ส่งยิ้มกลับมาอย่างน่ารักเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี พิสิทธิ์หยอกล้อเด็กน้อยสองคนในอ้อมกอดด้วยความสนุกสนานจนเกิดเสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นทั่วบริเวณกว้าง

“คุณคะ คุณคลีนกับคุณซาร่ามาหาแน่ะ” เสียงหวานของนรีรัตน์ผู้เป็นภรรยาดังขึ้นขัดจังหวะของร่างสูงพร้อมกับพาร่างอันบอบบางเดินเข้ามาจับมือนาราเอาไว้ เด็กน้อยมองผู้เป็นมารดาพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างแล้วร้องเสียงเจื้อยแจ้ว

“คุณแม่~ หนูนาอยากกินขนม~” หนูน้อยอ้อนขอผู้เป็นมารดา นรีรัตน์ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างไปเขี่ยแก้มนิ่มของลูกชายพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ

“ไปรับแขกกับแม่ก่อนนะถึงจะได้กินขนม” หญิงสาวพูดพร้อมกับจูงมือเด็กตัวน้อยเดินตามสามีไปยังห้องรับแขก ก่อนไปนรีรัตน์หันมาหาอีริคที่ยืนมองเธออยู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ริคไม่ต้องตามไปดูน้องหรอกจ้ะ เดี๋ยวแม่ดูน้องเอง ไปเล่นกับเพื่อนเถอะ”

“ฮะ ถ้านายหญิงมีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดเลยนะฮะ” เด็กชายอีริคพูดเสียงใสเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหญิงสาวตรงหน้า

“เด็กคนนี้นะ บอกให้เรียกแม่ เอาเถอะ ไปเล่นเถอะ” นรีรัตน์พูดยิ้มๆก่อนจะจูงมือนาราออกไปโดยมีดวงตากลมสุกใสของอีริคมองตามจนลับหลังไป

 

 

ถ้าอีริครู้ว่าวันนั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของนารา เขาสาบานเลยว่าเขาจะเดินไปดึงเด็กตัวเล็กแก้มกลมให้ไปเล่นกับเขาดีกว่าให้คุณหนูของตระกูลนฤทัยต้องออกไปเจอแขกของคุณพิสิทธิ์...

 

 

“นารา นี่พี่คลาร์กนะ ลูกชายของลุงคลีน หนูจำลุงคลีนกับป้าซาร่าได้มั้ยลูก” นรีรัตน์พูดกับลูกชายที่นั่งอยู่นตักของตัวเองพร้อมกับพยักเพยิดไปยังเด็กผู้ชายตัวสูงใบหน้าคมเข้ม นารามองตามสายตาของคุณแม่พร้อมกับส่งยิ้มแฉ่งให้กับคลีนที่มองอยู่ก่อนแล้ว

“จำได้ฮะ ลุงคีนใจดี ให้ลูกอมหนูนาด้วย~~” เด็กน้อยพูดเสียงสดใสเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นทั่วบริเวณ สองครอบครัวพูดคุยทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับคลาร์กและนารา จนเวลาผ่านไปซักพักเด็กตัวน้อยก็ปีนลงจากตักของคุณแม่และเดินไปหาพี่คลาร์กที่นั่งเงียบมองน้องอยู่นานแล้ว

“สวัสดีพี่คลาร์ก เราชื่อหนูนานะ” เด็กน้อยทักทายพร้อมกับฉีกยิ้มให้พี่ชายตัวโตกว่า คลาร์กเลิกคิ้วพร้อมกับทวนชื่อของน้องตัวเล็กด้วยความงุนงง

“หนูนา...?”

“น้องชื่อนาราจ้ะคลาร์ก” นรีรัตน์ขยายความ คลาร์กเผยยิ้มก่อนจะหันกลับมามองเด็กแก้มกลมอีกครั้งพร้อมกับดึงตัวนาราให้มานั่งบนตัก

“กินยูกอมมะ เค้าเพิ่งซื้อมา” น้องตัวเล็กเอี้ยวตัวไปถามคลาร์กพร้อมกับชี้มือป้อมๆไปยังถ้วยมาชเมลโล่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ คลาร์กส่ายหน้าไปมาพร้อมกับอมยิ้มแล้วตอบน้องเสียงนุ่ม

“พี่โตแล้ว หนูนากินเถอะ” เด็กชายคลาร์กพูดพร้อมกับมองเด็กแก้มป่องที่กำลังยัดมาชเมลโล่เข้าปากจนเต็มแก้ม คลาร์กอมยิ้มกับตัวเองก่อนจะเอื้อมมือไปเขี่ยแก้มนุ่มนิ่มสีชมพูระเรื่อของนาราก่อนจะเอียงคอมองใบหน้าน่ารักของเด็กน้อยตรงหน้า

“น่ารักจัง...” พี่ชายตัวสูงเอ่ยปากชม น้องตัวเล็กหันมาทำตาโตแก้มป่องใส่พี่ชายที่เพิ่งรู้จักก่อนจะเคี้ยวขนมในปากจนเกิดเสียง คลาร์กฉีกยิ้มจนเต็มแก้มก่อนจะโฉบใบหน้าเข้าไปกดจมูกลงกับแก้มใสแล้วก็หันไปหาผู้ใหญ่ที่กำลังคุยกันพร้อมกับพูดเสียงดังฟังชัด

“อาพิสิทธิ์ครับ ผมขอน้องได้มั้ย?”

“หืม ทำไมว่างั้นล่ะคลาร์ก ไปขอลูกเค้าโต้งๆได้ไงไอ้ลูกคนนี้” คลีนแซวยิ้มๆ

“นะครับ โตขึ้นผมขอน้องนะ สัญญานะฮะว่าจะให้นารากับผม”

“ว๊ะไอ้ลูกคนนี้ น้องเป็นผู้ชายนะคลาร์ก”

“ไม่รู้ล่ะ โตขึ้นมาจะมาเอาน้อง ผมขอแล้ว แล้วผมก็ไม่ให้ใครด้วย...หนูนารอพี่นะ!” ท้ายประโยคเด็กชายหันมาพูดกับน้องตัวเล็กบนตัก นารากะพริบตาปริบๆ สมองก็ประมวลผลคำพูดของพี่ชายหน้าตาน่ารักตรงหน้า พอเรียบเรียงได้เจ้าตัวเล็กก็ฉีกยิ้มจนแก้มป่อง

“ฮับ เค้าจะลอน้า”

 

เพียงประโยคเดียวที่เปล่งออกมาจากความไร้เดียงสา ก่อเกิดเป็นคำสัญญาที่มีเพียงเด็กชายตัวน้อยเท่านั้นที่ยึดมั่น

 

สัญญาที่ว่าเขาจะเป็นของพี่ชายคนนี้เพียงแค่คนเดียว...

 

 

 

 

 

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ... คลาร์ก” นาราพูดพร้อมกับหอบหายใจ ร่างบอบบางสั่นไหวอย่างรุนแรงจนเห็นได้ชัด น้ำตาเม็ดใสไหลรินลงตกกระทบกับพื้นถนนและซึมลงอย่างรวดเร็วจนแทบไม่เห็นร่องรอย กีรติมองอาการของคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่กระตุกอย่างรุนแรง คุณหมอตัวบางพยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของคลาร์กแต่ก็ไร้ผล

“ปล่อยผมพี่คลาร์ก หนูนากำลังแย่นะ!!!” กีรติร้องประท้วงพร้อมกับออกแรงดิ้น เสียงตะโกนของอดีตคนรักดึงให้สติของชายหนุ่มกลับคืนมาในที่สุด คลาร์กสะดุ้งพร้อมกับผ่อนแรงรัดกีรติลงจนคุณหมอตัวบางหลุดจากพันธนาการและถลาเข้าไปหานาราที่กำลังนั่งกองอยู่กับพื้น

“หนูนา เฮ้! มองหน้าฉัน” กีรติจับไหล่เล็กแน่นก่อนจะเขย่าตัวนาราเบาๆแต่คนตรงหน้ากลับเอาแต่กอดตัวเองและจ้องมองพื้นถนนอยู่อย่างนั้น กีรติร้องเรียกชื่อของเพื่อนตัวเล็กซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ดูเหมือนว่านาราจะไม่รับรู้

ให้ตายสิ อย่านะนารา

“หนูนา ทำใจดีๆเอาไว้นะ...พี่คลาร์กกลับไปก่อนเถอะ ผมขอร้อง” กีรติพูดกับนาราพร้อมกับดึงร่างเล็กเข้ามากอดแนบอก ท้ายประโยคหันไปบอกกับอดีตคนรักที่ยืนทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ตรงหน้า คลาร์กเลิกคิ้วสูงด้วยความงุนงงกับคำพูดของกีรติ สมองพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวแต่ก็ไร้ผล เวลานี้คำถามมากมายมันวนเวียนอยู่ในหัวของคลาร์กเต็มไปหมด

อย่างแรกคือทำไมกีรติกับนาราถึงได้...

“พี่คลาร์กได้โปรดเถอะ ผมบอกให้กลับไปซะ!” กีรติตะโกนออกมาอย่างดุดันเมื่อหูได้ยินเสียงสะอื้นของนาราแว่วเข้ามา คลาร์กสะดุ้งสุดตัวกับแววตาน่ากลัวของกีรติและน้ำเสียงที่เขาไม่เคยได้ยิน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนที่จะยอมทำตามใครง่ายๆ เรื่องอะไรที่เขาจะต้องกลับ คลาร์กมั่นใจว่าถ้าเขากลับไปตอนนี้เขาจะไม่ได้เจอกีรติอีกเป็นครั้งที่สอง

“พี่ไม่กลับ นี่มันเรื่องอะไรกัน นายทิ้งพี่ไปเจ็ดปี เจ็ดปีก่อนนายหนีพี่ไปเพราะคนในอ้อมกอดนายไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้นายถึงได้ปกป้องเขา มันเกิดอะไรขึ้นกีรติ นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!!!!”

“พี่นั่นแหละเลิกบ้าซักที!” กีรติตวาดกลับไป บทสนทนาเริ่มรุนแรงขึ้นทีละน้อยจนคนในบริเวณใกล้เคียงหันมามองด้วยความสนใจ

“ให้มันจบไปได้แล้ว เรื่องงี่เง่าในอดีตน่ะ พี่ควรจะลืมมันได้แล้ว ลืมผม ลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ต่างคนต่างอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว” กีรติพูดต่อ คลาร์กได้ฟังก็นิ่งอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ

“ลืมนายงั้นเหรอ ลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้นงั้นเหรอกีรติ นายพูดเหมือนมันง่าย นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อห้าปีก่อนมันเกิดอะไรขึ้น!” คลาร์กตวาดกร้าวสุดเสียงพร้อมกับตวัดสายตาไปมองร่างบอบบางที่กำลังขดตัวเข้าหากีรติด้วยความหวาดกลัว กีรติได้ยินก็เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้จนคลาร์กต้องเงียบไป

“พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากนั้นหนูนาเป็นยังไง!”

“...”

“เรื่องรณกรอะไรนั่นหนูนาผิด ใช่เขาผิด และเขาก็ได้รับผลนั้นแล้ว! เพราะงั้นผมขอร้องล่ะ หันหลังกลับไปซะแล้วไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก”

“นายพูดง่ายเหลือเกินนะกีรติ กับชีวิตคนคนหนึ่งที่เสียไปนายพูดมันออกมาง่ายเหลือเกิน แล้วพี่ล่ะ ความเจ็บปวดที่พี่ได้รับล่ะ มีใครมองเห็นมันบ้างมั้ย ความยุติธรรมของรณกรล่ะ เขาไม่สมควรตายด้วยซ้ำ คนที่สมควรตายคือหนูนาของนายมากกว่ากีรติ!” คลาร์กตะโกนเสียงดังพร้อมกับตวัดสายตาไปมองคนตัวเล็ก นาราหลุดสะอื้อออกมาทันทีที่ได้ยินคำด่าทอเหล่านั้น

“ฮึก”

“คนที่สมควรตายคือหนูนาของนาย นาราคนนั้น! คนที่นายกำลังกางปีกปกป้อง! คนที่ต่อให้หนีไปอีกกี่ร้อยครั้งมันก็ลบล้างความชั่วในตัวไม่ได้!! คนที่ควรตายคือเขาไม่ใช่รณกร!!!!!!” คลาร์กพูดเสียงดังก่อนจะหอบหายใจ บัดนี้ดวงตากลมของชายหนุ่มแดงก่ำและคลอไปด้วยหยาดน้ำตา

ทำไมทุกคนถึงต้องปกป้องนารากันไปหมด แล้วเขาล่ะ คลาร์กคนนี้ไม่มีค่า เจ็บปวดไม่เป็นเลยหรืออย่างไร

ไม่มีใครเห็นใจคลาร์กเลยอย่างนั้นหรือ

“นายรู้มั้ยว่าครั้งแรกที่พี่รู้ว่านายโดนย่ำยีพี่รู้สึกยังไง พี่ปกป้องนายไม่ได้ด้วยซ้ำกีรติ พี่ทำได้แค่นั่งร้องไห้ตอนนายทิ้งไป ได้แต่ถามตัวเองว่าพี่ผิดอะไรพระเจ้าถึงทำร้ายกันแบบนี้” คลาร์กพรั่งพรูความรู้สึกที่เก็บมานานออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตา

เขามันก็แค่คนโง่คนหนึ่ง โง่ที่ปกป้องคนที่ตัวเองรักเอาไว้ไม่ได้ โง่ที่รักษาหัวใจตัวเองเอาไว้ไม่ได้

“...”

“พอมีกร พี่ก็ต้องเสียเขาไปอีกเพราะความเห็นแก่ได้ของผู้ชายคนนี้ไง! หนูนาของนายไม่มีคำว่ารู้จักพอ นายลืมไปแล้วเหรอว่าผู้ชายคนนั้นทำลายชีวิตเรา! นายลืมมันไปแล้วรึยัง!!!” ชายหนุ่ยกมือขึ้นชี้หน้านาราพร้อมกับพูดขึ้นอย่างดุดันจนคนถูกว่าหมดความอดทน นาราปล่อยโฮกอดร่างของกีรติเอาไว้แน่นและอ้อนขอเสียงสั่น

“ฮือออ กีย์...กลับบ้าน ฉันอยากกลับบ้าน ฮืออออ กลับบ้านกันนะ ฮืออ”

“นายจะกลับก็กลับไปคนเดียวเลยนารา ส่วนนายกีรติ พี่จะไม่ปล่อยนายจนกว่าพี่จะรู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น” คลาร์กพูดเสียงห้วนหลังจากที่ยกแขนขึ้นมาปาดน้ำตาออกไป กีรติตวัดสายตาไปมองอดีตคนรักพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น ปากบางเอ่ยตำหนิชายหนุ่มตรงหน้าออกไปพร้อมกับกอดคนตัวเล็กที่ตัวสั่นอยู่ข้างกายให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

“พอเถอะ พี่เห็นสภาพเขาบ้างรึเปล่า หันมามองสภาพของคนที่ยังมีชีวิตอยู่บ้างรึเปล่าว่าเขาย่ำแย่แค่ไหน เรื่องในอดีตมันยังสอนพี่ไม่พออีกหรือไง เมื่อไหร่จะคิดได้ซักทีว่ายิ่งพี่พูดจาบั่นทอนจิตใจหนูนาสถานการณ์มันก็จะมีแต่แย่ลง”

“แล้วนายคิดว่าพี่ไม่แย่เหรอกีย์ นายคิดว่าพี่ไม่เจ็บไม่ทรมานเลยหรือไง” คลาร์กสวน กีรติส่ายหน้าอย่างหมดหนทางก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบา

“สิ่งเดียวที่ทำให้พี่ยังทุกข์ทรมานอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะพี่ไม่รู้จักคำว่าปล่อยวาง คนตายฟื้นขึ้นมาไม่ได้หรอกนะครับ เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้”

“...” จบประโยคของกีรติความเงียบก็คืบคลานเข้าปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ กีรติกับคลาร์กจ้องตากันโดยไม่ละจากไปไหนโดยมีเสียงร้องไห้ของนาราดังเป็นระยะๆ ไม่นานคนตัวบางก็ผละใบหน้าออกจากอกของคุณหมอตัวขาวก่อนจะเรียกชื่อคลาร์กด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“คลาร์ก...”

“...”

“ผมขอโทษ ฮึก หนูนาขอโทษ”

“...”

“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ยกโทษให้ได้มั้ย ฮึก ไม่ต้องรักกันก็ได้ แต่อย่าพูดจาทำร้ายผมอีกเลย ขอร้อง ฮึก ผมขอร้อง ... หนูนาขอร้อง ฮือ”

“ขึ้นรถเถอะหนูนา คนมองใหญ่แล้ว กลับบ้านกัน” กีรติพูดปลอบพร้อมกับลูบแขนเล็กไปมา นาราเงยหน้าขึ้นสบตากับคลาร์กพลางเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง กีรติหันไปหาคลาร์กบ้างพร้อมกับแสดงท่าทีอึดอัดออกมาด้วยการถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

“ให้มันจบไปเถอะครับพี่คลาร์ก ถ้าไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับพวกผมพี่ก็หันหลังกลับไปซะ หันกลับไปจมอยู่กับอดีต จมอยู่กับความผิดพลาดของพวกเราเถอะถ้าพี่คิดว่าตัวเองมีความสุข ส่วนพวกผมก็จะใช้ชีวิตต่อไปและจำเหตุการณ์เหล่านั้นเอาไว้เป็นบทเรียน เราทุกคนเจ็บปวดกับมันมามากเกินพอแล้ว”

“...”

“ไม่ว่าจะยังไง รู้เอาไว้นะว่าทั้งตัวผมและคุณกรไม่มีความสุขหรอกที่พี่ยังยึดติดแบบนี้ อะไรที่มันหนักน่ะก็ทิ้งมันไปและก้าวเดินไปข้างหน้าซะ” กีรติร่ายยาวเพื่อเตือนสติอดีตคนรักก่อนจะค่อยๆพยุงร่างบอบบางราวกับแก้วขึ้นมาช้าๆ

“กลับบ้านเรากันเถอะ ป่านนี้ริคคงบ่นเป็นหมีกินผึ้งไปแล้วล่ะมั้ง” กีรติพูดข้างใบหูเล็ก นาราพยักหน้าเบาๆก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวจะขึ้นรถ แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะได้ขยับไปไหน ร่างของนาราก็ลอยหวือไปปะทะอกแกร่งของคลาร์กอย่างรวดเร็วจนทั้งกีรติและคนแก้มกลมตกใจ

“ขอพี่คุยกับหนูนาตามลำพังหน่อย” คลาร์กพูดขึ้นเสียงราบเรียบพร้อมกับวาดมืออีกข้างไปแตะลงที่เอวบางของนารา คนถูกกอดกลายๆสะดุ้งโหยงเม้มปากแน่นพลางเงยหน้าขึ้นไปมองคลาร์กด้วยความไม่เข้าใจ คนถูกมองก้มหน้าลงมามองร่างเล็กในอ้อมกอดด้วยสายตาราบเรียบเพียงชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากลมโตของคุณหมอตัวบาง

“พี่มีเรื่องจะคุยกับคนของนาย ขอตัวแปปนึงนะ” คลาร์กพูดขึ้นเร็วๆก่อนจะออกแรงดึงร่างของนาราให้เดินตามไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงประท้วงของกีรติเลยซักนิด คุณหมอตัวขาวเตรียมตัวก้าวเดินตามนาราไปแต่ร่างเล็กก็หันมาส่งสายตาบอกกีรติว่าไม่เป็นไรก่อนจะสาวเท้าตามแรงลากของคลาร์กไปอย่างรวดเร็ว

“หนูนา...” กีรติได้แต่พึมพำตามหลังคนตัวเล็กไปด้วยความเป็นห่วง

 

ได้แต่ภาวนาขอให้คลาร์กอย่าพูดอะไรให้นาราเสียใจจนปิดกั้นตัวเองอีกครั้งเลย

 

ได้โปรด อย่าให้นาราต้องเดินกลับเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นอีกเลย

 

 

 

 

 

“คลาร์ก คุณจะพาผมไปไหน...” นาราถามขึ้นขณะที่กำลังก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปตามแรงลากของคนตรงหน้า คนถูกถามไม่ตอบแต่กลับเร่งความเร็วของฝีเท้าให้มากขึ้นจนคนตัวเล็กเริ่มหอบเพราะเดินตามไม่ทัน ดวงตากลมของนาราจ้องมองไปยังข้อมือของตนเองที่ถูกเกาะเกี่ยวเอาไว้แล้วเลื่อนขึ้นไปมองแผ่นหลังกว้างที่ไม่ได้เห็นมากว่าห้าปีอย่างโหยหา

คลาร์กดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากเหลือเกิน คงจะโหมงานหนักจนลืมดูแลตัวเองสินะ

นาราคิดในใจ พอคิดไปถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ร่างสูงตรงหน้าเป็นแบบนี้ก็อดรู้สึกเจ็บไม่ได้ ดวงหน้าหวานสลดลงพร้อมกับขยับริมฝีปากพึมพำกับตัวเอง

“ขอโทษนะ...”

หากย้อนเวลากลับไปได้ หรือหากมีหนทางที่จะช่วยให้คลาร์กรู้สึกดีขึ้น นาราสาบานเลยว่าจะทำ เขาจะพาความสุขกลับมาคืนคนตรงหน้าอีกครั้ง

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม…

พลั่ก

“อ๊ะ!” คนตัวเล็กกว่าร้องเสียงหลงทันทีที่ร่างบอบบางถูกคลาร์กเหวี่ยงให้กระแทกไปกับรถยนต์ของเขา นาราลูบไหล่เล็กของตัวเองแผ่วเบาพลางก้มหน้านิ่ง คลาร์กจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาราบเรียบก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหาพร้อมกับยกแขนเท้ากับรถเพื่อกักตัวนาราเอาไว้

การกระทำของอดีตคู่หมั้นหนุ่มสร้างความหวาดกลัวแก่คนตัวเล็กเป็นอย่างมาก นาราได้แต่ก้มหน้าจนคางชิดอกและบีบมือตัวเองเอาไว้ คลาร์กมองอาการของคนที่กำลังยืนสั่นเหมือนลูกนกตัวน้อยพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบาๆในลำคอ

“หายหน้าหายตาไปห้าปี ความร้ายกาจไปไหนแล้วล่ะนารา...”

คลาร์กพูดเสียงเย็นพลางโน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าอ่อนเยาว์จนคนตัวเล็กตรงหน้าสะดุ้งแรงๆพร้อมกับยกมือขึ้นมาดันอกแกร่งให้ออกห่างด้วยความกลัวจับใจ

“มะ...มันใกล้เกินไปแล้วคลาร์ก ผมว่าคุณถอยออกไปแล้วยืนคุยกันดีๆดีกว่ามั้ย” นาราพูดเสียงสั่นจนคนตรงหน้าแค่นยิ้มออกมา

“ทำไม ใกล้กว่านี้เราก็เคยทำกันมาแล้วนี่ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวซะหน่อย” คลาร์กแสยะยิ้มพร้อมกับขยับกายเข้าไปแนบชิดกับร่างเล็ก ใบหน้าหวานก้มลงไปใกล้ใบหน้าตื่นกลัวของอีกคนก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของนาราพร้อมกับพูดเสียงแหบพร่า

“นายทำอะไรไว้รู้ตัวบ้างรึเปล่า” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเอียงใบหน้าเข้าไปคลอเคลียที่ใบหูเล็ก นาราขนลุกซู่กับการกระทำของคนตรงหน้า ร่างบอบบางออกอาการสั่นจนเห็นได้ชัด

“นายทำลายชีวิตฉัน ทำลายหัวใจของฉันแล้วก็หนีมา เท่านั้นไม่พอ นายยังเอาแฟนเก่าฉันไปเป็นพวกของนายอีก นายไปโกหกอะไรกีรติล่ะหืม” คลาร์กพูดพร้อมกับเลื่อนใบหน้าลงไปยังซอกคอขาว ไม่ได้สนใจว่าที่ตรงนี้จะมีคนมากมายแค่ไหน สิ่งที่ชายหนุ่มสนใจคือกลิ่นหอมอ่อนๆที่ออกมาจากร่างของนาราก็เท่านั้น

ด้านนาราเองเมื่อถูกคุกคามในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ใจสั่น คนตัวเล็กหายใจติดขัดยามที่จมูกและปากของคลาร์กดูดซับไปทั่วลำคอ ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นมาจนเห็นได้ชัด เขาไม่เข้าใจการกระทำของคลาร์กในเวลานี้เอาเสียเลย

คลาร์กต้องการอะไรกันแน่?

“คลาร์ก เรื่องกีย์ผมอธิบายได้นะ” นาราพยายามตั้งสติและพูดขึ้น

“อธิบายอะไร อธิบายเรื่องที่เขาไปเป็นพวกของนายงั้นเหรอ” คลาร์กถามเสียงแข็งพร้อมกับหยุดรุ่มร่ามแถวซอกคอของนารา แววตากวางดุดันขึ้นพลางจิกเล็บลงบนตัวรถยนต์จนแน่นแต่นารามองไม่เห็น

“มันไม่มีพวกของใครอีกแล้วคลาร์ก เรื่องมันจบไปแล้ว ทิ้งอดีตแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย ผมขอโทษ” นาราอ้อนวอนพร้อมกับยกมือขึ้นกอดร่างโปร่งจนแน่น คลาร์กได้ฟังก็นิ่งเงียบแต่ก็ยังปล่อยให้นารากอดอยู่แบบนั้น

“ผมรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันเลวร้ายสำหรับคุณมาก แต่ผมก็อยากจะขอโอกาสแก้ตัว ให้ผมได้ทำอะไรเพื่อชดเชยสิ่งที่เคยทำไม่ดีเอาไว้ได้มั้ย”

“...”

