พิมพ์หน้านี้ - ►.. เมื่อผมเป็น " ตัวสำรอง " ตอนที่ 18 !! อัพแล้ว หน้า 13 21/05/2558
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: mypinmook ที่ 01-02-2015 20:33:09
-
► =============================================================================
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
► =============================================================================
-
เมื่อผมเป็น " ตัวสำรอง "
01
►
. . มันจึงเป็นความรักที่ไม่ถึงกับสุข เป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า
ผมเคาะนิ้วไปตามจังหวะเบาๆ ผมว่าความรักของผมก็เหมือนกับเพลง เพลงนี้ ตั้งแต่ผมเจอกับ ‘ เขา ’ คนนี้
“ โอเคนะ เดี๋ยวเฟรนเอาชีทที่พี่ให้ไปทำต่อแล้วพรุ่งนี้พี่จะตรวจ อย่าลืมล่ะ ” เสียงนุ่มที่ฟังแล้วดูเป็นคนใจดีเอ่ยกระชับขึ้นอีกครั้ง เพราะกลัวว่าผมจะลืมทำชีทคณิต
ครับใช่แล้วคนที่พูดกับผมก็คือ ‘ เขา ’ นั้นแหละ
เขาชื่อ พี่เอ็ม เป็นติวเตอร์ให้กับผม ผมกับพี่เอ็มรู้จักกันเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นพี่เอ็มเป็นติวเตอร์ให้กับรร.กวดวิชาที่ผมเคยเรียนอยู่ ตอนนี้ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วล่ะ ที่ผมกับเขาเป็นคนรู้จักกันในฐานะพี่ชายน้องชาย ติวเตอร์และนักเรียน
แต่ก่อนผมเรียนวิชาคณิตกับพี่เขา และก็มีเพื่อนๆผมมาเรียนด้วยเป็นกลุ่มๆ แต่ตอนนี้เพื่อนมันติดมหาลัยกันหมดแล้วเลยไม่ต้องมานั่งเรียนหลังแข็งแบบผม
ทีแรกผมว่าจะเรียนพิเศษผ่านรร.กวดวิชาที่พี่เขาสอนอยู่ ไปๆมาๆ พี่เขาก็เสนอว่าทำไมไม่รอปิดเทอมใหญ่แล้วมาเรียนตัวๆกับพี่เลยดีกว่า ถ้าผ่านรร.แล้วเรียนแบบไพรเวทมันจะแพงขึ้นนะ ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดอะไร ผมก็ว่ามันดีถ้าเรียนกับพี่เขาตัวๆไม่ผ่านรร.ก็น่าจะถูกกว่าเยอะจึงตอบตกลงไปตอนนั้น
ทุกๆวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ ผมจะมาเรียนกับพี่เอ็มในห้องสมุดของมอที่พี่เอ็มเรียนอยู่ ซึ่งก็เป็นมอเดียวกันกับที่พี่สาวผมเรียนอยู่ด้วย ตอนปิดเทอมใหญ่ผมก็มาพักอยู่หอเดียวกันกับพี่สาว ตอนเย็นก็มาเรียนพิเศษกับพี่เอ็มแรกๆผมก็โอเคนะครับ แต่พอมาหลังๆ ความรู้สึกที่ปิดกั้นอยู่นานก็ค่อยๆเผยออกมา
บ่อยครั้งที่ผมคิดถึงพี่เขาด้วยไม่มีสาเหตุ อยากให้พี่เขาอยู่ใกล้ๆเวลาที่ผมไม่สบายใจ .. ผมคิดจะบอกกับพี่เอ็มไปว่าผมนั้นรู้สึกอย่างไรกับพี่เขา แต่ติดที่ว่า พี่เอ็มมีคนรักอยู่แล้ว ..
“ อ่า ว่าไงเฮน โอเคๆเดี๋ยวเอ็มจะรีบไปส่งนะรออยู่ที่ถานีก่อน อีกสิบนาทีถึงนะครับ ครับๆ คถ.เหมือนกัน ”
เสียงโทนนุ่มพูดคุยกับคนปลายสายอย่างมีความสุข พี่เฮน คือคนรักของพี่เอ็ม ผมชินแล้วล่ะครับที่ทั้งสองคนจะคุยโทรศัพท์กันอยู่บ่อยๆ ตอนแรกๆผมก็มีแซวพี่เอ็มบาง เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง แต่พอพักหลังผมเริ่มทำตัวไม่ถูก
ได้แต่ยิ้มล้อเลียนกลับไปให้เขาแค่นั้นแทน เพราะกลัว .. กลัวว่าถ้าเผลอพูดอะไรออกไปแล้วจะเจ็บเอง
“ เหม่ออะไรไอ้แห้ง พี่กลับก่อนนะเดี๋ยวจะต้องไปส่งเฮนที่ถานี ” พี่เอ็มพูดขึ้นแล้วยกมือขึ้นดันหัวผมเบาๆ นี้คือสิ่งที่พี่เอ็มทำกับผมบ่อยๆ ในช่วงนี้ เมื่อก่อนก็ตีแขนบ้าง ดีดหน้าผากบ้าง เปลี่ยนการกระทำบ่อยจริงๆ
“ เปล่าเหม่อเลยพี่ ฮ่าๆ พี่รีบไปหาพี่เฮนเถอะ ผมจะกลับล่ะ ”
“ เออๆ อย่าลืมทำชีทล่ะ ไม่เข้าใจตรงไหนก็เฟสทามมา ”
“ ครับๆ ”
ผมพยักหน้ารับคำสั่งจากพี่เอ็ม แล้วมองคนตัวสูงกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากห้องสมุด พอหลับตาแผ่นหลังหนานั้นแล้ว ผมก็เก็บหนังสือสมุดเครื่องเขียนลงกระเป๋าก่อนจะเดินออกไป
ระหว่างทางเดินผมเจอพวกพี่ๆติวเตอร์ที่เคยสอนตอนเรียนที่รร.กวดวิชา พวกพี่ๆเขาก็ทักมาบ้างตามประสาพี่น้อง
“ เรียนเสร็จแล้วเหรอเฟรน ”
พี่ต้นเอ่ยถามผมแล้วแบมือขอดูชีทที่ผมเรียน นี่ก็ท่าประจำอีกครับวันไหนที่เจอกันพี่เขาจะขอดูความคืบหน้าของหัวสมองผมว่าจะเรียนไปถึงไหนแล้ว
พี่ต้นรับชีทผมไปดูแล้ว ผิวปากเบาๆ
“ เก่งขึ้นนี่น่า ”
“ แน่นอนพี่ ก็คนมันหล่อ ฮ่าๆ ” ผมตอบรับคำชมอย่างอารมณ์ดี แหมมีคนมาชมก็ต้องดีใจใช่มั้ยครับ
“ เวอร์ ชมเวอร์จริงๆนะไอ้ต้น ” พี่ต้นใหญ่พูดขึ้นแล้วเอื้อมมือมาผลักหัวผมแรงๆ พี่ต้นใหญ่นี่นอกจากขี้เก๊กแล้วยังโหดกับผมตลอดเวๆ พี่ต้นกับพี่ต้นใหญ่ คือคนล่ะคนกันนะครับ
พี่ต้นจริงๆแล้วผมจะเรียกว่าพี่ต้นเล็กแต่ตอนนี้อยู่ในห้องสมุดนักศึกษาเยอะแยะ ผมกลัวมีเขาอายเลยเรียกแค่พี่ต้นเฉยๆ ส่วนพี่ต้นใหญ่ไม่น่าจะมีอะไรให้อาย เรียกอะไรก็คงเรียกดาย
“ ไปแกล้งน้องอีกล่ะนะมึงๆ ”
“ ฮ่าๆ ไม่เป็นไรพี่ ผมขอตัวก่อนนะเดี๋ยวต้องไปหาพี่สาวที่คณะต่อ ” ผมพูดขึ้นแล้วโบกมือลาผู้ชายที่สวมเสื้อชอปของคณะวิศวะทั้งสองคนที่มีเลขโรมันปักบนเสื้อบ่งบอกว่าชายสองคนนี้เรียนอยู่ปีสามแล้ว
พี่ต้นเล็ก พี่ต้นใหญ่ พี่เอ็ม ทั้งสามคนเรียนอยู่คณะวิศวะปีสามครับ การเรียนของพวกพี่ๆเขาถือว่าดีเอามากๆเลย พี่ต้นเล็กจะเป็นคนนิ่งๆขี้อาย ตัวเล็กๆเลย ผิวออกจะขาวๆหน่อย ตาคมหวานดูซุกซน
พี่ต้นเล็กนี่เขาใจดีกับผมมากๆเช่นกันแต่เห็นอย่างนี่ก็เป็นถึงพี่วินัยเลยนะครับ โหดจริงๆเลยตัวแค่นี้ ส่วนพี่ต้นใหญ่ก็ตัวใหญ่แหละครับ สูงราวๆเกือบ 180 ผิวสีออกแทนๆ ตาคมดุ พูดมากปากหมา พูดไปเรื่อย ฮ่าๆ แต่พี่บางมุมพี่เขาก็ชอบดุเพื่อนดุน้องเพราะเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน
คนสุดท้าย พี่เอ็ม พี่เอ็มเป็นคนหน้าตาดีผมยอมรับเลย สูงเกิน 180 ผิวขาวแบบคนสุขภาพดี ตาเรียวสวย จมูกโด่งรั้นดูเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง รับกับใบหน้ารูปไข่ได้ดี ตาของพี่เขาเวลายิ้มจะหยีลงดูภาพลักษณ์แล้วเป็นคนอารมณ์ดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย
ใครๆเห็นก็คงตกหลุมรักใช่มั้ยล่ะครับ ?
ผมก็เช่นกัน ที่ตกหลุมรักเขา
“ ติ๊ง ”
ไลน์ : พี่เอ็ม / อย่าลืมทำชีท แล้วก็กินข้าวด้วยล่ะ ประมาณสามทุ่มเดี๋ยวเฟสทามไป
.. ผมยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่ก็แค่นั้นแหละครับ ชอบเขารักเขา แล้วจะทำอะไรได้ ในเมื่อเขามีเจ้าของแล้ว
► ============================================================================
TBC. ฝากติดตามผลงานใหม่ด้วยนะค่ะ พึ่งเรียนเขียนจริงๆจังๆก็เรื่องนี้แหละ
ฝากติดตามพี่เอ็มน้องเฟรนเอาใจช่วยน้องด้วยนะว่าจะมีความกล้าบอกความรู้สึกตัวเองรึเปล่า
แล้วพี่เอ็มจะรู้สึกตัวมั้ยว่ามีคนแอบรักอยู่
ฝากเรื่อง . เมื่อผมรักคนมีเจ้าของด้วยน้า :-[
ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรืออยากแนะนำตรงไหนบอกเราได้เลยนะ ขอบคุณนะค้าบบบบบบบบบบบบ :bye2:
-
รอติดตามจ้าา :hao6:
-
ติดตามจ้า :impress2:
-
ติดตามด้วยคน ชื่อเรื่องส่อแววมาม่ามาแต่ไกล เนื้อเรื่ิงจะมาม่าด้วยมั้ยก็ไม่รู้ รอดูต่อไป :katai5:
-
ชอบ หัวอกเดียวกัน
-
มีการโพสต์เรื่องเดียวกัน 2 คนเลยหรือ?
เห็นมีคนโพสต์เรื่องเดียวกัน ชิ่อเดียวกัน แต่คนโพสต์คนละคนกัน
-
มีการโพสต์เรื่องเดียวกัน 2 คนเลยหรือ?
เห็นมีคนโพสต์เรื่องเดียวกัน ชิ่อเดียวกัน แต่คนโพสต์คนละคนกัน
คือเรามีสองยูสแล้วลงผิดน่ะค่ะ นึกว่ากดอีกอันลบไปแล้ว
ขอโทษที่ทำให้สับสนนะค่ะ :hao5:
-
กลัวเฮนเสียใจจัง
-
กลัวเฮนเสียใจจัง
อาจไม่ได้เป็นแบบที่คิดก็ได้นะค้าบ อิ_อิ o18
-
02
“ เมื่อคืนนอนเร็วเหรอ ทำไมไม่ออนเฟส ไลน์ไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ ”
ร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมพูดด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดอยู่หน่อยๆ น่าแปลกที่อยู่ดีๆพี่เขาจะมาหงุดหงิดใส่ มันก็เคยมีหลายครั้งนะครับที่ผมไม่ได้รับสายเขารึว่าตอบไลน์ เฟสทามกันเพื่อนสอนโจทย์คณิตต่างๆ ผมล่ะไม่เข้าใจเขาจริงๆ
ผมทำท่าหาวใส่พี่เอ็มแล้วจะขยับตัวฟุบไปนอนกับโต๊ะ ผมจะทำท่านี้ประจำเวลาพี่แกชอบบ่นๆ เป็นคนแก่แบบนี้
“ ไม่ต้องมาทำท่าแบบนี้ใส่พี่ว่ะเฟรน ”
นี้ก็เป็นอีกครั้งที่พี่ ว่ะ ใส่ผม ตอนนั้นผมจำได้ว่าตอนมาเรียนกับพี่เขาใหม่ๆ ผมทำโจทย์รึจำสูตรไม่ได้เลยทำเอาพี่เขาหงุดหงิดกับผมมากจน บางครั้งนั้นพี่เอ็มถึงกับพูดว่ะโว้ย
ไม่ก็กูมึงใส่เพราะพี่เขาอารมณ์เสีย เพราะทุนเดิมนั้นผมเป็นคนหัวช้าเอามากๆ ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่พี่เขาสอนอะไรมาผมก็พอทำได้
“ ครับๆ ผมนอนเร็ว แล้วพี่ไปทำอะไรมาถึงมาหงุดหงิดใส่ผมแบบนี้ ” ผมถามพี่เอ็มกลับแล้วลอบดูสีหน้าคนของร่างสูง
“ พี่ไม่ได้หงุดหงิด ”
“ เหรอครับ ” ผมแกล้งถามกลับไปอย่างไม่เชื่อ
แววตาของพี่เอ็มวูบไหวไปแค่ครั้งเดียวเหมือนคนโดนจับความรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นรู้สึกอะไรอยู่ ผมเลิกสนใจพี่เอ็มแล้วส่งชีทที่ทำเสร็จก่อนหน้านี้ให้เขาดู
ผมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ตัวออกมาแล้วกดเข้าเฟสบุคเช็คข่าวสารการอัพเดทของเพื่อนๆ รุ่นพี่ไปเรื่อยๆ จนมาถึงชื่อเฟสหนึ่งที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี
THE M
33 min •
ขอโทษที่ช้าไป แค่ก้าวเดียว
Like • Comment
ผมเอะใจกับโพสต์นี้ของพี่เอ็มจึงเงยหน้ามองร่างสูงที่กำลังตรวจชีทคณิตให้ผม ที่หงุดหงิดแล้วมาลงกับผมนี่คือ ทะเลาะกับพี่เฮนเหรอว่ะ
ผมแค่นยิ้มกลับมาก้มมองหน้าจอทัชสกีนของตัวเองแล้วกดค้นหาเพื่อน คนที่ผมค้นหาก็คือพี่เฮนไงล่ะ
ต่อมเสือกผมทำงานทันที อยากจะรู้จริงๆว่า ทั้งสองคนที่รักปานจะกลืนกินขนาดนี้จะมาทะเลาะอะไรกันได้
เพราะความห่างของแต่ล่ะคนก็ไม่น่าใช่ ก็เห็นคบมาตั้งหลายเดือนแล้วเรียนกันคนล่ะจังหวัดก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย
พอโหลดหน้าเฟสเสร็จผมก็เลื่อนลงมาดูที่พี่เฮนโพส
พี่เฮนโพสรูป .. รูปที่มีแหวนสีเงินเกลี้ยงๆดูไม่มีอะไรแต่แคปชั่นโพสนี้กลับทำผมสะดุด
“ ขอบคุณที่ทำให้เฮนชัดเจนกับความรู้สึกนะ พี่เกมส์ ”
ผมอ่านแคปชั่น ซ้ำไปซ้ำมา ชัดเจนกับความรู้สึก ?
แล้วพี่เอ็มของผมล่ะสรุปแล้วพี่เอ็มเป็นอะไรกับพี่เฮนกันแน่ แล้วพี่เกมส์นี่คือใคร
ผมเงยหน้าขึ้นจากจอทัชสกรีนแล้วมองไปยังร่างสูงตรงหน้า ถ้า.. ผมถามเรื่องนี้กับเขา เขาจะตอบผมไหมนะ ?
“ พี่เอ็ม ”
“ ว่า ” พี่มันแค่ขานรับออกมา ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผม
“ สรุปแล้ว . . พี่กับพี่เฮน .. ”
ผมลากเสียงกับคำสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากผม ผมไม่กล้าถามจริงๆว่า สรุปแล้วเขาสองคนตอนนี้เป็นอะไรกัน
ดูท่าแล้วพี่เอ็มคงพอจะเดาได้ว่าผมคิดจะพูดอะไรออกไป แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมตรงๆ
“ ก็อย่างที่เห็น เฮน.. คบกับคนอื่นไปแล้ว ” สิ้นน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าๆของพี่เอ็มผมก็กำลังจะอ้าปากถามต่อ แต่ร่างสูงตรงหน้าก็พูดประโยคถัดไปขึ้นมา
“ เฟรน พี่มาช้าไปว่ะพี่บอกความรู้สึกที่มีต่อเฮนช้าไปว่ะจริงๆ พี่ไม่ทัน พี่ไม่ทันคนที่อยู่ใกล้ตัวเฮน .. ที่ผ่านมาพี่กับเฮนแค่คุยๆกันก่อน แต่พี่ไม่รู้ . . พี่ไม่รู้เลย ว่าเฮน ก็คุยกับคนอื่นเหมือนกัน .. ที่ผ่านมา แม่งไม่มีค่าสำหรับเฮนบ้างเลยเหรอว่ะ ”
พี่เอ็มพูดเหมือนคนกำลังหมดแรง คนที่เคยหงุดหงิดใส่ผมเมื่อครู่ได้หายไป เหลือแค่ร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมกำลังเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ อย่างคนหมดแรง
ผมไม่เคยเห็น ..ผมไม่เคยเห็นพี่เอ็มในท่าทีแบบนี้มาก่อน น้ำเสียงแบบนี้ แววตาแบบนี้มันดูหมดแรง เหมือนทุกอย่างที่พี่เอ็มมี กำลังจะหายไป
ผมได้แต่มองคนตรงหน้าเงียบๆ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา กลัวว่าคำที่ผมพูดออกมาจะไปทำร้ายจิตใจคนตรงหน้า
“ พี่ . . ช้าไปจริงๆใช่ไหมว่ะเฟรน ”
สิ้นน้ำเสียงอ่อนแรงนั้น มือหนายกมือขึ้นจับสร้อยคอที่ตนเองใส่อยู่ ก่อนจะเอาออกมานอกเสื้อชอปตัวเก่ง ทำให้ผมเห็นว่าสร้อยเส้นนั้นที่พี่เอ็มใส่อยู่ประจำนั้น มันมีจี้เป็นอักษรตัว H
เขาว่ากันว่า .. สิ่งของที่เราใส่ติดตัวเป็นประจำนั้นคือของสำคัญ พี่เฮนคงสำคัญกับพี่เอ็มตลอดใช่มั้ยครับ จนกระทั่งตอนนี้พี่เอ็มก็ยังไม่ถอดมันออก
“ พี่ไม่ได้ช้าไปหรอก ไม่ได้ช้าไป . . ถ้าคนที่เขารักพี่จริง เขาจะไม่มีทางทำแบบนี้กับพี่แน่ๆ แน่นอนครับพี่เอ็ม ”
ผมพูดขึ้นมา ผมอยากจะบอกพี่เอ็มเหลือเกินว่า ถ้าเป็นผม ผมจะไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน
ผมได้แต่มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาแกมเจ็บปวด ยิ่งเห็นคนที่เรารักเจ็บผมก็เจ็บตาม ..
เขาเสียใจกับคนรักที่ไม่เลือกเขา ..ผมเองก็เช่นกัน เสียใจกับการแอบรักที่ไม่กล้าบอกอยู่แบบนี้
. . มันจึงเป็นความรักที่ไม่ถึงกับสุข เป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า
เนื้อเพลงเดิมๆที่ผมเคยฟังกลับลอยขึ้นมาบนหัว เสียงเพลงที่ผมเคยได้ยินกลับเข้ามาในโสตประสาท ใช่
ความรักของผมไม่สุขและก็ไม่เศร้าในคราวเดียวจริงๆ ครึ่งๆกลางๆอยู่แบบนี้ .
======================================================================
มาต่อตอนที่ 2 แล้ว ทำไมมันหน่วงๆจัง จะขอเปลี่ยนชื่อเรื่องนะค่ะ เพราะไม่อยากให้น้องเฟรนไปแย่งแฟนใคร
5555555555555555 เลยให้น้องเฟรนมาเจ็บปวดด้วยการเป็นตัวสำรองซะเลย
ยังไงก็ขอฝากติดตามผลงานของปิ่นด้วยนะฮ้าบบบบบ
เอาใจช่วยพี่เอ็มกับน้องเฟรนได้นะค่ะ ช่วงนี้อาจจะหายไปเป็นพักๆนะค่ะ งานเยอะเลยอิอิ :o12:
-
พี่เอ็มคะ! หันมองข้างตัวนิดนึง. :katai1:
-
เจิมค่ะ :z13:
-
สงสารพี่เอ็มซะแล้วซิ
แต่ก็ไม่แน่ สักวันอาจจะได้ร้องเพลงนี้
'หากเธอไม่ทิ้ง ฉันคงไม่เจอ'
'หากยังรักเธอ ฉันคงไม่เจอเขา'
555 คนอ่านเพ้อเจ้อ
-
:mew1:
-
เดี๋ยวน้องปลอบเอง
-
ชื่อเรื่องแลดูบ่งบอกถึงมาม่าอ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
-
โอกาสมาแล้วววววว
สารภาพรักเลยยยย :mew1:
-
03
[/b]
วันเวลา หมุนผ่านไปเร็วเหมือนหนังเรื่องหนึ่งที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบเดิมเรื่อยไป แต่ผมว่าตอนนี้มันอาจจะมีเนื้อเรื่องบางตอนของชีวิตผมได้เปลี่ยนไป ผมสอบติดแล้วครับ ติดที่เดียวกันกลับพี่เอ็มเพียงแต่แค่คนล่ะคณะกัน
พี่เอ็มเรียนวิศวะผมเรียนบริหาร ผมกับพี่เอ็มพบเจอกันบางครั้ง คือน้อยลงไปมากกว่าเมื่อก่อนคุยไลน์ยังปกติแต่ไอ้คอลไลน์หรือเฟสทามไม่ค่อยจะมีแล้วหลังๆมาผมไม่อยากให้ผมกับพี่เอ็มดูห่างไปมากกว่าเก่าเลยโทรไลน์ไปบ้าง ตอนนี้ส่วนมากก็เห็นแต่พี่เอ็มชอบไปกินเหล้าตามร้านนั่งเล่นตอนกลางคืนบ่อยๆ เพราะผมเห็นจากที่เพื่อนๆพี่เอ็มเช็คอินน่ะไม่ก็พี่มันเช็คอินซะเอง
บางครั้งผมก็เป็นคนเฟสทามไปหาบ้างไม่ก็คอลไลน์ ผมทำเป็นใจกล้าไปงั้นแหละครับ พอพี่มันกดรับเข้าจริงก็ชวนคุยไม่ค่อยถูก ไม่เหมือนตอนที่พี่เอ็มเคยคอลมาตอนนั้นผมพูดคุยอย่างมีความสุขแต่พอกลับมาคอลไปหาเองแบบนี้ผมก็เกิดอาการเกร็งๆผม ส่วนนึงพี่มันชอบตอบแบบถามคำตอบคำอาจจะเป็นเพราะ
พี่เอ็มยังคงคิดและนึกถึงเรื่องพี่เฮนอยู่เลยยังทำใจไม่ได้ บางครั้งโทรไปเงียบใส่กันก็มี หลังๆกลายเป็นผมพูดคนเดียวบ้างก็ร้องเพลงใส่พี่มันบ้าง บางทีพี่เอ็มมันก็หัวเราะใส่ไม่ก็บ่นๆว่าพูดอะไรหนักหนาแต่ไม่ได้จริงจังมากหนัก ผมเริ่มมีความทรงจำดีๆกับพี่เขา
แต่ไม่รู้ว่าพี่เอ็มจะรู้สึกถึงมันบ้างไหม
ไปๆมาๆ ผมโทรไปพี่เอ็มโทรมา ผมหวังว่า การที่ผมคอยคุยคอยเล่นแกล้งกับพี่เขาจะทำให้พี่เขาลืมเรื่องคนรักไปได้บ้าง
ถ้าไม่มากก็ขอ .. ขอให้มันน้อยลงกว่าเดิม ขอให้พี่เอ็มเลิกสนใจ เลิกคิดถึงคนที่ทำร้ายจิตใจของเขา
และเดือนสองเดือนที่ผ่านมาก็พึ่งจะผ่านกิจกรรมรับน้องไป
ใครว่าบริหารจะรับน้องสบายๆ ผมนี่ถึงกับเหวอไม่ได้รุนแรงอะไรแต่พวกรุ่นพี่ พี่รหัสดันเล่นเอาพวกรุ่นน้องอย่างผมนี่หัวหมุนเลยครับ โดยการเอาของสำคัญของน้องๆไปแล้วให้น้องตามกันเอาเองจากรุ่นพี่ที่เอาไปนั้นแหละ
พี่ๆจะขอให้รุ่นน้องทำอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ 1 อย่างแลกกับของสำคัญของน้อง ซึ่งของสำคัญที่ผมโดนไปก็คือโทรศัพท์ตัวเองครับ
ก็ตอนนั้นพี่รหัสผมชื่อพี่ “ บิ๊ก ” ช่วงตอนรับน้องพี่บิ๊กมันปลอมตัวมาเป็นน้องแฝงครับตีซี้กันเลย พอเฉลยตอนจบรับน้องผมก็ไปไม่เป็นเลยอยู่ดีๆคนที่เคยตบหัวด่าทอกันมาเป็นรุ่นพี่ แถมยังเป็นพี่รหัสอีกเลยไปกันใหญ่แต่พี่บิ๊กมันก็ใจดีไม่ถือ เลยทำให้เราสองคนสนิทกันยิ่งขึ้นไปอีก
พี่มันมาขอยืมโทรศัพท์ผมตอนผมเข้าเซเว่นอยู่ ผมก็ไม่ทันได้คิดอะไรเลยส่งโทรศัพท์ให้พี่บิ๊กไปพร้อมบอกรหัสเรียบร้อยเพราะร่างสูงต้องการโทรออกหาเพื่อน พอบอกเสร็จแล้วผมก็หันหน้ากลับไปเลือกขนมต่อโดยที่ไม่ได้สนใจคนข้างกาย แต่หูผมเสือกดีได้ยินอีกว่า
“ เสร็จกู ! ”
สิ้นเสียงติดเจ้าเล่ห์ ผมหันหน้าไปก็ไม่เจอคนข้างกายอีกแล้ว
พอตกกลางคืน ผมออนเฟสในคอมเพื่อเช็คความเคลื่อนไหวของเฟสตัวเองปรากฏว่า
พี่บิ๊กแกล้งผม !
รูปภาพมากมายปรากฏอยู่เต็มหน้านิวฟีด เป็นรูปผมกับเพื่อนบ้าง ไม่ก็รูปผมกับรุ่นพี่คนอื่นๆ แล้วมีการติดแท็คไปยังเพื่อนอีกหลายๆคนรวมถึงรุ่นพี่ปีอื่นๆในคณะและคณะอื่นด้วย
ผมรีบกดลบรูปต่างๆไปมาก บางรูปก็มีแคปชั่นเสี่ยวๆอีกต่างหาก พี่บิ๊กแม่งแสบครับสัส ! ผมจะไม่หนักใจอะไรเลยถ้ามันไม่มีแคปชั่นหนึ่งสะดุดตาผมเต็มๆ
“ ที่เห็นภาพฉันเบลอ เพราะเธอไม่มีใจ ”
และรูปในโพสต์นั้นคือรูปพี่เอ็มตอนกำลังหันกลับมามองผม ผมถ่ายรูปนี้ไว้นานแล้วภาพตอนพี่มันเผลอผมว่าดูเป็นธรรมชาติและน่ามองดี ผมอยากเก็บเอาไว้ดูคนเดียวไม่กล้าให้คนอื่นดูด้วยซ้ำ และอีกอย่างคือพี่ต้นเล็ก พี่ต้นใหญ่ พี่เอ็มแม่งไลค์รูปนั้นแล้ว !
พี่รหัสผมแม่งตัวดีเลย ผมไล่ลบไปเรื่อยๆแล้วโพสสเตตัสใหม่เพื่อขอโทษๆทุกคนที่โดนแท็กไป ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนนี้ผมไม่ได้เป็นคนทำแต่โดนรุ่นพี่แกล้ง
รุ่งเช้าผมยืมโทรศัพท์เพื่อนซึ่งมันก็โดนเหมือนกันกับผมแต่ไม่หนักเท่าไหร่ ตอนนี้มันได้โทรศัพท์คืนแล้วผมเลยขอยืมของมันโทรออกหาพี่บิ๊กทันที
ปลายสายกดรับแล้วเริ่มคุยพี่บิ๊กเอาแต่หัวเราะใส่เมื่อผมโวยวายว่าพี่เขา พี่บิ๊กบอกจะคืนโทรศัพท์ให้ผมก็ต่อเมื่อผมหาพี่เขาเจอ แล้วกว่าผมจะหาพี่มันเจอเล่นเอาซะบ่าย
พี่บิ๊กเล่นบอกวกไปวนมา เดี๋ยวบอกอยู่ตึกไอที เดี๋ยวบอกอยู่ห้องสมุด โรงอาอาหารกลาง 2 ทางเดินโรมัน พี่มันเล่นผมแล้ว สถานที่พวกนี้มันอยู่รอบมหาลัยเลยนะครับ !
“ พี่บิ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ! ” ผมตะโกนอย่างสุดเสียง ผมเห็นพี่บิ๊กแล้ว พี่มันอยู่นี่ไง ! ตึกคณะตัวเองเนี่ยแหละเวร !
“พี่แม่ง พี่แกล้งผมแบบนั้นได้ไงว่ะพี่อ่ะ ” ผมบ่นพี่มันเบาๆ ก่อนจะรับโทรศัพท์คืนเมื่อพี่มันส่งมาให้
“ คนอื่นก็โดนเหมือนกันน้า เครียดไรว่ะ ”
“ โครตอายอ่ะพี่ ดูแต่ล่ะโพสต์ดิ้ ” ผมบอกอย่างเซ็งก่อนจะโดนร่าสูงตรงหน้าตบหัวเอาเบาๆ
“ มึงก็ลบทันกูนี่หว่าเฟรน เออเมื่อคืน ..”
ลากเสียงยาวทำไม .. กูลุ้นครับพี่ !
“ ว่า เร็วๆพี่บิ๊ก ”
“ เมื่อคืนมีคนทักไลน์มึงมาชื่อไลน์ว่า พี่เอ็ม เขานัดมึงให้ไปหาที่ห้องสมุดตอนเย็นเวลาเดิมอะไรของพวกมึงกันนี้แหละ ถ้าไม่เชื่อมึงก็เปิดดูดิ้ ”
ไอ้พี่บิ๊กมันพูดขึ้นแล้วยืนมองผม
“ เฟรน มึงชอบคนที่ชื่อ เอ็ม นั้นน่ะเหรอ ? อย่าปฏิเสธเชียวนะเว้ย กูเห็นมีรูปมันเต็มเครื่อง ”
พี่บิ๊กพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะล้อๆ ผมได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่เงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ ถ้าชอบจริงๆ .. พี่จะทำไม ” พี่มันไม่ชอบคนที่ชอบเพศเดียวกันงั้นเหรอว่ะ ..
“ทำหน้าเหวอทำไม ! กูยังไม่ได้พูดไรเลยแค่ถามเฉยๆ มึงชอบก็ไม่ทำไมหรอกกูก็แค่อยากรู้ มีอะไรที่กูพอช่วยได้กูจะได้ช่วยไง ”
มือหนาตบเข้าที่ไหล่ผมแรงๆสองสามทีเป็นเชิงบอกว่าไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อยถ้าผมชอบผู้ชายจริงๆ ผมยิ้มอย่างโล่งอกเพราะว่าไม่ค่อยมีเพื่อนหรือรุ่นพี่คนไหนรู้ว่าผมนั้นชอบเพศเดียวกัน
ผมอาจไม่ได้เจาะจงว่าผมชอบผู้ชายแบบนี้สเปคนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบผู้หญิง ผมแค่อยากอยู่กับคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจมีความสุขก็เท่านั้น
“ เออครับพี่ผมชอบ ” ผมหัวเราะออกมาหน่อยๆ
“ กูแค่จะบอกว่า กูเคยซิ่ว ”
“ แล้วเกี่ยวไรกันว่ะพี่บิ๊ก ” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ
“ กูซิ่วมาจากวิศวะสาขาเดียวกันกับมัน และมันคือเพื่อนกูครับน้องเฟรน ”
ไอ้พี่บิ๊กเวร !
ผมยืนทำหน้าไม่ถูกก่อนจะไล่เตะรุ่นพี่ที่ชอบทำตัวไม่เข้าเรื่องอยู่เรื่อย พี่บิ๊กมันก็หลบเท้าหลบตีนผมได้อย่างว่องไว
“ พอๆ ไอ้น้องเฟรนพอ กูไม่เอาไปบอกไอ้เอ็มมันหรอกน่า ”
“ ผมจะเชื่อคนแบบพี่ได้ไงล่ะแม่ง ” ผมฟึดฟัดกับตัวเอง ดันคิดไปว่าพี่มันอาจจะไว้ใจได้ดันบอกไปเวร
“ ฮ่าๆ กูแค่อยากเอาใจช่วย .. มึงรู้ใช่ไหมว่าไอ้เอ็มมันพึ่งอกหักมา ”
ผมพยักหน้ารับ
“ ดูท่าแล้วมีไลน์คุยไลน์กันขนาดนี้ต้องสนิทกับมันมากแน่ๆ ไหนจะรูปถ่ายอีกเยอะแยะ กูจะคอยเอาใจช่วยนะมึง กูว่ามึงใช้โอกาสนี่แหละไปจีบมันเลย ! ”
พี่บิ๊กพูดขึ้นเองเสร็จสรรพแล้วยิ้มให้ผมจนตาหยี เหมือนพี่บิ๊กมันมองเรื่องผมที่ชอบพี่เอ็มเป็นเรื่องสนุก
“ ไปๆ ไปหาพี่เอ็มของมึงไป ” พี่มันว่าไล่หลังแล้วดันผมให้หันหลังเดินไปข้างหน้าแล้วหัวเราะไล่หลังผมเมื่อผมเดินออกไปจากบริเวณนั้นแล้ว
ผมถอนหายใจกับตัวเองหนักๆ
การที่มีพี่มันเข้ามาในหนังชีวิตของผมตอนนี้ มันต้องมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปอีกเยอะมากแน่ๆ ผมสัมผัสได้ ทั้งเรื่องที่พี่มันยุให้จีบพี่เอ็ม พี่บิ๊กเป็นเพื่อนกับพี่เอ็ม และพี่เอ็มไลน์มาให้ไปหา เฮ้อมันต้องมีปัญหาตามมาอีกแน่ๆ
วันเวลามันหมุนผ่านไปเร็วอย่างที่ผมเคยบอก
รู้ว่ามันต้องใช้เวลา ให้เธอลืมเรื่องเก่า ..
เสียงเพลงทำนองสบายหูลอยมาตามสายลมเมื่อผมเดินผ่านลานว่างซึ่งอยู่ระหว่างตึกคณะผมกับตึกวิศวะ
มีกลุ่มคนกำลังเล่นดนตรีร้องเพลงดีดกีต้าร์อยู่ ทำนองเพลงที่ผมเคยฟัง และเนื้อเพลงที่สะกิดใจ
ผมก็ยังคงรอ รอให้หนังเรื่องนี้ของผมมีพี่เอ็มมาเดินเคียงข้างกัน ในฐานะคนรัก
=========================================================
มาต่อให้ยาวๆเลยค้าบบบ กลัวว่าจะไม่ค่อยว่างอีก 555555555555555
ตอนนี้มีตัวละครมาเพิ่มแล้วนะ ! มีคนคอยยุยงส่งเสริมให้น้องทำเรื่องดีงามแล้วอิอิ
เอาใจช่วยน้องเฟรนด้วยนะว่าจะกล้าจีบพี่เอ็มมันรึเปล่า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นติชมนะค่ะ
ไว้เจอกันตอนหน้าสวัสดีฮับบ :bye2:
-
เยี่ยมเลย o13
เฟรนจีบเลยยยยย :impress3:
-
มีตัวช่วยแล้วนะ เอ๊ะ หรือตัวก่อกวน :laugh:
-
มีตัวช่วยแล้วนะ เอ๊ะ หรือตัวก่อกวน :laugh:
อาจจะมาเป็นตัวก่อกวนก็เป็นได้ 555555555555555555555555555555555555 :hao7:
-
แฮ่~ พี่บิ๊กอย่ามาหลงรักน้องเสียเองล่ะ.เอิ๊กๆ
-
พี่บิ๊กจะช่วยใช่มั้ย
-
:z6:
-
04
[/size]
“ ติ๊ง ”
ไลน์ : พี่เอ็ม / เฟรนไม่ต้องไปที่ห้องสมุดแล้วนะ เจอกันที่ร้านนั่งเล่น พี่อยู่ที่ร้านแล้ว
อะไรของพี่มันว่ะ ผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางที่จะไปพบร่างสูง เรื่องมากจริงๆ พี่เอ็มเนี่ย
ผมผลักประตูกระจกบานใหญ่ตรงหน้าเข้าไป มองไปทั่วร้านเพื่อหาร่างสูงที่คุ้นเคย ก็เจอพี่เอ็มนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ริมกระจก
ผมเดินเข้าไปหาพี่เขาแล้วขยับเก้าอี้ออกเพื่อให้นั่งลงได้สะดวก ก่อนจะเอ่ยทั้งพี่เอ็มเสียงใส
“ นึกไงนัดผมมาเจอเนี่ยพี่ เห็นปกติชอบมาร้านนั่งเล่นตอนกลางคืนไม่ใช่เหรอ ” สิ้นประโยคผมก็หัวเราะตบท้าย ร้านนั่งเล่นกลางวันจะเปิดเป็นร้านกาแฟครับและกลางคืนก็จะกลายเป็นร้านนั่งเล่นชิวๆมีแอลกฮอร์เข้ามาเกี่ยวด้วย
ปกติไม่เห็นพี่มันจะชวนออกนอกห้องสมุดเลยเวลาจะนัดเจอกัน
“ แล้วพี่มาตอนกลางวันบ้างไม่ได้รึไง ”
“ มันก็ได้ นัดมามีไรพี่ ”
“นัดเรามาพี่ต้องมีธุระด้วย ? เมื่อคืนโพสอะไรพี่เห็นนะไอ้แห้ง ” พี่เอ็มพูดขึ้นพร้อมแซวเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“ ก็รุ่นพี่แกล้งหนิครับ ฮ่าๆ ” ผมหัวเราะกลบเกลือนเพราะว่า
เมื่อคืนนี้ที่พี่บิ๊กมันโพสไปก็มีรูปพี่มันอยู่ด้วย แถมยังมีแคปชั่นที่มีความหมายสื่อออกไปในทางแปลกๆอีก ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องครับไม่ดีๆ
“ มีรูปพี่ด้วยนี่ ” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยต่อ ทำเอาผมไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร
“ ก็ผมบอกแล้วว่ารุ่นพี่มันแกล้งงงงงงงง ”
ผมหลบตามันทำเป็นมองออกไปนอกร้าน จะว่าแปลกก็แปลกนะที่จู่ๆพี่มันก็นัดออกมาแล้วมานั่งแซวผมอยู่แบบนี้
วันนี้พี่เอ็มดูอารมณ์ดีแปลกๆ ดูไม่มีความหมองเศร้าติดตัว น้ำเสียงพี่เขาผมฟังแล้วรู้สึกได้ว่าพี่เขาอยู่ในโหมดอารมณ์ปกติ ลืมเรื่องพี่เฮนได้แล้วเหรอว่ะ ?
“ ฮ่าๆ เออ พี่มีเรื่องจะให้ช่วย ”
พี่เอ็มพูดแล้วยื่นมือมาตรงหน้าผมก่อนจะจับหน้าผมให้หันกลับไปมองเขา
การกระทำแบบนี้ .. พี่เอ็มไม่เคยทำกับผมมาก่อน อย่างมากก็แค่ดีดหน้าผากตบหัวแค่นั้น พี่มันเป็นอะไรของมันนะ
“ ให้ช่วยทำอะไร ” ผมหลบสายตาคนตรงหน้าหลุบตาต่ำมองโต๊ะแทนมองหน้าหล่อๆ
“ ร้องเพลงเพลงนึงให้พี่หน่อย พี่จะส่งเพลงให้เฮนฟัง ”
เมื่อพี่เอ็มพูดจบ คำว่า เฮน ดังเข้ามาในโสตประสาทผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร้องเพลงให้พี่เฮนฟังงั้นเหรอว่ะ
ให้กูร้องให้เนี่ยนะแม่ง
ผมทำเป็นเฉยไม่ได้พูดอะไรกับคนตรงหน้า ทำเหมือนว่าประโยคที่พี่มันพูดผมไม่เคยได้ยิน ผมจับมือหนาของอีกคนออกจากใบหน้า
ผมแล้วทำท่าจะลุกออกไปจากตรงนั้น ทำไมว่ะ ทำไมพี่มันยังไม่ลืมอีก
แม่งกลับไปคุยกันตอนไหนว่ะ ไหนไอ้พี่บิ๊กมันบอกอกหักไม่ใช่เหรอ
“ พี่อยากขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเฟรน ”
“ ที่พี่ขอเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายเลยเนาะ ” ผมหัวเราะออกมาน้อยๆ เพื่อไม่ให้บทสนทนาระหว่างผมกับพี่มันดูแย่ลงไปกว่าเก่า
“ ครั้งนี้ทำไมอีกล่ะพี่ พี่เฮนยอมกลับมาคบด้วยแล้วรึไง ”
ผมมองหน้าพี่เอ็ม พยายามที่จะไม่ใส่อารมณ์กับคำพูดที่ผมพูดออกมา
.. ผมพยายามทำสีหน้าให้เรียบเฉยเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าได้รู้ ว่า ผมนั้นรู้สึกอะไรอยู่
สรุปแล้วก็คือผมยอมพี่เอ็มอยู่ดี แม้จะโกรธแค่ไหนก็ยอมเมื่อพี่มันขอร้องผม พี่เอ็มกับพี่เฮนยังไม่ได้กลับมาคบกัน แต่คือพี่เฮนเหมือนจะห่างๆกับแฟนหรือทะเลาะกันนี่แหละ พี่เอ็มก็เลยจะใช้โอกาสนี้เพื่อเอาพี่เฮนกลับมา
พี่เอ็มแม่ง .. คนโง่จริงๆ
ตอนนี้ผมอยู่ภายในห้องของพี่เอ็มและมีพี่บิ๊กนั่งหน้าสลอนอยู่บนเตียง พี่เอ็มไม่ต้องแนะนำตัวอะไรกันมากเพราะผมก็รู้จักพี่บิ๊กแล้วเลยแค่พยักหน้ารับไปเท่านั้น พี่บิ๊กยื่นกีต้าร์ไปให้พี่เอ็มแล้วตัวเองก็ลุกออกจากเตียงดึงแขนผมออกไปที่ระเบียง
“ มึงยอมไงว่ะเฟรน ยอมร้องเพลงให้ไอ้เอ็มคืนดีกับแฟนเก่ามันน่ะนะ ? ”
พี่บิ๊กพูดขึ้นตาก็ยังมองร่างสูงของเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้กำลังเริ่มตีคอร์ดไปมา
ผมได้แค่ถอนหายใจออกมาหนักๆ
“ เลยตามเลยพี่ จะให้ทำอะไรได้ ผมมีสิทธิ์อะไรไปห้ามเขาล่ะ ขนาดพี่ยังมาช่วยถ่ายวิดีโอเลย ”
“ กูเพื่อนมันจะไปขัดอะไรได้ ” พี่มันพูดด้วยท่าทีหน่ายๆ เหมือนไม่อยากจะทำ
“ ผมเอง .. ก็ใจอ่อน แค่พี่เขาขอร้อง ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไงแล้ว ”
ผมตอบพี่บิ๊กกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆไม่ให้ดูสั่นเครือ คิดว่าผมดีใจ อยากทำเหรอครับ มาร้องเพลงให้คนที่ตัวเองรัก แล้วคนที่ตัวเองรักเนี่ยก็เอาเพลงไปขอคืนดีกับแฟนเก่าแบบนี้ ผมคงชอบมากมั้ง
ผมเดินกลับเข้ามาในห้องก่อนจะนั่งลงข้างๆพี่เอ็มที่ตอนนี้เหมือนพี่เขาจะพร้อมเล่นแล้ว เพลงที่พี่เอ็มจะเล่นคือเพลง ครึ่งใจ ของกัน
ผมเองก็เคยฟังเคยร้องอยู่เหมือนกัน เนื้อเพลงทำนองยังคงติดหูผมอยู่ เนื้อเพลงที่ต้องการคนที่ตนเองรักเปิดใจให้กัน ช่างเหมือนผมตอนนี้จริงๆ
“ ไอ้บิ๊กมาถ่ายได้แล้วมึง ” พี่เอ็มเรียกพี่บิ๊กเข้ามาก่อนจะกดอัดวิดีโอ
“ 3 2 1 เริ่ม ! ”
ทำนองที่คุ้นหูดังขึ้นมาเบาๆ พี่เอ็มเริ่มเล่นกีตาร์ตามคอร์ดเพลง ผมถอนหายใจออกมาแล้วหันมองคนข้างตัวที่ดูตั้งใจกับการเล่นครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ผมหันกลับไปมองกล้องเหมือนเดิม พี่บิ๊กส่งสายตาที่ดูแล้วเห็นใจมาให้ผม ไม่อยากจะร้องเพลงนี้เลยจริงๆ
บันทึกโดยพี่บิ๊ก.
ผมมองร่างบางที่นั่งร้องเพลงคู่กับเพื่อนตัวเอง ไอ้เอ็มมี่มันโง่รึว่าอะไรว่ะ คนเขาชอบคนเขารักท่าทีก็แสดงให้เห็นแล้วทำไมมันยังไม่รู้ตัว หรือว่ามันแกล้งเมินงั้นเหรอ
ผมเกิดคำถามขึ้นในใจ เฟรนนี่ก็เหมือนกันผมสงสารน้องมันจริงๆที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ ร้องเพลงให้คนที่ตัวเองรักเอาไปคืนดีกับแฟนเก่า เหอะ
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากบางของคนตรงหน้า ทำผมไปไม่ถูกน้องมันร้องออกมาด้วยเสียงที่ใส แต่ฟังแล้วดูเศร้า
ทั้งๆทีจังหวะหรือทำนองของเพลงไม่ได้เศร้าเลยซักนิด
น้องมันร้องขึ้น บางท่อนเหมือนมันต้องฝืนร้องออกมา เหมือนคนที่ไม่อยากร้อง แต่ทำอะไรไม่ได้
บางครั้งผมก็สังเกตเห็นว่าเฟรนมันก็แอบไปมอง คนที่เล่นกีต้าร์อยู่ข้างกายบางเป็นบางครั้ง สีหน้าและแววตามันดูเจ็บปวดจริงๆ เหมือนว่าเฟรนกำลังจะบอกว่า ไม่ไหวแล้วถ้าขืนร้องต่อไปจนจบ
เนื้อเพลงของเพลงนี้มันแย่มากจริงๆ แย่กับตัวมันเองมันตรงกับชีวิตของเฟรนทุกอย่าง
ตอนแรกผมคิดที่จะยุยงให้น้องไปตามจีบไอ้เอ็ม อย่างที่เห็นๆกันตอนแรก เฟรนเป็นคนที่น่ารักและเข้ากับคนง่ายอัธยาศัยดี ผมคิดว่าคงเหมาะกับไอ้เอ็มมากแน่ๆ
ผมเห็นรูปไอ้เอ็มมันในมือถือของน้องตอนผมไปลักของมันมา ทำให้ผมยิ่งแน่ใจไปกันใหญ่ว่าต้องรักไอ้เอ็มจริงๆ และเฟรนก็มองแค่ไอ้เอ็มคนเดียว
จบบันทึกพี่บิ๊ก.
. . ..
แม้ว่าเขาจะทิ้งเธอไปหัวใจเธอมีแต่เขา
รู้ว่ามันต้องใช้เวลาให้เธอลืมเรื่องเก่า
ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรฉันรอเธอได้เสมอ
เธอก็รู้ว่าฉันรักเธอและรอให้เรารักกัน
เนื้อเพลงบางท่อน ทำเอาผมไม่อยากร้องมันออกมา ผมบังคับ .. บังคับไม่ให้เสียงมันสั่น
ผมไม่อยากร้องใหม่อีกหลายรอบ ผมอยากให้มันร้องผ่านๆให้มันจบๆกันไป ..
ผมจะได้กลับ จะได้ไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้ ผมลอบมองสีหน้าคนข้างกาย พี่เอ็มดูมีความสุข .. บางท่อนที่ผมร้องออกมาพี่เขาก็ยิ้มเหมือน
อยากให้ชีวิตเขาเป็นแบบเนื้อเพลงจริงๆ
ลืมไม่ได้จะจำไว้ก็ได้ให้ใจเธอสบายก็พอ
ลืมไม่ได้ก็ไม่อยากขอที่จะขอก็มีเรื่องเดียว
อยากขอแค่ครึ่งใจ ให้เธอเริ่มต้นใหม่กับฉัน
เก็บเขาไว้ครึ่งใจ ครึ่งที่เป็นความจำแล้วกัน
เปิดประตูให้ฉันเข้าไป เข้าไปซ่อมไปแซมหัวใจ
เปิดใจเธอแค่เพียงครึ่งใจ ขอเข้าไปขอเติมเต็มใจให้เธอ
. .. หัวใจเธอมีแต่เขา
ถ้ามีความรักแล้วมันเจ็บปวดแบบนี้ ผมก็ไม่อยากจะมีมันเหมือนกัน
ผมอยากจะทำทุกๆอย่าง ให้พี่เอ็มรู้สึกตัวว่าพี่ไม่มีเขา แต่ก็ยังมีผม . .
อยากจะทำให้พี่มันลืมเรื่องราวความรักที่พี่มันช้ำใจ
อยากให้พี่รู้บ้าง ว่าผมนั้นก็รักพี่ไม่แพ้ .. ไม่แพ้พี่ที่รักคนรัก ของพี่เหมือนกัน
อยากขอแค่ครึ่งใจ ให้พี่หันมามองผมบ้าง ..
===========================================================
กลับมาต่อแบบอึนๆค่ะ ไปๆมาๆกลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว อีพี่เอ็มนี่น่าโมโหจริงๆ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะค่ะ ทำให้มีกำลังใจแต่งต่อ
แต่ตอนนี้แบบว่า เหมือนแรกๆจะสุขกลับกลายเป็นหน่วงแบบเนียนๆซะแล้ว
ฝากติดตามพี่เอ็มน้องเฟรนด้วยนะค้าบบบ :hao3:
-
โถ พี่เอ็มข๋า คนเขาทิ้งไปแล้วอ่ะนะยังจะอาลัยอาวรณ์
สงสารหนูเฟรน MAX!!!! :z3:
-
:katai1: โวะ!!! จี๊ดดเลยหนูเฟรน.เลิกเหอะ!
