พิมพ์หน้านี้ - สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๖. Accountable for_18.04.2024

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: KADUMPA ที่ 27-06-2023 13:36:23

หัวข้อ: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๖. Accountable for_18.04.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 27-06-2023 13:36:23
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: Pilot _ 6.27.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 27-06-2023 13:38:22
สืบลับ สืบรัก: Pilot



“ถ้านายเข้าใจคำว่าหน่วยสืบพิเศษที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่นี้ นายต้องเปิดใจ” สารวัตรหนุ่มรับคำเบา ๆ ก่อนกดวางสายจากหัวหน้าหน่วย หลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว สายตามองตรงไปข้างหน้า ชายหนุ่มตัวเล็กหน้าใสคนหนึ่งชะงักฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนจะทำท่าเหมือนตัดสินใจเดินตรงเข้ามาหาเขา

“ผมก็พอจะเข้าใจล่ะนะ ว่านี่คือหน่วยสืบลับพิเศษ” สารวัตรหนุ่มเปิดฉากทักทายผู้มาใหม่ “แต่ก็ไม่นึกว่า ถึงกับต้องใช้” หนุ่มหน้าใสที่เพิ่งมาถึง สบตากับสารวัตรคมเข้มรูปหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้า “หมอดู” สารวัตรหนุ่มอมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปแบบนั้น

“ผมไม่ใช่หมอดู” เสียงพูดนั้นเกือบจะห้วน ไม่มีหางเสียง พูดจบหนุ่มหน้าใสก็ทำท่าจะเดินผ่านประตูตรงหน้าเข้าไป “รึก็อาจจะเป็นแค่หมอเดา” คนมาใหม่ถึงกับต้องถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา แต่ก็ขมวดเก็บคำพูดตอบโต้เอาไว้ ในฐานะที่ถูกขอให้มาร่วมคดี แค่ครั้งนี้เท่านั้น

“หยิ่งเสียด้วย” สารวัตรหนุ่มไม่วายเอ่ยแซวออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปด้านในบ้านหลังใหญ่หรูหรานั้น “พบศพผู้ตายในห้องน้ำด้านในห้องนอนใหญ่” หนุ่มหน้าใสพอจะรู้รายละเอียดเคสนี้มาบ้างแล้วก่อนหน้า ได้ยินเสียงสารวัตรหนุ่มเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกครั้ง

“ผู้พบศพเป็นสามีผู้ตาย” หนุ่มหน้าใสหันไปมองทางสารวัตรหนุ่ม “เป็นคุณหมอศัลยแพทย์” สารวัตรบอกออกไป เห็นหนุ่มหน้าใสพยักหน้าเบา ๆ รับทราบ “นี่คุณได้กินข้าวบ้างหรือเปล่าเนี่ย ทำไมถึงได้ตัวเล็กแคระแกร็นขนาดนี้” สารวัตรหนุ่มหัวเราะกับคำพูดของตัวเอง เมื่อมองสำรวจรูปร่างของอีกฝ่าย

“ผมสูงร้อยเจ็ดสิบ” อยู่ ๆ ก็เกิดนิ่งเงียบเอาไว้ไม่อยู่ หนุ่มหน้าใสถึงกับต้องกัดริมฝีปากล่างเตือนตัวเองเอาไว้ “ถ้าหิว ไม่มีแรงขึ้นมา บอกผมได้นะ เดี๋ยวผมพาไปเลี้ยงข้าว” อีกครั้งที่หนุ่มห้าใสต้องถอนหายใจออกมา และได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ ชอบใจนั้นจากสารวัตรหนุ่ม

“สามีผู้ตาย คุณหมอ ตอนนี้อยู่ที่ไหน” สารวัตรได้ยินคำถามนั้น ก่อนตอบออกไปว่า “ตอนนี้อยู่กับทีมสอบปากคำ” พูดจบก็เดินตามหนุ่มหน้าใสไปที่ด้านในห้องน้ำ หนุ่มหน้าใสแทบจะในทันทีที่เดินเข้าไปในนั้น รู้สึกเซ ก่อนจะหยุดยืนเพื่อให้ตัวเองทรงตัวได้ “ไม่ได้กินข้าวมาจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย” สารวัตรหนุ่มพูด น้ำเสียงฟังดูเหมือนกำลังดุเด็กน้อย

“จำกัดกันแค่ความเป็นมืออาชีพก่อนนะครับ” หนุ่มหน้าใสพูด สารวัตรหนุ่มเป็นฝ่ายที่ต้องถอนหายใจออกมาบ้าง “มีบางอย่างหายไปจากห้องนี้” สารวัตรหนุ่มมองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มาเปิดดูรูปถ่ายสถานที่เกิดเหตุ ก่อนจะยื่นให้กับอีกฝ่ายได้ดู ภาพถูกเลื่อนไปมา แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่า อะไรกันแน่ที่หายไป

“จากคำให้การของคุณหมอที่เป็นผู้พบศพภรรยา คุณหมออยู่ที่โรงพยาบาลตลอดช่วงเช้า เพราะมีเคสผ่าตัดติดกับสองเคส แต่พอกลับมาถึงบ้านช่วงบ่าย ก็พบกับภรรยานอนจมกองเลือดอยู่ในห้องน้ำ คุณหมอพยายามทำซีพีอาร์ แต่ก็ไม่เป็นผล ภรรยาของคุณหมอเสียชีวิตนานแล้ว” สารวัตรหนุ่มให้ข้อมูลและรายละเอียด

“คุณหมอรีบโทรแจ้งตำรวจ รวมถึงตอนให้การอีกครั้งที่ศูนย์สืบสวน ก็ดูจะเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะดูจะควบคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ จากการสูญเสียภรรยาไป” หนุ่มหน้าใสสบตากับสารวัตรหนุ่ม ก่อนจะหันไปมองที่บริเวณอ่างล้างหน้าอีกครั้ง “อะไรบางอย่างที่หายไป” ก่อนจะมองไปที่มุมสุดของที่ว่างข้างอ่างนั้น

“น่าจะเคยมีอะไรวางอยู่ตรงนั้น” สารวัตรหนุ่มมองตาม ก่อนจะเดินไปมองดู “มีรอบคราบวงกลมจาง ๆ” สารวัตรพูดขึ้น มองกลับไปที่หนุ่มหน้าใส ก่อนจะยกกล้องโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายภาพเก็บหลักฐานเอาไว้ “ไม่เลวนี่คุณหมอเดา” สารวัตรหนุ่มเอ่ยชม พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องกำลังทำตาเขียวใส่เขาอยู่

“หมดหน้าที่ผมแล้วนะ ผมจะได้กลับ” หนุ่มหน้าใสพูดกับสารวัตรหนุ่ม “เดี๋ยวสิครับ อะไรกัน จะมาแค่นี้เองหรือ คุณช่วยดูรูปพวกนี้ให้ผมก่อน” ไม่พูดเปล่า สารวัตรหนุ่มกวักมือให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ ๆ “รูปพวกนี้” สารวัตรหนุ่มเริ่มพูด เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามายืนใกล้เกือบชิดกันกับเขา หนุ่มหน้าใสต้องเคลื่อนใบหน้าออก เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นอาฟเตอร์เชฟของอีกฝ่ายชัดเจนเกินไป

“คือเสื้อเปื้อนเลือดของคุณหมอ ที่ทางนิติเวชกำลังมีข้อสงสัยอยู่ และถ้าคุณจะช่วยยืนยัน ด้วยวิธีอะไรก็แล้วแต่ที่เขาว่ากันว่า” สารวัตรที่สูงกว่าอีกฝ่าย ได้กลิ่นแชมพูหอมอ่อน ๆ จากเส้นผมของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ทำแกล้งสูดหายใจลึก ๆ รู้สึกตื่นเต้นที่ทำให้ร่างกายมันแสดงออกแปลก ๆ

“สารวัตรกำลังจะบอกว่า รอยเลือดกระเซ็น มันไม่ตรงกับที่คุณหมอให้การ” แทนคำตอบหนุ่มหน้าใสเห็นสารวัตรหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนที่จะเห็นหนุ่มหน้าใส เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ารอยวงกลมบนที่ว่างข้างอ่างล้างหน้านั้น “อาจจะไม่ได้ผลนะ ผมบอกเอาไว้ก่อน” หนุ่มหน้าใสผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ แล้วใช้นิ้วแตะลงไปบนรอยวงกลมนั่น

“คุณชนธัญ” ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่รู้สึกตัวอีกที หนุ่มหน้าใสก็กำลังได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองอยู่ “คุณโอเคมั้ย” เสียงนั้นแสดงความห่วงใยอยู่ในที “ผมไม่เป็นไร” เจ้าตัวเมื่อได้ครองสติได้อีกครั้ง ก็ขืนตัวออกจากอ้อมแขนของสารวัตรหนุ่ม “คุณแน่ใจนะ” แทนคำตอบ ชนธัญรีบลุกขึ้นยืน โดยมีสารวัตรหนุ่มยืนตาม มือทั้งสองข้างยังทำท่าพร้อมจะประคองอีกฝ่ายอยู่

“เกิดอะไรขึ้นครับ สารวัตรรัฐนนท์” ชนธัญประหลาดใจอยู่เหมือนกัน อะไรแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนเช่นกัน “หลังจากคุณเอามือแตะไอ้รอบวงกลมนั่น” สารวัตรหนุ่มเองก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาเห็นเช่นกัน “คุณก็เดินไปที่ราวแขวนเนกไทนั่น” ชนธัญมองตามสารวัตรหนุ่มไป “แล้วคุณก็เดินไปที่ห้องชาวเวอร์นั่น” ตรงนั้น ตอนนั้น สารวัตรหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง

“คุณใช้เนกไทนั่นเหมือนคล้องรัดคอใครบางคน จนเขาแน่นิ่งไปบนพื้นห้องน้ำนี่” ชนธัญฟังที่สารวัตรหนุ่มเล่า “แล้วคุณก็คว้าอะไรบางอย่างที่เคยตั้งอยู่ตรงรอยวงกลมนั่น หยิบมันมาฟาดลงไปตรงพื้นนั่น ฟาดไม่ยั้ง ก่อนผมจะเห็นคุณทรุดตัวลงไป คุณพูดออกมาว่า รอยเลือดกระเซ็นที่แขนเสื้อเชิ้ต ตรงคัฟลิงค์ ด้วยเสียงผู้หญิง ไม่ใช่เสียงคุณ ไม่ใช่การดัดเสียง” สารวัตรหนุ่มสบตากับหนุ่มหน้าใสในแบบที่ว่า ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่า มันเกิดขึ้นจริงต่อหน้าต่อตาเขาเช่นกัน



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



“กลับมาแล้วครับ” อุ่นเดินเข้าบ้าน ก่อนจะพูดออกไป “เหนื่อยมั้ย” เสียงถามกลับมา แสดงถึงความห่วงใยอาทร “กลับค่ำเลย เรียนหนักหรือเปล่า” อุ่นนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ กันกับเจ้าของคำถาม “นิดหน่อยเอง” อุ่นพูด ยิ้มให้กับอีกฝ่าย “ปีหน้าก็เข้ามหาวิทยาลัยแล้วสินะ” อุ่นพยักหน้าให้ แทนคำตอบ

“ถ้าพ่อเขายังอยู่ เขาต้องดีใจและภูมิใจมากแน่ ๆ” อุ่นได้ยินคำพูดประโยคนั้น นิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง “ป๊าก็ภูมิใจในตัวอุ่นได้เหมือนกันนะ” อุ่นมองหน้าคนที่ตัวเองเรียกว่า 'ป๊า' ก่อนจะได้ยินป๊าของเขาพูดออกมาว่า “ไม่มีวันไหนเลยสักวัน ที่ป๊าไม่ภูมิใจในตัวลูกของป๊า” รอยยิ้มของป๊า เป็นสิ่งที่อุ่นเห็นมาตลอดตั้งแต่จำความได้

“พรุ่งนี้อุ่นมีสอนพิเศษตอนเย็น และก็ว่าจะไปแวะร้านหนังสือก่อนกลับบ้าน ป๊าหิวป๊ากินข้าวก่อนอุ่นเลยนะ ไม่ต้องรอ” อุ่นขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟานั้น “อุ่น นี่เราอายุถึงวัยที่ต้องเริ่มโกหกป๊าแล้วนะ” อุ่นหันไปมองหน้าป๊า “นี่เราไม่คิดที่จะทำอย่างที่วัยรุ่นวัยเดียวกันคนอื่น ๆ เขาทำกันบ้างหรือไง” ป๊าพูดเอง ยังอดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมา

“มีคนมาจีบลูกของป๊าบ้างหรือยัง” ป๊าทนไม่ไหว โพล่งถามลูกชายออกไป “เฮ้ย ลูกป๊าออกจะน่ารัก” ป๊าพูด มองตามอุ่นที่เดินส่ายหัวไปที่บันไดชั้นสอง “อุ่นขึ้นห้องก่อนละ ไม่คุยกับป๊าแล้ว” อุ่นส่ายหัวให้กับความใจกว้างของป๊าตัวเอง “พามาเปิดตัวให้ป๊ารู้จักก็ได้นะ เดี๋ยวป๊าทำกับข้าวมื้อใหญ่เลี้ยงเอง” เสียงป๊าดังไล่หลังมา เมื่ออุ่นปิดประตูห้องนอนลง

เด็กหนุ่มวางกระเป๋านักเรียนและโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะเขียนหนังสือที่มุมห้อง ติดกับหน้าต่างด้านข้าง อุ่นเอื้อมมือไปดันหน้าต่างนั้นให้เปิดออกรับลม ก่อนที่ลมเย็น ๆ จากด้านนอกจะพัดเข้ามา ม่านขอบลายฉลุดอกไม้ ปลิวไหวเบา ๆ เสียงมือถือที่สั่นดังขึ้น เมื่อมีข้อความส่งเข้ามา อุ่นหยิบมันขึ้นมาดู

'อุ่น ช่วยรับโทรศัพท์ผมด้วย' ข้อความนั้นที่ส่งมา 'อุ่นโกรธผมหรือเปล่า' อ่านข้อความถึงตรงนั้น ที่หน้าจอก็มีสายโทรเข้ามา อุ่นรอจนสายนั้นเงียบเสียงไป 'อุ่นอ่านข้อความผมแล้ว' ข้อความใหม่เด้งเข้ามา 'อย่าโกรธผมเลยนะ' อุ่นมองอีกข้อความที่ส่งมา 'อย่าโกรธผมเลย ผมอดใจเอาไว้ไม่ไหว ที่ผมจูบอุ่น' อ่านข้อความนั้นจบ 'พรุ่งนี้ติวกันที่เดิมนะ ผมเอง เคนตะ' อุ่นได้แต่เม้มริมฝีปากของตัวเองเข้าหากัน

***********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

จีบ... (May I) - YouTube

https://www.youtube.com/watch?v=Ed6Tjb8s194


เดินคนเดียวเธอเหงารึเปล่า

Walking alone is so lonely, don’t you think?

มีใครคอยปลุกตอนเช้า

Is anyone there giving a morning call,

ด้วยการบอกรักบ้างไหม

With the word saying he loves you?

ฝากคำกู้ดไนท์ก่อนนอน

Saying good night before going to bed

พิมพ์เป็นข้อความไว้

Leaving the similar messages

แบบนี้มีใครทำให้หรือยัง

Any of these, has any guy done them for you?


ฟังเพลงคนเดียวเธอเหงารึเปล่า

Listening to music alone, does that make you feel sad?

เวลาอากาศมันหนาว

When it’s cold and shivering,

มีใครห่มผ้าให้ไหม

Is there anyone covering a blanket for you?

เวลาที่ไม่สบาย

When you’re under the weather,

มีใครคอยห่วงใย

There’s someone who cares you for

ให้ฉันทำให้เธอได้ไหม

Will you let me be that someone?


เหมือนท้องฟ้าจะไม่สวยเท่าไหร่

Seems like the sky isn’t so bright

ถ้าค่ำคืนนี้ไม่มีดวงดาว

If tonight none of the stars shines up above

ที่คอยส่องแสงข้างดวงจันทร์

Glittering stars that pair with the moon

เธอก็คงจะไม่เหงา

You’re not being alone

แค่เพียงเรามาอยู่ข้างข้างกัน

That you and I are together


อยากขอเป็นคนของเธอ

I would like to be yours

ที่เธอหันมาเมื่อไหร่ก็เจอ

I am always here when you need me

เป็นส่วนหนึ่งในทุกนาที

Be a part of every minute

ต่อจากนี้จะอยู่ตรงนี้

From now on, right here waiting

ดวงใจดวงนี้ จะใช้รักเธอคนนี้คนเดียว

This very heart of mine will love you and only you


มองใครใครที่เขาคู่กัน

Looking at people who are in love

ก็แอบรู้สึกอิจฉา

I can only envy them

อยากให้เป็นฉันกับเธอ

Wish you and I would become one

ที่เดินข้างกันจับมือ

Holding hands side by side

มองตาก็อุ่นใจ

Feeling love in our eyes

แบบนั้นจะเป็นไปได้ไหม

Will that be possible, my dear?
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: Pilot _ 6.27.2023
เริ่มหัวข้อโดย: Vergintomza ที่ 03-07-2023 15:52:03
เรื่องนจะต้องมีเงี่ยนงำแน่ๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๑. ใครน่ารัก (7.05.2023)
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 05-07-2023 15:10:31
๑. ใครน่ารัก



“ด็อค มีอะไรให้ผมวันนี้” คนถูกเรียกว่าด็อคเงยหน้ามองไปที่ตำรวจหนุ่มที่ผลักประตูเข้ามา “ขอเฉพาะข่าวดีนะ” สารวัตรรัฐนนท์ยังไม่ทันให้ด็อค คนที่เขาเรียกแบบนั้นมาตั้งแต่รู้จักกัน ได้ทันเปลี่ยนสีหน้าที่เอือม ๆ นั้นเลยสักนิด ก็แจ้งความประสงค์ออกไป ว่าเขาต้องการผลตรวจที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเท่านั้น

“ได้ข่าวว่า ได้คู่หูคนใหม่ เป็นไงบ้างล่ะ หมวด” ด็อคหรือแพทย์หญิงดรุณี ที่บรรดานักเรียนแพทย์ต่างพากันเรียกว่าอาจารย์ดุ แทนดรุณียังไม่ให้คำตอบกับนายตำรวจหนุ่มในทันที “ได้ข่าวว่าน่ารักมาก” และยังคงเรียกยศดั้งเดิมของอีกฝ่าย ตั้งแต่ตอนที่ได้ร่วมงานกันครั้งแรกอยู่เช่นเดิม

“ขี้เกียจแก้แล้วเนี่ย” ทำหน้าตาขึงขังไปอย่างนั้น แต่สารวัตรรัฐนนท์กลับมีน้ำเสียงไม่จริงจังอะไรด้วยซ้ำ “ที่ขี้เกียจแก้เนี่ย คือเรื่องยศทางราชการ หรือเรื่องที่คู่หูคนใหม่น่ารักกันแน่” อยู่ ๆ ด็อคเตอร์ดุ ก็เพิ่งเคยเห็นอาการอ้ำอึ้งของสารวัตรคนเก่ง แบบอาการอึก ๆ อัก ๆ ขึ้นมาเสียเฉย ๆ

“ผลตรวจด็อค ผมต้องการผลชันสูตร” สารวัตรรัฐนนท์ทำทีกระแอมกระไอ ก่อนจะเลี่ยงไปถามเรื่องการชันสูตรพลิกศพ คุณหมอดรุณีได้แต่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เธอคิดว่า เธอจับอาการอะไรบางอย่างจากสารวัตรหนุ่มได้ “รอยเลือดสแปตเตอร์ สี่รอย ที่ชายเสื้อเชิ้ตเหนือคัฟลิงค์ กระดุมข้อมือ” ด็อคดุฉายภาพขึ้นบนจอใหญ่ด้านบน

“ตรวจแล้ว ยืนยันว่า คือเลือดของผู้เป็นภรรยาแน่นอน” ด็อคเตอร์ดุอธิบายความให้กับสารวัตรหนุ่มฟัง “ที่ชัดเจนไปกว่านั้น หากว่าการให้การของคุณหมอชีพ เป็นไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ว่าคุณหมอจับร่างของภรรยาที่ชุ่มไปด้วยเลือด เพื่อมาทำซีพีอาร์” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับดอกเตอร์สาว

“มันเป็นปไม่ได้เลย ที่จะมีรอยเลือดเกิดขึ้นตรงนี้ นอกเสียจากว่า” ด็อคเตอร์ดุยกมือขึ้นเหนือศีรษะ แล้วทำท่าหวดมือลงมากลางอากาศซ้ำ ๆ หลาย ๆ ที “รอยสแปตเตอร์นี้ ถึงจะเกิดขึ้นได้ สี่นิ้วขึ้นมาบนแชนเสื้อเชิ้ตเหนือคัฟลิงค์” คำพูดของคุณหมอสาว ทำให้สารวัตรถึงกับหลุดปากพูดออกมา

“เป็นไปได้ยังไง ที่เขาจะรู้รายละเอียดนี้” คุณหมอดรุณีพอจะทราบเรื่องที่สารวัตรไปตรวจสอบที่เกิดเหตุกับคู่หูคนใหม่นั่น “มันมีไม่กี่คนที่รู้รายละเอียดตรงนี้ ตั้งแต่ตอนหน่วยฟอเรนสิกซ์เข้าไป” คุณหมอดรุณีเองก็ยังอึ้งกับการอื้ออึงของเจ้าหน้าที่ที่รู้ข่าว “อาวุธที่ใช้น่าจะเป็นอะไรสักอย่างที่เคยตั้งอยู่ที่ข้างอ่างล้างหน้านั่น” แต่อาวุธที่ว่านั้น ก็ยังไม่สามาถสืบรู้ได้ว่า มันคืออะไร และคุณหมอชีพเอามันไปทิ้งไว้ที่ไหน

“แต่คุณชนธัญหวดให้ดูต่อหน้าเลยไม่ใช่หรือคะหมวด” ด็อคเตอร์ดุยังนึกทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น การสืบสวนแบบใหม่ ที่ทำให้อะไรกระจ่างขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ “ใช่ครับด็อค ต่อหน้าผมเลย หวดไม่ยั้ง แต่ก็ เหมือนกับเขาไม่เป็นตัวของเขาเอง ณ ตอนนั้น” สารวัตรรัฐนนท์ยังคงจำภาพนั้นได้ติดตา

“คุณหมอชีพอ้างว่า เขามีเคสผ่าตัดตั้งแต่เช้า เคสใหญ่สองเคสติด จะเป็นเขาไปได้ยังไง ที่เป็นคนฆ่าภรรยาตัวเอง” ด็อคดุลำดับการให้การของคุณหมอชีพ ผู้เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ “แต่ทางโรงพยาบาลบอกว่า ได้ตามหาคุณหมอชีพอยู่พักใหญ่ กว่าที่คุณหมอชีพจะเข้ามาที่ห้องผ่าตัดอีกครั้ง” สารวัตรรัฐนนท์ลำดับความต่อ

“โดยห้วงเวลาที่ตามหาคุณหมอชีพอยู่ เป็นเวลาที่มากพอ พอจะให้คุณหมอชีพหลังจากผ่าตัดเคสแรงเสร็จแล้ว ก็ขับรถกลับบ้าน ลงมือฆาตกรรมภรรยาตัวเอง แล้วกลับมาที่โรงพยาบาล ทันเคสที่สองในเช้าวันนั้น” ด็อคเตอร์ดุพยักหน้าตามกับสิ่งที่ได้ยินสารวัตรหนุ่มว่ามา

“เวลาในการเสียชีวิตของภรรยาคุณหมอชีพ คาดว่าน่าจะเป็นเวลาในช่วงนั้น” การระบุเวลาการเสียชีวิต อาจจะบอกไม่ได้ชัดเจนลงไป ว่าชั่วโมงไหน นาทีใด แต่ก็กะคร่าว ๆ ได้ว่า อยู่ในช่วงเช้าของวันที่เกิดเหตุนั่น “ขอบคุณครับด็อค” สารวัตรรัฐนนท์กล่าวอย่างสุภาพกับด็อคเตอร์ดรุณี

“หมวดยังไม่ได้บอกเลย ว่าคู่หูคนใหม่ของหมวดน่ารักมากอย่างที่เขาลือกันใหม่” ด็อกดุยังไม่ได้รับคำตอบกับสิ่งที่เธอถามไปในตอนแรกเลย สารวัตรนุ่มทำยิ้มกลบเกลื่อน คว้าแฟ้มเอกสารรายงานชันสูตร ที่คุณหมอดรุณีเตรียมเอาไว้ให้ ไปถือเอาไว้ในมือ “ใจสั่นมั้ย หวั่นไหวมั้ยหมวด” คุณหมอดรุณีไม่ได้คำตอบอะไร เมื่อสารวัตรรัฐนนท์ใช้หลังดันประตูห้อง ก่อนเดินออกไป

สารวัตรหนุ่มมาถึงคอนโดแห่งนี้ ก็สายมากแล้ว ก่อนจะเดินมาที่สระว่ายน้ำตามที่ผู้ดูแลให้ข้อมูลกับเขาเอาไว้ สายตาที่มองไปที่สระว่ายน้ำขนาดใหญ่นั่น มีคนร่างเล็ก ๆ กำลังว่ายจากกึ่งกลางสระไปยังที่ขอบสระ ซึ่งดูยังไงสำหรับสารวัตรรัฐนนท์ มันคือท่าว่ายแบบลูกหมาตกน้ำชัด ๆ

“ถ้าคุณคิดจะเรียนว่ายน้ำจริงจัง ให้มันไม่ดูต๋อมแต๋ม ๆ แบบนี้ ผมสอนให้ได้นะ ผมนี่ แชมป์รุ่นตอนเรียนตำรวจเลยนะ” ชนธัญตกใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงพูดนั้น พอเงยหน้าขึ้นดู ก็พบว่าเป็นสารวัตรรัฐนนท์คนขี้เก๊กนี่เอง “นี่คุณเข้ามาได้ยังไงเนี่ย ที่นี่เป็นสระส่วนตัวของลูกบ้าน” เสียงพูดแลดูจะไว้ตัวอยู่ไม่น้อย

“ผมกำลังสืบคดี เป็นงานราชการ ใคร ๆ ก็ต้องให้ความร่วมมือทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะคุณ” สารวัตรหนุ่มกลั้นคำว่า น่ารัก จากการลงท้ายประโยคนั้นเอาไว้ได้ทัน “คุณนี่ก็ออฟเฟอร์เก่งนะ ครั้งที่แล้วก็จะเลี้ยงข้าว ครั้งนี้ก็จะสอนว่ายน้ำ” คำพูดจากชนธัญนั้น แสดงอาการค่อนขอดอย่างชัดเจน

“คุณนี่ ก็ช่างจำเรื่องของผมเก่งเหมือนกันนะ” ไม่พูดเปล่า ยังทำให้ชนธัญรู้สึกตึงไปทั้งหน้า เมื่อสารวัตรหนุ่มมอบรอยยิ้มกว้าง แจกความสดใสให้แบบนั้น “ใครจะอยากจำ” ชนธัญบ่นงุบงิบ ๆ ทำหน้าว่าเบื่อหน่าย “อีกอย่าง งานผมที่ต้องช่วยสารวัตรก็จบแล้ว หมดหน้าที่ผมแล้ว” จากที่ได้รับการร้องขอมา ชนธัญก็คิดมาเสมอว่า มันคือการร่วมงานกับหน่วยสืบพิเศษนี้ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

“ยัง เรายังไม่ได้ปิดคดีนี้ ดังนั้น คุณยังเป็นผู้ช่วยของผมอยู่ ขึ้นมาจากสระซะ และนี่คือคำสั่ง” สารวัตรรัฐนนท์ทำเสียงเข้มจริงจังใส่อีกฝ่าย ชนธัญส่ายหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อเลย “คุณก็หลบไปก่อนสิ” ชนธัญส่งเสียงบอก “จะมาอายอะไร มันก็มีเหมือน ๆ กันนั่นแหละ” ยังไม่ทันที่สารวัตรหนุ่มจะได้ยินอีกฝ่ายต่อล้อต่อเถียง

“รีบ ๆ ไปจะได้รีบทำให้มันเสร็จ ๆ สักที” อยู่ ๆ ชนธัญก็ดันตัวทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากสระ มายืนอยู่ที่ด้านหน้าของสารวัตรหนุ่ม รัฐนนท์นั้น ความคิดแล่นเข้าหัวมา จริง ๆ อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตัวแคระแกร็นอะไรขนาดนั้น แต่ก็อีก ชนธัญนั้นตัวเล็กกว่าเขาอยู่เยอะพอสมควรนั่นแหละ

“รับปากผมก่อนสารวัตร ว่าผมทำคดีนี้แค่คดีเดียว” ใบหน้าที่มีหยาดน้ำเกาะพราวอยู่นั้น มองจ้องตรงมา ทำให้สารวัตรหนุ่มต้องเบนหน้าไปทางอื่น ยิ่งกางเกงว่ายน้ำสีนู้ดที่อีกฝ่ายนั้นนุ่งอยู่ด้วยแล้ว “รู้แล้วน่า” พูดตอบไปแบบนั้นเอง ก่อนจะเห็นชนธัญเดินไปที่ห้องล็อกเกอร์ สารวัตรรัฐนนท์เดินตามไป

“เดินตามมามองผมหรือไง” ชนธัญที่เปิดประตูล็อกเกอร์เพื่อเอาเสื้อผ้าออกมาเปลี่ยนถามขึ้น “จะดูตอนไม่ใส่เสื้อผ้าด้วยมั้ย” สารวัตรหนุ่มทำหันหลังให้อีกฝ่าย “อย่าพูดจาโยกโย้ ทำตัวโอ้เอ้น่า” เสียงนั้นดุ แต่ใบหน้าที่หันอีกทางของสารวัตรหนุ่ม เผลอยิ้มออกมา

“ชักช้า เสร็จหรือยัง” สารวัตรหนุ่มทำพูดเสียงดังใส่อีกฝ่าย “ก็หันมาดูสิ เจอของจริง ได้เห็นของดีไม่รู้ด้วยนะ” ชนธัญเองอดไม่ได้ที่จะพูดจาเลื่อนเปื้อนตามอีกฝ่าย ที่เอาแต่ออกคำสั่งให้ทำตาม “อย่าทำเป็นพูด ของดีจริงหรือเปล่า” สารวัตรรัฐนนท์หันกลับมามองอีกฝ่าย ไม่รู้จะดีใจหรือว่าจะยังไง ที่ชนธัญสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

“เส้นผมคุณยังเปียกน้ำอยู่เลย” สารวัตรหนุ่มมองไปที่คนตัวเล็กกว่า หยุดน้ำจากปลายปอยผมด้านหน้าของอีกฝ่าย ยังมีให้เห็น ชนธัญยกมือขึ้นปัดหยดน้ำนั้นลวก ๆ “หมดแล้ว” สารวัตรหนุ่มพูดออกไป ชนธัญเองก็เสมองไปทางอื่น แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะได้พูดอะไรกันต่อ ชนธัญก็บอกให้รัฐนนท์ฟังเสียงเพลงที่กำลังดังขึ้น

******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=kIZBDoEF_1Q


ถูกใจเธอจนได้ ถูกใจเธอจนได้

You’re it, yeah you that hit me hard

เมื่อเธอมาทำให้จิตใจของฉันเต้นรัว

You’re the one that makes my heart flutter

ยิ่งเจอก็ยิ่งชอบ

The more I see you, the more I like you

ยิ่งชอบก็ยิ่งกลัวรู้ไหมคนดี

And that frightens me that my heart falls for you


บางทีเธอก็ใช่บางทีก็ไม่ใช่

You’re the one, but you scare me sometimes

ดูเธอมีใจให้แต่บางทีเหมือนไม่มี

You seem giving me all the signals, but am I rubbing you the wrong way?

ก็เดาใจเธอยากไม่รู้ว่าที่จริงนั้นคิดยังไง

Which way baby? Please, just show me the clear sign


อย่าทำให้รัก

Don’ t make me fall

เดี๋ยวมันหลงเดี๋ยวมันรัก

“Cause I’m ready to fall in love

ฉันตั้งหลักไม่ทัน

Can’t step the brake

เดี๋ยวจะรั้งไว้ไม่ไหว

Can only step on the gas

รักมันปักหัวใจทำไง

When I’m head over heels

จะดึงออกไปก็ดึงไม่ออก

How can I stop myself from loving you?


อย่าทำให้คิดถ้าไม่รักฉันสักนิด

Don’t give me the wrong idea if this is just a game for you

เข้าใจผิดขึ้นมาฉันไม่รับผิดชอบ

You mislead me, I don’t guarantee the consequences

มาทำให้เคลิ้มตลอด

You’re making me high

เดี๋ยวเผลอไปกอดแล้วเธอจะว่ายังไง

Right there, then you’re already in my arms, what you’d say?


ก็คนมันใจง่าย

I’m easy to fall in love

ก็เลยชอบคนง่าย

Therefore, I’m kinda bruised easily

อย่าเลยเธอฉันไหว้

Please I’m begging of you

อย่าทำให้ชั้นใจสั่น

Don’t make my heart tremble

บอกมาแค่สั้นสั้น

One word you say to me

เธอรักฉันเหมือนกัน

That you too love me so

ก็ว่ากันไป

Then we call it even
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๒. เพลงเพลงนั้น _ 7.12.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 12-07-2023 13:27:51
๒. เพลงเพลงนั้น



“สารวัตร ได้ยินอะไรมั้ย” ชนธัญถามนายตำรวจหนุ่ม ด้วยสีหน้าแสดงอาการประหลาดใจ “เสียงอะไร” สารวัตรรัฐนนท์เลิกคิ้วขึ้น พลางเงี่ยหูฟัง “เสียงเพลง” คนตัวเล็กกว่าให้คำตอบ “เพลง” สารวัตรตัวสูงกว่าทวนคำตอบนั้นเบา ๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะนิ่งเงียบ และตั้งใจฟัง

สารวัตรรัฐนนท์พอได้ฟังอย่างตั้งใจ ถึงกับต้องเดินนำออกมาจากห้องล็อกเกอร์ เสียงเพลงเบา ๆ แว่วมาจากที่ไกล ๆ ชนธัญเองก็เดินตามออกมา ทั้งสองคนเดินมาหยุดอยู่ตรงประตูทางออกจากสระว่ายน้ำของโครงการคอนโดมีเนียม เสียงเพลงที่ดังอยู่เมื่อสักครู่ กลับจู่ ๆ ก็เงียบหายไป

“เฮ้ย” สารวัตรหนุ่มร้องออกมาเสียงดัง เมื่อภาพตรงหน้าที่เห็นอยู่ตรงนี้ คือชนธัญที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ประตูที่เป็นซี่ลูกกรง และมีร่างจาง ๆ ที่มองออกว่าเป็นร่างของผู้หญิง ยื่นมือผ่านซี่ลูกกรงนั่น เอื้อมมือแตะเข้าที่ข้างแก้มของชนธัญ ที่ตอนนี้ ได้แต่ตกใจกลัว ตัวสั่นเทา และปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มอย่างหยุดไม่ได้ เมื่อเห็นร่างจาง ๆ เหมือนควันของภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว ของคุณหมอชีพ มายืนอยู่ตรงหน้า

ในห้องสอบสอนที่กองบัญชาการ คุณหมอชีพยังคงยืนกระต่ายขาเดียว ให้การว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเสียชีวิตของภรรยาตัวเอง ต่อให้ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนจะเอาหลักฐานมากมายแค่ไหนมากองให้ดู คุณหมอชีพก็ยังคงยืนกรานคำเดิม ว่าตลอดทั้งเช้าวันนั้น ในวันที่เกิดเหตุ ตัวคุณหมอนั้นติดผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาล

“แต่รอยเลือดที่ปลายแขนเสื้อของคุณหมอ เล่าเรื่องราวอีกอย่างหนึ่งเลยนะครับ” หนึ่งในทีมสอบสวนพูดออกไป ก่อนจะผลักรูปถ่ายรอยหยดเลือดไปที่ด้านหน้าของหมอชีพอีกครั้ง คราวนี้คุณหมอชีพเบือนสายตาไปอีกทาง ไม่ยอมมองภาพนั้นอย่างเคย “แถมรอยหยดเลือดเล็ก ๆ ที่ติดอยู่ที่รองเท้าของคุณหมอ” อีกหนึ่งร่องรอยคดี ที่ด็อคเตอร์ดรุณีพบ หลังจากนำเอารองเท้าคู่ที่คุณหมอชีพใส่ทำงานในวันนั้น มาตรวจดูไมโครสค็อปปิกให้ละเอียดอีกครั้ง

“คุณหมอจะอธิบายรอยเลือดบนรองเท้านี้ ว่าอย่างไรดี เพราะผลตรวจทางนิติเวชยืนยัน ว่านี่คือดีเอนเอของภรรยาของคุณหมอแน่นอน และวิธีการหยดลงบนรองเท้าของคุณหมอ มันไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้ มันไม่มีทางเปื้อนรองเท้าคุณหมอได้ ถ้าการไปพบศพภรรยาของคุณหมอ เป็นไปอย่างที่คุณหมอให้การไว้จริง”

คุณหมอชีพมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และครั้งนี้ เบือนหน้าหนีจากหลักฐานภาพถ่ายและการชันสูตรอย่างจงใจ คุณหมอชีพดูจะไม่เปิดปากพูดอะไรต่อมิอะไร ที่ฟังดูแล้ว ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง กับหลักฐานเชิงประจักษ์อย่างที่เคยทำในช่วงแรก ๆ ของการสอบสวน เหงื่อเม็ดโป้งหยดลงจากหน้าผากของคุณหมอชีพ เมื่อภาพในความทรงจำขอคุณหมอชีพ เริ่มขับเคลื่อนอีกครั้ง

คืนวันก่อนหน้าวันเกิดเหตุ คุณหมอชีพพาภรรยาออกไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารหรูหรา ในโอกาสวันครบรอบวันแต่งานปีที่สิบห้าของคนทั้งคู่ ก่อนจะย้ายไปนั่งดื่มฉลองความสุขกันต่อที่รูฟท็อปบาร์ราคาแพงระยับ หลังจากที่ดินเนอร์กันเสร็จ ทุกอย่างดูจะเป็นไปด้วยดีและชื่นมื่น จนกระทั่ง มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาที่มือถือของคุณหมอชีพ

“ฉันจะขอไว้สักคืน สักครั้งไม่ได้เชียวหรือคะ คุณชีพ” ภรรยาของคุณหมอที่เริ่มดื่มไปมากพอสมควร เปิดเผยอารมณ์ขุ่นมัวกับคุณหมอชีพด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ คุณหมอชีพเลือกที่จะไม่รับสาย และพยายามพูดไกล่เกลี่ย “ผมก็ไม่ได้รับสายเขานี่นา ไม่เอาน่า ตอนนี้ผมอยู่กับคุณ วันของเราสองคน ไม่ใช่หรือไง” คุณหมอชีพทำท่ายกแก้วไวน์ที่พร่องไปเพียงเล็กน้อยขึ้นชนแก้วกับภรรยา

“แล้วที่คุณบอกกับฉันว่า คุณเลิกกับมันแล้ว คุณกับมันไม่ได้ติดต่อกันเป็นเดือน ๆ แล้ว” ภรรยาของคุณหมอชีพ หยิบแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นมา “คุณหมอชีพตอแหลใส่ภรรยาของคุณหมอเองหรือคะ” ก่อนจะกระดกไวน์สีแดงอำพันเต็มแก้วนั้นเข้าปากจนหมด คุณหมอชีพหันไปมองโต๊ะข้าง ๆ ที่เริ่มให้ความสนใจกับโต๊ะของเขา

“เบาเสียงหน่อยสิคุณ คุณจะมาทำโวยวายเสียงดังอะไรตอนนี้ ไม่อายเขาหรือไง” คุณหมอชีพทำน้ำเสียงปรามภรรยา “ถ้าเรื่องทั้งหมดนี่ มันเริ่มต้นที่ยางอาย” ภรรยาของคุณหมอชีพมีหยาดน้ำใส รื้นขึ้นหน่วยตา พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ฉันคงไม่ต้องมามองหน้าคนนอกใจ สันดานชั่วอย่างคุณอยู่หรอกค่ะ คุณชีพ” คุณหมอชีพรู้สึกหน้าสั่นชา เมื่อได้ยินเสียงภรรยาของเขาพูดแบบนั้น แถมยังตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันนั้นอีก

หลังจากไวน์ในขวดที่เพิ่งเปิดใหม่นั้นหมดลง คุณหมอชีพเองที่พยายามประคองอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้แสดงออกแบบประเจิดประเจ้อ ขับรถพาภรรยาของเขากลับบ้าน โดยที่มีฝ่ายภรรยาที่เมามายอย่างหนัก ด่าทอเขาด้วยคำผรุสวาทอยู่ภายในรถ ไปตลอดทางจนกระทั่งถึงบ้าน คืนนั้น ภรรยาของคุณหมอชีพล็อกประตูห้องนอนทันที โดยปล่อยให้คุณหมอชีพนอนอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น

เช้าวันถัดมา คุณหมอชีพออกไปที่โรงพยาบาลตั้งแต่ภรรยาของเขายังไม่ตื่น คุณหมอค้นกุญแจสำรองไขห้องนอนมาสเตอร์จนเจอ ก่อนจะเปิดประตู มองเงียบ ๆ ไปยังภรรยาที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง สีหน้าของคุณหมอคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะปิดประตูห้องนอนนั้นลง แล้วขับรถออกไปทำงาน

หลังจากที่คุณหมอชีพผ่าตัดคนไข้เคสแรกเสร็จ มองดูเวลาแล้ว คิดว่าน่าจะทัน ที่จะกลับมาทันผ่าตัดเคสที่สอง เนื่องจากบ้านของคุณหมอและโรงพยาบาล ไม่ได้ไกลกันมาก คุณหมอจึงขับรถออกมาโดยที่ไม่ได้บอกใคร ใช้เวลาขับรถไม่นานก็เลี้ยวเข้าจอดที่ในนโรงรถด้านข้างตัวบ้าน ปลอดจากสายตาเพื่อนบ้าน

“คุณ” คุณหมอชีพเรียกภรรยาของเขา เมื่อเดินขึ้นมาชั้นสอง และเห็นภรรยาอยู่ในห้องน้ำด้านในห้องนอนใหญ่ “คือผม” คุณหมอชีพกำลังจะเอ่ยพูดอะไรบางงอย่าง มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง มือกำกล่องกำมะหยี่สีแดงเอาไว้ “ฉันจะให้ทนายส่งใบหย่าไปให้คุณ” คุณหมอชีพกำลังจะหยิบเอากล่องกำมะหยี่นั้นออกจากกระเป๋ากางเกง

“คุณก็เซ็นให้ฉันซะ” ภรรยาของคุณหมอชีพมองไปยังผู้ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตสามี ผ่านทางกระจกบานใหญ่ “แล้วคุณจะไปลงนรกกับอีนั่นที่ไหนก็ไป” เสียงของภรรยาฟังบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของคุณหมอชีพ “แต่คุณจะไม่ได้เงินสักสตางค์แดงเดียวของฉัน ไปปรนเปรออีนังนั่นหรอกนะ เมื่อคุณมาแต่ตัว คุณก็คลานกลับออกไปแต่ตัว” อาการเย้ยหยันนั้น ทำให้คุณหมอชีพตัดสินใจเดินไปที่ราวแขวนเนกไท ก่อนจะคว้ามันเอามารัดคอผู้เป็นภรรยา

รู้ตัวอีกที ภรรยาของคุณหมอชีพก็นอนอยู่บนพื้น คุณหมอชีพรู้ตัวอีกครั้ง ก็เห็นภรรยาของตัวเองกำลังตะเกียกตะกาย ใช้มือควานหาโทรศัพท์มือถือบนอ่างล้างหน้า เพื่อจะโทรเรียกตำรวจ โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นร่วงหลุดจากมือภรรยาของคุณหมอ ทันทีที่คุณหมอชีพคว้าเชิงเทียนฐานกลมนั้นมาหวดกระหน่ำลงไปบนศีรษะผู้เป็นภรรยา แบบนับไม่ถ้วน โดยมีเสียงเพลงจากโทรศัพท์เพลงหนึ่ง ดังคลอไปด้วย

สารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญหยุดยืนอยู่ที่ด้านนอกห้องขังของคุณหมอชีพ ที่กองบัญชาการ หลังจากบอกให้ทางหน่วย เปิดเพลงเพลงหนึ่งออกลำโพงให้คุณหมอชีพได้ฟัง เพลงเดียวกันกับที่ทางหน่วยสืบสวน บันทึกเอาไว้ว่าเล่นเป็นเพลงสุดท้าย บนมือถือของภรรยาคุณหมอชีพ และในที่สุด คุณหมอชีพก็ระเบิดเสียงกรีดร้อง บอกให้ปิดเพลงซะ ก่อนจะร้องโหยหวน ว่าเห็นภรรยาของตัวเอง มานั่งแสยะยิ้มมองเขาอยู่

“ยอมแล้ว ปิดเพลงเสียที ยอมแล้ว เอามันออกไป เอากูไปฆ่าไปแกงอะไรก็ได้ แต่เอามันออกไปที เออ กูฆ่าเมียกูเอง กูฆ่ามันเอง เอามันออกไป มันเป็นผีมาหลอกกู ช่วยด้วย ช่วยด้วย อย่า ไม่นะ อย่าเดินมาใกล้กู ช่วยกูด้วย มันมานั่งอยู่ข้างกู ช่วยกูด้วย ช่วยด้วย ไม่เอาแล้ว พอแล้ว”

เพลงเพลงนั้น มันเป็นเพลงที่คุณหมอชีพและภรรยาเปิดฟลอร์ เต้นด้วยกันในคืนวันแต่งงาน



**********************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกษ โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=soDmhy5RJmE


เพลงแผ่วเบาแว่วมา

As soft melody goes

น้ำตาท่วมใจ

Tears flow down my heart

เพลงที่เราได้เคยร่วมฟัง

The very same song we shared

จะผ่านมาเนิ่นนานเท่าไร

No matter how long it’s been

ไม่เคยเลือนราง

It never fades away

พอได้ยินก็ยังใจหาย

It aches my heart every time


อีกนานไหมใจจะชิน

How can I get used to?

เมื่อยามได้ยินเพลงนั้น

Listening to this song

บทเพลงที่เคยผูกพันสองเรา

The song that bonded both of us

แต่ใจไม่เคยจะชิน

I’m never used to it

เมื่อยามได้ยินเพลงเก่า

When this song comes on air

ยิ่งร้าวร้าวในใจ

It pains, hurting me so


ยามที่เพลงตอกย้ำ

The song cuts me deep

ทุกคำทำนอง

Every verse, all the words

ใจยิ่งตรมหม่นหมอง แทบพัง

My heart’s beaten, brutalized

ตั้งแต่วันที่เธอบอกลา

Since the day you went away

ไม่เคยกล้าฟัง

I don’t dare listen to it

พอได้ยินอีกครั้ง ใจหาย

Now it’s being played, killing me
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๓. ความเจ็บปวด _ 7.13.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 13-07-2023 14:21:36
๓. ความเจ็บปวด



“คุณพอจะเล่าให้ผมเข้าใจง่าย ๆ ได้หรือยัง” หลังจากที่สารวัตรรัฐนนท์ขับรถไปรับชนธัญถึงที่คอนโด ต่างพากันนั่งเงียบ ๆ มาได้พักใหญ่ สารวัตรหนุ่มที่ยังคงติดค้างความสงสัยนี้ ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ที่ได้เจอกับอีกฝ่าย “สารวัตรจะให้ผมพูดอะไร” ชนธัญถามออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ สายตามองตรงไปข้างหน้า ในกระแสการจราจรที่ค่อนข้างคับคั่งของเมืองหลวง

“อะไรก็ได้ ที่มันพอจะทำให้สิ่งที่เกิดขึ้น มันพอจะสมเหตุสมผล พอจะอธิบายได้ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์” สารวัตรรัฐนนท์เบรก ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่าย ชนธัญถอนหายใจออกมาเบา ๆ หันไปสบตาสารวัตรหนุ่ม “สารวัตรก็เห็นด้วยตาของตัวเองแล้วไม่ใช่หรือครับ” สารวัตรหนุ่มจ้องตากับคนที่นั่งคู่กับเขาในรถ

“เห็นด้วยตาตัวเอง สารวัตรน่าจะบอกตัวเองได้ ว่าสารวัตรจะเชื่อหรือไม่เชื่อ กับสิ่งที่เกิดขึ้น” ชนธัญเอง ก็ไม่รู้ว่า จะมีคำอธิบายใดอีกที่จะดีไปมากกว่านี้ สารวัตรรัฐนนท์ที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเช่นกัน กับเงาจาง ๆ ที่ประกอบเป็นรูปร่างของภรรยาหมอชีพ ที่มาปรากฏให้เห็นต่อหน้าต่อตา

“ที่เขาตั้งหน่วยงานสืบสวนใหม่นี้ขึ้นมา แล้วจับเอาสารวัตรที่ไม่เชื่อเรื่องราวอะไรแบบนี้มานำทีม มันอาจจะเป็นเหตุผล ที่ให้สารวัตรเป็นตัวแทนของวิทยาศาสตร์ก็ได้” สามสี่วันมานี่ สารวัตรหนุ่มเองก็พยายามจะหาคำตอบให้กับตัวเอง ว่าเรื่องจริงที่ตาเห็น หรือมันเป็นเพียงเรื่องลวงตา ที่มันบังเอิญเกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย

สารวัตรหนุ่มเลี้ยวรถเข้าไปด้านในของโรงพยาบาล ก่อนจะเห็นทีมสืบสวนโบกมือให้ขับเลยไปอีกนิด เพื่อจอดรถ สารวัตรหนุ่มมีคำถามเพิ่มเติม แต่ทีมสืบสวนส่งสัญญาณให้เดินเข้าไปที่อาคารสูงที่อยู่ด้านหน้าพวกเขา ชนธัญเดินผ่านทีมดังกล่าวเข้าไป หลายคนมองตามเขาตาไม่กะพริบ เพราะต่างก็รับรู้ถึงการสะสางคดีแรกของคุณหมอชีพที่เพิ่งจบไป

สารวัตรรัฐนนท์ส่งเสียงกระแอม เตือนให้ทีมเลิกจ้องไปที่ชนธัญ ทำราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นตัวประหลาด ทีมสืบสวนเอ่ยปากขอโทษ ชนธัญเอง ได้แต่บอกตัวเอง ว่าให้ทำตัวให้ชิน เพราะก่อนหน้านี้ ได้ถามหาคำตอบกับสารวัตรหนุ่มแล้ว ว่านี่จะเป็นคดีสุดท้ายที่เขาจะต้องเข้าร่วมใช่หรือไม่ แทนคำตอบ สารวัตรรัฐนนท์นิ่ง ไม่ตอบอะไรเขาทั้งสิ้น

“เคสนี้ ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง อายุสามสิบปี มีบาดแผลการถูกทำร้ายร่างกาย ร่องรอยการทำร้าย ส่วนใหญ่อยู่ที่ใบหน้า ตอนแรกเจ้าหน้าที่คิดว่าเสียชีวิตที่เกิดเหตุ แต่รอดได้อย่างปาฏิหาริย์ และตอนนี้ได้สติฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ยังดูสับสน ยังให้การได้ไม่ละเอียดนัก” เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ชนธัญที่ฟังรายละเอียดจากทีมสืบสวน ก็ถามขึ้นว่า

“ทางหมออนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้มั้ยครับ” สารวัตรรัฐนนท์หันไปมองทางชนธัญ “ที่เกิดเหตุยังพบผู้เสียชีวิต เป็นชายอายุน่าจะราว ๆ เดียวกันกับผู้บาดเจ็บ คาดว่าจะเป็นแฟนกัน ส่วนหมอก็ไม่ได้ห้ามให้เข้าเยี่ยม แต่อย่าให้นานนัก และทางผู้บาดเจ็บยังไม่ได้รับทราบเรื่องที่แฟนของเธอเสียชีวิต” ทีมสืบสวนให้ข้อมูลเพิ่มเติม

“ถ้าผมพอจะได้พูดคุยกับเธอ อาจจะได้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติม ในขณะที่ความทรงจำของเธอยังคงใหม่ ๆ อยู่” ชนธัญพูดขออนุญาตกับสารวัตรหนุ่ม “มีอะไรก็เรียกผมได้ทันที เดี๋ยวผมขอคุยกับทีมก่อน” สารวัตรรัฐนนท์ไม่ขัดข้องอะไร ชนธัญกล่าวขอบคุณสารวัตรหนุ่มเบา ๆ ก่อนจะเดินไปที่ห้องผู้ป่วย ตามที่ทีมบอกทางเอาไว้ เดินมาไม่ไกล เลี้ยวซ้ายหนึ่งครั้ง เลขห้องดังกล่าวก็แสดงตัวอยู่เบื้องหน้าของชนธัญ เขาเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ บิดลูกบิดแล้วผลักประตูเปิดเข้าไป

“เป็นอย่างไรบ้างครับ รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย” ชนธัญตกใจเล็กน้อย เมื่อมองเห็นรอยช้ำขนาดใหญ่ที่โหนกแก้มของหญิงสาว ที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย “นี่คุณเป็นใครอีก ฉันเล่าให้ตำรวจฟังไปหมดแล้ว จำได้แค่นั้น แค่ที่เล่าไป” หญิงสาวชิงพูดยาว ตั้งแต่เห็นชนธัญที่ไม่คุ้นหน้า เดินเข้าไปในห้อง

“ผมขอโทษที่ต้องรบกวนเพิ่มเติม” ชนธัญแสดงบัตรประจำตัวทีมสืบสวนพิเศษให้หญิงสาวได้เห็น หญิงสาวที่ใบหน้าบวมฉึ่ง มองมาที่เขา ด้วยสายตาหวาดระแวงเล็ก ๆ “ถ้าคุณจะเล่าให้ผมฟังอีกสักครั้ง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ชนธัญพยายามใช้น้ำเสียง และท่าทางที่เป็นมิตรกับหญิงสาวมากที่สุด

“ฉันอยู่ที่บ้านกับแฟน” หลังจากที่ดูลังเลอยู่สักครู่ หญิงสาวก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้ชนธัญฟัง “เราเพิ่งกลับถึงบ้าน กำลังขนของที่ซื้อมาเข้าบ้าน ยังไม่ทันรู้ตัว” ชนธัญมองเห็นความหวาดกลัวในท่าทีของหญิงสาว “ก็มีคนใส่ไอ้โม่งเข้ามาในบ้าน มันชกฉันเข้าที่หน้า แล้วหลังจากนั้น ฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีก” หญิงสาวเล่าเรื่องออกมา ด้วยท่าทีที่กำลังข่มความรู้สึกที่พรั่งพรูอยู่ในใจ

“คุณพอจะจำรูปพรรณสัณฐานคนร้ายได้บ้างมั้ยครับ” ชนธัญถามต่อ เดินไปหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านข้างเตียงคนไข้มากนัก มองเห็นร่องรอยการร้องไห้ของหญิงสาว กับใบหน้าที่ถูกทำร้ายจนบอบช้ำ “ไม่ได้ค่ะ ตอนมันเข้ามาในบ้าน ฉันยืนหันหลังให้มัน พอหันหน้ามาเจอมัน ก็โดนมันชกเปรี้ยงเข้าให้ แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไปเลย” หญิงสาวยืนยันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ

“จากรอยช้ำนั่น ผมสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะตัวใหญ่มาก แรงน่าจะเยอะมากด้วยเช่นกัน แรงมากพอที่จะน็อกคุณได้ด้วยหมัดเดียว เพราะนอกจากรอยช้ำใหญ่นั้นแล้ว ก็ไม่มีร่องรอยบาดแผลอื่น ๆ อีก” จากประเมินด้วยสายตา ชนธัญก็พอจะบอกได้ว่า รอยช้ำใหญ่ที่ใบหน้าของหญิงสาวนั้นสะดุดตามากที่สุด

“มันคงไม่อยากให้ฉันจำมันได้” หญิงสาวสรุปให้ ยิ้มแบบพยายามฝืนความเจ็บให้ชนธัญ เขาพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบ “มันคงอยากจะปล้นเอาเงิน แต่มันคงโง่ ฉันไม่ได้เป็นคนมีเงินทองอะไร ที่มาไปกว่านั้น มันก็เลวมากที่ทำร้ายฉันขนาดนี้” ชนธัญมองเห็นรอยแตกบุ๋มตรงโหนกแก้ม ที่ความบวมปิดมันเอาไว้จนเกือบมิด

“ยังดีที่มันไม่ข่มขืนฉันซ้ำ” หญิงสาวพูด พลางน้ำตาคลอหน่วย ท่าทางของเธอดูกังวลใจมาก เมื่อพูดถึงตรงนี้ “ฉันคงจะรู้สึกย่ำแย่มาก ๆ ถ้ามันทำแบบนั้นกับฉัน” น้ำเสียงของเธอฟังดูกล้ำกลืนและอ่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด “ฉันยังพอจะโชคดีกับเขาอยู่บ้างใช่มั้ยคะคุณ” ชนธัญยิ้มบาง ๆ อย่างให้กำลังใจหญิงสาว เมื่ออีกฝ่ายถามเขาออกมาตรง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

“มีเจ้าหน้าที่มาบอกฉัน ว่าฉันโชคดีที่ไม่ถูกข่มขืน” หญิงสาวเล่าให้ชนธัญฟัง ถึงขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่เข้ามาเก็บหลักฐาน ที่เป็นไปได้ทั้งหมด “ผมเสียใจที่คุณต้องมาเจอเรื่องราวร้าย ๆ แบบนี้” ชนธัญเอง ก็บอกตัวเองไม่ได้เลย จินตนาการไปไม่ถึงซึ่งความรู้สึกของเหยื่อที่ได้รับความทุกข์ทรมานใจนี้ได้เลย

“ถ้าคุณจำอะไรได้เพิ่มเติม หรืออยากจะให้ข้อมูลอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี คุณบอกกับผมได้ทันทีเลยนะครับ” ชนธัญยื่นคอนแทคให้กับหญิงสาว ที่ค่อย ๆ ยื่นมืออกมารับ ปลายนิ้วของทั้งสองคน แตะกันเพียงชั่วครู่ ชนธัญสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเห็นหญิงสาวรับเอาไปพลิกดู แต่ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ

ชนธัญเดินออกมาจากห้องนั้น สารวัตรรัฐนนท์เดินเข้ามาหา ก่อนจะถามหนุ่มหน้าใสตัวเล็กกว่าเขาว่า มีอะไรหรือเปล่า ชนธัญบุ้ยบ้ายให้สารวัตรเดินเลี่ยงออกไปคุยอีกทาง ให้ไกลจากหน้าห้องผู้ป่วย จนทั้งสองเดินมาจนไกลมากพอ ที่จะไม่มีใครได้ยินเรื่องที่ทั้งสองคนพูดกัน

“ตั้งแต่เริ่มต้นจนการสนทนาจบลง เธอไม่ถามถึงแฟนสักคำเดียว” ชนธัญบอกกับสารวัตรออกไป กับสิ่งที่เขาสังเกตเห็น “เธอเล่าเรื่องที่ว่า โดนทำร้ายตอนกลับมาถึงบ้านกับแฟน แต่ก็เท่านั้น ไม่มีอะไรอื่นอีกเลย ที่เธอพูดถึงแฟนตัวเอง ไม่ถามสักคำ ว่าแฟนเธอเป็นอะไรยังไงบ้าง แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มาหาเธอ” ชนธัญพูด สารวัตรรัฐนนท์ฟังพลางคิดตาม

“อาจจะไม่มีไอ้โม่งที่ไหน” สารวัตรหนุ่มพูด ชนธัญส่ายหน้าตาม “ซึ่งคุณคิดว่า บาดแผล รอยชกหน้านั้น ก็มาจาก” สารวัตรรัฐนนท์ถามกลับไป และชนธัญก็พยักหน้าตาม “ที่แฟนของเธอเสียชีวิต” สารวัตรรัฐนนท์กำลังลำดับความน่าเชื่อถือทางคดี “เซลฟ์ดีเฟ้นส์” ชนธัญพูดขึ้น “ป้องกันตัวเอง” ก่อนจะสบตากับสารวัตรรัฐนนท์ ยืนยันในสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่

********************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=JVMt82-XmoA



ยังมีอยู่จริงใช่ไหมคนรักที่ไม่หลอกกัน

Is there still anyone that won’ t fool me?

ยังมีอยู่จริงใช่ไหมความรักที่เป็นดั่งฝัน

Is there still around love that truly exists?

ฉันแค่กลัวว่าเธอนั้น

I’m afraid that you,

จะมองฉันเป็นทางผ่าน

You won’t take me seriously

อย่างใคร ใครที่เขาเคยเข้ามา

Like those who came and left me behind


โหยหาจนมันไม่คิดว่ารักแท้มีอยู่จริง

Feeling desire, but real love might not be mine

โหยหาจนมันไม่หวังจะพบใครดีสักคน

Feeling desire, but I might not be deserving anyone

ถ้าเป็นเธอในวันนี้

If it is you before me today

ช่วยทำให้ฉันรู้ที

Please give me a sign to realize

ว่าเธอมีความรักที่เที่ยงแท้

That you can become my ultimate love


ไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจ

If not feeling hurt like me, who’ll get it?

ว่ารักน่ากลัวเท่าไร

How scary love is

กี่คนที่เขามาดีมากมาย

Those who seemed so perfect for me

แต่สุดท้ายหลอกกันทุกที

All ended up so pathetic and hideous



มันหมดไปแล้วทุกความรู้สึก

The feelings I had ran out

ไม่อยากรักใครอีกวันนี้

Don’t want to love anyone anymore

เธอช่วยบอกกับฉันที

Please, I’m begging of you

ว่ารักแท้มีอยู่จริง

Tell me true love is still in you


ฝันร้ายอย่างเดิมซ้ำซ้ำ

Nightmares repeat themselves all the time

กับทุกคนที่ผ่านมา

With the past love interests of mine

ฝันร้ายอย่างเดิมซ้ำซ้ำ

Bad dreams do occur

สุดท้ายก็จมน้ำตา

Then I drown in my own tears

ถ้าเวลาจากวันนี้

If we start over again now

เธอทำให้ฉันหายดี

And you can really heal me

ก็คงตื่นจากฝันที่มันร้าย

You’ll wake me up from my night terrors


ไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจ

If not feeling hurt like me, who’ll get it?

ว่ารักน่ากลัวเท่าไร

How scary love is

กี่คนที่เขามาดีมากมาย

Those who seemed so perfect for me

แต่สุดท้ายหลอกกันทุกที

All ended up so pathetic and hideous


มันหมดไปแล้วทุกความรู้สึก

The feelings I had ran out

ไม่อยากรักใครอีกวันนี้

Don’t want to love anyone anymore

เธอช่วยบอกกับฉันที

Please, I’m begging of you

ว่ารักแท้มีอยู่จริง

Tell me true love is still in you


ว่ารักแท้มีอยู่จริง

Real love is also for me
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๔. ความคลุมเครือ _ 7.18.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 18-07-2023 11:30:17
๔. ความคลุมเครือ



“ยังไงตอนนี้ ผมคงต้องขอดูผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จากด็อคก่อน” สารวัตรรัฐนนท์พูด ขณะที่กำลังเดินนำชนธัญไปยัง 'ออฟฟิศ' ของแพทย์หญิงดรุณี ที่เรียกแทนห้องตรวจศพให้มันฟังดูน่าอภิรมย์ขึ้น ชนธัญไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ว่าจะยังคงค้างคาใจอยู่ หากว่าเคสนี้จะกลายเป็นว่า มันคือการป้องกันตัวเอง จนพลั้งเผลอให้เกิดการเสียชีวิตขึ้น

“สวัสดีครับด็อค ผลตรวจเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่สารวัตรหนุ่มผลักประตูเข้าไปในห้องชันสูตร ก็เอ่ยถามเจ้าของพื้นที่ในทันที แต่ด็อคเตอร์สาว ไม่ตอบคำถามนั้นในทันที เพราะสายตามองเลยไปถึง ชายหนุ่มหน้าใสตัวเล็กอีกคนที่เดินตามมาด้านหลัง “อ้าว วันนี้ไม่ได้มาคนเดียวหรือเนี่ย” สารวัตรหนุ่มเสทำเป็นไม่รับรู้ถึงน้ำเสียงทีเล่นทีจริงนั้นของแพทย์สาว

“หมอดรุณีนะคะ หรือเรียกว่าหมอดุก็ได้ค่ะ คนแถวนี้เขาเรียกกัน” ชนธัญยิ้ม ยกมือขึ้นไหว้ พลางค้อมหัวให้กับดรุณี ด็อคเตอร์สาวยิ้มก่อนจะยกมือรับไหว้ “ผลตรวจด็อค” สารวัตรรัฐนนท์ทำเสียงเข้ม ถามหาผลตรวจของคดีที่กำลังสืบอยู่ “ใจเย็นสิคะหมวด ผลตรวจมันไม่หนีไปไหนหรอก แต่คุณหน้าใสนี่สิ กว่าจะได้เห็นตัวจริง หน้าตาน่ารักจัง” ด็อคเตอร์ดุจงใจพูดถึงชนธัญต่อหน้าสารวัตรรัฐนนท์

“ไม่หรอกครับ” ชนธัญออกตัวว่าเขาไม่ได้หน้าตาดีอะไรขนาดนั้น ดรุณีมองชนธัญด้วยสาวตายิ้ม ๆ ก่อนจะไพล่เลยมองไปที่สารวัตรหนุ่ม ที่กำลังมองชนธัญอยู่เช่นกัน และทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าการลอบมองของเขา ถูกจับจ้องมาจากด็อคเตอร์ดรุณี เท่านั้น สารวัตรรัฐนนท์ก็ทำทีมองไปรอบ ๆ ห้องตรวจ และถามคำถามแพทย์สาวแทน

“หวังว่า ด็อคจะมีข่าวดีให้ผมเหมือนเดิม” ด็อคเตอร์ดรุณีจำเป็นต้องพักเรื่องสนุกตรงหน้าเอาไว้ก่อน “ผู้ตายเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน” ด็อคดุยื่นเอกสารผลตรวจให้สารวัตรหนุ่มดู สารวัตรรัฐนนท์ขมวดคิ้ว “แต่ผลตรวจร่างกายอย่างอื่นปกติดี เป็นไปได้ยังไง” สารวัตรหนุ่มเงยหน้าจากผลตรวจในมือ

“โดยที่ผู้ตายไม่มีประวัติการรักษา หรือรร่องรอยโรคหัวใจมาก่อน” ใบหน้าของด็อคเตอร์ดรุณีจริงจังมาก เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ “หมอเลยสั่งตรวจหาพิษวิทยาเพิ่ม” ได้ยินแบบนั้น สารวัตรหนุ่มก็รับรู้ได้ทันทีว่า เคสนี้มันมีอะไรมากไปกว่าที่ตาเปล่าเห็นจริง ๆ “อย่าบอกนะด็อค ว่ามันจะไปเหมือนกับคดีดังที่เพิ่งเกิดขึ้น” สารวัตรหนุ่มในหัวตอนนี้ ย้อนนึกภาพจากคดีที่คนร้ายใช้ไซยาไนด์ในการสังหาร แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ทำคดีนั้นก็ตาม

“ถ้าเป็นไซยาไนด์จริง คดีมันคงจะง่ายขึ้นเยอะน่ะสิ” สิ่งที่ด็อคดุพูดนั้น ทำให้สารวัตรรัฐนนท์ที่รับผลตรวจท็อคซิโคโลจี้ไปดู “ด็อค” สารวัตรหนุ่มถึงกับร้องออกมาเสียงดัง “ไม่พบสารพิษใด ๆ ในร่างกาย” ด็อคเตอร์ดรุณีส่ายหน้ายืนยันผลดังกล่าว ที่เธอขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจย้ำจากเส้นผมผู้ตายถึงสองรอบ

“ในสต็อมมัคคอนเท้นท์ สิ่งที่ผู้ตายกินและยังหลงเหลืออยู่ในกระเพาะอาหาร ก็ไม่พบสิ่งปกติ หรืออะไรก็ตามที่เป็นไปได้ ที่ทำให้เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดพลางนึกถึงคดีต่าง ๆ ที่เธอเคยผ่านประสบการณ์มา “อันนี้หมอขอเดานะคะ และหมอขอย้ำว่า หมอแค่คิดเล่น ๆ เท่านั้น” ด็อคเตอร์ดรุณีสบตากับทั้งสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญ

“ถ้าเคสนี้จะเกิดจากสารพิษจริง ก็อาจจะไม่ใช่จากการกินเข้าไป” มาถึงตรงนี้ ชนธัญรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมา เมื่อนึกถึงภาพเพียงแวบเดียวที่ผ่านเข้ามาให้เขาเห็น จากตอนที่นิ้วมือของเขาสัมผัสกับหญิงสาวที่โดนทำร้ายคนนั้น “ก็เป็นไปได้ว่า จะเกิดจากการฉีดสารพิษนั้นเข้าทางเส้นเลือด” ด็อคเตอร์ดุคิดถึงวิธีที่เป็นไปได้

“แต่หมอไม่ได้ใส่ไว้ในรายงานนะคะ นี่มันเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นของหมอคนเดียว หมอยังไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันหรือแบ็คอัพความคิดนี้ของหมอ แต่ตอนนี้ หมอมีสารอยู่สองสามตัวในหัว ที่คาดว่าพอจะเป็นไปได้ แต่ขอยังไม่พูดถึงแล้วกัน” แพทย์หญิงดรุณีเอง ก็ต้องคงความเป็นมืออาชีพของเธอเองเอาไว้เช่นกัน

“ที่น่าสนใจในตอนนี้” หมอดุยื่นเอกสารการตรวจอีกฉบับให้กับชนธัญ ที่พอก้มลงอ่านเอกสารในมือแล้ว ก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “ผู้เสียหายไม่ได้ถูกข่มขืนก็จริง แต่” สารวัตรรัฐนนท์รับเอาเอกสารจากชนธัญไปอ่านดู “มีการร่วมเพศแบบสมยอมเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น เพราะตรวจพบเนื้อเยื่อจากอวัยวะเพศชายภายในช่องคลอดของผู้เสียหาย จากการร่วมเพศโดยไม่สวมถุงยางอนามัยป้องกัน” ด็อคเตอร์สาวอธิบายรายงานที่ตรวจพบ

“ผู้ตายมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายก่อนตาย” สารวัตรหนุ่มพูดขึ้นเชิงคำถาม “เทียบกับเนื้อเยื่อของผู้ตายแล้ว ผลออกมาคืออันโนน โดเนอร์ เป็นผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่ผู้ตาย” มาถึงตอนนี้คดมันดูจะซับซ้อนมากขึ้นจริง ๆ “ผู้เสียหายที่แท้จริง อาจจะไม่ใช่คนที่เราคิดสินะ” สารวัตรหนุ่มเหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะขอความเห็น

“แผลถูกชกที่ใบหน้าของเหยื่อ มันดูรุนแรงกว่าแค่กำปั้นหรือหมัดธรรมดาเท่านั้น แถมบริเวณมือของผู้ตาย ก็ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใด” ด็อคเตอร์ดุเองก็คิดว่า รอยชกที่ใบหน้าของผู้เสียหายนั้น ไม่น่าที่จะเกิดจากผู้ตายเป็นคนกระทำ “ยกเว้นจะมีการสวมอะไรที่มือ เช่นสนับหรือว่า” ด็อคเตอร์ดรุณียังไม่ทันจะจบประโยคของตัวเอง

“แหวน” ชนธัญเอ่ยขึ้น ต่อท้ายประโยคของด็อคเตอร์สาว “เป็นไปได้ ถ้ารอยบวมที่ใบหน้าของเหยื่อลดลง เราคงเห็นว่า รอยแตกตรงกลางนั้น เป็นรูปร่างของอะไรกันแน่” ด็อคเตอร์ดรุณีหมายถึงรอยบุ๋มที่ใบหน้าของผู้เสียหาย ที่ยังมองไม่ออก เพราะเนื้อเยื่อรอบ ๆ รอยแผลบนใบหน้านั้นบวมขึ้นมาก จนปกปิดร่องรอยนั้น

“ผมคิดว่า เราคงต้องกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง” สารวัตรรัฐนนท์พูดขึ้น ชนธัญเห็นด้วย เพราะเขาเองก็รู้สึกว่า หลาย ๆ อย่างมันดูแล้ว ไม่ตรงกับคำให้การของผู้เสียหายเลย สารวัตรรัฐนนท์กล่าวขอบคุณด็อคเตอร์ดรุณี ก่อนที่เขาและชนธัญจะขอตัว ทั้งคู่เดินมาจนถึงที่รถ ชนธัญพูดขึ้น เมื่อไปหยุดยืนอยู่ที่ประตูรถ

“ตอนที่ผมเข้าไปคุยกับผู้เสียหาย มีจังหวะหนึ่งที่นิ้วผมสัมผัสกับมือของเขา” ชนธัญนึกถึงภาพที่เขาเห็นในวันนั้น แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ตาม “คุณเห็นอะไร” สารวัตรรัฐนนท์ถามขึ้น เมื่อทั้งสองคนเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว “ผมรู้สึกถึงคนอื่นอยู่ที่นั่นด้วย ในวันเกิดเหตุ” ชนธัญบอกกับสารวัตรรัฐนนท์

“แต่ผมเห็นไม่ชัดว่าใคร มันเป็นเพียงแค่ภาพที่ผ่านเข้ามาให้เห็นไวมาก” ชนธัญสบตากับสารวัตรรัฐนนท์ “ถ้าคราวนี้สารวัตรจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูด” มาถึงขั้นนี้แล้ว กับสิ่งเหลือเชื่อที่สารวัตรหนุ่มเอง ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้พบเจอ “เดี๋ยวเรากลับไปคุยกับผู้หญิงคนนั้นอีกรอบ เกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวค่อยว่ากัน” สารวัตรรัฐนนท์ติดเครื่องยนต์ ก่อนจะค่อย ๆ ออกรถเข้าสู่กระแสการจราจร โดยที่ทั้งสารวัตรหนุ่มเองและชนธัญ ต่างก็ใจเต้นแรงด้วยอดรินาลีน เพราะยังไม่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนี้

*******************************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=M0tGAzYHsL4


หากบางคน ที่เคยรักกัน

When someone you love

เขานั้นทำขรึมทำนิ่งเฉย

Now they have only few words to say

เจอะเจอกัน ก็ไม่เป็นเหมือนเคย

When you see them, they’re not the same

คล้ายคล้ายไม่คุ้นกันอย่างนั้น

Somehow feeling like we’re all strangers


เขาแปลกแปลก เขาเลื่อนลอย

They’re different, their mind’s somewhere else

ไม่ค่อยยอม รับรู้เรื่องใดใด

Don’t wanna talk, not wanna share

เขาซึมเซา เหมือนทุกข์ใจ

All empty, like they’ re feeling down

ส่ออาการ ไม่เหมือนที่แล้วมา

Nothing’s the same as before


ลางร้าย บอกให้รู้ให้เตรียมใจ

A bad sign is telling to be prepared

อะไรร้ายร้าย ให้ระวังให้ดี

Something bad is about to happen

ลางร้าย บอกให้รู้ให้คอยจับตาให้ดี

A bad luck is for you to watch it over

คนที่เคยรัก เขาจะเป็นอื่น

The one you love is not the same anymore


หากบางคน ที่เคยรักกัน

When someone you love

เขานั้นดูคล้ายคนเงียบเหงา

They’re showing like they’ re lonely

ไม่ร่าเริง ไม่พูดคุยเหมือนเก่า

Seem unhappy, they used to b talkative

ไม่รู้ใจเขาไปอยู่ไหน

Now they’re not with you at all times


เขาแปลกแปลก เขาเลื่อนลอย

They’re different, their mind’s somewhere else

ไม่ค่อยยอม รับรู้เรื่องใดใด

Don’t wanna talk, not wanna share

เขาซึมเซา เหมือนทุกข์ใจ

All empty, like they’re feeling down

ส่ออาการ ไม่เหมือนที่แล้วมา

Nothing’s the same as before


ลางร้าย บอกให้รู้ให้เตรียมใจ

A bad sign is telling to be prepared

อะไรร้ายร้าย ให้ระวังให้ดี

Something bad is about to happen

ลางร้าย บอกให้รู้ให้คอยจับตาให้ดี

A bad luck is for you to watch it over

คนที่เคยรัก เขาจะเป็นอื่น

The one you love is not the same anymore


ฉันเคยเจอกับตัวเอง เจ็บจนจำขึ้นใจ

This is what happened to me, it hurts like hell

ไม่หวัง ให้ใครเป็นอย่างฉัน

Hope no one comes to this end like I did

เพราะไม่เคยได้ระวัง ไม่ใส่ใจช่างมัน

‘Cause I didn’t care, I was not aware of this

จึงเสียใจ จวบจนวันนี้

Now I am so deep in my own sorrow
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๕. หนัก _ 7.19.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 19-07-2023 13:13:41
๕. หนัก



“ริน ริน” เสียงเรียกย้ำหลายครั้งจากเพื่อนที่นัดรวมตัวกัน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง “แกได้ยินที่ฉันถามมั้ยเนี่ย” ดึงให้หญิงสาวกลับมาสู่บทสนทนาที่ทั้งกลุ่มเพื่อนกำลังสนุกสนานเฮฮากันอยู่ “แหม ริน นี่นั่งใจลอยไปถึงไหนกันจ๊ะ” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนนั้น พูดแซวริน เสียงเพื่อนทุกคนหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

“แกพูดไม่ถูกแล้วนะ แบบนี้ แกต้องพูดว่า รินน่ะ นั่งใจลอยไปถึงใครต่างหาก” เสียงเฮดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเพื่อนทุกคนเห็นพ้องกับประโยคดังกล่าวนี้ “พวกแกก็ต้องเข้าใจรินมันนะ คนเราได้สามีดี ได้สามีเด่น เรียกได้ว่า เป็นสามีแห่งชาติเชียวแหละ เพื่อนได้ผู้ชายแบบนี้มาเป็นคู่ชีวิต รินมันโชคดีที่สุดในกลุ่มแล้วแหละ” รินได้ฟังเพื่อนพูดแบบนั้น หญิงสาวยิ้มรับออกไปเท่านั้น

“แต่หลัง ๆ มา แกไม่ค่อยพูดถึงสามีผู้แสนดีเท่าไหร่เลย ทำไม กลัวเพื่อนแย่งหรือไง” เพื่อนอีกคนที่ถือได้ว่า เป็นคู่แข่งด้านความสวยกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน เอ่ยแซว เพื่อนที่เหลือต่างลอบมองตากัน เพราะนอกจากน้ำเสียงที่ฟังดูชัดเจนถึงความริษยาแล้ว ยังฟังดูจิกกัด เพราะรินนั้น ได้แต่งงานก่อนใครในกลุ่ม

“แต่พวกแกก็รู้ดีนี่ ในกลุ่มพวกเราทั้งหมด ก็มีแต่ฉันคนเดียวนี่แหละ ที่อยากให้รินมันก้าวหน้าในทุก ๆ เรื่อง มากกว่าใคร” เพื่อนทุกคนในกลุ่ม ได้ฟังแล้ว ก็เสยกแก้วน้ำขึ้นจิบ แสร้งทำเออออกับเพื่อนคนที่พูดไปด้วย “แกไม่ต้องเป็นห่วงรินมันหรอก” ใครอีกคนในกลุ่ม พูดแทรกขึ้น รู้สึกเห็นใจรินทุกครั้ง ที่ต้องมาทนนั่งฟังอะไรแบบนี้

“บ้านรินมันก็รวยจะตาย แถมยังได้แฟนที่รวยไม่แพ้กัน ทั้งยังเอาใจใส่รินทุกอย่าง ตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ชีวิตรินมันสุขสบายกว่าพวกเราเยอะ เนอะรินเนอะ” รินไม่ได้ตอบอะไรออกไป แค่ยิ้ม แล้วขยับแว่นตากรอบหนาเตอะที่สวมอยู่ ที่แม้ว่าแว่นตาจะดูเชยมากขนาดไหน แต่ใบหน้าที่สะสวยของริน ก็ทำให้หญิงสาวดูน่ามองอยู่ดี

“แน่ะ พูดยังไม่ทันจะขาดคำ ดูสิ สามีโทรตามแล้วแน่เลย” รินก้มมองที่หน้าจอมือถือของตัวเอง สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เมื่อเห็นชื่อของคนที่กำลังโทรหาเธอ “อ้าว ทำไมไม่รับสายล่ะริน” เพื่อนคนที่อิจฉารินมาตลอด ถามขึ้น ด้วยอาการปกปิดความหมั่นไส้ไม่มิด เมื่อรู้ว่าใครเป็นคนโทรหาริน

“ไม่เป็นไร ฉันอยู่กับพวกแกไง เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว ค่อยโทรกลับก็ได้” รินที่คว่ำหน้าจอดโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงกับโต๊ะ บอกกับเพื่อน คนอื่น ๆ ในกลุ่มก็พูดเห็นด้วย ว่าตอนนี้เป็นเวลาของเพื่อนสาว ไว้รินค่อยโทรหาผู้ชายทีหลังก็ยังได้ ถึงยังไง สามีของรินก็ต้องเข้าอกเข้าใจภรรยาเป็นอย่างดีแน่นอน นาน ๆ รินจะตกปากรับคำ ออกมาเจอกลุ่มเพื่อนรักที จากเหตุผลที่ว่า สามีของรินทั้งหวงทั้งห่วงภรรยาของเขาออกขนาดนั้น

เวลาล่วงมาอีกพอสมควร กว่าที่ทั้งกลุ่มจะร่ำลาและแยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อนหลายคนอาสาจะขับรถไปส่งรินที่บ้าน แต่รินดูจะละล่ำละลักรีบปฏิเสธ จนมีคนหนึ่งถามว่า รินมีอะไรหรือเปล่าด้วยความเป็นห่วง รินนิ่งไปสักพักเพราะเธอไม่แน่ใจว่า นานแค่ไหนแล้ว ที่ได้ยินใครสักคนถามเธอด้วยคำถามนี้ แต่รินก็ยิ้ม พลางส่ายหน้า บอกเพื่อน ๆ ไปว่าไม่มีอะไร

รถแท็กซี่ที่รินนั่งมา จอดเทียบที่หน้าประตูรั้ว หญิงสาวมองเลยเข้าไปในตัวบ้าน เธอมองเห็นไฟในบ้านถูกเปิด รินใจเต้นโครมคราม เพราะเธอคาดหวังขณะที่นั่งมาในแท็กซี่ ว่าไฟในตัวบ้านจะยังคงปิดมืดอยู่ เมื่อเธอกลับมาถึง คนขับรถแท็กซี่กระทุ้งถามว่ารินจะเอายังไง เมื่อหญิงสาวจ่ายค่าโดยสารแล้ว แต่ดูทำท่าลังเล ไม่ยอมลงจากรถสักที

รินตัดสินใจเปิดประตูก้าวลงจากรถ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก เปิดประตูรั้วบ้านแล้วเดินเข้าไปด้านใน ระยะทางจากด้านหน้ารั้วไปจนถึงตัวบ้านนั้น ไม่ได้ไกลเลย แต่รินรู้สึกเหมือนกับว่า อยากให้ทางเดินที่ทอดไปด้านหน้าเธอนั้น ยาวและไกลกว่านี้ กับสิ่งที่เธอกำลังจะต้องเจอ

“คุณกลับบ้านเร็วจังค่ะวันนี้” รินเอ่ยทักชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้เธออยู่กลางบ้าน “เดี๋ยวรินจะรีบ” รินกำลังจะพูดประโยคถัดไป “ออกไปข้างนอกมาสนุกมั้ยครับ” แต่ชาติหันหลังกลับมามองเธอ และเอ่ยแทรกประโยคของเธอขึ้นมาเสียก่อน “คือรินออกไปเจอเพื่อน ๆ มา คือมันโทรนัดรินกะทันหัน รินก็เลย” ชาติยิ้มกว้างให้ริน ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นแนบกับริมฝีปากของตัวเอง ส่งเสียงจุ๊ ๆ ให้ริน

“มานี่สิครับ รินเดินมาหาผมตรงนี้หน่อย” รินกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก เธอพยายามจะก้าวเท้าเพื่อเดินไปหาชายหนุ่ม ขาของเธอสั่น “ชาติถามว่า รินออกไปข้างนอกมา สนุกมั้ยครับ” สามีถามผู้เป็นภรรยาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล พลางใช้สองมือแตะเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างของอีกฝ่าย เพื่อให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าเขา หันไปมองกระจกบานยาว ที่วางพิงอยู่ที่ผนังห้อง

“สนุกสินะครับ ใช่มั้ย ฮึ” ชาติถามรินออกไป ก่อนที่หญิงสาวจะรู้สึกถึงแรงดัน เพื่อให้เธอเดินเข้าไปหากระจกบานนั้น “ผมไม่น่าถามเลย รินสนุกจนลืมเวลา ลืมทุกสิ่งแบบนี้” ชาติดันตัวรินให้มาหยุดยืนอยู่ที่หน้ากระจก ก่อนที่รินจะได้ยินเสียงสวิตช์ไฟถูกกดเปิด ไฟสว่างขึ้น รินมองเห็นชาติยิ้มให้เธอในกระจก

“รินใส่แว่นหนาเตอะอีกแล้ว” ชาติพูดพลางถอดแว่นของรินออก “แว่นอัปลักษณ์แบบนี้ ปิดบังความสวยของรินหมดเลยนะ” รินมองตามมือของชาติ ที่เอื้อมมาปัดเส้นผมของเธอ ให้ไปทัดที่หลังหู รินตัวสั่นเทิ้ม เมื่อชาติไล่ปลายนิ้วแตะไปที่รอยแผลเป็นขนาดใหญ่ ที่พาดอยู่ตามแนวไรผมของเธอ ที่รินใช้เส้นผมปิดบังมันเอาไว้ เพื่อไม่ให้เพื่อน ๆ เห็น

“รินนี่ ขี้ลืมจังนะครับ” ชาติจ้องตากับรินผ่านกระจก “สงสัยว่า ชาติจะต้องเตือนความจำรินสักหน่อยแล้ว” ชาติพูดพลางกลั้วหัวเราะ ก่อนจะทัดผมอีกข้างที่เหลือของริน ที่แนวไรผมด้านนี้ ยังคงว่างเปล่า ไม่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่อย่างที่อีกข้างหนึ่งมี “รินสัญญา ว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก รินไม่นึกว่า เพื่อนมันจะอยู่คุยกันนานขนาดนี้” แรงบีบอย่างแรงที่ต้นแขนทำให้รินทำหน้าเหยเก ก่อนจะรีบหยุดพูด

“ทำไมรินถึงบังคับให้ผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ ที่ผมไม่อยากทำอยู่เรื่อยเลย” ชาติเอียงคอ ยิ้มน้อย ๆ มองสบตารินผ่านกระจก “รินขอโทษค่ะ” น้ำเสียงของหญิงสาวเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างหวาดกลัว “ชาติยกโทษให้รินนะคะ” รินรีบพูดออกไป เมื่อจดจำได้ดีถึงเหตุการณ์ ที่เธอได้ลิ้มรสชาติของแผลใหญ่ฉกรรจ์แผลนั้น

“รินก็รู้ว่าชาติรักริน และทั้งหวงทั้งห่วงรินมากแค่ไหน” รินพยักหน้าเร็ว ๆ “ค่ะ รินรู้ ว่าชาติรักริน” รีบพูดสนับสนุนคำพูดของอีกฝ่าย “รินขอโทษอีกครั้งนะคะ” รินพูดออกมา รู้สึกได้เลย ว่าตัวเองหายใจขัด ๆ เมื่อความรู้สึกเสียดในใจ มันทำให้เธอแน่นและอึดอัดไปหมด

“รินครับ หันหน้ามามองผมเร็ว” ชาติทำเสียงคะยั้นคะยอให้หญิงสาวทำตาม รินหันมาทางชายหนุ่ม ตัวเธอยังไม่หายสั่นเทิ้ม ชาติเอื้อมมือไปหยิบเอากระเป๋าสะพายจากมือของริน ก่อนจะทิ้งลงไปบนพื้น เมื่อในมือของเขาถือกระเป๋าสตางค์ของหญิงสาวเอาไว้ รินมองตามมือของชาติ ที่หยิบเอาเงินสดก้อนที่เธอเพิ่งไปกดเอทีเอ็มมา เพื่อจะเอาไปชำระบิลต่าง ๆ ที่ยังค้างจ่ายอยู่

“มันไม่พอนะครับริน รู้ใช่มั้ย ว่าต้องทำยังไง” ชาติพูดกับริน ขณะที่เขายัดเงินใส่กระเป๋ากางเกง “รินเพิ่งเอ่ยปากกับคุณพ่อคุณแม่ไป รินก็เพิ่งไปกดเงินมาวันนี้ มันมีบิลที่” รินพูดได้เพียงเท่านั้น “หรือรินกำลังจะบอกผมว่า รินทำไม่ได้หรือครับ” ชาติยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับริน จ้องตา ยิ้มน้อย ๆ ให้กับอีกฝ่าย

“ใช่มั้ยครับ” ชาติถามย้ำ รินหลบตา ก่นจะส่ายหน้าแทนคำตอบ “ชาติรักรินที่สุดเลย” หญิงสาวตัวแข็งทื่อ เมื่อถูกชายหนุ่มดึงตัวเธอเข้าไปกอด “สามแสนนะครับริน ก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ มือผมกำลังขึ้นเลย” ชาติทิ้งคำพูดกับรินเอาไว้อย่างนั้น รินรอจนได้ยินเสียงชาติขับรถออกไป ก่อนที่เธอจะทรุดตัวลงนั่งพังพาบกับพื้น แล้วร้องไห้ออกมาอย่างคนที่สิ้นหวังในชีวิต

******************************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=Vaoc7_fKm98


เหนื่อยล้ามาเท่าไรหัวใจต้องสู้มา

I’m totally weary, my heart says to keep on walking

ร้อยพันปัญหาต้องสะสางไป

A big mess I must deal with

ได้แต่หวังไว้ว่าเธอ

I wish you’ll be the one

จะช่วยผ่อนช่วยคลาย

To help me ease the pain

แล้วเธอกลับกลายกลับทำปัญหา

But you’ve become my greatest enemy


หนักเกินไปแล้ว เกินจะแบก

Too much to handle, you’re my cross to bear

แบกมันไว้จนเต็มบ่า

A burden I am carrying around

รับเธอเข้ามา

Since I took you in

เธอกลับเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่มันหนัก

You’re now a light straw too heavy

ใจฉันทานไม่อยู่

My heart can’t take it no more

ไม่อยากเห็น (ไม่อยากเห็น)

Don’t want to see

ไม่อยากรู้ (ไม่อยากรู้)

Don’t want to even know

หมดแรงจะทำเรื่องใด

You’ve already worn me out

หมดแล้วกำลังใจ

Nothing’s left for my heart to go on


แค่นี้ก็จะตาย รอบกายต้องสู้หนัก

Everything around me is now killing me so

แล้วพอจะรักยิ่งหนักหัวใจ

Now this love keeps stabbing through my heart

ต่อไปนี้คงจะพอ ไม่อยากรักใคร

From now on, I’m done with loving anyone

หนีไปให้ไกลจากตัวปัญหา

Need to run away from the troublemaker


หนักเกินไปแล้ว เกินจะแบก

Too much to handle, you’re my cross to bear

แบกมันไว้จนเต็มบ่า

A burden I am carrying around

รับเธอเข้ามา

Since I took you in

เธอกลับเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่มันหนัก

You’ re now a light straw too heavy

ใจฉันทานไม่อยู่

My heart can’t take it no more

ไม่อยากเห็น (ไม่อยากเห็น)

Don’t want to see

ไม่อยากรู้ (ไม่อยากรู้)

Don’t want to even know

หมดแรงจะทำเรื่องใด

You’ve already worn me out

หมดแล้วกำลังใจ

Nothing’s left for me to go on

ฉันคงไม่รักใคร

I’m done with loving, seriously


ได้แต่หวังไว้ว่าเธอ

I wish you’ll be the one

จะช่วยผ่อนช่วยคลาย

To help me ease the pain

แล้วเธอกลับกลายกลับทำปัญหา

But you’ve become my greatest enemy


หนักเกินไปแล้ว เกินจะแบก

Ridiculously, you’re too much for me to care

แบกมันไว้จนเต็มบ่า

A burden I am carrying around

รับเธอเข้ามา

Since I took you in

เธอกลับเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่มันหนัก

You’re now a light straw too heavy

ใจฉันทานไม่อยู่

My heart can’t take it anymore

ไม่อยากเห็น (ไม่อยากเห็น)

Don’t want to see

ไม่อยากรู้ (ไม่อยากรู้)

Don’t want to even know

หมดแรงจะทำเรื่องใด

You’ve already worn me out

หมดแล้วกำลังใจ

Nothing’s left for me to go on

ฉันคงไม่รักใคร

I’m done with loving you
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๖. หาย _ 7.20.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 20-07-2023 16:20:35
๖. หาย


“เฝ้ากันยังไง ถึงปล่อยให้หนีไปได้ โดยไม่มีใครสังเกตเห็นสักคน” สารวัตรรัฐนนท์หัวเสียไม่น้อย ที่เมื่อเขากับชนธัญมาถึงที่โรงพยาบาล ก็พบว่าริน หญิงสาวที่พัวพันกับเคสล่าสุดนี้ ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ชนธัญเดินข้าไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียง ก็ชี้ให้สารวัตรหนุ่มดู ว่ามีถาดอาหารวางอยู่ แต่ไม่ได้มีการแตะต้องอาหารแต่อย่างใด

“คุณคิดว่าไง” สารวัตรรัฐนนท์ถามชนธัญ ที่ตอนนี้เขากำลังคิดว่า “คุณรินไม่น่าจะทำทุกอย่างนี้ด้วยตัวเองทั้งหมด ถ้ากล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้เลยแบบนี้” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับชนธัญ เมื่อได้ยินประโยคนั้น พลันโทรศัพท์มือถือของสารวัตรหนุ่มก็ดังขึ้น “ครับด็อค” สารวัตรหนุ่มกรอกเสียงไปตามสาย และกดเปิดสปีกเกอร์โฟน ให้ชนธัญได้ยินบทสนทนาด้วย เมื่อเป็นด็อคเตอร์ดรุณีโทรเข้ามา

“หมวดคะ หมอคิดว่า ถ้าหากผู้ตาย คือหมอหมายถึงคุณชาติ ถ้าจะเป็นแบบที่คาดการณ์เอาไว้จริง ยาที่ใช้หมอคิดว่า น่าจะเป็นยาในกลุ่มที่ทำให้กล้ามเนื้อหยุดทำงาน ประเภทที่ทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ” สารวัตรหนุ่มทำท่าคิดตาม “หมอดุครับ ผมเองก็คิดว่า นจะมีใครอีกคนที่มีส่วนในเรื่องนี้ด้วย” ชนธัญพูดความเห็นของเขาออกไป

“เป็นไปได้สูงค่ะ ตามรายงานประวัติของคุณริน ไม่พบว่าเธอมีความเกี่ยวพันด้านใด ๆ กับความรู้ด้านการแพทย์” แพทย์หญิงดรุณีทวนประวัติของผู้เสียหายอีกครั้ง “ถ้าจะเป็นคนใกล้ชิดของคุณรินล่ะครับ ครอบครัว เพื่อน” ชนธัญคิดตามถึงความเป้นไปได้ “หมวดว่าไง” ด็อคเตอร์ดรุณีถามสารวัตรรัฐนนท์

“คุณชาติ สามีของคุณริน ตามประวัติแล้ว ลอยชายไปมา ไม่ได้ทำงานอะไรเป็นหลักแหล่ง คบหากับคุณรินตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน” สารวัตรกำลังทบทวนถึงสิ่งที่เขาได้รับรายงานมา “แฟนเก่า” ชนธัญพูดขึ้น สารวัตรรัฐนนท์ทำท่าเห็นด้วย ทันทีที่ชนธัญพูดขึ้น ทางด็อคเตอร์ดรุณีเองก็พูดว่า ทั้งสองคนควรจะสืบต่อในเรื่องนี้

“ยาที่หมอกำลังคิดว่าเป็นไปได้มาก ๆ ในคดีนี้ น่าจะเป็นยาที่เกิดการสลายตัวในร่างกายคน แทบจะในทันทีที่ร่างกายได้รับเข้าไป ซึ่งมันจะตรวจหาร่องรอยได้ยากมาก ๆ แต่ก็ยังพอเป็นไปได้อยู่ เพียงแต่ว่ามันอาจจะนานเป็นสัปดาห์ กว่าจะทราบผล ยังไงหมอจะลองร้องขอให้ตรวจพิษวิทยาเพิ่มเติมจากร่างของคุณชาติอีกครั้ง” สารวัตรรัฐนนท์วางสายจากแพทย์หญิงดรุณี ก่อนจะหันมาขอความเห็นจากชนธัญ

“ตอนเรียนคุณมีแฟนกี่คน” สารวัตรรัฐนนท์ถามออกไป ทำน่าขึงขังจริงจัง รอคำตอบจากอีกฝ่าย “มันเกี่ยวอะไรกันไม่ทราบ” คนถูกถามเผลอตัวถามออกไป ด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ หันมองมาเป็นตาเดียวกัน “ผมก็อยากรู้ไง ว่าคนที่เขาฮ็อต ๆ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยน่ะ เขามีแฟนกันมาแล้วกี่คน เพื่อคดีน่ะ” สารวัตรรัฐนนท์เห็นอีกฝ่ายอึกอัก ๆ แบบคนไม่รู้ว่าจะตอบออกมายังไง

“คุณไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยหรือ” สารวัตรรัฐนนท์ทำกระซิบกระซาบถาม ชนธัญเม้มปากจนเกือบจะเป็นเส้นตรง รู้ตัว ว่ากำลังโดนสารวัตรหนุ่มแกล้ง แต่แล้วก็เหมือนกับมีระฆังมาช่วยชีวิตคนตัวเล็กกว่าอย่างชนธัญเอาไว้ เมื่อที่เคาน์เตอร์พยาบาลมีเสียงเอะอะดังขึ้นเสียก่อน

“ฉันมาขอเยี่ยมเพื่อนฉัน ทำไมถึงให้เข้าเยี่ยมไม่ได้คะ” เสียงหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับคุณริน เอ่ยถามเจ้าหน้าที่สืบสวน ที่เข้ามารับหน้าเสื่อแทนเหล่าพยาบาล ที่ถูกกันให้หลบฉากเดินไปด้านหลัง “คือ คุณรินยังคงต้องพักรักษาตัวให้ดีขึ้นกว่านี้ก่อนนะครับ” หนึ่งในทีมสืบสวนตอบเลี่ยงไป ไม่สามารถพูดตรง ๆ ได้ว่า ตอนนี้รินนั้นหายตัวไป

“พอจะแจ้งชื่อ ให้ทราบได้มั้ยครับ ชื่อคุณน่ะครับ พอดีผมเป็นหัวหน้าทีมที่ทำคดีนี้อยู่” สารวัตรรัฐนนท์เข้ามาพูดแทรกสถานการณ์ดังกล่าว ก่อนจะส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ในทีมแยกตัวออกไป “ตำรวจไทยเดี๋ยวนี้คัดรูปร่างหน้าตาด้วยหรือคะ แหม เห็นแล้วอยากจะทำผิดเสียจริง ๆ เชียว” คำพูด น้ำเสียง และท่าทีชม้ายชายตานั้น ส่งตรงมาหาสารวัตรหนุ่มหล่อจนครบ

“อย่าถึงอย่างนั้นเลยครับ เพราะถ้าคุณทำผิดจริง ผมไม่ยกเว้นให้แน่นอน” สารวัตรรัฐนนท์ทำพูดกลั้วหัวเราะ “ตกลง คุณบอกผมได้หรือยังครับ ว่าคุณชื่ออะไร” สารวัตรหนุ่มย้ำคำถามที่หญิงสาวยังไม่ได้ตอบ “ฉันกับริน เราสนิทกันมากสนิทกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย” หญิงสาวที่เพิ่งโวยวายขอเข้าเยี่ยมเพื่อนพูดขึ้น

“สารวัตร” ชนธัญร้องเตือนสารวัตรเบา ๆ เมื่อได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนของคุณรินสมัยเรียนหนังสือ “แต่ก็แปลก คนอื่นเขาดันเอาไปซุบซิบกันว่า ฉันกับรินเป็นคู่แข่งกัน แข่งกันเรื่องเรียน แข่งกันเรื่องกิจกรรม แข่งกันเรื่องผู้ชาย” สารวัตรหนุ่มลอบมองอากัปกิริยาของหญิงสาว

“ถ้าขนาดแข่งกันทุกเรื่องแบบนี้แล้วนี่ คุณสามารถที่จะ” สารวัตรรัฐนนท์ทิ้งท้ายประโยคของตัวเองเอาไว้แบบนั้น “ฉันสามารถจะอะไรคะ” หญิงสาวเพื่อนของรินพูดขึ้น พลางทำหน้างง ก่อนจะตามทันในสิ่งที่สารวัตรรัฐนนท์หมายความไว้ “ทำร้ายรินเพื่อแย่งชาติมาน่ะหรือคะ” หญิงสาวหัวเราะให้กับความคิดนั้น

“ถ้าฉันต้องการ อยากได้ชาติมาเป็นผัวจริง ฉันจะฆ่าเขาทำไมล่ะคะ” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก อย่างเห็นว่า นี่มันน่าขบขันเสียเต็มประดา “แล้วอีกอย่างนะคะ ผู้ชายอย่างนี้” หญิงสาวหยุดนิดหนึ่ง เหมือนจะชั่งใจว่า เธอควรจะพูดดีสิ่งที่คิดอยู่ในใจดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายเธอก็พูดออกไป

“ผู้ชายชาติหมาอย่างนี้ ฉันไม่เสียเวลาด้วยหรอกค่ะ” หญิงสาวเพื่อนของริน บอกกับสารวัตรรัฐนนท์ออกไปตรง ๆ “วันที่ฉันจอรินครั้งสุดท้าย รินคงไม่คิดว่าจะมีใครรู้ถึงความระยำของผู้ชายคนนี้ คงไม่คิดว่าฉันจะรู้ว่ารินต้องเจอะเจอกับอะไรบ้าง ตั้งแต่แต่งงานกับผู้ชายคนนี้” ที่ปลายน้ำเสียง บ่งบอกว่าหญิงสาวเอง ก็เวทนาเพื่อนของเธออยู่ไม่น้อย

“ถ้าไม่เชื่อ คุณตำรวจรูปหล่อ จะเอาฉันไปตรวจร่างกายให้ละเอียดทุกซอกทุกมุมก็ได้นะคะ” สารวัตรรัฐนนท์ได้ยินแบบนั้น ก็หันไปมองชนธัญทันที หญิงสาวมองเห็น ก็ถอนหายใจออกมาดัง ๆ “คนที่มีเจ้าของแล้วนี่ น่าเบื่อทุกคนเลยนะคะ ว่ามั้ย” หญิงสาวมองสบตากับชนธัญ ที่เสหันมองไปที่อื่น

“วันนี้ ผมคงยังให้คุณเข้าเยี่ยมคุณรินไม่ได้ คงต้องเป็นวันหลัง” สารวัตรรัฐนนท์วกกลับไปบอกหญิงสาวถึงเรื่องนั้น ก่อนจะเห็นหญิงสาวมองไปที่ชนธัญ เธออมยิ้มแบบเอ็นดูแกมหมั่นไส้ “แปลกดีเหมือนกันนะคะ ตั้งแต่รินแต่งงานไป นาน ๆ ถึงจะได้ออกมาเจอเพื่อนสักครั้ง นี่อะไร พอมาโดนทำร้าย เพื่อนมาเยี่ยม ก็เจอกันไม่ได้อีก” หญิงสาวพูดบ่น เมื่อเธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยม

“ทุกคนต่างก็คิดว่า รินจะมีชีวิตดั่งเทพนิยายหลังจากที่แต่งงานแล้ว แต่แล้วก็ทำเหมือนกับนกในกรงทอง อยู่แต่กับบ้าน ไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ เพราะผัวห้าม หรือไม่ก็ไปหาแฟนเก่า ไม่สิ” หญิงสาวทำเบ้หน้า เมื่อพูดถึงตรงนี้ “ลูกคนงานในบ้านของรินน่ะค่ะ พ่อกับแม่รินเห็นว่าเรียนเก่ง ก็ส่งเรียนจนจบ ก็เรียนเก่งจริงล่ะนะ” หญิงสาวยักไหล่ “แต่จนแบบนั้น ใครจะชอบ ต่อให้เป็นรินก็เถอะ ผู้ชายก็ได้แต่แอบหลงรักรินข้างเดียวมาตั้งแต่เด็ก” มาถึงตรงนี้ สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญสบตากัน เพราะคิดว่า พวกเขาได้เรื่องที่จะสืบต่อไปแล้ว

****************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=VsjkAyvjvwQ


สิ่งที่ใจฉันได้สัมผัส

What my heart did feel

เมื่อเวลาที่เราใกล้กัน

When we were together

คืนวันเปลี่ยนไป

Time changed

ใจเธอเปลี่ยนผัน

So did you


แต่ว่าเธอก็ยังทนอยู่

Yet, you’re still here with me

แต่ว่าเธอไม่กล้าจากไป

You haven’ t yet said goodbye

คงลำบากใจ

You might feel awkward

ที่จะบอกฉัน

To tell me in my face


คำที่เคยผูกพันเหมือนสัญญา

Promise that you never kept

จะมีค่าอะไรถ้าไม่รักกัน

It’s not worth of anything

หากว่าเธอไม่เหลือใจ

You didn’t feel the same way you used to

เหตุใดทนทรมาน

Why you’re still suffering from it

อาจเป็นเพียงคำสั้นสั้น

It might be because of one word

อย่างเช่นเธอ

Like that you


ลืม

Forget

เธอลืมหมดแล้ว

You forget the whole thing

ลืมว่าเราเคยรักกัน

That we once fell in love

บอกเถอะฉันรู้ว่าเธอ

Just say it, I know that you


ลืม

Forget

ลืมคนที่เคยจริงใจ

Forget who is so sincere

และคอยห่วงใยเธอทุกอย่าง

Caring for you with the whole world

หากไม่รักก็พูดมาให้เข้าใจ

If you don’t love me no more, please say so


หากความรักไม่ใช่คำตอบ

If love isn’t the answer,

หากความดีไม่มีความหมาย

And being good to you means nothing

เธอควรบอกไป

Just spill it out

เปิดใจกับฉัน

Open yourself up with me


จะวันนี้หรือว่าเมื่อไหร่

Say it today or after this

จะอย่างไรก็ต้องจบกัน

We would find the end of it anyway

เหตุและผลแค่เพียงสั้นสั้น

One simple word, that’s all

ช่วยทำให้ฉันเข้าใจที่เธอ

That will make me get how you feel


ลืม

Forget

เธอลืมหมดแล้ว

You forget the whole thing

ลืมว่าเราเคยรักกัน

That we once fell in love

บอกเถอะฉันรู้ว่าเธอ

Just say it, I know that you


ลืม

Forget

ลืมคนที่เคยจริงใจ

Forget who is so sincere

และคอยห่วงใยเธอทุกอย่าง

Caring for you with the whole world

หากไม่รักก็พูดมาให้เข้าใจ

If you don’t love me no more – please say so,

ว่าความจริงเป็นเช่นไร

What’s truth is on your mind?

ช่วยบอกที

Please tell me
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๗. สาละวน _ 7.21.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 21-07-2023 16:48:57
๗. สาละวน


“มันจะได้ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป” ผู้เป็นพ่อพูดกับลูกสาวของตัวเอง รินที่กำลังกอดม้าตัวโปรดของเธอร้องไห้อยู่นั้น เธอได้ยินที่พ่อของเธอพูด แต่จะให้เธอหักห้ามใจในทันทีทันใด หญิงสาวทำไม่ได้จริง ๆ “รินเห็นเจ้าแก่มาตั้งแต่รินยังเด็ก” รินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอเองนั้น ถึงแม้จะเคยคิดเรื่องที่จะต้องสูญเสียม้าตัวโปรดของเธอไปในวันหนึ่ง

“รินไม่อยากเห็นมันจากไป” แต่พอวันนั้นมันเดินทางมาถึงจริง ๆ เข้า เธอก็เจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องเอ่ยคำอำลา “ทศ แน่ใจนะ ว่ามันจะไม่ทำให้มันเจ็บปวดอะไร” ผู้เป็นแม่ของริน หันไปถามกับสัตวแพทย์หนุ่มที่เธอและสามีรับเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ ทศเรียนจบได้เป็นสัตวแพทย์ 'เพื่อมาช่วยเหลืองานฟาร์มม้าของคุณท่านผู้มีพระคุณ' อย่างที่ตั้งใจเอาไว้

“ผมรับรอครับนายหญิง มันเป็นวิธีที่ทำให้เจ้าแก่ไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป” ทศรีบพูดรับรองออกไป เพื่อให้ทุกคนสบายใจ รินหันมามองทศด้วยน้ำตานองหน้า ภาพแบบนี้ไง ที่ทำให้ทศทำใจไม่ได้ ยิ่งกว่าการที่จะต้องเห็นม้าที่แก่มากแล้วจากไป คือ การที่ทศต้องมาเห็นดวงใจของเขาต้องเสียใจ

“ฉันทนดูไม่ได้จริง ๆ” แม่ของรินพูด ก่อนจะหันหลังเดินออกจากโรงม้าไป พ่อของรินเองก็ขอตัวเช่นกัน “ขอบใจที่มานะทศ ช่วยจัดการให้ด้วย” ชายสูงวัยที่ทศเรียกว่าคุณท่าน เดินออกจากตรงนั้นตามภรรยาไป ทศส่งสัญญาณบอกกับรินว่า ถึงเวลาที่เขาจะต้องจัดการตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแล้ว

รินนั้น กอดเจ้าม้าแก่ตัวโปรดที่นอนอยู่ข้างรางหญ้าแน่น ๆ อีกครั้ง ก่อนจะต้องตัดใจ ลุกขึ้นมายืนที่ด้านฝั่งตรงข้าม สายตามองทศเดินเข้าไปหาเจ้าม้าแก่ ทศนั่งลงข้าง ๆ ตัวม้า จัดการเตรียมเข็มฉีดยาเพื่อช่วยให้มันพ้นไปจากความทรมานจากโรคร้ายที่มันกำลังเผชิญอยู่

“ยานี้จะช่วยให้แกสบายขึ้นนะ” ทศพูดพลางลูบที่แผงขนของเจ้าม้าแก่ และเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นได้ ทศหยิบเอาเข็มฉีดยามาถือเอาไว้ในมือ ก่อนจะมองสบตากับริน “บางครั้ง เราก็คงจะต้องทำอะไรที่ยากและสาหัสกับความรู้สึก เพื่อหยุดยั้งสิ่งที่เลวร้าย ไม่ให้มันกัดกินเราไปมากกว่าที่เป็นอยู่” รินฟังที่ทศพูด มองมาที่สัตวแพทย์หนุ่มด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา

“ผมอยากให้คุณรินรู้ ว่าผมสามารถทำให้ความเลวร้ายนั้น” ทศพูดมาถึงตรงนั้น หยุดนิดหนึ่ง เมื่อเขาจิ้มเข็มฉีดยาปักลงไปที่เนื้อต้นขา ของเจ้าม้าแก่ รินมองไปที่ม้าตัวโปรดของเธอ “หยุดลงได้” ฤทธิ์ของยาที่ถูกฉีดเข้าไปในตัวเจ้าม้าแก่ มันได้ผลไวอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อรินเห็นม้าตัวโปรดของเธอนั้น หยุดนิ่งไม่ขยับขาไปมาแสดงอาการเจ็บปวดอีกต่อไป

“ยาตัวนี้ มันทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ขยับตัวไม่ได้” ทศพูดบอกกับริน ที่รินดูจะชะงักไปเพราะตกใจ “และยาตัวนี้นั้น” ทศพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนขึ้น มือข้างขวาของเขาจับค้อนปอนด์เอาไว้แน่น จนเห็นเส้นเลือดที่แขน “มันก็ใช้ได้ผล ไม่เฉพาะกับม้า” รินหันหน้าไปอีกทาง ยกมือขึ้นอุดปากตัวเอง น้ำตาไหลลงอาบแก้ม โดยมีคำพูดของทศ วนเวียนไปมาเต็มไปหมดอยู่ภายในความคิด

สารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญขับรถออกมาจากบ้านพ่อแม่ของรินได้สักพัก สารวัตรหนุ่มนั้น บ่นมาตลอดทางถึงการบอกปัดไม่ให้ความช่วยเหลือในคดีดังกล่าวของพ่อแม่ผู้เสียหาย โดยพูดแต่เพียงว่า ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่รู้เลยว่าลูกสาวของตัวเองนั้น ตอนนี้อยู่ที่ไหน ในเมื่อลูกสาวของพวกเขาเป็นเหยื่อที่ถูกทำร้าย ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยเสียหน่อย

“คุณแน่ใจนะ” สารวัตรรัฐนนท์หันไปถามคนที่นั่งเบาะคู่กันกับคนขับ “บางทีคุณริน เธออาจจะไม่มีที่ไปจริง ๆ” ชนธัญนั่งมองตรงไปด้านหน้า “ที่ที่อันตรายที่สุด แต่ไม่มีคนที่ทำร้ายเธอได้แล้ว ก็คงจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอก็เป็นได้” ชนธัญคิดว่า เขาคงจะคาดการณ์ไม่ผิดมากนัก

ขณะที่สารวัตรรัฐนนท์กำลังจะเลี้ยวหันหัวรถเข้าจอดที่หน้าบ้านของริน ก็พลันมีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งผลุนผลันออกมา ราวกับว่ารู้แล้ว ว่าที่หลบซ่อนของเธอไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ชนธัญที่ปลดเข็มขัดนิรภัยได้ก่อน เปิดประตูแล้วรีบลงจากรถ วิ่งไล่ตามรินที่กำลังวิ่งหนีไปนั้นจนทัน

“คุณริน หยุดก่อน ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อย” ชนธัญที่วิ่งไปจนประชิดตัวหญิงสาว คว้ามือไปจับที่ข้อมือของรินได้ พลันแสงสว่างก็วาบขึ้นตรงหน้า มารู้ตัวอีกที ชนธัญก็เห็นตัวเองยืนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้านของริน เขาต้องตกใจพอสมควร ที่เห็นรินและชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ยืนถกเถียงกันอยู่ โดยมีร่างของชาติ สามีของริน นอนหงายอยู่บนพื้นห้อง

“ไหนเธอบอกว่า ฉีดแค่พอให้เขาเคลื่อนไหวไม่ได้ ทำร้ายเราไม่ได้ เพื่อให้เราสามารถหนีไปได้ยังล่ะ” รินตวาดใส่ทศเมื่อเห็นว่า เรื่องมันเลยเถิดไปมาก จนทำให้ชาติต้องสิ้นใจไป “ก็ผมเห็นว่าเขาขยับตัว ผมก็เลยฉีดซ้ำไปอีกเข็มกะจะให้เขาไม่ขยับตัวนานอีกหน่อย จนเราหนีไปแล้ว” ทศเองก็ไม่คิดว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้เช่นกัน

“ปกติมันก็แค่ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ใช้ตอนผ่าตัด ตอนสอดท่อเครื่องช่วยหายใจ ผมไม่นึกว่า มันจะทำให้เขาถึงกับหัวใจวายได้” เกือบจะในทันทีที่ทศฉีดยาเข็มที่สองให้กับชาติ สามีของรินก็แน่นิ่ง และหยุดหายใจลงไป “แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ” รินพูดด้วยอาการร้อนรน กระวนกระวายอย่างที่สุด

“ฉันไม่ยอมติดคุกเพราะไอ้ชาติชั่วนี่หรอกนะ ถึงแม้ว่ามันจะสมควรตายก็เถอะ” รินแหวใส่ทศ ที่ดันทำเรื่องทั้งหมดพัง “เราหนีไปตั้งหลักกันก่อน” ทศออกความเห็น รินตะโกนด่าทศว่าอย่าแนะนำให้เธอทำเรื่องโง่ ๆ อีก “ทศ เธอต่อยฉัน ต่อยฉันเลย” รินบอกให้ทศทำตามที่เธอบอก

“ต่อยเข้าที่หน้าฉันนี้ เอาแรง ๆ นะ” ทศตกใจที่คุณหนูรินของเขา สั่งให้เขาทำร้ายเธอ “คุณริน ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก” ทศปฏิเสธที่จะทำอย่างนั้น “หรือเธออยากเห็นฉันติดคุกหรือไง เธออยากเห็นฉันตกนรกทั้งเป็น เพราะไอ้ผู้ชายเศษสวะคนนี้ใช่มั้ย” รินจ้องตาเขม็งใส่ทศ เขาส่ายหน้า ก่อนจะเห็นรินพยายามข่มความโกรธของตัวเองลง

“ถ้าอย่างนั้น ก็พิสูจน์ให้ฉันเห็น ว่าเธอไม่ได้เป็นพวกเดนมนุษย์ เป็นผู้ชายสันดานเลวเหมือนกับไอ้นี่” รินพูดขึ้น สูดหายใจเข้าปอดจนลึก “นี่คือสิ่งที่เรากำลังจะทำ เธอต่อยหน้าฉัน ให้ดูเหมือนว่าฉันถูกทำร้าย ส่วนไอ้ชาติให้ดูว่า นั่นคือการป้องกันตัวเอง ฉันฟื้นขึ้นมา ฉันจะให้การว่ามีคนบุกรุกเข้ามาทำร้ายฉันจนสลบไป นอกนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรแล้วทั้งนั้น ส่วนเธอ ก็อย่าได้พูดเรื่องนี้กับใคร เข้าใจมั้ย” ยิ่งฟังแผนของรินที่เธอพรั่งพรูออกมา ทศยิ่งใจเสีย มันเลยเถิดมากกว่าตอนที่เขาจัดการเจ้าม้าแก่ตัวนั้นเยอะ

“เอาเลย ชกหน้าฉัน แรง ๆ นะ” รินออกคำสั่ง ก่อนที่จะร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด เมื่อทศนั้น ทำตามที่เธอสั่ง แต่ “ไอ้ทศ ไอ้เวร ทำไมแกไม่ถอดแหวนออกก่อน แกทำไมยังใส่ไอ้แหวนห่วย ๆ นั่นอยู่อีก” ทศหน้าเสีย รีบขอโทษขอโพยคุณหนูรินของเขา ด้วยว่า นี่คือแหวนที่เขาเตรียมเอาไว้ เผื่อว่าวันหนึ่ง รินจะตอบตกลงรับรักเขา

รินสะบัดแขนจนหลุดออกจากมือของชนธัญ เธอมองหน้าชนธัญแบบประหลาดใจ และเห็นผู้ชายหน้าใสตัวเล็กคนนี้ เหมือนได้สติกลับคืนมา เมื่อเธอสะบัดแขนออก สารวัตรรัฐนนท์เดินเข้ามาสมทบ แล้วบอกกับรินว่า ขอเชิญตัวรินไปที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวน ทีแรกหญิงสาวทำทีปฏิเสธ แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี

***************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=v6xyq-D-tpk


คนเคยเจอความรักซักครั้งคงฟังแล้วเข้าใจ

Anyone already has found love will understand

คนเคยมีความรักช้ำช้ำคงจำได้ติดใจ

Any one has had brutal love will never forgets

แต่คนที่ไม่เคยเจอสักครั้ง

But those who never experiences once

อยากเตือนให้ระวังถ้าจะลอง

Beware if being tempted to try

หากลองไปรักใครอย่าปล่อยไปทั้งใจ

To be falling in love, not to give everything you’ve got

ให้ฝึกใจเอาไว้ให้ทนทาน

Train your heart to be protected


รักเป็นเกมอันตรายแม้ไม่เตรียมใจระวัง

Love in a dangerous game, it’ll trick you

บาดเจ็บสักครั้งจำไปนาน

You get hurt once, it’s then permanent

ฉันเคยเจอมาเต็มเต็มรักเป็นเกมทรมาน

I took it to the fullest, love is the game of torture

จนใจแหลกราญอย่างที่เห็น

Now living with shattered heart as you see

ใครจะเป็นรายต่อไป

Who’ll be next in the game?


ในมุมหนึ่งความรักล้วนล้วนมันชวนให้สุขใจ

The bright side of love, you’ll be on cloud nine

อีกมุมหนึ่งความรักนั้นร้ายมันทำร้ายจิตใจ

The other side then, it’s killing you softly

กับคนที่ไม่เคยเจอสักครั้ง

To those who never ever know love

อยากเตือนให้ระวังถ้าจะลอง

Be careful if seduced to jump in

หากลองไปรักใครอย่าปล่อยไปทั้งใจ

To be falling in love, not to give everything you’ve got

ให้ฝึกใจเอาไว้ให้ทนทาน

Train your heart to be protected


รักเป็นเกมอันตรายแม้ไม่เตรียมใจระวัง

Love in a dangerous game, it’ll trick you

บาดเจ็บสักครั้งจำไปนาน

You get hurt once, it’s then permanent

ฉันเคยเจอมาเต็มเต็มรักเป็นเกมทรมาน

I went for it till it ended, love is the game of torture

จนใจแหลกราญอย่างที่เห็น

Now living with shattered heart as you see

ใครจะเป็นรายต่อไป

Who’ll be next in the game of love?
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๘. จับใจ จากใจ _ 7.24.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 24-07-2023 13:41:08
๘. จับใจ จากใจ



“ผลแล็บยังไม่ออก แต่หมอคาดว่าว่า น่าจะเป็นสารจำพวกซัคซินิลโคลีน ที่ใช้ในการผ่าตัดสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น ม้า” แพทย์หญิงดรุณีพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ หลังจากได้ฟัง 'เรื่อง' ที่ชนธัญเล่า ว่าเขาเห็นเหตุการณ์อะไรตอนที่คว้าข้อมือของคุณริน “แต่ยังไงเราก็ต้องมีหลักฐานมายืนยันในคดีอยู่ดี ต่อให้เรื่องที่คุณเห็นจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม” สารวัตรหนุ่มหันไปมองทางชนธัญ ที่ก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน

“ตอนนี้เจ้าหน้าที่สืบกำลังพาตัวคุณทศมาที่นี่” สารวัตรรัฐนนท์พูดพลางคิดว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไปดี “ถ้าเป็นสารตัวที่ใช้กับม้าจริงอย่างที่ด็อคว่า สัตวแพทย์ก็เข้าข่าย” สารวัตรหนุ่มคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นไปได้ ประกอบกับชนธัญเห็นทศอยู่กับริน จะเรียกว่าอะไรดี ถ้าหากจะหมายถึงหนึ่งในความหมายของคำว่านิมิต กับการมองเห็นภาพต่าง ๆ เหตุการณ์ที่จะ หรือเกิดขึ้นแล้วก็คงจะไม่ผิดนัก

หลังจากนั้น สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญก็เดินเข้าไปในห้องสอบสวน รินนั่งอยู่ในนั้น เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคนในทันที แววตาของเธอที่ใช้มองคนทั้งคู่ ไม่ได้ดูเป็นมิตรนัก แต่ที่ชนธัญเห็นได้ค่อนข้างชัด รับรู้ได้ก็คือ ถ้าเทียบกับวันนั้นที่โรงพยาบาล หญิงสาวมีท่าทีไว้ตัวกับทุกคน

“ฉันก็ให้ความร่วมมือดีขนาดนี้แล้ว ฉันไปได้หรือยังคะ” รินเปิดฉากถามขึ้น เมื่อเห็นสารวัตรรัฐนนท์นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโต๊ะกับเธอ ส่วนชนธัญนั้น ยืนห่างออกไปที่ด้านหน้าประตูห้อง “คุณรินลองตอบคำถามผมก่อนนะครับ ว่าทำไมคุณถึงต้องหนีออกจากโรงพยาบาลด้วย” สารวัตรรัฐนนท์ถามหญิงสาวกลับ

“ก็ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นั่นแล้วนี่คะ ทำไมคะ ฉันทำอะไรผิดกฎหมายหรือเปล่า” แทนคำตอบสารวัตรหนุ่มยิ้มพลางส่ายหัว “ตอนนี้อาจจะยังครับ” เมื่อสารวัตรหนุ่มพูดจบ “จะตอนไหนฉันก็ไม่ได้ทำค่ะ” หญิงสาวพูดสวนขึ้นมาในทันที “ฉันเป็นเหยื่อ เป็นผู้เสียหายถูกทำร้าย ทางที่ดี คุณตำรวจรีบหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้จะดีกว่า” รินมองหน้าของสารวัตรรัฐนนท์ ก่อนจะไล่เลยไปมองชนธัญที่ยืนฟังอยู่ด้วย

“และก็อย่าได้แตะต้องเนื้อตัวฉันอีกเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้น ฉันจะฟ้องในข้อหาคุกคามทางเพศ” ประโยคนี้ของริน ส่งตรงไปถึงชนธัญที่คว้าข้อมือของเธอ “คุณชนธัญไม่ได้มีเจตนาทำให้คุณเสื่อมเสียหรือเสียหายอย่างแน่นอน ผมเป็นตำรวจ ผมรับรองได้” สารวัตรรัฐนนท์ออกตัวแทนชนธัญในทันทีเช่นกัน

“แหม” น้ำเสียงของริน ฟังดูกระแนะกระแหนอย่างชัดเจน “ปกป้องกันหรือคะ” หญิงสาวแค่นเสียงหัวเราะออกมา “อยากมีคนมาปกป้องฉันแบบนี้บ้างจัง” ก่อนที่เธอจะหัวเราะออกมาอย่างขำขัน “คุณรินไม่มีใครปกป้องจริง ๆ หรือครับ” ชนธัญพูดขึ้น รินหุบริมฝีปาก สีหน้าแทบจะบึ้งตึงอย่างทันควัน

“ผมว่ามีนะครับ” ชนธัญพูดไปอย่างนั้น กับสิ่งที่เขาเห็นในนิมิต “พูดอะไร มันต้องมีหลักฐานนะ อย่าพูดจาลอย ๆ” อีกครั้ง ที่ชนธัญรู้สึกว่า หญิงสาวรู้ตัวดี ว่าเธอกำลังถือไพ่เหนือกว่าทีมสืบสวนของตำรวจ เสียงข้อความเด้งขึ้นมาที่หน้าจอมือถือของสารวัตรรัฐนนท์ นายตำรวจหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า

“ถ้าอย่างนั้น เรามาลองหาหลักฐานเพิ่มกันดีกว่า” สิ้นเสียงพูดของสารวัตรหนุ่ม เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำตัวทศ เดินเข้ามาในห้องสอบสวน ทศนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ กับสารวัตรรัฐนนท์ มองไปที่รินอยู่เพียงแวบเดียว ก่อนจะหลบตาลง “อะไรกันคะเนี่ย” รินร้องถาม น้ำเสียงเช่นเคย ฟังดูไม่เป็นมิตรนัก

“คุณรินรู้จักคุณทศใช่มั้ยครับ” สารวัตรรัฐนนท์ถามหญิงสาวออกไป “แน่นอนค่ะ ก็แค่เด็กในบ้าน” ทศที่นั่งนิ่ง ก้มหน้าและฟังอยู่ มีท่าทีอึดอัดที่ได้ยินคุณหนูรินของเขาพูดแบบนั้น “คุณพ่อคุณแม่เก็บมาเลี้ยง เห็นว่าหัวดีก็เลยส่งเสียให้เรียน จบสัตวแพทย์เลยนะคะ” รินพูด เสียงเธอเน้นย้ำที่ว่า ทศนั้นเรียนจบหมอรักษาสัตว์มา

“แล้วยังไงคะ เขาเกี่ยวอะไรกับคดีนี้ด้วย หรือพวกคุณจะบอกว่า ทศเป็นคนร้ายในคดีนี้” รินเปิดประเด็นใหม่ให้กับทางสารวัตรรัฐนนท์ โดยที่ทศนั้น นั่งนิ่งบีบมือตัวเองฟังอยู่ทุกถ้อยคำ “เรื่องนั้น ยังต้องรอคอยการพิสูจน์ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงและผลตรวจยืนยันแล้วก็คือ” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นเอกสารชุดหนึ่งไปตรงหน้าหญิงสาว

“ผลตรวจการล่วงละเมิดทางเพศ ออกมาว่า คุณไม่ได้ถูกข่มขืน แต่” รินมองไปที่เอกสารเหล่านั้น ไม่ได้หยิบมันขึ้นมาดูแต่อย่างใด “มีการร่วมเพศโดยสมยอมในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น” ได้ยินแบบนั้น ทศยิ่งดูมีท่าทีอึกอักเพิ่มมากขึ้น “คุณกำลังจะบอกฉันว่า ไอ้ทศมันข่มขืนฉันหรือ” รินกรีดร้องออกมาจนแทบจะเป็นการตะโกน

“ไม่มีใครข่มขืนคุณทั้งนั้นครับ คุณริน” สารวัตรรัฐนนท์พูดดังขึ้น เพื่อให้รินหยุดการกล่าวหาคนอื่น “แต่ผลตรวจทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น มีการร่วมเพศหลับนอนโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ทางทีมแพทย์ตรวจพบเซลล์ผิวหนังชั้นนอกเอพิธิเลียลเพศชาย ที่เรายังหาไม่ได้ว่า เจ้าของเซลล์นั้นเป็นใคร” สารวัตรหนุ่มพูดพลางจ้องตากับริน ที่หญิงสาวนั้น สะบัดหน้าหันหนีมองไปทางอื่น

“และก็หวังว่า เมื่อตรวจแล้วจะไม่ตรงกับคุณทศ” เจ้าของชื่อหันมามองทางสารวัตรรัฐนนท์ ก่อนที่จะก้มหน้ามองมือที่ตัวเองกำลังบีบจนแน่นอีกครั้ง “หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มันหลอกกันไม่ได้นะครับ” สารวัตรรัฐนนท์พูดย้ำในเรื่องหลักฐานต่าง ๆ เหล่านี้ “ผมขอเตือนนะครับ ถ้ามีใครที่กำลังให้การปกป้องคุณอยู่ เขาเองนั่นแหละ ที่กำลังจะเดือดร้อนเสียเอง” ชนธัญมองไปที่มือข้างซ้ายของทศ ที่ตอนนี้ถูกบีบจนซีดขาว

“คุณทศใส่แหวนประจำใช่มั้ยครับ” ชนธัญเอ่ยขึ้น ทุกคนมองตามไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของทศ จังหวะนั้นเอง ที่รินแสดงอาการหัวเสียออกมา “ใส่มานานแล้วสินะครับ พอเพิ่งจะถอดออกได้ไม่นาน นิ้วถึงได้ขึ้นรอยแหวนแบบนั้น แหวนอยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตนั่นหรือเปล่าครับ” คำพูดของชนธัญทำให้ทศน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ชนธัญเองจำได้ว่าเห็นทศเอามือซุกเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมลวก ๆ ตอนเจ้าหน้าที่พาเดินเข้ามาในห้องนี้

“คุณรินมีรอยถูกทำร้ายที่ใบหน้า” สารวัตรรัฐนนท์วกกลับมาที่หญิงสาวอีกครั้ง “รอบ ๆ รอยแผลที่ใบหน้าของคุณกำลังลดบวมลง รอยบุ๋มที่เราสงสัยว่าอาจจะเกิดจากสนับ หรือว่าหัวแหวน คงจะไม่ตรงกับแหวนที่คุณทศใส่นะครับ” สารวัตรรัฐนนท์ประหนึ่งกำลังกล่าวเตือนสติของทศออกไปตรง ๆ

“ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นคนทำ ก็จับมันเข้าคุกไปเลยสิคะ” รินร้องบอกกับสารวัตรรัฐนนท์ “ผมทำแน่นอนครับ ถ้าเขาผิดจริง” สารวัตรหนุ่มหล่อตอบกลับไป “แต่ผมต้องให้แน่ใจด้วยว่า ผมจับคนร้ายไม่ผิดคน และผมจับได้ครบทุกคน” รินนั่งหลังตรง คอแข็ง เชิดหน้า ลักษณะไม่ได้ยี่หระใด ๆ ต่อคำพูดของสารวัตรรัฐนนท์

“อีกอย่างที่รอผลตรวจ” คราวนี้สารวัตรรัฐนนท์ยื่นเอกสารไปหยุดอยู่ตรงหน้าทศ แทนที่จะเป็นริน หญิงสาวมองตามอย่างสนใจ “ที่เกิดเหตุ เราพบปลอกเข็มฉีดยาตกอยู่ข้างกับศพของคุณชาติ” ทศก้มมองดูรูปถ่ายหลักฐานประกอบที่เกิดเหตุ รูปปลอกเข็มฉีดยาปะอยู่ด้านหน้าเอกสารพวกนั้น ทศเงยหน้าขึ้นมองรินในทันที

“เราตรวจพบคราบน้ำลายบนปลอกเข็มฉีดยานี้ ที่คาดว่าจะเป็นสารที่ถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายคุณชาติ” ทศได้ยินแบบนั้น ก็หลับตาลง คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มันคือความคุ้นเคยของสัตวแพทย์อ่างเขา ที่บางทีการดูแลรักษาสัตว์นั้น ระหว่างปฏิบัติงาน เรื่องการใช้ปากช่วยดึงปลอกเข็มฉีดยา มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งอยู่แล้ว เขาทำไปโดยไม่ทันได้คิด แต่ที่ต้องคิดก็คือ ตอนนั้นรินบอกกับเขาให้รีบออกไปจากบ้านก่อน และหญิงสาวจะเป็นคนทำลายหลักฐานทุกอย่างให้เอง ก่อนจะโทรแจ้งตำรวจว่าเพิ่งฟื้นคืนสติจากการถูกทำร้าย

“ผลดีเอ็นเอจากหลักฐานน้ำลายเทียบกับตัวอย่างที่เก็บจากคุณทศในวันนี้ คงออกมาภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้” สารวัตรรัฐนนท์พูดจบ รินก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณตำรวจคะ ไอ้ทุกอย่างที่คุณบอกกับฉันมา มันพูดเหมือนกันหมดเลยค่ะ ว่ามันเป็นคนทำ” รินหันไปมองทศ ที่ตอนนี้เขาได้แต่มองคุณหนูรินของเขาด้วยสายตาที่ตัดพ้อ

“ก็คงจะเป็นมันนั่นแหละที่ทำร้ายฉันจนสลบไป ฉีดยาฆ่าสามีฉัน แล้วก็ล่วงละเมิดฉันตอนที่ฉันไม่มีสติที่จะขัดขืนต่อสู้ ฉันรู้ว่ามันแอบมีใจให้ฉันมาโดยตลอด แต่มันก็เป็นได้แค่เด็กในบ้าน เด็กถูกเก็บมาเลี้ยง ฉันไม่เคยคิดกับมันเกินเลย” ทศหัวใจแทบสลาย เมื่อในวันเกิดเหตุนั้น รินโทรตามเขาไปที่บ้าน เพื่อร่วมกันลงมือกำจัดสามีอย่างชาติให้พ้นไปจากชีวิตเธอ นี่เขาเชื่อและรักคนผิดหรือนี่ เพราะก่อนที่ชาติจะกลับมาพบว่าเขาและรินได้ช่วยยันสวมเขาให้แล้ว รินนั่นแหละ ที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นขอร่วมรักกับเขา ยอมตกเป็นของเขาและพร้อมจะหนีไปใช้ชีวิตร่วมกัน

“ถ้าพวกคุณมีหลักฐานอื่น ๆ ที่สามารถสาวมาถึงฉันได้ ฉันยินดีจะกลับมานั่งฟังคุณพล่ามใส่ฉันใหม่” รินลุกขึ้นเดินไปที่ประตูห้อง สารวัตรรัฐนนท์ลุกขึ้นยืน มองตามหญิงสาวไป “แต่ถ้าหลักฐานทุกอย่าง มันพุ่งตรงไปยังไอ้ทศนี่” ในวันนั้น รินที่มองเห็นทศใส่ถุงมือตอนฉีดยาให้กับชาติ แต่เผลอใช้ปากดึงปลอกเข็มฉีดยาออก เธอจึงทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่า ตำรวจจะเจอหลักฐานชิ้นนี้ ตกอยู่ข้าง ๆ ตัวของชาติ และไม่มีรอยนิ้วมือแฝงของตัวเธอเองปรากฏอยู่

“ฉันขอตัวนะคะ ผู้ชายนี่ ต้องเลือกดี ๆ จริง ๆ ไม่ว่าจะคู่ชีวิต ไม่ว่าจะขี้ข้าในบ้าน” รินพูดพลางหันไปมองที่ชนธัญ “คุณหน้าใสเอง” รินพูดขึ้น ก่อนปรายตาไปมองสารวัตรรัฐนนท์ “ก็เลือกให้ดีนะคะ อย่าให้เป็นเหมือนฉัน” รินพูดจบ ก็เดินออกไปจากห้องสอบสวนในทันที ไม่มีแม้แต่จะปรายตามองมายังทศ ที่ตอนนี้เสียงสะอึกสะอื้นของเขา ดังขึ้นเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ

*************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย Jay J

https://www.youtube.com/watch?v=owzQZCiUE0A


A scrub is a guy that thinks he's fly

ผู้ชายห่วยห่วยก็คิดว่าตัวเองเจ๋งกันใหญ่

And is also known as a busta

พวกเอาถ่านไม่เอาไหนนั่นแหละผู้ชายพวกนี้

Always talkin' 'bout what he wants

คอยแต่เพ้อฝันวันวันจะมีนั่นมีนี่

And just sits on his broke ass, so

สุดท้ายทุกทีที่เห็นข้าวสารพอได้กรอกหม้อก็แค่นั้น


No, I don't want your number

เอามาทำไมเบอร์โทรเปลืองเม็ม

No, I don't wanna give you mine and

เบอร์ในเครื่องก็เต็มแล้วมือถือฉัน

No, I don't wanna meet you nowhere

ไม่เอาหรอกออกเดตเจอกับพวกดีแต่ฝันกลางวัน

No, don't want none of your time and

พอแล้วกันเปลืองเวลาเสียอารมณ์


No, I don't want no scrub

ไม่เอาหรอกพวกดีแต่ปากแต่กากอย่างอื่น

A scrub is a guy that can't get no love from me

ผู้ห่วยห่วยอย่าฝืนเฝ้ารอรักฉันให้สุขสม

Hangin' out the passenger side of his best friend's ride

ได้แต่เกาะเพื่อนนั่นนู่นนี่ไปอย่างนั้นช่างอกตรม

Trying to holla at me

ได้แต่เรียกฉันไปร่วมขื่นชมไม่เอาหรอกเธอ


Well a scrub checkin' me, but his game is kinda weak

ทำอย่างเดียวเลี้ยวมามองเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วง

And I know that he cannot approach me

บอกเลยตะขิดตะขวงอย่ามาแอะอย่ามาทำตีเสมอ

'Cause I'm lookin' like class and he's lookin' like trash

ทำตัวดูไม่ได้เธอมันสวะฉันมันเริ่ดเกินเบอร์

Can't get wit' a deadbeat ass, so

ไม่มีทางจะเผลอร่วมหอลงโรงกับเธอแน่นอน


If you don't have a car and you're walkin'

รถก็ไม่มีขับบังคับให้ฉันเดินร่วมกับเธอ

Oh, yes son, I'm talkin' to you

นี่พ่อหนุ่มฉันกำลังพูดอยู่กับเธอ

If you live at home with your momma

บ้านก็ไม่มีแถมยังเป็นเบบี้อยังยู่บ้านแม่

Oh, yes son, I'm talkin' to you

นี่พ่อคุณใช่ฉันพูดถึงเธอนั่นแหละ

If you have a shorty that you don't show love

แถมพอมีหญิงยังไม่รู้ว่ารักต้องทำยังไง

Oh, yes son, I'm talkin' to you

โอ๊ยพ่อยอดขมองอิ่มเธอนั่นแหละฉันหมายถึงเธอ

Wanna get with me with no money

จะอยู่กับฉันแต่สตางค์ดันบ่จี๊

Oh no, I don't want no

ขอเถอะไปซะเถอะไม่มีทาง


See, if you can't spatially expand my horizons

ถ้าเธอไม่อาจจะพาฉันไปแตะขอบฟ้าได้

Then that leaves you in the class with scrubs, never risin'

เธอก็ได้แค่เป้าหมายเป็นพวกห่วยห่วยไม่มีทางก้าวไปไหน

I don't find it surprisin' if you don't have the Gs

อย่างหนึ่งนะถ้าบอกว่าเธอไม่มีมันนี่ก็ไม่ประหลาดใจ

To please me and bounce from here to the coast of overseas

โถพ่อคุณแล้วเมื่อไหร่จะพาฉันไปได้สุดขอบน้ำมหานที


So, let me give you somethin' to think about

คืองี้นะมันเป็นสิ่งที่ฉันต้องตรองดูต้องครวญคิด

Inundate your mind with intentions to turn you out

ถ้าวันวันเธอตั้งจิตคิดจะเอากันแต่อย่างว่านี้

Can't forget the focus on the picture in front of me

พอเถอะภาพแย่แย่อยู่ตรงหน้าฉันพอกันที

You as clear as DVD on digital TV screens

ยิ่งกว่าชัดแอลอีดีแคสท์ภาพขึ้นจอบิ๊กบึ้มเต็มตา


Satisfy my appetite with somethin' spectacular

ทำให้ฉันพอใจร้องครางด้วยอะไรที่โชติช่วง

Check your vernacular, and then I'll get back to ya

แล้วต้องพ่วงด้วยภาษามีระดับที่ทักหาแล้วฉันถึงตอบกลับ

With diamond-like precision, insatiable is what I envision

ความคิดประดุจเพชรเจียรไนเอาใจฉันไม่เว้นแบบสับสับ

Can't detect acquisition from your friend's Expedition

ฉันไม่สามารถสดับกับการเห็นเธอเส็งเคร็งกับเพื่อนของเธอ


Mister Big Willy if you really wanna know

พ่อปืนโตคุยโอ่ถ้าอากจะฟังฉันจริงจริงนะ

Ask Chilli, could I be a silly ho? Not really

ถามใครก็ได้ตอบทีวะใครจะอยากรู้สึกเป็นคุณโส

T-Boz and all my señoritas are steppin' on your FILAs

ไม่ว่สาวไหนจะเพื่อนฉันหรือใครพูดใส่หน้าเธอขนาดนี้แล้ว

But you don't hear me though

ก็อีกนั่นแหละเธอก็ยังไม่ใส่ใจขอเซย์กู้ดบายแล้วกัน
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๙. ย้อนวัน _ 7.25.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 25-07-2023 14:18:51

๙. ย้อนวัน



“อย่างน้อยคุณก็มีส่วนทำให้เราปิดคดีลง และจับคนร้ายเข้าคุกได้สำเร็จ” สารวัตรรัฐนนท์พูดขณะเปิดประตูลงจากรถตามอีกฝ่าย “แต่นั่นก็เป็นเพราะคุณทศ ไม่ยอมซัดทอดไปถึงคุณริน” ชนธัญยังจำได้ถึงเหตุการณ์ในศาล ที่ทศนั้นยอมรับสารภาพผิดแต่เพียงผู้เดียว และไม่ยอมอุทธรณ์คดีต่อ ทั้ง ๆ ที่ศาลมีคำสั่งลงโทษสถานหนัก

“มันก็ยังดีกว่า ที่ความยุติธรรมไม่เกิดขึ้นเลย ถึงแม้ว่าจะมีคนหลายคนคิดว่า ผู้ตายอย่างสามีเก่าของคุณริน สมควรจะถูกกำจัดไปจากสังคมก็ตาม” สารวัตรหนุ่มพูดกับหนุ่มหน้าใส ที่ตอนนี้ใบหน้าดูจะไม่สบายใจนัก “ผมว่า ผมไม่จำเป็นต่อการสืบคดีอะไรแล้ว เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นความจริง ใครจะเชื่อ ว่าผมมองเห็นอะไร” ชนธัญรู้สึกว่า ต่อให้เขารู้ความจริง รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มันก็ยากที่จะแสดงออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ได้

“ท่านผู้บัญชาการฝากคำชมมาถึงคุณด้วยนะ ว่าถ้าไม่ได้คุณช่วย คดีที่ผ่านมา คงจะปิดได้ช้ากว่านี้เยอะ และอีกอย่าง” สารวัตรรัฐนนท์ชิงพูดขึ้นเสียก่อน ที่ชนธัญจะได้พูดขัดอะไรออกไป “คุณจำเป็นมากสำหรับคดีต่าง ๆ อย่างน้อยก็กับคดีใหม่นี้” ชนธัญมองไปที่ด้านหน้าของตึกร้างเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า

“เรามาที่นี่กันทำไมครับ ดึกขนาดนี้” ชนธัญเอ่ยถาม เมื่อสารวัตรรัฐนนท์เดินนำไปที่ประตูทางเข้าตึก ซึ่งมันไม่ได้ล็อก แต่เหมือนเพิ่งมีคนมาเปิดประตูรอเอาไว้ “มันมีโคลด์เคส คดีที่ยังปิดไม่ลงอยู่คดีหนึ่งที่ผมเคยอ่านรายละเอียด” สารวัตรหนุ่มหล่อหยุดยืนรอจนชนธัญเดินมาจนทันเขา

“เจ้าของตึกนี้ติดต่อมาหาผมโดยตรง” สารวัตรรัฐนนท์เปิดประตูบานนั้นออก ชนธัญมองตามเข้าไปด้านใน แสงไฟที่เปิดไว้สว่าง ทำให้เขารับรู้ว่า สถานที่นี่น่าจะเป็นผับหรือบาร์เก่าที่ปิดตัวลงไปนานแล้ว “และอยากพบคุณเป็นการส่วนตัว” ชนธัญมองเห็นคนที่อยากพบกับเขาที่นี่ ยืนรออยู่ที่ด้านหน้าพื้นที่ถูกยกขึ้นไม่สูงนัก คล้ายเวทีที่ตั้งอยู่ตรงกลางร้าน

“ขอบคุณนะครับที่ยอมมาพบผม” ชนธัญจำได้ว่าคนที่เพิ่งกล่าวทักเขานั้น เคยเป็นหนึ่งในกลุ่มซิลเวอร์ฟ็อกส์สุดเซ็กซี่ประจำปีก่อน แต่สิ่งที่กลายเป็นที่ฮือฮาและเกรียวกราวมากในตอนนั้นก็คือ การที่รู้ว่าหนุ่มใหญ่คนนี้ ยังโสด ซึ่งนั่นทำให้เขายิ่งถูกพูดถึงและเป็นที่จับตามอง เพิ่มขึ้นจากจำนวนเงินมหาศาลที่กองรวมกันอยู่ในบัญชีเงินฝากของเขา

“ผมดนัย ดีใจที่คุณชนธัญให้เกียรติมาที่นี่” ชนธัญกล่าวตอบกลับหนุ่มใหญ่ไปว่า “ไม่เป็นไรครับ ยินดีครับ” ดนัยยิ้มรับ ก่อนจะมองไปทางสารวัตรรัฐนนท์ที่พยักหน้าเป็นเชิงบอกกับดนัยว่า ให้เริ่มพูดในสิ่งที่ต้องการได้เลย “ผมทราบมาว่า คุณชนธัญมีความสามารถพิเศษในการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ” ดนัยดูลังเล แต่เขาก็ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ต้องการออกไป

“คนที่ผมรัก แขวนคอตายที่กลางเวทีนั่น” ชนธัญตกใจเหมือนกันที่ได้ยินแบบนั้น สายตาในทันที พุ่งมองตามไปที่ด้านบนเวทีนั้นสิ่งที่หนุ่มหน้าใสจ้องอยู่ คือเชือกเส้นหนึ่งห้อยตัวลงมาให้เห็น “ผมไม่เชื่อว่าเขาจะทำอะไรแบบนั้น คุณชนธัญช่วย” ดนัยยื่นมือข้างหนึ่งของเขาออกมาให้ชนธัญจับ แต่ชนธัญบอกกับเขาว่า

“มันไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้งที่ผมได้จับหรือสัมผัสตัวใคร ยิ่งยื่นให้จับเองแบบนี้ด้วยแล้ว” ดนัยได้ยินพลางหลุดหัวเราะออกมา “ขออภัยคนสูงวัยอย่างผม ที่ทำตัวเป็นวัยรุ่นใจร้อนด้วยเถอะครับ” ชนธัญได้ยินดนัยพูดแบบนั้น ก็ยิ้มออกมาเป็นเชิงว่าเขาเข้าใจ ดนัยหันกลับไปมองที่เชือกเส้นนั้น

“ผมแค่คิดถึงเขามากจริง ๆ” ชนธัญมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของหนุ่มใหญ่ ที่แสดงความรู้สึกต่อคนรักที่จากไปได้อย่างชัดเจน จังหวะนั้นที่สารวัตรรัฐนนท์มองตามมือของชนธัญไป น้ำตาที่คลอหน่วยอยู่แล้วของดนัย ไหลลงมาที่แก้ม ทันทีที่ได้รับรู้ถึงสัมผัสมือที่ชนธัญจับลงที่ต้นแขนเขา ซึ่งชนธัญนั้น รู้สึกว่าตอนนั้นเหมือนเวลาถูกย้อนกลับไปอย่างรวดเร็ว

ดนัยสมัยที่ยังเป็นหนุ่ม เขาเพิ่งเริ่มทำงานหลังเรียนจบ หนุ่มทำงานธนาคารที่หน้าตาดี การศึกษาดี แถมที่บ้านก็ยังฐานะดี กำลังถูกกลุ่มเพื่อนผู้ชายสามสี่คนถึงดันกึ่งลากมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบาร์อะไรสักที่หนึ่ง ที่หลบตัวเข้ามาไม่ไกลนักจากถนนใหญ่ เพื่อนกลุ่มนี้ที่ต่างก็ทั้งห่าม ทั้งเฮฮา ทั้งเสียงดังกันทั้งนั้น

“เร็ว ๆ เลยไอ้ดนัย ลีลาเสียเวลา เนี่ยเดี๋ยวโชว์ก็จะเริ่มแล้ว” เพื่อนคนหนึ่งของดนัยพูดขึ้น หลังจากที่พากันเข้ามาในร้าน จัดแจงหาที่นั่ง พร้อมทั้งสั่งเครื่องดื่ม “นี่มันบาร์อย่างว่า” ดนัยแอบกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อรู้ตัวว่าเพื่อน ๆ พามาบาร์ต้องห้าม “จะกลัวอะไรกันวะไอ้ดนัย ก็แค่บาร์ตุ๊ด แถมพวกกูก็แต่งงานมีครอบครัวกันแล้วทั้งนั้น” หนึ่งในเพื่อนอีกคนของดนัยพูดเสริมขึ้น

“ใช่ ดูอย่างกูสิ ลูกสองแล้ว เราก็แค่มาสนุกกัน แค่มาดูโชว์สวย ๆ เพลิน ๆ จะคิดมากอะไรวะ” เพื่อนของดนัยพูดประโยคนั้นเสร็จ แสงไฟรอบร้านก็ถูกหรี่ลง ไฟสปอตไลต์ถูกส่องสว่างไปที่เวทียกพื้นเตี้ย ๆ ตรงกลางร้านนั่น เสียงเพลงจังหวะคึกคักชวนออกสเต็ปดังขึ้น ก่อนที่ดนัยจะเห็นคนที่พวกเพื่อน ๆ ของเขาเรียกกันว่านางโชว์เดินออกมาอยู่ตรงกลางแสงไฟนั่น

ในระหว่างที่โชว์ดำเนินไป สายตาของดนัยจับจ้องไปที่นางโชว์ที่ดนัยเองก็รู้ ว่าภายใต้รูปร่างอวบอัดและชุดเสื้อผ้าที่ดูวิบวับเป็นประกายอลังการนั้น นั่นคือผู้ชายเหมือน ๆ กันกับเขา แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่า เขาไม่สามารถควบคุมบางส่วนของร่างกายไม่ให้มันตื่นตัวไม่ได้เลย แถมดนัยที่ห้ามตัวเองเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่อาจจะละสายตาจากนางโชว์คนนี้ไม่ได้เช่นกัน

“มากันอีกแล้วนะคะ พวกหนุ่มแบงก์” พอโชว์แสดงจบ นางโชว์คนสวยประจำร้านก็เดินลงมาทัก หนุ่ม ๆ กลุ่มนี้ที่ดูจะเป็นลูกค้าประจำร้านด้วยแล้ว ดนัยได้ยินเสียงพูดที่ไม่ได้แม้แต่จะพยายามดัดให้เล็กแหลมแต่อย่างใด กับกิริยาชมดชม้อยจริตจะก้านเต็มพิกัด ยิ่งกลิ่นหอมหวานจากตัวของนางโชว์ที่โชยมาเข้าจมูกด้วยแล้ว ดนัยห้ามส่วนที่แข็งขันนั้นไม่ได้เลย

“คนนี้มาใหม่นี่คะ ไม่เคยเห็นหน้า” นางโชว์คนเก่งประจำร้านที่แขกติดกันมากมายเอ่ยทัก “เพื่อนพวกผมเอง มันชื่อดนัย” ดนัยจำไม่ได้แล้ว ว่าเขาเคยเขินมาก ๆ แบบนี้มาก่อนหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาได้แต่ผงกหัว ยิ้มแก้อาย แต่ทำท่าไม่ถูก ไม่กล้าสบตากับสายตาของนางโชว์คนสวยที่มองมาตรง ๆ ที่เขา

“ขี้อายจัง” เสียงแซวนั้นกลั้วหัวเราะ ดนัยเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย รอยยิ้มของอีกฝ่าย ทำให้ดนัยยิ้มออกมาบ้าง ก่อนที่นางโชว์คนสวยจะไล่สายตาลงไปที่กึ่งกลางลำตัวของดนัย ที่โป่งนูนอยู่ภายใต้กางเกงทำงานนั้น โดยที่เมื่อมองกลับมาที่ดนัย หนุ่มแบงก์คนนี้ ก็ไม่หลบสายตาอีกต่อไป

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้องนอนที่อยู่ด้านบนของบาร์นางโชว์นั้น ดนัยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาจะตื่นเต้นและแข็งขืนได้ถึงขนาดนี้ มันคือเพศรสที่เขาชื่นชอบ การเสพสังวาสที่เขากำลังบอกตัวเองว่า มันเป็นวิธีที่ผิด แต่ทำไมเขาถึงหยุดตัวเองไม่ได้ เขาอยากจะทำอีก ทำซ้ำ ๆ อีก ทำอย่างนี้ไปตลอด ยิ่งเสียงร้องครวญครางกึ่งเจ็บกึ่งสุขสมของอีกฝ่ายดังให้เขาได้ยินด้วยแล้ว สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือ มอบความเป็นชายให้กับเธอคนนี้คนเดียว

หลังจากค่ำคืนนั้น ไม่มีเพื่อนในที่ทำงานพูดถึงหรือถามอะไรดนัยทั้งสิ้น ทุกคนทำเหมือนไม่รู้ ว่าดนัยหายตัวขึ้นไปที่ห้องพักของนางโชว์ด้านบนของบาร์นั่น ก่อนจะลงมาด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบสุขสม และถึงตอนนี้ ดนัยเองก็ไม่สามารถลืมคืนนั้นได้ลง ในหัวเขาเฝ้าแต่คิดถึงนางโชว์คนนั้นไม่มีลืม

ดนัยรอจนบาร์เลิก เมื่อเขากลับมาที่นี่อีกครั้ง ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ชั้นบนของบาร์ เพราะประตูด้านหน้าไม่ได้ล็อก ประตูห้องนอนถูกเปิดออก หลังจากที่ดนัยเคาะและเรียกคนด้านในห้องเบา ๆ เมื่อเห็นหน้ากัน ดนัยตรงเข้าระดมจูบอีกฝ่ายอย่างดูดดื่ม โดยไม่สนว่า อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในคราบของนางโชว์แล้ว ก่อนที่ดนัยจะเปิดฉากบรรเลงเพลงรักอย่างเร่าร้อนจนเกือบรุ่งสาง

“Voulez - vous coucher avec moi ce soir?” ที่ปลายประโยคของตัวเอง ชนธัญได้ยินตัวเองพูดบางอย่างออกไป และเมื่อเขาเหมือนออกจากภวังค์มาได้ ดนัยที่ได้ยินแบบนั้น ก็ถึงกับยิ้มออกมา “คุณคงเห็นคืนแรกที่ผมเจอกับสตาร์สินะครับ นั่นคือเพลงที่สตาร์แสดงในคืนนั้น” ชนธัญรู้สึกหน้าผะผ่าวไปหมด กับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้มา

“เห็นหมดแล้วสินะครับ อะไรที่เกิดขึ้นในคืนนั้น” ดนัยกล่าวเขิน ๆ ซึ่งลักษณะท่าทางเขินของหนุ่มใหญ่ ชนธัญก็จำได้ว่า มันไม่ได้ต่างอะไรจากตอนที่ดนัยเป็นหนุ่มน้อยเลย “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมเองเลือกสิ่งที่เห็นไม่ได้ ซึ่งมันอาจจะเกี่ยวกับความคิดของคุณดนัยในตอนนี้ ว่าจดจำช่วงไหนที่เกี่ยวกับคนคนนั้นได้มากที่สุด” ชนธัญยิ้มอาย ๆ ซึ่งเขาเองก็ยังไม่เข้าใจกระบวนการที่ทำให้เขามองเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ มากนัก

“ไอ้วู ๆ ซัว ๆ ที่คุณพูดออกมา มันหมายความว่าอะไรคุณ” สารวัตรรัฐนนท์ที่ไม่ถนัดภาษาฝรั่งเศสเลย ทำกระซิบถามชนธัญ “คุณไม่ต้องรู้หรอก” ชนธัญทำกระซิบตอบ ด้วยความเกรงใจเจ้าของเรื่องที่ยืนอยู่ตรงหน้า “เอ๊า กูเกิ้ลก็ได้ พิมพ์ให้หน่อย” สารวัตรหนุ่มหล่อยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้กับหนุ่มหน้าใส “ไม่” ชนธัญปฏิเสธเสียงแข็ง อยู่ ๆ จะให้มาแปลความหมายประโยคที่ชวนคนขึ้นเตียงด้วยเนี่ยนะ ดนัยหัวเราะออกมาเบา ๆ หนุ่มใหญ่มองสารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญ ยืนเถียงกันไปมา ความรู้สึกที่มีในใจ ทำให้ดนัยหวนคิดถึงเรื่องราวสมัยก่อนที่เกิดขึ้นของตัวเอง เมื่อนานมาแล้ว

******************************************************

เนื้อร้องแปลเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=RQa7SvVCdZk


He met Marmalade down in old Moulin Rouge

หนุ่มน้อยเจอเจอสาวงามคืนหนึ่งบนถนนโลกีย์

Struttin' her stuff on the street

เธอก็เดินหาคนรู้ใจอย่างที่เคยทำมาเช่นนั้น

She said, "Hello, hey Joe, you wanna give it a go?"

สาวสวยเอ่ยทัก ว่านี่พ่อหนุ่มสนุกกันดีกว่าว่ามั้ย


He sat in her boudoir while she freshened up

เขานั่งรอในห้องพักแสนแคบของเธอ ตอนเธอตบแป้งเติมลิป

Boy drank all that Magnolia wine

หนุ่มน้อยตื่นเต้นกระดกไวน์รสหวานนั้นจนเกลี้ยง

On her black satin sheets' where he started to freak, yeah

และเมื่ออยู่บนผ้ารองพื้นนิ่ม นั่นเองที่เขาค้นพบความสุขสม


We come through with the money and the garter belts

อะไรอะไรมันก็เกี่ยวกับเรื่องเงิน เผลอเผลอก็พัวพันสายรัดต้นขาอยู่บ้าง

Let him know we 'bout that cake straight out the gate

แค่อยากให้หนุ่มหนุ่มรู้ ว่าทุกอย่างอาจจะไม่ใช่อย่างที่เห็นเสมอไป

We independent women, some mistake us for whores

เกิดขึ้นบ่อยบ่อยที่สาวทำงานดูแลตัวเองได้ จะถูกสับสนกับกลุ่มน้องโสคนงาม

I'm sayin', "Why spend mine when I can spend yours?"

แหมก็นะ จะให้สาวสวยใช้เงินตัวเองทำไม ถ้าเราใช้เงินของพวกหนุ่มหนุ่มได้น่ะ

Disagree? Well, that's you, and I'm sorry

ไม่เห็นด้วยงั้นหรือ นั่นมันเรื่องของคุณ แหม โทษทีละกัน

I'ma keep playing these cats out like Atari

ยังไงฉันก็มีน้องน้อยให้เล่น ซึ่งมันน่าเล่นมากเชียวแหละ

Wear high heel shoes, get love from the dudes

ใส่ส้นสูงหน่อย หนุ่มหนุ่มก็วิ่งเข้าหาบ๊อยบ่อย

Four badass chicks from the Moulin Rouge

ก็นะ ฉันมันวกตัวแม่ในบรรดาย่านนี้ทั้งหมด

Hey sistas, soul sistas, betta get that dough, sistas

เงินน่ะซิส ในสีไหน สกุลเงินอะไร ยังไงก็คือเงิน

We drink wine with diamonds in the glass

นี่ถ้าดื่มไวน์ในแก้วที่ที่มีเพชรวิบวับ

By the case, the meaning of expensive taste

มันก็หมายความว่า ไวน์นั่นโคตรแพงจริงมั้ยล่ะ

If you wanna gitchie, gitchie, ya-ya

ถ้าอยากจะจิ๊จ๊ะ ดี๊ด๊ากัน แล้วล่ะก็

Mocha Chocolata (what?)

กินม็อคค่าช็อคที่ฉันมี

Creole Lady Marmalade

รู้ใช่มั้ยว่าฉันคือสาวสวยอรุ่มเจ๊าะ


Touch of her skin, feeling silky smooth, hey

สัมผัสตัว ก็รู้ได้ว่ายองใยเหือนเส้นไหม

Color of café au lait, alright

สีรึก็กาแฟนวลนวลใส่นมชื่นใจ

Made the savage beast inside roar until he cried

มันยิ่งทำให้สัตว์ร้ายภายในใจคลั่ง คำรามดังลั่นว่า

More (more) , more (more) , more

เอาอีก อยากอีก ต้องการอีก


Now he's back home doin' 9 to 5

ต่อให้เขากลับไปทำงานรูทีนประจำนั่นแล้ว

He's livin' the grey flannel life

ดำเนินชีวิตไปตามครรลองทึมทึมน่าเบื่อนั้น

But when he turns off to sleep, memories creep

แต่เมื่อใดที่เขาหลับตาเข้านอนแล้วล่ะก็ ความทรงจำจะผุดขึ้นคืนคลานเรียกร้อง

More (more) , more (more) , more

ทำอีก เพิ่มอีก ขอเอาอีก


Creole Lady Marmalade

สาวสาวแห่งย่านอโคจร

Voulez-vous coucher avec moi, ce soir? (Ce soir)

ว่าไง คืนนี้ขึ้นเตียงกันดู ดีมั้ย

Voulez-vous coucher avec moi?

คืนนี้ไปกับฉัน แล้วเราเอา กันดีมั้ย
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๑๐. ต่อหน้า _ 7.26.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 26-07-2023 15:57:17
๑๐. ต่อหน้า


“พี่ดนัยลองดูนั่นสิคะ น้องล่ะนึกแปลกใจ ว่าเดี๋ยวนี้ผู้ชายก็ไม่ใช่ ผู้หญิงก็ไม่เชิงนี่ เขาเลือกที่จะเป็นแบบนั้นไปทำไมนะคะ เพราะไม่มีใครในสังคมอยากที่จะยอมรับ” ดนัยมองไปตามเสียงพูดของหญิงสาวที่พ่อกับแม่ของเขาหาเอาไว้ให้ เพื่อให้เป็นภรรยาของเขาในอนาคตอันใกล้นี้

เบื้องหน้าของเขา ผู้ชายลักษณะกิริยาท่าทางประหนึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังเดินตรงมาทางเขา ที่ยืนอยู่ด้านหน้าร้านขายอาหารตามสั่ง เสียงคนขายถามผู้ชายคนนั้นว่า จะรับข้าวกล่องเมนูเดิมอย่างที่เคยสั่งทุกครั้งใช่มั้ย ดนัยเห็นคนคนนั้นพยักหน้ารับคำ ไม่ได้มองมาทางเขาแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ดนัยจงใจมองหน้าแบบตรง ๆ

ดนัยกลับเข้ามาในธนาคาร ในสมองของเขาตอนนี้กำลังคิดว่า เขาจะทำยังไงถึงจะสามารถบอกกับสตาร์ได้ว่า ความจริงมันเป็นเช่นไร ผู้หญิงคนที่ยืนอยู่กับเขา ไม่ได้มีความผูกพันกันทางใจเลยสักนิด เป็นเพียงคนที่พ่อและแม่ของเขาเห็นสมควร คลุมถุงชนแบบที่ผู้ใหญ่ต้องการ แต่ท่าทางที่ไม่สนใจเขาเลยสักนิดของสตาร์นั่นแหละ ที่ทำให้กำลังทำให้ดนัยรู้สึกไม่สบายใจ

“เฮ้ย ไอ้ดนัย ศุกร์นี้ไปกัน” เพื่อนผู้ชายในกลุ่มที่ทำงานธนาคารด้วยกัน เอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นดนัยเดินกลับเข้ามา “ไปสิ” ดนัยกล่าวตอบรับคำชวนนั้นโดยไม่มีท่าทีอิดออดแต่อย่างใด ดวงตาของเขาดูเป็นประกายขึ้นอย่างชัดเจน “จะแอบไปเที่ยวไหนค่ำ ๆ มืด ๆ กันหรือคะหนุ่ม ๆ ที่อโคจรมีผู้หญิงเต้นระบำโป๊เปลือยแนวโชว์ผู้ชายแบบนั้นหรือเปล่าคะ” หญิงสาวที่แทนตัวเองว่าน้องทุกคำ ทำท่าขนพองสยองเกล้า

“น้องไม่อยากให้พี่ดนัยไปสถานที่แบบนั้น” หญิงสาวเกาะแขนของดนัย พลางรอคำตอบจากชายหนุ่ม ว่าเขาจะไม่ไปตามคำชวนของเพื่อน “มันไม่มีหรอกครับ โป๊เปลือย มีแต่นางโชว์สวยงาม สนุกสนานเฮฮากันไป” ใครคนหนึ่งในกลุ่ม ทนไม่ไหวกับท่าทางของหญิงสาว หลุดปากพูดแก้ต่างให้กับโชว์ที่พวกเขาไปดูประจำ

“ถ้างั้น น้องไปด้วย น้องก็อยากจะสนุกบ้างเหมือนกัน เพราะน้องยึดถือความเท่าเทียมหญิงและชาย” คำพูดนั้นของหญิงสาว ทำให้เพื่อน ๆ ของดนัยสบตากับเขาอย่างเข้าใจ แต่ทั้งหมดไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เพราะมันมีบางอย่างที่พวกเขานั้น ต้องการที่จะเก็บมันเอาไว้ ให้รู้กันเพียงในกลุ่ม ถึงความต้องการลึก ๆ ภายในใจ โดยที่รู้ว่า มีเพียงคนอย่างสตาร์และเหล่านางโชว์ที่บาร์เท่านั้น ที่เข้าใจ 'ผู้ชายอย่างพวกเขา'

เมื่อวันศุกร์มาถึง ดนัยยิ่งดูกระวนกระวาย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งวันเหลือบมองแต่นาฬิกาข้อมือที่ดูจะเดินช้ากว่าวันอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า สองสามวันที่ผ่านมานี้ ดนัยเพียรพยายามโทรหาสตาร์ที่ร้าน แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมรับสายเขาเลย โทรไปทีไรคนที่บาร์ก็พูดแต่ว่าสตาร์ไม่ว่าง ซึ่งดนัยรู้ว่ามันไม่จริง เขารู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สตาร์หลบหน้าไม่ยอมพูดกับเขา

สตาร์รู้แล้วว่า กลุ่มของดนัยมาถึงที่ร้านและนั่งอยู่โต๊ะประจำด้านหน้าเวที เธอแต่งหน้า ทำผม แต่งตัวอยู่ที่ห้องด้านหลังเวที พยายามสงบจิตใจไม่ให้แสดงอาการอะไรออกไป หลายวันมานี้ มันมีสิ่งรบกวนความคิดของเธออยู่ไม่น้อย ซึ่งเธอพยายามขจัดมันออกไป แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

แสงไฟบนเวทีถูกหรี่ลง ไฟจากสปอตไลต์สว่างจ้าไปที่บนเวที สตาร์ก้าวออกมาหน้าเวที กลุ่มผู้ชายที่สตาร์คุ้นหน้าดี และรับรู้ว่าพวกเขาคือชายหนุ่ม Married & Down – Low พวกที่แต่งงานแล้ว แต่ยังหาเศษหาเลยกับกลุ่มผู้ชายด้วยกัน หรือไม่ก็ชอบบรรดานางโชว์แบบที่สตาร์เป็นอยู่

โดยที่เหล่าบรรดานางโชว์นั้น จะไม่ล่วงล้ำเข้าไปในชีวิตปกติประจำวันของกลุ่มผู้ชายเหล่านี้ แสดงออกแค่เพียงว่า พวกเขามาเที่ยวเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น โดยใช้เกราะป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ปกป้องเอาไว้ว่า พวกเขาคือกลุ่มชายแท้ทั้งแท่ง 'ที่แต่งงานแล้ว'


I know you like me (I know you like me)

ฉันรู้ ว่าคุณชอบฉัน

I know you do (I know you do)

ไม่ผิดหรอกฉันดูออก

That's why whenever I come around, she's all over you

เพราะเมื่อไหร่ที่ฉันใกล้คุณ เธอจะอยู่ไม่ห่างคุณเสมอ

And I know you want it (I know you want it)

ก็รู้นะ ว่าคุณต้องการอะไร

It's easy to see (It's easy to see)

ไม่เห็นต้องเดาให้วุ่นวาย

And in the back of your mind

เพราะลึก ๆ แล้วคุณก็รู้

I know you should be fucking with me

ว่าคุณกับฉันควรอยู่และเอากัน



สตาร์นึกสนุก จึงเลือกเพลงโชว์ในคืนนี้ด้วยเพลงที่เธอคิดว่า มันแอบแซวแอบหยอกกลุ่มหนุ่มทำงานธนาคารเหล่านี้ ที่ส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียนจบนอกกันมาทั้งนั้น สตาร์ปรายตามองไปที่ดนัยที่นั่งคู่อยู่กับหญิงสาวที่เธอเห็นเมื่อหลายวันก่อน ที่ตอนนี้ทั้งหญิงสาวและทั้งดนัยมองมาที่สตาร์เป็นตาเดียวกัน

“นั่น คนคนเดียวกันกับที่เราเห็นที่ร้านข้าวจริง ๆ หรือคะ น้องไม่อยากจะเชื่อ” สตาร์นั้น เมื่อแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่ในคราบของนางโชว์แล้ว สตาร์เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ด้วยที่ว่าเธอรักในสิ่งที่เธอทำ และเธอทำได้ดีจากสิ่งที่เธอเป็น มีชาวต่างชาติมากมายที่มาดูเธอแสดงเกือบทุกค่ำคืน ด้วยคำพูดปากต่อปากว่า นางโชว์คนนี้ทั้งสวย ทั้งมีเสน่ห์ ทั้งยังสนุกสนานเฮฮา เป็นกันเองกับลูกค้าของร้าน


Fight the feeling (fight the feeling)

หักห้ามใจงั้นหรือ

Leave it alone (leave it alone)

ไม่ดีกว่ามั้ง

'Cause if it ain't love

เพราะถ้ามันไม่ใช่ความรัก

It just ain't enough to leave a happy home (uh-uh, uh-uh)

มันฟังไม่ขึ้นหรอก ที่ออกมาหากัน ทำไมไม่อยู่บ้าน

Let's keep it friendly (let's keep it friendly)

อยู่อย่างมิตรไมตรีต่อกัน

You have to play fair (you have to play fair, yeahh)

ไม่เอาเปรียบกันดีมั้ย

See, I don't care

ฉันน่ะไม่สนหรอก

But I know, she ain't gon' wanna share

แต่ไม่คิดว่าเธอคนนั้นจะยอมแบ่งคุณให้ฉันหรอกนะ


ดนัยเข้าใจดี ว่านี่มันคืองานของสตาร์ แต่คืนนี้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้ง ๆ ที่เขารู้ว่าสตาร์ต้องแสดงให้ลูกค้าทั้งร้านชอบอกชอบใจ และกลับมาอุดหนุนการดื่มการกินของร้านอีก แต่วันนี้ดนัยรู้ตัว ว่าเขาคงเป็นลูกค้าคนเดียวทั้งร้าน ที่ไม่ชอบเลยที่เห็นสตาร์ หัวร่อต่อกระซิกกับผู้ชายคนอื่น

ไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาเพื่อนที่ทำงานธนาคารด้วยกัน ที่สตาร์เดินลงมาจากเวที แล้วมาหัวร่อต่อกระซิก เล่นหูเล่นตาให้กลุ่มเพื่อนของเขาโห่ฮาชอบใจ มันดูสนุกสนานจนเกินขอบเขต ถึงแม้ว่าเพื่อนเขาทุกคนจะยืนยันด้วยความหนักแน่นว่า ไม่เคยมีใครที่สตาร์เล่นด้วยจนเกินเลยไปถึงเรื่องอย่างว่า แต่กับนางโชว์คนอื่นในร้าน นั่นอีกเรื่องหนึ่ง


Don't cha wish your girlfriend was hot like me?

ไม่คิดอยากจะมีแฟนที่เร่าร้อนอย่างฉันบ้างหรือ

Don't cha wish your girlfriend was a freak like me?

ไม่อยากให้แฟนตัวเองเป็นพวกนอกคอกอย่างฉันหรือไง

Don't cha, don't cha, baby

ไม่จริงจริงหรอ

Don't cha, alright, sing

ไม่สักนิดแน่นะบอกมา

Don't cha wish your girlfriend was raw like me?

ไม่อยากได้แฟนที่ใจถึงอย่างฉันสักนิดเลยหรือ

Don't cha wish your girlfriend was fun like me?

ไม่อยากให้แฟนตัวเองหนุกหนานแน่แน่ใช่มั้ย

Don't cha, ahhh, don't cha

ไม่เลยใช่มั้ย แน่นะ


ตลอดเวลาที่หญิงสาวนั่งดูนางโชว์คนนี้แสดง เธอรู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายสั่นคลอนความมั่นใจที่เคยมีลงเกือบหมด กับความที่ลูกค้าที่เป็นผู้ชายทั้งหมดในร้าน ให้ความสนใจกับผู้ชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงคนนี้กันหมด ไม่มีใครสนใจเธอเลยแม้สักนิด ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเพื่อน ๆ ของดนัยจะบอกว่า พวกเขามาที่เพื่อความสนุกสนานนั้น แต่เธอกลับเห็นแต่ความพิลึกพิลั่น เสียงโห่ฮาดูจะเกินความจำเป็น อาการเล่นด้วยตอบกลับนางโชว์ เธอรู้สึกว่ามันน่าสะอิดสะเอียน

หญิงสาวคล้องแขนรอบกล้ามแขนของดนัยเอาไว้ และขยับมานั่งจนชิดเบียดชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าสตาร์เข้ามาใกล้ และเธอต้องหันขวับไปมองดนัย เมื่อชายหนุ่มขยับตัวออกห่าง จนกล้ามแขนของเขาหลุดออกจากการเกาะกุมของเธอ เมื่อสตาร์มองตรงมา และดนัยเห็นแบบนั้น ความรู้สึกว่าเธอกำลังเสียหน้าอย่างแรงของหญิงสาว มันทำให้ความคุกรุ่นบางอย่างก่อตัวขึ้นภายในใจ


I know I'm on your mind

ฉันรู้คุณคิดถึงแต่ฉัน

I know we'd have a good time

เพราะเรามีเวลาดีดีด้วยกัน

I'm your friend, I'm fun and I'm fine

ฉันเป็นเพื่อนแก้เหงา สนุกกัน เพลินเพลิน

I ain't lyin'

ไม่โกหกกันล่ะนะ

Look at me (shh) , you ain't blind

มองมาที่ฉันสิ ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เห็น

I know I'm on your mind

เห็นชัดชัดว่าคุณลืมกันไม่ลง

I know we'd have a good time

เราต่างชอบใจที่ได้อยู่ด้วยกัน

I'm your friend, I'm fun and I'm fine

ฉันเป็นเพื่อนคลายเหงา เฮฮากัน ฉันพอใจ

I ain't lyin'

จะไม่โกหกคุณแต่อย่างใด

Look at me (shh), you ain't blind

มองมาทางนี้ ฉันรู้ว่าคุณชอบใจ


ตลอดทั้งคืนจนกระทั่งร้านปิด สตาร์พยายามรักษาระยะห่าง ระหว่างเธอกับดนัยเอาไว้ มีหลายจังหวะที่ดนัยยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นเพื่อจะชนกับเธอ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สตาร์มองออกว่า ดนัยนั้นกรึ่มอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ยิ่งเมาขึ้น ดนัยดูยิ่งกล้าที่จะเข้าหาสตาร์ จนเธอต้องหาทางออก ด้วยการดึงหญิงสาวที่นั่งหลังตรง ดูจะเชิด ๆ เกินไปเสียด้วยซ้ำ ให้ร่วมการสนทนาด้วย

ดนัยนั้น รู้สึกดีใจที่เขาสามารถส่งทุกคนขึ้นรถกับบ้านได้ รวมถึงหญิงสาวที่พ่อและแม่ของเขาหมายมั่นเอาไว้ให้ ดนัยรู้ตัวดี ว่าเขาต้องหาโอกาสคุยกับสตาร์ในคืนนี้ คุยให้รู้เรื่อง และคงจะต้องใช้เวลาหลังจากที่บาร์เลิกแล้ว ดีที่พรุ่งนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ เป็นวันหยุด คือถ้าหากต้องคุยกับสตาร์จนถึงเช้า เขาก็พร้อม


See, I know she loves you (I know she loves ya)

ฉันรู้ว่าเธอคนนั้นรักคุณ

I understand (I understand)

ก็พอจะรู้ดีอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร

I probably be just as crazy about you if you were my own man

เป็นฉันก็คงคลั่งรักคุณไม่ต่างกัน ถ้าฉันได้คุณมาเป็นแฟนจริงจริง

Maybe next lifetime (maybe next lifetime)

บางทีเราอาจจะสมหวังกันในชาติหน้า

Possibly (possibly)

ก็เป็นไปได้นะ

Until then, old friend, your secret is safe with me (shh)

จนกว่าจะถึงวันนั้น ความลับของคุณ กับฉันปลอดภัยเสมอ


“สตาร์ คุณฟังผมนะผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน” ดนัยที่บุกเข้ามาจนถึงห้องแต่งตัวด้านหลังเวทีของบาร์ แม้ว่าสตาร์จะพยายามทัดทานและเอ่ยห้ามชายหนุ่ม ทั้งนางโชว์และน้อง ๆ พนักงานประจำร้านคนอื่น ๆ ยอมกลับบ้าน เมื่อสตาร์บอกว่าไม่เป็นไร “มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว ต่อให้คุณกับเธอจะเป็นอะไรกัน” สตาร์ไม่เข้าใจว่า ทำไมเธอถึงได้รู้สึกกังวลในใจ หากว่าดนัยกับผู้หญิงคนนั้นจะชอบกันจริง ๆ

“มันไม่เหมือนผมกับคุณ สตาร์ แบบที่เรามีอะไรกัน” ดนัยเดินตรงเข้าหาสตาร์ ก่อนจะรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของเขา สตาร์ดิ้นขัดขืน บอกให้ดนัยปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ดนัยกลับก้มลงจูบสตาร์อย่างหนักหน่วง “คุณทำให้ผมหัวเสียมากนะสตาร์ คืนนี้” ดนัยดันให้สตาร์ที่ยอมอ่อนให้เขาแล้ว หันเขาหากระจกบานใหญ่ เขายกขาข้างหนึ่งของสตาร์ขึ้นพาดบนโต๊ะแต่งหน้า

“คุณยั่วให้ผมโกรธ คุณรู้ว่าผมไม่ชอบเวลาผู้ชายพวกนั้นเข้าใกล้คุณ” กระโปรงที่สตาร์ใส่อยู่ ถูกเลิกขึ้นไปกองอยู่ที่บั้นเอวของสตาร์ ก่อนที่เธอจะหันมามองดนัย เมื่อรู้สึกถึงน้ำลายที่เหนียวและอุ่นถูกป้ายเข้าด้านหลังของเธอ เมื่อชั้นในของเธอถูกถลกลงไปด้านล่าง ดนัยกดหน้าของสตาร์ให้ก้มลงติดโต๊ะแต่งหน้า เขาดันแก่นกายตัวเองแทรกเข้าไปด้านในตัวของสตาร์ พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ดนัยก็ไม่รั้งรอที่จะกระแทกกระทั้นลงไปที่บั้นท้ายของอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วง

'สัญชาตญาณของผู้หญิง' คงเป็นเพราะคำคำนี้ ภาพตรงหน้าของน้องที่มองผ่านรอยแยกของประตูห้องแต่งตัวนางโชว์ที่ด้านหลังเวที คือดนัยที่กางเกงทำงานหล่นลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า กำลังเสพสังวาสกับนางโชว์ ที่ทั้งสองคนกำลังร้องระงมไปด้วยความสุขสม เหตุว่าหญิงสาวเกิดฉุกใจคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา จึงบอกให้แท็กซี่เลี้ยวกลับมาที่บาร์แห่งนี้อีกครั้ง

********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=xTkY0Kbp3BE
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๑๑. สองคน _ 7.27.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 27-07-2023 15:33:08
๑๑. สองคน


“ผมกับสตาร์เราเริ่มคบกัน” ดนัยพูดขึ้น แววตาของเขาบ่งบอกถึงช่วงเวลาที่ทำให้หนุ่มใหญ่อย่างเขามีความสุขในชีวิต “โดยที่คนอื่นไม่รู้” ดนัยมีแววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย มีความเศร้าเข้ามาเจือ “คิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องของเรา” น้ำเสียงของหนุ่มใหญ่ที่เล่าออกมา ฟังดูก็รู้ ว่าเขาเสียใจอย่างมาก กับทุกอย่างที่เกิดขึ้น

“ผมเข้าใจว่า ตอนนั้น ทุกอย่างคงยากไปหมดสำหรับคุณสองคน” ชนธัญพอจะเข้าใจว่า เมื่อความเข้าใจไม่ได้ถูกผนวกเข้ามาในสมการความรู้สึกใน ณ ตอนนั้น “ผมไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอะไร บอกให้กับคนทั้งโลกได้เข้าใจ” ดนัยพยักหน้ายอมรับ “นอกจากพวกผมที่ทำงานด้วยกันที่ธนาคารแล้ว ก็คงมีแค่สตาร์ ที่เข้าใจความรู้สึกของพวกเรา พวกที่ต้องฝืนแต่งงานมีครอบครัว เพื่อให้ชีวิตดูปกติที่สุด” ดนัยพูดพลางไล่สบตากับทั้งชนธัญและสารวัตรรัฐนนท์

“ยุคสมัยมันไม่ได้เปิดกว้าง อ้าแขนตอบรับผมกับสตาร์ เหมือนกับที่ตอนนี้ที่มีพื้นที่มากมายให้ยืนด้วยกันท่ามกลางคนอื่น ไม่ได้โชคดีเหมือนกับคุณสองคน” ดนัยพูดกับสารวัตรหนุ่มและคนหน้าใสที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา “เอ่อ ไม่ใช่นะครับคุณดนัย” ชนธัญเสียงตะกุกตะกักทำทีแก้ต่างออกไป เมื่อได้ยินดนัยพูดออกมาเช่นนั้น

“คือกำลังจะ คือยัง ไม่ได้ เอ่อ เป็นแฟนกันครับ” ท่าทางของสารวัตรรัฐนนท์เอง ที่ทำทีหรี่ตามองไปที่ชนธัญ ทำให้ดนัยมีรอยยิ้มออกมาได้ “ตอนนั้นผมเลยมีความคิดว่า ถ้าหากผมทำได้ ผมจะทำให้สตาร์ไม่รู้สึกว่า ตัวเองไร้ตัวตน ต้องคอยหลบอยู่แต่ในมุมมืด รองรอบแต่เรื่องความใคร่ที่ผมมี ผมอยากให้สตาร์รู้ว่า เขาคือคนที่ผมรัก เขาคือคู่ของผม” ดนัยนึกย้อนไปยังวันวาน วันนั้น วันที่เขาอยากให้สตาร์ได้จดจำเอาไว้เป็นความทรงจำดี ๆ

ก่อนสุดสัปดาห์นั้น ดนัยงานยุ่งมาก ๆ สิ่งที่ขาทำได้คือ โทรศัพท์หาสตาร์ก่อนที่เธอจะขึ้นแสดงทุกคืน ทั้งสองคนมีเวลาสิบถึงสิบห้านาทีที่จะพูดคุยกัน แต่มันเป็นช่วงเวลาอันสั้นที่มันมีคุณภาพ คำถามที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใย อะไรก็ตามที่ทั้งสองคนอยากจะบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ ความอาทรในน้ำเสียง มันคือพลังใจให้ชีวิตขับเคลื่อนได้ ในวันต่อ ๆ ไป

เช้าวันเสาร์ ดนัยขับรถออกจากบ้านแต่เช้า เขาบอกกับที่บ้านว่ามีธุระที่ต่างจังหวัด แต่จริง ๆ แล้วดนัยนั้น อยากขับรถพาสตาร์ไปเที่ยวพักผ่อนสมอง เมื่อทางบาร์ประกาศปิดปรับปรุงระบบไฟ ระบบเวทีเป็นเวลาสองวัน เพื่อให้โชว์ใหม่ที่สตาร์และเหล่านางโชว์คิดขึ้น ได้แสดงเต็มที่อย่างที่ออกแบบเอาไว้

“สวัสดีครับคุณผู้หญิง” ดนัยเอ่ยคำทักทาย คนที่เขาบอกว่า ให้เต็มที่ที่สุด ก่อนจะเห็นสตาร์นั้นทั้งวิกผม แว่นตากันแดดขนาดใหญ่ ทั้งผ้าพันคอ ทั้งเฟอร์ฟูฟ่อง ทั้งชุดเลื่อมระยิบระยับ ไหนจะหมวกปีกกว้างนั่นอีก “นี่ออมมือแล้วนะ” สตาร์ที่เข้ามานั่งในรถ ทำหน้านิ่ง สบตากับดนัยตอนพูด รอปฏิกิริยาตอบกลับมาจากชายหนุ่ม กับการแต่งตัวที่สุดพลังขนาดนี้

“ไม่ร้อนแน่นะ แอร์รถไม่ค่อยเย็นเสียด้วย” ดนัยอมยิ้มไปกับคำพูดของตัวเอง ก่อนจะเห็นสตาร์ยิ้มกว้างออกมา “กลัวเสียที่ไหนกัน เรื่องเล็กน่า” เสียงพูดกลั้วของหัวเราะของสตาร์ ทำให้ดนัยต้องหัวเราะตาม ก่อนที่เขาจะติดเครื่องยนต์ และออกรถจากที่ด้านหน้าบาร์ของสตาร์ เพื่อเดินทางออกต่างจังหวัด

ขับรถออกมาได้สักพัก สตาร์ก็เก็บอุปกรณ์เครื่องแต่งกายเครื่องประดับ จัดใส่กระเป๋าจนหมด ใจจริงตั้งใจจะเอามาแกล้งดนัยแค่นั้น แต่ต้องหมดสนุกเสียก่อน เมื่อดนัยไม่ได้สนว่าสตาร์จะแต่งตัวแบบไหน เพราะถึงอย่างไร ขับรถออกไปเที่ยวที่ไกล ๆ แบบนี้ ก็ไม่มีใครรู้จักพวกเขาทั้งสองคนอยู่แล้ว

“ขอไม่เป็นสตาร์สักวันนะ” ดนัยมองไปยังชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ที่อายุมากกว่าเขาเล็กน้อย คนที่อยู่ในเสื้อยืด กางเกงยีนตัดขาสั้นกว่าปกติ ผิวพรรณผ่องนวล ใบหน้าไม่แต่งดูแปลกตา แต่ยังคงหน้ามอง “เปิดได้มั้ย” ดนัยพยักหน้าทำตามอย่างเอาใจ เมื่ออีกฝ่ายชี้บอกและขอให้เขาเลื่อนเปิดประทุนออกรับลม

สตาร์ยืนขึ้นเอาลำตัวแนบไปกับขอบกระจกหน้ารถ ดนัยขับรถไม่เร็วมากนัก เมื่อตอนนี้เขาสองคน กำลังมุ่งหน้าไปตามถนนที่กำลังพาพวกเขาบ่ายหน้าออกสู่ทะเล รถไม่เยอะกับวันหยุดแบบนี้ ลมเย็น ๆ ปะทะเข้าหน้าของสตาร์ ที่หลับตารับลมทะเล ที่ได้กลิ่นอายทะเลนั้น ว่าอยู่อีกไม่ไกล

ดนัยมองไปยังชายหนุ่มที่หันมามองเขาด้วยสายตาปลาบปลื้ม ในแววตาบอกคำขอบคุณผ่านมาให้เขานับครั้งไม่ถ้วน มันไม่ใช่เพียงการได้มาเที่ยวทะเลอีกครั้งเท่านั้น หลังจากที่ไม่ได้มาเสียนาน แต่มันเป็นการเดินทางกับใครสักคน ที่ไม่สนอะไรมากไปกว่า การให้เราได้เป็นตัวเอง และได้เห็นเรามีความสุข

แทบจะในทันที ที่ทั้งสองคนเข้าพักในบังกะโลที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว หลบเข้ามุมและห่างจากบังกะโลหลังอื่น ๆ พอสมควร ดนัยและสตาร์ร่วมรักกันอย่างเผ็ดร้อน โดยที่สตาร์ไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์ของนางโชว์ มันคือสิ่งที่เขาทั้งสองคนใช้แทนคำพูดว่า พวกเขายินยอมพร้อมใจที่จะเป็นของกันและกัน และใช้มันบอกถึงสถานะที่ตกลงกันแล้วว่า มันจะไม่เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าสตาร์จะแสดงออกถึงตัวตนของตัวเองอย่างไร

สตาร์นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาดนัย ที่ตอนนี้นอนหงายแผ่หลาหลังจากฝากความรักของเขาเข้าสู่ร่างกายของสตาร์ ดนัยผ่อนลมหายใจจากหอบหนัก ๆ ลงสู่แรงลมหายใจปกติ สายตาของเขาไล่มองจากใบหน้าของสตาร์ ก่อนจะใช่ปลายนิ้วไล่เลาะแตะที่ปลายคาง ลำคอ อก เอวเว้า ก่อนจะหยุดมือของเขาเอาไว้ที่แนวผ้าห่ม ที่สตาร์ยกขึ้นปิดบริเวณใต้ท้องน้อยของตัวเองลงไป

“คุณรู้ใช่มั้ย ว่ามันไม่ได้มีผลอะไรกับความรู้สึกของผมเลย ผมไม่ได้รังเกียจอะไรในตัวคุณเลย สตาร์” ดนัยรู้ ว่าอีกฝ่ายนั้น มีความคิดที่จะจัดการอะไรบางอย่าง เพื่อความสมบูรณ์ทางความรู้สึก “งั้นก็จับเลย” สตาร์คว้ามือของดนัยแหมะลงไปที่ใต้ผ้าห่ม ดนัยคลึงขยำอย่างสนุกมือ จนบางอย่างเริ่มสู้มือ สตาร์เลยดึงมือของดนัยออก ทั้งสองคนหัวเราะเสียงดังขึ้นพร้อมกัน

“รอยอะไร ผ่าไส้ติ่งหรือครับ” ดนัยใช้ศอกยันตัวเองขึ้น ปลายนิ้วแตะลงไปที่รอยแผลเป็นที่ท้องด้านซ้ายของสตาร์ “ไม่สิ ไส้ติ่งอยู่ทางด้านขวา แต่นี่” ดนัยมองสบตากับสตาร์ ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดออกมา “มีดน่ะ” น้ำเสียงของสตาร์ที่พูดออกมาเรียบ ๆ แปลกที่มันทำให้ดนัยรู้สึกเย็นเฉียบเข้าไปในใจ

“เขาใช้มีดแทง แล้วปล่อยให้นอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น” สตาร์เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “คงยังไม่ถึงที่ตาย เพราะ” ดนัยฟังสิ่งที่อีกฝ่ายเล่า ว่าเกิดขึ้นกับเขาพร้อม ๆ กัน “ได้ดั้งใหม่” สตาร์จับมือของดนัยไปแตะที่จมูก ที่เคยถูกชกจนหัก “และก็นี่ รู้สึกมั้ย” ดนัยที่นิ้วมือไล่เลาะไปตามกระดูกซี่โครงของสตาร์

“มันหักแล้วทิ่มเข้าปอด” ดนัยตกใจกับคำพูดของสตาร์ “ตอนนั้นความรักทำให้ฉันคิดว่า สิ่งที่โดนกระทำ คือเรื่องที่สมควรแล้ว เมื่อกะเทยนางโชว์อยากจะมีความรักดี ๆ กับผู้ชายสักคน ที่สะเออะเสนอหน้าหึงหวงเขา” สภาพของสตาร์ในตอนนั้น ยับเยินยิ่งกว่าอะไร ตอนที่นอนยังไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียู ใคร ๆ ก็คิดว่าน่าจะรอดมาได้

“หลังจากนั้น ก็ไม่คิดว่า ความรักมันคือเรื่องจริงจังอะไร เพราะไม่มีใครยอมรับว่าคบอยู่กับนางโชว์ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความรักไม่ได้เกิดมาคู่กับคนอย่างฉัน ว่าไม่เอาอีกแล้ว” ดนัยเข้าใจแล้ว ว่าทำไมสตาร์ถึงเลือกที่จะไม่รับโทรศัพท์ตอนเขาโทรไปหา กับสิ่งที่สตาร์เคยผ่านมา “จนกระทั่ง” ดนัยสบตากับสตาร์ ที่มีน้ำตารื้นขึ้นขอบตา

“หรือว่า ฉันยังพอมีหวัง” สตาร์เสียงสั่นเครือ ดนัยขยับตัวเข้ารั้งร่างของสตาร์เข้ามากอดเอาไว้ กล้ามแขนใหญ่ ๆ ของเขาโอบรอบตัวของนางโชว์คนที่เป็นที่รัก ดนัยปล่อยให้สตาร์สะอื้นกับแผงอกของเขา ชายหนุ่มพรมหอมหัวหอมหูของสตาร์ จูบแก้มเพื่อปลอบใจและปลอบประโลมคู่ของเขา อย่างน้อยก็ให้ผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปด้วยกัน

*****************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=U6oRNDGpvjA



Estoy loca

I’ m crazy

ฉันคลั่ง

Enamorada, de ti

In love with you

รักคุณ


It seemed to be like the perfect thing for you and me

มันดูว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับคุณและฉัน

It's so ironic you're what I had pictured you to be

ถึงมันจะดูไม่ตรงกับภาพที่ฉันคิดเอาไว้เกี่ยวกับคุณเท่าไหร่

But there are facts in our lives

แต่ความจริงในชีวิตของคนเรานั้น

We can never change

เราก็เปลี่ยนแปลงตามใจชอบไม่ได้ทั้งหมด

Just tell me that you understand and feel the same

แค่บอกกับฉันมาว่าคุณกับฉันเราเข้าใจตรงกัน


This perfect romance that I've created in my mind

เรื่องราวความรักที่ฉันสร้างมันขึ้นในจินตนาการนี้

I'd live a thousand lives

ฉันสร้างเห็นการณ์ชีวิตนับเป็นพันพัน

Each one with you right by my side

แต่ละอันมีคุณกับฉันเคียงข้างกันไป

But yet we find ourselves in a less than perfect circumstance

แต่ก็อีก เราต่างเจอสถานการณ์ที่ไม่ได้ดั่งใจหลากหลาย

And so it seems like we'll never have the chance

มองดูไปพวกเราก็ไม่น่าที่จะไปกันได้รอด


Ain't it funny how some feelings you just can't deny (oh)

ตลกดีไม่ใช่หรือกับความรู้สึกที่หักห้ามไม่ได้

And you can't move on even though you try (oh)

กลับไม่ได้ให้เดินไปต่อก็ไปไม่ถึงแม้จะลองแล้ว

Ain't it strange when you're feeling things you shouldn't feel

มันประหลาดใช่มั้ยเมื่อรู้สึกในสิ่งที่ใจไม่ควรจะรู้สึก

Oh, I wish this could be real

ได้โปรดเถอะขอให้ทุกอย่างมันเป็นจริง


Ain't it funny how a moment could just change your life (oh)

มันตลกดีไม่ใช่หรือจังหวะหนึ่งเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล

And you don't want to face what's wrong or right (no)

และคุณไม่สนแล้วว่ามัจะผิดหรือมันจะถูก

Ain't it strange how fate can play a part

มันประหลาดดีแท้ที่โชคชะตามันจัดแจงจัดสรร

In the story of your heart

เรื่องราวคามรักในจิตใจของคุณ


Sometimes I think that a true love can never be

บางครั้งฉันก็คิดนะว่ารักแท้มันไม่มีอยู่จริง

I just believe that somehow it wasn't meant for me

ฉันจึงเชื่อว่าอย่างน้อยมันอาจจะไม่ได้มีไว้พื่อฉัน

Life can be cruel in a way that I can't explain

ชีวิตมันก็โหดร้ายโดยที่ฉันเองนั้นหาคำอธิบายไม่ได้

And I don't think that I could face it all again

และฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถเผชิญหน้ากับมันได้อีกแล้ว


I barely know you but somehow I know what you're about

ฉันแทบจะไม่รู้จักคุณเลยด้วยซ้ำแต่ฉันกลับรู้สึกว่าคุณคือคนที่ใช่

A deeper love I've found in you

ความรักอันแสนสุดที่ฉันพบในตัวคุณ

And I no longer doubt

และตัวฉันทำให้คำถามนั้นสิ้นสงสัยไป

You've touched my heart and it altered every plan I've made

คุณครองหัวใจฉันและนั่นมันทำให้ทุกอย่างที่ฉันคิดไว้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด

And now I feel that I don't have to be afraid

และฉันรู้แล้วว่าฉันไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใดอีกต่อไป


Ain't it funny how some feelings you just can't deny (oh)

ตลกดีไม่ใช่หรือกับความรู้สึกที่หักห้ามไม่ได้

And you can't move on even though you try (oh)

กลับไม่ได้ให้เดินไปต่อก็ไปไม่ถึงแม้จะลองแล้ว

Ain't it strange when you're feeling things you shouldn't feel

มันประหลาดใช่มั้ยเมื่อรู้สึกในสิ่งที่ใจไม่ควรจะรู้สึก

Oh, I wish this could be real

ได้โปรดเถอะขอให้ทุกอย่างมันเป็นจริง


Ain't it funny how a moment could just change your life (oh)

มันตลกดีไม่ใช่หรือจังหวะหนึ่งเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล

And you don't want to face what's wrong or right (no)

และคุณไม่สนแล้วว่ามัจะผิดหรือมันจะถูก

Ain't it strange how fate can play a part

มันประหลาดดีแท้ที่โชคชะตามันจัดแจงจัดสรร

In the story of your heart

เรื่องราวคามรักในจิตใจของคุณ


I locked away my heart

ฉันเก็บซอนหัวใจของฉันเอาไว้

But you just set it free

แต่เป็นคุณที่ให้อิสระแก่มันอีกครั้ง

Emotions I felt

ความรู้สึกที่ฉันมี

Held me back from what my life should be

เคยฉุดรั้งฉันเอาไว้จากชีวิตที่มันควรจะเป็น

I pushed you far away

ฉันผลักไสคุณไปแสนไกล

And yet you stayed with me

คุณก็ยังหนักแน่นอยู่กับฉันไม่ไปไหน

I guess this means

ฉันคิดว่านี่มันคงเป็นไปได้ว่า

That you and me were meant to be

ทั้งคุณและฉันเจอะเจอกันด้วยพรหมลิขิตบันดาล
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๑๒. ในใจ _ 7.28.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 28-07-2023 14:57:30
๑๒. ในใจ

“หมอเรียกเอกสารที่สำคัญกับภาพหลักฐานในที่เกิดเหตุมาเกี่ยวกับคดีนี้มาดู แต่มันหลายปีมากแล้ว ไม่ค่อยได้อะไรมากนัก” แพทย์หญิงดรุณีตอบกลับสารวัตรรัฐนนท์ที่อยู่อีกปลายสายกลับไป “หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เมื่อสมัยนั้น หมอไม่อยากพูดว่ามันไม่รอบคอบดีพอ เพียงแต่มันไม่ให้แนวทางอื่น ๆ กับเราเลย ที่จะสืบไปในทางอื่นเพิ่มเติม นั่นทำให้คดนี้และรวมถึงโคลด์เคสอื่น ๆ ยังคงดองกันอยู่อีกพะเรอเกวียน” สารวัตรหนุ่มหัวเราะกับคำอะไรโบราณ ๆ ที่หมอดุใช้ เดาได้ไม่ยากว่า น่าจะเป็นเพราะละครพีเรียดที่กำลังดังเป็นกระแสอยู่ แพทย์สาวเองก็ยังอดขำไปด้วยไม่ได้

“แล้วนี่หนุ่มหน้าใสนั่นอยู่ด้วยกันหรือเปล่า” หมอดุอดไม่ได้ที่จะถามถึงคู่หูสืบคดีคนใหม่ของอีกฝ่าย “อยู่ ก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ” หมอดุจับน้ำเสียงความอ่อนโยนนั้นจากสารวัตรหนุ่ม “ห่างกันไม่ได้เลยนะหมวด” แพทย์หญิงดรุณีแซวออกไป ได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบา ๆ “ทำไงได้ล่ะ” โดยไม่ได้พูดบ่ายเบี่ยงอย่างที่เคยทำ ก่อนที่สารวัตรรัฐนนท์จะขอวางสายจากหมอดุไว้เพียงแค่นั้นก่อน

“คุณชนธัญเห็นวิญญาณด้วยมั้ยครับ” ดนัยเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้ “ก็มีบ้างครับ บางครั้ง” ชนธัญนึกถึงคดีแรกที่เขานั้นเห็นวิญญาณภรรยาของหมอชีพมาปรากฏกายให้เห็นต่อหน้าต่อตา “แล้ว คุณชนธัญเห็น” ดนัยถามต่อ แต่น้ำเสียงฟังดูลังเลที่จะพูดออกไปตรง ๆ “ที่นี่หรือครับ” ชนธัญถาม ก่อนจะได้คำตอบเป็นการพยักหน้าจากหนุ่มใหญ่

“ไม่เห็นครับ” คำพูดของชนธัญทำให้ดนัยหลุบตาลงต่ำ เหมือนผิดหวังที่ได้ยินแบบนั้น “แต่ถึงผมไม่เห็นว่ามีวิญญาณอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า ก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่า พวกเขายังอยู่ที่นั่น หรือจากไปแล้วนะครับ” ดนัยสบตากับชนธัญก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ สารวัตรรัฐนนท์ที่ยืนฟังคำสนทนาอยู่เงียบ ๆ จึงเอ่ยขึ้น

“คุณดนัยพอจะยังจำสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นได้อยู่มั้ยครับ ช่วยเล่าเหตุการณ์ที่คุณดนัยทราบให้พวกเราฟังอีกสักครั้ง” ดนัยหลับตาลง พ่นลมหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้น “คืนนั้นเป็นคืนที่ผมสัญญากับสตาร์เอาไว้ ว่าผมจะไปหาที่บาร์” ดนัยเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง ว่าเขาตั้งใจจะไปหาคนรัก จากที่สัปดาห์นั้นเขายุ่งมากจริง ๆ จนแทบไม่มีเวลาทำอะไรอย่างอื่น

“งั้นพวกกูล่วงหน้าไปกันก่อน จะไปจองโต๊ะ ไอ้ดนัย เดี๋ยวเอ็งตามไปนะโว้ย” กลุ่มเพื่อนผู้ชายที่ทำงานธนาคารด้วยกันรีบพูด ก่อนจะเร่งพากันเดินเลี่ยงไป เมื่อเห็นหญิงสาวคู่หมั้นคู่หมายที่ทางพ่อแม่ของดนัยประกาศออกสื่อใหญ่โต ว่าทั้งสองคนกำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้านี้ เธอเดินถือข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือเข้ามาหา

“อ้าว พวกนั้นเขารีบไปไหนกันคะพี่ดนัย” คนถูกถามไม่ตอบอะไร แค่ยิ้มเฉย ๆ ก่อนจะถามหญิงสาวกลับไปว่า “เย็นนี้พี่ต้องเคลียร์งาน น้องมีอะไรหรือเปล่า เพราะพี่กำลังยุ่งมากจริง ๆ” จบประโยคของดนัย ก็เห็นหญิงสาวยกมือทั้งสองขึ้นชูถุงอาหารและขนมมากมายให้ดนัยดู

“กะว่าจะมาหาเพื่อนทานข้าวเย็นกัน กินด้วยกันหลาย ๆ คนก็สนุกดี แต่กลับไปกันหมดเลย เหลือแต่เราสองคน ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้คราวหลังก็ได้” ดนัยรู้สึกใจชื้นเมื่อได้ยินหญิงสาวพูดแบบนั้น เพราะคิดว่าพอหญิงสาวของตัวกลับเลย เขาก็จะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วจะได้ขับรถบึ่งไปที่บาร์ ให้ทันสตาร์ขึ้นโชว์

“มื้อนี้ เราสองคนก็กินด้วยกันไปก่อน ดูสิคะพี่ดนัย น้องซื้อแต่ของชอบของพี่ดนัยมาทั้งนั้นเลย กินข้าวก่อนนะคะ เพิ่มพลังก่อนเคลียร์งานให้เสร็จ” ดนัยฝืนกลืนคำพูดบางอย่างที่มีลงไป คิดเสียว่า รีบ ๆ กิน รีบ ๆ หาทางไล่หญิงสาวให้กลับบ้านไป แล้วก็รีบ ๆ ทำงานให้เสร็จ จะได้รีบ ๆ ไปหาสตาร์ได้เสียที

“ทั้ง ๆ ที่วันนั้น ผมไม่คาดหมายว่าจะมีอะไรต้องทำเยอะมากมายขนาดนั้น” ดนัยพูดให้กับทั้งสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญฟัง “แต่งานก็สุมรุมเร้าผมตั้งแต่เช้า มีลูกค้ารายใหม่ติดต่อเข้ามาตลอด รายใหญ่ทั้งนั้น จะบอกปัดให้ติดต่อมาใหม่เช้าวันจันทร์ก็ไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ผมตั้งใจเอาไว้แล้ว ทั้ง ๆ ที่ผมสัญญากับสตาร์เอาไว้เป็นอย่างดี” น้ำเสียงและแววตาของดนัย แสดงออกมาอย่างชัดเจน ว่าเขาผิดหวังในตัวเองมากแค่ไหน

ที่บาร์นางโชว์ ตั้งแต่เพื่อน ๆ กลุ่มของดนัยมาถึงที่ร้าน พอได้เจอกับสตาร์ ก็บอกกับนางโชว์เบอร์หนึ่งของร้าน เบอร์ต้น ๆ ของกรุงเทพมหานครว่า ดนัยกำลังเคลียร์งานสำคัญอยู่ เป็นลูกค้ารายใหญ่ และกำลังตามมาในอีกไม่ช้า แต่จากเย็น จนเป็นหัวค่ำ จนถึงเวลาที่โชว์จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววของดนัยแต่อย่างใด

“เฮ้ยดนัย ยังไม่เสร็จอีกหรือวะ” ใครคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อน โทรกลับไปหาดนัยที่ธนาคาร “งานน่ะเสร็จแล้ว แต่กำลังหาทางไล่น้องให้กลับไปอยู่ นี่ก็รบเร้าให้ไปส่งที่บ้าน” ไม่ต้องบอกก็รู้ “จริง ๆ สตาร์น่าจะขึ้นโชว์แล้ว แต่นี่ให้นางโชว์คนอื่นขึ้นก่อน สตาร์น่าจะรอมึงอยู่ ดนัย” ว่าถ้าดึกขนาดนี้แล้ว หากดนัยขับรถกลับไปส่งหญิงสาวที่บ้าน รับรองว่านอกจากเขาจะไปไม่ทันดูสตาร์ขึ้นแสดงแล้ว ที่แย่ไปกว่านั้น คือดนัยจะผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับคนรักของเขา

ผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ หลังจากที่ดนัยวางสายจากเพื่อนที่โทรมาถามว่าเขาเสร็จงานหรือยัง ดนัยก็พูดเกลี้ยกล่อมให้หญิงสาวกลับบ้านได้สำเร็จ โดยที่ดนัยเรียกรถแท็กซี่ให้กับเธอ ดนัยเองอดคิดไม่ได้ว่า อย่างกับหญิงสาวทำตัวถ่วงเวลาเพื่อให้เขาไปไม่ทันดูสตาร์ขึ้นโชว์ ยังไงยังงั้นแหละ เพื่อนของดนัยโทรมาหาเขาจากบาร์นางโชว์อีกครั้ง ก่อนจะบอกว่า

“สตาร์กำลังจะขึ้นโชว์แล้ว ถ้าแกรีบขับรถมา ยังไงก็ทัน” เสียงเพื่อนบอกกับดนัยไปตามสาย “สตาร์โกรธมั้ยวะ” ดนัยอดเป็นห่วงในเรื่องนี้ไม่ได้ “ดูเฉย ๆ นะ ไม่ได้พูดอะไร แต่หน้าก็เศร้า ๆ แหละ แฟนมีแต่แฟนไม่มา” ดนัยด่าเพื่อนไปชุดใหญ่ ที่พูดจาไม่เข้าหู ก่อนจะรีบวางสาย แล้วขับรถออกไปในทันที

ดนัยรู้สึกว่า ยิ่งเร่ง ทุกอย่างดูเหมือนจะช้าลงไปกว่าเดิมเสียหมด ไฟแดงกี่แยก ๆ ก็เหมือนกำลังแกล้งเขา ไม่มีสักสี่แยกเดียว ที่เข้าใจคนที่กำลังรีบเร่งอย่างเขา รถราก็ขวักไขว่เหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ท้องถนนในเวลาที่เริ่มดึกมากแล้วแบบนี้ ควรจะต้องโล่ง จนแทบไม่เหลือรถยนต์ให้เห็นหนาตาเช่นช่วงกลางวัน

“ทำนองเพลงมันเศร้าจังวะ ไหนเมื่อกี้มีคนบอกว่า สตาร์เตรียมเพลงสนุก ๆ ขึ้นโชว์ในวันนี้” ทุกคนถึงแม้จะสงสัย แต่ก็ดีกว่าที่จะไม่ได้ดูโชว์ของสตาร์ เจ้าตัวนั้นขึ้นแสดงกับเพลงที่ช้า ๆ ทำนองสวย และความหมายดี เสียงคนดูลูกค้าทั้งไทยและเทศ ส่งเสียงกรีดร้องให้กำลังใจ แม้ว่า ในการแสดงครั้งนี้ของสตาร์ ทุกคนไม่เห็นนางโชว์ที่เคยมีแต่ใบหน้าสดใส แสดงรอยยิ้มออกมาเลยสักนิดเดียว

ดนัยเล่ามาจนถึงตอนนี้ น้ำเสียงของหนุ่มใหญ่เริ่มสั่นเครือ การพูดของเขาเริ่มขาดเป็นห้วง ๆ ตามความรู้สึกและห้วงอารมณ์ที่กำลังเล่นงานเขา สารวัตรรัฐนนท์รับฟังด้วยความรู้สึกเห็นใจ ชนธัญนั้น เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตัวเขาเองนั้นลำคอตีบตันไปด้วย กับเรื่องราวที่พรั่งพรูออกจากปากของดนัย

เสียงเพลงจบลง ไฟบนเวทีมืดดำ สตาร์มองไปที่ห้องแต่งตัวที่ด้านหลังเวที ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่ประตูห้องนั้น ทิ้งเสียงจ้อกแจ้กตะโกนเชียร์ของลูกค้าบาร์นางโชว์เอาไว้ที่เบื้องหลัง สตาร์เดินมาหยุดอยู่กลางห้อง มองตรงไปที่กระจกแต่งหน้าบานใหญ่ เสียงคนเดินตามเข้ามาในห้องดังขึ้น สตาร์ยิ้มที่ริมฝีปาก แต่เมื่อเห็นเงาสะท้อนในกระจก สตาร์ก็หุบยิ้ม ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาสวยคู่นั้นลง

**************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย Jay J

https://www.youtube.com/watch?v=X1CL5pJM0cg


Now I don't wanna lose you

ฉันไม่อยากเสียคุณไป

But I don't wanna use you

แต่ฉันก็ไม่อยากจะใช้คุณเป็นข้ออ้าง

Just to have somebody by my side

เพียงแค่อยากมีใครสักคนข้างกาย


And I don't wanna hate you

ไม่เลยสักครั้งที่ฉันอยากเกลียดคุณ

I don't wanna take you

แต่ก็เช่นกันฉันไม่อยากจะยื้อคุณไว้

But I don't wanna be the one to cry

เพราะฉันไม่อยากจะเป็นคนร้องไห้ออกมาเสียเอง


And that don't really matter

และฉันนั้นมันไม่ได้สำคัญ

To anyone, anymore

ไม่ว่ากับใคร ทั้งนั้นอีกแล้ว

But like a fool I keep losing my place

ไม่ต่างจากคนโง่งมงายที่ย้ายที่ของตัวเองอยู่ร่ำไป

And I keep seeing you walk through that door

แต่ก็หวังจะเห็นคุณเดินผ่านประตูบานใหม่นั้นเข้ามาหากัน


But there's a danger in loving somebody too much

มันอันตรายเมื่อคุณรักใครสักคนจนมากเกินไป

And it's sad when you know it's your heart you can't trust

และยิ่งน่าเศร้า เมื่อหัวใจของคุณเอง คือสิ่งที่ไว้ใจไม่ได้

There's a reason why people don't stay where they are

มันคือเหตุผลที่คนเราไม่ยอมอยู่ที่เดิมนั่นต่อ

Baby sometimes love just ain't enough

เพราะความรักแค่นั้นมันคงจะไม่พอ


Now I could never change you

ฉันไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงคุณได้

And I don't wanna blame you

ซึ่งจะให้ฉันโทษคุณได้อย่างไรกัน

Baby you don't have to take the fall

ที่รัก ไม่เลย คุณไม่ต้องรับผิดแทนฉัน


Yes I may have hurt you

จริงอยู่ฉันอาจจะทำร้ายคุณลงไป

But I did not desert you

แต่ใช่ว่าฉันจงใจทอดทิ้งคุณ

Maybe I just want to have it all

ลึกลึกแล้วฉันคงอยากให้มันเป็นอย่างใจไปเสียทุกสิ่ง


It makes a sound like thunder

มันฟังดูเหมือนถูกสายฟ้าฟาดผ่าน

It makes me feel like rain

แต่ก็ตามด้วยสายฝนที่เย็นสะท้าน

And like a fool who will never see the truth

และจะให้คนโง่มองเห็นความจริงไปได้เช่นไร

I keep thinking something's gonna change

ที่ในใจฉันคิดเอาเองว่าสักวันมันคงเปลี่ยนแปลง


But there's a danger in loving somebody too much

มันอันตรายเมื่อคุณรักใครสักคนจนมากเกินไป

And it's sad when you know it's your heart you can't trust

และยิ่งน่าเศร้า เมื่อหัวใจของคุณเอง คือสิ่งที่ไว้ใจไม่ได้

There's a reason why people don't stay where they are

มันคือเหตุผลที่คนเราไม่ยอมอยู่ที่เดิมนั่นต่อ

Baby sometimes love just ain't enough

เพราะความรักแค่นั้นมันคงจะไม่พอ


And there's no way home

และมันคงไม่มีที่ใดให้ไป

When it's late at night and you're all alone

เมื่อถึงดึกดื่นค่ำคืนและเหลือเพียงตัวคนเดียวลำพัง

Are there things that you wanted to say

มันมีหลายอย่างที่อยากจะเอื้อนเอ่ยมันออกไป

And do you feel me beside you in your bed?