“ได้โปรดคลาร์ก จะให้ทำอะไรก็ได้ ผมยอมทุกอย่าง” นาราพูดพร้อมกับถือวิสาสะซบใบหน้าลงบนไหล่แกร่งที่แสนคุ้นเคย ความเงียบเกิดขึ้นในเวลาต่อมาเนิ่นนาน นาราได้แต่ภาวนาขอให้คลาร์กยอมให้เขาได้แก้ตัวบ้าง

ได้โปรด ให้นาราได้ล้างบาปที่เคยทำ ให้เขาทำอะไรก็ได้ขอแค่คลาร์กให้อภัย

เนิ่นนานที่ความเงียบโรยตัวไปรอบๆชายสองคน สุดท้ายคลาร์กก็ปล่อยมือจากตัวรถมาตวัดร่างเล็กของนาราให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับพูดเสียงเย็นยะเยือก

“ถ้าอยากให้ฉันให้อภัยในสิ่งที่นายทำก็ช่วยฉันสิ...หนูนา ช่วยให้กีรติกลับมาเป็นของฉันเหมือนเดิม”

“ช่วยกลับไปแก้ปมที่นายเป็นคนผูกมันขึ้นมา กลับไปแก้มันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป...ทำได้รึเปล่า” คลาร์กถามในขณะที่นารายืนนิ่ง ในหัวรู้สึกตื้อไปหมดกับประโยคมากมายที่พรั่งพรูออกมาจากปากของคลาร์ก หัวใจที่เคยคิดว่าด้านชากลับมาเต้นอีกครั้งอย่างเจ็บปวด คลาร์กนิ่งรอคอยคำตอบของคนตัวเล็กอยู่เนิ่นนาน ชายหนุ่มกอดร่างของนาราอยู่อย่างนั้นพร้อมกับจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดของตัวเอง

ต่างคนต่างจ่อมจมลงไปในความคิดของตนเอง

คลาร์กแค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง

เขาอยากจะลองให้โอกาสหัวใจตัวเองที่ปิดตายไปกว่าห้าปี

“ถึงเวลาที่ฉันควรทิ้งอดีตและเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว นายจะยอมช่วยฉันรึเปล่า” คลาร์กพูดเสียงเย็นพร้อมกับเงยหน้าออกมาจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยของคนตัวเล็ก

“ว่าไง...นายจะช่วยฉันมั้ย”

“...”

“ช่วยให้ฉันได้มีชีวิตใหม่ มีความรักอีกครั้ง“

ช่วยให้ฉันมีความรักอีกครั้ง

 

...กับคนที่สมควรจะรักเสียที

 

นารานิ่งอยู่นานหลังจากคลาร์กพูดจบ ริมฝีปากบางถูกเม้มเข้าหากันจนแน่น

ถ้านี่จะเป็นทางเดียวที่จะทำให้คลาร์กยอมให้อภัยเขา แน่นอนนารายอม แม้ว่ามันจะหมายถึงเขาจะต้องกลับไปเจ็บอีกครั้ง แต่ในความเจ็บนั้นนารามั่นใจว่าเขาจะต้องมีความสุข

ความสุขที่เห็นคนที่เรารักสองคนมีความสุข

“ตกลง ผมจะช่วยให้คุณกับกีย์กลับมารักกันอีกครั้ง” นาราพูด คลาร์กได้ฟังก็ยิ้มกว้าง ชายหนุ่มมองดวงหน้าเล็กของนารานิ่ง สองชีวิตสบตากันพร้อมกับจ้องลึกลงไปในแววตาของกันและกัน

ดวงตาของคลาร์กสะท้อนแววดีใจ หากแต่ในแววตาของนารายังคงสะท้อนใบหน้าของคลาร์กดังเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงมาตลอดยี่สิบกว่าปีนับจากสัญญาในวันนั้น

แต่นาราก็ทำได้มากสุดแค่มอง หลังจากนี้เขาคงได้แค่มองคลาร์กมีความสุข ส่วนตัวเขาก็คงทำได้เพียงนอนหลับไปพร้อมคำสัญญาที่คลาร์กลืมเลือนมันไปแล้ว

“อันที่จริง ยังมีอีกอย่างที่ฉันอยากได้...” คลาร์กพูดเสียงเรียบ นาราเอียงคอมองชายหนุ่มด้วยความสงสัยก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อคนตรงหน้าเชยคางมนของนาราพร้อมกับโฉบใบหน้าลงมากดริมฝีปากของตนแนบกับกลีบปากอิ่มของนารา คลาร์กรั้งเอวบางให้ร่างเล็กเข้ามาประชิดกับร่างกายของตัวเองก่อนจะบดเบียดจูบลงไปอย่างล้ำลึก

ถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่เคยมีผ่านความดุดัน

“อื้อ” ร่างเล็กครางผะแผ่วลอดช่องวางของริมฝีปาก โพรงปากเล็กถูกลิ้นร้อนของคลาร์กกวาดต้อนเก็บเกี่ยวความหอมหวานจนทั่วทุกซอกทุกมุมก่อนจะไปหยุดที่ลิ้นนุ่มนิ่มของนารา คลาร์กเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างดุดันพร้อมกับกดเน้นสัมผัสให้ลึกล้ำจนนาราใจเต้นแรง ความชื้นแฉะส่งผ่านจากปากอีกคนไปสู่อีกคน แลกเปลี่ยนความหวานซ้ำๆอยู่เนิ่นนาน คลาร์กบดเบียดจูบร้อนแรงลงไปบนปากอิ่มที่บัดนี้ขึ้นสีระเรื่ออย่างโหยหา

 

ใช่ เขาโหยหาร่างกายนี้มาตลอดห้าปี

 

“มีอีกอย่างที่ฉันต้องการนารา มันเคยเป็นของฉัน และมันก็จะยังคงเป็นของฉัน” คลาร์กพูดเสียงแหบพร่าหลังจากที่ถอนจูบออกจากกลีบปากแดงก่ำ นารามองใบหน้าหวานตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะเบิกตากว้างกับประโยคต่อมา

“ฉันต้องการนาย ร่างกายของนาย”

“ไม่ อย่า...”

“ฉันอยากได้นายนารา” คลาร์กพูดพลางหอบสะท้านก่อนจะฉกใบหน้าเข้าไปบดเบียดริมฝีปากคู่สวยของนาราอีกครั้งอย่างห้ามใจไม่อยู่

“อื้อ!”

 

สิ่งที่คลาร์กต้องการจากนาราก็คงมีเพียงแค่ร่างกาย

 

ความรู้สึกที่คลาร์กมีให้กับนาราก็คงเป็นเพียงแค่ความใคร่

 

...

 

เพียงเท่านั้น

 

 

 
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 4-End {กำลังทยอยลง}
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:27:20
ตอนที่ 9


“อะไรนะ คุณหนูไปกับไอ้คลาร์กงั้นเหรอ!” เสียงตะโกนด้วยความตกใจดังลั่นไปทั่วออฟฟิศของบริษัทนำเข้าและส่งออกรถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง พนักงานชายหญิงต่างก็มองมาที่ต้นเสียงด้วยความสงสัยจนคนที่เผลอส่งเสียงดังต้องก้มหัวขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่

[ใช่ ฉันกำลังจะพากลับอยู่แล้วเชียว แต่จู่ๆพี่คลาร์กเค้าก็มาลากหนูนาออกไปเลย] กีรติส่งเสียงเครียดตอบกลับมาตามสายส่งผลให้อีริคต้องยกมือขึ้นมากุมขมับก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด

“แล้วทำไมนายไม่เข้าไปห้ามฮะ! เกิดมันบ้าจี้ฆ่าปาดคอคุณหนูขึ้นมาทำยังไง” อีริคอดที่จะดุคุณหมอตัวบางด้วยความขัดใจไม่ได้ กีรตินึกยังไงถึงปล่อยให้นารากับคลาร์กไปคุยกันตามลำพังสองคนทั้งๆที่เมื่อก่อนแทบจะฆ่ากันตายเสียให้ได้

[ก็คุณหนูของนายห้ามเอาไว้นี่นา ฉันนึกว่าจะคุยแปปเดียวอ่ะ พอรู้ตัวอีกทีพี่คลาร์กก็พาตัวหนูนาขึ้นรถไปแล้ว] กีรติพูดเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด อีริคส่งเสียงขัดใจในลำคอเมื่อทำอะไรไม่ได้ ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเลยที่อยู่ๆกีรติก็โทรมาบอกว่าเจอกับคลาร์กที่สวนสาธารณะและนาราก็ถูกลากขึ้นรถออกไปโดยที่คุณหมอตัวบางตั้งตัวไม่ทันเลยเสียด้วยซ้ำ พอจะโทรหาก็นึกขึ้นได้ว่านาราไม่พกโทรศัพท์ทำเอากีรตินั่งไม่ติดจนต้องโทรมาหาอีริคพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ

“อุตส่าห์หนีมาไกลถึงนี่ ทำไมแฟนเก่านายมันยังตามมาเจอกันได้วะ แล้วเวลาที่ผ่านมาที่พวกเราคอยช่วยเยียวยาคุณหนูกันแทบตายมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยน่ะสิ ถ้าหนูนากลับไปซึมเศร้าอีกจะทำยังไง คราวนี้ไม่ต้องส่งไปอยู่โรงพยาบาลบ้าเลยหรือไง!” อีริคพูดอย่างหัวเสีย

[ใจเย็นๆก่อนเถอะ ฉันเองก็ห่วงพวกเขาไม่แพ้นายหรอกนะ] กีรติว่า ร่างสูงพอได้ฟังคำของคุณหมอตัวขาวก็แค่นหัวเราะ

“อย่าใช้คำว่าพวกเขา ฉันห่วงแค่คุณหนูคนเดียว ส่วนไอ้ผู้ชายเฮงซวยของนายมันจะไปตายห่าที่ไหนก็ช่างหัวมัน” อีริคพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะหันไปเห็นสายตาดุดันของเจ้านายที่มองมาที่เขาทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าตัวเองคุยโทรศัพท์เสียงดังเกินไป อีริคก้มหัวลงเป็นเชิงขอโทษก่อนจะลุกออกจากโต๊ะไปหาที่คุยอย่างเงียบๆ

“แล้วทีนี้จะเอายังไง นายมีเบอร์ไอ้บ้านั่นรึเปล่า” อีริคถามขึ้น

[จะไปมีได้ยังไงล่ะ ถามอะไรบ้าๆ ฉันว่าเรารอฝั่งนู้นติดต่อมาดีไหม หนูนาคงไม่เป็นอะไรมากหรอก ฉันเชื่อว่าพี่คลาร์กต้องรู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะ] กีรติบอกมาตามสาย อีริคเม้มปากอย่างขัดใจเพราะทำอะไรไม่ได้ แต่อยู่ๆชายหนุ่มก็ร้องออกมาเสียงหลงพร้อมกับกรอกเสียงไปตามสายโทรศัพท์อย่างตื่นเต้น

“คุณท่านไง โทรไปขอเบอร์ไอ้คลาร์กกับคุณท่านซะก็สิ้นเรื่อง แค่นี้ก่อนนะกีย์ นายขี่รถกลับไปรอที่บ้านไป ได้เรื่องยังไงฉันจะโทรไปบอก” อีริคพูดอย่างรวดเร็วก่อนจะกดตัดสายทันทีโดยที่กีรติยังไม่ทันจะพูดอะไร ชายหนุ่มจัดการต่อสายหาคุณพิสิทธิ์อย่างรวดเร็วก่อนจะขอเบอร์คลาร์กมาได้แต่เขาก็ต้องเสียเวลาตอบคำถามเกือบชั่วโมง พอวางสายจากบิดาของนาราแล้วอีริคก็กดโทรหาคลาร์กทันที

เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่นานแต่ก็ไม่มีคนรับจนมันตัดไป แต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็ยังคงกดโทรออกซ้ำๆอย่างไม่ละความพยายาม

ตู๊ด... ตู๊ด... ตู๊ด...

“รับสิวะไอ้บ้าเอ๊ย!” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างร้อนรน เสียงสัญญาณรอสายยังคงดังอยู่ซักพักก่อนที่ตัวเลขจับเวลาจะปรากฏขึ้นบ่งบอกว่าปลายสายกดรับโทรศัพท์ของเขาเรียบร้อยแล้ว อีริคผวาสุดตัวก่อนจะกรอกเสียงลงไปตามสายทันที

“คลาร์ก คุณหนูอยู่ที่ไ...”

[อ๊ะ...อื้อ...]

!!!

อีริคตัวแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินเสียงครางกระเส่าดังเล็ดรอดออกมาจากปลายสาย

เขาจำได้ดี...

[อื้อ อ๊ะ...คลาร์ก อึ่ก]

เสียงนี่มัน...

[ฮื่อ คุณ...คลาร์ก อ๊ะ]

...

[คลาร์ก อ่ะ เจ็บ...ผมเจ็บ อื้ออออ]

[นารา...]

เสียงของนารา

อีริคยืนนิ่งกำโทรศัพท์ในมือเอาไว้จนแน่น ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง เลือดในกายสูบฉีดพลุ่งพล่านยามที่ได้ยินเสียงของนาราดังลอดออกมาจากปลายสายพร้อมกับเสียงครางผะแผ่วของคลาร์กและเสียงอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ความโกรธคนตัวเล็กที่เขาเฝ้าดูแลมาตลอดหลายปีทวีคูณขึ้นจนชายหนุ่มแทบจะระงับเอาไว้ไม่อยู่ สุดท้ายความอดทนของอีริคก็ขาดผึงเมื่อเสียงหวีดร้องของคุณหนูของเขาดังขึ้นเคล้าคลอไปกับเสียงกึกกักที่ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาก็รู้ว่าสองคนนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ ร่างสูงเขวี้ยงโทรศัพท์ใส่ผนังทางเดินอย่างแรงจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆก่อนจะทุบกำปั้นลงไปกับกำแพงเพื่อระบายความอัดอั้นในใจ

“คุณกำลังทำตัวไร้ค่าอยู่รู้ตัวบ้างรึเปล่า”

อีริคพูดเสียงอ่อนล้าพร้อมกับซบใบหน้าลงกับผนัง

“เหลือศักดิ์ศรีไว้ให้ตัวเองได้ภาคภูมิใจบ้างเถอะ หนูนา...”

 

 

 

 

 

ยานพาหนะสี่ล้อสีดำสนิทถูกจอดเอาไว้บริเวณลานจอดของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งมานานกว่าสองชั่วโมงโดยที่ร่างโปร่งของเจ้าของรถกำลังง่วนอยู่กับคนตัวเล็กแสนบอบบางที่กำลังร้องครางเสียงผะแผ่วอยู่ใต้ร่างของเขาบนห้องสวีทหรูหราชั้นบนสุดของโรงแรมแห่งนี้ คลาร์กเท้าแขนลงกับเตียงกว้างพลางใช้สายตากลมจ้องมองไปยังกรอบหน้าเล็กชื้นเหงื่อของคนด้านล่างที่กำลังส่งเสียงแหบพร่าออกมาเบาๆ

“คลาร์ก อ่ะ เจ็บ...ผมเจ็บ อื้ออออ”

“นารา...” ชายหนุ่มเรียกชื่ออดีตคู่หมั้นเสียงสั่นพร้อมกับค่อยๆดันกายแกร่งเข้าหาร่างบอบบางช้าๆ นาราผวาสุดตัวพร้อมกับเอื้อมมือที่วาดสะเปะสะปะไปทั่วเตียงกว้างขึ้นไปเกาะไหล่ของคลาร์กแน่น ความเจ็บแล่นเป็นริ้วทั่วสะโพกเล็กและช่องทางที่กำลังถูกรุกราน

“อ่ะ...อึ่ก!” นาราเกาะไหล่คนด้านบนเอาไว้พร้อมกับเม้มปากจนเป็นเส้นตรงแล้วส่งเสียงร้องเบาๆในลำคอเมื่อคลาร์กยังคงดันร่างเข้ามาช้าๆ

“เจ็บมากมั้ย” คลาร์กถามคนตรงหน้าเสียงอ่อน นาราปรือตามองคลาร์กก่อนจะส่งยิ้มบางๆไปให้พร้อมกับส่ายหน้าช้าๆเรียกร้อมยิ้มบางๆจากคนด้านบนได้เป็นอย่างดี

“ไม่ ผมไม่เป็นไร”

“นายเปลี่ยนไปเยอะนะ รู้ตัวรึเปล่า” คลาร์กพูดขึ้นขณะที่แช่ร่างกายเอาไว้ให้คนด้านล่างได้ปรับตัว นาราเลิกคิ้วสงสัยพร้อมกับเอียงคออย่างน่ารักจนชายหนุ่มหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู

“นายน่ารักขึ้น...น่ารักมาก” คลาร์กพูดพร้อมก้มลงบดเบียดริมฝีปากของตนลงไปบนกลีบปากอิ่ม นาราเผยอปากรับลิ้นร้อนชื้นของคลาร์กก่อนจะส่งเสียงครางออกมาเบาๆพร้อมกับที่สะโพกสอบของร่างสูงจะค่อยๆขยับกายเข้าออกช้าๆเรียกเสียงครางหวานให้ดังลอดผ่านริมฝีปากอิ่ม

คลาร์กจ้องใบหน้าหวานที่แหงนไปด้านหลังด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก จังหวะรักที่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้าในคราแรกค่อยๆเปลี่ยนไปร้อนแรงขึ้นตามอารมณ์ของคลาร์ก สะโพกแกร่งเร่งความเร็วขึ้นจนร่างเล็กโยกไหวไปมา เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องกังวานปะปนไปกับเสียงครางกระเส่าของสองร่างที่กำลังบรรเลงบทเพลงแห่งกามารมณ์อยู่อย่างเร่าร้อน ร่างสูงกดกายเน้นย้ำเข้าออกซ้ำๆอย่างหนักหน่วงพร้อมกับพรมจูบทั่วใบหน้าหวาน

“อ๊ะ อื้ออ ฮ่ะ...” ร่างเล็กครางออกมาเมื่อคลาร์กกระแทกกายเข้ามาล้ำลึกและรุนแรง กายแกร่งของคลาร์กกระทบโดนจุดกระสันของนาราซ้ำๆจนร่างเล็กแทบจะขาดใจ ริมฝีปากอิ่มเผยอเอาอากาศเข้าปอดเพื่อหายใจก่อนจะหวีดร้องเสียงกระเส่าเมื่อคลาร์กรั้งเรียวขาเล็กออกกว้างและโถมกายเข้ามาอย่างรุนแรงเพราะระงับอารมณ์ไม่อยู่

“อ๊าาา คลาร์ก...จะ เจ็บ อ๊ะ!”

“อีกนิดนะ อ่ะ อีกนิดนารา อีกนิด” คลาร์กพูดเสียงสั่นพลางแหงนหน้าสูดปากด้วยความเสียวซ่าน ร่างโปร่งรั้งขาเล็กขึ้นมาวางที่ข้อพับแขนก่อนจะเลื่อนมือไปกระชับสะโพกมนจนแน่นและโยกกายเข้าออกแรงๆจนนาราใจแทบขาด

คลาร์กยังคงกระแทกร่างถาโถมใส่นาราอย่างรุนแรงเป็นเวลานานจนขาของคนตัวเล็กสั่น นารากระชับมือพร้อมกับบีบไหล่แกร่งของคนที่กำลังเคลื่อนกายเหนือร่างเอาไว้แน่นก่อนจะหวีดร้องออกมาเพื่อปลดปล่อยความอัดอั้นที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย ความต้องการของคลาร์กถูกเติมเต็มครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นเวลานานจนนาราเหนื่อยหอบและหลับไปทันทีหลังจากที่ร่างโปร่งปล่อยให้คนตัวเล็กได้เป็นอิสระ

คลาร์กรวบร่างเปลือยเปล่าของนาราเข้ามาสู่อ้อมอกขนาดพอดีของตนเองก่อนจะจูบขมับชื้นแผ่วเบา สองหูได้ยินเสียงครางอืออาจากคนตัวเล็กก่อนที่แมวน้อยนาราจะขยับกายซุกเข้าหาไออุ่นของเขาและจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความฝัน รอยยิ้มบางเบาเผยขึ้นยามที่สายตากลมทอดมองใบหน้าหวานที่กำลังหลับ คลาร์กเอื้อมมือไปเขี่ยแก้มนุ่มนิ่มแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าของนาราพร้อมกับช่วงชิงความหอมหวานและนุ่มหยุ่นมาจากพวงแก้มอิ่ม

“ฝันดีนะ...หนูนา” ชายหนุ่มกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบแก้มกลมแผ่วเบาแล้วเลื่อนต่ำไปยังแผ่นอกขาวที่ปรากฏรอยแผลเป็นขนาดยาวลากผ่านจากหน้าอกลงสู่เอวบาง คลาร์กลูบไล้รอยแผลเป็นของนาราเบาๆด้วยใบหน้านิ่งเรียบก่อนจะเบนสายตาไปยังลำแขนขาวที่ไร้ผ้าพันแผลเนื่องจากคลาร์กถอดมันออกก่อนที่เขากับนาราจะมีอะไรกัน

ดวงตากลมจ้องมองชื่อของตนเองที่สลักเป็นรอยแผลอยู่บนแขนของนาราชั่วครู่ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าแขนเรียวมาพรมจูบบางเบาพลางกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“เจ็บรึเปล่า” ชายหนุ่มถามแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ คลาร์กมองรอยแผลเป็นที่แขนเล็กก่อนจะนำมันมาทาบกับอกของเขาพร้อมกับทอดมองคนที่กำลังนอนหลับตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

มันต้องเจ็บแน่อยู่แล้ว ทำไมคลาร์กจะไม่รับรู้ความเจ็บปวดของนาราล่ะ

เขารู้...รู้มาตลอดแต่เลือกที่จะมองข้าม

ต้นเหตุของเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดคือเขา คือคลาร์กคนนี้

คนที่ทรยศต่อความรักที่นารามอบให้

คนที่ทำร้ายและปล่อยให้นาราเดินทางผิด

คนที่เลือกที่จะมองข้ามตัวตนที่แท้จริงของนาราและเล่นไปตามเกมของม่านมายาที่คนตัวเล็กสร้างขึ้นมาปกคลุมกาย นาราไม่ใช่คนชั่วแบบที่คลาร์กด่าว่าอยู่ทุกวัน เขารู้ดีว่าตัวตนที่แท้จริงของนาราเป็นยังไง

รู้ว่านาราในตอนนั้นแค่หลงผิด สับสน อ่อนแออีกทั้งยังเยาว์วัย

ทั้งๆที่รู้ แต่คลาร์กกลับมองเพียงแค่เกราะที่นาราสร้างขึ้นมาและปล่อยให้เกราะนั้นทำร้ายผู้คนรอบข้างที่เขารัก เขาละเลยนาราและเลือกที่จะไม่มองเนื้อแท้ข้างในจิตใจของคนตัวเล็กในอ้อมกอดจนเรื่องทุกอย่างเลวร้ายยากที่จะเยียวยา

กว่าจะตาสว่างและรับรู้ความผิดพลาดของตัวเองนาราก็หนีหายไปไกลแล้ว ไกลเสียจนคลาร์กคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้พานพบอีกครั้ง

“ฉันคิดถึงนายหนูนา”

“...”

“คิดถึงน้องหนูนาคนนั้น” คนที่เขาปล่อยให้หลุดมือไป

 

“พี่คิดถึงหนูนาคนนั้น...”

 

หนูนาคนนั้น...คนที่คงตายจากพี่คลาร์กไปตั้งนานแล้ว

 

“คิดถึงมากจริงๆ”

 

สุดท้ายแล้ว โชคชะตาก็นำพาคนตัวเล็กให้กลับมาอีกครั้ง

นำพานารากลับมาเพื่อให้คลาร์กได้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดและกลับไปยืนที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

 

 

 

 

 

นาราลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนกลางดึกในอ้อมกอดของคลาร์ก ดวงตากลมจ้องใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับสนิทด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะขยับกายแผ่วเบาเพราะกลัวว่าร่างสูงจะตื่น

เมื่อเท้าเล็กแตะพื้นห้องสิ่งแรกที่รับรู้คือความเจ็บที่สะโพกเล็ก นารานิ่วใบหน้าน้อยๆก่อนจะค่อยๆพยุงร่างกายเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำพร้อมกับกลับออกมาสวมใส่เสื้อผ้าตัวเดิมที่ถูกถอดทิ้งไว้ที่ปลายเตียง หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยคนตัวเล็กก็สอดส่ายสายตาหาสิ่งที่ต้องการก่อนจะพบว่ามันวางไว้อย่างหมิ่นเหม่ที่ข้างเตียงจวนจะตกอยู่ร่อมร่อ ร่างเล็กก้าวเบาๆไปหยิบเครื่องมือสื่อสารของคลาร์กขึ้นมาก่อนจะค่อยๆก้าวเดินออกไปยังห้องนั่งเล่น นิ้วเรียวสวยปลดล็อคโทรศัพท์จนหน้าจอสว่างวาบแสดงข้อความสายที่ไม่ได้รับอยู่หลายสาย นาราเม้มปากแน่น ความอยากรู้อยากเห็นเข้าครอบงำคนตัวบางทำให้ข้อนิ้วบางกดเปิดดูข้อมูลการโทรของคลาร์กอย่างถือวิสาสะ

ประวัติเบอร์โทรเข้าและโทรออกของคลาร์กถูกลูกแก้วใสสำรวจอยู่นาน ส่วนใหญ่จะเป็นเบอร์ของบริษัทยิบย่อยต่างๆซึ่งนาราจำได้เลือนราง รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อพบว่าไม่มีรายชื่อที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนรักของคลาร์กเลย จะมีก็แต่เบอร์แปลกที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้โทรเข้ามาเมื่อหลายชั่วโมงก่อน พอดูหมายเลขที่ปรากฏก็ได้รู้ว่าเบอร์ดังกล่าวถูกโทรมาจากประเทศเดียวกัน ด้วยความสงสัยปนอยากรู้นาราจึงกดโทรออกไปยังเบอร์ปริศนาดังกล่าวแต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับ คนตัวเล็กขมวดคิ้วเข้าหากัน ดูจากระยะเวลาเบอร์นี้โทรเข้ามาในช่วงที่เขากับคลาร์กอยู่บนเตียง

“หรือว่า...” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อสมองประมวลผลได้ว่าตนเองพลั้งมือไปกดโทรศัพท์ของคลาร์กเข้าในช่วงที่คลาร์กกำลังครอบครองตัวเขา นาราหน้าซีดเผือดหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ แน่นอนว่าปลายสายที่นาราไม่รู้ว่าเป็นใครคงได้ยินเสียงของเขากับคลาร์กเข้าไปเต็มๆเป็นแน่แท้

มือเล็กกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น หวั่นใจเหลือเกินว่าเบอร์ดังกล่าวจะเป็นคนสำคัญที่คลาร์กตั้งใจมาพบ กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้ปลายสายเข้าใจคลาร์กผิด นาราไม่ต้องการให้คลาร์กต้องมาผิดใจกับใครเพราะเขาอีกต่อไปแล้ว แต่ครั้นพอโทรกลับไปอีกก็ยังคงไม่มีสัญญาณตามเดิม สุดท้ายนาราเลยถอนหายใจอย่างปลงตกในที่สุด ร่างบางวางโทรศัพท์ของคลาร์กไว้บนโต๊ะก่อนจะเลื่อนสายตามาปะทะกับรอยแผลเป็นบนแขน ดวงตากลมจ้องมันอยู่นานพลางลูบไล้ไปมาเบาๆ มุมปากอิ่มจุดยิ้มขึ้นมาพลางพึมพำกับตัวเอง

“เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” พูดพร้อมกับล้มตัวลงนอนกอดตัวเองบนโซฟาตัวยาว ในใจได้แต่ตอกย้ำซ้ำๆว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้น

เมื่อเขาทำให้คลาร์กกับกีรติรักกัน เมื่อนั้นทุกอย่างก็จะเรียบร้อย แม้ว่าจะต้องคอยเป็นเครื่องระบายความใคร่ให้กับคลาร์กในช่วงที่ชายหนุ่มกำลังขอคืนดีกับกีรติอยู่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่อย่าให้กีรติรู้ ขอแค่ให้คลาร์กมีความสุข นาราขอแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็จะไป เมื่อทุกคนมีความสุข นาราก็จะไป

 

ขอแค่ทุกคนมีความสุขก็พอ...