ปล่อยพี่เอ็มงมงายของมันไปเห้อ. :hao5: รักตัวเองดีกว่า.จริงนะ! ที่สำคัญ.'พี่บิ๊ก'ยังว่าง. :call:
-
สงสารเฟรน พี่เอ็มนี่ตาบอดเหรอ ชอบรู้ตัวช้าระวังเอาไว้เดี๋ยวเฟรนจะไม่แล 555
-
:mew1:
-
ขอพี่บิ๊กแกล้งเป็นแฟนกับเฟรน เผื่ออิตาพี่เอ็มจะหันมามองเฟรนบ้าง :ling1:
-
เฟรนห่คนใหม่ด่วน
-
โห้วววว
มาม่ามากกกก
-
ชอบพี่บิ๊กจัง :กอด1:
ส่วนพี่เอ็มนี่ เฮ้อ เจ็บแล้วจำบ้างเถอะ :เฮ้อ:
แล้วเฮน แค่ทะเลาะกับแฟน ยังไม่ได้เลิกกันสักหน่อย จะไปแย่งแฟนคนอื่นเขาทำไม
มีคนที่รัก ที่ดีกับตัวเองอยู่ใกล้ ๆ แล้วยังไม่รู้ สักวันเถอะจะรู้สึก ชิ
-
หน่วงอ้ะ :o12:
-
อีพี่เอ็มเลวมากๆ. สงสารน้องเฟรนจัง ตัดใจแล้วหาคนใหม่ไปเรื่อย ให้อีพี่เอ็มกลับไปหาอีเฮ็นนั้น แล้วโดนทิ้งอีกรอบ สมน้ำหน้า โง่ซ้ำซาก
-
:call: :call: :call: :call: :call:
-
มันหน่วงจริงๆ เฟรนน้อยน่าสงสาร
-
สุดท้ายคือเจ็บ
ก้มหน้า -- เฟรน
"ตัวสำรอง" แค่คำนี้ก็แสลงจวยคนอ่านแล้ว
เฮ้อออออออ
+1 ให้คนแต่ง
-
สงสารเฟรน
พี่เอ็มตาบอดไง หัดมองความรู้สึกคนข้างๆบ้าง
-
ยังเจ็บได้อีกสินะ :ling2:
-
ถ้าหากว่าความรักคือการเห็นแก่ตัว
ก็ทำไปเอ็ม บอกไปเสีย
ถ้าคนที่ไม่ได้โดนกำหนดมาให้เป็นคู่
ยังไงมันก็ไม่ได้
ของดีที่อยู่ข้างตัวเดี๋ยววันหนึ่งพอตัดใจได้แล้วน้องมันก็ไป
ถ้าหากว่าตอนนั้นเอ็มเริ่มรักน้องเข้าก็อิหรอบเดียวกับเฮ็นอีกแหละ
เรื่องของความรักมันบังคับใครไม่ได้
ถ้าไม่บอกคนที่ไม่ได้มองเรามันก็ไม่รู้
พี่บิ๊กน่าจะตบกระบาลเอ็มให้มองซ้ายมองขวาบ้าง
-
อัพ ไวๆ นะคับ
-
เอ็มไม่รู้จริงๆใช่มั้ยว่าเฟรนแอบรัก
ถ้าแค่แกล้งไม่รับรู้ เอ็มใจร้ายมากเลยนะ
หรืออาจจะใจดี เหมือนเป็นการปฏิเสธแบบอ้อมๆ
-
เอ็มไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้ว่าเฟรนแอบรัก
เอ็มหันมองรอบๆตัวบ้างจะได้ไม่เสียใจ
-
มันแหม่งๆ ถ้าจะแกล้งน้องขนาดนี้
ต่อให้สารภาพรักตรูก็ไม่ไหวนะ
-
อยากอ่านต่อ
-
:call: :call: :call: :call: :call:
-
05
[/size]
.. สายตาของผมไล่อ่านข้อความในไลน์ที่ส่งไปหาอดีตคนรัก .. . .
มีแต่คำขอโทษ .. และขอโอกาสอีกครั้ง ผมอาจดูเหมือนคนโง่ที่ยังรักคนที่เขาไม่รักเราแล้ว ยังพร่ำเพ้อ
ยังอยากที่จะมีเธอคนนั้นอยู่เคียงข้างกันอีกครั้ง ผมเหมือนคนโง่ที่ทำอะไรไม่ดูกำลังตัวเอง ผมฝืนรักเธอทั้งๆที่รู้ว่าเธอนั้นก็มีเจ้าของแล้ว
ในตอนที่ผมมีเธออยู่ กลับกลายเป็นผมเอง .. ที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน กลับคิดแค่ว่า มีแค่ผมกับเธอเท่านั้นสถานะอะไรอาจไม่สำคัญ
. .ถ้าเราทั้งสองคนเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่เฮนอาจไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับผม เหตุการณ์ที่ผ่านมา เหมือนไม่มีค่าในสายตาของเฮนเลย
..
เธอเลือกผู้ชายอีกคน ที่ดีกว่า ที่ใส่ใจกว่า
. . . ผมทำได้แค่พร่ำเพ้อ และอ้อนวอนอยากให้เธอหันกลับมาหาผมอีกครั้ง ทั้งๆที่เธอมีคนใหม่
แต่ผมกลับจมอยู่กับความรู้สึกเดิมๆ . .
เมื่อช่วงเย็นผมได้ให้รุ่นน้องของผมก็คือ เฟรน มาร้องเพลงให้และผมก็เล่นกีต้าร์ไปด้วย .. ผมหวังว่าการส่งวิดีโอนี้ไปให้เฮน .. หวังให้เธอรู้ว่าผมยังรอเธอและรักเธออยู่เหมือนเดิม เพียงแค่เธอกลับมาเปิดใจให้ผมอีกสักครั้ง
แต่ผลตอบรับกลับมาก็คือ
สายตาของผมยังจ้องอยู่ที่บทสนทนาระหว่างผมกับเฮนไม่วางตา เธอปฏิเสธผม เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ .. ผมผิดหวัง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมอยากจะร้องไห้ ให้ความรู้สึกที่มันอัดแน่นอยู่ภายในมันออกมา
แต่ทำได้แค่เพียง ฝืนยิ้มรับกับสิ่งที่เห็น .. แล้วบอกกับตัวเองอีกครั้งว่า “ เราจะไม่เป็นไร ”
ผมให้สัญญากับตัวเองไปแล้วว่า . . .
แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
แค่ครั้งนี้เท่านั้น
ที่ผมจะขอโอกาสอีก
มันไม่ไหว .. ผมรับมันไม่ไหวอีกแล้ว ความรู้สึกของผมมันเหมือนเป็นของที่แตกหัก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้เวลาจะผ่านไปเกือบสามเดือนเต็ม ที่เธอนั้นไปมีคนรักใหม่แล้ว ในช่วงเดือนแรกผมโทษตัวเองและเป็นฝ่ายตามตื้อ ขอโอกาสอีกครั้ง แต่กลับไม่มีสิ่งที่ผมหวังไว้
ผมพยายามทำให้ตัวเองนั้นชิน .. ชินกับการไม่มีคนข้างกาย
ผมโดนเพื่อนและรุ่นพี่ต่างว่า ว่าทำไมถึงต้องยึดติดกับคนๆเดียว ทำไมต้องอยากให้เธอนั้นกลับมา ในเมื่อเธอเองก็มีคนใหม่ไปแล้ว
ผมอยากจะเลิกคิดฟุ้งซ่านแต่ก็ทำไม่ได้ บางครั้งผมก็เหม่อลอย
ผมไม่อยากเป็นแบบนี้เลยทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ เพื่อนชวนไปไหนผมก็ไป ทำอะไรผมก็ทำ เพราะส่วนหนึ่งคือ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวยิ่งอยู่คนเดียวแล้วยิ่งคิดตอกย้ำตัวเองไปเรื่อยๆ
ในช่วงที่ผ่านมา ผมทำใจลำบาก .. แต่ก็มีคนคอยให้กำลังใจผมหรือไม่ก็ชวนผมให้ทำนู้นทำนี้ ชวนคุยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องคนรัก
เฟรน เป็นรุ่นน้องที่ดีและผมก็สนิทกับมันมาก
ผมไว้ใจมันกล้าปรึกษาทุกๆอย่างด้วย ห่วงเหมือนห่วงน้องแท้ๆ เฟรนมักจะเป็นคนที่เข้าใจผมตลอดไม่ว่าจะเรื่องไหนๆ
คอยเป็นห่วงถามไถอยู่ตลอดเวลา รู้ว่าควรทำอะไรเวลาผมไม่สบายใจ
และน้องเขาก็รู้ว่าตอนที่ผมอกหัก
ก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก .. น้องทำให้ผมสบายใจเพียงแค่คุยไลน์หรือโทรไลน์หากัน บางทีแค่คำไม่กี่คำก็ทำให้ผมอยากลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้น เพื่อคนรอบตัว เพื่อคนที่ยังอยู่กับผมตอนนี้
และก็น้องอีกที่ตามใจผมทุกอย่าง .. แม้กระทั่งผมให้น้องมาร้องเพลง ผมได้ข่าวมาจากเพื่อนที่เรียนมหาลัยเดียวกับเฮน
มันบอกว่าเฮนกับแฟนทะเลาะกันถึงขั้นเฮนนั้นออกตัวไปหามือที่สามของคนรักใหม่ถึงที่
ถ้าผมใช้โอกาสนี้ .. ตอนที่เธอกำลังผิดหวังกับคนรักของเธอล่ะ
ผมจะยังมีโอกาสอยู่บ้างรึเปล่า
แล้วถ้ามัน .. ผิดหวังขึ้นมาอีกผมก็ให้สัญญากับตัวเองไว้แล้ว แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว . . ครั้งสุดท้าย
เพลงที่ผมให้เฟรนร้องคือ เพลง ครึ่งใจ
ตัวอักษรแต่ล่ะตัวล้วนมีความหมายกับผม .. เนื้อเพลงนี้ตรงกับความรักของผม
ผมอยากให้เธอหันกลับมาหาและให้โอกาสผมได้แก้ตัวอีกครั้ง อยากให้เธอเปิดใจ อยากให้เธอส่งมือมาให้ผม แต่คงไม่มีวันอีกแล้ว ..
และ ผม .. ก็ไม่เคยรู้ว่าเพลงที่ผมเลือกมานั้น . . . .. ช่างตรงกับความรักของใครบางคนด้วยเหมือนกัน
#เอ็ม
=====================================================================
มาน้อยค่ะตอนนี้ แต่ก็มานะคะ 55555555555555555555555
ตอนนี้พี่เอ็มบรรยายเห้อม อธิบายความรู้สึกพี่แกไม่ค่อยจะดีเลย
ช่วงนี้งานเยอะมากๆ อาจจะไปๆมาๆอยู่บ้าง ยังไงก็ฝากเอาใจช่วยด้วยนะว่าพี่เอ็มจะรู้สึกตัวเมื่อไร
คนเขียนเหนื่อย ฝากบอกพี่มันที และก็ขอบคุณทุกๆคอมเม้นเลยนะคะ ขอบคุณค่า :really2:
บายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เจอกันตอนหน้าค่ะ ตอนหน้าเอาไงดีเอ่ยอิอิ :z2:
-
ง่าาาา. สงสารทั้งคู่ :katai1: :katai1: :katai1:
-
ถ้าไม่รักมันก็ไม่รักแหละ
เอ็มจะยื่นมือเข้าไปแทรกช่วงที่เขามีปัญหากันเรื่องมือที่ 3 เพื่อกลายเป็นมือที่ 4 ไป
ความรักที่มากกว่า 2 คนน่ะ มันอยู่ยากนะ เพราะว่ามันคับที่คับใจ
ถ้าหากว่าเฮ็นรับเอ็มเข้าไปช่วงนี้
เอ็มก็เหมือนกับเป็นแค่ตัวแทนให้เฮ็นเท่านั้นเอง
แล้วตัวสำรองอย่างเฟรนวันหนึ่งก็ไปเป็นตัวจริงให้คนอื่น
-
:z10:
-
พี่เอ็มบื้อจริง~ :serius2:
เดี๋ยวเฟรนก็หนีไปรักคนอื่นหรอกนะ~ :katai1:
แล้วมั่นใจอ่อว่าตัวรักเฟรนแค่น้อง? :hao3:
-
เลิกๆๆๆๆ :katai4:
-
อืมมมมมมมม จะให้เฟรนบอกพี่เอ็มคบกันไหมก็แปลกๆอยู่
แต่ไม่อยากให้เฟรนทนอีกต่อไปแล้วอ่ะค่ะ :katai4:
ว่าแต่เฮนนี่มีอะไรดีนักหนาเนี่ย?
-
อืมมมมมมมม จะให้เฟรนบอกพี่เอ็มคบกันไหมก็แปลกๆอยู่
แต่ไม่อยากให้เฟรนทนอีกต่อไปแล้วอ่ะค่ะ :katai4:
ว่าแต่เฮนนี่มีอะไรดีนักหนาเนี่ย?
นั้นสินะเฮนมีอะไรดีหนักหนา 555555555555555555 :katai2-1:
-
สนุก!!
ความรู้สึกของเฟรนคงเจ็บสุดๆเลยอ่ะ
-
อารมณ์เดียวกับน้องเฟรนเลยเนอะ
ตัดใจไม่ลง
-
เข้าใจเอ็มนะ ก็คนมันรัก
และที่แน่ๆ เอ็มยังไม่คิดจะตัดใจ
ก็เลยดูเหมือนยึดติดกับเฮน
เอ็มคงอยากทำทุกอย่างแล้วจริงๆ
จะได้ไม่ต้องมาเสียดายทีหลัง
-
เข้าใจเอ็มนะ ก็คนมันรัก
และที่แน่ๆ เอ็มยังไม่คิดจะตัดใจ
ก็เลยดูเหมือนยึดติดกับเฮน
เอ็มคงอยากทำทุกอย่างแล้วจริงๆ
จะได้ไม่ต้องมาเสียดายทีหลัง
อ่านใจนักเขียนมารึเปล่าเนี่ย :katai2-1:
-
เอ็ม
คนเราถ้าเคยโดนเค้าทิ้งมาครั้งหนึ่งแล้ว
จะแน่ใจได้ยังไงว่า..ในวันข้างหน้า..เค้าคนนั้น
..คนเดิมจะไม่ทิ้งเราไปอีก..
โง่ได้..แต่อย่างมงาย
สุดท้ายก็ต้องมานั่งคร่ำครวญ นอนฟูมฟายอีก
ตามแต่ใจ เหอะ..ถ้าไม่คิดจะเข็ด
หึหึ
:hao7:
-
:call: :call: :call: :call:
-
06
[/b]
“ ทำไมวันนี้กลับเอาซะมืดเลยล่ะสัส ” เสียงของรูมเมทร่วมห้องเอ่ยทักขึ้นมา วันนี้รูมเมทผมอยู่ห้องด้วยแหะ ปกติตอนนี้มันยังไม่กลับหรอก มันต้องทำงานอยู่ที่สตูคณะมัน
ไอ้ “ กิ๊ก ” เรียนอยู่คณะสถาปัตครับ มันเรียนออกแบบพวกกราฟฟิกนี่แหละ แต่ไม่ใช่ถาปัตหลัก
วันแรกที่เจอกันตอนมาอยู่หออดตกใจกับความสูงของมันไม่ได้ มันสูงพอๆกันกับพี่เอ็มเลยครับ แต่ตัวมันจะผอมกว่าพี่เอ็ม รูปร่างสูงโปรงผิวออกขาวเหลือง จมูกโด่งเป็นสัน ดูท่าว่าจะโด่งกว่าพี่เอ็มด้วยซ้ำ ริมฝีปากมันดูอวบอิ่มเหมือนของผู้หญิงเลยครับฮ่าๆ
ผมชอบมองบ่อยๆ กิ๊กมันเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกาย ผมเคยชวนมันไปที่ยิมมันก็ชอบบ่นนู้นนั้น อ้างทำงานบ้าง แต่ไอ้ที่เห็นว่าชอบแน่ๆนี่คือร้านเหล้าครับ ถ้าเอ่ยปากชวนขึ้นมานี่ มันไปแน่ๆ
ผมโยนกระเป๋าสะพายลงบนเตียงก่อนจะเดินไปดูมันทำงานที่โต๊ะคอม
“ ทำงานนิดหน่อย ” ผมตอบกลับคำถามมันที่ถามไปเมื่อกี้ เฮ้อใครมันจะไปกล้าบอกล่ะว่าโดนคนที่ตัวเองรักใช้ให้ไปร้องเพลงให้แฟนเก่าเขาคนนั้นฟังน่ะ เหอะ
ถ้าจะถามว่าผมทำใจไหวเหรอหลังจากออกมาจากห้องพี่เอ็มแล้ว .. ... ผมทำใจสักพักอยู่ที่ร้านกาแฟใกล้ๆหอก่อนจะขึ้นมา ผมถึงได้ขึ้นมามืดนี่ไงครับ
ถามว่าเจ็บไหม มันก็เจ็บ เหนื่อยท้อบ้างรึเปล่า ผมก็คงตอบว่าใช่ ผมเหนื่อยผมท้อ ผมอยากลืมๆไปซะว่าเคยรักเขา ผมอยากถอยห่าง
แต่เพียงแค่พี่เอ็มเรียกหา ผมก็พร้อมจะเดินกลับไปหาเขาแล้วส่งยิ้มให้เหมือนเดิม . .
ผมก็เคยคิดนะว่า . . ถ้าอยู่ๆพี่เอ็มก็มีคนคุยด้วยคนใหม่ มีแฟนใหม่ จะทำอย่างไง ผมจะทำอย่างไร
ผมจะยืนอยู่เฉยๆ ส่งยิ้มโง่ๆแล้วดูเขาสองคนรักกันอย่างนั้นเหรอ ผมจะกลับมายืนดูตรงจุดเดิมแบบนั้นเหรอว่ะ แบบที่ผมเคยมองพี่เอ็มกับพี่เฮนแบบนั้นเหรอ
ผมอยากมีความกล้าที่จะบอกเขา .. บอกว่าผมรักพี่ และคอยเฝ้ามองพี่มาตลอด
แต่ผมก็แค่อยาก ..
ผมจะไปเอาความกล้าแบบนั้นมาจากที่ไหนล่ะครับ . มันเสี่ยง .... เสี่ยงที่ความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่ยืดยาวกว่าจะหายไป
การที่แอบรักแอบชอบใครสักคนแล้วเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง .. . . .. ผมว่ามันเป็นตลกร้ายสำหรับผมจริงๆ
“ แอบส่องสาวรึส่องหนุ่มครับมึงงงงงง ” น้ำเสียงทะเล้นกึ่งแซวเอ่ยล้อผม ไอ้กิ๊กมันก็รู้ครับว่าผมรักพี่เอ็ม ก็ตอนช่วงพี่มันอกหักนั้นแหละที่ผมคอลไปบ้าง บางครั้งพี่ก็คอลมาบ้างจนผมหลุดเล่าเรื่องของผมไปให้มันฟัง มันก็ให้กำลังใจผมดี และไอ้กิ๊กมันก็บอกอีกว่า
“ ถ้ามันมากเกินไป หยุดก็ได้นะเว้ยมึง ความรักมันสวยงามก็จริง แต่ยิ่งยื้อเวลาออกไปมันก็ยิ่งเจ็บ จากความสวยงามที่เคยมองหา มันจะไม่เหลืออะไรอีกเลย ”
คำพูดที่มันเคยพูดกับผมกลับเข้ามาอีกครั้งในหัววันนี้ ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนกดรีเพลย์ซ้ำๆ
“ กูไม่ใช่มึงนะเว้ย จะได้ชอบไปส่องสาว ” ผมแซวมันกลับ มันไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีกเพียงแค่ไหวไหล่เบาๆเท่านั้น
ผมยกมือขยี้ผมมันแรงๆจนฟูแล้วเดินกลับมาที่เตียง ทิ้งตัวนอนแผ่กลางเตียง ทั้งเบื่อทั้งเซ็งโว้ยยยย !
“ ติ๊ง ”
ไลน์ : พี่บิ๊ก / สู้เว้ยมึง วันนี้แค่ไม่ใช่วันของมึงอย่าพึ่งท้อ !
ผมเปิดอ่านไลน์ที่พี่บิ๊กมันส่งมาแล้วก็นึกขำ ถ้าคิดในแง่ดีแบบพี่บิ๊กก็คงแบบนั้นล่ะมั้ง
แค่วันนี้
ไม่ใช่วันของผมก็เท่านั้นเอง
ผมกดปิดโทรศัพท์เพื่อตัดขาดจากโลกโซเชี่ยว แค่คืนเดียวก็ยังดีที่ผมไม่ต้องไปเปิดเจอสเตตัสที่พี่เอ็มโพสถึงแฟนเก่าพี่เขา
“ เพียงพอแล้วถ้าได้มีเธออยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียงได้คอยดูแลอยู่ไม่ไกล ”
เสียงร้องเพลงแทนนาฬิกาปลุกประจำห้องเริ่มดังขึ้นเรื่อย เจ้าตัวยังคงอ้าปากร้องปาวๆ ไอ้กิ๊กมันนึกคึกอะไรร้องเพลงแต่เช้าเลยว่ะแม่ง
ผมนอนมองร่างมันที่ตอนนี้ดูท่าแล้วเหมือนจะแต่งตัวออกไปไหน
“ ตื่นได้แล้วไอ้เชี่ย สายล่ะนะมึง เออวันนี้มึงออกไปถ่ายรูปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ ”
“ ไม่ไปได้ป่าวครับมึงงงงงงงงงงง กูง่วงจะตายห่า ”
ผมบ่นแล้วทำท่าจะนอนต่อดึงผ้าห่มคลุมโปงขึ้นอีกครั้ง
“ มึงนอนตั้งแต่สามทุ่ม ง่วงบ้านมึงดิครับ ” ไอ้กิ๊กแม่งย้อนผมครับ สามทุ่มก็ง่วงได้โธ่ๆ
“ มึงนี่ไม่รู้อะไรไอ้กิ๊ก กูนี่นอนสิบห้าชั่วโมงอย่างต่ำ ”
“มึงนอนหรือซ้อมตาย” ผมโดนไอ้กิ๊กตอกกลับมาอีกรอบ เจ็บแสบจริงๆเพื่อนกู
“รีบตื่นแล้วไปอาบน้ำไปแม่ง เร็วๆ เดี๋ยวกูเลี้ยงน้ำปั่น ควิกลี่ๆครับมึง ”
“กระแดะใช้ภาษาอังกฤษ โถ่ๆ ” ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงดีๆก่อนจะลุกออกจากเตียงไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้บนราว อย่าหาว่าเห็นแก่กินเลย นานๆทีมันจะเลี้ยงผมอ่ะนะ ฮ่าๆ
ก่อนที่ผมจะได้ก้าวขาเข้าห้องน้ำเพื่อไปทำธุระส่วนตัวเสียงของรูมเมทตัวดีก็เอ่ยเรียกผมอีกครั้ง
“ เฟรน มึงยังจะพยายามเรื่องพี่เอ็มอยู่อีกป่ะว่ะ ”
ผมหันหน้ากลับไปหาไอ้กิ๊กทันทีที่มันพูดเรื่องพี่เอ็ม
“ ทำไมว่ะมึง แล้ว .. ถ้ากูบอกว่ากูจะพยายามอีกล่ะ ”
“ กูก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็กูเห็นเหมือนคืนพี่เอ็มของมึงมันโพสตัสว่ะ ว่าโสดทำนองนี้แหละ ”
“ ก็เรื่องของพี่มันเหอะขี้เกียจจะใส่ใจ ” ผมหันหน้ากลับมือกำลังคว้าลูกบิดประตูห้องน้ำ แต่รูมเมทปากดีก็ยังส่งเสียงท้วงผมอีกครั้ง
“ ขอถามอีกอย่างนะเว้ยมึง พอใจแค่ไหนว่ะที่เป็นได้แค่พี่น้องแบบนี้ ถ้ามึงเสี่ยงพูดออกไปก็แฟร์ดี ถ้ามันเจ็บก็ให้เจ็บไปเลยคราเดียว ถ้ามันสุขก็ให้มันสุขสุดๆไปเลยดิว่ะ กูเห็นแบบนี้แล้วอึดอัดแทนชิบหาย ”
ผมพูดขึ้นทั้งๆที่ไม่ได้หันไปมองหน้ามัน
“ กูไม่กล้าบอกพี่เอ็มหรอกมึง ”
“ แล้วมึงจะรอให้หมามันคาบไปกินก่อนมึงว่ะ อยู่ใกล้แค่นี้จะทำอะไรก็ทำเลย ให้รู้กันไปเลยว่าสุดท้ายแล้วผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไง มึงคิดว่ามึงจะทนสภาพแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนกันล่ะ กูไม่พูดยุมึงล่ะ มึงไปอาบน้ำไปๆ เดี๋ยวแสงหมดกันพอดี ไม่ต้องถ่าย ”
คำพูดของไอ้กิ๊กมันวนเวียนอยู่ในหัวผมหลายวันเลยทีเดียว บางครั้งตอนผมเผลอหรือเหม่อคำพูดพวกนี้ที่ผมอยากจะลืมๆไปก็กลับมา
พร้อมทั้งภาพในช่วงเวลาที่ผมอยู่กับพี่เอ็มก็ไหลเวียนเข้ามาอีกครั้งเรื่อยๆไม่รู้จักจบสิ้น
นี่ก็ผ่านมาหลายวันจนเกือบจะเป็นอาทิตย์อยู่แล้วล่ะครับ ที่ผมไม่ได้คุยกับพี่เอ็มแบบจริงๆจังเหมือนเดิมซักที ได้แต่ถามคำตอบคำ พี่มันก็เหมือนจะชวนคุยนั้นแหละครับแต่กลับกลายเป็นผมเอง ที่ตอบแบบสั้นๆกลับไป
ก็เพราะบางครั้งเรื่องที่พี่เอ็มชวนคุยก็เป็นเรื่องสาวๆที่กลับมาหาพี่เอ็มบ้าง . . ก็โสดแล้วนี่เนาะสาวๆก็กลับมาหาพี่เขาเยอะแยะ บางครั้งผมก็เห็นพี่เอ็มไปกินข้าวกลางวันกับผู้หญิงบ่อยๆในช่วงนี้
มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ผมไปกินข้าวที่โรงอาหารนั้นพอดี แต่เปล่าเลย
ผมจงใจต่างหาก ผมไปกับพี่บิ๊กบ้าง บางครั้งก็ไปกับเพื่อนในคณะ เพื่อที่จะได้เจอหน้าพี่เอ็มบ้าง แค่แปปเดียวก็พอ แต่สิ่งที่ได้กลับมาทำเอาตกใจ มากๆเลยทีเดียว บางครั้งที่ไปเจอหรืออาจจะเดินสวนกันผมกับพี่เอ็มก็ได้แต่ยิ้มทักทายกันเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปพูดคุยเหมือนแต่ก่อน
อาจจะเป็นเพราะผมเองที่ทำตัวห่างออกมาอีกก้าว
หรืออาจจะเป็นที่พี่เอ็มเองก็กำลังหาใครบางคนเข้ามาแทนที่พี่เฮนอยู่ก็ได้ เขาก็คงต้องการผู้หญนิงนิสัยดีน่ารักคนนึงที่พร้อมจะจริงใจกับเขานั้นแหละ ใครๆก็ต้องการคนแบบนี้ใช่มั้ยล่ะครับ
1 อาทิตย์ผ่านไป
จากที่เคยมีข้อความคุยกลับไปมากลับขาดช่วงไป . . กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกับพี่เอ็มนั้นไม่ได้คุยกันเลย เจอหน้ากันผมยิ้มส่งไปแต่พี่เอ็มกลับมีสาวสวยเดินอยู่ข้างกาย พวกเขาทั้งสองคนดูเหมาะสมกันจริงๆครับ
แรงบีบจากจากคนข้างตัวผมทำให้ผมกลับมามีสติอีกครั้ง พี่เอ็มกับผู้หญิงอีกคนกำลังเดินผ่านหน้าผมไป ทั้งคู่คุยกันอย่างอารมณ์ดี ทั้งหัวเราะทั้งส่งยิ้มให้กัน
ผมหันหน้าไปหาไอ้กิ๊กที่บีบไหล่ผมเบาๆเป็นเชิงปลอบ ผมสบตากับมันที่ตอนนี้ขอบตาผมเริ่มร้อนผ่าวผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อเรียกสติให้อยู่กับตัวมากที่สุด
แค่ตอนนั้นเห็นพี่เอ็มอยู่กับพี่เฮนยังไม่เป็นไรเลยเฟรน
แล้วทำไมตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ล่ะว่ะ
พี่เอ็มกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย . ...
พี่เอ็มเขาก็แค่คุยกับผู้หญิงคนอื่น .. เปิดใจให้คนอื่น . ... แล้ว
ถ้าผมมีความกล้ามากกว่านี้ก็คงจะดีซินะ ผมจะได้บอกพี่เอ็มไปเลยว่ารู้สึกอะไรอยู่
เสียงของคนกายพูดออกมาตอนผมจมอยู่ในห้วงความคิด ประโยคที่ไอ้กิ๊กมันพูด ดึงผมกลับมาอีกครั้ง
“ กูบอกมึงแล้วไงว่าจะรออะไร เห็นไหมสัส หมามันคาบไปแดกแล้ว เป็นไงล่ะมึง เหวอเลยดิ อึ้งเลย เป็นไงล่ะพี่เอ็มของมึงน่ะ เขาเปิดใจให้คนอื่นแล้ว มึงทำอะไรกับความรักของมึงได้บ้าง นอกจากส่งยิ้มโง่ๆให้พี่มันหน่ะ ”
คำพูดของไอ้กิ๊กที่ออกมาจากปากมันนั้น ผมไม่โกรธหรอกก็ที่มันพูด .. เป็นเรื่องจริงทุกอย่างนี่ครับ
ผมไม่กล้าพอเองที่จะพูดออกไป แล้วผมจะมาเศร้าทำไมในเมื่อไม่มีสิทธิ์อะไรสักนิดในตัวของพี่มันเลย
มือบางของคนข้างตัวยกขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ .. ผมได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆของไอ้กิ๊กมันออกมาด้วยแหละครับ ผมรู้ที่มันว่าผมมากมายขนาดนี้ก็เพราะว่ามันห่วงผม ห่วงคนที่ไม่กล้าจะทำอะไรเลยเพื่อความรักของตัวเอง
ผมยกมือขึ้นเสยผมตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องบางออกมาจากกระเป๋า กดเข้าแอพแชทที่คนทั่วๆไปเขานิยมใช้กัน
.. ผมไม่อยากให้โอกาสมันหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาอีกแล้ว ผมอยากทำอะไรเพื่อความรักของผมบ้าง
หน้าจอแสดงบทสนทนาระหว่างผมกับพี่เอ็มเมื่อ 1 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ ที่มีแค่ผมที่ส่งไปแล้วพี่เอ็มอ่านไม่ตอบ
ผมไล่สายตามองประโยคที่ผมพิมพ์ขึ้นมาก่อนจะตัดสินใจกดส่ง โดยที่มีไอ้กิ๊กยืนมองผมอยู่เหมือนไม่เข้าใจว่าผมจะทำอะไร
“ พี่เอ็ม ”
“ ผมชอบพี่ครับ ”
======================================================================
มาแล้วนะตัวเธอออออออออออ เรามาแล้ว ขอโทษน้าช่วงนี้เนื่อจากใกล้ปิดเทอมแล้วคืองานเยอะและกิจกรรมก็มีบานเบอะเลยเฮ้อ
แต่ก็กลับมาต่อแล้วนะค้าบบบบบบบบบบบบบ คิดถึงพี่เอ็มน้องเฟรนกันมั้ย
ฝากติดตามไปเรื่อยๆเลยน้า อย่าพึ่งทิ้งน้องๆกันเลย ตอนนี้มีตัวละครมาเพิ่มอีกแล้วหู้ย เพิ่มมันทุกตอน 55555555555
:sad4: ฝากติชมด้วยนะค้า คิดถึงทึกคนเลยฮือ จะกลับมาอัพเร็วๆเลยนะคะเมื่อมีโอกาส
ฝากติดตามพี่เอ็มน้องเฟรนด้วยนะ มารอลุ้นว่าตอนหน้าเมื่อพี่เอ็มเปิดอ่านแชทแล้วอะไรจะเกิดขึ้น :hao7:
ปล.กลัวคนอ่านไม่ค่อยอินหรือเข้าใจในตัวเฟรนตอนนี้จังเห้อม :hao5:
-
ไม่ใช่โทรศัพท์พี่เอ็มเสียนะ!.งื้อ~
-
ไม่ใช่โทรศัพท์พี่เอ็มเสียนะ!.งื้อ~
จะบอกว่าขำเม้นนี้ 55555555555555555555 เป็นแนวคิดที่ดีนะค่ะ :katai2-1: :katai5: :hao7:
-
บทจะกล้าขึ้นมา
เฟรนก็ไม่ลังเลเลยนะ
-
บทจะกล้าขึ้นมา
เฟรนก็ไม่ลังเลเลยนะ
เฟรนโดนว่าด้วยประโยคของกิ๊กค่ะ อิ__อิ :hao5:
-
ชอบกิ๊กอ๊ะ
วันไหนลูกชายมาถามก็จะบอกแบบนี้แหละ
เดินหน้าเลยลูก ได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจที่อมพะนำแล้วมคปด
เฟรนด์ไม่ได้มีอะไรที่จะเสียแล้วนี่
ไหนๆก็ไม่ค่อยได้คุยกันแล้ว
ถ้าพี่เอ็มมันตอบแบบพี่ก็ชอบเฟรนด์แบบน้องนะครับ
Take his hint, Friend!
-
เง้อออออ
เฟรนบอกชอบ
ได้พรวดพราดมาก
พี่เอ็มจะงงไหม
-
ถ้าคราวนี้พี่เอ็มตอบกลับมาว่า "ขอโทษนะเฟรน" หรืออ่านแล้วไม่ตอบ
เจ้จะยุยงให้เกิดพระรองขึ้นมาแล้วนะคะ!!! หมั่นไส้
หรือถ้าจะคบน้องแทนชะนี เจ้ก็จะตามไปตบค่ะ เข้าใจตรงกันนะคะทุกคน
รอตอนต่อไปปปปป
-
:monkeysad: :monkeysad:
-
พี่เอ็มจะว่ายังไงหว่าาา. เฮ้อออ. สงสารเฟรนมากๆเลย ถ้าเขาไม่รักไม่ชอบก็ตัดใจดีกว่าไหม. มันนานเกินไปแล้วว เจ็บมานานเกินไป :m15: :m15: :m15:
-
คือจะผิดไหมถ้าบอกว่าน้องเฟรนคบกับกิ๊กเถอะ แลดูเข้าใจและค่อยปลอบตลอดแม้แต่ละคำจะจี้ใจจึ๊กก็เถอะ
ส่วนพี่เอ็มจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรอที่น้องมันห่างออกมามีการควงหญิงโชว์
สงสารเฟรนชิบ เดาว่าเอ็มอ่านแต่ไม่ตอบ พระเอกเรื่องนี้ขัดใจแบบอยากมุดคอมไปตบหัว
คือคนรอบข้างมันดีหมดไง อย่าให้มีวันที่เฟรนไม่สนใจแล้วแกมารู้ตัวเอาเมื่อสายนะ ฉันว่ามีคนอ่านรอสมน้ำหน้าแกแน่(เราคือ1ในนั้น)
ว่าแล่วก็รีเควสคนแต่งซะเลย มีช่วงเอาคืนให้เอ็มมันตามตื้นน้องมั่งนะ จะได้รู้สึกบ้างว่าน้องมันเจ็บขนาดไหน
ขออภัยเม้นเยอะอินจัด
-
ในที่สุด!!!
นั่งรอพี่เอ็มตอบ ไม่เอามุขทอสับเสียนะคะ ให้มันรุ้ดำรุ้แดงไปเลย
พลีสสสสสสส :z3: :z3:
-
พอตัดสินใจบอกก็เร็วฟ้าแล่บเลยนะ
ส่วนพี่เอ็ม ถ้ามันไม่สนใจ เฟรนก็เปิดใจหาคนใหม่เถอะ
-
ถ้าพี่เอ็มบอกว่า
ขอโทษนะครับพี่ไม่ชอบผู้ชาย. เราเป็นพี่น้องกันนะดีแล้ว..... เฟรมก็ตัดใจชะอย่าฝืนใจเลยไปแอบรักเขาแบบนี้มันเจ็บจุงเบย
แล้วก็ไม่ต้องไปติดต่อหาพี่เอ็มมันอีกเลย.... ผ่านไป1ปีหรือ2ปี อะไรแบบนี้ก็ได้. จนกว่าพี่เอ็มจะหาเฟรมไม่เจอ
จนกว่ามันจะสายเกีนไป.
-
ช่วงร้องเพลงครึ่งใจนี่เข่าทรุดเลยค่ะ...
รอพี่เอ็มตอบ ต่อไวๆนะคะ
-
ในที่สุดก็สารภาพแต่พี่เอ็มจะเห็นมั้ยนี่อีกเรื่อง :hao5:
-
รอว่าจะตอบกลับมาอย่างไร :sad2:
-
ไม่เชียร์พี่เอ็มได้ไหม
ไม่อยากได้คนนี้เป็นพระเอก
-
:call: :call: :call: :call: :call: :call:
-
แค่อ่านชื่อเรื่องก็อึนๆล่ะ :เฮ้อ: เฟรนสู้ๆนะ :katai2-1:รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
-
คือ...ยังไม่แน่ใจว่าเอ็มเป็นพระเอกหรือเปล่าอะ จริงๆจะเรียกว่าตัวสำรองก็ไม่ได้นะ เพราะเฟรนรักเขาข้างเดียว นอยเองฝ่ายเดียวอะ
คือก็เข้าใจว่าโดนเพื่อนกระตุ้นนะ ให้บอกๆมันไปเถอะ แต่เราว่ามันไม่ใช่เปล่าวะ คือถ้าพวกเขาคบกันอยู่เนี่ย คุณสร้างความร้าวฉานได้เลยนะ ตอนเขาโสด ทำไมไม่สารภาพไปล่ะ รอเพื่อ? แล้วเอ็มก็คงไม่รู้สึกอะไรมั๊ง กะอีแค่รุ่นน้องห่างออกมาแค่ก้าวเดียว ถ้าเป็นเมียมันสิมันคงไม่ปล่อยไปหรอก นี่อะไรคิดเองสรุปเอง ว่าเดี๋ยวต่อไปก็สมหวังเองเเหละ ในใจลึกๆเฟรนจริงๆคงหวังแล้วก็คิดอย่างนี้ ไม่งั้นจะพยายามอย่างโง่ๆทำไม เหมือนพวกนางเอกโลกสวย แล้วการกระทำตอนนี้ไม่ได้เรียกว่าความกล้าหรอก แต่เพราะคิดว่าเขาเปิดใจให้คนอื่นได้แล้วทำไมจะเปิดใจให้ตัวเองบ้างไม่ได้แค่นั้น
-
พี่เอ็มจะว่ายังไงบ้างนะ?
แบบว่าคนที่เราไม่เคยคิดว่าจะชอบเรามาชอบยังงี้
-
ลุยค่ะคุณน้อง....
ปาฏิหารอาจจะเป็นของเราก้อได้นะเออ
-
:mew1:
-
คือ...ยังไม่แน่ใจว่าเอ็มเป็นพระเอกหรือเปล่าอะ จริงๆจะเรียกว่าตัวสำรองก็ไม่ได้นะ เพราะเฟรนรักเขาข้างเดียว นอยเองฝ่ายเดียวอะ
คือก็เข้าใจว่าโดนเพื่อนกระตุ้นนะ ให้บอกๆมันไปเถอะ แต่เราว่ามันไม่ใช่เปล่าวะ คือถ้าพวกเขาคบกันอยู่เนี่ย คุณสร้างความร้าวฉานได้เลยนะ ตอนเขาโสด ทำไมไม่สารภาพไปล่ะ รอเพื่อ? แล้วเอ็มก็คงไม่รู้สึกอะไรมั๊ง กะอีแค่รุ่นน้องห่างออกมาแค่ก้าวเดียว ถ้าเป็นเมียมันสิมันคงไม่ปล่อยไปหรอก นี่อะไรคิดเองสรุปเอง ว่าเดี๋ยวต่อไปก็สมหวังเองเเหละ ในใจลึกๆเฟรนจริงๆคงหวังแล้วก็คิดอย่างนี้ ไม่งั้นจะพยายามอย่างโง่ๆทำไม เหมือนพวกนางเอกโลกสวย แล้วการกระทำตอนนี้ไม่ได้เรียกว่าความกล้าหรอก แต่เพราะคิดว่าเขาเปิดใจให้คนอื่นได้แล้วทำไมจะเปิดใจให้ตัวเองบ้างไม่ได้แค่นั้น
คอมเม้นนี่โครตโดนเลยค่ะชอบมาก รักคนอ่านแบบนี้จัง 5555555555555555555555555555555
-
07
[/b]
การแจ้งเตือนโปรแกรมแชทสนทนาเด้งขึ้นมาหน้าจอมือถือที่ผมกำลังเล่นอยู่ ทำให้ผมกดเข้าโปรแกรมที่คุ้นเคยนี้อย่างไม่ลังเล ผมเปิดหน้าต่างบทสนทนาระหว่างผมกับรุ่นน้อง ก็คือเฟรน สายตาผมไล่อ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาก็แปลกใจ ไม่คิดว่าน้องมันจะกล้าส่งมา
ผมรู้ครับ ผมรู้ว่าน้องนั้นรู้สึกอย่างไรกับผมเพียงแต่ผมนั้นมองข้ามความรู้สึกนั้นไป ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นที่จะไม่รับรู้ว่าคนข้างกายที่ผมไว้ใจและใส่ใจอย่างเฟรนนั้นคิดอะไรอยู่
เฟรนเป็นคนที่อ่านง่ายคนนึง เหมือนว่าน้องนั้นคิดอะไรหรือรู้สึกอะไรอยู่ สิ่งเหล่านี่จะแสดงออกผ่านสีหน้าไม่ก็แววตาของเขา
ยิ่งพักหลังที่ผมอกหักมาจากคนรักเก่า ผมยิ่งรู้สึกว่าน้องมันดูจะจริงจังมากขึ้น
จนกระทั่งตอนที่ผมขอให้เฟรนมาร้องเพลง หลังจากนั้นไม่กี่วันผมรู้สึกว่ามันมีบางอย่างกำลังเปลี่ยนไป ไม่ใช่ผมไม่รู้ .. . . ว่าน้องกำลังทำตัวออกห่าง
อาจจะเป็นเพราะอะไรบางอย่างในตัวเขา แต่ผมไม่อยากสนใจ
เมื่อผมเลือกให้เฟรนเป็นแค่พี่น้อง ก็อยากให้เป็นพี่น้องตลอดไปจริงๆ
ไม่ใช่ผมไม่เคยคิดว่าน้องน่ารักนิสัยดีหรืออะไร
..เคยคิด ผมก็เคยคิดอยู่เหมือนกันแต่มันมีเหตุผลอะไรหลายอย่างทำให้ผมต้องหยุดคิดเรื่องพวกนี้ อาจจะเป็นเพราะอะไรในตอนนั้น ตอนที่เริ่มคุยกับเฮน หรือน้องเป็นผู้ชาย
น้องอาจจะแค่ความหวั่นไหวชั่ววูบที่ใครๆก็อาจจะรู้สึกได้เวลาอยู่ใกล้กับใครบางคนด้วยนานๆ
แต่พอนานวัน ความรู้สึกของเฟรนที่มีเริ่มชัดเจนมากขึ้น น้องคอยเป็นห่วงคอยใส่ใจ และดูแลผมตลอดตอนที่ผมผิดหวังกับความรัก จนบางครั้งก็ไม่แน่ใจว่าที่ผมนั้นเป็นห่วงน้องเคยเอาใจใส่น้องนั้น
ผมทำไปเพราะแค่พี่น้องจริงๆหรือเปล่า
รวมทั้งผมที่พยายามที่จะเลิกสนใจกับสิ่งที่น้องทำ ผมเริ่มคุยกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านเขามา รวมถึงเริ่มเปิดใจกับคนใหม่ๆ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ผมคุยก็คุยแค่ฉาบฉวยแค่นั้น ไม่ได้จริงจังอะไรมาก
แต่ผู้หญิงอยู่อีกคนนึงที่ดูเหมือนจะแอบชอบผมมานานตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ชื่อ ข้าวปุ้น ครับ เธอดูเป็นคนน่ารักและใส่ใจจริงใจกับผม ทำให้ผมรู้สึกว่าข้าวก็น่าจะเป็นคนดีถ้าผมจะเริ่มคุยกับเธอก็คงไม่ได้เสียหายอะไร
ผมเริ่มคุยกับเธอบ่อยขึ้น บางครั้งผมกับเธอก็กินข้าวกลางวันที่โรงอาหารบ้าง ผมบอกข้าวไว้แล้วว่า การที่ผมกับเธอคุยกันนั้นความสัมพันธ์อาจจะไม่ได้จบที่การเป็นคนรักเสมอไป
เพราะผมเองนั้นก็ไม่มั่นใจว่าผมจะลืมคนเก่าได้หรือไม่
รวมทั้งคนข้างกายอีกคน . .. ที่ยังมีบทบาทส่งผลต่อความรู้สึกบางอย่างกับผมในตอนนี้ด้วย
ผมไล่สายตามองตัวอักษรอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจหนักๆออกมา
“ พี่เอ็ม ”
“ ผมชอบพี่ครับ ”
ป่านนี้ น้องมันคงคิดว่าผมใจร้ายอ่านไม่ตอบไปแล้วล่ะครับ ผมทิ้งบทสนทนานั้นไว้เพราะผมเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าควรจะตอบแบบไหนกลับไป เพื่อไม่กระทบกับความสัมพันธ์แบบพี่น้องระหว่างผมกับเฟรน
ผมอยากจะทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยจริงๆ
แต่อีกใจของผม . .. ก็อยากจะรู้ว่า ที่ผมรู้สึกบางอย่างตอนนี้เพราะเฟรนนั้น เป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่
พี่น้อง
หรือว่า .. .
ผมตัดสินใจอยู่นานก่อนจะกดแป้นพิมพ์ไปตามสิ่งที่ผมคิดแล้วกดส่งไปหาอีกฝ่าย
“ พี่ว่า พี่รู้เรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว ” ผมกดส่งไปได้แค่เพียงครู่เดียว ก็มีตัวหนังสือขึ้นว่า อ่าน ไม่กี่อึดใจอีกฝ่ายก้พิมพ์ตอบกลับมา
“ พี่ไม่ได้รังเกียจที่ผมเป็นผู้ชายใช่มั้ย ”
“ แล้วมาชอบพี่ ”
“ พี่ไม่ได้รังเกียจ พี่แค่ ไม่คิดว่าเฟรนจะคิดกับพี่แบบนี้ ”
ที่ผมพิมพ์ไปแบบนั้น เพราะรู้สึกแบบนี้จริงๆ ไม่คิดว่าเฟรนจะมารักหรือชอบคนอย่างผม
“ เฟรนเป็นผู้ชาย และพี่ก็เป็นผู้ชาย ”
“ เราเข้าใจใช่มั้ยว่าเรื่องแบบนี้ มันยากที่จะให้คนอื่นๆมายอมรับหรือแม้แต่พี่เองที่จะมาเข้าใจ ”
“ ผมรู้พี่เอ็ม ”
“ แล้ว ? ”
“ ผม อยากขอโอกาส ”
“ ผมอยากให้พี่มองข้ามไปว่าผมกับพี่ มีความสัมพันธ์แค่พี่น้อง ”
“ เฟรนอยากจะขอ โอกาส เฟรนอยากลองคุยกับพี่ในฐานะคนๆนึงที่ชอบ ที่รักพี่แค่นั้น ”
“ความสัมพันธ์แบบพี่น้องไม่ยืดยาวกว่าเหรอ มีคนอื่นอีกมาก ผู้ชายคนอื่นอีกมากที่เฟรนจะหันไปมอง อย่ามาหวังอะไรกับพี่เลย ”
“ พี่คิดว่าผมจะชอบผู้ชายทุกคนในโลกเลยรึไง ” ประโยคที่อีกฝ่ายพิมพ์กลับมาทำผมสะดุด ผมไม่ได้มีเจตนาจะสื่อว่าน้องมันชอบผู้ชายคนอื่นไปได้ซะทุกๆคน
“ ผมก็คนว่ะพี่ ผมเจ็บเป็น จะให้มาเป็นแค่พี่น้องผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ พี่คิดว่าผมอยากจะรู้สึกแบบนี้รึไงถ้าความรู้สึกมันห้ามกันได้ เฟรน ทำไปนานแล้วพี่เอ็ม ไม่ปล่อยให้มันยาวนานขนาดนี้หรอกว่ะ ”
เหมือนน้องมันเริ่มจะทนกับอารมณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆไม่ได้ เหมือนกำลังคิดอะไรแล้วก็ปล่อยออกมาหมด
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ น้องจะรู้สึกยังไงกันแน่ หรือว่าน้องนั้นจะกำลังเสียใจ ทำสีหน้าแบบไหน . .. หรือร้องไห้กันอยู่
“ คิดว่าจะลองคุยกับพี่แค่นั้นเหรอ ถ้ามันใช่ก็คือใช่ แต่ถ้ามันไม่ใช่เราก็จะกลายเป็นแค่คนรู้จักกัน เผลอๆ อาจจะมองหน้ากันไม่ติดด้วยซ้ำ ต้องการแบบนั้นเหรอเฟรน ”
ผมพยายามทำใจเย็นแล้วคุยต่อไป อีกฝ่ายเงียบหายไปนาน เหมือนกำลังคิดหรือตัดสินใจอะไรอยู่ ก่อนเสียงการแจ้งเตือนบทสนทนานี้ร้องดังขึ้นอีกครั้ง เรียกสติผมให้กลับมาจดจ่อกับหน้าจอ
“ จะทางไหนผมก็เจ็บ ไม่มีทางไหนที่ผมจะยืนอยู่แล้วรู้สึกดีไปตลอดหรอกครับ ”
ผมถือว่าน้องมันเลือกแล้วนะ . .. ผมเองก็อยากจะรู้ ว่าที่จริงแล้วความรู้สึกที่มันรู้สึกอยู่ตอนนี้ แม้มันจะเบาบาง แต่ผมก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร
และก็จริงอย่างที่น้องมันบอก ไม่ว่าทางไหน ก็ไม่มีทางที่จะให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือรู้สึกเจ็บน้อยลง
ผมอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับการตัดสินใจครั้งนี้มากนัก
แต่ผลกระทบที่ตามมาเท่านั้นที่ผมสนใจ . .. ความรู้สึกที่มันเบาบางนั้น มันคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงๆหรือแค่ตัวผมที่คิดไปเอง
“ โอเค ได้ ”
“ จะคุยก็คุย พี่ไม่ว่าอะไร ถือซะว่าทำตามใจเราล่ะกัน คิดว่าจะยื้อให้พี่คุยกับเราได้ก็คุยไป ”
“ แต่พี่จะบอกอีกอย่างว่า ”
“ พี่ไม่ได้คุยกับเฟรนแค่คนเดียว ”
“ เข้าใจใช่มั้ยว่าพี่หมายความว่าอะไร”
ผมพิมพ์ส่งกลับไปแค่นั้น ไม่ได้อยากให้น้องรู้สึกไม่ดีหรือเสียใจกับประโยคพวกนี้
แต่แค่อยากให้น้องมันเก็บเอาตัวอักษรพวกนี้ไปคิด ว่ามันจะยังโอเคอยู่มั้ย ยอมรับได้หรือเปล่า
เมื่อผมเอง ก็ไม่ได้คุยกับเฟรนแค่คนเดียว
มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวที่ทำแบบนี้ลงไปเพื่อพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเอง
แต่นี่คือตัวผม ชีวิตผม ยอมตัดสินใจทำอะไรแบบนี้ก็เพื่อตัวผมเองเท่านั้น
ผมก็แค่อยากจะมั่นใจ . .. ว่าความรู้สึกระหว่างผมกับเฟรน นั้นมีอยู่จริง
อีกฝ่ายตอบกลับมาเพียงแค่คำสั้นๆ ที่ตัวผมเองก็ไม่แน่ใจว่าน้องนั้นรู้สึกอย่างไรอยู่
“ ครับ ”
===============================================================
มาต่อแล้วน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หู้ยตอนนี้แต่งยากอ่ะจริงๆ ไม่คิดว่าแต่งเสร็จแล้วจะออกมาแนวนี้ เอาเป็นว่าเหมือนมันจะมีอะไรคืบหน้า รึเปล่า ?