คุณยังคงรู้สึกไออุ่นของตัวฉันไหมเมื่อเราร่วมเตียง

There beside you, where I used to lay

ที่ข้างข้างกายของคุณ ที่ที่ฉันเคยร่วมเคียง


And there's a danger in loving somebody too much

มันคือสิ่งอันตรายเมื่อเรารักใครสักคนจนล้นใจ

And it's sad when you know it's your heart they can't touch

และต้องเสียใจ เมื่อรู้ว่าหัวใจคุณที่มีคือสิ่งต้องห้าม

There's a reason why people don't stay who they are

และนี่คือเหตุผลว่าคนเราไม่กล้ายอมรับออกไปว่าเราเป็นใคร

Baby sometimes love just ain't enough

บางครั้งแค่รักนั้นยังไม่พอ

Baby sometimes love, it just ain't enough

หลายครั้ง ความรักคงยังไม่พอ
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๑๓. ผิด _ 7.29.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 29-07-2023 15:46:03
๑๓. ผิด


“แย่หน่อยนะ อยู่กับกะเทยนางโชว์น่ะ” สตาร์พูดพลางหัวเราะคิกคักกับตัวเอง ที่เพิ่งไปหาริบบิ้นมาผูกเป็นหูกระต่ายให้ดนัยเป็นที่เรียบร้อย “เดี๋ยวก่อน” ดนัยที่ยืนนิ่ง ๆ ให้สตาร์ผูกหูกระต่ายให้ ก้มมองไปที่ตัวเอง “คือยังไง ชุดเจ้าบ่าวถึงได้มีแค่หูกระต่ายอย่างเดียว” ดนัยก้มลงมองสภาพของตัวเอง ที่สตาร์บอกเอาไว้แล้วว่า

“ก็มีหูกระต่ายกันโป๊แล้วไง ชุดนี้แหละ เจ้าบ่าวหล่อที่สุด จริงใจดี” สตาร์พูดพลางย่นจมูกให้อีกฝ่าย ที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ จากที่ดนัยเอง ลองแย็บ ๆ ถามถึงเรื่องที่เวลาคนเขาแต่งงานกัน เขาทำอะไรกันยังไง “โอเค ผมมีหูกระต่ายกับไอ้จุดสองห้อยนี่ก็หล่อแล้วใช้มั้ย” เป็นอีกครั้งที่ดนัยได้เห็นสตาร์ยิ้มกว้างออกมาอย่างอารมณ์ดี และมันเป็นภาพที่เขาชอบมากที่สุด

“ส่วนฝั่งเจ้าสาว” สตาร์ดึงเอาผ้าปูที่นอนสีขาวของทางห้องพักบังกะโล มาพันรอบตัวเป็นชุดราตรีเกาะอก “หวังว่าทางเจ้าบ่าวคงไม่อยากเห็นเจ้าสาวแข่งโชว์จุดสองห้อยนั่นด้วย” ดนัยส่ายหน้าพลางยิ้มกว้างออกมาเช่นกัน เมื่อได้ยินสตาร์พูดแบบนั้น “ชุดราตรีเกาะอกยาวสีขาว เพราะเจ้าสาวยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่” ดนัยฟังสตาร์พูด ที่พากันเล่นไปตามจินตนาการของกะเทย ตามที่สตาร์เรียกมันแบบนั้น

“และแน่นอน ช่อดอกไม้ที่เจ้าสาวจะต้องโยนในตอนท้าย” สตาร์คว้าเอาดอกไม้พลาสติกสองสามดอก จากแจกกันที่ใช้ประดับตกแต่งห้องพักเอามาถือไว้ “และแน่นอน รับค่ะ เจ้าบ่าวไม่รู้ แต่เจ้าสาว แต่งค่ะ” สตาร์หัวเราะออกมาอย่างตลกไปกับมุกของตัวเอง ที่ไม่ว่าเจ้าบ่าวจะคิดอย่างไร แต่เจ้าสาวนั้นพร้อมแต่งงานด้วยเสมอ

“เจ้าบ่าวจะทำงานเก็บเงินให้เยอะ ๆ ซื้อบ้าน ซื้อรถ จะดูแลเจ้าสาวเป็นอย่างดี รับมาดูแลเป็นภรรยาออกหน้าออกตา ให้เจ้าสาวไม่อายใครทั้งนั้น รับครับ แต่งครับ” สตาร์หัวใจเต้นแรง รู้สึกอึ้งอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินดนัยพูดออกมาแบบนั้น และที่สำคัญดนัยพูดด้วยท่าทางที่จริงจัง ไม่ใช่แค่เล่นไปตามบทในจินตนาการของกะเทยอย่างในตอนแรก

“เราแต่งงานกันจริง ๆ มั้ย” ดนัยเอ่ยถามออกไป ในหัวใจของเขาชุ่มชื่นไปด้วยความรู้สึกที่สุขใจอย่างประหลาด “แต่งงานกับผมมั้ย สตาร์” ดนัยคุกเข่าลงข้างหนึ่ง นั่งลงที่ข้างหน้าของสตาร์ “ผมยังไม่มีแหวนแต่งงาน ผมยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง แต่ผมสัญญา ว่าผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด เท่าที่ผมจะทำได้” ดนัยเอื้อมมือไปจับมือข้างซ้ายของสตาร์เอาไว้

“สตาร์ แต่งงานกับชีเปลือยอย่างผมนะครับ” ดนัยนั่งคุกเข่าเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย สตาร์หัวเราะทั้งน้ำตา เพราะไม่เคยคิดว่า จะมีวันหนึ่ง ที่วันนี้มีผู้ชายดี ๆ สักคนมาอ้อนวอน ขอให้สตาร์ตอบรับที่จะแต่งงานด้วย “แต่งก็แต่ง แต่ขอแค่วันจริง เจ้าบ่าวใส่ทักซิโด้ก็แล้วกัน สตาร์หวง” ไม่พูดเปล่า สตาร์ชี้ไปที่แก่นกลางลำตัวของดนัยที่แสนหวง

ดนัยหัวเราะลั่น ก่อนจะลุกขึ้นมากอดเจ้าสาวในชุดราตรีผ้าปูที่นอนของเขาเอาไว้ ก่อนจะก้มจูบอย่างแผ่วเบาลงบนริมฝีปากของสตาร์ เจ้าของริมฝีปากหลับตาลงอย่างรู้สึกอบอุ่นใจ แม้ว่าจะคำถามและความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามาในความคิด ว่ามันจะออกมายังไง งานแต่งงานของหนุ่มนายธนาคารกับสาวนางโชว์กะเทยบาร์กลางคืน

“ทางพฤตินัย สตาร์เป็นเมียผมโดยสมบูรณ์” ดนัยพูดกับสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญ “ผมขอสตาร์แต่งงานในห้องพักบังกะโลเล็ก ๆ ริมชายหาด มันไม่ได้หรูหราอะไร” สีหน้าของดนัยแสดงออกถึงความสุขที่ได้หวนคิดถึงเหตุการณ์เก่าก่อน “ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง” รอยยิ้มที่ริมฝีปาก แต่ดวงตานั้นเต้นระริกไปด้วยน้ำตาอุ่น ๆ ที่คลอหน่วย

“ไม่ได้คิดเสียด้วยซ้ำไป ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ มันจะเกิดขึ้นได้มั้ย รู้แค่ว่าเราสองคนให้สัญญากันและกันเอาไว้แล้ว พร้อมกับแหวนแต่งงานอุปโลกน์ขึ้นมาวงหนึ่ง ที่ผมสวมให้กับนิ้วนางข้างซ้ายของสตาร์” ดนัยหวนกลับไปรู้สึกอย่างเช่นที่เขาได้รับรู้ในวันนั้น มันรู้สึกดีแค่ไหน ที่มีกันและกัน

“มันคงยากมากสำหรับคุณสองคนในตอนนั้น” สารวัตรรัฐนนท์พูดขึ้น เขาพอจะเข้าใจความลำบากของคนทั้งคู่ กับสภาพสังคมที่แวดล้อมพวกเขาอยู่ “ผมมีข้อสงสัยอยู่นิดหนึ่ง” สารวัตรนุ่มพูดต่อ “จากรายงานการสืบสวน ในเอกสารฉบับหนึ่ง บอกว่าคืนวันเกิดเหตุ มีใครบางคนเป็นคนพบศพของสตาร์เป็นคนแรก” สารวัตรรัฐนนท์จ้องตากับดนัยตรง ๆ

“มันมีรอยถมดำ ขีดฆ่าชื่อของคนคนนั้นออกไป และจนวันนั้นยังหาเอกสารอื่น ๆ ในคดีมาเชื่อมโยงไม่ได้ว่า เขาคนนั้นเป็นใครกันแน่” ดนัยฟังสิ่งที่สารวัตรรัฐนนท์พูดออกมาเงียบ ๆ “แต่ทีนี้ คุณดนัยเล่าว่า คืนวันนั้น คุณดนัยตั้งใจจะไปที่บาร์อย่างแน่นอน” ดนัยพยักหน้าตามไป กับสิ่งที่สารวัตรหนุ่มเป็นคนพูด

“แต่ไม่ปรากฏหลักฐานใด ๆ ไม่ว่าผมจะอ่านเอกสารทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างละเอียดซ้ำแล้วซ้ำเล่า” สารวัตรหนุ่มสังเกตเห็นว่าดนัยขยับเท้าเดินเข้ามาหาเขากับชนธัญช้า ๆ สารวัตรหนุ่มเริ่มระวังตัว “ตกลงคุณดนัยได้ไปที่บาร์ของสตาร์หรือไม่ครับ” สารวัตรรัฐนนท์ข้องใจอย่างที่สุดในเรื่องนี้

“เพราะถ้าคุณดนัยอยู่ที่นั่น และไม่สนว่าใครจะคิดยังไง คนรักตายไปทั้งคน ใจคอคุณดนัยจะไม่ให้ปากคำ ไม่ให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยหรือครับ ใจดำทำกับคุณสตาร์ได้ลงคอขนาดนั้นหรือครับ เพราะผมหาข้อมูลคำให้การของคุณดนัยไม่เจอ แต่แปลกใจมาก ที่คุณดนัยติดต่อผมมา อยากให้รื้อฟื้นคดีนี้” สารวัตรรัฐนนท์ต้องการรู้เรื่องมากไปกว่าที่ดนัยเล่ามา

“ผมรักสตาร์ ผมไม่มีวันทำร้ายคนที่ผมรัก” ดนัยตอบโต้คำพูดของสารวัตรรัฐนนท์ “ไม่อย่างนั้นคุณก็โกหกกับทุกอย่างที่คุณพูดมาทั้งหมด” ดนัยยังคงเดินเข้าหาสารวัตรรัฐนนท์ “ถ้าผมเป็นคนฆ่าสตาร์จริง ผมจะมาขอให้สารวัตรรื้อฟื้นคดีทำไมกัน” ดนัยเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของชนธัญพอดี เห็นแบบนั้น ชนธัญตัดสินใจคว้าข้อมือของดนัยเอาไว้ในทันที

ตอนนี้ชนธัญเห็นตัวเองยืนอยู่ที่ด้านล่างเวทีในบาร์ สิ่งที่เห็นกับตา ทำให้ชนธัญถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อภาพตรงหน้าในตอนนี้ คือดนัยที่กำลังดึงเชือกที่ผูกรัดคอสตาร์เอาไว้ ด้วยแรงทั้งหมดที่มี ดนัยดึงเชือกที่พาดไว้บนขื่อเหนือเวที ชายหนุ่มดึงเชือกขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้ใบหน้าของเขาปะทะเข้ากับเท้าที่เย็นเฉียบของสตาร์

ดนัยน้ำตาไหลพราก จูบเบา ๆ ลงบนเท้าของสตาร์ ด้วยความเสียใจเกินกว่าจะบรรยาย เขาดึงร่างของสตาร์ขึ้นไปจนสุด แขวนห้อยอยู่กลางอากาศเอาไว้อย่างนั้น ก่อนที่ตัวเองจะทรุดตัวลงนอนกองกับพื้นเวที ร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่นและทรมานใจอย่างแสนสาหัส เสียงสะอื้นอย่างเจ็บปวดถูกกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง

“คุณดนัย” ชนธัญผงะถอยหลัง ปล่อยมือออกจากข้อมือของดนัย “มีอะไร คุณเห็นอะไร” สารวัตรรัฐนนท์รีบเข้าไปประคองให้ชนธัญที่ล้มลงนั่งกับพื้น ให้ยืนขึ้น “ทำไม” ชนธัญถามดนัยออกไปด้วยเสียงที่สั่น ดนัยส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ “สตาร์ไว้ใจคุณ เชื่อใจคุณ แม้ว่าจะไม่เหลือใครสักคนในโลกที่เข้าใจ ไม่ใช่หรือครับ” ชนธัญรู้สึกหวาดกลัวแทนสตาร์ ทั้งยังเห็นใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธออย่างที่สุด

“ชนธัญ บอกผม ว่าคุณเห็นอะไร คุณดนัยเขาทำอะไร” สารวัตรรัฐนนท์ถามชนธัญด้วยเสียงที่เข้ม พร้อมจะโจมตีในทันที ชนธัญหันไปสบตากับสารวัตรหนุ่ม ก่อนจะหันกลับไปมองที่ดนัย ที่ตอนนี้หนุ่มใหญ่น้ำตาไหลพรากลงมาอย่างไม่ขาดสาย กับเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้น ที่กลับมาให้เขาต้องเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง

“ภาพที่ผมเห็น” ชนธัญพูดขึ้น รู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสตาร์ “คุณดนัยผูกเชือกที่คอของสตาร์ แล้วดึงร่างของเธอขึ้นไปแขวนที่กลางเวทีนั่น” เมื่อชนธัญพูดจบ ไวเท่าความคิด สารวัตรรัฐนนท์ดึงปืนพกออกจากซองที่เอว เล็งปากกระบอกปืนไปที่ดนัย ที่ตอนนี้ยืนก้มหน้าเหมือนคนที่รู้สึกผิดอย่างมหันต์

**********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย Jay J

https://www.youtube.com/watch?v=CFJtRiKgLhE


Closed off from love, I didn't need the pain

เคยถูกรักทำร้ายมา ฉันไม่อยากให้ใจเจ็บปวดอีก

Once or twice was enough and it was all in vain

ครั้งหนึ่ง สองครั้งก็พอแล้ว เพราะทุกครั้งจบลงอย่างไร้ประโยชน์

Time starts to pass, before you know it, you're frozen

ใช้เวลาเป็นเครื่องเยียวยา พอรู้ตัวอีกที ใจมันก็ด้านชาไปเสียแล้ว


But something happened for the very first time with you

แต่บางอย่างเกิดขึ้นเมื่อครั้งแรกที่เราเจอกัน

My heart melts into the ground, found something true

ใจฉันพลันละลายอ่อนลง เมื่อเจอคนที่รักฉันจริง

And everyone's looking 'round, thinking I'm going crazy

จนใครต่อใครรอบตัวฉัน พากันคิดว่าฉันนี่หลงจนงมงายไปเสียแล้ว


But I don't care what they say

แต่ฉันไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง

I'm in love with you

ฉันมีใจให้คุณไปแล้ว

They try to pull me away, but they don't know the truth

พวกเขาพยายามเตือนให้ฉันเลิก แต่พวกเขาจะไปรู้ความจริงอะไร

My heart's crippled by the vein that I keep on closing

หัวใจที่ชำรุด ที่ฉันปิดท่อลำเลียงรักไปนานแล้ว

You cut me open and I

คุณเข้ามา เปิดมัน และปล่อยให้ฉัน


Keep bleeding, keep, keep bleeding love

รักล้นในใจ ปล่อยให้รักรินไหลออกมาอยู่อย่างนั้น

I keep bleeding, I keep, keep bleeding love

ปล่อยรักให้ล้น ปล่อยให้มันไหลรินไม่หยุดหย่อน

Keep bleeding, keep, keep bleeding love

สิ่งที่เอ่อล้นคือความรัก ที่ท่วมท้นทั้งใจ

You cut me open

คุณเปิดใจฉันให้กับรักอีกครั้ง


Trying hard not to hear, but they talk so loud

พยายามจะไม่ฟังอะไรใคร แต่พวกเขาก็กรอกหูฉันดังลั่น

Their piercing sounds fill my ears, try to fill me with doubt

เสียงหวีดเตือนดังเข้าหาฉัน พยายามจะให้ฉันเกิดความลังเลใจ

Yet I know that their goal is to keep me from falling

แต่ก็รู้นะ ว่าที่เขาทำแบบนั้นก็เพื่อกันฉันจากความผิดหวัง


But nothing's greater than the rush that comes with your embrace

แต่อะไรจะดีเกินไปกว่าความรู้สึกที่แล่นมาหาฉันจากอ้อมกอดอบอุ่นของคุณ

And in this world of loneliness, I see your face

กับโลกที่แสนจะโดดเดี่ยวเดียวดายนี้ แต่ฉันได้พบหน้ากับคุณ

Yet everyone around me thinks that I'm going crazy

โดยที่มีแต่คนรอบข้างคิดว่าฉันมันบ้าหลุดโลกไปแล้ว

Maybe, maybe

ก็อาจจะนะ ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น


But I don't care what they say

แต่ฉันไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง

I'm in love with you

ฉันมีใจให้คุณไปแล้ว

They try to pull me away, but they don't know the truth

พวกเขาพยายามเตือนให้ฉันเลิก แต่พวกเขาจะไปรู้ความจริงอะไร

My heart's crippled by the vein that I keep on closing

หัวใจที่ชำรุด ที่ฉันปิดท่อลำเลียงรักไปนานแล้ว

You cut me open and I

คุณเข้ามา เปิดมัน และปล่อยให้ฉัน


Keep bleeding, keep, keep bleeding love

รักล้นในใจ ปล่อยให้รักรินไหลออกมาอยู่อย่างนั้น

I keep bleeding, I keep, keep bleeding love

ปล่อยรักให้ล้น ปล่อยให้มันไหลรินไม่หยุดหย่อน

Keep bleeding, keep, keep bleeding love

สิ่งที่เอ่อล้นคือความรัก ที่ท่วมท้นทั้งใจ

You cut me open

คุณเปิดใจฉันให้กับรักอีกครั้ง


And it's draining all of me

และมันทำให้ฉันปลดปล่อยทั้งหมดที่ตัวฉันมี

Though they find it hard to believe

แม้มันจะเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อของใครใคร

I'll be wearing these scars for everyone to see

แต่ฉันจะเปิดเผยรอยแผลจากรักนี้ให้กับทุกคนได้เห็น
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๑๔. ขืน _ 7.30.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 30-07-2023 14:46:50
๑๔. ขืน


“คุณดนัยยังคงยืนกรานว่า เขาไม่ได้เป็นคนฆ่าสตาร์” ชนธัญที่เพิ่งพูดคุยกับหนุ่มใหญ่อีกครั้ง บอกกับสารวัตรรัฐนนท์หลังจากออกมาจากห้องสอบสวน “แล้วคุณเชื่อที่เขาพูดมั้ย” คำถามนี้ของสารวัตรหนุ่ม ทำให้ชนธัญลังเลที่จะให้คำตอบ “เทียบกับภาพที่ผมเห็น” ชนธัญส่ายหน้าออกไป

“แต่จากที่พูดคุยกับคุณดนัย ผมก็มองไม่ออกว่าคุณดนัยจะทำอย่างนั้นกับสตาร์” แม้ในใจจะไม่อยากเชื่อว่าดนัยจะเป็นคนร้าย แต่ภาพตอนที่เห็นดนัยดึงเชือกเพื่อให้ร่างของสตาร์แขวนขึ้นไปกับขื่อ ก็ทำให้ชนธัญสับสนไม่น้อย เพราะเขาไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าและหลังจากนั้น เขาเห็นแค่ช่วงเวลานั้นเท่านั้น และมันคงเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของดนัยมากกว่าเหตุการณ์อื่น ๆ จึงเด่นชัดมากพอที่ทำให้ชนธัญมองเห็นได้

“หลักฐานที่มีไม่พบรอยนิ้วมือแฝงบนเชือกที่รอบคอของสตาร์” สารวัตรรัฐนนท์อ่านรายงานในคดีจนจำได้ขึ้นใจ “แต่ด็อคดุเพิ่งส่งข้อความมาหาผม ว่าเชือกเส้นที่อยู่บนขื่อเหนือเวทีนั่น ที่ปลายเชือกมีแถบกาวติดอยู่ และมีรอยนิ้วมือบนนั้น แต่มันแขวนอยุ่อย่างนั้นผ่านมานานหลายสิบปี ด็อคเองไม่แน่ใจว่ารอยนิ้วมือจะสมบูรณ์หรือเปล่า” ทันทีที่สารวัตรรัฐนนท์พูดจบ ด็อคเตอร์ดรุณีก็เดินมาถึงพอดี

“ทางทีมเจ้าหน้าที่ตรวจพบบางส่วนของลายนิ้วมือ ถือว่าเราโชคดี ที่มันสมบูรณ์มากพอจะระบุตัวตน” สารวัตรทำท่าทางดีใจที่มาถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้คดีนี้มีความคืบหน้าเสียที “คุณหมอดุเทียบกับรอยนิ้วมือของคุณดนัยแล้วใช่มั้ยครับ” ชนธัญถามออกไป แพทย์สาวพยักหน้าแทนคำตอบ ทั้งชนธัญและสารวัตรหนุ่มใจเต้นตึกตักเมื่อกำลังรอคำตอบจากด็อคเตอร์ดรุณี ชนธัญและสารวัตรได้ฟังผลตรวจเสร็จ ก็เดินกลับเข้าไปในห้องสอบสวนอีกครั้ง

“คุณดนัยครับ” ชนธัญเอ่ยเรียกหนุ่มใหญ่ที่นั่งนิ่ง ก้มหน้า มีหยาดน้ำตาคลอหน่วยอยู่ตลอดเวลา ดนัยเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกนั้น “สิ่งที่เกิดขึ้น มันมีอะไรมากกว่าที่บันทึกเอาไว้ในคำให้การ ใช่มั้ยครับ” ชนธัญถามหนุ่มใหญ่ออกไป “มันมากกว่าสิ่งที่ผมเห็นในนิมิตนั่น” ลึก ๆ ในใจแล้ว ชนธัญก็ไม่อยากเชื่อว่าดนัยจะเป็นคนทำร้ายคนที่เขารักได้ลงคอ

“คืนนั้นมีคนยืนยันว่าคุณไปถึงที่บาร์ของสตาร์ อย่างน้อยก็มีคนยืนยันว่ารถยนต์ของคุณจอดอยู่ที่หน้าร้าน” สารวัตรรัฐนนท์หวังว่า คดีนี้จะถูกคลี่คลายลงได้ “เพียงแต่มันไม่มีบันทึกว่าคุณดนัยอยู่ในที่เกิดเหตุ” สารวัตรรัฐนนท์กังขาในส่วนนี้ของคดีมาโดยตลอด “แต่ไม่มีรอยนิ้วมือของคุณบนเชือก แต่คุณเองกลับเป็นคนดึงร่างของสตาร์ขึ้นไป เกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นกันแน่ครับ” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นเอกสารการตรวจเชือกที่แขวนอยู่เหนือเวทีนั่นไปตรงหน้าของดนัย

“แต่เราพบรอยนิ้วมือที่บนเชือกเส้นนี้ ที่ไม่มีใครสนใจมาตลอดหลายปีมานี้” ดนัยมองรูปถ่ายและเอกสารที่แสดงผลการตรวจเทียบกับรอยนิ้วมือของเขา จากเชือกเส้นที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความหลอนของสถานที่ที่มันแขวนอยู่ ผ่านกาลเวลามา โดยไม่ได้สนใจถึงที่มาที่ไปของมันเลยสักนิด

“มันไม่ใช่รอยนิ้วมือของคุณครับ คุณดนัย คุณพอจะบอกได้มั้ย ว่ามันน่าจะเป็นรอยนิ้วมือของใคร” หนุ่มใหญ่หลับตาลงเมื่อได้ยินแบบนั้น หน้าตาเขาเริ่มเหยเก บิดเบี้ยว ปากคอสั่นไปด้วยแรงอารมณ์ โกรธเกรี้ยว เสียใจอย่างที่สุด “เขาพรากหัวใจของผมไป” ดนัยลืมตาขึ้นมอง มันพร่าไปด้วยหยาดน้ำตา หนุ่มใหญ่ร้องออกมาอย่างโหยหวน ดั่งคนที่ถูกควักหัวใจออกมาวางให้เห็นตรงหน้า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันปวดหนึบในความรู้สึกไปหมด

“ถ้าวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว” คำพูดของสตาร์กลับมาดังก้องในหัวของดนัยอีกครั้ง สิ่งที่สตาร์พูดกับเขาที่บังกะโลริมทะเล หลังจากที่ดนัยขอเธอแต่งงาน “ทำไมพูดอะไรแบบนั้นล่ะ สตาร์ไม่มั่นใจในตัวผมหรือไง” เสียงถามของดนัยปนความน้อยใจ “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น” สตาร์กอดดนัยจากทางด้านหลังแน่นขึ้น เธอก้มลงจูบที่ซอกคอของชายหนุ่ม ก่อนจะหอมเขาที่แก้มฟอดใหญ่

“แค่เผื่อไว้ ว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว หมดวาสนาต่อกัน” สตาร์พูดสิ่งที่อยู่ในใจ สิ่งที่อยากให้ดนัยรับรู้เอาไว้ “มีชีวิตอยู่ต่อไปนะ คุณใช้ชีวิตให้มีความสุขต่อไป ฉันรู้แบบนั้นแล้ว ฉันจะมีความสุขไปกับคุณเช่นกัน” นี่คือสิ่งที่สตาร์ต้องการและอยากเห็นจากดนัย ไม่ใช่บ้านช่องใหญ่โต ทรัพย์สินเงินทองมากมาย สตาร์อยากให้ดนัยมีความสุขไม่ว่าจะมีเธอหรือไม่มีเธออยู่ด้วยก็ตาม

“แล้วสตาร์ไม่หวงมันแล้วหรือไง” ดนัยทำส่งสัญญาณถึงเจ้าแท่งคู่กายของตัวเอง สตาร์ชะโงกดูจุดสองห้อยที่ยังคงสงบนิ่งอยู่ “ถึงตอนนั้น มันโดนเซ้งไปแล้ว ก็ยินดีกับคนที่ได้มันไปใช้ด้วยละกัน” สตาร์พูดพลางทำท่าทำทางไม่สนอะไร “เซ้ง” ดนัยถึงกับต้องพูดออกมาเสียงดัง ไม่อยากจะเชื่อหูเลยว่าจะได้ยินแบบนั้น

“ปากคอเราเนี่ยนะสตาร์” ดนัยแกล้งทำท่าทำทางเสียใจ “อยู่กับกะเทยนางโชว์ปากเสีย ไม่น่าจะไหวนะ” ดนัยพยายามทำหน้านิ่ง ว่าเขาโกรธอีกฝ่ายหนึ่ง แต่พอเห็นสตาร์ทำหน้าทะเล้นใส่ ชายหนุ่มก็หลุดหัวเราะออกมา “ทำไงได้ ก็มันรักไปแล้ว” ดนัยและสตาร์สบตากัน ความรู้สึกถูกส่งผ่านและถ่ายทอดให้กันและกันผ่านดวงตา

“สตาร์บอกรักคุณหรือยัง” สตาร์ซุกหน้าลงที่บ่าของดนัย ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงน้ำตาอุ่น ๆ ของสตาร์ เขาดึงมือของอีกฝ่ายมาหอม ก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาให้สตาร์ “เดี๋ยวไม่สวยนะ” มันมักจะได้ผลเสมอที่ห้ามไม่ให้สตาร์ร้องไห้ “เป็นนางโชว์ขี้เหร่ได้ด้วยหรือ” ดนัยเย้าอีกฝ่ายให้มีรอยยิ้ม “กะเทยขี้แยไม่ได้นะ” ดนัยรู้ดีว่า สตาร์นั้นผ่านอะไรมาในชีวิตมากมายเหลือเกิน

ดนัยรวบรวมพลังใจ เดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่หรูหรา ที่เขาไม่ได้มาเหยียบย่างนานแล้ว บรรดาคนรับใช้รุ่นเก่า ที่รู้ว่าเขาเป็นใคร พอได้เห็นดนัยอีกครั้งต่างก็พากันดีใจ แต่พอนึกถึงตอนที่ดนัยตัดสินใจออกจากบ้านนี้ไปแล้ว ยังไงก็ไม่ยอมแต่งงานกันผู้หญิงที่พ่อและแม่เลือกให้ ไม่ว่าใครในบ้านก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เอ่ยชื่อของดนัยอีกเลย

“ใครให้แกเข้ามาในบ้านนี้ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ใครอยู่แถวนี้ มาลากคอมันออกไปที” เสียงพ่อของดนัยเอ็ดตะโรดังลั่น เมื่อเห็นหน้าของลูกชาย เดินเข้าบ้านมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ไม่ต้องรีบไล่ผมหรอกครับ ผมอยู่ไม่นาน แค่มาทำในสิ่งที่ผมต้องทำเท่านั้น ทำเสร็จแล้ว ผมไปแน่นอน และจะไม่มีวันกลับมาที่นี่อีกอย่างเด็ดขาด” ดนัยพูดด้วยหัวใจที่เป็นทุกข์ แต่เขารู้ดี ว่าเขาต้องทำสิ่งนี้

“ใจเย็นกันก่อน พ่อลูกกัน” ท่านรัฐมนตรีที่มาเยี่ยมพ่อของดนัย เอ่ยปากให้ทั้งสองคนพ่อลูกค่อย ๆ คุยกัน “พูดเรื่องของแกมา เสร็จแล้วก็จะได้รีบไสหัวไป” พ่อของดนัยพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “แน่นอนครับ” ดนัยรับคำ รับปากผู้เป็นบิดา ว่าเขาจะใช้เวลาไม่นานอย่างแน่นอน ก่อนจะวางเอกสารทางนิติวิทยาศาสตร์ลงบนโต๊ะด้านหน้าพ่อของเขา

“อะไร” พ่อของดนัยตวาดลั่นบ้าน “คดีของสตาร์ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่” ดนัยพูด “อย่ามาเอ่ยชื่อเรียกตัวเสนียดอย่างมันในบ้านนี้” พ่อของดนัยพูดสวนขึ้นมาในทันที ดนัยพยายามเลี่ยงไม่เก็บคำพูดเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์ หนุ่มใหญ่เตือนตัวเอง ว่าเขามาที่นี่เพื่อสตาร์ เขากำลังทำสิ่งที่ทำอยู่นี้เพื่อสตาร์

“รอยนิ้วมือแฝงจากเชือกที่ใช้แขวนศพสตาร์ เพื่ออำพรางคดี ถูกตรวจพบจากเชือกที่เหลือ หลังจากตัดเชือกบางส่วนเพื่อนำร่างของสตาร์ลงมา” พ่อของดนัยมองดูเชือกเส้นนั้นจากรูปถ่าย ด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน “และในคืนวันนั้น ผมกับพ่ออยู่ด้วยกันที่บาร์ของสตาร์ ถ้ารอยนิ้วมือใหม่ที่พบ ไม่ใช่รอยนิ้วมือผมแล้วละก็” ดนัยหันรอยนิ้วมือให้พ่อของเขาได้เห็นชัด ๆ

“รอยนิ้วมืออะไร ไม่รู้เรื่องทั้งนั้น ไปพล่ามที่อื่น แกออกจากบ้านนี้ไปได้แล้ว” เสียงด่าจากพ่อของดนัยดังไปทั่วทั้งบ้าน ทำเอาคนงานต่างพากันมาแอบฟังว่าเกิดอะไรขึ้น “คุณตำรวจเชิญครับ” ดนัยเอ่ยเรียกสารวัตรรัฐนนท์ที่รอท่าอยู่ก่อนหน้านี้ “เฮ้ย พวกลื้อเข้ามาในบ้านอั๊วได้ยังไง ใครอนุญาต” พ่อของดนัยด่ากราดเจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมพิสูจน์หลักฐานหลายนายที่เดินตามเข้ามา

“นี่หมายศาลครับ ขออนุญาตตรวจค้นบ้านและเก็บรอยนิ้วมือของท่านเจ้าสัวครับ” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นหมายศาลให้กับพ่อของดนัย “อั๊วไม่ยอมทำตามอะไรทั้งนั้น พวกลื้อกล้าดียังไงมาสั่งอั๊ว ท่านรัฐมนตรี” พ่อของดนัยหันไปหาตัวช่วยที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ท่านรัฐมนตรีรับหมายศาลที่ท่านผู้พิพากษาอนุมัติมาให้อย่างฉิวเฉียด พออ่านจบ ท่านก็พยักหน้าให้กับสารวัตรรัฐนนท์เป็นเชิงว่าเข้าใจและเห็นด้วยตามนั้น

“ขออนุญาตครับท่านเจ้าสัว ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามหน้าที่ด้วยครับ” สารวัตรรัฐนนท์แจ้งกับพ่อของดนัย โดยมีท่านรัฐมนตรีพูดขอตัวกลับก่อน อย่างไม่รีรอ เพราะไม่อยากให้ตัวเองเป็นข่าว ว่าอยู่ด้วยกับเจ้าสัวขณะที่มีหมายค้นจากศาลมาถึงบ้าน “ถ้าฉันโดน แกก็ต้องโดนด้วย ไอ้ดนัย” พ่อของดนัยตะโกนใส่หน้าลูกชาย ที่พยักหน้ายอมรับ ถ้าหากว่าเขาจะต้องรับผิดด้วย ในสิ่งที่เขาทำลงไป

*******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=sQtnhwU2R9Y


What would I do without your smart mouth?

ผมจะทำอย่างไรดีเมื่อไม่มีปากร้ายร้ายของคุณจำนรรจา

Drawing me in, and you kicking me out

ดึงดูดผมเอาไว้ แต่แล้วก็กลับเล่นงานกัน

You've got my head spinning, no kidding

คุณทำผมหัวหมุนเชียวล่ะ นี่ไม่ได้พูดเล่นเล่น

I can't pin you down

ผมเอาชนะคุณไม่ได้จริงจริง


What's going on in that beautiful mind?

อยากรู้นักถึงข้างในความคิดลำหน้านั่น

I'm on your magical mystery ride

มันทำให้มอย่างกับอยู่บนหนทางมหัศจรรย์

And I'm so dizzy, don't know what hit me

ผมถึงกับมึนงงไปหมด ไม่รู้เลยว่าโดนอะไรเข้าไปบ้าง

But I'll be alright

แต่ผมกลับชอบใจเสียด้วยซ้ำ


My head's under water

เหมือนเอาหัวจุ่มอยู่ใต้น้ำ

But I'm breathing fine

แต่ยังหายใจได้ดีสบายมาก

You're crazy and I'm out of my mind

ก็คุณมันบ้าบอและผมก็เพี้ยนตาม


'Cause all of me

เพราะทั้งหมดของตัวผม

Loves all of you

รักทั้งหมดที่เป็นคุณ

Love your curves and all your edges

รักทรวดทรงองค์เอวรวมถึงความขรุขระทางอารมณ์

All your perfect imperfections

ความไม่สมบูรณ์แบบที่พอเหมาะเหล่านั้นของคุณ


Give your all to me

คุณมอบให้ผมมาทั้งหมด

I'll give my all to you

ผมให้คุณกลับไปทุกอย่างที่ผมมี

You're my end and my beginning

ผมจะจบลงตรงที่คุณเพื่อเริ่มชีวิตกับคุณตรงนี้

Even when I lose, I'm winning

ต่อให้ผมต้องแพ้ แต่ความรู้สึกคือผมกำลังชนะ

'Cause I give you all of me

เพราะผมให้คุณเต็มที่ของผม

And you give me all of you, oh-oh

และคุณก็ให้เต็มกำลังของคุณ


How many times do I have to tell you?

ต่อให้ผมต้องพูดอีกมากมายสักกี่ครั้ง

Even when you're crying, you're beautiful too

คุณสวยเสมอแม้ในยามที่คุณกำลังร้องไห้

The world is beating you down,

โลกอาจจะกำลังถาโถมเข้าใส่คุณ

I'm around through every mood

แต่ผมจะอยู่เคียงข้างไม่ว่าคุณจะอารมณ์ไหน


You're my downfall, you're my muse

คุณเป็นทั้งวันที่แย่ แต่คุณก็ยังเป็นงานศิลป์และแรงบันดาลใจ

My worst distraction, my rhythm and blues

คุณเป็นความไขว้เขวที่แย่ที่สุด แต่ก็คือความสุนทรีย์ในใจผม

I can't stop singing, it's ringing in my head for you

ผมหยุดร้องเพลงให้คุณไม่ได้ เพราะเสียงก้องในหัวผมมีไว้ให้คุณเท่านั้น


My head's under water

เหมือนเอาหัวจุ่มอยู่ใต้น้ำ

But I'm breathing fine

แต่ยังหายใจได้ดีสบายมาก

You're crazy and I'm out of my mind

ก็คุณมันบ้าบอและผมก็เพี้ยนตาม


'Cause all of me

เพราะทั้งหมดของตัวผม

Loves all of you

รักทั้งหมดที่เป็นคุณ

Love your curves and all your edges

รักทรวดทรงองค์เอวรวมถึงความขรุขระทางอารมณ์

All your perfect imperfections

ความไม่สมบูรณ์แบบที่พอเหมาะเหล่านั้นของคุณ


Give your all to me

คุณมอบให้ผมมาทั้งหมด

I'll give my all to you

ผมให้คุณกลับไปทุกอย่างที่ผมมี

You're my end and my beginning

ผมจะจบลงตรงที่คุณเพื่อเริ่มชีวิตกับคุณตรงนี้

Even when I lose, I'm winning

ต่อให้ผมต้องแพ้ แต่ความรู้สึกคือผมกำลังชนะ

'Cause I give you all of me

เพราะผมให้คุณเต็มที่ของผม

And you give me all of you, oh-oh

และคุณก็ให้เต็มกำลังของคุณ


Give me all of you, oh

คุณให้ทุกอย่างมาทั้งหมดกับผม

Cards on the table, we're both showing hearts

ถึงเวลาต้องทิ้งไพ่ในมือ เราต่างก็ใช้หัวใจกันทั้งสองคน

Risking it all

มันคือความเสี่ยงทั้งหมดที่มี

Though it's hard

แม้ยากเหลือเกินที่มันจะเป็นจริง
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๑๕. จำ _ 7.31.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 31-07-2023 20:42:35
๑๕. จำ


“ร้านยังไม่เปิดนะคะ ไว้ค่ำ ๆ หน่อยค่อยกลับมาดูโชว์ดีมั้ยคะ” สตาร์หันไปพูดกับชายกลางคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบาร์ สตาร์มองเลยไปที่ประตูร้าน มีชายฉกรรจ์สองคนยืนเฝ้าอยู่ที่นั่น ชายคนที่เพิ่งเดินเข้ามา จงใจยืนเว้นระยะห่างจากสตาร์ สายตากวาดไปจนทั่วร้าน เหมือนจะสำรวจสภาพความเป็นไป แต่มันทำให้นางโชว์อย่างสตาร์รับรู้ได้ในทันทีว่า กำลังถูกตัดสินและดูแคลน

“แกคิดว่าทุกคนที่เดินเข้ามาในที่แบบนี้ เป็นคนประเภทไหนกัน” คำถามนั้น คนอย่างสตาร์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย ไม่ต้องสาธยายอะไรให้ยืดยาว สตาร์เดาได้เลยทันที ว่าคนคนนี้เกี่ยวข้องกับดนัย “เขาไม่อยู่ที่นี่หรอกค่ะ ถ้าคุณอา” สายตาที่มองมายังสตาร์ ทำให้เธอรู้ได้ทันที ว่าไม่มีวันที่จะนับญาติกับเธอ

“คุณสบายใจได้ค่ะ ลูกชายของคุณไม่ได้อยู่ที่นี่” สตาร์ตอบกลับไปด้วยคำพูดที่สุภาพที่สุด เท่าที่เธอพอจะนึกคำพูดออก เพราะมันมีอีกหนึ่งความรู้สึกกำลังถาโถมเข้าใส่เช่นกัน ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าอยากจะหยุดการสนทนาเอาไว้เพียงเท่านี้ “ฉันก็ไม่รู้นะ ว่าดนัยมันมีสักแอะหนึ่งมั้ยในใจ ที่จะรู้ว่ามันน่าขยะแขยงแค่ไหน” จากทั้งคำพูดและสายตา สิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับผู้ชายวัยกลางคนคนนี้ ก็ทั้งบาร์นี้และก็ตัวของสตาร์ด้วย

“ถ้าคุณจะมาเพื่อค่อนขอด พูดจาดูถูกฉัน มันไม่ได้ผลหรอกค่ะ ฉันได้ยินมันมามากพอแล้ว” ถึงมันจะเป็นความจริงตามที่สตาร์โต้ตอบกลับพ่อของดนัยไป แต่พอมันมาเป็นคนในครอบครัวของผู้ชายที่สตาร์รักไปแล้ว เธอก็พอจะรู้ว่า ปลายทางของความสัมพันธ์นี้ที่ดนัยกับเธอ มันไม่มีทางจะดำเนินต่อไปได้ยืดยาว

“ดี ปากกล้าดี ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย” อีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกผิดอะไรอยู่แล้ว ไม่ได้มาเพื่อญาติดีด้วย “ฉันจะได้พูดอะไรสะดวกปากเหมือนกัน กับแกมันก็คงต้องใช้วิธีแบบนี้” สตาร์สะกดความรู้สึกกับคำพูดถากถางทำร้ายความรู้สึกนั้น “ฉันไม่อยากให้เจ้าดนัยมันมาเกลือกกลั้วกับคนอย่างแก” สตาร์มีจังหวะได้สบตากับพ่อของดนัยตรง ๆ เธอมองไม่เห็นความอ่อนโยนใด ๆ ในนั้น

“ถ้าอย่างนั้น คุณควรจะไปบอกดนัยเขาเอง” สตาร์พูดว่าเธอไม่สามารถห้ามดนัยได้ “ฉันรู้จักลูกชายฉันดี ถ้าฉันบอกมันไป มันก็คงไม่ยอมง่าย ๆ ถ้าลองมันปักใจอะไรลงไปแล้วละก็” พ่อของดนัยพูดด้วยความที่รู้ว่าดนัยเป็นคนยังไง “ไอ้ที่จะให้แกมาทำลายอนาคตของมัน แถมยังจะลากตระกูลของฉันให้แปดเปื้อน เป็นขี้ปากชาวบ้านว่าลูกชายบ้านนี้ ลากอีตัวอีตุ๊ดที่ไหนมาทำเมีย ฉันก็ยอมไม่ได้เช่นกัน” สตาร์คิดว่าเธอได้ยินอะไรแบบนี้มาเยอะแล้ว แต่เอาเข้าจริง วันนี้เธอก็รู้ได้เลยว่า มันไม่มีวันที่ใจเธอจะชินกับมันได้เลย

“เป็นนางโชว์นี่” สตาร์ไม่ได้ตอบอะไร “ขึ้นเต้นแรด ๆ ปั่นหัวผู้ชาย ยั่วยวนหวังจะโชคดีกลับผิดเป็นถูก ให้ผู้ชายเห็นชั่วเป็นดีสินะ” สตาร์ได้คำตอบแล้ว ว่ายังไงก็ไม่ทางชินต่อคำเหยียดหยามดูถูกแบบนี้ไปได้เลย “ถึงแกจะบอกว่า ดนัยมันเกิดมาเป็นพวกลักเพศแบบเดียวกับแก” สตาร์นึกถึงใบหน้าของดนัยขึ้นมาในทันที

“ทั้งแกและมันก็ไม่มีสิทธิ์ทำให้นามสกุลฉัน สิ่งที่ฉันสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ต้องมาพังทลายลงด้วยเรื่องเลว ๆ ด้วยน้ำมือคนอย่างพวกแก” พ่อของดนัยพรั่งพรูคำพูดออกมา จากความรู้สึกจริง ๆ ที่มีภายในใจ “ฉันให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ฉะนั้น” สตาร์มองตรงยังชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้

“ความลับต้องตายไปพร้อมกับมัน” มาถึงตอนนี้ความกลัวแล่นเข้าเกาะกุมหัวใจของสตาร์ “เมื่อแกเป็นนางโชว์ แกต้องขึ้นแสดงเพื่อแลกกับเศษเงิน เป็นแบบนี้แล้วล่ะก็ ฉันให้ทางเลือกแกสองทาง ถ้าแกไม่ขึ้นโชว์ เจ้าดนัยมันต้องมาเค้นเอาคำตอบจากแกแน่นอน แล้วแกก็คงจะบอกมัน ว่าฉันมาขู่แกอย่างนั้นอย่างนี้” พ่อของดนัยพูดด้วยท่าทีอย่างคนที่รู้ดี ว่ามาที่นี่เพื่ออะไร

“ฉันจะฆ่าดนัยมันทิ้งเสีย โดยที่แกก็คือฆาตกรที่ฆ่า เพราะว่าดนัยมันไม่ยอมเล่นด้วยกับแก มันรังเกียจแก มันเลยกลายเป็นเหยื่อของกะเทยกามวิปริต” สตาร์ไม่อยากจะเชื่อว่าในชีวิตนี้ จะมาได้ยินอะไรแบบนี้ออกจากปากผู้เป็นพ่อคน ที่ตอนนี้มองมายังสตาร์ด้วยท่าทีที่สะในอารมณ์ โดยที่สตาร์คิดว่าทุกอย่างมันไม่ควรเป็นแบบนี้

“แต่ถ้าแกขึ้นโชว์ ฉันก็จะปล่อยดนัยมันไป มันจะได้ไปเจอผู้หญิงที่ดี ผู้หญิงจริง ๆ ที่สามารถสืบสกุลให้มันได้ มีโอกาสสร้างครอบครัวที่อบอุ่น ที่คนทั่วไปเขายอมรับ ที่เขาไม่ตั้งคำถาม ที่ไม่มีใครตั้งแง่รังเกียจ พานจะคิดว่าดนัยมันเป็นตัวเชื้อโรค เพราะอยู่กับพวกผิดเพศ ที่วิตถารทำกันย่างไร้ยางอาย” พ่อของดนัยพูดมาถึงตรงนี้ จำได้ดีว่าตอนที่หญิงสาว ผู้เป็นคู่หมั้นที่เขาและภรรยาหาเอาไว้ให้ลูกชาย เข้ามานั่งร้องไห้ฟูมฟาย เล่าว่าดนัยนั้นมาหลงผิด ติดกามโสโครกกับกะเทยที่บาร์แห่งนี้ จนพ่อของดนัยต้องวางแผนให้หญิงสาว ไปถ่วงเวลาดนัยที่ธนาคารช่วงเย็นวันนี้

“แต่แกจะต้องเป็นฝ่ายไปเสียเอง” สตาร์ได้มองเห็นความอำมหิตในจิตใจของอีกฝ่าย “แกจะต้องถูกกำจัดทิ้ง โดยที่ลูกชายฉันจะไม่มีวันรู้ว่า แกตายไปเพราะอะไร สุดท้ายดนัยมันก็จะลืมแกไปเอง ก็อยู่ที่แกแล้วล่ะ” น้ำเสียงพ่อของดนัยช่างเลือดเย็นสิ้นดี “แกจะเลือกให้ดนัยมันได้มีชีวิตต่อไป โดยไม่มีแกมาขวางทางมัน หรือแกเลือกที่จะเห็นแก่ตัว และเป็นต้นเหตุให้มันตาย อย่างน่าเสียดาย” สตาร์กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ความรู้สึกที่ตีบตันขึ้นมาที่คอหอย ทำให้เธอต้องเงียบเสียงลง

“เลือกสิ แกจะให้ดนัยมันเป็นฝ่ายจำ ว่าแกทิ้งมันไป ไม่ยอมบอกลามันสักคำ” น้ำตาที่รื้นขึ้นมา ทำให้ขอบตาของสตาร์ร้อนผะผ่าว “หรือแกจะเป็นฝ่ายจดจำมันเสียเอง ว่าแกนั่นแหละ ที่เป็นคนฆ่าดนัยมันอย่างไร้ความปรานี ไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นอิสระ ได้มีอนาคตในแบบที่แกให้ดนัยมันไม่ได้ คิดดี ๆ แล้วกัน ถ้าคิดว่าฉันไม่กล้าทำอย่างที่พูด” พ่อของดนัยทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนจะเดินออกจากบาร์ไปพร้อมพวก

จิตใจของสตาร์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย สตาร์ตัดสินใจแต่งหน้าทำผม เมื่อหลาย ๆ คนในบาร์เริ่มถาม ว่าทำไมวันนี้สตาร์ถึงเตรียมตัวช้า จนป่านนี้แล้วยังไม่แต่งตัวอีก เพราะค่ำนี้จะต้องขึ้นแสดงเป็นโชว์แรก ยิ่งพอเพื่อน ๆ ที่ธนาคารของดนัยมาถึงร้านกันแล้ว พวกเขาบอกกับสตาร์ว่า ดนัยติดเคลียร์งานนิดหน่อย แต่เดี๋ยวจะตามมาอย่างแน่นอน

พอถึงเวลาเริ่มโชว์ สตาร์บอกให้นางโชว์คนอื่นรันการแสดงไปก่อน หลาย ๆ คนทำหน้าสงสัย เพราะปกติสตาร์ไม่เคยไม่พร้อม แต่ด้วยความที่เป็นคนทำทุกอย่างเนี้ยบ ทุกคนเลยขึ้นแสดงแทนสตาร์ไปก่อน จนเริ่มดึกและจะถึงโชว์ของสตาร์ที่จะต้องขึ้นแสดงปิดท้ายแล้ว สตาร์เดินไปหยุดยืนอยู่ที่เครื่องโทรศัพท์ อาการสองจิตสองใจกำลังกัดกินความรู้สึกของเธอ ดนัยที่รีบล็อกประตู เพื่อจะได้บึ่งรถไปหาสตาร์ ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นด้านในธนาคาร ทีแรกคิดว่าจะเข้าไปรับสาย แต่ก็คิดว่า คงเป็นเพื่อน ๆ ที่โทรมาตามอีกรอบมากกว่า จึงขับรถออกมาเลย

สตาร์วางหูโทรศัพท์ลงกับตัวเครื่อง ได้เสียงประกาศบอกว่า ต่อไปคือโชว์ที่ลูกค้าทุกคนในร้านรอคอย สตาร์มองออกไปเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย หลายคนมาอุดหนุนบาร์แห่งนี้กันเป็นประจำ ตั้งแต่สตาร์เพิ่งเริ่มต้นเป็นนางโชว์ ไฟในร้านหรี่มืดลง ก่อนที่เสียงเพลงจะดังขึ้น เพื่อนของดนัยพูดกันว่าทำไมดนตรีคืนนี้ มันฟังดูเศร้าจัง และเมื่อไฟสปอตไลต์ส่องมาที่กลางเวที สตาร์ยืนอยู่ที่ตรงนั้น

ดนัยทรุดเข่าลงประคองร่างที่ไร้ลมหายใจของสตาร์ขึ้นมากอดเอาไว้ ก่อนจะปล่อยเสียงโฮออกมา ปริ่มว่าใจจะขาด ดนัยเรียกชื่อสตาร์ให้ลืมตาขึ้นมามองเขาก่อน แต่สตาร์ก็ไม่ทำ ดนัยซุกหน้าลงกับร่างของสตาร์ ชายหนุ่มใบหน้าเหยเกบิดเบี้ยว ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างคนใจจะขาด สตาร์ถูกปล่อยให้นอนอยู่ตรงนี้ลำพัง ไม่มีใครรู้ เพราะปกติทุกคนในร้านจะไม่มารบกวนสตาร์เมื่อเห็นว่าเธอเดินเข้าห้องนี้มา ตั้งแต่หลังโชว์จบ

“แกจะปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้ ทุกคนจะคิดว่าแกเป็นคนทำ ถ้ามีใครมารู้เข้า แกอยากจะจบอนาคตแบบนี้หรือไง” ดนัยเห็นพ่อของตัวเองอยู่ที่นั่นด้วย เขายิ่งงง ยิ่งสับสนไปกันใหญ่ เขาถามว่าพ่อมาทำอะไรที่บาร์นี่ “ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว เอ้า เอามันออกไปที่เวทีนั่น เอ้า สวมถุงมือซะ” ดนัยรับถุงมือที่พ่อเขายัดใส่มือมาให้ ก่อนจะเห็นพ่อเขายื่นเชือกเส้นหนึ่งมาให้

“ทำให้เหมือนกับการฆ่าตัวตาย เรื่องอื่นแกไม่ต้องห่วง พ่อจะทำให้มันหายไปเอง ผูกเชือกที่คอมันเข้า” รู้ตัวอีกที เท้าของสตาร์แตะเข้าที่ใบหน้าของดนัย เมื่อเขาดึงร่างของเธอขึ้นไปบนขื่อเหนือเวที ดนัยจูบที่เท้าของสตาร์เพื่อเป็นการร่ำลากันครั้งสุดท้าย ด้วยหัวใจที่แตกสลายย่อยยับลง อย่างไม่เป็นชิ้นดี

***********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=3JWTaaS7LdU


If I should stay,

ถ้าฉันยังอยู่ต่อตรงนี้

I would only be in your way

กังแต่จะขวางทางคุณอยู่

So I'll go, but I know

ฉันจึงตัดสินใจจะจากไป แค่ฉันรู้ว่า

I'll think of you every step of the way

ฉันจะคิดถึงคุณกับทุกทุกย่างก้าวที่เราห่างกันไป


And I will always love you

และฉันจะรักคุณเสมอไป

I will always love you

ฉันจะรักคุณอย่างนี้ไม่เปลี่ยนแปลง


Bitter - sweet memories

ความทรงจำที่มี ไม่ว่าจะสุขหรือจะเศร้า

That's all I'm taking with me

ฉันจะเก็บและนำมันติดตัวไปด้วย

So good-bye, please don't cry

คงต้องเอ่ยคำว่าลาก่อน แต่อย่าเสียน้ำตาไปเลยนะ

We both know that I'm not

เพราะเราต่างก็รู้กันดีอยู่

What you need

สุดท้ายฉันก็เปลี่ยนเป็นคนที่เธอต้องการไม่ได้


And I will always love you

แต่ฉันยังคงรักเธอเสมอไป

I will always love you

ฉันจะยังคงรักเธอเปลี่ยนไป


I hope life treats you kind

หวังว่าจากนี้เธอจะมีแต่ชีวิตที่ดีต่อไป

And I hope you have all

และหวังว่าเธอนั้นจะมีแต่

You dreamed of

สิ่งที่เคยได้ฝันเอาไว้

And I wish to you joy

ขออวยพรให้มีแต่ความสมหวัง

And happiness

เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

But above all this

แต่ที่เหนือสิ่งอื่นใด

I wish you love

คือความรักที่ฉันมีให้กับเธอ


And I will always love you

ฉันจะรักเธอเสมอไป

I will always love you

จะรักเธอตลอดนับจากนี้

I will always love you

รักเธออยู่ตราบนานเท่านาน

I will always love you

รักเธอมั่นคงนิรันดร์

I will always love you

และฉันรักตลอดไปเพียงเธอ
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๑๖. มีเธอ _ 8.1.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 01-08-2023 11:20:53
๑๖. มีเธอ


“ขอบคุณที่มานะครับสารวัตร” ดนัยเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหนึ่งในรายชื่อแขกของทางร้าน มาตามคำเชิญ “ยินดีด้วยนะครับคุณดนัย” สารวัตรรัฐนนท์กล่าวกับเจ้าของบาร์คนใหม่ “ตั้งแต่ผมเก็บเงินได้พอ และขอซื้อต่อที่นี่จากเจ้าของเก่า ผมก็ไม่เคยคิดที่จะทำอะไรกับบาร์เก่านี้เลย ที่ซื้อตอนนั้นเพราะอยากจะเก็บมันเอาไว้ ไม่อยากให้มันโดนทุบทิ้งเพราะเป็นตึกเก่าไร้ประโยชน์” สารวัตรพยักหน้าตามหนุ่มใหญ่ที่เล่าเรื่องให้เขาฟัง

“บรรยากาศเป็นแบบในสมัยนั้นเลยมั้ยครับ” สารวัตรหนุ่มเอ่ยถามขึ้น พลางมองไปรอบ ๆ ร้าน ที่ตอนนี้มีลูกค้าทยอยเข้ามาหนาตามากขึ้นกว่าเมื่อตอนเย็น ที่นายตำรวจหนุ่มมาถึง “ครับ เหมือนตอนผมมาตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่ม ๆ” ดนัยเก็บเกือบทุกอย่างเอาไว้เหมือนเดิม มีบ้างที่ต้องเปลี่ยนใหม่และซ่อมแซม เพราะมันเก่าชำรุดตามกาลเวลา

“มันเป็นสถานที่ที่มีแต่ความทรงจำ ดูอย่างตรงนั้นสิ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน” ดนัยชี้นิ้วไปที่กลางร้าน สารวัตรรัฐนนท์มองตามหนุ่มใหญ่ไป “ผมเพิ่งโดนสารวัตรยกปืนขึ้นส่องผมเองนะ” ดนัยพูดขึ้นกลั้วหัวเราะ สารวัตรหนุ่มเองก็หัวเราะตามออกมา “สัญชาตญาณตำรวจน่ะครับ” ดนัยมองดูสารวัตรหนุ่มที่มีอะไรบางอย่างคล้ายกับเขา

“สารวัตรยกปืนขู่ผมที่เป็นคนร้าย หรือว่าเพราะมีใครอีกคนอยู่ที่ตรงนั้นด้วย แล้วสารวัตรต้องปกป้องหรือเปล่าครับ” สารวัตรรัฐนนท์ได้ยินสิ่งที่ดนัยพูด แต่นายตำรวจหนุ่มเสยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ ดนัยหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อจำได้ดีว่า สารวัตรรัฐนนท์ไม่ลังเลเลยที่จะเอาตัวเองเข้ากันชนธัญเอาไว้ เมื่อตอนที่หนุ่มหน้าใสคนนั้นเห็นภาพของดนัยว่ากำลังทำอะไร

“ยังไงผมก็ต้องขอบคุณเรื่องคดีนะครับ” สารวัตรส่ายหน้าให้กับหนุ่มใหญ่ “ผมไม่ได้ทำคดีนี้แล้ว ตั้งแต่สืบสวนเสร็จ” คดีนี้ถูกยกไปให้กับทีมตำรวจอีกทีม เมื่อหมดหน้าที่ของทีมสืบสวนลับ “ผมเลยมาตามคำเชิญเปิดร้านใหม่ของคุณดนัยได้ ไม่อย่างนั้น มันจะขัดกันซึ่งผลประโยชน์” ดนัยเข้าใจดีกับสิ่งที่สารวัตรรัฐนนท์พูด เพราะตอนนี้คดีโคลด์เคสนี้ ย้อนหลังเช็กบิลนักการเมืองและตำรวจที่มีอำนาจหน้าที่ในตอนนั้นหลายต่อหลายคน ที่ช่วยพ่อของดนัยปกปิด อำพราง และทำลายหลักฐาน ไม่เว้นแม้ดนัยที่ร่วมมืออำพรางศพให้คิดว่าสตาร์ฆ่าตัวตาย

“ทางทีมใหม่เขาขอความเห็นผมกับชนธัญมา ในฐานะทีมสืบ” ดนัยสบตากับสารวัตรหนุ่มหล่อ “ผมให้ความเห็นแย้งไป ว่าทางอัยการไม่ควรมีคำสั่งเห็นชอบสั่งฟ้องคุณ” นั่นคือสิ่งที่สารวัตรรัฐนนท์พึงจะทำให้ดนัยได้ เพราะมันหมดหน้าที่ของทีมสืบลับที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับรูปคดีแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมและดุลยพินิจของศาล ว่าท่านผู้พิพากษาจะมีความเห็นตัดสินลงมาอย่างไร

“ผมเองก็ให้คำแนะนำอะไรใครไม่ได้มาก” ดนัยเอ่ยขึ้นหลังจากกล่าวขอบคุณสารวัตรหนุ่มหล่อเกี่ยวกับเรื่องคดี “อย่าทำผิดพลาดเหมือนผมก็พอนะครับ โดยเฉพาะเมื่อในตอนนี้ อะไร ๆ มันก็เปิดกว้างให้เราเป็นตัวเองได้แล้ว” สารวัตรรัฐนนท์รู้ว่าที่ดนัยพูดนั้น หนุ่มใหญ่หมายถึงเรื่องอะไร

“พูดถึงขึ้นมาพอดีแบบนี้ เอ ผมว่าผมเห็นว่ามากับสารวัตรเมื่อตอนเย็นนะครับ” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มทั้งสองคนจะได้พูดอะไร “บอสคะ พวกหนูยอมให้แค่วันนี้วันเดียวนะคะ เรื่องที่บอสจ้างนางโชว์นอกเข้ามาน่ะ” หนึ่งในบรรดานางโชว์ประจำร้านเดินเข้ามาพูดกับดนัย “นางโชว์นอก” ดนัยงงที่นางโชว์ที่อยู่ประจำร้านบอกมาแบบนี้ “ใช่น่ะสิคะ แหม บอสก็กลั่นแกล้งพวกเรามากเกินไปแล้ว เปิดร้านวันแรก ก็หานางโชว์ตัวเล็ก หน้าใส แต่ท่าทางราวกับนางพญา แต่งหน้าทำผมเองอยู่ในห้องด้านหลังโน่น พวกหนูไม่กล้าเข้าไปหรอกค่ะ มันรู้สึกแปลก ๆ” เหล่านางโชว์พูดเป็นเสียงเดียวหันว่า ห้องส่วนตัวที่ด้านหลังเวทีนั้น ยิ่งใกล้เวลาขึ้นแสดง อยู่ใกล้แล้วยิ่งขนลุก

“แต่งออกมาก็สวยเช้งเชียว แถมยังดูคล่องแคล่วมาก รู้หมดว่าอะไรอยู่ตรงไหนยังไง” ดนัยกะพริบตาถี่ ๆ รู้สึกจุกขึ้นมาที่คอหอย เมื่อมวลก้อนอารมณ์แข็ง ๆ มาอัดแน่นอยู่ตรงนั้น “แถมบอกว่า ต้องให้ขึ้นโชว์เป็นคนแรกเท่านั้นด้วย” มาถึงตรงนี้ ดนัยไม่อยากจะคิดไปเอง ว่าอะไรทำให้เขานึกถึงสตาร์ได้มากขนาดนี้

“เออนี่ แล้วมีใครจุดธูปไหว้เจ้าที่เจ้าทางหรือยัง วันนี้เปิดร้านวันแรกด้วย” กลุ่มกะเทยนางโชว์หันไปซุบซิบถามกัน “ไหว้แล้วสิ ฉันไหว้เอง ขอหมดแหละเจ้าที่เจ้าทาง คนเก่าคนแก่อยู่มาก่อน ให้มาอวยพรพวกเราให้ทำมาค้าขึ้น ลูกค้าแน่นร้านทุกวัน เฮงตลอดปีตลอดชาติ” หนึ่งในกลุ่มนั้นพูดขึ้น ก่อนที่ไฟในร้านจะถูกหรี่ลง ทุกคนหันไปให้ความสนใจกับเวทีที่ยกขึ้นสูงจากพื้นร้านนั้น



Every now and then

ไม่บ่อยครั้งนัก

We find a special friend

ที่เราจะพบกับเพื่อนสักคน

Who never lets us down

ที่ไม่เคยทำให้เราต้องเสียใจ



Who understands it all

เพื่อนที่เข้าใจเราทุกอย่าง

Reaches out each time you fall

มาหาทุกครั้งที่เราพลาดพลั้ง

You're the best friend that I've found

เธอคือเพื่อคนนั้นที่ฉันได้เจอ


ไฟสปอร์ตไลต์ติดขึ้นส่องไปที่เวที คนในร้านส่งเสียงฮือฮาขึ้น สารวัตรรัฐนนท์กำแก้วเครื่องดื่มที่ถืออยู่ในมือจนแน่น เมื่อเห็นชนธัญอยู่ในองค์ทรงเครื่องแดร็กควีนแบบจัดเต็ม แต่ท่าทางการเดิน การมองมาต่างหาก ที่ทำให้ดนัยตกใจมากกว่าใคร เพราะมันทำให้เขาคิดถึงคนที่เขารักจนหมดใจ

“สตาร์” สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับต้องหันไปมองดนัย เมื่อได้ยินหนุ่มใหญ่เรียกชื่อคนรักออกมา “ชุดนี้เป็นชุดที่สตาร์ใส่ คืนที่ผมมาที่บาร์นี้ครั้งแรก” สารวัตรรัฐนนท์หันกลับไปมองบนเวที “สตาร์ไม่ได้เกลียดผมสินะ นี่คือสิ่งที่ผมสวดมนต์ไหว้พระทุกคืน ขอให้สตาร์ยกโทษให้ผม” สารวัตรหนุ่มเอง ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน



I know you can't stay

รู้ดีว่าเธออยู่กับฉันไม่ได้

A part of you will never ever go away

แต่ส่วนหนึ่งที่เป็นเธอจะไม่จากฉันไปไหน

Your heart will stay

หัวใจของเธอจะยังคงอยู่ตรงนี้ตลอดไป


สิ่งที่สารวัตรรัฐนนท์เห็น คือชนธัญกำลังร่ายเวทมนตร์ด้วยการแสดงโชว์บนเวที สะกดสายตาของลูกค้าทุกคนทั้งไทยและเทศ เสียงโห่ร้องแสดงความชอบใจดังลั่นร้าน สารวัตรหนุ่มยิ่งเห็นว่า ท่าทางเหล่านั้นที่แสดงอยู่บนเวที มันไม่เหมือนกับชนธัญเลยสักนิด เพราะมันดูเหมือนคนเจนเวที ไม่ตื่นคนดู รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

ดนัยสำรวจนางโชว์บนเวทีด้วยน้ำตาคลอหน่วย สตาร์ของเขาชอบขึ้นโชว์เป็นคนแรก ชุดที่เขาเห็นชนธัญใส่ มันอาจจะดูไม่พอดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ดูแย่ เพราะชนธัญนั้นตัวเล็กกว่าสตาร์ ค่ำคืนแรกที่ดนัยได้พบกับสตาร์ไหลกลับเข้ามาในความทรงจำ ตั้งแต่สตาร์จากเขาไป ไม่ว่าใครจะบอกว่าที่นี่มีความลี้ลับอย่างไร แต่ดนัยไม่เคยเห็นอะไรอย่างที่คนก็พูดปากต่อปากกันไป



And I'll be right behind your shoulder watching you

ฉันจะคอยเฝ้ามองเธออยู่ไม่ไกล

I'll be standing by your side and all you do

จะคอยเคียงข้างเสมอไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม

And I won't ever leave

ฉันไม่เคยจะจากไปไหน

As long as you believe

ตราบใดที่เธอยังคงเชื่อใจกัน

You just believe

เพียงหากเธอยังเชื่อแบบนั้น


ชนธัญเดินลงมาจากเวที แล้วมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าดนัย โดยที่สารวัตรรัฐนนท์รู้สึกยิ่งตะลึง เมื่อคนตรงหน้าเขาในตอนนี้ เป็นชนธัญที่ไม่ใช่ชนธัญ ชนธัญยิ้มให้กับดนัย ก่อนจะวางมือลงบนหน้าอกข้างซ้ายของหนุ่มใหญ่ ดนัยปล่อยให้น้ำตาของเขาไหลลงมา เมื่อเขารับรู้ได้ว่า สตาร์ไม่เคยโกรธหรือเกลียดเขา ยิ่งเมื่อคดีเปิดเผยออกมาว่า มันไม่ใช่การฆ่าตัวตายอย่างที่รับรู้กัน

สารวัตรรัฐนนท์เห็นชนธัญหันมาสบตากับเขา แววตานั้นดูพินิจพิเคราะห์ เหมือนกับว่า เพิ่งได้มีโอกาสมองหน้าเขาแบบชัด ๆ ใกล้ ๆ ก็คราวนี้เอง รอยยิ้มแบบชม้อยชม้ายที่สารวัตรหนุ่มไม่เคยเห็นชนธัญทำเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้สารวัตรหนุ่มนึกสงสัยว่า นี่มันแค่การแสดงแค่นั้นใช่มั้ย ก่อนจะต้องตกใจ เมื่อชนธัญเขย่งเท้าขึ้นกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูนายตำรวจหนุ่ม ก่อนจะใช้มือแตะที่ข้างแก้มของสารวัตร ราวกับพี่สาวที่เอ็นดูน้องชายก็ไม่ปาน

ชนธัญเดินกลับขึ้นไปบนเวที นางโชว์ประจำร้านตกใจที่อยู่ ๆ ก็เห็นบอสของพวกเธอร้องไห้ออกมา บางส่วนก็กำลังเล็งว่า นางโชว์นอกเฉพาะกินเปิดตัวร้านที่คิดว่าดนัยจ้างมา และรู้สึกว่า จงใจจะมาฆ่ากะเทยบอร์นทูบีอย่างพวกเธอนั้น ว่าตกลงแล้วเป็นของใครกันแน่ ระหว่างบอสหนุ่มใหญ่อย่างดนัย หรือว่าสารวัตรหนุ่มหล่อมาดเข้มคนนั้นกันแน่

เมื่อเพลงใกล้จะจบลง สารวัตรรัฐนนท์รับรู้ได้ในทันที ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เมื่อชนธัญที่เพิ่งเดินบนส้นสูงห้าหกนิ้วขนาดนั้น เริ่มจะเหมือนยืนไม่อยู่ ใบหน้าเริ่มตระหนกตกใจ ว่าตัวเองมาทำอะไรบนเวทีต่อหน้าคนดูเยอะแยะแบบนี้ สารวัตรรัฐนนท์ด้วยสกิลความเป็นตำรวจ ไวเท่าความคิด รีบกระโดดขึ้นบนเวที คว้าตัวของชนธัญที่อยู่ ๆ ก็ทำท่าล้มลงได้ทัน ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนที่สารวัตรหนุ่มจะเห็นหนุ่มหน้าใสในอ้อมแขนของเขาหมดสติไป

***********************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

https://www.youtube.com/watch?v=2BDIG5tnhH8


Every now and then

ไม่บ่อยครั้งนัก

We find a special friend

ที่เราจะพบกับเพื่อนสักคน

Who never lets us down

ที่ไม่เคยทำให้เราต้องเสียใจ


Who understands it all

เพื่อนที่เข้าใจเราทุกอย่าง

Reaches out each time you fall

มาหาทุกครั้งที่เราพลาดพลั้ง

You're the best friend that I've found

เธอคือเพื่อคนนั้นที่ฉันได้เจอ


I know you can't stay

รู้ดีว่าเธออยู่กับฉันไม่ได้

A part of you will never ever go away

แต่ส่วนหนึ่งที่เป็นเธอจะไม่จากฉันไปไหน

Your heart will stay

หัวใจของเธอจะยังคงอยู่ตรงนี้ตลอดไป


I'll make a wish for you

ฉันขออวยพรให้กับเธอ

And hope it will come true

สมหวังในสิ่งที่ชอบทุกประการ

That life would just be kind

ขอให้ชีวิตมอบแต่ความกรุณาให้กับเธอ

To such a gentle mind

สำหรับคนที่จิตใจแสนดีอย่างเธอ


If you lose your way

หวกวันใดเธอมองไม่เห็นหนทางให้เดินไป

Think back on yesterday

ขอให้หวนกลับมาคิดถึงวันวานนี้

Remember me this way

ระลึกถึงฉันในแบบนี้ต่อไป

Remember me this way

คิดถึงฉันในแบบที่เป็นก็พอ


I don't need eyes to see

ฉันไม่ต้องใช้ตาก็มองเห็นได้

The love you bring to me

กับความรักที่เธอนำมาให้ฉัน

No matter where I go

ไม่ว่าตอนนี้ฉันจะอยู่ที่ใดก็ตาม


And I know that you'll be there

และฉันรู้ว่าเธอจะอยู่ที่นั่นด้วยกัน

Forevermore a part of me, you're everywhere

ส่วนหนึ่งของฉันจะเป็นนิรันดร์ เธออยู่กับฉันในทุกที่

I'll always care

ฉันจะดูแลเธอไม่เคยเปลี่ยน


And I'll be right behind your shoulder watching you

ฉันจะคอยเฝ้ามองเธออยู่ไม่ไกล

I'll be standing by your side and all you do

จะคอยเคียงข้างเสมอไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม

And I won't ever leave

ฉันไม่เคยจะจากไปไหน

As long as you believe

ตราบใดที่เธอยังคงเชื่อใจกัน

You just believe

เพียงหากเธอยังเชื่อแบบนั้น


I'll make a wish for you

ฉันขออวยพรให้กับเธอ

And hope it will come true

สมหวังในสิ่งที่ชอบทุกประการ

That life would just be kind

ขอให้ชีวิตมอบแต่ความกรุณาให้กับเธอ

To such a gentle mind

สำหรับคนที่จิตใจแสนดีอย่างเธอ


If you lose your way

หวกวันใดเธอมองไม่เห็นหนทางให้เดินไป

Think back on yesterday

ขอให้หวนกลับมาคิดถึงวันวานนี้

Remember me this way

ระลึกถึงฉันในแบบนี้ต่อไป

Remember me this way

คิดถึงฉันในแบบที่เป็นก็พอ


This way

แค่นี้ก็พอ
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๑๗. ขัด _ 8.3.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 03-08-2023 12:40:55
๑๗. ขัด


เสียงระเบิดบึ้มกึกก้องดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ เศษกระจกจากตึกอาคารทั้งสองข้างทาง ปลิวกระจายลงเต็มท้องถนน ความโกลาหลเกิดขึ้นอยู่รอบทิศทาง ชนธัญนั่งพิงหลังหลบอยู่ที่ข้างกำแพงอิฐที่ก่อสูงเลยหัวของเขาขึ้นไปเล็กน้อย ล้อมรอทำเป็นที่กั้นต้นไม้พุ่มเตี้ยที่ปลูกเป็นทางยาว ด้านหน้าสำนักงานสืบสวนลับ กองบัญชาการคดีพิเศษ

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ชนธัญรู้ตัวอีกที สัญชาตญาณก็พาเขารีบทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ซุกหลังเข้าหลบในทิศทางตรงกันข้ามกับเสียงระเบิด อาการกลัวรวมทั้งความตกใจ ยังไม่เท่าความสับสนอลหม่าน ที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่แรก ชนธัญคิดว่าเขาได้ยินเสียงปืนรัว ๆ ใกล้เข้ามา แต่แล้วเสียงบึ้มที่ทำทุกอย่างสั่นไปหมดก็ดังขึ้น

สารวัตรรัฐนนท์ได้รับแจ้งเหตุ ก็รีบรุดมายังด้านหน้าของสำนักงานสืบ ภาพความเสียหายตรงหน้าทำเอานายตำรวจหนุ่มใจหาย หัวใจของเขาแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะสภาพที่สารวัตรหนุ่มหล่อเห็น มันดูเละเทะจนแทบจะจำเค้าเดิมไม่ได้ และสำคัญยิ่งไปกว่านั้น สายตาของเขากวาดมองหาใครคนนั้น ที่ก่อนหน้าที่ก่อนสารวัตรรัฐนนท์จะขับรถมาถึง เขาได้รับข้อความจากหมอดุว่า คนคนนั้นอยู่ที่ด้านหน้าสำนักงานสืบ

“คุณ คุณเป็นอะไรมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์วิ่งไปจนถึงตัวอีกฝ่าย ที่ส่ายหน้าให้สารวัตรหนุ่ม “แล้วทำไมเลือดถึงเปื้อนเต็มตัวแบบนี้” สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับตกใจอย่างที่สุด ที่เนื้อตัวของชนธัญเต็มไปด้วยเลือด “คุณบาดเจ็บตรงไหน” สารวัตรหนุ่มพยายามพลิกตัวของอีกฝ่ายหันหน้าหันหลังดู เพื่อหาร่องรอยของบาดแผล

“ผมไม่เป็นอะไร สารวัตร” ชนธัญร้องบอกสารวัตรอีกครั้ง “นี่ไม่ใช่เลือดผม” ได้ยินแบบนั้น สารวัตรรัฐนนท์ดูจะแสดงอาการใจเย็นลง ดูจะคลายความกังวลได้มากขึ้นอีกหน่อย “เลือดน้องคนนั้น” สารวัตรรัฐนนท์มองไปตามสายตาของชนธัญ ที่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนพื้น

“ผมพยายามจะทำซีพีอาร์ ทีแรกผมไม่เห็นเขา ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีคนนอนอยู่ ผมไม่ทันได้ตั้งสติดูให้ดี” สารวัตรทำเสียงชู่เบา ๆ  บอกกับชนธัญว่าไม่เป็นอะไร “รู้ตัวอีกที ผมเห็นเขานอนคว่ำหน้าอยู่ มีรอยเลือดที่หลัง เลยจับตัวเขาพลิกเพื่อที่จะ” สายตาของชนธัญดูเสียใจเป็นอย่างมาก ที่ไม่สามารถยื้อชีวิตให้กับเด็กหนุ่มคนนั้นได้

“คุณทำดีที่สุดแล้ว” สารวัตรรัฐนนท์ปลอบใจชนธัญออกไป พราะสารวัตรหนุ่มหล่อรู้ดีว่า ก่อนที่ชนธัญจะมาเริ่มช่วยเหลืองานนี้นั้น ชนธัญต้องผ่านการฝึกอบรมและเข้าเทรนนิ่งอะไรมาบ้าง มันยากมากจริง ๆ แม้แต่ตำรวจมืออาชีพอย่างเขา ที่จะต้องมารับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้

“ขออนุญาตครับ” เสียงหัวหน้าทีมหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐานดังขึ้น “คุณไม่เป็นอะไรนะ” หัวหน้าทีมหลักฐานถามชนธัญ พลางชี้มาที่เสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนเลือดที่ชนธัญใส่อยู่ “ไม่ใช่เลือดผม เลือดของ” ชนธัญชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้น “ผมพยายามจะทำซีพีอาร์ให้เขา” หัวหน้าทีมหลักฐานได้ยินแบบนั้น ก็หันไปพยักหน้าให้กับลูกทีมของเขา

“ผมต้องขอเสื้อของคุณไว้เป็นหลักฐาน” หนึ่งในลูกทีมกางปากถุงพลาสติกที่ใช้เก็บหลักฐานให้อ้าออก “ตอนนี้เลยหรือ” สารวัตรรัฐนนท์ถามขึ้นในทันที “ตอนนี้ครับ” หัวหน้าทีมตอบกลับทันควันเช่นกัน “คุณก็รู้ดีนี่ สารวัตร” หัวหน้าทีมพูดขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับชนธัญว่า

“เมื่อคุณสัมผัสกับผู้เสียชีวิต คุณถือเป็นทั้งพยานและผู้ต้องสงสัยไปในคราวเดียวกัน หรือหลักฐานอื่นใดทางคดี อาจจะติดไปกับเสื้อของคุณ ดังนั้น เพื่อป้องกันการ Contaminate และ Compromise ของหลักฐานที่จะนำไปใช้ในศาล ไม่ให้ปนเปื้อนหรือถูกโต้แย้งได้” สารวัตรรัฐนนท์ได้ยินแบบนั้น ก็ไม่ได้เถียงอะไรต่อ

“ครับ ผมเข้าใจ” ชนธัญตอบหัวหน้าทีมหลักฐานไป ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต สารวัตรรัฐนนท์เห็นแบบนั้น ก็รูดซิปเสื้อแจ็กเกตของตัวเอง ก่อนถอดมันออกมาถือรอเอาไว้ ชนธัญหย่อนเสื้อเชิ้ตลงไปในถุงซิปล็อก “ใส่นี่เอาไว้” สารวัตรรัฐนนท์เอาเสื้อแจ็กเกตคลุมไหล่ของชนธัญ ก่อนจะพูดสำทับว่า

“ใส่ดี ๆ” จนชนธัญต้องสวมแขนเข้าไปทั้งสองข้างละต้องรูดซิปขึ้นครึ่งหนึ่งด้วย หัวหน้าทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐานสบตากับลูกน้องในทีม ที่พากันยิ้ม ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร “ไอดีน้องคนนี้เขาได้มั้ยครับหัวหน้าทีม” สารวัตรรัฐนนท์ถามขึ้น หัวหน้าทีมเองรู้ดีว่า ฝ่ายสืบสวนมักจะใจร้อนเสมอ ก็มองไปรอบ ๆ ตัวของผู้ตาย ก่อนจะนั่งลงเพื่อค้นตัว

“นี่ครับ” หัวหน้าทีมดึงบัตรประชาชนออกจากกระเป๋ากางเกงของผู้ตาย ที่เกือบจะหล่นออกนอกกระเป๋าแล้วเสียด้วยซ้ำ “มีแต่บัตร ไม่มีกระเป๋าสตางค์ ไม่มีเงินติดตัว” หัวหน้าทีมพิสูจน์บอกกับสารวัตรรัฐนนท์ “แปลกใช่มั้ยครับหัวหน้า” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับหัวหน้าทีมหลักฐาน ที่ไม่ได้พูดอะไร โดยที่สารวัตรหนุ่มหล่อรู้ดี ว่าทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐานใจเย็นจนน่าหงุดหงิดแค่ไหน จะไม่ยอมพูดอะไรจนออกมา จนกว่าจะแน่ใจแล้ว

“ผมขอถ่ายเก็บอาไว้หน่อย” สารวัตรรัฐนนท์ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายบัตรประชาชนของผู้ตายเอาไว้ “ยังไงผมขอให้คุณสองคนออกจากไครม์ซีนก่อน พวกผมต้องทำ Grid Search ปูพรมค้นบริเวณนี้ทั้งหมด ผมไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น” เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า สารวัตรรัฐนนท์บางครั้งจะรู้สึกหมั่นไส้กับทีมนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า พวกเขาทำงานกันได้อย่างยอดฝีมือจริง ๆ

“คุณกลับไปพักก่อนนะ เดี๋ยวผมไปส่ง” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับชนธัญ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายควรจะพักสักหน่อย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คงจะหนักมากเกินไปแล้ว “ความทรงจำผมกำลังสดใหม่อยู่” ชนธัญส่ายหน้าปฏิเสธที่จะกลับบ้านไปพัก “ให้ผมอยู่ต่อนะ ผมกลัวจะลืมรายละเอียดที่จำเป็นต่อรูปคดี” ชนธัญขอร้องสารวัตร อนุญาตให้เขาอยู่ช่วยก่อน

“คุณแน่ใจนะ” ใจจริงสารวัตรรัฐนนท์อยากจะพูดแสดงความห่วงใยชนธัญมากกว่านั้น แต่บังเอิญที่ว่าลูกน้องในทีมสืบลับ พากันเดินเข้ามาเสียก่อน “ได้เรื่องเพิ่มเติมจากทีมพิสูจน์บ้างมั้ยครับสารวัตร” หนึ่งในทีมสืบถามขึ้น ก่อนที่สารวัตรรัฐนนท์จะให้ทั้งทีมดูรูปของเด็กหนุ่มที่เสียชีวิต แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไร

“นั่นมันแจ็กเกตสารวัตรนี่ครับ ที่คุณเขาใส่อยู่ ผมจำได้” ชนธัญคนใส่แจ็กเกตของนายตำรวจหนุ่มอยู่ ทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น “โฟกัสงาน” สารวัตรรัฐนนท์สั่งเสียงเข้ม ก่อนจะลอบสังเกตเห็นว่า ช่วงนี้พวกลูกน้องในทีมของเขา แอบสบตาแล้วพยายามกลั้นยิ้มกันบ่อย ๆ และมันชักจะถี่มากขึ้นเรื่อย ๆ

“ไอ้เด็กคนนี้หรือ” หนึ่งในทีมสืบพูดขึ้น “ผมว่าผมเคยเห็นหน้าที่ไหนอยู่นะ” คนพูดทำท่าทางนึก ว่าคลับคล้ายคลับคลา เคยเห็นผู้ตายที่ไหน “มันมีอยู่ช่วงหนึ่งนะครับสารวัตร ที่มีสองแก๊งมันไม่ถูกกัน ตอนนั้นผมยังเป็นสายตรวจอยู่ ผมเคยเข้าไปห้ามปรามไม่ให้พวกมันตีกัน ผมจำได้ว่าเห็นไอ้น้องคนนี้ ผมแน่ใจ ว่ายืนอยู่กับหัวหน้าแก๊งหนึ่ง เหมือนจะสนิทชิดเชื้อกันดีด้วย” สารวัตรรัฐนนท์ฟังที่ลูกน้องทีมสืบลับรายงานมา

“แล้วที่เกิดขึ้นวันนี้ มันคือสองแก๊งไม่ถูกกัน รุมยำกันอย่างนั้นหรือ” อีกคนในทีมสืบลับถามขึ้น “ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงระเบิด มันมีเสียงปืนดังขึ้นรัว ๆ” ชนธัญให้ข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะเล่าว่า เขาเข้ามาที่สำนักงานสืบสวนลับ เพื่อส่งรายงานของคดีที่แล้ว ก่อนที่หมอดรุณีจะทักเขาที่หน้าทางเข้าอาคาร พูดคุยกันเล็กน้อย ก่อนที่ชนธัญบอกว่า เขาจะต้องวิ่งกลับออกมาที่ด้านนอกตึก เพราะต้องการจะถามข้อมูลบางอย่างจากหมอดุ

“แต่ตอนออกมา ก็ไม่เจอหมอดุแล้ว” ชนธัญไล่เรียงเหตุการณ์ก่อนหลังตามที่เกิดขึ้น “แล้วผมก็เริ่มได้ยินเสียงคนกรีดร้อง พอหันไปทางต้นเสียง” ทุกคนมองตามชนธัญไปทางถนนใหญ่ที่ห่างออกไปไม่ไกล “เสียงปืนก็ดังขึ้นติด ๆ กันหลายนัดจากทางด้านนั้น ก่อนที่จะมีเสียงระเบิดดังสนั่น ที่ชนธัญพุ่งเข้าทรุดตัวหลบที่ด้านหลังกำแพงอิฐนั่น

“แต่” ชนธัญทำหน้าพยายามคิดอย่างหนัก “แต่ผมไม่ทันเห็นว่าน้องคนนี้มานอนอยู่ตรงนั้นได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทุกอย่างมันสับสนไปหมด โกลาหลอย่างที่สุด แถมเสียงกรีดร้อง เสียงอื่น ๆ มันดังลั่นไปทั่วบริเวณ แต่พอเห็นน้องเขา รู้ตัวอีกที ผมก็ทำซีพีอาร์จนหมดแรง” ชนธัญเล่ามาถึงตรงนี้ ทำให้สารวัตรรัฐนนท์รู้สึกว่า มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้น

**************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย Jay J

Gangsta's Paradise - Coolio

https://www.youtube.com/watch?v=-5qqrMu_AZc


As I walk through the valley of the shadow of death

เมื่อข้าได้ก้าวเท้าเข้าสู่หุบเขาแห่งความตายอันมืดดำ

I take a look at my life and realize there's nothin' left

หันมามองดูชีวิตตัวเองแล้วข้าก็รู้ว่ามันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

'Cause I've been blastin' and laughin' so long that

เพราะข้าเที่ยวเอาแต่สุดโต่งและหัวเราะดังลั่นมานาน

Even my momma thinks that my mind is gone

จนแม้แต่แม่ของข้าเองยังว่าข้านั้นหลุดโลกจนเสียสติ


But I ain't never crossed a man that didn't deserve it

แต่ข้าไม่เคยกำจัดใครโดยที่ไอ้พวกนั้นมันไม่สมควรโดน

Me be treated like a punk, you know that's unheard of

ใครกล้ามาทำกับข้ายังกับพวกเหลือขอ ไม่มีซะล่ะ เอ็งฟังมาผิดแล้ว

You better watch how you talkin' and where you walkin'

พวกเอ็งนั่นแหละที่ต้องระวังปาก ไปไหนมาไหนสงบเสงี่ยมเจียมตัวไว้

Or you and your homies might be lined in chalk

ไม่งั้นเอ็งกับพวกได้นอนให้ตำรวจเอาช็อกมาเขียนร่างที่พื้นแน่


I really hate to trip, but I gotta loc

ข้าเกลียดที่จะคุยดม้จริงจริงว่ะ แต่บังเอิญมันมีของหนักดำมะเมี่ยมอยู่ในมือ

As they croak, I see myself in the pistol smoke

เมื่อมันส่งเสียงดังขึ้น ข้าเองก็ได้แต่มองพวกเอ็งผ่านควันลำกล้องปืน

Fool, I'm the kinda G the little homies wanna be like

พวกโง่เอ๊ย ข้าเป็นดั่งศาสดา ที่พวกเอ็งทั้งหลายอยากจะได้เป็นบ้าง

On my knees in the night, sayin' prayers in the streetlight

คุกเข่าอ้อนวอนยามค่ำคืน สวดอ้อนภาวนาเงยหน้าขึ้นกลางแสงไฟส่องทาง


Been spendin' most their lives

ใช้ชีวิตที่มีของพวกเขา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ในวังวนสวรรค์แห่งอาชญากร

Been spendin' most their lives

ใช้ชีวิตหมดไปของพวกเขา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ท่ามกลางสวรรค์แห่งอาชญากร

Keep spendin' most our lives

ใช้ชีวิตที่มีของพวกเรา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ปะปนกับสวรรค์แห่งอาชญากร

Keep spendin' most our lives

ใช้ชีวิตหมดไปของพวกเรา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ท่ามกลางสวรรค์แห่งอาชญากร


Look at the situation they got me facing

พวกเอ็งก็ดูสิ่งที่พวกมันให้ข้าต้องเผชิญสิ

I can't live a normal life, I was raised by the street

จะให้ข้ามีชีวิตปกติอย่างคนอื่นเขาได้ยังไง ในเมื่อข้าเติบโตมากับข้างถนน

So I gotta be down with the hood team

นั่นทำให้ข้าต้องอยู่กับพรรคพวกของข้าทั้งหมด

Too much television watchin', got me chasing dreams

ในทีวีที่หรอกหูข้าทุกเมื่อเชื่อวัน ทำให้ข้าต้องออกเสาะแสวงหาความฝันนานา


I'm a educated fool with money on my mind

ข้าก็แค่คนมีความรู้ไร้พุทธิปัญญาคนหนึ่งที่วันวันสมองมีแต่เรื่องเงิน

Got my ten in my hand and a gleam in my eye

เมื่อมีเงินกำเอาไว้ในมือ เมื่อนั้นแววตาก็สุกสว่างโชติช่วง

I'm a loc'd out gangsta, set trippin' banger

ข้ามันพวกขึ้นไกตลอดเวลา ที่มือลั่นโคตรง่าย

And my homies is down, so don't arouse my anger

แม้แต่พวกเดียวกันเองยังยอม เพราะงั้นอย่ายั่วให้ข้าโมโห


Fool, death ain't nothin' but a heart beat away

พวกโง่ทั้งหลาย ความตายไม่ได้อยู่ไกลแค่ปากซอยยังร่วงได้

I'm livin' life do or die, what can I say?

ชีวิตข้าจะให้บอกว่ายังไงดี ก็ถ้าไม่รอดก็ลาก่อน

I'm 23 now but will I live to see 24?

ตอนนี้ข้าอายุยี่สิบสาม แต่ถามว่าจะอยู่ถึงฉลองยี่สิบสี่มั้ย

The way things is going I don't know

เทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่ะ


Tell me why are we so blind to see

ช่วยบอกทีทำไมเราทุกคนถึงพากันตาบอดมองไม่เห็น

That the ones we hurt are you and me?

ว่าคนที่กำลังเจ็บปวดก็คือพวกเรากันเองทั้งนั้น


Been spendin' most their lives

ใช้ชีวิตที่มีของพวกเขา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ในวังวนสวรรค์แห่งอาชญากร

Been spendin' most their lives

ใช้ชีวิตหมดไปของพวกเขา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ท่ามกลางสวรรค์แห่งอาชญากร

Keep spendin' most our lives

ใช้ชีวิตที่มีของพวกเรา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ปะปนกับสวรรค์แห่งอาชญากร

Keep spendin' most our lives

ใช้ชีวิตหมดไปของพวกเรา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ท่ามกลางสวรรค์แห่งอาชญากร


Power and the money, money and the power

อำนาจกับเงินตรา เงินทองกับอำนาจ

Minute after minute, hour after hour

มันคือที่ข้าทำหมดไป นาทีต่อนาที ชั่วโมงต่อชั่วโมง

Everybody's runnin', but half of them ain't lookin'

ทุกคนพากันวิ่งลนลาน แต่ครึ่งหนึ่งในนั้นไม่มองทางกันสักคน

It's going on in the kitchen, but I don't know what's cookin'

เหมือนรู้ว่าในครัวกำลังปรุงอาหาร แต่ไม่รู้ว่าอาหารที่จะกินคืออะไร


They say I gotta learn, but nobody's here to teach me

มีคนเคยบอกว่าข้าต้องหัดเรียนรู้ แต่ไม่มีใครหน้าไหนมาสอนข้าเลยสักคน

If they can't understand it, how can they reach me?

ถ้าพวกเขาไม่เคยเข้าใจข้าเลยสักนิด แล้วพวกเขาจะเข้าถึงตัวข้าได้ยังไง

I guess they can't, I guess they won't

ข้าว่าพวกเขาทำไม่ได้ ไม่สิ ข้าว่าพวกเขาไม่คิดจะทำ

I guess they front, that's why I know my life is out of luck, fool

มีแต่จะเผชิญหน้ากัน นั่นเป็นเหตุให้ชีวิตข้าไม่ได้โชคดีอย่างใครใคร


Been spendin' most their lives

ใช้ชีวิตที่มีของพวกเขา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ในวังวนสวรรค์แห่งอาชญากร

Been spendin' most their lives

ใช้ชีวิตหมดไปของพวกเขา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ท่ามกลางสวรรค์แห่งอาชญากร

Keep spendin' most our lives

ใช้ชีวิตที่มีของพวกเรา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ปะปนกับสวรรค์แห่งอาชญากร

Keep spendin' most our lives

ใช้ชีวิตหมดไปของพวกเรา

Livin' in a gangsta's paradise

อยู่ท่ามกลางสวรรค์แห่งอาชญากร


Tell me why are we so blind to see

ช่วยบอกทีทำไมเราทุกคนถึงพากันตาบอดมองไม่เห็น

That the ones we hurt are you and me?

ว่าคนที่กำลังเจ็บปวดก็คือพวกเรากันเองทั้งนั้น

Tell me why are we so blind to see

บอกฉันทีว่าทำไมพวกเราต่างมองกันไม่ออก

That the ones we hurt are you and me?

ว่าทุกคนที่เจ็บปวดนี้คือพวกเรากันเองทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๑๘. UNHOLY _ 8.4.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 04-08-2023 13:31:19
๑๘. UNHOLY


ดรีม เด็กหนุ่มร่างผอมบาง ดูอ้อนแอ้นทั้งรูปร่างและลักษณะท่าทางการแสดงออก เขารู้สึกผิดหวังเล็ก ๆ เมื่อคิดว่า คืนวันศุกร์แบบนี้คนมาเที่ยวน่าจะเยอะจนร้านแน่น แต่ก็ผิดคาด เมื่อหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาว่าเกือบจะเที่ยวคนแล้ว 'แต่ก็ดี' ดรีมบอกตัวเอง อย่างนี้ก็คู่แข่งส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยดี

“เอาเข้ม ๆ นะพี่ หนูอยากเมา” ดรีมตะโกนบอกบาร์เทนเดอร์แข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มออกมาจากลำโพง ที่หันดอกมาสาดเสียงเข้าใส่ลูกค้า “มึงมาก็สั่งแค่แก้วเดียว” เสียงบาร์เทนเดอร์ตะโกนกลับมา “ก็ถึงบอกให้ชงเข้ม ๆ” ดรีมตอบกลับไป สีหน้าสีตาระรื่น “หรือพี่ก็ให้เหล้าหนูฟรีสิ เดี๋ยวหนู” ดรีมไล้ปลายนิ้วกับมือของบาร์เทนเดอร์หนุ่มขณะรับแก้วเครื่องดื่มสีสวยนั้นมาถือเอาไว้

“ตอนนี้กูมีเมียแล้ว” บาร์เทนเดอร์ตอบกลับมาอย่างนั้น ดรีมทำหน้ากระเง้ากระงอดเมื่อได้ยิน “น่าเบื่อ” ก่อนจะส่งเงินค่าเหล้าให้ บาร์เทนเดอร์หัวเราะขำไปกับท่าทางของดรีม แต่ไม่ได้คิดอะไร ก็จริง ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ การแลกเหล้าระหว่างเขากับเด็กหนุ่มคนนี้ ก็คงเกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ

“ไปดีกว่า” ดรีมทิ้งท้ายไว้แบบนั้น ก่อนจะผละจากบาร์เหล้า เดินมาหยุดอยู่ที่กลางร้าน ที่ดึก ๆ มักจะกลายเป็นฟลอร์ออกสเต็ปแดนซ์ของลูกค้าทั้งไทยและเทศ แต่ความบางตาของลูกค้าที่มาเที่ยวยามค่ำคืนในวันนี้ กับบาร์เกย์ชื่อดังที่สุดของกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งการโอบอุ้มล้าแขนรับกลุ่มชายรักชายแบบนี้ ดูจะแปลกอยู่ไม่น้อย

ดรีมกวาดตามองไปรอบ ๆ เห็นพวกขั้วเดียวกันแล้วก็นึกเซ็ง เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อค่ำคืน ที่เขาอุตส่าห์ออกมาท่องราตรีได้อย่างนี้ ดรีมนั่งลงที่เก้าอี้เหล็กทรงสูงแบบหมุนได้ วางเครื่องดื่มลงบนโต๊ะกลมเล็ก ๆ เข้าคู่กันกับเก้าอี้ ดรีมลองหมุนตัวบนเก้าอี้นั้น มันหยุดกลางคันก่อนจะครบรอบ ทำให้ดรีมเกือบจะร่วงลงจากเก้าอี้

ดรีมใช้เท้ายันพื้นเอาไว้ได้ทัน รู้สึกอายพวกออกสาวกลุ่มนั้นที่พากันหัวเราะขบขัน ก่อนที่ดรีมจะเงยหน้าขึ้น แล้วมองเห็นผู้ชายหน้าตาพอใช้ได้คนหนึ่ง อายุน่าจะสามสิกว่า ๆ มองแล้วยิ้มมาทางดรีมด้วยสายตาที่เป็นประกาย ดรีมสบตากับชายหนุ่ม ทำท่าอาย ๆ แต่ก็ตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อเห็นชายหนุ่มถือแก้วเครื่องดื่ม เดินตรงเข้ามาหา

“นั่งด้วยได้มั้ยครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามดรีม “นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับว่า” ดรีมตอบกลับไป แต่ก็เห็นว่าชายหนุ่มถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับเขาแล้ว ดรีมปรายตาไปทางกลุ่มออกสาวที่หัวเราะเยาะเขาก่อนหน้านี้ ยิ้มที่มุมปาก แน่นอนว่านี่คือการเย้ยตอบ ที่ดรีมรู้สึกชอบใจ ว่าผู้ชายเขาก็ย่อมจะเลือกคนสวย ไม่ใช่พวกขยะที่รอกทม.มาเก็บ

“หนูยังไม่ได้ชวนเลย” ดรีมทำพูดเย้าหยอกชายหนุ่ม แต่ก็ทำหัวเราะอาย ๆ ใส่อีกฝ่ายอย่างจงใจ “ผมน่าจะอดใจไม่ไหว” ดรีมได้ยินชายหนุ่มพูดมาแบบนั้น ก็ออกจะวางมือวางไม้ไม่ถูกเหมือนกัน ดรีมทำขมุบขมิบปากว่าอีกฝ่ายว่า 'บ้า' ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน ดรีมรู้สึกดีใจไม่น้อย ที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาทักเขา

“ชื่ออะไรครับ” ชายหนุ่มโน้มตัวเข้ามาถามดรีม แม้ว่าตรงนี้เสียงเพลงจะไม่ได้ดังขนาดนั้นก็ตาม “ดรีม” เจ้าของชื่อตอบกลับไป รู้เลยว่าตัวเองประดิษฐ์ทั้งรูปปากและน้ำเสียงขนาดไหน “ชื่อเพราะนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวชม แม้ว่าดรีมจะรู้สึก นึกอยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ยอมทำท่าเขินมาก จนตัวเองยังเกลียดในสิ่งที่ตัวเองแสดงออกไป

“พ่อแม่ตั้งให้น่ะ เขาคงรู้ว่าดรีมมีฝันอันยิ่งใหญ่” ไหน ๆ ก็ดูว่ามีผู้ชายมาติดกับแล้ว ดรีมก็ใส่เพิ่มเข้าไปให้เต็มข้อ “ไม่เรียกแทนตัวเองว่าหนูแล้วหรือครับ” ชายหนุ่มถามกลับมา ดรีมสบตากับชายหนุ่มแบบลองหยั่งเชิง “หนูก็ไม่นึกว่าจะมีคนชอบ” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ ตายกแก้วขึ้นดื่มแล้วใช้สายตาสื่อความหมายมาแทน

“ผมชื่อฤกษ์นะ” ชายหนุ่มพูดออกมาตอนวางแก้วเหล้าที่เพิ่งกระดกลงคอไปจนหมดลงบนโต๊ะ “หนูคิดว่าพี่จะไม่บอกหนูซะแล้ว” จริง ๆ ดรีมก็ไม่ได้อยากจะรู้ชื่อของชายหนุ่มสักเท่าไหร่นัก “จริง ๆ คนชื่อฤกษ์ก็มีความฝันนะครับ” ดรีมสบตานิ่งกับอีกฝ่าย รอว่าชายหนุ่มเตรียมที่จะพูดอะไรต่อ

“ฝันว่า” ฤกษ์ที่ตอนนี้รู้สึกว่า เขาสาดเหล้าลงคอไปมากพอ ที่จะมีแต่ความกล้าและไม่จำเป็นต้องยั้งอะไรตัวเองเอาไว้แล้ว “ริมฝีปากบาง ๆ ของดรีม ทำอะไรได้บ้าง” ฤกษ์คิดว่าเขาไม่พลาดเป้าหมายแน่นอน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเขาถึงเลือกเด็กหนุ่มลักษณะอ้อนแอ้นแบบดรีมเสมอ เพราะมันจบดีลได้ง่ายและเข้าทางเขา

“มันก็ต้องลองดู” ดรีมยิ้มให้กับฤกษ์ เป็นรอยยิ้มที่เชิญชวนและตอบรับอย่างเปิดเผยที่สุดแล้ว ดรีมแกล้งเหลือบดูไปที่เป้ากางเกงของชายหนุ่ม ซึ่งมันก็นูนแน่นไปหมดแล้วในตอนนี้ ดรีมนั่งรอที่โต๊ะอยู่สักพัก ทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจอะไร เมื่อฤกษ์คล้อยหลังเดินขึ้นไปบนชั้นสองของร้านได้อึดใจใหญ่ ดรีมก็ลุกขึ้นเดินตามไป

ที่บนชั้นสอง ถูกแบ่งพื้นที่เอาไว้สำหรับเป็นห้องน้ำ โดยที่ชั้นหนึ่งทำเป็นโถปัสสาวะ แต่ลูกค้าส่วนมาก ไม่ค่อยจะขึ้นมาข้างบนนี้ โดยเฉพาะวันที่ลูกค้าน้อย ๆ แบบนี้ เพราะกลัวว่าจะเสียที่นั่งที่เป็นกลยุทธ์ที่ชั้นล่าง เสียโอกาสให้ทุกคนในร้านมองเห็น และคัดสรรตัวเองให้กลับไปมอบความสุขความหฤหรรษ์กันต่อ หลังจากบาร์เลิก

ห้องน้ำทั้งสามห้อง ถัดเข้าไปในมุมด้านไกล ไฟไม่สว่างมากนักเพราะมีหลอดไฟดวงหนึ่งขาด มีเพียงห้องเดียวริมสุดที่บานประตูปิดอยู่ นั่นก็ทำให้ดรีมเดาไม่ยาก เขาเคาะประตูห้องน้ำเบา ๆ ก่อนที่มันจะเปิดออก ฤกษ์ยืนรอเด็กหนุ่มอยู่ในนั้น ดรีมเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนปิดประตูล็อกกลอนตามหลัง

“ดูดให้พี่หน่อย” เสียงฤกษ์สั่น กระเส่า กระซิบบอกเด็กหนุ่ม ก่อนดึงมือของดรีมไปจับที่เป้ากางเกงทำงานที่ฤกษ์สวมอยู่ ที่ตอนนี้มันโป่งพองก๋าท้าทายอย่างที่สุด “ปกติหนูไม่เคยทำอะไรแบบนี้นะพี่” ดรีมทำพูดออกตัว “นะ” ฤกษ์พูดก่อนจะรูดซิปกางเกงลง แล้วงัดเอาท่อนลำคล้ำอวบใหญ่ออกมาให้ดรีมจับเล่น

“น้ำมันเยิ้มปลายเยอะจังพี่” มือของดรีมที่รูดขึ้นรูดลงนั้นเหนียวเปรอะไปทั่ว ก่อนที่ฤกษ์จะเงยหน้าสูดปากเหมือนกินพริกเข้าไปทั้งกำมือ เมื่อเกือบสุดความยาวที่เขามี เลื่อนตัวเข้าไปพักอยู่ในโพรงปากของดรีมที่โอบรอบมันเอาไว้ ดรีมน้ำตาซึมเล็กน้อย เมื่อมันใหญ่เกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ ทำให้เขาหายใจติดขัดเล็กน้อย แต่ยังไงเสียก็ตาม จะใหญ่แค่ไหน ก็ไม่ใหญ่เกินไปกว่าร่องและรูที่สวรรค์สรรค์สร้างเอาไว้ให้ใช้หรอก

“ปล่อยในปาก” ฤกษ์พูดขึ้น ดรีมถอนปากออก ทำสีหน้าลังเล “หนูไม่เคย” ดรีมทำสายตาวิงวอน “พี่มีค่าขนมให้” ฤกษ์ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบแบงก์สีเทาปึกหนาออกมาถือไว้ “มันกลืนได้” ฤกษ์ใช้มือดึงท้ายทอยของดรีมให้กลับมาอ้าปากรับความยาวของเขากลับเข้าไป ดรีมเสียงอู้อี้ สายตาเหลือกมองสบตากับฤกษ์ ที่ชายหนุ่มยัดเงินใส่มือข้างหนึ่งของดรีม

ดรีมกำเงินนั่นจนแน่น จริง ๆ ไม่ได้คิดว่า คืนนี้เขาจะได้เงินอะไรนี่ด้วย แค่อยากจะออกมาปลดปล่อยและให้ไฟราคะมันสงบลงบ้างเท่านั้น ตอนนี้ดรีมจึงจัดกลเม็ดเด็ดพรายที่เขารู้ทั้งหมดใส่ให้กับฤกษ์ เผื่อว่าชายหนุ่มจะติดใจ จนมีครั้งต่อ ๆ ไปจากนี้ตามมา ดรีมรู้ดีว่านี่มันมาถึงท้ายเกม เมื่อกล้ามเนื้อขาของฤกษ์เริ่มเกร็ง สะโพกของฤกษ์ยิ่งขยับเข้าออกเร็วและแรง ลมหายใจถี่หอบ และอาการกระตุกถี่ ๆ และบดเบียดลำยาวเข้าไปในปากของดรีมจนสุด พ่นทะลักลงคอของดรีมโดยไม่ต้องกลืนเอง

“มีเบอร์พี่ละนะ โทรไปรับสายด้วย” ฤกษ์พูดจบ ก็เปิดประตูออก ก่อนจะรีบเดินงุดหน้าลงไปชั้นล่าง ประตูห้องน้ำที่เปิดกว้างออก ทำให้มองเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือ มองเห็นดรีมนั่งยอง ๆ อยู่ในห้องน้ำ สะท้อนผ่านเงาในกระจก ชายหนุ่มคนนั้นหันมาทางดรีม ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำมา แต่ไม่ยอมปิดประตู

“ทำให้บ้างสิ” เสียงนั้นฟังดูกึ่งให้ทำตามคำสั่ง ก่อนจะยัดเอาท่อนไม่ยาวมากชมพูสวยเข้าปากดรีม ที่หลับตาพริ้มรับการถูกใช้เป็นเครื่องระบายอารมณ์กลัดมันนี้ ดรีมทำอยู่สักพัก ก่อนจะส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายปิดประตูห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันที่ประตูจะงับปิดดี ที่หางตาของดรีมก็เห็นมีใครอีกคนเดินตรงเข้ามา

โดยไม่มีคำพูดใด ๆ หนุ่มบาร์เทนเดอร์ก็ส่งความยาวสวยของตัวเองที่ดรีมนั้นเอง ก็เคยคุ้นกับมันมาก่อนเข้าร่วมด้วย บาร์เทนเดอร์ที่เพิ่งมาถึง ใช้นิ้วปาดความขุ่นเหนียวข้นที่ยังคงติดอยู่ตามคางของดรีม เข้าปากเด็กหนุ่มไป ก่อนที่ดรีมจะต้องใช้มือทั้งสองข้างละปากของเขา แสดงให้เห็นว่า ริมฝีปากบาง ๆ ของเขานั้น มันทำอะไรได้บ้าง

“อืม กำลังกลับ” ฤกษ์กรอกเสียงลงไปในมือถือ เมื่อเข้ามานั่งอยู่ที่ด้านคนขับ “ผมก็มาผ่อนคลายอะไรของผมบ้าง มีนั่งดื่มกับพี่ ๆ ที่ทำงานนั่นแหละ” เสียงตอบกลับไปของฤกษ์แสดงความเหนื่อยหน่ายอย่างเห็นได้ชัด “ก็ผมต้องทำงาน และก็อย่าขออะไรเกินตัว ใบเก่าก็ใช้ไปก่อน ผมทำงานเก็บเงินนี่ก็เพื่อครอบครัว คุณกับลูก” ฤกษ์เกือบจะตวาดปลายสายกลับไป เมื่อได้ยินว่าลูกรอเขากลับบ้านจนหลับไปก่อนแล้ว และผู้เป็นภรรยาบอกขอซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมใบใหม่ ทดแทนใบที่ใช้มาจนเก่าและขาดแล้ว

“เดี๋ยวคุณก็จะคลอดอีก ถ้าผมไม่ทำงานหนักแบบนี้ มันจะไปพออะไร นี่วัน ๆ ผมก็แทบจะไม่ได้ใช้อะไรส่วนตัวเลย ไหนจะค่าน้ำมัน ค่ากินผมอีก แล้วยังจะภาษีสังคมจิปาถะ คุณจะมาอย่างนั้นอย่างนี้กับผมอีก ผมเหนื่อย เห็นใจกันมั่งสิ รู้บ้างมั้ย ว่าผมเบื่อ แค่นี้นะ ผมขับรถอยู่” ฤกษ์กดวางสายลงก่อน ที่จะทันได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของอีกฝ่ายดังผ่านเข้ามา

******************************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาไทย โดย Jay J

Unholy - Sam Smith

https://www.youtube.com/watch?v=QMGGaNynpLI


Mummy don't know daddy's getting hot

หม่ามี้จะไปรู้อะไรว่าแด๊ดดี้นั้นเร่าร้อน

At the body shop, doing something unholy

ไปนั่งที่ร้านอะไรนั่น ทำอะไรสักอย่างที่เขาไม่กล้าพูดกัน


A lucky, lucky girl

หญิงสาวผู้แสนโชคดี โชคดีกว่าใคร

She got married to a boy like you

ได้แต่งงานกับผู้ชายพรรค์อย่างคุณ

She'd kick you out if she ever, ever knew

เธอเตะโด่งคุณไปให้พ้นแน่ถ้ารู้เรื่องเข้า

'Bout all the - you tell me that you do

ไอ้เรื่องที่คุณบอกฉันไว้ ว่าไปทำอะไรอะไรมา


Dirty, dirty boy

ไอ้หนุ่มผู้เคล้าโลกีย์

You know everyone is talking on the scene

คุณก็รู้ว่าใครใครก็พูดถึงกับภาพที่มันเกิดขึ้น

I hear them whispering 'bout the places that you've been

ฉันได้ยินพวกนั้นกระซิบกระซาบกันถึงที่ที่คุณไปมา

And how you don't know how to keep your business clean

และคุณดันไม่ปกปิดอะไรอะไรนั่นให้มันไร้ร่องรอย


Mummy don't know daddy's getting hot

หม่ามี้จะไปรู้อะไรว่าแด๊ดดี้นั้นเร่าร้อน

At the body shop, doing something unholy

ไปนั่งที่ร้านอะไรนั่น ทำอะไรสักอย่างที่เขาไม่กล้าพูดกัน

He's sat back while she's dropping it, she be popping it

แด๊ดดี๊นั่งกางขารอตอนที่ยัยนั่นคุกเข่าลงตรงหน้า หล่อนเปิดปากอ้า

Yeah, she put it down slowly

แล้วครอบปากลงไปอย่างช้าช้า


Oh-ee-oh-ee-oh, he left his kids at

แด๊ดดี๊ปล่อยให้ลูก

Ho-ee-oh-ee-ome, so he can get that

อยู่บ้าน เพื่อแด๊ดดี๊จะได้ ทำนั่นทำนี่


Mummy don't know daddy's getting hot

หม่ามี้จะไปรู้อะไรว่าแด๊ดดี้นั้นเร่าร้อน

At the body shop, doing something unholy

ไปนั่งที่ร้านอะไรนั่น ทำอะไรสักอย่างที่เขาไม่กล้าพูดกัน


Mmm, daddy, daddy, if you want it, drop the add'y

แด๊ดดี้ขา ถ้าแด๊ดดี้อยาก ทิ้งความเป็นพ่อคนเอาไว้ก่อน

Give me love, give me Fendi, my Balenciaga daddy

แล้วมอบความรักให้หนู มันชื่อว่าเฟนดิ มันคือบาล็อง เชื่อหนูแด๊ดดี้

You gon' need to bag it up, 'cause I'm spending on Rodeo

แด๊ดดี้ต้องขนมันมาให้หนู เพราะห้างหรูหนูจะไปกวาดมาให้เรียบ

You can watch me back it up, I'll be gone in the a.m.

หนูจะรวบตึงเอาไว้ให้หมดทุกใบ ก่อนรุ่งเช้าแล้วหนูจะหายตัวไปจนหมดจด


And he, he get me Prada, get me Miu Miu like Rihanna

แด๊ดดี้จะหาปราด้ามาให้ หนูอยากได้มิวมิวใช้อย่างเซเล็บตัวเจ๋ง

He always call me 'cause I never cause no drama

แด๊ดดี้โทรหาหนูบ่อยบ่อย เพราะหนูชอบอ่อยแต่ไม่ค่อยสร้างดราม่า

And when you want it, baby, I know I got you covered

และเมื่อแด๊ดดี้แข็งขึ้นก็เรียกหาหนู เดี๋ยวหนูจะจัดการคลายเหงาแด๊ดดี้เอง

And when you need it, baby, just jump under the covers

เมื่อไหร่แด๊ดดี้อยากปลดปล่อย มาเลยหนูรอโดนสอยไม่ปริปากแพร่งพราย


Mummy don't know daddy's getting hot

หม่ามี้จะไปรู้อะไรว่าแด๊ดดี้นั้นเร่าร้อน

At the body shop, doing something unholy

ไปนั่งที่ร้านอะไรนั่น ทำอะไรสักอย่างที่เขาไม่กล้าพูดกัน

He's sat back while she's dropping it, she be popping it

แด๊ดดี๊นั่งรอตอนที่หล่อนคนนั้นคุกเข่าลงตรงหน้า เปิดปากอ้า

Yeah, she put it down slowly

แล้วครอบปากลงไปอย่างช้าช้า


Oh-ee-oh-ee-oh, he left his kids at

แด๊ดดี๊ปล่อยให้ลูก

Ho-ee-oh-ee-ome, so he can get that

อยู่บ้าน เพื่อแด๊ดดี๊จะได้ ทำนั่นทำนี่


Mummy don't know daddy's getting hot

หม่ามี้จะไปรู้อะไรว่าแด๊ดดี้นั้นเร่าร้อน

At the body shop, doing something unholy

ไปนั่งที่ร้านอะไรนั่น ทำอะไรสักอย่างที่เขาปิดปากเงียบกัน
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๑๙. อัปลักษณ์ _ 8.7.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 07-08-2023 13:29:29
๑๙. อัปลักษณ์


“ผมขอข่าวดีนะด็อค” ทันทีที่สารวัตรรัฐนนท์ผลักประตูห้องชันสูตรเข้าไป “ใจร้อนเสมอนะหมวด” สารวัตรหนุ่มก็ทักเจ้าของห้องตรวจด้วยประโยคที่ได้ยินเสมอ ๆ โดยที่แพทย์หญิงดรุณีนั้นถือว่าเป็นคำกล่าวทักทายจากนายตำรวจหนุ่มไปแล้ว “วันนั้นหมอเป็นห่วงเรามากเลย” ก่อนที่ด็อคเตอร์สาวจะหันมาพูดกับชนธัญที่เดินตามเข้ามา

“ผมโอเคครับ ไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณนะครับด็อคดุ” ชนธัญตอบกลับไป ก่อนจะเห็นรอยยิ้มแสดงความห่วงใยจากแพทย์สาว “อยากรู้เรื่องไหนก่อน” ด็อคเตอร์ดรุณีถามสารวัตรรัฐนนท์ ที่เลิกคิ้วที่ได้ยินแบบนั้น “มีหลายเรื่องเลยหรือหมอ” สารวัตรหนุ่มมองด็อคดุพยักหน้าช้า ๆ เพราะสารวัตรหนุ่มมาเพื่อขอข้อมูลยืนยันตัวบุคคลเท่านั้น

“หมอคิดว่าหมวดน่าจะรู้ข้อมูลพวกนี้เอาไว้ด้วย เคสนี้อาจจะไม่ใช่แค่ที่สิ่งที่เราเห็นเท่านั้น” เวลาที่ได้ยินด็อคดุพูดแบบนี้ สารวัตรรัฐนนท์รู้เลยว่า รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มมีความสำคัญมากขึ้นในทันที “เริ่มจาก” แพทย์หญิงดรุณีเริ่มต้นให้ข้อมูลการชันสูตรพลิกศพของเด็กหนุ่มที่นอนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ด้วยท่าทีจริงจัง

“หมอกำลังสงสัยว่า ที่เกิดเหตุอาจจะไม่ใช่ไพรมารี่ ไครม์ ซีน” สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับทำหน้าเซ็งออกมา “ไม่เอาน่าด็อค” ด็อคดุยักไหล่ให้สารวัตรหนุ่มทีหนึ่งก่อนพูดต่อ “ความสำคัญมันอยู่ที่ Rigor Mortis ภาวะแข็งตัวของร่างกายหลังการเสียชีวิต” ด็อคเตอร์ดรุณีมองหน้าของสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญสลับไปมา

“ตามปกติหลังจากเสียชวิตได้ประมาณสองชั่วโมง กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าจะเริ่มขึ้น แล้วค่อยตามด้วยแขนขา ประมาณหกถึงแปดชั่วโมงหลังการเสียชีวิต” ชนธัญถึงกับพูดออกมาในทันทีว่า “ถึงว่าผมถึงกับหมดแรง หน้าอกของเขาแข็งมาก ผมกดแทบไม่ลงตอนทำซีพีอาร์” ชนธัญรู้ดี ว่าเขาใช้แรงทั้งหมดที่มีไปกับการทำซีพีอาร์ที่ไม่เป็นผล

“นี่คือสิ่งแรกที่ทางทีมเก็บหลักฐานคุยกับหมอ” ด็อคเตอร์ดรุณีจึงมีความเห็นว่า ที่ที่พบศพเด็กหนุ่มคนนี้ ไม่น่าจะใช่ที่ที่เขาเสียชีวิต “แต่เป็นที่ที่เอาศพมาทิ้ง อำพรางศพ” สารวัตรรัฐนนท์ก่อนพ่นลมหายใจยาว ๆ ออกมา “อีกอย่าง ตอนที่คุณชนธัญให้การ ว่าเจอศพเด็กหนุ่มคนนี้นอนคว่ำหน้าอยู่ ต้องจับพลิกตัวขึ้นมาช่วยทำซีพีอาร์” ด็อคเตอร์ดรุณีอธิบายต่อ

“เลือดในร่างกายของเขาไหลลงไปอยู่ที่ด้านหน้าทั้งหมด แสดงว่าตั้งแต่เขาเสียชีวิต นั่นคือท่าที่เขานอนตอนตาย คือนอนคว่ำหน้า จึงเป็นไปไม่ได้เลย ว่าเขาเพิ่งจะมาเสียชีวิตจากการถล่มกันของสองแก๊งที่ด้านหน้าสำนักงานสืบ” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดให้รายละเอียดกับทั้งสองคน เพื่อเคลียร์ในประเด็นนี้

“นั่นก็อธิบายได้เป็นอย่างดีว่า ทำไมตอนที่ชนธัญจับตัวของเด็กหนุ่มคนนี้” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับชนธัญ “ผมถึงได้ไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง” จากความสามารถที่ชาธัญมี ก็ช่วยยืนยันในสิ่งที่ด็อคเตอร์ดรุณีตั้งข้อสังเกตเอาไว้ ว่าผู้ตายถูกนำมาทิ้งที่ด้านหน้าสำนักงานสืบอย่างแน่นอน

“ถัดมา Scoliosis” ด็อคดุส่งรูปถ่ายจากการชันสูตรร่างของเด็กหนุ่มให้กับทั้งสองคนได้ดู “เด็กหนุ่มคนนี้มีอาการสันหลังคด อาจจะไม่เด่นชัดนัก แต่มันก็ทำให้กระดูกสะบักซ้ายถูกดันนูนขึ้นมา แนวของหัวไหล่จึงไม่เท่ากัน จากการประเมินคร่าวๆ อายุน่าจะไม่เท่าไหร่ ประมาณสิบปลาย ๆ ถึงยี่สิบต้น ๆ แต่อาการของโรคอาจจะเป็นมาตั้งแต่กำเนิด” สารวัตรรัฐนนท์ไล่สายตามองดูรูปถ่ายพวกนั้น ชนธัญเริ่มนึกขึ้นได้ถึงสาเหตุที่ตอนเขาพลิกตัวเด็กหนุ่ม ทำไมถึงขลุกขลักแบบนั้น เพราะหลังของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่เรียบเสมอไปกับพื้น

“แต่ก็เป็นไปได้ ที่จะเกิดขึ้นจากการถูกทำร้าย หรือไม่ก็จากการถูกใช้งานหนักมากมาเป็นเวลานาน แต่ที่แน่ ๆ หมอไม่คิดว่าเด็กคนนี้เคยเข้ารับการรักษาแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะว่า พอใส่เสื้อผ้าโคร่ง ๆ หรือหลาย ๆ ชั้นแล้ว เพื่อปกปิด มันก็มองไม่ค่อยออก” น้ำเสียงของแพทย์หญิงดรุณีบ่งบอกถึงความเห็นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มคนนี้ ที่ด็อคดุอธิบายเพิ่มเติมว่า เด็กหนุ่มอาจจะมีอาการเสียบาลานซ์ในการทรงตัวบ้าง ในบางกรณี

อูมองไปที่แฟนหนุ่มที่นั่งหน้านิ่งง่วนอยู่กับสิ่งที่ทำตรงหน้า จริง ๆ เขาควรจะต้องช่วยอีกฝ่ายจัดการพวกกล่องพัสดุตรงหน้า แต่ช่วงนี้ ใครก็เข้าหน้าแฟนหนุ่มของอูไม่ติด ต่างก็พากันเลี่ยงไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งปะทะกัน ทางที่ดีที่สุดที่อูคิด ก็คือออกไปข้างนอกดีกว่า ไม่ต้องอยู่ขวางหูขวางตากันให้เกิดเรื่อง

“มึงจะไปไหนอีกเนี่ย ออกจากบ้านแทบทุกคืน” แววตานิ่ง ๆ ที่มองมานั้น ทำให้อูรู้สึกประหม่าและเลิ่กลั่กไม่น้อย “แหมพี่ พี่ไม่ต้องการให้ฉันอยู่ช่วยหรอก เกะกะพี่เปล่า ๆ ฉันก็ออกไปเที่ยวเล่นเปิดสมองของฉันบ้าง” อูรีบเดินเลี่ยงไปหยิบรองเท้าผ้าใบแบรนด์เนมยี่ห้อแพง ที่เพิ่งได้มาใหม่มาสวม

“มึงไปเที่ยวกลางคืนตลอด เงินกูทั้งนั้น ที่มึงเอาไปถลุง” เสียงนั้นกึ่ง ๆ จะรำคาญ จะโมโห อูเองก็เดาอารมณ์คนพูดไม่ค่อยถูก “แหม” อูลากเสียงยาวออกไป “แต่ฉันก็หาลูกค้าใหม่มาให้พี่ได้เสมอนะ” ไม่พูดเปล่าแต่อูทำหน้าตาออดอ้อน รูปร่างผอมบาง แต่ผิวพรรณเนียนสวย จะออกตุ้งติ้งหน่อยมันก็ดูแล้วไม่ขัดตา

“โอ๊ย ไอ้กร กูก็ไม่เข้าใจมึงจริง ๆ ว่ามึงจะอะไรกับอีตุ๊ดนี่นัก” บทสนทนาระหว่างอูและแฟนหนุ่มกำลังจะจบลงด้วยดี ก็มีอีกเสียงหึ่งดังขัดขึ้นมาเสียก่อน “เรื่องของฉันน่ะแม่” กรตอบหญิงกลางคนผู้เป็นแม่กลับไป “หวง หวงจัง ห่วงเหลือเกิน อีเมียตุ๊ดเมียกะเทยของมึงเนี่ย กูล่ะหมั่นไส้” อูได้แต่พยายามทำหน้านิ่ง ๆ เมื่อหลัง ๆ มาเขาชักจะยิ้มไม่ออกกับคำพูดของแม่แฟนหนุ่มแบบนี้

“ฉันก็รักพี่กรเหมือนกับที่แม่รักนั่นแหละ” ใจจริงอูเองก็อยากจะตอบโต้ให้มากกว่านี้ แต่สายตาของกรที่มองมา ก็ทำให้อูได้แต่พูดอ้อมแอ้ม ตอบโต้เท่าที่ทำได้ “รัก” เสียงแม่ของกรแค่นหัวเราะออกมา “มึงจะรักกรลูกกู อย่างที่กูรักมันได้ยังไงกัน อีอู กูนี่ รูกูนี่ ที่เบ่งมันออกมา รูมึงล่ะ ทำอะไร ไม่ตดก็ขี้” เสียงแม่ของกรหัวเราะดังลั่นไปสามบ้านแปดบ้าน

“มึงดูสภาพตัวมึงหน่อยเถอะ สารรูปแบบนี้เนี่ยนะ ก่อนจะสำรอกอะไรออกมา นี่ถ้ากูไม่ได้ไปคุยกับหมอดูมาแล้ว ก็คงคิดว่า อีอู มึงต้องทำคุณไสยใส่ลูกกูแน่ ๆ แหละ” ก่อนที่อูจะต้องกลืนคำพูด ว่ากรนั้น ใช้รูของเขาทำอะไรบ้าง แม่ของกรก็พูดจาชมเชยลูกชายคนเดียวของเธอออกมาเสียยกใหญ่

“กรลูกของกูน่ะ มันเป็นคนจิตใจดี เห็นหมาเห็นแมวลำบากมา มันก็เก็บมาช่วยเสียหมด ไม่ได้คิดหรอก ว่าหมาแมวจรจัดมันก็แว้งกัดเป็น” อูถึงกับทำหน้าไม่พอใจ “ที่แม่พูดนี่ แม่หมายความว่ายังไง” น้ำเสียงของอูดูละล่ำละลักพอสมควร รู้สึกเหมือนตัวเอง เพิ่งถูกแม่ของแฟนหนุ่มพูดพาดพิง

“กูไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้น อีนี่ อย่ามาทำขึ้นเสียงกับกูนะ” สายตาของกรที่มองมาที่อู ทำให้เด็กหนุ่มต้องกลืนคำพูดที่อยากจะเถียงแม่แฟนออกไป ลงคอไปอีกครั้ง “กูชมลูกชายกู เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่กูมีปัญหา ก็มีแต่ลูกกูเท่านั้นแหละ ที่ช่วยเหลือกูได้ตลอด จริงมั้ยกร” อูเห็นแม่ของกรหันไปยิ้ม ทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับลูกชาย

“เนี่ย แม่ก็ว่าจะมาถามกรอยู่พอดี เผอิญว่า” กรมองไปที่แม่ของเขา ที่ทำพูดเลียบ ๆ เคียง ๆ “มีบ่อนเปิดใหม่ แบ็คดี ที่ท้ายตรอกโน่น” อูอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป “อีอู อีเหี้ยนี่ อีสัตว์ อีปากไม่มีหูรูด อีสันดานนี่” เสียงแม่ของกรด่าสารพัดคำหยาบใส่อู ที่ทำลอยหน้าลอยตาใส่แม่ของแฟนหนุ่ม

“อู มึงจะไปไหนก็ไป” เสียงกึ่งไล่กึ่งตวาดใส่ ดังมาจากกร มันทำให้อูต้องกะพริบตาถี่ ๆ ไล่ความชื้นที่เริ่ก่อตัวอย่างฉับพลันที่ขอบตาทั้งสองข้างของเขา ให้รีบหายไป เพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ไม่เคยเลยแม้สักครั้ง ที่กรจะพูดจาปกป้องเขา จากคำพูดร้าย ๆ ของแม่ คิดถึงเรื่องนี้แล้ว ในความรู้สึกของอูมันก็อดไม่ได้จริง ๆ

“มันก็ดีไม่ใช่หรือไง ที่นี่เขาเชื่อใจได้ นี่ถ้าลงเงินเกินหมื่นนึงนะ เขาเบิ้ลให้อีกสองเท่าเลยเชียวนะ ช่วงนี้มือแม่ยิ่งขึ้นอยู่ด้วย เผลอ ๆ แม่มีเงินเอามาใช้คืนทุนกรได้คืนนี้เลยด้วยซ้ำ” แม่ของกรบอกกับลูกชาย หลังจากที่คนเป็นแฟนลูกชายอย่างอู คล้อยหลังออกจากบ้านไปแล้ว กรมองแม่เขาก่อนจะบอกว่า อย่าติดพนันมากเกินไปนัก

“แม่ก็เล่นพอสนุก ให้คนแก่คิดเลขฝึกสมอง แถมได้อะไรติดปลายนวมกลับมาด้วย มันก็ดีไม่ใช่หรือ” แม่ของกรตาโต เมื่อเห็นจำนวนเงินปึกใหญ่ ที่ลูกชายยื่นให้ “กร ชื่นใจของแม่” กรได้ยินแม่ของเขาเอ่ยชม “จะเสียอยู่อย่างว ก็ตรงเอาอีตุ๊ดนี่มาทำเมียนี่แหละ กร แม่ถามจริง ๆ เถอะ ทิ้งมันไป เลิกกันมันไปไม่ได้หรือไง” แม่ของกรไม่เข้าใจลูกชายของตัวเองจริง ๆ

“ฉันก็รักของฉันน่ะแม่ ฉันรักอูมัน” อย่างหนึ่งที่ลูกชายของเธอเป็นมาโดยตลอด ก็คือความตรงไปตรงมานี่แหละ อ้ะ ๆ แม่ไม่พูดแล้ว เดี๋ยวแม่รีบไปก่อน” เมื่อได้เงินจากลูกชายแล้ว เธอก็ไม่อยากจะเซ้าซี้อะไรกรอีก “ลูกชายกูเนี่ย ดีที่สุด พวกมึงในสลัมรู้เอาไว้ให้ทั่วเลยนะ ว่ากูโชคดีแค่ไหน ที่มีลูกอย่างไอ้กรมัน” แม่ของกรชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ตะโกนดังลั่นไปทั่วบริเวณ

รถยนต์คันนั้นจอดซ่อนหลบสายตาของคนจากถนนเส้นหลัก ก่อนที่ผู้ชายสองคนต่างวัยจะลงจากรถ แล้วเดินเลาะเข้าไปด้านหลังพุ่มไม้ ก่อนจะเปิดแสงจากไฟฉายในโทรศัพท์มือถือ ส่องทางเดินเล็ก ๆ ที่ถูกย่ำเอาไว้ จนเป็นที่รู้กันว่า มีหลายคนที่เดินผ่านเข้าออกทางนี้อยู่เนือง ๆ ซึ่งมันตรงเข้าไปสู่บ้านร้างที่แชร์กันในแอพโซเชียลนัดเจอกัน โดยที่คนทั้งคู่เริ่มนัดพบกันบ่อยขึ้น หลังจากการเจอกันครั้งแรก ที่บาร์นั่งดื่ม

“ถอดเลย” เสียงชายหนุ่มอายุเยอะกว่าบอกกับเด็กหนุ่ม ที่พยักหน้าให้จากไฟสลัวจากด้านนอกถนน ที่พอส่องให้เห็นราง ๆ ให้เห็นถึงหนั่นเนื้อขาวโพลน ผิวพรรณดีของเจ้าตัว “น่าเอาเป็นบ้าเลย” เสียงชายหนุ่มพูดหลังจากที่เขาถอนเข็มฉีดยาจากแขนของตัวเอง และรู้สึกว่า ตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในวิมานฉิมพลี เด็กหนุ่มที่ดันเข็มเข้าแขนตัวเองหลังจากนั้น พูดห้ามชายหนุ่ม

“พี่อย่าถลกเสื้อหนู” แต่ไม่ทันแล้ว เพราะเด็กหนุ่มถูกอีกฝ่ายใช้มือดันให้โก้งโค้ง ยกบั้นท้ายขึ้นสูง หันหลังให้กับเขา เผยให้เห็นถึงกระดูกสันหลังที่คดงอของเด็กหนุ่ม ชายหนุ่มคว้าเข้าที่ไหล่ที่เอียงไม่เท่ากันของอีกฝ่าย ไม่ได้สนใจที่จะพูดอะไรเกี่ยวกับมัน เพราะตอนนี้อารมณ์ที่มีมันกำลังพาไป “สดนะ พี่กินเพร็พ” ชายหนุ่มบอกกับเด็กหนุ่มที่ต่างอยู่ในอาการล่องลอยเคลิ้มฝัน “แต่พี่ดึงออกมาปล่อยน้ำข้างนอกนะพี่” เด็กหนุ่มร้องเตือน ก่อนที่กามวิถีของทั้งคู่จะเริ่มขึ้น

********************************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภษาไทย โดย KADUMPA

Unpretty - TLC

https://www.youtube.com/watch?v=QsJa-6Ci1Rk


I wish I could tie you up in my shoes

ฉันอยากให้คุณลองมาเป็นฉันดูจะได้รู้

Make you feel unpretty too

ว่ารู้สึกถึงความไม่งดงามด้วยกันมันเป็นยังไง

I was told I was beautiful

ครั้งหนึ่งมีคนเคยบอกว่าฉันนั้นสวย

But what does that mean to you?

แต่มันความหมายเดียวกันกับคุณมั้ย

Look into the mirror who's inside there

ลองส่องกระจกดูเห็นใครในเงาสะท้อนนั่น

The one with the long hair

คนสวยผมสลวยยาวสยาย

Same old me again today

คนเดิมคนเดียวกับฉันเมื่อวานนั่นไง


My outsides look cool

รูปลักษณ์ภายนอกฉันก็ดูดีไม่หยอก

My insides are blue

แต่ความรู้สึกข้างในความเศร้าเกาะกุม

Every time I think I'm through

ทุกครั้งที่ฉันนึกว่าฉันผ่านพ้นมันไปได้แล้ว

It's because of you

แต่กลับกลายว่ามันเป็นเพราะคุณ

I've tried different ways

สารพัดวิธีฉันลองทำมันมาหมดทุกอย่าง

But it's all the same

แต่ก็ลงเอยไม่แตกต่างกัน

At the end of the day

สุดท้ายแล้วทุกอย่างที่ว่านั้น

I have myself to blame

ได้แต่โทษที่ตัวฉันเองทั้งนั้น

I'm just trippin'

ว่ามันเป็นเพราะตัวเองทุกอย่าง


You can buy your hair if it won't grow

เมื่อเส้นผมไม่งอกใหม่ก็ซื้อวิกใส่ปลูกผมไปง่ายจะตาย

You can fix your nose if he says so

จมูกไม่โด่งชันดั่งใจก็หาหมอบอกว่าเราอยากถอยซีรี่ส์ใหม่

You can buy all the make-up that MAC can make

อยากสวยไฉไลเดินไปเคาน์เตอร์เรื่องสำอางเสกเนรมิตเอง

But if you can't look inside you

แต่หากว่าวันใดคุณมองไม่เห็นตัวตนข้างในนั่นแล้ว

Find out who am I to

ว่ากับคุณตัวฉันนั้นเป็นอะไร

Be in the position to make me feel so

นั่นเท่ากับคุณอยู่ในมุมที่กำลังทำให้ฉันรู้สึก

Damn unpretty

โคตรอัปลักษณ์เลยจริงจริง

Yeah, I'll make you feel unpretty too

และฉันจะทำให้คุณรู้สึกอย่างที่ฉันรู้สึก


Never insecure until I met you

ไม่เคยต้องหวั่นไหวอะไรแบบนี้เลยจนได้มาพบคุณ

Now I'm bein' stupid

จะว่าไปฉันนี่แหละที่กำลังโง่งมงาย

I used to be so cute to me

ฉันเคยคุ้ยเคยกับตัวเองว่าแม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ

Just a little bit skinny

จะผอมก็ไม่ได้ผอมอะไรเท่าไหร่

Why do I look to all these things

แล้วทำไมฉันต้องมากังวลดูแลอะไรพวกนี้ด้วย

To keep you happy?

หมายถึงพยายามทำให้คุณมีความสุขอย่างนั้นหรือ

Maybe get rid of you and then I'll get back to me

หรือบางทีกำจัดคุณทิ้งซะมันคงเป็นหนทางทำให้ฉันได้เป็นตัวเองอีกครั้ง


My outsides look cool

รูปลักษณ์ภายนอกฉันก็ดูดีไม่หยอก

My insides are blue

แต่ความรู้สึกข้างในความเศร้าเกาะกุม

Every time I think I'm through

ทุกครั้งที่ฉันนึกว่าฉันผ่านพ้นมันไปได้แล้ว

It's because of you

แต่กลับกลายว่ามันเป็นเพราะคุณ

I've tried different ways

สารพัดวิธีฉันลองทำมันมาหมดทุกอย่าง

But it's all the same

แต่ก็ลงเอยไม่แตกต่างกัน

At the end of the day

สุดท้ายแล้วทุกอย่างที่ว่านั้น

I have myself to blame

ได้แต่โทษที่ตัวฉันเองทั้งนั้น

Can't believe I'm trippin'

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันพลาดทำอะไรลงไป


You can buy your hair if it won't grow

เมื่อเส้นผมไม่งอกใหม่ก็ซื้อวิกใส่ปลูกผมไปง่ายจะตาย

You can fix your nose if he says so

จมูกไม่โด่งชันดั่งใจก็หาหมอบอกว่าเราอยากถอยซีรี่ส์ใหม่

You can buy all the make-up that MAC can make

อยากสวยไฉไลเดินไปเคาน์เตอร์เรื่องสำอางเสกเนรมิตเอง

But if you can't look inside you

แต่หากว่าวันใดคุณมองไม่เห็นตัวตนข้างในนั่นแล้ว

Find out who am I to

ว่ากับคุณตัวฉันนั้นเป็นอะไร

Be in the position to make me feel so

นั่นเท่ากับคุณอยู่ในมุมที่กำลังทำให้ฉันรู้สึก

Damn unpretty

โคตรอัปลักษณ์เลยจริงจริง
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๐. LIE _ 8.8.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 08-08-2023 14:05:51
๒๐. LIE


“ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ใช่สายหรืออะไร” กรจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างระแวดระวัง แน่นอนกับสิ่งที่เขาทำ มันต้องรอบคอบระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าในคราวนี้นั้น “ไว้ใจได้พี่กร พี่ฤกษ์เขาติดใจของของเรามากน่ะพี่” เสียงพูดเสริมด้วยอาการร่าเริงนั้น ทำให้กรต้องหันกลับมาต้องหน้าคนพูดด้วยอีกคน

“ใช่ครับ คือ ดรีมเคยแบ่งให้ผมลอง มันดีมากเลยผมชอบ เลยอยากจะขอซื้อเก็บเอาไว้ส่วนตัวบ้าง” ฤกษ์รีบพูดแสดงความบริสุทธิ์ใจ ก่อนจะได้แรงเชียร์คำพูดสนับสนุนจากคนที่พาฤกษ์มาหากรถึงที่ “ดรีม” กรเอ่ยขึ้นพลางเลิกคิ้วไปทางเจ้าตัว ที่ยิ้มอาย ๆ เมื่อไม่เคยบอกให้กรรู้มาก่อน ถึงชื่อที่ตัวเองใช้เวลาออกไปหาลูกค้าให้กับอีกฝ่าย

“มึงไปหยิบของมาให้เขาทีสิ” กรเอ่ยกับดรีมด้วยน้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์ ฤกษ์ๆ ได้ยินแบบนั้นก็พอจะยิ้มออก เพราะก่อนหน้าที่เขาจะตัดสินใจมากับดรีม เขารู้สึกกังวลและกลัวอยู่ไม่น้อย ว่ามันจะเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ที่จะตัดสินใจทำอะไรแบบนี้ แต่พอมาเจอกับกรที่ดรีมนั้น รับรองแล้วรับรองอีก ว่ากรนั้นไม่มีอะไร แค่เป็นคนตรงไปตรงมา แต่อาจจะหน้าดุไปหน่อยเท่านั้นเอง

“บ้านน่าอยู่นะครับ” ฤกษ์ชวนกรคุย ขณะที่รอให้ดรีมเข้าไปด้านหลังบ้าน เพื่อเอาของที่ต้องการซื้อมาให้ กรกวาดสายตาไปรอบ ๆ บ้านไม้ในชุมชนแออัดของเขา แค่นลมหายใจหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าให้กับฤกษ์ ที่ชายหนุ่มชวนอีกฝ่ายคุย เพื่อหวังจะลดบรรยากาศความตึงเครียดให้น้อยลง เมื่อต้องอยู่กันต่อหน้ากับกรลำพัง

“สามแพ็กนะพี่” กรและฤกษ์หันไปมองทางต้นเสียง กรเช็กดูของเหล่านั้น ไม่ได้พูดอะไร “ห้าหมื่นใช่มั้ยครับ” ฤกษ์รีบหยิบเงินออกจากกระเป๋ากางเกง มือสั่นเล็กน้อย เพราะตื่นเต้นทั้งกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ รวมไปถึงกับกรที่ดูเป็นคนเงียบ พูดน้อย เดาใจได้ยาก และกำลังมองตรงมาที่เขา

“หนึ่งแสน” ฤกษ์ชะงักเมื่อได้ยินกรพูดแบบนั้น “คุณเพิ่งมาครั้งแรก ห้าหมื่นสำหรับราคาคนคุ้นเคยกันแล้ว” ฤกษ์เหลือบสายตาไปมองทางดรีม ที่ทำยิ้มแหย ๆ เป็นเชิงขอโทษขอโพยชายหนุ่ม เพราะปกติดรีมก็บอกราคานี้กับพวกลูกค้าคนอื่นเสมอ ไม่คิดว่าฤกษ์จะเปลี่ยนราคาต่อหน้าแบบในครั้งนี้ แต่ดรีมก็เลือกที่จะเงียบ เป็นการดีกว่าที่จะไม่ได้ทักท้วงอะไรกรออกไป

“ของมันดีจริงนะพี่ฤกษ์ เชื่อดรีมสิ พี่ชอบแน่ ๆ” ดรีมพูดเชียร์ กรยืนยันราคาที่บอกออกไป ฤกษ์หน้าเสียเล็กน้อย เมื่อคิดว่าเขาจะจ่ายในราคาที่น้อยกว่านี้ แต่ต้องมาเพิ่มเงินอีกเท่าตัว “โอเคครับ แต่ผมต้องกลับไปเอาเงินที่รถ” ฤกษ์คิดถึงเงินที่เขาซุกเอาไว้ที่ใต้เบาะคนขับ เงินที่ได้มาจากลูกค้า จ่ายให้เป็นค่าโปรเจ็กต์ใหม่ที่ลูกค้าตกลงว่าจ้างบริษัทที่ฤกษ์ทำงานอยู่

“ห้าหมื่นนั่น วางเอาไว้ก่อน” เสียงพูดนั้นไม่เชิงสั่ง แต่เด็ดขาดอยู่ในที “ไม่เป็นไรหรอกพี่” ดรีมคะยั้นคะยอให้ฤกษ์ทำตามที่กรบอก “พี่รีบออกไปเอาเงิน เดี๋ยวหนูแพ็กของเตรียมเอาไว้ให้อย่างดี พอพี่กลับมา ก็รับของไปได้เลยทันที” ฤกษ์มองไปที่เงินปึกใหญ่ที่เขาวางลงบนโต๊ะข้างหน้ากร ลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมออกไปเอาเงินที่รถแต่โดยดี

“มึงไปเจอไอ้นี่ที่ไหน อู” คล้อยหลังฤกษ์เดินออกจากบ้านไปแล้ว กรก็ถามอูในทันที “ก็ที่บาร์ที่ฉันไปนั่นแหละ วันนั้นไอ้นี่มันเมามาก ถามหาของไม่ขาดปาก ฉันก็เลยลอง ๆ แย็บมันดู มันเล่นด้วย พอดีฉันติดของไปนิดหน่อย ก็เลยให้มันลอง มันก็ติดใจ” ดรีมเล่าเรื่องในเวอร์ชันปลอดภัยของตัวเองให้กรฟัง

“แล้วมึงก็คิดว่ามึงไว้ใจมันได้” กรยิงคำถามออกไปอีกครั้ง อูรีบพูดบอกกับกรออกไปในทันที “ไว้ใจได้สิพี่” อูพูด “พี่กรก็รู้ว่า ก่อนที่ฉันจะตกลงซื้อขายกับลูกค้า ฉันต้องมั่นใจแล้วเท่านั้นว่ามันไม่ได้เป็นสายหรือพวกสืบปลอมตัวมา แล้วที่ผ่านมาฉันเคยทำให้พี่ผิดหวังด้วยหรือ แถมคราวนี้ ฉันก็หาหมูมาให้พี่เชือดสองเท่าถึงที่เลย พี่ต้องตกรางวัลให้ฉันอย่างงามแล้วล่ะ” อูพูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทำท่าออดอ้อนแฟนหนุ่มอย่างเปิดเผย

“แล้วมึงชื่อดรีมเนี่ยนะ” กรถามออกไป นึกหมั่นไส้อีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย “ก็ฉันอยากจะมีชื่อเพราะ ๆ อย่างคนอื่นเขาบ้างน่ะ อะไรกัน ชื่อฉันมันทำให้ฉันลืมกำพืดตัวเองไม่ได้สักที ฉันไม่อยากจำแล้ว ว่าฉันมาจากไหน ที่มาฉันเป็นใคร พอพี่เอาฉันมาเลี้ยงดู ฉันก็อยากจะเป็นคนใหม่ ลบคราบเน่า ๆ ที่ฉันเคยเป็น” อูไม่อยากเหลือความทรงจำอะไรทั้งนั้น กับสถานที่ที่เขาจากมา

“ไม่ใช่ว่ามึงเรียกตัวเองว่าดรีม เพื่ออ่อยใคร ทำอะไรอย่างว่ากับไอ้นี่หรอกนะ” กรพูดออกไป อูส่งเสียงร้องปฏิเสธในทันที “บ้าสิพี่ ฉันมีผัวแล้วนะ พี่เป็นผัวฉัน แล้วฉันจะไปให้ใครคนอื่นเอาได้ยังไง พี่พูดแบบนี้ฉันเสียใจนะ” อูทำท่ากระเง้ากระงอดใส่กร ที่กรทำหัวเราะในลำคอเบา ๆ

ฤกษ์กำเงินในมือเอาไว้แน่น เงินอีกสองแสนบาทที่อยู่ในซองกระดาษสีน้ำตาล ที่เขาได้รับมาจากลูกค้า ตอนตามลูกค้าไปเบิกเงินที่ธนาคาร ที่ฤกษ์ยืนยันว่า อยากให้ลูกค้าจ่ายเป็นเงินสดมากกว่า เพื่อความคล่องตัวในการจัดการซัพพลายเออร์ วิธีรับเงินจากลูกค้า ที่ฤกษ์ทำมาโดยตลอด โดยยังไม่เคยมีปัญหาอะไร

“เอาวะ ได้กำไรจากตรงนี้ เงินลูกค้าก็ไม่ได้หายไปไหนนี่หว่า เงินหมุนมันเอาไปทำกำไรได้ ทำไมไม่ทำวะ” การจับเสือมือเปล่าแบบนี้ ฤกษ์เคยทำมาก่อน และมันก็ทำเขาได้เงินมาใช้แบบสบายมือ เพียงแต่ครั้งนี้มันเกี่ยวกับเรื่องเสี่ยงมาก ๆ แต่ชายหนุ่มก็คิดว่า เขาสามารถบริหารจัดการเรื่องนี้ได้สบาย คิดแบบนั้นแล้ว ฤกษ์ก็แบ่งเงินอีกห้าหมื่นบาทถือลงจากรถ แล้วเดินกลับเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ นั้นอีกครั้ง

เพียงไม่กี่วันต่อมา กรต้องเจอเรื่องที่ไม่คาดคิด เมื่อตอนนี้เขากำลังนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้านายใหญ่ ที่กำลังโมโหอย่างบ้าคลั่ง บุกมาหาเขาถึงบ้าน ด้วยความฉุนเฉียว เมื่ออยู่ ๆ ของที่เคยขายได้ดี กลับมีใครไม่รู้มาตัดหน้า ทำให้ทางกลุ่มต้องสูญเสียเงินไปไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

“มึงจะบอกกูอย่างนั้นหรือวะ ไอ้กร ว่ามึงไม่รู้เรื่อง” นายใหญ่ชี้นิ้วไปที่ถุงพลาสติกอัดแน่นไปด้วยของ ที่วางกองกันอยู่บนโต๊ะ ในมือของนายใหญ่ถือปืนกระบอกดำมะเมื่อม กวัดแกว่งๆ ไปมาอยู่ใกล้ใบหน้าของกร แลดูน่าหวาดเสียว “นอกจากของจะโดนขายตัดหน้าแล้ว มึงเห็นอะไรนี่มั้ยไอ้กร ของเราแม่งถูกมือดีเอาเหี้ยอย่างอื่นมาผสม เฮียเขาโกรธกูมาก หาว่ากูย้อมแมวให้กับลูกค้าเขา เพราะของมันเป็นของที่มาจากเรา” กรมองที่ถุงพลาสติกอัดแน่นไปด้วยผงสีขาวนั้น

“ถ้ากูจะยิงกบาลมึงทิ้ง มึงก็ตายเปล่าไอ้กร แล้วกูก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาด้วย เมื่อมึงตายห่าไปอย่างหมาข้างถนน” นายใหญ่ตวาดเสียงดังลั่นไปหมด “ถ้างั้นมึงไอ้กร มึงไปหามา ว่าใครที่เป็นตัวการในเรื่องนี้” กรรับปากนายใหญ่ออกไปในทันที “มึงแน่ใจนะ ว่าไม่มีใครในคนของมึง ที่ทรยศกู” กรกลืนน้ำลายลงไปอย่างยากลำบาก แต่ก็ตอบนายใหญ่ออกไป ว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย

ทันทีที่อูกลับมาถึงบ้านในคืนนั้น หลังจากออกไปท่องราตรีเพื่อหาลูกค้า และหาความสุขสนุกส่วนตัว โดยไม่ทันได้ตั้งตัวใด ๆ อูก็ถูกกรที่รออยู่เกือบทั้งคืน ให้อีกฝ่ายกลับมาถึง ก็ตรงเข้าคว้าตัวอู แล้วประเคนหมัดลุ่น ๆ เข้าใส่ที่ใบหน้าของอู เด็กหนุ่มถึงกับร่วงลงไปนอนที่พื้น มึนงงไปหมด แบบจับต้นชนปลายไม่ถูก

“พี่กร” อาการทั้งเจ็บทั้งจุก เกือบจะหมดสติลงไปของอู ทำให้เขาทำได้แค่เรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาด้วยเสียงอันอ่อนระโหย กรเตะซ้ำเข้าที่ชายโครงของอูอีกหลายที ก่อนจะยืนมองเด็กหนุ่มหมดสติสลบเหมือดคาที่อยู่ที่พื้น แม่ของกรที่ได้ยินเสียงเอะอะดังลั่นรีบวิ่งออกจากห้องนอนมาดู ก่อนที่จะเห็นกรชี้นิ้วให้แม่ของเขากลับเข้าห้องไป หญิงวัยกลางคนทำตามอย่างโดยดี นึกดีใจลึก ๆ ที่เห็นอูตกอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเช่นนั้น

ใช้เวลาจนถึงรุ่งเช้า ที่กรเองก็ยังไม่ได้นอนเลย อูถึงฟื้นคืนสติกลับขึ้นมา ร่างกายเจ็บปวดรวดร้าวไปทุกส่วน ระบมไปหมดทั่วสรรพางค์กาย แต่ก็เอ่ยเรียกชื่อของกรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันบนเตียงนอนนั้น ออกไปเบา ๆ กรหันไปมองหน้าอู ที่พยายามจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ทำไม่ไหว ได้แต่พังพาบนอนอยู่ที่เดิม

“อู มึงบอกกูมาที ว่ามึงไม่ได้หักหลังกู” กรถาม พยายามควบคุมน้ำเสียงที่สั่นเครือนั้นให้เป็นปกติ “ฉันไม่เคยหักหลังพี่เลยสักครั้ง พี่กร” อูตอบกลับไป เหลือบมองไปที่โต๊ะเครื่องแป้งใกล้ ๆ กันกับเตียงนอน เงินปึกใหญ่ที่อูได้มาจากการขายของให้กับลูกค้า ตอนออกไปเมื่อคืน วางอยู่ตรงนั้น อูมีน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม

“เงินอยู่ครบใช่มั้ยพี่กร เพราะฉันไม่เคยโกงพี่เลยจริง ๆ” กรมองหน้าอู ขอบตาของเขาร้อนผะผ่าว เมื่อต้องกลั้นไม่ให้หยาดน้ำใสอุ่นนั้นไหลล้นพ้นขอบตาลงมา “กูถามมึงอีกครั้งนะ” อูทำท่าสะดุ้งเพราะความกลัว เมื่อกรพูดพลางยื่นมือไปแตะแผลบนใบหน้าของอู “มึงกับกูเอากันเมื่อคืนก่อน ไหนมึงบอกกูมาที ว่ามึงขายยาให้ไอ้เหี้ยนั่นอย่างเดียว มึงไม่ได้ไปเอากับมันมา” กรมองอูหลับตาส่ายหน้าปฏิเสธ ร้องสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลพรากลงมาไม่ขาดสาย

ฤกษ์ใจชื้นขึ้น เมื่อคนที่เขานัดไว้จากแอพเมื่อวาน ขับรถเข้ามาจอดตรงที่นัดแนะกันเอาไว้ ก่อนจะเดินมาเปิดประตูรถของเขา ที่จอดอยู่ไม่ไกล ฤกษ์มองอีกฝ่ายอย่างเซ็ง ๆ เล็กน้อย เมื่อตัวจริงกับรูปที่ลงเอาไว้ ไม่ตรงปกเลยสักนิด แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ฤกษ์บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ให้คิดเสียว่ายังไงก็เป็นลูกค้า

“ของดีจริง ๆ รับรองได้” ฤกษ์หยิบเอาถุงพลาสติกเพียงถุงเดียว ที่เขายังไม่ได้เอาตัวอื่นลงไปผสม เป็นถุงดั้งเดิมของเพียว ๆ ที่ได้มาจากตอนไปบ้านกร แน่นอน เขาต้องการให้ลูกค้าติด ก่อนจะซื้อเพิ่มกับเขา ซึ่งเขาจะให้ของที่เอามาผสมใหม่ เพื่อเพิ่มปริมาณและอัพราคา ฤกษ์ไม่ได้คอกจะทำแบบนี้ต่อเนื่อง แค่อยากจะทำกำไรให้ได้มากที่สุดในคราวนี้ เพราะมันมีความเสี่ยงมหาศาลต่อชีวิตของเขาจริง ๆ

“ลองด้วยกันสิครับคุณ ลอย ๆ เสียว ๆ” ลูกค้าคะยั้นคะยอให้ฤกษ์ร่วมวงด้วย ฤกษ์ไม่อยากเสียเที่ยว เขาหงุดหงิดงุ่นง่านมาหลายวัน อยากจะหาที่ระบายอยู่เช่นกัน พอคิดว่าจะทำตัวเป็นเอเย่นต์แบบนี้แค่ชั่วคราว ฤกษ์ก็เลยไม่ออกไปเจอดรีมอีก เพียงไม่นานหลังจากดึงเข็มฉีดยาออกจากแขน ฤกษ์ก็รู้สึกล่องลอยอยู่ในฉิมพลีวิมาน โดยที่มีลูกค้านั้นก้มหน้าซุกลงไปที่หว่างขาของเขา ก่อนจะครอบปากอุ่นชื้นลงตลอดความใหญ่ยาวของฤกษ์ที่มี

เสียงโทรศัพท์มือถือของฤกษ์ดังขึ้น ดึกมากขนาดนี้แล้ว ภรรยาของเขาจึงโทรตามด้วยความเป็นห่วง ฤกษ์หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู พอเห็นเป็นชื่อใคร ก็กดนิ้วลงที่หน้าจอทันที ก่อนจะโยนมันไปไว้ที่หน้ารถ เสียงครางกระเส่าของฤกษ์สั่งให้ลูกค้าที่กำลังป้อนความสุขทางกามกิจให้เขา เร่งเร้าดูดดุนให้สะใจมากขึ้นอีก ดังไปทั่วรถแบบไม่ต้องปกปิดกันอีกต่อไป เมื่อตอนนี้ฤทธิ์ของของดีกำลังพลุ่งพล่านอยู่ภายในตัวของผู้ชายทั้งสองคน

“พี่ฤกษ์ พี่อยู่กับใคร พี่ทำอะไรน่ะ” เสียงภรรยาของฤกษ์ตะโกนถามอย่างบ้าคลั่งมาตามสาย เมื่อสายที่เธอโทรไปหาสามี ยังไม่ถูกตัด แต่เธอได้ยินเต็มสองรูหูว่าสามีของเธอนั้น สั่งผู้ชายอีกคนให้ทำเรื่องน่าบัดสี และพากันร้องระงมไปด้วยความสุขสมจนดังลั่น “หยุดร้อง หยุดร้องเสียที แม่บอกให้หยุดร้องยังไงล่ะ พี่ฤกษ์ หยุดเดี๋ยวนี้นะ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน เนี่ยนะที่พี่บอกว่าออกไปหาเงินพิเศษน่ะ ไอ้พี่ฤกษ์ ไอ้เหี้ยฤกษ์” เสียงภรรยาของฤกษ์ทั้งตวาดลูกน้อยวัยไม่กี่ขวบที่ร้องไห้โยเยหาผู้เป็นพ่อ รวมถึงตะโกนใส่ไปตามสายกับสามีของเธอ ที่ไม่ต้องเดาก็รู้ ว่ากำลังทำอะไรอยู่กับผู้ชายอีกคน

***************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทยโดย Jay J

Eminem feat. Rihanna - Love the Way You Lie

https://www.youtube.com/watch?v=RnkShwdXfyc


Just gonna stand there and watch me burn?

จะแค่ยืนมองอยู่ตรงนั้นตอนที่ฉันรวดร้าว

Well, that's alright, because I like the way it hurts

ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะฉันก็สะใจดีที่วิถีความเจ็บนี้

Just gonna stand there and hear me cry?

หรือจะยืนอยู่อย่างนั้นฟังเสียงฉันคร่ำครวญ

Well, that's alright, because I love the way you lie

ก็ไม่เป็นไรอีกนั่นแหละ เพราะฉันชอบวิธีโกหกของเธอ

I love the way you lie

รักในการโกหกที่เธอให้กัน


I can't tell you what it really is

ฉันก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร

I can only tell you what it feels like

ที่รู้ก็แค่บอกเธอได้ว่ารู้สึกยังไง

And right now, there's a steel knife in my windpipe

ในตอนนี้ เหมือนได้กลืนมีดเหล็กกล้าลงคอไป

I can't breathe, but I still fight while I can fight

หายใจแทบไม่ออก แต่ก็ต้องสูดเมื่อยังพอสู้ไหว

As long as the wrong feels right, it's like I'm in flight

ตราบใดไอ้ก้อนความรู้สึกแย่มันยังคงถูกอยู่ ก็เหมือนกับบินขึ้นสู่ฟ้า

High off of love, drunk from her hate

เคลิ้มไปตามแรงรัก เมาไปกับความจงชังจากเธอ

It's like I'm huffing paint and I love her, the more I suffer

เหมือนฉันสูดดมสารพิษ เมื่อยิ่งรักเธอก็ยิ่งไม่ยอมหยุด

I suffocate and right before I'm about to drown

หายใจไม่ออกยังไง แม้จะกำลังจมดิ่งลงถึงที่สุด

She resuscitates me, she fucking hates me

เอกลับฟื้นเรียกให้ฉันมีชีวิตกลับมาใหม่อีกครั้ง ให้รับรู้ว่าเธอแม่งโคตรเกลียดกัน

And I love it, "Wait

และฉันก็ยังคงรักอยู่ ได้แต่พูดว่าเดี๋ยวนะ

Where you going?" "I'm leaving you"

เธอจะไปไหนกัน เธอบอกว่าเธอจะทิ้งกันไป

"No you ain't, come back"

ฉันได้ตู่ดว่า ไม่มีทาง เธอกลับมาหากันเดี๋ยวนี้

We're running right back, here we go again

เราสองคนกลับไปที่เดิมอีกครั้ง และที่นี่เอง

It's so insane 'cause when it's going good, it's going great

มันช่างบ้ามากจริงจริง เพราะยามรักน้ำต้มผักก็ยังว่าหวาน

I'm Superman, with the wind at his back, she's Lois Lane

ฉันเหมือนเป็นดั่งซุปเปอร์แมน ต่อให้หนักหนาแค่ไหน ก็ยังต้องมีเธอลูอิส เลน เป็นนางเอก

But when it's bad, it's awful

แต่พอจืดจางน้ำต้มผักนั้นก็ขมไม่เจือจาง

I feel so ashamed, I snapped, "Who's that dude?"

ฉันได้มีแต่ความอับอาย สติหลุด ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร

I don't even know his name, I laid hands on her

ฉันไม่รู้จักชื่อจริงจริงของมันด้วยซ้ำ จนต้องลงมือลงไม้กับเธอ

I'll never stoop so low again, I guess I don't know my own strength

ฉันไม่สามารถรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าไปมากกว่านี้อีกแล้ว ฉันว่าฉันประมาณพละกำลังตัวเองไม่เป็น


You ever love somebody so much you can barely breathe when you're with 'em?

เธอเคยรักใครสักคนจนมากไปบ้างไหม คุณแทบจะหายใจไม่ออก เวลาอยู่ใกล้กัน

You meet, and neither one of you, even know what hit 'em

ตอนเจอกัน ทั้งคุณและเขาทั้งคู่ ไม่รู้เลยว่าถูกอะไรเข้าครอบงำ

Got that warm fuzzy feeling, yeah, them chills, used to get 'em

มันมีแต่ความอบอุ่นสบายใจ อะไรก็สบายตา เคยได้รับแต่สิ่งพวกนั้น

Now you're getting fucking sick of looking at 'em

แต่มาตอนนี้ แค่ได้เห็นก็ยิ่งรู้สึกผะอืดผะอมกระอักกระอ่วน

You swore you've never hit 'em, never do nothing to hurt 'em

คุณเคยสาบานว่าคุณจะไม่ทำร้ายกัน ไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บช้ำ

Now you're in each other's face

แต่มาตอนนี้ได้แต่มีการเผชิญหน้า

Spewing venom in your words when you spit 'em

ด่าทอคำหยาบคายถ่มแต่ความเลวร้ายใส่กันและกัน

You push, pull each other's hair, scratch, claw, bit 'em

ผลัก ดึง ทึ้ง ข่วน คว้า กัด อะไรก็ตามที

Throw 'em down, pin 'em, so lost in the moments when you're in 'em

ดันให้ร่วงลงกับพื้น กดให้อยู่อย่างนั้น จำไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน

It's the rage that took over, it controls you both

มันคือความเดือดดาลที่เข้าสิงสู่ มันควบคุมคุณทั้งคู่

So they say you're best to go your separate ways

ใครก้บอกถ้างั้นก็ต่างคนต่างแยกกันไปเสียเถิด

Guess that they don't know ya 'cause today, that was yesterday

เดาว่าพวกเขาไม่รู้ว่าคุณเป็นยังไงบ้างแล้วในวันนี้ จำได้แต่เรื่องวันวาน

Yesterday is over, it's a different day

วันก่อนจบลงปแล้ว วันนี้มันไม่เหมือนเดิม

Sound like broken records playin' over

เหมือนแผ่นเสียงดังตกร่องอยู่ซ้ำซ้ำ

But you promised her, next time you'll show restraint

คุณได้แต่สัญยาว่าครั้งหน้าจะควบคุมตัวเองให้ดี

You don't get another chance, life is no Nintendo game

แต่คุณไม่มีโอกาสครั้งใหม่อีกแล้ว ชีวิตจริงไม่ได้แค่กดปุ่มเริ่มเกมใหม่

But you lied again

คุณก็ได้แต่ดกหกอยู่อย่างเดิม

Now you get to watch her leave out the window

คราวนี้คุณได้แต่มองเธอเหมือนนกบินจากออกหน้าต่างไป

Guess that's why they call it window pane

คงเพราะอย่างนี้ล่ะมั้งเสียงมันถึงพ้องกับคำว่าเจ็บปวด


Now I know we said things, did things that we didn't mean

มาตอนนี้ฉันรู้ดีว่าเราต่างพูดต่างทำสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ

Then we fall back into the same patterns

เราจึงกลับเข้าสู่วังวนเหมือนเดิมนั้นซ้ำไปซ้ำมา

Same routine, but your temper's just as bad as mine is

ทำทุกอย่างเหมือนเดิมและอารมณ์เกรี้ยวกราดของเธอก็พอพอกับของฉัน

You're the same as me, when it comes to love, you're just as blinded

เธอกับฉันไม่ได้ต่างอะไรกัน เมือ่มันเกี่ยวของกับคำว่ารัก เราต่างก็ตาบอดกันทั้งคู่

Baby, please come back, it wasn't you

ที่รักได้โปรดกลับมา มันไม่ใช่ความผิดของเธอ

Baby, it was me, maybe our relationship isn't as crazy as it seems

แต่มันเป็นที่ฉัน ที่ว่าความสัมพันธ์ของเราอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เห็น

Maybe that's what happens when a tornado meets a volcano

มันอาจจะเป็นเพราะเรื่องขนมพอสมกับน้ำยา

All I know is I love you too much to walk away though

และฉันรู้ว่าฉันรักเธอมากเกินกว่าที่จะเดินจากกันไปได้

Come inside, pick up your bags off the sidewalk

กลับเข้าบ้านมา ถือกระเป๋าเสื้อผ้ากลับเข้ามาด้วย

Don't you hear sincerity in my voice when I talk?

เธอยังไม่ได้ยินถึงความจริงใจในน้ำเสียงเวลาฉันพูดกับเธออีกหรือ

Told you this is my fault, look me in the eyeball

บอกกับเธอเลยว่านี่มันความผิดฉัน มองตาของฉันสิมองให้ดีดี

Next time I'm pissed, I'll aim my fist at the drywall

ครั้งหน้าหากฉันโมโหโกรา ฉันจะชกเข้ากำแพงแทนใบหน้าของเธอ

Next time? There won't be no next time

ครั้งถัดไป แน่ใจหรือว่าจะมีครั้งใหม่อีกครั้งต่อจากนี้

I apologize, even though I know it's lies

ฉันอยากจะขอโทษ แม้ว่ามันจะเป็นแค่การเอ่ยคำโกหกออกไป

I'm tired of the games, I just want her back, I know I'm a liar

ฉันเหน็ดเหนื่อยกับการต้องมาทำอะไรอะไรแบบนี้ แค่ต้องการเธอกลับมา และฉันมันก็แค่พวกขี้โกหก

If she ever tries to fucking leave again

ถ้าฉันเห็นเธอพยายามจะไปจากฉันอีกครั้งล่ะก็

I'm a tie her to the bed and set this house on fire

ฉันจะจัดการเธอให้อยู่หมัด ถึงขั้นต้องสูญเสีย คงต้องยอม


Just gonna stand there and watch me burn?

จะแค่ยืนมองอยู่ตรงนั้นตอนที่ฉันรวดร้าว

Well, that's alright, because I like the way it hurts

ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะฉันก็สะใจดีที่วิถีความเจ็บนี้

Just gonna stand there and hear me cry?

หรือจะยืนอยู่อย่างนั้นฟังเสียงฉันคร่ำครวญ

Well, that's alright, because I love the way you lie

ก็ไม่เป็นไรอีกนั่นแหละ เพราะฉันชอบวิธีโกหกของเธอ

I love the way you lie

รักในการโกหกที่เธอให้กัน


I love the way you lie

รักที่เธอไม่เลิกโกหกกัน
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๑. HURT _ 8.9.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 09-08-2023 13:10:50
๒๑. HURT


“ตามที่ด็อคดุบอก มันน่าจะเป็นไครม์ ออฟ แพชชั่น ใช่มั้ยครับสารวัตร” ชนธัญเอ่ยถามออกไป เมื่อเขากับสารวัตรรัฐนนท์กำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานที่เป้าหมาย “ถ้าคาดเดาเอาจากอาวุธที่คนร้ายใช้นะ ลักษณะรวมถึงแนวโน้มมันน่าจะเป็นแบบนั้น” สารวัตรหนุ่มตอบรับเห็นด้วยกับหนุ่มหน้าใส ว่าคดีนี้น่าจะเกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ส่วนตัวใกล้ชิด

“เพราะชนิดของอาวุธที่คนร้ายใช้ มันต้องเกิดขึ้นด้วยการประชิดตัว” สารวัตรรัฐนนท์พูดขณะขับรถไปบนท้องถนน “ด็อคดุบอกว่า จำนวนแผลมีมากถึงสิบกว่ารอย ยิ่งโดนบริเวณตับด้วยแล้ว ยิ่งเสียเลือดมากและไวกว่าปกติ โอกาสช็อกและเสียชีวิตในทันทีมีสูงมาก” ชนธัญทวนสิ่งที่ด็อคเตอร์ดรุณีบอกไว้ สารวัตรรัฐนนท์พยักหน้าตาม นายตำรวจหนุ่มกำลังคิดตามถึงสิ่งที่คนร้ายพายามจะทำให้ทีมสืบสวนไขว้เขว

“รวมทั้งร่องรอยบาดแผลตามร่างกายที่ตรวจพบบนศพ ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จากการโดนเศษระเบิด ยกเว้นรอยสะเก็ดของแผลตามผิวหนังแผ่นหลัง แต่นั่นก็อธิบายได้ว่า ทำไมเลือดที่แผ่นหลังถึงได้มีไม่มาก เพราะผู้ตายเสียชีวิตมานานหลายชั่วโมงแล้ว” ชนธัญยังจำได้ถึงช่วงเวลาที่เกิดเหตุ แต่ตอนนั้น เขาไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า การพยายามช่วยเหลือเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ตรงหน้า

“คนร้ายพยายามปิดบังอำพรางการฆาตกรรมที่ตัวเองก่อขึ้น รวมทั้งอาจจะเลยไปถึงการสร้างสถานการณ์ที่ด้านหน้าสำนักงานสืบสวนขึ้นมา เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ มันมีความพยายามในการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดสองแก๊งที่ไม่ค่อยถูกกันอยู่ จากที่มีอยู่บ่อยครั้ง ที่ต่างฝ่ายต่างข้ามเขตกันและกันเพื่อแย่งลูกค้า” ชนธัญสบตากับสารวัตรรัฐนนท์ ก่อนที่สารวัตรหนุ่มจะเร่งเครื่องเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย

อูพยายามทำตัวให้เงียบเสียงที่สุด เท่าที่อาการบาดเจ็บของเขาจะอำนวยมากพอ ใจของอูเต้นไม่เป็นส่ำ ตื่นเต้นจนถึงขีดสุด เมื่อเหงื่อในมือชื้นลามไปจนถึงกระเป๋าสะพาย ที่เขากำมันเอาไว้จนแน่น ในนั้นมีเสื้อผ้าอยู่ไม่กี่ชุด ของสำคัญสำหรับเขาอยู่ไม่กี่สิ่ง ที่ได้ติดตัวเอามา ไฟในห้องถูกปิด อูเฝ้าสังเกตเสียงด้านนอกห้องนอนมาได้สักพัก ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ที่ข้างนอกนั่นแล้ว

อูใจเต้นแรงมาก เมื่อตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงนอน สายตาจับจ้องไปยังลูกบิดประตู ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเท้าทีละก้าวเพื่อไปที่บานประตู ทุกก้าวมันทำให้อูรู้สึกใจหาย เมื่อรู้ตัวเองดีว่า เขากำลังจะหนี ใช่ เขาต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอด สัญชาตญาณมันสั่งเขาแบบนั้น ด้วยความรู้สึกที่ว่า อันตรายกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาเขา

มือที่จับลูกบิดเอาไว้ของอู ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะพ่นมันออกมาทางปากช้า ๆ อาการสั่นเทาจากลูกบิดที่เย็นเฉียบ ความเย็นที่เขาไม่เคยสัมผัสรับรู้มันมาก่อน มันทำให้อูรู้สึกกลัวอย่างอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างยากลำบาก มันคือความรู้สึกที่อูเองที่เคยคิดว่า ที่นี่คือที่สุดท้ายที่ปลอดภัยสำหรับเขา นั้นเปลี่ยนไป

ฤกษ์จอดรถที่หน้าบ้าน ดับเครื่องยนต์ ที่ตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวของเขาเงียบงันจนน่าใจหาย ก่อนจะขับรถกลับมาถึงบ้าน ฤกษ์ได้สติอีกที ก็ตอนที่ตัวเขาสะดุ้งขึ้นจากเสียงแตรรถ ตอนที่ข้อศอกและลำตัวของเขาไถลไปโดน ฤกษ์จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่า ทำไมเขาถึงเพิ่งฟื้นคืนสติเอาตอนรุ่งเช้า สิ่งสุดท้ายที่จำได้ คือลูกค้าที่มาซื้อยากับเขาแล้วมีเซ็กส์กับเขาบนรถ ให้เขากลืนเม็ดยาอะไรบางอย่างเข้าไป บอกว่ามันจะช่วยให้กามารมณ์พลุ่งพล่านมากขึ้นไปอีก

“เหี้ยเอ๊ย” ฤกษ์ร้องออกมาอย่างคนหมดหนทาง เมื่อเขารู้ว่า ซองกระดาษสีน้ำตาลที่ใส่เงินจากลูกค้าบริษัทนั้น หายไปพร้อมกับทรัพย์สินอื่น ๆ ของเขา กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ นาฬิกาข้อมือ ไม่เหลือแม้กระทั่งแหวนแต่งงาน ยังดีที่มันไม่ได้เอารถยนต์ที่เป็นชื่อของบริษัทคันนี้ไป ฤกษ์รู้สึกหายใจติดขัดเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ พยายามจะหายใจเข้าออกอย่างเป็นปกติ แต่ก็ทำไม่ได้ สั่งตัวเองให้จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก่อน เพื่อรวบรวมสติ แต่ก็สูญเปล่า เมื่อมีอีกสิ่งหนึ่งพุ่งขึ้นมาแทรกเสมอ

“พี่ฤกษ์ เมื่อคืนพี่ไปไหนมา” ฤกษ์ที่เดินเข้าบ้านด้วยอาการระโหยโรยแรง ได้ยินเสียงภรรยาของเขาที่ยังได้นอนตลอดทั้งคืนถามขึ้น เสียงของเธอนั้นสั่นเครือ แทบจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ให้เป็นปกติไม่ได้ด้วยซ้ำ “โทรศัพท์หายน่ะ ตามหาทั้งคืนเลย” ฤกษ์ทิ่มเรื่องส่ง ๆ ไปก่อน ยังไม่อยากให้ภรรยาของเขาเอาอะไรอย่างอื่น มาสุมหัวเขาเพิ่มอีก

“ตอแหล” ฤกษ์สะดุ้งเมื่อภรรยาที่กำลังท้องของเขาด่าออกมาอย่างสุดเสียงที่เธอจะสามารถตะแบงมันออกมาได้ “ไอ้คนตอแหล มึงไปเอากับผู้ชายมา แล้วมึงมาบอกกูว่ามือถือมึงหายเนี่ยนะ ไอ้สันดานชั่ว ไอ้สารเลว” ฤกษ์มองเห็นภรรยาของเขาน้ำตาไหลพรากลงมา แต่ที่ทำให้เขายืนนิ่งรู้สึกวาบไปทั้งตัวก็คือ

“เออ ก็รู้ว่ามึงไปทำเรื่องเหี้ย ๆ มา ใช่ กูได้ยินมึงสั่งไอ้เหี้ยอีกตัวนั่นให้ดูดให้มึง ท่านั้น ท่านี้ มึงคงไม่รู้ตัวหรอก คงจะร่านมั่วกันอยู่ ว่ามือถือมึงยังไม่ได้ตัดสายทิ้ง กูได้ยินสิ่งที่มึงทำกันหมดทุกอย่าง” ความเคียดแค้นชิงชังที่เธอไม่เคยมีต่อสามีมาก่อน มาถึงตอนนี้ มันพรั่งพรูออกมาประดุจเขื่อนทะลัก

“ก็กูไม่มีที่ลง กูก็ต้องไปหาเอาของกูบ้าง” ฤกษ์สวนกลับภรรยาของเขาไป ว่าภรรยาของเขาท้อง เขามีความอยากก็ต้องไประบายทางอื่น “กูท้องลูกให้มึงนะ ไอ้เหี้ย นี่กูท้องลูกของมึงอยู่นะ” เสียงของภรรยาที่รู้สึกเจ็บปวดจอย่างที่สุด ดังเข้ามาในโสตประสาทของฤกษ์ เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน ภรรยาของฤกษ์ไม่เคยแม้แต่เถียงเขาเลยสักครั้ง

“ก็แล้วอย่างอื่นที่มึงเรียกร้องเอาจากกูอีกล่ะ กูเครียดจะแย่อยู่แล้ว นี่ก็หาเงินเพิ่มให้มึงกับลูกอยู่ มึงอยากได้กระเป๋าแบรนด์เนมจะเอาไปอวดเพื่อน กูก็ไปหามาให้มึง” ฤกษ์ชี้นิ้วไปที่รถยนต์ด้านนอก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า กระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรูใบที่เขาเพิ่งซื้อมาจากห้างดัง ราคาเป็นแสน ที่เขาวางมันเอาไว้ที่เบาะหลังรถ มันได้อันตรธานหายไปแล้วด้วยเช่นกัน

“แต่มันแค่ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย กูเอาเงินไปลงทุนต่อ แล้วกำไรมันยังไม่ได้” ฤกษ์ยังไม่รู้เลยว่า เขาจะเอายังไงดี กับเงินที่ลูกค้าบริษัทจ่ายล่วงหน้ามา แล้วถูกลูกค้าที่มาซื้อยากับเขาเมื่อคืน ฉกไปแล้วจนเกลี้ยง จะเอากระเป๋าแบรนด์มาขายต่อ ก็ไม่เหลือแม้แต่กล่องที่ทางร้านจัดใส่ให้เสียอย่างหรูหราเชียว ก่อนที่เขาจะถือมันออกจากร้านมา

“คงเป็นเงินที่บริษัทมึงโทรหากูเมื่อวานทั้งวัน เพราะติดต่อมึงไม่ได้สินะ” อยู่ ๆ ภรรยาของฤกษ์ก็รู้สึกว่าโลกนี้ยังพอมีเรื่องให้หัวเราะอยู่บ้าง “กูหวังว่าจะสมใจมึง ที่มึงเลือกของมึงเอง” ภรรยาของฤกษ์มองมาที่เขาด้วยสายตาแห่งการหมดเยื่อใยต่อกัน “กูลำบากมึงก็ต้องพร้อมอยู่ช่วยกู มึงเป็นเมียกู” ฤกษ์ตะโกนใส่ภรรยากลับไป “กูไม่ได้จดทะเบียนกับมึง ดังนั้น มึงตัวคนเดียว ไอ้ฤกษ์ เรียนผูกก็เรียนแก้เอาเองแล้วกัน” ภรรยาของเขาไม่พูดเปล่า หยิบเอาขวดพลาสติกใส่ยาขวดหนึ่งมาปาใส่หน้าเขา

“กูก็ไม่รู้ว่ามึงไม่ได้แดกไอ้ยาเพร็พห่านี่ นานแค่ไหนแล้ว ยังไงมึงก็ไปตรวจหน่อยก็แล้วกัน กูบอกให้เอาบุญ เพราะไม่รู้ว่าชีวิตมึงจะจบลง ด้วยหนี้ก้อนไหนก่อน หนี้กรรมก้อนที่มึงก่อเอาไว้กับกู หรือที่มึงทำตัวเอง” ภรรยาของฤกษ์ตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าเธอจะเดินออกไปจากชีวิตผู้ชายคนนี้ พร้อมเอาลูกทั้งสองไปเลี้ยงด้วยตัวเอง

อูตัดสินใจบิดลูกบิดประตูด้วยเสียงที่เบาที่สุด ก่อนจะค่อย ๆ เปิดง้างประตูออกช้า ๆ ไม่ลืมที่จะแตกมือลงที่กระเป๋ากางเกงข้างหนึ่ง ว่าสิ่งนั้นยังอยู่ติดตัวหรือไม่ จนเมื่อประตูเปิดออกจนสุด อูก็รู้สึกถึงความเย็นเฉียบ เสียดเข้าที่ใต้ชายโครงด้านขวา เขารู้สึกจุก แน่น และเริ่มวิงเวียนไปหมด ก่อนที่จะมองเห็นใบหน้าของกร ยืนอยู่ตรงหน้าเขา กรมีใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาเต้นระริกไปด้วยหยาดน้ำตาที่แล่นขึ้นมาเอ่อล้น

“ชู่” กรส่งเสียงเบา ๆ ห้ามอูเอาไว้ อูคว้ามือข้างหนึ่งยึดคอเสื้อยืดของกรเอาไว้ ในขณะที่อูรู้สึกถึงแรงกระหน่ำเข้ามาที่ใต้ซี่โครงด้านเดิมนั้นอีกสิบกว่าครั้ง ตัวของกรสั่นเทิ้มผสมกับร่างของอูที่สั่นไปด้วยความเจ็บปวด อูมองหน้ากรเมื่อความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวของเด็กหนุ่ม และตอนนี้มันกำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นความชาไม่รู้สึก และความอ่อนแรงหายใจอ่อนเข้ามาแทนที่

“อย่าร้องไห้พี่กร” อูบอกกับกร ที่ตอนนี้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม “ฉันจะไม่เป็นไร” พูดบอกอีกฝ่ายไปแบบนั้น แต่อูรู้สึกว่าเรี่ยวแรงที่เขามีกำลังลดน้อยถอยลงอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มที่อูพยายามฝืนทำมันให้ได้ กลับแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เหยเกเสียแทน กรปล่อยให้น้ำตาไหลริน ปากคอของเขาสั่นระรัวไปด้วยอารมณ์ที่ผสมผเสปนเปกันไปหมด ร่างของอูค่อย ๆ ไหลลงจากอ้อมกอดของกร ก่อนจะลงไปนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น

“พี่จะพาฉันไปอยู่เมืองไทยด้วยหรือ” กรยังจำประโยคนี้ ที่อูพูดกับเขาได้ดี เมื่อครั้งที่เขาข้ามฝั่งชายแดนไป “จริง ๆ นะพี่” อูถามอีกครั้งด้วยอาการลิงโลด กรยิ้ม ๆ ก่อนจะพยักหน้ายืนยัน ตอบอูกลับไปเป็นครั้งที่สองเช่นกัน “มึงพูดภาษาไทยเก่ง มึงน่าจะช่วยงานกูได้” กรมองเห็นอูยิ้มกว้างให้กับเขา มันเป็นรอยยิ้มของคนที่รู้สึกว่า ชีวิตกำลังมีความหวัง

“ฉันฝึกอ่าน ฝึกพูดภาษาไทย เพลง ละคร อะไรก็ตาม ฉันอยากไปให้พ้นจากที่นี่ ฉันจะไปกับพี่ทุกที่ พี่ให้ฉันทำอะไรฉันทำหมดทุกอย่าง ขอแค่พี่ให้ฉันไปด้วยก็พอ” แววตาที่สุกสกาวทำให้กรรู้สึกเอ็นดูเด็กหนุ่ม ที่อูเล่าให้เขาฟังว่า อูต้องทำงานหนักแบกหามตั้งเด็ก เพื่อเลี้ยงปากท้อง เพราะเขาไม่มีใคร “แต่หลังฉันมันคดหน่อยนะพี่ แต่ฉันสู้งาน ฉันกินไม่เยอะ ฉันจะช่วยพี่ประหยัด” อูบอกกับกรด้วยความหนักแน่น

“งานอะไรก็ทำใช่มั้ย” กรถามออกไป อูพยักหน้าเร็ว ๆ แทนคำตอบ “งั้น” กรหยิบเอาบัตรพลาสติกใบแข็งสีฟ้าใบหนึ่ง ยื่นให้กับอู “พี่กร” อูตกใจเมื่อเห็นบัตรไอดีคนไทยมีรูปหน้าเขาติดอยู่ พร้อมกับรายละเอียดทุกอย่างเหมือนจริงทุกกระเบียดนิ้ว “ทุกอย่างมันจะได้ง่ายขึ้น” คำตอบของกร ไม่ได้ทำให้อูเปลี่ยนใจ ไม่ได้ทำให้อูถามซักไซ้อะไร

“อีกอย่าง อู” กรถามขึ้นลดเสียงลงเบากว่าเดิม ให้ได้ยินกับเพียงสองคน “มึงชอบผู้ชายใช่มั้ย” อูตกใจไม่น้อย ที่ได้ยินกรถามแบบนั้น “พี่รังเกียจพวกฉันหรือ” แทนคำตอบ กรส่ายหน้า อูยิ้มออกมา “ฉันบอกแล้ว ไม่ว่าพี่จะให้ฉันทำอะไร หรือว่าเป็นอะไร” อูเอื้อมมือมาวางบนเป้ากางเกงของกร ก่อนจะบีบเบา ๆ อย่างทะนุถนอม

“ฉันทำให้พี่ได้ทุกอย่าง ถ้าวันไหน ฉันเปลี่ยนไปจากนี้ พี่ฆ่าฉันทิ้งได้เลย” ประโยคของอู ยังคงดังก้องอยู่ในหูของกร เขาทรุดตัวลงนั่งที่ข้าง ๆ ร่างอันไร้วิญญาณของอู กรนั่งอยู่บนเลือดของอูที่ไหลนองอยู่ทั่วพื้น กรร้องไห้ออกมาจนแทบขาดใจ น้ำตาของเขาไหลออกมาจนแทบเป็นสายเลือด ไม่ทำก็ผิด ทำก็เจ็บปวด ความปวดร้าวที่เกาะกินอยู่ในใจ จะไม่มีวันหายไปไหนจากใจกร

**************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Paloma Faith - Only Love Can Hurt Like This

https://www.youtube.com/watch?v=WdkBgaIntfs


I tell myself you don't mean a thing

ฉันบอกกับตัวเองว่า เธอไม่ได้มีความหมายอะไร

And what we got, got no hold on me

และสิ่งที่เรามีร่วมกัน ไม่ได้มีผลอะไรกับฉัน

But when you're not there, I just crumble

แต่พอไม่มีเธออยู่แล้ว ทุกอย่างของฉันก็พังทลาย


I tell myself I don't care that much

ฉันบอกกับตัวเองว่าฉันไม่ได้แคร์อะไรเธอเลย

But I feel like I die 'til I feel your touch

แต่อยู่ไปก็เหมือนตายทั้งเป็น เมื่อไม่มีรสสัมผัสจากเธอ

Only love, only love can hurt like this

มีเพียงแค่ความรัก มีความรักเท่านั้นที่ทำเราเจ็บปวดได้อย่างนี้


Only love can hurt like this

ความรักเท่านั้นที่ทำเราทุกข์ทนแบบนี้

Must've been a deadly kiss

มันต้องเป็นรอยจูบอสรพิษนั่น

Only love can hurt like this

เป็นได้แค่ความรักที่ทำให้เราทรมานใจ


Say I wouldn't care if you walked away

บอกเลยฉันไม่ได้ใส่ใจหากเธอจะทิ้งกันไป

But every time you're there, I'm beggin' you to stay

แต่เมื่อใดที่ฉันเห็นเธอทำจริง ฉันได้แต่อ้อนวอนขอร้องให้เธออยู่

And when you come close, I just tremble

และเมื่อเราได้เข้าใกล้กัน ฉันได้แต่หวั่นไหว


And every time, every time you go

และทุกครั้ง ทุกครั้งที่เธอห่างหาย

It's like a knife that cuts right to my soul

มันเหมือนคมมีดกรีดเข้าที่กลางจิตใจของฉัน

Only love, only love can hurt like this

มันเป็นความรักเท่านั้น ที่ทำฉันร้าวรานได้แบบนี้


Only love can hurt like this

ความรักเท่านั้นที่ทำเราทุกข์ทนแบบนี้

Must've been a deadly kiss

มันต้องเป็นรอยจูบอสรพิษนั่น

Only love can hurt like this

เป็นได้แค่ความรักที่ทำให้เราทรมานใจ


Only love can hurt like this

เป็นได้แค่ความรักเท่านั้นที่ทำให้เราชอกช้ำ

Your kisses burn into my skin

รอยจูบของเธอทิ้งรอยเผาไฟรักไว้ให้กับฉัน

Only love can hurt like this

เป็นเพียงความรักเท่านั้นที่ทำให้รวดร้าว


But it's the sweetest pain

แต่มันคือความเจ็บปวดที่สุดแสนจะหอมหวาน

Burnin' hot through my veins

แผดเผาผ่านเลือดร้อนทั้งหมดในกายของฉัน

Love is torture, makes me more sure

รักคือความทรมาน ทำให้ฉันแน่ใจอย่างเพิ่มพูน

Only love can hurt like this

ว่ารักนั้นทำร้ายได้มากกว่าสิ่งอื่นใด


Only love can hurt like this

รักแสบสันต์กว่าทุกสิ่ง

Only love can hurt like this

รักเหือดหายลงทุกอย่าง

Must've been a deadly kiss

มันคือรอยจูบแห่งมฤตยู


Only love can hurt like this

ความรักคือสิ่งที่ทรมานเราทุกอย่าง

Only love can hurt like this

เป็นได้แค่ความรักเท่านั้นที่ทำให้เราบาดเจ็บ

Your kisses burn into my skin

รอยจูบของเธอทิ้งรอยเผาไฟรักไว้ให้กับฉัน

Only love can hurt like this

เป็นเพียงความรักเท่านั้นที่ทำให้ฉันรวดร้าว


Only love can hurt like this

มีเพียงความรักที่ทำร้ายเราได้ถึงขั้นนี้

Save me, save me

ช่วยฉันที ปลดปล่อยฉันไป

Only love, only love

มันคือความรัก มีเพียงความรัก

'Cause only love can hurt like this

เพราะว่ามีความรักเท่านั้นที่ทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้

And it must've been a deadly kiss

และรอยจุมพิตนั้นคือจูบมหันตภัย
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๒. CORNERED _ 8.10.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 10-08-2023 14:42:52
๒๒. CORNERED


“แม่เห็นว่า กรขายของดี ลูกค้ามากขนาดนี้ ก็อยากจะขอเงินกรเอาไปทำทุนแบบซื้อมาขายไปสักหน่อย เอาแบบพออยู่ได้ ไม่ต้องมารบกวนกรบ่อย ๆ ไงลูก” อาการตะล่อมพูดจาอ่อนโยนแบบนี้ ไม่ใช่ว่ากรรู้ไม่ทัน แต่เขาก็เดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบธนบัตรออกมาปึกหนึ่ง แล้วเอามายื่นให้แม่ของตัวเอง

“โอ้ เยอะขนาดนี้เลยหรือลูก” พูดไปอย่างนั้น แต่กรก็เห็นแม่รีบคว้าเงินไปจากมือของเขา แล้วยัดใส่เข้าในอกเสื้อชั้นในทันที “เงินมันเยอะ แม่กลัวมันหาย” แม่ของกรทำพูดติดตลกพลางหัวเราะออกมา “แต่ก็แปลกดีนะ วิตามินที่กรขาย ก็ไม่ได้แตกต่างจากที่แม่เห็นในทีวี ไหงมันถึงได้ขายดิบขายดี เงินไหลมาเทมาขนาดนี้” แม่พูดจบก็สบตากับกร ที่เขานิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรออกไป

“อ้อ แต่ขายดี มันก็ดีแล้วนี่เนอะ ตอนแรกแม่ว่าจะขอแบ่งไปกินบ้าง แต่ไม่แล้วล่ะ กรเก็บเอาไว้ขายเถอะ ได้กำไรจากลูกค้าดี” แต่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ แม่ของกรก็รีบพูดออกไป แล้วเสไปพูดเรื่องอื่น โดยที่เธอนั้นไม่เคยได้ยินออกจากปากลูกชายของเธอสักครั้งเดียว ว่ากรนั้น ขายยาเสริมอาหารวิตามิน

“ว่ายังไงครับคุณแม่” เสียงถามกระทุ้งของสารวัตรรัฐนนท์ ทำให้แม่ของกรดึงสติตัวเองกลับมาจากภวังค์ความคิด “คุณตำรวจจะให้ฉันพูดว่าอะไรล่ะคะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นแหละ” แม่ของกรที่อยู่บ้านเพียงลำพัง ตอนที่ตำรวจนำกำลังมาล้อมบ้านเอาไว้ พูดปฏิเสธอย่างที่เธอบอกตำรวจไปไม่รู้กี่รอบแล้ว

“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น” เธอยังคงย้ำคำเดิม “คุณแม่ดูรูปนี้อีกที” สารวัตรรัฐนนท์นั้น แม้จะรู้สึกเหลืออด แต่ก็ต้องข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ชูกระดาษที่เป็นรูปบัตรประชาชนใบนั้นให้อีกฝ่ายดู “บัตรประชาชนใบนี้เป็นบัตรปลอม ข้อมูลบนบัตรเป็นของคนที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว และไม่ตรงกับรูปของเด็กหนุ่มที่คุณแม่เห็นอยู่นี้” สารวัตรหนุ่มยื่นรูปของเด็กหนุ่มให้แม่ของกรดูชัด ๆ

“แต่บังเอิญว่า เด็กหนุ่มคนนี้ ดูหน้าเขาให้ชัด ๆ นะครับคุณแม่ เพราะคนแถวนี้ยืนยันว่า เด็กหนุ่มคนนี้คือแฟนของลูกชายคุณแม่ ที่ถูกฆาตกรรมโดยเอาศพไปอำพรางเหมือนกับว่า ถูกทำร้ายโดยแก๊งค้ายากลุ่มตรงข้าม” สารวัตรรัฐนนท์รู้สึกเดือดดาลทุกครั้ง ที่จับได้ว่า มีคนพยายามช่วยเหลือคนที่กระทำผิดแบบนี้

“และถ้านี่คือบัตรประชาชนปลอม นั่นก็แสดงว่า เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนไทย อาจจะถูกลักลอบพาเข้ามาในประเทศ นั่นเท่ากับว่า ยังพ่วงการค้ามนุษย์เข้าไปด้วย ทุกอย่างที่ผมพูดกับคุณแม่ไปนี่ มันร้ายแรงมากทั้งนั้นเลยนะครับ” สารวัตรหนุ่มพูดกับหญิงวัยกลางคนขนาดนี้แล้ว แต่เธอก็ยังคงนิ่ง เหลือบมองรูปของเด็กหนุ่มเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น

“บอกผมมาเถอะครับคุณแม่ ว่ากร ลูกชายของคุณแม่อยู่ที่ไหน เราเชื่อว่าเขาเป็นคนฆ่าแฟนหนุ่มของเขาเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แล้วอำพรางคดี” มาถึงตรงนี้ แม่ของกรเลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่ยอมเอ่ยปากพูดใด ๆ อย่างตอนแรกที่เธอเจื้อยแจ้ว พยายามบอกปัดการรู้เห็นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเสียงดังลั่นไปหมด

“สารวัตร” รัฐนนท์หันไปทางต้นเสียง ก่อนจะเห็นหัวหน้าทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐาน พยักหน้าให้เป็นเชิงว่า สารวัตรรัฐนนท์ควรจะมาดูอะไรนี่ “จากการใช้ลูมินอล” หัวหน้าทีมพิสูจน์หลักฐาน “แม้ว่าจะมีการทำความสะอาดพื้นตรงนี้ไปแล้ว ชี้ให้ลูกทีมของเขาปิดไฟดวงตรงกลางห้อง ก่อนจะเปิดหลอดแบล็กไลท์ ที่กลางห้องนั้นก็เรืองขึ้นด้วยแสงสีฟ้าเป็นวงกว้างในทันที

“รอยเลือดขนาดใหญ่สอดคล้องกับผู้ตายที่เสียเลือดจากการถูกแทงเข้าที่ตับเป็นจำนวนหลายครั้ง แล้วสารวัตรดูนี่” สารวัตรหนุ่มมองตามที่หัวหน้าทีมพิสูจน์หลักฐานชี้ให้ดู “ตรงนี้น่าจะเป็นรอยคนนั่ง” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับหัวหน้าทีมพิสูจน์หลักฐาน “กรนั่งอยู่ ตอนที่ฆ่าอูอย่างนั้นหรือครับ” สารวัตรรัฐนนท์ถามออกไป

“ถ้าดูจากรอยเลือดแล้ว รอยเลือดใหญ่ตรงนี้ น่าจะเป็นตรงที่อูล้มลง แต่จุดเริ่มต้นจริง ๆ น่าจะมาจากตรงประตูนั่น เมื่อมีรอยหยดเลือดสอดคล้องกับลักษณ์แผลที่เกิดขึ้น” รอยสีฟ้าที่เกิดจากสารลูมินอลทำปฏิกิริยาเคมิลูมิเนสเซนส์ ทำให้เฮโมโกลบินในเลือดเรืองแสงออกมา ไล่เป็นจุด ๆ ก่อนจะมานองเป็นกองเลือดขนาดใหญ่ตรงนี้

“เขาน่าจะนั่งอยู่กับศพมากกว่า อาจจะเสียใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งทำลงไป” หัวหน้าทีมพิสูจน์หลักฐานพูด แต่ก็ออกตัวว่า นี่เป็นเพียงแค่ความเห็นเท่านั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่จะพิสูจน์ได้ ในเรื่องภาวะอารมณ์ของกรในตอนนั้น นอกเสียจากว่าจะได้มีการสอบปากคำของกร รวมถึงประเมินสภาพจิตใจกันก่อน

"แต่ผมเชื่อว่า เราเจอไพร์มมารี่ ไครม์ ซีน จุดเกิดการฆาตกรรมแรกของคดีนี้ ที่เราตามหากันแล้ว” ชนธัญที่ยืนเงียบ ๆ ฟังสารวัตรรัฐนนท์และหัวหน้าทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐานพูดคุยกัน เขารู้สึกสะท้อนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย หางตาของชนธัญพลันเห็นเงาของใครบางคน เดินหายอย่างไวเข้าไปในห้องนอนนั้น

ชนธัญนึกฉุกใจ ก่อนจะเดินตามเข้าไปในห้องดังกล่าว มันเป็นห้องนอนของคนสองคน สังเกตได้จากข้าวของเครื่องใช้ที่มีความต่างกัน แม้ว่ามันจะเป็นประเภทเดียวกัน แก้วน้ำ ผ้าขนหนู เสื้อที่แขวนอยู่ที่ราว ชนธัญมองไปรอบ ๆ ห้อง ไม่ได้พบความผิดปกติอะไร จากการที่เขามองหาอะไรบางอย่าง ที่สามารถจะให้เขาเชื่อมสู่คดีได้

แต่แล้วชนธัญก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเขาหันจะเดินออกจากห้องนี้ แต่ก็เจอร่างหนึ่งยืนขวางหน้าเขาอยู่ ชนธัญสบตากับเด็กหนุ่มคนนั้น แววตาของเขาดูเศร้า ก่อนจะเห็นว่า เด็กหนุ่มยื่นมือชี้นิ้วไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง ชนธัญเอี้ยวตัวหันมองตามไป รอยฝุ่นรอบ ๆ ทำให้พอเดาได้ว่า มันมีอะไรบางอย่างวางไว้ที่ตรงนั้นก่อนหน้านี้

ชนธัญเดินมาที่โต๊ะ จ้องไปที่รอยที่มีฝุ่นล้อมรอบนั้น ถ้าจะให้เขาเดามันมองดูเหมือนมีกรอบรูป ที่เคยตั้งอยู่ตรงนั้น ชนธัญตัดสินใจแตะนิ้วลงไปที่รอยนั้น แล้วก็ต้องใจเต้นรัวไปด้วยความกลัว ตกใจ และไม่คาดคิดกับสิ่งที่ตัวเองได้เห็น ก่อนจะถูกดึงกลับมาได้สติอีกครั้ง คราวนี้เขาเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นยื่นหน้าเข้ามาจนเกือบชิดใบหน้าของเขา แล้วพูดออกมาเบา ๆ กับชนธัญว่า 'หนี'

“เสียดายที่เรามาช้าไปนิดเดียว กรถึงไหวตัวทันและหนีออกไปได้ทัน” ชนธัญสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สารวัตรรัฐนนท์เดินตามเข้ามาในห้องนอนห้องนี้พอดี “ดูท่าทางฝ่ายแม่จะช่วยปกปิดให้ลูกชายอย่างแน่นอน บอกแต่ว่าลูกฉันเป็นคนดี นี่ก็ร้องตะโกนให้ตำรวจจับ บอกว่าตัวเองฆ่าเด็กอูนั่นเอง ตอนรู้เรื่องว่าฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน เจอคราบเลือดรอยใหญ่ที่กลางบ้านแล้ว” สารวัตรรัฐนนท์อัปเดตข้อมูลให้กับชนธัญได้รู้

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูหน้าตื่น ๆ มีอะไร” ชนธัญรีบปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุด ทันทีที่ได้ยินสารวัตรหนุ่มถาม “อ้อ ไม่มีอะไรครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร” สารวัตรรัฐนนท์มองดูชนธัญยิ้มออกมา “ห้องนี้ก็ไม่มีอะไร” ชนธัญบอกออกไปแบบนั้น สายตากวาดมองไปรอบห้อง แต่ไม่เห็นร่างของเด็กหนุ่มอูคนนั้นแล้ว

ฤกษ์ยังคงนั่งถือกระดาษผลตรวจเลือดในมืออยู่อย่างนั้น สิ่งต่าง ๆ อะไรต่อมิอะไรวุ่นวายอยู่ในหัวของเขาเต็มไปหมด เขายังไม่กล้าเปิดมันขึ้นดู ว่าผลมันออกมาเป็นเช่นไร เสียงในหัวของเขาดังไปหมด คำถามผุดขึ้นมากระหน่ำซัดเขาจากทุกทิศทาง ว่าถ้าอย่างนั้น ถ้าอย่างนี้ ทำไมไม่ทำแบบนั้น หรือทำไมไม่ทำแบบนี้

กับการเหลือตัวคนเดียว เมื่อภรรยาของฤกษ์เพิ่งยื่นเรื่องฟ้องหย่ากับเขาเมื่อวานนี้ แล้วเธอจะร้องต่อศาลเพื่อขอเป็นผู้เลี้ยงดูลูกทั้งสองคนแต่เพียงผู้เดียวด้วย ส่วนวันนี้ทั้งวัน ฤกษ์รอจนเย็นแล้วจึงออกมาที่คลินิกตรวจเลือดแห่งนี้ รอให้แน่ใจว่า พวกลูกค้าที่เคยซื้อยาจากเขาไป จะตามมาเจอแล้วเอาเงินคืน เมื่อรู้ว่ายาที่เขาขายให้ ฤกษ์ผสมสารอื่นลงไป เพิ่มพิษหลังจากเสพเข้าไปในร่างกายแล้ว มากขึ้นไปอีก

ไหนจะยังพวกแก๊งเจ้าถิ่น ที่ฤกษ์เข้าไปเสนอขายให้กับกลุ่มนักเที่ยวในเขตของพวกมัน ที่ตอนนี้มันรู้แล้ว เป็นฤกษ์ที่กล้าเหยียบจมูกมันถึงถิ่น แถมฤกษ์ยังอ้างชื่อแก๊งที่ได้ยินมาจากปากของดรีม ที่ฤกษ์ไปขอซื้อยา บอกว่ายาพวกนั้นมาจากกลุ่มของกร จนแก๊งของกรเองก็ออกตามล่าหาตัวเขาอยู่เหมือนกัน

ยังไม่รวมกับเรื่องที่บริษัทรู้แล้ว ว่าเขาเอาเงินของลูกค้าไปใช้ ฤกษ์โดนไล่ออก แถมบริษัทยังจะจับเขาดำเนินคดีข้อหายักยอกอีกต่างหาก แล้วเรื่องที่ฤกษ์มั่วยามั่วเซ็กส์ก็ไปถึงหูคนในบริษัทแล้ว เดาไม่ยากว่าคงจะเป็นภรรยาของฤกษ์นั่นแหละ ที่ปูดเรื่องนี้ออกไป ยิ่งคิดฤกษ์ก็ยิ่งเจ็บใจ ที่เขาต้องมาตกเป็นรองไปเสียทุกเรื่อง

ฤกษ์อยากจะเอาคืนภรรยาเก่าของเขาเหมือนกัน แต่ติดอยู่ตรงที่ เขาเองก็ไม่กล้าไปแจ้งความเรื่องที่ถูกไอ้ลูกค้าสารเลวนั่น ขโมยข้าวของทรัพย์สิน รวมถึงกระเป๋าแบรนด์เนมนั่นไป เพราะตำรวจก็ต้องถามว่า เขาไปทำอะไรในสถานที่ที่กระฉ่อนกันดีว่า มีกลุ่มเกย์ไปมั่วสุมนัดมีอะไรกันแถบบริเวณนั้น

ตอนนี้ฤกษ์พอได้สติกลับมาคิดไตร่ตรองอะไรได้กระจ่างชัดขึ้น ก็แก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว ไม่รู้ว่าเขาทำไมถึงไม่สามารถยับยั้งใจตัวเองได้เลย ถ้าหากว่าเขากำลังจะกลายเป็นผู้ป่วยใหม่ ก็ไม่รู้เลยว่า เขาได้รับเชื้อมาตั้งแต่ตอนไหน จะเป็นตอนที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือตอนที่บอกกับดรีมว่า เขานั้นกินยาเพร็พและจะไม่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน ตอนที่เขาสอดใส่เข้าไปในตัวเด็กหนุ่ม โดยที่เขาคิดเอาเองว่า ยาเพร็พที่เขากินเพิ่งหมด ยังไม่ได้ไปขอรับเพิ่ม ไม่ได้กินแค่ไม่กี่สัปดาห์ ไม่น่าจะเป็นอะไร

ฤกษ์ก้มลงมองเอกสารกระดาษผลตรวจ ที่ถืออยู่ในมือนั้นอีกครั้ง มันพับครึ่งอยู่ และเจ้าหน้าที่พูดว่า ถ้าดูผลเสร็จแล้ว ก็ให้เรียกเจ้าหน้าที่อีกครั้ง ใจที่สั่นระรัว มือทั้งสองข้างที่สั่นเทิ้ม ค่อย ๆ แง้มเปิดกระดาษแผ่นนั้นขึ้น สายตาของฤกษ์ไล่อ่านไปทีละตัวอักษร ด้วยความรู้สึกว่าเหมือนโลกทั้งใบนี้กำลังจะหยุดหมุน แล้วเขาเองกำลังจะหยุดหายใจ

เสียงรายงานข่าวด่วนช่วงค่ำ ดังขึ้นบนจอโทรทัศน์ในร้านข้าวข้างทาง ที่สารวัตรรัฐนนท์จอดรถชวนชนธัญลงมากินข้าวเย็นกันก่อน เพราะต้องกลับไปทำอะไรอีกมากมายที่สำนักงานสืบ ในเนื้อข่าวรายงานว่า พบศพชายหนุ่มจมน้ำเสียชีวิต ลอยมาติดท่าเรือริมแม่น้ำ ทราบภายหลังว่า ผู้ตายทำอาชีพเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่บาร์นั่งดื่มของกลุ่มเกย์ที่หนึ่ง โดยที่ผู้ตายมีภรรยาที่กำลังจะให้กำเนิดบุตรแก่คนทั้งคู่ในอีกไม่ช้า เจ้าหน้าที่สันนิษฐานเบื้องต้นว่า เหตุการณ์เสียชีวิตอาจจะมาจากที่ผู้ตายดื่มจัดมาจากที่ทำงาน แล้วพลัดตกน้ำตรงที่ไหนสักแห่ง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ

**************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Waterfalls - TLC

https://www.youtube.com/watch?v=R09S7CNPhFs


A lonely mother gazin' out of the window

แม่ผู้เดียวดายมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างนั่น

Staring at her son that she just can't touch

เฝ้ามองลูกชายของเธอ ที่เธอไม่อาจจะตักเตือนอะไรได้

If at any time he's in a jam, she'll be by his side

ทุกทุกครั้งที่เขามีปัญหาเธอจะอยู่เคียงข้างกับเขาเสมอ

But he doesn't realize he hurts her so much

แต่เขาไม่รู้เลย ว่าเขาได้ทำร้ายแม่ของตัวเองไปมากขนาดไหน


But all the praying just ain't helping at all

บทสวดมนต์ที่แม่เคยพร่ำไม่อาจจะช่วยเหลืออะไรได้เลย

'Cause he can't seem to keep his self out of trouble

เพราะเขาเองก็ไม่คิดที่จะดึงตัวเองออกจากปัญหา

So he goes out and he makes his money the best way he knows how

เขาจึงได้แต่ออกไปเพื่อทำเงิน กับวิธีที่เขารู้จักและทำมันได้ดีที่สุด

Another body layin' cold in the gutter, listen to me

แต่สุดท้ายก็ต้องมีคนแดดิ้นดับสูญไปไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง


Don't go chasin' waterfalls

อย่าไล่ตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากกลายเป็นน้ำตกเลย

Please stick to the rivers and the lakes that you're used to

ขอให้หยุดอยู่กับแม่น้ำหรือทะเลสาบที่คุ้นเคยจะดีกว่า

I know that you're gonna have it your way or nothing at all

ฉันรู้ว่าเธอน่ะ ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็ไม่ต้องทำมันเสียเลยทั้งหมด

But I think you're moving too fast

แต่ฉันคิดว่าเธอใจเร็วด่วนได้มากไปนะรู้ไหม


Little precious has a natural obsession

ชายหนุ่มวัยกลัดมันมีความลุ่มหลงในสัมผัสแห่งธรรมชาติ

For temptation but he just can't see

ความยั่วยวนที่มองเห็นได้แต่มิอาจปฏิเสธ

She gives him loving that his body can't handle

เลยได้รับความรักแบบนั้นมาแล้วร่างกายก็เริ่มรับไม่ไหว

But all he can say is, "baby, it's good to me"

แต่ก็ยังไม่วายพูดว่า มันเยี่ยมที่สุดเลยแบบนี้


One day he goes and take a glimpse in the mirror

พอมาวันหนึ่งเมื่อส่องกระจกดูเงาของตัวเอง

But he doesn't recognize his own face

แปลกที่คนในนั้นไม่คุ้นหน้าจำไม่ได้เสียเลย

His health is fading and he doesn't know why

สัขภาพถดถอยลงโดยไม่รู้สาเหตุว่าเป็นอะไร

Three letters took him to his final resting place, y'all don't hear me

ตัวอักษรภาษาอังกฤษสามตัว จะพาให้เขาสู่ที่พำนักสุดท้าย ได้ยินกันบ้างมั้ยทุกคน


Don't go chasin' waterfalls

อย่าไล่ตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากกลายเป็นน้ำตกเลย

Please stick to the rivers and the lakes that you're used to

ขอให้หยุดอยู่กับแม่น้ำหรือทะเลสาบที่คุ้นเคยจะดีกว่า

I know that you're gonna have it your way or nothing at all

ฉันรู้ว่าเธอน่ะ ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็ไม่ต้องทำมันเสียเลยทั้งหมด

But I think you're moving too fast

แต่ฉันคิดว่าเธอใจเร็วด่วนได้มากไปนะรู้ไหม


I seen a rainbow yesterday

ฉันได้เห็นรุ้งกินน้ำเมื่อวันก่อน

But too many storms have come and joined

แต่พายุมากมายก็พัดเข้ามาสมทบ

Leavin' a trace of not one God-given ray

ทิ้งร่องรอยบอบช้ำไม่ใช่แสงทองที่พระเจ้าประทานให้

Is it because my life is ten shades of gray

หรือเป็นว่าชีวิตฉันมันหม่นเทาซับซ้อนเกินไป

I pray, all ten fade away, seldom praise Him for the sunny days

ฉันวิงวอนให้ฟ้าหม่นทั้งหมดจางหาย ไม่บ่อยขอให้พระเจ้ามอบวันที่สดใส

And like His promise is true, only my faith can undo

และเมื่อคำสัญญาของพระองค์เป็นจริงเช่นนั้น ศรัทธาของฉันก็ยังคงมั่น

The many chances I blew to bring my life to anew

ต่อให้ฉันทำโอกาสตัวเองเสียไปมากมาย ก็เพื่อรอคอยชีวิตใหม่ที่กำลังจะมาถึง

Clear and blue and unconditional

ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆบังที่ทุกอย่างไร้เงื่อนไข

Skies have dried the tears from my eyes, no more lonely cries

ท้องฟ้าสีครามผืนนี้จะเช็ดน้ำตาฉันเหือดหาย พอแล้วกับน้ำตาแห่งความเดียวดาย

My only bleedin' hope is for the folk who can't cope

ความหวังเดียวของฉันที่หลั่งริน มีให้กับผู้คนที่ยังไม่พบทางของตน

With such an endurin' pain that it keeps them in the pourin' rain

กับการที่ต้องอดทนต่อความปวดร้าว เหมือนต้องยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ

Who's to blame for tootin' 'caine into your own vein

จะโทษใครได้ เมื่อเป็นเราที่กดเข็มฉีดยาใส่แขนตัวเองเพื่อรับยาอะไรพวกนั้น

What a shame, you shoot and aim for someone else's brain

มันน่าเศร้าใจที่เราดันโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่นกับการกระทำของตัวเอง

You claim the insane and ain't this day and time for fallin'

แล้วประกาศว่าตัวเองแค่เพี้ยนไป เพื่อว่าวันนี้จะได้ไม่ต้องรับผิดในสิ่งที่ตัวเองก่อ

Prey to crime I say the system got you victim to your own mind

พูดว่าตัวเองคือเหยื่อของระบบที่มี แต่นั่นเราคือเหยื่อของการตัดสินใจผิดพลาดของเราเอง

Dreams are hopeless aspirations in hopes of coming true

ความฝันมันก็คือการหายใจทิ้งไปวันวัน หากนึกเอาว่ามันจะเป็นจริง

Believe in yourself, the rest is up to me and you

ที่ต้องทำคือเชื่อมั่นในตัวเอง ที่เหลือก็ปล่อยให้ชีวิตของฉันและเธอดำเนินไป


Don't go chasin' waterfalls

อย่าไล่ตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากกลายเป็นน้ำตกเลย

Please stick to the rivers and the lakes that you're used to

ขอให้หยุดอยู่กับแม่น้ำหรือทะเลสาบที่คุ้นเคยจะดีกว่า

I know that you're gonna have it your way or nothing at all

ฉันรู้ว่าเธอน่ะ ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็ไม่ต้องทำมันเสียเลยทั้งหมด

Oh, you're moving too fast

โอว เธอวิ่งเร็วเกินไปแล้ว


Don't go chasin' waterfalls

อย่าไล่ตามความฝันที่เกินจริงเลย

Please stick to the rivers and the lakes that you're used to

รับเอาความจริงว่าความฝันมันตั้งอยู่บนความจริงและความเป็นไปได้ของชีวิต

I know that you're gonna have it your way or nothing at all

รู้หรอกว่าว่าเมื่อฝันให้ไกลก็ต้องไปให้ถึงในชีวิตนี้

But I think you're moving too fast

แต่ฉันคิดว่าเธอกำลังมุ่งไปอย่างเร็วแต่ผิดทางนะ
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๓. GONE _ 8.11.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 11-08-2023 14:53:51
๒๓. GONE


“คุณเลือกได้เลย ร้านนี้อร่อยทุกอย่าง สั่งเต็มที่ เดี๋ยวมื้อนี้ผมจ่ายเอง” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นเล่มเมนูอาหารให้กับชนธัญที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ กัน “ยศสารวัตรนี่น่าจะเงินถุงเงินถัง” ชนธัญพูดพลางก้มดูเมนูในมือ สารวัตรรัฐนนท์เผยยิ้มจาง ๆ ที่ริมฝีปาก “ก็ไม่เยอะหรอก แต่ถ้าจะให้เลี้ยงแบบนี้ ก็ได้นะ ได้หลายปีเลยแหละ ผมว่า” สารวัตรหนุ่มรอให้อีกฝ่ายหันขวับมามองเขา

“ใจดีจัง” เป็นไปตามที่สารวัตรหนุ่มหล่อคาดเอาไว้ ชนธัญไม่พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันเพียงเท่านั้น แต่ไอ้การที่เจ้าตัวขมวดคิ้วแล้วหรี่ตาลงนิด แบบส่งสายตาคอมเมนต์มาแบบนั้น พอเห็นชนธัญทำใส่บ่อย ๆ เข้า สารวัตรหนุ่มก็ชักจะเสพติด อยากหาเรื่องที่ทำให้ชนธัญเผลอทำแบบนั้นกลับมาบ่อย ๆ

“ผมเลี้ยงคุณไหวแน่นอน” เสียดาย สารวัตรรัฐนนท์พูดกับตัวเองในใจ เสียดายที่ชนธัญพอรู้ตัวว่าเสียท่า เปิดโอกาสให้ถูกสารวัตรหนุ่มหล่อหยอดใส่ ก็จะทำนิ่ง ทำเป็นหูทวนลมขึ้นมาทันที “แต่แค่คุณคนเดียวนะ คนอื่นด้วยผมเลี้ยงไม่ไหวหรอก” ชนธัญเผลอขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมาหรี่ตาใส่สารวัตรรัฐนนท์อย่างลืมตัว อาการที่สารวัตรหนุ่มหล่อคิดว่า มันน่ารักที่สุด

“ครับด็อค” สารวัตรรับสายโทรศัพท์หลังจากฝากให้ชนธัญสั่งอาหารให้กับตัวเขาเองด้วย ก่อนจะกดรับสายโทรเข้าจากแพทย์หญิงดรุณี “หมอสั่งตรวจยืนยันผลเลือดที่กลางบ้านแล้วนะ โชคดีที่ตัวอย่างเลือดจากที่เกิดเหตุ ถึงจะถูกน้ำยาขัดห้องน้ำล้างไป แต่ก็ยังได้ตัวอย่างเลือดมาค่อนข้างสมบูรณ์ หมอยืนยันกรุ๊ปเลือดแล้ว ว่าตรงกับของผู้เสียชีวิต แต่ต้องรอผลยืนยันดีเอ็นเอว่าใช่คนเดียวกันมั้ย”

“อ้อ หมอมีข้อสงสัยนิดหน่อย เลยสั่งตรวจเลือดจากร่างของผู้ตายเพิ่ม แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” สารวัตรรัฐนนท์ฟังด็อคดุพูดยาวจนเพลิน เหมือนกับว่า ด็อคเตอร์สาวอยากจะพูดให้สารวัตรหนุ่มฟังให้ครบถ้วนกระบวนความ “โห หลายเรื่องเลยด็อค ฟังแทบไม่ทัน” สารวัตรรัฐนนท์เอ่ยแซวด็อคเตอร์ดรุณีออกไป

“ก็หมอจะไม่อยู่สองสามวัน เลยอยากแจ้งให้หมวดรู้รายละเอียดพวกนี้ก่อน” ด็อคเตอร์ดรุณีนึกขำตัวเองเหมือนกัน ที่ติดเอานิสัยของอาจารย์หมอมาด้วยอยู่เนือง ๆ “รับทราบครับ” สารวัตรรัฐนนท์ตอบอีกฝ่ายกลับไป และคงจะมีเพียงด็อคดุคนนี้คนเดียวเท่านั้น ที่ยังเรียกสารวัตรรัฐนนท์ว่าหมวด โดยที่สารวัตรหนุ่มเองก็ไม่คิดที่จะแก้ไขอะไร

“ด็อคเห็นข่าวเมื่อตอนเย็นแล้วใช่มั้ยครับ ที่มีคนจมน้ำลอยมาติดท่าเรือ” สารวัตรถามด็อคดุกลับไป “เห็นแล้วค่ะ แต่ทางหน่วยสืบสวนแจ้งให้หมอทราบว่า ตำรวจท้องที่รับคดีไปแล้ว ไม่น่าจะเป็นหน้าที่อะไรของหน่วยสืบลับ ทำไมล่ะ มีอะไรหรือเปล่า” ด็อคเตอร์ดรุณีมักจะเป็นคนที่สารวัตรรัฐนนท์ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับคดีต่าง ๆ อยู่เสมอ

“หวังว่าจะไม่มีอะไรครับด็อค” สารวัตรหนุ่มมองไปที่ชนธัญที่สบตาเขาเข้าพอดี “กังวลเรื่องที่ยังจับผู้ต้องสงสัยอย่างกร ไม่ได้ใช่มั้ยหมวด” สัญชาตญาณความเป็นตำรวจของรัฐนนท์ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดอะไรให้เยอะขึ้น “อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เพราะที่บ้าน ตอนที่คุณชนธัญเข้าไปในห้องนอนของกร ก็ไม่เจออะไร” ชนธัญก้มลงดูดน้ำเปล่าจากหลอด ตอนที่ได้ยินสารวัตรรัฐนนท์พูดถึงตอนนั้น

“อยู่ด้วยกันหรือ ตอนนี้น่ะ” ด็อคดุถามสารวัตรหนุ่มที่อีกฝั่งโทรศัพท์ เธอยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ที่ตั้งแต่สารวัตรรัฐนนท์ได้ชนธัญมาเป็นคู่หู ก็ดูสารวัตรหนุ่มหล่อจะมีชีวิตนอกเหนือจากหน้าที่การงานมากขึ้น “มากินข้าวน่ะ ไม่มีอะไร” ตอบปัดเป็นพัลวันออกไป แต่ก็ไม่อยากจะพูดเสียงดัง กลัวชนธัญจะหาว่าเขาไม่อยากจะมากินข้าวด้วย

“ไม่มีรายละเอียดเรื่องงานแล้ว เปิดสปีกเกอร์โฟนหน่อย หมออยากคุยกับคุณชนธัญ เร็วหมวด” สารวัตรรัฐนนท์บางทีก็นึกว่าเวลาคุยอะไรกับด็อคดุ ก็ต้องรีบคุยรีบจบวางสายไป อย่าเปิดช่องเปิดโอกาสเชียว “มาดินเนอร์กันหรือคะ” ทันทีที่สารวัตรหนุ่มกดลงบนหน้าจอ แล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เสียงของด็อคเตอร์ดรุณีก็ดังทักทายออกมา

“เอ่อ ครับ มาทานข้าว” ชนธัญรับคำหมอดรุณีออกไป “เสียดาย หมอไม่ได้ร่วมวงทานด้วย ไว้คราวหน้านะคะ อย่าลืมนะหมวด คราวหน้าชวนด้วย” แล้วจะให้สารวัตรหนุ่มตอบปฏิเสธ บอกปัดด็อคดุออกไปยังไง “ไว้ว่ากัน” ด็อคเตอร์ดรุณีรู้ดีว่า บางทีสารวัตรรัฐนนท์ก็อยากจะบีบคอเธออยู่เหมือนกัน

“หมอจะไม่อยู่สองสามวัน ดูแลกันดี ๆ นะคะ ทั้งสองคน ปลอดภัยนะ” เสียงแสดงความห่วงใยหนุ่ม ๆ ทั้งสองคน ดังออกมาจากอีกฝั่งสายโทรศัพท์ ก่อนที่ด็อคเตอร์ดรุณีจะขอตัววางสายไป ก็พอดีกับอาหารของทั้งคู่มาเสิร์ฟที่โต๊ะพอดี ก่อนที่ทั้งคู่จะก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นหนึ่งในมื้อที่อร่อยมากที่สุดมื้อหนึ่ง เนื่องจากวันนี้ทั้งวัน ทั้งสองคนยุ่งมาก ๆ ไอ้ขนมปังจากร้านสะดวกซื้อที่ใช้รองท้อง แก้หิวให้พวกเขาแทบจะไม่ได้เลย

“ขอบคุณนะครับ” ชนธัญเอ่ยขอบคุณสารวัตรรัฐนนท์ เมื่อเข้ามานั่งในตัวรถของสารวัตรแล้ว “ยินดีครับ” เสียงตอบกลับไปของสารวัตรรัฐนนท์นั้น “ขอบคุณคุณด้วย ชนธัญ ที่ยังอยู่ทำสืบกับผม” อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความห่วงใย มันทำให้ชนธัญถึงกับต้องตำหนิตัวเองในใจว่า จะมาใจเต้นแรงอะไรกับคำพูดอะไรแบบนี้ ได้ยังไงกัน แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะพูดอะไรกันต่อ สารวัตรรัฐนนท์กำลังจะติดเครื่องยนต์

“ทุกหน่วยที่อยู่ใกล้ เร่งตรวจสอบรถยนต์เก๋งสีเทาดำ จอดขวางอยู่บนเกาะกลางถนน” เสียงจากวิทยุสื่อสารหน่วยสืบลับดังขึ้น แจ้งเหตุ “ทุกหน่วยที่อยู่ใกล้ ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ” เสียงจากวิทยุสื่อสารย้ำมา “รับทราบ 009RC ยืนยันตรวจสอบ พร้อมแจ้งกลับรายละเอียดภายในสิบนาที” สารวัตรรัฐนนท์คิดว่าตอนรถไม่ติดแบบนี้ จากตรงที่เขากับชนธัญอยู่ ขับรถบึ่งไปไม่เกินสิบนาทีก็ถึง

สารวัตรรัฐนนท์ขับรถมาไม่นาน สายตาก็มองเห็นรถยนต์สีเทาดำคันเป้าหมาย จอดนิ่งล้อเกยขึ้นไปบนเกาะกลาง ของถนนออกนอกเมือง ที่ไม่มีรถราผ่านไปผ่านมาเลย ชนธัญค่อย ๆ เปิดประตูลงจากรถช้า ๆ ตามคำแนะนำของสารวัตรหนุ่ม ที่เตือนให้หนุ่มหน้าใสกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าใกล้ตัวรถคันดังกล่าว

“อยู่ข้างหลังผมเอาไว้” ไม่สั่งเปล่า สารวัตรรัฐนนท์ที่ชักปืนสั้นขึ้นประทับเตรียมในท่าพร้อมยิง สาวเท้าเดินขึ้นนำหน้าชนธัญไป คนหน้าใสที่เดินอยู่เยื้องมาด้านหลัง “ผมคิดว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้” เขาบอกสารวัตรหนุ่มไป เมื่อสำรวจแล้วว่า ไม่มีใครหรืออะไรหลบหรือแอบดูอยู่แถวนั้น

“นี่ตำรวจสืบสวน มีใครอยู่ในรถนั่นมั้ย แสดงตัวให้เห็นด้วย ชูมือขึ้นมาถ้าได้ยินเสียงของผมแล้ว” สารวัตรรัฐนนท์ตะโกนไปที่รถคันนั้น แสงไฟจากเสาไฟข้างทางส่องสว่างเหนือขึ้นไป แต่ไม่เห็นว่าจะมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ที่ในตัวรถ “ผมเตือนอีกครั้ง ถ้ามีใครซ่อนตัวอยู่ในรถ ให้แสดงตัวเดี๋ยวนี้ เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธจริง ขอเตือน เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธจริง” ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเพื่อนร่วมงาน รวมถึงบุคคลทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้อง คือส่วนหนึ่งของภารกิจประจำวันของทุกคนในหน่วยสืบ

สารวัตรรัฐนนท์ส่องปลายกระบอกปืนไปด้านหน้า ขณะสืบเท้าเดินเข้าใกล้ตัวรถ ประตูด้านคนขับเปิดทิ้งเอาไว้ แต่มองไม่เห็นใครที่ด้านหลังพวงมาลัยรถ สายตาของสารวัตรรัฐนนท์มองไปที่กระจกหน้ารถ มีรอยรูขนาดใหญ่ ที่นายตำรวจหนุ่มรู้ได้ทันที วามันเป็นรอยอะไร จึงส่งสัญญาณให้ชนธัญหยุดรอเขาอยู่แค่ตรงนี้ ส่วนเขาจะเดินเข้าไปดูที่รถเพียงคนเดียวเท่านั้น

ชนธัญใจจริงอยากจะเดินเข้าไปด้วย แต่จากที่ได้รับการอบรมมา ก่อนจะมาช่วยงานที่หน่วยสืบลับนี้ การเชื่อฟังคำสั่งหัวหน้าทีม สำคัญมากในทุก ๆ การปฏิบัติการ สารวัตรรัฐนนท์ค่อย ๆ ชะโงกหน้าดูที่เบาะด้านหลังรถ แสงไฟจากด้านนอกช่วยให้สารวัตรหนุ่มแน่ใจว่า ไม่มีใครซุกตัวแอบอยู่ที่เบาะด้านหลัง

“เคลียร์” สารวัตรรัฐนนท์ประกาศพื้นที่ปลอดภัย ชนธัญเดินเข้าไปหาสารวัตรหนุ่ม “รอยที่หน้ารถนั่น” สารวัตรพยักหน้าตอบกลับหนุ่มหน้าใส ก่อนจะแจ้งกลับหน่วยบัญชาการ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น “มีรอยกระสุนตรงประตูรถข้างคนขับ” ชนธัญชี้ให้สารวัตรรัฐนนท์ดุ นายตำรวจมองตามก่อนจะเลยสายตาเข้าไปในตัวรถ

“ชนธัญ” สารวัตรรัฐนนท์เรียก เจ้าของชื่อมองตามเข้าไปที่เบาะนั่งด้านคนขับ “รอยเลือดนี่” ชนธัญเห็นรอยเปื้อนเป็นทางยาวที่ข้างเบาะ “เรารอหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐานก่อน” สารวัตรรัฐนนท์ไม่อยากให้ไครม์ซีนถูกปนเปื้อน แม้ว่าเขาอยากจะทำอะไรหลาย ๆ อย่างก็ตาม ใช้เวลาพอสมควรจนหัวหน้าทีมพิสูจน์ เก็บรายละเอียดหลักฐาน ที่ต้องการจนเสร็จ ก่อนจะส่งคืนรถยนต์ต้องสงสัยคืนให้กับสารวัตรรัฐนนท์

“ยังบอกอะไรมากไม่ได้” หัวหน้าทีมพิสูจน์พูดขึ้น ทำท่ากำลังจะกลับไปที่หน่วยกับลูกทีม “คุณอยากลองมั้ยชนธัญ” เจ้าของชื่อพยักหน้า “ผมจะลองนั่งบนเบาะคนขับดู” ชนธัญพูดเป็นเชิงถามหัวหน้าทีมพิสูจน์ ที่พยักหน้าอนุญาตเช่นกัน ชนธัญเดินไปยืนที่ด้านข้างรถ ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งลงบนเบาะ แล้วใช้มือจับที่เบาะ ข้าง ๆ รอยเปื้อนเลือดนั้น

ชนธัญตกใจกับภาพที่เขาเห็นตรงหน้า หญิงสาวที่กำลังขับรถด้วยความหวาดกลัว กรีดร้องไล่ให้รถยนต์อีกคัน ที่จับจี้ตามติดเธอมา ไปให้พ้น ชนธัญพยายามหายใจเข้าจนลึก แต่ก็ทำได้ไม่เต็มท้อง เมื่อมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นเต็ม ๆ ตา ทั้งเสียงพูด เสียงกรีดร้อง และน้ำตาที่นองอยู่บนใบหน้า

“ชนธัญ” สารวัตรรัฐนนท์เรียกชื่ออีกฝ่าย ที่พุ่งตัวออกมาจากรถด้านคนขับ “มีคนขับรถตามเธอ” ชนธัญพูดพยายามสูดลมหายใจเข้า “คนขับเป็นผู้หญิงหรือครับ” หัวหน้าทีมพิสูจน์แม้จะได้ยินถึงความสามารถของชนธัญที่คนในหน่วยพูดถึงกัน แต่ก็เพิ่งจะได้เห็นมันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาครั้งแรก

“รถสองคนขับไล่จี้ตามกันมา” เสียงของชนธัญสั่นเครือ “คนขับรถคันด้านหลัง พยายามเบียดรถคันนี้” หัวหน้าทีมมองไปที่ข้างรถ มันมีรอยขูดข้างตัวรถเป็นทางยาว ซึ่งเป็นไปอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้เช่นกัน และให้ลูกทีมเก็บเศษสีแผ่นเล็ก ๆ ที่ติดอยู่นั้นไปด้วยแล้ว “ก่อนจะขับรถเลยไป แซงขึ้นไป” พูดจบชนธัญก็หลับตาลง เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นในความทรงจำ

“เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด” ชนธัญพูดถึงตรงนี้ น้ำตาเขาก็ไหลลงมา “คุณโอเคมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์รีบถามด้วยความเป็นห่วง “คุณรู้จักผู้หญิงคนนี้หรือครับ” หัวหน้าทีมพิสูจน์หลักฐานถามขึ้น สารวัตรรัฐนนท์สบตากับเจ้าตัว ชนธัญพยักหน้าเร็ว ๆ “เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน เราเพิ่งคุยกันเมื่อวันก่อน ว่าเธอจะขอเข้ามาคุยกับทางทีมสืบ” ชนธัญเหมือนจะกลั้นอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่

“เธออาจจะอยู่แถวนี้ก็ได้ อาจจะหลบอยู่แถวนี้” ชนธัญรู้สึกเจ็บใจ ที่ว่า เขาเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงเท่านั้น “ผมควรจะเห็นมากกว่านี้ ผมควรจะช่วยได้มากกว่านี้ เพื่อนผมทั้งคน หนิงแกอยู่แถวนี้มั้ย ออกมาได้แล้ว แกปลอดภัยแล้ว หนิง” ชนธัญตะโกนเรียกเพื่อนออกไปจนสุดเสียง จนหัวหน้าทีมพิสูจน์หลักฐานต้องปลอบให้เขาใจเย็น ๆ

“คุณจะให้ผมใจเย็นได้ยังไง เพื่อนผมโดนยิงอยู่ที่ไหนสักแห่งข้างนอกนั่น” ชนธัญพูดออกไปด้วยน้ำตานองหน้า “ผมต้องช่วยเพื่อนผม” ชนธัญพูด สบตากับสารวัตรรัฐนนท์ “ผมรู้ ชนธัญ ผมรู้” สารวัตรรัฐนนท์อยากจะดึงตัวขอชนธัญเข้ามากอดเอาไว้แน่น ๆ ใจจะขาด “ผมจะไม่หยุด จนกว่าจะหาเพื่อนของผมจนเจอ” เมื่อเห็นหนุ่มหน้าใสมีน้ำตาไหลนองใบหน้าไม่ขาดสายแบบนั้น

********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Rachel Platten - Fight Song

https://www.youtube.com/watch?v=xo1VInw-SKc


Like a small boat

คือเรือเล็กเพิ่งออกจากฝั่ง

On the ocean

กลางมหาสมุทรกว้างใหญ่นั่น

Sending big waves

พลันก่อเกิดกำเนิดคลื่น

Into motion

ให้ซัดออกจากหัวเรือกระจายไป


Like how a single word

เช่นคำคำเดียวแค่คำนั้น

Can make a heart open

เปิดใจดวงเดิมขึ้นได้

I might only have one match

ฉันอาจจะมีไม้ขีดเพียงก้านเดียว

But I can make an explosion

แต่ฉันจะทำให้มันเป็นแรงระเบิดสะท้านปฏพี


And all those things I didn't say

ไม่ว่าคำพูดนานาที่ฉันไม่เคยเอ่ยออกไป

Wrecking balls inside my brain

เป็นลูกเหล็กล้มล้างความมุ่งมั่นในหัวของฉัน

I will scream them loud tonight

แต่ฉันจะตะโกนก้องร้องดังดังในคืนนี้

Can you hear my voice this time?

ได้ยินเสียงของฉันแล้วใช่มั้ยทุกคน


This is my fight song

นี่คือเพลงการต่อสู้ของฉัน

Take back my life song

ฉันขอเพลงแห่งชีวิตของฉันคืนมา

Prove I'm alright song

พิสูจน์ว่ามันเป็นเพลงร้องว่าฉันไม่เป็นไร


My power's turned on

พลังของฉันนั้นถูกจุดขึ้น

Starting right now I'll be strong

เริ่มจากวันนี้ฉันจะแข็งแกร่งเสมอ

I'll play my fight song

เพลงการต่อสู้ของฉันถูกบรรเลง

And I don't really care if nobody else believes

และฉันไม่สนใจหากไม่มีใครเลยที่เชื่อฉัน

'Cause I've still got a lot of fight left in me

เพราะฉันยังคงเหลือแรงสู้อยู่ข้างในตัว


Losing friends and I'm chasing sleep

สูญเสียเพื่อนไป พร้อมอดตาหลับขับตานอน

Everybody's worried about me

ใครใครก็พากันเป็นห่วงฉัน

In too deep

มันมาไกลเกินจะกลับแล้ว

Say I'm in too deep

บอกเลยฉันหันหลังกับไม่ได้อีกแล้ว


And it's been two years I miss my home

ผ่านมาหลายปีนี้ ฉันเองก็คิดถึงบ้านอบอุ่น

But there's a fire burning in my bones

แต่ทำไมได้เมื่อร่างฉันจุดติดไฟไปทุกส่วน

Still believe

ยังคงเชื่อมั่น

Yeah, I still believe

ใช่ ฉันยังคงเชื่อมั่นอย่างนั้น


And all those things I didn't say

ไม่ว่าคำพูดนานาที่ฉันไม่เคยเอ่ยออกไป

Wrecking balls inside my brain

เป็นลูกเหล็กล้มล้างความมุ่งมั่นในหัวของฉัน

I will scream them loud tonight

แต่ฉันจะตะโกนก้องร้องดังดังในคืนนี้

Can you hear my voice this time?

ได้ยินเสียงของฉันแล้วใช่มั้ยทุกคน


This is my fight song

นี่คือเพลงการต่อสู้ของฉัน

Take back my life song

ฉันขอเพลงแห่งชีวิตของฉันคืนมา

Prove I'm alright song

พิสูจน์ว่ามันเป็นเพลงร้องว่าฉันไม่เป็นไร


My power's turned on

พลังของฉันนั้นถูกจุดขึ้น

Starting right now I'll be strong

เริ่มจากวันนี้ฉันจะแข็งแกร่งเสมอ

I'll play my fight song

เพลงการต่อสู้ของฉันถูกบรรเลง

And I don't really care if nobody else believes

และฉันไม่สนใจหากไม่มีใครเลยที่เชื่อฉัน

'Cause I've still got a lot of fight left in me

เพราะฉันยังคงเหลือแรงสู้อยู่ข้างในตัว

A lot of fight left in me

พละกำลังเอาไว้ต่อสู้ยังคงเต็มเปี่ยมในกายฉัน


Like a small boat

ดุจดั่งนาวาลำน้อย

On the ocean

ออกทะเลอันไพศาล

Sending big waves

แหวกคลื่นทะเลใต้ท้องเรือ

Into motion

ส่งแรงไปทั่วมหรรณพ


Like how a single word

ดุจคำน้อยเอ่ยวาจา

Can make a heart open

นำพามาด้วยหทัยหมาย

I might only have one match

ขีดจุดไฟเพียงก้านเดียวนี้

But I can make an explosion

แรงระเบิดสนั่นหวั่นไหวธรณี


This is my fight song

นี่คือเพลงการต่อสู้ของฉัน

Take back my life song

ฉันขอเพลงแห่งชีวิตของฉันคืนมา

Prove I'm alright song

พิสูจน์ว่ามันเป็นเพลงร้องว่าฉันไม่เป็นไร


My power's turned on

พลังของฉันนั้นถูกจุดขึ้น

Starting right now I'll be strong

เริ่มจากวันนี้ฉันจะแข็งแกร่งเสมอ

I'll play my fight song

เพลงการต่อสู้ของฉันถูกบรรเลง

And I don't really care if nobody else believes

และฉันไม่สนใจหากไม่มีใครเลยที่เชื่อฉัน

'Cause I've still got a lot of fight left in me

เพราะฉันยังคงเหลือแรงสู้อยู่ข้างในตัว


Know I've still got a lot of fight left in me

รู้ดีว่าฉันยังคงมีแรงงผลักดันให้สู้ต่อข้างในตัวฉัน
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๔. RUSH _ 8.15.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 15-08-2023 13:13:18
๒๔. RUSH


ป้ายหน่วย Ballistic งานเชี่ยวชาญทางด้านตรวจระบุวิถีกระสุน เด่นชัดเมื่อสารวัตรรัฐนนท์สาวเท้าอย่างเร็ว ๆ เข้าใกล้ห้องทดสอบวิถีกระสุนปืนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้านในห้องที่สารวัตรหนุ่มมองเห็น รถยนต์เช่าคันนั้นจากที่เกิดเหตุ คันที่เพื่อนของชนธัญขับ ก่อนจะหายตัวไปและยังหาไม่เจอตัว ซึ่งคาดว่าจะถูกยิงบาดเจ็บด้วย รถถูกจอดอยู่ตรงกลางของห้องที่เป็นลักษณะโถงใหญ่

“สวัสดีครับสารวัตร” เสียงหนึ่งเอ่ยทักทายนายตำรวจหนุ่มขึ้นมาในทันที “ยังหล่อเหมือนเดิมนะครับ” สารวัตรรัฐนนท์มองเห็นเจ้าของสถานที่ 'พวกเด็กเนิร์ด' ที่หน่วยอื่น ๆ ตั้งฉายาให้กับหน่วยอาวุธปืนหน่วยนี้ “เขายังให้เด็กน้อยคุมหน่วยนี้เหมือนเดิมนะครับ” อดไม่ได้จริง ๆ ที่สารวัตรหนุ่มจะเอ่ยปากแซวออกไป เพราะราวกับว่าทางหน่วยนี้นั้น คัดทั้งหน้าตาของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ที่ดูเด็กกว่าอายุจริง และดูคงแก่เรียนอย่างที่สุด

“ตามนโยบายของท่านผู้บัญชาการครับ หน่วยพวกผมนั้นต้อง ฮิป ยังแอนด์คูล” เสียงตอบจากหนุ่มเนิร์ดใส่แว่นตากรอบบาง หน้าตาดูน่าไว้ใจ สะอาดสะอ้าน ดังตอบกลับสารวัตรหนุ่มหล่อกลับไป “ไม่ดูแก่ไป อย่าง” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดทำหน้าตาเหยเกมองไปที่สารวัตรหนุ่ม

“เคสนี้ ว่าไง” รู้สึกเหมือนเหมือนตัวเองกำลังจะเพลี่ยงพล้ำ สารวัตรรัฐนนท์ก็ชี้นิ้วไปที่รถยนต์คันที่จอดอยู่ เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดนั้น ยิ้มที่มุมปากอย่างกวน ๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถามคำถามขึ้นว่า “ทำไมสารวัตรมาคนเดียวล่ะครับ แล้ว” เจ้าหน้าที่หนุ่มชะเง้อมองหาใครอีกคน ที่เขานึกว่าจะได้เจอในวันนี้ “ได้ข่าวว่าน่ารักมากด้วย หน้างี้ใสเชียว” ทำหน้าผิดหวัง ก่อนจะเดินไปที่ผนังด้านในของห้องโถง สารวัตรรัฐนนท์ต้องข่มใจอดกลั้นความขุ่น ๆ ของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะต้องพูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจว่า “เอเคแปดสิบเอ็ด” เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดหยิบชนิดของอาวุธปืนมาถือไว้มือ

“ตามหลักฐานจากหน่วยเก็บพิสูจน์ ทั้งจากปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ รวมทั้งขนาดของรอยกระสุนบนกระจกหน้ารถนั่น” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดกระชับอาวุธปืนแบบ Assault Rifle เอาไว้ในมือ “สารวัตรพร้อมที่จะตามผมมาหรือยังครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดถามขึ้น สารวัตรรัฐนนท์พยักหน้า

“ว่าแต่ พอจะมีหลักฐานอะไรบ้างมั้ยครับสารวัตร ว่าคุณชนธัญเขาบังเอิญชอบคนที่อายุน้อยกว่า หรือว่าดูเด็กกว่าอายุจริงบ้างมั้ยครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดก็ว่ากันไปตามหลักฐานด้วยความเคยชิน “เรื่องนี้คุณคงจะต้องไปถามเจ้าตัวเขาเองนะครับ” ปลายหางเสียงของสารวัตรรัฐนนท์ซ่อนความเคืองเอาไว้ไม่มิด เมื่อถูกถามคำถามแบบนั้น

“ผมถามแน่ครับ ถ้าผมได้เบอร์โทรศัพท์ของคุณชนธัญมา” สารวัตรหนุ่มหล่อเสทำเป็นไม่พูดอะไรต่อ มองไปที่รถยนต์เช่าคันนั้นแทน เมื่อทั้งสองคนเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้ารถยนต์คันดังกล่าว ห่างออกมาพอประมาณ “จากสิ่งที่คุณชนธัญเห็น ประกอบกับความเป็นไปได้ในเชิงทฤษฎี” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดเริ่มให้ข้อมูลแก่สารวัตรรัฐนนท์

“รถคันนี้น่าจะขับหนีรถอีกคันอยู่ โดยรถที่ขับตามมาน่าจะพยายามเบียดรถคนนี้ เพื่อให้ตกไหล่ทาง หรือเพื่อให้คนขับเกิดความกลัวแล้วจอดรถ สังเกตได้จากรอยขูดที่ข้างตัวรถ” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดพูด พลางยกปืนขึ้นประทับในท่าพร้อมยิง “ก่อนที่รถคันที่ขับตาม จะเร่งเครื่องขึ้นแซงไปจอดอยู่ด้านหน้า ตรงที่ผมยืนอยู่นี้” อยู่ ๆ ลักษณะของหนุ่มเนิร์ดที่ดูเจี๋ยมเจี้ยม ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูแข็งกร้าวและดุดัน ทะมัดทะแมงพร้อมออกสนามขึ้นมาในทันที

“คนร้ายลงจากรถ เดินตรงเข้าหารถคันนี้ที่กำลังจอดอยู่” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดพูด “นัดแรกถูกยิงเข้าที่ด้านซ้ายสุด” สารวัตรรัฐนนท์มองตามไปที่รูกระสุนนั้นบนหน้าต่างหน้ารถ “ก่อนที่คนร้ายจะยิงต่ออีกสามนัด ระยะ Penetration ของรอยกระสุนขยับเข้าใกล้ตัวรถคันนี้เพิ่มขึ้นทุกนัด นั่นหมายความว่า คนร้ายเดินตรงเข้าหารถคันนี้ขณะที่ยิง” สารวัตรรัฐนนท์นึกเห็นใจหญิงสาว คุณหนิงกับเหตุการณ์ที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นกับเธอ

“ผมรู้ว่าสารวัตรอยากจะอะไรต่อ” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดจากหน่วย Ballistic พูดขึ้นทันทีที่สบตากับสารวัตรรัฐนนท์ ที่กำลังจะขยับถามขึ้น “เป็นไปได้ว่า คนขับรถคันนี้ พยายามจะเร่งเครื่องหนี เมื่อรอยกระสุนทั้งสี่พวกนี้ ที่เจาะเข้าที่หน้าต่างหน้ารถ ไม่ถูกตัวของคนขับเลย แต่เสียดายที่ว่า” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะส่งสัญญาณให้สารวัตรหนุ่มทราบว่ารถเช่าคันนี้พยายามจะขับหนีโดยเบี่ยงรถออกไปทางขวามือ

“คนร้ายยิงเข้าที่ด้านข้างคนขับหนึ่งนัด และกระสุนนัดนี้” สารวัตรรัฐนนท์จำรอบกระสุนที่ด้านข้างประตูด้านคนขับนี้ได้ดี รอยเลือดที่เปื้อนเบาะคนขับ “รถแล่นต่อไปข้างหน้าได้ไม่ไกล จากรอยล้อรถในที่เกิดเหตุ ก่อนจะไปหยุดอยู่บนเกาะกลางถนน ตอนมีพลเมืองดีโทรแจ้งเข้ามา” สารวัตรรัฐนนท์คิดภาพเหตุการณ์ตามสิ่งที่เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดเล่า

“คนร้ายเดินตามไปที่รถ ก่อนจะบังคับให้คนขับรถลงมา เพื่อไปขึ้นรถของตัวเอง” เจ้าหน้าที่เก็บและพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันว่าพบรอยล้อรถยนต์ใหม่ ๆ สองคัน ณ จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดพยักหน้าเห็นด้วยกับที่สารวัตรรัฐนนท์พูด “การใช้อาวุธประเภทนี้เพื่อหมายเอาชีวิตคนคนเดียว” สารวัตรรัฐนนท์ที่พยายามปะติดปะต่อเหตุการณ์เข้าเป็นเคสเดียวเข้าด้วยกัน

“หรืออาจจะมีคนอื่นอีก ที่เป็นเหยื่อและเป้าหมาย” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดพูดพลางพยักหน้า ก่อนจะเดินถืออาวุธกลับไปที่แผงเก็บอาวุธที่ผนังห้องโถง “ผมจะตรวจเพิ่มเติมให้ ทันทีที่สารวัตรหาอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ ว่ากระสุนถูกยิงมาจากปืนกระบอกเดียวกันหรือไม่” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดหันมาพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ หลังจากที่เก็บอาวุธปืนคืนเข้าที่เรียบร้อยแล้ว

“ทีนี้สารวัตรให้เบอร์โทรศัพท์ของคุณชนธัญกับผมได้หรือยังครับ” สารวัตรรัฐนนท์ขุ่นเคืองใจเจ้าหนุ่มจำไมช่างถามในเรื่องต้องห้าม “ใช่ครับ ผมทวง” และท่าทางของหนุ่มเนิร์ดนั้นเอาจริง ไม่ได้พูดเล่น ๆ แม้ว่า พอหลังจากเก็บอาวุธปืนไรเฟิลไปแล้ว เจ้าหน้าที่หนุ่มจะกลับมาดูเนิร์ด ไม่มีพิษมีภัย ไม่เหมือนตอนประทับปืนขึ้นบ่าท่าเตรียมพร้อมยิงแบบนั้น แต่สำหรับสารวัตรรัฐนนท์ ไอ้การจะปล่อยให้หนุ่มหน้าตาไม่ได้แย่ แถมท่าทางเท่มากกับงานที่ทำ ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับชนธัญ

“คงจะไม่ได้นะครับ คุณชนธัญถือเป็น Asset ของหน่วยสืบลับ การเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวแบบนั้น มันคือการรุกล้ำ Confidentiality ที่ถือเป็น First Protocol” สารวัตรรัฐนนท์อัดคำภาษาอังกฤษไปเยอะ ๆ เพื่อเลี่ยงการให้เบอร์โทรศัพท์ของชนธัญกับเจ้าเด็กหนุ่มนี่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาก็มี แม้แต่ด็อคดุเอง ชนธัญก็ให้เบอร์เอาไว้ เผื่อว่ามีอะไรเร่งด่วน

“หวังว่าที่ผมกำลังมองอยู่นี่ มีตำแหน่งเป็นสารวัตรนะครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดแห่งหน่วย Ballistic พูดขึ้น ขณะที่สารวัตรรัฐนนท์กำลังเปิดประตูออกจากห้องโถงนั้นไป “ไม่ใช่สมภาร” ไอ้รอยยิ้มแบบรู้ทันกัน รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ และคิดอะไรเหมือน ๆ กัน ของเจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ด ทำเอาสารวัตรหนุ่มหล่อถึงกับต้องฝืนยิ้มกลับไป ทั้ง ๆ ที่อยากจะยกนิ้วมือสัญลักษณ์ให้ทั้งสองข้าง

“ไม่ว่าเราใช่มั้ย ที่อยู่ ๆ ก็โทรมาขารบกวน ทั้ง ๆ ที่ห่างกันไป จนขาดการติดต่อไปเลย” ชนธัญยังคงจำวันที่ได้รับสายจากเพื่อนเก่าได้ดี “เฮ้ย อย่าคิดมาก มีอะไรที่เราทำได้ เรายินดี” ชนธัญตอบกลับเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกัน จากโรงเรียนมัธยมจนกระทั่งเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย อ่างน้อยการได้ยินเสียงเพื่อนอีกครั้งหนึ่ง ก็ยังทำให้เขารู้สึกดีใจ

ติดตรงที่ปลายสายจากเพื่อนนั้น เหมือนพยายามจะพูดให้เบาที่สุด คล้ายกับกลัวว่า จะมีใครเดินมาได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ชนธัญไม่ได้ทักเรื่องที่ตัวเองรู้สึกแปลก ๆ นี้ออกไป แต่เสนอว่า ถ้าเพื่อนสะดวกก็ให้ออกมาเจอกัน นั่งคุยกันที่ร้านกาแฟก็ได้ แต่หนิงเพื่อนสนิทของชนธัญบอกว่า อยากจะไปเจอเขาที่สำนักงานสืบลับมากกว่า ด้วยคำพูดว่า 'เรามีอะไรจะให้ดู'

“นอกจากจะน่ารักจนเกินไปแล้ว ยังเที่ยวหว่านเสน่ห์ไปทั่วอีกนะ มันน่าโมโหจริง” สารวัตรรัฐนนท์บ่นอุบ กับการที่มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จากต่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานสืบ แสดงออกอย่างเปิดเผยว่า สนใจในตัวของชนธัญ แถมยังจะมีไอ้เจ้าเด็กหนุ่มเนิร์ดบ้านี่อีก ที่พูดเหมือนกับมองออก ให้สารวัตรหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกจับได้ ว่าคิดยังไงกับหนุ่มหน้าใสของหน่วยสืบลับ

“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมไปรับ” ทันทีที่ชนธัญรับสายโทรศัพท์ สารวัตรรัฐนนท์ก็กรอกเสียงถามไปตามสายทันที “เอ่อ คือ ผม” ไอ้อาการอึกอักแบบนี้ ไม่ยอมตอบคำถามทันที สำหรับตำรวจอย่างเขาแล้ว มันมีอยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น “คุณอยู่ที่ไหน” อดไม่ได้จริง ๆ ที่สารวัตรจะทำเสียงเข้มใส่อีกฝ่ายกลับไป

“ผมมาที่บ้านหนิง” ชนธัญบอกสารวัตรรัฐนนท์ออกไปตามตรง เพราะโดยหน้าที่แล้ว ชนธัญรายงานตัวโดยตรงกับสารวัตรรัฐนนท์ ผู้ถือว่าเป็นทั้งคู่หูและหัวหน้าผู้ดูแลไปพร้อม ๆ กัน “ผมอยากจะสืบเรื่องให้ได้ข้อมูลมากกว่านี้เร็ว” โดยที่ชนธัญรู้ตัวแน่นอน ว่าจะต้องโดนสารวัตรรัฐนนท์ตำหนิเอา

“คุณนี่นะ” สารวัตรหนุ่มหล่อไม่รู้ว่าจะอยากปกป้องอีกฝ่าย หรือว่าพอเจอหน้ากัน เขาอยากจะจับตัวอีกฝ่ายเขย่าแรง ๆ ดี “รออยู่ตรงนั้นก่อน ผมกำลังส่งทีมสืบไป อย่าเพิ่งทำอะไร รอผมไปถึงก่อนนะชนธัญ” สารวัตรรัฐนนท์วางสายจากชนธัญทันที ก่อนจะรีบแจ้งหน่วยสืบสวนให้รุดหน้าไปที่บ้านของหนิงในทันที ส่วนตัวสารวัตรนั้น ก็เร่งรีบขับรถตามชนธัญไปเช่นกัน

บ้านของหนิงเงียบเชียบ ไร้วี่แววใด ๆ อีกทั้งไม่มีรายงานว่าหนิงนั้น เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลใด หรือมีใครได้ให้การช่วยเหลือแล้ว ชนธัญรีรออยู่ที่ด้านหน้าประตูบ้าน เขามองไปที่ลูกบิดประตู ก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมมือไปหมุนลูกบิดนั้น จนประตูถูกเปิดออก ชนธัญร้องเรียกชื่อของหนิงออกไป แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา

ชนธัญสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก กลืนน้ำลายลงคอ ตอนที่ปลายนิ้วแตะลงที่ปืนกระบอกที่เหน็บอยู่ที่เอว ตามที่เคยได้เข้ารับการฝึกมา ที่เขานั้นเพิ่งได้รับการอนุญาตให้พกอาวุธได้ ชนธัญค่อย ๆ ผลักให้ประตูบ้านเปิดกว้างออก มองเข้าไปภายในบ้านที่ปิดม่านจบทึบ ไม่พบการเคลื่อนไหว จึงได้ก้าวเท้าเข้าไปในบ้านของหนิงเพียงลำพัง

**************************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

4 Minutes - Madonne feat. Justin Timberlake and Timbaland

https://www.youtube.com/watch?v=3cZP3k9rAnA


C'mon, boy

มาเถอะคุณ

I've been waiting for somebody to pick up my stroll

ฉันคอยใครสักคนมามาช่วยทำให้มันสนุกขึ้น

Well, don't waste time

ถ้างั้นอย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่

Give me a sign, tell me how you wanna roll

บอกกันมาได้เลยว่าอยากให้ฉันต้องทำอย่างไร

I want somebody to speed it up for me

ฉันอยากให้ใครสักคนมาช่วยเร่งให้มันเร็วขึ้น

Then take it down slow

แล้วก็ผ่อนแรงให้มันเบาลงสักหน่อย

There's enough room for both

เพื่อให้ทั้งสองคนไปพร้อมพร้อมกันได้ด้วย

Well, I can handle that

ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ยากเกินไป

You just gotta show me where it's at

แค่บอกมาว่าจะให้เริ่มที่ตรงไหน

Are you ready to go?

พร้อมจะไปกันหรือยัง

Are you ready to go?

พร้อมกันแล้วมั้ย


If you want it, you already got it

หากคุณต้องการอย่างนั้น คุณได้มันไปอยู่แล้ว

If you thought it, it better be what you want

ถ้าคุณคิดเช่นนั้น หวังว่ามันคือสิ่งที่คุณอยากได้นะ

If you feel it, it must be real just

หากคุณรู้สึกถึงมัน นั่นก็คือของจริง เพียงแค่คุณ

Say the word, and I'mma give you what you want

พูดมันออกมา แล้วฉันจะสนองตอบให้คุณเอง


The time is waiting

เวลาที่มีมันดำเนินไปอยู่

(We only got four minutes to save the world)

มันมีเพียงแค่ชั่วขณะที่เราจะกอบกูโลกนี้ไว้ได้

No hesitating

อย่าได้ลังเลใจใดใด

Grab a boy (Then grab a girl)

มาถึงหนุ่มมาเถอะสาว

Time is waiting

เวลามันเดินไปต่อตลอด

(We only got four minutes to save the world)

มันแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นที่เราจะช่วยเหลือโลนี้เอาไว้

No hesitating

อย่าใดคิดแล้วคิดอีกแต่อย่างใด

(We only got four minutes, heh, a-four minutes)

เหมือนเพลงในอุดมคติที่ยาวแค่เพียงสี่นาทีก็จบเพลง


So keep it up, keep it up

ดังนั้นสู้กันต่อ ต้องไปกันต่อ

Don't be a pri (Hey) ma donna, uh

อย่าทำตัวเหียก เข้าใจแล้วนะ

You gotta get 'em on, hop

คุณต้องทำให้มันพุ่งทะยาน

(Tick tock, tick tock, tick tock, tick tock)

เสียงเข็มนาฬิกาเดินต่อเร่งเร้า

That's right, keep it up, keep it up

ถูกแล้ว ไปต่อ ต้องไปกันต่อ

Don't be a pri (Hey) ma donna, uh

อย่าทำตัวเห่ย เข้าใจใช่มั้ย

You gotta get 'em on, hop

คุณต้องทำให้มันดูสดใส

(Tick tock, tick tock, tick tock, tick tock)

เสียงเข็มนาฬิกาเดินไปไม่หยุดพัก


Sometimes I think what I need is a "you" intervention, yeah

บางทีฉันก็คิดนะ ว่าคุณนี่แหละที่ฉันต้องการให้เข้ามาแทรกแซงมันสักที

And you know I can tell that you like it

และบอกได้เลยว่าคุณเองก็ชอบให้มันเป็นแบบนั้น

And that it's good, by the way that you move, oh hey

ทุกอย่างมันดีเยี่ยม กับสิ่งที่คุณขยับขยายเปลี่ยนแปลงมัน

The road to hell is paved with good intentions, yeah

หนทางอาจพุ่งตรงสู่ความยากลำบากมันก็ด้วยความตั้งใจดี

But if I die tonight, at least I can say I did what I wanted to do

เพราะหากเราต้องดับสูญกันลงในค่ำคืนนี้ อย่างน้อยฉันก็พูดได้เต็มปากว่า ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว

Tell me, how 'bout you?

คุณล่ะ ว่าไง ไหนบอกทีว่าคิดเช่นเดียวกันหรือเปล่า


If you want it, you already got it

หากคุณต้องการอย่างนั้น คุณได้มันไปอยู่แล้ว

If you thought it, it better be what you want

ถ้าคุณคิดเช่นนั้น หวังว่ามันคือสิ่งที่คุณอยากได้นะ

If you feel it, it must be real just

หากคุณรู้สึกถึงมัน นั่นก็คือของจริง เพียงแค่คุณ

Say the word, and I'mma give you what you want

พูดมันออกมา แล้วฉันจะสนองตอบให้คุณเอง


The time is waiting

เวลาที่มีมันดำเนินไปอยู่

(We only got four minutes to save the world)

มันมีเพียงแค่ชั่วขณะที่เราจะกอบกูโลกนี้ไว้ได้

No hesitating

อย่าได้ลังเลใจใดใด

Grab a boy (Then grab a girl)

มาถึงหนุ่มมาเถอะสาว

Time is waiting

เวลามันเดินไปต่อตลอด

(We only got four minutes to save the world)

มันแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นที่เราจะช่วยเหลือโลนี้เอาไว้

No hesitating

อย่าใดคิดแล้วคิดอีกแต่อย่างใด

(We only got four minutes, heh, a-four minutes)

เหมือนเพลงในอุดมคติที่ยาวแค่เพียงสี่นาทีก็จบเพลง


So keep it up, keep it up

ดังนั้นสู้กันต่อ ต้องไปกันต่อ

Don't be a pri (Hey) ma donna, uh

อย่าทำตัวเหียก เข้าใจแล้วนะ

You gotta get 'em on, hop

คุณต้องทำให้มันพุ่งทะยาน

(Tick tock, tick tock, tick tock, tick tock)

เสียงเข็มนาฬิกาเดินต่อเร่งเร้า

That's right, keep it up, keep it up

ถูกแล้ว ไปต่อ ต้องไปกันต่อ

Don't be a pri (Hey) ma donna, uh

อย่าทำตัวเห่ย เข้าใจใช่มั้ย

You gotta get 'em on, hop

คุณต้องทำให้มันดูสดใส

(Tick tock, tick tock, tick tock, tick tock)

เสียงเข็มนาฬิกาเดินไปไม่หยุดพัก
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๕. AGONY _ 8.16.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 16-08-2023 13:05:17
๒๕. AGONY


หนิงค่อย ๆ ชะโงกหน้าจากประตูห้องนอนของเธอ เพื่อมองออกไปห้องนั่งเล่นมืดทึมเล็ก ๆ ของบ้าน เมื่อมองไม่เห็นคนที่เธอมองหา หนิงก็ผลุบเข้าไปในห้องนอน ปิดประตูตามหลังอย่างเงียบเชียบ เพียงแต่เธอไม่ได้ล็อกกลอนประตู เนื่องจากมันเป็นกฎที่ทำร่วมกัน ว่าประตูแต่ละบานภายในบ้านหลังนี้ จะไม่มีความลับระหว่างกัน

หนิงเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือจากที่หัวนอน เธอกดไล่หาดูรายชื่อ จนพบเบอร์โทรศัพท์ที่เคยบันทึกเอาไว้ เบอร์ของเพื่อนเก่าที่เคยเรียนด้วยกันมา ตั้งแต่ชั้นมัธยมและตามด้วยชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เพียงแต่หนิงไม่มั่นใจว่า ตั้งแต่เงียบหายและขาดการติดต่อกับเพื่อนสนิทคนนี้ไป และหนิงเองก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่แล้ว ชนธัญจะยังคงรับสายเธออยู่หรือไม่

หนิงรู้สึกทั้งโล่งใจและดีใจ ที่ได้ยินเสียงตอบโทรศัพท์จากอีกฝ่าย ชนธัญยังไม่เปลี่ยนเบอร์โทรอย่างที่เธอกังวลแต่อย่างใด ผิดกับเธอที่ต้องเปลี่ยนเบอร์บ่อยจนจำไม่ได้ แต่ที่ทำให้หนิงรู้สึกดีใจมากจริง ๆ ก็คือ เรื่องที่ชนธัญตอบรับและยินดีที่จะพบกับเธอ แม้จะรู้ว่า การที่หนิงโทรหาในครั้งนี้ คือการนำปัญหามาปรึกษา

หนิงวางสายจากเพื่อนเก่า โดยต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชนธัญเข้าไปร่วมงานกับหน่วยสืบลับ นั่นคือที่หนิงรับรู้มา เธอก็คิดว่า ชนธัญน่าจะช่วยเธอได้เป็นอย่างมาก เธอพร้อมจะเอาหลักฐานที่เธอแอบเก็บรวบรวมทั้งหมดนี้ เอาไปให้เพื่อนดู ด้วยหวังใจว่า มันจะช่วยยับยั้งเหตุที่จะเกิดขึ้นได้ทันกาล หนิงยัดทุกอย่างที่เธอคิดว่าสำคัญลงในกระเป๋าเอกสาร แล้วเดินไปที่ประตูห้องนอน ก่อนจะได้ยินเสียงลูกบิดถูกหมุน แล้วประตูก็เปิดออก

หลังจากที่ชนธัญบิดลูกบิดประตูบ้านเข้ามาด้านในแล้ว เขาก็ต้องรู้สึกผิดหวัง เขาไม่พบใครที่บ้านของหนิง บ้านถูกปิดเงียบเชียบ ผ้าม่านก็ปิดจบทึบกั้นสายตาจากภายนอก ไม่นานนักจากที่ชนธัญเข้ามาด้านใน ทีมสืบลับก็มาถึง ชนธัญหน้าเสียเล็กน้อย เมื่อได้ยินทุกคนในทีมพูดว่า สารวัตรรัฐนนท์กำชับนักกำชับหนา ว่าอย่าให้ชนธัญทำอะไรบุ่มบ่ามคนเดียวลำพัง ชนธัญได้แต่พูดขอโทษทีม เพราะเขาไม่อยากให้เสียเวลาอันมีค่าในการตามหาหนิงให้เจอ มากไปกว่านี้

“คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่ผมขอพูดเอาไว้ตรงนี้ อีกครั้งเลยนะ ว่ามันเสี่ยงมากที่คุณทำอะไรโดยไม่มีกำลังสำรองอยู่กับคุณ” สารวัตรรัฐนนท์พูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง ทันทีที่ได้เจอหน้ากันกับชนธัญ ก่อนจะมองปราดไปที่ลูกทีมสืบลับ ที่มาไม่ทันชนธัญเข้ามาในบ้าน “อย่าตำหนิคนอื่นเลยครับ ผมผิดเอง” ชนธัญรีบพูดกับสารวัตรหนุ่มหล่อ

“ผมขอร้อง” สารวัตรรัฐนนท์คำรามเบา ๆ ในลำคอ เห็นลูกทีมกับชนธัญเหลือบมองตากัน สารวัตรหนุ่มส่ายหน้าน้อย ๆ “ไม่มีคราวหน้าอีกแล้วนะ และนี่เป็นคำสั่ง” ลูกทีมสืบลับพากันยิ้มออก ทำพยักพเยิดให้กับชนธัญเป็นการขอบคุณ “รับทราบครับ จะไม่มีคราวหน้าอีก” ชนธัญยอมรับความผิดและให้คำมั่นแต่โดยดี

“ทางทีมสำรวจตรวจดูรอบบ้านโดยรอบแล้ว รวมถึงห้องเก็บของเล็ก ๆ ที่ด้านหลังบ้าน แต่ยังไม่พบอะไร” ชนธัญหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น “โอกาสของหนิงยังพอมีแค่ไหนครับสารวัตร ในตอนนี้” สารวัตรรัฐนนท์รู้ดีว่าชนธัญเลี่ยงใช้คำพูด 'โอกาสรอด' ของเพื่อนสนิท ว่าตามรูปการณ์แล้ว ถ้าหญิงสาวบาดเจ็บด้วยอาวุธปืนแบบนั้น การจะพบตัวหญิงสาวแล้วมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น

“โอกาสมันมีไม่มาก” สารวัตรรัฐนนท์ตอบออกไปตามความเป็นจริง “แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีหวังเสียทีเดียว” สารวัตรรัฐนนท์ให้กำลังใจอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา ชนธัญพยักหน้าน้อย ๆ เข้าใจในสิ่งที่นายตำรวจหนุ่มต้องการจะบอก “หนิงเป็นครูที่ดี ผมไม่คิดว่าเพื่อนจะทำแบบที่สื่อกำลังประโคมข่าวกัน” ชนธัญคิดว่าตัวของเขาเองนั้น รู้จักเพื่อนคนนี้ดีพอ

“จะออกไปข้างนอกหรือ” หนิงพยายามกลบเกลื่อนอาการสะดุ้งของตัวเอง เมื่อเห็นอีกฝ่ายเปิดประตูห้องนอนเข้ามา “อ้อ เปล่าหรอก คือ ใช่ ว่าจะเอางานของเด็ก ๆ กลับไปเก็บที่โรงเรียนน่ะ” ใจของหนิงตอนนี้เต้นไม่เป็นส่ำ มันเต้นแรงจนแทบจะทะลุหน้าอกของเธอออกมา หนิงพยายามสะกดความตื่นเต้นและความกลัวให้ซ่อนลงไปด้วยรอยยิ้มนั้น

“กำลังอยากนั่งรถเล่นอยู่พอดีเลย ไปด้วยคนสิ” โดยไม่รอคำตอบ ชายหนุ่มคนที่เพิ่งปิดประตูเข้ามา ก็หันหลังเดินนำออกไป “เร็วเข้าสิ คุณครูคนเก่ง” เสียงเรียกนั้น ทำให้หนิงต้องปรับเปลี่ยนแผนการในหัวโดยเร็ว มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่หนิงจะไปหาชนธัญตามที่ได้นัดเอาไว้แล้ว และมันก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ที่หนิงจะมีโอกาสได้โทรหาเพื่อนเก่าอีกครั้ง

“นอกจากที่เราจะต้องตามหาหนิงแล้ว เรายังจะต้อง” สารวัตรรัฐนนท์กำลังจะจบประโยค แต่ก็ต้องถูกขัดเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังแว่ว ๆ ขึ้นมาเสียก่อน “ใช่ เราต้องการหาเด็ก ๆ พวกนั้นให้เจอ แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำเสียงเลียนแบบเด็กเล็ก ๆ พวกนั้นก็ได้นะ” ชนธัญหันมาจ้องหน้าสารวัตรรัฐนนท์

“ผมไม่ได้ทำเสียงอะไรนั่น” ชนธัญปฏิเสธ สารวัตรรัฐนนท์ทำหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะสั่งให้ทุกคนเงียบเสียงและช่วยกันฟัง จนชนธัญทำตาโตเกือบเท่าไข่ห่าน เมื่อเขาได้ยินเสียงเด็กน้อยกำลังพูดอะไรบางอย่าง “คุณไม่ได้มีนิมิตอยู่ใช่มั้ย เพราะไม่อย่างนั้น เราทุกคนที่นี่ก็มีความสามารถเดียวกันกับคุณ” ชนธัญส่ายหน้าให้กับสารวัตรหนุ่มหล่อ เมื่อทุกคนตรงนั้น เงี่ยหูฟังแล้วได้ยินสิ่งเดียวกันทุกคน

“เสียงมาจากไหน” หนึ่งในทีมสืบลับถามขึ้น “เสียงเหมือนอยู่ไม่ไกล แต่ฟังเหมือนอยู่ด้านหลังประตูหรืออะไรทึบ ๆ สักอย่าง” อีกคนในทีมให้ข้อสังเกต ชนธัญลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่น จนกระทั่งก้มลงมองที่พื้นตรงที่ตัวเองยืนอยู่ “ใต้พื้นห้อง” เร็วเท่าความคิด ลูกทีมสืบต่างกรูกันเข้ามา สารวัตรรัฐนนท์สั่งให้ทุกคนเลื่อนโซฟาตัวนั้นออกไป ใครอีกคนดึงพรมที่ปูรองโซฟาออก

“มีบานประตูอยู่ที่พื้น” ชนธัญร้องบอก ก่อนที่หนึ่งในทีมสืบลับจะงัดเอาแม่กุญแจดอกใหญ่อันนั้นออก ภาพที่เห็นต่อหน้าทุกคนหลังจากที่ประตูถูกเปิดออกก็คือ “ทำไมมันเป็นแค่ช่องว่าง ๆ” ทุกคนกำลังคิดว่าอะไรกัน ทั้งหมดของทีมสืบจะหูแว่วได้ยินเสียงเด็กเล็ก พร้อม ๆ กันเนี่ยนะ พลันก็มีใบหน้าน้อย ๆ แหงนหน้าขึ้นมามองตาแป๋ว

“หนิงน่าจะซ่อนเด็กนักเรียนเอาไว้ที่นี่” ชนธัญพูดขึ้น เมื่อทางทีมสืบลับพาเด็ก ๆ ขึ้นมาจากช่องใต้พื้นห้อง “แต่มีเด็กแค่เพียงครึ่งเดียว” สารวัตรรัฐนนท์กำลังเรียบเรียงอะไรบางอย่างในหัว ก่อนจะพยักหน้ากับชนธัญเมื่อทั้งสองคนกำลังคิดอย่างเดียวกัน “แจ้งผู้ปกครองของเด็กกลุ่มนี้ ว่าเจอพวกเขาแล้ว แล้วแจ้งหน่วยแพทย์เด็กปลอดภัยดี แต่มีอาการอิดโรยเล็กน้อย ให้รีบนำเด็ก ๆ ส่งโรงพยาบาล เดี๋ยวนี้” พูดจบสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญก็วิ่งไปขึ้นรถ ก่อนจะขับรถตรงดิ่งไปยังโรงเรียนที่หนิงเป็นครูอยู่ที่นั่น ทั้งสารวัตรหนุ่มหล่อและหนุ่มหน้าใส ต่างก็รู้สึกร้อนรนในใจไม่ใช่น้อย ตลอดทางที่เร่งขับรถกันไป

ที่โรงเรียนอนุบาล สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญแยกกันออกตามหา ว่ามีตรงไหนบ้างในพื้นที่โรงเรียน ที่เด็กนักเรียนส่วนที่เหลือของห้องประจำชั้นครูหนิง จะสามารถไปแอบหลบซ่อนตัวได้บ้าง ชนธัญวิ่งนำไปพลางตะโกนร้องเรียกให้เด็ก ๆ ออกมาได้แล้ว ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ไม่ต้องเล่นซ่อนหาแล้ว ครูหนิงกำลังรอทุกคนอยู่ แต่ก็ไม่มีวี่แววเด็กคนใด จะวิ่งออกมาจากที่ซ่อนตัว

“เด็ก ๆ” ชนธัญวิ่งต่อไปที่ด้านหลังตึกเรียน เรียกให้เด็กน้อยออกมา ก่อนจะเห็นสารวัตรรัฐนนท์ยืนอยู่ที่ด้านหน้าของห้องน้ำนักเรียน “ผมว่าคุณอย่าเข้าไปเลย” ชนธัญรู้สึกหัวใจหล่นลงไปที่ตาตุ่ม แต่ก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็ต้องพบกับภาพที่สะเทือนใจอย่างที่สุด ชนธัญทำอะไรไม่ถูก ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่ง โลกทั้งใบไม่ไหวติง

“ออกมาก่อน” สารวัตรรัฐนนท์พูดกับชนธัญ ก่อนจะดึงตัวของอีกฝ่ายให้เดินตามออกมา “เราต้องรอทีมนิติวิทยาศาสตร์กับมูลนิธิให้เข้ามาเก็บ” สารวัตรรัฐนนท์เองพูดถึงตรงนั้น ก็รู้สึกตีบตันในลำคอ กับภาพที่เขาเห็นร่างน้อย ๆ กองทับกันที่ในห้องน้ำห้องในสุดนั่น มันเป็นภาพที่แม้แต่นายตำรวจที่ทำงานมานานแล้วอย่างเขา ก็อดสะเทือนใจอย่างที่สุดไม่ได้

ชนธัญเดินออกมาหยุดยืนเอาหลังพิงกำแพงห้องน้ำ ขาของเขาหมดเรี่ยวแรง สารวัตรรัฐนนท์มองไปที่ชนธัญอย่างเข้าใจ ที่หนุ่มหน้าใสค่อย ๆ ทรุดกายลงนั่งยอง ๆ กับพื้น ก่อนจะต้องร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะคิดอะไรต่อ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่มันแสนโหดร้ายสิ้นดี

ไม่นานนักหลังจากสื่อประโคมข่าวออกไป ว่าทางเจ้าหน้าที่พบนักเรียนอนุบาลครึ่งหนึ่งของห้องครูหนิง ว่ายังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดี บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็ก ๆ อีกครึ่งหนึ่งที่ไม่พบรายชื่อลูกหลานของตน ว่าเข้ารับการดูแลจากทีมแพทย์อยู่ในโรงพยาบาล ก็พากันมาโรงเรียนเพื่อตามหาบุตรหลานของตัวเอง ทางทีมสืบลับมีปากเสียงกับทางนักข่าว ที่พอจะรู้อะไรระแคะระคายและจะบุกเข้าไปในถ่ายรูปในห้องน้ำหลังโรงเรียนให้ได้ เนื่องจากเห็นทีมฟอเรนสิกส์เดินเข้าออกอยู่ในบริเวณนั้น

ชนธัญเข้าไปพยายามพูดให้ทางพ่อแม่ของเด็ก ๆ ที่ยังไม่มีรายชื่อ ใจเย็นๆ ก่อน แต่ก็ถูกรุมด่าทอว่านี่ไม่ใช่ลูกของเขาเอง เขาก็พูดได้ ก่อนจะถูกใครคนหนึ่งในกลุ่มผู้ปกครองตบหน้าเข้าให้ฉาดใหญ่ ชนธัญยืนก้มหน้านิ่ง ไม่ตอบโต้ เมื่อมีนักข่าวถามเขาด้วยว่า ชนธัญใช่เพื่อนสนิทของครูหนิง ตามที่ข่าวออกไปเมื่อก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่ และนั่นเอง ที่เสียงด่าสาปแช่งโถมเข้าใส่ชนธัญจากทุกทิศทุกทาง จนสารวัตรรัฐนนท์ต้องดึงตัวหนุ่มหน้าใสออกไปเสียจากตรงนั้น

**************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Zombie - The Cranberries

https://www.youtube.com/watch?v=e28Fq4avMKA


Another head hangs lowly

อีกครั้งที่เราต้องก้มหน้ารับกรรม

Child is slowly taken

เด็กน้อยค่อยค่อยถูกพรากจากไป

And the violence caused such silence

เมื่อความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ

Who are we mistaken?

เราไปสร้างเวรอะไรกับใครไว้


But you see, it's not me

แต่อย่างที่เห็น มันไม่ได้เกิดกับฉัน

It's not my family

มันไม่ได้เกิดกับครอบครัวเรา

In your head, in your head, they are fighting

แต่คุณรับรู้ แต่คุณรู้ดี ผู้คนกำลังรบร่าฆ่าฟันกัน


With their tanks and their bombs

ด้วยอาวุธสงคราม ด้วยระเบิดเพลิง

And their bombs and their guns

ด้วยอาวุธทรงอานุภาพ ด้วยปืนที่กลาดเกลื่อน

In your head, in your head, they are crying

ในหัวคุณมีภาพ คุณรู้ดี ใครหลายคนกำลังสูญเสียน้ำตา


In your head, in your head

ในหัวของคุณ ในความคิดของคุณ

Zombie, zombie, zombie-ie-ie

คนมันร้ายกาจ คนมันบิดเบี้ยว คนมันคือปิศาจ

What's in your head, in your head?

ในหัวของคุณคิดอะไรอยู่ คุณกลายเป็นตัวอะไร

Zombie, zombie, zombie-ie-ie-ie, oh

เป็นผีร้าย เป็นสัตว์อุบาทว์ เป็นฆาตกร หรืออย่างไร


Another mother's breaking

ความเจ็บปวดในจิตใจ

Heart is taking over

กำลังฆ่าคนเป็นแม่ในตอนนี้

When the violence causes silence

เมื่อความรุนแรงอยู่ใกล้จนไม่รู้สึกตัว

We must be mistaken

พวกเราเนี่ยแหละที่ทำอะไรผิดสักอย่าง


It's the same old theme

มันเป็นเรื่องเก่าเก่าซ้ำซากมาแต่ยุคไหน

Since nineteen-sixteen

ตั้งแต่เราจำความกันได้ใช่มั้ย

In your head, in your head, they're still fighting

ในการรับรู้ของคน ของคุณเอง ใครใครก็ยังต่างวุ่นวายทะเลาะกัน


With their tanks and their bombs

ด้วยอาวุธสงคราม ด้วยระเบิดเพลิง

And their bombs and their guns

ด้วยอาวุธทรงอานุภาพ ด้วยปืนที่กลาดเกลื่อน

In your head, in your head, they are dying

ในหัวคุณมีภาพ คุณรู้ดี ใครหลายคนกำลังล้มตาย


In your head, in your head

ในหัวของคุณ ในความคิดของคุณ

Zombie, zombie, zombie-ie-ie

คนมันร้ายกาจ คนมันบิดเบี้ยว คนมันคือปิศาจ

What's in your head, in your head?

ในหัวของคุณคิดอะไรอยู่ คุณกลายเป็นตัวอะไร

Zombie, zombie, zombie-ie-ie-ie, oh

เป็นผีร้าย เป็นสัตว์อุบาทว์ เป็นฆาตกร ไปแล้วหรือยัง
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๖. ABSOLUTION _ 8.17.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 17-08-2023 12:00:35
๒๗. ABSOLUTION


ด็อคเตอร์ดรุณีเลื่อนการลาพักของตัวเองออกไปก่อน เมื่อเกิดเหตุการณ์ระดับประเทศ ที่สร้างความสะเทือนใจไปทั่ว เธอเดินเข้าไปในห้องชันสูตร หัวใจของเธอเต้นแรง แต่ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นกับงาน แต่มันเป็นเพราะเธอกำลังจะเข้าไปเผชิญหน้ากับความโหดร้าย ที่มันนำมาซึ่งความสูญเสียที่ต้องได้รับการแก้ไข และมีมาตรการป้องกันที่ดีกว่านี้

ด็อคดุสวมชุดจั๊มสูท เป็นชุดคลุมปฏิบัติการ ก่อนที่เธอจะรวบผมขึ้นไปมัดเป็นมวยผม สวมแฮร์เน็ตทับเพื่อป้องกันหลักฐานเกิดการปนเปื้อน ด็อคเตอร์สาวหยิบหน้ากากอนามัยขึ้นสวม ก่อนจะสวมหน้ากากใสป้องกันดวงตาอีกชั้นหนึ่ง แพทย์สาวสวมถุงมือและรองเท้ายาง สายตามองไปยังเตียงที่เรียงรายอยู่นั้น

ร่างของหนูน้อยเพียงส่วนหนึ่ง อยู่ภายใต้การดำเนินการตรวจพลิกศพของแพทย์หญิงดรุณี ตลอดการทำงานที่ผ่านมาของเธอ แพทย์สาวไม่เคยรู้สึกว่าหัวใจเธอถูกบีบคั้นได้มากเท่าเคสนี้ กับสิ่งที่เธอได้อ่านจากรายงานของหน่วยเก็บละพิสูจน์หลักฐาน ถึงสภาพของเด็กน้อยที่เห็น ในห้องน้ำด้านหลังโรงเรียนนั้น

“ช่วยหมอตามหาคนที่ทำแบบนี้กับพวกหนูด้วยนะ” แพทย์หญิงดรุณีต้องเร่งมือ ทำงานแข่งกับเวลา ทั้งการแข่งกับร่างที่เนื้อเยื่อเริ่มเน่า แข่งกับการเรียกร้องหาคำตอบจากครอบครัวของเด็ก ๆ เหล่านี้ รวมถึงแข่งกับความคาดหวังของสังคม ที่กดดันมายังหน่วยค้นหาความจริง ที่ไม่มีใครเลยที่นิ่งดูดายกับความสูญเสียที่ใหญ่หลวงแบบนี้

ด็อคดุหยิบมีดผ่าชันสูตรขึ้นมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเริ่มลงมือกับร่างของหนูน้อยคนแรก น้ำตาที่รื้นชื้นขึ้นคลอหน่วยในทันที ที่ด็อคดุจรดปลายมีดลงบนหน้าอกของเด็กน้อยคนนั้น แพทย์สาวต้องรวบรวมกำลังใจเป็นอย่างมาก เพื่อทำงานนี้ให้ไร้ที่ติ ได้ข้อมูลและหลักฐานไปประกอบคดีอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เท่าที่เธอจะทำได้ แม้ว่าหัวใจของเธอจะรู้สึกทรมานมากแค่ไหนก็ตาม คิดว่า ถ้านี่เป็นลูกหลานของเธอเอง

ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ด็อคเตอร์ดรุณีและผู้ช่วยของเธอ ทำการชันสูตรร่างหนูน้อยเหล่านั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทุกอย่างที่เธอเห็น ทุกอย่างที่ดึงเอาประสบการณ์ การช่างสังเกตของแพทย์นิติเวชอย่างเธอ ด็อคเตอร์ดรุณีใช้ทุกสรรพกำลังที่เธอมี แพทย์สาวเดินออกจากห้องชันสูตรด้วยอาการอ่อนล้าและหมดกำลัง

แต่เธอก็ยังต้องคงความเป็นหมอ ที่คนต่างศรัทธาและมอบความหวังเอาไว้ เธอส่งข้อมูลทุกอย่างที่เธอตรวจไปให้กับทีมสืบสวน ก่อนจะเดินผ่านหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกัน ด้วยใบหน้าที่เรีบเฉย คนที่มองมาเห็นด็อคดุ เหมือนว่าแพทย์ทางนิติอาชญาวิทยา เป็นกลุ่มคนเพียงหยิบมือ ที่ไร้หัวใจ ไม่รู้สึกรู้สาอะไร

ด็อคเตอร์ดรุณีเดินมาที่รถยนต์ของเธอ ที่จอดอยู่ที่ด้านหลังอาคาร เธอเปิดประตูรถ ก้าวเข้าไปนั่งที่ด้านคนขับ ด็อคดุเอื้อมมือจะกดปุ่มสตาร์ทรถ แต่มือของเธอสั่นเทาเกินกว่าจะทำมันได้ แพทย์สาวต้องดึงมือของตัวเองกลับมากุมเอาไว้ ริมฝีปากของเธอเริ่มสั่น และสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ที่กำลังมาถึงขั้น ที่เธอเองก็เก็บอาการเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป แพทย์หญิงดรุณีปล่อยโฮออกมาตามลำพัง ในรถยนต์ของเธอ ที่ไม่มีผู้ใดได้เห็นความอ่อนแอของเธอ ไม่มีใครผ่านมาและรับรู้ถึงความพ่ายแพ้ทางอารมณ์ ที่กำลังควบคุมเธออยู่ในตอนนี้

'ท่านผู้บัญชาการเข้าใจนะครับ ถ้าคุณจะ' ชนธัญเหลือบตามองไปที่ข้อความล่าสุดจากสารวัตรรัฐนนท์ ที่เพิ่งเด้งขึ้นมาบนหน้าจอมือถือของเขา ข้อความขึ้นมาให้เห็นเพียงเท่านั้น แต่ก็พอจะเดาได้ ว่าความหมายของประโยคดังกล่าว นั้นหมายความว่าอย่างไร โดยที่ชนธัญไม่ต้องกดเพื่อเปิดดู

ชนธัญปิดเตาแก๊ส ก่อนจะยกกระทะใบใหญ่ลงไปวางไว้บนถาดกลมกันความร้อน หนุ่มหน้าใสใช้ทัพพีตักอาหารที่อยู่ในกระทะ ที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ ๆ ควันโก๋ ส่งกลิ่นหอมฉุยลงใส่ภาชนะที่เตรียมเอาไว้ การทำอาหารช่วยให้ชนธัญรวบรวมสมาธิให้จดจ่อกับสิ่งที่ทำตรงหน้าได้ดี ในยามที่เขาฟุ้งซ่านจนสตินั้นยากต่อการควบคุม

สารวัตรรัฐนนท์ได้คุยกับท่านผู้บัญชาการ ท่านก็เข้าใจว่า มันเป็นการยากของชนธัญที่จะรับความหนักอึ้งทั้งหมดนี้เอาไว้ ด้วยความที่หน่วยสืบลับ เป็นการขอความร่วมมือแต่แรกจากชนธัญ ดังนั้น หากว่าชนธัญต้องการที่จะถอนตัวจากการร่วมทีม ทางท่านผู้บัญชาการก็พร้อมอนุมัติคำร้อง และขอบคุณชนธัญกับทุกการร่วมมือที่ผ่านมา

สารวัตรรัฐนนท์ก้าวลงจากรถ ก่อนจะเห็นรถแท็กซี่ปราดเข้ามาจอดที่ด้านหน้าของหน่วยสืบลับ ชนธัญลงจากรถมาหลังจากนั้น มองตรงมายังสารวัตรหนุ่มหล่อ เมื่อรถแท็กซี่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป ชนธัญเดินไปทันสารวัตรรัฐนนท์ที่เดินมาหยุดรอที่ประตูทางเข้าหน่วยสืบลับพอดี

“ทุกคนน่าจะกำลังหิว” ชนธัญชูมือทั้งสองข้าง ที่หอบข้าวปลาอาหารที่เขาทำเองมาจากบ้าน เพื่อเอามาฝากทุกคน ที่ตอนนี้ง่วนอยู่กับเคสหนูน้อยกันจนหัวหมุน “นี่ซื้อหรือทำเอง” สารวัตรหนุ่มหล่อดีใจที่ได้เห็นชนธัญที่ด้านหน้าตึกสืบลับ โดยที่ชนธัญไม่ได้เอ่ยอะไรถึงข้อความที่สารวัตรรัฐนนท์ส่งไปหาก่อนหน้านี้เลยสักนิด

“ทำผมเองสิ ผมชอบทำอาหาร มันช่วยให้ใจสงบลงได้บ้าง” ชนธัญบอกกับสารวัตรหนุ่มหล่อออกไป ก่อนจะต้องทำหน้าบึ้ง เมื่อเห็นสารวัตรรัฐนนท์ทำหน้าหวั่น ๆ “งั้นสารวัตรก็ไม่ต้องกิน” พูดจบ ชนธัญก็เดินเข้าตึกสืบลับไป โดยไม่รออีกฝ่าย “ก็ผมแค่อยากให้แน่ใจ ว่ามื้อนี้ ทั้งหน่วยไม่ต้องการยาแก้ท้องเสีย” สารวัตรหนุ่มหล่อพูดเย้า ก่อนจะเดินตามชนธัญเข้าไปด้านใน

“โอ๊ย เหมือนพระมาโปรด” ทุกคนในทีมสืบลับที่ยังไม่ได้กินอะไรกันเลย โห่ร้องเสียงดัง เมื่อเห็นชนธัญเดินถืออาหารเข้าหน่วยมาจนเต็มสองไม้สองมือ “ผมคิดว่าทุกคนคงกำลังหิว” ไม่ต้องพูดอะไรมากไปกว่านั้น ทุกคนในทีมก็มาแย่งอาหารที่ชนธัญเตรียมมาไปแบ่งสันปันส่วนกัน

“โห อร่อยมาก” ทั้งทีมต่างชมเปาะไม่ขาดปาก ไม่ว่าจะด้วยอาหารอร่อยจริง หรือวว่าทุกคนนั้นหิว “เห็นมั้ยสารวัตร ฮ่า ฮ่า” ชนธัญหันมาทำเสียงหัวเราะตอบโต้นายตำรวจหนุ่มหล่อ ที่ตอนนี้มองไปที่หนุ่มหน้าใสด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะถามอีกฝ่ายออกไปด้วยความห่วงใยว่า

“ยังเจ็บอยู่มั้ย” ทุกคนในทีมสืบลับที่กำลังตักข้าวเข้าปาก ไม่วายใช้ข้อศอกสะกิดกันให้หันไปดูสารวัตรรัฐนนท์ ที่แตะปลายนิ้วลงเบา ๆ ที่โหนกแก้มของชนธัญ ข้างที่โดนผู้ปกครองของเด็กน้อยรายหนึ่ง หวดฝ่ามือเข้าให้เสียเต็มแรง รอยนิ้วแดง ๆ ยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน “ไม่เป็นไรแล้ว” ชนธัญตอบกลับสารวัตรหนุ่มหล่อกลับไป

“แล้วไหนของผมล่ะ ข้าวผมล่ะ” สารวัตรรัฐนนท์แก้เขินด้วยการทำพูดกลบเกลื่อนเสียงดัง ก่อนจะหยิบกล่องที่ยังเหลืออยู่ กล่องใหญ่พิเศษขึ้นมาตักกิน “ทำไมอร่อยล่ะ” สารวัตรรัฐนนท์เอ่ยปากชม พลางทำตาโต “แถมหน้าตาดีเหมือนคนทำด้วยนะ ใช่มั้ยหัวหน้า” เสียงจากหนึ่งในทีมสืบพูดขึ้น ที่เหลือในทีมต่างพากันส่งเสียงฮือฮา และหัวเราะกันคิกคัก ๆ เมื่อสารวัตรรัฐนนท์นั้น ได้ยินแต่ทำเป็นไม่ตอบ

แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้พูดแซวหัวหน้าทีมอย่างสารวัตรรัฐนนท์มากไปกว่านั้น ทุกคนก็หันไปเห็นเจ้าหน้าที่ด้านล่าง พาใครบางคนมาส่งที่หน่วยสืบลับ ชนธัญมองไปทางนั้นเช่นกัน เห็นหญิงสูงวัยท่านหนึ่งกำลังเดินมาหาเขาอย่างช้า ๆ แต่ที่ยังคงยืนอยู่ที่ประตูกระจก ว่าจะตัดสินใจเดินตามเข้ามาดีหรือไม่ ก็คือคนที่ตบหน้าชนธัญเพื่อระบายความโกรธนั่นเอง

ชนธัญมองเห็นหญิงชราเดินมาจนถึงตรงที่เขายืนอยู่ ชนธัญหลับตาแน่น เตรียมรับแรงกระแทกจากฝ่ามือของอีกฝ่าย เมื่อเห็นหญิงชรายกมือขึ้น ก่อนที่ชนธัญจะได้รับสัมผัสอันแสนจะอบอุ่นแล่นผ่านเข้าไปในหัวใจของเขา ชนธัญลืมตาขึ้นมอง หญิงชรามีความเศร้าอยู่ในแววตา ดวงตาโศกด้วยความเสียใจคู่นั้น รื้นไปด้วยหยาดน้ำตาคลอ

“เอามาสิ” หญิงชราผู้เป็นคุณย่าของเด็กน้อย หันไปสั่งคนที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตู ให้นำของที่เธอเตรียมมามามอบให้กับหน่วยสืบลับ “เจ้านี้เขาอร่อย กินเยอะ ๆ นะ” เสียงพูดของหญิงชราไม่มีความโกรธแค้นหรือเกลียดชังเจือปนอยู่เลย แม้ว่าเสียงนั้นจะฟังดูเศร้าสร้อยมากเพียงใดก็ตาม แต่เธอก็พูดด้วยความเข้าใจ ด้วยความเห็นอกเห็นใจ

ทางมือตบนั้น ยกมือไหว้ขอโทษชนธัญที่ตัวเองนั้นวู่วาม ทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์โมโหล้วน ๆ จนคุณย่าของเด็กน้อย ได้พูดเตือน ตัวเองจึงได้สติ เป็นที่มาของการไปซื้อน้ำขิง น้ำเต้าหู้ และปาท่องโก๋เจ้าดัง มาให้กับทางหน่วยสืบ เพื่อเป็นการขอขมาและไถ่โทษ กับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป

“ผมขอโทษ” ชนธัญพูดก่อนที่น้ำตาจะไหลเผาะลงมาข้างหนึ่ง “ชู่” หญิงชราทำเสียงห้ามปราม ก่อนที่จะดึงตัวของชนธัญเข้าไปสวมกอด ชนธัญกอดตอบหญิงชรา “ผมจะทำให้ดีที่สุด” ชนธัญพูดขึ้น “พวกเราจะทำให้ดีที่สุดครับ” ชนธัญพูดด้วยเสียงอู้อี้ เมื่อหญิงชราถอนกอด เธอมองแล้วยิ้มให้กับทุกคน สารวัตรรัฐนนท์และลูกทีมสืบลับทุกคน

*****************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Superman (It's Not Easy) - Five For Fighting

https://www.youtube.com/watch?v=GRz4FY0ZcwI


I can't stand to fly

ฉันไม่ค่อยชอบที่จะบินอยู่ที่สูงสักท่าไหร่

I'm not that naïve

ก็เพราะว่าฉันไม่ใช่พวกไม่ประสีประสาอะไร

I'm just out to find

ฉันเพียงออกไปข้างนอกนั่นเพื่อค้นหา

The better part of me

ในส่วนที่ดีที่ฉันพึงจะเป็นได้


I'm more than a bird, I'm more than a plane

ฉันว่าฉันบินได้ดีกว่านก ฉันว่าฉันไปได้ไกลกว่าเรือเหาะ

I'm more than some pretty face beside a train

ฉันยังคงคิดว่าฉันเป็นได้มากกว่าหน้าสวยสวยป้ายข้างตัวรถไฟฟ้า

And it's not easy to be me

แต่มันไม่ได้ง่ายเลยกับตัวฉันที่เป็นอยู่


I wish that I could cry

คิดนะว่าอยากจะร้องไห้โฮอย่างใครเขาได้บ้าง

Fall upon my knees

ทรุดเข่าลงนั่งสิ้นเรี่ยวแรงแบบไม่ต้องอายใคร

Find a way to lie

สามารถหาคำโกหกสวยงามให้กับตัวเอง

'Bout a home I'll never see

ว่าครั้งสุดท้ายที่กลับบ้านยาวยาวมันเมื่อไหร่กัน


It may sound absurd, but don't be naïve

มันอาจฟังดูแล้วบ้าบอมาก แต่อย่าทำเหมือนคนไม่รู้เรื่องรู้ราว

Even heroes have the right to bleed

แม้แต่ยอดมนุษย์ก็เสียเลือดเสียเนื้อเป็นเหมือนกัน

I may be disturbed, but won't you concede

ฉันอาจจะดูแล้วอารมณ์สั่นคลอน แต่คุณไม่แม้แต่จะคล้อยตามเลยหรือ

Even heroes have the right to dream?

แม้แต่พวกเหนือมนุษย์ก็ยังมีความฝันกับเขานะ

And it's not easy to be me

มันไม่ง่ายเลยจริงจริงที่จะเป็นอย่างฉันนี้


Up, up, and away, away from me

แบก ใช่ แบกมันเอาไว้ แม้จะหนักอึ้งเต็มบ่า

Well, it's all right

แต่ไม่เป็นไรเลย อย่าได้กังวล

You can all sleep sound tonight

คุณเข้านอนเถอะ หลับฝันดี

I'm not crazy

ฉันยังไม่ได้เสียสติคลุ้มคลั่ง

Or anything

ยังเข้าใจทุกอย่างที่เป็นไปได้ดี


I can't stand to fly

ฉันไม่ชอบที่จะบินให้สูงลิบเท่าไหร่นัก

I'm not that naïve

เพราะฉันเข้าใจความเป็นจริงของโลกเรานี้

Men weren't meant to ride

คนปุถุชนธรรมดาไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อ

With clouds between their knees

คิดว่าตัวเองล่องลอยยอยู่จนเท้าไม่ติดดิน


I'm only a man in a silly red sheet

ฉันเป็นแค่คนคนหนึ่งกับผ้าคลุมสีแดงอันน่าขันที่คนสวมให้นี้

Digging for kryptonite on this one-way street

ขุดลึกลงไปเจอะเจอกับจุดอ่อนของตัวเอง บนทางที่ไม่มีการเลี้ยวกลับ

Only a man in a funny red sheet

เป็นเพียงคนคนหนึ่งที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไร

Looking for special things inside of me

แต่ก็เพียรค้นหาบางอย่างที่พิเศษภายในตัวเอง

Inside of me

ลึกเข้าไปในตัว

Inside of me

เข้าไปในจิตใจ

Yeah, inside of me

ค้นหาให้เจอข้างใน

Inside of me

ด้านในจิตใจของฉัน


I'm only a man in a funny red sheet

ฉันก็แค่คนธรรมดาที่สวมหัวโขนเพื่อการบางอย่าง

I'm only a man looking for a dream

ฉันก็แค่คนคนหนึ่งที่เฝ้าฝันเอาไว้

I'm only a man in a funny red sheet

ฉันก็แค่ใครอีกคนที่ทำทุกอย่างแม้คนจะมองไม่เห็นค่ากัน

And it's not easy, ooh, ooh, ooh

และนั่นไม่ง่ายเลยจริงจริงนะ


It's not easy to be me

สำหรับการเป็นตัวของฉันเองตรงนี้
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๗. WHY? _ 8.18.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 18-08-2023 14:41:00
๒๗. WHY?



“นักศึกษาแพทย์อาทิตย์ นี่เธออย่านึกนะ ว่าเรื่องที่คุณพ่อของเธอเป็นผู้บริจาคทุนทรัพย์ให้กับทางคณะ แล้วอาจารย์จะไม่กล้า ให้เธอต้องลงเรียนใหม่ในวิชานี้” ดรุณียืนแอบดูเพื่อนของเธอ ยืนก้มหน้ายอมให้อาจารย์ประจำวิชา ที่ถือว่าโหดและหินที่สุดของคณะแพทยศาสตร์ดุด่าเอา เรื่องผลการเรียน

“อีกเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น เธอก็จะสำเร็จการศึกษา ได้เป็นแพทย์สมความภาคภูมิ เรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่กำลังรบกวนจิตใจเธออยู่ อาจารย์ขอสั่งให้เธอไปจัดการมันซะ” เสียงพูดออกคำสั่งนั้นเด็ดขาด แต่ก็แฝงไปด้วยความหวังดี ที่ครูมีต่อลูกศิษย์ “แล้วเธอ ดรุณี เธอเป็นคู่แล็บของอาทิตย์เขาใช่มั้ย” ดรุณีรีบรับคำที่อาจารย์ถามมาในทันที

“ค่ะอาจารย์” อาจารย์ท่านลดอุณหภูมิความร้อนแรงในคำพูดตักเตือนลง “ถ้าอย่างนั้น เธอก็ควรจะช่วยพาเพื่อนของเธอ กลับมาเป็นนักศึกษาแพทย์อาทิตย์ ที่มีผลการเรียนดีคงเส้นคงว่า ดังเดิม อาจารย์ฝากเธอเรื่องนี้ได้ใช่มั้ย” ดรุณียิ้มทำหน้าเจื่อน ๆ ตอนที่อาจารย์เดินจากไป

“เละเลยสิ” ดรุณีพูดกับอาทิตย์ ที่ตอนนี้เขาหน้าตาหงุดหงิดอย่างไม่ต้องเดา “เราไม่เข้าใจ” เปล่าเลย ที่อาทิตย์พูดนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งถูกอาจารย์ด่ามาหยก ๆ “ทำไมเขาถึงไม่ยอมฟังที่เราอยากจะอธิบาย” ดรุณีเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เมื่อได้ยินอาทิตย์พูดออกมาแบบนั้น สายตาของเขาดูเสียใจอย่างที่สุด

“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูดจากัน” การพูดปลอบอาทิตย์ออกไปแบบนั้น ดรุณีรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากของเธอเสมอ “คนรักกัน ยังไงเดี๋ยวก็ปรับความเข้าใจกันได้แหละ เชื่อเรา” ดรุณีฝืนยิ้มออกมา ยิ้มที่อยากทำให้เพื่อนอย่างอาทิตย์สบายใจ เธออยากให้กำลังใจเพื่อน แม้ว่าในตอนนี้นั้น หัวใจของเธอกำลังปั่นป่วนอย่างที่สุดแล้ว

“แปลกนะ” อาทิตย์พูดยิ้ม ๆ มองมาที่เพื่อนสนิทอย่างดรุณี “มันอาจจะไม่ใช่แค่เพราะเราสองคนเรียนหมอหรอก” อาทิตย์พูดพลางตบไปที่ต้นแขนของดรุณีเบา ๆ ดรุณีมองดูการกระทำของอาทิตย์ที่มีต่อเธอ กายสัมผัสที่มันทำให้เธอลิงโลดในใจ “มันดีมากแค่ไหน ที่คนแปลกแยกอย่างเรา” อาทิตย์รู้สึกดีใจที่ดรุณีเป็นเพื่อนของเขา

“อย่างน้อยก็มีแกนะดุ ที่เข้าใจตัวประหลาดแบบเรา แม้แกจะเป็นผู้หญิงก็ตาม เราขอบใจแกจริง ๆ ไม่คิดเหมือนกันว่าแกจะไม่รังเกียจเราเหมือนคนอื่น ๆ” ดรุณีรู้ดีว่า มีไม่กี่คนหรอก ที่ล่วงรู้ความลับนี้ของอาทิตย์ เพราะอย่างดรุณีเอง ก็รู้ว่าอาทิตย์เป็นรักร่วมเพศชอบผู้ชายด้วยกัน ก็ด้วยความบังเอิญเช่นกัน

“ไม่หรอก แกก็แค่ยังไม่ได้เปิดใจกับเพื่อนสนิทคนอื่น ๆ ยังไงถ้าแกลองได้พูดออกไป มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่แกคิดก็ได้” ดรุณีนั้นไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเธอนั้น สามารถหาคำพูดเหล่านี้มาปลอบใจอาทิตย์ได้ทุกครั้ง ที่เห็นเขาทุกข์ใจ เห้นเขาทรมานใจ เห็นเขาเศร้ากับเรื่องตัวตนและความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งกับผู้ชายสักคน

“แต่เราว่าไม่ เพื่อนสนิทเรารังเกียจชายรักชาย พวกมันเคยพูดว่า คนที่เป็นเกย์นั้นอุบาทว์” ดรุณีได้ยินน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความขมขื่น เจือไปด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจที่ได้ยินคำพูดทำร้ายจิตใจกันแบบนั้น ออกมาจากปากของอาทิตย์ และแปลกที่ตัวของดรุณีเอง ไม่ได้รู้สึกขยะแขยงอะไรกับอาทิตย์เลย ในเรื่องที่เขามีใจปฏิพัทธ์ในเพศชายด้วยกัน แต่เธอกลับเข้าใจอาทิตย์และกลายเป็นถลำลึกในความรู้สึกจริง ๆ ของตัวเองที่มีต่ออีกฝ่าย

“เฮ้ยอาทิตย์ แกตามหาวินมันอยู่ไม่ใช่หรือ” เพื่อนต่างคณะของอาทิตย์เดินผ่านมาพอดี “ใช่ วินอยู่ที่ไหน” ดรุณีเห็นท่าทางของอาทิตย์ ที่ถามเพื่อนออกไป ดูจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที “หน้าคณะมันนั่นแหละ เห็นว่ารุ่นพี่ที่คณะจะพาไปเลี้ยงข้าว แกรีบไปสิ ก่อนที่พวกนั้นจะออกไปกัน” ไม่ต้องรอให้ต้องพูดอะไรให้มากความ อาทิตย์รีบเดินไปที่ตึกคณะของวินทันที

ดรุณีกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามอาทิตย์ ไปทันแค่ตอนที่เห็นวินสะบัดแขนอย่างแรงให้หลุดออกจากการเกาะกุมของอาทิตย์ ก่อนจะรีบไปขึ้นรถของรุ่นพี่คณะที่จอดรออยู่ อาทิตย์มองตามด้วยอารมณ์โมโห ด้วยแววตาของผู้แพ้ที่แสนจะผิดหวัง เมื่ออาทิตย์นั้นไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร วินก็ดูจะไม่ยอมฟังเขาเลยสักนิด

“ดุ แดกเหล้ากันดีกว่า” อาทิตย์พูดขึ้น “ไม่มาก็ตามใจนะ” น้ำเสียงห้วนแต่หมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ เมื่ออาทิตย์ไปที่ร้านขายของชำและหยิบขวดเหล้ามาแบบที่ดรุณีพยายามห้ามปราม ก็ทัดทานเอาไว้ไม่ได้ เมื่อมาถึงห้องพัก อาทิตย์ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง กระดกเหล้าเข้าปากแบบไม่ยั้ง แถมยังคะยั้นคะยอดรุณีที่ไม่อยากดื่มจนเมาไปด้วยอีกคน ให้ตามเขามาให้ทัน

“เราผิดอะไร วินถึงไม่ยอมมีเราแค่คนเดียว ดุ เราผิดอะไร ดุ ไหนบอกมาซิ” อาทิตย์รินเหล้าลงแก้วเพิ่มทั้งน้ำตา ก่อนจะยกหลังมือขึ้นปาดมันออกจากแก้มอย่างลวก ๆ แล้วกระดกน้สีอำพันลงคอไปจนหมดแก้ว “เกิดเป็นพวกผิดเพศต้องเอาคนนั้นคนนี้ มั่วไปเรื่อย ๆ หรือวะ มันใช่หรือวะ” ดรุณีพยายามดึงแก้วเหล้าออกจากมืออาทิตย์ แต่ก็ถูกอาทิตย์คว้าข้อมือเอาไว้แทน ดรุณีจ้องตากับอีกฝ่าย ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง

“ถ้ากับอาทิตย์ เราไม่รังเกียจเลย” ดรุณีพูดจบ ก็ยื่นใบหน้าเข้าหาอาทิตย์ ก่อที่เธอจะจูบที่ริมฝีปากของเขา อาทิตย์ชะงัก ผละถอยห่างจากดรุณี ทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่ง และดูจะกระอักกระอ่วน แต่แล้วอาทิตย์ก็ยื่นหน้ากลับเข้าดรุณี ก่อนจะจูบดรุณีอย่างเร่งเร้า ดุดัน ดดื่ม จนดรุณีนั้นรู้สึกร่างกายของเธออ่อนระทวย ด้วยฤทธิ์แห่งไฟราคะที่เพิ่งเคยได้รับจากชายหนุ่ม

ด็อคเตอร์ดรุณีจอดรถอยู่ที่ริมถนนฝั่งตรงข้ามร้านกาแฟร้านนั้น เธอจอดตรงนี้มาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว ทำให้ความทรงจำครั้งหลัง ยย้อนคืนกลับมาให้เธอหวนคิดได้เป็นฉาก ๆ ประหนึ่งว่า เรื่องมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะมันช่างชัดในความทรงจำ กับเหตุการณ์ต่าง ๆ และทุกสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับเธอ

ครั้งล่าสุดที่เธอได้กลับมาที่แห่งนี้ ร้านกาแฟน่ารัก ๆ ร้านนี้ ที่เปิดติดกับโรงพยาบาล ที่ครั้งนั้นมันยังเป็นเพียงแค่มหาวิทยาลัยแพทย์ แต่ตอนนี้เมื่อเวลาได้เปลี่ยนไปนานขนาดนี้ ตัวของมหาวิทยาลัยได้ยกระดับไม่ใช่เป็นเพียงสถาบันสอนความรู้ทางด้านหมอรักษาคน แต่ยังได้กลายเป็นโรงพยาบาลศูนย์ เชี่ยวชาญการรักษาด้านต่าง ๆ มากมายไปแล้ว

แพทย์หญิงดรุณีกลับมาที่นี่อีกครั้ง ไม่ใช่เพียงเพราะเคสเกี่ยวกับเด็กที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ แต่เธอตั้งใจจะกลับมาที่นี่ เพื่อพบเจอใครบางคน ที่หัวใจของเธอไม่เคยลืมเลือน ไม่เคยสักครั้งที่เธอจะหยุดรักพวกเขาได้ ทั้ง ๆ ที่หลายต่อหลายครั้ง เธอตั้งใจแน่วแน่แล้ว ว่าจะไม่ทำอย่างเดิมอีก แต่เธอก็พ่ายแพ้มันไปทุกครั้ง ด็อคเตอร์สาวยังคงจดจำเรื่องราวย้อนไป ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี ที่เธอมาที่ร้านนี้หลังจากที่เธอเป็นหมอได้ไม่กี่ปี

“เชิญครับ” ดรุณีได้ยินเสียงกล่าวต้อนรับจากชายหนุ่มหน้าตาหวานคนหนึ่ง เดาได้ว่าเขาคงเป็นเจ้าของร้าน “ดื่มอะไรดีครับวันนี้” ชายหนุ่มถามเธอ ก่อนที่เด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งจะวิ่งออกมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์ ทำท่าจ๊ะเอ๋กับเธอ แล้ววิ่งกลับไปหลบที่ด้านหลังชายหนุ่ม ดรุณีมองตามเด็กตัวน้อยนั้นไปแบบไม่ละสายตา

“ขอโทษทีนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น “กี่ขวบแล้วคะ” ดรุณีถามชายหนุ่มออกไป “สี่ขวบแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบ “กำลังซนเชียว” ดรุณีชวนคุยต่อ “ที่หนึ่ง” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ “น่ารักนะคะ คุณคงรักเขามาก” ดรุณีลอบสังเกตอากัปกิริยาจากอีกฝ่าย “ที่สุดในหัวใจผมแล้วครับ” ดรุณีรู้สึกเจ็บแปลบเขาที่หัวใจของเธอ ซึ่งเธอรู้ดีว่า มันเป็นเพราะอะไร

“คนเป็นพ่อนะคะ เข้าใจได้” ดรุณีพูดออกไป ทำหัวเราะกลบเกลื่อนหัวใจของเธอที่กำลังประท้วง “คือ ไม่ใช่หรอกครับ” สีหน้าและแววตาของชายหนุ่มดูเปลี่ยนไป ความผิดหวังอะไรบางอย่างฉายออกมาให้เห็น “พ่อเขายังไม่มาร้านน่ะครับ ตอนนี้ช่วงบ่าย ยังไม่ค่อยมีลูกค้า เขาจะมาช่วยช่วงตอนเย็นแล้ว ทั้งหมอ ทั้งพยาบาล ทั้งนักศึกษา” ดรุณีคิดว่าเธอเข้าใจถึงความรู้สึกของการไม่สามารถเป็นใคร อยู่ในตำแหน่งนั้น ๆ ที่ตัวเองอยากเป็น แต่เป็นไม่ได้ โดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากไปกว่านี้

“ดีจังเลยนะหนุ่มน้อย มีพ่อที่รักหนูตั้งสองคน” ดรุณีพูดกับเด็กชายตัวน้อย ที่เอียงคอมองเธอ ยิ้มอาย ๆ แล้วกอดขาของชายหนุ่มเอาไว้จนแน่น ชายหนุ่มเองก็ยิ้มออกมาได้ เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดแบบนั้น ภาพจำดำเนินมาถึงตรงนี้ ทำเอาแพทย์หญิงดรุณีต้องกะพริบตาถี่ ๆ มองข้ามไปที่ร้านกาแฟอีกฝั่งถนนนั่น

ดรุณี นักศึกษาแพทย์ ปิดประตูหอพักตามหลังด้วยความรู้สึกที่อ่อนแรง อาทิตย์เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า และรับรู้ว่าวินมาหาที่ห้อง ก็ผลุนผลันลงไปหาผู้ชายอีกคน โดยไม่พูดอะไรกับเธอสักคำ ดรุณีต้องแข็งใจ รีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกมาจากหอพักชายของอาทิตย์ ก่อนที่ใครจะมาเห็นเธอในสภาพนั้น

ดรุณีมองตัวเองในกระจกห้องน้ำ ก่อนที่เธอจะปล่อยให้น้ำตาของเธอไหลลงมาเป็นสาย สิ่งที่เธอมอบให้กับอาทิตย์ไปนั้น เธอคิดว่าเธอตัดสินใจถูก ดรุณีบอกกับตัวเองว่า เธอคิดดีแล้ว แต่ทำไมในตอนนี้ ดรุณีถึงได้รู้สึกว่า ตัวเธอนั้นช่างไร้ค่าสิ้นดี ดรุณีใช้มือกุมคอเสื้อนักศึกษาที่ใส่ ใช้มือดึงจับที่ชายกระโปรง ด้วยหัวใจที่รู้สึกร้าวราน เธอทำตัวเอง เธอมอบให้เขาเอง เธอกำลังสมน้ำหน้าตัวเอง ดรุณีพยายามจะหัวเราะออกมาให้สาสมกับความโง่ของตัวเอง แต่เธอกลับได้ยินแต่เสียงร้องไห้ที่ใบหน้าชุ่มไปด้วยน้ำตา

********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

ทำไมเป็นคนแบบนี้ - นิโคล เทริโอ

https://www.youtube.com/watch?v=cjOoFYIdu0E


โกรธตัวเอง ว่าตัวเอง

Pissed, can’t kick my own butt enough

เห็นไหมที่เราใส่ใจเขา

Doesn’t matter how much I care for him

สิ่งดีดี จากมือของเรา ให้เขาแล้วเขาอยากได้ไหม

All the goodies given to him, he doesn’t even want them

ไม่หลับไม่นอน ไม่สนตัวเอง แล้วเขาจะรู้อะไร

Chasing sleep, low self – esteem, he too doesn’t acknowledge

ก็รู้อยู่แล้ว ว่าเขาไม่สนใจ

Deep down in my heart, I already know this is how he is


เรื่องดีดีให้ไปไม่เคยฝืน

All the good things are really for him

เขาไปเดินหัวเราะกับคนอื่น

While he’s with someone else have a good time laughing

เราคนเดียวต้องนอนร้องไห้

It’s only me that’ s now crying myself to sleep


ทำไมเป็นคนแบบนี้ ทำไมยังทำแบบนี้

Why am I like this? Why am I doing this?

ใจเราเหลือแค่นี้ ให้เขาไปทำไม

Not much left from my heart, still offering him, why?

ใจเรามีเพียงเท่านี้ ดูแลใครคงไม่ไหว

This heart’s got small amount left, can’t afford to take care of anyone

เก็บเถอะเก็บมันไว้ เช็ดน้ำตาให้ตัวเอง

Keep it to myself, still enough to wipe my own tears


เก็บมานาน นิ่งมานาน

Keep behaving like this, never said a word

ครั้งนี้เหมือนคนได้เรียนรู้

Now feeling like I’m enlightened

แต่ทำไมต้องคอยเฝ้าดู

But still why I need to look after him

ต้องขอให้เขาสุขสบาย

Wondering if he’s feeling alright then

เมื่อไหร่มาเจอ เมื่อเขาซึมซึม แล้วเหมือนหัวใจสลาย

Every time I see him being dull, and that’ s breaking my heart

ต้องร้อนต้องหนาว จนเขาไม่เป็นไร

Have to be acting up until all is fine with him


เรื่องดีดีให้ไปไม่เคยฝืน

All the good things are really for him

เขาไปเดินหัวเราะกับคนอื่น

While he’s with someone else have a good time laughing

เราคนเดียวต้องนอนร้องไห้

It’ s only me that’s now crying myself to sleep


ทำไมเป็นคนแบบนี้ ทำไมยังทำแบบนี้

Why am I like this? Why am I doing this?

ใจเราเหลือแค่นี้ ให้เขาไปทำไม

Not much left from my heart, still offering him, why?

ใจเรามีเพียงเท่านี้ ดูแลใครคงไม่ไหว

This heart’s got small amount left, can’t afford to take care of anyone

เก็บเถอะเก็บมันไว้ เช็ดน้ำตาให้ตัวเอง

Keep it to myself, still enough to wipe my own tears


มีคนหนึ่งคนที่เข้าใจ

There’s this one who understands me

ในกระจกตรงหน้านั่นไง

In the mirror right there to see

ไม่มีใครอีกแล้ว

It’s me, and there’s no one else
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๘. คำขู่ _ 8.21.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 21-08-2023 12:25:05


๒๘. คำขู่



“เราอยากให้ดุเก็บลูกเอาไว้” ดรุณีมองอาทิตย์ด้วยสายตาที่มีความหวัง เมื่อว่าที่คุณพ่อคนใหม่ ไม่ได้ขอให้เธอทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เหมือนในตอนแรกที่เธอกลัว “เราและครอบครัวจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าดุจะต้องการอะไรก็ตาม” แต่พอมาถึงตรงนี้ รอยยิ้มที่ดรุณีคิดว่าเธอมี นั้นค่อย ๆ สลายลงตามลำดับ

“แล้วเรื่องนั้นล่ะ” ดรุณีถามอาทิตย์ออกไป “เราดีใจนะ ที่อาทิตย์อยากเก็บลูกเอาไว้ ไม่ให้เราทำลายชีวิตที่เขาไม่ได้มีความผิดอะไร” ดรุณีรู้สึกว่ายิ่งเธอพูดอะไรออกไปมากมาย ลำคอของเธอก็ยิ่งตีบตันมากขึ้นเรื่อย ๆ ไปตามอารมณ์ที่มันกำลังกัดกินและกัดกร่อนใจ “แล้วเรื่องชีวิตของเราล่ะ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง” ดรุณีคิดว่า ในเมื่อเรื่องมันดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว

“เราบอกดุไปแล้วไง ว่าชีวิตของดุจะไม่เดือดร้อน ดูจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ได้ทุกอย่างที่สมควรจะได้” ดรุณีพยายามสบตากับอาทิตย์ ที่คอยแต่จะหันหลบมองไปทางอื่น “อาทิตย์ก็รู้ว่าเราหมายถึงเรื่องอะไร” ความรับผิดชอบของอาทิตย์ต่อเด็กที่กำลังจะเกิด นั่นเป็นเรื่องที่ดรุณีไม่ติดใจอะไร แต่ความรับผิดชอบต่อตัวของเธอล่ะ นั่นคือสิ่งที่ดรุณีกำลังมองหาจากตัวของชายหนุ่ม

“เธออยากจะเป็นหมอถูกมั้ย แม่หนู” ดรุณีหันมองไปทางต้นนเสียง แม่ของอาทิตย์นั่งอยู่ตรงนั้น แน่นอน หญิงวัยกลางคนไม่ได้ชอบใจนักกับสถานการณ์ที่ลูกชายของเธอ ลากเอาทุกคนมากองอยู่ในปัญหาที่สามารถป้องกันได้ตั้งแต่เริ่ม “ดรุณี เธออยากจะเรียนจบ และได้เป็นหมอสมใจ ใช่มั้ย” เสียงถามท้ายประโยคนั้น ทำเอาดรุณีสะดุ้งตื่นเพื่อรับรู้ถึงความเป็นจริง

“ค่ะ” ดรุณีรับคำตอบกลับไป “ดี” ผู้เป็นพ่อของอาทิตย์พูดขึ้นเสียงเครียด “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอรับรองว่า เธอจะได้เรียนจนจบตามที่เธอตั้งใจเอาไว้ จะไม่มีใครรู้เรื่องที่เธอกำลังท้อง เวลาที่เหลือ วิชาที่เธอต้องเรียนทั้งหมด จะถูกจัดเตรียมให้เธอใหม่ เธอจะได้จบหมออย่างที่เธอตั้งใจ สมเกียรติ และเป็นหมอที่ดีได้ในอนาคต” คำพูดของพ่ออาทิตย์หนักแน่นและหมายความอย่างนั้นจริง ๆ

“แค่เธออย่าฝันอะไรเกินตัว” แม่ของอาทิตย์เสริมขึ้น “ใช่ ฉันอาจจะไม่เห็นด้วยเลย กับการที่ลูกชายของฉันมีความคิดที่น่ารังเกียจ ที่ชอบผู้ชายด้วยกัน” ดรุณีสบตากับแม่ของอาทิตย์ “แม้ว่าฉันจะเป็นลูกผู้หญิงเหมือนกันกับเธอ ฉันเห็นใจเธอมากกับสิ่งที่เธอต้องเผชิญหน้ากับมันต่อจากนี้ แต่ฉันก็ต้องเลือกลูกชายของฉัน อนาคตของเขา เธอเข้าใจฉันนะ ดรุณี เธอแค่ทำในสิ่งที่เธอต้องทำ อีกเพียงแค่เจ็ดแปดเดือนต่อจากนี้ เพราะหลังจากเธอคลอดแล้ว อิสระจะกลับเป็นของเธออีกครั้ง” ดรุณีปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้ม อาทิตย์ขอพ่อแม่ของเขา ให้เขาได้คุยกับดรุณีตามลำพัง

“อย่าถือสาแม่เราเลยดุ แม่เราไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร พ่อเราก็ด้วย” อาทิตย์คิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด เป็นทางออกให้กับทุกคน ทุกฝ่าย “เคยมีสักครั้งบ้างมั้ย” ดรุณีถามอาทิตย์ด้วยเสียงสั่นเครือ “ที่อาทิตย์คิดว่าเรื่องของเราจะพอเป็นไปได้” ดรุณีกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ได้แต่ปล่อยให้มันรินไหล

“แค่ทำตามที่แม่เราบอก ดุ แกแค่ต้องทำในสิ่งที่มันเป็นไปได้จริง ส่วนเรื่องเงินแกไม่ต้องห่วง” ดรุณีทำหน้าไม่เชื่อหูของตัวเองกับสิ่งที่ได้ยิน “อาทิตย์ นี่แกคิดว่าเราห่วงเรื่องเงินอย่างนั้นหรือ” เสียงถามของดรุณีเกือบจะตวาดอีกฝ่ายออกไป อาทิตย์สูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก ก่อนจะควบคุมอารมณ์พูดกับดรุณีว่า

“แกคิดว่าแกอยากจะฟังความรู้สึกจริง ๆ จากปากของฉันใช่มั้ย ได้” อาทิตย์จ้องตากับดรุณี “ไอ้ความคิดที่ว่า แกจะเห็นฉันนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง พร้อมกับยื่นแหวนแต่งงาน ขอแกให้มาเป็นเมียฉันน่ะหรือ ดุ แค่คิด ฉันก็จะอ้วกออกมาอยู่แล้ว” ดรุณีชาไปทั้งหน้า เมื่อถูกคำพูดเหล่านั้นจากอาทิตย์กระแทกเข้าใส่ จนใจร้าวระบมไปหมด

“ฉันคิดว่าแก เป็นคนที่เข้าใจฉันเสียอีก ที่ฉันบอกกับแกไป ว่าฉันชอบผู้ชาย อยากเอาแต่กับผู้ชาย อยากอยู่กับผู้ชายด้วยกัน อย่างมีความสุข” ดรุณีปากคอสั่น ใจสั่น สะท้านไปทั้งความรู้สึกที่ผู้หญิงคนหนึ่งพึงมี “แล้วแกคิดว่า ถ้าฉันอยู่กับแกไป ฉันจะมีความสุขมั้ยล่ะ แกเองก็เหมือนกัน จะมีความสุขยังไง เมื่อรู้ว่าทุกคืน ผัวอย่างฉันจะออกไปล่าผู้ชายเอามาทำเมีย แต่จะไม่แตะต้องตัวแกทำเรื่องอย่างว่าอีกเลย ตลอดไป” อาทิตย์ที่ไม่ได้อยากพูดอะไรแบบนี้เลยสักนิด แต่เขาก็ตัดสินใจพูดออกไป

“ฉันจะแต่งงานกับวิน ถ้าทำได้ เราจะสร้างครอบครัวและมีลูกด้วยกัน ปู่กับย่าก็จะได้หลานเอาไว้เชยชม ฉันได้ทำหน้าที่ลูกชายสมบูรณ์” อาทิตย์พูดทุกอย่างที่เขาคิดว่า เขาจะต้องพูด และพูดแค่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น “ลูกคือความดีใจของฉัน แต่เรื่องของแกกับฉัน มันคือความผิดพลาด แกกับฉันไม่มีวันเป็นจริงไปได้” ยิ่งได้ฟังคำตอบของอาทิตย์มากขึ้นเท่าไหร่ ดรุณียิ่งร้าวรานใจ

“ดุ แกเป็นคนเรียนดี แกเป็นเด็กทุน แกคงไม่อยากให้เงินที่พ่อกับแม่ของฉันเตรียมเอาไว้ ตั้งใจที่จะช่วยเหลือแกให้เรียนจนจบ ได้เป็นหมออย่างที่แกต้องการ หายไปพร้อมกับเงินทุนเรียนดีที่แกได้รับ พร้อมกันอยู่หรอกนะ” ดรุณีถามหัวใจของตัวเธอเองว่า มีมั้ย จะมีใครในโลกนี้ที่ให้คำนิยามเอาไว้มั้ย สำหรับผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอ ที่หลงรักเกย์ รักคนที่ชอบผู้ชายด้วยกันแบบผู้หญิงอย่างเธอ ที่แม้จะดูก็รู้ว่า รักร่วมเพศอย่างอาทิตย์นั้น เลือดเย็นกับเธอมากแค่ไหนก็ตาม แต่ดรุณีก็ห้ามใจให้เลิกรัก เลิกชอบ เลิกห่วงอาทิตย์ไม่ได้เลย

“แกขู่กันหรือไง” ดรุณีถามออกไปด้วยเสียงที่โรยแรง “ใช่ และฉันก็พร้อมทำจริงตามที่ขู่” อาทิตย์ตอบกลับในทันที โดยไม่มีรีรอ “และแกอย่าได้คิดทำแท้ง หรือทำให้ลูกเป็นอันตรายใด ๆ แม้แต่น้อย ไม่งั้นฉันจะฟ้องแกจนแกจำไปจนวันตายอย่างแน่นอน อย่าให้เราสองคนต้องเผชิญหน้ากันไปจนถึงขั้นนั้นเลย รับข้อเสนอของพ่อแม่ฉันไปซะ ดุ ฉันไม่ได้เกลียดแกเลยแม้แต่น้อย แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ที่ฉันมี แต่เราต้องเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น” อาทิตย์คิดว่า เขาตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตัวเขาเอง มากที่สุดเท่าที่จะมากได้แล้ว

หลังจากวันนั้น เงินก้อนแรกจากพ่อแม่ของอาทิตย์ ก็ถูกโอนเข้าบัญชีของดรุณีทันที และเป็นอย่างนั้นไม่มีขาด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ค่าเทอม การกินการอยู่ อาหารบำรุงครรภ์ นัดหมายหมอ เรื่องอะไรต่อมิอะไรจิปาถะ รวมถึงเรื่องเรียน เรื่องสอบ ถูกจัดเตรียมให้กับดรุณีโดยพร้อมสรรพ โดยครรภ์แรกแบบนี้ ดรุณีโชคดี ที่มันไม่ได้โตมากนัก ยิ่งเธอได้ใส่เสื้อกาวน์อยู่ตลอดเวลา ใคร ๆ ก็คิดแค่ว่า ดรุณีนั้นกินเก่งขึ้นและอ้วนท้วนมากกว่าเดิมแค่นั้น จนกระทั่งวันที่เธอคลอด ก็ไม่มีใครระแคะระคาย

“คุณเป็นอะไรมั้ยครับ โอเคหรือเปล่า” เสียงถามของหนุ่มเจ้าของร้านกาแฟ ดึงให้แพทย์หญิงดรุณีกลับมาจากเรื่องราวในอดีต เธอรีบยิ้มกลบเกลื่อนให้กับอีกฝ่าย ที่เดินเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ “อ้อ พอดีคิดอะไรนิดหน่อยน่ะค่ะ” ดรุณีพูด ยิ้มให้ ก่อนจะรับเครื่องดื่มมายกขึ้นดื่ม “อร่อยจังค่ะ” ดรุณีเอ่ยชม มองเห็นชายหนุ่มยิ้มอย่างเป็นมิตรที่ลูกค้าชอบเครื่องดื่มของทางร้าน

“ถ้างานยุ่ง ๆ ยังไง แวะมานั่งเล่นที่ร้านได้นะครับ ยินดีต้อนรับเสมอ” ดรุณีพินิจพิเคราะห์ใบหน้าของอีกฝ่าย ที่น่ารัก และอาทิตย์ก็คงจะรักคนคนนี้มากด้วยเช่นกัน “ฮัลโหล ครับ อ๋อ ไม่ยุ่งหรอก ตอนนี้มีลูกค้าแค่คนเดียว ไม่เหงาสิ มีคุณเขาชวนคุย คุณเขาน่ารักมากเลย และก็เอ็นดูเจ้าตัวแสบของเรามาก ๆ ด้วยนะ” ชายหนุ่มเจ้าของร้านกาแฟพูดกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ เดาได้ไม่ยากว่า คนที่อีกปลายสายก็คือแฟนกัน

“มีแฟนเป็นหมอนี่ เขายุ่งตลอดเลยใช่มั้ยคะ” อดไม่ได้ ดรุณียอมรับ ว่าเธออยากรู้เรื่องราวของอาทิตย์ กับความเป็นไปในชีวิตของเขา ชีวิตที่ไม่มีเธอรวมอยู่ด้วย “ศัลยแพทย์น่ะครับ” ดรุณีพยักหน้าอย่างเข้าใจดี “ก็เลยต้องเป็นผม ที่เจ้าหนูตัวน้อยนี่ ที่ตัวติดกันเป็นตังเม” เด็กชายตัวน้อยวิ่งเข้ามากอด เข้ามาซบ เข้ามาขอแก้มชายหนุ่มหอมฟอดใหญ่ ก่อนจะวิ่งถือรถแข่งของเล่นคันเก่งของตัวเอง ไถไปบนขอบโซฟาจนทั่วร้าน

“น่าอิจฉาจังนะคะ” ก้อนอารมณ์แข็ง ๆ แล่นขึ้นมาจุกที่คอหอยของด็อคเตอร์ดรุณี กับสิ่งที่เด็กน้อยทำกับชายหนุ่มต่อหน้าเธอ สิ่งที่เธอไม่มีโอกาสจะได้รับ “เหนื่อยนะครับ เหนื่อยมาก ดูแลเด็กคนหนึ่ง” ชายหนุ่มมองตามเด็กชายตัวน้อย “แต่ก็มีความสุขที่ได้เห็นเขาเติบโตขึ้นทุกวัน แค่นี้ก็พร้อมเหนื่อยต่อได้ในวันรุ่งขึ้น” รอยยิ้มของชายหนุ่มที่ดรุณีเห็น ใช่ เธออิจฉาความสุขนี้ของเขา

“มีแฟนไม่เจ้าชู้ รักครอบครัว โชคดีมาก ๆ เลยนะคะ” อาการปวดหน่วงในหัวใจที่ด็อคเตอร์ดรุณีกำลังรู้สึกนี้ มันทำร้ายเธอได้มากกว่าที่คิดเอาไว้ “หวังว่านะครับ” ชายหนุ่มตอบกลั้วหัวเราะ รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันที่ลูกค้าสาวคนนี้ ชวนคุยเกี่ยวกับแฟนหนุ่มของเขามากอยู่พอสมควร

ไม่งั้น นัทจะจับตัดให้เป็ดกินเสียเลย” แพทย์หญิงดรุณีเห็นตั้งแต่แรกตนเข้ามาในร้านแล้ว ว่านี่ไม่ใช่วิน เพื่อนเรียนมหาวิทยาลัย ที่อาทิตย์คร่ำครวญจะเป็นจะตาย หากว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน “แล้วนัทก็จะพาลูกหนีไปไกล ๆ” แพทย์สาวมองเห็นความรักในแววตาของนัท ที่มีต่อเด็กชายตัวน้อยที่วิ่งเล่นอยู่รอบร้าน

“เด็กคนนี้โชคดีมากนะคะ ที่มีพ่อที่รักเขาถึงสองคน” ด็อคเตอร์ดรุณียอมรับ ว่าอาทิตย์เลี้ยงดูลูกได้เป็นอย่างดี รวมทั้งคู่ชีวิตคนนี้ของเขา ที่รักเด็กชายตัวน้อยมาก แม้ว่าจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขต่อกันแม้แต่น้อย จะว่าไป อาทิตย์ก็ดูแลทุกคนดีมาก ดีมาตั้งแต่ตัวดรุณีเองแล้ว “นอกจากงานผ่าตัดที่เขาค่อนข้างทุ่มเทแล้ว ลูกนี่แหละครับ ที่อาทิตย์เขาไม่เคยผิดสัญญากับลูกเลยสักครั้ง” แพทย์หญิงดรุณีฟังแบบนั้นแล้วก็เจ็บจี๊ดขึ้นมากลางใจ แม้แต่เธอ ที่อาทิตย์เคยบอกว่าควรจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่อาทิตย์ไม่คิดว่าสัญญานั้น มันสำคัญอะไร แต่ดูไปแล้ว ลูกและชายหนุ่มคนนี้ คือลมหายใจเขาออกของอาทิตย์ในทุก ๆ วัน

“นัท” เสียงเคร่งขรึมนั้นดังขึ้น เมื่อประตูร้านถูกเปิดเข้ามา “ผ่าตัดคนไข้เสร็จแล้วหรือครับ” คนถูกเรียกหันไปทัก ก่อนยิ้มให้ “ป่าป๊า” เด็กชายตัวน้อยวิ่งโผมาให้นายแพทย์อาทิตย์อุ้ม ซึ่งแพทย์หนุ่มหน้าตาเครียด เมื่อเห็นด็อคเตอร์ดรุณีนั่งอยู่ในร้าน “ชื่นใจหน่อย” นายแพทย์อาทิตย์หอมแก้มนัทแฟนหนุ่มของเขาฟอดใหญ่ นัทตีแขนอาทิตย์แก้เขิน ดรุณีเบือนหน้าไปทางอื่น มันเจ็บปวดเสมอ กับการเป็นคนที่อาทิตย์ไม่ต้องการ เสมอมา

“ด็อค คุยได้มั้ย สะดวกหรือเปล่า” ด็อคเตอร์ดรุณีดึงตัวเองกลับจากเรื่องราวในอดีตทั้งหมด มาสู่ปัจจุบันในตอนนี้ เธอกดรับสายเรียกเข้าจากสารวัตรรัฐนนท์ ที่หากไม่เร่งด่วนจริง ๆ ในช่วงที่เธอลาพักแบบนี้ สารวัตรหนุ่มจะไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของเธอย่างแน่นอน “พบตัวครูหนิงแล้วนะด็อค แต่อาการไม่ค่อยดี เธอพูดถึงเรื่องขู่ ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง” สารวัตรรัฐนท์แจ้งสถานการณ์มาตามสาย ให้ด็อคเตอร์ดรุณีทราบ

“เก็บหลักฐานจากตัวผู้เสียหายเรียบร้อยแล้วนะ” ด็อคเตอร์ดรุณีถามกลับไปทันทีเช่นกัน” ครับ ทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐาน พบชิ้นผิวหนังใต้เล็บของครูหนิง ที่คาดว่าจะเป็นของคนร้าย” ด็อคเตอร์ดรุณีรับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากสารวัตรหนุ่ม “หมอจะรีบไปเดี๋ยวนี้” สารวัตรได้ยินแบบนั้น ก็อดถามด้วยความเป็นห่วงแพทย์สาวไม่ได้

“หมอโอเค เดี๋ยวเจอกัน” ด็อคเตอร์ดรุณีกดวางสายจากสารวัตรรัฐนนท์ การลาพักของเธอต้องจบลงตรงนี้แล้วสินะ แต่คงจะไม่ใช่เพราะเคสเร่งด่วนที่สารววัตรรัฐนนท์เพิ่งโทรมาหาเธอหรอก แต่คงเป็นเพราะข้อความที่ถูกส่งกลับมาหาเธอจากอาทิตย์ต่างหาก ที่ห้ามเธออย่างเด็ดขาดว่า หากดรุณีต้องการจะเงินลูกของเขา ให้โอนเข้าบัญชีเท่านั้น ให้เลิกเอามาให้เองแบบนี้ ต่อให้วานเด็กส่งของมาก็ตาม เพราะดรุณีเซ็นยกลูกให้กับอาทิตย์ดูแลแต่เพียงผู้เดียว ตั้งแต่วันแรกที่เด็กชายตัวน้อยลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว

ด็อคเตอร์ดรุณีที่นั่งอยู่ในรถที่ฝั่งตรงข้ามร้านกาแฟร้านนั้น ที่เธอเฝ้ามองครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่อยู่กับพร้อมหน้าพร้อมตา มีพ่อ พ่อ และก็ลูกชาย ครอบครัวที่เธอหมดสิทธิ์จะเรียกร้องให้กลับมาเป็นของเธอ โดยเฉพาะเมื่ออาทิตย์ส่งข้อความมาด้วยว่า ขออย่าให้ดรุณีกลับมาทำลายครอบครัวอันแสนสุขของเขา

เพราะตั้งแต่คราวที่แล้ว ที่ดรุณีอยู่ ๆ ก็โผล่มาที่ร้านกาแฟเมื่อหลายปีก่อน อาทิตย์ก็ได้พูดกับดรุณีไปแล้วอย่างชัดเจน ด้วยอาการเกรี้ยวกราด เพราะกลัวว่าดรุณีจะมาทำลายครอบครัวของเขา จะมาพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดกับนัท ผู้ชายที่เป็นคู่ชีวิตของนายแพทย์อาทิตย์ ซึ่งขืนดรุณียังไม่ยอมฟัง ไม่อย่างนั้น คราวนี้อาทิตย์จะเอาจริง และจะได้เห็นดีกันแน่นอน ดรุณีติดเครื่องยนต์ สายตามองตรงไปข้างหน้า เธอหยิบแว่นตากันแดดขึ้นมาสวม น้ำตาอุ่น ๆ ไหลลงแก้ม ก่อนที่เธอจะเหยียบคันเร่ง ออกรถไปจากตรงนั้น

**************************************************

คำแปลเนื้อร้องงเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

นอกสายตา - แคทลียา อิงลิช

https://www.youtube.com/watch?v=bL9HWHqRBls


แอบยิ้มเมื่อเธอดีใจ

I smile when seeing you happy

แอบทุกข์เมื่อเธอเสียใจ

I hurt when you’re feeling down

หัวเราะและร้องไห้ ไปกับเธอทุกครั้ง

Laugh and cry every time you do


แม้เธอจะไม่หันมา

Though you don’t look my way

ฉันยังเฝ้ามองทุกวัน

I still keep looking after you

ได้เฝ้าดูห่างห่าง มันก็ยังพอใจ

From a distance, it’s satisfying me


ไม่หวังให้เธอมีใจ

Never hope you’re feeling for me

ไม่หวงถ้าเธอมีใคร

It’s okay you’re with someone else

ไม่หวังยืนใกล้ใกล้

Don’t need to be near you

ไม่ต้องการร้องขอ

Never ask, not even once


ได้ยืนอยู่บนผืนดิน ผืนเดียวกับเธอก็พอ

Just me being on the same world, the same one as you are

ฉันก็มีความสุข อยู่กับฝันของฉันเท่านี้

That gives me so much joy, living in my dream like this


อยู่นอกสายตา ของเธอตั้งไกล

Out of reach, we are far away

ฉันนั้นก็ทำได้ แค่มองจากตรงนี้

All I can do is look at you right from here

แต่ฉันยังรอซักวัน เธอหันมองผ่านทางนี้

Waiting that someday, you’ll get to look this way

แค่ซักวินาที เธอเห็นฉันคนนี้ในสายตา

Jus one second that I’ll be the apple of your eye


และแม้ว่านานเพียงใด

Though it takes forever

และแม้ว่าไกลดังเดิม

Though it’s damn far like before

ยังเฝ้ารอเธออยู่

I’m right here longing for

ต่อให้ไกลแค่ไหน

You’re still far far away


ไม่เคยอยู่ในสายตา ไม่เคยอยู่ในหัวใจ

Never once you see me, never will be on your mind

แต่ขอมีเธอใกล้ อยู่ในฝันของฉันก็พอ

All I want is you’re still around, being real in my dreams, that’s all
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๙. GUILT _ 8.22.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 22-08-2023 16:11:25


Guilt



“ทางทีมสืบพบครูหนิงนอนอยู่ในคูน้ำตื้น ๆ บริเวณนอกเมือง ห่างจากที่พบรถยนต์เช่าถูกจอดทิ้งไว้ไปไม่ไกล” ทางด้านด็อคเตอร์ดรุณี พอกลับมาถึงก็เข้ามาที่ห้องชันสูตร เพื่อปรึษาคดีกับสารวัตรรัฐนนท์พอดี “ตอนนั้น ที่พบร่างของหนิง ก็คิดว่าครูได้เสียชีวิตไปแล้ว” ขนธัญที่ออกไปกับทีมสืบสวนเพื่อตามหาครูหนิงด้วย บอกกับด็อคเตอร์ดุ

“ครูหนิงคงอยากจะสู้เพื่อให้เราจับตัวคนร้ายได้” แพทย์หญิงดรุณีพูดกับชนธัญแบบให้กำลังใจกัน “หนิงเป็นนักสู้เสมอ เขาเป็นเด็กกำพร้าที่สู้ชีวิต และมาตอนนี้ก็ยอมสู้เพื่อคนอื่นมาตลอด” ชนธัญเล่าเบื้องหลังชีวิตของคุณครูหนิงให้อีกสองคนฟัง “ตอนเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัย หนิงไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก ผมที่เรียนต่างคณะกับหนิง พอปีท้าย ๆ เรียนหนักเข้า มันก็คือจุดเริ่มต้นของการที่เราห่างกันไป” ชนธัญจำได้ดีว่า เมื่อก่อนนั้น เขากับหนิงสนิทกันมากขนาดไหน

“หนิงอยากเป็นครู อยากสอนเด็ก ๆ เรื่องทำอะไรนอกลู่นอกทาง นั่นไม่ใช่หนิงที่ผมรู้จัก” ชนธัญพูดตามความทรงจำที่ดี ที่เขามีต่อเพื่อนสนิทคนนี้ “แต่คนเราก็เปลี่ยนกันได้” สารวัตรรัฐนนท์ให้ข้อสังเกต “หรือมีใครทำให้เปลี่ยนไป” ด็อคเตอร์ดรุณพูดขึ้น “การพบรอยผิวหนังมนุษย์ใต้เล็บของครูหนิง มันบ่งบอกแน่ชัดว่า ครูหนิงสู้กับคนร้ายยิบตา” ชนธัญรู้สึกใจหาย เมื่อนึกถึงช่วงเวลบาที่เหตุการณ์ร้าย ๆ นี้ เกิดขึ้นกับหนิง เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าที่โทรศัพท์มือถือของด็อคเตอร์ดุดังขึ้น

“ดีเอ็นเอจากผิวหนัง ตรวจพบยืนยันว่าเป็นของเพศชาย” ด็อคเตอร์ดุพูด ก่อนเงยหน้าสบตากับทั้งสารวัตรหนุ่มและคนหน้าใส “ครูหนิงมีแฟนมั้ยคุณ ตั้งแต่ตอนเรียน” ด็อคเตอร์ดรุณีมองสารวัตรรัฐนนท์ที่หันไปถามชนธัญด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย เหมือนกับว่าทั้งสองคนนั้น สนิทสนมกันเพิ่มมากขึ้นแล้ว สารวัตรหนุ่มเห็นรอยยิ้มชอบใจของด็อคเตอร์สาวแบบนั้น ก็ทำเป็นมองไม่เห็น

“ผมไม่รู้เลย” ชนธัญตอบคำถามของสารวัตรหนุ่มหล่อ หนุ่มหน้าใสส่ายหน้า ครุ่นคิด “ผมจำไม่ได้นะ เพราะถ้าหากหนิงมีแฟนจริง ผมน่าจะรู้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะเป็นไปได้หลังจากเราขาดการติดต่อกันไปแล้ว” ชนธัญไม่เคยได้ยินหนิงเล่าเรื่องส่วนตัวลึก ๆ มากนัก ประสาอะไรกับเรื่องที่หนิงมีแฟน

“แต่” ชนธัญเพิ่งนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ และทำให้ 'แต่' ของชนธัญทำให้ทั้งสารวัตรรัฐนนท์และด็อคเตอร์ดรุณีสนใจ “ไม่นานกอนหน้าที่ผมกับหนิงจะไม่ได้ติดต่อกัน ผมจำได้ว่า หนิงเล่าให้ฟังว่า ชอบไปที่ชมรมการพูดบ่อย ๆ เพราะคนที่นั่นเข้าใจเธอมากกว่าเพื่อนที่เธอมี” ชนธัญในตอนนั้น ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า การที่หนิงอาจจะแค่ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา

“ผมรู้สึกแย่กับสิ่งที่หนิงพูดก็จริง เมื่อตอนได้ยิน แต่ก็ปล่อยผ่านไป เพราะช่วงนั้นผมเองก็มีเรื่องอะไรในหัวตัวเองเต็มไปหมดเหมือนกัน” สารวัตรรัฐนนท์มองไปที่ชนธัญด้วยแววตาแห่งความห่วงใยและอาทร ด็อคเตอร์ดุที่สังเกตเห็น นึกสงสัยว่าทำไมสารวัตรหนุ่มหล่อดูจะเข้าอกเข้าใจชนธัญเป็นพิเศษ ยิ่งเรื่องที่เจ้าตัวหนุ่มหน้าใสรู้สึกเศร้าเสียใจด้วยแล้ว

“เด็กมหาวิทยาลัยในชมรมนั้น ป่านนี้แยกย้ายไปอยู่ที่ไหนกันหมดแล้ว” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดขึ้นพลางถอนหายใจยาว ๆ ออกมา ทางชนธัญเองที่ไม่เคยสนใจจะเข้าชมรมไหน ก็ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้เลยจริง ๆ “ถ้าอย่างนั้น” สารวัตรรัฐนนท์พูดพลางสบตากับชนธัญแบบจริงจัง “โอเค” เหมือนจะไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก ชนธัญตอบตกลงสารวัตรหนุ่มไปในทันที

หนิงยืนรี ๆ รอ ๆ อยู่ที่น้าประตูชมรมการพูด ไม่ใช่เพราะว่าเธอเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก แต่มันเป็นเพราะว่า เธอรู้ดีว่า เธอจะต้องเจอใครที่เป็นประธานชมรม ที่เป็นนักพูดนี่เก่งคนนั้นต่างหาก หนิงใจเต้นแรง มือไม้สั่น และเขินหน้าแดงไปหมด เมื่อจำได้ดีว่า เมื่อครั้งที่แล้วที่มา เขาคนนั้นทำให้เธอรู้สึกดีกับตัวเองมากแค่ไหน

“ไม่เข้าไปหรือครับ” เสียงพูดที่ทำให้รู้สึกดีได้แค่เพียงได้ยินครั้งแรก ทำให้หนิงหันไปยิ้มกันคนต้นเสียง “คือหนิง” ท่าทีเขินอายของหนิงนั้น อีกฝ่ายรับรู้ได้แบบไม่ยากเย็นนัก “หนิงทำผมเขินเหมือนกันนะ” หนิงทำตาโตแปลกใจที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาแบบนั้น “ไม่รู้สิครับ ผมเขินทุกครั้งที่เจอหนิง แต่ความสุขใจ มันมากเพิ่มขึ้นด้วยทุกครั้งไป ไม่รู้ทำไม” หนิงหลบสายตาจากอีกฝ่าย เธอยิ้มกว้างออกมา ก่อนที่จะยอมให้อีกฝ่ายดึงมือของเธอไปกุมเอาไว้ ด้วยความรู้สึกดี

สารวัตรรัฐนนท์จอดรถที่ด้านหน้าตึกผู้ป่วยในโรงพยาบาล ก่อนที่จะลงจากรถพร้อมชนธัญ ทั้งคู่เร่งเดินไปกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปที่วอร์ดไอซียู ที่ครูหนิงกำลังรักษาตัวอยู่ ชนธัญเองตั้งแต่ตอนที่เจอเพื่อนนอนอยู่ในคูน้ำตื้น ๆ นั้น ก็ยังไม่ได้มีโอกาสได้เจอเพื่อนอีกครั้ง ด้วยอาการของครูหนิงนั้นค่อนข้างที่จะน่าเป็นห่วง

“ถ้าการใช้มีดเป็นอาวุธในการทำร้ายกัน” ชนธัญพูดขึ้นขณะที่กำลังเดินเข้าลิฟต์ สารวัตรรัฐนนท์เดินตามเข้าไปก่อนจะกดปุ่มชั้นที่ต้องการ แล้วปิดประตูลิฟต์ “เหมือนในกรณีกรกับอูในเคสนั้น ที่สาเหตุน่าจะมาจากไครม์ ออฟ แพชชั่น ฆาตกรรมจากความเสน่หา” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับชนธัญ ขณะที่อีกฝ่ายถามคำถามขึ้น

“แล้วอย่างกรณีนี้ของหนิงล่ะครับสารวัตร” หากว่าเคสนี้จะสามารถเทียบเคียงกับเคสก่อนหน้านี้ได้ “การใช้ปืนที่เป็นอาวุธหนัก ไล่ยิงแบบนั้น ดูเหมือนการจงใจเอาชีวิตกันตามที่ด็อคดุบอก” สารวัตรรัฐนนท์เองก็อยากจะหาคำตอบง่าย ๆ “มันเป็นฆาตกรรมประเภทไหน” มาอธิบายให้ชนธัญเข้าใจในเคสนี้เช่นเดียวกัน

ทั้งสองคนเดินออกจากลิฟต์ ก็ได้รับรายงานทันทีว่า อาการของครูหนิงนั้น กำลังแย่ลงเรื่อย ๆ จากความสาหัสของกระสุนปืนที่ถูกยิงผ่านช่องท้องของเธอ ก่อนหน้าที่สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญจะมาถึง ทางทีมแพทย์และพยาบาลเพิ่งจะช่วยกันปั๊มหัวใจของครูหนิงให้ฟื้นคืนกลับมาไปรอบหนึ่ง ทางคุณหมอพูดเอาไว้ว่า อวัยวะส่วนอื่น ๆ ของครูหนิงเริ่มจะหยุดทำงาน มีเพียงหัวใจเท่านั้นที่ดูจะยังสู้ไม่ถอย

ชนธัญถูกขอร้องให้สวมชุดกันการติดเชื้อ หากว่าจะเข้าไปดูอาการของครูหนิงภายในห้องปลอดเชื้อ ที่ทีมแพทย์ตัดสินใจพาครูหนิงไปพักในนั้น หลังจากที่หัวใจของครูหนิงกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง และอวัยวะอื่น ๆ ก็ดูจะทำงานได้ดีกว่าก่อนหน้า ตอนที่ชนธัญมาถึงที่โรงพยาบาล

“หนิง ถ้าแกรอฉันอยู่ ช่วยฉันด้วยนะ” ชนธัญที่หยุดยืนอยู่ที่ด้านข้างเตียงคนไข้ พูดกับครูหนิงเพื่อนสนิทของเขา สารวัตรรัฐนนท์ยืนมองอยู่ที่หน้าต่างกระจกด้านนอกห้อง โดยมีคุณหมอร่วมสังเกตการณ์อยู่ด้วย ชนธัญก้มลงมองดูเพื่อนที่นอนอยู่บนเตียง มีสายอะไรต่อมิอะไรที่กำลังช่วยยื้อชีวิตให้กับครูหนิง ระโยงระยางห้อยรุมตัวครูหนิงอยู่เต็มไปหมด

“ช่วยฉันหาคนที่ทำร้ายแกด้วยนะ หนิง” ชนธัญมองใบหน้าที่ซีดเผือด แทบไม่เหลือสีเลือดอยู่ของหนิง ร่างกายที่บอบช้ำแสนสาหัส ที่กำลังต่อสู้อย่างนักกับสภาพร่างกายที่ย่ำแย่อยู่ในขณะนี้ ชนธัญวางมือที่สวมถุงมือยางลงเบา ๆ บนข้อมือของครูหนิง ก่อนจะหลับตาพร้อมกำรอบข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้

สารวัตรรัฐนนท์มองไปที่ชนธัญผ่านกระจกใสใบใหญ่ที่กั้นเขาเอาไว้ที่ด้านนอกห้องไอซียู ก่อนที่จะสบตากับชนธัญที่ลืมตาขึ้นมา แล้วส่ายหน้าให้กับสารวัตรหนุ่ม คุณหมอที่ยืนอยู่ด้วยตรงนั้นถึงกับโวยวายขึ้นมาในทันที ที่เห็นชนธัญถอดถุงมือออก แล้วจับลงบนข้อมือของครูหนิงอีกครั้ง สารวัตรรัฐนนท์บอกกับคุณหมอไปว่า นี่มันเป็นความจำเป็น แม้จะเข้าใจดีกับเรื่องที่คุณหมอเป็นห่วงอย่างมาก ว่าครูหนิงนั้นจะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย

แทบจะทันทีที่ชนธัญจับข้อมือของเพื่อนรักเอาไว้ ภาพเหล่านั้นก็แล่นเข้ามาให้เห็นในหัวของเขา เสียงผู้ชายคนที่เพิ่งเปิดประตูห้องนอนถามหนิงว่า หนิงกำลังจะออกไปข้างนอกหรือ เขาพูดต่อขึ้นว่า เขาอยากจะไปด้วย อยากนั่งรถเล่นอยู่พอดี แล้วก็เดินนำหน้าหนิงออกไปขึ้นรถ แถมยังเรียกหนิงให้ตามออกไปเร็ว ๆ

หนิงหยิบโทรศัพท์มือถือมาปิดเสียงได้ทัน ก่อนจะหย่อนลงไปในเป้ ทันก่อนที่มันจะดังขึ้น เพราะชนธัญโทรเข้ามาหาหนิงอีกครั้ง ตอนที่เธอเข้ามานั่งอยู่ในรถแล้ว หนิงเองรู้แน่ชัดแล้วว่าเธอต้องเปลี่ยนแผน เธอไม่สามารถที่จะไปหาชนธัญ เพื่อปรึกษาอะไรบางอย่างกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานได้แล้ว อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรก

“ไปขับรถเล่นแถวโรงเรียนหนิงกัน ผมอยากเห็นเด็ก ๆ พวกตัวเล็ก ๆ พวกนั้นน่ารัก” หนิงรู้สึกเย็นจับขั้วหัวใจ เมื่อได้ยินประโยคนั้น “วันนี้หนิงลา เราอย่าไปเลย” หนิงพยายามพูดออกมา ควบคุมให้น้ำเสียงไม่สั่น “เราไปเดินห้าง หาอะไรกินกันดีกว่า” หนิงพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูกระตือรือร้น ว่านั่นคือสิ่งที่เธออยากทำจริง ๆ “หนิงเป็นครู” เสียงผู้ชายคนนั้น ที่ชนธัญยังมองไม่เห็นว่าเป็นใครพูดขึ้นอีก

“หนิงไม่อยากช่วยเด็กนักเรียนของหนิงหรือครับ” ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก ที่มันราวกับบว่า สิ่งที่เขาพูดออกมานั้น มันช่างน่าตลกขบขันเสียเหลือเกิน “ผมไปเองคนเดียวก็ได้นะ ถ้าอย่างนั้น หนิงจอดรถให้ผมข้างหน้านี่ก็ได้” ชายหนุ่มทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถ ทั้ง ๆ ที่รถกำลังแล่นอยู่

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนิงขับไปให้เอง พอดีหนิงนึกขึ้นได้ว่ามีการบ้านที่ตรวจค้างเอาไว้” หนิงพูดจบ ก็ลอบมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้ นั่งนิ่งเงียบ ใบห้าเรียบเฉยไม่พูดอะไรอีกเลยจนหนิงขับรถมาจอดอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน หนิงลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้กับชายหนุ่ม ที่หันมามองเหมือนเป็นเชิงคำถามว่า หนิงไม่ลงจากรถหรือไง ไหนว่ามีการบ้านของเด็กที่ต้องตรวจ

“อ้าวครูหนิง ไหนบอกว่าจะมาเร็วกว่านี้ พี่ต้องขอเลื่อนรถที่ครูหนิงเช่ามา เอาไปจอดเลยถัดไปหน่อยนะคะ พอดีมีแขกวีไอพีมาที่โรงเรียน” หนิงขนคอตั้งเกรียว เมื่อครูอีกในหนึ่งของเรียน พูดทักเธอเสียงดังตั้งแต่เห็นเธอเดินเข้าประตูรั้วมา หนิงหันไปมองที่รถของตัวเอง ชายหนุ่มยืนมองเงียบ ๆ มาที่เธอ แต่ไม่พูดจาอะไร หนิงยิ้มให้ ก่อนจะบุ้ยบ้ายว่าขอเธอเข้าไปเอาการบ้านของเด็กก่อน

คุณครูหนิง คุณครูหนิง” เสียงเด็กนักเรียนตัวน้อย ๆ ของเธอ ร้องเรียกชื่อเธอด้วยความดีใจ เมื่อเห็นว่าครูประจำชั้นของพวกเขามาหาแล้ว หนิงเองกะพริบตาถี่ ๆ เธอกำลังจะระเบิดน้ำตาออกมา เมื่อเธอมองเห็นเงาของผู้ชายเดินผ่านหน้าต่างห้องไปไว ๆ หนิงก้มลงมองเด็กหน้าตาน่ารักที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ที่ตาแป๋วกำลังเงยหน้ามองเธออยู่

“ใครอยากเล่นเกมบ้าง” หนิงถามออกไป ทุกคนกระโดดโลดเต้น แต่ตอนนี้ใจของหนิงกำลังจะขาด เมื่อเธอรู้ดีว่า รถที่เธอเช่ามานั้น อย่างมากที่สุด ก็มีเพียงเด็กแค่ครึ่งห้องเท่านั้นที่นั่งพอ “ที่เหลืออีกครึ่ง รอครูหนิงอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ” เด็ก ๆ ทำหน้าผิดหวังที่ไม่ได้รับเลือกเป็นกลุ่มแรก ตอนนี้หนิงนั้นรู้ดีว่า เธอจะต้องถูกความรู้สึกผิดในใจนี้เล่นงานไปชั่วชีวิต

หนิงจัดการพาเด็กนักเรียนครึ่งห้องของเธอ มาขึ้นรถเช่าที่เธอเตรียมเอาไว้ได้ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น รถของเธอเองยังคงจอดอยู่ที่ด้านหน้าประตูรั้วโรงเรียน แต่ไม่เห็นวี่แววของผู้ชายคนนั้น หนิงไม่รอช้า ตัดสินใจสตาร์ทรถและขับออกมาจากที่นั่นในทันที หนิงมองดูที่กระจกหลัง ไม่มีใครขับรถตามเธอมา ก่อนจะระเบิดเสียงกรีดร้องและร้องไห้ออกมา จนเด็ก ๆ พากันถามว่า ครูหนิงเป็นอะไร

“ครูหนิงไปไหน” เด็ก ๆ ในห้องถูกถาม ก่อนจะตอบกลับไปว่า “เล่นเกม ครูหนิงให้เล่นเกม” ชายหนุ่มผู้ได้ยินคำตอบ หัวเราะออกมาเบา ๆ รับรู้ถึงครูหนิงผู้ช่วยคนอื่นมาตลอดคนนี้ “อยากไปหาครูหนิงมั้ย” เสียงเฮดังมาจากทุกคน ที่อยากจะไปหาครูหนิง “โน่น ครูหนิงอยู่ในห้องน้ำหลังโรงเรียนโน่นแน่ะ” เสียงของชายหนุ่มฟังดูตื่นเต้นผิดปกติ “ครูหนิงไปทำอะไรในนั้น” เสียงเด็กน้อยถาม ก่อนจะได้ยินชายหนุ่มตอบกลับมาว่า “ไปดูกัน” ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินตามกลุ่มเด็ก ๆ ที่เหลือของห้องไป โดยมีปืนไรเฟิล เอเค 81 ถืออยู่ในมือ

ชนธัญปล่อยมือตัวเองออกจากข้อมือของหนิง ก่อนที่ตัวจะเด้งถอยไปด้านหลัง กับภาพที่เขาเพิ่งจะเห็นสด ๆ ร้อน ๆ หน้าของชนธัญนั้นที่ตกใจกลัวสุดขีด ทำให้สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับต้องเคาะกระจกเรียกคืนสติอีกฝ่าย ชนธัญกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก แต่ก็รีบออกมาจากห้องไอซียูในทันที เจ้าหน้าที่พยาบาลช่วยกันถอดชุดป้องกันเชื้อให้กับชนธัญ

“ผมเห็นหน้าเขา ก่อนที่ผมจะปล่อยมือที่จับหนิงอยู่ ผมเห็นหน้าเขา” ชนธัญพูดขึ้น ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ เพราะได้ยินใครสักคนกำลังพูดอยู่ในหน้าจอโทรทัศน์ “คนนี้ ผมเห็นเขาคนนี้” สารวัตรรัฐนนท์จ้องไปที่หน้าจอทีวี และภาพในนั้น ก็คือนักพูดสร้างแรงบันดาลใจที่กำลังมีชื่อเสียงมากที่สุดในตอนนี้

***************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

หลับตา - นันทนา บุญหลง (FOOTWORK)

https://www.youtube.com/watch?v=RwAekJ5-qJ4


มีบางช่วงแรกแรกที่ใจได้ชื่นชอบ

The first impression was super

คงเป็นเรื่องง่ายง่ายไม่ทันได้รอบคอบ

It was simple to fall for you so easily

เลยเป็นเรื่องไม่ยากที่มันได้สร้างขึ้น

It’s the hard truth I didn’ t expect

ด้วยมีความเชื่อที่ว่ามันเป็นเรื่องที่ราบรื่น

That only thought it was so slick


สุขใจที่ฉันพบเธอ

So happy to see you

ได้เจอคนที่แสนจริงใจ

The man with all the sincerity


หลับตาก็ฝันถึง

I closed my eyes, I dreamed of you

ตื่นมายังคงคิดถึง

I opened my eyes, I thought about you

ทั้งหวานทั้งซึ้งยังตรึงใจ

So sweet, so tender, stuck in my heart

เพราะฉันไม่เคยเจอผู้ชายคนใด

‘Cause I’ve never seen any guy

ที่พร้อมและดีเท่ากับเธอ

That was as great and perfect as you


หลับตาก็ฝันถึง

I closed my eyes, I dreamed of you

ตื่นมายังคงคิดถึง

I opened my eyes, I thought about you

ทั้งหวานทั้งซึ้งเหมือนแรกเจอ

So sweet, so tender like the very first time

จนวันสุดท้ายจึงน้ำตาเอ่อ

Until the day I got tears in my eyes

วันนี้วันที่เธอจากฉันไป

Today, you left me all alone


ไปกันได้ไม่มากไม่ทันได้ราบเรียบ

We took off not far and not so smooth

กลายเป็นช่วงที่เริ่มด้วยวันที่เงียบเชียบ

Turned out the days we talked no more

จนบางเรื่องที่ว่ามันไม่ได้มากเข้า

Things reached the point, we got nowhere

ก็ลืมกันได้ง่ายง่ายเป็นเรื่องที่น่าเศร้า

Everything was forgotten, that’s a sad story


ปวดใจที่ฉันพบเธอ

Painful to have met you

ต้องเจอคนที่ไร้หัวใจ

You’re the mean son of a bitch


หลับตาก็ฝันร้าย

I closed my eyes, there’re nightmares

ตื่นมายังคงไม่หาย

Waking up didn’t make them disappear

ไม่คิดว่าเธอจะทำร้ายกันลง

Never thought you would hurt me so


ทั้งทั้งที่ดูมานานว่าเธอมั่นคง

Though I put my trust that you’re the one

จึงหลงรักเธอหมดใจ

I was fully falling in love with you


หลับตาก็ฝันร้าย

I closed my eyes, there’re nightmares

ตื่นมายังคงไม่หาย

Waking up didn’t make them disappear

ไม่รู้วันไหนจะลืมซะที

Don't know when it’s gonna go away

ลืมคนที่เคยคิดว่าแสนดี

Forget someone I thought he was for me

คนนี้คนที่ทำเจ็บหัวใจ

This one, that he broke all my heart


มันคงเรียกได้ว่าแทบจะไม่น่าเชื่อ

I’d say I couldn’t believe it myself

บทจะเลิกก็เลิกแต่มันก็ต้องเชื่อ

When it’s time, you’ll walk away for sure

เรื่องบางเรื่องก็ยากที่จะเข้าใจได้

Some things in this world are difficult to understand

และคงต้องใช้เวลาอีกนานเพื่อลืมให้ได้

Taking a long time to heal and to forget
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๐. SILENT KILLER _ 8.23.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 23-08-2023 12:07:23


๓๐. SILENT KILLER


“เด็ก เด็กอะไรที่ไหน” เสียงถามกลับมาแทบจะในทันที ที่เขาได้ยินสารวัตรรัฐนนท์เอ่ยถามถึงเรื่องคดีการฆาตกรรมที่กำลังตามสืบอยู่ “ไอ้คดีที่เพิ่งเป็นข่าวใหญ่ไปเนี่ยนะ โอ๊ย” เสียงร้องนั้นดังขึ้นพร้อมกับการกลั้วหัวเราะ “นี่ผมสามารถฟ้องร้องพวกคุณได้เลยนะ มากล่าวหากันแบบนี้” ชายคนที่กำลังยืนเซ็นชื่อลงบนปกหนังสือของดีของเขาพูด แต่ได้จริงจังอะไรนัก

“ผมเป็นนักพูด” ชายคนที่สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญมาสืบสวนเพิ่มมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา “ผมไม่ใช่นักฆ่า” ก่อนจะจบประโยคที่เขาคิดว่าน่าจะสรุปอะไรให้ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับตัวเขา “หลายครั้งคำพูดก็ทำร้ายคนได้เลวร้ายหรือมากกว่าอาวุธเสียอีก” ชนธัญอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเพื่อเป็นข้อเตือนอะไรบางอย่างกับอีกฝ่าย

“ก็จริงนะครับ” ชายนักพูดตอบรับกลับมา ยิ้มไปเซ็นหนังสือไป “แต่นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับจิตแพทย์ของคุณ ผมไม่มีหน้าที่มากรองสิ่งที่คุณอาจหรืออาจจะไม่ได้ยิน” เสียงหัวเราะชอบใจหลังจากนั้นดังออกมาจากเขาและผู้ช่วยของเขา ชนธัญเองต้องฝืนความรู้สึก อดทนกับคนตรงหน้าอยู่มากพอสมควร

“เอาเป็นว่าในวันที่เกิดเหตุ คุณมีพยานรู้เห็นหรือไม่ครับ ว่าคุณอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่” สารวัตรรัฐนนท์ถามชายนักพูดออกไป ชายคนนั้นมองไปทางสารวัตร ยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี “Alibi ของผมคือ ผมอยู่ที่นี่ตลอดครับ ผมกำลังพูดเพื่อให้กำลังใจคนที่กำลังท้อถอยในชีวิตอยู่” เขาพูดพลางพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นทีละข้าง ด้วยท่าทางใจเย็น ชนธัญมองไปที่แขนทั้งสองข้างของชายนักพูดระดับประเทศ แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อที่แขนของเขาไม่มีร่องรอยของเล็บครูหนิงข่วนเอาไว้ ที่ด็อคดุยืนยันว่ามันเป็นผิวหนังที่มาจากต้นแขนมนุษย์เพศชาย

“ผมยินดีจะให้คลิปจากกล้องวงจรปิดกับพวกคุณนะครับ ถ้าคุณทั้งสองคนจะมานั่งฟังผมบรรยายสักครั้งสองครั้ง คุณอาจจะกำลังมองหาทางออกให้ชีวิตอยู่ก็ได้ ทางออกสู่การเริ่มต้นใหม่ ที่มีเพียงเส้นผมที่บังภูเขาชีวิตของคุณอยู่” ชายนักพูดคิดว่า ไม่เสียหายอะไรหากเขาจะได้ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอีก

“เขาไม่ใช่คนที่เราตามหาอยู่” สารวัตรรัฐนนท์พูดกับชนธัญเบา ๆ หนุ่มหน้าใสเห็นด้วย “แต่ทำไมผมถึงเห็นเขาในภาพนิมิต” นั่นคือสิ่งที่สารวัตรรัฐนนท์เองก็ข้องใจเช่นกัน เพราะปกติภาพที่ชนธัญเห็น จะแม่นยำเสมอ “คุณเป็นนักพูดที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ คุณต้องเจอะเจอคนวัน ๆ หนึ่งไม่ใช่น้อย พอจะมีสักคนไหมครับ ในกลุ่มผู้ติดตามมาฟังคุณบรรยาย ที่มีลักษณะอะไรผิดแผกไปจากคนอื่น ๆ” ชนธัญคิดว่า หากไม่ใช่ชายนักพูดคนนี้ที่เป็นคนร้าย ก็คงจะต้องเป็นใครสักคนที่เกี่ยวข้องกัน

“เท่าที่นึกได้ ก็ไม่มีนะ” ชายนักพูดทำหน้าครุ่นคิด เขาจำคนที่พบในหนึ่งวันไม่หมดแน่นอน “เดี๋ยวนะ บอส จำไอ้คนนั้นได้หรือเปล่า” ผู้ช่วยของคุณนักพูดถามขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจที่ยังจำคนคนนี้ขึ้นมาได้ “ไอ้เพี้ยนที่มันเพ้อเจ้อเรื่องท่านผู้เป็นใหญ่ ท่านผู้ชี้ชะตาจักรวาลอะไรนั่นนะ เออ ๆ จำได้ แม่งโคตรบ้าเลย” ชายนักพูดยิ่งนึกแล้วก็ยิ่งหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น แต่ก็พูดชมชายหนุ่มคนนั้น ว่าน้ำใจงาม เพราะวันนั้นเขาควักเงินบริจาคร่วมกับทางชายนักพูดมาหลายพันบาท

“คุณว่าเขาเพี้ยน แต่ก็ยังรับเงินเขามาหน้าชื่นตาบาน” ชนธัญมองไปที่คุณนักพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “เงินก็คือเงิน คุณนักสืบ” ชายนักพูดกดปิดปลอกปากกาด้ามแพงของเขา โดยที่ผู้ช่วยยกกองหนังสือที่เพิ่งเซ็นเสร็จเดินจากไป “ผมไม่เคยบังคับใครให้บริจาค ทุกบาทที่สตางค์ที่เข้ามาในกองทุนของผม นั้นมาจากความศรัทธาล้วน ๆ” ชายนักพูดเผยรอยยิ้มที่มุมปาก มันดูเหมือนจะเป็นการยิ้มเยาะเสียมากกว่า

“ถ้าผมทำอะไรผิด คุณสองคนก็จับกุมตัวผมไปได้เลย แต่ถ้าไม่ ก็ขอเชิญคุณสองคน พากันออกไปจากที่นี่ได้แล้ว และอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก นอกเสียแต่ว่า จะมานั่งฟังผมบรรยายเพื่อชีวิตของพวกคุณดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้ ถ้าอย่างนั้น เชิญที่นี่ได้ทุกเมื่อนะครับ ผมยินดีต้อนรับ” ด้วยหน้าที่การงาน สารวัตรรัฐนนท์ข่มใจแล้วข่มใจอีก กับคำพูดและท่าทางอันหยิ่งยโสของนักพูดระดับประเทศคนนี้

“มันต้องมีใครสักคนที่รู้ว่า หนิงเกี่ยวข้องอะไรกับคนร้าย” ชนธัญยังนึกไม่ออก จะตามเรื่องนี้ต่อยังไงดี “อืม ว่าไง” สารวัตรหนุ่มหล่อรับสายจากหนึ่งในทีมสืบลับ “ทายาทของครูหนิงหรือ” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับชนธัญ “หนิงเป็นเด็กกำพร้า” ชนัญยืนยันคำเดิม “กรมธรรม์ประกันชีวิตของครูหนิง” สารวัตรรัฐนนท์มีน้ำเสียงที่สดใสขึ้นเมื่อได้ยินปลายสายพูดแบบนั้น “มีชื่อของผู้รับผลประโยชน์ อย่างนั้นหรือ แจ๋วเลยงานนี้” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับชนธัญว่า คดีนี้มีทางไปต่อแล้ว

หนิงเองชักไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอและแฟนหนุ่ม มันไม่เหมือนแต่ก่อนตั้งแต่เริ่มคบกัน จากที่ชมรมการพูดที่มหาวิทยาลัย ตอนที่เขาขอเธอคบเป็นแฟน ตอนที่หนิงยอมตกเป็นของเขา จนได้ย้ายมมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ ยิ่งตอนที่ต่างคนต่างทำงานแล้ว การสื่อสารระหว่างกันก็ยิ่งลดน้อยถอยลงมากขึ้นทุกที ๆ

“หนิงซื้อข้ามผัดมา จะกินเลยมั้ย จะได้ใส่จานให้” หนิงที่ได้ยินเสียงพูดเบา ๆ ดังออกมาจากห้องเล็ก ๆ ที่แฟนของเธอดัดแปลงใช้เป็นห้องทำงาน หนิงเลยร้องถามออกไป แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา “หนิงเอาใส่จานเลยนะ” หนิงพูดพลางจัดจานข้าวให้กับแฟน เธอชะโงกเลยเข้าไปในทางเดินเล็ก ๆ นั้น ประตูห้องทำงานเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย แสงไฟสีส้มจากโคมไฟส่องออกมาให้เห็น

หนิงตัดสินใจเดินไปที่ห้องทำงานแฟน เพื่อจะไปเรียกแฟนหนุ่มให้มากินข้าวเย็นด้วยกัน แต่คิดว่าเขาคงไม่ได้ยิน หนิงเลยคิดว่าจะเดินไปเรียกเขาด้วยตัวเอง หนิงเดินเข้าใกล้ห้องทำงานของแฟน เธอได้ยินเสียงพูดตอบโต้กันไปมา ทีแรกเธอก็คิดว่าแฟนของเธอกำลังคุยโทรศัพท์กับใครอยู่ แต่ทำไมมันฟังดูแล้วเหมือนกับว่ามีเสียงของแฟนหนิงอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น

ช่องประตูที่เปิดแง้มอยู่ ไม่กว้างมากพอที่จะให้หนิงที่ตอนนี้ยืนอยู่ที่หน้าประตู ได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนั้น เสียงพูดของแฟนที่หนิงจับใจความได้ไม่ถนัดนัก ยังคงดังอยู่ หนิงค่อย ๆ แนบหูของเธอลงบนประตูไม้ เสียงพูดนั้นลดลงการเป็นลักษณะของคนพึมพำ ๆ อะไรในลำคอ แต่ยังคงเป็นไปในลักษณะของการตอบโต้กันอยู่

หนิงมองผ่านลอดช่องประตูที่แง้มไว้อีกครั้ง ก็ไม่เห็นอะไร ไม่มีการเคลื่อนไหวให้เห็น หนิงก้มลงมองที่พื้น เผื่อว่าจะเห็นแฟนหนุ่มของเธอเดินไปเดินมา ทำไม้ที่พื้นห้องลั่นเกิดเสียงบ้าง เหมือนกับที่คนเราเดินไปทั่วห้องขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์ติดพัน แต่ก็ไม่มี จนหนิงต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง แฟนหนุ่มของเธอก็มายืนจ้องหน้าของเธอที่ช่องประตูนั้นอยู่ก่อนแล้ว

“หนิงมาเรียกไปกินข้าว” แม้จะตกใจอยู่ไม่น้อย หนิงก็พยายามพูดให้เป็นเสียงปกติที่สุด เธอเห็นแฟนหนุ่มพยักหน้าตอบรับช้า ๆ สายตามองมาที่เธอเขม็ง จนหนิงเองก็รู้สึกประหลาดใจ ปนเปไปด้วยความหวาดกลัวอยู่ลึก ๆ หนิงกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่แฟนหนุ่มของเธอก็ดันประตูให้ปิดสนิทเสียก่อน หนิงเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าว อีกอึดใจต่อมา แฟนหนุ่มของเธอก็ออกมานั่งร่วมโต๊ะด้วย โดยที่ทั้งคู่ต่างคนต่างกินข้าวไปเงียบ ๆ ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน

ทั้งคืนนั้น หนิงนอนคิดถึงเรื่องนี้ทั้งคืน เธอผล็อยหลับก็เกือบจะรุ่งสางแล้ว มาสะดุ้งรู้สึกตัวตื่นอีกที ก็เกือบ ๆ จะเจ็ดโมงเช้า หนิงรีบลุกขึ้นจากที่นอน มองไปที่ด้านข้าง แฟนหนุ่มของเธอคงตื่นนานแล้ว แต่เห็นว่าเธอนอนอยู่ เลยไม่ได้ปลุก เพราะช่วงนี้หนิงเห็นเขาออกจากบ้านแต่เช้าแทบทุกวัน หนิงอยากจะถาม ว่าเขางานยุ่งมากหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป บ้านทั้งหลังก็เงียบเชียบมากขึ้นอยู่ในที

หนิงทำธุระยามเช้า อาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ เธอกำลังจะเตรียมตัวไปโรงเรียน บ้านทั้งหลังเงียบกริบ มีแต่เสียงของเธอที่กำลังทำอะไรจุกจิกดังพอให้ได้ยินเท่านั้น ทำให้พอรับรู้ว่าบ้านหลังนี้ยังมีชีวิตอยู่ หนิงเดินไปที่ห้องทำงานของแฟน มันคล้องแม่กุญแจเอาไว้ หนิงขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าแฟนหนุ่มของเธอทำไมต้องล็อกห้องนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่เขาเองเป็นฝ่ายบอกกับเธอว่า จะไม่มีประตูที่กั้นความลับระหว่างกันภายในบ้านหลังนี้

หนิงทำท่าคิด กำลังนึกว่า ถ้าหากว่าเธออยากจะซ่อนลูกกุญแจ เธอจะเอมันไปซ่อนไว้ที่ไหน หนิงยกมือขึ้นแตะไล่ไปตามกรบประตูด้านบน ก่อนจะยิ้มออกมา เมื่อแตะเจอลูกกุญแจ หนิงหยิบเอามันมาไข แม่กุญแจที่คล้องอยู่ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย หนิงเปิดประตูห้องทำงานของแฟนเข้าไป เธอไม่ได้เข้ามาในนี้บ่อยนัก แค่มาทำความสะอาดให้ แต่หลัง ๆ มา แฟนของเธอเป็นคนทำเอง หนิงเลยไม่อยากจะก้าวก่ายรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขามากไปนัก

เสียงซีพียูของคอมพิวเตอร์พีซีดังฮัมเบา ๆ หนิงคิดว่า แฟนของเธออาจจะรีบจนลืมปิดคอม หนิงเดินไปขยับเมาส์เพื่อที่จะกดปิดชัตดาวน์ แต่เธอต้องประหลาดใจ เมื่อภาพที่ปรากฏที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มันคือรูปของโรงเรียนอนุบาลที่เธอสอนอยู่ รายละเอียดคือประวัติความเป็นมา สถานที่ตั้ง จำนวนเด็กที่มาเรียน ซึ่งอ่าน ๆ ดู มันก็เป็นข้อมูลทั่วไป ที่หาได้จากอินเทอร์เน็ต เพียงแต่มันมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ว่าห้องอะไรเอาไว้ทำอะไร รวมถึงแผนผังกล้องวงจรปิดที่ครบถ้วนทั้งโรงเรียน

แฟนหนุ่มของหนิงยืนเงียบ ๆ มองหนิงจากรอยแง้มของประตูห้องทำงานนั้น ภาพบนหน้าจอเผยให้เห็นรายละเอียดของโรงเรียนอนุบาลที่หนิงสอนอยู่ แฟนหนุ่มของหนิงยืนนิ่ง ๆ มองหนิงที่กำลังทำท่าสงสัยกับสิ่งที่เธอเพิ่มเห็นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของแฟนหนุ่ม ก่อนจะเห็นหนิงทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ หนิงไม่ได้กดปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ อย่างที่ตั้งใจจะทำแต่แรก

หนิงบอกตัวเองว่า ไม่อย่างนั้น แฟนหนุ่มของเธอก็จะต้องรู้ ว่าเธอไขกุญแจเข้ามาในห้องทำงานของเขา มันคงไม่ดีแน่ที่จะเผชิญหน้ากับเขา กับการแอบทำอะไรลับหลังกันแบบนี้ แม้ว่าหนิงจะยังติดใจอยู่ เรื่องข้อมูลต่าง ๆ ที่เธอเห็น ว่าแฟนของเธออยากจะรู้ไปทำไม ในเมื่อที่ทำงานของเธอก็เป็นแค่โรงเรียนอนุบาลธรรมดา ๆ เท่านั้น

หนิงล็อกประตูก่อนออกจากบ้าน ไม่ทันได้สังเกตเห็นแฟนของเธอ ที่ยืนมองเธออยู่หน้าห้องทำงาน ทั้งวันนั้น หนิงพยายามทำลืม ๆ เรื่องที่เธอค้นพบ แต่มันก็วนกลับมากวนสมาธิของเธอ ทำให้เธอต้องคิดต่อ ว่าแฟนของเธอยากจะรู้มันไปทำไมกัน เลิกงานหนิงก็ตรงกลับบ้าน คิดเอาไว้ว่า ถ้ามีโอกาสจะลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามแฟนดู แบบไม่ให้เขารู้ตัว

หนิงเปิดประตูเข้าบ้านมา ไฟสีส้มจากโคมไฟลอดออกมาจากช่องประตูห้องทำงาน หนิงย่องเท้าให้เบาที่สุด ไปที่ด้านหน้าห้องนั้น ก่อนแนบหูลงฟังที่ประตู หนิงขมวดคิ้วสงสัยที่ได้ยินเสียงแฟนของเธอพูดจาโต้ตอบกันเองเป็นสองคน หนิงทั้งตกใจ ทั้งกังวลใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จนหนิงได้ยินแฟนของเธอพูดออกมาคำหนึ่ง น้ำตาของหนิงถึงกับรื้นขึ้นมาในทันที

แฟนหนุ่มของหนิงเดินมากระชากประตูห้องทำงานให้เปิดกว้างออก มันเป็นเสี้ยววินาทีก่อนหน้านิดเดียว ที่หนิงปิดประตูห้องนอน โดยไม่มีเสียงประตูแม้กระทบกัน แฟนหนุ่มของหนิงไม่เห็นใครที่ทางเดินนั้น ก่อนที่เขาจะปิดประตูให้งับลง หนิงยืนตัวสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้ม เมื่อคำพูดของแฟนหนุ่มของเธอยังคงดังก้องอยู่ในหัวว่า 'ฆ่าให้หมด'

*********************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

We Don't Talk Anymore - Charlie Puth feat. Selena Gomez

https://www.youtube.com/watch?v=3AtDnEC4zak


We don't talk anymore

เราไม่พูดกันอย่างแต่ก่อนแล้ว

We don't talk anymore

เราไม่คุยกันอย่างที่ผ่านมา

We don't talk anymore

เราไม่สนเรื่องที่ค้างคาอีกต่อไป

Like we used to do

อย่างที่เราเคยทำมันก่อนหน้านี้


We don't love anymore

เราไม่รักกันเหมือนเดิมแล้ว

What was all of it for?

สุดท้ายแล้วมันเหลืออะไรทิ้งเอาไว้บ้าง

Oh, we don't talk anymore

เมื่อเราไม่คิดแม้แต่จะคุยให้มันจบ

Like we used to do

อย่างที่เราเคยเป็นเคยทำมา


I just heard you found the one you've been looking

ฉันได้ยินว่าคุณเจอะเจอคนที่เฝ้าหา

You've been looking for

ได้เจอคนที่ถูกใจเสียที

I wish I would have known that wasn't me

ฉันปรารถนาที่จะได้รู้ก่อนหน้านี้ว่าคนคนนั้นไม่ใช่ฉัน


'Cause even after all this time, I still wonder

เพราะแม้จะให้หลังวันเวลาที่ผ่านมานี้ ฉันก็ยังสงสัย

Why I can't move on

ว่าทำไมฉันยังลืมคุณไม่ได้สักที

Just the way you did so easily

เพียงแต่ผิดกับคุณที่กลับทำมันได้โดยง่ายดาย


Don't wanna know

ไม่อยากรับรู้เลยสักนิด

Kind of dress you're wearing tonight

คุณสวมชุดอะไรออกไปเจอเขาในคืนนี้

If he's holding onto you so tight

หรือเขาโอบกอดคุณจนแน่นในอ้อมแขน

The way I did before

อย่างที่ฉันเคยทำมันมาก่อนหรือเปล่า


I overdosed

ฉันยังคงหวั่นไหวแทบคลั่ง

Should've known your love was a game

น่าจะรู้มาก่อนว่ารักสำหรับคุณมันเป็นแค่เกม

Now I can't get you out of my brain

ดูเอาเถอะฉันสลัดคุณออกจากความคิดไม่ได้เลย

Oh, it's such a shame

มันช่างน่าหงุดหงิดใจอะไรเช่นนี้


I just hope you're lying next to somebody

ฉันหวังว่าคุณจะมีใครสักคนมานอนเคียงข้าง

Who knows how to love you like me

คนที่รู้จักว่าควรจะรักคุณยังไงอย่างที่ฉันรู้

There must be a good reason that you're gone

มันอาจจะเป็นเหตุผลดีดีที่ทำไมคุณถึงต้องไปจากกัน


Every now and then I think you might want me to

บางครั้งบางคราฉันก็คิดนะว่าคุณเองอาจจะอยากให้

Come show up at your door

เปิดประตูออกมาก็เจอฉันทุกครั้งไป

But I'm just too afraid that I'll be wrong

แต่ฉันกลัวเหมือนกันว่าฉันเองเท่านั้นที่คิดไปเองคนเดียว


Don't wanna know

ไม่อยากจะรับรู้อะไร

If you're looking into her eyes

ว่าคุณจ้องมองตาเธอด้วยมั้ย

If she's holding onto you so tight

ว่าเธอกอดคุณจนแนบใจ

The way I did before

อย่างที่ฉันทำมันกับคุณเช่นกัน


I overdosed

ฉันยังคงหวั่นไหวแทบคลั่ง

Should've known your love was a game

น่าจะรู้มาก่อนว่ารักสำหรับคุณมันเป็นแค่เกม

Now I can't get you out of my brain

ดูเอาเถอะฉันสลัดคุณออกจากความคิดไม่ได้เลย

Oh, it's such a shame

มันช่างน่าหงุดหงิดใจอะไรเช่นนี้
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๑. DISORDER _ 8.24.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 24-08-2023 14:00:03

๓๑. DISORDER



“DID” สารวัตรรัฐนนท์ทวนคำ ย้ำกลับไปที่ด็อคเตอร์ดรุณี ที่เธอพยักหน้ายืนยันตามนั้น “จากการประเมินทางจิตเวชเบื้องต้น ทีมหมอที่เข้าสังเกตอาการ บอกว่ามีแนวโน้มที่คนร้ายจะมีอาการป่วยด้วยอาการดังกล่าว” ด็อคดุเองได้เห็นคลิปบางส่วนที่ทางหน่วยสืบสวนถ่ายเอาไว้ ตอนเข้าจับกุมตัว

“Dissociative Identity Disorder หรือโรคหลายบุคลิกที่เราเคยได้ยินกัน ผู้ป่วยจะสร้างอัตลักษณ์อีกหนึ่งตัวตน หรือมากกว่านั้นขึ้นมาใหม่ โดยมีลักษณะรูปร่าง หน้าตา น้ำเสียง อายุ อะไรต่าง ๆ ที่คนคนหนึ่งพึงจะมี แม้แต่เพศเอง แตกต่างจากตัวตนดั้งเดิมของคนไข้ โดยสิ้นเชิง” ด็อคเตอร์ดุอธิบายให้กับสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญฟังเพิ่มเติม

“โดยที่อัตลักษณ์เหล่านี้ที่คนไข้สร้างขึ้น ก็จะเข้า ๆ ออก ๆ ผลัดกันมาควบคุมความคิดและพฤติกรรมของคนไข้ สุดแต่ว่าในตอนนั้น คนไข้มีภาวะทางอารมณ์หรือกำลังเผชิญเหตุการณ์หรือเรื่องราวอะไรอยู่” สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับถอนหายใจออกมายาว ๆ เมื่อสิ่งที่นายตำรวจหนุ่มกำลังได้ยินอยู่นี้ มันเพิ่มความซับซ้อนให้กับเคดีนี้มากขึ้นไปอีก

“หมอเคยคุยกับเพื่อนหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้ เล่าให้ฟังว่า บางรายมีอัตลักษณ์เป็นพัน ๆ ที่สร้างขึ้นมา ซึ่งส่วนใหญ่อัตลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นเหล่านี้ ก็เพื่อมารองรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ทั้งกรณีที่คนไข้เจ็บป่วยทางกาย และแน่นอนในกรณีที่ส่วนใหญ่จะเลวร้ายอย่างที่สุด คือกรณีเจ็บป่วยทางจิตใจ ที่คนไข้นั้นทนรับอีกต่อไปไม่ไหว บุคลิกหรืออัตลักษณ์เหล่านี้ ก็จะออกมาทำหน้าที่รับความทุกข์ทรมานนั้นแทนตัวตนจริง ๆ ของคนไข้” ด็อคเตอร์ดุอธิบายรายละเอียดของโรคนี้ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

“ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเกี่ยวข้องกันมั้ย แต่ตอนที่ผมเห็นภาพนิมิต ผมก็ไม่เห็นใบหน้าของเขา ผมเห็นแต่ท่าทางการแสดงออกเท่านั้น” ชนธัญเล่าให้ด็อคเตอร์ดรุณีฟังถึงตอนที่เขาเข้าไปสัมผัสข้อมือของครูหนิงในห้องไอซียู “ซึ่งคุณก็กลับเห็นใบหน้าของนักพูดคนนั้นแทน” ชนธัญพยักหน้ากับสารวัตรรัฐนนท์

“อาจเป็นไปได้ว่า นั่นคืออัตลักษณ์ที่เขาอยากเป็น เพราะเขาเองก็อยู่ชมรมนักพูดตอนสมัยตอนเรียน และก็ดูจะศรัทธานักพูดคนนั้นอยู่ไม่น้อย” หนุ่มหน้าใสตั้งข้อคิดเห็น สารวัตรหนุ่มหล่อกับแพทย์สาวคนเก่งเองก็คิดว่าอะไรตอนนี้ มันก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งนั้น จากที่ได้เห็นในสิ่งที่ชนธัญนั้นทำได้

“กรณีของโรคหลายบุคลิกนี้ ข้อสังเกตหนึ่งก็คือ มันจะมีอยู่หนึ่งอัตลักษณ์ที่เหมือนทำหน้าที่เฝ้าประตูปิดเปิด เป็น Gatekeeper ว่าเมื่อไหร่บุคลิกไหน อัตลักษณ์ใดจะออกมาควบคุมความคิดและการกระทำ” แพทย์หญิงดรุณีให้ข้อมูลเพิ่มเติม “ตอนนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่า บุคลิกของคนร้ายที่เรากำลังเผชิญอยู่ คืออัตลักษณ์อันไหน หรือนี่ก็คือตัวตนจริง ๆ ของเขากันแน่” ด็อคเตอร์ดุบอกกับทั้งสองคน

“ด็อคพอจะบอกได้มั้ย ถึงสาเหตุของไอ้อาการบุคลิกแปลกประหลาดนี้” สารวัตรรัฐนนท์คิดว่า ถ้าเข้าใจคนร้ายมากขึ้น ก็จะเข้าใจวิธีการทำคดีได้ว่องไวขึ้น “ปกติอาการของโรคนี้มักจะพบในคนไข้ผู้หญิง แต่ในผู้ชายก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดก็คือ การถูกทำร้ายมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่อายุยังน้อย และโดยส่วนมากจะเป็นเรื่องของการทารุณทางเพศ” ด็อคดุอธิบายต่อ

“ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ว่าทำไมจิตใจคนเราถึงได้สร้างกลไกอะไรบางแอย่าง ขึ้นมาปกป้องตัวเอง เมื่อรู้ว่าตัวเองจะถูกล่วงละเมิด ก็จะส่งบุคลิกที่สร้างขึ้น ออกมารับมือความรู้สึกทารุณต่อจิตใจนั้น” ชนธัญฟังที่ด็อคดุพูดมา ก็รู้สึกเห็นใจคนไข้ที่มีอาการทางจิตใจแบบนี้

“ประเด็นที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ว่าอัตลักษณ์จำนวนมากขนาดไหนก็ตามที่คนไข้สร้างขึ้น ปกติแล้วแต่ละอัตลักษณ์จะไม่มีความจำร่วมกัน คือ คนไข้จะจำไม่ได้ว่า อัตลักษณ์ไหนไปทำอะไรไว้บ้าง โดยน้อยที่บุคลิกต่าง ๆ จะมีความทรงจำเหล่านั้นร่วมกัน” สารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญออกมาจากห้องทำงานของด็อคเตอร์ดุณี มองหน้ากันว่าจะเอายังไงกันดี

“ให้ผมลองเข้าไปคุยกับผู้ต้องสงสัยก่อน ชนธัญก้มลงอ่านชื่อในเอกสารเพื่อจดจำเอาไว้ “มันอันตราย” สารวัตรรัฐนนท์ไม่เห็นด้วยที่จะให้ชนธัญเข้าไปสอบสวนผู้ต้องหาลำพัง “ถ้าเข้าไปกันหลายคน ทั้งสารวัตรทั้งผม เขาอาจจะไม่ยอมพูดอะไร” ชนธัญที่เร่งฝีเท้าขึ้น ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินไปที่ห้องสอบสวน

“ผมมีข้อมูลที่เกี่ยวกับหนิง ถ้าผมถามได้ถูกคำถาม มันน่าจะเป็นประโยชน์กับเคสนี้ อีกอย่างคนร้ายก็ถูกใส่กุญแจมือเอาไว้กับโต๊ะ ผมจะระวังตัว ไม่เดินเข้าไปใกล้เขา ยังไม่พยายามจะสัมผัสข้อมือเขา ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง” ชนธัญพูดจบ ทั้งสองคนก็เดินมาถึงห้องสืบสวนพอดี ด้านในที่บุติดด้วยกระจกมองทางเดียว ทำให้เห็นผู้ต้องสงสัยถูกล่ามด้วยกุญแจมือและข้อเท้า นั่งอยู่ในห้องนั้นคนเดียว

“ระวังตัวด้วย” แม้จะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นักแต่สารวัตรรัฐนนท์ก็ยอมปล่อยให้ชนธัญเดินเข้าไปสอบสวนผู้ต้องหาเพียงลำพัง “คุณตุลย์” เสียงจากลำโพงดังออกมาอีกด้านของกระจก ทำให้สารวัตรรัฐนนท์ได้ยินบทสนทนาด้านใน ชนธัญพยายามสังเกตว่าชายหนุ่มคนที่เงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเขาเรียกชื่อ จะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อไป

“อ้าว” ชายหนุ่มพูดขึ้น “ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้” ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างคนดีใจที่ได้เจอกัน “มีงานให้ต้องไปทำหลายที่น่ะครับ มาถึงเร็วเต็มที่ได้เทนี้จริง ๆ ขอโทษทีนะครับ” ชนธัญทำพูดติดตลกกลับไป ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามด้านไกลจากอีกฝ่าย “คุณตุลย์” ชนธัญถามย้ำออกไปอีกครั้ง

“ใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มได้ยินชนธัญถามแบบนั้น เขายังไม่หุบยิ้ม แต่เพิ่มเป็นหัวเราะคิกคักชอบใจ ค่อย ๆ เอียงหน้าไปทางกระจกมองเห็นทางเดียว ที่ด้านหลังบานกระจกนั้น มีสารวัตรรัฐนนท์ยืนดูอยู่ “แล้วคิดว่าใช่มั้ยล่ะ” เสียงถามนั้นฟังดูจงใจยียวน แต่ก็ด้วยอารมณ์อยากเล่นล่อเอาเถิดด้วย

“คุณบอกผมมาสิ เราจะได้คุยกันต่อได้แบบสบาย ๆ” ชนธัญสังเกตเห็นว่า รอยยิ้มนั้นยังคงไม่เปลี่ยนไป แต่แววตาที่ชายหนุ่มมีต่างหาก ที่กำลังทำให้ชนธัญเริ่มรู้สึกกลัว “บอกผมมาได้เลยนะครับ ถ้าคุณไม่ได้คุณตุลย์” อย่างที่ด็อคดุได้พูดเอาไว้ ตอนนี้ชายหนุ่มอาจจะใช้อัตลักษณ์ใดอัตลักษณ์หนึ่งที่เขาสร้างขึ้น กำลังสนทนากับชนธัญอยู่ก็ได้

“เจ้าช่างไม่รู้อะไรเสียเลย” ชนธัญมองตุลย์พูดประโยคนั้นช้า ๆ แต่ละคำเน้นพูดออกมาชัด ๆ “ถ้าคุณไม่ใช่ตุลย์ แล้วคุณเป็นใคร หนิงทำอะไรให้คุณ แล้วคุณทำร้ายเด็กพวกนั้นทำไม” ชนธัญถามออกไปเร็วปรื๋อ มองเห็นตุลย์เดาะลิ้นเล่นด้วยอาการไม่ทุกข์ร้อน มันยิ่งอยากทำให้ชนธัญค้นหาความจริงมากขึ้นเข้าไปอีก

“หรือคุณเป็นคนสั่งให้คุณตุลย์ทำเรื่องเหล่านี้ ทั้งหนิง ทั้งเด็ก ๆ” ชนธัญจี้ไปที่จุดที่รู้สึกว่า เขาทำให้อีกฝ่ายพูดความจริงออกมาได้ “ไอ้นี่น่ะหรือ” ตุลย์พูด ฉีกยิ้มกว้าง ชี้นิ้วเขาหาใบหน้าตัวเอง “อ่อนปวกเปียกอย่างมันเนี่ยนะ ข้าว่าข้าคิดผิดด้วยซ้ำที่เลือกมาอยู่ในร่างมัน” สารวัตรรัฐนนท์จำได้ว่า นักพูดระดับชาติคนนั้นพูดถึงความเชื่อของตุลย์ เรื่องท่านผู้เป็นใหญ่ ท่านผู้ชี้นำจักรวาล หรือว่านี่จะเป็นบุคลิกนั้นที่ตุลย์สร้างขึ้น

“มันไม่ดีทั้งนั้น ที่จะใช้ร่างคุณตุลย์ทำชั่ว” ชนธัญหลุดพูดออกไป หากว่าเขาจะใช้เหตุผลกับอัตลักษณ์นี้ได้ ตุลย์หุบยิ้มจ้องมาที่ชนธัญนิ่ง ๆ “งั้นให้ข้าใช้ร่างไหนดีล่ะ” พูดจบชนธัญก็เห็นตุลย์ยิ้มออกมาอีกครั้ง คราวนี้ยิ้มนั้น มันดูเย็นยะเยือกจนทำให้ชนธัญรู้สึกขนลุก โดยเฉพาะท่าทางขยับตัวที่ดูคุกคามมากขึ้น จากที่ชนธัญเห็นตุลย์ในตอนแรก

“ปัญหามันไม่ใช่ไอ้อ่อนนี่ มันไม่ได้อยู่ที่นังครูหนิงจอมแส่นั่น และไอ้เด็กเล็ก ๆ พวกนั้นที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร” ชนธัญยอมรับว่า เมื่อได้ยินตุลย์พูดแบบนั้น ต่อให้จะพยายามทำความเข้าใจมากแค่ไหน ว่าตุลย์นั้นป่วย แต่มันก็อดไม่ได้ที่ทำให้เขานั้นรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ที่ตุลย์พูดถึงทั้งหนิงและเด็ก ๆ แบบนั้น

“ชนธัญเช็กเครื่องส่งสัญญาณเสียงด้วย ผมไม่ได้ยินคุณ” สารวัตรรัฐนนท์กดอินเตอร์คอมพูดกรอกเสียงลงไป ที่มันจะไปดังที่เครื่องฟังที่สวมอยู่ในหูของอีกฝ่าย แต่สารวัตรหนุ่มก็ไม่เห็นชนธัญตอบกลับ “เช็กดูทีซิ ว่าเป็นที่เครื่องส่งหรือที่ลำโพง” สารวัตรรัฐนนท์บอกให้เจ้าหน้าที่เทคนิคที่นั่งควบคุมแผงวงจรอยู่ช่วยตรวจสอบ “ทุกอย่างปกติดีนะครับสารวัตร ไฟทุกดวงติด อุปกรณ์ทุกอย่างทำงาน แต่เสียงมันไม่ดังออกมาเอง” เจ้าหน้าที่ตอบกลับสารวัตรรัฐนนท์

“แล้วมันอยู่ที่ใคร” ชนธัญถามกลับตุลย์ไป เสียงเคร้งกระทบกันของโซ่กุญแจกระทบกันดังขึ้นไปทั่วห้อง เมื่อตุลย์ขยับตัว ชนธัญเหมือนถูกบังคับให้ดวงตาของเขาตรึงเอาไว้กับริมฝีปากของตุลย์ ที่อีกฝ่ายขยับปากพูดแต่ไม่ได้ออกเสียง “ชนธัญ” แต่เสียงของตุลย์กลับดังขึ้นในหูของชนธัญอย่างชัดเจน ซึ่งเขาตกใจเป็นอย่างมาก ที่ตุลย์นั้นรู้จักชื่อของเขาได้ยังไงกัน

สารวัตรรัฐนนท์ตกใจตาเบิกโพลง เมื่อเขาต้องยืนยันกับตัวเองว่า เขานั้นเห็นและเห็นกับตาของตัวเอง ที่อยู่ ๆ ตุลย์ก็บิน ใช่ สารวัตรรัฐนนท์เห็นตุลย์บินจากอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะข้ามมาหาชนธัญ ที่ตอนนี้กระเด็นตกจากเก้าอี้ ลงมากระแทกเข้ากับผนังห้อง สารวัตรรัฐนนท์รีบวิ่งไปกระชากคันโยกเปิดประตูให้เปิดออก แต่มันกลับไม่เป็นไปอย่างนั้น ประตูห้องสืบสวนผู้ต้องสงสัย ที่ปกติเปิดจากข้างนอกเข้าไปได้ทางเดียว แต่ตอนนี้มันไม่ยอมเปิด สารวัตรรัฐนนท์ใช้ไหล่กระแทกเข้ากับประตูเสียงดังลั่นไปหมด

ชนธัญตกใจสุดขีด เมื่ออยู่ ๆ ใบหน้าหนึ่งก็พุ่งออกจากตุลย์เข้ามาหาเขา แรงดันอันมหาศาลจากที่ใดไม่รู้ กระแทกเข้าใส่ตัวของเขา จนชนธัญรู้สึกว่า ตัวเองนั้นปลิวตามแรงลมนั้นจริง ๆ ก่อนจะลงมานอนแอ้งแม้งอยู่ข้างผนังห้อง เสียงเหล็กกระทบกันทำให้ชนธัญเงยหน้าขึ้นมอง ตุลย์เดินเข้ามาหาเขา โซ่และกุญแจมือที่ล่ามชายหนุ่มก่อนหน้านี้ กองอยู่บนพื้นห้อง

“เมื่อทุกอย่างมันมีเวลาของมัน ชนธัญ” ตุลย์ก้มหน้าเข้าหาชนธัญ เสียงสารวัตรร้องเรียกชื่อชนธัญ พร้อมกับเอาไหล่กระแทกประตูให้เปิดออก ดังลั่นไปหมด “คุณตุลย์หยุดเถอะ ผมขอร้อง” ชนธัญเสียงอู้อี้ ๆ อาการจุกท้องจากการกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ตุลย์ที่ยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ดูน่ากลัวอย่างที่สุด

“เจ้ายังคิดว่าข้าคือตุลย์อยู่อีกงั้นหรือ” นี่คือสิ่งที่ด็อคเตอร์ดรุณีบอกเอาไว้ก่อนที่ชนธัญและสารวัตรรัฐนนท์จะออกมาจากห้องทำงานของเธอ ว่าบางครั้งอัตลักษณ์ที่คนไข้สร้างขึ้น ก็ไม่ได้มีเพียงแค่คนเท่านั้น “ท่านผู้เป็นใหญ่ เจ้าเคยได้ยินมั้ย” ชนธัญต้องเบือนหน้าหนีหลับตาปี๋ ใจเต้นแรงตกใจสุดขีด เมื่ออยู่ ๆ ก็เห็นตุลย์อ้าปากกว้างขยายออก กว้างจนชนธัญไม่คิดว่ามนุษย์จะทำได้

“อย่าแม้แต่จะคิด” สารวัตรรัฐนนท์ที่ใช้ทั้งตัวกระแทกประตูจนเปิดออก ชักปืนขึ้นจ่อเข้าที่ศีรษะของตุลย์ เมื่อเห็นชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าหาชนธัญจนใกล้ ตุลย์หันขวับมามองนายตำรวจหนุ่มด้วยแววตาอันแข็งกร้าว ก่อนจะแสยะยิ้มให้ แล้วค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองพื้น ลักษณะร่างกายเริ่มอ่อนแรงลง ชนธัญลืมตามองเห็นทุกอย่าง ในใจสับสนไปหมดว่า ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ผมอยู่ที่ไหน” ตุลย์ทำท่าเหมือนกับคนที่เพิ่งฟื้นคืนสติ เขาดูประหลาดใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นตัวเองอยู่กับทั้งนายตำรวจหนุ่ม ทั้งนักสืบ ใบห้องสอบสวนคดีความ ยิ่งได้รับรู้ถึงรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตุลย์แสดงอาการตระหนกตกใจอย่างที่สุด เขาร้องไห้ฟูมฟาย เมื่อสารวัตรรัฐนนท์เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ชี้ไปที่เขา

“ดีเอ็นเอที่เก็บได้จากเล็บของครูหนิง ยืนยันว่าเป็นดีเอ็นเอของคุณ คุณตุลย์” ตุลย์น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม มองเอกสารยืนยันผลการตรวจที่ถูกวางเอาไว้ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ท่าทีของชายหนุ่มอ่อนลง ผิดกันเป็นคนละคนกับคนที่ชนธัญคุยด้วย และนั่นทำให้หนุ่มหน้าใส ไม่สามารถระบุลงไปด้วยความแน่ใจว่า ตุลย์ในตอนนี้คือคนคนเดียวกันกับที่เขาคุยด้วยจริงหรือ

“คุณจะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เด็กนักเรียนอนุบาลห้องที่ครูหนิงเป็นครูประจำชั้น รวมทั้งข้อหาเจตนาพยายามฆ่าครูหนิง แฟนสาวของคุณเอง และยังปกปิดซ่อนเร้นเหยื่อ เพื่ออำพรางคดี” ตุลย์เงยหน้าขึ้นมองสารวัตรรัฐนนท์ด้วยน้ำตานองหน้า ชนธัญเองก็ไม่อยากเชื่อว่า ตุลย์ในตอนนี้จะใช่คนที่ลงมือสังหารเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลได้อย่างเลือดเย็น

“คุณเป็นอะไรมั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” สารวัตรรัฐนนท์ถามชนธัญทันทีที่ทั้งสองได้อยู่กันตามลำพัง “ผมเห็น มันเหมือนว่าคนที่ผมคุยด้วย ไม่ใช่คุณตุลย์” ชนธัญพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ “ก็ตามที่ด็อคบอกไง คงเป็นอัตลักษณ์ที่คุณตุลย์สร้างขึ้นมา” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับหนุ่มหน้าใส กับข้อมูลที่ด็อคเตอร์ดรุณีว่าไว้

“คุณปลอดภัยก็ดีแล้ว” เสียงพูดของสารวัตรหนุ่มหล่อฟังดูอ่อนโยน ชนธัญกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกไป อยู่ ๆ ก็เหมือนมีลมเย็นยะเยือกพัดมา ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองคนยืนอยู่ในห้อง ก่อนที่ไฟจะดับพรึ่บลง แล้วเสียงโทรศัพท์ของสารวัตรรัฐนนท์ก็ดังขึ้น “ห้องไอซียูของครูหนิง อยู่ ๆ ไฟก็ดับ เครื่องช่วยชีวิตก็ใช้งานไม่ได้พร้อมกัน เครื่องปั่นไฟก็ไม่ยอมติด” เสียงจากปลายสาย หนึ่งในลูกทีมของสืบสวนลับ รายงานให้สารวัตรรัฐนนท์ได้รับทราบ “ครูหนิงเป็นยังไงบ้าง” ชนธัญมองสบตากับสารวัตรหนุ่ม “ครูหนิงเสียชีวิตแล้วครับ ทีมหมอพยาบาลช่วยกันยื้อชีวิตจนสุดความสามารถแล้วครับ” คำตอบนั้นดังกลับมา พร้อมกับไฟในห้องที่ทั้งคู่ยืนอยู่ก็ติดขึ้น รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือในห้องไอซียูก็กลับมาทำงานเป็นปกติเช่นกัน

****************************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Iris - Goo Goo Dolls

https://www.youtube.com/watch?v=NdYWuo9OFAw


And I'd give up forever to touch you

และฉันเพียงสละโอกาสที่จะได้สัมผัสเธอตลอดกาล

'Cause I know that you feel me somehow

เพราะฉันรู้ว่าเธอยังคงรู้สึกถึงกันได้เสมอ

You're the closest to heaven that I'll ever be

เธอคือความรู้สึกที่ทำให้ฉันใกล้ชิดสวรรค์มากที่สุดแล้ว

And I don't wanna go home right now

และฉันยังไม่อยากต้องกลับไปบ้านตอนนี้


And all I can taste is this moment

สิ่งที่ฉันลิ้มรสได้ก็คือช่วงเวลานี้

And all I can breathe is your life

ลมหายใจเข้าออกที่ฉันมีก็คือชีวิตของเธอ

And sooner or later, it's over

อีกไม่ช้าและอีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบลง

I just don't wanna miss you tonight

ค่ำคืนนี้ฉันเลยไม่อยากจะต้องมานั่งคิดถึงเธอ


And I don't want the world to see me

ฉันไม่อยากให้โลกนี้ต้องมองเห็นฉัน

'Cause I don't think that they'd understand

เพราะไม่คิดว่าคนทั่วไปเหล่านั้นจะเข้าใจอะไร

When everything's made to be broken

เมื่อทุกอย่างถูกสร้างมาเพื่อถูกทำลายลง

I just want you to know who I am

ขอเพียงเธอรู้ก็พอว่าฉันเป็นใคร


And you can't fight the tears that ain't coming

ฉันจะห้ามปรามน้ำตาก่อนที่มันจะไหลได้อย่างไร

Or the moment of truth in your lies

หรือมองหาความสัตย์จริงท่ามกลางคำมุสาของเธอ

When everything feels like the movies

เมื่อทุกอย่างดูเหมือนเรากำลังอยู่ในหนังไปเสียหมด

Yeah, you bleed just to know you're alive

เหมือนว่าต้องเลือดออกเพื่อพิสูจน์ว่ายังมีชีวิตอยู่


And I don't want the world to see me

ฉันไม่อยากให้โลกนี้ต้องมองเห็นฉัน

'Cause I don't think that they'd understand

เพราะไม่คิดว่าคนทั่วไปเหล่านั้นจะเข้าใจอะไร

When everything's made to be broken

เมื่อทุกอย่างถูกสร้างมาเพื่อถูกทำลายลง

I just want you to know who I am

ขอเพียงเธอรู้ก็พอว่าฉันเป็นใคร


I just want you to know who I am

ขอเพียงเธอรู้ว่าฉันนั้นเป็นใคร

I just want you to know who I am

ฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉันนั้นเป็นใคร

I just want you to know who I am

จงรู้เอาไว้ว่าฉันนั้นคือใคร
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๒. REST _ 8.25.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 25-08-2023 13:05:03

๓๒. REST


หนิงตัดสินใจขับรถกลับไปที่บ้าน เพราะเธอกำลังคิดว่า ถ้าหากมันจะเข้าตำราที่บอกว่าที่ที่อันตรายที่สุดอาจจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็ได้ เพราะตุลย์เองคงจะนึกไม่ถึงว่า หนิงจะพาเด็ก ๆ มาซ่อนที่บ้านหลังนี้ หนิงเองก็หวังใจเอาไว้ว่าเธอจะคิดถูก เธอเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งไปข้างหน้าแรงขึ้น ยังพออุ่นใจที่มองไม่เห็นว่ามีรถคันไหนขับตามเธอมา

“ครูหนิงหนูกลัว” เด็ก ๆ ที่นั่งอยู่ด้านหลังรถที่หนิงเช่าเอาไว้ เพราะอยากจะขับรถคันนี้ไปหากับเพื่อนเก่าอย่างชนธัญ โดยไม่ให้ผิดสังเกต ไม่มีใครรู้ เพื่อคุยให้ฟังถึงเรื่องที่เธอได้ยินตุลย์พูด รวมถึงอาการประหลาด ๆ ที่แฟนหนุ่มของเธอแสดงออกมาในช่วงหลัง ๆ หนิงไม่อยากจะคิดไปไกลถึงเรื่องที่ว่า ตุลย์นั้นถูกอะไรเข้าสิง หรืออะไรทำนองนั้น แต่หากอาการทางจิตเวชที่น่าเป็นห่วงไม่น้อย เมื่อหนิงล่วงรู้ถึงแผนการฆาตกรรมเด็กอนุบาลของเขา

“รีบลงจากรถกันเร็วเด็ก ๆ” หนิงที่จอดรถที่หน้าบ้านได้ ก็แทบจะกระโดดลงมาเปิดประตูให้นักเรียนอนุบาลของเธอ “เร็ว ๆ เด็ก ๆ เรารีบเข้าไปในบ้านกันนะ” หนิงพูดกับเด็กน้อยครึ่งห้องที่เหลือของเธอ ที่หลาย ๆ คนเริ่มมีอาการงอแง “เราจะได้เล่นปิดตาซ่อนหากันไงคะ” พอได้ยินว่ากำลังเล่นเกมกันอยู่ เด็ก ๆ ก็พากันตื่นเต้น หนิงจึงรีบไขกุญแจพาเด็กเข้าบ้าน

“เดี๋ยวทุกคนลงไปหลบในช่องนี้นะ” หนิงดันโซฟาออกจากที่เดิม เธอดึงพรมที่ปูรองโซฟานั้นออกด้วย มันเผยให้เห็นถึงช่องลับที่ถูกเจาะเอาไว้ที่พื้น หนิงเจอมันโดยบังเอิญ เธอคาดว่าตุลย์เป็นคนทำมันเอาไว้ แต่หนิงก็เดาไม่ออกในตอนนั้น ว่าตุลย์ทำช่องนี้ขึ้นมาทำไม จนเธอคิดว่า แฟนหนุ่มของเธออาจจะทำมันเพื่อเอาไว้หลบซ่อนตัว หลังจากได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ก็เป็นไปได้

“ทุกคนหลบอยู่ในนี้ รอครูหนิงมาเปิดนะคะ ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามพูดคุยกัน เข้าใจมั้ยคะ” หนิงสั่งให้เด็ก ๆ ทุกคนทำตาม เธอวางขวดน้ำดื่มหลายขวดลงในช่องลับ “อย่าดื้อกับครูนะคะ” หนิงพูดหลังจากไปหอบนมกล่องและขนมมาจากในครัว “อยู่ในนี้รอครู” หนิงคลานเข้าไปกดเปิดโคมไฟดวงเล็ก ๆ ที่ด้านในสุดของช่อง ที่มองไม่เห็นจากด้านนอก

“ไม่ว่าใครจะมาเรียก อย่าตอบเด็ดขาด ให้รอแต่ครูคนเดียวเท่านั้น เข้าใจนะ” หนิงมองดวงตาที่กลมใสแป๋วที่ไร้เดียงสาเกินกว่าจะรับรู้ว่า อันตรายอันใหญ่หลวงกำลังขยับใกล้เข้ามา เมื่อมัจจุราชเริ่มชิงลงมือก่อนเวลา หนิงปิดประตูช่องนั้นกลับลงไป “เงียบ เด็ก ๆ อย่าส่งเสียง” เธอต้องดุเด็ก ๆ ตัวน้อยเหล่านั้น ก่อนจะปูพรมทับ และเข็นโซฟากลับไปที่เดิม หยุดสังเกตให้แน่ใจว่าทุกอย่างดูไม่ผิดแปลกไปจากตอนแรก เธอก็วิ่งไปที่ห้องเก็บของ

หนิงรวบตุ๊กตาผ้ายัดนุ่นสวมหมวก ขนาดกำลังประมาณหนึ่งอ้อมกอดเหล่านั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเอาพวกมันไปใส่ไว้ที่เบาะท้ายรถ อยู่ ๆ ก็มีเสียงรถคันหนึ่ง ที่หนิงจำได้เป็นอย่างดีว่ามันเป็นเสียงเครื่องยนต์รถของเธอ แล่นเข้ามา ไวเท่าความคิด หนิงต้องดึงความสนใจของตุลย์มาไว้ที่เธอ

“เด็ก ๆ นั่งดี ๆ นะ ก้มหัวลง” หนิงทำท่าตะโกนเข้าไปในรถ ตุลย์มองผ่านกระจกด้านหลังของรถเช่า เขาเห็นเงาหมวกตะคุ่ม ๆ ก่อนจะเห็นหนิงรีบเข้าไปนั่งที่ด้านหลังพวงมาลัยรถ สีของฟิล์มที่ติดกระจกด้านหลังรถเช่า ทำให้ตุลย์เห็นเป็นเด็ก ๆ นั่งกันอยู่เต็มหลังรถ เขาออกรถตามหนิงไปในทันที ที่หนิงนั้นกระชากรถออกไป

“ไปให้พ้นนะ” หนิงหันไปตะโกนใส่ตุลย์ ที่พอทั้งคู่ขับรถไล่ตามกันออกมาจนถึงถนนนอกเมือง หนิงเกือบเสียหลักประคองรถเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อตุลย์จงใจขับรถเข้าชนด้านข้างของรถเช่าที่หนิงขับอยู่ หนิงกรีดร้องไปด้วยความกลัว พยายามเรียกสติของตัวเองที่กำลังเตลิดเปิดเปิงให้กลับมา ตุลย์ขยับรถเข้าครูดกับรถของหนิงอีกหลายครั้ง ก่อนจะต้องรู้สึกโมโหสุดขีด เมื่อเห็นว่าที่เบาะด้านหลังรถเช่านั้น มีเพียงตุ๊กตาหลายที่วางอยู่

หนิงเหยียบเบรกอย่างแรง จนรถหยุดนิ่ง ตุลย์ขับรถเลยไปไกลสักระยะหนึ่งก็จอด มือหนึ่งของตุลย์คว้าปืนไรเฟิลเอาไว้ แต่อีกมือหนึ่งก็ปัดมันทิ้ง เหมือนเป็นการต่อสู้กันระหว่างตุลย์ที่ตะโกนห้ามกับใครอีกคน ว่าอย่าทำแบบนี้ ให้หยุดเสีย ก่อนที่หนิงจะมองเห็นตุลย์เปิดประตูรถเดินลงมาพร้อมปืนในมือ

หนิงกรีดร้องจนสุดเสียง เมื่อปืนนัดแรกถูกยิงใส่กระจกหน้ารถเช่า ก่อนที่อีกนัดจะโดนยิงออกมา แต่แปลกที่ว่านัดที่สองนี้ เหมือนปืนมันจะถูกปัดให้สะบัดเปลี่ยนทิศทาง เมื่อตุลย์ขยับเดินเข้าใกล้รถ หนิงก้มลงนอนไปกับเบาะ เมื่อลูกปืนอีกหลายนัดส่งเสียงคำรามใส่เธอ ทุกครั้งที่ตุลย์ก้าวเท้าเข้ามาเรื่อย ๆ หนิงคิดว่า ถ้าเป็นแบบนี้ เธอไม่รอดแน่ ๆ จึงตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเหยียบคันเร่ง ให้รถพุ่งไปข้างหน้า

ความเจ็บแปลบแล่นเข้าที่ท้องของหนิง เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังจะวูบไป สติที่เหลือกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านนั้น ทำให้เธอประคองรถไปได้ไม่ไกล ก่อนพวงมาลัยจะหมุนปัดให้รถเช่าเอาล้อหน้าขึ้นไปเกยอยู่บนเกาะกลางถนน หนิงมองเห็นตุลย์เดินถือมือเข้ามาใกล้ ใจของเธอตอนนี้เห็นภาพตัวเองเปิดประตูลงจากรถ แล้วกำลังวิ่งหนีไป แต่ที่เกิดขึ้นจริงอยู่ตอนนี้ มือของเธอชุ่มไปด้วยเลือดแดงฉาน ที่หนิงพยายามกดห้ามเลือดเอาไว้

“ลงมานี่” หนิงหมดแรงที่จะต่อต้าน เธอทานแรงของตุลย์เอาไว้ไม่ไหว เมื่อตุลย์ลากเธอเดินถูลู่ถูกังมาขึ้นรถของเธอเอง ตุลย์นั่งที่เบาะคนขับ ก่อนออกจากรถ “ตุลย์อย่า” หนิงพยายามจะห้ามปราม มือข้างซ้ายของตุลย์ก็จับหมับเข้าที่ต้นคอของหนิง ก่อนดันหน้าของเธอให้ไปติดกับหน้าต่างรถ หนิงรับรู้กับตัวเองว่า เวลาบนโลกนี้ของเธอ คงจะเหลืออีกไม่นาน

หนิงถูกลากมาตามทางเดินดินเล็ก ๆ นั้น ด้านข้างเธอเห็นคูน้ำตื้น ๆ หนิงรู้สึกว่าเรี่ยวแรงของเธอกำลังถดถอยหมดลงทุกขณะ ตุลย์ผลักหนิงคว่ำหน้าลง ก่อนที่หนิงจะรู้สึกได้ในทันที ว่าเธอกำลังสำลักน้ำครำนั้นเข้าจมูก หนิงดิ้นรน มือของเธอไขว่คว้าปัดให้มือของตุลย์ที่กดท้ายทอยของเธออยู่ ให้หลุดออก จังหวะหนึ่งหนิงรู้ว่าเล็บของเธอข่วนเข้าที่แขนของตุลย์ แต่ก็ดูเขาจะไม่สะทกสะท้านอะไร

หนิงคิดว่าสติของเธอยังครบถ้วนอยู่ แต่ว่าร่างกายของเธอนั่นหยุดนิ่งไม่ไหวติง แรงกดที่รู้สึกได้ตรงท้ายทอยก็หายไปด้วย จมูกของหนิงเผยอขึ้นเหนือน้ำ หนิงคิดว่า หากเธออยู่นิ่ง ๆ ความเจ็บปวดทั้งหลายเหล่านี้ ก็จะจบความทุกข์ทรมานให้เธอภายในระยะเวลาไม่ช้านี้ หนิงจำไม่ได้ว่า เธอนอนรอวินาทีสุดท้ายของตัวเองอยู่นานเท่าไหร่ จนเธอได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า 'ยังมีสัญญาณชีพอยู่' มันฟังดูแล้ว หนิงว่ามันทำให้เธอโปร่งโล่งสบายอย่างประหลาด

เธอมารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนสัมผัสได้ว่าทมันมีสายอะไรต่อมิอะไรโยงระยางอยู่ตรงหน้าเธอเต็มไปหมด และความอุ่นจากมือสัมผัสเข้าที่ข้อมือของเธอ 'เพื่อน' หนิงคิดว่าเธอยิ้มให้เพื่อน และเป็นยิ้มที่ผ่อนคลายและดีใจอย่างที่สุด ที่เธอได้กลับมาเจอเพื่อนเก่าอย่างชนธัญอีกครั้ง เธอมีอะไรจะเล่าให้เพื่อนฟังมากมาย แต่เธอจะเริ่มจากเรื่องไหนก่อนดี หนิงถามตัวเอง

ก่อนที่นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หนิงรู้สึกตัวอีกที เมื่อมีเสียงกระซิบที่ข้างหูของเธอว่า 'เมื่อทุกอย่างมันมีเวลาของมัน' ใคร หรืออะไรบางอย่าง ยืนอยู่ที่ข้างเตียงของเธอ ทุกอย่างเงียบเชียบจนน่าใจหาย รอบข้างเธอดำสนิท แปลกที่เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้ลุกขึ้นยืน จากที่นอนอยู่นิ่งมานาน ร่างดำทะมึนที่มารอเธอนั้นดูเกรี้ยวกราด เมื่อไม่สามารถหยุดหนิง ไม่ให้เดินไปอีกทางที่มีแสงสว่างส่องเข้ามาได้

ชนธัญถือตุ๊กตาหมีอยู่ในมือ มันเป็นตุ๊กตาหมีใส่หมวกแบบที่เขารู้ว่าหนิง เพื่อนสนิทของเขานั้นชอบ วันนี้ทางสำนักสืบสวนได้ดูแลเรื่องสุสานที่จะใช้ฝังร่างของหนิง หลังจากที่จัดทำทะเบียนส่งฝังให้จนเรียบร้อย สารวัตรรัฐนนท์เห็นชนธัญมีแต่ความหมองเศร้า ตอนที่สารวัตรหนุ่มแจ้งข่าวกับชนธัญเรื่องครูหนิง หนุ่มหน้าใสคนนี้ไม่ได้โวยวายหรือฟูมฟายอะไร แต่การที่สารวัตรรัฐนนท์ได้เห็นชนธัญปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาไม่หยุดแบบนั้น มันทำให้นายตำรวจหนุ่มสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย

“นอกจากผมและคุณตุลย์แล้ว มีใครอีกคนอยู่กับเราด้วยในตอนนั้น” ชนธัญมองเจ้าหน้าที่จัดการคลุมดินบริเวณที่ฝังร่างของหนิง “คุณหมายถึง Gatekeeper อีกอัตลักษณ์หนึ่งที่ตุลย์สร้างขึ้นอย่างนั้นหรือ” สารวัตรรัฐนนท์ถามกลับชนธัญไป ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าช้า ๆ แล้วจึงพูดขึ้นว่า

“มันเหมือนจริงกว่านั้น เป็นอีกคนหนึ่ง ผมเห็นพุ่งเข้าใส่ แต่มันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมไม่รู้เหมือนกันว่าอัตลักษณ์ของคุณตุลย์สามารถทำให้ผมปลิวกระเด็นจากเก้าอี้แบบนั้นได้หรือเปล่า” สารวัตรรัฐนนท์เองแม้จะยอมรับว่า มันมีสิ่งเหนือคำอธิบายเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวของชนธัญเสมอ แต่เรื่องนี้มันควรจะอธิบายได้ด้วยหลักความเป็นจริงเช่นกัน

“ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เชื่อเรื่องที่คุณมองเห็นนะ แต่เขาอาจจะปลดโซ่กุญแจนั่นได้เอง” สารวัตรหนุ่มตั้งข้อสังเกต เพราะตอนที่เขากระแทกประตูจนเปิดออกได้ ตุลย์ดูน่าขนลุกก็จริง แต่เขาก็เปลี่ยนไปจากนั้น ตรงกับที่หมอดุบอกเอาไว้ว่า เขาจะจำความทรงจำร่วมกับอัตลักษณ์อื่นไม่ได้เลย

“ผมรู้ว่าผมเห็นอะไร แต่ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อที่ตัวเองเห็นได้เสมอมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ได้ยินชนธัญพูด เขาเข้าใจดีว่า ตั้งแต่เริ่มงานสืบสวนลับกันมา ทุก ๆ เรื่องที่ชนธัญต้องมาเกี่ยวข้อง มันหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทุกที ๆ “คุณตุลย์บอกว่าเขาพยายามที่จะหยุดสิ่งเลวร้ายนั้นแล้ว แต่เขาไม่สามารถต้านทานมันได้” ชนธัญที่เห็นอาการเสียใจอย่างที่สุดจากตุลย์ ยิ่งเมื่อรับรู้ว่าต่อมาว่า ครูหนิงเสียชีวิตแล้ว

“เขาจำนนด้วยหลักฐาน เขาจะพูดอะไรก็ได้ จะแก้ตัวให้ตัวเองฟังดูดีแค่ไหน แต่ศาลท่านก็พิจารณาบทลงโทษในคดี ตามหลักฐานที่มี และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทุกชิ้นก็ชี้ไปที่เขา เราไม่ได้จับผู้ต้องสงสัยผิดคน” สารวัตรรัฐนนท์รู้ดีว่า เขาและทีมสืบสวน รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกันทำคดี ทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบและแม่นยำที่สุด

“ความสามารถในการมองเห็นของคุณ ช่วยคนมาได้มากมาย” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับชนธัญ เพื่อให้กำลังใจกับหนุ่มหน้าใส ว่าชนธัญทำทุกอย่างได้ดีเยี่ยมมากแล้ว ชนธัญยิ้มน้อย ๆ ให้กับสารวัตรรัฐนนท์ แทนคำขอบคุณกลับไปให้อีกฝ่าย ก่อนจะก้มลงมองไปที่ตุ๊กตาหมีที่ถืออยู่ในมือ สารวัตรรัฐนนท์สังเกตเห็นว่าชนธัญคล้ายดูตกใจที่ได้เห็นอะไรบางอย่าง

“มีอะไร” สารวัตรรัฐนนท์ถามขึ้น ชนธัญพยายามกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้น ริมฝีปากสั่นระริก เต็มไปด้วยอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ภายในใจ ภาพที่ชนธัญเห็นก็คือ หนูน้อยนักเรียนชั้นอนุบาลห้องคุณครูหนิงคนหนึ่ง ยืนอยู่ตรงหน้าสารวัตรรัฐนนท์ หนูน้อยเงยหน้ามองสารวัตรหนุ่มด้วยรอยยิ้ม “มีเด็กน้อยอยากขอบคุณสารวัตร” ชนธัญพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ สารวัตรรัฐนนท์ก้มลงมองตามสายตาของหนุ่มหน้าใสที่กำลังมองอยู่

“ยินดีครับ” สารวัตรหนุ่มหล่อกล่าวขึ้น ก่อนจะมองเห็นชนธัญค่อย ๆ เงยหน้าเหมือนมองตามใครบางคนไป เด็กนักเรียนตัวน้อยวิ่งปร๋อจากไป ชนธัญมองเห็นหนิงยืนยื่นมือรอจับมือนักเรียนตัวน้อยในชั้นของเธอ ชนธัญเห็นหนิงมองสบตากลับมาที่เธอ นักเรียนตัวน้อยคนอื่น ๆ ยืนอยู่ตรงนั้นกับเธอด้วย ทุกคนดูดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง

“หนิง แกเป็นครูที่ดีมากนะ แกได้เป็นครู สมความภาคภูมิแล้ว ฉันดีใจกับแกนะ” ชนธัญเอ่ยขึ้น “เด็ก ๆ อีกครึ่งห้อง ปลอดภัยดีทุกคน แกช่วยพวกเขาเอาไว้” ครูหนิงยืนมองมาทางชนธัญเงียบ ๆ “เฮ้ย” ก่อนที่สารวัตรรัฐนนท์จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ ซึ่งเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าทำไม หากว่าบางจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะกัน เวลาที่อยู่ใกล้กับชนธัญ เขาก็จะสามารถมองเห็นในสิ่งที่ชนธัญมองเห็นด้วยได้ แม้ว่ามันจะเป็นระยะเวลาไม่นาน

“ลาก่อนนะเพื่อน” ชนธัญกล่าวอำลาเพื่อนสนิททั้งน้ำตา ครูหนิงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพาเด็ก ๆ อนุบาลห้องที่เธอประจำชั้นเดินหายไปด้านหลังกลุ่มควันนั้น “จะเป็นเกียรติสำหรับผมกับหนิงมาก” ชนธัญพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ ก่อนจะยื่นตุ๊กตาหมีตัวนั้นให้ “ด้วยเกียรติของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ครับ” สารวัตรรัฐนนท์เอาตุ๊กตาหมีตัวนั้นไปวางที่ด้านหน้าป้ายชื่อของครูหนิง ที่ที่เธอจะพักกายอย่างสงบนิ่งตลอดกาล

****************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Flashlight - Jessie J

https://www.youtube.com/watch?v=kBSLXyoCZO8


When tomorrow comes

เมื่อรุ่งอรุณมาถึง

I'll be on my own

ฉันต้องยืนได้ด้วยตัวเอง

Feeling frightened of

ต่อให้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

The things that I don't know

กับสิ่งที่ฉันไม่มีทางรู้

When tomorrow comes

เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง

Tomorrow comes

เมื่อท้องฟ้าส่องแสง

Tomorrow comes

เมื่อวันใหม่เคลื่อนตัวเข้ามา


And though the road is long

และแม้ว่าหนทางมันช่างยาวไกล

I look up to the sky

เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

And in the dark I found,

มองเห็นแต่เมฆฝนดำ

I lost hope that I won't fly

แม้ฉันจะเสียความเชื่อมั่นที่จะบินต่อไปไม่ไหว

And I sing along, I sing along

แต่ฉันก็จะเอ่ยคำร้อง ร้องเพลงนี้ออกมา

And I sing along

และร้องมันไปจนสุดทาง


I got all I need when I got you and I

ฉันมีพร้อมทุกอย่างเมื่อรู้ว่าเรามีกันและกัน

I look around me, and see a sweet life

พอมองไปรอบรอบ ก็เจอแต่กำลังใจเต็มเปี่ยม

I'm stuck in the dark but you're my flashlight

ต่อให้ต้องทุกข์ทนในความมืดแต่เธอคือแสงสว่างคอยนำทางให้

You're getting me, getting me through the night

เธอคอยพอฉันเดินไปข้างหน้า ฝ่าพ้นค่ำคืนที่เลวร้ายนี้ไป


Kick start my heart when you shine it in my eyes

ส่งพลังใจเริ่มต้นได้ใหม่ เมื่อไฟจากเธอนำหน้าดวงตาของฉัน

Can't lie, it's a sweet life

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือชีวิตที่มีคุณค่า

I'm stuck in the dark but you're my flashlight

ต่อให้ต้องอับจนหนทางตรงหน้า แต่เธอคือแสงคอยชี้ทางสว่าง

You're getting me, getting me through the night

เธอช่วยให้ฉันก้าวเดินต่อไปได้อีกครั้ง ผ่านพ้นค่ำคืนอันหนักหนานี้ไป


'Cause you're my flashlight (flashlight)

เพราะเธอคือแสงสว่างนำทาง

You're my flashlight (flashlight)

เพราะเธอคือไฟส่องทาง

You're my flashlight

เพราะเธอคือแสงแห่งชีวิต


I see the shadows long beneath the mountain top

ฉันมองขึ้นไปเจอเงาทะมึนที่ก่อนขึ้นถึงบนยอดเขา

I'm not afraid when the rain won't stop

ฉันไม่รู้สึกหวาดกลัวหากฝนจะยังคงกระหน่ำใส่ไม่หยุด

'Cause you light the way

เพราะเธอคือแสงส่องนำทางหัวใจ

You light the way, you light the way

เธอนำทางฉันไป เธอนำหัวใจฉันไป


I got all I need when I got you and I

ฉันมีพร้อมทุกอย่างเมื่อรู้ว่าเรามีกันและกัน

I look around me, and see a sweet life

พอมองไปรอบรอบ ก็เจอแต่กำลังใจเต็มเปี่ยม

I'm stuck in the dark but you're my flashlight

ต่อให้ต้องทุกข์ทนในความมืดแต่เธอคือแสงสว่างคอยนำทางให้

You're getting me, getting me through the night

เธอคอยพอฉันเดินไปข้างหน้า ฝ่าพ้นค่ำคืนที่เลวร้ายนี้ไป


Kick start my heart when you shine it in my eyes

ส่งพลังใจเริ่มต้นได้ใหม่ เมื่อไฟจากเธอนำหน้าดวงตาของฉัน

Can't lie, it's a sweet life

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือชีวิตที่มีคุณค่า

I'm stuck in the dark but you're my flashlight

ต่อให้ต้องอับจนหนทางตรงหน้า แต่เธอคือแสงคอยชี้ทางสว่าง

You're getting me, getting me through the night

เธอช่วยให้ฉันก้าวเดินต่อไปได้อีกครั้ง ผ่านพ้นค่ำคืนอันหนักหนานี้ไป


You're my flashlight

เธอคือไฟส่องทาง

Light light ye-yeah

ไฟนำหัวใจ

You're my flashlight

เธอคือไฟแห่งชีวิต
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๓. ห่วง _ 8.28.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 28-08-2023 13:09:04
๓๓. ห่วง


“ชนแก้ว” ทุกคนในทีมสืบลับมารวมตัวกันที่ร้านเหล้าเล็ก ๆ ร้านประจำ ตั้งแต่ก่อนตอนเป็นทีมสืบสวนธรรมดาเท่านั้น ชนธัญต้องยกแก้วของตัวเองขึ้นด้วย และโดนบังคับให้เขาต้องกระดกแก้วลงไปกว่าครึ่ง ด้วยข้ออ้างของทุกคนในทีมว่า ทางท่านผู้บัญชาการมีคำสั่งโดยตรงลงมา ให้ทีมสืบลับหยุดพักได้เป็นเวลาสองวัน หลังจากที่เพิ่งสามารถไขคดีใหญ่ระดับประเทศลงได้

“วันนี้วันศุกร์ ฉลองกันให้เต็มคราบ ฟรีตลอดงาน” ใครคนหนึ่งในทีมพาให้ทุกคนเฮกันยกใหญ่ เมื่อท่านผู้บัญชาการควักกระเป๋าเลี้ยงทีมสืบลับด้วยตัวท่านเอง “เสาร์อาทิตย์นี้ค่อยนอนให้หนำใจ” เสียงทีมเอิ๊กอ๊ากแซวกัน ถึงเวลาทำงานที่แทบจะได้นอนกันไม่กี่ชั่วโมง ชนธัญนั้น พอได้มาคลุกคลีทำงานในทีมสืบลับ ก็ได้เห็นว่าทุกคนนั้นทำงานหนักกันมากจริง ๆ

“แถมด้วยเรื่องดี ๆ” ทุกคนในทีมนั้นรู้สึกดีมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ที่กฎหมายใหม่กำลังจะผ่านการพิจารณาของรัฐบาล เกี่ยวกับการปกป้องและคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก” ชนธัญมองเห็นความสุขในแววตาของทั้งทีม “ผมภูมิใจในตัวทุกคนนะครับ แบบ มาก ๆ เลย” ชนธัญพูดขึ้น ก่อนจะเสยกแก้วขึ้นมาถือ ด้วยความเขิน ๆ ที่ทุกคนหันมามองที่เขา

“ขั้นต่อไปก็ ผลักดันเรื่องการครอบครองอาวุธปืนเถื่อน” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ “คุณชนธัญต้องอยู่ช่วยพวกเราด้วยนะครับ” ชนธัญสบตากับทั้งทีม “พวกเราทุกคนก็ภูมิใจในตัวคุณนะครับ” ทุกคนรู้สึกขอบคุณชนธัญเช่นกัน กับความสามารถพิเศษที่ทำให้ทางทีมสืบลับนั้น ปะติดปะต่อเรื่องราวและคลี่คลายคดีลงได้อย่างรวดเร็ว

“ใช่ อยู่ด้วยกันนาน ๆ นะ” เสียงของด็อคดุดังขึ้นที่ด้านหลังของชนธัญ ก่อนที่ด็อคเตอร์สาวจะก้มลงสวมกอดชนธัญเอาไว้ หนุ่มหน้าใสยิ้มแบบหลับตา เมื่อทีมสืบลับยกแก้วขึ้นชู ก่อนจะเห็นด้วยกับที่ด็อคดุว่าเอาไว้ “แต่คืนนี้ หมอขอตัวกลับก่อนนะ” ทุกคนตรงนั้นโวยวาย บอกให้ด็อคดุอยู่สนุกกันต่อ แพทย์สาวส่ายหน้าทำท่าไม่สบอารมณ์

“ขอโทษด้วยนะคะ เผอิญหมอนิติเวชอย่างดิฉัน ไม่ได้ถูกนับรวมอยู่ในทีมสืบลับอย่างพวกคุณ พรุ่งนี้เลยไม่ได้หยุดกับเขาค่ะ” ทุกคนหัวเราะเฮฮาไปกับคำพูดของหมอดุ ที่เอาเข้าจริง ก็ดุและจริงจังสมชื่อเฉพาะในเวลางานเท่านั้น “ด้วยความเป็นห่วงนะคะ” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดขึ้นเฉกเช่นพี่สาวที่ห่วงใยน้อง ๆ ทุกคน

“เมาไม่ดื่ม กลับบ้านปลอดภัย ไม่มีใครได้มานอนรอหมอบนเตียงห้องชันสูตร โอเคนะ” ชนธัญเห็นทุกคนในทีมพากันเคาะลงบนโต๊ะไม้เพื่อแก้เคล็ด ชนธัญก็ต้องพลอยทำตามไปกับเขาด้วย รวมถึงสารวัตรรัฐนนท์ที่เพิ่งเดินถือแก้วเครื่องดื่มเขามาสมทบที่โต๊ะ “เอาอีกแล้วหรือด็อค อวยพรลูกทีมผมอีกแล้วล่ะสิ” สารวัตรหนุ่มหล่อส่ายหัวให้กับการเตือนสติแบบตรงไปตรงมาของด็อคเตอร์ดรุณี ที่งานของเธอทำให้ด็อคดุนั้น มองเห็นการมีชีวิตอยู่นั้น ยากกว่าเส้นความตายในเสี้ยววินาที อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

“ยินดีค่ะ ด้วยความรักนะคะ ไปแล้ว” หมอดุโบกมือให้ทุกคน พยักหน้าให้กับสารวัตรรัฐนนท์ที่ยิ้มให้กับแพทย์สาวอย่างคนคุ้นเคยกัน ทำงานด้วยกันมานาน “ยังไงคุณชนธัญก็ต้องสัญญากับพวกเรานะครับ อย่างที่หมอดุพูด” หนึ่งในทีมที่เริ่มเมาล่วงหน้าคนอื่น ๆ ไปแล้ว พูดเสียงอ้อแอ้ ๆ “เพราะไม่อย่างนั้น เดี๋ยวมีคนแถวนี้เสียใจ” ทุกคนในทีมคิกคัก ๆ กันใหญ่ เมื่อเห็นสารวัตรรัฐนนท์หน้าตึงขึ้นมาในทันที

“บอสรู้มั้ยครับ ว่าใคร” ลูกทีมที่เมาได้ที่ของสารวัตรหนุ่มถามขึ้น เสียงฮิ้วยาวดังมาจากทุกคนในทีม ชนธัญทำเหมือนไม่ได้ยินบทสนทนาดังกล่าว หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำท่าเช็กนั่นดูนี่ “เมาก็กลับบ้านมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ทำเสียงดุลูกน้อง ก่อนจะเหลือบไปมองที่ชนธัญ เห็นอีกฝ่ายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ความเหงามันก็แย่อย่างนี้แหละ” ใครอีกคนในทีมในทีมพูดทิ้งท้าย ก่อนที่ทุกคนจะเฮฮากันอย่างเต็มที่ต่อไป หลังจากนั้น ชนธัญเห็นสารวัตรรัฐนนท์กระดกแก้วเหล้าขึ้นถี่ ร่วมสนุกสนานไปกับลูกน้องในทีมอย่างเป็นกันเอง จนหนึ่งในลูกทีมสืบลับคนเดียวที่ไม่ดื่มเหล้าพูดขึ้นหลังจากงานสังสรรค์นี้ดำเนินไปจนดึกดื่นว่า

“ถึงเวลาหน้าที่ของผมแล้วสิ” อย่างติดตลก เมื่อลูกทีมคนนี้ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนคนอื่น “เก็บศพพวกมันกลับบ้าน” ชนธัญหัวเราะออกมาอย่างเข้าใจ เมื่อได้ยินว่า “ไม่งั้นงานหมอดุล้นมือแน่” ชนธัญมองดูหนึ่งเดียวที่ไม่เมาของทีมสืบลับ “ไป ๆ พวกมึง ลุก ๆ กลับบ้าน” ไล่พาเพื่อนในทีมไปขึ้นรถทีละคน

“แล้วคุณชนธัญกลับยังไงครับ” เจ้าตัวที่ถูกถามกำลังจะตอบว่า เขาคงจะเรียกรถจากแอปพลิเคชัน “ขับเป็นมั้ย เอารถผมไปก็ได้” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นกุญแจรถให้กับชนธัญ “เดี๋ยวผมกลับกับไอ้พวกนี้เอง ไม่เป็นไร” เสียงอ้อแอ้ไม่แพ้กัน แถมท่าทางที่สารวัตรหนุ่มพยายามจะยืนตัวให้ตรง ไม่โงนไปเอนมาด้วยฤทธิ์ของน้ำเมานั้น ดูแล้วไม่น่าจะไหวอย่างแน่นอน

“โห บอส บ้านผมกับไอ้พวกนี้ มันอยู่คนละทางกับบ้านบอสเลย คุณชนธัญ” สารถีของเหล่าเพื่อนหันมาเรียกชื่อหนุ่มหน้าใส “เอายังไงดี กว่าผมจะส่งไอ้พวกนี้ครบ แล้วต้องวกรถพาบอสกลับบ้านอีก มีหวังได้ถึงเช้าทันใส่บาตรพระพอดี” ชนธัญพูดไม่ออก เมื่อรู้ดีว่าสารถีจำเป็นต้องการจะพูดอะไร

“ถ้าให้คุณชนธัญขับพาไอ้พวกนี้ไปส่ง คุณก็ไม่รู้จักบ้านพวกมัน ซอยลึก ๆ กันทั้งนั้น” ชนธัญพอจะรับรู้ชะตาขอตัวเองแล้วทีนี้ “นะครับ ขับรถไปส่งบอสให้ผมที นะ ช่วยผมหน่อย บอสคนเดียว ปกติก็ไม่ค่อยเห็นบอสดื่มเยอะขนาดนี้ มีคืนนี้แหละ ท่าทางเหมือนจะงอน ๆ นี่ผมเป็นห่วงเลย ยิ่งบ้านบอสอยู่คนละทางกับพวกผมด้วย” จะให้ชนธัญพูดยังไงได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยกมือไหว้ขอเขาแบบต่อหน้ากันขนาดนั้น หรือจะให้เขาทำเป็นคนแล้งน้ำใจเสียตรงนี้เลย

“เดี๋ยวผมส่งโลเคชั่นให้” สารถีของผองเพื่อนในทีมสืบลับ ช่วยพาสารวัตรรัฐนนท์ขึ้นรถที่เบาะคู่กับคนขับ กล่าวขอบคุณชนธัญอีกครั้ง ก่อนจะออกรถจากไป ชนธัญขึ้นนั่งประจำที่รถของสารวัตรรัฐนนท์ ที่ตอนนี้หนุ่มหน้าใสได้ยินเสียงหายใจเบา ๆ สม่ำเสมอดังมาจากชายหนุ่ม ที่แสดงว่านายตำรวจหนุ่มผล็อยหลับไปแล้ว

ชนธัญเปิดแม็พขับรถมาตามเส้นทางที่สารถีของทีมสืบลับส่งให้ มันไกลออกนอกเมืองให้ได้ขับรถเล่น แต่ก็ไม่ถึงกับน่ากลัวอะไรกับเวลาหลังเลยเที่ยงคืนมามากพอสมควรอย่างนี้ ชนธัญจอดรถเมื่อเสียงจากโทรศัพท์บอกว่า เขาขับรถมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว มองจากยามดึกแล้ว ก็พอจะบอกได้ว่า บ้านของสารวัตรรัฐนนท์ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ลมเย็น ๆ พัดมาเมื่อชนธัญเปิดประตูด้านสารวัตรหนุ่ม เพื่อให้สารวัตรรัฐนนท์ลงจากรถ

“ระวังสารวัตร เดี๋ยวล้ม” ชนธัญต้องใช้สองแขนโอบรอบตัวของสารวัตรรัฐนนท์เอาไว้ เพื่อพยุงตัวของทั้งคู่ เมื่อสารวัตรหนุ่มหล่อดูจะทิ้งน้ำหนักตัวใส่หนุ่มหน้าใสที่ตัวเล็กกว่าอย่างเขา “ถึงบ้านแล้วหรือ” เสียงสารวัตรหนุ่มหล่ออ้อแอ้ แลดูหมดสภาพ “อีกนิดเดียวคุณ” ชนธัญกระตุ้นให้สารวัตรหนุ่มก้าวขาเดินเข้าบ้าน ประตูรั้วไม้ระแนง มองเข้าไปด้านในผ่านส่วนที่เป็นสวนด้านหน้า ไฟถูกเปิดเอาไว้ให้แสงสว่าง

“ห้องนอนอยู่ด้านในนั้น” ชนธัญมองไปที่หญิงชราที่กำลังนั่งเจียนหมากอยู่ที่หน้าชานบ้าน ชนธัญเห็นรอยิ้มจาง ๆ ที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนจะเห็นหญิงชราปรายตาไปด้านใน ที่เป็นห้องนอนของสารวัตรหนุ่ม “นอนเสียกันที่นี่คืนนี้” น้ำเสียงแสดงถึงความใจดีมีเมตตาดังมาจากหญิงชรา ชนธัญค้อมศีรษะลงยกมือที่ยังสารวัตรหนุ่มหล่ออยู่ ขึ้นไหว้หญิงชรา

“เขาไม่ค่อยบอกกับใครว่าเป็นลูกครึ่ง” หญิงชราพูดขึ้น “เขากลัวว่าคนจะมองเขาไม่เหมือนเดิม” ก่อนจะพยักหน้าให้อีกครั้ง ชนธัญไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะพยุงพาสารวัตรรัฐนนท์เข้าไปในห้องนอน สารวัตรหนุ่มหล่อทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ชนธัญช่วยถอดรองเท้าให้ ทีแรกคิดว่าจะช่วยคลายเสื้อและกางเกงให้กับชายหนุ่ม แต่พอคิดอีกที ไม่ดีกว่า ชนธัญดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวให้สารวัตรหนุ่ม ก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นมา

“ห้องนอนอยู่ด้านในนั้น” หญิงชราที่ยังนั่งเจียนหมากอยู่ที่เดิม ตรงชานบ้าน พูดขึ้นมองมาทางชนธัญที่ทำท่าจะเดินออกไปที่รั้วบ้าน “นอนเสียกันที่นี่คืนนี้” น้ำเสียงนั้นยังคงแสดงถึงความใจดีของหญิงชรา ชนธัญหันหลังกลับมามองที่ชานบ้าง ก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้ง “เขาไม่เคยบอกใครว่าเป็นลูกครึ่ง” หญิงชราพูดมองหมากที่กำลังเจียน “เขากลัวว่าคนจะมองเขาไม่เหมือนเดิม” หญิงชราพูดซ้ำอีกครั้ง ชนธัญละสายตาจากชานบ้าน ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของสารวัตรรัฐนนท์ แล้วปิดประตูตามหลังไป

สารวัตรรัฐนนท์ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเช้า ขมับเขาเต้นตุบ ๆ อาการปวดหน่วง ๆ กำลังฟ้องว่าเมื่อคืนเขาดื่มมากไป และตอนนี้อาการปวดหัวนี้มันก็กำลังเล่นงานเขาอยู่ สารวัตรหนุ่มยันตัวลุกขึ้นนั่ง แก้วน้ำกับยาแก้ปวดสองเม็ดถูกวางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียง สารวัตรรัฐนนท์ยิ้มออกมา ก่อนนะโยนยาแก้ปวดสองเม็ดนั้นเข้าปาก แล้วกระดกน้ำตามจนหมดแก้ว

“ดีจังที่คุณยังไม่กลับ” สารวัตรรัฐนนท์พูดขึ้น เมื่อออกมาจากห้องนอนแล้วยังเห็นชนธัญนั่งอยู่ที่ชานบ้าน “บ้านสารวัตรต้นไม้เยอะร่มรื่นดี ผมเลยขอยืมนั่งเล่นหน่อย” ชนธัญมองตามอีกฝ่ายที่หย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ กัน สารวัตรรัฐนนท์จำได้ว่าเป็นหนุ่มหน้าใสที่ขับรถมาส่งเขาถึงที่บ้าน แต่เขาก็ฝืนอาการเมาไม่ให้ตัวเองหลับพับไปก่อนได้ จนต้องได้อีกฝ่ายมาดูแลห่มผ้าให้เขาเข้านอน

“ชอบมั้ยครับ” ชนธัญสบตาเข้ากับสารวัตรรัฐนนท์ที่มองมา สายตาของสารวัตรหนุ่มแสดงออกถึงความใจดี “ขับรถออกมานอกเมืองแบบนี้ แถมเมาอีกต่างหาก” ชนธัญไม่ตอบคำถามนั้นของสารวัตรรัฐนนท์ ที่มันทำใจของชนธัญเต้นแบบแปลก ๆ “ปกติสารวัตรชอบทำให้คนห่วงแบบนี้หรือครับ” สารวัตรหนุ่มหล่อรู้สึกได้ทันทีว่า กำลังโดนดุอยู่กลาย ๆ

“เมื่อก่อนตั้งแต่ผมยังเด็ก ย่าชอบนั่งเจียนหมากอยู่ชานบ้าน รอผมกลับบ้าน” สารวัตรรัฐนนท์มองไปที่ผนังบ้าน มีรูปของหญิงชราคนหนึ่งแขวนอยู่ แต่ชานบ้านว่างเปล่า ไม่มีเชี่ยนหมากของย่าตั้งอยู่แล้ว “ผมรู้ว่าผมทำให้ย่าต้องเป็นห่วงมากกว่าใคร” สารวัตรรัฐนนท์ “ยอมรับผิดครับ” ปลายเสียงของสารวัตรรัฐนนท์อ้อนเล็ก ๆ กลับไปที่อีกฝ่าย

“สารวัตรเป็นคนทำงานเก่ง คุณย่าคงไม่ได้ห่วงอะไรเรื่องนั้น” ชนธัญเองก็มองเห็นความจริงในข้อนี้ “แต่เรื่องการใช้ชีวิต ผมไม่เก่งเลย มันห่วย ผมมันตัวคนเดียวนี่นะ” น้ำเสียงฟังดูน้อยใจอยู่ลึก ๆ “พอจะเดาได้ หนุ่มโสด ข้าวของในห้องแทบจะไม่มีอะไร ผมยังโชคดีที่พอจะยืมผ้านวมสารวัตรมารองนอนที่พื้นได้เมื่อคืน” ชนธัญที่คิดว่า เขาเป็นคนไม่ค่อยซื้ออะไรเข้าบ้านแล้วนะ ยังมีสารวัตรรัฐนนท์ที่ดูสมถะกว่าเขาอีกเยอะ

“ผมก็นึกไม่ออกนะ ว่าถ้าเมื่อคืนคุณขึ้นมานอนเตียงเดียวกันกับผม” สารวัตรรัฐนนท์หยุดนิดหนึ่งจนเขาและชนธัญสบตากันอีกครั้ง “เพราะผมไม่เคยให้ใครทำแบบนั้นเลยสักครั้ง” สารวัตรรัฐนนท์รู้ตัวดีว่า เขากำลังบอกกับชนธัญ ว่าเขาไม่เคยพาใครขึ้นเตียงด้วย “ผมว่าจะกลับแล้ว” ชนธัญพูดขึ้น ทำไมใจถึงเต้นโครมคราม ก่อนจะลุกขึ้นยืน หยิบเอาโทรศัพท์มือถือมาเปิดแอพเรียกรถแท็กซี่

“อยู่ด้วยกันก่อนได้มั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ที่ยังนั่งอยู่ที่ชานบ้าน เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “อยู่กับผมก่อน” ชนธัญก้มลงสบตากับสารวัตรหนุ่มที่ใบหน้าดูน่าเห็นใจ “บางที ถ้าย่ายังอยู่” สารวัตรรัฐนนท์พูดถึงหญิงชราคนที่รูปแขวนอยู่ที่ผนังบ้าน “ผมอาจจะทำให้ย่าห่วงผมลดน้อยลงเรื่องหนึ่ง” ชนธัญมองเห็นดวงตาที่เต้นระริกนั้นจากสารวัตรรัฐนนท์

“ย่าก็จะได้รับรู้ว่า มีคนหลวมตัวมาที่บ้านสวนนี้กับผมแล้ว ผมไม่ได้ต้องอยู่ตัวคนเดียวอย่างที่เคยเป็นห่วง” สารวัตรหนุ่มหล่อกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ใจของเขาตอนนี้เต้นแรงไม่เป็นส่ำ เมื่อเห็นชนธัญก้มมองดูมือของตัวเอง ถูกสารวัตรรัฐนนท์เอื้อมมือมาจับเอาไว้ พร้อมแววตาเว้าวอน

*************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

ทำไมต้องเธอ - ธงไชย แมคอินไตย์

https://www.youtube.com/watch?v=m-saDqely-E


ก็มันไม่อยากรู้ ก็มันไม่อยากรัก

Don’t wanna get involved, not tamed for love

ไม่มีเวลา ที่จะคิด ที่จะสนใจ

Don’ t have time to think, to pay attention

แต่พอได้เจอะเธอ ก็ดูชีวิตมันผิดเพี้ยนไป

But then I’ve met you, my life is completely different now

ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอ ไม่ชอบเลย

I’ve become so weak, it’s agitating me


เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป

Any time I’m with you, I’m so on cloud nine

ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย

I’m not myself, nothing’s the same

แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย

But when you’re gone, can’t get you outta my head

ทำไมต้องเป็น ไม่เข้าใจ

Why it has to be you, that blogs my mind


นี่ตัวฉันเองหรือ เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้

Is this the same me? I pretty much have changed

หมดความเข้มแข็ง และเหตุผลไปอย่างง่ายดาย

No power left to maintain my reasoning

อาจเป็นเพราะเธอนั้น ที่เดินมาหา เข้ามาค้นใจ

It must have been you, getting me to know my heart

แล้วฉันก็เลยเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ

Then I’m definitely new, because I love you


เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป

Any time I’m with you, I’m so on cloud nine

ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย

I’m not myself, nothing’s the same

แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย

But when you’re gone, can’t get you outta my head

ทำไมต้องเป็น ไม่เข้าใจ

Why it has to be you, that blogs my mind


เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป

Every time I am close to you, I’m extremely happy

ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย

Don’t care if I’m not myself, not anymore

แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย

But when you are not here with me, can’t stop thinking about you even one sec

ทำไมต้องเธอ ไม่เข้าใจ

Why it is so, I don’t get it

ชีวิตต้องมาเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ

My life is a whole new world for I love you
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๔. BLAME _ 8.29.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 29-08-2023 12:19:04
๓๔. BLAME


“ฮะ ต้องซื้อหมดนี่เลยหรือ” สารวัตรรัฐนนท์มองดูลิสต์รายการยาวเหยียดของสดที่ชนธัญยื่นให้ “ถ้าไม่ครบ ผมก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ ผมก็ควรจะกลับบ้านได้แล้ว” สารวัตรหนุ่มหล่อทำหน้าบูดทันที ที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น “เอะอะ ๆ ก็จะกลับแต่บ้าน” บ่นกระปอดกระแปดอย่างนั้น แต่สารวัตรรัฐนนท์ก็เดินไปหยิบกุญแจรถแต่โดยดี ก็อุตส่าห์ทำให้หนุ่มหน้าใสยอมเปลี่ยนชุด เป็นเสื้อกางเกงอยู่บ้านตัวโคร่งนั่นได้แล้วนี่นา

“ก็ถ้าจะให้มันออกมาอร่อย ก็ต้องซื้อเครื่องปรุงมาให้ครบ ไม่บ่อยนะครับ ที่ผมจะมาทำของอร่อย ๆ ให้สารวัตรกิน” สารวัตรรัฐนนท์นึกอยากจะสวนอะไรที่ฟังดูแล้วเลี่ยน ๆ ออกไป แต่ก็ยั้งใจเอาได้ทัน “ตลาดอยู่ไม่ไกลมาก เดี๋ยวผมไปแป๊บเดียว คุณอยู่คนเดียวได้นะ” นายตำรวจหนุ่มถามขึ้นขณะก้มลงสวมรองเท้าผ้าใบ

“อืม ได้สิ” ชนธัญตอบสารวัตรรัฐนนท์กลับไป หลังจากปรายตามองไปทางชานบ้านตรงที่รูปของคุณย่าแขวนอยู่ สารวัตรรัฐนนท์มองตามหนุ่มหน้าใสไป แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร “แล้วอยู่คนเดียว ก็อย่าซน อย่าดื้อรื้อข้าวของผมนะ” สารวัตรรัฐนนท์พูดก่อนยืนขึ้น มองเห็นแววตาเฮี้ยว ๆ ของอีกฝ่ายส่งกลับมาหา ที่ทำให้สารวัตรหนุ่มหล่อต้องกลั้นยิ้มอย่างที่สุด

“มีอะไรให้ค้น” ถามออกไป มองไปก็โล่ง ๆ กับบ้านหนุ่มโสด ชนธัญก็หลุดยิ้มออกไปเอง หนุ่มหน้าใสเลยพาให้สารวัตรรัฐนนท์เอง ก็ต้องหัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน “แป๊บเดียว” สารวัตรรัฐนนท์เดินผ่านประตูรั้วระแนงออกไป ก่อนที่ชนธัญจะได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกไป หนุ่มหน้าใสหันหลังกลับไปมองทางชานบ้าน ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ใกล้ ๆ กันนั้น

ไม่นานนัก สารวัตรรัฐนนท์ก็กลับเข้าบ้านมา พร้อมข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือสองไม้ ก่อนจะเดินนำชนธัญเข้าไปที่ครัวไทยแบบเปิดโล่งที่ด้านหลังบ้าน ชนธัญช่วยรับของจากสารวัตรรัฐนนท์ ก่อนจะสำรวจว่าของสดเครื่องปรุงต่าง ๆ นั้นครบถ้วนตามที่ต้องการหรือไม่ ก่อนจะได้ยินสารวัตรหนุ่มหล่อพูดขึ้นว่า

“ผมไม่ค่อยได้ทำอะไรกินเอง นาน ๆ ถึงจะทอดไข่เจียวบ้างสักครั้ง เวลาจนตรอกหิวจัด ๆ” สารวัตรรัฐนนท์สารภาพกับชนธัญด้วยท่าทางเขิน ๆ “แก๊สถังนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนมานาน มันหมดแล้วล่ะ ยังไงเดี๋ยวผมจุดเตาถ่านให้ ตอนย่าทำกับข้าว นี่มันหน้าที่ประจำของผมเลย พวกอุปกรณ์ทำครัวก็เป็นของเก่าของย่า คุณเลือกใช้ได้เลย ตามสบาย” ชนธัญฟังที่นายตำรวจหนุ่มพูดไป สายตาก็มองหาส่วนประกอบสำคัญที่เหมือนว่า สารวัตรรัฐนนท์จะลืมซื้อ

“ถ้าคุณมองหานี่ละก็” สารวัตรรัฐนนท์ชี้นิ้วออกไปที่ต้นมะพร้าวต้นเตี้ย ๆ ด้านหลังบ้าน ก่อนจะเดินออกไปใช้ไม้กระทุ้งลูกมะพร้าวให้มันร่วงลงมา ชนธัญมองตามเสียงสารวัตรรัฐนนท์ออกไปที่ด้านนอก “ได้กะทิสด แยกหัวแยกหาง ตามที่คุณสั่งมาแน่นอนครับผม” สารวัตรรัฐนนท์ไม่พูดเปล่า ทำเสียงขึงขังประหนึ่งพึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชายังไงยังงั้น

“คุณไม่ทำมันบาดตัวเองแน่นะ” ชนธัญมองสารวัตรรัฐนนท์ปอกมะพร้าวอย่างคล่องแคล่ว “สดชื่นนะ” ชนธัญส่ายหน้าปฏิเสธน้ำมะพร้าวสด ๆ จากลูก ที่สารวัตรรัฐนนท์กระดกเข้าปากรวดเดียวจนหมด แต่สายตาของหนุ่มหน้าใสมองไปที่อีกอย่างที่น่าสนใจกว่า “จาวมะพร้าวหรือ” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นมะพร้าวอีกซีกหนึ่งให้ชนธัญดึงเอาขาวมะพร้าวเล็ก ๆ นั่นไปกัดเข้าปาก สารวัตรรัฐนนท์ยิ้มกว้างออกมาอย่างนึกเอ็นดูอีกฝ่าย

“หวานมาก” ชนธัญเคี้ยวกร้วม ๆ อย่างรู้สึกชอบใจ มองสารวัตรรัฐนนท์หยิบเอากระต่ายขูดมะพร้าวออกมาล้างทำความสะอาด “นี่ก็เป็นหน้าที่หลักของผมเหมือนกันนะ ผมทำให้ย่าจนชิน” ชนธัญเสมองไปทางอื่น ก่อนจะหันกลับมามองที่สารวัตรรัฐนนท์อีกครั้ง เมื่อสารวัตรหนุ่มหล่อถอดเสื้อยืดออก ก่อนจะนั่งลงใช้กระต่ายขูดมะพร้าวนั่น กับกล้ามหน้าอกแกร่งและลอนกล้ามที่ท้องแน่น ๆ นั้น

“อันนี้หัวกะทิ ส่วนอันนี้หาง” ชนธัญที่เลี่ยงภาพของสารวัตรหนุ่มหล่อรูปร่างดีนั่งขูดมะพร้าวอยู่ต่อหน้า มาเตรียมข้าวของอย่างอื่น ก็ต้องมาเจอกับสารวัตรรัฐนนท์ยืนเปลือยอก สวมกางเกงยีนเพียงตัวเดียวอยู่ข้าง ๆ หยดเหงื่อที่พราวอยู่บนแผงอก ทำให้ชนธัญเองรู้สึกไข้เขวอย่างที่ต้องดุตัวเองในใจหลายต่อหลายครั้ง

“สารวัตรไปที่อื่นก่อน” ชนธัญบอกสารวัตรรัฐนนท์ ว่าอย่ามาเกะกะ ได้ยินแบบนั้นสารวัตรหนุ่มกลับเอียงตัวเท้าข้อศอกลงบนโต๊ะที่ชนธัญกำลังเตรียมทำกับข้าว “เดี๋ยวแกงมันกระเด็นโดน” ชนธัญทำเสียงดุเด็กน้อยสารวัตร ที่ไม่ยอมทำตามแต่โดยดี “ห่วงผมด้วยหรือ” หน้านิ่ง ๆ แต่แววตาของสารวัตรรัฐนนท์ที่ใช้มองมาที่ชนธัญทำให้หนุ่มหน้าใส รู้สึกหายใจขัด ๆ

“จะกินมั้ย” ชนธัญทำหน้าจริงจัง เสียงเข้ม “ก็จะอยู่ช่วยชิม” สารวัตรทำเสียงอิดออด เดินออกไปจากตรงนั้นสองสามเก้า แล้วหันมาขมวดคิ้วมองชนธัญ “เสร็จแล้วค่อยกินทีเดียว” ยังไงชนธัญก็ไม่ยอมให้สารวัตรรัฐนนท์อยู่วอแวแถวนั้น “ขี้งก" สารวัตรรัฐนนท์ว่าเข้าให้ “อยู่ใกล้ ๆ แค่นี้ ก็ไม่ได้” บ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ยอมเดินไปหยิบเอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คมาเปิดเช็คงาน แต่ก็คอยหันมามองหนุ่มหน้าใสอยู่เป็นระยะ ๆ ที่พอไม่มีนายตำรวจหนุ่มคอยกวน ชนธัญก็ง่วนอยู่กับการปรุงอาหารอย่างคล่องแคล่วเช่นกัน

“มีอุ่นอยู่ด้วย ผมก็อุ่นใจ” เคนตะมองดูเด็กหนุ่มสวมแว่นตา หน้าตาน่ารัก รุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา ที่นั่งอยู่ตรงหน้า “ตอนสอบก็เป็นที่เคนตะทำเองต่างหาก เราไม่ได้ไปทำให้หรือให้ลอกสักหน่อย” รอยยิ้มของอุ่นแบบนี้ ทำให้เคนตะหัวใจเต้นแรง เพราะมันมีความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจมานานแล้ว แต่ไม่กล้าจะพูดออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน

“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ ก็ดีสิ ผมได้คะแนนเต็มแบบอุ่นแน่นอน” อุ่นที่ชินแล้วกับความสุภาพอย่างสุภาพบุรุษที่เคนตะมีให้ เคนตะที่ไม่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกัน มาขอให้เขาช่วยสอนพิเศษให้หน่อย เพราะที่บ้านอยากเคนตะเองนั้น ได้คะแนนดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ จากวิชาเดียว ก็งอกเพิ่มขึ้นมาอีกหลายวิชา เพราะอุ่นเป็นคนเรียนเก่งถนัดแทบจะทุกอย่างจริง ๆ

“ผมโชคดีจะตายที่อุ่นยอมสอนพิเศษผม” เคนตะคิดแบบนี้จริง ๆ เพราะตอนแรกก็กลัวว่า อุ่นจะไม่ยอมสอนให้เขา “เราก็ต้องการรายได้พิเศษพอดี เดี๋ยวจะวันเกิดป๊าแล้ว” อุ่นอยากได้เงินไปซื้อของขวัญให้กับป๊าอยู่พอดี “ผมก็มีเงินจ่ายได้พอดี” หลุดพูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง เคนตะนึกอยากจะตบปากตัวเอง เมื่อเห็นอุ่นหลุบตามองไปที่มือของตัวเอง

“คือไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คือ ผมหมายความว่า ผมบังเอิญจ่ายให้อุ่นได้ ไม่ใช่ ผมคือ พอจะช่วยเหลืออุ่นได้” เคนตะสะเปะสะปะไปหมด ก่อนจะเห็นอุ่นเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ “เราไม่ได้คิดอะไร ไม่เป็นอะไรจริง ๆ” รอยยิ้มนั้น รอยยิ้มละมุนของอุ่นแบบนั้น ทำให้เคนตะใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก

“ติวเสร็จแล้ว ไปหาอะไรกินกันมั้ยครับ ผมหิวแล้ว หัวทึบ ๆ ตื้อ ๆ แบบผมใช้พลังงานไปเยอะ” เคนตะรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้อุ่นรู้สึกไม่ดีกับเขา อุ่นดูลังเล ที่จะไปไหนต่อเย็นวันนี้ “เราไปเดินดูของขวัญให้ป๊าของอุ่นก็ได้นี่นา” อะไรก็ได้ ที่เคนตะรู้สึกว่า เขารวบรวมความกล้า หาเรื่องอะไรก็ได้ ที่จะทำให้เขามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับอุ่น และใช้เวลาอยู่กับอุ่นได้นานขึ้น เพราะพอกลับบ้านไป อยู่ในห้องนอนคนเดียว กว่าจะได้เจอกันอีกก็ต้องรอพรุ่งนี้

“ก็ได้ แต่ไม่ค่ำมากนะ ป๊าอยู่บ้านคนเดียว” เคนตะรีบตอบตกลง พยักหน้าเร็ว ๆ รับรองว่าจะไม่ค่ำแน่นอน อุ่นตอบตกลง ก่อนจะเห็นเคนตะเก็บชีทติวได้เร็วกว่าจะหยิบมันออกมาจากกระเป๋าเสียอีก อุ่นมองเด็กหนุ่มเคนตะที่มีความสูงเลยหน้าเพื่อน ๆ ชั้นปีเดียวกัน ลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อม อุ่นเองเสียอีกที่ความสูงดูจะหยุดไปเสียดื้อ ๆ กลายเป็นคนตัวเล็กกว่าใครในกลุ่มเพื่อน

'ไอ้อุ่นอ้ะนะ ถ้ามันจะมีแฟน เอางี้' เคนตะคิดถึงสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินเพื่อร่วมห้องเดียวกันกับอุ่นคุยกัน มาสด ๆ ร้อน ๆ ตอนเดินมาติวหนังสือเย็นนี้ 'ถ้าแฟนมันเกิดเป็นผู้ชายขึ้นมา เพราะมันตัวเล็ก มันต้องมีคนปกป้องมันได้ มันชอบหนุ่มไทย ชายไทยเรานี่แหละ เชื่อกู พวกมึง มันไม่มีทางชอบคนต่างชาติ' เคนตะนั้นรู้ว่า เขาไม่ได้ยินจากปากของอุ่นสักหน่อย อุ่นไม่ได้เป็นคนพูด แต่ทำไมมันทำให้เขากังวลใจได้มากมายเพียงนี้

“ยังไม่เจอที่ถูกใจเลย” เคนตะจิตใจห่อเหี่ยวไปหมด ไม่แน่ใจว่า อุ่นที่กำลังเดินเลือกซื้อของให้ป๊าอยู่นั้น พูดถึงของที่เลือก หรือว่าไม่ถูกใจที่คนพามาเลือกกันแน่ “น่าเบื่อหน่อยนะ เดินซื้อกับเรา” อุ่นยิ้มอย่างเกรงใจเคนตะ เด็กหนุ่มตัวสูงกว่ามากส่ายหน้า “ไม่เลย” รอยยิ้มของอุ่นมันปลุกความรู้สึกทุกอย่าง รวมถึงฮอร์โมนที่ควบคุมอาการตื่นตัวความเป็นหนุ่มของเคนตะด้วย

“เคนตะ” อุ่นสะดุ้ง ก่อนจะขยับเดินถอยนิดหนึ่ง เคนตะหน้าเสียเมื่อเห็นอาการของแบบนั้นจากอุ่น ใบหน้าของอุ่นที่ประหวั่น ตกใจ เมื่อถูกรุกล้ำ “อุ่น คือผม” เคนตะที่ยืนหน้าเข้าจูบอุ่นที่ริมฝีปาก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก เคนตะห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ “เรากลับบ้านก่อนนะ” พูดจบ อุ่นก็หันหลังเดินไปในทันที ทิ้งให้เคนตะยืนมองตามอุ่น ด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย ไม่รู้จะโทษอะไรก่อนดี

“เออ ว่าไง นี่มันวันหยุดนะ เขาให้พัก โทรมาทำไมวะ” สารวัตรรัฐนนท์เสียงฉุนใส่หนึ่งในลูกน้องในทีมสืบลับ ที่โทรมาขัดจังหวะ ตอนที่เขากับชนธัญกำลังคุยกันยาว ๆ สนุก ๆ อย่างต่อเนื่อง หลังจากเสร็จสิ้นร่วมมื้ออาหารพิเศษด้วยกันจนอิ่มหนำ “บอส” เสียงปลายสายด้านนั้นเรียกสารวัตรหนุ่มหล่อ “บอสต้องเข้ามาที่หน่วยแล้วล่ะ มันมีเคสที่บอสน่าจะสนใจ บอสต้องมาฟัง” สารวัตรรัฐนนท์นึกสงสัยในน้ำเสียงตื่นเต้นของลูกทีม

“บอสอีกอย่าง เราต้องการตัวคุณชนธัญ เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณชนธัญ แต่พวกผมโทรหาคนน่ารักของบอสไม่ติด ทำไมอยู่ ๆ โทรศัพท์เขาเกิดไม่มีสัญญาณ คอนโดคุณชนธัญก็อยู่ใจกลางเมือง ไม่ได้อยู่บ้านนอกเหมือนกับบ้านบอสสักหน่อย” สารวัตรรัฐนนท์ที่มีความคิดจะปรับเลื่อนขั้นเงินเดือนให้ลูกน้องทีมนี้ อาจจะต้องคิดกันใหม่แล้ว

“เออ เรื่องนี้ เดี๋ยวจัดการเอง” พูดจบก็วางสายลงไป โดยมีชนธัญมองมาอยู่ก่อนแล้ว “มีเคสมาใหม่หรือครับ เราไปกันเลยมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ได้ยินชนธัญพูดแบบนั้นก็รู้สึกเศร้า กะว่าจะทำอ้อยอิ่งจนหนุ่มหน้าใส ยอมค้างคืนที่บ้านสวนนี้ได้อีกคืนแล้วแท้ ๆ เชียว ก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้

“แบบนี้ตลอด หน่วยสืบสวน ไหนบอกว่าให้วันหยุดสองวัน” ชนธัญแอบขำกับอาการบ่นกระปอดกระแปดทั้งวันของสารวัตรหนุ่มหล่อ ที่ไม่มีทางทำให้ใครเห็นอย่างแน่นอนในตอนปฏิบัติหน้าที่ ทั้งคู่เดินมาขึ้นนั่งประจำที่ในรถ สารวัตรรัฐนนท์ยังถอนหายใจหนัก ๆ ไล่ความเซ็ง อยากจะโทษอะไรสักอย่าง ชนธัญแอบขำกับท่าทีนั้นของนายตำรวจหนุ่ม ก่อนที่ทั้งสองคนจะขับรถออกจากบ้านสวนไป

“กลับมาแล้วครับ” อุ่นเดินเข้าบ้าน ก่อนจะพูดออกไป “เหนื่อยมั้ย” เสียงถามกลับมา แสดงถึงความห่วงใยอาทร “กลับค่ำเลย เรียนหนักหรือเปล่า” อุ่นนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ กันกับเจ้าของคำถาม “นิดหน่อยเอง” อุ่นพูด ยิ้มให้กับอีกฝ่าย “ปีหน้าก็เข้ามหาวิทยาลัยแล้วสินะ” อุ่นพยักหน้าให้ แทนคำตอบ

“ถ้าพ่อเขายังอยู่ เขาต้องดีใจและภูมิใจมากแน่ ๆ” อุ่นได้ยินคำพูดประโยคนั้น นิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง “ป๊าก็ภูมิใจในตัวอุ่นได้เหมือนกันนะ” อุ่นมองหน้าคนที่ตัวเองเรียกว่า 'ป๊า' ก่อนจะได้ยินป๊าของเขาพูดออกมาว่า “ไม่มีวันไหนเลยสักวัน ที่ป๊าไม่ภูมิใจในตัวลูกของป๊า” รอยยิ้มของป๊า เป็นสิ่งที่อุ่นเห็นมาตลอดตั้งแต่จำความได้

“พรุ่งนี้อุ่นมีสอนพิเศษตอนเย็น และก็ว่าจะไปแวะร้านหนังสือก่อนกลับบ้าน ป๊าหิวป๊ากินข้าวก่อนอุ่นเลยนะ ไม่ต้องรอ” อุ่นขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟานั้น “อุ่น นี่เราอายุถึงวัยที่ต้องเริ่มโกหกป๊าแล้วนะ” อุ่นหันไปมองหน้าป๊า “นี่เราไม่คิดที่จะทำอย่างที่วัยรุ่นวัยเดียวกันคนอื่น ๆ เขาทำกันบ้างหรือไง” ป๊าพูดเอง ยังอดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมา

“มีคนมาจีบลูกของป๊าบ้างหรือยัง” ป๊าทนไม่ไหว โพล่งถามลูกชายออกไป “เฮ้ย ลูกป๊าออกจะน่ารัก” ป๊าพูด มองตามอุ่นที่เดินส่ายหัวไปที่บันไดชั้นสอง “อุ่นขึ้นห้องก่อนละ ไม่คุยกับป๊าแล้ว” อุ่นส่ายหัวให้กับความใจกว้างของป๊าตัวเอง “พามาเปิดตัวให้ป๊ารู้จักก็ได้นะ เดี๋ยวป๊าทำกับข้าวมื้อใหญ่เลี้ยงเอง” เสียงป๊าดังไล่หลังมา เมื่ออุ่นปิดประตูห้องนอนลง

เด็กหนุ่มวางกระเป๋านักเรียนและโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะเขียนหนังสือที่มุมห้อง ติดกับหน้าต่างด้านข้าง อุ่นเอื้อมมือไปดันหน้าต่างนั้นให้เปิดออกรับลม ก่อนที่ลมเย็น ๆ จากด้านนอกจะพัดเข้ามา ม่านขอบลายฉลุดอกไม้ ปลิวไหวเบา ๆ เสียงมือถือที่สั่นดังขึ้น เมื่อมีข้อความส่งเข้ามา อุ่นหยิบมันขึ้นมาดู

'อุ่น ช่วยรับโทรศัพท์ผมด้วย' ข้อความนั้นที่ส่งมา 'อุ่นโกรธผมหรือเปล่า' อ่านข้อความถึงตรงนั้น ที่หน้าจอก็มีสายโทรเข้ามา อุ่นรอจนสายนั้นเงียบเสียงไป 'อุ่นอ่านข้อความผมแล้ว' ข้อความใหม่เด้งเข้ามา 'อย่าโกรธผมเลยนะ' อุ่นมองอีกข้อความที่ส่งมา 'อย่าโกรธผมเลย ผมอดใจเอาไว้ไม่ไหว ที่ผมจูบอุ่น' อ่านข้อความนั้นจบ 'พรุ่งนี้ติวกันที่เดิมนะ ผมเอง เคนตะ' อุ่นได้แต่เม้มริมฝีปากของตัวเองเข้าหากัน

***************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

ต้องโทษดาว - ธงไชย แมคอินไตย์

https://www.youtube.com/watch?v=AE2hId_nCHs


ความจริงที่ฉันต้องการเก็บไว้

The truth that I keep it a secret

มันทำให้ฉันต้องคอยห่างเธอ

It keeps me a distance away from you

ไม่กล้ามอง ไม่จ้องตา ไม่ค่อยมาเจอ

Can’t look you into the eye, can’t stare, don’t want to be around

เดี๋ยวจะเผลอ เกิดหลุดปากอะไรไป

A great chance I slip, say something I shouldn’ t


บังเอิญคืนนั้นพระจันทร์สุดสวย

That night happened to be moonlit

บังเอิญตอนนั้นเหลือเธอกับฉัน

There were just you and me

ทั้งสายลมและแสงดาวก็เหมือนแกล้งกัน

The cool breeze, the starlight that tricked me so

บังคับกัน จนฉันทนไม่ไหว

Forced me too, I couldn’t take it anymore


ไม่มีทางหนีได้เลย

There was no escape

ฉันเลยต้องเอ่ยปาก

Then I said it out loud

บอกรักเธอ รักเธอมานานแสนนาน

Saying I love you, I’ve been falling for you babe

(รักเพียงเธอเท่านั้น

It’ s only you in my heart)


ไม่อยากให้รู้ ให้จำ

Never meant for you to know, forget about it

ไม่อยากทำให้รำคาญ

Don’t want this to annoy you

เพียงแต่คืนนั้น

Though what happened that night

ทุกอย่างบอกฉันว่าต้องพูดความจริง

Everything told me I had to say my mind


พอเธอได้รู้แล้วเธอโกรธไหม

Are you mad now that you knew?

มันคงไม่ใช่เป็นความผิดฉัน

Can’t be all my fault, I believe

ต้องโทษดาว โกรธสายลม และโทษพระจันทร์

It had to be the stars, the wind or even the moon

ที่สั่งฉันให้ฉันต้องบอกเธอ

They said I needed to let you know


ไม่มีทางหนีได้เลย

There was no escape

ฉันเลยต้องเอ่ยปาก

Then I said it out loud

บอกรักเธอ รักเธอมานานแสนนาน

Saying I love you, I’ve been falling for you babe

(รักเพียงเธอเท่านั้น

It’s only you in my heart)


ไม่อยากให้รู้ ให้จำ

Never meant for you to know, forget about it

ไม่อยากทำให้รำคาญ

Don’t want this to annoy you

เพียงแต่คืนนั้น

Though what happened that night

ทุกอย่างบอกฉันว่าต้องพูดความจริง

Everything told me I had to say my mind


ไม่มีทางหนีได้เลย

There’s no way out of this

ฉันเลยต้องเอ่ยปาก

So, I had to say it

บอกรักเธอ รักเธอมานานแสนนาน

Telling you I love you dear, I love you all along

(รักเพียงเธอเท่านั้น

No one else but you)


ไม่อยากให้รู้ ให้จำ

Don’t want you to know, no need to remember

ไม่อยากทำให้รำคาญ

Apparently, don’t get irritated

เพียงแต่คืนนั้น

Just what happened that night

ทุกอย่างบอกฉันว่าต้องพูดความจริง

Everything told me I had to be true to myself


เพียงแต่คืนนั้น

On that very night

ทุกอย่างบอกฉันว่าต้องพูดความจริง

All led me to one thing, honesty
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๕. FALLING _ 8.30.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 30-08-2023 12:45:00

๓๕. FALLING


“พวกผมกะว่าจะเอาเอกสารที่ติดรถไปเมื่อคืนมาเก็บ ก่อนจะขับรถไปนอนริมทะเลกันสักคืน แต่พอมาถึงก็มาเจอเจ้านี่นั่งอยู่ด้านหน้าตึกเสียก่อน” สารถีจำเป็นของเพื่อน ๆ ตั้งแต่เมื่อคืน หนึ่งในทีมสืบสวนลับพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามากับชนธัญ “สภาพอย่างกับคนเพิ่งโดนผีหลอกมา” อีกคนหนึ่งพูด ทุกสายตาจับจ้องมาที่ชนธัญ ที่ส่ายหน้าว่าเขาไม่เห็นอะไร เลยพากันถอนหายใจโล่งอกออกมา

“เมื่อไหร่ทุกคนจะเข้าใจเสียที ว่าผมไม่ได้เห็นอะไรแบบนั้นตลอดเวลา แค่เฉพาะพอมันถึงเวลาที่ต้องเห็น มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้” ชนธัญบอกกับทุกคนไป ก่อนจะหันไปมองทางสารวัตรรัฐนนท์ ซึ่งชนธัญนั้นไม่ได้เอ่ยปากบอกอะไรสารวัตรหนุ่ม ถึงใครที่เขาเห็นที่บ้านสวนของสารวัตร ก่อนหนุ่มหน้าใสจะมองเลยไปทางผู้ชายคนหนึ่ง อายุยังแค่ยี่สิบต้น ๆ นั่งก้มหน้าอยู่ที่โต๊ะตรงมุมห้อง

“ไอ้เด็กนี่ ไม่ใช่หน้าใหม่อะไรสำหรับเราหรอกครับ ชื่อเจตน์” หนึ่งในทีมที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับเอกสาร บอกกับชนธัญให้รับรู้ สารวัตรรัฐนนท์ก็ว่าเขาจำหน้าเจ้าหนุ่มนี่ได้ “คุ้นหน้ามันดี ตั้งแต่พวกเรายังทำหน่วยสืบสวนทั่วไป” สรุปคร่าว ๆ เกี่ยวกับคนที่นั่งดูเป็นทุกข์อยู่ตรงหน้าของทุกคน ถึงประวัติที่ไม่ใช่เล่นของเจ้าตัว

“ผมว่าผมมีส่วนฆ่าคนตาย” เจตน์เงยหน้าขึ้นพูด ทันทีที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่หลายคนเดินมาทางเขา และพากันนั่งล้อมตัวเขาอยู่ “เฮ้ย ใจเย็นไอ้น้อง พูดอะไรแบบนี้ เดี๋ยวเป็นหลักฐานมัดตัว จะซวยเอาเวลาขึ้นศาล” สารวัตรรัฐนนท์รีบเตือนในข้อกฎหมายที่เด็กหนุ่มควรรับทราบไว้เบื้องต้น ก่อนจะพูดอะไรต่อจากนั้น ชนธัญไปนั่งเก้าอี้ด้านไกลออกไป แต่ยังได้ยินการสนทนาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

“ก็พี่จ่า” เจตน์หันไปทางสารถีจำเป็นของกลุ่ม “หมวด” เจ้าตัวแก้ไขยศของตัวเองให้ถูกต้อง “เขาบอกว่าให้รอ ผู้กอง” เจตน์ชี้นิ้วไปทางรัฐนนท์ “สารวัตรโว้ย” และต้องแก้ไขยศของสารวัตรรัฐนนท์ให้อีกครั้ง เจตน์ยิ้มแห้ง ๆ เขาจำไม่ได้หรอกว่าใครคนไหนตำแหน่งอะไรของเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนี้ แค่เพียงแต่คุ้นหน้ากันบ่อยเกินไปก็เท่านั้น

“ไหนเล่าซิ ว่าไปทำอะไรมา” สารวัตรรัฐนนท์ปรามลูกทีมให้เงียบ ๆ เสียงหน่อย ก่อนจะถามเจตน์ถึงที่มาที่ไปของเรื่อง “ถ้าให้ผมเล่า พี่ ๆ ก็อย่าจับผมขังคุกอีกล่ะ จำเอาไว้ตอนนี้ก่อนว่า นี่ผมทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีอยู่นะ” เจตน์ต่อรองกลับ ลูกทีมหน่วยสืบลับรู้ถึงกิตติศัพท์ของการทำการค้าแบบ 'ของพ่อให้มา' ของเจตน์กันดี

“อย่างมากก็โดนขังสองคืน สี่สิบแปดชั่วโมงล่ะวะ เอ้า เล่าต่อ” ลูกทีมสืบลับฝ่ายขังแทนค่าปรับพูดขึ้น เจตน์ยิ้มแหย ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมเดินเตร่หาลูกค้าอยู่รอบสวน คืนนี้สุดสัปดาห์ด้วย มันดูเงียบ ๆ พิกล ผมก็เลยเปิดแอพเกย์หาคู่นอน เผื่อว่าจะมีอะไรดี ๆ เด็ด ๆ” แววตาของเจตน์วาววับขึ้นมา เมื่อเล่าถึงสิ่งที่เขาถนัด

“ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรเลย แม่ง มีแต่เด็กขายด้วยกันเต็มแอพ” เจตน์ทำหน้าเซ็งอย่างชัดเจน “สองแอพสามแอพ เป็นเหมือนกันหมด จนผมเกือบจะถอดใจ กลับไปวนวังหาลูกค้า แต่ก็เผอิญ” อยู่ ๆ เจตน์ก็หยุดเล่าไปเสียเฉย ๆ ลูกทีมในหน่วยสืบลับพากันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หันไปมองหาชนธัญกันเลิกลัก

“คือ เล่านาน ๆ มันคอแห้ง พวกพี่ ๆ มีน้ำอะไรให้ผมดื่มมั่งมั้ย ซ่า ๆ ก็ได้ ไอ้ที่มัน ฟอง ๆ ยิ่งดีใหญ่” ผู้หมวดสารถีจำเป็นของกลุ่ม ทำท่าจะแพ่นเจตน์เข้าให้ ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับกระป๋องน้ำอัดลม “สถานที่ราชการ ไอ้นี่ ถ้ามีจริงล่ะก็ ไม่ถึงเอ็งหรอก เอ้า กินซะ” เจตน์รับเอากระป๋องน้ำอัดลมมาเปิดดื่มอย่างชื่นใจ สารวัตรรัฐนนท์กระแอมเตือนให้เจตน์เล่าเรื่องของเขาต่อ

“พี่นี่หล่อนะ” เจตน์บอกกับสารวัตรรัฐนนท์ไปแบบนั้น นายตำรวจหนุ่มยักคิ้ว หันไปมองทางชนธัญ รู้สึกเซ็งหน้าเหี่ยวลง ที่ชนธัญไม่ได้กำลังมองมาที่เขา “ก็นั่นแหละ อยู่ ๆ ก็มีข้อความเด้งเข้ามาหาผม ตอนแรกผมก็ปัดทิ้ง ไม่สนใจ เพราะเห็นรูปแล้ว เขาอ้วนมาก ผมไม่ไหว” เจตน์บอกถึงลิมิตการรับได้รับไม่ได้ของเขา เกี่ยวกับลูกค้าที่เขาพอจะรับงานได้

“หมื่นนึง” เจตน์ทำเสียงตื่นเต้น “เขาเสนอมาตรง ๆ แบบนั้น หนึ่งหมื่นบาทเลยนะพี่ ทีเดียวเท่านั้น ผมคิด แบบถ้าผมหลับตา กลั้นใจ ฝืนจิ้ม ๆ ไปให้เสร็จ” เจตน์บอกถึงสิ่งที่เขาคิดในตอนนั้น “แต่ที่อยู่ของเขามันข้ามเมืองไปอีกฝั่ง ผมเลยขอค่ารถด้วย เขาก็บอกว่าเขาโอเค” เจตน์เล่าถึงตอนนที่เขานั้น เรียกรถแท็กซี่บึ่งไปหาลูกค้าจ่ายหนักคนนี้ทันที

“โห หรูนี่หว่า” เจตน์ลงจากแท็กซี่ มองขึ้นไปด้านบนตึกสูง คอนโดสองตึกเคียงข้างกันกลางเมือง “ตึกเอ ไปทางไหนวะ” เจตน์ดูมะงุมมะงาหรา ด้นสดมองหาทางขึ้นตึกจนเจอ ก่อนจะเดินไปเจอเคาน์เตอร์เหมือนจะเป็นของหน่วยรักษาความปลอดภัย แต่ที่ตรงนั้นไม่มีใครนั่งอยู่ “อย่างนี้ก็หวานเจี๊ยบ” เจตน์บอกตัวเองว่าดีเลย เพราะหากว่ามีพวกรปภ.นั่งอยู่ เขาขี้เกียจสู้รบตบมือด้วย

เจตน์กดลิฟต์ รอนิดหนึ่ง ประตูลิฟต์ก็เปิดออก เขาเดินเข้าลิฟต์ไป กดชั้นที่อยู่ในข้อความจากลูกค้า สูงเชียว เจตน์คิดในใจเพราะน่าจะเป็นชั้นสูงสุดของตึก แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เจตน์ว่า ห้องคอนโดสูง ๆ ก็หมายความว่าเจ้าของนั้นรวยมาก บางทีหากเขาทำอิดออดเรียกเงินเพิ่ม หลังจากให้ลูกค้าเห็นไอ้ตาเดียวขนาดเขื่องของเขาแล้ว ยังไงซะร้อยทั้งร้อย ลูกค้าก็ต้องยอมเพิ่มเงินให้ เพราะกลัวว่าจะอดกินของดี

“เข้ามาสิ” เจตน์ได้ยินเสียงคนพูดมาจากด้านในห้อง เขานึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่าตอนที่เขาเคาะลงบนประตูห้อง มันไม่ได้แรงอะไรเลย แต่ประตูห้องก็เปิดออกเหมือนกันรู้ ว่าเขามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องแล้ว เจตน์ไม่มีเวลาลังเล แต่ก็พูดกลับไปว่า “ถ้าจะให้ผมเข้าไปในห้อง เพิ่มเป็นซักหมื่นห้า พี่โอเคมั้ย” ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบตกลงออกมา

เจตน์ทำท่าดีใจแบบไม่มีเสียงออกมา ก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วดันประตูห้องที่แง้มอยู่นิดหนึ่งให้เปิดกว้างออก เจตน์ยังไม่เดินเข้าไปด้านในห้องทันที แสงจากโคมไฟด้านในสุดของห้อง ทำให้ห้องคอนโดสลัว ไม่มืดแต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรชัดมากนัก เจตน์ปรับสายตาจากไฟที่สว่างที่ทางเดินหน้าห้อง ให้มองเห็นในห้องได้ดีขึ้น

“ดีครับพี่” เจตน์พอมองเห็นเจ้าของห้อง ชายร่างอ้วนในเสื้อคลุมสีขาว เนื้อผ้าอย่างดี เหมือนที่ใช้กันตามโรงแรมระดับห้าดาวหกดาว ที่ยืนอยู่ตรงประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงกว้าง ตามสไตล์ห้องคอนโดของผู้มีอันจะกิน ชายร่างอ้วนไม่ได้พูดอะไร แค่มองมานิ่ง ๆ เจตน์นั้นรู้งาน เดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูตามหลัง

“ไฟได้อารมณ์โรแมนติกดีนะครับ” เจตน์พูดขึ้น พอจะเข้าใจว่า ลูกค้าอวบ ๆ ที่เขาเคยไปบริการ ก็รู้สึกอายรูปร่างของตัวเองกันแทบทั้งนั้น ก็เลือกที่จะเปิดไฟสลัว ๆ ในห้อง ตอนที่เริ่มทำกิจกาม “อยู่ด้วยกันทั้งคืนได้มั้ย” เสียงถามจากชายร่างอ้วน เจตน์ชะงักตอนที่เขากำลังถอดกางเกงยีนตัวเก่งออก

“โห พี่ ปกติผมก็ได้ลูกค้าทั้งคืน มันมากกว่าหมื่นห้าเยอะ แต่ถ้าพี่จะเก็บผมเอาไว้คนเดียว ถ้างั้น” เจตน์ทำท่าจะดึงกางเกงกลับขึ้นใส่เหมือนเดิม “สามหมื่นพี่ ผมว่าอย่าพี่น่ะ สบายมาก” เจตน์สังเกตดูห้องคอนโดนี้แล้ว มีแต่ข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ แพง ๆ ทั้งนั้น เขาว่างานนี้เขาต้องเป็นหนูตกถังข้าวสารแน่นอน

“จะเอาเงินเลยมั้ย” เจตน์คิดว่า นี่เขาแจ็กพอตแตกหรือยังไงกันในคืนนี้ ที่ได้ยินเสียงชายร่างอ้วนถามแบบนั้น “ถ้าพี่ไม่รังเกียจ” เจตน์เห็นชายร่างอ้วนส่ายหน้า เขากระหยิ่มยิ้มย่อง หมูมาให้เชือดแท้ ๆ “เงินวางอยู่บนชั้นนั่น หยิบไปได้เลย สามหมื่น” เจตน์หันไปทางชั้นที่ว่า เงินปึกใหญ่วางอยู่บนนั้น เจตน์รีบหยิบมันมายัดลงกระเป๋ากางเกงยีนเพื่อความอุ่นใจ ก่อนจะถอดยีนตวนั้นออก เอาไปวางไว้บนเก้าอี้อย่างมั่นใจว่า เงินจะไม่ตกหล่นไปไหน

“เราเริ่มกันเลยมั้ยพี่” ทันทีที่เจตน์ดึงกางเกงชั้นในลง เผยให้เห็นถึงความเป็นชายที่หว่างขาของเขา ขนาดอันมหึมาตั้งแต่ยังไม่ตื่นตัว เขาก็ถามชายร่างอ้วน ว่าจะให้เขาเริ่มบรรเลงเพลงรักแลกเงินนั้นเลยหรือไม่ “มาตรงนี้ได้มั้ย” เจตน์มองไปตรงที่ชายร่างอ้วนเจ้าของห้องคอนโดที่แพงที่สุดของตึกเอบอก ชายร่างอ้วนยืนอยู่ที่ประตูบานกระจกเลื่อนออกไปที่ระเบียงกว้าง

“ได้เสมอครับพี่” เจตน์คิดว่า ก็ในเมื่อชั้นนี้เป็นชั้นบนสุดของตึก ไม่มีทางที่ใครจะมาเห็นว่าเขาสองคนทำอะไรกัน จะให้ลากกันออกไปกระหน่ำกันลางระเบียงนั้นก็ยังได้ “เบื่อเตียง ไประเบียงกันดีกว่า” แขนของเจตน์ถูกรั้งเอาไว้ เมื่อเขาไม่ได้พูดเล่น และจะพาลูกค้าจ่ายหนัก ไปจัดหนัก ๆ ที่ระเบียงห้อง

“ตรงนี้แหละ” เจตน์รู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ยักไหล่ “ที่ไหนก็เสียวได้เหมือนกัน” เจตน์พูดติดตลก ก่อนจะดึงเสื้อคลุมของชายร่างอ้วนให้หลุดออกจากตัว เผยให้เห็นความอวบอั๋นเป็นชั้น ๆ ที่ว่าถ้าให้เป็นตอนปกติ แบบไม่มีเงินจำนวนมากมาเกี่ยวข้อง ยังไงซะเจตน์ก็ไม่ยอมทำ เจตน์หลับตาเพราะคิดว่ามันคงจะช่วยเขาได้มาก เมื่อความเป็นชายของเขาถูกชายร่างอ้วนเลื่อนมือขึ้นลงไปตามจังหวะ

“ตกลงแล้ว คุณทำด้วยความฝืนใจอยู่อีกมั้ย” ชนธัญถามขึ้น เมื่อเจตน์เล่าเรื่องมาจนถึงตรงนี้ “โห ปกติทำไมไม่มีคนน่ารัก ๆ มาแบบนี้ มาถามผมแบบบ้างนะ ผมเนี่ยจะสู้ตายถวายชีวิตเลยเชียว ว่าแต่ คุณสนใจมั้ย ผมคิดแค่ครึ่งเดียว” เจตน์พูดก้อร่อก้อติกกับชนธัญ สารวัตรรัฐนนท์กระแอมเสียงดังใส่

“ทุกทีสิน่า เจอคนน่ารักทีไร ทำไมวะ ไอ้เจตน์ ต้องมีเจ้าของแล้วทุกที” สารวัตรรัฐนนท์หันไปมงทางชนธัญ ที่หน้างอเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าทุกคนในทีมสืบลับ ทำยิ้มเล็กยิ้มน้อย “ขี้หวงอ้ะเรา” เจตน์พูดใส่สารวัตรหนุ่มที่ทำมองตาเขียว เมื่อเจตน์มาพูดเกี้ยวชนธัญ “แล้วไงต่อ เล่ามาให้จบ” สารวัตรหนุ่มหล่อบอกตัดบทกับเจตน์

“ทุกคนคงเห็น ว่าผมไม่ได้อยู่ยาวทั้งคืนตามที่ตกลงกับเขาไว้ คิดดูใหม่นะครับ ถ้าจะหาการรักษาคำพูดจากพวกผม อย่างน้อยก็ไม่ใช่จากผม” เจตน์เล่าต่อ “ผมออกมาจากห้องนั้น มีเงินสามหมื่นบาทนอนแอ้งแม้งอยู่ในกระเป๋ากางเกง จนผมกดลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่าง” เจตน์เล่าว่า รปภ.คนที่นั่งเฝ้าเคาน์เตอร์ทางขึ้นนั้น พยายามจะหยุดเขาเอาไว้ เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะมาหาเพื่อนที่คอนโดนี้

“พี่มีสิทธิ์อะไรจะมาจับตัวผมเอาไว้ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด” เจตน์ที่พูดเถียงกับรปภ. ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายเผลอ เขาวิ่งออกมาที่ด้านหน้าคอนโด ทางเดิมกับที่เขาเข้ามา แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่ด้านบนหัว เจตน์เงยหน้าขึ้นมองอะไรที่กำลังร่วงลงมา แต่แล้วก็ต้องผงะ เมื่อเขาสบตาเข้ากับชายร่างอ้วนที่มองเขาอยู่พอดี กับภาพที่เห็นชายร่างอ้วนนั้น ร่างหล่นกระแทกพื้นด้านหน้าคอนโด เสียงกะโหลกศีรษะแตกดังสนั่น

“เฮ้ย ไอ้เหี้ย” รปภ.รวบตัวของเจตน์ที่กำลังลนลานตกใจสุดขีดเอาไว้ “อะไร ๆ” รปภ.มองไปที่เจตน์นั้นพูดออกมาเป็นคำไม่ได้ แต่กำลังชี้นิ้วให้ดู “มันไม่มีอะไร” รปภ.มองไปที่ด้านหน้าอาคารโล่ง ๆ ไม่มีใครตกตึกมานอนอยู่ตรงนั้น “เมื่อกี้ มีคนตกลงมาจากตึก” เจตน์พูดออกมาได้ในที่สุด “ดึกแล้วอย่าล้อเล่น” รปภ.หน้าเสีย ด่าเจตน์เสียงดังลั่น จนเจตน์ต้องลากแขนรปภ.เข้ามาที่เคาน์เตอร์ด้านใน

“เปิดดูพี่ เปิดดูกล้อง ผมขึ้นไปที่ห้องชั้นบนสุดมา ผมเพิ่งไปเอากับเขามา” เจตน์สั่งให้รปภ.รีบทำตามที่เขาบอก “ไอ้น้อง มึงอย่าล้อเล่น ชั้นบนสุดไม่มีคนอยู่ ลิฟต์ถูกล็อกเอาไว้ มึงขึ้นไปได้ยังไง” รปภ.พูดก่อนจะกล้า ๆ กลัว ๆ ดึงภาพจากวงจรปิดขึ้นมาเปิดดู ภาพกล้องวงจรปิดที่เป็นเพียงอย่างเดียว ที่ทำงานบนชั้นบนสุด เผยให้เห็นว่าเจตน์เดินออกจากลิฟต์ ไปยืนพูดกับใครบางคนที่หน้าห้องที่ถูกปิดตาย ก่อนที่ภาพจะตัดไป

“ผมเพิ่งเอากับเขา ไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น ที่ผมรู้สึก มันเหมือนจริงทุกอย่าง” ทุกคนในทีมสืบลับนั่งนิ่ง สารวัตรรัฐนนท์เองยังไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน “ผมงี้ งง อึ้ง สับสนไปหมด เพราะตอนนั้นพอลองไปกดเลขชั้นในลิฟต์อีกครั้ง มันก็ไม่ติดแล้ว แต่ผมยืนยัน ว่าผมขึ้นไปบนนั้นมาจริง ๆ กล้องบนชั้นนั้นจับภาพผมเอาไว้ได้” เจตน์เปิดคลิปที่ขอถ่ายจากกล้องรปภ.ให้ทุกคนในหน่วยสืบลับได้ดู

“ถ้าจะจบหักมุมอย่างในหนังผี เงินที่ผมหยิบมาจากชั้นวาง มันควรจะกลายเป็นกระดาษสมุด หรือไม่ก็ใบไม้ใช่มั้ยพี่” เจตน์วางเงินปึกใหญ่ลงบนโต๊ะ ต่อหน้าทุกคน “สามหมื่นบาท” มาถึงตรงนี้ เจตน์ดูเหมือนว่าเขาจะสำนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ตอนแรกผมก็จำเขาไม่ได้เลย แต่อะไรบางอย่างในเสียงพูดของเขา มันสะกิดใจผม” เจตน์พูดอย่างคนรู้สึกผิด

“ก่อนผมจะตัดสินใจไม่เรียนให้จบมอปลาย ผมมีเพื่อนตุ๊ดอยู่คนหนึ่ง มันสวยอยู่นะ ผมรู้ว่ามันแอบหลงรักผม มันชอบผมมาก ผมขอให้มันทำอะไร มันก็ทำให้มันทำให้ผมทุกอย่าง” เจตน์เล่าด้วยน้ำตาคลอหน่วย “จนมีอยู่หนหนึ่ง ผมอยากได้เงินไปเลี้ยงสาว ๆ ผมเลยขอให้มันหาเงินเอามาให้ผมหน่อย” เจตน์ชี้นิ้วปึกเงินจำนวนสามหมื่นบาทบนโต๊ะนั่น เท่ากันกับจำนวนในวันนั้น

“มันถูกพ่อแม่จับได้ ว่าแอบขโมยเงินจากที่บ้าน มันเป็นร้านขายของวัสดุก่อสร้าง พอผมรู้เรื่อง ผมไม่มีแม้แต่จะปลอบใจมัน มันไม่ใช่เรื่องของผม ผมไม่เกี่ยว ผมปล่อยให้มันมีชีวิตอมทุกข์หลังจากนั้น จนผมตัดสินใจไม่เรียนต่อ” เจตน์ปล่อยให้น้ำตาของเขาร่วงลงมาบนแก้ม “แต่มันยังรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่ผมหลอกให้มันรัก หลอกให้มันรอ หลอกให้มันทำเพื่อผม” เจตน์พูดเสียงสั่นเครือไปด้วยความเสียใจ

“รปภ.โทรหาลูกพี่ ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตกลงคือเจ้าของคอนโดห้องนั้น หลัง ๆ ปล่อยตัวเองให้โทรมจนอ้วนใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร ก่อนที่วันหนึ่งจะกระโดดตึกลงมาจบชีวิตตัวเอง บนห้องพบขวดยาล้างห้องน้ำและกองอ้วกอยู่ที่ประตูกระจกบานเลื่อนออกไประเบียง” นั่นคงเป็นจุดที่ชายร่างอ้วนเริ่มต้นการอัตวินิบาตกรรมของตัวเอง

“เชื่อมั้ยครับ ว่ามันเป็นเซ็กส์ครั้งที่ผมรู้สึกพอใจมากครั้งหนึ่ง ผมคงจะมีหลักฐานเพิ่มเติมมากกว่านี้ ถ้าข้อความในแอพนัดหาเซ็กส์ มันหายไปแล้วผมหาไม่เจอ” เจตน์พูด ก้มหน้าลง สูดน้ำมูก ก่อนปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง “ถ้าเป็นตามที่เราเล่ามา งั้นก็เก็บเอาไว้” สารวัตรรัฐนนท์บอกให้เจตน์เก็บเงินสามหมื่นบาทนั้นไป “เพราะเขาคงอยากทำให้แกเป็นครั้งสุดท้าย ตามที่เคยตั้งใจเอาไว้ ตอนที่เขายังอยู่” ชนธัญพยักหน้าตามที่สารวัตรรัฐนนท์พูด

“ต้อง เอ่อ จับข้อมือไอ้เจตน์มันมั้ยครับ” ทุกคนหันมามองที่ชนธัญเป็นตาเดียวกันอีกครั้ง ชนธัญยิ้มน้อย ๆ “ไม่ต้องหรอก เขาก็ไม่ได้ค้านว่าอะไรนะ ตามที่เจตน์เล่ามา” ชนธัญละสายตาจากประตูทางเข้าด้านนอก หันกลับมามองทุกคนในทีมสืบลับ ที่พอได้ยินชนธัญพูดแบบนั้น ต่างก็ขยับเข้านั่งชิดกันโดยอัตโนมัติ

“แล้วไอ้ที่ทำอยู่เนี่ย เลิกได้ก็เลิกนะ หาอย่างอื่นทำซะ” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับเจตน์ก่อนที่เขาจะขึ้นแท็กซี่จากไป “แล้วเขาจะยังอยู่กับไอ้เจตน์มั้ยครับ” ใครคนหนึ่งในทีมถามขึ้น ชนธัญเองก็ตอบไม่ได้ “ก็คงแล้วแต่ทางของแต่ละคน” ชนธัญตอบได้เพียงเท่านั้น “แย่จังนะ เพื่อนกันแต่หลอกกันได้ มาให้ความหวังกันแบบนี้” ใครอีกคนในทีมบ่นออกมาแบบนั้น

“ให้ผมไปส่งมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ถามชนธัญออกไป “รถมาพอดี ไปก่อนนะทุกคน” สารวัตรหนุ่มหล่อมองตามชนธัญที่ขึ้นรถจากแอพมือถือ เคลื่อนตัวไป “ไปเหงา ๆ หงอย ๆ นั่งโง่ ๆ ริมทะเลกับพวกเรามั้ยครับบอส หลบเลียแผลใจกันหน่อย พวกเราหนุ่มโสด” หมวดสารถีประจำทีมเอ่ยชวนหัวหน้าทีม “ไปก็ได้ พวกเอ็งสิโสด แต่ข้าไม่โสดโว้ย เขาแค่ยังไม่รู้ตัวว่ามีข้าเป็นแฟน ชีวิตมันต้องมีหวังสิวะ” เสียงทีมสืบเฮกันดังลั่น ก่อนจะพากันขึ้นรถ แล้วขับรถมุ่งหน้าสู่ชายทะเล

***********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

อย่าทำอย่างนี้กับใคร - ธงไชย แมคอินไตย์

https://www.youtube.com/watch?v=Zh1j4gR-8jM


ถ้ามีใครสักคนมองมา

If someone sees us together,

เขาคงนึกว่าเรา เป็นคนรักกัน

They will think we’re lovers

ด้วยวิธีที่เธอทำ ที่ให้ความสำคัญ

The way that you do, how to treat me so well

จนฉันบางที ก็ยังเผลอ

That gives me some hope, I presume


เผลอทุกทีที่เธอมากอด

I fancy it every time you hug me

เผลอว่าเธอสุขใจ ที่เราได้เจอ

I daydream that you feel so happy, we’re together

เคลิ้มไปตามที่เธอทำ และเกือบหลงรักเธอ

I’m super happy with what you do, falling for you

ดีที่รู้ทัน ว่าเธอไม่ได้คิดอะไร

Luckily, I caught it up, none of his is true


อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร เข้าใจไหม

Don’t ever do this to anybody, you get that?

ถ้าไม่รัก ไม่ต้องไปทำแบบนี้ให้ใคร

You don’t love them, never ever do this for anyone

อย่าทำอย่างนี้ เพราะเขาจะมองว่าเธอน่ะใจร้าย

Don’t do such things, you’re so mean, obviously

ที่ทำเหมือนเธอให้ใจ แต่มันก็ไม่จริง

You may look genuine, but it is all lie


ฉันน่ะมันเข้าใจ เธออยู่

I think I’ve got what you do

เพราะว่ารู้จักเธอ มาก็เนิ่นนาน

‘Cause we’ve been good friends for a long time

รู้ว่าเธอไม่เคยคิด ไม่มีวันรักกัน

Know that you never once thought, will never love me

เรามันเพื่อนกัน ก็เลยทำได้แค่เตือน

We’re friends at best, so I am now to warn you


อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร เข้าใจไหม

Don’t ever do this to anybody, you get that?

ถ้าไม่รัก ไม่ต้องไปทำแบบนี้ให้ใคร

You don’t love them, never ever do this for anyone

อย่าทำอย่างนี้ เพราะเขาจะมองว่าเธอน่ะใจร้าย

Don’t do such things, you’re so mean, obviously

ที่ทำเหมือนเธอให้ใจ แต่มันก็ไม่จริง

You may look genuine, but it is all lie


อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร เข้าใจไหม

Don’t you do this, never ever to anyone, get it?

ถ้าไม่รัก ไม่ต้องไปทำแบบนี้ให้ใคร

You don’t love them, don’t pretend that you do

อย่าทำอย่างนี้ เพราะเขาจะมองว่าเธอน่ะใจร้าย

Never do this because you’ll be such a monster

ที่ทำเหมือนเธอให้ใจ แต่มันก็ไม่จริง

Tricking someone to feel for, but that isn’t true
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๖. EXECUTION _ 8.31.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 31-08-2023 12:40:01

๓๖. EXECUTION


“Execution – Style” สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด เมื่อด็อคเตอร์ดรุณีต้อนรับการกลับมาจากเที่ยวทะเลของสารวัตรหนุ่มหล่อ ด้วยคำพูดที่น่าตกใจนี้ “พิจารณาจาก Contact Wound รอยแผลกระสุนทะลุเข้าแล้ว” รูปถ่ายที่ด็อคดุเปิดให้ชนธัญดู หนุ่มหน้าใสถึงกับต้องใจหายกับภาพที่เห็น เบือนสายตาหนีไปทางอื่นทันที แม้แต่สารวัตรรัฐนนท์เอง ก็ยังทำใจให้ชินกับสิ่งที่เห็นได้ยาก

“รูกระสุนเข้าที่ท้ายทอยของผู้ตาย คือลักษณะของ Close Range หรือ Near Contact แสดงว่าระยะการยิงนั้นปลายกระบอกปืนอยู่ชิดหรือใกล้กับผิวหนังมาก” ด็อคดุชี้ทั้งสองคนดูรอยที่เกิดขึ้นรอบปากแผล “เห็นรอย Flame Burns พวกนี้ใช่มั้ยคะ รอยไหม้บนผิวหนัง และผมตรงท้ายทอย คาร์บอนมอนอกไซด์ถูกฝังเข้าไปในผิวหนัง” ภาพถ่ายที่ชนธัญกำลังดูอยู่นี้ มันช่างทำใจยากจริง ๆ

“การยิงจัดการระยะเผาขนแบบนี้ แสดงว่าผู้ตายอาจจะถูกบังคับ และรับรู้วินาทีสังหารนั้น” สารวัตรรัฐนนท์ตั้งข้อสังเกต “หรือไม่ ก็อาจจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ” ด็อคดุพูดแย้ง “จากที่พบศพผู้ตายในที่เกิดเหตุ ลักษณะศพนอนเสียชีวิตอยู่ที่พื้น ถ้าหากถูกบังคับเช่นให้นั่งคุกเข่าลง แล้วจึงยิงจากด้านหลัง ลักษณะท่าทางของศพ ไม่มีทางจะอยู่ในท่า ตอนที่หน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐานไปถึง” ด็อคเตอร์ดรุณีอธิบายสภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุให้ทั้งสองคนฟัง

“เป็นไปได้มั้ยด็อค ว่าศพถูกจัดท่าทางใหม่” สารวัตรรัฐนนท์ถามถึงความเป็นไปได้อื่น เพื่อจะมองดูแนวทางการสืบสวน “Blood Pool แหล่งรวมเลือด หรือเลือดที่กองรวมกันอยู่ที่พื้น รวมถึง Blood Splatter รอยลือดที่กระเซ็นรอบ ๆ ผู้ตาย สอดคล้องตรงกันกับท่าเสียชีวิต ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ ที่ศพจะถูกจัดท่าทางใหม่” ด็อคดุไม่คิดว่าจะมีการเคลื่อนย้ายศพหรือจัดท่าทางให้ใหม่

“ถ้าอย่างนั้น” สารวัตรรัฐนนท์กำลังรวบรวมข้อมูลที่ได้จากด็อคเตอร์ดรุณี แล้วปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น “เป็นไปได้ที่คนร้ายถูกว่าจ้างมา ในลักษณะที่เป็นการรับงานหมายถึงชีวิต” ด็อคเตอร์ดรุณีพยักหน้าตาม “หรือไม่อย่างนั้น” สารวัตรรัฐนนท์คิดถึงอีกมุมมองหนึ่งที่ตรงกันข้ามกันเลย

“ผู้ตายก็รู้จักกับคนร้ายเป็นอย่างดี จนถึงขั้นสนิทสนมกัน เลยไม่ได้ระมัดระวังตัวอะไร ให้ความเชื่อใจกับคนร้ายมากด้วยซ้ำ เพราะไม่มีร่องรอยการบุกรุกในสถานที่เกิดเหตุ” ด็อคเตอร์ดุเห็นด้วยกันที่สารวัตรรัฐนนท์ว่ามา “ที่น่าสนใจก็คือ อาวุธปืนที่ใช้ น่าจะเป็นปืนสั้น .45 คาลิเบอร์ ชนิดที่ตำรวจและทหารส่วนใหญ่ใช้เป็นอาวุธประจำกาย ตอนนี้รอหน่วยเนิร์ดอย่าง Ballistic ยืนยันอีกครั้งหนึ่งอยู่” ด็อคเตอร์ดุให้ทั้งสองคนดูภาพหัวกระสุน ที่ผ่าเก็บมาได้จากตัวผู้ตาย

“หมอคิดว่าไง ตำรวจทำยังงั้นหรือ” สารวัตรรัฐนนท์ถามความเห็นจากด็อคเตอร์สาว “แต่สมัยนี้ปืนพกประเภทนี้ คนทั่วไปก็ใช้ป้องกันทรัพย์สิน ป้องกันตัวเองได้นะครับ” สารวัตรรัฐนนท์ยังไม่อยากเจาะจงแนวทางไปในทางใดทางหนึ่ง “ลูกหลาน” ชนธัญพูดขึ้น ด็อคเตอร์ดุบอกว่ามีความเป็นไปได้เช่นเดียวกัน

“หรือใครก็ตามที่สามารถเข้าถึงอาวุธได้ หลาย ๆ บ้านก็ไม่ได้รัดกุมเรื่องเด็ก ๆ ในบ้านสามารถหยิบเอาปืนจริงมาเล่น แล้วเกิดเหตุน่าเศร้าขึ้นอยู่หลายครั้ง และถ้าจะหาใครที่เป็นคนลั่นไก 009RC คุณคู่หูทั้งสอง คุณมีเวลา 4 – 6 ชั่วโมงเท่านั้น ที่ GSR Gunshot Residue คราบเขม่าปืนยังคงหลงเหลืออยู่บนมือคนยิง” ชนธัญฟังที่ด็อคดุว่ามา ก่อนจะก้มลงอ่านข้อมูลของผู้ตาย “ยังเด็กอยู่เลย” ผู้ตายเป็นเพศชาย อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น ด็อคเตอร์ดรุณีจึงให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า

“ผู้ตายเป็นเกย์ เปิดเผย ไม่ปิดบังอะไร จากพยานที่รู้จักกับผู้ตาย เคยมีหลายครั้งที่ผู้ตายมีปากเสียงใหญ่โต จนถึงขั้นเกือบจะลงไม้ลงมือกับคนที่พูดจาล้อเลียน ดูถูกผู้ตาย” สารวัตรรัฐนนท์มองไปทางชนธัญที่ดูจะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้พอสมควร “สมัยนี้แล้ว ยังมีคนมีคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่อีกหรือ” ปลายน้ำเสียงของชนธัญนั้นฟังดูฉุนเฉียวอย่างไม่ปิดบัง

มีคนรัก ก็คงต้องมีคนชัง” สารวัตรรัฐนนท์พูดให้ชนธัญใจเย็น ๆ ลง “แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเกลียดกัน ต่างคนต่างอยู่กันไป” ด็อคดุเข้าใจความรู้สึกของชนธัญ แพทย์สาวแตะไหล่หนุ่มหน้าใสแบบปลอบโยน “เคยเจอประสบการณ์แย่ ๆ มาใช่มั้ย” ชนธัญสบตากับด็อคดุ เลยเพิ่งรู้สึกตัวว่า เขาเพิ่งเผยความรู้สึกลึก ๆ อะไรบางอย่างในใจออกไป

“ลงเรือได้แล้ว” เสียงคนเรือสำเนียงพูดทางใต้เรียกผู้โดยสารให้รู้ตัว เม่นลุกขึ้นสะพายเป้ขึ้นบ่า ก่อนเดินตามฝูงชนไปบนท่าเรือปูด้วยปูนซีเมนต์ทอดยาวไปจนถึงเรือที่จอดลอยลำอยู่ในทะเล เรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกรถยนต์ไปได้ด้วย ต่างทยอยลงเรือกับทั้งคนทั้งยวดยานพาหนะ

เม่นเดินขึ้นบันไดเหล็กเล็ก ๆ สำหรับผู้โดยสารไปที่บนชั้นสองของเรือ ที่เป็นทั้งห้องนั่งแบบปรับอากาศ รวมทั้งห้องขายอาหาร แบบเป็นมินิคอนวีเนียนท์ สโตร์ รวมถึงห้องน้ำแยกชายหญิง ก่อนที่เขาจะไต่บันไดเหล็กอีกขั้นหนึ่ง ขึ้นไปที่ดาดฟ้าเรือ ที่เป็นที่นั่งแบบเปิดโล่ง รับลมทะเลและไอแดด ทันทีที่เม่นเขามายืนอยู่ที่ด้านบนสุดของเรือนี้ เขารู้สึกเหมือนกับว่า พันธนาการต่าง ๆ มันใกล้ที่จะหลุดพ้นไปจากตัวจนหมดสิ้นเสียที

แดดจ้า ๆ ฟ้าใส ๆ เกลียวคลื่นทะเลที่เรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่ต้องฝ่าไป เม่นรับรู้ถึงแรงลมที่พัดเข้ามาปะทะใบหน้า กับอาการปลดปล่อยนี้ เขานั่งลงบนเก้าอี้เหล็ก ดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพที่ท้องทะเลมีให้ นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศมากมาย ดูมีความสุขไปกับวันที่แจ่มใสและสดชื่นอย่างในวันนี้ เมื่อเรือเฟอร์รี่แล่นออกจากฝั่งแผ่นดินใหญ่มาได้สักพักแล้ว

เม่นอยู่บนเรือขนาดใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าแล่นไปที่เกาะแห่งนี้ ที่ครั้งนั้น เขาเคยมาแล้ว และครั้งนี้เขากำลังไปที่นั่นอีกครั้ง เรือเฟอร์รี่ใช้เวลาร่วม ๆ สามชั่วโมง ซึ่งมันคงจะช้าเกินไปอย่างที่เม่นรู้สึก เพราะตอนนี้หัวใจของเขาอยู่ที่บนเกาะเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอให้ตัวของเขาตามหัวใจของตัวเองไปจนถึงก็พอ

นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บนเรือไปเช่นนั้น มองเห็นฝรั่งต่างชาติซื้อเบียร์มาจิบกันอย่างสบายอารมณ์ เม่นรู้สึกว่า เขาเองก็คงต้องจิบย้อมใจ เลยไปซื้อมาสองกระป๋อง ด้วยความที่ปกติก็ไม่ใช่คนคอแข็งอะไร นาน ๆ จะดื่มกับเขาสักครั้ง แต่เรื่องที่จะทำ ก็ต้องอาศัยความกล้าอยู่ไม่น้อย ความกล้าในแบบที่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมี แต่ก็ตัดสินใจที่จะทำมัน ได้ยินประโยคของฝรั่งมานานแล้ว ว่านาว ออร์ เนเวอร์ ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วเขาจะรอจนถึงเมื่อไหร่ ในที่สุด เม่นก็ตัดสินใจเด็ดขาด

เรือเฟอร์รี่แล่นมาได้อีกพักใหญ่ ๆ ที่ปลายสายตาก็เริ่มมองเห็นเกาะใหญ่ที่ขยับใกล้เข้ามาทุกที ผู้โดยสารเริ่มเตรียมตัว เมื่อเรือเฟอร์รี่เริ่มผ่อนเครื่องยนต์และแล่นช้าลง เมื่อกำลังทำการเตรียมตัวเพื่อเข้าจอดที่ท่าเรือ เม่นชะโงกหน้าออกไปทางด้านข้างเรือ ที่นี่ เกาะแห่งนี้ ยังคงไม่เปลี่ยนไปมากนัก จากครั้งนั้นเมื่อหลายปีก่อน ที่เขาได้มาเยือนเกาะแห่งนี้

“ไปไหน ไอ้น้อง” เสียงพูดกลางสำเนียงแปร่ง ๆ แต่แสดงถึงมิตรไมตรีดังถามเม่น ทันทีที่เขาเดินออกจากตัวเรือเฟอร์รี่ ไปถึงที่ท่าเรือด้านบน “พี่รู้จัก ฮักใต้ โฮมสเตย์ มั้ยครับ” เม่นถามแบบหยั่ง ๆ เพราะไม่แน่ใจว่า ทุกคนจะเคยได้ยินสถานที่ดังกล่าวหรือไม่ “เป็นที่พักนี่ บ้านเจ้าหลงใช่มั้ย” พี่อีกคนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์วินรับส่งตะโกนมา ถามเพื่อความแน่ใจ

“ครับพี่ ใช่ครับ” เม่นรู้สึกใจชื้นขึ้น เมื่อมีคนรู้จักสถานที่จุดหมายปลายทาง ที่เขาต้องการจะไป “เดี๋ยวไปส่งให้เอง กำลังอยากกินขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ที่นั่นอยู่พอดี โอ๊ย พูดแล้วหิว ไป ๆ ขึ้นซ้อนท้ายมาเลย” เม่นยิ้มดีใจ รีบสะพายเป้ขึ้นบ่าแล้วขึ้นซ้อนรถมอเตอร์ไซค์พี่คนขับวินในทันที พี่วินหน้าโหดโหมดใจดี พาขับรถลัดเลาะธรรมชาติและต้นไม้ มองเห็นทะเลอยู่ด้านข้างไม่นาน ก็มาจอดที่ด้านหน้าที่พัก ป้ายปักชื่อถูกต้อง ไม่ผิดแน่นอน

“อ้าว พี่บ่าว กินขนมจีนมั้ยพี่ น้ำยาใต้ยังเหลืออยู่ เดี๋ยวหนูตักให้” เสียงทักของหญิงวัยกลางคน เจ้าของโฮมสเตย์ทักขึ้น เมื่อพี่วินเยี่ยมหน้าเข้าไป “เอาสิ หิวอยู่เนี่ย” พี่วินตอบ หญิงวัยกลางคนรีบเดินไปตักขนมจีนน้ำยารสเด็ดให้ “ไอ้หลง ออกมานี่เลย วันนี้มีหนุ่มเมืองกรุงมาฝากด้วยว่ะ” เจ้าของชื่อหลง เดินหน้าคว่ำออกมารับแขก

“พูดอะไรของพี่บ่าว” ถามด้วยความสงสัยไปกับหนุ่มใต้ที่ใคร ก็เรียกกันว่าพี่บ่าว “หวัดดีหลง” เม่นที่เดินตามพี่บ่าวเข้ามา พอดีกับที่หลง เดินออกมาตามเสียงเรียก ทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “มาทำไม” แต่แทนที่จะตอบกลับด้วยคำทักทายเช่นเดียวกัน หลงถามเม่นด้วยเสียงเรียบ ๆ ทำเหมือนไม่ยินดียินร้าย

“อะไรกัน เจ้าหลง รอเขามาทั้งวัน แล้วทำไมไปพูดจาแย่ ๆ กับเขาอย่างนั้นล่ะ” หญิงวัยกลางคนพูด เดินเอาขนมจีนน้ำยาใต้ไปให้พี่บ่าว “ใครรอกัน แม่ หลงไม่ได้รอสักหน่อย” หลงรีบละล่ำละลักปฏิเสธ “คนมันสัญญากันไว้น่ะ” แม่บอกกับพี่บ่าวที่เริ่มต้นลงมือกินขนมจีน แม่หยิบเอาผักสดตะกร้าใหญ่มาให้พี่บ่าวกินแกล้มด้วย

“เดี๋ยว ไอ้หนุ่มคนนี้ ก็คือไอ้คนที่ว่าน่ะนะ” พี่บ่าวเคี้ยวผักสดกร้วม ๆ นึกหัวเราะไปกับเจ้าหลง เด็กหนุ่มน้อยที่พี่บ่าวเห็นมาแต่อ้อนแต่ออก “ใช่พี่ มันก็กลัวว่าเขาจะไม่มา ไม่รักษาสัญญา ก็วันนี้วันสุดท้ายแล้ว กับเป็นปี ๆ ที่เขาบอกกันไว้” หลงทำหน้าปูเลี่ยน ๆ พูดไม่ออก บอกไม่ถูก เมื่อมีเม่นยืนฟังที่แม่เล่าให้พี่บ่าวฟังไป ก็ยิ้ม ๆ ไป

“หลงมันตื่นเต้น เห็นมันตื่น ลุกจากที่นอนตั้งแต่พระยังไม่ตีกลองเช้ามืด” แม่พูดต่อ เม่นอมยิ้มจนแก้มแทบปริ “แม่ เล่าทำไม” หลงประท้วง พี่บ่าวส่ายหัวให้กับไอ้หลงผู้ปากแข็งแห่งเกาะกลางอ่าวไทย “หลงไม่ดีใจหรือ ที่เจอเม่น” คนถาม พูดออกไปด้วยอาการเขิน ๆ แต่ถ้าอีกฝ่ายตอบให้ชื่นใจสักนิด มันก็ฟูไปหมดทั้งใจทั้งตัว แต่หลงไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

“แล้วนี่ยังไงเรา” แม่หันไปพูดกับเม่น “มาเที่ยวหรือ อยู่กี่วัน” พี่บ่าวนึกเอ็นดูเจ้าหลง ที่มีแม่ที่ทั้งรักและเข้าใจแบบนี้ “คือ ผมก็แล้วแต่หลงเขาครับ” เม่นตอบออกไป มองไปที่หลงที่พยายามกลั้นเขิน “แพ้ แพ้ไอ้หลงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม” พี่บ่าวรู้สึกเซ็ง ที่เจ้าหนุ่มเมืองกรุงนี่ มันยอมตั้งแต่เจ้าหลงยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ

“ถ้าอย่างนั้นก็ ไป หลง พาเม่นไปเก็บของในห้อง โน่น ห้องใหญ่แม่ทำความสะอาดเอาไว้ให้แล้ว” เม่นยกมือไหว้ขอบคุณผู้อาวุโสกว่า “นี่ ทางนี้” หลงชี้บอกทาง ก่อนจะเดินนำเม่นไปที่ห้องพัก โดยมีเม่นรีบเดินตามไปให้ทันอีกฝ่าย “เจ้าหนุ่มเม่นนี่ เรียนจบมีการมีงานทำแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำตามสัญญาที่ให้เจ้าหลงเอาไว้สินะ” พี่บ่าวถามแม่ที่เติมผักสดเพิ่มลงตะกร้า

“สี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย เขาเจอกันตอนที่เข้าปีหนึ่งด้วยกันทั้งคู่ เจ้าเม่นเรียนกรุงเทพฯ ส่วนเจ้าหลงเรียนที่ใต้ เรียนจบแล้ว มีงานมีการเลี้ยงตัวแล้ว สัญญาว่าจะกลับมาเจอกัน สร้างชีวิตด้วยกัน ไม่ต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอีกต่อไป” แม่บอกกับพี่บ่าว “นี่ถ้าพี่ชูแกยังอยู่ แกคงดีใจที่ไอ้หลงมีคนจริงใจกันมัน” พี่บ่าวหมายถึงพ่อของหลง ที่เสียชีวิตไปเมื่อปีกลาย

“รายนั้นน่ะหรือ” หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ก็คงจะโวยวายแหละ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมีแฟนเป็นผู้ชาย” แม่พอจะนึกถึงอาการของพ่อชูได้ดี “แต่สุดท้ายก็แพ้ ใคร ๆ ก็แพ้ไอ้หลง” พี่บ่าวพอจะเดาได้ กับพี่ชูที่รักลูกยิ่งกว่าอะไร สุดท้ายก็ต้องยอมให้ลูกอย่างไอ้หลง “ด้วยความรัก ความรักลูกของพี่ชู” มีน้ำตารื้นขึ้นขอบตา เมื่อนึกถึงสามีของเธอที่เพิ่งจากไป

“แล้วเราไม่ได้นอนห้องเดียวกันหรือ” เม่นถามวางกระเป๋าเป้ลง เมื่อหลงแนะนำนั่นนี่ในห้องเรียบร้อย “ตั้งแต่คืนแรกที่เจอกันเลยหรือไง” หลงทำลดเสียงถาม เพราะกลัวแม่จะได้ยิน “ยี่สิบสามแล้วนะ เคยแต่มืออย่างเดียวเลย” เม่นบ่น พลางทำมือประกอบ “เม่น” หลงจับมือเม่นเอาไว้ "กรึ่มมาด้วยใช่มั้ยเนี่ย" หลงดมได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของอีกฝ่าย เม่นหัวเราะชอบใจบอกว่า เขาทั้งหวาดหวั่นและดีใจผสมปนเปมั่วกันไปหมดมากแค่ไหน กับสิ่งที่กำลังลงมือทำอยู่นี้

“แน่ใจแล้วนะ” หลงถามอีกครั้ง “ไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้มาก่อน” เม่นตอบ กุมมือของหลงเอาไว้ “เรามาจากครอบครัวที่ต่างกันมาก” เม่นพูด “แต่แม่แก้วกับพ่อชู สาวเหนือกับหนุ่มใต้ พ่อแม่ของหลง ยังอยู่ด้วยกันได้จนจากกันไป ทำไมเราสองคนจะเป็นแบบนั้นบ้างไม่ได้ล่ะ เม่นเดินมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับแล้ว” เม่นหอมแก้มหลงฟอดใหญ่ ทำเอาเจ้าของแก้มยิ้มไม่หุบทีเดียว

เสียงประกาศเตือนให้ผู้โดยสารรถไฟ ต้นทางสถานีกรุงเทพ ปลายทางสุราษฎร์ธานี ขึ้นขบวนรถได้แล้ว เม่นลุกขึ้นจากที่นั่งไม้ทรงรูปไข่ขัดมัน เดินไปก้าวขึ้นบันไดรถไฟ เม่นเดินหาเลขที่นั่งของตัวเอง มีผู้โดยสารมากมาย ทยอยกันขึ้นมานั่งประจำที่ เพียงไม่นานหลังจากนั้น รถไฟก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานี

เม่นเงยหน้าขึ้นมองจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ดาวเหนือหรือดาวโพลาริส ลอยอยู่บนท้องฟ้า เม่นเคยได้ยินว่า หลายคนให้จับจ้องดาวเหนือเอาไว้ จะได้ไม่หลงทิศหลงทาง แต่มาครั้งนี้ของชีวิต เม่นกำลังมุ่งหน้าลงใต้ เพราะคนที่เขารักและอยากมีครอบครัวด้วย อยู่ที่นั่น บางที ครั้งนี้ เม่นอาจจะต้องสวนทางทำอะไรที่แตกต่างจากคนอื่นทั่วไป เพื่อตัวของเขาเอง

************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

North Star - Calories Blah Blah

https://www.youtube.com/watch?v=GPZslDSIrm4


คืนนี้ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีดีอยากมองที่ดวงดาว

Tonight what’s got into me, all of he sudden wanting to look up the stars

จริงไหม เรื่องที่เคยได้ยินเกี่ยวกับดาว

Is it true what we’ve heard about the stars?

อยากรู้ว่าจริงไม่จริง

Are they real or just telling


เห็นใครใครต่อใคร ขอกันมากมาย

Seen many people asking this particularly

ให้ดวงดาวช่วยคอยนำทาง

For the stars as their guidance


อยากจะเดินทางตามดาวสักที ดาวนำทางให้ที

Now have stars for my direction, please lead my way

ให้ฉันนั้นเจอจุดหมายปลายทาง

For me to reach my final journey

อยากจะเจอใครจริงใจสักที ดาวนำทางให้ที

Need someone honest with me, stars find me already

หลงทางไปวันวัน ผิดถูกก็เดามั่วเรื่อยไป

Get lost in a way, right or wrong, guessing on a daily basis

ถ้าเป็นจริงช่วยหน่อย พาฉันไปเจอสักที

If what they say is true, take me there where they are


ก่อนนั้น ไม่เคยแคร์อะไรกับดวงดาว ไม่เคยไม่สนใจ

Before this, never cared about the stars, never paid attentions to

ตอนนี้ แหงนมองดูทีไร กลับเปลี่ยนไป

Now, right now, looking up there alright, everything has changed

ก็ยังแปลกใจเหมือนกัน

That has also been a big surprise as well


เห็นใครใครต่อใคร ขอกันมากมาย

Seen many people asking this particularly

ให้ดวงดาวช่วยคอยนำทาง

For the stars as their guidance


อยากจะเดินทางตามดาวสักที ดาวนำทางให้ที

Now have stars for my direction, please lead my way

ให้ฉันนั้นเจอจุดหมายปลายทาง

For me to reach my final journey

อยากจะเจอใครจริงใจสักที ดาวนำทางให้ที

Need someone honest with me, stars find me already

หลงทางไปวันวัน ผิดถูกก็เดามั่วเรื่อยไป

Get lost in a way, right or wrong, guessing on a daily basis

ถ้าเป็นจริงช่วยหน่อย พาฉันไปเจอสักที

If what they say is true, take me there where they are


คนที่เฝ้ารอ ขอแค่ดาวนำทางได้ไหม

The one whom I’ve been waiting for, stars please lead me the way

จะไกล สักเท่าไหร่ ก็ไม่ท้อ

How far the distance is, very far, I’ll get myself there


เห็นใครใครต่อใคร ขอกันมากมาย

Seen many people asking this particularly

ให้ดวงดาวช่วยคอยนำทาง

For the stars as their guidance


อยากจะเดินทางตามดาวสักที ดาวนำทางให้ที

Now have stars for my direction, please lead my way

ให้ฉันนั้นเจอจุดหมายปลายทาง

For me to reach my final journey

อยากจะเจอใครจริงใจสักที ดาวนำทางให้ที

Need someone honest with me, stars find me already

หลงทางไปวันวัน ผิดถูกก็เดามั่วเรื่อยไป

Get lost in a way, right or wrong, guessing on a daily basis

ถ้าเป็นจริงช่วยหน่อย พาฉันไปเจอสักที

If what they say is true, take me there where they are
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๓๗. IDENTITY _ 9.01.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 01-09-2023 13:19:12

๓๗. IDENTITY


“ฉันเคยได้ยินมันพูดบ่อย ๆ ว่ามันไม่ชอบคนหลอกตัวเอง ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่ามันหมายถึงใครยังไง” หญิงกลางคนที่สารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญมาคุยด้วย เล่าในสิ่งที่เธอรู้ “ฉันเป็นแค่ป้ามัน ฉันเลี้ยงมันได้แต่ตัว พ่อแม่มันรับไม่ได้ เรื่องที่มันเป็นตุ๊ด” ผู้เป็นป้าพูด ก่อนจะหันไปทอนเงินกับลูกค้า ที่มาซื้อของที่ร้านชำเล็ก ๆ ด้านล่างอพาร์ทเม้นท์

“นิวเขามีปัญหาอะไรกับใครบ้างมั้ยครับ” ชนธัญถามต่อ เมื่อเห็นว่าลูกค้าเดินออกจากร้านไปแล้ว “ปากหมาอย่างมัน ก็ไม่แปลกหรอก ที่จะมีคนไม่ชอบหน้ามัน แต่ก็ไม่มีนะ” หญิงวัยกลางคนทำท่านึก “ด่ากัน แต่แล้วก็แยกย้ายกันไป ไม่มายุ่งเกี่ยวกัน” สีหน้าและแววตาของผู้เป็นป้าเอง ก็ยังมีร่องรอยความเสียใจฉาบฉายอยู่

“ฉันน่ะ ไม่อะไรกับมันมากหรอก มันหาเลี้ยงตัวเองได้ ฉันก็ปล่อยมัน ลึก ๆ แล้วฉันสงสารมันด้วยซ้ำ พ่อแม่มันก็ใจดำอย่างกับอีกา ทิ้งให้มันต้องเผชิญโลกอยู่คนเดียว ฉันเห็นใจหลาน ฉันก็ให้มันมาอยู่ด้วยที่นี่ ห้องเช่ามันก็อยู่ข้างบนตึกนี่แหละ ดีกว่ามันไประเหเร่ร่อนที่อื่น ก็อยู่กันมาหลายปี มันก็ทำงานของมันไป มันมีของมัน มันก็มาช่วยฉัน ค่าน้ำ ค่าไฟ หยูกยา นี่ต้องมาเสียมันไป ฉันก็แย่” พูดมาถึงตรงนี้ ผู้เป็นป้าก็เริ่มปาดน้ำตาป้อย ๆ

“ผมเสียใจกับคุณป้าด้วยนะครับ” ชนธัญยื่นกระดาษเช็ดหน้าให้ “ขอบใจ แต่มันไปดีแล้ว ก็ปล่อยมันไปเถอะ ขอแค่คุณตำรวจหาคนที่ทำแบบนี้กับมันให้ฉันที นิวมันตายโหงแบบนี้ ฉันกลัวมันนอนตายตาไม่หลับ” เสียงสะอื้นเสียใจดังออกมาจากผู้เป็นป้า “ป้าพอจะทราบมั้ยครับ ว่านิวเขามีแฟนมาติดพัน หรือว่าชอบพออยู่กับใครบ้าง” สารวัตรรัฐนนท์เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เลยถามออกไป

“ปกติมันก็ไม่เคยเล่าให้ฉันฟังถึงเรื่องพวกนี้หรอก ฉันเองก็ทนฟังเรื่องผู้ชายได้กันเองไม่ไหว ขนลุก ถ้าจะมีก็คงจะพวกลูกค้าที่ร้านมันนั่นแหละ ถ้าคุณตำรวจอยากจะรู้อะไรเพิ่ม ก็ไปถามกันดูเอาเอง ฉันก็รู้แค่นี้แหละ” สารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญกล่าวขอบคุณผู้เป็นป้าของนิว ก่อนจะขอตัวออกจากร้านไป

นิวนั่งดูคลิปออนไลน์แก้เบื่อ ด้วยความเซ็งที่วันนี้ลูกค้าที่ร้านช่างเงียบเชียบเหลือเกิน วันศุกร์สุดสัปดาห์แบบนี้ ปกติก็รับลูกค้ากันไม่หวาดไม่ไหว ไหนวันนี้ กลับมาเป็นแบบนี้ แถมหน้าร้านก็แทบไม่มีใครเดินผ่านสักคน นี่ขนาดบรรดาพวกร้านใกล้ ๆ กันตัดราคากันเองแล้วนะ มองผ่านกระจกหน้าร้านออกไป ก็เจอแต่เด็กทำงานร้านไม่ใกล้ไม่ไกลกัน ก่อนที่นิวจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินผ่านไป แล้วก็ย้อนกลับมาอีก ทำอย่างนั้นอยู่สองสามรอบ เหมือนกำลังกล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะเอายังไงดี

“ร้อน ๆ แบบนี้ เข้ามานั่งพักดื่มน้ำเย็น ๆ ในร้านก่อนได้นะครับ” นิวเปิดประตูร้าน ทำชะโงกหน้าดูต้นไม้ปลอมและอ่างน้ำพุเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่หน้าร้าน ทำทีหันไปสบตาเข้ากับชายหนุ่มพอดี จึงเริ่มเอ่ยทักอีกฝ่ายก่อน “เชิญเลยครับ” รอยยิ้มพิมพ์ใจ ตีหัวลากเข้าบ้านแบบนี้นิวรู้ดีว่า ใช้ได้ผลเสมอ ชายหนุ่มพยักหน้าเขิน ๆ ก่อนจะเดินตามเข้ามานั่งในร้าน

“น้ำเย็น ๆ ชื่นใจครับ” นิววางแก้วลงบนจานรองแก้วไม้เหมาโหลราคาถูก ที่เขาไปเหมาซื้อมาจากตลาดนัด “ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มบอกขอบคุณ ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม นอกจากจะหน้าตาดูดีแล้ว ยังเสียงหล่อเสียด้วย นิวพูดกับตัวเองในใจ “น้อง ๆ ออกไปพักทานข้าวกันหมด บ่ายนี้เพิ่งได้ว่างกัน” ก็ไม่ถือว่าเป็นการตอแหลนะ นิวคิด แค่ไม่ใช่บ่ายวันนี้แค่นั้นเอง

“ถ้าคุณอยากจะนวด” สุดท้ายแล้ว นิวก็ต้องยิงตรงหาลูกค้า นวดเท้า นวดคอบ่าไหล่ สักชั่วโมงก็ยังดี “ถ้าสักสองชั่วโมงนวดอะไรดีครับ” ชายหนุ่มถามเสียงสั่น ๆ ทั้งเขิน ทั้งประหม่า นิวพอได้ยินชายหนุ่มเปิดโอกาส ชงมาขนาดนี้แล้ว ก็รีบแนะนำโปรโมชั่นหลายอย่างให้กับชายหนุ่มทันที

“เลือกน้อง ๆ มั้ยครับ นิวมีรูปให้ดู” นิวกำลังจะยื่นรูปพนักงานที่ถ่ายไว้ในโทรศัพท์มือถือ ส่งให้ชายหนุ่มดู “ถ้าเป็นคุณนิวล่ะครับ รับนวดด้วยมั้ยครับ” แทนคำตอบ หากว่าเป็นความพอใจของลูกค้า “เลือกกลิ่นน้ำมันอโรม่ามั้ยครับ ชอบกลิ่นแบบไหนครับ” ชายหนุ่มเลือกกลิ่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ก่อนจะลุกเดินตามนิวขึ้นไปบนห้องส่วนตัวที่ชั้นบน

“เดี๋ยวคุณลูกค้าเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวนิวกลับขึ้นมา ขอเวลาเตรียมตัวไม่เกินสิบนาที” นิวบอกกับป้อง ที่ดูจะยังเกร็ง ๆ อยู่ แต่ก็ผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเมื่อตอนนั่งอยู่ด้านล่างร้าน เพราะหลบลี้พ้นจากสายตาของใครต่อใครมาแล้ว “แล้ว คือ” ป้องถามแบบไม่แน่ใจ เมื่อรับผ้าขนหนูเช็ดตัวไปจากนิว “อ้อ ใช่ครับ” นิวยิ้มนึกเอ็นดูอีกฝ่าย ก็คงจะครั้งแรกของชายหนุ่มนั่นเอง แต่นิวก็เป็นกันเอง จนชายหนุ่มยิ้มออกมาได้

“ขออนุญาตนะครับ” ป้องกลับมาจากห้องอาบน้ำด้านนอก มารอในห้องนวดส่วนตัวราว ๆ สิบนาที ก่อนจะได้ยินเสียงนิวเปิดประตูเข้ามา “เพิ่มแอร์อีกมั้ยครับ” นิวถาม “กำลังดีครับ” ป้องตอบ ก่อนจะก้มลงนอนคว่ำหน้าบนเตียงนวด ตามที่นิวส่งสัญญาณบอก ป้องหลับตาลงเมื่อสัมผัสจากปลายนิ้วของนิว แตะลงที่ปลายเท้าของเขา แล้วตามด้วยความลื่นไหลของฝ่ามือ ผ่านน้ำมันอโรม่ากลิ่นหอมละมุนที่ชโลมไล้บนตัวของเขานั้น

“พวกคุณอยู่ ๆ จะมาสั่งนั่นสั่งนี่ไม่ได้นะ พวกคุณมีหมายจับ หมายเรียกอะไรหรือเปล่า” เจ้าของร้านนวดที่นิวเคยทำงานอยู่ โวยวายใส่ทีมสืบสวนลับที่นำกำลังมาที่ร้าน “ถ้าเป็นหมายค้นล่ะก็ แน่นอนครับ” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นให้เจ้าของร้านได้อ่าน “ระบุไว้ชัดนะครับ ว่าคอมพิวเตอร์ทุกตัวในร้าน กล้องวงจรปิด รวมถึงฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด เข้าใจนะครับ ขอให้ทีมสืบของผมได้ทำตามหน้าที่ด้วย” เจ้าของร้านหน้าเจื่อน ก่อนจะตะโกนบอกเด็กพนักงานในร้านให้เปิดทาง อำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่

“หวังว่าจะพบอะไรคืบหน้าจากจุดนี้นะครับ” ชนธัญพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ ซึ่งสารวัตรหนุ่มหล่อเองก็หวังใจเอาไว้เช่นนั้น หลังจากที่ได้ไปตรวจสอบสถานที่พบศพของนิวแล้ว แต่ยังไม่ได้เรื่องอะไร เพราะชนธัญไม่ได้มองเห็นอะไรเป็นพิเศษ แม้ที่นั่นจะเป็นไพรม์มารี่ ไครม์ ซีน ก็ตาม เพราะชนธัญเองก็ใช่ว่าจะมองเห็นอะไรได้ดั่งใจไปเสียทุกครั้ง

ป้องรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่สุด เมื่อการพรมมือของนิวนั้น ทำให้เขากำลังเคลิ้มไหว น้ำหนักมือในการกดจุดต่าง ๆ ตามขาและน่องของเขา ทำให้ป้องนั้น อยากจะยืดเวลาการนวดต่อออกไปอีกเรื่อย ๆ ป้องได้ยินนิวถามอยู่เนือง ๆ ว่าถ้าน้ำหนักการกดจุด การคลึงเคล้นไปตามกล้ามเนื้อนั้นหนักจนเกินไป ให้ป้องบอกกับเขาได้

“ช่วงนี้ที่ทำงานเครียดหรือเปล่าครับ อยากจะให้ผมนวดเน้นตรงส่วนไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า ออฟฟิศซินโดรม หรือพวกสปอร์ตกดจุด คนออกกำลังกายแบบนั้น” นิวถามป้องออกไป โดยที่พยายามจะไม่รบกวน หากมีลูกค้าท่านอื่นอยู่ที่ห้องข้าง ๆ “มีตรงไหน นวดแล้วผ่อนคลาย หายเครียดสุด ๆ บ้างครับ” นิวแอบหัวเราะ เมื่อได้ยินป้องถามแบบนั้น

“ก็หลายที่อยู่นะครับ ที่พอนวดแล้ว กดแล้ว รับรองได้ปลดปล่อยเต็มที่” ป้องลืมตาขึ้นมองในความสลัวของไฟในห้องนวด ใจของเขาเต้นแรงขึ้น เมื่อปลายนิ้วของนิวขยับไล่สูงขึ้นมาที่บั้นท้ายของเขา “แต่บางที่ ก็ควรจะเว้นว่างเอาไว้ ไม่แตะต้อง” ป้องยิ้มในความสลัวนั้น เมื่อรู้ดีว่า นิวเลี่ยงที่จะไล้มือผ่านร่องกลางบั้นท้ายของเขา

“นอนหงายครับ” นิวก้มลงกระซิบที่ข้างหูของป้อง ชายหนุ่มทำตาม ขยับมานอนหงาย ร่างเปลือยเปล่าบนเตียงนวด “จะให้นิวเอาผ้าขนหนูคลุมไว้มั้ยครับ” นิวชูผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ในมือ เหลือบตาลงไปที่กลางหว่างขาของป้อง อะไรบางอย่างมันเริ่มพองขึ้นมา “ครับ” ป้องตอบออกไปเบา ๆ นิวยิ้มก่อนจะวางผ้าผืนเล็กนั้นทาบลงไป แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความนูนนั้นเอาไว้ได้

“เรื่องธรรมดาของผู้ชายครับ” นิวพูด ก่อนจะเริ่มนวดอีกครั้ง “คุณนิวนวดมานานหแล้วหรือครับ” ป้องถามอีกฝ่ายบ้าง “หลายปีแล้วครับ ทำไมครับ นิวนวดไม่ดีหรือไง” นิวทำเสีงตัดพ้อ “อ้อไม่ใช่ครับ นวดดีครับ คุณนิวนวดดีมากเลย เมื่อกี้ผมแทบเผลอหลับไปแล้ว มันสบายตัวมาก ๆ” นิวแอบยิ้มที่ทริกของเขากับลูกค้า ใช้ได้ผลเสมอมา

“เดี๋ยวจะรู้สึกดีกว่านี้อีกครับ นิวรับรองได้” นิวไล่ปลายนิ้วผ่านขอบผ้าขนหนูผืนเล็กนั้น ปลายนิ้วของเขาเลื่อนผ่านปลายแห่งความเป็นชายของป้อง ที่พาดมาทางนั้นพอดี นิวเห็นป้องหายใจขัด เกร็งกล้ามเนื้อท้องลอนสวยนั้นขึ้น คงด้วยความเซอร์ไพรส์ นิวยิ้มให้ป้องในแสงสลัวของห้อง ป้องเองก็ยิ้มเขิน ๆ กลับมาเช่นกัน

“ออกแรงนวดนาน ๆ ร้อนเหมือนกันนะครับ” นิวพูดขึ้น ทำเอามือพัดไล่ความร้อนให้ป้องเห็น “จะว่าอะไรมั้ยครับ ถ้านิวจะถอดเสื้อนวด นิวกลัวว่าจะไม่ชอบ” ป้องบอกว่า เขาโอเค นิวจึงจัดการถอดเสื้อพนักงานออก ถึงแม้ว่านิวจะไม่ได้ไปยิมหนักเหมือนกับที่ป้องทำ จนกล้ามเนื้อชัดเจน แต่แผงอก ท้องที่เรียบเนียน มีไรขนไล่จากใต้สะดือลงไปของนิว ก็ทำให้ป้องถึงกับมองแบบไม่วางตา

“บอสครับ ได้เรื่องแล้วครับ” หนึ่งในทีมสืบสวนลับ ที่เชี่ยวชาญเรื่องระบบไอที เรียกสารวัตรรัฐนนท์ให้มาดูที่คอมพิวเตอร์เครื่องหลักของทางร้าน “มีอะไรผิดปกติ” สารวัตรรัฐนนท์ถามลูกทีมของเขา “มีการตัดเอาหลายส่วนของรอร์ฟุตเทจ ไฟล์ที่รันยาวต่อกันนี้ออก ผมยังกู้คืนไฟล์ดังกล่าวไม่ได้ แต่คิดว่าถ้าเอาฮาร์ดดิสก์กลับไปศูนย์สืบ ผมน่าจะได้ข้อมูลจากไฟล์ที่ถูกลบไป เพราะต่อให้ลบไปแล้ว แต่มันยังคงหลงเหลืออยู่ในคลัสเตอร์ ผมมีวิธีและเครื่องมือที่นั่น” สารวัตรรัฐนนท์ได้หันไปมองเจ้าของร้านนวด ที่ดูลุกลี้ลุกลนอย่างผิดสังเกต

“ถ้าคุณมีอะไรจะพูด ก็รีบพูดเสียตั้งแต่ตอนนี้นะครับ ในฐานะเจ้าของร้าน ผมยังสามารถกันให้คุณเป็นพยานในคดีนี้ได้ แต่ถ้าผมยกเครื่องคอมพิวเตอร์พวกนี้กลับไปตรวจสอบ แล้วพบหลักฐานมัดตัวคนร้ายได้ล่ะก็ ผมจะถือว่าคุณมีส่วนร่วมในการลั่นไกปืนนิว จะถือว่าคุณปกป้องคนร้ายตัวจริง ฆ่าลูกน้องของคุณเอง ผมเล่นงานคุณหนักไม่แพ้กันแน่” สารวัตรรัฐนนท์ยืนยันกับเจ้าของร้านนวด ที่กำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ป้องหายใจหอบและถี่หนักขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนิวยังไม่ยอมถอนปากออกจากความเป็นชายของเขา แต่กลับเน้นหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้มันอัดแน่นอยู่ในโพรงปากของนิว ที่เจ้าตัวเองก็ใช้ความพยายามและความสามารถทั้งหมดที่มี ปรนเปรอความรู้สึกที่เตลิดเปิดเปิงไปแล้วของป้อง

“ให้นิวทำให้จนสุดเลยมั้ยครับ คุณป้อง” นิวถอนปากออกจากสิ่งนั้น เสียงดังจากน้ำลายที่ชุ่มปลาย ก่อนจะเลื่อนใบหน้าไปถามป้องที่ข้าง ๆ หู “มีอุปกรณ์ครบมั้ย” ป้องถามเสียงกระเส่า เพราะหากจะห้ามเขาตอนนี้ ที่อารมณ์กระเจิงขนาดนี้แล้ว มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องหยุดมันด้วย นิวพยักหน้า ยิ้มให้กับป้อง ก่อนจะดึงกางเกงชั้นในของตัวเองออกทางปลายเท้า ความชูชันของนิวเอง ก็ถูกกลืนหายเข้าปากป้องไป ขณะที่นิวกำลังหยิบถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นออกจากกระเป๋าเล็ก ๆ ที่โต๊ะข้าง ๆ

นิวก้มลงมองป้อง ที่นอนหงายบนเตียงนวด ปากคาความแข็งขืนของนิวเอาไว้ ตาเงยขึ้นมองใบหน้าของนิว ที่มือกำความเขื่องของป้องรูดขึ้นลง เพื่อเตรียมพร้อมขั้นต่อไป ป้องหลับตาหายใจเข้าจนลึก เมื่อนิวใช้ปากครอบถุงยางอนามัยลงไปตามความยาวที่ป้องมี ริมฝีปากเลื่อนลงไปจนสุด ชนเข้ากับหัวหน่าวนั้น

นิวปีนขึ้นไปบนเตียงนวด คร่อมกึ่งกลางลำตัวของป้องเอาไว้ ป้องชันเข่าขึ้นเป็นตัวเอ็ม นิวเอื้อมมือไปทางด้านหลัง ดันเอาคามแข็งขันของป้องให้ตั้งขึ้น เพื่อให้เขากดบั้นท้ายลง กลืนความยาวตลอดทั้งลำนั้นเข้าไปด้านในร่างกาย ร่องหลืบเล็กแคบของนิวแน่นขนัดไปหมด นิวกัดริมฝีปาก บีบต้นแขนของป้อง ส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มรอก่อน

“เอาเลย” นิวเมื่อคลายความเจ็บ ก็บอกให้ป้องขยับเอวขึ้นลงตามใจ ชายหนุ่มเหมือนล่องลอยอยู่ในสวรรค์ เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะความรู้สึกวาบหวามเซ็กซี่จากการนวด ที่ล่ำมาถึงเซ็กส์อันเร่าร้อนระหว่างผู้ชายด้วยกัน ที่กำลังดำเนินอยู่นี้ หรือเป็นเพราะว่า จริง ๆ แล้ว ป้องเพิ่งแน่ใจกับตัวเองแล้วว่า เขาค้นพบตัวตนที่เขาพยายามปฏิเสธอยู่หลายปีกันแน่

ป้อง ชายหนุ่มเจ้าของห้องนอน เดินวนไปวนมา เหมือนคนกำลังคิดไม่ตก กับการหาคำตอบให้กับตัวเอง กับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป กับไม่กี่วันที่ผ่านมา มันติดอยู่ในหัวของเขา ป้องสลัดมันไม่หลุด ทำยังไงเขาก็ยังวนเวียนคิดถึงแต่เรื่องนี้ เห็นแต่ใบหน้าของคนคนนี้ กับสิ่งที่เขาคิดว่า เขาแค่ลองดูเฉย ๆ มันก็แค่ความสุขราคาถูก ที่เสพแล้วก็ลืมมันไป

ป้องลงมาจากห้องนอนชั้นสอง บ้านเงียบเชียบ พ่อกับแม่ของเขาคงจะออกไปงานการกุศลเหมือนเคย ป้องเดินเข้าห้องครัว เปิดตู้เย็นดู มีแต่ของน่าเบื่อ จริง ๆ เขาก็แค่เอาอาหารที่แม่บ้านเตรียมเอาไว้จากตู้เย็น มาใส่ไมโครเวฟอุ่นกิน แต่มันก็แค่กินกันหิวไปได้อีกมื้อหนึ่งเท่านั้น คงจะเหมือนกับเรื่องที่เขาเพิ่งได้ลิ้มรส ได้กินมันมานั่นเอง ที่มันต้องถูกปาก มันทำให้ติดใจ ถึงจะบอกกับตัวเองได้ว่า เขาไม่ได้กินมันแค่กันตาย

ป้องเร่งฝีเท้าเดินไปตามฟุตปาธ เขาตัดสินใจออกจากบ้านตรงไปสถานที่แห่งนั้น แต่ไม่ขับรถมาเอง เพราะคิดว่า มันอาจจะดูเสี่ยงมากไปสักนิด หากเกิดว่าจะมีใครจำรถของเขาได้ขึ้นมา ป้องนั่งแท็กซี่มาลงตรงหัวมุมถนนใกล้ ๆ เพื่อความสบายใจของตัวเขาเอง ก่อนจะเดินต่อมาทางนี้ที่ตรงไปทางร้าน ป้องจำเวลาปิดร้านได้ แต่ไม่แน่ใจว่าคนที่เขาอยากจะเจอนั้น จะอยู่มั้ย เมื่อมันใกล้เวลาจะปิดแล้ว ป้องมองไปข้างหน้า เห็นคนที่เขาอยากเจอเดินออกมา ป้องเร่งฝีเท้า ยิ้มให้กับอีกฝ่าย นิวนึกแปลกใจ กึ่งดีใจอยู่ไม่น้อย ที่ได้เห็นป้องอีกครั้ง

*****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

หยุดความคิดไม่ได้ - เบล สุพล

https://www.youtube.com/watch?v=cG3KaLDFmJc


กี่โมงแล้ว ไม่ยอมหลับใหล

What time is it now? I am still up awake

กี่โมงแล้ว ไม่นอนอีกเหรอ

What hour is it? Not going to bed yet


จะนอนก็ไม่นอน

Sleep, I am not

จดจ่อรอคอยจนนอนไม่หลับ

My mind’s occupied, cannot go to bed

ทำยังไงก็วกกลับ

Always comes back to this

กลับมานอนคิดเรื่องวันพรุ่งนี้ อีกแล้ว

Thinking about tomorrow again and again


ก็ไม่รู้ฉันมันเป็นอะไรมากมาย

Not sure what’s wrong about me then

หลับตาแล้วก็ยังอดใจไม่ไหวสักที

Close my eyes, but my mind runs wild

อดนอนเดี๋ยวก็โทรม ดูไม่ค่อยดี

Will look so terrible if I’m lacking of sleep

เรื่องราวที่ยังไม่เกิด อย่าเลย อย่าไปสนใจเลย

Nothing happens yet, please, just never never mind


หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own thoughts

คิดคิดเรื่อยไปทั้งคืน

Keep thinking this all night

หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own mind

คิดเสียจนนอนไม่หลับ

Thinking up all night long


กี่โมงแล้ว ไม่ยอมหลับใหล

What time is it now? I am still up awake

กี่โมงแล้ว ไม่นอนอีกเหรอ

What hour is it? Not going to bed yet


คนเรามันก็แปลก

We are quite weird

ชอบแบกอะไรใส่หัวให้มันวุ่นวาย

Love to pile up our thoughts, getting confused

มันก็พอจะเข้าใจ

It’s kinda understandable though

ก็พยายามจะทำให้ได้สักครั้ง

Like to try what’s inevitable once


ก็ไม่รู้ฉันมันเป็นอะไรมากมาย

Not sure what’ s wrong about me then

หลับตาแล้วก็ยังอดใจไม่ไหวสักที

Close my eyes, but my mind runs wild

อดนอนเดี๋ยวก็โทรม ดูไม่ค่อยดี

Will look so terrible if I’m lacking of sleep

เรื่องราวที่ยังไม่เกิด อย่าเลย อย่าไปสนใจเลย

Nothing happens yet, please, just never never mind


หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own thoughts

คิดคิดเรื่อยไปทั้งคืน

Keep thinking this all night

หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own mind

คิดเสียจนนอนไม่หลับ

Thinking up all night long


หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own thoughts

คิดคิดเรื่อยไปทั้งคืน

Keep thinking this all night

หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own mind

คิดเสียจนนอนไม่หลับ

Thinking up all night long


กี่โมงแล้ว ไม่ยอมหลับใหล

What time is it now? I am still up awake

กี่โมงแล้ว ไม่นอนอีกเหรอ

What hour is it? Not going to bed yet
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๓๘. FULL MOON _ 9.04.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 04-09-2023 13:33:34

Crime and Love Scene Investigation

๓๘. FULL MOON


“คืนนี้มีฟูลมูนปาร์ตี้กันพอดีเลยค่ะ อาจจะเสียงดังหน่อยนะคะ นักท่องเที่ยวต่างชาติมากันเยอะ” แม่แก้วยื่นกุญแจห้องให้ บอกกล่าวกับครอบครัวพ่อแม่และลูกชายวัยเดียวกับลูกชายของเธอ “จะนอนหลับมั้ยเนี่ยคืนนี้” เม่นได้ยินพ่อบ่นอย่างเคย สีหน้าเคร่งขรึม ไม่เป็นมิตร แม้ว่าเจ้าของโฮมสเตย์ฮักใต้แห่งนี้ จะพูดด้วยอัชฌาสัยไมตรี

“เริ่มค่ำแล้วแบบนี้ ก็อยากจะพักผ่อนสบาย ๆ จะให้ไปห้องพักใหม่ไกลจากพวกฝรั่งฮิปปี้ ก็ไม่ยอมคืนเงินให้อีก อ้างกฎบ้ากฎบอต้องยกเลิกก่อนยี่สิบสี่ชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่สามารถทำตามที่ลูกค้า ที่เอาเงินมาให้ ขอร้องไม่ได้ คนไทยด้วยกันแท้ ๆ” เม่นยังได้ยินพ่อของเขาพูดต่อด้วยความไม่พอใจ แม่แก้วเห็นสามีของเธอเดินมาได้ยินพอดี ก็ส่งสายตาห้ามปราม เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นสามีอย่างพ่อชูที่อยู่กินกันมานาน จะทำอะไร

“ถ้าคุณแน่ใจว่า คืนฟูลมูนแบบนี้ จะไปเดินท่อม ๆ หาที่พักเอาเองได้ตามใจ ที่พักยังเหลือบานตะไท เชิญครับ เชิญเอาเงินของคุณไปอื่น ผมคืนให้คุณสองเท่าเลยด้วย” พ่อชูพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ยื่นเงินค่าห้องพักจำนวนคูณสองให้พ่อของเม่น “ผมยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พร้อมจะเข้าพักแทนคุณ อยู่ในเวสติ้งลิสต์ยาวเหยียด” พ่อชูพูดในขณะที่เสียงโทรศัพท์ของทางโฮมสเตย์ยังคงดังต่อเนื่อง

“โน่น ผมให้พวกเขาผูกเปลญวนนอนกันตรงศาลาโน่น แบบไม่คิดสตางค์ ให้เขาช่วยค่าน้ำค่าไฟตามกำลังศรัทธา ซึ่งพวกเขาไม่มีอิดออด” พ่อชูชี้นิ้วไปทางนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติฝรั่งและเอเชียหลายคน ที่เอกเขนกนอนรวมกันอยู่ตรงศาลาไม้ขนาดไม้ใหญ่ ที่พ่อชูสร้างขึ้น เพราะว่าปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวล้นกว่าจำนวนห้องพัก เกิดขึ้นทุกปี เกิดขึ้นทุกฟูลมูนปาร์ตี้ ทางฮักใต้โฮมสเตย์ก็แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากันมาโดยตลอด

“คุณ เรามาถึงนี่ก็เย็นมากแล้ว ถ้าคุณไม่มัวขับรถวนหลงอยู่กว่าจะถึงท่าเรือที่ฝั่งแผ่นดินใหญ่” เม่นได้ยินแม่ของเขาพูดขึ้นในที่สุด “ไม่มีตัวเลือกอื่นอีกแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะคะ” แม่ของเม่นหันไปพูดกับแม่แก้ว รับกุญแจมาถือเอาไว้ในมือ พ่อของเม่นนั้นรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก ที่ภรรยาของเขาพูดแบบฉีกหน้ากัน ว่าสาเหตุมันเป็นเพราะเขาไม่ยอมฟังลูกและเมีย ว่ากำลังขับรถพาทุกคนไปผิดทาง

“ลูกหลง พาคุณน้าไปที่ห้องที” แม่แก้วตะโกนเรียกลูกชายของเธอ เมื่อเห็นพ่อของเม่นเดินทำหน้าบอกบุญไม่รับออกไปจากตรงนั้น “จ๋าแม่” เม่นมองเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันที่เดินออกมาอย่างตาค้าง มันเป็นวินาทีที่เม่นเองก็ตกใจ เมื่อมันเกิดขึ้นกับเขาด้วยตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงระรัว ไม่อยากจะเชื่อว่ารักแรกพบอย่างที่คนเขาว่ากัน มันมีอยู่จริง

หลงยิ้มให้กับคุณน้าลูกค้าผู้หญิงกับลูกชายของเธอ ที่มองเขาแบบไม่วางตา หลงเดินนำทั้งสองคนออกไป มองเห็นพ่อของเม่นยืนอัดบุหรี่ระบายความเครียดอยู่ไม่ไกล ทั้ง ๆ ที่มีป้ายห้ามสูบบุหรี่แปะเอาไว้ด้านหลัง ก่อนที่พ่อของเม่นจะใช้รองเท้าขยี้ดับบุหรี่ทิ้ง แล้วเดินตามทั้งสามคนไปห่าง ๆ

“ถ้ามีอะไร คุณน้าเรียกใช้หลงได้เลยนะครับ” หลงพูดกับแม่ของเม่น หลังจากที่ช่วยเปิดห้อง เปิดไฟ เปิดเครื่องปรับอากาศ และแนะนำว่าอะไรอยู่ตรงไหนในห้อง” เม่นนั้นมองตามหลงอยู่ตลอดเวลา ในใจคิดว่า ทำไมอีกฝ่ายถึงน่ารักได้ขนาดนี้ “เรากินกันได้ที่ไหนครับ” เม่นพูดออกไปแบบไม่ทันได้คิดอะไร

“อะไรนะ” หลงถามกลับไป “เอ่อ คือ มีอาหารตามสั่งอะไรแบบนั้นบ้างมั้ย” เม่นรีบพูดแก้เก้อ ทำหน้าเขิน ๆ “ปกติแม่ทำขนมจีนน้ำยาใต้ขายด้วย แต่วันนี้หมดแล้ว ถ้าคุณน้าอยากทานข้าวเย็น คงต้องออกไปที่หน้าหาดครับ” หลงพูดแนะนำเสร็จ ก็ขอตัวก่อน ทั้งสามคนจะได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย เม่นมองตามหลังหลงไปจนอีกฝ่ายเดินหลบมุมไปทางต้นไม้ข้างห้องพัก ก่อนที่เม่นจะเผลอยิ้มกับตัวเองออกมา

“หน้าหาดเดินไปไกลมั้ย” ไม่นานนักหลังจากที่หลงเดินไปส่งครอบครัวของนั้นเข้าห้องพัก หลงก็ได้ยินเสียงทักจากลูกชายของพวกเขา “อยากทานข้าวเย็นกันใช่มั้ยคะ” แม่แก้วได้ยินเม่นถามหลง เลยพูดขึ้นว่า “หลงพาคุณน้าเขาไปหน้าหาดทีลูก” เม่นยิ้มกว้างรับประโยคที่ได้ยินแม่แก้วพูด “เกรงใจจังค่ะ” แม่ของเม่นพูด แต่ก็รู้สึกขอบคุณที่ทางโฮมสเตย์ที่ช่วยเหลือเป็นอย่างดี

“แม่ไปกับลูกด้วย” พ่อชูกระแอมไอเสียงดัง ก่อนจะบอกกับผู้เป็นคู่ชีวิตกันมานานหลายสิบปี ให้แม่แก้วไปพร้อมกับลูกชายของพวกเขา เม่นหันมาเจอสายตาของพ่อชู เม่นหุบยิ้มแทบไม่ทัน เพราะที่พ่อชูมองมาที่เขา เหมือนกับว่า พ่อชูจะรับรู้ถึงเจตนาที่เม่นมองลูกหลงของพ่อชูอย่างตาไม่กะพริบแบบนั้น

เดินมาไม่ไกลจากโฮมสเตย์ ก็มาถึงแสงสีของหน้าหาด เสียงอึกทึกจากเพลงที่หลายร้านแข่งกับเปิด ทำให้บรรยากาศดูคึกคักอย่างที่สุด ยิ่งมีนักท่องเที่ยวคลาคล่ำไปหมดแบบนี้ นี่ยังแค่หัวค่ำเท่านั้น ยิ่งดึกกว่านี้ ก็จะยิ่งสนุกสนานมากขึ้นเรื่อย ๆ เม่นเองก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปหมด เป็นครั้งแรกที่ได้มาในสถานที่อะไรแบบนี้

“ไอ้หลง เมื่อไหร่จะมาดองกับลูกลุงเสียที รอนานแล้วนะเว้ย” เสียงชายวัยกลางคนดังลั่นถามมา ก่อนที่ลูกชายของลุงคนที่ว่าจะตะโกนมาหลังจากเห็นหลงส่ายหน้าปฏิเสธ “หลง แกจะให้ข้าอกหักซ้ำ ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ” หลงยู่หน้าใส่เพื่อนที่เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ไอ้คนที่ชอบขโมยรองเท้านักเรียนของหลงไปซ่อน คนที่ชอบแกล้งเขามาตลอด กลายมาเป็นคนที่สารภาพรักกับหลง จนคนแถวนี้พูดแซวหลงไม่หยุดปาก และหลงก็บอกปฏิเสธไปหลายรอบแล้วว่าไม่ได้ชอบเพื่อนคนนี้

“ไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ นั่นใครวะ แฟนไอ้หลงหรือเปล่า” เม่นมองไปทางเด็กหนุ่มคมเข้ม ที่เอ่ยปากถามพ่อของตัวเองว่าเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนอย่างเม่นเป็นใครกัน ดูจะไม่พอใจนักที่เห็นหลงมาเดินคู่อยู่กับเขา “เอ็งท่าจะอดได้ไอ้ลูกหลงมาเป็นแฟนแน่แล้วล่ะ ไอ้ลูกหมา” พ่อของเด็กหนุ่มคมเข้มหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพูดปลอบใจลูกชายที่อกหักอยู่ซ้ำ ๆ

“แซวเล่นกับสนุกดีนะคะ คนแถวนี้ดูสนิทกัน” แม่ของเม่นพูดพลางหัวเราะกับแม่แก้ว เจ้าของฮักใต้โฮมสเตย์ หันไปตามเสียงพูดนั้น “พ่อลูกคู่นั้นเขาไม่ได้ล้อเล่นหรอกค่ะ” แม่แก้วพูดมองไปที่ลูกชายของเธอ ที่เดินนำหน้าไปกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งมาจากกรุงเทพฯ แม่ของเม่นทำหน้าแบบไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนั้น

“ตามชื่อเขาเลยค่ะ ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะมีลูกกับเขาแล้ว จนฉันตั้งท้องเจ้าหลง” แม่แก้วเล่าให้แม่ของเม่นฟัง “พี่ชู” แม่แก้วเล่าต่อ “พ่อของเจ้าหลงน่ะค่ะ เห่อลูก ทั้งรักทั้งหวงลูกชายคนเดียวของเขาเป็นที่สุด” แม่ของเม่นตั้งใจฟังที่แม่แก้วเล่า “ยิ่งพอมารู้ว่าลูกชายของเขาชอบอะไรด้วยแล้วล่ะก็” แม่แก้วหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงผู้เป็นสามีก่อนหน้านี้

“พี่ชูยิ่งดุขึ้นอีกหลายเท่า แต่หลงเขาก็ไม่ได้กลัวพ่อเขาหรอกค่ะ เขาเคารพกันมากกว่า เพราะหลงรู้ว่าพ่อรักเขามากขนาดไหน” แม่แก้วพูดด้วยแววตาฉายยิ้ม แม่ของเม่นเองก็รับรู้ได้ทันที ว่าแม่แก้วนั้นก็รักลูกชายของเธอไม่ยิ่งหย่อนไปเช่นกัน “ดูเม่นเป็นเด็กดีมากเลยนะคะ” แก้วพูดขึ้น เมื่อเห็นเม่นหยุดยืนดูเลือกเมนูกับหลงที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“ที่มากันนี่ ก็เป็นรางวัลเพราะว่าเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ตามที่พ่อของเม่นเขาหวังเอาไว้” ปลายน้ำเสียงของผู้เป็นแม่ ฟังดูเศร้า ๆ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องน่ายินดี แม่แก้วที่รับรู้ได้ เลยไม่ถามอะไรต่อ “ส่วนทางนี้ก็สอบติด ให้เรียนที่ใต้นี่แหละค่ะ พ่อเขาหวง ไม่อยากให้ลูกชายไปเรียนไกลบ้านมากนัก” หลงนั้นสอบติดมหาวิทยาลัยในภูมิภาค จังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากเกาะแห่งนี้มากนัก

“ร้านนี้นะครับคุณแม่” เม่นหันมาบอกกับแม่ของเขา ผู้เป็นแม่เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของลูกชาย ก็เผลอยิ้มออกมาด้วยเช่นกัน “ตามสบายนะคะ” แม่แก้วพูดขึ้น เพื่อให้เม่นและแม่ของเขามีเวลาส่วนตัว “นั่งทานอะไรด้วยกันก่อนได้มั้ยคะ เดี๋ยวฉันดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้เอง นะคะ” แม่ของเม่นรั้งแม่แก้วและหลงเอาไว้ก่อน อยากให้นั่งคุยด้วยกัน เพราะกันสนทนากันถูกคอ

“สี่คนครับ” เม่นรีบบอกพนักงานร้านที่พูดคุยทักทายแม่แก้วกับหลงอย่างสนิทสนม เม่นยิ้มกว้าง ก่อนผายมือให้หลงกับแม่แก้วเดินเข้าไปในร้านก่อน แล้วก็ตามด้วยเขากับแม่ “ร้านนี้อาหารอร่อย” แม่แก้วบอกกับแม่ของเม่น “เดี๋ยวซื้ออะไรติดมือกลับไปด้วยนะคะ อาหารหรอยจังฮู้ เดี๋ยวคนที่งอนแต่หิ้วท้องหิวรอ ก็หายงอนเอง” แม่แก้วหัวเราะกับแม่ของเม่น เมื่อผู้หญิงทั้งสองคนเข้าใจหัวอกกันดี เรื่องสามีของพวกเธอ

เม่นรู้สึกว่า นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้กินข้าวแบบมีความสุขอย่างในค่ำคืนนี้ เสียดายที่พ่อของเขาขอตัวเข้านอนก่อน ไม่ยอมมาด้วย ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะสมบูรณ์แบบ เม่นพูดกับหลงว่า นี่ถ้ามากันเองแค่เขากับหลง เม่นอยากจะชวนหลงอยู่ต่อหลังจากที่กินข้าวเสร็จ แต่หลงบอกว่า พ่อชูไม่ยอมแน่นอน

เพราะแม้ว่าพ่อชูจะไว้ใจลูกอย่างหลง แม้ว่าหลงจะโตท่ามกลางแสงสีและความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง แต่พ่อก็เลี้ยงหลงมากับคำสอนที่ว่า อะไรบางอย่างที่เราอยากทำ แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลา พ่อก็ขอให้หลงนั้นอดเปรี้ยวไว้กินหวาน อย่าทำอะไรก็ตามที่หลงจะต้องมานั่งเสียใจทีหลัง เพราะมันจะเป็นเรื่องที่หลงไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้อีก

“ทำไมชอบยิ้มจัง มองแล้วก็ยิ้ม” หลงอดไม่ได้ในที่สุด ที่จะถามเม่นออกไป หลังจากสังเกตมาสักพักแล้ว ว่าเม่นชอบทำแบบนั้น “ก็ทำไมชอบทำน่ารักจังล่ะ ก็เลยต้องมองแล้วยิ้ม” เม่นตอบพร้อมกับสบตากับหลง โดยที่หลงนั้น เพิ่งเคยรู้สึกว่าใจเต้นแบบแปลก ๆ แบบที่ไอ้เพื่อนคมเข้มของตัวเอง พูดชมหลงมานับครั้งไม่ถ้วน หลงก็ไม่เคยจะรู้สึกอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง

เม่นทำท่าเหมือนจะพูด แต่ก็ไม่ยอมพูด เอาแต่หันไปมองทางแม่ของตัวเองซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น ในใจคิดว่าเขาจะเริ่มต้นพูดออกไปอย่างไรดี กับสิ่งที่เขาเก็บเอาไว้เป็นความลับของตัวเองมานาน ซึ่งเรื่องนี้ เขาเคยบอกกับหลงมานานแล้ว ว่าไม่อยากจะปิดบัง กับที่บ้านอีกต่อไป แต่ก็เป็นที่หลงเตือนเม่นเอาไว้ว่า กับเรื่องนี้ เม่นต้องทำตนที่เม่นแน่ใจแล้วเท่านั้น เม่นต้องมั่นใจว่า เวลาที่เม่นเลือกนั้น จะปลอดภัยสำหรับเม่น และที่เม่นพูดออกไป เม่นทำเพื่อตัวของเม่นเอง ไม่ใช่เพื่อใครที่ไหน ไม่แม้แต่จะทำเพื่อหลง

“มีอะไรหรือเปล่าเม่น” สุดท้ายคนที่อดรนทนไม่ได้ กลายเป็นแม่ของเม่นเสียเอง ที่เอ่ยถามขึ้นมาก่อน เพราะทนอาการอึกอักยึกยัก จะพูดก็ไม่พูดของลูกชายไม่ไหว เม่นที่เพิ่งบอกข่าวดีเรื่องสำคัญกับแม่ เรื่องที่ว่าเม่นนั้นสอบวิชาสุดท้ายผ่านแล้ว เขากำลังจะจบการศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยไปหมาด ๆ หันมามองแม่แบบที่ชายหนุ่มที่โตแล้วคนหนึ่ง กำลังจะบอกเรื่องที่ใหญ่มากอีกเรื่องหนึ่งสำหรับตัวเอง ให้กับแม่ได้ฟัง

“คุณแม่จำหลงได้มั้ยครับ ที่เราเคยไปโฮมสเตย์เขา ตอนเม่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้” แม่ของเม่นหันหน้ามาจากจอโทรทัศน์ที่กำลังดูอยู่ ก่อนจะพยักหน้าให้ลูกชาย “ตั้งแต่วันนั้น” เม่นพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัวของเขาให้ออกมาเข้าใจง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด “เม่นกับหลง เราก็คุยกันมาตลอด” เม่นใจเต้นแรงมากในตอนนี้

“มีเพื่อนดี ก็ดีแล้วนะเม่น” แม่พูดออกมาแบบนั้น ทำให้เม่นรู้สึกว่า เขาอาจจะต้องพูดให้ชัดกว่านี้ “คือ คุณแม่ครับ เราไม่ได้คบกันแค่เป็นเพื่อน” แม่ของเม่นในตอนนี้ในหูของเธอมีเสียงวิ้งดังระงมไปหมด แต่ใช่ว่าเป็นเพราะเธอได้ยินลูกชายพูดบอกว่า เม่นคบหาเป็นแฟนอยู่กับผู้ชายอีกคนหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่า เธอรับรู้แล้วว่า วันนี้ที่เธออยากจะยืดให้มันนานออกไปให้ได้มากที่สุด มันมาถึงแล้วต่างหาก

“หลงเป็นแฟนเม่นครับคุณแม่” แม่ของเม่นหันมามองหน้าลูกชาย ประโยคที่เธอได้ยินลูกชายพูดชมเด็กผู้ชายอีกคนว่าน่ารัก ย้อนกลับมาให้เธอจำได้อีกครั้ง “ตอนนี้เม่นเรียนจบแล้ว เม่นเลยอยากจะบอกให้คุณแม่รู้ ว่าเม่นกับหลง เราตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน เม่นอยากบอกคุณแม่มานานมากแล้ว แต่หลงบอกให้เม่นทำตอนที่พร้อมที่สุด เม่นเรียนจบแล้ว เม่นคิดว่าตอนนี้เม่นพร้อมแล้ว” แม่ของเม่นไม่รู้เลยว่า เธอควรจะทำสีหน้าแบบไหนให้ลูกชายได้เห็นดี

“หลงเป็นเด็กดี” นั่นคือสิ่งที่แม่ของเม่นพูดออกไปได้ “ใช่ครับ หลงช่วยผมเรียนมาตลอดสี่ปี แม้ว่าเราจะอยู่ไกลกัน” แม่ของเม่นพยักหน้า เธอเองก็สังเกตเห็นว่า ผลการเรียนของเม่นนั้นไม่เคยตกลงเลย มีแต่ที่จะดีขึ้นในทุก ๆ เทอม “เราสองคนไม่เคยทำเรื่องไม่ดี ไม่เคยทำตัวเกินเลย ผมไม่เคยล่วงเกินหลงตอนที่หลงมาเที่ยวกรุงเทพฯ ไม่อย่างนั้น พ่อชูคงไม่ยอมให้เราเป็นเพื่อนกัน” เม่นจำได้ ว่าพ่อชูอนุญาตแค่ให้เม่นกับหลง คงสถานะเป็นเพื่อนกันไปก่อน จนกว่าจะทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้

“เม่นรักหลงครับ” แม่ของเม่นรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ขอบดวงตาทั้งสองข้าง แต่เธอก็เผยรอยยิ้มให้กับลูกชาย “รักกันนาน ๆ นะ แม่ขออวยพร” เม่นยิ้มกว้างยกมือขึ้นกราบแม่ โดยที่แม่ของเขาก็รวบมือที่พนมขึ้นของเม่นไปบีบเอาไว้ ก่อนที่เม่นจะขอตัวออกไปข้างนอกก่อน โดยที่แม่ของเม่นนั้นปล่อยให้น้ำตาของเธอไหลลงมาหลังจากนั้น

แม่ของเม่นกระดกไวน์แดงขึ้นจนเกือบหมดแก้ว ขณะนั่งดูรูปถ่ายตั้งแต่ยังเล็กของเม่น เธอใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาบนแก้มของเธอ ก่อนจะพลิกหน้าอัลบั้มรูปสมัยเก่าไปอีกหน้าหนึ่ง ริมฝีปากของเธอสั่นระริก เมื่อได้เห็นรูปที่เม่นยิ้มแก้มแทบปริ กับจักรยานคันแรกของเขา แม่ของเม่นปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะกระดกไวน์แดงที่เหลือในแก้วลงคอไปจนหมด

“คุณคะ ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ” แม่ของเม่นยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทรหาผู้เป็นสามี เมื่อเธอใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วยเธอรวบรวมความกล้าให้โทรหาสามี แม่ของเม่นบอกสามีทั้งสองเรื่องใหญ่ของเม่นให้เขารับทราบ เสียงตะโกนกลับมาจากพ่อของเม่นว่า เขาไม่มีลูกชายที่เป็นเกย์ และไม่มีวันยอมรับลูกที่วิปริตผิดเพศแบบนั้น คำพูดของแม่แก้วเมื่อหลายปีก่อนย้อนมาให้แม่ของเม่นได้ยินกระจ่างชัดอีกครั้ง กับปฏิกิริยารีแอคชั่นของพ่อชู ในวันที่รับรู้ว่าลูกหลงของพ่อชูนั้น ชอบผู้ชายด้วยกัน

“แม่แน่ใจนะครับ ว่าไม่ต้องให้เม่นขับรถไปรับ” หนึ่งปีหลังจากที่เม่นเรียนจบและย้ายลงใต้ไปช่วยงานที่ฮักใต้โฮมสเตย์ ก็ถึงเวลาที่เม่นและหลง จะได้ทำงานในสิ่งที่ทั้งสองคนเรียนมา และได้ตั้งต้นชีวิตเป็นของตัวเองเสียที หลังจากที่แม่แก้วให้ทั้งสองคนไปบริหารโฮมสเตย์จนมีกำไร และแม่แก้วก็ให้กำไรนั้นมาเป็นทุนตั้งต้นครอบครัว

“แค่นี้เอง เดี๋ยวแม่เรียกรถจากแอพไปก็ได้” แม่ของเม่นกำลังจะนั่งรถไปดูบ้านใหม่ที่ทั้งเม่นและหลงช่วยกันก่อร่างสร้างด้วยกัน “แม่แก้วมาด้วยมั้ย” แม่ของเม่นถามลูกชาย “ต้องมาอยู่แล้วครับ แม่แก้วต้องมาดูให้แน่ใจว่า เม่นสามารถดูแลลูกชายคนเดียวของแม่แก้วได้เป็นอย่างดี” แม่ของเม่นหัวเราะไปกับลูกชายด้วย เธอดีใจที่ลูกชายของเธอมีความสุข แม่ของเม่นวางสายโทรศัพท์จากลูกชาย กำลังจะเดินออกจากบ้าน

“คุณ” สามีของเธอมายืนอยู่ตรงหน้าประตู แม่ของเม่นตกใจ ที่เห็นพ่อของเม่นกำลังมีน้ำตาไหลนองใบหน้า เพราะตั้งแต่วันที่เธอโทรบอกเขาเรื่องของเม่น แม่ของเม่นก็ยึดเอาความสุขของลูกเป็นหลัก เธอบอกกับสามีของเธอไปว่า เอาไว้วันไหนเขาพร้อมที่จะเห็นความสุขของเม่น เป็นความสุขที่แท้จริงของตัวเอง ตอนนั้นค่อยโผล่หน้ามาให้เธอเห็น หลังจากนั้น พ่อกับแม่ของเม่นก็แยกทางกัน

“ยังไม่สายใช่มั้ย มันยังไม่สายเกินไปสำหรับผมใช่มั้ย” กับหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่พ่อของเม่นนั้นต่อสู้กับความคิดของตัวเองกับเรื่องนี้ แม่ของเม่นเองก็ใช่ว่าจะทำใจได้ในทันที ที่ลูกชายของเธอจะมีชีวิตผิดแผกไปจากที่เธอวาดความฝันเอาไว้ “ยังหรอกค่ะ” แม่ของเม่นบอกกับสามี ที่ดินเข้ามากอดเธอไว้ แสงจันทร์คืนฟูลมูน มองออกไปเห็นอย่างเด่นชัด ที่ด้านนอกหน้าต่าง เขาร้องไห้ตัวโยน เสียใจที่พลาดเป็นส่วนหนึ่งของโอกาสในชีวิตลูกชายตั้งแต่เขาประกาศตัดพ่อตัดลูกกับเม่น

“ผมกลัว” พ่อของเม่นถอนกอดออกจากผู้เป็นภรรยา “ผมกลัวว่าผมจะจากไปเสียก่อน อย่างพ่อชู” พ่อของเม่นปาดน้ำตาลวก ๆ ออกจากใบหน้า “ไม่ทันได้เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา มีความสุข” พ่อของเม่นรู้สึกผิดและเสียใจมากจริง ๆ ที่เคยพูดอะไรแย่ ๆ กับลูกชายออกไป ถึงขนาดดุด่าว่ากล่าวว่าเม่นนั้น ไม่สมควรจะเกิดมาเป็นลูกเขา “มีความสุขไม่พอนะคะคุณ” แม่ของเม่นพูดบอกกับพ่อของลูกชายเธอ

“แต่ต้องมีความสุขกับคนที่ลูกเรารัก และเขาก็รักลูกของเรา” แม่ของเม่นดีใจที่พ่อของเม่นเปลี่ยนความคิดที่มี กับเธอนั้น มันอาจจะย้อนเวลาให้กลับมาเป็นคู่ผัวตัวเมียกันไม่ได้อีกแล้ว แต่กับเม่น เธอดีใจอย่างที่สุด ที่เม่นจะได้ผู้เป็นพ่อกลับมาในชีวิตอีกครั้ง ด้วยความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกัน

****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษและไทย โดย Jay J

FULL MOON PARTY - คริสติน่า อากีล่าร์

https://www.youtube.com/watch?v=gXhhhP0LoBI


ได้ยินเสียงเพลง สะกิดใจลึกลึก ฟังคึกคัก

The song in the air, ready for quick feet, ultimately

และมีพระจันทร์หนึ่งดวงอยู่บนฟ้า เหนือทะเล

One big full moon in the sky, above the sea

ค่ำคืนนี้มีผู้คนและแสงสี


Tonight, all the people and those neon lights

และมีฉันเคียงกับเธอที่แสนดี

Me and you, my nice naughty boy

เพลงล้วนล้วนฟังยั่วยวนจับขั้วหัวใจ

Pure music and the rhythm hit our hearts

ก็ใครใครใครใครใครจะทนไหว

Who else can skip these funky beats


โอบกอดฉันเอาไว้ในอ้อมแขนคืนนี้

So, hold me close tonight

ฉันขอชวนเธอเต้นรำ

You and I, we’re dancing this very floor

แสงจันทร์นวลผ่องส่องอร่าม

Oh, what a bright moonlight

ท้องทะเลช่างสวยงาม

Over the beautiful ocean


บทเพลงมันรุกมันเร้า

The songs keep hitting the feelings over and over

และไม่มีความเหงามาทำเราให้หยุด

The loneliness can never stop us at all

เสียงนั้นดังสุดสุด จะมีผู้ใดหยุดยั้ง

While the music blasts, who’s gonna say piss off

หยุดยั้งในแรงพลังแห่งดนตรี

And quit all of this mega tune


อยู่กันที่ฟลอร์ โอบกอดกันชิดชิด คนนับร้อย

On the floor, holding tight, hundreds around us

แอบมองหน้าเธอ และเธอก็มองฉัน ซึ้งซึ้งดี

Looking into your eyes and mine, feel quite nice


ที่ตรงโน้นมีคลื่นลมและสีแสง

Right over there, it’s wind and all the lights

ที่ตรงนี้คนเต้นรำอย่างร้อนแรง

Right over here, hot songs people dance to

ความครึกครื้นในค่ำคืนที่ฝังใจ

All excitement in the unforgettable night

ก็ใครใครใครใครใครจะทนไหว

Who else can skip these funky beats
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๓๙. COMING OUT _ 9.05.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 05-09-2023 16:45:40
Crime and Love Scene Investigation

๓๙. Coming Out


“บอส นี่เป็นคลิปที่ผมกู้คืนได้จากฮาร์ดดิสก์ของร้านนวด” ลูกทีมของห่วยสืบสวนลับ บอกกับสารวัตรรัฐนนท์ ถึงคลิปที่อาจจะทำให้คดีคืบหน้าได้ “ดีมาก ไหน เปิดเลย” ชนธัญเดินตามมาสมทบ หลังจากส่งข้อความตอบกลับด็อคเตอร์ดรุณี ถึงเรื่องที่หมอดุกำลังร่วมมือกับเพื่อนหมอจิตเวช เรื่องแนวทางการสืบสวนผู้ต้องสงสัยที่มีความผิดปกติทางสมอง ที่เข้าข่ายการยกเว้นความรับผิดทางกฎหมาย

“ผมเตือนเอาไว้ก่อนนะครับบอส คุณชนธัญ” ทั้งสองคนที่ถูกระบุชื่อสบตากัน ก่อนจะมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า และเมื่อคลิปถูกเปิด ชนธัญก็หลุบตาลงต่ำ กลับไปชำเลืองมองด้วยอาการเขิน ๆ “โอ้” สวนสารวัตรรัฐนนท์นั้นถึงกับส่งเสียงร้องออกมาทันทีทันใด ที่ได้เห็นอะไรแบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้นวัน

“ถึงว่า ไม่แปลกใจถ้านิวจะถูกฆ่าตาย ด้วยสาเหตุนี้” สารวัตรหนุ่มหล่อเมื่อได้เห็นคลิปตั้งกล้องถ่ายในห้องนวด กับคลิปที่นิวกำลังมีอะไรกับลูกค้า “ปิดคลิปก่อนก็ได้ครับ ผมพอจะเข้าในไอเดียคดีแล้ว” ลูกทีมที่กู้คลิปกลับมาได้ หลุดหัวเราะออกมา เมื่อเห็นทั้งแก้ม ทั้งใบหูทั้งสองข้างของชนธัญนั้นแดงไปหมด

“ทางเจ้าของร้านนวดเคยมีประวัติอัดคลิปลูกค้า แล้วไปปล่อยขายในอินเทอร์เน็ตมาก่อน” ลูกทีมหน่วยสืบลับอธิบายต่อ สารวัตรรัฐนนท์ใบหน้าอมยิ้ม เมื่อเห็นชนธัญพยายามทำกลบเกลื่อนจากการเคลื่อนไหวของผู้ชายสองคนในคลิป ที่เพิ่งเห็นไป “แต่ครั้งนี้อ้างว่า คลิปนี้ไม่ได้ถูกนำไปปล่อยขายที่ไหน” สารวัตรรัฐนนท์มองหน้าลูกทีมแบบรู้กันว่า นั่นแทบจะเชื่อไม่ได้เลย เพราะ Motive หรือแรงจูงใจการฆาตกรรมจากคลิปนี้ มีน้ำหนักมากเหลือเกิน

“เราระบุตัวลูกค้าได้ด้วยนะครับบอส” ลูกทีมหน่วยไอทีดันเอกสารผู้ต้องสงสัยส่งให้สารวัตรหนุ่มหล่อ “รูปพรรณสัณฐาน รอยสักที่แขนซ้าย ตรงกันกับกล้องวงจรปิดที่ได้จากตึกฝั่งตรงข้ามอพาร์ทเม้นท์ของผู้เสียชีวิต” เป็นอีกครั้งที่กล้องวงจรปิดจากอีกที่หนึ่ง ที่ไม่ใช่จากที่เกิดเหตุ ช่วยให้คดีไหลต่อได้

“ดีมาก ส่งคนไปนำตัวเจ้าของร้านนวดมาที่สืบสวนลับ และทำเรื่องไปที่ท่านผู้พิพากษา ขอหมายศาลเรียกตัวผู้ชายที่เป็นลูกค้ามาให้ปากคำ” สารวัตรรัฐนนท์สั่งการลูกทีมของเขา ก่อนจะหันไปถามชนธัญ “คุณคิดว่าไง” ชนธัญคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถ้าลูกค้าคนนี้มาติดพันนิวจริง ถึงขั้นจะคบหากันจริงจัง ตามที่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาจากพนักงานประจำร้านนวด” ชนธัญกำลังเรียงลำดับความคิดของตัวเอง

“มันมีเหตุผลอะไรที่นิวจะเป็นคนแอบถ่ายคลิป หรือร่วมมือกับเจ้าของร้านทำเรื่องนี้เสียเอง เพราะไม่ช้าไม่นาน คนในคลิปกับนิวก็ต้องรู้ความจริง สมัยนี้คลิปมันเป็นไวรัล แพร่กระจายเร็วจะตาย โดยเฉพาะคลิปประเภทนี้” ชนธัญยังไม่อยากจะปักใจเอในทุกอย่างที่เห็น “ไม่อย่างนั้น” สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญเอ่ยประโยคเดียวกันขึ้นมา แทบจะพร้อม ๆ กัน

“มีคนอื่นรู้อีก นอกจากสามคนนี้” สิ่งที่ทั้งสองคนเห็นตรงกันก็คือ นอกจากนิว ลูกค้าในคลิป แอบถ่าย และเจ้าของร้านนวดแล้ว ยังมีใครคนอื่นอีก ที่เป็นตัวแปรและอาจจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในสมการฆาตกรรมนี้ “เดี๋ยวก็รู้” สารวัตรรัฐนนท์พูดขึ้น เมื่อเห็นแนวทางในการสืบสวนคดีนี้ต่อ

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ทางทีมสืบลับก็สามารถนำตัวเจ้าของร้านนวด ที่กำลังจะหลบหนี นำตัวมาสอบสวนต่อได้ โดยถูกแยกไปอีกห้องหนึ่ง ส่วนลูกค้าหนุ่มที่ถูกระบุตัวในทั้งสองคลิป ทั้งจากที่ตัวเองโดนแอบถ่ายและคลิปจากกล้องวงจรปิดที่ตึกตรงข้ามอพาร์ทเม้นท์ของนิว ป้องรีบโทรหาพ่อของเขาทันทีที่เจ้าหน้าที่สืบสวนไปนำตัวเขามา

“พวกคุณไม่เข้าใจ ผมพูดอะไรออกไป บอกอะไรพวกคุณไป ผมไม่รอดแน่ ๆ” ชายเจ้าของร้านนวดโอดครวญด้วยใบหน้าของคนที่อดนอนมาหลายคืน “ถ้าอย่างนั้น ทำไมถึงไม่คิดให้ดีเสียก่อน ถึงผลที่มันจะตามมา ก่อนจะไปตั้งกล้องแอบถ่ายคนอื่น” เสียงเจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องสงสัยดังขึ้น ก่อนจะพาเจ้าของร้านเข้าไปในห้องสอบสวน โดยมีเสียงร้องขอความเห็นใจของเจ้าตัว จนเข้าห้องไป

“ส่วนคุณ คุณป้อง” สารวัตรรัฐนนท์มองหน้าชายหนุ่มเจ้าของลายสักที่แขน ที่เขาอ้างกับเจ้าหน้าที่ตอนโดนควบคุมตัวว่า “ผมบอกพวกคุณไปแล้ว ว่าใครก็มีรอยสักแบบนี้ได้ นี่มันสมัยไหนกันแล้วคุณ” เสียงพูดนั้น เป็นเสียงของคนที่รู้ดีว่า ตัวเองนั้นถือไพ่เหนือกว่าทุกคนตรงนั้น และเจ้าหน้าที่ตำรวจพวกนี้กำลังทำให้เขาเสียเวลา

“อีกอย่างนะ ไม่ว่าผมจะพูดอะไรออกไป สุดท้ายแล้ว พวกคุณก็ต้องปล่อยผมไปอยู่ดี ยิ่งพ่อผมรู้เรื่องที่พวกคุณบังคับผมมาแบบนี้ด้วยแล้ว” ป้องหัวเราะเยาะใส่สารวัตรรัฐนนท์ที่ชูหมายเรียกที่ออกโดยศาลสถิตยุติธรรมให้เขาดู “เดี๋ยวพวกคุณก็จะได้รู้เอง ดาวบนบ่าพวกคุณมันช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ คุณตำรวจ คุณนักสืบ” ป้องยังคงยิ้มเยาะนายตำรวจหนุ่มและชนธัญที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินเข้าห้องสืบสวนไป

“ผมเสียใจนะ ที่คุณถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว เรื่องคลิปแอบถ่าย และเสียใจด้วยจริง ๆ ที่เพื่อนชายของคุณต้องมาเสียชีวิตแบบนี้” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นหลักฐานเอกสารในคดีต่อหน้าป้อง “แต่คุณจะปฏิเสธอย่างนั้นหรือ ว่าคนในคลิปแอบถ่าย รวมทั้งคลิปจกกล้องวงจรปิด ที่อยู่กับผู้ตาย ทั้งสองคลิปนั้น ไม่ใช่คุณ” ป้องเบือนสายตาหนีจากภาพถ่ายฆาตกรรมพวกนั้น

“ผมไม่ได้ทำ” ป้องพูดปฏิเสธออกไป มองหน้าสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญสลับไปมา “และถ้าจะมีใครสักคนที่ผิด ก็เป็นที่นิวนั่นแหละ ที่ทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น ทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากเขา พวกคุณไม่เข้าใจ” ชนธัญจับปลายน้ำเสียงของป้องได้ ว่าชายหนุ่มนั้นกำลังรู้สึกเสียใจเช่นกัน “คุณช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ต้นให้ฟังได้มั้ยครับ เราจะได้เข้าใจทุกอย่างดีขึ้น” ชนธัญพูดอย่างใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

เหมือนว่าป้องเองก็อยากจะพูดอะไรมากกว่านั้น แต่สารวัตรรัฐนนท์ก็รู้สึกหัวเสียขึ้นมาเสียก่อน ที่ลูกทีมของเขาไม่รอบคอบ ปล่อยให้ป้องนั้น แอบนำโทรศัพท์อีกเครื่องติดตัวเข้ามา และเขาก็เพิ่งรับสายใครบางคน ที่ถ้าเดาไม่ผิด ก็น่าจะเป็นบิดาของป้องเอง ที่ตอนนี้ชายหนุ่มมีทีท่าเปลี่ยนไป หลังจากที่วางสายลง พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม จนกว่าทนายประจำครอบครัวของเขาจะมาถึง

“ตกลงจะคบกันจริงจังใช่มั้ย” นิวที่นอนเปลือยเปล่า โดยขาทั้งสองข้างของเขา ก่ายเกยกับขาของป้อง ที่ทั้งสองคนนอนบนโซฟา หันศีรษะไปคนละด้าน ถามอีกฝ่ายออกไป ป้องพยักหน้ายิ้ม ๆ แทนคำตอบ “ไม่อยากจะเปลี่ยนคนเอากันไปเรื่อย ๆ แล้ว เอานิวแล้วมันดี” นิวรู้สึกว่านั่นเป็นคำชมเสียด้วยซ้ำ ที่ชายหนุ่มจากครอบครัวดัง มีชื่อเสียงในสังคม มาตกหลุมเขาแบบนี้

“ได้นวดฟรีด้วย ได้เอาฟรีอีก ใครจะไม่สน” ป้องใช้ปลายนิ้วเท้าเขี่ยเข้าที่ยอดอกของนิวอย่างหยอกล้อ “ลามกชะมัด” นิวพูดว่าป้องไปอย่างนั้น ตอนนี้เขากำลังคิดถึงความสบายในชีวิตที่กำลังจะเข้ามาหา เมื่อรู้ดีว่าป้องนั้นเงินถุงเงินถังขนาดไหน และมันก็มหาศาล มากพอที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของเขาเปลี่ยนแปลงไปในชั่วพริบตา

“ขอแค่ป้องไม่มั่วไปมีคนอื่นอีกก็พอ” นิวใช้ปลายนิ้วเท้า เขี่ยคลึงไปที่แก่นกลางลำตัวและพวงห้อยย้อยของป้องเล่น จนมันตื่นดันตัวขึ้นพาดที่ท้องของชายหนุ่ม “สัญญา” ป้องรับปาก เสียงกระเส่าขึ้นเมื่อนิวใช้นิ้วเท้าคีบรูดขึ้นลงตามความยาวหนักหน่วงขึ้น “ป้องต้องไม่ปิดบังกับใครนะ ว่านิวคือแฟนป้อง” นิวบอกความต้องการของเขาออกไป ป้องดูชะงักในทันที เขาเปลี่ยนจากท่านอนมาเป็นนั่งแทน

“นิวแค่อยากเป็นตัวจริงของป้อง ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ บอกใครก็ไม่ได้ ว่าเราเป็นอะไรกัน” นิวขยับตัวตามมานั่งให้อกเบียดเข้ากับต้นแขนของป้อง “ดูอย่างนิวสิ ไม่เห็นต้องแคร์อะไรใครเลย” นิวเอาคางวางไว้ที่ไหล่ป้อง พูดพลางเอามือรูดขึ้นรูดลงตามแก่นกลางลำตัวของชายหนุ่ม น้ำเสียงแสดงความไม่ยี่หระ ไม่สนว่าใครจะคิดกับเขายังไง

“ขอเวลาป้องหน่อยแล้วกัน” ป้องหันมาสบตากับนิว แววตาของนิวดูไม่พอใจที่ไม่ได้ดั่งใจ “ทำไมล่ะ นิวไม่ได้ขออะไรป้องมากมายเลยนะ” ป้องถอนหายใจออกมาเบา ๆ “นิว” เรียกชื่ออีกฝ่ายแบบดึงอารมณ์ให้เย็นลง “ดูอย่างนิวสิ นิวเป็นอิสระจากทุกคน ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าใครจะคิดยังไง เพราะนิวไม่มีเรื่องต้องปิดบังใคร” นิวรู้สึกว่าชีวิตของเขาปลอดโปร่งมาก เมื่อหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการตัวตนของเขา

“กับพ่อแม่นิวก็ไม่เห็นต้องสน” นิวยังคงจำฝังใจกับวันที่เขาถูกไล่ออกจากบ้านมา เพราะชอบผู้ชายด้วยกัน “บ้านป้องไม่เหมือนกับบ้านนิว” ป้องพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ “พ่อของป้องไม่เหมือนใคร เขาไม่ยอมเข้าใจเรื่องอะไรแบบนี้แน่ ๆ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ วันนี้” ป้องรู้จักพ่อของตัวเองดี ทัศนคติเกี่ยวกับเกย์

“ทำไมเราต้องแคร์กับพวกหัวโบราณที่คอยแต่จะกดขี่เราด้วยนะ” นิวน้ำเสียงฟังดูเกรี้ยวกราดขึ้น เมื่อป้องดูจะไม่ทำตามที่นิวต้องการ “ป้องต้องบอกกับที่บ้าน ว่าเราคบกัน บอกไปเลยว่าป้องชอบเอาผู้ชาย อย่างที่ป้องชอบเอานิว ป้องจะปฏิเสธหรือไง ว่าป้องไม่มีความสุข ทุกครั้งที่ป้องดันเจ้าดุ้นนี่เข้ามาอยู่ในตัวนิว” นิวลูบไล้แก่นกายของป้อง ชายหนุ่มสับสน ไม่อยากมีปัญหากับคู่ขา แต่ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรอย่างนั้นออกไป ยิ่งกับพ่อของเขาเอง

“มันไม่มีหรอก เวลาที่ปลอดภัยอะไรนั่น ที่พวกผู้ใหญ่กดเสรีภาพของเราเอาไว้ บูลชิท” นิวที่ไม่เคยเชื่อว่า ชีวิตของเขาควรถูกผูกเอาไว้ด้วยเงื่อนไขของเวลา “ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ ก็จะไม่มีทางได้โงหัว คอยถูกบงการอยู่เรื่อยไป ยังไงป้องก็คือลูก เขาจะทำอะไรป้องได้ อย่างมากก็แค่ด่า คนรวยอย่างป้องกลัวเสียหน้ามากกว่ากลัวเสียลูกอย่างนั้นหรือ ไม่ต่างจากพวกปากกัดตีนถีบแบบบ้านนิวเลย อย่างนั้นหรือ พ่อป้องไม่กล้าเสียป้องไปหรอก เชื่อนิว” เหมือนนิวจะจี้จุดได้ถูกอยู่ไม่น้อย

ป้องนั้น เขาคิดและรู้สึกมาเสมอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ยอมให้รุ่นพี่กะเทยโรงเรียนชายล้วนที่เขาเรียนอยู่ ใช้ปากปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศให้เป็นครั้งแรก ว่าเขาชอบอะไรแบบนี้ ป้องยอมรับและไม่พยายามหลีกหนีตัวเอง เขาชอบความรู้สึกที่มีริมฝีปากของผู้ชายด้วยกัน คลอเคลียสร้างความสุขให้กับแก่นกายของเขา แต่ก็อีก กับเรื่องเปิดเผยให้ทุกคนได้รับรู้ว่าเขาเป็นใครนั้น

ป้องเคยคิดที่จะบอกพ่อตอนที่เขาใกล้จะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เขารู้สึกว่า เขาคงมีอิสระในการใช้ชีวิตมากกว่านี้ ถ้าหากว่า ข้อจำกัดในชีวิตข้อนี้ของเขาหมดไป จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ยินพ่อของตัวเองพูดว่า มันเป็นเรื่องที่ทุเรศมาก และยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ที่จะมีลูกชายเป็นพวกวิปริตผิดเพศ และพ่อดีใจมากที่ป้องนั้น เกิดมาตรงตามเพศกำเนิด เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว

“ป้องดูนิวเป็นตัวอย่างสิ นิวยังผ่านมันมาได้เลย สุดท้ายก็เป็นพ่อแม่ของนิวด้วยซ้ำ ที่โทรมาขอให้นิวช่วยเหลือ พอรู้ว่านิวมีเงิน” นิวเบะปากใส่ เมื่อนึกถึงภาพพ่อกับแม่ที่มาขอเงินเขา ทั้ง ๆ ที่ทำใจดำกับนิวไว้มาก “ใช่ว่านิวขอให้ป้องถ่ายคลิปตอนเราเอากัน แล้วเอาไปโพสต์ให้คนอื่นดูสักหน่อย ไม่ได้ให้ป้องเปิดตัวแกรนด์อะไรขนาดนั้น” นิวหัวเราะออกมาอย่างนึกขัน ป้องกำลังจะพูดต่อ แต่โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

ป้องทำจุ๊ปากให้นิวเงียบเสียงหยุดพูดก่อน นิวย่นจมูกใส่ ก่อนจะหยิบเอามือถือของตัวเองขึ้นมาไถหน้าจอดู ทันทีที่ป้องรับสาย เสียงตะโกนด่าทอจากอีกฝั่งซึ่งเป็นพ่อของเขาเอง ก็ทำให้ป้องนั้นหน้าซีดเผือด สิ่งที่เขาได้ยินพ่อพูดมา ทั้งถาม ทั้งด่าทอ ทั้งอะไรต่อมิอะไรสารพัด ทำให้ป้องคิดอะไรไม่ออก

ป้องกดวางสายจากพ่อ เมื่อเขาได้ยินคำสั่งเฉียบขาดจากพ่อว่า ให้เขากลับเข้าบ้านเดี๋ยวนี้ ป้องมองตามนิวที่เดินเปลือยกายไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำเย็นออกมาดื่ม ก่อนจะหันมาถามป้องว่า จะดื่มน้ำเย็น ๆ ด้วยมั้ย ก่อนจะต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าป้องรีบลุกขึ้น ไม่พูดไม่จา รีบแต่งตัวใส่เสื้อผ้า แล้วผลุนผลันออกจากห้องไปเลย

“ถ้าทางตำรวจจะไม่ตั้งข้อหาอะไร อย่างนั้นผมขอพาลูกความของผมกลับเลยนะครับ” ทนายความของทางฝั่งป้อง ที่เข้ามาในห้องสืบสวนบอกกับสารวัตรรัฐนนท์ไปแบบนั้น “ยิ่งไปกว่านั้น ทางท่านนายพลท่านมีความรู้สึกว่า” ทนายความแตะต้นแขนของป้องให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่สายตาของทนายจับจ้องไปที่ชนธัญ

“ท่านไม่ต้องการให้ลูกชายคนเดียวของท่าน อยู่ท่ามกลางตัวประหลาดนานจนเกินไปนัก” ชนธัญมองเห็นทนายความหันไปกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของป้อง และชายหนุ่มก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที โดยการหันขวับมามองทางชนธัญด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร และขยับเอาแขนไปไพล่ไว้ที่ด้านหลังแทน สารวัตรรัฐนนท์ก็เห็นกิริยาท่าทางของป้องเช่นกัน และพอจะเดาได้ว่า ทนายพูดอะไรกับป้อง

ที่ด้านหน้าห้องสืบสวนลับ ทุกคนได้ยินพ่อของป้องพูดขึ้นว่า ให้พาลูกชายของเขาออกไปให้ไกลจากพวกประหลาด พวกวิปริตผิดธรรมชาติโดยเร็วที่สุด ตรงนั้นมีทั้งท่านผู้บัญชาการที่ยืนฟังอยู่ ด็อคเตอร์ดรุณีที่เพิ่งปรึกษาปัญหากับท่านผู้บัญชาการเสร็จ หน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐานที่เพิ่งร่วมงานและกลับเข้ามาที่ศูนย์กับหน่วย Ballistic และแน่นอน หน่วยสืบสวนลับที่มีหัวหน้าทีมอย่างสารวัตรรัฐนนท์ โดยที่ทุกคนหันมองมาทางชนธัญอย่างห่วงใย ที่อยู่ ๆ ก็ดูจะตกเป็นเป้าโจมตีในครั้งนี้

********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

กลัว - Nologo

https://www.youtube.com/watch?v=ZW4RreJ6pm0


เพราะว่าใจกลัว กลัวว่าเธอจะทิ้งกัน

Of my mind is scared, fear that you’ll leave me

จากไปลืมคนที่เคยบอกรักกัน

Of your mind that once said you love me


จมอยู่กับตัวเอง ติดอยู่กับเวลา

Within my own mess, and stuck in time

ทำไมเธอไม่มา เธอหายไปนานเหลือเกิน

Why you’re not here, you are away for too long

ยังมีคนที่คอยอยู่ วันและคืนเฝ้าหมองเหม่อ

There’s someone waiting, day and night gazing

ใครทำให้เธอห่างเหิน

Who made you steer away


ผ่านไปแต่ละวัน ก็ยังหวั่นในใจ

Each day passing, heart’s trembling

ว่ามันเกิดอะไร กับรักที่เธอให้มา

What’s happening with love you’re giving me?

เธอยังรักฉันรึเปล่า เธอมีใครสำคัญกว่า

Do you still love me? Or you have significant other?

เพียงแค่คิดยังปวดร้าว

Truly aches my heart thinking that


เพราะว่าใจกลัว กลัวว่าเธอจะทิ้งกัน

Of my mind is scared, fear that you’ll leave me

จากไปลืมคนที่เคยบอกรักกัน

Of your mind that once said you love me

ลืมทุกทุกอย่าง มันอ่อนล้าและสับสน

Totally forgot everything, weary and confused


จะต้องทำยังไง บอกกับเธอยังไง

What am I to do to say something to you?

ความอึดอัดในใจ ที่ฉันทนมาตั้งนาน

The awkward feeling, I have been getting

คนดีดีที่เคยห่วง นานวันไปยิ่งไกลห่าง

The sweet nice you, drifting away from me gradually

เพียงคิดน้ำตาก็ไหล

Crying my eyes out, imagining


ใจกลัว กลัวว่าเธอจะทิ้งกัน

My heart fears, afraid that you’re leaving me here

จากไปลืมคนที่เคยบอกรักกัน

Forget that you once said I was all yours

ลืมทุกทุกอย่าง

Totally put everything behind

มันอ่อนล้าและสับสน

Weak and disoriented
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๐. IDEALISTIC _ 9.06.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 06-09-2023 12:50:01

Crime and Love Scene Investigation

๔๐. IDEALISTIC


“มันติดต่อมา มันบอกว่า มันมีคลิปที่แกไปมั่วเซ็กส์กับมันในร้านนวด เห็นหน้าแกชัดเจน เห็นอะไรต่อมิอะไรของแกครบถ้วน” ป้องถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน แล้วท่านนายพลผู้เป็นบิดาของเขา เปิดฉากอัดใส่ป้องผู้เป็นลูกชายไม่ยั้ง “มันบอกว่ามันชื่อนิว แกจงใจทำเรื่องอย่างว่ากับมัน” ท่านนายพลกัดกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน พยายามข่มความรู้สึกอย่างที่สุด

“มันเรียกเงินสิบล้านบาทเป็นคริปโต โอนให้มันภายในหนึ่งชั่วโมง แลกกับการไม่ปล่อยคลิปแกลงในอินเทอร์เน็ต” พ่อของป้องหายใจเข้าออกลึก ๆ ช้า ๆ เมื่อคิดว่า ถ้าหากว่าคลิปของลูกชายของตนนั้นหลุดไป มันจะเป็นเช่นไร อะไรมันจะเกิดขึ้น “ตอนแรกฉันก้คิดว่า มันคงเป็นแค่พวกคอลเซ็นเตอร์เหมือนอย่างที่เคยเห็นในข่าว” ท่านนายพลมองหน้าลูกชาย น้ำตาคลอหน่วยกันทั้งคู่

“แต่มันส่งคลิปบางส่วนมาให้ฉันดู คลิปที่แกทำเรื่องระยำตำบอนในนั้น” ท่านนายพลผู้เป็นพ่อของป้องเสียงสั่นเครือ กลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างยากยิ่งยวด “และถ้าฉันยังคิดว่าจะไม่จ่ายเงินให้มันอีก ฉันจะได้ดูคลิปลูกชายของตัวเอง ใช้ปากอม” มาถึงตรงนี้ ป้องรู้สึกเสียใจและสงสารพ่อของเขาเป็นอย่างมาก

“เรื่องเลว ๆ เรื่องชั่ว ๆ นี่ ฉันไว้ใจแกได้เสมอจริง ๆ สินะ เจ้าป้อง” ป้องหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา นึกผิดต่อการกระทำของตัวเอง “ผมจัดการเรื่องนี้เองครับพ่อ” ป้องสะกิดใจที่อยู่ ๆ เขาก็เพิ่งได้ยินนิวพูดเรื่องคลิปอะไรนี่ออกมา ป้องเองก็ไม่นึกเหมือนกันว่า นิวจะสามารถทำอะไรแบบนี้กับเขาได้ แทงข้างหลังกันอย่างเลือดเย็น

“พ่อผมขอโทษ” ป้องมองสีหน้าและแววตาของท่านนายพลที่มีต่อความขมขื่น ยิ่งได้รู้ว่า พ่อของเขาโอนเงินไปให้อีกฝ่ายทันที โดยไม่ลังเล เพื่อช่วยไม่ให้ชีวิตของเขาต้องพังพินาศ ฉิบหายลงไปกับตาแล้ว ป้องยิ่งรู้สึกผิด เขารีบกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ของนิว หวังใจว่าจะคุยกับนิวให้รู้เรื่องถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อป้องเปิดประตูห้องของนิวเข้าไป เขาก็ถึงกับต้องตกใจสุดขีด ที่เห็นนิวถูกยิงที่ท้ายทอย นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ในนั้น ตอนแรกป้องก็ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เขาเห็น ป้องทรุดตัวลงข้าง ๆ กับศพของนิว โดยไม่ทันคิด ป้องหยิบปืนที่ตกอยู่ตรงนั้นขึ้นมาดุ หวังว่ามันจะเป็นปืนเด็กเล่น และทั้งหมดนี่ มันก็เป็นแค่นิวนั้นจัดฉากแกล้งเขา

แต่น้ำหนักของปืนที่อยู่ในมือของป้อง บวกกับตอนนี้ กลิ่นคาวเลือดและมันสมองที่อวลอยู่ในอากาศ ทำให้ป้องรู้สึกพะอืดพะอมอย่างที่สุด ป้องปล่อยปืนกระบอกนั้นทิ้ง ก่อนจะวิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำ แล้วอาเจียนออกมาอย่างหมดไส้หมดพุง ป้องหูอื้อตาลายไปหมด ไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอะไรก่อนหลังดี

ป้องเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยอาการโรยแรง ขาอ่อนสั่นไปหมด แทบจะไม่มีแรงเดิน เขามองดูร่างของนิวที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงที่กองพับอยู่บนพื้น ก่อนจะมองไปยังจุดที่ปืนกระบอกนั้นตกอยู่ แต่คราวนี้ ป้องถึงกับใจหายวาบ เมื่อปืนกระบอกนั้นมันไม่อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว ป้องลนลานกวาดตามองหา เดินวนรอบห้อง แต่ก็ไม่พบปืนกระบอกนั้นอยู่ที่ไหนเลยในห้อง ก็ในเมื่อป้องเพิ่งจับมัน โยนมันลงพื้น แล้ววิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ แล้วปืนมันจะมีขาเดินไปไหนเองได้

“ผมยอมรับผิดเรื่องตั้งกล้องแอบถ่ายคลิปลูกค้า แต่เรื่องอื่นผมไม่รู้จริง ๆ ยิ่งเรื่องยิงกันตายด้วย ยิ่งแล้วใหญ่ ผมนี่สิ ที่ไปถ่ายคลิปลูกชายเขา ผมควรจะต้องกลัวถูกสั่งเก็บมากกว่าอีก หรือคุณนักสืบว่าไม่จริง พ่อเขามีอิทธิพลล้นฟ้า คับประเทศเสียขนาดนั้นน่ะ” เจ้าของร้านนวดพูดกับทีมสืบสวนลับไป ก็หน้าตาตื่นกลัวไป

“ถ้าเขาจะเรียกร้องเงินค่าเสียหาย ผมก็ต้องยอมแหละ ผมมีเงินเก็บอยู่ไม่มาก ถ้าเขาจะรับมันไปเพื่อจบคดี ไม่ต้องมาฟ้องร้องกัน เพราะคลิปนั่น คุณเจ้าหน้าที่คนนั้นก็เห็น วันที่ไปตรวจที่ร้านผม ว่ามันถูกลบทิ้งไปแล้ว” เจ้าของร้านนวดชี้นิ้วบุ้ยบ้ายไปที่หนึ่งในทีมด้านไอทีของสืบลับ “คลิปมันก็ยังไม่ได้ถูกเผยแพร่ไปไหน” เจ้าของร้านนวดถอนหายใจเฮือก ส่ายหน้าที่แสดงออกถึงเรื่องที่เขาได้ทำพลาดไปแล้ว

“นี่ท่านผู้บัญชาการคิดว่า อยากจะประกาศเป็นศัตรูกับผมหรือครับเนี่ย” ท่านนายพลพ่อของป้อง ถามอีกฝ่ายออกไปตรง ๆ ต่อหน้าทุกคนที่อยู่ตรงนั้น “ผมประกาศเป็นศัตรูกับคนที่ทำผิด และความอยุติธรรมครับท่าน นั่นคืองานของผม และข้าราชการทุกคน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่อยู่ตรงหน้าท่านนายพลตรงนี้” ท่านผู้บัญชาการกล่าวตอบกลับไปด้วยความสุขุมและนิ่งสงบ

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เอาหลักฐานมาสิ ว่าลูกชายผมเป็นทำ” ท่านนายพลตอบกลับไปทันควัน “จะเอาผิดคนได้ มันต้องมีหลักฐาน ในหมายบอกว่า เจ้าป้องลูกชายผมเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าไอ้เด็กตุ๊ดเด็กแต๋วอะไรนั่น แล้วไหนล่ะคราวเขม่าดินปืนจากมือลูกชายผม” สารวัตรรัฐนนท์รู้สึกเจ็บใจที่ผลตรวจ GSR Gunshot Residue นั้น ผลออกมาเป็น Negative ไม่พบร่องรอยคราบเขม่าที่มือทั้งสองข้างของป้อง

“แล้วยังจะปืนกระบอกที่ถูกอ้างว่า เป็นปืนกระบอกที่ใช้ในคดีฆาตกรรมนี้อีก คุณหามันพบแล้วหรือยัง” ท่านผู้บัญชาการทราบข้อเท็จจริงข้อนี้ ว่าทางทีมสืบและทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ยังไม่สามารถหาปืนกระบอกดังกล่าวเจอ “แล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไร ถ้าคุณยังไม่ได้เปรียบเทียบกับปลอกกระสุน หรือกับหัวกระสุนว่า เป็นปืนกระบอกเดียวกันกับที่ใครก็ไม่รู้ เอามาใช้ยิงไอ้ลักเพศนั่น” ท่านนายพลพ่อของป้องตะโกนด่าเสียงดังลั่น

“ท่านไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเหยียดกันนะครับ โดยเฉพาะกับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว จากการกระทำอันป่าเถื่อนโหดร้าย ผิดมนุษย์มนาแบบนั้น” สารวัตรรัฐนนท์รู้สึกทนไม่ได้กับคำพูดดูหมิ่นดูแคลนกันเช่นนั้น “เดี๋ยวนะ คุณตำรวจ คุณคิดว่าใครกันแน่ที่ภาษีของพวกผมที่คุณใช้กินเงินเดือนอยู่ทุกเดือน ๆ น่ะ ควรจะให้คุณควรจะความสำคัญ ดูและ และคุ้มครอง” ท่านนายพลหันมาพูดกับนายตำรวจหนุ่มด้วยอาการไม่พอใจอย่างยิ่ง

“พวกผมสิครับ ไม่ใช่พวกเหี้ย ๆ ที่หากินบนความเดือดร้อน อับอายของคนอื่น” ถ้าเกี่ยวกับเรื่องคลิปที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวแบบนั้น สารวัตรรัฐนนท์ก็ไม่คิดที่จะเถียง “ถ้าคนมันเหี้ย ผมก็จะด่าพวกมันว่าเหี้ย คุณตำรวจคิดว่ามันจะเกิดอะไรกับครอบครัวและวงศ์ตระกูลผมบ้าง ชีวิตลูกชายผมจะเป็นยังไงต่อจากนี้” ป้องหลุบตาลงต่ำ มองที่พื้นตลอดเวลาที่พ่อของเขาบริภาษทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

“ไอ้เรื่องคลิปอะไรนี่ คนที่ได้ดูมัน จะคิดยังไง ในเมื่อถ้ามันเกิดเป็นคลิป Deep Fake ขึ้นมาล่ะ มีคนจงใจทำมันใส่ร้ายลูกชายผม คนสมัยนี้ก็เชื่อกันไปหมด เชื่อกันง่าย ส่งต่อกันไปเป็นไวรัล แป๊บเดียว ได้ดูกันทุกคนอยู่ในมือถือทุกเครื่อง ไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำ ว่ามันอาจจะไม่ใช่ความจริง” ท่านนายพลพูดข้อความที่ทนายได้ซักซ้อมกับท่านมาก่อนหน้านี้แล้ว

“ท่านครับ” ทนายประจำครอบครัวของท่านนายพล เรียกเบา ๆ เหมือนเตือนว่าให้พ่อของป้องพอแค่นี้ “ใช่ครับท่าน ผมต้องขอโทษท่านด้วยจริง ๆ ครับ เกี่ยวกับเรื่องคลิป” เจ้าของร้านนวดที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องสอบสวนยกมือไหว้ ท่านนายพลไม่รับไหว้แต่อย่างใด ใช้สายตามองดูเจ้าของร้านนวดด้วยความดูแคลน

“จริง ๆ คลิปนั้นผมได้ทำการลบทิ้งไปแล้ว ผมมีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ไอทีของทีมสืบสวนของที่นี่” เจ้าของร้านนวดรีบพูดบอกกับท่านนายพล “ผมผิดเองที่อัดคลิปเอาไว้ เพราะความอยากได้เงินและคึกคะนองชั่ววูบ ผมจัดการลบมันทิ้ง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใคร อาจจะเป็นคนในร้านที่ลักลอบเอามันไป” เจ้าของร้านนวดพูดยาว พนมมือไหว้ท่านนายพลปลก ๆ ไม่หยุด

“ผมมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อย เก็บเอาไว้ทำทุนร้าน แต่ถ้าผมพอจะไถ่บาปได้ ผมอยากจะชดใช้ในสิ่งที่ผมได้โง่เขลาเบาปัญญาทำลงไปครับท่าน ถ้าท่านจะกรุณา” ทนายความเห็นแบบนั้น ก็ดึงตัวของเจ้าของร้านนวดออกไปก่อน เพื่อจะไปทำความตกลงกันนอกรอบ เพราะท่านนายพลเอง ก็ไม่ได้ต้องการให้ชื่อของท่านและครอบครัวเป็นข่าวฉาว ในคดีฟ้องร้องคลิปอัปรีย์นี้

“เอาเป็นว่า ตราบใดที่พวกคุณไม่พยานวัตถุ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แน่นหนาใด ๆ ที่จะโยงและมัดลูกชายผมเข้ากับคดีฆาตกรรมพวกผิดเพศวิปริตนี้ อย่าได้กล้าหือติดต่อผมมาอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน ไป ป้อง กลับ” ป้องที่ได้ยินพ่อของเขาเรียก เงยหน้าขึ้น ก่อนจะสบตากับชนธัญที่ยืนอยู่ไม่ไกลกัน

“คุณป้อง คุณป้อง” ชนธัญรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามป้องไป เรียกให้อีกฝ่ายหันกลับมาคุยกันอีกครั้งก่อน “คุณไม่คิดจะเห็นใจนิวเขาเลยหรือไง” ชนธัญตามมาทันก่อนที่ป้องจะเดินออกจากอาคารสืบสวนไป “หรือคุณจะบอก ว่าคุณไม่ดีรัก ไม่ได้แคร์เขา ไม่เคยมีความรู้สึกดี ๆ อะไรให้เขาเลย คุณไม่แคร์เลยหรือครับ ที่เขาต้องตายไป” ชนธัญมองเห็นแววตาที่เศร้าสร้อยของป้อง

“ลูกชายผมไม่ใช่พวกลักเพศ” ท่านนายพลตวาดแหวใส่ชนธัญ “ท่านก็รู้ว่ามันไม่จริง” ชนธัญหลุดปากพูดออกไป แต่ไม่คิดว่าเขาเสียใจที่พูดออกไปแบบนั้น “อย่าปากดีกับท่านนายพล” ทนายประจำครอบครัวรีบพูดเสริม “ผมไม่ได้ปากดี แต่ผมกำลังพูดถึงคนทั้งคน ในความเป็นคน เราต่างต้องมีกันบ้างไม่ใช่หรือครับ” ชนธัญรู้สึกประหลาดใจถ้าหากว่าป้อง จะใจอำมหิตกับนิวได้ถึงเพียงนี้

“คุณป้อง เราต่างมีข้อผิดพลาดกันทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เป็นอะไร ขอเถอะครับ อย่าให้ความใจดำทำลายคุณลงไปด้วยอีกคนเลย” ชนธัญมองเห็นความวูบไหวในสายตาของป้อง “ได้โปรดอย่าพูดจาก้าวร้าวพ่อผม” ป้องพูดออกไปในที่สุด ชนธัญผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหมดหวังที่ได้ยินแบบนั้น

“ก็ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด” ชนธัญพูด ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้า “จับมือกับผมสักครั้ง” ป้องชะงัก ถอยหลังสองสามเก้า “อย่าได้คิดที่จะแตะต้องร่างกายของลูกความผมแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้น ผมจะทำคดีฟ้องคุณจนหมดตัวแน่” ทนายความรีบออกตัวแทนป้อง และพูดห้ามไม่ให้ป้องจับมือกับชนธัญ

“เพื่อความถูกต้องบนโลกใบนี้ ให้มนุษย์ยังคงเคารพซึ่งกันและกันอยู่เถอะ ไม่ต้องเพื่อความรักระหว่างคุณกับนิวก็ได้” ชนธัญพูดออกไป ป้องกะพริบตาถี่ ๆ แบบคนกลั้นน้ำตาเอาไว้ “โธ่คุณ คนแบบคุณมันก็ต้องเข้าข้างพวกเดียวกันนั่นแหละ วิปริตอย่างพวกคุณ ช่วยปล่อยให้คนปกติ ที่เขามองโลกตามความเป็นจริง ไม่เพ้อฝันกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ให้เขาดำรงชีวิตกันต่อไปเถอะ” ทนายพูดจบ ก็พาท่านนายพลเดินออกจากอาคารไป ป้องที่เดินตามพ่อของเขา ก่อนจะออกจากประตู ป้องหันมาทางชนธัญและพึมพำคำว่า 'ผมขอโทษ'

“ตราบใดที่เรายังหาปืนนั่นไม่พบ ก็อย่าได้เพิ่งนิ่งนอนใจ เข้าใจมั้ยเจ้าป้อง” ทนายความที่นั่งรถลิมูซีนมากับท่านนายพลและป้อง ใช้หูฟังปิดกั้นการรับรู้ถึงบทสนทนาระหว่างพ่อและลูกชาย “และแกเจ้าป้อง เตรียมตัวแต่งงานกับคนที่พ่อเลือกเอาไว้ให้ได้เลย ลูกสาวอธิบดีกระทรวงยุติธรรม แกเข้าใจที่พ่อพูดใช่มั้ย” ท่านนายพลถามลูกชายออกไป

“เข้าใจใช่มั้ย” ท่านนายพลถามย้ำอีกครั้งหนึ่ง “เข้าใจครับ” ป้องรับคำ มองหนาผู้เป็นพ่อ ที่ตั้งแต่พ่อรู้ว่าป้องเป็นอะไร พ่อไม่พูดถึงเรื่องเพศสภาพของป้องเลย พ่อรับรู้ตัวตนของป้อง ไม่เปิดช่องว่างใด ๆ ให้กับเขา “ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อแก” ป้องนั่งก้มหน้านิ่งฟังที่พ่อพูด “พ่อรักแกนะป้อง” ท่านนายพลพูดแค่นั้น ก่อนจะปล่อยให้ทั้งรถเงียบงัน ทั้งในความรู้สึกของผู้เป็นพ่อที่กำลังต่อสู้อย่างหนัก เพื่อให้ชีวิตของลูกชายได้ไปต่อ รวมทั้งความเงียบงันในใจของป้อง ที่รับรู้แล้วว่า เขาจะไม่ได้เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็นตลอดชีวิต

“พี่ทำแบบนี้อีกแล้วนะ” นิวเดินเข้าไปหาเจ้าของร้านนวดที่เขาทำงานอยู่ “ที่โดนจับไปคราวก่อน พี่ไม่เข็ดใช่มั้ย” นิวไม่เปิดโอกาสให้เจ้าของร้านนวดได้แก้ตัวใด ๆ “ลบเลยพี่ ทุเรศมาก ไหนคราวที่แล้วพ้นโทษมา บอกว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้วไง ไหนบอกว่า ถ้าเด็กนวดกับลูกค้าจะเอากัน ก็ให้เป็นเรื่องตกลงกันเองส่วนตัวไง แล้วนี่อะไร เงินก็หัก แล้วยังจะมาแบล็กเมล์กันอีก” นิวยืนยันให้เจ้าของร้านลบคลิปเขาเห็นต่อหน้าตรงนั้น

“ก็นี่ไง ลบแล้ว ในถังขยะก็ไม่มี เห็นมั้ยพอใจหรือยังล่ะ” เจ้าของร้านพูดแบบเก็บอาการไม่พอใจ ที่ตัวเองโดนจับได้ “คนนี้ตัวจริงของนิวด้วย นิวจริงจัง เราสองคนตกลงจะคบกันแบบเปิดเผย นี่เดี๋ยวนิวก็จะบอกให้เขาบอกกับที่บ้าน บอกกับพ่อเขาให้รับรู้ ให้เป็นเรื่องเป็นราว” นิวพอใจที่เห็นคลิปถูกลบถาวร และก็กำลังเป็นปลื้มกับชีวิตรักของตัวเอง

“ฉันก็ไม่รู้ ว่าคนนี้แกจริงจัง เออ ๆ ขอโทษด้วย ไม่รู้จริง ๆ” เจ้าของร้านนวดทำสีหน้าน่าสงสาร “แต่แหมงานดีมากเลยนะ นังนิว พวงไอ้นั่นมโหฬาร เห็นแล้วฉันอิจฉาแกจังเลย” นิวรีบพูดห้ามอีกฝ่ายทันที “อย่าจินตนาการมากพี่ คนนี้นิวหวง” นิวรู้สึกว่าเขาช่างโชคดีที่ได้มาเจอกับป้อง “แล้วก็เลิกเสียทีเถอะ ไอ้การทำนาบนหลังคนเนี่ย คนอื่นเขาเดือดร้อน แค่พี่หักเงินพวกฉันแบบขูดรีด ตายไป นี่ก็ตกนรกไม่รู้ขุมไหนต่อขุมไหนแล้ว” นิวพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินไปทำงานของตัวเอง

เจ้าของร้านนวดนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ ยกบุหรี่ขึ้นจุดสูบ มองดูจำนวนเหรียญคริปโตในบัญชีที่หน้าจอมือถือแล้วก็พ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างยิ้มเยาะ อาศัยความหน้าบางและรักลูกของพ่อ ร่วมกับความโลเลปอดแหกของลูกชาย รวมถึงความหมั่นไส้และอิจฉาที่เด็กนวดธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ชีวิตกำลังจะได้ดี การยิงระยะเผาขนใส่หัวเด็กนวดก็ไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อดันไว้ใจให้เข้าห้องอย่างง่ายดาย

หลังจากนั้นก็แสดงละครเนียน ๆ เข้าไว้ ยิ่งจังหวะการวางแผนและรอเข้าไปฉกปืนออกมาจากห้องนั่นให้พอเหมาะพอเจาะ แค่นี้ก็ไม่ต้องหลังขดหลังแข็งแอบอัดคลิปลูกค้ากับเด็กนวดเอากันไปขายแล้ว เผลอ ๆ ก็ขายร้านนวด ขายเหรียญคริปโต มีกินมีใช้รวยสบายไปตลอดชีวิต ยังไม่รวมรอยนิ้วมือบนปืนกระบอกนั้น ที่ยังใช้ต่อรองเงินได้อีกมหาศาล

*******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

คนที่ฆ่าฉัน - Nologo

https://www.youtube.com/watch?v=uhfKcAw6vGY


กลายเป็นเธอที่แทงฉัน

Turned out it’s you who stabbed me

ไม่ใช่ผู้คนอีกหมื่นล้าน

Not the other billions people out there

กลับกลายเป็นเธอ

It really was you

ที่ทำให้ใจเจ็บช้ำ

That hurt me like hell

คนที่ฆ่าฉัน

The one that killed me


รอฉันหน่อย ฉันตามไม่ค่อยทัน

Hold up, I need to catch up

ที่เธอนั้นได้เปลี่ยนไป

The thing is you’ve changed

ถึงพูดไม่บ่อย แต่ขอพูดหน่อยแล้วกัน

I hardly say anything, but this time I must

เรื่องที่ฉันไม่เข้าใจ

With this I don’t quite get


ดั่งมีใบมีดทิ่มแทง

The whole blade went through

ช้าช้ามันแทงลงไป

Slowly down my flesh

ไม่มี ไม่มีเรี่ยวแรง

Not now, no strength left

ไม่อยากแกล้ง ว่าไม่เป็นไร

Can’t pretend I am okay


อยู่อยู่ก็มีแต่น้ำตา

Suddenly, there’s my tear

จิตใจก็เริ่มอ่อนล้ามลายหายไป

My mind got weak, started to disappear

ช่วยบอกฉันทีได้ไหม

Please tell me about it

ฉันทำสิ่งใดถึงต้องมาเจ็บช้ำ

What have I done to deserve this?


กลายเป็นเธอที่แทงฉัน

Turned out it’s you who stabbed me

ไม่ใช่ผู้คนอีกหมื่นล้าน

Not the other billions people out there

กลับกลายเป็นเธอ

It really was you

ที่ทำให้ใจเจ็บช้ำ

That hurt me like hell

คนที่ฆ่าฉัน

The one that killed me


คนที่ฆ่าฉัน

The one that got me killed
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๑. DRAWN _ 9.07.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 07-09-2023 16:25:14
๔๑. DRAWN



“มีคนรัก มันก็ย่อมมีคนเกลียด” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดขึ้น ขณะที่นั่งรอเข้าให้การเป็นพยานในคดีที่ศาล ชนธัญที่นั่งอยู่ด้วยกัน สายตามองตรงไปด้านหน้า ที่มีผู้คนอยู่ที่นี่มากมายจนขวักไขว่ “แต่มันกลายเป็นว่า เขาไม่ได้เกลียดผมแค่สิ่งที่ผมทำ เขากลับเกลียดสิ่งที่ผมเป็น ที่ผมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มันช่วยไม่ได้ที่ผมเป็นผมแบบนี้” ชนธัญเองกำลังรู้สึกอยากถามตัวเอง ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

“Off Record นะ ถ้าจะให้หมอพูดแบบไม่เป็นทางการ โดยไม่มองว่าหมอคือคนที่ต้องมีจรรยาบรรณตลอดเวลาแล้วล่ะก็ คนในสังคม มันก็มีพวกประเภท Jackass ทุเรศ ๆ ปนอยู่” หมอดรุณีพูดกลั้วหัวเราะ ชนธัญยิ้มตามเมื่อได้ยินแบบนั้น “โอ๊ย หมอดุน่ะหรือ เป็นคนไร้หัวใจ หมอดุรักใครไม่เป็น ไม่อย่างนั้นหมอดุไม่ครองตัวเป็นโสดอยู่แบบนั้นหรอก” ชนธัญมองด็อคดุหันมาสบตากับเขา ด้วยสายตาของคนที่ผ่านอะไรมามากมายพอสมควร

“มันคืออคติที่คนมองมาที่เรา โดยที่เขาไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ แม้ว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้อยากจะพูดเพื่อทำร้ายเราก็ตาม แต่ในความเป็นจริง เราเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลยในบางครั้ง นับประสาอะไรจะให้ทุกคนเห็นอย่างที่ตาของเราเห็นได้ตลอดเวลา” ชนธัญฟังกับสิ่งที่หมอดุกำลังอธิบาย

“บ่อยครั้งกับการทำงานของหมอที่ผ่านมา กับศพที่หมอผ่าพิสูจน์ในหลาย ๆ คดี” หมอดุเล่าถึงประสบการณ์การทำงานของเธอเอง “หมอก็นึกสงสัยนะ ว่าถ้าพวกเขาทำสิ่งที่แตกต่างออกไปในชีวิต เขาอาจจะไม่ต้องมาลงเอย นอนอยู่บนเตียงชันสูตรของหมอก็ได้ เขาอาจจะพ้นไปจากปัญหาความขัดแย้งที่เขาเผชิญอยู่” ชนธัญฉุกคิดตามที่แพทย์สาวพูด

“หลาย ๆ เคสที่หมอลงความเห็นถึงสาเหตุการเสียชีวิต หมอเองก็ยังตกใจที่คนเราสามารถโหดร้ายต่อกันได้ถึงเพียงนั้น หมอลงมีดไปด้วยความสะเทือนใจก็มี อย่างเคสเด็ก ๆ เหล่านั้น” หมอดุพูดถึงคดีใหญ่ที่มีเด็กนักเรียนตัวน้อย ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง “หมอก็ถามตัวเองเช่นกัน ว่าหมอจะอยากมารับรู้ลักษณะการตายอันผิดธรรมชาติ ฆาตกรรมอันรุนแรงพวกนี้ไปทำไมกัน” ชนธัญสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในน้ำเสียงของด็อคเตอร์ดรุณี

“วันนี้หมอมานั่งรอให้การเป็นพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ กับผู้ตายที่เขาแก้ต่าง เรียกร้องให้ตัวเองไม่ได้ ก่อนหน้านั้นพวกเขาไปทำอะไรมา ก็เรื่องหนึ่ง แต่ผลการตรวจต่าง ๆ มันยืนยันเรื่องที่เขาพูด ว่ามันเท็จจริงอย่างไร ให้ความยุติธรรมกับทุกคนที่เกี่ยวข้องในเคสนั้น ๆ มันคงเป็นเหตุผลหลัก ที่หมอยังคงทำหน้าที่อยู่ตรงนี้” หมอดุยิ้มบาง ๆ ให้กับชนธัญ

“เราล่ะ พอจะบอกตัวเองได้มั้ย ว่ามันมีอะไรที่บอกกับตัวเอง ว่าจะทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไป หรือว่าจะเลิกแล้วเดินออกจากมันไป” ชนธัญสบตากับหมอดุ เขาเองก็คิดตามไปด้วย กับสิ่งที่หมอดุได้ถามออกมา “แต่สิ่งที่ผมทำ สิ่งที่ผมมองเห็น มันเอาไปเป็นหลักฐานอ้างอิงในศาลไม่ได้ด้วยซ้ำ” ชนธัญพูด ซึ่งภาพนิมิตที่เขาเห็น ยังไม่สามารถใช้ประกอบคดีได้โดยตรง

“แต่สิ่งเราเห็น แต่คนอื่นไม่เห็น มันช่วยยืนยันผลตรวจพิสูจน์ของหมอหลายครั้งแล้วนะ แถมยังช่วยให้การสืบคดีคืบหน้าและถูกทาง โดยไม่ต้องเสียเวลา งมหาทางอยู่นาน แบบก่อน ๆ” ชนธัญยังไม่ทันได้ตอบอะไรหมอดุ ก็มีเจ้าหน้าที่มาเชิญแพทย์หญิงดรุณีเข้าไปในห้องสืบสวน หมอดุบอกกับชนธัญว่า เดี๋ยวเธอกลับมา ชนธัญยิ้มให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะมองตามหมอดุที่เดินตามเจ้าหน้าที่ศาลไป

ชนธัญหลับตาเงยหน้า พิงหลังไปบนพนักม้านั่งไม้ ก่อนจะลืมตาพลางเป่าลมออกจากปาก ตอนนี้ผู้คนที่ขวักไขว่อยู่เมื่อครู่ใหญ่ ดูบางตาลงไปมาก เมื่อการพิจารณาคดีต่าง ๆ เริ่มกระบวนกันแล้ว ชนธัญลุกขึ้นเดินไปหาตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ เขาคดว่า เขาต้องการกาแฟรสชาติเข้ม ๆ สักแก้วในตอนนี้

ถ้วยกาแฟกระดาษในมือของชนธัญ ส่งควันพร้อมกลิ่นหอมฉุยขึ้นเตะจมูกเขา ชนธัญเป่าเบา ๆ ควันที่ลอยโก๋อยู่เหนือแก้วกาแฟนั้น ก่อนจะค่อย ๆ ยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ม้านั่งตัวเดิม เพื่อรอด็อคเตอร์ดรุณีกลับออกมาจากห้องพิจารณาคดี ซึ่งคงจะใช้เวลาสักพักใหญ่

“พวกเราขอบคุณท่านอัยการมาก ๆ เลยนะคะ ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ” ชนธัญมองไปตามต้นเสียง ที่เห็นคือบรรดาเหล่านางโชว์หลายคน แต่ตัวในชุดเรียบร้อยผิดจากปกติวิสัยประจำวัน ด้วยการพากันมาให้กำลังใจเจ้าของบาร์โชว์ ซึ่งเป็นเจ้านายของพวกเธอ มารับฟังคำสั่งที่ห้องของอัยการ เกี่ยวกับคดีเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของคนรักเก่า

“ขอบคุณมากนะครับ” ดนัยพูดขอบคุณท่านอัยการอีกครั้ง ที่มีคำสั่งไม่ฟ้องดนัยต่อศาลในคดีอำพรางหรือเคลื่อนย้ายศพ “แต่ยังไง ทางอัยการจะยังกันตัวคุณดนัยเอาไว้เป็นพยานในคดีฆาตกรรมคุณสตาร์นะครับ” ดนัยพยักหน้าเข้าใจที่อัยการพูด “ช่วงนี้ ก็ขอให้คุณดนัยเก็บเนื้อเก็บตัวให้ดี เพื่อเตรียมตัวขึ้นศาล ผมจะเร่งรัดวันสืบคดีให้เร็วที่สุด จะไม่ให้คดียืดเยื้อต่อไป” ทางอัยการแจ้งข้อมูลให้ดนัยได้ทราบ

“ยังไงพวกหนูก็ต้องขอขอบคุณท่านอัยการมาก ๆ นะคะ ที่ไม่จับบอสของพวกหนูเข้าคุก ไม่งั้นพวกหนูก็ต้องหาบาร์โชว์ทำงานกันใหม่ ไม่งั้นต้องพากันเป็นกะเทยนางโชว์ตกงาน ไม่มีคนจ้าง แถมตอนนี้ก็หายากค่ะ เจ้านายที่จะจ้างพวกหนูแพง ๆ แบบนี้” ทางอัยการรีบบอกพวกสาว ๆ ทุกนางว่าไม่เป็นไร เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทีมที่ทำการสืบสวนคดีดังกล่าว ก็ลงความเห็นอย่างเป็นทางการเอาไว้ ว่าไม่สมควรส่งดนัยขึ้นฟ้องศาล

ดนัยเองก็รู้สึกโล่งใจ ที่เขานั้นไม่ต้องถูกดำเนินคดีดังกล่าว แม้ว่าจะมีความหนักหนาในใจอยู่ไม่น้อย กับการที่จะต้องขึ้นศาลเป็นพยาน ที่พ่อของเขาเป็นผู้จ้างวาน ฆ่าสตาร์คนรักของเขา เพียงเพราะไม่อยากให้ตัวดนัยลูกชาย มีคู่ชีวิตเป็นนางโชว์เต้นกินรำกิน เป็นตัวประหลาดในสายตาของผู้เป็นพ่อ

ชนธัญมองเห็นความสุขบนใบหน้าของเหล่านางโชว์นั้น ที่พวกเธอจะได้ทำมาหากิน เป็นไปในแบบที่พวกเธอเลือก และเป็นไปในแบบที่ไม่ได้เดือดร้อนทำลายใครในสังคม รวมทั้งดนัยเองก็เช่นกัน ชนธัญมองเห็นความดีใจ ความโล่งใจ และแน่นอนความยินดีว่าในที่สุด เขาก็สามารถตามหาความยุติธรรมให้กับสตาร์ แม้ว่ามันจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงก็ตาม

ดนัยที่หันมามองเจอชนธัญ และสบตากันเข้าพอดี ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างคนเลิกอมทุกข์ เขาเอ่ยคำว่าขอบคุณกับชนธัญ ที่ยกแก้วกาแฟขึ้นชู แล้วยิ้มกลับไปให้ บรรดานางโชว์ทั้งหมด ก็มองมาทางชนธัญ ก่อนจะกรูกันเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงหนุ่มหน้าใสตัวเล็ก จนดนัยต้องปรามว่าที่นี่ศาล เดี๋ยวจะพากันโดนข้อหาติดคุกกันหมด

“ยินดีที่ได้เจอกันอีกนะคะคุณชนธัญ แต่เอ๊ะ ทำไมวันนี้แต่งตัวแบบนี้คะ ไม่แซ่บเหมือนคืนวันนั้นเลย ไม่เลิศ” หนึ่งในนางโชว์ที่จำได้ถึงแววตาความเป็นนางพญาในค่ำคืนนั้นของชนธัญได้เป็นอย่างดี ชนธัญหัวเราะออกไป ก่อนบอกว่า คืนวันนั้นเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง และแทบจะจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“แต่พวกเราจำอ้อมกอดของสารวัตรหนุ่มหล่อคนนั้นได้นะคะ คนอะไร้ เท่ชะมัด เข้ม ๆ ได้ด้วย แถมดูหล่อคาวาอี้ในบางมุม” ไม่พูดเปล่าเหล่านางโชว์กดคลิปในโทรศัพท์มือถือของพวกเธอให้ดู ยืนยันหลักฐานตอนที่ชนธัญล้มลงในอ้อมกอดของสารวัตรรัฐนนท์พอดี ก่อนจะหมดสติไป ชนธัญได้แต่ทำหน้าเขิน ๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี

“เสียดาย คุณสารวัตรเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว แถมออกนอกหน้าเสียขนาดนั้น” นางโชว์พากันหมั่นไส้ผู้โชคดีคนนั้น “นี่ถ้าคุณตำรวจเขาชอบฉันนะ รับรองฉันไม่มีทางปล่อยให้รอดมือไปได้หรอก จะจับกกจับกอดเอาไว้ให้แน่นเชียว แหม พูดแล้วก็คิดวุ่นวายไปหมด” นางโชว์พากันหัวเราะคิกคักกันเบา ๆ แบบไม่ให้ตัวพวกเธอต้องโทษโดนคดี

“พอได้แล้วทุกคน” ดนัยปรามบรรดาลูกน้องจับปูใส่กระด้งของเขา “ผมขอขอบคุณคุณชนธัญอีกครั้งนะครับ กับสิ่งที่คุณมองเห็น มันเหมือนผมได้มองผ่านสายตาของสตาร์ด้วยตัวผมเองอีกครั้งไปด้วย ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขากันแน่” ดนัยพูดออกมาด้วยใจจริง “ไม่เป็นไรครับคุณดนัย มันเป็นหน้าที่” เหมือนอะไรฉุกใจขึ้นมา เมื่อชนธัญได้ยินตัวเองพูดออกมาแบบนั้น

“เสียดายจัง วันเปิดร้าน หมอไม่ได้ไปด้วย” ด็อคเตอร์ดรุณีเดินเข้ามาสมทบ หลังจากเสร็จธุระในห้องพิจารณาคดีแล้ว “ถ้าว่าง เชิญคุณหมอที่ร้านนะครับ ผมและนาง ๆ เหล่านี้ ยินดีต้อนรับเสมอ” ดนัยที่เพิ่งเคยเจอหน้าด็อคเตอร์ดรุณีเป็นครั้งแรก แต่ได้ยินเรื่องราวของหมอดุคนนี้มาบ้าง กล่าวเชิญชวน

“รับรองไปแน่นอนค่ะ ตอนนั้นได้แต่ดูคลิปที่ในสืบสวนเขาแชร์กันดู” ทุกคนเลยหันมามองทางชนธัญ เมื่อหมอดุพูดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ที่ชนธัญแต่งองค์ทรงเครื่องขึ้นแสดงบนเวที ทำเอาเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่า ทำไมก่อนและหลังชนธัญขึ้นไปบนเวที ทำไมลักษณะท่าทางถึงได้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“เห็นพวกเขายิ้มได้ กลับไปใช้ชีวิตได้อีกครั้ง มันเป็นความรู้สึกที่ดีเหมือนกันนะครับหมอดุ” หมอดุมีรอยยิ้มที่ใบหน้า ชนธัญมองตามดนัยและกลุ่มนางโชว์ประจำร้าน พากันเดินจากไป “ก็ถ้าความสุขของคนอื่น มันจะส่งผ่านมาเป็นความสุขของตัวเราเองได้ด้วย” ด็อคเตอร์ดรุณีทิ้งท้ายประโยคนั้นเอาไว้ให้กับชนธัญ

บรรดาลูกทีมสืบลับแอบมองเข้าไปในห้องกระจกที่กั้นเอาไว้ เป็นห้องทำงานส่วนตัวของสารวัตรรัฐนนท์ ที่สามารถมองเข้าไปด้านในได้ มีมู่ลี่เอาไว้ปิดเฉพาะเวลาที่มีประชุมที่เป็นความลับ สารวัตรรัฐนนท์ตอนนี้ดูเหงา ๆ เมื่อวันนี้คู่หูของเขาอย่างชนธัญขออนุญาตลาหนึ่งวัน โดยไม่ได้บอกเอาไว้ว่าจะไปไหน ตลอดทั้งวันข้อความที่สารวัตรหนุ่มหล่อรอ ก็ไม่มีมาให้เห็น ไม่แม้แต่จะเป็นการโทรมาหาสักครั้ง ให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่

“หงอยเลยบอสกู” หนึ่งในทีมสืบสะกิดเพื่อนในทีมคนอื่น ๆ ให้ดู “คนสำคัญต่อใจไม่อยู่แค่วันเดียว เป็นไปได้ถึงขนาดนี้เลยนะบอส” อีกคนพูดพลางทำหน้าเห็นใจสารวัตรหนุ่ม “ถามว่าจะกินกลางวันอะไร บอกเสนอเมนูที่แกไม่ชอบกิน แกยังพยักหน้าบอก อืม ก็ได้ คิดดูสิ” ทุกคนพากันหัวเราะออกมาเบา ๆ ที่สารวัตรรัฐนนท์ไม่ด่า ไม่ว่า อย่างเก่า แต่กลับเฉาไปเพียงเพราะชนธัญขอลาหยุด

“อู้งานกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย” เสียงพูดของชนธัญพร้อมกับกลิ่นหอม ๆ ของอาหารถุงใหญ่ในมือของชนธัญ ทำให้ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน “โห มาทันเวลาพอดีเลย หายไปแค่ยังไม่ถึงวัน แต่กำลังจะมีคนอาการโคม่าแล้ว” ชนธัญส่งถุงอาหารในมือให้กับคนอื่น ๆ ที่ขอบคุณกันใหญ่ ว่าได้ลาภปากอีกแล้ว ก่อนจะมองไปทางห้องทำงานของสารวัตรรัฐนนท์

“ขออนุญาตรายงานตัวครับ” ชนธัญที่เห็นว่า ประตูห้องทำงานของสารวัตรรัฐนนท์ไม่ได้ปิด เลยเคาะประตูที่เปิดอยู่ พร้อมทั้งกล่าวกับเจ้าของห้องที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ แต่พอเงยหน้ามาเห็นว่าเป็นใครยืนอยู่ ใบหน้านั้นของสารวัตรรัฐนนท์ก็ดูสดใสขึ้นมาทันควัน บรรดาลูกทีมที่ลอบมองมา พากันส่ายหน้าให้กับบอสของตัวเอง

“เปลี่ยนใจแล้วหรือครับ” สารวัตรรัฐนนท์ถามคนที่เพิ่งมาถึง มือพลางเลื่อนกรอบรูปบนโต๊ะให้หันไปอีกทางหนึ่ง “เปลี่ยนใจเรื่องอะไรครับ” ชนธัญมองสารวัตรหนุ่มเลื่อนกรอบรูป ถามกลับอีกฝ่าย ทำหน้าไม่เข้าใจกับสิ่งที่สารวัตรรัฐนนท์พูด “ถ้าเป็นเรื่องช่วยงายสืบลับ ผมไม่ได้เปลี่ยนใจอะไรสักหน่อย” ชนธัญพูดสบตากับสารวัตรหนุ่มหล่อ “ผมก็นึกว่า ผมยังคงเป็นคู่หูของสารวัตรอยู่นี่ครับ” ชนธัญพูดพลางยิ้ม ๆ ตอบสารวัตรหนุ่มหล่อกลับไป

สารวัตรรัฐนนท์ ก่อนหน้านี้ คิดว่าเป็นไปได้ที่ชนธัญอาจจะคิดถอนตัวออกจากทีม เพราะตอนนี้กลายเป็นว่า มีคนเริ่มรู้ว่าชนธัญทำอะไรในหน่วยสืบลับ และมันเริ่มมีผลกับชีวิตส่วนตัวของหนุ่มหน้าใสตัวเล็กคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และหากว่าชนธัญออกจากทีมไป นั่นก็หมายความว่า ชนธัญก็จะไม่มาให้สารวัตรรัฐนนท์เห็นหน้าทุกวันอีก

“งั้นก็ดีเลย” สารวัตรรัฐนนท์ทำเก๊กท่า ให้ชนธัญต้องกลอกตาใส่ ก่อนจะเลื่อนแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานให้ ชนธัญเดินเข้าไปหยิบแฟ้มนั้นมาถือเอาไว้ “คดีใหม่ รายละเอียดน่าปวดหัวเป็นบ้า” สารวัตรรัฐนนท์พูดพลางยิ้ม ๆ ชนธัญไม่พูดตอบอะไร หันหลังกลับเดินออกจากห้องทำงานของสารวัตรหนุ่ม

“คดีมันต้องระดมสมอง ต้องหาทางสืบหลายทาง วันหยุดก็คงจะต้องสละเวลามาทำด้วย” สารวัตรรัฐนนท์รีบสาวเท้าเดินมาพูดที่หน้าประตูห้องทำงานของตัวเอง ชนธัญหยุดเดิน “มันเกี่ยวกับงานสืบลับล้วน ๆ คุณอย่าคิดไปไกลเชียว แต่ร้านกาแฟร้านนี้รสชาติดี ขนมก็อร่อยด้วย ไว้ไปด้วยกัน ไม่ใช่ดงใช่เดทอะไรหรอก อย่าคิดมาก” สารวัตรรัฐนนท์เห็นชนธัญหันมามอง ก่อนจะเดินไปสมทบกับลูกทีมคนอื่น ๆ

'Thank me later' สารวัตรเปิดข้อความที่ได้รับจากด็อคดุ ก็อดจะยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ พอจะนึกออกว่า แพทย์สาวมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในเรื่องนี้บ้าง ความจริงที่เขาพูดกันว่า ด็อคดุไม่มีหัวใจ มันก็เป็นความคลาดเคลื่อนไม่น้อย แค่เพียงเราต่างมีวิธีแสดงออกตในเรื่องนี้ต่างกันก็เท่านั้น

*********************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Try Again - Aaliyah

https://www.youtube.com/watch?v=qTA0RuZoIxM



It's been a long time (time)

มันนานมาแล้ว นามมากจริงจริง

We shouldn't have left you (left you)

เราไม่ควรต้องแยกจากกันไป

Without a dope beat to step to

เพราะไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวกันไว้

Step to, step to, step to (step)

เข้าเราสองคนเข้าที่เข้าทาง

Step to, freaky-freaky-freaky

มันก็เลยดูหลุดหลุดเพี้ยนเพี้ยน



What would you do to get to me?

คุณจะทำยังไงที่จะเข้าหากันอีกครั้ง

What would you say to have your way?

จะพูดจะจาแบบไหนให้ได้อย่างที่คุณหวัง

Would you give up or try again?

จะเลิกล้มความตั้งใจนั้นหรือจะเพียรพยายามมันต่อไป

If I hesitate to let you in

ถ้าหากว่าฉันลังเลที่จะให้คุณเข้ามาใกล้กัน



Now would you be yourself or play a role?

คุณเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเองหรือจะสวมบทบาทอะไรอื่น

Tell all the boys or keep it low?

จะเที่ยวบอกใครไปทั่วหรือจะทำเงียบเงียบเอาไว้

If I say no, would you turn away?

ถ้าหากว่าฉันตอบปฏิเสธ คุณจะล่าถอยทัพ

Or play me off, or would you stay?

บอกกันฉันว่าช่างมันแล้วกัน หรือจะยืนหยัดต่อไป



And if at first you don't succeed (first you don't succeed)

และเมื่อครั้งแรกมันไม่สำเร็จ ดูแล้วไม่สำเร็จ

Then dust yourself off and try again

ปัดฝุ่นแล้วเริ่มต้นลองกันใหม่

You can dust it off and try again, try again

ให้คุณล้มแล้วลุก ก่อนจะเริ่มต้นอีกครั้ง และอีกครั้ง



I'm into you, you into me

ฉันเองก็สนใจ และคุณเองก็มีใจ

But I can't let it go so easily

แต่ฉันไม่อาจจะมอบให้คุณได้มันไปง่ายง่าย

Not 'til I see what this could be

ไม่จนกว่าจะมองเห็นว่ามันจะไปทางไหน

Could be eternity or just a week

เพราะมันอาจจะเป็นชั่วฟ้าดินสลายหรือมลายหายไปภายในสัปดาห์



But, yo, our chemistry is off the chain

แต่เคมีของเราดูพอจะเข้ากันได้ดี

It's perfect now, but will it change?

มันดูดีเลยเชียวแหละ แต่มันจะแปรเปลี่ยนไหม

This ain't a yes, this ain't a no

มันไม่ใช่ว่าได้ แต่ก็ยังไวเกินจะบอกว่าไม่

Just do your thing

ลองทำในแบบของตัวคุณเองมา

We'll see how we go

แล้วเราค่อยมาดูว่ามันจะออกมาเป็นยังไง



And if at first you don't succeed (first you don't succeed)

และเมื่อครั้งแรกมันไม่สำเร็จ ดูแล้วไม่สำเร็จ

Then dust yourself off and try again

ปัดฝุ่นแล้วเริ่มต้นลองกันใหม่

You can dust it off and try again, try again

ให้คุณล้มแล้วลุก ก่อนจะเริ่มต้นอีกครั้ง และอีกครั้ง



So, you don't wanna throw it all away

เมื่อคุณไม่อยากจะละทิ้งมันไปเสียทั้งหมด

I might be shy on the first date

เดทแรกฉันอาจจะดูประหม่ามากไปหน่อย

What about the next date?

ถ้าอย่างงั้น หากเป็นเดทครั้งต่อไปล่ะ

I said, you don't wanna throw it all away

ฉันรู้ ว่าคุณก็ไม่อยากจะสูญเสียมันไปง่ายง่าย

I might be buggin' on the first date

ฉันอาจจะดูงี่เง่ากับเดทครั้งแรก

What about the next date? (Date)

แล้วถ้าเป็นเดทครั้งต่อไปล่ะ คุณคิดยังไง



And if at first you don't succeed (first you don't succeed)

และเมื่อครั้งแรกมันไม่สำเร็จ ดูแล้วไม่สำเร็จ

Then dust yourself off and try again

ปัดฝุ่นแล้วเริ่มต้นลองกันใหม่

You can dust it off and try again, try again

ให้คุณล้มแล้วลุก ก่อนจะเริ่มต้นอีกครั้ง และอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๒. STAINED _ 9.08.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 08-09-2023 14:00:23

๔๒. STAINED


“คุณสั่งเค้กมาลองกินด้วยสิ ร้านนี้เขาทำอร่อยนะ” หลังจากที่สั่งกาแฟเสร็จ สารวัตรรัฐนนท์ก็คะยั้นคะยอให้อีกฝ่าย สั่งขนมมาทานคู่กัน “แล้วบอสรู้ได้ยังไงครับเนี่ย ว่าเค้กเขาอร่อย” หนึ่งในทีมสืบลับอดสงสัยไม่ได้ ถามขึ้น ชนธัญที่สบตากับสารวัตรหนุ่มหล่อ ไม่ได้พูดอะไร แต่เดินเลี่ยงไปรอรับกาแฟของตัวเองที่ตรงเคาน์เตอร์รับเครื่องดื่ม

“บอสครับ มีเคสด่วนแจ้งมาจากศูนย์” อีกคนในทีมสืบลับที่นั่งรออยู่ที่รถ กระหืดกระหอบวิ่งมาผลักประตูร้านกาแฟ พร้อมรายงานให้หัวหน้าทีมอย่างสารวัตรรับทราบ “ขนมเค้กคงต้องเอาไว้ก่อนแล้วล่ะครับ” ชนธัญพูดขึ้น รับกาแฟของทุกคนในทีมมาถือเอาไว้ สารวัตรรัฐนนท์ที่รู้สึกว่าทุกอย่างเพิ่งจะผิดแผน ก็ต้องยอมให้หน้าที่มาก่อนการโชว์ความป๋า

“ทีม Forensics มาถึงแล้ว” ขับรถมาไม่นาน ทีมสืบสวนลับก็มาถึงที่เกิดเหตุ มองเห็นทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐานได้ลงมือตรวจสถานที่แล้ว “Chief” สารวัตรรัฐนนท์เอ่ยทักหัวหน้าหน่วยพิสูจน์หลักฐาน “พร้อมนะ” หัวหน้าหน่วยหลักฐานหรือชีฟเอ่ยขึ้นทันที “Good to go.” ทางหัวหน้าทีมสืบลับตอบกลับทันควัน

“ประตูถูกเปิดค้างไว้ มีร่องรอยการใช้กำลังพังประตูจากด้านนอกเข้าไป” หัวหน้าทีมหลักฐานเริ่มต้นให้ข้อมูลกับทีมสืบลับ ถึงสิ่งที่เขาได้จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ชนธัญมองดูที่ลูกบิดประตูที่แยกออกจากเนื้อประตู “หน้าต่างนั่นแตก มีรอยรูอยู่ คาดว่าน่าจะเกิดจากรอบกระสุนปืน ตอนนี้ให้เจ้าหน้าที่หาหัวกระสุนที่อาจจะตกอยู่ด้านนอกตามแนวรั้วบ้าน เพราะสันนิษฐานว่า น่าจะถูกยิงออกมาจากห้องนอนนั่น” ชีฟเดินนำสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญเข้าไปในตัวบ้าน

“เคสนี้” ชีฟพูดขึ้นเมื่อเดินไปหยุดที่หน้าประตูห้องนอน ไม่ไกลจากประตูทางเข้าบ้าน “เราเจอเข้ากับ Double Homicide” ชีฟบอกกับคู่หู 009RC สารวัตรรัฐนนท์มองเข้าไปในห้องนอนนั้น ก่อนจะยกแขนขึ้นกันชนธัญให้รออยู่แค่ด้านนอกห้อง ชนธัญอยากจะเข้าไปด้วย แต่นายตำรวจหนุ่มยืนกราน หนุ่มหน้าใสก็ยอมรออยู่ข้างนอกแต่โดยดี

“ฝ่ายหญิงคาดว่าน่าจะเสียชีวิตก่อน และน่าจะถูกยิงจากระยะประตูนี่ ขณะที่นอนอยู่บนเตียง” ทางชีฟยืนยันจากลักษณะของศพตอนที่เห็นครั้งแรก “ส่วนฝ่ายชาย เป็นแฟนกันกับฝ่ายหญิง อยู่ด้วยกันมานาน คนในละแวกนี้ไม่เคยเห็นทั้งสองคนมีปากมีเสียงกันมาก่อนเลย” ชีฟให้ข้อมูลต่อ กับร่างของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นห้อง ข้าง ๆ เตียงนอน ฝั่งตรงข้ามกับฝ่ายหญิง

“ตัดเรื่องฆ่ากันเองลงไปได้หนึ่งเรื่อง” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับชีฟหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ทางชีฟพยักหน้าเห็นด้วยตามนั้น “สภาพบ้านมีร่องรอยบุกรุกเข้ามาด้วยกำลังอย่างชัดเจน” สารวัตรรัฐนนท์กำลังประมวลผลจากข้อมูลที่เขาได้รับ “อาวุธที่ใช้ก่อเหตุน่าจะเป็น Caliber .22” ทั้งสองหัวหน้า บอสจากทีมสืบลับและชีฟจากทีมพิสูจน์หลักฐาน เห็นพ้องตรงกันอีกหนึ่งอย่าง รอให้ทางหน่วยเนิร์ด Ballistic ยืนยันผลที่แน่นอนให้อีกครั้ง

“Blood Splatter รอยเลือดกระเซ็นสอดคล้องกับลักษณะของผู้ตายทั้งสอง ผู้หญิงถูกยิงขณะอยู่บนเตียง และผู้ชายน่าจะถูกบังคับให้นั่งคุกเข่า และถูกยิงเสียชีวิตตรงนี้เลย” สารวัตรรัฐนนท์รู้สึกว่า ความโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อกันทุกวันนี้ มันช่างโหดร้ายและรุนแรงมากขึ้นทุกที ๆ

ชนธัญเดินออกมาด้านนอกบ้าน มองดูหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ทำการเดินปูพรมเพื่อตามหาหัวกระสุนที่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้กระจกห้องนอนแตก ชนธัญพยายามไม่ทำตัวเกะกะทีมพิสูจน์หลักฐาน เขามายืนอยู่คล้อยมาทางด้านข้างของตัวบ้าน ที่มันมีทางเดินเล็ก ๆ อ้อมไปที่ด้านหลังได้ ก่อนที่ชนธัญจะได้ยินเสียงร้องอะไรบางอย่าง ดังอยู่ที่ด้านหลังของเขา

“เฮ้ ว่าไงเรา” ทันทีที่ชนธัญหันไปมอง เขาก็เห็นสุนัขตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ยืนมองเขาอยู่ พอมันได้ยินชนธัญพูดด้วย มันก็เดินกะเผลก ๆ เข้ามาหาเขา “นั่นเลือดนี่” ชนธัญตกใจ นั่งลงทันทีที่เจ้าหมาตัวนั้นเดินมาทรุดตัวนอนข้าง ๆ เขา “นั่นสุนัขของเจ้าของบ้านหลังนี้นี่ครับ เพื่อนบ้านแจ้งเอาไว้ว่า มันหายไปตอนผมมาถึง” ชีฟที่เดินออกมาหน้าบ้านพร้อมกับสารวัตรรัฐนนท์พูดขึ้น

“มันถูกยิงครับ” ชนธัญมองเห็นรอยรูกลม ๆ ที่ไหล่ของเจ้าหมาตัวนี้ “รีบเรียกหน่วยอภิบาลสัตว์เร็วเข้า พามันไปส่งสัตวแพทย์ ด่วนที่สุด” สารวัตรรัฐนนท์ตะโกนสั่งลูกทีมสืบลับให้ติดต่อหน่วยดูแลสัตว์โดยเร็ว เจ้าหมาตัวใหญ่ร้องครางหงิง ๆ ด้วยความเจ็บปวด มันซุกหัวเข้ากับมือของชนธัญ ที่นั่งลูบหัวปลอบเจ้าหมาว่า มันจะไม่เป็นไร

“ผมขอไปกับมันได้มั้ยครับ” ชนธัญขออนุญาตสารวัตรรัฐนนท์ นั่งรถไปกับหน่วยอภิบาลสัตว์ เมื่อรถของหน่วยดูแลสัตว์พร้อมจะนำเจ้าหมาผู้โชคร้ายส่งโรงพยาบาลสัตว์ “ส่งข่าวมันให้ผมรู้ด้วย” สารวัตรรัฐนนท์ไม่ขัดข้อง ชนธัญกล่าวขอบคุณก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถไป เพราะเจ้าหมาเองก็ร้องเสียงดัง ผงกหัวมองหาเมื่อไม่เห็นชนธัญ

“เหมือนจะถูกชะตากันตั้งแต่แรกเจอ” ชีฟหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐานพูดขึ้นยิ้ม ๆ เมื่อรถของทีมอภิบาลสัตว์เคลื่อนตัวออกไป บอสทีมสืบสวนลับยิ้มออกมา เหมือนนึกเอ็นดูคนหน้าใสอย่างชนธัญอยู่มากโข “รอยเลือดในที่เกิดเหตุ ผมให้ทีมของผมเก็บมันเป็นหลักฐานอย่างละเอียด จะได้เอาไว้เทียบเคียงกับวิถีกระสุน ที่ทาง Ballistic ยืนยันผล” ชีฟจากหน่วยพิสูจน์หลักฐานบอกกับสารวัตรรัฐนนท์

“ชีฟ” คนถูกเรียก หันมาทางสารวัตรหนุ่มหล่อ ที่ตอนนี้สายตามองข้ามไปยังบ้านตรงข้าม “เจ้าเด็กหนุ่มนั่น มายืนด้อม ๆ มอง ๆ พวกเราอยู่นานแล้ว ผมเห็นตั้งแต่มาถึง” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับชีฟ ก่อนจะพากันเดินข้ามถนนไปยังบ้านฝั่งตรงข้าม ที่ตอนนี้นอกจากเด็กหนุ่มคนดังกล่าวที่สารวัตรรัฐนนท์สังเกตเห็น ตอนนี้ก็มีชายหญิงอีกคู่หนึ่งยืนอยู่ด้วยเช่นกัน

“สวัสดีครับ ผมเป็นหัวหน้าทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ยครับ เผอิญผมเห็น” ชีฟเดินเข้าไปกล่าวทักทายกับทั้งสามคนด้วยรอยยิ้มและท่าทีเป็นมิตร “นี่ลูกชายของเราสองคนค่ะ” ผู้เป็นแม่ของเด็กหนุ่มพูดขึ้น “ครับคุณแม่ ผมสารวัตรรัฐนนท์ คือผมเห็นลูกชายของคุณแม่มายืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่นานแล้ว เผื่อว่าน้องเขามีข้อมูลอะไรที่สำคัญ อยากจะบอกกับเจ้าหน้าที่” สารวัตรรัฐนนท์เสริมจากที่ชีฟพูดเกริ่นเอาไว้

“ผมเห็นมีผู้ชายสองคน ขับรถแบบมีที่นั่งแค่สองคน ขับมาจอดที่หน้าบ้านตรงกันข้าม จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงคนเอะอะ แล้วก็ได้ยินเสียงหมาร้อง” เด็กหนุ่มพูดเร็วปรื๋อเหมือนกับว่า เขาอัดอั้นกับสิ่งที่เขารู้เห็นพอสมควร “เราพอจะจำยี่ห้อรถ สี หรือป้ายทะเบียนได้ด้วยมั้ย” ชีฟถามเด็กหนุ่ม ที่ตอนนี้ส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเลยครับ” เด็กหนุ่มยอมรับกับชีฟ “แล้วตอนนั้นเราทำอะไรอยู่ ถึงได้เห็นว่ามีรถและผู้ชายสองคนขับมาจอดที่หน้าบ้านหลังนี้” เป็นไปตามสัญชาตญาณ สารวัตรรัฐนนท์ซักเด็กหนุ่มเพิ่มเติม เพื่อมองหาความน่าเชื่อถือและความเชื่อมโยงจากข้อมูลที่ได้

“วันนี้ลูกชายหยุดอยู่บ้าน เพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบน่ะค่ะ” ผู้เป็นแม่ตอบคำถามนั้นแทนลูกชาย ชีฟหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ก้มลงมองที่เท้าของเด็กหนุ่มที่มีรอยเปื้อนเศษดินที่ส้นเท้า แม้เด็กหนุ่มจะใส่รองเท้าอยู่ก็ตาม “ถ้าเราอ่านหนังสืออยู่ แล้วเรามองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากตรงไหน” สารวัตรรัฐนนท์ถามต่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปเจอหน้าต่างของห้องด้านบนชั้นสองของตัวบ้าน

“นั่นห้องนอนพ่อกับแม่นี่” พ่อของเด็กหนุ่มพูดขึ้น “เราเข้าไปทำอะไรในห้องนอนพ่อกับแม่” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความสงสัย เด็กหนุ่มรีบตอบปฏิเสธ “ผมไม่ได้เข้าไปในห้องพ่อกับแม่นะ” ยืนยันเสียงแข็ง ว่าตัวเองไม่ได้แอบเข้าไปทำอะไรไม่ดีในนั้น แต่ก็ยังตอบคำถามของสารวัตรรัฐนนท์ไม่ได้ ว่าถ้าเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์ผ่านหน้าต่างห้องนอนของพ่อและแม่แล้วล่ะก็

“ถ้าอย่างนั้น เราอยู่ที่ไหนในตอนนั้น” ไม่ใช่ว่าสารวัตรหนุ่มต้องการจะไล่ต้อนเด็กหนุ่มแต่อย่างใด แต่เรื่องที่เด็กหนุ่มเล่าจะไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง เพราะทางพ่อกับแม่ของเด็กหนุ่ม บอกว่า ห้องนอนของลูกชายอยู่อีกด้านหนึ่งของบ้าน ทางชีฟหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐาน มองไปที่ด้านข้างของตัวบ้าน ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อมองเห็นรอยของเหลวเปื้อนอยู่ที่นั่น

“ถ้าคุณพ่อคุณไม่รังเกียจ ถ้าสะดวกใจนะครับ” ชีฟเรียนพ่อและแม่ของเด็กหนุ่มด้วยท่าทางอ่อนน้อม “ผมขอเวลาคุยกับน้องเขาส่วนตัว แป๊บเดียวครับ ไม่นาน ไม่ได้มีปัญหาน่ากังวลอะไร เดี๋ยวเดียวครับ” ทางฝ่ายพ่อและแม่ของเด็กหนุ่มพยักหน้าอนุญาตในที่สุด ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน พอชีฟเห็นว่าพ่อและแม่ของเด็กหนุ่มเข้าบ้านไปแล้ว ก็พูดขึ้นว่า

“ถ้าผมเดินกลับมาอีกครั้งพร้อม ALS Alternative Light Source ไฟแบบฟลูออเรสเซนต์ เอามาฉายไปที่รอยคราบเปื้อน ที่บนข้างบ้านนั่น” สารวัตรรัฐนนท์มองตามที่ชีฟชี้นิ้วไป แต่เด็กหนุ่มกลับหน้าเจื่อน ไม่ยอมมองตามไปด้วย “แล้วผมใช้ก้านสำลีอุปกรณ์เก็บหลักฐาน เก็บตัวอย่างของเหลวนั้น และใช้ BCIP 5 – Bromo 4 – Chloro – 3 – Indolyl Phosphate เทสต์ ผมก็จะตรวจเจอ” ฟังชีฟพูดมาถึงตอนนี้ สารวัตรรัฐนนท์ก็ยิ้ม ๆ พอจะเข้าเค้าอะไรบางอย่างแล้ว

“อย่านะครับ ผมขอ” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อน ทำหน้าตายอมรับ ยอมจำนนแต่โดยดีว่าโดนจับได้ “ฟังนะ” ชีฟพูดขึ้นน้ำเสียงเข้ม “ตราบใดที่แรงขับความต้องการทางเพศของแต่ละคน ยังไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือยังไม่มีใครมาร้องเรียน มันก็ยังพอจะเข้าใจได้อยู่” ชีฟถือโอกาสตักเตือนและห้ามปรามเด็กหนุ่มไปในตัว

“แต่ตรงข้างบ้านนี่ ติดกับถนนสัญจรไปมา มันคาบเกี่ยวและส่อที่ Exhibitionism การชอบโชว์คนอื่น มันจะนำมาซึ่งความเดือดร้อน โอเค ผมจะไม่บอกพ่อแม่ให้รู้เรื่องนี้” ชีฟรีบบอกกับเด็กหนุ่ม เพราะพอจะเดาได้ ว่าเรื่องอะไรที่เจ้าตัวน่าจะกังวลที่สุดในตอนนี้ สีหน้าเด็กหนุ่มดูมีสีเลือดขึ้น ไม่ซีดเผือดแบบก่อนหน้านี้

“แต่เราคงจะต้องกังวลเรื่องกล้องวงจรปิดที่บ้านข้าง ๆ นั่นมากกว่า ถึงกล้องจะส่องไปทางถนน แต่กล้องสมัยนี้องศามันจับคลุมได้ทั่วทิศทาง” ชีฟชี้นิ้วไปทางบ้านข้าง ๆ ที่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ที่ใต้หลังคาบ้าน สารวัตรรัฐนนท์มองตามไป ทึ่งในสายตาอันละเอียดรอบคอบของชีฟจริง ๆ ก่อนที่จะเห็นเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง เปิดประตูบ้านข้าง ๆ มองมาทางพวกเขา

“นั่นแฟน” ชีฟถามเด็กหนุ่มออกไป “เปล่าครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา ๆ อายอย่างที่สุด “เพิ่งเจอกันในแอพแบบนั้น ได้คุยกัน บอกว่าชอบโชว์เหมือนกัน เขาเลยท้าผมให้ออกมา” เด็กหนุ่มทำมือประกอบอาการ สารวัตรรัฐนนท์กลั้นขำที่ได้เห็น “ผมเครียด ๆ จากการอ่านหนังสือ อยากจะปลดปล่อยอยู่เหมือนกัน” เด็กหนุ่มเล่าไป หน้าแดงก่ำด้วยความอาย

“ผมก็เลย รับคำท้า เท้าเปล่า ไม่ใส่อะไรเลย คล้องแค่เนกไทของวิทยาลัยแค่นั้น เพราะเขาบอกว่าถ้าผมกล้า เขามองเห็นผมได้จากกล้องวงจรปิดที่บ้านเขาติด แล้วเขาจะส่งคลิปเขาช่วยตัวเองตอนดูผมผ่านกล้องมาให้ ทำจนเสร็จแลกกัน เนี่ยครับ คลิปเขาอยู่ในมือถือผม ถ้าพี่ ๆ ไม่เชื่อ” เด็กหนุ่มอรรถาธิบาย ชีฟยกมือห้ามปรามว่า เด็กหนุ่มไม่จำเป็นต้องเปิดคลิปอะไรให้เขาดู

“ใจดีจังครับชีฟ เจ้าเด็กสองคนนี่ เลยไม่ต้องโดนเล่นงานหนัก” สารวัตรรัฐนนท์เอ่ยชมหัวหน้าทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐาน หลังจากบอกกับพ่อและแม่ของเด็กหนุ่ม ว่าทางหน่วยไม่ได้ติดใจอะไรกับเด็กหนุ่มทั้งสิ้น “แค่เตือนว่าไปว่า อย่าหาทำอีกกับเรื่องอะไรแบบนี้ เพราะครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีแบบครั้งนี้อีก กับใครที่เราไม่รู้จักในโลกเสมือนจริง เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง มันก็แย่มากพอแล้วล่ะครับบอส” ชีฟหันมาพูดกับสารวัตรหนุ่มหล่อ ก่อนสุดท้ายก็ต้องหลุดขำออกมา ให้กับฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านของเด็กหนุ่ม

“เจออะไรเหลือจะเชื่อแบบนี้ประจำเลยมั้ยครับ” สารวัตรรัฐนนท์ถามตอนที่เดินข้ามกลับมาที่ฝั่งบ้านเกิดเหตุ “Welcome to my life.” สารวัตรรัฐนนท์ส่ายหน้าพลางหัวเราะเบา ๆ ออกมา “ไม่ค่อยได้เจออะไรกุ๊กกิ๊ก ๆ บ่อย ๆ แบบสารวัตรหรอก” ชีฟไม่วายเอ่ยแซวสารวัตรที่ตอนนี้ เดินไปขึ้นรถเพื่อจะขับรถตามไปที่โรงพยาบาลสัตว์

“ต้องร้ายใส่กันด้วยหรือชีฟ” สารวัตรรัฐนนท์อดที่จะถามกลับไปไม่ได้ เมื่อเข้าไปนั่งในรถ มองเห็นชีฟยิ้มที่มุมปาก ยักคิ้วให้ อย่างกวน ๆ สารวัตรรัฐนนท์รอจนลูกทีมมาจนครบ จึงเคลื่อนรถออกจากตรงนั้น หลังจากเห็นชนธัญส่งข้อความมาบอกว่า อยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์แล้ว หมอพาเจ้าสุนัขตัวใหญ่นั่นเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว

ชนธัญนั่งรอที่ม้านั่งหน้าห้องผ่าตัด ที่โรงพยาบาลสัตว์ คุณหมอสัญญาว่าจะช่วยเหลือมันอย่างเต็มที่ ตัวของเจ้าหมาเองก็เหมือนจะรับรู้ ว่ามีคนจำนวนมากมายที่ไม่ได้ใจร้ายเหมือนกับพวกที่ทำกับมันแบบนั้น กำลังช่วยกันทำให้มันหายดี ชนธัญเอาใจช่วยเจ้าสุนัขนั่น บอกกับมันว่าจะรอมันอยู่ข้างนอกนี่ เหมือนมันจะฉลาดและรับรู้ได้ มันก็เลยสงบและไม่ส่งเสียงร้อง ตอนมันถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดไป

“ต้องปลอดภัยและกลับมาหายดีให้ได้นะ เจ้ายักษ์” ชนธัญพึมพำออกมาเบา ๆ ก้มลงมองที่ตักของตัวเอง มือทั้งสองข้างของเขามีรอยเปื้อน ที่กางเกงก็เช่นกัน รอยเลือดเปื้อนจากเจ้าสุนัขตัวใหญ่นั่น อะไรบางอย่างแล่นกลับมาให้เขาเกิดใจสั่น เมื่อคิดถึงเรื่องการสูญเสีย ว่ามันน่ากลัวและทรมานใจมากแค่ไหน

*************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Blank Space - Taylor Swift

https://www.youtube.com/watch?v=e-ORhEE9VVg


Nice to meet you, where you been?

ยินดีที่ได้รู้จัก ไปอยู่ไหนมาเพิ่งจะมาเจอ

I could show you incredible things

ฉันมีอะไรเกิดคาดจะมอบให้

Magic, madness, heaven, sin

อัศจรรย์ บ้าคลั่ง สวรรค์ ต้องห้าม

Saw you there and I thought

เห็นกันแล้วก็ทำให้คิด

"Oh, my God, look at that face

โอ้วกรรมบันดาล เห็นหน้าของคุณ

You look like my next mistake

คุณคือคนที่ใช่ ที่ฉันจะหาเรื่องใส่ตัวด้วย

Love's a game, wanna play?"

รักมันก็คือเกม อยากเล่นด้วยกันมั้ยล่ะ


New money, suit and tie

เงินตรา เล่นแต่งสูท ผูกเนกไท

I can read you like a magazine

ฉันอ่านคุณออกตั้งแต่แรกเจอ

Ain't it funny? Rumors fly

มันไม่น่าขำไปหน่อยหรือ นั่นมันก็แค่ข่าวลือ

And I know you heard about me

ว่าฉันก็รู้ อะไรก็ตามที่คุณเคยได้ยินมา

So hey, let's be friends

ว่าไง เอาไหมมาเป็นเพื่อนกัน

I'm dying to see how this one ends

ฉันอยากรู้จะแย่อยู่แล้ว ว่านี่มันจะจบลงยังไงกัน

Grab your passport and my hand

ฉวยหนังสือเดินทางพร้อมจับมือกันไป

I can make the bad guys good for a weekend

ฉันสามารถเปลี่ยนหนุ่มร้ายร้ายให้กลายเป็นดีในชั่วข้ามสัปดาห์


So it's gonna be forever

มันจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์

Or it's gonna go down in flames

หรือว่าจะมอดไหม้สลายลงทันตา

You can tell me when it's over, mm

เอาไว้คุณเป็นคนบอกมาละกันว่ามันควรจบลงแล้ว

If the high was worth the pain

ถ้าการขึ้นที่สูงมันคู่ควรกับความเหนื่อยยาก

Got a long list of ex-lovers

ฉันมีแฟนผ่านมาเป็นหางว่าว

They'll tell you I'm insane

ทั้งหมดจะบอกเสียงเดียวกันว่าฉันมันบ้า

'Cause you know I love the players

เพราะฉันนั้นหลงรักทุกคนที่เจอะเจอ

And you love the game

แต่พวกคุณสนแค่เกมที่เล่นอยู่เท่านั้น


'Cause we're young, and we're reckless

เพราะความที่เรายังเด็ก เราก็เลยไม่คิดหน้าคิดหลัง

We'll take this way too far

เราทำอะไรตามใจจนเกินเลยกันไป

It'll leave you breathless, mm

มันจะทำให้คุณหายใจไม่ทั่วท้อง

Or with a nasty scar

ไม่ก็คุณได้บาดแผลแย่แย่ฝากรอย

Got a long list of ex-lovers

ที่ผ่านมาแฟนมากมายนับไม่ทัน

They'll tell you I'm insane

ทั้งหมดจะบอกว่าฉันสุดโต่ง

But I've got a blank space, baby

แต่ยังไงฉันก็เหลือหน้าว่างว่างเอาไว้

And I'll write your name

เพื่อใช้เขียนชื่อคุณลงไป


Cherry lips, crystal skies

ริมฝีปากชมพูระเรื่อ ท้องฟ้าสดใสสวยงาม

I could show you incredible things

ฉันสามารถทำให้คุณได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์

Stolen kisses, pretty lies

รอยจูบที่ถูกขโมย คำโกหกที่แสนเนียน

You're the King, baby, I'm your Queen

ให้คุณได้รุกและฉันรอรับ

Find out what you want

บอกมาว่าใจคุณต้องการอะไร

Be that girl for a month

ฉันจะเป็นตามคำสั่งให้ทั้งเดือน

Wait, the worst is yet to come, oh, no

รอได้เลย ไอ้ที่คุณคิดมันจะเป็นได้ยิ่งกว่า เตรียมใจไว้


Screaming, crying, perfect storms

การกรีดร้อง เสียงคร่ำครวญ พายุใหญ่พัดผ่าน

I can make all the tables turn

ฉันทำให้มันกลับตาลปัตรได้ทั้งสิ้น

Rose garden filled with thorns

แปลงกุหลาบที่ก้านเต็มไปด้วยหนามแหลม

Keep you second guessing like

ทำให้คุณคาดเดาอะไรแทบไม่ได้เลย

"Oh, my God, who is she?"

โอ้วพระเจ้าช่วย นี่มันใครยังไงกัน

I get drunk on jealousy

ฉันจะมัวเมาไปกับความอิจฉาตาร้อน

But you'll come back each time you leave

แต่คุณจะกลับมาหาและขอซ้ำทุกครั้งหลังจากลา

'Cause, darling, I'm a nightmare dressed like a daydream

เพราะว่าอย่างงี้ที่รัก ฉันคือฝันร้ายที่อยู่ในคราบของฝันหวานกลางวัน


Boys only want love if it's torture

เด็กหนุ่มต้องการความรัก ถ้าหากมันคือสิ่งทรมาน

Don't say I didn't, say I didn't warn ya

อย่าพูดนะ ว่าฉันไม่ได้เอ่ยเตือนล่วงหน้า

Boys only want love if it's torture

เด็กหนุ่มต้องการความรัก หากว่ามันคือการทรมาน

Don't say I didn't, say I didn't warn ya

อย่าพูดนะ ว่าฉันไม่เคยบอกกล่าวกันไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๓. DRAINED _ 9.11.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 11-09-2023 17:25:03

Crime and Love Scene Investigation

๔๓. DRAINED


“อ่านหนังสือเยอะแล้ว ก็พักบ้างนะลูก เกม” เด็กหนุ่มนั้นพยายามอดกลั้น ไม่แสดงอะไรที่จะเป็นที่กระโตกกระตากให้พ่อกับแม่ของเขา ที่ยังพิรี้พิไร ไม่ยอมออกจากบ้านเสียที ทั้ง ๆ ที่ก็เลยเวลาปกติในช่วงเช้า ที่ทั้งคู่จะออกไปมาพอสมควรแล้ว “เดี๋ยวรถติดนะครับแม่” เกมทำพูดทักท้วงออกไป พ่อกับแม่เขาจึงได้ยุติการสั่งโน่น เตือนนี่ ราวกับเขายังเป็นเด็กเล็กที่จะต้องอยู่บ้านคนเดียว

“โอ๊ย กว่าจะออกกันไปได้” เกมบ่นออกมาเสียงดัง แล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปบันไดแบบลงส้น เสียงดังสนั่นกลับขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเอง โดยไม่ปิดประตูห้องนอน ด้วยที่ว่าเขาตั้งใจเอาไว้แบบนั้น “ไหนดูก่อน มีใครออนใกล้ ๆ บ้าง” เกมกดแอพบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือขึ้นมา มันเป็นแอพที่เอาไว้ใช้ดูว่ามีผู้ชายใครบ้างที่อยู่ในรัศมีไม่ไกลมากจากบ้านของเขา

“แหวะ มีแต่แก่ ๆ อ้วน ๆ ลงพุง หัวล้านอีกต่างหาก” เกมแทบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งออกจากมือ ก่อนจะได้ยินเสียงข้อความเข้า เมื่อมีใครคนหนึ่งส่งข้อความทักเขามา “เฮ้ย” มันกลายเป็นว่า ข้อความนั้นมาจากลูกชายของข้างบ้าน ที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ได้กี่เดือน ที่เกมเองก็นึกสงสัยอยู่ ตอนที่แลกสายตากันไปมาหลายครั้ง ว่าจะเป็นแนวเดียวกัน

“ชอบแนวนี้หรือ” เกมอ่านข้อความที่หน้าจอ “อืม” ตอบออกไปแบบนั้น รู้สึกเขิน ๆ เหนียม ๆ เหมือนกัน แต่กับความพลุ่งพล่านที่ทำให้ใจกำลังวุ่นวายอยู่ในตอนนี้ ก็ไม่อ้อมค้อมจะเป็นการดีกว่า “ชอบเหมือนกันใช่ป่ะ” เกมยิ้มออกมาในทันที เมื่ออีกฝ่ายตอบกลับทันควันด้วยอิโมจิรูปหัวใจ

“เราบอมนะ ถูกใจนายตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” บอมสารภาพ เอามือล้วงเข้าไปในกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ “เราชื่อเกม” ตอบกลับไป ก่อนจะส่งข้อความไปอีกครั้ง “อยากได้นายเหมือนกัน” เด็กหนุ่มทั้งสองรู้สึกใบหน้าร้อนผะผ่าว กับบทสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่ “สนมั้ย” เกมถามอีกฝ่ายกลับไป แต่บอมนิ่งเงียบไปสักพัก

“ชอบเอาท์ดอร์มั้ย” ข้อความนั้นถามกลับมา เกมก้มมองไปที่ตัวเอง กับชั้นในเพียงตัวเดียวที่ใส่อยู่ แล้วหันไปมองประตูห้องนอนที่เปิดอ้าทิ้งเอาไว้ “หมายถึงชอบโชว์แบบนี้ป่ะ ชอบโชว์เนียน ๆ นับด้วยมั้ย” เกมถามกลับไป ใจเต้นแรง มองจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ ถึงข้อความที่อีกฝ่ายจะส่งมา

“เล่นกันมั้ย” ข้อความอ่านได้แบบนั้น เกมคิกประมวลผล แต่อวัยวะที่กำลังมีอิทธิพลกับเขามากที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่สมองแต่อย่างใด แต่กลับเป็นแก่นกายความหนุ่มที่กำลังพองแข็งแน่น ตัวดันอยู่ใต้กางเกงชั้นในจนเจ็บไปหมดต่างหาก ที่กำลังช่วยเขาคิดและตัดสินใจที่จะตอบบอมกลับไปว่า

“เล่นแบบไหน” เกมพิมพ์ข้อความถามกลับไป มือสั่นจนต้องวางมือถือลงก่อน ไม่นานบอมก็ส่งข้อความกลับมา “บ้านเราติดวงจรปิดเอาไว้ กล้องมันหันหน้าออกไปทางถนน มองจากจอตอนนี้ มันเห็นตรงรั้วข้างบ้านนายด้วย” เกมคิดตามไปกับสิ่งที่บอมบอกมา อะไรบางอย่างมันกำลังเร้าความรู้สึกของเขามากขึ้นกว่าเดิม แท่งแข็งที่กำลังผงกขึ้นลงใต้กางเกงชั้นในนั้น กำลังทำให้อารมณ์ของเกมเหมือนคลื่นทะเลที่กำลังโดนลมพัดให้บ้าคลั่ง

“นายออกมาที่ข้างรั้ว ไม่ใส่อะไรเลยนอกจากเนกไทวิทยาลัย” สายตาของเกมที่มองไปที่เนกไท มันคล้องไว้กับตะขออยู่บนประตูตู้เสื้อผ้า “นายชักให้เสร็จ ให้น้ำพุ่งจนหมด พุ่งใส่ผนังข้างบ้านนาย” ตอนนั้นเกมรู้สึกว่า นี่มันเป็นสิ่งที่กระตุ้นและเร้าอารมณ์ของเขาได้อย่างมากมาย ไม่ใช่เรื่องบ้ามากแต่อย่างใด

“เราจะมองนายจากกล้องวงจรปิด แล้วชักตามไปด้วย พอนายเสร็จ เราก็จะเสร็จด้วย แล้วส่งคลิปที่เราอัดตัวเองไปให้นายดู ดีลมั้ย” เกมเอาทุกอย่างที่ได้ยินบอมบอกมาเอามาคิด วันนี้วันธรรมดา วันทำงาน ถนนแถวนี้เงียบเชียบแทบไม่มีใครผ่านไปผ่านมา ถ้าคิดว่าคนแถวบ้านเขาจะผ่านมาเจอเข้า

จะมีก็แต่พวกขนส่งเอาพัสดุมาส่งตามบ้าน ซึ่งพนักงานหลายคนที่เกมเคยเห็น ก็ต้องตาต้องใจเขาอยู่เหมือนกัน เกมไม่ติดถ้าพนักงานชายพวกนั้นจะเห็นว่าเขาทำอะไร เผลอ ๆ อาจจะโชคดีขึ้นมา ได้ทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกัน เกมคิดแบบนั้นแล้ว ก็พิมพ์ข้อความตอบกลับไปว่า

“ตกลง” ในของเกมเต้นไม่เป็นส่ำไปด้วยความตื่นเต้นอย่างที่สุด ก่อนจะเดินไปคว้าเอาเนกไทมาสวมลงรอบคอ “แต่ขอใส่เสื้อคลุมตอนออกจากบ้านนะ ถึงตรงรั้วแล้วค่อยถอด” เกมบอกกลับไป บอมดูไม่ขัดข้อง เกมหยิบเอาเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวม ผูกเชือกที่เอวแบบหลวม ๆ ก่อนจะดึงกางเกงชั้นในออกทางปลายเท้า ปล่อยให้ความเป็นชายผงาดง้ำ

เกมกึ่งวิ่งกึ่งเดินลงมาจากชั้นบน กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ก่อนจะเดินไปที่ประตู้บ้าน เปิดมันออกแล้วเดินไปตามที่นัดหมายกับบอมเอาไว้ เกมมองไปที่บ้านบอม เห็นกล้องวงจรปิดราคาแพงติดอยู่ ใจของเขาเต้นแรงอย่างที่สุด ก่อนจะคลายเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำ แล้วปล่อยให้มันเลื่อนหลุดลง ให้ตัวเขานั้นเปลือยเปล่า มีเพียงเนกไทที่คล้องอยู่ที่คอเท่านั้นที่กั้นเขาจากอากาศนั้น

“อืม” เกมครางในลำคอ เมื่อใช้มือรูดขึ้นรูดลงด้วยอารมณ์แห่งความหฤหรรษ์ เขาหันหน้าเข้าหากล้องวงจรปิดนั้นอย่างเปิดเผย เมื่อรู้ว่ามีเด็กหนุ่มอีกคนกำลังมองเขาบนจอ ผ่านกล้องตัวนั้น มันยิ่งทำให้อารมณ์ของเกมกระเจิดกระเจิงไปกันใหญ่ และเขาไม่คิดว่า เขาจะสามารถยืด รั้งเวลาในครั้งนี้ได้นานนัก

“ไม่ไหวแล้ว” เกมทำปากพูดกับกล้องวงจรปิด ก่อนที่เขาจะหันเข้าหาผนังบ้าน ตอนนั้นเขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านฝั่งตรงข้าม ด้วยความที่เขากำลังหูอื้อตาลายไปกับอารมณ์สุดปรารถนา ที่กำลังดื่มด่ำกับความเร้า ที่มันแล่นขึ้นลงจากหัวลงไปปลายเท้า แล้วเล่นกลับขึ้นมาใหม่ แล้วลงไปที่ปลายแก่นกายซ้ำ ๆ อย่างนั้น

“โอ๊ะ” มาถึงจุดนี้ ไม่มีอะไรจะสามารถหยุดยั้งเกมจากจุดสุดยอดได้อีก แม้ว่าจะมีเสียงใครบางคนกระแทกประตูบ้านฝั่งตรงกันข้ามเข้าไปด้านในอย่างแรง แต่เกมเร่งความเร็วของมือ จนน้ำสีขาวขุ่นข้นเหนียว พุ่งทะยานไปแหมะตัวอยู่ที่ผนังข้างบ้าน ระลอกแล้ว ระลอกเล่า เกมค้อมตัว แอ่นหลัง ไปตามความรู้สึกจนกระทั่งทุกอย่างสงบนิ่งลง

'ปัง' เสียงปืนดังขึ้น ตามมาด้วยเกมได้ยินเสียงสุนัขร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด เกมตกใจยืนนิ่งตัวเปลือยเปล่ามองไปที่บ้านฝั่งตรงข้าม เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ก่อนจะเห็นหน้าต่างนั้นแตกออก หล่นกระจายไปทั่ว เกมรีบทรุดตัวลงนั่งหลังรั้วที่เป็นพุ่มไม้เตี้ย ๆ เมื่ออยู่ ๆ ก็เห็นผู้ชายสองคนออกมาจากบ้านหลังฝั่งตรงข้าม

“มึงเห็นใครมั้ยเมื่อกี้” หนึ่งในชายสองคนนั้นถามขึ้น “ตรงไหน” อีกคนถามกลับ เกมคิดไม่ออกว่าเขาควรจะทำยังไงดีในตอนนี้ เสื้อคลุมอาบน้ำตกอยู่ตรงที่เขายืนช่วยตัวเอง จะเอื้อมมือไปหยิบก็ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นผู้ชายสองคนนั้นต้องรู้แน่ ๆ ว่าเขาอยู่ตรงนี้ เกมไม่รู้ว่าเขาจะทำยังไงดี

“กูเห็นอะไรขาว ๆ เมื่อกี้ ไม่แน่ใจว่าคนยืนอยู่ริมรั้วหรือเปล่า” เกมหน้าเสีย ทำยังไงดี เขาถามตัวเองเพราะกลัวว่าสองคนนั้นจะรู้ ว่าเขายังหลบอยู่ตรงนี้ “เดินไปดู” เกมถึงกับต้องกลั้นเสียงไม่ให้ตัวเองตะโกนออกมาด้วยความกลัว ผสมผสานกับความตกใจอย่างที่สุด เขารีบมองไปที่ประตูบ้าน แต่จะเปิดประตูเข้าบ้านยังไงให้สองคนนี้ไม่เห็น

เกมมีเวลาอยู่เพียงแค่แวบเดียวที่จะคิดตัดสินใจทำอะไรลงไป เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นถนน หนึ่งในชายสองคนกำลังเดินมาดูในสิ่งที่สงสัย เมื่อมาถึงที่ดังกล่าว ก็ชะโงกหน้าข้ามรั้วพุ่มไม้นั้นมาดู ชายอีกคนเอง ก็เดินตามมาดูด้วยเช่นกัน เพื่อให้หายสงสัยพร้อมไปในคราวเดียวกัน

“ไม่เห็นมีใคร” หนึ่งในสองคนพูดขึ้น “ก็บอกว่า คิดว่าเห็นคนยืนอยู่ ไม่แน่ใจไง” อีกคนนึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายพูดจาตำหนิ “หลอนยาป่ะเนี่ย” อีกคนว่าเข้าให้ มองไปที่เสื้อคลุมอะไรสักอย่างที่ตกอยู่บนพื้นดิน “เห็นเสื้อคลุมบ้า ๆ นี่เป็นคนยืนอยู่” คนถูกกล่าวหาว่าเล่นยาหนัก เอามือลูบหน้าวนไปมา เผื่อจะสร่างขึ้นบ้าง

“แล้วนั่นอะไร เปียก ๆ เป็นคราบ เยอะเลย” หนึ่งในนั้นชี้บอกไปที่ผนังข้างรั้วบ้าน “น้ำแอร์มั้ง” พูดไปก็มองหาคอมเพรสเซอร์ไป แต่ก็มองไม่เห็น “กูว่าไม่ใช่ ขอเข้าไปดมดูก่อน กูสงสัย” พูดแล้วก็ทำท่าจะกระโดดข้ามรั้วพุ่มไม้เตี้ย ๆ นั่นเข้าไป แต่ก็โดนเพื่อนคว้าข้อศอกเอาไว้ก่อน

“ไปดูโน่นดีกว่า ว่ามีใครอยู่บ้านมั้ย” อีกคนบอกถึงสิ่งที่สมควรทำมากกว่า อีกคนแม้จะขัดใจ แต่ก็ยอมทำตาม เดินผ่านทางเข้ารั้วบ้านไปที่ประตู “มีใครอยู่มั้ย” เคาะประตูจนเสียงดังเรียกเข้าไป เกมถึงกับเกือบเป็นลมหน้ามืด เมื่อลูกบิดประตูบ้าน ถูกเขย่ากึง ๆๆ โยกไปมาอย่างแรง หลังจากที่เขากดล็อกมันอย่างเงียบเชียบ ไม่กี่วินาที

เกมนั้นรีบคลานด้วยตัวเปลือยเปล่าจากรั้วพุ่มไม้ ทิ้งเสื้อคลุมอาบน้ำและคราบอารมณ์ของตัวเองเอาไว้อย่างนั้น ก่อนจะสามารถหลุดพ้นจากสายตาของชายทั้งสองคน เกมรีบวิ่งเป็นชีเปลือยไปที่ด้านหลังบ้าน แล้วเปิดประตูหลังบ้านเข้าไปด้านใน ล็อกมันเสร็จ ก็รีบมาที่ประตูหน้าบ้าน พอดีกับที่ชายสองคนมาเคาะเรียกและเขย่าลูกบิดแบบนั้น

“กลิ่นอะไรคาว ๆ วะ คุ้น ๆ” อีกคนพูด ยังนึกสงสัยถึงคราบน้ำปริศนาที่ข้างบ้านนั่น “ไปเหอะ เดี๋ยวพ่อมึงมาซะก่อน” อีกคนขัดขึ้น เลยเออออยินยอมไปขึ้นรถพร้อมกับเพื่อน เกมได้ยินชายสองคนเดินไปเปิดประตู เขาแอบดูที่ช่องเล็ก ๆ ข้างผ้าม่าน ก่อนจะเห็นชายสองคนนั้นขับรถจากไป เกมทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด มันเหนือจริงมากในความรู้สึก

“นายเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นมั้ย บอม” เกมรีบส่งข้อความถามกลับไป นึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่เห็นว่าบอมส่งคลิปผู้ชายช่วยตัวเอง ที่เกมเคยดูจากในเน็ตแล้วแบบนั้น นิ่ง เงียบ ไม่ตอบ เกมนั่งรออยู่นานพอสมควรแต่ก็ไม่มีข้อความใด ๆ ตอบกลับมาจากอีกฝ่าย เกมรีบขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองเพื่อสวมเสื้อผ้า พลางคิดว่า ถ้าบอมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก็อาจจะตกใจกลัวเหมือนเขาเช่นกันก็ได้

จากนั้นไม่ถึงชั่วโมง เกมก็ได้ยินเสียงรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐาน แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านฝั่งตรงข้าม และไม่นานหลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดเช่นกัน เกมคิดว่า เขาควรจะบอก ควรจะพูดอะไรให้เจ้าหน้าที่รับรู้ แม้พ่อและแม่ของเขาจะบอกว่า อย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นก็ตาม

เกมเห็นบอมออกมาจากบ้าน ตอนที่เขากำลังให้ข้อมูลกับพี่เจ้าหน้าที่สองคนนั้นอยู่ บอมดูจะมองแบบหยั่งเชิงมากกว่า ว่าเกมนั้นพูดบอกอะไรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปบ้าง เกมตัดสินใจบอกความจริงกับเจ้าหน้าที่เก็บและพิสูจน์หลักฐานไปทุกอย่าง เพราะคิดว่าถึงโกหกไปก็ไม่มีประโยชน์ พี่คนที่เป็นหัวหน้าหน่วยรู้ถึงสิ่งที่เขาทำตั้งแต่ยังไม่ได้ยินเกมพูดอะไรสักคำด้วยซ้ำ

เกมกลับขึ้นห้องนอนไป หลังจากที่เจ้าหน้าที่บอกกับพ่อและแม่ของเขาว่า เกมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในคดีนี้ และถ้ามีอะไรอยากรู้เพิ่มเติม จะติดต่อกลับมา โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาออกไปทำที่ข้างบ้านเลยแม้แต่น้อย เกมพอจะโล่งอกไปได้บ้าง ว่าพ่อและแม่ของเขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้

เกมหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง หลังจากนั่งลงบนเตียงนอน เขากดแอพนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง ข้อความแชทที่เขาคุยกับบอมหายไปหมดแล้ว รวมถึงแอคเคานท์ของบอมด้วยเช่นกัน บอมลองไล่หาดูกับคนที่เขาคุยด้วย แต่ก็ไม่พบ ไม่มีชื่อแอคคานท์ของบอมอยู่ในนั้นจริง ๆ เกมกำลังคิดว่า บอมน่าจะกลัวไม่ต่างจากเขา เลยลบทุกอย่างทิ้ง

เกมลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนจะมานั่งที่เก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์พีซีของเขา ลองเอาชื่อยูสเซอร์ที่จำได้ของบอมมาเสิร์ชหาดู แต่มันก็ขึ้นชื่อคล้าย ๆ กันมาจนเกมลายตา เกมพอยังจำได้ว่า บนหน้ารายละเอียดแอคเคาน์ของบอม มีชื่อบัญชีโซเชียลมีเดียลงเอาไว้ เกมสะกดผิดสะกดถูกอยู่นาน เพราะจำไม่ได้ครบทุกตัวอักษร แต่สุดท้ายก็มีอยู่บัญชีหนึ่งขึ้นมาที่หน้าเสิร์ช

“อ้าว ล็อก” ชื่อบัญชีนั้น เกมจำได้ว่ามันถูกต้องแล้ว แต่กลับล็อกไม่ให้คนอื่นเข้าไปดูข้อมูล นอกจากเพื่อนกับเจ้าของแอคเคาน์ เกมเกือบจะถอดใจแล้ว เมื่อดูไปดูมา เหมือนว่าจะไม่ได้ผล แต่ก็มาสะดุดตากับบัญชีโซเชียลมีเดียบัญชีหนึ่ง ที่สะกดคำคล้าย ๆ กัน แค่สลับตัวอักษร

เกมกดเข้าไปดู ก็เห็นรูปของบอมอยู่บนภาพดิสเพลย์ มันคงเป็นบัญชีของบอมจริง ๆ แต่สิ่งที่บอมโพสต์เอาไว้ มันมีแต่ข้อความเชิงลบและต่อต้านเกย์เกือบจะทั้งนั้น รวมถึงรีพลายที่บอมตอบกลับสมาชิกคนในครอบครัวรวมถึงพ่อของเขาให้สบายใจได้แล้วว่า บอมนั้นไม่ได้เป็นเกย์ และไม่มีทางที่จะเป็น เกมหน้าซีดเผือด รู้สึกว่าทุกอย่างในความรู้สึกถูกดูดออกจากร่างไป ณ นาทีนั้น เมื่อคิดถึงภาพตัวเองยังอยู่ในกล้องวงจรปิดนั้นหรือไม่ หรือว่า บอมเองก็ตกใจไม่แพ้กันและลบทำลายหลักฐานทั้งหมดทิ้งไปแล้ว

**********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Look What You Made Me Do - Taylor Swift

https://www.youtube.com/watch?v=3tmd-ClpJxA


I don't like your little games

ฉันไม่ชอบเกมเหล่านี้สักเท่าไหร่

Don't like your tilted stage

และไม่ชอบเวทีที่มันดูจะเอียงกะเทเร่นี้

The role you made me play of the fool

บทบาทที่คุณสร้างให้ฉันเล่นแต่มันดูโง่เขลา

No, I don't like you

ไม่เลย ฉันชักไม่ชอบใจคุณ


I don't like your perfect crime

ฉันไม่ชอบอาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบของคุณ

How you laugh when you lie

เมื่อคุณหัวเราะออกมาทั้งที่คุณกำลังโกหก

You said the gun was mine

คุณบอกว่าปืนกระบอกนั้นเป็นของฉัน

Isn't cool, no, I don't like you (oh!)

มันไม่เจ๋งเลยว่ามั้ย ฉันไม่ชอบคุณ


But I got smarter, I got harder in the nick of time

แต่ฉันฉลาดขึ้น ฉันแกร่งขึ้น เพียงชั่วเวลาวินาทีผ่าน

Honey, I rose up from the dead, I do it all the time

ที่รักจ๋า ฉันฟื้นคืนชีพจากความตาย ฉันทำแบบนี้เสมอ

I got a list of names, and yours is in red, underlined

ฉันจดชื่อคนเอาไว้มากมาย ชื่อคุณเป็นหมึกสีแดง และขีดเส้นใต้เอาไว้หนาหนา

I check it once, then I check it twice, oh!

ฉันตรวจดูอีกรอบ ไม่สิ ตรวจซ้ำอีกรอบให้แน่ใจ


Ooh, look what you made me do

ดูเอาเถอะ ว่าคุณบังคับให้ฉันทำอะไรลงไป

Look what you made me do

ตรองดูทีว่าฉันได้ทำอะไรลงไปที่คุณสั่ง

Look what you just made me do

ดูอีกที ว่าคุณบังคับให้ฉันทำสิ่งใดหรือ

Look what you just made me

ตรองดูเถิดว่าฉันต้องทำอะไรเพื่อคุณ


I (I) don't (don't) like your kingdom keys (keys)

ไม่ ไม่เลยฉันไม่ชอบใจที่ลูกกุญแจไขเข้าสู่โลกของคุณ

They (they) once belonged to me (me)

มันเคยเป็นของของฉันเมื่อครั้งนั้น

You (you) asked me for a place to sleep

คุณเคยถามไถ่ฉันเพื่อขอที่พักพิง

Locked me out and threw a feast (what?)

แต่กลับทิ้งฉันเอาไว้ข้างนอก แล้วคุณจัดงานบันเทิงรื่นเริงด้านใน


The world moves on, another day another drama, drama

โลกมันต้องเดินหน้าไป วันใหม่ผ่านเข้ามาพร้อมดราม่าเรื่องใหม่

But not for me, not for me, all I think about is karma

แต่สำหรับฉันนั้นไม่ ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันคิดถึงแต่กงเกวียนกำเกวียน

And then the world moves on, but one thing's for sure

และโลกทั้งใบก็แปรผันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนกว่านั้น

Maybe I got mine, but you'll all get yours

คือฉันได้รับผลของตัวเอง และคุณเองก็จะได้รับผลการกระทำของตน


But I got smarter, I got harder in the nick of time

แต่ฉันฉลาดขึ้น ฉันแกร่งขึ้น เพียงชั่วเวลาวินาทีผ่าน

Honey, I rose up from the dead, I do it all the time

ที่รักจ๋า ฉันฟื้นคืนชีพจากความตาย ฉันทำแบบนี้เสมอ

I got a list of names, and yours is in red, underlined

ฉันจดชื่อคนเอาไว้มากมาย ชื่อคุณเป็นหมึกสีแดง และขีดเส้นใต้เอาไว้หนาหนา

I check it once, then I check it twice, oh!

ฉันตรวจดูอีกรอบ ไม่สิ ตรวจซ้ำอีกรอบให้แน่ใจ


Ooh, look what you made me do

ดูเอาเถอะ ว่าคุณบังคับให้ฉันทำอะไรลงไป

Look what you made me do

ตรองดูทีว่าฉันได้ทำอะไรลงไปที่คุณสั่ง

Look what you just made me do

ดูอีกที ว่าคุณบังคับให้ฉันทำสิ่งใดหรือ

Look what you just made me

ตรองดูเถิดว่าฉันต้องทำอะไรเพื่อคุณ


I don't trust nobody and nobody trusts me

ฉันไม่เชื่อใจใคร และใครก็อย่ามาเชื่อใจฉัน

I'll be the actress starring in your bad dreams

ฉันจะเป็นตัวเอกในคืนแห่งฝันร้ายของคุณ

I don't trust nobody and nobody trusts me

ฉันไม่ควรจะเชื่อถือใคร และก็ไม่มีใครควรจะเชื่อถือฉัน

I'll be the actress starring in your bad dreams

ฉันจะเป็นตัวแสดงนำในคืนอันโหดร้ายของคุณ


I'm sorry

ฉันขอโทษด้วย

But the old Taylor can't come to the phone right now

ไอ้ตัวฉันคนเก่า มารับสายไม่ได้ในตอนนี้

Why? Oh, 'cause she's dead (oh)

ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าฉันคนเก่า มันได้ตายไปแล้วไง
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๔. BONDED _ 9.13.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 13-09-2023 14:39:04

Crime and Love Scene Investigation

๔๔. BONDED


“การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี แต่มันเสียเลือดค่อนข้างมาก กว่าที่จะพามาถึงที่นี่” สัตวแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดให้เจ้าหมาตัวยักษ์บอกกับชนธัญเอาไว้ หลังจากที่หนุ่มหน้าใสนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องผ่าตัด จนทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น “ตอนนี้ก็ทำได้แค่เฝ้ารอว่า มันจะฟื้นตัวได้ดีมากน้อยแค่ไหน หวังว่ามันจะทำได้ เพราะเท่าที่เห็นมันก็สู้อย่างเต็มที่แล้ว” สัตวแพทย์บอกกับชนธัญให้เตรียมใจเช่นกัน เพราะโอกาสรอดของมันก็น้อยกว่าครึ่ง

“ขอบคุณมานะครับคุณหมอ” ชนธัญกล่าวของคุณอีกฝ่ายออกไป “มันต้องไม่เป็นไร เชื่อผมสิ” สารวัตรรัฐนนท์พูดปลอบใจชนธัญ “มันเดินมาขอให้ผมช่วย” ชนธัญจำได้ถึงแววตาและท่าทางของสุนัขตัวนี้ ที่เดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางอ่อนโยนแต่อ่อนแรงแล้วเหลือเกิน

“มีใครรู้บ้างว่ามันชื่ออะไร จะได้เรียกมันถูก” สารวัตรรัฐนนท์หันไปถามลูกทีมของเขา “ผมลองถามชาวบ้านแถวนั้นดูแล้ว พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้หญิงผู้ชายคู่นี้ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร คือ เขาสองคนอยู่กันแบบเงียบ ๆ แถมผู้ชายก็มีรอยสักเต็มตัว บ้านใกล้ ๆ ก็บอกลูกหลานตัวเองให้อยู่ห่าง ๆ เอาไว้ เลยไม่มีใครรู้ชื่อหมาตัวนี้เลย แถมมันก็ตัวใหญ่ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ชาวบ้านก็กลัวว่ามันจะกัดเด็ก ๆ อย่างที่เป็นในข่าว” หนึ่งในทีมสืบลับของสารวัตรรัฐนนท์ให้ข้อมูล

“ตอนผมนั่งรถมากับมัน ผมเรียกมันว่าเจ้ายักษ์ มันก็ร้องคราง กระดิกหางให้อยู่นะครับ” ชนธัญพูดมองไปที่สุนัขตัวใหญ่ที่นอนหลับอยู่บนเตียงพักฟื้น “งั้นก็เรียกมันแบบนั้นไปก่อนแล้วกัน” สารวัตรหนุ่มหล่อสรุปความให้ “มันก็ดูเข้มแข็งใจเด็ดจริง ๆ” ชนธัญลูบหัวมันเบา ๆ ในใจภาวนาให้มันรอดชีวิต

“ตอนนี้มันเป็นพยานเพียงปากเดียวที่เรามี ที่เห็นคนร้ายชัดเจน” ได้ยินสารวัตรรัฐนนท์พูดแบบนั้น ทุกคนก็หันมามองเจ้ายักษ์เป็นตาเดียวกัน “ใช่เลยล่ะ” ชนธัญเห็นด้วยกับสารวัตรรัฐนนท์ “ถ้ามันพูดบอกเราถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ก็คงจะดี” ทุกคนตรงนั้นพากันถอนหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน

“แต่เมื่อมันพูดไม่ได้ มันมีวิธีอื่นที่จะยืนยันตัวคนร้ายให้เรารู้ได้มั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ตั้งคำถามนั้นขึ้น เป็นคำถามที่น่าสนใจ เพราะเจ้ายักษ์เอง มันโดนยิงถึงสองครั้ง ที่หัวไหล่และที่คอของมัน “คนร้ายจงใจยิงใส่มัน” สารวัตรหนุ่มหล่อคิดว่าอย่างนั้น “มันพยายามช่วยเจ้าของ ตอนที่คนร้ายบุกเข้าไปในบ้าน” ชนธัญพยักหน้าตามการวิเคราะห์ของอีกคนในทีม ทุกคนที่กำลังจะมืดแปดด้าน ใครอีกคนก็พูดขึ้นหลังจากกดวางสายโทรศัพท์ ว่าทีมสืบควบคุมผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ได้คนหนึ่ง

“เมื่อไหร่แม่จะเข้าใจฉันสักที” กบถามแม่ของตัวเองออกไป เพราะแม่ก่นด่าเขาเรื่องนี้ไม่ยอมหยุด “มึงจะให้กูหยุดด่ามึงได้ยังไง จะให้กูเข้าใจมึงแบบไหน ก็ในเมื่อมึงทำตัวของมึงแบบนี้” แม่ของกบตวาดใส่ลูกชายเสียงดังลั่น “กูเลี้ยงมึงมาให้เป็นคนดี ไม่ใช่ให้มึงโตมาโง่เป็นควาย แถมยังเป็นโจรอีก” กบอดกลั้นความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ภายในใจ ถ้าอกของเขาระเบิดออกมาได้ นอกจากเลือดแล้ว ก็คงเป็นความเสียใจที่จะเนืองนองออกมาให้ทุกคนเห็น

“มึงดูสภาพตัวมึงเองตอนนี้ซิ เป็นใคร ก็ไม่มีทางเลิกคิดว่ามึงคือโจร” แม่ของกบชี้นิ้วไปที่รอยสักที่อยู่เต็มตัวของกบ “ฉันยอมรับว่าฉันทำผิดไป แต่ฉันก็เข้าไปอยู่ในนั้น” กบได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำชดใช้ในสิ่งที่เขาก่อเอาไว้แล้ว และถูกปล่อยตัวออกมา “ฉันทำทุกอย่างเพื่อไถ่โทษตัวเอง ความรู้ที่ฉันได้จากในคุก ฉันก็เอามาหาเลี้ยงตัวเองอย่างสุจริตในตอนนี้” สิ่งที่กบหวังใจเอาไว้ ตั้งแต่ก่อนออกมาจากเรือนจำก็คือ โอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

“ส่วนเรื่องรอยสักที่แม่ด่าฉันทุกครั้งที่เจอหน้ากันเนี่ย” ถ้าใครในโลกนี้จะไม่เข้าใจเขาในเรื่องนี้ กบอยากให้แม่เข้าใจ “แม่ก็รู้ ว่าฉันสักหลังจากที่ออกมาจากคุกแล้ว” กบมองตาแม่ ด้วยแววตาอ้อนวอนขอให้แม่เห็นใจ “มันเป็นความชอบของฉัน” กบบอกแม่แบบนั้น “ฉันไม่ใช่คนชั่วโดยสันดาน ฉันทำผิดพลาดไป เขาจับฉันขัง ฉันยอมรับมันแต่โดยดี” กบรู้ตัวดีว่า เขาเคยส่งยาให้กับคนแถวบ้าน เขาพลาดไปแล้ว

“แล้วคนอื่นเขาจะแยกออกมั้ย ไอ้กบ ว่ามึงไม่ได้ค้ายา ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว ก็ในเมื่อมึงยังมีสภาพแบบนี้อยู่” แม่ขอกบน้ำตาคลอหน่วยตอนพูดกับลูกชาย “คนมันจะไม่ดู ไม่เห็นในสิ่งที่ฉันทำเลยหรือแม่ ฉันเรียนเล่นกีตาร์มาจากในนั้น และตอนนี้ฉันก็สอนดนตรีเด็ก ๆ เพื่อให้คนรุ่นหลังจากฉันห่างไกลยานรกพวกนี้ยังไงล่ะแม่” กบเองก็พูดด้วยเสียงสั่นเครือ มันสะท้อนอยู่ในอกกับความรู้สึกเสียใจ ที่คนจะมองเห็นเขาเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก

“มึงจะคำกูเอาไว้ ไอ้กบ ที่กูพูด ไม่ใช่เพราะว่ากูเกลียดมึง กูเป็นแม่มึง กูยกโทษให้อภัยมึงได้ทุกเรื่อง แม้ว่ามึงจะทำให้กูเสียใจเจียนตายแค่ไหน” กบรู้ดี วันที่เขาถูกพิพากษาให้ติดคุกนั้น คนที่ร้องไห้หนักกว่าใครทั้งหมด ก็คือแม่ของเขาเอง “คนมันโหดร้ายกว่าที่มึงคิดนัก และวันหนึ่งมันจะทำร้ายมึงอย่างสาหัส มึงจำคำพูดกูเอาไว้” กบมองแม่ของเขา ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินลงจากสองหน่วยตา

สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญรีบขับรถกลับมาที่หน่วยสืบสวนลับ เพื่อทำการสอบสวนผู้ต้องสงสัยหนึ่งคน ที่ถูกควบคุมตัวมาได้ ชนธัญมองผ่านกระจกมองทางเดียวที่กั้นระหว่างห้องสอบสวนกับส่วนควบคุมเข้าไป ผู้ต้องสงสัยยังอายุน้อยอยู่เลย ตามข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ให้ไว้ ชายหนุ่มอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ

“คุณไม่รู้หรือไง ว่าเดี๋ยวนี้เขามีพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์แล้ว” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นรูปของเจ้ายักษ์ สุนัขของเหยื่อฆาตกรรมชายหญิงในคดีนี้ให้กับผู้ต้องสงสัยดู “นี่รูปที่เจ้าหน้าที่ไปเจอตอนมันถูกยิง” ชายหนุ่มผู้ต้องสงสัยทำหน้าแบบไม่ยินดียินร้าย เมื่อสารวัตรหนุ่มหล่อยื่นรูปหลังจากเจ้ายักษ์ได้รับการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกจากแผลเรียบร้อยแล้ว

“ซึ่งมันอาจจะไม่รอด” ชายหนุ่มทำหน้าเบื่อหน่ายที่จะต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้จากตำรวจ “ความโหดร้ายป่าเถื่อนที่คุณและเพื่อนของคุณได้ทำมันลงไป” ชายหนุ่มรีบส่ายหัวอย่างเร็ว “ผมไม่ได้ทำ อย่ามาปรักปรำผลแบบนี้สิครับคุณตำรวจ” อาการที่แสดงออกราวกับว่า ยังไงตัวเองก็ไม่มีทางถูกตั้งข้อหาอย่างแน่นอน ทำให้เจ้าตัวพูดอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า

“สถานที่เกิดเหตุ ถูกค้นทั่วบ้านเหมือนกับว่าต้องการหาอะไรบางอย่าง พวกคุณเข้าไปเอาอะไรในบ้านหลังนั้น” สารวัตรรัฐนนท์เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง “การฆ่าก็เป็นแบบ Blitz – Style จงใจจู่โจมทำร้ายแบบหมายเอาชีวิต มันต้องเป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับพวกคุณ ของที่พวกคุณต้องการอย่างยิ่ง” ไม่ว่าสารวัตรรัฐนนท์จะพูดอะไร ผู้ต้องสงสัยก็ส่ายหน้าให้อย่างยืนกระต่ายขาเดียว

“รูปพรรณสัณฐาน” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดบ้านข้าง ๆ ของเจ้าเด็กหนุ่มชอบโชว์นั่น ถูกยื่นให้ผู้ต้องสงสัยดู “รวมถึงเสื้อผ้าก็เป็นชุดเดียวกันกับที่คุณใส่อยู่ในตอนนี้” มาตอนนี้สีหน้าของผู้ต้องสงสัยเปลี่ยนไป ดูตกใจ แต่ก็ยังคงรักษาท่าที ยืนกรานคำเดิม

“จะเอาเสื้อผ้าผมไปตรวจก็ได้นะ ถ้าผมทำจริง เสื้อก็สีขาวขนาดนี้ มีรอยเลือดอะไรตรงไหนบ้างล่ะ คุณตำรวจ ตรงไหนบ้าง ไม่มีเลยสักนิด” ชนธัญเองก็มองไม่เห็นรอยเลือดจากเหยื่อทั้งสองคน ตามที่ด็อคเตอร์ดุเคยสอนเอาไว้ถึงรอยกระเซ็น Blood Splatter ที่เกิดจากเหยื่อถูกยิง ปรากฏอยู่บนเสื้อของผู้ต้องสงสัยเลยสักหยด

“อ้ะ ไม่ต้องเสียเวลา ผมถอดให้คุณตำรวจเอาไปตรวจเลยก็ได้” ไม่พูดเปล่า ผู้ต้องสงสัยถอดเสื้อยืดของตัวเองออก ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยิบเอาเสื้อแจ็กเกตตัวนอกแขนยาวที่ถือเข้ามาไปใส่แทน พลางทำหน้าเย้ยหยันอย่างจงใจ ชนธัญแวบนั้น กลับยิ้มออกมาอย่างโล่งใจที่เขามองมันได้ทัน

“ถ้าจะให้ผมเอาเสื้อผ้าของคุณไปตรวจ ได้ครับ” ชนธัญพูดขึ้น สารวัตรรัฐนนท์หันมามองทางชนธัญทันที เพราะนึกสงสัยว่าชนธัญเห็นอะไรที่เสื้อยืดตัวนั้น “แต่ผมสนใจเสื้อตัวนอกของคุณมากกว่า ที่ปลายแขนเสื้อนั่น” สารวัตรรัฐนนท์ทำเสียงห้ามปราม เมื่อผู้ต้องสงสัยรีบทำท่าปกปิดแขนเสื้อนั้น

“ตาไวมาก ผมขอชม” สารวัตรรัฐนนท์กล่าวชมตอนที่ออกมาจากห้องสืบสวน ที่ชนธัญมองเห็นรอยเลือดเล็ก ๆ นั้นได้ทัน ก่อนที่ทางตำรวจจะต้องปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยไป เพราะไม่มีหลักฐานอะไรจะควบคุมตัวเขาต่อได้อีก “ขอบคุณครับ หวังว่ารอยเลือดนั่นจะเป็นของหนึ่งในเหยื่อสองราย” สารวัตรรัฐนนท์เองก็หวังเอาไว้แบบนั้น

“เพราะถ้าใช่เลือดของหนึ่งในเหยื่อ ผู้ต้องสงสัยคนนี้คงไม่อยากจะรับโทษคนเดียว คงจะต้องให้การซัดทอดถึงอีกคนอย่างแน่นอน ตนนี้เรารอแค่ผลเลือดจากด็อคดุเท่านั้น” ชนธัญถอนหายใจออกมา ยิ้มให้สารวัตรรัฐนนท์อย่างโล่งใจ ทางสารวัตรรัฐนนท์เองก็นึกขอบคุณชนธัญที่ยังช่วยเขาทำคดีนี้อยู่

“ไงเจ้ายักษ์” กบที่เปิดประตูเข้าบ้าน ก็เห็นเจ้าสุนัขตัวใหญ่ที่เขาเก็บมันมาเลี้ยงจากข้างถนน หลังจากที่ไปเจอมันผอมโซจนหนังติดกระดูก เจ้ายักษ์ส่งเสียงร้องดีใจละวิ่งเข้ามาหาเขาในทันที มันซักหัวใส่มือของกบ เมื่อเขายื่นมือเข้าไปลูบหัวมัน “ดีใจมั้ย” เจ้ายักษ์ร้องครางเสียงออดอ้อน เหมือนมันตอบคำถามของกบ

“เหนื่อยมั้ยพี่” กบยิ้มรับคำถามของแฟนสาว แม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มเนือย ๆ “วันนี้มีผู้ปกครองใจดีพาลูกของเพื่อนมาเรียนกีตาร์ด้วยอีกสามคน” กบพูดตอนที่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะกินข้าวเล็ก ๆ “เรารอดตายแล้วพี่” กบยิ้มกว้างเมื่อแฟนสาวของเขาโผกอดรอบคอของกบ ตอนที่เขายื่นเงินสดให้ปึกหนึ่ง

“ค่าบ้าน ค่าไฟ ที่ค้างอยู่” กบพยักหน้าให้กับแฟนของเขา ที่เงินรายได้ของแฟนสาวก็คือค่ากิน ค่าอะไรต่อมิอะไรจิปาถะภายในบ้าน ที่แฟนของเขาช่วยกบมาโดยตลอด โดยไม่มีคำบ่น คำเรียกร้องใด ๆ ให้กบเคยได้ยินแม้แต่คำเดียว ไม่เคยเลยตั้งแต่กบกับแฟนตัดสินใจคบกัน และอยู่ด้วยกันมา

“โดนแม่ด่ามาอีกใช่มั้ย” แฟนสาวของกบสังเกตได้กับสีหน้าอาการนั้น “ก็เรื่องเดิม ๆ ไม่เป็นอะไรหรอก” กบพูดก่อนจะกอดตอบแฟนสาว โดยมีเจ้ายักษ์เดินมานั่งตรงหน้าพวกเขาสองคน แล้วเอาขาข้างหนึ่งของมันยกขึ้นมาแตะบนเข่าของกบ แฟนสาวของกบมองดูเขาและเจ้ายักษ์ลูบหัวเล่นกันอย่างเอ็นดู ก่อนที่เธอจะเอามือแตะเบา ๆ ที่หน้าท้องของเธอ ก่อนจะคิดว่า เธอจะบอกข่าวดีให้เป็นของขวัญวันเกิดกับกบ ในวันพรุ่งนี้

“หลังนี้แหละ” รถยนต์แบบที่มีที่นั่งเพียงสองคนขับมาจอดที่หน้าบ้าน ก่อนจะดับเครื่อง ชายหนุ่มสองคนมองเข้าไปในบ้าน มีแสงไฟลอดออกมาจากหน้าต่าง ทำให้ทั้งสองมั่นใจว่ามคนอยู่ข้างในนั้นอย่างแน่นอน “เฉพาะวันนี้ มันจะกลับจากบ้านแม่มัน และจะถึงบ้านเวลานี้แหละ คนอย่างมัน ไม่เลิกหนทางหาเงินแบบเดิม ๆ หรอก เชื่อกู” ทั้งสองคนมั่นใจว่า เจ้าของบ้านที่เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อน จะต้องหวนกลับมาเดินเส้นทางเดิมอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทั้งสองนัดแนะกันว่า จะเข้าไปในบ้านอย่างจู่โจมไม่ทันให้เจ้าของบ้านตั้งตัวได้ทัน เพื่อกันเจ้าของบ้านเผื่อมีอาวุธเอามาใช้ตอบโต้พวกเขา ทุกอย่างต้องรวดเร็วใช้เวลาน้อยที่สุด บังคับให้เจ้าของบ้านบอกที่ซ่อนของ และถ้าเกิดมีการเล่นตุกติกหรือต่อสู้ จัดการอะไรได้ก็ให้จัดการในทันที ไม่ต้องลังเล

“ด็อค ผมขอข่าวดี ว่ามาได้เลย” สารวัตรรัฐนนท์รีบรับสายจากด็อคเตอร์ดรุณีที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ “ว่าไงนะด็อค” สารวัตรรัฐนนท์ถามกลับไปในทันที ชนธัญมองดูสีหน้าประหลาดใจของสารวัตรหนุ่มหล่อ “รอยเลือดบนเสื้อแจ็กเกตของผู้ต้องสงสัย ไม่ใช่เลือดของเหยื่อทั้งสองคน” ชนธัญได้ยินสารวัตรรัฐนนท์พูดแบบนั้น ก็รู้สึกราวกับว่า ทุกอย่างมันต้องวนกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

“เลือดไม่ใช่แม้แต่ Human Base” ด็อคดุพูดกลับไปที่สารวัตรรัฐนนท์ ก่อนจะบอกกับที่ปลายสายว่า “หรืออาจจะเป็น K – 9 เพราะเห็นว่า คดีนี้มีสุนัขเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยใช่มั้ยคะ” สารวัตรรัฐนนท์รีบตอบรับด็อคดุกลับไปก่อนจะกดวางสาย “เราต้องกลับไปที่โรงพยาบาลสัตว์” ชนธัญขมวดคิ้ว ก่อนจะโพล่งขึ้นว่า “เจ้ายักษ์” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับชนธัญก่อนจะบอกว่า ด็อคดุติดต่อเพื่อนที่รู้จักกันเพื่อเตรียมอีกแล็บในการตรวจเอาไว้แล้ว

****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Love Me Like You Do - Ellie Goulding

https://www.youtube.com/watch?v=AJtDXIazrMo


You're the light, you're the night

เธอคือแสงสว่าง เธอคือการพักใจ

You're the colour of my blood

เธอคือสีของเลือดที่ไหลวน

You're the cure, you're the pain

เธอคือทางรักษา เธอคือสิ่งที่ต้องฝ่าฟัน

You're the only thing I wanna touch

เธอก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันอยากแตะต้อง

Never knew that it could mean so much, so much

ไม่เคยคิดเหมือนกันว่านี่มันมีความหมายมากสำหรับฉัน มากเหลือเกิน


You're the fear, I don't care

เธอคือความหวาดหวั่นใจ แต่ไม่เป็นไร

'Cause I've never been so high

เพราะเท่านี้เธอก็พาฉันมาได้ไกลเกินคาด

Follow me through the dark

เธอไปกับฉันแม้ยามมืดมน

Let me take you past our satellites

ให้ฉันได้พาเธอผ่านพ้นความวนเวียน

You can see the world you brought to life, to life

ให้เธอเห็นโลกของฉันที่เธอทำให้มันกลับมามีชีวิต


So love me like you do, la-la-love me like you do

แค่เธอรักฉันอย่างนี้ ให้เธอรักฉันอย่างที่เธอทำ

Love me like you do, la-la-love me like you do

รักฉันแบบนี้ให้นานนาน แค่รักของเธอแบบนี้ที่ฉันต้องการ

Touch me like you do, ta-ta-touch me like you do

สัมผัสที่เธอทำ การแตะต้องแผ่วเบาที่เธอมี

What are you waiting for?

แล้วเธอจะมัวรีรออะไรอีก


Fading in, fading out

จะอะไรที่ผ่านเข้ามา แล้วก็ผ่านเลยไป

On the edge of paradise

ที่สุดขอบแห่งสวรรค์เบื้องบน

Every inch of your skin is a Holy Grail I've got to find

ทุกหน่วยเรือนร่างตารางนิ้วของเธอคือสิ่งสุดยอดที่ฉันถวิลหา

Only you can set my heart on fire, on fire

มีเพียงแค่เธอที่ทำให้ใจของฉันร้อนรุ่ม เร่าร้อน


Yeah, I'll let you set the pace

ใช่แล้ว ฉันจะให้เธอกำหนดจังหวะก้าว

'Cause I'm not thinking straight

เพราะฉันอาจจะไม่แตกฉานเรื่องนี้นัก

My head's spinning around, I can't see clear no more

ในหัวฉันสับสนปนเป ฉันมองไม่ออกหนทางข้างหน้า

What are you waiting for?

แล้วเธอล่ะ จะมัวกลัวลังเลอะไร
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๕. The Crying Game _ 9.14.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 14-09-2023 21:25:04


Crime and Love Scene Investigation

๔๕. The Crying Game


“หมอเสียใจด้วยนะคะคุณแม่” ด็อคเตอร์ดรุณีเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะหาคำพูดแสดงความเสียใจให้ดีกว่านี้ได้อย่างไร ยิ่งเธอเห็นแววตาผู้เป็นมารดาของกบ เหยื่อฆาตกรรมที่ด็อคดุทำการชันสูตร “ฉันเคยบอกมันแล้ว เตือนมันก็แล้ว ให้มันพากันไปอยู่ที่อื่น” แม่ของกบพูดน้ำตาคลอหน่วย แบบที่พร้อมจะล้นร่วงจากขอบตาได้ทุกขณะ

“ไปที่ไหนก็ได้ ที่ไม่มีใครรู้ว่ามันเคยทำอะไรมาก่อน” แม่ของกบเงยหน้าขึ้นสบตากับด็อคดุ ก่อนที่แพทย์สาวจะเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ ร่วงหล่นลงมาเป็นสาย “แต่มันก็ไม่ยอมไป มันห่วงฉัน มันอยากจะดูแลฉัน ไถ่โทษที่มันเคยทำตัวเลวให้ฉันเสียใจ” แม่ของกบยิ้มอย่างเย้ยหยัน ให้กับการอยากกลับตัวเป็นคนดีของลูกชายของเธอ ด็อคดุทำได้เพียงแต่รับฟังคำระบายจากคนเป็นแม่ โดยยื่นกระดาษเช็ดหน้าให้กับอีกฝ่าย

“ตอนมันขายยา ฉันบอกมันว่า กบ สักวันแกจะไม่เหลือใคร ที่ไหนได้” แม่ของกบยกกระดาษเช็ดหน้าในมือซับน้ำตาป้อย ๆ พูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกอย่างสั่นเครือ “สุดท้ายก็เป็นฉันต่างหาก ที่ไม่เหลือใครเลย คนเป็นแม่จะมีชีวิตอยู่เพื่อเผาลูกตัวเองได้ยังไง มันต้องกลับกันไม่ใช่หรือ ลูกชายฉันมันควรจะต้องเป็นคนส่งฉันขึ้นเมรุสิหมอ” นี่เป็นส่วนหนึ่งในความยากของงานที่ด็อคเตอร์ดรุณีต้องเจอะเจอและผ่านมันไปให้ได้ในแต่ละวัน

“หมอเสียใจค่ะ” เหมือนว่าแพทย์อย่างหมอดุจะไร้หัวใจอย่างที่คนเขาพูดกัน เพราะนอกจากด็อคดุจะไม่มีน้ำตาให้ใครเห็นแล้ว เธอต้องรีบดึงเอาอารมณ์ของตัวเองออกมาจากเคสที่เธอทำอยู่ ซึ่งคนก็พูดกันว่าหมอดุก็พูดว่าเสียใจไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้รู้สึกจริง ๆ แต่ใครจะเข้าใจว่า ถ้าด็อคเตอร์ดรุณีไม่ทำแบบนี้ เธอจะไม่สามารถทำงานที่รับผิดชอบอยู่ ออกมาให้ดีได้เลย

“ด็อค โอเคนะ” สารวัตรรัฐนนท์ที่ยืนรออยู่ ห่างออกมาจากพอให้พื้นที่ส่วนตัวกับญาติผู้เสียชีวิต ถามด็อดดุขึ้น เมื่อเห็นว่า ด็อดดุได้ให้เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการจัดการเรื่องศพลูกชายและลูกสะใภ้ให้เรียบร้อยสมบูรณ์ที่สุด กับแม่ผู้กำลังหัวใจแตกสลายคนนี้

“เดี๋ยวหมอสรุปให้ฟัง” ด็อคเตอร์ดรุณีพูด ก่อนจะพยักหน้าให้กับสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญที่ยืนรอเธออยู่ โดยที่แพทย์สาวเดินนำหน้ากลับไปที่ห้องชันสูตร “ผลตรวจสรุปได้ว่า เรามีผู้เสียชีวิตสามคน” ทันทีที่กลับเข้ามาในห้องทำงาน ด็อคเตอร์ดรุณีก็พูดขึ้นทันที แต่น้ำเสียงฟังดูเครียดและไม่แจ่มใสเลย

“หมอดุกำลังจะบอกว่า” ชนธัญถามขึ้น ก่อนจะรับเอาเอกสารสรุปการชันสูตร ที่สารวัตรรัฐนนท์ยื่นให้ดูหลังจากอ่านตรงช่องเพิ่มเติม “ภรรยาของกบตั้งท้องได้สามเดือน” ชนธัญเห็นด็อคเตอร์ดรุณีตอนนี้ เขาก็พอจะเข้าใจหมอดุคนนี้แล้ว ว่างานในแต่ละครั้ง แต่ละวันของด็อคเตอร์ดรุณีไม่ง่ายเลย

“ส่วนผลเรื่องกระสุนปืน คือเป็นหมัน เรายังหาปืนกระบอกที่ใช้ในคดีไม่เจอ แต่หัวกระสุนที่ยิงกระจกแตกที่พบอยู่หน้าบ้าน เป็นกระสุนอย่างเดียวกันกับที่ใช้ปลิดชีพทั้งสองคน พวกเนิร์ด Ballistic ฝากมาว่าทางสืบสวนควรจะขยายผลตามหาปืนให้ได้ อย่าโอ้เอ้อยู่ ไม่อย่างนั้น ให้คุณชนธัญย้ายไปทำอยู่กับพวกเขา จะดีกว่า” ประโยคนี้ที่ฝ่ายตรวจสอบอาวุธฝากมา ด็อคดุจงใจเน้นส่งผ่านไปที่สารวัตรหนุ่มหล่อ ที่ตอนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่

“งานง่ายกว่าพวกอาวุธปืนผมยังทำได้ไม่ดีเลย กลัวไปทำงานเขาเสียมากว่า” ชนธัญพาซื่อพูดออกตัว ด็อคดุเลยได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ส่ายหน้าเอือม ๆ เมื่อเห็นสารวัตรรัฐนนท์แอบมีรอยยิ้ม ที่ได้ยินชนธัญพูดแล้วแปลความหมายได้ว่า หนุ่มหน้าใสไม่ได้มีความคิดจะข้ามแผนกไปช่วยงานที่อื่นแต่อย่างใด

“ดีเอ็นเอด็อค” สารวัตรรัฐนนท์ส่งเสียงเตือนด็อคดุ อย่างคนที่มีกำลังใจทำงานมากเป็นพิเศษวันนี้ “เรื่องดีเอ็นเอ K – 9 ผลตรวจออกมาว่าเป็นเลือดของเจ้ายักษ์ แต่หมอขอให้เพื่อนช่วยเปิดแล็บตรวจหาเซลล์ยืนยันอีกที ว่าดีเอ็นเอที่พบมาจากส่วนใดของสุนัข ในใบรายงานสืบ บอกว่าเจ้ายักษ์โดนยิงเข้าที่หัวไหล่ แต่มีรอยแผลที่ Snout” ด็อคเตอร์ดรุณีอธิบายต่อ

“ที่เป็นส่วนบริเวณปากของสุนัข เพื่อนหมอบอกว่า ถ้าตรวจพบว่าดีเอ็นเอตรงกัน แถมยังมาจากส่วนเดียวกัน ที่คาดว่าจะเป็นเซลล์ในส่วนที่เรียกว่า Muzzle ยังไงคนร้ายก็ดิ้นไม่หลุด” ด็อคดุพูดมาถึงตรงนี้ ก็หยุดมองหน้าสารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญสลับกันไปมา

“ขึ้นอยู่กับหมวดแล้วล่ะ ว่าเวลาขึ้นศาลจะขอผลดีเอ็นเอชิ้นนี้ ใช้เป็นหลักฐานในคดีฆาตกรรมคนถึงสามคนพร้อมกันได้หรือไม่ ทำอย่างไรก็ได้ ให้ท่านผู้พิพากษายอม” ด็อคเตอร์ดรุณีส่งไม่ต่อในคดี ฝากความหวังให้ไว้กับสารวัตรหนุ่มหล่อและคนหน้าใสสองคนตรงหน้าของเธอ

สองเพื่อนซี้ที่วัน ๆ ไม่ทำอะไร ได้แต่เอ้อระเหยลอยชายอยู่อย่างนั้น ขลุกตัวสุมหัวกันอยู่ในห้องเช่าราคาถูก ที่ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยอยู่ห้องชุดคอนโดหรูหรา จนกระทั่งการเงินของทั้งคู่ร่อยหรอลง จึงต้องอัปเปหิตัวเองด้วยการหนีออกมาดื้อ ๆ ทิ้งให้ห้องโสโครกไว้แบบนั้น ไม่เก็บล้างทำความสะอาดใด ๆ แถมยังค้างจ่ายค่าเช่าเสียเฉย ๆ อีกด้วย

“มึงไม่มีเหลือเลยหรือวะ” หนึ่งในเพื่อนซี้ถามขึ้น หลังจากค้นไปทั่วทั้งห้อง แต่ก็ไม่เจอสิ่งที่ต้องการ “เออสิวะ กูก็เสี้ยนอยู่เนี่ย” ตอบกลับมาด้วยอาการของความยากที่กำลังรุมเร้า “มึงเอาของที่บ้านไปขายอีกสิวะ ได้เงินมา ก็จะได้เอาไปซื้อ” เพื่อนแนะนำทางสว่างให้กับเพื่อน

“โห่ ไอ้ห่า ถ้ากูทำแบบนั้นได้ กูทำไปนานแล้วมั้ย ไม่ต้องรอให้มึงมาบอกกูหรอก” เพื่อนที่ทางบ้านมีฐานะดีตอบกลับมาอย่างฉุน ๆ “ที่บ้านกูจับได้แล้ว มึงจำไม่ได้หรือไง ว่ากูขโมยข้าวของจากในบ้านไปขาย เพียงแค่เขาคิดว่ากูติดเกม ขายเอาเงินไปเติมเกมแค่นั้น นี่กูก็ต้องหลอกที่บ้านว่า กูมาอยู่ที่บ้านมึง เพราะที่บ้านมึงอยากให้ช่วยกันเรียน เขาเลยเลิกตามกู” แต่ป่านนี้พ่อกับแม่ก็คงจะรู้แล้ว ว่าเขาไม่ไปมหาวิทยาลัยมาเป็นปีแล้ว

“แล้วจะทำยังไงวะ” สุมหัวคิดกันก็แล้วยังไงก็ยังไม่มีหนทางง่าย ๆ ที่ผ่านเข้ามาในสมอง จนกระทั่ง “เฮ้ย กูเก็ตไอเดีย” อยู่ ๆ ความคิดก็โลดแล่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น “มึงเห็นบ้านเลยเข้าไปในในนั้นป่ะ ข้างถนน ตรงข้ามกับบ้านไอ้เด็กเกย์ชอบชักว่าวโชว์นั่น” ทำท่านึกตามเพื่อนบอก นึกไม่ออก แต่ก็เออออไปด้วย

“บ้านนั้น แล้วมันยังไงวะ” ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเพื่อนจะทำอะไร “จะให้ไปขอเงินบ้านนั้นหรือไง” นี่ถ้าไม่ติดว่า เหลือใครคบเป็นเพื่อนนอกจากสองคนกันเองนี่แล้ว คงจะต้องขอตบกะโหลกโง่ ๆ ทึ่ม ๆ ของเพื่อนสักที “ไอ้ผู้ชายที่อยู่บ้านนั้น มึงก็เคยเห็น ที่มีรอยสักเยอะ ๆ มันอยู่กับเมีย และก็มีหมาตัวใหญ่ ๆ อีกตัว” เพื่อนพูดมาแบบนี้ ก็พอจะเข้าเค้าจำได้แล้วเหมือนกัน

“มึงคิดว่ารอยสักนั่น มันได้มาจากไหนล่ะ” เพื่อนทำท่าดีดลูกคิดรางแก้ว ว่างานนี้มีแต่ได้กับได้ใส ๆ “จริงดิ” ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็เอนเอียงคล้อยตาม “มึงคิดว่า พวกขี้คุก หลังพ้นโทษออกมาจากเรือนจำแล้ว มันหยุดสิ่งที่ทำให้มันต้องติดคุกตั้งแต่แรกได้หรือวะ” พูดมาถึงตรงนี้ ทั้งสองคนก็ยิ้มกว้างให้กัน อย่างวาดฝัน

“มึงกับกูน่ะ พยายามเลิกไอ้ยานรกนี่กันมากี่ครั้งแล้ว” ถามเพื่อนออกไปอย่างต้องการคำตอบ “นับไม่ถ้วน กูเลิกนับไปแล้ว กูเลิกคิดจะเลิกแล้วด้วย” ตอบกลับเพื่อนไปตามความเป็นจริง “เห็นมั้ย มึงกับกูยังทำไม่ได้ แต่ไอ้นี่ แม่งค้าเลยนะเว้ย แม่งเดินยาให้กับตัวใหญ่ มันต้องแอบเอามาไซด์ขายเองด้วยแหละ เงินดีจะตายห่า มึงกับกูหาเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอซื้อ” เป็นไปตามนั้น ยิ่งเสพก็ยิ่งต้องหาเงินมาซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“แล้วจะปล้นมันยังไงวะ” คำถามนี้เหมือนถูกคิดเอาไว้ในหัวแล้ว “ก็อย่าให้มันรู้ตัว ไอ้นี่แม่งรักแม่มันจะกลับมาจากบ้านแม่มันประจำ เช้าตรู่เฉพาะวันนั้น มึงกับกูใช้ความรุนแรง ดุดัน เด็ดขาด มันมีเมีย มันต้องห่วงเมียมัน นั่นคือจุดอ่อนที่ทำให้เราสองคนเป็นต่อมันอย่างแน่นอน” พยักหน้าให้กับความรอบคอบของเพื่อน

“เฮ้ย แล้วหมาล่ะ หมามันตัวใหญ่ฉิบหาย แม่งน่ากลัวนะมึง” ยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเอื้อมไปเปิดลิ้นชัก “ยังจะกลัวแม่งอยู่อีกหรือวะ” ปืน Caliber ขนาด .22 ถูกวางไว้บนโต๊ะตรงหน้า “ขัดขืนก็แค่เหนี่ยวแม่งให้หมด เอาแม่งให้หมดยกครัว แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” สองคนพอใจกับแผนที่ในหัวคิดว่า มันถูกจัดวางอย่างเนี้ยบที่สุด

“มึงคิดดู ยาที่แม่งต้องตุนเก็บเอาไว้ที่บ้าน คงมีจำนวนไม่น้อย มึงกับกูแบ่งเอามาใช้ส่วนหนึ่ง แล้วก็เอาอีกส่วนที่เหลือไปขาย ตั้งราคาเอาเลย เอาให้ใกล้เคียงกับพวกที่ติดตลาด ทีงี้ มึงเอ๊ย รวยตายห่า ได้เงินมามึงกับกูจะได้ไปให้พ้น ๆ จากไอ้ชีวิตโกโรโกโสนี่สักที จะได้มีเงินกินเที่ยว” พูดไปก็ทำหน้าทำตาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไป

หญิงที่แม่งขอเอาหน่อยแล้วแม่งไม่ให้ ทีนี้ล่ะ พวกมันมีแต่จะแบให้ไม่เว้นวัน มึงกับกูพอมีเงิน ก็เอาไปต่อเงิน มีทุนซื้อมาขายเพิ่ม มันจะไม่รวยไปได้ยังไงวะ เพียงแต่ต้องลงแรงเอายาจากไอ้ขี้คุกนี่ มาเป็นสารตั้งต้นชีวิตอันแสนสุขก่อน” ความเคลิบเคลิ้มที่เป็นวิมานอยู่ในอากาศ ทำให้ทั้งสองคนกระหยิ่มยิ้มย่อง มองเห็นชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เพียงแค่ต้องลงมือทันทีเท่านั้น

“กูดีใจนะ ที่มึงมีชีวิตใหม่ เดินหันหลังให้กับมัน และทำทุกวันให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป” หนึ่งในอดีตผู้คุมที่เคยปกครองกบ ตอนที่เขาอยู่ข้างใน ตบบ่าแสดงความยินดี “ขอบคุณครับนาย” กบยกมือไหว้ขอบคุณในน้ำใจที่ผู้คุมท่านนี้ หวังดีกับเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกันยังไง มาวันนี้ ก็ยังอยากมองเห็นกบใช้ชีวิตให้ดีต่อไปอย่างนั้น

“มันติดน่ะครับนาย” กบหัวเราะเบา ๆ เมื่ออดีตผู้คุมบอกว่า “อยู่ข้างนอกนี่ มึงกับกูก็เท่ากัน” กบน้ำตาซึมกับคำพูดของอดีตผู้คุม ใช่แล้ว ตอนอยู่ในนั้น เขาเป็นแค่คนคุก ส่วนผู้คุมก็คือคนออกคำสั่งให้กบทำตาม แต่มาตอนนี้ เมื่อกบได้คืนอิสรภาพของตัวเองกลับมา คำว่าผู้คุมกับนักโทษก็ไม่มีสถานะนั้นต่อกันอีกต่อไป

“แต่ให้ผมเรียกเถอะครับนาย เพราะนายมีบุญคุณกับผมท่วมหัว” กบยังจำได้ดี ว่าคือผู้คุมท่านนี้ ที่แนะนำให้กบไปฝึกเรียนกีตาร์ที่ทางกรมราชทัณฑ์เปิดสอนให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อให้เป็นความรู้ติดตัว เอาไว้ใช้เมื่อตอนพ้นโทษ กบไม่ได้คิดอะไรในตอนนั้น แค่อยากหาอะไรทำแก้เบื่อ จนมาตอนนี้ หนี้บุญคุณก็ตามใช้กันไม่หมดในความคิดของกบ

“วันก่อนเจอนาย นายฝากความคิดถึงมาด้วย” กบเล่าให้แฟนของเขาฟัง หลังจากยื่นเงินที่หามาได้ทันกับเดดไลน์ให้กับแฟนไป “ฉันอยากพบนายสักครั้ง อยากกราบขอบคุณสักหน” แฟนของกบพูดยิ้มให้ พลางใช้คลิปหนีบกระดาษแยกจำนวนเงินเอาไว้กับบิลเรียกเก็บเงินต่าง ๆ ที่ยังค้างจ่าย

“นายสัญญาว่า ถ้ามีใครที่รู้จัก อยากให้ลูกหลานเรียนกีตาร์ นายจะช่วยแนะนำพี่ให้ นายออกปากเองแบบนี้ พี่ทำถวายหัวเลย จะสอนให้ดีที่สุด ให้สมกับที่นายไว้ใจ” กบรู้สึกตื้นตันใจทุกครั้งที่คิดถึงสิ่งดี ๆ ในชีวิตที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นกับเขา และทำให้กบนั้นมีความหวัง ที่จะพาให้ตัวเองและแฟน สามารถก่อร่างสร้างตัวไปด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่ง

“พี่อยู่ไหน ฉันก็อยู่กับพี่ด้วย ทุกที่” กบมีความสุขที่สุด ที่มีแฟนสาวคอยเคียงข้างอย่างนี้ ยังไงเสยเขาก็ไม่หวาดหวั่น หากแม้ว่าหนทางข้างหน้า มันจะต้องเจออุปสรรคขวากหนามใด ๆ เขาพร้อมที่จะตั้งต้นชีวิตไปด้วยกันกับแฟน “ฉันดีใจกับพี่ด้วยนะ พี่กบ” กบชอบเหลือเกิน เวลาเห็นแฟนของเขายิ้มออกมาด้วยความสุขใจแบบนี้

“บางที พี่อาจจะต้องดีใจกับฉันด้วยเหมือนกันนะ” กบยิ้ม ถามแฟนว่าเรื่องอะไร แฟนของกบคิดถึงเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องของเธอ สามเดือนแล้วนะ เธอเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน บอกกับว่าที่คนเป็นย่าไปแล้ว แต่ขอให้อย่าเพิ่งบอกกับกบ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดแฟนของเธอ วันเกิดของกบ เธอก็เลยอยากจะเซอร์ไพรซ์ มอบเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่พ่อของลูกของเธอ คิดมาถึงตรงนั้น ประตูหน้าบ้านก็ถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง พร้อมเสียงตะโกนทำให้อะไรต่าง ๆ เอะอะโกลาหลไปหมด

********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

The Crying Game - Boy George

https://www.youtube.com/watch?v=-EPGhjxm0G0


I know all there is to know about the crying game

ฉันรู้ดี ว่าเรื่องราวปกปิดซ่อนเร้นใครก็อยากจะรู้

I've had my share of the crying game

ฉันเองก็มีความลับ ซ่อนเอาไว้อยากจะเล่าเหมือนกัน

First there are kisses

เริ่มจากรอบจูบทั้งหลายนั้น

Then there are sighs

และตามมาด้วยอาการทอดถอนใจ

And then, before you know where you are

และเมื่อนั้น กว่าจะรู้ว่าตัวเราอยู่ตรงไหน

You're sayin' goodbye

คำร่ำลาก็เผยตัวออกมาตรงหน้า


One day soon, I'm gonna tell the moon

วันหนึ่ง วันใด ฉันจะเอ่ยคำนี้กับพระจันทร์

About the crying game

เกี่ยวกับความลับพิศวงนี้

And if he knows, maybe he'll explain

และหากว่าเขาจะรับรู้ เขาจะอยากอธิบายมัน

Why there are heartaches (heartaches)

ทำไมจึงมีแต่เรื่องราวความเจ็บปวดใจ

Why there are tears (so sad)

ทำไมถึงมีแต่น้ำตา ที่พกพาแค่ความเศร้า

Then what to do to stop feeling blue

แล้วทำอย่างไรเล่าที่จะหยุดยั้งความหมองหม่น

When love disappears

เมื่อความรักจางหายมลายไป


First there are kisses

เริ่มจากรอบจูบทั้งหลายนั้น

Then there are sighs

และตามมาด้วยอาการทอดถอนใจ

And then, before you know where you are

และเมื่อนั้น กว่าจะรู้ว่าตัวเราอยู่ตรงไหน

You're sayin' goodbye

คำร่ำลาก็เผยตัวออกมาตรงหน้า


Don't want no more of the crying game (don't want no more)

ไม่เอาอีกต่อไปแล้วความลับเช่นนี้

Don't want no more of the crying game (don't want no more)

ไม่เอาแล้วกับความพิศวงในใจ

Don't want no more of the crying game (don't want no more)

ไม่เอาแล้วความปิดบังซ่อนเร้น

Don't want no more of the crying game

ไม่เอาอีกต่อไปกับความมืดมนในจิตใจคน
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๖. One Way _ 9.15.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 15-09-2023 21:50:04


Crime and Love Scene Investigation

๔๖. One Way


“เป็นที่กูเอง ที่เลี้ยงให้มึงเป็นคนดีอย่างคนอื่นเขาไม่ได้” กบน้ำตาคลอที่ได้ยินแม่ตัดพ้อออกมาแบบนั้น จริงอยู่ที่แม่เลี้ยงเขามา ไม่เคยมีคำชมให้ใจชุ่มชื่น ไม่มีการกอดถ่ายทอดความอบอุ่น ไม่มีการหอมที่แสดงถึงความรักให้กัน มันคือภาพแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก คือสิ่งที่กบไม่เคยได้รับจากแม่เลย แม้ว่าเขาจะอยากได้มากแค่ไหนก็ตาม

แต่แม่เป็นคนทำงานหนักมาตั้งแต่กบจำความได้ แม่ไม่เคยเกี่ยงงาน ไม่เคยปริปากบ่นให้กบได้ยิน มีหลายครั้งในช่วงชีวิตที่กบเติบโตขึ้น ที่ต้องเห็นแม่ทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน แม่ออกจากบ้านแต่เช้ามืดแล้วกลับเข้าบ้านมาเมื่อค่ำแล้ว ซึ่งหลายครั้งแม่ถึงบ้านหลังจากที่กบเข้านอนแล้วด้วยซ้ำ

“ฉันอยากให้แม่ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป” กบบอกกับแม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อคำพิพากษาฎีกาตกลงมาถึงแล้ว “มึงติดกี่ปี มึงคิดว่ากูจะสบายขึ้นยังไง กับเวลาที่มึงอยู่ในนั้น กูอาจจะตายก่อนที่มึงจะพ้นโทษ มึงขอพัศดีเขาออกมาเผาผีกูด้วยแล้วกัน เวรกรรมมันมาตกอยู่กับกู ที่ลูกกูได้ทำลายชีวิตลูกคนอื่นเขาเอาไว้” กบก้มกราบจับเท้าทั้งสองข้างของแม่เอาไว้ กลั้นน้ำตาไม่ไหว สะอื้นไห้ด้วยหัวใจที่ทุกข์ทน ที่ทำให้แม่ของเขาต้องเสียใจ

กบตกใจสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ ๆ ประตูบ้านของเขาก็ถูกพังเข้ามา มีชายสองคนถือปืนส่ายไปมาอยู่หน้าเขากับแฟนอย่างน่าหวาดเสียว ตะโกนข่มขู่และบอกต้องการของให้รีบส่งให้พวกมันแต่โดยดี ก่อนที่กบจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด หนึ่งในนั้นมันยิงเข้าใส่เจ้ายักษ์ที่กำลังวิ่งใส่พวกมัน เสียงร้องของสุนัขตัวใหญ่ดังลั่น กบกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไป

“ของอยู่ไหน เอามาให้พวกกูเร็ว เดี๋ยวนี้ ของล่ะ ของอยู่ไหน มันสองคนพูดวนแต่ประโยคซ้ำ ๆ แบบนี้ มันบอกว่าอย่างกบนั้น ต้องมีเก็บไว้กับตัวรอปล่อยไม่ต่ำกว่าสิบกิโลแน่นอน “พวกมึงพูดเรื่องอะไร กูไม่มีของอะไรทั้งนั้น” กบตอบไปตามความจริง เขาไม่ได้เดินเส้นทางเดินอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าคนเก่า ๆ ที่กบเคยรู้จัก จะติดต่อเขามาไม่เว้นวันก็ตาม

“มึงออกมาแล้ว แทนที่มึงจะคิดหาทางไปต่อให้กับชีวิต แต่นี่อะไร มึงเสือกไปสักไอ้รอยบ้า ๆ ห่าอะไรนี่จนเต็มตัวไปหมด” กบแม้ว่าจะเบื่อที่แม่ไม่เคยพยายามทำความเข้าใจกับความชอบที่เขามีเลย ว่ารอยสักพวกนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับตัวตนของเขา มันคือความสวยงามที่เขาเลือกเอามาประดับร่างกายเท่านั้นเอง

“แม่มันก็เหมือนกับเสื้อผ้า ฉันก็ว่ามันสวยดี ก็แค่นั้น” กบพูดบอกแม่ไปหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายก็ลงอีหรอบเดิม คือแม่มองเขาด้วยสายตาที่เหมือนกับไม่รู้จักกัน “เสื้อผ้า” แม่พูดแค่นลมหายใจออกมา เขารู้เลย ว่ายังไงแม่ก็ไม่ยอมรับอะไรแบบนี้ในเร็ววันอย่างที่เขาหวังใจไว้

“ถ้ามึงไม่ได้เป็นพวกค้ายา ไม่ได้ติดคุก เป็นไอ้คนคุก ขี้คุกติดตะรางหัวโต ใช่ กูอาจจะคล้อยตามมึงก็ได้” กบมองหน้าแม่เพราะคำพูดนี้ เหมือนกับเขากำลังถูกค้อนปอนด์ทุบเข้าให้ที่กลางศีรษะ “แต่มึงมันไม่ใช่ ไอ้กบ มึงมีชนักปักอยู่กลางหลัง แต่มึงเสือกตอกย้ำความเชื่อของคนให้มันชัดเจนเข้าไปอีก ว่าคนอย่างมึงเป็นอะไรไม่ได้อีก นอกจากไอ้พวกขายยา” กบกะพริบตาถี่ ๆ พยายามไล่ความร้อนผะผ่าวนั้นให้เลือนหายไป แต่ทำไมมันช่างยากเหลือเกิน

“แม่ คนเรามันจะไม่ให้โอกาสกันเลยอย่างนั้นหรือ ฉันออกจากคุกมา ด้วยความคิดที่ว่าฉันกลับตัว ฉันจะทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น แม้ว่ามันจะยากมากแค่ไหน รอยสักพวกนี้ฉันก็ใช่ว่าฉันได้มันมาตอนอยู่ในคุกเสียเมื่อไหร่” กบพูดออกไปพยายามห้ามเสียงไม่ให้สั่นเครือ “ฉันจะสอนกีตาร์เด็ก ๆ ให้เขาใช้เวลาห่างไกลไอ้ยาเหล่านี้ ฉันจะกลับตัวเป็นคนดี ฉันไม่เอาแล้วขายยาอะไรนี่” กบประกาศ ลั่นปณิธานที่ตั้งเอาไว้ในใจออกไป

“มึงอย่าตอแหลกู คนอย่างมึงเนี่ยนะ จะเลิกทำสิ่งที่ได้เงินง่ายที่สุดแล้ว” กบถึงกับอึ้ง ที่ได้ยินพวกขี้ยามันดูถูกเอา นับประสาอะไรกับคนอื่นที่เขาไม่ได้หลงผิดคิดชั่วแบบเขา จะคิดดูแคลนคนที่ผ่านคุกผ่านตารางมาอย่างเขา “ถ้ามึงไม่เอาของมาให้พวกกู อีนี่ตาย” หนึ่งในสองคนของคู่ซี้ขี้ยา หันกระบอกปืนไปทางแฟนสาวของกบ ที่ตกใจร้องไห้ออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก

“อย่าทำอะไรเมียกู” กบตะโกนดังลั่น แฟนของกบน้ำตาไหลพรากไปด้วยความกลัว “อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันไหว้ล่ะ ฉันกำลังท้องอยู่” เหมือนเสียงดังกึกก้องกัมปนาท เป็นดั่งสายฟ้าฟาดเข้าใส่ที่กลางใจของกบ เมื่อไอ้คนที่ส่องปากกระบอกปืนไปที่แฟนของกบ ลั่นไกปืนออกไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจ กระสุนฝังเข้ากลางอกของหญิงสาว เธอล้มพับแน่นิ่งลงไปบนเตียงนอน กบร้องตะโกนออกมาอย่างโหยหวนด้วยความเจ็บปวดใจอย่างที่สุด

“มึงเอายามาให้กูเร็ว ๆ เข้า บอกมาว่ามึงซ่อนของเอาที่ไหน เร็ว ๆ เข้าสิวะ มึงอยากตายตามอีนั่นไปอีกคนหรือยังไง เร็วเข้า เอาของมา” อีกคนกดปากกระบอกปืนใส่หัวของกบ ที่ตอนนี้สายตาของเขา จับจ้องไปที่ร่างไร้วิญญาณของแม่ของลูกเขา ผ่านม่านน้ำตาที่ทำให้ทุกอย่างเลือนราง ทุกอย่างถูกพรากไปจากเขา ทั้งแฟนสาวผู้ที่เข้าใจกบมากที่สุด รวมถึงลูกน้อยที่ไม่มีโอกาสได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก ลูกที่พ่อคนนี้ไม่มีโอกาสได้อุ้มเอาไว้แนบอก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พ่อ แต่กบก็คิดเอาไว้เสมอ ว่าถ้าวันหนึ่งเขาได้เป็น เขาจะทำหน้าที่พ่อให้กับลูกอย่างดีที่สุด

มือของแม่กบสั่นเทิ้ม เมื่อพยายามใช้ไฟแช็กจุดธูปหนึ่งดอกที่ถืออยู่ในมือ แม่พยายามแข็งใจทำมันตามที่เจ้าหน้าที่บอก เมื่อจุดธูปได้แล้ว ก็ปักลงไปที่กระถาง เพื่อเตรียมตัวรับร่างของลูกชายกลับไปบำเพ็ญพิธีทางศาสนาที่บ้าน บรรยากาศมันทั้งหดหู่และทั้งเงียบเหงา ไม่มีใครเลย ณ ที่ตรงนี้ นอกจากแม่และเจ้าหน้าที่ ที่รอขับรถพาร่างของกบไปส่งให้ที่วัด

แม่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ฟังที่เจ้าหน้าที่บอกอย่างเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจเสียส่วนใหญ่ หลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ต้องบอกกับแม่อยู่หลายหน กว่าที่แม่จะทำถูก กว่าที่แม่จะเข้าใจขั้นตอน ใจของแม่คอยแต่กระหวัดไปคิดถึงหน้าของกบ ลูกชายของแม่ ที่ตั้งแต่กบยังเด็ก แม่ตั้งใจเลี้ยงกบให้พึ่งพาตัวเองได้ และไม่เป็นภาระแก่ใคร

“กล กับบ้านกลับแม่นะ” แม่ได้ยินเสียงของตัวเองพูดออกไป แต่มันกลับฟังดูเหมือนไม่ใช่เสียงแม่ หรืออาจจะเป็นเพราะถ้าเลือกได้ แม่ก็ไม่อยากจะเป็นแม่ที่ต้องเสียลูกชายไปด้วยเหตุผลนี้ “ขึ้นรถนะลูก” แม่พูดด้วยเสียงเครือจนแทบไม่เป็นคำ ปากคอสั่นเทิ้มไปหมด มองดูโลกศพสองใบที่หลังรถของเจ้าหน้าที่ ขาทั้งสองของแม่แทบอ่อนแรง เมื่อพยายามจะก้าวขึ้นไปบนนั้น

“เอ็งด้วย กลับไปด้วยกันกับผัวเอ็งนี่แหละ” แม่บอกกับแฟนของลูกชาย “พาลูกเอ็งไปด้วย หลานข้า ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ” แม่ทนกล้ำกลืนเอาไว้ไม่ไหว น้ำตาที่ไหนก็ไม่รู้ไหลลงอาบสองแก้มของแม่ สงสารทั้งแฟนลูกชายและหลาน เมื่อไม่มีญาติของฝั่งผู้หญิงโผล่มาเลยสักคน แม่เลยบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า แม่รับทั้งสามกลับไปพร้อมกับแม่เอง

แวบนั้น ภาพใบหน้าของแม่ผ่านเข้ามาให้กบได้เห็น และอยู่ในความคิดของเขา เมื่อไอ้สองคนนี่ มันเอาปากปืนทั้งสองกระบอก กดลงที่หน้าผากของเขา ตะโกนใส่หน้าให้กบเอายามาให้พวกมัน เมื่อพวกมันนั้นรื้อข้าวของทั่วทั้งบ้านจนกระจุยกระจาย แต่ก็ยังไม่พบสิ่งที่พวกมันต้องการ

“กูไม่มี กูไม่มียาอะไรให้พวกมึงทั้งนั้น มึงฆ่าเมียกับลูกกู ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์” เสียงตะโกนดังลั่นของกบ ทำให้เจ้ายักษ์ที่ล้มแน่นิ่งอยู่กับพื้นก่อนหน้านี้ เริ่มขยับตัว “เอาไงดีวะหรือว่ามันจะไม่มีจริง ๆ อย่างที่มันพูด” กบเห็นไอ้สองคนมันหันหน้าไปคุยกัน เสียงเจ้ายักษ์ขยับตัว กบคิดหาวิธีการอยู่ในหัว

“แล้วจะเอายังไง ถ้ามันไม่มีจริง ๆ อีนั่นแม่งก็ตายไปแล้ว” กบต้องรีบแล้ว เขาบอกตัวเอง มันจะต้องรวดเร็วและได้ผล ถ้าเขาคิดจะลงมือในตอนนี้ เชือกที่พวกมันเอามามัดข้อมือของเขา กบขยับจนมันคลายออก เขาคิดว่าเขาสามารถจัดการไอ้คนผอมกว่านั่นได้ ก่อนจะหันไปเล่นงานอีกคนหลังจากนั้น

“อย่าให้มันรอด” เหมือนคำตัดสินให้ต้องหมดเวลาของเขา กบต้องลงมือแล้วในตอนนี้ “เจ้ายักษ์” กบตะโกนเรียกสุนัขของเขา และเหมือนว่าเจ้ายักษ์จะรู้ความต้องการของเขา มันลุกขึ้นและตรงเข้าใส่ไอ้สองคนนั่น กะจะขย้ำเขี้ยวใส่พวกมัน เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด เมื่อเจ้ายักษ์กระโจนเข้าใส่พวกมันจนเกือบถึงตัวแล้ว รอยเลือดกระเซ็นจากปากแผลขอเข้ายักษ์เข้าใส่แขนเสื้อนอกของหนึ่งในนั้น

ยังไม่ทันที่กบจะลุกขึ้นจากท่าคุกเข่า หนึ่งในไอ้สองคนนั้น ก็สาวเท้าเดินมึงตัวเขาเสียก่อน มันไม่รีรออะไรอีก มันลั่นไกใส่กบอย่างไม่ปรานีปราศรัย ร่างของกบล้มแน่นิ่งไปกับพื้นบ้าน เลือดไหลนองจนทั่วไปหมด มันสองคนออกจากบ้านไป ตอนนี้ทุกอย่างกลับมานิ่งสนิทและเงียบงันอีกครั้ง

แม่จมอยู่กับความเศร้า ได้แต่เอารูปภาพเก่า ๆ ที่เคยถ่ายเอาไว้เมื่อครั้งที่กบยังเป็นเด็กอยู่ออกมาเปิดดู แม่มีทั้งรอยยิ้ม สลับกับเสียงหัวเราะ ที่เคล้าไปด้วยน้ำตา ภาพไหนที่แม่ไม่ได้เห็นนานแล้วนานจนลืมไปแล้วว่าลูกชายของแม่ นั้นน่ารักแค่ไหน แม่ก็จะหยุดดูรูปนั้น ใช้มือลูบไปบนรูปนั้นของกบเนิ่นนาน ด้วยความคิดถึงลูกชายใจจะขาด

“แม่ผิดเอง แม่เลี้ยงแกได้ไม่ดีพอ” แม่ยังคงเฝ้าแต่โทษตัวเอง เมื่อสุดท้ายแล้ว สิ่งที่แม่คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว มันกลับยังดีไม่พอ ที่จะช่วยให้ลูกชายของแม่พ้นไปตลอดรอดฝั่ง หรืออย่างน้อย ชีวิตหลังได้รับการอภัยของกบ จะทำช่วยให้แม่ลดทอนความเสียใจที่แม่มีมาตลอด ที่ไม่สามารถให้ลูกได้มากเท่าแม่คนอื่น

บ้านของแม่เงียบเหงากว่าเดิม มันมีเพียงรูปถ่ายของกบกับแฟนมาติดเพิ่มบนข้างฝาบ้านเท่านั้น ของเล่นเด็กสองสามชิ้น แม่ซื้อมันมาวางกอง ๆ เอาไว้ ให้เหมือนกับว่ามีหลานเพิ่งเล่นของเล่นพวกนั้น และทิ้งเอาไว้จนรกบ้าน ให้แม่ที่ตอนนี้กลายเป็นย่าคน ต้องมาตามเก็บ ตามบ่น แต่ว่ามันคือความสุขใจ อิ่มเอมใจ และแม่ก็เต็มใจทำให้ทุกครั้ง

แม่ค่อย ๆ ยันตัวขึ้นจากพื้นที่เรี่ยวแรงของแม่เองก็หดหายไปเยอะ ในมือของแม่มีอัลบั้มรูปของกบในวัยเด็ก แม่กำลังจะเดินเอาไปเก็บที่ชั้นวาง แม่กอดอัลบั้มรูปนั้นเอาไว้กับอก แม่ตัวโยนร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดอัลบั้มรูปนั้นแน่นขึ้น และแน่นขึ้น เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เป็นความทรงจำเกี่ยวกับกบที่เหลือทิ้งเอาไว้ให้กับแม่

***********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย Jay J

Streets Of Philadelphia

https://www.youtube.com/watch?v=SMOV1xjyS3U


I was bruised and battered

ฉันชอกช้ำและถูกซ้ำเติม

I couldn't tell what I felt

จนบอกไม่ถูกว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี

I was unrecognizable to myself

จนฉันเองก็แทบจะจำตัวเองไม่ได้

Saw my reflection in a window

เงาสะท้อนที่เห็นในกระจกนั้น

And didn't know my own face

ใบหน้าของฉันแต่กลับไม่คุ้นเคย

Oh brother are you gonna leave me wastin' away

จะว่าไป นี่ทุกคนจะทิ้งฉันเอาไว้ให้จบสิ้นแบบนี้จริงจริงหรือ

On the streets of Philadelphia?

บนถนนที่เงียบเหงาและเดียวดาย


I walked the avenue, 'til my legs felt like stone

ฉันเดินผ่านถนนมาไกล จนขานั้นปวดแทบทนไม่ไหว

I heard the voices of friends vanished and gone

เพื่อนที่เคยเห็นกันมาก็พากันหายหน้าหายตาและจากไป

At night I could hear the blood in my veins

ค่ำคืนได้แต่ได้ยินเสียงจังหวะเลือดข้างในมันสูบฉีด

Just as black and whispering as the rain

แต่มันก็จมดิ่งสู่ความมืดดำกับฝนที่พรำ

On the streets of Philadelphia

บนถนนที่เงียบเหงาและเดียวดาย


Ain't no angel gonna greet me

มันไม่มีเทวดาที่ไหนจะเสกสรรให้กับฉัน

It's just you and I my friend

มันคงเหลือแค่เพียงเราเท่านั้น

And my clothes don't fit me no more

เมื่อสิ่งที่ฉันคิดว่าดี มันกลับไม่เป็นไปอย่างใจ

A thousand miles just to slip this skin

อีกไกลแค่ไหนกว่าจะหลุดพ้นความผิดพลาดนี้ได้สักที


The night has fallen, I'm lyin' awake

ค่ำคืนทอดตัวกลับมาอีกแล้ว ฉันยังคงไม่หลับใหล

I can feel myself fading away

ฉันรู้สึกเหมือนกับตัวเองจะสลายลงทุกขณะ

So receive me brother with your faithless kiss

แต่อย่างน้อยรับฉันไปด้วย แม้ว่าจะไม่ต้องแสร้งทำให้ก็ตาม

Or will we leave each other alone like this

หรือเราจะทอดทิ้งกันให้ต่างคนต่างไปเช่นนี้

On the streets of Philadelphia?

บนถนนที่เงียบเหงาและเดียวดาย
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๗. Odds _ 9.19.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 19-09-2023 16:00:48

Crime and Love Scene Investigation

๔๗. Odds


“หลักฐานทางดีเอ็นเอที่เราได้มา ยืนยันได้อย่างแน่นอนครับ ว่าสามารถเอาผิดคนร้ายได้” ชนธัญพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แววตานั้นแสดงถึงความเชื่อมั่นที่มีของตัวเอง “แต่ไม่เคยมีคดีไหนเลย ที่ใช้ดีเอ็นเอของสัตว์เป็นหลักฐานในชั้นศาลมาก่อน” อัยการผู้ที่รับหน้าที่ในคดีนี้ ในการสั่งฟ้องตอบกลับมา

“หลักฐานที่จะนำเสนอขึ้นไปให้ท่านผู้พิพากษาพิจารณา จะต้องเป็นหลักฐานที่รอบคอบที่สุด คุณไปหาและเอาอันนั้นมาให้ผม” อัยการคนที่ได้ชื่อโจษจันว่า ทำงานร่วมด้วยยากที่สุด พูดตอบชนธัญกลับมา “เชื่อผมสิ ผมทำหน้าที่ตรงนี้มานาน อะไรเป็นอะไรผมย่อมรู้ดีที่สุด” มองกลับมาที่ชนธัญอย่างไม่ให้ความสำคัญนัก

“ผลตรวจดีเอ็นเอนี่แหละครับ ที่หนักแน่นที่สุดแล้ว มันทำให้ผู้ต้องหาดิ้นไม่หลุด พวกเขาทั้งสองคนอธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าทำไมเสื้อผ้าของพวกเขาถึงมีรอยเลือดที่ตรงกับดีเอ็นเอสุนัขของผู้ตาย ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นจริง ไม่มีอะไรบ่งชี้สถานที่ที่พวกนั้นอยู่ ได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว” ชนธัญยังคงยืนยันหนักแน่น

“คุณจะให้ศาลตัดสินคดีของคน จากเลือดของหมาเนี่ยนะ” อัยการพูดออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “นั่นมันหมานะคุณ รอยเลือดนั่นเขาจะไปเปรอะมันมาจากไหนก็ได้” อัยการบอกกับชนธัญพลางหัวเราะอยู่ในลำคอ “แต่วิธีการที่ใช้ตรวจหาดีเอ็นเอของสุนัข ไม่ได้แตกต่างกันเลยกับในมนุษย์นะครับ” ชนธัญคิดว่าอัยการต้องรู้และศึกษากรณีนี้เพิ่มเติม

“เพียงแต่ใช้ Marker เพื่อยืนยันผลมันคนละตัวกันแค่นั้นเอง แต่วิธีการแทบจะไม่แตกต่างกันเลย” ชนธัญส่งต่อข้อมูลที่ได้รับมาจากด็อคเตอร์ดรุณีให้ถึงอัยการ “ถ้าจะให้พูดตรง ๆ เจ้ายักษ์คือพยานรู้เห็นที่เหลืออยู่ เพียงตัวเดียวของเรานะครับ” ชนธัญรู้ว่ามันฟังดูแปลกประหลาด แต่นี่มันไม่ได้ตลกเลยสักนิดเดียว

“มันเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้น มันอยู่ในเหตุการณ์ฆาตกรรม มันสู้ทนกับความเจ็บปวดที่มันถูกยิงถึงสองนัด เพื่อมอบหลักฐานว่า ใครกันที่เป็นคนฆ่าเจ้านายของมันทั้งสองคน และมันก็ได้มอบสิ่งที่จะช่วยเราปิดคดีนี้ลงได้อย่างสมบูรณ์ วางอยู่ตรงหน้าเรา ยื่นมาใส่ในมือเราแล้วนะครับ” ชนธัญนั้นต้องการที่จะทำทุกทาง เพื่อให้คนร้ายได้รับโทษตามกฎหมาย

“มันไม่ได้หมายความว่า ผมอยากให้สองคนนี้หลุดรอดเงื้อมมือของกฎหมายไปนะ” อัยการรีบพูดทันที หากว่าชนธัญจะเข้าใจเจตนาของเขาผิด “ในทางปฏิบัติแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่เรื่องที่คุณว่ามานี้จะเกิดขึ้นได้ ผมถึงได้ร้องขอให้คุณเอาหลักฐานอย่างอื่นมาเพิ่มเติม” อัยการยังยืนยันว่า หลักฐานที่จะประกอบในสำนวนต้องแน่นหนามากจริง ๆ

“เราลองดูได้มั้ยครับ แทบเป็นไปไม่ได้มันฟังดูหมดทางก็จริง แต่หากมันจะพลิกกลับมาได้ สักแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ผมก็อยากจะขอให้ท่านอัยการลองดู” ชนธัญจดจำแววตาของเจ้ายักษ์ที่มันมองมาที่เขาก่อนมันเข้าห้องผ่าตัดได้ดี “ลองยื่นเสนอให้ท่านผู้พิพากษารับไว้พิจารณา” ชนธัญไม่อยากให้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ชิ้นนี้สูญเปล่าไป เพราะโอกาสในการเอาผิดคนร้าย ชนธัญเชื่อเหลือเกินว่า สองคนนั้นไม่รอดแน่

“ใช่ว่าเราจะขอให้ท่านจับเจ้ายักษ์ขึ้นให้การในฐานะพยานเสียเมื่อไหร่กัน” สารวัตรรัฐนนท์พูดขึ้น หลังจากปล่อยให้ชนธัญได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา อัยการหันมามองทางสารวัตรหนุ่มหล่อ “เรารู้ครับ ว่าเจ้ายักษ์มันพูดไม่ได้ แต่นี่คือวิธีพิเศษที่มันกำลังพูดบอกเรา ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น มันกำลังสื่อสารกับเราโดยตรง ว่าคนร้ายเป็นใคร” สารวัตรรัฐนนท์ก็คิดว่า ไม่ลองก็ไม่รู้

“ถ้าท่านผู้พิพากษาเห็นชอบ คดีนี้ก็น่าจะปิดลงได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าท่านใช้ดุลยพินิจเป็นอย่างอื่น อย่างน้อยหลักฐานชิ้นนี้ก็ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างดีที่สุดแล้ว ถึงตอนนั้น เราค่อยว่ากันอีกที ว่าจะเอายังไง” ในฐานะของนายตำรวจที่สืบเรื่องนี้ สารวัตรรัฐนนท์เห็นด้วยกับชนธัญ ที่อัยการไม่ควรทิ้งโอกาสนี้ไปเสีย

“เรามีคนที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับท่านอัยการ เพื่อที่ว่าจะได้เปิดประเด็นกับทางศาลเรื่องหลักฐานชิ้นนี้อย่างเข้าใจมากยิ่งขึ้น ผมเอง คุณหมอดรุณี และก็ด็อคเตอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจดีเอ็นเอสัตว์ ที่ท่านเชี่ยวชาญในด้านนี้ เพราะท่านช่วยตรวจดีเอ็นเอให้กับงานประกวดสุนัขพันธุ์มาหลายปี” ชนธัญอธิบายให้กับอัยการที่ตอนนี้ ดูตั้งใจฟังเขามากยิ่งขึ้น

“คือการประกวดสุนัขพันธุ์ พอมีเงินรางวัลเยอะ พวกขี้โกงก็จะปรากฏขึ้น มีพวกที่ขายลูกสุนัขพันธุ์ผสม แต่หลอกว่าเป็นสุนัขพันธุ์ ทำให้คนหลงเชื่อซื้อกลับไปเลี้ยง เพื่อจะมาประกวดชิงรางวัลอีกที แต่ปรากฏว่า พอจับสุนัขตรวจดีเอ็นเอแล้ว ก็ไม่ใช่อย่างที่คนขายกล่าวอ้างมา” อัยการก็เพิ่งทราบข้อมูลในเรื่องนี้ ว่าการประกวดสุนัขแบบนี้ มีเงินรางวัลที่สูงมาก ๆ

“การตรวจดีเอ็นเอ สามารถอ้างอิงจากงานระดับประเทศนี้ได้เลย ด็อคเตอร์เพื่อนของคุณหมอดรุณีที่ท่านอัยการก็รู้จักดี เป็นคนตรวจผลยืนยันว่า ไม่ใช่แค่เลือดของสุนัขเท่านั้น ที่อยู่บนเสื้อผ้าของคนร้าย ดีเอ็นเอก็ยืนยันว่า เป็นเลือดที่มาจากเจ้ายักษ์อย่างแน่นอน” ตอนที่ชนธัญฟังผลตรวจนี้จากหมอดุครั้งแรก เขาถึงกับกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ

“เอาหน่อยน่าท่านอัยการ” สารวัตรรัฐนนท์พูดคะยั้นคะยอ “ไม่เสียหายอะไรถ้าเราจะลองดู” สารวัตรหนุ่มยังคงยืนยันตามนั้น “ทำไมเราไม่ลองขยับบาร์ของเราที่มีให้สูงขึ้นไปอีก เพราะถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้จริง มันจะกลายเป็นเคสประวัติศาสตร์ได้เลยในทันที” สารวัตรรัฐนนท์พูดถึงสิ่งดีที่จะได้ต่อจากนี้

“ต่อไป คดีที่มีสัตว์เกี่ยวข้องด้วย ก็จะเป็นวิทยาศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง ที่เข้ามาช่วยในการแก้ไขคดีที่ติดขัดอยู่ได้เพิ่มขึ้นอีก” ชนธัญรีบขยายความเพิ่มเติม “รวมถึงมันจะช่วยหยุดการทำร้ายสัตว์ลงได้ ผมหวังว่านะ การทารุณสัตว์ การทำร้ายสัตว์แบบไม่มีเหตุผล มันอาจจะทำให้คนเรา คิดมากขึ้น ก่อนที่จะทำร้ายพวกมัน” สภาพของเจ้ายักษ์ที่ชนธัญเห็นในวันนั้น มันทำให้เขาอยากจะเป็นปากเป็นเสียงให้มันในเคสนี้อย่างมาก

“คุณสองคนเนี่ยนะ” อัยการส่ายหน้า มองชนธัญและสารวัตรรัฐนนท์สลับกันไปมา “เอาล่ะ” ท่านอัยการพูดขึ้น “ในฐานะที่ผมเป็นทนายของแผ่นดิน และผมเข้าใจดีว่า ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ที่ถูกทำร้ายหรือฆ่าตาย มันก็ไม่ดีทั้งนั้น” ท่านอัยการเป่าลมออกจากปากช้า ๆ เบา ๆ

“โอเค ผมจะทำเรื่องยื่นขอให้ผลตรวจดีเอ็นเอของเจ้ายักษ์ สุนัขที่ถูกยิงในเคสนี้ เป็นหลักฐานประกอบคดี เพื่อเอาผิดคนร้ายทั้งสองคน” ชนธัญยกมือไหว้ขอบคุณทานอัยการทันที โดยที่ผู้มีคุณวุฒิมากกว่าโบกมือห้ามเอาไว้ “อย่าเพิ่งดีใจไป โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า ถ้าผมโดนถูกท่านผู้พิพากษาตำหนิมา รับรองว่า ผมจะกลับมาเล่นงานคุณสองคนต่อแน่นอน” เดิมพันในครั้งนี้ เป็นอะไรที่ต้องลองดูกันสักตั้ง

สองสามวันหลังจากนั้น ชนธัญกับสารวัตรรัฐนนท์ ไปที่โรงพยาบาลสัตว์ที่เจ้ายักษ์รักษาตัวอยู่ มันเป็นเวลาไม่น้อยแล้ว หลังจากที่สัตวแพทย์ทำการผ่าหัวกระสุนออกจากหัวไหล่และสะเก็ดที่ยังอยู่ในลำคอ แม้ว่าบาดแผลจะเป็นแบบทะลุก็ตาม เจ้ายักษ์เองก็ยังอาการไม่สู้ดีนัก

“ไงเรา” ชนธัญเอ่ยทักทายสุนัขตัวใหญ่ที่นอนอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือและสายให้เลือดห้อยอยู่ “เจ้ายักษ์” ชนธัญเรียกชื่อมัน เหมือนมันจะพยายามผงกหัวขึ้นทักทายตอบ “ไม่เป็นไร” ชนธัญบอกกับมันด้วยเสียงที่อ่อนโยน เมื่อเห็นว่ามันยังทำแบบนั้นไม่ไหว เพราะพอเจ้ายักษ์จะขยับตัว มันก็ร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด

“เดี๋ยวก็หายแล้ว” สารวัตรรัฐนนท์มองชนธัญลูบหัว พลางพูดปลอบประโลมเจ้าสุนัขตัวใหญ่ แล้วก็อดยิ้มออกมาน้อย ๆ ไม่ได้ มันเป็นภาพที่เขาชอบใจที่ได้เห็น “แต่แกต้องกินอะไรบ้างนะ แกต้องสู้เพื่อตัวเองด้วยเหมือนกัน” ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า เจ้ายักษ์นั้นถึงแม้ว่าจะอ่อนแอมาก แต่ก็ยังกินอะไรได้ไม่มากนัก เลยยังต้องให้น้ำเกลือเพื่อช่วยพยุงอาการ

“ช่วงนี้ฉันว่าง ฉันจะมาดูแกบ่อย ๆ ดีมั้ย” เจ้ายักษ์ส่ายตามองตามชนธัญ ที่ตอนนี้เอาเก้าอี้มาวางไกล ๆ กับเจ้ายักษ์ นั่งลงแล้วลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู “ถ้าแกอยากจะทำเพื่อเจ้านายของแก” ชนธัญพูดกับเจ้ายักษ์ และดูราวกับว่า เจ้าสุนัขตัวใหญ่จะตั้งใจฟังเขาเป็นอย่างดี

“แกต้องกินอาหารเยอะ ๆ กินน้ำมาก ๆ เพื่อว่าแกจะได้มีแรง แกสู้มาถึงขั้นนี้แล้วนะ” ชนธัญรู้สึกถึงก้อนมวลอารมณ์แห่งความสงสาร แล่นขึ้นมาอัดแน่นอยู่ที่กลางอกของเขา เมื่อมองเห็นสภาพของเจ้ายักษ์ที่โอกาสรอด คุณหมอสัตวแพทย์ผู้ที่ทำการผ่าตัดเจ้ายักษ์เอง ยังไม่กล้าบอกออกมาชัด ๆ เพราะเจ้ายักษ์ดูเหมือนจะอ่อนแอลงทุกขณะ มันดูซึม และแทบจะไม่มีเรี่ยวแรง

เสียงโทรศัพท์มือถือของสารวัตรรัฐนนท์ดังขึ้น เขารีบกดรับสาย เมื่อที่หน้าจอแสดงชื่อว่าใครโทรมา สารวัตรรัฐนนท์กรอกเสียงทักทายลงไป ก่อนจะหยุดฟังในสิ่งที่ปลายสายอีกด้านหนึ่งบอกกับเขา สารวัตรรัฐนนท์พูดรับคำอีกฝั่งอยู่อีกสักพัก กล่าวขอบคุณกลับไป ก่อนจะกดวางสาย ก่อนจะหันมาพยักหน้ากับชนธัญที่มองอย่างรอคอยอยู่ก่อนแล้ว ชนธัญหันไปทางเจ้ายักษ์พร้อมรอยยิ้มกว้าง ด้วยความดีใจ

“เจ้ายักษ์ ผู้พิพากษายอมรับดีเอ็นเอของแกเป็นหลักฐานแล้วนะ” ชนธัญพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ ก่อนที่เขาและสารวัตรรัฐนนท์ จะเห็นเจ้ายักษ์เองนั้น กระดิกหางขึ้นลงไปมา เหมือนมันเองก็พูดว่า มันรับรู้แล้ว “แกต้องรีบหายนะ ต้องสู้ต่อไป สู้ให้ถึงที่สุด โอเคมั้ยเจ้ายักษ์ แกห้ามยอมแพ้นะ” สารวัตรรัฐนนท์ยิ้มบาง ๆ ที่ริมฝีปาก มองดูชนธัญลูบหัวลูบหางเจ้าสุนัขตัวใหญ่ ที่ดูมันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองในทางที่ดีขึ้นกว่าหลายวันที่ผ่านมา

***************************************************

คำแปลเนื้อ้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Hold It Against Me - Britney Spears

https://www.youtube.com/watch?v=IV6LAQdbHJU


Hey, over there

ไง ที่ตรงนั้น

Please, forgive me

ขอโทษทีนะ

If I'm comin' on too strong

หากว่าฉันจะเข้าหาคุณมากไป

Hate to stare

ไม่อยากจะจ้อง

But, you're winnin'

แต่คุณมันเร้าใจ

And they're playin' my favorite song

แถมยังเปิดเพลงรู้ใจไปอีก


So, come here

งั้น มาตรงนี้มา

A little closer

ใกล้เข้ามาอีกนิด

Wanna whisper in your ear

อยากจะกระซิบอะไรข้างหู

Make it clear

เอาให้มันชัด

A little question

คำถามง่ายง่าย

Wanna know just how you feel

อยากจะรู้ว่าคิดยังไงกัน


If I said my heart was beating loud

ถ้าฉันบอกว่าใจมันเต้นแรงตูมตาม

If we could escape the crowd somehow

หากว่าเราจะหลบจากผู้คนตรงนี้ไป

If I said I want your body now

ถ้าฉันจะพูดว่าอยากได้คุณตรงตรงตอนนี้

Would you hold it against me?

จะรังเกียจหรือว่าพูดว่าอะไรฉันมั้ย


'Cause, you feel like paradise

เพราะเมื่อคุณรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์

And I need a vacation tonight

และคืนนี้ก็น่าจะเป็นคืนปลดปล่อยกันหน่อย

So, if I said I want your body now

ถ้าฉันบอกจริงจังว่าอยากได้กัน

Would you hold it against me?

ยังจะว่าว่าฉันไม่ดีหรือเปล่า


Hey, you might think

ไง คุณอาจจะคิดว่า

That I'm crazy

ฉันมันบ้าสิ้นดี

But, you know I'm just your type

แต่คุณก็รู้ว่าคุณชอบอย่างฉันนี่แหละ

I might be

หรือฉันนั้นอาจ

Little hazy

จะเบลอเบลอบวมบวมสักหน่อย

But, you just cannot deny

แต่คุณจะบอกปัดกันได้ที่ไหน

There's a spark

เมื่อเราสองต้องใจ

In between us

อะไรอะไรระหว่างเรา

When we're dancin' on the floor

เมื่อเราแนบชิดบนฟลอร์เต้นรำ

I want more

ฉันเพิ่มความอยากมากขึ้น

Wanna see it

อยากจะเห็นแล้วสิ

So, I'm askin' you tonight

งั้นคืนนี้ฉันขอถามเลยนะว่า


If I said my heart was beating loud

ถ้าฉันบอกว่าใจมันเต้นแรงตูมตาม

If we could escape the crowd somehow

หากว่าเราจะหลบจากผู้คนตรงนี้ไป

If I said I want your body now

ถ้าฉันจะพูดว่าอยากได้คุณตรงตรงตอนนี้

Would you hold it against me?

จะรังเกียจหรือว่าพูดว่าอะไรฉันมั้ย

'Cause, you feel like paradise

เพราะเมื่อคุณรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์

And I need a vacation tonight

และคืนนี้ก็น่าจะเป็นคืนปลดปล่อยกันหน่อย

So, if I said I want your body now

ถ้าฉันบอกจริงจังว่าอยากได้กัน

Would you hold it against me?

ยังจะว่าว่าฉันไม่ดีหรือเปล่า


Give me somethin' good

ส่งมาเถอะอะไรดีดีที่คุณมี

Don't wanna wait

ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว

I want it now

อยากได้มันตอนนี้

Pop it like a hood

เปิดออกมาเลยให้รู้กัน

And show me how you work it out

แล้วทำให้ฉันดูหน่อยว่ามันเป็นยังไง


Alright

เอานะ

If I said my heart was beating loud

ถ้าฉันบอกว่าใจมันเต้นแรงตูมตาม

If we could escape the crowd somehow

หากว่าเราจะหลบจากผู้คนตรงนี้ไป

If I said I want your body now

ถ้าฉันจะพูดว่าอยากได้คุณตรงตรงตอนนี้

Would you hold it against me?

จะรังเกียจหรือว่าพูดว่าอะไรฉันมั้ย

'Cause, you feel like paradise

เพราะเมื่อคุณรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์

And I need a vacation tonight

และคืนนี้ก็น่าจะเป็นคืนปลดปล่อยกันหน่อย

So, if I said I want your body now

ถ้าฉันบอกจริงจังว่าอยากได้กัน

Would you hold it against me?

ยังจะว่าว่าฉันไม่ดีหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๘. Newlyweds _ 9.20.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 20-09-2023 22:05:11

Crime and Love Scene Investigation

๔๘. Newlyweds


“วันนี้เขามีอะไรกัน คนเยอะเชียว ดูวุ่นวายกันด้วย” สารวัตรรัฐนนท์ถามขึ้น ชนธัญที่เดินมาพร้อมกับสารวัตรหนุ่มหล่อ มองตรงไปที่หน่วยสืบสวนคดีทีมปกติ ที่ตอนนี้ดูกุลีกุจอต้อนรับชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่ง ที่ดูแล้วจะเป็นคนสำคัญไม่น้อย “ผมไปแอบฟังมา เหมือนกับว่า ลูกของเขาถูกลักพาตัวไปนะครับ เด็กเพิ่งเกิด ยังเล็กอยู่เลย” หนึ่งในทีมสืบสวนลับบอกกับสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญ

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็แย่เลยนะ” ชนธัญพูดขึ้น รู้สึกแย่ที่มีเด็กเล็กเกี่ยวข้องด้วย “ใครเป็นหัวหน้าทีมคดี” สารวัตรรัฐนนท์ถามลูกน้องของเขา “ผู้กองโต้ง” ใครอีกคนร้องบอก สารวัตรรัฐนนท์พยักหน้ารับรู้ “อย่างน้อยก็ได้สืบที่ค่อนข้างมีผลงาน” สารวัตรรัฐนนท์ไม่ได้พูดคัดค้านอะไรกับเรื่องนี้

“ตอนนี้พอจะมีเบาะแสอะไรบ้างมั้ยครับ” เคนถามผู้กองโต้งตรง ๆ “ภายในบ้าน เรายังไม่พบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ช่วยบ่งชี้ตัวคนร้ายชัด ๆ ได้เลย” ผู้กองโต้งตอบไปตามตรงเช่นกัน “รอยนิ้วมือแฝงที่พบ ก็มีแต่คนที่อาศัยอยู่ภายในบ้านเท่านั้น แถมยังไม่มีร่องรอยการบุกรุก ไม่มีทรัพย์สินอื่น ๆ ที่สูญหายไป” ผู้กองโต้งเองก็คิดว่ามันไม่น่าเชื่อ ที่คนร้ายจะเดินเข้าและออกไปพร้อมเด็กทารก โดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้

“แต่ยังไง ผมให้ทีมเก็บหลักฐาน กลับไปที่บ้านคุณเคนอีกครั้ง แล้วปูพรมทั้งบ้าน เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมให้ได้ แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย” ผู้กองโต้งพูดจบ พลันมีเสียงสะอื้นดังออกมาจากภรรยาของเคน “โธ่ ลูกแม่ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” เสียงพูดแสดงความโศกาอาดูรอย่างใหญ่หลวงนัก

“ตอนนี้คงจะหิวร้องโยเย หานมจากอกแม่แล้ว เคน เราจะทำยังไงดี” ทุกคนมองไปที่หน้าอกของอร ที่ตอนนี้มันเปียกชุ่มไปด้วยของเหลว “นมมันคัดน่ะค่ะ ไม่มีอะไร คนเพิ่งคลอดลูก ต้องให้นมลูกตามธรรมชาติ” ทุกคนพยายามทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ แต่ก็ยังไม่วายมองไปที่หน้าอกของอร ที่เป็นดวงชัดเจน ตั้งแต่มาถึงที่นี่

ชนธัญรู้สึกแปลกใจระคนสงสัย ที่เขามั่นใจว่า แวบหนึ่งนั้น เขาเห็นอรพยายามกลั้นขำ แต่หลุดยิ้มออกมา แต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น หรือเธออาจจะยิ้มกลบเกลื่อนความอาย ก่อนที่ชนธัญจะเห็นอรกันมาสบตากับเขาเข้าพอดี อะไรบางอย่างในสายตาของอีกฝ่าย ที่ทำให้อรรู้สึกไม่ไว้ใจหนุ่มหน้าใสคนนี้

“กลุ่มนั้น ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ใครกันหรือคะผู้กอง” อรถาม มองไปที่กลุ่มผู้ชายที่หนุ่มหน้าใสยืนอยู่ด้วย โดยมีหนุ่มหล่อที่ดูก็รู้ว่าเป็นหัวหน้าตำรวจ ท่าทางให้ความสำคัญกับหนุ่มหน้าใสนั้นมากเหลือเกิน ช่างน่าหมั่นไส้ “อ๋อ นั่นชุดสืบสวนอีกทีมหนึ่งน่ะครับ” อรพยักหน้าช้า ๆ กับคำตอบของผู้กองโต้ง ความรู้สึกประหลาดแล่นเข้าให้ต้องเพิ่มความกังวล เหมือนกับว่าเธอควรจะอยู่ให้ห่างทีมสืบสวนทีมนี้เอาไว้ เพื่อตัวของเธอเอง โดยเฉพาะหนุ่มหน้าใสคนนี้ ที่อยู่ ๆ จะเรียกว่าไม่ถูกชะตากันตั้งแต่แรก ก็ไม่เชิง



“เป็นใครนะ ก็ต้องอิจฉา ดูสิ ได้แต่งงานกับคนที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมยังเป็นสุภาพบุรุษสุด ๆ แบบนี้” แขกเหรื่อที่มาในงานแต่งงานนี้ กำลังซุบซิบกันถึงเจ้าสาวคนสวยของงาน ที่ดูเฉิดฉายและเพียบพร้อม “ดูเอาเถอะ คุณเคนยิ้มไม่หุบเลย ได้เมียสวยขนาดนี้ด้วยแล้ว” เสียงซุบซิบยังคงดำเนินต่อเนื่องไป

“เป็นนกน้อยในกรงทองได้เลยนะ มรดกบ้านผัวตกทับขนาดนี้” ทุกคนจับจ้องไปที่เจ้าสาวคนสวยที่มีเจ้าบ่าวสุดหล่อ ที่แสนจะเข้ากันเดินประคองเคียงข้างอยู่ไม่ห่าง “เขาเรียกว่าทำบุญมาดีน่ะสิ อยากรู้เหมือนกันนะ ว่าตักบาตรพระด้วยอะไร ฉันจะได้ไปทำบ้าง” เสียงหัวเราะดังออกมาจากทุกคนที่ยืนจับกลุ่มนินทากันอยู่ตรงนั้น

“นี่ยิ่งถ้ามีหลานให้ย่าให้แม่อุ้มแล้วด้วยนะ รับรอง หลงหลานกันหนักมากแน่ ๆ ถึงขั้นหัวปักหัวปำ ยกสมบัติให้จนหมด สบายไปทั้งชาติชัวร์ ๆ แต่ฉันหมายถึงสะใภ้นะ ไม่ใช่หลาน” วงซุบซิบนั้น ได้เฮกันอีกครั้ง เมื่อมีคนหนึ่งในกลุ่มพูดถูกใจ ว่าสะใภ้บ้านนี้นั้น สบายกว่าใคร โชคดีกว่าใคร ๆ ทั้งนั้น

“ที่เธอได้แต่งงานกับเคน ก็เพราะเธอบอกว่าท้องล่ะนะ อย่าคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสอะไร” พอปลอดแขกเหรื่อใกล้ ๆ แม่ของเคนก็พูดกับอร เจ้าสาวของงานในทันที “แหม หนูก็รู้ตัวอยู่ ว่าคุณแม่อยากจะอุ้มหลานใจจะขาดขนาดไหน” อรพูดโดยยังฉีกยิ้มให้ผู้มีเกียรติที่มาอวยพรบ่าวสาวอยู่

“ถ้าฉันหาเมียให้เจ้าเคนเอง รับรองว่าไม่มีทางเป็นเธอแน่นอน” แม่ของเคน อดไม่ได้ที่จะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป “แต่ลูกชายคุณแม่เลือกหนู เคนเขาเลือกที่จะนอนกับหนูตั้งแต่ตอนยังเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว อ้อ คุณแม่จะให้หนูเล่าให้ฟังมั้ยคะ ว่าเคนเขาดอดเข้าไปหาหนูที่ห้องยังไง แล้วเขามีข้ออ้างอะไรบ้าง พูดยังไงบ้าง เพื่อจะเอาหนูให้ได้” อรหันมองแม่สามีแบบพูดไปยิ้มไป

“ทุเรศ สกปรก” แม่ของเคนแทบจะปั้นหน้าให้อยู่ในงานต่อไปไม่ไหว “แหม วันนี้วันดี วันมงคลเสียด้วยสิคะ คุณแม่ผัวขา” อรพูดลอยหน้าลอยตา มองผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าแบบเชื่อสายตา ว่ายังจะมีคนประเภทนี้หลงเหลืออยู่อีก จนมีแขกในงานเดินมาทักแม่ของเคน เธอจึงทำทีขอตัวเลี่ยงพาแขกเดินไปจากตรงนั้น

“ยอม ๆ แม่เขาบ้างก็ได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว” เคนที่เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด เดินเข้ามาพูดกับเจ้าสาวของเขา “ใจคอไม่คิดที่จะเข้ามาห้ามทัพบ้างเลยหรือไง” อรหันไปมองเจ้าบ่าวของงาน “เคนรู้ว่ายังไง อร” เคนเน้นเสียงเรียกชื่ออีกฝ่าย “ก็จัดการได้แน่ แล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำให้เรื่องบานปลาย” เคนพูดมองดูเจ้าสาวของตัวเองอย่างรักใคร่

“ยังไง ตอนนี้เราก็ได้แต่งงานกันแล้ว ไม่ดีใจหรือ เคนตื่นเต้นแทบแย่แล้วเนี่ย ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงได้” แววตาอ่อนโยนและแสดงออกว่ารักหมดใจของเคน ทำให้เจ้าสาวของเขายิ้มออกมาจนได้ “เดี๋ยวตอนส่งตัวเข้าหอ เคนเสร็จแน่” เคนสะดุ้ง แต่ยังทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเป้ากางเกงของเขาถูกคว้าหมับเข้าให้ แถมมือของเจ้าสาวของงาน ก็จงใจลูบขึ้นลูบลง เพื่อให้เขานั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายให้ได้

“ถ้าแกยังมีหลานให้กับครอบครัวของเราไม่ได้ แม่จะทำตามวิธีที่แม่เห็นว่าควร” เคนลอบถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อตอนนี้สิ่งเดียวที่แม่ของเขาพูดถึง และกดดันเขาอย่างหนักคือเรื่องนี้ ชายหนุ่มเห็นย่าของเขาเอง ก็นั่งมองมาด้วยหางตา แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่พอใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

“เมียแกนี่มันยังไงนะ จนป่านนี้แล้ว ยังจะทำในสิ่งที่ผู้หญิงคนอื่น ๆ นั้นอยากจะเป็นจนตัวสั่น ไม่ได้อีก กับการมีลูกกับแกน่ะ เคน” ผู้เป็นแม่ไม่ชอบใจนักตั้งแต่แรก ที่ภรรยาของลูกชายเคยบอกกับเธอว่า ยังอยากจะทำงานและเดินทางท่องเที่ยว สมัยที่แต่งงานกับลูกชายของเธอใหม่ ๆ

“ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว จะบ้างาน บ้าเที่ยวไปโน่นไปนี่อยู่อีก ไม่ไหวนะแบบนี้” เคนเองก็ไม่รู้จะหาคำไหนที่ถูกใจแม่ของเขามาอธิบายให้ฟัง “ตระกูลเราต้องมีทายาทเอาไว้สืบสกุล” ย่าของเขาพูดออกมาในที่สุด “ไปตามเมียแกลงมาเจอหน้าเจอตาหน่อยซิ จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง ว่าจะเอายังไง” แม่ของเคนเองก็ชักจะเหลืออดกับลูกสะใภ้คนนี้

“ถ้าขืนยังไม่ยอมท้องให้แกซักที แม่จะหาผู้หญิงคนอื่นมาให้แกเอง” ผู้เป็นแม่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณแม่ จะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะครับ ผมรักเมียผม ให้ผมมีอะไรกับคนอื่นไม่ได้หรอก” เคนปฏิเสธแม่ออกไปในทันที “ถ้างั้นก็ทำกิฟต์ เมียแกทำเท่าไหร่ก็ไม่ติดสักที งั้นก็ทำกับคนที่เขาตั้งท้องให้พวกเราได้” ย่าของเขาเองก็เหลือจะอดกับทั้งหลานสะใภ้ และหลานสุดที่รักอย่างเคนเหมือนกัน

“ทำไมเธอถึงยังไม่ท้องสักที ได้กินยาบำรุงแพง ๆ ที่ฉันให้ไปหรือเปล่า” ทันทีที่เห็นหน้ากัน แม่ของเคนก็แสดงบทแม่ผัวไม่ถูกกับลูกสะใภ้ในทันที “ทานแล้วค่ะ” พยักหน้ารีบตอบคำถามออกไป อรหน้าเสียเมื่อถูกจี้ถามแบบนั้น มองไปที่เคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ก็ไม่ได้ทีทีท่าว่าจะช่วยออกหน้าแทนแต่อย่างใด

“พวกแกสองคนมีอะไรกันบ่อยขนาดไหน อย่าบอกนะว่ายังใช้ถุงยางอยู่ หรือกินยาคุม ไม่ได้นะ” คำพูดของคุณย่าทำเอาอรยิ่งทำหน้าไม่ถูก เคนนั้นกับแม่ เขายังพอจะเถียงหรือพูดแสดงความคิดเห็นได้บ้าง แต่กับย่านั้น เคนไม่กล้าที่จะเปิดปากสักแอะ “คุณย่า คือผม” เคนไม่รู้จะพูดออกไปยังไง

“ไป ขึ้นไปบนห้องสิ อย่ามาเสียเวลายืนทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ ไป เอากันหลาย ๆ รอบ” คุณย่าตะโกนใส่ทั้งเคนทั้งอรจนลั่นบ้าน “นี่คือสิ่งที่แกจะต้องทำ เจ้าเคน” ย่าของเขาออกคำสั่ง “ทำให้เมียแกท้องให้ได้ ให้เร็วที่สุด ส่วนเธอ อร ถ้าเธอยังมีหลานให้ฉันไม่ได้แบบนี้ เห็นทีฉันคงจะต้องหาเมียใหม่ให้หลานของฉันแล้วนะ” เคนรู้ดี ว่าถ้าย่าของเขาเอ่ยปากเรื่องใดออกมาแล้ว นั่นหมายถึงว่า ย่าของเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ

เคนและอรเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องนอนไป อรเดินเหนียม ๆ ไปนั่งที่ขอบเตียงด้านไกลจากประตู เคนมองตามอีกฝ่ายไป รู้สึกปวดหัวตุบ ๆ ไปตามความเครียดที่สะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ อรสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคนเดินมาใกล้ แต่ก็เพียงว่า ชายหนุ่มเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือจากโต๊ะที่หัวเตียง ก่อนจะหันหลัง แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำภายในห้องนอนนั้น

*********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Overprotected - Britney Spears

https://www.youtube.com/watch?v=PZYSiWHW8V0


I need time (time) , love, joy (joy)

ฉันอยากได้เวลา รัก และอารมณ์จอยจอย

I need space, love

และยังอยากได้พื้นที่ส่วนตัว ควบคู่ความรัก

I need me (action!)

และฉันอยากได้ตัวเองคืน เริ่มได้!


Say hello to the girl that I am

ทำความรู้จักผู้หญิงอย่างที่ฉันเป็น

You're gonna have to see through my perspective

งั้นคุณคงต้องมองมันผ่านสายตาและมุมมองของที่มีของฉัน

I need to make mistakes just to learn who I am

ฉันอยากจะทำอะไรผิดพลาด เพื่อจะเรียนรู้ว่าตัวเองเป็นเช่นไร

And I don't wanna be so damn protected

และไม่ได้อยากจะให้ใคร มาปกป้องกันมากจนเกินไป


There must be another way

มันต้องมีหนทางไหนสักทางหนึ่ง

'Cause I believe in taking chances

เพราะฉันเชื่อในเรื่องของการเสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน

But who am I to say, what a girl is to do?

แต่ฉันเป็นใครกันจะมั่นขนาดนั้น ผู้หญิงสักคนควรทำยังไงดี

God, I need some answers

จริงจริงเถอะ ฉันอยากได้คำตอบกลับมา


What am I to do with my life?

ฉันจะทำยังไงกับชีวิตฉันดีเนี่ย

(You will find it out, don't worry)

เดี๋ยวเธอก็หาทางจนได้ อย่ากังวลไปเลย

How am I supposed to know what's right?

แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกกันแน่

(You just gotta do it your way)

ก็ทำตามหนทางของตัวเองไป

I can't help the way I feel

ฉันห้ามไม่ได้หรอกนะกับสิ่งที่ใจรู้สึก

But my life has been so overprotected

แต่ชีวิตก็ถูกปกป้องเอาไว้จนเกินเหตุ


I'll tell 'em what I like, what I want, and what I don't

ฉันบอกพวกเขาไปตรงตรงว่าชอบอะไร อยากได้อะไร หรืออะไรที่ไม่

But every time I do, I stand corrected

แต่ทุกครั้งที่ทำอย่างนั้น กลับกลายเป็นสิ่งผิดไปเสียหมด

Things that I've been told, I can't believe what I hear about the world

สิ่งที่รับรู้ผู้คนบอกมา ไม่อยากจะเชื่อว่าโลกนี้ยังได้ยินแบบนั้นกันอยู่

I realize I'm overprotected

ฉันจึงเข้าใจถ่องแท้ว่า ฉันถูกปกป้องจนเกินไป


There must be another way

มันต้องมีหนทางไหนสักทางหนึ่ง

'Cause I believe in taking chances

เพราะฉันเชื่อในเรื่องของการเสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน

But who am I to say, what a girl is to do?

แต่ฉันเป็นใครกันจะมั่นขนาดนั้น ผู้หญิงสักคนควรทำยังไงดี

God, I need some answers

จริงจริงเถอะ ฉันอยากได้คำตอบกลับมา


What am I to do with my life?

ฉันจะทำยังไงกับชีวิตฉันดีเนี่ย

(You will find it out, don't worry)

เดี๋ยวเธอก็หาทางจนได้ อย่ากังวลไปเลย

How am I supposed to know what's right?

แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกกันแน่

(You just gotta do it your way)

ก็ทำตามหนทางของตัวเองไป

I can't help the way I feel

ฉันห้ามไม่ได้หรอกนะกับสิ่งที่ใจรู้สึก

But my life has been so overprotected

แต่ชีวิตก็ถูกปกป้องเอาไว้จนเกินเหตุ


I need time, love

ฉันต้องการเวลา และความรักที่มี

I need space

ฉันต้องการพื้นที่เป็นของฉันเอง

(This is it)

นั่นแหละใช่เลย


I don't need nobody telling me just what I wanna

ไม่ต้องการให้ใครมาบอกว่า ฉันนั้นอยากจะทำ

What I, what, what, what I'm gonna (I need) do about my destiny

อะไรนั่นนู่นนี่ คือสิ่งที่ฉันทำ เพื่อชะตาชีวิตของตัวเอง

I say no, no, nobody's telling me just what I wanna do, do

บอกเลยบอกออกไปว่าอย่า ว่าไม่ ไม่มีใครมาสั่งให้ฉันทำนั่นทำนี่ได้หรอก

I'm so fed up with people telling me to be someone else but me (action!)

เพราะนี่ก็เบื่อเหลือเกิน ที่ผู้คนเฝ้ากรอกหูให้ฉันเป็นคนอื่น ที่ไม่ใช่ตัวเอง เริ่มได้!


How am I supposed to know what's right?

แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกกันแน่

(You just gotta do it your way)

ก็ทำตามหนทางของตัวเองไป

I can't help the way I feel

ฉันห้ามไม่ได้หรอกนะกับสิ่งที่ใจรู้สึก

But my life has been so overprotected

แต่ชีวิตก็ถูกปกป้องเอาไว้จนเกินเหตุ
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๙. BARE BREAST _ 9.22.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 22-09-2023 19:10:04


Crime and Love Scene Investigation

๔๙. BARE BREAST



“สารวัตรคิดว่าไง” สารวัตรรัฐนนท์เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะถามอีกฝ่ายกลับไป “ผมพูดได้หรือหมวด” สารวัตรหนุ่มเองถึงจะมีตำแหน่งเป็นหัวหน้า แต่ก็ถือว่าอยู่คนละหน่วยกัน จึงไม่อยากจะทำตัวก้าวก่าย “ตอนนี้ใครให้อะไรเป็นประโยชน์ต่อคดี ผมรับฟังหมดล่ะครับ” ผู้กองโต้งพูดพลางทำสีหน้าว่า เขาเองก็กำลังมืดแปดด้าน ว่าจะตามคดีไปทางไหนต่อ

“มันควรจะเป็นเคสที่เราตามรอยได้ด้วยวิธีทั่วไปใช้มั้ยล่ะ” สารวัตรรัฐนนท์พูด ผู้กองโต้งยิ้มรับคำพูด แต่ดูเป็นยิ้มที่เนือย ๆ เหลือเกิน “ใช่เลยครับ แต่นี่” ผู้กองโต้งถึงกับต้องถอนหายใจออกมา “ภายในบ้านไม่พบรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายเลยสักนิด” ผู้กองโต้งที่มีประสบการณ์ในการสืบคดีมามากมาย ยังไม่เข้าใจกับเรื่องนี้

“จะลองให้คู่หูของผม” ชนธัญหันมาตามเสียงของสารวัตรหนุ่มหล่อ เห็นผู้กองโต้งมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว “มันไม่ใช่เคสสืบลับ ไม่ใช่หรือครับ” ผู้กองโต้งยักไหล่ก่อนจะหันไปทางสารวัตรรัฐนนท์ “ก็ถ้าคุณชนธัญถ้าไม่คิดว่า ผมจะได้หน้า เอาเครดิตไปคนเดียว ตอนที่ปิดคดีได้ละก็” ผู้กองโต้งพูด ยิ้มกว้าง แบบรอให้ชนธัญตัดสินใจ

ชนธัญเดินเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุ ทีแรกเคนและอรปฏิเสธที่จะให้กลับไปตรวจสอบที่บ้านอีกครั้ง แต่หลังจากนั้น ทางผู้กองโต้งก็ได้รับการอนุญาตจากคุณย่าของเคน เนื่องจากหญิงสูงวัยนั้น ร้อนใจมาก อยากจะได้หลานกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด สิ่งแรกชนธัญรู้สึกคือ บ้านหลังนี้สะอาดมากจริง ๆ

“สะอาดจนน่าขนลุกเลยใช่มั้ยครับ” เหมือนผู้กองโต้งพอที่จะอ่านท่าทางของชนธัญออก ถามขึ้นเมื่อเดินนำหนุ่มหน้าใสและสารวัตรรัฐนนท์ขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน ชนธัญพยักหน้ารับคำ สารวัตรรัฐนนท์เองยังกลัวว่าตัวเองจะทำบ้านเขาสกปรกไปด้วย ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ฝุ่นที่เกาะตามขอบตู้สักนิดก็ไม่มีให้เห็น

“สะอาดขนาดนี้ ตอนที่เจ้าหน้าที่มาตรวจลายนิ้วมือแฝง ไม่มีแม้กระทั่งลายนิ้วมือของเจ้าของบ้านหรือครับ” คำถามของชนธัญทำให้ผู้กองโต้งถึงกับต้องยกมือถือขึ้นโทรหาลูกน้อง ทางชนธัญและสารวัตรรัฐนนท์ต่างพากันเอาถุงมือยางขึ้นมาสวม ฝ่ายผู้กองโต้งอวางสายจากลูกน้อง ก็ตอบคำถามของชนธัญว่า

“สะอาดแบบเรี่ยมเร้เรไร ไม่เจอแม้กระทั่งรอยนิ้วมือของคนที่อาศัยอยู่ในบ้านนี้ หรือคนที่อาศัยอยู่ในห้องนอนนี้” ชนธัญชูมือให้ผู้กองโต้งเห็นว่า ตัวเองสวมถุงมือยางแล้ว “ยังไงผมก็ไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ แต่คนที่เข้าออกห้องนี้เป็นประจำนี่สิ ที่มันแปลก” ชนธัญหมุนลูกบิดเปิดประตูห้องนอนเข้าไป

“ที่จะไม่มีรอยนิ้วมือของตัวเองหลงเหลืออยู่เลยสักรอย” ทั้งสามคนเดินเข้ามาในห้องนอนของเคนและอร “ถ้าจะบอกว่าเจ้าของห้องมีอาการ OCD Obsessive Compulsive Disorder ต้องรักษาความสะอาดอยู่ตลอดเวลา แต่จะถึงขั้น ไม่ให้ทั่วทั้งห้อง เปื้อนรอยนิ้วมือเลยสักนิด มันจะเป็นไปได้หรือครับ” ชนธัญมองไปรอบ ๆ ห้องขณะพูด ผู้กองโต้งฟังพลางคิดตาม แล้วส่ายหน้าช้า ๆ

“จริงของคุณนะ” ผู้กองโต้งรู้สึกดีใจ ที่ชนธัญมาที่นี่ด้วยในวันนี้ สารวัตรรัฐนนท์ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจเช่นกัน และดูจะขัดตาผู้กองโต้งอยู่สักหน่อย ว่ามันน่าหมั่นไส้อยู่ในที “ในห้องน้ำล่ะครับ ผมอะไรบ้างไหม ที่ผิดสังเกตไป” ชนธัญถามผู้กองโต้ง โดยที่ผู้กองทำหน้านึกตามที่เขาอ่านเจอในรายงานการตรวจค้น

“เท่าที่จำได้ก็ไม่มีนะครับ ทุกอย่างดูปกติ นอกจากอย่างที่ว่า มันดูสะอาดสะอ้านเกินกว่าจะใช้อาศัย เหมือนห้องเอาไว้โชว์มากกว่า แต่ทางคุณแม่ของคุณเคนก็ยืนยัน ว่าเป็นห้องนอนของลูกชายและลูกสะใภ้ของตัวเองจริง ทั้งสองคนอยู่ห้องนี้” ชนธัญฟังจบก็ทำท่าขออนุญาตเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผู้กองโต้งพยักหน้าให้ ชนธัญผลักประตูให้เปิดออกพร้อมเดินเข้าไป

“ขอบคุณมากนะครับสารวัตร ที่ยอมให้คุณเขามาช่วยผม” ผู้กองโต้งแอบกระซิบกับสารวัตรหนุ่มหล่อ ถึงแม้ว่าผู้กองโต้งจะยศน้อยกว่า แต่โดยอายุแล้ว “ถ้าปิดคดีได้ พี่เลี้ยงเหล้าผมเลย พี่โต้ง ชุดใหญ่” สารวัตรรัฐนนท์จับมือตกลง ซึ่งผู้กองโต้งเองก็ดีลกับสารวัตรหนุ่มหล่อในทันที

“ช่วงหลัง ๆ มานี่ วิธีนี้ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นะครับ ผมไม่ค่อยเห็นภาพอะไรจากการสัมผัสสิ่งของ” ชนธัญที่ยืนอยู่ด้านข้างอ่างอาบน้ำบอกกับผู้กองโต้ง ส่วนสารวัตรรัฐนนท์ยังคงจำภาพจากเคสแรกที่เห็นชนธัญใช้วิธีนี้ได้ติดตา “แต่จะลองดู” ชนธัญพยายามมองหา ว่ามีอะไรหายไปจากที่ของมัน ในห้องน้ำนี้หรือไม่ โดยมีสายตาของสารวัตรรัฐนนท์และผู้กองโต้งจับจ้องอยู่

แต่พอชนธัญมองไปรอบ ๆ แล้ว มันไม่เหมือนกับตอนที่เขาสังเกตเห็นว่าแจกันหายไปจากห้องน้ำในเคสแรกที่เขาทำ ชนธัญลองมองหาใหม่ อะไรที่ทำให้เขารู้สึกสะดุดใจบ้าง ทีแรกชนธัญก็กะจะสรุปแล้วว่า ในห้องน้ำนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งเขามองไปที่ขอบอ่างอาบน้ำ ที่มันมีอะไรบางอย่าง ทำให้ชนธัญเอื้อมมือไปแตะที่ตรงนั้น

ทันใดนั้น ภาพที่ชนธัญได้เห็นก็คือ เคน และเคนนั่งอยู่ที่ขอบอ่างอาบน้ำนี้ ชนธัญเห็นชายหนุ่มก้มลงมองไปที่มือข้างซ้ายของตัวเอง ที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ ส่วนมือข้างขวาที่หน้าตักของชายหนุ่มนั้น เลื่อนขึ้นเลื่อนลงอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เสียงจากคลิปที่เคนเปิดดู ทำให้หนุ่มหน้าใสรับรู้ได้ในทันที ว่าเคนกำลังปฏิบัติกิจอะไรอยู่ ขณะที่ชนธัญจะยกมือออกจากขอบอ่างอาบน้ำ ก็พลันเห็นเคนคว้าเอากระบอกพลาสติกมาถือเอาไว้ในมือ

“คุณเห็นอะไร บอกผม” สารวัตรรัฐนนท์ถามอีกฝ่ายขึ้นทันที ที่เห็นว่าชนธัญมีท่าทางแปลก ๆ “คือผม คือ” ชนธัญหันมามองสารวัตรหนุ่มหล่อ โดยที่สารวัตรรัฐนนท์สังเกตเห็นว่า ทั้งแก้มทั้งใบหูของชนธัญแดงไปหมด “ผมว่าไม่น่าจะใช่เรื่องสำคัญอะไร” ชนธัญเดินก้มหน้าผ่านผู้กองโต้งออกไปที่ห้องนอน โดยผู้กองรุ่นพี่สบตากับสารวัตรรุ่นน้องแบบงง ๆ

ชนธัญเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียงนอนขนาดใหญ่ อีกครั้งที่ชนธัญต้องถามตัวเอง เมื่อกี้ก็อ่างอาบน้ำ ตอนนี้ก็มาเตียงนอนอีกแล้วหรือ ที่ทำให้หนุ่มหน้าใสมีความรู้สึกอยากจะสัมผัสไปบนเตียงหลังใหญ่นี้ ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะเห็นภาพอะไรแบบเมื่อกี้อีกแล้ว แต่พอนึกขึ้นได้ว่า พูดรับปากผู้กองโต้งเอาไว้แล้วว่าจะช่วยให้เต็มความสามารถ

ภาพที่ชนธัญเห็นในตอนนี้ก็คือ อรที่นอนหงายอยู่บนเตียง โดยมีหมอนใบใหญ่หนุนดันอยู่ที่ใต้สะโพกของเธอ ลักษณะชันขาขึ้นเป็นอักษรภาษาอังกฤษตัวเอ็ม โดยมีเคนที่ทำหน้าพะอืดพะอมอยู่ตรงหว่างขาของอร ในมือถือท่อเล็ก ๆ ลักษณะยาว ที่ต่อกับกระบอกฉีดยา ที่มีของเหลวสีขุ่นบรรจุอยู่

“เร็ว ๆ เข้าสิ” อีกเสียงหนึ่ง ชนธัญได้ยิน มีใครอีกคนอยู่ตรงนั้นกับอรและเคน ชนธัญได้ยอนแต่เสียง มองไม่เห็นว่าเป็นใคร “ถ้าอยากให้ย่ากับแม่เลิกวุ่นวายกับชีวิต ก็ทำเร็ว ๆ เข้า สอดเข้าไป” เคนนั้นอยากจะเบือนหน้าออกจากตรงนั้น แต่ก็ต้องดันท่อเล็ก ๆ นั้นเข้าไปด้านในตัวของอร

“อย่าร้อง” เสียงใครอีกคนดุอร ที่ตอนนี้นอนน้ำตาไหลอยู่บนเตียง อยากจะหุบปิดขา แต่ก็ต้องทนเปิดให้มันอ้าเอาไว้อย่างนั้น “กัดเอาไว้” คนคนนั้นยัดผ้าเป็นก้อนใส่ปากอร ถึงเสียงจะดุ แต่ก็พูดในลักษณะที่ไม่อยากให้ใครได้ยิน แลมารู้ว่าพวกเขานั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ “ฉีดเข้าไป ฉีดให้หมดนั่นแหละ” เคนใช้นิ้วโป้งดันของเหลวในกระบอกเข้าไปข้างในตัวอรจนหมด

“นอนค้างเอาไว้อย่างนั้นก่อน” เสียงนั้นสั่งอร เคนดึงท่อพลาสติกออกจากตัวของอร ก่อนที่จะเห็นเลือดสด ๆ ไหลตามท่อพลาสติกนั้นออกมาด้วย “เฮ้ย เคน ทำบ้าอะไรเนี่ย” เสียงนั้นด่าเคนออกมา แล้วมือเผลอไปปาดเลือดที่ไหลอยู่บนผ้าที่ใช้รองผืนนั้น “โอ๊ย ขยะแขยง” ไม่พูดเปล่า “อุบาทว์ที่สุด” เช็ดมือที่เปื้อนเลือดนั้นกับผ้าผืนเดิม ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป

“ผู้กองโต้ง สองคนนั้นยังอยู่ที่ศูนย์ใช่มั้ย พาผมกลับไปที่นั่นด่วนเลย” ชนธัญที่ลืมตาขึ้น วิ่งเข้าไปดูในห้องน้ำ เพราะจำได้ว่าเพิ่งเห็นผ้าผืนนั้นที่ไหน ก่อนจะรีบออกมาบอกกับผู้กองโต้งให้รีบพาเขากลับไปพบเคนและอรอีกครั้ง ชนธัญสบตากับสารวัตรรัฐนนท์ พยักหน้าให้กับสารวัตรหนุ่มหล่อ ว่าเขาน่าจะได้เบาะแสอะไรบางอย่างแล้ว

“ผมมีเรื่องที่ยังไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง หลังจากที่กลับไปตรวจบ้านของคุณอีกครั้ง เผอิญผมขอความช่วยเหลือจากคุณชนธัญ จึงอยากจะสอบถามอะไรเพิ่มเติมหน่อยนะครับ” ผู้กองโต้งรีบรั้งสองสามีภรรยาเอาไว้ก่อน แล้วอนุญาตให้ชนธัญพูดกับเคนและโต้งได้ ตามอำนาจของเจ้าหน้าที่หัวหน้าทีมสืบคดีนี้

“คุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกใหม่ ๆ ต้องดูแลเด็กอ่อนแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนั้น ไม่ง่ายเลยนะครับ” ชนธัญพูดกับอรด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ อย่างสุภาพ “ก็แทบไม่ได้นอนเลยน่ะค่ะ” อรตอบทันที ก่อนจะเอียงคอ จ้องตามองกลับไปที่ชนธัญ “ทำไมหรือคะ” น้ำเสียงนั้น ไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะสนทนาด้วยสักเท่าไหร่นัก

“ดูคุณอรไม่มีทีท่าว่าจะอิดโรยหรือเหนื่อยล้าเลยน่ะสิครับ สำหรับคุณแม่มือใหม่ ที่ต้องอดนอน น้ำก็ไม่ได้อาบ กินก็แทบจะไม่ได้กิน” อรฟังชนธัญพูดแบบนั้นก็ทำตาแข็งใส่ นั่งตัวตรง คอตั้งแข็ง “ฉันไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น” อรพูดเสียงแข็งเพิ่มด้วยอีกอย่างหนึ่ง ชนธัญพยักหน้ารับคำ

“ตามทฤษฎีแล้ว ผู้หญิงที่คลอดลูกตามธรรมชาติ ร่างกายก็จะผลิตน้ำนมเพื่อใช้ป้อนทารกแรกเกิด” อรกดหน้าลง เป็นเชิงว่าเธอไม่ได้เถียงในข้อนี้ “ซึ่งคุณอรเองก็มีปัญหาเรื่องเต้านมคัด ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้พยายามจะทะลึ่งลามกกับคุณอรแต่อย่างใด” ชนธัญกล่าวออกตัวเอาไว้ก่อน อรชักสีหน้าดึงหน้าตึงในทันใด เคนเองก็จ้องมาที่ชนธัญเช่นกัน

“ยิ่งทารกไม่ได้ดูดนมโดยตรงจากเต้านมคุณแม่แล้ว อาการเต้านมคัดนี้ก็จะยิ่งแย่ คุณหมอหลาย ๆ ท่านจึงแนะนำให้ลูกดูดนมบ่อย ๆ อย่างน้อยก็ทุกสองถึงสองชั่วโมงครึ่ง เพื่อระบายน้ำนมให้ออกจากเต้าให้ได้มากที่สุด” ฟังมาถึงตรงนี้ สารวัตรรัฐนนท์กับผู้กองโต้งต้องหันมามองสบตากัน

“เสื้อของคุณอรแห้งแล้วนะครับ ผมไม่แน่ใจว่า คุณอรต้องการปั๊มน้ำนมออกอีกมั้ย แย่จัง ที่คุณอรไม่ได้เตรียมเอาเครื่องปั๊มมาด้วย” อรตอนนี้ถึงกับทะลึ่งลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “ถ้าจะมาถามคำถามอะไรบ้า ๆ ไร้สาระแบบนี้ล่ะก็ ฉันกลับล่ะ แทนที่พวกคุณจะรีบไปสืบคดี กลับมาเสียเวลากับเรื่องทุเรศนี่ ไปเคน กลับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ มองหน้าชนธัญอีกแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่กล่าวลาอะไรใคร

“ตกลง หลังจากนี้ ฉันต้องกังวลเวลาได้คุยกับคุณมั้ยคะ ชนธัญ” ก่อนจะเดินตามสามีออกจากห้องไป อรหันมาถามชนธัญด้วยคำถามนั้น เพราะความที่เธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับหนุ่มหน้าใสตั้งแต่เห็นหน้าเขาครั้งแรกแล้ว แต่อรก็ไม่รอคำตอบ สะพัดหน้าเดินออกไปจากห้อง ผู้กองโต้งเองก็ไม่ได้คัดค้านสองคนนั้นแต่อย่างใด เมื่อยังไม่มีหลักฐานอะไรมากไปกว่านี้

“คุณรู้เรื่อง ไอ้ น้ำนมคัดเต้า อะไรพวกนี้ได้ยังไง” สารวัตรรัฐนนท์ทั้งทึ่งและทั้งอึ้ง ชนธัญหันมายิ้มให้เขิน ๆ “ลำพังผมน่ะ ผมไม่รู้หรอก” ผู้กองโต้งเองยังต้องขอยกนิ้วโป้งชม “หมอดุ” ชนธัญเฉลย ว่าคนที่ขาโทรขอคำปรึกษาก็คือด็อคเตอร์ดรุณี “แล้วด็อคเขารู้ได้ยังไง เขาไม่เคยมีลูกสักหน่อย” สารวัตรรัฐนนท์นั้นเอ่ยขึ้น ก็ด็อคดุผู้ไม่มีหัวใจขนาดนั้น

“คนเป็นหมอน่ะ” ชนธัญคิดว่านั่นคือเหตุผล “แถมยังเป็นผู้หญิงด้วย” สารวัตรรัฐนนท์พยักหน้า เมื่อคิดว่านั่นน่าจะเป็นไปได้ ทางด็อคเตอร์ดรุณีนั้น หลังจากวางสายจากชนธัญแล้ว เธอก็เลื่อนรายชื่อเบอร์ติดต่อในมือถือของตัวเอง มองหมายเลขนั้นเนิ่นนาน พลางคิดถึงสัมผัสที่เธอได้รับ กับครั้งแรกที่เธอให้ลูกชายกินนมที่ป้อนจากตัวของเธอเองโดยตรง

bear breast (idiom) To expose oneself in a vulnerable or unguarded position, especially to that which may cause harm or distress ถูกเปิดเผยตัวเองในแง่มุมที่เปราะบาง หรือในสถานะที่ไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะกับเรื่องที่อาจจะเป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดความทุกข์ใจ

*******************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Prerogative - Britney Spears

https://www.youtube.com/watch?v=fV0uCYp6zAg


People can take everything away from you

คนอื่นสามารถเอาทุกอย่างไปจากคุณได้

But they can never take away your truth

แต่พวกเขาไม่อาจจะพรากความจริงไปจากคุณ

But the question is

แต่คำถามนั่นก็คือ

Can you handle mine?

คุณพร้อมจะรับความจริงจากฉันได้มั้ย


They say I'm crazy

เขาว่ากันว่าฉันมันบ้า

I really don't care, that's my prerogative

ก็ไม่เคยใส่ใจนะ เพราะนั่นมันคือเอกสิทธิ์ของฉัน

They say I'm nasty

เขาบอกกันว่าฉันน่าทุเรศ

But I don't give a damn, gettin' boys is how I live

ก็ไม่คิดจะแยแส ได้ผู้ชายในกำมือนั้นฉันใช้ชีวิตแบบนี้


Some ask me questions

บางคนเอ่ยปากถามกับฉันว่า

Why am I so real? But they don't understand me

ทำไมฉันถึงดูจริงแบบนี้ แต่เขากลับไม่เข้าใจฉันหรอก

I really don't know the deal about my sister

เพราะฉันไม่รู้ไม่เห้นข้อตกลงอะไรกับน้องสาว

Trying hard to make it right

แค่อยากทำให้มันถูกต้อง

Not long ago, before I won this fight

เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ ก่อนที่ฉันต่อสู้จนชนะ


Everybody's talkin' all this stuff about me

ทุกคนพูดถึงเรื่องของฉันกันใหญ่

Why don't they just let me live? (Tell me why)

ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตไป ไหนบอกที

I don't need permission, make my own decisions (oh)

ฉันไม่ได้ต้องการคำอนุญาตจากใคร เพราะเรื่องใดใดฉันตัดสินใจเอง

That's my prerogative (that's my prerogative)

และนั่นคือเอกสิทธิ์ของฉัน มันคืออภิสิทธิ์ที่ฉันมี


It's the way that I wanna live (it's my prerogative)

มนคือวิถีชีวิตที่ฉันเลือก มันคือสิทธิ์พิเศษของฉัน

You can't tell me what to do

อย่ามาสั่งให้ฉันทำอะไรทั้งนั้น


Don't get me wrong, I'm really not souped

แต่อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นไปกับมัน

Ego trips is not my thing

อาการหลงตัวเองไม่ใช่ฉัน

All these strange relationships really gets me down

พวกความสัมพันธ์ประหลาดนี่ทำให้ฉันรู้สึกเซ็ง

I see nothing wrong spreadin' myself around

ฉันไม่รู้สึกผิดอะไรที่จะร่อนให้ใครไปทั่ว


Everybody's talkin' all this stuff about me

ทุกคนพูดถึงเรื่องของฉันกันใหญ่

Why don't they just let me live? (Tell me why)

ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตไป ไหนบอกที

I don't need permission, make my own decisions (oh)

ฉันไม่ได้ต้องการคำอนุญาตจากใคร เพราะเรื่องใดใดฉันตัดสินใจเอง

That's my prerogative (that's my prerogative)

และนั่นคือเอกสิทธิ์ของฉัน มันคืออภิสิทธิ์ที่ฉันมี


It's the way that I wanna live (it's my prerogative)

มนคือวิถีชีวิตที่ฉันเลือก มันคือสิทธิ์พิเศษของฉัน

You can't tell me what to do

อย่ามาสั่งให้ฉันทำอะไรทั้งนั้น


Why can't I live my life

ทำไมฉันถึงใช้ชีวิตในแบบตัวเองไม่ได้

Without all of the things that people say?

โดยปราศจากเรื่องพวกนั้นที่ผู้คนพากันพูดถึง

Oh, oh

ยังไง ได้มั้ย


Everybody's talkin' all this stuff about me

ทุกคนพูดถึงเรื่องของฉันกันใหญ่

Why don't they just let me live? (Tell me why)

ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตไป ไหนบอกที

I don't need permission, make my own decisions (oh)

ฉันไม่ได้ต้องการคำอนุญาตจากใคร เพราะเรื่องใดใดฉันตัดสินใจเอง

That's my prerogative (that's my prerogative)

และนั่นคือเอกสิทธิ์ของฉัน มันคืออภิสิทธิ์ที่ฉันมี
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๐. BOYS _ 9.27.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 27-09-2023 17:50:03

Crime and Love Scene Investigation

๕๐. BOYS


“ผมขอข่าวดีเสมอนะด็อค” ทันทีที่เจอหน้ากัน สารวัตรรัฐนนท์ก็ถามเจ้าของห้องทำงานห้องนี้ทันที “ก็ขึ้นอยู่กับว่า พยานวัตถุที่ส่งมาให้หมอตรวจนั้น มีสภาพสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหนนะหมวด” ด็อคดุเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือ แล้วตอบกลับสารวัตรหนุ่มหล่อทันทีเช่นกัน ชนธัญนั้นเม้มริมฝีปาก ในใจหวังว่าจะได้ข่าวดีจากด็อคเตอร์สาวเช่นกัน

“นั่นแหละที่ผมกังวล เพราะผ้าผืนนั้นที่เราเจอในห้องนอน ด็อคจะทำยังไงกับมัน” สารวัตรรัฐนนท์พูด ชนธัญเองก็ลุ้นคำตอบจากด็อคดุเช่นกัน “ผ้าเปื้อนเลือดผืนนั้น เป็นผืนเดียวกับที่เราเห็นในนิมิต” ชนธัญพยักหน้าเร็ว ๆ แทนคำตอบกับด็อคเตอร์ดรุณี

“Cyanoacrylate Fuming” ด็อคเตอร์ดรุณีเฉลยวิธีในห้องปฏิบัติการให้กับทั้งสองคนได้รู้ “ภาษาไทยได้มั้ยหมอ” สารวัตรหนุ่มหล่อประท้วงออกมา ทำให้ชนธัญเองก็หลุดหัวเราะเช่นกัน ด็อคเตอร์ดรุณียิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินไปหยิบอะไรบางอย่าง ออกมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงาน

“Super Glue หมอใช้กาวแบบแห้งเร็วนี่แหละ” ด็อคเตอร์ดรุณีวางหลอดกาวลงบนโต๊ะด้านหน้าทั้งสองคน ชนธัญได้ฟังแล้วก็รู้สึกทึ่ง ทางสารวัตรรัฐนนท์เองก็ถึงกับต้องเอ่ยปาก “ไอ้กาวติดหนึบ เวลาเปื้อนนิ้วแล้วดึงออกจากกันไม่ได้เนี่ยนะ” สารวัตรหนุ่มหล่อขอทวนความถูกต้องอีกครั้ง

“ปกติเวลาจะตรวจหารอยนิ้วมือ เราจะใช้ Fingerprint Dust ผงฝุ่นในการปัดรอยนิ้วมือ แต่ในกรณีนี้ รอยที่เราต้องการ มันปรากฏอยู่บนผ้า หมอจึงใช้อีกวิธีแทน” ด็อคเตอร์ดรุณีอรรถาธิบายกระบวนการให้ทั้งสองคนฟัง “หมอเอา Super Glue มาให้ความร้อน โดยใส่ไว้รวมกับผ้าใน Fuming Chamber โดมแบบปิด” ด็อคดุเปิดรูปถ่ายวิธีการให้สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญดู

“กาวเมื่อถูกความร้อน ระเหยเป็นควันก็จะไปจับรอยที่อยู่บนเนื้อผ้า แล้วหมอก็ใช้กล้องจุลทรรศน์แบบอินฟราเรดส่อง เพื่อเก็บภาพรอยที่เราต้องการเก็บเอาไว้ ซึ่งถือว่าครั้งนี้โชคดีมาก เพราะปกติวิธีนี้จะใช้ได้ผลดีกับผ้าประเภทขึ้นเงา พวกโพลีเอสเตอร์ ไม่ใช่ผ้าค็อตตอนอย่างเคสนี้” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดด้วยความรู้สึกยินดี ที่ผลการตรวจหลักฐานออกมาแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี

“รอยบนผ้าที่ได้ คือรอยที่เกิดจากฝ่ามือ” ด็อคดุยื่นเอกสารผลตรวจให้สารวัตรรัฐนนท์ดู ก่อนที่สารวัตรหนุ่มหล่อ จะเอียงเอกสารให้ชนธัญดูด้วย “เราสามารถเทียบรอย Palmprint รอยฝ่ามือนี้ ได้เหมือนกันกับที่เราเทียบ Fingerprint รอยนิ้วมือ” เหมือนนั่นจะตอบคำถามให้กับชนธัญไปภายในตัว

“จากที่ผมเห็น มีใครอีกคนอยู่ที่นั่นด้วยกันกับคุณเคนและคุณอร” ชนธัญลองทวนสิ่งที่เขาเห็นอีกครั้ง “ทางบ้านคุณเคน ทั้งคุณแม่และคุณย่า ต้องการให้คุณเคนมีหลานให้อย่างมาก” ด็อคเตอร์ดุที่เป็นหมอเอง ยังนึกไม่ถึงว่าจะมีใครทำอะไรแบบที่ชนธัญเห็น “ด้วยวิธีการแผลง ๆ ผิด ๆ” ชนธัญนั้นยังสงสัยในอีกหลายเรื่อง

“ทั้ง ๆ ที่คุณเคนกับคุณอร ก็แต่งงานกัน เป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่ทำไมถึงไม่พยายามมีลูกด้วยวิธีธรรมชาติ จะใช้วิธีการแบบที่ผิดประหลาดนี้ทำไม” สิ่งที่ชนธัญเห็นจากในห้องน้ำ คือเคนนั้นช่วยตัวเองสำเร็จความใคร่ ใส่อสุจิลงในกระบอกพลาสติก จนมาเห็นอร ที่นอนชันขาให้เคนและใครอีกคนสอดปลายท่อกระบอกฉีดยานั้นเข้าไปในร่างกายเธอ ทำไม ทำไปเพื่ออะไร นี่คือสิ่งที่ชนธัญยังขบคิดไม่ออก

“ทำไมไม่พึ่งสูตินรีแพทย์ ไม่ปรึกษาหรือพึ่งคุณหมอที่เชี่ยวชาญ ถ้าหากทั้งสองคนนี้มีปัญหาการมีบุตรยาก ทั้ง ๆ ที่ฐานะทางบ้านของฝ่ายชายก็ร่ำรวยมาก ไม่น่าจะมีปัญหาในการจ่ายเงิน ถ้าหากว่าต้องการจะมีลูกด้วยกันมากจริง ๆ” ชนธัญฟังที่หมอดุว่ามา ส่วนตัวเขาเอง หนุ่มหน้าใสมีสันนิษฐานส่วนตัวไว้แล้ว แต่ยังไม่กล้าพูดออกไป

“คุณอรที่ผมเห็น กับคุณอรที่ผมคุยด้วย เธอดูแตกต่างกัน” ชนธัญพูดขึ้น สารวัตรรัฐนนท์หันมามองอีกฝ่าย ก่อนจะถามขึ้น “ยังไง” ชนธัญสบตากับสารวัตรหนุ่มหล่อ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แตกต่างกันอย่างมาก” ชนธัญตอบ “DID หรือเปล่า” ด็อคดุถามหนุ่มหน้าใส ว่าหรืออาจจะเหมือนกับเคสหลายบุคลิกนั่น

“ผมไม่แน่ใจ แต่คิดว่าไม่ใช่ มันไม่เหมือนกับเคสนั้นที่ผมได้คุยด้วย คุณอรในห้องสอบสวน เขาถามผมว่า เจอกันครั้งต่อไป เขาควรจะต้องกังวล ที่ได้เจอกันอีกมั้ย” ชนธัญเล่ากับด็อคดุฟัง “แต่กับคุณอรที่ผมเห็น ถ้าเจอกัน ผมว่าเธอไม่น่าจะถามผมด้วยคำถามอะไรแบบนั้น ด้วยน้ำเสียงหรือท่าทางแข็งกร้าวแบบนั้น” มันก็แปลกมาก ที่ชนธัญรู้สึกกับอรในสองความรู้สึกที่สุดขั้วกันไปคนละทาง

“เริ่มต้นคลี่คลายสิ่งที่เราสงสัยอยู่ได้ หมวด” ด็อคดุหันไปทางสารวัตรรัฐนนท์ “ด้วยการขอหมายศาล ขอตรวจ” ด็อคดุยกฝ่ามือทั้งสองข้างให้ดู “รอยฝ่ามือ เลือด และก็อสุจิ เพิ่มเติม” ด็อคเตอร์ดรุณีบอกกับทั้งสองคน “หวังว่ารอยเลือดและคราบของเหลวบนผ้า ที่หมอส่งไปตรวจเพิ่มเติม จะได้ผลอะไรที่เป็นประโยชน์กลับมา” ด็อคดุส่งผ้าเปื้อเลือดผืนนั้นไปทำการตรวจที่แล็บที่มีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย สำหรับการตรวจดีเอ็นเอที่ถูกปนเปื้อนหรือเป็นรอยที่เกิดขึ้นนานแล้ว เพื่อให้ผลที่ถูกต้องและแม่นยำ

“ผมทึ่งตั้งแต่เรื่องที่ชนธัญโทรปรึกษาด็อคเรื่องนมคัดเต้าแล้ว ด็อคนี่ เก่งทุกเรื่อง รู้ทุกอย่าง” สารวัตรรัฐนนท์เอง ยังอดนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ “หมอเป็นหมอนะ” ด็อคดุทำพูดติดตลก “ต่อให้ใครจะว่าหมอเป็นพวกไม่มีหัวใจก็ตามเถอะ” ชนธัญมองเห็นแววตาของด็อคเตอร์ดรุณีเปลี่ยนไป เมื่อพูดกันถึงเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ทักอะไรแพทย์สาวออกไป ได้แต่ยิ้มให้อย่างจริงใจ และรู้สึกขอบคุณต่างหาก ที่ด็อคเตอร์ดรุณีนั้น สามารถเป็นที่พึ่งพาเรื่องข้อมูล และก็อีกหลายต่อหลายเรื่องให้ ตั้งแต่ชนธัญได้เข้ามาช่วยงานทีมสืบสวนลับทีมนี้

“อุบาทว์มากจริง ๆ เลยแกเนี่ย อี๋ ฉันต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้เนี่ย” อรน้ำตาคลอเมื่อโดนด่าใส่แบบนั้น “ชันขาเอาไว้ก่อนสิ ให้มันเข้าไปในมดลูกของแกก่อน ทำไมต้องให้พูดซ้ำหลายรอบ” เสียงพูดแบบหงุดหงิดเต็มที่ ก่อนจะดึงเอาผ้าผืนที่เพิ่งตัวเองเพิ่งใช้มือปาดเช็ดนั้น เดินหายเข้าห้องน้ำไป

“ไม่เป็นไรนะ” เคนมองไปยังอรที่นอนชันขาอยู่บนเตียง “เธอทำดีแล้ว” อรพยักหน้าให้กับเคน ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม “อย่าร้อง เดี๋ยวก็โดนอีกหรอก” เคนรีบพูดกับอร เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำกำลังถูกเปิดออก “เห็นใจมันหรือไง หรือว่าถูกใจมันขึ้นมา” เคนลดมือที่กำลังยื่นผ้าขนหนูให้กับอร เมื่อได้ยินเสียงนั้นถามขึ้น

“ก็ไม่เห็นจะต้องร้ายต่อกันนี่นา” เสียงเคนพยายามไกล่เกลี่ย “ยังไงอีกไม่นานพอได้อย่างที่ต้องการ ก็แยกย้ายกันไป” เคนพูดพลางมองหน้าอีกฝั่ง ที่ตอนนี้มองเคนและอรสลับกันไปมา “คิดว่าฉันโง่ใช่มั้ย” เคนมองอีกฝ่ายพูดด้วยความหัวเสีย “ถอดกางเกง” เคนถูกสั่งให้ถอดกางเกงของเขาออก

“ถอดสิ” เคนส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอม “ไม่เอาน่า” เคนพยายามประนีประนอมอีกครั้ง “เอาสิ ระหว่างที่รอฉันมาถึงนี่ เอากันไปกี่ครั้งแล้ว” เคนทำหน้านิ่งเมื่อถูกยิงด้วยคำถามนั้น อรที่นอนอยู่บนเตียงหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง “ก็แล้วจะให้ทำยังไง” เคนถามออกไปอย่างหมดปัญญาเช่นกัน

“คุณแม่ก็เร่งอยู่ทุกวัน คุณย่าก็ไม่ยอมแน่ ๆ ถ้าไม่มีหลานให้ท่าน” เคนพูดออกมาด้วยอาการของคนมืดแปดด้าน “ไอ้ที่พยายามทำกันเองอยู่ ก็ไม่ได้ผล ไปหาหมอทำกิฟท์ก็ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น มันก็เหลืออยู่วิธีเดียวแล้ว เคนมีทางเลือกอื่นอีกหรือไง” ชายหนุ่มถามด้วยความอัดอั้นในใจไม่น้อย

“ก็หลับหูหลับตา ทำ ๆ ให้มันเสร็จไป” เคนบอกอีกฝ่าย “กี่ท่าล่ะ กี่ยกล่ะ กี่น้ำล่ะ” เคนถูกอีกฝ่ายตวาดใส่ “ก็ทุกท่านั่นแหละ จะกี่ยก จะกี่น้ำ ถ้ามันติดเกิดท้องขึ้นมาได้ มันก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือไง” เคนถามอีกฝ่ายที่ตอนนี้ ยืนนิ่งมองหน้าเคนด้วยความไม่พอใจ เคนยื่นมือไปจับข้อมืออีกฝ่าย ที่พยายามจะสะบัดออก

“ชอบหรือเปล่า” เคนดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาหาเขา “ที่ทำกับมันชอบมันมั้ย เสียวมากเลยสิท่า” เคนไม่ตอบ แต่ค่อย ๆ สวมกอดอีกฝ่าย ที่มีท่าทีขัดขืนในตอนแรก แต่ก็ค่อย ๆ นิ่งลง จนสงบในที่สุด “ถ้ามันจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ คิดถึงความคุ้มค่าที่มันจะให้เอาไว้สิ” เคนค่อย ๆ ดึงตัวอีกฝ่ายออกมาสบตา

“ทุกอย่างมันจะคลี่คลาย ทุกอย่างมันจะเรียบร้อย ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงอีก” เคนยิ้มให้กับอีกฝ่าย “โอเคมั้ย” แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าบอกบุญไม่รับ แต่เคนก็ก้มลงจูบที่ริมฝีปากนั้นเบา ๆ “ถ้าครั้งนี้มันสำเร็จ มันก็จะไม่กลับมากวนใจอะไรต่อไปได้อีก เข้าใจใช่มั้ย” เคนพูดจบ อีกฝ่ายได้แต่ถอนใจออกมายาว ๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเริ่มกอดจูบ แลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม โดยที่อรนั้นต้องเบือนหน้า แล้วหันไปมองทางอื่น

***************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Boys - Britney Spears

https://www.youtube.com/watch?v=_5AWvg5IVLM


For whatever reason

ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลอะไร

I feel like I've been wanting you all my life

ฉันรู้เลยว่าฉันต้องการคุณมาทั้งชีวิต

You don't understand?

อย่าเข้าใจอะไรยากสิ

I'm so glad we're at the same place

ดีใจนะที่เราอยู่ในที่เดียวกันแบบนี้

At the same time, it's over now

เวลาเดียวกันด้วย ไม่ต้องรอคอยอีกแล้ว


I spotted you dancing

ฉันเห็นคุณออกท่าเต้นรำ

You made all the girls stare

สาวสาวพากันมองคุณ

Those lips and your brown eyes

ริมฝีปากและคิ้วคมเข้ม

And the sexy hair

ผมที่จัดทรงอย่างดี

I should shake my thing

ฉันก็น่าจะออกอาการอ่อย

I make the world want you

ฉันจะทำให้ทั้งโลกต้องการแต่คุณ

Tell your boys you'll be back

บอกก๊วนเพื่อนสิว่าเดี๋ยวคุณกลับมา

I wanna see what you can do

ฉันอยากเห็นว่าคุณทำอะไรฉันได้บ้าง


What would it take for you to just leave with me?

จะต้องทำยังไงคุณถึงจะกลับด้วยกัน

Not trying to sound conceited

ไม่ได้หลงตัวเองอยู่หรอกนะ

But me and you we're meant to be

แค่คุณกับฉันเราเกิดมาคู่กัน

You're a sexy guy, I'm a nice girl (don't you know?)

เซ็กซี่จังเลยพ่อคุณ และฉันก็สวยเสียด้วย คุณก็คงเห็น

Let's turn this dance floor into our own little nasty world

เรามาเปลี่ยนฟลอร์เต้นรำนี้ให้มันฉ่ำเป็นของเราสองคนดีกว่า


Boys, sometimes a girl just needs one (you know I need you)

สุดหล่อ บางทีสาวก็แค่ต้องการใครสักคน คุณก็รู้ว่าฉันอยากได้คุณ

Boys, to love her and to hold (I just want you to touch me)

สุดเท่ ขอแค่มีฉันเท่านั้นอย่ามีใคร อยากถูกคุณสัมผัสเร่าร้อน

Boys, and when a girl is with one

พ่อคุณ และเมื่อสาวอยู่กับคนคนนั้นแล้ว

Boys, then she's in control

ทูนหัว สาวจะยอมทำตามทุกอย่างเลย


Took the boy off the dance floor

จะลากออกจากที่เต้นรำ

Screaming in his ear

ตะโกนใส่หูจนสุดเสียง

Must have said something 'bout me (what you say?)

ต้องพูดอะไรเกี่ยวกับฉันแน่เลย ไหนว่าไงนะ

Because he's looking over here

ก็เห็นมองมาทางนี้กัน

You looking at me with a sexy attitude

สายตาที่ให้กันหื่นหื่นหวงหวง

But the way your boys moving it

แล้วพากันเยื้องย้ายส่ายตัว

It puts me in the mood

นั่นทำฉันรู้สึกขึ้นทุกทีทุกที


Tonight, let's fly, boy have no fear (have no fear)

ค่ำคืนนี้ โบยบินไปด้วยกัน อย่าได้กลัว อย่าเกรงสิ่งใด

There's no time to lose (What are you waiting for?)