 

 
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 4-End {กำลังทยอยลง}
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:28:42
ตอนที่ 10


บางทีกีรติก็ไม่เข้าใจว่าคลาร์กต้องการอะไร ไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้ทำไม เพื่ออะไร...

เขาไม่เคยเข้าใจเลย

“พี่...พี่พูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่าน่ะ” คุณหมอตัวบางถามคลาร์กด้วยเสียงสูง กีรติใช้สายตาแปลกประหลาดมองไปที่ร่างเล็กของนาราที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาพลางหันกลับมามองคลาร์กด้วยสายตางงงวย

“ผมว่าพี่ต้องล้อเล่นแน่ๆ มันไม่ตลกเลยนะพี่คลาร์ก ผมไม่ตลกด้วยเลยซักนิด!” กีรติโวยวายออกมาอย่างเหลืออด ไม่เข้าใจในการกระทำของอดีตคนรักเลยแม้แต่น้อย

มีอย่างที่ไหน พานาราหายไปเกือบสองวันแล้วอยู่ๆก็พามาส่งพร้อมกับพูดด้วยใบหน้าราบเรียบว่าปรับความเข้าใจกันแล้วเนี่ยนะ!?

ก็รู้อยู่หรอกว่าคลาร์กเป็นคนตรงไปตรงมาและบ้าบิ่น แต่กีรติไม่นึกว่าจะบ้าขนาดนี้นี่! ง่ายแบบนี้เลยงั้นหรือ ทั้งสองคนไปคุยกันอีท่าไหนกัน ตอนนี้ความสับสนงุนงงฉายฉัดอยู่บนใบหน้าอ่อนเยาว์ของกีรติจนคนมองถึงกับต้องหลุดยิ้ม

“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีแบบนั้นล่ะหืม” คลาร์กถามเสียงนุ่มพลางยกมือขึ้นมายีกลุ่มผมนุ่มของกีรติด้วยความเอ็นดู ร่างเล็กของใครอีกคนเบือนหน้าหนีภาพที่เห็นพลางสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจ ได้แต่บอกตัวเองซ้ำๆว่าต้องเข้มแข็ง ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าได้กลับไปเป็นคนอ่อนแอหรือลุกขึ้นสู้ในหนทางที่ผิดจนทำให้เรื่องทุกอย่างเลวร้ายแบบในอดีตอีก นาราเตือนตัวเองในใจว่าเขาต้องเมินเฉยกับท่าทีของคลาร์กเพื่อให้ทุกคนสบายใจ ก็แค่โยนความรู้สึกของตัวเองทิ้งไป แค่นี้ง่ายๆทำไมจะทำไม่ได้ แค่ไม่ต้องไปคิดถึงมัน ลืมๆไปซะให้หมดและทำสิ่งที่ตัวเองต้องทำ แค่ต้องเข้มแข็ง อย่างน้อยที่สุดก็ต่อหน้าสองคนนี้

ต่อหน้ากีรติกับคลาร์ก

ไม่รู้ทำไม ในเวลานี้นารากลับคิดถึงอีริคเหลือเกิน คิดถึงไหล่กว้างที่เขาเคยซบ แผ่นอกแกร่งที่คอยรองรับร่างกายของเขาเข้าสู่อ้อมกอดและริมฝีปากที่ค่อยๆกดจูบลงบนขมับของเขาและกระซิบถ้อยคำแผ่วเบาเพื่อพาให้นารานอนหลับฝันดี เมื่อก่อนกีรติก็เป็นอีกคนที่นาราชอบซบอกและผล็อยหลับไป พวกเขาทั้งสามคนทำแบบนี้กันเป็นประจำ นอนกอดกันสามคนในฤดูหนาว วันไหนมีโปรแกรมฟุตบอลที่อีริคชื่นชอบพวกเขาก็จะหอบผ้าผ่อนออกมาปูหน้าทีวีและนอนเบียดกันพร้อมกับคุยเรื่องราวที่ตัวเองประสบพบเจอให้นาราฟัง แล้วกีรติกับอีริคก็จะทะเลาะกันเล็กน้อยเพราะอีริคไม่ยอมให้เปลี่ยนช่องไปไหนและในท้ายที่สุดคนทั้งคู่ก็จะลงไม้ลงมือตีกันเพื่อแย่งอ้อมกอดของนารา วันเวลาเหล่านั้นทำให้นารามีความสุข ทำให้เขายิ้มได้โดยปราศจากคลาร์ก นาราชอบกอดของอีริค และเช่นเดียวกับกอดของกีรติ มันอบอุ่นและปลอดภัย หากแต่ ณ เวลานี้นารารู้ดีว่าเขาไม่สามารถทำแบบนั้นกับกีรติได้อีกต่อไปแล้ว ทำไม่ได้ตั้งแต่คลาร์กกลับเข้ามาในชีวิต

“หนูนากินอะไรมารึยัง หิวมั้ย” เสียงของกีรติดึงสติของคนตัวเล็กให้กลับสู่ปัจจุบัน นาราหันหน้าไปมองกีรติก่อนจะยิ้มน้อยๆและพยักหน้าให้ คุณหมอตัวบางจึงเดินเข้าไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารโดยมีคลาร์กอาสาตามเข้าไปช่วย ... ทิ้งนาราไว้ที่ห้องนั่งเล่นตามลำพัง

ร่างเล็กทรุดลงนั่งบนโซฟาตัวยาวทันทีที่แผ่นหลังของคนทั้งคู่หายไป สองหูได้ยินเสียงกีรติแว่วๆมา คงกำลังจับต้นชนปลายกับพฤติกรรมของคลาร์กไม่ถูกอยู่เป็นแน่ อย่าว่าแต่กีรติเลย นาราเองก็ไม่เข้าใจว่าคลาร์กคิดจะทำอะไร

อดีตคู่หมั้นของนาราพาเขาไปทำเรื่องแบบนั้นถึงสองวัน สองวันที่นาราไม่ได้กลับมาที่บ้าน สองวันที่เขาเอาแต่นอนอยู่บนเตียงของโรงแรม ซึ่งน่าแปลกและน่าน้อยใจอยู่ในทีที่กีรติและอีริคไม่ได้ออกพยายามตามหา พอกลับมาถึงจึงได้คำตอบว่าอีริคเป็นคนบอกให้รอคลาร์กพานารากลับมาเอง นาราไม่รู้ว่าเพราะอะไรอีริคถึงบอกแบบนั้น และเขาคงต้องถามเมื่อชายหนุ่มกลับมาจากที่ทำงานในตอนเย็น หากว่าอีริคไม่ได้มีท่าทีแข็งกร้าวใส่คลาร์ก เรื่องทุกอย่างคงง่ายเพราะนาราก็เบาใจเรื่องความสัมพันธ์ของอีริคกับคลาร์กไปได้ระดับหนึ่ง

แต่ก็แค่ระดับหนึ่งนั่นล่ะ

สิ่งที่น่าหนักใจที่สุดในตอนนี้เห็นจะเป็นความสัมพันธ์ที่แสนจะซับซ้อนของพวกเขา คลาร์กอยากคืนดีกับกีรติ ส่วนกีรติกับอีริคก็ยังคลุมเครือเฉกเช่นเดียวกับสถานะความสัมพันธ์ระหว่างอีริคและนารา หากถามว่าอีริครักกีรติไหม นาราพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่ารัก และถ้าถามต่อว่าอีริครักนารารึเปล่า ก็แทบจะตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่ารักเช่นเดียวกัน แต่ความรักของอีริคนั้นไม่ชัดเจน มันไม่ชัดเจนเอาเสียเลย ต่างจากความรู้สึกระหว่างเขา คลาร์ก และกีรติโดยสิ้นเชิง

ระหว่างนารากับกีรติ มันคือครอบครัว คือความรักบริสุทธิ์ที่มากมายยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่ฉันท์ชู้สาว แต่เป็นความรักที่ต่างคนต่างพร้อมจะยืนเคียงข้างกันและดูแลกันไปจนตายโดยไม่มีเรื่องบนเตียงเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขากอดกัน จูบกัน หรือแม้แต่เปลือยกายอาบน้ำด้วยกันก็ยังเคยทำมาแล้ว แต่พวกเขาไม่คิดถึงเรื่องเซ็กซ์และจะไม่มีวันคิด มันซับซ้อนและอธิบายได้ยาก แต่นาราก็บอกได้เลยว่าเรื่องระหว่างเขากับกีรตินั้นใสสะอาด

ระหว่างนารากับคลาร์ก แน่นอนว่านารารักคลาร์ก รักแบบที่อยากได้มาเป็นคนรัก แต่คลาร์กไม่ได้คิดแบบเขา ตัวคลาร์กแสดงออกชัดเจนว่าต้องการเริ่มต้นใหม่ แต่เริ่มชีวิตใหม่กับกีรติ ไม่ใช่คนที่คอยแต่จะทำลายคลาร์กตลอดเวลาแบบนารา

แต่กับอีริค นาราไม่รู้ว่าอีริครักใครแบบไหน ตลอดห้าปีพวกเขาสามคนกอด จูบ และนอนร่วมเตียงกันจนเป็นกิจวัตร แต่นาราไม่สามารถบอกได้ว่าอีริคคิดกับใครในแง่ไหน บางครั้งบอร์ดี้การ์ดหนุ่มก็รุ่มร่ามกับกีรติจนเกินพอดี แต่ก็นั่นแหละ นาราเองก็โดนเช่นกัน และเพราะความคลุมเครือนี้เองที่ทำให้นารายังชั่งใจ หากว่าอีริครักกีรติ แน่นอนว่านาราทำร้ายจิตใจของอีริคไม่ได้แม้จะรับปากคลาร์กไปแล้ว

แต่หากอีริครักกีรติในแบบที่เขารัก นาราก็จะเดินหน้าช่วยคลาร์กจนสุดกำลังได้อย่างสบายอกสบายใจ

“พี่คลาร์ก ใช้ช้อนกลางตักสิ!” เสียงของกีรติดังโวยวายออกมาจากห้องครัวเสียจนนาราสะดุ้ง เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงของคลาร์กหัวเราะตามมา เรียกรอยยิ้มบางเบาแต้มบนดวงหน้าหวานของนารา

กี่ปีมาแล้วที่คลาร์กไม่ได้หัวเราะ กี่ปีมาแล้วที่ใบหน้าของคนที่เขารักมีแต่ความเคร่งเครียด

“นี่หนูนา มาเอาพี่คลาร์กออกไปจากห้องครัวที ไม่งั้นวันนี้กับข้าวไม่เสร็จแน่ แถมใกล้เที่ยงฉันนัดคนไข้ไว้ด้วยนะ” กีรติตะโกนออกมาจากห้องครัวอย่างเหลืออด นาราจึงลุกขึ้นและไปกึ่งลากกึ่งจูงคลาร์กออกมาและบังคับให้ชายหนุ่มนั่งรออยู่นิ่งๆที่ห้องนั่งเล่น ร่างสูงยอมอยู่เฉยแต่โดยดีพร้อมกับกวาดสายตามองบรรยากาศรอบๆ

“อยู่ที่นี่กันสามคนเหรอ อยู่มานานแค่ไหนแล้ว” คลาร์กถามขึ้นเสียงเรียบทำเอาคนตัวเล็กชะงักทันที นาราหลับสายตากลมที่มองมาก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา

“ห้าปีได้มั้ง ไม่รู้สิไม่ได้นับ”

คลาร์กพยักหน้าก่อนจะจ้องร่างเล็กที่นั่งห่างออกไปด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก นาราหลบสายตาของคลาร์กพร้อมกับทำทีเป็นอ่านหนังสือในมือโดยไม่สนใจอะไรอีก

“แล้วทำไมถึงได้ไปเจอกีย์ได้ล่ะ นายยังไม่เล่าให้ฉันฟังเลยนะ” ร่างสูงถามขึ้นมาอีก

“พอดีผมไม่สบายน่ะ แล้วบังเอิญคลินิกของกีย์อยู่แถวนี้พอดี” นาราพูดแค่นั้นก่อนจะเงียบไป รู้สึกแปลกไม่น้อยที่ตัวกับคลาร์กพูดคุยกันปกติเหมือนไม่เคยบาดหมางกันมาก่อน คลาร์กดูไม่ประหม่าเลยต่างจากนาราซึ่งทำตัวไม่ถูก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชินที่จะพูดคุยกับอดีตคู่หมั้นดีๆ

แหงละ เมื่อก่อนมีแต่ร้ายใส่กัน ไม่ด่าก็ขว้างปาข้าวของนี่ – นาราคิดในใจ

“ไม่สบาย? นายเป็นอะไร?” คลาร์กขมวดคิ้วถาม นาราเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

“ติดเชื้อในกระแสเลือดน่ะ”

คำตอบของคนตัวเล็กทำเอาร่างสูงอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ คลาร์กไม่ได้ซักไซร้อะไรให้นาราอึดอัดอีกซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี คนตัวเล็กก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในมือราวกับว่ามันสนุกเสียเต็มประดาทั้งๆที่ความจริงแล้วหนังสือหมดทุกเล่มในบ้านหลังนี้นั้นนาราใช้เวลาตลอดห้าปีอ่านมันจนหมด แต่เขาก็ยอมกวาดสายตาผ่านตัวอักษรบนหน้ากระดาษดีกว่าต้องมาเผชิญหน้ากับคลาร์กอีกเป็นไหนๆ

ไม่นานหลังจากที่คนทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบงันเข้าปกคลุมพื้นที่โดยรอบ กีรติก็โผล่หน้าออกมาจากห้องครัวพร้อมกับกวักมือเรียกให้ออกไปทานอาหารเช้าด้วยกัน วันนี้อีริคออกไปทำงานเช้าเพราะมีประชุม อันที่จริงนาราได้ยินว่าพักนี้อีริคออกจากบ้านแต่เช้าและกลับถึงบ้านดึกมาตั้งแต่ช่วงที่คลาร์กพาตัวนาราไป ทั้งๆที่แสดงอาการเป็นห่วงอย่างชัดเจนแต่กีรติก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอีริคถึงยังเพิกเฉยราวกับรู้อะไรบางอย่างมา และถ้าอีริคไม่ได้ทำอะไร คนอย่างกีรติก็จะไปทำอะไรได้ล่ะจริงไหม

“ว่าแต่...ถามได้มั้ยว่าไปคุยปรับความเข้าใจกันยังไงถึงได้กลับมาเอาป่านนี้ อย่างน้อยก็น่าจะติดต่อกลับมาบ้างสิ” กีรติถามสิ่งที่ค้างคาใจพลางหรี่ตามองอาการของคนทั้งสองบนโต๊ะอาหาร ทีแรกก็อยากจะไล่คลาร์กกลับไปอยู่หรอกแต่ติดที่ว่านาราบอกว่าวันนี้คลาร์กจะมากินข้าวด้วย

นาราหันไปสบตากลมโตของคลาร์กด้วยใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ จะให้บอกยังไงละว่าไม่ได้ออกไปไหนเลย ร่างเล็กรอฟังคำตอบจากคลาร์กอย่างใจจดใจจ่อขณะที่แสร้งทำเป็นตักอาหารเข้าปาก

“ก็ไม่มีอะไร ตอนแรกก็เกือบจะได้ฆ่ากันตายแล้วแหละ” คลาร์กพูดเสียงเรียบ

“แต่พอมาคิดดีๆ พี่ก็ไม่รู้จะโกรธหนูนาไปทำไมอีก อย่างที่นายบอกว่าเรื่องมันก็นานมาแล้ว เก็บเอามาคิดก็ทุกข์ใจซะเปล่าๆ” ชายหนุ่มพูดต่อ กีรติขมวดคิ้วด้วยความสงสัยปนแปลกๆในใจ ไม่คิดว่าคนที่เกลียดกันปานจะฆ่ากันเสียให้ได้จะมาพูดคุยกระชับสัมพันธ์กันง่ายดายเสียแบบนี้

ไม่ มันง่ายเกินไป มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ กีรติมั่นใจแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ฉลาดพอที่จะทำทีเป็นพยักหน้ารับรู้และเข้าใจ

“แล้วที่หายไปสองวัน ก็แค่ทำตัวให้ชินกับมิตรภาพใหม่เท่านั้นแหละ ไปช้อปปิ้งบ้าง เดินเล่นบ้าง เที่ยวเพลินจนไม่มีใครสนโทรศัพท์ จากนั้นก็กลับมานอนที่โรงแรม ตื่นเช้ามาก็พามาส่งเนี่ยแหละ ไม่ว่ากันนะที่พาตัวหนูนาหายไปดื้อๆ” คลาร์กยังคงพูดต่อแต่นารากลับรู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านนั้นอึดอัดจวนเจียนจะเป็นลม

แน่นอน คลาร์กโกหก

ไม่มีการเดินเล่น ช้อปปิ้ง หรือทำตัวให้ชินกับมิตรภาพใหม่อย่างที่ชายหนุ่มบอกกีรติไป มีแค่การที่เขาต้องนอนเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของคลาร์กอยู่บนเตียงกว้างเพียงเท่านั้น

“ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกัน อาจจะมีมองหน้ากันไม่ติดบ้าง แต่พี่ก็แค่อยากเริ่มต้นใหม่กับหนูนา...แล้วก็นาย ไม่รังเกียจกันนะกีย์” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม ท้ายประโยคดวงตากลมโตทอดมองไปยังร่างของคุณหมอตัวขาวด้วยสายตาที่สื่อความหมาย นาราขยับตัวอย่างอึดอัดก่อนจะก้มหน้างุดลงกับจานข้าวแล้วแสร้งทำบ่นเสียงแหลม

“รีบกินสิ จีบกันอยู่นั่นแหละ ข้าวติดคอไม่รู้ด้วยนะ” บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับมาเงียบอีกครั้งเมื่อต่างคนต่างสนใจอาหารเพื่อสุขภาพฝีมือของกีรติ คลาร์กบ่นอุบเล็กน้อยเพราะเจ้าตัวไม่ชอบกินผักเรียกร้อยยิ้มหยันจากกีรติได้เป็นอย่างดี

“พี่นี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ” กีรติเย้าพลางตักผักสีสันสดใสใส่จานของนารา ร่างเล็กส่งยิ้มขอบคุณไปให้ก่อนจะหันไปเจอสายตานิ่งเรียบที่ส่งมาจากคนที่นั่งตรงข้าม ไม่นานอาหารบนโต๊ะก็ถูกกวาดจนเรียบ คลาร์กอาสาล้างจานให้ในขณะที่นารามีหน้าที่ทำความสะอาดโต๊ะ ตอนแรกนารากะว่าจะเดินไปดูความเรียบร้อยในครัวเสียหน่อยแต่พอมองไปเห็นร่างของคนสองคนที่ยืนเถียงกันในนั้นก็ได้แต่เม้มปากและตัดสินใจตะโกนบอกกีรติว่าขอขึ้นห้องก่อนเพราะอยากจะพักผ่อนโดยไม่สนเสียงทักท้วงของกีรติและสายตาเย็นเยียบของคลาร์กแม้แต่น้อย

เหนื่อย การเสแสร้งว่าปกตินั้นมันเหนื่อยมาก

นาราเหนื่อยเหลือเกิน

เขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่ากีรติไม่มีทางเชื่อว่าคนที่ผ่านอดีตที่แสนเลวร้ายจะกลับตัวกลับใจมาสร้างมิตรภาพกันเพียงข้ามคืน ใครๆก็รู้ว่ากีรติมีเพียงคนเดียวในโลก ฉลาดและใจดี แต่คลาร์กไม่ใช่กีรติ ชายหนุ่มไม่มีทางปล่อยเรื่องในอดีตให้ผ่านไปง่ายๆแล้วทำเป็นว่าความสัมพันธ์ของตนกับนาราราบรื่นดีหรอก แต่ก็นั่นแหละ หากว่ากีรติเลือกที่จะไม่ถามและเล่นตามเกม นาราเองก็จะทำเป็นว่าไม่รับรู้อะไรและทำสิ่งที่ต้องทำก็เพียงพอ นาทีนี้ขอเพียงอย่างเดียว ขอแค่ให้นาราได้ชดใช้ความผิดให้แก่คลาร์กเพื่อที่ว่าเขาทั้งคู่จะได้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก

นาราเจ็บมามากพอแล้ว เจ็บจนซักวันหนึ่งมันคงจะกลายเป็นความเฉยชา แต่คำถามคือเมื่อไหร่? และนาราจะทนได้อีกนานแค่ไหน?

ก๊อกก๊อกก๊อก


“หืม...กีย์เหรอ” คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นกับคนที่ยืนอยู่หลังบานประตู คิ้วเข้มขมวดเป็นปมในขณะที่สองขาพาร่างกายไปหยุดยืนหน้าประตูพร้อมกับเอื้อมมือไปจับลูกบิดเตรียมเปิดประตูให้คนข้างนอกเข้ามาเพราะนึกว่าเป็นกีรติ แต่พอนารามองเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าร่างกายก็แข็งทื่อทันทีพร้อมกับกระแทกประตูเตรียมปิดแต่ทว่าคลาร์กกลับแทรกตัวเข้ามาในห้องนอนของเขาได้อย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวสิคุณ!” คนตัวเล็กแหวเสียงแหลมก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อคลาร์กกระแทกประตูปิดดังปังก่อนจะดันร่างเล็กให้ถลาเข้าไปชิดติดผนังพร้อมกับบดเบียดร่างกายเข้าไปจนชิดแทบไม่เหลือช่องว่างใดๆให้อากาศลอดผ่าน นาราใจหายวาบที่โดนคนตรงหน้ารุ่มร่าม ร่างเล็กออกแรงดิ้นพร้อมกับส่งเสียงประท้วงในลำคอเบาๆเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ

“คลาร์ก ปล่อย!” กลีบปากเล็กประท้วงพร้อมกับจ้องมองใบหน้าหวานด้วยแววตาดุดัน คลาร์กเองก็ไม่ยอมแพ้ จ้องกลับเข้าไปในลูกแก้วคู่สวยด้วยความไม่พอใจไม่แพ้กัน

“ไหนนายบอกจะช่วยฉัน แล้วนี่อะไร หนีขึ้นมานอนขลุกอยู่บนห้องเนี่ยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น นาราเม้มปากเมื่อรู้เจตนาของคนตรงหน้าก่อนจะถนหายใจ

“ผมปวดหัว อยากนอนพัก”

“แล้วที่นายบอกว่าจะช่วยฉันน่ะ นายจะช่วยยังไง” ชายหนุ่มถามขึ้นอีกครั้ง คำถามของคลาร์กทำเอาแววตาคู่สวยวูบไหวไปชั่วครู่ นาราเม้มปากเน้นจนเป็นเส้นตรงก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

ดวงหน้าหวานเบือนหน้าหนีสายตาคาดคั้นของคลาร์กจนไปปะทะเข้ากับกรอปรูปที่ตั้งอยู่ไม่ไกล มันเป็นรูปถ่ายของพวกเขาสามคนเมื่อหลายปีก่อน มีนาราในชุดคนไข้นั่งอยู่บนรถเข็นในขณะที่อีริคกับกีรติยืนประกบซ้ายขวา ใบหน้าของนาราในภาพนั้นฉีกยิ้มกว้างแต่ดูเป็นการฝืนยิ้มเสียมากกว่า ส่วนกีรติกำลังยืนทอดมองมาที่คนไข้บนรถเข็นด้วยสายตาอ่อนโยน มือเรียววางแหมะไว้บนกลุ่มผมนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มที่จุดขึ้นมุมปาก กริยาของคุณหมอตัวขาวตกอยู่ในสายตานิ่งเรียบของอีกคนที่ยืนอยู่อีกข้าง อีริคยืนมองกีรติลูบผมนาราด้วยสายตาลึกซึ้ง

บางทีคงไม่ต้องหาคำตอบหรอกว่าอีริครักใครแบบไหน เพราะหากมาคิดดูดีๆแล้วคำตอบมันก็ชัดเจนอยู่ในแววตาของบอร์ดี้การ์ดหนุ่มแล้ว

ขอโทษนะริค

“ผมจะช่วยกันริคออกจากกีย์ให้คุณไง”

ฉันขอโทษจริงๆ

.
.
.
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 4-End {กำลังทยอยลง}
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:29:42
“กันอีริคออกให้ฉัน?” คลาร์กทวนคำพูดพร้อมกับขมวดคิ้วจนแน่น

“ใช่ อีริคน่ะรักกีย์ไม่น้อยไปกว่าที่เขารักผม เพราะแบบนั้นเขาคงไม่ยอมให้คุณกลับเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตพวกเราง่ายๆหรอก” นาราอธิบาย คลาร์กได้ยินก็พ่นลมหายใจออกอย่างหงุดหงิดก่อนจะตอกกลับไปด้วยความโมโห

“แล้วที่มันเป็นแบบนี้เพราะใคร เพราะนายไม่ใช่เหรอนารา นายเลวเอง ไอ้บ้านั่นมันก็ซื่อสัตย์จนขึ้นสมอง อย่าลืมสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้กับคนอื่นสิ” ชายหนุ่มถากถางทำเอาคนตัวเล็กสะอึก

“...”