อาจจะไปในทางที่ดี หรือ ไม่ดีก็ได้ :katai1:
แต่งแล้วก็เครียด ช่วงนี่สอบแล้ว อาจจะนานวันเข้าหน่อยอยู่รอกันก่อนนะค่า
เอาใจเชียร์น้องมันด้วยนะ เครียดแย่ซะมั้ง 5555555555555555555 เจอพี่เอ็มตอบไปแบบนี้
ตอนใหม่ตัวละครใหม่ก็มา ข้าวปุ้นนี่จะมาดีหรือร้ายนี่ก็คอยดูกันน้า ฝากติดตามพี่เอ็มน้องเฟรนด้วยนะค้าบ ฝากคอมเม้นติชมด้วยนะขอบคุณค่า
:katai5: :hao7:
-
น้องรู้สึกเสียใจไงพี่เอ็ม.ทำไมต้องสงสัย?
แหมๆๆ.พ่อคนหล่อเลือกได้.ฝังใจกับคนที่ไม่รักตัวอยู่ได้.แล้วจะหลงรักน้องเข้าสักวัน.ชิ
-
ยังเศร้าเหมือนเดิมมม :mew6: :mew6:
รู้สึกไวๆแล้วกันนะพี่เอ็ม :hao4:
-
เข้าใจพี่เอ็มค่ะ เคยมีโมม้นท์นี้ ให้โอกาสเพราะตัวเองก็ไม่ได้มีใครจริงๆจังๆ
โมเม้นท์นั้นมันสงสัยนะว่าเขาจะพยายามไปได้นานแค่ไหน หรือเขาพยายามแล้วเราจะให้ความรู้สึกกลับไหม
แต่ก็รู้ในที่สุดนั่นแหละ ถ้าไม่คิดจะรัก ต่อให้ชอบขึ้นมานิดหน่อย มันก็ไม่รักแหะ55
รอดูนะว่าพี่เอ็มจะเป็นแบบไหน
-
สงสารน้องเฟรน ㅠㅠㅠㅠ
-
:mew1:
-
ตบ ขอตบอิตานี่ซะที อิฉันเป็นแม่ยกน้องเฟรนค่ะ!! ฟังความข้างเดียวเท่านั้น!!! แฮ่!!!
ขอให้มีคนใหม่ที่ "ดีๆ" เข้ามาในชีวิตเฟรนเถ้อออออออ
-
สีสันของชีวิตเนาะเอ็ม เคยเป็นตัวเลือก แต่ต่อมากลายเป็นคนเลือก ทีนี้พอจะเข้าใจเฮน บ้างหรือเปล่าว่า รักกับชอบ มันไม่เหมือนกัน
ตอนนี้นายยังรักเฮนอยู่ ก็เข้าใจ มันตัดใจไม่ได้ง่ายๆ แต่นายก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว ที่ออกจากวงจรนั้นมา แต่ก็ไม่รู้ว่าวงจรใหม่เนี่ย จะดีกว่าหรือแย่กว่าอะนะ เพราะว่าถึงนายจะเลือกใคร ก็ต้องมีคนเจ็บอยู่ดี เผลอๆตัวเองนั่นแหละจะทุกข์ใจกว่าใครเขา เพราะความอ่อนไหว ที่คงตัดใครไม่ขาดเพราะสงสาร (นี่ตู มโนล่วงหน้ามากไปเปล่าวะ?)
ปล.คนเขียน เขียนได้ดีนะ ในเรื่องความเป็นคนในแต่ละคน ของตัวละครอะ คนเราด้านดีด้านมืดมันก็มีกันทุกคน
-
“ จะคุยก็คุย พี่ไม่ว่าอะไร ถือซะว่าทำตามใจเราล่ะกัน คิดว่าจะยื้อให้พี่คุยกับเราได้ก็คุยไป ”
เจอแบบนี้เข้าไปแล้วยังตัดใจไม่ได้อีกเหรอ?
นี่คือการเผื่อ ไว้งั้นแหละ
ณ โมเมนท์นี้ เกลียดเอ็มมาก ทำไมไม่ตัดน้องไปเลย
ขอแช่งให้ความเจ็บปวดที่น้องรู้สึกทบกลับมาสู่เอ็มพันเท่า
-
เฮ้อออ. ดีขึ้นมานินึงอะนะ. สงสารเฟรนอะ. เฮ้ออ. จะมีวันไหนได้สมหวังนะ :katai1: :katai1: :katai1:
-
สงสารเฟรนอ่ะ เลิกชอบมันเถอะอีพี่เอ็มเนี่ย
-
เข้าใจเอ็มอยู่นะ เริ่มต้นความสัมพันธ์มาแบบพี่น้องเลยแยกแยะความรู้สึกไม่ได้ว่าเป็นรักแบบไหน ต่อไปเฟรนมีโอกาสที่จะรุกคืบแล้วสินะ พยายามเข้าล่ะ ความรักไม่ได้ลงตัวเสมอไปหรอกนะ
-
เริ่มเข้าไกล้ชื่อเรืีองไปอีกนิด
เข้าใจเอ็มนะ ก็ในเมื่อยังไม่ได้คิดจะเลือกใคร
ก็มีสิทธิ์ที่จะให้โอกาสตัวเอง
แถมใจดีให้โอกาสคนอื่นด้วย
แต่แค่ให้พร้อมกันหลายคนเท่านั้นเอง
ทุกคนก็ต้องพยายามกันเอาเอง
และถ้าเอ็มจะให้เวลาใครน้อยกว่า
คนนั้นก็เป็นตัวเลือกสำรองไปก่อน
กับเฟรนเอง เอ็มก็บอกให้ตัดใจ
แต่เฟรนก็อยากพยายามดูก่อน
ถ้าท้ายที่สุดแล้ว เอ็มไม่เลือกตนเป็นที่หนึ่ง
เฟรนก็คงยอมถอย แต่จะเลิกชอบเอ็มหรือเปล่า
มันก็คงเป็นอีกเรืีองอ่ะนะ
-
อีพี่เอ็ม อีหล่อเลือกได้ อีมองไม่เห็นคุณค่า อีไม่รู้จะด่าอะไรแล้ว
-
:mew2: เฟรนที่น่าสงสาร :mew6: :mew6:เอาใจช่วยลุ้นนะค่ะ
-
โหดอ่ะ :เฮ้อ:
แล้วอย่าให้มีไปตามหึงตามหวงทีหลังนะเว้ย
-
ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย วนลูปเดิม บอกแค่ชอบแล้วจะทำแบบเดิม????
กำลังคอยทางออกของแต่ละตัวละครอยู่
-
เป็นกำลังใจให้เฟรมน้า :really2:
-
เอาใจช่วย ถ้ามันไม่มีไรเปลี่ยนแปลง ก็ตัดใจน่ะเฟรน
ไม่ก็หันไปมองกิ๊กก็ได้ อยู่ข้างๆ เฟรนตลอด 555+
-
08
[/b]
แสงสว่างจากจากทัชสกรีนดับลง ผมเลิกสนใจโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างกาย ก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา มันไม่ใช่ยิ้มที่บ่งบอกถึงว่าผมมีความสุข แต่มันเป็นยิ้มที่ฝืนยิ้มมันออกมาเพื่อความสบายใจของตนเอง
ยิ้มออกมาเพื่อบอกกับตัวเอง ว่า . .. อย่างน้อยพี่เอ็มก็ให้โอกาสกับผม
แหมว่าโอกาสที่พี่เอ็มยื่นมาให้นั้น ..อาจจะต้องแลกกับความรู้สึกทั้งหมดของผม แลกกับความสัมพันธ์ที่เคยยืดยาว ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผมจะต้องเสียไป
ผมแค่หวังว่า .. .. สิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อไปนี้มันจะมีค่าในสายตาของพี่เขาบ้าง ขอแค่สักครั้ง ให้พี่เอ็มจดจำสิ่งที่ผมทำ
สุดท้ายแล้วผลจะออกมาเป็นแบบไหน ผมเองก็จะยอมรับมัน
แม้ว่าโอกาสที่พี่เอ็มยื่นให้ครั้งนี้ อาจจะไม่ได้จบที่เราสองคนเป็นคนรัก แต่ก็ดีที่อย่างน้อย ผมได้บอกสิ่งที่ผมคิด ผมรู้สึกออกไป ผมจะได้ไม่มานั่งเสียใจว่าทำไมเราไม่บอกพี่เขาไปตั้งแต่แรก
บทสนทนาระหว่างพี่เอ็มกับผมถูกเปิดอ่านอีกครั้ง ด้วยฝีมือของคนข้างกาย ตอนนี้ผมนอนแผ่อยู่กลางเตียงโดยมีรูมเมทที่คอยเป็นห่วงความรู้สึกผมนั้นนั่งอยู่ข้างๆ
ความรู้สึกของผมในตอนนี้มันปนเปไปกันหมด อยากจะพูดออกมาว่าเสียใจ ที่ผมทำลายความสัมพันธ์แบบพี่น้องลงไป เสียใจที่ว่าการเริ่มต้นคุยระหว่างผมกับพี่เอ็มดูอึดอัด และพี่เขาเอง . .. ก็ได้ให้โอกาสกับคนอื่นไปด้วยเหมือนกัน
การที่จะไปเรียกร้องอะไร ตัวผมเองนั้นอาจไม่มีสิทธิ์ แค่ได้อยู่ในฐานะผู้ชายคนนึงที่รักที่ชอบเขา และเขาให้โอกาสก็ถือว่าดีสำหรับผมมากพอแล้ว
“ จะทางไหนผมก็เจ็บ ไม่มีทางไหนที่ผมจะยืนอยู่แล้วรู้สึกดีไปตลอดหรอกครับ ”
ประโยคหนึ่งที่ผมส่งไปให้พี่เขา ผมรู้สึกจริงๆว่า ไม่ว่าจะทางไหนผมก็ต้องเจ็บอยู่ดี ไม่ว่าผมจะเลือกแบบไหนยืนอยู่ที่ใด ก็ต้องเจ็บและเสียใจ ถ้าให้ผมเป็นได้แค่พี่น้อง
ผมก็คงได้แต่เฝ้ามองและคอยห่วงอยู่ไกลๆ เมื่อพี่เอ็มนั้นมีคนรัก ผมไม่อยากเป็นแบบที่ผ่านมา ได้แต่คอยเป็นห่วง ใส่ใจ ดูแล แต่ไม่ได้อยู่ในสายตา
“ พี่คิดว่าผมจะชอบผู้ชายทุกคนในโลกเลยรึไง ”
ผมแค่เป็นผู้ชายคนนึงที่ชอบพี่เอ็ม เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ผมรู้สึกแบบนี้ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายคนไหนก็ได้ ไม่ใช่ผู้ชายทุกๆคนที่ผมนั้นจะสนใจ และรู้สึกแบบนี้
“ ผมก็คนว่ะพี่ ผมเจ็บเป็น จะให้มาเป็นแค่พี่น้องผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ พี่คิดว่าผมอยากจะรู้สึกแบบนี้รึไงถ้าความรู้สึกมันห้ามกันได้ เฟรน ทำไปนานแล้วพี่เอ็ม ไม่ปล่อยให้มันยาวนานขนาดนี้หรอกว่ะ ”
ใช่ .. ถ้าความรู้สึกมันห้ามกันได้ ผมเองก็ไม่อยากจะรู้สึกแบบนี้กับพี่เขาหรอกครับ ไม่อยากจะทำลายความรู้สึกดีๆก่อนหน้านี้ที่มีให้กัน ไม่อยากให้สายตาของพี่เอ็มที่มองมาหาผมนั้นเปลี่ยนไป
และสิ่งที่ผมได้กลับมาในการที่ตัวเองนั้นเสี่ยงไปกับความรู้สึกครั้งนี้คือ
“ โอเค ได้ ”
“ จะคุยก็คุย พี่ไม่ว่าอะไร ถือซะว่าทำตามใจเราล่ะกัน คิดว่าจะยื้อให้พี่คุยกับเราได้ก็คุยไป ”
“ แต่พี่จะบอกอีกอย่างว่า ”
“ พี่ไม่ได้คุยกับเฟรนแค่คนเดียว ”
“ เข้าใจใช่มั้ยว่าพี่หมายความว่าอะไร ”
ข้อความสุดท้ายของบทสนทนาที่จบไป ผมเข้าใจดีว่าพี่เอ็มหมายความว่าอะไร
เขาไม่ได้ให้โอกาสกับผมเพียงแค่คนเดียว เขาก็ยังคงคุยกับคนอื่นอยู่ด้วยเหมือนกัน เพียงแค่พี่เอ็มนั้นเพิ่มตัวเลือกในชีวิตอย่างผมเข้าไปรวมอยู่ด้วย
ความรู้สึกที่ตีกันปนเป มันจะสุขก็สุขไม่ได้ ความรู้สึกในตอนนี้มันจุก ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่า ที่ผมรู้สึกนั้นคืออะไร
คิดว่าจะยื้อให้พี่คุยกับเราได้ก็คุยไป
ประโยคนึงที่พี่เอ็มพิมพ์มา ดูท้าทายในความรู้สึกผม ผมเองก็จะดื้อดึงไปจนกว่าพี่เอ็มหรือไม่ก็ตัวเองนั้นที่จะขอหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ ผมจะฝืน ไปจนกว่าจะมีใครขอให้หยุด ในเมื่อผมเองนั้นตัดความสัมพันธ์แบบพี่น้องไปแล้ว
ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ผมจะไม่ยอมเป็นเงาเหมือนแต่ก่อน ผมจะไม่ยอมอยู่แบบคนใกล้ตัว ใกล้จนพี่เอ็มละเลยไป
และสิ่งที่ผมพิมพ์กลับไปคือคำว่า “ ครับ ” เพียงเท่านี้
มันดูอึดอัดแปลกๆ โหว่งๆ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าถ้าเกิดวันพรุ่งนี้ หรือวันนี้เกิดบังเอิญเจอพี่เอ็มขึ้นมา ผมจะทำหน้ายังไง ควรจะรู้สึกแบบไหน ผมกังวลไปหมดทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องที่พี่เขานั้นก็มีคนอื่นคุยอยู่ด้วย
ผมจะสู้เขาได้มั้ย คนที่คุยด้วยจะเป็นคนแบบไหน จะตรงตามที่พี่เอ็มชอบหรือเปล่า เธอคนนั้นอาจจะเป็นผู้หญิงที่น่ารักนิสัยดีก็เป็นได้ ซึ่งแตกต่างกับ
ผมที่เป็นผู้ชาย
แค่คำว่าผู้ชาย
ก็ยากเกินที่จะเอาชนะใครต่อใครเขา
“ ไม่ว่าวันนี้จะเจ็บ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร มึงสัญญากับกูได้มั้ยเฟรน ว่ามึงจะไม่ดื้อพยายามจนเกินตัวมากเกินไป ” เสียงเข้มนิ่งๆ ของรูมเมทเอ่ยดังขึ้น มันยกมือขึ้นมาลูบศีรษะผมเบาๆ
กิ๊ก .. เป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดเลยครับ ดูเหมือนมันจะคอยห้ามคอยบ่นว่า .. แต่ก็เป็นมันอีกนี่แหละที่เป็นห่วงผมอยู่ตลอดเวลา
ผมขยับตัวหันหน้าเข้าหามันแล้วพูดขึ้นมาเบาๆ
“ กูไม่รู้ ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไงหรอกมึง บางทีอีกอาทิตย์ สองอาทิตย์.. กูอาจจะไม่ไหวก็ได้ที่อยู่ในสถานะแบบนี้ ”
ผมสบตากับรูมเมทตัวเองแล้วพูดขึ้นต่อ
“ กูจะพยายาม . . จนกว่ากูจะเหนื่อย กูจะไม่ทำอะไรเกินตัว กิ๊ก กูสัญญา ” ผมยกมือขึ้นจับมือบางที่ลูบศีรษะผมอยู่เป็นเชิงบอกให้อีกคนนั้นเชื่อว่าผมจะทำแบบนี้จริงๆ ตามที่ผมพูด
“ กูอยู่ข้างมึงเสมอนะเว้ยเฟรน ” สิ้นเสียงที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา ผมหลับตาลงละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ ทิ้งอารมณ์ ทิ้งความรู้สึกแย่ๆที่เกิดขึ้นมา
ผมอยากทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง .. แล้วขอให้วันพรุ่งนี้เป็นวันที่ดีของผม
ตอนเช้าผมรีบตื่นไปเรียน เพราะวันนี้มีคลาสเรียนรวม แถมอาจาร์ยยังโหดถึงขั้นถ้าคนมาสายก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาเรียน เพราะอาจาร์ยสั่งปิดประตูหน้าและหลัง
ตลอดคาบเรียนในช่วงเช้านั้น ผมพยายามตั้งใจเรียนแต่ก็ไม่เกิดผล เพราะว่าในหัวของผมนั้นยังคงมีแต่เรื่องราวของเมื่อวานไหลกลับมาไม่หยุด เหมือนมันถูกสั่งให้รีเพลย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่แบบนั้น จนกระทั่งจบคาบ
ยอมรับเลยว่าวันนี้เรียนไม่รู้เรื่องจริงๆเลยต้องไปขอชีทที่เพื่อนในคลาสจดไว้มาลอก ปกติผมก็มีเพื่อนนะครับ แต่ว่าวันนี้เพื่อนสนิทที่เรียนอยู่คณะเดียวกันนั้นไม่มา สงสัยจะตื่นสายเพราะเมื่อคืนกว่าไอ้ทอยมันจะกลับจากร้านคงดึกน่าดู
ทอย คือเพื่อนสนิทผมอีกคนที่เรียนอยู่คณะเดียวกันครับ มันมีวงดนตรีของมันด้วยที่ตื่นสายก็คงไปเล่นดนตรีดึก ผมกับทอยไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ บางครั้งมันก็เคยไปนอนห้องผมเหมือนกัน อีกอย่างก็คือ ทอยกับไอ้กิ๊กมันจะเข้าขากันได้ดีตลอด ไปไหนไปกัน มันสองคนชอบไปนั่งร้านเหล้าด้วยกันบ่อยๆครับ ฮ่าๆ
ผมเดินออกจากห้องเรียนในใจคิดว่ากะจะไปหาอะไรกินแถวหอ เพราะว่าช่วงบ่ายไม่มีเรียนต่อแล้วแต่เสียงการแจ้งเตือนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเรียกความคิดของผมให้หยุดลง
ผมกดปลดล็อคหน้าจอ การแจ้งเตือนโปรแกรมแชทที่แสนคุ้นเคยเด้งขึ้นมาหน้าจอ หน้าจอทัชสกรีนแสดงประโยคหนึ่งประโยคของผู้ที่ส่งมา
ไลน์ : พี่เอ็ม / เจอกันโรงอาหารกลาง พี่รออยู่
สายตาของผมยังจ้องกับข้อความนั้นอย่างสงสัย รอกินข้าวเหรอว่ะ เพื่ออะไร ผมเก็บสิ่งที่สงสัยนั้นไว้แล้วรีบเดินไปที่โรงอาหารกลาง
พี่เอ็ม .. . กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
สองขาของผมพาตัวเองมาหยุดอยู่ภายในโรงอาหารกลาง สายตากวาดมองหาร่างสูงที่คุ้นเคยก็พบว่าพี่เอ็มนั้นนั่งอยู่โต๊ะริมสุด ผมเดินเข้าไปหาเขาที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ . .. มีอะไรรึเปล่า พี่ ” เมื่อผมนั่งลงกับโต๊ะแล้วก็ถามเขาทันทีผมไม่กล้าที่จะมองใบหน้าของพี่เอ็มได้แต่เสมองไปทางอื่น พึ่งสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะไม้มีจานข้าวอยู่สามจาน
ผมกำลังจะเอ่ยถามต่ออีกครั้งแต่ก็ต้องหยุดการกระทำนั้นลงเพราะเห็นว่าตอนนี้มีผู้หญิงอีกคนกำลังนั่งลงข้างๆพี่เขา ผมได้แต่ไล่สายตามองผู้หญิงคนนี้ที่นั่งลงตรงกันข้ามกับผม
เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนนึงเลยทีเดียว ผมสังเกตเห็นว่าเธอไม่ได้ใส่ชุดนิสิตแต่เธอนั้นสวมเสื้อชอปอยู่และมีอักษรโรมันที่บ่งบอกว่าเธอนั้นอยู่ปีไหน
ซึ่งเหมือนกันกับเสื้อที่พี่เอ็มใส่อยู่ ผมได้แต่มองหน้าเธอกับพี่เอ็มสลับไปมา
จนเหมือนเธอคนนี้จะสงสัยว่าผมนั้นเป็นใครเลยเอ่ยปากถามขึ้นมา
“ นี่ใครเหรอเอ็ม ? ” เสียงใสๆที่น่าฟังเมื่อออกมาจากปากเธอคนนี้แล้วช่างน่าฟังจริง ผมได้แต่มองหน้าเธอคนนี้อย่างลังเล . .. คนๆนี้ คือคนที่พี่เอ็มก็ให้โอกาสด้วยใช่หรือเปล่า
“ รุ่นน้องน่ะ ชื่อเฟรน พามาให้ข้าวรู้จักไง ” เสียงนุ่มติดหูที่ผมไม่ได้ยินมาหลายอาทิตย์นั้น ตอบกลับคำถามของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกาย ก่อนที่พี่เอ็มจะส่งยิ้มน้อยๆให้เธอ
ผมว่า ..
“ นี้ไงเฟรน คนที่พี่คุยๆอยู่ น่ารักมั้ย ” พี่เอ็มมองหน้าผมแล้วพูดประโยคนี้ขึ้นมา เขาจงใจเน้นน้ำเสียงคำว่า คุยๆอยู่ อย่างชัดเจน เหอะ ถึงกับพามาเปิดตัวกับผมเลยเหรอว่ะ
ผมขมวดคิ้วมองร่างสูงที่ยังคงส่งยิ้มให้หญิงสาวที่อยู่ข้างกายไม่ห่าง
ผมอยากจะถามจริงๆ ว่า พี่ทำแบบนี้ทำไม . ..
“ ข้าวไม่เคยเห็นน้องคนนี้เลยอ่า พี่ชื่อข้าวปุ้นนะ จะเรียกว่าข้าวเฉยๆก็ได้ ” พี่ข้าวแนะนำตัวกับผมแล้วส่งยิ้มที่ดูแล้วจริงใจให้มากับผม
“ ครับพี่ข้าว พี่ข้าว . .. คุยอยู่กับพี่เอ็มจริงๆเหรอครับ ” ผมได้แต่มองหน้าเธอแล้วส่งเสียงถามย้ำไปอีกรอบว่ามันคือเรื่องจริง
เรื่องจริงที่พี่เอ็มเรียกผมให้มาเจอพี่ข้าวและได้รู้จักพี่เขาในฐานะคนที่คุยๆกันอยู่ของเขา
“ น้องถามแบบนี้พี่ก็เขินแย่สิ เอ็มไปบอกน้องเหรอ ข้าวเขินนะ ”
“ เอ็มคิดว่าน้องมันน่าจะควรรู้นี่คะ ว่าพี่ตัวเองกำลังคุยกับใครอยู่ ”
บทสนทนาในตอนนี้เหมือนจะมีแค่พี่เขาทั้งสองคน การเรียกแทนตัวเองว่าเอ็มเฉยๆนั้น ดูเหมือนคนรักที่ใช้ชื่อตัวเองแทนกันล่ะกัน แล้วคำว่า คะ ที่พี่เอ็มพูดลงท้ายนั้นช่างเพราะจริงๆ ถ้าคนฟังคือคนรัก การใช้คำพูดแบบนี้ช่างดูน่ารักและเหมาะสมกับพี่เขาทั้งสองคน
คะ .. คะงั้นเหรอว่ะ เหอะ.. .. ช่างดูเป็นคนที่สุภาพและนิสัยดีอะไรขนาดนี้ คำพูดเพราะๆ สายตาที่มองหากัน รอยยิ้มที่ค่อยส่งให้ตลอดเวลานั้นมันอะไรกัน
ที่เรียกมา .. เพราะให้มาดูเรื่องแบบนี้งั้นเหรอ
ผมมือขึ้นมาประสานใต้คางก่อนจะแค่นยิ้มออกมาเงียบๆ แล้วมองร่างสูงโปร่งที่คอยพูดต่อบทสนทนาเรื่อยๆ
“ หึ .. . ผมกลับได้รึยังครับ ”
การที่เขาเรียกผมมาเจออะไรแบบนี้ มันจุกๆว่ะครับ มานั่งมองคนที่ตัวเองรักส่งสายตาหวานๆให้คนอื่น คอยพูดจาเพราะๆ ส่งยิ้มให้แบบนี้มัน . ..
“ เดี๋ยวก่อนซิเฟรน พี่เรียกเรามากินข้าวนะ นี่พี่ก็ซื้อข้าวไว้ให้เราแล้ว ” พี่เอ็มดันจานข้าวมาให้ผม ก่อนที่พี่ทั้งสองคนนั้นจะเริ่มตักข้าวกิน บทสนทนาระหว่างเขาสองคนเริ่มปะติดปะต่อขึ้นอีกครั้ง
ผมก้มลงมองจานข้าวของตัวเองแล้วยิ้มออกมาหน่อยๆ เขาจำได้ว่าผมชอบกินอะไร แต่ผมไม่ได้ยิ้มออกมาเพราะความสุขหรืออะไร แค่ปลอบใจตัวเองเท่านั้น
ความรู้สึกของผม .. ตอนนี้มันย่ำแย่ชะมัด
เหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลัง . .. เขาจำได้ว่าผมชอบอะไร เขาทำเหมือนใส่ใจแต่มันไม่ใช่เลย .. ทั้งที่เขาเองนั้นก็พาคนของเขามากินข้าวด้วยแล้วยังแนะนำตัวกับผมเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหมือนเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตของพี่เอ็ม โดนเขาฉีกความรู้สึกของผมออกทีละนิดๆ อย่างช้าๆ เขาทำให้ผมรู้ว่า ..
เขาจำเรื่องของผมได้ .. เขาก็อาจจะจำและทำตัวน่ารักนิสัยดี คอยดูแลกับคนอื่นได้เหมือนกัน รอยยิ้มที่ดูสดใสแบบที่ผมไม่เคยจะได้เห็นเวลาอยู่ด้วยกัน หรือสายตาที่คอยจ้องมองแบบนี้ .. ผมไม่มีโอกาสที่จะได้มอง น้ำเสียงที่ฟังแล้วดูออดอ้อนผมก็ไม่เคยได้ยิน ..
ผมจะทนอยู่กับสิ่งเหล่านี้ไปได้อีกนานแค่ไหน .. แค่เพียงวันเดียว . .. ผมก็รู้สึกแย่เอาซะแล้ว
ทั้งๆที่ผมคิดเอาไว้ว่า มันอาจจะไม่เป็นไร .. ผมก็อยู่ในส่วนของผม ผมไม่อยากจะสนใจเรื่องคนของพี่เอ็มมากนัก แต่พอได้มาเห็นแบบนี้แล้ว ..
ผมอาจจะแพ้
เพราะพี่เอ็มนั้นดูใส่ใจผู้หญิงคนนี้ซะเหลือเกิน . ..
สองขาของผมพาตัวเองลุกออกจากโต๊ะและรีบเดินออกจากโรงอาหาร .. . อยากเดินหนีออกมาให้ห่างจากคนสองคนนั้น ไม่อยากจะรับรู้ว่าเขาสองคนดีต่อกันแค่ไหน
ผมอยากให้วันนี้จบลงเพียงเท่านี้จริงๆ
เนื้อเรื่องบางตอนในชีวิตผมตอนนี้ .. มันช่างดูวุ่นวายจริงๆ ตั้งแต่ที่ผมเดินก้าวข้ามเส้นคู่ขนานนั้นไปหาพี่เอ็ม .. ร่างกายของผมช่างดูอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จริงๆ ความรู้สึกที่มีอยู่มันสุขไม่ถึงกับคนอื่นๆที่เรียกว่าความสุขได้เลย .. และทุกข์ที่เหมือนจะไม่รุนแรงมากนักแต่มันช่างยาวนาน ในความรู้สึกของผม
“ ว่าไงเด็กเตี้ย ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนี้หืม ? ”
===========================================================
มาแล้วน้าาาาาาาาาาา พน.มีสอบ แต่มาแต่งต่อให้แล้วนะ เนื้อเรื่องหลังจากนี้ต่อไปจะเป็นอย่างไรเรามาลุ้นกันดีกว่าเนาะ
เกือบทุกๆตอนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะตอนไหนก็จะไม่มีตอนไหนที่เจ็บแบบสุดๆเลยสักครั้ง ตัวคนเขียนเองก็จะพาทุกคนหน่วงไปพร้อมๆกันอิอิ
หน่วงแบบเนิบๆมาตลอดเลย แล้วตอนนี้มีประโยคจากตัวละครใหม่มาด้วยๆ 55555 ตัวละครตัวนี้สำคัญนะค้าบบบ รอติดตามกันเลย
ฝากเอาใจช่วยน้องเฟรนและใครจะด่าพี่เอ็มก็ตามสบายนะค้าาา
ฝากติดตามเรื่องนี้ด้วยนะคะ เป็นเรื่องแรกที่ตัวคนเขียนเองเขียนมาได้ไกลขนาดนี้
ขอบคุณทุกๆคนมาเลยนะที่เข้ามาอ่านและคอยติชมอยู่ตลอด ขอบคุณนะคะ :bye2:
-
ขอหักธงพี่เอ็มเลยค่ะ ไม่เชียร์อีตานี่แล้ว :z6: :z6: :beat: :beat:
ขอพระเอกออกโรงด้วยค่าาาาาาาาาา :katai4:
-
:mew1:
-
ใครมาทักเฟรนอ่ะ ? นึกชื่อไม่ออก แหะๆ
พี่เอ็มทำแบบนี้ทำไมมมมม
-
อ่านแล้วเจ็บปวด อิพี่เอ้มมมมมม ทำไมทำแบบนี้ห้ะ
ใจร้ายยยยย :z6:
-
ขอร้องล่ะ
ไม่เอาเอ็มเป็นพระเอก
ไม่เด็ดขาด
ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
ชั่วช้าที่สุดไอ้พี่เอ็ม
-
โถ~ เลวนะคะอิพี่เอ็ม. :angry2: ไม่รักแล้วให้ความหวังเฟรนทำไม?.แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าการพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองหรอกนะ.จิ๊! :beat:
เสียเวลาอ่ะเฟรน.ถอยค่ะ!!! ถอย!!! :กอด1: เฟรนแน่นๆ
-
เฟรนหาใหม่ดีกว่า :z6:อย่าไปรักมันอิพี่เอ็มเนี่ย
-
เปิดใจให้ตัวละครใหม่, พี่บิ๊กหรือเปล่านี่ที่ทักมา เป็น กิ๊กรูมเมทที่แสนดีดีกว่าก็ได้
เอ็มขอให้ความทุกข์ที่นายสร้างให้เฟรนคืนกลับไปหานาย
จริงๆแล้วถ้าจะเป็นอิหรอบนี้ล่ะก็สู้ให้เอ็มปฏิเสธไปเลยไม่ดีกว่าหรือ?
ทำไม่ต้องมาทำร้ายจิตใจกันด้วย
ตัวเอ็มเองก็น่าจะรู้นะว่าคนที่ไม่ได้ถูกเลือกรู้สึกยังไงจากกรณีเฮน
น่าจะเข้าใจหัวอกเดียวกันเฟรนทำแบบที่ตัวเอ็มทำกับเฮน
ไม่ชอบเอ็มมากๆเลยตอนนี้
-
ทำแบบนี้ เลว ไปไหม เอ็ม มึงบอกให้น้องลองคุยกับมง แต่มึงทำแบบนี้ นี่นะ ห่า ถ้าแบบนั้น มึงอย่าบอกให้น้องลอง ตั้งแต่แรกดีกว่าไหม เฟรน หาใหม่ ไม่ต้องไปสนใจ ไอเอ็ม แม่งหรอก คนแบบนี้ คบไป ก็มีแต่เจ็บ เลือกเอานะ เฟรน ระหว่าง เป็น คน กับ ควาย จะเป็น แบบไหน
-
เฮ้อออออ. เจ็บมากี่ครั้งแล้วอะเฟรน ครั้งนี้น่าจะเจ็บที่สุด แต่เด้ยวก็มีอีกเรื่อยๆ. ตัดใจดีกว่า. สงสารเฟรนมากๆๆๆๆๆ. :m15: :m15: :m15: อีพร่เอ็มชั่วช้าสารเลวที่สุด ไม่รักไม่ชอบแล้วทำแบบนี้ทำไม
-
เค้าบอก คนตกหลุมรักก่อนมักจะเสียเปรียบ ถ้าจะจริง สงสารเฟรนมาก แต่พี่เอ็มค้ะ เคยได้ยินป่ะ รักได้ก้เลิกได้ เฟรนรักพี่ก้จริง แต่ในเมื่อพี่ยังคุยกะคนอื่นได้ พี่คิดว่าจะไม่มีใครมาคุยกับเฟรนบ้างรึไง? อย่าหลงตัวเอง
-
ทำไมทำแบบนี้ล่ะพี่เอ็ม ถ้าไม่รักก็บอกน้องไปจะบอกว่าให้โอกาสลองคุยกันทำไม สู้บอกน้องไปเลยว่าไม่คบให้น้องมันเจ็บทีเดียวดีกว่าเจ็บยาวๆไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้ ไม่เห็นใจน้องมันเลย บอกคำเดียวว่า เลวมาก
-
พระเอกตัวจริงโผล่มาเปิดตัวแล้วใช่ไหม
อย่าไปสนใจไอ้พี่เอ็มเลย
-
ทำไมเป็นอย่างนี้
-
อิพี่เอ็ม เป็นแค่ตัวร้ายก็หลบไปปปป :z6:
พระเอกเค้าออกโรงมาตอนท้ายแล้วเห็นม้ายย
-
ไม่เห็นจะต้องทำขนาดนี้เลย
เลิกรักมันไปเถอะ :m31:
-
พี่เอ็ม อยากให้น้องมันตัดใจก็บอกมันตรงๆ
อย่าใช้วิธีแบบนี้ มันน่าเกลียด บอกว่ารักมันเหมือนน้อง นี่คือการกระทำที่ทำกับคนที่คิดว่าเป็นน้องเหรอคะ?
หรือถ้าจะลองใจกันด้วยวิธีนี้ ก็บอกตามตรงเลยว่ะพี่เอ็ม ว่าโคตรไม่แมน
คือรู้ว่าจะทำให้เฟรนรู้ให้เข้าใจว่าไม่ได้มีเฟรนคนเดียวนะ คุยกับคนอื่นด้วยนะ ให้รู้สถานะตัวเองนะ แต่จำเป็นต้องบังคับให้มันทานข้าวด้วยทางอ้อมด้วยเหรอ? แค่เรียกมาดูก็พอแล้วหรือเปล่าคะ พี่เอ็มนะพี่เอ็ม...
-
1 ในตัวเลือก ที่เป็นได้แค่ตัวสำรอง
บอกเฟรนว่าคุยกับคนอื่นด้วย
แต่ไม่บอกข้าวเหมือนที่บอกเฟรน
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
อย่างน้อยก็ต้องมีคนเจ็บอยู่แล้ว
-
:hao5: สงสารน้องอ่ะ อิพี่เลววววววววววมาก :fire:
ขอให้น้องมีคนมาจีบทีเถอะ :call: :call: :call:
-
กดเปลี่ยนพระเอกได้ไหม??
ไม่เอาพี่เอ็ม สงสารเฟรน
:hao5: :hao5:
-
โฮ่..สุดยอดเลยเอ็ม ตูเพิ่งชมมึงไปเมื่อวานเองนะ นึกว่าจะมีความคิดอ่านมากกว่านี้ พอที่คนๆนึงจะหลงรักมาหลายปีดีดัก
คือมึงบอกว่าให้โอกาสเขาเมื่อวาน แต่วันนี้มึงกลับทำลายความรู้สึกดีๆของเขาที่มีให้มึงด้วยวิธีเหี้ยๆ คือถ้าจะทำให้ตัดใจก็แค่บอกอีกทีก็ได้ เฟรนมันคงพูดรู้เรื่องอยู่หรอก
:เฮ้อ: นี่อะไรวะ แมนโคตรๆ ไม่เห็นเหมือนตอนแรกๆที่เฟรนมันพล่ามให้ฟัง ว่ามึงดีงั้นงี้
คราวนี้ถ้าเฟรนยังไม่ตัดใจ ก็จงเป็นตัวสำรองอย่างชื่อเรื่องเถอะ เมื่อวานบอกอยู่อย่างไหนก็เจ็บ แต่ทำไมตูว่า วันนี้มันเจ็บเหี้ยๆยิ่งกว่าทุกวันวะเนี่ย ชีวิตยังอีกยาวไกลเฟรนเอ้ย
-
บีบหัวใจจิ๊ดๆเลย นี่เหรอที่เรียกว่าโอกาส ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้อย่าให้โอกาสตั้งแต่แรกเลย เอ็มเอ๋ยถ้าคิดว่าดีก็ทำปายยยยยย
-
ก่อนอ่านตอนที่เจ็ด ก็ยังรู้สึกกลางๆ กับเอ็ม เข้าใจว่า การโดนผู้ชายมาชอบมันคงยอมรับไม่ได้ในทันทีอะไรอย่างนั้น
แต่พอมาตอนนี้นี่ โกรธเลย
เฟรนยังไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่กลับเรียกมาแบบนี้ บอกน้องมันไปเลยดีกว่าไหมว่าไม่เอา ไม่เล่น ไม่ให้โอกาส ตัดจบไปเลย เพราะน้องมันก็ไม่ได้ตื้ออะไรมากมาย
( โกรธจริงนะเนี้ย)
เฟรนเป็นเด็กที่กล้า กล้าแสดงความรู้สึกของตัวเอง ชัดเจน
และแน่นอนว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ น้องก็ไม่จำเป็นต้องไปวิ่งตามเอ็ม ปล่อยมันเลย
คนเขียนเขียนดีค่ะ รออ่านต่อนะ เอาตามคนแต่งแพลนเรื่องเลย
ชอบอ่ะ
(เม้นต์นี้ ยาวสุดเท่าที่เคยโพสต์มา)
-
พี่เอ็มต้องการอะไรคะ??? ทำแบบนี้ทำไม :hao5:
-
เลวมากอ่ะ :angry2: ไม่รักแล้วให้ความหวังกันทำไมวะ :ling1:
น้องมันแค่ขอโอกาสทำหน้าที่ของคนที่ไปแอบชอบแกเท่านั้นเองนะ :m16:
ไม่ใช้ของเผื่อเลือกนะเว้ย :m31:
ตอนนี้แกมีโกาสเลือกแกไม่เลือก :angry2: จะรอดูแกเป็นแค่ตัวเลือกของน้องมันบ้าง :katai3:
-
เจ็บแทนเฟรนอ่ะ ถ้าพี่เอ็มไม่ชอบก็ไม่ควรจะให้โอกาสตั้งแต่แรก :mew2:
-
ขอให้รักครั้งนี้ของพี่เอ็มเจ็บจนมันเจียนตาย ขออย่าได้สมหวังกับใครอีกต่อไป
-
รบกวนมาต่อเร็วๆๆนะค่ะจะขาดใจแล้วค่ะ เชียร์สุดๆๆ :hao7:
-
เราเป็นคนหนึ่งที่ตามอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนทีชื่อยังไมไ่ด้เปลี่ยนอ่ะนะ 555555 ติดตามมาเรื่อยๆ
ก็ขอเป็นกำลังใจให้นะ สู้ ๆ นะ
เราอ่านแล้วเราอินจริงๆ มันหนวงมาก เหมือนกลายเป็นตัวเอง
คือมันเจ็บที่ใจแล้วอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก (อินไปเน้าะ ฮ่าๆ)
ส่วนตัวแล้วชอบนะที่ตัวเอกเป็นคนเข้มแข็งคนหนึ่ง
ก็ไม่ขอไรมากเน้าะ ขอให้ไอ่พี่เอ็มเจอหนักๆ ยิ่งกว่าที่ที่เฟรมโดน
นี้เปล่าแค้นนะ 55555
เฟรมสู้ๆ เขานะลูก ยึดตำแหน่งที่หนึ่งในใจไอ่พี่เอ็มแล้วหักอกมันซ้า !!!! :katai4: :katai4: :katai4:
//// สู้ๆ นะ เราจะติดตามเสมอนะ เป็นกำลังใจให้ตลอด Fighting !
-
บอกได้คำเดียว หน่วงมากๆ จะรอนะคะ
-
:mew5: อยากอ่ายต่อแล้วอ่ะ อยากอ่านความรู้สึกของพี่เอ็ม แลวก็อยากรู้ด้วยว่าใครทักอ่า
-
09
[/b]
“ ว่าไงเด็กเตี้ย ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนี้หืม ? ”
คนที่ทักผมด้วยประโยคนี้ก็คือพี่ต้นเล็กครับ ตอนนี้ผมกับพี่ต้นอยู่ที่ร้านกาแฟใกล้ๆหอพักผม ร่างเล็กที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกำลังดื่มโกโก้เย็นแบบที่พี่เขาชอบ ก่อนจะตามด้วยการตักเครปเค้กเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“ นี่ชวนผมมานั่งดูพี่กินโกโก้ กินเค้กเหรอพี่มง ” ผมพูดอย่างติดตลก และตามท้ายด้วยชื่อพี่มงอีกที เมื่อคนตรงหน้าได้ยินคำลงท้ายแบบนี้ก็ได้แต่ส่งสายตาแบบเคืองๆมาให้
“ พี่ต้นก็พอเถอะ แล้วพี่ก็จะถามด้วยว่า ทำไมวันนี้เราถึงได้ไปกินข้าวโต๊ะเดียวกันกับไอ้เอ็มได้ ” คนตรงหน้าถามขึ้นแล้วหยุดการกระทำต่างๆ ยกมือขึ้นกอดอกและแค่มองหน้าผมนิ่งๆเท่านั้น
พอผมได้ยินคำถามที่ออกมาจากร่างเล็ก ผมก็หลุดขำออกมาอย่างฝืนๆ ถามตรงประเด็นดีจริงๆ
“ พี่เห็นด้วยเหรอ ว่าแต่พี่จะเอาแบบไหนล่ะ เอาคำตอบที่ฟังแล้วสบายใจหรือว่า คำตอบจริงๆ ”
“ ไหนลองตอบแบบสบายใจดิ ”
เมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่ายผมก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย แล้วส่งยิ้มมุมปากไปให้
“ ผมคุยกับพี่เอ็มเรียบร้อยแล้ว เรื่องระหว่างผมกับเขา เมื่อกลางวันพี่เขาก็แค่เรียกให้ไปกินข้าวด้วยกัน โมเม้นนี่ดีสุดๆใช่มั้ยล่ะพี่ต้น ”
“ เอาที่เฟรนสบายใจเลยล่ะกัน ” อีกฝ่ายที่ได้ยินคำตอบผมแล้วกลับถอนหายใจออกมาแล้วดูดน้ำโกโก้ไปซะอึกใหญ่
“ ลองคำตอบเรียลๆ จริงๆสิ ”
ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ เมื่อพี่เขาถามถึงคำตอบจริงๆ ผมเท้าแขนลงบนโต๊ะเสหน้ามองไปทางอื่น แทนการมองไปยังใบหน้าเล็กของอีกฝ่ายที่ได้แต่ส่งยิ้มล้อเลียนมาให้
“ พี่ต้น .. ผม .. ไม่รู้จะพูดอย่างไงว่ะพี่ ”
“ แค่พูดระบายให้พี่ฟังเหมือนอย่างเคยก็พอ ” น้ำเสียงที่ติดจะใจดีเอ่ยบอก
“ผม .. . ผมคุยเรื่องที่ผมรู้สึกอย่างไรกับพี่เขาแล้ว ”
ผมหลุบตาลงต่ำ ริมฝีปากบางมันยากเกินกว่าจะให้มันเปิดปากออกแล้วพูดประโยคถัดมา ร่างเล็กที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้นยื่นมือมาจับมือผมแล้วบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจก่อนที่เจ้าตัวจะสิ่งยิ้มบางมาให้อย่างปลอบโยน
ผมเม้มริมฝีปากตนเองแล้วพูดขึ้นต่อ พอกลับมานึกถึงเรื่องนี้แล้ว ทำไมมันถึงได้เจ็บหนึบๆ แบบนี้นะ
“ แต่ผลที่ได้ มันไม่ได้ออกมาดีอย่างที่คิดๆกันไว้หรอกพี่ ผมว่าผมพลาดเอง คิดไปเองว่ารู้จักคนอย่างพี่เอ็มดีพอ และพี่เขานั้นน่าจะเข้าใจและให้โอกาสดีๆกับผม ”
คำว่าดีๆ ผมเน้นเสียงออกมาหนักๆ เพราะโอกาสที่พี่เอ็มให้นั้น ไม่ได้ดีอะไรเลย แล้วร่างสูงที่ผมอยากอยู่ใกล้ก็ได้แต่ทำร้ายความรู้สึก เหมือนว่าเขานั้นไม่ได้รู้สึกตัวว่าตนเองได้ฉีกความรู้สึกดีๆที่ผมมีให้ต่อเขา ทิ้งไปเรื่อยๆ
เหมือนความรู้สึกของผมนั้นไม่มีที่สิ้นสุด เขาถึงได้ทำแบบนี้อย่างไม่นึกถึงจิตใจผม
“ แล้วสิ่งที่เราได้กลับมาล่ะเฟรน มันคืออะไร ” เสียงนุ่มติดจะแผ่วเบา เอ่ยถามต่อ
“ สิ่งที่ได้กลับมา มันก็คือโอกาสเหมือนกันพี่ต้น แต่ผมว่ามัน . .. . ไม่ได้ดีเลยสักนิด พี่ก็เห็นแล้วใช่มั้ย ตอนกลางวันที่ผมไปนั่งโต๊ะเดียวกันกับพี่เอ็ม . .ก็เพราะพี่เอ็มเรียกให้ผมไป ไม่ว่าโอกาสที่เขาให้จะดีหรือไม่ดี มันจะส่งผลถึงความรู้สึกผมอย่างไรผมก็พร้อมที่จะไปหาเขา เพียงแค่เขาเรียกหาผม แล้วพี่ต้นเห็นอีกรึเปล่าล่ะว่าเมื่อตอนกลางวันมีใครนั่งอยู่อีกคน ”
เมื่อผมพูดมาจนถึงจุดนี้ ผมทำได้แค่ยิ้มหยันออกมา ขอบตาของผมเริ่มร้อนผ่าว .. แต่มันก็ทำหน้าที่ได้แค่นั้น
ไม่มีแม้แต่น้ำตาที่จะคลอขอบตาแม้แต่น้อย . .. มันทำหน้าที่ของมันได้ดีแล้ว ไม่ต้องแสดงด้านอ่อนแอให้ใครเห็น . .. มันยังไม่เจ็บมากซักหน่อย ไม่ต้องร้องออกมาหรอก
“ พี่เห็นแล้วเฟรน . .. ข้าวปุ้นใช่มั้ยที่อยู่กับเราด้วย ”
ชื่อของผู้หญิงของเขา กลับเข้ามาในความทรงจำของผมอีกครั้ง แค่ได้ยินชื่อเธอ ก็รู้สึกเหมือนว่าภาพเหตุการ์ณในช่วงกลางวันไหลกลับเข้ามาตอกย้ำอีกครั้งและอีกครั้งแบบไม่รู้จบ
ทำไมสิ่งที่พี่เอ็มยื่นมาให้ผมนั้นช่างทำร้ายความรู้สึกผมจริงๆ
“ ครับ ผมอยู่กับพี่เอ็มและ . .. พี่ข้าวปุ้น เธอเป็นคนน่ารักนะพี่ต้น เหมือนจะนิสัยดีด้วย .. .. ไม่แปลกที่พี่เอ็มจะสนใจและคุยๆกับเขาอยู่เหมือนกัน ”
สิ้นสุดน้ำเสียงผม คิ้วเรียวของอีกฝ่ายที่กำลังตั้งใจฟังสิ่งที่ผมเล่าอยู่ค่อยๆขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะจ้องหน้าผม
“ เดี๋ยวนะเฟรน .. เมื่อกี้เรากำลังบอกเป็นนัยๆกับพี่ว่า ไอ้เอ็มกำลังคุยๆกับข้าวปุ้นเหมือนกันเหรอ ? ” พี่ต้นทวนคำพูดอย่างไม่เชื่อหูตนเองนั้นว่าได้ยินอะไรที่มันถูกต้องแล้ว
“ อ่า .. ใช่ ” ผมพยักหน้าเบาๆตอบรับอีกคน
“ งั้นก็แสดงว่า ไอ้เอ็มมันก็คุยกับเราแล้วก็คุยกับข้าวด้วยงั้นเหรอ ” พี่ต้นเล็กได้แต่ส่งสีหน้าที่เหมือนจะมีแต่เครื่องหมายคำถามมาให้ผม
“ ก็คงจะแบบนั้นแหละครับ ก็เมื่อกลางวันเรียกผมไปดูคนของเขาเองนี่น่า เปิดตัวเรียบร้อยเชียว ”
“ แล้วไอ้เอ็มได้พูดเรื่องเฟรนกับข้าวปุ้นมั้ย หรือบอกแค่ว่าเราเป็นน้อง แบบนั้นเหรอ ”
ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปแค่พยักหน้ารับอย่างเดียว แล้วส่งยิ้มกว้างไปให้อีกฝ่าย ไม่ได้ส่งยิ้มไปเพื่อบอกพี่ต้นเล็กว่าตนเองนั้นไม่เป็นไร แต่แค่ยิ้มรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น
คนมีความรักเขาเป็นแบบผมกันรึเปล่า นะ . .