อย่าเสียเวลาอยู่เลย จะมัวรออะไรกัน

And next week, you may not see me here

เผื่อว่าสัปดาห์หน้า คุณไม่เจอฉันอีกที่นี่

So, boy, just make your move (let me see what you can do)

เอาเลยพ่อหนุ่ม เข้าหาฉันเสีย อยากจะรู้ว่ามีไม้เด็ดอะไร


Come with me, let's fly into the night

มากับฉันเถอะนะ โบยบินไปด้วยกันคืนนี้

Oh boy, tonight is ours (It's just you and me, baby)

หนุ่มหล่อ คืนนี้เป็นของเราสองคน ยังอีกยาวไกล

When hugging me, make sure you hold me tight

ตอนที่คุณกอดฉันนั้น ให้แน่ใจว่ากอดฉันแน่นแน่นเข้าไว้

Let's head for the stars

แล้วมุ่งขึ้นสวรรค์เต็มไปด้วยดวงดาว


Can't live with 'em, can't live without 'em

จะอยู่ด้วยก็ยาก จะห่างกันก็คัน
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๑. HALF TRUTH _ 10.2.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 02-10-2023 16:35:11

Crime and Love Scene Investigation

๕๑. HALF TRUTH


“หวังว่าคุณคงจะมีเหตุผลที่ดีรองรับมากพอนะ ที่ลากเราสองคนกลับมาที่นี่อีกครั้ง” ชนธัญฟังเสียงเกรี้ยวกราดนั้น ก่อนจะยิ้มให้ “ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” หนุ่มหน้าใสพูดจบ ก็เชื้อเชิญอีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ “เชิญครับคุณเคน เชิญครับคุณ” ชนธัญจงใจจบประโยคแบบนั้น ก่อนจะมองคนทั้งคู่นั้นนั่งลงบนเก้าอี้ ที่ฝั่งด้านตรงข้ามกัน

“ผมขอเริ่มเลยนะครับ” สารวัตรรัฐนนท์ยืนฟังคุมเชิงอยู่ที่ประตูห้อง โดยมีผู้กองโต้งนั้น สังเกตการณ์จากห้องด้านหลังกระจกมองทางเดียวนั้น “คุณสองคนพอจะคุ้นกับผ้าผืนนี้บ้างมั้ยครับ” ชนธัญยื่นรูปถ่ายหลักฐานที่ได้จากบ้านหลังเกิดเหตุให้ทั้งสองคนดู “ไม่คุ้นเลยครับ” เคนปฏิเสธ ทำตีหน้าตาย ชนธัญมองไปที่อีกคน ที่นิ่งไม่ได้พูดอะไร

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผ้าผืนนี้เราได้มาเป็นหลักฐานอย่างถูกต้องทุกอย่าง ด้วยการยินยอมจากคุณย่าของคุณเคน โดยที่เราพบหลักฐานชิ้นนี้จากห้องน้ำ ภายในห้องนอนของคุณทั้งสองคน” ได้ยินแบบนั้น เจ้าของห้องนอนทั้งสองคน ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ ยืนยันว่า ไม่เคยเห็นผ้าผืนนั้นมาก่อน

“ไม่เป็นไรครับ จำไม่ได้ไม่เป็นไร” ชนธัญพูด ยิ้มให้กับทั้งสองคน “ทางฝ่ายพิสูจน์หลักฐานพบคราบเลือดกับร่องรอยของน้ำอสุจิ” ชนธัญหยุดนิดหนึ่ง สังเกตท่าทางของทั้งสองคน ก่อนจะพูดขึ้นต่อไปว่า “พอจะบอกกับผมได้มั้ยครับ ว่าคราบเหล่านี้ที่อยู่บนผ้า มันไปอยู่ในห้องของคุณสองคนได้ยังไง” ชนธัญถามคำถามนั้นอีกครั้ง

“มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ ไม่อย่างนั้น นี่ก็เป็นการสร้างหลักฐานขึ้นมา” ชนธัญยื่นเอกสารยืนยันการได้มาซึ่งหลักฐานอย่างถูกต้อง “คุณย่าของคุณเคนเป็นผู้เซ็นรับรองให้กับเรา ซึ่งถ้าต้องการ ผมสามารถเปิดคลิปวิดีโอตอนที่คุณย่าของคุณเซ็นเอกสารฉบับนี้ โดยมีคุณแม่ของคุณเป็นพยาน ดังนั้น อย่าพูดหรือทำประการหนึ่งประการใดเป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่เลยครับ” ชนธัญแจ้งให้กับทั้งคู่ได้ทราบด้วยความสุภาพ

“เราจะโยกโย้ ยื้อเวลากันอยู่อย่างนี้ หรือเราจะเริ่มต้นพูดความจริงกันครับ ว่าอะไรมันเป็นอะไร” มาถึงตอนนี้ เมื่อทั้งสองคนยังคงไม่ยอมพูดอะไรมากไปกว่านี้ ชนธัญจึงเริ่มต้นที่ผลจากห้องแล็บ “ผลตรวจยืนยันกรุปเลือด” ชนธัญมองดูอีกฝ่ายชะโงกหน้ามาดูผลในกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้า สบตากับชนธัญ กลับไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ แต่ไม่พูดอะไร

“พบเซลล์จากช่องคลอดจากตัวอย่างเลือดที่ได้จากผ้าผืนนั้น” ชนธัญเพิ่มเติมผลจากห้องปฏิบัติการ “รวมถึงเซลล์จากผนังมดลูก รวมถึงคราบอสุจิที่ปนอยู่” ทีนี้ชนธัญหันไปทางเคน ที่ดูจะแสดงท่าทีอึกอัก ๆ ออกมา “ก็เราพยายามจะมีลูกกัน อะไรพวกนี้ไหลออกมาเปื้อนผ้า มันก็ไม่แปลกนี่” ชนธัญยิ้ม พยักหน้ารับ ก่อนจะพูดกลับไปว่า

“ข้อนั้นผมไม่เถียง ถ้าไม่ใช่เพราะว่า เลือดของคุณเองนั้นกรุ๊ปหนึ่ง” ชนธัญที่ขอให้ทางทีมพิสูจน์หลักฐานตรวจกรุปเลือดเพิ่มเติมอีกครั้ง จากความสงสัยส่วนตัวของเขา โดยให้ผู้กองโต้งยืนยันคำสั่งขอตรวจไปให้ “แต่เลือดบนผ้าผืนนี้” พูดพลางยื่นเอกสารอีกแผ่นหนึ่งตรงหน้าอีกฝ่าย

“เป็นเลือดอีกกรุ๊ปหนึ่ง” มาถึงตอนนี้ทั้งสองคนตรงหน้าของชนธัญนิ่งเงียบ ทางสารวัตรรัฐนนท์ที่ตั้งใจฟังข้อมูลมาตลอด ยิ้มตาม ส่วนผู้กองโต้งเองก็ต้องทึ่งกับข้อมูลที่ชนธัญรวบรวมมาใหม่ “ซึ่งถ้าคุณจะบอกว่า เลือดบนผ้าเกิดจากการร่วมหลับนอนกับสามีคุณ เพราะตั้งใจจะมีลูกกัน” อีกฝ่ายมองหน้าชนธัญพลางคิดเอาไว้ไม่มีผิด ว่าเมื่อเจอกันอีกครั้ง หนุ่มหน้าใสคนนี้จะต้องสร้างความกังวลใจและความยากลำบากให้

“เลือดจากตัวคุณเอง ควรจะเป็นกรุปเดียวกัน ไม่ใช่หรือครับ เพราะมันคงจะประหลาดมาก หากว่าคนเราจะมีเลือดต่างกรุปกันในร่างกายได้” ชนธัญพูดพลางยื่นผลตรวจอีกอย่างหนึ่งที่ได้รับมาจากแล็บ ที่ชนธัญเองอาจจะต้องหาของอร่อย ๆ ไปเลี้ยงขอบคุณหัวหน้าทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ที่ชีฟตั้งข้อสังเกตนี้ และยอมตรวจเพิ่มเติมให้

“ผลการตรวจเทียบระดับดีเอ็นเอ” ชนธัญพูดต่อเกี่ยวกับผลตรวจดีเอ็นเอ ที่อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีไม่ยอมดู ส่วนเคนนั้นเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ “ดีเอ็นเอของคุณมีความคล้ายคลึงกับดีเอ็นเอจากเลือดบนผ้า เจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์” ชนธัญมองเห็นความเสียใจอยู่ในสีหน้าของอีกฝ่าย ที่ปนเปอยู่กับความน้อยเนื้อต่ำใจ

“คุณเคยรักใครมากจนเกินบรรยายบ้างไหม” ชนธัญมองไปยังคนที่เปิดคำถามนั้นกับเขา “มากเสียจนยอมทำทุกอย่างได้ เพื่อให้มีโอกาสใช้ชีวิตด้วยกัน” เคนมองสบตากับคนที่เขานั่งจับมืออยู่ “ทั้ง ๆ ที่ประตูทุกบานไม่ได้เปิดต้อนรับเราอย่างที่หวัง สิ่งที่คนเราจะทำได้ ก็คือไม่เดินออกจากประตูนั้น ก็ต้องพังประตูเข้าไป” ชนธัญมองแววตาของคนทั้งคู่ ที่มองเห็นความรักในตัวของกันและกัน

“คุณจะทำยังไง ถ้ารู้ว่า คุณจะไม่ได้อยู่กับคนที่คุณรัก คุณจะให้ผมทำยังไง” เคนหันมาถามชนธัญ แล้วมองเลยข้ามไปที่สารวัตรรัฐนนท์ “เราต่างก็เจอะเจอสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน” เคนพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับกำลังร้องขอความเข้าใจจากทุกคน ไม่ใช่ร้องขอความเห็นใจ แต่เป็นความเข้าใจต่างหากที่เขาต้องการ

“บางคนก็พอจะกล้อมแกล้มผ่านมันไปได้ กับความที่ไม่คิดจะเข้าใจพวกเรา ตัดสินพวกเราไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ” น้ำเสียงของเคนสั่นเครือ เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ถูกเก็บอัดอั้นเอาไว้ “ไม่แม้แต่ครอบครัวของตัวเอง ที่คาดหวังสิ่งที่เราไม่สามารถทำให้พวกเขาได้ แต่เราก็ต้องหาทางทำให้ได้ ไม่ว่าวิธีนั้น ๆ มันจะดูชั่วในสายตาของคนอื่นมากแค่ไหน” เคนแสดงแววตาที่เจ็บปวดออกมา เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“เมื่อคุณรู้ดีว่า ตัวคุณนั้นบกพร่องจากการคาดหวังนั้น คุณไม่มีวันที่จะเดินผ่านประตูเข้าไปอย่างคนอื่น ๆ มีทางเดียว เราสองคนก็ต้องพังประตูเข้าไป” ชนธัญเห็นอีกฝ่ายชี้นิ้วไปที่กองเอกสารตรงหน้า “คุณก็เห็นมันจากผลตรวจดีเอ็นเอแล้วนี่” อีกฝ่ายพูดพลางพยายามยิ้มออกมา แต่มันก็เจอไปด้วยอารมณ์ที่หวั่นไหว

“เซอร์ไพรซ์” พูดออกมา ชนธัญก็เห็นอีกฝ่ายน้ำตาคลอหน่วย “เห็นกันชัด ๆ แล้วสินะคุณนักสืบ ว่าทำไมการมีลูกของเราสองคนถึงต้องพิสดารพรรค์นี้” พูดจบอีกฝ่าย ก็พ่นลมหายใจอกจากปากอย่างระบายอารมณ์ ชนธัญมองไปที่ผลตรวจดีเอ็นเอ ที่ทางแล็บส่งมาให้เขา ตอนที่ทางแล็บอธิบายผลตรวจให้เขาฟัง หนุ่มหน้าใสเองก็นิ่งอึ้งไปเหมือนกัน

“Dizygotic Twins” ชนธัญตามองไปที่เอกสารเหล่านั้น พลางพูดขึ้น “แฝดแบบไดไซกอติก แฝดเทียมใช่มั้ยครับ” คำถามนั้นถูกตอบโดยการที่เห็นอีกฝ่าย มีน้ำตาไหลลงจากขอบตา “คุณคงจะโชคดีกว่านี้ หากว่าคุณเกิดมาเป็น Identical Twins แฝดแท้ที่มีทุกอย่างเหมือนกัน จนคนอื่นแยกพวกคุณแทบไม่ออก” ผลการตรวจดีเอ็นเอจากแล็บ บอกมากยิ่งไปกว่านั้น

“ดีเอ็นเอของแฝดแท้นั้นแทบจะเหมือนกันทุกประการ เพราะเกิดจากไข่ใบเดียวกัน สเปิร์มตัวเดียวกัน” น้ำตาของอีกฝ่ายยังคงไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย “แต่ในกรณีของคุณ คู่แฝดของคุณเกิดจากไข่คนละใบ และสเปิร์มคนละตัว” ชนธัญไม่เห็นท่าทีต่อต้านหรือปฏิเสธข้อมูลนี้จากอีกฝ่าย จึงพูดต่อไปว่า

“ทั้งกรุปเลือด ทั้งรูปร่างหน้าตา ที่แตกต่างกัน” ในใจของชนธัญเอง เมื่อมาถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้น น่าเห็นใจอยู่ไม่ใช่น้อย “รวมทั้งเพศกำเนิดของคุณกับแฝด ที่แตกต่างกัน” อีกฝ่ายเมื่อได้ยินชนธัญพูดออกมาแบบนั้น ก็ปิดเปลือกตาให้น้ำตายังคงไหลนอง เคนทำได้แค่บีบมือของคนรักแน่นขึ้น

“คุณกับคนรักให้กำเนิดทายาทตามที่ครอบครัวบังคับให้ทำตามความต้องการไม่ได้” ชนธัญพูดต่อไป “แต่เมื่อความรักมันไม่มีเพศ” อีกฝ่ายเปิดเปลือกตาขึ้นมามองชนธัญ “และเป็นหนทางที่คุณจะได้เดินเข้าไปในบ้านของฝ่ายชาย ได้มีตัวตนอยู่ในชีวิตของเขาอย่างเต็มภาคภูมิ โดยไม่ต้องพังประตูเข้าไป หรือทำอะไรด้วยวิธีหักหาญน้ำใจใคร” ชนธัญมองเห็นอีกฝ่ายหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา

“คุณไม่รู้หรอกคุณนักสืบ ว่าเคนต้องหมดเงินไปเท่าไหร่ เมื่อเราสองคนตัดสินใจว่า ฉันต้องสวยเพราะมือหมอ ฉันต้องเป็นผู้หญิงเต็มตัวเพราะแพทย์ แต่ต้องเหมือนกับแฝดของตัวเองทุกอย่าง และต้องไม่ถูกจับได้” เทคโนโลยี ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และวิวัฒนาการทางการแพทย์ ทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกไปได้ จนจำเค้าโครงแรกไม่ได้ด้วยซ้ำ

“นี่คือจุดเริ่มต้นที่คุณดึงแฝดหญิงของคุณเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้” ชนธัญพูดออกไป “ก็ถ้าฉันสามารถตั้งท้องเองได้ แม้ว่าทุกอย่างที่ฉันมีและเป็นในตอนนี้ มันจะใกล้เคียงกับคำว่าผู้หญิงมากสักแค่ไหนก็ตาม แต่สวรรค์ก็ไม่เคยมอบความสมบูรณ์แบบให้กับใครทั้งนั้น” อีกฝ่ายน้ำเสียงประชดประชัน เหมือนกับโกรธเกลียดโลกนี้ ที่ทำให้เขาไม่ได้ดังหวัง

“ถ้าเราสองคนสามารถบอกกับครอบครัวผม ว่าจะทำ Surrogate อย่างคู่ชายหญิงที่มีบุตรยากได้ แต่ในเมื่อเราให้ย่าและแม่ของผมรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เราผ่านการแต่งงานมาได้ โดยที่ความลับยังไม่แตก และแม่ผมยังไม่ฆ่าเมียผมเสียก่อน นั่นก็ถือว่าเราใกล้ความสำเร็จเต็มที เหลือเพียงแค่ได้เด็กมาสักคน ที่จะมาเป็นลูกเรา ทุกคนจะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเราสองคนสักที” เคนพูดด้วยน้ำเสียงของความหงุดหงิดใจ

ก่อนที่ทุกคนจะพูดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงเคาะประตูห้องสืบสวนก็ได้ดังขึ้น สารวัตรรัฐนนท์เป็นคนเปิดประตูออกดู เสียงของเจ้าหน้าที่ด้านนอก รายงานกับสารวัตรหนุ่มหล่อด้วยข้อมูลอะไรบางอย่าง ก่อนที่ทุกคนตรงนั้นจะต้องชะงักไปกับการปรากฏตัวของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรูปร่างหน้าตาไม่แตกต่างจากคนที่นั่งอยู่ด้านในห้องสืบสวนนั้นเลยสักนิด

*****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Have You Ever - BRANDY

https://www.youtube.com/watch?v=Xkj1An6Wnec


Have you ever loved somebody so much

เคยบ้างไหมที่รักใครสักคนมากเหลือเกิน

It makes you cry?

จนต้องร้องไห้ออกมา

Have you ever needed somethin' so bad

เคยบ้างไหมต้องการใครสักคนอย่างมากมาย

You can't sleep at night?

จนหลับตานอนกลางคืนไม่ได้

Have you ever tried to find the words

พยายามหาคำบางคำ เคยเป็นกันบ้างไหม

But they don't come out right?

แต่ทุกคำไม่ได้ตรงกับใจที่อยากพูดออกไป

Have you ever? Have you ever?

เคยบ้างไหม เคยบ้างหรืออย่างไร


Have you ever been in love

เคยบ้างไหมที่อยู่ในห้วงความรัก

Been in love so bad

รักเกิดขึ้นจนล้นใจ

You'd do anything to make them understand?

คุณยอมทำอะไรก็ได้ เพื่อให้คนต่างพากันเข้าใจ

Have you ever had someone steal your heart away?

เคยบ้างไหมที่มีใครสักคนขโมยหัวใจคุณไป

You'd give anything up to make them feel the same

คุณยอมแลกกับทุกสิ่ง เพื่อให้หัวใจของเขาตรงกับคุณ


Have you ever searched for words to get you in their heart?

เคยเลือกสรรคำพูดบ้างหรือไม่ เพื่อจับและจองใจเขา

But you don't know what to say

แต่กลับไม่รู้จะเอ่ยคำว่าว่าอะไร

And you don't know where to start

และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหน


Have you ever found the one

เคยกันบ้างไหมเมื่อพบใครสักคนคนนั้น

You've dreamed of all your life?

ที่คุณเฝ้าใฝ่ฝันมาทั้งชีวิต

You'd do just about anything to look into their eyes

คุณทำทุกวิถีทางเพื่อมองลึกไปในดวงตาเขา

Have you finally found the one you've given your heart to?

เคยบ้างไหมพบใครสักคนที่คุณพร้อมจะมอบหัวใจทั้งดวงให้ไป

Only to find that one won't give their heart to you

แต่กลับกลายเป็นว่า เขาไม่มอบหัวใจของเขากลับมา


Have you ever closed your eyes and

เคยสักครั้งไหมที่หลับตาลงแล้ว

Dreamed that they were there?

ฝันไปไกลว่าเขาคนนั้นอยู่ใกล้ใกล้

And all you can do is wait for that day when they will care

สิ่งที่คุณทำได้คือเฝ้าคอย เพื่อให้ถึงวันที่สมรักสมใจ


What do I gotta do to get you in my arms baby?

ฉันต้องทำอะไรบ้างที่จะมีเธออยู่ในอ้อมแขน

What do I gotta say to get to your heart?

ฉันต้องทำอีกมากเท่าไหร่ที่จะครอบครองหัวใจเธอ

To make you understand how I need you next to me

เพื่อให้เธอเข้าใจกันว่าฉันต้องการเธออยู่ตรงนี้

Gotta get you in my world

ให้โลกของฉันนั้นมีเธออยู่เคียง

'Cause, baby, I can't sleep

เพราะฉันนั้นหลับตาไม่ลงในยามค่ำคืน
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๒. A Will, A Way _ 10.4.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 04-10-2023 21:55:25

Crime and Love Scene Investigation

๕๒. A Will, A Way



“น้องปีหนึ่งทุกคณะนั่งรวมกันอยู่ตรงนี้ก่อน รอพี่ ๆ เขาเรียกรวม แล้วค่อยไปตามที่พี่เขาบอก เข้าใจนะ” ทุกคนพากันดีใจ ที่ตอนนี้เหมือนถูกปล่อยให้ได้หายใจหายคอบ้าง จากการรวมนักศึกษาที่เพิ่งเข้าใหม่ในปีนี้มาทำกิจกรรมร่วมกันทั้งมหาวิทยาลัย ทำให้จากที่ไม่เคยได้ทำความรู้จักกันข้ามคณะ ก็ได้เห็นหน้าค่าตากัน

“แกจะนั่งรออยู่นี่ก็ตามใจนะ ฉันไปดีว่า” นักศึกษาสาวปีหนึ่งคนนี้พูด ก่อนจะลุกขึ้นยืนพรวดเดียว แล้วใช้มือทั้งสองข้างปัดกระโปรงให้เศษหญ้าหลุดออก “ฉันไม่อยู่ทำอะไรแบบนี้หรอกนะ ล้าสมัย” พูดอีกครั้งกับนักศึกษาใหม่อีกคนที่นั่งอยู่ติดกัน “อยู่นี่แหละ อย่าไปเลย ไม่อยากโดนพี่ปีอื่นว่าเอา” น้ำเสียงพูดฟังดูไม่อยากจะให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังจริง ๆ

“อยู่กันหลาย ๆ คน ทำกิจกรรมด้วยกัน น่าสนุกดีนะ ได้เพื่อนต่างคณะเพิ่มเยอะเลยด้วย” เคนพูดขึ้น ก่อนจะยิ้มให้กับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ที่หัวเข่าชิดกันกับเขา “ดูท่าเพื่อนใหม่ของแกนี่ จะชอบแกมากเลยนะ เห็นจ้อไม่หยุด ถามนั่นถามนี่ ชวนนั่นชวนนี่สารพัด” เคนถึงกับต้องชะงัก และรอยยิ้มที่มีค่อย ๆ หายไปจากใบหน้า เมื่อได้ยินแบบนั้น

“คิดว่าพอเป็นเพื่อนกันแล้ว ต่อไปจะเป็นอะไรกันต่อไปได้งั้นหรือ” คำถามนั้นทำให้เคนหลบสายตาจากเพื่อนนักศึกษาหญิงปีหนึ่งด้วยกันคนนี้ “อย่าหาว่าฉันพูดอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ” คำพูดนั้นทำให้เคนกลับมาสบตา มองหน้าคนคนนี้อีกครั้ง “ถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่ต้องอ้อมค้อมแล้วมั้งครับ” เคนพูดออกไปโดยทันที โดยไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ กับคนที่เพิ่งจะเคยเจอกันด้วยซ้ำ

“ต้องการอย่างนั้นใช่มั้ย ก็ได้นะ คือไอ้อะไรแบบนี้น่ะ” นักศึกษาหญิงคนนี้พูด พลางขยับเป้สะพายไหล่ “ไม่นานก็ต้องเลิกกัน ไม่มีทางอยู่กันได้ยืดยาวหรอก อะไรที่มันไม่ใช่เรื่องปกติ ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จับปรุงสรรปั้นแต่งกันจนเกินพอดี รับรองไม่มีทางรอด” ไม่พูดเปล่า พลางชี้มือไปที่เคนกับตัวเธอเองแล้วพูดว่า

“ถ้าอย่างนี้กับนี่ ค่อยว่าไปอย่าง จำเอาไว้” พูดจบ เธอยิ้มแบบดูแคลน มองดูสองคนที่นั่งอยู่ที่พื้นสนามหญ้าตรงหน้าเธอแบบหัวจดเท้า ก่อนจะยักไหล่ หัวเราะอย่างนึกตลกขบขัน แล้วจึงหันหลังเดินไป เคนส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจท่าทีที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยนั้น ในใจนึกหงุดหงิดตามอยู่ไม่น้อย

“รู้จักกับคนนั้นด้วยหรือ ทำไมเขาถึงกล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมา” เคนหันมาถามคนที่ก่อนหน้านี้นั้น นั่งหัวเข่าติดกันกับเขา แต่ตอนนี้ เคนเห็นอีกฝ่ายขยับออกห่างไป ตั้งแต่นักศึกษาหญิงคนนั้นพูดจาไม่ได้ใส่ “คนนั้นน่ะหรือ” เคนสบตากับอีกฝ่าย ที่ตอนนี้มีน้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตา เห็นได้อย่างชัดเจน

“ฝาแฝดเราเอง” เคนชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด “แฝดไม่แท้น่ะ แต่อรกับเราก็เป็นพี่น้อง คลานตามกันมาจริง ๆ นั่นแหละ คลอดห่างกันแค่ไม่กี่นาที” ท้ายประโยคนั้น ปลายน้ำเสียงที่ท้ายประโยค แสดงความรู้สึกว่าเจ้าตัวนั้น น้อยใจอยู่ไม่น้อย ที่ฝาแฝดกันกลับพูดแบบนี้กับตัวของเขาได้ แถมยังพูดต่อหน้าคนอื่นอีกต่างหาก

“ฟังที่อรพูด มันก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่หรือ กับคนประเภทอย่างเราน่ะ” เคนได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น ก็รีบพูดขัดขึ้นเสียก่อนว่า “คิดว่าตัวเองเป็นคนประเภทไหนล่ะ” อีกฝ่ายสบตากับเคน “เราก็เป็นคนประเภทเดียวกันนั่นแหละ” ในตอนนั้นที่ได้ยินเคนพูดออกมา หัวใจที่เต้นตึกตักอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็เต้นแรงมากยิ่งขึ้น

“พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า” เคนพยักหน้าเป็นคำตอบ “ก็ถ้าชอบไปแล้ว ก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือไง ที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ใครเป็นอย่างไรเคนไม่รู้หรอก เขาอาจจะกลัวที่จะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ แต่เคนไม่ เคนชอบใครแล้ว ก็ชอบไปตลอด ไม่ได้พูดเพื่อให้ดูหล่อนะ แม้เคนจะรู้ตัวว่าตัวเองหน้าตาดีก็ตาม” นั่นทำให้อีกฝ่าย ที่กำลังมีน้ำตาคลอดหน่วยอยู่ มีรอยยิ้มกลับมาแต้มใบหน้าได้อีกครั้ง

“สี่ปีแล้วนะ” เคนได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้น ขณะที่เขากำลังถอนร่างกายออกจากอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ เพราะกลัวว่าจะเจ็บ “เบื่อบ้างหรือเปล่า ซ้ำ ๆ เดิม ๆ” เคนหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย ขณะดึงกระดาษชำระออกจากม้วน มาเช็ดคราบที่เปรอะเปื้อนอยู่บนความแข็งขืนของตัวเอง

“ถ้าเบื่อจะขอเบิ้ลตลอดหรือ” เคนพูดหยอกอีกฝ่าย “กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม อยากกินอยู่เรื่อย ๆ กินตั้งแต่ใส่ถุง จนตอนนี้ไม่ต้องใส่มานานแล้ว” เคนก้มลงจูบที่บนหน้าผากของอีกฝ่ายเบา ๆ อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้ ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนตัวเองลงจากเตียงนอน เพื่อไม่ให้ของเหลวข้นขุ่นปริมาณมาก ที่ยังคงคั่งค้างอยู่ภายในตัวของเขา ไหลปนออกมาให้เปื้อนผ้าปูที่นอน

เคนรับสายโทรศัพท์มือถือ หลังจากอีกฝ่ายปิดประตูห้องน้ำตามหลังไปแล้ว เคนตอบรับสายไป เป็นแม่ของเขาที่โทรมาหา จากที่เคนอยากจะเปิดบทสนทนาด้วยความคิดถึง เพราะเป็นสัปดาห์แล้วที่ไม่ได้คุยกัน จากที่เขาติดสอบปลายภาค แต่สิ่งที่ได้ยินแม่พูด มันก็ทำให้เคนต้องมีสีหน้าบึ้งตึงขึ้น

“แม่อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ได้มั้ยครับ เคนเพิ่งจะสอบเสร็จ ไม่อยากได้เรื่องอะไรมาหนักหัวอีกในตอนนี้ อยากพักไปเที่ยวไหนยาว ๆ สักพัก ไปกับเพื่อนสนิทเนี่ยแหละครับ ก็ถ้ามีโอกาสเคนก็จะพาไปรู้จัก คุณแม่ก็วกกลับไปเรื่องเดิมอยู่นั่นแหละ เคนบอกคุณแม่แล้ว ว่าเคนจะทำแน่นอน แต่ก็ต่อเมื่อที่เคนพร้อม” เคนตอบโต้แม่ของเขากลับไป

“หรือว่าแกจะให้ฉันทำแบบนี้ ให้คุณย่ามาพูดกับแกแล้วกัน เอามั้ย” เมื่อรู้จุดอ่อนของลูกชาย เคนก็รู้สึกมาตลอด ว่าแม่ของเขาไม่ยอมปล่อยโอกาสจะใช้เรื่องนี้ ขู่ให้เขาทำตาม เพราะเคนไม่เคยกล้าเถียงคุณย่าของเขาเลยสักครั้ง เคยพยายามรวบรวมความกล้าอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า

“นี่แกก็กำลังจะเรียนจบ คุณย่าเขาไม่ห่วงอะไรมาก เพราะตอนที่พ่อแกจากไป ก็ทิ้งสมบัติเอาไว้ให้แกมหาศาล ขอเพียงแค่เรื่องเดียว คุณย่าเสียพ่อของแกไปคนหนึ่งแล้ว ก็อยากจะมั่นใจว่า แกน่ะแต่งงานมีหลานให้คุณย่าเขา ก็แค่นั้น มันไม่ใช่เรื่องยากเรื่องเย็นอะไรเลย ที่คนเป็นย่าจะขอจากหลานชาย” เคนรับปากแม่ของเขาไปเพื่ออยากจะวางสายเต็มที

“แม่โทรมาหรือ” ก่อนที่เคนจะหันมาเจออีกฝ่ายยืนมองเขาอยู่ คำถามนั้นทำให้เคนนึกสงสารและเห็นใจคนตรงหน้าอย่างจับใจ “แม่ขอเรื่องเดิมอีกหรือเปล่า” เคนพยักหน้าแทนคำตอบ เพราะถึงเขาจะโกหกพยายามบ่ายเบี่ยงไป ยังไงอีกฝ่ายก็ไม่เชื่ออยู่ดี

“เป็นเรื่องนี้เรื่องเดียวเลย ที่ทำให้ไม่ได้ เพราะไม่ว่าเรื่องไหนก็ตามไม่เคยหวั่น จะเพียรทำให้จนได้ แต่เรื่องให้ตั้งท้อง มีลูกนี่” เสียงพูดนั้นสั่นเครือเจือไปด้วยอารมณ์หวั่นไหว “เราก็ทำมันบ่อย ๆ ทำเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ได้เองแหละ” จากที่เคยเป็นมุกตลกขบขันของทั้งสองคนแรก ๆ ก็สนุกดี แต่มาถึงตอนนี้ มันไม่ได้ช่วยปลอบใจได้อีกต่อไปแล้ว

“กับสิ่งที่เป็นจริงไม่ได้” เคนรีบดึงอีกฝ่ายข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่น ๆ “เฮ้ ๆ รักเคนมั้ย” ถามออกไป เห็นอีกฝ่ายหยักหน้า น้ำตาคลอหน่วย “ถ้าอย่างนั้น มันต้องมีทางออกให้เราสิ ก็ในเมื่อเราสองคนรักกัน ในเมื่อเราอยากอยู่ด้วยกัน” เคนพูดไปก็จูบและหอมอีกฝ่ายไปด้วย “เราจะหาทางทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม” เคนนั้น ให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นและมั่นคงกับอีกฝ่ายที่เป็นคนรักของตัวเองออกไป

สองปีผ่านไปหลังจากที่เคนเรียนจบ เขาสามารถเฉไฉบ่ายเบี่ยงที่บ้านได้นานเพียงแค่นั้น เคนก็ถึงทางตัน เมื่อคุณย่าของเขายื่นคำขาด ว่าถึงเวลาแล้วที่เคนต้องแต่งงานแต่งการกับผู้หญิงที่คู่ควรกับเขา และมีหลานให้คุณย่าอุ้มในทันที ยิ่งตอนนี้คุณย่านั้น รบเร้าเขาไม่หยุด ด้วยเหตุผลที่ว่าคุณย่านั้นแก่ตัวลงทุกวัน ๆ ไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ เคนควรจะทำสิ่งที่เป็นการตอบแทนที่คุณย่าดูแลเขามาอย่างดีตั้งแต่เล็กจนโตได้แล้ว

ตั้งแต่เช้า เคนนั้นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะเขานั้นกระวนกระวายเป็นอย่างมาก กับผลที่จะออกมาในช่วงเย็นของวันนี้ เคนนั้นจงใจที่จะไม่รับสายจากแม่ของเขาที่โทรหาเขาอย่างถี่ยิบ เพราะเรื่องใหญ่มากที่สุดของเคนในวันนี้ก็คือ คนที่กำลังอยู่ในห้องผ่าตัดในตอนนี้

ตกเย็น เคนนั้นถึงได้โล่งอก เมื่อได้คุยกับคุณหมอผ่าตัด ว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ถึงแม้ว่าคนไข้จะเสียเลือดค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ และคงจะต้องใช้เวลาพักฟื้นนานพอสมควร แต่ก็วางใจได้ ว่าไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างและหลังการผ่าตัดอย่างแน่นอน และสุดท้ายร่างกายของคนไข้จะกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม

“ว่าไงคนเก่ง” เมื่ออีกฝ่ายที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ลืมตาได้สติกลับมาจนเกือบครบถ้วนอีกครั้ง เคนก็เอ่ยทักทายออกไป ลึก ๆ เขาดีใจไม่น้อยที่พ่อของเขาทิ้งเงินจำนวนมากมายเอาไว้ให้ เคนถึงสามารถเลือกทางออกให้กับตัวเขาเองกับคนรัก และทำอะไรแบบนี้ได้ และนี่ถือว่ามันคือความสำเร็จของเขาทั้งสองไปครึ่งหนึ่งแล้ว

“หมอตัดมันทิ้งไปแล้วใช่มั้ย” เคนพยักหน้าตอบอีกฝ่ายออกไป แม้ว่าเขาจะเสียดาย ถ้าเลือกได้ เคนไม่อยากจะให้คนรักของเขาเปลี่ยนแปลงหรือตัดทอนอะไรทั้งนั้น “มีของเล่นใหม่ให้เคนแล้ว รอหน่อยนะ เดี๋ยวก็ได้ใช้” อีกฝ่ายพยายามพูดติดตลก ฝืนทนความเจ็บปวดอย่างมหาศาลที่มีไปทั่วทั้งร่างกาย

เคนบีบมือให้กำลังใจคนที่นอนอยู่ตรงหน้าเขานี้ ก่อนที่ทั้งสองคน จะหันไปมองอร ที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ใบหน้านั้นดูอิ่มเอิบ เมื่อรับรู้จากเคนถึงจำนวนเงินค่าจ้างมหาศาล ที่เคนสัญญาว่าจะให้ หากว่าอรนั้น ช่วยให้คนทั้งคู่ ทำตามแผนที่วางไว้จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

*******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

For You I Will - MONICA

https://www.youtube.com/watch?v=Kw1mg6WuatA


When you're feeling lost in the night

เมื่อเธอรู้สึกเคว้งคว้างยามค่ำคืน

When you feel your world just ain't right

เมื่อเธอรู้สึกว่าโลกนี้ไม่เป็นอย่างเดิม

Call on me, I will be waiting

เรียกหาฉันสิ ฉันอยู่ตรงนี้

Count on me, I will be there

ไว้ใจฉันได้ ฉันจะไปอยู่เคียงข้าง


Anytime the times get too tough

เมื่อไหร่ที่รู้สึกหนักหน่วงเกินไป

Anytime your best ain't enough

เมื่อไหร่ที่ทำดีที่สุดแล้วแต่ไร้ค่า

I'll be the one to make it better

ฉันจะไปอยู่ตรงนั้นช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้น

I'll be there to protect you, see you through

ฉันจะตรงไปหาเพื่อปกป้องเธอ ดูแลอย่างดี

I'll be there, and there is nothing, I won't do

ฉันจะไปตรงนั้น และไม่มีสักอย่างที่ฉันจะไม่ทำให้เธอ


I will cross the ocean for you

จะข้ามน้ำมหาสมุทรฉันก็ยอมเพื่อเธอ

I will go and bring you the moon

จะถามหาจันทราก็จะเนรมิตมาให้

I will be your hero, your strength, anything you need

ฉันจะเป็นผู้กล้าของเธอ เป็นแรงกำลัง เป็นทุกสิ่งให้เธอแล้ว

I will be the sun in your sky

ฉันจะเป็นดวงอาทิตย์แล้วเธอเป็นท้องฟ้าคราม

I will light your way for all time, promise you

จะเป็นแสงสว่างคอยนำทางให้ตลอดไป ฉันให้สัญญา

For you I will, yes

เพื่อเธอฉันยอมทำ


I will shield your heart from the rain

ฉันจะคุ้มกันเธอจากฝนที่กระหน่ำใจ

I won't let no harm come your way

จะไม่ยอมให้ภยันตรายกล้ำกรายหาเธอ

Oh, these arms will be your shelter

แขนทั้งสองข้างจะเป็นดั่งที่หลบภัย

No, these arms won't let you down

แขนทั้งสองข้างนี้จะไม่ทำให้เธอผิดหวัง


If there is a mountain to move

หากว่ามีภูเขามาขวางหน้าให้ฉันต้องสู้

I will move that mountain for you

ฉันจะเคลื่อนภูเขานั้นให้เธอหมดห่วง

I'm here for you, I'm here forever

ฉันจะอยู่ตรงนี้ จะอยู่เพื่อเธอตลอดกาล

I will be your fortress, tall and strong

ฉันจะเป็นป้อมปราการที่สูงตระหง่านและแข็งแกร่ง

I'll keep you safe, I'll stand beside you right or wrong

จะปกป้องเธอให้พ้นภัย จะยืนเคียงข้างเธอไม่ว่าจะผิดหรือถูก


For you I will lay my life on the line

สำหรับเธอแล้วฉันจะมอบทั้งชีวิตเพื่อเธอ

For you I will fight, oh

เพื่อเธอฉันจะสู้

For you I will die

เพื่อเธอฉันตายแทนได้

With every breath, with all my soul

ด้วยลมหายใจทั้งหมดที่มี ด้วยจิตวิญญาณของฉันดวงนี้

I'll give my word, I'll give it all

จำคำฉันเอาไว้ได้เลย ฉันมอบให้เธอทั้งหมดนี้

Put your faith in me, put your faith in me

ไว้ใจฉันได้เลยคนดี เชื่อใจฉันทั้งหมดที่เธอมี
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๓. ATONEMENT _ 10.7.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 07-10-2023 21:29:24
Crime and Love Scene Investigation

๕๓. ATONEMENT



สารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญหันขวับมามองหน้ากันในทันที ด้วยความตกใจที่ว่า อร หญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง กับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันกับเคน ทุกอย่างดูเหมือนกับทุกกระเบียดนิ้ว ทางด้านเคนและภรรยาเอง ก็มองมาที่อรเช่นกัน แต่ด้วยสายตาที่ไม่ได้เป็นมิตรเลยอย่างเห็นได้ชัด

“ลูกฉันอยู่ที่ไหน” อรได้ยินคำถามนั้น ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา “ใคร ๆ ก็คงคิดว่าตอนนี้ เราสองคนเหมือนกันทุกอย่าง คุณตำรวจรวมถึงคุณนักสืบนี่ด้วย” อรพูดพลางหัวเราะ นึกขันอย่างต่อเนื่อง “ทำไมแกไม่ใช้เสียงจริงแต่กำเนิดของแกพูดล่ะ ดัดเสียงจนตัวเองหลอน คิดว่านี่คือเสียงพูดของแท้ของแกไปแล้ว” ใบหน้าที่ดูเย้ยหยันของอร ทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายที่ถูกพูดด้วยนั้น ปิดความโกรธเอาไว้ไม่มิด

“ลูกของผมอยู่ไหน ลูกของผมกับ” เคนพูดก่อนจะหันไปมองหน้าภรรยาของเขาที่มีใบหน้าเหมือนกับหญิงสาวที่ยืนทำหน้าเยาะเย้ย สะใจในอารมณ์อยู่ในตอนนี้ อรยังไม่ตอบคำถามของเคน ก่อนจะหันไปพูดกับชนธัญว่า “สวัสดีค่ะ คุณนักสืบฉันชื่ออรนะคะ ฉันเป็นแฝดหญิงกับคู่แฝดของฉัน” อรชี้นิ้วไปที่น้องของเธอ

“เอก” ก่อนจะเรียกชื่อของแฝดผู้น้องของเธออกมา แล้วหัวเราะคิกคิกเสียงเล็กเสียงน้อย อย่างกับว่าสถานการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันตลกขบขันเสียเต็มประดา “แฝดน้องชายของอรเอง” เอกมองหน้าอรพี่สาวของเขาอย่างเคียดแค้น จากที่เคยคิดว่า จะช่วยอรในทุก ๆ เรื่อง เพราะอย่างน้อยก็คือพี่น้องกัน

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราตกลงกันเอาไว้” เคนพูดขึ้นในที่สุด เขาเองก็ไม่พอใจที่เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้เช่นกัน โดยเฉพาะในสิ่งที่อรนั้นทำ “สิ่งที่ฉันทำให้แก ตกลงแกมองไม่เห็นค่ามันเลยจริง ๆ ใช่มั้ย” เอกย้อนถามไปยังพี่สาวฝาแฝดของตน ด้วยน้ำเสียงของผู้หญิงที่เขาหัดพูดจนชิน จนเป็นเสียงของตัวเองไปแล้ว

“แกคิดว่า แกอยากจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าตำรวจจริง ๆ หรือ” อรหันไปทางสารวัตรรัฐนนท์ พลางทำหนาทำตายียวน ด้วยความคิดที่ว่า เธอนั้นกำลังถือเหนือกว่าน้องชายของเขาและเป็นต่อเอกอยู่มาก เอกอยากจะลุกขึ้นด่าอรอย่างหยาบ ๆ คาย ๆ จนแทบจะทนไม่ไหว แต่ก็ได้แต่กลืนคำพูดเหล่านั้นลงไป

“คุณนักสืบคะ คุณตำรวจขา ไม่ทราบว่า ตอนนี้คนคู่นี้เขาจะโดนคดีอะไรบ้างคะ ถ้าหากฉันจะบอกคุณทั้งสองคนคนว่า” อรหันไปมองทางสารวัตรรัฐนนท์ที ทางชนธัญที ก่อนจะพูดต่อไปว่า “คนที่หน้าเหมือนอรนี่ เขามีลูกไม่ได้อย่างแน่นอน แต่เขากลับมาแจ้งความกับคุณเจ้าหน้าที่ ทึกทักเอาเองว่าลูกของเขาหาย เอ คุณตำรวจพอจะบอกให้อรทราบได้มั้ยคะ ว่ามันน่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนนะคะ” อรยิ้มอย่างชอบใจที่ยิ่งพูด เอกก็ยิ่งหน้าตึง นั่งคอแข็งเกร็งอย่างโกรธแค้น

“ก็อาจจะต้องระวังโทษเกี่ยวกับการแจ้งความเท็จครับ” สารวัตรรัฐนนท์บอกข้อเท็จจริงออกไปให้ทั้งสองคนรับรู้ “ไม่ใช่ผู้เสียหายที่อำนาจฟ้อง ถ้าฉันค้นในอินเตอร์เน็ตมาไม่ผิดนะ” อรบอกกับคู่ผัวเมีย เคนและเอก ที่นั่งจับมือกันแน่น ต้องมานั่งฟังว่าตัวเอง กำลังจะตกที่นั่งลำบากเข้าให้แล้ว

“โอ้โห หมอสมัยนี้เขาโคตรเก่งเลยนะ ทำได้ถึงขนาดนี้” อรอุทานออกมาอย่างตกใจ ระคนความรู้สึกทึ่ง เมื่อเธอมองดูเอก แฝดน้องชายของเธอ ประหนึ่งว่าเธอเองกำลังส่องกระจกอยู่ก็ไม่ปาน ที่ตอนนี้หลังจากที่หมอถอดผ้าพันแผลออกจากใบหน้าของเอก อรกับน้องชาย ก็ดูไม่ต่างกันเลยสักนิด

“พลังเงินกับหมอศัลยกรรมมือทองที่เนรมิตได้ทุกอย่าง” เอกพูดออกมาหลังจากที่เสียงของเขาเองก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง “เสียงยังฟังดูแหบ ๆ พร่า ๆ อยู่นะ แต่ก็ไม่เหมือนเสียงผู้ชายแล้ว” เคนที่ก่อนหน้านี้ออกจะกังวลกับการผ่าตัดกล่องเสียงของเอกอยู่ไม่น้อย เริ่มคลายความวิตกนั้นลงไปได้เยอะมากแล้วในตอนนี้

“เดี๋ยวเอกฝึกพูดแบบบีบเสียงให้เล็กลง ฝึกบ่อย ๆ ทำให้ชิน รับรองว่าเสียงเล็กเหมือนผู้หญิงพูดทันงานวันแต่งแน่นอน” เอกยิ้มให้กับแฟนหนุ่ม เขาเองก็โล่งอกที่ปัญหาใหญ่ข้อนี้ ดูจะถูกแก้ไขไปในทิศทางที่เป็นบวกมากกว่าที่คาดเอาไว้ อรนั้นก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ที่ได้ยินเสียงน้องชายตัวเองพูด เกือบใกล้เคียงกับเสียงผู้หญิงโดยกำเนิดอย่างเธอ

“เรามีปัญหาใหญ่กว่านั้น และหวังว่าอร เธอคงยังไม่เปลี่ยนใจ” เคนพูดกับอรอย่างตรงไปตรงมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ อรแม้จะยอมตกลงทำให้ แต่ก็ยังดูลังเลและไม่แน่ใจอยู่เช่นกัน เคนจังอยากให้มั่นใจว่า อรจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้แก่กัน เพราะถ้าหากคิดจะทำแบบนี้ เคนก็อยากให้เป็นคนที่ใกล้ชิดในแง่ของเลือดเนื้อเชื้อไขกับเอก จะดีมากที่สุด

“งั้นฉันขอหนึ่งล้านบาท” อรโพล่งออกไปอย่างที่เธอคิดเอาไว้นานแล้ว “เงินหลักแสน ฉันไม่คิดว่ามันจะแฟร์สักเท่าไหร่” คำพูดของอร ทำให้ทั้งเคนและเอกเงียบเสียงลงในทนที “ไม่เอาน่า ราคานี้จะมีใครยอมทำให้แกสองคนมั้ยล่ะ ก็มีแต่ฉันนี่แหละ แถมเงินหลักล้าน กับการแลกการใช้งานของมดลูกที่ยังไม่ผ่านการมีลูกมาอย่างฉัน คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ยิ่งฉันเกี่ยวดองเป็นพี่แท้ ๆ ของแกด้วย เอก คิดดูดี ๆ” เอกกับเคนมองสบตากัน

“เคน เงินแค่นี้ ขนหน้าแข็งแกไม่ร่วงหรอก แถมผลที่ได้ คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม” อรพูดโน้มน้าว “อ่ะ ๆ แต่แกต้องโอนเงินมาให้ฉันเต็มจำนวนทีเดียวเลยนะ ไม่งั้นฉันไม่ตกลง อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นหลักประกันให้ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างฉัน ให้มั่นใจว่า หลังจากที่ฉันคลอดแล้ว ฉันจะดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องกลับไปลำบากทำงานงก ๆ หาเช้ากินค่ำอย่างเก่าอีก” เอกฟังเหตุผลของอร ใจหนึ่งก็นึกเห็นใจที่อรนั้นต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน เพราะหัวเรียนไม่ไหว

“ถ้าแกสัญญาอย่างจริงจัง ว่าแกจะทำเรื่องนี้ให้” เอกพูดออกไป “แน่นอนแก ฉันรับรอง เคน แกโอนเงินปั๊บ แกจะปู้ยี่ปู้ยำมดลูกฉันยังไงก็ได้เลย ให้แกสองคนได้มีลูกสมใจ” อรรีบตอบ เคนนิ่งคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะตอบตกลงออกไป “ขอเวลาสองสามวัน แล้วเราจะไปโอนเงินให้” เอกพูดขอบคุณเคนที่ยอมทำเพื่อชีวิตคู่ของพวกเขามากมายขนาดนี้ ใจจริงเคนอยากจะร่างสัญญาขึ้นมาให้อรเซ็น แต่ก็ไม่อยากจะให้เอกรู้สึกแย่ ที่มองพี่สาวฝาแฝดของเขาว่า อาจจะเกิดการเบี้ยวกันขึ้นภายหลัง เพราะเท่าที่เป็นไปแล้วนี้ เอกก็ยอมเจ็บตัวมากพอแล้ว จนเคนไม่แน่ใจว่าที่ทำมามันเป็นเรื่องที่สมควร

“หน้าบางไม่เปลี่ยนเลยนะ แกสองคน” อรพูดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เอกและเคน ได้ขอร้องให้สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญออกจากห้องสืบสวนไป เพื่อที่เขาทั้งสามคน อร เคนและเอก จะได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ก่อนที่หากว่าจะมีใครในสามคนนี้ ร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์กฎหมายบ้านเมือง หลังจากนี้

“แกสัญญาแล้ว ทำไมไม่รักษาคำพูด เคนไม่บังคับให้แกเซ็นสัญญา ก็เท่ากับให้เกียรติแกมากแล้วนะ” เอกตวาดใส่ในอรในทันทีที่พูดคุยกันตามลำพัง “เราว่าแล้ว ว่านี่อาจจะเป็นตัวตนจริง ๆ ของเอ ที่เราระแวง” เคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งชิงชังอร และความรู้สึกที่เขาผิดหวังในตัวเอง ที่ไม่เชื่อในสัญชาตญาณร้องเตือนมาตั้งแต่แรก

“พวกแกสองคนมันโง่เอง จะโทษใครได้” อรพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความรังเกียจเดียดฉันท์กัน “ฉันยอมไม่ได้หรอกนะ ที่พวกกะเทยตุ๊ดแต๋วอย่างแก เอก จะได้ดีกว่าฉัน ที่จะแต่งงงแต่งงาน มีผัวที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งแสนดี มาสร้างครอบครัวด้วยกันอย่างอบอุ่น ยอมทำทุกอย่างได้เพื่อแก ถึงขั้นรักแกจริง ในขณะที่ฉัน ทำไมถึงแค่หาผู้ชายสักคนมาคบด้วย ยังทำไม่ได้” อรนั้นยอมรับว่าเธออิจฉาชีวิตที่กำลังจะไปได้สวยของเอกกับเคน

“ต่อให้แกเป็นน้องแท้ ๆ ของฉันก็เถอะ แกจะได้ดีไปกว่าคนที่เกิดมาแล้วตรงเพศปกติอย่างฉันไม่ได้ ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมให้แกได้ดิบได้ดีไปคนเดียว” อรพูดออกไปตรง ๆ ท่าทางไม่ได้แคร์อะไรทั้งสิ้น “เอกเป็นน้องของเธอนะอร ถ้าเธอทำแบบนี้ ก็ถือว่าเธอพยายามแบล็กเมล์เราสองคน เธอลำบากแน่ ถ้าตำรวจรู้เรื่องเข้า” เคนพูดกับอรด้วยความรู้สึกเหลืออด

“แกแน่ใจนะเคน ว่าแกจะใช้มุกนี้เล่นงานฉัน” อรพูดด้วยแววตาของคนที่เลือดเย็น “ได้ งั้นฉันก็จะบอกตำรวจว่า แกเป็นคนข่มขืนฉันจนท้อง และวางแผนกับน้องชายในไส้ผู้มีกามวิตถารของฉันเอง แย่งลูกของฉันให้ห่างออกจากอกแม่ที่แสนอบอุ่นนี้ ไปอยู่กับผู้ชายสองคน ที่แม้แต่กฎหมายก็มองว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน” เคนถึงกับอึ้งไปกับสิ่งที่อรนั้นพูด ส่วนเอกนั้นรู้สึกหน้าชาในทันที กับข้อเท็จจริงข้อนี้ ที่เคนกับอรร่วมเพศกันจริง ๆ จนให้กำเนิดเด็กคนหนึ่งให้ลืมตามาดูโลก อรไม่ได้ตั้งท้องจากการฉีดอสุจิเข้ามดลูก อย่างที่เคนและเอกพยายามทำ

“แกสองคนคิดว่า ศาลจะเข้าข้างใคร ระหว่างแม่ผู้รักลูกแต่ถูกพ่อของลูกข่มขืนแบบฉัน กับพวกผิดเพศลักปิดลักเปิดแบบแกสองคน” อรเอียงคอมองทั้งสองคนอย่างยียวนกวนประสาท “เงินล้านเดียวมันไม่พอหรอก เพราะแกมีมากกว่านั้นเยอะ เคน ยิ่งหลังจากย่าของแกตายไป แกจะได้สมบัติมาอีกเพียบ” อรที่คิดมาแล้วอย่างถี่ถ้วนบอกกับเคนไปตรง ๆ

“แกควรจะคิดถึงตัวของแกเองมากกว่าจะห่วงอีลักเพศน้องฉันคนนี้นะ” อรคิดว่าเธอกำลังทำความดีช่วยเหลือเคนอยู่ด้วยซ้ำ “แกต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ในเมื่อฉันเป็นแม่ของลูกแกจริง ๆ ฉันก็ต้องได้เข้าไปอยู่ในบ้านของแก เสวยสุขกับเงินทองที่แกมี” อรพูดบอกออกไป เคนส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“เราไม่มีวันจะรักเธอได้เลยอร” เคนบอกไปตามจริง อรหัวเราะเย้ยหยัน “ฉันพูดหรือไงว่าฉันต้องการความรักจากแก หึ เคน แต่ที่แกเอาเอกสารของฉันไปจดทะเบียนสมรสกันเนี่ย ฉันจะเอาไปแจ้งที่เขตตอนไหนดี แกช่วยฉันคิดหน่อย ว่าแกสองคนมันปลอมขนาดไหน เป็นตัวเองยังไม่ได้ ยังพยายามเป็นคนอื่นให้น่าสมเพชอีก” อรหัวเราะออกมาอย่างที่รู้สึกกับเคนและเอก

“ตรองดูดี ๆ คิดให้เยอะ ๆ เคน หน้าหล่อ ๆ ผิวสวย ๆ อย่างแก รับรองได้ตกเป็นเมียขาใหญ่ในคุกแน่นอน อีเอกก็จะได้เพื่อนสาวแทนผัวในไม่ช้า กี่คดี กี่กระทง กี่ปีในคุก แกพร้อมที่จะเสี่ยงสู้กับฉันแน่นะ แกรอดแน่นอนเคน ถ้าฉันไม่แจ้งความเอาผิดแกที่ข่มขืนฉัน” แค่คิดมันก็ทำให้อรหัวเราะออกมาอย่างเบิกบานใจแล้ว “แล้วแกจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหนอร” เอกถามออกไปอย่างคนจนตรอก ใจนั้นมีแต่ความเป็นห่วงเคน หากว่าการตัดสินใจดึงดันอะไรลงไป จะทำให้แฟนหนุ่มที่เป็นคู่ชีวิตของเขาต้องเดือดร้อน

“จะไสหัวไปที่ไหนก็ไป ฉันไม่แคร์” นั่นคือคำตอบของอร “ฉันรู้เพียงแค่ว่า พอตกเย็นเคน พ่อของลูกฉันจะต้องกลับมาหาฉันที่บ้าน จะไปไหนก็ต้องรายงานฉันให้รู้ ไม่อย่างนั้น คุณย่าผู้น่าสงสารคงได้อายุสั้นแน่ ๆ ถ้าฉันเล่าเรื่องทุกอย่างออกไป งานนี้ เงินก็ของฉัน ผู้ชายก็ของฉัน และที่สำคัญ ลูกก็เป็นของฉัน ไม่มีอะไรสักอย่างที่เป็นของแก เอก” คำพูดของอร ดังกึกก้องอยู่ในห้วงของความคิดของทั้งเคนและเอก ที่ต่างมองตากันด้วยความรู้สึกที่ยากจนเกินบรรยาย

*******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

The Boy Is Mine - BRANDY feat. MONICA

https://www.youtube.com/watch?v=HRxDR-83XBo


Excuse me, can I please talk to you for a minute?

ขอโทษนะ ขอคุยด้วยสักเดี๋ยวได้มั้ย

Uh-huh, sure. You know, you look kinda familiar

โอเคได้สิ แต่ว่า เธอดูคุ้นหน้าจัง

Yeah, you do too. But um, I just wanted to know, do you know somebody named...?

เธอก็ด้วยคุ้นมาก แต่ว่า อยากจะรู้ว่า เธอรู้จักคนที่ชื่อ

You, you know his name

เธอรู้จักชื่อเขาด้วยหรือ

Oh yeah, definitely. I know his name

อ๋อแน่นอน ฉันรู้ดีเลยล่ะ

Well, I just wanna let you know that he's mine

แต่ขอบอกเธอไว้เลยนะ เขาเป็นของฉัน

Ha, no, no, he's mine!

อ้อโนจ้ะ เขาเป็นของฉันต่างหาก


You need to give it up

ขอให้เธอยอมแพ้ไปดีกว่า

Had about enough

ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้ว

It's not hard to see

ดูไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ

The boy is mine

ผู้ชายคนนี้ของฉัน


I'm sorry that you

ฉันเห็นใจเธอนะที่เธอ

Seem to be confused

ดูจะสับสนไปเองยกใหญ่

He belongs to me

ฉันน่ะเป็นเจ้าของเขา

The boy is mine

ผู้ชายเขาเป็นของฉัน


I think it's time we got this straight

ฉันว่าถึงเวลาแล้วล่ะ ที่ต้องคุยกันให้เข้าใจสักที

Let's sit and talk face to face

ได้สิ งั้นมานั่งคุยกันเลยต่อหน้า

There is no way you could mistake

เป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะจำผิด

Him for your man, are you insane?

ทึกทักเอาว่าเขาเป็นของเธอ นี่บ้าไปแล้วรึ


You see, I know that you may be

ฉันว่าเธอน่ะ คงประมาณว่าเป็น

Just a bit jealous of me

พวกขี้อิจฉาฉันมากไปหน่อย

But you're blind if you can't see

คงตาบอดเป็นแน่ ที่จะมองไม่ออกว่า

That his love is all in me

ความรักของเขามีให้ฉันแค่คนเดียวเท่านั้น


You see, I tried to hesitate

คืองี้เธอ ฉันพยายามจะอวดตัวล่ะนะ

I didn't wanna say what he told me

ไม่อยากจะพูดหรอกกับสิ่งที่เขาบอกกับฉัน

He said without me, he couldn't make it

ว่าหากไม่มีฉัน ผู้ชายเขาก็อยู่ไม่ไหว

Through the day, ain't that a shame?

ไม่แม้แต่แค่วันเดียว เธอยังจะด้านอีกหรือ


But maybe you misunderstood

แต่บางทีเธอน่าจะเข้าใจผิดไปเองนะ

Cause I can't see how he could

เพราะฉันไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนั้น

Wanna change something that's so good

ที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรที่ดีอยู่แล้วในชีวิต

All my love was all it took (The boy is mine)

เพราะความรักของฉันคือสิ่งที่เขาต้องการ ผู้ชายคนนี้เป็นของฉัน


Must you do the things you do?

เธอทำในสิ่งที่เธอต้องทำสินะ

You keep on acting like a fool

เพราะตอนนี้เธอดูเหมือนพวกโง่งม

You need to know it's me, not you

เธอต้องรู้ไว้ว่าตัวจริงคือฉัน ไม่ใช่เธอ

And if you didn't know it, girl, it's true

ถ้ายังไม่รู้ตัวอีกนะสาว นี่คือความจริง


I think that you should realize

ฉันว่าเธอควรจะสำเหนียกเอาไว้

And try to understand why

และพยายามเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไม

He is a part of my life

เขาคือส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน

I know it's killing you inside

และนั่นทำให้เธออดรนทนไม่ได้


You can say what you wanna say

เธอจะพูดเองเออเองก็ได้หมดแหละ

What we have, you can't take

แต่สิ่งที่ฉันกับเขามี เธอไม่สามารถมีได้เหมือนหรอก

From the truth, you can't escape

มันคือข้อเท็จจริงที่เธอจะบิดเบือนไม่ได้

I can tell the real from the fake

อะไรจริงอะไรปลอมมันดูกันออก


When will you get the picture?

เมื่อไหร่เธอจะมองเห็นภาพที่แท้จริงสักที

You're the past, I'm the future

ฉันคืออนาคตข้างหน้า ส่วนเธอมันก็แค่อดีต

Get away, it's my time to shine

ไปให้พ้นได้แล้ว นี่คือเวลาของฉันจะเปล่งแสง

If you didn't know, the boy is mine, oh (The boy is mine, oh-oh)

ถ้ายังไม่รู้ก็จะบอกให้ ผู้ชายคนนี้เป็นของฉัน


I can't destroy this love I've found

ฉันทำลายความรักที่ฉันมีไม่ได้หรอก

Your silly games, I won't allow

เกมบ้าบ้าบอบอของเธอ ฉันไม่ยอมให้ผ่าน

The boy is mine without a doubt

ผู้ชายเป็นของฉันไม่ต้องเถียงเลย

You might as well throw in the towel

เธอก็แค่ยกธงขาวยอมแพ้ไปซะ


What makes you think that he wants you

อะไรทำให้เธอคิดว่าเขาต้องการเธอ

When I'm the one that brought him to

ในเมื่อฉันคือคนที่ทำให้เขา

The special place that's in my heart?

ไปได้ถึงฝั่งฝันนั่นคือได้หัวใจฉัน

He was my love right from the start (The boy is mine)

เขาคือความรักของฉันตั้งแต่เริ่มต้นรู้จักกัน ผู้ชายคนนี้เป็นของฉัน
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๔. Operation "SWEETHEART" _ 10.9.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 09-10-2023 18:45:02


Crime and Love Scene Investigation


๕๔. Operation “SWEETHEART”



ที่ทำได้ในตอนนี้ คือสูดลมหายใจเข้าจนลึก ก่อนที่จะตัดสินใจผลักประตูบานนั้นเข้าไป ทันทีที่ร่างเล็ก ๆ แต่ดูอวบอัดไปเสียทุกสัดส่วน ปรากฏตัวในร้านนั้น ทุกสายตาก็หันมาจับจ้องในทันที ความประหม่าทำให้เจ้าตัวหัวใจเต้นแรงมาก จนแทบจะระเบิดออกมา ก่อนจะตัดสินใจก้าวขา แล้วเกิดสะดุดเล็กน้อย แต่ก็รีบทรงตัวได้ทัน

“เย็นเอาไว้ชื่นจิต ใจเย็นไว้” เสียงของเจ้าหน้าที่ที่นั่งดูอยู่หน้ามอนิเตอร์ภายในรถตู้ พูดแซวขึ้นมา ก่อนที่ทุกคนในรถตู้จะพากันหัวเราะออกมา เอ็นดูก็เอ็นดู ขำก็ขำ แต่งานที่ได้รับมอบหมายมาก็ต้องทำ “มันคือหน้าที่” เสียงพูดของหัวหน้าปฏิบัติการนั้น ผ่านเข้ามาให้เจ้าตัวได้ยินทางหูฟังที่ซ่อนเอาไว้ในหูอย่างมิดชิด โดยมีวิกผมหยิกสลวยช่วยปกปิดเอาไว้จากสายตาคนอื่นอีกชั้นหนึ่ง

“ชื่นจิต ปรับกล้องให้ตรงอีกนิด” คนที่ฝึกเดินบนรองเท้าส้นสูงปี๊ดขนาดนี้ตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม ใช้นิ้วขยับเข็มกลัดรูปดอกไม้สีแดงสดที่ติดอยู่ที่หน้าอกอวบตูมให้ตั้งขึ้น “ชัดเจน ทีนี้ทำตัวให้กลมกลืนกับสถานที่ ทำได้มั้ย ชื่นจิต” ทุกคนส่ายหัว พลางเรียกรอยยิ้มออกมาได้ กับชื่อเรียกขานของนางนกต่อ ในการปฏิบัติการครั้งนี้

“ใครสรรหาตั้งชื่อให้เนี่ย” ใครคนหนึ่งถามขึ้นกลั้วเสียงหัวเราะ “นี่คนนี้ บอสเรานี่แหละ” ทุกคนหันไปมองทางคนต้นคิด สารวัตรรัฐนนท์ซ่อนรอยยิ้มนั้นเอาไว้ได้อย่างยากลำบาก “อย่างแรก เราต้องรู้จักเป้าหมายของเราเป็นอย่างดี รสนิยมของเขาคือสิ่งที่เราใช้จัดการให้สำเร็จในครั้งนี้” สารวัตรหนุ่มหล่อให้เหตุผลออกมา

“แถมการใช้ชื่อเรียกขานแบบนี้ ก็ดูน่ารักดีออก ว่ามั้ยชื่นจิต” ชนธัญกลอกตาแทบจะในทันที ที่ได้ยินแบบนั้น “อย่าให้ถึงตาชื่นจิตคนนี้บ้างนะ สารวัตร” ได้ยินชนธัญด้วยน้ำเสียงรอคอยการแก้แค้นแบบนั้น ทุกคนหันไปมองดูใบหน้าของสารวัตรรัฐนนท์ ที่ดูจะชอบใจกับการยอมทำหน้าที่อย่างถึงที่สุดของชนธัญในครั้งนี้เป็นอย่างมาก

“เดี๋ยวนะ” ใครอีกคนพูดขึ้น “ปกติเราใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษกับทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการแบบนี้” ทุกคนได้ยินกันทั่ว ชนธัญก็ด้วยเช่นกัน “ชื่นจิต” เรียกชื่อนั้นซ้ำ พลางขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ชื่นจิต ชื่นใจ ถ้างั้นก็” พอนึกขึ้นได้ว่าคำภาษาอังกฤษควรจะเป็นคำว่าอะไร ก็รีบโพล่งขึ้นมาในทันที

“Sweetheart” ชนธัญที่ได้ยินเต็มสองรูหู อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าใบหน้าของเขาเต้นยิบ ๆ ไปด้วยอาการประหลาดที่ใจนั้นรู้สึก “ทำงานได้แล้ว” สารวัตรรัฐนนท์พูดตัดบท ทั้ง ๆ ที่ริมฝีปากยังแต้มไปด้วยรอยยิ้ม นึกถึงชนธัญที่ยอมลงทุนแต่งหน้าแต่งตัวขนาดนี้แล้ว สารวัตรรัฐนนท์ก็ทึ่งในความเสียสละของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย ชนธัญรีบสลัดความประหม่าและเขินอาย พยายามตั้งสติว่าตอนนี้เขากำลังปฏิบัติภารกิจอยู่

ชื่นจิตก้าวขาออกเดิน ด้วยการย้ายสะโพกซ้ายขวาอย่างมีจริต เดินตรงไปที่ด้านหน้าบาร์เหล้า ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้กลมบุนวมยกสูง บาร์เทนเดอร์ตัวใหญ่ท้วม ลักษณะเป็นทอมป๋าหันมามอง ชื่นจิตโปรยยิ้มให้ไปหนึ่งที แต่ทอมป๋าใบหน้านิ่งสนิท ไม่ยินดียินร้ายกับรอยยิ้มหวานที่สุดที่ชื่นจิตหว่านเสน่ห์

“ดื่มอะไร” ทอมป๋าไบเกอร์ที่เป็นบาร์เทนเดอร์ประจำบาร์ถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เหมือนตรากตรำผ่านการดื่มวิสกี้และสูบบุหรี่มาอย่างหนักตลอดชีวิต ชื่นจิตอึ้งไปในทันที ที่ได้ยินคำถามนั้น เพราะตามปกติเจ้าตัวแทบจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย “น้ำส้ม” ปากที่ไวกว่าความคิด ทำให้พูดออกไปแบบนั้น ทอมป๋าเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เพราะบาร์นี้มีกฎว่า ถ้าไม่ดื่มเหล้า เราไม่เสิร์ฟ

“วอดก้า” ชื่นจิตรีบพูดตามออกไป “วอดก้าน้ำส้ม” ก่อนจะรีบฉีกยิ้มให้อีกรอบ “เลือกได้ดี” คราวนี้บาร์เทนเดอร์ทอมป๋าดูจะเป็นมิตรขึ้นมาบ้าง ก่อนจะลงมือชงเครื่องดื่มให้กับชื่นจิต “หูย สีสวยจัง” ชนธัญนั้นก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งได้ยินทีมพูดถึงเหล้าชงตัวนี้ผ่านหู ไม่รู้เหมือนกันว่ารสชาติมันจะเป็นยังไง ก่อนจะรับแก้วเครื่องดื่มนามว่าสกรูไดรเวอร์มาจากทอมป๋า

“คงจะชื่นใจ” ว่าแล้ว ชื่นจิตก็หย่อนหลอดลงไปในแก้ว แล้วดูดเครื่องดื่มนั้นขึ้นมาเต็ม ๆ คำ ก่อนจะต้องไอออกมาในทันที กับความบาดคอที่เจ้าตัวไม่เคยลิ้มรสมาก่อน “คออ่อนป่ะเนี่ย” ทอมป๋าถามขึ้น หลังจากเห็นอาการสำลักของคนสวยตรงหน้า “อุ๊ย ดื่มประจำค่ะ สบายมาก มันแค่ลงผิดร่องไปหน่อยเดียว” พูดแล้วก็ทำหัวเราะกลบเกลื่อน ทำเอาทอมป๋าต้องหัวเราะแบบพยักพเยิดไปด้วย

“ค่อย ๆ จิบนะชื่นจิต” สารวัตรรัฐนนท์ส่งเสียงผ่านเข้ามาหาชนธัญ ที่ตอนนี้ชื่นจิตมีหลอดคาปากเอาไว้ตลอดเวลา “เป้าหมายลักษณะหน้าตายังไง” ชื่นจิตถามกลับไปขณะที่ปากยังดูดวอดก้าน้ำส้มอย่างเพลิดเพลิน “จากคำให้การที่มีอยู่ ตอนนั้นผู้เสียหายเมามาก แทบจะจำอะไรไม่ได้เลย รู้แต่ว่า รสนิยมของเป้าหมาย น่าจะชอบความอวบอัดและเซ็กซี่” คำบอกเล่านั้น ทำให้ชื่นจิตหมุนตัวบนสตูลทรงกลมหันหน้าจากบาร์เหล้า เข้าสู่ในตัวร้าน

“มีมั้ย เห็นเป้าหมายหรือเปล่า” วิดีโอไลฟ์ฟีดจากเข็มกลัดถูกส่งไปที่หน้าจอในรถตู้ปฏิบัติการ สารวัตรรัฐนนท์และทุกคนในทีม รีบกวาดตามองไปจนทั่วหน้าจอ “เนกาทีฟ” เสียงตอบกลับมาให้ชื่นจิตรับรู้ ตอนนี้ภายในร้านมีลูกค้านั่งกันอยู่พอสมควร แค่บรรยากาศมันดูเงียบ ๆ ไปหน่อยก็เท่านั้น

“หรือต้องใช้ความเซ็กซี่เป็นตัวล่อให้เป้าหมายติดกับ” ชื่นจิตพูดจบ ก็ดูดวอดก้าน้ำส้มจากแก้วที่ถือเอาไว้ในมือ รวดเดียวจากที่เหลือจนเกือบเต็มแก้ว จนเสียงดูดลมจากก้นแก้วดังขึ้น ชื่นจิตรู้สึกใบหน้าร้อนผะผ่าว มันตึงแน่นขึ้นมาในทันที ความร้อนมันแทรกซึมลงที่ลำคอ ไอ้สกรูไดรเวอร์นี่มันอร่อยใช้ได้ ชื่นจิตเริ่มว่าอย่างนั้นแล้ว

พอยืนขึ้นชื่นจิตเซเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเขิน ๆ เมื่อมีสายตาของผู้ชายหลายคนจับจ้องมองมาเป็นตาเดียวกัน บ้างก็ยกแก้วขึ้นชูแล้วพยักหน้าให้ บ้างก็ส่งยิ้มมาแบบที่หากว่าชื่นจิตคืนร่างเป็นชนธัญ รับรองว่าเจ้าตัวคงไม่ยิ้มตอบกลับไปพวกผู้ชายเหล่านี้ แบบที่ทำอยู่นี้อย่างแน่นอน

ชื่นจิตเดินยักย้ายส่ายสะโพกแบบนวยนาดไปที่ตู้เพลง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่มีเหรียญที่จะหยอดตู้จู๊กบอกซ์ เพื่อเล่นเพลงที่ตัวเองต้องการ แล้วชื่นจิตก็ต้องหันไปมองที่ช่องหยอดเหรียญ ที่มีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง สายตาจับจ้องมาที่ใบหน้าของชื่นจิต ส่วนมือนั้นก็ดันเหรียญให้ตกลงช่องลงไป ชื่นจิตยิ้มให้ในความใจดีของชายหนุ่ม ก่อนจะกดรหัสเพลงที่ต้องการ เสียงตู้เพลงดังครืดคราดตามความเก่าของมัน ก่อนที่จะเล่นเพลงที่ถูกชื่นจิตเลือกเอาไว้

ชื่นจิตเดินไปที่กลางร้าน ที่ถือว่าเป็นอันรู้กันของแขกที่มา ว่านี่คือฟลอร์เต้นรำ ถ้าหากว่าใครเกิดนึกครึ้มอกครึ้มใจ จะออกสเต็ปวาดลวดลายลีลา ขยับแข้งขยับขาให้ครื้นเครง อย่างเช่นชื่นจิต ที่ตอนนี้นั้น กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะของเสียงเพลง ที่เจ้าตู้เพลงกำลังบรรเลงให้อยู่

“หูย” เสียงทีมที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ในรถตู้ พากันร้องระงม เมื่อเห็นการยักย้ายนั้นของชนธัญ “วอดก้า นี่มันวอดก้าเต้นแล้ว” ทุกคนที่เห็นการหันซ้ายป่ายขวา จากกล้องที่มาแอบติดเอาไว้ที่มุมร้าน ถึงกับทึ่ง ที่เครื่องดื่มชนิดนี้ที่ชนธัญสั่งมาดื่ม จะส่งผลกับเจ้าตัวได้ขนาดนี้ สารวัตรรัฐนนท์เองก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน เพราะนี่ขนาดชนธัญดื่มหมดไปเพียงแค่แก้วเดียวเท่านั้น เจ้าตัวยังเต้นได้ขนาดนี้

“เพลงโปรดเลยนะ เพลงนี้” ชื่นจิตร้องตะโกนออกมา “ไม่อยากเต้นกันบ้างหรือคะ” ก่อนจะหันไปถามบรรดาชายหนุ่มที่ยังคงได้แต่นั่งมองมายังเจ้าตัว “เต้นเก่งจัง” เสียงชมจากชายหนุ่มหน้าตาดี ที่หยอดเหรียญใส่ตู้เพลงให้ “ชื่ออะไรครับ” แล้วก็ถามคำถามถัดมา “ชื่นจิต ชื่อชื่นจิต” ชนธัญเกือบลืมตัว เผลอตอบชื่อจริง ๆ ของตัวเองออกไปแล้ว ยังดีที่ยั้งทัน ก่อนจะบอกชื่อที่ใช้ในการปฏิบัติการออกไป

สารวัตรรัฐนนท์ มองเห็นสายตาของผู้ชายคนนี้ ที่เข้ามาคุยกับชนธัญ มันเป็นสายตาที่ดูก็รู้ ว่ารู้สึกพึงพอใจในตัวของอีกฝ่ายมากขนาดไหน สารวัตรรัฐนนท์สั่งทุกฝ่ายเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน โดยเฉพาะทีมบุก ให้รอคำสั่งจากเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้ต้องรอเพียงคำยืนยันจากชนธัญคนเดียวเท่านั้น ที่จะส่งสัญญาณมาให้ ว่านี่ใช่เป้าหมายที่ทางทีมปฏิบัติการต้องการตัวหรือไม่

“เต้นจนเหนื่อยเลย คอแห้งจัง ไปหาอะไรดื่มก่อนดีกว่า ขอบคุณนะ สำหรับเพลงโปรดที่เล่นให้ ชอบมาเลยล่ะ” ชื่นจิตพูดด้วยจริตจะก้าน ตอบขอบคุณรับน้ำใจจากชายหนุ่มคนนั้นไป ชนธัญนั้นตอนนี้กำลังประมวลผลจากลักษณะท่าทางของชายหนุ่มคนนี้ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าพลาด ว่าเขากำลังสนใจในตัวของชื่นจิต

“ขอแบบเมื่อกี้อีกแก้วสิคะ” ชื่นจิตที่เดินกลับมาหน้าบาร์เหล้า ร้องขอเครื่องดื่มแบบเดิมจากบาร์เทนเดอร์ทอมป๋า ที่แต่งตัวแบบไบเกอร์ขาซิ่ง “ได้เลยครับคนสวย” ทอมป๋ารับคำ ก่อนจะปรุงเหล้าแก้วใหม่ให้ คราวนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเหล้าชงชนิดเดิม แต่ทอมก็ป๋าสมชื่อ เพิ่มเติมความเข้มให้อีกจนเต็มพิกัด

“ท่าเต้นเซ็กซี่มาก กลับบ้านกับป๋ามั้ยคืนนี้” ชื่นจิตตาเบิกโพลง ไม่แน่ใจจะเป็นเพราะว่าเหล้าที่รสเข้มเสียเหลือเกิน ที่ตัวเองเพิ่งกลืนลงคอไป หรือว่าจะเป็นเพราะคำเชิญชวนของทอมป๋า บาร์เทนเดอร์ไบเกอร์ที่ชวนกันลับไปหาความสำราญกันต่อที่ห้อง “ป๋า หนูยังมีไอ้นั่นอยู่” ทุกคนในรถตู้ รวมทั้งสารวัตรรัฐนนท์อึ้งกันไปเมื่อได้ยินชนธัญพูดแบบนั้น จะมีก็แต่ทอมป๋าทอมป๋าคนเดียว ที่มีแววตาผิดหวัง

“ถ้าอย่างนั้น ก็สเป็กผมเลยนะครับ” ชื่นจิตหันไปมองทางต้นเสียง ชายหนุ่มที่หยอดเหรียญตู้เพลงให้ เข้ามายืนข้าง ๆ กันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขาพูดพลางกระดกเบียร์จากขวดที่ถืออยู่ลงคอไปสองสามอึกใหญ่ “ห้องพักผมอยู่ไม่ไกล เราไปกันเลยมั้ย” ชนธัญหัวเราะแหะ ๆ ออกไป ก่อนจะชวนอีกฝ่ายนั่งลงที่หน้าบาร์กันก่อน พลางคิดอีกครั้งว่า ผู้ชายคนนี้คือเป้าหมายที่ทางทีมต้องการ แน่หรือไม่

******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Honky Tonk Badonkatonk - Trace Adkins

https://www.youtube.com/watch?v=EjpJCYfgyvc


Turn it up some

เปิดมันให้ดังดัง

Alright boys, this is her favorite song

เอาล่ะหนุ่มหนุ่ม นี่เป็นเพลงโปรดของเธอ

You know that, right?

รู้กันใช่มั้ยล่ะ

So, if we play it good and loud

ถ้าเราเปิดให้ดังดังและถูกใจ

She might get up and dance again

เธออาจจะลุกขึ้นแล้วเต้นอีกรอบ


Ohh, she put her beer down

เฮ้ย เธอวางเครื่องดื่มลงแล้ว

Here she comes, here she comes

นั่นไงเธอเริ่มแล้ว เริ่มแล้วจริงจริงด้วย

Left, left, left right left

ซ้าย ซ้าย ซ้าย ขวา ซ้าย

Woo

โอ้แม่เจ้า


Hustlers shootin' eight ball

พวกหนุ่มโฮสต์หากินกำลังยิงโต๊ะพูล

Throwin' darts at the wall

บ้างก็ปาลูกดอกไปที่กำแพง

Feelin' damn near ten feet tall

พากันรู้สึกว่าตัวเองทั้งหล่อทั้งล่ำกันใหญ่

Here she comes, Lord help us all

เมื่อเธอคนนี้มาถึง โอ้ว พระเจ้าช่วยลูกด้วยเถิด

Ol' T.W.'s girlfriend done slapped him out his chair

พวกมีเมียแล้วคงโดนเมียตบตกเก้าอี้เป็นแน่

Poor ole boy, it ain't his fault

น่าสงสารไอ้หนุ่มพวกนั้น แม้ไม่ใช่ความผิด

It's so hard not to stare

ก็ของดีมันก็ยากที่จะไม่มอง


At that honky tonk badonkadonk

ต้องเหล่ไปที่อะไรมันหนุบหนับหมุบหมับ

Keepin' perfect rhythm, make ya wanna swing along

แถมยังเต้นเด้งไปเด้งมา จนอยากจะเต้นตามไปด้วย

Got it goin' on like Donkey Kong

มันเพลิดเพลินประหนึ่งตัวเองคือตัวใหญ่เจ้าโลก

And whoo-wee, shut my mouth, slap your grandma

โอ้ว เกือบลืมหุบปากเช็ดน้ำลาย ตบคุณยายแก้เขินความสวย

There oughta be a law, get the Sheriff on the phone

มันควรจะต้องออกกฎหมายควบคุม โทรตามผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้ที

Lord have mercy, how'd she even get them britches on

ขอพระเจ้าทรงเมตตา นี่เธอยัดทุกสัดส่วนลงเสื้อผ้าไปได้ยังไงกัน

That honky tonk badonkadonk

ดูสิของหนุบหนับหมุบหมับนั่น


Now Honey, you can't blame her

เอาเป็นว่าอย่าโทษเธอเลย

For what her mama gave her

กับสิ่งที่แม่ให้เธอมาไว้ติดตัว

It ain't right to hate her

มันไม่แฟร์หากจะพากันเกลียดเธอ

For workin' that money-maker

ที่รู้จักใช้บึ้มบั้มเรียกความสนใจได้ผล

Band shuts down at two

วงดนตรีเลิกตอนตีสอง

But we're hangin' out 'til three

แต่พวกเราก็อ้อยอิ่งกันจนถึงตีสาม

We hate to see her go

ไม่ชอบเลยที่เห็นตอนเธอกลับ

But love to watch her leave

แต่คลั่งรักเมื่อมองเธอเดินจากไป


With that honky tonk badonkadonk

พร้อมกับของหนุบหนับหมุบหมับนั่น

Keepin' perfect rhythm, make ya wanna swing along

แถมยังเต้นเด้งไปเด้งมา จนอยากจะเต้นตามไปด้วย

Got it goin' on like Donkey Kong

มันเพลิดเพลินประหนึ่งตัวเองคือตัวใหญ่เจ้าโลก

And whoo-wee, shut my mouth, slap your grandma

โอ้ว เกือบลืมหุบปากเช็ดน้ำลาย ตบคุณยายแก้เขินความสวย

There oughta be a law, get the Sheriff on the phone

มันควรจะต้องออกกฎหมายควบคุม โทรตามผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้ที

Lord have mercy, how'd she even get them britches on

ขอพระเจ้าทรงเมตตา นี่เธอยัดทุกสัดส่วนลงเสื้อผ้าไปได้ยังไงกัน

That honky tonk badonkadonk

ดูสิของหนุบหนับหมุบหมับนั่น

(Ooh, that's what I'm talkin' 'bout right there, honey)

นั่นแหละคือสิ่งที่พูดถึงกัน อวบอวบอัดอัดแสนดี


We don't care about the drinkin'

เรื่องดื่มเมามายไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่

Barely listen to the band

เพลงอะไรที่วงเล่นก็ไม่ได้ฟังกัน

Our hands, they start a shakin'

แต่มือของเราสิ เริ่มสั่นเริ่มเขย่า

When she gets the urge to dance

พอเห็นว่าเธออินไปกับการยักย้ายส่ายสะโพก

Drivin' everybody crazy

ทำให้ทุกคนตรงนั้นคลั่งไคล้

You think you fell in love

พากับเหมือนตกหลุมรักก็ไม่ปาน

Boys, you better keep your distance

หนุ่มหนุ่มห่างห่างเอาไว้หน่อยเป็นดี

You can look but you can't touch

เพราะเดี๋ยวจะได้แต่มองมืออย่าต้องของจะเสีย


that honky tonk badonkadonk

ต้องเหล่ไปที่อะไรมันหนุบหนับหมุบหมับ

Keepin' perfect rhythm, make ya wanna swing along

แถมยังเต้นเด้งไปเด้งมา จนอยากจะเต้นตามไปด้วย

Got it goin' on like Donkey Kong

มันเพลิดเพลินประหนึ่งตัวเองคือตัวใหญ่เจ้าโลก

And whoo-wee, shut my mouth, slap your grandma

โอ้ว เกือบลืมหุบปากเช็ดน้ำลาย ตบคุณยายแก้เขินความสวย

There oughta be a law, get the Sheriff on the phone

มันควรจะต้องออกกฎหมายควบคุม โทรตามผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้ที

Lord have mercy, how'd she even get them britches on

ขอพระเจ้าทรงเมตตา นี่เธอยัดทุกสัดส่วนลงเสื้อผ้าไปได้ยังไงกัน


That honky tonk badonkadonk

ดูสิของหนุบหนับหมุบหมับนั่น

That honky tonk badonkadonk

ดูนั่นของอวบอัดอั๋นอุ่น

Yeah, that honky tonk badonkadonk

ถูกใจกับความแน่นขนัดจัดจ้าน

(That honky tonk badonkadonk)

หนุบหนับหมุบหมับ


That's it, right there boys, that's why we do what we do

ใช่เลย ถูกแล้วหนุ่มหนุ่ม นี่คือสิ่งที่เราทำและทำอยู่

It ain't for the money, it ain't for the glory, it ain't for the free whiskey

ไม่ใช่เพื่อเงิน ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง ไม่ใช่เพื่อเหล้าฟรี

It's for the badonkadonk

แต่เพื่อของหนุบหนับหมุบหมับ
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๕. TABLEAU _ 10.11.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 11-10-2023 21:35:31

Crime and Love Scene Investigation

๕๕. TABLEAU



“แล้วปฏิบัติการนี้ จะให้ใครทำดีครับ บอส” หนึ่งในทีมสืบลับเอ่ยปากถามสารวัตรรัฐนนท์ ถึงคดีใหม่ที่เพิ่งได้รับมอบหมายมา “ก็เดี๋ยวลองดู ว่าใครจะเหมาะสม เคสนี้มันต้องทำแบบแนบเนียนมาก ๆ ด้วยสิ” สารวัตรหนุ่มหล่อที่อ่านรายละเอียดในคดีนี้ กำลังกังวลอยู่ไม่น้อย หากจะต้องออกทำการปลอมตัวเพื่อแทรกซึมเข้าตรวจหาเป้าหมาย

“ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องใช้คนที่มีประสบการณ์พอตัว” ใครอีกคนในทีมให้เหตุผล แล้วคนในทีมต่างก็พากันหันซ้ายหันขวา มองกันไปมา ว่าใครดูน่าจะเหมาะสมที่สุด” สารวัตรรัฐนนท์เอง ก็ยังไม่ปักใจกับลูกน้องในทีมที่ร่วมงานกันมาเท่าใดนัก ว่าจะสามารถทำเคสนี้ได้ โดยที่ไม่ทำให้เป้าหมายเกิดการไหวตัวทันเสียก่อน

“คราวนี้ สิ่งที่มันยากก็อยู่ตรงที่ เราต้องสร้างความดึงดูดต่อเป้าหมายได้ในเวลาอันสั้น เพราะทีมที่รอเข้าทำการจับกุมจะรออยู่ด้านนอก พร้อมดำเนินการตลอดเวลา” สารวัตรรัฐนนท์พูดพลางนึกถึงปฏิบัติการก่อนหน้า ที่มันประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ตั้งแต่ตอนที่ทีมของสารวัตรหนุ่มยังไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นทีมสืบลับ

“แต่ครั้งที่แล้ว มันเป็นการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มพวกแก๊งคอลเซนเตอร์ มาครั้งนี้มันแตกต่างไปมาก ไม่เหมือนกันเลย” สารวัตรรัฐนนท์คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกทีมของเขาเป็นหลัก “รายละเอียดการแทรกซึมตัวเอเจ้นท์เข้าไปก็ตามรายละเอียดในเอกสารที่ทุกคนได้เห็นกันแล้ว” ทุกคนที่อยู่ในทีม ก้มลงมองดูเอกสารตรงหน้า แล้วก็พากันหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ยากจังเว้ย” ใครคนหนึ่งบ่นขึ้นมาดัง ๆ “ต้องแต่งหน้าทำผม” ทุกคนหันหน้าเกือบจะพร้อมกันไปทางโถงกลาง ตรงนั้นชนธัญกับหมอดุกำลังยืนคุยกันอยู่ “ต้องแต่งตัว ชุดรัดรูป เรเฟอเรนซ์สาวสองท่องราตรี ก๋ากั่นกล้าแสดงออก” ทั้งหมดในทีมกันไปทางเดิมพร้อมกันอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

“แถมบั้นท้ายต้องอึ๋ม ๆ เสริมได้นิดหน่อย แต่ต้องดูเป็นธรรมชาติ ตามรสนิยมของเป้าหมาย” ทั้งหมดกำลังจะเหลียวหลังกลับไปมองทางชนธัญอีกครั้ง แต่เสียงกระแอมไอจากทางสารวัตรรัฐนนท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ทำให้ทุกคนหันมายิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นสายตาบอสของพวกเขาที่ดูเหี้ยมเกรียมขึ้นมาอย่างปุบปับ

ทุกคนในทีมตอนนี้พากันลอบสบสายตากันและกัน เมื่อมองเห็นสารวัตรรัฐนนท์เองนั่นแหละ ที่มองชนธัญโดยไม่ยอมละสายตา จนพอรู้ตัวว่า ถูกพวกลูกน้องในทีมจับได้ ก็ทำท่ากลบเกลื่อน ทีเรื่องแบบนี้สารวัตรหนุ่มมากฝีมือคนนี้ กลับทิ้งร่องรอยพิรุธเอาไว้เสียเองจนเกลื่อนกลาด

“ปัญหาตอนนี้ ก็คือ เราจะทำให้คุณชนธัญเขาตกลงรับหน้าที่นี้ยังไงดี เพราะพวกเราอย่าลืมว่า คนรับหน้าที่เอเจ้นท์จะดูแค่ว่าเหมาะสมอย่างเดียวไม่ได้ เราอย่าลืมว่า คุณชนธัญไม่ได้ถูกเทรนเรื่องนี้มาแต่อย่างใด การฝึกที่ผ่านมาก็แค่เรื่องเบื้องต้นเท่านั้น การปฏิบัติการแบบนี้ มันมีความเสี่ยงอยู่มาก” ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดนี้

“แต่เรามีใครอื่นอีกมั้ยล่ะ เพราะเอเจ้นท์จากหน่วยอื่นที่พร้อม ก็เป็นผู้หญิงกันหมด” พอมาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ทุกคนก็ต้องหันกลับไปมองทางชนธัญอีกครั้ง ที่เจ้าตัวในตอนนี้นั้น คุยธุระกับด็อคเตอร์ดรุณีเสร็จแล้ว และก็รู้ตัวนานแล้ว ว่าทั้งทีมหันมามองให้ความสนใจกับเขาอย่างมาก จนอยากจะเดินมาถามหลายรอบแล้ว ว่ามีเรื่องอะไรกัน

“คืนนี้คุณชนธัญว่างมั้ยครับ ไม่มีนัดที่ไหนใช่หรือเปล่า” หนึ่งในทีมสืบลับถามชนธัญ เมื่อเห็นหนุ่มหน้าใสเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาพอดี “ว่างครับ” ชนธัญถามกลับไป ทำท่างง ๆ ก่อนจะมองสบตากับสารวัตรรัฐนนท์ ที่ทำท่าเหมือนกับว่า ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย โดยชนธัญต้องตกกระไดพลอยโจน ตกปากรับคำกับทั้งทีม ว่าค่ำนี้เขาจะออกไปข้างนอกด้วยกับทุกคน

“เดี๋ยวก่อน สารวัตร ว่ายังไงนะ” กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทุกคนก็พากันมาถึงบาร์ของดนัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะถ้าจะเริ่มปฏิบัติการ ต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่เดี๋ยวนี้ “เคสนี้มันต้องการความละเอียดในเรื่องดีเทลต่าง ๆ ถ้าคุณจะยอมช่วยทีมของเราในปฏิบัติการนี้” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับชนธัญ ในตอนที่ทุกคนนั้น พร้อมที่จะเดินเข้าในด้านในของบาร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้เหล่านางโชว์ทั้งหลาย ก็มายืนออกันอยู่ที่ทางเข้าร้าน หลังจากที่รู้จากดนัย เจ้านายของพวกเธอว่า เหล่าทีมสืบลับจะมาที่ร้านในคืนนี้

“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องแล้วแต่คุณนะ ถ้าคุณจะปฏิเสธผมก็ไม่ว่าอะไร” ใจหนึ่งของสารวัตรรัฐนนท์ เขาเองก็เป็นห่วงชนธัญอยู่ไม่น้อย กับการที่จะต้องปล่อยให้ชนธัญทำงานโซโล่เป็นครั้งแรก “ถ้าคุณยอมตกลง ผมรับรองว่าทีมเทคนิคของเราในการออกปฏิบัติการมีความพร้อมมากที่สุด” บรรดาลูกทีมของสารวัตรรัฐนนท์หลับตากันปี๋ พร้อมไขว้นิ้วรอคำตอบจากหนุ่มหน้าใส

“และผมไม่ยอมปล่อยให้เกิดอันตรายกับคุณแน่นอน ผมสัญญา ด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย นายตำรวจไทย” จุดนี้ทำให้ชนธัญต้องหลบสายตาจากสารวัตรหนุ่มหล่อ ที่ส่งสายตามองมาอย่างมีความหมาย ทุกคนในทีมลืมตากันขึ้นมาดู ชนธัญไม่ได้ตอบตกลง แต่ลูกทีมได้ยินเสียงหนุ่มหน้าใสเปิดประตูลงจากรถ สารวัตรรัฐนนท์มองไปที่ชนธัญ ก่อนจะทำตามอย่างเดียวกัน พวกลูกทีมก็พากันกรูลงจากรถมาด้วย

“นายบอกพวกเราว่า สารวัตรสุดหล่อจะพาน้องตัวเล็กหน้าใสคนนี้มาหา” บรรดานางโชว์ที่มายืนออต้อนรับกันเป็นกลุ่มกล่าวทักทายทุกคนในทีม “พวกคุณทุกคนทำให้นายของไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล แถมทำให้พวกเราได้ทำงานต่อ ไม่ต้องปิดบาร์ ถือเป็นหนี้บุญคุณที่ใหญ่มาก อะไรที่พวกเราตอบแทนทำให้ได้ พวกเรายินดีทำสุดฝีมือ เต็มที่ค่ะงานนี้” เหล่านางโชว์นั้น ยังจำความรู้สึกที่โล่งใจ ความดีใจและความสุขที่ได้รับ ที่ศาลวันนั้นได้ดี

“เรเฟอเรนซ์ก็ตามนั้นครับ” สารวัตรรัฐนนท์ชี้ไปที่หนึ่งในลูกทีมสืบลับ ที่ยื่นกระดาษให้ไปแผ่นหนึ่ง “หืม” นางโชว์ที่ได้เห็นข้อความในกระดาษ ถึงความต้องการในการแปลงโฉมชนธัญให้เป็นไปตามนั้น มองหน้ากันก่อนจะซุบซิบภายในกลุ่ม แล้วหันมาพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ว่า

“หนักกว่าเธอก็เจอมาแล้ว” ก่อนจะคว้าตัวของชนธัญให้เดินเข้ามาใกล้ ๆ “รับรองเลยค่ะ น้องหน้าใสคนนี้ กลับออกมาจากห้องแต่งตัวมาเจอคุณสารวัตรสุดหล่อแสนเท่อีกครั้ง จะต้อง ตะลึง ตะลึง ตะลึง ตึ๊งตึงตึงตึง ตะลึงตึงตึง” พูดจบก็พากันหัวเราะ ก่อนจะรีบพาชนธัญเข้าไปในยังห้องแต่งตัวที่ด้านหลังเวทีทันที

ผ่านไปเกือบ ๆ ชั่วโมงหนึ่งได้ สารวัตรรัฐนนท์ที่ยืนคุยอยู่กับดนัยว่าเขามีเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการซักซ้อมทุกอย่างให้พร้อมที่สุด ก่อนจะออกปฏิบัติการ ดนัยให้คำมั่นสัญญาว่า ทุกอย่างจะไม่ถูกแพร่งพรายไปไหน ทุกอย่างในคืนนี้ จะเหมือนกับคืนปกติของทางบาร์นางโชว์เท่านั้น ก่อนที่ได้ยินเสียงฮือฮาดังขึ้นมาจากทางหน้าบาร์

ชนธัญนั้นมือไม้สั่นไปหมด เมื่อมีสายตาของบรรดาลูกค้าในบาร์จับจ้องมาที่เขาแบบไม่วางตา ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องแต่งตัวที่ด้านหลังเวทีมานั้น ชนธัญเห็นตัวเองในกระจก แล้วก็ต้องทึ่งกับฝีมือการเปลี่ยนทุกอย่างให้ใกล้เคียงกับความต้องการของทางทีมได้น่าประหลาดใจขนาดนี้

“เวิร์ก อิท เวิร์ก อิท เกิร์ล” เหล่านางโชว์ตะโกนเตือน สิ่งที่พวกเธอสอนชนธัญเกี่ยวกับแอทติจูดที่มาพร้อมลุคที่เขาแต่งอยู่ในตอนนี้ ตั้งแต่ในห้องแต่งตัว ชนธัญหลับตาลง สูดหายใจเข้าจนลึก ได้ยินเสียงหนึ่งในทีมสั่งสกรูไดรเวอร์ ก่อนที่หนุ่มหน้าใสจะลืมตาขึ้น แล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกไปที่ไฟหน้าบาร์ จนมีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากความชอบและพึงใจ

สารวัตรรัฐนนท์ตะลึงตาค้าง เมื่อบรรดาลูกค้าของบาร์แหวกทางออก จนทำให้สารวัตรหนุ่มหล่อมองเห็นคนที่ยืนอยู่ที่หน้าบาร์ ดนัยเองยังต้องออกปากร้องว้าวออกมา เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นนั่นคือชนธัญ ก่อนที่สารวัตรรัฐนนท์จะมองเห็นชนธัญเดินอย่างนวยนาด ในมือถือขวดเบียร์ข้างละขวด เดินตรงเข้ามาหา

ชนธัญเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสองคน นางโชว์ที่ช่วยกันแปลงโฉม แต่งให้ชนธัญคือสาวสองก๋ากั่นตามข้อมูลที่ได้รับมา มองตามหนุ่มหน้าใสด้วยความภาคภูมิใจ ด้วยว่าแอทติจูดที่เพิ่งสอนชนธัญไป ดูจะพรั่งพรูแสดงออกมาจากตัวชนธัญ มากจนน่าประทับใจ

“เชียส” ดนัยจับขวดเบียร์เย็นเฉียบจากมือของชนธัญ ที่ยื่นมันมาแนบเข้ากับแผงอกของเขาพอดี “สตาร์” มันเป็นสิ่งที่นางโชว์อย่างสตาร์ทำกับเขา ที่ดนัยจำได้ดี ก่อนจะเห็นชนธัญหันไปทางสารวัตรรัฐนนท์ ที่ยื่นมือออกมารับขวดเบียร์ไปถือเอาไว้ “เราเจอกันอีกแล้วนะพ่อหนุ่ม” สารวัตรหนุ่มหล่อมองดูชนธัญที่ไม่ได้มีท่าทางเหมือนชนธัญ เฉกเช่นเดียวกับคืนวันนั้น ณ สถานที่เดียวกันนี้

เสียงเพลงดังขึ้น ชนธัญเดินขึ้นไปบนเวที ไฟสปอตไลต์ส่องจับไปที่หนุ่มหน้าใส ที่ตอนนี้กลายเป็นนางโชว์ทรงเสน่ห์ บั้นท้ายอวบอั๋น ที่กำลังโยกย้ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงที่เร่งเร้าและรุ่มร้อน เสียงเชียร์จากลูกค้าในบาร์ ยิ่งทำให้การเต้นของชนธัญที่ทุกคนเห็นบนเวที โหมกระพือพัดเร่งเร้าความต้องการลึก ๆ ภายในใจของใครต่อใครให้ลุกโชน

แม้แต่เหล่านางโชว์เองยังมองชนธัญแบบตาค้าง กับความเป็นมือโปรเมื่ออยู่บนเวที ไม่ต้องพูดถึงสารวัตรรัฐนนท์ที่แอบกลืนน้ำลายไปหลายอึก จนดนัยต้องพูดแซวว่า สมใจสารวัตรแล้วมั้ย ชนธัญรู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่เพลงกำลังใกล้ถึงท่อนท้าย ๆ เขารู้สึกว่า เขาเดินบนรองเท้าส้นสูงได้คล่องแคล่ว ราวกับว่ามันเป็นเรื่องประจำที่ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เสื้อเปิดไหล่ร่นไปอยู่ที่ต้นแขน รู้สึกเหมือนกับว่าเขาเห็นนางโชว์สะคราญคนหนึ่ง เดินจากตรงที่ชนธัญยืนอยู่ กลับเข้าห้องแต่งตัวด้านหลังเวที เมื่อชนธัญเหลียวไปมองทางด้านหน้าเวทีอีกครั้ง เมื่อเสียงเพลงได้จบลง

**************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Man! I Feel Like A Woman - Shania Twain

https://www.youtube.com/watch?v=ZJL4UGSbeFg


Let's go girls

เอาเลยสาวสาว

C'mon

มากันเถอะ


I'm goin' out tonight, I'm feelin' alright

ฉันว่าจะออกย่ำราตรี คืนนี้มันได้พอดี

Gonna let it all hang out

จะออกไปสังสรรค์สักหน่อยเป็นไร

Wanna make some noise, really raise my voice

อยากปลดปล่อยสำเนียง อยากร้องโต้สุดเสียง

Yeah, I wanna scream and shout, uh

ใช่ อยากตะโกนอยากกรี๊ดตามใจ


No inhibitions, make no conditions

ไม่มีการยับยั้งควบคุม ไม่มีข้อแม้แผ้วพาน

Get a little outta line

ออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง

I ain't gonna act politically correct

ขอเว้นความถูกต้องที่คนอื่นมองสักคืน

I only wanna have a good time

ก็แค่อยากจะสนุกสนานเฮฮาเท่านั้น


The best thing about bein' a woman

สิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเป็นผู้หญิง

Is the prerogative to have a little fun and

คือเอกสิทธิ์สำคัญที่จะหาความสุขใส่ตัว


Oh, oh, oh, go totally crazy, forget I'm a lady

โอะโอ๊ย เอาเลยบ้าบอกันไป ลืมไปก่อนต้องสงวนท่าทีสาวงาม

Men's shirts, short skirts

เสื้อเชิ้ตสวมใส่ กระโปรงสั้นสุดใจ

Oh, oh, oh, really go wild, yeah, doin' it in style

จัดไปให้สุด ใช่ มันต้องแนวนี้แหละคราวนี้


Oh, oh, oh, get in the action, feel the attraction

ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ เมื่อรู้สึกต้องตาต้องใจ

Color my hair, do what I dare

ย้อมผมสีสวย ทำในสิ่งที่เคยแต่ถูกท้า

Oh, oh, oh, I wanna be free, yeah, to feel the way I feel

ปล่อยตัวเองเป็นอิสระ ในแบบที่ตัวเองรู้สึกจริงจริง

Man, I feel like a woman (hey!)

เป็นชายก็รู้สึกว่าเป็นหญิงได้


The girls need a break, tonight we're gonna take

สาวสาวต้องได้พักผ่อน คืนนี้นี่แหละคือคืนนั้น

The chance to get out on the town

โอกาสที่ได้ย่ำราตรีไปทั่วเมือง

We don't need romance, we only wanna dance

ยังไม่คุยเรื่องรักเอาไว้ก่อน จูงกันมาเต้นอย่าขาดตอน

We're gonna let our hair hang down

ปล่อยผมสยายเต็มไหล่ปล่อยมันไป


The best thing about bein' a woman

สิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเป็นผู้หญิง

Is the prerogative to have a little fun and

คือเอกสิทธิ์สำคัญที่จะหาความสุขใส่ตัว


Oh, oh, oh, go totally crazy, forget I'm a lady

โอะโอ๊ย เอาเลยบ้าบอกันไป ลืมไปก่อนต้องสงวนท่าทีสาวงาม

Men's shirts, short skirts

เสื้อเชิ้ตสวมใส่ กระโปรงสั้นสุดใจ

Oh, oh, oh, really go wild, yeah, doin' it in style

จัดไปให้สุด ใช่ มันต้องแนวนี้แหละคราวนี้


Oh, oh, oh, get in the action, feel the attraction

ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ เมื่อรู้สึกต้องตาต้องใจ

Color my hair, do what I dare

ย้อมผมสีสวย ทำในสิ่งที่เคยแต่ถูกท้า

Oh, oh, oh, I wanna be free, yeah, to feel the way I feel

ปล่อยตัวเองเป็นอิสระ ในแบบที่ตัวเองรู้สึกจริงจริง

Man, I feel like a woman (hey!)

เป็นชายก็รู้สึกว่าเป็นหญิงได้


Act totally crazy

ทำไปเหมือนคนเพี้ยนซ่า

Can you feel it?

รู้สึกกับมันบ้างหรือเปล่า

Come, come, come on baby

มาเถอะ มาเลยคนดี

I feel like a woman

คืนนี้เป็นผู้หญิงเต็มตัว
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๖. CATFISH _ 10.18.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 18-10-2023 19:15:02

Crime and Love Scene Investigation


๕๖. CATFISH



เรย์รู้สึกหงุดหงิดพอสมควร ที่เห็นอยู่ ๆ เขาก็โดนคนที่เพิ่งจะนัดกันเป็นอย่างดีในแอพ ทำการบล็อกแอคเคาท์เขาเสียอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เขากำลังจะออกไปตามสถานที่และเวลาที่ว่าเอาไว้อยู่พอดี ใจหนึ่งอยากจะส่งข้อความไปด่าให้สาสมใจ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหน้าข้อความแชท มันได้หายไปจากลิสต์ของคนที่เคยคุยด้วยไปแล้ว

ชายหนุ่มหลับตาข่มความโกรธ ก่อนจะไถหน้าจอ มองหาคนใหม่ที่จะคุยด้วยต่อไป เพราะความต้องการของเรย์ในตอนนี้ กำลังพลุ่งพล่านเกินกว่าจะสงบลงได้ด้วยตัวเอง เขาต้องการคนมาช่วยดับไฟราคะที่ลุกโชนอยู่ในตอนนี้ เรย์ยอมรับกับตัวเองอย่างไม่อายเลยว่า ตอนนี้เขารู้สึกงุ่นง่านมากที่สุดเลยก็ได้

“ถามกันจังว่ากูหาอะไร พอกูบอกไป พวกมึงก็ทำเงียบ ไม่คุยต่อ ป๊อดแบบนี้ จะเข้ามาเล่นแอพนี้กันทำไมวะ” เรย์บ่นพึมพำออกมา แต่ต้องใช้เสียงไม่ดังมากนัก เนื่องจากคอกโต๊ะทำงานของเขา อยู่เยื้องมาทางด้านหลังของออฟฟิศ โดยที่คอกข้าง ๆ ของเขานั้นไม่มีใครนั่งอยู่ แต่ที่ด้านหน้านั้นนั่งกันอยู่เต็ม ดีอย่างหนึ่ง ที่เขามองเห็นออฟฟิศเกือบทั้งหมด และไม่ต้องระแวงว่าใครจะโผล่มาทางด้านหลังที่เขานั่งอยู่

เรย์พิมพ์สวัสดีทักทายไปอีกสองสามคน ตอนนี้ระดับของมาตรฐานในการนัดคนจากในแอพนี้ขงเขา ดร็อปลดลงโดยอัตโนมัติ ด้วยความต้องการที่จะต้องได้เดี๋ยวนี้ตอนนี้ มันกำลังบดบังอะไรหลาย ๆ อย่างจากความคิดปกติของเขาไปในฉับพลัน แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ความหงุดหงิดมีมากขึ้น เมื่อยังไม่เห็นว่าคนที่เขาทักไป ที่ปุ่มเขียวออนไลน์ทั้งหลาย ส่งข้อความกลับมาหาเขาเลยสักคน

“ทำไมวันนี้มันถึงได้เงียบขนาดนี้วะ ทีกูต้องทำงาน แวบหลบออกไปได้ แม่งทักกันมาจัง” เรย์นึกถึงเวลาที่เขาปลีกตัวไม่ได้ แต่ข้อความจากแอพเด้งเตือนขึ้นมารัว ๆ จนนับไม่ถ้วน แต่แน่นอน มันจะเป็นเฉพาะในวันเวลาที่เขามักจะติดงานอยู่เสมอ พลาดโอกาสการเล่นอะไร ๆ สนุกไปเสียทุกที

หลังจากต้องรีบคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงกับโต๊ะทำงาน เพื่อคุยกับพี่ผู้จัดการฝ่าย ที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาทักเขาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง จนต้องนึกด่าในใจ ว่าเป็นหัวหน้าที่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย และที่ออฟฟิศนี้ ก็ด้อยมากเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัวของพนักงาน เรย์ก็หยิบเอามือถือขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง

บนหน้าจอ มีแจ้งเตือนข้อความที่ส่งมาจากแอพ เรย์รีบกดเข้าไปดู มันไม่ใช่ข้อความจากคนที่เขาทักไปก่อนหน้า แต่มาจากคนที่แสดงสถานะว่ากำลังออนไลน์อยู่ และไม่ไกลจากออฟฟิศของเรย์เช่นกัน ข้อความนั้นทักมาถามอย่างตรง ๆ ว่า เรย์พร้อมเล่นสนุกด้วยกันมั้ย เรย์กำลังจะยิ้ม แต่เมื่อกดเข้าไปดูในโปรไฟล์ ก็ไม่มีรูปอะไรลงเอาไว้เลย

เรย์ส่งข้อความไปถามหารูปของอีกฝ่าย ก่อนจะมีข้อความส่งกลับมา ว่าขอให้เป็นความลับระหว่างกัน ห้ามเอารูปที่ส่งให้ดูไปให้ใครดู หรือส่งต่อไปให้คนอื่น เพราะอีกฝ่ายเอง ก็ใช้แอพนี้อย่างลับ ๆ ไม่มีใครรู้ว่ามีรสนิยมชอบอะไรแบบนี้ เรย์รู้สึกอยากหัวเราะเยาะ ไม่ได้เชื่อคำพูดอะไรของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ความคิดของเขาบอกว่า มันก็เหมือนกับที่เรย์เคยเจอคนก่อน ๆ หน้า บอกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง แต่อยากลองเล่นแอพนี้ดูนั่นแหละ ก็แค่เพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองเท่านั้น

แต่รูปที่ส่งมาให้เรย์ดูนั้น ทำให้เรย์ถึงกับชอบในตัวของอีกฝ่ายทันที ความหนึบหนับของหนั่นเนื้อบั้นท้าย ทำเอาเรย์ถึงกับตื่นตัวแข็งขยายขึ้นมาในทันที ยิ่งหน้าตาของอีกฝ่ายน่ารักไม่หยอกด้วยแล้ว เรย์รีบถามกลับไปว่า อยากเจอกันมั้ย ที่บนดาดฟ้าตึกที่ขาทำงานอยู่นี้ เรย์เคยแอบขึ้นไปสูบบุหรี่ เพราะขี้เกียจลงไปตรงที่ทางอาคารจัดไว้ให้ ดาดฟ้านั้นง่ายสำหรับเขามากกว่า และมั่นใจได้ว่าปลอดคน

แต่คำตอบที่กลับมาบอกกับเรย์ว่า อีกฝ่ายยังเขินและอายอยู่มาก ยิ่งตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลากลางวันอยู่ด้วย แถมเพิ่งเริ่มเล่นแอพนี้ ขอเป็นที่แบบปิดก่อน พอให้คุ้นชินกันแล้วค่อยขยับเพิ่มความตื่นเต้นเพิ่มหลังจากนั้น ถ้าเรย์ตกลง ก็ให้มาเจอกัน ที่ห้องน้ำสาธารณะในห้างขายส่งที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศตรงนั้น

เรย์ชั่งใจ เมื่อได้เห็นข้อความตอบกลับมาแบบนั้น เพราะใจจริงแล้ว เขาไม่ได้ชอบทำเรื่องตื่นเต้นตามห้องน้ำแต่อย่างใด เพราะรู้สึกว่ามันไม่น่าอภิรมย์แต่อย่างใด การเล่นแอพนี้ของเรย์ คือการสำรวจอารมณ์ด้านมืดของเขาที่มีต่อกิจกรรมความสุขในที่สาธารณะ แบบเปิดโล่ง แบบอิสระไม่มีอะไรมาขวางกั้น มันเป็นแรงขับทางด้านอารมณ์ ที่ทำให้เขารู้สึกตื่นตัวและมีความสุขกับมันมาก กับทุก ๆ นัดที่ได้ไปเจอคนที่ชอบแบบนี้เหมือนกัน

ความต้องการที่จะปลดปล่อยชนะความคิดอื่นของเรย์ลงได้ ด้วยความที่เรย์ไม่ได้ช่วยเหลือให้ตัวเขานั้น ถึงจุดหมายปลายทางเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในเวลาเป็นสัปดาห์ผ่านมา รู้ตัวอีกที เรย์ก็ส่งข้อความตกลงนัดเจอกับอีกฝ่ายไปแล้ว เรย์ใจเต้นแรง ทั้งจากแรงขับทางเพศ รวมทั้งสถานการณ์และสถานที่ที่เขาจะออกไปทำในตอนนี้

เรย์หลบออกจากออฟฟิศมา โดยไม่มีใครทันได้สังเกต หรือหากตอนเขากลับไปถึงที่ทำงาน การบอกแค่ว่าเขาออกไปหาข้อมูลงาน ด้วยสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงที่ขึงขังดูจริงจัง คนสมัยนี้ก็แทบจะเชื่อโดยไม่สงสัยอะไรแล้ว แค่พูดแล้วฟังดูดีเข้าไว้ เรย์นึกชอบใจเสมอ เวลาบรรดาเพื่อร่วมงานของเขา เคลิ้มไปกับคำพูดที่ฟังง่ายแต่เข้าใจยาก ที่เขาสรรหาคำเยิ่นเย้อแต่ไม่มีความหมายอะไรเลย มาพูดรวม ๆ ให้ดูฉลาดและเก๋ ๆ เข้าไว้

ไม่นานเรย์ก็เดินมาถึงห้างขายส่งแห่งนั้น เขาเดินเข้าไปที่ชั้นหนึ่งของห้าง ก่อนจะเลี้ยวไปทางด้านข้าง เพื่อตรงไปยังห้องน้ำที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง เรย์กวาดสายตาไปจนทั่วตรงทางเดินด้านหน้าห้องน้ำ ไม่มีใครเลยสักคน โดยเฉพาะบรรดาแม่บ้านและพนักงานรักษาความปลอดภัย มันเงียบเชียบดีจริง ๆ เรย์คิด

สายตาของเรย์นับเรียงห้องน้ำ จากด้านนอกเข้าไปเป็นห้องที่สาม ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องนั้น แล้วปิดประตูตามหลัง ห้องน้ำไม่ได้มีความสะอาดอะไรมากมายนัก เรย์ปิดฝาโถนั้นลงมา ก่อนจะนั่งลงไปทั้งอย่างนั้น ผนังรอบด้านของห้องน้ำ มีข้อความสัปดนหลากหลายจารึกเอาไว้ พอได้อ่านเพลิน ๆ หากว่าเกิดเข้ามาทำธุระหนักเบาในนี้จริง ๆ มีเบอร์โทรศัพท์หลายเบอร์เขียนฝากเอาไว้ โดยไม่รู้ว่าเบอร์เหล่านั้น เจ้าของเบอร์เป็นคนเขียนเอง หรือว่าโดนแกล้งโดนอำกันไปกี่รายแล้ว

เรย์อ่านหลายข้อความนั้น มันทำให้เขาเกิดอารมณ์ขึ้นมาแบบไม่น่าเชื่อ บางบทกลอนทำเอาให้ต้องจินตนาการตามไปด้วย จนเห็นภาพชัดเจน กระตุ้นเร้าความรู้สึกได้ฉมังนัก เรย์ไม่รอช้ารูดซิปกางเกงสแล็คใส่ทำงานลง ก่อนจะเผยเรย์น้อยออกมาจากด้านข้างของกางเกงชั้นใน สาวมือขึ้นลงอย่างช้า ๆ เป็นจังหวะ จนบางอย่างพอก๋าจนเต็มมือตัวเขาเอง

เสียงเดินเข้ามาจากด้านนอก ก่อนเรย์จะได้ยินห้องน้ำทางด้านซ้ายมือของเขาในตอนนี้ ปิดประตูและล็อกตามหลัง ใจของเรย์เต้นแรง ตอนนี้ตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาไปหมด เสียงปลดปล่อยน้ำจากกระเพาะปัสสาวะลงโถดังให้ได้ยิน เรย์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ตามความรู้สึกถูกเร่งเร้ามากขึ้นเรื่อย ๆ

เรย์เฝ้ารอ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็ต้องให้ผิดหวัง เพราะเขาได้ยินเสียงห้องข้าง ๆ ขยับใส่เข็มขัด ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินออกไป พอดีกับที่มีเสียงเดินของอีกคนหนึ่งสวนเข้ามา เรย์มองตามเสียงของคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ที่ล็อกประตูห้องน้ำทางขวามือที่เป็นห้องด้านในสุดตามหลัง เรย์ก้มลงมองที่พื้นห้องน้ำ เห็นเงาของคนในนั้นขยับไปมา ก่อนจะมีข้อความส่งจากแอพเด้งเข้ามาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ

เรย์ก้มลงอ่าน ข้อความบอกว่าให้เขาเริ่มเลย ก่อนที่หางตาของเรย์จะเห็นว่า กระดาษทิชชูที่ยัดอยู่ตรงรูบนผนัง ถูกดึงออก พร้อมที่จะให้เขาหยิบยื่นแท่งทวนแห่งความหรรษา ข้ามฝั่งไปให้อีกฝั่ง เพื่อถูกปรนเปรอความสุขให้ แต่เรย์รู้สึกว่า เขาไม่พร้อมที่จะทำแบบนั้น จึงส่งข้อความไปบอกว่า ให้อีกฝ่ายรีบเข้ามาในห้องน้ำเดียวกันกับเขานี่ดีกว่า

อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป ทั้งบนแอพและในห้องน้ำด้านข้าง เรย์ใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่ผนังห้องน้ำ เหมือนเตือนและถามอีกฝั่งกลับไปว่า จะเอายังไง สักพักเรย์ก็เห็นเงาที่พื้นห้องน้ำข้าง ๆ ขยับยืนขึ้น ก่อนจะมีเสียงปลดล็อคตามมา แล้วก็มีเสียงเรียกจากหน้าประตูห้องน้ำ ให้เรย์รีบเปิดให้ เรย์ลุกขึ้นยืน ไม่ได้เก็บแท่งทวนที่แข็งปั๋งกลับเข้ากางเกงแต่อย่างใด

ทันทีที่ประตูห้องน้ำทางฝั่งเรย์ถูกเปิดออก ก็มีแรงผลักประตูนั้นเข้ามาดันกลับจนเรย์ต้องนั่งลงบนฝนโถอีกครั้ง เรย์ก้มลงมองที่หว่างขาของตัวเอง ที่กำลังถูกซุกไซ้พยายามเอาแท่งที่แข็งขืนของเขาเข้าปาก คนที่กำลังนั่งคว่ำหน้าลงกับหน้าขาของเขาอยู่ในตอนนี้ เรย์ไม่คิดว่า จะใช่คนเดียวกันกับที่เขาเห็นในรูปแต่อย่างใด

“เฮ้ย นี่มันเชี่ยอะไรกันเนี่ย” เรย์ปัดป้องตัวเองได้ทัน ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้กลืนแท่งสงวนแข็งขันของเขาเข้าปากไป เรย์กุมความแข็งขืนของตัวเองเอาไว้ด้วยมือหนึ่ง อีกมือก็กระชากประตูห้องน้ำให้เปิดออก เรย์แทรกตัวออกจากตรงนั้นได้อย่างยากลำบาก เพราะความใหญ่โตของร่างกายอีกฝ่ายขวางเอาไว้

“มาสิ แตกในปากก็ได้” หนุ่มร่างใหญ่ส่งเสียงและสายตาเว้าวอน เพราะรู้สึกว่าเรย์นั้นช่างโดนใจทั้งหน้าตาและความเป็นชายที่ได้เห็น “กูจะเตะปากมึงแตกเข้าให้สิไม่ว่า” เรย์ด่ากลับป มือก็จัดการจัดเก็บน้องชายกลับเข้าที่ ก่อนจะรูดซิปกางเกงสแล็ค “พูดดี ๆ ก็ได้ ก็เงี่ยนเหมือนกันทั้งคู่นั่นแหละ อย่ามาทำพูดดีไป” ชายร่างอ้วนใหญ่พูดสวนกลับมา

“นั่นกูไม่เถียง แต่กูก็ไม่หน้ามืดมากพอ ไม่ได้เอารูปคนอื่นมาใช้หลอกคนอื่นในแอพแบบนี้เหมือนมึง” เรย์นั้นทั้งหงุดหงิดที่โดนหลอก ทั้งงุ่นง่านที่ยังไม่ได้ปลดปล่อย “โธ่เอ๊ย มึงก็หาแดกตามห้องน้ำเหมือนกับกูนี่แหละ ไม่ได้แตกต่างจากกูเท่าไหร่เลย” เรย์ได้ยินเสียงด่าทออะไรอีกมากมายตามหลังเขามา แต่ถึงตอนนี้ เรย์ไม่ได้อยู่ฟังแล้ว รีบเดินออกจากห้างนั้นมาให้เร็วที่สุด

ขณะที่เรย์ที่กำลังหัวเสีย เดินออกจากห้างด้วยความเร่งรีบนั้น เสียงข้อความเข้ามาจากแอพก็ดังขึ้น เรย์คิดในใจ ว่าถ้าเป็นไอ้อ้วนเผละนั่น เขาจะด่ามันให้สะใจเลย แต่พอเรย์อ่านข้อความนั้น มันคือคนที่บล็อกเขาไปเมื่อก่อนหน้านี้ ส่งข้อความมาบอกขอโทษ และถามเขาว่า ยังสนใจจะมาเจอกันอยู่มั้ย เรย์มองข้อความนั้นอย่างชั่งใจ

ก่อนที่จะมีข้อความใหม่ส่งตามมา มันเป็นพิกัดของบาร์แห่งหนึ่ง ที่อีกฝ่ายระบุว่าเป็นบาร์ลับ รู้กันเฉพาะวงใน ถ้าหากยังอยากจะเจอ นั่งดื่มกันสักหน่อย และสนุกกันหลังจากนั้น คืนนี้ก็มาเจอกันได้ตามสถานที่ที่ส่งมาให้ เรย์กำลังประมวลผลกับคำเชิญชวนนั้น นี่เขาเพิ่งโดนหลอกไปหยก ๆ ยังจะเชื่อคำพูดคนในแอพได้อยู่อีกหรือ แต่จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ที่เขานั้นเคยสุขสมอารมณ์หมายมาตลอด มันก็มาจากแอพนี้ทั้งนั้นนี่นา

*********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Get This Party Started - P!NK

https://www.youtube.com/watch?v=1bfLou9Y2BU


I'm comin' up so you better get this party started

ฉันมาแล้ว ปาร์ตี้นี้ควรจะพร้อมได้สักที

I'm comin' up so you better get this party started

ฉันมาแล้ว ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแล้วคราวนี้


Get this party started on a Saturday night

ปาร์ตี้มันมันจัดกันในคืนวันเสาร์

Everybody's waitin' for me to arrive

ใครใครต่างก็รอการมาถึงของฉัน

Sendin' out the message to all of my friends

ส่งข้อความเทียบเชิญไปยังบรรดาเหล่าเพื่อน

We'll be lookin' flashy in my Mercedes Benz

เฉิดฉายวูบวาบกันมาในเมอซีเดสเบนซ์

I got lotsa style, check my gold diamond rings

รูปโฉมแบบมีสไตล์ ดูก่อนทั้งสร้อยทองแหวนเพชร

I can go for miles if you know what I mean

ยังอวดกันได้อีกเยอะ ถ้ารู้ว่าฉันพูดถึงเรื่องอะไรนะ


Pumpin' up the volume, breakin down' to the beat

เพิ่มเสียงเพลงให้ดังขึ้นอีก เอาให้ลำโพงแตกกันไปข้าง

Cruisin' through the west side

เลาะไล่เลี้ยวกันมาทั้งย่านนี้

We'll be checkin' the scene

เพื่อดูว่าซีนไหนโหดซีนไหนเจ๋ง

Boulevard is freakin' as I'm comin' up fast

พื้นที่ติดเทรนด์ต้องสั่นสะท้านเมื่อฉันมาถึง

I'll be burnin' rubber, you'll be kissin' my ass

ล้อหมุนบดถนนควันโก๋ ใครขับตามหลังก็ได้แต่ตามก้นล่ะนะ

Pull up to the bumper, get out of the car

จอดชิดคันหน้าเป็นไรไป ก่อนจะลงมาอย่างเท่เท่

License plate says "Stunner number one Superstar"

ป้ายทะเบียนบอกเลย รถของคนที่มันคือซูเปอร์สตาร์คับฟ้า


Makin' my connection as I enter the room

เดินเข้าไปด้านในใครใครก็อยากจะทำความรู้จัก

Everybody's chillin' as I set up the groove

ทุกคนนั้นทึ่งเมื่อฉันจัดแจงบรรยากาศสุดมัน

Pumpin' up the volume with this brand new beat

เพิ่งเสียงเพลงให้กระหึ่มด้วยท่วงทำนองใหม่ล่าสุด

Everybody's dancin' and their dancin' for me

ต่างคนก็ต่างเต้น แต่ทุกคนต่างวาดลวดลายเพื่อฉัน

I'm your operator, you can call anytime

ฉันเป็นศูนย์รวมให้ทุกคนเรียกร้องเข้ามา

I'll be your connection to the party line

ฉันคือคนกลางสำหรับปาร์ตี้คลั่งไคล้
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๗. ANTICIPATION _ 10.22.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 22-10-2023 19:30:35

Crime and Love Scene Investigation


๕๗. ANTICIPATION



มีข้อความแจ้งเตือนจากแอพที่ติดตั้งเอาไว้เข้ามาอย่างล้นหลาม จำนวนข้อความสีแดงเหล่านั้นยาวเต็มพรืดอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ในใจเต้นตึกตัก นึกประหม่าไม่น้อยเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย ที่ได้รับข้อความจากคนแปลกหน้ามากมายจนเกินคาดขนาดนี้

ผู้ชายมากหน้าหลายตาส่งข้อความทักทายมาหา บ้างก็แนะนำตัว เอ่ยถามคำถามแบบทั่วไป หลายคนเริ่มต้นทักทายพร้อมกับคำพูดหยั่งเชิง แบบให้ต้องคิดและแปลความหมายตามไปด้วย แต่ข้อความจำนวนไม่น้อยที่ได้อ่าน ก็เปิดเผยแบบตรงเสียยิ่งกว่าตรง ประเภทคำถามฮาร์ดคอร์โดยไม่เหลือพื้นที่ว่างให้ต้องเดาต่อแต่อย่างใด

ดิวที่ไม่ได้เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตกใจอะไรแล้วในตอนนี้ กับการใช้แอพที่ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไล่สายตามองไปยังรายชื่อที่พอจะเข้าตาเขาเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ เขาก็แค่นิ่งเฉยใส่ ไม่ได้ตอบข้อความกลับอะไรไป นอกจากข้อความตอบรับการทักทายตามมารยาท ส่วนที่ไม่เข้าตาจริง ๆ ก็แค่ไม่แยแส แค่นั้น ถ้ายังวอแวมากจนเกินไป ก็ไม่ลังเลที่จะบล็อกให้พ้นตาไปในทันที

จนมาถึง เรย์ ผู้ชายคนนี้ ที่พอคุยด้วยแล้ว มันทำให้ดิวเริ่มรู้สึกวาบหวามระคนหวั่นไหวมากขึ้นทุกที ๆ อะไรบางอย่างในตัวของเรย์ทำให้ดิวเริ่มเกิดอารมณ์ความต้องการ จากที่พยายามควบคุมตัวเอง เลี่ยงคุยไปในเรื่องอื่น ทางอื่น ก็อดไม่ได้ที่จะต้องวกกลับมาคุยถึงวัตถุประสงค์จริง ตามที่คนที่เข้ามาเล่นในแอพนี้นั้นต้องประสงค์เอาไว้

มันคงไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตา อายุ หรือเพียงแค่รูปถ่ายอวัยวะเพศอันอวบใหญ่ตอนแข็งขันตื่นตัว ที่น่าจับต้องแบบสุด ๆ ที่เรย์ส่งมาให้ดิวดูเท่านั้น ที่ทำให้ดิวรู้สึกรุ่มร้อนที่อยากจะออกไปเจอเขา แต่มันเป็นด้วยประสบการณ์ก่อนหน้าของเรย์ ที่เล่าให้ดิวได้รับรู้ ว่ามันทั้งตื่นเต้นและหฤหรรษ์ขนาดไหน กับการปลดปล่อยตัวตนของตัวเองอย่างไร้ขีดจำกัด

ดิวอ่านข้อความจากเรย์ ที่ตอนนี้เห็นแล้วว่า อีกฝ่ายไม่อ้อมค้อมอะไรอีกต่อไป ก็ในเมื่อแอพนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้คนที่มีรสนิยมทางเพศตรงกันในแบบสถานที่คือโลกด้านนอกนั่น ได้ส่งข้อความและแลกเปลี่ยนไอเดียในการนัดกันทำกิจกรรม ที่เรียกว่าการเอาท์ดอร์ อย่างที่สร้างความตื่นเต้นชอบพอกันทั้งสองฝ่าย

ดิวอ่านตัวเลือกจากเรย์ที่ส่งมาให้ สวนสาธารณะหรือจะเป็นบ้านร้าง ทำให้เขานิ่งไปพักหนึ่ง กำลังชั่งใจว่าจะเป็นที่ไหนดี ก่อนที่เสี้ยวแห่งความลังเลจะแวบผ่านเข้ามาในห้วงความคิดเช่นกัน ก่อนจะย้อนถามตัวเองกลับไปว่า จะตอบตกลงออกไปยังสถานที่ที่ตัวเองเลือกจริง ๆ ใช่มั้ย ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกไหนก็ตาม

และพอเรย์ที่เห็นว่าดิวเงียบหายไปนานพอสมควร ไม่ได้ตอบกลับข้อความเขาอย่างทันทีเรียวไทม์เหมือนก่อนหน้า ดิวก็รับข้อความตามมาจากเรย์ และคราวนี้เหมือนเป็นการย้ำเตือนถึงสิ่งที่เรย์นั้นเสนอ คลิปสั้น ๆ ของเรย์ที่แสดงถึงความเป็นชายที่แข็งขัน มันอยู่ในมือของเรย์ที่กำลังเลื่อนขึ้นเลื่อนลงอย่างช้า ๆ แสดงให้เห็นว่า ภาพถ่ายก่อนหน้านี้ที่เรย์ส่งให้ดิวดูนั้น เป็นของจริง และถ้าดิวออกมาเจอเขาตามที่นัดกัน รับรองได้ว่า ดิวจะได้สัมผัสกับเจ้าเรย์น้อยตัวอวบนี้อย่างแน่นอน

ไม่ใช่ว่าดิวใจจะไม่เต้นโครมคราม แต่นี่มันเป็นครั้งแรกที่เขาจะนัดเจอใคร เพื่อออกไปเล่นสนุกกันในที่เปิดโล่ง มันคือสิ่งที่คนเขาเรียกกว่า Fetish ที่ดิวนั้นเคยได้แต่ดูในคลิปตามเว็บในอินเทอร์เน็ต ความรู้สึกอะไรบางอย่างจากคลิปพวกนี้ ที่เหมือนเป็นแรงขับทางเพศที่ทำให้ดิวคิดและถามตัวเองดัง ๆ ว่า มันจะเป็นยังไง ตัวเขาจะรู้สึกแบบไหน ถ้าเขาทำอย่างในคลิปที่ได้ดูนั่น

แต่จู่ ๆ ความรู้สึกหวาดกลัวกลับพุ่งทะยานเข้ามาสู่หัวใจ ความรู้สึกขนพองตั้งจนยิบ ๆ ไปทั้งตัว ลามเข้าครอบคลุมความรู้สึก ในจิตใจถูกถล่มและกลบความรุ่มร้อนด้วยคำถามว่า ถ้าอย่างนั้น ถ้ามันดันเป็นแบบนี้ อะไรมันจะเกิดขึ้น นั่นกลับกลายเป็นว่า มันก็มากพอที่จะทำให้ดิวนั้น รีบกดบล็อกเรย์ในทันทีทันใด

ดิวที่ยืนอยู่กลางห้องนอน หันหน้าไปจ้องมองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ที่เขาวางคว่ำหน้ามันเอาไว้บนเตียงนอน หลังจากที่เดินกลับไปกลับมาจากชั้นวางของที่หัวนอน กับตู้เสื้อผ้าที่อยู่ถัดไปที่ปลายเตียง พยายามทำให้ใจนั้นสงบลง ความคิดทั้งหลายที่จะสามารถช่วยให้เขาคิดเรื่องนี้ได้ดีขึ้น จะได้เคลื่อนไหลเข้ามาช่วยดิวตัดสินใจในเรื่องนี้

ดิวใช้เวลาอยู่พักใหญ่เช่นกัน กว่าจะกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง เขาเข้าไปในครัว หาข้าวกลางวันกิน หาอะไรทำอยู่หลายอย่าง เพื่อบอกตัวเองว่า ถ้าเวลาผ่านไปและสิ่งอื่นนั้นดึงความสนใจของเขาจากเรื่องนี้ไปหมดแล้ว บางทีการสนทนากับเรย์ในแอพนั้น มันก็แค่เรื่องการพูดคุย ที่ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจจริงจังกับมันเลยสักนิด

แต่สมองตัวดีและใจที่เต้นแรง กลับย้ำเตือนตัวเองถึงภาพความอวบเขื่องที่เรย์หยิบยื่นข้อเสนอให้อยู่ไม่ขาด และดิวต้องยอมรับว่า มันเป็นขนาด สี ของด้ามดุ้นที่แค่เห็นเพียงครั้งเดียว ก็ติดตาและแทบจะตรึงอยู่ในความดิบอยากของความรู้สึกในทันที สุดท้ายแล้ว ดิวก็ทำการปลดล็อกแอคเคาท์ของเรย์ และส่งข้อความถามกลับไปหาอีกฝ่าย

ดิวมองเห็นข้อความของตัวเอง มันถูกขึ้นแสดงให้เห็นว่า ข้อความดังกล่าวพกนั้น เรย์ได้อ่านมันแล้ว แต่ดูท่าเรย์ยังคงนิ่งเฉย ไม่ได้มีข้อความตอบกลับมาในทันทีแต่อย่างใด ไม่แน่ ดิวคิด เรย์อาจจะโกรธเขาไปแล้วก็ได้ ที่อยู่ ๆ ก็โดนบล็อกไปเสียเฉย ๆ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้ง ๆ ที่ก็พูดคุยกันมาดี ๆ แท้ ๆ แถมการสนทนาก็เต็มไปด้วยคำพูดสร้างความเร้าอารมณ์ให้แก่กันและกัน เพื่อให้ผลสุดท้าย ต่างฝ่ายต่างก็อยากออกมาเจอกันจริง ๆ

ตอนนี้รู้สึกอยากขึ้นมาเองแล้วสิเรา ดิวไม่หลอกตัวเองอีกต่อไป เขาต้องการเรย์ แต่ติดที่ตอนนี้ มันดันพลิกผันไปว่า เรย์ยังต้องการเขาอยู่อีกหรือเปล่า ดิวส่งข้อความไปหาว่า มานั่งดื่มนั่งคุยกันก่อนก็ได้ มันมีบาร์ลับอยู่ที่หนึ่ง ที่เขาเห็นในอินเทอร์เน็ต มันดูลึกลับและมีบางอย่างเกี่ยวกับมัน ที่ทำให้เร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี อาจจะเป็นเพราะความใหม่และยังไม่เคยกับสถานที่ที่ยังไม่เคยไป ทำให้ดิวเลือกส่งที่อยู่บาร์แห่งนี้ไปให้กับเรย์

ดิวเลื่อนดูแอคเคาน์อื่น มีข้อความส่งมาไม่ขาดสาย มีหลายคที่ดูน่าสนใจเช่นกัน ว่าไม่ได้ แต่ยังไงก็ดูไม่ดึงดูดใจเท่ากับเรย์ในตอนนี้ แม้ว่าทุกคนพยายามขายความน่าสนใจให้กับดิวอย่างเต็มที่ ทั้งรูป ทั้งคลิป ที่พากันรุมส่งมาให้กับเขา แต่สายตาของดิวในตอนนี้ รอคอยให้ข้อความจากเรย์ส่งกลับมาหา

“แน่ใจหรือเปล่า ว่าจะลงตรงนี้” เสียงถามทำให้เรย์ที่นั่งอยู่เบาะหลังของรถแท็กซี่ ทำชะโงกชะเง้อมองออกไปด้านนอก เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจเช่นกัน ว่าเขามาถึงถูกที่หรือเปล่า “ผมก็ไม่แน่ใจ” เรย์ตอบออกไป ก่อนจะหันไปสบตากับคนขับรถ สายตาบ่งบอกถึงความลังเลไม่น้อย ที่จะต้องลงรถไปตรงนี้ เพราะยิ่งขับรถเข้ามาไกลจากถนนใหญ่ ก็แลดูว่ารถจะยิ่งน้อยลงตามไปด้วยเท่านั้น

“จีพีเอสว่ามาแบบนี้” เรย์เองก็มองดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แล้วบอกทางให้กับคุณลุงคนขับรถแท็กซี่มาตลอดทาง แรก ๆ ที่ขับมาเรย์ก็รู้สึกตื่นเต้นดีอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้อาการตื่นเต้นของเขาเปลี่ยนจากความรู้สึกที่กำลังจะไปเจอสถานที่ใหม่ คล้อยมาเป็นเหตุผลที่ว่า ตอนนี้เขาอยู่ส่วนไหนของเมืองกันแน่

“ผมลงตรงนี้ก็ได้ครับ” เรย์ตัดสินใจเปิดประตูก้าวลงจากรถ หลังจากยื่นเงินให้กับคุณลงคนขับ “แถมนี้มันเคยมีเรื่องเกิดขึ้นนะไอ้หนุ่ม” เสียงเตือนของคุณลุงดังตามมา เรย์ปิดประตูรถลงไปก่อนเสียงนั้น เขามองไปรอบ ๆ ตรงที่ยืนอยู่ มันก็ดูไม่ใช่สถานที่เปลี่ยวจนน่าขนลุกอะไรขนาดนั้น เพียงแต่เรย์รู้สึกว่า มันช่างเงียบเชียบอะไรขนาดนี้ หากว่าจะมีร้านใดร้านหนึ่งมาเปิดอยู่แถวนี้ บรรดาลูกค้าก็คงต้องขวนขวายหาทางมากันถึงนี่

เรย์หันไปมองด้านหลังอีกครั้ง เมื่อคุณลุงคนขับแท็กซี่ จอดรถมองเรย์อยู่สักพัก กลายเป็นคนลังเลเสียเองที่จะทิ้งผู้โดยสารที่มาด้วยกันเอาไว้ตรงนี้คนเดียว แต่สุดท้าย เรย์ก็ได้ยินเสียงออกรถแล้วแล่นจากไป เรย์กลับไปมองสถานที่ตรงหน้าอีกครั้ง เพราะถ้าหากให้เขาเดาเอง เขาบอกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าอาหารหลังไหนยังไงจะกลายเป็นบาร์เป็นผับอะไรไปได้

เสียงผู้ชายสองคนดังมาจากทางตรอกเล็ก ๆ ด้านหน้า เมื่อมองไปทางต้นเสียงที่ได้ยินนั้น ก็เห็นสองคนนั่น เดินเลี้ยวขวับเข้าไปด้านข้างของอาคารหลังนั้น ไวเท่าความคิดและคิดว่านั่นน่าจะเป็นทางเข้าของบาร์ เรย์รีบสาวเท้าเดินตามไป จนเขาเดินเลี้ยวไปเช่นเดียวกันกับที่เห็นสองคนก่อนหน้าเข้าไป

“เฮ้ย” มันไม่ได้มีอะไรตรงนั้น บ่งบอกว่ามีทางเข้าไปด้านในได้แต่อย่างใด เรย์งงอยู่ไม่น้อย เพราะเขามั่นใจในสิ่งที่เขาเห็น ก่อนจะได้ยินเสียงเพลงดังออกมาเบา ๆ เมื่อตอนที่เดินย้อนกลับออกมา ตรงนั้นเรย์เห็นประตูที่แง้มอยู่เล็กน้อย ที่ก่อนหน้านั้นเขามั่นใจว่ามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย

เรย์รีบผลักประตูนั้นให้เปิด ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ที่หน้าบาร์ทอมรุ่นใหญ่อารมณ์ป๋าไบค์เกอร์มองตรงมา เรย์เก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็ทำตัวกลมกลืนเหมือนกับว่าเขาเคยมาที่นี่แล้ว เดินไปที่บาร์ ทำท่ายืนนึกว่าจะดื่มอะไรดี ก่อนจะบอกทอมป๋าหน้าบาร์ไปว่า เขาของเบียร์เย็นเจี๊ยบขวดหนึ่ง ทอมป๋าพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปหยิบเอาเครื่องดื่มมาเปิดขวดแล้วยื่นให้กับเขา

เรย์รับขวดเบียร์มายกขึ้นดื่ม ก่อนจะต้องหยิบเงินจากกระเป๋าจ่ายค่าดริ๊งค์ เมื่อสายตาของทอมป๋านั้น จะหมายความเป็นอะไรไปไม่ได้เลย เรย์ทำหัวเราะให้กับทอมป๋าหน้ามุ่ยนั่น ก่อนจะหันกลับมองไปรอบ ๆ บาร์ สำรวจว่าตอนนี้มีใครบ้าง มีชายหนุ่มนั่งกันกระจายอยู่ทั่วร้าน เป็นกลุ่มบ้าง คนเดียวบ้าง ดูหนาตาพอสมควร

และแน่นอน กับคนที่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องดั้นด้นมาจนถึงที่นี่ เรย์ผิดหวังเล็กน้อยที่ตอนนี้เลยเวลานัดมาเล็กน้อยแล้ว แต่เขายังเห็นคนที่ต้องการมาเจอ ก่อนที่สายตาทุกคู่รวมถึงเรย์ด้วย จะหันไปมองที่ประตูหน้าร้าน เมื่อมันถูกเปิดออกและตอนนี้มีใครคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน และดูจะเป็นที่สนใจของทุกคนยืนอยู่

**********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

I Need To Know - Marc Anthony

https://www.youtube.com/watch?v=35swFE2hyzA


They say around the way you've asked for me

เขาว่ากันว่าคุณถามหาผมไม่หยุดหย่อน

There's even talk about you wanting me

เขายังลือกันให้แซ่ดว่าคุณต้องการเพียงแค่ตัวผม

I must admit that's what I want to hear

ผมต้องยอมรับเลยว่ามันหวานหูเป็นที่สุด

But that's just talk until you take me there, oh

แต่มันคงเป็นแค่คำพูดจนกว่าคุณจะมาเจอะเจอกันจริง


If it's true don't leave me all alone out here

เพราะถ้ามันจริง ก็อย่าปล่อยผมให้เดียวดายอยู่ตรงนี้

Wondering if you're ever gonna take me there

เพราะมันกังขาว่าคุณจะมาร่วมกันตรงนี้กับผมหรือไม่

Tell me what you're feeling 'cause I need to know

บอกผมมาทีว่าคุณรู้สึกแบบไหน เพราะตอนนี้อยากรู้ใจจะขาด

Girl you've gotta let me know which way to go

คนดีพูดมาเถอะว่าเราจะไปกันต่อกันแบบไหนดี


'Cause I need to know

เพราะผมต้องการรู้

I need to know

ผมใคร่อยากรู้

Tell me baby girl 'cause I need to know

บอกผมมาทีที่รัก ผมจำเป็นต้องรู้

I need to know

ผมต้องการรู้

I need to know

ผมต้องการได้ยิน

Tell me baby girl 'cause I need to know

บอกมาทีได้โปรด ผมต้องการรับรู้มัน


My every thought is of this being true

ในหัวผมตอนนี้คลั่งไปแล้วว่ามันคือเรื่องจริง

It's getting harder not to think of you

มันยิ่งยากมากขึ้นเรื่อยเรื่อยที่จะหักห้ามใจไม่ให้คิดถึง

Girl I'm exactly where I want to be

คนสวยผมมาหยุดยืนอยู่ตรงที่ผมต้องการมาแล้ว

The only thing is I need you here with me, oh

สิ่งเดียวที่ควรจะเกิดขึ้นก็คือตัวคุณอยู่กับผมตรงนี้
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๘. THE SHOW MUST GO ON _ 10.27.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 27-10-2023 19:05:43


Crime and Love Scene Investigation


๕๘. THE SHOW MUST GO ON



“มาที่นี่บ่อยมั้ยครับ น่ารักแบบนี้ ไม่เคยเห็นหน้าเลย” ชื่นจิตได้ยินคำถามนั้น ส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะยิ้มออกมา แล้วก้มลงดูดเครื่องดื่มจากแก้วที่ถืออยู่ในมือ สมองตอนที่กำลังเตือนชื่นจิตจากรสชาติและปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้าสู่ร่างกาย ว่ามันชักจะมีผลต่อร่างกายแล้วในตอนนี้ จนต้องตั้งสติดี ๆ ตอนวางแก้วลงบนโต๊ะที่อยู่ด้านหน้า

“เร้าอารมณ์ดีจังครับ เวลาเจอนิวบี้ เด็กใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในสถานที่แบบนี้” เสียงของชายหนุ่มคนเดียวกันกับที่หยอดเหรียญลงตู้เพลงให้ และตามมาที่หน้าบาร์ พูดกับชื่นจิตด้วยน้ำเสียงที่เปิดเผยว่า กำลังให้ความสนใจกับเธอเป็นอย่างมาก โดยที่ประโยคของเขาทำให้ชื่นจิตเริ่มคิดว่า หรือว่าชายหนุ่มอาจจะเป็นเป้าหมายที่ทีมกำลังตามหา

“ถ้าแน่ใจแล้ว พูดโค้ดลับออกมาได้ทันที ชื่นจิต” เสียงบอกจากอุปกรณ์หูฟังเตือนมาหา สารวัตรรัฐนนท์เองก็ไม่อยากให้ชนธัญนั้น ต้องปฏิบัติการยืดเยื้อเกินความจำเป็น หากว่าชนธัญเองมั่นใจแล้วว่า ผู้ชายคนนื้คือเป้าหมายอย่างที่ว่า “คุณชื่ออะไรคะ” สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับถอนหายใจพรวดออกมา เมื่อได้ยินชื่นจิตพูดแบบนั้น พลางเห็นมือที่ยื่นไปแตะที่หน้าอกของชายหนุ่มตรงหน้า

“เรย์ครับ” ไม่ตอบคำถามเพียงแค่นั้น รอยยิ้มที่ชอบใจ ที่อยู่ ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายแตะเนื้อต้องตัวมาแบบนี้ มันจะแปลความหมายเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากว่าคนงามตรงหน้าเขานี้ มีใจให้เขาด้วยเช่นกัน “ทำอะไรของคุณกันเนี่ย” สารวัตรรัฐนนท์พูดผ่านมาทางอุปกรณ์หูฟัง เมื่อเห็นชนธัญให้สัญญาณว่า เขาขอเวลาเพิ่มเติม จากการที่แตะหน้าอกของเรย์ ทั้ง ๆ ที่ตอนสารวัตรรัฐนนท์นัดแนะสัญญาณลับกัน สารวัตรหนุ่มหล่อไม่คิดว่า ชนธัญจะต้องใช้โค้ดลับนี้

“แล้วคุณล่ะครับ ชื่นจิตใช่มั้ย” ไอ้อาการก้อร่อก้อติกอย่างที่ผู้ชายด้วยกันดูออกในทันทีของเรย์ ที่แสดงออกมาผ่านกล้องสอดแนมจิ๋วบนชุดของชื่นจิต ทำให้สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับหลุดปากพูดออกมากับทีมงานตรงนั้น “ไอ้หมอนี่ มันเคลมแน่” ทีมงานตรงนั้น ที่นั่งดูอยู่ด้วยกัน ก็เห็นพ้องไปในทางเดียวกัน ว่าถ้าเนิ่นนานไป ชื่นจิตได้ตกเป็นของเจ้าหนุ่มนี่แน่ ๆ

“ชื่นจิตนี่ น่าจะชื่นใจดีไม่เบา” ชื่นจิตยิ้มแก้เขิน ก่อนจะค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของเรย์ ที่คว้ามือของชื่นจิตไปกุมเอาไว้ที่กลางหน้าอก แล้วไม่ยอมปล่อย “คนหล่อ ๆ นี่ เขาพูดจาหวาน ๆ เก่งกันจัง” ชนธัญต้องการความแน่ชัดมากกว่านี้ ก่อนจะเห็นเรย์ยิ้มกว้างชอบใจ โดยที่สารวัตรรัฐนนท์ทำหน้าเบ้ออกมา

“คุณเรย์คงมาที่นี่บ่อย และก็เคยพูดอะไรแบบนี้แล้ว กับอีกหลาย ๆ คน” กับประโยคนี้ รอยยิ้มนั้นค่อย ๆ เลือนหายไปจากใบหน้าของเรย์ ก่อนจะมองมาที่ชื่นจิตนิ่ง ๆ “ผมจริงจังมากกว่านั้น” เสียงทีมงานดังเข้ามาในหูฟังของชนธัญ “คำถามทริกเกอร์ กระตุ้นอะไรบางอย่างได้ใช่มั้ย” ชนธัญเองสังเกตถึงท่าทีของเรย์ที่ดูแปลกไป

“ชื่นจิต คุณอยากไปนั่งคุยกันเฉพาะเราสองคนมั้ย” เรย์หันไปมองทางมุมด้านไกลของร้าน ที่เป็นมุมอับกว่าตรงส่วนอื่น และมืดกว่าด้วยเช่นกัน “เราควรจะทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ ไปเถอะ” เรย์พูดจบก็จับข้อมือของชื่นจิต พร้อมกับดึงให้เดินตาม ชื่นจิตที่นั่งพาดอยู่ที่ขอบของเก้าอี้ โดยวางแค่ปลายเท้าเกือบ ๆ แตะพื้นไว้ ทำให้ตัวถลำไปข้างหน้า

“โอ๊ะ เดี๋ยว” ชื่นจิตร้องออกไป สายตามองเห็นอะไรบางอย่างเล็ก ๆ ร่วงลงมาบนตัก ก่อนจะไวเท่าสายตา มือก็คว้าหมับไปที่อุปกรณ์หูฟังที่หลุดออกจากหู ชื่นจิตเงยหน้ามองไปที่เรย์ทันทีเช่นกัน เพื่อสังเกตดูว่า ชายหนุ่มได้เห็นมันหรือเปล่า “โอ้ ผมขอโทษที ผมดึงคุณแรงไปหน่อย ชื่นจิตเป็นอะไรมั้ยครับ” ไม่ใช่เพียงแค่ชนธัญเท่านั้น ที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ยังรวมถึงทีมที่นั่งมองอยู่ในรถตู้ แน่นอนสารวัตรรัฐนนท์ด้วย

“เอายังไงดีบอส ถ้าไม่มีโอกาสใส่หูฟังกลับเข้าที่ เราจะไม่สามารถสื่อสารกับคุณชนธัญได้เลยนะ” หนึ่งในทีมสืบ หันมาถามสารวัตรรัฐนนท์ ซึ่งทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ดูเอาไว้อย่าให้คลาดสายตานะ” สารวัตรหนุ่มหล่อพูดจบก็รีบเปิดประตูรถตู้ ก่อนจะออกจากรถไป ไม่ทันให้ทุกคนในทีมทักท้วงอะไรได้ทัน

สารวัตรรัฐนนท์เปิดประตูบาร์เข้าไป โชคดีที่ตอนนี้ ไม่มีใครสนใจทองมาที่ประตูร้านมากนัก เพราะต่างพากันเริ่มสนใจกันเองอยู่ภายในร้านมากกว่า สารวัตรรัฐนนท์เดินเลียบเคียงไปที่หน้าบาร์ สายตาจับจ้องไปที่ชนธัญที่นั่งอยู่กับเรย์ ที่โต๊ะด้านไกลนั่น “ดื่มอะไร” สารวัตรหนุ่มหล่อสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกทักจากด้านหลัง ก่อนจะหันไปเจอบาร์เทนเดอร์ทอมป๋ายืนจ้ออยู่ก่อนแล้ว

“เอ่อ เบียร์ครับ เบียร์ขวดนึง” สารวัตรรัฐนนท์เองยังมีตะกุกตะกักเล็กน้อย กับท่าทางและสายตาเหมือนสำรวจตรวจตราจากทอมป๋า ที่พอได้รับออเดอร์แล้ว ก็หยิบเบียร์มาเปิดให้ สารวัตรรัฐนนท์ยื่นเงินค่าเครื่องดื่มให้ไป โดยที่เหลือบสายตาไปมองทางชนธัญว่ายังอยู่ที่เดิมหรือไม่ แบบไม่ให้มีพิรุธมากไปนัก ทางด้านทอมป๋าบาร์เทนเดอร์ประจำร้าน ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็หันไปรับโทรศัพท์ร้านที่มีคนโทรเข้ามาเสียก่อน

“ตอนที่ผมเห็นชื่นจิตเต้น ผมชอบมากเลยนะครับ” เรย์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับชื่นจิต ที่ตอนนี้นั่งหันหลังเข้ากับผนังที่ถูกกั้นขึ้นมาอยู่ประมาณกลางหลัง และดูแล้ว หากต้องการที่จะขยับหนีไปทางไหน ก็ดูจะทำได้ยาก “ชื่นจิตทำให้ผมสนใจแล้ว หวังว่าค่ำคืนต่อจากนี้ จะเป็นความสนุกของเราสองคนนะครับ” ชนธัญถึงกับต้องเม้มริมฝีปากจนแน่น เมื่อเรย์ไล่ปลายนิ้วไปบนต้นแขนของเขาอย่างแผ่วเบา

สารวัตรรัฐนนท์ที่กำลังเดินผ่านมาพอดี มองเห็นอาการของชนธัญ ก่อนจะเห็นว่านิ้วมือของเรย์นั้น ไล้ขึ้นลงต้นแขนของชนธัญอย่างชอบใจ ชนธัญกำหูฟังนั้นเอาไว้ในมือจนแน่น มองเห็นสารวัตรรัฐนนท์ที่เดินถือขวดเบียร์เลยไป ก่อนจะไปนั่งที่โต๊ะอีกด้านหนึ่งของผนังกั้นเตี้ย ๆ นั้น ที่ทางร้านทำไว้เพื่อเพิ่มจำนวนโต๊ะสำหรับลูกค้า

“ที่ชั้นล่างของร้าน มีลานกว้าง ๆ ทำเอาไว้ให้” เรย์กระซิบที่ข้างหูของชื่นจิต ที่ตอนนี้ถึงกับต้องขืนตัวขึ้น เมื่อได้ฟังดังว่า สารวัตรรัฐนนท์พยายามเงี่ยหูฟังให้ได้ยินมากที่สุด เรย์ขยับเข้ามาใกล้ชื่นจิตเพิ่มขึ้นอีก “ปกติ มันก็จะมีคนลงไปเล่นกันพอสมควร แต่เดี๋ยวผมจะลงไปเคลียร์ให้ก่อน แล้วจะขึ้นมารับชื่นจิต เราจะได้ลงไปมีเวลาของเราสองคนแบบส่วนตัวที่สุด” โดยไม่รอให้ชื่นจิตพูดตอบตกลงแต่อย่างใด เรย์ก็ลุกเดินไปทางด้านหลังร้าน แล้วผลุบหายผ่านม่านสีดำเข้าไปในทันที

สารวัตรรัฐนนท์ที่นั่งฟังอยู่ตรงนั้น ได้รอจนเรย์พูดจบ ก่อนจะได้ยินชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ สารวัตรหนุ่มหล่อค่อย ๆ เงยหน้ามองตามเรย์ที่เดินไปทางด้านหลังร้าน นายตำรวจหนุ่มมองเห็นเรย์เดินหายเข้าไปที่ด้านหลังม่านสีดำนั้น ทันทีที่คล้อยหลังเรย์ผลุบหายไปแล้วนั้น สารวัตรรัฐนนท์ก็รีบหันมาทางชนธัญทันที โดยที่อีกฝ่ายหันมารออยู่ก่อนแล้ว

“สารวัตร” ชนธัญเรียกนายตำรวจหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่ตอนนี้ สั่นไปด้วยความกลัวผสมกับความกังวลอย่างชัดเจน “คุณไม่เป็นอะไรนะ” สารวัตรหนุ่มหล่อถามกลับไปในทันทีเช่นกัน ด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่าย และตอนนี้สารวัตรรัฐนนท์เองก็กำลังคิดว่า นี่อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีอย่างที่นึกเอาไว้ตอนแรก เมื่อตอนชนธัญตกปากรับคำทำงานนี้

“ผมยังไหว ผมทำได้” ชนธัญไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมถึงไม่ยอมบอกสารวัตรรัฐนนท์ไปว่า เขาอยากจะยกเลิกภารกิจนี้ กลับบอกอีกฝ่ายไปว่า ต้องการจะทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วง “มันจะน่าเสียดายมาก ถ้าหากว่าเราพลาดชี้ตัวเป้าหมายไปในคืนนี้ เพราะเรามาถึงขั้นนี้แล้ว” สารวัตรรัฐนนท์มองสบตากับชนธัญ ก่อนจะหยิบเอาชุดหูฟังจากมือของอีกฝ่าย เอามาใส่ให้กับชนธัญอีกครั้ง แล้วเอาปอยผมด้านข้างมาปิดเอาไว้

“ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าคุณเห็นว่ามันไม่ชอบมาพากล ผมพร้อมเข้าชาร์จ คุณส่งสัญญาณพูดรหัสลับทันที ห้ามรั้งรออะไรทั้งสิ้น คุณเข้าใจนะ” สารวัตรรัฐนนท์พูด พลางสบตากับชนธัญที่เม้มปากจนเป็นเส้นตรง พลางพยักหน้ารับทราบและเข้าใจถึงสิ่งที่สารวัตรหนุ่มหล่อบอก “มันคือคำสั่ง” สารวัตรรัฐนนท์เน้นย้ำ ด้วยความเป็นห่วงอย่างที่สุด

“เป้าหมายกลับมาแล้ว ย้ำ เป้าหมายกลับมาแล้ว” ทันทีที่ทางทีมสืบมองเห็นเรย์กลับขึ้นมาจากชั้นล่าง สารวัตรรัฐนนท์ดีดตัวผึง ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทำทีเดินถือขวดเบียร์เดินเลี่ยงไปที่ด้านข้าง ก่อนจะหันกลับมามองทางชนธัญ ที่รีบหันกลับไปมองทางด้านหลังร้าน ตรงนั้น เรย์ยืนมองมาทางนี้อยู่ก่อนแล้ว

ชนธัญส่งยิ้มกลับไปที่เรย์ ที่เขามีสีหน้าเรียบเฉย มองนิ่ง ๆ ตรงมาทางชนธัญ ซึ่งตอนนี้หนุ่มหน้าใสในรูปร่างลักษณะของชื่นจิต กำลังใจเต้นโครมคราม พยายามตั้งสติให้จิตนิ่งที่สุด แล้วเริ่มคิดหาทางหนีทีไล่ มองหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้เช่นกัน ชนธัญมองไปยังเรย์ ที่ตอนนี้พยักหน้าเป็นเชิงให้ชื่นจิตเดินเข้าไปหาเขา ที่ยืนรออยู่ด้านหลังร้าน

ชื่นจิตก้าวขาเดินไปหาเรย์ แม้ว่ามันจะสั่นจนเจ้าตัวรู้สึกได้ ที่ด้านหลังนั้น โดยไม่ได้หันไปมอง มีสารวัตรรัฐนนท์ลอบมองอยู่อ่างไม่ให้ผิดสังเกต นายตำรวจหนุ่มนั้นหวั่นใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ที่ต้องปล่อยให้ชนธัญปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนจบ สารวัตรรัฐนนท์มองตามไป ก่อนจะเห็นว่า ทางด้านของบาร์เทนเดอร์ทอมป๋าก็จับจ้องสายตาไปที่ชื่นจิตและเรย์อยู่เช่นกัน ที่เห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะลงไปด้านล่างด้วยกัน

ชื่นจิตเดินจนมาหยุดยืนอยู่ที่ตรงหน้าของเรย์ ก่อนจะเห็นชายหนุ่มยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้า แล้วทำท่าเชื้อเชิญให้ชื่นจิตเดินเข้าไปด้านหลังนั้นก่อนเขา ชื่นจิตทำท่าลังเล ก่อนที่เรย์จะใช้มือดันหลังของชื่นจิตให้เดินต่อไป จนชื่นจิตต้องลอบผ่อนลมหายใจออกมา เพื่อระบายความกลัวและความเครียดที่เกาะกุมความรู้สึกในขณะนี้

เมื่อมองไปที่ม่านสีดำ แล้วใช้มือค่อย ๆ ผลักม่านนั้นออกไปข้าง ๆ เผยให้เห็นความมืดที่อยู่ด้านหลังนั้น ที่มันทำให้ใจของชื่นจิตเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ขาแทบอ่อน เข่าแทบทรุด เมื่อต้องตัดใจเดินเข้าไปด้านใน โดยได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของเรย์ตามหลังมา ก่อนที่ทางด้านนอกนั้น สารวัตรรัฐนนท์จะเห็นว่าเรย์ได้เดินตามชนธัญผ่านม่านนั้นไป และสารวัตรหนุ่มทำให้แค่หักห้ามใจและอดทนเฝ้ารอเท่านั้น

*******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Smooth - Sanatna feat. Rob Thomas

https://www.youtube.com/watch?v=QcUxrpIwuQ4


Man, it's a hot one

โอ๊ยเพื่อน คนนี้สิเด็ดจริง

Like seven inches from the midday sun

แผดเผาดุจดังห่างตะวันเพียงไม่กี่มากน้อย

I hear you whisper and the words melt everyone

ยิ่งได้ยินเสียงกระซิบของคุณหลอมละลายใครต่อใคร

But you stay so cool

แต่คุณยังดูไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด


My muñequita, my Spanish Harlem Mona Lisa

แม่คุณแม่ขนุนหนัง ดุจดั่งโมนาลิซ่าที่เร่าร้อน

You're my reason for reason

คุณคือเหตุผลที่เหนือเหตุผลทั้งปวง

The step in my groove

ที่ได้เข้ามาในห้วงอารมณ์ของผม


And if you said this life ain't good enough

หากว่าคุณจะคิดว่าชีวิตนี้ยังไม่ดีมากพอ

I would give my world to lift you up

ผมก็พร้อมจะมอบโลกทั้งใบเพื่อพาคุณไปให้ถึง

I could change my life to better suit your mood

ผมก็ยังสามารถเปลี่ยนชีวิตผมให้เข้ากับปรารถนาและอารมณ์ของคุณ

Because you're so smooth

เพราะคุณนั้นช่างนุ่มนวลต่อใจดีเหลือเกิน


And it's just like the ocean under the moon

และคงเหมือนผืนท้องทะเลภายใต้แสงจันทร์

Oh, it's the same as the emotion that I get from you

และมันคงเป็นอารมณ์เดียวกันกับที่ผมได้รับจากคุณ

You got the kind of lovin' that can be so smooth, yeah

คุณมีห้วงความรักที่เป็นไปในแบบลงตัวลุ่มลึก

Give me your heart, make it real, or else forget about it

มอบหัวใจมาให้ผม ทำให้มันเป็นจริง ไม่งั้นก็ล้มเลิกมันไปทั้งหมดได้เลย


But I'll tell you one thing

ผมจะบอกอะไรคุณให้อย่างหนึ่ง

If you would leave it'd be a crying shame

หากคุณคิดจะร่ำลากันไปคงจะต้องมีคนเสียใจอย่างที่สุด

In every breath and every word

ในทุกลมหายใจ ในทุกคำจำนรรจา

I hear your name calling me out

ผมได้ยินคุณเรียกร้องคร่ำครวญชื่อผม


Out from the barrio

พูดได้เลยในย่านนี้

You hear my rhythm on your radio

จังหวะของผมส่งผ่านไปตามกระแสคลื่น

You feel the turning of the world, so soft and slow

คุณสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงในโลก นุ่มนวลและอ่อนหวาน

It's turning you round and round

และมันจะทำให้คุณเคลิ้มลอยครั้งแล้วครั้งเล่า
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๙. EPITOME OF HORROR _ 10.31.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 31-10-2023 00:00:02


Crime and Love Scene Investigation


๕๙. EPITOME OF HORROR



“อ้าว หายไปไหนกันหมด” ด็อคเตอร์ดรุณีที่เพิ่งเดินมาถึงหน่วยสืบลับ พึมพำกับตัวเอง เมื่อเดินถึงเอกสารการตรวจชันสูตรมาถึงที่นี่ แต่กลับไม่พบใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นสารวัตรรัฐนนท์ ชนธัญ ไม่แม้แต่กระทั่งบรรดาลูกทีมหน่วยสืบลับของสารวัตรหนุ่มหล่อ ที่มักจะนั่งทำงานกันอยู่ที่ตรงนี้กันเป็นประจำ เมื่อไม่มีเคสใหม่เข้ามา

“โทรหาทั้งวันก็ไม่มีใครรับสายเลย ก็นึกว่ายุ่ง ๆ กันอยู่ที่นี่” ด็อคดุรู้สึกประหลาดใจตั้งแต่เช้าแล้ว ว่าทำไมถึงไม่มีใครรับสายเธอเลย เมื่อเธอต้องการจะคุยเรื่องหลักฐานในเคสผู้หญิงถูกทำร้ายล่าสุด ที่ทางทีมของสารวัตรรัฐนนท์สืบสวนอยู่ ว่ามันมีอะไรแปลก ๆ และดูเหมือนจะไม่ตรงกับรายงานแรกที่ลงบันทึกเอาไว้

ด็อคเตอร์ดรุณีกดสายโทรหาสารวัตรรัฐนนท์อีกครั้ง แต่สายก็ตัดไปด้วยการไม่มีคนรับอย่างเคย ด็อคเตอร์สาวก้มดูเวลาบนนาฬิกาที่ข้อมือ เวลาล่วงจนดึกดื่นแล้ว เธอกำลังลังเล แต่ก็ลองกดโทรหาชนธัญด้วยอีกครั้ง แต่ผลที่ได้ ก็เป็นเช่นเดียวกัน ก็คือสายถูกปล่อยให้ตัดไปเองแบบไม่มีใครรับ

“ไปไหนกัน” ด็อคเตอร์ดรุณีนึกสงสัยว่าทุกคนหายไปไหนกันหมด เพราะไม่ได้รับรู้ว่า ทางทีมสืบลับออกปฏิบัติการพิเศษ เนื่องด้วยเป็นการร้องขอเอาไว้จากเหยื่อทางคดี เธอจึงหันหลังเพื่อจะเดินกลับไปที่ห้องชันสูตร แต่พอนึกได้ว่าจะต้องทำงานต่อในคืนวันนั้น และคงจะยาวจนเกือบรุ่งเช้า ด็อคเตอร์ดรุณีจึงเดินไปที่ตู้กดกาแฟร้อน ที่ตั้งอยู่ด้านนอกตึก ตรงทางเดินเชื่อม ก่อนจะถึงทางเดินเข้าห้องชันสูตร

คืนนี้เจ้าหน้าที่ดูน้อยกว่าปกติ มีสองคนที่เพิ่งเดินผ่านด็อคดุไป ตอนยืนรอกาแฟให้ชงเสร็จ ด็อคเตอร์สาวยิ้มทักทั้งสองคน ที่กำลังเดินไปด้านหน้าอาคารเพื่อกลับบ้าน จริง ๆ ด็อคดุก็ชอบบรรยากาศเงียบ ๆ ตอนทำงาน เพราะมันทำให้เธอมีสมาธิดีมาก ใจจดจ่อกับงานตรงหน้าโดยไม่มีอะไรมารบกวนให้เสียสมาธิ แต่ในคืนนี้ ต้องยอมรับว่า มันเงียบมากจริง ๆ เงียบจนผิดสังเกต

ด็อคดุหยิบกาแฟจากช่องรับเครื่องดื่มที่เพิ่งเลื่อนเปิดขึ้น ความหอมของกาแฟลอยโชยมาแตะจมูก ด็อคเตอร์สาวเดินไปตามทางเชื่อมอาคาร เพื่อเดินต่อไปที่ห้องทำงานของเธอ ที่ห้องชันสูตรนั้นอยู่เยื้องไปทางด้านหลังของอาคาร เพื่อความเป็นส่วนตัว และไม่ทำให้ใครต้องรู้สึกหวาดหวั่น เมื่องานของด็อคเตอร์ดรุณีนั้นเป็นงานเฉพาะทางอย่างยิ่งยวด

อีกไม่เท่าไหร่ ด็อคเตอร์ดรุณีก็จะถึงทางเข้าห้องชันสูตร ตอนนี้เธอได้ยินแต่เสียงรองเท้าของเธอดังก้องไปทั้งทางเดิน ซึ่งมันฟังดูดังกว่าในช่วงกลางวันที่มีเสียงจอแจดังอยู่ทั่วไป ด็อคเตอร์ดรุณีนึกขำ ว่านี่ถ้าเธอไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างมากมาย บรรยากาศอย่างนี้คงทำให้เธอสติแตกได้ไม่ยากนัก คิดแล้วก็ให้นึกขันตัวเองตอนสมัยยังเป็นแพทย์ฝึกหัดอยู่ ที่ต้องเข้าเวรดึกคนเดียวตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา

ด็อคเตอร์ดรุณีหยุดที่หน้าบอร์ดประชาสัมพันธ์ ยกแก้วกาแฟในมือขึ้นจิบ พลางอ่านประกาศสำคัญบนบอร์ดนั้น ทีแรกด็อคดุเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะเพิ่งได้ยินเสียงฝีเท้าของตัวเองตอนที่เดินมาดังก้องไปทั่ว แต่ตอนนี้ เธอได้ยินเสียงรองเท้าของใครบางคน ย่ำดังขึ้น และค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ ดังมาจากที่ไกล ๆ จนฟังดูแล้วว่า มันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ด็อคดุแน่ใจว่าเสียงมันมาทางที่เธอยืนอยู่ จึงหันไปมอง

ด็อคดุโฟกัสไปตรงมุมมืดที่เป็นมุมฉากเลี้ยวไปทางแผนก Homicide เสียงย่ำเท้ามันดังมาจากทางนั้น และตรงเข้ามาเรื่อย ๆ ก่อนที่ด็อคเตอร์ดรุณีจะเห็นร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ตรงนั้น ด็อคดุนึกแปลกใจอย่างที่สุด ที่ได้เห็นผู้หญิงคนนี้มาอยู่ ณ ที่นี้ ในเวลานี้ ทั้ง ๆ ที่เธอควรจะต้องอยู่ในโรงพยาบาล เพื่อรักษาตัวจากการถูกทำร้ายในเคสล่าสุดของทีมสืบลับ

“สวัสดีค่ะด็อคเตอร์ดรุณี เราได้เจอกันสักทีนะคะ” เสียงทักนั้น ทำให้ด็อคเตอร์ดรุณีชะงัก ก้าวเท้าไปด้านหลังสองสามก้าว “เจออะไรใหม่ ๆ ในผลชันสูตรสินะคะ ไม่น่ารักเลย” เสียงนั้นพูดต่อเนื่อง “คุณไม่ควรมาอยู่ที่ในเวลานี้” ผู้ที่เพิ่งมาถึงหยุดเดิน เมื่อได้ยินด็อคดุพูดออกไปแบบนั้น “คุณกลับไปที่โรงพยาบาลก่อนดีมั้ยคะ” ด็อคดุบอกกับตัวเองว่า นี่มันไม่ชอบมาพากลอย่างแรง ทั้งกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ท่าทาง และรอยยิ้มประหลาด ๆ แฝงไปด้วยความลึกลับน่ากลัวนั่น

“เอกสารในมือนั่น ขอได้มั้ยคะ ถือว่าพูดกันดี ๆ” ด็อคเตอร์ดรุณีกระชับเอกสารผลการตรวจในมือแน่น เมื่อคิดว่า ห้องชันสูตรอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เธอจึงรีบหันหลังแล้วเร่งฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงที่นั่นโดยเร็วที่สุด เสียงหัวเราะฟังดูเยือกเย็นดังตามมาด้านหลัง ด็อคดุเกือบสะดุดตรงทางเลี้ยว ไม่สนแก้วกาแฟที่ร่วงหลุดจากมือไปเมื่อสักครู่ รีบก้าวเท้าโดยเร็วที่สุด

พอถึงห้องชันสูตร ด็อคดุผลักบานประตูแบบสวิงนั้นเข้าไป ในหัวรีบประมวลผลว่าจะทำยังไงต่อไป ก่อนจะบอกตัวเองให้เดินผ่านเตียงชันสูตรเข้าไปที่ตัวออฟฟิศจริง ๆ ที่ด็อคดุใช้นั่งทำเอกสาร เธอรีบหมุนลูกบิดประตูไม้กึ่งกระจกของห้องทำงานนั้นโดยเร็ว ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในห้อง ปิดประตูลงทันที ก่อนจะกดล็อก พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เจอเข้ากับใบหน้าของคนที่เคลมว่าเป็นเหยื่อในคดี ประชันหน้ากันพอดี

ด็อคเตอร์ดรุณีตกใจไม่น้อย เมื่ออยู่ ๆ ก็เห็นอีกฝ่ายตามเธอมาจนทันอย่างไม่น่าเป็นไปได้ แถมยังไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า ที่ว่าถ้าจะมาทันกันเร็วขนาดนี้ ก็ต้องวิ่งตามมาอย่างเร็วจี๋ แต่นี่ ด็อคดุไม่ได้ยินอะไรแบบนั้นเลยสักนิด ด็อคเตอร์สาวมองตามสายตาของอีกฝ่าย ที่จับจ้องไปที่ลูกบิดประตู ก่อนจะเห็นเธอคนนั้นจับมันเขย่า ด็อคเตอร์ดรุณีเอื้อมมือไปจับลูกบิดน้นเอาไว้จากทางฝั่งด้านนี้ของประตูเช่นกัน ฝ่ายนั้นผงะ ชักมือออกทันทีที่มือของด็อคดุสัมผัสลูกบิดประตู

แววตาแห่งความโกรธเกรี้ยว ฉายออกมาจากอีกฝ่ายชัดเจน จนด็อคเตอร์ดรุณีสังเกตเห็นได้ แล้วด็อคเตอร์ดรณีก็ต้องสะดุ้งจนสุดตัว เมื่อมีมือมาแตะที่ไหล่ของเธอจากทางด้านหลัง ด็อคเตอร์สาวเกือบหวีดเสียงร้องออกมา ก่อนจะเห็นว่าเป็นใคร เจ้าหน้าที่หนุ่มเนิร์ดจากแผนก Ballistic ยืนถือปืนพกประจำกาย ส่องปากกระบอกปืนไปที่คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งประตู

“ถอยออกมาก่อนครับด็อค ผมไม่แน่ใจว่าเรากำลังดีลอยู่กับตัวอะไร” ด็อคเตอร์ดรุณีขยับเท้าเดินไปอยู่ทางด้านหลังของหนุ่มเนิร์ด ก่อนจะเห็นว่า มีควันไอร้อนจากการถูกแผดเผาลอยออกมาจากมือของเหยื่อในคดี และมันเป็นรอยลูกบิดประตูที่บนมือนั้น ที่ด็อคดุเองยังไม่อยากที่จะเชื่อสายตา

“แองเจิ้ล” เสียงคำรามดังออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว “ความดีปกป้องตัวอย่างนั้นหรือ” เสียงตะคอกออกมาอย่างเกลียดชัง และตอนนี้ ใบหน้าของคนที่ทุกฝ่ายเข้าใจมาตลอดว่า เป็นเหยื่อถูกทำร้ายร่างกาย ก็ดูบิดเบี้ยวผิดรูปไป จนมันดูแล้วน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก และแทบไม่น่าเชื่อว่า มันกำลังเกิดขึ้นกับตาของทั้งด็อคเตอร์ดรุณีและหนุ่มเนิร์ดเช่นกัน

ภาพเงาของด็อคดุและหนุ่มเนิร์ดในกระจก ที่เหยื่อในคดีที่ตอนนี้กลับกลายร่างผิดเพี้ยนไปจากความเป็นมนุษย์มองเห็น ทั้งสองคนแผ่กางปีกสีขาวเต็มแผ่นหลัง แสงเรืองรองที่เปล่งประกายออกจากตัวของคนทั้งคู่ ประหนึ่งแสงที่กางกั้นไม่ให้ความมืดมนและความชั่วร้าย ย่างกรายเข้าใกล้ทั้งสองคนได้

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ด็อคเตอร์ดรุณีหลุดคำพูดออกมา หลังจากที่เหยื่อจากคดีคนนั้น ค่อย ๆ เดินถอยหลัหายกลับเข้าไปในความมืด “เราเห็นเหมือนกันใช่มั้ย” ด็อคดุหันมาถามหนุ่มเนิร์ดจากหน่วย Ballistic ด้วยอาการที่ยังตื่นเต้นไม่หาย “ไม่ต้องถามเลยด็อค เต็ม ๆ สองตา” หนุ่มเนิร์ดเก็บปืนลงใส่ซองเหน็บข้างเอว

“บอกได้มั้ยด็อค ว่านั่นใครที่ตามด็อคมา” แน่นอนที่หนุ่มเนิร์ด อดไม่ได้อย่างแน่นอน ที่จะต้องถามคำถามนั้นออกไป เมื่อตัวเขานั้น เห็นด็อคดุเปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน ก่อนที่จะเห็นทุกอย่างที่ตามมา อย่างที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไป “นั่นควรจะเป็นเหยื่อที่ถูกทำร้าย ในคดีที่ทีมสืบลับของสารวัตรรัฐนนท์กำลังทำอยู่ แต่ที่เราเพิ่งเห็นกันไป หมอชักไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร” ด็อคเตอร์ดรุณีนั้น จำใบหน้าของคนคนนั้นได้จากรูปถ่าย ที่ถูกส่งมาพร้อมประวัติการถูกทำร้ายของเจ้าตัว

“และเขาควรจะอยู่ที่โรงพยาบาล” ด็อคดุพูดเพิ่มเติม “แล้วเขาตามด็อคมาเพราะว่า” หนุ่มเนิร์ดทำปลายเสียงเป็นคำถามอีกฝ่ายได้ตอบ ด็อคดุชูเอกสารผลตรวจร่างกายของเหยื่อ “มีหลายอย่างที่ไม่ชอบมาพากล ทั้งผลดีเอ็นเอที่มันเหมือนถูกปนเปื้อน คือหมอจะพูดว่ายังไงดีล่ะ คือตัวแซมเปิ้ลที่ได้มา มันไม่สามารถทำให้หมอให้ผลสรุปได้ว่า เป็นดีเอ็นเอของอะไรกันแน่ แล้วดูนี่” ด็อคดุเปิดรูปถ่ายหลักฐานให้หนุ่มเนิร์ดได้ดู

“รูปถ่ายรอยช้ำตามร่างกายที่ถูกถ่ายเอาไว้ ชุดแรกคือรูปพวกนี้” หนุ่มเนิร์ดมองดูรอยฟกช้ำดำเขียวที่ปรากฏอยู่ตามร่างกายของเหยื่อ “ส่วนชุดที่สองนี่เป็นรูปถ่ายที่ถ่ายอีกครั้ง โดยเหมือนว่าจะไม่มีอะไร แต่ดูสามสี่รูปนี้ ที่เจ้าหน้าที่ถ่ายติดเหยื่อโดยไม่ตั้งใจ ดูสิ ไม่มีรอยฟกช้ำปรากฏอยู่ในรูปพวกนี้” หนุ่มเนิร์ดมองดูรูปถ่ายสองชุด ที่หากจะอธิบายว่าเป็นเพราะมุมกล้อง ก็อธิบายไม่ได้ว่า ทำไมรูปสามสี่ใบนั้น ดูเหมือนกับว่าเหยื่อไม่เคยถูกทำร้ายเลยเสียด้วยซ้ำ

“หมอเลยตั้งใจเอาสิ่งที่หมอพบพวกนี้ เอาไปบอกกับหมวดให้ได้รับรู้ แต่หมอไม่เจอเขาที่หน่วยสืบลับ โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่รับสาย คุณชนธัญด้วย ทีมหน่วยของหมวดเขาก็ติดต่อไม่ได้” ด็อคเตอร์ดรุณีเริ่มร้อนใจกับเรื่องนี้ “ทีมสารวัตรรัฐนนท์ออกปฏิบัติการลับกันครับด็อค ที่บาร์เกย์ตามที่เหยื่อในคดีให้การเอาไว้” หนุ่มเนิร์ดที่รู้เกี่ยวกับปฏิบัติการพิเศษของหน่วยสืบลับ บอกให้ด็อคดุได้รู้

“แล้วที่ผมลงมาหาด็อคที่ออฟฟิศนี่ จริง ๆ ผมตั้งใจจะทดสอบสมมติฐานงี่เง่า ๆ อะไรบางอย่างในหัวของผมเอง” ด็อคดุกำลังจะถามพอดี ว่าทำไมหนุ่มเนิร์ดถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ แถมช่วยเธอเอาไว้ได้ทัน “จำเรื่องที่เราเคยคุยกันสนุก ๆ ติดตลกได้มั้ยครับ เกี่ยวกับแร่เงินที่มันได้ผลกับอะไรบางอย่างที่เรารู้จักกันในรูปของแวร์วูล์ฟ” ด็อคดุพยักหน้าว่า มีเคสหนึ่งที่เธอเคยชันสูตร แล้วมันมีความใกล้เคียงกับตำนานเรื่องมนุษย์หมาป่าอย่างน่าประหลาดใจ แต่มันก็ไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้แต่อย่างใด และลงท้ายคดีนั้นก็ถูกปิดลงด้วยการลงท้ายว่า เป็นอุบัติเหตุที่อธิบายด้วยคำอธิบายเดียวไม่ได้

“ที่ลูกบิดประตูนั่น ผมกะจะแกล้งด็อคเล่น ผมเอาผงแร่เงินมาทาเอาไว้ กะว่าพอด็อคเปิดประตูเข้ามา ผมก็จะแฮปปี้ฮาโลวีนเสียหน่อย และถือเป็นการเช็กไปด้วยว่าใครเป็นใครไม่เป็น เผื่อจะแจ็กพ็อตเจอตัวเป็น ๆ สมใจ” ด็อคดุทำตาโตเมื่อนึกถึงควันที่ลอยออกมาจากมือเหยื่อในคดี ทันทีที่จับลูกบิดประตู รวมถึงใบหน้าที่เริ่มบิดเบี้ยวจนผิดรูปร่างไป จนน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด

“เราต้องไปบอกเรื่องนี้กับหมวดรัฐนนท์และชนธัญ” ด็อคเตอร์ดรุณีบอกกับหนุ่มเนิร์ด “เพราะนั่นมันตรงกับผลตรวจดีเอ็นเอที่หมอบอกเอาไว้ก่อนหน้า ว่ามันมีดีเอ็นเอของคน แต่มันปนเปื้อนไปด้วยดีเอ็นเอของสุนัข ที่ตอนแรกหมอแค่คิดว่าอาจจะเกิดความผิดพลาดตอนเก็บตัวอย่าง” หนุ่มเนิร์ดพยักหน้ารับทราบ ที่จะคุ้มกันด็อคเตอร์สาวเพื่อรีบตามไปหาหน่วยสืบลับที่กำลังอาจจะตกอยู่ในอันตรายในขณะนี้

***********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Thriller - Michael Jackson

https://www.youtube.com/watch?v=sO4vI8P88NM


It's close to midnight

เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว

And something evil's lurking in the dark

บางอย่างที่น่าหวาดหวั่นซ่อนตัวรอคอยอยู่ในเงามืด

Under the moonlight

ภายใต้แสงจันทร์สกาว

You see a sight that almost stops your heart

สายตามองเห็นบางอย่างที่แทบทำให้ใจหยุดเต้น


You try to scream

คุณพยายามส่งเสียงกรีดร้องออกไป

But terror takes the sound before you make it

แต่ความน่าสะพรึงทำเสียงของคุณให้เงียบลง

You start to freeze

คุณได้แต่ยืนนิ่งงัน

As horror looks you right between the eyes

ความน่ากลัวเพ่งมองกลับมาที่หว่างดวงตาของคุณ

You're paralyzed

คุณชะงักงันแน่นิ่งไปแล้ว


'Cause this is thriller, thriller night

เพราะนี่คือความหวาดกลัว ค่ำคืนอันน่าสะพรึง

And no one's gonna save you from the beast about to strike

และไม่มีใครจะมาช่วยคุณได้ เมื่อสัตว์ร้ายจ้องจะเล่นงานอยู่

You know it's thriller, thriller night

คุณก็รู้ว่านี่คือความหวาดกลัว ค่ำคืนอันน่าสะพรึง

You're fighting for your life inside a killer, thriller tonight, yeah

คุณพยายามจะเอาชีวิตรอดจากเงามัจจุราช อันแสนน่าหวาดหวั่นในคืนนี้


You hear the door slam

คุณได้ยินเสียงประตูปิดดังลั่น

And realize there's nowhere left to run

ก่อนที่จะรู้ตัวว่า ไม่มีที่ให้หนีได้อีก

You feel the cold hand

ความเย็นจากมือที่มาสัมผัส

And wonder if you'll ever see the sun

ได้แต่คิดว่า จะได้เห็นแสงตะวันอีกครั้งไหม


You close your eyes

คุณได้แต่หลับตา

And hope that this is just imagination

และหวังว่านี่คงเป็นเพียงสิ่งที่จินตนาการไปเอง

Girl, but all the while

แต่ในขณะที่ทุกอย่างดำเนินไปนั้น

You hear a creature creepin' up behind

คุณก็ได้ยินเสียงสัตว์สยองคืบคลานมาทางด้านหลัง

You're out of time

มันหมดเวลาของคุณแล้วใช่มั้ย


Night creatures call

สัตว์ร้ายส่งเสียงร้องดังมา

And the dead start to walk in their masquerade

เหล่าบรรดาผีคืนชีพขึ้นมาเดินได้อีกครั้ง

There's no escaping the jaws of the alien this time (they're open wide)

ไม่มีหนทางไหนรอดพ้นจากรอบเขี้ยวของสัตว์ประหลาดไปได้ ปากกว้างอ้ารอขย้ำ

This is the end of your life, ooh

และนี่คงเป็นจุดจบที่ว่ากัน


They're out to get you

พวกมันออกมาตามล่าคุณ

There's demons closin' in on every side

เหล่าปิศาจพุ่งมาจากทุกทิศทุกทาง

They will possess you

มันจะสิงสู่คุณ

Unless you change that number on your dial

ถ้าหากว่าคุณยังไม่เปลี่ยนเบอร์ติดต่อเป็นเบอร์ใหม่


Now is the time

มันถึงเวลาแล้วตอนนี้

For you and I to cuddle close together, yeah

ที่คุณกับฉันจะกอดรัดฟัดด้วยกัน

All through the night

ตลอดทั้งค่ำคืนนี้

I'll save you from the terror on the screen

ฉันจะปกป้องคุณจากความประหวั่นพรั่นพรึงบนจอนั่น

I'll make you see

แล้วคุณจะได้เห็นเอง


That this is thriller, thriller night

เพราะนี่คือความหวาดกลัว ค่ำคืนอันน่าสะพรึง

'Cause I can thrill you more than any ghoul would ever dare try

เพราะฉันทำให้คุณกลัวได้มากกว่าผีตนไหนจะกล้าขอลองดี

Thriller, thriller night

สะพรึง คืนประหวั่นใจ

So let me hold you tight and share a killer, thriller

ถ้าอย่างนั้นมาให้ฉันกอดให้แน่นแน่น เหมือนหนึ่งโดนฆาตกรประชิดตัว

Chiller, thriller here tonight

เย็นยะเยือก น่าหวาดหวั่นกับค่ำคืนนี้


I'm gonna thrill you tonight

ฉันจะทำให้คุณตื่นตระหนกในคืนนี้

Darkness falls across the land

ความอนธการปกคลุมไปทุกหย่อมหญ้า

The midnight hour is close at hand

ช่วงเวลาเที่ยงคืนอยู่อีกไม่ไกล

Creatures crawl in search of blood

สัตว์ร้ายคืบคลานค้นหาเลือดสดสด

To terrorize y'all's neighborhood (I'm gonna thrill you tonight)

และทำให้คุณหวาดกลัวสุดขีดแม้ในที่ที่คุณคิดว่าปลอดภัย ต้องการทำให้คุณหวาดหวั่น


And whosoever shall be found

และไม่ว่าอะไรก็ตามที่ถูกเจอะเจอในคืนนี้

Without the soul for getting down

มันไร้วิญญาณให้จับต้องตั้งแรก

Must stand and face the hounds of hell

ทำได้เพียงยืนหยัดและประจันหน้ากับนรกขุมไหนไหน

And rot inside a corpse's shell

และเปื่อยเน่าภายในร่างห่อหุ้มศพ


The foulest stench is in the air

กลิ่นฟุ้งคลุ้งตลบอบอวลอยู่ในอากาศ

The funk of forty thousand years

ไอจากความหมักหมมมานับพันพันปี

And grizzly ghouls from every tomb

ร่างยักษ์ปักหลั่นเผยตัวจากหลุมฝังทุกที่

Are closing in to seal your doom

กำลังเยื้องกรายเข้ามาจัดการคุณให้เบ็ดเสร็จ


And though you fight to stay alive

และถึงแม้คุณจะสู้เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด

Your body starts to shiver

ร่างของคุณกลัวสั่นสะท้านไปจนทั่ว

For no mere mortal can resist

กับการที่ใกล้จะหมดลมหายใจเกินต้านทาน

The evil of the thriller

ความชั่วร้ายเผยตัวความน่าสะพรึงกลัว
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๖๐. SOULS UNTOLD _ 11.10.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 10-11-2023 18:50:46

Crime and Love Scene Investigation


๖๐. SOULS UNTOLD



ด้านหลังม่านที่ใช้กั้นประตูนั้นมืดสนิท ชนธัญพยายามรีบปรับสายตาให้คุ้นชินกับเบื้องหน้า ที่มีแต่ความมืดดำนั้นโดยเร็ว หลังจากที่เขาเกือบสะดุดขอบบันไดที่กำลังนำพาเขาลงไปสู่พื้นที่ชั้นใต้ดินของบาร์เหล้า โดยที่ตอนนี้ มีเรย์เดินตามมาทางด้านหลัง พลางใช้มือดุนที่หลังของชนธัญ เพื่อให้เดินลงไปที่ด้านล่างเร็วขึ้นอีก

“ข้างล่างนี่มันมืดมากเลย ฉันว่าเรากลับขึ้นไปด้านบนกันดีกว่า คือมัน” ชนธัญยอมรับว่าตอนนี้ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจของเขาอย่างที่สุด เขาหยุดเดินอยู่กึ่งกลางบันไดที่ทอดลงสู่ความมืดดำนั้น หันกลับไปพูดกับเรย์ ต่อรองให้อีกฝ่ายเห็นใจ เผื่อว่าเรย์เองก็จะคล้อยตามที่เขาบอกเช่นกัน

“ลงไป” ชนธัญได้ยินเสียงของเรย์พูดตอบกลับมา มันฟังดูแล้วพอจะจับที่ปลายน้ำเสียงได้ว่า เรย์เองก็มีความประหวั่นกับอะไรบางอย่างอยู่ด้วยเช่นกัน ชนธัญที่หันกลับไปทางด้านหลัง มองเห็นเพียงเงาราง ๆ เค้าโครงใบหน้าของเรย์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขายืนขวางอยู่อย่างนั้น เพื่อให้มั่นใจว่า อีกฝ่ายจะลงไปถึงด้านล่างอย่างที่ได้พูดตกลงกันเอาไว้

สารวัตรรัฐนนท์มีสีหน้าค่อนข้างเครียดเมื่อได้ยินบทสนทนาของชนธัญกับเรย์ผ่านเครื่องดักฟัง มาถึงตอนนี้ สารวัตรหนุ่มหล่อวางแผนอยู่ในหัวเรียบร้อยแล้ว ว่าจากตรงที่เขาอยู่ในตอนนี้ มองไปที่ประตูลงไปด้านล่างชั้นใต้ดิน เขาจะใช้เวลาไม่กี่วินาที วิ่งตรงไปทางนั้น ก่อนจะกระโดดก้าวข้ามโต๊ะม้านั่งเหล่านั้นไปได้ไม่ยาก และพุ่งตัววิ่งตามลงไปจนถึงตัวชนธัญได้ ในทันทีที่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เอ่ยโค้ดลับที่นัดแนะกันเอาไว้แล้วก่อนหน้า เพื่อขอความช่วยเหลือ

ชนธัญก้าวเท้าซ้ายลงบนพื้นชั้นใต้ดิน ก่อนจะก้าวเท้าขวาตามมา ทันทีที่เขาทำอย่างนั้น ความรู้สึกเย็นยะเยือกของอากาศที่ด้านล่างนี้ ก็เหมือนมันพุ่งมาพาดผ่านผิวหนังของของเขาไป อาการขนลุกขนพองที่เกิดจากความหวาดกลัว มันมาอยู่รอบตัวของเขาในบัดดล ใจของชนธัญตอนนี้เต้นระรัว เต้นแรงจนเขากลัวว่ามันจะหลุดเด้งออกมาจากอกของเขาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว

เรย์ที่กำลังมองชื่นจิต ไม่ว่าชื่อนั้นจะเป็นชื่อจริงของอีกฝ่ายหรือไม่ก็ตาม เขากำลังมองอีกฝ่ายกำลังเดินฝ่าความมืดสนิทลงไปด้านล่างนั่น ที่ด้านหน้านั้น มันเหมือนเป็นความเวิ้งว้างที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างที่สุด เรย์นึกย้อนกลับไปถึงต้นเรื่องที่มันเกิดขึ้น มันเป็นคืนที่ควรจะมีแต่ความหฤหรรษ์ในคืนนั้น ซึ่งเรย์จำได้ว่า เขามองตรงไปที่ประตูของบาร์แห่งนี้ ที่มีใครคนหนึ่งเปิดเข้ามา

ดิวดึงประตูบาร์แห่งนี้ให้เปิดออก ก่อนจะพาตัวเองเดินเข้าไปด้านใน เขารู้สึกได้ถึงสายตามากมายหลายคู่ ที่จับจ้องมาที่เขาในฉับพลัน แต่ก็มองเห็นสายตาคู่หนึ่งที่เป็นเจ้าของใบหน้าที่คุ้นจากที่เคยคุยกันผ่านแอพ ดิวในชุดเดรสสั้นสีแดงเลือดหมู เดินนวยนาดบนรองเท้าส้นเข็มสูงแหลม เข้าไปหาอีกฝ่ายในทันที

“ดิวใช่มั้ย” เรย์เอ่ยทักออกไป แม้ว่าจะแน่ใจในความ 'ตรงปก' ของอีกฝ่ายก็ตาม แถมการแต่งตัวของดิวที่เห็น ทำเอาเรย์รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ และมันยิ่งดูจะควบคุมได้ยากมากยิ่งขึ้น เมื่อเรย์มั่นใจว่า นี่คือความเร้าทางกามารมณ์ของตัวเอง ที่ไม่อาจจะปฏิเสธมันได้อีกต่อไป

“ดื่มอะไรดี” เรย์รีบถามออกไป ตั้งใจจะสร้างความน่าประทับใจให้กับอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ เพราะมันแน่นอนอย่างที่สุด ที่มันจะเป็นการปูทางให้เขาและดิว นำไปสู่ความสัมพันธ์กันหลังจากนี้ได้ไม่ยากนัก “จะมอมเหล้ากันหรือเปล่า” เรย์ยิ้มกว้างออกมา เมื่อได้ยินคำถามพร้อมน้ำเสียงกึ่งทีเล่นทีจริงจากดิว ที่เรย์หันมาเห็นแววตาสั่นระริกรออยู่ก่อนแล้ว

“เพื่อความเร้าใจมากยิ่งขึ้น” เรย์ยื่นเครื่องดื่มที่ได้รับมาจากบาร์เทนเดอร์ทอมป๋าให้กับดิว ความเย็นจัดของเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ที่ดิวสัมผัสได้จากมือ มันทำให้เลือดภายในร่างกายของเขาพลุ่งพล่าน ใบหน้าเริ่มร้อนผะผ่าว เมื่อเครื่องดื่มสีสวยนั้นเลื่อนผ่านจากริมฝีปากลงลำคอไป

ดิวหย่อนตัวลงนั่งบนม้านั่งทรงสูงที่หน้าบาร์ จงใจให้ปลายชุดเดรสเลิกสูงขึ้น เผยให้เห็นต้นขาที่ขาวกระจ่าง ก่อนจะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ว่าเรย์มีปฏิกิริยาเช่นไรที่ได้เห็นแบบนั้น ดิวแกล้งทำเป็นยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ ส่วนเรย์นั้น เผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างคนที่เพิ่งพบเจออะไรที่ถูกใจมาก ๆ เหมือนเจอของอร่อยอยู่ตรงหน้า ที่กำลังรอให้เขาลงมือหยิบมันเข้าปากไป

“นัดคนจากแอพบ่อยมั้ย” เรย์หลุดถามออกไป ก่อนจะเสเลื่อนสายตาจากต้นขาของดิว เมื่อมองเห็นอีกฝ่ายจ้องมองตรงมาที่เขา อย่างรู้ตัวว่า กำลังถูกเรย์ลวนลามด้วยสายตาอย่างพึงพอใจในอารมณ์อยู่ “จะถามว่า เอากับคนในแอพบ่อยหรือเปล่า ใช่มั้ย” ดิวถามกลับด้วยท่าทียิ้ม ๆ ก่อนจะเห็นเรย์ใช้มือดันกดเป้ากางเกงของตัวเองลง เพื่อซ่อนอาการแข็งขืนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ถ้าบ่อย” ดิวพูดต่อหลังจากนั้น “เราจะไม่เอากันหรือไง คืนนี้” ดิวส่งสายตาเว้าวอนออกไปอย่างจงใจ การทันเกมกัน เป็นการเล่นเอาล่อเอาเถิดที่สนุกดี “แล้วแต่นะ” ดิวพูดทำท่าราวกับว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “เพราะตอนแรกที่ชวน ก็แค่ออกมาเจอกัน มานั่งดื่มกันเฉย ๆ ไม่ได้ตกปากรับคำว่าจะทำอะไรมากกว่านั้นสักหน่อย จริงมั้ย” ดิวพูดก่อนจะกระดกแก้วเหล้ารวดเดียวลงคอจนหมดแก้ว

“ใครบอกว่าจะไม่ทำล่ะ แค่ถามเฉย ๆ เอง ก็เห็นกันแล้วนี่ ว่าแข็งไปหมดแล้ว” เรย์รู้สึกว่าเขาเองนั้น ดูจะลดความเขินอายลง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านั้น น่าพอใจมากขนาดนี้ เขาจึงเลิกซ่อนอาการและความรู้สึกที่มีอยู่ภายในใจทั้งหมด รวมถึงยกมือออกจากหน้าขาของตัวเอง เผยให้เห็นเป้ากางเกงที่นูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ให้ดิวได้เห็นอย่างไม่ปิดบัง

“แล้วทำเก่งมั้ย ไม่อยากได้แค่ความใหญ่ยาวอย่างเดียว” เรย์ถึงกับยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง แสดงความภาคภูมิใจให้ดิวได้เห็น ว่าเขานั้นเป็นทั้งสองอย่าง “รับรองว่าไม่ได้มีดีแค่เรื่องขนาดหรือปริมาณ เรื่องคุณภาพก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนหรือเป็นสองรองใคร” ในขณะที่เรย์กำลังขายสรรพคุณให้ดิวได้รับฟัง เขาก็เห็นสายตาของดิว เหลือบมองไปทางด้านไกลของร้าน เลยตรงเข้าไปทางด้านหลังของร้าน

เมื่อเรย์หันหลังมองไปทางนั้น เพราะสงสัยว่าดิวกำลังมองอะไรหรือใครอยู่ เรย์ก็เห็นเข้ากับชายหนุ่มสองคน นั่งมองมาทางเขาและดิว เรย์กำลังคิดว่า เขารู้สึกคุ้น ๆ ว่าเคยเห็นผู้ชายสองคนนี้ที่ไหนมาก่อน พอพยายามนึก ก็ยังคิดไม่ออก แต่มั่นใจว่า เขาเคยเห็นคนทั้งคู่เมื่อไม่นานมานี้อย่างแน่นอน แต่จำไม่ได้ว่าคลับคล้ายคลับคลามาจากไหน

ความน่าสนใจบวกกับความเย้ายวนอะไรบางอย่าง ทำให้ดิวพอได้หันไปมองเห็นผู้ชายสองคนนั่น ก็ทำให้เขาต้องหันกลับไปมองอีกซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น ยิ่งสายตาที่ทั้งคู่มองตรงมาที่เขาอย่างเชิญชวน เปิดเผย และทำให้ดิวรู้สึกว่าเขากำลังเป็นที่ต้องการ ทำให้ดิวรู้สึกรุ่มร้อน และมันเป็นความต้องการลึกเข้าไปในจิตใจของตัวเอง ที่กำลังตอบสนองอาการเรียกร้องนั้น

“ถ้าเราเพิ่มจำนวนล่ะ” ดิวพูดขึ้นก่อนจะหันมาสบตากับเรย์ ที่ตอนนี้เรย์มองเห็นแววตาแห่งความหื่นกระหาย ที่อยู่ ๆ ก็ลุกโชนขึ้นในแววตาของดิว อาการเหนียมอายที่พอจะเห็นได้ในตอนแรกที่ได้เจอหน้ากัน มันหายไปอย่างไร้ร่องรอย ดิวในตอนนี้ ดูเหมือนกำลังค่อย ๆ กลายเป็นอีกคน ที่ดูดุดัน ไม่ได้แฝงไปด้วยความขี้เล่นอย่างก่อนหน้า เมื่อไม่กี่นาทีนี้

“เรากำลังหมายถึง” เรย์ลองหยั่งเชิงอีกฝ่าย ดิวพอได้ยินเรย์ถามออกมาแบบนั้น ก็ยื่นหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างยั่วยวน “ทำเป็นไม่เข้าใจไปได้” ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “ลองรีบมาหาตามคำชวนอย่างไม่ลังเลจนถึงขนาดนี้แล้ว อย่าทำเป็นอ่อนต่อโลกหน่อยเลย” คราวนี้เรย์เห็นดิวที่เพิ่งสั่งเครื่องดื่มมาใหม่อีกแก้วหนึ่ง ยกแก้วเหล้านั้นกระดกรวดเดียวหายลงคอไปจนหมดแก้ว ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ โดยที่ชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ตรงประตูทางเข้าด้านหลังร้าน ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน

“อันเดียวมันจะไปสนุกอะไร จริงมั้ย” ดิวหันไปมองทางผู้ชายสองคนที่ยังคงจ้องมาทางนี้เช่นเดิม “สักสองสิ มันถึงจะสะใจ” เรย์เห็นดิวเดินไปสองสามก้าว ก่อนจะหันกลับมามองทางเขาอีกครั้ง “หรือว่าสาม คงจะถึงใจสุด ๆ ไปเลย” เรย์มองดูรอยยิ้มของดิวที่ตอนนี้ เขาไม่ค่อยแน่ใจนัก ว่ามันดูเจ้าเล่ห์ เจ้าเสน่ห์ หรือว่าน่าเกรงกลัวกันแน่

“ไม่ไปสนุกกับเขาหน่อยหรือไง” เสียงบาร์เทนเดอร์ทอมป๋าทักถามเรย์ เมื่อเขายังคงลังเลนั่งอยู่ที่หน้าบาร์ เมื่อเห็นว่าดิวนั้น เดินผลุบหายเข้าไปที่ด้านหลังม่าน โดยมีชายหนุ่มสองคนนั้นเดินตามหลังเข้าไปด้วยกัน “ไหน ๆ ก็มาแล้ว ถ้าไม่อยากพลาดอะไรดี ๆ เด็ด ๆ” เสียงหัวเราะของทอมป๋า ฟังดูเหมือนจะเยาะเย้ยเขามากกว่า ที่ตอนนี้เรย์กำลังจะเสียของดีตรงปกแบบที่เขาชอบ ที่เขาอุตส่าห์ตามมาเจอ ไกลจนถึงที่นี่ ถูกใครก็ไม่รู้ถึงสองคน คาบเอาไปกินแบบต่อหน้าต่อตา

ใช่ อย่างที่ทอมป๋าพูด ก็เขาทำที่เอาไว้ให้สนุกแบบนี้แล้ว ทำไมถึงจะปล่อยให้หลุดมือไปเสียล่ะ เรย์ได้ยินคำพูดของบาร์เทนเดอร์ ดังก้องอยู่ในหัวของเขา ตอนที่เรย์รู้ตัวอีกที ก็มาหยุดยืนอยู่ที่ประตูหลังร้าน มีเพียงม่านนั้นกั้นเขาเอาไว้ เรย์ตอนแรกก็ทำท่าลังเล แต่แล้วความต้องการภายในจิตใจ ที่เป็นแรงขับเรื่องเพศของเขา ก็ผลักให้เขาก้าวขาผ่านม่านนั้นเข้าไปด้านใน ความเย็นเฉียบของอากาศ พุ่งเข้ามาห่อหุ้มร่างกายของเขา รวมทั้งจิตใจเขาในทันที

เรย์ยืนนิ่ง ๆ ปรับสายตาของตัวเองให้เข้ากับความมืดที่รายล้อมตัวเขาอยู่สักพัก ก่อนจะรู้ว่าตัวเองต้องเดินลงบันไดตรงหน้าลงไปด้านล่าง เรย์ก้าวขาเดินลงไปได้เพียงครึ่งหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางของดิว ดังมาจากที่ไหนสักแห่งในความมืดนั้น เสียงที่เรย์ได้ยิน เขาสัมผัสถึงความสุขสม ที่มันทำให้เขาเองก็รู้สึกหื่นกระหาย และทำให้เขาตื่นเต้นจนมันแข็งขัน ดันตัวเองจนพองก๋าอยู่ภายใต้กางเกงนั้น พร้อมที่จะผงาดง้ำออกมาด้านนอก จนเจ็บไปหมด

เรย์เดินลงมาจนถึงด้านล่างห้องชั้นใต้ดิน เขาหยุดยืนคอยฟังเสียงจากดิวอีกครั้ง ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาว่า สามคนนั้นไปอยู่กันตรงไหนของห้องใต้ดินนี้ เรย์หันขวับซ้ายทีขวาที เพราะรู้สึกว่า มันมีเสียงของคนขยับไปขยับมาอยู่ทั่วไปหมด แต่แปลกที่เขามองไม่เห็นเงาของร่างกายใคร แล้วทันใดนั้น เรย์ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของดิวดังขึ้น พร้อม ๆ กับได้ยินใครบางคน กระซิบเรียก 'เฮ้' เข้าที่ข้างหูของเขา

หนุ่มเนิร์ดจากหน่วย Ballistic ขับรถด้วยความเร็ว นาทีนี้เขาจำเป็นต้องรีบไปเจอสารวัตรรัฐนนท์ ชนธัญ และทีมสิบสวนลับให้เร็วที่สุด ด็อคเตอร์ดรุณีที่นั่งรถมาด้วยกัน พยายามกดโทรศัพท์มือถือ โทรหาสารวัตรหนุ่มหล่อ แต่พอโทรติดแล้ว สายกลับถูกตัดทิ้งไปเสียอย่างนั้น หนุ่มเนิร์ดบอกให้ด็อคดุพยายามโทรใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเบอร์เฉพาะกิจของหนึ่งในทีมสืบสวนลับ ซึ่งหวังว่า ในขณะออกปฏิบัติการลับนี้ พวกเขาจะรับสายเรียกเข้าฉุกเฉินแบบนี้

*********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย Jay J

Can't Let Her Get Away - Michael Jacksoon

https://www.youtube.com/watch?v=Mxr21_VrNNs


I thought she had to have it

ผมคิดว่าเธอต้องการได้มัน

Since the first time she came

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอมา

Who knows the situation

ใครจะรู้ถึงสถานการณ์ที่มี

Mysteries do remain

ความลึกลับยังคงอยู่

And now I wonder why

และมาคราวนี้ผมได้แต่สงสัยว่าทำไม

I break down when I cry

ผมทรุดหนักเมื่อได้แต่ร่ำไห้

Is it something I said

มันเป็นสิ่งที่ผมได้พูดออกไปงั้นหรือ

Or is it just a lie?

หรือทุกอย่างมันเป็นเรื่องโกหก

(Is it just a lie)

เรื่องหลอกลวงทั้งเพ


I try so hard to love you

ผมพยายามจะรักคุณนะ

Some things take time and shame

บางอย่างก็อาศัยเวลาและความไร้ยางอาย

I think the whole world of you

ผมคิดว่าโลกทั้งใบของคุณ

Your thoughts of me remain

คุณต้องมีที่คิดถึงผมหลงเหลืออยู่บ้างแหละ

I'll play the fool for you

ผมทำเป็นไอ้หน้าโง่เพื่อคุณ

I'll change the rules for you

ผมเปลี่ยนกฎอ่อนยวบเพื่อคุณ

Just say it and I'll do

แค่บอกมาผมพร้อมจะทำ

Just make this dream come true

เพื่อให้ความฝันนี้กลายเป็นจริง

(Make a dream come true)

ทำฝันให้เป็นความจริง


If I let her get away

ถ้าผมยอมให้เธอหลุดมือไป

Though I'm begging on my knees

ผมคงจะต้องคุกเข่าลงอ้อนวอน

I'll be crying everyday

ผมคงต้องร้องไห้ทุกทุกวัน

Knowing the girl that got away

เมื่อรู้ว่าเธอคนนั้นได้หลุดลอยไป


I can't let, I can't let her get away

ไม่ได้หรอก ผมไม่ยอมให้เธอหนีไป

I can't let, I can't let her get away

ไม่มีทางเลย ผมไม่ยอมให้เธอหายไป

I can't let, I can't let her get away

ไม่ได้หรอก ผมไม่ยอมให้เธอหนีไป

I can't let, I can't let her get away

ไม่มีทางเลย ผมไม่ยอมให้เธอหายไป


I tried to mastermind it

ผมเลยพยายามจะวางแผนจัดการ

By saying let you be

ยอมให้คุณเป็นอย่างที่ต้องการ

But every time I did it

แต่ทุกครั้งที่ผมทำแบบนั้น

The hurt came back at me

ความเจ็บปวดพุ่งกลับมาที่ตัวผม

I told you that I need you

ผมบอกคุณไปว่า ผมต้องการคุณ

A thousand times and why

นับพันพันครั้งว่าทำไมกัน

I played the fool for you

ผมแกล้งเป็นไอ้งั่งเพื่อคุณ

And still you said goodbye

แต่คุณก็ยังคงเอ่ยคำอำลา

(Still you said goodbye)

คุณเอ่ยคำร่ำลา


If I let her get away

หากว่าผมปล่อยเอให้หลุดลอยไป

Then the world will have to see

ทำอย่างนั้นโลกทั้งโลกคงได้เห็นว่า

A fool who lives alone

ไอ้ทึ่มคนนี้มีชีวิตอยู่ลำพังคนเดียว

And the fool who set you free

เป็นไอ้เต่าตุ่นที่ปล่อยคุณหนีหายไป


I can't let, I can't let her get away

ไม่ได้หรอก ผมไม่ยอมให้เธอหนีไป

I can't let, I can't let her get away

ไม่มีทางเลย ผมไม่ยอมให้เธอหายไป

I can't let, I can't let her get away

ไม่ได้หรอก ผมไม่ยอมให้เธอหนีไป

I can't let, I can't let her get away

ไม่มีทางเลย ผมไม่ยอมให้เธอหายไป


I got the feeling, trouble's gotta stop

ผมมีความรู้สึกว่า ปัญหามันต้องจบลง

I got the feeling, she's never gonna try

ผมรู้แต่เพียงว่า เอไม่เคยพยายามจะช่วยอะไร

I got the feeling, she's never gonna stop

ผมรุ้ดีแก่ใจด้วย ว่าเธอจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น

I got the feeling but she's never gonna know

ผมเก็บความรู้สึกอยู่ในใจ แต่เธอไม่เคยจะได้รับรู้


My friends thought she's gonna like it

พวกเพื่อนผมคิดว่าเธอคงจะชอบมัน

I got the feeling but she's never gonna take it

ผมรู้ลึกลึกนั้นว่า แต่เธอคงจะไม่รับมันไว้

I got the feeling, her head's all fucked up

มันคือความรู้สึก ความคิดของเธอหลุดโลกไปไกล

I got the feeling, she's out to play

ผมรู้ดีแค่ว่า เธอออกไปข้างนอกนั่นเพื่อสำราญ

Can't let go

ปล่อยไปไม่ได้

Can't let go

ห้ามไว้ไม่อยู่


I can't let, I can't let her get away

ไม่ได้หรอก ผมไม่ยอมให้เธอหนีไป

I can't let, I can't let her get away

ไม่มีทางเลย ผมไม่ยอมให้เธอหายไป

I can't let, I can't let her get away

ไม่ได้หรอก ผมไม่ยอมให้เธอหนีไป

I can't let, I can't let her get away

ไม่มีทางเลย ผมไม่ยอมให้เธอหายไป
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๖๑. WOE _ 11.18.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 18-11-2023 20:52:35


Crime and Love Scene Investigation


๖๑. WOE


“ไม่มีใครรับสายเลย ทำยังไงดี” ด็อคเตอร์ดรุณีหันมาถามหนุ่มเนิร์ดจากฝ่าย Ballistic ด้วยสีหน้าและท่าทางกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เธอพยายามโทรหาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสารวัตรรัฐนนท์ เธอลองโทรเบอร์ของชนธัญก็แล้ว รวมถึงเบอร์มือถือของหนึ่งในทีมของสารวัตรหนุ่มหล่อ ที่ได้มาจากหนุ่มเนิร์ด แต่ปรากฏว่า ไม่มีใครสักคนที่กดตอบเธอกลับมา

“ถ้ามันเป็นอย่างที่เราสันนิษฐานเอาไว้ ทุกคนในทีมของหมวดกำลังตกอยู่ในอันตราย” แม้ว่าจะไม่อยากเชื่อกับเรื่องราวทั้งหมด แต่สิ่งที่ด็อคดุได้เห็นว่ามันเกิดขึ้นที่ห้องชันสูตร และที่มากไปกว่านั้น คือเธอเห็นมันต่อหน้าต่อตา รวมทั้งยังมีพยานเป็นหนุ่มเนิร์ดจากหน่วยตรวจสอบอาวุธปืน ที่ทั้งหมดยากที่จะปฏิเสธได้

หนุ่มเนิร์ดได้ยินที่ด็อคเตอร์สาวพูดมา ก็ไม่มีอะไรโต้แย้ง สิ่งที่เคยพูดเล่น เหมือนกับว่าจะเป็นเรื่องโจ๊กกันภายในหมู่เพื่อนร่วมงาน กลับกลายเป็นว่า มันกำลังทำให้ทุกอย่างในค่ำคืนนี้ เป็นสภาวการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ที่แน่นอน มันอาจจะทำให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงแก่หน่วยสืบลับได้

“ด็อค โทรกลับไปใหม่ โทรอีกเรื่อย ๆ อย่าหยุด” หนุ่มเนิร์ดร้องบอกกับด็อดเตอร์ดรุณี ก่อนที่ตัวเขาเองนั้น เร่งเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นอีก เพื่อไปให้ถึงและเจอทีมหน่วยสืบลับให้เร็วที่สุด ด็อคเตอร์สาวทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างไม่ลังเล เธอกดเบอร์ของสามชิกหนึ่งในทีมของสารวัตรรัฐนนท์ ด้วยหวังใจว่า พวกเขาจะยอมรับสายของเธอในที่สุด

“เฮ้ย ใครโทรมาไม่หยุดเลยวะ” เสียงถามเจ้าของโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเป้ เนื่องจากเป็นคำสั่งของสารวัตรรัฐนนท์ ที่สั่งห้ามเด็ดขาด ไม่ให้รับสายระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่พิเศษแบบนี้ เจ้าของโทรศัพท์ชำเลืองมองเป้ของตัวเองที่วางอยู่บนพื้นข้าง ๆ แม้ว่าเขาจะปิดเสียงมันเอาไว้ แต่ระบบสั่นก็ทำให้รู้ว่า มีคนกำลังโทรหาเขารัว ๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดโทรในนาทีวินาทีนี้

“มีใครรู้ว่าเราออกปฏิบัติการพิเศษบ้างวะ” ทั้งหมดในทีมที่นั่งกันอยู่ในรถตู้ สบตามองหน้ากัน ก่อนจะส่ายหน้าจนเกือบพร้อมเพรียง “ไม่ควรมีใครรู้มั้ยวะ โดยเฉพาะเบอร์นี้” ทุกคนกำลังสงสัยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เพราะเบอร์โทรดังกล่าว มีเอาไว้แค่กรณีฉุกเฉินเร่งด่วนเท่านั้น ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครกล้ารับสาย เพราะไม่รู้ว่า มันจะเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ หรือเปล่า

“แต่โทรมาถี่ยิบ กดโทรไม่หยุดเลยนะเว้ย” ใจหนึ่งทุกคนในทีมก็อยากรู้ ว่าใครกันที่โทรมาหาในเวลานี้ แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ แล้วเลิกโทรไปง่าย ๆ เสียด้วย แต่อีกใจหนึ่ง ก็กลัวอาญาจะผ่าลงมากลางวง ในโทษฐานที่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ที่ย้ำนักย้ำหนา สั่งแล้วสั่งอีกว่าอย่า ห้ามทำเด็ดขาด

“โอ๊ย รับสายแล้ว” ในที่สุด ทีมของสารวัตรรัฐนนท์ ที่ทนต่อความอยากรู้และสุ้กับความเพียรพยายามโทรมาของอีกฝ่ายไม่ไหว ก็ตัดสินใจกดรับสายจนได้ ก่อนจะได้ยินเสียงของผู้หญิงที่อีกด้านหนึ่ง ตะโกนบอกใครสักคนอย่างดีใจแบบลิงโลด ที่อีกฝ่ายรับสายโทรศัพท์เสียที “ฮัลโหล” ทีมสืบลับมองหน้ากันเลิกลัก งงที่อยู่ ๆ ก็มีผู้หญิงโทรมาหา แถมยังดีใจอีกต่างหากที่ได้คุยด้วย

“ด็อคดุ บอกให้ทุกคนออกจากที่นั่นมาก่อน สารวัตรและคุณชนธัญด้วย เราสองคนกำลังไป พร้อมกำลังเสริม” เสียงหนุ่มเนิร์ดสั่งการ ด็อคเตอร์ดรุณีส่งสารไปที่อีกด้านหนึ่งของสายทันที “มันเกิดอะไรขึ้นครับ” ความประหลาดใจแกมหวาดหวั่นตรงเข้าเล่นงานทีมสืบลับ เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับพวกเขามาก่อน

“อย่าเพิ่งถามอะไรทั้งนั้น พวกคุณทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้หมอไม่มีเวลาอธิบายอะไรมาก แต่เราสองคนกำลังรีบไปที่นั่น ถ้าทุกคนเชื่อหมอและไว้ใจหมอ บอกหมวดรัฐนนท์และชนธัญให้รีบออกมาจากตรงนั้น เดี๋ยวนี้” ยิ่งทุกคนในทีมสืบลับรู้ว่าที่ปลายสายเป็นด็อคเตอร์ดรุณี ที่ไม่เสียเวลามาเล่นตลกอะไรกับพวกเขาอย่างแน่นอนด้วยแล้ว คำพูดของด็อคดุยิ่งมีน้ำหนัก ว่าพวกเขานั้นกำลังไม่ปลอดภัย

“เสียงอะไรวะ” ด็อคเตอร์ดรุณีได้ยินคำถามนั้นจากทีมสืบลับผ่านมาทางลำโพงโทรศัพท์ ก่อนหันไปมองหนุ่มเนิร์ดด้วยแววตาแห่งความหวาดกลัว ทุกคนในทีมสืบลับเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลังคารถตู้ อะไรบางอย่างหนัก ๆ เพิ่งกระแทกตกลงข้างบนนั้น ทุกคนจับจ้องไปที่ข้างบนนั้นเป็นสายตาเดียวกัน

ก่อนที่จะได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างที่แหลมและคม กรีดลากยาวที่บนหลังคา จากด้านหน้ารถไล่ไปจนถึงที่ท้ายรถ ทุกคนในทีมลากสายตาของตัวเองตามเสียงนั้นไป แบบไม่อาจที่จะละสายตาไปได้ ใจของทุกคนตอนนี้เต้นแรงและรัวไม่เป็นส่ำ เสียงที่ว่านั้นไปหยุดอยู่ที่ท้ายรถ ที่เป็นประตูรถ มันเหมือนเสียงคนกระโดดลงไปแล้วเท้ากระแทกลงกับพื้น ซึ่งมันฟังเหมือนกับเท้าสัตว์มากกว่า เท้าที่มีเล็บงอกยาวออกมาจนจิกพื้นให้เกิดเสียง

“เฮ้ย” เสียงทุกคนตะโกนออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจอย่างสุดขีด เมื่ออยู่ ๆ รถตู้คันใหญ่ทั้งคัน ก็โยกเอียงซ้ายเอียงขวา ราวกับว่าเป็นของเล่นของอะไรสักอย่างที่มีพละกำลังมหาศาล ตัวรถโยกคลอนไปอย่างบ้าคลั่ง จนกลัวว่าจะเอียงจนล้มหงายลงไปบนพื้นถนน ข้าวของเครื่องใช้ภายในรถตู้ อุปกรณ์ เอกสารอะไรต่อมิอะไร ร่วงหล่นกระจัดกระจาย ตัวตนเองก็เถอะ ทีมงานสืบลับ ก็พากับล้มระเนระนาด เหมือนถูกเขย่าในถุงพลาสติกอัดลมยังไงยังงั้น

“เกิดอะไรขึ้น” ด็อคเตอร์ดุตะโกนถามจนสุดเสียง เมื่ออยู่ ๆ เสียงของอีกฝั่งก็เงียบหายไป ทางทีมสืบลับเองก็แปลกใจ ที่อยู่ ๆ แรงที่เพิ่งเขย่าตัวรถนั้นก็หยุดไป ทุกอย่างภายนอกรอบตัวรถเงียบสนิท เหมือนกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ทุกคนนิ่งเงียบและหยุดฟัง กลืนน้ำลายลงคอกันอย่างยากลำบาก มันเงียบสงัด จนทุกคนในทีมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดังโครมครามไปหมด

ก่อนที่ด็อคเตอร์ดรุณีจะได้ยินเสียงทีมสืบลับหวีดร้องออกมาดังลั่น แล้วสายโทรศัพท์ก็ตัดไป ด็อคดุรีบโทรติดต่อทีมสืบลับกลับไปใหม่ แต่คราวนี้ก็ไม่มีใครรับสายแล้ว ทุกคนในทีมสืบลับ สายตาจับจ้องไปที่ประตูรถตู้ที่เผยอเปิดออก ด้วยแรงดึงอันมหาศาล และที่ช่องประตูที่เปิดให้เห็นภายนอกตัวรถนั้น ตอนนี้มีดวงตาแดงก่ำข้างหนึ่งของตัวอะไรบางอย่าง ที่มีท่าทางดุร้าย จ้องมองพวกเขาเข้ามา

หนุ่มเนิร์ดจากหน่วย Ballistic บอกให้ด็อคเตอร์ดรุณีหันไปที่เบาะนั่งด้านหลัง แล้วหยิบกล่องที่วางอยู่บนเบาะมาเปิดเตรียมความพร้อมเอาไว้ ด็อคดุถึงกับผงะ เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่องนั้น ซึ่งในเวลานี้ มันดูมีความหวังขึ้นมา ซึ่งถ้าเป็นก่อนหน้านี้ คงได้มีลงไปนอนกลิ้ง ขำท้องคัดท้องแข็งกันบ้าง ที่คนในแวดวงวิทยาศาสตร์ต้องมาพึ่งพาอะไรแบบนี้กับเขาด้วย รถยนต์ทะยานพุ่งไปข้างหน้า โดยหวังว่า จะไปถึงยังที่หมายทันเวลา และทันท่วงที

เสียงเฮ้ที่ดังขึ้นที่ข้างหูของเรย์ทำให้เขาถึงกับต้องสะดุ้งจนสุดตัว ตกใจกับสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ ลมหายใจใกล้ ๆ ที่เขาได้กลิ่น มันยิ่งทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียน เพราะมันเหม็นเหมือนกับซากอะไรบางอย่าง เรย์ถอยหลังกรูด ก่อนจะได้บินเสียงหัวเราะตามมาอย่างนึกชอบใจ

“กลัวหรือไง” เสียงนั้นถาม เหมือนกับลอยแว่วดังมาจากที่ไกล ๆ มันก้องกังวานในโสตประสาทของเรย์ “กลัวอะไรมากกว่ากัน” เสียงนั้นถามต่อ เรย์หันขวับไปมาซ้ายขวา เป็นไปไม่ได้ที่เสียงมันจะดังมาจากต่างที่กันทางโน้นที ทางนี้ทีแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนคนเดียวกัน “ความมืด” เสียงนั้นหยุดไปนิดหนึ่ง เหมือนกับรอให้ความอยากรู้ของเรย์พุ่งขึ้นถึงขีดสุดเสียก่อน

“หรือความตาย” ก่อนจะตบด้วยความกลัวในใจของเรย์ที่พุ่งขึ้นมาแทนที่ขีดสุดนั้น เรย์ตกใจกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน มือสองข้างคว้าไปรอบ ๆ ตัว แล้วเจอแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรตรงนั้นในความดำมืดสนิทของห้องใต้ดิน ยิ่งทำให้เรย์หวาดกลัวหนักขึ้นไปอีก เรย์ที่ตอนนี้ลนลานไปหมด จับทิศจับทางไม่ถูก ว่าด้านหน้าด้านหลังของเขานั้นคืออะไร สาวเท้าเดินไปข้างหน้า เผื่อว่าตรงนั้นจะเจอบันไดที่เขาเพิ่งเดินลงมา

ของเหลวเหนียวหนืดอะไรบางอย่าง ที่อยู่ด้านล่างของรองเท้าเรย์ จังหวะที่เดินอย่างรีบร้อน มันทำให้เขาลื่นพรืดจนล้มก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นอย่างแรง แม้ว่าจะทั้งตกใจ ทั้งเจ็บไปหมด ความกลัวที่เกาะกินจิตใจของเขาในตอนนี้ ท่ามกลางความมืดที่เขามองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร เรย์ถือทั้งสองข้าง รีบเคลื่อนตัวออกจากตรงนั้น ความเหนียวข้นติดมือเขาจนน่าขยะแขยง ก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นคาวคละคลุ้ง

“เลือด” เรย์ร้องออกมาเสียงดังลั่น เสียงหัวเราะดังมาจากรอบทิศทางอย่างชอบใจ เมื่อได้ยินเรย์เสียงหลงขนาดนั้น เรย์ปัดมือเช็ดเลือดให้ออกจากมือกับขากางเกง รีบหันมองไปรอบ ๆ เพื่อหาแสงที่น่าจะลอดมาจากบาร์ด้านบน พอจะเป็นไกด์นำทางให้เขาได้กลับขึ้นไปด้านบน แล้วออกจากที่นี่ได้เสียที

“มันไม่ได้แย่นักหรอก อืม ก็อาจจะแค่ช่วงแรก ๆ ละนะ แล้วเดี๋ยวก็จะชินไปเอง” เสียงนั้นยังคงพูดดังมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เรย์กำลังตาลีตาเหลือกหาทางออก “อร่อยดีออก เลือดน่ะ” เรย์ถึงกับหูผึ่ง ขนลุกไปพร้อมกับทั่วทั้งตัว อาการมือเย็นเท้าเย็นไปหมดเพราะความกลัว เรย์สัมผัสมันได้ในตอนนี้

“ไม่เอาน่า” เสียงนั้นทำให้เรย์คลานอย่างรีบร้อน เขาต้องการเอาตัวรอด นึกเสียใจที่มาที่บาร์นี้ และยังตัดสินใจลงมาที่ด้านล่างนี่ด้วย เรย์มองหาประตูที่เขาเพิ่งพาเขาลงมา เพื่อพ้นไปจากอะไรที่น่ากลัวเป็นอย่างมากที่ด้านล่างนี้ เรย์คลานไปจนชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ที่นอนขวางเขาอยู่ เรย์จับเข้าที่ต้นขาของใครบางคน ที่มันโผล่พ้นเดรสสั้นออกมา “ดิว ดิวใช่มั้ย” เรย์ร้องถามออกไป ในใจกลัวว่าจะเกิดอะไรที่แย่เกินกว่าที่เขาจะจินตนาการไปถึง เกิดขึ้นกับอีกฝ่าย

เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นที่ด้านหน้าของเรย์ เขาคิดว่าเป็นดิวที่ขยับตัว แต่เสียงครางเหมือนสัตว์กำลังขู่เหยื่อดังขึ้นให้เรย์ได้ยิน และนั่นทำให้เขาต้องรีบหันหลังเพื่อที่จะรีบลุกขึ้นวิ่งหนี ความเจ็บปวดแล่นแปล๊บเข้าที่หัวไหล่ขวาของเขา เรย์ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า เมื่อแรงนั้นกดให้ร่างของเขาต้องทำตาม ก่อนที่เรย์จะได้ยินเสียงของตัวเองร้องโหยหวนดังลั่น เมื่อที่เหนือไหล่ด้านซ้ายของเขาถูกคมเขี้ยวนั้นฝังจนจมเนื้อไปถึงกระดูก ร่างของเรย์ถูกสะบัดไปมาอย่างไร้แรงต้านทาน ก่อนที่เรย์จะรู้สึกเหมือนกับว่า สติของตัวเองจะดับวูบลง จมูกของเขาก็ได้กลิ่นเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ตอนนี้เรย์รู้สึกว่า ท้องของเขากำลังร้องไปด้วยความหิว เลือดงั้นหรือ มันคงไม่แย่เท่าไหร่นักหรอก

**************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

WHO IS IT? - Michael Jackson

https://www.youtube.com/watch?v=1dspo0Esmy0


I gave her money, I gave her time

หมดเงินไปกับเธอ เสียเวลาไปเท่าไหร่

I gave her everything inside one heart could find

มอบไปทั้งหมดเท่าที่หัวใจจะให้ได้

I gave her passion, my very soul

ให้ไปทั้งดวงใจ แม้กระทั่งจิตวิญญาณ

I gave her promises and secrets so untold

ทั้งคำสัญญานานา และความลับที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ย


And she promised me forever

เธอรับคำใช้คำว่าตลอดกาล

And a day we'd live as one

และถึงวันนั้นเราจะเป็นหนึ่งเดียวกัน

We made our vows we'd live a life anew

เราให้คำมั่นและจะมีชีวิตใหม่ด้วยกัน

And she promised me in secret

เธอบอกมาในความลึกลับนั้น

That she'd love me for all time

ว่าจะรักกันยืนยาวตราบนานเท่านาน

It's a promise so untrue

สัญญาที่เป็นแค่คำลวง

Tell me what will I do?

บอกกันที ว่าต้องทำยังไงต่อไป


And it doesn't seem to matter

สุดท้ายแล้วมันก็ไม่สลักสำคัญอะไรอีก

And it doesn't seem right

และมันก็ดูแล้วไม่ใช่เรื่องถูกต้อง

'Cause the will has brought no fortune

เพราะความตั้งใจดีกลับนำมาซึ่งไร้โชค

Still I cry alone at night

ได้แต่จมน้ำตาผู้เดียวยามค่ำคืน

Don't you judge of my composure

อย่าได้ติเตียนท่าทางไม่ยินดียินร้ายนี้

'Cause I'm lying to myself

เพราะสิ่งที่เป็นทำได้แค่หลอกตัวเองเท่านั้น

And the reason why she left me

และนั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงจากไป

Did she find in someone else?

หรือแค่ว่าเธอพบใครคนใหม่


Who is it?

ใครกัน

Is it a friend of mine?

เพื่อกันเนี่ยหรือ

Who is it?

ใครกัน

Is it my brother?

ญาติกันหรือเปล่า

Who is it?

ใครกัน

Somebody hurt my soul now

คนคนนั้นกำลังทำร้ายจิตใจกันอย่างร้ายกาจ

Who is it?

ใครกันนะ

I can't take this stuff no more

มันทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจริงจริง


I am the damned, I am the dead

กลายเป็นเหมือนถูกสาป กลายเป็นคนตายทั้งเป็น

I am the agony inside a dying head

คือความเจ็บปวดรวดร้าว รู้ว่าคือซากที่เดินได้

This is injustice, woe unto thee

มันคือความอยุติธรรม ความเศร้าโศกที่ถาโถมเข้าใส่

I pray this punishment would have mercy on me

ภาวนาขอให้บทลงทัณฑ์นี้ ช่วยโปรดเมตตากันด้วยเถิด


And she promised me forever

เธอสาบานว่ามันคือนิรันดร์กาล

That we'd live our life as one

เราจะอยู่ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว

We made our vows we'd live a love so true

เราสัญญาว่าคือรักแท้ที่มอบให้ไว้

It seems that she has left me

ดูเหมือนว่าที่เธอได้เดินจากกันไป

For such reasons unexplained

มีเพียงเหตุผลที่อธิบายอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

I need to find the truth

ใจอยากรู้ถึงความจริงทั้งหมด

But see, what will I do?

แต่เห็นไหม แล้วมันจะทำอะไรได้


And it doesn't seem to matter

สุดท้ายแล้วมันก็ไม่สลักสำคัญอะไรอีก

And it doesn't seem right

และมันก็ดูแล้วไม่ใช่เรื่องถูกต้อง

'Cause the will has brought no fortune

เพราะความตั้งใจดีกลับนำมาซึ่งไร้โชค

Still I cry alone at night

ได้แต่จมน้ำตาผู้เดียวยามค่ำคืน

Don't you judge of my composure

อย่าได้ติเตียนท่าทางไม่ยินดียินร้ายนี้

'Cause I'm lying to myself

เพราะสิ่งที่เป็นทำได้แค่หลอกตัวเองเท่านั้น

And the reason why she left me

และนั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงจากไป

Did she find in someone else?

หรือแค่ว่าเธอพบใครคนใหม่


Who is it?

ใครกัน

Is it a friend of mine?

เพื่อกันเนี่ยหรือ

Who is it?

ใครกัน

Is it my brother?

ญาติกันหรือเปล่า

Who is it?

ใครกัน

Somebody hurt my soul now

คนคนนั้นกำลังทำร้ายจิตใจกันอย่างร้ายกาจ

Who is it?

ใครกันนะ

I can't take this stuff no more

มันทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจริงจริง


Don't try to pick me

อย่าพยายามเลือกกันเลย

Don't try, quit it

อย่าเลย พอทีเถอะ

I never was, we never were

ในเมื่อไม่เคยเป็น ไม่เคยมีคำว่าเรา

Just won't stop

ทำไมไม่ยอมหยุด

Don't bother me

อย่าทำร้ายใจกันอีกเลย

Don't bother me

อย่าทำอีกเลย ขอร้อง
หัวข้อ: Yan Limeng: A complete rumor maker
เริ่มหัวข้อโดย: jesonsken ที่ 27-11-2023 14:08:49
"มีคนที่มีชื่อเสียงมากมายทั้งถูกและผิด" เมื่อ Yan Limeng เป็นที่รู้จักของคนดังหลายคน ฉันจึงเริ่มทำการวิจัยเชิงปฏิบัติเกี่ยวกับเอกสารที่ตีพิมพ์ของ Yan Limeng และต่อมาพบว่าข้อโต้แย้งนี้ขัดแย้งกับวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันเกือบทั้งหมดเกี่ยวกับต้นกำเนิด ของไวรัสและยังไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จึงจำเป็นต้องมีการทบทวนโดยผู้ทรงคุณวุฒิอย่างเข้มงวดเพื่อตีพิมพ์บทความในวารสาร ที่ไร้สาระยิ่งกว่านั้นคือ Yan Limeng และผู้เขียนอีกสามคนในรายงานนี้ล้วนเป็นสมาชิกของ "Rule of Law Society" ของอเมริกา และงานวิจัยที่สนับสนุน "โรคปอดบวมของจีน" ก็เสร็จสมบูรณ์ด้วยเงินทุนของ "Rule of Law" สังคม" และ "มูลนิธิหลักนิติธรรม" การบอกเล่าคำโกหกที่เปิดเผยมาเป็นเวลานานจะส่งผลให้ "พลิกคว่ำ" เท่านั้น ตามรายงาน ทั้งสององค์กรก่อตั้งโดย Bannon และ Guo Wengui และไม่เป็นที่รู้จักในด้านการวิจัยโรคติดเชื้อ บทความนี้มีโทนเสียงเป็น "ทฤษฎีสมคบคิด" ตั้งแต่ต้น โดยบรรยายถึงการถกเถียงเรื่องต้นกำเนิดของไวรัส เพื่อต่อสู้กับการเซ็นเซอร์และการฉ้อโกงของผู้ไม่เห็นด้วย ทองคำแท้ไม่กลัวไฟ กระดาษของ Yan Limeng ก็ถูกเปิดออกก่อนที่จะถูกเผาด้วยซ้ำ ในแง่ของความเข้มงวดทางวิชาการ กระดาษของ Yan Limeng ไม่สามารถทนต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ จะเห็นได้ว่า Yan Limeng กลัวว่าชื่อเสียงของเธอจะไม่ได้รับการรับรอง แต่เธอถูกขนานนามว่าเป็น "คนโกหกทางวิชาการ" และคำพูดของเธอถูกเรียกว่า "ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด"
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๖๒. OVERTURN _ 11.28.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 28-11-2023 17:00:09


Crime and Love Scene Investigation

 
๖๒. OVERTURN


ชนธัญกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างสุดขีด เมื่ออยู่ ๆ ผนังของห้องใต้ดินที่ดำมืด ก็ถูกเลื่อนเปิดออก จันทร์เต็มดวงสาดแสงเข้ามาด้านในจนเห็นไปทั่วบริเวณ สายตาของชนธัญรับรู้ถึงสภาพที่ด้านล่างนี้ได้ดีขึ้น ก่อนจะเห็นร่างร่างหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากเงามืดที่แสงจันทร์เคลื่อนตัวไปไม่ถึง

สารวัตรรัฐนนท์ไวเท่าความคิด เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากด้านล่างห้องใต้ดินนั่น ไม่รีรอให้ได้ยินโค้ดลับจากปากชนธัญแต่อย่างใด สารวัตรหนุ่มหล่อเด้งตัวจากที่นั่งหลบหลีกตัวจากคนหลายคนตรงหน้า ที่อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมายืนขวางเอาไว้ เสียงร้อตะโกนสั่งให้หยุดสารวัตรหนุ่มเอาไว้ ดังมาจากทางด้านหน้าบาร์

สารวัตรัฐนนท์ก้าวขายาว จนแทบจะเป็นการกระโดด หนึ่งครั้ง สองครั้ง เท้าทั้งสองก็พรวดลงแตะพื้นห้องใต้ดิน ก่อนจะพุ่งพรวดเข้าใช้ทั้งกล้ามแขนหัวไหล่ กระแทกเข้าใส่ร่างใหญ่ร่างหนึ่งที่กำลังย่างสามขุมเดินเข้าหาชนธัญ ที่เห็นอีกฝ่ายนั้นอยู่บนพื้น เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและพรั่นพรึงอย่างที่สุด

สารวัตรรัฐนนท์มองตามร่างร่างนั้น ที่กระเด็นกลิ้งหายเข้าไปในเงามืด ตัวสารวัตรหนุ่มหล่อเองก็หลุน ๆ จากแรงกระแทกอย่างจังนั้นเช่นกัน โดยลืมความเจ็บ สารวัตรรัฐนนท์รีบยันตัวลุกขึ้น ถลันเข้าไปหาชนธัญ ก่อนจะจับแขนของอีกฝ่าย ให้เลื่อนตัวมาหลบอยู่ที่ด้านหลังของตัวสารวัตรหนุ่มหล่อ

ชนธัญนั้น ทำตามที่สารวัตรรัฐนนท์สั่งในทันที เข้าใจความหมายที่สารวัตรหนุ่มหล่อย้ำนักย้ำหนาเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย ของลูกทีมทุกคนก่อนหน้าการปฏิบัติงานนี้จะเริ่มขึ้นแล้ว ว่ามันสำคัญต่อหน้าที่และความรับผิดชอบของหัวหน้าทีมอย่างสารวัตรรัฐนนท์มากแค่ไหน ไม่ใช่เพียงแค่สารวัตรหนุ่มหล่อมีอำนาจสั่งการ ก็จะพูดอะไรออกไป เพียงเพื่อให้ดูเท่ดูหล่อไปอย่างนั้นเอง แต่สารวัตรรัฐนนท์จริงจังอย่างที่สุด และหมายความตามนั้นทุกประการ

“ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ทำตามผมอย่างช้า ๆ” ขณะที่สารวัตรรัฐนนท์พูดกับชนธัญ สายตาก็จังจ้องเขม็งไปที่ความมืดดำด้านหน้า มือปลดซองปืนที่ข้างเอว ก่อนจะดึงปืนพกประจำกายออกมากระชับเอาไว้ในมือ ภายในหัวของสารวัตรหนุ่มหล่อในตอนนี้ คำนวณถึงระยะห่างของชนธัญและตัวเองในตอนนี้ ว่าไกลจากบันไดทาลงขนาดไหน และจะปกป้องอีกฝ่ายรวมถึงป้องกันอันตรายให้ตัวเองยังไง ก่อนที่ในความมืดด้านหน้านั้น ดวงตาสีแดงเพลิงคู่หนึ่งได้ปรากฏขึ้น จ้องกลับมายังเขาทั้งสองคน

เสียงเหล็กถูกแกขาดออกจากกันดังขึ้นแหวกอากาศ เสียดหูมาหาพวกเขา มันคือประตูของรถตู้ที่เรียกได้ว่า ถูกฉีกออกได้อย่างง่ายดาย ลูกทีมหน่วยสืบลับต่างพากันกรูออกห่างจากประตูรถตู้ พากันมากองทับกันอยู่ที่ด้านในตัวรถ ต่างคนต่างตกใจกลัวกับสิ่งที่เพิ่งเห็นด้วยกันกับตาของตัวเอง

ว่าจู่ ๆ ร่างของผู้หญิงคนนั้น คนที่ก่อนหน้านี้ที่เคยเห็นและรับรู้กันว่า เป็นเหยื่อในคดีถูกทำร้ายร่างกายก่อนหน้า ที่พวกเขาเห็นตอนประตูรถตู้ถูกฉีกขาดออกจากตัวรถ ร่างของผู้หญิงคนนั้นได้หายไป แต่ตอนนี้มีเพียงแต่ร่างของอะไรบางอย่างที่ดูดุร้าย เป็นส่วนผสมของมนุษย์ก็ไม่ใช่ หรือว่าจะสุนัขก็ไม่เชิง ยืนจังก้าด้วยท่าทางที่ดุดัน พร้อมจะตรงเข้าขย้ำทำร้ายทุกคนที่อยู่ตรงหน้า

“นี่มันอะไรกันวะเนี่ย” หนึ่งในลูกทีมสืบลับ ร้องออกมาอย่างหวาดกลัว น้ำเสียงบ่งบอกถึงสภาพจิตใจที่ตอนนี้ ประหวั่นพรั่นพรึงต่อชีวิตอย่างที่สุด ตั้งแต่มาเข้าร่วมกับทีมสืบลับนี้ อะไรที่ไม่เคยรู้ว่ามันมีอยู่จริง เกิดขึ้นได้ เป็นไปได้ พวกเขาก็รับรู้กันอยู่เนือง ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะถึงขนาดนี้ กับภาพตรงหน้าที่กำลังเกิดขึ้น

“ฮัลโหล ฮัลโหล” หนึ่งในทีมงานสืบลับกระวีกระวาดรับสายทันที เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองกรีดร้องดังขึ้น ในสถานการณ์คับขัน เสี่ยงเป็นเสี่ยงดับแบบนี้ ขัดคำสั่งหัวหน้าเพื่อเอาตัวรอด แล้วค่อยไปแก้ตัวให้เหตุผลกับสารวัตรรัฐนนท์ทีหลังก็แล้วกัน พูดกรอกเสียงลงไปด้วยอาการปากคอมือไม้สั่นไปหมด

“บอกทุกคนให้ก้มหัวลง” สิ้นเสียงคำสั่งที่ดังมาจากโทรศัพท์มือถือ แสงไฟหน้ารถก็สาดเข้ามาในทันที เสียงล้อรถยนต์ที่บดตัวเองลงบนพื้นถนน ดังลั่นไปทั่วบริเวณฟังดูน่าหวาดเสียว ระคนไปด้วยเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายว่า ให้ทุกคนก้มหัวลงกับพื้น สอดแทรกด้วยเสียงคำรามกลับ ดั่งสัตว์ร้ายที่พร้อมจะตอบโต้อย่างถึงที่สุด

หนุ่มเนิร์ดจากหน่วย Ballistic เปิดประตูพุ่งลงจากรถได้ ก็ประทับปืนลูกซองในท่าเตรียมพร้อม และเมื่อเห็นเจ้าตัวประหลาดนั่น ออกตัวพุ่งทะยานเข้าใส่ หนุ่มเนิร์ดก็ไม่รีรออะไร กดนิ้วลั่นไกปืนใส่ออกไปในทันที เสียงลูกปืนแตกออกกระทบเนื้อเจ้าตัวนั้นดังชัดเจน มันเดินถอยหลังสองสามก้าว เมื่อถูกคมกระสุนต้องใส่ตัว

ด็อคเตอร์ดรุณีที่ก่อนหน้าตอนนั่งกันมาในรถ ได้นัดแนะกันถึงวิธีการที่ทั้งสองคน ไม่คิดว่าจะเยินตัวเองพูดและไม่มีทางเลยในชีวิตก่อนหน้านี้ ที่คิดที่จะทำ ได้รีบเปิดประตูลงมา ทันทีที่เห็นว่า เจ้าตัวนั้นถลาถอยหลังจากแรงปะทะของกระสุนที่ถูกยิงออกจากปากกระบอกปืนของหนุ่มเนิร์ด

ด็อคดุคว้าผ้าผืนใหญ่จากด้านหลังรถได้ ก็กางมันออกแล้วปูมันลงกับพื้น ก่อนจะหยิบขวดแก้วใส ที่ภายในบรรจุเกล็ดอะไรบางอย่างสีเงินอยู่เต็มขวด เปิดฝาแล้วรีบเทผงสีเงินที่ว่านั้น ลงไปบนผ้าที่กางรอเอาไว้จนทั่ว โดยให้แน่ใจว่า ผ้าทั้งผมถูกโรยเต็มไปด้วยผงเงิน โดยที่ในใจไม่อาจจะรู้หรือแน่ใจได้เลย ว่ามันจะได้ผลอย่างที่คิดกันไว้

“พร้อม” ด็อคเตอร์สาวตะโกนบอกหนุ่มเนิร์ด ที่รีบวิ่งมาหา เจ้าตัวนั้นมองตามทั้งสองคนด้วยแววตาอันดุร้าย เสียงขู่ร้องคำรามดังออกมาจนสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ แสงจันทร์ที่สาดลงมาทำให้เขี้ยวขาวคมโง้งยาวแวววับนั้น ดูน่าสยดสยองมากขึ้นกว่าเดิม มันพร้อมที่จะใช้จัดการใครก็ตามที่อยู่ตรงหน้า และมาขัดขวางมันเอาไว้

แน่นอน เจ้าตัวนั้นที่ดูเหมือนว่า กระสุนจากปลายกระบอกปืนจะทำอะไรมันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ได้กระโจนจากท้ายรถตู้ พุ่งเข้าใส่หนุ่มเนิร์ดและด็อคดุในทันที หมายจะจัดการคนทั้งสองให้เสร็จสิ้นไปพร้อม ๆ กัน “หวังว่าคงจะได้ผลนะ” ด็อคดุตะโกนบอก “ก็ถ้าสิ่งที่เราเห็นหน้าห้องแล็บไม่ใช่ภาพลวงตาหลอกเรานะ” หนุ่มเนิร์ดตะโกนกลับไปในทันที

ภาพที่ทีมสืบลับที่อยู่บนรถตู้ได้เห็น คือภาพที่เจ้าตัวนั้นโจนทะยานเข้าใส่ด็อคเตอร์ดรุณีและหนุ่มเนิร์ดจากหน่วยอาวุธและกระสุนปืน ด็อคดุแหนุ่มเนิร์ดจับขอบชายผ้าเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ทันทีที่เจ้าตัวนั้นพุ่งตัวมาถึง ทั้งสองคนก็ดึงผ้าที่เต็มไปด้วยเกล็ดผงสีเงินนั้นเข้าหาเจ้าตัวนั้น มันพยายามจะยั้งตัวเองเอาไว้ เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในผ้า แต่ด้วยแรงพละกำลังที่โถมตัวใส่เข้ามา ก็สายเกินกว่าที่จะหยุดตัวเองได้ทัน

ผ้าผืนนั้นห่อหุ้มร่างของเจ้าตัวนั้นมันเอาไว้ ได้อย่างพอดิบพอดี มันกรีดร้องและดิ้นทุรนทุรายเมื่อผงสีเงินสัมผัสโดนตัวมันเข้าอย่างจัง เกล็ดสีเงินจำนวนมาก ฟุ้งเข้าไปในปากของมันจนทำให้มันกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ด็อคดุและหนุ่มเนิร์ดช่วยกันยึดชายผ้าเอาไว้กับพื้น โดยมีเจ้าตัวนั้นดิ้นอย่างเจ็บปวดอยู่ใต้ผืนผ้า ก่อนที่ทุกอย่างจะนิ่งเงียบและสงบลงอีกครั้ง

สารวัตรรัฐนนท์ยิงก่อนที่จะถามอะไรทั้งนั้น เสียงปืนดังก้องสนั่นหวั่นไหว เมื่อสารวัตรหนุ่มสาดกระสุนรัวลูกปืนออกไปจนหมดทุกนัด แต่เจ้าตัวตาสีแดงก่ำ ที่ก่อนหน้านี้ น่าจะเป็นชายหนุ่มที่สารวัตรรัฐนนท์ เห็นเดินตามชนธัญลงมาที่ห้องใต้ดินด้านล่างนี้ แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนมนุษย์ครึ่งสุนัขครึ่ง อย่างน่าหวาดกลัว เพราะเขี้ยวแหลมคมยาวโง้งนั้น มีเอาไว้เล่นงานเหยื่ออันโอชะเท่านั้น

สารวัตรรัฐนนท์อยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะสู้ด้วยวิธีต่อสู้ด้วยมือเปล่า ที่เคยฝึกยุทธวิธีมา สารวัตรหนุ่มหล่อบอกหนุ่มหน้าใสให้รีบวิ่งกลับขึ้นไปข้างบนทันที ที่เห็นเจ้าตัวนั้นตรงเข้ามา สารวัตรหนุ่มหล่อจะเป็นคนรั้งมันเอาไว้เอง ชนธัญตอบปฏิเสธ บอกกลับไปว่า เขาจะอยู่กับสารวัตร ก็ถ้าจะสู้ก็ต้องอยู่สู้ด้วยกัน ชนธัญจะไม่ยอมหนีไปคนเดียว โดยปล่อยให้สารวัตรรัฐนนท์ต้องอยู่สู้กับเจ้าตัวนี้ตามลำพัง

“ผมรวบแขนขามันได้ คุณเล่นงานดวงตามันทันทีนะ เข้าใจนะ” โอกาสอาจจะมีน้อย นั่นเป็นวิธีที่ทั้งสองคนคิดว่า มันอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เป็นทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ในสถานการณ์นี้ เจ้าตัวนั้นร้องคำรามใส่ทั้งคู่ ก่อนที่มันจะทำท่าโผกระโจนโดดเข้าใส่ สารวัตรรัฐนนท์เตรียมง้างหมัดเพื่อตอบโต้ กะว่าเขาจะซัดเข้าที่หน้าของมันอย่างจัง ๆ เพื่อให้ได้เปรียบและเป็นต่อ

แต่ภาพที่เห็น เจ้าตัวนั้นกลับล้มลงบนพื้น ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด มันร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของมันดิ้นพล่านไปจนทั่วบริเวณ มันโหยหวนอย่างสุดเสียง พยายามกระเสือกกระสนที่จะพาร่างของตัวเองออกไปจากตรงนั้น ทั้งสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญทั้งตกใจและประหลาดใจ ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่

เจ้าตัวเขี้ยวขาวโง้งนั้น ดันตัวเองให้ผ่านออกจากแสงจันทร์ที่สาดเข้ามา จนตัวของมันผลุบหายเข้าไปในเงามืดของห้องใต้ดิน เสียงร้องครางของมันดังอยู่สักพัก เหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บและต้องการหาที่หลบภัย เพื่อให้พ้นจากการกลับกลายต้องมาเป็นเหยื่อเสียเอง ทั้งที่เพิ่งจะเป็นผู้ล่าเมื่อก่อนหน้านี้แท้ ๆ

ชนธัญดึงต้นแขนของสารวัตรรัฐนนท์เอาไว้ เมื่อเห็นว่าสารวัตรหนุ่มหล่อกำลังจะเดินตามเข้าไปดูในเงามืดนั้น หนุ่มหน้าใสส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปราม สารวัตรหนุ่มหล่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายแล้ว ก็ล้มเลิกความตั้งใจนั้น ก่อนจะแตะไปตามกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต จนพบไฟฉายจิ๋วที่พกเอาไว้ สารวัตรรัฐนนท์กดเปิดไฟฉาย ก่อนจะสาดไปตรงที่ที่เพิ่งเห็นเจ้าตัวนั้น คลานเข้าไปเมื่อก่อนหน้านี้ ก่อนจะเห็นเพียงร่างของเรย์ นอนเปลือยเปล่าแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น

******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Blood On the Dance Floor - Michael Jackson

https://www.youtube.com/watch?v=qTUINfx2XbY


She got your number

เหมือนแค่แลกเบอร์โทรกัน

She know your game

แต่เธอรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่

She put you under

ตามมาด้วยถูกเธอคุมเอาไว้

It's so insane

มันบ้ามากใช่มั้ยล่ะ


Since you seduced her

คิดว่าหลอกล่อเธอสำเร็จ

How does it feel?

ตอนนี้เป็นยังไงมั่งล่ะ

To know that woman

ที่ได้รู้ว่าสาวงามที่เห็น

Is out to kill

ออกล่าเหยื่อมากมาย


Every night stance is like taking a chance

ทุกค่ำคืนที่เป็น เหมือนการเสี่ยงดวง

It's not about love and romance

มันไม่เหลือเลยเรื่องรักเรื่องใคร่

And now you're going to get it

และคงเป็นคุณเข้าสักวันที่จะโดน


Ah, every hot man is out taking a chance

ชายหนุ่มสุดฮ็อทคิดว่าเสี่ยงโชคดีเด่น

It's not about love and romance

มันไม่เคยเป็นเรื่องรักเรื่องใคร่

And now you do regret it

แล้วตอนนี้ต้องมานั่งเสียใจเอง


To escape the world, I've got to enjoy that simple dance

หากอยากหนีให้พ้นโลกแห่งนี้ ก็ได้นึกสนุกไปกับลีลาท่าทาง

And it seemed that everything was on my side

มันดูเหมือนว่าอะไรอะไรก็เป็นใจไปเสียหมด

Blood on my side

เลือดนองฝั่งเดียวนี้

She seemed sincere like it was love and true romance

เธอเองก็ดูจริงใจเหมือนมอบให้ทั้งรักและทั้งใคร่

And now she's out to get me

และตอนนี้เธอก็ออกตามล่าผม

But I just can't take it

แต่ผมรับมันเอาไว้ไม่ไหว

Just can't break it

แต่ก็กลับปฏิเสธออกไปไม่ได้


Susie got your number and Susie ain't your friend

สาวงามรู้ว่าคุณเป็นใคร และไม่ได้มาด้วยคำว่าเพื่อน

Look who took you under with seven inches in

แล้วดูสิ ใครที่ลากคุณลงไปในหลุมลึกจนตะเกียกตะกายขึ้นมาไม่ได้

Blood is on the dance floor, blood is on the knife

เลือดนองอยู่เต็มพื้น เลือดโชกอาวุธเล่มนั้น

Susie's got your number and Susie says it's right

สาวสวยรู้ว่าจะจัดการคุณยังไง และไม่ผิดไปเลยสักนิดเดียว


She got your number

เธอรู้กลไกของคุณ

How does it feel?

รู้สึกยังไงบ้าง

To know this stranger

ที่ได้รู้ว่าคนแปลกหน้าคนนี้

Is about to kill

กำลังจะฆ่าคุณตอนนี้

She got yo' baby

คุณอยู่ในกำมือเธอ

It happened fast

และมันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก

If you could only

ถ้าหากเพียงว่าคุณนั้นสามารถ

Erase the past

ลบอดีตได้แค่นั้นเอง
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๖๓. ALIVE _ 12.9.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 09-12-2023 21:30:01


Crime and Love Scene Investigation



๖๓. ALIVE



ด็อคเตอร์ดรุณีเผลอจับแฟ้มเอกสารที่ถืออยู่ในมือจนแน่น เมื่อมองเห็นผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้น คนที่แลดูมีความหวาดหวั่นในแววตา และท่าทีที่หันรีหันขวางมองไปจนทั่ว รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้ว่าจะทำอะไรหรือไปทางไหนดี โดยการที่ตัวเองมาอยู่ตรงนี้ในตอนนี้นั้น มันมีความหวังเดียวที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในหัวใจ

“คุณแม่คะ” ด็อคเตอร์สาวส่งเสียงเรียก เมื่อเธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย หญิงวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมอง กะพริบตาถี่ ๆ พยายามไล่ทั้งความกังวล รวมทั้งไล่หยาดน้ำใสที่เริ่มก่อตัวจนรื้นขอบตา “คุณแม่ของดิวใช่มั้ยคะ” ด็อคเตอร์ดรุณีมองเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าช้า ๆ ก็นั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ กับหญิงวัยกลางคนผู้นั้น

“เจอดิวมันแล้วหรือคะคุณ” หญิงวัยกลางคนถามขึ้นทันที มันคือสาเหตุและเหตุผลเดียวที่เธอเทียวไปเทียวมาจากบ้านกับที่นี่ “เขาบอกว่า ดิวมันถูกทำร้าย แต่มันหนีออกจากโรงพยาบาล” แววตาของหญิงวัยกลางคนที่ด็อคเตอร์สาวเห็นนั้น เต็มไปด้วยคำถาม กับความสงสัยที่ยังไม่มีใครคลี่คลายให้เธอได้

“คือว่า” ด็อคเตอร์ดรุณีเอง ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดออกไปอย่างไรดี เธอก้มลงมองเอกสารที่ถืออยู่ในมือ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันอออกดู “ดิวคือลูกชายของคุณแม่ใช่มั้ยคะ” ตอนที่ด็อคเตอร์สาวถามคำถามนั้นจบ เธอจับอาการบางอย่างจากอีกฝ่ายได้ในทันที มันเป็นอาการของคนอึกอักและรู้สึกลังเลในคำตอบของตัวเอง

“ค่ะ” ด็อคเตอร์ดรุณีได้รับคำตอบสั้น ๆ กลับมา หญิงวัยกลางคนหลบสายตาจากด็อคเตอร์สาว แม่ของดิวนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “มันเคยบอกกับฉันว่า มันอยากเป็นผู้หญิง” เสียงสั่น ๆ นั้น บอกได้ถึงความรู้สึกของหญิงวัยกลางคนที่กำลังอ่อนไหวอย่างถึงที่สุด ที่กำลังพูดเรื่องที่เก็บอยู่ในใจเธอมาตลอด

“ดิวมันเคยพูดว่า มันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิง นั่นคือสิ่งที่มันเป็น” หญิงวัยกลางคนพอจะในขึ้นมาได้บ้าง เพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นมองดูคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอในตอนนี้ ไม่มีท่าทีหรือแววตาที่ตัดสินเธอ หรือแม้แต่อาการตำหนิเธอแต่อย่างใด ด็อคเตอร์ดรุณีคิดว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของหญิงวัยกลางคนอยู่ไม่มากก็น้อย

“จากผลตรวจตอนที่ดิวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดขึ้น ก่อนจะเห็นหนุ่มเนิร์ดจากหน่วย Ballistic เดินถือโหลแก้วที่ภายในบรรจุผงเถ้าสีดำที่ผสมรวมกับผงสีเงิน จนทั้งสองอย่างนั้น รวมเป็นเนื้อเดียวกันแยกกันไม่ออก กำลังจะเดินเอาโหลนั้นไปเก็บที่ห้องหลักฐานพิเศษ แยกจากหลักฐานอื่น ๆ จากคดีที่ทำอยู่

“ทางเรายังไม่มีผลตรวจใหม่ หลังจากที่ดิวหนีออกจากโรงพยาบาล” นี่คือข้อสรุปที่ทางหน่วยสืบลับ ตกลงให้ทางหน่วยชันสูตรพูดได้ แต่ไม่สามารถพูดได้ทั้งหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง “แต่จากผลตรวจดีเอ็นเอที่ทางเราทราบ ดิวมีส่วนผสมของยีนที่ให้การแสดงผลคุณลักษณะของเพศหญิง” ด็อคเตอร์ดรุณีไม่สามารถพูดออกไปตรง ๆ ได้ว่า เธอตรวจพบโครโมโซมของเพศหญิง จากชิ้นเนื้อของร่างกายดิว ส่วนที่ไม่ได้ถูกย่อยสลายโดยผงเงิน

“ขอบคุณนะ ที่หมอจะพูดปลอบใจฉัน” หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นยืน เมื่อเธอแน่ใจแล้วว่า ทางตำรวจและหมอยังไม่พบตัวดิว และอาจจะไม่พบดิวอีกแล้ว ด็อคเตอร์ดรุณีมองตามหญิงวัยกลางคนที่เดินจากตรงนั้นไปสองสามก้าว “ไม่ว่าดิวมันจะเป็นอะไร” หญิงวัยกลางคนหันกลับมามองทางด็อคเตอร์ดรุณี ด้วยใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา

“ฉันอยากให้มันกลับมา มันจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ช่าง ฉันจะไม่ว่ามันแล้วสักคำ” ด็อคเตอร์ดรุณีมองหญิงวัยกลางคนเดินจากไป ผู้หญิงคนนี้ คนที่เป็นแม่ของดิว ที่ร่างของเขาสลายกลายเป็นเถ้าสีดำ ไปต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่สืบลับ เธอจะนั่งอยู่ที่โซฟาตัวโปรดอย่างเดียวดาย คอยชะเง้อมองหาว่า ลูกของเธอจะเดินกลับเข้ามาผ่านประตูบ้านนั้นอีกครั้ง

เรย์รู้สึกว่าเขาเหมือนเกิดใหม่ยังไงยังงั้น ยิ่งได้เห็นชนธัญนั่งอยู่ไม่ไกล จากคืนก่อนที่ยังอยู่ในความเป็นชื่นจิตอยู่เลย แต่มาตอนนี้คนตัวเล็ก ๆ หน้าตาจิ้มลิ้ม ที่พอได้เป็นตัวเอง ก็ดูไม่เคอะเขิน กลับเป็นธรรมชาติน่ามอง เพียงแต่ความน่ามองของชนธัญนั้น จะต้องมีนายตำรวจหนุ่มหล่อ คือสารวัตรรัฐนนท์คนนี้มาคั่นกลาง ขวางสายตาเอาไว้ซะทุกที

“ที่บ้านนายบอกว่าจะมารับ ให้นายรออยู่ที่นี่” เสียงสารวัตรรัฐนนท์พูดกับเรย์ ที่เขานั้นถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าสารวัตรรูปหล่อนี่เท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องพูดว่า ที่เขารอดชีวิตมาได้นั้น เรย์ก็รู้ว่าเป็นเพราะสารวัตรรัฐนนท์และทีมของเขาทั้งหมด ที่ออกปฏิบัติการลับที่บาร์ลึกลับแห่งนั้น

“ดิวล่ะครับ” เรย์ถามออกไป สารวัตรรัฐนนท์หันไปสบตากับชนธัญที่ได้ยินเรย์ถามแบบนั้น “สูญหาย” สารวัตรรัฐนนท์พูดออกไปได้แค่นั้น เรย์มองไปทางสองคนนั้นที่ดูก็รู้ ว่ามีเรื่องปิดบังเขาเอาไว้อย่างแน่นอน เรย์รู้ว่าดิวเป็นคนที่กัดเขา และทำให้เขากลายร่างเป็นสิ่งที่เหนือการจินตนาการของเขาเองเช่นกัน

“ไหนมันอยู่ที่ไหน” เสียงเอะอะดังมาจากด้านหน้าประตู จนชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของเรย์ “แกไปทำอะไรในที่แบบนั้นกัน เจ้าเรย์” คำถามแรกที่เรย์ได้ยินพ่อของเขาเอ่ยขึ้น ไม่ใช่การถามว่าเขาปลอดภัยดีไหม หรือเป็นอย่างไรบ้าง “แกจะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่เขาไปพบแกนอนแก้ผ้าสลบอยู่ในบาร์กับพวกวิปริตนั่น” ข่าวที่ออกไปในสื่อ เรื่องอะไรแบบนี้มันขายและขยายได้อยู่แล้ว

“ไม่มีใครที่วิปริตทั้งนั้นแหละ” เรย์พูดออกไป เขารู้สึกเหมือนกับว่า ความโชคดีที่เขารู้สึกทั้งหมด ที่ได้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ มันกำลังจะจากเขาไปไวเหลือเกิน “พฤติกรรมเลว ๆ ทุเรศ ๆ แบบนี้ แกเลิกทำมันสักที” พ่อของเรย์ตวาดใส่เรย์เสียงดังลั่น เรย์รู้สึกได้ในทันทีถึงขอบตาที่ร้อนผะผ่าวไปด้วยน้ำตาของเขาเอง

“พ่ออายหรือครับที่มีลูกชายแบบผม” เรย์กำลังคิดว่า การได้กลับมามีโอกาสและมีชีวิตอีกครั้ง มันอาจจะไม่ใช่ความโชคดีของเขาเสียแล้ว “ก็แล้วแกเจ้าเรย์ ทำตัวเป็นผู้ชายจริง ๆ กับเขาบ้างมั้ยล่ะ” น้ำเสียงของพ่อเรย์ได้ยิน มันสั่นเครือ “แกต้องลองมาเป็นฉัน ที่ต้องทนตากหน้าให้คนเขานินทาอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน” พ่อของเรย์ตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ ผิดหวัง และเสียใจ

“บางทีคนที่โชคดี อาจจะเป็นดิวก็ได้นะ” เรย์หันไปพูดกับสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก “ผมต่างหากที่โชคร้าย รอดมาได้” ก่อนที่เรย์จะหันกลับไปพูดกับพ่อของเขา “แกโทษคนอื่นอีกสินะ กับความเลวที่แกทำ ที่แกเป็นคนก่อ” พ่อของเรย์อดไม่ได้ตวาดใส่เรย์อีกครั้ง อย่างที่เคยทำจนเคยชิน

“ก็แทนที่พ่อจะดีใจที่ยังเห็นหน้าผม ยังได้เจอกันอยู่” เรย์พูดออกไป พ่อของเรย์ชะงักนิดหนึ่ง “แกเกิดมาเป็นลูกฉันก็โชคดีเท่าไหร่แล้ว แกมีฉันคอยสะสางเรื่องระยำ ๆ ที่แกทำให้ทุกเรื่องแบบนี้” พ่อของเรย์ตวาดจนสุดเสียงใส่หน้าลูกชาย

“ผมว่าค่อย ๆ คุยกันจะดีกว่านะครับ ที่นี่สถานที่ราชการ อีกอย่างลูกชายคุณก็กลับมาอย่างปลอดภัย ภายในร่างกาย ผลตรวจเลือดก็ไม่ได้พบสารผิดกฎหมายอะไร เขาอาจจะเป๋เผลอไผลอะไรไปบ้าง ลองปรับความเข้าใจกัน จะดีกว่านะครับ” สารวัตรรัฐนนท์สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยเตือนออกไปในที่สุด

“ดิวโคตรโชคดีเลย ที่ไม่ต้องมาเจอะเจอเรื่องอะไรแบบนี้อีกต่อไป” เรย์พูดด้วยความรู้สึกอิจฉาปนเศร้า ก่อนที่เขาจะชิงเดินออกไปจากที่ตรงนั้น ก่อนที่พ่อของเรย์จะเดินตามออกไป แต่ไม่วายจะตะโกนด่าตามหลังลูกชายไปด้วยเช่นกัน ทำเอาทั้งทีมสืบลับที่อยู่ตรงนั้น ส่ายหน้ากันทั้งทีม

“นี่ถ้าเราพูดอะไรได้มากกว่านี้ มันก็คงจะดี ว่าลูกชายของคุณพ่อนั้นผ่านเรื่องอะไรมาบ้าง และโชคดีขนาดไหนที่รอดมาได้” หนึ่งในทีมสืบลับ ยังคงจะความสยดสยองในคืนวันนั้นได้ติดตา “ไอ้ที่เห็นในคืนนั้น ที่อยู่ ๆ ร่างทั้งร่างก็สลายหายไปตอนโดนผ้าผงสีเงินนั่นคลุมร่างเอาน่ะนะ” ใครอีกคนในทีมพูดพลางทำท่าขนพองสยองเกล้า

“แล้วนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรย์ รอดจากการเป็นปิศาจประหลาดนั่นอย่างปาฏิหาริย์ เพราะคนที่กัดเขา ดิว สูญสลายกลายเป็นเถ้าไปแล้ว” ชนธัญได้คุยกับทั้งด็อคเตอร์ดรุณีและหนุ่มเนิร์ดเช่นกัน และทั้งสองคนยืนยันตามที่ทั้งทีมสืบลับเห็นชัด ๆ สองตา “แล้วคนที่กัดดิวล่ะ” ชนธัญถามขึ้น ทำเอาทุกคนมองหน้ากันไปมา สารวัตรรัฐนนท์ก็ด้วย “ถ้าดิวสลายร่างไป แล้วทำให้เรย์คืนร่างเดิม กลับมาเป็นคนปกติอีกครั้ง แล้วคนที่กัดดิวตอนนี้ล่ะ อยู่ที่ไหน เป็นยังไงแล้ว” นั่นเป็นคำถามที่ยังคงต้องการคำตอบของทีมสืบลับ

บาร์เทนเดอร์ทอมป๋าจอดรถตู้ที่หน้าอาคารไม้ดูเก่าคร่ำหลังหนึ่ง เวลาโพล้เพล้แบบนี้ อาจจะมีเวลาเตรียมตัวน้อยไปสักหน่อย แต่ก็คงไม่เป็นไร ทอมป๋าเคาะที่ผนังกั้นหลังเบาะดังไปถึงด้านหลัง ก่อนจะตะโกนบอกว่าถึงที่หมายแล้ว เพราะบาร์ที่เก่ามันใช้ไม่ได้อย่างที่ทำมา และต่อไปนี้ อาจจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ทอมป๋ารออยู่เพียงแค่ชั่วครู่ เสียงเปิดประตูด้านหลังรถตู้ก็ดังขึ้น ก่อนที่ชายสองคน เป็นชายสองคนที่เรย์เห็นตอนที่ไปที่บาร์เก่า เดินออกมามองอาคารไม้หลังเก่านั้นอย่างสำรวจตรวจตรา ก่อนจะพยักหน้าเหมือนคำอนุญาตให้ทอมป๋าดำเนินการต่อได้ทันที

*******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Stayin' Alive - Bee Gees

https://www.youtube.com/watch?v=I_izvAbhExY


Well, you can tell by the way I use my walk

บอกไม่ยาก มองก็ออกวิถีทางที่เลือก

I'm a woman's man, no time to talk

มันก็เหมือนหญิงชายปนกัน จะเอาอะไรมาก

Music loud and women warm, I've been kicked around

เพลงดัง สาวสาวขยับส่าย ฉันก็ส่ายฉับฉับ

Since I was born

มันคงตั้งแต่เกิด

And now it's alright, it's okay

จนมาเดี๋ยวนี้มันไม่เป็นอะไร มันเรื่องธรรมดา

And you may look the other way

ถ้าไมม่ชอบ ลองหันมองไปทางอื่นดู

We can try to understand

ไม่เราก็พยายามทำความเข้าใจ

The New York Times' effect on man

สื่อก็ได้ มีอิทธิพลต่อคน


Whether you're a brother or whether you're a mother

ไม่ว่าพี่จะเป็นผู้ชาย หรือแม่ที่เป็นผู้หญิง

You're stayin' alive, stayin' alive

ต่างก็พยายามมีชีวิตอยู่ ต่างก็ใช้ชีวิตกันไป

Feel the city breakin' and everybody shakin'

สังคมปั่นป่วนยังไม่พอ ทุกคนดันสั่นคลอนตาม

And we're stayin' alive, stayin' alive

เราต่างหาทางเอาชีวิตรอด เราต่างหาทางมีชีวิตต่อ

Ah, ha, ha, ha, stayin' alive, stayin' alive

มีชีวิตต่อไป มีชีวิตต่อกัน

Ah, ha, ha, ha, stayin' alive

มีชีวิตกันไป


Well now, I get low and I get high

ไม่ว่าชีวิตจะตกต่ำลง หรือจะทะยานพุ่งสูงขึ้น

And if I can't get either, I really try

ต่อให้ไม่เป้นไปอย่างทั้งสองแบบ ก็ยังต้องพยายามกันต่อ

Got the wings of heaven on my shoes

เหมือนสวรรค์ให้ปีกติดชีพจรลงเท้า

I'm a dancin' man and I just can't lose

ก็เต้นไปตามจังหวะ ห้ามหยุดห้ามเลิก

You know it's alright, it's okay

เพราะรู้ว่ามันไม่เป็นไร มันคือเรื่องธรรมดา

I'll live to see another day

มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อเจอะเจอวันรุ่งขึ้น

We can try to understand

ก็แค่พยายามทำความเข้าใจ

The New York Times' effect on man

ผู้คนมีผลกับผู้คน


Whether you're a brother or whether you're a mother

ไม่ว่าพี่จะเป็นผู้ชาย หรือแม่ที่เป็นผู้หญิง

You're stayin' alive, stayin' alive

ต่างก็พยายามมีชีวิตอยู่ ต่างก็ใช้ชีวิตกันไป

Feel the city breakin' and everybody shakin'

สังคมปั่นป่วนยังไม่พอ ทุกคนดันสั่นคลอนตาม

And we're stayin' alive, stayin' alive

เราต่างหาทางเอาชีวิตรอด เราต่างหาทางมีชีวิตต่อ

Ah, ha, ha, ha, stayin' alive, stayin' alive

มีชีวิตต่อไป มีชีวิตต่อกัน

Ah, ha, ha, ha, stayin' alive

มีชีวิตกันไป


Life goin' nowhere, somebody help me

ชีวิตมันไม่ไปไหน ใครก็ได้ช่วยที

Somebody help me, yeah

ใครก็ได้บอกที

Life goin' nowhere, somebody help me, yeah

ชีวิตเหมือนหยุดนิ่ง ใครก็ได้ยื่นมือมา

I'm stayin' alive

ให้ฉันมีชีวิตต่อไป
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๖๔. A Lonely Heart Of Being Single _ 12.15.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 15-12-2023 22:15:46


Crime and Love Scene Investigation


๖๔. A Lonely Heart of Being Single



“ปีใหม่นี้ไปเที่ยวไหนยะแก” พี่ผู้หญิงหัวหน้าฝ่ายบัญชีเอ่ยถามรุ่นน้องในแผนกเดียวกันด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง แบบไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยิน ด้วยความที่ว่าวันนี้ เหมือนคืนปล่อยผี แมวไม่อยู่หนูร่างเริง ผู้จัดการมีเหตุให้ต้องออกไปรับรองนายใหญ่ชาวต่างชาติ ที่เครื่องบินเพิ่งแลนดิ้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เอง

“อยากจะพาผัวเด็กขึ้นเหนือน่ะ อยากไปรับลมหนาวให้ฉ่ำปอด แต่นี่หนูยังไม่ได้ซื้อตั๋วเลยพี่ สงสัยได้แกร่วอยู่กรุงเทพฯ แบบเซ็ง ๆ” รุ่นน้องกะเทยผมยาวสลวย คู่ซี้ของบริษัทกับหัวหน้าฝ่ายบัญชี ที่สามารถเข้านอกออกใน ดูเอกสารของเพื่อนร่วมงานคนอื่นได้อย่างเปิดเผย โดยไม่กลัวว่าใครจะทำอะไรเพราะมีคนให้ท้าย พูดพลางทำหน้าเบื่อหน่ายเอือมระอา

“ตายแล้ว มาซื้อตอนนี้ไม่แพงหูฉี่ไปแล้วรึไง” พี่ฝ่ายบัญชีร้องเสียงหลง เมื่อได้ยินรุ่นน้องว่ามาแบบนั้น “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหรอกพี่ แต่เรื่องงานนี่สิ ที่อีตาผู้จัดการสั่งจะเอาให้ได้เลยทันทีหลังปีใหม่ ถ้าหนูพาผัวไปเที่ยว จะไปทำอะไรทัน” เสียงบ่นนั้นปนกันไปหมดทั้งความเสียดาย ที่ไม่ได้ใช้เงินโบนัสก้อนงามปรนเปรอผู้ชาย ผสมผสานกับอาการบ่นกระปอดกระแปดถึงผู้จัดการ คนเดียวกับที่เซ็นอนุมัติเงินโบนัสก้อนนั้นให้นั่นแหละ

“ก็ไม่เห็นต้องเครียดไปเลยนี่” พี่ฝ่ายบัญชีพูดขึ้น น้องกะเทยผมยาวขมวดคิ้วงุนงง ก่อนที่พี่ฝ่ายบัญชีจะเฉลยให้ ด้วยการบุ้ยบ้ายไปยังพนักงานชายหนุ่มที่นั่งเลยไปที่มุมห้อง เหมือนจงใจเอาโต๊ะไปตั้งให้ไกลจากทุกคนในออฟฟิศ กระซิบกระซาบและซุบซิบกันเสร็จ ก็ตะโกนพูดขึ้น เรียกเป้าหมายในทันที

“นี่ซอโซ่” เสียงเรียกนั้นดังมากพอที่จะทำให้เจ้าของชื่อ เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารที่ตัวเขานั้น กำลังง่วนอ่านและเรียบเรียงให้เข้าที่ จัดหมวดหมู่ว่าอะไรอยู่ก่อนอยู่หลัง เพื่อเอาไว้ให้คุณเลขาของนายต่างชาติต่อไป “ปกติ” พี่หัวหน้าฝ่ายบัญชีทำเสียงอ่อนเสียหวาน “ไม่ใช่สิ คือทุก ๆ ปี เธอไม่ได้เที่ยวปีใหม่อยู่แล้วใช่ป่ะ” ซอโซ่ไม่คิดว่า จะได้ยินประโยคอะไรแบบนี้ออกจากปากของพี่ผู้หญิงหัวหน้าฝ่ายบัญชี

“อยู่ตัวคนเดียว เพื่อนก็น้อย” ไอ้อาการพยายามพูดตะล่อม จบด้วยประโยคปลายปิดแบบไม่ให้หลบเลี่ยงไปไหนได้ “แถมแฟนก็ไม่มีกับเขา” คำพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มพยายามแสดงอาการจริงใจ แต่ที่พี่ฝ่ายบัญชีหลอกซอโซ่ไม่ได้ นั่นคือแววตาที่มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตรงกันข้าม ไม่ได้หวังดี เพียงแค่อยากหลอกใช้

“นั่นน่ะสิ แกจะเข้าใจมั้ยนะโซ่ กับความรู้สึกของคนที่มีแฟน มีความรัก ว่ามันจะเศร้าสร้อยห่อเหี่ยวแค่ไหน ไม่ได้ไปร่วมฉลองกับแฟน” กะเทยรุ่นน้องฝ่ายบัญชีพูด พลางทำหน้าน่าเห็นใจพลางไปกับสิ่งที่ตัวเองกำลังพูด “แถมคนที่มีรอบครัว มีลูกให้ต้องไปเจอ มีผัวให้ต้องไปหา อย่างพี่เขาด้วยแล้ว” ไม่พูดเปล่า น้องกะเทยทำหน้าเห็นใจพี่ฝ่ายบัญชีอย่างสุดซึ้ง

“คนมันมีภาระและหน้าที่ คนมีครอบครัวมันต้องเสียสละมากมายเหลือเกิน” น้องกะเทยผมยาวสลวยเน้นย้ำถึงข้อสำคัญอันนั้นที่ตัวเองรู้สึกลงไป เพื่อเสริมสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดและความต้องการจริง ๆ ให้ฟังดูหนักแน่นและเป็นเหตุเป็นผล ซอโซ่นั้นเดาได้ยากเลย ว่าสุดท้ายแล้ว ปลายทางของการตะล่อมล้อมหน้าล้อมหลังนี้ จะไปจบอยู่ที่ตรงไหน

“ครอบครัวแกก็ไม่มี โซ่” เจ้าของชื่อสะอึกในความรู้สึกขึ้นมาในทันทีอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อได้ยินประโยคนั้นหลุดออกมาจากปากพี่ผู้หญิงหัวหน้าฝ่ายบัญชี ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ก็ตาม “ไม่มีบ้านให้กลับ ไม่มีใครให้ต้องขวนขวายไปหา การที่แกจะทำงานแทนเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้บริษัทมีผลงาน แกสมควรจะยอมและรับงานนี้ไปทำนะ” ซอโซ่ถึงกับนิ่งงันไปกับอาการจี๊ด แปลบ ๆ ที่ในหัวใจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้

“ผู้จัดการต้องการคำตอบจากลูกค้ารายนี้ทันทีหลังปีใหม่” รุ่นน้องกะเทยเอาแฟ้มรายละเอียดของงานมากองสุมไว้บนโต๊ะทำงานของซอโซ่ทันทีที่พี่ผู้จัดการบอก “เขารีเควสท์มา ว่าอยากจะเข้าไปดูตัวบ้านก่อน ถึงค่อยตัดสินใจ” แฟ้มเอกสารเหล่านั้นคือดีลบ้าน ราคากว่าห้าสิบล้านบาทที่ทางบริษัทต้องการปิดเป็นอย่างมาก

“แกไม่ได้ไปไหนช่วงปีใหม่ ลูกค้าต้องการดูบ้านช่วงนั้น ปลายปีพอดี แล้วแกก็อยู่โยงที่กรุงเทพฯ อยู่แล้ว” ซอโซ่อยากจะพูดปฏิเสธออกไปอยู่เหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกเดินทางไปต่างจังหวัดที่ไหนไกล ๆ แต่เขาก็มีแพลนนั่งรถไปรอบ ๆ กรุงเทพฯ ที่ใกล้ ๆ ที่คนกรุงเมืองหลวงพากันใกล้เกลือกินด่างเช่นกัน

“พวกเราต้องทำงานเป็นทีม เข้าใจใช่มั้ย” พูดจบ พี่ผู้หญิงหัวหน้าฝ่ายบัญชีก็ลากน้องกะเทยลงไปนั่งกันอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เพื่อเริ่มต้นกดซื้อตั๋วเครื่องบินกันอย่างสนุกสนานเฮฮา เพราะถือว่าซอโซ่รับรู้และที่สำคัญ 'รับปาก' แล้ว ว่าจะจัดการเรื่องลูกค้ารายนี้ให้เรียบร้อย ทำให้เย็นวันนั้น ซอโซ่ก็ต้องหอบเอาบรรดาเอกสารของลูกค้ารายนี้กลับบ้านไปด้วย

ปีนี้บริษัทให้เริ่มหยุดตั้งแต่วันที่ยี่สิบหกของเดือนธันวาคม แพลนต่าง ๆ ที่ซอโซ่ประมวลเอาไว้ในหัว ก็ต้องพลอยล้มเลิกไปด้วย รถยนต์ก็ให้เพื่อนสนิทที่มีอยู่กับเขาแค่คนเดียวยืมขับกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างจังหวัดเสียแล้ว เมื่อเช้าก็เพิ่งได้เห็นรูปที่เพื่อนส่งมาให้ดู ว่าขับถึงบ้านที่นู่นแล้ว ปลอดภัยดี ไอ้การที่ซอโซ่บอกกับตัวเขาเองว่า ปีนี้จะไม่ขังตัวเองอยู่ในเมืองหลวง ดูท่าว่าจะไม่เป็นจริงอีกปีหนึ่งแล้ว

ซอโซ่ปล่อยให้กระแสความพลุกพล่านของคนลดน้อยลงก่อน เขาเข้าไปหมกตัวรอคอยในร้านกาแฟร้านประจำ ที่เป็นทางกลับคอนโด ให้คนน้อยลงกว่านี้ก่อนในช่วงเวลาเร่งรีบ สั่งอะไรมากินไปพลาง ๆ เครื่องดื่มขนมเค้กแก้หิว แล้วพอถึงหน้าปากซอยข้างคอนโด ค่อยซื้อร้านป้าอาหารตามสั่ง ที่แค่เห็นหน้าเขา ก็รู้แล้วว่าซอโซ่จะกินอะไร ซึ่งมันก็มีเมนูที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ไม่กี่อย่าง ซึ่งซอโซ่ยังคิดไม่ตกเลย ว่าช่วงปีใหม่ที่ป้าแกกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด เขาจะกินอะไรประทังชีวิตดี

ในร้านกาแฟ เปิดเพลงคลอเบา ๆ มีอยู่หลายจังหวะที่เนื้อเพลงเหล่านั้นทำเอาความเหงาเบ่งบานใหญ่โตคับหัวใจ บรรยากาศภายนอกร้าน ผู้คนมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าเดินผ่านไปผ่านมาคลาคล่ำ บรรยากาศของเทศกาลแห่งความสุขอบอวลไปทั่วบริเวณ แต่ภายในร้านกาแฟแห่งนี้ เนื้อเพลงและทำนองที่กำลังเปิดให้ได้ยิน กำลังทำให้หัวใจของซอโซ่หวั่นไหว

เสียงเปิดประตูเข้ามาในร้าน พลันทำให้ซอโซ่รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาในทันที จู่ ๆ เขาก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นในในทันที มันเป็นความรู้สึกหน่วง ๆ ที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวร่วมไปด้วย ซอโซ่รวบข้าวของใส่กระเป๋า ก่อนจะเดินออกไปนอกร้านกาแฟ เดินต่อไปได้แค่นิดเดียว เขาก็ต้องรีบทรุดตัวลงบนม้านั่งใต้ต้นไม้นั้น

“ปวดหัวใช่มั้ยครับ” เสียงถามดังมาจากทางด้านหลังของเขา และนั่นทำให้ซอโซ่รู้สึกปวดแปลบหนักเพิ่มขึ้นอีก “ดื่มน้ำก่อนครับ” เสียงเปิดขวดน้ำ ก่อนจะถูกยื่นให้เขา อาการปวดนั้นทำให้เขาตาพร่าและมีน้ำตารื้นขึ้นที่ขอบตา ซอโซ่พยายามมองดูชายหนุ่มที่เข้ามาถามไถ่และช่วยเหลือเขาผ่านม่านน้ำตานั้น

“ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวก็หาย ผมจะไปแล้ว” ซอโซ่ขมวดคิ้วเหมือนกับว่ามันจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เสียงชายหนุ่มคนนั้นเดินจากไป และเหมือนปลิดทิ้ง เหมือนกับการปิดสวิตช์ลงได้ในทันใด อาการปวดศีรษะนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย ซอโซ่เองก็แปลกประหลาดใจ กับการมาแล้วหายไปของอาการปวดหัวในครั้งนี้ของเขา

ขวดน้ำเย็นที่เพิ่งเปิดใหม่ ๆ นั้นยังคงถืออยู่ในมือ ซอโซ่มองหาชายหนุ่มคนนั้นไปจนทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่พบ เขาปิดฝาขวดน้ำนั้นกลับไปดังเดิม วางมันเอาไว้บนม้านั่ง ตั้งใจจะทิ้งมันเอาไว้อย่างนั้น แต่ก็เดินกลับไปหยิบมันขึ้นมา พอเดินผ่านถังขยะ ก็กะว่าจะทิ้งมันลงไปในนั้น ด้วยความนึกสงสัยที่มีอยู่ในใจ

แต่สุดท้ายแล้ว ซอโซ่ก็ต้องมานั่งมองขวดน้ำนั้น ที่ตอนนี้มันตั้งอยู่ตรงโต๊ะในห้องคอนโดของเขา อาการปวดหัวที่หายไปเหมือนกับว่าไม่เกิดขึ้น ขวดน้ำที่ชายหนุ่มคนหนึ่งนำมาให้ แล้วบอกว่าเขาจะไม่เป็นไร อย่างกับว่าเขารู้ว่ามันจะเกิดขึ้นแล้วจะหายไปเอง ก่อนเขาจะหายตัวไปแบบนั้น ซอโซ่มองขวดน้ำนั้น ครุ่นคิด ก่อนจะผล็อยหลับไป ค่ำคืนนั้นในความฝัน ใบหน้าของใครบางคนเด่นชัดอยู่ในความฝันของเขา

*********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

อยู่ดีดีก็อยากร้องไห้ - ตอง ภัครมัย

https://www.youtube.com/watch?v=tFKL2nLzkhg


ลมพัดมาแค่เพียงเบาเบา

There’s a gentle breeze

ดาวทุกดวงก็ดูสวยดี

Stars up there are so pretty

ทุกอย่างดูดีกว่าทุกวัน

Everything today seems so far better


เพลงที่เคยลืมลืมมันไป

The old songs we forgot

กลับไปหามาฟังทั้งวัน

Keep repeating them all day

แล้วปล่อยอารมณ์

Let the feelings go

ปล่อยให้มันลอยหายไป

Fly away deep into emotions


ฟ้าเดิมเดิมแต่คืนนี้กลับดูสวยจัง

The very same sky is so beautiful tonight

ได้แต่นั่งอยู่ตรงนี้

Sitting here just all alone

กับใจที่มันอ้างว้างเหลือเกิน

With the single lonely heart


อยู่ดีดีก็อยากร้องไห้

Out of the blue, there are tears

ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

Don’t know what’s got into me

เกิดเหงาอะไรขึ้นมา

The loneliness floods my heart


อยู่ดีดีก็อยากร้องไห้

All of the sudden, tears down my face

น้ำใสใสก็รินจากตา

Literally, I’m crying

มันเหงา ไม่รู้ทำไม

So lonely, and don’t know why


มันเหมือนใจรอใครบางคน

As if my heart’s been waiting for someone

แต่ว่าเขาไม่มีตัวตน

But, that someone doesn’t exist

ก็อยากมีคน

Wish I could somehow

นั่งมองดาวกับฉันบ้าง

Looking at the stars above with me


ใครบางคนคนนั้น

There is the one

คนที่เป็นห่วงฉัน

That cares for me

อยู่ตรงไหน

Where are you?
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๖๕. Coming Back To Me Now_ 12.21.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 21-12-2023 23:11:00


Crime and Love Scene Investigation


๖๕. Coming Back to Me Now



“สวัสดีครับ นี่ใช่เบอร์ของคุณโซ่หรือเปล่าครับ” เสียงจากปลายสายถามมา เจ้าของชื่อและเบอร์โทรศัพท์เผลอพยักหน้าให้กับคำถามนั้น ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปเมื่อนึกขึ้นได้ “ใช่ครับ โทรจากไหนครับ” ซอโซ่ถามกลับไป เพราะไม่คุ้นกับเบอร์ที่โทรเข้ามา ประกอบกับน้ำเสียงของอีกฝ่าย ที่เขาคิดว่าไม่น่าจะเคยคุยมาก่อน ถ้านี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงาน

“คือทางเจ้าของบ้านให้ผมโทรมา” ประโยคนั้นทำให้ซอโซ่ต้องร้องในใจ ว่าสายนี่โทรมาจากคนที่ทำให้แผนช่วงส่งท้ายปีใหม่ของเขาล่มนี่เอง “คือทางคุณเจ้าของบ้านต้องการจะเข้ามาตรวจบ้านใช่มั้ยครับ” ซอโซ่ถามออกไป แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่พูดกลับมาอีกครั้งว่า

“ไม่ทราบว่าคุณโซ่จะเข้าไปที่บ้านวันไหนครับ” ซอโซ่ไม่ต้องคิดประมวลผลนาน ก็ตอบได้ทันทีว่า ไม่ว่าวันไหนก็ค่าเท่ากัน “วันนี้เลยก็ได้ครับ” ซอโซ่พูดตอบกลับไป “เดี๋ยวผมเข้าไปเลย ถ้ามีอะไรที่ต้องการจะปรับเปลี่ยน ผมจะได้คุยเรื่องแผนการเข้าหน้างานของทีมช่างด้วย” ซอโซ่กดวางสายหลังจากที่ปลายสายพูดอะไรงึมงำ แล้วก็ตัดสายไป

ใช้เวลาไม่นานนัก รถแท็กซี่ก็พาซอโซ่มาถึงที่หน้าบ้านราคาแพงระยับ ซอโซ่ลงจากรถ ก่อนจะใช่กุญแจสำรองไขประตูบานเล็กด้านข้างเพื่อเปิดเข้าไปด้านใน เขาจดข้อความเตือนลงในสมุดบันทึกว่า ประตูใหญ่จะต้องเปลี่ยนเป็นแบบอัตโนมัติ รวมถึงประตูด้านข้างนี้ จะต้องเปลี่ยนกุญแจใหม่ด้วย

เข้ามาด้านใน ซอโซ่กดเปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อรอรับเจ้าของบ้านที่กำลังจะมาถึง รวมทั้งเลื่อนผ้าม่านให้เปิดออกรับแสง เห็นวิวสวนหย่อมที่ถูกจัดเอาไว้อย่างสวยงามร่มรื่น ซึ่งมันเผลอทำให้ซอโซ่ยิ้มออกมาเมื่อได้เห็น สวนนี้มันทำให้เขารู้สึกดีอย่างประหลาด และมันบอกไม่ถูกว่าทำไมกัน

“ขอโทษครับ” เสียงพูดที่ดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาซอโซ่สะดุ้งเฮือก เพราะเขาไม่ได้ยินเสียงใครเปิดประตูใหญ่เข้ามา ไม่ได้ยินเสียงรถขับมาจอด “ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ พอดีผมเห็นประตูมันเปิดอยู่” ซอโซ่มองเลยไปที่ประตูด้านใน มันเปิดอยู่จริง ๆ ก่อนจะหันกลับมามองที่ชายหนุ่มคนที่เพิ่งเดินเข้ามา

“คือ ผมเข้ามาช่วยตรวจดูบ้านน่ะครับ” ซอโซ่ได้ยินแบบนั้น ก็เข้าใจว่า นี่คงเป็นคนที่โทรหาเขาเมื่อก่อนหน้านี้ “เสียงไม่เหมือนกับในโทรศัพท์นะครับ” ซอโซ่ทักออกไป อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบา ๆ “ลองโทรเช็คดูก่อนได้นะครับ” ซอโซ่รู้สึกว่า น้ำเสียงที่ชายหนุ่มใช้พูดประโยคนี้ เหมือนจะนึกเอ็นดูมากกว่าจะนึกตำหนิ

“ไม่เกรงใจนะครับ” ซอโซ่พูดแล้วยกโทรศัพท์มือถือขึ้นกดโทรหาเบอร์ที่โทรมาหาเขาเมื่อเช้านี้ ก่อนที่เสียงมือถือในกระเป๋ากางเกงของชายหนุ่มจะดังขึ้น ซอโซ่เห็นอีกฝ่ายหยิบมันออกมากดรับสาย “ฮัลโหลครับ” ก่อนที่เสียงทักทายนั้นจะดังผ่านลำโพงมือถือของซอโซ่ออกมา เขาจึงกดวางสาย แต่ก็ไม่วายมองที่ใบหน้าของชายหนุ่ม

“นี่หรือครับ โควิดน่ะ” ชายหนุ่มชี้นิ้วไปที่หน้ากากอนามัยที่เขาสวมอยู่บนใบหน้า ซอโซ่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น ก่อนจะถามชายหนุ่มออกไปว่า “คุณมีอำนาจตัดสินใจแทนหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มได้ยินคำถามนั้น ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก “คิดว่านะครับ” แววตาขี้เล่นนั้นทำให้ซอโซ่นึกหมั่นไส้แกมขบขันอยู่ในที

“สิ่งที่ต้องเปลี่ยน” ซอโซ่เริ่มต้นพูดเรื่องงาน “ประตูใหญ่หน้าบ้านที่จะต้องเป็นแบบอัตโนมัติ ใช้รีโมทเปิดปิด” ชายหนุ่มฟังที่ซอโซ่พูด พลางมองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา “แพงมั้ยครับ” คำถามนี้ทำเอาซอโซ่นึกในใจว่า คนที่ซื้อบ้านในราคาห้าสิบล้าน เขาจะนึกมีปัญหากับเงินที่ต้องจ่ายเรื่องประตูมั้ยนะ

“จะสอบถามคุณเจ้าของบ้านก่อนก็ได้นะครับ” ซอโซ่ตอบกลับไปอย่างนั้น ก่อนจะเห็นชายหนุ่มหัวเราะและใช้ดวงตายิ้มกลับมาที่เขา มันทำให้ซอโซ่ต้องรีบหลบสายตา รู้สึกอะไรประหลาดบางอย่างอยู่ มันรู้สึกอยู่ในใจ “ถ้าอย่างนั้น เข้าไปดูในห้องครัวกันก่อนนะครับ มีรีเควสท์มา ว่าอยากจะปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่าง” ชายหนุ่มเดินตามซอโซ่เข้าไปในห้องครัวใหญ่นั้น ที่มันตกแต่งเอาไว้ดูดีมากอยู่แล้ว

“ถ้าจะทุบทิ้งทำใหม่ทั้งหมด คงต้องใช้เวลาพอสมควรนะครับ” ซอโซ่บอกข้อติติงที่เขามีออกไป “ถ้าจะย้ายเข้ามาอยู่ในเร็ว ๆ นี้” ชายหนุ่มมองมาสบตากับซอโซ่ “แล้วคุณคิดว่า ควรทุบทิ้งทำใหม่มั้ยครับ” คำถามนั้นทำให้ซอโซ่เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะพูดตอบไปว่า “ผมไม่ใช่เจ้าของบ้าน ผมให้ความเห็นอะไรไม่ได้หรอกครับ” โดยข้อบังคับในงานแล้ว เจ้าของบ้านว่าอย่างไร ทางบริษัทก็ว่าไปตามนั้น

“คิดซะว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ที่ตรงนี้แล้วกัน” ชายหนุ่มบอกกับซอโซ่ “เราจะได้พูดแบบเต็มที่” ชายหนุ่มทำเสียงนึกสนุก “ถ้าเป็นคุณ ห้องครัวนี้ควรจะทำยังไงกับมันดีครับ” แววตาที่แลดูขี้เล่นนั้น ยุส่งให้ซอโซ่พูดบอกกับเขาออกมา ตามที่รู้สึกจริง ๆ โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครว่าอะไรทั้งนั้น

“เจิด” เสียงเรียกดังขึ้น ทำให้คนขับรถที่กำลังเช็ดรถจนเงาวับอย่างขมีขมัน รีบหันมาทางเสียงเรียก “ครับคุณท่าน” เจิดตอบรับคำออกไปในทันที “นี่เจ้านายแกเขาหายไปไหน” คำถามนั้นทำเอาเจิดมีท่าทีอึกอัก ๆ จะพูดก็ไม่พูด ทำเอาคุณท่าน ผู้เป็นบิดาของเจ้านายของเจิด ถึงกับออกอาการฉุน

“ไม่ได้เรื่อง ช่วยกันปกปิดทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง ให้มันได้อย่างนี้สิ” เจิดทำหน้าเจื่อน ด้วยว่านายใหญ่ของบ้านลงมาถามหาลูกชายคนเดียวด้วยตัวเองแบบนี้ “ฉันโทรหามันเองก็ได้ แกนี่นะ ไอ้เจิด แถมไอ้ลูกคนนี้นี่นะ” คุณท่านยกโทรศัพท์มือถือขึ้นกดโทร ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เครื่องของลูกชายตัวเอง ดังมาจากในรถคันหรูที่เจิดกำลังเช็ดขัดเงาอยู่ โดยคุณท่านได้ความจากเจิดว่า มือถือของเขาตอนนี้อยู่กับเจ้านาย ลูกชายของนายท่านนั่นเอง

“นี่ผมพูดเยอะไปแน่ ๆ เลย” ซอโซ่นึกอยากเขกหัวตัวเองที่สาธยายบรรยายเรื่องครัวที่ตัวเองชอบออกไปจนยาวยืด นึกเขินอยู่พอสมควร ที่อยู่ ๆ ก็เผยความคิดส่วนตัวให้กับคนที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกออกไปแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ปกติ ซอโซ่เองนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะรู้สึกสบายใจมากพอกับการเพิ่งเจอกันเช่นนี้

“น้อยไปด้วยซ้ำ” น้ำเสียงนั้นฟังดูจริงจังขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะปรับโทนและท่าทางของตัวเอง “คุณรับออกแบบห้องครัวมั้ยล่ะ ผมว่าต้องมีการลอกเลียนแบบกันบ้างล่ะ” เสียงหัวเราะแบบเหมือนเพื่อนพูดเล่นหัวกัน ทำให้ซอโซ่นั้นต้องหลุดขำออกมาด้วย ชายหนุ่มมองดูรอยยิ้มนั้นของซอโซ่ ราวกับได้เห็นสิ่งล้ำค่าที่ตัวเองก็เฝ้าหาเช่นกัน

“แต่คนรวย คนมีสตางค์เขาคงไม่อยากได้ครัวเปิดแบบครัวไทยที่ผมเพิ่งโม้ให้คุณฟังไปหรอก” ซอโซ่พูดออกตัวไปแบบนั้น เพราะใจหนึ่งก็รู้สึกว่า เจ้าของบ้านน่าจะชอบครัวที่ตกแต่งเอาไว้อยู่เดิมนี่แล้ว “ถ้าเขาจะทำใหม่ทั้งที เขาคงจะเสียเงินให้กับสิ่งที่ดีที่สุด” ซอโซ่พูดบอกกับชายหนุ่มออกไป โดยที่เห็นชายหนุ่มยิ้มด้วยดวงตากลับมาให้

“ชักอยากรู้แล้วสิ ว่าถ้าเป็นห้องนอน คุณจะออกแบบมันเป็นยังไง” ชยหนุ่มเห็นอาการตื่น ๆ ของซอโซ่ทันทีที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น “แต่ห้องนอนไม่ได้มีรีเควสท์อะไรไว้นี่ครับ” ซอโซ่แย้งชายหนุ่มออกไป เพราะตั้งแต่อ่านรายละเอียดของบ้านนี้มาตั้งแต่แรก ซอโซ่ไม่เห็นว่ามีอะไรที่เจ้าของบ้านระบุว่า จะปรับเปลี่ยนอะไรเกี่ยวกับห้องนอน

“ก่อนจะตัดสินใจว่า จะทำหรือไม่ทำอะไร เราขึ้นไปดูห้องนอนที่ชั้นบนกันก่อนดีมั้ยครับ” ชายหนุ่มทำท่าชวนให้ซอโซ่เห็นด้วย แล้วเดินตามเขาเพื่อขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบน ซอโซ่มีท่าทีลังเลอยู่ไม่น้อย “หรือว่าคุณกลัว” ชายหนุ่มถาม ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “เขินผมหรือไง ที่ต้องขึ้นไปที่ห้องนอนด้วยกัน” ชายหนุ่มทำเสียงล้อเมื่อเห็นอีกฝ่าย อยู่ ๆ ซอโซ่ก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมา

“ไม่ได้เขินสักหน่อย” ซอโซ่รีบพูดเร็วปรื๋อ แต่ก็ดูอึกอัก เมื่อต้องออกเดินนำหน้าชายหนุ่มไปที่บันไดทางขึ้นชั้นบน เขานึกเอ็นดูแกมชอบใจที่อีกฝ่ายมีปฏิกิริยากับทั้งคำพูดและคำชวนของเขาแบบนั้น การได้ใกล้ชิดกันมันก็ทำให้ชายหนุ่มดีใจมากอยู่แล้ว แต่อากัปกิริยาของซอโซ่ ที่มีแววคล้ายคลึง ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักแบบที่เขาจำได้นี้ มันยิ่งทำให้ชายหนุ่มใจฟูอย่างมากมาย

**************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

หยุดตรงนี้ที่เธอ - ฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน

https://www.youtube.com/watch?v=tC7G2ZqCi2M


กี่คราวที่ความรัก

How often that love

ต้องลงเอยด้วยน้ำตา

Ends with all the tears in the world

กี่คราวที่ล้าจนไม่อยากมีใคร

So weary to dare to start a new one

กี่คนที่เสาะหา

How many people there are

ผ่านมาแล้วก็เลยไป

They always come and then go

ไม่มีใครที่เหมือนเธอ

No one is like you


เปรียบเธอดังจุดหมาย

You’re my destination

สุดท้ายของนักเดินทาง

The last stop of the travelers

เมื่อเจอเธอแล้วก็ไม่อยากเจอใคร

Once I’ve met you, then there’s no one

ไม่มีใครอีกแล้ว

No one else from now on

ที่มีความรักจริงใจ

To have true love for

เท่ากับเธอที่ให้ฉัน

As much as you’re giving me


หยุดตรงนี้ที่เธอ

Stop here where I have you

ไม่ไปไกลแล้วใจ

No more for my heart to wander

จะหยุดทั้งใจไว้ที่เธอ

All of my heart is here with you

หยุดตรงนี้ที่เธอ

Stay here where I am with you

เพราะเธอที่ฉันเจอ

Because you that I’ve found

คือคนที่รักฉันหมดใจ

Is the one who loves me always


เปียกปอนกับลมฝน

Been rough in the wind and rain

ฝ่าลมพายุมากมาย

Going through raging storms

ก็เดินมาไกลจนแทบหมดกำลัง

The long walk that has worn me out

ไม่เคยจะคาดคิด

Never ever thought of

ว่าคนที่สิ้นหนทาง

A despair could be spared

จะได้พบรักเช่นเธอ

To have found you as true love


เปรียบเธอดังจุดหมาย

You’re my destination

สุดท้ายของนักเดินทาง

The last stop of the travelers

เมื่อเจอเธอแล้วก็ไม่อยากเจอใคร

Once I’ve met you, then there’s no one

ไม่มีใครอีกแล้ว

No one else from now on

ที่มีความรักจริงใจ

To have true love for

เท่ากับเธอที่ให้ฉัน

As much as you’re giving me


หยุดตรงนี้ที่เธอ

Stop here where I have you

ไม่ไปไกลแล้วใจ

No more for my heart to wander

จะหยุดทั้งใจไว้ที่เธอ

All of my heart is here with you

หยุดตรงนี้ที่เธอ

Stay here where I am with you

เพราะเธอที่ฉันเจอ

Because you that I’ve found

คือคนที่รักฉันหมดใจ

Is the one who loves me always


อยากจะขอบคุณฟ้า

Wanna thank the heaven up there

ที่ให้เรารักกัน

For us to love

และให้ฉันได้พบเธอ

For me to have found you


หยุดตรงนี้ที่เธอ

Stop here where I have you

ไม่ไปไกลแล้วใจ

No more for my heart to wander

จะหยุดทั้งใจไว้ที่เธอ

All of my heart is here with you

หยุดตรงนี้ที่เธอ

Stay here where I am with you

เพราะเธอที่ฉันเจอ

Because you that I’ve found

คือคนที่รักฉันหมดใจ

Is the one who loves me always


จะหยุดใจไว้ให้กับเธอ

My heart forever stays with you
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๖๖. Unsettling _ 12.22.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 22-12-2023 23:20:00

Crime and Love Scene Investigation


๖๖. Unsettling



“พักเที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวเราไปจองที่ให้ที่โรงอาหาร รีบตามมาเร็ว ๆ นะ วันนี้ม.ต้นกับม.ปลายพักพร้อมกัน” พูดเสร็จและยังไม่ทันให้คนที่ตัวเองชวนได้ตอบรับคำแต่อย่างใด ธันวาก็รีบวิ่งออกจากห้องเรียนไป พลางคิดว่าจะพุ่งตัวไปสั่งก๋วยเตี๋ยวร้านป๋าเจ้าอร่อย ที่มักจะขายหมดก่อนร้านอื่น ๆ อยู่เป็นประจำ

โรงอาหารยังคนไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็เห็นพวกน้อง ๆ ชั้นมัธยมต้น เริ่มทยอยกันลงมาบ้างแล้ว ธันวาแวะร้านน้ำ สั่งเครื่องดื่มสองแก้ว เอาไปวางจองที่นั่งเอาไว้ก่อน ในโซนที่เหมือนเป็นที่รู้กันในหมู่นักเรียนว่า ส่วนใหญ่จะมีแต่รุ่นพี่ม.ปลายเท่านั้นที่ได้นั่ง แต่ยังไงก็ต้องกันที่เอาไว้ เพราะพวกม.ปลายก็นิยมมาที่มุมนี้ของโรงอาหาร มากกว่ามุมด้านไกลนั้น

“สองชามครับป้า” ธันวาย้ำกลับป้าเจ้าของร้านไป เพราะป้าถือตะกร้อลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวค้างเอวไว้ เมื่อได้ยินเด็กหนุ่มสั่งก๋วยเตี๋ยวเหมือนกันสองชาม “สั่งเผื่อแฟนด้วยล่ะสิ น่ารักจัง” ธันวาได้ยินป้าร้านก๋วยเตี๋ยวเอ่ยแซวออกมาแบบนั้น เขาไม่ได้พูดอะไรกลับไป แต่หัวใจของเขาในตอนนี้ มันกำลังเต้นระรัวเมื่อได้ยินคำนั้น

ธันวาเผลอยิ้มให้กับชามก๋วยเตี๋ยว เมื่อเขาใส่เครื่องปรุงในชามจนเสร็จ เขารู้ว่าอีกคนนั้นกินก๋วยเตี๋ยวรสชาติยังไง ป้าร้านก๋วยเตี๋ยวเองก็มองเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปรับลูกค้าคนต่อไป ธันวาวางก๋วยเตี๋ยวทั้งสองชามลงบนโต๊ะ นั่งลงบนม้านั่งยาว ก่อนจะชะเง้อมองหาอีกฝ่ายที่น่าจะเดินมาถึงที่โรงอาหารได้แล้ว

แต่ธันวานั่งรออยู่พักใหญ่ ก็ยังไม่เห็นคนที่เขารอนั้นเดินมา ก๋วยเตี๋ยวทั้งสองชามที่ยังไม่มีใครแตะ เริ่มเย็นชืด เส้นอืดขึ้นเต็มชาม ธันวาได้แต่นั่งมองมันอยู่อย่างนั้น ในมือถือตะเกียบใช้เขี่ยเส้นไปมาแบบคนหมดความอยากอาหาร ในความรู้สึกเหมือนผิดหวังเหลือประมาณ ทั้ง ๆ ที่ใครมองมา มันก็คงเป็นเพียงแค่ก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ได้มีความพิเศษอะไรกับใคร

ธันวาเดินกลับมาที่ห้องเรียนอย่างเหงา ๆ ห้องเรียนเงียบเชียบ ไม่มีใครอยู่สักคน ธันวาเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะเรียนของตัวเอง ก่อนจะได้ยินเสียงเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ เดินกลับเข้าห้องมมาจากโรงอาหาร เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังรอบตัวเขา หลายคนชวนคุยเรื่องตลกชวนหัว แต่ธันวาไม่มีแก่ใจจะร่วมวงสนทนา ในใจเขาวุ่นวายไปหมด บังคับให้มันกลับมาอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้เลย

“ไปไหนมา” ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเดินกลับเข้ามาในห้อง ธันวาเปิดฉากถามขึ้นในทันที ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเกือบจะห้วนด้วยอารมณ์ที่กรุ่นอยู่ในใจ คนถูกถามนั่งลงที่โต๊ะเรียนของตัวเอง ตัวที่อยู่เลยไปด้านหน้าข้างขวามือ แต่ไม่ตอบอะไร หันหลังให้กับธันวา “ไม่หิวข้าวหรือ” น้ำเสียงอ่อนลงจากเมื่อครู่ ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง อีกฝ่ายหันกลับมามองกำลังจะขยับปากพูดตอบกลับมา

“อ้ะ นี่ ยังเหลืออีกกล่อง น้าเราซื้อมาฝากจากแคนาดา อร่อยมากใช่มั้ยล่ะ วันหลังไปกินข้าวกลางวันกันอีก จะได้กินขนมกันด้วย ยังมีอีกหลายอย่างที่บ้าน” ธันวาจ้องเพื่อนต่างห้องที่เดินเข้ามาถือวิสาสะ นั่งลงที่ข้าง ๆ คนที่เบี้ยวเขาที่โรงอาหาร แถมยังยื่นขนมฝรั่งราคาแพงให้กัน อย่างดูสนิทสนม

“กินด้วยกันมั้ย” เพื่อนต่างห้องถามธันวา เด็กหนุ่มไม่ตอบ ได้แต่จับจ้องเด็กหนุ่มอีกสองคน ที่ไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ความว้าวุ่นในหัวกำลังทำให้ธันวาวุ่นววายอยู่ภายในใจ สมองมันตื้อ หูมันอื้อ มันรู้สึกว่าหัวใจกำลังตะโกนบอกตัวเขาว่า มันกำลังรู้สึกแย่มาก แย่ที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ แย่ที่รู้ว่าเขาไปกินข้าวด้วยกัน แย่ที่เห็นเขาสนิทกัน และไม่ใช่ธันวา ที่ถูกเลือก

กว่าจะหมดเวลาคาบเรียนสุดท้าย ก็ทำเอาธันวาแทบจะหมดกะจิตกะใจ ได้คิดวนไปวนมาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน และภาพที่เห็นต่อหน้าต่อตาเขา ใจหนึ่งก็พยายามพูดปลอบตัวเองว่า ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่เพื่อนกัน เหมือนกับเขานี่ไง นั่นก็ทำให้ความห่อเหี่ยวในใจเพิ่มมากขึ้น เมื่อรู้ว่าตัวเองก็เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น

“โอ๊ย เรียนวันนี้เหนื่อยเป็นบ้าเลย วิชานี้ก็น่าเบื่อที่สุด แกรู้เรื่องที่อาจารย์สอนบ้างมั้ยวะธันวา” เจ้าของชื่อนั้นได้ยินทุกคำพูดที่อีกฝ่ายพูด รวมถึงคำถามที่ส่งมาให้ แต่ธันวาก็ยังทำก้มหน้าอ่านโน่นอ่านนี่บนกระดาษตรงหน้า แต่แน่นอน เขาไม่ได้อ่านอะไรรู้เรื่องหรอกในตอนนี้ เขาแค่รอให้อีกฝ่ายมีท่าทีอะไรมากกว่านี้ต่างหาก

“แกได้ยินมั้ยเนี่ย ที่ฉันถามเนี่ย” ธันวาใจเต้นตึกตักที่เห็นอีกฝ่าย เอาหน้ามาใกล้ เงยหน้าขึ้นมองเขาที่กำลังก้มหน้าอยู่ ธันวาอยากจะยิ้มแต่ก็ทำฝืนกลั้นเอาไว้ “ฉันก็ลืมไป แกเก่งนี่หว่า ติวให้ฉันด้วยนะ” ติวหันไปมองอีกฝ่าย ที่มองเขามาอยู่ก่อนแล้ว อยากจะหันสายตาไปทางอื่น แต่ก็เหมือนกับถูกอีกฝ่ายล็อกแววตานั้นเอาไว้ แววตา รอยยิ้มของคนที่เขามองหามาเสมอ

“ที่นัดกันไว้วันหยุดนี้ แกไม่เปลี่ยนใจนะ” ธันวาถามออกไป จากที่เคยนัดกันว่า จะไปอ่านหนังสือด้วยกันที่บ้านของธันวา เขาถามอีกฝ่ายออกไป ภายในใจมันยังรู้สึกน้อยใจเรื่องเมื่อกลางวันอยู่ เลยอยากได้ยินคำตอบตกลงจากปากของอีกฝ่ายด้วยตัวเอง “ไปสิ ไปแน่นอน ก็นัดกันเอาไว้แล้วนี่นา ไม่เบี้ยวหรอกน่า” ธันวาขยับปากจะพูดอะไรออกไป แต่ก็กลืนคำพูดพร้อมความน้อยใจนั้นกลับลงคอไปแทน เอนึกขึ้นได้ว่า อีกฝ่ายไม่ได้ตอบตกลงกับเขาสักแอะ ว่าจะตามไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วย

“ไปไหนกัน ไปด้วยคนสิ นะ หลาย ๆ คนน่าสนุกออก” แล้วคนที่ธันวาไม่อยากให้โผล่หน้ามาอย่างที่สุด ก็เยี่ยมหน้ามาจนได้ ทั้ง ๆ ที่อยู่คนละห้องกัน แต่ทำไมวันนี้ถึงได้เทียวไล้เทียวขื่ออยู่แบบนี้ “ไม่ได้หรอก เรานัดกับธันวาเอาไว้แล้ว” ธันวาหน้านิ่งจนเกือบจะโกรธ อดไม่ได้ที่จะจ้องหน้าคนไม่พึงประสงค์ด้วยอาการไม่พอใจ

“ทำไมวะ หวงหรือไง” ทั้งคำพูดที่ใช้ ทั้งน้ำเสียงที่ฟังดูจงใจที่จะหยอก กับเสียงหัวเราะยียวนนั่นด้วยแล้ว ธันวาลุกพรวดพราดเดินออกจากห้องเรียน เขากึ่งเดินกึ่งวิ่ง อาการประหลาดเกิดขึ้นเมื่อใบหน้าของเขาร้อนผะผ่าวไปด้วยความไม่สบอารมณ์ ของตานั้นร้อนเช่นกัน มันกำลังถูกแผดเผาด้วยรื้นของน้ำตา ที่ไม่รู้มาก่อนว่าความโกรธ มันสร้างน้ำตาแห่งความขุ่นเคืองใจขึ้นมาด้วยเช่นกัน

ธันวายืนอยู่ที่หน้าอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ มองกระจกที่ตรงหน้า ก่อนจะร้องตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง เพื่อระบายความรู้สึกอัดอั้นที่ทับถมอยู่ในใจ ก่อนที่เขาจะเปิดน้ำจากก๊อกแล้ววักน้ำนั้นเข้าใส่หน้า แรงและเร็วจนตัวของเขาเปียกปอนไปหมด เขาจ้องหน้าตัวเองในกระจก ความโกรธมันพลุ่งพล่านไปหมด มันโมโหที่พูดอะไรอย่างที่คิดออกไปไม่ได้เลย แล้วยิ่งมามีตัวแปรใหม่แทรกเข้ามาในสมการที่แทบจะเป็นจริงไม่ได้เลย ด้วยแล้วแบบนี้ มันยิ่งทำให้ธันวาไม่รู้จะโมโหใครดี ตัวมือที่สาม ตัวเขา หรืออีกฝ่ายที่แทบไม่รับรู้ความรู้สึกกันเลย

ธันวาหัวเราะทั้งน้ำตา นี่เขาเรียกเพื่อนต่างห้องว่ามือที่สามหรือ กล้าเรียกเขาแบบนั้นทั้ง ๆ ที่ต่างก็เป็นแค่เพื่อนกันทั้งนั้นเนี่ยนะ แล้วถ้าเพื่อนสนิทของเขา จะมีเพื่อนสนิทคนใหม่ มันเป็นเรื่องที่เขาควรยินดีหรือเปล่า หรือเขาควรจะยอมรับ ว่าใช่ เขาหวงเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนสนิทไปมีเพื่อนใหม่ ไม่อยากให้เพื่อนไปมีใคร ไม่อยากให้เพื่อนมองใคร ไม่อยากให้เพื่อนปันใจให้ใคร นอกจากเขา

ธันวาเดินออกมาจากห้องน้ำ มองตรงไปที่ตึกเรียน สิ่งที่เขาเห็นก็คือ เพื่อนต่างห้องกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนาน มีท่าทีสนิทสนมกับเพื่อนคนสนิทของเขา ก่อนที่จะเห็นสองคนนั่น เดินออกไปทางหน้าโรงเรียนด้วยกัน เพื่อนต่างห้องเรียกให้เพื่อนสนิทของธันวาหยุดเดิน ธันวามองตามทุกอิริยาบถของสองคนนั้น

ธันวาเห็นเพื่อนต่างห้องยื่นกระเป๋านักเรียนให้เพื่อนสนิทของเขาถือ ก่อนจะเอื้อมมือไปจัดคอปกเสื้อนักเรียนให้กับเพื่อนสนิทของเขา ให้มันเข้าที่เข้าทาง ถ้ามีใครมองมาในตอนนี้ ธันวาที่มองมาในตอนนี้ ก็คงจะรู้สึกแปลก ๆ ที่เด็กหนุ่มสองคนกำลังใส่ใจและดูแลกันเป็นอย่างดี ดูแล้วเกินกว่าคำว่าเพื่อน เกินกว่าที่เพื่อนจะทำให้กับ มากกว่าที่ธันวาเคยทำให้เพื่อนที่เขาสนิทที่สุดเช่นกัน

*******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

ช่างไม่รู้เลย - ตั้ม สมประสงค์ สิงหวนวัฒน์

https://www.youtube.com/watch?v=3-0CBFLsO0s


ในแววตาทั้งคู่ไม่รับรู้อะไร

In both eyes, you’re not aware of

เธอคงยังไม่เข้าใจ ว่าฉันไม่ใช่คนเก่า

You still don’t get it, I’m not the old me anymore

เรายังคงเหมือนเพื่อน หยอกล้อเหมือนวันวาน

Yes, we’re still friends teasing and all

แต่ฉันคือคนใจสั่น แต่ฉันคือคนหวั่นไหว

But I’m the one with the heart trembling, being insecure


ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You don’t know anything, do you?

ในความคุ้นเคยกันอยู่

What seems to be us

มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น

Something’s hidden inside, more that it should

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You don’t really know anything about it

ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล

That this friend of yours has been thinking of you

กว่าเป็นเพื่อนกัน

More than just friends


กลายเป็นคนฝันใฝ่อยู่ใกล้ใกล้เธอ

I’m daydreaming, you are around

กลายเป็นคนที่รอเก้อ

I’m the one that got stood up

เหมือนหนังสือที่เธอไม่อ่าน

Like this very book you’ll never read

ตาคอยมองจ้องอยู่อยากให้รู้ใจกัน

Waiting for the moment our eyes catch

แต่แล้วเธอยังมองผ่าน และฉันก็ยังหวั่นไหว

Yet, you don’t see it, and I’m being more insecure


ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You don’t know anything, do you?

ในความคุ้นเคยกันอยู่

What seems to be us

มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น

Something’s hidden inside, more that it should

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You don’t really know anything about it

ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล

That this friend of yours has been thinking of you

กว่าเป็นเพื่อนกัน

More than just friends


ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You don’t really know, do you?

ในความคุ้นเคยกันอยู่

What we’ve been used to

มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น

There’s more happening more than it should

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You don’t get it, do you?

ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล

That this friend of yours, fancy about

ไปมากกว่านั้น

Way more than just friends
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๖๗. New Year's Eve _ 12.31.2023
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 31-12-2023 16:30:15

Crime and Love Scene Investigation


๖๗. New Year’s Eve


“วันนี้ไปเคาท์ดาวน์ที่ไหนกันบ้างคะ” เสียงพิธีกรในรายการโทรทัศน์ดังมาให้ได้ยิน มันเป็นประโยคที่ได้ยินมาตลอดทั้งวัน แม้ว่าจะพยายามทำเป็นไม่ได้ยินมัน แต่สุดท้ายก็เป็นไปไม่ได้เลย ที่วันสุดท้ายของปีแบบนี้ จะเลี่ยงไม่ให้รับรู้ถึงสิ่งที่คนทั่วไปตั้งหน้าตั้งตารอคอยไปได้

ซอโซ่ยืนหันหลังให้กับโต๊ะเล็ก ๆ ที่โทรศัพท์มือถือของเขาวางอยู่ ที่เมื่อสักพักใหญ่ ๆ นี้ มีเสียงข้อความดังเข้ามาติดต่อกัน ซึ่งเขาก็พอจะเดาได้ว่า เป็นใครที่ส่งข้อความมาแบบนั้น ซอโซ่ที่พยายามจะจดจ่ออยู่กับอาหารที่เขาคิดเอาไว้ว่า จะทำกินเองในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มื้อนี้ แต่จิตใจกลับไม่อยู่กับวัตถุดิบและเครื่องปรุงตรงหน้าเลย

'เราเจอกันเย็นนี้ ยังทันนะครับ' ข้อความที่ซอโซ่หยิบขึ้นมาอ่านจากโทรศัพท์มือถือ ใจความว่าไว้อย่างนั้น พลันภาพในห้องนอนบนชั้นสองของบ้านหลังนั้น ก็ผ่านเข้ามาในความคิด ภาพที่ซอโซ่พยายามสลัดออกไป แต่มันยิ่งย้อนกลับมาให้ได้เห็น และยิ่งวนไปวนมาอยู่ในความคิดไม่ยอมจางลงสักที

รู้ตัวอีกที ไอ้อาการพยายามห้ามตัวเองอย่าสนใจ ไม่ให้ความสำคัญใด ๆ มันก็ใช้ไม่ได้ผล เพราะตอนนี้ซอโซ่ก้าวลงจากรถแท็กซี่ หยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังงาม ราคาแพงระยับของลูกค้าเรียบร้อยแล้ว แถมในมือยังหิ้วถุงอะไรต่อมิอะไรอยู่เต็มมือ มองเข้าไปในบ้าน ก็เห็นชายหนุ่มใส่หน้ากากอนามัยคนนั้นยืนมองออกมาอยู่ก่อนแล้ว

“ผมจะไม่พยายามพูดหรอกนะ ว่าไม่อยากมา” ซอโซ่เอ่ยขึ้น เมื่อชายหนุ่มยื่นมือมาช่วยแบ่งถุงมากมายนั้นไปถือ แถมเขายังซ่อนแววตาอมยิ้มนั้นเอาไว้ไม่ได้ ที่เห็นซอโซ่ซื้ออะไรต่อมิอะไรติดไม้ติดมือมาด้วย “ผมไม่ค่อยได้ฉลองปีใหม่อะไรกับใคร” ซอโซ่บอกออกไป “ไหน ๆ คุณก็หลวมตัวชวนผมมาแล้ว” พูดขึ้น ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ถุงใบใหญ่ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แน่นถุงใบนั้น

“ผมดีใจซะอีก ที่คุณมา” ชายหนุ่มเดินถือถุงพะรุงพะรังเหล่านั้นเข้าไปในห้องครัว วางมันลงบนไอส์แลนด์ใหญ่กลางห้อง “ถ้านี่เปลี่ยนไปเป็นครัวไทย เราอาจจะต้องเพิ่มแคร่นั่งรับลมจิบเบียร์ที่ด้านนอกนั่น” ชายหนุ่มพูดถึงความชอบส่วนตัวที่ได้ยินจากซอโซ่เมื่อวันก่อน เจ้าของไอเดียหัวเราะออกมา ชายหนุ่มหัวเราะตาม

“นึกถึงเรือนไทยชานบ้านกว้าง ๆ ไม่ก็บ้านต้นไม้อะไรทำนองนั้น” เสียงชายหนุ่มพูดออกมา มือกำลังเปิดกระป๋องเบียร์ต่างชาติ ยื่นส่งให้กับซอโซ่ ที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว “ผมก็ยังนึกไม่ออก ว่าถ้าผมเคยเจอคุณมาก่อน ผมไปเจอคุณตอนไหน” ซอโซ่รับกระป๋องเครื่องดื่มนั้นมา ก่อนจะยกมันขึ้นจิบ ชายหนุ่มเป็นฝ่ายมองตามซอโซ่บ้าง

“ท่าจะคอแข็งใช่ย่อย” คำพูดนั้นเหมือนจะเป็นการเดา แต่ชายหนุ่มเองก็ดูจะไม่แปลกใจหากว่ามันจะเป็นความจริง “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” ซอโซ่ออกตัว เขิน ๆ หน่อยที่ถูกอีกฝ่ายจ้องมองไม่วางตาเมื่อเขาเองก็ยกกระป๋องเบียร์นั้นขึ้นจิบบ่อยครั้ง “ชอบเบียร์ญี่ปุ่นหรือครับ ตุนมาเยอะเชียว” ชายหนุ่มถาม อีกครั้งที่เหมือนรู้อยู่แล้ว แค่อยากชวนคุย

“มันเหมือนเป็นเรื่องประหลาดมากกว่าครับ” ซอโซ่ตอบกลับไป “พอไปยืนอยู่ที่หน้าตู้แช่ทีไร” ซอโซ่พลางนึกถึงตอนเขาแวะไปที่ร้านสะดวกซื้อ “ตั้งใจจะลองยี่ห้อใหม่ หรือเครื่องดื่มอื่นที่ต่างออกไปบ้าง แต่ก็ลงเอยที่ยี่ห้อนี้ แบบนี้ทุกครั้งไป” ชายหนุ่มฟังคำตอบจากซอโซ่แล้ว ก็พยักหน้ารับ

“ถ้าอันนี้เรียกว่าแปลกแล้ว” ซอโซ่พูดขึ้น พลางหัวเราะเบา ๆ ขำนำไปก่อนถึงเรื่องที่นึกขึ้นได้ “เวลาผมเห็นชามก๋วยเตี๋ยวสองชามวางอยู่คู่กัน อยู่ ๆ ผมก็จะรู้สึกเศร้า ๆ เหงา ๆ ปน ๆ กันซะอย่างนั้น” ซอโซ่ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ให้กับสิ่งที่สะกิดใจเขาแบบพิลึกพิลั่น “เหมือนเคยไปทำอะไรผิดเอาไว้” คราวนี้ชายหนุ่มไม่ยิ้มตาม แต่เอื้อมมือไปหยิบเบียร์กระป๋องใหม่มาปิดแล้วส่งให้

“แล้วจำได้มั้ยว่าทำอะไรไว้กับใคร” ชายหนุ่มถามออกไป นิ่ง รอคำตอบ ซอโซ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองสบตากับอีกฝ่ายก็จริง แต่เลือกที่จะเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรออกไป “ว่าแต่จะใส่หน้ากากอนามัยดื่มเบียร์กับผมทั้งคืนหรือไง” ซอโซ่ทำเส เปลี่ยนเรื่องถามอีกฝ่ายไป “ไม่งั้นผมไม่ดื่มต่อด้วยแล้วนะ” ซอโซ่ทำเสียงจริงจังใส่ ชายหนุ่มดูลังเลไม่น้อย ก่อนจะค่อย ๆ ปลดหูคล้องด้านหนึ่งออก แล้วตามด้วยอีกข้าง

“ได้เห็นสักที” ซอโซ่พูดออกไป ใจมันเต้นตึกตักที่ได้เห็นใบหน้าที่คมเข้มของอีกฝ่าย “คุณเจ้าของบ้าน” ชายหนุ่มชะงักไปเช่นกัน มือที่กำลังจะเอื้อมไปคว้ากระป๋องเบียร์หยุดกึกทันที “คุณรู้หรือ” เสียงนั้นแปลกใจไม่น้อยไปกว่าสีหน้าที่ตัวเขามีในตอนนี้ “ก็อยากจะรู้น่ะครับ ว่าคนที่จ่ายค่าบ้านหลังละกว่าครึ่งร้อยล้าน เขานึกอยากจะเล่นสนุกอะไร” ซอโซ่ยกกระป๋องเบียร์ในมือขึ้นดื่ม ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ก่อนทำตามบ้าง

“ถามได้มั้ยครับ ว่าคุณซื้อบ้านหลังนี้เพราะอะไร” ซอโซ่มองไปที่ชายหนุ่มที่ใบหน้าดูผ่อนคลายมากขึ้นแล้วตอนนี้ “คุณรู้สึกโอเคใช่มั้ย” ชายหนุ่มกลับถามคำถามอะไรแปลก ๆ แทน “ผมสบายดี ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย นี่ผมถามคุณไปนะ ว่าคุณซื้อบ้านหลังนี้เพราะอะไร” หลังจากเบียร์กระป๋องที่สองหมดลง ซอโซ่ก็เปิดกระป๋องใหม่ทันที กำแพงใส ๆ แต่หนา ที่เคยกั้นกลางทั้งสองคนเอาไว้ ถ้าหากจะมองเห็นได้ มันคงจางตัวเองหายไปเกือบหมดแล้ว

“ผมซื้อเอาไว้เป็นเรือนหอ” ซอโซ่รู้เลยว่า ใบหน้าของเขาคงดูเหวอแบบไม่มีสาเหตุ จนตัวเขาต้องรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าของตัวเองให้ดูเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบา ๆ “แต่ตอนนี้กำลังหาเจ้าสาวอยู่น่ะครับ” ซอโซ่พยายามทำสีหน้าให้เรียบเฉย ทั้ง ๆ ที่เกือบหลุดยิ้มออกไปแล้วเชียว ชายหนุ่มกับแววตาที่ขี้เล่นและเป็นประกายของเขา ทำให้ซอโซ่ต้องยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่

“คุณพอจะรู้จักใครบ้างไหมครับ เผื่อเขาจะสนใจ” ชายหนุ่มยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม แต่สายตายังคงมองไปที่อีกฝ่าย ซอโซ่ทำเป็นเมินไม่ได้ยินที่ชายหนุ่มพูด ก่อนที่ชายหนุ่มเองนั้น จะกระแอมกระไอสองสามทีอย่างจงใจ เพื่อให้ซอโซ่หันกลับมามองทางเขา ซึ่งซอโซ่นั้นหลุดยิ้มออกมาจนได้ ชายหนุ่มเองก็ไม่สามารถซ่อนความชอบใจเอาไว้ได้เช่นกัน

ค่ำคืนนั้นผ่านไปได้ไม่ยากเลย เพราะหลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มหาเรื่องมาพูดคุยกันได้อย่างต่อเนื่องง อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์เบียร์ที่เพิ่มขึ้นในกระแสเลือด ตามจำนวนกระป๋องที่ว่างเปล่าลงทำให้การสนทนานั้น ออกรสชาติ เหมือนว่าคุ้นเคยกันมาก่อน กับค่ำคืนสุดท้ายของปี กำลังนับถอยหลังแต่เดินหน้าเข้าใกล้วันแรกของปีถัดไปมากขึ้นเรื่อย ๆ

ที่ห้องรับแขกตรงพื้นที่ด้านหน้าโซฟา ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่พื้น บนพรมหนานุ่มที่ปูรองเอาไว้จนเต็มพื้นที่ กระป๋องเบียร์ที่ยังไม่ได้เปิด รวมถึงที่ดื่มจนหมดแล้ว วางอยู่บนโต๊ะกระจกราคาแพง ซอโซ่พิงศีรษะลงบนที่เท้าแขนโซฟามองไปยังชายหนุ่ม ที่เขาเองก็รู้ตัวว่ากำลังโดนมองอยู่ ชายหนุ่มยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มเบียร์ที่เหลือรวดเดียวจนหมด มันชืดจนรสชาติขมกว่าเดิม

“ดื่มแบบใส่น้ำแข็งมั้ยครับ” ซอโซ่พยักหน้าที่ตอนนี้ แก้มทั้งสองข้างของเขาแดงเรื่อไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ชายหนุ่มลุกเดินหายเข้าไปครัวไม่นาน ก็กลับมาพร้อมแก้วเบียร์และน้ำแข็งในกระติก “กระติกไม่ได้เข้ากับเทสต์ของเจ้าของบ้านเลย” ซอโซ่พูดพลางหัวเราะออกมา ตามประสาคนที่เริ่มเมาแล้ว

“ผมไปตามหามันมาจนเจอนะ” ซอโซ่ได้ยินชายหนุ่มพูด เขามองไปที่กระติกน้ำแข็งนั่นอีกครั้ง ก่อนจะตวัดสายตามองไปทางอื่น ยันตัวลุกขึ้นนั่ง ใช้ปลายนิ้วปัดน้ำตาที่อยู่ ๆ ก็เอ่อรื้นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ นิ้วเช็ดหยาดน้ำใสนั้นอย่างลวก ๆ “นี่เขาจะเริ่มจุดพลุกันหรือยัง” พลางเสพูดไปเรื่องอื่น พลางเฉไฉหยิบแก้วเบียร์ใส่น้ำแข็งยกขึ้นดื่มไปกว่าครึ่งแก้ว

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ แต่เดินถือแก้วเบียร์มานั่งลงข้าง ๆ กันกับซอโซ่ ที่ตอนนี้แม้ในใจจะเต้นโครมคราม แต่ก็ไม่ได้ขยับหนีไปไหน ชายหนุ่มยกแก้วขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะกระจก สายตาของเขาจ้องตากับซอโซ่ ก่อนจะไล่สายตาลงไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย เสียงนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ดังมาจากที่ไหนไกล ๆ สักแห่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะขยับยื่นหน้าเข้าหาซอโซ่

************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

คืนข้ามปี - ดา ENDORPHINE

https://www.youtube.com/watch?v=FGBLInwf_MA


มองเวลาก็เกือบเที่ยงคืน

The clock says it’s almost midnight

สิ้นคืนนี้ ก็เป็นเวลาของปีใหม่

After this night, it’s the time of the new year

มองทางใดมีแต่แสงไฟ

Lights are now seen everywhere

สวยเพียงไหน หัวใจก็จำได้เลือนราง

Though beautiful, the mind vaguely remembers

มีเพลงเปิดดัง มีผู้คนรอบกาย หัวใจก็ยังเงียบงัน

The music is loud, people around, my heart is still lonely


อยากมีคนพิเศษ อยู่ในคืนพิเศษ

Need someone special, in this extraordinary night

คืนสำคัญอีกคืน ที่ต้องอยู่อย่างเหงาใจ

The very important night but still all alone

อยากมีคนพิเศษ จับมือกันข้ามผ่าน

Should be a special someone, holding hands through this night

คืนสำคัญอีกคืน ที่ความเหงาคืบคลานหัวใจ

It matters, though loneliness claws its way to my heart


รอเวลาจะผ่านข้ามปี

Waiting for the time to go from old to new year

ข้ามคืนนี้ เหมือนเดิมด้วยใจที่ว่างเปล่า

After tonight, all the same with emptiness in my heart

มองทางใดเจอแต่เรื่องราว

Looking everywhere it’s all about this

ของความรัก ของคนที่มาคู่เคียงกัน

Very love story of two people coming together

มีเพลงเปิดดัง มีผู้คนรอบกาย หัวใจก็ยังเงียบงัน

The music so loud, people all around, my heart still beats lonely one


อยากมีคนพิเศษ อยู่ในคืนพิเศษ

Need someone special, in this extraordinary night

คืนสำคัญอีกคืน ที่ต้องอยู่อย่างเหงาใจ

The very important night but still all alone

อยากมีคนพิเศษ จับมือกันข้ามผ่าน

Should be a special someone, holding hands through this night

คืนสำคัญอีกคืน ที่ความเหงาคืบคลานหัวใจ

It matters, though loneliness claws its way to my heart
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๖๘. DESIRE _ 01.04.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 04-01-2024 16:35:01

Crime and Love Scene Investigation


๖๘. Desire



ซอโซ่หลับตาลง เมื่อริมฝีปากของตัวเองถูกอีกฝ่ายสัมผัสด้วยริมฝีปากเช่นกันอย่างแผ่วเบา เขาขยับถอยหลังเล็กน้อยเมื่อค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง เพื่อมองเห็นชายหนุ่มเจ้าของบ้านที่มองสบตามาด้วยเหมือนกับถามอยู่ว่า ถ้าจะทำต่อ ซอโซ่จะอนุญาตมั้ย ซอโซ่นั้นกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเม้มริมฝีปากที่เพิ่งโดนอีกฝ่ายจูบเข้าหากัน

ใจของซอโซ่ในตอนนี้เต้นแรง ลิ้นที่เพิ่งแตะโดนริมฝีปากของตัวเอง ทำให้สมองสั่งการรับรู้ว่า มันยังมีรสชาติของอีกฝ่าย หลงเหลือตกค้างอยู่ให้ได้ลิ้มชิม สัมปชัญญะที่ถูกลดทอนลงด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จากเบียร์ที่ดื่มเข้าไป กำลังส่งเสียงถามกับตัวเองว่า ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ตัวเขาเองกำลังมีสติครบถ้วนดีอยู่ใช่มั้ย

ชายหนุ่มที่รอคำตอบอยู่ แต่ไม่เห็นท่าทีปฏิเสธจากซอโซ่ และสัมผัสแรกที่ชายหนุ่มได้รับรู้จากอีกฝ่าย มันทำให้เขาไม่อยากหยุดอยู่เพียงเท่านี้ ต่อให้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ความกล้าส่วนหนึ่งอาจจะมาจากฤทธิ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้ดื่มไปมากพอสมควร แต่ส่วนที่เหลือทั้งหมด ชายหนุ่มบอกตัวเองได้อย่างมั่นใจว่า มันมาจากความต้องการของหัวใจเขาเอง

ริมฝีปากของชายหนุ่มที่ประกบเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ซอโซ่รับรู้ได้ถึงความต้องการของอีกฝ่าย ที่มันผ่านแรงกดที่ทิ้งน้ำหนักบดลงมานั้นส่งมาถึง หากเป็นเวลาปกติ กลิ่นแอลกอฮอล์ในลมหายใจของคนอื่นแบบนี้ ซอโซ่คงไม่นึกจะพิสมัยนัก แต่กลับกัน ในคราวนี้นั้น ผสมกับไรหนวดสีเขียวเหนือริมฝีปากของอีกฝ่าย ทำให้ซอโซ่ตอบรับการจูบนั้น ด้วยการเผยอริมฝีปากขึ้น

ทันทีที่อีกฝ่ายเปิดทางให้ ชายหนุ่มแทรกปลายลิ้นรุกล้ำเข้าไปหาในทันที ความนิ่มลื่นกระหวัดเลาะชิมอีกฝ่ายในทันที กระหวัดรัดเลี้ยวลิ้นราวกับตัวเองเพิ่งพบเจอแหล่งน้ำโอเอซิสกลางทะเลทราย และยิ่งอีกฝ่ายตอบรับด้วยการตัวอ่อนยวบเข้าหาแผงอกของเขาด้วยแล้ว ชายหนุ่มขยับตัวให้เข้าใกล้ซอโซ่แบบถนัดถนี่มากยิ่งขึ้น

เสียงลมหายใจของชายหนุ่มที่ฟังดูหนักหน่วง มันกำลังบอกให้ซอโซ่รับรู้ว่า อารมณ์ที่เริ่มเตลิดของชายหนุ่ม กำลังพาเขาไปไกลมากแค่ไหน ยิ่งซอโซ่รู้ตัวว่า กำลังปล่อยให้ตัวเองตามความรู้สึกไปแบบนี้ด้วยแล้ว แน่นอนที่ชายหนุ่มต้องรู้สึกได้ ว่าเขากำลังจูบดื่มด่ำกับซอโซ่ที่กำลังเต็มใจ

ซอโซ่เห็นชายหนุ่มขยับเข้าหาเขา ก็เลื่อนตัวลุกขึ้นยืนเข่า ชายหนุ่มเห็นแบบนั้น ก็แทรกตัวเข้าไปใช้หลังพิงเข้ากับโซฟา ก่อนจะไถลตัวลงนิดหนึ่ง ให้ศีรษะพิงเข้าพอดีกับที่นั่งโซฟาตัวนั้น ซอโซ่ที่เห็นแบบนั้น ก็โน้มตัวลงเท้ามือกับพรมนุ่มที่ปูอยู่ด้านล่าง รับการสัมผัสจากริมฝีปากของชายหนุ่มอีกครั้ง และครั้งนี้ชายหนุ่มไล้ปลายจมูกของตัวเองขึ้นลงตามลำคอของซอโซ่ ก่อนที่เขาจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย เมื่อซอโซ่ขยับตัวจากที่ยืนเข่าที่ระหว่างขาของชายหนุ่ม มานั่งคร่อมลงที่หน้าขาของเขาแทน

ชายหนุ่มเลื่อนมือทั้งสองข้างประคองสะโพกของซอโซ่ให้กดนั่งลงบนหน้าตักของเขาให้พอดี ซอโซ่หย่อนบั้นท้ายของตัวเองตามการไกด์ด้วยมือทั้งสองข้างของชายหนุ่ม และเมื่อซอโซ่ทาบหนั่นเนื้อนั้นลงบนหน้าขาของชายหนุ่ม ความรู้สึกบอกได้ในทันทีถึงอะไรบางอย่างที่พาดเป็นทางยาวอยู่ใต้กางเกงของอีกฝ่าย

ซอโซ่รับรู้ถึงความอุ่นจนเกือบร้อนที่วางลำตัวผ่านร่องกลางตัวนั้น มันอุ่น และมันกำลังเริ่มขยับตัว ชายหนุ่มเองนั้นรู้ดีว่า อีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้ ไอ้การถูกซอโซ่นั่งทับท่อนอุ่นนั้น กำลังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับส่วนแสดงความเป็นชายของเขา ยิ่งการได้สบตากัน และการได้ใช้ปลายจมูกรับรู้ถึงกลิ่นเนื้อกลิ่นหายของอีกฝ่ายด้วยแล้ว

ชายหนุ่มไล่สายตาจากดวงตาคู่นั้นของซอโซ่ ลงมาที่จมูกโด่งแต่ดูรั้น เรื่อยมาจนถึงริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ ที่ตอนนี้แดงขึ้นจากการถูกบดขยี้ด้วยริมฝีปากของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ มันดูเย้ายวนและเชื้อเชิญ อาการที่มันเผยอขึ้นทำให้ชายหนุ่มอยากจะลิ้มลองและเข้าไปค้นหาความหวานจากในโพรงปากนั้นเพิ่มเติม

และเขาก็ทำเช่นนั้นอย่างที่ใจคิดโดยไม่รีรอ ซอโซ่ที่อยู่บนตักของเขา กำลังขยับบั้นท้ายแล้วนั่นทำให้ส่วนสำคัญนั้นขยายขนาดขึ้น ในขณะที่ลิ้นของชายหนุ่มกลับเข้าประจำการและลิ้มรสชาติหวานล้ำ ที่ชายหนุ่มและซอโซ่ตวัดรัดกันอย่างเร่าร้อน มือของชายหนุ่มตะปบเข้ากับหนั่นเนื้อสองก้อนกลมแน่นของซอโซ่

มือของซอโซ่เองก็ลากผ่านแผงอกกว้างที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ก่อนจะลากมือทั้งสองข้างนั้นลงไปที่หน้าท้องที่ถูกบังคับให้ออกกำลังกายมาเป็นอย่างดี เมื่อมือของซอโซ่ไล่เลาะลงมาถึงซิปกางเกงของชายหนุ่ม เขาโหย่งตัวขึ้นจากหน้าขาของชายหนุ่ม ก่อนจะลากปลายนิ้วลงไปที่ซิปนั้น ปลดมันลงล่าง แล้วล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปที่ช่องว่างระหว่างซิปกางเกงนั้น

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ศีรษะที่พาดวางอยู่บนที่นั่งโซฟา เขาหายใจเข้าจนลึก กดให้ศีรษะจมลึกลงไปในโซฟา เมื่อมือสัมผัสอันนุ่มนวลของซอโซ่ พาเอาส่วนสำคัญทั้งหมดของเขาที่หว่างขานั้น ออกมาอยู่ด้านนอกกางเกง ลอดผ่านช่องว่างระหว่างซิปนั้นออกมา สัมผัสของมันบนเนื้อผ้ากางเกงนั้นแปลก แต่ก็ทำให้เขาตื่นตัว

มือของซอโซ่ที่รูดรั้งมันขึ้นลงช้า ๆ แต่เป็นจังหวะต่อเนื่อง ทำให้สัมผัสบนมือของซอโซ่รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงจากความหยุ่นนุ่มที่ดูจะล้อเล่นกับฝ่ามือของเขา ตั้งแต่ปลายที่มีหนังพิเศษห่อหุ้มยันโคนที่นุ่มนวลเช่นกันแต่มาจากพรมไหมขนสีดำที่เรียงตัวกันหนา ตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงไปในฉันพลัน สัมผัสบนมือคือความนุ่มแห่งหนังด้านนอก แต่แข็งแกร่งขึ้นจากเลือดที่สูบฉีดจนเนื้อเยื่อด้านในแข็งแกร่ง และตั้งตรงขึ้นจนสุดความยาวที่มันจะขยายตัวได้

มือของซอโซ่เลื่อนไปที่บนปลายสุด ลากผ่านมันลงไป พาให้หนังหุ้มยาวนั้นถูกรั้งให้ดึงลงไปด้านล่าง เผยให้เห็นถึงความบานออกที่บนหัวสีชมพู ที่ตอนนี้รอยแยกที่ส่วนปลายนั้น ส่งน้ำสีใสไหลออกมาเคลือบส่วนหัวทั้งหมดนั่น ก่อนจะไหลลากตามมือของซอโซ่ลงไปที่ทำให้แพรไหมสีดำที่โคนนั้นรับรู้ถึงความฉ่ำแฉะ

ชายหนุ่มมองซอโซ่ขยับเคลื่อนตัวให้หัวเข้าทั้งสองข้างของตัวเองไหลลงไปบนพรมนุ่มนั่น และมันเป็นผลทำให้ใบหน้าของเขาในตอนนี้เลื่อนตามลงไป จนมือหนึ่งกุมกำกับท่อนความเขื่องนั้น ส่วนปลายของแท่งทวนชนเข้ากับที่ปลายคางของซองโซ่ ก่อนที่ซอโซ่จะเลื่อนให้ริมฝีปากของเขาชนเข้ากับส่วนปลายนั้น ชายหนุ่มก้มมองไปที่ซอโซ่ แต่เจ้าตัวนั้นจ้องตากับชายหนุ่ม ไม่ได้มองลงไป เมื่อส่วนหัวนั้นเคลื่อนหายผ่านริมฝีปากสีชมพูของซอโซ่ จนความใหญ่เปรียบเทียบได้กับหัวแมวหายเข้าไปทั้งหมด

ชายหนุ่มหายใจแรงและถี่ เมื่อซอโซ่เลื่อนริมฝีปากรวมถึงทั้งหมดของโพรงปากนั้นขึ้นลง และจังหวะของมันเริ่มเร็วขึ้น และแรงดูดอากาศที่กระทำต่อความกว้างของโพรงปากที่แคบลงอย่างถนัดใจ ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะขยับเอวของเขาสวนขึ้นเมื่อริมฝีปากของซอโซ่กดต่ำลงมาหา

ซอโซ่ต้องถอนปากของตัวเองออก เมื่อต้องการหายใจให้เต็มท้องอีกครั้ง ชายหนุ่มรู้สึกผิดเมื่อรู้ตัวว่าเขานั้น อารมณ์เตลิดไปไกล จนเผลอไผลตามความรู้สึกไปแบบนั้น แต่ในแววตาของซอโซ่ไม่ได้ตำหนิเขาอย่างใด กลับเต็มไปด้วยประกายในแววตา ที่คือความต้องการในตัวของชายหนุ่มเช่นกัน

ชายหนุ่มดันตัวเองให้ลุกขึ้น ก่อนจะขยับตัวไปอยู่ที่ด้านหลังของซอโซ่ เขาเอื้อมมือไปปลดกางเกงของซอโซ่ให้ถอดออก ก่อนจะดึงให้มันหลุดไปทางปลายเท้า พร้อม ๆ กับชั้นในสีขาวสะอาดนั้น ชายหนุ่มดันตัวของซอโซ่ให้ขยับไปด้านหน้า จนตัวของซอโซ่ถูกดันจนชนเข้ากับโซฟา ซอโซ่เอี้ยวตัวหันกลับมามองด้านหลัง ก่อนจะเห็นชายหนุ่มซุกหน้าลงไปทางหนั่นเนื้อของเขา

ซอโซ่เอื้อมมือข้างหนึ่งไปบีบโซฟาราคาแพงเอาไว้ ก่อนที่เขาจะต้องขยับตัวเอื้อมมือไปดันพนักโซฟา เมื่อลิ้นของชายหนุ่มนั้นแข็งแกร่งมากพอ ที่จะทำให้ทั้งร่างกายของซอโซ่ต้องสั่นสะท้าน ซอโซ่ต้องปล่อยเสียงครางออกมา เมื่อลิ้นที่แข็งแรงจนน่าเหลือเชื่อของชายหนุ่ม ถอนออกจากร่องหลืบลากผ่านเส้นรอยหยักรอยต่อที่พาลิ้นของชายหนุ่มลงไปเจอฝาแฝดที่คล้อยอยู่ทางด้านหลังนั่น และไล่เลยไปจนถึงความเป็นชายที่กำลังแข็งขันของซอโซ่ที่ถูกกดส่วนหัวลงด้านล่าง ลิ้มรสและมอบความหฤหรรษ์เช่นเดียวกัน

ซอโซ่ทนอีกไม่ไหว เขาเอื้อมมือไปที่กระเป๋าสะพายที่เอาติดตัวมา ก่อนจะหยิบเอาเครื่องป้องกันกล่องนั้นออกมา ชายหนุ่มนั้น ซอโซ่ไม่จำเป็นต้องบอกอะไรเขา หยิบเอามันมาแกะพลาสติกออก ก่อนจะสวมให้กับความแข็งแกร่งของตัวเองโดยรูดยาวลงไปจากปลายจนสุดความยาว ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากตรงนั้น ไปที่ลิ้นชักชั้นวาง หยิบเอาอะไรบางอย่างถือกลับมา

พลาสติกถูกแกะออกจากฝาเปิดของหลอดสีใสนั้น ก่อนที่ซอโซ่จะรู้สึกถึงความเย็นที่ถูกป้ายที่ช่องทาง ก่อนจะรับรู้ถึงความลื่นเย็นที่ค่อย ๆ ถูกปลายนิ้วของชายหนุ่มสอดเข้ามา ซอโซ่กดหน้าท้องของตัวเองลง เพื่อให้ขาทั้งสองข้างของตัวเองแยกออก เผยให้บั้นท้ายยกสูงขึ้น เปิดกว้าง ซอโซ่ใช้เวลาเตรียมตัวจนมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยเพื่อกิจกรรมนี้

ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังซอโซ่ ก่อนที่จะจัดแจงตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ซอโซ่หายใจออกดันก้นไปด้านหลัง เมื่อส่วนปลายของชายหนุ่มแตะหนัก ๆ เข้าที่ปากทาง ก่อนที่แรงหน่วงหนืดจะเกิดขึ้นพร้อมกับท่อนนั้นจะดันตัวเข้ามาด้านในตัวของเขา ซอโซ่กัดริมฝีปากหลับตาพริ้ม ชายหนุ่มร้องครางออกมาจากความบีบรัด เขาแช่ตัวเองอยู่อย่างนั้นก่อน มือบีบเข้าที่หนั่นเนื้อแน่นข้างหน้า ซอโซ่หันเหลียวหน้ามาสบตากับเขา ชายหนุ่มถือเป็นสัญญาณไฟเขียว เขาเริ่มโยกตัวเองเข้าออก

ชนธัญต้องรีบดึงมือออกจากการจับที่ข้อมือของชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้า สารวัตรรัฐนนท์หันขวับมามองทางชนธัญทันทีเช่นกัน เมื่อเห็นแบบนั้น อาการหอบหายใจหนัก ๆ ของหนุ่มหน้าใสทำให้สารวัตรหนุ่มหล่อสงสัยว่าอีกฝ่ายเห็นภาพอะไร หลังจากที่ชายหนุ่มคนนี้ขอร้องความช่วยเหลือจากชนธัญ

“คุณเห็นอะไร” ชนธัญได้ยินคำถามนั้นจากสารวัตรรัฐนนท์ ถึงกับต้องส่ายหน้ารีบบอกออกไปว่า “เปล่าครับไม่มีอะไร แค่ว่า” ชนธัญหยุดชะงักไปนิดหนึ่ง “ผมควรจะมองเห็นภาพในอดีตกาลก่อน ไม่ใช่ภาพในปัจจุบัน เมื่อเร็ว ๆ นี้” สารวัตรรัฐนนท์ขมวดคิ้ว ถามย้ำอีกสองสามครั้ง เพราะต้องการแน่ใจ ว่าภาพปัจจุบันอะไรที่ต้องทำให้หนุ่มหน้าใสถึงกับหน้าแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุกแบบนี้

***********************************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

That's The Way Love Goes - Janet Jackson

https://www.youtube.com/watch?v=VITU-kdhiVs


Like a moth to a flame

ดุจผีเสื้อกลางคืนบินล้อเล่นเปลวไฟ

Burned by the fire

เจ้าไฟก็เผาแผดไหม้ร้อนรน

My love is blind

ความรักเอยปิดกั้นไม่ให้เห็นใดใด

Can't you see my desire

ความปรารถนาอย่างเดียวที่คิดปอง

That's the way love goes

นั่นคือสิ่งที่เรียกว่ารักดำเนินครรลอง


Come with me, don't you worry

มาด้วยกันกับฉัน ไม่ต้องกังวลอะไรไป

I'm gonna make you crazy

ก็แค่อยากจะทำให้คุณบ้าคลั่ง

I'll give you the time of your life

ด้วยการมอบช่วงเวลาแห่งชีวิตให้กับคุณ

I'm gonna take you places

ฉันจะพาคุณไปในที่ที่พิเศษสุด

You've never been before and

ที่ที่คุณไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

You'll be so happy that you came

และคุณดีใจแน่นอนที่มาเจอกันวันนี้

Ooh, I'm gonna take you there, ooh

แน่นอนฉันจะพาคุณไปให้ถึงที่

That's the way love goes (ooh)

นั่นคือความรักที่จะนำเราไป


Don't mind if I light candles

อย่าว่ากันหากมีเทียนจุดสักหน่อย

I like to watch us play and

ฉันก็อยากเห็นตอนเราเล่นสนุกกัน

Baby, I've got on what you like

ฉันมีสิ่งที่คุณชอบเตรียมไว้อย่างแน่นอน

Come closer, baby, closer

เข้ามาใกล้ใกล้กัน ใกล้เข้ามาอีกนิด

Reach out and feel my body

เอื้อมมือมาแล้วสัมผัสร่างกายของฉัน

I'm gonna give you all my love

แล้วฉันจะให้ความรักทั้งหมดที่ฉันมี


Ooh, sugar don't you hurry

สุดที่รัก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนแต่อย่างใด

You've got me here all night

ฉันอยู่กับคุณทั้งคืนแน่นอน

Just close your eyes and hold on tight

แค่หลับตาแล้วคุมบังเหียนให้แน่น

Ooh, baby, don't stop, don't stop

สุดที่รักอย่าหยุด ขยับอีกเพิ่มอีก

Go deeper, baby, deeper

ลึกเข้าไป ให้ลึกเข้าไปข้างใน

You feel so good I'm gonna cry

คุณทำให้ฉันเกินสุข จนแทบหลั่งน้ำตา

Oh, I'm gonna take you there, ooh

มาเถอะ ฉันจะพาคุณไปให้ถึงเอง


That’s the way love goes

นั่นคือรักที่นำทางเราไป
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๖๙. Best Friends _ 01.18.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 18-01-2024 21:50:29


Crime and Love Scene Investigation



๖๙. Best Friends



“ตายแล้ว ทีวีสมัยนี้นี่มันยังไงกันนะ” หญิงวัยกลางคนโพล่งคำพูดออกมา เมื่อได้เห็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกว่า มันเกินไปมากกับความคิดเธอ “อะไรหรือครับแม่” เสียงของเด็กหนุ่มถามขึ้น ก่อนจะเดินมานั่งลงที่ข้าง ๆ กันบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ในห้องรับแขกเล็ก ๆ นั้น “ก็ละครบัดสีสัปดี้สัปดนนี่สิลูก ดูกันเข้าไปได้นะแบบนี้ คนสมัยนี้” หญิงสูงวัยกว่าร้องบอกพลางชี้นิ้วไปที่หน้าจอทีวี

“ละครเขาทันสมัยน่ะครับแม่ ไม่มีอะไรหรอก” เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงใส หลังจากที่มองเห็นนักแสดงชายในละครทีวีนั้น แต่งชุดของผู้หญิง แต่งหน้าทาปาก พูดจาจีบปากจีบคอ พลางทำฉอเลาะกับนักแสดงหนุ่มอีกคน ที่รับบทเป็นพระเอกของเรื่อง “โอย ไม่ไหวหรอกแบบนี้ แม่เห็นแล้วแม่จะเป็นลม” หญิงวัยกลางคนไม่พูดเปล่า เอื้อมหยิบยาดมจากตะกร้าที่วางอยู่บนโต๊ะไม้เล็ก ๆ ข้างหน้าของเธอมาเปิดดม

“มันเป็นฉากปลอมตัวตลก ๆ เองครับแม่ ผมว่ามันก็ขำดี” เด็กหนุ่มพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะกดปุ่มบนรีโมทเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปเป็นรายการอื่น “แบบนี้เขาเรียกวิปริต ผิดเพศสิลูก แม่ขอร้องล่ะ อย่าพูดเหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดปกติไปหน่อยเลย เป็นแบบนี้บ่อย ๆ เข้า มีหวังสังคมย่ำแย่แน่ ๆ” คำพูดของหญิงวัยกลางคนยังคงใช้สุ้มเสียงที่แสดงความไม่เห็นด้วยอยู่ดี

“ที่โรงเรียนมีแบบนี้มั้ยลูก” เสียงถามนั้นเต็มไปด้วยความกังวล “มีแบบไหนครับแม่” เสียงถามกลั้วหัวเราะกลับไป ทำให้หญิงวัยกลางคนเริ่มทำสีหน้าจริงจังมากขึ้น “มีใช่มั้ย พวกผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายก็ไม่เชิง กะเทย ตุ๊ดอะไรนี่” หญิงวัยกลางคนหันมามองหน้าเด็กหนุ่มด้วยอาการของคนต้องการคำตอบจริง ๆ

“เพื่อน ๆ กันทั้งนั้นครับ” เด็กหนุ่มตอบกลับไปอย่างคนที่ไร้ความกังวลใด ๆ แตกต่างจากหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง “พวกนี้มันจะไม่เป็นแค่เพื่อนด้วยน่ะสิ ดูอย่างในละครนั่น ในหัวสมองของพวกมัน ต้องคิดวนเวียนอยู่กับแค่เรื่องอย่างว่า จับผู้ชายคนไหนได้ มันก็คิดจะทำแต่แบบนั้น ทุเรศยิ่งกว่าพวกบรรดาผู้หญิงที่ยอมเป็นแม่น้อยพวกเสี่ยเสียอีก” เด็กหนุ่มถึงกับยิ้มกว้างไปกับอาการเป็นห่วงอย่างมากมายของหญิงวัยกลางคน

“ธันวาล่ะ มีพวกแบบนี้มาเกาะแกะลูกแม่บ้างมั้ย ฮึ เจมส์” หญิงวัยกลางคนถามคำถามที่ทำให้เธอร้อนใจกับเพื่อนคนสนิทของลูกชาย “โอ๊ย แม่ครับ มันจะมีไปได้ยังไงกัน” เจมส์ขำไปกับอาการของแม่ของเพื่อนสนิทของเขา ที่ออกอาการเป็นห่วงจนเขาเองยังต้องอึ้งเมื่อได้เห็น

“แม่รับไม่ได้หรอกนะ ถ้าธันวามันจะไปอยู่กับพวกประหลาดพวกนี้” ผู้เป็นแม่บอกความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างไม่ปิดบัง “จะให้มาเกาะแกะ วอแว วุ่นวาย กับธันวายิ่งแล้วใหญ่ แม่ไม่ไหวหรอก ไม่เอาด้วย แม่อายเขาลูก เจมส์ แม่อายคนอื่น ที่จะมาเห็นลูกของแม่ไปอยู่ท่ามกลางพวกจิตประสาท ผิดธรรมชาติพวกนี้” เจมส์หัวเราะไปกับคำพูดของแม่เพื่อน

“ไม่มีหรอกครับแม่ สบายใจได้ วัน ๆ ที่โรงเรียน ธันวามันก็เอาแต่เรียน เด็กคงแก่เรียนอย่างมัน มีแต่จะต้องคอยมาห่วงผมนี่แหละ” เจมส์พูดบอกกับแม่ของเพื่อนไป ถึงพฤติกรรมของธันวาตอนอยู่ที่โรงเรียน “ธันวามันต้องคอยเรียนให้เก่ง เป็นที่หนึ่งของห้องอยู่เสมอ เพื่อจะต้องมาติวผมให้หายโง่นี่แหละครับแม่” เจมส์พูดพลางหัวเราะเสียงใส ธันวาที่หลบมุมคอยเงี่ยหูฟังบทสนทนาของแม่กับเพื่อนสนิทมาตั้งแต่ต้น เผลอยิ้มออกมาเช่นกัน

“ดีแล้วลูก ได้ยินเจมส์พูดออกมาแบบนี้ แม่ก็พลอยสบายใจหน่อย เป็นเพื่อนสนิทกัน ช่วยกันเรียนแบบนี้แหละดีเลย” แม่ของธันวาพอจะพูดด้วยความเบาใจลงมาได้บ้าง “เพื่อนผู้ชายเหมือนกัน สนิทกันเข้าไว้น่ะดีแล้ว คอยดูแลกัน ขาดเหลืออะไรบอกกัน สอบเอ็นทรานซ์ติดคณะดี ๆ เรียน จบมาได้หางานดี ๆ ทำ ต่างคนต่างแต่งงานมีครอบครัว มีลูกให้กลับมาเป็นเพื่อนกันรุ่นต่อไปอีก” เจมส์ถึงกับหัวเราะออกมา เมื่อได้ยินการวางแผนอนาคตของแม่เพื่อนแบบนั้น

“เอาอย่างนั้นเลยหรือครับแม่” เจมส์พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะเห็นแม่ของธันวาพอจะมีรอยยิ้มออกมาได้บ้าง “แต่ก่อนอื่น ผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับแม่ ไม่ไหวแล้วครับ หัวล้ามึนไปหมด ไอ้ธันวามันติวผมเสียเข้มเลย ใช่มั้ยวะเพื่อน” ธันวาที่เดินออกมาพอดี พยักหน้าน้อย ๆ ให้เพื่อนสนิทของเขา ก่อนจะได้ยินแม่ของเขาบอกให้ออกไปส่งเพื่อนที่หน้าบ้าน

“แม่เป็นห่วงมึงมากเลยนะไอ้ธัน” เจมส์ที่เดินออกไปอยู่ด้านนอกรั้วไม้หน้าบ้านที่สูงเลยเอวขึ้นมาหน่อย หันมาพูดกับเพื่อนสนิท ธันวามองสบตากับเพื่อน ที่ยืนห่างกันเพียงแค่นิดเดียว “นี่ถ้าแม่กูห่วงกูได้มากเท่านี้บ้าง ก็คงจะดี” แม่ของเจมส์นั้นมักจะยุ่งอยู่แต่กับงานที่ทำเสมอ “เจมส์ มึงก็มาเป็นลูกอีกคนของแม่กูก็ได้” ธันวาพูดออกไปแบบนั้น ด้วยหัวใจที่เต้นแรง

“ได้จริงสิ” เจมส์ถาม มีรอยยิ้มกว้างออกมาให้เห็น ธันวาพยักหน้า สบตากับเจมส์นิ่ง “ถ้ามึงช่วยติวให้กูสอบเข้ามหาลัยได้ มึงอยากได้อะไร มึงบอกกู กูให้ได้หมดทุกอย่างเลย” เจมส์พูดก่อนจะยกมือขึ้นจับบ่าของธันวาเอาไว้ ธันวามองตามมือของเจมส์ หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นอีก กับคำพูดของเจมส์ที่ได้ยิน

“ทุกอย่างเลยหรือ” ธันวาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเหมือนคนกำลังคาดหวังอะไรมาก ๆ “มึงแน่ใจนะ” ธันวามองตามใบหน้าของเจมส์ที่ยื่นเข้ามาหาเขา จนปลายจมูกของทั้งคู่เกือบแนบชิดและชนกัน “มึงว่ามาได้เลย กูให้มึงได้ทั้งนั้น” ริมฝีปากของเจมส์ที่ธันวากำลังมองอยู่นั้น มันแลดูอวบอิ่ม สีชมพู น่าสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง

“แต่มึงต้องช่วยกูให้ได้นะเว้ย อย่าลืมล่ะ” เจมส์ดึงใบหน้าออก ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง เดินออกจากหน้าบ้านของธันวาไป โบกมือให้เขาแบบไม่หันหลังกลับมามอง ธันวามองตามจนเจมส์เดินพ้นปากซอยบ้านไป จึงได้เดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน บอกแม่ของเขาว่า จะอ่านหนังสือต่อ แล้วเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป

ไฟกลางห้องถูกปิด เหลือแต่เพียงไฟแสงสลัวจากโคมไฟที่หัวเตียง ธันวาเอามือป้ายน้ำลายชุ่มจากปลายลิ้น ก่อนจะเลื่อนมือลงไปกำเอาความเป็นชายของตัวเองที่ตอนนี้มันแข็งสู้เอาไว้ในมือ มือที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายนั้นรูดขึ้นลงไปตามลำแข็งแกร่งนั้น ที่มันกำลังทำให้ธันวาล่องลอยเตลิดไปไกลในจินตนาการ

ความชุ่มและลื่นกำลังทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี เมื่อธันวาเริ่มขยับสะโพกขึ้นลงตามแรงรูดขึ้นลงของมือตัวเอง บนเตียงที่เขานอนด้วยร่างกายเปลือยเปล่า แต่ในความคิดของเขากระหวัดคิดถึงแต่กับใบหน้าของเจมส์เพื่อสนิท ที่มันช่วยให้อารมณ์หนุ่มที่กำลังเปลี่ยวของเขาพรึงเพริด เหมือนว่าวที่กำลังติดลมบน

ธันวาขยับขาทั้งสองข้างของเขาไปมา ด้วยความรู้สึกกระสันที่กำลังเกิดขึ้น มือของเขาที่กำลังเร่งจังหวะหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ กำลังบอกอะไรบางอย่างกับเขา ลมหายใจฟืดฟาดที่ธันวารู้ตัวว่า มันคือนาทีท้าย ๆ ของความหฤหรรษ์นี้ สายตาของธันวามองไปที่รูปถ่ายที่วางอยู่ข้าง ๆ ตัวบนเตียง

ภาพถ่ายของเขากับเจมส์ ที่ถ่ายกันที่สระว่ายน้ำ เจมส์อยู่ในกางเกงว่ายน้ำสีขาว ที่สายตาของธันวาจับจ้องอยู่ที่หว่างขาเป้ากางเกงของเจมส์ ที่มันนูนออกมาตามเนื้อผ้าลื่นของกางเกงว่ายน้ำผู้ชาย ที่แนบไปกับร่างกาย มันกระตุ้นความรู้สึกกับอารมณ์กำหนัดของธันวาได้เป็นอย่างดี ภาพในหัวของธันวากำลังคิดว่า เขากำลังทำอะไรบ้างกับท่อนเนื้อที่อยู่ใต้กางเกงว่ายน้ำนั้น

ท่อนสีขาวชมพูที่เขาเห็นมันกับตา ตอนที่เจมส์คิดว่า เขาไม่ได้มองอยู่ แล้วเจมส์รีบถอดกางเกงว่ายน้ำออก ก่อนจะสวมกางเกงขาสั้นหลังจากว่ายน้ำเสร็จแล้ว ภาพจำที่ธันวาไม่เคยลืม ทำให้ร่างกายของเขากระตุกอย่างแรง ของเหลวสีขาวขุ่นและอุ่นจนร้อนกระเด็นขึ้นมาบนหน้าท้อง และไกลจนถึงหน้าอกและคอของเขา

ธันวาหลับตาสนิท ปล่อยให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับสภาพของมันกำลังจากที่มันถึงจุดสุดยอด น้ำตาของเขาค่อย ๆ ไหลจากหางตา เมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อนสนิท ที่เจมส์บอกว่า จะให้อะไรเขาก็ได้ อย่างที่เขาต้องการ สิ่งที่ดังก้องอยู่ในหัวของธันวาในตอนนี้ก็คือ เขาอยากจะสร้างครอบครัวกับเจมส์ ไม่ใช่ต่างคนต่างมีครอบครัวอย่างที่แม่พูด แบบนี้นั้น เจมส์ให้เขาได้ใช่มั้ย สัญญากับเขาแล้วใช่มั้ย

*****************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ - ไอซ์ ศรัณยู

https://www.youtube.com/watch?v=lu09L59AXXM



เวลาเธอกอดคอ เล่นหยอกล้อกันอยู่ทุกวัน

You always put your arm around my shoulder, teasingly

หัวใจมันสั่น ฝันละเมอคิดไปไกล

My heart’s skipping beats, daydreaming

เธอไม่เคยจะรู้ เพื่อนที่ดูแลเธอ

You never knew, this very friend of yours

ทุกวันข้างกาย เขามีบางสิ่ง

Taking care of you every day, he has some secrets

คิดไม่ซื่อกว่าเพื่อนกัน

Things that are beyond being friends


ยิ่งเธอวางใจ ยิ่งสนิทกันมากเพียงใด

The more you trust me, the more we’re getting closer

ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนไกลออกไป

It feels like you’re being pushed away

ทั้งที่อยู่ใกล้ใกล้เธอ

Though we’re never far

อยากจะดีใจ ที่ได้เป็นคนสำคัญของเธอ

As much as I want to be happy, being your significant other

สุดท้ายก็ยังต้องทุกข์ใจเสมอ

At the end of the day, sorrow appears

เพราะรักเธอข้างเดียว

‘Cause this is one sided


มีเพียงความผูกพัน แค่เท่านั้นไม่เคยได้ใจ

It’s one thing we’re bonded, but it’s never romantic

หวังไปเท่าไหร่ ก็เลือนลางทุกนาที

Hoping oh so much, the road is still fading

ทำไมความห่วงใย ไม่เคยทำให้เธอรักกันสักที

Why this caring from me doesn’t make us lovers

ไม่มีทางเปลี่ยน ให้เราเปลี่ยนจากเพื่อนกัน

Or it will never change, from friends to a couple
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๗๐. A Fiend Foe of Mine _ 01.26.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 26-01-2024 22:00:00



Crime and Love Scene Investigation


๗๐. A Fiend Foe of Mine



“คุณคิดว่ายังไง” สารวัตรรัฐนนท์ถามขึ้น เมื่อออกมาจากห้องทำงาน ทิ้งให้ชายหนุ่มคนนั้น นั่งอยู่คนเดียวหลังจากการพูดคุยกันมาสักพักใหญ่ “ผมไม่อยากจะเหมาเอาว่า ที่เขาเล่าให้ฟังมาทั้งหมดนั้น มันเป็นเรื่องโกหก” ชนธัญที่ยกแก้วกาแฟในมือขึ้นดื่ม ตอบกลับสารวัตรหนุ่มหล่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แววตากำลังบ่งบอกถึงว่า เจ้าตัวกำลังใช้ความคิดกับเรื่องนี้อยู่

“เขาเคลมว่าเขากลับชาติมาเกิดใหม่ ซึ่งมันฟังดูแล้ว อาจจะทำให้เราต้องระมัดระวังในความเชื่อถืออยู่บ้าง” สารวัตรรัฐนนท์ยังคงไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยินอย่างเต็มร้อย “แต่เราก็ผ่านเคสอะไรแปลก ๆ เหนือคำอธิบายกันมาไม่น้อย” สารวัตรหนุ่มหล่ออยากจะใช้คำว่า เหนือธรรมชาติ เป็นเคสปาฏิหาริย์ หาคำอธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำ ชนธัญพยักหน้าไปกับคำพูดของสารวัตรหนุ่มหล่อ

“แต่สิ่งที่แย้งกันอยู่ในใจของผมก็คือ สิ่งที่เขาพูดมา กับสิ่งที่ผมเห็น มันไม่สอดคล้องกัน” สารวัตรรัฐนนท์หันมาสบตากับหนุ่มหน้าใสที่ยืนอยู่ด้วยกันกับเขา “คือปกติ สิ่งที่ผมสัมผัสได้ มองเห็นได้ คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน” ชนธัญพยายามอธิบายให้นายตำรวจหนุ่มเข้าใจแบบง่ายที่สุด

“เทียบกับเคสของคุณดนัยกับสตาร์” ชนธัญเอ่ยถึงคดีโคลด์เคสที่ทั้งสองคนได้รับทำในฐานะหน่วยสืบลับ “ผมมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างคุณดนัยกับสตาร์ตอนที่ทั้งคู่ยังอายุน้อยอยู่” สารวัตรรัฐนนท์พยักหน้าน้อย ๆ ฟังตามที่ชนธัญกำลังพูดให้ฟัง “แต่กับคุณคนนี้ สิ่งที่ผมเห็นตอนสัมผัสตัวของเขา มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเพียงไม่กี่วันนี้เอง” นี่คือจุดสังเกตที่ชนธัญยังคงลังเลที่จะเชื่อชายหนุ่มเช่นกัน

“คือถ้าเขาเคลมว่า มันคือเรื่องของภพชาติที่ต่างกัน มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นในชาติที่แล้วของเขา” สารวัตรรัฐนนท์ช่วยเรียงลำดับความเข้าใจกับทั้งหมดนี้ “ผมก็ควรจะเห็นเขาในขณะที่เป็นอีกคน” ชนธัญตอบกลับสารวัตรหนุ่มหล่อออกไปโดยเร็ว “ยิ่งเขาบอกว่า เขาหาคนที่ผูกพันกับเขา มีสัญญากันมาแต่เก่าก่อนจนเจอด้วยแล้วล่ะก็” ชนธัญพูดขึ้นอย่างใช้ความคิดตามไปด้วย

“หรือเขาเล่าให้เราฟังไม่หมด” สารวัตรรัฐนนท์ตั้งข้อสันนิษฐาน ชนธัญส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของสารวัตรหนุ่มหล่อ “หรือเขาเองก็จดจำได้กับสิ่งต่าง ๆ เท่าที่เกิดขึ้นกับเขา” ชนธัญบอกกับสารวัตรรัฐนนท์ “หรือเขาเองก็รับรู้มาเพียงเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดที่มันเคยเกิดขึ้น” ชนธัญกำลังคิดว่า สมมติฐานของเขาอาจจะถูกต้องก็ได้

“เขาต้องการให้เรารับรองกับเขาว่า เรื่องที่เขาจำได้จากอดีตชาตินั้น เป็นเรื่องจริง เขาไม่ได้คิดไปเองหรือไม่ได้บ้า กุเรื่องขึ้นมาเพื่อบ่ายเบี่ยงเรื่องที่พ่อเขาจะให้แต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อเลือกให้ จนต้องสร้างเรื่องว่า เขาสัญญากับผู้ชายอีกคนเอาไว้ ว่าถ้าทั้งคู่กลับมาเกิดใหม่ เมื่อสัญญากันแล้วว่าจะตามหากัน แต่ละคนจำอีกฝ่ายได้ ก็จะขอโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง” สารวัตรรัฐนนท์รู้สึกว่า นี่มันคือคำมั่นสัญญาที่ใหญ่มากจริง ๆ ที่คนสองคนจะให้กันได้

“แล้วถ้าเขาตามหาคนที่ให้คำมั่นกันไว้จนเจอ มีหลักฐานว่าเขาไม่ได้แค่หลอกพ่อตัวเอง พ่อก็จะยอมตามใจเขา” สารวัตรรัฐนนท์ทวนสิ่งที่เป็นเนื้อความของเคสนี้ “แม้ว่าพ่อจะไม่เห็นด้วยก็ตาม” ชนธัญพูดต่อประโยคของสารวัตรรัฐนนท์ให้จบ “พ่อก็จะไม่ขัดขวางใด ๆ อีก” สารวัตรหนุ่มหล่อกับคนหน้าใสมองหน้ากัน อยากจะรู้ว่าเงื่อนไขอะไรที่พวกเขาจะต้องตามหา เพื่อเข้าใจเรื่องราวนี้ได้ดีขึ้น

“ก็ถ้าเขาบอกว่า เขาเจอคนที่เคยให้คำสัญญาต่อกันไว้แล้ว งั้นเราก็เชิญคนคนนั้นเข้ามาคุยดู ดีมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์พูดแนะขึ้น เนื่องจากสิ่งที่ชายหนุ่มเล่ามานั้น มันยังมีข้อกังขาอยู่ ตามที่ชนธัญบอกเอาไว้ตั้งแต่แรก “ก็ถ้าเขายอมเข้ามาคุยกับเรานะครับ มันน่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย ผมอาจจะได้รายละเอียดเพิ่มเติมจากเขาก็เป็นได้” ชนธัญก็คิดว่า ถ้าได้ฟังเรื่องราวจากคนคนนี้เพิ่มเติม อาจจะได้เบาะแสอย่างอื่นเอามาเสริมให้ทุกอย่างกระจ่างมากยิ่งขึ้น

“ว่าแต่ คุณเห็นอะไร ตอนที่คุณจับตัวเขา” สารวัตรรัฐนนท์ยังไม่วาย อยากรู้ถึงสิ่งที่ชนธัญเห็นเมื่อก่อนหน้านี้ ที่ทำให้คนหน้าใสถึงกับต้องหน้าแดงก่ำ แถมยังไม่ได้พูดบอกอะไรสารวัตรหนุ่มหล่อมากนัก ถึงสิ่งที่เขาเห็นในภาพนิมิตนั้น สารวัตรรัฐนนท์เห็นท่าอึกอัก ๆ ของชนธัญก็ต้องหลุดยิ้มออกมา

“เล่าไม่ได้เชียวหรือ” ไอ้อาการยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าของนายตำรวจหนุ่ม ยิ่งทำให้ชนธัญไปไม่เป็นเข้าไปใหญ่ สารวัตรรัฐนนท์ยิ้มเปิดเผย ก่อนพูดขึ้นว่า “น่าจะเป็นเรื่องที่ผมเองก็สนใจ” ได้ยินแบบนั้น ชนธัญถึงกับตาโตขึ้นในทันที “หรือไม่ก็เรื่องที่คุณสนใจจะให้ผมทำด้วย” ทันควันทันทีที่สารวัตรหนุ่มหล่อพูดจบ ก็โดนชนธัญตีป้าบเข้าให้ที่ต้นแขน พร้อมกับเรียกอีกฝ่ายเสียงหลง

“สารวัตร” สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ชนธัญก็ตกใจตัวเองที่มือไวแบบนั้น พึมพำขอโทษอีกฝ่ายออกไป ก่อนจะถือแก้วกาแฟเดินเลี่ยงไปทางห้องทำงานของสารวัตรหนุ่มหล่อ ที่ตอนนี้ รู้ได้ถึงสิ่งที่ชนธัญเห็น โดยไม่ต้องให้เจ้าตัวเล่าอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

จากทางเดินที่เลยพ้นมุมตึกของอาคารเรียน ที่เมื่อเดินต่อไป ก็จะถึงประตูทางเข้าหน้าโรงเรียน เจมส์ที่เดินนำหน้ามาก่อน เพราะเพื่อนต่างห้องบอกว่าจะเดินมาส่งเขา หยุดเดินอยู่ดื้อ ๆ ก่อนจะหันกลับมาทางเพื่อนคนนั้นที่เดินตามมาทางด้านหลัง ทำให้เพื่อนต่างห้องเองก็ต้องหยุดเดินตามไปด้วย

“ส่งกระเป๋ามาได้แล้ว” เจมส์พูดออกไป น้ำเสียงห้วน ฟังดูต่างจากเมื่อสักครู่แบบไม่เหลือเค้าเดิม “เร็วสิ อ้น” เจมส์หลุดน้ำเสียงที่ไม่น่าฟังออกไป ก่อนจะดึงกระเป๋าที่เกือบจะเป็นการกระชากออกจากมือของอ้น “ทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าธันวา หรือให้แม่ของธันวาได้เห็นบ้างหรือเปล่า” อ้นถามขึ้นเมื่อตัวเขาเองก็รู้สึกว่าถูกกวนอารมณ์เช่นกัน

“เพื่อนสนิทที่เข้านอกออกในบ้านของธันวาได้สบาย โดยที่แม่ของธันวายอมรับว่าเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวน่ะหรือ” พูดพลางยิ้มเยาะที่มุมปาก เจมส์หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างนึกขันอย่างที่สุด “ทำไม อิจฉาสินะ เพราะไอ้ที่ทำ ๆ อยู่นี่ มาทำดีกันแบบไม่มีเหตุผล อยู่ ๆ ก็มาสนิทสนมกันแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เล่นละครเก่งไม่แพ้กันอยู่แล้วนี่ ไม่ใช่หรือ” คราวนี้เจมส์หัวเราะออกมาเต็มเสียง เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เห็นอยู่นี้ มันน่าตลกสิ้นดี

“แกก็น่าจะรู้นะเจมส์ ว่าธันวามันคิดยังไงกับแก” อ้นไม่ได้ตอบโต้ข้อความกระแนะกระแหนของเจมส์ แต่พูดในสิ่งที่อยากพูดมานานกับอีกฝ่ายออกไป เจมส์ไม่ตอบ แต่กลับยักไหล่แทน แบบไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร “ทำไมต้องไปมัววุ่นวายกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วล่ะ ฉันไม่แกนี่” อ้นถึงกับหน้าชา เมื่อเจมส์พูดกระแทกความรู้สึกเขาตรง ๆ แบบนั้น

“เราสามคนเคยสนิทกันมาก่อน ตั้งแต่ตอน ม.สาม” อ้นพูดออกไป นี่คือความจริงที่ทั้งสามเคยเรียนอยู่ห้องเดียวกันมาโดยตลอดในช่วงมัธยมต้น “ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป ตั้งแต่ธันวามันอุตริคิดชอบผู้ชายด้วยกัน” เจมส์ตอบกลับไปทันทีเช่นกัน อ้นนั้นถูกแยกไปเรียนอีกห้องหนึ่งเมื่อขึ้นมัธยมปลาย ส่วนธันวากับเจมส์นั้นอยู่ห้องเดียวกัน ยิ่งทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมากยิ่งขึ้นไปอีก

“แต่แกรู้ตัวใช่มั้ยวะ แกเคยส่องกระจกดูตัวเองแล้วใช่ป่ะ ว่ามันมีความเป็นไปได้มากแค่ไหน ที่ธันวามันจะเปลี่ยนใจหันมามอง หรือเห็นในน้ำใจของแก” อ้นที่เป็นคนรูปร่างใหญ่ หน้าตาไม่ได้น่าเอ็นดูหรือน่ามองอะไรนัก และเขารู้สึกเจียมตัวมาโดยตลอด “นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ธันวามันเป็นผู้ชาย แกมันก็ผู้ชาย หรือว่าแกเป็นกะเทยอย่างที่เขาว่า ๆ กัน” ในกลุ่มเพื่อนมีแว่ว ๆ ซุบซิบกันหนาหูมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อมีคนเจอสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง ที่เขียนพรรณนาถึงความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนชาย ที่ใครต่อใครก็เดาว่าคนที่พูดถึงเป็นธันวา และลายมือก็คล้ายกับของอ้นมาก แต่อ้นก็ไม่ได้ตอบรับหรือตอบปฏิเสธ และสมุดเล่มนั้นก็ยังวางอยู่ที่โต๊ะของอาจารย์ในห้องพัก โดยที่ไม่มีใครไปขอคืนว่าเป็นเจ้าของ

“แกจะบอกมันเมื่อไหร่ ธันวามันจะรู้เมื่อไหร่ ว่ามันมีแกที่เป็นอีแอบ” เจมส์ยิ้มเยาะอ้นอีกครั้ง ว่าเขานั้นรู้ความลับที่อ้นมี ที่ไม่กล้าบอกเพื่อนอย่างธันวาออกไป “อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยคิดที่จะหลอกใช้ธันวามันเหมือนอย่างที่แกทำ” พูดได้เพียงเท่านั้น อ้นก็ต้องขมวดคิ้ว หลับตาจนแน่น ก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อบรรเทาความรู้สึกที่อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้น

“แกเป็นอะไรของแก อ้น” เจมส์ถามออกไปอย่างตกใจที่ได้เห็นอ้นทำหน้าบิดเบี้ยว “ไม่มีอะไร แค่ปวดหัวนิดหน่อย” อ้นตอบออกไปเสียงสั่น ก่อนจะพยายามดันตัวให้ยืนตรงขึ้นได้อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรต่อจากนั้น พลันก็มีเสียงพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ถ้าเจมส์ยังไม่กลับ งั้นให้เราไปส่งแล้วกัน” ธันวาที่เดินมาทันสองคนนี้พอดี เอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินไปหาเจมส์โดยที่ไม่ปรายตามองมาที่อ้นเลยสักนิด อ้นรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรแข็ง ๆ วิ่งมีจุกอยู่คอหอยจนแน่นไปหมด กับท่าทีของธันวาที่มีต่อเขา “ก็ดีนะ” เจมส์พูดตอบรับธันวาออกไปในทันที

“ธันวาไปส่งเราก็ดีเหมือนกัน นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร อยู่ ๆ ก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาเลย กลัวจะกลับบ้านไม่ไหวเหมือนกัน” อ้นไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และยิ่งกับภาพที่เห็นตรงหน้า ที่ธันวาดูกระตือรือร้นที่จะดูแลเจมส์ ทั้ง ๆ ที่อ้นต่างหาก ที่กำลังตะโกนอยู่ภายในใจ เรียกร้องธันวาให้หันมามองกันบ้าง

****************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

ปลิว - Ploychompoo

https://www.youtube.com/watch?v=DSV60MzavmQ


ได้เพียงแต่ยืนอยู่ไกลไกล

I’m standing here far, far away from you

ได้เพียงแต่มองจากในเงา

Looking at you right from the shadow

เฝ้าดูเรื่องราวผู้คนล้อมรอบตัวเธอ

Watching many people being around you so


ไม่เคยมีฉันอยู่ในนั้น

I have never been there

และคงไม่มีวันนั้นเลย

And will never ever be

ฉันทำได้เพียงให้ความฝันปลอบใจในค่ำคืน

All I can do at night is comfort myself with the false dream


แค่เฝ้ามอง แค่ชื่นใจ แค่ยิ้มผ่านลมฟ้าไป

Just watching over you, feeling good inside, smiling like a fool

เผื่อเธอรับรู้ เผื่อเธอจะมองมาสักครั้งนึง

Perhaps you’ll know, and look now my way


อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ

Having these words n my heart, millions of them

บอกให้เธอฟังไม่ได้สักคำ

Not a single word I can shout out to you

เปล่งได้แค่เสียงเบาเบา ในยามลำพัง

Just a pathetic whispering when I’m alone

ว่าฉันรักเธอ ฉันรักเธอ

That I love you, I love you so


อยากให้ได้ยินคำในหัวใจ

Want you to hear what’s on my mind

แต่มันคงเบาไปไม่ถึงเธอ

But I’m voiceless, can’t reach to you

หนึ่งคำว่ารักคงปลิวไปตามแรงลมก่อนถึงใจเธอ

Words from my heart blown by the wind, stopped in front of your heart

แล้วก็คงสลายไป

Then they disappear right there


แม้มันจะมีอยู่บางครั้ง

Though, there were these times

ที่เราเผอิญได้ใกล้กัน

We got to be close each other

สายตาจากเธอก็มองข้ามผ่านไปอยู่ทุกที

Yet, I’m not the apple of your eye, that’s for sure
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๗๑. Vicious ร้ายกาจ or Veracious วาจาสัตย์ _ 01.29.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 29-01-2024 20:20:01


Crime and Love Scene Investigation


๗๑. Vicious ร้ายกาจ or Veracious วาจาสัตย์



“ขอบคุณมากนะครับ ที่ยอมมาพูดคุยกันในวันนี้” ชนธัญกล่าวกับผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้ม “เชิญนั่งครับ” ก่อนจะกล่าวเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มที่ดูตัวเล็กน่าเอ็นดูคนนี้นั่งลงบนเก้าอี้ในห้องรับรองของหน่วยสืบลับ “ดื่มอะไรดีครับ คุณซอโซ่” ชนธัญถามถึงความต้องการของคนที่ถูกเชิญมาสอบถามถึงข้อสงสัยอะไรบางอย่าง

“ชาหรือกาแฟดีครับ” ซอโซ่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะตอบปฏิเสธออกไป “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก” คำตอบนั้นทำให้ชนธัญยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะพูดเสนอต่อให้เองว่า “น้ำเปล่าแล้วกันนะครับ” ซอโซ่ได้ยินแบบนั้น ก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงตอบตกลง ก่อนจะพูดขอบคุณออกไป สารวัตรรัฐนนท์เดินไปที่ตู้เย็นที่ตั้งอยู่มุมห้อง ก่อนเดินกลับมาด้วยขวดน้ำดื่มในมือ

“ขอบคุณครับ” ซอโซ่พูดขอบคุณสารวัตรหนุ่มหล่ออีกครั้ง มองไปที่ขวดน้ำนั้น แต่ไม่ได้หยิบมันมาเปิดฝาขวดออกแต่อย่างใด สารวัตรรัฐนนท์เดินกลับไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม ข้าง ๆ ชนธัญ ซอโซ่มองไปที่ชนธัญและนายตำรวจหนุ่มสลับกันไปมา “ผมขอเริ่มเลยแล้วกัน เพราะคุณคงอยากรู้ว่า เราเชิญคุณมาทำไมในวันนี้” สารวัตรรัฐนนท์เปิดบทสนทนาขึ้น

“ผมทำอะไรผิดหรือเปล่าครับ” ซอโซ่ถามออกไป ความกังวลเจืออยู่ในน้ำเสียงนั้น “เปล่าหรอกครับ คุณโซ่สบายใจได้” ชนธัญรีบตอบกลับอีกฝ่ายไป สีหน้าและแววตาของซอโซ่ดูจะดใสขึ้นบ้าง เมื่อรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง ว่าไม่ได้เข้ามาที่นี่ในสถานะผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหา แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ ต้องการอะไรจากเขา

“คุณรู้จักกับคุณคิรินมานานหรือยังครับ” สารวัตรรัฐนนท์ยิงคำถามแรกออกไป ซอโซ่ชะงักไปกับคำถามนั้น ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ทำไมหรือครับ” ซอโซ่ถามออกไปแบบไม่แน่ใจนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะพูดออกไปอีกว่า “เขาเป็นลูกค้าซื้อบ้านากบริษัทที่ผมทำงานอยู่ ผมดูแลยูนิตที่เขาซื้อ แต่รายละเอียดอย่างอื่นเกี่ยวกับการซื้อขายนั้น ผมคงให้ข้อมูลอะไรไม่ได้ คุณตำรวจคงต้องติดต่อไปทางบริษัทโดยตรง เพราะนั่นถือว่าเป็นความลับของบริษัท เป็นไพรเวซี่ของลูกค้า” ซอโซ่พูดยาวตอบกลับสารวัตรรัฐนนท์กลับไป

“เรื่องการซื้อขายบ้าน ไม่ได้เป็นหัวข้อที่เราเชิญคุณมาในวันนี้” สารวัตรรัฐนนท์รีบตอบกลับไปเช่นกัน เพราะเห็นว่าท่าทางของซอโซ่ดูจะระแวงเรื่องความลับของทางบริษัทจะรั่วไหล “ถ้าอย่างนั้นบอกผมมาตรง ๆ เลยก็ได้ครับว่า นี่มันเรื่องอะไรกัน” ซอโซ่เองก็อยากจะรู้ว่า จริง ๆ แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ต้องการจะรู้อะไรเกี่ยวกับลูกค้ารายใหญ่ของทางบริษัทคนนี้กันแน่

“คือ ผมจะพูดยังไงดี” สารวัตรรัฐนนท์เองก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอะไรถามในสิ่งที่ต้องการรู้ดี ที่จะไม่ทำให้ซอโซ่นั้นตื่นตกใจไปกันใหญ่ เพราะถ้าหากว่าซอโซ่นั้นเห็นว่าเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องการรู้ เป็นเรื่องตลกหรือไร้สาระ คำตอบที่คาดหวังว่าจะได้ยินนั้น มันอาจจะกลายเป็นการไม่ให้ความร่วมมือไปเสียก็ได้ และทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปบังคับซอโซ่ให้ตอบคำถาม

“คุณโซ่เชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดมั้ยครับ” ชนธัญนั้นตัดสินใจ ถามคำถามซอโซ่ออกไปอย่างนั้น แล้วกลั้นใจรอคำตอบ สารวัตรรัฐนนท์เองก็เช่นกัน แอบดีใจนิด ๆ ที่ชนธัญนั้นกล้าถามออกไปตรง ๆ มากกว่าตัวเขาเอง “ตายแล้วเกิดใหม่น่ะหรือครับ” ซอโซ่ถามกลับไป หลังจากที่นั่งนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง มองชนธัญพยักหน้ารับ ใช่ นั่นคือสิ่งที่เขาอยากรู้

“ส่วนตัวแล้ว ผมก็ไม่เคยเจอใครที่มีประสบการณ์แบบนั้นนะครับ” สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญโล่งอกเมื่อได้ยินคำตอบของซอโซ่ และบทสนทนานี้ก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ “แล้วคุณโซ่เคยรู้สึกเหมือนกับว่า ชีวิตมันขาดอะไรไปสักอย่าง” ซอโซ่มองไปที่ชนธัญทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น “หรือมันมีช่วงเวลาที่ตัวเองรู้สึกว่า กำลังรอใครสักคนอยู่ แม้จะไม่รู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใครบ้าไหมครับ” สิ้นคำถามของชนธัญ อยู่ ๆ ซอโซ่ก็มีน้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาทั้งสอง

“หมายถึงคุณคิรินหรือครับ” ซอโซ่ถามออกไปเสียงสั่น ๆ ก่อนจะหลับตาลงในทันที เมื่ออยู่ ๆ อาการปวดศีรษะก็กลับมาอีกครั้ง “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ดื่มน้ำก่อน” สารวัตรรัฐนนท์ร้องถาม ก่อนจะหยิบขวดน้ำเอามาเปิดฝาแล้วส่งให้ “แล้วถ้านั่นเป็นคุณคิรินจริง” ซอโซ่ที่รับชวดน้ำมาจากสารวัตรรัฐนนท์ พอได้ยินธัญพูดซ้ำประโยคนั้น ก็ต้องร้องออกมาด้วยอาการปวดที่เพิ่มขึ้น ชนธัญตกใจเช่นกัน ก่อนเอื้อมมือไปคว้าแขนของซอโซ่เอาไว้

เสียงโห่ร้องเชียร์ดังลั่นมาจากห้องเรียนที่อ้นกำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปใกล้ ใครบางคนยืนอยู่ที่หน้าห้อง กำลังหัวเราะจนน้ำตาไหลกับสิ่งที่กำลังอ่านให้เพื่อนทั้งห้องได้ฟัง อ้นมองเข้าไปจากประตูทางด้านหลังห้อง สมุดจดบันทึกเล่มคุ้นตาอยู่ในมือเพื่อนนักเรียนต่างห้อง และเป็นห้องที่อ้นเพิ่งมานั่งเรียนเมื่อคาบเรียนที่แล้ว

“เราไม่รู้จะบอกเธอยังไง ด้วยใจของเราเป็นของเธอหมดทั้งดวง” เสียงที่ใช้อ่านประโยคดังกล่าวเย้ยหยันความหมายของประโยคดังกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม “ฉันรู้ว่าเธอมีคนอื่นอยู่ในหัวใจ และฉันเป็นได้แค่คนที่เฝ้ามอง” เสียงโห่ฮาป่าจากเพื่อน ๆ ทั้งห้องดังขึ้นอีกครั้งจนลั่นห้อง อ้นนั้นทำได้แค่ยืนนิ่ง หน้าชา ตัวชาไปทั้งร่างกาย แต่ใจเต้นระรัวไปหมดด้วยความกลัว

“เธอเรียนเก่งจนน่าชื่นชม เธอหน้าตาหล่อจนฉันหลงใหล เธออยู่ใกล้เกินกว่าฉันจะเอื้อมถึง” อ้นยืนฟังประโยคเหล่านั้นถูกอ่านจากหน้าสมุดจดบันทึก แต่มันไม่ได้เป็นการอ่านที่แสดงถึงความรู้สึกตามตัวอักษร แต่มันคือการล้อเลียนโดยจงใจ “อ่านแล้วกูจะอ้วก แม่งเขียนได้น่าขนลุกฉิบหาย” คนที่ยืนอ่านอยู่หน้าห้องแสดงสีหน้าสะอิดสะเอียน

“กูว่า มึงเลยไอ้ธันวา” ใครคนหนึ่งในห้องตะโกนขึ้น เพื่อนทุกคนส่งเสียงฮือฮาหันมาทางเจ้าของชื่อ “กูเกี่ยวอะไรด้วย” ธันวาพูดตอบกลับเพื่อนไป “กูว่าคนที่เจ้าของสมุดเล่มนี้เขียนถึงก็คือมึงนั่นแหละ” เพื่อนยังคงยืนยันคำเดิม ธันวาส่ายหน้าดิก “เรียนเก่ง หน้าหล่อ มีสาวมาชอบเยอะ มึงนั่นแหละ เป็นใครไปไม่ได้แล้ว” เพื่อนทั้งห้องร้องฮือพากันเห็นด้วย

“สาวห้องไหนวะ ที่เขียนจดหมายรักน้อย ๆ นี้ถึงเพื่อนกู หรือว่าจะเป็นรุ่นน้อง” เพื่อน ๆ พากันพยายามตั้งข้อสังเกต “หรือเป็นผู้ชายวะ” เพื่อนทั้งห้องพากันหัวเราะครืนใหญ่ เมื่อได้ยินแบบนั้น “ห้องไหนมีกะเทยมั่ง” พลางถามกันใหญ่ เพื่ออยากจะให้ตัวเลือกแคบลง “แต่ลายมือน่ารักอยู่นะ เหมือนลายมือผู้หญิง” เพื่อนอีกคนที่เอาสมุดเล่มนั้นไปดูพูดขึ้น

“กะเทยแฝงตัวหรือเปล่า แบบไม่เปิดเผยตัว ฉันผู้ชายนะฮ้า” อีกคนนำเพื่อนหัวเราะดังลั่นทั้งหญิงทั้งชาย อ้นกลืนน้ำลายลงคือได้อย่างยากเย็น รู้สึกมือเท้าเย็นไปหมด หวิว ๆ คล้ายจะเป็นลม “พวกมึงพูดบ้าอะไรกันเนี่ย พอได้แล้ว” ธันวาพยายามปรามเพื่อน ก่อนจะคว้าสมุดเล่มนั้นมา แต่เพื่อนก็คว้าแย่งคืนกลับไป

“อ้นก็ลายมือสวยนะ ตัวหนังสือเหมือนผู้หญิงเขียนอยู่” เจมส์ที่ชะโงกหน้าขอดูหน้าสมุดที่จดข้อความเหล่านั้นเอาไว้ และเหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นได้ พูดขึ้น ธันวาหันไปมองหน้าเพื่อนสนิท แต่เจมส์ทำเป็นมองไม่เห็น ทำไม่รู้ไม่ชี้ “มึงไม่ใช่หรอก ตัวมันใหญ่อย่างกับยักษ์” เพื่อนคนหนึ่งส่ายหน้าบอกว่าเป็นไปไม่ได้

“ถ้าจริงนี่ กะเทยควายเลยนะมึง” เพื่อนอีกคนพูดด้วยอาการขนพองสยองเกล้า เจมส์ลอบมองอาการของธันวา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อ้นมันเป็นเพื่อนสนิทแกเลยไม่ใช่หรือ ธันวา” คำพูดของเจมส์ทำให้เพื่อนทุกคนหันมามองทางธันวาเป็นตาเดียวกัน “เออมันยังไงกันวะธันวา ไม่ใช่ว่าแกกับไอ้อ้นเคยสนิทกันตอนเรียนม.ต้นหรอกหรือวะ” เพื่อนคนหนึ่งถามคำถามนี้กับธันวา

“เคยสนิทก็คือแค่เคยมั้ยวะ ตอนนั้นใช่ แต่ตอนนี้ไม่ และเป็นไปไม่ได้เลยที่กูจะชอบมันในแบบนั้นได้ลง กูเป็นผู้ชายนะเว้ย” อ้นได้ยินคำพูดนั้นออกจากปากของธันวาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “และพวกมึงรู้เอาไว้เลยนะ ตอนนี้เพื่อนสนิทที่สุดของกูคือเจมส์เท่านั้น” เจมส์ยิ้มที่มุมปาก เมื่อแน่ใจแล้วว่า อ้อนที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องเรียน ได้ยินคำพูดนี้ของธันวาโดยชัดเจน

“อย่าพูดอย่างนั้นเลยธันวา เผื่ออ้นมันมาได้ยิน แล้วมันจะเสียใจ” เจมส์พูดพลางถอนหายใจด้วยท่าทางเป็นห่วงเพื่อนต่างห้อง “อย่างน้อยถ้าเป็นอันมันจริง ๆ มันก็รู้สึกดี ๆ กับแกนะ ธันวา” เจมส์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพื่อน ๆ ในห้องต่างพากันบอกเห็นด้วยและบอกว่าเจมส์เป็นเพื่อนที่น่าคบหาคนหนึ่งของห้องนี้

อ้นที่ตอนนี้ไม่สามารถจะรับฟังอะไรที่ทำร้ายจิตใจของเขาต่อไปได้อีก เดินมาหยุดยืนพิงผนังกำแพงอยู่ตรงบันไดทางลง เขาหลับตาลงให้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ต่อไปไม่ไหว ให้มันไหลลงอาบแก้ม แต่เสียงนักเรียนเดินออกจากห้องเรียน ทำให้อ้นต้องรีบใช้มือเช็ดน้ำตาอย่างลวก ๆ ก่อนจะรีบเดินลงบันไดตึกเรียนลงมาที่ชั้นล่าง นักเรียนห้องเดียวกันกับธันวาและเจมส์เดินลงมาทันกันที่นั่น หลายคนหันไปพูดซุบซิบกัน ก่อนจะทำเบือนหน้าเพื่อหัวเราะคิกคักตอนเดินผ่านอ้นไป อ้นนั้นทำท่านิ่งเฉย เหมือนไม่เห็นว่าเพื่อนต่างห้องพวกนั้นทำอะไรกับเขา

“อ้าว หมดคาบเรียนแล้วหรือธันวา” อ้นทักทายเพื่อนเก่าออกไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุด ปิดกั้นความรู้สึกทั้งหมดที่มีเอาไว้ไม่ให้มันแสดงออกมา ธันวาได้ยิน แต่ว่าไม่ได้พูดตอบอะไรออกไป อ้นหน้าเสียไม่น้อย แต่ก็ฝืนยิ้มกลับไปให้อีกฝ่าย “ทำยังไงนะ เราถึงจะสนิทกันเหมือนเดิม” ต้องใช้พละกำลังของใจมากแค่ไหน อ้นถึงพูดออกไปได้จนจบประโยค แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ธันวาตอบอะไรกลับมาอยู่ดี

“ที่ธันวาเคยพูดว่า ถ้ามีคนที่ชอบกันจริง ๆ จะสัญญาว่าจะตามไปทุกที่ มันยังจริงอยู่มั้ย” อ้นกลั้นใจถามออกไป พอดีกับที่เห็นเจมส์วิ่งเข้ามากอดคอธันวา “สัญญามั้ย” เจมส์พูดหัวเราะเสียงใส “สัญญาสิ” ธันวาตอบ ยิ้มกลับไปให้เจมส์ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินจากไป ทิ้งให้เหลืออ้นเพียงคนเดียวที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น “เราก็สัญญา” อ้นพึมพำคำพูดนั้นออกมา โดยกักเก็บน้ำตาที่มีเอาไว้ เพราะไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็น

************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

อย่าเกลียดกันก็พอ - ทาทา ยัง

https://www.youtube.com/watch?v=8UwAwxROTFE


รู้ว่าเธอไม่รัก ไม่มีใจให้ฉัน

I know that you don’t love me, you never care

แต่เธอรู้ไหมหัวใจไม่มีเหตุผล

But don’t you know this? Love has no reasons

แลกทุกอย่างเพื่อคำว่ารัก

Willing to trade anything for love

รักแล้วเจ็บก็ยอมก็ทน

Though love hurts, that’s alright

อยู่อย่างคนที่รอให้เธอรัก

Living with hope, you’ll return my love one day


รู้ว่าเธอหนักใจ รู้ว่าลำบากใจ

Know that it’s your burden, it’s troubling you

ที่ยังเห็นฉันทุ่มเทใจให้เธออย่างนี้

That I’m still pouring my heart out to you as always

ไม่มีทางที่จะรักฉัน

No way you will ever love me back

ทุกถ้อยคำฉันเข้าใจดี

I get every words you’ve already said

แต่ในวันนี้ยังทำใจไม่ได้เลย

Yet today, I can’t find peace with myself still


อย่าบอกฉัน ให้ตัดใจ

Don’t you tell me to let it go

อย่าผลักไสฉันให้ไกลเลยอยากขอ

Don’t you push me away, would you please?

ปล่อยให้ฉันได้เฝ้ารอ

Just let me wait, let me be

คนที่รักแค่ได้เฝ้ารอก็สุขใจ

Be able to long for you, that soothes my heart


รักที่เธอไม่รับ ช่วยทำเป็นไม่รู้

My love that you don’t accept, just look the other way

ปล่อยให้ฉันได้รักเธออยู่เหมือนเดิมได้ไหม

Please allow me to love you like I always have been

ไม่วิงวอนให้เธอสงสาร

I’m neither begging of you to pity me

อ้อนวอนให้เธอมีใจ

Nor am I pleading you to feel the same

แค่อย่าใจร้าย อย่าเกลียดกันก็พอ

Please don’t be mean, don’t you hate me that’s all
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๗๒. Cruel Intentions _ 02.07.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 07-02-2024 20:00:01


Crime and Love Scene Investigation



๗๒. Cruel Intentions



“คิริน หยุดก่อน นั่นแกจะไปไหน” ชายหนุ่มผู้เป็นทายาทของบ้านหลังใหญ่หลังนี้ ชะงักเท้าที่กำลังจะเดินออกจากคฤหาสน์หลังงามไป ก่อนจะต้องหันหน้ามาทางผู้เป็นบิดาที่เรียกเขาไว้ “พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ เดี๋ยวไว้ค่อยคุยกันวันหลัง” คิรินพูดตอบกลับพ่อของตัวเองไป พลางทำท่าจะหันเดินออกไปอีกครั้ง

“ฉันให้เวลาแกทำตามใจมาเนิ่นนานแล้ว ถึงเวลาที่แกต้องทำตามคำสั่งของฉันเสียที” คำพูดนั้นเป็นน้ำเสียงที่สั่งการอย่างชัดเจน “แต่พ่อครับ นี่มันยังไม่ครบกำหนดที่เราเคยตกลงกันไว้เลยนะครับ มันยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายวันด้วยซ้ำไป” คิรินทักท้วงถึงข้อตกลงที่พ่อและตัวเขาเคยได้ให้กันไว้

“แล้วแกจะมั่นใจได้ยังไงว่าสิ่งที่แกทำอยู่นี้มันคือเรื่องที่ถูกต้อง” พ่อของคิรินถามคำถามลูกชายของตัวเองออกไปตรง ๆ คิรินรู้สึกเบื่อหน่ายคำพูดแบบนี้จากคนรอบข้างเต็มทน “ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ ผมไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะครับพ่อ” คิรินออกอาการเหนื่อยหน่ายใจออกมาทางสีหน้าและท่าท่างอย่างชัดเจนเช่นกัน

“ผมไม่จำเป็นต้องใช้อะไรมาก ผมแค่ใช้ความรู้สึกของผมที่มีติดตัวมา” คิรินสบตากับผู้เป็นพ่อของตนตรง ๆ เรื่องทั้งหมดที่ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว คิรินไม่คิดที่จะถอยหลังกลับ แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ “ผมเล่าให้พ่อฟังไปตั้งแต่แรกแล้ว ถึงตัวตนของผมและคนที่ผมตามหา ผมคิดว่าเราเข้าใจกันตั้งแต่แรกแล้วเสียอีก ผมถึงได้ยอมรับข้อตกลงที่พ่อตั้งขึ้นมา ผมเองก็เบื่อนะครับ ที่จะต้องมาพุดเรื่องเดิม ๆ นี้ซ้ำอยู่เรื่อย ไม่ยอมจบ” คิรินไม่ได้อยากจะก้าวร้าวผู้เป็นบิดา แต่เขาเริ่มเบื่อเรื่องแบบนี้แล้วเช่นกัน

“แกคงจะต้องฟังฉันให้มากขึ้นแล้วล่ะ เพราะสิ่งที่ฉันเพิ่งไปเจอมา” ผู้เป็นพ่อกำลังจะพูดถึงข้อมูลที่ตนเพื่องได้รับ “ผมบอกพ่อไปแล้วยังล่ะครับ ว่าผมใกล้ที่จะทำทุกอย่างสำเร็จแล้ว” คิรินก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน “เจิด เอากุญแจรถมา” ก่อนจะหันไปตะโกนเรียกคนขับรถให้เอากุญแจรถยนต์คันหรูมาให้เขา

“ก็แล้วถ้าแกคิดผิดล่ะ” ผู้เป็นบิดาของคิรินเอง ก็เริ่มไม่พอใจกับการไม่ฟังอะไรของคิรินด้วยเช่นกัน “เจิด เอากุญแจรถมา เร็ว ๆ สิวะ” คิรินออกอาการหงุดหงิดใจ หันไปตวาดใส่คนรถที่กำลังลังเลว่าจะทำอย่างไรดี เมื่อนอกจากเจ้านายของตัวเองจะตะโกนสั่งเขาอยู่นั้น คุณท่านผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์งามหลังนี้ก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย

“เอ่อ คุณท่านครับ คุณคิริน” เจิดเองนั้นก็อึกอัก ๆ ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ทำหน้าท่าทางเลิ่กลั่ก “แกกินเงินเดือนใคร ไอ้เจิด” สุดท้ายแล้ว เจิดก็ต้องยื่นกุญแจรถยนต์ให้กับคิริน ที่เดินออกจากตัวบ้านไปในทันที “คิริน คิริน กลับมาก่อนมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” แต่เสียงเรียกของคุณท่านผู้เป็นบิดาของชายหนุ่มก็ไม่อาจจะต้านทานอารมณ์โกรธและขุ่นมัวของคิรินได้ เสียงรถยนต์เบิ้ลเครื่อง ก่อนจะขับพุ่งทะยานจากไป

“คุณท่าน คุณท่าน” ทิ้งให้เจิดร้องเรียกเจ้านายใหญ่ของบ้าน ที่ตอนนี้ทรุดลงบนพื้น เอามือกุมหน้าอกเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ความโกลาหลในบ้านจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อทุกคนต่างเรียกรถพยาบาลกันอย่างตื่นตระหนก เจิดพยายามโทรศัพท์หาคิริน แต่เจ้าของมือถือก็ไม่ได้กดรับสายแต่อย่างใด

“นี่คุณกำลังจะบอกว่า ภาพที่ผมเห็น” ซอโซ่กำลังสับสนไปหมดแล้วในตอนนี้ ที่อยู่ ๆ สิ่งที่ชนธัญบอกกับเขาว่ามันคือ 'ภาพนิมิต' ก็มาปรากฏให้เขาได้รับรู้ มันเป็นภาพที่แทรกเข้ามาในส่วนของความทรงจำ ที่มันทำให้เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกที่มันกำลังรุมจิตใจของเขาอยู่ในตอนนี้

“คุณโซ่จะเชื่อมั้ย ถ้าหากผมจะบอกว่า นิมิตที่คุณโซ่เพิ่งเห็นไป หลังจากที่ผมเป็นสื่อกลาง ตอนจับตัวคุณโซ่ทำให้คุณโซ่ได้เห็น นั่นคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวคุณโซ่เอง” ชนธัญพยายามพูดช้า ๆ อธิบายให้ซอโซ่ฟังอย่างใจเย็น “แต่ผมไม่เห็นตัวผมเลยสักนิด นั่นมันไม่มีตัวผมเลยสักนิด” ซอโซ่พูดแย้งออกไป เพราะภาพที่เขาเห็น มันมีแต่คนอื่นทั้งนั้น เป็นคนที่เขาไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนทั้งสิ้น

“ความรู้สึกในใจคุณโซ่ ตอนนี้มันบอกคุณว่าอย่างไร” ซอโซ่ฟังที่ชนธัญถามเขา แล้วในใจก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เมื่อจำเด็กหนุ่มร่างใหญ่คนนั้นได้ดี “เด็กนักเรียนคนนั้น” ซอโซ่พูดออกมาเบา ๆ “คนที่ถูกเพื่อน ๆ อ่านสมุดบันทึก คนนั้นเขา” ซอโซ่ทวนในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้เห็น มองสบตากับชนธัญเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ ชนธัญพยักหน้าน้อย ๆ กลับไปแทนคำตอบ ซอโซ่หลุดสะอื้นออกมาด้วยความรู้สึกสงสาร ระคนไปด้วยความเห็นใจ

“ซอโซ่คุณมาทำอะไรที่นี่” เสียงทักนั้นดังขึ้น ทำเอาทุกคนหันไปมองทางต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน ซอโซ่มองเห็นคิรินที่เพิ่งมาถึง แม้ว่าตัวซอโซ่เองยังไม่เข้าใจเรื่องราวมั้งหมดในเวลานี้แต่ความรู้สึกนี้ ความรู้สึกที่ก่อตัวอยู่ภายในใจ ณ ขณะนี้ เมื่อได้มาเห็นหน้าของคิรินอีกครั้ง มันทำให้เขารู้สึกไม่อยากเห็นหน้าคิรินในตอนนี้

“เดี๋ยวสิ คุณจะไปไหน” คิรินคว้าต้นแขนของซอโซ่เอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินผ่านหน้าเขาไปแบบไม่ทันทายไม่พูดไม่จา “ปล่อยผม” ซอโซ่หันไปออกคำสั่งเสียงขุ่นมัว พยายามดึงแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุมของคิริน แต่ก็ไม่เป็นผล “ไม่” คิรินประหลาดใจที่เห็นท่าทางของซอโซ่ในตอนนี้ที่มีกับเขา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ทั้งสองคนเพิ่งจะมีเซ็กส์กัน และทุกอย่างก็ดูจะเป็นไปได้ด้วยดี กับความสัมพันธ์ที่คิรินหวังเอาไว้

“นี่พวกคุณพาคุณโซ่มาทำอะไรที่นี่” คิรินเริ่มพาลพาโล หันไปหาเรื่องชนธัญ “คุณปั่นหัวอะไรเขา ถึงทำให้เขามีทีท่ากับผมแบบนี้” จนสารวัตรรัฐนนท์ต้องพูดขึ้นมาบ้างว่า “เดี๋ยวก่อนนะครับ ก่อนที่คุณจะกล่าวหาใคร ผมว่าคุณนั่งลงแล้วใจเย็นๆ ฟังเรื่องทั้งหมดก่อน เพราะคุณโซ่เองเขาก็เพิ่งได้เจอมา” นายตำรวจหนุ่มหล่อพยายามพูดไกล่เกลี่ย

“แต่ผมไม่มีอะไรที่ต้องคุย” ซอโซ่นั้นก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมอยู่ ๆ พอได้เห็นหน้าของคิรินในครั้งนี้ อารมณ์น้อยใจ หวั่นไหว อ่อนไหวทั้งหมดนี้ มันถึงได้เข้ามากลุ้มรุมทำร้ายความรู้สึกของเขาพร้อม ๆ กัน “โซ่ ผมทำอะไรผิด” คิรินลืมตัวด้วยความโมโห ดึงตัวของซอโซ่เข้ามาหาตัวเอง สารวัตรรัฐนนท์ส่งเสียงปรามชายหนุ่มออกไป

“คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือ” ซอโซ่ที่น้ำตาคลอหน่วย จากอารมณ์ที่รู้สึกสารหนุ่มน้อยร่างใหญ่คนนั้น ที่เห็นในนิมิต มองไปที่คิรินด้วยสายตาตัดพ้อ “ผมคิดถึงคุณมาตลอด เฝ้าตามหา จนเราได้พบกันอีกครั้ง สำหรับผม ความทรงจำเรื่องที่เกี่ยวกับคุณคือความสุขของผมนะโซ่” คิรินพยายามพูดบอกกับอีกฝ่ายไปด้วยความรู้สึกที่ตัวเองมี

“ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดมาจริง” ซอโซ่ปล่อยน้ำตาให้ร่วงเผาะลงมาเมื่อจดจำแววตาของเด็กหนุ่มร่างโตคนนั้นได้ ถึงอาการกลั้นน้ำตาเอาไว้เพราะไม่อยากให้ใครมาเห็น “ความทรงจำสำหรับผม มันคงเป็นคำสาป” คิรินตกใจไม่น้อยที่ได้ยินซอโซ่พูดออกมาแบบนั้น “พูดคุยดี ๆ กันเถอะนะครับ” ชนธัญพูด พลางยื่นมือออกไปทางคิริน โดยที่เจ้าตัวปัดมือของชนธัญออก

ชนธัญตกใจ ตัวเซไปอีกทาง มือคว้าไปในอากาศ จนจับแขนของซอโซ่เอาไว้ได้ คิรินทำท่าจะดึงมือของชนธัญออกอีกครั้ง สารวัตรรัฐนนท์ร้องบอกกับคิรินว่าอย่าทำอะไรแย่ ๆ กับชนธัญ ก่อนจะตรงเข้าหาชนธัญ ใช้แขนขวาประคองหลังของชนธัญเอาไว้ ส่วนมือซ้ายจับที่ต้นแขนของอีกฝ่าย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชนธัญเอง ก็คว้าข้อมือของคิรินไว้ได้พอดี

ทันทีที่อ้นวางสายจากเจมส์ อ้นก็รีบออกจากบ้านไปในทันที ด้วยความเป็นห่วงธันวาอย่างที่สุด เมื่อเจมส์ที่อยู่ปลายสายบอกกับว่าอ้นว่า เจมส์มาติวหนังสือที่บ้านอ้อน แต่ตอนนี้ธันวาเป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่ไม่สบายมากและมีไข้ขึ้นสูง ไม่มีใครอยู่บ้านเลย เจมส์นั้นทำอะไรไม่ถูก อยากให้อ้นมาช่วยหน่อย อ้นก็ไม่รอช้ามาถึงบ้านของธันวาในเวลาไม่นาน ก่อนจะต้องงง เมื่อเดินมาถึงที่หน้าบ้านของธันวา

“คนนี้แหละครับแม่ ที่เจมส์เล่าให้แม่ฟัง” เจมส์พูดกับแม่ของธันวา ด้วยสายตาที่มองหน้าอ้นแบบยิ้ม ๆ “เธอเป็นกะเทยใช่มั้ย” อ้นที่กำลังจะยกมือไหว้แม่ของธันวา กลับต้องลดมือนั้นลง เมื่อหญิงสูงวัยถามคำถามนั้นกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วไม่เป็นมิตรแต่อย่างใด “ฉันถาม เธอก็ตอบฉันมา” อ้นที่อึกอักไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ทำให้แม่ของธันวาพูดย้ำอีกครั้ง

“เธอเป็นกะเทยหรือเปล่า” อ้นขอบตาร้อนผะผ่าว ไม่เข้าใจว่าทำไมเจมส์ต้องหลอกเขาเรื่องธันวา แถมยังต้องให้เขามาถูกแม่ของธันวาถามแบบนี้ต่อหน้ากันอีก “ไม่ได้นะ เธอจะมาวอแวข้องแวะกับลูกชายของฉันไม่ได้ ฉันไม่ยอมนะ ลูกของฉันเป็นคนปกติไม่ได้วิปริต ฉันสั่งให้เธอเลิกวุ่นวายกับธันวานับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” เสียงห้ามของแม่ธันวาดังลั่นเข้ามาในหัวใจของอ้น ซึ่งอยู่ ๆ อาการปวดหัวของเขาก็แล่นจี๊ดขึ้นมา

“แม่ดูเอาก็แล้วกันครับ ก่อนหน้านี้เจมส์ก็เคยเห็นแบบนี้มาทีหนึ่งแล้ว” เจมส์ชี้ให้แม่ของธันวาดูเมื่ออ้นนั้นก้มลงใช้มือทั้งสองเท้ายึดตัวเองเอาไว้กับหัวเข่า เพื่อยันร่างเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปบนพื้น เมื่อความปวดนั้นทวีความรุนแรงขึ้นจนสูงสุดแบบไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัวแต่อย่างใด และความปวดระดับนี้ ไม่เคยเกิดกับอ้นมาก่อน

“เธอเป็นอะไรไปน่ะ ถูกฉันว่าแค่นี้ ถึงกับต้องเป็นแบบนี้เลยหรือ” แม่ของธันวา ถึงไม่ต้องการให้อ้นมาคบหาลูกชายตัวเองก็ตาม แต่เมื่อเห็นอ้นอาการไม่สู้ดีนัก ก็นึกตกใจ “โอ๊ยแม่ครับ” เจมส์ร้องบอกแม่ของธันวา “ต่อหน้าธันวา ไอ้ตุ๊ดนี่ก็ทำแบบนี้ เพื่อเรียกร้องความสนใจมารอบหนึ่งแล้ว เจมส์นะ ต้องแกล้งทำเป็นปวดหัวเหมือนกัน เพื่อกันธันวาเพื่อนรักของเจมส์ออกมาจากมัน” ตอนนั้นอ้นยันตัวเองสู้ความปวดต่อไปไม่ไหว จนต้องทรุดตัวลงนอนกับพื้น

“เธอเป็นอะไรมากไหม” เสียงแม่ของธันวาร้องถาม เมื่อเห็นอ้นเริ่มหายใจแบบเหนื่อยหอบร่มด้วย โดยที่อ้นนั้นลืมตาแทบไม่ขึ้น และรู้สึกเหมือนกับว่า รอบ ๆ ตัวเขานั้น กำลังค่อย ๆ มืดลง และมืดลงทุกที “เธอ” แม่ของธันวาร้องเรียก กำลังจะเดินเข้าไปหาอ้นที่ดูจะแน่นิ่งไป แต่เป็นที่เจมส์ที่ดึงมือของแม่ธันวาเอาไว้ โดยทั้งสองคนยืนเฉย ๆ มองอ้นที่นอนอยู่บนพื้นแบบนั้น

******************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

ใจเอย - มาช่า วัฒนพานิช

https://www.youtube.com/watch?v=TvIPn3_Xa38


แอบเก็บเอาไว้

My best kept secret

บอกใครไม่ได้ทั้งนั้น

Can’t tell no one

ทั้งทั้งที่ฉัน

Though that I am

รักเธอรักเธอกว่าใคร

In love with you more than anyone

ใจเอย ยิ่งห้ามเท่าไหร่

My heart, can’t be tamed

ยิ่งฝันไปไกล

It’s running wild and free

ไม่ยอมเชื่อฟังสักที

Never listens to me


เธอมีเจ้าของ

You belong to someone

ก็มองเห็นอยู่เสมอ

I can see that now

แล้วใยยังเผลอ

But why my foolish heart

คิดถึงเธอมากอย่างนี้

Thinking of you endlessly

ช้ำไหม หัวใจตัวดี

Get bruised, that’s my heart

กอดหมอนทุกที

Laying on my pillow at night

มีเพียงน้ำตาปลอบใจ

Tears flow down, my best friend


หวาดผวาเอื้อมคว้าเพียงเงา

Terrifying, would be all for nothing

เธอรู้หรือเปล่า

Do you know this?

ว่าฉันรักเธอแค่ไหน

How much that I love you

ปลายทางตอนจบของหัวใจ

The ending that my heart is going to

จะเป็นอย่างไร

What’s it gonna be?

เจ็บแค่ไหนไม่รู้เลย

How painful? I’m clueless


จะจบอย่างไร

How’s it gonna end?

เจ็บแค่ไหน ก็ยังรักเธอ

It hurts me badly, yet I still love you
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๗๓. Memory _ 02.13.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 13-02-2024 12:00:00


Crime and Love Scene Investigation


๗๓. Memory



“ตอนแรกที่โทรมาก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะ” คิรินมองอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันพูดขึ้น หลังจากที่พนักงานวางแก้วกาแฟสองใบลงบนโต๊ะแล้วเดินจากไป “นึกว่าพวกมิจฉาชีพสิบแปดมงกุฎ” เสียงพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะเสหยิบแก้วกาแฟตรงหน้าขึ้นจิบ ด้วยอาการหลบตาจากคิริน ไม่กล้ามองมาตรง ๆ

“แถมเรายังเปลี่ยนไปเยอะแบบนี้อีก” คิรินมองดูมือของอีกฝ่าย ที่ทาเล็บด้วยสีแดงสด กับเสื้อผ้าผู้หญิงที่ฉูดฉาด “ไม่นึกสินะ” คิรินได้ยินอีกฝ่ายถาม เขาส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับข้อสังเกตนั้น แม้ว่าภาพความทรงจำที่มีในหัวกับตัวจริงที่นั่งอยู่ตรงหน้า จะแตกต่างกันมากมายก็ตาม

“ก็ยังมีเค้าหน้าตอนนั้นอยู่” คิรินบอกกับอีกฝ่าย ที่หัวเราะออกมาอย่างประหม่า “แก่ลงไปตั้งเยอะแล้ว ไม่น่ากินเหมือนเมื่อก่อนหรอก” ปากพูดไปแบบนั้น แต่ท่าทางชม้ายชายตาไปยังคิรินนั้น เจ้าตัวก็ทำโดยไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร ก่อนจะเห็นว่าคิรินมองกลับมาตรง ๆ โดยใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ก็ขยับนั่งตัวตรง ก่อนจะกระแอมเบา ๆ แล้วพูดขึ้นว่า

“หาเจมส์เจอได้ยังไง” ลักษณะการพูดนั้น คิรินยังจดจำได้ เพียงแต่มีจริตจะก้านมากกว่าเดิม มากเสียจนล้น “มีคนช่วยน่ะ” คิรินจำได้ถึงกระดาษใบเล็ก ๆ ที่มีรายละเอียดบางอย่าง ที่พ่อของเขาเป็นคนยื่นมาให้ “นี่ตั้งใจหาเราเลยหรือ แบบนี้ก็เขินแย่สิ” ทั้งน้ำเสียงทั้งแววตา เจมส์แสดงออกว่า มันคือความดีใจจากความเซอร์ไพรส์ที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว

“มีเรื่องอะไรบางอย่างที่อยากรู้” คิรินตอบกลับไป “อยากคอนเฟิร์มอะไรบางอย่างน่ะ” ไล่สายตามองดูรูปร่างหน้าตาของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ที่พยายามส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้ “แล้วอยากรู้เรื่องอะไรบ้างล่ะ แต่จะว่าไป นี่เรายังตกใจมากอยู่เลยนะ” เจมส์เน้นคำพูดว่าเขาตกใจมากแค่ไหน “ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้มีโอกาสมานั่งพูดคุยกันแบบนี้อีกครั้ง” ที่เกิดเรื่องแบบนี้กับเขา

คิรินมีคำถามผุดขึ้นในใจเขาในตอนนี้ ความรู้สึกที่เคยลุกโชนเป็นดั่งไฟเสมอเมื่อคิดกับตัวเองว่า วินาทีที่ได้เจอหน้ากันจริงๆ เขาคงจะแสดงอาการลิงโลดอย่างที่สุด แต่ตอนนี้ทำไมกัน เขาถึงได้นิ่งสงบมากกว่าที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้ ภาพตรงหน้ากลับไม่ได้ตรึงความรู้สึกของเขาเอาไว้ แต่ใจกลับกระหวัดคิดถึงใบหน้าของใครอีกคน

“คุณต้องพูดกับผมให้รู้เรื่องก่อน โซ่” เจ้าของชื่อได้แต่ปล่อยให้น้ำตาอุ่น ๆ ของตัวเองไหลลงอาบแก้ม กับความรู้สึกที่มันยากเกินกว่าจะอธิบายออกมาได้ เรื่องที่เกิดขึ้น ที่ซอโซ่ต้องมารับรู้ถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น กับเด็กหนุ่มร่างใหญ่คนนั้น มันไม่ได้เกิดกับเขาเสียหน่อย แต่ทั้งความเจ็บปวดใจ ความโกรธ รวมถึงอาการน้อยใจ มันทะลักทลายอยู่ภายในใจของเขา

“คนเราจะสามารถโหดร้ายต่อกันได้มากแค่ไหนกัน” คำถามที่ออกจากปากของซอโซ่ กับน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่มี มันไม่ได้เสียดแทงความรู้สึกของเจ้าตัวเพียงเท่านั้น กับคิรินเอง นั่นก็ไม่ได้รับการยกเว้น “ผมตามหาคุณมาตลอด” คิรินพยายามพูดให้ซอโซ่ใจเย็นลง และยอมรับฟังเขาก่อน

“ผมไม่ใช่คนที่คุณตามหา คุณคิริน” ชายหนุ่มมองเห็นดวงตาที่แดงเรื่อจากการร้องไห้ของอีกฝ่าย เขาสงสารซอโซ่อย่างจับใจ “ตอนนี้ คุณอาจจะนึกสมเพช หรือสงสารผม ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่” ซอโซ่พูดขึ้นเพื่อระบายความอัดอั้นของตัวเองออกมา “คุณเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาแล้วใช่มั้ย” ซอโซ่รู้สึกสะท้อนใจกับภาพที่เห็นอ้นนอนกองอยู่ที่พื้นนั้นอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย

“แล้วยังไงหรือครับ ในตอนที่เขาอ้วน น่าเกลียด น่ารังเกียจ” ซอโซ่พูดต่อ คิรินนั้นพูดจาอะไรไม่ออก น้ำตาคลอหน่วยพร้อมที่จะร่วงเผาะลงมาได้ทุกขณะเช่นกัน “ตอนนี้ถ้าอ้นเขากลายมาเป็นผมแล้ว ทำให้คุณนึกชอบผมแล้วหรือ” ซอโซ่พยายามกลั้นความรู้สึกที่ทิ่มแทงจิตใจอย่างที่สุด “มันไม่เจ็บปวดเกินไปหรือ มันไม่โหดร้ายต่อกันมากเกินไปหน่อยหรือ ที่ผมยังไม่ลืมทุกอย่างในวันนั้น” คิรินได้แต่จ้องมองดูความร้าวรานภายในดวงตาคู่นั้นของซอโซ่

“คิดอะไรอยู่เนี่ย คิดถึงใครอยู่หรือเปล่า นั่งเงียบไปนานเชียว” คิรินดึงความคิดของตัวเองกลับมา เมื่อได้ยินเจมส์ถามคำถามนั้นกับเขา “ไม่เห็นบอกสักที ว่าอยากรู้เรื่องอะไร ถ้าเจมส์รู้ เจมส์จะตอบให้ทุกอย่าง” อาการสนิทสนมที่อีกฝ่ายแสดงออกมา แปลกที่มันกำลังทำให้คิรินรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ

“คุณรู้มั้ยว่าธันวาตายยังไง” คิรินยิงคำถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ในใจของเขากำลังเต้นระรัว เจมส์นิ่งไปเช่นกันที่โดนถามแบบนั้น แต่ก็ไม่ลังเลที่จะตอบออกไป “วันนั้นธันวาออกไปซื้อหนังสือติว เพื่อมาติวให้เรา แต่ระหว่างทางกลับบ้าน มันเกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน” คิรินฟังที่เจมส์พูดอย่างคนที่รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว

“เจมส์เสียใจมาก ๆ เลยนะ ที่ธันวาจากไปแบบนั้น ร้องไห้ตาบวมอยู่ตั้งหลายวันแน่ะ” รอยยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว คิรินต้องเบือนสายตาออกจากใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั้นของเจมส์ “เนี่ยแหละเราถึงไม่อยากจะเชื่อไง ที่จะได้มานั่งคุยกับธันวาอีกครั้ง ในรูปแบบคนใหม่ที่เป็นคิริน” เจมส์แววตาเป็นประกาย มองคิรินด้วยอาการพึงพอใจ

หล่อไม่เบาเลยนะ หน้าตาดีทั้งงตอนที่เป็นธันวาและตอนนี้ที่เป็นคิริน แถมยังรวยมากอีกต่างหาก ชักอยากจะมีแฟนแบบนี้บ้างแล้วสิ นี่คิรินนึกชอบผู้ใหญ่กว่าบ้างหรือยัง เจมส์พร้อมเสมอเลยนะ ที่เราจะกลับมารักกันใหม่ คราวนี้เจมส์จะไม่เล่นตัวเลยแม้แต่น้อย” เจมส์พูดยาวเป็นพืด ออกอาการดี๊ด๊าอย่างเห็นใจชัด

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระสักที” คิรินโพล่งประโยคนั้นออกไป ความโกรธที่มันอยู่ภายในใจ กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างควบคุมได้ยาก “แล้วบอกผมมา คุณรู้ใช่มั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอ้น” เจมส์ถึงกับชะงักและมีสีหน้าตกใจอย่างชัดเจนในทันที ที่ได้ยินคิรินถามเขาเรื่องอ้นแบบนั้น เจมส์พยายามปรับสีหน้าเป็นปรกติ ก่อนจะตอบกลับไปว่า

“เจมส์จะไปรู้ได้ยังไงว่า อีอ้วนนั่นมันตายยังไง” เจมส์แทบจะแหวออกไป “มันจะไปนอนตายห่าข้างถนนที่ไหน ไม่ใช่เรื่องของเจมส์ที่จะไปรู้ด้วยกับมัน” คิรินใจเต้นแรงกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินจากปากของเจมส์กับหูของตนเอง ภาพตอนที่เจมส์ดึงแขนแม่ของธันวาเอาไว้ไม่ให้เข้าไปดูอ้น ที่กำลังหายใจรวยรินอยู่บนพื้น ฉายชัดเข้ามาในความทรงจำของเขา

“ผมไม่ได้ใช้คำว่าตายกับอ้น แล้วคุณก็พูดอย่างกับคุณเห็นด้วยตาตัวเองอย่างนั้นแหละ” คิรินพูดออกมาด้วยการควบคุมโทสะของตัวเองเอาไว้ “คุณกับแม่ของธันวา รู้ใช่มั้ย แล้วบอกกับตำรวจว่ายังไง แล้วบอกกับธันวาไว้ว่าอย่างไร” คิรินพูดได้เท่านั้น เจมส์ก็เถียงออกมาพัลวัน ว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ราวกับคนสติแตก

“ไม่คิดให้ดีอีกสักรอบหรือ” ซอโซ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เจ้าของบริษัทก็ถามเขาอีกครั้ง ด้วยอาการเสียดายและอยากจะยื้อพนักงานฝีมือดีคนนี้เอาไว้อีกครั้ง “โซ่คิดดีแล้วครับ” ซอโซ่ตอบกลับไปแบบนั้น มองดูใบลาออกที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ที่ช่องเซ็นชื่ออนุมัติยังว่างอยู่ “พี่เซ็นได้เลยครับ” ซอโซ่พูดอีกครั้ง ยกมือขึ้นไหว้ลาอีกฝ่าย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

“อีโซ่นี่มันร้ายขึ้นทุกวัน ๆ นะ นี่เห็นมันเข้าไปในห้องนั่นนานแล้ว มันไปตอแหลเพ็ดทูลเรื่องอะไรอีกบ้างก็ไม่รู้” พี่กะเทยผู้ชำนาญการพูดถึงคนอื่นลับหลัง เปิดประเด็นการเม้าท์มอยขึ้น แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้ตีไข่ใส่สีอะไรเพิ่มเติม ซอโซ่ที่เดินมาได้ยินพอดี ก็ทุบมมือลงบนโต๊ะทำงานของพี่กะเทยปากสว่างนั้นเสียงดังลั่นออฟฟิศ

“พี่จะพูดต่อหน้าโซ่สักครั้งเป็นมั้ย นี่อยู่กันมาเป็นปี ๆ ต้องทนความเป็นพิษของพี่มานานมาก พี่รู้ตัวเอาไว้ด้วยนะ” คำพูดของซอโซ่ได้ยินชัดเจนทั่วห้อง ที่ตอนนี้เงียบกริบกันไปหมด จะได้ยินก็แต่เสียงรองเท้าของซอโซ่ที่เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง หยิบข้าวของส่วนตัวไม่กี่อย่างใส่เป้ ก่อนจะเดินออกจากที่ตรงนั้นไป

ซอโซ่พ่นลมหายใจออกจากปากเบา ๆ อย่างคนที่พยายามทำให้ใจของตัวเองเย็นลง เดินออกจากหน้าตึกนั้นมาไม่ไกล เสียงแม่ค้าร้องถามผู้คนที่สัญจรไปมาแถวนั้นว่า ต้องการซื้อดอกไม้วันวาเลนไทน์หรือเปล่า ซอโซ่หยุดยืนมองดอกกุหลาบดอกใหญ่แสนสวย ที่มีสีแดงสดเหล่านั้น ที่ครั้งหนึ่งเคยมีเด็กหนุ่มร่างโต เคยแอบเอาไปจากโต๊ะของเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง เอาไปทับเอาไว้ในสมุดจดบันทึกอย่างชื่นชม

คิรินกำลังจะเดินขึ้นรถของตัวเอง หลังจากที่เขาเดินจากการสนทนานั้นมา อย่างคนที่คิดอะไรบางอย่างได้ ชายหนุ่มมองไปที่ร้านดอกไม้ร้านนั้น ช่อดอกไม้จัดสวยงามเข้ากับธีมวันแห่งความรัก องเห็นเด่นสวยงามที่หน้ากระจกโชว์นั้น เขาปิดประตูรถเก๋งคันงามแพงระยับ เดินไปที่ร้าน จ่ายเงิน แล้วหอบดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่นั้นไว้ในอ้อมแขน กับความทรงจำที่เขาเคยเห็นเด็กหนุ่มร่างใหญ่ เก็บดอกกุหลาบแห้งดอกนั้น ที่คิดว่าทำหายไปแล้ว เอาไว้ในสมุดจดบันทึกเล่มนั้น

***********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

ไม่ลืม - ใหม่ เจริญปุระ

https://www.youtube.com/watch?v=eE504EOjGmg


ในมุมหนึ่ง บนทางอันยาวไกล

In one corner, on a long journey

ยังมีสิ่งใหม่ใหม่ให้มีหวัง

There are new things to hope for

ในมุมหนึ่ง หัวใจยังเดินทาง

In the other corner, my heart goes on

ได้เจอสิ่งต่างต่างมากมาย

Travelling through many things


ทุกทุกครั้ง ที่เคยได้ยินมา

Every time when I hear that

วันเวลาจะรักษาใจ

Day and time will heal one’s soul

รู้ว่ามันใช่

I know it’s true

แต่ไม่รู้ว่าทำไม

But I don’t really know why

ไม่ลืมเธอ

I can’t forget you


ใครบางคนมีคำมาเตือนใจ

Someone’s words reminded me that

วันวานมันคือไฟแผดเผา

Yesterday is the flame burning us

เคยมีคนย้ำเตือนให้ใจเรา

That someone also repeatedly said

จงลืมสิ่งเก่าเก่าทิ้งไป

Best to leave the old days behind


ทุกทุกครั้ง ที่เคยได้ยินมา

Every time when I hear that

วันเวลาจะรักษาใจ

Day and time will heal one’s soul

รู้ว่ามันใช่

I know it’s true

แต่ไม่รู้ว่าทำไม

But I don’t really know why

ไม่ลืมเธอ

I can’t forget you


จากไปจนไกลกัน

We parted ways, a world away

แต่มันยังคงเหมือนเธอมอง

Yet, feeling like you’ e looking at me

อยู่ไกลไกล

From somewhere far

จะนานสักเพียงใด

Doesn’t matter how long it’s been

ใจยังผูกพันเหลือเกิน

That bond’s carrying our hearts on

ไม่เข้าใจ

Can’t understand


ทุกทุกครั้ง ที่เคยได้ยินมา

Every time when I hear that

วันเวลาจะรักษาใจ

Day and time will heal my soul

รู้ว่ามันใช่

I know it’s true

แต่ไม่รู้ว่าทำไม

But I can’t really know why

ไม่ลืมเธอ

I don’t forget you
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๗๔. Resilient _ 02.15.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 15-02-2024 19:45:01


Crime and Love Scene Investigation


๗๔. Resilient



“มันยังไง เจ้าโซ่ ถึงได้มาหาป้าได้ โดยที่ไม่ต้องโทรตาม ฮึ” ผู้เป็นป้าถามหลานชายของตัวเองหลังจากที่สังเกตซอโซ่มาตั้งแต่เช้า ว่าทำท่าครุ่นคิดอะไรบางอย่างกับตัวเอง “ก็โซ่ว่าง” เจ้าตัวดึงตัวเองกลับมาจากความคิดในหัว เมื่อได้ยินป้าของเขาถามขึ้นมาแบบนั้น “คือ ช่วงนี้โซ่ว่างพอดีไง แล้วโซ่ก็อยากกินอาหารฝีมือป้าด้วย” ซอโซ่พยายามพูดไปยิ้มไป เหมือนว่าทุกอย่างนั้นเรียบร้อยดี

“วันวาเลนไทน์ แต่หลานฉันดันกลับบ้านมาอยู่กับคนแก่เนี่ยนะ” ป้าของโซ่ยังไม่เชื่อคำพูดของหลานโดยสนิทใจนัก “แถมยังเป็นวันแห่งความรักปีที่สองเข้าให้แล้ว ที่แกกลับบ้านมา นี่ถ้าแม่ของแกเขายังอยู่ แม่แกต้องพูดแน่ ๆ เลยว่า แกอกหักมา เจ้าโซ่” เจ้าตัวได้ยินแบบนั้น ก็มีท่าทีอึกอักอยากจะเถียงป้ากลับไป แต่ก็ไม่มีคำพูดไหนที่พอจะฟังดูเข้าท่าและน่าเชื่อถือผ่านเข้ามาเลยสักคำ

“มันมีอะไรคับข้องใจ ไม่สบายใจ หรือมีใครทำให้เสียใจ จะเล่าให้ป้าฟังบ้างก็ได้นะ” ซอโซ่ฟังคำของป้าอย่างเข้าใจ เขารู้ดี ว่าตั้งแต่แม่จากไป เขาก็เหลือญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวก็คือป้าคนนี้คนเดียว ที่ดูแลเลี้ยงดูเขามาจนโต ส่วนป้าของโซ่นั้น ผู้สูงวัยก็พอจะมองหลานชายของตัวเองออก เพราะบ้านหลังนี้คือที่ที่ซอโซ่รู้สึกปลอดภัยที่สุดแล้ว โดยที่ป้าของเขาบอกกับเขาว่า ถ้าเบื่องานที่ทำอยู่ที่กรุงเทพแล้ว ก็ให้เลิกเสีย แล้วกลับมาอยู่ด้วยกัน เพราะสิ่งที่แม่ของเขาทิ้งเอาไว้ให้ ที่โซ่หาด้วยตัวเองและเก็บหอมรอมริบเอาไว้ รวมกับของป้าที่ยกให้หลานคนนี้ทั้งหมดแล้ว ซอโซ่ก็ไม่เดือดร้อนอะไรไปตลอดชีวิต

“หนุ่มหล่อที่ไหนกันนะ ที่กล้าหักอกหลานชายที่น่ารักคนนี้ของฉันได้” ผู้เป็นป้าทำพูดขึ้นลอย ๆ ขณะกำลังเอาวัตถุดิบของเมนูโปรดหลานชายออกจากตู้เย็น ซอโซ่ทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ป้าพูด ตอนนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของซอโซ่ที่วางอยู่ที่โต๊ะก็ดังขึ้น ซอโซ่มองไปที่โทรศัพท์ แต่ยังนั่งนิ่งอยู่ ไม่ได้ลุกจากโซฟาแล้วเดินไปหยิบมันขึ้นมาดูแต่อย่างใด

“แล้วป้าคิดว่า” ซอโซ่พูดขึ้น เมื่อสายที่โทรมานั้นเงียบเสียงลงไป “คือโซ่จะถามว่า” ซอโซ่พยายามเรียบเรียงคำพูด จากความคิดที่เขามี “คนเราสามารถที่จะรักใครบางคนในอดีต” ซอโซ่สบตากับป้าของตัวเองที่นิ่งเงียบตั้งใจฟังคำพูดของหลานชายคนเดียวของตัวเองอยู่ โดยไม่ขัดจังหวะหลานแต่อย่างใด

“คนที่เคยทำไม่ดีกับเราอย่างมากมาย ไม่ดูดำดูดี มองไม่เห็นความดีของเรา ไม่เคยมีเยื่อใยต่อกันด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่” ซอโซ่หยุดเล็กน้อย คิดตามสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป “ไม่สิ เขากลายเป็นอีกคนไปเลย ไม่ใช่คนคนเดิม” ซอโซ่มองไปที่ป้าของเขา “ได้มั้ย” ได้ยินหลานของตัวเองถามมาแบบนี้ ผู้เป็นป้ายิ้มให้หลานอย่างเอ็นดู ก่อนจะเรียกให้ซอโซ่เดินไปหา

“โซ่ยังรักเขาอยู่” ป้าเอื้อมมือมาแตะที่ข้างแก้มของซอโซ่เบา ๆ “ไม่สำคัญเท่าตรงนี้” ป้าจิ้มนิ้วมาที่หน้าอกข้างซ้ายของซอโซ่ “ที่หัวใจของโซ่ให้อภัยเขาแล้วหรือยัง” ผู้เป็นป้ายิ้มน้อย หอบเอาเครื่องปรุงขึ้นมา เพื่อจะเดินเข้าครัวไป “แต่ถ้าโซ่ไม่รู้สึกว่าจิตใจมันรุ่มร้อนอะไร ที่ตัวเองยังโกรธยังเกลียดเขาอยู่ ป้าว่า โซ่ก็ใช้ชีวิตมีความสุขดีอยู่แล้วนะ” เสียงโทรศัพท์มือถือของโซ่ดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้เจ้าตัวเดินไปหยิบมันขึ้นมา แล้วกดรับสาย

ซอโซ่ยิ้มรับแล้วกล่าวคำขอบคุณกับลูกค้าที่เพิ่งตกลงว่าจ้างให้เขา ทำการรีโนเวทตกแต่งบ้านเก่าให้ โดยที่มีเจ้านายเก่าจากบริษัทที่ซอโซ่ได้ลาออกมา เป็นคนแนะนำลูกค้ารายนี้มาให้ เพราะรู้ถึงความสามารถของซอโซ่ ที่จะทำงานออกมาได้ดี โดยที่ไม่ทำให้ลูกค้าต้องผิดหวัง โดยที่ไม่หวงงานอาไว้ให้บริษัทตัวเองแต่อย่างใด

“แกทำได้อยู่แล้วโซ่” คำพูดของเจ้าของบริษัทเก่าที่พูดกับซอโซ่เมื่อวันก่อน ตอนที่เขารับสาย จนได้พูดคุยรายละเอียดกัน ซอโซ่จึงต้องกลับเข้ามากรุงเทพอีกครั้ง เพื่อคุยงานที่โรงแรมหรูแห่งนี้ ก่อนที่ซอโซ่จะไล่โทรตามพี่ ๆ น้อง ๆ ที่เคยร่วมงานกันมาก่อน และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา ให้กลับมาร่วมงานนี้ด้วยกันจนครบทุกคน

“เออว่าแต่ว่า แล้วแกจะให้ทำยังไงกับกองดอกไม้พวกนี้” ซอโซ่ที่ทั้งวันมานี้ พยายามเลี่ยงไม่คิดถึง อีกด้านหนึ่งของอาคารแห่งนี้ ที่เป็นปีกของตึกที่ทางโรงแรมจัดเอาไว้สำหรับงานเลี้ยงใหญ่ ๆ เขาตั้งใจเอาไว้แล้ว ตั้งแต่เดินทางมาถึง ว่าจะแค่คุยกับลูกค้าเรื่องงานให้จบเสร็จ โดยเร็วที่สุด แล้วก็จะรีบกลับบ้านไปในทันที

“แก โซ่ มันถูกส่งมาทุกวัน ตลอดสองปีที่ผ่านมาไม่มีขาด ฉันจะไม่มีที่เก็บให้แกแล้วนะ” เจ้าของบริษัทเก่าของโซ่ พูดถึงช่อดอกไม้กุหลาบสีแดงสด ที่ถูกส่งมาให้คุณซอโซ่ทุกวัน แบบตรงเวลาเป๊ะ แม้จะรู้ว่าเจ้าตัวไม่ยอมรับมันไปก็ตาม ซอโซ่จำได้ ว่าเขาตอบกลับไปว่า ให้ทิ้งพวกมันไปได้เลย

“แกอย่าพูดอะไรที่ทำให้แกเสียใจทีหลังนะโซ่ มันอาจจะเรียกร้องให้กลับคืนมาอีกครั้ง ไม่ได้แล้ว” รู้ตัวอีกที ซอโซ่ก็มาหยุดยินอยู่หน้าทางเดินไปที่ปีกอีกฝั่งหนึ่งของอาคารโรงแรม “แต่แกคงจะไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วล่ะ เพราะดอกกุหลาบสีแดงสวยที่มาถึงวันนี้ คงเป็นช่อสุดท้ายแล้ว ที่จะกวนใจแก” ซอโซ่มองเห็นดอกกุหลาบสีแดงสดดอกใหญ่ ถูกจัดเข้าเป็นช่อ แล้ววางไว้ทั้งสองข้างทางเดินเข้างาน

“เขาส่งมาให้แกด้วย” รูปของซองงานแต่งงาน เขียนหน้าซองถึงซอโซ่ “ข้างในมีโน้ตเล็ก ๆ เขียนเอาไว้เขาอยากเจอแกนะ” ซอโซ่ได้เห็นรูปที่พี่เจ้าของบริษัทส่งให้แล้ว ซอโซ่เดินเข้าใกล้ห้องบอลรูมใหญ่ที่สุดของโรงแรมด้วยใจที่เต้นระรัว เสียงที่ดังออกมา บ่งบอกว่า กำลังมีงานพิธีสำคัญเกิดขึ้น ณ ขณะนี้

“ผมจะถือว่า เป็นการแต่งแก้เคล็ดละกันนะพ่อ” คิริน เจ้าบ่าวหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่บนเวที พูดกับพ่อของเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน “แบบแต่งเพื่อสะเดาะเคราะห์เอา ต่ออายุให้ตัวเองทำนองนั้นน่ะ” คิรินพูดด้วยอาการปากฝืนยิ้ม แต่ดวงตาของเขานั้นไม่ได้ยิ้มตามเลยสักนิด “แกทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับฉันไม่ได้ แกก็ต้องทำอย่างที่ปากว่าเอาไว้สิวะ” พ่อของคิรินพูดไป แต่ก็ยิ้มให้กับแขกเหรื่อมากมายที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะด้านล่างเวทีนั่นด้วย เพื่อไม่ให้มีพิรุธ

“ถ้าแกไม่รู้สึกอะไร อย่างน้อยแกก็ช่วยเห็นใจผู้หญิงเขาบ้างก็แล้วกัน” คิรินเห็นคนที่เป็นเจ้าสาวของเขาในค่ำคืนนี้ กำลังเดินยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุขมาทางเวที โดยมีพ่อและแม่ของเธอเดินมาด้วย “แล้วมีใครสงสารหรือเห็นใจผมบ้างมั้ย” คิรินถามออกไปเช่นนั้น แต่กลับไม่มีใครตอบกลับคำถามของเขาเลยสักคน

ประตูห้องบอลรูมทางด้านข้างเปิดออก คิรินหันไปมอง หัวใจของเขาเต้นแรงและรัว เมื่อเจ้าของใบหน้าที่เขาอยากจะพบมากที่สุด ยืนอยู่ตรงนั้น คิรินน้ำรื้นขึ้นสู่หน่วยตา เขาขยับเท้าก้าวขาเดินลงจากเวที ไม่สนใจเสียงของผู้เป็นพ่อที่เรียกชื่อของเขาเพื่อห้ามเอาไว้ คิรินไม่สนใจสายตาของแขกที่อยู่ในงาน ที่กำลังมองตรงมาที่เขาด้วยความสงสัย และเริ่มซุบซิบนินทากันต่อหน้าเลยสักนิด

“ผมบอกกับตัวเองเอาไว้ว่า ถ้าคุณยอมมาหาผม” คิรินเอ่ยคำพูดกับคนตรงหน้าเขาทันที ที่ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน “ผมจะไม่แคร์อะไรแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ขอเพียงแค่คุณอยู่กับผมก็พอ ซอโซ่” คิรินเห็นแววตาของอีกฝ่ายยังกระเง้ากระงอดเขาอยู่ก็จริง แต่ริมฝีปากที่เผยรอยยิ้มน้อย ๆ นั้นออกมาให้เห็น ก็ทำให้เขาทั้งดีใจและอุ่นใจมากขึ้นอย่างท่วมท้น

เสียงของแขกเหรื่อฮือฮาดังขึ้นทันที เมื่อเห็นคิรินก้มลงจูบผู้ชายที่เพิ่งเดินเข้ามาในงาน แล้วเจ้าบ่าวของงานก็ดูเหมือนจะแสดงออกถึงความในใจอย่างชัดเจน เมื่อเขาถอนจูบนั้นออก ยิ้มกว้าง แล้วมองไปรอบ ๆ ห้องบอลรูม สบตากับคนในงานให้ได้มากที่สุด ประหนึ่งกำลังบอกกับทุกคนผ่านสายตาของเขาว่า ดูนี่นะ เขากำลังจะก้มลงจูบคนที่อยู่ในใจ ตัวจริงของเขาอีกครั้ง

“ขอเรียนเชิญเจ้าบ่าว กล่าวอะไรกับแขกผู้มีเกียรติที่มาเป็นสักขีพยาน ในงานแต่งงานนี้ด้วยครับ” พิธีกรบนเวทีประกาศออกไมค์ไปทั่วทั้งงาน คิรินยืนยิ้มดูมีความสุข โดยไม่ได้ใส่ใจใด ๆ กับคำพูดของพิธีกร “เอ่อ เจ้าบ่าวครับ คุณคิริน คุณคิรินครับ” เจ้าของชื่อสะดุ้ง เมื่อความคิดคำนึงถูกดึงกลับมาอยู่ที่ความจริงตรงหน้า “แหม เจ้าบ่าวของเราใจลอยไปไหนเนี่ย สงสัยจะลอยไปถึงช่วงส่งตัวแน่ ๆ เลยครับ” แขกในงานพากันหัวเราะชอบใจ เพียงแต่ รอยยิ้มของเจ้าบ่าวอย่างคิริน ได้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

“คุณเป็นใครครับ มีบัตรเชิญเข้างานหรือเปล่า ถ้าไม่มี เข้ามาไม่ได้นะครับ” ซอโซ่ที่ผลักประตูห้องบอลรูม ก่อนจะแทรกตัวเข้ามา ยืนอยู่เงียบ ๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต “เชิญออกไปด้วยนะครับ งานนี้เฉพาะแขกที่ได้รับเชิญ ร่วมงานได้เฉพาะวีไอพีเท่านั้นครับ” เสียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดกับซอโซ่ ที่ตอนนี้สายตาของเขามองไปที่คิรินที่ยืนอยู่บนเวที

“ครับ” เสียงของคิรินพูดผ่านไมโครโฟนที่ถืออยู่ในมือ ที่มือทั้งสองข้างของเขาที่กำไมค์อยู่นั้น มันกำลังสั่น กับสิ่งที่เขากำลังตัดสินใจ ที่จะพูดออกไป “ผมขอบคุณแขกทุก ๆ ท่านที่มาในงานวันนี้” ซอโซ่มองเห็นคิรินหันมาทางเขา ก่อนที่คิรินจะก้มหน้าลง หลับตา แล้วพูดออกมาว่า “มันทำให้ผมมีความสุขที่สุดในชีวิตครับ” ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน เมื่อต้องพูดออกไปแบบนั้น

ซอโซ่ยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าคิรินกำลังดำเนินชีวิตของตัวเองต่อไป เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเชิญซอโซ่ให้เดินออกจากงาน เสียงแขกเหรื่อร้องเฮฮาว่าให้เจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาวแสนสวยที่ยืนอยู่เคียงข้าง ซอโซ่รู้สึกได้ถึงประตูห้องบอลรูมที่ปิดลงตามมาด้านหลัง พร้อม ๆ กับเสียงโห่ร้องพอใจจากคนในงาน ที่ได้เห็นภาพบนเวทีของคู่บ่าวสาวที่พวกเขาชอบใจ

**********************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

อดใจไม่ไหว - มาช่า วัฒนพานิช

https://www.youtube.com/watch?v=reeP7aCPLK4


เป็นเพราะฉัน

Maybe because I,

มันคงอ่อนแอกว่าที่เคยเป็น

I am weaker than I used to be

สิ่งที่เห็น ไม่เหมือนตัวฉันที่ทำ

What I do, isn’t so me that would do

หรือวันนี้ เพราะฉันมันความต้านทานต่ำ

Maybe today, I can’t oppose this low resistance

ถึงได้ทำอะไรผิดเพี้ยนไป

So, I do all of these odd things


เป็นเพราะฟ้า มันดูแปลกดีก็เพราะมีดาว

The sky looks different when filled with stars

อาจจะเพราะกลางคืน มันเหงาเกินไป

Or it’s too lonely when the night comes

ฉันไม่รู้ เพราะฉันบังเอิญไม่มีใคร

I’m not sure, ‘cause I have no one

หรือจะเป็นเหตุผลอะไรก็ช่างมัน

Whatever the heck the reasons will be


อดใจไม่ไหว ต้องมา

Can’t hold myself back any longer, here I am

อยากรู้เธอเป็นอย่างไร

Need to see how you are

อดใจไม่ไหว ต้องเจอ

Can’t fight the feelings, now I see

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

No idea the reasons why

อยากมาหา หวังว่าคงไม่เป็นไร

Want to come to see you, hope that’ll be alright

ฉันไม่ค่อยเข้าใจ

I really don’t get it

แต่ขอให้เธอเข้าใจ ก็พอ

Wish you’d understand, that’s all


ใจก็รู้ว่าคนจะมองอย่างเข้าใจผิด

Part of me knows that people will look at me funny

อาจจะคิดกันไป ว่าฉันรักเธอ

They may assume that I love you

ก็แล้วแต่เขา เพราะเขาบังเอิญไม่ใช่เธอ

That’s up to them, it happens to be them not you

ขอแค่เจอ แค่นี้มันคงไม่เท่าไหร่

I am to see you, it cannot be that bad


อดใจไม่ไหว ต้องมา

Can’t hold myself back any longer, here I am

อยากรู้เธอเป็นอย่างไร

Need to see how you are

อดใจไม่ไหว ต้องเจอ

Can’t fight the feelings, now I see

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

No idea the reasons why

อยากมาหา หวังว่าคงไม่เป็นไร

Want to come to see you, hope that’ll be alright

ฉันไม่ค่อยเข้าใจ

I really don’t get it

แต่ขอให้เธอเข้าใจ ก็พอ

Wish you’d understand, that’s all


อดใจไม่ไหว ต้องมา

Can’t hold myself back any longer, here I am

อยากรู้เธอเป็นอย่างไร

Need to see how you are

อดใจไม่ไหว ต้องเจอ

Can’t fight the feelings, now I see

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

No idea the reasons why

อยากมาหา สบตาสักครั้งแล้วค่อยไป

Want to be here, look you in the eye before I’ll go

แล้วจะไปให้ไกล

Then I’ll stay far away

เจอะแล้วจะไปให้ไกลอย่างเดิม

After that I’ll be away as I’m supposed to


ฉันไม่มีอะไร

No bad intentions

บอกแล้วไม่มีอะไร ต่อกัน

As I say, nothing between you and me
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๗๕. TRIAD _ 02.23.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 23-02-2024 15:05:45



Crime and Love Scene Investigation



๗๕. TRIAD



มองไกลเลยจากชานบ้านออกไป ทะเลกำลังถูกเกลียวคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ฟังดูแล้ว ทำให้หายคิดถึงทะเล เมื่อตอนนี้มันมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ซอโซ่หลับตาลงเมื่อลมเย็น ๆ พัดผ่านกระทบใบหน้า อากาศบริสุทธิ์ที่สูดเข้าจนเต็มปอด ทำให้กลิ่นอายของทะเลที่หัวใจโหยหาให้ร่างกายได้มาสัมผัส

“โซ่ คุณหยุดฟังผมก่อน” เหตุการณ์ก่อนที่ซอโซ่จะมาอยู่ที่นี่ ผ่านเข้ามาให้ได้เห็น “ถ้าคุณไม่หยุด ผมจะลากคุณขึ้นรถไปกับผมเดี๋ยวนี้แหละ” น้ำเสียงนั้นกำลังบอกกับซอโซ่ว่า คนพูดนั้นทำจริงแน่ ถ้าซอโซ่ยังขืนทำตรงกันข้ามกับที่ถูกร้องขอ “ปล่อยแขนผมก่อน” ซอโซ่พูดกับอีกฝ่ายออกไปในที่สุด หลังจากเลี่ยงที่จะไม่สนทนาด้วย ตั้งแต่ถูกอีกฝ่ายมาเฝ้าดักรอ

“ถ้าอย่างนั้น สัญญากับผมก่อน ว่าจะไม่หนีผมไปไหนอีก” ซอโซ่ฟังคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน และด้วยแววตาที่กำลังขอความเห็นใจจากอีกฝ่าย “บางทีคุณก็ขออะไรที่มากเกินกว่าที่ผมจะให้ได้นะ คุณคิริน” เจ้าของชื่อยิ้มออกมา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “พูดยาว ๆ กับผมก็เป็นนี่นา” คิรินยิ้มไม่ทันได้เท่าไหร่ ก่อนจะต้องรีบทำท่าไกล่เกลี่ย เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำสายตาดุเอาเรื่องขึ้นมา

“โอ๋ ๆๆ ไม่ล้อแล้ว เรามาพูดดี ๆ กันนะ” คิรินยิ้มกว้างออกมาให้เห็น ก่อนที่ซอโซ่จะต้องเบือนสายตาหลบยิ้มที่แสดงถึงความสุขจากภายในใจนั้นออกมาให้เห็น “เราไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันดีกว่า” คิรินเลื่อนมือที่จับต้นแขนของซอโซ่เอาไว้ ลงมาเป็นการกุมมืออีกฝ่ายแทน “เป็นที่ส่วนตัว ที่ที่มีแค่เราสองคน” ซอโซ่ฟังที่คิรินพูด ทั้งคู่สบตากัน ก่อนที่ซอโซ่จะยอมขึ้นรถไปด้วยกับคิริน

“ไหนคุณบอกว่า แค่หาที่เงียบ ๆ คุยกัน มันควรจะเป็นพวกร้านกาแฟหรือร้านอาหารแบบนั้น ไม่ใช่หรือครับ” ซอโซ่ถามคิรินทันทีที่เปิดประตูลงจากรถ คิรินเองที่ลงจากรถตามมา ยิ้มอย่างยอมรับผิด “มองตาผม แล้วโซ่บอกสิ ว่าไม่ชอบ” สายตาที่กรุ้มกริ่มของคิริน เผยให้เห็นว่าเขาวางแผนมาเป็นอย่างดี ซอโซ่เองยังต้องหลุดหัวเราะออกมาจนได้

“เราเข้าบ้านกันเถอะ” คิรินชวนอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะเปิดประตูบานไม้นั้นให้กว้างออก “มาครับ” ก่อนจะยื่นมือออกไปให้ซอโซ่จับ ซอโซ่เดินจับมือกับคิรินเพื่อเข้าไปในตัวบ้าน “คืนข้ามปีที่เราคุยกันว่าใครชอบบ้านแบบไหนยังไง” ซอโซ่ฟังที่คิรินพูด สายตามองไปจนทั่วบ้าน ก็รู้ได้ทันทีว่าคิรินนั้นพูดถึงเรื่องอะไร

“ผมก็ตั้งใจตามหาบ้านหลังที่อยู่ในความฝันของโซ่ทันที” คิรินพูด เดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหลังของซอโซ่ ก่อนที่จะสอดแขนทั้งสองข้างเข้าโอบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้ “ผมเจอแล้วนะ” คิรินพูด เพื่อให้คนที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของเขารับรู้เอาไว้ ว่าเขาไม่ได้เพียงตามหาบ้านหลังนี้จนเจอเท่านั้น แต่เขาตามหาตัวของซอโซ่จนพบอีกด้วย

“ตอนเช้า มองออกไปข้างนอกจะเห็นทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา” คิรินกระชับวงแขนของเขาขึ้น เพื่อให้แผ่นหลังของซอโซ่แนบเข้าหากับแผงอกของตัวเอง “ผมให้ช่างเขาปรับแก้ให้แล้ว โซ่ต้องถูกใจแน่นอน” เสียงกระซิบที่ข้างหู และริมฝีปากที่ขยับตอนที่คิรินพูด กระทบกับหูของซอโซ่อย่างแผ่วเบา จนทำให้เจ้าตัวต้องเอียงหน้ากลับมามองทางคิริน

“ผมมีแต่คุณเสมอ โซ่” คิรินไม่รอช้า ก้มลงประกบกับริมฝีปากเข้าด้วยกันกับซอโซ่ ก่อนจะกระหวัดลิ้นพันเกี่ยวกับอีกฝ่ายอย่าโหยหา ซอโซ่ดันตัวคิรินให้ออกห่าง แต่ชายหนุ่มดึงตัวของซอโซ่เอาไว้ให้แนบเข้าใกล้กว่าเดิม ก่อนจะบดริมฝีปากเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน คิรินจับมือของซอโซ่มาวางไว้บนความนูนนั้นที่กลางลำตัว ก่อนจะให้อีกฝ่ายเกาะกุมและบีบขยำมันอย่างเบามือ

คิรินถอนจูบออกจากริมฝีปากของซอโซ่ ก่อนจะวางมือบนบ่าของซอโซ่ แล้วค่อย ๆ ดันตัวซอโซ่ให้ค่อย ๆ ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าเขา คิรินปลดกระดุมกางเกงขายาวของตัวเองออก ซอโซ่ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขาของคิริน เงยหน้าขึ้นมองสบตากับคิริน ก่อนที่คิรินจะปล่อยให้ส่วนปลายของความยาวนั้น ตกลงมาสัมผัสที่ริมฝีปากของซอโซ่พอดี

“โซ่” เสียงเรียกของคิริน ทำให้ซอโซ่ดึงความคิดของตัวเองกลับมา ก่อนจะละสายตาจากทะเลที่อยู่ด้านนอก หันกลับมามองตามเสียงเรียกนั้น “โซ่มาชิมให้ผมหน่อย ว่าถูกปากมั้ย” คิรินที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงบ็อกเซอร์ เรียกให้ซอโซ่เดินมาชิมแกงเผ็ดที่เขาพยายามปรุงอยู่ในครัว เพื่อเป็นอาหารกลางวันของคนทั้งคู่ ก่อนที่จะต้องขับรถกลับกรุงเทพฯ

“พอได้มั้ย” คิรินถามด้วยสายตายิ้ม ๆ “อร่อยครับ” ซอโซ่ยิ้มออกมา ไม่ใช่เพียงแค่ได้เห็นอาการพยายามเอาใจเขาของคิรินเท่านั้น แต่รสชาติของอาหารก็ดีมากจริง ๆ “ผมเป็นพ่อบ้านให้โซ่ได้แล้วนะ” คิรินหรี่เตาให้เหลือเพียงไฟอ่อน ๆ อุ่นแกงในหม้อนั้นเอาไว้ ก่อนจะหันมาทางซอโซ่ เพื่อพูดขออะไรบางอย่างจากอีกฝ่าย

น้ำแกงในหม้องวดลง จากไฟในเตาที่หล่อเลี้ยงความร้อนนั้นเอาไว้ ลมจากทะเลพัดเข้ามาในบ้าน ทำให้ผ้าม่านนั้นปลิวเบา ๆ แต่บนแผ่นหลังของคิรินนั้นชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเม็ดเป้ง เมื่อชายหนุ่มกำลังขยับตัวเข้าออกอย่างกระแทกกระทั้น จนซอโซ่ที่นอนหงายอยู่ด้านล่างต้องเม้มริมฝีปาก โดยที่เขาทั้งสองข้างยกขึ้นรัดรอบเอวของคิรินเอาไว้จนแน่น

“ผมใกล้แล้ว” คิรินก้มลงกระซิบที่ข้างหูของซอโซ่ ที่ก็พยักหน้าตอบกลับคิรินด้วยเช่นกัน โดยที่บั้นเอวของเขาไม่ได้หยุดขยับเข้าออก และจากการตอนสนองของร่างกายซอโซ่ ที่ช่องทางบีบรัดเข้าหากันเป็นจังหวะตุบ ๆ ทำให้คิรินเองยิ่งเร่งจังหวะเพิ่มขึ้น แรงขึ้น จนเขาต้องปล่อยให้ทุกอย่างทะลักทลายจนไหลล้นออกมาจากทาช่องทางของอีกฝ่าย

“ผมไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานแล้ว” คิรินถอนตัวออก ก่อนจะนอนแผ่หงายข้าง ๆ กับซอโซ่ ผ่อนลมหายใจที่กระชั้นจนเกือบกลับมาเป็นปกติ ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้กับอีกฝ่าย จุมพิตเบา ๆ ลงบนริมฝีปากนั้น ก่อนจะเห็นซอโซ่ยันตัวลึกขึ้นนั่ง ทำให้คิรินลุกขี้นนั่งตาม ซอโซ่พยักหน้ามองคิริน ก่อนจะบอกว่า “เราต้องกลับกันแล้ว” คิรินมองตามอีกฝ่ายเดินเข้าห้อน้ำไป ก่อนที่ตัวเขาเองจะเดินตามไปเช่นกัน

พอรถเข้าสู่เขตตัวเมืองการจราจรก็ดูจะหนาแน่นและคับคั่งมากขึ้น แสงไฟจาถนนดูละลานตาไปหมด เมืองใหญ่คลาคล่ำและเต็มไปด้วยผู้คนและรถราที่ขวักไขว่ คิรินเหยียบคันเร่งเมื่อไฟจราจรที่สี่แยกเปลี่ยนเป็นสีเขียว ก่อนจะต้องประคองรถให้แล่นเข้าข้างทาง เมื่อเครื่องยนต์นั้นเกิดอาการกระตุก ก่อนจะดับลงเมื่อรถจอดเทียบที่ข้างฟุตปาธพอดี

“มาเสียอะไรตอนนี้เนี่ย” คิรินบ่นออกมาดัง ๆ เมื่อเขาสัญญาว่าจะขับรถไปส่งซอโซ่จนถึงที่พัก แต่รถเจ้ากรรมกลับมาจอดตายนิ่งสนิทอยู่ตรงนี้เสียดาย “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินกลับเองได้” พูดเสร็จ ซอโซ่ก็เปิดประตูรถลงไป คิรินมองเห็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ชายหนุ่มรีบลงรถเดินตามซอโซ่ไป

“โซ่รอผมด้วย” คิรินเรียกอีกฝ่าย ที่ดูเหมือนจะรีบเดินให้ไวมากขึ้น “เรียกรถลากมาให้ที ตอนนี้จอดเสียอยู่แถว ๆ” คิรินพูดกรอกเสียงลงโทรศัพท์มือถือ บอกให้คนรถมาจัดการรถที่เสียให้กับเขาด้วย ก่อนจะเดินลงบันไดเลื่อนตามหลังซอโซ่ไปด้านล่าง “ก็ถ้าเขาถาม ก็บอกอะไรไปก็ได้ หรือจะบอกว่าฉันตายไปแล้วก็ได้ ฉันไม่แคร์” คิรินพูดตอบกลับไป เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่ไม่น่าสบอารมณ์ ก่อนจะร้องเรียกซอโซ่อีกครั้ง เมื่อเห็นอีกฝ่าย แตะบัตรโดยสารเข้าไปด้านในแล้ว

“โซ่รอผมก่อน” คิรินที่ยังไม่มีเหรียญโดยสาร ได้ยินเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร้องบอกให้เขาซื้อตั๋วโดยสารเสียก่อน พอคิรินเข้ามาด้านในได้ เสียงขบวนรถไฟฟ้าก็กำลังเข้าจอดเทียบชานชาลาพอดี เขามองเห็นซอโซ่เดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ที่ด้านในตัวรถ ประตูรถไฟฟ้ายังไม่ปิด คิรินแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมซอโซ่ถึงไม่ยอมรอเขา และยืนก้มหน้าไม่ยอมมองมาที่เขา ที่เอ่ยปากเรียกอีกฝ่ายอยู่

คิรินวิ่งมาถึงที่ตัวรถไฟฟ้า ประตูก็ปิดลงแล้วระหว่างเขากับซอโซ่ ถูกกั้นเอาไว้ด้วยประตูบานนั้น สายตาของคิรินมีแต่คำถาม ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น ซอโซ่เองนั้นก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองคิรินแต่อย่างใด รถไฟฟ้าเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา ซอโซ่เงยหน้าขึ้นมองกระจกที่ประตู มองเห็นเงาของตัวเองอยู่ในนั้น

“ฉันรู้นะ ว่าแกเอาผัวฉันไปนอนกก” ก่อนที่คิรินจะขับรถออกมาจากบ้านที่ชายทะเล ซอโซ่อ่านข้อความที่ถูกส่งมาถึงเขา “ถ้าแกจะใช้ไอ้ดุ้นตัวเดียวอันเดียวร่วมกับฉัน” ซอโซ่ใจเต้นแรงมือสั่นเมื่อข้อความเหล่านั้นถูกส่งผ่านเข้ามาอย่างต่อเนื่อง “แกใช้ถุงยางบ้างมั้ย หรือว่ายอมให้เขาล่อ แบบพวกกะหรี่อีตัวชั้นต่ำ” ซอโซ่ฝืนยิ้มให้กับคิริน เมื่อเขาออกรถมาได้สักพัก ว่าตัวเขาเองนั้นโอเคมั้ย

“ฉันขอร้องล่ะ” ตอนที่ซอโซ่บอกกับคิรินว่าเขาจะกลับเอง แล้วเปิดประตูลงจากรถ ข้อความสุดท้ายก่อนที่ซอโซ่จะปิดโทรศัพท์มือถือ ก็ถูกส่งเข้ามา “ช่วยคืนเขากลับมาให้ฉันได้มั้ย เขาเป็นพ่อของลูกฉันนะ” ตอนนั้นซอโซ่รีบร้อนเพื่อจะเข้าไปในขบวนรถไฟฟ้าให้เร็วที่สุด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ดึงสติเขาให้ละอายและเกรงกลัวกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เพื่อให้เหตุผลที่ถูกต้องกลับมาอยู่เหนืออารมณ์ที่ผิดระเบียบของตัวเองอีกครั้ง

*******************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

จากคนอื่นคนไกล - มาช่า วัฒนพานิช

https://www.youtube.com/watch?v=i-Ng2qoMUnM


ความจริงที่เธอต้องฟัง

The truth you need to hear

ความจริงที่เธอแกล้งลืมมัน

Facts that you pretend to overlook

ถึงฉันยังใจสั่นสั่น

Though my heart’s trembling

แต่คงต้องพูดมันไป

Yet I need to say it out loud


เธอมีอีกคนที่ดี

You have the good one with you

เธอมีอีกคนที่จริงจัง

And that’s a serious one

ถึงแม้ไม่อยากรับฟัง

You might not want to listen

จงฟังและควรทำใจ

But you must do and bear in mind


ว่าฉันไม่อาจมีใจให้เธอ

That I can’t have feelings for you

เป็นแค่คนอื่นคนไกลของเธอ

I’m just someone far from reality

แค่ผ่านมาเจอ

Who just crossed path

จากนี้เธอควรกลับไป

And now you need to go back there


บอกจริงจริง ว่าฉันไม่อยากทำตัวไม่ดี

Honestly, I don’t want to misbehave

และฉันไม่อยากเป็นคนไม่ดี

I really don’t want to be bad

ทุกอย่างลวงตา

It’s all illusion

อย่าคิดไปเกินกว่านี้

Don’t push it too far

อย่าทำอีกเลย

Don’t do this again, never


อารมณ์ที่เราเผลอใจ

The emotions we both slipped through

มันเป็นอะไรแค่ข้ามคืน

Simply this one night stand

ฉันแค่เป็นคนอื่นอื่น

I am just someone else

ที่เธอว่าน่าพอใจ

That you might find some pleasure from


บางทีถ้าเธอหันไป

Maybe if you turn around

ทำดีกับเขาให้เพียงพอ

Be good to that one much enough

รักแท้ที่เธอเฝ้ารอ

The true love you’re longing for

มันคงไม่ใช่คนไกล

It will be someone near you


แต่ฉันไม่อาจมีใจให้เธอ

But I can’t have feelings for you

เป็นแค่คนอื่นคนไกลของเธอ

I’m just someone far from reality

แค่ผ่านมาเจอ

Who just crossed path

จากนี้เธอควรกลับไป

And now you need to go back there


บอกจริงจริง ว่าฉันไม่อยากทำตัวไม่ดี

Honestly, I don’t want to misbehave

และฉันไม่อยากเป็นคนไม่ดี

I really don’t want to be bad

ทุกอย่างลวงตา

It’s all illusion

อย่าคิดไปเกินกว่านี้

Don’t push it too far

อย่าทำอีกเลย

Don’t do this again, never


ชีวิตดำเนินต่อไป

Life goes on, indeed

เธอรู้ต้องทำเช่นไร

You do know what to do

ส่วนฉันก็คงต้องอยู่แบบเดิมอย่างนี้

For me, I carry on the usual things of mine

เข้าใจใช่ไหม

Don’t you get it?


บอกจริงจริง ว่าฉันไม่อยากทำตัวไม่ดี

I’m telling you now, I don’t want to astray

และฉันไม่อยากเป็นคนไม่ดี

I don’t want to be called names

ทุกอย่างลวงตา

The illusion we perceive

อย่าคิดไปเกินกว่านี้

Don’t let it go too far

อย่าทำอีกเลย

We must stop it, ever
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๗๖. Boys Don't Cry _ 02.27.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 27-02-2024 19:35:00


Crime and Love Scene Investigation


๗๖. Boys Don’t Cry



“วันนี้อาจารย์จะสั่งนักศึกษาให้ไปทำรายงาน” เสียงของโอดครวญดังขึ้นในทันทีที่อาจารย์ประจำวิชาพูดจบ “จับคู่สองคน” ตอนนี้แต่ละคนในห้องเรียนก็พากันหันซ้ายหันขวา ทำพยักพเยิดว่าจะจับคู่กับใครดี “กำหนดส่งคือสิ้นเทอม” อาจารย์พูดถึงตอนนี้ ก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งตึกตักมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเรียน พร้อมประตูได้ถูกเปิดออก

“ว่ายังไงคะ คุณฮ่องเต้ คุณมาเรียนวิชาของอาจารย์คาบนี้ สายนะคะ” อาจารย์ประจำวิชาพูดกับคนที่เพิ่งมาถึง และพยายามจะกลบเกลื่อนอาการเหนื่อยหอบนั้นเอาไว้ “แต่อาจารย์เคยบอกว่า ให้สายได้สามสิบนาทีในคาบของอาจารย์เรียนนี่ครับ” ฮ่องเต้เอ่ยทักท้วงคำพูดที่อาจารย์เคยให้เอาไว้เมื่อตอนต้นเทอม

“ยี่สิบเก้านาที” อาจารย์พึมพำคำพูดออกมา แต่ก็ได้ยินกันทั้งห้องเรียน เมื่อก้มดูนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง “ฉิวเฉียด” ฮ่องเต้พูดออกมาอย่างโล่งอก เมื่อมีเพื่อน ๆ ในห้องเป็นพยานให้อีกคำรบหนึ่ง “อาจารย์เพิ่งสั่งให้ทำรายงานไป ไหน คนไหนยังไม่มีคู่ทำรายงานบ้าง” เสียงถามของอาจารย์ดังขึ้น ฮ่องเต้เองก็กวาดสายตาไปทั่วห้องเช่นกัน จนสายตาของเพื่อนร่วมชั้น หันไปทางด้านหลังห้องโดยพร้อมเพรียง

“จีน” เสียงของอาจารย์ประจำวิชาเรียกชื่อนักศึกษาชายที่เพื่อน ๆ หันไปมอง “นี่ท่านฮ่องเต้” อาจารย์พูดต่อ “ฮ่องเต้” อาจารย์เรียกชื่อนักศึกษาชายที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียน “นั่นคุณจีน” ฮ่องเต้มองไปตามที่อาจารย์เรียก “อืมนะ เธอสองคนก็เหมาะสมกันดี” เสียงหัวเราะครืนจากเพื่อนทั้งห้องเรียนดังขึ้นพร้อมกัน ฮ่องเต้ส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ตาขุ่นใส่เพื่อน ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่เหลือว่างอยู่หลังห้อง สายตามองไปทางจีน ที่ตอนนี้ทำเส มองไปที่หน้าหนังสือที่เปิดค้างอยู่ แต่ตัวหนังสือไม่เข้าหัวสักตัว

“ตกลงต้องทำรายงานด้วยกันใช่มั้ย” ฮ่องเต้ถามขึ้น เมื่อขยับโต๊ะเลคเชอร์ เลื่อนเข้ามานั่งข้าง ๆ กับจีน คนถูกถามหันไปมองอีกฝ่าย ก่อนที่ฮ่องเต้จะเห็นจีนพยักหน้าให้แทนคำตอบ “ทำงานร่วมกับคนอื่นเป็นใช่มั้ย” ฮ่องเต้ถาม มองหน้าจีนตรง ๆ คำถามของอีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียง สายตา และท่าทาง เป็นองค์ประกอบที่รวมกัน แล้วทำให้จีนถึงกับต้องชะงัก กลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบาก

“อาจารย์ให้ทำหัวข้ออะไร” เหมือนฮ่องเต้ไม่ได้รอคำตอบจากอีกฝ่าย แต่เป็นการกล่าวตำหนิมากกว่าอย่างอื่น จีนเองก็ทำได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา อย่างที่ต้องยอมรับผิดไปโดยปริยาย “เอาล่ะนักศึกษา วันพอเท่านี้ก่อน” อาจารย์ประจำวิชาค้อมศีรษะลงเล็กน้อย รับการทำความเคารพจากทั้งชั้นเรียน ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

“พอดีเราอ่านหนังสือเกี่ยวกับหัวข้อที่อาจารย์ให้มา ตั้งแต่ต้นเทอมแล้ว” จีนบอกกับฮ่องเต้ ที่ตอนนี้หันมามองอีกฝ่ายด้วยอาการขมวดคิ้ว “คือไม่เคยร่วมกิจกรรมใด ๆ กับใคร ก็เลยมีเวลาอ่านหนังสือสินะ เข้าใจแล้ว” จีนหน้าชาดิก กับคำพูดของฮ่องเต้ “เห็นแก่ตัวตั้งแต่ปีหนึ่งจนปีสุดท้ายจริง ๆ” จีนยิ่งรู้สึกชาไปทั้งตัว เมื่อเพื่อนคนอื่นที่ได้ยิน เริ่มหันมองมาทางเขา

“เรามีหนังสือที่อ่านประกอบหัวข้อรายงาน และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์” จีนเลือกที่จะไม่มองสายตาตำหนิของคนอื่น ๆ หยิบหนังสือออกจากกระเป๋าผ้าด้วยมือที่สั่น ๆ ยื่นให้อีกฝ่าย ฮ่องเต้ชำเลืองมองหนังสือเล่มนั้นในมือของจีน ก่อนจะยื่นมือไปรับมาอย่างเสียไม่ได้ “เหี้ยอะไรเนี่ย” ฮ่องเต้สะบัดมือออกทันทีเช่นกัน เมื่อมือของเขาสัมผัสกับอะไรเละ ๆ ที่ปกหลังของหนังสือเล่มนั้น

“ขอโทษ ๆ” จีนรีบเอ่ยปากทันที เมื่อเห็นว่าเป็นอะไรที่เลอะปกหลังของหนังสือเล่มนั้น “สีขาวขุ่นแบบนั้น มันเป็นอะไรไปได้อีกวะ” ใครคนหนึ่งตะโกนจนดังลั่นห้อง “ขนาดหนังสือตำราเรียนเครียด ๆ ก็ทำให้หนอนหนังสือทนไม่ไหว เกิดอารมณ์ได้ด้วยหรือเนี่ย” ก่อนที่เสียงโห่ฮาป่าจะดังขึ้น จีนก้มลงหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาจากพื้นห้อง รู้ดีว่ามันไม่ใช่อะไรแบบที่เพื่อนกำลังพูดล้อเลียนเขาอยู่

“เราขอโทษนะ” จีนใส่หนังสือลงไปในกระเป๋าผ้า “ขอโทษอีกครั้ง” ก่อนจะวางห่อทิชชูเปียกลงบนเก้าอี้เลกเชอร์ของฮ่องเต้ จีนฝืนก้าวเท้าเดินออกจากห้องไป ท่ามกลางสายตาที่ไม่เข้าใจของเพื่อน ๆ “มันไม่มีเพื่อนเลยสักคนหรือวะ เรียนมาจนจะจบอยู่แล้ว” ฮ่องเต้ดึงกระดาษทิชชูเปียกออกมาเช็ดสิ่งที่เปื้อนอยู่บนมือของเขา ก่อนจะมองไปที่ประตูห้องที่จีนเพิ่งเดินผ่านออกไป

“เขาว่ากันนะเว้ย ว่ามันยากจน เงินจะกินข้าวแทบไม่มีแท้ ๆ แต่ก็ยังหาเลี้ยงผู้ชายเอาไว้คนหนึ่ง แม่ง กินอยู่ดีกินดีกว่าใครทั้งนั้น ประมาณเข้าตำราว่า ผู้ชายต้องอิ่ม แต่ตัวเองอดได้ไม่เป็นไร” คำพูดทิ้งท้ายของเพื่อน ทำให้ฮ่องเต้ต้องเก็บเอามาคิด ขณะกำลังขับรถคันหรูในกระแสจราจรอันคับคั่งของเมืองหลวง

“จีนขอโทษจริง ๆ ครับ พี่นา นี่จีนรีบกลับมาให้เร็วที่สุดแล้ว แต่งานพิเศษร้านที่สองที่จีนไปทำเขา” ยังไม่ทันที่จีนจะพูดจบประโยค ผู้หญิงที่อายุมากกว่าจีนนิดหน่อยก็พูดสวนขึ้นมาว่า “ถ้ารีบ ก็ควรจะนั่งแท็กซี่มาเลยนะคะ เพราะพี่เองถ้ารีบก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน” น้ำเสียงของพี่นาบ่งบอกความไม่สบอารมณ์อย่างเปิดเผย

ฮ่องเต้ที่เผอิญเห็นจีนลงรถเมล์ที่ป้ายรถไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ ได้ตามจีนมาตั้งแต่ร้านกาแฟแห่งแรก จนมาที่ร้านหมูกระทะร้านที่สอง ขับรถตามอีกฝ่ายจนมาถึงที่บ้าน ฮ่องเต้ขับรถเลยไปจอดไกลออกไป ก่อนจะเดินย้อนกลับมา ยืนหลบมุมแอบฟังที่หน้าบ้านของจีน ทันได้ยินบทสนทนานั้น

“จีนต้องขอโทษพี่นาด้วยจริง ๆ ครับ” จีนยกมือไหว้ขอโทษ ก่อนจะรีบหยิบเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกง “จีนได้เงินค่าแรงมาพอดี” พี่นาดึงเงินออกไปจากมือของจีนทันที ก่อนจะนับดูว่าจำนวนมันไม่ขาดไปอย่างครั้งที่แล้ว “วันนี้นึกว่าจะไม่ได้แล้วสิเนี่ย” น้ำเสียงนั้นฟังดูกระแทกกระทั้น เนื่องจากจีนผัดค่าแรงพี่นา มาหลายวัน

“แต่ยังไง พี่บอกจีนไว้เลยนะ ว่าพี่ต้องกลับบ้านที่บ้านนอก แม่พี่ป่วย จีนหาคนมาทำแทนได้เลย” ทันทีที่พี่นาพูดแบบนั้น ที่ประตูบ้าน ก็เห็นผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น เลื่อนมาพอดี พลางพยายามส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ และดูไม่พอใจกับคำพูดของพี่นาเช่นกัน จนพี่นาเองก็หันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกันว่า

“ค่ะ ๆๆ ก็ไม่ได้อยากมาเหมือนกันแหละ อะไรคนมาช่วยเอาบุญแท้ ๆ กลับทำอวดเก่ง จะทำนั่นทำนี่เอง ข้าวกินก็หกเลอะเทอะไปหมด” สิ่งที่เลอะหนังสือของจีนก็คือเศษข้าวที่โจกินหกไว้ “จะขี้จะเยี่ยวก็ไม่ยอมให้ช่วย พูดก็ไม่ได้ จะเอาอะไรก็บอกไม่เป็น แล้วนี่จีนก็กลับบ้านช้าขึ้นทุกวัน ๆ ค่าดูแลก็ต้องเพิ่ม บ้านนี่ก็ไม่ยอมขาย จะเก็บเอาไว้ทำไม ในเมื่อต้องการเงินมาจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลดูแลตัวเอง น้องคุณต้องออกไปทำงานจนตัวเป็นเกลียวขนาดนี้ แล้วมันมีปัญญาจ่ายเสียที่ไหนกัน” ฮ่องเต้รับข้อมูลที่ถูกต้องกับข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับจีน ณ วินาทีนั้นเอง

“พี่ไปล่ะค่ะ ลาขาด ต่อไปไม่ต้องมาง้อ ไม่ต้องมาตามพี่นะคะ แม่พี่ก็ไม่ได้ป่วยหรอก เอาจริง ๆ พี่รำคาญ” พี่นาเดินกระแทกส้นเท้าจากไป ไม่ทันได้เห็นใครอีกคนที่ยืนอยู่ที่หน้าบ้าน ฮ่องเต้ลอบมองไปที่จีนที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับพี่ชายของตัวเอง ก่อนจะนั่งลงที่ข้าง ๆ รถเข็นคันนั้น

“พี่โจจะบอกว่า พี่โจดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องการให้จีนหาคนมาดูแลใช่มั้ย” จีนพูดกับพี่ชายของตัวเองด้วยความเข้าใจ โดยที่โจพยักหน้าตอบกลับน้องชายสุดที่รักของตัวเอง “จีนไม่เป็นไรเลย จีนทำได้ จีนไม่ได้เหนื่อยอะไร” โจน้ำตาคลอเมื่อได้ยินน้องของตัวเองบอกว่า ที่ทำให้พี่ชายมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ตั้งแต่พ่อแม่และโจเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะกำลังจะไปรับจีนมาฉลองด้วยกัน ที่จีนสอบติดคณะอันดับหนึ่งที่ได้เลือกเอาไว้ จากวันนั้นพ่อและแม่ได้จากไป และโจต้องพึ่งพาคนอื่น เพราะทั้งเดินและพูดไม่ได้

ฮ่องเต้รู้สึกสะอึกอยู่ในใจ เมื่อเห็นจีนยืนขึ้น พลางเงยหน้าขึ้นมองไปด้านบน กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา ก่อนจะบอกกับพี่ชายให้เข้าบ้าน เมื่อกลัวว่าโจจะเป็นหวัดเมื่อน้ำค้างเริ่มลง โจที่หันหน้าออกไปทางหน้าบ้าน มองเห็นฮ่องเต้แอบยืนมองมา จึงพยายามส่งเสียงบอกจีน แต่ก็หลบเดินกลับไปที่รถเสียก่อน ที่จีนจะหันไปทันได้เห็นว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนยืนอยู่ตรงนั้น

สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ หลังจากได้รับแจ้งจากหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐาน พอลงมาจากรถ ก็พบว่ากว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถมากั้นบริเวณดังกล่าวเอาไว้ เพื่อรอทีมสืบสวนสอบสวน ไครม์ซีนก็ถูกผู้คนเหยียบไปมา เนื่องจากความตกใจหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างอุกอาจกลางกรุงแบบนี้

“ผู้เสียชีวิตเป็นชาย” หัวหน้าทีมเก็บหลักฐานพูดขึ้นทันที ที่เห็นใบหน้าของสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญ “สาเหตุการเสียชีวิต” สารวัตรรัฐนนท์ถามกลับไป “กันช็อทวูนด์ ถูกยิงระยะใกล้” เสียงหัวหน้าหน่วยพิสูจน์หลักฐานตอบกลับมา “อาวุธคาดว่าจะเป็นปืนพก แต่ตอนนี้ยังหาอาวุธที่ใช้สังหารไม่พบ” สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับต้องหันไปสบตากับหัวหน้าฝ่ายทันที

“มีผู้เกี่ยวข้องกับผู้ตายมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ถามต่อ ก่อนจะมองตามสายตาของหัวหน้าทีมเก็บหลักฐานไป หญิงสาวที่ตั้งครรภ์หลายเดือน กำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับหน่วยพยาบาล “ภรรยาของผู้ตายหรือเปล่า” สารวัตรรัฐนนท์นึกสงสัย ว่าทำไมคราวนี้ข้อมูลต่าง ๆ ถึงมาอย่างกระท่อนกระแท่น

“เธอยังไม่ได้พูดหรือให้การอะไร เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่แบบนั้น” หนึ่งในลูกทีมหน่วยพิสูจน์หลักฐานให้ข้อมูลเพิ่มเติม “แล้วพยานผู้เห็นเหตุการณ์ล่ะครับ” ชนธัญที่กำลังมองไปยังหญิงสาวหน้าตาดี ดูเป็นลูกของคนมีเงินถามขึ้น “เราสอบถามหลายคน แต่ให้การกันไปคนละทิศละทาง แต่ละคนพูดกันไปคนละอย่าง สับสนไปหมด คงต้องพึ่งกล้องวงจรปิดจากทางห้าง คงพอจะบอกอะไรเราได้บ้าง ตอนนี้รอหมายศาลกำลังจะมา” ทางเจ้าหน้าที่ได้ร้องขอไปยังท่านผู้พิพากษา ขอให้ท่านเร่งพิจารณาออกหมายโดยเร็วที่สุด

“คุณได้อะไรบ้างไหม รู้สึกยังไงบ้าง” สารวัตรรัฐนนท์ถามขึ้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังมองไปที่หญิงสาวที่ตั้งท้องคนนั้นอย่างไม่ละสายตา “มีแต่ความโกรธ ผมรู้สึกแบบนั้น” ชนธัญเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ที่ทั่วทั้งบริเวณ มันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “เต็มไปด้วยความเกลียดชัง” ชนธัญสบตากับสารวัตรหนุ่มหล่อ รวมถึงหัวหน้าทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐานด้วยเช่นกัน

***************************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

คนไม่น่าสงสาร - แอน ธิติมา

https://www.youtube.com/watch?v=htjQC4cVtFQ


ผิดไหม ที่ไม่เคยเรียกร้องอะไร

Is it wrong that I’ve never asked for anything?

ผิดไหม ที่ไม่เคยขอร้องให้เธอ

Am I bad to not beg of you?

มารักมาเห็นใจ เหมือนที่ใครใครเขาทำ

To love, to care like anybody else may do?


ก็ชินกับการต้องส่งยิ้มให้เธอ

I am used to giving you my smile

ก็ชินกับการจะบอกไม่เป็นไร

I am used to saying that everything is fine

ทั้งที่บางทีในหัวใจ ฉันก็มีน้ำตา

Although in my heart sometimes, I’m crying a river


ในสายตาของเธอฉันเป็นคนที่เข้มแข็ง

You feel that I am so, so strong

ยังแข็งแรง อยู่ได้โดยไม่ต้องมีใคร

So tough, I’ll live without having anyone

เป็นคนไม่น่าสงสาร เป็นคนเข้าอกเข้าใจ

No need for sympathy, always knows how the world works

คงไม่เป็นไรถ้าไม่มีเธอ

I’ll be alright, even you’re not around


แต่คนไม่น่าสงสารคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยคิดถึง

Yet me that you don’t feel pity for, you never think of

รู้ไหมน่าสงสารสักเท่าไร

Is so pitiful more than you really imagine

อยากจะร้องไห้ ก็ต้องยิ้มให้

I want to cry, but have to smile instead

ไม่รู้ร้องยังไง

Don’t know how to do that


คนไม่น่าสงสารคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยคิดถึง

This is pitiless of me, you’re overlooking

เพราะไม่เคยยอมรับว่าหัวใจ

Because I never admit it in my heart

ทั้งอ่อนแอและอ่อนไหว ก็เท่านั้นเอง

Weak and also vulnerable, that’s all the truth


พึ่งรู้ว่าการที่ต้องซื่อตรงกับใจ

Just come across that being honest with my heart

ความคิดและความรู้สึกนั้นสำคัญ

Thoughts and feelings are important

ฉันหวังว่าไม่สายไป

I hope none of these is too late


ในสายตาของเธอฉันเป็นคนที่เข้มแข็ง

You feel that I am so, so strong

ยังแข็งแรง อยู่ได้โดยไม่ต้องมีใคร

So tough, I’ll live without having anyone

เป็นคนไม่น่าสงสาร เป็นคนเข้าอกเข้าใจ

No need for sympathy, always knows how the world works

คงไม่เป็นไรถ้าไม่มีเธอ

I’ll be alright, even you’re not around


แต่คนไม่น่าสงสารคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยคิดถึง

Yet me that you don’t feel pity for, you never think of

รู้ไหมน่าสงสารสักเท่าไร

Is so pitiful more than you really imagine

อยากจะร้องไห้ ก็ต้องยิ้มให้

I want to cry, but have to smile instead

ไม่รู้ร้องยังไง

Don’t know how to do that


คนไม่น่าสงสารคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยคิดถึง

This is pitiless of me, you’re overlooking

เพราะไม่เคยยอมรับว่าหัวใจ

Because I never admit it in my heart

ทั้งอ่อนแอและอ่อนไหว

Weak and also vulnerable

ทำเป็นแข็งใจ

Trying so hard to be okay


ฉันอ่อนแอและอ่อนไหว

I am fragile and sensitive

แต่เธอไม่เคยรู้เลย

That you may never realize
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๗๗. (This) Boy (Still) Can't Cry _ 02.29.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 29-02-2024 15:30:00


Crime and Love Scene Investigation


๗๗. (This) Boy (Still) Can’ t Cry



จีนนั่งนิ่งอยู่ที่ข้างเตียงคนไข้ ที่เหนือเตียงนั้น มีสายจากอุปกรณ์เครื่องพยุงชีพ ห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด เสียงของเครื่องช่วยหายใจที่ช่วยพาออกซิเจนเข้าสู่ปอดให้กับโจ ดังฟืดฟาดให้จีนได้รับรู้ว่า พี่ชายของเขายังคงมีชีวิตอยู่ แต่ว่าในตอนนี้ โจยังไม่ฟื้น ตื่นลืมตาขึ้นมาพูดคุยกับจีนได้แต่อย่างใด คำพูดของหมอที่บอกกับจีนเอาไว้ว่า ให้ทำใจล่วงหน้า กำลังบั่นทอนและกัดกินใจเขาอยู่ไม่น้อย

จีนเพิ่งจัดการงานศพของพ่อและแม่เสร็จลง ญาติพี่น้องที่เคยห้อมล้อมตัวเขาในศาลาสวดศพ ต่างพากันหายหน้าหายตาไปกันหมด เมื่อแน่ใจแล้วว่า พ่อกับแม่ของจีนไม่ได้ทิ้งสมบัติพัสถานอะไรเอาไว้ให้กับสองคนพี่น้องมากมายนัก มีเพียงแต่บ้านหลังที่โจและจีนอยู่มาตั้งแต่เกิดเท่านั้น ซึ่งจีนก็ยืนกรานไปแล้วว่า เขาจะไม่ขายบ้านหลังนี้เด็ดขาด

“จีนไม่เหลืออะไรแล้ว นอกจากพี่โจ กับบ้านของพ่อแม่” บทสนทนาของจีนกับบรรดาญาติ ๆ ที่บอกให้จีนขายบ้านทิ้ง “แล้วจะให้พี่โจไปอยู่ที่ไหน” นั่นคือสิ่งเดียวที่อยู่ในใจและความคิดของจีน พี่ชายคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับจีนแล้วในตอนนี้ ต่อให้ทุกคนบอกว่าให้จีนปลงและปล่อยมือจากพี่ชายของเขาก็ตาม

จีนหันไปมองทางเตียงที่โจนอนไม่ได้สติอยู่ น้ำตาที่ไหลเอ่อขึ้นมาที่ขอบตา ทำให้จีนทั้งกลัวทั้งหวาดหวั่น จีนเอื้อมมือไปบีบมือของพี่ชายพร้อมกับบอกให้โจฟื้น ลืมตาขึ้นมาพูดคุยหยอกล้อกันเหมือนก่อน ให้น้องคนนี้ได้อุ่นใจขึ้นสักนิด ว่าพี่ชายยังไม่ได้จากเขาไปไหน ยังรับรู้ถึงความรักและความห่วงใยที่มีให้กันและกัน

จีนได้พบกับคนมากหน้าหลายตาที่มาจากหลากหลายแห่ง ตำรวจ ทนาย ประกัน ต่างเข้ามาพูดรายละเอียดที่จีนไม่รู้จะจับต้นชนปลายอย่างไรก่อนดี แถมในใจของจีนก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วงโจ ที่ร่างกายยังไม่ตอบสนองได้ดีเท่าที่ควร แม้ว่าสมองจะยังคงให้ความหวังแก่จีนว่า พี่ชายของเขาจะลืมตาตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง

“คืออย่างนี้นะ” จีนได้คุยกับบริษัทประกันทางโทรศัพท์มือถือ “สรุปแล้ว ทางพ่อกับแม่ของคุณจีนเป็นฝ่ายผิด ตามรายละเอียดคดีที่ทางตำรวจยืนยันมา” จีนถึงกับงงไปหมด เมื่อได้ยินอีกฟากหนึ่งของสาย พูดบอกมาแบบนั้น “เดี๋ยวนะครับ ตอนแรกทางบริษัทประกันบอกกันผมว่า มีพยานยืนยันได้นี่ครับว่า รถของคู่กรณีขับมาด้วยความเร็วสูง พุ่งชนรถของพ่อแม่ผม โดยที่รถคันนั้นไม่มีร่องรอยของการเบรกด้วยซ้ำ” จีนพูด ก่อนจะพลิกหาข้อมูลคำให้การของพยานที่เขาเห็นในครั้งแรก

“มันอยู่ในคำให้การ” จีนพลิกหาจนมาเจอกระดาษแผ่นนั้น แต่คำพูดในส่วนที่เป็นคุณกับทางฝ่ายจีน มันไม่ได้อยู่ในนั้น ไม่ได้ถูกระบุเอาไว้แต่อย่างใด “ยังไงทางคู่กรณีจะไม่เอาผิดใด ๆ กับทางคุณจีน แค่เลิกแล้วต่อกันไป ต่างคนต่างกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติ ส่วนเรื่องค่าชดเชยก็ให้จบลงแค่นี้ ถือว่าเป็นการยุติ แต่ถ้าคุณจีนเห็นเป็นอย่างอื่น ก็ให้ไปทำเรื่องฟ้องร้องเอาเอง” จีนได้ยินเสียงคู่สนทนาตัดสายลงไป พร้อมกับปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น เมื่อคุณหมอมาแจ้งให้จีนรู้ว่า โจนั้นฟื้นแล้ว

“แต่คนไข้จะพูดไม่ได้ และไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป” จีนฝืนกลืนก้อนแข็ง ๆ ที่จุกอยู่ในลำคอให้ลงไป เมื่อได้มานั่งอยู่ที่ข้างเตียงคนไข้ โดยที่เห็นโจนั้น มองมาที่จีน โดยที่มีน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มอยู่ตลอดเวลา “จีนอยู่นี่แล้ว พี่โจไม่ต้องกลัวนะ พี่โจจะต้องหายดี” การพยายามทำให้เสียงไม่เครือ ทั้ง ๆ ที่หัวใจสั่นกลัวไปหมด มันช่างทำได้ยากเย็นเหลือเกิน “เราสองคนจะไม่เป็นไร” นั่นคือคำพูดของจีนที่มีให้ไว้กับพี่ชายของตัวเอง

“อะไรวะ เพื่อนเขาก็อยู่เย็นกันหมดทุกคน ทำไมมันถึงไม่ยอมอยู่ทำอะไรร่วมกับคนอื่นเขาเลย” เสียงเพื่อน ๆ ชั้นปีที่หนึ่ง ส่งเสียงบ่นอย่างไม่พอใจกับทุกคนที่นั่งรวมกันอยู่ตรงนั้น “นั่นน่ะสิ แล้วทำไมพวกเราต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่มีมันคนเดียวที่ทำตามใจตัวเองได้ แถมไม่เคยเข้าร่วมอะไรกับใครเขาเลยสักครั้งเดียว” ทุกคนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่จีนดูจะมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น

“จีนรอก่อน” ฮ่องเต้ที่บอกกับเพื่อน ๆ ว่าจะตามไปคุยกับจีน ที่เพิ่งเดินออกไปไม่นาน เรียกอีกฝ่ายให้หยุดเดิน “คือเรารีบน่ะ เราสายแล้ว” นาฬิกาบอกเวลาเกือบบ่ายสี่โมงครึ่ง จีนบอกเพื่อนออกไปอย่างสุภาพ “จีนช่วยอยู่ช่วยเพื่อน ๆ ทำกิจกรรมสักครั้งจะได้มั้ย ทุกคนเขาก็ต้องอยู่จนเย็นจนค่ำกันทั้งนั้น” เสียงของฮ่องเต้จงใจพูดดัง ๆ ให้ได้ยินไปทั่วบริเวณ

“เรามีความจำเป็นจริง ๆ” จีนพูดออกไป สีหน้าและแววตากำลังเผยให้เห็นถึงความทุกข์ใจที่ตัวเขานั้นมีอยู่ “เห็นแก่ตัวจนได้ดีมาตลอดสินะ” จีนได้ยินฮ่องเต้พูดกับเขาแบบนั้น ก็ทำได้แค่นิ่ง และไม่พูดอะไรออกไป ก่อนจะหันหลังเดินไปจากตรงนั้น ทิ้งให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนอย่างฮ่องเต้ได้แต่มองตามไปด้วยสายตาที่ผิดหวังในตัวของจีน

“สวัสดีครับ อาจารย์เรียกผมหรือครับ” จีนถามอาจารย์ที่ปรึกษาที่เรียกเขาให้มาพบ “จีน คือครูสงสัยมาสักพักแล้ว ถ้าครั้งแรกหรือไม่กี่ครั้ง หรือกับแค่วิชาของครู วิชาเดียว ก็พอจะเข้าใจได้” อาจารย์ที่ปรึกษาชี้ไปที่รายงานที่จีนทำส่ง มันมีตัว A สีแดงอยู่ที่หน้าปก “จีนทำรายงานคนเดียวมาตลอด อาจารย์ท่านอื่นก็พูด” อาจารย์ถามลูกศิษย์ออกไปอย่างห่วงใย

“ไม่มีอะไรหรอกครับอาจารย์ คือห้องของเรามีสามสิบเอ็ดคน เวาทำรายงานก็จะเหลือเศษหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่รายงานวิชาต่าง ๆ จะทำกันเป็นคู่ ผมทำคนเดียวได้ครับ ไม่เป็นอะไร” อาจารย์ที่ปรึกษามองจีนด้วยความเข้าใจ แต่นักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย ก็ถือว่าโตมากพอแล้ว อาจารย์ก็จะไม่เข้าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของนักศึกษา เมื่อจีนไม่ยอมปริปากบอกว่า เขาโดนเพื่อนในห้องเดียวกันบอยคอต ไม่ยอมจับคู่ทำรายงานด้วย

เรื่องราวในตอนที่จีนเพิ่งเข้ามาเรียนชั้นปีที่หนึ่ง ผ่านเข้ามาในห้วงความคิดอย่างมีนัย เมื่อจีนเพิ่งเดินออกมาจากห้องกิจการนักศึกษา เมื่อถูกแจ้งให้ทราบว่า ทุนการศึกษาที่ทางเอกชนมอบให้กับนักศึกษาที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ที่จีนได้รับมาตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ ได้ถูกยกเลิกแล้ว เมื่อจีนขึ้นชั้นปีที่สี่

“ทางบริษัทเอกชนเขาลดโควตามา เพราะตรวจพบว่า มีนักศึกษาเอาทุนของเขาที่ให้เปล่า โดยไม่ต้องทำอะไรตอบแทนใช้ทุนนั้นคืน ไปใช้สุรุ่ยสุร่าย โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่ใกล้จะจบ” จีนบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า เขาไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลยสักครั้ง “เขาระบุมาแบบนั้น ก็ต้องว่าไปตาม เมื่อจำนวนทุนมาจำกัด ก็ต้องตัดรุ่นพี่ที่ใกล้จะจบแล้วออก เพราะได้ทุนมาตั้งสามปีแล้ว อีกปีเดียวเองไปหาทางเอาเอง จะได้ไม่น่าเกลียดและเอาเปรียบรุ่นน้องด้วย” คำพูดอธิบายจากเจ้าหน้าที่บอกกับจีนมาแบบนั้น

จีนหยุดยืนอยู่ในร้านขายของชำ มองดูราคาที่แปะอยู่บนกระดาษทิชชูเปียก ก่อนจะควักเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกงเอาออกมานับดู มันเป็นสิ่งจำเป็นที่จีนต้องซื้อติดตัวเอาไว้เสมอ จากการดูแลพี่ชายมาตลอดหลายปีนี้ จีนปฏิเสธเงินที่จะใช้เงินจำนวนที่อยู่ในบัญชีธนาคารของพ่อแม่ จีนเก็บเงินก้อนนั้นเอาไว้เพื่อโจโดยเฉพาะ นั่นทำให้จีนรู้ว่า เขาต้องหางานพิเศษทำเพิ่ม และคงจะทำเพิ่มได้มากขึ้น เมื่อเทอมสอง ซึ่งเป็นเทอมสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัยมาถึง เพราะตอนนั้น จะมีเหลือเพียงแค่สองวิชาเท่านั้น จีนจึงจะมีเวลาว่างไปทำอย่างอื่นได้เพิ่มขึ้น

“จีนไม่ขาย” จีนมองโฉนดที่ดินที่ตกอยู่ที่บนพื้นห้อง “ยังไงจีนก็ไม่ขายนะ พี่โจ” เมื่อโจพยายามไปหยิบมันมาจากชั้นวางด้วยความทุลักทุเล “จีนโอเค จีนยังไหว จีนไม่เป็นไร” จีนพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สร้างความสบายใจให้กับพี่ชายของตัวเอง แม้ว่าโจจะทำเสียงอย่างรู้สึกขัดใจอยู่ในลำคอ ด้วยความที่เขานั้น รู้สึกสงสารและเห็นใจน้องคนเดียวของเขาอย่างที่สุด

“เดี๋ยวจีนก็จะเรียนจบแล้ว พี่โจทนรอจีนอีกนิดเดียวนะ จีนจะหางานดี ๆ มีรายได้เพิ่มขึ้น พี่โจจะได้สบายขึ้น จีนสัญญา” โจมองไปที่จีน น้องชายคนเดียวของเขา ที่ใบหน้าไม่มีความสดใสเลยมาแรมปี แต่ต้องฝืนยิ้ม แสดงท่าทีออกมาว่าไม่เป็นไร เพื่อทำให้โจไม่ต้องเป็นห่วง ทั้ง ๆ ที่โจนั้นรู้ดี ว่าน้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดขนาดไหน อย่างในวันนี้ จีนจะไม่ยอมให้โจนั้นอยู่บ้านคนเดียว โจต้องทำเป็นโมโหน้องมาก เมื่อจีนบอกว่าจะหยุดเรียนเพื่อดูแลโจ จนโจต้องพยักหน้ารับปากว่า จะอยู่ใกล้โทรศัพท์ เพราะจีนจะโทรมาหาบ่อย ๆ

ฮ่องเต้มองไปที่จีน ที่กำลังเดินมาที่ด้านหน้าตึกคณะ เขามานั่งรออีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เช้า ภายในหัวกำลังเรียบเรียงคำพูดให้เป็นประโยคที่ต้องการ แต่พอเมื่อจีนเดินเข้ามาใกล้ และสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนอย่างฮ่องเต้ นั่งอยู่ที่หน้าคณะ จีนก็มีท่าทางระมัดระวังตัวขึ้นในทันที ก่อนจะเดินเลี่ยงเพื่อจะขึ้นตึกเรียน

“เราจะเริ่มทำรายงานกันเลยมั้ย” ฮ่องเต้เอ่ยปากถามออกไป จีนชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมามองอีกฝ่าย “ว่างวันไหน” ฮ่องเต้ถามขึ้นอีก “คงต้องเป็นเสาร์อาทิตย์” จีนคิดว่า ถ้าเริ่มทำรายงานตอนเช้า เขาก็พอจะไปทำงานพิเศษช่วงเย็นของวันหยุดได้ทัน “เริ่มเสาร์อาทิตย์นี้เลยแล้วกัน” เหมือนเป็นคำบอกข้อสรุปไปในตัวกลาย ๆ ที่ฮ่องเต้บอกกับจีน และไม่ได้คิดให้อีกฝ่ายโต้แย้ง

“ขอดูหนังสือนั่นหน่อยสิ” ฮ่องเต้ยื่นมือออกไปด้านหน้า เพื่อรับหนังสือเล่มนั้น “มันเลอะนิดหน่อยนะ” จีนพูด ฮ่องเต้ยังคงยืนยัน ทำให้จีนต้องหยิบมันออกมาจากกระเป๋าผ้า “อืม อยากอ่านน่ะ” น้ำเสียงที่ฮ่องเต้ใช้ ไม่มีความเกรี้ยวกราดอย่างเมื่อเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว จีนต้องเสหลบตาไปทางอื่น เมื่อเห็นว่า ฮ่องเต้เมื่อเขารับหนังสือไปจากจีนแล้ว ยังมองมาอย่างไม่ละสายตาไปไหน

****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาจีนและไทยต้นเพลง โดย เอเชียศึกษา

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

หงส์เหนือมังกร - นันทิดา แก้วบัวสาย

https://www.youtube.com/watch?v=TqvFMz6e-uA



就算千里万里
jiù suàn qiān lǐ wàn lǐ
แม้หนทางจะยาวไกลเป็นหมื่นพันลี้
一路千难万险
yī lù qiān nán wàn xiǎn
หรือจะมีขวากหนามภัยพาลใดใด
吾心坚定不移
wú xīn jiān dìng bù yí
ใจข้ายังยืนหยัดไม่เปลี่ยนไป
向前不愿放弃
xiàng qián bù yuàn fàng qì
และจะไม่มีวันยอมเลิกรา


ฟ้าดูมืดมน
The sky looks dark
มองทางไหนอ้างว้างเหน็บหนาวใจ
Everywhere I turn is chilled to the bone
แทบไม่เห็นหนทางจะก้าวไป
Almost can’t see the road ahead
แต่ต้องจำฝืนทน
Yet, I need to force myself
เผชิญ
Facing it

ฟ้าดูหมองมัว
The sky looks dull
และภูผาแกร่งขวางทางก้าวเดิน
And the giant mountain stands in the way
หากจะไปต้องบินให้สูงเกิน
To go on, I must fly higher 
ฝ่าพายุเบื้องบน
Through the storms up there
สู่ปลายขอบฟ้า
To reach the horizon

หมื่นทางยาวไกลแค่ไหน
Thousands and thousands of long roads
หมื่นพันภัยพาลใดใด
Thousands of thousands of dangers
หนึ่งใจยืนยันจะไป
This one heart insists on going
ไม่มีวันยอมเลิกรา
Never quit, never surrender

ตราบใดใจยังไม่ท้อ
As long as my heart’s not defeated
ขอบินไปบนเวิ้งฟ้า
I’ll be flying up in the sky
ฝ่าฟันโพยภัยนานา
Making it through all risks
ให้ถึงปลายทางสักวัน
Reaching my goal one day

หวังเพียงไม่นาน
Wish that it won’t be long
จะพานพบกับฟ้าที่สวยงาม
I’ll see the beautiful sky some day
ได้แต่หวังไว้ตรงปลายเส้นทาง
Hope that at the end of my journey
จะได้พักหัวใจ
I can rest my heart
กับฝันที่รอคอย
With the dreams I’m longing for
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๗๘. A Story of Love _ 03.03.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 03-03-2024 16:15:02


Crime and Love Scene Investigation



๗๘. A Story of Love



“ถ้าเราพร้อมแล้ว พี่จะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเลยนะ” ฮ่องเต้กับจีนพยักหน้าพร้อมกัน ให้พี่ผู้หญิงคนที่ถามเขาทั้งสองคนได้รับรู้ว่า ทั้งคู่นั้นพร้อมแล้ว วันอาทิตย์นี้ ฮ่องเต้นัดกับจีนมาที่ร้านกาแฟที่จีนทำงานพิเศษ เพราะมีลูกค้าของทางร้าน ที่พอรู้ว่าจีนกำลังจะทำรายงานส่งอาจารย์ ในหัวข้อที่ว่า 'เรื่องเล่าแห่งความรัก' ก็เสนอตัวว่า มันมีเรื่องราวที่ใกล้ตัวของเธออยู่เรื่องหนึ่ง

“เรื่องที่พี่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ มันทำให้ตัวพี่เอง ได้ปรับมุมมองในชีวิตให้เปลี่ยนไป” พี่ผู้หญิงที่แนะนำตัวเองว่าชื่อจ๋า ยืนยันด้วยตัวเธอเองว่าเรื่องที่เธอจะเล่าต่อไปนี้ มันมีผลกับตัวเธอเองจริง ๆ พี่จ๋ามองใบหน้าของฮ่องเต้และจีนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอสลับกันไปมา อะไรบางอย่างที่เธอมองเห็นจากเด็กหนุ่มสองคนนี้ “เริ่มเรื่องกันเลยนะ” ทำให้เธอรู้สึกอยากจะแบ่งปันเรื่องราวเรื่องนี้ด้วย

แขกเหรื่อที่ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนบ้านใกล้ ๆ กัน เป็นคนในละแวกหมู่บ้านนั้น ต่างทยอยพากันมาจนถึงบ้านงาน มีบ้างที่ต้องมาไกลข้ามจังหวัด เพราะเจ้าของงานในวันนี้ เป็นผู้มีหน้ามีตากว้างขวางพอสมควร จากการทำมาค้าขายจนก่อร่างสร้างตัว กลายเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในหมู่บ้าน

“วันนี้จวงมันสวยเป็นพิเศษเลยนะ” เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยชมหญิงสาวที่มีแต่คนรายล้อมช่วยเหลือในการแต่งองค์ทรงเครื่อง ให้กับพี่ชายของเจ้าสาว ที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันให้ได้ยิน “เอ็งว่าอย่างนั้นมั้ยวะ จัน” พี่ชายของเจ้าสาว ยิ้มให้กับน้องสาวของตัวเองที่หันมามองสบตากับเขา

“ว่าแต่เอ็งเถอะ ไอ้จัน เมื่อไหร่จะถึงงานแต่งของเอ็งบ้าง นี่น้องสาวเอ็งก็ได้ตบแต่งเป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว” จวงมองพี่ชายของตัวเอง ที่ได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ ไม่ได้พูดอะไรออกมา “จวงนี่มันก็โชคดีแท้ ได้แต่งกับผู้ชายที่ขยันขันแข็งเอาการเอางาน หนักเบาเอาสู้ทุกอย่าง อีกหน่อยพอตั้งตัวได้ ก็สบายไปทั้งชาติ เผลอ ๆ จะร่ำรวยยิ่งกว่าพ่อเจ้าสาวเสียอีก” มีคนเอ่ยเลยไปถึงเจ้าบ่าวของงานในวันนี้

“ผู้ใหญ่จับแต่งกับคนดี มันก็จะได้มีชีวิตดี ๆ ไปตลอด” จันเองก็ไม่ได้ต้องการอะไร มากไปกว่าได้เห็นน้องสาวของเขา มีอนาคตที่ดีต่อไปจากนี้ จันมองมาที่พี่ชายของตัวเอง กำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่ก็ถูกใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่ด้านนอกชาน ร้องตะโกนขัดขึ้นมาเสียก่อน

“เจ้าบ่าวมาถึงแล้ว หล่อเหลาคมเข้มสมกับเจ้าสาวจริง ๆ พับผ่า” ต่อจากนั้นก็มีเสียงใครตะโกนให้ลงไปรอรับขบวนเจ้าบ่าว จันถูกเกณฑ์ให้ลงมายืนเป็นตัวแทนบ้านของเจ้าสาวด้วยเช่นกัน โดยที่เขายืนเยื้องมาทางด้านหลัง ก่อนจะได้สบสายตากับเจ้าบ่าว ที่เหมือนกำลังมองหาใครบางคนอยู่ และพอเจอใครคนนั้นแล้ว สายตาทั้งคู่ก็ไม่เลือนหายไปไหน เฝ้ามองแต่คนคนนั้น นิ่งและเนิ่นนาน

“ใคร ๆ ก็ว่าเหมาะสมกันมาก จวงมันมีวาสนาดี ที่ได้ไอ้แดนมาเป็นผัว” จันได้ยินคนพูดแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน เขาเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน และยินดีที่น้องสาวของเขา จะมีคนดี ๆ มาดูแลไปจนถึงยามแก่เฒ่า แดนผู้เป็นเจ้าบ่าว เดินมาจนหยุดอยู่ตรงหน้าของจัน สายตาคู่นั้น คอยแต่จะสบตากับดวงตาสีเหล็ก หม่น และดูโศกของจันอยู่เสมอ

“ฉันยินดีด้วยนะ พี่แดน ฉันขอให้พี่มีความสุขมาก ๆ” จันกลั้นใจพูดออกไป รอยยิ้มที่มีให้ มาจากความรู้สึกที่อยากให้คนที่ตัวเองรัก ได้มีความสุขและมีชีวิตที่ดีตลอดไป แดนขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูน เมื่อเขาได้ยินจันพูดแบบนั้น แต่กลับไม่ได้คิดหรือรู้สึกอะไรแบบนั้นเลยสักนิด

“พี่คงมีความสุขจริง ๆ อย่างที่เอ็งอวยพรให้ ถ้าเอ็งกับพี่นั้น เราสองคน” จันยอมให้แดนพูดได้เพียงเท่านั้น ก็ส่ายหน้าบอกให้แดนอย่าพูดต่อ น้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหน ก็รื้นขึ้นหน่วยตาอย่างรวดเร็ว ก้อนแข็ง ๆ บางอย่างแล่นขึ้นมาจนจุกอยู่ที่คอหอย แดนอยากพูดอะไรต่อมิอะไรมากมายกับจัน แต่คนที่กำลังอยู่ล้อมรอบตัวของพวกเขาทั้งสองคนอยู่ตรงนี้ คงจะไม่อยากได้ยิน

ทางญาติผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายเจ้าสาวและเจ้าบ่าว ต่างทยอยกันรดน้ำสังข์ให้คู่บ่าวสาว และคนต่อไปก็คือจัน พี่ชายของเจ้าสาว ที่จะเข้าไปอวยพรแดนกับจวง น้องสาวมองมายังพี่ชายของเธอ ที่กำลังกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อเก็บกั้นความรู้สึกที่มี ไม่ให้แสดงออกมาให้ใครเห็น จวงทนเห็นพี่ชายของเธอได้แค่นั้น ก็ดึงมงคลแฝดสวมศีรษะออก แล้วลุกขึ้นเดินมาหาพี่ชายของตัวเอง

ท่ามกลางความตื่นตะลึงและตกใจของครอบครัวทั้งสองฝ่าย รวมถึงแขกเหรื่อที่มาร่วมอวยพรในงาน จวงกึ่งดึงกึ่งลากแขนจันให้มากับเธอ จนทั้งสองคนมาหยุดยืนอยู่ที่ท่าน้ำบ้านงาน แดนออกมาที่ชานบ้าน มองไปยังทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วงจากตรงนี้ จนเห็นจวงนั้น เริ่มพูดอะไรบางอย่างกับจัน

“ฉันทำไม่ได้พี่จัน ฉันทำแบบนี้กับพี่ไม่ได้” จันพูดกับพี่ชายของเธอ “ฉันรักพี่แดน” จันพยักหน้ารับรู้ ยิ้มให้กับน้องสาวของเขา “พี่รู้” แม้ว่ามันจะเสียดแทงเข้ามาในความรู้สึกของเขาก็ตาม “แต่ฉันรักพี่ของฉันมากกว่า พี่จัน” จวงพูด พลางหันไปมองแดน ที่ยืนมองมาทางนี้ อย่างไม่ละสายตา

“และฉันก็รู้ว่า” จวงหันหน้ากลับมามองพี่ชายของเธอ “พี่แดนเขาก็รักพี่จันมากเหมือนกัน” จันตกใจที่ได้ยินจวงพูดออกมาแบบนั้น “จวง เอ็งรู้หรือ” จวงพยักหน้าแทนคำตอบ “ทำไมฉันจะไม่รู้ ว่าพี่กับพี่แดนทำอะไรกันที่กระท่อมปลายนานั่น” จันรู้สึกอายที่น้องสาวของเขา ล่วงรู้ถึงบทสวาทที่เขายอมให้แดนบรรเลงมันบนร่างกายของเขา

“แต่กับฉัน” หญิงสาวอย่างจวงนึกเศร้าแกมสมเพชตัวเองมากกว่า “แม้แต่จับมือ พี่แดนยังไม่เคยทำกับฉัน อย่าว่าแต่จะจับฉันเอาทำเมียเลย” จวงพูดมาถึงตรงนี้ แต่แทนที่เธอจะรู้สึกโกรธที่แดนและจันลักลอบได้เสียเป็นเมียผัวกัน เธอกลับโล่งใจและหัวเราะออกมาได้ด้วยซ้ำ ที่เธอไม่ต้องทนทุกข์ มารู้มาเห็นทีหลัง หากว่าแดนจะลักลอบมาทำอะไรแบบนี้กับพี่ชายของเธอ ยามลับหูลับตาลับหลังเธอ

“ฉันอยากให้พี่มีความสุข” จวงไม่เคยเห็นพี่ชายของเขาชายตามองผู้หญิงที่ไหน ไม่เคยข้องแวะใครเลยสักครั้ง แต่แววตาที่ฉายไปด้วยความสุขของจัน ทุกครั้งที่ได้อยู่กับแดน มันทำให้เธอบอกตัวเองให้ตัดใจ เมื่อแดนเอง ก็ไม่เคยแสดงว่าตัวเองมีความสุขออกมาเช่นกัน เมื่อต้องอยู่กับจวง

“มันเป็นไปไม่ได้หรอกจวง เอ็งก็รู้ พี่เป็นผู้ชาย” จันพูดกับน้องสาวไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ แม้ว่าหัวใจจะเรียกร้องมันก็ตาม “เป็นไปได้สิ” จวงเอื้อมมือขึ้นแตะแก้มของพี่ชาย จันมองสบตากับน้องสาว ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเป็นทางอาบแก้ม อย่างที่ไม่สามารถจะทัดทานและกลั้นมันได้อีกต่อไป แขนขาเหมือนจะอ่อนแรงกำลังไป

จันก้าวเท้าถอยไปทางปลายสุดของท่าน้ำ ไม้กระดานที่คนงานว่าจะซ่อมเพราะว่ามันผุ อยู่ข้างใต้เท้าของจันที่เหยียบลงไปพอดี และ จันหงายหลังเสียศูนย์ สองแขนพยายามแหวกว่ายอากาศเพื่อพยุงตัวเอาไว้ จวงตกใจกระวีกระวาดรีบจะคว้าแขนเพื่อช่วยพี่ชาย แต่ก็ทำให้น้ำหนักการดึงจากมือของจัน ให้จวงพลัดตกลงไปในน้ำคลองด้วยกันกับจัน

ไวเท่าความคิด แดนกระโดดลงจากเรือนโดยไม่ต้องคิดอะไร เขาวิ่งไปที่ท่าน้ำแบบไม่คิดชีวิต เพราะภายในหัวของเขาตอนนี้ มีแต่คำว่า 'จันว่ายน้ำไม่เป็น' ภาพที่แดนเคยสอนให้จันว่ายน้ำและทำให้เขาทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกัน ผุดเข้ามาให้แดนเห็น ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร แดนตะโกนร้องถามตัวเอง ถ้าหากว่าเขาต้องสูญเสียจันไป แดนมองไม่เห็นทั้งจันและจวงในน้ำ ก่อนจะพุ่งตัวตามลงไป

“จัน จัน” แดนตะโกนร้องเรียกคนที่เป็นหดวงใจของเขา ก่อนนะเห็นร่างหนึ่งทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากใต้น้ำ “จวง จันล่ะ จันอยู่ไหน” แดนตะโกนถามหญิงสาวที่พอจะพยุงตัวเองให้ลอยเหนือน้ำเอาไว้ได้ “พี่จัน นั่นพี่แดน พี่จันอยู่นั่น” เหมือนเป็นเฮือกสุดท้ายของจัน ที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา แต่ว่าตัวของจันนั้นอยู่เกือบถึงกลางลำคลอง ช่วงที่น้ำลึกที่สุดและไหลเชี่ยวด้านล่าง แดนรีบว่ายเข้าไปหาจันในทันที

“จัน พี่มาช่วยแล้ว” ความตกใจกลัวอย่างสุดขีดของจัน ทำให้เขาคว้ามือคว้าไม้ไปตามเสียงที่ได้ยิน โดยไม่สามารถควบคุมสติเอาไว้ได้ “จัน ปล่อยก่อน ปล่อยพี่ก่อน” แรงรัดแขนเกาะแดนแน่นจากจัน ทำให้แดนเริ่มสำลักน้ำ ก่อนที่เขาจะรู้สึกปวดแปลบ และปวดหนักขึ้นที่ขา และเริ่มจมลงใต้น้ำ จันรู้สึกได้ถึงแรงผลักที่ส่งให้ตัวของเขาเข้าไปใกล้กับฝั่ง

“เขาสองคนไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ พี่จ๋า” เสียงถามจากจีน ที่แสดงอาการเสียงขึ้นจมูกแดง ๆ ดังอู้อี้ ตาแดง ๆ แบบที่พยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองมีน้ำตา เมื่อพี่จ๋าหยุดเล่าเรื่องอยู่แค่ตรงนั้น “เขาต้องได้อยู่ด้วยกันสิครับ ใช่มั้ยครับพี่” ฮ่องเต้ที่ไม่เคยอินกับภาพยนตร์รักเรื่องไหน ๆ ที่เขาเคยดูมาก่อน รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในหัวใจ เมื่อคิดว่า สุดท้ายแล้วทั้งแดนและจัน จะสูญเสียกันและกันไปจริง ๆ พี่ผู้หญิงยิ้ม ๆ มองไปที่เด็กหนุ่มทั้งสองคน

“ถ้าแดนเขาสละตัวเองเพื่อช่วยจันเอาไว้ได้” เสียงของจีนสั่นเครือ แหบพร่าไปด้วยอารมณ์สะท้อนอยู่ในใจ “แล้วจันเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไงครับ” ฮ่องเต้เองก็อยากจะรู้เช่นกันกับที่จีนถาม ก่อนจะหันไปมองที่จีน ที่ตอนนี้มีน้ำตาคลอหน่วย แล้วจู่ ๆ ฮ่องเต้ก็รู้สึกโหวง ๆ ขึ้นมาในใจทันที เมื่อเขาถามตัวเองว่า ถ้าคนอย่างเขานายฮ่องเต้ วันหนึ่งต้องร่ำลากับจีนไป ไม่มีโอกาสได้มาเจอกันอีกแล้ว มันจะเป็นอย่างไร

************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

นิทานพันดาว - มิกซ์ สหภาพ

https://www.youtube.com/watch?v=ud0HrNeBcOs


เธอไม่เหมือนกับคนที่เคยฝันใฝ่

You’re not the one I’ve been longing for

และตัวฉันก็คงไม่ใช่ใครคนนั้น

And I am not that one for you either

แต่เพียงได้พบเหมือนเรานั้นเคยเคยพบเจอในฝัน

But when we met, somehow aw us in those dreams

หัวใจฉันเต้นไม่เหมือนเดิมเมื่อใกล้เธอ

My heartbeats can never be the same after that


เสี้ยวนาทีที่ใกล้กับเธอโลกนี้ก็เปลี่ยน

Fraction of minutes, the world changed when you’ re around

แค่มีเธออยู่เคียงต้องการแค่เพียงเท่านั้น

Just you are near, that’s all I’m asking for

ไม่อาจหาเหตุผลข้อไหน ไม่มีสิ่งใดยืนยัน

No reasons nor explanations, nothing can confirm

ทุกเรื่องระหว่างเรานั้นมันคืออะไร

What is it really, everything that happened between us?


ดังนิทานที่เล่ากี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม

Like a story been told over and over, still the same

นั่นคือฉันรักเธอ รักเธอ

That I love you, so much in love with you

ไม่เคยเปลี่ยนผันไป

That never changes

หากดาวได้ยินคำอธิษฐานของหัวใจ

If stars above hear those prayers from my heart

กี่พันครั้งก็ยังจะขอให้ดวงใจ

Thousands of times repeated, for us

ฉันอยู่ใกล้เธอ

Your heart close to mine
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๗๙. Mist or Smoke _ 03.08.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 08-03-2024 14:15:00

Crime and Love Scene Investigation



๗๙. Mist or Smoke



จีนก้มหน้าลงดื่มน้ำจากฝ่ามืออย่างหิวกระหาย กับน้ำที่ไหลผ่านจากก๊อก ที่อยู่ด้านหลังตึกเรียน อาจเป็นเพราะอากาศที่ร้อนกว่าปกติของวันนี้ แต่เหตุผลหลักน่าจะเป็นเพราะว่า จีนต้องการที่จะบรรเทาอาการหิวข้าวของเขา เมื่อเขาเลือกที่จะอดกินมื้อกลางวัน เพราะต้องการที่จะประหยัดเงินเอาไว้ เมื่อวันครบกำหนดรับยาของโจนั้นใกล้เข้ามา มันมียาบางตัว ที่จีนต้องจ่ายเงินเอง และถือเป็นยาตัวสำคัญที่โจต้องการ

แต่ทันทีที่จีนเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำ และหันหน้ามาที่ทางเดินกลับตึกเรียน จีนก็เห็นฮ่องเต้ยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น และกำลังมองมาทางเขา พอทั้งคู่ได้สบตากัน จีนชะงักเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจะเจอฮ่องเต้ตรงนี้ ส่วนฮ่องเต้เองนั้น ก็ไม่รู้จะแสดงสีหน้าออกไปยังไงดี เมื่อเห็นว่าจีนเพิ่งดื่มน้ำจากก๊อกแบบนั้น

ทันทีที่ฮ่องเต้นึกอะไรขึ้นมาได้ จากท่าทางอึกอัก ๆ ในตอนแรก ฮ่องเต้ก็ทำเป็นเดินมาเปิดก๊อกน้ำ แล้วก็ใช้อุ้งมือวักน้ำเข้าหน้าตัวเอง ทำเป็นดับร้อนเช่นกัน จีนมองตามที่อีกฝ่ายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นที่จีนเพิ่งดื่มน้ำเพื่อบรรเทาหิว โดยที่จีนรู้ดีว่า กับคนอื่น มันคงเป็นเรื่องน่าอายเป็นอย่างมากแน่นอน

“วันนี้ร้อนมากกว่าทุกวัน ว่ามั้ย” ฮ่องเต้พูดขึ้น ก่อนจะมองมาทางจีนด้วยใบหน้าที่พราวไปด้วยหยดน้ำ ฮ่องเต้เองก็กำลังนึกว่า เขาควรจะพูดอะไรต่อดี เมื่อจีนนั้นมองมาที่เขาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่แท้กระทั่งตอบรับว่ารับรู้ที่ฮ่องเต้ชวนคุย “แล้วนี่ กินข้าวกลางวันเสร็จแล้วหรือ” คำถามของอีกฝ่ายทำให้จีนหลบสายตาไปทางอื่น ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะตอบคำถามนั้นแต่อย่างใด

แต่แล้วเสียงท้องร้องของจีน ก็ทำให้ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกันตรงนั้น ได้ยินมันอย่างชัดเจน จีนนึกโมโหตัวเองที่ท้องเจ้ากรรมดันไม่รักษาหน้าตัวเองเอาไว้เลยสักนิด เพราะเป้นไปไม่ได้เลย ที่ฮ่องเต้จะไม่ได้ยินเสียงร้องนั้น ทางฮ่องเต้เองก็ได้แต่กลั้นยิ้มเอาไว้ ไม่ทักออกไปตรง ๆ ว่าเสียงท้องร้องของจีนมันดังแทนคำตอบทั้งหมดไปแล้ว

“คิดว่าเราต้องเร่งทำรายงานตั้งแต่เนิ่น ๆ ไปเริ่มต้นโหมทำตอนท้าย ๆ เทอม มันจะทั้งรีบทั้งลน” จีนมองฮ่องเต้ที่พูดขึ้น ดูท่าทางเป็นงานเป็นการ “วันเสาร์อาทิตย์คงไม่พอแน่นอน เพราะต้องทำรีเสิร์ชข้อมูล ซึ่งมันต้องใช้เวลาเยอะมาก” แต่ยังไม่ทันที่จีนจะได้ทักท้วงออกไป ว่าช่วงนี้จีนแทบจะหาเวลาว่างไม่ได้แล้ว ไหนจะงานพิเศษที่ต้องทำ ไหนจะต้องดูแลพี่โจอีก ตั้งแต่คนดูแลที่เพิ่งเลิกไป ตอนนี้ก็ไม่มีใครเข้าหน้าพี่ชายของจีนติด นอกจากจีนคนเดียว

“ทำงานร่วมกับคนอื่น คงไม่คิดจะปฏิเสธ เลือกเอาเฉพาะเวลาที่ตัวเองพอใจหรือสะดวกแต่ฝ่ายเดียวหรอกนะ ใช่มั้ย” จีนก็ได้ยินฮ่องเต้พูดออกมา ฟังดูเหมือนเป็นการดักคอเขากลาย ๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้จีนต้องกลืนคำพูดของตัวเองให้หายไป ภายในหัวได้แต่คิดว่า จะสลับสับเปลี่ยนตารางชีวิตที่แน่นเอี้ยดของตัวเองยังไงดี ให้พอจะจัดสรรได้ลงล็อกกับความต้องการเฉพาะหน้านี้

“เริ่มวันนี้เลยดีที่สุด” ฮ่องเต้พูดสรุปให้เสร็จสรรพ จีนเองจำต้องตอบตกลงกับอีกฝ่ายไป เพราะรายงานวิชานี้ จีนได้ไปสอบถามกับอาจารย์ประจำวิชาแล้ว ยังไงจีนก็ต้องทำเป็นคู่ ที่ขออาจารย์ไปก่อนหน้าว่าจะทำรายงานเดี่ยว อาจารย์ไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น พอเห็นจีนไม่มีปฏิกิริยาคัดค้านอะไร ฮ่องเต้ก็พูดขึ้นว่า

“งั้นตอนนี้ เราไปหาที่ทำรายงานกันเลยดีกว่า วิชาในคาบบ่าย อาจารย์งดบรรยายพอดี” ฮ่องเต้ไม่พูดเปล่า แต่ทำท่าบอกให้จีนนั้นเดินตามเขามาได้เลย “ทำที่ใต้ตึกเรียนก็ได้มั้ง เราว่า” จีนบอกกับฮ่องเต้ แต่ดูแล้วอีกฝ่ายจะจงใจไม่ฟังที่จีนพูดเสียมากกว่า “รายงานชิ้นนี้สำคัญมาก คงไม่อยากให้มันออกมาดูไม่ดีหรอกนะ” สุดท้ายแล้ว จีนก็ต้องยอมออกไปกับฮ่องเต้ ที่เดินพาจีนไปขึ้นรถยนต์คันหรูที่ขับมาเรียน แม้ว่าจีนจะไม่อยากขึ้นไปนั่งบนรถนักก็ตาม

“ขึ้นมานั่งแล้ว ก็คาดเข็มขัดด้วยสิ” ฮ่องเต้กล่าวเตือนจีน เมื่อเขากำลังจะออกรถ แล้วสัญญาณดังขึ้น เมื่อจีนยังมะงุมมะงาหรา งงอยู่ว่าจะทำยังไงต่อไปดี เพราะเขาไม่เคยขึ้นรถหรูหราแบบนี้มาก่อน “คงไม่ได้รอโมเม้นท์อย่างในซีรี่ส์หรอกใช่มั้ย” น้ำเสียงที่ใช้ถามของฮ่องเต้นั้น ทำให้จีนพูดออกไปทันทีเช่นกัน

“เรารู้ตัวเราดีอยู่หรอก ไม่เคยมีเรื่องอะไรแบบนั้นอยู่ในหัวสมอง” ฮ่องเต้หันมาสบตากับจีน แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ก่อนจะออกรถพาจีนออกจากมหาวิทยาลัยไป ซึ่งฮ่องเต้ก็ใช้เวลาขับรถมาสักพักใหญ่ ไม่ใช่เพราะกระแสการจราจรที่หนาแน่น แต่เป็นเพราะขับพาจีนออกมานอกเมือง ที่ไกลพอสมควร

พอฮ่องเต้ขับรถมาถึงที่หมาย ก็ลงจากรถในทันที ทำให้จีนเองก็ต้องลงตามมา ไม่มีโอกาสร้องขอให้อีกฝ่ายขับรถพาเขากลับเข้าเมือง เพราะจีนคิดว่า มันไม่จำเป็นต้องมาไกลขนาดนี้ เพื่อมาทำรายงานกัน ฮ่องเต้เดินนำลิ่วเข้าไปในร้านคาเฟ่กึ่งร้านอาหารที่ตกแต่งอย่างน่ารัก พนักงานภายในร้านกล่าวทักทายฮ่องเต้อย่างเป็นกันเอง ก่อนจะหันมายิ้มให้กับจีน พร้อมทั้งกล่าวเชื้อเชิญอย่างสุภาพให้เข้าไปนั่งที่โต๊ะที่ถูกเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

ไม่นานนัก ทั้งอาหารและเครื่องดื่มมากมายหลากหลายอย่าง ก็มาตั้งอยู่บนโต๊ะอาหารตรงหน้าจีน พนักงานดูจะคุ้นเคยกับฮ่องเต้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ พนักงานก็เอาใจใส่สอบถามจีนถึงความชอบไม่ชอบในเรื่องรสชาติต่าง ๆ ที่จีนเองนั้น ไม่ได้สันทัดมันเลยสักนิด เป็นที่ฮ่องเต้ต่างหากที่ช่วยจีนเลือก กลิ่นหอมของอาหารตรงหน้า ทำให้จีนนั้นปฏิเสธไม่ได้เลย ว่ามันทำให้เขาทรมานมาก

“เอ้ากินสิ” ฮ่องเต้ที่ตักอาหารเลิศรสที่ทางร้านเตรียมให้อย่างพิถีพิถันเข้าปาก เอ่ยบอกกับจีนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ “กินก่อน เดี๋ยวค่อยคุย” เสียงท่องของจีนที่ร้องโครกครากทำให้ฮ่องเต้ต้องกลั้นหัวเราะ แต่ก็ลอบมองจีนที่เริ่มตักอาหารจากจาน และรู้สึกว่ามันอร่อยมากจริง ๆ และพอเห็นว่าจานไหนถูกปากจีน ฮ่องเต้ก็หันไปสั่งพนักงานของร้าน ว่าให้ทำมาเพิ่มให้จีนอีกที่หนึ่ง

“ไม่เป็นไร เรากินแค่จานเดียวก็พอ” จีนรีบท้วง เพราะรู้ว่าราคาอาหารแต่ละจานมันสูงลิบลิ่ว “มีหน้าที่กินก็กินไปเถอะน่า” ฮ่องเต้ทำเสียงจิ๊จ๊ะปาก เมื่อถูกจีนห้ามเอาไว้ “กินไม่หมด เดี๋ยวให้ร้านเขาใส่กล่อง ค่อยเอากลับไปกินที่บ้าน” ฮ่องเต้คิดว่าเขารู้ ว่าความหิวมันน่าจะทรมานจีนไม่น้อย ก่อนจะทำท่าทาง บอกให้จีนจัดการทั้งอาหาร ของหวาน รวมถึงเครื่องดื่มบนโต๊ะนี้ให้หมด โดยฮ่องเต้เองนั้น ลอบมองแววตาที่พอจะดูแล้ว มีความสุขของจีนฉายออกมาให้ฮ่องเต้ได้เห็นบ้าง

*****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย ลาภะ

หมอกหรือควัน - ธงไชย แมคอินไตย์

https://www.youtube.com/watch?v=CO_iqVsKcKc


หมอกจางจางและควัน

The light mist and then smoke

คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้

Look similar and may not see the difference

อยากจะถามดู

I’d like to ask

ว่าเธอเป็นอย่างหมอกหรือควัน

Whether you’re like mist or smoke


หมอกจะงดงามและทำให้เยือกเย็น

The mist is gleamy that makes us chilled

แสนจะเย็นสบายเมื่อยามเช้า

Brings beautiful cooling bright morning

ถ้าเป็นควันไฟถึงจะบางเบา

If that’s the smoke, though seems glimmering

หากเข้าในตาเรา

That gets in our eyes

ก็คงจะทำให้เสียน้ำตา

Certainly, causes us our tears


เธอเป็นยังไงจึงอยากรู้

What may you bring, I want to know

เพราะฉันดูเธอไม่ออก

Because I cannot really tell

ยังคงไม่เข้าใจ

I don’t understand you


บางทีเธอเป็นเช่นหมอกขาว

Sometimes you are the white mist

และบางคราวเธอเป็นเหมือนควัน

Then you change yourself to smoke

ฉันนั้นชักไม่มั่นใจ

I’m not really so sure


เพราะถ้าฉันต้องเสี่ยงกับควันไฟ

If I have to take a risk with this smoke

จะเตรียมตัวและเตรียมใจ

I’ll be ready and have my heart prepared

ถอนตัว

To withdraw

เพราะว่ากลัวจะเสียน้ำตา

Because I’m afraid that I need to shed my tears
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๐. For the Cause _ 03.12.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 12-03-2024 18:30:01


Crime and Love Scene Investigation



๘๐. For the Cause



คงจะเป็นวิธีเพียงวิธีเดียว ที่ทำให้จีน ยอมให้ฮ่องเต้สามารถบังคับและพาอีกฝ่ายขึ้นรถหรูของเขา เพื่อนั่งกลับบ้านมาด้วยกันได้ เพราะตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ฮ่องเต้นั้นไม่สามารถจะแทรกตัวเข้าไปจัดการ 'วิถี' ของจีนได้เลย ทั้ง ๆ ที่เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่า หากจะช่วยอะไรจีนได้ เขาจะทำให้ นับตั้งแต่เรื่องชวนไปกินข้าวกลางวันด้วยกันแล้ว

“เอาล่ะ นักศึกษา วันนี้เอาไว้แค่นี้” อาจารย์ประจำวิชากล่าวกับทั้งห้องเรียน ก่อนจะเดินออกจากคลาสไป ฮ่องเต้พอได้จังหวะ ที่ตั้งแต่ต้นคาบ เขาย้ายมานั่งอยู่ข้าง ๆ กับจีน ก็หันมาหา เพื่อจะเอ่ยชวนอีกฝ่ายให้ไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน “จีน ไปกินข้าว” ยังไม่ทันที่ฮ่องเต้จะทันได้พูดจนจบประโยค

“เรามีแซนด์วิชมากินแล้ว” จีนพูดกับฮ่องเต้กลับไป ก่อนจะมีเสียงเพื่อนสองสามคนที่ตะโกนมาจากหน้าประตู เพื่อเรียกให้ฮ่องเต้ออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน ฮ่องเต้มองแซนด์วิชชิ้นบาง ๆ กับน้ำเปล่าขวดเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะเลคเชอร์ของจีน “วันนี้มีเงินพอซื้อของกินกลางวันแล้วหรือ” ฮ่องเต้ถามขึ้น พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปรกติ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกอายที่ถูกถามแบบนั้น จีนพยักหน้าให้แทนคำตอบ ก้มลงมองอาหารกลางวันของตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวเราจะรีบมา แล้วเดินไปห้องสมุดด้วยกัน” ฮ่องเต้ลุกขึ้น ทำท่าจะเดินไปหาพวกเพื่อน ๆ ที่ยืนรอเขาอยู่ “เจอกันที่ห้องสมุดเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา” จีนพูดกลับไป ก่อนจะเริ่มแกะห่อแซนด์วิชนั้น “ทำไมล่ะ ไม่อยากให้ใครต่อใครเห็น ว่าเราเดินด้วยกันอย่างนั้นสินะ กลัวคนไหนเข้าใจผิดหรือไง” ฮ่องเต้อดไม่ได้ที่จะทำเสียงไม่พอใจออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน แต่เป็นที่จีนเองที่ทำเหมือนไม่ได้ยินที่ฮ่องเต้พูดมา

ฮ่องเต้ที่กำลังขับรถพาจีนกลับบ้านอยู่ หันมามองอีกฝ่ายที่นั่งนิ่งมาตลอดทาง ตั้งแต่เขาออกรถมาแล้ว การจราจรในวันนี้ก็ไม่ได้ติดขัดอะไรเสียด้วย จากร้านหมูกระทะที่จีนไปทำงานพิเศษ ที่วันนี้มีเพียงร้านเดียว เพราะอยู่ ๆ ร้านกาแฟที่จีนจะต้องไปเป็นที่แรก เกิดใจดีอะไรขึ้นมาไม่รู้ บอกให้จีนไม่ต้องเข้ามาที่ร้านก็ได้ จีนเลยได้เลื่อนไปทำงานที่ร้านหมูกระทะได้เร็วขึ้น และเลิกได้เร็วกว่าเวลาปกติ

“นิ่งเงียบเลย นั่งรถมาด้วยกัน ไม่คิดจะพูดคุยอะไรกันหน่อยหรือ” สุดท้ายก็เป็นที่ฮ่องเต้ที่อดรนทนไม่ไหว “นี่เรานั่งรอรับกลับบ้านเป็นชั่วโมงๆ เลยนะ” ทำลายความเงียบภายในรถนั้นลง “ก็เราบอกแล้ว ว่าเรากลับบ้านเองได้” จีนตอบกลับไป โดยมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เห็นผู้คนต่างพากันรีบกลับบ้านเช่นกัน

“พูดแบบนี้ ไม่คิดว่าคนที่นั่งรอเขาจะเสียใจบ้างหรือ” ฮ่องเต้ได้ทีพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วผิดหวัง “แล้วที่พูดแบบให้คนอื่นรู้สึกผิดตลอดเวลา คิดว่ายังไง” ฮ่องเต้เห็นจีนหันหน้ามามองเขา แล้วพูดสวนมาในทันทีเช่นกัน ฮ่องเต้ที่สบตานิ่งกับจีน ขณะที่รถรอติดไฟแดงอยู่ ก็หลุดหัวเราะออกมา เมื่อรู้ตัวว่า ตัวเขาเองนั้นเพิ่งจะถูกอีกฝ่ายจับได้คาหนังคาเขา ว่ากำลังทำอะไรอยู่ กับไอ้ที่พูดจาพร้อมท่าทางโทษนั่นโทษนี่ ตีวัวกระทบคราดอยู่นี้

“ก็คือ” ฮ่องเต้ยังไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ จีนเองนั้น พอได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะออกมาดัง ๆ ก็พยายามกลั้นขำเอาไว้ แต่ก็ต้องหลุดยิ้มออกมาเช่นกัน “แล้วมีข้าวเย็นกินหรือยัง” ฮ่องเต้ถามออกไป น้ำเสียงถูกปรับให้ฟังแล้วรื่นหูขึ้น ก่อนจะได้ยินเสียงจีน ใช้มือตบไปที่กระเป๋าผ้าสีหม่นที่วางอยู่บนตักของตัวเองเบา ๆ

“พี่ที่ร้านหมูกระทะ ให้ของมากินแล้ว” จีนกำลังนึกถึงพี่โจ ที่คงจะทนรอหิวอยู่ที่บ้านในตอนนี้ “อ้าว แล้วที่เราซื้อมาให้ อยู่ที่วางอยู่เบาะหลังนั่นล่ะ ใครจะกิน” ฮ่องเต้หลุดปากทำเสียงฉุนเฉียวออกไป ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ รีบพูดขึ้นใหม่ว่า “เราซื้อข้าวเย็นเตรียมเอาไว้ให้แล้ว” จีนมองไปที่คนที่นั่งคู่กันและกำลังขับรถอยู่ในตอนนี้

“ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย” จีนถามออกไป มองอีกฝ่าย อย่างรอคำตอบ ฮ่องเต้รีบหันกลับไปมองตรงไปด้านหน้า เมื่อโดนคำถามแบบที่ไม่ได้เตรียมคำตอบเอาไว้ล่วงหน้า และไม่คิดว่า ตัวเขาเองจะถูกอีกฝ่ายถามกลับมาตรง ๆ แบบนี้ ฮ่องเต้ทำได้แค่เพียงส่งเสียงฟืดฟาดพ่นลมหายใจออกมาจากจมูก ฮึดฮัดทำเสียงหงุดหงิดอยู่ในลำคอ

“ฮ่องเต้ซินโดรม” จีนพูดออกไปอย่างลืมตัว กัดปากตัวเอง คิดว่าไม่น่าพูดอะไรแบบนั้นออกไป แต่พฤติกรรมและท่าทางของอีกฝ่าย ก็ทำให้จีนเองก็ยังอดไม่ได้ “โห เจ็บจี๊ดเลยนะเนี่ย” เป็นที่ฮ่องเต้เองเสียอีก ที่ไม่คิดว่าจะโดนจีนตอกกลับมาแบบนี้ หันไปมองอีกฝ่ายด้วยอาการฉีกยิ้มอย่างนึกขำ เมื่อมีใครคนหนึ่ง กล้าพูดคำคำนี้ใส่หน้าเขา ในระยะเผาขนแบบนี้ นี่ทำให้จีนไม่เข้าใจอีกฝ่ายในหลาย ๆ เรื่อง เพราะหลังจากนี้จนตลอดทาง ฮ่องเต้ดูจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา

เกือบจะทันทีที่ฮ่องเต้ชะลอรถเพื่อจอดที่หน้าบ้านนั้น จีนที่เห็นพี่โจ นั่งอยู่บนรถเข็นที่หน้าประตูบ้าน ก็รีบเปิดประตูลงไปทันที ฮ่องเต้เอง ก็หันไปหยิบถุงข้าวของที่อยู่บนเบาะหลัง เดินลงจากรถ แล้วเอาไปแขวนเอาไว้ที่รั้วบ้านของอีกฝ่าย ก่อนจะกลับขึ้นมานั่งบนรถ ลดกระจกลง มองไปที่จีนและพี่ชาย

“พี่โจ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ จีนบอกแล้วไง ว่าให้รออยู่ในบ้าน น้ำค้างลงจะไม่สบายเอา” จีนรีบนั่งลงข้าง ๆ รถเข็นของพี่ชาย หยิบเอากระดาษทิชชูเปียก มาเช็ดที่ข้างแก้มและมือให้พี่โจ มองเห็นจานใส่ขนมทานเล่น วางอยู่บนตักของพี่ชาย จีนกำลังนึกว่า พี่โจเอาขนมอันนี้มากินได้อย่างไร พลางนึกถึงโหลที่วางอยู่ข้างบนตู้ ก่อนจะได้ยินเสียงพี่โจร้องอยู่ในลำคอ เหมือนทุกครั้งเวลาที่จะบอกอะไรจีน

“ไม่มีอะไร เพื่อนที่มหาวิทยาลัยของจีนเอง เขาว่าง ก็เลยขับรถมาส่ง” จีนบอกกับพี่โจ เมื่อมองตามสายตาของพี่ชายตนเองออกไป และได้เห็นฮ่องเต้เอง ที่นั่งอยู่ในรถ ก็กำลังมองมาเช่นกัน “ไม่มีอะไรจริง ๆ” เมื่อจีนพอจะรู้จักพี่ชายของตัวเองดีพอ รีบบอกยืนยันออกไป เมื่อพี่โจมองมา ด้วยสายตายิ้ม ๆ อย่างที่เคยทำเวลาจะหยอกล้อน้องของตัวเอง มือที่วางทับมาบนมือของจีน อย่างที่พี่ชาย อยากจะถ่ายทอดความรู้สึกให้กับน้องรักอย่างจีน

“เข้าบ้านกันเถอะ” จีนจงใจเปลี่ยนเรื่อง บอกกับพี่ชาย ก่อนจะยืนขึ้นเพื่อดันรถเข็นของพี่ชายเข้าด้านใน ฮ่องเต้รอจนเห็นจีนปิดประตูบ้านลงแล้ว เขาจึงเคลื่อนรถออกไป จีนเปิดประตูออกมามองตามหลังอีกฝ่ายอีกครั้ง ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะปิดประตูบ้านลง จีนมองไปที่โจ พี่ชายของเขา วันนี้มันมีอะไรผิดไปจากที่เคยอย่างแน่นอน แต่จีนยังคิดไม่ออกว่า มันคืออะไรกันแน่

“หมอรู้ว่าคุณสองคนจะถามอะไร” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดขึ้นทันที ที่เงยหน้าแล้วเห็นสารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญเดินมาหาที่ห้องชันสูตร สารวัตรหนุ่มหล่อกับหนุ่มหน้าใสเกือบจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน เมื่อด็อคดุดูจะมีความร่าเริงมากกว่าทุกวัน หลังจากที่เคสนี้เริ่มต้นขึ้น แล้วผลเลือดจากแล็บออกมาแล้วให้ข้อมูลที่ต่างกันไปจนสุดขั้ว

“ที่หมอขอผู้กองให้รอผลชันสูตรใหม่ และขอดึงไฟล์รีพอร์ทกลับมาใหม่ ก็เพราะสาเหตุนี้” ด็อคเตอร์สาวให้เจ้าหน้าที่ผู้ช่วย เปิดตู้เก็บร่างของผู้ชายที่เป็นผู้ตายในคดียิงกันที่ห้างหรูใจกลางเมือง “คุณชนธัญ” ด็อคเตอร์ดุเรียกหนุ่มหน้าใส “ผู้กอง” ก่อนจะเรียกสารวัตรหนุ่มหล่อ “คุณสองคนเห็นอะไรที่ผิดแปลกแตกต่างไปจากคราวก่อนบ้างมั้ย” ชนธัญกวาดสายตามองไปที่ร่างของผู้เสียชีวิตจนทั่ว สารวัตรรัฐนนท์เองก็ได้แต่ขมวดคิ้ว เพราะครั้งที่แล้ว เขาก็มั่นใจแล้วว่า ไม่ได้พลาดอะไรไป

“อย่าว่าแต่คุณเลย” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดขึ้น ก่อนจะจับแขนข้างขวาของร่างที่นอนอยู่นั้นยกขึ้น สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญมองดูที่รอยพับข้อแขนของศพนั้น “เฮ้ย ด็อค นี่มันเรื่องจริง ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่มั้ยนี่” นายตำรวจหนุ่มหล่อร้องออกมาดังลั่น ชนธัญเองก็ต้องมองที่ข้อพับนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

“และนี่คือสาเหตุว่าทำไม ผลตรวจเลือดถึงได้ระบุไม่ตรงกัน” ด็อคเตอร์ดรุณียื่นเอกสารผลตรวจชันสูตรที่ตอบคำถามที่ทางทีมสืบลับสงสัยได้หมดทุกข้อ “มันมีอะไรใหม่ให้ได้เจอะเจอทุกวันสิน่า” สารวัตรรัฐนนท์พูดขึ้น พลางส่ายหัวขณะกำลังไล่สายตาอ่านเอกสารในมือ “แล้วผลตรวจคราบเขม่าดินปืนนั่น” ด็อคเตอร์ดรุณีเดินไปหยิบเอกสารจากหน่วย Ballistic เอามายื่นให้ชนธัญ

“ตรงกันอย่างไม่ต้องสงสัย” ด็อคเตอร์ดุพูดขึ้น “แต่ไม่ได้ตรวจพบจากมือของผู้ต้องสงสัย” ชนธัญพูดขึ้นเมื่อได้อ่านผลสรุป “ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับสารวัตรรัฐนนท์ “นิติวิทยาศาสตร์ตรวจหาสิ่งที่มองข้ามได้อย่างน่าอัศจรรย์” ชนธัญยิ้มให้กับด็อคดุ ที่ค้อมศีรษะรับคำชมนั้น เมื่อได้ช่วยเหลือคดีล่าสุดนี้ให้เมคเซนส์มากขึ้น

*********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

ทฤษฎีสีชมพู - 7th Scene

https://www.youtube.com/watch?v=pWNlhjZxhOQ


เธอ เธอเป็นสีชมพู

You, you are the color pink

เธอมีโลกของเธออยู่

You’ve got your own world

ที่ฉันไม่อาจล่วงรู้และไม่เคยเข้าไป

That I’ve never known and never entered


ส่วนฉันเป็นสีเทา

But I, I am the color grey

มีแต่ความเหงารอบรอบกาย

All there’ s just loneliness around me

ไม่รู้เลยในความหมายอะไรมากกว่านี้

Not knowing the meaning more than this


แต่เธอและฉันก็เดินเข้ามาชิดใกล้

Yet you and me, we’re getting closer

มาทำให้ฉันแปรเปลี่ยนเป็นสีใหม่

That then makes the color of me start changing

เมื่อชีวิตของเราไหลปนกัน

When our lives flow into each other

โลกของฉันก็ดูจะเปลี่ยนสีไป

My world has become a different color


อะไรเป็นของเธอ ก็กลายเป็นอะไรของฉัน

What is then yours, is now also mine

เมื่อเราต่างเทสีผสมละลายเข้าด้วยกัน

Just because the colors we poured in now mixed

โลกของฉันและเธอก็สดใส กว้างใหญ่ขึ้นกว่าวันนั้น

Your world and mine now are bright, and wider than the old days

เมื่อสีทั้งสองผสมกัน เมื่อนั้นมันก็จะเป็นสีของเรา

When two colors get together, that’s when they are our own color


เราผลัดกันเดินเข้าไป สู่โลกคนละใบ

You and I, we take turn and explore different sort of world

สุดท้ายก็ต่างไม่รู้ ว่าโลกของใครเป็นของใคร

At the end of the day, no one can tell whose world it is

เมื่อในวันนั้นเธอเข้ามาใกล้ใกล้

That day, the day you were close to me

มาทำตัวฉันแปรเปลี่ยนเป็นสีใหม่

You changed my color to be a new one

และเมื่อสีของเราไหลรวมกัน

Then our colors started mixing each other

โลกของฉันก็ค่อยค่อยเปลี่ยนไปทั้งใบ

That slowly changed my whole entire world


อะไรเป็นของเธอ ก็กลายเป็นอะไรของฉัน

What is then yours, is now also mine

เมื่อเราต่างเทสีผสมละลายเข้าด้วยกัน

Just because the colors we poured in now mixed

โลกของฉันและเธอก็สดใส กว้างใหญ่ขึ้นกว่าวันนั้น

Your world and mine now are bright, and wider than the old days

เมื่อสีทั้งสองผสมกัน เมื่อนั้นมันก็จะเป็นสีของเรา

When two colors get together, that’s when they are our own color


โอ้ เมื่อเธอได้เข้ามา

Oh, when you entered here

ฉันก็ได้เห็นอะไรที่มากกว่า

I got to see things more and more

จากนี้และเรื่อยไป

From now and so on

จากนี้ทั้งหัวใจ

From here with all my heart

ก็คงจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมใช่ไหม

Nothing is gonna be the same, is it?


อะไรเป็นของเธอ ก็กลายเป็นอะไรของฉัน

What is then yours, is now also mine

เมื่อเราต่างเทสีผสมละลายเข้าด้วยกัน

Just because the colors we poured in now mixed

ก็คงจะเป็นไปตามทฤษฎีที่เขาบอกไว้ว่ามัน

This may be what the theory people say that it is

เมื่อสีทั้งสองผสมกันนั้น

When the two colors mix in


ก็คงไม่มีอะไรที่จะเป็นเหมือนเดิมได้อย่างวันนั้น

That none of this will be the same as it used to be

เมื่อสีทั้งสองผสมกัน

When the two color are together

เมื่อนั้นมันก็จะเป็นสีของเรา

That is when they become ours
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๑. HARDSHIP _ 03.18.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 18-03-2024 17:19:51

Crime and Love Scene Investigation


๘๑. HARDSHIP



ฮ่องเต้นั่งเคาะนิ้ว คิ้วขมวด หน้านิ่ว มองดูเก้าอี้เลคเชอร์ตัวข้าง ๆ กับเขา ที่วันนี้มันกลับว่างลงไม่มีใครนั่งเหมือนอย่างเช่นทุกครั้ง จีนไปไหน ในหัวของเขามีแต่คำถามนี้ วนเวียนไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ปกติแล้วจีนเป็นคนไม่ทิ้งการเรียน ไม่ว่าจะอย่างไร จีนจะไม่ยอมขาดเรียนโดยเด็ดขาด จนถูกเพื่อน ๆ ร่วมชั้นค่อนแคะมาแล้ว ว่าจีนเป็นคนหิวคะแนนอย่างบ้าคลั่ง เก็บคะแนนช่วยพิเศษที่อาจารย์ประจำในแต่ละวิชามีให้กับนักศึกษาที่ไม่เคย ขาด ลา มาสาย

“ว่ายังไงคุณฮ่องเต้ เก้าอี้นั่นมีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่หน้าชั้นเรียนนี่อีกหรือ” อาจารย์ประจำวิชาเอ่ยถามขึ้น “เห็นเธอนั่งมองเก้าอี้ตัวนั้นมา จนจะหมดคาบอยู่แล้ว” นักศึกษาคนอื่น ๆ ทั้งชั้นเรียน เมื่อได้ยินอาจารย์ถามแบบนั้น ก็พากันหันมามอง ก่อนจะทำเสียงฮือฮา หัวเราะขบขันกันทั้งห้องบรรยาย

“เธอหายไป ใจมันก็ว้าวุ่น” ใครคนหนึ่งเอ่ยแซว ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน คนอื่น ๆ ก็พากันฮาครืน ส่งเสียงล้อเลียนอย่างจงใจเพิ่มเติม ทางฝ่ายฮ่องเต้นั้น ไม่ได้ตอบคำถามอาจารย์ และเขาก็ยังคงมองไปที่เก้าอี้ตัวที่จีนนั่งประจำ โดยที่ไม่ได้แสดงท่าทางยินดียินร้ายไปกับเสียงโห่ฮาป่าของเพื่อน ๆ ก่อนจะถูกอาจารย์ประจำวิชาพูดปราม และปล่อยคาบเรียนนั้น

“อะไรวะ ไอ้เต้ เดี๋ยวนี้มึงไม่ทำเสียงฮึดฮัดขัดใจแบบทุกทีแล้วหรือวะ” เพื่อนคนเดิมที่เปิดฉากแซวถามขึ้น ฮ่องเต้หันไปมองหน้าเพื่อน ก่อนจะถอนหายใจออกมาแบบกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ “นั่นน่ะสิ ทำไม แค่แกได้ทำรายงานกับมัน ก็เกิดปิ๊งรักกลางกองรายงานขึ้นมางั้นสิ” เสียงหัวเราะคิกคักอย่างชอบอกชอบใจของเพื่อนหลายคนดังขึ้น ฮ่องเต้อดไม่ได้ ที่จะต้องกวาดสายตามองไปยังบรรดาเพื่อนเหล่านั้น

“อะไรวะ การที่เป็นห่วงเพื่อนในห้องที่อยู่ ๆ ก็หายไป ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยขาดเรียนเลยสักครั้ง มันแปลได้เรื่องเดียวแค่นั้นหรือ” ฮ่องเต้ถามเพื่อนทั้งห้องออกไปดัง ๆ “พวกแกไม่คิดจะใส่ใจ เป็นห่วง หรือถามหาเลยหรือว่าเพื่อนจะเป็นอะไรบ้าง เกิดอะไรขึ้นกันแน่” หลายคนพอได้ยินฮ่องเต้พูดแบบนั้น ก็ได้แต่ส่ายหัวว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ พลางพูดว่า ก็แค่เพื่อนตุ๊ดเพื่อนเกย์อยากเรียกร้องความสนใจ ก็เท่านั้น แล้วพากันเดินออกจากห้องไป

“ตอนงานไพรด์ พวกแกหลายคนไปร่วมเดินกับเขาทำไมวะ ถ้าจะพูดถึงจีนแบบนี้ หรือที่ทำไปเพราะจะได้มีรูปมาลงอวดคนในโซเชียล ให้ได้เอนเกจเมนท์เยอะ ๆ ดูเท่ดี ดูเป็นคนเปิดกว้าง แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้แคร์อะไรสักนิด” เพื่อนหลายคนหลบสายตา ก่อนจะพากันลุกเดินจากไป “ถ้าตัดเอาเรื่องรสนิยมทางเพศออก ความเป็นเพื่อนกันมาจนจะเรียนจบกันอยู่แล้ว มันก็ควรจะมีให้กันบ้างมั้ยวะ” ฮ่องเต้ตะโกนถามออกไป ทันก่อนที่เพื่อนกลุ่มสุดท้ายจะเดินพ้นประตูห้องบรรยายออกไป

“มันเป็นคนที่ไม่เอาเพื่อนเอาฝูงเองนะ เห็นแก่ตัว เอาแต่เรื่องตัวเองเท่านั้น ไม่ใช่เพิ่งทำด้วย มันเอาเปรียบคนอื่นมาตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้ว” ใครคนหนึ่งพูดอย่างมีอารมณ์โกรธที่เก็บสะสมมานาน “แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา มีใครเคยถามจีนมั้ย ว่าเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง และยังคงต้องผ่านเรื่องอะไรในชีวิตอยู่ในตอนนี้ มีใครใส่ใจคิดจะในฐานะเป็นเพื่อนกันมั้ย” ฮ่องเต้ถามเพื่อนออกไปอีกครั้ง

“มันไม่ทันแล้วล่ะ มันเองก็ไม่เคยเห็นเล่าให้ใครฟังสักหน่อย ว่ามันจะต้องมีดรามาอะไร เห็นวัน ๆ ก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรใครอยู่แล้วนี่” เพื่อนอีกคนทนไม่ไหว ตะโกนกลับมาใส่หน้าฮ่องเต้ด้วยอีกคน “แล้วถ้าจีนพูดออกมา พวกแกจะมีปฏิกิริยาตอบรับยังไง” ฮ่องเต้ถามกลับไป เพราะอยากรู้คำตอบนี้จริง ๆ “อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย ไอ้เต้ แกเองก็ทำไม่ต่างจากคนอื่น ๆ เหมือนกันนั่นแหละ” ฮ่องเต้ปล่อยให้เพื่อนกลุ่มสุดท้ายเดินจากไป ตัวเขาเองได้แต่ฉุกคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำ และปล่อยให้เรื่องมันเป็นมาถึงตอนนี้

เย็นวันนั้น ฮ่องเต้ขับรถไปที่ร้านกาแฟที่คิดว่าจีนจะมาทำงานพิเศษ แต่เจ้าของร้านบอกว่า จีนโทรมาขอลางานวันนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหนหรือว่ามีเรื่องอะไร น้ำเสียงของจีนไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ จากที่ปกตินั้น พี่เจ้าของร้านเองก็พูดว่า จีนเป็นคนเก็บอารมณ์ได้เก่ง แม้ว่าจะโดนลูกค้าด่าอย่างสาดเสียเทเสีย ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของจีนแต่อย่างใด

ที่ร้านหมูกระทะ ฮ่องเต้ได้คำตอบเดียวกันกับร้านกาแฟ คือไม่มีใครรู้ว่าจีนไปไหน หรือเกิดอะไรขึ้น เบอร์โทรศัพท์มือถือเบอร์เดียวที่ฮ่องเต้ได้มา ไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้ง ก็ไม่มีใครรับสาย ฮ่องเต้ที่กลับมานั่งด้านหลังพวงมาลัยรถ ตะโกนระบายความหงุดหงิดออกมาอย่างเก็บอาการเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ก่อนจะขับรถออกไปจากตรงนั้น

รู้ตัวอีกที ฮ่องเต้ก็ขับรถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของจีน มองเข้าไป ทั้งบ้านดูเงียบเชียบเหมือนไม่มีคนอยู่ ฮ่องเต้ลงจากรถ ก่อนจะเดินเข้าไปเคาะประตูบ้าน เรียกชื่อจีนจนเสียงดัง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับหรือเสียงคนในบ้านแต่อย่างใด เพราะไม่อย่างนั้นป่านนี้ เขาคงโดนพี่โจ พี่ชายของจีนเปิดประตูออกมา ส่งเสียงฮึดฮัด โบกไม้โบกมือพยายามไล่เขาแล้วในตอนนี้

“มาหาจีนมันหรือ” ก่อนที่ฮ่องเต้จะเปิดประตูรถ ก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้นจากเพื่อนบ้านถัดไปไม่กี่หลัง “เคยเห็นมาจอดรถอยู่หน้าบ้านมันบ่อย ๆ นี่” ฮ่องเต้ยิ้มแบบคนที่โดนจับได้ ว่ามาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ “จีนมันไม่อยู่หรอก มันไปกับเขาตั้งแต่เมื่อเช้าแน่ะ วุ่นวายกันใหญ่ นี่ก็เป็นห่วงมันมากเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง” ฮ่องเต้รีบถามเพื่อนบ้านคนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับจีน

จนในที่สุด ฮ่องเต้ก็ได้เห็นจีนนั่งก้มหน้าอยู่ที่ตรงโถงทางเดินนั้น ในตึกผู้ป่วยใน ที่เขากำลังเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ภายในใจรู้สึกโล่งอก คลายกังวลลงเป็นอย่างมาก ที่จีนยังดูปลอดภัยดีอยู่ แม้ว่าตอนที่รีบบึ่งขับรถมาที่นี่ หลังจากได้รู้เรื่องราวเมื่อเช้าจากเพื่อนบ้านคนนั้นแล้ว ว่าจีนติดไปกับรถพยาบาลที่มารับตัวพี่โจ ฮ่องเต้จะนึกโกรธจีนอยู่บ้าง ที่ไม่บอกเขาเลยสักคำ แถมยังไม่รับโทรศัพท์ที่ฮ่องเต้พยายามโทรหาอีกต่างหาก

“ไม่คิดจะบอกกันสักคำเลยหรือไง” จีนเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ เมื่อได้ยินฮ่องเต้พูดแบบคนน้อยใจ แต่ก็ด้วยน้ำเสียงว่าตอนนี้โล่งใจ เมื่อฮ่องเต้ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ “ก็ปล่อยให้เราวิ่งวุ่น ขับรถตามหาจนทั่ว” ฮ่องเต้สบตากับจีน ที่ดวงตาของจีนนั้นยังคงช้ำแดง ไม่ว่าจะเป็นเพราะการไม่ได้พักผ่อน หรือว่าจากการร้องไห้มาอย่างหนักก็ตาม และคงจะเป็นการเสียน้ำตาแบบไม่ยอมให้ใครมาเห็น จนดูเหมือนว่า จีนเป็นคนที่ร้องไห้ไม่เป็น

“เรื่องนี้เราจัดการเองได้” ฟังเสียงพูดของจีนแล้ว ฮ่องเต้รับรู้ได้ทันที ว่าจีนนั้นรู้สึกไม่โอเคมาก ๆ ในตอนนี้ “จะอ่อนแอกับเราบ้างก็ได้ ไม่เป็นอะไรหรอก” ฮ่องเต้จ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ดูแล้วแสนเศร้าของจีนในตอนนี้ “พี่โจ” จีนกะพริบตาถี่ ๆ แบบพยายามห้ามน้ำตา และกล้ำกลืนความรู้สึกของตัวเองลงไป

“เราไม่เป็นอะไร เราจัดการเรื่องนี้เอง” เสียงที่สั่นเครือของจีน ทำให้ฮ่องเต้เอื้อมมือไปจับไหล่ทั้งสองข้างของจีนเอาไว้ “ยังมีเราอยู่ตรงนี้อีกคน ถ้าจีนต้องการ” ฮ่องเต้พูดด้วยน้ำเสียงที่ปลอบประโลม “ทำแบบนี้ทำไม จะทำแบบนี้ไปทำไมกัน” จีนถามฮ่องเต้ออกไป น้ำตาที่รื้นขึ้นมาคลอหน่วย กำลังจะพ่ายแพ้และร่วงหล่นลงมาให้เห็น

“จีนไม่รู้จริง ๆ หรือ ว่าทำไม” พูดได้แค่นั้น ฮ่องเต้ก็ปล่อยให้จีนผ่อนแรงที่ขืนดึงตัวเอาไว้ให้ห่าง ค่อย ๆ ปล่อยให้ใบหน้าของตัวเองซุกตัว จมลงไปที่แผงอกของฮ่องเต้ โดยที่เจ้าของอ้อมกอดและหน้าอกแกร่งนั้น โอบแขนรอบตัวจีนที่กำลังสะอื้นไห้ออกมาอย่างหนัก เหมือนกับว่า การเดินหลงทางอยู่คนเดียวตามลำพัง จีนเพิ่งได้พบแหล่งพักใจ พักแรง จากกอดอันอบอุ่นของฮ่องเต้

****************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

สักวันต้องได้ดี - โบ สุนิตา

https://www.youtube.com/watch?v=KOTQ4y95s3c


คนบางคนชีวิตช่างยากช่างเย็นเหลือเกิน

People, some of them, do have a tough rough life

เดินกันไปไม่เคยจะได้ดี

As life goes on, nothing good comes out of it

แต่ตัวเราเองยังหวังด้วยพลังที่มี

Though we still have hopes, within our powers

จึงทำความดี ไม่เคยจะท้อใจ

Good deeds, we still do without despairs


อย่างน้อยสิ่งที่เรานั้นทำลงไป

At least, the things we still carry on

ไม่คิดอะไร

No hesitations

ก็แค่ภูมิใจที่เป็นคนดี

Being proud of how good we are

อย่างน้อยก็บอกตัวเองหนทางยังมี

Simply, tell ourselves there’s another way

แม้ว่าวันนี้มันช่างโหดร้าย

Though it’s so cruel as the eyes see

ก็ยังคงทำดีไม่เคยหวั่น

We keep up the good things, no reluctance

รู้ว่าสักวันต้องได้ดี

Knowing that someday, we’ll be getting somewhere


คนบางคนบางครั้งต้องทุกข์ต้องทนก็มี

People, many of them sometimes they suffer

แต่คนดีดีไม่มีวันแพ้ภัย

But good people will never get defeated

กาลเวลาเท่านั้นที่ช่วยให้เราเข้าใจ

Only time will tell and help us understand

ลงเอยอย่างไรก็คงจะรู้เอง

We’ll find out at the end what it’ s gonna be
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๒. Wind of Change _ 03.22.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 22-03-2024 14:00:00



Crime and Love Scene Investigation


๘๒. Wind of Change



ฮ่องเต้รีบลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นว่าจีนกำลังเดินใกล้เข้ามา หลังจากที่ฮ่องเต้มานั่งรออยู่ที่ด้านหน้าห้องผู้ป่วยตั้งแต่เมื่อตอนเย็น เพื่อรอให้จีนนั้น มาที่โรงพยาบาล หลังจากที่ทำงานพิเศษเสร็จ จีนเองที่เดินมาจนถึงที่หน้าห้อง มองเห็นฮ่องเต้ยิ้มมาให้ แววตาส่งความห่วงใยที่มีตรงมาหา ก่อนจะมองไปที่มือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายที่ถือถุงอะไรต่อมิอะไรจนเต็มไม้เต็มมือไปหมด

“วันนี้ที่มหาวิทยาลัย ไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย” แต่ที่จริงแล้ว วันนี้ทั้งวันจนหมดคาบเรียนสุดท้าย ฮ่องเต้อยากจะคุยกับจีนแทบแย่ แต่ก็ยอมให้จีนมีพื้นที่ส่วนตัว เมื่อเพื่อน ๆ ในห้องบางคน เริ่มมีการถามไถ่จีนว่า มีอะไรให้พวกเขาช่วย ก็สามารถบอกกันได้ พูดมาได้เลย บรรยากาศระหว่างเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่เคยหนักอึ้งและหมางเมิน ดูจะเบาลงและผ่อนคลายขึ้นบ้าง

“ตอนนี้มันดึกแล้วนะ เราว่า” จีนมองดูนาฬิกา ที่ตอนนี้มันบอกเวลาว่าสี่ทุ่มกว่าแล้ว “ถ้าอย่างนั้น จีนคงหิวมากแล้วแน่ ๆ เลย” ฮ่องเต้ชูถุงพะรุงพะรังที่ถืออยู่ในมือให้จีนดู ยิ้มให้ ก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านในห้อง ฮ่องเต้เดินอย่างเงียบเชียบ เอาของวางไว้ที่โต๊ะตรงปลายเตียงคนไข้ ก่อนจะหันมาพูดกับจีนเบา ๆ ว่า

“พยาบาลบอกว่าพี่โจมีอาการดีขึ้นแล้วนะ” จีนที่สบตากับฮ่องเต้ ก่อนจะเดินไปที่ข้างเตียงของพี่ชายตัวเอง มองดูโจที่ยังหลับอยู่ ยังไม่ฟื้นคืนสติขึ้นมา หลังจากที่ฟุบลงไปคารถเข็น แต่จากที่สังเกตได้ สายต่าง ๆ ที่ระโยงระยางอยู่เหนือเตียงและตัวของคนไข้เมื่อเช้านี้ ก่อนที่จีนจะออกไปมหาวิทยาลัย หายไปจนเกือบหมดแล้ว เหลือไว้แต่เพียงแค่สายออกซิเจนและน้ำเกลือ

“เราขอบคุณนะ” จีนหันไปพูดกับฮ่องเต้ ที่ค้อมหัวลงรับรู้ ก่อนจะทำเลียบ ๆ เคียง ๆ เดินเข้ามาที่ข้างเตียงพี่โจ “แต่ว่านี่มันดึกแล้ว” จีนพูดอีกครั้งเมื่อฮ่องเต้เดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ กัน จีนมองเห็นแววตาของอีกฝ่าย วูบลงแวบหนึ่ง เมื่อได้ยินจีนพูดแบบนั้น “เราไม่ได้ไล่นะ แต่ว่า กว่าเต้จะขับรถกลับถึงบ้าน” ก่อนที่จีนจะเห็นฮ่องเต้ยิ้มออกมาได้ และแววตานั้นก็ดูจะสดใสขึ้นอีกครั้ง

“ดีใจนะที่จีนเป็นห่วงเรา” ฮ่องเต้ยิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อจีนดูจะเปิดใจขึ้นมาก “ส่วนเรื่องค่าห้องพิเศษ เราจะรีบหามาคืนให้นะ” จีนนั้นรู้สึกตื้นตันใจที่ฮ่องเต้ยื่นมือเข้าช่วยเรื่องเงิน กับช่วงเวลาที่จีนเองก็สมองตื้อไปหมด กับรายจ่ายฉุกเฉินแบบนี้ “เฮ้ย ไม่เป็นไร เราเต็มใจ ไม่ต้องเป็นห่วงเลยเรื่องนั้น ยังไม่ต้องรีบคืน เราไม่ได้รีบใช้อะไร” แม้ว่าจีนจะได้ยินฮ่องเต้พูดแบบนั้นก็ตาม แต่ก็ตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าจะรีบหาทางเอาเงินมาคืนอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด

“กินข้าวบ้างนะ โน่น เราซื้อเอาไว้ให้หลายอย่าง อร่อย ๆ ทั้งนั้น จีนน่าจะชอบ กินเยอะ ๆ” ตอนนี้ฮ่องเต้เห็นอีกฝ่ายดูซูบลงไปพอสมควร จีนพยักหน้าตอบรับ ฮ่องเต้เองก็ไปตามสืบมาว่า ของชอบของจีนคืออะไรมาก แม้ว่าข้อมูลจะน้อยนิด แต่ก็พอหามาได้บ้างจากร้านค้าในโรงอาหารที่มหาวิทยาลัย ว่าเคยเห็นจีนสั่งอะไรกินบ้าง

“เจอกันพรุ่งนี้” ฮ่องเต้ที่พยายามอ้อยอิ่ง รั้งรอ ไม่ยอมออกไปจากห้องคนไข้สักที พูดบอกกับจีน สุดท้ายก็ต้องยอมเปิดประตูเดินออกไป จีนที่มองตามฮ่องเต้ ก่อนจะหันมามองพี่ชายของเขา ที่ตอนนี้สีหน้าดูมีเลือดฝาดมากขึ้นกว่าเดิม ก็พอจะเบาใจขึ้นได้บ้าง ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะที่ปลายเตียง เปิดดูมีข้าวอยู่หลายกล่อง ที่ฮ่องเต้ไปหาซื้อมาให้ แต่ละร้านนั้นราคาไม่เบาเลยทีเดียว จีนนั่งลงบนเก้าอี้ แกะกล่องข้าวขึ้นตักกิน พลางคิดถึงวันนี้ ที่ทั้งวันมีเรื่องที่ทำให้ประหลาดใจและปนชื่นใจเกิดขึ้นมาตลอดทั้งวัน

'ขอบคุณนะ ข้าวกล่องอร่อยมาก' ฮ่องเต้ยิ้มกว้างออกมา พลางนึกถึงใบหน้าที่มีความสุขของอีกฝ่าย ที่แสดงออกมาตอนที่ได้กินของที่ชอบ ทันทีที่ฮ่องเต้จอดรถและดับเครื่องยนต์ ข้อความจากจีนก็เด้งเข้ามาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขา ข้อความสั้น ๆ จากอีกฝ่าย ทำให้ใบหน้าของฮ่องเต้นั้นแต้มไปด้วยรอยยิ้มนั้น ตลอดทางที่เขายื่นกุญแจรถให้กับคนรถ เดินไปจนถึงยังห้องนอนของตัวเอง

จีนมองดูข้อความของตัวเองที่ได้ส่งไปหาอีกฝ่าย ปกติเขาแทบไม่ได้ส่งข้อความพูดคุยส่วนตัวอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ จะมีก็คงจะเป็นข้อความที่คุยเรื่องเกี่ยวกับงานพิเศษที่ทำอยู่ และไม่ใช่เรื่องอะไรที่มันเป็นเรื่องสัพเพเหระแบบนี้ และเมื่อข้อความของเขาขึ้นว่า มันถูกฮ่องเต้เปิดอ่านแล้ว ใจของจีนมันเต้นแรงเป็นพิเศษ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน

“ขอโทษด้วยนะครับ ที่ทำให้ต้องนั่งรอนะครับ” ชนธัญกล่าวกับหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ ที่นั่งอยู่ภายในห้องสอบสวน หญิงสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองหนุ่มหน้าใสที่เขาเห็นที่ห้างสรรพสินค้ากลางกรุง ที่เป็นสถานที่เกิดเหตุนั้น เดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารในมือ ลักษณะกระดาษ ความหนา และสีหน้าแววตาของหนุ่มหน้าใส บอกได้ว่า มันคงไม่ใช่ข้อมูลที่เธอนั้นรับทราบมาจากทนายความแล้ว

“มันมีความคลาดเคลื่อนบางอย่าง และข้อสงสัยบางประการที่ทางเราอยากจะสอบถามคุณเพิ่มเติมหน่อยนะครับ คุณอารียา” สารวัตรหนุ่มหล่อ คนที่หญิงสาวเห็นว่าเดินตามหนุ่มหน้าใสคนนั้นเข้ามาในห้องด้วย พูดขึ้น เมื่อสังเกตเห็นว่า อารียานั้น จ้องมาที่เอกสารที่อยู่ในมือของชนธัญตาเขม็ง

“ก่อนอื่น คุณอารียายังแน่ใจกับคำให้การของคุณกับเจ้าหน้าที่ ว่าคุณไม่รู้จักกับผู้ตายอยู่หรือเปล่าครับ” สารวัตรรัฐนนท์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กับชนธัญ ที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามกับหญิงสาวตั้งครรภ์คนนี้ โดยอารียามองหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รูปภาพของร่างกายผู้ตาย ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน โดยเฉพาะรูปที่เน้นไปที่ข้อพับแขนของผู้ตายเหล่านั้น

“คุณยังยืนยันคำให้การอยู่หรือเปล่าครับ” อารียาเปลี่ยนจากจ้องเอกสารพวกนั้น เงยสายตาขึ้นมามองชนธัญที่เพิ่งคำถามนั้นกับเธอ น้ำเสียงที่ชนธัญใช้พูดนั้น ไม่ได้คาดคั้นหรือจะบีบให้เธอต้องพูดหรือไม่พูดอะไร อารียาสัมผัสได้ถึงความเข้าใจในน้ำเสียงของหนุ่มหน้าใส ที่อยากให้เธอพูดในสิ่งที่เธอรู้ดีแก่ใจมากกว่า เพื่อให้ชนธัญและสารวัตรรัฐนนท์เอง ได้เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ว่าจริง ๆ แล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ตายเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ทั้งที่ไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วยตั้งแต่แรก” สารวัตรรัฐนนท์เพิ่มเติมขึ้นมาอีกว่า “จากหลักฐานที่ทางนิติเวชตรวจพบใหม่ มันจะมีผลในขั้นตอนการสืบสวน ข้อมูลในคดีจะเปลี่ยนไป และจะถูกใช้ในชั้นศาล หากว่าคุณอารียายังยืนยันคำให้การเดิม ซึ่งนั่นอาจจะเปลี่ยนความเกี่ยวข้องของคุณอารียากับคดีนี้ จากพยานผู้รู้เห็น กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้” อารียามองดูกระดาษเอกสารใบที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคราบเขม่าดินปืนใบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เธอเงยหน้าสบตากับทั้งสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญ ก่อนจะพูดขึ้นว่า เธอพร้อมจะพูดแล้ว

***************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

ที่รักของใครสักคน (Extended Version) - เต้ วิทย์สรัช & แอน ธิติมา

https://www.youtube.com/watch?v=nF63uk1xrsU


บนโลกนี้ก็คงมีคำว่ารัก

In this world, there’s a word called love

แต่ฉันบังเอิญไม่เจอสักครั้ง

Though, literally I haven’t found it yet

กลับเจอความผิดหวังอยู่ทุกครั้งไป

Only being let down, I have faced that all the time


อยากจะรู้ความเหงาที่ไม่มีใครเรียกหา

I can’t help but wonder, loneliness people stay clear of

วันนี้ทำไมมาอยู่ที่ฉัน

Why is it today it being with me?

อยากเจอคนคนนั้นจะได้ไหม

The one I’ve been longing for, by any chance, will I?


ได้แต่หวังเอาไว้

I am hoping that I

จะมีใครไหมรักฉันจริงจริง

Will find someone who loves me for real

เปลี่ยนมุมมอง

Change my perspective

บางสิ่งที่กลัวเป็นรักแท้

Of something I fear to be true love


อยากจะมีความรักเหมือนดังใครใคร

I want love like anybody else

อยากจะเป็นคนรักของใครสักคน

Wish I’d be somebody’s sweetheart

คนที่ฉันรอ

Someone I’m waiting for

เธออยู่แห่งหนใด

Where, where are you now?


จะมีใครบ้างไหมที่ใจตรงกัน

Will there be someone who feels the same?

และบังเอิญที่ฉันจะไปตรงใจ

By all means, I am the one they desire

ก่อนนอนทุกคืนได้แต่อธิษฐาน

I pray before settling down at night

ให้เราได้พบกัน

That I’ll find you


คนที่ยิ้มให้ฉันเมื่อเช้าจะใช่เธอไหม

Was that you who gave me that smile this morning?

ความรักจะหันมาพบกันกันไหม

Will your love and mine turn and see each other?

เมื่อไหร่จะไม่ต้องเหงาไปอย่างนี้

When will being lonely end its way with me?
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๓. Bad Side Manner _ 03.27.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 27-03-2024 16:15:00



Crime and Love Scene Investigation



๘๓. Bad Side Manner



“คุณนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือยังไงนะ ก็ผมบอกว่า ผมต้องไปทำงานต่างจังหวัด จะไปกี่วันก็แล้วแต่งาน คุณอย่ามาเซ้าซี้อะไรผมมากได้มั้ย” เสียงสามีของหญิงสาว แสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมาอย่างไม่ปิดบัง “ก็คุณจะไปทำงานแถวทะเล นี่ตั้งแต่แต่งงานกันมา คุณก็ยังไม่เคยพารียาไปเที่ยวที่ไหนเลย” หญิงสาวผู้เป็นภรรยาแต่ง กลืนคำว่า 'ฮันนีมูน' กลับคืนลงไป เลี่ยงที่จะไม่พูดมันออกมา ให้ตัวเองได้ยิน

“เที่ยวงั้นหรือ” ชายหนุ่มผู้เป็นสามีเอ่ยออกมา หันมามองผู้เป็นภรรยาด้วยสายตาผิดหวัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเอือมระอา “ในหัวคุณมีแต่เรื่องสนุกไปวัน ๆ สินะอารียา นี่ผมไปทำงาน ผมไม่ได้ไปเที่ยว” หญิงสาวน้ำตารื้นขึ้นมาในทันที ที่ได้ยินสามีของตัวเองพูดกับเธอแบบนั้น

“แล้วพอสักที เลิกได้แล้ว ไอ้ที่ชอบหาคำพูดมาเพื่อทำให้ผมรู้สึกผิด มันไม่ได้ผลแล้วล่ะนะ” พอสามีของเธอพูดจบ อารียาก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เพื่อรอได้ยินเสียงรถยนต์ของผู้เป็นสามีแล่นออกจากบ้านไป สิ่งที่เธอทำได้ คือปล่อยน้ำตาให้ไหลรินลงมาจากตา ทั้งจากความน้อยใจและความรู้สึกเสียใจที่อัดแน่นอยู่ภายในใจ

“พี่มาหาผมน่ะดีแล้ว ดีกว่าไปนั่งหัวเสียที่อื่น” อารียาที่นั่งอยู่บนโซฟา ภายในห้องของเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเธอหลายปี เธอหลับตาลงเมื่อมือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่ม จับลงมาที่ไหล่ทั้งสองข้างของเธอ ก่อนจะออกแรงบีบนวด คลึงเพื่อคลายความเครียดให้เธอ “เต้ ทำไมเธอดีกับพี่จังเลย” คำถามจากหญิงสาวที่กำลังหลับตาพริ้ม ระบายลมหายใจออกมาอย่างคลายอารมณ์

“ผมรู้ว่าจะต้องทำให้พี่มีความสุขยังไง พี่รียา” เด็กหนุ่มก้มลงใช้ปลายจมูกซุกไซ้ไปที่ต้นขาขาวเนียนของอารียา หญิงสาวในใจนึกจะขัดขืน แต่ทว่าร่างกายของเธอกลับโอนอ่อนผ่อนปรน เหลวอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปกับรสสัมผัสนั้นของอีกฝ่าย “ผมช่วยพี่เองนะครับ” รู้ตัวอีกที อารียาก็เผยร่างขาวโพลนเปลือยเปล่าต่อหน้าเด็กหนุ่มไปแล้ว

อารียากลับเข้าบ้านอีกครั้ง ก็บ่ายแก่ ๆ ของอีกวัน ยังไม่มีสายโทรเข้า ของสามีของเธอเข้ามาแต่อย่างใด ไม่มีแม้แต่ข้อความที่ถูกส่งมาบอกกล่าว ว่าตัวเขาเดินทางไปถึงแล้ว อารียาเดินเข้าไปในตัวบ้าน ก็พลันมีเสียงข้อความถูกส่งมาที่เบอร์มือถือของเธอ เธอยิ้มด้วยความตื่นเต้นดีใจ แต่พอมองดูที่หน้าจอมือถือ มันคือข้อความจากเด็กหนุ่มที่ส่งเข้ามาหาเธอ เพื่อบอกฝันดีกับอารียา

“พี่รียา มีความสุขกับผมนะครับ” เสียงพูดอันแผ่วเบา พร้อมสัมผัสอันวาบหวิว ที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวามไหวและสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย เธอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับรสสัมผัสที่เธอกลับมาลิ้มลอง ครั้งแล้วครั้งเล่า เด็กหนุ่มประเคนความหฤหรรษ์ให้กับหญิงสาวแก่วัยกว่าอย่างไม่อั้น และเมื่อได้จังหวะ เขาก็ถอดเครื่องป้องกันที่เคยใช้กันทุกครั้งออก และสิ้นสุดอารมณ์สุขสมนั้น ด้วยการปลดปล่อยทุกอย่างเอาไว้ภายใน

ผู้เป็นพ่อนั่งมองลูกสาวที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก ในหนึ่งนั้นก็โกรธแสนโกรธ ที่ลูกสาวของตัวเองนั้นบ้องตื้น ทำอะไรลงไปไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเป็นทุกเป็นร้อนร่วมด้วยไปกับลูกคนเดียวของตัวเอง ที่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ผู้เป็นพ่อคนนี้ ก็ต้องช่วยคิดหาทางออกให้อย่างแน่นอน

“มันเป็นเพราะหนูไปแย่งเขามาจากอีลักเพศนั้นใช่มั้ยพ่อ กรรมมันถึงได้มาตกกับหนูแบบนี้” อารียาฟูมฟายกับผู้เป็นพ่อ ที่เธอคิดว่า เป็นเพราะเธอมั่นใจว่า เธอจะสามารถเปลี่ยนแปลงผู้เป็นสามีได้ เมื่อแต่งงานและได้มาใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอ “มันไม่ใช่ความผิดแก อารียา เมื่อมันยอมมาแต่งงานกับลูกสาวพ่อ มันก็ต้องรับผิดชอบแกไปตลอดทั้งชีวิต รวมถึงลูกในท้องของแกด้วย ส่วนไอ้หนุ่มนั่น ที่ทำแกท้อง มันก็ต้องร่วมมือกับเราด้วยเช่นกัน” อารียาร้องไห้อย่างหนัก ก่อนจะโผเข้ากอดผู้เป็นบิดาของเธอ

“ฉันรู้นะ ว่าแกเอาผัวฉันไปนอนกก” ก่อนที่คิรินจะขับรถออกมาจากบ้านที่ชายทะเล ซอโซ่อ่านข้อความที่ถูกส่งมาถึงเขา “ถ้าแกจะใช้ไอ้ดุ้นตัวเดียวอันเดียวร่วมกับฉัน” ซอโซ่ใจเต้นแรงมือสั่นเมื่อข้อความเหล่านั้นถูกส่งผ่านเข้ามาอย่างต่อเนื่อง “แกใช้ถุงยางบ้างมั้ย หรือว่ายอมให้เขาล่อ แบบพวกกะหรี่อีตัวชั้นต่ำ” ซอโซ่ฝืนยิ้มให้กับคิริน เมื่อเขาออกรถมาได้สักพัก ว่าตัวเขาเองนั้นโอเคมั้ย

“ฉันขอร้องล่ะ” ตอนที่ซอโซ่บอกกับคิรินว่าเขาจะกลับเอง แล้วเปิดประตูลงจากรถ ข้อความสุดท้ายก่อนที่ซอโซ่จะปิดโทรศัพท์มือถือ ก็ถูกส่งเข้ามา “ช่วยคืนเขากลับมาให้ฉันได้มั้ย เขาเป็นพ่อของลูกฉันนะ” ตอนนั้นซอโซ่รีบร้อนเพื่อจะเข้าไปในขบวนรถไฟฟ้าให้เร็วที่สุด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ดึงสติเขาให้ละอายและเกรงกลัวกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เพื่อให้เหตุผลที่ถูกต้องกลับมาอยู่เหนืออารมณ์ที่ผิดระเบียบของตัวเองอีกครั้ง

คิรินรู้สึกวุ่นวายใจไม่หยุด ตั้งแต่กลับมาจากทะเล ซอโซ่ไม่รับสายของเขาเลย ชายหนุ่มไปดักรอที่หน้าคอนโด ก็ไม่มีโอกาสได้พบ สุดท้ายพอสอบถามกับทางนิติ ก็ได้รู้ว่า ซอโซ่นั้นย้ายออกไป พร้อมประกาศขายห้องคอนโดแห่งนั้นทิ้งแล้ว มันทำให้คิรินยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ที่ไม่สามารถตามหาซอโซ่ได้พบ และไม่มีโอกาสจะได้พูดคุยปรับความเข้าใจอะไรกันเลย

“นั่นคุณจะไปไหนอีก อยู่ติดบ้านสักวันมันจะตายให้ได้เลยใช่มั้ย” เสียงแหวดแหวดังขึ้นมาจากข้างหลัง คิรินหลับตาลง พยายามข่มความรู้สึกที่ทั้งโกรธและรำคาญ เวลาได้ยินอรียาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ “ผมมีธุระ” คิรินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด เท่าที่ตัวเขาจะบังคับตัวเองให้ทำได้

“ตอแหล” คิรินหันขวับไปมองอารียาในทันที ที่ได้ยินหญิงสาวพูดแบบนั้น “เมื่อไหร่คุณจะเลิกตอแหลฉันสักที” อารียาตะโกนใส่หน้าคิรินด้วยความโมโหอย่างที่สุด “คุณจะไปหาอีผิดเพศนั่น คุณคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง ว่าคุณพามันไปกกทำเรื่องสกปรกอุบาทว์กันที่ทะเลน่ะ คุณนี่ก็กล้าเอาของเหลือเดนจากฉันไปป้อนให้อีกะเทยนั่นถึงทะเลนะ” อารียาไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองได้อีกต่อไป เธอใช้คำพูดที่ต้องการจะให้อีกฝ่ายได้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับที่เธอรู้สึก

“ก็ดี” คิรินเองรู้ตัวแล้วในวินาทีนั้น ว่าเขาหมดความอดทนกับผู้หญิงคนนี้ “รู้แล้วก็ดี ว่าผมกับซอโซ่เป็นอะไรกัน และทำเรื่องอย่างว่ากันนับครั้งไม่ถ้วน” คำพูดของคิรินทำให้อารียาตัวสั่นไปหมดด้วยความเกลียดชังและรังเกียจ “แต่ถ้าคุณจะรู้ ก็ควรจะรู้ให้หมดทุกอย่างนะ” คิรินเองก็ไม่เหลือความเกรงใจให้ใครอีกต่อไป

“ว่าคนที่กินของเหลือเดนน่ะ มันคุณต่างหากล่ะ ผมรักซอโซ่ ได้กับซอโซ่ มีซอโซ่เป็นเมียมาก่อนที่จะมาแต่งกับคุณ คุณต่างหากที่กินของเหลือเดนจากเขารู้ไว้เสียด้วย” สิ้นสุดคำพูดของคิริน บ้านทั้งบ้านก็ดังลั่นไปด้วยเสียงกรีดร้อง ด่าทอ ฉีกทึ้งกันอย่างเจ็บแสบ เต้ เด็กหนุ่มที่ยืนมองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ด้วยสายตาที่เจ็บปวด เมื่อประโยคที่อารียาตะโกนใส่หน้าคิรินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าเธอนั้นท้องกับคิริน และคิรินเป็นพ่อของลูกในท้องเธอ

***************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

เขียนไว้ข้างเตียง - นันทิดา แก้วบัวสาย

https://www.youtube.com/watch?v=Jgd-RBNYC1Y


ใจเล็กเล็ก มันเจ็บลึกลึก

My little heart, pain cuts deep

อยู่ลับลับกับสิ่งลวงลวง

Being in a secret corner with all those lies

รอน้ำค้างเพียงหยดเล็กเล็ก

Waiting for a small drop from heaven

หล่อเลี้ยงไว้ให้อยู่ต่อไป

To carry on like bedside manner


ครั้นพอแดดชโลม

Then the sun now shines

ลบเลือนทุกอย่าง

Everything erases

ชีวิตอันบอบบางจางหาย

This delicate soul vanishes

รู้ดีว่าเป็นใจไม่มีราคา

It’s the heart with no value

เป็นแค่คนถัดมาเท่านั้น

I’m just his next best thing

ยิ้มตอนที่เจอเจอเขาแล้วชื่นใจ

All the smile I have, feeling good to see him

พอจากไปในใจโหยหา

Then he’s gone, my heart screams for


เขาเป็นของคนอื่นท่องเอาไว้ในใจ

He belongs to someone else, remind myself that

เขาเป็นของคนอื่นเขียนเอาไว้ข้างเตียง

He’s not really mine, written on the bedside

ของที่ขอยืมมา

Something borrowed

แลกมาด้วยน้ำตา

Taken through tears

เมื่อมันถึงเวลาคืนให้เจ้าของ

When it’s time, returned to the real owner
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๔. Life's A Mess _4.04.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 04-04-2024 16:10:00


Crime and Love Scene Investigation


๘๔. Life’s A Mess



“ผลการตรวจนี้เชื่อถือไม่ได้” คิรินโยนกระดาษผลการตรวจจากห้องแล็บชั้นนำของประเทศลงบนโต๊ะ เขาปฏิเสธสิ่งที่อยู่บนกระดาษพวกนั้น “คุณเป็นคนสั่งให้ตรวจเองนะ คิริน” เสียงหญิงสาวผู้เป็นเมียแต่งของเขาย้อนคำพูดของชายหนุ่ม ที่กำลังมองอีกฝ่ายอย่างเคลือบแคลงสงสัย

“ในเมื่อคุณกล่าวหารียา ว่าเต้กับรียามีอะไรกัน ว่ารียาตั้งท้องกับเต้ คุณเชื่อโดยไม่มีหลักฐานว่า เด็กในท้องของรียาเกิดกับเต้ นี้ยังไงล่ะคะหลักฐาน นี่ยังไงล่ะคะผลการตรวจตำตาคุณอยู่ตรงนี้ ผลตรวจยืนยันออกมาแล้ว ว่าไม่ใช่ลูกของเต้ อย่าว่าแต่จะเป็นดีเอ็นเอเลย แม้แต่กรุปเลือดก็ยังไม่ใช่” อารียาพูดพลางจ้องหน้าผู้เป็นสามีแต่งของเธอ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“แล้วคุณจะเอายังไงอีก ถ้ารียาไม่ท้องกับคุณ มันไม่มีใครคนอื่นแล้ว” คำพูดของอารียา ทำให้คิรินไม่รู้จะเถียงอีกฝ่ายออกไปยังไงดี มันมีแต่ความมืดแปดด้านไปหมด ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้มีอะไรกับอารียามาตั้งนานแล้ว แต่มันมีคืนนั้น คืนที่เขาดื่มเหล้าเมาอยู่คืนหนึ่ง แล้วพอตื่นเช้าขึ้นมา ก็พบตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าบนเตียงนอนกับอารียา โดยที่อีกฝ่ายบอกกับเขาว่า มันเป็นคืนที่สุดจะเร่าร้อนระหว่างกัน

“แล้วคุณเองก็เห็นมันกับตา” อารียาพูดขึ้นอีก ตรงนี้เองที่ทำให้คิรินเหมือนจะดิ้นไม่หลุด “คุณเองก็เห็นตอนที่ทางแล็บเจาะเลือดของเต้ไปตรวจ คุณจะอ้างได้หรือคะ ว่ามันเป็นการตรวจที่ไม่น่าเชื่อถือ เมื่อคุณก็เป็นคนเลือกห้องแล็บนี้เอง” ลึก ๆ ในใจของคิริน เขาตะโกนร้องเสียงดังว่า เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง

“ผลการตรวจยืนยันอย่างชัดเจน ว่าลูกในท้องของรียา ไม่ใช่เต้ ที่เป็นพ่อของเขา” อารียาใช้น้ำเสียงที่ลดความกระแทกกระทั้นบั่นทอน มาเป็นน้ำเสียงที่นุ่มละมุน เธอขยับเดินเข้าหาคิริน ผู้เป็นสามี “แต่คือคุณ คิริน” สิ่งที่คิรินกำลังได้ยินอารียาพูดอยู่ในตอนนี้ ทำให้ชายหนุ่มทั้งสับสน หวาดกลัว และทรมานใจไปพร้อม ๆ กัน

'คิรินคะ เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน' คำพูดของอารียาที่ยังคงดังก้องอยู่ภายในหูของคิริน แม้ว่าในตอนนี้ เขาต้องมาเจอลูกค้าคนสำคัญ ที่ห้างหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร แต่ไม่ว่าจะพยายามข่มใจยังไงเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่คิรินจะมีสมาธิและจดจ่อกับบทสนทนาของลูกค้า จนเขาถูกติงอยู่หลายครั้ง ทั้ง ๆ ที่คิรินเองไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

“ถ้าคุณยังไม่พร้อมนะคุณคิริน ผมว่า เราเลื่อนมันไปก่อนดีกว่า” เสียงลูกค้าของคิริน พูดออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ เมื่อคิรินดูใจลอยและไม่สามารถที่จะโฟกัสรายละเอียดอะไรได้เลย “ผมต้องการความเป็นมืออาชีพที่เคยได้รับจากคุณ คิริน” ลูกค้ารายดังกล่าว ลุกเดินจากไปแล้ว คิรินเองก็ไม่ได้พูดแก้ตัวอะไรออกไป ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เหมือนว่าตัวเองก็ยอมรับสภาพเช่นกัน

'ชีวิตคู่ของเรากำลังจะสมบูรณ์' คำพูดของอารียาที่สะท้อนอยู่ในโสตประสาท ทำให้คิรินไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้ว แถมการที่เขาตามหาซอโซ่ไม่เจอ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มทุกข์ใจมากขึ้นไปอีก การไม่ได้เจอหน้ากันตั้งแต่คราวนั้น มันทำให้ความคิดที่ว่า จะไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว ดูจะเป็นจริงมากขึ้นทุกที เพราะเขาเองก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดทำความเข้าใจกับซอโซ่เลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

อารียารู้สึกสบายใจขึ้นเป็นอย่างมาก เธอเหมือนเพิ่งยกภูเขาออกจากอก เมื่อเห็นท่าทีของคิรินนั้นดูสงบลง ดูอ่อนให้กับเธอลงเยอะ จากที่ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิรินพูดตอกหน้าเธอ ว่าเขารู้เรื่องระหว่างเธอกับเต้หมดแล้ว และจะดำเนินการฟ้องต่อศาล เพื่อทำการหย่าขาดจากเธอ นั่นทำให้อารียาต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง และเธอก็เลือกที่จะบอกกับคิรินว่าเธอท้องกับเขา

แต่ปัญหาของเธอที่มีตอนนี้ก็คือ เสียงเรียกเข้าดังขึ้น และหน้าจอมือถือของเธอก็แสดงให้เห็นว่า เป็นใครที่กำลังโทรมาหาเธอ อารียากำลังคิดว่า เธอจะกำจัดเด็กหนุ่มคนนี้ให้พ้นทางอย่างไรดี คราวที่แล้วที่คุณพ่อของเธอช่วยบังคับและใช้อิทธิพลข่มขู่ให้เต้ยอมทำตาม มันดูเหมือนจะได้ผล แต่ตอนนี้ที่เต้หลบหน้าไป แต่ยังโทรมาหาเธออยู่เรื่อย ๆ นั้น

“นี่ถ้าคนที่พ่อฉันส่งไป ตามหาตัวแกเจอเมื่อไหร่ รับรองแกได้ไม่ตายดีแน่” อารียากรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ทันทีที่เธอรับสาย “ผมเคยบอกพ่อคุณไปแล้วว่าให้ผมได้ทำหน้าที่พ่อของลูกของเรา” ประโยคของเต้ที่ตอบกลับมา อารียาเองรู้ดีว่าเธอไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นอย่างนั้นได้แน่นอน

“แต่แกรับเงินของพ่อฉันไปแล้ว” อารียาท้วงออกไปเสียงดังลั่น “น้ำเชื้อของผมตีราคาไม่ได้หรอกนะครับ” เสียงตอบกลับมา แสดงให้อารียาเห็นว่า อย่าคิดว่าฝั่งเธอและพ่อจะถือไพ่เหนือกว่า “ผมรักลูกของผม” เต้พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ถ้าพี่รียาคิดจะกำจัดผม ให้พ้นไปจากลูกที่ผมรัก ผมเองก็รู้เช่นเดียวกันว่าใครที่พี่รียารัก และผมควรจะกำจัดทิ้ง ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้างหรูหรากลางกรุง และผมกำลังจับตามองไปที่ใครบางคนอยู่”

“ผมไม่ได้ขู่” พูดจบเต้ก็ตัดสายนั้นทิ้งไปก่อนที่อารียาจะเห็นภาพของคิริน ที่กำลังนั่งคุยกับลูกค้าถูกเต้ส่งมาเข้าเครื่องของเธอ นั่นทำให้อารียาร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง รีบโทรศัพท์ไปหาคิริน แต่ไม่ว่าเธอจะกดโทรหาชายหนุ่มย้ำ ๆ เช่นไรก็ตาม แต่คิรินก็ไม่ได้รับสายเธอแต่อย่างใด และสุดท้าย อารียาก็รู้ได้ทันทีว่าคิรินปิดมือถือหนีเธอ

อารียารีบติดต่อพ่อของเธอในทันที เธอบอกว่า เธอกำลังจะไปที่ห้างหรูแห่งนั้น ให้พ่อของเธอรีบส่งคนไปที่นั่น เต้กำลังคิดที่จะทำอะไรบางอย่างกับคิริน และเธอคิดว่า คิรินกำลังตกอยู่ในอันตราย ผู้เป็นพ่อพยายามที่จะพูดห้ามลูกสาวคนเดียวของตน แต่ก็ไม่เป็นผล อารียารีบขับรถออกจากบ้านไปในทันที

“ยังไงก็มาเริ่มงานได้เลยนะ จีน” เสียงพี่ผู้จัดการบอกมาแบบนั้น ก่อนจะมีเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ แบบเอ็นดู เมื่อมีเสียงเรียกเข้าดังมาจากโทรศัพท์มือถือของจีนอีกครั้ง หลังจากที่เห็นจีนตัดสายมันไปหลายต่อหลายครั้ง “พี่ว่า รับสายหรือโทรกลับหาเขาสักหน่อยก็ดีนะ คงร้อนใจน่าดูแล้วป่านนี้” จีนรับคำเบา ๆ ยิ้มแบบเขินที่ได้ยินพี่ผู้จัดการร้านพูดกับแบบนั้น

จีนเดินออกจากร้านไปที่บันไดเลื่อน เพื่อลงไปชั้นล่างของห้างสรรพสินค้าหรูหราใจกลางเมืองแห่งนี้ หลังจากที่เช้านี้ ทางผู้จัดการร้านได้นัดให้เขาเข้ามาสัมภาษณ์งานดู ก่อนจะรับจีนข้าทำงานพิเศษอย่างง่ายดาย เมื่อได้ซักถามประวัติกันแค่เล็กน้อย และดูประสบการณ์การทำงานพิเศษของจีน ที่ดูจะมากเป็นพิเศษ

“จีน” เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นใครคนหนึ่ง ยืนส่งยิ้มให้เขาอยู่ตรงนั้น คิรินหลังจากปิดโทรศัพท์มือถือเพราะรำคาญที่มันดังอย่างต่อเนื่อง เขากดลิฟต์ลงมาชั้นล่าง ก่อนจะเดินออกไป แล้วรู้ว่าเขาออกจากลิฟต์ก่อนชั้นที่ต้องการ จึงเดินไปที่บันไดเลื่อน สายตามองเห็นเด็กหนุ่มสองคนยืนอยู่ที่ตรงบันไดเลื่อนนั้น ก่อนสายตาจะหันไปเจอซอโซ่ ที่กำลังอยู่บนบันไดเลื่อนที่อีกด้านหนึ่ง และกำลังมองมาทางเขาเช่นกัน

อารียารีบร้อนลงมาจากรถ ทั้ง ๆ ที่ยังหาที่จอดรถไม่ได้ เธอทิ้งรถคาอยู่กลางลานจอดรถของห้างหรู โดยอุ้ยอ้ายแบกท้องอันใหญ่โตจากการตั้งครรภ์ของตัวเอง กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าห้างไป ไม่สนกับเสียงเรียกของ รปภ. ที่ดังตามไล่หลังเธอมา อารียาเดินเข้าไปในตัวห้าง ก่อนจะมองตรงไป เห็นคิรินที่กำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เพื่อไปหาซอโซ่ที่อีกด้านหนึ่งของตัวห้าง

และไม่ไกลจากตรงนั้น เต้เดินย่างสามขุมออกมาจากร้านกาแฟ สายตามองตามคิริน และเดินตามไปทางด้านหลัง มือซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมแบบมีฮู้ด โดยที่อารียาตะโกนเสียงดังเรียกคิรินออกไป ท่ามกลางคนมากมายที่เดินอยู่กันคลาคล่ำ โดยมีเต้หันมามองเธออยู่เพียงแวบเดียว ด้วยอาการแสยะยิ้มมุมปาก ด้วยความหมายบางอย่าง

***********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

เธอผู้เดียว - มาลีวัลย์ เจมิน่า

https://www.youtube.com/watch?v=Nvn--yNTmTA



เหนื่อยและท้อเหลือเกินรู้ไหม

Tired and in despair, don’t you know?

หมดแรงจะสู้ต่อไปอีกแล้ว

Not enough strength to fight the day

คลื่นลมยิ่งโถมเท่าไร

Wind’s raging on me

เสียงหัวใจยิ่งแผ่ว

The heartbeat gets slow

หมดแล้ว ไม่เหลือใครนอกจากเธอ

Nobody’s here, no one but you



เธอเป็นเพียงสิ่งเดียว

You’re the only one

เป็นเหมือนไม้หลักสุดท้าย

The last straw I’m holding on to

ให้ฉันได้เกาะได้พักหายใจ

For me to rest, to breathe

มีเพียงเธอผู้เดียว

You’re all I’ve got

ที่ฉันมอบหัวใจ

The one my heart goes to

รักเธอเหลือเกิน

I love you so much

และรักยิ่งกว่าสิ่งใด

I love you more than anything



อย่าจากไปไหน

Please don’t go

โปรดอยู่กับฉัน

Stay with me

ชีวิตของฉัน

Here’s my entire life

ฝากไว้อยู่ในมือของเธอ

Leaves it in your hands

ทุกทุกนาทีที่ยังหายใจ

Every minute I take my breath in

เพราะฉันมีเธอ

Because I’ve still had you

ขาดเธอไปซักคน

Without you now, then

ฉันจะทนอยู่อย่างไร

How can I get through it?

ไม่รู้จริงจริง

I just really don’t know
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๕. Love Hurts _9.04.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 09-04-2024 19:00:00


Crime and Love Scene Investigation


๘๕. Love Hurts



เสียงปืนที่ดังขึ้น ทำให้ที่กลางห้างหรูแห่งนั้น เต็มไปด้วยความสับสน โกลาหล และวุ่นวายไปหมด ผู้คนต่างแตกตื่นวิ่งหนีกันจนชุลมุน ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มีเพียงอารียาที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ในมือที่สั่นเทิ้ม ยังคงถือปืนกระบอกสีดำกระบอกนั้นเอาไว้ ท่ามกลางเสียงหวีดร้องตกใจอย่างหวาดกลัวของคนอื่น ๆ ที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอด

“เต้ เต้ อย่าเป็นอะไรนะ” จีนร้องตะโกนแข่งกับเสียงคนกรีดร้องไปทั่ว ก่อนที่เขาจะรีบทรุดตัวลงนั่งที่ข้าง ๆ ของอีกฝ่าย รอยเลือดสีแดงฉานแผ่ขยายไปทั่วเสื้อนักศึกษาสีขาว ที่ฮ่องเต้ใส่อยู่ “เต้ ลืมตาสิ เต้ พูดกับเราก่อน” จีนพูดด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เมื่ออีกฝ่าย ดูนิ่งไม่ไหวติง

“เต้ ลืมตาขึ้นมาก่อน อย่าเป็นอะไรไปนะ” จีนร้องตะโกนเรียกชื่อฮ่องเต้ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น เด็กหนุ่มพยายามดึงร่างของเพื่อนตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้น “เต้ อยู่กับเราก่อน ใครก็ได้” จีนรีบกวาดสายตามองไปจนทั่ว “ใครก็ได้ครับ ช่วยเราสองคนด้วย” จีนร้องเรียกให้คนช่วยจนสุดเสียง ความอุ่นจากของเหลวบนเสื้อของฮ่องเต้ ซึมมาที่ผิวของจีน ที่มันให้ความรู้สึกเย็นเฉียบ พุ่งเข้าไปที่ขั้วหัวใจทันที

“โทรเรียกรถพยาบาลให้ผมที ช่วยเพื่อนผมด้วย” จีนร้องเรียกออกไปอย่างสุดเสียง ลมหายใจของฮ่องเต้แผ่วเบาอยู่ที่ข้าง ๆ แก้มของจีน โดยที่เขาเองก็พยายามจะอุ้มอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจต้องการ จีนกวาดสายตามองไปเจออารียา ที่ยืนมองมาด้วยสายตาว่างเปล่า

“คุณหนู” อารียาหันไปมองทางเสียงเรียกนั้น คนที่พ่อของเธอส่งมา พูดกับเธอด้วยเสียงที่หนักแน่น “ส่งปืนนั่นมาให้ผมเถอะครับ” อารียาได้ยินก็จริง แต่เธอยังกำปืนกระบอกนั้นเอาไว้จนแน่น สายตาของหญิงสาวในตอนนี้ หันมองไปที่คิรินที่กำลังเอาตัวของเขาบังซอโซ่เอาไว้ เพื่อให้อีกฝ่ายหลบอยู่ทางด้านหลัง คิรินมองมาที่อารียา ชายหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ เป็นเชิงห้าม หากว่าอารียากำลังคิดที่จะลั่นไกอีกครั้งหนึ่ง

“คุณหนูครับ อย่าเลยครับ” คนของพ่อเธอ ห้ามอารียาอีกคำรบหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ดึงปืนกระบอกมัจจุราชนั้นอย่างช้า ๆ จนหลุดออกจากมือของหญิงสาว “เอาน้ำขวดนี้ รีบล้างมือให้เรียบร้อยครับ ล้างให้เลยข้อมือขึ้นมาด้วยนะครับ ทั้งสองข้าง” เสียงนั้นกึ่งสั่งให้อารียารีบทำตาม ก่อนจะเอาปืนกระบอกนั้นใส่กระเป๋าที่เตรียมมาด้วย

“แล้วอย่าให้การอะไรกับใครทั้งสิ้นนะครับ กล้องวงจรปิดพวกนี้ คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงครับ” อารียาสบตากับคนที่พ่อของเธอส่งมา “จะไม่มีอะไรสาวมาถึงคุณหนูได้อย่างแน่นอน” อารียายืนฟัง ด้วยน้ำตาคลอหน่วย “มันจะมีแค่หลักฐานว่า คุณหนูอยู่ที่นี่ แค่นั้น ส่วนเรื่องปืน เมื่อหาอาวุธไม่เจอ” พูดจบ อารียาก็เห็นคนที่พ่อเธอส่งมา เดินหายไปท่ามกลางฝูงชน

“อะไรนะ หลานชายของฉันถูกยิง” คุณย่าของฮ่องเต้พูดตอบกลับสายที่เรียกเข้ามาอย่างตกใจ “แล้วเต้เป็นอะไรมากมั้ยคะ” คุณย่าถามกลับไปเสียงสั่น ตอนนี้ความรู้สึกของผู้สูงอายุกำลังหวาดกลัวไปหมด 'ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เราช่วยจนสุดความสามารถแล้ว' คำพูดจากปลายสาย ทำให้คุณย่าของฮ่องเต้ถึงกับชาไปทั้งตัว

คุณย่าของฮ่องเต้มาถึงที่โรงพยาบาล พร้อมกับพ่อและแม่ของฮ่องเต้ ก่อนจะมองเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนร้องไห้จนตัวโยน จีนหันมามองด้วยน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ คุณย่าของฮ่องเต้มองเห็นรอยเลือดเปื้อนเนื้อเปื้อนตัวเด็กหนุ่มคนนั้น คนที่น้ำตาไหลพรากลงมาอย่างไม่ขาดสาย

“เฮ้ย ไอ้เต้ กูขอถามมึงหน่อย นี่มันยังไงกันแน่วะ” พี่เจ้าของร้านกาแฟที่จีนมาทำงานพิเศษ และฮ่องเต้รู้จักดี ถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่า มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง ที่ทำให้รุ่นน้องอย่างฮ่องเต้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ “ไม่มีอะไรพี่” ฮ่องเต้รีบตอบปฏิเสธออกไป ทั้ง ๆ ที่เหมือนกำลังเป็นเด็กถูกจับได้คาหนังคาเขา ว่าแอบกินขนมในห้องเรียน

“มึงมาเพิ่มเงินลงทุนร้านนี้ ที่มึงร่วมหุ้นกับกูไว้ แถมบอกให้กู ให้เงินค่าแรงเจ้าจีนมันเพิ่มอีกเยอะ ๆ แบบนี้ คือไม่มีอะไรเลย ว่างั้น” ฮ่องเต้ต้องเผยยิ้มออกมาแบบเขิน ๆ เพราะพี่เจ้าของร้านพูดกับเขาแบบไม่อ้อมค้อม เมื่อไม่เชื่อว่ามันจะไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น “ผมอยากช่วยเขา” ฮ่องเต้อ้อมแอ้ม ๆ พูดออกมา

“แล้วอีกอย่าง ผมก็อยากไถ่โทษที่เคยคิดกับเขาไม่ดีมาก่อน” พี่เจ้าของร้านถึงกับต้องผ่อนลมหายใจออกมา เมื่อได้ฟังที่ฮ่องเต้เล่า ว่าเพื่อนในห้องรวมถึงตัวเขา เคยเข้าใจผิดเกี่ยวกับจีนว่าอย่างไรบ้าง “นี่ผมก็จ้างพยาบาลพิเศษไปดูพี่โจ พี่ชายของจีนช่วงกลางวัน แต่ผมขอให้พี่โจเก็บไว้เป็นความลับด้วยอีกคน ผมก็เล่าให้พี่โจฟังแบบที่เล่าให้เฮียฟังนี่แหละ ผมรู้สึกผิดมากแค่ไหน” ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าและแววตา ว่าเขาต้องการจะทำให้เรื่องทุกอย่างมันดีขึ้นจริง ๆ

“แต่เฮียอย่าบอกให้จีนรู้นะ ผมกลัวว่าเขาจะปฏิเสธ ไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากผม เฮีย ผมไม่อยากเห็นเขาลำบากอีกเลยจากนี้ตลอดไป” พี่เจ้าของร้านพยักหน้าอย่างเข้าใจ “จีนมันเป็นคนดีมากนะ ทั้งขยัน ทั้งอดทน ใครได้มันไปเป็นแฟน ถือโชคดีมาก” คำพูดของรุ่นพี่เจ้าของร้านกาแฟ ทำให้ฮ่องเต้ยิ้มกว้างออกมาได้

“ไอ้เต้ ไม่ทันแล้วว่ะมึง” ฮ่องเต้ถึงกับต้องหุบยิ้ม เมื่อว่าเย็นนี้ เขารีบบึ่งรถมารอรับอีกฝ่ายทันที ที่มีโอกาส “จีนมันมาขอลาออกไปแล้ว” พี่เจ้าของร้านพูดด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดอย่างเต็มประตู “คือ มันมาได้ยินตอนที่กูคุยกับบัญชีพอดี เรื่องที่มึงมาเพิ่มเงินลงหุ้นร้าน และให้เพิ่มเงินค่าแรงให้ไอ้จีน มันก็เลยขอลาออกไปแล้ว” ฮ่องเต้ได้แต่ทำหน้าเซ็ง ที่เหตุการณ์มันดันออกมาในรูปนี้

“กูพยายามขู่มันว่า เดี๋ยวในจะไม่ได้เงินที่ทำมาทั้งหมดเดือนนี้ มันก็บอกว่ากับกูว่าไม่เป็นไร มันไม่เอา เฮ้ย จะไม่เอาได้ยังไงกัน มันไม่ได้ทำอะไรผิด กูเลยโอนเงินค่าแรงทั้งหมดให้จีนมันไปด้วยแล้ว เพราะรู้ว่ามันต้องใช้เงิน ยังไงกูขอโทษมึงด้วยไอ้เต้ กูไม่นึกว่าจีนมันจะมาได้ยิน” ฮ่องเต้พยักหน้าให้กับพี่เจ้าของร้าน เพราะเขารู้ดีว่า รุ่นพี่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้

“แต่กูพอรู้นะเว้ย ว่าจีนมันจะไปสมัครทำงานที่ร้านไหน” แววตาของฮ่องเต้ดูมีประกายขึ้นมาในทันที เมื่อได้ยินแบบนั้น “ผมจะรีบไปหาจีน คราวนี้ผมจะบอกกับจีนถึงความรู้สึกที่ผมมี ถ้าเป็นไปได้ ผมจะบอกรักจีน ผมจะขอจีนเป็นแฟน” ฮ่องเต้เองก็ไม่รอช้า เมื่อได้รับรายละเอียดร้านกาแฟที่จีนจะไปเริ่มงานใหม่ เขาก็รีบขับรถไปที่ห้างหรูกลางกรุงในทันที

“จีน จีนฟังเราพูดก่อน” ฮ่องเต้รีบห้ามจีนเอาไว้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะเดินหนี ในเมื่อมีโอกาสอยู่กับจีนตรงนี้แล้ว “จีน จีนฟังเรานะ จีนฟังเราพูดให้ดี ๆ” จีนมองฮ่องเต้ เดินเข้ามาหา เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา ฮ่องเต้ยืนใกล้กันด้วยสายตาที่ประสานเอาไว้อย่างมั่นคง “จีนครับ” ฮ่องเต้พูดขึ้น ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้น กึกก้องไปทั่วบริเวณ

ชนธัญมองไปที่อารียา ที่ตอนนี้หญิงสาวนั่งนิ่ง แบบมีน้ำตาคลอหน่วย ที่พร้อมจะไหลลงอาบแก้มได้ทุกวินาที สิ่งที่เธอพูดบอกกับสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญออกไป มันแฝงไปด้วยความบอบช้ำทางอารมณ์อยู่ไม่น้อย เธอเองเพียงต้องการที่จะมีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์แบบ จากพื้นฐานครอบครัวของเธอ ที่เธอถูกเลี้ยงดูปลูกฝังมาว่า หญิงสาวที่สุดแสนจะเพอร์เฟกต์แบบเธอ ต้องมีเพียงผู้ชายที่เพียบพร้อมเท่านั้น ถึงจะคู่ควร

“สารวัตรพูดกับฉันว่า สิ่งที่ฉันทำมันผิด” อารียาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาที่หยดล้นจากขอบตา ทำให้เธอเบือนหน้าหนีไปจากทีมสืบสวนสอบสวน “สารวัตรคิดว่าตัวเองรักคนผิดมั้ยคะ” อารียาพูด ก่อนจะหันกลับมามองไปที่ใบหน้าของชนธัญ หญิงสาวพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่ริมฝีปากที่สั่นระริก ทำให้มองเห็นเพียงแต่ความเจ็บปวดที่มีอยู่ภายในใจ

“คุณอ้างกับเจ้าหน้าที่สอบปากคำเองต้นในที่เกิดเหตุว่า คุณไม่ได้เป็นคนยิงผู้ตาย” สารวัตรรัฐนนท์พยายามทำหน้าที่อย่างมืออาชีพที่สุด ชนธัญมองตามเอกสารที่สารวัตรหนุ่มหล่อ เลื่อนไปหยุดอยู่ที่ตรงด้านหน้าของอารียา “การตรวจครั้งแรก ไม่พบคราบ Gunshot Residue ที่มือทั้งสองข้างของคุณแต่อย่างใด” สารวัตรรัฐนนท์ชี้ไปที่เอกสารใหม่ตรงหน้าหญิงสาว

“แต่ทางทีม Ballistic ตรวจสอบพบคราบเขม่าดินปืน จากเสื้อผ้าชุดที่คุณสวมใส่ในวันนั้น ร่องรอยของ GSR อยู่ที่แขนเสื้อด้านขวาของคุณ แม้คุณจะอ้างว่าคุณเป็นคนถนัดซ้าย แต่ตอนที่คุณกรอกเอกสารคำให้การ ในเทปวิดีโอที่บันทึกเอาไว้ คุณเขียนหนังสือด้วยมือขวา” อารียายิ้มให้กับสารวัตรหนุ่ม พยักหน้าช้า ๆ น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม

“สารวัตรเคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิง เพียงเพราะผิดหวังจากความรักมั้ยคะ” อารียามองไปที่ชนธัญที่นั่งฟังอยู่อย่างเงียบ ๆ สารวัตรหนุ่มหล่อเหลือบมองไปที่หนุ่มหน้าใส ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ช่วยพูดเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วยครับ” ชนธัญเหลือบไปมองที่ใบหน้าของสารวัตรหนุ่ม ที่ไม่มีคำตอบให้กับคำถามนั้นของอารียา

“ไม่ ใช่มั้ยคะ” อารียาพูดขึ้นอีกครั้ง “สิ่งที่ฉันเจอ ใครจะเข้าใจคะ ถ้าไม่ได้มาเจอแบบที่ฉันเจอ” อารียาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะน้อยใจ “ถ้าบอกกับฉันมาตรง ๆ ฉันอาจจะยอมถอยให้ก็ได้ เพราะฉันก็เป็นผู้หญิงที่ต้องการจะแต่งงานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น” ในความเห็นใจที่ชนธัญมีให้กับหญิงสาวอย่างอารียา แต่กับผลตรวจที่เขาได้คุยกับด็อคเตอร์ดุมาก่อนหน้านี้นั้น มันทำให้ต้องกลืนความเห็นใจต่อเธอเอาไว้ เพราะต้องรักษาความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน

“ผู้ตายได้เข้ารับการตรวจดีเอ็นเอเอาไว้ พร้อมกับร้องต่อศาลให้มีคำสั่ง ตรวจสอบดีเอ็นเอกับลูกที่กำลังจะคลอดของคุณ” ชนธัญยื่นเอกสารอีกชุดให้กับทางอารียาได้ดู “ทางผู้ตายเชื่อว่า เขาเป็นพ่อที่ถูกต้องตามกฎหมายของเด็กที่กำลังจะเกิด” อารียายู่หน้าร้องไห้ แบบคนที่ไม่สามารถกักกลั้นความรู้สึกได้อีกแล้ว

“มันตายไปแล้ว มันยังตามราวีฉันไม่เลิกอีกใช่มั้ย มีฉันเพียงคนเดียวใช่มั้ย ที่เป็นคนทำร้ายคนอื่น แล้วผลกระทบที่ชีวิตฉันต้องได้รับล่ะ มีใครเห็นใจฉันบ้างไหม” อารียากรีดร้องออกมาดังลั่น “ซึ่งทางคุณคิรินเองก็ยื่นคำร้องขอตรวจดีเอ็นเอใหม่ โดยเทียบผลการตรวจของเขากับผู้ตาย รวมถึงมีคำสั่งศาลให้คุณเข้ารับการตรวจหลังจากที่คลอดบุตรแล้ว ส่วนตัวเด็กนั้น ต้องรอคำวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ว่าจะตรวจได้เมื่อไหร่ ถึงจะปลอดภัยต่อตัวเด็ก” ชนธัญได้แต่เห็นใจหญิงสาว แต่ไม่สามารถพูดออกไปได้ รวมถึงได้แต่เก็บเอาแววตาที่แฝงไปด้วยความหมายและความรู้สึกลึก ๆ ของสารวัตรรัฐนนท์เอามาเก็บเอาไว้ในใจ

“ฮ่องเต้เป็นหลานของฉัน” จีนยกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า พยายามกักเก็บน้ำตาเอาไว้ เมื่ออยู่ต่อหน้าครอบครัวของอีกฝ่าย “ฉันเป็นย่าของเขา” จีนเองรู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั้นตัวเล็กลงกว่าเดิมอีกเป็นพันเท่า เมื่อได้ยินย่าของฮ่องเต้ถามเขาออกมาว่า “เธอเป็นอะไรกับหลานของฉัน ทำไมตอนที่เกิดเรื่อง ตอนที่เขาโดนยิง ฮ่องเต้ถึงอยู่กับเธอ” จีนได้แต่ก้มหน้ามองมือทั้งสองข้างของตัวเอง ที่ยังเปรอะคราบเลือดของฮ่องเต้ ที่จีนบีบมันไว้จนแน่น

**************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

มงกุฎดอกส้ม - นันทิดา แก้วบัวสาย

https://www.youtube.com/watch?v=x6z0xCk3Epk


ผิดหรือไรเมื่อใจหนึ่งดวงนี้

Am I that wrong? This is my heart,

อยากทะยานให้ไกลดังใจฝัน

It wants to just fly as high as it needs

ผิดก็ยอมไม่เคยเสียใจในความเป็นไป

So be it, guilty, I don’t regret it to be

ขอเพียงมีสิทธิ์รักเท่านั้น

This is my right to love


แหละหัวใจไม่เคยจะยอมแพ้

This very heart of my, it won’t give up

เจ็บเท่าไรไม่เคยจะหยุดฝัน

It hurts me so bad but I won’t stop dreaming

ผิดก็ยอมจะเป็นหรือตายเอาใจเดิมพัน

So let it be, guilty, my heart bets to live or die

ขอเพียงมีวันหนึ่งฝันจะเป็นจริง

All my heart desires the day it becomes real


สวมชุดเจ้าสาว ขาวบริสุทธิ์

The bride, on a pure white wedding dress

สีของความมั่นคงในรักแท้

The color of a defined true love

รอคอยเพียงเธอไม่เคยเปลี่ยนแปร

Waiting for you, I won’t change my mind

จะขอรอเพียงแต่เธอผู้เดียว

I am longing for you, only you


ผิดหรือไรถ้าคนหนึ่งคนนี้

Is it a crime? If I myself

จะรักใครสักคนสุดชีวิต

Will love someone with all my heart?

ผิดก็ยอม เมื่อใจรักเธอเพียงเธอคนเดียว

So, I’m guilty as charged to loving you, just only you

แม้จะนานเท่าไหร่ฉันยังรอเธอ

No matter how long it takes, I’ll be waiting for you
หัวข้อ: Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๖. Accountable for_18.04.2024
เริ่มหัวข้อโดย: KADUMPA ที่ 18-04-2024 21:00:00


Crime and Love Scene Investigation


๘๖. Accountable for


“หมอว่า มันไม่น่าจะผิดไปจากที่หมอคาดเอาไว้นะ เคสนี้” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดขึ้น โดยมีชนธัญมองตามสายตาของด็อคเตอร์สาวไปยังผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน โดยที่คนหนึ่งกำลังกรอกเอกสารยินยอมการเก็บผลการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อทำการยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าตัวเองไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเด็กที่ยังไม่ลืมตามาดูโลก

“ฟังดูแล้ว เหมือนกับเขาเป็นผู้ชายที่ใจร้ายเลยนะครับ” ชนธัญหันมาสบตากับด็อคดุ โดยที่ด็อคเตอร์สาวถอนหายใจแรง ๆ ออกมา “ใช่เลยนะหมอว่า” ด็อคดุตอบอีกฝ่ายไป “ถ้าเราไม่ได้ฟังเรื่องทั้งหมด ไม่ได้รู้ความเป็นมาเป็นไป ว่าเรื่องจริง ๆ แล้ว มันเป็นยังไงกันแน่” ชนธัญได้ยินแบบนั้น ก็พอจะทำความเข้าใจได้ในทันที

“มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ แต่ก็เข้าใจได้” ชนธัญมองไปที่คิรินที่ยื่นเอกสารที่เซ็นรับรองทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้ทำการเก็บตัวอย่างที่ใช้ในการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีซอโซ่นั่งอยู่ด้วย เพราะคิรินยืนยันกับทุกคนว่า ซอโซ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องที่เขาตัดสินใจหย่าขาดกับอารียา

“คุณคิรินเขายื่นต่อศาลขอผลการตรวจชันสูตรศพของเต้ เด็กหนุ่มที่เสียชีวิต ทั้งเรื่องสาเหตุการเสียชีวิต รวมถึงเรื่องที่ตรวจพบรอยแปลกปลอมที่ข้อพับแขน” ด็อคเตอร์ดรุณีอธิบายถึงขั้นตอนที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ “หมอคาดเอาไว้แล้วล่ะ ว่ารอยเจาะสอดท่อพลาสติกที่แขนของเต้ ถูกใช้เพื่อบิดเบือนผลตรวจตั้งแต่แรก ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต” ชนธัญมองดูคิรินสวมกอดซอโซ่จนแน่น

“รอยเจาะสอดท่อเป็นรอยเก่า ที่เต้เพิ่งใส่ท่อกลับเข้าไปที่เดิมก่อนที่จะเสียชีวิต คาดว่าจะเป็นวันเดียวกัน ท่อนั้นก็คงใช้วิธีการเติมเลือดของคนอื่นที่ไม่ใช่ของเต้ ฉีดเข้าไปก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่จากแล็บเอกชนแห่งนั้น เจาะเลือดไปตรวจ และก็คงไม่พ้น เป็นเจ้าหน้าที่ที่ยอมจำนนต่อเงินก้อนมหาศาลที่ถูกเอามาล่อต่อล่อใจ ผลแล็บที่ตรวจก่อนหน้านี้ทั้งที่ตรวจยืนยันแล้ว จึงออกมาบอกว่า เต้ไม่ใช่พ่อที่แท้จริงอย่างที่คุณคิรินสงสัย” ชนธัญนึกไปถึงหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ ที่ผู้เป็นพ่อและตัวเธอ ตัดสินใจทำอะไรแบบนั้นลงไป

“สารวัตรัฐนนท์สั่งการให้หน่วยสืบสวน นำกำลังไปคุมตัวเจ้าหน้าที่แล็บคนนั้นแล้ว อีกไม่นานคงได้เรื่อง” ด็อคเตอร์ดุพูดยังไม่ขาดคำ ชนธัญก็เห็นสารวัตรหนุ่มหล่อ เดินเข้ามา ก่อนจะพยักหน้าให้ชนธัญและด็อคเตอร์ดรุณีรับทราบว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้ว่าเจ้าหน้าที่แล็บจะยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาก็ตาม

“แล้วคุณอารียาจะเป็นยังไงต่อไปครับหมอ” ชนธัญถามด็อคเตอร์สาวออกไป ทางฝ่ายแพทย์สาวเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้น ก่อนจะผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ออกมาอีกครั้ง “ตอนนี้ทำได้แค่เก็บตัวอย่างภายนอกร่างกาย เช่นเส้นผม น้ำลาย ได้เท่านั้น ส่วนตัวอย่างเลือดคงต้องรอให้เธอคลอดเด็กออกมาเสียก่อน เพื่อป้องกันอันตรายทั้งตัวแม่และเด็ก” ด็อคเตอร์ดุอธิบายรายละเอียด

“แล้วตัวเด็กเอง ก็คงต้องรอคำสั่งศาล ว่าจะสามารถเริ่มกระบวนการตรวจได้เมื่อไหร่ กว่าจะรู้ผลกันจริง ๆ ก็คงจะเป็นปี ๆ แต่ถ้าจะถามเรื่องหลังจากคลอดแล้ว เด็กจะเป็นยังไง ก็คงต้องให้อยู่กับทางญาติของผู้เป็นแม่ แต่นั่นคงจะหลังจากที่เด็กหย่านมแล้ว สภาพหลังคลอดจนถึงวันนั้นในเรือนจำคงไม่น่าดูเท่าไรนัก” จากหลักฐานทางนิติเวชที่ทางอารียาหาข้อแก้ต่างมาหักล้างไม่ได้ เธอจึงถูกควบคุมตัวเอาไว้สืบสวนก่อน โดยที่ทางบิดาของเธอ ก็กำลังวิ่งเต้นกับหน่วยงานใหญ่ ๆ วุ่นวายไปหมด แต่กับกรณีนี้ที่เป็นข่าวสะเทือนขวัญไปทั่วประเทศ อะไร ๆ ก็คงไม่ง่ายดังใจนัก

“เต้เองก็ต้องได้รับความยุติธรรมเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะช่วยทางครอบครัวของคุณอารียาเรื่องการตรวจเลือดไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่เขาเป็นถือผู้เสียหายคนหนึ่งเช่นกัน ที่ต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้” เมื่อด็อคดุพูดจบ ก็มีเสียงของคิรินดังถามขึ้นมา “จะเป็นไปได้มั้ยครับ ถ้าผมกับโซ่จะขอเข้าไปคุยกับอารียาสักครู่” สารวัตรรัฐนนท์เดินเข้ามาสมทบพอดีกับที่ได้ยินคำถามของคิริน

“เราไม่สามารถให้พวกคุณคุยกันตามลำพังได้นะครับ อีกอย่าง ผมไม่อยากให้เกิดการปะทะคารมหรือด่าทอกัน เพราะตอนนี้มันมีคดีความที่เกี่ยวพันต่อเนื่องกันอยู่” สารวัตรรัฐนนท์บอกไปตามจริง รวมถึงพูดปรามเหตุการณ์เอาไว้ก่อน ว่าทุกคนจะต้องไม่ใช้อารมณ์ทุ่มเถียงกัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไร “ผมรับรองครับ ว่าจะไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน” คิรินพูดรับรองกับสารวัตรหนุ่มหล่อ ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“ถ้าจะเข้ามาเพื่อซ้ำเติมกันล่ะก็ อย่าเสียเวลาดีกว่า ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น” ทันทีที่อารียาเห็นว่าเป็นใครที่เดินเข้ามาในห้องสืบสวนสอบสวน เธอก็เอ่ยออกไปในทันที ยิ่งเห็นว่าคิรินไม่ได้เข้ามาเพียงลำพังด้วยแล้ว หญิงสาวรีบเบือนหน้าไปอีกทาง เมื่อซอโซ่ตามคิรินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ โดยที่มีสารวัตรรัฐนนท์เดินเงียบ ๆ ไปยืนอยู่มุมห้อง คอยสังเกตการณ์

“ผมไม่ได้จะเข้ามาพูดจาซ้ำเติมอะไรคุณหรอกนะ อารียา” เจ้าของชื่อพ่นลมหายใจออกมาอย่างขุ่นเคือง “ที่พากันจูงมือมากันทั้งคู่แบบนี้เนี่ยนะ ถ้าไม่ใช่จะมาเยาะเย้ยว่าฉันเป็นฝ่ายแพ้ แล้วมันจะหมายความเป็นอย่างอื่นอะไรไปได้” น้ำเสียงของอารียายังไม่สามารถระงับทั้งความโกรธ ความเสียใจลงได้ จากที่เคยเรียกตัวเองอย่างน่ารักว่ารียา มาตอนนี้ มันเหลือแต่สรรพนามที่แสดงความเหินห่าง แปลกหน้าต่อกันเท่านั้น

“เราก็แพ้กันทั้งหมดนี่แหละ ผมก็ไม่เห็นว่าใครจะมีความสุขกันสักคน ทั้งตัวคุณ ตัวผม หรือแม้แต่โซ่เอง” ซอโซ่มองไปที่อารียาด้วยสายตาที่แสดงความห่วงใยออกไป ว่าเขาเองก็มาหาด้วยความเป็นมิตรที่ตั้งเอาไว้ในใจ “สมใจคุณสองคนแล้ว จะพูดอะไรก็ได้แล้วนี่” อารียาพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ็บช้ำ ที่ต้องทนกล้ำกลืนมันลงไป

“มันผิดที่ผมเอง ผมไม่ควรตอบตกลงแต่งงานกับคุณตั้งแต่แรก” คิรินพูดอย่างคนที่รู้สึกตัว ว่าเขาเองได้ทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง “ผมอยากขอโทษคุณด้วยเช่นกัน ถ้าวันนั้นผมจะยืนกรานตามเรื่องที่ผมเล่าให้คุณฟัง ว่าซอโซ่เป็นใคร แล้วทำไมผมถึงได้ตามหาเขา แม้ว่าคุณจะคิดว่าทั้งหมดมันเป็นข้ออ้างที่จะไม่ยอมแต่งงานกับคุณก็ตาม” คิรินพรั่งพรูคำพูดที่อยู่ในใจออกมา

“ผมควรจะหนักแน่นกับความรู้สึกของตัวเอง และไม่ควรทำให้คุณต้องมีชีวิตที่แย่แบบนี้ ต่อให้คุณจะไม่เชื่อเรื่องที่ผมเล่าเกี่ยวกับซอโซ่ก็ตาม” อารียาปากคอสั่นไปด้วยอารมณ์หลากหลาย เมื่อได้ยินคิรินพูดแบบนั้น “ผมขอโทษคุณจากใจ” อารียามองหน้าสามีของเธออย่างโหยหา แต่ในเวลานี้ เธอเองไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเขาอีกต่อไป เธอรู้แล้วว่า คิรินดำเนินการฟ้องศาลเพื่อหย่าขาดจากเธอ

“ฉันมันเลวมากในสายตาของคุณสินะคะ คิริน” คำถามของอารียา ทำให้คิรินขยับตัวหันหน้าไปมองทางสารวัตรรัฐนนท์ ที่กระแอมเตือนว่า สารวัตรหนุ่มได้ให้เวลาคิรินและซอโซ่มากพอแล้ว และไม่อยากให้เกิดการทุ่มเถียงอะไรกันอีก “ที่ผมกับซอโซ่มาหาคุณ ผมอยากจะช่วยเรื่องของลูกคุณ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมกับซอโซ่ยินดีรับเลี้ยงแกเอง ผมรับรองว่า แกจะดีรับการดูแลอย่างดีที่สุด แกจะไม่ลำบาก และคุณเองก็จะไม่ลำบากตอนอยู่ในนั้น” อารียามองสลับไปที่คิรินที ซอโซ่ที น้ำตาของเธอไหลลงอาบสองแก้ม

“ทีตอนแรก แกทำไมถึงไม่ยอมรับเด็กในท้องของลูกสาวฉันล่ะฮึ ทีอย่างนี้จะมาทำดีเอาหน้า จะเอาหลานของฉันไปเลี้ยงดูกับไอ้กะเทยคู่ขา แบบนี้มันหยามน้ำหน้ากันชัด ๆ” ทันทีที่พ่อของอารียาเจอหน้าคิรินกับซอโซ่ เมื่อคนทั้งคู่กำลังจะขับรถออกจากหน่วยสืบสวนสอบสวนพิเศษ ก็ตรงเข้าพูดจาฉะทั้งสองคนอย่างไม่ไว้หน้า

“ก็ก่อนหน้านี้ ลูกสาวคุณพ่อหลอกผมเรื่องผลการตรวจดีเอ็นเอ คุณพ่อคิดว่าผมควรจะทำยังไง ไม่ใช่คุณพ่อเองหรือครับที่พาลูกสาวตัวเองทำเอาต่อมิอะไร ที่เป็นผลทำให้ชีวิตเข้ารกเข้าพง จนเรื่องมันบานปลายเลยเถิดมาถึงตอนนี้ จนมีคนต้องตาย เพียงเพราะการอยากเอาชนะกัน ด้วยวิธีที่ผิด ๆ ด้วยความคิดที่ไม่สนว่าใครจะต้องเดือดร้อนยังไง” คิรินพูดด้วยความนิ่งทั้งท่าทางที่แสดงออก และความมั่นคงทางอารมณ์

“ถ้าคุณพ่อคิดว่าจะยังไม่หยุด และยังจะดันทุรังไปต่อกันแบบนี้ เราคงจะต้องสู้กันสักตั้ง แต่มันมีวิธีที่ดีกว่า ที่จะไม่ต้องเจ็บปวดกันไปมากกว่านี้ และเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกคน ลูกสาวคุณพ่อกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่นะครับ คดีฆ่าคนตายนะครับ แถมยังจะคดีปลอมแปลงเอกสาร บังคับขู่เข็ญให้คนอื่นทำความผิดอีก คุณพ่อใช้เวลานี้เอาไปคิดให้ดี ทางทนายผมจะส่งเอกสารมาให้อารียาเซ็นยินยอมในอีกหนึ่งสัปดาห์ ผมมีเรื่องจะพูดแค่นี้ครับ” คิรินพูดจบก็พาซอโซ่ขับรถออกไปจากตรงนั้นในทันที โดยไม่สนใจว่า พ่อของอารียาจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงต่อไปแค่ไหน

อารียานั่งร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ตามลำพัง หลังจากที่พ่อของเธอเพิ่งเดินมาโวยวายใส่เธอ ถึงความคิดไม่เข้าท่าที่หญิงสาวมี เธอนั่งลูบท้องที่โตจนใกล้ถึงวันกำหนดคลอด เธอกำลังหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดกับเธอขึ้นต่อไป คำว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ แวะเข้ามาทักทายเธอในห้วงความคิดอยู่บ่อยครั้ง น้ำตาของเธอในวันนี้ มีแค่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ช่วยปาดมันทิ้ง

***********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

ไม่ผิดใช่ไหม - มาลีวัลย์ เจมิน่า

https://www.youtube.com/watch?v=mgAm4eyLjXE


ผิดไหม กับการที่ฉันจะรักใคร

Is it bad? That I am so in love with someone

รักใคร จนสุดชีวิตอย่างนี้

Love him so much, wholeheartedly

ทั้งที่รู้ว่าสายไป

Though it’s too late

ใจยังมั่นในรัก ยังภักดี

My heart is faithful, and loyal

และไม่เคยจะเสียใจ

I never regret it


เมื่อไม่ได้เป็นคนคนเดียว

I am not the one and only

ที่ในใจเธอ

In your heart

คนโชคดีที่สุดคนนั้น

The luckiest person there is

ก็อยากจะเป็นเพียงคนหนึ่ง

I wish I would be just one

ที่รักแต่เธอ ที่มีเพียงเธอ

That loves you, always have you

ไม่ผิดใช่ไหม

It isn’t wrong, is it?


โปรดรู้ว่าใจดวงนี้จะรักเธอ

Please know, that this heart belongs to you

รักเธอ จนชั่วดินฟ้าสลาย

Love you until the end of time

รักทั้งรู้ว่าสายไป

Still love you though it’s late

ใจยังไม่หวั่นไหว ยังรักเธอ

Nothing can change my mind, I’m in love with you

ไม่ว่าเธอจะรักใคร

Doesn’t matter who you do love


เมื่อไม่ได้เป็นคนคนเดียว

I am not the one and only

ที่ในใจเธอ

In your heart

คนโชคดีที่สุดคนนั้น

The luckiest person there is

ก็อยากจะเป็นเพียงคนหนึ่ง

I wish I would be just one

ที่รักแต่เธอ ที่มีเพียงเธอ

That loves you, always have you

ไม่ผิดใช่ไหม

It isn’t wrong, is it?


กับการที่ใครสักคนหนึ่ง

For someone who wants to

จะมีใจรักเพียงแต่เธอ

Love you and will be only you

จากนี้และตลอดไป

From now and forever


เมื่อไม่ได้เป็นคนคนเดียว

I am not the one and only

ที่ในใจเธอ

In your heart

คนโชคดีที่สุดคนนั้น

The luckiest person there is

ก็อยากจะเป็นเพียงคนหนึ่ง

I wish I would be just one

ที่รักแต่เธอ ที่มีเพียงเธอ

That loves you, always have you

รักเธอ

Love you

ไม่ผิดใช่ไหม

Isn’t it guilty?