“รู้มั้ยว่าพวกนายทำเหมือนเรื่องเมื่อก่อนฉันเป็นคนผิดทั้งๆที่ความจริงแล้วคนผิดคือนาย ต้นเหตุคือนาย แต่ทำไมเป็นฉันที่ไม่เหลืออะไรเลยล่ะ” คลาร์กถามเสียงราบเรียบ นาราเม้มปากแน่นพลางจ้องมองใบหน้าหวานตรงหน้าพร้อมกับตัดพ้อออกไป

“ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวหรอกที่ไม่เหลืออะไร เราทุกคนไม่เหลืออะไรเหมือนๆกันนั่นแหละคลาร์ก”

“...”

“แต่เราก็สร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ อะไรที่มันเสียไปเราก็หามาใหม่ได้เสมอนั่นแหละ ขอแค่คุณเปิดใจยอมรับมันก็เท่านั้น” นาราพูด คลาร์กเงียบไปอึดใจก่อนจะถอนหายใจออกมาช้าๆพร้อมกับเคลื่อนกายเข้าไปซบลาดไหล่เล็กเอาไว้อย่างคนที่ต้องการหาที่พักพิง

“จริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่หนูนา เรื่องเลวร้ายนี้มันเริ่มต้นจากตรงไหนเหรอ” ร่างสูงถามขึ้นด้วยความอ่อนล้า การใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังมานานทำให้เขาอ่อนแรงเต็มที คลาร์กแค่อยากหาที่ระบาย หรือใครซักคนที่เข้าใจในสิ่งที่เขาเผชิญมาตลอด นาราหัวเราะอย่างขมขื่นก่อนจะวาดแขนกอดร่างสูงโปร่งของคนตรงหน้าเอาไว้แน่น

“ผิดที่ผมเองแหละ ผมยึดติดกับคำสัญญาในตอนนั้นมากเกินไป ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่คำพูดไม่คิดแบบเด็กๆ พอคุณเปลี่ยนไปผมก็เลยตั้งรับความรู้สึกไม่ทัน ขอโทษนะ”

“...”

“ผมไม่หวังให้คุณจำเรื่องในตอนนั้นได้หรอกนะ ตอนนี้ผมทิ้งอดีตไปหมดแล้ว ผมจะไม่หันหลังกลับไปมองมันอีก คุณเองก็ควรทำอย่างนั้นด้วยเหมือนกัน”

“ใครบอกว่าฉันจำไม่ได้…” คลาร์กพูดเสียงอู้อี้ ทำไมเขาจะจำคำพูดที่หลุดออกมาจากปากตัวเองไม่ได้

“อะไรนะ?”

“...”

“คุณจำได้?” นาราเลิกคิ้วถาม รู้สึกเจ็บแปลบวาบขึ้นมาในอก คลาร์กพยักหน้าน้อยๆก่อนจะกระชับอ้อมกอดรั้งให้กายเล็กแนบชิดกับร่างของเขามากยิ่งขึ้นพร้อมกับกระซิบชิดลำคอขาว

“ฉันจำได้หมดนั่นแหละว่าฉันบอกหนูนาให้รอฉันกลับไปหา ฉันจำคำพูดตัวเองได้ดี แต่หัวใจคนมันห้ามกันไม่ได้หรอก ฉันห้ามตัวเองไม่ให้ตกหลุมรักกีย์ไม่ได้จริงๆ ฉันขอโทษ” คลาร์กพูด นาราได้ยินก็ตัวชาวาบขึ้นมาทันที ดวงตากลมโตสั่นระริกพร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจที่แผ่วเบาจวนเจียนจะหยุดอยู่ร่อมร่อ

 

คลาร์กจำได้ แต่เลือกที่จะละเลยความรู้สึกเขาอย่างนั้นหรือ

 

“ใจร้าย...” นาราพูดเสียงแหบแห้ง ถ้าบอกว่าระยะเวลาที่คลาร์กไปเรียนต่อนั้นเขาไม่ได้จดจำคำพูดของตัวเองที่เคยพูดเอาไว้นารายังไม่เจ็บเท่ากับการรู้ว่าคลาร์กรับรู้มันแต่เลือกที่จะเมินเฉย

“อย่างน้อยก็น่าจะบอกกัน” นาราตัดพ้อ

“ขอโทษ ขอโทษนะนารา”

“อย่างน้อยนายน่าจะบอกผมว่าไม่ต้องรอ ไม่ต้องถามหา คุณน่าจะติดต่อกลับมาหรือฝากพ่อมาบอกก็ได้นี่ว่าคุณรักคนอื่นไปแล้ว แต่คุณก็ยังปล่อยให้ผมรอตั้งหลายปี รออย่างมีความหวัง คุณให้ผมรอคุณกลับมา แล้วคุณก็กลับมาพร้อมกับทำเป็นจำไม่ได้ว่าเคยพูดอะไรไว้ กลับมาพร้อมกับจับมือใครอีกคนและบอกว่าคุณรักเขา คุณมัน...ฮึก” นาราพรั่งพรูคำพูดออกมายาวเหยียดอย่างสุดจะทน สิ่งที่รับรู้ทำให้หัวใจบีบรัดจนเจ็บเจียนตาย

ครานั้นหลังจากที่คลาร์กบอกให้นารารอ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือนคลาร์กก็เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ทิ้งเอาไว้เพียงคำบอกลาผ่านข้อความจากปากของบิดาของนาราว่าให้รอ และนาราเองก็เชื่อ เชื่อคำพูดที่ว่าพี่คลาร์กของเขาจะกลับมา นาราตั้งตารอคลาร์กตั้งแต่วันนั้น ไม่มองใคร ไม่หวั่นไหว ตั้งใจเรียนและเติบโตจนได้เข้ามาทำงานในบริษัทที่บิดาของตนเป็นเจ้าของ แม้เวลาจะผ่านไปนานเป็นสิบๆปีนาราก็ยังรอ คอยถามไถ่ความเป็นไปผ่านทางบิดาของคลาร์กอยู่เสมอ เขาจำได้ดีว่าดีใจมากแค่ไหนที่รู้ข่าวว่าคลาร์กกำลังจะกลับมา วันนั้นนาราตื่นแต่เช้าและมาหาคลาร์กที่บ้าน หัวใจเต้นตึกตัก เอาแต่คิดว่าคลาร์กจะยังจำเขาได้อยู่ไหม มัวแต่คิดว่าจะทักทายคลาร์กยังไงจนไม่ได้สังเกตว่าคนที่เขารอจูงมือใครอีกคนเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีสนิทสนมรักใคร่

“พ่อครับ นี่กีรติ คนรักของผม”

เหมือนฟ้าถล่มลงมาตรงหน้าเมื่อร่างสูงของคลาร์กยืนเคียงข้างชายหนุ่มหน้าตาดีอีกคนที่นาราเทียบไม่ติด นาทีนั้นนาราแทบจะล้มทั้งยืน แต่เขาก็ฝืนเดินเข้าไปหาคลาร์กพร้อมกับทักทายอย่างเป็นมิตรทั้งที่ในใจเต้มไปด้วยคำถามมากมาย

“ผมหนูนาไง พี่จำผมได้มั้ย” นาราเอ่ยถามเสียงเบาหวิว คลาร์กขมวดคิ้วมองมาที่เขาชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆแล้วส่งยิ้มให้

รอยยิ้มที่มีแต่ความว่างเปล่า

“จำได้ โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ยเรา” คลาร์กพูดพร้อมกับยีหัวเขาด้วยความเอ็นดู นาราใจชื้นขึ้นทันทีก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้

“คิดถึงพี่คลาร์กจัง ไปตั้งนานทำไมไม่ติดต่อมาหาผมบ้างเลย ก่อนไปพี่พูดไว้ว่ายังไงผมยังจำได้อยู่นะ” นาราเจื้อยแจ้วพร้อมกับเดินไปเกาะแขนคลาร์กทันที

“หืม?” คลาร์กเลิกคิ้วถามทำเอานาราขมวดคิ้วทันที แต่คนตัวเล็กก็คิดว่าคลาร์กเพียงแค่ลองใจเขาเล่นๆเท่านั้นจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร

“พี่นี่นะ จริงสิ สโนว์บอลที่พี่ส่งมาให้ผมเมื่อตอนคริสต์มาสปีที่แล้วผมทำแตกไปแล้วอ่ะ อย่าโกรธผมเลยนะ” นาราพูดถึงของขวัญที่พ่อของเขาบอกว่าคลาร์กส่งมาให้ทุกๆปีตามเทศกาลต่างๆ แต่ของขวัญปีที่แล้วนั้นนาราเผลอทำแตก แต่ก็แตกไปแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น ของขวัญชิ้นอื่นๆยังคงอยู่ดีในตู้เก็บของ คนตัวเล็กได้แต่ภาวนาขอให้คลาร์กไม่โกรธที่ทำของขวัญล้ำค่านั้นแตกไป แต่ทว่าคำตอบของคลาร์กกลับเป็นเพียงการขมวดคิ้วงุนงงพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

“ของขวัญอะไรเหรอ” นาราใจเต้นตึกตัก เริ่มเห็นความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น แต่ก็ยังฝืนอธิบายต่อ

“ก็ของขวัญจากอเมริกาที่พี่ซื้อมาให้ผมทุกๆปีไง คริสต์มาสปีที่แล้วพี่ซื้อสโนว์บอลมาให้ผม พี่จำไม่ได้เหรอ” นาราเอ่ย คลาร์กหันไปมองหน้ากีรติด้วยใบหน้างุนงงก่อนจะหันกลับไปสบตาบิดาของตนเอง เมื่อพบแววตาตกใจก็เข้าใจทุกอย่าง ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะอธิบายกับนาราช้าๆ

“หนูนาครับ คือ…” ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง ชั่งใจว่าควรทำตามสายตาคาดคั้นของบิดาหรือบอกความจริงกับคนตรงหน้า แต่ทว่าสุดท้ายชายหนุ่มก็ตัดสินใจพูดออกไปเมื่อคนตัวขาวข้างกายบีบมือเขาเป็นเชิงให้กำลังใจ

“พี่ไม่ได้เป็นคนซื้อของขวัญให้เรา...พี่ไม่ได้ส่งอะไรกลับมาที่นี่เลย ขอโทษนะ” คลาร์กพูด นาราได้ยินก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ จนสุดท้ายก็เป็นบิดาของคลาร์กที่เอ่ยสารภาพออกมา

“ลุงกับพ่อของหนูเป็นคนซื้อให้หนูเองแหละนารา”

เพียงเท่านั้นทุกอย่างก็กระจ่าง ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการ์ดอวยพรหรือของขวัญ ทุกสิ่งล้วนมาจากบิดาของเขากับบิดาของคลาร์ก ส่วนเจ้าตัวนั้นไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวใดๆกับนาราเลย หนำซ้ำยังไปมีคนรักอย่างคุณหมอกีรติอะไรนั่นและพากลับมา

เมื่อทุกอย่างกระจ่างชัด ความเจ็บปวดจากการถูกหลอกลวงหักหลังก็พุ่งชนจนเจ็บเจียนตาย นาราเหมือนตัวเองเป็นแมลงโง่ตัวหนึ่งที่ทุกคนเฝ้ามองและหัวเราะเยาะ พอมองย้อนกลับไปก็เห็นเพียงแค่เด็กชายคนโง่ที่เอาแต่ร้องดีใจกับของขวัญที่ไม่ได้มาจากคนที่เขาคิด ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าใส่จนแทบจะเป็นบ้าต่อหน้าทุกคน ความเสียใจและหยดน้ำตาแปรเปลี่ยนเป็นความคลั่งแค้นและอยากเอาชนะ หลังจากนั้นนาราจึงทำทุกอย่างเพื่อนแย่งคลาร์กมาจากกีรติ ทุกอย่างแม้กระทั่งสั่งให้อีริคไปข่มขืนกีรติจนเจ้าตัวหนีคลาร์กไป และที่คลาร์กต้องหมั้นกับนารานั้น นอกจากการที่นาราขู่จะฆ่าตัวตายแล้วก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งก็คือการที่คลาร์กต้องดูแลรักษากิจการของบิดาที่กำลังล้มละลาย

แน่นอน นี่ก็เป็นฝีมือของนาราซึ่งไม่มีใครรู้นอกจากอีริค

ไม่มีใครรู้และจะไม่มีวันรู้

ทุกอย่างดำเนินไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็น หมุนวนเรื่อยไป นาราทำให้ทุกคนเจ็บปวดทรมาน กว่าจะคิดได้ว่าหัวใจเจ็บจนเกินเยียวยาก็เกือบจะสายไป ได้แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เขามีสติและคิดได้ว่าทำอะไรลงไปแม้เรื่องมันจะเลวร้ายมากไปแล้วก็ตาม

 

“ฮึก...ออกไป คลาร์ก ออกไป” นาราสะอื้นพร้อมกับเริ่มผลักร่างสูงของคนที่กำลังกอดเขาไว้ให้ออกห่าง รู้สึกเหมือนโดนหักหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่ผ่านมาก็นึกว่าเป็นเพราะอายุยังน้อยตอนที่เอ่ยออกมา จึงไม่แปลกหากคลาร์กจะลืมสิ่งที่เคยพูดไว้ แต่พอมารู้ว่าคลาร์กจำได้แต่ก็ยังเลือกที่จะไปรักกีรติมันยิ่งทำให้รู้ว่าคลาร์กไม่เคยแคร์นาราเลยซักนิด

ถ้าจำได้คลาร์กก็ต้องรักษาสัญญาให้ได้ แต่นี่คลาร์กกลับละเลยมันและปล่อยหัวใจตัวเองให้คนอื่น มันบ่งบอกชัดเจนแล้วว่านาราไม่เคยมีค่าในสายตาของคลาร์กเลย ไม่เคย ไม่เคยมี

“ขอโทษนะนารา ฉันขอโทษ” คลาร์กกอดกระชับคนตัวเล็กแน่นขึ้น แต่ยิ่งกอดนารากลับยิ่งร้องไห้และผลักไสเขาให้ไกลห่าง

“พอแล้วคลาร์ก ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ออกไปจากห้องผม กลับไป ผมจะไม่ทำอะไรให้คุณอีกแล้ว ฮึก...กลับไปซะแล้วอย่ามาที่นี่อีก ฮึก กลับไป ฮือ…” นาราพูดเสียงกระท่อนกระแท่นพลางพยายามดิ้นเพื่อให้คนตรงหน้าคลายอ้อมกอด แต่คลาร์กกลับไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กง่ายๆ เมื่อความอดทนของร่างสูงสิ้นสุดคลาร์กจึงตรึงร่างของนาราเอาไว้แน่นพร้อมกับกดริมฝีปากปิดเสียงสะอื้นของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา

“อื้อ” ร่างบางร้องประท้วงพร้อมกับดิ้นไปมา แต่ยิ่งดิ้นคลาร์กก็ยิ่งกดกลีบปากให้แนบสนิท จนสุดท้ายนาราก็ได้แต่จำยอมให้คลาร์กทำตามที่ต้องการ

“ฮึก เกลียด ผมเกลียดคุณ ฮือ...ไปตายซะ” นาราพูดพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม คลาร์กได้แต่กอดคนตัวเล็กเอาไว้จนแน่นพร้อมกับเอาแต่พูดคำว่าขอโทษเสียจนนาราอยากจะอาเจียน

เขาจะไม่มีวันเชื่ออะไรคลาร์กอีกแล้ว เขาจะไม่มีวันเชื่อคำพูดของผู้ชายคนนี้อีก

“ฮือ ริค ริคอยู่ไหน…” นาราร้องเรียกหาอีริคเสียงดังลั่น กายบางสั่นระริกอย่างน่าสงสารพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาแทบขาดใจ หมดแล้ว ฟางเส้นสุดท้ายที่มีมันขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมานาราหลงคิดว่ากาลเวลาพาลให้คลาร์กลืมเลือน แต่ความจริงกลับเป็นตัวคลาร์กเองที่เลือกที่จะหมางเมิน

“นาราอย่าร้อง ขอโทษ...พี่ขอโทษ” คลาร์กกระซิบชิดแก้มแดงปลั่งแต่ทว่าในตอนนี้คนตัวเล็กไม่มีสติมากพอที่จะรับรู้ กลีบปากบางเอาแต่ร้องหาอีริคเสียงแหบแห้งราวกับเจ็บจวนเจียนจะขาดใจ

“ริค ฮึก ริคอยู่ไหน ฮือ...อยากหาอีริค ฮือ อีริคอยู่ไหน” นาราร้องพร้อมกับตะเกียกตะกายให้หลุดจากอ้อมกอด แต่คลาร์กก็ยังคงเกาะเกี่ยวเอาไว้แน่น สุดท้ายเมื่อทนไม่ไหวร่างสูงจึงพานารากดลงไปกับเตียงกว้างพร้อมกับจูบซับน้ำตาเป็นการขอโทษ

“พี่ขอโทษ พี่ผิดเอง ขอโทษ อย่าเป็นแบบนี้” คลาร์กพร่ำบอกแต่คำพูดทุกคำของชายหนุ่มบัดนี้ส่งไปไม่ถึงนาราเสียแล้ว

“ฮึก...ริค นายอยู่ไหน ฮึก...” นาราสะอื้นจนตัวโยน กลีบปากบางเอาแต่ร้องหาบอร์ดี้การ์ดหนุ่มที่ซึ่งเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียว เป็นเพียงคนเดียวที่นาราไว้ใจได้ เป็นเพียงคนเดียวที่จะไม่ทำร้ายนาราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ฮึก... ช่วยด้วย ช่วยลบรอยคลาร์กออกไปที ฮึก ลบไปให้หมด ฮือ…” นาราพูดเสียงสั่นอย่างน่าสงสารแต่คนฟังที่ได้ยินกลับกัดฟันกรอด คลาร์กจ้องมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคนตรงหน้าก่อนจะพูดขึ้นเสียงดุดัน

“นายพูดบ้าอะไรของนายนารา!”

“ฮึก กอดฉัน ฮือ...ลบรอยคลาร์กไปให้หมด ขอร้อง ลบมันออกไป เอามันออกไป ฮือ” นาราอ้อนวอนทั้งน้ำตาแต่ทว่าประโยคดังกล่าวกลับกระชากสติของคลาร์กให้ขาดผึง ชายหนุ่มตรึงร่างเล็กลงกับที่นอนสุดแรงก่อนจะกระซิบชิดรีฝีปากคู่สวย

“คนที่มีสิทธิ์กอดนายได้มีแค่พี่คนเดียว นารา…”

 

 
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 4-End {กำลังทยอยลง}
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:30:30
ตอนที่ 11


“คนที่มีสิทธิ์กอดนายได้มีแค่พี่คนเดียว นารา…” คลาร์กพูดขึ้นพร้อมกับก้มลงประกบริมฝีปากลงบนกลีบปากเล็กทันที จุมพิตดุดันของชายหนุ่มทำให้นาราเกิดอาการกลัวขึ้นมาจับใจ กายบางสั่นระริกพร้อมกับดวงหน้าหวานที่พยายามเบือนหนีการรุกราน เสียงสะอื้นยังคงดังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเรียกหาอีริคอย่างคนไร้สติ

“ปล่อย! ฮืออออ ริคอยู่ไหน อยากหาริค” นาราร้องขอเสียงแหบเสียงแห้งจนแสบไปทั่วลำคอ ความเจ็บปวดถูกกลั่นกรองออกมาผ่านของเหลวสีใสที่ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวย หัวใจที่ถูกขยี้จนแทบละเอียดบัดนี้ขาดวิ่นจนเกินเยียวยา ฝันร้ายที่พยายามลืมเลือนผุดพรายขึ้นมาจากส่วนลึกของความทรงจำจนคนตัวเล็กต้องหลับตาด้วยความหวาดกลัว

“ฮึก ฮือ” คนตัวเล็กเอาแต่ร้องเรียกหาใครอีกคนจนคลาร์กหงุดหงิด ชายหนุ่มกระแทกจูบลงบนกลีบปากคู่สวยเพื่อปิดเสียงร้องแสนทรมานของนาราเอาไว้ก่อนจะจัดการกระชากเสื้อผ้าออกจากร่างกายของนาราจนร่างเล็กเปลือยเปล่า

“อย่าเรียกชื่อคนอื่นตอนอยู่กับพี่!” คลาร์กตะโกนจนร่างบอบบางสะดุ้งและปล่อยโฮออกมาอย่างเสียขวัญ

“ฮึก ริค ฉันอยากหาริค อีริคอยู่หนะ...อื้อ!” เสียงร้องขาดหายไปเมื่อร่างสูงทนไม่ไหว ความโกรธพุ่งทะยานจนทะลุปรอท ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดยามที่ได้ยินคนตัวเล็กด้านล่างร้องเรียกหาคนอื่นที่ไม่ใช่เขา อาจจะเพราะว่ามันเหมือนหยามเขาก็ได้ ก็ตอนนี้นาราอยู่กับเขานี่ นาราไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อผู้ชายคนอื่นเวลาอยู่ต่อหน้าคลาร์ก ไม่มีสิทธิ์เรียกและจะไม่ไม่วันได้เรียก

ชายหนุ่มปลดเข็มขัดพร้อมกับซิปกางเกงยีนส์ออกก่อนจะแยกเรียวขาขาวออกกว้างพร้อมกับแทรกกายเข้าหานาราอย่างรวดเร็วจนคนตัวเล็กร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“โอ๊ย! ฮึก...ออกไป ไปให้พ้นนะ ไป!!!” นารายกแขนขึ้นมาผลักอกคลาร์กออกแต่ชายหนุ่มกลับตรึงแขนเล็กลงกับพื้นเตียงพร้อมกับบีบจนแน่น

“ฉันเจ็บ ฮือ ริคช่วยด้วย ฮือ” นาราร้องเสียงหลงและยังคงเอ่ยปากเรียกชื่อบอร์ดี้การ์ดหนุ่มด้วยน้ำตานองหน้า คลาร์กถึงกับเลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นคนด้านใต้ที่ยังคงร้องเรียกหาคนอื่นทั้งๆที่คนที่กำลังครอบครองนาราอยู่คอเขา ชายหนุ่มคำรามในลำคอก่อนจะขยับกายถาโถมใส่ร่างเล็กที่แสนบอบบางอย่างไม่ยั้งแรงจนนารากรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างเล็กไหวกายไปมาตามแรงกระแทกที่คลาร์กส่งมาพร้อมกับหวีดร้องเป็นระยะๆ

“ฮึก…”

“เรียกชื่อพี่นารา เรียก…” ชายหนุ่มกระซิบเสียงแหบพร่าแต่ทว่านารากลับส่ายหน้าเร็วๆ

“ไม่ ไม่ ฮึก ไม่”

“เรียก! เรียกชื่อพี่นารา!!!!!” ร่างสูงขึ้นเสียงพร้อมกับขยับกายแรงๆเป็นการลงโทษ แต่นาราก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับร้องเรียกหาอีริคอยู่อย่างนั้น คลาร์กกัดฟันกรอดก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วเลื่อนมือไปบีบเรียวขาเล็กอย่างแรงพร้อมกับโถมกายเข้าหานาราด้วยอารมณ์ที่โหมแรงราวกับไฟทำพร้อมจะทำลายทุกสิ่งให้พังพินาศ นาราร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวังพร้อมกับภาวนาให้อีริคมาช่วยโดยเร็ว

รีบมาก่อนที่นาราจะทนความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว ได้โปรด

 

ปึง!

 

พลั่ก!

 

“เชี่ยเอ๊ย!!!!!”

 

ตุ้บ! พลั่ก!