เริ่มไม่แน่ใจซะแล้วสิว่าสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่ นั้นเรียกว่าอะไรกันแน่
มันคือความรักที่ผมอยากจะมีจริงๆเหรอ
พอได้มาสัมผัสกับคำว่าโอกาสที่ผมอยากได้หนักอยากได้หนาในวันนี้ ทำให้ความคิดของผมค่อยๆเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย
คนที่มีความรัก คนที่อยากได้โอกาส . .. มันต้องรู้สึกแบบผมไหมนะ เขาจะพยายามกันแค่ไหน คนรักของเขาจะเป็นแบบพี่เอ็มรึเปล่า
พี่เอ็มได้แสดงให้เห็นว่าในวันนี้ คือสิ่งที่เขาจงใจอยากให้ผมรับรู้ว่าที่จริงแล้วเขาเป็นคนแบบไหน เพื่อให้ผมรู้ว่าสิ่งที่ผ่านมานั้นเกี่ยวกับตัวพี่เอ็มเอง สิ่งที่ผมเห็นสิ่งที่ผมคิดว่ารู้จักดีพอ นั้นไม่ใช่อีกต่อไป .. ที่ผมเห็นก่อนหน้านั้นคือสิ่งที่ผมพี่เอ็มแค่เพียงด้านเดียว . ..
แต่อีกด้านที่เขาแสดงให้เห็นผมกลับไม่เคยเห็นเลย พึ่งจะได้รู้ว่าวันนี้ เขานั้นก็มีอีกหลายๆด้านที่ผมยังไม่รู้ ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และอาจจะมีอีกหลายๆด้านก็ได้ ที่ผมจะแปลกใจ ถ้าพี่เขาเปิดเผยมันออกมา
แต่ความรู้สึกของผมที่มันเอ่อล้นอยู่ตอนนี้ .. มันจะอยู่จนถึงวันที่พี่เอ็มนั้นยอมรับในตัวผมรึเปล่า
ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ
คล้ายๆ ว่าสิ่งที่พบ สิ่งที่ได้สัมผัสตอนนี้ ผมนิยามว่ามันเป็นความรักในแบบของผม การที่ผู้ชายคนนึงนั้นรักหรือชอบผู้ชายอีกคนนึง .. คนภายนอกนั้นอาจจะมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี
คนอื่นๆอาจจะต้องการให้ผู้ชายคนนั้นลงเอยกับผู้หญิงที่ดีกว่า คนอื่นๆอาจจะอยากให้เป็นไปในรูปแบบนั้น
แต่สำหรับผมคือไม่ ..
ความรักของผม ชีวิตผม ผมเลือกเองได้ นิยามความรักในแบบของตนเองได้ ยิ่งตอนนี้สถานะเราสามคนแบบนี้
อย่างไรซะมันคงเป็นไปไม่ได้
ถ้าจะมีความสุขไปกันหมดทั้งสามคน ความเป็นจริงก็จะมีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่จะมีความสุขที่สุด และก็จะมีอีกหนึ่งคนที่เหลืออยู่ ยืนมองสองคนนั้นด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
และตัวผมเองก็ไม่ได้อยากเป็นแค่เพียงชายคนนั้นที่ว่ามา ไม่อยากยืนส่งยิ้มโง่ให้ใครอีกต่อไปแล้ว
บอกตนเองเสมอว่าถ้ามันเจ็บ .. . เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น อย่าไปฟูมฟาย เรายังไม่ได้ลองพยายามอะไรที่มันมากกว่านี้เลย
ถ้าปล่อยทิ้งไปกลางคัน โอกาสที่ได้มามันจะศูนย์เปล่า
มันไม่คุ้มกันหรอก กับความรู้สึกดีๆที่เสียไป
“ เฟรน .. .. ถ้าเรื่องมันเป็นแบบนี้ ถ้าไอ้เอ็มมันสนใจข้าวปุ้นมากกว่า เราต้องอยู่ในสถานการณ์เป็นตัวเลือกให้ไอ้เอ็มมันนะ .. ” เสียงของร่างเล็กเอ่ยขัดความคิดของผมที่ล่องลอยไปกับอากาศ
“ พูดซะดูดีเชียวนะ เป็นตัวเลือกงั้นเหรอพี่ต้น .. ที่จริงมันก็เป็นตัวสำรองดีๆ ไม่ใช่เหรอพี่ ” ผมได้แต่เอ่ยถามย้อนกลับไปหาเจ้าของคำถามก่อนหน้านี้
“ และอีกอย่างนะพี่ต้น ผมไม่ได้อยากจะยอมหรอก ตัวสำรองน่ะ .. . มันฟังดูเหมือนไม่มีค่าเลยใช่มั้ยล่ะพี่ ”
มันดูไม่มีค่า เพื่อให้อีกคนมองหาเลยจริงๆ ..
==================================================================
มาแล้วค่าาา ขอโทษที่เราหายไปนานน้า :sad4:
นิยายเราเป็นแบบแต่งไปลงไป บางทีเราก็แต่งๆดูแล้วแต่มันไม่ใช่เลยลบไปหลายทีเลย แหะๆ :a5:
ฝากติดตามพี่เอ็มกับน้องเฟรนด้วยนะ 555555 ตอนนี้มีอิพี่ต้นเล็กแว้บมาด้วย มาเป็นที่ระบายของน้องค่ะ :impress2:
ตอนนี้บางคนอาจจะอ่านแล้วไม่ดีพอน้า แต่ก็ฝากติคอมเม้นด้วยนะค้า ขอบคุณทุกคนมากๆนะค้าที่เข้ามาอ่าน ทุกๆคนเลย :katai2-1: :katai4:
และสำหรับคนที่จะสอบแกทพรุ่งนี้ ก็ขอให้สู้ๆด้วยน้า ตั้งใจสอบนะคะ :katai5:
-
ยิ่งอ่านแล้วยิ่งเกลียดอีพี่เอ็ม :fire:
-
หนูเฟรนจ๊ะ! พอใจจะทำอะไรก็ทำไป.จนกว่าจะไม่ไหวเลยนะ เดี๋ยวเราจะช่วย. :กอด1: เฟรนเอง.ตกลงเนอะ! :teach:
-
แทบร้องไห้ ไม่คิดเลยว่าเอ็มจะมาชอบเฟรนได้ยังไงเลย
ความหวังเฟรนริบหรี่ที่สุดเลย :(
อยากดูว่าน้องเฟรนจะเดินหน้ายังไงต่อ จะมีคนมาช่วยตบกบาลไอ้คุณเอ็มแทนเราไหมเนี่ย :beat:
-
แทบร้องไห้ ไม่คิดเลยว่าเอ็มจะมาชอบเฟรนได้ยังไงเลย
ความหวังเฟรนริบหรี่ที่สุดเลย :(
อยากดูว่าน้องเฟรนจะเดินหน้ายังไงต่อ จะมีคนมาช่วยตบกบาลไอ้คุณเอ็มแทนเราไหมเนี่ย :beat:
คงต้องมีวันของเฟรนเนาะ 5555555555555555 :hao7:
-
...มันไม่คุ้มกันหรอก กับความรู้สึกดีๆที่เสียไป...
เจอแบบนั้นไม่คุ้มเลยจริงๆ ถอยมาเถอะ :เฮ้อ:
ถ้าเปลี่ยนได้ก็อยากเปลี่ยนพระเอกนะ 5555555555555555+
-
ก็หวังต่อไป ตราบใดที่พี่เอ็มยังไม่บอกว่าคบใคร
แต่ถ้ารู้ว่าพี่เอ็มคบใครเป็นแฟนอย่างจริงจัง
ถึงตอนนั้นเฟรนก็คงจะยอมถอยเอง
ตอนนี้ยังมีโอกาส ถึงจะน้อยก็ตาม
-
เฟรนยังรักพี่เอ็มไง แต่แบบนี้แหละเฟรนจะได้รู้ว่าพี่เอ็มไม่ดีพอจะให้เฟรนรักหรอก
ขอให้เจ็บจะได้ตัดคนนี้ออกจากใจได้เร็วๆนะ
-
ทำกันขนาดนี้..อย่าไปได้อาจเอื้อมจะเป็นตัวจริงเลย
แค่ตัวสำรองก็ยังไม่ได้จะเป็น หึหึ
สภาพแบบนี้ ไอ่พี่เอ็มมันตั้งใจให้เฟรนแล้ว
ยัดเยียดให้เป็นคนดู..เกาะอยู่ขอบสนาม แค่นั้น
..ไม่ใช่ตัวสำรอง ได้เป็นเพียงคนนั่งมองอยู่ขอบสนาม..
แย่เนอะ
-
ไม่ไหวก็เดินออกมาเถอะ :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
ไม่ชอบเลยแต่เฟรนด์ก็คงยังตัดใจไม่ได้
ก็เอาเลยลูก เอาให้มันฉ่ำใจฉ่ำน้ำตา
เจ็บพอแล้วก็เอาความรักของเราเองกลับมาด้วย
อย่างน้อยได้ลองแล้ว ได้พยายามแล้ว
แต่มันไม่เวิร์คก็ค่อยๆเฟดตัวออกมา
เอาความรักทของเฟรนด์ที่เอ็มไม่เห็นค่าไปให้คนอื่นที่เห็นค่า
ยังดีที่เฟรนด์มีคนอื่นที่คอยเป็นที่ปรึกษาที่ระบายให้
ส่วนเอ็ม ณ ตอนนี้มีตัวเลือก ทำอย่างไรก็ได้
แม้แค่หมาก็ยังมีวันของมันสักวันหนึ่งนะ
แล้วเอ็มเองระวังว่ามันหนึ่งจะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่หัวใจของเอ็มเอง
-
มาต่อเร็วๆนะ อยากกินมาม่า o13
-
:hao5: :hao5:
-
เฮ้อออออออ สงสารเฟรนทุกตอนเลย อีพี่เอ็มเหี้ยมาก เลวทราม ตัดใจเหอะเฟรน :m15: :m15: :m15:
-
น้องทำดราม่าเองทั้งนั้นเลย :katai1: ถามว่าใครบังคับมั้ยก็เปล่า เป็นอะไรกับพี่เอ็มแล้วหรือยังก็ไม่ใช่ แล้วพี่เอ็มยิ่งเป็นผู้ชายแท้ๆ นี่ยิ่งยากเข้าไปใหญ่เลย :เฮ้อ: ยังไงก็ตาม เราจะติดตามพี่เอ็มต่อไปนะคะ :hao7: :hao7:
ปล. อ่านมาถึงบทล่าสุดเพิ่งรู้ว่าเฮน เป็นผู้หญิงค่ะ :heaven #ร้องไห้หนักมาก
-
เฮ้อ.. :เฮ้อ:
-
สบัดบ๊อบค่ะ พี่แนะนำ ยังไงเดี๋ยวเจ้าผู้ชายคนนั้นก็ต้องกลับมาง้อหนู!!!!
รออ่านจ้า
-
เฟรนต้องแยกระหว่าง 'ตัวสำรอง' กับ 'ของตาย' ออกจากกันก่อน
..
.. ความหมาย ความรู้สึก มันไม่เหมือนกัน
.. เพราะอย่างน้อย 'ตัวสำรอง' ก็ยังได้ลงแข่ง
-
แทบร้องไห้ เอ็มใจร้ายไปไหม โอกาสที่ให้ไม่ใช่สิ่งที่ดีจริงๆ ไม่แฟร์กับเฟรนด์จริงๆ ทำแบบนี้ใจร้ายมากๆๆๆ ไม่ให้โอกาสกันก็บอกมาเลยดีกว่า ทำแบบนี้บีบให้เจ็บปวดแตกหักกันไปเลยนี่นา ความรักนี้แทบไม่มีหวังอยู่แล้ว นี่ยังเหยียบซ้ำเข้าไปอีก ตัวเองก็เคยโดนเคยรู้สึก แล้วทำไมตอนนี้ยังมาทำกับคนอื่นด้วย ถ้าคิดว่าเป็นน้องที่มีความรู้สึกดีๆด้วยจริงๆต้องไม่ทำกับเขาแบบนี้สิ
ชอบประโยคนี้นะ...
“ ถ้ามันมากเกินไป หยุดก็ได้นะเว้ยมึง ความรักมันสวยงามก็จริง แต่ยิ่งยื้อเวลาออกไปมันก็ยิ่งเจ็บ จากความสวยงามที่เคยมองหา มันจะไม่เหลืออะไรอีกเลย ”
(ถ้ามีความรักอยู่คงรู้สึกเหมือนจะตาสว่างเลยแหละ)
-
มารอค่ะ :mew2:
มาต่อเร็วๆนะค่ะ
-
:mew1: :mew1: :mew1:
-
สงสารเฟรนจังเลย
-
สุดรึยังคะ หายคาใจรึยัง ถ้าสุดแล้ว จะพอก็ได้นะ ไม่ต้องไปทนเสียใจหรอก :เฮ้อ:
-
:z6: :z6: :beat: ให้ไอ้เอ็ม เดือดมากค่ะ อยากอ่านต่อ :m31:
-
10
[/b]
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องบางที่วางไว้บนเตียงร้องลั่นขึ้นมา เรียกความสนใจจากผมที่ตอนนี้กำลังทำรายงานอยู่เอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาแล้วมองดูรายชื่อคนที่โทรเข้า ก่อนจะกัดรับสายแล้วกดเปิดลำโพงไว้ หันไปสนใจรายงายที่ตนเองทำใกล้เสร็จแล้ว
“ โทรมามีไรมึง ”
// เฟรนมึงช่วยเอาโน้ตบุ๊คกูมาให้ที่สตูคณะหน่อยดิ สตูที่กูเคยพามึงมานะ กูต้องใช้ทำงานว่ะ // เสียงที่กรอกมาตามสายนั้นคือเสียงของรูมเมทตัวดีของเขานั้นเอง
“ เออๆเดี๋ยวไป จะเอาอะไรอีกป่ะ ” ตนเองถามทวนเพื่อนอีกครั้งเผื่อรูมเมทนั้นต้องการอะไรเพิ่ม
// ไม่เอาอะไรล่ะ มึงรีบมาล่ะกัน แค่นี้นะ //
อีกฝ่ายกดตัดสายไปเพราะอาจจะรีบไปทำงานต่อจริงๆ ปกติกิ๊กมันจะเป็นคนที่ไม่ค่อยลืมของทำงานไว้ที่ห้อง ก็คงมีแต่ครั้งนี้ที่มันลืมโน้ตบุ๊คไว้
ผมกดเซฟไฟล์งานตัวเอง เมื่อเสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะกดปิดคอมเป็นลำดับต่อมา แล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานของอีกฝ่ายหยิบโน้ตบุ๊คที่วางไว้ใส่กระเป๋าแล้วคว้าเสื้อคลุมกุญแจมอไซค์ออกจากห้อง
ผมขี่มอไซค์กลับเข้าไปในมอระหว่างทางนั้นตอนนี้ก็ถือว่ามืดแล้วเหมือนกัน ภายในตัวมอตอนนี้มีคนอยู่บ้างไม่มากซะเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ นักศึกษาที่ปกติจะอยู่ทำงานหรือนั่งคุยกันที่คณะไม่ก็ห้องสมุดนั้น พอเป็นวันนี้เลยดูบางตาไปซะหมด
ผมเลี้ยวรถเข้าคณะสถาปัตที่ตอนนี้แม้มืดค่ำแล้วแต่ที่คณะนี้ยังคงมีคนเดินไปมาพลุกพล่าน ไฟเปิดสว่างไปทั่วตึก ไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ผมจอดรถมอไซค์ไว้ที่จอดรถสำหรับที่นี้แล้วคว้าเอากระเป๋าโน้ตบุ๊คที่รูมเมทตัวดีดันลืมทิ้งไว้ที่ห้อง
ก่อนจะเดินไปตามทางเดินของตึกที่รูปทรงไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก แต่ตึกนี้มีหลายชั้นมากเลยทีเดียว และอีกอย่างที่เป็นจุดเด่นคือ รูปทรงสไตล์ของตึกเป็นแบบโมเดิร์น
ด้านข้างของตึกที่ทุกๆคณะอาจจะเป็นพื้นที่ว่างหรือมีการแปะข้าวสารข้อมูล แต่ตึกคณะนี้กลับมีการเพ้นท์รูปในคอนเซปต์ต่างๆกันไป แถมลายเส้นยังดูเป็นเอกลักษณ์อีกมากๆ
พอเดินเข้าไปอีกหน่อยใกล้ถึงบันไดทางขึ้นก็เจอกับลานใต้ตึกประติมากรรม รูปปั้นในแบบต่างๆมากมาย มุมนี้เป็นมุมที่ถือว่ามีของเยอะที่สุด ทั้งเหล็กทั้งดิน ไม้ต่างๆก็อยู่ที่นี้ เต็มไปหมด
ผมเดินขึ้นบันไดไปก็เจอคนเดินสวนลงมาบ้าง ที่ใครว่ากันว่าเด็กคณะนี้จะติสแตกไม่ก็อาจจะเรียกว่าเซ่อหรือสกปรก ผมว่าก็มีส่วนไม่มากก็น้อย แต่บางคนก็กลับดูดีโดดเด่นทุกครั้งที่เจอ ไม่ว่าจะหญิงหรือชายเด็กคณะนี้จะดูเป็นเอกลักษณ์ที่สุดแล้ว
บางคนนี้หน้าตาดูดีกว่าเพื่อนๆคณะอื่นอีกด้วยซ้ำ ผมเคยมาคณะถาปัตกับไอ้กิ๊กอยู่สองสามครั้ง ก็ได้พบปะกับเพื่อนๆในเซคของมันบ้าง นิสัยดีกันทุกคนแถมหน้าตาของบางคนนี้ถือว่าเป็นอาหารตาดีๆนั้นเอง เพื่อนของมันก็เป็นมิตรดีครับ
ตอนผมมาเจอเพื่อนๆมันครั้งแรกก็มีอาการเกร็งๆบ้างเพราะ พวกนี้ชอบสุงสิงกับเพื่อนตัวเองมากกว่า บางคนก็เข้ามาพูดคุยด้วยแบบเอนเตอร์เทนมากๆ เอาซะตั้งตัวไม่ทัน พอครั้งต่อๆไปมาเจอก็กลายเป็นว่าคุยกันสนิทไปซะแล้ว
สองเท้าพาร่างของผมมาหยุดอยู่ตรงประตูกระจกบานใหญ่ ที่ตอนนี้มีเสียงดังโวกเวกอยู่ภายในห้องเล็ดลอดออกมา
ผมผลักประตูกระจกบานใสตรงหน้าเข้าไปก่อนจะโผล่หัวเข้าไปหน่อย
“ ไอ้กิ๊กอยู่มั้ย ” เสียงของผมที่แทรกไปกับเสียงคนคุยกันภายในห้องนั้น ทำให้เสียงพวกนั้นหยุดลงก่อนคนบ้างคนจะตอบกลับมา
“ นึกว่าใครมา เด็กบริหารมานี่เอง ” ผมมองไปหาต้นเสียงนั้นก่อนจะยิ้มหน่อยก้าวขาเข้าไปภายในห้องแล้วสอดสายตามองหาไอ้กิ๊ก
“ กูอยู่นี่เว้ย ! ”
เสียงของรูมเมทผู้ลืมโน้ตบุ๊คตะโกนออกมา ผมจึงหันไปสนใจเสียงนั้นแล้วพบว่าตอนนี้มันกำลังทำอะไรอยู่ใต้โต๊ะคอมก็ไม่รู้ ผมเดินเข้าไปหามันระหว่างนั้นก็มองรอบๆไปด้วยว่าตอนนี้เสียงโวกเวกนั้นเริ่มกลับมาอีกครั้ง
แต่ฟังแล้วเหมือนจะคุยกันเรื่องงานมากกว่าคุยเล่นกันเหมือนครั้งก่อนๆ
ตอนนี้ทุกคนนั้นกำลังจ้องอยู่กับจอคอมไม่ก็จอโน้ตบุ๊คเพื่อทำงานอย่างเครียดๆ สงสัยคืนนี้จะอยู่เผางานกันยาว ผมสั่งโน้ตบุ๊คไปให้กิ๊กที่มันนั่งอยู่ใต้โต๊ะ
“ อ่ะเอาไปมึง คอมเสียเหรอว่ะ ”
คนที่นั่งอยู่ใต้โต๊ะยื่นมือมารับโน้ตบุ๊คไปก่อนจะลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้ เตรียมทำงานต่อ
“ เออดิว่ะ อยู่ดีๆเครื่องแม่งก็ดับจะเสร็จอยู่แล้วเหี้ยเอ้ย ” อีกฝ่ายพูดขึ้นอย่างหัวเสีย
“ ได้โน้ตบุ๊คไปก็รีบๆทำล่ะกัน เดี๋ยวกูอยู่รอ ”
ผมตัดสินใจอยู่รอรูมเมทเหมือนทุกที ผมลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆมานั่ง ก่อนจะควักโทรศัพท์เครื่องบางขึ้นมาเล่น ถ้ามันทำใกล้เสร็จแล้วแสดงว่าคงมีคอนเซปต์อยู่ในหัวแล้วคงจะไม่นานมากถ้ารอกลับพร้อมมัน
ผมเล่นเกมในโทรศัพท์ไปได้สักพักก็รู้สึกว่าเหมือนมีใครมาสะกิดไหล่เบาๆ อยู่จึงหันกลับไปมองว่าใครทำ ผมหมุนเก้าอี้หันไปหาร่างสูงที่นั่งเก้าอี้อยู่ตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมา
คนตรงหน้าผมส่งยิ้มมาให้อย่างน่ารักสุดๆในความคิดของผมเพราะเจ้าตัวนั้นมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ แถมยังมีลักยิ้มอีกต่างหาก ทำให้คนมองอย่างผมนั้นอมยิ้มออกมา
“ อะแฮ่มๆ ” เสียงแหบของคนที่นั่งหันหลังอยู่ข้างร่างสูงตรงหน้าผมเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา ก่อนจะเอี้ยวตัวมามองผมกับอีกคนที่นั่งข้างๆเขา
“ แค่มึงสองคนนั่งมองหน้ากัน มดก็กัดกูแล้วครับเพื่อน ”
เสียงที่ออกจากปาก ‘ เดี่ยว ’ ทำให้คนรอบๆที่นั่งทำงานอยู่นั้นส่งเสียงผิวปาก แซวกันยกใหญ่ เพราะร่างสูงที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นเกย์ครับ
ก็คนที่อยู่ตรงหน้านี่แหละบอกกับผมเองเลยว่าเขาเป็นอะไร ตั้งแต่ๆแรกที่มาสตูกับไอ้กิ๊กก็ดูเหมือนเขาคนนี้จะเป็นคนที่ชอบชวนคุยและชวนผมทำนู้นทำนี้อยู่เป็นประจำเวลาผมมาสตู
“ มึงก็พูดไป ” เขาได้แต่พูดยิ้มๆ แล้วเสียงล้อเลียนก็กลับมาอีกครั้ง
อาจจะเป็นเพราะว่าการที่คนตรงหน้าผมนั้นดูเหมือนจะกำลังสนใจผมอยู่ในสาจตาของเพื่อนๆเขา เพื่อนเขาเลยแซวกันขนาดนี้
“ พอๆเลยพวกมึงอ่ะ เดี๋ยวเพื่อนกูสึกหรอหมด ” เสียงเข้มๆของไอ้กิ๊กดังขึ้นขัดเสียงแซวของเพื่อนหญิงชายที่นั่งทำงานกันอยู่ พาเอาพวกเขาหยุดแซวแล้วเปลี่ยนจากหัวข้อแซวเป็นหัวข้ออย่างอื่นแทน ทำให้ตอนนี้ภายในห้องกลับมามีเสียงดังอีกครั้ง
“ เฟรนกูหิว ไปซื้อข้าวมาให้กินหน่อย ” เสียงของรูมเมทเอ่ยท้วงขึ้นมา ทำให้เอาคนรอบข้างตอนนี้กลับมาสนใจบทสนทนาระหว่างผมกับไอ้กิ๊กอีกครั้ง
ตอนนี้แต่ล่ะคนเริ่มจดรายการอะไรบางอย่างใส่เศษกระดาษแล้วยื่นมาให้ผมพร้อมเงินจำนวนหนึ่งกันหลายคน จนกลายเป็นว่าตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่ต้องไปซื้อข้าวปลาอาหารให้พวกนี้ซะแล้ว
“ เดี๋ยวๆ รอเราด้วยๆ เราอยู่กันน้ำเต้าหูประตู 4 อ่ะ ถุงนึงนะๆๆ ” ร่างเล็กของหญิงสาวเดินมาหาผมก่อนผมจะผลักประตูออกไป กำลังอ้อนผมแบบเนียนๆ ประตู4 งั้นเหรอ ไกลกว่าร้านข้าวที่ผมจะไปอีก
“ โอเคแพรว เดี๋ยวกูไปซื้อให้ ” เสียงตอบรับจากใครคนนึงเอ่ยตอบตกลง ผมจึงหันไปมองหน้าเขาก่อนจะทำหน้างงๆใส่
“ เดี๋ยวไปด้วย ” สิ้นเสียงของร่างสูง สองขาของเขาก็ก้าวเดินมาหาผมก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าผมแล้วแบมือขอกุญแจรถมอไซ
“ เอางี้เลย ” ผมหัวเราะออกมากับการกระทำของเขาที่จะเรียกเสียงแซวอีกรอบจากเพื่อนๆในห้อง ผมเลยได้แค่เอ่ยพูดปรามๆพวกเขาบ้าง
“ เดี๋ยวจะอดกินข้าวกันให้หมดเลยนะ พวกมึงๆอ่ะ ” ผมใช้สรรพนามที่พูดกับเพื่อนในห้องอย่างสนิทสนม ที่จริงแล้วเหมือนผมจะสนิทกับเพื่อนของไอ้กิ๊กมากกว่า เพื่อนในคลาสเรียนของผมด้วยซ้ำ
“ เด็กบริหารมันเอาเรื่องงงงงงงง ” เสียงของเดี่ยวที่เหมือนจะเป็นหัวโจกพูดขึ้น ผมเลิกสนใจพวกเขาก่อนจะเดินออกจากห้องไปแล้วตามด้วยร่างสูงที่เดินตามมา
คนข้างกายของผมเริ่มชวนคุยไปเรื่องต่างๆ แต่ที่ดูแล้วอีกคนนั้นดูเหมือนจะสนใจมากที่สุดคงไม่พ้นเรื่องสัตว์เลี้ยงที่ตนเองนั้นชอบ
“ เจมส์นี่ชอบเลี้ยงสัตว์น่ารักๆ เนาะ ”
เจมส์ก็คือคนที่มีรอยยิ้มที่ดูดึงดูดคนรอบข้างนั้นแหละครับ เวลาเขายิ้มนี่น่าเอานิ้วไปจิ้มลักยิ้มที่มันบุ๋มลงไปจริงๆเลย
“ คนน่ารักเราก็ชอบนะ เลี้ยงด้วยหัวใจเลย ”
อีกฝ่ายยิ่งมุขใส่ผม ทำเอาเหวอไปแปปนึงไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะเล่นมุขแบบนี้ด้วย
“ มุขเสี่ยวหักสิบคะแนน ” ผมพูดตอบกลับไปอย่างขำๆ
ตอนนี้เราสองคนมาอยู่ที่ร้านน้ำเต้าหู้ ที่อยู่ตรงประตู 4 แล้ว เจมส์รู้จักร้านประจำของแพรวดีเลยสั่งได้เร็ว เพราะตอนนี้หน้าร้านเต็มไปด้วยนักศึกษายืนรอซื้อกันอยู่มากเลยทีเดียว
“ ไปซื้อข้าวเลยมั้ย แถวนี้ก็มีร้านอร่อยนะ ”
ผมพูดขึ้นกับอีกฝ่ายแล้วพาร่างสูงเดินไปตามทางที่ตอนนี้มีร้านขายอาหารไม่ก็น้ำปั่น ขนมหวานอยู่เต็มมากมายแม้จะตอนนี้จะเริ่มดึกแล้ว แต่ถนนสายนี้ก็เต็มไปด้วยนักศึกษาที่ออกมาหาอะไรกินยามค่ำคืน
“ เอาดิจะได้ไม่ต้องขี่ย้อนไปย้อนมา ”
อีกฝ่ายเห็นด้วยผมจึงเดินนำเข้าร้านไป ก่อนจะยืนกระดาษที่มีรายการอาหารหลายอย่างส่งไปให้ป้าคนขายที่เห็นหน้ากันเป็นประจำเพราะผมก็เป็นหนึ่งในลูกค้าประจำของร้านนี้ ก่อนที่จะเปิดเทอมผมมากินข้าวร้านนี้กับพี่สาวบ่อยๆ
ไม่ก็บางครั้งก็จะมากับพวกพี่ต้นและพี่เอ็ม เมื่อผมนึกถึงตอนที่มากินกับพี่เอ็ม ผมก็ได้แต่ไล่ความคิดและความทรงจำนั้นออกไปกลัวว่าความเศร้าเมื่อตอนกลางวันที่เกิดขึ้นจะกลับเข้ามาอีกครั้ง
“ ไปนั่งรอก่อนนะหนู ” เสียงของป้าคนขายเอ่ยบอกขึ้นมา ผมกับเจมส์เลยเดินเข้าไปมุมในสุดของร้าน ตอนนี้ในร้านมีคนมานั่งกินข้าวอยู่มาก คุ้นหน้าบ้างไม่คุ้นหน้าบ้าง บางคนนี่ก็พี่ปีสูงๆในสาขาผมเอง
“ ร้านนี้คนเยอะดีนะเฟรน อร่อยมากป่ะ ”
“ อร่อยมาก เมื่อก่อนมากินนี้ประจำแหละ ” ผมพูดบอกอีกคนและยืนยันว่า อาหารร้านนี้อร่อยจริงๆ
“ อ้าว งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ไม่ค่อยได้มากินเหรอ ”
“ อือใช่ เพราะว่าช่วงนี้ยุ่งๆด้วยน่ะแล้วมาทีไรร้านคนเต็มตลอด ” ผมเอ่ยตอบกลับไป
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามผมดังขึ้นเรียกความสนใจให้อีกฝ่ายกดรับโทรศัพท์ และเดินออกจากร้านไปอาจจะเป็นเพราะในร้านตอนนี้กำลังเสียงดังเพราะเสียงพูดคุยของลูกค้า เลยทำให้เจมส์ลุกออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก
เมื่ออีกฝ่ายลุกไปแล้วสายตาของผมก็กลับไปสนใจอยู่ที่แผ่นหลังที่คุ้นเคยและคิดว่าต้องใช่เขาแน่ๆ ถึงรูปร่างและทรงผมจะดูเหมือนคนทั่วๆไปก็เถอะ แต่เชื่อผมมั้ยว่าผมมั่นใจมากว่าจะเป็นเขา
ทำไมตอนที่อยู่ที่หน้าร้านไม่ดูให้ดีๆก่อนนะ ผมยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองเบาๆ แล้วเลิกสนใจอีกฝ่ายที่เหมือนจะมากินข้าวกับเพื่อนเขา
สายตาของผมมันคงทำหน้าที่ผิดพลาดเลยเอาแต่จ้องมองแผ่นหลังนั้นอยู่ตลอดเวลา จนป้าคนขายข้าวนั้นเอาข้าวกล้องมาวางไว้บนโต๊ะพี่เอ็ม พี่เอ็มสั่งข้าวไปกินอีกกล่องงั้นเหรอ
“ เฟรนเดี๋ยวเจมส์ไปเซ่เว่นแปปนะ เอาอะไรมั้ย ” เจมส์พูดเสียงดังแทรกเสียงของรอบข้างที่ตอนนี้มันฟังดูยุ่งเหยิงไปหมด
“ ชาเขียวขวดนึง ” ผมพูดเสียงดังแทรกกลับไป ทำเอาคนที่นั่งหันหลังอยู่ไม่ไกลจากผมมากนักหันมามอง ก่อนอีกฝ่ายจะลุกขึ้นหยิบถุงข้าวเดินมาหาผม
พี่เอ็มไม่ได้พูดอะไรหรือเอ่ยทัก พี่เขายื่นถุงข้าวกล่องมาให้ ผมได้แต่มองใบหน้าของพี่เขานิ่งๆไม่ได้ยื่นมือออกไปรับแต่อย่างใดทำให้อีกฝ่ายดูเหมือนจะหงุดหงิดเลยวางถุงข้าวลงบนโต๊ะ
“ เห็นว่ากลางวันไม่ได้กินข้าวเลยจะซื้อไปให้ที่หอ กระเพราหมูกรอบของชอบของเฟรนน่ะ ” น้ำเสียงนุ่มๆที่เคยอยากฟังบ่อยๆเอ่ยบอกผม แล้วดันถุงมาตรงหน้า
ผมทำได้แค่พยักหน้ารับ ก่อนจะละสายตาออกมาจากร่างสูงของพี่เอ็ม แล้วทำเป็นกดโทรศัพท์เล่นแทนบรรยากาศที่มันน่าอึดอัดแบบนี้ สีหน้าของพี่เขาไม่ได้แสดงออกมาว่าอยู่ในอารมณ์ไหนเลยสักนิด ซื้อข้าวให้งั้นเหรอว่ะ
กล้าคิดเนาะเรื่องแบบนี้
คิดจะทำเรื่องแบบนี้นี่คิดนานมั้ย
จะทำแบบนี้ทำไมว่ะ
ตบหัวแล้วลูบหลังรึไงว่ะ
คำถามมากมายตอนนี้ดังขึ้นในหัวของผมไม่หยุด แต่ผมนั้นไม่กล้าเอ่ยปากถามออกไปว่าพี่เขาทำแบบนี้ทำไม สนใจเขาขนาดนั้นเลยรึไง เมื่อกลางวันไม่ได้สนใจผมเลยไม่ใช่หรือไง
มือหนาของอีกฝ่ายยื่นมาหยิบเสื้อคลุมที่ผมถอดไว้วางอยู่บนโต๊ะไปก่อนจะทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้ให้ผม
“ ยืมเสื้อหน่อย แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมากินข้าวกลางวันด้วยนะ ”
========================================================
มาแล้วค้าาา มาให้ยาวๆเลยวันนี้อิอิ ฝากติดตามด้วยน้าแล้วก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆเลยค่ะ
เอาใจช่วยนายเอกด้วยนะ 55555555555555 เหวอท้ายเรื่องเลย o18 :m20:
คืนนี้ฝันดีนะคะ :bye2:
-
พี่เอ็มทำแบบไม่มีไรเกิดขึ้น ไม่แคร์ความรู้สึกเฟรนเลย
เชียร์เจมส์แทนดีไหมวะเนี่ย
-
เกลียดเอ็ม :m16:
-
บอกได้คำเดียวว่า.' อี๋ ' ค่ะ.จะควงชะนีมาเย้ยนุ้งเฟรนอีกงั้นสิ! :z6:
-
เชอะๆๆ เฟรนสบัดบ๊อบใส่ห้าร้อยที. อิอิ
-
เปลี่ยนค่ายค่ะ ขอเชียร์เจมส์ดีกว่า
เอ็มเหรอ สะบัดหน้าที เชอะ
-
อะไรคะอิพี่เอ็ม..../มองจิก
-
:mew1:
-
อยากตบพี่เอ็มว่ะ
-
เบื่อพี่เอ็มอ่ะ หมั่นไส้
เชียร์เจมส์อ้ะชอบคนมีลักยิ้มอิอิ
-
พี่เอ็มทำแบบนี้เพื่ออะไรค่ะ ตอบ!!!!!
-
ชริพี่เอ็ม/แบะปากใส่
พี่คะพี่ไม่รูรตัวหรอทำไรอยู่ ไม่สงสารเฟรนบ้างหรอ
ระวังถ้าเจอแบบนี้บ่างจะรู้สึก
เชียร์กิ๊ก เชียร์เจมส์แทนละ
-
เลิกสนใจแม่งเหอะเฟรน :z6: คนดีๆมีอีกเยอะ ตบอิพี่เอ็มแม่มมมมม
-
เอามีดมาแทงเถอะ... :katai1:
-
เชียร์เจมส์แทนดีมั้ยเนี่ยะ พี่เอ็มนิสัยอ่ะ
-
พี่เอ็มคงจะนึกได้
ว่าวิธีที่ใช้เมื่อตอนเที่ยง
เพื่อให้เฟรนยอมตัดใจ
มันคงดูรุนแรงไป
ก็เลยอยากขอโทษซินะ
-
แบนอิพี่เอ็ม :z6:
เชียร์เจมส์แทนดีกว่าาา
-
บททดสอบยากจัง เอาใจช่วยเฟรน
-
ความรักของเรามีค่า แต่ถ้าคนที่เรามอบความรักให้ไม่เห็นค่า เราความเอามันกลับมา หวังว่าเฟรนจะเปนแบบนั้น
-
เชียร์เจมส์ดีกว่า ชอบผู้ชายมีลักยิ้ม 555 รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
-
คือไม่รู้ว่าคนแต่งจะเอาพี่เอ็มเป็นพระเอกหรือเปล่าแต่ที่แน่อยากให้เฟรนพยามยาม
ถอยออกมาจากพี่เอ็มก่อน ถ้าพี่เอ็มจะเป็นพระเอกจริงๆก็ต้องมาคอยตามเฟรนบ้างเอาให้พี่เอ็มกระอักเลือดไปเลย
เฟรนก็อย่าไปยอมเป็นตัวเลือกของพี่เอ็มเลย
มั่นไส้อิพี่เอ็ม
-
ทำแบบนี้ทำไม
???
พี่เอ็มแม่งเอี้ย พูดเลย
-
จะควงชะนีมาเย้ยเฟรนอีกงั้นสิ! :z6:
-
จะสานต่อไปอีกทำไม
ในเมื่อก็ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าเลือกใคร
ไอ่เอ็ม..เห๊อะ
ฮุขี่ ฮุดาก
-
โอ๊ยย อยากเห็นอิพี่เอ็มโดนลงโทษ
เอาให้หึงเอาให้โมโหจนหน้ามืดเลย
ดูก็พอรู้ว่ามีใจให้น้องแน่ๆ
แต่ก็กลัวกับไอ่คำว่าผู้ชายทั้งคู่
ฮึ่ยยยย มันน่านัก
จะรอให้น้องโดนคาบไปก่อนรึไงเนี้ย
ถึงจะรู้ตัวสักที
กลิ่นมาม่าโชยมาเลยเชียว
:call: :call:
-
เหมือนพี่เอ็มรู้สึกดีด้วย เป็นห่วง แต่ไม่อยากเป็นแฟนด้วย ประมาณนั้น
จริงๆก็สงสารพี่เอ็มนะ คงไม่ได้ตั้งใจพาผู้หญิงมาอวด แต่อยากให้เฟรมรู้และตัดใจมากกว่า :m15:
-
จริงๆไม่ชอบเอ็มเลยอ่ะ
ถ้าจะทำกับเฟรนแบบนี้มันก็ยื้อให้ความหวังไปเรื่อยป่ะ
-
11
[/b]
“ ยืมเสื้อหน่อย แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมากินข้าวกลางวันด้วยนะ ”
ผมเงยหน้ามองอีกคนทันทีเมื่อสิ้นสุดน้ำเสียงคุ้นหูนั้นแล้ว ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะคว้าเอาเสื้อคลุมแขนยาวของตนเองแต่ยังไม่ทันได้มาไว้ในมือ ร่างสูงตรงหน้าก็ยื้อเสื้อคลุมของผมไปอีกรอบ
“ พี่ยืมไม่ได้เหรอ เวลาขี่รถตอนกลางคืนพี่แพ้แมลงที่เข้าไปหาไฟหน้ารถนะ ”
อีกฝ่ายพูดตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนพูดเรื่องปกติทั่วไป สีหน้าเรียบเฉยแววตาของเขานั้นไม่ได้แสดงอาการหรือความรู้สึกใดๆ พี่เอ็มแพ้แมลงจริงๆน่ะเหรอ ทำไมผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
ผมไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปเพียงแค่แสดงสีหน้าที่คิดว่าพี่เอ็มเห็นนั้นจะสามารถเข้าใจได้ว่าผมไม่พอใจ การที่พี่เอ็มเอาเสื้อตนไป คงหนี้ไม่พ้นการไปเอาเสื้อตอนกลางวันพร้อมทั้งอยู่กินข้าวกลางวันกับพี่เอ็ม หรืออาจจะมีคนของเขาอยู่ด้วยอีกเหมือนช่วงกลางวันที่ผ่านมา
พี่เอ็มแค่ส่งรอยยิ้มมุมปากนิดๆมาให้ผมแล้วพูดขึ้นต่อ
“ จีบพี่ทั้งที ตามใจพี่สักหน่อยก็ได้นะ ”
เสียงคุ้นเคยบอกกลับแล้วหันหลังเดินออกจากร้านไป ผมทำได้แค่ยืนมองร่างสูงที่เดินออกไปด้วยความไม่เข้าใจ
ตามใจพี่เอ็มนี่รวมถึงเรื่องเขาต้องมีคนคุยคนอื่นอีกด้วยใช่มั้ย
ผมต้องตามใจเขาขนาดนั้นเลยรึอย่างไร ผมไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาทำเลยจริงๆ
“ เฟรน ” เสียงเรียกของเจมส์ดังขึ้นแล้วอีกฝ่ายนั้นได้ยื่นขวดชาเขียวเย็นๆมาแตะที่แก้มผม ทำเอาผมสะดุ้งเพราะความเย็นจากขวดน้ำ
“ เหม่อเหรอ ”
“ อ๊ะ .. คิดเรื่องงานนิดหน่อยนะ ” ผมยกคำว่างานออกมาอ้างแทนอาการเหม่อลอยที่อีกฝ่ายได้เห็น
“ สู้ๆล่ะกัน เออข้าวได้แล้วนะไปกัน ป่านนี้พวกมันบ่นหิวกันแย่ละ ” ร่างสูงของเจมส์เดินนำหน้าผมไป
ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามหลังอีกคน พอเราสองคนมาถึงที่สตูนักศึกษาสาขาออกแบบที่กำลังทำงานอยู่หน้าจอคอมก็ต่างรีบลุกออกมาเอาข้าวกล่องที่ตัวเองนั้นสั่งไว้
ถ้าจะหิวกันน่าดู ผมหยิบข้าวกล่องของรูมเมทแยกออกมาก่อนจะพาสองขาเดินไปหามันที่ตอนนี้กำลังนั่งทำงานอยู่ ไม่ได้ลุกเดินออกมาเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
“ มึงกินข้าว ” ผมวางข้าวกล่องไว้บนโต๊ะแล้วนั่งลงข้างๆอีกคน
“ กูทำใกล้เสร็จล่ะ แปปนึงมึง ” ไอ้กิ๊กพูดขึ้นแล้วกดเซฟงานเรียบร้อย มันยกมือขึ้นบิดขี้เกียจแล้วหันหน้ามาหาผม
“ มึงซื้ออะไรมาให้กูกิน ”
“ ข้าวผัดกุ้งไงมึง ” ผมพูดขึ้นและไปเปิดข้าวกล่องของอีกคนออก เพื่อให้อีกคนเห็นว่าตนนั้นซื้อข้าวผัดมาจริงๆและไม่ได้แกล้งใส่อะไรเพิ่ม
“ มึงมันอย่างเนี่ย เดี๋ยวก็แกล้งกูอีก ” มันพูดขึ้นมาอีกแล้วทำท่าจะตักข้าวกิน แต่อีกฝ่ายนั้นก็หยุดการกระทำนั้นลงแล้วพูดประโยคต่อมา
“ เสื้อคลุมมึงไปไหน อยู่ที่รถเหรอว่ะ ”
คำถามที่ออกมาจากปากของรูมเมททำผมสะอึกอยู่นิดนึง .. แต่ก็เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ก่อนผมจะตอบมันไปตามความเป็นจริงไม่คิดจะโกหกแต่อย่างใด
“ กูให้พี่เอ็มยืมเสื้อไปน่ะ พี่เขาบอกว่าเขาแพ้แมลงแล้วไม่ได้เอาเสื้อคลุมติดมาด้วย ”
“ หนังหนาอย่างไอ้พี่เอ็มนี่แพ้แมลงเหรอว่ะ พี่มันพูดไรมึงก็เชื่อรึไง ” อีกฝ่ายพูดต่อด้วยน้ำเสียงติดจะหน่ายๆกับสิ่งที่ผมทำลงไป
“ กูก็แค่ให้พี่เขายืมเสื้อเฉยๆเองมึง ”
น้ำเสียงที่ผมเปล่งออกไปอ่อนลงทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนร่วมห้องที่ตอนนี้เหมือนอยากจะถามถึงเหตุผลจริงๆว่าทำไม ถึงให้เสื้อกับพี่เอ็มไป
แต่มันก็ทำได้แค่ชักสีหน้าใส่ผมมันไม่ได้พูดอะไรออกมาที่เกี่ยวกับพี่เอ็มและผม เพราะว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่กันสองคน มีเพื่อนๆในห้องอีกเยอะที่พร้อมจะเอียงหูมาฟังตลอดเวลา
“ แล้วถ้าแมลงมันบินมากัดมึงขึ้นมาเหมือนตอนนั้นจะทำไงว่ะห้ะ ไหนบอกกูมาดิ้ เสื้อก็ไม่มีกูก็ไม่ได้เอาเสื้อคลุมมา มึงเอามาก็เสือกเอาไปให้คนอื่นซะอีก ”
ไอ้กิ๊กมันบ่นขึ้นอีกอย่างหัวเสีย มันหมุนเก้าอี้หันกลับไปตักข้าวกินต่ออย่างไม่สนใจผมอีก
ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ กลับไปห้องสงสัยมันต้องถามซักผมอีกแน่ๆ มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเวลา ตอนนี้หน้าจอทัชสกรีนบ่งบอกเวลาว่าใกล้จะสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ผมเข้าไปเช็คไลน์เฟสไปได้สักพักก็รู้สึกเบื่อๆ
ไอ้ทอยมันก็ไม่ตอบไลน์ มันทำงานอยู่หรือว่าเป็นอะไรไปรึเปล่าว่ะ ผมนึกไปถึงเพื่อนร่วมสาขาที่วันนี้ไม่ยอมมาเรียนแถมโทรไปหาไลน์ไปหาก็ไม่ยอมตอบ ทำงานหนักหรือว่าป่วยกันแน่นะ ผมกดล็อคหน้าจอแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง แล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
การตามใจของพี่เอ็มนี่คือแบบไหนกันนะ . ..
ผมนึกไปถึงคำพูดของเขาที่พึ่งเจอกันก่อนหน้านี้ ตามใจงั้นเหรอว่ะ .. ทั้งสีหน้าและแววตาของเขาที่ผมเห็น นั้นไม่ได้สื่อออกมาเลยว่าร่างสูงของพี่เอ็มนั้นคิดอย่างไรอยู่
“ จะจีบกันต้องตามใจอีกฝ่ายขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ ” ผมหลุดพึมพำขึ้นมาเบาๆ แต่เหมือนว่ามันจะเบาไม่มากพอทำให้มีบางคนพูดตอบกลับมา
“ ตามใจกันมันก็ต้องให้พอดี ถ้าจีบแล้วต้องตามใจเขามากๆนี่มันเหมือนเราเทคให้เขาฝ่ายเดียวมากกว่าล่ะมั้ง บางทีเขาก็อาจจะไม่ได้สนใจเราขนาดนั้นก็ได้นะ อาจจะแค่อยากปั่นหัวเราเล่น ” เสียงของเจมส์ที่ตอนนี้เลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ผม พร้อมทั้งมือหนายื่นเสื้อคลุมตัวใหญ่มาให้และส่งยิ้มอย่างใจดีมาให้ผม ผมมองเสื้อคลุมแล้วมองเขาอย่างงงๆ
“ เอาไปใส่สิ พรุ่งนี้ค่อยเอามาคืนก็ได้ ” อีกฝ่ายพูดขึ้นแล้ววางเสื้อคลุมตัวใหญ่ลงบนตักผมก่อนจะลุกขึ้นยืนเก็บของที่อยู่บนโต๊ะเขานั้นลงกระเป๋าแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง แต่ก็มีเสียงเพื่อนในห้องดังขัดขึ้น
“ ไอ้เจมส์มึงจะไปแล้วไง้ ”
“ เออกูกลับก่อนล่ะว่ะ แมวที่ห้องกูหิวตายพอดีดึกล่ะสัส ”
อีกฝ่ายตอบกลับแล้วผลักประตูออกไปจากห้อง ผมเลื่อนสายตากลับมามองเสื้อคลุมของเจมส์ที่ตอนนี้วางอยู่บนตักผมเรียบร้อยแล้ว
ผมจับมันขึ้นมาดูก็พึ่งจะรู้ว่ามันคือเสื้อคลุมรุ่นของคณะ ที่เหมือนกันกับของไอ้กิ๊กแตกต่างตรงที่ว่า แขนเซื้อด้านขวานั้นได้ปักเลขและชื่อไว้
“ มึงกลับหอ ” เสียงเรียกของไอ้กิ๊กดังขึ้น มันลุกขึ้นยืนแล้วคว้าเอากระเป๋าโน้ตบุ๊คมาสะพายก่อนมันจะดึงแขนผมให้ลุกตาม สายตาของมันบ่งบอกว่าไม่ไหวเต็มที่แล้วดูเหมือนมันจะง่วงๆปนหงุดหงิดยังไงไม่รู้ สายตาของรูมเมทเลื่อนมามองเสื้อที่ผมถืออยู่ก็ทำหน้าเป็นเชิงถามว่าของใคร
“ กลับกันเหอะมึง ” ผมไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย แล้วรีบเดินออกจากสตู พอพ้นเขตประตูกระจกนั้นแล้วรูมเมทตัวดีก็เอ่ยถามผมขึ้นมาติดๆ
“ ใครให้เสื้อมึงมา ”
“ เจมส์น่ะ มันเห็นกูไม่มีเสื้อคลุมมันเลยให้มาใส่กันแมลง ”
ผมพูดตอบมันแค่นั้นแล้วเดินนำมาจนถึงรถมอไซค์คันเก่ง ไอ้กิ๊กขอกุญแจรถไปจากผมแล้วเตรียมสตาร์ทรถขี่ ผมเองก็ใส่เสื้อคลุมแขนยาวของเจมส์ไว้เหมือนกัน เสียงนิ่งๆของไอ้กิ๊กอยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา
“ กูว่า ไอ้เจมส์มันชอบมึงแน่ๆ ถ้ามีคนนิสัยดีๆอย่างไอ้เจมส์เข้ามาหามึง กูถามหน่อยเหอะว่าระหว่างไอ้เจมส์กับพี่เอ็มของมึงอ่ะจะเลือกใคร คนอย่างไอ้พี่เอ็มที่ทำความรู้สึกมึงย่อยยับมาตลอด ทำนิสัยแย่ๆใส่มึงกับไอ้เจมส์ที่มันยังพอทำให้มึงยิ้มได้บ้าง มึงจะเลือกใครว่ะ ”
ผมหยุดชะงักกับคำถามของไอ้กิ๊ก ทั้งสีหน้าและแววตาของมันตอนนี้บ่งบอกว่าจริงจังกับคำถามที่มันถามมาและเป็นห่วงความรู้สึกของผมมากแค่ไหน . ..