“อะไรวะ!!!!” คลาร์กร้องเสียงหลงเมื่อถูกแรงมหาศาลกระชากจนตัวปลิวออกห่างจากเตียงนอนและถูกชกอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว ยังไม่ทันจะเงยหน้ามาดูร่างสูงของเขาก็ถูกอัดอย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“มึงมันเหี้ย ไอ้เลว! ไปตายซะ!” น้ำเสียงดุดันที่คลาร์กจำได้ดีว่าเป็นใครดังขึ้นขณะที่เจ้าตัวตามกระทืบเขาอย่างไม่ออมแรง พอคลาร์กตั้งหลักได้ก็รีบรูปซิปกางเกงก่อนจะสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เมื่อโดนเตะมาเขาก็สวนกลับ หากถูกต่อยเขาก็ต่อยกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“มึงทำแบบนี้กับคุณหนูได้ยังไงวะ!!!!” อีริคพูดขึ้นอย่างเดือดดาลพร้อมกับประเคนหมัดใส่คนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ

“นาราเป็นของกู กูจะทำยังไงก็ได้!!!!” ชายหนุ่มตอบกลับไปพร้อมกับเบี่ยงหน้าหลบกำปั้นที่ถูกส่งมา คำตอบของคลาร์กทำเอาอีริคถึงกับอารมณ์ขึ้นด้วยความโมโห

“แล้วไง เป็นของมึงแล้วจะข่มขืนเขาก็ได้งั้นเหรอไอ้เลว!” ชายหนุ่มตะโกนถามพร้อมกับยืนหอบอย่างเหนื่อยล้า คลาร์กเช็ดเลือดที่มุมปากออกลวกๆก่อนจะเหลือบตาไปมองร่างเปลือยเปล่าบนเตียงที่กำลังกอดตัวเองพร้อมกับสะอื้นไห้จนตัวโยน

สภาพบอบช้ำของนาราที่คลาร์กเห็นเรียกสติของชายหนุ่มให้กลับคืนมา ร่างสูงครางออกมาในลำคอเบาๆก่อนจะถลาเข้าไปหาคนตัวเล็กบนเตียงแต่ทว่าอีริคกลับห้ามเอาไว้

“หนูนา…”

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย มึงไม่เห็นสภาพของนาราหรือไง” อีริคตวัดสายตาคมไปมองคลาร์กด้วยความแค้นก่อนจะเข้าไปรวบร่างเปลือยเปล่าของคนตัวเล็กเข้ามากอดแนบอก นาราสะดุ้งพร้อมกับขยับตัวหนีอย่างหวาดกลัวจนชายหนุ่มต้องรีบปลอบ

“คุณหนูครับ ผมเอง อีริคไง ไม่ต้องกลัวนะ” เมื่อเสียงของอีริคลอยกระทบเข้าสู่โสตประสาทนาราก็ร้องไห้โฮพร้อมกับตะเกียกตะกายคว้าตัวอีริคเข้าไปกอดจนแน่น

“ฮือ ริค ฉันเจ็บ ฮึก ฉันเจ็บ” นาราพึมพำเสียงสั่นไม่แพ้ร่างกาย อีริคมองสภาพบอบช้ำของคนตัวเล็กแล้วก็น้ำตาไหล เจ็บใจที่ปกป้องนาราไม่ได้ เจ็บปวดที่ในครั้งนี้นาราดูจะบอบช้ำมากจนเกินเยียวยา

“ชู่ว อย่าร้องไห้ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ร้องนะครับ” ร่างสูงพูดพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะตวัดสายตาไปมองคนที่ยืนอึ้งอยู่ไม่ไกล

“สะใจมึงแล้วใช่ไหมคลาร์กที่เห็นนาราเป็นแบบนี้ พอใจแล้วใช่ไหมที่สามารถทำให้เขาเจ็บเจียนตายแบบนี้น่ะ ถ้าพอใจแล้วก็ไสหัวไปให้พ้นแล้วอย่ามาให้คุณหนูเห็นหน้าอีก” อีริคพูดเสียงสั่น น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด

“มึงยังเป็นคนอยู่รึเปล่า กูถามจริงๆเถอะ มึงทำลงไปได้ยังไงวะ นาราตัวแค่นี้ มึงทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็นได้ยังไง”

“...” คลาร์กไม่ตอบ ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ความโกรธชั่ววูบทำให้เขาทำสิ่งเลวร้ายลงไปอีกแล้ว และครั้งนี้มันร้ายแรงเกินไป

“กลับไปซะก่อนที่กูจะฆ่ามึง กูขอร้องล่ะคลาร์ก กลับไป” อีริคพูดเสียงเบาหวิว คลาร์กเบือนหน้าหนีความบอบช้ำตรงหน้าก่อนจะเลือกเดินจากไปอย่างเงียบๆ

“ฮึก อีริค…” นาราเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงเบาหวิว เจ้าของชื่อขานรับเสียงนุ่มพร้อมกับยกมือขึ้นมาไล้น้ำตาออกจากดวงตาคู่สวย

“ผมขอโทษที่มาช้า ผมขอโทษนะ” ชายหนุ่มเอ่อยออกมาอย่างรู้สึกผิด ก่อนหน้านี้เขาได้รับโทรศัพท์จากกีรติให้มาที่นี่เพราะเจ้าตัวติดเคสคนไข้ที่โรงพยาบาล ตอนแรกอีริคก็ไม่เข้าใจว่ากีรติสั่งให้เขาหนีงานกลับมาทำไม แต่พอคุณหมอตัวขาวบอกว่าตนปล่อยให้คลาร์กกับนาราอยู่ตามลำพังเท่านั้นแหละอีริคก็ไม่รอช้า รีบบึ่งรถกลับมาทันทีแต่ทว่าก็ยังช้าเกินไป

เขามาไม่ทันจนนาราโดนรังแกไปแล้ว

“ฮึก รังเกียจฉันมั้ย” นาราถาม ในยามนี้เขาเหมือนเด็กตัวเล็กที่ถูกทำร้ายอย่างทารุณ รอบกายมีแต่ความมืดมิด ไม่มีทางให้ก้าวเดิน ไม่มีแสงสว่างให้เฝ้ามอง

“เกลียดฉันมั้ย”

“ไม่ ผมรักคุณ คุณก็รู้” ชายหนุ่มตอบ นารายิ้มกับคำตอบนั้นก่อนจะกอดร่างสูงของอีริคจนแน่น ไม่ไหว นาราเจ็บจนเกินจะทนไหว เขาคิดว่าเขาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“ช่วยฉันทีได้มั้ย ฮึก ช่วยฉัน...” คนตัวเล็กอ้อนขอด้วยน้ำเสียงเว้าวอน น้ำตายังคงไหลไม่ขาดสายในขณะอีริคจ้องมองลึกลงไปในแววตาคู่สวยของคนตรงหน้าด้วยความสับสน

“พาฉันออกไปจากวังวนนี้ที ได้โปรด”

“คุณหนู...รู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา” ชายหนุ่มเอ่ยถามร่างเปลือยเปล่าด้านใต้ นาราพยักหน้าทั้งน้ำตาก่อนจะรั้งใบหน้าคมเข้มให้ลงมารับจูบจากกลีบปากอิ่ม เสียงครางอื้ออึงดังขึ้นลอดริมฝีปากที่กำลังแนบสนิทมอบจุมพิตที่แสนล้ำลึกให้แก่กัน นาราถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะกระซิบชิดริมฝีปากของคนด้านบนด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

“ช่วยลบ...ลบรอยพวกนี้ออกไปจากตัวฉันทีอีริค ลบรอยคลาร์กออกไปจากตัวของฉันที ขอร้อง” จบประโยคแขนเล็กก็ยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง อีริคเม้มปากแน่นเมื่อร่างบอบบางไร้อาภรณ์บดเบียดกับร่างเแกร่งของเขา

“ใจเย็นก่อนนะนารา แบบนี้ไม่ดีแน่” อีริคพูดพร้อมกับพยายามควบคุมสติของตนเอง แต่นารากลับไม่ยอมฟัง ร่างเล็กตวัดขาเกี่ยวเอวสอบของชายหนุ่มก่อนจะอ้อนวอนทั้งน้ำตา

“ไม่ ฮึก...ช่วยฉัน ฉันเจ็บ ฉันเจ็บมากแล้ว ทำให้ฉันลืมเขาทีได้ไหม ลบคลาร์กออกไปจากชีวิตและร่างกายฉันที” นาราอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร คงถึงเวลาแล้ว เวลาที่หัวใจนาราไม่ยอมแบกรับความเจ็บปวดใดใดอีกต่อไป

อีริคจ้องมองใบดวงหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาก่อนจะตัดสินใจก้มลงจูบซับไปทั่วพร้อมกับกระซิบเสียงพร่า

“งั้นลืมหมอนั่นซะ ผมจะทำให้คุณหนูจดจำแค่ผมเพียงคนเดียว คุณจะต้องจำแค่ผมเพียงคนเดียว”

“อื้อ”

“ลืมหมอนั่นซะ แล้วจำแค่ผมเพียงคนเดียว”

 

 

 

 

 

นาราลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งในอ้อมกอดของอีริคบนเตียงกว้าง ดวงตากลมจ้องมองใบหน้าคมเข้มที่กำลังหลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้า ที่มุมปากปรากฏรอยแตกและรอยช้ำจากการปะทะกันกับคลาร์ก เมื่อมองเรื่อยลงมาที่ลำคอแกร่งและไหล่กว้างก็มีรอยเล็บข่วนเป็นทางยาว ร่างบางเม้มปากจนเป็นเส้นตรงขณะเอื้อมมือไปสัมผัสรอยเล็บที่เกิดจากฝีมือตนเองแผ่วเบาเพราะกลัวคนที่กำลังหลับใหลจะรู้สึกตัว กลีบปากอิ่มเอ่ยขอบคุณอีริคเบาๆพร้อมกับเลื่อนใบหน้าหวานเข้าไปกดจูบที่ขมับของบอดี้การ์ดหนุ่มก่อนที่นาราจะขยับตัวลงจากเตียง

“อ่ะ...” เสียงร้องแผ่วเบาดังขึ้นเนื่องจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น นารายกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้แน่นก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าและหอบเอาชุดใหม่ออกมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ร่างบอบบางพาตัวเองไปยืนอยู่หน้ากระจกก่อนจะใช้สายตาสำรวจไปทั่วร่าง ดวงตากลมโตจ้องมองรอยรักสีกุหลาบที่ลำคอระหงเรื่อยไปจนถึงแผ่นอกบางแล้วหลั่งน้ำตาลงอย่างเงียบๆ

นี่ไม่ใช่รอยที่คลาร์กทำ ก่อนหน้านี้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้สร้างรอยรักมากมายขนาดนี้เอาไว้บนคอของเขา แต่รอยที่นาราเห็นในตอนนี้แน่นนอนว่ามันเกิดจากฝีมือของอีริค

นารานึกย้อนไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาขอร้องให้อีริคทำเรื่องแบบนั้นเพื่อให้ลืมคลาร์ก แน่นอนว่าอีริคทำ แต่ถึงแบบนั้นสัมผัสของคลาร์กมันก็ยังไม่ได้จางหายไป บางจุดที่อีริคไม่ได้ลบเลือนยังคงมีคลาร์กอยู่ แม้ว่าร่องรอยตามร่างกายจะถูกบอดี้การ์ดหนุ่มจูบซับและทับรอยลบเลือนแต่ทว่าร่องรอยบาดแผลภายในจิตใจของนารากลับยังเด่นชัด

รอยที่เกิดจากผู้ชายที่ชื่อว่าคลาร์ก

“ฮึก” คนตัวเล็กน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อภาพความอ่อนโยนของอีริคถูกแทนที่ด้วยความโหดร้ายป่าเถื่อนของใครอีกคนที่รังแกเขาก่อนหน้านี้ ใบหน้าดุดันที่จ้องมองมาที่เขาพลางตะโกนเสียงกร้าวเพื่อบังคับให้เขาเรียกชื่อของเจ้าตัว กายแกร่งที่ถาโถมเข้าหาอย่างรุนแรงพร้อมกับความเจ็บปวดที่ทบทวีตอนนี้ยิ่งเด่นชัดจนนาราทรุดตัวลงกับพื้นห้องน้ำและกอดตัวเองแน่นพร้อมกับโยกกายไปมาเพื่อปลอบประโลมตนเอง

“เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ เดี๋ยวทุกอย่างก็หายไป ฮึก นายจะต้องไม่เป็นไรนะนารา ไม่เป็นไร” คนตัวเล็กพึมพำเสียงเบา กายบางสั่นเทิ้มพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงจนรู้สึกหนักหน่วงไปทั่วอก นาราปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินรดหัวเข่าอยู่ซักพักก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ลวกๆ ไม่แม้แต่จะชำระล้างคราบที่คลาร์กและอีริคทิ้งเอาไว้บนร่าง เมื่อแต่งตัวเสร็จนาราก็ค่อยๆก้าวเท้าออกจากห้องน้ำอย่างระมัดระวังก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียง

คุณหนูตัวขาวทอดมองร่างแกร่งที่กำลังหลับใหล ผ้าห่มผืนใหญ่ร่นลงมาจนถึงเอวสอบเผยให้เห็นแผ่นอกแกร่งที่นาราเกาะเกี่ยวมาก่อนหน้านี้ ร่างบางยกยิ้มขึ้นก่อนจะโน้มตัวไปจูบแก้มสากของอีริคอีกครั้งแล้วถือวิสาสะหยิบกุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของชายหนุ่มบนพื้นห้องและเดินจากมา ระหว่างทางที่เดินไปที่รถนาราก็คว้าโทรศัพท์ของอีริคที่เจ้าตัวหยิบติดมือมาด้วยพร้อมกับกดเบอร์โทรที่เขาจำได้ขึ้นใจ รอไม่นานปลายสายก็กดรับพร้อมกับกรอกเสียงมาตามสายเป็นเวลาเดียวกันกับที่นาราเดินมาถึงตัวรถพอดี

[ว่าไงอีริค] น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังดังขึ้นพลอยให้หัวใจที่เต้นแรงของนาราสงบลงไปได้บ้าง หากแต่ความรุ้สึกหนักหน่วงและปั่นป่วนยังคงอยู่ นาราเปิดรถเข้าไปนั่งประจำที่ก่อนจะกรอกเสียงลงไปด้วยน้ำเสียงสั่นระริก

“ผมนารานะครับ”

[อ้าว...ว่าไงนารา มีอะไรหรือเปล่า] ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ นาราเม้มปากแน่นพลางพูดกับปลายสายในขณะที่ร่างกายที่เคยปกติเริ่มสั่นเทิ้มขึ้นเรื่อยๆ

“ผมคิดว่าตัวเองกำลังจะกลับไปเป็นแบบเดิม คุณอยู่ที่ไหน ช่วยผมทีได้ไหม ผม...อึ่ก ผมกลัว ผมกลัวโทมัส ผมกลัว” ร่างเล็กละล่ำละลั่กบอก ความทรงจำต่างๆเริ่มไหลเวียนเข้ามาปะปนกันจนนาราปวดหัว

[ใจเย็นนะนารา คุณมาหาผมที่โรงพยาบาลนะ มาได้รึเปล่า] ปลายสายถาม นาราพยักหน้าน้อยๆก่อนจะตอบกลับไป

“ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” นารารับคำก่อนจะกดตัดสายพร้อมกับสตาร์ทรถและขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

ตลอดทางสมองของนาราคิดอะไรไม่ออก ในหัวของเขามีแต่ภาพคลาร์กตั้งแต่เด็กจนครั้งล่าสุดที่เขาถูกผู้ชายคนนั้นทำร้ายย่ำยี ภาพของกีรติในวันแรกที่พบกันหรือแม้แต่ร่างแกร่งของอีริคที่กำลังทาบทับร่างของเขาเอาไว้พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาจงรักภักดี คำพูดมากมายหลั่งไหลเข้าถาโถมจนร่างกายของนาราสั่นเทิ้มพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหลรินออกมาไม่หยุดหย่อน

“อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับกีย์เลย กีรติน่ะดีกว่านายเยอะนารา”

“ฮึก...หยุด...”

“เรื่องรณกรน่ะ ขอล่ะนารา คนนี้ฉันรักจริงๆ”

“นี่นารา หัดทำตัวให้มีเหตุผลหน่อยได้มั้ยฮะ ก็บอกว่าไม่ว่างก็คือไม่ว่างสิ จะไปไหนก็ไปเถอะไปฉันรำคาญ”

“ความรักมันไม่สนคนดีหรือคนเลวหรอกครับ มันก็แค่ทำหน้าที่ของมัน ส่วนตัวเรามีหน้าที่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ หากรักสมหวังก็ต้องเรียนรู้ที่จะประคับประคองให้มันคงอยู่จนตลอดรอดฝั่ง แต่หากไม่สมหวังเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเจ็บปวด ปล่อยวางและเข้มแข็ง”

“พอที ออกไปจากหัวฉันให้หมดนะ...” ร่างเล็กเค้นเสียงพูดพลางกำพวงมาลัยจนเจ็บมือแต่ทว่าภาพและคำพูดต่างๆกลับยิ่งถาโถมเข้ามาในหัวของนาราราวกับเดจาวู

“พอเถอะครับ คุณหนูของผมเหนื่อยมามากพอแล้ว คุณหนูตัวเล็กของผมเจ็บมามากพอแล้ว อย่าถลำลึกลงไปกว่านี้อีกเลย”

“รักฉันมากใช่มั้ยนารา รักมากก็ตายเพื่อฉันสิ ตายเหมือนที่กรตาย ควักมันออกมา ควักหัวใจนายออกมา!!! ควักมันออกมาสิ!! ไอ้หัวใจเฮงซวยไร้ค่าที่บอกว่ารักฉันนักหนาน่ะ ลองควักมันออกมาให้ฉันดูซิ กล้าฆ่าคนอื่นเพราะรักฉันแล้วกล้าฆ่าตัวเองที่มารักฉันบ้างมั้ยนารา ควักมันออกมา!!!!!”

“ฮึก...ไม่ ไม่ พอแล้ว”

“มันจะไม่มีวันนั้นนารา นายจะไม่มีวันมีความสุข”

“ในเมื่อนาราทำมันลงไปแล้วก็ต้องทำใจยอมรับกับผลที่มันตามมา ยอมรับบาดแผลที่จะติดตัวนายไปตลอดชีวิต นายกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้หรอก”

“อาพิสิทธิ์ครับ ผมขอน้องได้มั้ย?”

“ไม่รู้ล่ะ โตขึ้นมาจะมาเอาน้อง ผมขอแล้ว แล้วผมก็ไม่ให้ใครด้วย...หนูนารอพี่นะ!”

“ทำไมนายถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ นารา”

“นายพูดง่ายเหลือเกินนะกีรติ กับชีวิตคนคนหนึ่งที่เสียไปนายพูดมันออกมาง่ายเหลือเกิน แล้วพี่ล่ะ ความเจ็บปวดที่พี่ได้รับล่ะ มีใครมองเห็นมันบ้างมั้ย ความยุติธรรมของกรล่ะ เขาไม่สมควรตายด้วยซ้ำ คนที่สมควรตายคือนาราของนายมากกว่ากีรติ!”

“ฮือ พอที ได้โปรด”

“ฉันต้องการนาย ร่างกายของนาย”

“ไม่!!!!!!!”

“นายน่ารักขึ้น...น่ารักมาก”

“อีกนิดนะ อ่ะ อีกนิดนารา อีกนิด”

“ใครบอกว่าฉันจำไม่ได้…”

“นาราอย่าร้อง ขอโทษ...พี่ขอโทษ”

“เรียกชื่อพี่นารา เรียก…”

“เรียก! เรียกชื่อพี่นารา!!!!!”

“นาราเป็นของกู กูจะทำยังไงก็ได้!!!!”

“บอกให้ออกไปไง ออกไปให้หมด ออกไปจากหัวฉัน ฮืออออ ออกไปนะ” ร่างเล็กตะโกนพลางละมือออกจากพวงมาลัยรถมากุมหัวตัวเองเอาไว้พร้อมกับหลับตาปี๋ สองขาที่ควรจะเหยียบเบรกและคันเร่งถูกเจ้าตัวนำขึ้นมาชันเข่าแนบลำตัวพร้อมกับกอดตัวเองเอาไว้พลางตะโกนอย่างบ้าคลั่ง รถยนต์คันสวยส่ายไปมาเนื่องจากไร้การควบคุม เสียงบีบแตรดังขึ้นอย่างกลลาหนในขณะที่สติของนาราเลือนหายไปแทบทุกที

“สะใจมึงแล้วใช่ไหมคลาร์กที่เห็นนาราเป็นแบบนี้ พอใจแล้วใช่ไหมที่สามารถทำให้เขาเจ็บเจียนตายแบบนี้น่ะ ถ้าพอใจแล้วก็ไสหัวไปให้พ้นแล้วอย่ามาให้คุณหนูเห็นหน้าอีก”

“ลืมหมอนั่นซะ แล้วจำแค่ผมเพียงคนเดียว”

“ของขวัญอะไรเหรอนารา”

“ก็ของขวัญจากอเมริกาที่พี่ซื้อมาให้ผมทุกๆปีไง คริสต์มาสปีที่แล้วพี่ซื้อสโนว์บอลมาให้ผม พี่จำไม่ได้เหรอ”

“พี่ไม่ได้เป็นคนซื้อของขวัญให้เรา...พี่ไม่ได้ส่งอะไรกลับมาที่นี่เลย ขอโทษนะ”

“ไม่!!!!! ไปให้พ้น!!!!” นารากรีดร้องสุดเสียงพลางทึ้งหัวตัวเองแน่นในขณะที่รถยนต์เสียการควบคุมจนเคลื่อนที่ล้ำไปยังเลนส์ที่มีรถบรรทุกคันใหญ่ขับสวนมา เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้น สิ่งสุดท้ายที่นารารับรู้คือคำพูดและใบหน้าของคลาร์กที่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงดุดันและสายตาคมเฉียบที่จ้องมองมา

“คนที่มีสิทธิ์กอดนายได้มีแค่พี่คนเดียว นารา…”

ปรื๊นนนนนนนนนนนนนน ตึง โครมมมมมมมมมมมมมมม!!!!

ยานพาหนะขนาดต่างกันปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงอึกทึกคึกโครมพร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้คนรอบข้าง ร่างของนาราถูกโครงเหล็กของรถเสียบทะลุช่องท้อง เสียงโวยวายและเสียงรถดังอื้ออึงในขณะที่สติสัมปชัญญะของชายหนุ่มลดน้อยลงเต็มที อัตราการเต้นของหัวใจที่เคยทำงานอย่างหนักบัดนี้กลับแผ่วเบา

นาราเหนื่อยมามากแล้ว ถึงเวลาแล้ว...

นาราเผยยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่หลังรินปนกับเลือดสีแดงฉาน ความรู้สึกเจ็บถาโถมไปทั่วร่าง ศีรษะกลมแหงนไปด้านหลังช้าๆก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิท

“หนูนา!!!!!!!!!!”

ถึงเวลาที่นาราจะได้โบยบินไปไกลแสนไกลโดยไม่หันกลับมา

 

 

ตลอดกาล

 

 
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 4-End {กำลังทยอยลง}
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:32:23
ตอนที่ 12


ดวงตาคู่สวยของคลาร์กบัดนี้ชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตา ร่างสูงสั่นเทิ้มด้วยความกลัวที่ก่อขึ้นภายในใจ ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สะท้อนกึกก้องไปทั่วห้วงความคิด ร่างบอบบางของนาราที่อยู่ในสภาพโชกเลือดยังคงติดตา ช่วงท้องของร่างเล็กถูกโครงเหล็กของเครื่องยนต์แทงเข้าไปจนทะลุไปทางด้านหลัง ใบหน้าหวานเปื้อนน้ำตาและคราบเลือดจากศีรษะที่ถูกกระแทกอย่างแรงบวกกับเศษกระจกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ กระเด็นเข้าไปฝังตัวอยู่ภายใต้ผิวเนื้อนวลเนียน แขนข้างขวาถูกบาดเป็นแผลยาวในขณะที่ร่างทั้งร่างติดอยู่ในรถยนต์คันหรู คลาร์กยกมือขึ้นมาปิดหน้าพลางส่งเสียงสะอื้นออกมา หัวใจเหมือนถูกถ่วงด้วยสิ่งของที่มีน้ำหนักมหาศาลและถูกเข็มนับร้อยนับพันเล่มทิ่มไปพร้อมๆกัน

คลาร์กจำมันได้ดี ภาพทุกภาพที่เขาเห็น เสียงทุกเสียงที่เขาได้ยินมันชัดเจนเสียจนชายหนุ่มรู้สึกกลัวเมื่อหวนไปนึกถึงมัน ทั้งเหตุการณ์ของนารากับอีริคในห้องนอนไปจนถึงตอนที่รถของนาราแล่นไปประสานงากับรถบรรทุกที่สวนมาบีบให้กำแพงและความเข้มแข็งที่เขาสร้างขึ้นพังทลายลง อกข้างซ้ายซึ่งเป็นที่อยู่ของหัวใจรู้สึกร้าวและปวดปลาบ จังหวะการเต้นของหัวใจเขาทรมานเหลือเกินเมื่อนึกถึงร่างเล็กที่อยู่ในห้องผ่าตัด

“ขอโทษ...หนูนาพี่ขอโทษ” กลีบปากคู่สวยพึมพำเสียงสั่น ดวงตากลมกลั่นน้ำสีใสออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่หยุดหย่อน ในสมองของคลาร์กมีแต่สีแดงฉานของเลือดที่มาจากร่างของนารา ในห้วงของความนึกคิดมีแต่ภาพที่รถยนต์ของคนตัวเล็กที่เขาขับตามพุ่งไปปะทะเข้ากับรถบรรทุกอีกฝั่งอย่างรวดเร็วและรุนแรง

หากเขาเข้าไปหานาราที่บ้าน เขาไปคุยไปอธิบายแทนที่จะปล่อยให้คนแก้มกลมนั้นขับรถออกมาเรื่องทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้

“อึ่ก...” คลาร์กกลั้นก้อนสะอื้นจนรู้สึกเจ็บไปทั่วลำคอ สองมือประกบกันแน่นพร้อมกับจรดไว้ที่หน้าผากแล้วก็ได้แต่ภาวนาขอให้นาราปลอดภัย

ความจริงแล้วหลังจากที่ทะเลาะกับอีริคและโดนไล่ให้ออกจากห้องคลาร์กไม่ได้หนีไปไหน เขายังคงอยู่หลังบานประตูและได้ยินทุกอย่างที่นาราพูด

คลาร์กได้ยินทุกอย่างที่นาราอ้อนวอนขอ

นาทีนั้นสาบานได้ว่าคลาร์กโกรธ โกรธเอามาก ๆ มือแกร่งกำลูกบิดประตูเอาไว้แน่นพลางซบใบหน้าลงกับบานประตู เสียงร้องไห้ของนาราดังกึกก้องด้วยความเจ็บเจียนจะขาดใจ เสียงร้องไห้ที่กระชากความรู้สึกของเขาอกมา

คลาร์กไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาไม่เคยรู้สึกทรมานแบบนี้ ทรมานเหมือนโดนใครซักคนมาบีบหัวใจของเขาแรงๆและขยี้มันจนแหลกละเอียด

 

ไม่...คลาร์กไม่เคยเป็น

 

“ใจเย็นก่อนนะหนูนา แบบนี้ไม่ดีแน่”เสียงอีริคดังแว่วมาทำให้ชายหนุ่มใจชื้น หากแต่พอได้ยินคำอ้อนวอนของนาราร่างกายของคลาร์กก็หมดแรงลงแทบจะในทันที

“ไม่ ฮึก...ช่วยฉัน ฉันเจ็บ ฉันเจ็บมากแล้ว ทำให้ฉันลืมเขาทีได้ไหม ลบคลาร์กออกไปจากชีวิตและร่างกายฉันที”

นาราร้องขอ คลาร์กเม้มปากแน่น ภาพความโหดร้ายทารุณต่างๆที่ทั้งเขาและนาราสร้างให้แก่กันฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คลาร์กกลับมองมันด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป

เมื่อไหร่กันที่ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป

มันไม่ใช่ความสงสาร

การที่เขาใจจะขาดเพียงได้ยินเสียงร้องไห้ของนารามันคงไม่เรียกว่าความสงสารเป็นแน่ แต่เพราะคลาร์กตระหนักได้แล้วในนาทีนี้ว่าคนที่ทำให้นาราเจ็บปวดแบบนี้คือเขา เป็นคลาร์กที่เริ่มเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น เป็นเขาเองที่ทำให้นารากลายเป็นคนแบบนี้

“งั้นลืมหมอนั่นซะ ผมจะทำให้คุณหนูจดจำแค่ผมเพียงคนเดียว คุณจะต้องจำแค่ผมเพียงคนเดียว”

“อื้อ”

“ลืมหมอนั่นซะ แล้วจำแค่ผมเพียงคนเดียว”สิ้นเสียงของอีริคเสียงครางระงมและเสียงสะอื้นไห้ก็ดังขึ้น และมันก็เหมือนหอกพุ่งตรงเข้ามาทลายกำแพงในใจของคลาร์กจนหมดสิ้น ร่างสูงทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ดวงตากลมโตอยู่ๆก็มีน้ำไหลลงอาบแก้มแต่ทว่าไร้เสียงสะอื้น เขานั่งอยู่ตรงนั้น หน้าห้องนอนของนารา นั่งฟังเสียงต่างๆนานาที่ดังลอดออกมานอกห้องเพื่อตอกย้ำว่าบัดนี้นาราได้รับอ้อมกอดจากคนอื่นไปแล้ว อ้อมกอดที่อ่อนโยนกว่าและเต็มใจกว่า กอดที่คลาร์กไม่เคยมีให้นาราเลยซักครั้งเดียว เขาไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่หน้าห้องเพื่อฟังเสียงนารากับอีริคนานแค่ไหน แต่เมื่อเสียงต่างๆหยุดลงคลาร์กก็หยัดกายลุกขึ้นและเดินกลับมาที่รถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านเท่าใดนัก

และทันทีที่ชายหนุ่มพาร่างกายเข้าไปภายในรถคู่สวยที่ถูกเช่ามาใช้ชั่วคราว ใบหน้าคมเข้มก็ซบลงกับพวงมาลัยทันทีพลางหลับตาแน่น ปล่อยให้น้ำตาที่ไม่รู้มันมาจากไหนและเพราะอะไรหลั่งรินลงไปตกกระทบกับพวงมาลัยโดยไม่สนใจจะเช็ดมันออก ได้แต่ถามหัวใจตัวเองซ้ำๆว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะสาเหตุใด ทำไมเมื่อก่อนมันถึงไม่เคยมี ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับนาราเลยแต่กลับไม่ได้คำตอบ

บางทีความรู้สึกของคลาร์กมันอาจจะเปลี่ยนไปนานแล้วก็ได้...

บางครั้งคลาร์กก็นึกเกลียดหัวใจตัวเอง เขาไม่เคยเข้าใจมันเลยซักครั้ง มันมักสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับคลาร์กเสมอโดยที่ตัวเขาเองก็บังคับไม่ได้ อย่างแรกคือการที่เขาตกหลุมรักกีรติทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองได้ให้สัญญากับนาราเอาไว้ แต่ทว่าหัวใจของเขากลับเต้นแรงเสมอเมื่อเจอใบหน้ายิ้มแย้มของกีรติเข้า คลาร์กชอบมองตอนกีรติยิ้ม มันทำให้เขาสบายใจเสมอ พอกลับมาที่ไทยหัวใจก็สั่งให้เขาเมินเฉยกับนาราเสียแล้วเลือกกีรติ ชายหนุ่มทำทีเฉยเมยราวกับจำสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้ ทำราวกับคนไม่คุ้นเคย ทำร้ายนาราให้รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น จนเมื่อนาราร้ายคลาร์กก็เลือกที่จะร้ายกลับแทนที่จะพูดจาโดยใช้เหตุผล ทุกอย่างมันเป็นเพราะเขาปิดกั้นนาราออกไปจากชีวิตทั้งนั้น และเมื่อเจอรณกรทุกอย่างก็ยิ่งเลวร้าย ยิ่งเขาปล่อยใจให้รณกรทุกอย่างกลับยิ่งแย่ลง

นารายิ่งอาการแย่ลงแต่คลาร์กกลับไม่สนใจ

คลาร์กคนงี่เง่า เขามันเด็กไม่รู้จักโต ไร้เหตุผล ไร้สัจจะ จริงอยู่ที่สิ่งที่นาราทำมันร้ายแรง หากแต่กีรติก็พูดเรื่องโอกาสที่สองให้เขาฟังเสมอ คลาร์กสามารถมอบมันให้นาราได้ แต่ทว่าพอกลับมาเจอกันอีกครั้งเขากลับเลือกที่จะทำร้ายจิตใจนารามากกว่าจะพูดกันดีๆ เพียงเพราะคิดถึงรณกรที่ตายไป เพียงเพราะคิดว่านารายังชดใช้ไม่สาสม คลาร์กคิด คิดในมุมมองของตัวเอง โดยไม่ได้มองคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย

กีรติเลือกที่จะหนีไปเพียงเพราะคิดว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะยืนเคียงข้างเขาโดยไม่คิดจะต่อสู้ รณกรเลือกที่จะจบชีวิตของตัวเองแทนที่จะต่อสู้เพื่อความรักให้ตัวเองได้มายืนข้างเขา

หากมองอีกมุมแล้วนาราก็ไม่ได้ผิดทั้งหมด คนตัวเล็กแค่ทำร้ายกีรติกับรณกร แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นคนทั้งคู่ที่ตัดสินใจเองโดยที่นาราไม่ได้บังคับ

นาราเหมือนเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวของกีรติกับรณกรว่าพร้อมที่จะผ่านเรื่องทุกอย่างไปกับคลาร์กได้หรือไม่ คนตัวเล็กก็ไม่ต่างอะไรจากตัวกระตุ้นความอดทนของทั้งรณกร กีรติหรือแม้แต่คลาร์กเอง

และบทพิสูจน์นั้นก็คือไม่ ทั้งกีรติและรณกรต่างยอมถอยเพื่อนาราที่สู้สุดใจเพื่อให้ได้ยืนข้างคลาร์กแม้จะเป็นวิธีการที่ผิด แต่คนตัวเล็กนั่นก็เลือกที่จะยืนหยัดสู้ ซึ่งถ้าทั้งกีรติและรณกรคิดสู้แบบนาราแน่นอนว่าต้องชนะ แน่นอนว่านาราไม่มีทางสู้ได้เพราะยังไงคลาร์กในตอนนั้นก็ไม่เข้าข้างนาราเป็นแน่ แต่สองคนนั้นกลับเลือกที่จะถอยและทิ้งเขาไปแม้จะรักเขามากก็ตามที

ที่ผ่านมาคลาร์กเอาแต่สงสัยว่าทำไมรณกรถึงไม่เคยโกรธนาราเลยแม้ว่าจะเจอเรื่องร้ายแรงมามากมายจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต กีรติเองก็สามารถอภัยให้นาราได้อย่างง่ายดายทั้งๆที่สิ่งที่นาราทำมันร้ายแรงมากเกินกว่าคนคนหนึ่งจะรับไหว หากแต่ตอนนี้คลาร์กเข้าใจแล้วว่าทำไมทั้งสองคนถึงไม่โกรธหรือเกลียดนารา

เพราะทั้งรณกรและกีรติมองเห็นตัวตนของนารามาตั้งแต่ต้น สองคนนั้นเข้าใจหัวใจของนาราดีว่ารักเขามากแค่ไหน เข้าใจดีว่านาราร้ายเพราะอะไร ทั้งคู่รู้ว่านาราเองก็ไม่ได้สะใจหรือมีความสุขหรอกที่ทำร้ายคนอื่นอย่างเลือดเย็น แต่เพราะความรักที่มันบดบังความสามารถในการรับรู้ผิดชอบชั่วดีไปจนหมดจึงทำให้นาราหลงผิดแบบนั้น คนหลงผิดไม่ได้เป็นคนชั่วโดยกมลสันดาน หากแต่เป็นความสับสนเพียงชั่ววูบ เป็นเพียงก้าวที่ผิดพลาดที่สามารถหันหลังกลับไปเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เพราะชีวิตมันไม่ได้ง่าย บางครั้งเรื่องบางเรื่องมันก็หนักหนาแต่ถ้าเราเลือกที่จะไม่ท้อทุกอย่างมันย่อมดีขึ้น

ผมมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้คนหนึ่งที่ไม่กล้าพอจะเผชิญหน้ากับความโหดร้ายเลยเลือกทิ้งมา รณกรคนนั้นก็คงเหมือนกัน หนูนาไม่ใช่ความชั่วร้ายหรอกนะพี่คลาร์ก แต่บทพิสูจน์และการกระทำของเขาต่างหากที่ชั่วร้าย เขาหลงผิด เขาสับสน การกระทำของเขาที่ทำกับผม ทำกับรณกร มันคือการกระทำของเขาที่มาจากสมองที่ยังคงสับสนว่าสิ่งไหนควรสิ่งไหนไม่ควร สิ่งไหนที่ทำแล้วมันจะเกิดผลร้ายแรงตามมารึเปล่า แต่มันไม่ได้มาจากตัวตนของเขา

คลาร์กคิดถึงสิ่งที่กีรติบอกกับเขาก่อนที่เจ้าตัวจะออกไปทำงาน

ในมุมมองของพี่ หนูนาเลว นาราร้าย ใช่...แต่ในมุมมองของผม ความเลวร้ายนั้นมันยังไม่มากพอที่จะทำให้ชีวิตของผมพังยับเยิน ผมโดนข่มขืนแต่ผมก็ยังไม่ตาย ก็แค่ร่างกายที่เสียไปไม่ใช่ชีวิต ผมยังหายใจ ยังทำงานได้ รณกรเองก็เหมือนกัน

สิ่งที่ผมได้รับจากหนูนาในตอนนั้นก็เหมือนกับเครื่องทดสอบว่าผมทนรับความเลวร้ายพวกนี้ได้และพร้อมจะสู้กับเขาซึ่งๆหน้าเพื่อพี่รึเปล่า และผมก็ทนมันไม่ได้ รณกรก็ทนมันไม่ได้ แต่พี่รู้อะไรมั้ย...

กีรติพูดพร้อมกับส่งยิ้มจางๆมาให้เขา

คนที่ทนเผชิญหน้ากับสิ่งเลวร้ายทุกอย่างเพื่อให้ได้พี่มายืนข้างกายน่ะมีแค่หนูนาเท่านั้นแหละ ลองถ้าเขาเป็นผมแล้วโดนใครที่ไหนไม่รู้ข่มขืน เขาก็จะยังอยากที่จะยืนข้างพี่ถ้าหากพี่ต้องการเขาจริงๆแทนที่จะหวาดกลัวสิ่งที่จะเจอต่อไปในอนาคตแบบผมและทิ้งพี่มา เขาจะทำทุกอย่างเพื่ออยู่ปกป้องพี่โดยไม่ทิ้งพี่ไปแบบผมและรณกร ผมน่ะไม่ยอมตายแทนพี่หรอกนะพี่คลาร์ก เพราะผมกลัวตายผมเลยหนีพี่มา และสำหรับรณกรผมไม่รู้ แต่หนูนาน่ะ เขายอมทุกอย่างแหละขอแค่พี่รักเขา แม้แต่ชีวิตเขาก็ให้พี่ได้

ไม่มีใครไม่เลวหรอกนะครับ มันมีแค่เลวมากในมุมมองของใครและเลวน้อยในมุมมองใครก็เท่านั้น ที่ผมพูดไม่ได้หมายความว่าหนูนาไม่ผิด เขายังคงผิด ผิดมากกว่าทุกคนเพราะการกระทำของเขา แต่คนผิดก็สำนึกได้และควรได้รับโอกาสในการแก้ไขตัวเองเสียใหม่ อดีตก็เหมือนของเล่นที่มันพังแล้วนั่นแหละ บางชิ้นควรเก็บมันไว้ดูต่างหน้าหากคิดถึง แต่ชิ้นไหนที่เรามองมันแล้วรู้สึกไม่สบายใจก็โยนมันทิ้งไปซะ เรากลับไปซ่อมมันไม่ได้แล้ว ที่ทำได้ก็แค่เลือกจะเก็บมันไว้ให้เราทุกข์ใจหรือโยนมันทิ้งไปไม่ต้องเห็นมันอีกก็เท่านั้น

ใช่ กีรติพูดถูก ถ้าหากเขาลืมอดีตซะแล้วเริ่มต้นใหม่นาราก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้ ถ้าเขาเปิดใจตั้งแต่แรกนาราก็คงไม่ต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแบบนี้ ครั้งนี้เป็นคลาร์กเองที่ทำเรื่องที่ควรจะดีขึ้นให้แย่ลง

“หนูนา...พี่ขอโทษ...” ชายหนุ่มพูดเสียงแหบแห้ง กลิ่นคาวและรอยเลือดของนาราเปื้อนร่างกายของเขาจนคลาร์กรู้สึกฉุน คลาร์กเป็นคนแรกที่ถึงตัวนาราก่อนใคร นึกดีใจที่ตอนนั้นเขายังประคองสติตัวเองเอาไว้ได้และพาร่างของนาราขึ้นรถและขับมายังโรงพยาบาล หากต้องโทรเรียกรถพยาบาลเขามั่นใจว่ามันจะต้องใช้เวลานานมากแน่ๆ คลาร์กไม่รู้ว่าการดึงเหล็กที่เสียงท้องของนาราออกแบบนั้นจะเป็นยังไง แต่การปล่อยให้มันเสียบเอาไว้และรอรถพยาบาลดูจะมีความเสี่ยงมากกว่า เพราะแบบนั้นทันทีที่พาตัวเข้าไปในรถได้เขาก็จัดการทำทุกอย่างเพื่อพาร่างของนาราออกมาและตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลซึ่ งโชคดีที่อยู่ไม่ไกลมากนักด้วยความรวดเร็ว เขาไม่แม้แต่จะสนใจคนขับรถบรรทุกที่อยู่ในอาการตกใจหรือการจราจรที่ติดขัด นาทีนั้นสิ่งที่คลาร์กสนใจมีเพียงชีวิตของนาราเท่านั้น

“อย่าเป็นอะไรนะ ได้โปรด” ชายหนุ่มพึมพำออกมาด้วยความหวาดกลัวก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาด้วยความอึกทึกคึกโครม พอหันไปมองก็พบว่าเป็นกีรติที่ยังอยู่ในชุดกาวน์สีขาวและอีริคในชุดลำลองธรรมดาๆเท่านั้น

ตึกตึกตึก

พลั่ก!

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!! ตอบกูมาคลาร์ก!!!”

อีริคเป็นคนแรกที่วิ่งมาถึงตัวของคลาร์กพร้อมกับกระชากคอเสื้อของร่างสูงจนคลาร์กลอยไปกระแทกกับผนังดังปั่ก บอดี้การ์ดหนุ่มตวาดใส่คลาร์กอย่างบ้าคลั่งอย่างคนที่ควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ ริมฝีปากหนาก็เอาแต่ตะโกนถามคลาร์กซ้ำๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นโดยมีกีรติคอยห้ามปรามไม่ให้อีริคเสียงดังหรือทำอะไรรุนแรงไปมากกว่านี้

“ริคใจเย็นก่อน นี่มันโรงพยาบาลนะ”

“เย็นเหรอ! หนูนาอยู่ในนั้นนายยังจะเย็นได้อีกเหรอวะกีย์ แน่สิก็ไอ้นี่มันเป็นแฟนเก่านายนี่ ปกป้องกันเข้าไป หนูนาจะเป็นตายร้ายดีอะไรนายก็ไม่แคร์เลยสินะ!!!” อีริคหันไปตะคอกใส่กีรติด้วยความโมโห คุณหมอตัวขาวได้ฟังก็ถึงกับลมออกหู ร่างบางดันอีริคออกจากคลาร์กก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับคนตัวสูงกว่าพร้อมกับส่งหมัดหนักๆเข้าไปเต็มหน้าของอีริคเต็มแรง

“มีสติหน่อยได้มั้ยไอ้งี่เง่า! โวยวายไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมารึเปล่า!” กีรติตวาดพร้อมกับมองคนที่ทรุดลงไปกับพื้นด้วยแววตาดุดัน อีริคก้มหน้านิ่งไม่โต้ตอบในขณะที่กีรติยืนหอบหายใจพร้อมกับพยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในกายเอาไว้ ทั้งความโกรธและความกลัว

“นายเคยเป็นคนมีเหตุผลและมีสติมาตลอดนะริค”

“...”

“ฉันรู้ว่านายห่วงหนูนา แต่ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ โวยวายไปมันไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นหรอก” กีรติยังคงพูดเสียงอ่อน อีริคเบือนหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะเม้มปากแน่น บรรยากาศรอบด้านอึดอัดเสียจนกีรติอยากจะหนีจากตรงนี้ คุณหมอตัวขาวเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าเอาไว้เพื่อซ่อนหยดน้ำตา บัดนี้สามชีวิตต่างก็จ่มจ่อมอยู่ในโลกของตัวเอง เฝ้าภาวนาขอให้คนในห้องผ่าตัดปลอดภัย

คลาร์กมองร่างที่สั่นเทิ้มเบาๆของกีรติเงียบๆพลางมองไปยังร่างสูงของอีริคที่ยังคงนั่งอยู่กับพื้นไม่พูดไม่จา ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา น้ำเสียงที่นาราเคยบอกว่ามันน่าฟังบัดนี้สั่นระริก หัวใจสูบฉีดเลือดอย่างหนักหน่วง เพียงแค่คิดว่านารากำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดทั้งกายและใจขอบตาของคลาร์กก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉันนั่งอยู่ในรถ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่ยอมสตาร์ทและขับออกไป แค่นั่ง นั่งอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่ทำอะไร นั่งอยู่หน้าบ้านของนาย...”

“...”

“แล้วอยู่ๆหนูนาก็ออกมา เขาคุยโทรศัพท์กับใครซักคน ท่าทางร้อนรน แล้วก็ขับรถออกจากบ้านไป ตอนแรกฉันก็แปลกใจว่าทำไมนายไม่ออกมากับนาราด้วยทั้งที่...” คลาร์กพูดพร้อมกับมองหน้าอีริคก่อนจะเงียบไป

“...”

“อืมนั่นล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ รู้ตัวอีกทีก็ขับรถตามหลังหนูนาแล้ว” คลาร์กจบประโยคด้วยรอยยิ้มบางเบาราวกับสมเพชตัวเอง อีริคหันหน้ามามองใบหน้าหวานก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นน้ำตาที่ยังคงไหลเอื่อยลงมาอาบแก้ม

คลาร์กร้องไห้งั้นเหรอ ร้องทำไม?

“ฉันขับรถตามรถของเขามาเรื่อย แล้วอยู่ๆรถที่แล่นมาดีๆก็ส่ายไปมา ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นรถข้ามเลนส์ไปอีกฝั่งฉันก็แทบช็อค...”

“...”

“มันเกิดขึ้น...หนูนาขับรถไปชนรถอีกคัน” คลาร์กเอ่ยพร้อมกับส่งเสียงสะอื้นออกมาไม่หยุด ร่างสูงค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้นก่อนจะยกมือขึ้นมาทึ้งหัวตัวเองแรงๆ

“นายรู้มั้ยว่าตอนฉันเห็นหนูนาในรถยนต์คันนั้นมันเลวร้ายมากแค่ไหน”

“...”

“เขาไม่ลืมตา ฉันเรียกเขาก็ไม่ตอบ จะพาออกมาทันทีก็ทำไม่ได้ ไอ้คนขับรถบรรทุกแม่งก็พูดห่าอะไรไม่รู้” คลาร์กพรั่งพรูความรู้สึกออกมาทั้งน้ำตา อีริคที่นั่งฟังอยู่ตรงหน้าได้แต่จ้องมองสภาพของชายหนุ่มที่บัดนี้ไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินลงจากดวงตาคม มันเป็นความผิดของเขาที่หลับจนไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวจนนาราต้องมาเจ็บแบบนี้

“ฉันเห็นหนูนานอนอยู่ที่เบาะ เลือดเต็มตัว เขาอยู่ตรงนั้น นอนอยู่ตรงนั้น  หลับตาเหมือนคนที่กำลังหลับฝันดี รู้มั้ยว่าตอนหมอนั่นหลับน่ะน่ารักมาก”

“หนูเหมือนเด็กตัวน้อยๆที่กำลังหลับฝันดี”

“...”

“แต่ว่าครั้งนี้มันไม่ใช่ มันมีแต่เลือด...เลือดเต็มไปหมด”

“...”

“หนูนาไม่ได้หลับ แต่เขากำลังจะตาย หนูนากำลังจะตายได้ยินมั้ย...” เสียงสะอื้นของคลาร์กดังขึ้นพร้อมๆกับประโยคที่เจ้าตัวพูดออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น คลาร์กร้องไห้ออกมาโดยไม่สนใจใครพลางกำแขนเสื้อของตัวเองจนแน่น ไม่สนใจว่าตอนนี้อีริคจะมองมาด้วยสายตาแบบไหน ไม่แคร์ว่าใครจะมองเขาเป็นยังไง แต่คลาร์กเจ็บปวดเกินกว่าจะแบกรับสิ่งที่เขาเผชิญเอาไว้ได้อีกต่อไป ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นและกัดกินจิตใจเขาจนคลาร์กแทบจะแบกรับความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ไหว นาราตัวแค่นั้น ตัวเล็กแค่นั้นแต่กลับต้องมาพบเจอเรื่องเลวร้ายมากมายแต่เจ้าตัวก็ยังอดทน ทนเพื่อให้ได้คลาร์กมายืนเคียงข้าง ทนเพื่อให้คลาร์กหันกลับไปมองและมอบความรักมอบอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นให้ ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ผิดแต่นาราก็ยังยึดมั่นที่จะยืนหยัดทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ในขณะที่คนตัวเล็กนั่นต้องกล้ำกลืนและเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ในใจคลาร์กกลับมีความสุขอยู่กับคนที่เขารัก คลาร์กได้รับความสุขจากคนมากมายแต่นาราไม่เคยมีมัน

เพราะความสุขเดียวของนาราคือการที่คลาร์กหันมามองและกอดเขาไว้แน่นๆ คลาร์กเป็นความสุขเดียวที่นารามีแต่คนตัวเล็กนั่นกลับไม่ได้สัมผัสมันเลยซักครั้ง ในขณะที่นาราหลั่งน้ำตามากมายเพื่อเขา แต่เขากลับยิ้มสะใจให้กับน้ำตาเหล่านั้น ยืนมองนาราทุรนทุรายภายใต้ใบหน้าดุดันและคำพูดร้ายกาจที่เจ้าตัวแสดงออกมา ยืนมองและคอยขยี้หัวใจของนาราให้แหลกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมันหลั่งเลือดและกัดกร่อนความเข้มแข็งของนาราลงไปทีละเล็กทีละน้อย

แท้จริงแล้วใครกันแน่ที่เลือดเย็นที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้

เนิ่นนานที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีแต่เสียงร้องไห้ของคลาร์กและเสียงสะอื้นเบาๆจากอีริค บรรยากาศรอบด้านมืดหม่นจนน่าหดหู่ การรอคอยอย่างมีความหวังดูจะเป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนทำได้ในตอนนี้

หลังจากนั้นไม่นานประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกพร้อมกับร่างท้วมของคุณหมอสูงวัยคนหนึ่งที่เดินออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล คลาร์กเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นและตรงดิ่งเข้าไปหาคุณหมอพร้อมกับถามถึงอาการของนาราเสียงสั่น

“เขาเป็นยังไงบ้างครับ ปลอดภัยดีใช่รึเปล่า”

“เอ่อ...” คนถูกถามทำหน้าลำบากใจจนสามชีวิตที่รอคอยคำตอบอยู่ถึงกับใจหล่นวูบ คลาร์กตัวสั่นเทิ้มพลางรอฟังคำบอกเล่าจากคุณหมอด้วยความตั้งใจ ได้แต่ภาวนาขอให้คนตัวเล็กในห้องผ่าตัดนั้นปลอดภัย

“บาดแผลในส่วนอื่นนั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่เนื่องจากเหล็กที่เสียบช่องท้องนั้นทำให้อวัยวะบริเวณนั้นได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะไตทั้งสองข้างที่เราจะต้องตัดทิ้งครับ”

“...”

“ปัญหามันอยู่ตรงที่โรงพยาบาลของเราเพิ่งส่งไตไปให้โรงพยาบาลใกล้เคียงไปเมื่อเช้า ตอนนี้ทางเราไม่เหลือไตอยู่เลย จึงเหลือแค่ญาติคนไข้เท่านั้นที่ต้องบริจาคไตให้ทางเรา” คุณหมอพูดจบพร้อมกับใบหน้าซีดเซียวของอีริคและกีรติ

“ผมมีไตแค่ข้างเดียว/ผมมีไตข้างเดียวเองนะ...” ทั้งอีริคและกีรติพูดขึ้นพร้อมกัน คลาร์กหันไปมองสองคนเพียงชั่วครู่ก่อนจะพูดกับคุณหมอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ผมบริจาคเองครับ” ร่างสูงเอ่ย อีริคและกีรติมองคลาร์กด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก มือบางของคุณหมอตัวขาวเลื่อนไปบีบมือแกร่งของอีริคด้วยความดีใจก่อนจะหันไปมองคลาร์กอย่างขอบคุณ

คุณหมอร่างท้วมพยักหน้าก่อนจะพาคลาร์กไปตรวจสภาพร่างกาย ไม่นานร่างสูงในชุดคลุมของโรงพยาบาลก็นอนนิ่งบนเตียงผ่าตัด แสงไฟสว่างจ้าจนเขาต้องหรี่ตา หมอและพยาบาลจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดคุยกันในขณะที่ฉีดยาสลบให้แก่เขา ชายหนุ่มรู้สึกเวียนหัวและฉุนกลิ่นยาจนคิ้วขมวดเข้าหากันจนยุ่งเหยิง และก่อนที่สติของคลาร์กจะดับไปกลีบปากคู่สวยก็พึมพำชื่อของคนแก้มกลมออกมาอย่างแผ่วเบา

“นารา...”
.
.
.
.
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 4-End {กำลังทยอยลง}
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:32:55
แพขนตาขยับไปมาพร้อมกับเปลือกตาที่เปิดขึ้นน้อยๆ ดวงตากลมกระพริบอยู่หลายทีเพื่อปรับสภาพก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้อง ริมฝีปากส่งเสียงครางอืออาออกมาแผ่วเบาพลางพยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะแต่ปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง

“อือ...”