ถ้าเรื่องที่ไอ้กิ๊กถามมันจะเกิดขึ้นจริง ระหว่างเจมส์กับพี่เอ็มว่าผมจะเลือกใคร ผมว่ามันคงไม่ผิดถ้าคิดจะเลือกคนนิสัยแย่ๆคนนิสัยไม่ดีคนนึง คนที่ผมนั้นเฝ้ามองมาตลอด
“ กูไม่รู้ ... ว่ามึงจะคิดยังไงหรือคนอื่นจะคิดแบบไหนกับคำตอบของกู แต่ความรักคือการให้โอกาสคนนิสัยไม่ดี คนนิสัยแย่ๆคนนึงไม่ใช่เหรอว่ะ ความรักของกูมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ”
ในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคนอื่นๆอาจจะมองว่าผมนั้นทำไมถึงต้องมาจมอยู่กับความเห็นแก่ตัวของอีกฝ่ายด้วย เพราะคำว่ารักคำเดียวหรืออย่างไร ที่ทำให้คนเรามองข้ามอะไรแย่ๆที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้เรานั้นต้องเสียใจหรือหัวหมุนไปกับมัน
อาจจะมีใครหลายคน ตั้งคำถามกับสิ่งเหล่านี้ แต่ว่าความรักก็คือการให้โอกาสกับคนนิสัยไม่ดีคนนึงก็เท่านั้นเอง
ผมคิดแบบนี้เสมอ ผมจึงยังอยู่ตรงนี้ยืนมองพี่เขาทำนิสัยแบบนี้ มองการกระทำต่างที่อีกฝ่ายทำ
แผลที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมาให้ มันไม่เจ็บหรอกนานวันก็จะทุเลาลง ไม่นานมันอาจจะหายไปมันก็จะเหลือแค่เพียงรอยแผลเป็นที่เอาไว้คอยเตือนใจเท่านั้น และเมื่อไหร่ที่เรานั้นคิดว่ามันมากพอและเกินพอแล้ว
เราก็จะจำและหยุดการกระทำนี้เอง เพราะสิ่งที่ผ่านมามันจะกลับมาตอกย้ำเตือนใจว่าสิ่งที่เราทำและทุ่มเทไป อีกฝ่ายคงไม่คิดที่จะสนใจหรือเห็นค่ามันจริงๆ
=================================================
มาแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
ขอโทษที่มาช้าและมาน้อยนะค้า มาแบบหน่วงนิดๆเหมือนจะหวานหน่อยๆ หวานรึเปล่าก็ไม่รู้ 55555555555555
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและขอบคุณทุกคนเลยน้าที่เข้ามาอ่าน เอาใจช่วยน้องเฟรนมันด้วยน้า
อยากรู้ว่าใครเชียร์ใครบ้าง มาเป็นทีมๆเลยก็ได้ อยากรู้อิอิ 55555555555
สุดท้ายฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ มันอาจจะเนื้อหาไม่ค่อยดีหรือน่าเบื่อ 55555
แต่มันก็จะหน่วงไปทุกตอนนะ อิอิ 5555555555555555 ขอบคุณทุกคนมากนะคะ :bye2: :laugh:
-
ตอนนี้เชียร์ใครก็ไม่มีประโยชน์เลยค่ะ เจ้าตัวเขายึดมั่นที่จะเจ็บปวดอยู่แบบนั้น ตามใจเถิด เอาที่สบายใจเลยน้องเฟรน :เฮ้อ:
-
ตอนนี้ความรู้สึกของพี่เอ็ม
คงอยากมีเฟรนอยู่ไกล้ๆเหมือนเดิม
แต่ในสถานะเดิม คือพี่น้อง เสียดายว่างั้น
รอลุ้นวันที่พี่เอ็มเข้าใจความรู้สึก
ของตัวเองที่มีต่อเฟรนดีกว่า
-
ไม่ได้อยากให้เฟรนด์สะบัดบ็อบใส่เอ็มแล้วมาคบกับเจมส์
ความรู้สึกคนเรามันไม่ได้หายไปง่ายๆแบบนั้น
แต่อยากให้เฟรนด์เปิดใจกับคนอื่น เจมส์หรือใครที่จะช่วยซัพพอร์ทหรือเป็นที่พึ่งทางใจให้กับตัวเองได้
เพราะท่าทางเอ็มจะมีเรื่องมาให้น้องหน่วงใจอยู่ตลอด
แต่ก็ควรอธิบายความรู้สึกให้อีกฝ่ายเข้าใจด้วย
เหลือที่ให้ตัวเองได้มีตอนที่อยากร้องไห้ไง
-
ตอนนี้สั้นจุง . 3 .
เบื่อพี่เอ็ม ทีมเจมส์ละ เฟรนแพ้แมลงหรอ?
-
:เฮ้อ: เซ็งไอ้เอ็ม ไม่รักก็อย่าให้ความหวังดิว่ะ
-
หารร่วมมาก :เฮ้อ: สงสารเฟรนอ่ะ
-
ความคิดของเฟรนน่ารำคาญชะมัด
-
เชียร์ใครดีๆๆๆอิอิ ไม่เชียร์ใครเลยละกัน. หน่วงงงงง นอยส์
-
หวาน? ตรงไหนกัน? :m31:
ให้โอกาสคนนิสัยไม่ดีงั้นหรอ....เหอะๆ เจ็บซะให้พอ
-
ถ้ายังมีความสุขอยู่กับความเจ็บปวดอย่างนั้น
ก็ทำต่อไปเหอะ..ตามใจเลยเฟรน
ก็แค่เสียใจแล้ว...เสียใจอีก
แค่นั้น
หุหุ
-
:ling3: :ling3: เปงเฟรน จะสบัดบ๊อบใส่ พี่เอ็ม คบเจมส์ แบบ สวยๆ ให้อิจฉาเลย :katai1: อุ๊บ! อินไปนิด
-
:mew1: :mew1: :mew1:
-
ก็เข้าใจความรู้สึกคนเรามันคงเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ แต่่ก็อยากให้เผื่อใจไว้บ้างนะเฟรน มองคนอื่นไว้บ้างเปิดใจให้กว้างๆเข้าไว้ ทีไอ้พี่เอ็มยังคบเผื่อเลือกได้ เฟรนก็ต้องทำใจเผื่อไว้ด้วยนะ
-
o22 ความคิดเฟรนจะว่าดี มันก็ดี... แต่มันก็ดีเกินไป
เฟรนจะพยายามและให้เวลาอีกคนหันมามอง จนกว่าจะถึงวันที่ตัวเองไม่ไหวหรือรู้สึกว่าพอแล้ว แต่แผลเป็นของเฟรนก็คง
เหวอะหวะพอดีเหมือนกัน ในขณะเดียวกันไอ้พี่เอ็มมันให้ความหวังเฟรนและทำลายลงไปทุกวันๆ แล้วยังเเสดงจุดยืนค่อนข้าง
ชัดเจนเหมือนกันว่ากำลังให้ความสำคัญกับใครอีกคนมากกว่า โอกาสที่ให้มันขมมากกว่าหวาน ทรมานมากกว่าจะค่อยๆ ให้
เฟรนเลิกลาไปเอง ไม่ต่างอะไรกับบีบให้หักดิบอ่ะ :hao5: สงสารเฟรน ดีเกินไปแล้ว ...พี่เอ็มให้โอกาสเฟรน และเฟรนให้
โอกาสพี่เอ็มได้ลองมองดู... แต่กว่ามันจะมองเห็น :m29: นานขนาดไหนกันนะ :hao4:
-
เชียร์เจมส์ดีกว่า
-
ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมานะเฟรน
ไม่สมหวัง มันเจ็บ มันเสียใจ ก็จริง แต่มันไม่ถึงกับตายหรอกนะ
ให้โอกาสกับตัวเอง เพื่อจะได้เจออะไรที่มันใหม่ๆ ดีๆ เข้ามาบ้างนะ
-
12
[/size]
เสียงที่เซ็งแซ่อยู่รอบห้องเรียนขนาดใหญ่ของตึกคณะบริหาร เสียงพูดคุยยังคงต่อเนื่องไม่หยุดเนื่องจากอาจาร์ยผู้สอนนั้นได้มาบอกกับนักศึกษาของตนว่าวันนี้ ติดธุระให้ทบทวนเนื้อหากันเองและห้ามออกจากห้องก่อนเวลา เมื่อพออาจารย์เดินลับออกจากห้องไปก็มีเสียงเฮ เสียงพูดคุยดังเต็มห้องอย่างตอนนี้
สายตาของอีกฝ่ายไล่มองไปตามโครงหน้าเล็กๆ ของเพื่อนที่สนิทเพียงคนเดียวในสาขานี้ ไล่มองไปยังใบหน้าเล็กที่แสดงออกมาด้วยความอิดโรย แบบคนที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที มือเล็กๆของทอยนั้นเสยผมที่ปรกหน้าลงมาขึ้นไปแล้วเกาหัวแกรกๆ ตอนนี้คนที่นั่งอยู่ข้างกายในห้องเรียนขณะนี้กำลังบ่นเรื่องงานพิเศษที่ทำตอนกลางคืนอย่างออกรส
“ แม่งเฮียที่ร้านอ่ะให้กูเล่นดนตรีอยู่นั้นแหละ แต่ก่อนที่มีคนร้องคู่กับกูอ่ะยังดีนะเว้ย เล่นไม่ถึงสามชั่วโมง พอไอ้คนนั้นมันออกเฮียก็ให้กูเล่นยาวถึงเที่ยงคืนเลยว่ะ พอกูบอกจะหยุดหาคนมาร้องแทนก่อน เฮียก็ไม่ยอม ยังดีนะมึง ที่ของกูมันสลับกันเล่นกับพวกวงดนตรีสดอ่ะ ”
ปากเล็กๆของเพื่อนผมกำลังบ่นออกมาไม่หยุดตั้งแต่เข้าห้องเรียนมา เช้าวันนี้ตอนเข้าห้องเรียนมาก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อเจอ ทอย มาเรียนคลาสตอนเช้าได้ทั้งๆที่เมื่อวานนี้โทรไปหาก็ไม่รับสาย ไลน์ไปก็ไม่ตอบ
ทอย มันเป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันผ่านโลกโซเชี่ยวน่ะครับ รู้จักกันก่อนที่จะมาเข้าเรียนตอนมหาลัย ผมกับมันเป็นคนจังหวัดเดียวกันแถมยังรู้จักกันมาก่อนเลยสนิทกันง่ายขึ้น
ทอยเองมันก็มีเพื่อนถือว่าเยอะอยู่ซึ่งแตกต่างจากผม รู้จักเพื่อนในเซคบ้างคนแค่เพียงผิวเผิน ไม่ได้อะไรมากเนื่องจากตัวผมเองก็ไม่เก่งในเรื่องการเข้าหาคนอื่นซะเท่าไหร่ เลยมีเพื่อนไม่มาก
ทอยมันก็เป็นผู้ชายที่สูงประมาณผมนั้นแหละ สีผิวหน้าตาก็จะออกไปทางเชื้อสายจีนอย่างเห็นได้ชัด รูปร่างมันก็ผอมพอๆกันกับไอ้กิ๊ก ไอ้ทอยมันเป็นนักดนตรีประจำอยู่ที่ร้านเฮียเอง มันทั้งร้องเพลงเพราะและก็เล่นกีต้าร์เก่ง ปกติมันจะเล่นคู่กันอยู่กับรุ่นพี่คนนึง แต่พอรุ่นพี่คนนั้นเขามีแฟน เขาก็เลยเลิกทำงานที่ร้านเฮียกลายเป็นว่า
วันที่มันเล่นนั้นปกติจะเล่นแค่สามชั่วโมง เฮียก็จะให้มันเล่นยาวไปจนถึงเที่ยงคืน เพราะแรกๆส่วนมากคนที่มาดูจะเป็นแฟนคลับของรุ่นพี่เขา ส่วนคนที่จะมานั่งฟังเพลงที่มันเล่นนี่ก็ไม่ค่อยมีเพราะตอนนั้นมันยังไม่ใช่คนร้อง
หลังจากพี่คนนั้นออกมันเลยต้องมาร้องแทนกลายเป็นว่า คนที่มาร้านเฮียเขาอยากฟังที่ไอ้ทอยมันร้องเกินสามชั่วโมง มันเลยต้องทำงานเกินเวลาไปอีก และที่มันหายไปมันก็บ่นๆว่า ตื่นไม่ไหวและไม่สบายด้วย มันก็เลยขอเฮียลาหยุดไปสองสามวัน
“ มึงก็บ่นตลอดแหละไอ้ทวยหัวคอย ” ผมบอกมันกลับไป มันทำหน้างงหน่อยๆกับคำสุดท้ายที่ผมใช้เรียกแทนชื่อมัน
“ ทวยหัวคอย . . .. ” มันอ้าปากพึมพำกับตัวเองอย่างคนนึกไม่ออก แต่พอมันเหมือนจะนึกออกแล้วมันก็ผลักหัวผมเอาซะเจ็บไปเลย
“ มึงเล่นงี้อ่อไอ้เฟรน เดี๋ยวมึงเจอๆ ” อีกฝ่ายพูดขึ้นและยกนิ้วชี้หน้าผมไว้ด้วยอย่างคาดโทษ
“ มึงเดี๋ยวก็หมดคาบละ มึงจะไปกินข้าวกับกูป่ะ ” ผมถามอีกฝ่ายและกดโทรศัพท์ในมือเล่น ก่อนจะกดเข้าหาโปรแกรมแชทที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีและกดเข้าห้องสนทนาที่ปรากฏชื่อไอ้กิ๊ก ก่อนจะส่งข้อความไปหามันว่าจะหมดคาบแล้วมารับที่ตึกด้วย
หน้าจอปรากฏว่าอีกฝ่ายอ่านแล้วเรียบร้อยและไอ้กิ๊กมันก็ส่งสติ๊กเกอร์มาว่าโอเค ผมกดออกจากบทสนทนานั้นเลื่อนสายตาเพื่อหา ห้องแชทบทสนทนาระหว่างผมกับพี่เอ็มก็พบว่าตอนนี้มีแจ้งเตือนอยู่หนึ่งอัน
อีกฝ่ายส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้ตอนกลางวันเจอกัน ผมทำได้แค่อ่านแล้วตอบกลับไปว่าครับ เพียงสั้นๆแค่นั้น มือบางเลื่อนจอทัชสกรีนย้อนขึ้นอ่านบทสนทนาที่ผมคุยกับพี่เอ็มก่อนหน้านี้ตั้งแต่ผมขอโอกาสกับพี่เขา
บทสนทนาเหล่านั้นไม่ได้ใจความอะไรมากมาย แค่ถามไถ่เรื่องทั่วไปเท่านั้น ไม่มีการคอลไลน์หากันเหมือนเมื่อก่อนแค่ทักทายกันปกติ กินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่ มอร์นิ่ง ตื่นๆ ฝันดี เป็นข้อความที่จำเจระหว่างผมกับพี่เอ็มที่เกิดขึ้นมา
เสียงตอบกลับของไอ้ทอยดังขึ้นขัดความคิดที่ล่องลอยของผมให้กลับมาสนใจสิ่งก่อนหน้านี้อีกครั้ง
“ กูว่าจะไปหาเฮียว่ะ คุยเรื่องทำงานนี้แหละกะจะบอกเฮียไปว่าเล่นคนเดียวมันไม่ค่อยไหว ” เสียงเล็กๆพูดตอบกลับมา ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะลุกขึ้นยืนจะเดินออกจากห้องเรียน
ตอนนี้นักศึกษาภายในคลาสเรียนกำลังทยอยเดินออกกันไปเยอะเหลือคนที่นั่งอยู่บ้างเล็กน้อย
ผมเดินไปส่งไอ้ทอยมันที่จอดรดมอไซค์ของตึกก่อนจะเดินไปหาม้านั่งรอรูมเมทตัวดีที่จะมารับไปกินข้าว จากเมื่อเช้าที่มีเรียนเช้าเหมือนกัน มันเลยบอกว่าให้มาด้วยกันจะได้ไม่เปลืองน้ำมันด้วย โดยที่มันอาสาขี่รถมันมาเอง
ไอ้กิ๊กเองเมื่อคืนมันก็มาซักว่าเมื่อกลางวันที่ไปกินข้าวเป็นอย่างไรบ้าง พอผมตอบไปตามความจริง มันก็ดูจะหัวเสียอยู่เหมือนกัน มันก็สรุปเอาเองว่ายังไงพรุ่งนี้ก็ต้องไปหาพี่เอ็มซินะ เพราะว่าจะต้องไปเอาเสื้อมึงคืนด้วย
ผมถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แผลที่มันเกิดขึ้น ถ้ามันเกิดซ้ำๆหลายรอบแบบนี้มันคงจะเหวอะหวะไปหมดแล้ว ผมคงไม่ต้องมาทนอะไรแบบนี้นานใช่มั้ย
ผ่านไปสักพักไอ้กิ๊กก็ขี่มอไซค์เข้ามาใกล้ๆผม เฉียดเท้ากูไปนิดเดียวนะมึงๆ เดี๋ยวเถอะ ผมหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่เอามาด้วยขึ้นมาใส่เพราะว่าช่วงกลางวันแดดมันร้อนจริงๆครับ ทำเอาแสบผิวไปหมดขนาดผิวผมมันหนานะเนี่ย
“ แดดมหาลัยนี้มันแรงจริงๆ ” ผมบ่นออกมา ทำให้ไอ้กิ๊กนั้นพูดบ่นออกมาติดๆ
“ เออแดดแรงชิบหาย ร้อนวายวอด เออมึงวันนี้เพื่อนในเซคมากินข้าวด้วยนะเว้ยมันจองโต๊ะที่โรงอาหารไว้ละ ” อีกฝ่ายพูดบอกกลับมา ก่อนผมจะนั่งขึ้นคร่อมรถมอไซค์ และถามมันกลับไปอีกคำถาม
“ มีใครบ้างวะ ”
“ ก็เพื่อนกูไง ไอ้เดี่ยว แพรว ไอ้เจมส์ ” มันพูดตอบกลับอีกครั้งสตาร์ทเครื่องขี่ออกไป
ตอนนี้ผมกับไอ้กิ๊กกำลังเดินเข้าไปในโรงอาหาร เสียงคุยกันดังลั่นจริงๆสมกับที่เป็นแหล่งรวมสามคณะใหญ่ๆ นั้นก็คือบริหาร สถาปัตและวิศวะ ผมไล่สายตามองแต่ละโต๊ะว่าเพื่อนของไอ้กิ๊กมันจองโต๊ะอยู่ตรงไหนและก็มองอีกว่าตอนนี้พี่เอ็มนั้นนั่งอยู่โต๊ะไหนและมีคนของเขามานั่งด้วยหรือเปล่า
อยู่ดีๆ มือบางของไอ้กิ๊กก็เข้ามาจับข้อมือผมไว้และฉุดให้เดินตามมัน
“ เห้ย ! มึงจะจับข้อมือกูทำไม ”
“ กูเห็นโต๊ะที่พวกมันจองไว้ละ ”
ผมพยายามมองหาโต๊ะเพื่อนของไอ้กิ๊กแต่กลับหาไม่เจอ อาจเพราะว่าวันนี้คนเต็มโรงอาหารมากกว่าปกติ ผู้คนเต็มไปหมด แถมวันนี้ผมไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์หรือแว่นสายตามาอีก ยิ่งพยายามมองไปไกลเท่าไหร่ภาพตรงหน้าก็จะเริ่มมัว
“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่มึงจับข้อมือกูละ ”
อีกฝ่ายไม่ได้พูดตอบอะไรกลับมา มันกลับเร่งฝีเท้าพาผมเดินไปยังโต๊ะของเพื่อนมัน พอได้เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ภาพตรงหน้าของผมนั้นเริ่มชัดขึ้นจนสุดท้ายแล้วตอนนี้ผมก็เดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะ
โต๊ะที่พวกเพื่อนจองนั้นอยู่ติดตรงเสาใหญ่ และโต๊ะอีกตัวที่อยู่ติดโต๊ะผมนั้นก็คือ โต๊ะของพี่เอ็มและเพื่อนๆของเขา ก็คือพี่ต้นใหญ่และพี่ต้นเล็ก สายตาของผมมองไล่ไปยังกระเป๋าสะพายแบบผู้หญิงที่วางอยู่บนโต๊ะของพี่เอ็ม
เขาพาคนของเขามาด้วยสินะ ผมเดินผ่านโต๊ะของพี่เอ็มไปเข้าไปโต๊ะในที่ชิดเสา พวกพี่ๆเขาคงไม่ทันได้สังเกตอะไรเพราะตอนนี้กำลังคุยกันอยู่
จากที่ว่างที่เหลืออยู่ตอนนี้ทำให้ผมนั้นได้นั่งข้างเจมส์ที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว และเมื่อผมหันหน้าไปทางโต๊ะของพี่เอ็มก็เหมือนกันกับผมกำลังนั่งข้างพี่ต้นใหญ่อยู่ด้วยเหมือนกัน ผมไล่สายตามองร่างสูงที่นั่งเยื้องตรงกันข้ามผมไป อีกฝ่ายก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ในมือไปพลาง เงยหน้าขึ้นมาคุยกับเพื่อนไปพลาง
“ เฟรนกินข้าวดิ ” เจมส์หันมาพูดกับผมและดันจานข้าวมาไว้ตรงหน้า ผมจำได้ว่า ผมยังไม่ได้สั่งข้าวเลยนะเว้ย
“ กูสั่งเผื่อมึงไว้เองแหละ มึงกินไปเถอะ เดี๋ยวบ่ายไปสตูกับกูด้วย ” เสียงของไอ้กิ๊กดังขึ้นบอกคลายความสงสัยจากผม
ผมได้แต่พยักหน้ารับและเตรียมจะตักข้าวกิน ให้ไปสตูก็คงต้องช่วยงานอีกซะมั้ง แต่เหมือนว่าจังหวะนั้นเอง พี่ต้นใหญ่หันแขนมาโดนแขนผมเองพอดี ทำให้อีกฝ่ายหันมากล่าวขอโทษ
“ เอ้าไอ้เตี้ย ” เสียงของพี่ต้นใหญ่ดังขึ้นทำให้บทสนทนาบนโต๊ะของพี่เอ็มหยุดลง
“ เฟรนมากับเพื่อนเหรอ ” เสียงใสๆของพี่ต้นเล็กเอ่ยทักขึ้นมา ก่อนจะพยายามโน้มหน้าให้ผมเห็นพี่เขา
“ อ่า .. ครับผมมากับเพื่อน ” ผมพูดตอบกลับไป และไล่สายตามองอาการของพี่เอ็มที่ตอนนี้เลิกสนใจหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมตรงๆ อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา
“ อ้าววว ข้าวกระเพราหมูกรอบของโปรดเฟรนที่ไอ้เอ็มมันสั่งให้เฟรนก็เป็นหมันดิว่ะ ” พี่ต้นเล็กพูดต่อขึ้นมาแล้วหัวเราะหน่อยๆ ก่อนจะยิ้มล้อพี่เอ็ม ทำให้พี่เอ็มตอนนี้เริ่มจะชักสีหน้าเหมือนจะไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“ โถ่ ! พี่ครับ ขึ้นชื่อว่าของโปรดอ่ะเนาะ ก็ใช่ว่าจะมีแค่อย่างเดียวที่มันจะเลือกกินนี่ครับ ถ้ามันจะหันมาเลือกกินอย่างอื่นนอกจากของที่มันกินจำเจมานานนี้ก็ไม่น่าแปลกนี่เนาะ ”
เสียงติดจะขำๆของไอ้กิ๊กโพล่งขึ้นมา ทำเอาบทสนทนาของโต๊ะผมเองก็หยุดลงเช่นกัน กลายเป็นว่าทั้งสองโต๊ะกำลังสนใจบทสนทนาระหว่างผมกับพี่ๆเขา
พี่ต้นใหญ่เองที่รู้จักกับไอ้กิ๊กกันมาก่อนหน้านี้และรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผม เหมือนจะพอรู้ว่าสิ่งที่ไอ้กิ๊กมันพูดขึ้นมานั้นกะจะให้ใครคนนึงได้ยินประโยคนี้
“ กูก็ว่างั้นแหละไอ้กิ๊ก ขนาดเสื้อคลุมที่ไอ้เฟรนมันใส่มายังเป็นของคนอื่นคณะอื่นเลยว่ะ สถาปัต .. หึ ” พี่ต้นมันพูดขึ้นต่อประโยคของไอ้กิ๊ก พี่มันยิ้มมุมปากนิดๆแล้วยกมือขึ้นมาผลักหัวผมเบาๆ
เหมือนประโยคที่พี่ต้นใหญ่พูดขึ้นมานั้นจะกลายเป็นประโยคจบบทสนทนาขึ้นมาซะดื้อๆ เพราะไม่มีใครที่จะต่อบทสนทนาด้วย ผมเองก็เหนื่อยที่จะพูดอะไรต่อก็เลยก้มหน้าก้มตากินข้าวไป
ในหัวก็กำลังคิดว่าสิ่งที่พี่ต้นใหญ่และไอ้กิ๊กพูดนั้น พี่เอ็มจะได้ยินมันแล้วเอากลับไปคิดบ้าง ว่ามันหมายความว่าอย่างไร พอเริ่มกินข้าวไปได้สักพัก พวกแพรว เดี่ยวและเจมส์ก็ลุกขึ้นเตรียมจะกลับสตูกันก่อนเพราะยังทำงานค้างไว้อยู่ ทั้งสามคนได้แต่ทำสีหน้าสงสัยกับเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ผมถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่คืนเจมส์ไปเพราะเห็นว่าวันนี้เขาเองไม่ได้แต่งตัวชุดนิสิตเหมือนผม วันนี้เขาใส่เสื้อสีเทาเรียบๆมาเท่านั้นเหมือนเดี่ยวและแพรว อีกฝ่ายรับเสื้อจากผมไปและใส่ไว้กับตัวก่อนจะเดินออกจากโรงอาหารกลาง
กลายเป็นว่าตอนนี้เหลือแค่ผมกับไอ้กิ๊กและพวกพี่เขาเท่านั้น แต่อยู่ดีๆพี่ต้นใหญ่ก็พูดขึ้นมาประโยคนึง ทำให้ผมต้องเงยหน้าสนใจอีกฝ่าย
“ เสื้อเด็กคนนั้นนี้เอง ” พอสิ้นสุดประโยคนี้ทำให้พี่เอ็มเงยหน้าขึ้นมามองผมสายตาของเขานั้นจ้องผมอย่างไม่วางตา ดูคล้ายอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจแต่ก็มีเสียงใสๆของหญิงสาวคนนึงขัดขึ้น
ทำให้พี่เขานั้นหันไปยิ้มอ่อนๆให้กับเธอ คนของเขาส่งยิ้มกลับมาให้พี่เอ็มก่อนที่สายตาของเราสองคนจะสบกันทำให้เธอนั้นส่งยิ้มนิดๆมาให้ผม เมื่อเธอยิ้มส่งมาผมเลยทำได้แค่ส่งยิ้มเล็กน้อยกลับไป
แต่สายตาของผมก็ดันสะดุดเข้ากับเสื้อคลุมสีกรมเข้มที่ตอนนี้อยู่ในมือของเธอ พี่ข้าวปุ้นส่งเสื้อคลุมนั้นให้กับพี่เอ็มและนั่งลง
“ ขอโทษนะที่ทำให้รอกัน อยู่ดีๆพี่รหัสก็เรียกไปหา ” เสียงที่ฟังแล้วดูสดใสเอ่ยขอโทษคนที่อยู่ร่วมโต๊ะ
“ ขอบคุณสำหรับเสื้อด้วยนะเอ็ม ” พี่ข้าวปุ้นส่งยิ้มขอบคุณมาให้พี่เอ็ม
“ ไม่เป็นไรหรอก ก็เอ็มเห็นว่าแดดมันแรงเลยให้เสื้อข้าวไป ทีจริงมันไม่ใช่เสื้อของเอ็มหรอก มันเป็นของเฟรนน่ะ ” ร่างสูงพูดขึ้นทำให้พี่ต้นเล็กและพี่ต้นใหญ่นั้นได้แต่มองหน้าพี่เอ็มนิ่งๆ เหมือนกำลังจะดูว่าพี่เอ็มจะพูดอะไรต่อขึ้นมาอีกหรือไม่ แต่ผมกลับสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพี่ข้าวปุ้น แต่อยู่ๆไอ้กิ๊กมันก็พูดสอดขึ้นมา
“ พี่สองคนนี่เป็นแฟนกันเหรอ ” คำถามของไอ้กิ๊กที่ถามขึ้นมาทำให้พี่ข้าวปุ้นได้แต่ทำหน้าเขินอาย ไม่ได้พูดอะไรออกมา เหมือนจะให้พี่เอ็มเป็นคนพูดออกมาแทน แต่พี่เอ็มเองก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่ไอ้กิ๊กมันถาม
กลับกำลังตักข้าวกินทำให้คนของเขานั้นทำสีหน้าเหมือนจะไม่พอใจแต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น พอผมเห็นพี่ข้าวปุ้นทำสีหน้าแบบนั้นผมเลยได้ใจพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจขึ้นมา หวังจะตอกย้ำสถานะของเธอให้ชัดเจนเหมือนๆกันกับสถานะของผมตอนนี้
“ พี่เขาไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกมึง ก็แบบว่าพี่เอ็มกำลังคุยๆอยู่ไง ถ้าจะให้อธิบายเข้าใจง่ายๆก็ตัวเลือกนั้นแหละ ”
ขณะที่ผมพูดประโยคนี้ออกมานั้น สายตาของผมก็มองไปที่คนสองคนอย่างเปิดเผย ก่อนจะยกยิ้มให้คนของเขาหน่อยๆ พี่เอ็มเองที่ได้ยินสิ่งที่ผมพูดก็วางช้อนกินข้าวลงจนเกิดเสียงกระทบกับจาน และเงยหน้ามองผมใบหน้าของร่างสูงนั้นเรียบตึง คิ้วเรียวของร่างสูงเริ่มขมวดเป็นปมและจ้องผมอย่างไม่วางตา
“ ก็เหมือนๆกับกูไง ที่เป็นตัวเลือกให้พี่เอ็มเหมือนกัน ”
ผมส่งยิ้มเล็กๆไปให้เขาทั้งสองคนก่อนหันหน้าไปหาไอ้กิ๊กแล้วพยักหน้าเป็นเชิงลุกออกจากโต๊ะ และเดินไปหาฝั่งที่พี่เอ็มนั่งอยู่ตอนนี้สายตาของคนร่วมโต๊ะตอนนี้กำลังมองผมเป็นตาเดียวว่าผมกำลังจะทำอะไร และตอนนี้พี่เอ็มก็หันหน้ามามองผมก่อนร่างสูงจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา
“ คิดดีแล้วเหรอที่พูดอะไรแบบนี้ออกมา ” เสียงเข้มๆเอ่ยบอกเหมือนจะเตือนผม
“ ผมทำอะไรเหรอพี่เอ็ม ผมก็แค่พูดเฉยๆให้อีกคนของพี่ได้รู้ไงว่าตอนนี้พี่ก็คุยๆ กับผมอยู่เหมือนกัน ” ผมคว้าเสื้อคลุมของตัวเองที่วางอยู่บนตักของพี่เอ็มขึ้นมาถือไว้
“ ผมขอเอาไปซักก่อนนะครับ มันคงสกปรกน่าดู ” ผมทิ้งท้ายโดยประโยคนั้นก่อนจะส่งยิ้มกว้างไปให้พี่ต้นเล็กและพี่ต้นใหญ่ที่ตอนนี้กำลังอมยิ้มกับสิ่งที่ผมทำ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บอะไรมากมายนัก อาจจะเพราะผมคาดการไว้แล้วว่ามันคงต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่ๆ
ถ้าพี่เขายังอยากทำให้ผมเจ็บหรือทำให้ผมรู้ตัวว่าความรักระหว่างผู้ชายนั้นมันเกิดขึ้นได้ยากและมันยากที่จะยอมรับมัน ตัวผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเขานั้นคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่แสดงสีหน้ายิ้มแย้มหรือเรียบเฉยนั้น กำลังรู้สึกอย่างไร
มันยากที่จะเข้าใจจริงๆ และผมก็หวังว่าสิ่งที่ผมพูดไปนั้นจะเข้าไปในโสตประสาทของเธอคนนั้นด้วย ว่าเธอนั้นกำลังอยู่ในสถานะไหนและไม่ใช่แค่เพียงเธอคนเดียวที่สามารถคุยกับพี่เอ็มได้
ผมเองไม่ได้อยากเอาชนะใคร แค่อยากให้การเริ่มต้นในครั้งนี้มันยุติธรรมเท่านั้น และไม่ได้อยากทำให้พี่เอ็มไม่พอใจกับการกระทำของผม แต่แค่อยากให้เขารับฟังสิ่งที่ผมพูดและเก็บเอามันไปคิดก็เท่านั้นเอง
==========================================================
มาแล้วน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :katai1:
ตอนนี้ขูดรีดมาก มึนตอนแต่งเลย เอาใจช่วยอิน้องเฟรนด้วยนะ
ไปมาๆอยากกดเปลี่ยนพระเอกมาก 555555555555555 ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นและขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านด้วยน้าาา งิงิ
บัยส์ :katai5: :katai4:
-
เชี่ยเอ็ม!! กูขอกระทืบมึงหน่อยเหอะ!!!!! :z6:
-
โว๊ยยยย เหมือนจะดีนะมีสั่งข้าวให้แต่แบบเอ็งเอาเสื้อเฟรนไปให้คนอื่นใส่ ฮึ่ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เฟรน สำหรับตอนนี้ นายเจ๋งมาก - -b
-
วันนี้น้องเฟรนแซ่บดีนะคะ พี่เอ็มมีจุก! ค่ะงานนี้ หุหุ น้องก็เลือกได้เหมือนกันนะคะ
-
:mew1:
-
ถ้าเปลี่ยนพระเอกได้จะขอบคุณมากๆ o13
-
เฟรนแบบนี้แหล่ะ สมน้ำสมเนื้อกับพี่เอ็มดี
พอเฟรนแรงแบบนี้ ดูพี่เอ็มร้ายน้อยลงเลย
-
ตบมือรัวๆ :ling3: ให้กับเฟรนคะ
หนูทำดีทำเลิศแล้วคะ
อย่าไปยอมพี่เอ็มมันมาก
-
น้องเฟรนสู้ๆน่ะ
:mew1: :mew1:
-
อีกฝ่ายรับเสื้อของผมไป - อีกฝ่ายรับเสื้อจากผมไป หรือเปล่าคะ?
เข้าใจว่าเสื้อตัวนั้นเป็นของเจมส์ที่ให้เฟรนเมื่อวานใช่ไหมคะ? ถ้าหากว่าเราเข้าใจผิดก็ขอโทษด้วยนะคะ
การที่ลองคุยๆกันนี้คือการคุยกันนะคะ
ไม่ใช่เรียกมาทำร้ายจิตใจ
เหมือนกับว่าเอ็มพยายามทำร้ายๆให้เฟรนตัดใจ
ตอนนี้กำลังเชียร์เจมส์ค่ะ
น่าจะบอกอิพี่เอ็มไปว่าเฟรนก็กำลังคุยๆอยู่ทั้งพี่เอ็มกับเจมส์
-
:katai1: เอาเสื้อไปให้คนอื่นใส่แบบนี้ มันเย้ยกันชัดๆ ความสำคัญมันต่างกันเห็นๆ จะอ้างว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงถึง
เอาไปให้ใส่ยังไม่ได้เลย... คนนึงตากแดดตากลมจะโดนยุงหามแมลงทึ้งก็ไม่เป็นไรงั้นเหรอหากแลกกับอาหารเเค่หนึ่งจาน
ของที่ชอบจากคนที่ชอบเทียบไม่ได้เลยกับคนที่ชอบเอาของของเราไปให้ใครอีกคนที่ชอบคนที่เราชอบเหมือนกัน...
:ling2: เฟรน ความยุติธรรมที่เฟรนเรียกร้อง ไอ้พี่เอ็มมันจะเข้าใจตรงกันจริงเหรอ... กับคนที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
อย่างเห็นเเก่ตัวแบบนี้ สถานะทั้งสองฝ่ายเป็นตัวเลือกเหมือนกัน แต่เฟรนลืมไปหรือเปล่า เฟรนถูกหยิบยื่นโอกาสของการ
เป็นตัวเลือกจากพี่เอ็มอย่างชัดเจน รู้ว่าคู่แข่งของเราคือใคร ในขณะที่อีกฝ่ายไม่ต้องคิดอะไร อยู่แบบใสใส ทำตัวน่ารัก
โนเนะไปเรื่อยๆ ก็แทบจะได้ครอบครองไอ้พี่เอ็มเอาไว้คนเดียวอยู่เเล้ว มันเหมือนพี่เอ้มเลือกเธอคนนั้น แต่แค่เก็บเฟรนไว้
ในมุมมืดน่ะ การประกาศตัวของเฟรนมันจะเป็นผลดีจริงๆ เหรอ... พี่เอ็มมันจะคิดว่า เฟรนเป็นนางร้ายแทนที่จะมองว่าเฟรน
อยากได้ความเท่าเทียม ให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ามีอีกคนที่เป็นผู้ท้าชิงหรือเปล่า :mew2: กลัวใจพี่เอ็ม ยิ่งทำตัวทุเรศทุรังอยู่
:angry2: ไม่ว่าเอ็มมันจะมีเหตุผลอะไร แต่การพยายามทำร้ายอีกฝ่ายเเบบนี้ หากวันนึงที่เฟรนทนไม่ได้อีกต่อไป หรือ
มีใครอีกคน ที่ให้ความสำคัญและทำให้เฟรนมีความสุขได้ขึ้นมา อย่ามาหาทางยื้อก็แล้วกัน หัวใจคนไม่ใช่เหล็กไหล แกร่ง
แค่ไหนมันก็แค่ก้อนเนื้อที่ช้ำได้และเจ็บเป็น
-
อีกฝ่ายรับเสื้อของผมไป - อีกฝ่ายรับเสื้อจากผมไป หรือเปล่าคะ?
เข้าใจว่าเสื้อตัวนั้นเป็นของเจมส์ที่ให้เฟรนเมื่อวานใช่ไหมคะ? ถ้าหากว่าเราเข้าใจผิดก็ขอโทษด้วยนะคะ
การที่ลองคุยๆกันนี้คือการคุยกันนะคะ
ไม่ใช่เรียกมาทำร้ายจิตใจ
เหมือนกับว่าเอ็มพยายามทำร้ายๆให้เฟรนตัดใจ
ตอนนี้กำลังเชียร์เจมส์ค่ะ
น่าจะบอกอิพี่เอ็มไปว่าเฟรนก็กำลังคุยๆอยู่ทั้งพี่เอ็มกับเจมส์
อ่าใช่แล้วแหะๆ ขอบคุณที่ท้วงนะค่ะ :hao5:
-
พี่เอ็มแม่งร้ายอะ แต่ตอนนี้เฟรนเจ๋งอะ เราตามจีบเขาไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีสิทธิ์เล่นกับความรู้สึกของเราอย่างไรก็ได้ หวังว่าเฟรนจะเป็นแบบนี้ในตอนต่อๆ ไป และแข็งแรงขึ้น
-
กรี๊ดดดดดด ชอบๆๆ เฟรนดีมากเลยลูก เอาอีกๆๆ ตาต่อตาฟันต่อฟัน เอาให้อีพี่เอ็มหน้าหงายเลยชิ.
-
เฟรนสุดยอดอ่ะ เจ๋งๆๆๆ o13 o13
-
ร้ายยยยยยย แบบนี้ดีละ ชอบ 55555555
-
แรงค่ะ เกือบแล้วเอ็มทำแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ วันนึงไม่มีใครอยู่ด้วยแล้วจะรู้สึก
-
หมั่นไส้อีพี่เอ็มอ่ะ ทำกับน้องเฟรนได้
น้องเฟรน ถ้าไม่ไหวก็หยุดเถิด หาคนใหม่ง่ายกว่า
-
เมิงเลือกได้อยู่คนเดียว..หรือไง
ไอ่พี่เอ็ม
นิสัยเสีย..ถึงโดนทิ้ง
เฮนเลยไปเลือกคนอื่นแทน
ยังไม่รู้ตัวอีก
หล่อ..แต่โดนสาวเลือก
..ทิ้ง..
โฮะ..โฮะ
-
หมั่นไส้พี่เอ็มจังเว้ยยยยย :m31:
-
เฟรนเริ่ดมากกกกก อย่างนี้หล่ะ เหมาะสมกับพี่เอ็มดี :katai1: :katai1: :katai1:
-
ดีค่ะ
แอบเกลียดอีพี่เอ็มมากๆค่ะ
น้องเฟรนไปอยู่กับคนที่รักเราเถอะค่ะ
-
เพิ่งมาตามอ่าน รวดเดียวเลยค่ะ
และ หลังจากอ่านถึงตอนนี้
ขอถีบหน้าไอ้พี่เอ็มสักหน่อยเหอะ ฮึ่มม :fire:
ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ !
แค่ชอบเขาฝ่ายเดียวเฟรนก็เจ็บจะแย่แล้ว ยังจะทำแบบนี้อีก
ขนาดเห็นใจน้องนะเนี่ย ถุยเหอะ
นี่ตกลงจะคุยกับเฟรนนะ ไม่ได้จะทำร้ายเฟรน ไอ้คนใจร้าย
ส่วนเฟรน ไปหาเจมส์เถอะ จริง ๆ
อย่ามาอยู่กับไอ้พี่อวยรสน้ำปลานี่เลย เสียเวลา ชิ !
ป.ล. กิ๊ก เราไม่รู้ว่านายคิดกับเฟรนยังไง
ไม่ว่าจะเพื่อน หรือ มากกว่าเพื่อน เราก็ปลื้มนายนะ นายน่ารักมากเลย :-[
ป.ล. 2 เพิ่งสมัครสมาชิกใหม่
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ได้มา Comment ด้วยละ (รู้สึกเหมือนโดนเปิดซิง 5 5 5)
เอาเป็นว่า นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายสไตล์ที่เราชอบพอดีด้วย ดราม่านี่แหละดี
ยังไงก็ ให้กำลังใจผู้เขียนนะค่ะ จะรอติดตามเรื่อย ๆ ยังไงก็รีบมาต่อนะคะ :L2:
-
สนุกมากค่ะ ชอบน้องเฟรนตอนนี้ที่สุดอ่าาาาาา กด like รัวๆๆๆๆๆๆ
-
อันนี้ให้แกพี่เอ็ม :z6: :z6:
ส่วนเฟรนไปหาเจมส์เลย . เชียร์เจมส์ๆๆ
-
เปลี่ยนพระเอกด่วนนนนนนนนน 5555555
-
แอบเดาว่าคงมีฉากที่อิพี่เอ็มทำรุนเเรงกะเฟรน สงสารเฟรน คิดว่าพี่เอ็มคงเป็นพระเอก
ตอนนี้สะใจดีจริงค่ะ
-
ชอบเฟรนอะ
แบบว่าเชือดนิ่มๆ วางตัวดี มีเผื่อใจเอาไว้แล้ว
-
เฟรนพอรึยังลูก...
เจ็บพอแล้วมั้ง อีกอย่างเวลาเร็วคิดมาก
เค้าก็ไม่เสียใจกับเราด้วยสักหน่อย พอเหอะ
ปล.คุณคนแต่งค่ะ เปลี่ยนพระเอกเถอะค่ะ!! :3
-
#12 เฟรนนายเจ๋งมาก o13 ฉันชอบนายที่เป็นแบบนี้มาก :hao7: อย่าไปยอมให้มากนัก :angry2:
ต่อให้เขาคิดว่าเราเป็นแค่ตัวสำรอง แต่จำไว้นะเฟรนว่าเราไม่ได้เป็นของตายเรามีสิทธ์เลือกเหมือนกัน :mew1:
ปล.สนุกมาก ให้เฟรนเข้มแข็งยังนี้ทุกตอนได้เปล่าคะ :monkeysad:
-
:z6: :z6: นี่เหรอคนที่เคยเจ็บเพราะความรัก เป็นพระเอกเหอะ ไม่ไหวว่ะ ขึ้นๆๆๆ :katai1:
-
เกลียดไอเ_ี่ยเอ็มมากขึ้น และมากขึ้นไปอีกกกกกก :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
-
หึหึหึ เจ็บให้สุดๆแล้วกลับมาร่าเริงเร็วๆนะ :hao3:
-
ยังไม่มาอีกหรอ .
มาเถอะครับบบบอยากอ่านแล้ว :z3:
-
นักเขียนจที่รัก
ฉันมารอเธออัพที่หน้าคอมทุกวันเลย
จงรีบมาต่อ จงรีบมาต่อ จงรีบมาต่อ :z13:
-
13
[/b]
สายตาของผมยังคงจ้องมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ ที่ตอนนี้บ่งบอกเวลาว่าขึ้นวันใหม่ของอีกวันแล้วแต่ผมเองก็ยังคงหลับตาลงนอนไม่ได้ เหมือนว่ากำลังรออะไรบางอย่างและเป็นแบบนี้มาเกือบสองอาทิตย์เต็มๆ ที่รู้สึกแบบนี้
ตั้งแต่วันที่น้องมันมานั่งกินข้าวโต๊ะติดกันที่โรงอาหาร เหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายในช่วงเวลานั้น และก่อนหน้านั้นที่ผมเรียกอีกฝ่ายไปกินข้าวด้วยกัน แต่ผมเองกลับทำให้เขาต้องเสียความรู้สึก
ผมรู้ดีว่าต้องทำแบบไหน น้องมันถึงจะต้องห่าง ทำแบบไหนน้องจะต้องพยายามเรื่องของผมให้มันน้อยลง เพียงแค่เพราะผมอยากจะมีเฟรนอยู่ในฐานะน้องชาย ผมคิดแบบนี้ก็จริง
แต่ความรู้สึกมันกลับไม่ใช่ เหมือนว่าตนเองนั้นไม่ได้อยากที่จะทำอะไรแบบนี้เลย ไม่ได้อยากให้สายตาคู่นั้นของเขามองผมด้วยแววตาตัดพ้อ ไม่ได้อยากให้ริมฝีปากของเขาเอ่ยพูดอะไรออกมาประชดผม หรือกำลังตอกย้ำให้ผมคิดว่า ตอนนี้เขาอยู่ในสถานะไหนและผมควรปฎิบัติกับเขาอย่างไร
ผมไม่ได้อยากทำให้น้องมันเหนื่อยกับสิ่งที่ผมทำ ใบหน้าของเฟรนที่ปกติแล้วจะมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่ตลอดเวลาที่ผมมองหรือเรียกหา ใบหน้าที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ชอบมองใบหน้านี้ตั้งแต่ตอนไหน
แต่ตอนนี้ เมื่อผมเรียกหาเขาอีกครั้ง น้ำเสียง สีหน้าอารมณ์หรือรอยยิ้มเหล่านั้นมันดูจางหายไป
ถ้าเราเป็นแค่พี่น้องตั้งแต่แรก .. ถ้าผมไม่ยื่นโอกาสแบบนั้นให้กับน้อง
ผมคงจะได้จ้องมองใบหน้าแบบนั้นตลอดไปใช่มั้ย . .
ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นที่ผมเรียกให้เฟรนไปหาในตอนกลางวันที่โรงอาหารหวนกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตอนนั้นถึงเรียกให้น้องมันมา และแนะนำน้องให้รู้จักกับข้าวในสถานะคนที่ผมคุยด้วย
ไม่ทันคิดเลยว่าสิ่งที่ผมทำไปจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร เพียงเพราะอยากจะให้น้องมันตัดใจและเลิกมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มันอัดแน่นอยู่แบบนั้น ..