“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงหวานที่เขาจำได้ดีดังขึ้นข้างหูก่อนที่ใบหน้าอ่อนเยาว์จะปรากฏเข้ามาในกรอบสายตา กีรติฉีกยิ้มจนตาหยีก่อนจะปรับเตียงให้เอนขึ้นพร้อมกับรินน้ำใส่แก้วแล้วส่งมาให้เขา มือเรียวหยิบน้ำในแก้วขึ้นมาดื่มจนหมดก่อนจะพูดกับกีรติด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“นหนูนาล่ะ” คลาร์กเอ่ยปากถามทันทีเมื่อสติเริ่มกลับคืนมา ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีกีรติช่วยพยุงก่อนจะถามสิ่งที่ต้องการรู้ทันทีและรอคอยคำตอบใจจดใจจ่อ

กีรติได้ฟังก็ยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยพร้อมกับตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงบางเบา

“ยังนอนดูอาการอยู่ในห้องไอซียูอยู่เลย หมอบอกว่าร่างกายกำลังปรับสภาพกับอวัยวะใหม่ คงต้องดูอาการไปอีกซักอาทิตย์สองอาทิตย์ถึงจะหายห่วง” คุณหมอตัวขาวอธิบาย คลาร์กได้ฟังก็นิ่งเงียบพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆ

แม้จะยังไม่พ้นขีดอันตราย แต่เท่านี้ก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับคลาร์กแล้ว

“พี่หลับไปกี่วันเหรอ” คลาร์กเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมกับพยายามขยับตัวแต่ก็รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณช่องท้องจนกีรติต้องเอ่ยปราม

“มากี่วันอะไรล่ะ พี่หลับไปแค่สิบห้าชั่วโมงเอง”

“งั้นเหรอ...แล้ว ไปหาหนูนาได้มั้ย” คลาร์กเอ่ยถาม ตอนนี้เขาอยากไปดูให้เห็นกับตาว่านารายังอยู่ กีรติถอนหายใจก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงอ่อน

“แผลพี่ยังไม่หายดีเลยนะ อีกอย่างหนูนามีริคเฝ้าอยู่แล้ว ผมว่าพี่พักผ่อนก่อนจะดีกว่ามั้ย หมอบอกว่าพี่เสียเลือดไปเยอะเหมือนกัน คงเพลียๆ” กีรติแนะนำ คราแรกคลาร์กจะไม่ยอมแต่พอโดนดุชายหนุ่มจึงต้องนอนลงพักผ่อนอย่างช่วยไม่ได้ กีรติเดินไปเปิดรายการทีวีให้เขาดูแก้เบื่อก่อนจะหยิบตะกร้าผลไม้มาปอกใส่จานให้คนป่วยกิน

“อีกสองวันพ่อของหนูนาจะมาที่นี่” กีรติบอกกับคลาร์กซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้ารับรู้ หลังจากนั้นบรรยากาศก็เงียบลงไป มีเพียงเสียงจากรายการโทรทัศน์ที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้เท่านั้น คลาร์กนอนเหม่ออยู่บนเตียงจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดของตนเองก่อนจะสะดุ้งน้อยๆเมื่อกีรติเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบงัน

“ผมถามอะไรพี่หน่อยสิ”

“อืม...” ร่างโปร่งครางรับคำในลำคอ กีรติหยิบรีโมตมาหรี่เสียงให้เบาลงก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจอยู่นานออกไป

“พี่คิดยังไงกับหนูนากันแน่”

“...”

“ภายนอกพี่ทำเหมือนเกลียด ทั้งการกระทำ คำพูด แต่สายตาพี่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยนะ” กีรติพูดต่อ จริงอยู่ที่ตั้งแต่เจอกันคลาร์กก็พูดจาทำร้ายจิตใจนาราต่างๆนานา หากแต่ถ้าลองมองดีๆในแววตาของคลาร์กมันซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้

บางอย่างที่กีรติบังเอิญได้เห็นมันที่สวนสาธารณะตอนที่พวกเขาเจอกับคลาร์กครั้งแรก

แววตาของคลาร์กที่เจอนารามันเต็มไปด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจ โกรธ และนอกจากนั้นกีรติยังแอบเห็นบางอย่างในดวงตาของคลาร์กด้วย บางอย่างที่ฉายชัดขึ้นมาเพียงชั่วครู่

ความโหยหา ความคิดถึง

“ลึกๆพี่เองก็อยากจะรักหนูนาใช่มั้ย” กีรติถามต่อ คลาร์กเงียบพร้อมกับเม้มปากแน่นก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างจำยอม

“พี่ไม่ได้ไม่รักหนูนานะกีย์”

“หมายความว่ายังไง?”

“พี่รักหนูนา ใช่พี่รัก แต่พี่รักและเอ็นดูแบบน้องชายคนหนึ่ง นาราในความทรงจำของพี่เป็นเด็กตัวเล็กแก้มป่องที่ยื่นขนมมาให้พร้อมกับยิ้มแฉ่งตอนเจอกันวันแรก พอเจอกันอีกครั้งพี่ก็เอ็นดูเขาเหมือนน้องและหวังให้เขากับนายเข้ากันได้ดี แต่เรื่องมันกลับไม่เป็นแบบนั้น...นายเข้าใจพี่ใช่ไหม” คลาร์กอธิบาย

“หนูนาเคยเป็นเด็กน่ารัก เป็นน้องที่น่ารักคนหนึ่งจนกระทั่ง...”

“พี่พาผมกลับไทยและแนะนำให้เขารู้จักในฐานะแฟน” กีรติต่อประโยคของคลาร์กพร้อมกับถอนหายใจ คลาร์กแค่นหัวเราะก่อนจะพูดเสียงบางเบา

“กับหนูนาถึงจะอยากเกลียดแต่ลึกๆแล้วพี่เกลียดเขาไม่ลง พี่เองที่ผิด เป็นพี่เองที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้”

“...”

“ตอนแรกพี่ขอให้หนูนาช่วยให้เราสองคนกลับมารักกันอีกครั้ง” คลาร์กสารภาพซึ่งกีรติก็ปฏิเสธทันทีด้วยใบหน้าปั้นยาก

“เสียใจนะ ผมไม่เอาด้วยหรอก”

“หืม? ทำไมล่ะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามคุณหมอตัวบางด้วยความสงสัย กีรติหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะตอบคำถามด้วยท่าทีสบายๆ

“หัวใจผมมันตายไปนานแล้วล่ะ ผมไม่คิดจะรักใครแบบนั้นอีกแล้ว”

“ฮะฮะ ก็...นะ นั่นแหละ ตอนแรกพี่กะจะขอให้หนูนาช่วยเรื่องนาย แต่อยู่ๆก็คิดถึงตอนที่เราเคยมีอะไรกัน แล้วพี่ก็ดันบ้าที่อยากทำแบบนั้นอีก แปลกดีนะ ทั้งๆที่เอ็นดูหนูนาเหมือนน้องชายจนกระทั่งนายทิ้งพี่ไป แต่พี่ก็ยังล้ำเส้นความรู้สึกตัวเองไปรังแกเขาจนได้” คลาร์กพูดขึ้นซึ่งก็โดนกีรติตีแขนแรงๆหลายที

“นี่แสดงว่าที่หายไปสองสามวันนั่นไปมีอะไรกันมาเหรอ พี่บ้าไปแล้วเหรอ รู้ตัวมั้ยว่าทำร้ายจิตใจหนูนามากแค่ไหนน่ะ!!!!!” ร่างบางแหวขึ้นด้วยความโมโห คลาร์กขอโทษกีรติหลายครั้งก่อนจะเริ่มพูดต่อ

“ก็นั่นแหละ พี่เลยเอาเรื่องนายขึ้นมาอ้างให้หนูนาช่วย แล้วก็พาหนูนามาด้วย พอกลับมาส่งที่บ้านเจ้าตัวก็หนีขึ้นห้อง พี่ก็เลยเดินตามขึ้นไปแล้ว...ก็เกิดเรื่อง” คลาร์กเอ่ย ที่เขาเดินตามนาราขึ้นไปเพราะอยากคุยด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรจึงยกเรื่องของกีรติมาอ้างก็เท่านั้น

กีรตินั่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่นานสองนอนก่อนจะถามคลาร์กด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“จริงๆแล้วพี่เองก็รักหนูนา แต่ยังติดใจเรื่องรณกรอยู่ใช่รึเปล่า”

“...” คลาร์กเงียบไปอย่างใช้ความคิด จะให้บอกว่าใช่เขาก็ยังพูดได้ไม่เต็มปาก แต่หากถามว่าเขามีความรู้สึกดีๆหลงเหลืออยู่ให้หนูนาบ้างไหมเขาก็ตอบเลยว่ามี เพียงแต่มันไม่มากพอให้เขารักคนตัวเล็กนั่นก็เท่านั้น

เรื่องที่เขาเคยบอกนาราว่าอยากเริ่มต้นใหม่กับคนคนเดิมนั้นเขาพูดถึงนารา แต่เพราะเรื่องของรณกรทำให้คลาร์กยังเปิดรับนาราไม่ได้เขาจึงต้องเอาเรื่องของกีรติมาอ้าง เขาเองก็รู้สึกผิดที่เมินเฉย แต่จะให้กลับไปทำดีกับนาราทั้งๆที่คนตัวเล็กนั่นทำให้รณกรต้องตายเขาก็ทำไม่ได้

“แล้วตอนนี้พี่คิดจะทำยังไงต่อไปล่ะ...”

“เรื่องนี้พี่จะคุยกับหนูนาเอง ขอแค่ให้เขาฟื้น นาทีขอพี่ขอแค่ให้เขาปลอดภัยก็พอ” คลาร์กพูดซึ่งกีรติก็ได้แต่พยักหน้า

“หวังว่าตื่นมาคงจะไม่มีเรื่องอะไรอีกนะ หนูนาเจ็บมามากเกินพอแล้ว ถ้าพี่คิดจะทำร้ายเขาอีกผมก็ขอล่ะ ออกไปจากชีวิตพวกเราจะดีกว่า” กีรติพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง คลาร์กส่งยิ้มจางๆไปให้คุณหมอตัวขาวก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“พี่แค่จะเดินย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นและเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้มันเป็นไปตามแต่ที่มันควรจะเป็น”

“...”

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สาบานด้วยชีวิตเลยว่าหลังจากนี้ชีวิตของหนูจะมีแต่ความสุข” คลาร์กให้คำมั่นสัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หากความรู้สึกของเขามันไม่มากพอให้รักนาราเขาก็แค่ทำให้มันก่อตัวขึ้นมาจนสามารถเอ่ยคำว่ารักได้เต็มปากเต็มคำ จากนี้คลาร์กจะมีหัวใจเพียงเพื่อมอบให้นาราคนเดียว เขาจะชดเชยทุกสิ่งทุกอย่าง ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง

ถึงเวลาที่คลาร์กควรจะละทิ้งอดีตที่แสนโหดร้ายนั่นเสียที

ถึงจะบอกว่ายังไม่รัก แต่คลาร์กก็มีความรู้สึก ‘อยากรัก’ คนตัวเล็กแก้มกลมคนนั้น

คลาร์กอยากใช้หัวใจดวงนี้รักนาราแบบที่ไม่ต้องยึดติดกับอดีตอะไรอีกต่อไป ละทิ้งทุกอย่างและเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

“หนูนาน่ะ ทำให้พี่รักได้ไม่ยากหรอก แต่ขึ้นอยู่กับว่าหลังจากนี้เขายังอยากจะให้พี่รักเขาอยู่รึเปล่าก็เท่านั้น” กีรติทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะบีบมือหนาเพื่อให้กำลังใจ คลาร์กยิ้มรับพร้อมกับเสหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ปลดปล่อยความรู้สึกมากมายให้ล่องลอยไปตามสายลม ปลดโซ่ตรวนที่พันธนาการเขาเอาไว้กับความโหดร้ายและปล่อยให้มันล่องลอยไปตามทาง

ถึงเวลาที่คลาร์กควรจะละทิ้งสิ่งที่พังลงไปแล้วและหันมาสนใจสิ่งที่ยังคงเหลืออยู่ให้ปกป้องเสียที

 

 

 

 

 

“หมอครับ แน่ใจนะว่าเขาอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว” คลาร์กในชุดของโรงพยาบาลนั่งแหมะอยู่บนรถเข็นข้างเตียงนอนของนาราเอ่ยถามขึ้นพลางขมวดคิ้วด้วยความว้าวุ่นใจ เกือบสงอาทิตย์แล้วที่นาราเอาแต่นอนหลับอยู่บนเตียงโดยมีสายห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด ตอนนี้แผลผ่าตัดของคลาร์กดีขึ้นมากและใกล้จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่นารานี่สิที่น่าเป็นห่วง

“ครับ อาการโดยรวมคงที่ ร่างกายก็ฟื้นตัวได้ดี อีกไม่นานคนไข้ก็คงจะฟื้นแล้ว” คุณหมอบอกคลาร์กพร้อมกับยกยิ้มขึ้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะก้มลงจดบันทึกประจำวันต่อ ไม่นานทั้งบริเวณก็เหลือเพียงนาราและคลาร์กตามลำพัง ชายหนุ่มใช้มือหมุนล้อรถเข็นเข้าไปใกล้ร่างเล็กบนเตียงก่อนจะเลื่อนมือไปแตะมือนาราอย่างแผ่วเบา ส่งผ่านกำลังใจให้แก่คนที่กำลังหลับใหลพร้อมกับเปิดกลีบปากพูดเสียงแผ่วเบา

“นอนนานเกินไปแล้วนะ ตื่นขึ้นมาหาพวกเราหน่อยสิครับ” คลาร์กพูดพร้อมกับยกยิ้ม ใบหน้านิ่งของคนตรงหน้าดูซีดเซียว ดวงตารีปิดสนิทคล้ายคนที่กำลังนอนหลับ ชายหนุ่มขยับกายเข้าไปใกล้ก่อนจะลูบกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะทำให้นาราเจ็บไปมากกว่าที่เป็นอยู่

“อีริคกับกีรติทะเลาะกันตลอดเลย ตื่นมาห้ามสองคนนั้นหน่อยสิ” ชายหนุ่มพาดพิงถึงอีกสองชีวิตที่ตอนนี้ไปทำงาน แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาก็ยังคงเป็นความเงียบงัน มีเพียงเสียงเครื่องมือบางอย่างและเสียงลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอของนาราเท่านั้น

“กีย์บอกพี่ว่าคนเราจะมีโอกาสที่สองเป็นของตัวเองที่จะสามารถมอบมันให้ใครซักคนได้” คลาร์กยังคงพูดต่อ มือเรียวบีบมือเล็กแรงขึ้นหวังให้นาราที่กำลังหลับใหลรับรู้สิ่งที่เขาร้องขอ

“...”

“หนูนายังไม่ได้มอบมันให้ใครใช่มั้ย” ชายหนุ่มถามขึ้นพร้อมกับยกมือนารามาแนบข้างแก้มอย่างอ่อนโยน มือบางเย็นชื้นเล็กน้อยแต่คลาร์กไม่สนใจ ดวงตากลมทอดมองใบหน้าสงบของคนบนเตียงด้วยสายตาสำนึกผิด

“เราเอามาแลกกันนะ เอาโอกาสที่สองนั้นมาแลกกัน”

“...”

“พี่ขอโอกาสอีกครั้ง ให้พี่ได้ปกป้องหนูนาได้มั้ย พี่จะไม่ทำให้เราร้องไห้เสียใจอีก จะไม่ทำให้เราเจ็บปวดอีก”

“...”

“ตื่นขึ้นมามอบมันให้พี่ได้ไหมหนูนา ตื่นขึ้นมาบอกพี่ได้ไหมว่าเราจะเริ่มต้นใหม่ไปด้วยกัน” คลาร์กพูดพร้อมกับกดจูบหนักๆลงบนฝ่ามือเล็กๆของนารา ความเงียบเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากประโยคของคลาร์กจบลง ชายหนุ่มจ้องมองคนบนเตียงเพื่อหวังให้นาราลืมตาขึ้นมาตอบเขาหากแต่ก็ยังคงเหมือนเดิม

นารายังคงติดอยู่ในโลกแห่งความฝันซึ่งคลาร์กไม่รู้เลยว่าในนั้นนาราพบเจอกับอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในฝันของนาราบัดนี้มีเขาอยู่ด้วยหรือไม่ ศีรษะกลมของคลาร์กซบลงข้างเตียงคนไข้อย่างอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ในใจได้แต่ภาวนาขอให้นาราลืมตาขึ้นมามองเขาและยิ้มให้เขา ภาวนาให้นาราให้โอกาส

ภาวนาด้วยความหวังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด

“...”

แต่แล้วเมื่อความหวังจวนเจียนจะดับลง เสียงแหบแห้งแผ่วเบาแต่ทว่ากึกก้องนักในโสตประสาทของคลาร์กก็ดังขึ้น ร่างเล็กปรือตาขึ้นน้อยๆในขณะที่กลีบปากเอื้อนเอ่ยประโยคที่ทำให้น้ำตาของคลาร์กไหลออกมาด้วยความดีใจ

“ผมมีโอกาสให้...”

“หนูนา...” คลาร์กทำหน้าอึ้งในขณะที่ร่างเล็กตรงหน้าตื่นเต็มตา นาราส่งยิ้มจางๆมาให้เขาพร้อมกับขยับข้อนิ้วเล็กที่ยังคงแนบอยู่บริเวณแก้มสากแผ่วเบานั่นจึงทำให้คลาร์กได้สติ

“หนูนา! หมอครับเขาฟื้นแล้ว หมอ!!!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้นพร้อมกับจกระชับมือเล็กที่ข้างแก้มจนแน่น คนตัวเล็กยังคงมีรอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าขณะที่ส่งเสียงพูดออกไปอย่างกระท่อนกระแท่น

“ผม...มีโอ...กาสให้...”

“ขอบคุณหนูนา ขอบคุณ” คลาร์กเอ่ยขอบคุณพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งริน หัวใจของชายหนุ่มพองโตคับอก นารามองใบหน้ายิ้มแย้มของคนตรงหน้าก่อนที่กลีบปากคู่สวยที่เคยยกยิ้มจะหุบลง ดวงตารีที่เคยทอประกายสดใสบัดนี้ว่างเปล่า น้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้นขณะที่เจ้าตัวเปล่งวาจาที่เฉือนหัวใจของคลาร์กพร้อมกับละมือออกจากแก้มของชายหนุ่มทำเอาคลาร์กใจกระตุกวูบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงอย่างห้ามไม่อยู่

 

 

 

“แต่ผมไม่...มี ‘หัวใจ’ ให้”

 

 

 

!!!

 

 

 

“ไม่มีหัวใจให้พี่อีกต่อไปแล้ว”

 

นาราออกโบยบินไปไกลแสนไกลโดยไม่หวนกลับมา

หัวใจของเขาจะไม่มีวันหวนคืนกลับมา

...ตลอดกาล...

 

 

 

THE END



หลายสิ่งหลายอย่างไม่เคลียร์ ซึ่งเราตั้งใจให้มันไม่เคลียร์ค่ะ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของหนูนา อีริค แล้วก็คุณหมอกีรติแหละ -.,-
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } ตอนที่ 4-End {กำลังทยอยลง}
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 03-04-2016 17:36:37
BAD : SPECIAL CHAPTER

45 ปีต่อมา

สายลมอ่อนๆในช่วงต้นฤดูหนาวพัดไปมาบางเบาพาให้อากาศโดยรอบเย็นสบาย ภายในสุสานแห่งหนึ่งปรากฏร่างสูงโปร่งของ ‘กานต์ กมลภพ’ กำลังยืนมองจดหมายในมือด้วยดวงตาราบเรียบ ริมฝีปากเป็นกระจับได้รูปยกยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาบางเบาเมื่อจ้องมองชื่อที่สลักอยู่ตรงแผ่นป้ายตรงหน้ากับชื่อที่ถูกเขียนไว้บนจดหมาย

“คลาร์ก เทรย์เวอร์งั้นเหรอ...โลกกลมเกินไปมั้งครับตา”

“หึหึ”

“เอ๊ะ...คุณ!” ร่างบอบบางหันไปมองด้านหลังอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น พอหันกลับไปมองใบหน้าหวานเกินชายก็ฉายแววราบเรียบ

“ไง...คุณเลขาคนสวย” ร่างสูงกำยำของ ‘โคลด์ เทรย์เวอร์’ เอ่ยขึ้น ดวงตามีเสน่ห์กวาดมองรูปร่างโปร่งบางได้สัดส่วนด้วยสายตาหยอกเย้าเล้าโลม

“จะมาทุบหลุมศพปู่ผมหรือไง” โคลด์พูดพลางพยักเพยิดไปยังหลุมศพที่ร่างโปร่งบางยืนอยู่

“บอสมีค้อนให้ผมมั้ยล่ะครับ”

“แหม สวยดุจริง ๆ เลยนะ ทีอยู่บนเตียงทำไมไม่เก่งแบบนี้บ้างล่ะ” โคลด์เอ่ยขึ้น ทำเอากานต์ถึงกับถลึงตาใส่เจ้านายตัวเองด้วยแววตาเอาเรื่อง

ไม่คิด เขาไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้

ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผู้ชายที่คุณตาของเขาฝากจดหมายให้ก่อนตาย จะเป็นปู่ของคนที่เพิ่งจะสอยพรหมจรรย์ของเขาไป!

แถมไอ้ฝรั่งบ้านี่ยังเป็นเจ้านายเขาอีกต่างหาก!

นี่มันบ้าสิ้นดี!!!

“คุณมาก็ดีแล้ว เอ้า! จดหมายของคุณตาผม ท่านฝากมาให้ปู่คุณ”

“จดหมายของคุณตาคุณ...?”

“ใช่ นารา นฤทัย นั่นชื่อคุณตาของผม ไม่รู้ว่าคุณปู่ของคุณเคยเล่าเรื่องคุณตาของผมให้ฟังบ้างหรือเปล่า แต่คุณตาท่านกำชับกับผมว่าหากท่านเสียให้นำจดหมายฉบับนี้มาให้คุณปู่ของคุณ” กานต์อธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะขยับหนีเจ้านายตัวโตเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้

เขากลัว...ภาพความเร่าร้อนคืนนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำ

“อืม...ผมรู้อยู่แล้วล่ะ ปู่ผมเองท่านก็ฝากจดหมายไว้ให้คุณนาราเหมือนกัน”

“เก็บไว้เถอะ ตาผมท่านเสียแล้ว” กานต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น

“คุณแค่เอาจดหมายของคุณตาผมไปก็พอ จะเอาไปทิ้งหรือจะเผาไปให้ปู่คุณอ่านก็ตามสะดวก ผมกลับล่ะ” กานต์ว่าพลางเสียบจดหมายไว้กับกระเป๋าเสื้อของคนตัวโตกว่า ร่างโปร่งหมุนตัวเพื่อที่จะเดินหนีอีกฝ่าย ทว่าเขากลับต้องปลิวหวือไปตามแรงดึงของเจ้านายหนุ่ม ก่อนที่เอวคอดจะถูกลำแขนแกร่งโอบเอาไว้แน่น

“คุณโคลด์!!!!”

“จะรีบไปไหนล่ะกานต์ มาอ่านจดหมายของพวกท่านด้วยกันดีกว่า” โคลด์กระซิบ มองใบหน้างอง้ำแล้วก็นึกอยาก ‘รัก’ คนตัวขาวตรงหน้าให้สาแก่ใจ

รักทั้งกาย รักทั้งใจ

รัก...ให้สมกับที่ปู่ของเขาไม่มีโอกาสที่จะรักและดูแลคุณตาของร่างแน่งน้อยตรงหน้านี้

“มาเถอะ ผมไม่ทำอะไรหรอก ไม่โรคจิตขนาดจะปล้ำเลขาตัวเองกลางสุสานหรอกนะ”

โคลด์ให้สัญญากับปู่เอาไว้ก่อนตาย เขาให้คำสัตย์กับคลาร์กเอาไว้...ว่าจะรัก รักและทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับสายเลือดของ นารา นฤทัย ตราบเท่าที่คนในตระกูลเทรย์เวอร์ยังคงมีชีวิต

จะรักให้มากกว่าในอดีต จะไม่ทำให้คนของนาราต้องเจ็บปวด

เขาสัญญา...

 

 

 

 

 

ถึง นารา นฤทัย

สวัสดีครับหนูนา ตอนที่เราได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นแสดงว่าพี่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว...ไม่รู้ว่าตอนนี้หนูนาอยู่ที่ไหน ก็ได้แต่หวังว่าเราจะมีชีวิตที่ดี แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เจ็บ ขอโทษที่ทำร้ายจนเราต้องหนีพี่ไปอยู่ที่อื่น

หลังจากวันที่เราหนีไป ทุกคนที่นี่เสียใจมากเลยรู้มั้ย โดยเฉพาะกีรติ...มันเป็นเพราะพี่เอง พี่ขอโทษ

ไม่รู้ว่าหนูนาจะรู้รึเปล่า ว่าบริษัทนฤทัยถูกขายและเปลี่ยนชื่อแล้วนะ คุณพ่อของเราท่านให้พี่รับช่วงต่อตั้งแต่วันที่เราหายไป แต่ไม่ต้องห่วง พี่จะดูแลมันให้ดี จะทำให้มันยิ่งใหญ่เทียบเท่าที่คุณอาพิสิทธิ์เคยทำ

หนูนาสบายดีใช่มั้ย รู้รึเปล่าว่าตอนพี่ได้ข่าวว่าเรากำลังจะแต่งงาน พี่ตกใจมากเลยนะ แต่ก็ดีใจด้วยที่เราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครซักคน ผู้หญิงคนนั้นจะต้องสวยมากแน่ ๆ เลยใช่มั้ย

ตอนที่หนูนากำลังจะเป็นพ่อคน พี่ดีใจแทบแย่แน่ะ อยากเห็นหน้าลูกของเรามากๆ เลย คงน่ารักเหมือนคนเป็นพ่อน่าดูเลยเนาะ ตอนนั้นพี่ก็เอาแต่คิดว่าพี่เองก็จะเร่งทำคะแนนมีลูกแข่งกับเราไว ๆ เหมือนกัน แต่ก็คงช้ากว่าหลายปีเพราะพี่แต่งงานช้า กว่าจะหาคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจได้ก็ใช้เวลาหลายปี

และข่าวดีที่พี่ได้รับอีกครั้งคือตอนที่เราทั้งคู่มีหลาน เห็นริคบอกว่าหนูนามีหลานถึงสี่คนแน่ะ พี่เห็นรูปแล้วล่ะ โตมาคงน่ารักกันมากแน่ๆ โดยเฉพาะหนูกลอนกับหนูกานต์ ตัวขาวเป็นหยวกเหมือนหนูนากับลูกสาวเปี๊ยบเลย เชื้อคุณตากับคุณแม่แรงจริงๆ ยินดีด้วยนะครับ...