และมันก็คล้ายกับสายตาเมื่อตอนกลางวันที่ผ่านมาที่ได้รับจากอีกฝ่าย มันช่างดูอึดอัด คำพูดแต่ละคำกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง เหมือนมันย้อนกลับมาทำให้ผมคิดว่า สิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้มันคือเรื่องร้ายๆ ที่ไปสร้างบาดแผลให้กับคนอย่างน้อง
คนที่ผมเป็นห่วงกังวลกลัวอีกฝ่ายจะยังไม่ได้กินข้าว เลยต้องซื้อข้าวกล่องให้ กังวลว่าช่วงกลางวันคนที่โรงอาหารมันเยอะเลยซื้อของโปรดอีกฝ่ายไว้เพียงเพราะกลัวว่า ใบหน้าที่ไม่รู้ว่าเผลอมองไปตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นจะทำสีหน้าหงุดหงิด หรือโมโหหิวเหมือนที่เคยทำ
ไม่เหมือนกับอีกคน ที่ผมนั้นคุยด้วย ข้าวปุ้นก็ยอมรับกับผมมาตรงๆตั้งแต่ช่วงสองสามวันที่เราคุยกันว่าเธอนั้น จริงๆแล้วก็ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้และตอนนี้ก็เหมือนจะกำลังปรับความเข้าใจกันอยู่ มันก็โอเคที่เธอยอมบอกตรงๆ
แต่เธอนั้นก็ยังมากินข้าวด้วยกันเหมือนเดิม เพียงเพราะเธอสบายใจที่อยู่กับผมในฐานะเพื่อนมากกว่าในแบบอื่นๆ และไอ้ต้นทั้งสองคนมันก็รู้ด้วยเหมือนกันว่าตอนนี้ผมกับข้าวปุ้นนั้นเป็นเพื่อนกันและไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ไปเป็นอย่างอื่นได้
และทุกวันนี้มันก็ยังคงถามๆผมเกี่ยวกับเรื่องเฟรนอยู่ ว่าจะเอายังไงต่อ
แต่เหตุผลมันมักจะสวนทางกันกับความรู้สึกเสมอ และความรู้สึกบางอย่างที่มันไม่ชัดเจนด้วยเหมือนกัน ความรู้สึกที่มันยังครึ่งๆกลางๆ บางครั้งมันอาจดูเลือนลาง แต่บางเวลามันกลับเริ่มดูชัดเจน
มันเหมือนกันกับเส้นใยบางเบาที่ล่องลอยไร้ทิศทาง กลัวว่าวันนึงถ้าเกิดผมจับเส้นใยนั้นแรงเกินไปมันจะขาดลง ไม่สามารถทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ และก็กลัวอีกว่าถ้าปล่อยเส้นใยให้ล่องลอยอยู่แบบนั้นอาจจะมีใครบางคนมาคว้าเส้นบางเบานั้นไปก่อนผม
และมันก็มีเหตุผลบางอย่างที่ยังคงทำให้ผมสับสนกับเรื่องนี้ ภาพช่วงเวลาเหล่านั้นตั้งแต่ตอนที่ผมรู้จักกับน้องครั้งแรก ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันผ่านเรื่องร้ายๆมา และอีกหลายๆเรื่องที่ตอนนั้นเขาอยู่ในฐานะน้องชายที่ผมรักคนนึง
ผมหวังดีกับมัน ผมเอาใจใส่และดูแลมันเหมือนน้องแท้ๆ ความรู้สึกลึกๆมันยังคงติดตรึงอยู่กับช่วงเวลาเหล่านั้น เหตุผลมากมายยังคงดังค้านอยู่ในหัวเรื่อยมา
ซึ่งมันกำลังขัดกันกับอีกความรู้สึกหนึ่งที่บางเบา แต่รู้สึกอยู่มันยังคงอยู่ ถึงจะบางเบาขนาดไหน แต่ผมก็ยังรู้สึกได้
บางความสัมพันธ์มันก็ยากที่จะเข้าใจ และยากที่จะหาคำตอบแบบจริงๆจังๆ มันก็เหมือนกับต้นหญ้าที่โอนอ่อนไปตามสายลมไร้ทิศทางของตนเอง และแข็งแรงไม่พอที่จะต่อสู้กับลมที่พัดผ่าน
ภาพเหตุการณ์บางอย่างไหลย้อนไปมาเหมือนถูกกดรีเพลย์ซ้ำไปซ้ำมา เหตุการณ์นั้นที่ผมยังคงจำได้ติดตา น้องมันใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่ของใครอีกคนที่นั่งกินข้าวโต๊ะข้างกัน ผู้ชายอีกคนที่กำลังทำตัวเหมือนเป็นห่วงเป็นใยและเหมือนจะสนใจในตัวเฟรน เป็นคนเดียวกันกับที่ตอนนั้น
ผมไปเจอน้องมันในร้านอาหารตามสั่งตอนกลางคืน ทั้งสองคนไปด้วยกันและไม่ใช่ผมไม่สังเกตเห็นเขาทั้งสองคนเดินเข้าร้านมา รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเฟรนแจ่มใสกว่าตอนที่เจอกันกับผมเป็นไหนๆ
ก็ใช่สินะก็ตอนนั้นผมทำใจร้ายกับน้องไปตั้งเยอะ และผมก็อยากจะขอโทษน้องที่ตอนนั้นพูดอะไรไม่ดีออกไป ก็เลยสั่งข้าวกระเพราหมูกรอบของโปรดของน้องมันกะจะเอาไปให้ที่หอ แต่เมื่อผมมาเจอน้องมากินข้าวกับคนอื่นแบบนี้มันกลับทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาซะเฉยๆแบบไม่มีเหตุผล
และก็ไปทำนิสัยเสียใส่น้องอีกครั้ง ที่จริงแล้วผมนั้นไม่ได้แพ้แมลงเลยเพียงแค่อยากจะหาข้ออ้างให้น้องมันไปหาผมอีกครั้งก็เท่านั้น
รอยแผลที่ผมสร้างขึ้นมาทำร้ายเฟรน ทำให้ร่างโปร่งนั้นดูห่างเหินและไว้ตัวมากขึ้นกว่าเดิม
และคำพูดของเขาที่พูดขึ้นเพื่อจงใจให้ผมได้ยินและกลับมาคิด ว่าตอนนี้นั้นเขาอยู่ในสถานะอะไรและผมควรจะใส่ใจเขามากน้อยแค่ไหน ทั้งๆที่บางครั้งไอ้บิ๊กมันก็เตือนผมแล้วว่าถ้าสิ่งที่ผมรู้สึกอยู่มันไม่ชัดเจนก็ให้ปล่อยน้องมันไปซะ
จบความสัมพันธ์กันเพียงแค่นี้
แต่ผมกลับทำไม่ได้ .. . และยังอยากที่จะรู้คำตอบว่าที่จริงแล้วความรู้สึกจริงๆของผมที่มันครึ่งๆกลางๆ โลเลนี้ที่จริงแล้วมันคืออะไร
ยังไม่อยากจะจบความสัมพันธ์ของผมกับน้องลง แม้ว่าปลายทางที่ผมกับเฟรนจะเดินต่อไปนั้นเป็นอย่างไร ตัวผมเองก็อยากจะรู้จุดจบของมันจริงๆ
ผมหลับตาลงอีกครั้งไล่ความคิดที่มันก่อขึ้นมาออกไป เพื่อจะได้ไม่คิดมากอีกและวางโทรศัพท์เครื่องบางไว้ข้างกาย พยายามจะไม่คิดอะไรอีก
คุณอยากรู้รึเปล่าว่าผมกำลังรออะไร ก่อนหน้านี้
ผมกำลังรอข้อความจากเด็กคนนั้นยังไงล่ะ ข้อความบอกฝันดีที่เขาส่งมาให้ผมทุกคืน
=====================================================
ขอโทษที่หายไปนานและมาน้อยน้า บทพาทอีพี่เอ็มคือกินเวลาทำอารมณ์มาก
อารมณ์โลเลและความรู้สึกที่ไม่ชัดเจน เห้ยคืออีตอนนี้พี่เอ็มมันเพ้อ
ขอโทษนะทุกๆคนที่ตอนนี้เรามาน้อย บทอิพี่เอ็มมันยากทุกช่วงจิตเลยจริงๆ
อยากให้พี่มันไปถามใจตัวเองดูว่าจริงๆแล้วรู้สึกอย่างไร อีคนโลเล ! 5555555555
อย่างไรปิ่นก็ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นต่างๆ ขอบคุณมากๆเลย
ยังไงก็ฝากเอาใจช่วยน้องเฟรนและด่าอิพี่เอ็มไปพร้อมๆกันนะค่ะ เจอกันใหม่ตอนหน้าค้าบ :katai1:
-
จิ้มก่อนนนนเลยค่ะ><
-
ทำเพื่อให้น้องตัดใจและกลับมาเป็นน้องรหัสคนเดิม??? แต่เราว่าตัดได้จริงแม้แต่พี่รหัสยังไม่อยากจะมองหน้าเล้ย พี่เพ่อน้องคงไม่เอาแล้วล่ะ ตอนนี้ยังไม่สายน๊าแต่ก็ใกล้เต็มทีเพราะข้าศึกมาตีประชิดประตูซะขนาดนั้นขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะกลับมาป้องกันก่อนที่จะโดนตีแตกเมื่อไหร่ อิอิอิ :katai3:
-
ไม่ผิดคาดนะกับความคิดของเอ็มในพาร์ทนี้
เพราะการกระทำที่ผ่านมาก็บ่งบอกได้อยู่
ว่าเอ็มสับสนอะไรในความรู้สึกที่มีกับเฟรน
ตอนนี้ยังไม่อยากเป็นแฟนกับเฟรน
แต่ก็ไม่อยากให้เฟรนเป็นแฟนกับใคร
-
สมน้ำหน้า :hao3:
-
ไม่ชอบความคิดพี่เอ็มเลยอ่าาาา เพื่อทดสอบความรู้สึกของตัวเอง แต่สิ่งที่พี่เอ็มทำมันคือการทำร้ายน้องเฟรนน้าาาา//up สั้น ไม่เป็นไรค่ะ แต่มา up บ่อยๆน้าาาาา ^^
-
ส ม น้ ำ ห น้ า
ทำมาเป็นอ้างว่าไม่ทันคิด พูดออกมาด้ายยย... เพราะว่าคิดแล้วต่างหากถึงได้ทำกับเฟรนแบบนั้น อีกอย่างอยากจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าเส้นใยบางๆ ที่บอกมาน่ะมันหมายถึงความสัมพันธ์แบบไหน ก็พิสูจน์เสียสิ! ไม่ใช่เอะอะก็คอยแต่จะผลักไสให้เฟรนออกห่าง แล้วมานั่งละเมอเพ้อพกเวลาเห็นน้องอยู่กับคนอื่น เพื่อ?
-
สมน้ำหน้าคะ ถ้าน้องเฟรน จะตัดใจจากพี่ และเจอคนดีกว่า
เพราะพี่ทำตัวเอง คะ จบปิ้ง!!
-
ระวังจะกินแห้วนะคะพี่เอ็ม ถ้ามัวแต่ลังเลไม่แน่ใจแบบนี้ ได้กินแห้วแน่ๆ แล้วจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ
-
ให้3คำสำหรับตอนนี้ มึง เหรี้ย มาก!
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: สมมมมมมมมมมมมม
-
หมาหวงก้าง
คืออาการตอนนี้ของไอ่พี่เอ็ม
ชัดนะ..จะได้หายงง สงสัยซะที
ไอ่หัวดอ
-
:laugh: สมน้ำหน้า...
มองหาคำว่า ฝันดี จากคนที่ตัวเองทำ ฝันสลาย น่ะเหรอ... :hao4: คิดได้นะคนเรา ตอนทำไม่คิดก็ว่าไปอย่าง
สรุปแล้วรู้ทุกอย่างรู้ว่าถ้าทำอะไรที่ผิดร้ายแรงลงไปกับจิตใจอีกคนจะเกิดผลแบบไหน แต่ก็ยังทำ... พอผลออกมา
กลับไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น :angry2: เอาอะไรมาคิดดดดด ...ถ้าสับสนไม่มั่นคง เป็นคนเหมือนไผ่ต้องลมแบบนี้
ก็น่าจะทบทวนตัวเองให้ดี หรืออย่างที่เพื่อนว่า ปล่อยเฟรนไปเถอะ อยากเห็นรอยยิ้มสดใสตลอดไป แต่กลับลงมือ
ทำลายเหมือนไม่สำคัญแบบนั้น การที่ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้มันก็สมควรแล้วนี่ นอนหลับให้สบายเถิดพ่อคุณ...
กอดหมอนนอนจินตนาการรอยยิ้มในอดีตของน้องเฟรนต่อไป เพราะในโลกความเป็นจริงถ้ายังทำใจดีเอื้อโอกาสเพื่อ
หวังทำลายความสัมพันธ์อีกฝ่ายอยู่แบบนี้ คงไม่มีวันได้รับแล้วล่ะรอยยิ้มสดใสหรือคำว่าฝันดีน่ะ :katai3:
-
ทำเพื่อให้น้องตัดใจและกลับมาเป็นน้องรหัสคนเดิม??? แต่เราว่าตัดได้จริงแม้แต่พี่รหัสยังไม่อยากจะมองหน้าเล้ย พี่เพ่อน้องคงไม่เอาแล้วล่ะ ตอนนี้ยังไม่สายน๊าแต่ก็ใกล้เต็มทีเพราะข้าศึกมาตีประชิดประตูซะขนาดนั้นขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะกลับมาป้องกันก่อนที่จะโดนตีแตกเมื่อไหร่ อิอิอิ :katai3:
ไม่ใช่พี่รหัสน้องรหัสกันเนาะ 55555555555555555555555 เสียใจ
-
:mew2:หน่วงมาก แต่ชอบ
-
หมั่นไส้พี่เอ็มมากเลย
ให้นางได้รับบทเรียนบ้างเถอะ
ชอบทำร้ายจิตใจเฟรน :o12:
-
เห็นแก่ตัวไปป่าววะ แม่งเฟรนชอบได้ไงผู้ชายโลเลแบบนี้
-
เข้ามาเพื่อ "เบะปาก" ใส่อินังเอ็ม
เพ้อไปก็ไม่เห็นใจย่ะ ยิ่งรู้สึกอยากส่งเฟรนไปให้คนอื่นจริงๆ
รออ่านนะจ๊ะ
-
เอ็มลืมไปมั๊งว่าน้องมันก็คนเหมือนกัน
ชอบน้องที่มองเอ็มคนเดียว
เสริมอีโก้คนที่กำลังเสียใจอกหักมากๆ
พอน้องบอกรักก็ทำเสียจน.....เพื่อให้น้องตัดใจ
สมน้ำหน้าไอ้หมาหวงก้างได้แต่มองตาปริบๆ
ไม่ใช่แค่เอ็งหรอกที่มีสิทธิเลือกนะ เอ็ม
ระหว่างที่เอ็งเอาน้องไว้เป็นตัวเลือก
น้องมันก็มีสิทธิกันเอ็งไว้เป็นตัวเลือกเหมือนกัน
อยากเจอน้องอีกก็เลยเอาเสื้อน้องไว้
เอาไว้แล้วไม่ดูแลรักษาก็อย่าเอามาเลย
เอาไปให้คนอื่นใส่ ทำไมไม่สู้โยนทิ้งลงพื้นแล้วเหยียบต่อหน้าเลยจะดีกว่า ชัดด้วย
มาป่านนี้แล้วไอ้ความรู้สึกดีๆแบบพี่น้องที่มันเคยมีให้กันก็ไม่เหลือแล้วเอ็มเอ๊ย
สู้ตัดน้องไปเลยตั้งแต่ต้นไม่ดีกว่าหรือ?
เชียร์เจมส์ค่ะ ไม่มีภาระความรู้สึกอะไรมาขวางไว้
เดินหน้าโลดลูก
-
เฮ้อ ไม่รู้ใจตัวเองแบบนี้น้องเค้าลำบากนะ
-
อิพี่เอ็มคิดยังไงจะเอายังไงก็บอกน้องไปสิไม่บอกแล้วน้องมันจะรู้ไหม
-
:mew1:
-
ขอบคุณครับ มันเศร้าจริงๆ
-
ถอยห่างให้ไกลเลยเฟรน
-
:z6: :z6: คิดยังไงแกก็เห็นแก่ตัวอยู่ดี
-
สั้นจัง :hao5:
มารอค่า
-
ในที่สุดก็มาต่อ ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยย
(แต่พี่มาอัพที่ Thaiboyslove 5 5 5 )
หลังอ่านจบบอกได้คำเดียวว่า
เกลียดดดดด (ด.เด็กพันตัว) พี่เอ็มมากกก (ก.ไก่อีกพันตัว) :fire:
หมั่นไส้ หมั่นไส้ หมั่นไส้ หมั่นไส้ หมั่นไส้
หมั่นไส้ หมั่นไส้ หมั่นไส้ หมั่นไส้ หมั่นไส้
ทำแต่ละอย่างแม่ม ชิ
แล้วนี่มาเป็นติวเตอร์ให้น้องได้ไงเนี่ย ขนาดตัวเองรู้สึกยังไงกับน้องยังไม่รู้เลย
ไม่ต้องมาสอนคนอื่นแล้ว ไอ้โง่เอ๊ยย
ถ้าไม่รีบทำดี ๆ กับน้อง
แล้วน้องมันไปกับคนอื่นเมื่อไหร่จะหัวเราะเยาะเลย คอยดู
รีบมาต่อนะคะ รอติดตามอ่านอยู่ สู้ ๆ :กอด1:
ป.ล. ขอให้ตอนต่อไปเป็นตอนของเฟรน
ไม่อยากอ่านของพี่เอ็ม หมั่นไส้ 5 5 5
-
คุณทำอะไรไว้คุณก็ได้อย่างนั้นเเหละค่ะ
คิดดีๆ
-
14
[/b]
“ มึงแน่ใจนะเว้ยว่าจะไม่ให้กูไปส่งหนะ ” ประโยคที่ออกมาจากริมฝีปากเล็กๆของไอ้ทอยดังขึ้นขณะที่ผมกำลังก้มตัวลงผูกเชือกรองเท้าอยู่ ผมได้แต่เงยหน้าไปหามันแล้วส่ายหน้าไปมาเท่านั้น
มันเองที่ได้เห็นดังนั้นก็เลยส่งยิ้มเล็กๆแบบที่เจ้าตัวชอบทำมาให้ ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วยกมือโบกลาอีกคนที่ตอนนี้กำลังจะขี่รถออกจากที่จอดรถของร้านเฮียที่ผมมาทำงานกับมันด้วย
ผมตัดสินใจมาช่วยมันทำงาน ที่ก่อนหน้านี้มันไปบ่นๆเอาไว้ งานที่มาทำคือร้องเพลงในร้านเฮียนั้นแหละ ตอนแรกที่มันบอกว่าทำงานร้านเฮียผมเองก็นึกไปถึง ผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างใหญ่พุงออกไว้หนวดหน้าตาดุๆคนนึง แต่พอเข้ามาเจอจริงๆ กลับตรงกันข้ามกันกับสิ่งที่ผมมโนภาพมาซะได้
ก็เฮียที่จ้างไอ้ทอยมันเล่นดนตรีดันเป็นผู้ชายหน้าดีคนนึงเลยทีเดียว แถมยังนิสัยดีอีกต่างหากและเป็นคนที่อัธยาศัยดีมากๆ ทำให้ตัวผมเองนั้นไม่เกร็งเลยว่าทำงานกับเฮียเขา ที่จริงแล้วผมก็ได้มาร้องเพลงที่ร้านคู่กับไอ้ทอยก็เกือบสองอาทิตย์เต็มๆแล้ว
ถ้าถามว่าเมื่อผมมาเป็นนักร้องคู่กับมันแล้ว คนที่มานั่งที่ร้านจะชอบหรือเปล่า ก็คงตอบได้เลยว่าอยู่ในขั้นที่เฮียแกพึงพอใจเลยทีเดียว เพราะว่าเหมือนคนที่มาที่ร้านในแต่ละคืนนั้นจะหมุนเปลี่ยนเวียนสลับไปเรื่อย ไม่ซ้ำหน้าคนที่มาฟังเลยก่อนหน้านี้
เพราะเหตุคือคนเก่าที่ร้องคู่กับไอ้ทอยมันออกไปก่อนหน้านี้ทำให้ขาประจำที่มาฟังคนก่อนหน้านั้นก็หายหน้าหายตาไปบ้าง ทำให้ที่ร้านคนดูบางตาไปหน่อยในวันที่ไอ้ทอยมันขึ้นเล่น แต่พอผมมาร้องเทสคนในช่วงวันสองวันแรก ก็กลับทำให้มีขาเก่าประจำของที่ร้านเฮียกลับมาแวะเวียนบ้างเป็นครั้งคราว
คนที่มาฟังเพลงและมาที่ร้านเฮียกส่วนใหญ่นั้นมีทั้งคนที่ทำงานแล้วและคนที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ปะปนกันไปแต่จะมีพวกคนที่ทำงานเยอะมากกว่าซะส่วนใหญ่ ร้านของเฮียออกแนวนั่งดื่มแบบสบายๆแล้วฟังดนตรีมากกว่าการที่เปิดเพลงเสียงดังๆและมีผู้คนมากมายเบียดเสียดกันอยู่ทุกคืนในที่แออัด
สองขาของผมพาร่างของตนเองเดินไปตามท้องถนนที่ตอนนี้ดูโล่งและว่างเปล่าไร้ผู้คน ผมยกแขนขึ้นดูนาฬิกาข้อมือดิจิตอลที่ใส่อยู่และดูว่าตอนนี้ตัวเลขที่ปรากฏนั้นบ่งบอกเวลาว่าเท่าไหร่แล้ว
ตัวเลขที่ปรากฏแก่สายตาของผมทำให้รู้สึกตื่นตัว อยู่หน่อยๆ เพราะว่ามันเลยเช้าวันใหม่ของอีกคืนมาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เวลาตีสองกว่าๆ ไม่ค่อยมีผลแก่การนอนหลับของผมซักเท่าไหร่
เพราะคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ อ่า .. ไม่ใช่สิวันนี้เป็นวันเสาร์ยามค่ำคืนต่างหาก ไม่ต้องตื่นไปเรียนเช้า สามารถตื่นตอนไหนก็ได้ตามใจตัวเอง เหลือก็แค่งานอีกนิดหน่อยที่ทำค้างคาไว้และการไปซ้อมลีดคณะ ที่เมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่แล้วมีการคัดเลือกขึ้นมา จึงทำให้ผมและไอ้ทอยก็พลอยโดนเพื่อนในเซคเลือกให้เป็นลีดอีกด้วย จะว่าการที่ถูกเลือกนั้นมันดีก็ได้ หรือไม่ดีก็ได้
เพราะเรื่องดีๆที่มันเกิดขึ้นนั้นก็คือทำให้ผมรู้จักเพื่อนอีกหลายๆคนที่อยู่ในเซคเดียวกันมากขึ้น และเพื่อนต่างเซคอีกด้วย ทำให้ผมได้รู้จักคนอื่นๆอีกมากมาย อย่างน้อยผมเองก็มีความสุขในช่วงเวลานี้ จะได้ไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่นๆให้ปวดหัวไปกับมัน
แต่ไอ้ที่ไม่ดีคือผมต้องอยู่ซ้อมลีดนานๆตามคำสั่งของรุ่นพี่ ทำเอาแย่อยู่เหมือนกันสั่งยืนนานๆตั้งหลายช่วงโมง บางทีตั้งการ์ดนานทำเอาไปไม่เป็นเลยเมื่อยก็เมื่อย บ่นหน่อยพี่ก็ว่าเอา
แต่มันก็ยังเป็นเรื่องดีอยู่นั้นแหละ เพราะสมองผมร่างกายผมจะได้ไม่ต้องมาว่างจนเกินไป จนนำพาสิ่งอื่นๆเข้ามาในความทรงจำ และคอยนึกถึงสิ่งเหล่านั้น
สายลมยามค่ำคืน ที่คอยพัดผ่านไปมาอย่างเบาบาง แต่กลับทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างน่าประหลาด
ช่วงเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมา .. . ผมไม่ได้คุยกับเขาเลย และพี่เขาเองก็ไม่ได้คุยกับผมอยู่เหมือนกัน อาจจะมีที่บ้างครั้งเราสองคนบังเอิญเจอกันบ้าง แต่ผมกลับทำเพียงแค่หันหน้าหนี้ไปมองทางอื่นหรือไม่ก็ไปสนใจอย่างอื่นแทนเขา และเขาเองก็ไม่ได้สนใจผมด้วยเหมือนกัน
ช่องว่างเล็กในตอนนี้เริ่มขยายตัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่ผมกลับมองเห็นช่องว่างนี้ว่าตอนนี้เราถอยห่างมากี่ก้าวกันแล้ว และที่ห่างออกมาไม่ใช่เพราะตัวเองนั้นหมดรักหรือเลิกชอบเลิกสนใจในตัวพี่เขา
แต่เพียงแค่ผมอยากจะกลับมาทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาเพียงเท่านั้นว่าสิ่งที่ได้ทำ และสิ่งที่ได้พบเจอ ยังเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่อีกหรือเปล่า สารพัดความรู้สึกที่มันอธิบายได้ยากประดังประเดเข้ามาในตอนนี้
ทำได้เพียงแค่ปล่อยผ่าน ให้ช่วงเวลาที่เดินต่อไปอย่างไม่มีจุดจบเป็นตัวบ่งบอกว่า ความรู้สึกนี่คืออะไรและจะหายไปเมื่อไหร่ อาจจะเหมือนแค่อาการเหนื่อย หรืออาจจะเป็นแค่อาการเวลาเหมือนเด็กเวลารักสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็อยากได้ความรักตอบแทนกลับมาบ้าง
เหมือนการรดน้ำต้นไม้ตั้งแต่เป็นต้นกล้าเล็กๆ ถ้ารดน้ำไปเรื่อยๆแล้วต้นไม้ต้นนั้นมันเติบโตออกดอก ก็คงจะดีใจเป็นอย่างมาก แต่ถ้าการที่เราหมั่นเพียรรดน้ำต้นไม้ต้นนั้นตั้งแต่เป็นต้นกล้า แต่ต้นกล้าต้นนี้กลับไม่ยอมเติบโต .. ไม่ว่าจะดูแลเอาใจใส่อย่างไร รดน้ำใส่ปุ๋ยให้มันเท่าไหร่ มันก็ไม่ยอมเติบโต แล้วเราจะทำอย่างไรได้ เราก็ได้แค่มองต้นกล้าต้นนี้อยู่ห่างๆและเราเองก็อาจจะเลิกใส่ใจมันในที่สุด
อาจจะแค่เหนื่อย ...
และเลิกสนใจมันในที่สุด .. .. ถ้าหากความรู้สึกผมเป็นแบบนั้น
ไม่มีใครทำอะไรให้คนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอก .. . ไม่มี ทุกคนมีความโลภทั้งนั้น มีความต้องการที่จะอยากได้อยากมี ต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้และตอบแทนความรู้สึกนั้นกลับมา
นี้คือความเป็นจริง .. .
สองขาของผมพาร่างเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ในยามค่ำคืนแบบนี้ภายในร้านมีคนอยู่ไม่มาก มีคนมาซื้อของเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผมเดินตรงไปยังตู้เครื่องดื่มที่มีขวดแอลกฮอล์หลากสีวางอยู่เรียงราย ก่อนจะเปิดประตูตู้ออกแล้วหยิบแอลกฮอล์ออกมาขวดนึง ความเย็นจากขวดที่ผมจับอยู่เตือนสติได้อย่างดีว่าตอนนี้กำลังทำอะไร
เพียงแค่อยากดื่มให้มันลืมๆไปในช่วงขณะหนึ่งเพียงเท่านั้น และย้ำเตือนตัวเองอีกครั้งว่าเพียงแค่ดื่มไปครึ่งขวดอาการแพ้จะกำเริบขึ้นมา ผื่นแดงคงขึ้นเต็มหลังแน่ๆแต่ก็ยืนยันที่จะวางขวดลงบนเคาท์เตอร์ก่อนจะจ่ายเงินไปตามราคาของสินค้า
ผมเดินออกมาจากตัวร้านก่อนจะทรุดตัวลงนั่งริมทางเดิน มันอาจจะเหนื่อยเพียงแค่ช่วงแรกๆ แต่ถ้าผมผ่านไปได้ก็คงจะดี ความรู้สึกที่มันปนเปไปมา มันไม่ตายตัวด้วยสินะ ว่าตอนนี้เรารู้สึกอย่างไร อยากทำอะไร ต้องการอะไรกันแน่
แอลกฮอล์รสชาติปร่าๆ ถูกกรอกลงคออย่างรวดเร็ว รสชาติของมันช่างบาดคอจริงๆและเพียงไม่นานตอนนี้แอลกฮอร์สีสดใสที่อยู่ในขวดก็หายไปเกือบครึ่งแล้ว ผมหลับตาลงและนึกทบทวนสิ่งที่ผ่านมา ทุกสิ่งมันหนักอยู่ภายในหัว มันเอาออกไม่ได้ และอยากจะลบออกแค่ไหนก็ทำไม่ได้เช่นกัน
ช่วงเวลาที่เดินต่อไปตอนนี้ มันพัดผ่านเอาความทรงจำในครั้งก่อนๆกลับมาในความทรงจำอีกครา อย่างห้ามไม่ได้ ผมหลับตาแน่น มือเตรียมคว้าขวดแอลกฮอล์เย็นๆที่วางอยู่ข้างตัวตอนนี้ พอคว้าไปกลับไม่มีอะไรเลย ทำให้ผมต้องลืมตามองหาสิ่งที่ต้องการ
แต่ภาพตรงหน้าที่เจอกลับเป็นด้านข้างของร่างสูงที่คุ้นเคยนั่งอยู่ข้างๆผมและพี่เขาเองนั้นกำลังดื่มสิ่งที่ผมต้องการอยู่ในตอนแรก ร่างสูงดื่นมันจนหมดขวดก่อนจะวางลงข้างกาย อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนอยู่สักพักและผมเองก็ได้แต่มองการกระทำของเขาอยู่แบบนั้นจน มือหนาของเขายื่นมือมาจับมือผมเพื่อฉุดให้ลุกขึ้นยืน
และผมเองก็นึกบ้าอะไรไม่รู้ถึงได้ลุกขึ้นยืนตามอีกคนอย่างว่าง่าย ร่างสูงของเขาออกแรงดึงมือผมเบาๆให้เดินตามอีกฝ่าย
สองขาของผมก็คงเดินตามแผ่นหลังของร่างสูงอย่างไม่คิดที่จะพูดคุยอะไรกับคนตรงหน้า ทำได้แค่เพียงเดินตามเขาอย่างว่าง่ายเหมือนเคย ความอบอุ่นที่แทรกผ่านมือของผมและมือของเขาที่จับกันอยู่นั้นเหมือนเตือนสติอีกครั้งว่ามันคือเรื่องจริงและไม่ได้ฝันไป
พี่เอ็มทำแบบนี้ทำไม .. .
นี่คือคำถามแรกที่มันอยู่ภายในใจตอนนี้ และอาจจะมีคำความที่สอง สามหรือสี่ตามมาอีก ตอนที่นั่งอยู่หน้าร้านสะดวกนั้นผมก็ไม่ได้สังเกตสีหน้าเขาด้วยซ้ำ ... เพียงแค่เห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นใคร สิ่งที่มันอยู่ลึกๆก็เอ่อล้นออกมา ..
เกือบสองอาทิตย์เต็มที่ไม่ได้คุยกัน เพียงแค่บังเอิญเจอกันเท่านั้น
แต่วันนี้ตอนนี้กลับมาอยู่ใกล้กันขนาดนี้อย่างน่าใจหาย .. ..
บางที ไม่ว่าจะใกล้แค่ไหนมันก็ไม่มีผล ถ้าหากอีกคนไม่เคยคิดจะสนใจ ผมกับพี่เขาอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง ใกล้กันจริงๆนะ และผมเองก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรออกไป
ถ้าปล่อยให้เวลามันพัดผ่านไปแบบนี้จะดีหรือเปล่า ..
การที่ได้แต่ตั้งคำถามอยู่กับตัวเองทำให้ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พี่เขาเดินพาผมมาถึงหอพักแล้ว อีกฝ่ายหยุดเดินและปล่อยมือผม ก่อนจะหันหลังกลับมาหา กลายเป็นว่าตอนนี้เขาเองก็มองใบหน้าผมอยู่และผมก็กำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน ใกล้กันขนาดเห็นแววตาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ใกล้จนอยากถามคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่พี่เขาทำ ใกล้กันจนอยากจะบอกพี่เขาอีกครั้งว่าเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผม .. . คิดถึงเขามากแค่ไหน
ความเงียบที่คืบคลานเข้ามาทำให้ตอนนี้บรรยากาศเริ่มดูอึดอัด การที่ยืนมองหน้ากันตอนนี้ทำให้ผมเริ่มประม่าเล็กน้อย เพราะไม่ได้มาอยู่ใกล้ๆแบบนี้เลยมาสักพักแล้ว สายตาของผมเริ่มเสมองไปสนใจอย่างอื่นแทน พี่เอ็มไม่ได้พูดอะไรขึ้น เพียงแค่ทำสีหน้าเรียบนิ่งอย่างที่เคยทำประจำไม่ได้ยิ้มหรืออะไร แต่แววตาของเขาที่เป็นอยู่เหมือนกำลังจะสื่ออะไร .. แต่มันก็ไม่ได้ชัดเจนพอถึงขั้นบ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอะไร
ช่วงเวลาที่กำลังเดินผ่านไปเรื่อยๆในตอนนี้ เหมือนเวลาล่วงเลยไม่อย่างเชื่องช้า ทุกสิ่งรอบกายดูหยุดนิ่ง .. . มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้นแหละ เหอะ ..
ผมถอนหายใจออกมาหนักๆแล้วเบนสายตากลับไปมองอีกฝ่ายก่อนจะเดินเข้าหอไป ผมกำลังอยู่ในอารมณ์ที่มันค้างคา ไม่ชัดเจนและรู้สึกสับสนปนเปไปหมด และผมก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำเลยสักนิด มันหงุดหงิดตัวเอง
ในเมื่อเขาไม่ยอมพูดหรือบอกอะไร ผมก็จะไม่พูดไม่อะไรทั้งนั้น
การกระทำที่ไม่ชัดเจนของเขาในแต่ละครั้งกลับมาตอกย้ำความรู้สึกของผมอีกครั้ง ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นคืออะไรและทำมันทำไม อย่างเช่นตอนนี้ เหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ ยังคงวนเวียนภายในหัวไม่ไปไหน ไม่ได้อยากคิดไปเองว่าที่เขาทำเพราะอาจจะกำลังรู้สึกอะไร หรือเพราะอย่างอื่น แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็เจ็บอยู่แล้วนะจริงๆ อยากจะเรียกร้องอะไรต่อมิอะไร ความรู้สึกที่เสียไป แต่ก็ทำได้เพียงคิดเท่านั้น
ความอบอุ่นของอีกฝ่ายที่เคยจับมือตนเองนั้น ยังรู้สึกได้ว่า คืนนี้... .. ผมไม่ได้ฝันไป
ฝันดีครับพี่เอ็ม .
===========================================================
มาแล้วค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ มาน้อยด้วยเสียใจ 555555555555555555
ตอนนี้คือารมณ์เฟรนแบบ .. อยู่ในโหมดที่ความรู้สึกปนเป ประดังประเดดีจัง 5555
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆนะคะ เป็นเรื่องแรกที่เขียนแล้วรู้สึกดีมากเลย ที่ได้ทำมาจนถึงจุดนี้
ขอบคุณทุกคนนะคะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะ :hao3:
-
ถ้าอยู่ดีๆน้องเดินไปบอกพี่เอ็มว่าผมจะไม่ไล่ตามพี่แล้ว.....จะเป็นยังไงต่อนะ??
-
คาดว่าอีกไม่นาน....
-
เฮ้อออออ. อ่านตอนนี้ก็ยังหน่วงในอกเหมือนเดิม :เฮ้อ: รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:
-
ชื่นชอบวิธีการขจัดความฟุ้นซ่านของเฟรนจริงๆ เลยค่ะ ใช้เวลาว่างได้เป็นประโยชน์มากๆ แค่ผู้ชายโลเล สับสนในตัวเองแบบนั้นคนเดียว ไม่มีค่าพอให้น้องต้องคิดถึงเลยจริงๆ…
-
ยังคงอึมครึมหน่วงจิตกันต่อไป อธิบายความรู้สึกไม่ออก แต่บอกได้อย่างเดียวพอเถอะไอ้พี่เอ็ม เลิกทำตัวงี่เง่าซักที
-
อยากรู้จริงว่าถ้าเฟรนไม่สนใจพี่เอ็มแล้ว พี่เอ็มยังจะเฉยแบบนี้ได้อีกป่ะ ชักหมั่นใส้พี่เอ็มแล้วไม่ชัดเจนสักที ถ้าไม่ชอบน้องก็บอกน้องตรงๆ อย่ายื้อได้ป่ะ เพราะมันจะทำให้น้องมันเจ็บแบบเรื้อรัง ให้น้องแม่งเจ็บทีเดียวดีกว่าทำแบบนี้ไม่ชัดเจนเลยจริงๆ
-
เฟรนทำได้ดีมากเลยทีเดียว
ว้าวุ่นสับสนก็ถอยมาคิดก่อน
ตัดเอ็มไปชั่วคราวได้ก็มีความสุขดี
ยิ่งสับสนก็ยิ่งต้องหาอะไรทำอย่าอยู่คนเดียว
อย่าตามไปส่องเขา
ถ้าหากว่าไม่เจอเอ็มคืนนี้
เฟรนก็อยู่ได้นะ
มีเพื่อนมีงานพิเศษไม่เหงา
แต่คนที่จะเดือดร้อนก็น่าจะเป็นเอ็มมากกว่า
คนที่บอกรักตัวเองอยู่ๆก็ถอยออกไป
อีโก้ก็มีกันทั้งนั้น เจ็บเป็นกันทั้งนั้น
-
"หน่วง" แต่ก็สู้เค้านะหนูน้อย :L2:
-
สารเลวเอ็ม
ขยะแขยงคนแบบนี้
คนแต่งอย่าพยายามนัดเยียดเหตุผลของมันเยอะเลยนะ แค่ตอนที่แล้วพอ
เพราะยิ่งอ่านยิ่งคลื่นใส้กับคนอย่างมัน
เหตุผลมากมายสุดท้ายมันก็เป็นแค่คนที่เห็นแก่ตัวคนนึงเท่านั้น
จริงอยู่ที่ทุกคนก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้น
แต่ไม่คิดว่าคนๆนึงจะเห็นแก่ตัวเกินมนุษย์ได้ขนาดนี้
คิดว่าคนที่รู้จักกัไม่น่าจะทำร้ายกันขนาดนี้
แม้แต่คนเป็นศัตรูกัน ยังไม่ทำร้ายกันขนาดนี้เลย
ใครจะเจ็บเท่าไรมันไม่แคร์ ขอแต่มันได้ในสิ่งที่อยากได้ อ่านแล้วงงว่านี่คือคนรู้จักกันทำต่อกันหรอ
บอกเลยว่าไม่ว่ามันจะเจ็บ ทุรนทุรายยังไง ก็ไม่มีวันให้อภัยมัน
จะเอาเหตุผลล้านแปดยังไงก็ไม่มีวัน
คนสารเลวอย่างมันไม่ควรค่ากับความรักดีๆของน้องเฟรน.
เชิญป้ายหน้า อีคนโลกไม่ต้องการ
ไม่แปลกเลยที่มันถูกทิ้ง เป็นใครก็ไม่เอามันหรอก นอกจากหน้าตาก็ไม่มีคุณค่าอะไรกับโลกนี้เลย
#อินล้วนๆ.
-
เฟรนเริ่มก้าวออกจากเอ็มได้หน่อยนึงแล้วมั้ง
-
เห่อๆ สุดท้ายเฟรนก็รับไม่ได้ซินะ
ฐานะตัวสำรองอะไรนั่นน่ะ
-
สองคนนี้
จูงมือเดินมา
เพื่อจะนัดกันเล่นสะกดจิตเหรอ
อาการน่าเป็นห่วงทั้งคู่
-
:mew1:
-
ตอนนี้ชวนหน่วง :katai1:
คงเพราะ อะไร ๆ มันยังไม่ใช่เจน
เฟรนก็คงหน่วง ๆ แบบที่คนอ่านหน่วงเหมือนกัน
ส่วนพี่เอ็ม ชัดเจนสักทีเถ๊อะ
ไม่รักน้องก็ปล่อยน้องไป แต่ถ้ารักก็ถนอมน้องหน่อย
-
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: ค้างค่ะ ฮือๆ
เราเปิดดูทุกวันเลย รอวันที่จะมาอัพ หน่วงมากค่ะ แต่เก๊าก็ชอบน้า -v- จะรออยู่นะคะ
ถ้าแต่งตันหรือยังไงก็ขอให้อย่าลืมกำลังใจจากเรานะ เผื่อจะแต่งต่อได้ ฮ่าๆ
เข้าใจพี่เอ็มนะ เข้าใจอารมณ์นางแต่คือฉันเข้าข้างเฟรนอ่ะ
ดังนั้น อีพี่เอ็มเลวอ่ะ คิดอะไรก็บอกไปเส่ ปากอ่ะอมหินไว้หรอ ถึงได้หนักขนากน๊านนนน
T-T เฟรนก็อย่าไปยอมง่ายๆนะคะ คุณลูก ถ้าอีพี่เอ็มมันยอมเราแล้วก็สะบัดก้นหนีทิ้งไปเลยค่ะ!!!
สู้ๆนะคะ เราติดตามเสมอน้า Fighting ! :กอด1:
-
ลองทบทวนดูนะเฟรม เราว่าถ้าพี่เอ็มไม่ชัดเจน แล้วยังทำร้ายกันอยู่ก็เลิกรักเหอะ เฟรนมีดีกว่าที่จะจมอยู่กับเอ็มนะ สู้ๆ
-
มาต่ออีกเร็วๆนะครับ ร้องไห้ไปหลายรอบเลบทีเดียว มาต่อเร็วๆน้า
-
:z2: :z13:
-
:ling2: ยื้อไปทำไมให้เจ็บ
-
มันต้องรอเวลาใช่มะ รอเวลาที่ต่างคนต่างรูัใจของตัวเอง
-
15
[/b]
“ คันโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ยยยยยยย !! เหยดแม่งงงงงงงง ” ผมรีบลุกขึ้นนั่งจากที่นอนแล้วรีบถอดเสื้อนอนออกอย่างเร่งรีบแล้วรีบลุกขึ้นไปยังหน้ากระจกก่อนจะหันหลังสำรวจดู ตาก็ยังคงจ้องแผ่นหลังของตนเองผ่านกระจกใสบานใหญ่ ผื่นแดงขึ้นเต็มหลัง เหี้ยมาก ! ผมได้แต่ด่าตนเองอยู่ในใจ โครตๆแย่เลยแม่ง
ผมถอนหายใจออกมาแรงๆอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อคืนตอนกลับเข้าห้องแล้วไม่น่าไปหยิบเบียร์ไอ้กิ๊กมากินเลย กลายเป็นว่าแพ้ยิ่งกว่าเดิมอีก ผื่นแดงมากมายปรากฏขึ้นเต็มแผ่นหลัง ผมหันตัวกลับมายืนหันหน้าเข้ากระจกก็พบว่าตรงช่วงหน้าอกก็มีผื่นแดงๆอยู่เหมือนกัน แต่เป็นเพียงสีจางๆเท่านั้น ก่อนจะมองสำรวจอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งก็พบ รอยแดงตรงคอเป็นปื้นๆ สีแดงจางๆ คันก็คันชิบหาย ดีนะที่อาการแพ้ของเขามันแค่มีผื่นไม่ได้เป็นอะไรที่มันร้ายแรงกว่านี้
มือเรียวยาวของตนเองคว้าไปยังผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่แขวนอยู่กะว่าจะรีบไปอาบน้ำ ก่อนรูมเมทตัวดีจะมาเห็นสภาพของเขาตอนนี้ และก็สภาพกระป๋องเบียร์ที่วางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือของตนอีกด้วย กินไปแค่ไม่กี่กระป๋องเอง ทำไมถึงเป็นเยอะขนาดนี้ว่ะ !
เป็นเพราะว่าเมื่อคืนไม่มีคนห้ามด้วยละมั้ง เขาถึงได้กล้ากินเบียร์ของเพื่อนในตู้แบบนั้น เมื่อวานไอ้กิ๊กมันไปทำงานที่สตูทั้งคืนกว่าจะกลับก็คงเช้า นั้นคือสิ่งที่มันบอกผม แต่ตอนนี้ก็เกือบจะเก้าโมงแล้วมันก็ยังไม่โผล่หัวเข้าห้องมา
ก่อนที่จะสิ้นสุดความคิดเรื่องไอ้กิ๊ก อยู่ดีๆประตูห้องก็ถูกไขกุญแจเข้ามา ผมเองที่ยังไม่ได้ไปอาบน้ำและเก็บกระป๋องเบียร์ไปทิ้งก็ได้แต่รีบไปเอากระป๋องเบียร์ที่วางไว้บนโต๊ะนั้น กวาดใส่อ้อมแขนแล้วรีบวิ่งไปยังระเบียงที่ประตูเปิดอยู่ก่อนจะโยนกระป๋องทั้งหมดลงทั้งขยะ แล้วรีบปิดประตูระเบียงเตรียมจะวิ่งเข้าห้องน้ำแต่ก็ไม่ทันการ เพราะรูมเมทสุดโทรมก็ปรากฏกายขึ้นให้เห็นแล้ว
มันเองเมื่อเห็นผม มันก็ได้แต่ไล่สายตาผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วทำหน้าเหมือนจะอ้วก พร้อมทั้งยื่นมือมาจับเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดไหล่ออก ผมคิดว่าตอนนี้มันเองคงเห็นรอยแดงจากผื่นหมดแล้วแน่ๆ แถมยังเห็น .. .
“ เดี๋ยวก่อนนะมึง กูไม่แปลกใจที่มึงจะกินเหล้าแล้วเสือกผื่นขึ้น แต่กูติดใจตรงนี้ ” นิ้วเรียวของมันกดลงมาย้ำๆที่ช่วงหัวไหล่ผมหนักๆ
จะไม่ให้มันแปลกใจได้ยังไงในเมื่อผม .. .. ไปเพ้นท์มา ก็ในช่วงที่ซ้อมลีดนั้นแหละเห็นเพื่อนคนอื่นเพ้นท์บ้างไม่ก็สัก ด้วยความอยากลองมาตั้งนานแล้วเลยทำให้ไม่ลังเลยที่จะไปเพ้นท์มัน เลยกลายเป็นว่าช่วงหัวไหล่ผมตอนนี้มีรอยเพ้นท์รูปมือแบบโครงกระดูกเหมือนกำลังจับไหล่ผมอยู่และในมือโครงกระดูกนั้นก็มีดอกกุหลาบอยู่ด้วย ที่จริงมันก็คงจะจางหายไปได้แล้ว ยิ่งโดนน้ำบ่อยก็ยิ่งเลือนจางหาย บางคนอาจจะไม่สนใจและคิดว่าแค่เพ้นท์เล่นๆเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้กลับไปให้พี่ช่างเขาเพ้นท์ย้ำรอยเดิมอีกครั้ง
“ กูก็แค่เพ้นท์เล่นๆหน่า ”
“ ไม่คิดว่ามึงจะชอบอะไรแบบนี้ แล้วมึงกินไปเท่าไหร่ว่ะชิบหาย ผื่นถึงขึ้นหนักขนาดนี้ ” ไอ้กิ๊กมันทำสีหน้าหน่ายๆ เบื่อที่จะบ่นผม ไอ้เรื่องกินเหล้าแล้วผื่นขึ้นมันกลายเป็นเรื่องปกติตั้งแต่ผมได้ไปคัดตัวลีดแล้วละ แรกๆมันก็บ่นเอาซะยกใหญ่แต่พอผมบอกกับมันว่าจะกินแบบหักห้ามใจตนเอง มันก็พอโล่งใจ เพราะว่าตอนนั้นที่เคยกินเหล้ากับมันครั้งแรกแล้วแพ้ มันก็ตกใจเอาซะยกใหญ่แล้วพาผมไปโรงพยาบาล ไอ้กิ๊กมันนี่ขี้เป็นห่วงชิบหายเลยครับ
“ ก็สามกระป๋องประมาณนั้นแหละ ” ผมเรียบๆเคียงๆพูดขึ้น ก่อนจะต่อท้ายอีกประโยค
“ แต่เบียร์ที่กูกินมันเป็นเบียร์มึงนะ ” เมื่อผมพูดจบก็รีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำทันที ก่อนจะได้ยินเสียด่าไล่หลังมาติดๆ ไอ้กิ๊กแม่งห่วงเบียร์จะตาย ผมเห็นมันเก็บเบียร์นั้นมาจะสามสี่อาทิตย์ได้แล้วก็ยังไม่แตะ เวลาจะกินเหล้าหรือเบียร์ทีไร มันก็ไม่เคยเอาในตู้มากิน ได้แต่ลงไปซื้อข้างล่าง ไม่รู้จะห่วงอะไรหนักหนาก็แค่เบียร์สามกระป๋องเอง ..
หลังจากที่ออกจากห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็พบกับความจริงว่า ไอ้กิ๊กมันยึดเตียงผมไปและหลับไปอย่างไม่สนใจใครอีกเลย ที่มันมาไปนอนเตียงมันก็เพราะว่า บนที่นอนของมันตอนนี้มีแต่งาน งานและงานเท่านั้นที่วางรอมันอยู่บนเตียงรวมทั้งเศษกระดาษที่ถูกขย้ำๆ วางเกลื่อนเตียงเนื่องจากช่วงนี้ใกล้เดดไลน์มันแล้ว รีบเคลียร์งานส่ง
งานมันมาแบบวันต่อวันทำให้ช่วงนี้ไอ้กิ๊กไม่ค่อยได้พักผ่อนสักเท่าไหร่ นอกจากอยู่ทำงานดึกๆแล้วมันยังกินกาแฟแบบเพิ่มชอตทุกวัน เพื่อให้งานเสร็จ บางคนอาจจะคิดว่าทำไมต้องเร่งทำอะไรขนาดนี้แต่คือว่า มันเรียนออกแบบ สาขามันคณะมันทำงานส่งเพื่อเก็บคะแนนแบบดิบๆเลย ไม่มีการสอบอะไรทั้งนั้นมาช่วย เหมือนกับว่าที่มันเรียนอยู่ตอนนี้ก็คือการสอบนั้นเอง
บางครั้งผมก็เห็นมันทั้งเหนื่อยทั้งล้า แต่ก็ยังคงทำงานอยู่ดึกดื่น มาจะสองสามอาทิตย์ติดกันได้แล้ว ก็อดสงสารมันไม่ได้จริงๆที่ต้องอดหลับอดนอนแบบนี้ เมื่อคืนก็คงทำงานที่สตูทั้งคืนโดยไม่ได้พักละสิ ผมเดินเข้าไปใกล้ร่างโปร่งบาง ที่ผอมกว่าผมและลอบมองสีหน้าที่เหนื่อยอ่อนยามหลับของอีกฝ่าย
แม้มันจะทำงานหนักแค่ไหน แต่มันก็ยังคงถามไถ่ผมเรื่องผมกับพี่เอ็มอยู่เสมอ และคอยถามความรู้สึกว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง มันยังคงตักเตือนอะไรหลายอย่างเพราะความเป็นห่วง แม่งเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ
ผมมองดูนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาอยู่บนฝาผนัง ก่อนจะหยิบเอาเสื้อคลุมที่วางอยู่แถวเตียงขึ้นมาแล้วรีบใส่รองเท้าออกจากห้อง แม่งเกือบได้เวลาละ ได้เวลาตั้งการ์ดเป็นชั่วโมงๆ ถ้าใครมาเห็นสภาพผมตอนนี้ก็คงนึกว่าไปทำอะไรมาแน่นอน รอยแดงจางๆเป็นปื้นอยู่ตามซอกคอ เวรของกรรม เขาจะไม่คิดว่ากูมีค่ำคืนที่เร่าร้อนเหรอว่ะ ..
ช่วงเวลาที่มันผ่านไปอย่างเชื่องช้าก็จบลง อย่างกับเข็มนาฬิกามันไม่ขยับเดินอย่างนั้นแหละ กว่าจะผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละชั่วโมง ทำเอาเมื่อยและล้ามากจริงๆ ผมบิดตัวไล่ความเมื่อยล้าอยู่ก็โดนไอ้เพื่อนตัวดีมันมาตบหลังซะเสียงดัง
“ ไอ้กาย ! ” ผมหันไปเอ็ดมันเสียงดังเพราะความเจ็บที่ปรากฏขึ้นบนแผ่นหลัง ทั้งแสบทั้งเจ็บ ทั้งคันเลย
“ เสียงดังไปละมึงๆ ” ไอ้กาย เพื่อนใหม่ของผมพูดขึ้นอย่างขำๆ ก่อนจะยกแขนมาคล้องคอผม ลากตัวผมไปหาพวกไอ้ทอย ไอ้กายมันเป็นคนตัวผอมๆแล้วก็สูงมากๆด้วย เกือบๆร้อยแปดสิบเซนเลยทีเดียว แถมผิวมันก็ขาวซะแบบเกือบซีดเลย รูปหน้าดีผมมันก็โคเรียสไตล์ตามแบบฉบับนิยม ลักยิ้มมันก็มี เวลายิ้มหรืออ้าปากทีจะเห็นเหล็กดัดฟันที่มันใส่อยู่ แม่งเวลาอยู่ใกล้ๆแล้วรู้สึกว่ามันน่ารักจริงๆ เวลามันแกล้งอะไรแรงๆ บางทีก็ไม่โกรธนะแม่งแบบ พอมันยิ้มส่งมาถึงแค่จะยิ้มแบบเล็กๆแนวขอโทษ เท่านั้นแหละ หายเลย แพ้คนมีลักยิ้มจริงๆ ยอมๆ
“ โบ้ มึงดูคอไอ้นี่ดิแม่ง เหมือนเมื่อคืนไปฟัดสาวมาเลย ” เสียงของไอ้กายพูดขึ้นเมื่อมันลากผมเข้าไปหาพวกเพื่อนที่นั่งกองกันอยู่ใต้ตึกคณะ
“ ฟัดสาวไรละมึง กูว่าไอ้เฟรนไปฟัดหนุ่มมารึเปล่า พอเลิกร้องเพลงก็หิวหนุ่มกลับห้อง ” ไอ้โบ้ เพื่อนชายตัวสูงผิวสองสีพูดขึ้น ไอ้นี่ก็เพื่อนใหม่อีกคนเหมือนกัน แต่เพียงแค่มันอยู่คนละคณะกันเท่านั้น ไอ้โบ้มันเรียนออกแบบครับ แต่ก็รู้แค่ว่าเรียนอกแบบเพราะมันก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม มันอาจจะเป็นเพื่อนร่วมเซคกับไอ้กิ๊กก็ได้ละมั้ง ไอ้โบ้มันตบท้ายคำพูดด้วยเสียงหัวเราะแล้วก็หันไปหยิบขนมมากิน
“ มึงก็ว่าไปนั้น แดกเหล้าไปอ่ะดิมึง ผื่นขึ้น ”
“ ไปกินไม่ชวนว่ะ ”
“ กูกินที่ห้องต่างหาก หยิบของเพื่อนมากิน ” ผมพูดตอบไอ้โบ้แล้ว คว้าขนมมากินบ้าง
“ แม่งซ้อมลีดเอาซะหมดวันเลยสัส ” ไอ้ทอยที่นั่งตรงกันข้ามผมพูดขึ้นอย่างเซ็งๆ มันก็คงจะเซ็งจริงๆนั้นแหละเล่นซ้อมตั้งแต่ ช่วงสิบโมงครึ่ง สิบเอ็ดโมง เลยเวลามาจนถึงเกือบห้าโมงเย็น
“ ทอย แล้ววันนี้ขึ้นสามทุ่มใช่ป่ะมึง จะซ้อมมั้ย ”
“ เออซ้อมหน่อยก็ดีว่ะ พวกมึงคืนนี้จะไปร้านป่ะว่ะ ” ไอ้ทอยตอบกลับว่าก่อนแสดงคงต้องซ้อมสักหน่อย และหันไปถามไอ้ที่เหลือว่าคืนนี้จะไปร้านมั้ย พวกมันสองคนก็เคยไปร้านอยู่ประมาณสองถึงสามครั้งก็ประมาณว่าไปนั่งฟังเพลงที่พวกผมแสดงและก็อาศัยไปกินเหล้าและถ้าเจอคนที่น่าจะ “ เข้า ” กันได้ มันก็หิ้วกลับไปบ้างบางครั้ง
“ ไปแน่นอน ! ” สองเสียงที่ประสานขึ้นมาพร้อมกันทำเอาผมกับไอ้ทอยหัวเราะร่วน แม่งจะไปฟังเพลงกินเหล้ารึว่าหิ้วหญิงกันแน่ว่ะเนี่ย
ตกกลางคืน ช่วงค่ำคืนของวันเสาร์เวลาสามทุ่มครึ่ง สายตาของผมยังคงจับจ้องอยู่ตรงโต๊ะข้างหน้า แม้ว่าไฟในร้านตอนนี้จะสลัวแค่ไหน แต่ไม่รูว่าทำไมรูปหน้าโครงหน้าของเขาถึงได้ชัดเจนในสายตาของผมขนาดนี้ ไม่คิดว่าเขาจะมาร้านนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะปกติพี่เขาและกลุ่มเพื่อนของเขานั้นมีร้านประจำของตนเองอยู่แล้ว ไม่นึกเหมือนกันว่าวันนึงที่ขึ้นแสดงแล้วจะมาเจอพี่เขาที่ร้านแบบนี้
แม้ว่าตอนนี้ ขณะนี้ผมกำลังร้องเพลงอยู่ก็เถอะแต่สายตา ยังไม่สามารถออกห่างจากร่างสูงได้ เหมือนเขาเองก็ไม่ได้สนใจคนร้องเพลงอย่างผม แต่กำลังคุยกับเพื่อนอยู่ ผมไล่มองเพื่อนในโต๊ะของพี่เขาแล้วก็ปรากฏร่างที่ผมคุ้นเคยนั้นก็คือพี่ต้นใหญ่ คงไม่แปลกที่พี่ต้นเล็กจะไม่มาก็ขานั้นไม่ค่อยจะชอบกินเหล้าน่ะสินะ
จวบจนเวลาผ่านมาจนถึงสี่ทุ่มครึ่งแล้ว พวกพี่เขาก็ยังอยู่ที่โต๊ะเดิมอาจจะมีคนอื่นๆแวะเวียนมาบ้าง ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทั้งๆที่ผมควรจะสนใจร้องเพลงของตนเองไป แต่ไม่ว่ายังไงแม้จะละสายตาได้แล้ว แต่มันก็ยังคงไม่เชื่อฟังคำสั่งจากสมอง วนกลับไปมองเขาอีกครั้งอยู่ดี
สิ้นเสียงเพลงที่จบไป ผมกับทอยก็หยุดพักกัน แล้วชวนคนที่นั่งดื่มมาขอเพลงตามช่วงเวลาที่กำหนดในแต่ละคืน ผมปล่อยหน้าที่นี้ให้กับไอ้ทอยมันแล้วแยกตัวลงมาหาน้ำดื่มกินข้างล่างแทน ก่อนจะหยิบขวดน้ำดื่มติดมือขึ้นไปให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเวทีด้วย
ไอ้ทอยส่งกล่องที่มีกระดาษหลายแผ่นมาให้ผมเลือกเพลง และมันเองก็ชวนลูกค้ารอระหว่างผมเลือก สายตาของผมไล่มองกระดาษที่อยู่ในมือตอนนี้ ไม่เพลงรัก ก็เพลงเศร้าอกหัก บางเพลงก็เป็นเพลงสากล คืนนี้มีแต่เพลงที่ผมอยากร้องทั้งนั้น แต่อย่างว่ายังไงก็ต้องเลือกแค่เพียงเพลงเดียวเท่านั้น และเพราะว่ากลัวว่าจะรอกันนานเลยตัดสินใจจะเลือกเพลงสากลเพลงหนึ่ง แต่สายตาดันไปสะดุดกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกขย้ำอย่างลวกๆ ผมตัดสินใจหยิบกระดาษนั้นขึ้นมาคลี่ดูชื่อเพลง
ชื่อเพลงที่ปรากฏแก่สายตาทำเอาความคิดของผมชะงักอยู่เพียงเสี้ยวหนึ่ง “ ตกลงเราเป็นอะไรกัน ” คือชื่อเพลงที่ถูกเขียนลงในการะดาษ และผมเองคงจะไม่ติดใจอะไรถ้ากระดาษใบนี้ ไม่ได้มีลายมือต่อท้ายคำว่า พี่ต้นเอง
และก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจทำให้ผมส่งกระดาษแผ่นนี้ไปให้ไอ้ทอย มันเองพอรับไปก็ก้มหน้าอ่านชื่อเพลง พอมันอ่านจบก็ได้แต่เงยหน้ามองผม เพราะมันเองก็รู้ว่าผมเลี่ยงการร้องเพลงอกหักมาสองสามครั้งแล้ว และมันก็คงไม่นึกว่าอยู่ดีๆ ผมจะอยากมาร้องเอาตอนนี้
ผมพยักหน้าให้มันเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับผู้ฟังที่กำลังรอผมร้องเพลง เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกชื่อเพลงผ่านไมค์ ผมยิ้มเล็กๆตบท้าย แล้วเริ่มร้องเพลง . ..
ถึงเนื้อเพลงนี้ จะบอกเป็นกลายๆว่า เราเป็นแฟนกันหรือเปล่า ความจริงนั้นรักกันไหม มันก็ยังคงดีกว่าสิ่งที่ผมเป็นตอนนี้ ถึงบทสรุปแล้วมันจะคือความไม่ชัดเจนก็เถอะ แต่ความจริงของผมก็คือ ความไม่ชัดเจน และ สิ่งที่มันโครตค้างคากับความรู้สึกของผมก็คือพฤติกรรมที่พี่เขาทำ
แอบข่มอารมณ์น้อยใจ ในส่วนลึก
รู้มั้ยว่าฉันรู้สึก เรื่องความสัมพันธ์
คลุมเครืออย่างไงไม่รู้ อาการที่ดูยิ่งคบกัน
แต่ไม่เห็นว่ามันจะเกินกว่าคนทั่วไป
เธอบอกว่าปลื้มใครต่อใคร ยังไง
เหมือนเธอไม่รู้รึว่า เจ็บนะ บางทีก็สงสัย
พอใกล้ถึงท่อนฮุคของเพลง สายตาที่เคยมองแบบผ่านๆในช่วงแรกที่ร้องเพลงนั้น ก็วกกลับไปหาเจ้าของหัวใจของตนเอง ที่ตอนนี้เขานั้นก็กำลังมองผมอยู่เช่นกัน มีคำถามมากมายที่อยากจะถามไถ่ออกไป ในเรื่องของเมื่อคืน และความรู้สึกของเขา แต่ก็ได้เก็บเอาไว้ เพราะความรู้สึกตอนนี้มันยากที่จะอธิบายจริงๆ
ว่าฉันเป็นแฟนของเธอรึเปล่า ความจริงเรารักกันไหม
เวลาใครถามฉันควรตอบเขาอย่างไร
วันใดที่ไม่เจอ เหมือนเธอขาดอะไรมั้ย
นั้นดิพี่ .. . สองอาทิตย์เต็มที่ไม่ได้เจอผม ไม่ได้คุยกัน เหมือนพี่ขาดอะไรบ้างมั้ย หรือว่าพี่นั้นไม่รู้สึกอะไรเลยกันว่ะ
ต้องการแน่ใจ ตกลงเราเป็นอะไรกัน
ต้องการแน่ใจ ตกลงเราเป็นอะไรกัน
ความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ก็คงจะเป็นแบบนี้ ตกลงเราเป็นอะไรกันกันแน่ กังวลจริงๆวะ พี่แม่ง .. . ไม่เคยสงสัยบ้างเลยเหรอ
ถึงบรรยากาศยามค่ำคืนภายในร้านจะสนุกแค่ไหน จะผ่อนคลายแค่ไหน แต่ผมก็ยังจมกับความรู้สึกเมื่อสักครู่หลังเพลงจบได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ผมลงจากเวทีแล้วเนื่องจากวันนี้ไม่ต้องเล่นจนดึกเพราะมีสองวง ผมเล่นถึงห้าทุ่มครึ่งเท่านั้น
เสียงพูดคุยบวกกับเสียงเพลงจากวงพี่แต้มดังขึ้นอยู่ตลอด ทั้งๆที่วงพี่เขาก็เล่นแต่เพลงที่สนุกๆ และไม่ค่อยจะมีเพลงอกหักก็เถอะ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมผมยังรู้สึกติดกับความรู้สึกนั้นอยู่ ทั้งๆที่ร้องเพลงจบแล้วมันก็น่าจะจบตามไปด้วย ผมยกแก้วที่มีน้ำสีสดใสอยู่ขึ้นมาดื่มติดๆกันหลายครั้ง จนไอ้กายแย่งแก้วไปจากผม
“ อยากผื่นขึ้นหนักกว่าเดิมเหรอครับมึง ”
“ มึงห่วงนักก็ไปซื้อยามาให้กูไงครับ ” ผมยักคิ้วพร้อมส่งยิ้มไปให้มันทีนึง ก่อนจะลอบมองสีหน้ามัน หน้าแดงจะตายห่าอยู่แล้ว กินไปเยอะกว่ากูอีกมั้งแหม
“ ใครบอกกูห่วงมึง ”
“ ห่วงกูก็บอกเถอะ ” ผมพูดแหย่มันไป ก่อนจะหันไปสนใจเรื่องที่ไอ้ทอยกับไอ้โบ้คุยกันอย่างออกรส
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันหนักๆหัว เหมือนว่าจะกำลังมึนๆอยู่ ตอนนี้บุคคลภายในโต๊ะได้ล้มพับไปหนึ่งแล้วนั้นก็คือไอ้กาย กินเอาๆอย่างเดียว จนไม่ทันสังเกตว่ามันล้มฟุบไปตอนไหน ผมควักเอาโทรศัพท์เครื่องบางที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดดูเวลา จะตีหนึ่งแล้วเหรอว่ะเนี่ย ผมเลิกสนใจเวลาที่ปรากฏอยู่แล้วกดเข้าไปดูแจ้งเตือนในโปรแกรมแชทไลน์
มีของไอ้กิ๊กด้วยแหะ ผมกดเข้าไปอ่านก็พบว่าคืนนี้มันจะไปทำงานที่สตูเหมือนเดิม สองนิ้วพิมพ์ตอบกลับไปหามันว่าสู้ๆ และกดส่งสติ๊กเกอร์ให้มันแค่นั้น และกำลังจะกดออกจากโปรแกรมแชท สายตาก็ไปเห็นแจ้งเตือนหนึ่งที่ปรากฏขึ้นเวลาใกล้เคียงของคืนนี้ มันเป็นแชทสนทนาระหว่างผมกับพี่เอ็มที่ผมไม่ได้เข้าไปคุยเหมือนเดิมแล้ว
ข้อความที่พี่เขาส่งมานั้นปรากฏให้เห็นคือ
// กลับหอกัน ดึกแล้ว //
ที่จริง .. ผมคิดว่าพี่เขาน่าจะไปต่อที่อื่นไม่ก็กลับไปก่อนหน้านี้แล้วซะอีก ผมนั่งมองข้อความที่พี่เขาส่งมาให้อยู่สักพัก ก่อนจะกดพิมพ์ตอบกลับไป อีกใจก็อยากไป .. . เพราะแค่เมื่อคืนคงไม่พอที่จะหายคิดถึง ทั้งๆที่ไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ แต่อีกใจกลับบอกว่าอย่าไปกับพี่เขา ยิ่งไปเจอ ไปพบ ไปคุย ยิ่งทำใจยากกับความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นตอนนี้
และก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ถึงพิมพ์ตอบกลับไปแบบนั้น และหน้าจอสนทนาตอนนี้ก็ขึ้นว่า อ่านแล้วเรียบร้อย
// เจอกันหน้าร้านครับ //
และนี่ก็เป็นอีกคืนที่ผมกับพี่จับมือกัน .. . และความอุ่นที่ได้สัมผัสจากมือพี่เขานั้นเรียกสติได้อย่างดีว่าคืนนี้เขากลับมาจับมือผมอีกครั้งและพาผมกลับหอ เรียวนิ้วที่ดูเรียวยาวนั้นสอดประสานกับมือของผม เพียงแค่พี่เขากระชับมือเบาๆ ก็ทำให้ผมกลับไปตกหลุมเดิมอีกครา . .. ไม่มีคำพูดในตอนนี้ มีแค่ความเงียบและแสงไฟจากเสาไฟในยามกลางคืนเท่านั้น และสายลมที่พัดผ่านเบาๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมถึงใจชื้นขึ้นขนาดนี้เหมือนกับว่ามีน้ำมาหล่อเลี้ยงมันแล้ว
ถ้าถึงหอพัก .. . ผมคงได้หลุดปากถามคำถามอะไรกับพี่เอ็มแน่ๆ
อาการที่มันไม่แน่ไม่นอนแบบนี้ เขาเรียกมันว่าอะไรนะ .
=============================================
สวัสดีวันสงกรานต์นะคะ มาแบบมึนๆ 5555
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามเรื่องนี้กันนะ ขอบคุณค่ะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ :hao3:
เล่นน้ำกันให้สนุกนะค้าบบบบบบบบบบบบบบบ :hao7:
-
บ่นหน่อยนะ
หลบเลี่ยงจนอยู่ได้แล้ว
ยังจะตามมาหลอกหลอนทำไม?
ไปสู่ที่ชอบที่ชอบเถอะเอ็มเอ๊ย
น้องมันจะได้มีโอกาสเจอคนอื่นและเปิดใจกับรักใหม่ได้
ตัวเองไม่ชัดเจนแล้วจะลากน้องมันมาสนองอีโก้ตัวเองทำไม
ตัวเองมีคนที่คุยอยู่แล้วก็ไปคุยกับชะนีโน่นสิ
ปล่อยน้องมันเถอะ
ถ้าหากกลับมาตอแยกับน้องแล้วทำกับน้องแบบเดิมนะ
ก็เลวอย่างที่สุดเลย
ไม่รู้จะเก็บน้องไว้เผื่อเลือกหรือไง
ป.ล น้องเฟรนคะ ขุ่นแม่ขอตีหน่อยเถอะ ไม่เข็ดหรือไงคะ? ถอยห่างออกมาแล้วยังจะ.......ไม่มีแรงต่อว่าจนจบ
-
แล้วแต่เฟรนเลยค่าา..:undecided:
-
:mew1:
-
งงกับพี่เอ็ม ตอนแรกแบบไม่โอเคกับน้องนะ(ในทางเลิฟๆ)
แล้วทำไมตอนนี้ไหงมาเทคแคร์??
ไม่ใช่เทคน้องอยุ่ดีๆบอกให้น้องตัดใจนะ??
-
:hao4:แล้วแต่เฟรนเลย
-
มาต่อ แค่จับมือ
งง กับการกระทำของเอ็ม และความโง่ของเฟรม
ปัญญาอ่อนทั้งคู่
-
ยังงัยดีล่ะเอ็ม กำลังรู้สึกสนใจเฟรนมากขึ้นอยู่รึเปล่า ที่หายไปสองอาทิตย์นี่ไปทบทวนความรู้สึกที่มีต่อเฟรนใช่มั้ย
(มโนเอาเองล้วนๆ) เอาล่ะนะเฟรน มีความสุขที่ได้ทำแบบนี้ก็ทำไป เจ๊เป็นกำลังใจให้เอาชนะใจอีพี่เอ็มได้ซักทีเถอะ
รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
-
เฟรนไม่ต้องตัดใจหรอก เริ่มมาอย่างดีตายตอนจบทุกทีวนเวียนอยู่อย่างนี้น่าเบื่อ เอาที่สบายใจเลยอยผุ่ในวังวนเดิม ๆ เลย เจ็บและหน่วงให้มันตลอดเลยนะจะคอยสมน้ำหน้า ดีแต่ปากว่ะเฟรนเชิญเดินย่ำอย่างนั่นแหละให้คนอื่นมันมองว่าเป็นของตายแบบนั้นเลย ไม่ค้องห่างไม่ต้องตัดใจไม่ต้องคิดทำอะไรทุ่งนั่นอ่ะ
-
:katai1: มาตรฐานเดิมคือ พี่เอ็มมันยังแว๊บไปแว๊บมา ปราศจากคำอธิบาย...
เฟรนเริ่มใจอ่อน ยอมอ่อนข้อกับความรู้สึกคิดถึงอีกแล้ว... ไม่อยากให้ใจอ่อนง่ายๆ เลย กลัวพี่เอ็มมันจะเกิด
สับสนขึ้นมาอีกแล้วจะทำให้เฟรนเสียใจ... อยากทรมานใจพี่เอ็มมันอีกสักพัก (แต่ดูเหมือนเฟรนจะทรมานตัวเอง
ไปด้วยพร้อมๆ กัน) :hao4: หวังว่าคราวนี้จะมีอะไรดีๆ มากกว่าการไปส่งโดยไม่พูดอะไรอีกนะ เอ็มมมมม...
-
เฟรนอย่าเพิ่งใจอ่อน ให้พี่เอ็มแสดงท่าทีมากกว่านี้ก่อน
-
เข้าใจการกระทำของทั่งคู่นะ
พี่เอ็มมีสิทธิ์เลือก และบอกเฟรนตรงๆ
ส่วนเฟรนก็มีสิทธิ์เลือกเหมือนกัน
อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสทำคะแนน
ดีกว่าโดนตัดสิทธิ์ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
-
กำลังติดตามอยู่น้าาาา สู้ๆนะงับไรต์ :angry2: :angry2: :angry2:
-
ดีมากเฟรน ถามไปเลย เอาให้เคลียร์ว่าจะยังไง ไม่ใช่มาทำเป็นหวงก้าง กั๊กไว้
จะขอโอกาสพิสูจน์ หรือรู้ใจตัวเองแล้วก็ตอบให้เคลียร์นะเว้ยเอ็ม
ปล. อย่าเพลินจนลืมถามนะเว้ยย
-
เฟรนลูก แพ้ก็อย่ากินค่ะ
-
เอ็มโครตชั่ว รออยู่นะไรต์ :katai4: :katai4:
-
อึดอัดแทน
-
อึดอัดเนอะเป็นแบบนี้ดีแล้วรึแก หน่วงชะมัด
-
:m16: ตาเอ็มหลบไปเลย มายุ่งอะไรกับน้อง ถอยเลยถอยไปไกลๆ o18
-
สรุปก็เป็นแค่คนเผื่อเลือก
ไว้ให้เขาเลือก เขาเอาก็คบ เค้าไม่เอาก็ทิ้ง
ไร้ศักดิ์ศรี ไร้ค่าชะมัด
ในขณะที่เขาคบคนอีกหลายคน นายเอกเรากลับต้องรอเศษเสี้ยวความรักที่เขาเหลือๆ เจียดมาให้
น่าสงสาร
-
สงสารเฟรนด์
-
มึนๆ อึนๆ เฮ้ออออออออออ รอลุ้นต่อไปนะค่ะ ว่าทั้งคู่จะลงเอยกันยังงัย +1 ให้คนแต่งค่ะ มา Up ให้อ่านตอนวันสงกรานต์เลย^^ ขอบคุณนะค่ะ
-
เอาที่เฟรมสบายใจนะคะ แต่คนอ่านไม่สบายใจเลยค่ะ !! :เฮ้อ:
-
เอาที่สบายใจเลยค่ะเฟรน
จริงๆ นะคะ เราไม่ได้ประชด..
ถ้าแค่ได้อยู่กับพี่เอ็มแล้วทำให้เรามีความสุข ก็ทำ ถ้าไม่ ก็ถอยออกมา...
พูดเหมือนง่าย แต่ทำจริงย๊ากยาก.... :katai1: เราเข้าใจมากๆเลย
-
อยากร้องไห้ 55มาต่ออีกนะครับผม
-
16
[/b]
“ พี่ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ ” โทนเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืน ถึงแม้ว่าตัวเลขที่กำหนดเวลาในตอนนี้จะล่วงเลยเข้าสู่ช่วงวันใหม่แล้วเรียบร้อยก็ตามที ร่างของคนสองคนยังคงยืนอยู่หน้าหอพักที่เป็นตึกสูง และในบริเวณโดยรอบเงียบสงบ สมกับเป็นช่วงเวลากลางดึกของคืน ประโยคที่ออกมาจากริมฝีปากเรียวได้รูปของชายคนหนึ่งนั้นดูเหมือนว่าจงใจพูดขึ้นกับผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งอีกคนที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามกัน แต่อีกฝ่ายนั้นกลับไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบกลับไป เพียงแค่กระชับมือบางที่เขาจับไว้เท่านั้น
ไม่มีการตอบกลับ ยิ่งทำให้ชายคนที่รูปร่างติดจะผอมนั้น เก็บอารมณ์ที่ตนเองสะสมไว้มานานไม่อยู่ ยิ่งคนตรงหน้าไม่ตอบ ยิ่งมีความเงียบเข้ามาแทรกซึม เขายิ่งอยากที่จะทำให้เรื่องราวนี้มันจบลงแค่ตอนนี้เพียงเท่านั้น เสียงที่ฟังดูโกรธเกรี้ยว ปนอารมณ์ที่เศร้าหมอง น้อยใจและความไม่เข้าใจนั้นเจือปนไปกับน้ำเสียงที่พูดออกมา เพราะเขาเองก็เหนื่อยกับการไล่ตามอีกฝ่ายแบบนี้แล้ว ถึงระยะเวลาในการไล่ตามมันอาจจะดูแสนสั้นในสายตาของผู้อื่น หรือแม้กระทั้งในสายตาของอีกฝ่าย ... คนที่ตนเองรัก
“ พี่คิดน้อยไปหรือผมคิดมากไปว่ะ แม่ง ! . .. พี่ควรจะรู้ตัวนะเว้ยว่าสิ่งที่พี่ทำมันลงไปในแต่ละอย่างแม่งโครตไม่ชัดเจนเลย ไหนบอกให้โอกาสผมไง แต่พี่แม่งเล่นทำแบบนี้มันเหมือนกับ .. . ตัดกำลังผม ไม่อยากให้ผมคิดไม่อยากให้ผมทำแบบนี้ก็บอกแต่แรกดิว่ะ จะมาทำร้ายความรู้สึกผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำไม สนุกมากอ่อว่ะ ผมจีบพี่พี่ไม่ชอบก็บอกดิ บอกมา ไม่ใช่มาทำกับผมแบบนี้ ! ”
“ อ๋อ .. . แม่ง พี่ก็มีตัวเลือก ไม่มีผมพี่ก็มีคนอื่นได้สบายๆอยู่แล้ว ไม่ชอบก็บอกมาตรงๆ ผมขอ . .. . คิดกับผมได้แค่พี่น้อง ก็บอกมาเถอะ หรือสุดท้ายแล้วดป็นได้แค่คนรู้จักกันก็บอกมา ไม่อยากให้ผมพยายามต่อก็บอก พี่เอ็ม พี่รู้ป่ะว่าสิ่งที่พี่ทำกับผม แม่ง เจ็บ โครตทำให้ท้อว่ะ เหนื่อย สิ่งที่พี่ทำกับผมมันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย .. . ช่วยชัดเจนสักหน่อยได้มั้ยว่ะ ”
และสิ่งที่ร่างบางพูดขึ้นนั้นคือความจริง ที่ต้องยอมรับให้ได้ว่ามันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เหมือนจะพูดให้อีกฝ่ายได้คิด กลับกลายเป็นตนเองนั้นแหละที่ต้องมาเสียใจกับคำที่มันตอกย้ำลงซ้ำกับแผลเดิม แผลที่อยากจะให้มันหายดี แต่มันก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมันไปได้เลยแม้แต่น้อย อยากจะให้วันเวลาช่วยเยียวยา แต่ก็เพียงเท่านั้น ในเมื่อจิตใจเอง ยังคงคิดถึงแต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้าตอนนี้ ผู้ที่คอยทำให้จิตใจร้อนรนอยู่แทบทุกครั้งที่เข้าใกล้
และความเงียบก็กลับเข้ามาเยี่ยมเยือนอีกครั้งเมื่อประโยคที่ออกมาจากริมฝีปากบางนั้นจบลง ร่างที่ติดจะผอมนั้นทำได้เพียงแค่มองใบหน้าของร่างสูงโปร่งตรงๆ แววตาที่สะท้อนออกมาดูราวกับว่ามันอยากจะจำใบหน้านั้นเป็นครั้งสุดท้ายและพอกันทีกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะอยากมีความรักมากเท่าใด แต่เพียงหากว่าคนตรงหน้าไม่ยอมเปิดใจให้โดยดี มันก็เสียแรงเปล่าเท่านั้น ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้มันแย่ลงกว่าเก่าเรื่อยๆ
“ พี่ไม่พูดอะไรจริงๆด้วย เหมือนผมกำลังพูดกับอากาศธาตุอย่างนั้นแหละ ” ใบหน้านั้นได้แต่ยิ้มออกมาอย่างฝืนๆกับสิ่งที่เผชิญอยู่ตอนนี้ มีแต่ความเงียบกับสีหน้าเรียบนิ่งของร่างสูง ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหนานั้นแม้แต่นิดเดียว
สายตาของผมยังคงจับจ้องใบหน้าของชายที่ผมรัก และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ริมฝีปากของตนนั้นเม้มเข้าหากันแน่นขนาดนี้ สีหน้าของร่างสูงตรงหน้าดูแล้วเหมือนต้องการจะสื่ออะไรออกมา แต่ผมกลับเดาไม่ออกเลยสักนิด พี่เอ็มกระชับมือผมที่จับไว้แน่นก่อนจะออกแรงดึงให้ร่างผมโผเข้าหาเขา เหมือนกับเราสองคนจะยืนกอดกันอยู่ และมันก็เกิดขึ้นจริงเมื่อวงแขนแข็งแรงนั้นยกขึ้นโอบรอบกาย ถ้าพี่เขาคิดจะพูดหรืออธิบายอะไรซักนิดมันคงจะดีกว่านี้แน่ๆ ผมยืนนิ่งๆให้พี่เขากอดรอดูว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะทำอะไร
“ ขอโทษ . .. ขอโทษที่พี่ทำเรื่องแย่ๆใส่เรา ” น้ำเสียงที่ฟังแล้วนุ่มหูเอ่ยดังขึ้น เมื่อพี่เอ็มเริ่มพูดผมก็ตั้งใจฟังสิ่งที่ออกมาจากริมฝีปากหนานั้นอย่างตั้งใจ อาจจะเป็นเพราะเสียงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นของพี่เขาที่ผมได้ยิน ทำให้ตั้งใจฟังมากขึ้น
“ มันก็จริง ที่พี่คิดกับเราแค่พี่น้อง ” ประโยคที่เอ่ยออกมาทำเอาความตั้งใจฟังนั้นเกือบพังทลายลงต่อหน้า ถ้าหากพี่เขาไม่ได้พูดอีกประโยคติดต่อกัน
“ แต่เรื่องความรู้สึกนี้มันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยมั่นใจอะไรเลย พี่เองก็ผิดมากที่ทำกับเราแบบนั้น ขอโทษที่ทำให้เฟรนรู้สึกแย่มาตลอด พี่ขอโทษจริงๆ ” คำว่า ‘เฟรน’ ที่ออกมาจากริมฝีปากหนานั้นทำให้ผมยิ้มออกมาอีกครั้งกับคำนี้ นานแค่ไหนกันที่พี่เขาไม่ได้เรียกชื่อผมแบบนี้ และน้ำเสียงของเขาที่ฟังดูจริงจังและเศร้าทำให้รอยยิ้มเล็กเกิดขึ้นมาจากริมฝีปาก ผมขยับตัวผละออกจากร่างสูงพอรักษาระยะห่างก่อนจะมองใบหน้าของอีกฝ่ายตรงๆ
ผมดีใจที่พี่เอ็มพูดกับผมตรงๆแบบนี้ แต่ผมเองก็อยากจะให้มันชัดเจนขึ้นอีกหน่อย มันอาจจะฟังดูใจง่ายๆไปหน่อยจริงๆนะ เมื่อตอนนี้ผมรู้สึกดีกับพี่เขามากๆเลย อย่างน้อยเขาก็ขอโทษในสิ่งที่เขาทำ
“ พี่คิดยังไงกับผมกันแน่ แล้วพี่ข้าวปุ้นละ พี่ยังไงกับเขา ” ผมถามในสิ่งที่อยากรู้มากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง
“ พี่กับปุ้นตอนนี้เราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้ว แค่เพื่อนเท่านั้น แต่สำหรับเฟรน มันมากกว่าพี่น้องและพี่ก็รู้สึกดีกับเรา และต่อจากนี้ไปเราไม่ต้องจีบพี่แล้ว พี่จะเป็นคนจีบเราเอง ” และสายตาที่ของพี่เอ็มที่มองมานั้นดูจริงจังกับคำพูดมากจริงๆ
ผมดีใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ภาพเหตุการ์ณต่างๆที่เคยเกิดขึ้นมันย้อนเข้ามาในหัวอย่างช้าๆ แต่ผมก็เพียงได้คิดว่า ถ้าเรื่องตอนนี้มันดีและจะไปสนอดีตทำไม อดีตมันก็คือบทเรียนที่เก็บไว้ให้คิดแม้จะเจ็บก็เถอะ แต่ก็เก็บเอาไว้เตือนใจสักหน่อยก็ดี อย่างไรซะมันก็ไม่มีทางที่จะลืมได้ง่ายๆ มันโอเคนะกับความรู้สึกดีๆที่พี่เอ็มบอกให้ผมรู้ แม่งโครตโอเคเลยว่ะ ความรู้สึกหน่วงๆที่ผ่านมา เหมือนโดนยกภูเขาออกจากอก เหมือนกันกับต้นไม้ที่โดนรดน้ำ ใจมันชื้นไปหมด ความรู้สึกโกรธก่อนหน้านี้ที่พูดใส่พี่เขาไป ไม่รู้ลอยหายไปไหนเหลือเพียงความรู้สึกมีความสุขในตอนนี้เท่านั้น ใบหน้าของผมตอนนี้มันคงจะดูแปลกมากแน่ๆ ทั้งมีความสุขและดีใจขนาดนี้
บางคนอาจคิดว่า พี่เขาร้าย ทำแย่ๆใส่ ทำไมถึงยอมรับมันและไม่คิดจะเอาคืนบ้าง เพียงแค่เขาสารภาพออกมานิดหน่อยๆทำไมถึงใจอ่อน บอกเลยว่าผมใจอ่อนและใจง่ายกับพี่เขาจริงๆ ไม่รู้สิครับ ก็ผมไม่ได้คิดอยากจะเอาคืนอะไรมากมายนี่หน่า แค่คนตรงหน้านั้นจับมือผมไว้แน่นก็พอแล้วล่ะถ้าผมไปแก้แค้นเขาแล้วพี่เขาเกิดท้อขึ้นมาตัดใจไปเอง ผมจะทำไงล่ะจริงมั้ย โอกาสดีๆไม่ได้มาหาผมง่ายๆหรอกนะ ทุกคนก็น่าจะรู้ดี รอยยิ้มที่เปื้อนใบหน้าหล่อนั้นมันช่างน่าหมั่นไส้จริงๆ เอาคืนนิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง ? ผมยิ้มออกมาก่อนจะยื่นมือไปตบบ่าพี่เขาเบาๆ
“ จีบผมอ่ะยาก เตรียมใจไว้เลยพี่ ”
=================================================
ขอโทษที่มาน้อย แต่ก็มาแล้วนะคะ อิอิ เตรียมใจไว้เลยอิพี่เอ็ม เจอศึกครั้งใหม่จากหนุ่มๆของน้องเฟรนแน่นอน
ขอบคุณสำหรับทุกๆคำติชมเลยนะค่ะ ไล่อ่านทุกคอมเม้นเลย ขอบคุณที่เลือกอ่านนิยายเรื่องนี้จริงๆ
และอยากจะบอกว่า น้องเฟรนนี่โกรธง่ายหายเร็วจริง ใจอ่อนไปอีก ขุ่นลูก เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ คิดถึงทุกคนมากเลย :katai5: :katai2-1:
-
:mew1: :mew1: :mew1:
-
พี่เอ็มจะจีบน้องจริงเหรอ?
ว่าแล้วเราไปอยู่ฝั่งน้องดีกว่า อิพี่ทำตัวบัดซบมาหลายตอน :z6:
-
ข้อแตกต่างระหว่างคนที่มีแฟนกับคนที่เคยมีแฟนก็คือเรื่องใจอ่อนนี่แหละ
หนุ่มคนหนึ่งเคยบอกเราไว้
จากนี้ไปเอ็มจะเป็นตัวสำรองของเฟรนมั่งแล้วมั๊ง
เฟรนก็มีผู้สมัตรเป็นว่าที่ในสต็อคหลายคนเหมือนกันนะ
-
ไม่ต้องจีบแล้วมั้งเป็นแฟนกันเลยเถอะ เฟรนรอมานานนิ เล่นตัวเดี๋ยวเขาไม่ทน แล้วจะมาหน่วงป่วยจิตแบบเดิมอีก
-
รอชมศึกครั้งหน้าที่พี่เอ็มจะต้องเผชิญแบบจดจ่อเลยค่ะ ^^ ..ส่วนอารมณ์แบบโกรธง่ายหายเร็วของน้องเฟรนนี่เข้าใจเลยค่ะ ก็นะ แอบรักเขามาตั้งนาน แถมพี่เอ็มยังเอาโอกาสมายื่นให้กันถึงที่ขนาดนี้น้องเฟรนก็ต้องขอรับเอาไว้แต่โดยดีเลยล่ะ ให้ได้รู้..ว่าอย่างน้อยที่สุดตัวเฟรนเองก็ได้ทุ่มเต็มที่กับความรักข้างเดียวนี้จนสุดความสามารถแล้ว
-
พี่เอ็มนี่นึกจะเปลี่ยนใจก็ง่ายๆเลยเนอะ
เฟรนอย่าไปยอมง่ายๆนะ
คนเขียนสู้ๆนะคะ
-
:hao7: ถึงคราวมันจะพูด มันก็พูดได้นี่หว่าาาาาา...
แต่เฟรน... ขนาดนี้แล้วยังต้องจีบกันอีกหราาา แล้วก็นะ "จีบเฟรนยากจริงเรอะ?" เฟรนนะเฟรน ชอบเขาอยู่เเล้ว
ทีนี้มันจะไปยากอะไร (ยกเว้นจะมีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับพี่เอ็มปรากฏตัวขึ้นล่ะนะ) แค่พี่มันเปิดปากพูด เฟรนก็
ใจละลาย ยอมอภัยยืนให้กอดแล้วววว... การจีบคงถือเป็นพรีเวดดิ้งแล้วมั้งงานนี้ 5555 :hao3:
-
พอเอ็มมั่นใจว่าคิดอย่างไรกับเฟรน
ก็ยอมรับและกล้าที่จะพูดออกไป
ก็มีดึเยอะอยู่นะ พี่เอ็มน่ะ
จริงๆแล้วคือเอ็มใช่ไหม
ที่เป็นตัวสำรอง อิอิ
-
ต่อจากนี้ดีขึ้นเป่า สงสารเฟรนมาก อยากตบอีพี่เอ็ม :beat:จริงๆๆ
-
อย่าให้อิพี่เอ็มจีบติดได้ง่ายๆ นะเฟรน
ให้พี่มันทรมารแสดงความหวง ห่วงและ
แสดงให้เห็นถึงความรักที่มีต่อเฟรนอย่างจริงใจก่อน
ถึงค่อยให้พี่มันสมหวัง
-
อิพี่เอ็มหล่อนพึ่งจะรู้สึกสนใจน้องเฟรนรึงัย :hao4: น้องเฟรน หล่อนก็เล่นตัวเยอะหน่อยนะ :pig4:
-
ผูกเรื่องมาซะนาน
นึกจะง่ายก็ง่าย
โดนทำเป็นตัวไร้ค่า ไม่รู้จักเข็ด
ง่าย
เสียใจที่เฝ้าคอยเป็นกำลังใจให้นางจัง
-
“ จีบผมอ่ะยาก เตรียมใจไว้เลยพี่ ” ชอบคำนี้ :jul1:
มีความสุขๆ ตอนแรกที่พี่เอ็มบอกว่า พี่คิดกับเราแค่น้อง ความคิดแรกที่แวบเข้ามาคือ
พี่เขาไม่ใช่พระเอกหรอเนี้ย ตายแล้ว แล้วใครเป็นพระเอกกัน 555555
แต่ก็ยังมีส่วนที่ไม่เข้าใจอยู่นะค่ะ คือ ถ้าพี่เอ็มรู้สึกดีแล้ว ทำไมไม่เป็นแฟนกันหรือดูๆ กันไปเลยหรอคะ
ทำไมต้องจีบกันไปมา ไม่เข้าใจจริงๆ ค่ะ ถ้าที่ถามมันเป็นคำถามที่ไม่น่าถามก็ขอโทษด้วยนะคะ
ปล มาอัพไวๆ นะคะ >< สู้ๆ ค่ะ ตามตลอดนะ
-
เรายังหมั่นไส้เอ็มยุเลยอ่าาาาาาาาาาาาา เฟรนเอาหนักๆเลยนะ 555555
-
“ จีบผมอ่ะยาก เตรียมใจไว้เลยพี่ ” ชอบคำนี้ :jul1:
มีความสุขๆ ตอนแรกที่พี่เอ็มบอกว่า พี่คิดกับเราแค่น้อง ความคิดแรกที่แวบเข้ามาคือ
พี่เขาไม่ใช่พระเอกหรอเนี้ย ตายแล้ว แล้วใครเป็นพระเอกกัน 555555
แต่ก็ยังมีส่วนที่ไม่เข้าใจอยู่นะค่ะ คือ ถ้าพี่เอ็มรู้สึกดีแล้ว ทำไมไม่เป็นแฟนกันหรือดูๆ กันไปเลยหรอคะ
ทำไมต้องจีบกันไปมา ไม่เข้าใจจริงๆ ค่ะ ถ้าที่ถามมันเป็นคำถามที่ไม่น่าถามก็ขอโทษด้วยนะคะ
ปล มาอัพไวๆ นะคะ >< สู้ๆ ค่ะ ตามตลอดนะ
มันเหมือนเป็นมุขคลาสสิคอย่างหนึ่งของความรักอ่ะค่ะ เพราะว่าการจีบกันไปมาในตอนแรกคือน้องจีบพี่ แต่พี่ทำตัวแย่ๆใส่ซะส่วนใหญ่ ก็จะเหมือนการจีบไถ่โทษไปในตัวและอยากจะแสดงให้เห็นว่าครั้งนี้คนพี่นั้นรู้สึกจริงจังจริงๆ จริงๆแล้วมีอะไรก็ถามไดตลอดนะ 555555 ขอบคุณที่คอมเม้นยาวๆให้อ่านนะคะ ชอบจัง :t3:
-
ก็เพราะตอนนี้
เอ็มไม่เหลือใครอื่นให้จีบอีก
เอาวะ..ง่ายดี
อ่ะโด่
แน่ใจแล้วเหรอว่าอยากจะจีบจริงๆ
ไม่ใช่เพราะไม่มีตัวเลือกแล้วนะ
ถ้าเจอสาวอื่นทีหลัง
แล้วเค้าก็คิดจะเล่นด้วย
จะหลบจะแอบไปจีบคนใหม่ไหม
ถ้าเป็นอย่างนี้อ่ะ..ตัวเหี้ย
โคตรเหี้ยด้วย
หุหุ
-
มาถึงขนาดนี้ยังต้องจีบกันอีกหรอ
-
อ้าวเล่นตัวซะงั้น
-
17
[/b]
สายตาของผมยังคงจับจ้องไปยังโครงหน้าที่เรียวได้รูปของร่างสูงที่นั่งอยู่กลางวงล้อม ของเพื่อนชายหน้าตาดีทั้งในคณะวิศวะเอง และเพื่อนชายของผม แสงไฟที่สลัวนั้นขับกล่อมให้บรรยากาศในค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นขึ้นทันตา ใบหน้าหล่อของพี่เขานั้นยังคงเปื้อนรอยยิ้มที่เจืออยู่ไม่จางหายตั้งแต่ผมขึ้นมาร้องเพลง ค่ำคืนวันศุกร์ที่เหมือนกับการผ่อนคลายในการใช้ชีวิต ศุกร์หรรษา คือคำนิยามที่ผู้คนใช้เรียกมัน เป็นวันสิ้นสุดการทำงานของอาทิตย์นั้นๆ เสียงคนพูดคุยผสมกับเสียงดนตรีและเสียงร้องยังคงขับกล่อมให้ค่ำคืนนี้มีไอความสุข ให้ทำงานหนักยิ่งขึ้นเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า สำหรับนักดื่มยามค่ำคืน
สายตาของผมยังคงทำงานได้ดีในตอนนี้ มันยังคงจับจ้องทุกการกระทำของร่างสูงได้เป็นอย่างดี ถึงปากจะบอกเขาไปว่าตนเองนั้นจีบยาก แต่ถึงอย่างนั้นมันจะไปยากตรงไหน ในเมื่อเขานั้นยอมเทใจให้หมดหน้าตักกับร่างสูงไปในตอนแรกแล้ว ทุกๆวันที่ดำเนินชีวิตต่อไปเรื่อยๆ มันยังคงเหมือนเดิม แต่ร่างสูงโปร่งที่ก้าวเข้ามาหานั้นกำลังทำให้ผมเชื่อเขาหมดใจอีกครั้ง
ตั้งแต่วันที่พี่เอ็มบอกว่าจะจีบผมนั้นอะไรๆก็ดูจะดีขึ้นไปซะหมด ขนาดมาซ้อมลีดเหนื่อยๆแบบนี้ในช่วงตะวันตกดินของวัน ผมก็ยังเห็นใบหน้าหล่อๆนั้นมานั่งรอเกือบทุกวันที่ซ้อม ไม่รู้ว่าพี่เขาพยายามเอาใจหรือกำลังทำคะแนนถึงได้มาบ่อยซะขนาดนี้ ในตอนแรกๆนั้นมีแต่คนแซวเรื่องที่พี่เอ็มนั้นมารอกลับห้องพร้อมผม แต่พอนานวันเข้าจนเกือบถึงวันคัดตัวลีดของมหาลัย กลายเป็นว่าทุกเย็นนั้นเมื่อพี่เขามาจะเป็นรู้กันว่าเขามารอใคร กลายเป็นสิ่งชินตาสำหรับรุ่นพี่ที่ฝึกซ้อมและเพื่อนๆที่ซ้อมด้วยกัน
ถึงจะชินตาแค่ไหนก็ยังมีเพื่อนๆไม่ก็รุ่นพี่ยังคงแซวบ้างไม่ขาดสาย ทั้งๆที่ผมเองนั้นควรจะชินกับสิ่งที่พี่เขาทำกับผมแล้ว
แต่ผมเองก็ยังไม่ชินกับการถูกเอาใจใส่แบบนี้เลยซักครั้ง เหมือนว่าพี่เขากำลังชดเชยในสิ่งที่พี่เขาทำลงไปก่อนหน้านี้
แน่ละมันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว :)
ร่างสูงตัวติดกับผมมากขึ้น ขนาดไอ้กิ๊กรูมเมทตัวดีนั้นใช้ให้เอาของไปให้มันที่สตู ถ้าวันไหนอยู่ด้วยกันตอนเย็นล่ะก็ พี่เขาจะต้องติดสอยห้อยตามไปด้วยทุกครั้ง แรกๆไอ้กิ๊กมันก็มาถามผมแบบเอาจริงเอาจังว่าสรุปแล้วผมกับพี่มันนี่ยังไงกัน พอผมบอกความจริงไปว่า
‘ เคลียร์ ’ กันแล้วและบอกมันไปอีกว่า พี่เขาจะเป็นคนจีบกูเอง
ทำเอาซะมันตกใจและคิดว่าพี่มันจะเล่นแง่อะไรกับผมอีก มันคงจะไม่เชื่อจริงๆนั้นแหละเพราะว่าก่อนหน้านี้ก็ทำแต่เรื่องแย่ๆไว้ แต่สิ่งที่มันเห็นอยู่เกือบทุกครั้งนั้นก็น่าจะทำให้มันเชื่อใจพี่เขามากขึ้นล่ะมั้ง บางครั้งยังเห็นไปนั่งกินเหล้าด้วยกันอยู่เลยเวลาผมไปเล่นดนตรีกับไอ้ทอย พอเหล้าเข้าปากก็กลายเป็นพวกเดียวกันซะงั้น
พอนานวันเข้า จากหนึ่งวัน เป็นสองวัน เป็นหนึ่งอาทิตย์ สองหรือสาม สี่อาทิตย์ ที่ผ่านมาผมยังคงเห็นร่างสูงที่ไม่เคยแสดงสีหน้าเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายเลยสักครั้งเวลาอยู่ใกล้ มีแต่รอยยิ้มที่พี่เขาส่งให้มาเป็นประจำ พี่เขาน่ารักมากขึ้น การพูดการจาของพี่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม มีแค่คำว่า เฟรน และ พี่เอ็ม แค่นั้น อ้อ มีคำว่า น้องเพิ่มมาด้วยนะ
ไม่รู้ว่าตอนไหนเหมือนกันนะที่เผลอไปใช้คำพูดแบบนั้น ก็เฟรนไม่รู้ว่าพี่เอ็มจะมา กับ ถ้าน้องรู้ว่าพี่จะมาน้องจะไปกับคนอื่นงั้นเหรอ และ ก็น้องไม่รู้ว่าพี่จะมา น้องขอโทษ
คำพวกนี้ยังคงอยู่หัวผมไปอีกหลายวันเวลาพูดแบบนี้ที่ไร ถ้าผมแทนตัวเองว่าน้อง พี่เขาจะยอมทำตามผมทุกอย่างเลยแหละ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไอ้กิ๊กมาได้ยินมันถึงกับเบะปากแรง แล้วบอกว่าอยากจะอ้วก มึงจะอ้อนพี่เขาอะไรหนักหนา ถ้าไอ้คำแทนตัวเองว่าน้องนั้นหมายถึงการอ้อนล่ะก็ ผมก็อยากจะพูดกับพี่เขาไปเรื่อยๆเลยนะ
รอยยิ้มเล็กๆถูกส่งมาให้ผม ขณะเดินลงจากเวที จะเป็นยิ้มจากใครได้นอกจากเขาคนนั้นที่มองมาอยู่ เวลาล่วงเลยเข้าเช้าวันใหม่อย่างไม่รู้ตัว การทำงานในช่วงกลางคืนแบบนี้ทำให้ผมเหนื่อยบ้างก็จริง แต่มันก็มีความสุขดีเมื่อเสียงร้องที่ออกไปจากริมฝีปากผมนั้นช่วยทำให้ใครหลายคนได้ผ่อนคลาย
สองขาเดินไปยังตรงประจำอย่างคุ้นเคยตั้งแต่พี่เขาเปลี่ยนร้านประจำมาเป็นร้านนี้ บรรยากาศในโต๊ะยังคงครึกครื้น มีหน้าใหม่เข้ามาบ้างไม่ขาดก็น่าจะเป็นเพื่อนๆของพี่เขานั้นแหละ
หัวข้อการสนทนาภายในโต๊ะก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง การเรียนใช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาเพราะจะใกล้สอบกันแล้ว ปีหนึ่งที่นั่งอยู่ยังคงโอดครวญเรื่องการสอบที่จะดูยากมากๆ รวมทั้งผมเองยังไม่มั่นใจเลยว่าตนเองจะผ่านไปได้มั้ย สงสัยคงต้องหยุดร้องเพลงซักอาทิตย์ไปเลยก่อนสอบเพื่อเตรียมพร้อม
รุ่นพี่ในคณะมักจะพูดขู่อยู่เสมอว่า สอบเข้ามาน่ะง่าย แต่การสอบเอาตัวรอดในมหาลัยอ่ะยาก และคนที่พูดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่บิ๊ก พี่รหัสผมเอง เห็นว่าช่วงนี้พี่มันนั้นง่วนอยู่กับการทำรายงานส่งอาจารย์ พี่ปีสองเดี๋ยวนี้เลยไม่ค่อยมากวนปีหนึ่งซักเท่าไหร่ แต่เพราะว่าเป็นพี่บิ๊กไงเลยพอเจียดเวลามาแซวเรื่องผมกับพี่เอ็มอยู่บ่อยๆ
บางครั้งความคิดที่มันแว้บเขามาในหัวนั้นก็อยากจะเอาคืนมันเหมือนกัน แต่ก็ยังคงคิดหาทางไม่ได้ ได้แต่เก็บเกี่ยวความสุขที่มันให้มาอยู่เป็นประจำ วงแขนแข็งแรงที่ไม่รู้ว่ามาโอบเอวผมตอนไหนนั้นกระชับขึ้นเบาๆ ใบหน้าของพี่เอ็มโน้มเข้ามากระซิบข้างหูให้พอได้ยินแค่สองคนดังขึ้น
“ มีแต่คนชอบมองเฟรน ” น้ำเสียงที่ติดจะเจ้าเล่ห์พูดขึ้นมา
“ ก็เขามองน้องเองน้องไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ” เมื่อสิ้นสุดคำพูดของผมนั้นร่างสูงก็เปลี่ยนเป้าหมายมาหอมแก้มผมซะฟอดใหญ่ ทำแบบนี้ใช่ว่าคนอื่นจะมองไม่เห็นนะครับ เตรียมตัวแซวกันเต็มที่
“ กลับห้องเลยมั้ยมึง ” คำแซวเจ้าประจำที่เอ่ยมาเป็นคนแรกคือของไอ้เดี่ยวนั้นเอง มันเองก็ชอบมาติดสอยห้อยตามไอ้กิ๊กอยู่เหมือนกัน บางครั้งไอ้กิ๊กมันก็ดูไม่ค่อยพอใจ หลังจากคำแซวแรกนั้น คำที่สองสามก็ตามกันมาติดๆ ไอ้ผมก็หน้าบางได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนและแอบหยิกเอวพี่มันไปทีนึง โทษฐานเข้าถึงตัวผมง่ายเกินไป ไอ้พวกหอมแก้มและกอดคือสิ่งที่พี่เขาจะทำเป็นประจำเวลาอยู่กันสองคน แต่พักหลังๆนี่ทำถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ได้อยู่แค่สองคนก็ยังคงทำ สายตาเจ้าเล่ห์ที่น่าจะเจือปนฤทธิ์แอลกฮอล์นั้น ยังคงมองผมไม่วางตา คงเมาได้ที่แล้วสิ คนหน้าหนาอย่างพี่เอ็มเวลาเจอใครแซวทีไม่ได้มีอาการอะไรออกมาหรอกแบบเขินงี้ก็ไม่มี มีแต่ยอมรับเลยด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม จนผมหมั่นไส้ทุกวันๆ
“ งั้นเดี๋ยวกูพาน้องกลับห้องกูเลยละกันนะ กูไปล่ะ ขอบคุณที่พวกมึงเลี้ยงกู ” เสียงเข้มพูดขึ้นและฉุดให้ผมลุกขึ้นยืนตามก่อนจะรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมา เมื่อพี่เอ็มมันชิ่งค่าเหล้าอย่างหน้าด้านๆ ( เดี๋ยวนี้ผมแอบด่าพี่มันในใจประจำ ) พี่เอ็มพาผมซ้อนท้ายมาจนถึงหอพักของเขา พอจอดรถเรียบร้อยผมเริ่มเปิดประเด็นเลยทันที
“ พาผมมาหอพี่ทำไม ! ” ไอ้คำว่าน้องและเฟรนที่เคยแทนตัวเองหายไปทันที
“ พูดดีๆดิ นอนนี่แหละเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ติวหนังสือให้ ” ร่างสูงใช้คำว่าติวหนังสือมาหลอกล่อผมและก็ได้ผลตลอดเมื่อผมนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาที่เรียนมาจริงๆในบางวิชา ผมเดินตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปอย่างว่าง่าย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มานอนห้องพี่เขา ครั้งก่อนๆที่มีเทสย่อยผมก็ขอให้พี่เขาติวอยู่บ่อยๆ จนพี่เอ็มนั้นบอกให้ไปอ่านเองทำความเข้าใจเองอยู่หลายครั้ง เพราะกลัวว่าผมจะทำความเข้าใจเองไม่ได้ แต่คืนนี้มันแปลกไปกว่าทุกคืนไงที่ว่า นอนก่อนพรุ่งนี้ค่อยติว และไอ้สายตาที่มันดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แบบนั้นจะให้ตีความว่ายังไงดี ผมเกาหัวตัวเองแกรกๆ อะไรกันว่ะไอ้ความรู้สึกแปลกๆแบบนี้
ผมตัดสินใจถามคำถามนึงออกไปเมื่อขาทั้งสองขาก้าวเข้ามาในห้องแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“ คืนนี้แค่นอนเฉยๆ ใช่มั้ยพี่ ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ถามแบบนั้นออกไป พี่เอ็มขมวดคิ้วก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมาซะลั่นห้อง ขำทำเหี้ยไรก็กูกลัว !
“ น้องคิดว่าพี่เป็นคนยังไงกันเนี่ย ” พี่มันส่ายหน้าเบาๆแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวหนีเข้าไปในห้องน้ำ เหอะ หนีได้หนีไปนะๆ คิดว่าเป็นคนไงล่ะ เมื่อก่อนก็ดูสุภาพดี ทำไมไปๆมาๆมันเป็นแบบนี้แล้วล่ะ เข้าถึงตัวบ่อยเหลือเกิ๊น !
เวลาผ่านไปสักพักความง่วงก็เริ่มเข้ามาครอบงำผมโดยสมบูรณ์เรียบร้อย ตาจะปิดอยู่แล้วพี่แม่งยังไม่ออกมาเลย
แกร๊ก .. เสียงประตูถูกเปิดออกมานำสติผมกลับมาอีกครั้งและรีบคว้าผ้าเช็ดตัวที่พี่มันถืออยู่เข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว อยากอาบน้ำจะแย่อยู่แล้วเว้ยยยยยยยย ง่วงก็ง่วง พออาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็พึงสังวรได้ว่า
เสื้อผ้าแม่งยังอยู่ในตู้โดยที่ไม่ได้เอาเข้ามานี่หว่า ผมใช้ผ้าขนหนูพอเช็ดตัวให้มันหมาดๆก่อนจะพันผ้านั้นไว้รอบเอวให้แน่นหนา เกิดเดินออกไปข้างนอกแล้วหลุดขึ้นมานี่เวรเลยนะเว้ย !
ผมปลดล็อคประตูห้องน้ำออกก่อนจะผลักประตูเปิด สายตาของผมปะทะเข้ากับร่างสูงที่นอนพิงหัวเตียงอยู่ และสายตาที่พี่เอ็มใช้มองมายังผมนั้นแม่งเสียวสันหลังยังไม่รู้ ผมรีบเปิดตู้เสื้อผ้าพี่มันแล้วใส่ทุกอย่างแบบเร่งรีบ พอใส่เสื้อผ้าของพี่เอ็มเสร็จก็รีบปิดประตูตู้ ปิดประตูห้องน้ำและเดินไปนอนที่เตียงทันที แต่แววตาที่ยังคงล้อเลียนนั้นยังคงถูกส่งมาเรื่อยๆ ผมขยับตัวนอนแล้วหันไปหาพี่เอ็มก่อนจะส่งสายตาไปตำหนิพี่เขาทันที
ร่างสูงไม่มีแววสะทกสะท้านแต่อย่างใดเพียงแค่ยกมือขึ้นมายีผมที่เปียกหน่อยๆของผมเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มมาตบท้าย
“ เห็นแบบนี้แล้ว คืนนี้น้องกับพี่ คงนอนเฉยๆ กันไม่ได้แล้วล่ะมั้ง ”
=============================================================
มาแล้วน้า มาเร็วกว่าปกติเพราะว่าเราจะต้องเอาคอมไปซ่อมแล้วววววว อาจจะหายไปนานเลยยยยยย
ขอบคุณที่คอยตามอ่านกันตลอดนะคะ 55555555555 โง่ยยยยย จีบกันแล้วมันดีอย่างนี้นี่เอง เริศๆ ชอบมากค่ะขุ่นลูก
เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ บายยยยยยยยยยยยยยยย :o8: :-[
-
ทำไมพี่เอ็มอาบน้ำนานจัง น้องรอจนง่วงแล้ว :ruready
:m12: คำพูดสุดท้ายนี่แค่แซวใช่ไหม
-
ถึงน้องเฟรนจะรักพี่เอ็มมาก แต่น้องไม่ยอมพี่เอ็มง่ายๆ หรอกน้าา..ใช่หรือเปล่าคะน้อง
เฟรน?? :m28:
-
ขอบคุณมากนะครับ ฟินอ้ะตอนนี้
-
คือพี่เอ็มจะเป่าผมให้น้องใช่มั้ย :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
-
มาปูเสื่อรอตอนต่อไป น้องเฟรนจะเสียจิ้นให้พี่เอ็มมั้ยนะ :impress2:
-
ถ้าพี่ได้น้องแล้วจะไม่ทิ้งใช่ไหม กลัวจริงๆ
-
อร๊ายยย ตอนหหน้าาาา จะได้กันไหม
-
อ่านถึงตอนที่พี่เอ็มอาบน้ำนานจนเฟรนเกือบหลับเราคิดนะ
1. พี่เอ็มจัดการรีดพิษสงตัวเองไม่งั้นเดี๋ยวน้องไม่ปลอดภัย
2. พี่เอ็มเตรียมตัวเผื่อเดี๋ยวเฟรนกดพี่เอ็ม (ขำๆเด้อ) ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นว่าพี่เอ็มเป็นรุกก็ได้นะ 5555
หวานแหวว ภายนอกไปก่อนนะแค่เดือนเดียวมันเร็วไปนะลูก ดูๆกันไปก่อนนะ
-
:3123:
หวังว่าพี่เอ็มจะไม่ได้มาจีบเล่นๆนะ ไม่งั้นคงไม่มีคำว่าพี่น้องให้แล้วล่ะมั้ง
-
พี่เอ็มโหมดกรุ้มกริ่มช่างน่ารัก
แล้วน้องเฟรนจะตอบเยี่ยงไร
-
อ่านตอนล่าสุด ทุกอย่างมันรวบรัดแปลกๆ
เหมือนเร่งๆ รีบๆ จะรีบจบเรื่อง รึเปล่าไม่แน่ใจ
แต่อยู่ดีๆเนื้อเรื่องก็กระชากไวมาก เค้าจีบกันครั้งแรกเป็นยังไง
ความรู้สึกตอนแรกบรรยากาศเป็นแบบไหน ที่ไหน
ทั้งที่ก่อนหน้านี่ดำเนินเรื่องแบบเน้นความรู้สึก ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยเรียนรู้
แต่ตอนนี้เหมือนข้ามช่วงเวลาสำคัญของการคบหากันไปเลย
รู้สึกกระชากและไม่มีรายละเอียดพอสมควร เหมือนอ่านหนังสือเล่มนึงแบบรัวๆ ตาเห็นผ่านๆว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เนื้อหาในหนังสือไม่ตรึงใจเลย เพราะมันรวดเร็วเกิน
-
อ่านตอนล่าสุด ทุกอย่างมันรวบรัดแปลกๆ
เหมือนเร่งๆ รีบๆ จะรีบจบเรื่อง รึเปล่าไม่แน่ใจ
แต่อยู่ดีๆเนื้อเรื่องก็กระชากไวมาก เค้าจีบกันครั้งแรกเป็นยังไง
ความรู้สึกตอนแรกบรรยากาศเป็นแบบไหน ที่ไหน
ทั้งที่ก่อนหน้านี่ดำเนินเรื่องแบบเน้นความรู้สึก ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยเรียนรู้
แต่ตอนนี้เหมือนข้ามช่วงเวลาสำคัญของการคบหากันไปเลย
รู้สึกกระชากและไม่มีรายละเอียดพอสมควร เหมือนอ่านหนังสือเล่มนึงแบบรัวๆ ตาเห็นผ่านๆว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เนื้อหาในหนังสือไม่ตรึงใจเลย เพราะมันรวดเร็วเกิน
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนี้นะคะ จะมีบอกทุกอย่างในพาร์ทของพี่เอ็มค่ะ ขอบคุณค่ะ :)
-
จีบยากตรงไหน
แทบจะไม่ได้ลงทุนอะไรเล๊ยยยย
ตามไม่นั่งเฝ้า..ก็ได้ไปกินเหล้าด้วย
หุหุ
-
แหนะหยุดเลย ยังไม่ได้เครียกับข้าวปุ้นกับสาวๆต่อหน้าน้องเลยไม่ใช่หรอ อย่ามาๆ
-
:katai2-1: :katai2-1: :z1: :z1:พี่เอ็มหื่นนนนนนนนน
-
พี่เอ็มกับแผน
[/b]
แผนที่1 “ สารภาพความจริงกับน้อง ”
ความรู้สึกที่มันบางเบาที่ก่อนหน้านี้นั้นรู้สึก นานวันขึ้นยิ่งดูชัดเจนและคล้ายว่ามันจะจับต้องได้ แต่ในเมื่อก่อนหน้านี้เคยทำอะไรไม่ดีลงไป ทำให้ความกล้าที่จะพูดบอกนั้นลดลงไปเกือบครึ่ง นิสัยแย่ๆกับการเห็นแก่ตัวก่อนหน้านี้นั้นมันโผล่ขึ้นมา พร้อมกับความรู้สึกผิดที่หนักอึ้งอยู่เต็มบ่า
“ นี่มึงจะโง่ไปอีกนานแค่ไหนไอ้เอ็ม โง่นานโง่แรงนะมึงเนี่ย มึงเห็นเพื่อนเฟรนที่นั่งโต๊ะเดียวกันมั้ย ไอ้นั้นน่ะที่ทำสีผม คนนอกดูก็รู้ว่าแม่งคิดไรอยู่ดูสายตามันดิๆ ”
เสียงพูดที่คอยตอกย้ำความคิดของผมพูดขึ้น แหมมันจะชวนผมมานั่งกินเหล้าและฟังเพลงที่น้องมันเป็นคนร้อง ก็ไม่ได้ช่วยให้คลายความคิดถึงลงได้ในเมื่อผมกับน้องยังไม่ได้คุยกันเลย ถึงเมื่อคืนผมจะเดินไปส่งน้องเขาที่หอก็เถอะ สายตาของผมเพ็งมองไปยังสิ่งที่ไอ้ต้นใหญ่มันพูดและก็จริงอย่างที่มันพูดทุกประการ คือตอนนี้ภายในโต๊ะของเฟรนนั้นกำลังพูดคุยกันดูท่าจะสนุกสนาน แต่เฟรนเองก็เห็นสนใจคุยอยู่แต่กับไอ้เด็กคนนั้น เฟรนเองก็คงไม่ได้ใส่ใจกับสายตาที่ไอ้เด็กคนนั้นมันมองมาแน่ๆ แทบจะกินน้องมันได้อยู่แล้วมั้งนั้น อยู่ดีๆแขนของไอ้ต้นมันก็ยกขึ้นมาพาดไหล่ผมแล้วโน้มหน้ามากระซิบใกล้ๆ
“ อย่าโง่นานและโง่แรงนะครับเพื่อน รีบๆไปสารภาพได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นจะมาเอาน้องเฟรนของมึงไป มึงก็น่าจะรู้แล้วนะว่ามีใครบ้างที่อยู่ในลิสต์ ”
มันก็จริงอย่างที่ไอ้ต้นมันพูด คนที่จ้องจะจีบน้องมีอยู่สองคนก็คือ เด็กถาปัต คนที่ไปไหนมาไหนกับน้องมันบ่อยๆ รูปร่างหน้าตาดี สูงผิวข้าวหน้าหวานและดูเป็นคนดีมากๆนั้นอาจจะกำลังคิดอะไรกับเฟรนก็ได้ใครจะรู้ ส่วนคนที่สองคือ เด็กบริหาร เพื่อนใหม่ของเฟรน ทำไมรู้จักน่ะเหรอก็เพราะว่าไอ้บิ๊กมันชวนไปส่องดูน้องซ้อมลีดบ่อยๆ เดินผ่านบ้าง โฉบบ้าง ไปทีไรก็เจอไอ้เด็กคนนี้มันปวนเปี้ยนอยู่รอบตัวเฟรน ทั้งชอบโอบ ชอบแกล้งหยอกกันเกินเพื่อน
และเมื่อคืนที่ผมไปเจอน้องที่เซเว่นนั้นอาจจะเรียกว่าบังเอิญก็ได้ เห็นน้องมันนั่งดื่มเหล้าอยู่ก็รู้สึกผงะไปหน่อยนะ เพราะว่าน้องมันไม่เคยบอกว่ากินและไม่เคยกินต่อหน้าผม และก็อดจะเป็นห่วงเขาไม่ได้เลยไปแย่งมากินซะแบบนั้น ก่อนจะเดินจับมือพาน้องกลับหอ ระหว่างทางในคืนนั้นมันก็ดีที่อย่างน้อย เฟรนเองก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไรผม อาจจะเป็นเพราะเราทั้งสองคนไม่ได้คุยกันสิ่งที่ค้างคากันไว้ มันเลยเหมือนมีช่องว่างระหว่างเราเอาไว้ในคืนนั้น ได้สังเกตลอบมองสีหน้าและแววตาของเขา สีหน้าดูเหนื่อยอ่อนและเพลียไปสักหน่อย แต่แววตากลมใสนั้นไม่เคยจะสื่ออะไรออกมาได้เลย
จริงๆแล้วมันก็อึดอัดที่เป็นแบบนี้ แต่ผมก็ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเองนั้นแย่จริงๆที่ทำนิสัยแบบนั้นกับน้อง และก็เพราะผมเองนั้นแหละที่เห็นแก่ตัวจนเกินไป และถ้าน้องยังรู้สึกแบบนั้นกับผมอยู่ ก็ขอให้คืนนี้ผ่านไปด้วยดีแล้วกัน
ผมกดเข้าโปรแกรมแชทที่แสนจะคุ้นเคยนั้น เข้าไปยังบทสนทนาที่ไม่มีการตอบโต้กันได้สักพักแล้ว ก่อนจะกดแป้นพิมพ์ส่งข้อความไปหาอีกฝ่าย
ทว่าครั้งนี้การสารภาพของผมโชคอาจจะเข้าข้าง เมื่อน้องเองก็ดูจะยอมรับในตัวผมและเชื่อใจผมอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะสารภาพไปนั้นผมเว้นช่องว่างระหว่างผมกับเข้าไปซะยกใหญ่ ทั้งเงียบและไม่ตอบในสิ่งที่น้องถามเลย ผมยินดีที่จะรับฟังทุกอย่างที่น้องพูดและถามผม แต่ผมเองนั้นจงใจไม่ตอบเฟรนเองนั้นแหละ ยิ่งยืนมองเขานานเท่าไหร่และถ้อยคำที่ออกมาจากริมฝีปากบางนั้น กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมเชื่อใจตนจริงๆ ทั้งแววตาสีหน้าและอารมณ์ที่ดูโกรธและเสียใจนั้นทำเอาผมเกือบไปไม่เป็น และเมื่อเฟรนไม่ได้พูดอะไรต่อนั้นเหมือนว่าน้องเองก็เหนื่อยที่พูดกับผมแล้ว ผมจึงใช้โอกาสนี้เพื่อสาภาพทุกอย่างกับเขา และขอโทษในสิ่งแย่ๆที่ได้ทำลงไป มันอาจจะดูเหมือนง่ายที่ทำแบบนี้ แล้วจะกลับมาเอาความเชื่อใจจากร่างบางไปอีก แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อใจของตนตอนนี้มันยอมอ่อนโอนแต่โดยดีให้กับเจ้าของคนใหม่ก็คือน้อง และก็พร้อมจะยอมรับในการตัดสินใจของเฟรน
มันอาจจะดูเหมือนผมเห็นแก่ตัวที่จะมาขอโอกาสบ้าๆอะไรอีกในเมื่อผมทำเรื่องไม่ดีไว้ให้อีกฝ่ายได้เสียใจ แต่เพราะการเห็นแก่ตัวนี่แหละที่ทำให้รู้ว่าจริงๆแล้ว คนที่ผมต้องการมีเขาอยู่ข้างกายคือใคร แค่เป็นคนจริงใจที่ผมคุ้นเคยก็พอ
เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวแล้วนั้นไออุ่นที่เคยได้รับจากร่างบางที่ผมรั้งเขาไว้ในอ้อมกอดนั้นยังคงไม่จางหายไปไหน ยังคงรู้สึกดีที่ในวันพรุ่งนี้ทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่ และผมเองก็ต้องมาหนักใจกับคำว่าจีบยากของเฟรนนั้นอีก ไม่รู้ว่าจะจีบยากจริงๆหรือว่าพูดขู่ผม แต่ขอให้ผมได้จีบน้องเขาเพียงคนเดียวก็พอ
นี่ผมไม่ได้หวังอะไรเกินตัวใช่มั้ย ?
ผมยิ้มรับกับสิ่งดีๆที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ มันอาจจะต้องใช้เวลานานในการแสดงความจริงใจให้เขาเห็นแต่ผมก็จะทำให้น้องได้รู้ว่าการที่กลับมาเชื่อใจผมอีกครั้งนั้นจะรู้สึกดีมากแค่ไหน
แผนที่ 2 “ ทำอย่างไรให้น้องแทนตัวเองด้วยคำว่า น้อง ”
ตอนแรกไม่เคยเอะใจกับสิ่งๆนี้เลย แต่ไอ้กิ๊กเพื่อนรูมเมทที่แสนจะไม่ชอบขี้หน้าผม พูดขึ้นตอนที่กำลังกินเหล้ากันอยู่นั้น มันพูดขึ้นมาว่า
“ ไอ้เฟรนมันแทนตัวเองว่าอะไรเวลาอยู่กับพี่ละ ” ไอ้กิ๊กมันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆของผมอย่างที่เคยเป็นก่อนจะมองหน้าผมขำๆ
“ ก็แทนตัวเองว่าเฟรนไง ”
“ พี่รู้อะไรมั้ย ไอ้เฟรนน่ะมันก็แทนตัวเองว่าเฟรนกับคนอื่นเหมือนกัน ยิ่งเพื่อนบางคนพูดสุภาพนะ มันยิ่งแบบ เฟรนไม่รู้ เฟรนอย่างงั้นเฟรนอย่างงี้ ผมละอยากจะขำแรง มันพูดแบบนั้นกับคนอื่นได้ก็แสดงว่าไอ้แทนตัวเองว่าเฟรนก็ ไม่ได้พิเศษ อะไรเลย ”
คำว่า ไม่ได้พิเศษ กระแทกเข้ามาในใจผมเต็มๆ อันที่จริงผมก็พอจะรู้นะว่าน้องเองก็แทนตัวเองว่าเฟรนกับคนอื่นเหมือนกัน อย่างไอ้ต้นเล็กเฟรนเองก็คุยแบบนี้ด้วยบ่อยๆ แต่คำว่า ไม่ได้พิเศษ ทำให้จุกอยู่หน่อยๆที่ว่า เฟรนเองอาจไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขา นั้นคือความคิดที่แว้บเข้ามาในหัว และผมกำลังเข้าใจแล้วว่า ในตอนนั้นเฟรนเองรู้สึกอย่างไรเมื่อถูกผมไม่ได้ให้ความสำคัญ น้องนั้นอาจจะไม่ได้ทันคิดในเรื่องนี้ก็ได้ เพราะมันไม่ใชเรื่องสำคัญอะไรมากมาย แต่ทำไม ผมถึงรู้สึกแปลกๆแบบนี้กันว่ะ ..
อาจจะเพราะผมเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคนอื่นซะเท่าไหร่ก็ได้
ถึงแม้ว่าวันเวลาที่เดินต่อไปเรื่อยๆในตอนนี้อาจจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ความรู้สึกที่พอได้รักแล้ว ความอยากที่จะเป็นเจ้าของเขาจะเข้ามาจู่โจมโดยเฉียบพลัน อาการหวงก็เกิดขึ้นบ้าง แต่ก็แค่ทำใจนั้นแหละเพราะผมพึ่งจะเริ่มจีบน้องเขาเอง การจีบของผมกับน้องนั้นไม่ได้มีอะไรที่พิเศษมากๆหรือหวือหวาอะไร ผมเอาการเอาใจใส่และความจริงใจเข้าสู้ และทำทุกอย่างเหมือนที่น้องเขาทำให้ผม การคุยตอบไลน์หรือโทรหาเฟสไทม์หากันนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว บางครั้งที่เฟรนนั้นไม่เข้าใจในบทเรียนเขาก็จะโทรมาถามบ้าง บางทีเราสองคนก็จะไปนั่งในร้านกาแฟและอ่านหนังสือด้วยกัน สอนน้องเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนแล้วไม่เข้าใจบ้าง กลายเป็นว่าเวลาไปไหนมาไหน ผมตัวติดกับเจ้าของร่างบางนั้นไปแล้ว
และสิ่งที่ยังคาใจผมนั้นก็คือการแทนตัวเองที่น้องใช้ ก็คือเฟรนอย่างนั้น เฟรนอย่างนี้ ผมเลยแอบพูดเนียนๆไปในทุกครั้งเวลาพูดกับน้อง เวลาที่ผมเรียกเขา อย่างเช่น ปกติถ้าถามเฟรนว่าจะกินอะไรแบบนี้ ก็จะถามโต้งๆไปเลยว่ากินอะไร หรือเฟรนกินอะไร เลยเปลี่ยนจากแบบนั้นมาเป็น น้องจะกินอะไรเหรอ น้องเข้าใจมั้ย น้องจะให้พี่ติวอีกหรือเปล่า เดี๋ยววันนี้พี่ไปรอน้องที่ร้านโต๊ะเดิมนะ ผมเอาคำว่าน้องมาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกเขาทุกครั้ง แรกๆเฟรนเองก็ไม่ชินหรอก บางทีกลับมาว่าผมอีกว่า เรียกทำไมแบบนี้ แต่พอนานวันเขาเหมือนเฟรนจะชินแล้ว ถึงได้เผลอพูดแทนตัวเองว่าน้องออกมา พอครั้งแรกที่ได้ยินเฟรนพูดออกมานั้นเหมือนอารมณ์ป๋าหลงเด็ก บางทีน้องมันก็ไม่รู้หรอกมั้งว่าผมชอบที่เขาแทนตัวเองแบบนี้ที่สุด
มันเหมือนการอ้อนกลายๆ ยิ่งริมฝีปากบางได้รูปนั้นเผยยิ้มกว้างออกมาเมื่อไหร่เหมือนหัวใจจะกระตุกวูบทุกครั้งไป
จะว่าไปถ้าใครพูดว่าผมติดเด็ก ก็อาจจะบ่งบอกได้ดีก็ได้นะครับ เพราะว่าผมติดน้องเขาจริงๆ สายตาของผมยังคงจับจ้องไปที่เรือนร่างบางนั้น ที่กำลังซ้อมลีดอยู่ เหงื่อที่ซึมอยู่ตามไรผมของใบหน้าใสนั้นดึงดูดผมได้ดีจริงๆ อาการของคนหวงเด็ก กำเริบเมื่อ เพื่อนของเฟรนที่ชื่อกาย เวลาเลิกซ้อมแล้วจะพยายามมาป้วนเปี้ยนอยู่บ่อยๆ กอดบ้างเล่นบ้าง ผมว่ามันเกินพอดี ( ที่จริงคือหวงแต่ยังจีบเขาอยู่เลยพูดอะไรออกไปไม่ได้เดี๋ยวเฟรนได้ใจ )
ทำได้แค่ทำตัว เหมือนแฟน เท่านั้นแหละตามเฝ้าตามดูไปไหนไปส่งได้ตลอด น้องเองก็ยินดีนะที่ให้ผมไปรับไปส่ง และเขาเองก็ดูเหมือนจะพอใจที่เป็นแบบนี้ด้วยเหมือนกัน ทุกครั้งที่ไปไหนด้วยกันก็จะเจอประโยคที่แซวผมกับน้องเขาอยู่ประจำ เฟรนเองก็ไม่ได้มีท่าทีไม่ชอบบางครั้งเจ้าตัวก็ยิ้มรับไปซะด้วยซ้ำ บางทีร่างบางนั้นอาจจะไม่ทันคิดว่าการหัวเราะและยอมรับในเรื่องที่คนอื่นเขาแซวกันนั้นทำให้ผมใจชื้นไม่น้อยเลย
ทุกๆวันที่กำลังดำเนินต่อไปเรื่อยๆนับจากนี้ยังคงเหมือนกันวันก่อนๆที่ผ่านมา ตื่นเช้าไปเรียนถ้าวันไหนมีเรียนพร้อมน้องก็จะไปรับไปส่ง กลางวันกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน ช่วงไหนที่มีเวลาว่างๆก็จะไปที่อ่านหนังสือหรือไม่ก็ชวนกันทำอะไรกิน ตกดึกไปนั่งเฝ้าเด็กที่ร้าน มันอาจจะไม่ได้หวือหวาอะไร อาจจะเป็นการจีบที่ธรรมดาที่สุดเลยก็ได้
แต่เชื่อเถอะว่าสักวันผมจะทำให้น้องมาเป็นแฟนผมให้ได้ คอยดูได้เลย !
==========================================================
มาแล้วววววววววววววววววว มาน้อยแต่รีบมา :o12:ค่ะ 555555555555555 เอาในส่วนของพี่เอ็มมาอิอิ
ขอบคุณสำหรับการติชมนะคะ ในส่วนของตอนที่ผ่านมาคือมีคนอ่านสงสัยว่าทำไมถึงดำเนินเรื่องเร็วแบบว่ารายละเอียดการจีบกันครั้งแรกหรืออย่างอื่นนั้นทำไมไม่มค เหมือนการเล่าผ่านๆ ขอรับฟังและจะนำกลับไปปรับปรุงในงานเขียนนะคะ ขอบคุณค่ะ
โดยสิ่งที่เราเขียนออกมานั้นเพียงเพื่อให้ตัวละครได้เล่าเรื่องผ่านในมุมมองของเขาโดยกว้างๆและหยิบเรื่องที่เขาประทับใจหรือชอบขึ้นมาเล่าซะส่วนใหญ่ ในส่วนนี้คือจะมีการสลับกับก่อนหน้านี้ไปบ้าง ที่การเล่าเรื่องก่อนหน้านี้เป็นอะไรที่ละเอียดและจะเน้นไปที่ความรู้สึกของแต่ละฝ่ายค่ะ
โดยส่วนตัวแล้วอยากเขียนให้เหมือนเพื่อนกำลังเล่าเรื่องความรักให้ฟังค่ะ o22 บางคนอาจจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง 5555 :z3: ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณมากจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เขียนได้นานขนาดนี้เลย 5555555555 ขอบคุณนักอ่านที่มีส่วนขับเคลื่อนนิยายเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณมากๆนะ ♥
เจอกันตอนหน้านะคะ :bye2:
-
ตอนนี้โอเคกับพี่เอ็มนะคะ แต่สงสัยนานไปจะกลายเป็นป๋าเอ็มกับเด็กป๋าป่ะคะ? :hao7:
ฮาาา อย่างน้องพี่เอ็มก็รักจริงอะไรจริงแล้ว ให้อภัยฮิมละกัล ขยันจีบน้องสู้ๆ :mew1:
-
พอครั้งแรกที่ได้ยินเฟรนพูดออกมานั้นเหมือนอารมณ์ป๋าหลงเด็ก
กิ้วๆ พี่เอ็มหลงน้องหัวปักหัวปำ
-
:P ..พี่เอ็มกลายเป็นป๋าหลงเด็กไปเสียแล้ว น้องน่ารักมากใช่ป่ะล่ะ?? ต้องขอบคุณพี่ต้นใหญ่กับกิ๊กเลยน้อ สู้ๆ เข้านะค้าา..พี่เอ็ม ^^
-
สู้ๆนะ พี่เอ็ม
-
สงสัยตัองเรียกป๋าเอ็มแล้วละม้างงง
-
:o8: เพิ่มคะแนนเเง่บวกให้ป๋าหลงเด็กแถวๆ นี้อีก 75 เปอร์เซ็นต์
เป็นไงล่ะ เด็กมันน่ารัก... รักได้หลงได้ไม่ผิดหวังนะ บอกเลย! คราวนี้อย่าปล่อยให้หลุดมืออีกล่ะ
แมวมันเตรียมแย่งชิ้นปลามันอยู่นะ อิอิ... ชอบวิธีการแผน2 การพยายามให้เฟรนเรียกตัวเองว่าน้อง
โดยการซึมซับวันละนิด แทรกซึมลงในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่การบังคับฝืนใจให้เป็นอย่างที่ต้องการ
เหมือนว่าป๋าเอ็มจะเข้าใจน้องเฟรนมากขึ้นนะ 555 (เลือ่นสถานะจากไอ้พี่เอ็มเป็นป๋าเอ็มโดยสมบูรณ์) :katai3:
ยินดีกับใครก่อนดี ระหว่างเฟรนที่กำลังมีความสุขเตรียมสมหวังได้เลยกับคนเเก่หลงเด็กที่ตาสว่างมอง
อะไรก็สวยงามเป็นสีชมพู ให้เขาจีบกันอีกสักพักนะ อิอิ ชอบป๋าขึ้นมาเเล้ว 555
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
น้ำตาลขึ้นเลยกับตอนนี้
-
:mew1:
-
กว่าจะเข้าใจ
เป็นควายอยู่นาน
:ling2:
-
อะไรเอ็ม แผนมีสองข้อเอง ไม่มีแผนเผื่อ แผนสำรองไว้มั่ง :hao7:
-
อ่านถึงตอนที่ 7 ขอเม้นด่าเอ็มก่อนว่าไอ้เหี้- และเฟรน...หมดคำพูด =_=
-
อะไรอะมันค้างคาอยู่นะ มาต่อเร้วๆนะคร้าฟผม 55+
-
งง. กับความรู้สึกของตัวละคร
มันจะรักกันง่ายขนาดนั้น
ขึ้นชื่อว่าความรักนะครับ อย่ามโมน.....(ไม่โอเคกับเอ็ม)
-
เป็นคุณป๋าหลงเด็กไปแล้วนะพี่เอ็ม :hao6:
-
ThankS
-
หายไปเลยยย
คิดถึงพี่เอ็ม กับ เฟรนด์แล้ววววว :hao5:
-
18
[/b]
“ เห็นแบบนี้แล้ว คืนนี้น้องกับพี่ คงนอนเฉยๆ กันไม่ได้แล้วล่ะมั้ง ”
สิ้นเสียงจบประโยคที่ร่างสูงพูดออกมา หลังจากนั้นพี่เอ็มก็พาร่างผมลงจากเตียงนอนแล้วมานั่งอยู่บนพื้นกระเบื้อง สายตาของผมมองร่างสูงที่อีกฝ่ายลุกเดินไปเอาชีทเรียนที่ผมเคยให้พี่เขาเอาไว้ซีร็อก ผมรับชีทเรียนจากมืออีกฝ่ายมาแล้วก้มหน้าก้มตาอ่าน หูผมก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดี ฟังคำพูดของร่างสูงที่ออกมาจากริมฝีปากหนาอย่างรวบรวมเอาเนื้อหาสำคัญๆเข้ามาในหัวสมอง จวบจนตอนนี้ที่เวลาล่วงเลยมาจนถึงเกือบตีสี่กว่าแล้ว
ก็บอกแล้วแท้ๆว่าติวหลังจากพี่ไปคุยเรื่องโปรเจคกับอาจาร์ยก็ได้แท้ๆ พี่แม่งก็ไม่ฟังผมเลยด้วยซ้ำ สายตาของผมแอบมองค้อนร่างหนาที่กำลังขีดไฮไลต์บนกระดาษ เน้นเนื้อหาสำคัญที่อาจจะออกสอบ ไอ้ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก เดี๋ยวก็ได้นอนพักแต่คนตรงหน้านี่สิ ติวผมเสร็จก็คงได้พักสายตาแค่ไม่กี่ชั่วโมงแล้วคงตื่นไปหาอาจารย์เลย
ผมวางปากกาลงกับโต๊ะแล้วยื่นมือไปข้างหน้าก่อนจะใช้นิ้วของตนเองนวดคลึงขมับทั้งสองข้างของอีกฝ่าย คนตรงหน้าเงยหน้าจากกระดาษขึ้นมามองผม ใบหน้าของพี่เอ็มถูกประดับไปด้วยรอยยิ้มเล็กๆที่ดึงดูดสายตาผมเอาไว้มากๆ
พี่มันยิ้มแบบนี้ .. .. บางที
ผมก็เขินเป็นนะ
สองมือของผมยังคงนวดคลึงขมับของอีกฝ่ายอยู่แบบนั้น แต่สายตากลับไม่ได้จดจ้องอยู่ที่โครงหน้าหล่อนั้นเลย แค่นวดขมับให้พี่เอ็มแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนแบบนี้ ผมก็เกิดอาการเขินแปลกๆจะแย่อยู่แล้ว ไอ้ตอนตัดสินใจไปนวดหนะไม่ทันได้คิดอะไรหรอก แต่พอพี่เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมแบบนี้ เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“ เดี๋ยวนี้ทำตัวน่ารักขึ้นเยอะเลยนะ ” น้ำเสียงนุ่มหูพูดขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศชวนเขิน
“ เปล่าซักหน่อย ” ผมพึมพำตอบกลับพี่เอ็มไปเบาๆก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่เตียงนอน เพราะสายตาที่คอยจ้องมองผมอยู่ก่อนหน้านี้นี่แหละ ที่ทำเอาใบหน้าของผมอยู่ดีๆก็เริ่มรู้สึกร้อนหน่อยๆ
ไม่รู้ว่าตอนไหนที่แสงไฟในห้องนั้นถูกปิดโดยร่างสูง สัมผัสอ่อนนุ่มจากริมฝีปากหนาจูบอยู่ที่หน้าผากของผมเบาๆ ผมลืมตาขึ้นมองหวังว่าจะเห็นใบหน้าที่ทะเล้นนั้นส่งสายตาล้อเลียนมาให้แต่ก็เจอเพียงอีกฝ่ายที่นอนหลับตาสนิทอยู่ข้างกาย ผมระบายยิ้มออกมาหน่อยๆ ก่อนจะหลับตาลงละทิ้งความเหนื่อยล้าที่ผ่านมาตลอดทั้งคืน
แสงไฟจ้าที่ส่องสว่างไปทั่วห้องพักทำให้ผมเองนั้นดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมหน้าอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็มีอีกคนที่อยู่ภายในห้องมาดึงผ้าห่มออก ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วออกแรงฉุดแขนผมให้ร่างผมลุกขึ้นนั่ง ผมค่อยๆลืมตาปรับสภาพกับแสงของหลอดไฟก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นบิดขี้เกียจอย่างที่เคยทำ สายตาของผมมองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้าก่อนจะสำรวจว่าตอนนี้พี่เอ็มเขาใส่เสื้อนักศึกษาแบบยังไม่ได้ติดกระดุมอยู่ สงสัยคงจะเตรียมตัวออกไปหาอาจารย์แล้วแน่ๆ
“ น้ำเต้าหู้อยู่ในตู้เย็นนะ กินรองท้องไปก่อนไม่เกินสิบโมงครึ่งเดี๋ยวไปหาอะไรกินกัน ” พี่เอ็มพูดขึ้นแล้วก็กำลังก้มมองเสื้อติดกระดุมไปด้วย ผมเขยิบตัวไปนั่งใกล้ๆเขาก่อนจะช่วยพี่เอ็มติดกระดุมเสื้อไปด้วย แต่อีกฝ่ายกลับหยุดการกระทำของตัวเองแล้วมองหน้าผม
“ อะไร ” ผมถามกลับไปสั้นๆแล้วติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ ก่อนจะเงยหน้ามองพี่เอ็ม ใบหน้าของเขาดูเหมือนจะออกแนวประหลาดใจหน่อยๆที่ผมติดกระดุมให้เขา ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมาแค่ทำหน้านิ่งๆแค่นั้น
“ เป็นอะไร น้องแค่ติดกระดุมเสื้อให้เอง ”
คิ้วของผมขมวดลงหน่อยๆแล้วเลิกสนใจอีกฝ่าย ก่อนจะทำท่าล้มตัวลงนอนแต่อีกฝ่ายกลับเขยิบตัวมาใกล้แล้วใช้สองแขนโอบรอบเอวผมไว้รั้งเข้าหาตัวเอง ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆจนริมฝีปากหนานั้นทาบทับลงบนริมฝีปากของผม สายตาของผมยังคงจับจ้องใบหน้าคมไว้แน่นิ่ง ไม่มีการรุกล้ำอะไรไปมากกว่านี้ สัมผัสแผ่วเบายังคงตราตรึงอยู่นานเพราะไม่ได้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผละออก ริมฝีปากหนาเม้มเข้าที่กลีบปากผมเบาๆอยู่หลายครั้งจนพอใจแล้วจึงผละออกมา สายตาที่แวววาวของพี่เอ็มนั้นจับจ้องมองมาทางผมอยู่ และเป็นผมเองที่หันหน้าหนีเขาก่อนจะเสยผมที่ปรกหน้าผากขึ้นไป
“ น่ารักขึ้นทุกวันเลยนะเรา ” พี่เอ็มพูดขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วใส่เสื้อนักศึกษาเข้าในกางเกงและคว้ากุญแจรถออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมนั่งหน้าเหวอกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
มันไม่ใช่อารมณ์ในละครไทยที่พระเอกจูบแล้วนางเอกจะเขินหรือขัดขืน
ยอมรับเลยว่าผมเต็มใจให้เกิดขึ้น
ฟีลอารมณ์ผู้ชายอยากจูบก็ให้จูบ ถึงมันจะอายๆเกร็งๆบ้างแต่ก็นั้นแหละ ถึงตอนนี้เราจะอยู่ในช่วงคุยๆกันอยู่ การกระทำของพี่เอ็มที่ผมเคยพบเจอมาก่อนหน้านี้คือหอมแก้มและกอด มีจูบหน้าผากอีกอย่าง แค่นี้จริงๆนะ คือแต่วันนี้ เมื่อกี้ ผมโดนจูบใช่มั้ย ถึงผมจะยอมให้จูบก็เถอะแต่คือผมก็เกิดอาการแปลกๆนะ ก้อนเนื้อที่มันเต้นอยู่ภายในร่างกายตอนนี้มันไม่เป็นจังหวะอย่างที่เคยเป็น จะว่าเขินมันก็เขิน ผมเม้มริมฝีปากตัวเองแล้วภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ก็มาฉายซ้ำแบบ HD เลยทีเดียว มันเลยเกิดคำถามสั้นๆขึ้นมาหนึ่งคำถาม โดยที่ผมเองก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
“ พี่มันนึกไงมาจูบกูว่ะ ”
ผมพับแผนการที่จะนอนต่อเอาไว้แล้วลุกขึ้นเตรียมอาบน้ำ ไม่อยากให้หัวตัวเองตอนนี้มันฟุ้งซ่าน แม่งง่วงก็ง่วง เขินก็เขิน !
พอจัดการกับตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ล้มตัวลงนอนหยิบชีทที่พี่เอ็มไฮไลต์เนื้อหาสำคัญๆไว้มาอ่านทบทวนอีกครั้ง คิดไปคิดมาก็เหมือนผมมีติวเตอร์ส่วนตัวเลยแหะ ริมฝีปากของตนเองยกยิ้มขึ้นมาหน่อยๆก่อนที่สายตาจะไล่อ่านบทเรียนที่แสนจะคุ้นเคยนั้นอีกหลายรอบ แต่พอจะตั้งใจอ่านขึ้นมาจริงๆจังๆ ก็รวบรวมสมาธิไม่ได้เลยจึงไม่อยากต่อต้านกำลังตัวเอง ฮ่าๆ อันที่จริงเห็นตัวหนังสือก็เริ่มง่วงแล้วต่างหากเลยวางมันไว้ข้างตัวก่อนจะหลับตาลงหวังจะพักผ่อนให้เต็มที่ แต่อยู่ดีๆ เสียงฟ้าร้องครืนๆก็ดังพอที่จะทำให้ผมลืมตาขึ้นมาแล้วมองออกไปยังระเบียงห้องพี่เอ็มที่ตอนนี้มีผ้าตากไว้
ผมตัดสินใจเปิดประตูระเบียงออกไปเก็บผ้าของอีกฝ่ายเข้ามาภายในห้อง ลมเย็นๆที่พัดมานั้นนำกลิ่นฝนมาลอยแตะจมูกทำให้รู้สึกผ่อนคลายดีจริงๆ ผมกองเสื้อผ้าไว้บนเตียงก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องบางขึ้นมากดดูเวลาว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว หน้าจอทัชสกรีนขึ้นแจ้งเตือนสายโทรเข้าที่ไม่ได้รับ ปรากฏว่าเป็นพี่เอ็มที่โทรมาแต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง
สายตามองเวลาที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอใกล้เวลาที่พี่เอ็มใกล้จะกลับจากมอพอดี พร้อมๆ กันกับเสียงไขกุญแจหน้าห้องที่ดังขึ้นทักท้วงความคิดก่อนหน้า
ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกันกับอาหารสองสามกล่องที่ส่งกลิ่นหอมทักทายน้ำลายได้เป็นอย่างดี แต่ที่ผิดไปคือใบหน้าและชุดนักศึกษาที่โดนน้ำมานั้นแหละ
“ โทษทีนะเฟรน ฝนมันตกพี่เลยแวะซื้อข้าวเข้ามาเลย ” พี่เอ็มพูดขึ้นแล้ววางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องแล้วเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมตัวเอง จะว่าไปพี่เอ็มก็เปียกเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
“ พี่เอ็มอาบน้ำดีกว่ามั้ย เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ” ร่างสูงเพียงแค่พยักหน้าขึ้นลงก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมมองตามอีกฝ่ายแล้วได้แต่สงสัยว่าทำไมสีหน้าถึงเหนื่อยๆแบบนั้นนะ โปรเจคไม่ผ่านไงวะ ผมเลิกสนใจสีหน้าเหนื่อยของเขาแล้วลงมือพับเสื้อผ้าที่กองอยู่จนเสร็จก่อนจะเอาไปใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบจานช้อนที่อยู่บนหลังตู้เย็นมาวางไว้บนโต๊ะและเปิดกล่องเทอาหารใส่
กลิ่นของอาหารที่มันเรียกน้ำลายตอนนี้ทวีคูณขึ้นไปอีกสิบเพราะตรงหน้าคือข้าวผัดมันกุ้งของโปรดผมอีกอย่าง แม้ข้าวในจานพี่เอ็มจะเป็นข้าวกระเพราหมูกรอบก็เถอะ เห็นแล้วมันน่ากินให้หมดทั้งสองจานจริงๆ ในจะมีน่องไก่ทอดอีก ซื้ออาหารมาได้ล่อตาล่อใจผมเหลือเกิ้น
ผมคว้าโทรศัพท์ที่อยู่บนเตียงมากดเปิดเมนูเพลงแล้วเสียบแจ็คกับลำโพงขนาดไม่เล็กมากที่วางไว้ ก่อนจะเลื่อนหารายชื่อเพลง เสียงดนตรีดังขึ้นมาคลอรับกับเสียงฟ้าฝนที่อยู่ด้านนอกห้อง ไม่เบาและไม่ดังมาก ผมกดปิดหน้าจอแล้วหันกลับมาจ้องจานข้าวตัวเองตาปริบๆ หิวชิบหายเมื่อไหร่พี่มันจะอาบน้ำเสร็จว่ะ
เอาจริงๆผมพึ่งรู้นะครับ ว่าพี่เอ็มเป็นคนอาบน้ำนาน พอสมควร เอาคำว่ามากมาใช้ก็ได้นะที่จริง ผมหยิบช้อนมาเขี่ยกุ้งตัวใหญ่ๆในจานไปมาแล้วนึกภาพตอนมันมาอยู่ในปากผมเรียบร้อย มันคงจะอร่อยแน่ๆไหนจะหัวกุ้งที่มีมันเยิ้มออกมานั้นดิ หิวโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!!
เสียงฮัมเพลงดังออกมาจากภายในห้องน้ำที่ตอนนี้มีพี่เอ็มยืนอวดร่างกายตัวเองอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ใส่กางเกงแต่ท่อนบนไม่ใส่เสื้อ
เออก็ดี
ผมจะได้มองได้ถนัดๆ
ไอ้อาการเขินๆ แบบเจอพี่เขาถอดเสื้อไม่มีอยู่ในหัวผมเลย ยังไงผู้ชายก็คือผู้ชายอยู่วันยังค่ำ แค่เพียงเขาหุ่นดีกว่าผมแค่นั้นเองนะจริงๆ เพราะรูปร่างที่ดูแลตัวเองอย่างดี กีฬาก็เล่น ออกกำลังกายก็ออก ไม่ใช่แบบผมนี่เอาแต่กินแล้วก็นอนถึงได้ลงพุงแบบนี้ สายตาของผมยังคงมองอีกฝ่ายไม่วางตา ถอดก็ดีจะได้มองถนัดๆหน่อย อาหารตาเลยนะนั้น
“ ตอนแรกนึกว่าถอดออกมาแล้วน้องจะเขิน ไม่เห็นเขินพี่เลยว่ะ ” พี่เอ็มพูดขึ้นแล้วเดินเช็ดผมมานั่งอยู่ตั้งข้ามอีกฝั่งของโต๊ะญี่ปุ่น
“ ผู้ชายเหมือนกันมีอะไรให้เขินเหรอพี่ ” ผมตอบกลับไปพร้อมทั้งจับช้อนเริ่มหั่นหัวกุ้งที่จ้องมานาซักที หิวจะแย่
“ แล้วโปรเจคผ่านยังพี่เอ็ม น้องเห็นพี่เหนื่อยๆตอนกลับมา ” ผมพูดออกไปตามความรู้สึก คำแทนตัวว่า น้อง ถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง สรุปผมคงจะชินไปแล้วละมั้งสำหรับที่แทนตัวเองว่าน้องกับเขาประจำแบบนี้ ผมตักกุ้งเข้าปากแล้วตามด้วยข้าวผัดอีกคำแล้วมองหน้าพี่เอ็มที่ตอนนี้ก็กำลังลงมือกินข้าวในจานอยู่เหมือนกัน
“ โปรเจคหนะผ่านแล้ว แค่เหนื่อยๆเท่านั้นเองครับ แล้วพี่ก็กลัวว่าเราน่ะจะโกระที่ไม่ได้ออกไปกินข้าวข้างนอกด้วย ” ร่างหนาที่นั่งอยู่ตรงหน้าพูดขึ้นก่อนจะยิ้มตบท้าย
“ คนดีจังน้า แหม ”
“ แน่นอนครับ ” อีกฝ่ายยักคิ้วส่งกลับมาทำเอาอดจะหมั่นไส้ไม่ได้
“ จะดีไปได้ซักกี่น้ำกันเชียว ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ น่าจะหลายน้ำอยู่นะ เฟรนจะลองดูซักน้ำมั้ยล่ะ ? ”
=================================================================
ขอโทษที่หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เกือบจะครึ่งเดือนแหนะ พอดีช่วงนั้นอารมณ์เฉือยมาก :sad4: แต่ก็ยังมาน้า ขอโทษนะคะทุกคน แล้วก็ขอบคุณที่ยังไม่ไปไหนยังคงอ่านนิยายเรื่องนี้อยู่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ดีก็เถอะค่ะ
:o12:
ฝากติดตามเด็กๆทั้งสองคนด้วยนะค่ะ ทั้งพี่เอ็มและน้องเฟรนเล้ยยยย
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ บายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :laugh:
ปล. ด้วยรักและฟักทองมากๆค่ะ ติชมกันได้ตามสบายค่ะส่วนตัวคนเขียนเองจะได้นำไปปรับปรุงในตอนหน้าๆ ขอบคุณค่ะ :o12:
-
เจอประโยคสุดท้ายเข้าไปน้องเฟรนก็ไม่เป็นกันพอดีสิคะพี่เอ็ม~ :-[ อยากรู้แล้วสิคะเนี่ยว่าน้องเฟรนจะตอบว่ายังไง รอตอนต่อไปจ้า..^^
-
แอร๊ยยย ต้องแสดงให้เห็นแล้วค่ะว่าน้ำเยอะแค่ไหน :-[
-
น้ำบูด
ไปแล้วมั้ง
ไอ่พี่เอ็ม
:laugh:
ก็เล่นให้น้องเฟรนรอนาน
ซะขนาดน้านนนน
กร๊ากกกก
:pigha2:
-
:o8: :o8: :o8:
-
อ่ะนะ อ่ะนะ ดูแลกันเบาเบา :katai2-1:
-
จะทำอะไรก็ถนอมน้องหน่อยละกันนะพี่เอ็ม
-
หยอดอะไรกัน ก็เกรงใจคนอ่านบ้างนะ
มันจะฟินเกินไปแล้ว เด๋วแก้มแตกกันพอดี
-
จะลองซักน้ำมั้ย 55 หลายๆน้ำเลยๆ
-
:-[ :o8:
-
ยังไม่ทันจะเป็นแฟนพี่มันก็คิดถึงเรื่องบนเตียงและ
เฟรนดระวังตัวด้วยล่ะพี่มันหวังง๊าบอยู่ :hao7:
-
หวัดดีจ้า
เหอๆ เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ ความรู้สึกตอนแรกที่อ่านเลยนะ เรื่องนี้หน่วงมากอ่ะ
เศร้า เหงา หน่วง แต่ก็สนุกดี
โกรธพี่เอ็มมากอ่ะตอนที่นัดน้องไปกินข้าว แต่กลับเป็นว่าน้องต้องมาดูคนที่ตัวเองรักจีบคนอื่น
พี่เอ็มไม่เคยจะชัดเจนเลย
แต่พอมีคนเข้าหาน้องบ้างก็ทำเหมือนจะหวงก้างอ่ะ แล้วน้องก็เหมือนได้น้ำรดใจไม่ให้มันแห้งไง
แต่พอเผลอก็เอาน้ำร้อนมาราดให้เจ็บแสบจนน้องอยากถอย
ก็เอามือมาดึงน้องไม่ให้ไปไหนซะอีก ดีนะที่น้องระเบิดออกมาให้ความสัมพันธ์มันชัดเจนขึ้น
ไม่งั้น...น้องคงได้นั่งซดมาม่าอีกชามใหญ่ๆ แน่
ตอนนี้ดีดันแล้ว ก็รีบๆ จีบให้ติดล่ะป๋าเอ็ม เดี๋ยวเหล่ามดแดงที่มันแฝงอยู่กับพวงมะม่วงจะอดใจไม่ไหว
สอยมะม่วงไปกินซะก่อน
ทางที่ดีจัดการรวบหัวรวบหางแล้วกินทั้งตัวไปเลย เหอๆ
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
-
:dont2: รออยู่นะค้าา..
-
:mew6: แวะมาปูเสื่อรอ
-
มาต่อเถอะคิดถึงคนแต่งจัง
-
โอ้เพ่เอ็มมมมมมมมมม