อ่า เขียนมาเยอะแบบนี้ไม่รู้ว่าเราจะได้อ่านมันหรือเปล่า หรือจะโดนโยนลงถังขยะก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะยังไง พี่ก็อยากจะขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ขอโทษที่เคยทำร้ายจนเรื่องของเรามันกลายเป็นทางแยกสองทางที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันบรรจบกันได้ขนาดนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงพี่ก็อยากจะบอกอะไรบางอย่างให้หนูนาได้รับรู้ผ่านจดหมายฉบับนี้

 

พี่รักหนูนานะ หวังว่าคงมีซักวันที่เราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง พี่จะรอวันนั้นนะ

 

คลาร์ก เทรย์เวอร์

 

 

 

 

 

ถึง คลาร์ก

ตอนที่คุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นคงเป็นตอนที่คุณไม่มีผมอยู่ข้างๆแล้ว ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ตอนไหน อาจจะหนึ่งปี สองปี หรือมากกว่านั้น แต่ก็หวังว่าซักวันคุณจะได้อ่านมัน

ตอนนี้ผมคงตายไปแล้วล่ะ ต้องกำลังโดนรณกรด่าอยู่อีกโลกหนึ่งแน่ๆ แต่ที่ผมจะบอกก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่อย่าเสียใจในสิ่งที่เคยทำกับผม อย่ารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณต้องใช้ชีวิตของคุณให้คุ้มค่า อย่าเอามันมาเสียเปล่ากับการดูแลผมอีกเลย หลังจากนี้เราทั้งคู่ก็ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง ผมจะจดจำช่วงเวลาดีๆที่เราเคยมีด้วยกัน จดจำทุกการกระทำและคำพูดดีๆที่คุณเคยทำให้ผม ขอโทษที่ผมทนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นไม่ได้ หวังว่าคุณจะเข้าใจ

อ้อ...มีอีกเรื่องที่ผมอยากจะบอกคุณนะ

ใช่ คุณพูดถูกคลาร์ก ผมไม่มีทางเลิกรักคุณได้ง่ายๆ คนอย่างนาราไม่มีทางหมดรักคลาร์กได้ง่ายๆ

ไม่มีวัน

ผมจะรอวันที่เราสองคนได้มีโอกาสกลับมาเจอกันและอยู่ด้วยกันอีกครั้งนะครับ

 

รัก

นารา นฤทัย

 

 

“ปู่คุณน่ะใจร้าย” กานต์เอ่ยขึ้นหลังจากอ่านจดหมายทั้งสองฉบับจบ

“คุณตาของคุณไม่ร้ายกว่าเหรอ ปู่ผมเล่าให้ฟังว่าเขาทำคนตายเลยนะ” โคลด์เอ่ยขึ้น ดวงตาคมมองจดหมายสองฉบับที่นาราและคลาร์กไม่มีโอกาสได้อ่านมันด้วยแววราบเรียบ

“LOVE IS SO BAD” ร่างสูงเอ่ยขึ้นพลางตวัดสายตามองหลุมศพของผู้เป็นปู่ด้วยแววตาราบเรียบ กานต์มองตามสายตาของเจ้านายก่อนจะถอนหายใจ

“ความรักน่ะไม่ได้เลวร้ายหรอก”

“...”

“คนต่างหาก...ที่ทำให้ความรักกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย”

 

 

END SPECIAL CHAPTER

 

 

จบจริง ๆ แล้วค่ะ
BAD นี่เขียนตอนอายุยังน้อยมาก ๆ มันเลยไม่สมเหตุสมผลซักอย่าง สารภาพเลยว่าขี้เกียจรีไรท์ใหม่ เปลี่ยนแค่ชื่อตัวละครออกแค่นั้น (เด็กๆห้ามเอาเป็นเยี่ยงอย่างเน่อ ฮาาาาาาา) สำหรับใครที่รอเรื่องอื่นๆอย่างนายหัวราม น้องพอน้องเพียง ป๋าภัทรร้อยเมีย ถ้าเห็นเราหายก็อาจจะมาทีเดียวแบบจบเลยเหมือนเรื่องนี้ค่ะ 5555 แต่ไม่แน่อาจจะทยอยลงก็ได้ คือเราเรียนหนักอ่ะ ไม่มีเวลาเขียนเลย ชีวิตไม่แน่นอน แต่จบแน่ค่ะ แค่อาจจะหลายปี (นังคลเฬวววววว ถถถถถ) ขอโทษด้วยนะค้าบบบบบบ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } END+SPECIAL CHAPTER - 3.04.2016
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 03-04-2016 19:03:38
เป็นตอนจบที่ดี น้ำตาซึม พูดไม่ออก ความรักมันล้ำลึกทำให้คนต้องเจียนตายขนาดนี้เลย
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } END+SPECIAL CHAPTER - 3.04.2016
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 03-04-2016 20:25:13
เขียนได้ดีมาก
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } END+SPECIAL CHAPTER - 3.04.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 03-04-2016 22:27:33
รักมาก หวังมาก พอผิดหวัง ก็จะเจ็บปวดมากๆ
เฮ้อ อ่านแล้วรู้สึกเศร้านิดหน่อย ที่สุดท้ายเค้าก็จากกันไปโดยไม่ได้บอกลากัน เศร้าจัง
ขอบคุณคนแต่งมากๆเลย ที่เขียนนิยายดีๆให้อ่าน ขอบคุณมากๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } END+SPECIAL CHAPTER - 3.04.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 04-04-2016 01:02:31
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ บรรยายได้ดีมาก เลยล่ะ

ความรักไม่ผิดหรอก ไม่ว่าจะรักมากรักน้อยหรือจมปรักกับความรักมากไปจนคลั่งทำทุกสิ่งให้ได้มาไว้ในครอบครอง ทำได้แม้กระทั่งตัวเอง เข้าใจเลยล่ะ เพราะเราก็เคยเป็นหนึ่งในห้วงอารมณ์นี้ เคยยอมแลกทุกๆสิ่งแค่เพียงให้คนๆ  นึงกลับมาเป็นของเรา

ทั้งนี้..
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ  ที่ถ่ายทอดความรู้สึกแบบนี้ ทำใหเรานึกถึงเรื่องที่เราเคยผ่านมา มันยังคงเป็นความทรงจำที่ประทับใจ ที่มีทั้งดีและ แย่มากๆ แต่เชื่อเถอะค่ะ  ทุกๆคนจะผ่านมันไปได้ ..ถ้าเหนื่อยก็พัก ถ้าคนเขาไม่รักก็หยุดดูแลตัวเองค่ะ หายเหนื่อยค่อยสู้ต่อ อย่ายอมแพ้ #^^





รู้สึกจะเวิ่นเวอเกินเหตุ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } END+SPECIAL CHAPTER - 3.04.2016
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-04-2016 13:50:34
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } END+SPECIAL CHAPTER - 3.04.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 04-04-2016 14:38:39


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

เศร้าๆ

แต่ก็สนุกขอรับ

หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } END+SPECIAL CHAPTER - 3.04.2016
เริ่มหัวข้อโดย: mi22 ที่ 04-04-2016 18:19:14
ถือว่าจบได้ดี ก็คงนึกไม่ออกว่าจะมารักกันได้อย่างไร


ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } END+SPECIAL CHAPTER - 3.04.2016
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 06-04-2016 19:41:04
อ่านแล้วรู้สึกปลงกับความรักเลย ฮ่าๆๆ   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } END+SPECIAL CHAPTER - 3.04.2016
เริ่มหัวข้อโดย: March. Marcia ที่ 10-05-2016 22:05:28
SPECIAL
AND WELCOME TO THE SEQUEL STORY 'TI'S NOT ONE NIGHT STAND'
- - - - - - - - - -

กานต์ กมลภพ รักและเทิดทูนคุณตาของเขามาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัว เป็นหลานคนเล็กของ ‘นารา นฤทัย’ เป็นหลานรักเพียงคนเดียวที่มีโอกาสได้รู้ ‘ความลับบางอย่าง’ ที่คุณตากอบกุมเอาไว้ ไม่ยอมบอกใครมาหลายสิบปี

“เราเชื่อไหม เมื่อสมัยยังหนุ่มตาเคยมีคนรักเป็นผู้ชาย...ไม่ใช่สิ เคยนอนกับผู้ชายต่างหาก”

“หา ตาเนี่ยนะ!?!”

“ใช่ สองคนเลยด้วย” ตายิ้มแลดูภูมิใจ ท่านนั่งอยู่บนวีลแชร์ ยื่นมือออกมาลูบหัวเขาที่นั่งพับเพียบกับพื้นข้างกาย ก่อนจะเหม่อมองออกไปนอกหน้าตาแล้วถอนหายใจ

“ตา...รุกใช่ไหมอ่ะ?” กานต์ถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งที่คิดว่าตัวเองรู้คำตอบดีอยู่แล้ว

หน้าอย่างตาเขาเนี่ยเหรอจะรุก รุกให้ลูกหนูล่ะสิไม่ว่า

“ไม่อ่ะ นอนรับให้เขา”

นั่นไง ซื้อหวยคงกลายเป็นมหาเศรษฐีไปแล้วไอ้กานต์เอ๋ย

“แล้วยายรู้ไหมว่าตาเคยมีผัว...เอ๊ย หนูหมายถึง เคยมีอะไรกับผู้ชายอ่ะ” เจ้าตัวจ้อยในวัยเพียงสิบเจ็ดปียิ้มแต้ เอ่ยปากถามอย่างนึกสนุก พลางคิดว่าวีรกรรมของไอดอลในดวงใจทำไมถึงได้จ๊าบเยี่ยงนี้ ฟังแล้วก็ตื่นเต้นอยากจะทำตามบ้าง

“รู้ ตาไม่เคยปิดเขา” นาราเผยยิ้มอ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงภรรยาผู้เป็นที่รัก

“ยายใจกว้างจัง ผัวตัวเองมีผัวอีกตั้งสองคน! โอ๊ย อู๊ยยยย เคาะหัวหนูทำไมเล่าาา”

“คำพูดคำจามันน่าตีให้ก้นลายนัก”

“แหะๆ ไม่หยอกแล้วคร้าบ เล่าต่อๆ”

“ก็ไม่มีอะไร เห็นว่าเป็นวันเกิด เลยอยากบอกความลับให้เป็นของขวัญ” นาราหัวเราะเมื่อเห็นว่าหลานรักหน้ามุ่ย

“ไรอ่ะ นี่ของขวัญหนูเหรอ ไรอ่ะตา ไม่เอา หนูไม่อยากฟังสตอรี่ผัวของตาสักหน่อย! อยากได้ดูคาติมาแว๊นเล่นมากกว่าอีก!” เจ้ากานต์ตัวจ้อยฟึดฟัด คนเป็นตาหัวเราะร่วน ดึงแก้มย้วยของหลานชายอย่งนึกเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนโยน

“กานต์เอ๋ย ชีวิตตาน่ะพลาดมาก็เยอะ กว่าจะคิดได้อะไรๆในชีวิตก็แทบไม่เหลือ จำเอาไว้นะลูก รักได้ เกลียดได้ แต่อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเป็นนายของตัวเรา ปีนี้ก็สิบเจ็ดแล้ว โตขึ้นอีกปีแล้ว ใช้สมองให้เยอะๆ มีสติให้มากๆเข้าใจไหม”

“...”

“ตาไม่หวังให้เรามีเมียมีลูกหรอก ถอดแบบแม่มาขนาดนี้ไม่แคล้วคงได้มีผัว ไอ้เจ้ากลอนก็อีกคน เห็นว่ามีหนุ่มมาตามตูดหยอดขนมจีบต้อยๆ” พาดพิงถึงหลายชายคนที่สามแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ

มีหลานอยู่สี่คน ผู้ชายทั้งนั้น...มีแววจะหาเขยเข้ามาไหว้กันทั้งนั้นเช่นกัน

พันธุกรรมของบ้านนฤทัยนี่แรงดีแท้ ปลงเท่านั้นที่ทำได้

“พี่กลอนเขาสวยไงตา ขาวจั๊วน่าเจี๊ยะ แต่กานต์นี่ยังแมนอยู่นา รับรองตาได้อุ้มหลานแน่นอน” เจ้าตัวแสบว่าพลางยิ้มตาปิด นาราหัวเราะเบาๆก่อนจะย้อนกลับ

“ตาคงตายก่อนล่ะ”

“แหม ก็พูดไป”

“น่าๆ จะคอยดู หน้าแบบนี้ไม่รอดมือไปถึงผู้หญิงหร๊อก”

“โห่ตา อย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานสิ เดะปั๊ดฟ้องยายเลยว่าตานอกใจรำลึกถึงสามีในอดีต รักมากเลยดิ แล้วมีพร้อมกันสองคนเลยเหรอ โหยตา จ๊าบว่ะ!”

“ฮะๆ ไม่จ๊าบหรอก ความรักที่ไม่ได้มีแค่คนสองคนน่ะไม่จ๊าบหรอกกานต์ เจ็บล้วนๆเลยต่างหาก”

ใช่ มีแค่ความเจ็บเท่านั้นที่นาราได้เรียนรู้

“รักใครน่ะรักได้ แต่อย่าใช้หัวใจรักทั้งหมด ความรักที่ดีคือการใช้หัวใจครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่ง...”

“...”

“อีกครึ่งคือการใช้สมอง จำเอาไว้”

 

0000000000
(http://image.free.in.th/v/2013/ih/160509031912.png)
เอาสเปสั้นๆขำๆมาลงให้อ่านกันค่ะ ส่วนภาคต่อของเรื่องนี้มีชื่อว่า IT’S NOT ONE NIGHT STAND นะจ๊ะ
ยังไม่มีแพลนที่แน่นอนว่าจะเขียนหลังจากเซตรักจบ หรือเขียนหลังเซตจีวีจบ ยังไงรอดูอีกทีน้า <3

ปูลู. หนูนามีหลาน 4 คน
คนโตชื่อพี่กันต์ แต่งงาน+ลูก1คน+ในท้องเมียอีก2 คน
คนรองชื่อเก้า ยังโสดและโหดมาก
คนที่สามชื่อกลอน สวยหยิ่งไม่จริงใจ สายอ่อยสายยั่วสายเที่ยวกลางคืน
ส่วนคนสุดท้องคือน้องกานต์หลานรักตานาค่ะ

ส่วนฝั่งคุณคลาร์กมีหลานจริงๆแบบแท้ๆชื่อโคลด์
แล้วก็ยังมี 'อังเดร' ซึ่งเป็นหลานที่เกิดจากลูกบุญธรรมที่คุณคลาร์กเขาอุปการะอีก 1 คนค่ะ

หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-05-2016 23:00:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Feporchz ที่ 12-05-2016 13:15:01
ไม่อยากให้จบแบบนี้เลย อยากให้รักกัน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้  :mew4:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 13-05-2016 05:07:53
อ่านไปก็ปาดน้ำตาไปจนไม่รู้จะปาดยังไงแล้ว มือซ้ายกำผ้าเช็ดหน้าชุ่มๆมือก็ค่อยเลื่อนหน้าจออ่าน ฮื่ออออออ เจ็บปวด ;-;
คนที่ร้ายกาจที่สุดในเรื่องนี้ก็คือคุณคลาส์กสินะ -^-

อยากบอกว่าขอบคุณคุณนักเขียนมากๆเลยค่ะ
ยังก็จะรอเรื่องต่อไปนะคะ สู้ๆ ~>^<~


ตอนนี้ขอตัวไปสั่งขี้หมูกก็นะ ฟืดดกดดดด
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 21-05-2016 07:37:12
หน่วงดี แต่อีริคกับกีรติไปไหน อยากรู้บ้างค่ะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 14-06-2016 11:17:59
เราเห็นด้วยนะที่จะจบแบบนี้ โดนทำร้ายจิตใจมาตั้งเท่าไหร่จะให้แฮปปี้เอนดิ้งมันก็ง่ายเกิน แต่เศร้าจริง ร้องไห้ตลอดเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 14-06-2016 14:33:38
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากเลยค่าาาาาา

ตอนนี้แอบเชียร์คู่กีรติกับหนูนา 555555

ดูนุ่มนิ่มเข้ากันได้ดี :really2:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 15-06-2016 08:51:27
คนเขียนเขียนได้ถึงอารมณ์มาก น้ำตาซึมทุกบททุกตอน  :mew6: :mew6:
ชอบนะ ถึงจะจบไม่สวยแต่ชอบมาก
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 09-08-2016 22:40:20
จบได้สมเหตุผลจริงๆ ค่ะ จับใจมาก ถ้าดีกันไปก็ซ้ำซ้อนอ่ะ แต่แบบบบ จี๊ดใจมากอ่ะ อ่านแล้วเจ็บปวดใจ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: tomoe ที่ 10-08-2016 08:29:35
เขียนดีอ่ะ ตอนจบน้ำตาไหลเลยค่ะ :hao5:
แต่ก็ไม่สมเหตุสมผลหลายอย่างจริงๆ
จะตามอ่านเรื่องอื่นต่อนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ติชิลา ที่ 20-08-2016 19:45:23
โอย อ่านแล้วดิ้นค่ะ  :ling1: :ling1:
แต่สะใจมากที่ตอนหลังหนูนาไม่ได้กะพี่คลาร์ก  o13

คือส่วนตัวไม่ชอบพระเอกแทงกั๊กหลายใจแบบนี้อะ
คือถ้าจะมีหลายคน ก็จงเป็นหลายเมียที่เมียๆ เขาสมยอมไปเลยจะดีกว่า
ไอ้มาแทงกั๊กทำร้ายกันขนาดนี้ รักอีกไม่ลงจริงๆ อะ
ยอมรับเลยว่าอิน งื้อ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-08-2016 21:42:17
เรื่องใหม่น่าอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 22-08-2016 14:51:56
อ่านกี่รอบก็ร้องไห้ตาบวมไปซะทุกรอบ
รอติดตามอยู่นะคะ เรื่องที่จบแล้วอ่านซ้ำหลายรอบทุกเรื่อง
เรื่องที่ยังไม่จบบอกกงๆว่ายังไม่กล้าอ่าน^^
เพราะนิยายของคุณคนแต่งดรามาน้ำตาท่วมทุกเรื่อง
คือถึงอยากอ่านแค่ไหนก็ขอรอให้จบก่อน
จะได้ปลอบใจระหว่างอ่านดรามาว่าอย่างน้อยๆก็happy ending
ขอบคุณมากๆค่ะ  :กอด1:


หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 08-09-2016 20:14:24
ทำเอาน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-09-2016 22:35:49
เป็นนิยายดราม่าที่เราเฝ้าหามานานมันหน่วงในอกจริงๆ รักที่ได้เห็นค่าก็ต่อเมื่อสายไปแล้วมันเศร้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ouioui ที่ 08-09-2016 23:09:00
 :monkeysad:หน่วงหัวใจน้ำตาไหลพรากเลย
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 17-09-2016 20:55:04
อ่านไปน้ำตาไหลพรากกก
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 17-09-2016 22:50:15
จบได้สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว  o13
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 18-09-2016 18:00:35
ตอนจบนี่อ่านไปปาดน้ำตาไป
จบแบบนี้ดีแล้วเพราะมีแต่เจ็บปวด
ถ้ายังอยู่ด้วยกัน

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 19-09-2016 14:48:32
 o13
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 21-09-2016 01:49:44
เขียนดีมาก น้ำตาไหลเป็นปี๊บเลย T^T
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆนะครัช
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 21-09-2016 04:10:23
น้ำตาไหลทั้งเรื่องเลย
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-09-2016 21:13:26
อ่านรวดเดียวจบ  น้ำตาหยดขี้มูกไหลทั้งเรื่อง ทิชชู่หมดเป็นม้วน  :mew4:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: pummy09 ที่ 26-09-2016 16:59:36
สนุกมากเลยค่ะ จบไม่แฮปปี้เอนดิ้งเลย แต่ก็ดีแล้วที่จบแบบนี้ เพราะดูแล้วเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นก็ไม่น่าจะทำให้ทั้งสองลงเอยกันได้เลย

ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-09-2016 02:59:14
ร้องไห้หนักมากกกกก  :katai1:   ไม่คิดว่าจะจบโหดขนาดนี้ แต่ก็สมเหตุสมผลค่ะ ตอน 45 ปีต่อมานี่ถึงกับอุทานว่า ห้ะ เดี๋ยวนะ !! ไม่คิดว่าจะมาแนวนี้ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :call:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 27-10-2016 17:31:19
จบดีมาก เพราะจะให้จบอย่างอื่นไม่ได้จริง
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 28-10-2016 15:28:14
กว่าจะอ่านจบทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ยาวมากมายเหมือนเรื่องอื่น

แต่เสียเวลาซับน้ำตาเสียหลายรอบ ยิ่งตอนจบนี่ทิชชู่ฉ่ำน้ำตาเลยทีเดียว

ขอบคุณครับสำหรับเรื่องที่ให้ข้อคิดดี ๆ จุ๊บ ๆ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: silverrain ที่ 08-11-2016 01:10:01
น้ำตาซึมกันเลยทีเดียว
ดราม่าได้ถึงพริกถึงขิงมาก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Thanthic ที่ 08-11-2016 11:36:51
อ่านแล้วน้ำตาซึม
ขอบคุณคนเขียนนะคะ

เป็นนิยายที่ชอบอีกเรื่องนึงเลย
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 01-01-2017 21:03:37
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี และสนุกอีกเรื่องนึง
สงสารหนูนาตอนที่รู้ว่าคลาร์กไม่ได้ลืมเรื่องที่พูดไว้ เข้าใจความรู้สึกของหนูนาเลย

ปล.ร้องไห้ไปหลายตอนเลย
๒.ชอบอีริคมากๆๆดูอบอุ่น
๓.อ่านเรื่องนี้มายิ้มได้ตอนตาหลานเขาคุยกัน หนูกานต์น่ารักๆจริงๆ
#ขอบคุณคนเขียนมากๆเลยยยย :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 20-02-2017 22:21:44
เป็นเรื่องที่เศร้าใจหลายๆอย่าง.  หลายๆการกระทำ.   หลายๆการเจ็บช้ำ.   ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 26-04-2017 08:09:45
สนุกมาก! หยุดไม่ได้ต้องยิงยาวจนจบ ...เป็นดราม่าที่มีระดับ และอัดแน่น กระหน่ำถึงใจ
แต่นี่คงต้องไปรีเฟรชชิ่งตัวเองหนักเลยอ่ะ ตอนนี้หม่นมาก ทำไมไม่รักกั๊นนน ไม่ย๊อมมม กระซิกๆ T^T
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 27-04-2017 00:03:38
เป็นเรื่องที่เศร้าจริงๆ แรงรัก แรงหึงหวง ทุกสิ่งทุกอย่างนำมาซึ่งความเจ็บช้ำ ทั้งหนูนาและคลาร์กเจ็บปวด
แต่คนที่เจ็บสุดต้องเป็นหนูนา เราร้องไห้หนักมาก สติแตกไปกับหนูนาเลย ตอนที่พระเอกบอกขอโทษ ที่ว่าจำได้ทุกอย่างที่เคยบอกนายเอก

ขอบคุณคนเขียน สนุกจริงๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 27-04-2017 18:59:36
เศร้าจัง น่าจะจบแบบแฮปปี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 02-05-2017 19:50:21
โฮกกกกก ดราม่าสุดติ่ง  :sad4:
แต่ชอบมากอ่ะ   :กอด1:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 03-05-2017 14:24:55
ชอบๆ รอภาคต่อค่า
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 29-07-2017 17:00:56
ตอนที่นาราฟื้นขึ้นมาแล้วพูดประโยคนั้นกับคลาร์กนี่อึ้งเลย แต่ที่อึ้งกว่าคือจบแล้ว ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เค้าก็ยังรักกัน ยังคิดถึงกัน มีการฝากจดหมายผ่านหลานไว้ก่อนตายด้วย เหมือนจับคู่ให้กรายๆ เลยแฮะ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 27-12-2017 19:29:09
กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป..เกินไปจริง ๆ  :m16:

สมควรละคลาร์ก  :z6: คนรักคนรอเวลาไม่เหมือนกันนะ  :m16:

สัญญาเพียงแค่ลมปาก ยังมีหน้าไปทำร้ายจิตใจเค้าอีก  :angry2:

ทำตัวเอง เห็นแก่ตัว ไม่มองดูความผิดตัวเองเลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: meepoohyoyo ที่ 06-09-2018 15:41:52
อ่านจบแล้วได้แต่ ถอนหายใจแรงๆ

ชอบมากๆค่าาาา :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sakurako38 ที่ 06-09-2018 22:49:41
บอกได้คำเดียวเลย เสียดายมาก นักเขียน เขียนได้ดีมาก อ่านได้ไหลเลื่อนมาก อ่านแล้วสนุกไม่เบื่อ แต่อ่านได้แค่บทนำ ก็ต้องขอตัวก่อน เสียดายที่เนื้อเรื่องเป็นแนวแบบนี้ ชอบการเขียน การเล่าเรื่องของนักเขียนนะครับ แต่รำคาญปัญหาแบบนี้ ดูเหนื่อยเกินไป รำคาญคนรั้น อยากถามนายเอก ณ ในบทนำนะว่า อยากเอาชนะหรือรักกันแน่ เหมือนคนเอาหัวชนกำแพงให้ตัวเองเจ็บ ๆ แบบไม่มีเหตุผลด้วย รำคาญจัง มีแนวอื่น ๆ ไหมครับ อยากอ่านผลงานคุณเรื่องอื่นจังครับ
หัวข้อ: Re: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-09-2018 15:58:49
 :pig4: :pig4: :pig4: