พิมพ์หน้านี้ - ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: sarawatta ที่ 02-12-2015 14:37:26

หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 02-12-2015 14:37:26
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

(http://bit.ly/2lPHQVt)

เขา...คือความผูกพันเมื่อ 13 ปีที่แล้ว
เขา...คือเงาที่ติดตามผมไปทุกหนทุกแห่ง
เขา...คือพี่ชายที่แสนดี
ผมรักเขา...


แฟรงค์ วศินภัทร์ ชลาสัย - หนุ่มไฟแรงเจ้าของรีสอร์ทและบ่อตกปลาเขตชานเมืองกรุงเทพ ชีวิตสมบูรณ์แบบทั้งการงานและความรัก แต่...ในใจลึกๆ กลับโหยหาใครคนหนึ่งเสมอ

นัท ธนวรรธน์ โฆษะนาม - หนุ่มดีกรีปริญญาโทด้านการจัดการการท่องเที่ยว เพราะความผูกพันกับเพื่อนผู้เป็นเสมือนพี่ชาย แม้จากกันไปนานแล้ว แต่เงาแห่งอดีตยังตามเขาไปทุกลมหายใจ



อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ด กรุณาอ่านทุกคน
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วย

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

คำเตือน(1)! มีการใช้ภาพหรือ image ของตัวละคร ถ้าไม่ชอบ ลองขยับมุมคิดสักนิด หาด้านบวกอื่นๆ อีกหน่อย ถ้าไม่ไหวก็เลือกอย่างที่สบายใจ ไม่มีปัญหาครับ
คำเตือน(2)! ไม่นิยมคนอ่านนิยายทิ้งขว้าง ขอให้ตั้งใจมาอ่านจริงๆ นะครับ




สารบัญ

✥ บทนำ ❤️ การกลับมาของพี่ชาย (http://bit.ly/1Q6bGwY) ✥
✥ ตอนที่ 1 ❤️ ในอ้อมกอดของพี่ชาย (http://bit.ly/1PGE3BX) ✥
✥ ตอนที่ 2 ❤️ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ (http://bit.ly/1IMIbsz) ✥
✥ ตอนที่ 3 ❤️ ในจินตนาการของพี่ชาย (http://bit.ly/1TvuLGM) ✥
✥ ตอนที่ 4 ❤️ เงารักลวงใจ (http://bit.ly/1NhSuXt) ✥
✥ ตอนที่ 5 ❤️ เพียงหนึ่งคืนที่ฝันร้าย (http://bit.ly/1NRI5kp) ✥
✥ ตอนที่ 6 ❤️ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน (http://bit.ly/1NkrlW7) ✥
✥ ตอนที่ 7 ❤️ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม (http://bit.ly/1RkZed9) ✥
✥ ตอนที่ 8 ❤️ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย (NC) (http://bit.ly/1P6voaL) ✥
✥ ตอนที่ 9 ❤️ วันฟ้าใสที่เขาค้อ (http://bit.ly/1m7ONg2) ✥
✥ ตอนที่ 10 ❤️ บอกอะไรป่านนี้ (http://bit.ly/1Zfruzk) ✥
✥ ตอนที่ 11 ❤️ แสงดาว ลมหนาว ความรัก (http://bit.ly/1T62iYh) ✥
✥ ตอนที่ 12 ❤️ ความผูกพันที่เคยลืม (http://bit.ly/1UUpgTD) ✥
✥ ตอนที่ 13 ❤️ พ่อบ้านแฟรงค์ (http://bit.ly/1My4Vg8) ✥
✥ ตอนที่ 14 ❤️ รักใหม่ที่บ้านเกิด (http://bit.ly/1YJ9MC9) ✥
✥ ตอนที่ 15 ❤️ เดือดศึกสายเลือด (http://bit.ly/1JJc4ud) ✥
✥ ตอนที่ 16 ❤️ กรรมของคนหน้าด้าน (http://bit.ly/1IJ7Urh) ✥
✥ ตอนที่ 17 ❤️ Desperado (http://bit.ly/1ZGrFnw) ✥
✥ ตอนที่ 18 ❤️ นารีขี่ม้าขาว (http://bit.ly/1mZyySM) ✥
✥ ตอนที่ 19 ❤️ The Elope Wedding (http://bit.ly/1O14tey) ✥
✥ ตอนที่ 20 ❤️ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว (http://bit.ly/1UwdPAF) ✥
✥ ตอนที่ 21 ❤️ กำเนิด Straw'ry Cafe (http://bit.ly/1ZgigB9) ✥
✥ ตอนที่ 22 ❤️ สองใจกับหนึ่งฝัน (http://bit.ly/1Kly3aT) ✥
✥ ตอนที่ 23 ❤️ ขอขมาลาโทษ (http://bit.ly/1S6WXkN) ✥
✥ ตอนที่ 24 ❤️ Your Story Counts! (http://bit.ly/1Qp9Epu) ✥
✥ ตอนที่ 25 ❤️ รักนิรันดร์ (จบ) (http://bit.ly/20v3Xem) ✥

ตอนพิเศษ

✥ ตอนพิเศษ 1 ❤️ หนึ่งวันของพี่แฟรงค์กับน้องนัท (http://bit.ly/1m6vpAH) ✥
✥ ตอนพิเศษ 2 ❤️ อีเมล์จากน้องสาว (http://bit.ly/1mCAzE9) ✥

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและให้ความสนใจนะครับ
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

:) Sarawatta :)

ผลงานปัจจุบันที่กำลังเขียนอยู่

❤️ (✘) ไร้รัก ✥ Lovelessly
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50496.0

◄⎈interstellar⎈► รัก➀ล้านปีแสง
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50955.0

ผลงานที่ผ่านมา

◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32450.0

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ▚▚▚
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.0

▓ ▒ ░ ต้นสน: มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่? (V2) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32768.0

▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32188.0

▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย (V3) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.0

✿✿ ธุรกิจนี้มีรัก ✿✿
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46884.0
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ บทนำ ▒ 2.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 02-12-2015 14:45:08
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

บทนำ ✢ การกลับมาของพี่ชาย


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

ถนนสุวินทวงศ์...

ถ้าไม่ใช่เพราะป้ายบอกทางต่างๆ หรือหลักเขตที่บอกว่าที่นี่ยังเป็นกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์อยู่ ผมคงนึกว่าตัวเองหลงเข้ามาในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยไปแล้ว สภาพบ้านเรือนและถนนหนทางในแถบนี้ยังคงดูคล้ายต่างจังหวัดอยู่มากทีเดียว ตึกรามบ้านช่องยังอยู่ห่างๆ กัน ไม่มีตึกสูงโผล่มาให้เสียทัศนียภาพ ช่วยย้ำเตือนความจำมนุษย์ตัวจ้อยได้ดีทีเดียวว่าฟ้านั้นอยู่สูงกว่าที่คิด

เขตหนองจอก...

ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพ เรียนหนังสือและทำงานอยู่ที่นี่หลายปี ผมกลับไม่เคยมาที่เขตนี้เลย ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ากรุงเทพมีพื้นที่สำหรับการเกษตรและชุมชนต่างจังหวัดอย่างนี้อยู่ด้วย ถ้าถ่ายรูปกับทุ่งนาแถวๆ นี้แล้วเอาไปให้เพื่อนๆ ฝรั่งของผมดู พวกมันต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่านี่คือกรุงเทพ ผมเองยังไม่อยากเชื่อเลยด้วยซ้ำ

"เป็นไงแถวบ้านกู"

"ดีว่ะ เหมือนต่างจังหวัดเลย กูชอบ"

"แต่ยังไงๆ ก็ยังไม่สวยเท่าบ้านมึงหรอก กูชอบบรรยากาศแถวบ้านมึงมากกว่า"

"ก็แหงดิ บ้านกูเป็นจังหวัดท่องเที่ยวนี่หว่า ก็ต้องสวยอยู่แล้ว แต่กูว่าที่นี่ก็ดีนะเว้ย อากาศดี วิวก็สวย ไม่แออัด ไม่วุ่นวายดี"

"แล้วถ้าจะให้มึงมาอยู่มึงจะมามั้ย"

"ไม่ดีกว่า" หัวเราะแหะๆ แล้วพูดต่อ

"สงสัยกูคงจะหลงแสงสีเสียงแบบกรุงเทพไปแล้ว อยู่ที่นี่กูคงอึดอัดตายเลย มึงอยู่ได้ไงวะไอ้ปอนด์"

"ไอ้นี่...มึงก็พูดเกินไป หนองจอกไม่ได้ล้าหลังขนาดนั้นนะเว้ย อยากจะเข้าไปในเมืองหาแสงสีเสียงก็ไม่ได้ยากซะหน่อย ใกล้แค่นี้เอง"

เพื่อนผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมกับปอนด์ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัย ผมนึกสงสัยว่าจะมีสักกี่คนที่จะอยู่กับเราไปจนวันตาย แม้อายุเพียงยี่สิบเศษๆ อย่างผมยังต้องเจอการจากลานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนแถวบ้านที่วิ่งเล่นด้วยกันสมัยเด็กๆ เพื่อนสมัยประถม มัธยม มหาลัย เพื่อนตอนทำงานหรือเพื่อนตอนไหนๆ เราต่างเจอกันแค่ช่วงเวลาหนึ่ง สุดท้ายต่างคนต่างมีทางของตัวเอง วันหนึ่งเส้นทางโคจรของเราต้องแยกจากกันไป หวังเพียงว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับมาเจอกันที่ใดที่หนึ่งอีกสักครั้ง

"มึงนี่ก็แปลกนะไอ้นัท ทำงานบริษัทใหญ่ๆ โตๆ อยู่ดีๆ ก็ลาออกซะงั้น เงินเดือนก็ตั้งเยอะ ไม่เสียดายเหรอวะ"

ผมยักไหล่อย่างไม่แยแส

"มึงก็ลองไปทำดูสิ แม่งเครียดฉิบหายเลย ทำงานดึกๆ ดื่นๆ ทุกวัน วันๆ ก็อยู่แต่ในออฟฟิศ แถมยังต้องฝ่ารถติดไปทำงานทุกวันอีก กูเบื่อว่ะ แล้วเจ้านายก็โคตรเห็นแก่ตัวเลย กูทำงานหนักแทบตาย แม่ง...คนได้หน้ากลับเป็นเจ้านายซะงั้น"

"แล้วมึงคิดหรือไงว่าทำงานกับผู้ประกอบการเล็กๆ แล้วมึงจะไม่เจอปัญหาเหมือนที่มึงเคยเจอ ทำไมมึงไม่กลับบ้านไปช่วยแม่มึงขายขนมจีนวะนัท กูว่ามันดีกว่าที่มึงจะมาเป็นลูกจ้างนะเว้ย"

ขายขนมจีนที่ว่านั้นไม่ใช่ขายธรรมดา แม่ผมมีร้านขายขนมจีนน้ำยาหลากชนิดบนถนนหมายเลขสิบสองที่เป็นทางผ่านของนักท่องเที่ยว ขายดีจนส่งผมเรียนจบปริญญาโทแถมยังมีคอนโดดีๆ ให้อยู่ใจกลางกรุงเทพอีกด้วย

"กูกลับไปแน่ไอ้ปอนด์ มึงไม่ต้องห่วงหรอก แต่ว่าตอนนี้กูอยากหาประสบการณ์ทำงานอีกซักสองสามปีก่อน กูคุยๆ กับแม่ไว้อยู่ว่าอยากจะเปิดรีสอร์ทหรือไม่ก็ทำไร่สตรอเบอรี่ที่ภูทับเบิก"

"ดีแล้วๆ กูยังอิจฉามึงเลยที่มึงมีบ้านมีที่อยู่ต่างจังหวัด ทำอะไรเป็นของตัวเองน่ะมันดีที่สุดแล้ว กูยังอยากมีธุรกิจสักอย่างเป็นของตัวเองเลย"

"มึงก็ค่อยๆ เก็บตังค์ไปก่อนดิ ค่อยๆ หาลู่ทางไป ถ้าเจอแล้วค่อยลาออกมาทำก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ"

นั่นคงเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดเท่าที่ผมพอมีให้เพื่อนได้ เพราะผมได้ฟังแบบนี้มาจากคนอื่นๆ อีกทีนั่นแหละ อันที่จริงผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ทำธุรกิจของตัวเองหรอก จึงยังบอกไม่ได้ว่าต้องทำยังไง ที่แนะนำเพื่อนไปยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นคำแนะนำที่ใช้ได้หรือเปล่า

เรือนแพรีสอร์ท...

"เฮ้ยๆ จอดตรงนี้แหละ เดี๋ยวกูจะลงตรงนี้เลย"

ผมบอกเพื่อนเกือบจะทันที่ที่รถกำลังจะวิ่งเข้าไปในรีสอร์ทที่ผมต้องการมาสมัครงาน ปอนด์บอกว่าที่นี่กำลังประกาศรับสมัครผู้จัดการแทนคนเก่าที่เพิ่งลาออกไป ตอนแรกผมว่าจะส่งใบสมัครทางอีเมล์ แต่อยากจะแวะมาเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าที่อยู่แถวๆ นี้เสียหน่อย จึงถือโอกาสถ่อสังขารมาที่นี่เสียเอง จะได้มาดูให้เห็นกับตาด้วยว่ามันน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน

"มึงจะเดินเข้าไปเหรอวะ ไกลนะเว้ยกว่าจะถึงตัวรีสอร์ท"

ปอนด์เตือนอย่างเป็นห่วง ผมส่ายหัวเบาๆ แล้วหัวเราะหึๆ ถึงผมจะทำงานออฟฟิศไม่ค่อยตากแดดตากลม แต่ผมไม่อ่อนแอถึงขนาดนั้นหรอก

"ไม่เป็นไรหรอก กูว่ากูจะขอเดินดูซะหน่อย จะได้รู้ไงว่ามันน่าสนใจหรือเปล่า"

ปอนด์ทำหน้าลังเลใจ "เออๆ งั้นกูส่งมึงแค่นี้ละกันนะเว้ย ขอให้มึงได้งานใหม่เร็วๆ แล้วถ้ามีอะไรมึงก็โทรหากูได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ"

"ขอบใจเพื่อน"

ผมหันไปยิ้มให้เพื่อนก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูรถเก๋งคันเก่าๆ ของเพื่อนออกมา พอก้าวขาออกมาจากตัวรถแล้วต้องหยีตาเล็กน้อยเพราะแดดค่อนข้างแรง ช่วงปลายฝนต้นหนาวหลังๆ มานี้แทบไม่มีฝนเลย มีแต่แดดเปรี้ยงๆ และร้อนจนตับแทบไหม้

"เดี๋ยวได้ผลยังไงกูจะโทรหามึง ถ้ากูได้งานที่นี่เดี๋ยวกูพามึงไปเลี้ยง"

ผมหันไปบอกเพื่อนก่อนที่จะร่ำลากัน คำว่า "เลี้ยง" ของผมนั้นพวกเพื่อนๆ ก็คงรู้กันดีว่าเลี้ยงอะไร

"เออๆ กูไปก่อนนะเว้ย โชคดีเพื่อน"

ผมปิดประตูรถให้ปอนด์แล้วโบกมือลา พอรถของมันแล่นหายลับตาไปแล้วผมจึงหันกลับไปมองรีสอร์ทข้างหน้าอีกครั้ง ทิวต้นสนตัดกับฟ้าสีครามใสดูสวยเหลือเกิน ผมไม่ได้เห็นธรรมชาติสวยๆ อย่างนี้มานานแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ากรุงเทพจะมีแบบนี้ด้วยเหมือนกัน

วิวสวยๆ ของรีสอร์ทแห่งนี้ทำให้ผมแทบลืมไปเลยว่าอากาศร้อน แม้ว่าทางเดินเข้าไปที่ตัวรีสอร์ทค่อนข้างไกล ดอกไม้สวยๆ หลากสีที่ปลูกไว้โดยรอบนั้นทำให้ที่นี่ดูมีเสน่ห์สดใส ดูแล้วเพลินตาเพลินใจมากทีเดียว ใครกันนะช่างทำรีสอร์ทได้สวยและน่ามาพักผ่อนหย่อนใจได้ถึงขนาดนี้

รีสอร์ทนี้มีกิจกรรมทางน้ำให้คนที่มาพักและคนทั่วไปได้เข้ามาเล่นด้วย ไกลออกไปผมมองเห็นอาคารหลังหนึ่งยื่นเข้าไปในน้ำคล้ายๆ กับบ้านแพ มีทางเดินยื่นล้ำเข้าไปจนถึงเกือบกลางน้ำ แหล่งน้ำที่นี่มีขนาดใหญ่จนคล้ายทะเลสาบขนาดย่อมๆ มองไกลๆ เห็นคนเดินไปมาบนทางเดินกลางน้ำ แต่ก็ดูไม่ออกว่าทำอะไรกันบ้าง มีคนพายเรือและเล่นเจ็ตสกีกันด้วย

จะว่าไปที่นี่ดูไม่เลวเหมือนกัน ท่าทางเจ้าของคงรวยมากทีเดียวที่สามารถมีที่ขนาดใหญ่นับร้อยๆ ไร่ในกรุงเทพได้ ต่อให้เป็นชานเมืองก็เถอะ ขึ้นชื่อว่ากรุงเทพแล้วที่ดินตรงไหนก็แพงอยู่ดี

ผมเดินชมวิวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงอาคารที่น่าจะเป็นอาคารต้อนรับแขกและเช็คอินผู้เข้าพัก มีลักษณะเป็นบ้านคอนกรีตผสมกับไม้ตามรูปแบบรีสอร์ททั่วไป ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เพราะใช้เป็นจุดรับแขกและเช็คอินอย่างเดียว ข้างๆ กันนั้นมีร้านกาแฟเล็กๆ สำหรับลูกค้าที่มาพักด้วย นอกจากนี้ยังมีฟิตเนสและร้านเสริมสวยอยู่ไม่ไกล มีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะขนาดนี้แสดงว่าต้องใช้คนดูแลหลายคนพอสมควร

"ผมมาสมัครงานตำแหน่งผู้จัดการครับ"

ผมบอกความต้องการไปกับพนักงานสาวคนหนึ่งที่ยืนประจำอยู่ตรงฟรอนท์ ตอนนี้เกือบบ่ายแล้ว ไม่ค่อยมีแขกเข้ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้เท่าไหร่

"อ๋อ...สงสัยต้องรอก่อนนะคะ คนที่จะสัมภาษณ์ยังไม่เข้ามาเลย คงอีกซักชั่วโมง จะรอก่อนไหมคะ"

หญิงสาวในชุดลำลองแบบไทยๆ สีสันสดใสบอกพร้อมกับรอยยิ้มเกรงใจ

"ได้ครับ" ผมตอบแล้วก็ส่งยิ้มกลับไปเช่นกัน

"อืม...ถ้างั้น ผมขอไปเดินเล่นรอบๆ ที่นี่หน่อยได้ไหมครับ"

ความจริงผมได้เดินดูไปหลายจุดแล้ว แต่เพิ่งนึกได้ว่าควรขออนุญาตเอาตอนนี้

"อ๋อได้ค่ะ เชิญตามสบายเลยนะคะ

"งั้น...ผมฝากเอกสารไว้ที่นี่ได้ไหมครับ"

ผมบอกแล้วยื่นซองสีน้ำตาลที่มีใบสมัครและเอกสารประกอบต่างๆ ให้กับพนักงานสาวสวยคนนั้นรับไป

"ได้ค่ะ"

ผมส่งยิ้มรอบสุดท้ายให้กับแม่สาวตาคมแล้วเดินออกมาข้างนอก จุดมุ่งหมายของผมคือทางเดินรอบๆ ริมทะเลสาบอีกด้านที่ผมยังไม่ได้เดินไปดู อากาศที่นี่สดชื่นดีเหลือเกินจนผมอดที่จะสูดลมหายใจลึกๆ เข้าปอดไม่ได้ ถ้าได้มาทำงานที่นี่คงจะดีไม่น้อย สุขภาพปอดผมคงดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ลมเย็นๆ โชยพัดมาตลอดเวลา ทิวต้นสนไหวโอนเอนไปมาตามแรงลมดูโรแมนติกดีเหลือเกิน สีเขียวของมันที่ตัดกับขอบฟ้าสีครามชวนให้ผมคิดถึงบ้านเกิดของตัวเอง บรรยากาศและวิวทิวทัศน์แบบนี้ผมเห็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว แต่พอมาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพ ผมได้กลับบ้านแค่ปีละครั้งสองครั้ง กลับทีก็อยู่แค่ไม่กี่วัน ยิ่งช่วงทำงานนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง ได้กลับบ้านปีละหนก็นับว่าบุญแล้ว ผมจึงจำใจต้องตัดขาดจากธรรมชาติ แต่อยู่ไปอยู่มาก็เริ่มชอบชีวิตของคนเมืองหลวงไปซะแล้ว

ปิ๊นๆ ปิ๊นๆ

เสียงบีบแตรรถทำให้ผมต้องหยุดเดินและหันไปมองตามเสียง รถเบนซ์สปอร์ตสีดำคันหนึ่งวิ่งตามหลังผมมาอย่างช้าๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เจ้าของรถลดกระจกลงแล้วส่งรอยยิ้มมาทักทายก่อนเป็นอันดับแรก

"ชอบไหมครับ"

ชายหนุ่มรูปหล่อที่เป็นเจ้าของรถคันงามเอ่ยถาม ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะวัยไล่เลี่ยกับผมนี่แหละ

"อ๋อ...ชอบครับ"

ผมตอบไปอย่างงงๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร เสื้อยีนส์สีน้ำเงินแขนยาวที่สวมทับอยู่บนเสื้อกล้ามสีขาวช่วยขับให้ใบหน้าของเจ้าของรถดูสดใสมีออร่าน่ามองมากทีเดียว ผมไม่ได้ชอบผู้ชายหรอก แต่ผู้ชายคนนี้ดูดีเสียจนผู้ชายด้วยกันยังต้องมองด้วยความอิจฉา

"มาคนเดียวเหรอครับ"

แน่ะ ไม่รู้จักกันแล้วยังมาชวนคุยอีก ผมว่าจะเดินเล่นคนเดียวให้สบายใจซะหน่อย

"ครับ"

"เดินเล่นให้สนุกนะครับ ต้องการอะไรก็บอกได้เลย"

ว่าแล้วชายหนุ่มรูปหล่อหน้าใสคนนั้นจึงค่อยๆ เลื่อนกระจกรถขึ้น ก่อนจะค่อยๆ แล่นจากไปอย่างช้าๆ มุ่งตรงไปทางรีสอร์ทที่ผมเพิ่งเดินออกมา

"ใครวะ"

ผมแอบสงสัยในใจ แต่แล้วกลับรู้สึกสะดุดใจกับบางสิ่งบางอย่าง แม้จะเห็นเพียงแวบเดียวผมกลับรู้สึกเหมือนเคยเจอชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ที่ไหนสักแห่งมาก่อน แต่พยายามนึกเท่าไหร่กลับนึกไม่ออก

"ทำไมหน้าคุ้นๆ"

ผมถามตัวเองเบาๆ ใช้ความคิดอย่างหนักว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหน หรือจะเป็นใครสักคนที่ผมเคยรู้จักนานมาแล้วหรือเปล่า

พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วผมจึงเบิกตากว้าง ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า แต่ผมอยากให้ใช่เหลือเกิน คนนี้นี่แหละที่ผมเฝ้าตามหามานานหลายปี คนที่ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของผมสดใส อบอุ่นและสวยงาม แต่โลกของผมคงแบนสนิท วันเวลาผ่านมาสิบกว่าปีแล้วผมยังไม่เคยเจอใครคนนั้นอีกเลย นานจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำ​
ผมรีบหันหลังกลับแล้วสาวเท้าเดินจนเกือบจะเป็นวิ่งตามรถคันนั้นที่หายลับตาไปแล้ว

สาธุ!!!

ขอให้เป็นคนที่ผมอยากเจอมามากกว่าสิบปีด้วยเถอะ ในช่วงหลายปีมานี้ ผมลืมคิดถึงคนๆ นี้ไปแล้วเพราะคิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีก แต่ผมไม่เคยลืมความทรงจำดีๆ กับคนๆ นี้เลย

ผมวิ่งมาเกือบๆ ถึงร้านกาแฟเล็กๆ ข้างอาคารต้อนรับแขกที่ผมเพิ่งเข้าไปเมื่อไม่ถึงยี่สิบนาทีที่แล้ว แล้วผมก็เห็นชายหนุ่มคนนั้นเดินลงมาตามทางเดินที่ปูด้วยแผ่นซีเมนต์เรียงห่างๆ กันอย่างรีบเร่ง ถ้าผมเดาไม่ผิด น่าจะกำลังเดินมาหาผมนี่แหละเพราะสายตาคู่นั้นจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่ให้คลาดสายตา แถมยังขมวดคิ้วมุ่นคล้ายสงสัยบางอย่าง

ผมรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อเดินไปหาชายหนุ่มคนนั้นอย่างตื่นเต้น รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงและเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่างกายด้วยจังหวะที่ถี่ขึ้นกว่าปกติ จนกระทั่งเราสองคนมาหยุดยืนประจันหน้ากันที่หน้าร้านกาแฟพอดิบพอดี

"พี่แฟรงค์!!!"

ผมร้องเรียกชื่อนั้นออกมาอย่างดีใจ ริมฝีปากสั่นระริกจากความตื่นเต้นจนควบคุมไม่ได้ ใครได้เห็นสีหน้าของผมตอนนี้คงจะรู้ว่าผมดีใจมากแค่ไหน ผมไม่ได้เรียกชื่อนี้มานานเหลือเกินทั้งๆ ที่เคยเป็นชื่อที่ผมเคยเรียกแทบทุกวันตอนเด็กๆ เรียกบ่อยกว่าเรียกแม่แท้ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นจึงฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจไม่แพ้กัน

"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกพี่ จำไม่ได้เหรอ"

น้ำตาผมแทบจะร่วงเสียให้ได้ ใช่พี่แฟรงค์จริงๆ ด้วย สมัยเรียนประถมด้วยกัน ผมชอบเรียกแฟรงค์ว่าพี่เพราะเราเรียนกันคนละชั้น แฟรงค์เกิดเดือนสิงหาคมปี 2533 ส่วนผมเกิดเดือนมกราคมปี 2534 อายุเราจึงห่างกันไม่กี่เดือน พอเกิดคนละปีจึงไม่ได้เรียนชั้นเดียวกัน ผมจึงติดเรียกแฟรงค์ว่าพี่บ่อยๆ แม้ว่าแฟรงค์จะคอยเตือนว่าไม่ให้เรียกพี่ก็ตาม

คนที่จะพูดประโยคนี้กับผมมีเพียงคนเดียวเท่านั้นในโลกนี้ ใช่แล้ว...นี่แหละคนที่ผมตามหาและอยากเจอมานานแสนนาน

"พี่แฟรงค์!"

"นัท!"

... ... ...

ถ้าถามผมว่าเจอพี่แฟรงค์ครั้งแรกตอนไหน ผมคงตอบไม่ได้ แม้ว่าวัยเด็กจะเป็นวัยที่เรามีความสุขมากที่สุด แต่เรื่องราวเหล่านั้นมักถูกลบลืมไปจนแทบจำไม่ได้ ผมรู้แต่ว่าเราเรียนโรงเรียนประถมที่ตัวอำเภอเขาค้อเหมือนกัน น่าจะเจอกันตอนปอหนึ่งปอสองนั่นแหละ เพียงแต่เราไม่เคยคุยกัน ถึงกระนั้น ผมพอจะจำเหตุการณ์ที่ทำให้ผมกับแฟรงค์เริ่มสนิทกันได้ไม่เคยลืม

ตอนนั้นผมอยู่ปอสาม วันหนึ่งผมขออนุญาตครูออกไปปัสสาวะที่ห้องน้ำหลังโรงเรียนในระหว่างที่เรียนอยู่ คงจะเป็นคราวซวยของผม จู่ๆ โดนหมาตัวหนึ่งงับที่น่องซ้ายเข้าให้โดยที่ผมไม่รู้ว่ามันมาจากทางไหน ผมร้องไห้เสียงดังด้วยความเจ็บปวดระคนตกใจ พี่แฟรงค์บังเอิญอยู่แถวนั้นพอดีจึงวิ่งมาช่วย ได้พี่แฟรงค์นี่แหละที่ช่วยไล่หมาตัวนั้นไป แถมยังช่วยไปตามครูประจำชั้นมาพาผมไปหาหมอด้วย

ผมขาบวมอยู่หลายวันเพราะมันกัดเข้าไปลึกมาก ลึกจนเป็นแผลเป็นที่น่องอยู่จนถึงทุกวันนี้ ไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าหลายครั้ง ไม่ได้ไปเรียนตั้งหลายวัน วันแรกที่กลับไปเรียน พี่แฟรงค์เดินมาหาแล้วถามอาการใหญ่เลยว่าเป็นไงบ้าง นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นมิตรภาพของ "พี่ชายแฟรงค์ปอสี่" กับ "น้องชายนัทปอสาม"

วันนั้นผมไปโรงเรียนกับพี่สาวชื่อนิว แม่ไม่อยากให้ผมปั่นจักรยานเองเพราะกลัวขาบวมขึ้นมาอีก ขาไปตอนเช้าไม่มีปัญหา แต่ตอนขากลับพี่นิวดันลืมรับผมกลับด้วย โชคดีที่ผมได้เจอแฟรงค์ก่อน จึงได้ซ้อนท้ายจักรยานของแฟรงค์กลับบ้านแทน

แฟรงค์ส่งผมที่บ้านแล้วขี่จักรยานต่อไปอีกราวๆ หนึ่งกิโลเพื่อกลับบ้านของตัวเอง เนื่องจากบ้านผมเป็นทางผ่านไปกลับโรงเรียนของแฟรงค์อยู่แล้ว ตอนเช้าแฟรงค์จึงมารับผมไปโรงเรียนด้วย ตอนเย็นมาส่งถึงบ้าน แม้ว่าตอนหลังผมหายดีแล้วและขี่จักรยานเองได้ แฟรงค์ยังขี่จักรยานกลับบ้านกับผมและมาส่งผมที่บ้านก่อนกลับบ้านตัวเองเสมอๆ ผมยังพอจำบรรยากาศที่มีแต่เสียงหัวเราะสนุกสนานของเราสองคนได้ดี แม้ว่าภาพจะลางเลือนก็ตามที อ้อ...บางวันแฟรงค์มากับน้องสาวชื่อเฟิร์นด้วย เฟิร์นอายุเท่าๆ กับผมเลย เราเรียนชั้นเดียวกันแต่คนละห้อง

ผมกับแฟรงค์สนิทกันเร็วมาก คุยกันตามประสาเด็กผู้ชายได้ทุกเรื่อง อาจจะเป็นเพราะเราสองคนมีพี่น้องเป็นผู้หญิงทั้งคู่จึงอยากมีพี่น้องเป็นผู้ชายบ้าง วันเสาร์อาทิตย์หรือปิดเทอม แฟรงค์มักจะแวะมาเล่นกับผมและเพื่อนๆ แถวบ้านบ่อยๆ ผมเองเคยไปบ้านแฟรงค์บ่อยครั้งจนรู้จักกับพ่อแม่ของแฟรงค์และคนในครอบครัวหมดทุกคน บ้านแฟรงค์มีฐานะดีพอสมควรเพราะทำธุรกิจรีสอร์ท ตอนนั้นเราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ จนใครๆ คิดว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกันไปแล้ว นึกถึงช่วงเวลานั้นทีไรก็มีความสุขทุกครั้ง

แม่ผมทำขนมจีนเส้นสดอร่อยมาก เวลาแฟรงค์มาส่งผม แม่มักจะฝากขนมจีนห่อใส่ถุงให้แฟรงค์เอากลับไปที่บ้านด้วย ที่บ้านแฟรงค์ติดใจขนมจีนฝีมือแม่ผมมากถึงขนาดเคยตามมาขอซื้อถึงบ้าน แต่แม่ผมกลับไม่ขาย บ้านแฟรงค์จึงได้กินขนมจีนฝีมือแม่ผมโดยไม่ต้องเสียเงินจนกระทั่งแฟรงค์เรียนจบปอหก

ผมมีความทรงจำดีๆ ตามประสาเด็กๆ หลายอย่างกับแฟรงค์ แต่น่าเสียดายที่ผมจำเรื่องราวเก่าๆ ไม่ค่อยได้แล้วเมื่อโตขึ้น แม้ว่าจำรายละเอียดไม่ได้ทั้งหมด แต่ผมไม่เคยลืมความรู้สึกอบอุ่นใจที่ผมได้รับจากพี่ชายคนนี้เลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรู้สึกที่เรามีต่อคนๆ หนึ่งจะยังคงอยู่กับเราตลอดไป

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมยังจำได้ดีเสมอคือเรื่องที่แฟรงค์ชอบดุผมเวลาผมเรียกพี่นี่แหละ อายุของเราห่างกันแค่สี่เดือนเศษๆ แฟรงค์จึงไม่อยากให้เรียกพี่เท่าไหร่ คอยห้ามผมไม่ให้เรียกพี่อยู่บ่อยๆ ผมจึงเรียกแฟรงค์บ้าง พี่แฟรงค์บ้าง สลับกันไปมาจนบางทีผมสับสนซะเอง

วันสุดท้ายที่ผมได้เจอแฟรงค์คือวันสุดท้ายก่อนปิดเทอม แฟรงค์ขี่จักรยานมาส่งผมที่บ้านอย่างที่เคยทำมาตลอด ผมส่งการ์ดที่เขียนเองกับมือให้แฟรงค์ไป ในนั้นมีข้อความสั้นๆ เขียนไว้ว่า

"ขอบคุณครับพี่ชาย ผมจะไม่ลืมพี่แฟรงค์นะครับ"

ผมกอดแฟรงค์แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นใหญ่เลย รู้สึกหดหู่ใจและเสียใจมากที่ต้องพลัดพรากจากคนที่ผมผูกพันด้วย ร่ำร้องอ้อนวอนไม่ให้แฟรงค์ไปจนแฟรงค์พลอยร้องไห้ไปด้วย พอผมไม่ยอมปล่อย แม่ต้องมาช่วยปลอบอีกคนจนผมยอมปล่อยแฟรงค์ไป

ก่อนกลับ แม่ผมส่งถุงขนมจีนให้แฟรงค์เอากลับไปฝากที่บ้านเหมือนเช่นเคย คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่แฟรงค์จะได้กินขนมจีนฝีมือแม่ผม พี่แฟรงค์เดินเข้ามากอดไหล่ผมไว้เบาๆ เป็นครั้งสุดท้ายแล้วสัญญากับผมว่า

"ปิดเทอมหน้าพี่จะมาหานัทนะ"

แฟรงค์ไม่เคยเรียกแทนตัวเองว่าพี่เลย ปกติจะเรียกตัวเองว่าแฟรงค์ตลอด มีวันนั้นแค่วันเดียวที่แฟรงค์เรียกแทนตัวเองต่างไป คำว่า "พี่" ทำให้ผมยิ่งใจหาย เพราะ "พี่" คือความรัก ความอบอุ่น ความผูกพัน และ "พี่" คือคนๆ เดียวที่ผมมอบความไว้วางใจที่มีทั้งหมดให้

ผมโบกมือลาให้พี่ชายต่างพ่อต่างแม่ที่ขี่จักรยานคู่ใจไกลออกไปด้วยความใจหายและอาลัยอาวรณ์ แฟรงค์คอยหันกลับมามองผมเป็นระยะๆ จนกระทั่งค่อยๆ หายลับไปจากสายตาของผม ผมได้แต่ยืนนิ่งและงุนงงว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ไม่อยากเชื่อเลยว่าแฟรงค์ได้จากน้องชายคนนี้ไปแล้วทั้งๆ ที่เมื่อวานเรายังเพิ่งวิ่งเล่นด้วยกันอยู่เลย

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมไม่เคยเจอพี่แฟรงค์อีกเลยตลอดสิบสามปี...

หลังจากวันนั้น ผมขี่จักรยานไปกลับโรงเรียนคนเดียวเหงาๆ เจอเฟิร์นที่โรงเรียนบ้าง แต่เจอแค่เทอมเดียวแล้วเฟิร์นกลับหายไปอีกคน ครอบครัวแฟรงค์ย้ายไปอยู่กรุงเทพกันหมดแล้ว ผมยิ่งใจหายหนักกว่าเก่าเพราะเริ่มสังหรณ์ใจว่าคงไม่ได้เจอกันอีก แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย

ผมมีรูปถ่ายหนึ่งใบของผมกับแฟรงค์เก็บไว้ในอัลบั้มรูปเก่าๆ รูปนั้นถ่ายตอนที่เราไปเข้าค่ายลูกเสือด้วยกันที่อนุสรณ์สถานบนเขาค้อ ตอนนั้นผมอยู่ปอห้า แฟรงค์อยู่ปอหก ครูคนหนึ่งช่วยถ่ายรูปของเราไว้ แม่ผมช่วยเอาไปอัดให้แล้วเก็บไว้คนละใบ แม้ว่านานๆ ครั้งจะได้หยิบมาดู แต่รูปใบนั้นช่วยทำให้ผมไม่เคยลืมหน้าของแฟรงค์เลย ผมไม่รู้หรอกว่าแฟรงค์ยังเก็บรูปนี้ไว้อยู่หรือเปล่า รวมถึงการ์ดใบนั้นที่ผมเขียนให้ด้วย

ผมมักจะขี่จักรยานไปที่บ้านเก่าของแฟรงค์ด้วยความคิดถึงอยู่บ่อยๆ ตอนนั้นมีครอบครัวใหม่มาอยู่แทนแล้ว เห็นบ้านแฟรงค์ทีไรผมก็ใจหายทุกที คิดถึงแต่ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน ผมกลายเป็นคนเงียบเหงาเศร้าซึมนานเป็นปีๆ เลย

วันสุดท้ายที่ผมไปที่นั่นคือตอนที่ผมเริ่มเรียนมอหนึ่ง บ้านเก่าของแฟรงค์ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผมมองดูอย่างเศร้าๆ แล้วเกิดความคิดในใจขึ้นมาว่าผมควรจะเลิกมาที่นี่เสียที ยังไงๆ แฟรงค์คงไม่กลับมาอีกแล้ว ผมค่อยๆ ละสายตาจากบ้านหลังนั้นแล้วขี่จักรยานจากไป ไม่เคยกลับไปที่นั่นอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น

พี่แฟรงค์ ผมคิดถึงพี่มากนะ พี่เป็นฮีโร่ในดวงใจของผม ผมจะไม่ลืมพี่เลย...

วันเวลาผ่านไปหลายปีแล้ว ความคิดถึงค่อยๆ เจือจางไปและแทบไม่มีผลกับชีวิตของผมอีก ชีวิตยังเดินต่อไปตามประสาเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง วัยเด็กอย่างเรานั้นลืมง่ายจะตาย พอเจอเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ ความทรงจำเก่าๆ จึงค่อยๆ ลบเลือน แต่ทุกครั้งที่ผมกลับมาบ้านที่เขาค้อ ผมมักถามหาแฟรงค์จากเพื่อนเก่าๆ ของแฟรงค์บางคนที่ยังอยู่ที่นั่นเสมอๆ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าแฟรงค์อยู่ที่ไหนนอกจาก "กรุงเทพ" แต่รู้ไปก็ใช่ว่าจะหาเจอเพราะกรุงเทพใช่เล็กๆ ที่ไหน

แม้ดูเหมือนว่าผมจะลืมวันคืนเก่าๆ ไปหมดแล้ว แต่ในใจของผม ผมไม่เคยลืมพี่ชายที่แสนดีเลย ยังคงหวังอยู่เสมอๆ ว่าสักวันหนึ่งจะได้เจอพี่แฟรงค์อีกสักครั้งเพื่อกล่าวคำขอบคุณ ขอบคุณที่ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นพี่น้องที่ผูกพันกัน มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน

ที่สำคัญ ผมยังคงรอคอยคำสัญญานั้นของแฟรงค์เสมอ...

สิบสามปีแล้วที่เราจากกัน นานจนผมแทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าเคยอยากเจอใครและตั้งใจไว้ยังไง จนกระทั่งวันนี้และตอนนี้ คนที่ผมเฝ้ารอคอยมานานแสนนานกำลังยืนอยู่ตรงหน้าราวปาฏิหาริย์

พี่แฟรงค์ ผมดีใจเหลือเกินที่เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง แม้ว่าเรื่องราววันนั้นจะผ่านไปนานแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนพี่แฟรงค์ยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีของผมเหมือนเดิม คำสัญญาที่พี่แฟรงค์เคยให้กับน้องชายคนนี้ไว้เป็นจริงแล้วในวันนี้ พี่แฟรงค์ได้กลับมาหาผมแล้ว

ความผูกพันของเราเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่ถูกทิ้งให้ขาดน้ำขาดฝนนานถึงสิบสามปี แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมล็ดพันธุ์นี้ยังไม่ตาย และมัน...กำลังได้จะได้รับน้ำหล่อเลี้ยงเพื่อกลับมาเติบโตในใจของเราสองคนอีกครั้ง!


อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
หัวข้อ: Re: ✔♥✘ “หัวใจ(ไม่)ไร้รัก” ❀⁙❀⁙❀⁙❀ บทนำ ❀⁙❀⁙❀⁙❀
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 02-12-2015 15:39:57
รอจ้า.. o4
หัวข้อ: Re: ✔❤✘ หัวใจ(ไม่)ไร้รัก ❁✣❁ บทนำ ❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 02-12-2015 19:49:20
อ่านแว็บๆ

เหมือนจะดราม่าป่าวอะ

ชอบโคลงเรื่อง น่าสนใจมากๆ
หัวข้อ: Re: ✔❤✘ หัวใจ(ไม่)ไร้รัก ❁✣❁ บทนำ ❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 02-12-2015 19:53:04
เพื่อนในวัยเด็กห่างหายกันไปนานสินะ ถ้าได้งานที่นี่ก็อาจจะเจอกันบ่อย ๆ ??
หัวข้อ: Re: ✔❤✘ หัวใจ(ไม่)ไร้รัก ❁✣❁ บทนำ ❁✣❁ 2.12.2015 ❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 02-12-2015 21:31:10
อยากอ่านต่อจังเลย  :mew1: นัทนี่เป็นชื่อที่ใคร ๆ ก้อชอบน่ะเนี่ย เป็นชื่อที่เจอบ่อยมาก ๆ เลย ตั้งแต่อ่าน BL มา  :mew4:
หัวข้อ: Re: ✔❤✘ หัวใจ(ไม่)ไร้รัก ❁✣❁ บทนำ ❁✣❁ 2.12.2015 ❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁✣❁
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 02-12-2015 23:04:52
มาแล้วๆ
คุณณัทเองก็กำลังมีหนังเรื่อง Fathers ใช่ไหมนี่
อยากดูนะ  ถ้าอยู่เมืองไทยจะไปสนับสนุน
ขำที่เรารู้จักดาราคนนี้จากอิมเมจที่ใช้ในนิยายคุณ Sarawatta

แนวดราม่า + อบอุ่นหรือเปล่าคะ?
อยากรู้ว่าคู่นี้มีอะไรจากเมื่อก่อนหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: ❤ หัวใจ(✖)ไร้รัก ❀✣❀ บทนำ ▒ 2.12.2015 ▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-12-2015 08:31:16
อยากอ่านแล้วอ้ะ

ไม่น่าเชื่อเนอะ หายไปนานแล้วยังจำกันได้ ดีจังเลย

เราเองเพื่อนมัธยมบางคนเห็นหน้ากันในเฟซบุ๊คยังนึกไม่ออกว่า ตอนนั้นหน้าตามันเป็นอย่างไร 55555

ขอบคุณสำหรับนิยายอ่านสนุกทุกเรื่องเลย

ปล. 'โคตร' เขียนแบบนี้ ไม่ใช่ 'โฆตร' จ้ะ
หัวข้อ: Re: ❤ หัวใจ(✖)ไร้รัก ❀✣❀ บทนำ ❀ My long lost brother (อัปเดต) ▒ 3.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 03-12-2015 16:05:45
ผมอัปเดต "บทนำ" เพิ่มเติมอีกเล็กน้อยนะครับ สามารถอ่านต่อจากเดิมได้เลย
แค่เริ่มเรื่อง น้ำตาก็ถามหาซะแล้ว 555

เรื่องนี้ดราม่าหรือเปล่า...
นิดหน่อยครับ ไม่เท่ากับต้นสนอย่างแน่นอน
สองเรื่องที่เป็นดราม่าสุดๆ ของผมก็คงยกให้ "ต้น-สน" กับ "รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" นี่แหละ

เรื่องนี้จะออกแนวอบอุ่น โรแมนติก ผสมดราม่าเป็นช่วงๆ หน่วงๆ บ้าง
มีอะไรไม่คาดฝันเยอะเหมือนกัน แต่ผมชอบ

ผมได้พล็อตเรื่องนี้มาจากตัวเองส่วนหนึ่ง
ผมเพิ่งได้เจอเพื่อนสมัยประถมคนหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ผมตามหาเพื่อนคนนี้มานานมาก
ตั้งแต่จบปอหกก็ไม่เคยได้เจอกัน เขาเป็นเพื่อนที่ผมเคยแอบชอบตอนสมัยเรียนประถมด้วย 555

ประกอบกับที่ผมเพิ่งไปเที่ยวที่เขาค้อกับภูทับเบิกมา ผมก็เลยได้ไอเดียมาเขียนเรื่องนี้
เรื่องนี้มีอาชีพเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ที่ผมบอกไว้ว่าจะลงตัวเต็มปีหน้าเพราะผมยังต้องหาข้อมูลอีกเยอะ
บางทีผมว่าผมจะไปพักที่ "เรือนแพรีสอร์ท" ดูสักวันสองวันบ้าง เผื่อจะได้ไอเดียเพิ่มมาอีก

เนื่องจากเป็นเรื่องความผูกพัน ผมก็อดนึกถึงตัวละครหลักของ "ต้น-สน" อีกไม่ได้
ผมว่าสองคนเขาเหมาะและลงตัวกับเรื่องราวอย่างนี้ดี

ปีหน้าพบกันครับ  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤ หัวใจ(✖)ไร้รัก ❀✣❀ บทนำ ❀ My long lost brother (อัปเดต) ▒ 3.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 03-12-2015 17:10:17
อ่านแล้วอยากจะพูดว่า  " I can't waite for next year!! " อ่านแล้วมันอยากอ่านต่อจังเลยค่ะ แต่รอรอค่ะมาแนวที่ชอบอีกแล้ว
ถึงจะดราม่าแต่ก็อยากอ่านค่ะ ...

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤ หัวใจ(✖)ไร้รัก ❀✣❀ บทนำ ❀ My long lost brother (อัปเดต) ▒ 3.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 03-12-2015 21:00:11
จะได้อ่านปีหน้า

งั้นคนแต่ง แต่งไว้ในสต็อกเยอะๆเลยนะ

เวลามาลงคนอ่านจะได้อ่านเรื่อยๆ

อ่านได้ต่อเนื่องไม่ขาดตอน ขาดอารมณ์

สู้ๆ รอจ้า
หัวข้อ: Re: ❤ หัวใจ(✖)ไร้รัก ❀✣❀ บทนำ ❀ My long lost brother (อัปเดต) ▒ 3.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 03-12-2015 21:03:54
 แววดราม่าตั้งแต่เริ่มเรื่องเลยครับบบบ แต่ยังไงก็จะติดตาม อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤ หัวใจ(✖)ไร้รัก ❀✣❀ บทนำ ❀ My long lost brother (อัปเดต) ▒ 3.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 03-12-2015 22:48:45
ตอนนั้นพี่แฟรงค์คงเป็นเหมือนกับฮีโร่สำหรับเด็กชายน้องนัทเลยนะคะนั่น เพราะนอกจากจะช่วยเหลือแล้วยังมีการติดตามผลหลังจากนั้นอีกต่างหาก น่ารักจริงๆ เลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ❤ หัวใจ(✖)ไร้รัก ❀✣❀ บทนำ ❀ My long lost brother (อัปเดต) ▒ 3.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 04-12-2015 00:20:00
ความผูกพันที่ไม่เคยจางหายตามวันเวลาได้หวนกลับมาอีกครั้ง เป็นโชคชะตาจริง ๆ ที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งน่ะ เราก้อเคยจากกันกับเพื่อนเก่าที่สนิทกันแต่พอมาเจอกันกลับไม่ได้คิดที่จะขอเบอร์เพื่อติดต่อกันเลย อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายมีครอบครัวไปแล้วโอกาสที่จะไปมาหาสู่ก้อคงแทบไม่มีแล้วล่ะ ก้อต้องมาดูกันว่าคู่นี้โชคชะตาจะพาไปทางไหน  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤ (✖) ไร้รัก ❀✣❀ บทนำ ❀ การกลับมาของพี่แฟรงค์ (อัปเดตเนื้อหา) ▒ 3.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 04-12-2015 22:33:14
แค่เปิดเรื่องก็สนุกแล้วคับ อดใจรอปีหน้าก็ได้ ๕๕๕
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH01 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย ✢ P1 ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 05-12-2015 00:36:04
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 1 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

ร้านกาแฟเรือนแพ...

เวลาตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมง ไม่มีลูกค้าเข้ามาที่ร้านกาแฟเพราะส่วนใหญ่ไปกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารกลางน้ำ ในร้านจึงมีแค่ผมกับแฟรงค์เพียงสองคนที่นั่งมองหน้ากันไปมา เหมือนว่าไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แต่กระนั้นก็ไม่ทำให้บรรยากาศอึดอัดแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม สายตาของเราสองคนกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

"พี่แฟรงค์ รู้ตัวมั้ยว่าพี่แฟรงค์หล่อมาก นัทนึกไม่ออกเลยว่าพอพี่โตมาแล้วจะหล่อขนาดนี้"

นั่นคือประโยคแรกที่ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่สั่งเครื่องดื่มไปแล้วและนั่งมองหน้ากันเขินๆ อยู่นานสองนาน

"ขนาดนั้นเลยเหรอนัท" แฟรงค์หัวเราะเบาๆ แก้เขิน

"จริงสิ พี่แฟรงค์หล่อจริงๆ นะ ไม่อยากเชื่อเลยว่านัทมีพี่ชายหล่อขนาดนี้ พี่แฟรงค์ดูเท่มาก สมาร์ท แล้วก็ดูเป็นผู้ใหญ่ด้วย"

"พอแล้วๆ เดี๋ยวแฟรงค์ก็ลอยทะลุเพดานพอดี"

ผมกับแฟรงค์หัวเราะด้วยกันอย่างที่เราเคยหัวเราะเมื่อตอนเด็กๆ รอบตัวเราดูเหมือนจะรายล้อมไปด้วยบรรยากาศและความรู้สึกเก่าๆ ที่ย้อนกลับมาอีกครั้งอย่างไม่นึกไม่ฝัน

"พี่แฟรงค์สบายดีนะ แต่แหม...ขับรถเบนซ์หรูซะขนาดนี้ คงจะล่ำซำดีนะพี่"

"สบายดี แล้วนัทล่ะ"

ผมหลุบตาต่ำลงเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามนี้ แม้จะเป็นคำถามง่ายๆ แต่กลับเป็นคำถามที่ผมไม่อยากตอบเท่าไหร่

"ก็สบายดี" ผมตอบเสียงเบา

สีหน้าของแฟรงค์ยังคงระบายไปด้วยรอยยิ้มดีใจตั้งแต่ที่เพิ่งเจอกันเมื่อกี้แล้ว แต่ไม่ทันไรผมก็เห็นเหมือนมีหยดน้ำใสๆ ไหลซึมออกมาจากสองตาคู่นั้น

"พี่แฟรงค์ร้องไห้ทำไม"

ผมถามด้วยสีหน้าตกใจและสงสัย หันไปมองรอบๆ แล้วก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่ไม่มีใครหันมาสนใจ

"นัท...ตอนที่นัทขี่จักรยานไปโรงเรียนคนเดียว นัทเหงาหรือเปล่า แฟรงค์ขอโทษนะที่แฟรงค์ไม่ได้ไปหานัทเลย"

"พี่แฟรงค์ยังจำได้อีกเหรอ"

ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อ แต่เหตุการณ์นั้นก็ผ่านมานานมาก ไม่น่าจะทำให้ผมหรือแฟรงค์รู้สึกอะไรกับมันอีกแล้ว แฟรงค์พยักหน้าช้าๆ พยายามสะกดกลั้นน้ำตาเต็มที่เพราะขืนร้องไห้ตรงนี้เด็กๆ ในร้านคงตกใจน่าดู

ทำไมแฟรงค์ยังรู้สึกกับเรื่องที่ผ่านมาเป็นสิบๆ ปีได้อีกหนอ เมื่อก่อนแฟรงค์รักผมมากในฐานะน้องและเพื่อน แม้ไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่ก็ดูแลผมไม่ต่างจากน้องที่คลานตามกันมาเลย แฟรงค์อาจจะสะเทือนใจเพราะเรื่องนี้เป็นแน่ แต่คนที่รู้ที่มาของน้ำตาหยดนี้ดีที่สุดก็คือคนตรงหน้าผม

"แฟรงค์อย่าพูดอย่างงี้สิ นัทจะร้องไห้ตามแล้ว"

ผมเองก็เริ่มมีน้ำตามาเอ่อที่ขอบตาเช่นกัน เรามองหน้ากันแล้วก็ขำกันเอง ช่างเป็นอารมณ์ที่แปลกเหลือเกิน ทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน

"แฟรงค์ยังเก็บรูปแล้วก็การ์ดใบนั้นของนัทไว้ตลอดเลย เดี๋ยววันหลังจะเอามาให้ดู"

"จริงเหรอ..." ผมยิ้มดีใจ  "นัทก็เก็บรูปของแฟรงค์ไว้เหมือนกัน รูปนั้นแหละ"

"นึกว่านัทจะลืมแฟรงค์แล้วซะอีก"

"ใครจะลืมได้ล่ะ ขี่จักรยานไปโรงเรียนด้วยกันตั้งหลายปี พี่แฟรงค์รู้มั้ย...นัทตามหาพี่แฟรงค์มานานมาก เจอเพื่อนเก่าคนไหนของพี่แฟรงค์ นัทก็ถามหาพี่แฟรงค์ตลอดเลย นัทยังเคยขี่จักรยานไปที่บ้านเก่าของพี่แฟรงค์บ่อยๆ นัทคิดถึงพี่แฟรงค์มากเลยตอนนั้น แต่พี่แฟรงค์ก็ไม่กลับมาหานัทเลย..."

น้ำเสียงและสีหน้าผมหม่นเศร้าในตอนท้าย ยิ่งทำให้แฟรงค์ต้องคอยกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไม่ให้น้ำตาไหลลงมา วันเวลาที่ผ่านไปอาจทำให้ความทรงจำหลายอย่างลบเลือน แต่สิ่งที่ไม่เคยลบเลือนเลยก็คือความรู้สึกดีๆ ที่เราเคยมีให้กัน แล้วความรู้สึกในวันนั้นก็กำลังจะกลับมาอีกครั้ง

"แฟรงค์ขอโทษนะที่แฟรงค์ผิดคำสัญญา เรื่องมันยาวมาก เอาไว้วันหลังแฟรงค์จะเล่าให้นัทฟังนะ"

ผมเพิ่งเคยเห็นผู้ชายตัวโตมีน้ำตาก็วันนี้แหละ แม้ว่าแฟรงค์จะพยายามแค่ไหนก็ห้ามน้ำตาไม่สำเร็จ ผมจึงส่งกระดาษเช็ดปากที่อยู่บนโต๊ะให้แฟรงค์ไปหนึ่งแผ่น ก่อนหยิบของตัวเองมาด้วย ต่างคนต่างซับน้ำตาแล้วก็ขบขันกันเอง ทำไมเราสองคนถึงร้องไห้? เพราะความรู้สึกลึกๆ บางอย่างที่ถูกเก็บซ่อนไว้มานานหรือเปล่า? ท่าทางของเราไม่น่าเป็นคนอ่อนไหวง่ายจนผิดวิสัยผู้ชายทั่วไปเลย

"นัทไม่เคยโกรธพี่แฟรงค์เรื่องนั้นหรอก นัทเข้าใจ..."

แม้จะยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรแฟรงค์ถึงไม่เคยกลับไปที่บ้านเกิดอีกเลย แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าคงมีปัญหาบางอย่าง

"นัทก็หล่อเหมือนกันนะ แฟรงค์ก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าโตขึ้นมาแล้วนัทจะหล่อขนาดนี้ คงมีสาวๆ มาชอบเยอะล่ะสิท่า"

แฟรงค์ชวนคุยตลกๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้สดใสขึ้น แต่ผมกลับทำได้แค่ยิ้มเศร้าๆ

"แล้วพี่แฟรงค์ล่ะ หล่อๆ อย่างงี้...คงมีเจ้าของแล้วแน่ๆ เลย"

แฟรงค์เอนตัวไปข้างหลังติดพนักเก้าอี้ในอิริยาบถสบายๆ ก่อนจะพยักหน้ายอมรับอย่างช้าๆ

"อืม..."

"ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ"

ผมถามอย่างนึกสนุก แฟรงค์ขมวดคิ้วทำหน้าฉงน แล้วก็ดีดขึ้นมานั่งตัวตรง

"ทำไมถามงั้นล่ะนัท"

"อ้าว สมัยนี้เป็นเรื่องธรรมดานะแฟรงค์ แฟรงค์จำไอ้ม่อมได้มั้ย ไอ้ม่อมที่อยู่ห้องเดียวกับนัทไง ตอนที่ไปเข้าค่ายลูกเสือ แฟรงค์เคยขอสลับให้ไอ้ม่อมไปนอนกับอีกคน แล้วแฟรงค์ก็มานอนกับนัทแทน จำได้มั้ย"

ผมถือโอกาสเท้าความถึงเรื่องที่ผมพอจำได้ไปด้วย ตอนนั้นเราไปเข้าค่ายลูกเสือ ตอนเย็นครูให้รุ่นน้องกับรุ่นพี่จับสลากว่าใครจะได้นอนคู่กับใคร บังเอิญว่าแฟรงค์จับได้คู่กับม่อม แฟรงค์ก็เลยแอบมาเจรจาลับขอสลับคู่กันจนได้มานอนกับผมในที่สุด

"อ๋อ...จำได้ๆ คืนนั้นนัทนอนกอดแฟรงค์ทั้งคืนเลย"

"ก็มันหนาว" ผมแก้ตัวเขินๆ

เราไปเข้าค่ายช่วงหน้าหนาวพอดี ใครๆ ก็รู้ว่าจังหวัดเพชรบูรณ์ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวแค่ไหน

"แล้วนัทพูดถึงไอ้ม่อมทำไมเหรอ"

แฟรงค์วกกลับมาถาม คงงงๆ ที่อยู่ดีๆ ผมก็พูดเรื่องเพื่อนสมัยเรียนอีกคนขึ้นมา

"มันผ่าแล้ว"

"ผ่าแล้ว!"

ผมเห็นคำถามล้านแปดอยู่ในสายตาคู่นั้น แฟรงค์คงจะงงว่า "ผ่า" คืออะไร

"ไอ้ม่อมมันเป็นอะไรเหรอถึงต้องผ่าตัด"

ผมเอนหลังไปติดพนักเก้าอี้บ้าง แล้วก็ขำท่าทางงงๆ ของแฟรงค์

"มันผ่าตัดแปลงเพศเป็นผู้หญิงไง"

"ไอ้ม่อมเนี่ยนะ!!!" แฟรงค์ทำหน้าไม่เชื่อ "มันโคตรเฮี้ยวเลย ไม่บอกไม่เชื่อนะเนี่ย"

"นัทถึงต้องถามพี่แฟรงค์ก่อนไงว่าเจ้าของของพี่แฟรงค์เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง"

แฟรงค์ส่ายหน้าแล้วก็หัวเราะตลกกับคำถามของผม

"นัทนี่ตลกเหมือนเดิมเลยนะ เอาเป็นว่า...แฟรงค์ไม่ได้ผ่าเหมือนไอ้ม่อมละกัน"

ผมไม่แปลกใจหรอก ถึงแฟรงค์จะไม่ใช่ผู้ชายที่โลดโผนโจนทะยานแต่ก็ไม่มีท่าทางกระเดียดไปทางนั้น

"แฟรงค์แต่งงานแล้วเหรอ"  ผมถามเพราะคิดว่าคนวัยย่างยี่สิบหกอย่างแฟรงค์น่าจะแต่งงานได้แล้ว

"ยัง...จะแต่งต้นๆ ปีหน้านั่นแหละ"

ผมพยักหน้ารับรู้ แต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างผ่านแวบเข้ามาในความคิด ผมปล่อยให้มันผ่านไปโดยไม่สนใจ ไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่ามันคือความรู้สึกอะไร

"อิจฉาคนมีคู่จัง นัทสิ...ยังหาไม่ได้เลย" ผมพูดติดตลก

"เดี๋ยวก็เจอ ว่าแต่...นัทมาทำอะไรถึงที่นี่ล่ะ"

"นัทว่าจะมาสมัครงานตำแหน่งผู้จัดการรีสอร์ทที่นี่ซะหน่อย เห็นเค้าประกาศรับสมัครอยู่"

แฟรงค์เท้าแขนบนโต๊ะ เอามือประสานกันแล้วก็มองผมอย่างสนใจ พอเห็นหน้าใสไร้สิวใกล้ๆ ของแฟรงค์แล้วผมก็ต้องขอยอมรับตามตรงว่าแฟรงค์เป็นคนมีเสน่ห์น่ามองมาก

"จริงเหรอ แล้วนัทรู้ได้ยังไงว่าที่นี่เค้ารับสมัครผู้จัดการคนใหม่ นัทอยู่แถวนี้หรือเปล่า"

"เปล่า...นัทอยู่รัชดาโน่น พอดีนัทคุยกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนตรีด้วยกันทางเฟส นัทบอกเพื่อนไปว่านัทลาออกจากที่ทำงานเดิมแล้ว อยากหางานทำที่เกี่ยวกับพวกโรงแรมหรือรีสอร์ทที่ไม่ใหญ่มากในกรุงเทพ หรือใกล้ๆ กรุงเทพนี่แหละ แล้วเพื่อนนัทมันอยู่แถวนี้พอดี มันก็เลยบอกให้นัทลองเข้าไปดูในเฟสของเรือนแพรีสอร์ทดู นัทเห็นประกาศรับสมัครผู้จัดการก็เลยสนใจอยากลองมาสมัคร ตอนแรกว่าจะส่งใบสมัครมาทางอีเมล์นั่นแหละ แต่คิดไปคิดมา...มาสมัครเองดีกว่า นัทจะได้มาหาเพื่อนด้วย นี่นัทก็เพิ่งไปหาเพื่อนมา อ้อ...แล้วแฟรงค์ล่ะ แฟรงค์มาทำอะไรที่นี่ แล้วตอนนี้แฟรงค์อยู่ที่ไหน ทำงานที่ไหน"

"เอาคำถามไหนก่อนดี"

"ตอบมาเหอะ คำถามไหนก่อนก็ได้"

แฟรงค์เอามือลงจากโต๊ะแล้วก็นั่งตัวตรงเหมือนเดิม

"ก็ทำงานแถวๆ นี้แหละ บ้านอยู่มีนบุรี ที่มาที่นี่ก็...มีธุระสำคัญอะไรบางอย่างนิดหน่อย"

"อ้าวเหรอ...แล้วแฟรงค์ต้องรีบไปธุระหรือเปล่า นัทรบกวนเวลามั้ย" ผมถามด้วยสีหน้ากังวล

"ไม่หรอก แฟรงค์มาก่อนเวลาน่ะ ยังคุยกับนัทได้อีกนานเลย"

ผมยิ้มอย่างโล่งอก นึกว่าจะได้คุยกันแป๊บเดียวเสียแล้ว

"ดีเลย นัทคิดถึงแฟรงค์มาก มีอะไรอยากคุยกับแฟรงค์เยอะเลย"

"นี่แหละนัทตัวจริง เดี๋ยวก็เรียกแฟรงค์ เดี๋ยวก็เรียกพี่แฟรงค์ ก็บอกแล้วไงว่าให้เรียกแฟรงค์เฉยๆ"

แฟรงค์ทำเสียงดุไม่จริงจังนัก

"ไม่รู้สิ เหมือนจิตใต้สำนึกของนัทมันไม่เชื่อยังไงไม่รู้ ยังไงๆ แฟรงค์ก็อายุมากกว่านัทนั่นแหละ"

แฟรงค์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มนั้นมีเสน่ห์น่าประหลาดจนทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ได้เหมือนกัน ผมมองดูคนตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชม ที่ผ่านมาผมก็มองพี่แฟรงค์ด้วยสายตาที่ชื่นชมราวกับเป็นฮีโร่ในดวงใจเสมอ ไม่ว่าจะมองตรงไหนแฟรงค์ก็ดูดีไปหมด ผู้หญิงที่ได้แต่งงานกับแฟรงค์คงโชคดีมากเพราะแฟรงค์เป็นคนชอบดูแลเอาใจ ที่ผมผูกพันกับแฟรงค์ก็เพราะเหตุนี้แหละ

"แล้วนัทเรียนจบที่ไหนมา ทำงานที่ไหนมามั่ง"

"ถามเหมือนสัมภาษณ์งานนัทเลยนะเนี่ย" ผมพูดติดตลก แล้วก็พูดสืบไป

"นัทจบตรีการจัดการการท่องเที่ยวและการโรงแรมที่ มศว. มา แล้วก็จบโทการจัดการการท่องเที่ยวที่นิด้าอีกใบ พอจบตรีแล้วก็ทำงานที่โรงแรมในเครือแอคคอร์อยู่ที่หนึ่ง ก็ทำอยู่หลายปีเหมือนกัน ตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะลาออกก็เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ"

"แล้วทำไมออกล่ะ"

"มันเครียดน่ะแฟรงค์ ทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ แล้วก็รู้สึกเลยว่า...เค้าใช้เรายังกะวัวยังกะควาย แล้วก็อีกหลายๆ เรื่อง ช่างมันเถอะ อย่าไปพูดถึงมันเลย เอาเป็นว่าตอนนี้นัทอยากทำงานกับรีสอร์ทเล็กๆ อย่างนี้แหละ เงินเดือนน้อยลงก็ไม่เป็นไรหรอก นัทกะว่าจะทำงานซักสองสามปีหาประสบการณ์ซักหน่อย แล้วนัทก็จะกลับไปทำรีสอร์ทหรือไม่ก็ไร่สตรอเบอรี่ที่ภูทับเบิก แม่ซื้อที่ไว้แถวนั้นไว้หลายไร่เลย"

แฟรงค์พยักหน้ายิ้มๆ แถมยังหัวเราะด้วยสีหน้าแปลกๆ อีก

"ก็ดีเหมือนกันนะ แล้ว...น้านวลเป็นไงบ้าง สบายดีนะ แฟรงค์ไม่ได้กินขนมจีนเส้นสดน้านวลนานมากเลย"

แฟรงค์ชวนเปลี่ยนเรื่องคุยอีกแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ได้เจอกันนานก็เลยมีหลายเรื่องที่อยากรู้ เวลาคุยกันก็เลยกระโดดไปเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นธรรมดา

ผมมองถ้วยกาแฟของเราสองคนแล้วก็ขำเบาๆ ไม่รู้ว่าเด็กในร้านเอามาเสิร์ฟตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครยกขึ้นมาจิบเลย

"สบายดี แฟรงค์...นัทขอยืมโทรศัพท์แฟรงค์แป๊บนึงดิ"

ผมพูดอย่างนึกสนุก แฟรงค์มองอย่างงงๆ แต่ก็ส่งไอโฟนรุ่นล่าสุดมาให้ผมแต่โดยดี ปลดล็อกหน้าจอให้ด้วย ผมรับโทรศัพท์มาจากแฟรงค์ด้วยสีหน้ายิ้มมีเลศนัย พอจะกดปุ่มโทรศัพท์ก็รู้สึกสะดุดใจกับภาพวอลเปเปอร์ที่หน้าจอของแฟรงค์ มันเป็นภาพของแฟรงค์ถ่ายคู่กับผู้หญิงสวยคนหนึ่ง น่าจะป็นแฟนของแฟรงค์นั่นแหละ ผมไล่ความคิดนั้นออกไปโดยเร็วแล้วก็กดไอค่อนรูปโทรศัพท์ ก่อนจะกดเบอร์ของแม่ที่ผมจำได้จนขึ้นใจ ผมกดโทรออก เปิดลำโพงแล้วก็ส่งโทรศัพท์ให้แฟรงค์ไป

"อะไร...จะให้แฟรงค์คุยกับใคร" แฟรงค์ถามด้วยสีหน้างงๆ

"แม่นัทไง"

"อ๋อ"

แฟรงค์ทำสีหน้าสบายใจขึ้นมาหน่อย พอแม่ผมรับสาย การสนทนาก็เริ่มขึ้น

"สวัสดีครับน้านวล น้านวลสะดวกคุยหรือเปล่าครับ"

"สะดวกจ้ะ ใครโทรมาเหรอ เสียงคุ้นๆ"

"แฟรงค์ครับน้านวล น้านวลจำผมได้มั้ยครับ แฟรงค์...เพื่อนนัทไงครับ"

"แฟรงค์เหรอ จำได้ๆ เป็นไงบ้างลูก แล้วนี่ไปได้เบอร์น้ามาจากไหน" น้ำเสียงของแม่ผมฟังดูดีใจและตื่นเต้นมากทีเดียว

"ผมเจอนัทโดยบังเอิญที่กรุงเทพครับน้านวล ตอนนี้นัทก็นั่งอยู่กับผมนี่แหละครับ น้านวลสบายดีนะครับ คิดถึงขนมจีนเส้นสดของน้านวลมาก สงสัยผมจะต้องหาเวลากลับไปกินอีกสักครั้ง ไม่ได้กินนานแล้ว"

"มาเลยลูก มากับนัทก็ได้ ตอนนี้น้าเปิดร้านขายขนมจีนอยู่ติดถนนสายสิบสองเลย ชื่อร้านแม่นวล ป้ายเบ้อเร่อเลย หาไม่ยากหรอก มากินให้จุใจเลยลูก แล้วแฟรงค์เป็นไง ทำอะไรอยู่ พวกเราคิดถึงแฟรงค์กันมากรู้มั้ยลูก ตอนที่แฟรงค์ไปเรียนกรุงเทพใหม่ๆ นัทมันเหงามาก แม่เห็นแล้วก็สงสาร นั่งหงอยอยู่คนเดียวทุกวัน คอยถามหาแต่พี่แฟรงค์ๆ"

ผมทันได้เห็นสายตาของแฟรงค์ที่สลดลงเล็กน้อย การที่แฟรงค์ผิดคำสัญญากับน้องชายที่รักมากคนหนึ่ง อาจเป็นเรื่องติดค้างในใจมาตลอดตั้งแต่จากกันก็ได้

แฟรงค์คุยกับแม่ผมอยู่นานหลายนาที คุยเสร็จแล้วแฟรงค์ก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองไป

"นัทขอเบอร์แฟรงค์ไว้หน่อยได้มั้ย นัทมีอะไรอยากคุยกับแฟรงค์เยอะแยะเลย แต่คงต้องนัดคุยวันหลังแล้วล่ะ เพราะว่าเดี๋ยวนัทจะต้องไปพบหัวหน้ารีสอร์ทเรื่องสมัครงานแล้ว นัทไม่อยากให้เค้ารอ เดี๋ยวจะดูไม่ดี"

"ไปหาเค้าทำไม ไม่ต้องไปแล้ว"

ผมขมวดคิ้วมองแฟรงค์ นึกหาเหตุผลไม่ออกเลยว่าทำไมแฟรงค์ถึงได้พูดอย่างนั้น

"อ้าว แฟรงค์ไม่อยากให้นัทสมัครงานนี้เหรอ นัทอยากทำงานที่นี่มากเลยนะ"

แล้วแฟรงค์ก็หัวเราะชอบใจใหญ่ ไม่รู้ว่าตลกอะไรของแฟรงค์นักหนา แถมยังส่ายหัวอีกด้วย

"นัท...นัทไม่รู้จริงๆ เหรอว่านัทกำลังคุยกับใครอยู่"

นั่นน่ะสิ! ผมก็ชักสงสัยแล้วเหมือนกันว่าแฟรงค์เป็นใครกันแน่

แฟรงค์ยืดตัวขึ้นพร้อมกับสูดหายใจยาว เอามือสองข้างจับต้นขาตัวเอง ยิ้มละไมแต่ก็มีเลศนัยอยู่ในที แต่ไม่ว่าจะยิ้มแบบไหน รอยยิ้มของแฟรงค์ก็ดูอบอุ่นเสมอ ใบหน้าที่คมคายขึ้นจากตอนเด็กๆ นั้นทำให้รอยยิ้มเดิมแผ่พลังอบอุ่นออกมาได้มากกว่าแต่ก่อนหลายเท่านัก

แฟรงค์ลดไหล่ลงตามเดิม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา

"มาทำงานกับพี่นะ"

... ... ...

สรุปว่าแฟรงค์เป็นเจ้าของรีสอร์ทนั่นเอง จะว่าเป็นเจ้าของก็ไม่เชิงเพราะที่นี่เป็นรีสอร์ทของปู่แฟรงค์ ตอนที่แฟรงค์มาเรียนที่กรุงเทพ ธุรกิจรีสอร์ทของพ่อแฟรงค์ที่เขาค้อมีปัญหาหลายอย่าง สุดท้ายก็เลยต้องขายแล้วย้ายมาอยู่กรุงเทพกันทั้งครอบครัว

แฟรงค์เคยเล่าให้ผมฟังว่าปู่ของแฟรงค์มีลูกด้วยกันทั้งหมดห้าคน แต่มีอยู่วันหนึ่งลูกๆ ทั้งห้าคนขับรถไปเที่ยวด้วยกันแล้วก็เกิดอุบัติเหตุ พ่อของแฟรงค์รอดคนเดียวส่วนคนอื่นๆ เสียชีวิตหมด ทรัพย์สมบัติทั้งหลายของปู่จึงยกให้พ่อแฟรงค์คนเดียวเลย

พอธุรกิจที่เขาค้อมีปัญหาและขายทิ้งไป พ่อของแฟรงค์ก็มาดูแลเรือนแพรีสอร์ทแทนปู่ของแฟรงค์ที่เริ่มอายุมาก นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้แฟรงค์ไม่ได้กลับมาที่เพชรบูรณ์อีกเลย พอแฟรงค์เรียนจบ พ่อของแฟรงค์ก็ค่อยๆ ถ่ายโอนภาระความรับผิดชอบที่รีสอร์ทแห่งนี้ให้แฟรงค์ จนกระทั่งแฟรงค์ดูแลเองได้หมด พ่อจึงวางมือไป แต่ก็ยังคอยดูอยู่ห่างๆ

แฟรงค์พาผมเดินดูจนทั่วรีสอร์ท พื้นที่ที่นี่กว้างใหญ่มากจึงใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะดูจนหมดและตอบคำถามที่ผมสงสัยได้ทุกอย่างก็เย็นพอดี

ก่อนจะกลับเราก็มานั่งคุยสรุปกันสั้นๆ อีกครั้งที่ห้องทำงานของแฟรงค์ เหลือแค่ตกลงกันว่าจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่ยังไง ผมบอกแฟรงค์ไปว่าผมพร้อมอาทิตย์หน้า แฟรงค์เป็นห่วงผมเรื่องขับรถไกลมาทำงาน แต่ผมก็ว่าจะลองดูก่อนเพราะไม่อยากทิ้งคอนโดในเมืองไว้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยหาทางแก้ปัญหาอีกที

อ้อ ผมมีรถเก๋งอยู่คันหนึ่ง แต่วันนี้ไม่ได้ขับมาด้วยเพราะกลัวหลงทาง ก็เลยนั่งแท็กซี่มาหาไอ้ปอนด์แล้วให้มันมาส่งที่นี่

"ให้พี่ไปส่งนัทนะ" แฟรงค์อาสาขึ้นมาตอนที่ผมกำลังจะขอตัวกลับพอดี

อย่าว่าแต่ผมเลยที่สับสน บางทีแฟรงค์ก็สับสนเหมือนกันว่าจะเรียกแทนตัวเองว่ายังไง แต่ผมก็ชอบที่แฟรงค์เรียกแทนตัวเองว่าพี่ ได้ยินทีไรผมก็อบอุ่นใจทุกครั้ง

"ไม่เป็นไรหรอกแฟรงค์ นัทกลับเองได้ รัชดามันไกลด้วย รถก็ติด เดี๋ยวแฟรงค์เสียเวลา"

"เสียเวลาอะไรกัน นัทเป็นน้องชายของพี่นะ นัทรู้มั้ย...แฟรงค์เสียใจมากนะที่แฟรงค์ทิ้งนัทมา ไม่เคยกลับไปดูแลนัทอีกเลย ให้พี่ไปส่งนัทเป็นการไถ่โทษนะ พี่อยากดูแลนัทเหมือนที่พี่เคยดูแลไง"

แฟรงค์ทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว คงสะเทือนใจเรื่องนี้มากพอดู พอเห็นสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงรู้สึกผิดอย่างนั้น ผมก็ไม่กล้าขัด ดีเหมือนกัน ผมจะได้มีเวลาคุยกับแฟรงค์ให้หายคิดถึง ตอนเด็กๆ เราสองคนไม่เคยเบื่อที่จะคุยกันเลย คุยกันได้ทั้งวัน

ตลอดเส้นทางที่แฟรงค์ไปส่งผม เราสองคนคุยกันไม่หยุดเลย ผมมีความสุขและอบอุ่นใจเหลือเกินที่วันนี้มีแฟรงค์นั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เราเพิ่งได้เจอกัน ความรู้สึกเก่าๆ ก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็วจนรู้สึกสนิทใจเหมือนตอนเด็กๆ

"ตอนแรกแฟรงค์นึกว่านัทเป็นลูกค้ามาเดินเล่นไง ก็เลยจอดรถถามว่าชอบที่นี่หรือเปล่า"

"แล้วตอนแรกแฟรงค์จำนัทได้หรือเปล่าล่ะ"

"ตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก แต่พอขับรถออกไปแล้วก็ชักสงสัย รู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ พอจอดรถแล้วก็เลยวิ่งกลับมาดูอีกทีเผื่อว่าจะใช่"

"นัทก็เหมือนกัน ตอนแรกนัทก็งงๆ ว่าใคร แต่ก็รู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหน ก็เลยวิ่งตามไปดู"

"ไม่น่าเชื่อนะว่าเราจะได้กลับมาเจอกันอีก พี่ดีใจมากนะที่พี่ได้กลับมาเจอน้องชายของพี่อีก ดีใจที่สุดเลย"

แฟรงค์เอื้อมมือมาลูบผมของผมเบาๆ นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกอบอุ่นใจอย่างนี้

"นัทก็ดีใจนะพี่แฟรงค์ ดีใจที่สุดในโลกเลย" ผมบอกแล้วก็ยิ้มเขินๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเขินขึ้นมาได้

"โชคดีนะที่โลกเรามันเป็นทรงกลม ต่อให้เดินห่างไปไกลแค่ไหน...ก็ยังมีโอกาสกลับมาเจอกันได้ แต่ถ้าโลกมันแบน...ยิ่งเดินไปเราก็คงยิ่งห่างกัน แฟรงค์คงไม่ได้เจอนัทอีก"

ผมพยักหน้าเห็นด้วย แฟรงค์พูดเหมือนกับที่ผมเคยคิดเลย ผมภาวนาเสมอๆ ว่าขอให้โลกกลมๆ ใบนี้พาผมกับแฟรงค์มาเจอกันอีกสักครั้ง ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นจริง

"พี่แฟรงค์คิดถึงนัทมั้ย"  นี่เป็นคำถามหนึ่งที่ผมสงสัยและอยากรู้มากที่สุดตลอดหลายปีที่ผ่านมา

"คิดถึงสิ" แฟรงค์ตอบเบาๆ ยิ้มเศร้าๆ

"คิดถึงมากหรือเปล่า"

แฟรงค์หันมาพยักหน้า แล้วก็หันไปมองทางต่อ

"นัทคิดถึงพี่แฟรงค์มากนะ นัทยังจำได้เลยว่านัทชอบไปยืนมองบ้านเก่าของพี่แฟรงค์บ่อยๆ ตอนที่พี่แฟรงค์ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพ ตอนนั้น...นัทรู้สึกเศร้ามากเลย แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก พอเวลาผ่านไป...นัทก็ลืมๆ ไปเกือบหมดแล้วล่ะ ถ้าไม่ได้เจอกันวันนี้...นัทก็คงลืมไปแล้วจริงๆ"

ผมพยายามระมัดระวังคำพูดเพราะกลัวแฟรงค์เสียใจ แต่แฟรงค์ก็แค่ยิ้มเศร้าๆ ไม่ได้พูดอะไรกลับมาเลย คงเป็นเพราะจังหวะนั้นมีคนโทรมาหาแฟรงค์พอดี แฟรงค์จึงรับโทรศัพท์ก่อน พอฟังการสนทนาดีๆ ผมก็พอเดาได้ว่าน่าจะเป็นแฟนของแฟรงค์

"เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้นะเพียว วันนี้แฟรงค์ออกมากับเพื่อน เป็นเพื่อนเก่าไม่ได้เจอกันนานเลย"

ผมได้ยินประโยคนี้ชัดเจนที่สุด ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นผมก็ฟังได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง หรือไม่ได้ฟังเลยก็มี ไม่รู้สิ...ผมไม่อยากฟังแฟรงค์คุยกับแฟนเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าฟังไม่ได้ แค่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ ที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้เท่านั้นเอง

แฟรงค์ขึ้นมาส่งผมจนถึงห้อง พอเข้ามาในห้องแล้วผมก็เดินไปที่ตู้เย็น รินน้ำเย็นๆ ใส่แก้วแล้วเอามาส่งให้แฟรงค์

"เห็นมั้ยนัทบอกแล้วว่ารถติด กว่าจะมาถึงก็ทุ่มกว่าเลย แล้วกว่าแฟรงค์จะกลับถึงบ้านอีกล่ะ"

"ไม่เป็นไร อย่าคิดมาก"

แฟรงค์บอกแล้วก็รับน้ำไปดื่มจนหมดแก้ว ส่งแก้วน้ำคืนให้ผมแล้วก็เดินไปดูตรงนั้นตรงนี้ในห้อง เราคุยกันอยู่อีกสักพักใหญ่แฟรงค์จึงขอตัวกลับ

จังหวะที่จะลุกเดินจากโซฟาไปที่ประตูนั้น ความรู้สึกบางอย่างก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในใจผมอีกแล้วเมื่อรู้ว่าคนที่ผมผูกพันด้วยกำลังจะไป แม้ว่าจะไปเพียงชั่วคราวก็เถอะ ความกลัวว่าจะถูกทอดทิ้งทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย

"พี่แฟรงค์"

แฟรงค์หยุดและหันมามองอย่างสงสัย พอเห็นผมเริ่มร้องไห้แฟรงค์ก็ตกใจ

"นัท!"

"พี่แฟรงค์...อย่าทิ้งนัทไปอีกนะพี่แฟรงค์"

แล้วผมก็โผเข้ากอดแฟรงค์ แฟรงค์คงจะตกใจมากทีเดียว แต่ก็พยายามลูบหลังปลอบใจผมไว้ตลอดเวลา

"นัทเจ็บน่ะพี่แฟรงค์ เจ็บมาก..."

คราวนี้ผมปล่อยโฮเลย รู้สึกเหมือนแขนขาไร้เรี่ยวแรงจนต้องค่อยๆ ทรุดลงไปกองกับพื้น แฟรงค์รีบย่อตัวลงมานั่งพื้นด้วยกันกับผมแทบจะทันที

"นัทเป็นอะไร บอกพี่ได้มั้ย" แฟรงค์ถามอย่างเป็นห่วง

"พี่แฟรงค์...นัทคิดถึงพี่นะ พี่แฟรงค์อย่ารำคาญนัทนะที่นัทขี้แงแบบนี้ นัทเจ็บมากน่ะพี่ แล้วนัทก็ไม่มีใครเลย"

ผมยังไม่ตอบคำถามแฟรงค์เพราะว่าไม่สามารถเล่าได้ในตอนนี้ เอาไว้ให้ผมสงบจิตสงบใจได้ก่อนละกัน

"พี่ไม่รำคาญนัทหรอก นัทไม่ต้องกลัวนะ พี่มาอยู่กับนัทแล้ว พี่จะไม่ทิ้งนัทไปไหนอีก"

"จริงนะพี่แฟรงค์..."

ผมปล่อยโฮใหญ่อีกครั้งแล้วก็กอดแฟรงค์แน่น ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยอึดอัดและอัดอั้นตันใจออกมาทั้งหมด ตั้งแต่โตมา ผมไม่เคยร้องไห้อย่างนี้ให้ใครเห็นหรอก ไม่มีใครสักคนที่ผมไว้ใจมากพอที่จะทำอย่างนี้ให้เห็นต่อหน้าได้ แต่ผมไว้ใจแฟรงค์ แม้ว่าจะจากกันไปนานแค่ไหนผมก็รู้ว่าแฟรงค์คือคนที่ผมไว้ใจได้เสมอ ขอให้ผมร้องไห้ระบายสิ่งที่เจ็บปวดกับพี่ชายของผมสักครั้งเถอะ ผมรู้ว่าพี่ชายคนนี้จะช่วยทำให้ความเจ็บปวดของผมบรรเทาเบาบางลงได้

จู่ๆ ประตูห้องผมก็ถูกเปิดออก ผมกับแฟรงค์หันไปมองพร้อมกันด้วยความตกใจว่าใครเข้ามา พอเห็นว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งแฟรงค์ก็ทำท่าจะผละออกไป ผมเลยต้องออกแรงดึงตัวแฟรงค์ไว้ให้นั่งอยู่กับผมอย่างเดิม

"ไม่ต้องสนใจหรอกพี่แฟรงค์ ไม่ต้องไปสนใจเค้า"

ผมบอกด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น แฟรงค์คงจะงงๆ อยู่เหมือนกันแต่ก็ยอมทำตามที่ผมบอกแต่โดยดี

"ตามาเอาของที่ลืมไว้แค่นั้นแหละ"

เสียงพูดห้วนสั้นและสายตาที่เย็นชานั้นทำให้ผมเจ็บปวดมานักต่อนักแล้ว ผมจึงทำหูทวนลมและปล่อยให้เธอคนนั้นเดินไปหยิบของที่เธอลืมไว้อย่างที่ต้องการ จะเข้าใจว่าผมกับแฟรงค์เป็นอะไรกันก็ช่างเถิด ผมไม่สนใจแล้ว

เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว เธอก็รีบเดินไปที่ประตูโดยไม่คิดจะหันกลับมาแยแสผมเลย แล้วผมก็ได้ยินเสียงเหมือนมีของตกลงที่พื้น คีย์การ์ดห้องผมที่ผมให้เธอไว้นั่นเอง เธอคงไม่ต้องการมันอีกแล้ว

"ทุเรศ!"

แม้จะเบา แต่น้ำเสียงกดต่ำนั้นก็บ่งบอกว่าเธอคงสมเพชผมเต็มทีที่อ่อนแอไม่สมกับที่เป็นผู้ชายเอาเสียเลย แล้วประตูก็ปิดดังปังจนแฟรงค์เองยังสะดุ้งตกใจ

เมื่อพูดถึงเรื่องความรักแล้ว ผมก็ไม่เคยคิดอยากจะรักเธอหรือรักใครเท่าไหร่หรอก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่วันที่ผมได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อต้องตา เธอก็ทำให้ผมสะดุดใจกับคำพูดหนึ่งของเธอ

"นัท...อย่าเรียกตาว่าพี่สิ ตาแก่กว่านัทแค่เดือนสองเดือนเอง"

ผมก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมคำพูดนี้ถึงทำให้ผมสนใจเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่คนนี้ได้ หลังจากนั้นผมก็ตามจีบเธอจนสำเร็จ เราเป็นแฟนกันอยู่หลายปีจนกระทั่งมาถึงวันนี้ที่ทุกอย่างพังลงไปหมดแล้ว

"นัทใจเย็นๆ นะ จะให้พี่อยู่เป็นเพื่อนนัทคืนนี้มั้ย พี่อยู่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ"

ผมไม่ตอบคำถามของแฟรงค์แต่ซุกตัวลงกับอกอุ่นๆ นั้นอย่างอ่อนล้า แม้จะเจ็บสักแค่ไหนผมก็รู้สึกดีที่มีพี่ชายคนนี้คอยปลอบใจ อ้อมแขนของแฟรงค์ช่างอบอุ่นเหลือเกิน แม้ว่าใจของผมจะร้อนรุ่มทุรนทุรายสักแค่ไหน ไออุ่นนั้นก็ช่วยทำให้บรรเทาเบาบางลง โชคดีเหลือเกินที่เราสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คนที่ผมต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือแฟรงค์

"แฟรงค์ แฟรงค์คอยดูนะ...นัทจะไม่รักใครอีกแล้ว ไม่มีวันที่นัทจะเอาหัวใจไปให้ใครทำร้ายอีก คอยดูนะแฟรงค์"


- TBC -[/center]

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
หัวข้อ: Re: ❤ (✖) ไร้รัก ❀✣❀ CH01 ❀ อ้อมกอดของพี่ชาย ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 05-12-2015 01:22:21
ความรู้สึกดีๆให้กันสินะ
เริ่มต้นได้นุ่มนวลดีค่ะ
แรกๆที่อ่านตอนหนุ่มๆน้ำตาคลอก็คิดว่า นุ่มไปนิด แต่คิดอีกทีก็ห่างกันมานานเหลือเกิน
อีกตอนที่นัทร้องไห้ออกมานั้นก็น่าจะเป็นเพราะสุดทนแล้ว

เราไม่ใช่คนชอบความรุนแรงนะ
แต่พอผู้หญิงคนนั้นออกปากพูดออกมาว่า *ทุเรศ* นี่
ความรู้สึกเราก็คือ น่าตบปากมันนัก

ขอบคุณมากค่ะ  นึกว่าต้องรอปีหน้าเสียแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤ (✖) ไร้รัก ❀✣❀ CH01 ❀ อ้อมกอดของพี่ชาย ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 05-12-2015 09:57:03
ความรู้สึกดีๆให้กันสินะ
เริ่มต้นได้นุ่มนวลดีค่ะ
แรกๆที่อ่านตอนหนุ่มๆน้ำตาคลอก็คิดว่า นุ่มไปนิด แต่คิดอีกทีก็ห่างกันมานานเหลือเกิน
อีกตอนที่นัทร้องไห้ออกมานั้นก็น่าจะเป็นเพราะสุดทนแล้ว

เราไม่ใช่คนชอบความรุนแรงนะ
แต่พอผู้หญิงคนนั้นออกปากพูดออกมาว่า *ทุเรศ* นี่
ความรู้สึกเราก็คือ น่าตบปากมันนัก

ขอบคุณมากค่ะ  นึกว่าต้องรอปีหน้าเสียแล้ว

มีเหตุให้คนเขียนรอปีหน้าไม่ไหวครับ

ผมใช้คำว่า "ดำดิ่ง" ไปกับความรู้สึกของตัวละครเพราะว่าเนื้อเรื่องตอนนี้มันวิ่งอยู่ในหัวผมตลอดเวลา
เขียน "ต้น-สน" ตอนพิเศษได้สักพักก็ต้องหยุด เขียนต่อไม่ได้
เปลี่ยนไปเขียน "รักหมดใจ นายต่างดาว" แล้วก็เจออาการเดิม
ในที่สุดผมก็หยุดตัวเองไม่ไหว ตัดใจหยุดเรื่องอื่นไว้ก่อนแล้วเขียนตอนนี้ เพราะอารมณ์มันมาแล้ว รอปีหน้าไม่ได้
ตอนนี้เขียนเสร็จแล้ว โล่งใจหน่อย อารมณ์ค่อยๆ ไปแล้ว คาดว่าวันนี้น่าจะเขียนเรื่องอื่นๆ ได้

ผมไม่เคยทำงานที่เกี่ยวกับธุรกิจโรงแรมหรือรีสอร์ทมาก่อน ตอนนี้หาข้อมูลเยอะเลยครับ
เตรียมไว้สำหรับตอนต่อๆ ไป

ขอเปลี่ยนชื่อเรื่องนิดหน่อยนะครับ ตอนนี้น่าจะลงตัวที่ชื่อนี้แล้ว

"❤ (✖) ไร้รัก ✣ Lovelessly"

ผมชอบมากเลยครับ

:) Sarawatta :)
หัวข้อ: Re: ❤ (✖) ไร้รัก ✣ Lovelessly ❀✣❀ CH01 ❀ อ้อมกอดของพี่ชาย ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 05-12-2015 10:59:39
ตอนจบเอาซะเอ๋อเลย
ไม่รู้จะเมนต์อะไรดี พูดไม่ออกอ่ะ แรกๆมานุ่มมาก
สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤ (✖) ไร้รัก ✣ Lovelessly ✣ CH01 ✣ ในอ้อมกอดของพี่ชาย ✣ P1 ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 05-12-2015 13:28:49
ถ้าเกิดว่าคนคนนั้นของนัทไม่ใช่แฟรงค์ก็คงจะเป็นคนอื่นไปไม่ได้แล้วเหมือนกันนะคะ เพราะขนาดตอนที่ตกลงคบกับต้องตาจิตใต้สำนึกลึกๆ ยังสั่งให้เลือกคนนี้เพราะคำพูดประโยคนั้นที่คล้ายๆ กันกับที่แฟรงค์เคยพูดเมื่อตอนยังเด็กเลย อารมณ์ประมาณว่าทดแทนกันน่ะค่ะ แต่ในเมื่อนัทไม่รู้ตัวก็ย่อมไม่ผิดอยู่แล้วล่ะเนอะ :กอด1:

ปล. ต้องตาว่าตัวเองทำไมคะ :laugh:

รอตอนต่อไปจ้า ^^
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH01 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย ✢ P1 ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-12-2015 14:25:31
เหมือนเจอของสำคัญที่หล่นหาย
เหมือนร้ายนั้นกลายเป็นดีมากเลย
....เมื่อฉันได้มาพบกับเธอ...

อ่านแล้วนึกถึงเพลงนี้

ขอบคุณนะ

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH01 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย ✢ P1 ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-12-2015 17:53:39
เราจะค่อยๆ รอดูความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าจะดำเนินไปยังไงนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH01 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย ✢ P1 ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 05-12-2015 17:57:02
สนุกมากๆคับ ซึ้งอ่ะแต่เสียใจกับนัทที่เลิกกับแฟนแล้ว
    รอ รอ รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH01 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย ✢ P1 ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 05-12-2015 20:43:21
"มาทำงานกับพี่นะ" คำพูดนี้แบบว่า ยังกับคำขอเป็นแฟนเลยอะ ในความรู้สึกผม ฟินสูดๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH01 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย ✢ P1 ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 05-12-2015 20:47:35
คู่นี้น่ารักจริง ๆ เลย แฟรงค์เข้ามาได้จังหวะจริง ๆ กับเส้นทางที่กำลังโดดเดี่ยวอ้างว้างของนัทพอดีเลยน่ะ ที่ทางเดินใหม่ของนัทอาจจะมีแฟรงค์เป็นเป้าหมาย แต่แฟรงค์ก้อกำลังจะแต่งงานอีก  :mew4: งานนี้ดราม่ากำลังกวักมือเรียกเลย  :mew2:
คุณ sarawatta ตามแต่เลยจ้ะ มีไฟกับเรื่องไหนก้อเอาเรื่องนั้น แต่อย่าทิ้งเรื่องของเนตั้นนานนักน่ะจ้ะ ชอบอ่ะ มันถูกคอ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH01 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย ✢ P1 ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 05-12-2015 21:02:24
มาให้กำลังใจนักเขียนไฟแรงจ้า
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH01 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย ✢ P1 ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 05-12-2015 21:19:19
นัทนี้ฝังใจในรักแรกที่เขามีให้ะแฟร๊งมาก...แต่พี่แฟร๊งมีแฟนแล้วนี้นะซิ ต่อให้ผู้หญิงคนนั่นทิ้งนัทไปแล้วก็ตาม
แต่อยากตามไปตบปากนางมากที่นางพูด"ทุเรศ"ออกมา แต่อย่างว่าแหละนะแค่เขามีแระโยคและอายุมากกว่าไม่กี่เดือนนัทก็คบกับเขาแล้ว
สงสัยเรื่องนี้จะหมดกระดาษทิชชู้หลายม้วนแน่ๆ รอค่ะ .... เป็นกำลังใจให้ตนแต่งค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P1 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 06-12-2015 09:06:43
รอเค้าขยับความรู้สึกเข้าหากัน
เราว่าแฟรงค์มากกว่าที่รักฝังใจ555
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH01 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย ✢ P1 ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-12-2015 09:23:08
นัทนี้ฝังใจในรักแรกที่เขามีให้ะแฟร๊งมาก...แต่พี่แฟร๊งมีแฟนแล้วนี้นะซิ ต่อให้ผู้หญิงคนนั่นทิ้งนัทไปแล้วก็ตาม
แต่อยากตามไปตบปากนางมากที่นางพูด"ทุเรศ"ออกมา แต่อย่างว่าแหละนะแค่เขามีแระโยคและอายุมากกว่าไม่กี่เดือนนัทก็คบกับเขาแล้ว
สงสัยเรื่องนี้จะหมดกระดาษทิชชู้หลายม้วนแน่ๆ รอค่ะ .... เป็นกำลังใจให้ตนแต่งค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:

เดี๋ยวก็จะได้รู้ว่าใครรักฝังใจมากกว่ากันครับ 555
ถ้าเรื่องนี้เป็น "ต้น-สน" ภาคสอง คงมีการเอาคืนกันอย่างสนั่นหวั่นไหวแน่เลย
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH01 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย ✢ P1 ▒ 4.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-12-2015 09:24:11
มาให้กำลังใจนักเขียนไฟแรงจ้า

ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ หวังว่าจะพออ่านนิยายดราม่าเรื่องนี้ได้นะครับ
แต่ไม่ดราม่ามากเท่าเรื่องอื่นๆ ที่ผมเขียนหรอก เรื่องนี้อบอุ่นและสดใสกว่าเยอะ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-12-2015 09:45:56
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 2 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

เจ้าน้องชายของผมนอนหลับปุ๋ยบนเตียงอย่างสบายไปแล้ว กว่าจะได้นอนก็คุยกันซะดึกเลย แถมผมยังต้องทำหน้าที่คอยปลอบคนอกหักอีกด้วย แม้จะเหนื่อยแต่ผมก็ยินดีที่จะทำอะไรก็ได้เป็นการไถ่โทษที่ผมเคยทิ้งน้องไป ยังไม่ได้ถามหรอกว่าน้องชายผมเลิกกับแฟนทำไม เอาไว้ให้สงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยถามดีกว่า ถามตอนนี้เดี๋ยวจะกลายเป็นซ้ำเติมให้เสียใจไปใหญ่

จู่ๆ ผมก็นึกอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ เลิกผ้าห่มตรงปลายเท้าของนัทขึ้นอย่างช้าๆ นัทใส่กางเกงขาสั้นนอนผมจึงมองเห็นสิ่งที่ผมอยากเห็นได้ทันที อย่าเพิ่งคิดไปไกล ผมแค่อยากดูแผลเป็นรอยเขี้ยวหมาบนน่องขาของนัทเท่านั้น สรุปว่ารอยแผลเป็นก็ยังอยู่เหมือนเดิม แผลนี้นี่แหละที่ทำให้ผมกับนัทได้รู้จักกัน

ผมดึงผ้าห่มกลับที่เดิมแล้วก็นั่งมองนัทนอนหลับปุ๋ย คงจะเหนื่อยและอ่อนล้ามากสินะน้องพี่ ต่อไปนัทไม่ต้องกลัวแล้ว พี่อยู่นี่ทั้งคน จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายน้องของพี่อีก

ผมไม่เคยลืมหรอกว่าผมเคยรักน้องคนนี้มากแค่ไหน รักจนน้องสาวแท้ๆ ของผมยังเคยบ่นน้อยใจ นัทชอบกินไอศครีมมาก กินได้แทบทุกรส ผมก็เลยมักจะเจียดเงินค่าขนมของตัวเองมาซื้อไอศครีมให้นัทกินบ่อยๆ ซื้อให้บ่อยกว่าซื้อให้น้องสาวของตัวเองเสียอีก เห็นนัทกินไอศครีมอย่างมีความสุขแล้วผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย ยอมอดกลืนน้ำลายมองนัทกินไอศครีมบ่อยๆ

มีอยู่วันหนึ่งผมขี่จักรยานไปส่งนัทที่บ้าน ร่ำลาแล้วก็ขี่จักรยานออกไปอย่างเคย สักพักก็ได้ยินเสียงนัทร้องไห้วิ่งตามมา ผมจอดรถหยุดหันไปมองก็เห็นนัทถูกแม่ไล่ตีมาแต่ไกล นัทวิ่งมากอดผมไว้ น้านวลก็เลยไม่กล้าตีเพราะกลัวโดนผมไปด้วย ถามไปถามมาก็ได้ความว่านัทลืมเอาเงินค่าขนมให้นิว แถมยังเอาไปซื้อไอศครีมกินจนหมด พอนิวไปฟ้องแม่นัทก็เลยโดนไม้เรียวจนต้องวิ่งมาให้ผมช่วย นึกถึงแล้วขำไม่หาย

เหตุการณ์ที่ทำให้ผมรู้ว่ารักน้องคนนี้มากแค่ไหน เกิดขึ้นตอนก่อนที่ผมจะไปเรียนที่กรุงเทพอีกไม่กี่เดือน ตอนนั้นนัทไม่สบาย ผมกลัวนัทเป็นไข้เลือดออกเพราะช่วงนั้นกำลังระบาดหนัก พยายามบอกให้น้านวลพานัทไปหาหมอแต่น้านวลก็ไม่ยอมไปเพราะคิดว่านัทแค่เป็นหวัดเฉยๆ กินยาก็หายแล้ว ผมเป็นห่วงนัทมาก กลัวว่านัทจะตาย ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยไปขอให้พ่อกับแม่ผมมาช่วยคุยกับน้านวลอีกคน น้านวลถึงได้ยอม พ่อของผมเป็นคนขับรถพานัทไปส่งโรงพยาบาลในตัวอำเภอด้วยตัวเองในวันนั้น นัทจึงรอดตายมาได้

ผมจำได้ว่าผมขี่จักรยานไปเฝ้านัททุกวัน ตอนที่นัทออกจากโรงพยาบาลมา ผมก็กลายเป็นคนที่หวงน้องมาก คอยดูแลนัทตลอด ใครมาทำอะไรนัทไม่ได้เลย แตะนิดแตะหน่อยได้มีเรื่องกับผมแน่

ทั้งหมดนี้เริ่มมาจากความอยากมีน้องชายของผมนั่นแหละ เผอิญแม่ทำหมันแล้วก็เลยไม่มีน้องอีก นัทเข้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดี ผมจึงรักนัทมากเหมือนน้องที่คลานตามกันมา น้านวลยังบ่นบ่อยๆ เลยว่าผมตามใจนัทมากเกินไป

น่าเสียดายที่ผมต้องทิ้งความผูกพันทั้งหมดไว้ข้างหลังจากความจำเป็นของครอบครัว ตอนไปเรียนกรุงเทพใหม่ๆ ผมเคยขอพ่อกลับมาที่เพชรบูรณ์หลายครั้ง แต่เพราะความขัดแย้งเรื่องธุรกิจกับคนที่นี่ของพ่อ พ่อจึงสั่งห้ามไม่ให้ผมกับน้องสาวมาเหยียบที่นี่อีก รวมทั้งเหตุผลบางอย่างนั้นด้วย

เมื่อเวลาผ่านไป ความคิดถึงและความผูกพันค่อยๆ ลบเลือนเจือจาง สิ่งแวดล้อมใหม่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยๆ พอรู้ตัวอีกทีก็แทบไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยลืมน้องที่ผมรัก ทุกครั้งที่หยิบรูปของนัทขึ้นมาดูหรืออ่านการ์ดที่นัทเขียนให้ ผมก็รู้สึกผิดในใจเสมอ ผมรู้ว่านัทรักและผูกพันกับผมมาก น้องคงคิดถึงและเฝ้าคอยให้ผมกลับไปหา แต่ผมก็ไปหาไม่ได้

ตั้งแต่นั้นมา ผมกลายเป็นคนเก็บตัวพอสมควร ไม่ค่อยคบใครเป็นเพื่อนจริงจัง ไม่สนใจแม้กระทั่งเรื่องมีแฟนด้วยซ้ำ แฟนคนแรกของผมที่คบมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนถึงปัจจุบัน เป็นเพียงเพราะเธอมีนิสัยบางอย่างคล้ายนัท เธอชอบกินไอศครีมมาก กินได้แทบทุกรสเหมือนนัทเลย ผมจึงสนใจและลองจีบเธอดู นับว่าผมโชคดีที่ได้เจอคู่รักที่พอเข้ากันได้ แม้ว่าจะทะเลาะหรืองอนกันบ้างตามประสา แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีตลอด จนกระทั่งเราตัดสินใจว่าจะแต่งงานกัน อีกไม่กี่เดือนผมกับเพียวก็จะเป็นคู่ชีวิตกันโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ทุกอย่างก็เริ่มต้นมาได้เพราะเพียวชอบบางอย่างเหมือนนัท

พอคิดมาถึงตรงนี้ผมก็รู้ทันทีว่านัทมีอิทธิพลกับชีวิตผมมาโดยตลอดโดยที่ผมไม่รู้ตัว แม้กระทั่งเลือกแฟนก็ยังเลือกเพราะมีอะไรคล้ายกัน แล้วนัทล่ะ นัทเลือกคบผู้หญิงคนเมื่อกี้ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กับผมหรือเปล่า ?

ผมมองดูนัทที่นอนหลับสบายพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ แม้ว่าเพิ่งผ่านเรื่องเจ็บปวดมา แต่นัทก็คงรู้ว่าปลอดภัยแล้วเมื่อพี่ชายคนนี้กลับมาหา อดนึกไม่ได้ว่าถ้านัทไม่เจอผมในช่วงเวลานี้ ใครกันหนอจะช่วยดูแลปลอบใจน้องชายที่น่าสงสารของผม ใครกันจะรักและเป็นห่วงนัทได้เท่ากับพี่คนนี้

ผมเผลอยิ้มและนึกขำตัวเองที่นั่งอยู่บนพื้นข้างๆ เตียงนัทได้เป็นชั่วโมงๆ โดยไม่เบื่อเลย นัทหลับไปแล้วก็ยังนั่งมองไม่ไปไหน ผ่านมาสิบสามปีแล้ว ความรู้สึกเก่าๆ กลับฟื้นคืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าเราแค่จากกันไปไม่กี่วัน นัทกับผมเชื่อมต่อกันได้ไวมากเพราะสายสัมพันธ์เดิมที่ฝังลึกในใจ

น่าแปลกจริงๆ ยิ่งผมมองดูก็ยิ่งรู้สึกอยากทะนุถนอม อยากกอด อยากปกป้อง อยากดูแล อยากทำอะไรก็ได้ให้คนๆ นี้มีความสุขมากที่สุด ให้เหมือนหรือมากกว่าที่ผมเคยทำตอนเด็กๆ ผมดีใจเหลือเกินที่น้องที่แสนรักกลับมาหาผมอีกครั้ง ต่อจากนี้ไป ผมจะดูแลคนๆ นี้ให้ดีที่สุดเท่าที่คนอย่างผมจะทำได้ ผมจะไม่ยอมสูญเสียนัทไปอีกแล้ว

นี่ผม...กำลังรู้สึกอะไรกับนัทกันแน่!?

แล้วเพียวล่ะ!?

พอถึงตอนนี้แล้ว ผมก็ชักสงสัยว่าผมรักเพียวเพราะเธอมีเงาของนัทซ้อนทับอยู่หรือเปล่า ผมไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย ถ้าไม่เจอคนที่ชอบบางอย่างเหมือนนัทเสียก่อน ผมก็คงอยู่เป็นโสดจนถึงทุกวันนี้

แน่แล้ว...เงาของนัทซ่อนอยู่ข้างหลังและติดตามผมไปตลอดเวลาโดยที่ผมไม่เคยรู้ตัวเลย

พอรู้แล้ว ผมก็ตกใจมากจนต้องรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปก่อนจะฟุ้งซ่านมากกว่านี้ ไม่หรอก...ผมคงแค่มีความสุขที่ได้เจอนัทอีกครั้ง ผมแค่ดีใจที่ได้ของรักกลับคืนมา แต่เป็นของรักแบบไหนนี่สิที่มันช่างน่าสงสัยเหลือเกิน!?

... ... ...

"พี่แฟรงค์ นัทอยากกินน้ำ"

ตื่นขึ้นมาปุ๊บนัทก็อ้อนผมทันที พี่ชายที่แสนดีอย่างผมมีหรือจะปฏิเสธ ผมรีบเดินไปที่ตู้เย็น รินน้ำใส่แก้วแล้วเอามาส่งให้นัทที่นั่งรออยู่บนเตียง ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงนั้นทำให้ผมอดขำเบาๆ ไม่ได้

"น้ำ"

ผมบอกสั้นๆ แล้วก็ส่งแก้วน้ำให้นัทรับไป นัทดื่มจนหมดแก้วภายในเวลาไม่กี่วินาที

"เอาอีกไหม"

นัทส่ายหัวแล้วก็หันไปมองนาฬิกาที่ฝาผนังห้องด้านหนึ่ง

"จะเก้าโมงแล้ว พี่แฟรงค์จะไปทำงานสายหรือเปล่า นัทขอโทษนะ ทำให้พี่แฟรงค์สายเลย"

นัททำหน้ารู้สึกผิด ผมจึงยิ้มให้นัทสบายใจ

"ไม่เป็นไรหรอก พี่ไปทำงานสายหน่อยก็ได้ ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรมาก"

ผมบอกนัทไปแล้วว่าเรากำลังจะปิดปรับปรุงรีสอร์ท ว่าจะปลี่ยนชื่อด้วยเพราะชื่อ "เรือนแพ" นั้นปู่เป็นคนตั้ง ดูไม่เข้ากับยุคสมัยแล้ว ช่วงนี้เราแค่ดูแลแขกที่จองล่วงหน้าไว้ก่อนเท่านั้น ไม่รับลูกค้าเพิ่ม พอนัทเริ่มเข้าทำงาน เราก็คงต้องช่วยกันวางแผนการปรับปรุงสถานที่ การสร้างแบรนด์ การตลาด การพัฒนาคนทำงานและอีกหลายเรื่อง หวังว่าทุกอย่างจะเสร็จทันช่วงที่ผมแต่งงานนั่นแหละ

"ดีจังเลยนะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ตอนที่นัททำงานนะ ตื่นเช้าแล้วก็ต้องรีบหัวซุกหัวซุนเลย"  นัทพูดพลางขำ

"ตอนเที่ยงๆ ไปกินไอติมกันไหม"  ผมตั้งใจถามเพื่อที่จะรื้อฟื้นความทรงจำบางอย่างของเรากลับคืนมา

"พี่แฟรงค์ยังจำได้อีกเหรอ" 

ผมพยักหน้า แล้วสีหน้าของนัทก็เปลี่ยนเป็นเศร้า

"แต่ตอนนี้...นัทไม่ค่อยชอบกินแล้ว กินทีไรก็นึกถึงแต่พี่แฟรงค์ นัทไม่อยากเศร้าไง ก็เลยไม่ได้กินไอติมบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน"

ผมนั่งลงข้างๆ นัทบนเตียงแล้วก็ดึงนัทมากอดไว้ ยิ่งรับรู้เรื่องราวของนัทมากขึ้น ผมก็ยิ่งตระหนักว่าตัวเองได้ทำร้ายหัวใจดวงน้อยของเด็กคนหนึ่งที่รักและผูกพันกับผมให้เจ็บปวดมากเหลือเกิน ช่างน่าเศร้าที่ผมได้ทิ้งความทรงจำที่เจ็บปวดไว้ในใจของนัทตั้งหลายปี ยิ่งนึกถึงตอนที่นัทร้องไห้โฮกอดผมแน่นก่อนจะไปเรียนที่กรุงเทพ ก็พอเดาได้ไม่ยากว่าหลังจากนั้นนัทจะคิดถึงพี่ชายคนนี้สักแค่ไหน

"พี่ขอโทษนะนัท"

น้ำตาผมไหลอีกจนได้ ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกที่ผมจะร้องไห้และอ่อนไหว เพิ่งเป็นอย่างนี้ตอนที่ได้เจอนัทนี่แหละ

"ไม่เป็นไร ไปกินอีกก็ได้ นัทก็ยังชอบกินไอติมนะ แต่ตอนนั้นกินแล้วมันเศร้าไงก็เลยไม่อยากกิน ตอนนี้...นัทไม่เศร้าแล้ว ไปกินได้"

"นัทน้องพี่"

ผมสะท้อนใจตัวเองจนต้องกอดนัทแน่นขึ้น สงสารน้องรักจับจิตจับใจ นัทกอดตอบผมเบาๆ ผมรู้ว่านัทรู้สึกอุ่นใจที่ได้อยู่กับพี่ชายคนนี้อีกครั้ง ผมจึงทิ้งเวลาให้เนิ่นนานจนพอใจ ก่อนจะปล่อยนัทเป็นอิสระ และสงบจิตสงบใจ

"เสื้อนัทสวยดีนะ รู้จักเลือกเหมือนกันนะเนี่ย"  ผมหยอกพลางก้มมองดูเสื้อของนัทที่ผมเอามาใส่

"พี่แฟรงค์ชอบตัวนี้เหรอ นัทมีอีกตัวสวยกว่านี้อีก เดี๋ยวไปเอามาให้นะ"

พอขาดคำนัทก็ลุกจากเตียง วิ่งเอาแก้วน้ำไปเก็บแล้วก็ไปค้นดูตู้เสื้อผ้า แล้วก็กลับมาพร้อมกับเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวตัวหนึ่ง ดูดีทีเดียว

"ถอดเสื้อตัวนี้ออกดิ ใส่ตัวนี้ดีกว่า" นัทบอก

ผมยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน คล้ายกับว่ารู้สึกเขินที่จะถอดเสื้อต่อหน้านัท

"อายเหรอ อายทำไม"

"เปล่าๆๆ"

ผมรีบปฏิเสธเป็นพัลวันแล้วก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อที่ใส่อยู่ออกทีละเม็ด เสร็จแล้วก็ถอดออกวางไว้บนเตียง อวดท่อนบนเปลือยเปล่าต่อหน้าต่อตานัทกันเลยทีเดียว

"เดี๋ยวนัทใส่ให้นะ"

"แฟรงค์ใส่เองก็ได้" ผมรีบแย้ง

"น่า...อยู่เฉยๆ"

นัทกล้าสั่งว่าที่เจ้านายเสียด้วย แล้วก็นั่งลงข้างๆ ผม จับไหล่เสื้อเชิ๊ตสีขาวทาบกับไหล่ผมทั้งสองข้างทางด้านหลังไว้เพื่อวัดขนาดไหล่

"ใส่ได้ๆ พี่แฟรงค์กับนัทตัวเท่ากันเลย"

นัทบอกน้ำเสียงตื่นเต้น ไม่เหลือเค้าความเจ็บปวดบนใบหน้าจนผมอดแปลกใจไม่ได้

"พี่แฟรงค์สอดแขนขวาเข้าไปก่อนนะ แล้วค่อยสอดแขนซ้าย อย่างงั้นแหละ"

ผมอดขำไม่ได้ที่นัทสอนผมเหมือนคนใส่เสื้อผ้าเองไม่เป็น

"เดี๋ยวนัทติดกระดุมให้นะ"

ผมยังไม่ทันอนุญาตนัทก็จัดการติดกระดุมให้ผมซะแล้ว ใบหน้าที่อยู่ใกล้ๆ และกลิ่นเฉพาะของผิวกายทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่น้อย ยิ่งนัทติดกระดุมเลื่อนต่ำลงไปเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกปั่นป่วนใจอย่างบอกไม่ถูก นี่ผมคงไม่ได้คิดอะไรบ้าๆ กับน้องรักของตัวเองหรอกนะ

"เสร็จแล้ว อ้อ...เหลือกระดุมตรงแขนเสื้อ"

นัทพูดเองและจัดการเองเสร็จสรรพตามเคย แต่ผมก็รู้สึกดีชะมัด มันต่างจากตอนที่เพียวดูแลผมเยอะเลย

"พี่แฟรงค์ต้องเอาเสื้อเข้าในกางเกงด้วยใช่ไหม"

คำถามของนัททำให้ผมเหมือนคนเพิ่งตื่นจากภวังค์ความคิด ก็เลยตกใจนิดหน่อย

"อ้อๆ เดี๋ยวแฟรงค์จัดการเอง"

ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วก็จัดการยัดชายเสื้อเข้าไปในขอบกางเกง ขืนช้ากว่านี้นัทคงช่วยจัดการให้อีก คราวนี้อารมณ์บางอย่างอาจพุ่งทะลุปรอทไปเลยก็ได้

เสร็จแล้วนัทก็ลุกขึ้นจากเตียงมายืนมองผมอย่างชื่นชม

"โห...หล่อมาก เห็นมั้ย...นัทบอกแล้วว่าตัวนี้ดีกว่า เดี๋ยวนัทช่วยจัดให้เรียบร้อยอีกทีนะ"

ดูเหมือนนัทจะสนุกมากที่ได้ช่วยใส่เสื้อผ้าให้ผม ผมไม่รู้ว่าตัวผมสนุกหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีท่าทีขัดขืน ปล่อยให้นัทช่วยจัดการเสื้อผ้าของผมจนเข้าทรงดี ผมมีความสุขเหลือเกินที่ตอนนี้มีนัทคอยอยู่ใกล้ๆ

"หล่อจังพี่ชายผม"

นัทยืนยิ้มชื่นชมกับฝีมือของตัวเองด้วยสีหน้าภูมิใจ

"เดี๋ยวนัทไปอาบน้ำก่อนนะแฟรงค์ แฟรงค์รอนัทแป๊บนึงนะ นัทอาบน้ำไม่นานหรอก"

ผมเออๆ ออๆ รับคำแล้วก็ยืนยิ้มมองดูนัทวิ่งจู๊ดไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วก็จัดการถอดเสื้อผ้าให้ผมดูตรงนั้นแหละ ดีว่ามีผ้าเช็ดตัวพันไว้อยู่ ไม่งั้นผมก็คงไม่รู้อีกเหมือนกันว่าผมจะรู้สึกแปลกๆ อะไรอีก

แล้วนัทก็เดินแกมวิ่งกลับมาหาผม พอมาถึงก็ถกชายผ้าเช็ดตัวขึ้นเล็กน้อยให้ผมดูรอยเขี้ยวหมาที่ยังเป็นแผลเป็นอยู่บนน่องซ้ายของตัวเอง

"พี่แฟรงค์จำได้เปล่า เป็นแผลเป็นไม่หายเลย"

ผมก้มดูตามแล้วก็พยักหน้า ความจริงก็ดูไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ

"จำได้สิ เราสองคนต้องไปขอบคุณหมาตัวนั้นนะนัท ถ้าไม่ใช่เพราะมัน บางทีแฟรงค์กับนัทก็อาจจะไม่รู้จักกันหรอก"

คราวนี้นัทหัวเราะชอบใจใหญ่เลย

"จริงด้วยสิ แต่มันคงตายไปนานแล้วล่ะ ไม่รู้จะไปขอบคุณมันยังไง เอาไว้ขอบคุณมันตอนที่ไปทำบุญที่วัดละกันนะแฟรงค์"

"อืมๆ ไปอาบน้ำเหอะ อาบเสร็จแล้วมากินข้าวเช้ากับแฟรงค์นะ"

"ข้าวเช้าอะไร"

นัทถามแล้วก็หันไปมองตรงบริเวณที่ใช้ทำอาหารในห้องของตัวเอง ผมทอดไข่เจียวง่ายๆ และหุงข้าวไว้ให้แล้ว

"ถึงว่าล่ะนัทได้กลิ่นไข่เจียว นึกว่าจมูกเพี้ยนซะอีก พี่แฟรงค์น่ารักอ้ะ"

ที่ผมเคยรักน้องคนนี้มากก็เพราะนัทเป็นคนขี้อ้อนและชอบเอาใจนี่แหละ แต่บางครั้งก็เอาแต่ใจด้วยเหมือนกัน

"ดูน่ากินนะ นัทไปอาบน้ำดีกว่า จะได้มากินข้าวกับแฟรงค์"

ว่าแล้วนัทก็วิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างไว ผมส่ายหัวแล้วก็ยิ้มตามด้วยความเอ็นดู ไม่รู้ว่านัทจะกินอาหารที่ผมทำได้หรือเปล่าเพราะผมไม่ได้ทำอาหารนานแล้ว หลังๆ มานี้มีคนจัดการให้ตลอด แต่ด้วยความที่อยากดูแลน้อง ผมก็เลยต้องตื่นแต่เช้ามาลองทำดู ก็คงไม่แย่ถึงขั้นต้องเทให้หมากินหรอก

... ... ...

ผมไม่รู้ว่าตัวเองได้กินข้าวอย่างมีความสุขอย่างนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ไม่ใช่เพราะว่าชีวิตผมมีแต่ความระทมทุกข์อะไรหรอก ผมมีความสุขดีเลยล่ะ แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกมีความสุขกับการกินข้าวมากกว่าครั้งไหนๆ มีใครเคยพูดว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าเรากินข้าวกับอะไร แต่สำคัญว่ากินกับใครต่างหาก ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์เลย

นัทตักกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ชวนผมคุยสารพัดเรื่อง ผมก็คุยกับนัทได้ทุกเรื่องเหมือนกัน แปลกนะ นี่ผมอยู่กับนัทมาเกือบจะหนึ่งวันเต็มๆ โดยที่ผมไม่รู้สึกอึดอัดเลย แล้ววันนี้ก็จะอยู่ด้วยกันทั้งวันหรืออาจจะอีกคืนด้วยซ้ำ

"แฟรงค์เก็บเสื้อผ้าให้นัทแล้วนะ"

"หา! จริงเหรอ! พี่แฟรงค์เก็บให้หมดแล้วเหรอ!" นัทถามด้วยสีหน้าตกใจ

"มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าตกใจล่ะ"

"กกน. ด้วยเหรอ" นัทถามเสียงเบาๆ ดูเหมือนจะเขินๆ ด้วย

"อืม...ก็ทั้งหมดที่นัทต้องใช้นั่นแหละ"

"ทีหลังพี่แฟรงค์ไม่ต้องทำให้นัทขนาดนี้ก็ได้" นัททำหน้าเกรงใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอายด้วยหรือเปล่า

"ไม่ต้องคิดมาก สิบสามปีแล้วนะที่แฟรงค์ไม่เคยมาดูแลนัทเลย แฟรงค์ก็แค่อยากจะชดเชยเวลาที่มันหายไปให้นัทเท่านั้นแหละ"

นัทนิ่งไป สักพักก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเงียบๆ เมื่อคืนผมเสนอนัทว่าให้นัทย้ายไปอยู่ที่รีสอร์ทของผมก่อน พักห้องที่ผมเอาไว้พักเวลาทำงานดึกๆ แล้วไม่อยากกลับบ้านนั่นแหละ ผมไม่อยากให้นัทอยู่ที่นี่คนเดียวในสภาพจิตใจอย่างนี้ นัทก็เลยตกลง ตอนเช้าผมก็เลยเก็บเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าให้นัทก่อน เหลือแค่ของใช้ส่วนตัวอีกเล็กๆ น้อยๆ อีกไม่กี่อย่างก็จะพร้อมสำหรับการเดินทางแล้ว

ผมหยุดมองนัทกินข้าวแล้วก็นึกถึงเรื่องที่คิดค้างไว้เมื่อคืน ความเจ็บปวดที่ต้องพลัดพรากจากคนที่ผูกพันทำให้ผมฝังใจกับบางสิ่งบางอย่างโดยไม่รู้ตัว แล้วนัทล่ะ ผมอยากรู้เหลือเกินว่านัทเลือกผู้หญิงคนนั้นด้วยเหตุผลที่คล้ายกับผมหรือเปล่า

"นัท...นัทมีความสุขไหม"

ผมถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ นัทหยุดกินข้าวแล้วก็พยักหน้า

"นัทโชคดีนะ มีเจ้าของรีสอร์ทแถมยังเป็นว่าที่เจ้านายมาช่วยดูแล ทำกับข้าวให้ เก็บเสื้อผ้าให้"

เห็นนัทพูดตลกๆ ได้ผมก็เลยรู้ว่านัทยังอารมณ์ดีอยู่

"ช่วยปลอบคนอกหักด้วย"

ผมเสริมให้อีกเรื่อง แต่ดูเหมือนจะผิดกาละเทศะไปหน่อย นัทนิ่งอึ้งและหน้าสลดเหมือนถูกแทงใจดำเข้าให้

"นัท...พี่ขอโทษ"

ผมรีบบอกไปเมื่อรู้ตัวว่าพลาดเสียแล้ว

"ไม่เป็นไร"

นัทยิ้มเศร้าๆ ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วก็หยุดกินข้าว ผมก็เลยต้องลุกจากเก้าอี้ไปยืนข้างๆ นัท ดึงศีรษะน้องรักมาซบที่ลำตัวแล้วก็คอยลูบผมเบาๆ ปลอบใจ

"พี่ขอโทษนะนัท นัทอย่าโกรธพี่นะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ"

ความสงสารแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจเมื่อผมรู้ว่านัทอยากจะร้องไห้แต่ก็พยายามสะกดกลั้นเอาไว้ อยากตบปากตัวเองเสียจริงที่พูดอย่างนั้นออกไปทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องกำลังเจ็บหนักอยู่ ผมจำความหมายของคำที่นัทพูดเมื่อคืนนี้ได้ดี ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรหนอถึงทำให้นัทเจ็บขนาดนี้ เจ็บขนาดที่ว่าจะไม่รักใครอีกแล้ว

"นัทไม่โกรธพี่แฟรงค์หรอก"

ในที่สุดนัทก็พูดออกมาแล้วก็กอดผมเบาๆ ช่วยให้ผมโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเลย

... ... ...

บ่ายคล้อยแล้ว แม้จะเป็นช่วงปลายฝนแต่อากาศก็ยังคงร้อนอบอ้าวอยู่ ดีที่ว่าความร่มรื่นในรีสอร์ทช่วยคลายความร้อนไปได้มากทีเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ผมร้อนในตอนนี้ไม่ใช่อากาศหรอก คนสองคนตรงหน้าที่ต่างก็บอกว่าชอบกินไอศครีมด้วยกันทั้งคู่นี่ต่างหากล่ะ

วันนี้ผมนัดเพียวไว้ที่รีสอร์ท แล้วก็ว่าจะออกไปข้างนอกด้วยกันตอนเย็นๆ ไหนๆ ก็มาแล้ว ผมก็เลยพาเพียวกับนัทมากินไอศครีมด้วยกันที่ร้านอาหารกลางน้ำในรีสอร์ทของผมด้วยกันเสียเลย จะได้รู้จักกันไว้ แต่พอผมเห็นสองคนอยู่ด้วยกันแล้วผมกลับบอกไม่ถูกเลยว่าตัวเองรู้สึกยังไง

"นัทรู้จักกับพี่แฟรงค์ตั้งแต่เด็กๆ เลยเหรอ"

แฟนสาวของผมเอ่ยถามในขณะที่กินไอศครีมอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ข้างๆ ผม ส่วนนัทนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่ได้มาอยู่ใกล้ๆ ผมเหมือนเคยเสียแล้ว แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่ตรงนี้ควรเป็นของใคร

"นัทเรียนอนุบาลถึงปอหกที่โรงเรียนเดียวกับแฟรงค์ แต่สนิทกันจริงๆ ก็ตอนที่เรียนปอสาม"

"เหรอ...ดีจัง ยังอุตส่าห์จำได้ เพียวจำเพื่อนสมัยประถมได้ไม่กี่คนเอง ตอนนี้ก็หายกันไปหมดแล้ว"

ผมสังเกตว่าเพียวกับนัทคุยกันได้อย่างเป็นกันเองดี คงเป็นเพราะไม่มีช่องว่างระหว่างวัย

"แล้วเพียวเจอกับแฟรงค์ตอนไหนล่ะ"

"เจอตั้งแต่ปีหนึ่งมั้ง แต่เริ่มคบกันก็ตอนที่เพียวอยู่ปีสาม ตอนนั้นแฟรงค์อยู่ปีสี่แล้ว แฟรงค์เค้าตลกนะ เขาบอกเพียวว่าเขาชอบคนกินไอติม ที่เป็นแฟนกันเนี่ยก็เพราะเพียวชอบกินไอติมนี่แหละ พอถามว่าทำไมชอบคนกินไอติม แฟรงค์ก็ไม่ยอมบอก นัทรู้ไหมว่าทำไม แฟรงค์เคยบอกนัทหรือเปล่า"

เพียวหัวเราะสนุก นัทหันมามองหน้าผมแล้วก็นิ่งเงียบเหมือนกำลังครุ่นคิด

"ไม่รู้เหมือนกัน นัทไม่ได้เจอแฟรงค์ตั้งสิบกว่าปี นัทไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแฟรงค์ช่วงหลังๆ แล้วล่ะ"

นัทตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ จนดูเหมือนไม่มีความรู้สึก ผมไม่ค่อยเห็นนัททำหน้าแบบนี้เลย

"ว้า...เสียดายจัง เพียวอยากรู้มากเลย พี่แฟรงค์ก็ไม่ยอมบอก"

เพียวหันมามองผมแล้วก็ทำหน้าอ้อน

"พี่แฟรงค์ไม่คิดจะบอกหน่อยเหรอคะ"

"ไม่มีอะไรสำคัญหรอกเพียว"

ผมพูดตัดบทไปโดยที่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้นัทรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า คงจะมีส่วนอยู่บ้างไม่มากก็น้อยเพราะนัทหยุดกินไอศครีมไปดื้อๆ แถมยังดูเงียบและพูดคุยน้อยลงด้วย

ผมกลับเข้ามาทำงานที่ค้างไว้อยู่อีกเล็กน้อย ปล่อยให้เพียวกับนัทเดินเล่นในรีสอร์ทและพูดคุยทำความรู้จักกันไป จนกระทั่งเย็นผมจึงพาเพียวออกไปข้างนอก ดูเหมือนนัทจะรู้ดีว่าเพียวคงต้องการเวลาส่วนตัวที่จะอยู่กับผมจึงไม่ได้ขอตามมาด้วย ผมไม่ห่วงนัทเรื่องข้าวปลาอาหารหรอกเพราะที่รีสอร์ทของผมมีให้กินไม่ขาด แต่กลัวว่านัทจะน้อยใจเสียมากกว่า แต่จะทำยังไงได้ ผมมีแฟนแล้วก็ต้องให้เวลากับแฟนเป็นธรรมดา

ผมรู้ดีว่าออกไปกับเพียวเย็นนี้แล้วสุดท้ายเราจะไปจบกันที่ไหน ก็คงเหมือนกับหนุ่มสาวสมัยใหม่ยุคนี้ที่ไม่แคร์เรื่องอยู่ก่อนแต่งนั่นแหละ แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกไม่อยากทำอย่างนั้นเลย จึงเร่งให้นัดครั้งนี้เสร็จโดยเร็วที่สุดจนเพียวคงนึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามว่าทำไม พอเสร็จสมกันทั้งสองฝ่าย ผมจึงรีบไปส่งเพียวที่บ้าน ก่อนบึ่งรถกลับมาที่รีสอร์ททันที

จิตใจผมร้อนรุ่มไปหมด อยากให้ถึงรีสอร์ทไวๆ แต่วันนี้ถนนสุวินทวงศ์ก็มีรถมากเหลือเกิน ไม่เป็นใจให้ผมเลย แต่นั่นก็ยังไม่น่าหงุดหงิดเท่ากับที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมผมอยากเจอนัท อยากคุยด้วย อยากเห็นหน้า อยากอยู่ใกล้ๆ อยากคอยดูแลเอาใจ อยากเห็นนัทยิ้มและหัวเราะ แล้วก็...อยากกอดนัทไว้ในอ้อมแขน

ผมคงจะบ้าไปแล้วที่อยู่ดีๆ ก็เกิดคิดถึงน้องชายบุญธรรมของตัวเองขึ้นมา แถมยังไม่ใช่การคิดถึงกันอย่างพี่น้องทั่วไปเสียด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ทุกอย่างดูเร็วไปหมดจนผมเองก็ตามความรู้สึกของตัวเองไม่ทัน ไม่อยากเชื่อเลยว่าเวลาไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมงจะพาผมมาไกลถึงขนาดนี้

ผมมาถึงที่รีสอร์ทหลังสี่ทุ่มไปแล้ว มาถึงก็ตรงดิ่งไปหานัทที่ห้องผม แต่ปรากฎว่านัทไม่อยู่ ผมเดินถามพนักงานที่ทำงานกะดึกก็ไม่มีใครรู้ว่านัทไปไหน ก็เลยยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ สงสัยว่านัทคงจะปิดเครื่อง นัทไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ผมเป็นห่วงจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว ผมเดินตามหานัทไปทั่วรีสอร์ทราวกับคนเสียสติ แต่ก็ไม่เจอนัทเลย หรือว่านัทออกไปข้างนอก นัทบอกว่ามีเพื่อนอยู่แถวๆ นี้ หรือว่าเพื่อนคนนั้นจะมารับนัทไป แล้วทำไมนัทถึงปิดโทรศัพท์ล่ะ ผมถามตัวเองวุ่นไปหมด

ผมเดินมาไกลจนกระทั่งถึงอีกด้านหนึ่งของบ่อตกปลา แถวนี้ไม่มีบ้านพักแต่ก็ยังมีแสงไฟติดไว้ตามทางเดินอยู่ ปกติผมไม่ค่อยมาแถวนี้เท่าไหร่เพราะค่อนข้างไกลและไม่มีอะไรให้ต้องทำหรือดูแลมาก

ในที่สุดผมก็ได้เจอนัทเสียที นั่งอยู่ตรงมุมมืดๆ บนม้านั่งที่จัดไว้สำหรับให้ลูกค้ามานั่งพักผ่อนหย่อนใจนั่นเอง ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเหนื่อยจนหอบเพราะเดินมาไกลหลายกิโล เหงื่อเปียกโชกไปทั้งตัวเลย

"นัท"

ผมเรียกด้วยเสียงหอบเหนื่อย นัทหันมามองว่าใครเรียก พอเห็นผมก็ลุกขึ้นยืนมองพลางยิ้มให้ ผมสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้แล้วนัทก็ขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย

"พี่แฟรงค์วิ่งมาเหรอ"

"อ๋อ...ใช่" ผมตอบไปอย่างงงๆ และยังหอบอยู่

"มีอะไรเหรอ" นัทยังไม่วายสงสัย

"อ๋อ...เปล่า...ไม่มีอะไร"

"เปียกหมดเลยพี่แฟรงค์ เกิดคึกอะไรถึงได้ออกกำลังกายตอนดึกๆ ล่ะ"

นัทถามพลางขำ ทำให้ผมพอสบายใจขึ้นมาได้บ้างว่านัทยังอารมณ์ดีอยู่ เมื่อกี้ผมกลัวไปหมดเลยว่านัทจะเศร้าใจที่ถูกแฟนทิ้งจนคิดสั้น

"เปล่า...พี่ตามหานัทนั่นแหละ ไม่รู้ว่านัทอยู่ตรงนี้ โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด"

"อ๋อ แบ็ตมันหมดแล้ว นัทลืมเอาสายชาร์จมาจากคอนโดก็เลยไม่ได้ชาร์จ ว่าจะขอยืมของพี่แฟรงค์พรุ่งนี้นั่นแหละ แล้วเพียวล่ะ"

นัทถามพลางมองหาใครอีกคน

"กลับบ้านไปแล้ว" ผมตอบเสียงเบา

"เหรอ แล้วไปเที่ยวกันมาสนุกไหม"

"ก็โอเค แล้วนัทกินข้าวหรือยัง" ผมรีบพาไปเรื่องอื่นเพราะไม่อยากคุยเรื่องเพียวกับนัทเท่าไหร่

"กินแล้ว นัทนึกว่าพี่แฟรงค์จะกลับบ้านไปซะอีก ทำไมกลับมาอีกล่ะ ยังทำงานไม่เสร็จเหรอ"

ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากเย็น อาการเหนื่อยหอบหายไปแล้ว แต่กลับมีอาการประหม่าเข้ามาแทน

"เปล่า...แฟรงค์ทำงานเสร็จหมดแล้ว"

นั่นก็ยิ่งทำให้นัทสงสัยใหญ่

"อ้าว...แล้วแฟรงค์กลับมาทำไมล่ะ นัทช่วยดูให้หมดแล้วนะ ไม่มีอะไรแล้ว วันนี้ลูกค้าก็ไม่เยอะด้วย"

"ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก" ผมรีบแย้ง เกาหัวแกรกๆ พร้อมกับสีหน้ายุ่งยากใจ

"แล้วอะไรล่ะ"

ผมคงจะเข้าตาจนแล้วล่ะ โกหกไปโกหกมาผมก็กลัวจะพูดไม่เหมือนเดิมให้นัทจับได้ ผมเขยิบเข้าใกล้นัทอีกหน่อย แล้วก็รวบตัวคนที่ผมแสนจะคิดถึงมาไว้ในอ้อมแขนทั้งๆ ที่ตัวเปียกและเหม็นเหงื่อ ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้อีกแล้ว

"พี่คิดถึงนัทไง...ก็เลยมาหา"


TBC

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 06-12-2015 10:07:45
รู้สึกหน่วงๆ อยู่ลึกๆ ความรักนี้มันเข้าใจยากจริงๆ รู้ว่ารักแต่อุปสรรคคือคำว่าเพศ ..แถมต่างคนกมีแฟนถึงนัทจะเลิกกับแฟนแล้วก็ตาม และพี่แฟรงก็มีแฟนอยู่แล้วด้วยแค่ต่างคนต่างหาแฟนที่มีบุคลิกคล้ายๆกับคนที่มีใจผูกผัน
ชอบแนวการแต่งของนักแต่งจังมันละเอียดอ่อนมาก..อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลึกๆของตัวละคร   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 06-12-2015 11:19:21
ทางแฟรงก์หนักกว่าค่ะ
มากจนเจ้าตัวเริ่มกังวลและคิดหนักแล้ว
อาจจะเริ่มจากการรักน้องแล้วข้ามมาเป็นอย่างอื่น
อาจจะเพราะอ่านจากมุมมองของแฟรงก์ก็เลยเหมือนกับว่านัทยังไม่อะไรมาก
คบใครเพราะเงาคนอื่นนี่ไม่จีรังหรอกค่ะ
แฟรงก์รีบเร่งขนาดที่มีความใกล้ชิดทางกาย
เซ็นส์ผู้หญิงแรงนะ  ระวัง
ตอนที่เล่าถึงนัทกับไข้เลือดออกนี่ซึ้งมากค่ะ
แฟรงก์ดีขนาดนี้ก็ไม่แปลกที่นัทจะฝังใจ
แต่อาการที่ว่าลืมเลือนไปตามเวลานี่จริงนะ
ไม่ลืมแต่ก็ไม่ได้ฝังใจอีกต่อไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 06-12-2015 14:33:38
แฟรงค์เขาเห็นเพียวเป็นตัวแทนนัทอะ 555 แสดงว่าติดใจนัทตั้งแต่เด็กฮ่าๆ คนอ่านเห็นเค้ารางเรื่องวุ่นๆล่ะ แฟรงค์จะทำไงต่อไปอะ รอ รอลุ้นตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-12-2015 18:34:26
อ่านถึงตอนที่แฟรงค์ไปเที่ยวกับแฟนและนอนด้วยกันแล้วทำไมเราถึงรู้สึกเจ็บๆ ปวดๆ หน่วงๆ ในใจจัง ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นธรรมดาของคนคบกันก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 06-12-2015 19:44:24
เพิ่งเข้ามาอ่าน แบบว่าพี่แฟรงค์ ดูอบอุ่นอะ แต่มีแฟนแล้ว ฮือๆ

ชอบตอนที่บอกว่า มาทำงานกับพี่นะ แอบยิ้มตามเลย

ตอนล่าสุดนี่ รู้สึกแปลกๆ แฟรงค์คิดเกินน้องไปแล้วรึเปล่า แต่ตัวเองมีแฟนแล้ว
จะทำไงต่อไปนี่..

อยากรู้ละสิว่าจะดำเนินไปยังไง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-12-2015 22:41:08
เวลาผ่านไป ชีวิตก็ผ่านประสบการณ์มากมาย
ยิ่งเป็นเด็ก ยิ่งยากที่จะจดจำได้มากมาย

ความผูกพันของสองคนนี้น่ารักนะ เราสัมผัสได้ว่าตอนเด็ก ๆ มันคือความรัก ความปรารถนาดีแบบตรงไปตรงมาเท่านั้น

พอโตขึ้นความซับซ้อนของจิตใจมากขึ้น ความรักที่มีความลุ่มหลง ความรู้สึกทางเพศมาเจือปนแบบแยกกันไม่ออกก็สามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ

นี่ไม่ได้หมายความว่าสองคนนี้ลุ่มหลงกันนะ เพียงแต่ความจริงก็คือ ความรู้สึกดี ๆ ย่อมสามารถเติบโตไปเป็นความรักได้ไม่ยาก
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-12-2015 23:10:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 07-12-2015 01:42:02
จากบทนำ--เริ่มต้นได้อบอุ่นมากเลยคะ ทำให้คิดถึงสมัยเรียนประถมที่ต้องจากเพื่อนและคนที่ผูกพันธ์หลายๆ คน แอบนึกถึงหนังแนวย้อนยุคขณะอ่านตอนที่นัทนึกย้อนกลับไปในอดีต คลาสสิคจริงๆ +เป็ดคะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 07-12-2015 02:06:59
จากตอนที่ 1 --  ในบางอารมณ์ก็ยังรู้สึกว่า เข้าไม่ถึงห้วงอารมณ์ที่สับสนของนัท แต่ในตอนท้ายกลับเข้าใจทุกอย่างทุกคำพูดของนัท ทั้งความขมขื่น ความเหงา ความโหยหา และความหวาดระแวง ขณะได้อ่านตอนที่นัททราบว่าแฟรงค์มีคนรักไม่รู้ทำไทถึงมีความรู้สึกเจ็บปวดและสูญเสียขึ้นมาเฉยๆ รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นนัทที่โดนแย่งของรักของห่วงเสียอย่างงั้น ชอบบรรยากาศเวิ้งว้างในอารมณ์ของนัทนะคะ +เป็ด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 07-12-2015 02:39:39
พออ่านจบบทที่ 2 รู้สึกว่ากำลังจมดิ่งลงไปในมหาสมุทรแห่งห้วงอารมณ์ อารมณ์มาเต็มมาก ไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดในประเด็นย่อยๆ อย่างเรื่องเพียวกับแฟรงค์ หรืออื่นๆ เพราะมุมมองส่วนตัวบางอย่าง แต่หลังจากอ่านตอนนี้จบบอกได้เลยว่า กำลังเสพติดอารมณ์อยู่ รอตอนต่อไปแทบไม่ไหว +เป็ด คะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 07-12-2015 08:27:58
รู้สึกตะหงิดๆ เหมือนเพิ่งค้นพบใจตัวเองซินะ
แต่พี่แฟรงค์ก็จะแต่งแล้ว ถึงจะรู้ว่ารักคนอื่น เรื่องก็คงไม่ง่าย
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 07-12-2015 08:41:45
เรื่องต้นสนความผูกพันตั้งแต่วัยเด็ก สภาพแวดล้อมแบบปิดทำให้ทั้งคู่รักกัน แต่เรื่องนี้แฟรงค์กับนัทดูเหมือนจะเป็นโชคชะตาความผูกพันแต่ชาติปางก่อนเลยน่ะเนี่ย เพียงแต่เพศเป็นตัวขีดกั้นโดยไม่รู้ตัวเลยน่ะ แฟรงค์รู้ตัวเร็วมาก ๆ เลยน่ะเนี่ย ก้อดีจะได้กลับลำทันไม่งั้นจะมีเรื่องกับฝ่ายหญิงมากกว่านี้ ไม่อยากจะคิดเลย  :mew5: แล้วนัทล่ะ เราว่าก้อน่าจะมีคิดบ้างน่ะ ไม่งั้นคงไม่อึ้งไปเลยแหละ แล้วอาจจะหวงแฟรงค์ด้วยน่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 07-12-2015 10:09:23
อ่านแล้วรู้สึกอยากจะอ่านต่อจัง...อ่านแล้งรู้สึกอินไปกับเนื้อเรื่อง..คุณวางพ๊อตเรื่องได้ดีมาก..ไม่ว่าการบรรยายอารมณ์ บุคคลิกลักษณะตัวละครได้ดี ชื่นชมจริงๆ   o13 o13 o13  ดราม่าแต่ไม่น่าเบื่อที่จะติดตาม การเดินเรื่องดีมากทำให้ไม่อยากพลาดสักตอนสงสัยต่อไปนี้คงต้องคอยอัพดูตลอด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH02 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ ✢ P2 ▒ 6.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-12-2015 13:27:31
ทบทวนให้ดีๆ นะคะแฟรงค์ว่าตัวเองต้องการใครกันแน่ ตอนนี้มันยังไม่สายไปหรอกค่ะ จริงๆ นะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✥ Lovelessly ✥ CH03 ✥ ในจินตนาการของพี่ชาย ✥ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 07-12-2015 19:27:20
❤️ (✘) ไร้รัก ✥ Lovelessly

ตอนที่ 3 ✥ ในจินตนาการของพี่ชาย


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

ไม่รู้ว่านัทเป็นอะไรถึงไม่ยอมกอดผมตอบ ก็เลยกอดนัทเก้อฝ่ายเดียว จะบอกให้นัทกอดผมบ้างก็ไม่กล้าพูดตรงๆ จนชักลังเลว่าจะกอดต่อหรือปล่อยดี เมื่อยังตัดสินใจไม่ได้ก็เลยต้องปล่อยให้ตัวเองเก้ๆ กังๆ ไปก่อน

"ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวมืดๆ ล่ะ" ผมถามอย่างเป็นห่วง

"อ๋อ...นัทออกมาดูความเรียบร้อย ก็เลยเดินเล่นไปด้วย"

"ฉีดสเปรย์กันยุงหรือเปล่า เดี๋ยวเป็นไข้เลือดออกเหมือนตอนนั้นนะ"

ผมย้ำเตือนความจำให้นัทอีกเรื่อง คิดว่านัทคงพอจำได้

"ฉีดแล้ว" นัทขำเบาๆ

"แฟรงค์ไม่อยู่...นัทเหงาหรือเปล่า"

เจ้าตัวส่ายหัวไปมาเบาๆ พอรู้สึกได้

"เหงาทำไม แฟรงค์เพิ่งออกไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง"

"จริงด้วยสิ" ผมขำตัวเองเบาๆ

"แฟรงค์ก็ลืมไป แต่...แค่ไม่กี่ชั่วโมงแฟรงค์ก็คิดถึงนัทนะ"

ผมย้ำคำว่าคิดถึงเป็นรอบที่สอง ถ้านัทไม่สะดุดใจกับคำๆ นี้ก็ให้มันรู้ไป

"เหม็นเหงื่อน่ะ"

ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุยเฉยเลย แต่อย่าคิดว่าผมจะปล่อยไปง่ายๆ

"รังเกียจแฟรงค์เหรอ"

"เปล่า..."

"แล้วทำไมไม่กอดแฟรงค์ล่ะ"

ผมกลั้นใจพูดออกไปในที่สุด นัทคงจะอึ้งไปเหมือนกันก็เลยยืนนิ่งๆ ไม่โต้ตอบด้วย

"นัท...ไม่ได้ยินที่แฟรงค์พูดเหรอ"

ผมหน้าด้านถามไปอีกรอบ ไม่รู้ล่ะ ยังไงๆ ก็จะให้นัทกอดตอบผมให้ได้  นัทจึงกอดผมทั้งที่ตัวเปียกและเหม็นเหงื่อ สัมผัสจากอ้อมแขนของนัทนั้นทำให้ผมรู้สึกดีเหลือเกิน ร่างกายและจิตใจของผมดูจะตอบสนองต่อสัมผัสนี้ได้ไวและรุนแรงกว่าปกติ ผมไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อนเลย นี่หรือเปล่าคือสิ่งที่ผมตามหามาทั้งชีวิต

"จำได้มั้ย...ทุกครั้งที่นัทต้องการให้ใครช่วยปกป้อง นัทจะวิ่งมาหาพี่ ขนาดโดนแม่ตีนัทยังวิ่งมาหาพี่เลย"

ผมอดที่จะขำเบาๆ ไม่ได้เมื่อย้อนนึกถึงภาพเด็กน้อยโดนแม่ไล่ตี แล้วก็วิ่งมาหาผมให้ช่วย

"อือ..."

นัทตอบเบาๆ ในลำคอ แม้จะกอดผมไว้แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงความไม่ผ่อนคลาย ดูเหมือนจะระวังตัวพอสมควร

"นัท...วันนี้นัทน้อยใจแฟรงค์หรือเปล่า"

นัทเงียบและไม่ตอบ แสดงว่าคงคิดอยู่เหมือนกันแต่ไม่กล้าพูด

"บอกแฟรงค์มาตามตรงเหอะ"

นัทนิ่งไปอีกพัก ในที่สุดคนปากแข็งก็พยักหน้าหงึกๆ ผมยิ้มพอใจแล้วกระชับอ้อมแขนขึ้นอีกนิด นัทจะได้รู้ว่าผมแคร์ความรู้สึกของนัทมากแค่ไหน

"อย่าน้อยใจแฟรงค์นะ นัทเป็นคนสำคัญของแฟรงค์ที่หนึ่งเลยรู้มั้ย"

นัทพยักหน้าหงึกๆ อีกรอบ ผมจึงยิ้มอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ พอได้กอดจนพอใจจึงค่อยๆ ปล่อยนัทให้เป็นอิสระ แล้วนัทก็ย่นจมูกทำเสียงฟุดฟิด

"ตัวเม้นเหม็น สงสัยนัทต้องอาบน้ำอีกรอบแล้ว"

ผมก็เลยหัวเราะร่วนอย่างเอ็นดู ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งรู้สึกถึงความน่ารักน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า

"ดีเลย แฟรงค์ก็อยากอาบน้ำเหมือนกัน อาบพร้อมแฟรงค์เลยมั้ย"

ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงผมถึงได้ใจกล้าหน้าด้านพูดเล่นไปอย่างนั้น ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยพูดเล่นกับผู้ชายที่ไหนอย่างนี้

"เรื่อง"

ไม่รู้ว่านัทเขินหรืออะไรกันแน่ พูดจบก็เดินแกมวิ่งหนีไปซะอย่างนั้น ผมหัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วก็วิ่งตามไป

"ทำไมล่ะ ทีเมื่อก่อนยังแก้ผ้าอาบน้ำกับพี่ได้เลย"

"ก็ตอนนั้นนัทยังเด็กนี่" นัทหันมาตอบแล้วก็วิ่งต่อ

"โตแล้วก็อาบน้ำด้วยกันได้ จะได้ระลึกความหลังด้วยกันไง"

ไปๆ มาๆ ผมก็ชักสนุกกับการเล่นอย่างนี้ไปซะแล้ว

"ไม่เอาหรอก ไม่อยากดูของพี่แฟรงค์"

พอตามทันแล้วผมก็กอดคอนัทไว้ นัทหยุดวิ่งแล้วเราก็เดินไปด้วยกันอย่างช้าๆ ตอนเด็กๆ ผมกับนัทชอบเดินกอดคอกันบ่อยๆ อย่างนี้แหละ

"ไม่อยากรู้เหรอว่าของแฟรงค์ต่างจากตอนเด็กๆ หรือเปล่า" ผมพูดหยอกเล่นสนุก

นัทยกมือขวาขึ้นมาแล้วก็ชูนิ้วก้อยให้ผมดู แล้วก็รีบวิ่งหนีไปอีกพร้อมกับหัวเราะชอบใจใหญ่

"ล้อพี่เหรอนัท เดี๋ยวเตะก้นเลย"

ผมขู่แล้วก็วิ่งไล่ตามน้องชายตัวดีไปอย่างสนุกสนาน ดึกดื่นคืนนี้ เสียงหัวเราะของเราสองคนคงดังไปไกลทั่วคุ้งน้ำให้ใครต่อใครสงสัย บรรยากาศแห่งความสุขอย่างนี้ห่างหายไปจากชีวิตผมนานแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าจะย้อนกลับมาอีกครั้ง ฟ้าดินคงมีเจตนาบางอย่างสินะถึงได้นำเราสองคนมาเจอกันอีก นอกจากจะได้ของเดิมกลับมาแล้วก็ยังแถมของใหม่มาให้ด้วย บางทีอาจจะเป็นของใหม่กระมังที่ทำให้ผมมีความสุขและวาบหวามใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

... ... ...

ทันทีที่ศีรษะของใครบางคนสัมผัสกับตักของผม ความรู้สึกหวงแหน อยากทะนุถนอมและปกป้องก็พลันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติในความรู้สึก ท่าทีที่สบายและผ่อนคลายของเราสองคน ช่วยทำให้บรรยากาศก่อนนอนคืนนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของความอบอุ่นและผูกพันทั่วห้อง

คืนนี้นัทตัดสินใจแล้วว่าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นให้ผมฟัง ผมแทบจะอดใจรอฟังไม่ไหวเลยล่ะ อยากรู้เหลือเกินว่านัทจะเป็นเหมือนที่ผมเป็นหรือเปล่า

"ถ้าร้องไห้...ใช้เสื้อแฟรงค์ซับน้ำตาก็ได้นะ" ผมสัพยอกก่อนที่นัทจะเริ่มต้นเล่าเรื่อง

"ไม่พอหรอก สงสัยต้องเตรียมผ้าขนหนูไว้ข้างๆ อีกผืนแล้วล่ะ"

นัทพูดเล่นอย่างอารมณ์ดี แต่หลังจากนี้อารมณ์จะเป็นแบบไหนก็ยังไม่อาจรู้ได้

"ขนาดนั้นเลย" ผมขำเบาๆ

"ไม่ต้องใช้ผ้าขนหนูหรอก แฟรงค์อยู่ทั้งคน แฟรงค์ไม่ปล่อยให้นัทร้องไห้เสียใจขนาดนั้นหรอก"

แม้จะพูดทีเล่นทีจริง แต่มันก็พอจะบอกเป็นนัยๆ ได้ว่าผมพร้อมที่จะดูแลไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนัท

"แล้วนัท...เจอกับเค้าได้ยังไง"

ผมถามเพื่อช่วยให้นัทรู้จุดที่จะเริ่มต้นเรื่องง่ายขึ้น ดูเหมือนสีหน้าของนัทจะเครียดแล้ว แต่ผมก็เชื่อว่านัทเข้มแข็งมากพอที่จะเล่าให้ผมฟังได้

"นัททำงานอยู่แผนกเดียวกับเค้า เค้าชื่อ...ต้องตา มาทำงานที่โรงแรมก่อนนัทได้สักพักแล้วล่ะ"

"เจอแล้วก็ชอบกันเลยเหรอ" ผมสงสัย

"เปล่า ผมเริ่มจีบเค้าหลังจากที่ทำงานไปได้หลายเดือนแล้ว ไม่ใช่รักแรกพบหรอก"

ผมพยักหน้ารับรู้

"แล้ว...มีอะไรที่ทำให้นัทรู้สึกสนใจในตัวเค้าล่ะ"

นัททำท่าครุ่นคิด คงพยายามหาทางสื่อสารให้ตรงจุดประสงค์บางอย่างให้มากที่สุด แต่อาจไม่ตรงกับใจก็ได้

"เค้าสวยแล้วก็น่ารักมั้งครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม..." แล้วนัทก็แค่นหัวเราะ

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เชื่อในสิ่งที่นัทพูดเลย ไม่รู้สิ ผมเชื่อว่าต้องมีอะไรบางอย่างมากกว่านั้นแน่นอน แต่นัทคงไม่อยากเล่าให้ผมฟังตรงๆ นัทรู้แล้วว่าจุดเริ่มต้นของผมกับเพียวเป็นมายังไง แต่ที่ผมไม่รู้ก็คือสิ่งที่นัทคิดในใจหลังจากที่ได้รู้เรื่องนี้นั่นแหละ ความรู้สึกนั้นหรือเปล่าที่ทำให้นัทไม่ยอมเล่าอะไรบางอย่างให้ผมฟัง นัทดูเหมือนคอยระวังจนผมพอรู้สึกได้

"แค่นั้นเองเหรอ"

นัทพยักหน้าช้าๆ เมื่อนัทไม่อยากบอกตรงๆ ผมก็เลยไม่คิดที่จะเซ้าซี้อีก ปล่อยให้นัทเล่าไปอย่างที่นัทอยากเล่าละกัน สรุปตามที่ผมเข้าใจแล้วก็คือว่า...

นัทกับต้องตาทำงานในฝ่ายขายเหมือนกัน หลังจากที่คบหาเป็นแฟนกันแล้ว นัทก็รักและหลงผู้หญิงคนนี้มาก ต้องตามักจะขอให้นัทช่วยทำงานหรือขอไอเดียจากนัทบ่อยๆ แรกๆ นัทก็ไม่รู้สึกหรอกว่าตัวเองถูกขโมยผลงาน แถมไอเดียดีๆ หลายอย่างที่ต้องตาได้ไปนั้นก็ไม่เคยมีใครรู้ว่ามาจากนัท พอทำงานไปทำงานมา ต้องตากลับดูเหมือนก้าวหน้ามากกว่า ในขณะที่นัทกลับมีปัญหากับหัวหน้างานบ่อยๆ เวลาประชุมหรือคุยงานกัน ต้องตามักจะคอยขัดความคิดหรือโจมตีข้อเสนอของนัท เคยโกรธกันเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ต้องตามักอ้างว่าทำไปเพราะงานเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คนที่เป็นมืออาชีพไม่เอางานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน

หลังจากนั้นอีกปีเศษๆ ต้องตาก็ชวนนัทลงทุนเปิดร้านกาแฟ นัทก็อุตส่าห์เอาเงินเก็บจากการทำงานมาช่วยลงทุนด้วย ต้องตาขอเปิดบัญชีคนเดียวนัทก็ยอม นัทไม่เคยได้เห็นเลยว่ามีรายได้เข้ามาในบัญชีนั้นเท่าไหร่ ต้องตาบอกเพียงว่าจะเก็บเงินเอาไว้เพื่ออนาคตของนัทกับเธอ ร้านที่เปิดก็มีชื่อของต้องตาเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว แต่นัทก็ไม่เคยหวาดระแวงสงสัย เชื่อใจต้องตาทุกอย่าง วาดฝันไว้สวยหรูว่าจะได้แต่งงานและสร้างครอบครัวด้วยกัน ขนาดว่ามีคนเตือนนัทยังไม่เชื่อเลย

สุดท้าย นัทก็เริ่มระแคะระคายจนได้ เริ่มตั้งแต่บังเอิญรู้ว่าต้องตาแอบใส่ร้ายตัวเองกับเพื่อนร่วมงานและเจ้านายบ่อยๆ บางเรื่องที่นัทไม่อยากให้ใครรู้ก็มีคนรู้ จนเป็นเหตุให้ตัวเองมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานและโดนเจ้านายเขม่น ปัญหาความความสัมพันธ์เริ่มร้าวฉานมากขึ้น เมื่อนัทรู้ว่าต้องตากับหัวหน้าแผนกคนนั้นมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน นัทจึงรู้ตัวว่าตัวเองถูกหลอกใช้มาตลอด เมื่อมองหน้าใครในที่ทำงานไม่ติดนัทจึงต้องลาออก เสียรัก เสียงาน เสียเงินและเสียความรู้สึกดีๆ ไปมากมาย

ต้องตาเพิ่งขนของออกไปจากห้องของนัทเมื่อไม่นานนี้ ก่อนไปยังไม่วายพูดทิ้งทวนให้เจ็บจนวินาทีสุดท้ายว่า

"ก็โง่เอง ช่วยไม่ได้"

พอได้ฟังทั้งหมดแล้ว ผมก็ไม่แปลกใจนักหรอกที่นัทจะพูดประโยคนั้นกับผมว่า จะไม่เอาหัวใจไปให้ใครทำร้ายอีก ถ้าผมเป็นนัทก็คงเจ็บปวดน่าดูเหมือนกัน

"นัทโง่เองแหละพี่แฟรงค์"

น้ททำท่าคล้ายจะร้องไห้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีแม้น้ำตาสักหยด ถึงกระนั้นผมก็รู้สึกสงสารน้องจนต้องคอยลูบผมปลอบใจเป็นระยะๆ

"แม่กับพี่นิวยังด่านัทว่าโง่เลย เค้าก็เตือนนัทแล้วล่ะ แต่นัทไม่เชื่อเอง"

จะว่าไปผมก็แปลกใจที่นัทรักและหลงผู้หญิงคนนั้นมากจนไม่รู้ว่าตัวเองถูกหลอก มันช่างน่าสงสัยเหลือเกินว่าต้องตาคงทำบางอย่างที่ทำให้นัทหวนนึกถึงผม แล้วมันก็กลายเป็นจุดอ่อนให้ต้องตานำมาใช้หลอกนัทจนตายใจ แต่ก็อย่างว่า ผมไม่ได้อยู่กับนัทในช่วงหลังๆ อาจจะมีหลายอย่างที่ผมเดาผิดหรือไม่รู้ก็ได้

เอาเถอะ ถึงนัทจะไม่ยอมบอกหรือยังไม่อยากบอก ผมก็จะหาทางรู้ให้ได้ เพราะผมอยากรู้จริงๆ ว่านัทกับผมเป็นเหมือนกันบ้างหรือเปล่า

นัทค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งและหันมาสบตากับผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ เห็นหน้าเศร้าๆ ของนัทแล้วผมก็ยิ่งสงสาร ผมน่าจะได้มาอยู่กับนัทในช่วงนั้นบ้าง เผื่อว่าจะช่วยอะไรน้องได้ แม้เพียงนิดหน่อยก็ยังดี

"ถือว่าเป็นประสบการณ์แล้วกันนะนัท"

นัทพยักหน้า ยิ้มเศร้าๆให้กับผม

"พี่แฟรงค์ว่านัทโง่หรือเปล่า"

ผมรีบส่ายหน้าทันที สงสัยคงมีคนมาว่านัทแบบนี้บ่อยๆ จนนัทคิดว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นไปแล้วแน่ๆ เลย

"ไม่ใช่เรื่องโง่หรือไม่โง่หรอกนัท นัทก็แค่ยังไม่มีประสบการณ์เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้นัทก็รู้แล้วนี่ คนเราถ้ายังไม่รู้จะเรียกว่าโง่ได้ยังไง จริงมั้ย"

พอผมพูดจบ นัทก็ท่าท่าจะร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ

"ไม่เห็นมีใครพูดกับนัทเหมือนพี่แฟรงค์เลย มีแต่คนด่าว่านัทโง่ทั้งนั้น"

แม้จะร้องไห้ แต่ผมก็เห็นแววตาขี้อ้อนของนัทซ่อนอยู่ ผมยังพอจำได้ว่านัทเคยทำแบบนี้ตอนที่อยากให้ผมโอ๋ ก็คงต้องโอ๋คนเก่งของผมซะหน่อย

ผมอ้าแขนออก นัทรีบโผเข้ามากอดทันทีเหมือนกับรอท่าอยู่แล้ว

"ไม่เป็นไรแล้วนะนัท น้องพี่เป็นคนเก่งนะ เจอเรื่องร้ายๆ แค่ไหนก็ยังผ่านมาได้ นัทเข้มแข็งแล้วนะ นัทไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่ใช่คนโง่ด้วย"

ผมอดที่จะแอบยิ้มกับตัวเองไม่ได้ที่ทำเหมือนกำลังโอ๋เด็กน้อยขี้แงคนหนึ่งอยู่ ยิ่งรู้ว่าผมเอาใจนัทก็ยิ่งกอดผมแน่น

"พี่แฟรงค์ ฮือๆ"

นัทพูดเสียงอู้อี้เพราะซุกหน้าลงกับอกผม ผมเกือบจะหลุดหัวเราะแล้วเชียวที่เห็นนัทอ้อนผมเหมือนตอนเด็กๆ

"เริ่มต้นใหม่นะนัท นัทมาอยู่กับพี่แล้ว พี่จะไม่ให้ใครมาหลอกน้องของพี่อีก ถ้าใครมาทำนัทนะ ได้เห็นดีกับพี่แน่ คอยดูสิ"

"นัทรักพี่แฟรงค์นะ อยากให้พี่แฟรงค์อยู่เป็นพี่ชายนัทนานๆ พี่แฟรงค์อย่าทิ้งนัทไปอีกนะ"

นัทรักพี่แฟรงค์เหรอ!? รักแบบไหนล่ะ!?

จริงสิ...นัทก็พูดอยู่ว่ารักอย่างพี่ชาย ผมนี่ชักจะเพี้ยนไปกันใหญ่

"พี่ไม่ไปไหนหรอก พี่ก็รักนัทนะ นัทไม่ต้องกลัว นัทจะเห็นหน้าพี่จนเบื่อเลย"

ผมก้มลงไปดมกลิ่นหอมอ่อนๆ บนศีรษะนัทอย่างลืมตัว นัทยังคงกอดผมแน่น สัมผัสใกล้ชิดนั้นกระตุ้นให้บางอย่างในร่างกายผมเริ่มประจานเจ้าของเสียแล้ว ผมตกใจจนต้องรีบใช้มืออีกข้างดึงผ้าห่มมาปิดมันไว้ก่อนที่นัทจะเห็น

"นัท...นอนเถอะ ดึกแล้ว"

แม้ว่าอยากจะกอดน้องปลอบใจ แต่ผมก็กลัวนัทจะสัมผัสส่วนนั้นของผมเข้าจนได้ เดี๋ยวจะตกใจไปกันใหญ่ ก็เลยต้องหาทางยุติโดยเร็ว

นัทค่อยๆ ผละตัวออก ดูท่าจะเสียดายอยู่หน่อยๆ พอเห็นผลงานของตัวเองที่เสื้อผม เจ้าตัวก็หัวเราะขบขันทั้งที่น้ำตายังไม่แห้ง

"เสื้อพี่แฟรงค์เปียกหมดเลย จะเปลี่ยนใหม่มั้ย เดี๋ยวนัทเอามาให้"

"ไม่เป็นไร เปิดแอร์อยู่ เดี๋ยวก็แห้งแล้ว นัทนอนเถอะ"

ผมรีบร้องห้ามก่อนที่นัทจะลุกออกไป พอก้มมองดูเสื้อกล้ามสีขาวที่ใส่อยู่ก็เห็นรอยเปียกเป็นดวงๆ เต็มไปหมด แต่ผมกลับชอบที่ได้เป็นที่พึ่งของนัท

"ไม่กลัวหนาวเหรอ"

ผมส่ายหน้า "ไม่หนาวหรอก ห่มผ้าก็หายหนาวแล้ว อ้อ...นัทไปปิดไฟให้แฟรงค์หน่อยได้มั้ย"

นัทคงงงเพราะปกติผมมักเป็นฝ่ายเสนอตัวดูแลหรือคอยให้บริการเกือบทุกครั้ง แต่ตอนนี้ผมทำไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะบอกยังไงด้วย ขืนลุกไปตอนนี้นัทคงได้เห็นของที่ไม่ควรเห็นแน่ๆ

"ได้ๆ"

พูดสั้นๆ แล้วนัทก็ค่อยลุกจากเตียงไปจัดการตามที่ผมบอก นั่นแหละผมจึงพอโล่งอกไปได้

สัมผัสจากนัทเมื่อครู่นี้เล่นเอาผมแทบทนไม่ไหว ยิ่งนึกถึงตอนที่ผิวกายเบียดสัมผัสเสียดสีและแนบชิดกัน อีกทิ้งกลิ่นหอมยวนใจจากผิวกายที่ยังติดอยู่ปลายจมูก แรงปรารถนาของผมก็ยิ่งปั่นป่วนรุนแรงอย่างน่าประหลาด แม้ว่าเราสองคนไม่ได้สัมผัสตัวกันเพราะเรื่องนั้นเลย

พอนัทหลับไปแล้ว ผมจึงหลบตัวเข้ามาในห้องน้ำเพื่อจัดการภารกิจสำคัญเร่งด่วน ก่อนที่ตัวเองจะเผลอทำอะไรบ้าๆ กับคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่ถึงกระนั้น ในจินตนาการของผมระหว่างนั้นก็มีแต่ภาพของนัทในท่วงท่าต่างๆ เต็มไปหมด ผมหายใจแรงด้วยความปรารถนาที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ทั้งๆ ที่เพิ่งปลดปล่อยมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว แล้วก็นึกขอโทษนัทอยู่ในใจที่ล่วงเกินในจินตนาการโดยไม่ได้ขออนุญาตเลย

ผมหอบเหนื่อยอย่างสุขสมเมื่อพาตัวเองมาถึงจุดหมาย พอได้เห็นสิ่งที่ปลดปล่อยออกมาอย่างมากมายก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง แม้เพียงเสพสมในจินตนาการ ผมยังรู้สึกรุนแรงถึงเพียงนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงเมื่อไหร่ ผมคงไม่พ้นหัวใจวายคาอกนัทเป็นแน่

ต่อไปคงต้องเลี่ยงที่จะอยู่ในห้องนอนกับนัทสองต่อสองแล้วล่ะ เพราะผมกลัวใจตัวเองเหลือเกิน!!!

... ... ...

จากที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะเริ่มงานอาทิตย์หน้า พอมาอยู่ที่รีสอร์ทผมได้ไม่กี่วัน นัทก็เริ่มไฟแรงอยากทำงาน ผมจึงให้นัทเริ่มด้วยการสำรวจรีสอร์ทอย่างละเอียด จากนั้นก็ทำเป็นข้อมูลนำเสนอว่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง พอได้เห็นงานของนัทแล้วผมก็รู้ทันทีว่าความสามารถของนัทนั้นดูจะเกินความต้องการของเราไปมากทีเดียว

รีสอร์ทของผมแม้ว่าจะมีพื้นที่เยอะ แต่ก็เป็นธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัว ไม่มีระบบซับซ้อนมากเหมือนโรงแรมหรือบริษัทใหญ่ๆ หรอก แต่ความรู้และประสบการณ์ที่นัทได้จากการทำงานในระบบมืออาชีพก็มีประโยชน์มาก แม้บางอย่างจะใช้กับที่นี่ไม่ได้ แต่ก็มีหลายอย่างที่ผมน่าจะลองทำดูได้บ้าง

ผมใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ คุยงานกับนัทและปรับแก้กันจนพอใจ จากนั้นจึงนัดกับพ่อว่าจะให้พนักงานคนใหม่เข้าไปนำเสนอแผนการปรับปรุงรีสอร์ทที่บ้าน ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้หรอกว่าผมเจอนัทแล้ว ผมก็จะถือโอกาศนี้นี่แหละเซอร์ไพรส์ทุกคนซะเลย

พอถึงวันนัด ผมก็แนะนำให้ทุกคนในครอบครัวรู้จักนัทในชื่อ "ธนวรรธน์ โฆษะนาม" เพราะรู้ว่าที่บ้านผมไม่มีใครรู้ชื่อจริงของนัทหรอก ยกเว้นน้องสาวของผม แต่ตอนนี้ไม่อยู่เพราะกำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ที่เมืองนอก

"ผู้จัดการใหม่ของแฟรงค์หน้าคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนแต่นึกไม่ออก"

พ่อผมปรารภด้วยขณะที่นัทกำลังเสียบสายโปรเจ็กเตอร์เข้ากับแม็คบุ๊คของตัวเองเพื่อเตรียมตัวนำเสนอ ผมได้แต่ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร วันนี้แม่ของผมเข้ามาฟังด้วย ยกเว้นปู่ที่ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

ที่บ้านผมมีห้องประชุมเล็กๆ อยู่หนึ่งห้อง มีเครื่องฉายโปรเจกเตอร์พร้อม เอาไว้สำหรับประชุมงานเล็กๆ กันที่บ้าน พออุปกรณ์และคนพร้อมแล้ว นัทก็เริ่มการนำเสนอแผนปรับปรุงรีสอร์ทตามที่เราคุยกันให้พ่อกับแม่ผมฟัง

"อย่างตรงร้านกาแฟ นัท...เอ๊ย...ผมมองว่าน่าจะต้องปรับปรุงให้ใหญ่ขึ้นอีกนิดครับ ถ้าดูจากรูปจะเห็นว่ามันมีแค่โต๊ะเล็กๆ ให้คนมานั่งกินกาแฟแค่สองโต๊ะเอง ลูกค้าจะไม่ค่อยอยากเข้ามานั่งเพราะกลัวคนเต็มและไม่เป็นส่วนตัว ยิ่งถ้าสองโต๊ะนี้เต็ม เราก็จะยิ่งเสียโอกาสที่จะดึงลูกค้าคนอื่นๆ เข้ามา ถ้าปรับเป็นลานให้กว้างขึ้นหน่อย ตามตัวอย่างในภาพนี้ ร้านกาแฟจะมีลูกค้าเยอะขึ้นครับ ตรงนี้บรรยากาศดี วิวสวย มองเห็นทะเลสาบได้ ใครๆ ก็อยากมานั่งจิบกาแฟยามบ่ายตรงนี้"

พ่อกับแม่ของผมฟังแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ่งเห็นภาพตัวอย่างที่นัทเลือกมาให้ดูแล้วก็ทำให้เข้าใจได้ไม่ยาก แต่เมื่อกี้นัทก็เกือบทำความแตกซะแล้ว

"ส่วนเรื่องชื่อ ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นชื่อที่ทันสมัยมากก็ได้ครับ ควรจะเป็นชื่อที่เหมาะกับโลเคชั่น ตรงนี้เป็นเขตหนองจอก ถ้าเราเปลี่ยนชื่อเป็นหนองจอกรีสอร์ทแอนด์ฟิชชิ่งปาร์ค ก็จะทำให้คนจำง่ายและรู้ว่าอยู่ที่ไหน ถ้าเสิร์ชหาข้อมูลโรงแรมหรือรีสอร์ทในเขตนี้เราก็จะขึ้นอยู่อันดับต้นๆ แต่อันนี้ก็น่าจะต้องคุยกับสำนักงานเขตด้วยครับเพราะว่าเป็นชื่อเดียวกัน น่าจะต้องมีการขออนุญาตใช้ก่อน ผมว่ารีสอร์ทที่นี่โดดเด่นแล้วก็สวยมาก เป็นหน้าเป็นตาให้เขตนี้ได้อยู่แล้วครับ ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องขออนุญาตใช้ชื่อ ส่วนชื่อเดิม เป็นชื่อที่คลาสสิคดีครับ ความจริงมันก็เหมาะกับบรรยากาศของที่นี่อยู่ แต่ตอนที่ผมได้ยินชื่อนี้ครั้งแรก ผมก็นึกว่ารีสอร์ทนี้อยู่แถวๆ กาญจน์ คิดว่าลูกค้าคนอื่นๆ ก็น่าจะคิดคล้ายๆ กัน"

พ่อกับแม่ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยครับ คงจะถูกใจผู้จัดการคนใหม่มากทีเดียว ก็จะไม่ชอบได้ยังไงล่ะ ดูคล่องแคล่วฉะฉาน นำเสนอข้อมูลอย่างมืออาชีพแถมไอเดียก็เจ๋งหลายอย่างซะขนาดนั้น นึกว่ากำลังจะทำโรงแรมห้าดาวกันเลย ป๋าดันอย่างผมก็ยิ่งปลื้มหนักกว่าใคร แก้มจะแตกอยู่แล้ว

หลังจากที่จบการนำเสนอและซักถามข้อมูลกันเป็นที่เรียบร้อยจนพอใจ ก็ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี ผมนัดเพียวมากินข้าวกลางวันด้วย แต่ก็ไม่ลืมที่จะกำชับเธอไว้ว่าให้เรียกนัทว่าคุณธนวรรธน์ชั่วคราว เพียวไม่มีปัญหาอะไรและยินดีทำตามที่ผมบอกแต่โดยดี

"ไม่มีใครสงสัยเลยเหรอครับว่าคุณธนวรรธน์เป็นใคร"

ผมเอ่ยถามขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารกันอย่างออกรสออกชาติ ดูๆ ไปคุณธนวรรธน์ก็ได้รับความสนใจจากพ่อกับแม่ผมมาก คุยกันไม่หยุดเลย

"อ้าว แล้วเป็นใครล่ะแฟรงค์ แต่แม่ว่าหน้าคุ้นๆ มากเลย เหมือนแม่เคยเห็นที่ไหน เอ๊...คุณธนวรรธน์ เราเคยเจอกันที่ไหนมั้ยคะ"

แม่ผมหันไปถามนัทที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม ส่วนคนที่นั่งข้างๆ ผมนั้นคงจะเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากเพียว

"นั่นน่ะสิ พ่อก็ว่าคุณธนวรรธน์นี่หน้าคุ้นๆ มาก"

พ่อผมก็ทำท่านึกด้วยอีกคน ผมสบตากับนัทแล้วก็แอบยิ้มด้วยกัน

"พ่อกับแม่จำนัทได้หรือเปล่าครับ"

ในที่สุดผมก็เฉลยซะทีหลังจากที่ปล่อยให้พ่อกับแม่สงสัยมาตั้งแต่เช้า

"นัทเหรอ!" พ่อกับแม่ผมพูดขึ้นพร้อมกัน มองหน้ากันเองแล้วก็หันไปมองนัท

"อ๋อ!" พ่อผมอุทานขึ้นมาเป็นคนแรก "นัทลูกน้านวลที่ทำขนมจีนเส้นสดอร่อยๆ ขายในตลาดใช่มั้ย"

พ่อผมมองหน้านัทอย่างเพ่งพิศ พอรู้ว่าใช่อย่างที่สงสัยก็ยิ้มดีใจ

"ใช่จริงๆ ด้วยแม่ นี่มันนัทจริงๆ ด้วย" พ่อผมพูดอย่างตื่นเต้น

"แม่ก็ว่าแล้วทำไมหน้าคุ้นๆ ชื่อก็ติดอยู่ที่ปาก แฟรงค์นี่...แล้วทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ว่าเป็นน้องล่ะ ปล่อยให้สงสัยอยู่ตั้งนาน"

แม่หันมาว่าผมซะอย่างงั้น ผมก็เลยได้แต่หัวเราะแหะๆ เพียวอดขำไม่ได้จนต้องหัวเราะไปด้วยอีกคน

แม่ผมพลิกตัวนัทให้หันมามองหน้ากันตรงๆ เพราะอยากดูให้ชัดๆ และแน่ใจ เห็นรอยยิ้มของพ่อกับแม่แล้วผมก็รู้ว่าท่านทั้งสองดีใจมากแค่ไหนที่ได้เจอนัทอีกครั้ง

"นัทเป็นไงบ้าง สบายดีนะลูก ตายแล้วลูกเอ๊ย นี่พ่อ...เราไม่ได้เจอนัทมานานกี่ปีแล้วล่ะพ่อ"

นัทยังไม่ทันได้ตอบ แม่ผมก็หันไปถามพ่อซะแล้ว พ่อผมนั่งนับนิ้วแล้วจึงบอกแม่ไป

"สิบสามปีแล้วแม่"

"แล้วนัทมาเจอกับแฟรงค์ได้ไงล่ะลูก"

แม่ผมหันมาทางนัทอีก คาดว่าคราวนี้นัทน่าจะได้ตอบคำถามสักคำถามบ้างแล้ว

"มีเพื่อนบอกให้นัทมาสมัครงานที่เรือนแพรีสอร์ทน่ะครับ ผมสนใจก็เลยมา ก็เลยได้เจอแฟรงค์"

"โลกกลมจริงๆ เลย พวกเราคิดถึงนัทมากรู้มั้ยลูก โดยเฉพาะแฟรงค์ ตอนแฟรงค์มาเรียนที่กรุงเทพใหม่ๆ เห็นนั่งหงอยทุกวันเลย ป้าเห็นแล้วก็สงสาร ดีแล้วลูกได้กลับมาเจอกับพี่เค้า มาช่วยพี่แฟรงค์ทำงานนะลูก ถือซะว่าเป็นรีสอร์ทของนัทไปเลยละกัน เดี๋ยวจะให้แฟรงค์เพิ่มเงินเดือนให้อีกหน่อย ก็แหม...บ้านเราน่ะกินขนมจีนน้านวลมาฟรีๆ ตั้งหลายปี"

แม่ผมพูดติดตลกในตอนท้าย แล้วก็หันไปชมนัทต่อ

"นัทเก่งมากเลยลูก เมื่อกี้ลุงกับป้านั่งฟังอ้าปากค้างกันเลย นัทนำเสนอได้มืออาชีพมาก ข้อมูลก็แน่น แผนก็ดี ช่วยพวกเราได้เยอะเลยลูก ปกติรีสอร์ทของเราไม่ค่อยมีคนดีกรีระดับนี้มาสมัครงานหรอก ส่วนมากเค้าก็ไปทำบริษัทใหญ่ๆ กันหมด ขอบใจมากลูกที่มาช่วยพวกเรา อย่าลืมนะแฟรงค์ ดูแลน้องดีๆ ล่ะ"

แม่หันมากำชับผมในตอนท้าย ผมกับนัทสบตากันอีกครั้งแล้วก็ยิ้มเหมือนรู้ๆ อะไรกันอยู่สองคน

"เอ...ลุงจำได้ว่านัทชอบกินไอติมใช่มั้ยลูก เดี๋ยวๆๆ มีใครอยู่ตรงนี้บ้าง ให้ใครไปซื้อไอติมมาให้นัทหน่อยสิ"

ว่าแล้วพ่อผมก็หันไปเรียกแม่บ้านให้มาหา ขาดคำของพ่อ เพียวก็หันมาจับจ้องผม ผมแทบจะทำตัวไม่ถูกจนต้องหลบสายตาที่มีคำถามนับร้อยนับพันของเธอ

"นัทเขาชอบกินไอติมเหรอคะคุณพ่อ" เสียงเพียวฟังดูธรรมดา แต่แววตากลับขุ่นข้องสงสัย

"ใช่ลูก เมื่อก่อนเฟิร์นมาฟ้องพ่อบ่อยๆ ว่าพี่แฟรงค์ชอบเอาเงินค่าขนมตัวเองไปซื้อไอติมให้นัทกิน นัทเค้าชอบกินไอติม แฟรงค์ก็เลยซื้อให้กินบ่อยๆ ไม่ค่อยซื้อให้น้องตัวเองหรอก เฟิร์นน้อยใจพี่จนพ่อต้องคอยให้เงินไปซื้อไอติมต่างหาก"

พ่อผมเล่าไปก็ขำไป แต่ผมนี่สิชักร้อนๆ หนาวๆ เสียแล้ว

"จริงเหรอคะ"

ผมไม่รู้ว่าเพียวถามคำถามนั้นกับพ่อผม กับตัวเอง หรือกับใคร สีหน้าของเธอดูซีดเผือดจนผมอดที่จะสงสารไม่ได้ ส่วนนัทเองก็นั่งเงียบ คอยลอบสังเกตดูผมกับเพียวตลอดเวลา

"มีอะไรกันหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมนั่งเงียบกันไปหมดล่ะ"

แม่ผมถามด้วยความสงสัย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครกล้าตอบคำถามเลย ได้แต่มองหน้ากันไปมา

"พ่อคะ แม่คะ เดี๋ยวเพียวขอตัวก่อนนะคะ พอดีเพียวเพิ่งนึกได้ว่าต้องไปธุระด่วนน่ะค่ะ อาจจะต้องกลับเลย"

เพียวพูดแล้วก็ทำท่าจะลุกหนีไป ผมจึงรีบดึงมือเธอไว้ก่อน

"เดี๋ยวก่อนสิเพียว"

เพียวพยายามจะสะบัดมือออก แต่ก็ไม่กล้าทำโจ่งแจ้งเพราะกลัวพ่อกับแม่ผมสงสัย

"อ้าว...มาไม่ทันไรก็จะไปแล้วเหรอลูก ไม่กินข้าวก่อนล่ะ เพียวมีธุระแถวไหน กินข้าวก่อนแล้วค่อยให้แฟรงค์ไปส่งก็ได้" พูดแล้วพ่อก็พยักพเยิดมาทางผม

"ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ คงไม่ทันแล้วล่ะค่ะ เพียวขับรถมา เดี๋ยวเพียวไปเองก็ได้ค่ะ แฟรงค์จะได้กลับไปทำงานต่อ ขอตัวก่อนนะคะ เพียวรีบจริงๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เพิ่งนึกได้กะทันหัน"

เพียวบอกพ่อผมแล้วก็หันมามองมือผมที่จับมือของเธอไว้อยู่ ถึงจะไม่บอกตรงๆ ว่าให้ปล่อย ผมก็รู้ว่าต้องปล่อยมือเธอแล้วล่ะ

"เพียว..."

ผมเรียกแฟนสาวเสียงเบา พ่อกับแม่เริ่มจับตามองอย่างสงสัยว่าเราอาจจะกำลังทะเลาะกันอยู่หรือเปล่า

"เพียวไปก่อนนะคะพี่แฟรงค์ แล้วเจอกันค่ะ ไม่ต้องเดินไปส่งนะคะ"

เพียวลุกขึ้นสวัสดีพ่อกับแม่ผมที่รับไหว้อย่างงงๆ แล้วเธอก็เดินไปหยิบกระเป๋าถือที่วางไว้ที่โซฟา ก่อนจะเดินออกไปอย่างร้อนรน

"ไม่ไปส่งน้องล่ะแฟรงค์"

แม่มองผมด้วยสายตาตำหนิ แต่ผมก็นั่งเงียบ สบตากับนัทแล้วก็เห็นความกังวลในดวงตาคู่นั้น


TBC

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ คนในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-12-2015 19:56:36
อ่านช่วงแรกๆ เพลง ความทรงจำสีจางๆ ลอยเข้ามาในห้วเลยค่ะ

ให้บรรยากาศแบบ แฟนฉัน มากเลย  :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ คนในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-12-2015 20:05:38
เพียวคงจะรู้แล้วล่ะ แต่จะรับได้มั้ยนี่ล่ะซิปัญหา
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ คนในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 07-12-2015 20:27:58
เริ่มแล้ว พายุโซนใหญ่ก่อตัวขึ้นแล้ว แฟรงค์จะทำยังไงต่อ บทสรุปของทั้งสามคนจะออกมาแบบไหน รอลุ้น
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ คนในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 07-12-2015 21:11:07
กรุ่นกลิ่นมาม่า.....
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ คนในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 07-12-2015 22:53:38
น่าเห็นใจทุกฝ่ายมากๆ เลยคะตอนนี้ มันไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูกหรอก มีแต่คนที่เจ็บปวดมาก หรือ เจ็บปวดน้อยเท่านั้น คิดว่า ลึกๆ ทั้งนัทและแฟรงค์คงจะรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองรู้สึกอย่างไรกับอีกฝ่าย แต่อาจจะยังไม่อยากยอมรับ และในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีและอยากให้ความรู้สึกแบบนี้อยู่กับตัวเองให้นานอีกหน่อย อ่านไปหลายๆ ช่วงก็แบบฟินตาม แฟรงค์เค้าขยันหยอด หุหุหะ +กบ จ้า
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ คนในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 07-12-2015 23:10:59
    แฟรงค์จะทำยังไงต่อดีล่ะ เพียวต้องรู้แน่ๆว่าแฟรงค์คบเพียวเพราะนัทชอบกินไอติมเหมือนๆกัน ๕๕๕
นัทคงเห็นเค้ารางร้ายแน่ๆ แต่ก็ดีนะที่แฟรงค์จะได้บอกรักนัทเร็วๆ 
รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับว่าจะเป็นยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ คนในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 08-12-2015 00:09:24
ว๊าว ตอนนี้ฟินจริง ๆ เลยอ่ะ  :mew3: แฟรงค์แบบเร็วมากจนไม่น่าเชื่อ แต่ก้อดีแล้วล่ะ โตขนาดนี้แหละ แต่เราเริ่มเห็นเค้าดราม่ามาใกล้ตัวแล้วเชียว งานนี้พ่อแม่จะมาเป็นคีย์หลักรึเปล่าเอ่ย  :mew5: หวังว่าคงจะไม่ใช่น่ะ  :katai1: งานนี้สงสารเพียวจริง ๆ เลยอ่ะ คงช็อคไปแล้ว แล้วงานนี้เธอจะทำอย่างไรล่ะเนี่ย คงไม่ได้พลิกตัวเองกลายเป็นนางร้ายหรอกน่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ คนในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 08-12-2015 01:03:39
จะเลือกทางไหนก็แล้วแต่ใจแฟรงค์แล้วล่ะค่ะ แค่อย่าหลอกตัวเองว่ารักอีกคนแต่ภาพในใจดันเป็นอีกคนก็พอ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ คนในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 08-12-2015 01:25:35
เคลียร์แฟนตัวเองให้เรียบร้อยเลยก็ดีนะ แฟรงค์ จะได้เดินหน้าจีบนัทได้เต็มตัว อิอิ เชียร์เต็มที่ครับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ คนในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 08-12-2015 05:49:52
ว่าแล้วเซ็นส์ผู้หญิงมันแรง

ความรู้สึกแฟรงก์ก็รุนแรงจริงๆ
เราว่านัทก็รู้สึกนะ  แต่ก็อาจจะพยายามปัดๆไป
เพิ่งอกหักมาอย่างร้ายกาจด้วย

ผู้หญิงอย่างต้องตานี่มีจริงนะ
เดี๋ยวก็ดูไปแล้วกันส่วนมากจะไม่ค่อยได้จบดีนักหรอก
เริ่มต้นยังสาวอยู่ก็หลอกหนุ่มอย่างนัท
จากนั้นก็ไปหาต้นไม้ต้นที่ใหญ่กว่าเพื่อเกาะแล้วดูด
สักพักก็หมดความสวยที่จำเป็นในการใช้หาเหยื่อ

จะดราม่าหนักไหมเนี่ย?
พ่อแม่จะรับกันได้หรือเปล่าหนอ?
ไม่ใช่พ่อแม่แยกกันสมัยเด็กเพราะเห็นสนิทกันเกินด้วยหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ ในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 08-12-2015 08:13:23
เชื่อไหมครับว่าผมแก้ตอนนี้มากกว่า 200 รอบ
เริ่มเขียนเมื่อวานตอนเช้า เกลาไปสองสามรอบแล้วจึงลงตอนเย็นๆ คิดว่าพอใจแล้ว ต่อพออ่านอีกก็แก้อีก
แก้จนเที่ยงคืนกว่า รู้สึกไม่ไหวเลยต้องนอน ตื่นขึ้นมาตอนตีห้า แก้ต่อจนถึงแปดโมงเช้า
แต่ก็โคตรคุ้มค่า ที่ผมได้อย่างนี้มา

อ้างถึง
สัมผัสจากนัทเมื่อครู่นี้เล่นเอาผมแทบทนไม่ไหว ยิ่งนึกถึงตอนที่ผิวกายเบียดสัมผัสเสียดสีและแนบชิดกัน อีกทิ้งกลิ่นหอมยวนใจจากผิวกายที่ยังติดอยู่ปลายจมูก แรงปรารถนาของผมก็ยิ่งปั่นป่วนรุนแรงอย่างน่าประหลาด แม้ว่าเราสองคนไม่ได้สัมผัสตัวกันเพราะเรื่องนั้นเลย

พอนัทหลับไปแล้ว ผมจึงหลบตัวเข้ามาในห้องน้ำเพื่อจัดการภารกิจสำคัญเร่งด่วน ก่อนที่ตัวเองจะเผลอทำอะไรบ้าๆ กับคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่ถึงกระนั้น ในจินตนาการของผมระหว่างนั้นก็มีแต่ภาพของนัทในท่วงท่าต่างๆ เต็มไปหมด ผมหายใจแรงด้วยความปรารถนาที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ทั้งๆ ที่เพิ่งปลดปล่อยมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว แล้วก็นึกขอโทษนัทอยู่ในใจที่ล่วงเกินในจินตนาการโดยไม่ได้ขออนุญาตเลย

ผมหอบเหนื่อยอย่างสุขสมเมื่อพาตัวเองมาถึงจุดหมาย พอได้เห็นสิ่งที่ปลดปล่อยออกมาอย่างมากมายก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง แม้เพียงเสพสมในจินตนาการ ผมยังรู้สึกรุนแรงถึงเพียงนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงเมื่อไหร่ ผมคงไม่พ้นหัวใจวายคาอกนัทเป็นแน่

ต่อไปคงต้องเลี่ยงที่จะอยู่ในห้องนอนกับนัทสองต่อสองแล้วล่ะ เพราะผมกลัวใจตัวเองเหลือเกิน!!!

ถามว่าดราม่ามากมั้ย ขอตอบว่า...
เราจะไม่ได้ยินประโยคเช่น "เรารักของเรามาเป็นสิบๆ ปี ไม่มีความหมายะไรเลย" (จำได้แม่นเลยนะประโยคนี้)
หรือ "สนคิดถึงต้นจะตายอยู่แล้ว แม่พาสนไปหาต้นหน่อย"

จาก 5 คะแนนเต็ม ช่วงที่ดราม่ามากๆ น่าจะอยู่ที่ 4 แต่ดราม่าทั่วไปน่าจะอยู่ที่ 3
แต่โทนเรื่องโดยรวมจะอยู่ที่ 0-3 ปนๆ กันครับ (ตั้งแต่เขียนเรื่องวิทยาศาสตร์ ก็เลยต้องให้ข้อมูลเป็นวิทยาศาสตร์หน่อย อิๆ)

ขอบคุณที่ทุกคนมาติดตามนะครับ มาหาคำตอบของนัทกับแฟรงค์ไปด้วยกัน มีเซอร์ไพรส์แน่ๆ

:) Sarawatta :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ ในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-12-2015 09:13:25
เดี๋ยววววววววววววก่อน

ทำไมพระเอกเรื่องนี้มีพันธะอีกแล้วววววววววววววว  :ling1:

หวังว่าหนูเพียวจะรับได้แล้วล่าถอยไปนะ ปล่อยหนุ่มๆเขาไปเถอะ T^T

(เขียนคู่ให้หนูเพียวก็ดีนะคะ สงสารนาง 5555)


ดูเหมือนเรื่องจะไม่มาม่ามาก ถ้าแม่นางรับได้

แต่บุพการีจะเป็นเหมือนต้นสนหรือเปล่านะ?? แต่ถ้าประเด็นเดียวกัน มันก็เหมือนอ่านต้นสนวนอีกรอบป่ะคะ??
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ ในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 08-12-2015 11:21:34
หวังว่าเพียวคงเข้าใจในความรักแบบนี้นะ..แต่พ่อแม่ของแฟร้งซิจะเข้าใจหรือเปล่า..เหมือนจะเริ่มหนักและหน่วงขึ้นเรื่อย
และเพียวจะยอมเปิดทางให้หรือว่าจะดึงดันต่อไปแอบกลัวใจนาง...  :mew6:
แฟร้งคงรู้แล้วซินะว่าไม่มีใครแทนใครเป็นตัวแทนใครได้....

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ ในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 08-12-2015 15:04:24
แฟรงค์เริ่มแสดงออกชัดเจนอะ ในเรื่องความรู้สึกที่มีต่อนัท

แอบสงสารนัทอะ โดนทำร้ายจิตใจมาขนาดนั้น
ต้องตานี่แบบร้ายกาจมาก เป็นผู้หญิงที่...
แต่ในตอนนี้ก็มีพี่แฟรงค์อยู่ดูแลทั้งคน เดี๋ยวก็หายเนอะ สู้ๆ


ส่วนเพียว คงรู้แล้วแน่ๆ ว่าที่แฟรงค์คบด้วยเพราะอะไร
หวังมาคงรับมือกับปัญหาต่างๆที่กำลังจะเข้ามาได้นะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ ในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 08-12-2015 17:20:24
@ ่jum
แฟนฉันก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมหยิบเอาบรรยากาศในอดีตมาเป็น Reference ครับ ขอบคุณที่มาติดตามอ่านนะครับ อยากให้อ่านถึงตอนปัจจุบันไวๆ

@Jibbubu, @Kaemmiizz
เรื่องนี้จะมีอะไรที่ผิดคาดจากที่แสดงความคิดเห็นพอสมควรครับ แต่บอกไม่ได้ อิๆ

@alternative
ใครกันนะจะเป็นคนต้มมาม่าหม้อนี้กันแน่ :laugh:

@กบกระชายไทยนิยม
ผมก็ฟินกับแฟรงค์มากๆ เหมือนกันครับ เขียนเรื่องนี้แล้วผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าสามารถสร้างคาแรคเตอร์ของผู้ชายที่ดูอบอุ่นอย่างแฟรงค์ได้ด้วย

@GuoJeng
เพราะแค่ชอบกินแท้ๆ ถึงได้เกิดเรื่องวุ่นวายอย่างนี้ 555 เป็นพล็อตเรื่องที่แปลกสุดๆ เลยสำหรับผม มีปัญหาเพราะชอบกินไอติม

@kitty08
ประเด็นนี้จะขอบอกคนอ่านตรงๆ ว่าเรื่องนี้ถึงไม่มีนางร้ายก็จะดราม่าได้อย่างไม่น่าเชื่อครับ

@Mouse2U
ดูเหมือนแฟรงค์จะชัดเจนอยู่นะครับ แต่...

@Magis
ถ้าเป็นแบบนี้เรื่องน่าจะจบสักในตอนที่ 5 แล้วล่ะครับ ไม่น่าจะจบไวขนาดนั้น

@Freja
เรื่องโดนผู้หญิงหลอกนี่ผมได้มาจากเพื่อนใกล้ๆ ตัวหลายคนเลย

@BlueCherries
ผมคิดว่าหลายๆ คนที่เคยอ่านต้น-สนจะเข้าใจว่าเรื่องนี้จะคล้ายกัน แต่เรื่องนี้ไปคนละทิศทางกับต้น-สนแน่ๆ ครับ ดูคล้ายแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น ชื่อเรื่องมันบ่งบอกอะไรบางอย่างอยู่นะ อิๆ

@PFlove
มีใครบางคนที่จะทำให้เรื่องยากกว่าที่คิดอีกครับ คิกๆ

@└X • €NouGh •
แฟรงค์นี่ชัดเลยล่ะ หวังว่าใครบางคนก็ชัดเจนเหมือนแฟรงค์ อิๆ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ ในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-12-2015 17:30:41
หัวใจไม่ไร้รัก

อื้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

เหมือนกับความรักที่พ่อแม่มีให้ลูกป่ะคะ แบบว่ารักที่ลูกเป็นลูก (มโน)


เดาแหลกเลยตอนนี้ 5555+

แล้วใครจะทำให้เรื่องวุ่นวายยยยยยยยยมากกว่าเดิมล่ะนี่ มือที่สามหรือนังอดีตแฟน? (อ่านแล้วขึ้น อิพวกชอบแย่งผลงาน แล้วหลอกใช้  :fire:)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH03 ✢ ในจินตนาการของพี่ชาย ✢ P2 ▒ 7.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-12-2015 19:36:31
มาอ่านตามเมสเสจเรยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 09-12-2015 17:03:27
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 4 ✢ เงารักลวงใจ


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

ตั้งแต่เมื่อวานที่ไปนำเสนองานที่บ้านของแฟรงค์มา ผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีเลยที่เหมือนตัวเองเป็นสาเหตุให้แฟรงค์กับเพียวต้องผิดใจกัน ผมพอจะเดาได้ว่าเพียวโกรธแฟรงค์เรื่องอะไร แต่ที่ไม่ค่อยแน่ใจหรือไม่รู้เลยก็คือทำไมเพียวถึงโกรธมากจนถึงกับลุกหนีไป ผมกับแฟรงค์ก็เป็นแค่พี่น้องที่รู้จักกัน ไม่ได้เป็นอะไรกับแฟรงค์มากไปกว่านั้นเสียหน่อย

แฟรงค์ก็ไม่ยอมโทรหาเพียว ผมไม่เข้าใจแฟรงค์เลยว่าทำไมถึงไม่ง้อแฟน แถมยังมาทำงานที่รีสอร์ทอีก ความจริงจ้างผมมาแล้วก็ไม่ต้องมาเลยก็ยังได้ ที่รีสอร์ทอื่นๆ คนที่เป็นเจ้าของแทบจะไม่เคยโผล่มาให้เห็นด้วยซ้ำ ลูกค้าที่ไปพักเห็นแค่คนที่จ้างมาช่วยดูแล

ตอนเช้าวุ่นๆ นิดหน่อยเพราะมีกลุ่มข้าราชการมาจัดงาน ผมต้องคอยช่วยดูแลเรื่องเบรก อาหารและอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่ขอมา เนื่องจากติดต่อกับผู้จัดการคนเก่าไว้ จึงมีข้อมูลบางอย่างที่ผมยังไม่รับรู้ แต่พอสื่อสารกันชัดเจนแล้วก็ไม่มีปัญหา พอเข้าที่เข้าทางแล้วตอนบ่ายผมจึงค่อยวางมือและดูอยู่ห่างๆ

ตอนบ่ายๆ ผมออกมากินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารกลางน้ำกับแฟรงค์ เราคุยกันไปเรื่อยเปื่อย เรื่องใหม่บ้าง เก่าบ้าง ดูแฟรงค์มีความสุขเหมือนกับไม่ทุกข์ร้อนเรื่องแฟนเลย ตอนเดินกลับเข้ามาทำงานด้วยกันผมจึงอดรนทนไม่ไหว

"แฟรงค์ ถ้านัทจำไม่ผิด เหมือนแฟรงค์จะเคยบอกนัทว่าจะนัดให้ทีมงานถ่ายรูปพรีเว็ดดิ้งเข้ามาหาอาทิตย์นี้ใช่มั้ย"

แฟรงค์ดูอึ้งไปเล็กน้อย แต่แล้วก็รีบยิ้มกลบเกลื่อนพร้อมกับพยักหน้า

"อืม...วันพฤหัสนี้แหละ กินกาแฟกันหน่อยไหม ไม่มีคนแล้ว"

ผมพยักหน้าตกลง แฟรงค์จึงเดินนำผมเข้าไปในร้านที่เราสองคนกำลังเดินผ่านมาพอดี หลังจากที่สั่งกาแฟที่ต้องการแล้ว ผมก็เป็นฝ่ายเริ่มการสนทนาก่อน

"แฟรงค์ได้คุยกับเพียวมั่งหรือยัง"

สีหน้าแฟรงค์ดูเรียบๆ แต่ผมก็พอสังเกตเห็นแววกังวลอยู่ในตาคู่นั้น แฟรงค์ส่ายหน้าปฏิเสธและไม่พูดสักคำ

"ทำไมล่ะแฟรงค์"

แฟรงค์ถอนหายใจแล้วนั่งนิ่ง ก้มหน้าเหมือนกับไม่อยากพูด

"นัทขอโทษนะถ้านัทยุ่งเรื่องของแฟรงค์มากไป นัทก็แค่...เป็นห่วงแฟรงค์เท่านั้นแหละ"

ผมรีบออกตัวอย่างเกรงใจ นึกตำหนิตัวเองในใจที่ลืมคิดไปว่าเพิ่งกลับมาเจอกับแฟรงค์ได้ไม่กี่วัน คงไม่สนิทสนมมากพอที่จะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว

"ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก อย่าคิดมาก แฟรงค์แค่ไม่รู้จะอธิบายให้นัทฟังได้ยังไง"

ในที่สุดแฟรงค์ก็ยอมพูด ผมเอนหลังติดพนักเก้าอี้แล้วก็เอียงคอสงสัย

"เพียวเค้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ถึงแฟรงค์จะชอบเพียวเพราะเพียวชอบกินไอติมเหมือนนัทตอนเด็กๆ แต่จริงๆ มันก็ไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวกันเลย ก็แค่ความชอบส่วนตัวของแฟรงค์เฉยๆ อีกอย่าง...นัทกับแฟรงค์ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย"

ดูเหมือนแฟรงค์ชะงักหรือสะดุ้งหน่อยๆ ตรงประโยคท้ายๆ ที่ผมพูด

"นั่นน่ะสิ" เสียงแฟรงค์เบาจนเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับผม

"เพียวเค้าคงไม่ได้เข้าใจผิดว่านัทกับแฟรงค์...มีอะไรพิเศษกันใช่มั้ย"

แฟรงค์เหลือบตาขึ้นมองผม น่าแปลกใจเหมือนกันที่แฟรงค์เหมือนไม่ค่อยอยากสบตากับผมตรงๆ เท่าไหร่

"ไม่หรอกมั้ง" แฟรงค์ตอบด้วยสีหน้าที่ยังดูกังวลเหมือนเดิม

"จะให้นัทช่วยอธิบายกับเพียวให้มั้ย"

ผมไม่รู้ว่าดีหรือเปล่าที่ถามไปอย่างนั้น แต่ถ้าช่วยได้ผมก็อยากช่วย แม้ว่าจะดูเหมือนจุ้นจ้านไปหน่อยก็ตาม

"ไม่ต้องหรอกนัท เดี๋ยว...แฟรงค์จะโทรไปคุยกับเพียวเอง"

"ดีแล้ว แฟรงค์บอกเพียวนะว่าแฟรงค์กับนัทไม่ได้เป็นอะไรกัน เราสองคนก็แค่รู้จักกัน เคยคบกันเป็นพี่เป็นน้องเฉยๆ ไม่มีอะไรในกอไผ่อย่างที่เพียวเข้าใจหรอก ขอโทษที่ทึกทักไปเองนะ ความจริงนัทก็ไม่รู้หรอกว่าเพียวเข้าใจผิดเรื่องอะไร นัทแค่เดาว่าเป็นเรื่องนี้เฉยๆ"

แฟรงค์ยิ้มจางๆ พร้อมกับขำเบาๆ จากนั้นก็ทำหน้าเครียดอีก

"นัท..."

แฟรงค์เรียกชื่อผมแล้วก็หยุดเว้นจังหวะรอความสนใจ

"ถ้าเกิดนัทเพิ่งรู้ตัวว่านัทชอบใครบางคนที่ไม่ใช่คนที่นัทกำลังคบอยู่ นัทจะทำยังไง"

ผมขยับนั่งตัวตรง รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ กับสิ่งที่แฟรงค์พูดไม่น้อย ตั้งแต่เจอกัน แฟรงค์กับผมอยู่ใกล้ชิดกันและทำหลายๆ อย่างที่แตกต่างจากผู้ชายธรรมดาทั่วไป ผมก็แอบกลัวอยู่เหมือนกันว่าแฟรงค์กำลังพยายามสื่อสารบางสิ่งบางอย่างให้ผมรู้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ผมไม่อยากรู้และไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย

"ไม่รู้สิ นัทน่ะ...ไม่อยากรักใครอีกแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าจะแนะนำยังไง" ผมพยายามตอบเลี่ยงๆ

"นัทจะไม่รักใครอีกแล้วจริงๆ เหรอ"

ผมเป็นฝ่ายอึ้งไปบ้าง โชคดีที่จังหวะนั้นกาแฟของเรามาเสิร์ฟพอดี ผมจึงยังพอมีเวลาเพิ่มคิดหาคำตอบได้อีกหน่อย เราหยิบถ้วยกาแฟมาจิบชิม พอเห็นว่ารสชาติถูกใจก็จิบอีกสองสามครั้ง ก่อนที่ผมจะตัดสินใจตอบคำถามนั้นของแฟรงค์

"แฟรงค์ก็รู้แล้วนี่ว่านัทเจออะไรมาบ้าง นัท...เกลียดการรอคอย เกลียดการหลอกลวง แต่ความรักของนัท...ก็มีแต่การรอคอยแล้วก็การหลอกลวงทั้งนั้น"

แฟรงค์ขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนจะสงสัยมากเสียด้วย

"นัท...นัทหมายถึงอะไร...หรือใคร"

นั่นสินะ นี่ผมหมายถึงอะไร...หรือใครกันแน่ อย่าว่าแต่แฟรงค์เลย ผมก็ยังสงสัยสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไป ผมถอนหายใจแล้วก็มองออกไปข้างนอกตัวร้าน ช่วงนี้ลูกค้าน้อยจนแทบจะเหลือแต่พนักงานด้วยกันเอง แต่ก็ยังพอมีคนเดินเล่นและทำกิจกรรมทางน้ำที่ทะเลสาบอยู่บ้าง

ผมหันกลับมามองหน้าแฟรงค์อีกครั้งและครุ่นคิด ตั้งแต่ได้เจอกับแฟรงค์ ผมพบว่ามีบางเรื่องที่ผมต้องย้อนคิดทบทวนใหม่ให้แน่ใจอีกครั้ง บางทีอาจจะมีบางอย่างไม่เป็นอย่างที่ผมเคยรู้หรือเข้าใจก็ได้

"นัทไม่รู้จะอธิบายให้แฟรงค์เข้าใจได้ยังไง เอาเป็นว่า...นัทจะไม่รักใครอีก เพราะนัทไม่อยากรอ ไม่อยากถูกหลอก นัทเข็ด...แล้วก็เจ็บปวดมาก นับตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าใครจะพยายามแค่ไหน นัทก็บอกได้เลยว่าเสียเวลาเปล่า อย่ารักนัทเลย นัทไม่มีหัวใจให้ใครอีกแล้ว ชีวิตของนัท แค่มีแม่ มีพี่นิว แล้วก็...พี่แฟรงค์ ที่นัทรักเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง ก็พอแล้วล่ะ"

"นัท..."

แฟรงค์เรียกเสียงเบาด้วยสีหน้าที่เหมือนไม่เชื่อที่ผมบอก จะเป็นไปได้หรือที่คนวัยหนุ่มอย่างผมจะเข็ดกลัวความรักจนไม่อยากรักใครอีก เพิ่งผิดหวังเพียงครั้งเดียวไม่น่าคิดอย่างนี้ แต่ผมก็จะทำอย่างที่พูดจริงๆ

... ... ...

หลังจากที่คุยกันวันนั้น ผมเดาว่าแฟรงค์คงโทรไปคุยกับเพียวแล้ว พอถึงวันพฤหัสบดีที่แฟรงค์นัดทีมถ่ายภาพพรีเว็ดดิ้งไว้ ผมก็เห็นเพียวมาหาแฟรงค์ที่รีสอร์ทด้วย ไม่เห็นท่าทีบาดหมางหรือผิดใจกันเลย ที่ผมเดาไว้ก็น่าจะถูกแล้วล่ะ ก็ดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น ผมรู้ว่าการง้อผู้หญิงไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของแฟรงค์หรอก ที่ผ่านมาแฟรงค์ก็คงทำบ่อยๆ

หนึ่งในทีมงานที่มาสามคนเป็นเพื่อนสมัยเรียนของแฟรงค์เอง เพราะแฟรงค์ชอบสนับสนุนธุรกิจของเพื่อน ด้วยเหตุผลว่าดีกว่าเอาเงินไปให้คนอื่น เพียวบอกให้ผมอยู่ช่วยเลือกแนวบรรยากาศหรือธีมด้วยกันด้วย มีหลายๆ คนจะได้ช่วยกันออกความคิดเห็น ผมก็เลยต้องนั่งร่วมอยู่ในนั้นอย่างเคอะเขินหน่อยๆ

มีแนวบรรยากาศให้เลือกหลายรูปแบบและหลายสถานที่ มีทั้งในกรุงเทพ ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ผมแอบคิดเล่นๆ ว่าถ้าผมเปิดบริษัทแบบนี้บ้าง ผมจะเพิ่มตัวเลือกแนวบรรยากาศบนดวงจันทร์เข้าไปด้วย เผลอๆ จะรวยไม่รู้เรื่องเพราะยังไม่มีใครทำ

ผมไม่ได้ออกความคิดเห็นช่วยสองคนนั้นมากหรอก ความชอบของผมไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ก็เลยได้แต่นั่งดู ปล่อยให้แฟรงค์กับเพียวตัดสินใจเลือกกันเอง

นั่งดูได้ไม่ถึงสิบนาทีผมก็ขอตัวออกไปทำงานข้างนอก แฟรงค์ไม่ได้ว่าอะไรเพราะคงรู้ว่าผมไม่อยากโกงเวลาทำงาน อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้จัดการรีสอร์ทอย่างผมควรมีส่วนร่วมด้วย

ผมเดินมาดูความเรียบร้อยของห้องประชุมที่ข้าราชการกลุ่มนั้นมาขอเช่าใช้อยู่ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ช่วงหลังๆ เริ่มเข้าที่จึงไม่ค่อยมีเรื่องที่ผมต้องจัดการมากเท่าไหร่ ดีหน่อยที่ไม่ได้เชิญคนใหญ่โตมาปิดงาน ผมจำได้ว่าเพื่อนที่ทำงานเก่าบ่นเป็นประจำว่ายุ่งยากจนชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์บางอย่างหาย ก็เป็นธรรมดา วัฒนธรรมการทำงานของข้าราชการเป็นแบบนี้ ผู้ให้บริการคงจะเปลี่ยนให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ยังไงก็ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับลูกค้าจนได้

ตอนเที่ยงผมไม่ได้ไปกินข้าวกับแฟรงค์และเพียว ปล่อยให้สองคนอยู่ด้วยกันตามลำพังกันดีกว่า คนเป็นแฟนกันคงไม่ค่อยอยากให้มีคนอื่นเข้าไปยุ่งหรอก ผมคอยดูแลเรื่องอาหารการกินของกลุ่มข้าราชการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ที่นี่เป็นรีสอร์ทของครอบครัว ระบบไม่ซับซ้อน แต่ฟังก์ชันหลายๆ อย่างก็คล้ายโรงแรม คนที่ถูกจ้างมาจึงต้องทำแทบทุกอย่าง คอยดูทุกเรื่อง ผมก็ไม่คิดว่าเป็นปัญหาหรอกในเมื่อผมมาทำงานที่นี่เพื่อเรียนรู้การทำงานรีสอร์ท เวลาทำของตัวเองจะได้เอาประสบการณ์ที่นี่ไปใช้ต่อได้ จะว่าไปแฟรงค์นี่ก็แปลกเหมือนกัน แฟรงค์ให้งานผมทำทั้งๆ ที่รู้ว่าผมจะอยู่ที่นี่เพียงสองสามปีแล้วไปทำรีสอร์ทของตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่จ้างผมแน่

จนกระทั่งบ่ายแก่ๆ พอผมดูแลทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว จึงได้โผล่หน้าเข้าไปในห้องของแฟรงค์อีกครั้ง แฟรงค์นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ส่วนเพียวนั่งเล่นไอแพดอยู่เงียบๆ ที่โซฟา แปลกดีที่ต่างคนต่างไม่คุยกัน หรือไม่ก็คงคุยกันเบื่อจนไม่รู้จะคุยอะไรแล้ว

"อ้าวนัท...เป็นไง เรียบร้อยดีมั้ย"

แฟรงค์เงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์มาถาม ส่วนเพียวหันมามองแล้วก็ยิ้ม

"เรียบร้อยดี นัทจะมาบอกแฟรงค์ว่า...เดี๋ยวเย็นนี้นัทจะกลับไปที่คอนโดนะ นัทว่าจะขนของที่เหลือมาให้หมด"

แฟรงค์เป็นคนบอกผมเองว่าให้ย้ายมาอยู่ที่นี่เลย ส่วนคอนโดก็เก็บไว้ก่อน หรือไม่ก็ปล่อยเช่าต่อ ดีกว่าไปๆ กลับๆ ไกลก็ไกล รถก็ติด เสียเวลาและเสียสุขภาพจิตด้วย

"แล้วจะไปยังไง ให้แฟรงค์ไปส่งมั้ย"

"ไม่ต้องหรอก" ผมรีบร้องบอก

"เดี๋ยวนัทนั่งแท็กซี่ไป ขามานัทจะขับรถมาเอง พอจำทางได้อยู่ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ใช้เนวิเกเตอร์ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้จะออกไปข้างนอกกับเพียวไม่ใช่เหรอ ไปกับแฟนเหอะ"

ผมหันไปยิ้มกับเพียวตรงประโยคท้ายๆ

"เอางั้นเหรอ" แฟรงค์ถามเหมือนไม่แน่ใจ

"อืม...เดี๋ยวอีกชั่วโมงนัทก็จะออกไปแล้ว ไม่ต้องห่วงงานนะ นัทจัดการให้หมดแล้ว"

"พี่ไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอก พี่รู้ว่านัทรับผิดชอบงานได้ดีอยู่แล้ว"

ผมเลิกคิ้วแปลกใจนิดหน่อยที่แฟรงค์เรียกแทนตัวว่า "พี่" กับผมโดยไม่ทราบสาเหตุ ปกติแฟรงค์จะเรียกตัวเองอย่างนั้นในตอนที่มีบางอย่างพิเศษเท่านั้น ไม่ค่อยพูดในการทำงานหรือพูดคุยทั่วไป ดูเหมือนเพียวก็คงสงสัยเหมือนผม เธอเงยหน้าจากไอแพดมามองแวบหนึ่งแล้วก็หันไปสนใจไอแพดของเธอต่อ

แฟรงค์ลุกจากเก้าอี้ทำงานมาหาผม แตะไหล่ผมเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม

"ถ้ามีอะไร...ก็โทรหาพี่นะ ไม่ว่านัทจะอยู่ที่ไหน พี่จะไปหานัททุกเวลาที่นัทต้องการ"

เอาอีกแล้วนะแฟรงค์ เพิ่งจะปรับความเข้าใจกับเพียวได้หยกๆ แท้ๆ พูดแบบนี้เดี๋ยวก็จะมีปัญหากันอีกหรอก

"อืมๆ แค่ขนของนิดหน่อยนัทไม่มีปัญหาหรอก ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวนัทขอตัวก่อนนะ นัทไปก่อนนะเพียว ขอให้สนุกนะ"

ผมไม่ลืมที่จะร่ำลาเพียวด้วย แม้ว่าเธอจะยิ้มและพูดตอบบางอย่างกลับมา แต่ก็เดายากว่าเธอกำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่ ผมไม่ค่อยชอบเลยถ้าต้องมีส่วนทำให้คู่รักมีปัญหากัน ได้แต่หวังว่าแฟรงค์กับเพียวคงจะไม่ทะเลาะกันอีกหลังจากที่ผมเดินออกไปจากห้องนี้

... ... ...

"ไอ้ปอนด์ กูได้งานที่นี่แล้วนะเว้ย ขอบใจมึงมากที่มึงแนะนำให้กูมาที่นี่"

ผมเกือบจะลืมโทรไปบอกเพื่อนเลยเพราะมัวแต่ยุ่งๆ กับงานใหม่ พอสบโอกาสตอนที่นั่งแท็กซี่ออกมาจึงโทรไปหามันเสียหน่อย

"จริงเหรอวะนัท กูดีใจด้วย แต่มึงไม่ลืมสัญญาใช่มั้ย"

"ไอ้นี่ กูไม่ลืมหรอก นัดเพื่อนๆ คนอื่นๆ ให้กูด้วยละกัน จะได้รียูเนี่ยนกันหน่อย" ผมว่าเพื่อนอย่างขำๆ ที่มันทวงเรื่องนั้นขึ้นมา

"ได้ๆ เดี๋ยวกูนัดมาให้หมดเลย มึงหมดตัวแน่งานนี้" ไอ้ปอนด์สัพยอกแล้วก็ถามต่อ

"ทำไมมึงได้งานไวจังวะ เพิ่งไปสมัครไม่กี่วันนี่เองไม่ใช่เหรอ"

"กูเด็กเส้นเว้ย" ผมตอบพลางหัวเราะชอบใจ

"เด็กเส้นอะไรของมึงวะ มึงรู้จักคนในนั้นเหรอ"

"เออดิ"

"ใครวะ"

"เจ้าของรีสอร์ทไง"

"จริงเหรอวะ!"

"เออดิ เป็นพี่ที่กูรู้จักตั้งแต่เด็กๆ ที่เขาค้อ โตมาด้วยกัน ขี่จักรยานไปโรงเรียนด้วยกันทุกวัน"

"จริงเหรอวะไอ้นัท มึงนี่โชคดีจังเลยว่ะ ว่าแต่...พี่คนนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงวะ ถ้าเค้าเป็นผู้หญิงแล้วยังโสดนะเว้ย มึงก็จีบเลย จะได้เป็นผัวเจ้าของรีสอร์ทไง คราวนี้สบายไปทั้งชาติ"

ปอนด์หัวเราะเสียงดังชอบใจใหญ่

"ผู้ชายเว้ย แล้วนี่มึงอยู่ไหนวะ หัวเราะซะเสียงดังเลย ไม่กลัวชาวบ้านเค้าเอาอะไรปาเหรอ"

"เพิ่งกลับถึงบ้าน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ แล้วมึง...จะให้กูนัดเพื่อนๆ มาวันไหนวะ กำหนดวันมาเลยสิ ไม่งั้นมึงจะให้กูโทรไปบอกพวกมันว่ายังไง"

"ห่วงจริงนะมึงเรื่องนี้"

"เออสิวะ หรือมึงไม่อยาก"

ผมหัวเราะที่เพื่อนรู้ทัน

"เอางี้ สิ้นเดือนเลยละกัน มาตอนที่เงินเพิ่งออกนี่แหละดี พวกมันจะได้มีกำลังใจมา มึงหาร้านไว้ด้วยละกัน แถวๆ นี้ก็ได้ กูว่ามึงน่าจะรู้จักหลายที่อยู่ เปลี่ยนบรรยากาศมาแถวนี้ก็ดีนะเว้ย ให้พวกมันมาสัมผัสบรรยากาศลานเบียร์กลางท้องทุ่งมั่ง"

"เออๆ เอาอย่างงั้นก็ได้ ว่าแต่...อีกตั้งสองอาทิตย์เลยเหรอวะ"

ปอนด์ทำเสียงเหมือนคนบ่นๆ ตอนท้าย

"ถ้ามึงจะลงแดงก็โทรหากูก็ได้ เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน จะได้ถือโอกาสไปดูสถานที่ด้วยไง ดีมั้ย"

ผมเสนอไปอย่างขำๆ แต่ปอนด์ก็ดันเห็นดีด้วย

"เออๆ ก็ดีเหมือนกัน กูก็เซ็งๆ ว่ะ เบื่อเจ้านายชิบหายเลย สงสัยกูก็จะลาออกเหมือนมึงอีกคนแล้วเนี่ย กูไปทำงานที่รีสอร์ทกับมึงได้ปะวะ มึงขอพี่คนนั้นให้กูหน่อยดิ"

"ใจเย็นๆ ดิ ไม่ต้องทำเหมือนกูทุกอย่างก็ได้"

ผมสัพยอกบ้าง ปอนด์ทำงานที่ส่วนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สำนักงานเขตหนองจอกมาได้หลายปีแล้ว ผมเพิ่งได้กลับมาติดต่อกับมันช่วงไม่ถึงเดือนนี่เอง แต่ก็ได้ยินมันบ่นเรื่องที่ทำงานให้ฟังบ่อยๆ

"เออๆ กูก็พูดไปอย่างงั้นแหละ ก็คงต้องทนๆ กันไป ว่าแต่มึงห้ามลืมนะเว้ย"

"เออน่า"

ผมบอกแล้วก็หัวเราะ คุยต่อกับปอนด์อีกสักพักผมจึงวางสายไปแล้วก็นั่งคิดในรถเงียบๆ พอพี่คนขับเห็นผมวางสายไปแล้วก็ชวนคุยบ้าง ผมก็เออๆ ออๆ ไปตามเรื่อง ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะมีเรื่องที่ผมยังวนเวียนคิดไม่จบ เผลอหรือว่างเมื่อไหร่เป็นต้องคิดเรื่องนี้บ่อยๆ

ผมมาถึงที่คอนโดก็สามทุ่มแล้ว ก่อนจะขึ้นมาก็แวะกินข้าวที่ร้านข้าวแกงใกล้ๆ คอนโดให้เรียบร้อย ขึ้นมาถึงห้องผมก็ยกกระเป๋าเดินทางลงมาจากตู้เสื้อผ้าแล้วเอามาวางไว้บนเตียง จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าและของใช้สำคัญๆ ต่างๆ มากองไว้ข้างๆ พื่อเตรียมจัดใส่กระเป๋า

จู่ๆ ผมก็นึกอยากเดินไปดูที่ถังขยะใบเล็กที่ผมมีไว้สำหรับทิ้งของที่ไม่เหม็นในห้อง ความรู้สึกมันมากจนห้ามตัวเองไม่ไหว ผมวางเสื้อผ้าลงแล้วก็ปล่อยให้ขาพาตัวเองไปตรงนั้นอย่างช้าๆ พอถึงแล้วผมก็ก้มดู มีรูปใบหนึ่งที่ผมฉีกทิ้งอยู่ปนๆ กับขยะอย่างอื่นในนั้นด้วย

ถ้าจะถามว่ารูปอะไร มันก็เป็นรูปที่ผมถ่ายคู่กับต้องตานั่นแหละ ผมเพิ่งฉีกมันทิ้งก่อนที่จะไปสมัครงานที่รีสอร์ทได้ไม่กี่วัน จู่ๆ ก็อยากจะหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้งเสียอย่างนั้น ผมจึงค่อยๆ ย่อตัวลงแล้วหยิบเศษรูปที่ขาดตรงส่วนที่มีใบหน้าของต้องตาขึ้นมาดู เหตุการณ์เก่าที่ติดอยู่ในใจก็พลันแล่นเข้ามาในห้วงความคิดของผม

"นัท...พี่ล่ะกลั๊วกลัว วันหนึ่งถ้านัทไปเจอสาวๆ สวยๆ กว่าพี่ นัทจะทิ้งพี่หรือเปล่า"

"ไม่หรอกพี่ตา ผมรักพี่ตาคนเดียวนะ"

ว่าแล้วผมก็ซุกตัวเองลงกับอ้อมอกของเธอบนเตียงนอนของเราเพื่อเอาใจ รู้สึกดีและอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ทำอย่างนี้กับคนที่ผมรัก

"ให้มันจริงเถอะ นัทนี่ก็แปลกนะ ทำไมมาชอบคนแก่ๆ อย่างพี่ได้"

ต้องตาลูมผมของผมเบาๆ พลางหัวเราะ ผมช้อนตาขึ้นมองแล้วก็ยิ้มให้เธอ

"พี่ตาก็ พี่ไม่ได้แก่ขนาดนั้นซะหน่อย อายุมากกว่าผมแค่เดือนสองเดือนเอง" ผมรีบแก้ตัวแทน

"ก็นั่นแหละ ปกติ...ไม่ค่อยมีผู้ชายที่ไหนชอบผู้หญิงที่อายุเยอะกว่าหรอก เห็นแต่ชอบเด็กๆ สาวๆ เอ๊าะๆ น่ารักๆ กันทั้งนั้น"

"แต่ผมไม่ชอบนี่ครับ ผมว่าผู้หญิงพวกนั้นน่าเบื่อจะตาย ง้องแง้งๆ ไม่มีสาระอะไรเลย ผมชอบผู้หญิงอย่างพี่ตามากกว่า ยังไงๆ พี่ตาก็สวยน่ารักสำหรับผมเสมอ ที่สำคัญ...อบอุ่นด้วย เอาใจก็เก่ง ถ้าผมมีแฟนเป็นเด็กๆ ผมก็ต้องไปเอาใจเค้า คงปวดหัวน่าดู"

ต้องตาหัวเราะกิ๊ก คงจะชอบใจที่ผมพูดมากเลยล่ะ

"ปากหวานนะเราน่ะ พี่จะคอยดูละกัน แล้วก็ชอบเรียกพี่อยู่ได้ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกพี่ จำไม่ได้เหรอ"

ปากก็ห้ามไปอยางนั้น เพราะต้องตาเรียกแทนตัวเองกับผมว่าพี่จนติดปากไปแล้ว

"โธ่...ก็ผมชอบนี่ครับ ให้ผมเรียกพี่ตาว่าพี่นะครับ ผมชอบเรียกแบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม"

"ตามใจๆ จะเรียกพี่ว่าอะไรก็เรียกไปเถอะ เอาที่นัทสบายใจละกัน"


ผมค่อยๆ วางเศษรูปใบนั้นทิ้งลงตะกร้าเหมือนเดิมพร้อมกับหยุดคิดถึงเหตุการณ์นั้น ทรุดตัวลงนั่งตรงนั้นอย่างช้าๆ แล้วปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาอย่างไม่อาจห้ามได้ พอมองไปที่เตียงนอนของตัวเอง ภาพเก่าๆ ที่ผมเคยหยอกล้อและแสดงบทรักกับเธอก็ปรากฎขึ้นรางๆ ในห้องนี้เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายที่ผมกับต้องตามีร่วมกัน แม้ว่าจะไม่ใช่รักจริง แต่ตอนที่ไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกนั้นผมก็ทุ่มเทความรักให้เธอมากเหลือเกิน มากจนผมก็ยังเคยสงสัยตัวเองว่าทำไม

ผมกอดเข่าแล้วก็ซบหน้าลงร้องไห้หนักขึ้น นึกตำหนิตัวเองในใจที่กลับมาที่นี่คนเดียวแล้วก็ต้องมานั่งร้องไห้อย่างนี้อีก ก่อนหน้านี้ผมเครียดมาก มากจนต้องออกไปกินเหล้ากับเพื่อน ถึงไม่มีเพื่อนก็กินคนเดียว จนดึกดื่นค่อนคืนถึงได้กลับมานอน ไม่อย่างนั้นแล้วผมก็คงบ้าตายจากการคิดฟุ้งซ่าน

ผมเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาแล้วมองไปที่เตียงอีกครั้ง แต่คราวนี้แทนที่ผมจะเห็นภาพของผมกับต้องตาเหมือนเดิม ผมกลับเห็นภาพของตัวเองนอนอยู่บนตักของใครอีกคนแทน สักพักก็สลับมาเป็นภาพของผมกับต้องตา แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นภาพของใครอีกคน สลับกันไปสลับกันมาจนหัวผมแทบระเบิด

ทำไมผมถึงเห็นเหมือนว่าต้องตากับแฟรงค์มีเงาซ้อนทับกันอยู่ แนบชิดเสียจนผมแทบจะแยกไม่ออก แล้วผมก็พลันนึกถึงวันที่ตัวเองขี่จักรยานไปบ้านเก่าของแฟรงค์เป็นวันสุดท้าย ตอนนั้นผมอยู่มอหนึ่งแล้ว วัยนั้นเป็นวัยที่พอจะเข้าใจความรู้สึกบางอย่างที่ตอนเด็กๆ ไม่สนใจได้ ผมยืนมองบ้านหลังนั้นเนิ่นนาน รู้สึกเศร้าจนอยากจะร้องไห้ ยิ่งนึกถึงความผูกพันของผมกับแฟรงค์ ก็ยิ่งใจหายเมื่อรู้ว่าวันคืนเก่าๆ จะไม่กลับมาอีกแล้ว

ปีเศษๆ แล้วที่ผมยังมาที่บ้านหลังนี้ไม่เคยขาด มาทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไงก็คงไม่ได้เจอแฟรงค์อยู่ดี ความรู้สึกอะไรกันหนอที่ทำให้ผมยังมาที่นี่ ผมเคยคิดว่าผมสนิทกับแฟรงค์อย่างเพื่อนและพี่ชายมาตลอด แต่วันนั้น...ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างไป ความรู้สึกที่ตอนเด็กๆ ผมไม่เคยมีเลย

ตกลงผมรักใครก่อนใครกันแน่!?

ภาพของแฟรงค์กับต้องตาวิ่งวนสลับกันไปมาในความคิดผม รู้สึกสับสนจนผมอยากจะตะโกนออกมาดังๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องเกรงใจข้างห้อง สุดท้ายผมก็เลือกที่จะซบหน้าลงกับหัวเข่าตัวเองอีกครั้ง จนกระทั่งภาพเหล่านั้นค่อยๆ หายไป แต่เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมาแทน เสียงที่แสนอบอุ่นอ่อนโยนที่ผมเฝ้าเรียกหา เสียงเดียวที่ไม่เปลี่ยนเป็นเสียงของใครอีกเลย

"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกพี่ จำไม่ได้เหรอ"

"พี่ไม่รำคาญนัทหรอก นัทไม่ต้องกลัวนะ พี่มาอยู่กับนัทแล้ว พี่จะไม่ทิ้งนัทไปไหนอีก"

"นัท...น้องพี่"

"พี่ขอโทษนะนัท นัทอย่าโกรธพี่นะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ"

"พี่คิดถึงนัทไง...ก็เลยมาหา"

"เริ่มต้นใหม่นะนัท นัทมาอยู่กับพี่แล้ว พี่จะไม่ให้ใครมาหลอกน้องของพี่อีก ถ้าใครมาทำนัทนะ ได้เห็นดีกับพี่แน่ คอยดูสิ"

"ถ้ามีอะไร...ก็โทรหาพี่นะ ไม่ว่านัทจะอยู่ที่ไหน พี่จะไปหานัททุกเวลาที่นัทต้องการ"


พอมาถึงประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน ผมก็ร้องเรียกชื่อคนๆ นั้นออกมาทั้งๆ ที่ยังซบหน้าอยู่ คนๆ นี้ที่ผมอยากให้มาหาเสียตอนนี้เลย

"พี่แฟรงค์"

ก่อนที่ผมจะปล่อยโฮอีกคำรบ จู่ๆ เสียงกริ่งห้องผมก็ดังขึ้น หวังว่าคงจะไม่ใช่ต้องตา แต่เธอก็ไม่น่าจะมาได้เพราะไม่มีคีย์การ์ดแล้ว หรือว่าเจ้าหน้าที่ของคอนโดจะมาหา แต่ปกติก็มักจะโทรขึ้นมาหาและบอกให้ลงไปมากกว่าที่จะขึ้นมาหาที่ห้องเอง

ใครกันที่จะมาที่นี่ในเวลานี้ คนที่ไม่มีคีย์การ์ดคงเข้ามาเองไม่ได้ ยกเว้นว่าจะอาศัยจังหวะทีเผลอเวลาคนในคอนโดเปิดประตูเข้าออก เสี่ยงพอสมควรแต่ก็มีคนทำอยู่บ่อยๆ

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วเดินไปที่ประตูห้อง จากนั้นจึงส่องผ่านตาแมวออกไป พอเห็นว่าใครยืนอยู่ผมก็ตกใจ มือไม้สั่นรีบเปิดประตูแทบจะทันที ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะกลับมาล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยไปเปิด

"พี่แฟรงค์"

"นัท"

แฟรงค์เดินเข้ามาในห้อง สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย พอปิดประตูแล้วก็กอดผมแน่นเพื่อปลอบโยนคนที่เสียขวัญให้สงบลง สัมผัสที่แสนคุ้นเคยนี้ทำให้ผมหมดแรงต้านทานขัดขืน ทำได้เพียงปล่อยให้กระแสความอบอุ่นนั้นไหลผ่านเข้ามาสู่ร่างกายและส่งผ่านไปจนถึงหัวใจ

"ไม่เป็นไรนะนัท พี่มาหานัทแล้ว นัทอย่าร้องไห้นะ"

แฟรงค์มาถึงนี่ราวกับสัมผัสได้เองว่าใครบางคนกำลังต้องการแฟรงค์อยู่

"พี่แฟรงค์ ฮือๆ"

ผมเป็นอย่างนี้อีกแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม พอเห็นแฟรงค์อยู่ใกล้ๆ ทีไรผมก็กลับเป็นอย่างนี้ไปได้ ไม่ใช่อ่อนแอเพราะเป็นคนอ่อนแอโดยนิสัย แต่เป็นความอ่อนแอเพราะอยากอ่อนแอเสียมากกว่า

"น้องพี่...ถึงใครไม่รักนัท แต่พี่ก็รักนัทนะ นัทอย่าเสียใจให้คนที่เค้าไม่รักนัทอีกเลย อย่าร้องไห้นะคนดีของพี่"

ผมกอดกระชับลำตัวของแฟรงค์แน่นขึ้นแทนการพูดตอบโดยตรง น้ำเสียงและสัมผัสของพี่ชายคนนี้ช่างอบอุ่นและอ่อนโยนเหลือเกิน ผมจึงปล่อยให้ตัวเองอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั้นต่อไปสักพัก จนกระทั่งอาการเศร้าเสียใจค่อยๆ หายไปในเวลาเพียงไม่นาน

แฟรงค์จับมือจูงผมเดินมาที่เตียงนอน พอเห็นผมกองเสื้อผ้าทิ้งไว้ยังไม่ได้เก็บก็หันมาบอก

"เดี๋ยวพี่ช่วยนัทเก็บนะ เราจะไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด ต่อไป พี่จะไม่ให้นัทกลับมาที่ห้องนี้คนเดียวอีก"

ผมพยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มบางๆ ให้กับแฟรงค์แล้วก็เอ่ยถาม

"ทำไมพี่แฟรงค์ไม่ไปกับเพียวล่ะ"

"ก็พี่เป็นห่วงนัทไง"

แฟรงค์ยิ้มตอบกลับมา ไม่รู้ทำไม ผมชอบรอยยิ้มนี้ของแฟรงค์มากทีเดียว

"พี่กลัวว่าพอนัทเห็นอะไรเก่าๆ นัทก็จะเสียใจอีก พี่ก็เลยไปส่งเพียวแล้วก็รีบตามนัทมาเลย"

"ทำไมพี่แฟรงค์ทำอย่างงั้นล่ะ ไม่กลัวเพียวเสียใจเหรอ"

แฟรงค์หยุดชะงัก ที่ยิ้มอยู่ก็ค่อยๆ หุบยิ้มไป

"พี่กลัวนัทไม่มีใครมากกว่า จำไม่ได้เหรอ พี่บอกนัทแล้วไงว่านัทน่ะ...สำคัญที่หนึ่งสำหรับพี่ พี่เคยทิ้งให้นัทรอเป็นสิบๆ ปี ไม่เคยกลับไปหา นัทรู้ไหมว่าพี่เสียใจ เสียใจมาตลอดเลย พี่อยากขอบคุณใครซักคนมากที่ทำให้นัทกลับมาหาพี่ พี่รู้สึกเหมือนพี่ได้ของที่รักมากๆ กลับคืนมา เพราะฉะนั้น ต่อไป...พี่จะไม่ให้นัทต้องรอคอยพี่อีก ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่พี่รู้ว่านัทต้องการพี่ พี่จะมาหานัททันที ไม่ว่าพี่จะอยู่ไกลแค่ไหน จำไว้นะนัท"

คำพูดประโยคสุดท้ายคล้ายกับมีหินก้อนใหญ่กระแทกเข้าไปที่หัวใจของผมอย่างจัง หรือว่าอาจจะไม่ใช่แค่หัวใจ อาจจะเป็นจิตใต้สำนึกที่อยู่ลึกกว่านั้นด้วยก็ได้ เหมือนมีคลื่นสองคลื่นที่มีความถี่เดียวกันเดินทางมาเจอกันในความคิดของผม จากนั้นก็ซ้อนทับกันจนสนิทและขยายตัวเป็นคลื่นที่ใหญ่ขึ้น คงมีบางอย่างในคำพูดนี้ที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่รุนแรงอย่างนั้นได้

ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ มองแฟรงค์ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าผมกำลังสับสนและไม่เข้าใจบางสิ่งบางอย่างมากแค่ไหน

"พี่แฟรงค์!"


TBC
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-12-2015 17:17:55
ชัดเข้ามาอีกนิดแล้วสิ
กลัวพันธะผูกมัดที่แฟรงก์มีกับเพียวนี่สิ
กลัวว่าจะมารู้ใจกันช้าไปนิด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 09-12-2015 17:51:05
หรือว่าแฟรงค์จะบอกเลิกเพียวไปแล้วคะแต่เพียวไม่ยอมเลิก แฟรงค์ก็เลยแสดงออกให้เพียวเห็นชัดๆ ทั้งภาพและเสียงกันไปเลยว่าใครกันแน่ที่สำคัญกว่า อาจฟังดูใจร้ายไปหน่อยนะคะแฟรงค์ แต่ตอนที่นัทท้วง แฟรงค์ยังดูตั้งอกตั้งใจจะทำแบบนั้นต่อไปจริงๆ นี่นา :m17: ..
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 09-12-2015 18:33:52
ต้องรอดูกันต่อไป
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 09-12-2015 18:45:43
ดูนัทสับสนมากๆๆๆ อ่านตอนนี้ละสะเทือนใจบอกไม่ถูกคือทั้งสงสารทั้งสับสนแทน


จะร้องไห้แทนนัทเลยอ่า ผมอาจจะอินไป



ส่วนพี่แฟรงค์ เป็นพี่ที่แสนดีจริงๆ  แต่จัดการเรื่องกับเพียวก่อนนะ
ถ้าไม่ได้รักก็บอกไป ตอนนี้ยังทัน ฮือๆๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-12-2015 19:06:08
อืมม

ก่อนปัญหาจะเกิดจากคนอื่น

ตอนนี้คือเมื่อไหร่นัทจะรู้ใจตัวเองซะที???

พี่แฟรงค์รู้ใจตัวเองแล้ว จงไปยกเลิกกันแม่นางเพียวเถอะ เด๋ยวมันจะบานปลายยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-12-2015 19:25:36
คาดเดาดราม่า เราคิดว่าจุดหนึ่งคือ ความสัมพันธ์ระหว่างแฟรงค์กับเพียวที่กำลังจะแต่งงานกันใช่ไหมคะ

อีกจุดหนึ่งคือ นัทไม่ยอมทำตามหัวใจตนเอง ในตอนต่อๆ จากนี้นัทอาจจะยอมรับว่ารักแฟรงค์มากกว่าพี่ชาย แต่น่าจะไม่ยอมพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่าพี่น้อง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 09-12-2015 20:24:08
       คุณแฟรงค์เขามาแบบซึ้งๆอีกล่ะ นัทจะอ่อนระทวยมั้ยน่ะ ๕๕๕ แฟรงค์เริ่มบอกนัทเป็นนัยยะแล้วนะ ต่อไปนี้ไม่ปล่อยแล้ว
 รอ รอ รออ่านตอนต่อไป นัทจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 09-12-2015 23:14:36
อยากให้แฟรงค์ เคลียร์เรื่องเพียวให้ชัดเจนเลยอะ จะได้กลับมาจีบนัทได้อย่างเต็มที่เลย
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 10-12-2015 00:35:11
 :impress3: คู่นี้น่ะยิ่งอ่านยิ่งฟินเข้าไปใหญ่เลยน่ะ แอบสงสารเพียวน่ะ  :mew6: แต่เราต้องเปิดให้หนุ่ม ๆ เขากินกันเองน่ะ  :z1: แฟรงค์พูดแบบนี้ใครจะไม่ใจละลายล่ะ   :o8: กำลังอ่อนแออยู่ด้วยน่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-12-2015 01:12:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 10-12-2015 07:04:50
อ่านแล้วรู้สึกอึดอัด หนักหน่วง เข้าใจความรู้สึกของนัทนะ    :mew6:   ... เขารักแฟร้งมากก็จริงแต่เขาก็มีความเป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ไปทำลายความรักของเพียวกับแฟร้ง..ส่วนแฟร้งก็รักนัทแต่เหมือนมีบางสิ่งที่เขาลังเลอยู่ในใจ..แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ทุกครั้งที่เขาเจอนัท .... ตอนที่แฟร้งมาหานัทช่วงที่นัดอ่อนแอ..และเขาได้กอดกัน.แต่มันกลับไม่ได้ให้ความสุขถึงที่สุดเหมือนมันค้างๆคาๆยังไงก็ไม่รู้   :เฮ้อ:  ...นัทเองก็รักแฟร้งมากแต่คงไม่ยอมที่เปลี่ยนสถานะแน่ๆยิ่งจะแต่งงานกันแบบนี้ด้วย...(เพ้อมากนะคนอ่าน..แม่เรียกกินยาแหละ...ไปละ..ฮ่าๆ ) 
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-12-2015 09:00:10
ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนัทและพี่แฟรงค์ แต่จะยอมรับและเคลียร์ความสัมพันธ์ต่างๆ ตอนนี้กันยังไง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH04 ✢ เงารักลวงใจ ✢ P3 ▒ 9.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 10-12-2015 11:30:04
รู้สึกว่านัทสับสน สงสารนัท
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ เพียงหนึ่งคืนที่ฝันร้✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 11-12-2015 17:59:18
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 5 ✢ เพียงหนึ่งคืนที่ฝันร้าย


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

"หลับตาเถอะนะ แล้วเราก็จะพบกัน อาจเป็นเพียงฝัน ก็พอใจ หลับตาเถอะนะ ถึงตัวเราจะแสนไกล ห่างกันเพียงไหน เหมือนใกล้กัน..."

ผมร้องเพลงคลอไปกับเพลงโปรดเพลงหนึ่งที่เปิดดังขึ้นในรถ แม้ว่าจะสี่ทุ่มแล้วแต่การจราจรในกรุงเทพช่วงออกนอกเมืองก็ยังคงหนาแน่นพอสมควร แต่ก็เริ่มบางตาลงและขับได้สบายขึ้น เมื่อกี้ผมเพิ่งบอกคนข้างๆ ไปว่าเมื่อก่อนผมชอบฟังเพลงนี้ ฟังทีไรก็มักจะนึกถึงคนที่รอคอยอยู่ที่บ้านเกิดเสมอๆ ปกติผมก็ไม่ค่อยร้องเพลงหรอก จำเพลงไม่ค่อยได้ด้วย ยิ่งเพลงสมัยใหม่ยิ่งแล้วใหญ่ แต่เพลงนี้ดูเหมือนจะเป็นแค่เพลงเดียวที่ผมจำและร้องได้ขึ้นใจ

"เสียงพี่แฟรงค์ก็เพราะดีเหมือนกันนะเนี่ย เสียงเท่ไม่เบาเลย"

เจ้าน้องชายของผมชมแล้วก็หัวเราะคิกคักชอบใจ ไม่รู้ว่าชมจริงหรือแกล้งชม แต่เห็นอารมณ์ดีขึ้นผมก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ที่ร้องเพลงให้ฟังก็เพราะอยากให้อารมณ์ดีนี่แหละ

"ชอบมั้ย"

นัทพยักหน้า

"เก่าไปหน่อย แต่ก็เพราะดี"

ผมขำเบาๆ แล้วก็เอื้อมมือไปลูบหัวน้องชายต่างพ่อต่างแม่ที่แสนรัก เวลาอยู่ด้วยกันสองคนอย่างนี้ ผมมีความสุขเหลือเกิน ยิ่งมีเสียงเพลงนี้คอยย้ำเตือนความทรงจำเก่าๆ ผมก็ยิ่งมีความสุขจนอยากจะหยุดเวลาไว้ให้เหลือแค่คืนนี้

"แล้วนัทไม่มีเพลงที่ฟังแล้วคิดถึงพี่มั่งเหรอ"

"ไม่มี" นัททำสีหน้ารู้สึกผิด

"น้อยใจจัง" ผมแกล้งทำหน้าม่อยเป็นเชิงหยอกเล่น

"งั้นต่อไป...ให้เพลงๆ นี้เป็นเพลงของเราสองคนนะ ตกลงมั้ย"

นัทหันมาพยักหน้าเห็นดีด้วย

"ต่อไป...ถ้าเกิดนัทกลับไปทำรีสอร์ทที่เขาค้อ หรือถ้าเกิดเราสองคนไม่ได้เจอกันอีก คิดถึงพี่เมื่อไหร่ก็ฟังเพลงนี้นะ"

"ได้ แต่พี่แฟรงค์ก็อย่าลืมไปหานัทบ่อยๆ ด้วยละกัน ปีละครั้งสองครั้งก็ยังดี ฟังเพลงน่ะฟังได้ไม่มีปัญหาหรอก แต่นัทอยากเจอพี่แฟรงค์ตัวเป็นๆ มากกว่า แล้วนัทเองก็จะพยายามขึ้นมาหาพี่แฟรงค์ที่กรุงเทพบ่อยๆ ด้วย ดีมั้ย"

ผมพยักหน้าตกลง นึกถึงเรื่องนี้แล้วก็ใจหายไม่น้อยเลย พอนัทกลับมาหาแล้ว ผมก็ไม่เคยมีความคิดว่าอยากจะให้เราจากกันไปไหนอีก ผมอยากเห็นน้องที่แสนรักคนนี้คอยยิ้ม หัวเราะหรือขี้แงบ้างอยู่ข้างๆ กันตลอดไป แต่จะทำยังไงดีล่ะ ผมมีทางเลือกไม่มากนักในตอนนี้ เวลาก็เหลือน้อยลงไปเต็มทีแล้ว

"วันนี้ไปนอนบ้านพี่นะ พรุ่งนี้เช้าค่อยออกไปทำงานด้วยกัน"

"เหรอ...ทำไมล่ะ"

"ก็มันถึงก่อนไง อีกอย่าง...พี่อยากให้นัทดูการ์ดของนัทที่พี่เก็บไว้ด้วย อยากดูมั้ย"

นัทพยักหน้าเร็วๆ อย่างตื่นเต้น

"ดีเลย นัทอยากเห็นลายมือสมัยเด็กๆ ของตัวเอง ไม่รู้จะเหมือนเดิมหรือเปล่า"

ผมหันไปส่งยิ้มอ่อนโยนให้

"นัทสบายใจขึ้นหรือยัง"

"ก็ดีขึ้นเยอะ" ยิ้มด้วยสีหน้าเศร้าเล็กน้อย แต่ก็ดูดีขึ้นกว่าตอนที่เพิ่งออกมาจากคอนโดมากทีเดียว

"ดีแล้ว จำไว้นะนัท พี่แฟรงค์คนนี้...จะทำให้นัทมีความสุขที่สุดในโลก เหมือนตอนเด็กๆ ที่เราเคยไปโรงเรียนด้วยกันเลย"

เราสองคนยิ้มให้กันในไฟสลัวๆ ที่สาดเข้ามาภายในตัวรถ แล้วผมก็ดึงศีรษะของนัทมาซบไหล่ผมไว้

"เหนื่อยก็นอนพักได้นะ พักกับไหล่พี่นี่แหละ"

นัทยอมทำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย พอซบลงไปแล้วก็หลับตาลงอย่างคนอ่อนล้า ช่วงที่ผ่านมานัทคงหมดพลังกับเรื่องร้ายๆ เต็มที ถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้ ผมคงได้ช่วยปลอบใจน้องตั้งแต่ตอนนั้น แต่เอาเถอะ อีกไม่ช้านัทก็คงจะหายดีแล้ว อดทนอีกนิดเดียวละกันนะน้องพี่ พี่คนนี้แหละที่จะทำให้น้องคนนี้ลืมเรื่องราวเลวร้ายที่ผ่านมาให้ได้

เสียงเพลงของเราสองคนจบไปแล้ว ผมกดเล่นอีกครั้งเพื่อกล่อมให้คนข้างๆ กายได้หลับใหลอย่างเป็นสุข นอกจากนี้ก็ช่วยทำให้บรรยากาศการเดินทางไม่เงียบเหงาจนเกินไปด้วย

ผมพานัทมาถึงบ้านตอนเกือบๆ ห้าทุ่ม พ่อกับแม่ขึ้นข้างบนไปแล้วจึงไม่มีใครอยู่ข้างล่าง ผมก็เลยพานัทขึ้นมาที่ห้องของตัวเองโดยไม่ต้องทักทายใครก่อน ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องผม นัทก็ดูจะตื่นเต้นไม่น้อย

"โห...ห้องใหญ่จัง นัทอยากมีห้องแบบนี้จังเลยพี่แฟรงค์"

ผมยิ้มให้กับคนที่หันมองไปรอบๆ ห้องของผมด้วยสายตาชื่นชมและมีประกายฝัน

"มาอยู่กับพี่มั้ยล่ะ"

นัทถึงกับชะงักและหันมามอง คงนึกว่าตัวเองฟังผิดหรือไม่ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูดดีนัก ผมก็หยอกเล่นไปอย่างนั้นแหละ แต่ถ้ามาอยู่จริงๆ ก็ไม่ขัดข้องหรอก เพราะอยากให้มาอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว

"วันไหนเบื่อนอนรีสอร์ท มานอนกับพี่ที่บ้านก็ได้นะ"

ผมแสร้งพูดเสไปเพื่อให้เจ้าตัวหยุดทำหน้าสงสัยเสียที พอนึกขึ้นได้ว่าอยากให้นัทดูของที่เก็บไว้ ผมจึงเดินไปค้นตู้เก็บของในห้อง พอเจอของที่ต้องการแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ สิ่งของสองอย่างนี้ผมใส่กรอบไว้อย่างดี คงไม่ต้องบอกว่าผมรักและหวงมากแค่ไหน พอนัทเห็นว่าน่าจะเป็นอะไรก็รีบเดินมาหาผมด้วยความตื่นเต้น

ผมส่งการ์ดและรูปที่ผมเก็บใส่กรอบไปให้นัท พอเห็นชัดๆ แล้วเจ้าตัวก็ค่อยๆ ระบายยิ้มดีใจจนเต็มใบหน้า จ้องมองดูและใช้มือลูบสัมผัสอย่างทะนุถนอม ดูเหมือนนัทจะให้ความสนใจกับการ์ดที่เคยเขียนให้ผมมากเป็นพิเศษเพราะจ้องดูอยู่นาน ผมจำข้อความนั้นได้ดี นัทเขียนว่า

 "ขอบคุณครับพี่ชาย ผมจะไม่ลืมพี่แฟรงค์นะครับ"

ผมยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ไม่เคยลืม โดยเฉพาะตอนที่ผมขี่จักรยานออกมา แล้วก็ได้ยินเสียงเรียกพี่แฟรงค์ๆ ตามหลัง ผมรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสียให้ได้ แม้ว่าหลังๆ แทบจะไม่ได้มีโอกาสหยิบการ์ดใบนี้ขึ้นมาดู แต่ผมก็รู้ว่ามันยังอยู่ โชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัย เราจึงรับเอาข้อมูลเข้ามาน้อย แต่ก็มักเป็นเรื่องที่เราประทับใจและจำได้ไม่ลืม แต่ในยุคปัจจุบันที่เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วทุกที่ทุกเวลา เรากลับจำอะไรไม่ค่อยได้ มีเรื่องประทับใจน้อยลงเพราะรับข้อมูลมากเกินไป แถมจะทำอะไรก็สะดวกง่ายดายไปหมด เช่นการ์ดใบนี้ จะใช้คอมพิวเตอร์ทำก็ได้ ทำให้สวยขนาดไหนก็ไม่ยาก เสร็จแล้วก็แค่ส่งไลน์หรืออีเมล์ให้กัน แต่การ์ดนี้เขียนด้วยมือ แม้จะเป็นแค่คำง่ายๆ บนกระดาษที่แสนเชย แต่ก็กลั่นออกมาจากหัวใจ

ผมปล่อยให้นัทอยู่กับการ์ดใบนั้นเนิ่นนานเท่าที่ต้องการ พอเห็นแล้วก็คงทำให้เจ้าตัวนึกถึงความทรงจำเก่าๆ มากมาย แม้จะเลือนลาง แต่ผมกับนัทก็รู้ดีว่าเราสองคนมีความรู้สึกดีๆ ให้กันมากแค่ไหนในตอนนั้น ถึงผมไม่อยากให้นัทเรียกพี่ แต่ลึกๆ ในใจก็รู้ว่าเป็นพี่ ก็เป็นธรรมดาที่พี่จะคอยดูแลปกป้อง ทั้งนัทและเฟิร์น เพียงแต่ผมสนิทกับนัทมากกว่าในช่วงหลังๆ จึงทำให้นัทติดผมเป็นตุ๊กแก แล้วผมเองก็คงจะเป็นตุ๊กแกตัวที่สองเพราะติดนัท จะทำอะไรหรือไปไหนต้องมีนัทไปด้วย ไม่งั้นไม่สนุก

"ลายมือของนัทสวยกว่าตอนนี้เยอะเลย"

หลังจากที่เงียบไปนานนัทก็เงยหน้ามาคุยด้วย

"ก็แหงล่ะสิ ตอนนี้ใช้แต่คอม แทบไม่ได้ใช้มือเขียนเลย"

นัทพยักหน้าเห็นด้วย

"อืม...เดี๋ยวพี่จะลงไปหาอะไรกินในครัวซะหน่อย ยังไม่ได้กินอะไรเลย นัทจะไปกับพี่มั้ย"

"ไม่ดีกว่า นัทกินแล้ว เดี๋ยวนัทอาบน้ำก่อนละกัน" พูดพลางส่ายหน้า

"ถ้างั้นก็ตามสบายเลยนะ ถ้าขี้เกียจเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า ใส่เสื้อพี่ไปก่อนก็ได้ อยู่ในตู้เสื้อผ้านั่นแหละ ใส่ตัวไหนก็ได้ที่นัทอยากใส่ ถ้าเกิดเปลี่ยนใจอยากกินอะไรก็โทรหาพี่ เดี๋ยวพี่ให้แม่บ้านเตรียมให้"

นัทยิ้มบางๆ และพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงรับรู้ ผมจึงขอตัวลงมาจัดการปากท้องของตัวเอง ก็เพราะความเป็นห่วงผมจึงรีบไปหานัทโดยไม่แวะพักกินอะไรระหว่างทางเลย ตอนนั้นไม่รู้สึกหิวด้วยซ้ำ คิดแต่เพียงว่าต้องไปหานัทให้เร็วที่สุด เพราะผมสังหรณ์ใจว่าน้องกำลังต้องการผม แล้วสัมผัสที่หกของผมก็ทำงานไม่ผิดเพี้ยนเสียด้วย

หลังจากที่จัดการปากท้องและทำความสะอาดร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ผมกับนัทก็อยู่ในชุดสบายๆ ที่พร้อมจะนอนหลับพักผ่อน ดูเหมือนนัทจะชอบเตียงนอนของผมมาก เห็นนอนกลิ้งไปกลิ้งมาแถมยังขย่มเล่นเบาๆ อย่างสนุกสนาน

"ชอบอย่างงี้...สงสัยพี่ต้องพามานอนที่ห้องพี่บ่อยๆ แล้วล่ะ"

ผมสัพยอกพร้อมกับหัวเราะอย่างเอ็นดู เจ้าตัวก็เลยชะงักและหยุดเล่นแล้วเขยิบตัวขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง

"อย่าเลย รบกวนพี่แฟรงค์เปล่าๆ กลับบ้านเหนื่อยๆ พี่แฟรงค์จะได้มีเวลาส่วนตัว"

"พี่อยู่กับนัท...พี่ก็ไม่เห็นว่าพี่จะไม่เป็นส่วนตัวตรงไหนเลยนะ"

ผมพูดพร้อมกับขึ้นไปนอนบนเตียงในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ครึ่งท่อน

"ก็เผื่อพี่แฟรงค์อยากจะพาคนพิเศษมานอนที่นี่ไง นัทเกรงใจ ไม่อยากรบกวนพี่แฟรงค์หรอก"

"แล้วนัทรู้มั้ยว่าคนพิเศษของพี่เป็นใคร"

ผมหันไปถามพลางจ้องหน้าอย่างจริงจัง นัทนั่งนิ่งแล้วก็ค่อยๆ หลบสายตาไป ก้มหน้าเล็กน้อย

"ก็เพียวไง"

ผมชะงักเล็กน้อย แต่ใครๆ ก็คงเข้าใจว่าอย่างนั้นอยู่แล้ว

"พี่แฟรงค์"

"หืม..."

ผมหันไปมองอย่างสงสัย นัทยังคงท่าก้มหน้าอยู่

"นัทขอถามอะไรพี่แฟรงค์ตรงๆ ซักเรื่องได้มั้ย"

"ได้ ถามหลายๆ เรื่องก็ได้"

ผมพูดเล่นสนุก พอนัทหันหน้ามา ผมก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องที่ถามน่าจะไม่สนุกเสียแล้ว

"พี่แฟรงค์...คิดอะไรกับนัทหรือเปล่า"

"ยังไง"

ผมถามด้วยอาการที่ดูก็รู้ว่ากำลังตกใจ แม้ว่าที่ทำไปทั้งหมดก็อยากให้นัทรู้นั่นแหละ แต่พอนัทเกิดสงสัยและถามตรงๆ กลับกลัวที่จะพูดความจริง

"ก็...รู้สึกมากกว่าน้อง แล้วก็...มากกว่าเพื่อน"

แม้อึกอักที่จะพูด แต่นัทก็พูดออกมาตรงๆ จนได้

"แล้ว...นัทคิดว่ายังไงล่ะ นัทเห็นอะไร นัทถึงคิดอย่างงั้น"

คราวนี้สายตาของนัทมีแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด

"ก็..." เหมือนเจ้าตัวจะไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ

ผมถอนหายใจแล้วก็เงยหน้ามองเพดานห้อง

"นัทเห็นอะไร คิดอะไร พี่ก็เป็นอย่างที่นัทเห็น เป็นอย่างที่นัทคิด แล้วพี่ก็คิดว่า...นัทคงรู้คำตอบอยู่ในใจแล้วล่ะ"

ผมก้มหน้าลงตามเดิมอย่างช้าๆ

"พี่แฟรงค์...พี่แฟรงค์คบกับเพียวมาตั้งหลายปีแล้วนะ ผมไม่อยากเป็นต้นเหตุให้พี่แฟรงค์กับเพียว...ต้อง...เลิกกัน"

ผมหันไปสบตากับนัทด้วยความตกใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเองก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่ถ้าจะเปลี่ยนใจแล้วก็คงต้องเดินไปถึงจุดนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ว่ามันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิดนักหรอก ผมกับเพียวมาไกลถึงเพียงนี้แล้ว

"พี่แฟรงค์...เราสองคนเพิ่งกลับมาเจอกันได้แค่ไม่กี่วัน สิบสามปีที่เราไม่ได้เจอกัน นัทก็อาจจะมีหลายอย่างเปลี่ยนไป พี่แฟรงค์ก็คงเหมือนกัน ถึงจะเคยสนิทกันมาก่อน แต่นัทกับพี่แฟรงค์ ก็ยังมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่ยังไม่รู้จักกันดีพอ รู้จักกันน้อยไปด้วยซ้ำ"

นั่นสินะ จะว่าไป ผมกับนัทก็เพิ่งกลับมาเจอกันได้ไม่กี่วัน ใครๆ คงหาว่าผมบ้าที่จะทิ้งคนที่คบกันมากว่าสี่ห้าปี แล้วมาหาคนที่เพิ่งกลับมาเจอกัน แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่กล้าการันตีด้วยซ้ำ ว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อนัทในตอนนี้จะยั่งยืนไปอีกนานแค่ไหน

บางที...ผมกับนัทก็อาจต้องการเวลาที่จะเรียนรู้กันมากกว่านี้ แต่ผมก็มีเวลาเหลือยู่น้อยเต็มที นึกไม่ออกเลยว่า ผมจะพิสูจน์หัวใจของผมกับนัทในช่วงเวลาที่เหลือน้อยนิดได้ทันการหรือเปล่า

หรือว่ามันจะสายไปแล้ว ผมไม่น่ามีทางเลือกอื่นใดเหลืออยู่เลยนอกจากตัดใจจากนัทไป

"ผมไม่อยากให้พี่แฟรงค์ตัดสินใจเร็วเกินไป บางที...พอเวลาผ่านไปมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่พี่แฟรงค์คิดก็ได้"

สิ่งที่นัทพูดมาแทงใจดำผมเหลือเกิน แต่ละประโยคจี้ไปยังจุดที่ผมกลัวอย่างร้ายกาจ ราวกับมานั่งอยู่ในใจของผมเอง  ผมยอมรับว่ากำลังสับสนมาก ไม่แน่ใจเลยว่าถ้าตัดสินใจเลือกตอนนี้จะเร็วเกินไปหรือเปล่า ถ้าฟังเสียงหัวใจมันก็อาจจะใช่ แต่ตัวแปรอื่นๆ ก็ยังมีอีกมากมายที่จะทำให้หลายๆ อย่างไม่เป็นหรือง่ายอย่างที่คิด

"เราเป็นผู้ชายเหมือนกันนะพี่แฟรงค์ มันคงไม่ง่ายหรอก แต่นัทก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าความรักเกิดกับใครก็ได้ เพศไหนก็ได้ นัทว่านะ...ตัดใจได้ตอนนี้จะดีที่สุด คงไม่เจ็บมาก แต่ถ้าช้า...ก็อาจจะเจ็บมาก เจ็บกันหลายคน อีกอย่าง...นัทเองก็ไม่ได้คิดกับพี่แฟรงค์เกินกว่าพี่ชาย ไม่ว่าพี่แฟรงค์จะพยายามยังไง นัทก็คง...รักพี่อย่างงั้นไม่ได้ พี่แฟรงค์อย่าพยายามเลยดีกว่า"

นัทย้ำเรื่องนี้อีกแล้ว ผมรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางหัวใจ นี่แหละคืออีกเรื่องหนึ่งที่ผมกลัว ผมปล่อยมือเพียวแล้วก็ใช่ว่านัทจะยอมจับมือไปกับผมด้วย สุดท้ายผมก็อาจจะไม่เหลือใครเลย

"ขอโทษนะที่นัทต้องพูดกับพี่แฟรงค์ตรงๆ แต่นัทก็ไม่อยากให้เราสองคน...ทำให้เพียวเสียใจ อย่าทำให้เพียวเสียใจเลยนะพี่แฟรงค์ พี่แฟรงค์ลองคิดดูดีๆ สิ สี่ห้าปีที่คบกันมา...นัทรู้ว่าพี่แฟรงค์กับเพียวผูกพันกันมาก เพียวเค้ารักพี่แฟรงค์มากนะ แล้วพี่แฟรงค์เอง...ก็คงรักเพียวมากเหมือนกัน พี่แฟรงค์จะทำร้ายเค้าได้ลงคอเหรอ แล้วที่สำคัญ ถ้าเราทำอย่างงั้น...นัทกับพี่แฟรงค์คงจะรู้สึกผิดกันไปจนตาย"

"นัท..."

ผมครางเสียงเบา พอฟังที่นัทพูดแล้วผมก็เถียงไม่ออก นัทพูดได้ตรงกับทุกเรื่องที่ผมคิดและรู้สึก ตรงกับทุกเรื่องที่ผมกังวลและกลัวอยู่ในใจ

"แล้วนัท...ไม่ได้คิดอะไรกับพี่เลยเหรอ พี่ว่า...พี่รู้สึกได้นะว่านัท..."

เสียงผมหายไปเหมือนกับไม่กล้าที่จะพูดสิ่งที่คิดเอาไว้

"ตัดใจจากนัทนะพี่แฟรงค์ เราสองคน...เป็นแค่พี่น้องกันก็พอนะพี่แฟรงค์ ขอบคุณมากที่พี่แฟรงค์รู้สึกดีๆ กับนัท นัทขอโทษถ้านัททำให้พี่แฟรงค์ผิดหวัง แต่นัท...ก็เดินไปกับพี่แฟรงค์ไม่ได้จริงๆ"

ผมรู้สึกชาไปทั้งตัวและหัวใจ ความรู้สึกของผมมาจนถึงจุดที่เกินจะอดกลั้นแล้ว น้ำตาจึงไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

"นัท"

ผมดึงนัทมากอดไว้แล้วก็ร้องไห้อย่างสะเทือนใจ

"พี่แฟรงค์ นัทขอโทษ..."

ไปๆ มาๆ เราทั้งคู่ต่างก็ร้องไห้

"ไม่เป็นไรนัท...พี่เข้าใจ"

ผมบอกไปแล้วก็กอดนัทแน่นขึ้น ยิ่งได้สัมผัสแนบชิดอย่างนี้ก็ยิ่งรู้ว่ารักมากแค่ไหน ยิ่งรู้ว่าจะสูญเสียความรู้สึกนั้นไปก็ยิ่งรู้สึกเหมือนใจจะขาด

"พี่แฟรงค์...นัทขอโทษนะที่ทำให้พี่แฟรงค์ร้องไห้...นัทขอโทษ..."

พอได้ยินนัทพูดอย่างนั้น ผมก็สะอึกสะอื้นไห้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยรู้สึกทรมานอย่างนี้เลย คนที่อยากรักอยู่ในอ้อมแขนแท้ๆ แต่กลับสานต่อความสัมพันธ์ไม่ได้ แม้แต่จะคิดก็ยังผิดด้วยซ้ำ

"ขอเวลาพี่ได้ไหมนัท พี่รู้ว่าพี่มีเวลาเหลือไม่เยอะ แต่พี่ก็เชื่ออย่างหนึ่งว่า...ถ้าฟ้าส่งนัทกลับคืนมาหาพี่ เราสองคน...ก็ต้องมีชะตาชีวิตร่วมกัน พี่เชื่ออย่างงั้นนะนัท พี่เชื่อ...เชื่อว่าเราสองคน...ไม่ได้แค่บังเอิญกลับมาเจอกัน...แล้วก็จากกันไป"

ราตรีที่แสนโศกล่วงเลยผ่านไปพอสมควรแล้ว ต่างคนก็ต่างเหนื่อยอ่อน ร่างกายที่เหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันก็ควรจะถึงเวลาหยุดพัก เสียงร้องไห้คร่ำครวญเสียใจเงียบลงไปแล้ว ต่างคนก็ต่างจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดในโลกของตัวเอง จนกระทั่งการรับรู้ระดับจิตสำนึกหายไปตามกลไกของธรรมชาติ ความทุกข์ทรมานจึงสิ้นสุดลงไปชั่วคราว หวังเพียงว่าเช้าวันใหม่ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะช่วยทำให้ค่ำคืนที่แสนโศกนี้เป็นเพียงหนึ่งคืนที่ฝันร้าย

... ... ...

ช่วงเช้าวันนี้ผมกับนัทวุ่นๆ กับงานพอสมควร ตอนเช้าผมกับนัทเข้าไปพบกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตที่นัทช่วยติดต่อไว้ ก็เรื่องที่จะขออนุญาตใช้ชื่อเขตเป็นชื่อรีสอร์ทนั่นแหละครับ หลังจากนำเสนอให้ท่านเห็นรีสอร์ทของเราและความเป็นมา ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร เราก็คงจะได้ใช้ชื่อรีสอร์ทว่า "หนองจอกรีสอร์ทแอนด์ฟิชชิ่งปาร์ค" ตามที่นัดเสนอ ผมได้เจอเพื่อนของนัทที่ชื่อปอนด์ด้วย ดูเป็นคนตลกๆ แต่ก็จริงใจทีเดียว

ประมาณสิบเอ็ดโมงเศษๆ เราก็กลับมาที่รีสอร์ท พอมาถึงก็เที่ยงพอดีจึงทานอาหารกลางวันกันก่อน ตอนบ่าย นัทขอตัวไปทำเรื่องสรุปงบประมาณที่จะใช้ในการปรับปรุงทั้งหมด นอกจากนี้ก็ยังได้นัดให้ผู้รับเหมาเข้ามาประเมินราคาด้วยสองสามเจ้า ผมไม่ได้ตามไปดูเพราะไว้ใจว่านัทจะทำได้อย่างไม่มีปัญหา ถ้ามีอะไรก็ติดต่อผมได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

ผมจึงใช้เวลาช่วงบ่ายทำเรื่องที่ออกจะดูไร้สาระเสียหน่อย พอเปิดคอมพิวเตอร์ผมก็ล็อกอินเข้าไปในเฟสบุ๊คของตัวเอง นัทเป็นเพื่อนในลิสต์ของผมแล้ว ผมจึงถือวิสาสะเข้าไปดูข้อมูลต่างๆ ที่นัทเคยโพสต์ไว้ในหน้าโพรไฟล์ของนัท

โพสต์ล่าสุดนั้นนัทโพสต์ไว้นานหลายสัปดาห์แล้ว มีเพียงข้อความเขียนสั้นๆ ว่า "โง่" ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเขียนหลังจากที่รู้ตัวว่าถูกหลอกแล้ว

ผมเลื่อนลงไปเรื่อยๆ ก็เห็นรูปสวีทหวานแหววของนัทกับต้องตาหลายรูป ถ่ายคู่กันตามที่ต่างๆ ทั้งในงานหรือเวลาส่วนตัว บางรูปก็ดูใกล้ชิดกันมากเสียจนผมยังอายแทน ผมเองยังไม่เคยลงรูปที่ถ่ายใกล้ชิดกับเพียวขนาดนี้เลย นี่ถ้าเกิดว่าสองคนนี้ยังรักกันอยู่ ผมคงหัวใจสลายที่เห็นภาพแบบนี้

ผมไล่ดูโพสต์ของนัทไปเรื่อยๆ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรที่ตรงกับสิ่งที่ผมอยากรู้เท่าไหร่ ส่วนมากก็มีแค่เรื่องงานบ้าง ไปเที่ยวบ้าง หรือโพสต์ที่แชร์กันทั่วๆ ไปบ้าง หาอยู่นานจนเกือบจะถอดใจอยู่แล้ว ผมก็พลันมาเจอโพสต์นี้ที่นัทโพสต์ไว้เมื่อสามปีก่อน

"ไม่น่าเชื่อว่า แค่ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ว่าอย่าเรียกพี่ได้มั้ย จะทำให้เราสองคนได้มารักกัน สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่ต้องตา ขอบคุณที่รักกันมาตลอดครับ"

โพสต์นี้ของนัททำให้ผมตาโตราวกับได้เจอขุมทรัพย์ ผมรู้มาว่าต้องตาอายุมากกว่านัทนิดหน่อยจากที่นัทเล่า ข้อความนี้ที่นัทเขียนไว้ทำให้ผมเห็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของสองคนนี้แล้ว ทำไมมันช่างเหมือนคำพูดที่ผมชอบพูดกับนัทบ่อยๆ ตอนเด็กๆ เสียเหลือเกิน

นัทชอบต้องตาเพราะเธอพูดคล้ายๆ ที่ผมเคยพูดกับนัทตอนเด็กๆ หรือเปล่า!?

นัทน้องพี่...เราสองคนคงประสบชะตาชีวิตเดียวกันแล้วล่ะ ผมสนใจเพียวและตัดสินใจจีบเธอเพราะเธอชอบกินไอศครีมเหมือนนัท ส่วนนัทก็เป็นแฟนกับต้องตาเพียงเพราะเธอขอนัทไว้ว่าอย่าเรียกเธอว่าพี่ ทั้งสองอย่างนี้ต่างก็เป็นเรื่องประทับใจที่ฝังติดอยู่ในความทรงจำของผมกับนัทมาตลอด เวลานึกถึงนัท ผมก็นึกถึงน้องที่ชอบกินไอศครีมจนผมต้องเจียดเงินค่าขนมตัวเองไปซื้อให้กินบ่อยๆ ส่วนนัทก็คงนึกถึงผมเรื่องไม่ให้เรียกพี่เพราะอายุใกล้กัน ทั้งชีวิตของนัทตั้งแต่เกิดจนตาย อาจจะมีแค่ผมกับต้องตาเท่านั้นที่พูดกับนัทอย่างนี้

เราสองคนต่างมีเงาของกันและกันติดตัวไปตลอดตั้งแต่จากกันไปคราวนั้น ผมทั้งตกใจและตื่นเต้นดีใจกับสิ่งที่เพิ่งค้นพบจนขนลุกไปทั้งตัว แน่แล้วล่ะนัทน้องพี่ ความประทับใจในความผูกพันของเราเมื่อครั้งเยาว์วัย ทำให้เราสองคนไขว่คว้าหาสิ่งที่คล้ายกับตอนนั้นมาชดเชยความรู้สึกสูญเสียของเราเอง

ในวันนั้น ผมกับนัทคงรู้แล้วว่าคนแบบไหนที่จะเติมเต็มชีวิตให้เราได้อย่างแท้จริง ที่ผมกับนัทไม่คิดจะมีแฟนก่อนหน้านั้นก็เพราะเราหาคนที่ตรงกับความชอบในอดีตไม่เจอ พอได้เจอคนที่ดูคล้ายกับสิ่งที่อยากได้ เราจึงไม่รีรอที่จะไขว่คว้าไว้

แล้วมันจะแปลกอะไรที่ผมจะเชื่อว่าผมรักนัทอย่างแท้จริง แม้จะกลับมาเจอกันเพียงไม่กี่วัน แต่ความรู้สึกนั้นก็เกิดขึ้นต่อเนื่องมาอย่างยาวนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิดแค่วันสองวันนี้ เหมือนกับกุญแจห้องที่หายไป เมื่อหาเจอแล้วก็สามารถเสียบเข้าไปและไขได้เลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน

ผมนั่งมือไม้สั่นด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ อยากจะวิ่งออกไปหานัทเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ติดที่นัทยังคงทำงานอยู่ คงจะอีกนานพอสมควรกว่าจะคุยกับผู้รับเหมาได้หมดทุกราย เผลอๆ ก็อาจจะเย็น

เย็นนี้ผมต้องไปส่งเพียวที่สนามบินเสียด้วย ช่วงนี้เธอมีแข่งกีฬาวอลเลย์บอลในนามของทีมชาติที่ต่างประเทศสองสัปดาห์ติดกัน ทุกครั้งที่เธอไปแข่งผมก็จะไปส่งที่สนามบินทุกครั้ง ครั้งนี้จะไม่ไปก็ดูกระไรอยู่

คิดแล้วผมก็รีบเดินออกไปจากห้องทำงาน ตรงดิ่งไปหานัทที่อยู่ที่เรือนพักหลังหนึ่ง ตอนนี้คงกำลังคุยกับบริษัทที่มาช่วยประเมินราคาการปรับเปลี่ยนระบบทำน้ำอุ่นน้ำเย็นในห้องน้ำอยู่ รีสอร์ทของเราเก่ามากจึงยังใช้แบบสองท่อแยกกัน ผู้ใช้ต้องหมุนเปิดท่อน้ำร้อนกับน้ำเย็นผสมกันเอง ทำให้เสียเวลาและความรื่นรมย์ในการอาบน้ำพอสมควร จนลูกค้าบ่นกันบ่อยๆ

พอมาถึงผมก็เดินเข้าไปในเรือนพักนั้นอย่างไม่รอช้า เสียงคุยกันทำให้ผมรู้ว่ายังมีคนอยู่ในนั้นอยู่ นัทกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกับทีมงานผู้ชายสองคนที่เป็นตัวแทนของบริษัทอยู่พอดี

"ขอโทษนะครับ"

ผมเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ ชายหนุ่มสามคนที่ยืนอยู่จึงหันมามองผมเป็นตาเดียวกันพร้อมกับหยุดพักสิ่งที่ทำไว้ ก่อน

นัทเดินมาหาผมแล้วก็ถามอย่างสงสัย "มีอะไรเหรอแฟรงค์"

"พี่ขอคุยกับนัทตอนสี่โมงเย็นหน่อยได้มั้ย พี่มีเรื่องสำคัญจะถามนัท เรื่องสำคัญมาก นัทมาให้ได้นะ"

ผมเห็นนัทครุ่นคิดเหมือนกับลังเล

"ถ้านัทเสร็จงาน นัทจะไปหาแฟรงค์นะ"

นัทแบ่งรับแบ่งสู้ พอถึงเวลา นัทก็ไม่มาหาผมตามเวลาที่นัด มีเพียงข้อความส่งมาทางไลน์ว่า

"ขอโทษด้วยที่มาหาไม่ได้ นัทมีธุระต้องไปกับเพื่อน"

ผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรีบเดินทางไปรับเพียวที่บ้านแล้วพาเธอไปส่งสนามบิน นอกจากนัทที่บอกให้ผมโทรไปง้อเพียวแล้ว ที่บ้านผมก็จับตาดูเรื่องนี้อยู่ แม่ถึงกับเป็นคนมาขอผมด้วยตัวเองให้ผมโทรไปคุยกับเพียว ท่านเป็นห่วงว่าจะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่ควรมีเรื่องโกรธเคืองกัน ผมจึงต้องทำตามที่ท่านขอ อันที่จริงผมก็รู้ว่าต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว คงจะปล่อยให้เพียวโกรธเคืองนานๆ ไม่ได้ ก็โชคดีไปที่เธอเชื่อว่าผมกับนัทไม่ได้มีอะไรพิเศษต่อกัน แม้ว่าแรกๆ จะกระเง้ากระงอดบ้าง แต่ใครๆ ก็คงไม่คิดหรอกว่าคนที่จากกันไปสิบสามปีจะยังมีเยื่อใยบางอย่างผูกมัดกันไว้อยู่ ที่สำคัญ ตอนนั้นผมกับนัทก็เด็กเกินกว่าที่จะคิดเรื่องชู้สาว จึงไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยเลยเถิดไปถึงขนาดนั้น

ดูเหมือนว่านัทจงใจที่จะหลบหน้าผมเสียแล้ว สังเกตุจากท่าทางของนัทตอนที่ผมเดินไปตามก็พอรู้ว่ากระอักกระอ่วนใจที่จะรับปาก ผมไม่โกรธนัทหรอกที่ไม่ยอมมาหา แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะเดินหน้าพิสูจน์หัวใจของผมกับนัทต่อไป เพื่อให้ทันเวลาที่เหลืออีกเพียงน้อยนิดของผม ก่อนที่อะไรๆ จะสายจนเกินไป

ไม่ว่าจะยากลำบากสักแค่ไหน หรือว่าจะต้องยอมเสียสละอะไรไป ผมก็จะทำให้นัทรู้ใจและยอมรับให้ได้ว่า...นัทรักผม และเราสองคนไม่เคยรักคนอื่นเลยตลอดช่วงเวลาสิบสามปีที่จากกัน!!!


TBC

ชอบงานใคร อย่าลืมบวกเป็ด/คอมเมนต์ให้นักเขียนทุกคน ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ :)

หลับตา (โต๋)

https://www.youtube.com/v/YqHOu-zlVOA

หลับตาเถิดนะ แล้วเราก็จะพบกัน
อาจเป็นเพียงฝัน ก็พอใจ
หลับตาเถิดนะ ถึงตัวเราจะแสนไกล
ห่างกันเพียงไหน เหมือนใกล้กัน

ชีวิตขีดเส้นทาง ไว้ให้เราเจอกัน
ขีดทางที่ผกผัน ให้มีวันห่างไกล
หลับตานานๆ คิดถึงวันเก่า จะยังมีเราสองคน

สักวันเถิดนะ แล้วเราคงได้พบกัน
อาจมีวันนั้น ที่ได้เจอ
จากกันวันนี้ หัวใจยังอยูใกล้เธอ
ติดตามไปเสมอ ถึงแสนไกล

ขอบฟ้าอยู่ไม่ไกล เพราะว่าใจเป็นหนึ่ง
และใจนั้นส่งถึง เพราะว่ายังห่วงใย
หลับตานานๆ คิดถึงวันเก่า จะยังมีเราสองคน

ชีวิตขีดเส้นทาง ไว้ให้เราเจอกัน
ขีดทางที่ผกผัน ให้มีวันห่างไกล
หลับตานานๆ คิดถึงวันเก่า จะยังมีเราสองคน

หลับตานานๆ คิดถึงวันเก่า จะยังมีเราสองคน

หลับตาเถิดนะ แล้วเราก็จะพบกัน
อาจเป็นเพียงฝัน ก็พอใจ
หลับตาเถิดนะ ถึงตัวเราจะแสนไกล
ห่างกันเพียงไหน เหมือนใกล้กัน
หลับตาเถิดนะเธอ ส่งใจคิดถึงกัน
และคงจะไม่นาน ฝันนั้นจะเป็นจริง

...อ้างอิง http://sz4m.com/t2489
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ ราตรีที่แสนโศก ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 11-12-2015 18:01:54
โศกสมกับชื่อตอนจริงๆค่ะ..เฮ้อ...ทั้งที่รู้ความรุ้สึกของกันและกันแล้วนะแต่..มันกลับไปต่อไม่ได้ก็เพราะแฟร้งมีเพียวอยู่แล้ว
คบกันมานานจนตกลงแต่งงานกันอยู่แล้ว..เฮ้อ..หน่วงมากค่ะ..ไม่รุู้จะบรรยายยังไงมันอึดอัดแทนนัทจริงๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ ราตรีที่แสนโศก ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 11-12-2015 19:17:24
ในเมื่อแฟรงค์เลือกแล้วว่าจะทำทุกวิถีทางให้นัทยอมรับให้ได้ว่ารู้สึกเหมือนกันกับตัวเอง แฟรงค์ก็ต้องปล่อยมือเพียวไปเลยนะคะ ไม่ใช่ยังกั๊กเอาไว้เผื่อพลาดจากนัทแบบนี้

ปล. คำผิดจ้า.. ผูกพันธ์=ผูกพัน
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ ราตรีที่แสนโศก ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 11-12-2015 23:12:49
    ความยุ่งเหยิงกำลังก่อตัวแล้วสินะคับ  สองอาทิตย์ที่เพียวไม่อยู่ แฟรงค์กับนัทจะทำยังไง ลุ้นว่านัทก็ชอบแฟรงค์อ่ะ ตื้อบ่อยๆเดี๋ยวนัทก็ใจอ่อน ๕๕๕ 
   รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ ราตรีที่แสนโศก ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 12-12-2015 00:05:38
เหมือนนัทยังไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเองนะ ยิ่งนัทรู้ว่าพี่แฟรงค์มีแฟนแล้วก็คงยอมรับยากแหละ
คงไม่อยากทำให้ใครเสียใจ อันนี้ก็เป็นปัญหาอยู่

พี่แฟรงค์รู้แบบนี้แล้วก็สู้ๆ นะ
แต่ก่อนอื่นไปเคลียร์กับเพียวก่อนไป ยังไงก็ต้องมีคนเจ็บแหละ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ ราตรีที่แสนโศก ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-12-2015 00:31:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ ราตรีที่แสนโศก ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 12-12-2015 00:52:27
ถ้าตัดสินใจจะพุ่งชนกับนัทแล้วล่ะก็ ควรปล่อยเพียวนะ ไม่ใช่มากั๊กไว้แบบนี้ ถ้าเราเป็นนัทเราก็ไม่เสี่ยงด้วยหรอก

 จะจับมือใครก็จับคนนั้นแค่คนเดียวจะได้แน่นพอที่จะไม่ปล่อยให้หลุดมือไป
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ ราตรีที่แสนโศก ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 12-12-2015 02:14:45
เวลาที่จะพิสูจน์ใจตัวแฟรงค์เองกับนัท  มันน้อยจังแฮะ แบบนี้มันไม่สายไปรึเปล่า ถ้าพอรู้ตัวและใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ ราตรีที่แสนโศก ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-12-2015 05:55:54
หน่วงอารมณ์มากเลย   แต่ก็เข้าใจนะที่เป็นแบบนี้   แฟรงก์กลัวที่จะไม่เหลือใคร  แต่ก็ควรระวังว่ามันจะครึ่งๆกลาง  จะเข้าก้ไม่เข้า จะออกก็ไม่ออกกลาวเป็นการยืนขวางลำที่มีเพียวโดนลากมาด้วย  นัทยังอยู่ในช่วงกลไกการป้องกันตัวเองทำงานหนักมาก   ยังต้องอีกนานกว่าจะค่อยๆคลาย    จะว่าไปนัทน่าจะรู้สึกเจ็บกับต้องตาเป็นครั้งที่สองนะ ครั้งแรกน่าจะเป็นแฟรงก์ที่อยู่ๆก็หายไป ทิ้งที่ว่างใหญ่มากๆจนหาอะไรมาถมก็ไม่หมด มีตามมาเป็นเงาแฝงตลอด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ ราตรีที่แสนโศก ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 12-12-2015 09:40:54
ตอนหน้าน่าจะเริ่มเห็นเค้ารางของปัญหาบางอย่างที่ชัดขึ้น
ปัญหาที่แฟรงค์ก็คงอึ้งและคาดไม่ถึง อิๆ
ช่วงนี้จะดราม่าพอสมควรนะครับ
โชคดีที่เรื่องนี้ไม่ยาวเท่าไหร่ ยี่สิบกว่าตอนก็น่าจะจบแล้วครับ
ไม่งั้นผมคงดำดิ่งไปอีกนาน 555

เพิ่มเติม (แก้ไข)
ไม่เกี่ยวกับใครท้องหรือไม่ท้อง ไม่อยากใช้มุกนี้แล้ว เชย 555

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ ราตรีที่แสนโศก ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-12-2015 09:51:45
ปัญหาอะไร อย่าบอกนะว่าแฟนเก่าของนัทท้อง? เพียวท้อง? (555555)

โอยยย อ่านแล้วมันงึด

นัทไม่คิดพี่แฟรงค์เกินกว่าพี่ชายจริงๆเหรอ? (ดูท่าน้องเองก็ยังไม่รุ้ตัวหรอก คึคึ)


หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ ราตรีที่แสนโศก ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-12-2015 14:55:19
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ เพียงหนึ่งคืนที่ฝันร้าย ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-12-2015 15:57:41
รอลุ้นว่านัทจะยอมรับใจตัวเองเมื่อไหร่ แต่ถ้าจะให้ง่ายพี่แฟรงค์เลิกกับเพียว

เราว่านัทอาจจะตัดสินใจอะไรๆ ได้ง่ายขึ้นก็ได้แต่ก็คงไม่พ้นต้องรู้สึกผิดกับเพียว

นอกซะจากว่าเพียวจะไปมีคนใหม่แล้วมาเลิกกับพี่แฟรงค์ มันคงจะทำให้รู้สึกผิดน้อยลง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ เพียงหนึ่งคืนที่ฝันร้าย ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 12-12-2015 18:47:18
คนเสียใจก็คือเพียวแน่นอน

แต่ความจริงก็คือ ไม่รักคือคือไม่รัก
รู้แล้ว ก็ต้องนอมรับความจริง การยื้อคนที่ไม่เหลือใจหรือคนที่ไม่ได้รักกันจริง มันคือการกระทำที่ไร้ค่า

เป็นกำลังใจให้เพียวนะ (แอบหวังว่านางจะไม่ร้าย)

เป็นกำลังใจให้แฟรงค์กับนัทด้วย ขอให้ซื่อตรงกับตัวเอง
หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ เพียงหนึ่งคืนที่ฝันร้าย ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 12-12-2015 19:49:50
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่าน อ่านไปได้สองตอน..รู้สึกว่าท้องเริ่มอืด..ปกติไม่ค่อยเสพดราม่าเท่าไหร่แต่เนื้อเรื่องและการเขียนน่าสนใจมากค่ะ...ไม่ว่าจะการบรรยายมันสัมผัสได้ถึงอารมณ์ตัวละครจริง... :pig4: :pig4: :pig4:
เป็นกำลังใจค่ะ...
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ เพียงหนึ่งคืนที่ฝันร้าย ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 12-12-2015 23:01:23
เราไม่ชอบความคิดของแฟรงค์น่ะที่ว่าถ้าเราตัดเพียวออกจากชีวิตและเลือกนัท แต่นัทก้อเล่นบอกว่าจะไม่คบกับแฟรงค์แบบชู้สาวแน่ ๆ แล้วแฟรงค์มองว่าตัวเองก้อจะไม่เหลือใคร เรารู้สึกว่าความคิดนี้มันไม่ใช่อ่ะ  :katai1: เหมือนแทงกั๊กเลยน่ะ แต่เราก้อเข้าใจน่ะไม่มีใครที่อยากจะโดดเดี่ยวหรอก แต่ในเมื่อคุณคิดว่าคุณรักนัทแล้วคุณจะฝืนอยู่กับผู้หญิงที่คุณเห็นเป็นเพียงตัวแทนเขาได้เรอะ เราว่าเวลาของแฟรงค์น่ะหมดลงแล้วล่ะ ถึงจะบอกว่าสับสนแต่เราว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะในเมื่อแฟรงค์เดินหน้าจะพิสูจน์ให้นัทเห็นว่าคุณก้อมีใจให้ฉันเหมือนกันก้อแสดงว่าแฟรงค์รักนัทไปแล้วน่ะ เราสงสารเพียวน่ะถ้าสุดท้ายแล้วคุณก้อไม่ได้เลือกฉันไม่ว่าจะได้แต่งหรือไม่ได้แต่งก้อตาม  :mew2: สู้บอกเขาเสียตอนนี้เลยดีกว่าว่าคงแต่งงานด้วยไม่ได้แล้วจนกว่าจะเคลียร์ใจตัวเองได้น่ะ แล้วให้เพียวตัดสินใจเองว่าจะรอหรือไม่รอ  :เฮ้อ: ยิ่งไปทำแบบเดิม ๆ ผู้หญิงก้อยังมีความหวังว่าฉันต้องได้แต่งแน่นอน ผู้ชายรักฉันน่ะ  :m16: งานนี้ไม่เข้าข้างแฟรงค์น่ะ ส่วนนัทก้อคิดถูกน่ะถ้าจะหลีกหนีน่ะ เพราะคุณย่อมไม่อยากเป็นมือที่สาม และก้อไม่อยากที่จะเจ็บปวดกับความรักอีกแล้วน่ะ รอต่อไปว่าแฟรงค์จะทำยังไง ตอนนี้เพียวไม่อยู่แล้วนี่  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH05 ✢ เพียงหนึ่งคืนที่ฝันร้าย ✢ P3 ▒ 11.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 13-12-2015 20:23:25
วันนี้จะมาไหมครับ รอๆ

เริ่มติดละนี่ 555+
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ Soon ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 14-12-2015 12:12:06
จากบทที่ 4 -- รู้สึกประทับใจในตัวนัทมาก และรู้สึกว่านัทเป็นคนน่ารักมาก คนที่ทำให้นัทเสียใจคงเป็นคนใจร้ายมากทีเดียวถึงทำได้ลง อ่านๆ ไปก็สงสาร เข้าใจที่นัทจะเจ็บฝังใจจนรู้สึกไม่อยากรักใครอีก +เป็ด (เมื่อวาน)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 14-12-2015 15:21:24
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 6 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

"คุณนัทคะ คุณเฮนนิ่งมาถึงแล้วนะคะ ตอนนี้พักอยู่ห้องเรือนแพห้าค่ะ"

แก้วตา พนักงานที่ฟรอนท์เดินเข้ามาบอกผมทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในอาคารต้อนรับ เธออายุมากกว่าผมหลายปีอยู่ ชื่อของเธอก็คล้ายๆ กับใครคนนั้นที่ผมเคยรักมาก ได้ยินทีไรก็แสลงใจอยู่หน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับจะทำให้เป็นอะไร

"ครับ...แล้วมาถึงตอนไหนครับ"

"อืม...เกือบๆ เที่ยงคืนค่ะ"

ผมพยักหน้ารับรู้

"อ้าว คุณแฟรงค์มาทำงานละ แปลกจังเลย ตอนผู้จัดการคนก่อนอยู่ คุณแฟรงค์มาทำงานอาทิตย์ละสองสามวันเอง ตั้งแต่คุณนัทมาทำงาน คุณแฟรงค์มาทำงานทุกวันเลย"

ผมหันไปมองตามแก้วตาก็เห็นรถของแฟรงค์วิ่งผ่านไปยังที่จอดรถทางด้านหลังไวๆ ผมก็สงสัยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ

"นั่นไงคะคุณเฮนนิ่ง"

แก้วตาชี้ไปที่ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งที่กำลังเดินเล่นอยู่ตรงทางเดินรอบทะเลสาบ ฝั่งที่อยู่ใกล้อาคารต้อนรับ

"เดี๋ยวผมไปทักทายลูกค้าก่อนละกันนะครับ ถ้าแฟรงค์มา...อ้อ...ถ้าคุณแฟรงค์มาบอกว่าเดี๋ยวผมมานะครับพี่"

"ได้ค่ะๆ เดี๋ยวพี่จะบอกให้"

"ขอบคุณครับ"

ผมเดินจ้ำอ้าวออกไปแล้วก็มุ่งตรงไปหามิสเตอร์เฮนนิ่ง หนุ่มชาวเยอรมันที่จะมาพักอยู่ที่นี่นานถึงสิบวัน เป็นแขกคนสุดท้ายก่อนที่เราจะปิดปรับปรุงรีสอร์ทประมาณสองเดือน

"Good morning!  Are you Mr. Henning?"

ผมร้องทักเมื่อเดินมาถึงตัว เฮนนิ่งหันมามองแล้วก็ส่งยิ้มมาทักทายเช่นเดียวกัน ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะอายุประมาณสามสิบต้นๆ หน้าตาดูหล่อเหลามากทีเดียว แถมหุ่นยังดูดีอีกต่างหาก ว่าแต่...ผมเกิดสนใจรูปร่างหน้าตาของผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ชักแปลกๆ แล้วสิ

"Yes, I'm Henning.  And you?" เฮนนิ่งถามผมกลับบ้างว่าผมเป็นใคร

"I'm Tan--manager of the resort.  Nice to meet you."

ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปเชคแฮนด์ด้วย ปกติผมจะไม่แนะนำตัวเองว่านัทถ้าเป็นชาวต่างชาติ เพราะคำว่านัทในภาษาอังกฤษมีความหมายไม่ค่อยดี ก็เลยแนะนำตัวเองว่าชื่อแทน มาจากตัวอักษรสามตัวแรกของชื่อจริงภาษาอังกฤษของผม

"Nice to meet you, too, Tan.  Look.  Don't you think it's an amazing place?  I visit Bangkok nearly every year but I've never found a place like this before.  No one knows this is also Bangkok."

เฮนนิ่งบอกว่าที่นี่สวยมาก มากรุงเทพเกือบทุกปีแต่ก็ไม่เคยรู้ว่ากรุงเทพมีแบบนี้ด้วย ผมก็เลยขำเบาๆ

"Me too.  I've lived in Bangkok for several years but I've just known this area--not long ago.  Glad to hear you like our place."

ผมบอกเฮนนิ่งไปว่าผมเองก็อยู่กรุงเทพมาหลายปีแต่ก็เพิ่งรู้จักที่นี่ได้ไม่นาน ดีใจที่เฮนนิ่งชอบที่นี่ด้วย

"I really love it.  But it seems there aren't many customers."

"Right, we're planning to close our resort for renovation soon.  You're our last customer before we close.  But the fishing park is still open.  Usually our fishing park's customers come in the afternoon.  Many come in the evening time to enjoy fishing and dining here.  And if you like water sports, we have jet skies, kayaks and flyboards available after 10 in the morning till 6 in the evening."

เฮนนิ่งสงสัยว่าทำไมมีลูกค้าน้อย ผมจึงอธิบายไปว่าเรากำลังจะปิดปรับปรุงรีสอร์ท แต่บ่อตกปลายังเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนมากลูกค้าจะมาตอนบ่ายๆ หรือเย็นๆ มาตกปลาแล้วก็ทานอาหารเย็นที่นี่ แล้วก็แนะนำไปด้วยว่าเรามีเจ็ทสกี เรือคายัคและฟลายบอร์ดให้เล่นตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงหกโมงเย็น ถือโอกาสขายของไปด้วยซะเลย

"Wow!  So many activities to do here." เฮนนิ่งหัวเราะแล้วก็มองหน้าผมเหมือนสนใจอะไรบางอย่าง

"How long have you worked here, Tan?" เฮนนิ่งถามผมว่าทำงานที่นี่มานานหรือยัง

"This is my second week here." ผมบอกว่าเพิ่งเข้ามาทำงานเป็นสัปดาห์ที่สอง

"I see. So you're new.  What did you do before?"

เฮนนิ่งเริ่มชวนผมคุยเรื่องตัวผมเอง แล้วก็ถามผมหลายอย่าง แม้กระทั่งถามว่า

"Are you single or married?"

"I'm still single." ผมบอกเฮนนิ่งไปว่าผมยังโสดแล้วก็หัวเราะแหะๆ

"Do you like boys or girls?"

อยู่ๆ ก็ถามผมว่าชอบผู้ชายหรือผู้หญิง เล่นเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน

"I like girls." หลังจากอึ้งไปสักพักจึงตอบไปว่าชอบผู้หญิง

"Aren't you interested in boys at all?"

เฮนนิ่งถามผมว่าไม่สนใจผู้ชายบ้างเลยหรือ ผมก็เลยได้แต่ยืนนิ่งๆ ไม่รู้จะตอบว่ายังไง

"I like boys."

ผมทำหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเฮนนิ่งชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากให้เสียมารยาท อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมต้องบอกผมด้วย ก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไร เสียงใครคนหนึ่งก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

"Good morning! Are you Henning?"

แฟรงค์นั่นเอง ไม่รู้ว่าเดินมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ เฮนนิ่งจึงหันไปพูดคุยทักทายกับแฟรงค์ในฐานะเจ้าของรีสอร์ท ทำให้ผมคลายความกดดันลงไปได้พอสมควร อายุป่านนี้แล้วผมก็พอจะเดาได้ว่าเฮนนิ่งกำลังแสดงความสนใจในตัวผมอยู่

แฟรงค์กับเฮนนิ่งคุยกันไปสักพัก แล้วก็มีคำถามหนึ่งที่ทำให้ผมถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยโดยไม่รู้ตัว

"How do you find our resort?" แฟรงค์ถามเฮนนิ่งว่ารีสอร์ทนี้เป็นยังไงบ้าง

"I love it.  It's such a beautiful place.  I love everything here, especially an adorable guy like you."

เฮนนิ่งตอบว่าที่นี่สวยมาก ชอบทุกอย่าง โดยเฉพาะคนน่ารักอย่างคุณ แล้วก็หันมามองหน้าผมพร้อมกับยิ้มหวาน แววตามีประกายคู่นั้นทำให้ผมประหม่าจนรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไม่ใช่เพราะชอบแต่ทำตัวไม่ถูกต่างหาก เกิดมาก็ไม่เคยถูกผู้ชายด้วยกันชมว่าน่ารักต่อหน้าต่อตามาก่อน

"Yes, he's such an adorable guy."

แฟรงค์ที่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึงอยู่พูดขึ้นมาบ้าง จากนั้นก็เดินมากอดไหล่ผมไว้ เฮนนิ่งขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย

"Oh! Are you two...?"

"Yes, he's my boyfriend."

แฟรงค์ดันไปบอกเฮนนิ่งว่าผมเป็นแฟนซะงั้น ผมนี่มองแฟรงค์ตาค้างเลย

"Oh! I see.  I thought he's your resort's manager."

"Yes, he's both my manager and my adorable boyfriend."

เฮนนิ่งนึกว่าผมเป็นแค่ผู้จัดการ แฟรงค์เลยบอกว่าผมเป็นทั้งสองอย่าง แถมยังเน้นคำว่า "adorable" ชัดถ้อยชัดคำ

"ทำไมแฟรงค์พูดอย่างงั้นล่ะ"

ผมรีบท้วงเมื่อแฟรงค์ยืนยันกับเฮนนิ่งว่าผมเป็นทั้งผู้จัดการและเป็นแฟนที่น่ารักด้วย

"อยู่เฉยๆ เหอะน่า"

แฟรงค์กัดฟันบอกเบาๆ ยิ้มอย่างมีชัยชนะ

"Oh!  I'm sorry. I didn't realise that."

เฮนนิ่งก็เลยต้องขอโทษเพราะคิดว่าตัวเองมายุ่มย่ามกับแฟนของคนอื่น หน้าเสียไปเลย เราพูดคุยกันอีกนิดหน่อยเฮนนิ่งก็ขอตัวกลับไปที่ห้องพัก ส่วนผมกับแฟรงค์ก็กลับเข้ามาในห้องทำงานเพื่อคุยงานกันต่อ

"นัท...เรื่องรีทรีทสำหรับสตาฟของเรา นัทพอจะมีไอเดียบ้างมั้ยว่าจะไปที่ไหนดี"

พอเข้ามาในห้องทำงาน แฟรงค์ก็ถามผมเรื่องที่จะพาเจ้าหน้าที่ของโรงแรมไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัดช่วงปิดรีสอร์ท

"ไปเขาค้อไหมล่ะ เพิ่งมีรีสอร์ทมาเปิดใหม่ติดถนนสายสิบสองเลย บรรยากาศดีมาก"

ผมเสนอไปพร้อมๆ กับเปิดแม็คบุ๊คของตัวเองไปด้วย ตอนนี้ผมทำสรุปงบประมาณปรับปรุงรีสอร์ทค้างไว้อยู่ กะว่าจะทำต่ออีกสักหน่อย คงไม่เสร็จทั้งหมดหรอกเพราะยังต้องให้บริษัทเข้ามาประเมินราคาอีกหลายเจ้า

"ก็ดีเหมือนกันนะ แฟรงค์อยากกลับไปที่นั่น ไม่ได้กลับไปนาน คงจะเปลี่ยนไปเยอะเลย" แฟรงค์พูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง

"ก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน แต่ยังไงๆ แฟรงค์ก็คงจำได้ว่าเป็นเขาค้อ อ้อ...นัทว่าจะให้ไอ้ปอนด์มาช่วยทำกิจกรรมสันทนาการด้วย ไอ้ปอนด์มันชอบ ตอนสมัยเรียนมันเป็นเด็กกิจกรรม ถ้าเราไปศุกร์เสาร์อาทิตย์ ไอ้ปอนด์มันพอลางานได้อยู่ แต่ต้องบอกมันล่วงหน้าซักหนึ่งอาทิตย์ ให้มันวันละสามพันมันก็โอเคแล้ว พักห้องเดียวกับนัทก็ได้ ถ้าแฟรงค์เห็นด้วย นัทจะได้บอกให้ไอ้ปอนด์มันเตรียมลางานแล้วก็ทำโปรแกรมไว้เลย แฟรงค์ว่ายังไง"

แฟรงค์พยักหน้าตกลงแต่โดยดี แล้วก็ทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะตัดสินใจพูด

"นัท...แฟรงค์มีเรื่องสำคัญอยากคุยกับนัทหน่อย กินข้าวเที่ยงแล้ว...คุยกันหน่อยได้มั้ย พอดีตอนเย็นๆ แฟรงค์ต้องไปงานวันเกิดเพื่อนแถวๆ สีลม กลัวไม่มีเวลาคุยกัน อ้อ...ไม่ต้องกลัวว่าแฟรงค์จะหาว่านัทเอาเวลางานมาทำเรื่องส่วนตัวหรอก แฟรงค์ไม่ได้ต้องการให้นัททำงานวันละแปดชั่วโมงพอดีเป๊ะ ถ้ามีงานเยอะก็ทำเยอะได้ แต่ถ้ามีงานน้อย ก็ไม่ต้องทำถึงแปดชั่วโมงหรอก อีกอย่าง...นัทพักอยู่ที่นี่ตลอด บางทีถึงเวลาพักแล้วก็ยังมาช่วยดูความเรียบร้อยให้ตั้งหลายอย่าง แฟรงค์ก็เกรงใจว่านัทจะทำงานมากไปด้วยซ้ำ"

แฟรงค์พูดเสียยาวเพื่อโน้มน้าวให้ผมเห็นว่าการพูดคุยกับแฟรงค์จะไม่ทำให้เสียเวลางาน

"หรือว่า...นัทยังมีงานค้างอยู่เยอะหรือเปล่า"

แฟรงค์ถามย้ำอีกครั้ง ผมจึงส่ายหน้า

"ไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถ้ามันสำคัญมากก็คุยได้ ไม่นานใช่มั้ย"

"ไม่นาน"

แฟรงค์บอกแล้วก็ยิ้ม แต่ผมกลับชักหวั่นใจ กลัวแฟรงค์จะชวนคุยเรื่องนั้นอีก เห็นทีผมจะต้องพูดอะไรบางอย่างที่จะทำแฟรงค์หยุดคิดเรื่องนี้เสียที

พอเรากินข้าวกลางวันด้วยกันแล้ว แฟรงค์ก็พาผมมานั่งคุยกันตรงศาลาทรงไทยที่ทำไว้สำหรับให้ลูกค้ามานั่งเล่นและคุยกันสบายๆ แต่ตอนนี้ไม่มีลูกค้าแล้ว เราจึงยึดพื้นที่คุยกันได้อย่างไม่ต้องกังวล คุยสัพเพเหระไปได้หน่อยแฟรงค์ก็เริ่มเข้าเรื่อง

"นัทรู้มั้ย...เรื่องที่นัทชอบกินไอติมเป็นเรื่องที่แฟรงค์จำได้ไม่เคยลืมเลย ฝังอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัว พอแฟรงค์เจอใครสักคนที่ชอบเหมือนนัท มันก็ทำให้แฟรงค์รู้สึกถึงความชอบบางอย่างในอดีต แฟรงค์ก็เลย...คิดว่าแฟรงค์รักเพียว ทุกวันนี้ก็ยังรักนะ แต่...พอแฟรงค์ได้เจอนัท แฟรงค์ก็เริ่มสงสัยตัวเองว่า...ที่แฟรงค์คิดว่าแฟรงค์รักเพียว เป็นเพราะว่าแฟรงค์รักเพียวจริงๆ หรือว่ารักใครบางคนที่ซ้อนทับอยู่ข้างหลัง นัท...แล้วต้องตาล่ะ เค้าทำให้นัทนึกถึงแฟรงค์ เหมือนที่เพียวทำให้แฟรงค์นึกถึงนัทหรือเปล่า แฟรงค์ขอโทษนะที่ต้องพูดเรื่องแฟนเก่าของนัทขึ้นมา แฟรงค์อยากรู้จริงๆ แต่ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แฟรงค์เข้าใจ"

สีหน้าของผมค่อยๆ เปลี่ยนจากยิ้มสบายเป็นกังวล ผมรู้ว่าแฟรงค์สงสัยเรื่องนี้มาสักพักแล้ว

"นัทไม่รู้" ผมตอบโดยไม่หันไปมองหน้า

"นัท...บอกแฟรงค์ตรงๆ ได้มั้ย ไม่รู้สิ แฟรงค์ว่า...เราสองคนน่าจะเป็นเหมือนกัน นัทรู้มั้ยว่าแฟรงค์เองก็รู้สึกเจ็บปวดมากตอนที่แฟรงค์มาเรียนที่กรุงเทพ แฟรงค์แทบจะไม่คบใครเป็นเพื่อนเลยเพราะแฟรงค์...คิดถึงแต่นัท อยากได้เพื่อนแบบนัท อยากได้ใครสักคนแบบนัทเข้ามาในชีวิต แฟรงค์ว่า...แฟรงค์คงฝังใจอยู่ลึกๆ พอเจอใครซักคนที่ทำให้แฟรงค์นึกถึงนัทผ่านเข้ามา แฟรงค์ก็เลยคว้าไว้ ชดเชยความสูญเสียในอดีตไง"

แม้บรรยากาศรอบข้างจะมีเสียงกิจกรรมต่างๆ แต่ผมก็แทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ผมเข้าใจที่แฟรงค์พูดทุกอย่าง แต่ผมไม่อยากเติมเชื้อไฟระหว่างแฟรงค์กับผมอีกแล้ว เราควรจะยุติทุกอย่างไว้ที่ความเป็นพี่น้องกันเท่านั้น ผมถอนหายใจยาวอย่างหนักใจแล้วก็หันไปมองหน้าแฟรงค์ที่นั่งอยู่ข้างๆ

"แฟรงค์..." ผมหยุดเว้นจังหวะไปสักพัก แฟรงค์จ้องมองตาผมอย่างใจจดใจจ่อ

"นัท...ขอยืนยันเหมือนเดิมที่นัทเคยพูดกับแฟรงค์ไว้เมื่อวานก่อน"

แล้วแฟรงค์ก็รีบสวนขึ้นมา

"เป็นเพราะแฟรงค์กำลังจะแต่งงานกับเพียวหรือเปล่า นัท...แฟรงค์จะบอกนัทว่าแฟรงค์ตัดสินใจแล้ว ถ้าเพียวกลับมา แฟรงค์จะบอกเพียวไปตรงๆ ว่าแฟรงค์..."

"อย่านะแฟรงค์!"

ผมรีบสวนกลับโดยเร็วเช่นกัน ทุกอย่างเงียบงันในบัดดล

"ต่อให้แฟรงค์ไม่มีเพียว หรือไม่ได้แต่งงานกับเพียว นัทก็ยังขอยืนยันเหมือนเดิม"

"ทำไมล่ะนัท!" แฟรงค์ถามเสียงแหบพร่าราวกับจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดไป

"นัทบอกแฟรงค์ไม่ได้ แฟรงค์อย่าบังคับให้นัทต้องบอกแฟรงค์เรื่องนี้เลย นัทขอร้องนะแฟรงค์"

"นัท!"

เห็นแฟรงค์ทำหน้าเศร้าแล้วผมก็อดจะรู้สึกผิดไม่ได้ แต่ผมก็เลือกแล้วที่จะให้มันเป็นอย่างนี้

"แฟรงค์...อย่าเลิกกับเพียวนะ สัญญากับนัทได้มั้ยว่าแฟรงค์จะแต่งงานกับเพียว หยุดความสัมพันธ์ของเราไว้แค่พี่น้องเท่านั้น ไม่อย่างงั้นแล้ว...ครั้งนี้ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน"

แฟรงค์ถึงกับตาโตและอ้าปากค้างเมื่อผมได้ยื่นคำขาดนี้ไป แฟรงค์จับไหล่ผมไว้ทั้งสองข้างแล้วหันหน้าผมมาตรงๆ

"นัท! ทำไมนัทถึงได้บังคับให้แฟรงค์สัญญาเรื่องนี้ล่ะ แฟรงค์ไม่สัญญา แฟรงค์ไม่อยากทำอะไรที่ขัดกับหัวใจของตัวเองอีกแล้ว"

"ถ้าอย่างงั้น...นัทก็คงจะต้องไปจากที่นี่ แล้วเราสองคน...ก็จะไม่ได้เจอกันอีก...ตลอดชีวิต"

"นัท!"

มือของแฟรงค์ที่จับไหล่ผมอยู่แทบจะหมดเรี่ยวแรงไปทันที แล้วผมก็เห็นหยดน้ำตาของแฟรงค์ ผมทำให้แฟรงค์มีน้ำตาอีกแล้ว  แต่ผมก็ทำได้แค่ขอโทษแฟรงค์ในใจ เพราะผมไม่มีหัวใจจะรักใครอีกแล้ว รู้สึกหวาดกลัวจนเกินกว่าจะรับความรักจากใครได้ ไม่ว่าจะจริงใจแค่ไหนก็ตาม

... ... ...

ตกเย็น แฟรงค์ก็ขับรถออกไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน เราไม่ได้คุยกันอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนผมก็พาเฮนนิ่งไปเล่นเจ็ตสกีกับลูกค้าคนอื่นๆ ผมพอเล่นเป็นบ้างเพราะเคยเล่นกับเพื่อนๆ สมัยเรียนบ่อยๆ จึงพอเล่นเป็นเพื่อนได้

จากนั้นเฮนนิ่งก็ขอลองเล่นฟลายบอร์ด มีอุปกรณ์เป็นแผ่นกระดานต่อกับท่อสูบน้ำที่ยืดหยุ่นและโค้งงอได้ มีช่องให้น้ำไหลลงใต้แผ่นกระดานสองช่อง คนที่เล่นจะขึ้นไปยืนบนแผ่นกระดานแล้วล็อกเท้าไว้กับที่ล็อกเท้า จากนั้นก็จะสูบน้ำเข้าไปในท่อ แรงดันน้ำจะทำให้แผ่นกระดานยกตัวสูงจนลอยขึ้นไปในอากาศ น้ำที่ถูกสูบขึ้นไปจะถูกปล่อยลงมาข้างล่าง คนที่อยู่บนกระดานสามารถตีลังกาหรือเล่นโลดโผนได้ เฮนนิ่งดูจะสนุกกับกีฬานี้มากทีเดียว ขอเล่นตั้งหลายรอบ แถมยังให้ผมลองด้วย ผมก็ไม่ปฏิเสธเพราะอยากลองเหมือนกัน

ผมกินข้าวเย็นกับเฮนนิ่งที่ร้านอาหารกลางน้ำ คุยกันไปสารพัดเรื่อง แต่ก็ดูเฮนนิ่งระวังตัวเหมือนกันตั้งแต่ที่แฟรงค์บอกว่าผมเป็นแฟน เราไปเดินเล่นด้วยกันอีกนิดหน่อยหลังจากอาหารเย็น ก่อนที่ต่างคนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน

ผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็โทรหาแม่ คุยกันเป็นชั่วโมงๆ เลย คุยกับแม่บ้าง พี่นิวบ้าง พอแม่รู้ว่าผมจะพาพนักงานที่รีสอร์ทไปเที่ยวเขาค้อ แกก็ตื่นเต้นใหญ่ บอกให้ผมพาเพื่อนพนักงานไปกินขนมจีนฟรีที่ร้านด้วย แล้วก็กำชับให้ผมพาแฟรงค์ไปหาแม่ให้ได้เพราะแม่อยากเจอแฟรงค์มาก

คุยกับแม่เสร็จแล้วผมก็เห็นมิสคอลจากเบอร์เดิมโทรเข้ามาหลายครั้ง ความจริงผมได้ยินเสียงเตือนตอนคุยกับแม่แล้วล่ะ พอเห็นว่าเป็นเบอร์พี่ที่ทำงานเก่า ผมก็ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ด้วยความอยากรู้จึงโทรกลับไปหา

"หวัดดีครับพี่ไปรยา สบายดีนะครับพี่ มีเรื่องอะไรตื่นเต้นหรือเปล่าครับ เห็นมิสคอลมาตั้งหลายครั้ง"

ผมกรอกเสียงลงไปเมื่ออีกคนรับสาย

"มีสิ พี่มีเรื่องจะเล่าให้นัทฟัง เรื่องสำคัญมาก"

"เรื่องอะไรเหรอครับพี่"

ผมถามอย่างตื่นเต้น พี่ไปรยาเป็นเพื่อนต่างแผนกในที่ทำงานเก่า ผมพอจะคุยด้วยได้บ้าง แต่คนในแผนกเดียวกันนั้นขัดแย้งกันจนแทบจะมองหน้ากันไม่ติดแล้ว

"ต้องตากับวิโรจน์น่ะสิ ทะเลาะกันใหญ่เลยเมื่อตอนกลางวัน พี่เดาว่าน่าจะเป็นเรื่องธุรกิจร้านกาแฟนั่นแหละ สงสัยจะตกลงผลประโยชน์กันไม่ได้หรือเปล่า เห็นเขาว่านะ..."

พี่ไปรยาเล่าใหญ่เลยโดยไม่สนใจว่าผมอยากฟังหรือเปล่า ผมก็ปล่อยให้แกเล่าไป แต่ผมก็แทบจะไม่ได้ฟังเลยด้วยซ้ำ พอฟังแกเล่าจบ ผมก็พูดคุยกับพี่ไปรยาอีกนิดหน่อยก่อนจะวางสายไป แล้วก็นั่งถอนหายใจเฮือก บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงที่ได้ยินคนรักเก่ากำลังมีปัญหากับคนรักใหม่ รู้แค่ว่าต่อไปผมจะไม่รับสายคนที่ทำงานเก่าอีกแล้ว ผมไม่อยากรับรู้อะไรจากที่นั่นให้เปลืองสมองอีก

ผมเปิดทีวีดู กดดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยโดยไม่มีจุดหมายชัดเจน ในหัวก็คิดไปเรื่อยเปื่อย ไม่ใช่เรื่องแฟนเก่าหรอก เรื่องแฟรงค์ต่างหาก คิดไปคิดมาผมก็ชักไม่แน่ใจว่าผมพูดกับแฟรงค์แรงไปหรือเปล่า อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าแฟรงค์จะคิดมาก

เกือบๆ สี่ทุ่ม ผมกำลังจะปิดทีวีนอนอยู่แล้ว เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ใครกันมาหาผมดึกดื่นป่านนี้ หวังว่าคงไม่ใช่เฮนนิ่งละกัน พอรู้ว่าเฮนนิ่งชอบผู้ชายผมก็ชักกลัวๆ

ผมเดินไปเปิดประตูแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นแฟรงค์ยืนรออยู่พร้อมกับถุงอะไรบางอย่างในมือ

"พี่ซื้อไอติมมาฝาก"

"ฮาเก้นดาสเหรอ!"

ผมตาโตใส่อย่างลืมตัว ลืมไปเลยว่าเพิ่งมีเรื่องที่ยังคุยกันไม่เข้าใจกับแฟรงค์อยู่ ผมชอบกินไอศครีมยี่ห้อนี้มาก แต่ไม่ได้กินบ่อยๆ หรอกเพราะว่ามันแพง

"พี่เข้าไปได้มั้ย"

แฟรงค์ถามด้วยสีหน้าเกรงใจ ผมจึงพยักหน้า

"พี่ซื้อมาหลายรสเลย นัทจะกินเลยมั้ย"

"ไม่ดีกว่า นัทเพิ่งกินข้าว ไม่อยากกินอะไรตอนเย็นๆ เดี๋ยวอ้วน"

แฟรงค์พยักหน้าเข้าใจ ต่างคนต่างไม่รู้จะทำสีหน้ายังไง จะขำก็ไม่กล้าขำ

"เดี๋ยวพี่เอาใส่ตู้เย็นไว้ให้ละกัน"

พอแฟรงค์เปลี่ยนมาเรียกแทนตัวเองว่า "พี่" แล้ว บรรยากาศระหว่างเราสองคนก็เปลี่ยนไปจากเมื่อกลางวันมากทีเดียว

"ทำไมกลับมาเร็วล่ะ นัทนึกว่าพี่แฟรงค์จะกลับดึกแล้วก็นอนที่บ้านซะอีก"

ผมถามในขณะที่แฟรงค์กำลังจัดกล่องไอศครีมใส่ช่องฟรีซอยู่ พอจัดเสร็จและปิดตู้เย็นแล้วก็หันมายิ้มให้

"กลัวใครบางคนเหงา ก็เลยแวะมาดูหน่อย อีกอย่าง...พี่ไม่ได้ซื้อไอติมให้นัทกินนานแล้ว พอดีผ่านไปเจอร้านก็เลยแวะซื้อมาให้ ชอบใช่มั้ยยี่ห้อนี้"

ผมพยักหน้า รู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อยเลยแม้ว่าจะมีเรื่องค้างคาใจกันอยู่ก็ตาม

"ขอบคุณนะพี่แฟรงค์"

แฟรงค์ยิ้มกว้างขึ้นจากที่ดูเหมือนไม่ค่อยกล้ายิ้มเต็มที่ แล้วก็เอามือจับที่คอของตัวเองสองสามครั้งเหมือนคนกระหายน้ำ พอนึกได้ผมก็เลยต้องเป็นฝ่ายเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วรินน้ำให้แฟรงค์บ้าง แฟรงค์รับไปดื่มจนหมดแก้ว จากนั้นก็ยื่นแก้วมาให้อีกที

"อีกแก้วสิ"

ผมรินน้ำใส่แก้วให้อีกรอบ แฟรงค์ก็ดื่มอีกจนหมดแก้วเช่นกัน

"พี่แฟรงค์จะกลับไปนอนบ้านหรือว่าจะ..."

"แล้วถ้าพี่จะขอนอนด้วย นัทจะว่าอะไรพี่มั้ย"

ผมรีบส่ายหน้า แฟรงค์หัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วก็ยื่นมือมาลูบผมของผมเบาๆ

"My adorable brother"

แน่ะ มีพูดเป็นภาษาอังกฤษด้วย เป็นอะไรของเค้าเนี่ย

"พี่อยากอาบน้ำ มีเสื้อผ้าให้พี่ใส่ซักตัวสองตัวมั้ย"

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ยังไม่ทันได้พูดอะไรแฟรงค์ก็ถอดแจ็คเก็ตยีนส์ตัวโปรดออก เหลือแต่เสื้อกล้ามสีขาวตัวเดียว จากนั้นก็ค่อยๆ ปลดเข็มขัดแล้วก็ถอดกางเกงยีนส์สีน้ำเงินออกไปด้วยอีกตัว แฟรงค์จึงเหลือแต่เสื้อกล้ามและชุดชั้นในสีเดียวกัน อวดหุ่นเซ็กซี่ให้ผมใจสั่นเล่น แล้วก็ส่งผ้าสองชิ้นนั้นให้ผม

"แขวนผึ่งให้พี่หน่อยนะ ยังไม่ต้องซักหรอก พรุ่งนี้ยังพอใส่ได้"

แฟรงค์พูดหน้าตาเฉย ผมรับเสื้อผ้าสองชิ้นมาอย่างงงๆ

"ทำไมไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวก่อนล่ะ"

"ทำไม อายเหรอ เมื่อก่อนนัทเห็นของพี่ออกบ่อย พี่ไม่เห็นอายเลย"

ดูพูดเข้า ผมไม่อยากต่อความก็เลยไปค้นตู้เสื้อผ้า ได้ไม้แขวนเสื้อว่างๆ สองอันแล้วผมก็เอาชุดที่แฟรงค์ส่งให้ไปแขวนผึ่งข้างนอก ส่วนแฟรงค์ก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมกลับเข้ามาในห้องแล้วก็เตรียมชุดที่จะใส่นอนให้ จะว่าไปผมก็ทำเหมือนเป็นเมียแฟรงค์เลย แต่ก็แปลกดีที่ผมกลับรู้สึกดีที่ได้ดูแลแฟรงค์อย่างนี้

แฟรงค์นุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ ผมจึงเดินเอาเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นของผมไปส่งให้ แฟรงค์รับไปใส่แล้วก็เดินไปจัดองค์ทรงเครื่องที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เรียบร้อยแล้วก็เอาผ้าขนหนูไปตากข้างนอก ก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้ง

"ไปเดินเล่นกันมั้ย"

ผมเลิกคิ้วมอง แต่สุดท้ายก็พยักหน้าตกลง พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของผม ถึงวันนี้นอนดึก พรุ่งนี้ก็ตื่นสายชดเชยได้

อากาศข้างนอกกำลังเย็นสบาย มีลมพัดเบาๆ กระทบผิวกายเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ถึงกับหนาว แฟรงค์พาผมมานั่งตรงซุ้มม้านั่งที่โยกได้ใกล้ๆ กับที่พัก มองไปไกลๆ จะเห็นเรือนพักเป็นเงาๆ มีเพียงเรือนพักของเฮนนิ่งเท่านั้นที่เปิดไฟส่องสว่าง

แฟรงค์ชวนผมคุยอย่างอารมณ์ดีหลายเรื่อง ส่วนมากก็เป็นเรื่องเก่าๆ ของเราสมัยเด็กๆ มีเรื่องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง พอให้รู้จักชีวิตช่วงที่เราไม่เจอกันมากขึ้น แฟรงค์เปลี่ยนมาเรียกแทนตัวเองว่าแฟรงค์แทนพี่ด้วย ดูๆ ไปแฟรงค์ก็มีความสุขมากทีเดียว ส่วนผม ไม่เคยมีครั้งไหนที่ได้ใช้เวลาดีๆ กับแฟรงค์แล้วจะไม่มีความสุขหรอก แม้จะไม่พูดแต่สายตาของผมก็ฟ้องทุกอย่าง

พอคุยกันไปสักพัก จู่ๆ แฟรงค์ก็ถอนหายใจ สีหน้าก็พลันจริงจังขึ้น

"ถ้าโลกนี้มีคนที่ชื่อแฟรงค์สองคนที่เหมือนกันทุกอย่างก็น่าจะดีนะนัท เหมือนกันทั้งนิสัยใจคอ แล้วก็รูปลักษณ์ภายนอก ชีวิตแฟรงค์คงจะง่ายกว่านี้เยอะเลย"

แฟรงค์ก้มหน้านิ่ง เหมือนคิดอะไรบางอย่าง

"ทำไมล่ะแฟรงค์"

แฟรงค์หันมามองผมอย่างเศร้าๆ

"นัทก็น่าจะรู้นะว่าแฟรงค์หมายถึงอะไร"

ผมอึ้งไปเล็กน้อย ความอึดอัดเริ่มคืบคลานเข้ามาเมื่อผมรู้ว่าเรากำลังจะคุยเรื่องอะไรกัน

"อย่าโกรธแฟรงค์เลยนะนัทที่พูดเรื่องนี้อีก อย่าโกรธแฟรงค์ได้มั้ยที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ถ้าคนเราห้ามใจได้ง่ายขนาดนั้น โลกนี้ก็คงไม่มีความรักหรอก"

ผมคิดตามแล้วก็ได้แต่นั่งเงียบๆ บอกไม่ถูกเลยว่าในหัวใจรู้สึกยังไงกับคำพูดนี้ แต่ก็คงมีส่วนจริง ถ้าห้ามใจได้ตัวเองได้ง่ายๆ ความรักก็คงหมดอิทธิพลกับชีวิตมนุษย์ โลกของเราคงจะต่างไปจากนี้มากทีเดียว

"แต่แฟรงค์ก็รู้ว่าแฟรงค์คงไม่มีทางเลือก ถ้าจะให้เลือกระหว่าง...แฟรงค์ยังได้เจอนัทอยู่ กับชีวิตของแฟรงค์ที่ไม่มีนัท แฟรงค์ก็ต้องเลือกอย่างแรก เพราะแฟรงค์...ไม่อยากให้นัทจากแฟรงค์ไปไหนอีก เอาเป็นว่า...แฟรงค์จะพยายามนะนัท แต่แฟรงค์ก็อยากให้นัทรู้ว่า...นัทเป็นคนที่แฟรงค์ตามหามาทั้งชีวิต ถึงจะเป็นผู้ชายที่แฟรงค์เองก็ยังไม่รู้ว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ยังไง แต่แฟรงค์ก็รู้ว่า...ความรักจะช่วยให้เราจัดการมันได้เอง"

แฟรงค์หยุดเว้นจังหวะ มองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง

"แฟรงค์ก็ไม่รู้หรอกว่ามันถูกต้องไหม แฟรงค์รู้แค่ว่า...นัทเป็นคนที่ใช่สำหรับแฟรงค์ทุกอย่าง แฟรงค์ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลยตั้งแต่มีแฟนมา"

ผมนั่งนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด น้ำลายเหนียวเสียจนกลืนแทบไม่ลง

"ความรู้สึกของแฟรงค์มาไกลแล้วนะนัท แฟรงค์ไม่รู้ว่าจะถอยกลับไปที่เดิมได้หรือเปล่า ความรู้สึกของแฟรงค์ที่มีให้เพียวก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว แฟรงค์อาจจะผิดที่...ไม่รู้สึกกับเค้าเหมือนเดิม แฟรงค์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า...ถ้าแฟรงค์แต่งงานกับเค้า แล้วชีวิตที่เหลือของแฟรงค์จะเป็นยังไง มันไม่เหมือนเดิมจริงๆ นะนัท แต่ถ้านัทต้องการให้เป็นอย่างงั้น ถ้าแฟรงค์ดึงดันแล้วต้องเสียนัทไป แฟรงค์ก็จะยอม...ตัดเส้นเลือดหัวใจตัวเอง"

"แฟรงค์"

ผมดึงแฟรงค์เข้ามากอดไว้ด้วยความสงสารจับจิตจับใจ เราสองคนกอดกันแน่นแล้วก็ร้องไห้เบาๆ

"แฟรงค์ นัทอยากจะรักแฟรงค์นะ แต่นัท...รักแฟรงค์ไม่ได้"

ผมรู้สึกเกลียดตัวเองเหลือเกินที่ต้องพูดคำที่ทำร้ายหัวใจของแฟรงค์อีกแล้ว

"ทำไมล่ะนัท ทำไมนัทถึงรักแฟรงค์ไม่ได้ นัทกลัวอะไรเหรอ"

ผมทำใจลำบากเหลือเกินเพราะรู้ว่าพูดไปก็จะทำร้ายหัวใจแฟรงค์ให้เจ็บหนักขึ้น ผมไม่อยากให้แฟรงค์ต้องเจ็บจากคำพูดของผม ผมเคยเจ็บจากความรัก รู้ดีว่ามันเจ็บแค่ไหน ไม่คิดเลยว่าวันนี้ผมจะต้องเป็นฝ่ายทำให้คนอื่นเจ็บบ้าง เจ็บอย่างร้ายกาจเสียด้วย

"ไม่เป็นไร ถ้านัทยังรักแฟรงค์ไม่ได้ก็ยังไม่ต้องรักหรอก แต่แฟรงค์...รักนัทไปแล้ว"

พอได้ยินแฟรงค์พูดอย่างนั้นผมก็ยิ่งใจเสีย นึกโกรธตัวเองที่ช่างบังคับจิตใจแฟรงค์เหลือเกิน เหมือนกับไม่แคร์ความรู้สึกของแฟรงค์เลย แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรให้ดีไปกว่านี้ได้

"แฟรงค์...นัทขอโทษ..."


TBC

ชอบงานใคร อย่าลืมบวกเป็ด/คอมเมนต์ให้นักเขียนทุกคน ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 14-12-2015 17:49:26
เข้าใจนัทนะว่าทำไมถึงอยากที่จะหยุดให้ความสันพันธ์อยู่แค่นั้น   สำหรับนัทที่เพิ่งเจ็บมาแล้วก็ความรู้สึกที่มีกับแฟรงก์ก็อาจจะยังเป็นแค่เงาอยู่   เป็น element ที่ตัวนัทเองยังไม่อยากเข้าไปเหยียบ   ใจหนึ่งก็รู้สึกว่าแฟรงก์รุกนัทมากไป  รู้อยู่ว่านัทเพิ่งเจออะไรมา แฟรงก์ก็น่าจะถอยออกมาดูนัทห่างๆคงไว้เป็นพี่เป็นน้อง ในระหว่างที่ตัวเองเคลียร์ใจเคลียร์ความรู้สึกเคลียร์พันธะที่ตัวเองมีเสียก่อน    มองแบบนี้คือยังไม่อยากปล่อยเพียวไปในขณะที่ยังไม่สามารถได้นัทมา  กั๊กมากๆเลย

บทสนทนาภาษาอังกฤษการทักทายเฮนนิ่งนั้น  ด้วยว่ามาจากคน 2 คน ไม่น่าที่จะทักทายแบบเดียวกันนะคะ  Are you Mr. Henning? ให้ความรู้สึกที่เป็นโมโนโทนไปแทนที่จะเป็นความรู้สึกว่ามาจากคน 2 คน   เพราะว่ามาจากนิสัย การใช้เลยไม่น่าจะเหมือนกัน  - คหสต  เหมือนกับคน 2 คนบอกขอบคุณ  คนหนึ่งออก Thank you!    อีกคนออก Thanks.
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 14-12-2015 18:06:11
จากบทที่ 5 -- การกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียวมันเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวจริงๆ เราไม่ได้จะตัดสินว่า ความคิดของแฟรงค์เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวหรือไม่เห็นแก่ตัว แต่จะบอกว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะกลัว ถึงอย่างนั้นก็ควรจะมีความรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์ที่ตัวเองสร้างขึ้น ไม่ใช่คิดจะทำอะไรตามใจตนก็ทำ ส่วนนัทที่ยังไม่พร้อมจะเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิตก็อีกเรื่องนึง การรอคอยที่ยาวนาน และการหลอกลวงที่แสนเจ็บปวด ทำให้นัทเหมือนคนที่ขาเจ็บ ที่เมื่อเจอแฟรงค์เหมือนการได้รับการเยียวยา แต่ประสบการณ์ความเจ็บที่ฝังใจทำให้เมื่อกลับมาเดินอีกครั้งจึงไม่สามารถกลับมาเดินได้อย่างปรกติ เพราะความเจ็บที่อยู่ในความทรงจำเป็นเครื่องเตือนใจไม่ให้เดินลงน้ำหนักบนขาข้างที่เคยเจ็บ นัทเลยกลายเป็นคนเดินกระเพกทั้งที่ขาไม่เจ็บแล้ว +เป็ด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 14-12-2015 18:32:54
บทที่ 6 -- และคนที่น่าสงสารที่สุดคงเป็นเพียวที่ไม่รู้อะไรกับเขา... แฟรงค์ที่เดินหน้าทำตามหัวใจตัวเองผิดหรือเปล่าที่แปรใจเสียเฉยๆ ทั้งที่กำลังจะแต่งงานแล้ว คำตอบที่เราเองก็ยังสงสัย เคยแต่ได้ยินว่าความรักนั้นไม่มีถูกไม่มีผิด แล้วระหว่างเพียวกับแฟรงค์มันผิดหรือเปล่า หรือเพราะมันไม่ใช่ความรักอีกต่อไป มันเลยเป็นสิ่งที่ผิด อย่างนั้นหรือเปล่า?
+ เป็ด
หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 14-12-2015 18:39:36
นัทกลัวเจ็บเหมือนที่เจอมากับต้องตา ขนาดต้องตามีอะไรที่คล้ายๆกับแฟร้ง ต้องตายังทำให้นัทเจ็บปวดเลยและแฟร้งเองก็มีพันธะอยู่กับเพียว แถมไม่เด็ดขาดอีกด้วยแบบว่ารักพี่เสียดายน้องเพราะเพียวก็มีอะไรที่คล้ายๆนัท ทำให้แฟร้งเองก็สลัดใครออกไปไม่ได้ แต่ความรักมันไม่ได้มีมากกว่าหนึ่งนะแฟร้ง!  มองไม่เห็นหนทางของทั้งนัทและแฟร้งเลยจริงๆ
ต้องต้าทะเลาะกับแฟนเขาจะกลับมาหานัทไหม..กลัวใจนัทจะตัดปัญหาเพราะไม่อยากเป็นมือที่สามของแฟร้งและเพียวจัง ..ยิงคิดก็ยิ่งหน่วงๆ  แอบไม่ปลื้มแฟร้งนะที่กันท่านัททั้งที่สถานพไม่เคลียร์... :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 14-12-2015 20:00:47
มันบีบหัวใจเหลือเกิน  :o12:

สงสารแฟรงค์ กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง
เห็นใจเพียว ที่ต้องเสียใจไม่ว่าแฟรงค์จะเลือกทางไหน
เข้าใจนัทนะ หวังให้นัทกลับมาเข้มแข็งได้ไว ๆ

เรื่องราวแย่ ๆ เกิดขึ้นในอดีต แต่มันจบไปแล้ว วันนั้นเจ็บจริง แต่วันพรุ่งนี้ก็วันใหม่แล้ว

อย่าใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังจนกลายเป็นหายใจไปวัน ๆ โดยไม่ได้ใช้ชีวิตเลย

ถ้าเป็นเรา เราเลือกที่จะรัก และทำให้เต็มที่กับทุกอย่างในชีวิต ถ้ามันจะล้มเหลว จะเจ็บ ก็เริ่มต้นใหม่
ดีกว่าไม่ได้รู้ ไม่ได้ทำ ไม่ได้รู้สึก   
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 14-12-2015 20:03:55
บีบหัวใจเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-12-2015 20:17:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 14-12-2015 20:52:16
รู้สึกสงสารพี่แฟรงค์  ความรู้สึกมันบังคับยาก จะให้กลับไปรู้สึกแบบพี่น้องก็คงไม่ได้เพราะมันมาไกลแล้ว
ตอนนี้คงต้องอดทนไปก่อน แล้วกับเพียว..ก็ควรไปคุยกันดีๆ ความรักมันบังคับใจใครไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องยอมรับกันอยู่ดี
ถึงจะเห็นใจเพียวนิดนึงก็เถอะกับที่ไม่รู้อะไรเลย...

ส่วนนัท ก็ต้องใช้เวลารักษาแผลใจ เข้าใจ เจอแบบนัันมา จะกลัวก็ไม่แปลก..
สู้ๆ นะ..
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 14-12-2015 20:59:34
น่าสงสารแฟรงค์ น่ายุให้จับนัทปล้ำ ละลายทั้งใจและตัวเลยทีเดียว เหอๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 14-12-2015 21:41:26
แฟรงค์ต้องให้เวลานัทมากกว่านี้หน่อยนะคะ เพราะถ้ายิ่งเร่งรัดนัทก็จะยิ่งออกห่างจนกลายเป็นห่างหายไปในสักวันแน่ๆ ค่ะ   
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 14-12-2015 22:26:36
น่าสงสารแฟรงค์ น่ายุให้จับนัทปล้ำ ละลายทั้งใจและตัวเลยทีเดียว เหอๆ

งั้นก็อย่าพลาดตอนต่อไปนะครับ อิๆ กำลังเขียนอยู่ ใกล้เสร็จแล้ว พรุ่งนี้เกลาๆ อีกหน่อยก็น่าจะลงได้

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-12-2015 22:39:26
 :really2:

ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน

ทุกคนคงโคลนนิ่งตัวเองออกมาให้ไปทำงานแทนแล้วอ่ะค่ะ กร๊ากกกกกกกกกกก


 :ling1:

นั่งรอดูว่าคุณแขกกิตติมศักดิ์ของเราจะมีบทบาทอะไร??
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 14-12-2015 22:52:26
อ่านตอนนี้แล้วมันหน่วงมากน่ะ รู้สึกว่าการกระทำของนัทมันไม่ถูกใจเราเลย  :mew5: แต่เราก้อเข้าใจนัทได้ว่าไม่อยากให้ตนเองเป็นมือที่สาม เพราะตัวเองก้อเคยผ่านความเจ็บปวดแบบนี้มาแล้ว แต่เรารู้สึกว่าการที่นัทยื่นคำขาดกับแฟรงค์เช่นนั้นก้อไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเช่นกันน่ะ มันเหมือนเป็นการไปสร้างความเจ็บปวดให้กับเพียวทางอ้อม เพราะการที่นัทยังอยู่ตรงนี้มันก้อเหมือนเป็นการย้ำเตือนความรักของแฟรงค์อยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่สามารถรับความรักของแฟรงค์ได้ก้อจากเขาไปเถอะ การอยู่ร่วมกันเหมือนกับตอกย้ำความรักที่ไม่ได้มาอยู่ตลอดเวลาน่ะ การห่างกันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับทั้งคู่น่ะ เพราะมนุษย์มีความสามารถในการปรับตัวให้เคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่เราจะมีความสุขมากน้อยแค่ไหนก้อขึ้นอยู่กับคนที่เคียงข้างเราและใจเราเท่านั้น ตราบใดที่นัทยังอยู่แฟรงค์ไม่มีทางตัดใจได้หรอก เราไม่ชอบการกระทำของนัทในครั้งนี้เลย  :katai1: ส่วนแฟรงค์เราว่าถ้าคุณคิดว่าคุณรักนัทแล้วกลัวเขาจะจากไปก้อเลยยอมที่จะแต่งกับผู้หญิงที่คุณได้รู้ตัวแล้วว่าคุณไม่อาจรักเขาเช่นเดิมก้อเท่ากับว่าคุณทำร้ายเขาด้วยความเห็นแก่ตัวของตัวเองน่ะ เราว่าถ้าคุณอยากได้ใจนัทคุณต้องเลิกกับเพียวและยอมที่จะเดิมพันว่านัทจะจากคุณไปไหม หรือถ้าเขาจากไปจริงคุณรักเขาจริงคุณก้อต้องตามหาเขาสิ
เรางงกับแฟรงค์น่ะ ในเมื่อนัทก้ออยู่ที่เดิมตลอดทำไมไม่กลับไปหาเขาล่ะในเมื่อคุณก้อโตพอที่จะไปตามหาเขาแล้วน่ะ นัทก้อไม่ได้ย้ายไปไหนนี่น่า หรือว่าย้าย (เราพลาดไปรึเปล่า)  :hao4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 14-12-2015 22:55:19
เรื่องของใจ ต้องใช้ใจ ไม่ใช้คิด
ไม่ใช่เรื่อง ถูกหรือผิด คิดเหตุผล
เพราะความรัก มักจะมา ถูกที่คน
ใจบอกชอบ มอบให้ล้น สุดหัวใจ

ถึงเวลา มันก็คือ ถึงเวลา
เป็นคนบ้า ก็ต้องบ้า เข้าใจไหม
ถึงดื้อรั้น ไม่กลัวพัง ไม่ฟังใคร
ก็เพราะใจ มันสั่งอยู่ ไม่รู้ตัว

+1 ให้เรื่องนี้เลย

ป้อล่อ..ถ้าได้แต่ตัวมา แต่ใจไปอยู่กับคนอื่น
ซักวันเรื่องราวก็ต้องจบอยู่ดี(หรือไม่ดี) หุหุ
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 15-12-2015 00:12:03
นัทเพิ่งเจ็บจากความรัก พี่แฟรงค์ก็อย่าเพิ่งเร่งรัดนัทสิคับ ถ้ากลัวนัทไม่ยอมใจอ่อนก็ตื้อเท่านั้นคับ น้ำหยดลงหินๆยังกร่อน ๕๕๕
แฟรงค์ต้องทำให้นัทเห็นว่ารักนัทจริงๆ
   รอ รออ่านตอนใหม่คับว่าแฟรงค์จะรุกคืบยังไง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH06 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน ✢ P4 ▒ 14.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-12-2015 01:22:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 15-12-2015 06:13:03
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 7 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

พอมาคิดๆ ดูแล้ว บางทีผมอาจจะเร่งเร้านัทมากเกินไปหน่อย นัทเองก็เพิ่งอกหักมา คงยังไม่พร้อมที่เปิดรับใครเข้าไปในหัวใจตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะผมรู้ว่าเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว แถมความรู้สึกที่ผมมีต่อนัทก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง เลยทำให้ผมเผลอคิดถึงแต่ความต้องการของตัวเองมากไป เพราะกลัวอะไรๆ จะไม่ทันการ ในขณะเดียวกัน ความคิดของผมก็ยังไม่ตกผลึกชัดเจนมากพอว่าจะเอายังไงกับชีวิต จึงทำให้นัทยิ่งสร้างกำแพงป้องกันตัวเองแน่นหนามากขึ้น ถึงขนาดบอกว่าถ้าผมไม่แต่งงานกับเพียว นัทจะไปจากชีวิตผม

ผมก็ไม่รู้หรอกว่านัทจะทำอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า แต่เหตุการณ์เมื่อคืนวานก็ทำให้ผมได้สติมากพอสมควร ผมคงจะต้องใจเย็นกว่านี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะรุกเข้าไปในเมื่ออีกคนยังไม่พร้อมเปิดประตูรับ ในขณะที่ผมเองก็ยังเคลียร์ปัญหาของตัวเองไม่จบเลย

ตอนเช้าผมตื่นก่อนนัท ลุกขึ้นมาแล้วก็นั่งมองน้องนอนหลับอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่านัทได้นอนกี่ชั่วโมง เพราะกว่าจะข่มใจให้หยุดคิดได้ก็คงล่วงเลยเวลานอนไปเยอะแล้ว ผมเองยังได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง

ผมมองหน้าของนัทแล้วก็นึกถึงตอนที่นัทเป็นเด็ก เด็กชายนัทเป็นคนสดใสร่าเริง เวลาเจอผมทีไรนัทมักจะวิ่งเข้ามาถามหาไอศครีมบ่อยๆ จนผมต้องซื้อให้กินแทบทุกครั้ง พอได้ไอศครีมแล้วก็จะนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข

ตอนเช้าๆ ช่วงหน้าหนาว ผมกับนัทมักจะขี่จักรยานไปจอดดูไอหมอกหนาทึบที่ล่องลอยปกคลุมไปทั่วขุนเขาตรงสะพานด้วยกัน ดูเพลินจนบางทีเกือบไปโรงเรียนไม่ทัน พอใกล้ถึงเวลาก็ปั่นกันแทบตาย รีบไปให้ทันก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ

ผมเผลอยิ้มจางๆ โดยไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงความทรงจำในช่วงนั้น เรื่องราวต่างๆ ที่พอจะจำได้ค่อยๆ ไหลพรั่งพรูเข้ามา เรื่องแล้วเรื่องเล่า มันทำให้ผมค่อยๆ ได้สติขึ้นมาทีละนิดทีละหน่อย นัทเป็นน้องชายของผม นั่นคือจุดเริ่มต้นของความผูกพันของเรา ในเวลาที่น้องกำลังอกหักและต้องการใครสักคน แทนที่ผมจะมุ่งเอาแต่ความรู้สึกของตัวเอง ผมควรจะดูแลน้องที่ผมรักให้หายดีเสียก่อน ส่วนนัทจะรักผมแบบไหนนั้นก็คงสุดแล้วแต่ฟ้าจะลิขิต ไม่รักก็คือไม่รัก ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยนัทจะเป็นน้องชายที่น่ารักของผมเหมือนเดิมตลอดไป

แล้วเพียวล่ะ ถ้าไม่เจอนัทเสียก่อนผมก็คงเดินหน้าแต่งงานกับเพียวต่อไป จากนั้นก็มีลูกด้วยกัน มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์เพราะผมวางรากฐานทุกอย่างไว้ค่อนข้างดีแล้ว จะว่าไป ถ้าผมจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคน เพียวคงจะเป็นเพียงคนเดียวที่ผมเลือก แต่พอผมเจอนัท ผมกลับค้นพบว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อนัทนั้นรุนแรงมากกว่าที่ผมมีต่อเพียวหลายเท่า มากจนทำให้ผมเกือบบ้าไปแล้ว

ถ้าถามหัวใจตัวเองตรงๆ ผมก็เอนเอียงมาทางนัทค่อนข้างมาก ถ้าจะต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ผมก็ยอมรับว่านัทเป็นเพียงคนเดียวที่จะเติมเต็มชีวิตของผมได้ ผมก็คงตัดสินใจได้แล้วล่ะ ต่อให้ไม่เหลือใครเลยผมก็คงต้องยอมแลก แม้จะสงสารเพียวมากแค่ไหน เมื่อถึงจุดหนึ่ง เธอก็ควรให้โอกาสตัวเองได้เจอใครสักคนที่จะมาเติมเต็มชีวิตอีกสักครั้ง แต่เธอก็ต้องอดทนผ่านช่วงเวลาหลังจากนี้ไปให้ได้เสียก่อน

อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดคงเป็นพ่อกับแม่ของผมเอง เพราะฉะนั้นผมต้องคุยและตกลงกับเพียวให้ได้ ถ้าเราตกลงกันว่าจะไม่แต่งงานกัน พ่อกับแม่ก็คงไม่สามารถบังคับได้ แต่ผมก็คงโดนเล่นงานหนักเอาเรื่อง

ผมหยุดความคิดไว้ชั่วคราวก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการธุระส่วนตัว จากนั้นก็ออกมาแต่งตัวไปทำงาน กำลังจะเดินออกไปจากห้อง นัทก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดีพร้อมกับเรียกหาพี่

"พี่แฟรงค์"

ผมหลุดหัวเราะผมยุ่งๆ ของนัทอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำใส่แก้วแล้วเอามาส่งให้นัทอย่างรู้ใจ นัทดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้วก็ส่งคืนให้ผมเอาไปเก็บให้ เรียบร้อยดีแล้วจึงเดินกลับมานั่งลงบนเตียงข้างๆ นัท

"ทำไมรีบตื่นล่ะ"

"นัทนอนไม่ค่อยหลับ" ว่าแล้วนัทก็หาวใหญ่

ผมขำเบาๆ กับหน้าตาง่วงๆ ของน้องชายบุญธรรมอีกรอบ นัทเป็นน้องที่น่ารักในสายตาของผมเสมอ และนัทก็มักทำตัวน่ารักๆ อย่างนี้เมื่อรู้ว่ามีพี่ชายอยู่ใกล้ เพราะนัทรู้สึกปลอดภัย

"นัท...พี่ขอโทษนะ พี่มาคิดๆ ดูแล้ว...พี่คงจะกดดันนัทมากเกินไปหน่อย ต่อไป...พี่จะไม่ทำอย่างงี้อีก ยกโทษให้พี่ด้วยนะ"

"นัทก็ไม่ได้โกรธพี่แฟรงค์ซะหน่อย" บอกพลางทำหน้ามุ่ย

ผมอดไม่ได้ที่จะเอามือไปลูมผมนัทเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

"พี่ดีใจที่นัทไม่โกรธพี่ เอาเป็นว่า...ถ้านัทสบายใจที่จะให้พี่เป็นพี่ชายคนหนึ่ง พี่ก็จะเป็นพี่ชายที่แสนดีให้นัท เหมือนตอนที่เราเป็นเด็ก ดีมั้ย"

นัทพยักหน้า ยิ้มน้อยๆ

"เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อนนะ อย่าลืมกินไอติมที่พี่ซื้อมาให้ล่ะ ต่อไปจะซื้อมาฝากบ่อยๆ แล้ววันนี้นัทจะไปไหนมั้ย"

"นัทว่าจะไปเอารถที่คอนโดซะหน่อย"

ผมพยักหน้ารับรู้ นัทกลับไปที่คอนโดหลายรอบแล้วแต่ยังไม่ได้เอารถของตัวเองมาเลย ไปทีไรก็เกิดเรื่องทุกที

"ถ้ามีอะไรจะให้พี่ช่วย โทรหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะ"

นัทพยักหน้า

"ถ้าจะกินข้าวก็โทรไปสั่งที่ครัวได้เลย พี่ไปแล้วนะ แล้วเจอกัน"

ผมไม่ลืมสั่งทิ้งท้ายก่อนออกไป พอออกมาจากห้องนัทแล้วก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ผมตัดสินใจทำอย่างนี้ ทำให้ความรู้สึกทุรนทุรายในใจหายไปมากทีเดียว

วันนี้ผมคงต้องดูแลรีสอร์ทเป็นหลักเพราะเป็นวันหยุดของนัท แต่ก็คงไม่มีอะไรมากเพราะใกล้จะปิดรีสอร์ทแล้ว ผมให้นัทหยุดสองวันที่ไม่ตรงกับเสาร์อาทิตย์เพราะสองวันนี้เรามีลูกค้าค่อนข้างเยอะ นัทก็เลยเลือกหยุดวันพุธกับพฤหัสบดี

ตอนเย็นๆ นัทกลับมาแล้วก็ไปเล่นเจ็ตสกีกับเฮนนิ่ง ผมไปนั่งดูและคอยบริการลูกค้าที่เข้ามาเที่ยวช่วงเย็นๆ ไปด้วย แม้ว่าจะกลัวเฮนนิ่งจีบนัทแต่ผมก็ไม่ได้แสดงท่าทีกีดกันอีก ปล่อยให้สองคนเล่นและพูดคุยกันไปตามธรรมชาติ การนั่งดูจิตใจที่ร้อนรนยามเห็นคนอื่นมาจีบคนที่เรารักก็ดีเหมือนกัน สุดท้ายมันก็สงบได้เอง

นัทเล่นเสร็จแล้วผมก็เอาผ้าเช็ดตัวไปส่งให้ เตรียมให้เฮนนิ่งด้วยหนึ่งผืน ผมช่วยนัทเช็ดตัวแล้วก็หยอกกันเล่น เฮนนิ่งคอยมองดูอย่างสนใจ พอผมไม่กดดันแล้วก็ดูเหมือนนัทจะกล้าเล่นกับผมเหมือนพี่กับน้องมากขึ้น เล่นถึงเนื้อถึงตัวกับผม หัวเราะร่าเสียงดังอย่างมีความสุข

ตอนกินข้าวเย็น ผมก็อุตส่าห์เดินกลับไปที่ห้องพักของนัทแล้วเอาไอศครีมที่แช่ไว้มาให้นัทกินที่ร้านอาหารกลางน้ำ เจ้าตัวดีใจใหญ่ กินคนเดียวไม่แบ่งใครเลยแม้กระทั่งเฮนนิ่ง

ผมปล่อยให้ชีวิตของผมช่วงนี้กับนัทเป็นไปอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน ไม่กดดัน เวลาทำงานผมก็ให้อิสระกับนัทเต็มที่ แต่ก็คอยสอนแนวคิดการทำธุรกิจและชีวิตให้ นัทยังไม่เคยรับผิดชอบธุรกิจของตัวเอง บางทีก็ยังติดเล่นสนุกบ้างตามประสาคนยังไม่มีภาระ เวลาผมสอนนัทก็นั่งฟังตาแป๋วเหมือนฟังผู้ใหญ่ แต่ก็ดูตั้งใจฟังดี

พอว่างเรามักจะเล่นกีฬาด้วยกันบ่อยๆ ที่รีสอร์ทผมยังมีฟิตเนสให้ออกกำลังกายด้วย พอตกเย็นไม่มีอะไรทำผมก็จะชวนนัทมาเล่นฟิตเนสด้วยกัน ส่วนเฮนนิ่งคงจะเบื่ออยู่แต่ในรีสอร์ทจึงออกไปหาอะไรทำสนุกๆ ข้างนอกบ้าง บางวันผมก็พานัทไปข้างนอก กินข้าว ดูหนังและทำกิจกรรมสนุกๆ ด้วยกัน

บางวันผมก็มานอนด้วยที่รีสอร์ทเพราะกลัวนัทเหงา บางวันก็พานัทไปกินข้าวที่บ้านกับพ่อกับแม่ของผมแล้วก็นอนที่นั่น นัทเผลอพูดเรื่องรีทรีทที่เขาค้อให้พ่อกับแม่ผมฟังด้วย ตอนแรกผมนึกว่าพ่อผมจะโกรธเพราะท่านเคยห้ามลูกๆ ไม่ให้ไปเหยียบที่นั่นอีก แต่พ่อผมกลับไม่ว่าสักคำ สงสัยคงจะลืมเรื่องเจ็บแค้นเก่าๆ ไปบ้างแล้วล่ะ

ผมคอยดูแลนัทอย่างพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่ง สุดท้ายนัทก็เลยกลายเป็นเด็กชายนัทที่ติดพี่ชายเหมือนตอนเด็กๆ คอยตามผมแจ ยิ่งมีไอศครีมให้กินยิ่งอ้อนใหญ่ ขนาดตอนหลังเฮนนิ่งชวนไปเล่นกีฬายังต้องมาลากผมไปด้วย แทนที่จะเล่นกับเฮนนิ่งก็มักจะมาเล่นแต่กับผม ให้ผมช่วยสอนตกปลา พายเรือและเล่นฟลายบอร์ด ผมก็ยินดีสอนให้ทุกอย่างทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องเล่น เหลือก็แต่เรื่องความรักนี่แหละที่ยังไม่ได้สอน

ช่วงนี้ผมจึงปล่อยให้นัทสดใสกับชีวิตอย่างเต็มที่โดยที่ผมไม่ก้าวก่ายใดๆ แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่า ภายใต้รอยยิ้มสดใสของนัทนั้น นัทกำลังคิดและรู้สึกอะไรอยู่

... ... ...

วันนี้เป็นวันสิ้นเดือน เงินเดือนงวดแรกของนัทออกแล้ว นัทบอกผมว่าจะไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ที่นัดไว้แล้วที่ร้านอาหารไม่ไกลจากแถวนี้ ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ขอให้นัทนั่งแท็กซี่ไป เวลาเมาจะได้ไม่ต้องขับรถเองให้เกิดอันตราย นัทก็เชื่อฟังแต่โดยดี

ผมกลับบ้านมากินข้าวกับพ่อแม่ตามปกติ อีกเพียงสองวันเท่านั้นเพียวก็จะกลับแล้ว พอกลับมา เราก็จะไปถ่ายพรีเว็ดดิ้งที่พังงาด้วยกันเพราะเพียวชอบทะเล แต่ก็น่าเสียดายที่คงจะไม่ได้ไปเพราะผมจะต้องคุยกับเพียวให้จบ ช่วงที่เธอไม่อยู่ผมก็ส่งไลน์คุยกับเธอเกือบทุกวัน ส่วนมากก็ให้กำลังใจและอวยพรให้แข่งชนะ ไปๆ มาๆ ผมกลับรู้สึกกับเธอเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งไปแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว

ผมนั่งคุยอัปเดตเรื่องงานกับพ่อแม่จนเกือบๆ ห้าทุ่มจึงแยกย้ายกันไปนอน แต่จู่ๆ ก็นึกเป็นห่วงนัทขึ้นมาเลยโทรลองโทรไปถาม

"เป็นไงมั่งนัท สนุกมั้ย"

"ซาหนุกค้าบพี่ น้าทซาหนุกมากเลย ได้ยินเสียงเพื่อนๆ ผมป่าว"

พอฟังเสียงนัทแล้วผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่คิดว่านัทจะเมาจนเสียงอ้อแอ้อย่างนี้

"กลับไหวมั้ย ให้พี่ไปรับมั้ย"

"หวายค้าบ น้าทกลับเองหวาย"

เสียงนัทตอบมาแข่งกับเสียงคนคุยกันและเสียงดนตรีที่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์

"ท่าจะไม่ไหวล่ะมั้งเนี่ย เดี๋ยวพี่ไปรับละกัน นัทอยู่ร้านอะไร พอจะบอกพี่ได้มั้ย"

"น้าทม่ายรู้อะ คุยกะไอ้ปอนด์ละกัน น้าทบอกไม่ถูกอะ พี่แฟรงค์มาเลย มาซาหนุกกาน"

ว่าแล้วนัทก็ส่งโทรศัพท์ให้ผมคุยกับเพื่อน ปอนด์ยังเมาไม่มากจึงพอคุยกันรู้เรื่องอยู่ พอผมรู้พิกัดจุดแล้วจึงแต่งตัวออกไปจากบ้าน ตรงดิ่งไปยังร้านที่นัทสังสรรค์กับเพื่อนอยู่

พอมาถึงผมก็เห็นนัทกับเพื่อนๆ ที่เหลืออยู่ไม่กี่คนนั่งล้อมโต๊ะที่จัดไว้ตรงลานเปิดโล่งมุมหนึ่ง มีลูกค้านั่งดื่มกินและคุยกันเสียงดังอยู่เต็มบริเวณ ข้างๆ กันมีเวทีให้ขึ้นไปร้องเพลง มีนักดนตรีเล่นดนตรีสดให้ด้วย เสียงเพลงและเสียงคุยกันจึงตีกันไปหมด

ผมลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ นัทแล้วก็แอบส่ายหัว ไม่คิดว่านัทจะเมาหนักขนาดนี้เลย เห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นอาฟเตอร์ช็อกมาจากการอกหักหรือเปล่า

"นี่พี่แฟรงค์ พี่ชายกูเองแหละ เป็นเจ้าของรีสอร์ทด้วยนะเว้ย"

นัทพยายามแนะนำผมให้เพื่อนๆ รู้จัก จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มด้วยอาการโงนเงนจนทรงตัวแทบไม่อยู่ ผมทักทายกับเพื่อนของนัทแล้วก็หันกลับมามองน้องชายตัวดีอย่างเป็นห่วง

"นัท เมาแล้ว พอเหอะ"

"ม่ายมาว น้าทไม่มาว น้องฟ้า น้องฟ้า มาทางนี้เร้วน้องฟ้าคนสวยของพี่ มาบริการพี่ชายผมหน่อย ดูแลพี่เค้าดีๆ น้า พี่เค้าเงินเยอะ เป็นอาเสี่ย ชอบอาเสี่ยใช่มั้ยล่ะ"

นัทหันไปเรียกน้องเชียร์เบียร์คนหนึ่งให้เดินมาหาผม เธอก็เดินมาตามที่นัทบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

"ขอเมนูละกันครับ"

ผมบอกไปสั้นๆ น้องคนนั้นที่ใส่ชุดสั้นจุ๊ดจู๋ก็รีบเดินไปหยิบเมนูมาให้ผมดู ผมดูๆ แล้วก็สั่งแค่โค้กใส่น้ำแข็งมาแก้วหนึ่งเพราะผมไม่ชอบดื่มเหล้า ตอนสมัยเรียนผมเคยดื่มแล้วโดนพ่อไล่ออกไปนอนนอกบ้าน แล้วสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดว่าห้ามกินเหล้ามาให้เห็นอีก ไม่อย่างนั้นจะตัดออกจากกองมรดก พ่อผมเป็นคนเข้มงวดเรื่องนี้มาก ผมก็เลยเลิกกินตั้งแต่ตอนนั้น

"น้องชมพู่ น้องชมพู่อยู่หนาย เมื่อกี้น้องชมพู่ยังไม่รับคำท้าพี่เลย น้องชมพู่มาหาพี่น้าทหน่อยเร้ว"

นัทเรียกหาเด็กเชียร์เบียร์อีกคน น้องที่ชื่อฟ้าได้ยินพอดีก็เลยไปช่วยตามมาให้

"มันเมามากเลยพี่ ผมไม่เคยเห็นมันเมาขนาดนี้เลย ไม่รู้มันเป็นไรของมัน สนุกอยู่คนเดียว"

ปอนด์หันมาบ่นให้ผมฟัง ส่วนเพื่อนๆ ของนัทที่เหลืออีกสามสี่คนก็นั่งดื่มเบียร์ กินกับแกล้มและฟังเพลงไปอย่างสบายๆ ต่างจากนัทที่กินจนเหมือนอาบ

"มันอกหักป่าววะไอ้ปอนด์" เพื่อนคนหนึ่งของนัทถามขึ้น

"กูก็ว่างั้นแหละ แต่ถามอะไรมันก็ไม่ยอมบอก"

ผมฟังเพื่อนๆ นัทคุยกันแล้วก็แอบหนักใจอยู่ลึกๆ ภายใต้รอยยิ้มที่สดใสของนัทในหลายวันที่ผ่านมา ผมรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่นัทเก็บซ่อนไว้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร

"นี่...พี่ให้พันนึงเลย น้องชมพู่กินขวดนี้ให้หมด โอเคมั้ย"

นัทบอกสาวเชียร์เบียร์ชื่อชมพู่ที่เพิ่งมาถึง แล้วก็ควักเงินออกมายื่นให้ดูด้วย น้องชมพู่ก็เลยรับคำท้าที่จะดื่มเหล้าขวดนั้นให้หมดเพื่อแลกกับเงินหนึ่งพันบาท ผมรู้มาว่าเด็กเชียร์เบียร์พวกนี้ได้เงินค่าจ้างวันละไม่กี่ร้อยหรอก รายได้ส่วนมากก็มาจากการนั่งดริงค์กับแขกเป็นหลักนี่แหละ

"เก่งจางเลย เอาปายเลยพันนึง"

นัทหัวเราะสนุกแล้วก็ส่งเงินให้น้องคนนั้นไป

"หมดไปหลายพันแล้วพี่ บอกมันก็ไม่ฟัง" ปอนด์หันมาบอกผมพลางส่ายหัว

สักพักน้องที่ชื่อชมพู่ก็ทำหน้าผะอืดผะอม ก่อนจะขอตัววิ่งออกไปทางหลังร้าน เธอคงเมาจนอยากอาเจียนนั่นเอง เห็นแล้วผมก็รู้สึกเห็นใจ แต่เมื่อเลือกอาชีพนี้แล้วก็ต้องรับสภาพชีวิตอย่างนี้ได้

"อ๊วกเลยอะ ฮ่าๆๆ" นัทนั่งหัวเราะชอบใจแล้วก็ยกแก้วเหล้ากระดก จากนั้นก็ชวนเพื่อนๆ ชนแก้ว รวมทั้งผมด้วย

ผมนั่งดื่มโค้กและคุยกับเพื่อนๆ ของนัทไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลูกค้าค่อยๆ บางตาไปจนเกือบหมด ปอนด์จึงตัดสินใจให้พนักงานมาเช็คบิล นัทเมามากจนคออ่อนและนั่งพิงไหล่ผม ไม่รู้เรื่องเลยว่าตัวเองจะต้องจ่ายเงินเลี้ยงเพื่อนตามที่สัญญาไว้ ปอนด์ก็คงไม่มีเงินมากขนาดนั้น ผมก็เลยส่งบัตรเครดิตให้พนักงานไป กลายเป็นผมที่ต้องเลี้ยงเพื่อนๆ ของนัทแทนเสียเอง

ผมพยุงนัทออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่ริมถนนหน้าร้านอย่างทุลักทุเล พอขึ้นไปนั่งก็คอพับคออ่อนจนผมต้องให้พิงไหล่ ไม่งั้นก็คงไหลไปนอนกองตรงที่วางเท้า ผมขับรถออกไปแล้วก็แวะซื้อข้าวต้มร้อนๆ ที่ตลาดโต้รุ่งแห่งหนึ่งติดมาด้วย

มาถึงที่รีสอร์ทก็เกือบๆ ตีสอง พอผมพานัทเข้ามาถึงห้องเท่านั้น เจ้าตัวก็ทำท่าจะอาเจียน ผมก็เลยต้องรีบพาไปห้องน้ำ ช่วยลูบหลังให้ แต่นัทก็อาเจียนออกมาเป็นลมเฉยๆ เพราะไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากเบียร์อย่างเดียว

ผมพยุงนัทมานอนที่เตียง ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของนัทออกจนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว จากนั้นก็หาผ้าชุบน้ำอุ่นๆ มาเช็ดตัวให้ นัทจะได้นอนสบายๆ ไม่เหนียวตัว ระหว่างที่ผมเช็ดตัวให้นัทก็รำพึงรำพันอะไรบางอย่างฟังไม่ได้ศัพท์

เช็ดตัวเสร็จแล้วก็ดูเหมือนสีหน้าของนัทจะดีขึ้นมาหน่อย ผมจึงปล่อยให้นัทนอนพัก จากนั้นก็เอาข้าวต้มไปแกะใส่ถ้วยให้ ได้กินอะไรร้อนๆ น่าจะทำให้ดีขึ้น

"นัท กินข้าวต้มร้อนๆ หน่อยนะ เดี๋ยวพี่พาไป"

นัทลืมตาขึ้นมอง จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ผมย่อตัวลงให้นัทเกาะคอแล้วก็พยุงไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวที่ผมจัดไว้ให้ในห้อง พอนั่งเข้าที่แล้วผมก็ปล่อยให้นัทจัดการกับอาหารตรงหน้าด้วยตัวเอง นัทนั่งกินข้าวอย่างเงียบๆ ซึมๆ จนดูแปลก

"ดีขึ้นมั้ย" ผมถามอย่างเป็นห่วง

นัทพยักหน้า

"ไม่กินเหรอ"

นัทถาม เสียงหายอ้อแอ้ไปเยอะแล้ว

"นัทกินเถอะ พี่กินแล้ว กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ"

นัทไม่พูดอะไรอีก แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มจนหมดชาม

"อิ่มมั้ย ขอโทษที พี่ไม่รู้ว่านัทจะหิวขนาดนี้ก็เลยซื้อมาถุงเดียว เดี๋ยวพี่ไปหาซื้ออะไรที่เซเว่นมาให้นะ"

"ไม่เป็นไร นัทอิ่มแล้ว" นัทรีบบอกก่อนที่ผมจะลุกไป

"แน่นะ"

นัทพยักหน้า ผมจึงเอาชามไปเก็บให้ พอกลับมาก็เห็นนัทนั่งอยู่บนเตียงเตรียมตัวนอน ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ บีบยาสีฟันใส่แปรงสีฟัน แล้วก็เปิดน้ำใส่แก้ว จากนั้นก็เอามาให้นัทแปรงฟันบนเตียง นัททำสีหน้าคล้ายเกรงใจ แต่ก็รับแปรงสีฟันและแก้วน้ำไปแปรงฟันแต่โดยดี ผมเดินไปหยิบชามพลาสติกมาให้ จากนั้นก็ให้นัทบ้วนปากใส่ชาม เสร็จแล้วผมก็เอาน้ำไปเททิ้งในห้องน้ำให้ พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นนัทนอนลงไปบนเตียงแล้ว

ผมเดินมายืนข้างๆ เตียงแล้วก็ก้มดู

"ดีขึ้นหรือยังนัท จะให้พี่ช่วยอะไรอีกมั้ย"

นัทส่ายหน้าช้าๆ แต่ก็ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

"งั้นเดี๋ยวพี่ปิดไฟให้นะ นัทจะได้นอนพักผ่อน"

ผมเอื้อมมือไปลูบผมนัทเบาๆ ด้วยความเอ็นดู พอจะเดินออกไป นัทก็ดึงมือผมไว้แล้วกระชากผมลงไปนอนทับบนตัวของนัท ใบหน้าเราอยู่ห่างกันแค่คืบจนผมตกใจนิดหน่อย

"พี่แฟรงค์"

นัทเรียกเสียงเศร้า ผมใช้ข้อศอกซ้ายค้ำตัวไว้ เอามืออีกข้างลูบผมนัทเบาๆ

"มีอะไรเหรอน้องพี่ วันนี้เป็นไรเมาหนักขนาดนี้" ผมถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ

"พี่แฟรงค์อย่าโกรธนัทนะ" เจ้าตัวทำท่าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ

"พี่จะโกรธนัทเรื่องอะไร"

"พี่แฟรงค์"

"หืม"

"พี่แฟรงค์รักนัทหรือเปล่า"

"รักสิ ก็นัทเป็นน้องชายของพี่ไง"

"ไม่ใช่แบบนั้น" นัททำเสียงเหมือนเด็กขี้แง

"อ้าว...แล้วแบบไหนล่ะ นัทจะให้พี่รักนัทแบบไหนล่ะ"

"ไม่รู้"

"อ้าว" ผมทำหน้างง

"พี่แฟรงค์ นัทเสียใจ พี่แฟรงค์ดีกับนัท ดูแลนัทตลอด แต่..."

"มีอะไรเหรอนัท"

"ไม่รู้จะบอกยังไง"

"ก็บอกอย่างที่นัทคิดสิ นัทคิดอะไรก็บอกพี่อย่างงั้น"

นัททำท่าครุ่นคิด สักพักก็ถามคำถามเดิมขึ้นมาอีก

"พี่แฟรงค์รักนัทหรือเปล่า"

"รักสิ รักมากด้วย"

"รักแบบไหนล่ะ"

ผมอึ้งกับคำถามนั้นเล็กน้อย แล้วก็ค่อยๆ ยิ้ม

"นัทรักพี่แบบไหน พี่ก็รักนัทแบบนั้นแหละ"

"แล้ว...ถ้าเกิดนัทไม่ได้รักพี่แฟรงค์แบบพี่ชายล่ะ"

"พี่...ก็จะรักนัทมากกว่าน้องชายไง"

"เหรอ"

"ใช่ แล้วนัทล่ะ รักพี่มากกว่าพี่ชายหรือเปล่า"

นัทพยักหน้า ไม่ทันที่ผมจะได้ยิ้มดีใจ นัทก็รีบพูดต่อ

"แล้วทำไม...พี่แฟรงค์ถึงไม่กลับมาหานัทล่ะ นัทเหงา เหงามาก นัทรอพี่แฟรงค์ทุกวันเลย นัทไปรอที่บ้านของพี่แฟรงค์ แต่พี่แฟรงค์ก็ไม่เคยกลับมาหานัทเลย"

ผมขนลุกซู่เมื่อนัทเริ่มคลายความจริงบางอย่างออกมาทีละน้อย ความรู้สึกในอดีตคงฝังใจนัทมากทีเดียวถึงได้พูดขึ้นมา ผมได้ยินมาว่าคนเมามักจะหลุดพูดความจริงที่อยู่ส่วนลึกของจิตใจออกมาบ่อยๆ นี่คงจะเป็นความจริงเรื่องหนึ่งที่นัทเก็บไว้ในใจ

"พี่ขอโทษ..." ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีไปกว่านี้

"นัทกลัว นัทกลัวจะเสียพี่แฟรงค์ไปอีก"

"นัทไม่ต้องกลัว พี่ไม่ไปไหนหรอก พี่จะอยู่กับนัทตลอดไปนะ"

"แล้วทำไม...พี่แฟรงค์ถึงมีคนอื่น"

ผมมองหน้านัทด้วยอาการอึ้ง พยายามคิดตามอย่างหนักว่านัทกำลังจะบอกอะไรผม

"พี่..." แล้วผมก็พูดไม่ออก

"นัท...อยากรักพี่แฟรงค์ แต่นัท...ก็รักพี่ไม่ได้ พี่แฟรงค์มีคนอื่นแล้ว นัทกลัวพี่แฟรงค์จะทิ้งนัทไปอีก"

ผมขนลุกซู่อีกครั้งเมื่อเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องได้

"ถ้านัทอยากจะรักพี่ นัทก็รักสิ นัทมีสิทธิ์รักพี่นะ นัทไม่ผิด นัทไม่ต้องกลัว นัทรักพี่ใช่มั้ย"

นัทพยักหน้า ผมอดจะยิ้มดีใจไม่ได้ที่ได้รู้ความลับจากใจนัทเสียที นัทรักผมแน่แล้ว แต่คงฝังใจกลัวที่เคยถูกผมทิ้งให้รอ พอกลับมาเจอกันและรู้ว่าผมมีเพียวอยู่ นัทก็ยิ่งกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ก็เลยสร้างกำแพงป้องกันตัวเองหลายชั้นเพื่อป้องกันความรู้สึกของตัวเอง และกันไม่ให้ผมเข้าไปหา อีกอย่าง...ก็คงจะกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นมือที่สามด้วย

"นัทรักพี่แฟรงค์ได้หรือเปล่า"

"ได้สิ พี่แฟรงค์ก็รักนัทนะ นัทไม่รู้เหรอว่าพี่แฟรงค์รักนัทมากแค่ไหน พี่แฟรงค์เสียใจนะที่เคยทิ้งให้นัทรอ นัทยกโทษให้พี่ได้หรือเปล่า ยกโทษให้พี่ได้มั้ย"

ผมรู้แล้วว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากอะไร ผมได้ทิ้งประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวดให้เด็กน้อยคนหนึ่งจำฝังใจ เด็กน้อยคนนั้นรักพี่ชายมาก แต่พี่ชายก็ทิ้งไปและไม่มาหาอีกเลย แม้ว่าเวลาจะผ่านไปล่วงเลยมาถึงสิบสามปี แต่ช่องว่างที่ขาดหายไปนั้นกลับยิ่งกว้างและลึกจนถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม

นัททำท่าครุ่นคิด คิดอยู่นานทีเดียวก่อนจะพยักหน้าตกลง

"ขอบคุณนะนัทที่นัทยกโทษให้พี่ ต่อไป...พี่จะไม่ทิ้งกันไปไหนอีก พี่รักนัท นัทก็รักพี่ใช่มั้ย"

นัททำท่าครุ่นคิดอีกรอบ แล้วก็พยักหน้าช้าๆ

"นัทรักพี่แฟรงค์ รักมาตั้งนานแล้ว"

ผมเบิกตาโตด้วยความตกใจ

"ตั้งแต่ตอนไหน นัทรักพี่ตั้งแต่ตอนไหน"

"มอหนึ่ง" นัทหลุดคำนั้นออกมาเหมือนแทบจะไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย

น้ำตาผมพาลจะไหลให้ได้เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ ตอนนั้นผมไม่อยู่แล้ว ทำไมนัทถึงรักผมได้ล่ะ หรือว่าความผูกพันที่ยังเหลืออยู่จะพานัทไปถึงจุดนั้นได้เอง ก็น่าอัศจรรย์ใจไม่น้อยที่ความรักยังทำหน้าที่ต่อไปเองได้ แม้ตัวคนที่จะรักไม่อยู่แล้ว แต่ผมก็รู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ไม่เคยรับรู้ถึงความรักนั้นเลย

มิน่าล่ะ! นัทถึงกลัวเหลือเกินที่จะรักผม คงกลัวเรื่องนี้มากกว่ากลัวว่าตัวเองจะเป็นมือที่สามด้วยซ้ำ

"พี่แฟรงค์ อย่าทิ้งนัทไปอีกนะ นัทรักพี่แฟรงค์ รักพี่แฟรงค์คนเดียว รอพี่แฟรงค์คนเดียว"

นัทพูดเหมือนเพ้อ ผมรีบพยักหน้ารับปากด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ

"น้องพี่ พี่ขอโทษ พี่สัญญานะว่าพี่จะไม่ทิ้งนัทไปไหนอีก ต่อให้พี่ต้องสูญเสียอะไร พี่ก็จะไม่ทิ้งนัทไป จำคำพี่ไว้นะนัท"

นัทพยักหน้า ยิ้มอย่างพอใจ พอได้เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วก็ทำให้อารมณ์ของเราสองคนคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ต่างคนต่างเงียบกันไปสักระยะ จนกระทั่งอารมณ์บางอย่างคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ

"พี่แฟรงค์ตัวหนักอะ"

อยู่ๆ นัทก็เปลี่ยนเรื่อง แถมยังพยายามจะเอี้ยวตัวหนี พอผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไม ร่างกายส่วนนั้นของนัทฟ้องอาการบางอย่างเสียแล้ว นัทคงจะอายก็เลยพยายามหาทางแก้เกี้ยว

"ก็นัทดึงพี่ลงมาเอง จะมาว่าพี่ตัวหนักได้ไง" ผมพูดหยอกเล่น ยิ้มน้อยๆ อย่างเอ็นดู

คราวนี้นัทหน้าแดงกว่าเดิม แม้ว่าจะหน้าแดงจากอาการเมาอยู่ก่อนแล้ว แถมเจ้าร่างกายส่วนนั้นก็ยังไม่ยอมสงบง่ายๆ อย่างที่เจ้าของต้องการ ยิ่งร่างกายเราเบียดชิดกันมันก็ยิ่งแข็งขืน ผมเขยิบตัวขึ้นไปทาบทับบนตัวนัทในท่าที่สบายขึ้น ปล่อยให้ส่วนนั้นของเราเบียดกันตามที่พอใจ

"นัทจะนอนแล้ว" นิ่วหน้าแล้วก็เบี่ยงหน้าหนี

"แต่พี่...คงนอนไม่ได้แล้วล่ะ"

"แล้วพี่แฟรงค์จะทำอะไร" ถามโดยไม่มองหน้า

"แล้วนัทอยากให้พี่แฟรงค์ทำอะไรหรือเปล่า"

"บ้า"

นัทเขินใหญ่เลยคราวนี้ พยายามดิ้นหนีเบาๆ แต่ก็ไม่จริงจังนัก

"นัทไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ"

ผมถามเสียงกระเส่า ยิ่งนึกถึงตอนที่วิ่งเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำแล้วก็ยิ่งกระสันซ่าน

"เปล่ารู้สึกซะหน่อย"

"ยังจะมาเถียงพี่อีก"

ผมเลื่อนมือลงไปกุมตรงนั้นของนัทไว้ เจ้าตัวสะดุ้งแล้วก็ทำหน้าแหยๆ ด้วยความเขินอายหนักกว่าเดิม

"แล้วนี่อะไร"

"ไม่รู้" นัทนิ่วหน้า

"โตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอ ดีเลย งั้นพี่จะได้สอนนัท นัทจะได้รู้จักไว้ ดีมั้ย"

ผมปล่อยมือออกจากตรงนั้นแล้วก็ค่อยๆ ใช้มือสองข้างประคองใบหน้านัทให้มองผมตรงๆ

"จะทำอะไร"

"ก็ทำอย่างที่นัทอยากให้พี่ทำไง"

"จะดีเหรอ"

ผมพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม "นัทรู้แล้วใช่มั้ยว่าเราจะทำอะไรกัน"

นัทดิ้นนิดหน่อยแล้วก็บ่นอย่างเดิม "พี่แฟรงค์ตัวหนักอะ"

"ก็นัทดึงพี่ลงมาเองไม่ใช่เหรอ"

"ก็นัทเมา"

"เกี่ยวอะไรกับเมาล่ะ ไหนตอนแรกนัทเถียงพี่ว่าไม่เมาไง"

นัทเงียบ คงไม่รู้จะเถียงอะไรอีกแล้ว ผมค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มเป็นจริงจังมากขึ้น

"นัท...พี่รักนัทนะ พี่จะทำให้นัทมีความสุขที่สุดในโลก นัทจะไปกับพี่มั้ย"

ท่าทางเขินอาย สัมผัสที่แนบชิดและท่อนบนเปลือยเปล่าของนัท ปลุกเร้าความต้องการที่รุนแรงของผมให้โหมกระพือ ยากที่ใครจะหยุดยั้งได้

"ว่าไง...นัทจะไปกับพี่หรือเปล่า"

ผมถามย้ำอีกรอบพร้อมกับก้มหน้าลงไปจนริมฝึปากของผมแตะสัมผัสเบาๆ กับริมฝีปากของนัท นัทคงคิดหนักก่อนที่จะตัดสินใจ แต่ผมตัดสินใจแล้ว

"แล้วแต่"

นัทไม่พูดตรงๆ แต่แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่านัทพร้อมจะไปกับผม


- TBC -[/center]
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 15-12-2015 06:28:10
OMG   อย่านะแฟรงก์   อย่าได้แซ่บกับนัทตอนนี้เลยนะ    ถึงอีกฝ่ายจะสารภาพความในใจแต่ก็เพราะว่าเมาหรอกนะ    สร่างเมาแล้วจะโกรธขนาดไหนก็ยังไม่รู้เลย  กับเพียวก็ยังไม่เคลียร์    กับพ่อที่แค่กินเหล้ายังโกรธขนาดนั้น  ถ้าแฟรงก์เป็นเกย์จะขนาดไหน  พ่อแม่อาจจะรักนัทแต่ก็ในฐานะลูกหรอกนะ ไม่น่าใช่ในฐานะลูกสะใภ้แน่   

Consensual sex is the best to show your love.!
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-12-2015 07:23:51
อืม~


ใจตรงกันแล้ว แล้วปัญหาเพียวกับบิดามารดาจะแก้ไขยังไงดี??

ยังไม่นับพ่อแม่เพียวที่อาจจะต้องมาเคลียร์เองอีกคะหาก

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 15-12-2015 09:47:11
อยากกรี้ดดังที่เขาสองคนรู้ใจตัวเองแล้ว...และแฟร้งก็รู้ถึงปมปัญหาของนัทที่มีท่าที่ไม่ยอมรักแฟร้งตั้งแต่แรกๆ
ถึงนัทพร้อมจะไปกับแฟร้งแล้วก็ตาม..แต่ปัญหาที่ค้างคายอยู่ละ เพียว พ่อแม่ สังคมรอบข้าง ทุกอย่างมันจะไม่กดดันนัทหรอกเหรอ...เคลียร์ตัวเองก่อนดีกว่าไหม..เพราะคนที่เจ็บปวดมากที่สุดก็คือนัท ... อ่านแล้วมันก็ยังฟินไม่ที่สุดอยู่ดีเพราะเหมือนกับว่าหลังจากวันนี้ปัญหาจะตามมาหนักขึ้น...   :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 15-12-2015 13:06:54
ไม่นะ ไม่ ๆๆๆๆๆๆ

ถ้ามีอะไรกันนัทต้องเสียใจมากแน่ ๆ

คิดดูสิว่า ความรักกับต้องตาจบแบบเลวร้ายเพราะ การทรยศหักหลัง

ถ้านัทตื่นขึ้นมาพบว่า ตัวเองเป็นชู้กับพี่ที่ตัวเองรักมาก (ไม่ว่าจะในฐานะพี่ชายหรือคนรักก็ตาม) ทั้ง ๆ ที่เขามีพันธะอยู่แล้ว
นัทจะเป็นอย่างไร? ถึงแฟรงค์กับเพียวจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่ความสัมพัธ์ก็เป็นคู่ผัวเมียไปแล้ว

แม้แต่แค่ภายนอกอย่างกอด จูบ ด้วยความรู้สึกกระสันทางเพศก็ผิดแล้ว

ตั้งสติให้ได้นะแฟรงค์ อย่าสร้างบาดแผลที่ลึกกว่าความรู้สึกถูกทอดทิ้งให้กับนัทเลย
ไม่คิดจะแต่งงานกับเพียวแล้วก็จริง แต่นายก็ยังไม่ได้ยุติความสัมพันธ์นะ

อ่านแล้วหวั่นใจ 
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 15-12-2015 16:39:56
ถ้ามีดบาด ปาดเนื้อ เป็นเยื่อแผล
แค่ดูแล ทายา เดี๋ยวก็หาย
แต่ถ้ามีด ปักลึก มันใกล้ตาย
แทนที่หาย จะวางวาย ไม่ง่ายเลย

เพียงเท่านี้ นัทยังช้ำ ระกำเศร้า
แค่เห็นเขา มีก่อนเก่า ยังไม่เฉย
แล้วถ้าลึก นึกถลำ ย้ำกว่าเคย
ใจสลาย ตายไปเลย แฟรงค์แต่งงาน

รักสามเศร้า..เราสามคน
ซิกๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 15-12-2015 16:41:38
อั้ยยะ ตกใจนัทดื่มเหล้าหนักขนาดนี้ คืนนี้โดนแน่ๆ นัทเอ๋ยย ๕๕๕ ดีใจกับแฟรงค์ที่ได้รู้ความจริงเสียทีว่านัทรักมากเหมือนกัน
  เรื่องเพียวไม่เป็นไรเลิกก็เลิก แฟรงค์รู้ใจตัวเองแล้วนี่ รอ รออ่านตอนใหม่คับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 15-12-2015 17:06:24
รีบเคลียร์ปัญหาด่วน!!
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: มะฮอกกานี ที่ 15-12-2015 17:08:19
ปัญหาอีก108 กำลังตามมานะ
แต่ก็เชื่อว่า ทั้งคู่จะฝ่าฟันไปด้วยกัน
ทำไงได้  ก็รักกันแล้วนี่

เป็นกำลังใจให้คนแต่ง
รออออ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-12-2015 17:11:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 15-12-2015 17:42:49
ถ้าคำสารภาพในคืนนี้คือความตั้งใจของนัทตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็ดีไปนะคะ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกันค่ะว่าถ้าเช้าขึ้นมาเมื่อไรทั้งสองคนจะมองหน้ากันติดอีกไหม
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 15-12-2015 20:51:25
หืออออ..ถ้ามีอะไรกันมันก็จะเกินเลยคำว่าพี่น้องนะ
อีกอย่างพี่แฟรงค์...กับเพียวยังไม่้เคลียร์กันเลย ถ้ามี..อะไรกันจะดีหรอออ

แต่สำหรับความรู้สึกนัท อันนี้เข้าใจ..
ลึกๆ ก็พอรู้ว่านัทรู้สึกกับพี่แฟรงค์เกินพี่ชาย..


รอลุ้นตอนหน้าครับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 15-12-2015 21:32:54
โอ้โห มาตามอ่านนี่เครียดเลย
มันยากมากจริงๆเพราะกลับมาเจอกันด้วยสถานะแบบนี้
เพียวเองก็ไม่ผิด
แต่ถ้าจะมารักกันจริงๆแล้วต้องให้แฟรงค์ทิ้งเพียว นัทเองก็คงรู้สึกแย่ไม่น้อย
รอลุ้นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้ทั้งคู่รักกันแบบไม่ทำร้ายเพียวเกินไปละกันนะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-12-2015 23:41:52
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH07 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม ✢ P4 ▒ 15.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 16-12-2015 01:11:26
นี่ตัดจบแบบนี้เลยเหรอนี้ ทำร้ายกันซะ แต่ก็นะ ขืนมีอะไรในสภาพมึนเมาแบบนี้ นัทตื่นขึ้นมาแล้วจำได้ มันจะออกมาแบบไหนก็คาดเดายากเลยแฮะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 16-12-2015 08:15:26
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 8 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย (NC)


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดที่ต้องเอื้อนเอ่ยในเวลานี้ ในแววตา สองเราต่างอ่านภาษาหัวใจที่ซ่อนอยู่ข้างในได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ผมค่อยๆ เอาฝ่ามือทั้งสองประคองหน้าของนัทให้เงยขึ้น แล้วบรรจงจูบที่แสนหวานนิ่มนวลลงไป นัทเผยอริมฝีปากรอรับรอยประทับของผมอย่างว่าง่าย เราต่างหลับตาพริ้มเมื่อได้แลกลิ้นสัมผัสรสหวานของกันและกัน เสียงลมหายใจที่หอบแรงขึ้น บ่งบอกว่าเราสุดเสียวซ่านรัญจวนใจกับจูบแรก รู้ดีว่านี่มิใช่เพียงความใคร่ แต่มาจากความรักที่เอ่อล้นข้างในหัวใจของเรา

ผมเคลื่อนจมูกซุกไซ้เข้าใต้กกหูและรอบคอของนัท เพลิดเพลินสูดหอมดอมดมกลิ่นผิวกายมาจดจำไว้ในห้วงสำนึก เมื่อกายแนบกายประสานลูบไล้นานเข้า ความรู้สึกซาบซ่านหวิววาบก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากสัมผัสแผ่วเบากลายเป็นพลังที่หน่วงหนักและบีบแน่น ท่อนขาของเราสอดแทรกสลับกันและบดเบียดเสียดสีอย่างหนักหน่วง ถึงตอนนี้คงยากที่จะมีสติยับยั้งได้ต่อไป

ผมวกกลับมาที่ริมฝีปากอวบอิ่มของนัทอีกครั้ง คราวนี้เพิ่มน้ำหนักในการบดขยี้ลงไปให้สมแรงปรารถนาที่ลุกโชนแผดเผา นัทคงรู้สึกเหมือนตัวเองหมุนปั่นควงคว้างลงจากที่สูง ผวาโอบรอบคอผมไว้แน่น แม้ผมบดบี้ดูดดึงหนักขึ้นนัทก็ยังสู้ ตอบสนองด้วยสัมผัสหนักหน่วงไม่แพ้กัน บ่งบอกชัดเจนว่าต้องการผมมากแค่ไหน

พอหนำใจผมก็จับนัทลุกขึ้นนั่ง หมุนตัวอ้อมไปนั่งข้างหลังนัท แล้วก็ถอดเสื้อของตัวเองโยนออกไปอย่างรีบร้อน ดึงตัวนัทให้หลังแนบชิดกับอกผม สองท่อนขาผมแนบเบียดล้อมนัทไว้ แนบชิดจนนัทสัมผัสบางอย่างที่ดุนดันข้างหลัง ผมเกยคางบนบ่านัทแล้วก็โน้มเอียงหน้าซุกจมูกเข้าไซ้ข้างกกคอ ตระโบมจูบสลับไปมาทั้งสองข้าง สอดมือเข้าโอบกอดแทรกไซ้ใต้ราวนมของนัทแล้วก็ละเลงลูบสัมผัสแผงอกขาวเนียน เขี่ยนิ้วรอบขอบกล้ามเนินใกล้วงแขนแล้วเวียนวนปลายนิ้วโดยรอบ จนปุ่มอ่อนเครียดแข็งชูชันตอบรับสัมผัสที่หื่นกระหาย แม้ต่อมขนของผมเองก็ยังลุกซู่ไปทั้งตัว

ผมขยำกล้ามเนินเนื้อแล้วคลึงเคล้นซ้ำๆ จากนั้นก็เอาฟันฉกขบดูดกัดที่ติ่งหูเบาๆ นัทถึงกับเผยอปากร้องครางอย่างซ่านเสียว ผมรู้ว่านัทชอบเลยทำย้ำๆ จนนัทครางอู้อี้ในลำคอและหลับตาปรือ นัทสอดมือไพล่หลังต่ำลงแล้วขยำคลึงเคล้นเล่นกับส่วนนั้นของผมบ้าง แค่แรกสัมผัสผมก็เผลอร้องครางอย่างลืมตัว

ผมเอียงตัวลอดใต้วงแขน นัทยกแขนขึ้นสูงแล้วโอบรอบคอผมไว้ราวกับรู้ว่าผมจะทำอะไร แถมยังเอียงตัวให้ผมจัดการได้ง่ายขึ้น ผมใช้ปากดูดสลับขบกัดปุ่มและเลียวนปลายเนินเนื้อ มือซุกซนลูบสัมผัสขาอ่อนท่อนบนทั้งรอบนอกและพับในไปทั่ว ยิ่งนัทส่งเสียงครางผมก็ยิ่งได้ใจ

"พี่แฟรงค์ อาห์..."

ผมเอียงตัวเปลี่ยนไปอีกข้าง ลอดใต้วงแขนข้างนั้นแล้วก็ทำคล้ายเมื่อครู่นี้ นัทเอียงตัวและแอ่นหน้าอกรับสู้อย่างรู้งาน มือข้างนั้นกดหัวผมไว้แน่นไม่ให้หนีหาย มือที่ว่างของผมก็คอยลูบไล้ตามข้างลำตัว แล้วเลื่อนไล่ลงสู่จุดสำคัญของนัท บีบคลึงเคล้นแผ่วบ้างหนักบ้าง เรียกเสียงครางรัญจวนใจได้อย่างดี

ผมพลิกตัวนัทหันหน้ามาเผชิญ ประคองสองแก้มแล้วบรรจงจูบอย่างดูดดื่มอีกรอบ ผมชอบรสจูบของเราเหลือเกิน ทำเอาผมลืมจูบทุกจูบที่เคยผ่านมาหมดเสียสิ้น เพราะนี่คือจูบแรกจากความรักที่ผมตามหามาทั้งชีวิต

นัทผลักผมลงนอนบนเตียงแล้วมองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมแทบคลั่ง โถมตัวลงมาจูบผมอย่างเร่าร้อนจนผมกลัวว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกรุกล้ำเสียแล้ว แต่กระนั้นผมก็คงยอมได้ถ้านัทต้องการ สนุกกับรสจูบพอแล้วนัทก็ไล่โลมเลียซุกไซ้ตั้งแต่ใต้ซอกหูลงไปตามแนวกราม ไล่เลื่อนลงไปที่คางแล้วก็ขยับขึ้นมาจนถึงใต้ซอกหูฝั่งตรงข้าม แรงดูดดึงโลมเลียทำผมสยิวสะท้านจนเผลอกอดนัทแน่น จะว่าเสียเชิงชายก็ยอมเพราะเสียวกระสันเกินห้ามใจ

นัทลงมาเล่นตรงเนินอกผมเหมือนที่ผมทำบ้าง ผมยิ่งเสียวซ่านจนมือไม้ควานคว้าหาที่พึ่งแทบไม่ทัน สุดท้ายพบเพียงศีรษะของนัทที่ขยับขึ้นลงตรงอก เมื่อรู้ว่าคนที่รักยินยอมทำให้อย่างเต็มใจก็ยิ่งสุขสม ทำให้ผมเห็นความแตกต่างระหว่างการทำตามคำสั่งของธรรมชาติกับความต้องการของหัวใจมากขึ้น นี่ไงสัมผัสรักที่ผมรอคอย

นัทปลดซิบและดึงกางเกงผมออกไปอย่างร้อนรน พอพ้นท่อนขาไปแล้วก็เผยให้เห็นปราการสีขาวที่ดีดเด้งออกมาอวดสายตาหื่นกระหาย นัทโถมตัวเข้าหาและใช้มือลูบคลึงเล่นอย่างหลงใหล ก่อนปราการนั้นจะถูกถอดเหวี่ยงทิ้งไปอย่างไม่แยแส แม้ว่านัทจะยังไม่เคยลิ้มลองของชายใด แต่คงไม่ยากเกินไปที่จะเรียนรู้ แล้วนัทก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง สัมผัสโอบอุ่นคาบกลืนกินของผมจนมิดหาย ผมผงกดูแล้วก็ร้องครางเสียงดังตามแรงดูดดึงที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

"อาห์...นัท ลึกเข้าไปอีก"

มือผมขยำผ้าปูที่นอนแน่น ไม่เคยรู้สึกเสียวซ่านอย่างนี้มาก่อนในชีวิต พอรู้สึกเคว้งคว้างก็คว้าศีรษะนัทไว้เป็นที่พึ่ง ไม่นานก็รู้ว่าตัวเองสามารถควบคุมจังหวะช้าเร็วได้อย่างที่ต้องการด้วย นัทฮึดสู้จนเริ่มรับมือกับความเร็วที่เปลี่ยนไปได้อย่างดี ทำให้ผมเสียวกระสันจนรู้สึกเหมือนกำลังจะปลดปล่อย แต่ก็พยายามกลั้นไว้สุดใจ รอลิ้มรสยอดความหฤหรรษ์ที่คืบใกล้เข้ามา

ผมสลับให้นัทนอนลงแล้วก็จัดการสิ่งนั้นของนัทที่เรามีเหมือนกันบ้าง คงไม่มีวิธีไหนจะดีไปกว่าการเลียนแบบถ้าเรายังอ่อนประสบการณ์ นัททำแบบไหนผมก็ทำตามอย่างไม่มีผิดเพี้ยน พลิกแพลงบ้างเมื่อเริ่มชำนาญขึ้น เจ้าตัวผงกดูและสูดปากเสียวซ่านตลอดเวลาที่ผมปฏิบัติการ รู้ได้ทันทีว่าสัญญาที่ให้ไว้เป็นจริงแล้ว นัทคงสุขสมจนเอ่อท่วมท้นทั้งตัวและหัวใจ

เมื่อความต้องการถูกปลุกเร้ามาถึงขีดสุด การปลดปล่อยที่รอคอยก็มาถึงเสียที โชคดีที่บังเอิญมีถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นที่ผมเคยซื้อมาทิ้งไว้ในห้อง เราจึงไม่ต้องเสียเวลาวิ่งหาให้เหนื่อยและเสียอารมณ์ นัทอนุญาตให้ผมเป็นฝ่ายรุกล้ำโดยไม่ต้องเอ่ยถาม แม้จะเป็นครั้งแรกของเราและเสี่ยงสารพัดอย่าง อารมณ์ที่เตลิดมาไกลก็พาเราดำดิ่งเดินหน้ามุ่งสู่ดินแดนสุขาวดีของสองเราโดยไม่หวาดหวั่นใดๆ รอบแล้วรอบเล่าจนฟ้าเกือบจะรุ่งสาง ครั้นเต็มอิ่มเหลือล้นจึงสยบยอมด้วยแรงกายที่อ่อนล้า ก่อนหลับตาพริ้มพักผ่อนหลับใหลในอ้อมกอดของกันและกันอย่างสุขใจ

ผมกอดนัทที่ซุกตัวนอนในอ้อมอกผมอย่างรักใคร่หลงใหล พี่ชายคนนี้สุขจนล้นหัวใจเมื่อรู้ว่าน้องที่แสนรักก็คิดตรงกัน หลับตาเถอะนะน้องพี่ พี่จะกอดน้องไว้อย่างนี้จนถึงยามตื่น พอถึงพรุ่งนี้ เราจะตื่นลืมตาขึ้นมาเชยชมความงามของฟ้าวันใหม่ที่สดใสด้วยกัน

... ... ...

ไม่รู้ว่าผมหลับไปตั้งแต่ตอนไหนและตื่นมาเวลาไหน แสงสว่างจากข้างนอกทำให้ผมรู้ว่าไม่ใช่เวลาที่ผมเคยตื่นเป็นประจำอย่างแน่นอน พอลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ ก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องของนัท แต่เจ้าของร่างนั้นก็ไม่อยู่เสียแล้ว พอจำได้ว่าเมื่อคืนทำอะไรไปบ้างผมก็นั่งยิ้มคนเดียว รสสัมผัสที่แสนสุขนั้นยังติดตาตรึงใจจนอดจะมองหาคู่ร่วมเรียงเคียงหมอนไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหน

ผมควานหยิบกางเกงในที่หล่นอยู่บนพื้นมาใส่แล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้น เดินไปสอดส่องตามมุมต่างๆ ในห้องก็ไม่เห็นแม้เงา พอเหลือบดูเวลาก็พบว่าเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว ผมตกใจลนลานรีบเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำให้เรียบร้อย แล้วก็รีบแต่งตัวไปทำงานอย่างเร่งรีบ

มาถึงห้องทำงานก็ไม่เจอนัท ผมจึงเดินไปถามแก้วตาแต่เธอก็ไม่รู้ว่านัทไปไหน ชักเป็นห่วงก็เลยหยิบโทรศัพท์มาโทรหา แต่ใครบางคนก็แจ้งให้รู้ว่าผมไม่สามารถติดต่อนัทได้ในขณะนี้ พอนึกไม่ออกจึงตั้งต้นคิดว่าควรจะทำอะไรก่อนหลังดี แต่ก็มึนๆ งงๆ จนไม่รู้จะเริ่มยังไง

"นัทไปไหนนะ"

ผมรำพึงกับตัวเองเบาๆ ไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้จะทำให้นัทรู้สึกยังไงบ้าง พอหายตัวไปและติดต่อไม่ได้อย่างนี้ผมก็ชักรู้สึกไม่ค่อยดี

ผมโทรไปสั่งอาหารที่น่าจะเป็นอาหารเที่ยงของวันมากิน นั่งกินคนเดียวแล้วก็ครุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ พอได้กินข้าวหน่อยก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง พอให้เรี่ยวแรงที่ถูกสูบหายไปกับอำนาจดำฤษณาได้ฟื้นคืน

พอมีแรงแล้วผมจึงออกไปเดินตามหานัท หาจนทั่วรีสอร์ทก็ไม่พบเห็นว่าอยู่ตรงไหน ถามใครก็ไม่มีใครรู้ ผมก็เลยจนปัญญาจนต้องกลับมาที่ห้องทำงานเหมือนเดิม โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีแขกเหลืออยู่ เฮนนิ่งก็เพิ่งเช็คเอาท์ออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วันนี้จึงยังไม่มีเรื่องให้ต้องดูแลจัดการเท่าไหร่

พอไม่รู้จะทำอะไรผมก็เลยคิดว่าจะกลับบ้าน กำลังเก็บของอยู่นัทก็เดินเข้ามาพอดี ผมวางของลงแล้วก็ยิ้มอย่างดีใจ รีบเดินเข้าไปหาคนที่แสนจะคิดถึงทันที อุตส่าห์ว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะหาอะไรอร่อยๆ ให้กินบำรุงร่างกายเสียหน่อย

"ไปไหนมานัท พี่เป็นห่วงนัทมากเลย โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด"

แทนที่ผมจะได้รับคำตอบหรือรอยยิ้มสักหน่อย ผมกลับได้ซองจดหมายสีขาวๆ ซองหนึ่งยื่นมาให้ แถมสีหน้าของนัทก็ยังดูบูดบึ้งจนดูน่ากลัว

"อะไรเหรอนัท"

ผมถามอย่างสงสัยแต่นัทก็ไม่ตอบ ก็เลยแกะดูซองจดหมายนั้นแล้วเปิดอ่าน

นัทขอลาออก!

ผมมองหน้านัทราวกับถูกผีหลอกตอนกลางวันก็ไม่ปาน นึกหาเหตุผลไม่ออกเลยว่าเพราะอะไร

"ทำไมเหรอนัท นัทจะลาออกทำไม" ผมถามอย่างตกใจ

"นัทเคยบอกแฟรงค์แล้ว แต่แฟรงค์...ไม่เชื่อนัทเอง นัทก็คงไม่มีทางเลือก" นัทตอบมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนผมรู้สึกกลัว

"นัทหมายถึงอะไร" ผมกลืนก้อนที่มาจุกที่คออย่างลำบาก

นัทเบือนหน้าหนี ครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดอยู่นานจึงยอมพูดออกมา

"นัทเคยบอกแฟรงค์ว่านัทดีใจที่ได้กลับมาเจอแฟรงค์อีกครั้ง นัทคงไม่ถอนคำพูดหรอก แต่...นัทก็เสียใจที่มันคงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน นัทขอลาออกนะแฟรงค์ แล้วก็หวังว่า...เราจะไม่กลับมาเจอกันอีก!"

ผมวางจดหมายลงบนโต๊ะทำงานแล้วก็ตรงเข้าไปจับไหล่ของนัทไว้ จ้องตาคู่นั้นเขม็งอย่างงุนงงสงสัย

"นัท...นัทพูดอะไร แฟรงค์ไม่เข้าใจ"

"ทำไมแฟรงค์ไม่เข้าใจล่ะ เมื่อคืนแฟรงค์ทำอะไร!" นัทถามเสียงดัง ริมฝีปากสั่นระริก

"ก็ไหนเมื่อคืนนัทบอกว่านัทรักพี่ไง"

"ก็เมื่อคืนนัทเมา แฟรงค์จะเชื่ออะไรกับคนเมาล่ะ" นัทสวนกลับมาทันควันพร้อมกับหยดน้ำตาที่เริ่มรินไหลลงมา

"หมายความว่า...นัทไม่ได้รักพี่เลยเหรอ นัทไม่ได้เต็มใจให้มันเกิดขึ้นเลยเหรอ" ริมฝีปากผมสั่นระริกบ้าง อีกไม่นานก็คงไม่พ้นต้องร้องไห้เช่นเดียวกัน

"ไม่...ไม่ได้รัก แฟรงค์ฉวยโอกาสตอนที่นัทเมา!" นัทพูดพร้อมกับร่ำไห้

"นัท!"

ผมแทบจะพูดไม่ออกเลย หัวใจคงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว ผมเข้าใจว่านัทเต็มใจ ถึงนัทจะเมาก็ไม่ใช่ว่านัทจะไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน แล้วทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ได้

"นัทบอกแฟรงค์แล้ว ถ้าแฟรงค์ทำให้เพียวเสียใจ นัทก็จะไปจากชีวิตของแฟรงค์ ไม่กลับมาเจอกันอีก แต่แฟรงค์ไม่ฟังนัทเลย เรากำลังทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรอยู่นะแฟรงค์ นัทไม่คิดเลย...ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น รู้อย่างงี้...เราสองคนไม่เจอกันซะยังดีกว่า"

ผมหมดเรี่ยวแรงที่จะจับไหล่นัทไว้จนต้องยอมปล่อยให้มือของตัวเองตกลงข้างตัว ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ไม่รู้ว่าควรจะขอโทษ เสียใจหรือต้องทำอะไรกันแน่ ได้แต่ยืนคอตกอย่างคนสิ้นหวัง

"แฟรงค์ทำอย่างงี้กับเพียวทำไม แฟรงค์กำลังทรยศเค้า แล้วนัท...ก็กลายเป็นอีกคนที่ถือมีดไปแทงข้างหลังเค้าด้วย"

นัทร้องไห้หนักขึ้น ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดหนัก ผมพลาดไปแล้ว พลาดไปแล้วจริงๆ

"เซ็นใบลาออกให้นัทด้วย แต่ไม่ต้องกลัว นัทจะยังทำงานต่อไปอีกหนึ่งเดือน แล้วนัทจะกลับไปอยู่ที่บ้าน"

ผมได้ยินทุกคำพูด แต่ดูเหมือนสมองจะไม่อยากรับรู้อะไรเลย ได้แต่ยืนนิ่งและงงงันอย่างเดิม

"พูดอะไรมั่งสิแฟรงค์" นัทถามผมเสียงดัง

ผมเงยหน้าขึ้นมองนัท ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาโดยไม่สนใจว่ามันจะเปื้อนใบหน้ามากแค่ไหน

"ใช่...ตอนนี้...ไม่ว่าแฟรงค์จะตัดสินใจทำอะไร แฟรงค์ก็คงผิดอยู่แล้ว ไม่ผิดในสายตาของนัท...ก็ต้องผิดในสายตาของใครซักคน ไม่ว่าเพียว...หรือว่าพ่อกับแม่ หรือใครก็ตาม เพราะไม่ว่าแฟรงค์จะเลือกใคร หรือเลือกอะไร...ก็ต้องมีใครซักคนเจ็บอยู่ดี ไม่ว่าจะเลือกวันนี้...หรือพรุ่งนี้ แฟรงค์ก็คงผิดไม่ต่างกันหรอกนัท"

ผมหยุดพูดแล้วก็ร้องไห้อย่างสุดกลั้น ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์แล้วพูดต่อ

"แฟรงค์เสียใจนะ...ที่การกลับมาเจอกันของเรา...ทำให้นัทต้องมีมลทินไปด้วย แฟรงค์ขอโทษ แฟรงค์ไม่โทษใครหรอก ทุกอย่าง...แฟรงค์เป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นมาเองทั้งหมด นัทจะบอกว่าแฟรงค์ผิดแฟรงค์ก็ไม่เถียง แต่ทุกอย่างที่ทำไป แฟรงค์ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง ใช่...แฟรงค์ผิดที่ทำให้มันเกิดขึ้นก่อนที่อะไรๆ จะชัดเจน แฟรงค์ทำไปแล้ว พลาดไปแล้ว แฟรงค์ก็จะไม่ขอความเห็นใจจากใคร...แม้กระทั่งนัท นัทจะลงโทษแฟรงค์ยังไงก็ได้ ถ้านัทคิดว่า...การจากไปเป็นการลงโทษที่สาสม แฟรงค์ก็ยอม ถ้านัทคิดว่า...ความรักที่แฟรงค์มีให้นัทเป็นความรักที่ไม่คู่ควร ทำให้นัทแปดเปื้อนไปด้วย ก็ไม่ว่ากัน แต่จะให้ทำยังไง ขอโทษไปนัทก็คงไม่หายโกรธ แฟรงค์ทำพลาดไปแล้ว แล้วก็รักไปแล้ว นัทจะให้ทำยังไงก็บอกมาละกัน แฟรงค์ไม่สู้นัทหรอก นัทจะเอายังไงก็ได้ แฟรงค์ยินดีทุกอย่าง"

"แฟรงค์..." นัทเรียกผมเสียงแหบพร่า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

"สรุปว่านัทจะลงโทษแฟรงค์อย่างงี้ใช่มั้ย ได้...แฟรงค์จะยอมให้นัทลงโทษ แฟรงค์จะเซ็นจดหมายให้ ถ้าไม่อยากเจอกัน...แฟรงค์ก็พร้อมจะทนทรมานกับชีวิตที่ไม่มีน้องของพี่อยู่ใกล้ๆ"

นัททำท่าคล้ายจะประท้วงสิ่งที่ผมพูด แต่สุดท้ายก็ยังไม่ยอมเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา ผมก็เลยถือโอกาสพูดต่อเสียเอง

"แฟรงค์ดีใจนะ...ที่แฟรงค์ได้เจอนัทอีกครั้ง แล้วก็ดีใจ...ที่แฟรงค์ได้ค้นพบหัวใจตัวเองที่หล่นหายไปตั้งนาน แฟรงค์แค่อยากจะบอกให้นัทรู้...ว่าแฟรงค์รักนัทมาก เพราะนัท...คือคนๆ เดียวที่อยู่ในหัวใจของแฟรงค์มาตลอด ขนาดมีแฟน แฟรงค์ก็ยังเลือกคนที่มีบางอย่างเหมือนนัทเลย พอเราได้กลับมาเจอกัน แฟรงค์ก็รู้ว่า...ไม่มีใครแทนที่นัทที่อยู่ในใจแฟรงค์มาตลอดสิบกว่าปีได้ ถ้านัทจะไม่ให้อภัยแฟรงค์เรื่องเมื่อคืน...ก็ไม่เป็นไร ถ้าจะเกลียดแฟรงค์...ที่ทรยศเพียว แฟรงค์ก็คงห้ามไม่ได้ แฟรงค์ขออย่างเดียวละกัน...อย่าดูถูกความรักของแฟรงค์ที่มีให้นัท ทุกอย่าง...แฟรงค์ทำด้วยหัวใจ แม้กระทั่งเรื่องเมื่อคืน  แฟรงค์สติดีทุกอย่าง ไม่ได้ทำไปเพราะพลั้งเผลอ ถ้ามันจะพอมีค่า นัทก็จำเอาไว้บ้างละกัน เพราะพี่...คงไม่มีอะไรฝากทิ้งไว้ให้นัทดีไปกว่า...ความรักของพี่ที่มีให้นัท"

"แฟรงค์...นัทไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น"

"แล้วนัทหมายความว่ายังไง นัทคิดว่าแฟรงค์ไม่รู้เหรอว่าแฟรงค์ทำอะไรไป แฟรงค์คิดและเลือกแล้วถึงได้ทำ ใครจะว่าแฟรงค์ผิดยังไงก็ช่าง แต่ขอให้แฟรงค์เลือกสิ่งที่คิดว่าถูกสำหรับหัวใจของแฟรงค์ก็พอ แล้วการที่แฟรงค์ตัดสินใจเลือกนัท แฟรงค์ก็คิดว่าแฟรงค์เลือกไม่ผิด"

"แฟรงค์...นัทขอโทษ..."

นัทเดินเข้ามากอดผมไว้ ผมก็ไม่รู้หรอกว่านัทร้องไห้เรื่องอะไรหรือขอโทษผมทำไม แต่ผมก็กอดนัทไว้ เผื่อว่ามันจะเป็นกอดครั้งสุดท้ายของเราสองคน ก่อนที่จะจากกันไปและไม่เจอกันอีก

"นัท...ไม่ใช่แฟรงค์ไม่กลัวนะ แฟรงค์มีอะไรต้องกลัวตั้งหลายอย่าง แฟรงค์ไม่ใช่คนใจร้ายนัทก็รู้ แฟรงค์ก็ไม่อยากทำให้เพียวเสียใจหรอก ทำไมแฟรงค์จะไม่กลัวเค้าเสียใจ ทำไมแฟรงค์จะไม่กลัวว่าจะทำให้นัทเป็นมือที่สาม ทำไมแฟรงค์จะไม่สงสารเค้า แต่แฟรงค์...ผิดหรือเปล่าที่แฟรงค์เพิ่งมารู้ใจตัวเองว่าแฟรงค์ไม่ได้รักเค้า แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะให้แฟรงค์แต่งงานกับเพียวต่อไป แล้วพ่อแม่แฟรงค์ล่ะ เพื่อนๆ แล้วก็คนอื่นๆ เค้าจะรับได้มั้ย แฟรงค์ก็กลัวเหมือนที่นัทกลัว ที่สำคัญ...สิ่งที่แฟรงค์กลัวที่สุดก็คือ...แฟรงค์อาจจะไม่เหลือใครเลย ไม่ว่าเพียว นัท ครอบครัว เพื่อนฝูงหรือแม้แต่...ธุรกิจที่ทำอยู่ แฟรงค์อาจจะไม่เหลืออะไรเลยซักอย่าง แต่แฟรงค์ก็ยอมทิ้งความกลัวทั้งหมดไว้ เพราะแฟรงค์...แค่อยากจะชดเชยความรู้สึกให้นัทที่แฟรงค์เคยทิ้งนัทไปตอนเด็กๆ แฟรงค์คิดแล้ว...ต่อให้แฟรงค์ต้องเสียไปทุกอย่าง แฟรงค์ก็จะเลือกคนที่เป็นที่หนึ่งในใจของแฟรงค์ นัท...ไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า ไม่รู้ว่านัทจะให้อภัยแฟรงค์ได้มั้ย แต่ขอให้นัทรู้เอาไว้ละกัน...ว่านัทสำคัญกับแฟรงค์มากแค่ไหน"

"แฟรงค์..."

นัทกอดผมแน่น ผมกอดนัทตอบเบาๆ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้วเพราะได้พูดไปจนหมดจนไม่เหลืออะไรค้างคาในใจ ในขณะเดียวกัน ผมก็ไม่อยากฟังอะไรอีก แม้กระทั่งสิ่งที่นัทจะพูด ผมคงจะช็อกในความรู้สึกไม่น้อย เมื่อคืนผมมีความสุขจนล้นหัวใจกับคนที่ผมแสนรัก แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ความรักของผมก็กลายเป็นความแปดเปื้อนน่ารังเกียจ อารมณ์มันต่างกันสุดขั้วจนผมไม่รู้ว่าจะอยู่ตรงไหนระหว่างสองจุดนั้น

"แฟรงค์ขอตัวกลับบ้านก่อนนะนัท เอาไว้วันหลังค่อยคุยกัน"

นัทค่อยๆ ปล่อยมือผมออก ดูๆ ไปนัทก็คงมึนงงและรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรุนแรงและรวดเร็วอย่างนี้ไม่ทันเหมือนกัน ผมคิดว่าเราสองคนควรต้องอยู่ห่างๆ กันสักพักบ้าง คิดทบทวนชีวิตและสิ่งที่ตัวเองต้องการให้ชัดเจนและแน่ใจแล้วค่อยพูดกันดีกว่า

ผมผละจากนัทแล้วก็เดินไปเก็บของที่โต๊ะ นัทยังคงยืนมองอย่างงงๆ อยู่อย่างนั้น แล้วผมก็เดินออกไปจากห้องนั้นโดยที่ยังปล่อยให้นัทยืนอยู่ที่เดิม พี่ขอโทษละกันนะนัท พี่สับสนกับอารมณ์ของพี่ตอนนี้จนไม่สามารถจะพูดคุยกับใครได้แล้ว

... ... ...

ในที่สุดเรื่องที่นัทขอลาออกก็ถึงหูทุกคน ใครๆ ต่างก็งงกันมากเพราะเห็นว่าเพิ่งมาทำงานแท้ๆ ผมบอกแต่เพียงว่านัทจะกลับไปทำงานที่บ้านของตัวเอง พ่อกับแม่ผมดูเหมือนจะเสียดายนัทไม่น้อยเลย แต่ก็เข้าใจว่าพอถึงจุดหนึ่ง นัทก็คงอยากจะกลับไปดูแลธุรกิจที่บ้านของตัวเองให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที

นัทกับผมก็ยังมาทำงานและเจอกันเหมือนเดิม ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ค่อยได้เข้ามาทำงานทุกวันเหมือนก่อน พูดคุยกับนัทน้อยลงจนเหมือนไม่คุยกัน ไม่ถึงกับโกรธกันหรอก แต่ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ายังไง บางทีผมก็ยังแปลกใจตัวเองที่รู้สึกเฉยๆ กับนัทได้มากขนาดนี้ เป็นเพราะเหตุการณ์วันนั้นทำให้ผมเสียใจจนหมดรักนัทไปหรือเปล่า ผมก็ไม่คิดว่ามันเป็นอย่างนั้นหรอก แต่ก็ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดให้ตัวเอง

เพียวกลับมาแล้ว แต่ผมก็ไม่มีกะจิตกะใจจะพูดเรื่องนั้นกับเธอเลย ผมรู้สึกเฉยๆ กับทุกคนไปหมด ไม่อยากพยายามคิดหรือทำอะไรกับใครอีก เหมือนกับจะปล่อยให้ชีวิตไหลไปตามแต่จะถูกพัดพาไปทางไหน ถ้าไม่มีอะไรมาพัดพาไปก็อยู่ที่เดิม ไม่รู้สึกอยากดิ้นรนขวนขวายหรือทำเพื่อใครทั้งนั้น

หลังจากเพียวกลับมาได้ไม่กี่วันผมก็ไปถ่ายพรีเว็ดดิ้งกับเธอที่พังงาสองวัน เรานั่งเครื่องบินไปก่อนทีมงานหนึ่งคืนเพราะเพียวอยากมีเวลาพักและเตรียมตัว เราไปเดินเล่นด้วยกันที่ชายหาดช่วงเย็นๆ หลังจากเช็คอินที่โรงแรมแล้ว เรื่องที่คุยกันส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่เพียวเพิ่งไปแข่งขันวอลเลย์บอลที่ต่างประเทศมา เรื่องอื่นผมไม่อยากชวนคุยเท่าไหร่นัก

พอกินอาหารเย็นเสร็จเราก็กลับมาที่ห้องพัก จัดการธุระส่วนตัวกันเรียบร้อยก็พร้อมที่จะพักผ่อน แต่พอขึ้นเตียงแล้วผมก็นอนหันหลังให้จนเพียวสงสัย เธอคงอยากกุ๊กกิ๊กกับผมตามประสาคนรักกันบ้างเพราะไม่ได้เจอกันหลายสัปดาห์

"พี่แฟรงค์เป็นอะไรหรือเปล่า" เพียวลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองดูผมที่นอนอยู่เฉยๆ ด้วยสายตาไม่เข้าใจ

"เปล่า...พี่แค่เครียดๆ เรื่องงานเฉยๆ"

ผมตอบโดยที่ยังนอนหันหลังให้เพียวอยู่

"มีอะไรให้เครียดเหรอคะ หรือว่า...เครียดที่นัทลาออก"

"หลายเรื่อง" ผมตอบห้วนๆ

เพียวทำเสียงจิ๊กจั๊กอย่างหงุดหงิด นั่งหันรีหันขวางครุ่นคิดว่าจะเอายังไงกับผมดี

"พี่แฟรงค์...เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายอาทิตย์นะ ไม่คิดจะหันมาคุยกับเพียวหน่อยเหรอคะ"

ว่าแล้วเพียวก็นอนลง เอาศีรษะซบไหล่ทางด้านหลังผมไว้ สวมกอดผมเบาๆ เพื่อออดอ้อน

"พี่เหนื่อยน่ะเพียว"

ผมบอกแล้วก็จับมือเธอยกออกไปจากตัว

"ทำไมคะ พี่แฟรงค์จะเหนื่อยอะไรนักหนา"

เพียวลุกขึ้นนั่งอีกรอบด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด เธอคงจะเหลืออดเต็มที

"พี่ไม่รู้จะบอกเพียวยังไง เอาเป็นว่า...คืนนี้...พี่ไม่อยากทำอะไร"

เพียวทำเสียงฟึดฟัด ลงจากเตียงแล้วก็ลงส้นเท้าหนักๆ ไปยืนสงบสติอารมณ์ตรงระเบียงห้อง แทนที่เสียงคลื่นทะเลซัดสาดที่ได้ยินมาแต่ไกล จะสร้างบรรยากาศโรแมนติกให้คู่หนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังจะแต่งงานกัน แต่เสียงคลื่นนั้นกลับเป็นเสียงธรรมดาที่หาได้มีความหมายใดๆ

ผมได้แต่นอนครุ่นคิดว่าผมควรจะทำยังไง จะบอกเพียวไปเลยตอนนี้ดีหรือเปล่า แต่พอนึกถึงประโยคนี้ของนัททีไร ผมก็แทบไม่อยากทำอะไรเอาเสียเลย

"รู้อย่างงี้...เราสองคนไม่เจอกันซะยังดีกว่า"

พอนึกถึงนัทขึ้นมาผมก็ชักเป็นห่วงเหมือนกัน ไม่ได้ไปนอนเป็นเพื่อนนัทมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าจะเหงาหรือเปล่า พูดคุยกันก็แทบนับคำได้ ไอศครีมก็ไม่ได้ซื้อให้นัทกินเลย จะจากกันไปอยู่แล้ว ทำไมเราถึงรู้สึกเฉยชาต่อกันได้มากขนาดนี้

แต่จะว่าไป การที่ผมนึกถึงนัทขึ้นมาในตอนนี้ก็เป็นสัญญาณที่ดี ผมคงไม่ถึงกับเฉยเมยหรือเฉยชากับคนที่ผมรักมากถึงเพียงนั้นหรอก เพียงแต่ยังมีบางอย่างกั้นกลางเราสองคนไว้ แต่ขืนปล่อยไว้นานคงไม่ดีแน่ เวลาของผมกับนัทเหลือน้อยลงไปทุกวันๆ แล้ว

ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองบนหัวเตียงมา คิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจส่งไลน์ไปคุยกับนัท

"เหงามั้ย อยู่คนเดียว"

ไม่นานนัก นัทก็ตอบกลับมา

"นิดหน่อย แล้วพี่ล่ะ จะห้าทุ่มแล้วทำไมยังไม่นอนอีก"

ผมยิ้มให้กับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองโดยไม่รู้ตัว พอนัทคุยเล่นด้วยแล้วผมก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

"คิดถึงใครบางคน ก็เลยนอนไม่หลับ แล้วนัทล่ะ ทำไมยังไม่นอน"

"ยังไม่ง่วง"

"คิดถึงพี่หรือเปล่า"

"คิดถึงทำไม"

"มีพี่ชายหล่อๆ นัทไม่คิดถึงเหรอ"

"ไม่"

"ไม่หวงพี่เหรอ"

"ไม่"

"แล้วเป็นห่วงพี่หรือเปล่า"

คราวนี้นัทเงียบไปเกือบครึ่งนาทีก่อนจะตอบกลับมา

 "ห่วง"

"ห่วงมากหรือเปล่า"

"ก็นิดหน่อย"

"พี่อยากคุยกับนัท"

"ก็คุยอยู่นี่ไง"

"ไม่ใช่ อยากเจอตัวเป็นๆ แล้วก็คุยกัน"

"กลับมาก็ได้คุยแล้ว"

"จริงด้วยเนาะ"

"พี่แฟรงค์เพี้ยนแล้ว"

"เดี๋ยวเหอะ"

"555"

"กลับไปพี่จะซื้อไอติมไปฝากนะ เอาฮาเกนดาสมั้ย"

"โอเคเลย"

"พี่ดีใจนะที่ได้คุยกับนัทแบบนี้อีก"

นัทเงียบไปอีกประมาณครึ่งนาที ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

"ก็เราเป็นพี่ชายน้องชายกัน"

"นั่นสินะ"

ผมแอบถอนหายใจเบาๆ ผมกับนัทมีความสัมพันธ์กันไปถึงขนาดนั้นแล้ว จะเป็นพี่ชายกับน้องชายกันได้อีกหรือ ยิ่งนึกถึงคืนที่เราสองคนบรรเลงบทเพลงรักร่วมกัน ก็ยิ่งไม่เห็นทางที่จะกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม

"ถ้าคิดถึงพี่ ฟังเพลงของเราสองคนก็ได้นะ จำเพลงได้ใช่มั้ย"

"จำได้ หาก่อน เดี๋ยวเปิดฟัง"

"ดีแล้ว"

"พี่จะนอนยัง"

"ว่าจะนอนแล้ว"

"นัทก็ว่าจะนอนแล้วเหมือนกัน"

"ง่วงแล้ว?"

"อืม"

คราวนี้ผมเป็นฝ่ายที่เงียบไปเกือบครึ่งนาทีบ้าง แล้วก็ตัดสินใจส่งข้อความนี้ไป

 "พี่อยากให้นัทอยู่กับพี่นานๆ ไม่อยากให้นัทไปไหนเลย"

"พี่แฟรงค์"

"อะไร"

"ขอบคุณครับพี่ชาย ผมจะไม่ลืมพี่แฟรงค์นะครับ"

ผมจำประโยคนี้ได้เสมอ พอได้เห็นอีกครั้งแล้วก็ยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม นัทน้องพี่ ยังไงๆ พี่ก็คงจะลืมรักครั้งนี้ของเราไปไม่ได้ พี่จะขอดิ้นอีกสักเฮือกสองเฮือกสุดท้ายดูละกันนะนัท หวังว่าฟ้าดินคงไม่โหดร้ายกับเราสองคนจนเกินไป

แล้วผมก็ได้ยินเสียงใครแค่นหัวเราะอยู่ใกล้ๆ

"เพราะอย่างงี้นี่เอง"

แม้ไม่หันไปมองก็รู้ว่าใคร ไม่รู้ว่าเธอมาทันเห็นอะไรบ้าง แต่เราคงต้องคุยกันยาวคืนนี้

TBC

ชอบงานใคร อย่าลืมบวกเป็ด/คอมเมนต์ให้นักเขียนทุกคน ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ :)
หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 16-12-2015 09:25:40
และแล้วเพียวก็รู้จนได้... สงสารนัทและก็เห็นใจพี่แฟร้งนะ แต่เพียวรู้วันนี้ดีกว่ารู้หลังจากแต่งงานไปแล้ว
เพียวจะทำยังไงละ..มันหน่วงที่สุดและที่สำคัญมันค้างที่สุด..ตัดตรงนี้ทรมารใจคนอยากรู้จริงๆ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 16-12-2015 12:31:09
และแล้วเพียวก็รู้จนได้... สงสารนัทและก็เห็นใจพี่แฟร้งนะ แต่เพียวรู้วันนี้ดีกว่ารู้หลังจากแต่งงานไปแล้ว
เพียวจะทำยังไงละ..มันหน่วงที่สุดและที่สำคัญมันค้างที่สุด..ตัดตรงนี้ทรมารใจคนอยากรู้จริงๆ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

จะบอกว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมชอบพัฒนาการด้านการใช้ภาษาของตัวเองมาก
ไม่ใช่ว่าจะยกยอตัวเองนะครับ แต่ผมรู้สึกได้ว่าผมเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองที่ชัดเจนมากในเรื่องนี้
ถึงมันจะหน่วง แต่ผมกลับ enjoy การเลือกถ้อยคำมาใช้จนลืมความหน่วงไปเลย
ลองเปลี่ยนไป enjoy ภาษาที่ผมตั้งใจสุดๆ กับเรื่องนี้ดูก็ได้ครับ เผื่อจะหน่วงน้อยลง (หรืออย่างอื่นก็ได้)
ตอนหน้าคงจะลดความหน่วงลงหน่อย ให้เค้าสองคนได้มีโมเมนต์ดีๆ ด้วยกันบ้าง

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 16-12-2015 12:48:14
ใช้ข้ออ้างเรื่องเมาทั้งคู่   บอกแล้วว่าไม่ควร 
แฟรงก็เองก็เสี่ยงทุกอย่าง
นัทเองก็ไม่อยากเข้าไปเป็นมือที่สาม
จะดูยังไงสำหรับเพียวนัทก็คือมือที่สามอยู่ดี
สำหรับคนอื่นๆด้วย
อยากรู้ว่าแฟรงก์จะแงะตัวเองออกมายังไงจากสถาณการ์ณนี้

อ้างถึง
โชคดีที่ในรีสอร์ทมีถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นไว้บริการในห้องพักอยู่แล้ว
เราไม่ได้ใช้บริการรีสอร์ทนานแล้ว   แต่เคยทำงานโรงแรมระดับ 3 - 5 ดาวของยุโรปปกติจะไม่มีของพวกนี้ในห้องนะคะ  โรงแรมที่จะมีของพวกนี้เมื่อก่อนจะเป็นโรงแรมเฉพาะกิจ  ไม่ทราบว่าสมัยนี้จะมีของพวกนี้ให้บริการในห้องหรือว่ารีสอร์ทของแฟรงก็จะเน้นหนักสำหรับแขกแบบคู่รัก?  ถามเฉยๆค่ะ   
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 16-12-2015 12:59:23
อ่านตอนนี้แล้วไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือดีใจดี ก็เพียวรู้แล้วคืนนี้คงจะได้คุยกันยาวๆ แฟรงค์คุยกับเพียวยาวๆนะคุยให้รู้เรื่องไปเลย
 เสียดายทำไมนัทไม่พูดอะไรเลย นัทจะรู้สึกอะไรมั้ยว่าแฟรงค์ทำแบบนั้นเพื่อนัท แต่ก็ต้องเข้าใจนัทด้วยสินะว่านัทไม่ชอบหักหลังใคร เห้ออออ รอ ลุ้นว่าจะเป็นยังไงต่อไป เพียวจะตามดูสองคนนี้มั้ย ๕๕๕ ลุ้นว่าพ่อแม่แฟรงค์จะว่ายังไงเรื่องแบบนี้ ท้าทายผู้แต่งอีกล่ะ ๕๕๕ สองเรื่องก่อนหน้านี้ก็มีพ่อแม่เป็นด่านสำคัญ รอ ลุ้นว่าพ่อแม่จะมีบทบาทแบบไหนนะคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 16-12-2015 13:14:06
ใช้ข้ออ้างเรื่องเมาทั้งคู่   บอกแล้วว่าไม่ควร 
แฟรงก็เองก็เสี่ยงทุกอย่าง
นัทเองก็ไม่อยากเข้าไปเป็นมือที่สาม
จะดูยังไงสำหรับเพียวนัทก็คือมือที่สามอยู่ดี
สำหรับคนอื่นๆด้วย
อยากรู้ว่าแฟรงก์จะแงะตัวเองออกมายังไงจากสถาณการ์ณนี้

อ้างถึง
โชคดีที่ในรีสอร์ทมีถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นไว้บริการในห้องพักอยู่แล้ว
เราไม่ได้ใช้บริการรีสอร์ทนานแล้ว   แต่เคยทำงานโรงแรมระดับ 3 - 5 ดาวของยุโรปปกติจะไม่มีของพวกนี้ในห้องนะคะ  โรงแรมที่จะมีของพวกนี้เมื่อก่อนจะเป็นโรงแรมเฉพาะกิจ  ไม่ทราบว่าสมัยนี้จะมีของพวกนี้ให้บริการในห้องหรือว่ารีสอร์ทของแฟรงก็จะเน้นหนักสำหรับแขกแบบคู่รัก?  ถามเฉยๆค่ะ

ผมพลาดเองครับ ปกติรีสอร์ทเล็กๆ ไม่น่าจะมี แก้ไปแล้วครับ
ขอบคุณที่ท้วงติงมา

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-12-2015 13:59:44
เฮ้อ! คุณ sarawatta ใจร้ายอ้ะ พาเราลงชามมาม่าอย่างรวดเร็ว ฮือออออ

ก็เข้าใจนะว่า แฟรงค์รักนัทมาก แต่การกระทำของคุณก็เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณเพียงคนเดียว แต่ร้าวรานแบบวงกว้างและซับซ้อนมาก

นัทเองล่ะ เราไม่เชื่อว่าคุณเมาขนาดไม่รู้ตัวว่า ทำอะไรไป ลุกขึ้นมาใช้ปากทำรักได้นี่มีสติพอควรนะ
โอเค ความยับยั้งชั่งใจก็ต้องลดลงเป็นปกติแหละ แต่เราคิดว่า นัทก็สนองความต้องการของตัวเองเช่นกัน
พอตื่นมาก็โทษแฟรงค์คนเดียว ตัวเองไม่ผิดเลย?

เห็นใจทั้งคู่นะ แต่งานนี้เราคิดว่า จงซดมาม่ากันไปจ้ะ
ไปทบทวนกันดูนะว่า ถ้าเป็นตัวเองไปอยู่ในจุดที่แต่ละฝ่ายอยู่จะรู้สึกอย่างไร
มองจากมุมของเพียวที่ถูกหักหลัง
มุมของนัทที่ถูกทำให้เป็นชู้โดยสมบูรณ์แบบ และรู้สึกผิด รู้สึกแย่กับตัวเอง
มุมของแฟรงค์ที่ไม่ว่าทางไหนก็ผิดในสายตาทุกคน และเสี่ยงจะเสียทุกคนที่รักไปเพราะทำตามหัวใจ แต่ขาดความรับผิดชอบต่อคนอื่น

เอาใจช่วยทุกฝ่ายให้ผ่านมรสุมนี้ไปได้นะ

ปล.  คุณ sarawatta อย่าเข้าใจผิดว่าเรารู้สึกแง่ลบกับนิยายคุณนะ
เราชอบเรื่องที่คุณเล่ามาก มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับใครก็ได้
รู้สึกไปกับเรื่องราวแบบเต็ม ๆ
รออ่านบทต่อไปด้วยใจระทึก

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 16-12-2015 14:14:13
เพียวรู้ด้วยตัวเองแบบนี้ก็ดีค่ะ เพราะถ้ารอให้แฟรงค์พูดออกมาเองก็คงจะอีกนาน ดีไม่ดีจะมาคิดได้เอาก็ตอนที่ปล่อยให้งานแต่งงานเกิดขึ้นไปแล้วด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 16-12-2015 15:33:28
ถ้าจะเปรียบว่านัทกำลังขับรถ
ก็คงจะขับรถแล้ว..ไม่ได้ไปไหนเลย

จะขับไปข้างหน้าหรือจะถอยหลัง เอาให้แน่
เข้าเกียร์เดินหน้า อ้าววววว...เกียร์ถอยหลังอีกแหละ
แล้วอย่างนี้มันจะไปไหนได้ ยังอยู่ที่เดิม

เพราะสงสารแล้วก็เห็นใจ
คนที่เดินหน้าเร่งกำลังเต็มสปีด
อย่าปล่อยให้แฟรงค์ต้องเหนื่อยอยู่คนเดียวเลย

..มันเหนื่อยมากนะ..
หุหุ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-12-2015 17:34:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 16-12-2015 21:28:08
พลาดอ่านไปวันเดียว เรื่องราวพลิกผันเลยแฮะ ตอนที่ 7 ทำให้นัทกับแฟรงค์มีพัฒนาการตัวละครที่ผิดแผกจากเดิมมากทีเดียว  :mew1: เป็นอะไรที่น่ายินดีมาก ๆ และนัทก้อได้เปิดเผยออกมาแล้วว่าแฟรงค์ทำให้นัทมีแผลในใจที่มันร้าวลึกกว่าที่คิด
เรามาคิด ๆ ดูแล้ว เราก้อเข้าใจแฟรงค์ได้อย่างหนึ่งน่ะว่าบางทีการที่เรามีวัยเด็กที่สนิทสนมผูกพันกับใครคนนึงนั้น เมื่อจากกันกาลเวลามันก้อทำให้เราชาชินกับสิ่งนั้นและก้อยากที่จะกลับไปหาสิ่งเก่า ๆ แม้มันจะติดอยู่ในใจเราก้อตามเถอะ แต่เป็นเรา ๆ เป็นนัทเราก้อน่าจะรู้สึกทำใจลำบากน่ะ เพราะมันเหมือนกับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานัทไม่ใช่คนสำคัญเพียงพอที่แฟรงค์จะกลับมาหา และเมื่อได้เจอกันแฟรงค์กลับกำลังจะแต่งงานกับคนอื่นเสียอีก  :m16: อ่านไปก้อรู้สึกเศร้าทีเดียวกับสิ่งที่นัทสารภาพออกมาน่ะ ไปอ่านต่อตอนที่ 8 มีอะไรร้อน ๆ มาให้เราเห็นแล้ว
อ้อ ส่วนแฟรงค์นายคิดถูกมาก ๆ การไม่รุกเร้าก้อเหมือนการรุกคืบเข้าไปในใจของนัทอย่างเงียบ ๆ และในที่สุดนายก้อได้ใจของนัทคืนมา เรื่องดำเนินไปเร็วดีจ้ะ ชอบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 16-12-2015 22:06:32
จากบทที่ 7 -- รู้สึกว่า การดำเนินเรื่องรวบรัดมาก คือไม่ได้รู้สึกไม่ชอบ แต่มันเหมือนกับมันขาดรายละเอียดด้านความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ไปบ้างในความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งอันที่จริงการเดินเรื่องให้กระชับขึ้นอาจจะเป็นที่ชื่นชอบมาก/ น้อยกว่าสำหรับนักอ่านท่านอื่น คือต่างคนก็ต่างความคิด แต่ข้อดีของการกระชับเนื้อเรื่องคือ มันไม่เยิ่นเย้อ ทำให้รู้บทสรุปเร็วขึ้น ซึ่งอันนี้ก็ดีใจกับแฟรงค์และนัทด้วย +เป็ด จ้า
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 16-12-2015 22:07:50
จะแก้สถานการณ์ให้มันดีขึ้นได้ยังไงนะ เห้อ!! มีมาม่าเกือบทุกฉากเลยทุกตอน สงสารแฟรงค์ เห็นใจนัท ทำไมไม่ต่อสู้กับปัญหาไปด้วยกันล่ะนัท ทั้งๆที่แฟรงค์พยายามทำทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 16-12-2015 22:25:57
 :hao5: เพิ่งจะคอมเม้นท์ตอนที่ 7 ไปไหงตอนที่ 8 ไม่น่าเชื่อว่าตอนเมากับไม่เมา มันผิดกันไกลขนาดนี้เชียว เราว่านัทก้อรู้ตัวแหละว่าทำอะไรลงไปบ้าง ไม่งั้นคงไม่ทำแบบนี้หรอก เพียงแต่เมื่อรู้สึกตัวเต็มที่ก้อมีสำนึกในใจขึ้นมาเลยรับกับการกระทำของตัวเองไม่ได้และก้อพาลโทษแฟรงค์ไป ไม่น่าเลยเนอะแฟรงค์ เราก้อไม่คิดว่าการเมาจะทำให้คนเราเปลี่ยนไปขนาดนี้  :katai1: เป็นเรา ๆ เป็นแฟรงค์เราก้อนอยด์น่ะ เล่นพูดแบบไม่รักษาน้ำใจกันเลยน่ะ  :mew2: เราว่าให้เพียวรู้ไปเลยดีกว่าน่ะ เพราะผู้หญิงน่ะสัญชาตญาณเรื่องนี้แรงอยู่แล้วเพียงแต่จะยอมรับความจริงได้รึเปล่าเท่านั้นเอง ก้อให้มันจบ ๆ ไปเลยดีกว่าน่ะ ไม่งั้นมันจะยิ่งเจ็บกว่านี้และจะกลายเป็นการเอาชนะกันไปเปล่า ๆ น่ะ
เราชอบคำพูดของแฟรงค์ที่สารภาพความรู้สึกทั้งหมดกับนัทน่ะ เล่นเอานัทมึนไปเลยน่ะ ตอนมีอะไรกันก้อแอบลุ้นเล็ก ๆ ว่าตกลงใครจะรุกใครจะรับกันแน่น่ะ แต่ในที่สุดนัทก้อยอมแฟรงค์ 555 อันนี้ด้วยรึเปล่าที่ทำให้นัทแรงใส่ตอนเช้าน่ะ  :mew4: เราว่างานนี้ดูนัทเด็กไปเลยน่ะ
ไม่มีคำว่ายุติธรรมในความรักหรอกน่ะ มันมีแต่แค่ผิดหวังกับสมหวังเท่านั้น และเมื่อผิดหวังมันก้อยู่ที่ว่าใครจะทำใจได้และปล่อยวางมันไปอย่าให้มันกลายเป็นความทุกข์เจ็บแค้นจนอาฆาตหมาดร้ายต่ออีกฝ่ายและย้อนกลับมาทำร้ายเรา  :mew6:
คุณ sarawatta ใช้ภาษาได้ดีมาก ๆ จ้ะ เดิมก้อใช้ได้ดีอยู่แล้วน่ะ แต่เราว่ามันพัฒนาขึ้นอย่างที่คุณคิดน่ะแหละจ้ะ  o13
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 16-12-2015 22:42:19
จากบทที่ 8 -- ชอบภาวะอารมณ์ของแฟรงค์หลังจากจุดแตกหักของแฟรงค์กับนัทคือ มันเหมือนกับ ขนนกที่หล่นลงพื้นแล้วก็หยุด... เหมือนสภาพอารมณ์ที่ล่วงหล่นแล้วจมนิ่งอยู่ก้นบ่อ คล้ายไม่ยินดียินร้ายซึ่งน่าจะเกิดจากอาการช็อกเนื่องจากสิ่งที่คิดไว้กับสิ่งที่เกิดขึ้น มันผิดคาดกันมาก การบรรยายบทรักอัศจรรย์ออกจะแปลกในความคิดเรา ไม่เชิงแปลกในการบรรยายแต่เหมือนอารมณ์มันต่างออกไปจากสำนวนงานของคุณ Sarawatta ที่คุ้นเคย บอกไม่ถูกเหมือนกัน จริงๆ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกเวลาอ่านเฉยๆ เลยทำให้ชอบไม่เท่ากับสำนวนแบบเดิมของคุณ Sarawatta ในแบบที่ผ่านมา อันนี้เป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวล้วนๆ ไม่ควรเอามาใส่ใจ หากคำพูดทำให้รู้สึกไม่ดีต้องขออภัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังคงชอบและติดตามงานของคุณ Sarawatta +เป็ด & +กำลังใจ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 16-12-2015 23:34:42
มันเป็นเรื่องที่ใช้จุดของความผูกพันดำเนินเรื่อง หน่วงๆ ในความรัก อ่านแล้วคิดถึงต้นสนเลยค่ะ
น้องนัทกับพี่แฟรงค์ นัทจะเลิกกับแฟนแล้วก็ตาม และพี่แฟรงก็มีแฟนอยู่แล้ว แฟนเก่าของนัทมีบางอย่างคล้ายแฟรงค์ และแฟนของแฟรงค์ก็มีบางส่วนที่คล้ายนัท จริงๆ แล้วในจิตใจลึกๆ ของทั้งคู่นัทกับแฟรงค์ต่างมีกันและกัน

เพียว.. ถ้าในจุดที่เพียวเป็นอยู่ตอนนี้ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งก็รู้สึกสงสารหน่อยๆ นะ เพราะฉะนั้นด้วยความหวังดี เธอออกมาจากชีวิตเค้าเถอะก่อนจะเจ็บไปมากกว่านี้

นัท.. แม้จะยังทำใจเรื่องที่พี่แฟรงค์มีแฟนแล้วไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรนะ ขอแค่นัทให้เวลาพี่แฟรงค์พิสูจน์ใจสักหน่อยแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

แฟรงค์.. ในเมื่อรู้ใจตัวเองแล้ว และใจก็ตรงกับนัทแล้วก็เดินหน้าต่อนะคะ ผ่านพ้นปัญหาที่จะต้องพบเจอให้ได้

ตอนที่ 8
เมา... ข้ออ้างเหรอค่ะนั่น ถอนหายใจให้กับแฟรงค์และนัทหนักๆ
เอาไงก็เอา มาถึงขนาดนี้แล้วถอยไม่ได้แล้วนะ

+เป็ด ทุกตอนเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 17-12-2015 00:30:27
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 9 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

ผมเลื่อนดูภาพถ่ายพรีเว็ดดิ้ง ที่เพียวอัปโหลดขึ้นเฟสบุ๊คพร้อมกันหลายรูปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง จะว่าเศร้าก็เศร้า ใจหายก็ใช่ แต่ก็ดีใจกับสองคนนั้นด้วยที่เดินทางมาถึงวันนี้ ความใกล้ชิดและสีหน้าของคนในภาพบ่งบอกถึงความสุขของชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น แฟรงค์ดูหล่อใสกับผมทรงใหม่ที่เพิ่งตัด หล่อจนผมอิจฉาคนที่ได้แฟรงค์เป็นคู่ใจ จำนวนไลค์และคอมเมนต์มากมายยิ่งย้ำว่าชีวิตคู่ของคนทั้งสองช่างน่ายินดี ถ้าเปลี่ยนจากเพียวเป็นผมล่ะ ใครจะชื่นชมยินดีด้วย

ผมเลื่อนดูภาพไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจก็ยังอยากดู จนมาเจอภาพแฟรงค์จุมพิตหน้าผากของเพียว ผมก็เลื่อนหนีแทบจะทันที เห็นเพียงแวบเดียวก็เจ็บแปลบเกินทนแล้ว ดูนานกว่านี้คงขาดใจ พอทำใจได้หน่อยผมก็เลื่อนกลับไปดูภาพนั้นอีกครั้ง แต่สุดท้าย...ดูได้ไม่เท่าไหร่ผมก็รู้ว่าควรต้องเลิกดู

ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่หัวเตียง จู่ๆ ก็คิดถึงบทรักแสนหวานทว่าเร่าร้อนของเราในห้องนี้เมื่อไม่กี่วันนี้ ถ้าไม่หลอกตัวเอง มีหรือที่ผมจะปฏิเสธได้ว่าคืนนั้นของเราช่างมีความสุขมากแค่ไหน แม้ว่าจะรู้สึกผิดบาปกับผู้หญิงอีกคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ตาม คิดแล้วก็รู้สึกผิดที่ต่อว่าแฟรงค์ว่าฉวยโอกาส ความโมโหทำให้ผมลืมคิดไปว่าปรบมือข้างเดียวไม่ดัง

ไม่รู้ว่าแฟรงค์คุยกับเพียวหรือยัง แต่ไม่ว่าจะคุยหรือไม่คุย ภาพพรีเว็ดดิ้งแสนหวานชื่นก็บอกเป็นนัยว่าสองคนคงเดินหน้าสู่ประตูวิวาห์ในไม่ช้า ก็ดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น แฟรงค์ควรมีชีวิตอย่างผู้ชายทั่วไป มีครอบครัว มีลูก ดูแลธุรกิจให้เติบโต ดีกว่าเอาชีวิตดีๆ มาเสี่ยงกับผมเป็นไหนๆ ผมพอรู้มาบ้างว่าพ่อของแฟรงค์เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เกิดรับไม่ได้ขึ้นมาก็อาจตัดแฟรงค์ออกจากกองมรดก ถ้าร้ายแรงกว่านั้นก็ตัดขาดความเป็นพ่อลูก ผมไม่อยากเห็นชีวิตแฟรงค์ลำบากถึงเพียงนั้นหรอก การที่ผมจากไปจึงน่าจะดีกับทุกฝ่าย

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ความคิด ผมรีบเดินไปเปิดเพราะไม่อยากเดาให้เสียเวลาว่าใครมาหา พอเห็นแฟรงค์ยืนอยู่พร้อมกับถุงกระดาษอย่างดีใบหนึ่งก็แปลกใจ แฟรงค์น่าจะเพิ่งกลับจากพังงาเมื่อเย็นนี้ แทนที่จะพักผ่อนก็ยังอุตส่าห์มาหา

"พี่ซื้อไอติมมาฝาก ฮาเกนดาสของโปรดนัทไง"

แฟรงค์ชูถุงใบนั้นขึ้นให้ผมดู ก่อนจะยื่นมือผมให้รับไว้

"ขอบคุณครับ"

ปกติผมสนิทกับแฟรงค์มากจนไม่เคยพูด "ครับ" ด้วย แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงลงท้ายด้วย "ครับ" เมื่อกี้ เรามองหน้ากันด้วยสายตามีคำถามแต่ไม่พูด คงเป็นเพราะต่างคนคงต่างรู้สึกแปลกแยกจากความบาดหมางที่เพิ่งผ่านมา

"งั้น...พี่...กลับก่อนนะ"

"อ้าว...มีธุระต่อเหรอ"

ผมทำหน้าเสียดาย มายังไม่ทันหายคิดถึงก็จะกลับเสียแล้ว ผมเผลอมองดูผมตัดใหม่ของแฟรงค์อย่างสนใจ แม้อยากชื่นชมชิดใกล้ชายหนุ่มตรงหน้าแค่ไหนก็ทำได้เพียงแค่คิด

แฟรงค์พยักหน้าช้าๆ ดูเหมือนต่างคนต่างมีอะไรอยากพูดหลายอย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเก็บไว้ในใจ

"ขับรถดีๆ นะ"

แฟรงค์พยักหน้า ยิ้มเจือเศร้าบางๆ

"นอนหลับฝันดีนะ"

แฟรงค์เดินถอยไปหนึ่งก้าว หันหลังกลับแล้วก็เดินหายไปในความมืด ทิ้งผมให้มึนงงสงสัยอยู่ตรงประตู พอรู้ว่าจะต้องจากพี่ชายที่แสนรักไปแล้วก็ใจหายเหลือเกิน ไม่ใช่แค่แฟรงค์เท่านั้นที่โดนผมลงโทษ ผมก็ลงโทษตัวเองอย่างสาสมด้วยการพรากจากคนที่รักเช่นกัน

ผมเลือกไอศครีมรสช็อกชิพมาวางไว้บนโต๊ะแล้วเก็บที่เหลือใส่ตู้เย็นไว้ พอแกะเปิดกินก็นั่งมองเหม่อคิดไปเรื่อยเปื่อย ตอนเด็กๆ แฟรงค์มักเจียดเงินค่าขนมมาซื้อไอศครีมให้ผมกินบ่อยๆ บางทีซื้อให้ผมแล้วตัวเองก็นั่งมองกลืนน้ำลาย อยากกินแค่ไหนก็เสียสละให้ผม พี่ชายแท้ๆ หรือก็เปล่า แฟรงค์ดูแลผมอย่างดีไม่เคยบ่นสักคำ คิดมาถึงตรงนี้แล้วผมก็สะท้อนใจและรู้สึกผิด แฟรงค์รักผมมากเกินกว่าที่ผมจะรับรู้และเข้าใจด้วยซ้ำ

"แฟรงค์คิดแล้ว...ต่อให้แฟรงค์ต้องเสียไปทุกอย่าง แฟรงค์ก็จะเลือกคนที่เป็นที่หนึ่งในใจของแฟรงค์"

พอประโยคนี้ที่แฟรงค์เคยพูดแว่วมาในความคิด น้ำตาของผมก็พลันร่วงเผาะๆ หยุดกินไอศครีมแล้วก็เดินไปหยิบโทรศัพท์มาถือไว้ ตอนแรกว่าจะส่งไลน์ไปหา แต่คิดไปคิดมา แฟรงค์ควรได้สัมผัสความรู้สึกที่แท้จริงของผม ไม่ใช่แค่ตัวอักษรที่ไร้ชีวิตจิตใจ

พอแฟรงค์รับสาย ผมก็กรอกเสียงลงไปทันทีโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันทักทายตามธรรมเนียมด้วยซ้ำ

"พี่แฟรงค์ นัทขอบคุณพี่แฟรงค์มาก...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง พี่แฟรงค์...เป็นพี่ชายที่อบอุ่นของนัทตลอดมา นัทจะไม่ลืมพี่แฟรงค์เลย นัทจะไม่ลืมความดีทุกอย่างของพี่แฟรงค์ ต่อให้เราอยู่ไกลกันแค่ไหนนัทก็จะไม่ลืม"

คนรับสายไม่พูดตอบสักคำ แต่ผมก็ไม่เก็บมาคิดสงสัยน้อยใจหรอก

"พี่แฟรงค์ นัท..."

ผมรู้ดีว่าไม่ควรพูดประโยคนั้น ก็เลยตัดสินใจวางสายไป แฟรงค์เพิ่งกลับมาจากถ่ายพรีเว็ดดิ้ง ผมไม่ควรเอาเรื่องของตัวเองไปกวนใจแฟรงค์อีก แฟรงค์เหนื่อยกับผมมาพอแล้ว ผมควรหยุดสร้างปัญหาเสียที

แฟรงค์ไม่ได้โทรกลับหาผม แต่ส่งข้อความหนึ่งมาทางไลน์

"เมื่อไหร่ที่นัทต้องการพี่ พี่แฟรงค์คนนี้จะมาหานัทเสมอ"

ผมยิ้มให้กับข้อความนั้นทั้งน้ำตา นึกโกรธตัวเองที่ทำตัวงี่เง่ากับแฟรงค์หลายอย่าง พูดไม่ดีกับแฟรงค์ก็หลายหน แต่แฟรงค์กลับไม่เคยปริปากต่อว่าผมสักคำ

ผมเก็บไอศครีมที่กินไม่หมดเข้าตู้เย็น กลับมานั่งที่เดิมแล้วก็ฟุบหน้าลงร้องไห้ แฟรงค์บอกว่าคนที่อยู่ในใจของแฟรงค์ตลอดมาก็คือผม แล้วคนที่อยู่ในใจผมตลอดมาก็คือแฟรงค์เช่นเดียวกัน แฟรงค์ชอบเพียวเพราะเพียวมีบางอย่างคล้ายผม ส่วนผมก็ชอบต้องตาเพราะเธอทำบางอย่างคล้ายแฟรงค์ แม้ดูเหมือนว่าจะลืมเลือนกันไปแล้ว แม้ดูเหมือนว่าต่างคนต่างหมดอิทธิพลต่อกันเพราะจากกันนาน แต่เรากลับลืมความรู้สึกเก่าๆ ที่ฝังใจไม่ได้เลย

ตอนอยู่มอหนึ่ง ผมพบว่าตัวเองรู้สึกพิเศษกับแฟรงค์แม้ว่าแฟรงค์จะไม่อยู่แล้ว พอทำงานก็รักคนที่คล้ายว่ามีเงาของแฟรงค์ซ้อนทับอยู่ ความเจ็บปวดแรกก็เกิดขึ้นตอนที่แฟรงค์ทิ้งผมไปและไม่เคยกลับมาหา ต่อมาคนที่เป็นเงาของแฟรงค์ก็หลอกลวงผมอย่างร้ายกาจ ผมจึงฝังใจประสบการณ์เจ็บปวดที่แฟรงค์เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งโดยตรงและโดยอ้อมอย่างช่วยไม่ได้ ความกลัวนั้นทำให้ผมสร้างกำแพงป้องกันตัวเองอย่างแน่นหนา ยิ่งรู้ว่าตัวเองจะเป็นมือที่สามก็ยิ่งปัดป้องเป็นระวิง

สุดท้ายผมก็ตระหนักว่า ภาพและความรู้สึกเก่าๆ เหล่านั้นไม่ใช่ของจริง แฟรงค์ตัวจริงในวันนี้คือคนที่มีความรักเต็มเปี่ยมในหัวใจ พร้อมจะมอบให้ผมทุกเวลาที่ผมต้องการ หัวใจของผม...ไม่ไร้รักอย่างที่ผ่านมาอีกแล้วเพราะความรักของแฟรงค์ แต่จะมีประโยชน์อะไรเล่า เมื่อทุกอย่างกำลังจะย้อนกลับไปเหมือนตอนที่ผมอยู่มอหนึ่งอีกครั้ง

"พี่แฟรงค์...นัทรักพี่ นัทอยากอยู่กับพี่ นัทอยากกอดพี่ นัทรักพี่คนเดียว พี่แฟรงค์ได้ยินเสียงหัวใจของนัทหรือเปล่า พี่แฟรงค์ได้ยินมั้ย"

... ... ...

ยังไม่ทันถึงเก้าโมงเช้าดีนัก รถตู้ของเราก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนหมายเลขยี่สิบเอ็ดแล้ว ถนนสายนี้แยกจากถนนพหลโยธินบริเวณสามแยกพุแค อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ขับตามถนนเส้นนี้ไปอีกราวๆ สองร้อยเจ็ดสิบกิโลเมตรก็จะถึงถนนหมายเลขสิบสองที่หล่มสัก เลี้ยวซ้ายเดินทางต่ออีกราวยี่สิบห้ากิโลเมตรก็จะถึงปลายทางที่ภูลู่ลมรีสอร์ท อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

ผมเช่ารถตู้สองคันสำหรับพนักสิบห้าคน รวมผมและปอนด์ด้วย เนื่องจากผมเป็นเจ้าถิ่น จึงได้รับเกียรติให้นั่งตรงเบาะหน้าคอยบอกเส้นทาง รถตู้อีกคันที่ปอนด์นั่งอยู่คอยวิ่งตามหลัง ส่วนแฟรงค์ขับรถเบนซ์ตามมาหลังสุดพร้อมกับตุ๊กตาหน้ารถที่พ่วงตำแหน่งว่าที่เจ้าสาวด้วย

พนักงานที่มาก็มีคนสวน พนักงานบัญชี พนักงานที่ฟรอนท์ พนักงานที่ร้านกาแฟ ร้านเสริมสวย ฟิตเนสและร้านอาหาร ไม่มีพนักงานซักรีดหรือทำความสะอาดเพราะจ้างบริษัทข้างนอกมาดูแลให้

ป่านนี้สองคนหลังสุดคงขับรถไปคุยกันไปกระหนุงกระหนิง หลังๆ มานี้แฟรงค์ดูห่างเหินกับผมจนรู้สึกได้ แม้กระทั่งก่อนเดินทางก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ ผมเองก็มัวแต่ยุ่งๆ กับการจัดเตรียมทริปและประสานงานกับบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาตีราคา

หลังจากทริปนี้เราก็จะเริ่มลงมือปรับปรุงรีสอร์ทขนานใหญ่ แฟรงค์กับเพียวและครอบครัวจะไปเที่ยวต่างประเทศตามที่วางแผนไว้ล่วงหน้าในช่วงนั้นด้วย นอกจากไปเที่ยวแล้วก็จะรับเฟิร์นกลับมาด้วยกันช่วงใกล้ๆ ปีใหม่ พอเฟิร์นกลับมาแล้วก็คงมาช่วยพี่ชายทำรีสอร์ทอีกแรง แว่วๆ ว่าเธออยากเปิดธุรกิจใหม่ด้วย แต่น่าเสียดายที่ผมคงไม่ได้อยู่เห็นทั้งเฟิร์นและการเติบโตของที่นี่

หลังจากเฟิร์นกลับมาแล้ว งานสำคัญอีกงานหนึ่งก่อนเปิดรีสอร์ทก็คืองานแต่งงานของแฟรงค์กับเพียว ถึงตอนนั้นผมคงไม่อยู่แล้ว ต่อให้ผมทำใจว่ารักแฟรงค์ในฐานะพี่ชายได้ ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมาร่วมงานด้วยหรือเปล่า กลัวว่ามาเห็นแล้วจะทำใจไม่ได้ คงให้แม่กับนิวมาแทนละกัน

หลังจากผ่านไปเกือบสามชั่วโมงเราก็มาถึงอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่นี่มีร้านอาหารขึ้นชื่อเรื่องไก่ย่างหลายเจ้า หลายๆ คนคงเคยเห็นเฟรนไชส์ไก่ย่างวิเชียรบุรีมาบ้างแล้ว ต้นตำหรับมาจากที่นี่นี่เอง

ผมกับปอนด์ช่วยกันหาข้อมูลร้านอาหารเตรียมไว้หลายที่ สุดท้ายก็มาลงเอยที่ร้านไก่ย่างบัวตอง มีเปิดอยู่ด้วยกันสามร้านบนถนนหมายเลขยี่สิบเอ็ด พอดีอีกสองร้านปิดทำความสะอาด วันนี้จึงเหลือเพียงร้านเดียวให้เลือก

หลังจากที่รถมาจอดหน้าร้าน พวกเราก็เดินฝ่าแดดและย่ำพื้นหินกรวดเข้าไปในร้านที่เปิดโล่งทุกทิศทุกทางยกเว้นหลังคา มีลูกค้าเยอะพอสมควรในช่วงเที่ยงวัน โชคดีที่ยังพอมีโต๊ะเหลือให้พวกเรานั่งได้ครบทุกคน

พนักงานรวมถึงปอนด์นั่งกินข้าวด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ มีเพียงแฟรงค์กับเพียวเท่านั้นที่แยกไปนั่งด้วยกันต่างหาก คงไม่ใช่เพราะแฟรงค์เจ้ายศเจ้าอย่างหรอก ผมเดาว่าเพียวคงมีเรื่องอยากคุยกับแฟรงค์สองต่อสองมากกว่า

พวกเรานั่งกินข้าวและคุยกันไปอย่างสนุกสนาน อาหารที่สั่งมาก็เป็นพวกอาหารอีสาน เช่น ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ลาบเป็ด ยำปลาดุกฟู รสชาติพอกินได้แต่ก็ไม่ถึงกับอร่อยเลิศ อาศัยว่าร้านใหญ่ ชื่อดังและติดถนนใหญ่ นักท่องเที่ยวจึงมากินกันหนาตา

ผมคอยชำเลืองมองไปที่โต๊ะของแฟรงค์กับเพียวบ่อยๆ คอยแอบมองดูใบหน้าและทรงผมใหม่ของแฟรงค์จากด้านข้าง ไม่ว่าจะมองด้านไหนแฟรงค์ก็ดูดีเสมอ แต่ผมคงไม่มีวาสนาได้อยู่เคียงข้างอีกแล้ว

ผมกินไปได้สักพักก็ขอตัวไปห้องน้ำ ทางที่จะไปนั้นต้องผ่านโต๊ะของแฟรงค์กับเพียวด้วย พอเดินไปใกล้ๆ ผมก็พยายามทำเป็นไม่มองและไม่สนใจ แต่หูเจ้ากรรมก็พลันได้ยินเสียงสองคนคุยกันลอยผ่านมา พอฟังดีๆ ก็พบว่าไม่น่าจะเป็นการพูดคุยที่รื่นรมย์

"อะไรกันน่ะพี่แฟรงค์ คบกันมาตั้งหลายปียังไม่รู้อีกเหรอว่าเพียวไม่ชอบกินผักชีใบเลื่อย ตักมาให้ทำไมเนี่ย"

"ขอโทษๆ พี่มัวแต่คิดยุ่งๆ ก็เลยลืม พี่ขอโทษนะเพียว"

เสียงแฟรงค์ฟังดูรู้สึกผิดพอสมควร แล้วผมก็ได้ยินเพียวทำเสียงจิ๊กจั๊กไม่พอใจ

"ทีเรื่องคนอื่นจำแม่นนะคะ แต่เรื่องของแฟนตัวเองกลับชอบลืม"

"เพียว ทำไมพูดอย่างงี้ล่ะ พี่ก็ขอโทษแล้ว"

"ก็มันจริงไหมล่ะคะ"

ผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยรีบเดินหนีไป ไม่อยากฟังเรื่องผัวเมียตีกันให้ปวดหัวหรอก อีกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องของผมด้วย พอเสร็จธุระ ผมเดินผ่านมาก็ยังเห็นแฟรงค์กับเพียวนั่งเงียบๆ สีหน้ายังคงบูดบึ้งทั้งคู่ พอแฟรงค์เหลือบมาเห็นผมก็ส่งยิ้มบางๆ มาให้ ผมยิ้มตอบพอเป็นพิธีแล้วก็รีบเดินจากไป

ผมกลับมานั่งกินข้าวกับเพื่อนพนักงานคนอื่นๆ ตามเดิม พอสบโอกาสเมื่อไหร่ผมก็อดหันไปมองที่โต๊ะนั้นอีกไม่ได้ สองคนนั้นก้มหน้าก้มตากินใครกินมันราวกับไม่รู้จักกัน ปราศจากเสียงพูดคุยกระหนุงกระหนิงอย่างที่ผมเพิ่งจินตนาการไว้ เพียวคงงอนแฟรงค์น่าดูเลย

ความสนใจของผมยังคงพุ่งไปที่แฟรงค์ ผมมองจอนผมและจมูกโด่งเป็นสันแล้วก็แอบยิ้มชื่นชม แฟรงค์ช่างมีเสน่ห์ในทุกมุมมองเสียจริง ผมคงมีความสุขไม่น้อยเลยถ้าได้เป็นคนนั้นที่อยู่ใกล้ๆ คอยออดอ้อน หยอกเล่นและดูแล

... ... ...

เราเดินทางมาถึงที่พักที่ภูลู่ลมรีสอร์ทเกือบๆ บ่ายสามโมง แม้ระยะทางจะไม่ไกลมากแต่เราก็ไม่เร่งรีบ ขับสบายๆ แถมยังแวะจอดปั๊มกันบ่อยๆ เข้าห้องน้ำบ้าง ซื้อของกินบ้าง

รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่บนเนินดินสูงติดถนนหมายเลขสิบสอง มีลมพัดโชยเย็นๆ กระทบผิวกายตลอดเวลาสมกับชื่อภูลู่ลม พอเข้าเดือนธันวาคมแล้ว อากาศหนาวที่มาพร้อมลมแรงยิ่งทำให้หนาวมากขึ้น พอลงจากรถแล้วเราก็สัมผัสความหนาวได้ทันที

เพื่อนพนักงานตื่นเต้นกับความสวยงามของที่นี่กันใหญ่ วิ่งไปถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้ทั้งที่ยังไม่ได้เอาของไปเก็บที่ห้องเลย มองไกลออกไปจะเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนอยู่รายล้อม นี่แหละบ้านเกิดของผมกับแฟรงค์ สถานที่ที่เราสองคนเติบโตมาด้วยกัน

พนักงานหนุ่มๆ ช่วยกันขนกระเป๋าลงจากรถ ส่วนผมเดินเข้าไปคุยกับเจ้าที่ที่ฟรอนท์เรื่องห้องที่จองไว้ ไม่นานก็ได้กุญแจห้องออกมาด้วย ปอนด์ก็ช่างน่ารัก ช่วยเอากุญแจไปแจกให้ทุกคนอย่างกระวีกระวาด

ผมเห็นหมาสองสามตัวมาป้วนเปี้ยนเล่นกับแขกที่มาพัก แม้จะเคยถูกหมากัดแต่ผมก็ไม่ถึงกับกลัวจนต้องวิ่งหนี ตรงกันข้าม เห็นทีไรผมก็มักจะอดเล่นด้วยไม่ได้ทุกที ผมย่อตัวลงไปนั่งเล่นกับหมาพุดเดิ้ลสีขาวๆ ตัวหนึ่ง มันเลียไม้เลียมือผมใหญ่ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน พลันสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นแฟรงค์ยืนมองผมอยู่เงียบๆ พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ไม่รู้ว่ากำลังนึกถึงวันคืนเก่าๆ สมัยประถมอยู่หรือเปล่า เพราะผมถูกหมากัดนี่แหละเราถึงได้รู้จักกัน

ผมหยุดเล่นกับหมาตัวนั้นแล้วก็ยืนขึ้น น้องผู้ชายที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ฟรอนท์เตือนว่าระวังหมาตัวสีดำๆ ด้วยเพราะมันเพิ่งออกลูกและหวงลูกมาก ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็ยิ้มให้ พอหันกลับไปมองหาแฟรงค์อีกทีก็หายไปเสียแล้ว

ตามแผนที่วางกันไว้ พอเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้อง ล้างหน้าล้างตาและพักผ่อนกันพอหายเหนื่อยแล้ว ปอนด์ก็จะให้ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องอาหารตอนสี่โมงเย็น ตรงนั้นจะเป็นทั้งที่กินข้าวเช้า ข้าวเย็นและจัดกิจกรรมสันทนาการด้วย ปอนด์เตรียมกิจกรรมต่างๆ ไว้ให้ทำตลอดสามวันสองคืนกันเลย

พอได้กุญแจครบแล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไปตามบ้านหลังต่างๆ ของตัวเอง บ้านพักส่วนมากอยู่บนเนินลาดเอียง ผมพักอยู่ปีกขวา มีทางเดินเล็กๆ ทำด้วยคอนกรีตง่ายๆ นำทางไปจนถึงตัวบ้าน เลยไปหน่อยมีบ้านพักอีกสามสี่หลังติดๆ กัน แต่ละหลังพักได้สองถึงสามคน ส่วนหลังนี้ผมกับปอนด์จะพักด้วยกัน

พอถึงเวลานัดเราก็มาเจอกันที่ห้องอาหารทางปีกซ้าย แฟรงค์กับเพียวก็มาร่วมเล่นด้วย ทุกคนอยู่ในชุดสบายๆ พร้อมทำกิจกรรมทุกรูปแบบ เกริ่นนำนิดหน่อยแล้วปอนด์ก็เริ่มแนะนำกิจกรรมแรก ปอนด์อธิบายว่าให้เราเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสั่งให้หยุด เราอยู่ใกล้กับใครก็ให้จับคู่กับคนนั้น จับมือกับคู่ของเราแล้วก็ถามคำถามอะไรก็ได้ที่อยากถามคู่ของเรามากที่สุด แล้วปอนด์จะสุ่มถามว่าคู่ไหนคุยอะไรกันบ้าง

พอเข้าใจโจทย์ดีแล้ว เจ้าหน้าที่รีสอร์ทก็ช่วยเปิดเพลงให้ พวกเราเดินวนไปเวียนมาอย่างช้าๆ มีเสียงหัวเราะสลับพูดคุยเป็นระยะๆ สักพักเสียงดนตรีก็หยุดลงพร้อมกับเสียงปอนด์ที่ตะโกนบอกให้เราหยุดเดิน

คู่ของผมคนนั้นอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่ผมแอบมองทรงผมใหม่บ่อยๆ นั่นเอง ผมไม่แปลกใจหรอกเพราะแอบเห็นแฟรงค์เดินตามหลังผมมาตลอด

แฟรงค์ยื่นมือมารอไว้ พอสายตาเราประสานกันก็เห็นแววประหม่าของทั้งคู่ ผมแทบจะลืมมองหาเพียวไปเลยเมื่อเห็นแฟรงค์อยู่ตรงหน้า แฟรงค์เผยอยิ้มน้อยๆ เป็นการเริ่มทักทายและสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย ผมจึงยื่นมือไปจับกับมือของแฟรงค์ไว้

"นัทสบายดีมั้ย"

แฟรงค์ถามเหมือนเราไม่ได้เจอกันนาน ทั้งที่ความจริงก็เจอกันแทบทุกวัน

"สบายดี แฟรงค์ล่ะ"

ผมถามไปเบาๆ ยิ้มน้อยๆ รู้สึกเขินเหมือนกันที่ต้องจับมือกันไป คุยกันไป

"แฟรงค์ก็สบายดี"

"เดินทางเหนื่อยหรือเปล่า"

"ไม่เท่าไหร่ แต่เหงาน่าดู"

"เหงาได้ไง แฟนก็อยู่ด้วย" ผมเอียงคอสงสัย

แฟรงค์ค่อยๆ ระบายยิ้มอย่างช้าๆ คงเขินเหมือนกันที่ต้องจับมือกัน

"ไม่มีใครแทนที่คนสำคัญของแฟรงค์ได้หรอก"

"อืม" ผมพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ชักทำหน้าไม่ถูก

"แล้วนัทล่ะ เดินทางเหนื่อยมั้ย"

"ไม่เหนื่อยหรอก แต่นั่งนานๆ ก็เมื่อยหลังเหมือนกัน แฟรงค์ล่ะ ขับรถนานๆ ไม่เมื่อยเหรอ"

"ก็เมื่อยหลังเหมือนนัทแหละ"

ผมขำเบาๆ แล้วก็ถาม "กินข้าวกลางวันอร่อยมั้ย"

"ก็ดี พอกินได้" แฟรงค์ตอบด้วยรอยยิ้มที่หม่นลงเล็กน้อย ทะเลาะกับแฟนแล้วจะกินข้าวอร่อยได้ยังไง

"แล้วนัทล่ะ ชอบอาหารอะไรมากที่สุดตอนกลางวัน"

"ไก่ย่างนั่นแหละ แล้วก็ลาบเป็ด แฟรงค์ล่ะ แฟรงค์ชอบกินอะไรมากที่สุด"

"ก็ชอบไก่ย่างเหมือนกัน เสียดาย...ไม่มีไอติมให้กิน"

เราสองคุยไป ยิ้มไป หัวเราะไป พอผมกำลังจะอ้าปากถาม เสียงปอนด์ก็ตะโกนบอกให้เราหยุด

"หยุดครับๆ แต่ว่าจับมือกันไว้ต่อนะครับ อย่าเพิ่งปล่อย ทีนี้ ใครอยากเล่าครับว่าคุยอะไรกับคู่ของเราบ้าง"

มีคู่นั้นคู่นี้แลกเปลี่ยนให้ฟังหลายคู่ บางคู่ก็เล่าเรียบๆ บางคู่ก็เล่าตลกๆ ให้เพื่อนๆ หัวเราะ ตอนนี้แหละที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นเพียว เธอจับคู่อยู่กับน้องผู้หญิงที่ทำงานที่ร้านกาแฟคนหนึ่ง สีหน้าของเธอดูเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ สายตาของเธอมองมาที่ผมกับแฟรงค์อย่างแปลกๆ จนผมรู้สึกกลัว แฟรงค์เหมือนจะรู้ความคิดของผมจึงบีบมือผมแน่นขึ้น

"เอ้า คุณแฟรงค์ล่ะครับ มีอะไรจะเล่าให้พวกเราฟังมั้ยครับว่าคุยอะไรกับคุณนัทมั่ง"

ปอนด์หันมาถามคู่ของผมเข้าใจได้ ผมว่าจะอยู่เงียบๆ แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วเชียว

"อ๋อ...ไม่มีอะไรครับ จริงๆ ผมกับนัทก็เจอกันเกือบทุกวัน แต่ช่วงหลังๆ ต่างคนต่างยุ่ง ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ ก็เลยถือโอกาสถามนัทว่าสบายดีหรือเปล่า เดินทางเหนื่อยมั้ย กินข้าวอร่อยมั้ย ประมาณนี้ครับ นัทมีอะไรจะเสริมมั้ย"

แฟรงค์หันมาถามผมที่ยืนอึดอัดใจอยู่

"ก็คล้ายๆ กับแฟรงค์ เอ๊ย...คุณแฟรงค์ครับ แล้วก็ถามด้วยว่าชอบอาหารอะไรมากที่สุดในร้านที่เราเพิ่งไปกิน ผมกับคุณแฟรงค์ก็ชอบกินไก่ย่างเหมือนกันครับ"

"เสียดายไม่มีไอติมให้กินเลย นัทเค้าชอบกินไอติมมาก"

แฟรงค์พูดแทรกขึ้นมาแล้วก็ขำ คนอื่นๆ ก็พลอยขำไปด้วย ยิ่งทำให้เพียวจับจ้องมองดูด้วยความสนใจ เพียวก็ชอบกินไอศครีมเหมือนกันแท้ๆ แต่แฟรงค์ไม่เอ่ยถึงเธอเลย

"โอเคครับ เดี๋ยวเราไปกิจกรรมต่อไปกันเลยดีกว่า อย่าเพิ่งปล่อยมือกันนะครับ แล้วก็ต้องอยู่กับคู่ของเราตลอดเวลา ห้ามเปลี่ยนคู่ รักเดียวใจเดียวนะครับ"

ปอนด์เว้นจังหวะหัวเราะ คนอื่นๆ ก็หัวเราะตามด้วย จากนั้นปอนด์ก็ให้ทุกคนจับมือกันเป็นวงกลม แล้วให้ทุกคนยื่นแขนที่จับกันไว้มาตรงกลางวง ให้มือทุกมือชนติดกันให้ได้ จากนั้นก็ให้นั่งลง จับมือกันไว้เหมือนเดิม แล้วยื่นขาของทุกคนเข้าไปกลางวงให้ขาทุกขาสัมผัสกัน ปิดท้ายด้วยการยืนขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เปลี่ยนจากขาเป็นหูบ้าง ปอนด์บอกให้เอาหูทุกหูชนกันให้ได้ คราวนี้เสียงหัวเราะสนุกสนานดังกว่าเดิม เพราะไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ทำไม่ได้อยู่ดี แฟรงค์ก็ดูสนุกใหญ่ พยายามเอาหูมาแตะเล่นกับผมแล้วก็หัวเราะ พอใกล้ชิดกันอย่างนี้ ผมก็ยอมรับว่ารู้สึกดีไม่น้อย

ปอนด์ให้แต่ละคู่จับกลุ่มที่อยู่ใกล้กันให้ได้ครบหกคน แน่นอนผมก็ยังอยู่กับแฟรงค์เหมือนเดิมแต่มีคนอื่นๆ มาเพิ่มด้วย ส่วนเพียวก็ยังคงไม่ได้เข้ามาใกล้แฟรงค์เลย ถึงกระนั้นก็คอยชำเลืองดูตลอด

ปอนด์แจกกระดาษที่มีภาพลายเส้นขาวดำลายมันดาลาหรือลายมณฑลแบบต่างๆ ให้แต่ละกลุ่ม แจกดินสอสีให้ด้วย จากนั้นก็ให้คนในกลุ่มช่วยกันระบายสี แต่ต้องสร้างกติกาขึ้นมาก่อนว่าจะช่วยกันระบายสียังไง

กลุ่มผมตกลงกันว่าให้แต่ละคนแบ่งกันระบายสีส่วนต่างๆ ใช้สีได้ตามชอบ แฟรงค์ดูสนุกอีกแล้ว หยิบดินสอสีมาระบายลงบนรูปก่อนเพื่อน นั่งชิดไหล่ชนไหล่กับผมจนคนในกลุ่มมองอย่างสงสัย แฟรงค์คอยหันมายิ้มให้ผมบ่อยๆ ชวนให้ผมใช้สีนั้นสีนี้ ระบายตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง จะว่าไปผมรู้สึกดีมากที่มีแฟรงค์อยู่ใกล้ๆ แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีสายตาของใครบางคนมองดูอยู่ แฟรงค์ก็ทำเหมือนไม่แคร์เอาเสียเลย

"คุณแฟรงค์ดูสนิทกับคุณนัทจังเลยนะคะ"

แก้วตาถามขึ้นมาในขณะที่เรากำลังระบายสีจนเกือบเสร็จแล้ว

"อ๋อ...ผมกับนัทโตมาด้วยกัน เราเกิดแล้วก็โตที่เขาค้อด้วยกันนี่แหละครับ หมู่บ้านที่ผมเคยอยู่ก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ ผมเรียนประถมกับนัท เจอกันตั้งแต่เด็กๆ เลย เราสองคนสนิทกันมาก ขี่จักรยานไปโรงเรียนด้วยกันทุกวัน ผมอายุห่างจากนัทสี่เดือนกว่าๆ แต่ก็เรียนคนละชั้นกับนัท ตอนเด็กๆ ผมยังเคยบอกนัทบ่อยๆ เลยว่าอย่าเรียกผมว่าพี่ เพราะว่าเราอายุห่างกันไม่เยอะ แต่เค้าก็ชอบเรียกผมว่าพี่บ่อยๆ อ้อ...แล้วนัทก็ชอบกินไอติมมาก เห็นผมเมื่อไหร่ต้องวิ่งมาขอกินไอติมทุกที"

แฟรงค์เล่าให้เพื่อนๆ พนักงานฟังอย่างอารมณ์ดี

"จริงเหรอคะ คุณแฟรงค์กับคุณนัทเกิดที่เขาค้อเหรอคะ ไม่ยักกะรู้มาก่อนเลย" แก้วตาทำสีหน้าแปลกใจ คนอื่นๆ ก็เช่นกัน

"จริงครับ เดี๋ยวถ้าขับรถผ่านจะชวนไปแวะดู"

"มิน่าล่ะ แก้วตาสังเกตว่าคุณนัทชอบเรียกคุณแฟรงค์ว่าแฟรงค์เฉยๆ บ่อยๆ เป็นอย่างงี้นี่เอง บังเอิญจังเลยนะคะได้กลับมาเจอกันอีก แถมยังมาทำงานด้วยกันด้วย เสียดาย...คุณนัทจะทิ้งพวกเราไปซะแล้ว"

แฟรงค์หันมามองผม ยิ้มแล้วก็ขำด้วยกัน ผมคงไม่ได้คิดไปเองหรอกว่าแฟรงค์ดูมีความสุขเวลาที่เราสองคนอยู่ใกล้กัน

พอเสร็จกิจกรรมวาดรูป เราก็เล่าแลกเปลี่ยนวิธีการระบายสีเป็นกลุ่มๆ จากนั้นปอนด์ก็ให้เราลงไปเล่นเกมตรงลานข้างล่าง เป็นเกมสุดท้ายก่อนกินข้าวเย็น เกมนี้ยังเล่นเป็นกลุ่มเหมือนเดิม แต่ละกลุ่มจะส่งสมาชิกทีละคนออกมายืนขาเดียว เท้าสะเอว แล้วก็หมุนคอ คนที่ยืนดูอยู่ช่วยนับดูว่าหมุนได้กี่รอบก่อนที่ขาจะตกพื้น พอขาตกพื้นต้องหยุดทันที ทำครบทุกคนแล้วก็เอาคะแนนมารวมกันทั้งกลุ่ม กลุ่มไหนทำได้เยอะที่สุดก็จะได้ของรางวัลพิเศษไป

พอเกมเริ่มเสียงหัวเราะก็มาทันที ดูเหมือนง่ายแต่เอาเข้าจริงก็ยากไม่ใช่เล่น ส่วนมากมักทำได้ไม่ถึงสิบครั้งต่อคน คนที่หมุนคอได้หลายรอบมักเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรง ความสนุกจึงอยู่ที่ได้ลุ้นเวลาเพื่อนยืนโงนเงนจะล้มแหล่มิล้มแหล่นี่แหละ

พอถึงกลุ่มของผมบ้าง ผมก็ให้แฟรงค์ออกไปทำก่อนเพื่อน แฟรงค์หมุนคอได้ตั้งสิบแปดรอบ แสดงว่าแข็งแรงน่าดู จากนั้นคนอื่นๆ ก็ออกไปทำบ้าง

พอถึงคิวของผม ตอนแรกผมก็คิดว่าไม่น่าจะยาก แต่พอหมุนคอไปได้สองสามรอบก็เริ่มเวียนหัว กัดฟันทำไปได้เกือบสิบครั้งก็ไม่ไหว สุดท้ายก็ซวนเซจนทรงตัวไม่อยู่ แฟรงค์ตรงเข้ามาช่วยประคองได้ทันเสียก่อนที่ผมจะล้มก้นจำเบ้าไป

พอได้อยู่ในอ้อมแขนของแฟรงค์อีกครั้ง ผมก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว แม้ว่าสายตาของใครคนนั้นจะมองมาก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกของผมได้ เรายิ้มให้กันก่อนที่ผมจะทรงตัวลุกขึ้นยืนได้เอง พอแฟรงค์ปล่อยมือ เราก็แอบมองตากันด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอก

พอเล่นเกมเสร็จแล้ว เราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนที่ห้องชั่วคราวเพราะอาหารเย็นยังไม่พร้อม ผมมองหาปอนด์ไม่เจอก็เลยเดินกลับไปคนเดียว จู่ๆ แฟรงค์ก็วิ่งมาดักหน้าผมไว้ พอผมหยุดยืนมอง แฟรงค์ก็บอกผมว่า

"แฟรงค์คุยกับเค้าแล้ว ยังไม่สำเร็จ เค้าไม่ยอม"

แล้วแฟรงค์ก็เดินแกมวิ่งจากไป ผมยืนนิ่งครุ่นคิดสักพักก็เดินจ้ำอ้าวออกไปบ้าง บอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกยังไงกับเรื่องที่เพิ่งได้ยิน แล้วผมจะเอายังไงกับชีวิตของผมดี อีกไม่กี่วันก็จะกลับมาอยู่บ้านกับแม่แล้ว แต่แฟรงค์ก็ยังพยายามที่จะเลิกกับเพียวให้ได้อีก เพื่อผมหรือเปล่า...

พอมาถึงหน้าห้องพักผมก็หยุดยืนนิ่งอีกครั้ง แหงนหน้ามองท้องฟ้าใสๆ ยามหน้าหนาวของเขาค้อ แล้วก็ถามตัวเองในใจว่า ผมควรจะเดินหน้าสู้เพื่อความรักเหมือนแฟรงค์ หรือควรจะหยุดแล้วจากกันไปทางใครทางมัน


- TBC -[/center]

ชอบงานใคร อย่าลืมบวกเป็ด/คอมเมนต์ให้นักเขียนทุกคน ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-12-2015 01:45:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-12-2015 02:09:30
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 17-12-2015 02:26:43
คนอ่านๆแล้วรู้สึกว่าความรู้สึกของแฟรงก์ที่มีต่อนัทนี่ออกนอกหน้ามากๆ   เพียวก็พยายามยื้อไว้    แต่พออ่านจากมุมมองของนัทแล้วก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพียงแต่ว่านัทถอดใจไม่สู้ไปก่อนแล้ว   หยุดไม่ให้ข้ามความเป็นพี่เป็นน้อง   กลัวว่าเพียวไม่ยอมแล้วแฟรงก์จะทำเหมือนสนที่เฉยจนกว่าอีกฝ่ายจะทนไม่ได้เอง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 17-12-2015 10:15:43
ทุกเรื่องที่อ่านมานะค่ะชอบแนวดรามาของคุณSarawatta มากคือมันอ่านแล้วมันอินไปกับตัวละครทุกตัว
แฟร้งนี้ก็รักนัทมาก มากจนแยกไม่ออกว่าเขาอยากมีนัทเป็นน้องชายหรือเป็นคนรักกันแน่ด้วยคำจำกัดว่าเพศแต่พอมาเจอเพียวที่มีอะไรคล้ายๆนัททำให้เขารู้ใจตัวเองว่าเขารักนัทแบบไหน แต่กว่าจะรู้เขาก็กำลังจะแต่งงานกับเพียวอยู่แล้วลงรากฐานความรักจนมั่นคงแล้วแต่มาสั่นคอนเอาตอนที่เขาเจอนัทอีกครั้ง เราก็เข่้าใจเพียวนะเรียกได้ว่ามาเกินครึ้งแล้วเรียกได้ว่ากลับตัวก็ไม่ได้เดินต่อไปก็ยังไม่รู้ชะตากรรมแต่ก็พยายามจะเดินไปให้ถึง หรือเขาเรียกว่ายื้อนั้นแหละ  :เฮ้อ:   ส่วนนัทก็เหมือนพยายามหลอกความรู้สึกตัวเองพยายามบอกตัวเองว่าแฟร้งคือพี่่ชายแค่พี่ชาย...ที่จริงนัทรักแฟร้งมาก..ความรู้สึกของนัทบอกตรงๆว่ามันหน่วงจนบรรยายไม่ถูก  :ling3: :ling3: :ling3:

ปล..ตั้งแต่อ่านมาเรื่องนี้ภาษาสละสลวยกว่าเรื่องต้น-สนค่ะและรู้สึกว่าบรรยายได้ละเอียดอ่อนกว่ามากค่ะ พออ่านพี่แฟร้งก็เห็นภาพรักแสดงพี่โป๊ปทันที   o13 o13 
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 17-12-2015 11:16:59
ชอบตอนนี้จังคับ แฟรงค์กับนัทดูมีความสุขดีคับ ความรักสวยงามเสมอ ๕๕๕ แฟรงค์ปล่อยของเด็้ดให้นัทเอาไปคิดอีกแล้วว่าจะถอยหรือเดินหน้าสู้พร้อมแฟรงค์ แม่นางเพียวก็ดูตลอด ไม่รู้ว่าแม่นางจะยอมรับได้หรือป่าวถ้ารู้ว่าแฟรงค์รักนัท
   รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ ลุ้นนัทจะเดินหน้าหรือถอยหลัง แฟรงค์พานัทหนีไปอยู่เขาค้อเลย ๕๕๕
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 17-12-2015 11:55:21
อึดอัดแทนทั้ง 3 คน

ตอนนี้เราขอนอกใจแฟรงค์กับนัทไปเอาใจช่วยเพียวแทน

ไม่ใช่เอาใจช่วยให้ได้แต่งกับแฟรงค์นะ แต่เอาใจช่วยให้เพียวผ่านช่วงเวลาที่รู้สึกว่าต้องเหนี่ยวรั้งความสัมพันธ์นี้เอาไว้

ไม่รู้ว่า แฟรงค์บอกเหตุผลหรือคุยกับเพียวอย่างไรบ้าง

คนไม่รักกัน หักหลังกัน ไม่มีค่ากับหัวใจเธอหรอกเพียว
ขอให้เธอเข้มแข็งและเดินออกจากความเจ็บปวดนี้ไปเถอะนะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 17-12-2015 13:34:16
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านรวดเดียวตั้งแต่บทแรก อ่านไปก็เสียวไปเพราะเป็นคนที่ sensitive กับดราม่าแนวนี้อยู่พอควร ผมว่ามันเครียดกว่าดราม่าตบจูบจำเลยรักอีก เพราะแนวนั้นอ่านไปก็รู้สึกว่าเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่ง ไม่ต้องคิดมากจริงจังอะไร แต่พอมาเล่นเรื่องความผูกพัน ครอบครัว หรือความรู้ผิดชอบชั่วดีอย่างเรื่องนี้ มันดูจริงจนอดเอาตัวเองเข้าไปคิดแทนไม่ได้ ยิ่งเห็นตัวละครดิ้นรนที่จะหักห้ามใจ หรือพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องยิ่งกดดันตามไปด้วย

ถ้าตัดประเด็นดราม่าออกไปก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่ารักมากๆ ความสัมพันธ์ บรรยากาศเข้ากับหน้าหนาวมากๆ ภาษาก็ดีครับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH08 ✢ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย NC ✢ P5 ▒ 16.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 17-12-2015 15:00:17
จากบทที่ 7 -- รู้สึกว่า การดำเนินเรื่องรวบรัดมาก คือไม่ได้รู้สึกไม่ชอบ แต่มันเหมือนกับมันขาดรายละเอียดด้านความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ไปบ้างในความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งอันที่จริงการเดินเรื่องให้กระชับขึ้นอาจจะเป็นที่ชื่นชอบมาก/ น้อยกว่าสำหรับนักอ่านท่านอื่น คือต่างคนก็ต่างความคิด แต่ข้อดีของการกระชับเนื้อเรื่องคือ มันไม่เยิ่นเย้อ ทำให้รู้บทสรุปเร็วขึ้น ซึ่งอันนี้ก็ดีใจกับแฟรงค์และนัทด้วย +เป็ด จ้า

ขอบคุณที่สะท้อนเรื่องการเดินเรื่องรวบรัดให้ฟังครับ ผมก็คิดอยู่ว่ามันรวบรัดไปหรือเปล่า
เดี๋ยวจะเขียนเป็นตอนพิเศษให้หลังจากตอนที่ลงตอนที่ 10 แล้ว

พอผมเขียนแบบใช้บุรุษที่หนึ่งเล่าเรื่อง ผมค่อนข้างกังวลว่ามันจะน่าเบื่อ เลยต้องเดินเรื่องไวๆ
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า การเขียนแบบนี้ทำให้ตัวเล่าเรื่องมีน้อย ในหนึ่งตอนมีคนเล่าเรื่องหลักคนเดียว
แต่ก็ดีในแง่ได้ความละเอียดของความรู้สึกของตัวละครมากขึ้น ผมชอบนะ ชอบมากด้วย
แค่แอบกลัวว่าคนอ่านจะเบื่อ

รู้สึกตอนหลังๆ คนจะไม่ค่อยคอมเมนต์กันแล้วนะครับ สงสัยลงติดๆ กันมากไป แถมมีมาม่าด้วย
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมชอบมาก ไม่แคร์ว่าใครจะอ่านหรือไม่อ่าน จะเม้นต์หรือไม่เม้นต์ จะชอบหรือไม่ชอบ
เพราะผมชอบ อิๆ

จะไปต่างจังหวัด แต่อยากเขียน จะพยายามหาเวลามาแอบเขียน
เป็นเรื่องแรกที่ผมรู้สึกว่าอยากเขียนมันทุกตอน ไม่มีตอนไหนที่รู้สึกติดขัดเลย

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 17-12-2015 15:02:17
แฟรงค์คงคุยกับเพียวแล้วละแล้วตอนนี้ก็คงกำลังเดินหน้าเต็มที่เรื่องของนัท "You're on the right track! Keep going!"  ตอนนี้ก็เหลือแต่นัทแล้วแหละว่าจะตัดสินใจยังไง ส่วนตัวนะ ถ้าหากเราอยู่ในสถานการณ์แบบเพียวเราคงถอยออกมาอย่างสวยๆ แล้วละ คนหมดใจจะทุ่มเท่าไหรก็หมดไปเปล่าๆ อีกอย่างรั้งไปมันก็ไม่มีอะไรดีหรอกแถมจบคงไม่สวยนัก +เป็ด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 17-12-2015 15:10:30
 :mew1: ตอนนี้เป็นตอนที่หวานแบบหน่วง ๆ น่ะ เพราะ มีเพียวคอยจับตามองตลอด เพียวก้อเหมือนกับผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ยอมรับความจริงไม่ได้และพยายามยื้อมันต่อไป  :mew2: สุดท้ายคนที่ต้องเจ็บปวดที่สุดก้อคือตัวเรานี่แหละ แฟรงค์ต้องเด็ดขาดเลยน่ะ จะยื้อก้อยื้อไป ฉันไม่สนแล้วน่ะ เพราะถือว่าพูดจบแล้ว แต่เราก้อเข้าใจว่ายังไงก้อเคยรักกันมา และผู้หญิงก้อไม่ได้เป็นฝ่ายผิดด้วย แต่อย่างว่าความรักไม่ได้เป็นเรื่องผิดถูกน่ะ มันคืออารมณ์ที่แม้แต่ตัวเราก้อควบคุมมันไม่ได้  :katai1: เราว่ามีดราม่าพ่อกับแม่แน่ ๆ รับรองเพียวต้องไปคุยกับพ่อแม่แฟรงค์แน่ ๆ เลย น่ะ เตรียมตัวรับน่ะแฟรงค์ ส่วนนัทคงต้องให้เวลากับตัวนัทเองด้วยน่ะ มันกระทันหันเกินไป และการเป็นมือที่สามก้อไม่ใช่เรื่องสนุกเลยน่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 17-12-2015 15:38:52
ชอบตอนนี้นะมันหน่วงๆ ดี ผมเข้าใจความรู้สึกนัทนะ
บางทีอ่านไปบางนิสัยของนัทก็เหมือนสะท้อนตัวเองไงไม่รู้
ที่แคร์ความรู้สึกคนอื่นมาก นัทคงไม่อยากทำให้เพียวเสียใจ
คือถ้าพี่แฟรงเลิกกับเพียว แน่นอนเพียวต้องเจ็บช้ำ ซึ่งเหมือนตัวเองก็คงมีส่วนร่วมไรงี้
แต่จริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวหรอก มันเป็นเรื่องความรู้สึกของคนสองคน ก็ให้เค้าเคลียร์กันเองเนอะ
แต่ถ้าอยู่ในจุดแบบนัทก็คงมองไม่เห็นหรอก
แถมลึกๆ ตัวเองก็มีความรู้สึกกับพี่แฟรงค์  อีกใจคงอยากตัดใจอีกใจก็คงสับสน เศร้าๆ มันอึดอัดเนอะ อารมณ์แบบนี้
หวังว่านัทจะเลือกตัดสินใจได้ในที่สุด...


ผมเผลอเม้นยาวเลย
คือแบบอ่านละอินไปกับตัวละครมากๆ เวลาเล่าผ่านบุรุษที่ 1เหมือนเรามีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครด้วย


ปล.  ชอบกินไก่ย่าง เหมือนกันเลยอะ 555+
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 17-12-2015 17:21:13
ชอบตอนนี้จังคับ แฟรงค์กับนัทดูมีความสุขดีคับ ความรักสวยงามเสมอ ๕๕๕ แฟรงค์ปล่อยของเด็้ดให้นัทเอาไปคิดอีกแล้วว่าจะถอยหรือเดินหน้าสู้พร้อมแฟรงค์ แม่นางเพียวก็ดูตลอด ไม่รู้ว่าแม่นางจะยอมรับได้หรือป่าวถ้ารู้ว่าแฟรงค์รักนัท
   รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ ลุ้นนัทจะเดินหน้าหรือถอยหลัง แฟรงค์พานัทหนีไปอยู่เขาค้อเลย ๕๕๕


ตอนหน้าจะมาในชื่อตอน "แสงดาว ลมหนาว ความรัก" แค่เห็นชื่อก็สุดแสนจะโรแมนติก
ผมจะทำให้มันเป็นอีกหนึ่งตอนที่ประทับใจ ในแง่บรรยากาศของความรัก แค่คิดก็อยากจะเขียนแล้ว (แต่ดันมีงานเข้ามาซะนี่)

เราจะได้ยินแฟรงค์ถามนัทด้วยประโยคนี้ครับ มาลุ้นว่านัทจะตอบยังไง

(http://s5.postimg.org/egxtsxyrb/LH_06.jpg)

เรื่อง "ต้น-สน" คนอ่านก็เดากันใหญ่ว่าจะจบยังไง ไม่มีใครเดาถูกเลย สุดท้ายสนก็มีลูกและได้อยู่กับต้น
ส่วนเรื่องนี้ ผมก็มี "อะไร" ที่อยากให้สองคนนี้ "ได้" นั่นแหละครับ ไม่ใช่ลูก แต่อย่าเดาเลย 555

เอาภาพสวยๆ ของภูลู่ลมมาฝาก สร้างบรรยากาศรอตอนต่อไป ตรงเนินหญ้านี่แหละที่แฟรงค์กับนัทจะมานั่งคุยกัน

(http://s5.postimg.org/vlpp9808n/DSC_2857.jpg)
(http://s5.postimg.org/xrk03q3p3/DSC_2665.jpg)
(http://s5.postimg.org/p0cz9gkdz/DSC_2789.jpg)
(http://s5.postimg.org/40wvhyipj/DSC_2791.jpg)

ป.ล. เรื่องนี้เหมาะกับช่วงหน้าหนาวจริงๆ (แต่ กทม. ไม่หนาวเลย 555)

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 17-12-2015 20:03:24
มาให้กำลังใจจ้า

คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-12-2015 20:42:34
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านรวดเดียวตั้งแต่บทแรก อ่านไปก็เสียวไปเพราะเป็นคนที่ sensitive กับดราม่าแนวนี้อยู่พอควร ผมว่ามันเครียดกว่าดราม่าตบจูบจำเลยรักอีก เพราะแนวนั้นอ่านไปก็รู้สึกว่าเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่ง ไม่ต้องคิดมากจริงจังอะไร แต่พอมาเล่นเรื่องความผูกพัน ครอบครัว หรือความรู้ผิดชอบชั่วดีอย่างเรื่องนี้ มันดูจริงจนอดเอาตัวเองเข้าไปคิดแทนไม่ได้ ยิ่งเห็นตัวละครดิ้นรนที่จะหักห้ามใจ หรือพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องยิ่งกดดันตามไปด้วย

ถ้าตัดประเด็นดราม่าออกไปก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่ารักมากๆ ความสัมพันธ์ บรรยากาศเข้ากับหน้าหนาวมากๆ ภาษาก็ดีครับ

ใช่ ใช่ เราอ่านแนวจำเลยรัก ตบจูบ โหด เถื่อน ได้สบายมาก แต่อ่อนไหวกับแนวนี้ล่ะ
3 - 4 ตอนหลังที่ผ่านมามีน้ำตาหยดทุกรอบเลย  :เฮ้อ: แต่ก็ยังตามอ่าน   
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 17-12-2015 21:41:21
จากที่เพียวยื้อแฟรงค์เอาไว้เพราะยังรักอยู่ จะเปลี่ยนไปเป็นแค้นเคืองไหมก็ไม่รู้นะคะเนี่ย เพราะยิ่งอีกฝ่ายแสดงออกชัดเจนจนไม่ให้เกียรติกันในฐานะของคนรักที่ยังคบหากันอยู่แบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งน่ากลัวค่ะว่าจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงหรือไม่ดีเกิดขึ้น
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH09 ✢ วันฟ้าใสที่เขาค้อ ✢ P5 ▒ 17.12.2014 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 17-12-2015 22:43:08
รักที่ยืดเยื้อ
ความหน่ายเบื่อจะยิ่งทำงาน

แล้วก็จะถึงวันที่ไม่ทนอีกต่อไป
..แตกหัก..

หุหุ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH10 ✢ บอกอะไรป่านนี้ ✢ P5 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 18-12-2015 16:27:18
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 10 ✢ บอกอะไรป่านนี้


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

คนเราไม่สามารถทำทุกอย่างที่รู้ว่าดีได้เสมอไป เรารู้ว่ากินอาหารครบห้าหมู่ดี ออกกำลังกายเป็นประจำดี นอนหลับพักผ่อนเพียงพอดี ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละแปดแก้วดี หายใจอากาศบริสุทธิ์ดี แต่หลายคนกลับไม่สามารถทำได้ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่าง ผมก็กำลังตกอยู่ในสภาวะคล้ายๆ อย่างนั้น รู้ว่าความเด็ดขาดเป็นสิ่งที่ดี แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด

ผมนั่งมองเพียวร้องเพลงคาราโอเกะกับเพื่อนๆ พนักงานแล้วก็มีคำถามในใจ ไม่ถามเธอหรอก แต่ถามตัวเองมากกว่า ความรู้สึกเดิมๆ ที่ผมเคยมีให้เธอหายไปไหน หรือว่าจริงๆ แล้วผมไม่เคยมีความรู้สึกนั้นกับเธอมาตั้งนานแล้ว ช่างน่าแปลกที่ความสดใสน่ารักของเธอไม่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงเหมือนก่อน แถมเธอยังเป็นเหมือนพันธนาการของชีวิตที่หนักหนา จนผมไม่รู้ว่าจะลากต่อไปได้ไกลแค่ไหน ชีวิตและจิตใจของคนช่างน่าพิศวงในแง่ความไม่แน่นอน ผมพาตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

นัทนั่งเงียบๆ อยู่อีกมุมหนึ่งห่างออกไป หลังจากเล่นเกมแล้วผมกับนัทก็ห่างกันอีกครั้ง ผมรู้สึกผิดกับนัทหลายเรื่อง เรื่องที่หนักที่สุดก็คือเรื่องที่ผมดึงนัทเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ลำบากด้วย ช่วงหลังๆ มานี้ ผมต้องรักษาระยะห่างไว้แม้ว่าอยากอยู่ใกล้แค่ไหน นัทคงรู้สึกได้ว่าผมห่างเหินไป อีกอย่างผมก็ไม่อยากทำให้เพียวรู้สึกว่าผมไม่ให้เกียรติเธอในฐานะว่าที่เจ้าสาว แถมเราก็ยังเคลียร์กันไม่เรียบร้อยอีกต่างหาก แต่บางครั้งก็ยากเกินกว่าที่ผมจะห้ามใจไหว แรงดึดดูดของความรักมีพลังรุนแรงเหลือคณา ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งส่งแรงดึงดูดมาก จนผมเผลอตกอยู่ในอำนาจของมันในช่วงที่เราเล่นเกมก่อนอาหารเย็น

ผมรู้สึกทรมานเหลือเกินกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในตอนนี้ ยิ่งเวลาเหลือน้อยก็ยิ่งทุรนทุราย คงไม่ใช่คนทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้จะสมหวังในความรัก ผมจะเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นหรือเปล่า นึกถึงคืนที่ผมคุยกับเพียวที่พังงาแล้วก็เหมือนผมต้องยอมรับกลายๆ

"ตกลง พี่แฟรงค์กับนัทนี่มันยังไงกันแน่คะ"

สายตาคาดคั้นของเพียวทำให้ผมรู้ว่าเธอต้องการได้ความจริงบางอย่าง ไม่อย่างนั้นแล้วการสนทนาในคืนนี้จะจบลงไม่ได้เลย ผมกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น แต่ก็ไม่คิดจะถอยหนี ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายและทุกคนควรซื่อสัตย์กับมัน

ผมรวบรวมพลังใจและความกล้าหาญทั้งหมดที่มีอย่างลูกผู้ชายคนหนึ่งอยู่สักพัก เมื่อพร้อมแล้วจึงตัดสินใจพูดความจริงให้ฟัง

"เพียว...เพียวฟังพี่ดีๆ นะ ทุกอย่างที่พี่จะพูดต่อไปนี้เป็นความจริงทั้งหมด ถ้าเพียวฟังจบแล้ว...ขอให้เพียวบอกพี่ว่าเพียวคิดยังไง และเรา...จะดัดสินใจทำอะไรต่อไป"

ผมหยุดเว้นจังหวะรอความสนใจ แววตาวิบไหวของเพียวบอกว่าเธอกลัวความจริงที่ผมกำลังจะบอกไม่น้อย

"ตอนเด็กๆ พี่กับนัทสนิทกันมาก นัทเป็นน้องชายที่พี่รักมาก ถึงไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่พี่ก็คอยดูแล ห่วงใยเอาใจใส่ไม่ต่างจากน้องแท้ๆ คนหนึ่ง นัทเค้าก็เลยติดพี่มาก พี่ก็ติดเค้ามากเหมือนกัน ตอนที่พี่มาเรียนที่กรุงเทพ นัทเสียใจมาก เค้ารอพี่แต่พี่ก็ไม่เคยกลับไปหาเลย พ่อของพี่เองก็ห้ามไม่ให้พวกเรากลับไปเหยียบที่นั่นอีก พี่คิดถึงนัทมาก มากจนพี่ไม่อยากคบใครเป็นเพื่อนตอนเรียนมอต้นใหม่ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไป ต่างคนก็ต่างมีชีวิตของตัวเอง เจอคนใหม่ๆ เจอเพื่อนใหม่ๆ เราสองคนก็เลยลืมๆ กันไป ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้เจอกันอีก"

ผมหยุดเว้นจังหวะอีกครั้ง พอเห็นเพียวยังตั้งใจฟังอยู่ก็พูดต่อ

"เพียวจำได้ใช่มั้ยที่พี่เคยบอกเพียวว่าพี่ไม่เคยมีแฟนเลย จีบเล่นๆ บ้าง แต่พี่ก็ไม่รู้สึกคลิกกับใคร จนกระทั่งพี่ได้เจอเพียว เพียวมีบางอย่างที่ทำให้พี่คลิก ก็เรื่องที่เพียวชอบกินไอติมนั่นแหละ เพราะมันทำให้พี่นึกถึงนัท"

สีหน้าของเพียวดูตกใจและกลัวมากขึ้น แต่ผมก็จะไม่หยุด

"พี่กำลังจะบอกเพียวว่า...ในใจลึกๆ ของพี่ พี่ไม่เคยลืมนัท พี่รอคอยคนอย่างเค้าเข้ามาในชีวิต เพราะพี่...ประทับใจเค้า ชอบความเป็นตัวตนทุกอย่างของเค้า ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เค้าทำให้พี่มีความสุขกับทุกอย่างที่เค้าเป็น มันฝังใจพี่มาตลอดโดยที่พี่ไม่รู้ตัว พอพี่เจอเพียวที่มีบางอย่างคล้ายกับนัท ก็เลยทำให้พี่สนใจเพียว ตัดสินใจจีบแล้วก็คบเป็นแฟน จนกระทั่ง...จะแต่งงานกันเร็วๆ นี้"

ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดสืบไป

"พอพี่ได้เจอนัทอีกครั้ง ความรู้สึกเก่าๆ ก็ฟื้นกลับมา อาจจะเป็นเพราะพี่รู้สึกผิดด้วยที่พี่ไม่ได้กลับไปหาเค้าเลย ทั้งๆ ที่ช่วงสองสามปีแรกเค้ารอพี่อยู่ นัทเองเค้าก็ฝังใจที่พี่ผิดคำสัญญา เพราะพี่เคยสัญญากับเค้าว่าจะกลับไปหา มันทำให้พี่รู้สึกผิดกับเค้ามาก พอพี่กับนัทใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นๆ พี่ก็ตกใจที่พี่เพิ่งรู้ว่า...คนที่อยูในใจพี่ตลอดมาก็คือนัท แต่พี่ก็สับสนมากว่าใช่หรือเปล่า แต่วันนี้พี่มั่นใจว่าพี่..."

"พี่แฟรงค์คะ" เพียวพูดสวนทันทีราวกับกลัวที่จะรู้ความจริงที่ผมกำลังจะบอก

"เพียวว่า...พี่แฟรงค์แค่สับสนนะคะ พี่แฟรงค์แค่รู้สึกผิดที่ไม่ได้กลับไปหานัทหรือเปล่า เพียวไม่เชื่อว่ามันเป็น...เรื่องนั้นหรอก ใช่...พี่แฟรงค์อาจจะสนใจเพียวเพราะว่าเพียวชอบกินไอติมเหมือนนัท แต่เพียวก็ไม่ใช่นัท ที่พี่แฟรงค์คบกับเพียวมาสี่ห้าปีก็ไม่ใช่เพราะเพียวเป็นนัท แต่เพียวก็เป็นเพียว เพียวอาจจะเหมือนนัทแค่เรื่องเดียว แต่อย่างอื่น...อาจจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น...เพียวไม่เชื่อว่าที่พี่แฟรงค์คบกับเพียวเพราะว่าเพียวเป็นเงา ของนัท พี่แฟรงค์รักเพียวเพราะว่าเพียวเป็นอย่างที่เพียวเป็นไม่ใช่เหรอคะ"

เพียวถามเสียงดังตรงประโยคท้าย ผมเห็นน้ำตาของเธอและสีหน้าหวาดกลัวว่าจะเสียคนรักไปแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่แหละจึงทำให้ผมลำบากใจเหลือเกิน

ผมนิ่งอึ้งไปกับคำถามนั้นอยู่นาน รู้สึกแย่เหลือเกินที่ผมจะต้องหาเหตุผลมากมายมาเพื่อบอกเลิกกัน

"ใช่...พี่ยอมรับตามที่เพียวพูดมา แต่...ในใจลึกๆ ของพี่ พี่รู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เติมไม่เต็ม เหมือนพี่รอคอยใครซักคนอยู่ พอพี่ได้เจอนัทพี่ถึงรู้ว่า..."

"พี่แฟรงค์คะ เราเดินมาไกลแล้วนะคะ เราถอยกลับไม่ได้ การ์ดแต่งงานก็แจกไปแล้ว ทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว พี่แฟรงค์อาจจะไม่เท่าไหร่เพราะเป็นผู้ชาย แต่เพียวนี่สิคะ ใครเค้าจะเอาไปพูดยังไงกัน ที่สำคัญ พี่แฟรงค์ตัดสินใจเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้นะคะ เพราะทุกอย่างที่ผ่านมา เราตัดสินใจด้วยกันมาตลอด ความรักเป็นเรื่องของเราสองคน เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เพียวไม่ยอมให้แฟรงค์ตัดสินใจคนเดียวหรอก ถ้าเพียวต้องการให้เราเดินต่อ พี่แฟรงค์...ก็ต้องเคารพสิ่งที่เพียวเลือกด้วย"

"เพียว..."

"เพียวขาดพี่แฟรงค์ไม่ได้ เราสองคนรักกันมาตั้งนาน ไม่ควรเป็นแบบนี้ เพียวให้พี่ไปทั้งตัว...ทั้งใจ อีกแค่เดือนเดียวก็จะแต่งงานกันแล้ว มาไกลขนาดนี้ จะทิ้งกันง่ายๆ เลยเหรอคะ เพียวผิดตรงไหน เพียวผิดตรงไหนเหรอพี่แฟรงค์ จำได้มั้ย...ตอนที่เพียวเคยท้อมากๆ พยายามเท่าไหร่ก็ไม่ได้เป็นตัวจริง พี่แฟรงค์ก็คอยให้กำลังใจ เป็นที่พึ่งที่อบอุ่นให้เพียวมาตลอด แล้วตอนที่พี่แฟรงค์เข้ามาทำงานที่รีสอร์ทใหม่ๆ เจอปัญหามากมาย พี่แฟรงค์ยังเคยบอกเลยว่าเพียวเป็นกำลังใจที่ดีมาก ถ้าไม่มีเพียวอยู่ข้างๆ พี่แฟรงค์ก็อาจจะผ่านปัญหาพวกนั้นไม่ได้ เราสองคน...มีความทรงจำดีๆ ด้วยกัน คอยดูแลกัน คอยช่วยเหลือให้กำลังใจกันมาตลอด แล้วทำไม...ทำไมมันถึงเหมือนเดิมไม่ได้ ทำไมเราจะไปต่อไม่ได้ อีกไม่นานนัทก็จะกลับแล้ว ชีวิตเราสองคนก็ควรจะกลับมาเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอ เพียวรักแฟรงค์นะ รักมากด้วย เราสองคนรักกันไม่ใช่เหรอ พี่แฟรงค์จะทำร้ายเพียวแบบนี้ได้ยังไง แล้วเพียวจะอยู่ได้ยังไง จะมองหน้าใครยังไง ถ้าเพียวไม่ใช่คนที่พี่ต้องการ พี่จะคบกับเพียวให้มันนานขนาดนี้ทำไมคะ ทำไม่บอกตั้งแต่แรก มาบอกอะไรป่านนี้ แล้วจะมาบังคับให้เพียวยอมรับงั้นเหรอ ง่ายไปมั้ยคะ เพียวไม่ผิด ยังไงๆ เพียวก็ไม่ยอม อย่ามาจับเพียวมัดมือชกแบบนี้"

แค่นี้ก็คงพอรู้แล้วว่าการเป็นคนใจร้ายนั้นยากเหลือเกิน ผมโอบเพียวที่นั่งอยู่ข้างๆ เตียงมาเพื่อปลอบใจ แล้วเธอก็กอดผมไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักราวกับจะขาดใจ แต่ผมกลับไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว ไม่ใช่ไม่เสียใจ ไม่ใช่ไม่สงสาร ไม่อย่างนั้นผมก็คงตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้ว เรื่องทั้งหมดผมเป็นคนผิดเอง แล้วอยู่ๆ จะมาบังคับให้เธอยอมรับก็คงไม่ยุติธรรม

"เพียว...พี่เข้าใจความรู้สึกของเพียว พี่รู้ว่าพี่ผิด พี่รู้ว่าพี่เป็นคนทรยศ เป็นคนที่ทำให้ปัญหามันเกิดขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะยังไง พี่ก็ต้องบอกความจริงกับเพียว เอาเป็นว่า..."

ผมถอนหายใจยาวอย่างหนักใจและครุ่นคิดหนัก แม้ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้แต่ผมก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ทำบ้าง ยังไงๆ ผมก็ตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนอย่างที่เพียวว่า ในเมื่อผมเป็นคนผิด ก็คงต้องให้เกียรติเป็นหลักในการตัดสินใจ ถ้าเธอจะไม่ตัดสินใจอย่างที่ผมเลือก ผมก็อาจจะต้องยอมเป็นฝ่ายถูกมัดมือชกบ้าง

"เอาเป็นว่า พี่จะให้เพียวเป็นคนหลักที่จะตัดสินใจ แต่ขอให้เพียวฟังความจริงสุดท้ายที่พี่จะบอกเพียว"

ผมหยุดเว้นจังหวะ ลูบผมเพียวที่ยังสะอื้นเบาๆ เพื่อช่วยปลอบใจเธอบ้าง เพราะสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ก็โหดร้ายเอาการอยู่

"พี่ไม่ได้รักเพียวแล้ว ความรู้สึกของพี่ที่มีให้เพียวก็ไม่เหมือนเดิม"
"ไม่จริง"

เพียวพูดเสียงอู้อี้เพราะซบหน้าอยู่บนอกผม จากนั้นก็ร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม แต่ผมคงเป็นคนไร้หัวใจไปแล้ว เหมือนคนที่ตีสัตว์จนบาดเจ็บ ก่อนซ้ำอีกรอบให้ตายจริงๆ

"พี่รู้ว่ามันฟังดูโหดร้าย แต่มันก็คือความจริงที่เพียวต้องรู้ พี่ไม่มีความรู้สึกอย่างที่เคยรู้สึกให้เพียวแล้ว ส่วนเรื่องของนัท พี่ไม่ได้คิดไปเอง พี่ไม่ได้สับสน พี่มั่นใจว่าพี่รักนัท รักเค้ามาตลอด เค้าอยู่ในใจพี่มานาน หัวใจของพี่อยู่ที่เค้านะเพียว เพียวจะมีความสุขได้ยังไงถ้าเพียวอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเพียวเหมือนเดิม เพียวลองคิดดูดีๆ พี่ไม่ได้อยากใจร้าย ไม่ได้อยากให้เป็นอย่างงี้ ไม่ได้วางแผนให้มันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก มันคือความจริงนะเพียว"

เพียวผละออกจากผม จากนั้นก็ฟาดเรียวนิ้วมือเข้าที่ใบหน้าผมอย่างจัง

"หยุดพูดได้แล้ว เพียวไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ยังไงๆ เราก็ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น เพียวตัดสินใจแล้ว"

ผมลูบหน้าตรงที่ถูกตบเบาๆ ตั้งแต่คบกันมาก็เพิ่งเจออย่างนี้เป็นครั้งแรก แต่เอาเถอะ ถือเสียว่าชดใช้ความผิดที่ทำไปละกัน แม้จะดูน้อยนิดก็ตามที

ทุกอย่างเงียบลง ไม่มีคำพูดใดๆ จากผมหรือเพียวอีก เราต่างนั่งนิ่งบนขอบเตียงและใช้ความคิดของตัวเอง เสียงสะอื้นไห้ของเพียวค่อยๆ เงียบลง จนเหลือแต่เสียงคลื่นซัดสาดไกลออกไป

อยู่ๆ ในช่วงจังหวะหนึ่งผมกับเพียวก็หันมาสบตากัน มองกันอย่างนั้นอยู่สักพัก เพียวกระเถิบเข้ามาใกล้ผม พยายามยิ้มแม้ว่าจะไม่ง่ายเท่าไหร่ แต่เธอก็ยิ้ม แล้วจู่ๆ เธอก็ผลักผมลงไปนอนบนเตียง ก่อนที่เธอจะตามขึ้นมาทาบทับบนตัวผม

"เพียวจะทำอะไร" ผมถามอย่างงุนงง

เพียวไม่ตอบ เธอดึงมือผมไปจับหน้าอกของเธอ แล้วก็ก้มลงมาจูบผม ผมตกใจและโกรธมากทีเดียวจึงผลักเธอออกไปข้างๆ ตัว

"เพียว!"

ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่ง รู้สึกโกรธจนไม่สามารถเก็บสีหน้าตัวเองได้ ไม่รู้ว่าผมตวาดหรือเปล่า แต่เสียงของผมก็ดังและดุ แม้พอเข้าใจว่าผู้หญิงสมัยใหม่ไม่แคร์เรื่องหวงตัว แต่ทำอย่างนี้ก็ออกจะเกินไปหน่อย เธอคงคิดว่าทำแล้วจะได้ผล เมื่อก่อนอาจจะพอได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ผมช็อกมากเพราะเพียวไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อนเลย

เพียวนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาๆ เราไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน ต่างคนต่างหลับไป ก็น่าแปลกที่ยังอุตส่าห์ทำใจถ่ายภาพพรีเว็ดดิ้งด้วยกันได้ แม้ภาพจะดูเหมือนรักกัน แต่ในใจของผมไม่ได้เป็นอย่างภาพที่เห็นเลย

พอเลิกคาราโอเกะแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ผมกับเพียวเดินกลับไปที่ห้องด้วยกัน แม้ไม่อยากพักห้องเดียวกับเธอแต่ก็เลี่ยงและเลือกไม่ได้ สถานะของเราบังคับเอาไว้อย่างนั้น ตอนเธออาบน้ำผมก็ออกมานั่งที่โต๊ะข้างนอก พอเธอเสร็จแล้วผมจึงไปอาบน้ำบ้าง ส่วนเพียวก็ออกมานั่งข้างนอก ผมไม่อยากมีความสัมพันธ์ทางกายกับเธออีก ไม่อยากให้พลาดพลั้งหรือทำให้เธอมีความหวังต่อไป

ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงวอร์มผ้ายืดขายาวและเสื้อแขนยาวตัวหนา กำลังหวีผมอยู่หน้ากระจกก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนเดินมากอดผมไว้จากทางด้าน หลัง

"พี่แฟรงค์คะ วันนี้เพียวขอโทษนะคะที่ทำตัวงี่เง่ากับพี่แฟรงค์เมื่อตอนกลางวัน"

ผมหยุดหวีผม ถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดตอบกลับไป

"พี่แฟรงค์คะ เราแต่งงานกันไปก่อนได้มั้ยคะ หลังจากนั้น...เราสองคนค่อยทบทวนกันอีกทีก็ได้ ถ้าพี่แฟรงค์กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ เราค่อยหย่ากันดีมั้ยคะ"

ผมหงุดหงิดกับความคิดนี้ของเพียวมาก ไม่รู้ว่าเธอไปเอาความคิดอย่างนี้มาจากไหน ผมคงไม่ทำอย่างนั้นหรอก ถ้าจะไม่แต่งก็คือไม่แต่ง แต่ถ้าแต่งงานกันแล้วก็ไม่คิดอยากเลิกกันภายหลัง

ผมหันหน้ามาเผชิญกับเพียวเกือบจะทันที เพียวคงพอเดาได้ว่าผมไม่ชอบความคิดนี้จากสีหน้าของผม

"เพียว...เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมันเป็นความสุขของชีวิตเพียว มันเป็นชีวิตของเพียวนะ คิดให้ดีๆ ก่อนละกัน ยังพอมีเวลาอยู่"

ผมทำเสียงดุหน่อยๆ แล้วก็เดินออกมานั่งสงบสติอารมณ์ที่โต๊ะข้างนอก ลมหนาวพัดแรงจนรู้สึกเย็นยะเยือกผิว แต่ใจของผมกลับยังคงร้อนรุ่มอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะสงบได้ง่ายๆ พระจันทร์วันนี้สวยมาก ท้องฟ้าโปร่งโล่งไร้เมฆบังจนเห็นดวงดาวระยิบระยับเต็มฟ้าไปหมด แต่มันกลับไม่โรแมนติกเอาเสียเลย

ผมคิดถึงนัทเหลือเกิน ถ้าเราสองคนได้อยู่ด้วยกันในบรรยากาศดีๆ อย่างนี้คงมีความสุขมากทีเดียว แต่เมื่อผมยังเคลียร์ตัวเองไม่ได้ ก็ไม่ควรทำให้นัทมีความหวังหรือฉวยโอกาสอย่างที่ผ่านมา มิหนำซ้ำยังทำให้นัทพลอยมีมลทินในฐานะมือที่สามไปด้วย

สี่ทุ่มกว่าแล้วผมจึงเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ พอใจเย็นลงจึงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปนอน แม้อากาศจะหนาวแต่ในห้องนั้นมีแต่ความร้อนจากพิษรัก รักที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นมาหรือเปล่า!


- TBC -[/center]
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH10 ✢ บอกอะไรป่านนี้ ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-12-2015 16:47:59
เราเข้าใจเพียวนะ  เพราะว่าเพียวเองก็ไม่ได้ผิดอะไร   พื้นฐานความรักของแฟรงก์มันเริ่มจากฐานที่สร้างโดยใช้ของผิดมาตรฐาน   แฟรงก์เองก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้
มาทิ้งกันไว้ที่ครึ่งทาง    ที่ผิดก็คือเพียวพยายามจะยื้อ   ที่หนักก็คือการแบกรับหน้าตามากกว่าการแยกแยะ    ขนาดที่ว่าอยากแต่งงานเพื่อให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ก่อนแล้วค่อยไปหาทางออกกันทีหลัง   เพียวเองก็น่าจะอยากอาศัยข้อนี้เพื่อผูกมัดแฟรงก์ไว้   จะว่าไปก็เหมือนสนที่ทำเฉยเมยแล้วปล่อยให้นินาดิ้นหาทางออกเอาเอง     แฟรงก้เปิดไพ่หมดแล้ว  แล้วปล่อยให้เพียวเป็นคนตัดสินใจ    ถ้ามองในแง่ดีก็คือ
แฟรงก็ไม่ได้โกหก  แฟรงก์ให้โอกาสกับทางออกให้เพียว    มันจะดูดีกว่าถ้าหากว่าฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายที่บอกเลิกจะได้ไม่โดนตราหน้าว่าโดนทิ้ง    แต่มองในทางกลับกันแฟรงก์ก็ไหลตามน้ำแทนที่จะทำอะไรให้มันเด็ดขาดไป  เผลอๆก็ไหลแต่งงานไปกับเพียวนั่นแหละ     สิ่งที่แฟรงก์บอกเพียวนี่สามารถสร้างความเสียหายให้นัทได้เลยนะ   แม้ว่าจะไม่ได้อ้างถึงนัทมาก    แต่เพียวก็อาจจะเก็บเอาไปคิดว่านัทเองก็มีใจให้แฟรงก์

ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างสาวไทยกับสาวฝรั่งนะคะ    ถ้าหากว่าเพียวเป็นฝรั่งนางจะตัดแฟรงก์ทันที ไม่มีมายอมยื้อแบบนี้หรอก   ทุกอย่างสิ้นสุดด้วยคำเดียวที่ว่าแฟรงก์ไม่ได้รักเพียวเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว     บ็อบอาจจะไม่ได้สะบัด  แต่ไม่มีการทุรังยื้อให้แต่งต่อไปแน่นอน    เลิกก่อนแต่งดีกว่ามาเลิกหลังแต่งหรือหลังมีลูก

หน่วงสำหรับทุกคนเลย   เจ็บจี๊ดๆกับตอนที่เพียวพยายามนอนกับแฟรงก์แล้วแฟรงก์คิดถึงเพียวในแง่นั้น    นี่สินะคะที่ว่าใจคนมันเปลี่ยนไปแล้ว   ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อนที่นัทจะเข้ามาในชีวิตของแฟรงก์  การที่เพียวทำแบบนั้นก็ไม่แคล้วทำให้แฟรงก์ดีใจ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH10 ✢ บอกอะไรป่านนี้ ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-12-2015 16:51:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH10 ✢ บอกอะไรป่านนี้ ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 18-12-2015 16:54:15
มันหน่วงมากจนบรรยายไม่ถูก

บางครั้ง! ความเจ็บ > จาก "การเลิกรา" .. ก็อาจจะ ไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ..
แต่! ถ้าต้องเจ็บ > จาก "การฝืนใจ" ... มันเป็นอะไร ที่ทรมาน !!!

มอบให้เพียวนะ ...เห็นใจเพียวนะ..เพียวแค่ชอบกินไอติมมันคงมีมากกว่านั้นที่แฟร้งจะรักเพียวจนอยากแต่งงานที่เพียวคิดแต่แฟร้งคิดแค่เพียวเหมือนนัทแค่นั้นแต่ไม่เคยเข้ามาแทนที่นัทได้เลย....แค่นี้ก็สวนทางกันแล้วอะ ...  :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

"รักคนที่รักกันดีกว่านะเพียวเจ็บตอนนี้ดีกว่าเจ็บไปอีกยืดยาว"
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH10 ✢ บอกอะไรป่านนี้ ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-12-2015 19:02:25
เราเข้าใจเพียวนะ  เพราะว่าเพียวเองก็ไม่ได้ผิดอะไร   พื้นฐานความรักของแฟรงก์มันเริ่มจากฐานที่สร้างโดยใช้ของผิดมาตรฐาน   แฟรงก์เองก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้
มาทิ้งกันไว้ที่ครึ่งทาง    ที่ผิดก็คือเพียวพยายามจะยื้อ   ที่หนักก็คือการแบกรับหน้าตามากกว่าการแยกแยะ    ขนาดที่ว่าอยากแต่งงานเพื่อให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ก่อนแล้วค่อยไปหาทางออกกันทีหลัง   เพียวเองก็น่าจะอยากอาศัยข้อนี้เพื่อผูกมัดแฟรงก์ไว้   จะว่าไปก็เหมือนสนที่ทำเฉยเมยแล้วปล่อยให้นินาดิ้นหาทางออกเอาเอง     แฟรงก้เปิดไพ่หมดแล้ว  แล้วปล่อยให้เพียวเป็นคนตัดสินใจ    ถ้ามองในแง่ดีก็คือ
แฟรงก็ไม่ได้โกหก  แฟรงก์ให้โอกาสกับทางออกให้เพียว    มันจะดูดีกว่าถ้าหากว่าฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายที่บอกเลิกจะได้ไม่โดนตราหน้าว่าโดนทิ้ง    แต่มองในทางกลับกันแฟรงก์ก็ไหลตามน้ำแทนที่จะทำอะไรให้มันเด็ดขาดไป  เผลอๆก็ไหลแต่งงานไปกับเพียวนั่นแหละ     สิ่งที่แฟรงก์บอกเพียวนี่สามารถสร้างความเสียหายให้นัทได้เลยนะ   แม้ว่าจะไม่ได้อ้างถึงนัทมาก    แต่เพียวก็อาจจะเก็บเอาไปคิดว่านัทเองก็มีใจให้แฟรงก์

ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างสาวไทยกับสาวฝรั่งนะคะ    ถ้าหากว่าเพียวเป็นฝรั่งนางจะตัดแฟรงก์ทันที ไม่มีมายอมยื้อแบบนี้หรอก   ทุกอย่างสิ้นสุดด้วยคำเดียวที่ว่าแฟรงก์ไม่ได้รักเพียวเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว     บ็อบอาจจะไม่ได้สะบัด  แต่ไม่มีการทุรังยื้อให้แต่งต่อไปแน่นอน    เลิกก่อนแต่งดีกว่ามาเลิกหลังแต่งหรือหลังมีลูก

หน่วงสำหรับทุกคนเลย   เจ็บจี๊ดๆกับตอนที่เพียวพยายามนอนกับแฟรงก์แล้วแฟรงก์คิดถึงเพียวในแง่นั้น    นี่สินะคะที่ว่าใจคนมันเปลี่ยนไปแล้ว   ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อนที่นัทจะเข้ามาในชีวิตของแฟรงก์  การที่เพียวทำแบบนั้นก็ไม่แคล้วทำให้แฟรงก์ดีใจ

ใช่ ถ้าเราเป็นเพียว เรา  :a14: ใส่ โบกมือบ๊ายบายกับฮีไปแล้ว แต่เพราะเพียวเป็นเพียว เลยต้องลุ้นกันต่อไป  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH10 ✢ บอกอะไรป่านนี้ ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 18-12-2015 19:18:25
ไม่เข้าใจผู้หญิงเลยจริงๆ คิดได้ไง ให้แต่งงานไปก่อน แล้วหลังจากนั้นถ้ามีไรเปลี่ยนแปลง แล้วค่อยหย่าทีหลัง
หงุดหงิดแทนพี่แฟรงค์เลย คือ ตอนนี้กับตอนนั้นคงไม่ต่างกัน เธอรู้แบบนี้แล้ว ควรตัดสินใจให้เด็ดขาดไปเลยสิ


 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH10 ✢ บอกอะไรป่านนี้ ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-12-2015 20:59:07
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH10 ✢ บอกอะไรป่านนี้ ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 18-12-2015 21:48:54
ยื้อไปก็เท่านั้น
ดึงดันก็เท่านี้
มันมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

หยุดเพื่อไม่เจ็บปวด
..ถ้าจะเข้าใจมัน..
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 18-12-2015 22:00:14
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก


(https://s19.postimg.org/b2gzccgcj/loveless_heart_poster.jpg)

แม้จะพยายามข่มตาหลับ แต่สุดท้ายผมก็หลับไม่ลง ไม่ใช่เพราะเรื่องคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ อย่างเดียว แต่ผมขอสารภาพตามตรงว่าคิดถึงนัทมากเหลือเกิน นัทกำลังจะกลับบ้านแล้ว แต่ช่วงหลังๆ มานี้ผมกับนัทกลับดูห่างเหินกัน ทั้งที่จริงเราควรจะมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันบ้าง จะได้จดจำเป็นความทรงจำที่ดีก่อนจากกัน อย่างน้อยในฐานะพี่น้องก็ยังดี ที่สำคัญ ผมกับนัทยังมีเรื่องค้างคาใจที่ต้องพูดคุยกันให้เข้าใจก่อนไปอีกด้วย

คนที่เคยมีความรักคงรู้ดีว่าความคิดถึงมีพลังมากแค่ไหน ยิ่งอยู่ใกล้แล้วยังไปหาไม่ได้ก็ยิ่งทรมานหนัก เหมือนกับผมตอนนี้ที่นอนคิดถึงใครบางคนจนข่มตาไม่ลง สุดท้ายผมก็ต้านทานพลังที่รุนแรงนั้นไม่ไหว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็ส่งไลน์ไปหาคนที่แสนคิดถึง

"นอนยัง พี่อยากคุยด้วย ออกมาหาพี่หน่อยได้มั้ย พี่จะไปรอแถวหน้าบ้านพักนะ"

พอส่งไปแล้วผมก็ปิดเครื่องโทรศัพท์ เที่ยงคืนแล้ว ไม่รู้ว่านัทนอนหรือยัง ถ้ายังไม่นอนนัทคงจะได้อ่านข้อความนั้น ส่วนจะตัดสินใจยังไงก็คงแล้วแต่ เอาเป็นว่าผมจะไปรอนัทตามที่ผมบอกไว้ ไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย ไม่อยากรู้ว่านัทอ่านหรือไม่อ่าน ถ้ารอแล้วไม่มา ผมก็จะกลับมานอนที่ห้องเหมือนเดิม

ผมลุกขึ้นนั่งแล้วเดินออกไปข้างนอกห้องอย่างเงียบๆ แม้ไม่เปิดไฟก็ยังพอมีแสงสว่างจากข้างนอกพอให้มองเห็นทาง หยิบรองเท้ามาใส่แล้วผมก็เดินลงจากบ้านพัก ก่อนจะค่อยๆ เดินขึ้นเนินเลียบไปตามถนนที่เป็นทางเข้า ก่อนเลี้ยวไปทางปีกขวาของรีสอร์ท ตรงไปยังที่พักของนัท

พอเดินมาถึงหน้าบ้านพักที่นัทพักกับปอนด์ก็หยุดยืนมอง ไฟดับไปแล้ว นัทน่าจะนอนแล้วล่ะ หน้าบ้านพักมีโต๊ะรูปท่อนไม้ตัดอยู่จัดเรียงรายไว้สองตัว ผมเลือกหนึ่งในนั้นแล้วก็นั่งคอยนัท มองดูท้องฟ้าบ้าง ชะเง้อมองไปที่ประตูห้องนัทบ้าง ผ่านไปเกือบๆ ยี่สิบนาทีก็ยังไม่เห็นวี่แววว่านัทจะออกมา

ผมเลิกมองไปที่ประตูห้องของนัท เหม่อมองไปไกลแสนไกลอย่างคนหมดหวัง ถึงตอนนี้แล้วผมก็ไม่รู้จะสงสารตัวเองหรือสงสารใครดี ต่างคนก็ต่างบาดเจ็บกันไปหมด ต่างคนก็ต่างดิ้นรนทุรนทุรายหาทางออกที่ตัวเองต้องการ พอถึงจุดๆ หนึ่งเราก็คงต้องเลือกอะไรสักอย่าง แต่จะเป็นอะไรนั้นก็สุดจะคาดเดาได้

"แฟรงค์"

เสียงที่แสนคุ้นเคยคล้ายกับเสียงของคนที่ผมเฝ้ารอคอยดังมาจากทางด้านหลัง ผมตื่นจากภวังค์แล้วก็รีบหันไปมองด้วยความหวัง

"นัท"

ผมเรียกชื่อที่ผมอยากเรียกหาทั้งวันทั้งคืนพร้อมเผยอยิ้มดีใจ ลนลานลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าไปหาใกล้ๆ พอมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็เห็นนัทยิ้มให้ผมเหมือนกัน แม้ยิ้มไม่มากแต่ก็รู้ว่านัทดีใจที่ได้เจอผม อยากกอดนัทเหลือเกินแต่ก็ไม่กล้า เอื้อมมือไปแล้วก็รีบหดกลับแทบจะทันที

"ขอโทษที่ให้รอนาน"

ผมส่ายหน้า มองนัทอยู่ในชุดคล้ายๆ กับผมเลยแต่คนละสี ผมใส่สีเทา นัทใส่สีขาว

"ไม่เป็นไร"

"แล้วไปคุยตรงไหนดี"

"ตรงนั้นดีมั้ย"

ผมชี้ลงไปที่เนินหญ้าหน้าห้องพักของนัท

"บนพื้นหญ้าเนี่ยนะ" แววตาฉงนของนัทพอเห็นได้รางๆ ในความมืดสลัว

"อืม...ไม่เห็นแปลกเลย ตอนเด็กๆ เราก็นั่งคุยกันแบบนี้บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ"

นัทขำเบาๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูมีระยะห่างอยู่

"ก็ได้"

ผมกับนัทเดินลงไปพร้อมกัน พอลงทางชันผมก็เอื้อมมือไปจับมือนัทไว้ นัทชะงักและมองเป็นเวลาสั้นๆ แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย แต่ก็พอสัมผัสได้ถึงความประหม่าอยู่ในที

พอหาที่เหมาะๆ ได้แล้วเราก็นั่งลงข้างๆ กัน

"หนาวมั้ย" ผมหันไปถาม

"ถามงี้ได้ไง นัทเป็นคนที่ไหนก็รู้อยู่"

"นั่นสิ แล้วทำไมตอนไปเข้าค่ายลูกเสือถึงนอนกอดแฟรงค์ทั้งคืนล่ะ"

"ก็ผ้าห่มมันบาง" นัทแก้ตัวพลางขำเบาๆ

"เอาที่นัทสบายใจละกัน" ผมหยอกเล่นบ้าง ก่อนจะเงียบกันไปสักพัก

"แฟรงค์...คิดถึงนัทนะ"

ผมเอ่ยประโยคนั้นออกมาอย่างยากลำบาก แต่ใจมันอยากบอกจนทนไม่ไหว เราหันมาสบตากัน แม้มองไม่ชัดแต่ก็สัมผัสได้ถึงความกระอักกระอ่วนใจ

"แฟรงค์ขอโทษ ถ้านัทไม่สบายใจที่จะคุยกับแฟรงค์...แฟรงค์กลับห้องก็ได้"

ผมทำน้ำเสียงและสีหน้าน้อยใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน พอจะเดินออกไปนัทก็รีบคว้ามือผมไว้

"พี่แฟรงค์ง่ะ"

น้ำเสียงอ้อนหน่อยๆ นั้นทำให้ผมต้องแอบอมยิ้มชอบใจ

"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกพี่ จำไม่ได้เหรอ"

ผมหยอกเล่นอย่างที่ทำบ่อยๆ ตอนเด็กๆ จากนั้นก็นั่งลง เหยียดขาออกอย่างสบายใจ ก่อนจะหันไปบอกเหตุผล

"แฟรงค์กลัวไง ไม่อยากให้นัทลำบากใจ แฟรงค์ยังเคลียร์กับเพียวไม่ได้เลย ก็ไม่ควรจะมาหานัท แต่แฟรงค์...คิดถึงนัทมาก คิดถึงมากจนทนไม่ไหว ก็เลยต้องมาหา แต่ถ้านัทไม่สบายใจที่จะคุยด้วย นัทก็บอกแฟรงค์ได้นะ"

"เราก็คุยกันอย่างพี่น้องได้ไม่ใช่เหรอ ใจคอแฟรงค์จะไม่คุยกับนัทเลยหรือไง" นัทตัดพ้อหน่อยๆ

ผมยิ้มเศร้าๆ แม้ว่าจะมาไกลจากจุดนั้นไปแล้ว แต่ถ้าไปต่อไม่ได้ การกลับคืนไปสู่ที่เดิมก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แม้ไม่รู้ว่าจะทำได้จริงแค่ไหน

นัทเปลี่ยนจากนั่งชันเข่าเป็นเหยียดขายาวเหมือนผมบ้าง

"ไปตัดผมมาใหม่เหรอ"

ผมพยักหน้า "อืม...ชอบมั้ย"

นัทพยักหน้ายอมรับอย่างเขินๆ "ก็ดูหล่อดี"

"ก็ว่างั้น" ผมยิ้มมีเลศนัย "หล่อจนบางคน...แอบมองทั้งวันเลย"

"แฟรงค์รู้เหรอ"

นัทหันมามองอย่างตกใจ แล้วก็ทำหน้าแหยระคนอาย นัทนะนัท พี่รู้นะว่านัทคิดถึงพี่จนต้องคอยมองหาบ่อยๆ

"ทำไมจะไม่รู้ล่ะ"

ทีนี้คนปากแข็งก็เลยไม่กล้าสบตาผม ผมเลยต้องชวนเปลี่ยนเรื่อง เกรงว่าจะอายม้วนจนตกเขาไปก่อน

"เรื่องต้องตา นัทโอเคแล้วใช่มั้ย"

นัทมีท่าทีสะดุดใจเล็กน้อย คงไม่คิดว่าผมจะถามเรื่องนี้อีก

"ได้คนช่วยปลอบใจดีขนาดนี้...ไม่หายก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว สงสัยจะหายเพราะกินไอติมเยอะ"

เราหันมาขำเบาๆ ด้วยกัน

"แฟรงค์มีอะไรบางอย่างจะบอกนัทน่ะ"

ผมเกริ่นนำเรียกความสนใจก่อน นัททำท่ารอฟังอย่างสนใจ

"เรื่องวันนั้น แฟรงค์ขอโทษนัทด้วยนะที่แฟรงค์...ฉวยโอกาส"

ไม่รู้ว่าเรื่องที่คุยจะทำให้นัทเครียดหรือเปล่า แต่ผมก็จำเป็นต้องเคลียร์เรื่องคาใจของผมกับนัทให้เร็วที่สุด ไม่อยากปล่อยไว้จนถึงวันที่นัทลากลับบ้าน

"แฟรงค์ไม่ต้องขอโทษนัทหรอก คนที่ต้องขอโทษควรจะเป็นนัทมากกว่า นัทขอโทษนะที่นัทว่าแฟรงค์อย่างงั้น บางที...นัทก็งี่เง่า ชอบเอาแต่ใจ พูดไม่คิด ตอนเด็กๆ ก็เคยพูดไม่ดีกับแฟรงค์ด้วย แต่แฟรงค์ก็ไม่เคยว่านัทซักคำ"

"ใครจะกล้าว่าล่ะ นัทรู้มั้ย...นัทเป็นน้องที่แฟรงค์รักแล้วก็หวงมากนะ เฟิร์นยังน้อยใจเลย แม่เคยเล่าให้ฟังว่า...ก่อนที่แฟรงค์จะรู้จักกับนัท แฟรงค์ชอบขอให้แม่มีน้องอีกซักคน แฟรงค์อยากมีน้องชายอีกคน แล้วแม่ก็บอกว่าแม่ทำหมันแล้ว มีน้องอีกไม่ได้ แล้วแฟรงค์ก็งอแงถามแม่ว่าทำไมมีน้องอีกไม่ได้ แฟรงค์อยากมีน้องชาย"

ผมแกล้งทำเสียงงอแงเหมือนเด็ก นัทหัวเราะชอบใจเลยทีเดียว

"แฟรงค์ตลกง่ะ อยากเห็นแฟรงค์ตอนงอแงจัง คงตลกน่าดูเลย ไม่ค่อยเห็นแฟรงค์งอแงเท่าไหร่"

"ก็ทำให้ดูเมื่อกี้แล้วไง"

"ไม่เห็นจะเหมือนเด็กเลย" นัทท้วง

"ก็เด็กโข่งไง"

แล้วเราก็หัวเราะ คุยกันอย่างนี้แล้วก็ทำให้บรรยากาศหายตึงเครียดและลดช่องว่างไปได้

"อืม...จะว่าไป พอนัทมาคิดๆ ดูแล้ว นัทว่า...นัทมองข้ามอะไรดีๆ หลายอย่างของแฟรงค์ไปเยอะเลย นัทจำได้ บางวันนะ...แฟรงค์ซื้อไอติมให้นัทกิน แต่แฟรงค์ไม่มีเงินเหลือซื้อขนมของตัวเองเลย นัทรู้นะว่าบางทีแฟรงค์ก็นั่งมอง อยากกินแต่ก็ไม่กล้าขอแบ่งกินด้วย แต่นัทก็ไม่แบ่งด้วยแหละ แย่จัง แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง นัทจำไม่ได้ว่าทำอะไรที่โรงเรียนพัง แล้วแฟรงค์ก็รับผิดแทน โดนครูตีเจ็บเลย นัทนี่แย่จัง ปล่อยให้แฟรงค์ถูกตีคนเดียว วันนั้นที่ไปกินข้าวบ้านแฟรงค์ พ่อแฟรงค์เล่าให้ฟังว่า แฟรงค์เคยร้องไห้ไปขอให้พ่อกับแม่มาช่วยพูดกับแม่ของนัท ตอนที่นัทเป็นไข้เลือดออก ถ้าไม่ได้แฟรงค์นัทก็คงตายไปแล้ว พี่ชายแท้ๆ ก็ไม่ใช่"

นัทหยุดเว้นจังหวะแล้วก็พูดต่อ

"นัทเคยตั้งใจเอาไว้ว่าอยากจะขอบคุณแฟรงค์ ถ้าเกิดเราได้เจอกันอีกครั้ง นัทอยากจะบอกแฟรงค์ว่า...ขอบคุณมากที่แฟรงค์คอยเป็นพี่ชายที่แสนดีให้นัทมาตลอด ถึงนัทไม่มีพ่อ แต่นัทก็มีพี่ชายอย่างแฟรงค์"

เสียงนัทเครือๆ เหมือนจะร้องไห้ แต่ผมก็ยังแข็งใจเอาไว้ไม่ยอมกอดปลอบ ก็เพราะอย่างนี้แหละ เราสองคนจึงมีกันและกันอยู่ในใจมาตลอด ผมต้องการคนอย่างนัท และผมก็รู้ว่านัทต้องการคนอย่างผม พอกลับมาเจอกันอีกครั้งตอนที่โตแล้ว ความรู้สึกเก่าๆ ก็เลยฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว แถมยังช่วยให้เราสองคนค้นพบคำตอบว่าใครคือคนที่เราตามหามาทั้งชีวิตอีกด้วย

"อีกเรื่องนะ ที่นัทเคยบอกแฟรงค์ว่านัทรอแฟรงค์อยู่หลายปี นัทไม่ได้ว่าแฟรงค์นะ ไม่อยากให้แฟรงค์เสียใจกับเรื่องนี้หรอก มันผ่านไปแล้ว นัทเข้าใจ พอโตแล้วนัทก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่เจอกันก็คงลืมไปแล้ว"

"แต่มันก็ทำให้นัทฝังใจไง" ผมแทรกเมื่อได้จังหวะ

"ช่างมันเหอะ เพราะยังไงๆ แฟรงค์ก็เป็นคนที่นัท...เอ่อ..." นัทหยุดคิดเหมือนไม่แน่ใจ ก่อนจะพูดสืบไป "รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากที่สุด อยากขอบคุณมากที่สุด นัทได้ทำอย่างที่ตั้งใจแล้ว ขอบคุณนะครับพี่ชาย"

นัทหันมามองผมด้วยสายตาซึ้งๆ ผมนี่แทบจะโอบน้องที่แสนรักมากอดไว้เลย แต่ก็ต้องหักห้ามใจจนใจแทบจะหักเป็นสองซีกแล้ว ถึงไม่เคยคิดอยากทวงบุญคุณ แต่ได้ฟังอย่างนี้แล้วก็ชื่นใจ ที่รักมากอยู่แล้วก็ยิ่งรักมากขึ้นไปอีก

"นัทเล่นพูดซะพี่เขินเลย จับตัวพี่ไว้ด้วยนะ เดี๋ยวจะลอยขึ้นไปบนฟ้า" ผมแก้เขินด้วยการพูดเล่นสนุก

"ไม่ได้แกล้งยอ พูดจริงๆ นะ"

"คร้าบบบ น้องชายที่แสนดีของพี่"

ไม่รู้ว่าผมตาฝาดไปหรือเปล่า นัททำท่าเหมือนอยากจะกอดผม แล้วก็หยุดชะงักไป แล้วเราสองคนก็นั่งเงียบ แหงนหน้ามองดูดาวบนท้องฟ้าด้วยกัน เสียงลมหนาวที่คุ้นเคยสมัยเด็กๆ พัดโชยมาตลอดเวลา ผมเอนตัวไปข้างหลังแล้วนอนบนฝ่ามือที่สอดประสานกันไว้ นัททำตามผมอย่างไว นอนแบบนี้แล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้นทีเดียว

"นัทรู้มั้ย ความผูกพันของเราในอดีต...มีผลกับชีวิตของเราสองคนจนถึงวันนี้เลย ขนาดตอนที่ไม่เจอกัน ความรู้สึกเก่าๆ ก็ยังตามไป แฟรงค์นะ...เคยพยายามจีบผู้หญิง แต่ก็จีบเล่นๆ ไม่เคยจีบใครจนเป็นแฟน แฟรงค์ก็ไม่รู้ว่าทำไม ตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็นเกย์หรือเปล่า แต่ก็คิดว่าไม่ใช่หรอก จนกระทั่งได้เจอเพียวแล้วรู้ว่าเพียวชอบกินไอติมทุกชนิดเหมือนนัท พี่ก็เลยคลิกกับเค้า นัทรู้มั้ย...แฟรงค์ประทับใจความผูกพันของเราสองคนมาก ประทับใจนัทในทุกๆ อย่างที่นัทเป็น แฟรงค์มองหาคนแบบนัทมาตลอด แต่ไม่เคยเจอ ถึงจะคบเพียวเป็นแฟนแล้ว แต่ลึกๆ แฟรงค์ก็รู้ว่าเพียวยังไม่ใช่ ที่แฟรงค์ยังคบกับเค้าต่อเพราะว่าแฟรงค์ก็ไม่รู้จะไปหาใคร ถ้ารู้มาก่อนว่าเราสองคนจะได้กลับมาเจอกันอีก แฟรงค์ก็คง...อยู่เป็นโสดรอแล้วล่ะ นัท...แฟรงค์รู้นะว่านัทก็เป็นเหมือนแฟรงค์ นัทชอบต้องตาเพราะเค้าอายุมากกว่านัทไม่กี่เดือน เค้าทำให้นัทนึกถึงแฟรงค์ แฟรงค์ไม่ได้เข้าใจผิดไปเองใช่มั้ย บอกมาตรงๆ ได้มั้ย อย่าปล่อยให้แฟรงค์สงสัยอยู่คนเดียวเลย"

ผมพลิกหน้าหันไปถามนัท สายตาคู่นั้นมีแววประหม่าจนรู้สึกได้แม้ในความมืดสลัว นัทดีดตัวลุกขึ้นนั่งตามเดิม คิดอยู่นานทีเดียวจึงยอมปริปากพูด

"ที่นัทชอบเค้า เพราะนัทเคยเรียกเค้าว่าพี่บ่อยๆ พอเค้าตอบมาว่าไม่ให้เรียกพี่ นัทก็เลย...รู้สึกชอบเค้าขึ้นมา"

"นัท!"

ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งบ้าง รู้สึกได้ถึงตุ่มขนที่ลุกซู่ไปทั้งร่างกาย แม้จะรู้มาก่อนแล้วแต่ก็อดตื้นตันใจไม่ได้ที่นัทยอมรับว่าเป็นเหมือนผม แม้ไม่ต้องถามก็คงรู้แล้วว่าคนที่อยู่ในใจนัทตลอดมาก็คือผมแน่ๆ

ผมเอื้อมมือไปจับมือนัทไว้ รู้สึกได้ถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงขึ้น เพราะสิ่งที่ผมจะถามนัทต่อไปนี้สำคัญมาก

"นัท...ที่นัทเคยบอกแฟรงค์ว่าจะไม่รักใครอีกแล้ว นัท...ยกเว้นให้แฟรงค์ซักคนนึงได้มั้ย"

ผมจ้องตากับนัทไม่วางตา รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แล้วนัทก็หันหน้าหนีไป คงต้องการเวลาจัดการความรู้สึกภายในสักพัก ผมไม่มีปัญหาที่จะรอหรอก ผมรอนัทได้เสมอ

นัทหันกลับมาหาผมอีกครั้ง คราวนี้น้ำตาร่วงเผาะๆ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนต้องโผเข้ากอดผมจนได้

"พี่แฟรงค์...นัทรักพี่ นัทรักพี่ได้หรือเปล่า นัทพยายามห้ามใจแล้วแต่นัทก็ทำไม่ได้ นัทขอโทษ"

เห็นนัทร้องไห้สะเทือนใจแล้วผมก็รู้สึกผิดเหลือเกิน นึกโทษตัวเองว่ามัวแต่ทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้น้องเข้าตาจนและสิ้นหวังถึงเพียงนี้

"นัทไม่ต้องขอโทษพี่ นัทรักพี่ได้ ไม่ต้องขออนุญาตหรอก" ผมกอดน้องรักแน่น ฝังจมูกลงตรงไหล่แล้วคอยลูบหลังปลอบใจ

"พอนัทอยู่ใกล้พี่แฟรงค์ นัทก็คิดถึงความรู้สึกเก่าๆ ที่นัทเคยมีความสุขกับพี่ตอนเด็กๆ ไม่มีใครทำให้นัทมีความสุขได้เหมือนพี่เลย นัทรอคนอย่างพี่แฟรงค์มานานแล้ว รอความรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว พี่แฟรงค์อยู่ในใจของนัทตลอด ไม่เคยไปไหนเลย"

"พี่ก็คิดเหมือนนัท พี่รักนัทนะ เราสองคนรักกัน ความรักไม่ผิดหรอก นัทไม่ต้องกลัว อย่าร้องไห้นะคนดีของพี่"

"แล้วนัทเป็นคนเลวหรือเปล่า นัทไม่อยากเป็นคนเลวเลย แต่นัทก็รักพี่ไปแล้ว นัทขอโทษ นัทไม่อยากทำร้ายเพียวเลย"

ผมกอดนัดที่ซบอยู่กับอกไว้แน่น สะท้อนใจจนอดร้องไห้ไม่ได้เมื่อได้ยินนัทถามว่าตัวเองเป็นคนเลวหรือเปล่า นัทคงกลัวเรื่องนี้ถึงไม่กล้ายอมรับว่ารักผม ผมก็ช่างใจร้ายกับน้องเหลือเกิน ปล่อยให้น้องทุกข์ใจเรื่องนี้อยู่ได้ตั้งนาน

"นัทไม่ใช่คนเลวนะ อย่าว่าตัวเองแบบนี้สิ น้องของพี่เป็นคนดี พี่ไม่เคยเห็นนัทเป็นคนไม่ดีเลย"

ผมสะอื้นไห้บ้าง เราสองคนกอดกันแน่น รู้สึกอดสูใจกับชะตาชีวิตของเราเหลือเกิน ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลับไปแล้วจะเจออุปสรรคอะไรอีก

"ไม่ต้องห้ามใจตัวเองแล้วนะ ถ้าคนอื่นรักพี่ได้ แล้วทำไมนัทจะรักพี่ไม่ได้ล่ะ พี่สัญญาว่าพี่จะจัดการให้เร็วที่สุด พี่เองก็ไม่อยากเห็นนัทอยู่ในสภาพอย่างงี้"

"พี่แฟรงค์...นัทรักพี่ นัทอยากอยู่กับพี่ ไม่อยากจากพี่ไปไหนเลย นัทกลัว ไม่อยากเป็นเหมือนตอนมอหนึ่งอีกแล้ว มันทรมาน พี่แฟรงค์ช่วยนัทด้วย"

เราสองคนกอดกันแน่นจนไม่รู้ว่าจะแน่นได้มากกว่านี้อีกได้หรือเปล่า ใจผมจะขาดเสียให้ได้ สะท้อนใจเหลือเกินที่ปล่อยให้น้องรอจนทนไม่ไหวจนต้องมาร้องขอให้ช่วย นี่ผมเป็นพี่ประสาอะไร ได้รู้อย่างนี้แล้ว ผมจะไม่ปล่อยให้นัทต้องกลับไปรอคอยเหมือนตอนมอหนึ่งเป็นอันขาด จะไม่ให้นัทต้องทรมานซ้ำสอง ถ้าทำไม่ได้ก็ตายไปเลยเสียดีกว่า แต่ก็คงตายไม่ได้เพราะนัทก็จะรอผมอีก ก็เหลือแค่ทางเลือกเดียว ทำยังไงก็ได้ให้ผมกับนัทได้อยู่ด้วยกัน

"นัทไม่ต้องกลัวนะ พี่จะทำทุกอย่างให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน พี่จะไม่ทิ้งให้นัทรอพี่อีกแล้ว อดทนอีกหน่อยนะนัท น้องพี่...พี่ขอโทษด้วย พี่ขอโทษนะที่ทำให้นัทกลัว"

เรากอดกันร้องไห้เนิ่นนานภายใต้แสงดาว ลมหนาวและความรัก ที่นี่คือบ้านเกิดของเรา ที่ๆ เราเคยใช้ชีวิตด้วยกันจนเกิดเป็นความผูกพันที่ไม่มีวันลืมเลือน และวันนี้ ที่แห่งนี้ก็เป็นที่ที่น้องของพี่สารภาพว่ารักพี่สุดหัวใจ พี่เองก็รักน้องสุดหัวใจไม่แพ้กัน

เสียงสะอื้นไห้ของเราเงียบหายไปแล้ว เวลาผ่านล่วงเลยมาจนถึงตีหนึ่งกว่าๆ แต่เราก็ไม่รู้สึกง่วงนอน ไม่อยากหลับแม้เพียงวินาทีเดียว อยากกอดกันไว้อย่างนี้ให้นานเท่านาน จนถึงวันที่เราหมดลมหายใจ

ผมลูบผมนัทที่ยังซบอยู่บนอ้อมอกอย่างแผ่วเบา น้ำตาหายไปแล้วก็ถึงคราวที่รอยยิ้มจะมาเยือนบ้าง เมื่อหัวใจชัดเจนและคลี่คลาย ช่องว่างและกำแพงที่สร้างไว้ก็มลายสิ้น

"อุ่นมั้ย ได้กอดพี่ อยากกอดมาหลายวันแล้วไม่ใช่เหรอ" ผมกระเซ้าเล่นหลังจากเราเงียบกันไปนาน

"รู้ได้ไงว่านัทอยากกอด"

"รู้สิ ช่วงหลังๆ ที่ไม่ค่อยได้คุยกัน พี่รู้นะว่านัทคอยมองหาพี่อยู่ ชอบแอบมองพี่ด้วย ไม่รู้ว่ามองอะไรหรือมองตรงไหน ชอบมองตรงไหนของพี่เป็นพิเศษหรือเปล่า"

"ทายสิ"

"ตรงนั้นแน่ๆ เลย" ผมเย้าเล่น

"บ้า"

"รู้เหรอว่าพี่หมายถึงตรงไหน"

"ขาไง"

"น่า...บอกหน่อยสิ พี่อยากรู้"

"จะอยากรู้ไปทำไม"

"ก็อยากรู้ พี่เสียหายนะ"

"แค่มองเนี่ยนะ"

"ใช่" ผมหัวเราะอย่างมีความสุข "บอกหน่อยน่า พี่อยากรู้จริงๆ"

"ทรงผมไง นัทชอบมองพี่แฟรงค์ข้างๆ เวลามองข้างๆ แล้วหล่อมากเลย"

"แสดงว่ารักพี่ข้างเดียว"

"ก็คงงั้น"

"แต่ตอนนี้ต้องรักสองข้างแล้วนะ"

"รักสามร้อยหกสิบองศาไม่ดีกว่าเหรอ จะได้เห็นทุกมุม"

นัทสัพยอกแล้วก็ขำ บรรยากาศและความรู้สึกอบอุ่นอย่างนี้ ผมหาจากใครที่ไหนในโลกไม่ได้อีกแล้ว นี่คือความผูกพันที่แสนพิเศษของผมกับนัทที่ยากจะหาใครมาแทน เพราะฉะนั้น อย่าแปลกใจเลยที่ผมอดทนต่อแรงดึงดูดที่แสนพิเศษนี้ไม่ได้

"เป็นกำลังใจให้พี่หน่อยนะนัท เราสู้ไปด้วยกันนะ" ผมทำเสียงจริงจังขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่มากหรอก

นัทพยักหน้าหงึกๆ จนอกผมสั่นตามไปด้วย กอดผมไม่ยอมปล่อยเลย คงคิดถึงพี่คนนี้มากสินะน้องพี่ ก่อนหน้านี้ผมไม่กล้าเด็ดขาดหรือใจร้ายกับพียว แต่พอได้กำลังใจดีๆ อย่างนี้แล้วผมก็คงสู้ตาย จบเร็วจะได้ไม่ต้องเจ็บยืดเยื้อยาวนาน

"นัทเป็นกำลังใจให้พี่อย่างนี้ พี่สู้ตายแน่นอน"

"ไม่เอา พี่แฟรงค์อย่าตายนะ สู้เฉยๆ ก็พอ ไม่ต้องตายหรอก แล้วนัทจะอยู่กับใครล่ะ"

"โอเคๆ พี่จะสู้แต่ไม่ตาย สู้เสร็จแล้วจะได้มาอยู่กับนัทไง นัทจะได้มีไอติมกินทุกวัน"

"ไปซื้อเองก็ได้ มีตังค์แล้ว"

"แต่เห็นชอบบ่นว่าฮาเกนดาสแพง"

"แพงดิ กระปุกเดียวก็ตั้งเจ็ดร้อยกว่าบาทแน่ะ"

"งั้นให้พี่ซื้อให้กินน่ะดีแล้ว นัทคนเดียว...พี่เลี้ยงได้"

นัทกอดผมแน่นขึ้นอีกหน่อยแล้วก็หัวเราะ

"ทำไมกอดพี่ไม่ยอมปล่อยเลย" ผมแกล้งแหย่เล่น

"อ้าว กอดไม่ได้เหรอ ก็นัทคิดถึงพี่แฟรงค์ง่ะ"

"กอดได้สิ ทั้งตัวของพี่ พี่ให้นัทหมดเลย เอามั้ย"

นัทเงยหน้ามามองแต่ไม่ตอบ แล้วก็ซุกหน้ากับอกผม

"รักพี่แฟรงค์จัง กอดแล้วก็อุ่น ไม่หนาวเลย"

ได้ยินอย่างนี้ ผมจะไม่ชื่นอกชื่นใจก็คงจะบ้าแล้ว

"ต่อไป...จะได้กอดบ่อยๆ จนเบื่อพี่เลยล่ะ"

"ไม่เบื่อหรอก เห็นมั้ย กอดเป็นชั่วโมงๆ แล้วยังไม่เบื่อเลย"

"ต่อไปต้องคิดค่ากอดแล้ว น่าจะได้ตังค์เยอะแน่ๆ เลย"

"อย่าแพงนะ ชั่วโมงละสามบาทพอมั้ย"

"หือ...กอดพี่ถูกขนาดนั้นเลยเหรอ"

"ถูกแค่เงิน แต่แพงในใจของนัทนะ"

"นัทตลกง่ะ เล่นแบบนี้ก็เป็นด้วย"

ผมแกล้งขยี้ผมนัทอย่างเอ็นดู หัวเราะร่าด้วยกันทั้งสองคน แต่ไม่น่ามีใครได้ยินเพราะนอนกันหมดแล้ว

"คืนนั้น...พี่มีความสุขมากนะ"

นัทช้อนตาขึ้นมองอย่างสงสัย

"คืนไหนเหรอ"

"ก็...คืนที่นัทเมานั่นแหละ"

พอรู้ว่าเสียทีก็ก้มหน้างุดๆ ผมเลยจับนัทให้พลิกตัวลงไปนอนบนตักผม

"นัทเนี่ย...ไม่เบาเหมือนกันนะ"

คนบนตักคงเขินจนทำตัวไม่ถูกอีกแล้ว สุดท้ายก็หาที่ซุกหน้าหนีจนได้ หน้าท้องผมเอง

"น้องใครน้า...โคตรน่ารักเลย ยิ่งเขินก็ยิ่งน่ารัก พี่รักจนจะคลั่งอยู่แล้วรู้เปล่า"

"พอแล้ว" ในที่สุดก็ยอมพูดจนได้

"ทำไม"

"เขิน"

"เขินอย่างนี้แหละน่ารักดี พี่ชอบ"

ผมก้มลงไปพูดใกล้ๆ หูของนัท นัททำท่าจั๊กกะจี้แล้วก็จะดิ้นหนี ผมรีบคว้าไว้เสียก่อน กอดปล้ำกันอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ นัทก็หยุดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

"พี่แฟรงค์ง่ะ ลามก"

ผมหัวเราะชอบใจเมื่อรู้ว่านัทหมายถึงอะไร คงสัมผัสบางอย่างเข้าโดยบังเอิญล่ะสิ

"ก็นัทกอดพี่อย่างงี้ มันก็ขึ้นเป็นธรรมดาสิ"

นัทลุกขึ้นนั่งแล้วก้มหน้างุด แต่มีแอบว่าผมเบาๆ ด้วย "คนลามก"

"พี่รู้ว่านัทชอบ" ผมส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยใส่ แต่นัทกลับขำซะงั้น

"พี่แฟรงค์ตลกง่ะ ดูทำหน้าทำตาดิ"

"นัท" ผมเรียกเสียงจริงจังขึ้นมาหน่อย

"อะไร"

"พี่ขอจูบนัทหน่อย"

เจ้าตัวอึ้งและเงียบไปสามวินาที ผมก็เลยคว้ามาจูบเสียเลย ตอนแรกนัทไม่ยอมเปิดปาก แต่พอผมสอดมือเข้าใต้ชายเสื้อแล้วลูบไล้ที่หน้าอก นัทก็เผลอลืมตัวเปิดปากจนได้ ผมจึงบดขยี้จูบลงไปแล้วดันตัวนัทให้นอนลงบนพื้นหญ้า นัทกอดรอบคอผมไว้ ผมชอบเวลานัทกอดอย่างนี้ ก็เลยให้รางวัลด้วยจูบที่อ่อนหวานละมุนละไมและอ้อยอิ่ง ดูนัทพอใจมากทีเดียว แขนขาเริ่มปล่อยสบาย ผมแลกจูบกับนัทอยู่พักใหญ่จึงหยุด ปล่อยนัทให้หายใจอย่างอิสระ แต่เจ้าตัวก็หอบนิดหน่อย

เราสบตากัน จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาแม้ว่าจะไม่เห็นชัดมาก แต่ดวงตาของมนุษย์มีความพิเศษ แม้เห็นแค่สลัวๆ ก็ยังสื่อความรู้สึกได้ชัดเจน

สัมผัสอย่างนี้ กลิ่นกายอย่างนี้ แววตาอย่างนี้ ความรู้สึกอย่างนี้ บรรยากาศอย่างนี้ เส้นผมแบบนี้ รูปหน้าอย่างนี้ และอะไรอีกหลายๆ อย่างที่เป็นอย่างนี้ของนัท ล้วนให้คำตอบว่า "ใช่" กับผมทุกอย่าง นี่แหละคือคนที่ผมจะรักและทะนุถนอมดูแลไปจนชั่วชีวิต

"นัทจำไว้นะ ไม่ว่าอะไรจะผิดถูก ไม่ว่าใครจะเจ็บ ไม่ว่าใครจะสูญเสีย แต่สุดท้าย เราก็ต้องเลือกอะไรซักอย่าง เหมือนพายุที่มันก็ต้องพัดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน ไม่ใช่เพราะว่าพายุใจร้าย แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น คนที่รอดชีวิตก็ต้องจัดการชีวิตที่เหลือของตัวเองต่อไป วันหนึ่งพวกเค้าก็จะพบว่าเค้าอยู่ต่อไปได้ แม้ว่าจะสูญเสีย แต่ทุกคนเกิดมาก็ต้องเจอกับการสูญเสียอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็ว"

ผมพูดมีสาระอีกแล้ว แต่นัทก็ตั้งใจฟังตาแป๋ว

"พายุไม่กลัวใครเจ็บ ไม่กลัวใครตาย ไม่กลัวใครจะหาว่ามันไม่ยุติธรรม เพราะมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ พี่พร้อมที่จะเป็นพายุแล้วล่ะ ไม่ใช่เพราะอยากทำร้ายใคร แต่อะไรหลายๆ อย่างทำให้พายุมันเกิดขึ้น มันก็ต้องทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าจนกว่าจะสงบลง อดทนกับพี่อีกนิดนะนัท พี่ก็ไม่อยากยืดเยื้อให้เราเจ็บกันนาน การตัดสินใจสุดท้ายของพี่...อยู่ที่นัทคนเดียว ต่อให้พี่ต้องเสียอะไรไป ต่อให้ไม่เหลือใคร พี่จะเลือกคนที่เป็นที่หนึ่งในหัวใจของพี่ สู้ไปกับพี่นะ อดทนกับพี่นะ"

นัทพยักหน้าและยิ้มอย่างมีความหมาย

"ไหวนะ"

นัทพยักหน้า

"เข้มแข็งนะ"

นัทพยักหน้า

"อย่าทิ้งพี่นะ"

นัทพยักหน้า

"ดีมากน้องพี่"

ผมระบายยิ้มเต็มใบหน้า ก้มไปจุมพิตเบาๆ กับริมฝีปากของนัท จากนั้นจึงนอนหงายหน้ามองดูท้องฟ้าด้วยกันสองคน

"พรุ่งนี้เช้าเราจะไปขึ้นภูทับเบิกกันใช่มั้ย" ผมถามเพื่อความแน่ใจเพราะจำโปรแกรมไม่ได้ทั้งหมด

"ใช่"

"เดี๋ยวเราไปเดินดูไร่กะหล่ำด้วยกันนะ"

"ได้"

"แล้วตอนกลางวัน เราจะไปกินขนมจีนเส้นสดที่ร้านน้านวลใช่มั้ย"

"ใช่ แม่ของนัทอยากเจอพี่แฟรงค์มาก กำชับนัทใหญ่เลยว่าให้พาพี่แฟรงค์ไปให้ได้ พี่นิวก็อยากเจอด้วย"

"พี่ก็อยากเจอน้านวลกับนิว คิดถึงขนมจีนเส้นสดน้านวลมาก ขากลับจะแวะซื้อไปฝากพ่อกับแม่ที่บ้านด้วย"

"แม่นัทไม่ขายให้พี่แฟรงค์หรอก พี่แฟรงค์กินฟรีมาตั้งหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ"

"จริงด้วยสิ" ผมขำเบาๆ

"สงสัยตอนพี่ไปขอนัทเนี่ย น้านวลต้องเรียกทั้งค่าสินสอดแล้วก็ค่าขนมจีนที่เคยกินไปทั้งหมดด้วยแน่ๆ เลย ถ้าพี่มีเงินไม่พอ นัทจะหนีไปกับพี่มั้ย"

"บ้า แม่นัทไม่เรียกเยอะขนาดนั้นหรอก"

ผมหัวเราะชอบใจแล้วก็เอื้อมมือไปขยี้ผมนัทเล่นเบาๆ

"แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหนดี"

"ไม่รู้สิ"

"นอนตรงนี้ละกันนะ" ผมเสนอ

"เดี๋ยวน้ำค้างลง เป็นหวัดกันพอดี" นัทท้วง

"พี่ไม่อยากกลับไปนอนห้องเลย เปิดห้องใหม่ทันมั้ย"

"น่าจะทันมั้ง ที่ฟรอนท์น่าจะมีคนอยู่"

"งั้นเปิดห้องใหม่นะ" ผมถามย้ำ

"ก็ได้"

"ไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่ทำอะไรนัทหรอก"

"ไม่ได้กลัวซะหน่อย" นัททำเสียงเง้างอด

"อ้าว แสดงว่าอยากให้พี่ทำงั้นสิ"

"ใครว่าล่ะ"

"ก็ไม่มีใครว่าหรอก แต่พี่...ไม่ทำอะไรจริงๆ นะ เอาไว้ให้ถึงเวลาของเรา แล้วค่อยว่ากันดีกว่า รอพี่นะ"

"อืม" นัทพยักหน้า

"พระจันทร์สวยนะ" ผมเปลี่ยนเรื่องคุย

"ดาวก็สวย" นัทเสริม

"ท้องฟ้าก็สวย" ผมเพิ่มให้อีกอย่าง

"อากาศก็หนาว" นัทไม่ยอมแพ้ เติมมาอีกอย่าง

"ลมก็โชย" มีหรือผมจะยอมง่ายๆ

"ต้นสนก็ไหวเอน" แน่ะ ยังหามาได้อีก

"นี่แหละบ้านเกิดของเรา" ผมว่าประโยคนี้เท่สุด

"นัทก็เลยรักพี่แฟรงค์"

ผมหันไปมองนัทแล้วกะพริบตาปริบๆ ที่ได้ยินเมื่อกี้หูฝาดไปหรือเปล่า ไม่รู้ล่ะ ผมก็จะบอกของผมบ้างเหมือนกัน

"พี่แฟรงค์ก็เลยรักน้องนัทด้วย"


- TBC -[/center]
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 18-12-2015 22:10:53
อย่าแต่งเลยเพียว
งานแต่งล้มไม่น่าอายอะไร
แต่คนที่แต่งงานก็เหมือนประกาศว่า 'ฉันเสียตัวอย่างเป็นทางการแล้วนะ'

เราไม่ได้อะไรกับคนที่มีสัมพนธ์ก่อนแต่งงาน มันใช่เรื่องคอขาดบาดตาย
แต่คนมากมายจะมีความคิดติดลบกับ 'หม้าย'

สะท้อนใจตอนแฟรงค์โกรธเพียวที่พยายามมีอะไรด้วย หมดใจก็ไม่น่าจับอีกต่อไป
เรามองว่า ในตอนที่ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว เพียวก็แค่คิดว่า ความใกล้ชิดแบบที่เคยน่าจะย้ำเตือนให้แฟรงค์นึกถึงความผูกพันระหว่างกันได้

ตอนนี้เรามองว่า เพียวไม่ผิดเลย
การจะตัดใจได้แบบฉึบฉับมันไม่ง่ายขนาดนั้น เอาใจช่วยให้เพียวเดินออกไปจากเรื่องนี้แบบสวย ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 18-12-2015 23:13:28
 :impress3: ตอนนี้น่ารักเชียว อ่านไปเขินไปน่ะ  :mew3: ประโยคแต่ละประโยคที่แฟรงค์กับนัทสนทนากันนี่แบบช่างลึกซึ้งผูกพันกันมาก ๆ หวังว่าคงจะอดทนกันไปได้น่ะ เพราะคงยังมีอุปสรรคที่จะต้องกดดันนัทอีกเยอะเลยเชียว ยังไงแฟรงค์ก้อต้องคอยประคองนัทไปด้วยน่ะ เราดีใจที่แฟรงค์เข้มแข็งและเข้าใจในชีวิตมากขึ้น ถึงจะอดสงสารเพียวไม่ได้แต่ขอให้หนักแน่นดั่งหินผาที่ไม่โยกคลอนยึดหลักอย่างที่ได้ยกตัวอย่างให้นัทฟังไป เราว่าประโยคที่ยกมาเกี่ยวกับพายุนั้นดีมาก ๆ น่ะ อ่านแล้วแบบเห็นภาพสัจธรรมของชีวิตได้ดีเลยเชียวล่ะ ส่วนเพียวคงต้องให้เวลากับเธอหน่อยน่ะ แรก ๆ อาจจะยังสับสนและก้ออายด้วยที่จะต้องเผชิญหน้ากับสังคมน่ะ มันเป็นเรื่องยากทีเดียวน่ะสำหรับผู้หญิงน่ะ  :เฮ้อ: แต่ก้อต้องอดทนสู้มันไปน่ะ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะเจ็บหรือจะสุขก้อมีเพียวเราเท่านั้นคนอื่นไม่ได้มารับรู้ด้วยหรอก  :L3: เราว่าดราม่าน่าจะเป็นพ่อแม่ของแฟรงค์น่ะ ส่วนแม่ของนัทเราว่าน่าจะพูดง่ายกว่าน่ะ สู้ ๆ น่ะจ้ะแฟรงค์กับนัท  :mc4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 18-12-2015 23:21:59
ตอนนี้โรแมนติกมากๆคับ ชอบมากๆ อ่านไปซึ้งอ่ะ ซึ้งไปกับนัทและแฟรงค์เลยคับ ชอบบรรยากาศที่สองคนนี้นั่งคุยกันด้วยคับ
ตกลงสู้ไปด้วยกันแล้ว
     ฉากที่แฟรงค์คุยกับเพียวตอนถ่ายพรีเวดดิ้ง ชอบใจแฟรงค์มากคับที่เป็นคนตรงๆ อ่านแล้วเพียวก็เหมือนจะยอมรับได้แต่ก็ไม่อยากเลิกกับแฟรงค์ ความรัก มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
   รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 19-12-2015 00:03:06
เขินนนนนนนนมากกก อ่านไปเขินไป เขินแทนนัท  :-[
หยอกกันน่ารักมากๆๆ ดูอบอุ่นดีอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 19-12-2015 04:28:08
หวานนนนนน
มีแต่เราหรือเปล่าเหมือนจะหวานก็หวานได้ไม่สุดกลัวเพียวโผล่ขึ้นมาวีน
ใจตรงกันแล้ว  จะรอดูว่าแฟรงค์ภาคพายุเป็นยังไง
เราว่าตอนเช้าพนักงานที่รีสอร์ทคงรู้กันหมดแล้วว่าแฟรงค์กับนัทเปิดห้องใหม่ทั้งๆที่คู่หมั้นแฟรงค์นอนอีกห้องหนึ่ง   2+2 จะเป็น 4 หรือ 6 ก็งานนี้แหละนะ

เราดูแล้วพ่อแม่แฟรงค์น่าจะรับไม่ได้      ติดใจกับที่ตอนเป็นเด็กแฟรงค์โดนห้ามไม่ให้กลับมาที่เพชรบูรณ์อีก   เราว่าผู้ใหญ่บางคนน่าจะมองเห็นว่าการยึดติดกันของแฟรงค์กับนัทในตอนนั้นมันมากกว่าปกติ

รับความหวานไปก่อนจะรับมาม่า
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-12-2015 07:46:35
ถึงแม้จะรู้ได้ลางๆ ว่าตอนหน้าและตอนถัดๆ ไปต้องมีอุปสรรคมากมายรอทั้งสองคนอยู่แน่ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ นะคะว่าตอนนี้เป็นตอนที่ชวนให้อบอุ่นไปทั้งหัวใจเลยเชียว :heaven กำลังใจเต็มเปี่ยมแล้วนะคะแฟรงค์ สู้ๆ เข้าค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 19-12-2015 11:02:27
จะบอกว่าหลังจากที่เขียนถึงไอศครีม Häagen-Dazs ไปหลายตอน ผมก็ชักอยากลองว่ามันอร่อยจริงหรือเปล่า
ก็เลยกัดฟันซื้อมาลองกินซักหน่อย อยากจะบอกว่ามันอร่อยจริงๆ ครับ สมราคามากๆ ติดใจเลย รู้แล้วทำไมนัทชอบ อิๆ
แต่ซื้อกินบ่อยๆ ยังไม่ไหว เอาไว้ให้รวยก่อน

วันนี้จะเดินทาง ขอให้ทุกคนอ่านนิยายเรื่องนี้ให้สนุกนะครับ ขอบคุณที่ชอบ
กลับมาแล้วผมก็จะมาอินต่อ ช่วงนี้อินมาก ถึงขนาดเผลอเรียกคนรอบข้างว่าแฟรงค์มั่ง นัทมั่ง เพียวมั่ง
จนคนถามแล้วว่า แฟรงค์ นัท เพียว นี่เป็นใคร 555 แต่ไม่กล้าบอก

:) Sarawatta :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 19-12-2015 12:14:07
อย่างน้อยในความทุกข์ก็ยังมีความสุขเล็กๆซ้อนอยู่.... ขอให้นัทและแฟร้งผ่านอุปสรรค์นี้ไปได้ด้วยดี
ขอให้เพียวคิดได้เร็วด้วยเถอะ... :call: :hao3: :hao3:

เดินทางปลอดภัยนะค่ะคุณSarawatta  :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-12-2015 15:57:16
เล่นมุกต่อกันน่ารักเชียว สองคนนี้เป็นคู่กันจริง ๆ

แต่...เรากลับไม่อยากให้ไปเปิดห้องใหม่เลย เพียวจะรู้สึกอย่างไร
พายุก็คือพายุ อันนี้โอเค มันเรื่องจริง

แต่ทำอะไรไม่ให้เกียรติกันแบบนี้ เราว่าไม่สุภาพบุรุษนะ
คนอื่นไม่รู้ ไม่เป็นไร แต่อยากให้ใส่ใจความรู้สึกเพียวบ้าง
คุณออกมาเปิดห้องด้วยกัน ถึงไม่ทำอะไร แต่คนอื่นไม่รู้
 เราเป็นเพียวก็อาจจะรู้สึกว่า ฉันก็อยู่ตรงนี้ แล้วคุณไปพลอดรักกันแค่ฉันหันหลังเนี่ยนะ

เราอยากให้นัทกับแฟรงค์ได้รักกัน แต่ก็อยากให้จบอะไร ๆ ไปก่อน
มีพายุอีกหลายลูกที่จะพัดกระหน่ำความรักนี้ อันไหนทำให้มันเป็นแค่ลมแรงได้ก็ควรทำนะ

#ทีมเพียว ฮ่าฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 19-12-2015 16:05:05


ขอบคุณที่แนะนำนิยายเรื่องนี้ให้เราได้เข้ามาอ่านนะคะ
เราไม่รู้จะคอมเมนท์ยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างแฟรงค์กับนัทดี...

มันเหมือนเป็นความรักที่เกิดขึ้นผิดที่ผิดเวลาโดยมีคนอื่นที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องและทดแทนความรู้สึกพร่องหายของวันเวลาในอดีต มีหลายอย่างที่ถ้าเราเป็นแฟรงค์เราจะไม่ทำแบบนั้น...

อ่านไปก็ได้แต่บอกตัวเองว่า มันเป็นเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับใครบางคนบนโลกที่เรามีส่วนแค่นั่งดูและทำความเข้าใจ โดยช่วยเหลือ หรือแก้ไขอะไรไม่ได้ (บางครั้งก็รู้สึกนึกขอบคุณตัวเองขึ้นมาที่ไม่ต้องพบเจอเรื่องตัดสินใจยากอย่างทั้งสามคนที่ติดแหง็กอยู่ในความสัมพันธ์ครั้งนี้  พร้อมกับเตือนตัวเองให้จำเอาไว้ว่า หากเราเจอเรื่องราวทำนองเดียวกัน... เราควรจะหลีกเลี่ยงยังไงเพื่อจะไม่ทำร้ายจิตใจคนไม่เกี่ยวข้องโดยไม่จำเป็น)

ตอนนี้ก็ลุ้นแล้วล่ะค่ะว่าแฟรงค์กับนัทจะเป็นสุขร่วมกันได้ยังไง
เป็นกำลังใจให้นะคะ

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 19-12-2015 16:06:26
น้ำทะเล ราบเรียบ เงียบแปลกแปลก
คลื่นไม่แทรก กระแทกฝั่ง ยังสงสัย
อารมณ์คน นิ่งมาก ยากไว้ใจ
ซัดเมื่อไหร่ ให้ระวัง จะพังครืน


อย่าประมาท
หุหุ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 19-12-2015 18:51:00
@ Khun Sarawatta

เดินทางปลอดภัยนะคะ

ว่าด้วยไอศครีมยี่ห้อนี้ ที่เราอยู่นี่ราคา 200 บาทต่อกล่อง 0.5 ลิตร  นานๆครั้งถึงจะซื้อเพราะว่าที่บ้านชอบไอศรีมกันมากๆ  เท่าไหร่ก็ไม่พอ   อีกยี่ห้อที่ชอบก็คือ Ben & Jerry  ค่ะ ราคาพอๆกันเลยค่ะ   10 กว่าปีก่อนกลับเมืองไทยกับลูกชาย 2 คน ไปมั่งทานไอศรีมแบรนด์นี้ที่ร้านค่ะ  โดนไป 1200 บาท  แต่ยอมรับอร่อยจริงๆ

แฟรงค์สปอล์ยนัทมากๆเลยค่ะ  ซื้อไอศรีมแบรนด์นี้ให้ทาน   สำหรับเราสงสัยจากนี้ไปเห็นยี่ห้อนี้เป็นต้องนึกถึงแฟรงค์กับนัทแล้วสิ

รออ่านตอนต่อไป วันที่คุณว่างนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-12-2015 19:17:19
เป็นตอนที่อ่านแล้วอบอุ่น ทั้งที่เตรียมตั้งมาม่าเพราะกะว่านัทคงไม่ออกมาเจอแน่

แต่นัทก็ออกมาเจอ ทำให้กลายเป็นตอนที่น่ารัก อบอุ่นมากๆ  o13
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: มะฮอกกานี ที่ 19-12-2015 21:13:05
ชอบเรื่องทีคุณแต่งมาก
ตัวละครมีมิติที่จับต้องได้จริงๆ
อ่านแล้วรู้สึกอินไปด้วยจริงๆ

ขอบคุณอารมณ์อันละเอียดและอ่อนไหวของคุณ
ถึงแม้คุณจะต้องวูบวาบเหนื่อยไปบ้าง กับอารมณ์ต่างๆของตัวละคร 
แต่อยากจะบอก


มันคุ้มค่าครับ

ขอบคุณนะ
สำหรับความสุขอันดื่มด่ำ
จากการอ่าน

ที่คุณมอบให้

 :กอด1:





หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 20-12-2015 12:38:26
ไอติมยี่ห้อได้ยินมานานแล้วละว่า อร่อย แต่ราคาไม่ไหวแฮะ กินเดลี่ควีนไปละกัน คงพอแทนกันได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 20-12-2015 13:04:01
ไอติมยี่ห้อได้ยินมานานแล้วละว่า อร่อย แต่ราคาไม่ไหวแฮะ กินเดลี่ควีนไปละกัน คงพอแทนกันได้ อิอิ

ผมก็เพิ่งลองกินนี่แหละครับ ซื้อกระปุกใหญ่ด้วย ราคามากกว่าครึ่งพัน เดินวนไปดูหลายรอบมากกว่าจะตัดสินใจซื้อ ต่อไป ผมจะได้บรรยายได้ถูกไงครับว่ามันอร่อยยังไง จะมีตอนที่บรรยายความอร่อยของไอศกรีมที่นัทกินในตอนพิเศษครับ

ตอนหน้า จะอัปเดตวันจันทร์ คิดว่าปลีกเวลาได้ เราจะเริ่มเข้าใจพฤติกรรมของแฟร้งค์มากขึ้นแล้วครับว่ามูลเหตุจูงใจเบื้องหลังคืออะไร คนที่อ่านงานผมมาสองสามเรื่องคงพอรู้ว่าตัวละครของผมไม่ดีเลิศประเสริฐศรี เป็นพระเอก นายเอกในฝัน

แต่ยังไงก็ตาม พฤติกรรมของแฟร้งค์มีที่มาที่น่าสนใจมาก

อย่าลืมติดตามตอนต่อไปให้ได้ครับ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 20-12-2015 19:52:13
ตอนที่ 10 - เราว่าทำใจลำบากมากสำหรับเพียว แต่เรื่องนี้จะว่า ผิดที่แฟรงค์เหรอ มันอาจจะใช่ในแง่ของความซื่อสัตย์มั่นคงในความรัก แต่อีกมุมนึงถ้าแฟรงค์สามารถควบคุมใจตัวเองได้เหมือนการเปิดปิดก๊อกน้ำแฟรงค์ก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นหรอก แฟรงค์แค่อยากจะมีความสุขเท่านั้น แต่ตอนนี้ ขอเทคะแนนความสงสารให้เพียวก่อน ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง 100 pt+++ งานนี้ต้องสตรองจ๊ะ ไม่มีเค้าเราก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้และมี ความสุข +เป็ด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก ✢ P6 ▒ 12.18.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 20-12-2015 20:50:21
บทที่ 11 -- จริงๆ แอบฟินกับตอนนี้มากเลยนะ รู้สึกถึงมวลความสุขที่ตลบอบอวลอยู่ แต่แอบสะทกสะท้อนใจตอนที่แฟรงค์กล่าวเกี่ยวกับ 'พายุ' หากแฟรงค์คือพายุที่พร้อมทำลายทุกอย่าง นัท คงจะเปรียบเหมือนผู้ที่ถูกเลือกให้รอดชีวิต ในขณะที่ เพียว เป็นผู้ที่ถูกพายุร้ายตัดสินให้เสียชีวิต งานนี้เพียวต้องเข้มแข็งมากๆ ถึงจะเข้าขั้นโคม่า แต่ต้องรอดจากพายุนะ สงสารเพียวมากเลยตอนนี้ แค่แฟรงค์ดอดมาคุยกับนัทก็สะเทือนใจมากแล้ว นี่ถ้ารู้ว่าสองคนนั้นเปิดห้องนี่คงจะช้ำใจมากแน่ เป็นตอนที่อ่านแล้วมีความสุขแต่ก็รู้สึกเหมือนมีเสี้ยนหนามมาตำใจอยู่ในที +เป็ด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 21-12-2015 13:09:05
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม


(http://bit.ly/2lPHQVt)
[/center]

"พี่แฟรงค์ กลับไปนอนที่ห้องพี่แฟรงค์ดีกว่านะ"

ถึงไม่อธิบายแฟรงค์ก็คงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร แม้สิ่งที่ผมพูดจะขัดแย้งกับที่เพิ่งตกลงกันไว้ ใบหน้าของแฟรงค์กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สุขและสงบ ไม่มีร่องรอยขุ่นเคืองแม้เพียงนิดแสดงออกมาให้เห็นเลย

แฟรงค์พยักหน้า เดินมากอดผมไว้เบาๆ ก่อนจะกอดไว้หลวมๆ เพื่อมองหน้ากัน

"ขอบคุณนัทมากนะที่มาคุยกับพี่ ขอบคุณที่รักพี่ จำไว้นะ...นัทเป็นที่หนึ่งในใจของพี่เสมอ นอนหลับฝันดีนะ"

ผมพยักหน้าเบาๆ และยิ้มบางๆ สายตาของเราที่ประสานกันมีเพียงประกายแห่งความรักที่ไม่อาจปิดบังซ่อนเร้นได้อีกต่อไป

"ขอบคุณพี่แฟรงค์ด้วยที่ยังเก็บหัวใจไว้ให้นัท ทำให้นัทได้เจอความรักแล้วก็ความอบอุ่นที่นัทตามหามาตั้งนาน"

แฟรงค์ใช้มือลูบผมของผมเบาๆ อย่างเอ็นดูเหมือนที่เคยทำบ่อยๆ

"พี่ดีใจที่สุดในชีวิตเลยที่ได้เจอนัทอีก ชีวิตที่เหลือของพี่ พี่จะขออยู่ดูแลน้องของพี่อย่างนี้ตลอดไป"

ผมรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน ในชีวิตของเราจะมีสักกี่ครั้งที่ได้ยินใครสักคนบอกเราอย่างนี้ ผมก็อยากอยู่กับแฟรงค์ตลอดไปเช่นเดียวกัน แม้ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้สักแค่ไหนก็ตาม

"ฝันดีนะครับพี่ชาย"

แฟรงค์ค่อยๆ ปล่อยมือให้ผมเป็นอิสระ แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ต่อช่วงเวลาดีๆ ออกไปอีกหน่อย แต่ผมก็รู้ว่าแฟรงค์มีความสุขมาก และมีพลังมากพอที่จะกลับไปเผชิญปัญหาต่อไป ผมหันหลังเดินกลับขึ้นไปบนที่พัก แฟรงค์ยังคงยืนมองอยู่ พอผมเข้าไปในห้องแล้วถึงค่อยๆ เดินออกไปอย่างเงียบๆ

หนึ่งเดือนเศษๆ ที่ผมได้กลับมาเจอแฟรงค์ นอกจากจะได้ค้นพบหัวใจตัวเองแล้ว ผมก็เริ่มเข้าใจบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตของแฟรงค์ตอนที่เราไม่ได้เจอกันมากขึ้น

แฟรงค์เล่าให้ผมฟังว่าพ่อไม่เคยปล่อยให้แฟรงค์มีเวลาว่างเลย นอกจากสั่งห้ามไม่ให้มาเหยียบเพชรบูรณ์แล้ว ตอนเรียนมัธยมก็มักส่งแฟรงค์ไปทำกิจกรรมต่างๆ ช่วงปิดเทอม ในประเทศบ้าง ต่างประเทศบ้าง น่าสงสัยว่าพ่อของแฟรงค์คงต้องการให้แฟรงค์ลืมบางอย่างเร็วที่สุด การให้พบเจอสิ่งใหม่ๆ คนใหม่ๆ ก็เป็นหนึ่งในวิธีการที่มักใช้ได้ผล

แฟรงค์ได้เรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพเพราะพ่ออยากให้เข้ามาช่วยงานในรีสอร์ท ในขณะที่น้องสาวของแฟรงค์กลับได้ไปเรียนต่างประเทศ ปิดเทอมแฟรงค์ก็ต้องมาขลุกอยู่แต่ในรีสอร์ทตามที่พ่อสั่ง ยกเว้นว่ามีกิจกรรมอย่างอื่นที่ต้องทำ แฟรงค์จึงถูกหล่อหลอมขัดเกลาเพื่อให้สามารถสานต่อธุรกิจและเป็นผู้นำของครอบครัวในอนาคตได้ แทบไม่เคยได้ใช้ชีวิตตามวัยของตัวเองเลย

พอแฟรงค์เรียนมหาวิทยาลัยไปได้ปีสองปี คนในบ้านเริ่มเป็นกังวลเมื่อเห็นแฟรงค์ไม่ยอมมีแฟน ถึงขนาดเคยแอบพาแฟรงค์ไปพบจิตแพทย์เพราะอยากรู้ว่าแฟรงค์ผิดปกติหรือเปล่า พ่อพยายามแนะนำให้แฟรงค์รู้จักกับลูกสาวของเพื่อนๆ บ่อยๆ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า แฟรงค์เองก็กดดันตัวเองไม่น้อยที่ทำให้ครอบครัวต้องกังวลไปด้วย หลังๆ ก็เลยลองจีบสาวดู แต่ก็ไม่รู้สึกอยากคบใครเป็นแฟนสักคน

พอแฟรงค์ได้เจอเพียวจึงทำให้ที่บ้านโล่งใจขึ้นมาก รู้จักกันได้แค่ปีเดียวก็ยุให้แฟรงค์หมั้น แต่แฟรงค์ก็พยายามบ่ายเบี่ยงเพราะตัวเองเพิ่งเรียนจบและยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอ จนกระทั่งผ่านไปสองปีกว่าจึงยอมตกลงที่จะหมั้นกับเพียวตามที่ครอบครัวเสนอ แฟรงค์ไม่ถึงกับรู้สึกว่าลำบากใจ เพราะเห็นว่าเพียวเป็นผู้หญิงคนเดียวที่แฟรงค์จะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงดูราบรื่นเหมือนไม่มีปัญหาอะไรเลย

ที่บ้านของแฟรงค์ชอบเพียวจนออกนอกหน้า ถึงขนาดเคยให้ที่บ้านของเพียวยืมเงินนับล้านบาทช่วงที่บ้านของเพียวประสบปัญหา แม้ว่าจะยังไม่ได้เงินคืนจนป่านนี้ ที่บ้านของแฟรงค์ก็ดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อนที่จะทวงคืนด้วยซ้ำ

พอหมั้นกันแล้วที่บ้านก็ยังพยายามจะเร่งให้แต่งงานกัน บังเอิญช่วงนั้นเพียวมีโปรแกรมแข่งขันยาวติดต่อกันตลอดทั้งปี งานแต่งงานจึงถูกเลื่อนออกมาปีเศษๆ พอเพียวเริ่มว่างแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจึงคุยกันเรื่องแต่งงานอีกครั้ง จนกระทั่งได้ฤกษ์เป็นช่วงกลางเดือนมกราคมปีหน้า นับจากวันนี้ไปก็เหลืออีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้นเอง

ผมไม่รู้ว่าแฟรงค์สงสัยเหมือนผมหรือเปล่า พอลองปะติดปะต่อเรื่องที่รับรู้มาทั้งหมด ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพ่อของแฟรงค์หรือเปล่าที่พยายามกีดกันไม่ให้แฟรงค์กลับมาหาผม เป็นไปได้หรือเปล่าที่พ่อของแฟรงค์เห็นอะไรที่เราสองคนไม่เห็นตอนเรียนประถมด้วยกัน แต่ถึงกระนั้น พ่อของแฟรงค์ก็ไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจผมหรอก ผมไปที่บ้านแฟรงค์สองสามครั้งแล้วก็ไม่เคยได้ยินคำพูดหรือเห็นท่าทางไม่ต้อนรับเลย อาจจะเป็นเพราะพ่อของแฟรงค์สบายใจที่แฟรงค์จะแต่งงานกับเพียวแล้วก็ได้

ผมว่าแฟรงค์ก็คงสงสัยเรื่องนี้ จึงไม่แปลกที่แฟรงค์รู้สึกปรารถนาผมอย่างรุนแรงจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ คล้ายกลับเป็นปฏิกิริยาโต้กลับของจิตใจที่ถูกกดดัน ผมรู้ว่าแฟรงค์รักผมมากตอนเด็กๆ ยิ่งตอนที่พ่อของผมเสียตอนผมอยู่ปอสี่ แฟรงค์ก็ยิ่งดูแลผมไม่ห่างและไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวเลย พอเห็นคนที่ตัวเองเคยรักเคยเป็นห่วงมาอยู่ใกล้ๆ บวกกับความกดดันที่ผ่านมา แฟรงค์จึงถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงจากความรู้สึกลึกๆ ภายในเพื่อคว้าคืนของรักที่เคยสูญเสียไป

ความร้อนรนของแฟรงค์คงเกิดจากความรู้สึกผิดสองเรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องที่เคยทอดทิ้งผมไป เรื่องที่สองคือกลัวว่าผมจะน้อยใจที่แฟรงค์มีคนอื่นไปแล้ว แฟรงค์เลยเป็นห่วงความรู้สึกของผมจนตกอยู่ในสภาพอย่างที่เห็น ถ้าปล่อยให้กดดันมากเข้า แฟรงค์อาจทำอะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึงก็ได้ ผมไม่อยากให้แฟรงค์เป็นหนักขนาดนั้นเพราะไม่เป็นผลดีกับใครเลย

พอเข้าใจอย่างนี้แล้วผมจึงตัดสินใจออกมาหาแฟรงค์และบอกรัก แม้ว่าไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่อยากเห็นคนที่รักดิ้นรนทุรนทุรายโดยที่ผมแค่ยืนดูเฉยๆ ยิ่งรู้ว่าแฟรงค์รักผมมากกว่าที่ผมเคยรู้ ผมก็ควรจะต้องทำอะไรสักอย่างให้แฟรงค์บ้าง

แม้รู้ว่าผิด แต่ผมก็ดีใจที่คำว่ารักของผมทำให้แฟรงค์สงบเย็นลง ผมเพิ่งตระหนักว่ายิ่งเมินเฉยหรือถอยหนี แฟรงค์ก็จะยิ่งทุรนทุราย การคอยต้านทานจึงไม่เป็นผลดี ตอนที่แฟรงค์ชวนผมเปิดห้องใหม่ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วย แต่ผมก็รู้ว่ายังไม่ควรขัดใจ จึงรอให้แฟรงค์ได้ใช้เวลากับผมมากพอและสงบเย็นก่อน พอผมปฏิเสธตอนหลังแฟรงค์จึงไม่มีอาการต่อต้านเลย

ถึงตอนนี้ ไม่ว่าผมจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับแฟรงค์หรือเปล่า ผมก็จะคอยเป็นกำลังใจให้คนที่ผมรัก และยินดีช่วยทำทุกอย่างให้แฟรงค์ได้เจอทางออกของชีวิตที่ดีที่สุด แม้ว่าจะเป็นทางออกที่ไม่มีผมเดินทางไปด้วยเลยก็ตาม

(http://bit.ly/1MeP5H1)

ผมได้นอนเพียงแค่สองชั่วโมงเศษๆ ก็ต้องรีบตื่นมาอาบน้ำ ก่อนที่เราจะออกเดินทางไปที่ภูทับเบิกตอนตีห้า ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่สิบนาทีก็เดินทางมาถึงถนนที่จะนำไปสู่ภูทับเบิก แม้ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ แต่ถนนก็มีแค่สองเลนสวนกัน บางช่วงเริ่มมีการเคลียร์พื้นที่เตรียมขยายถนนแล้ว ต่อไปคงจะช่วยให้การเดินทางสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

พอวิ่งไปได้สักพักทางก็เริ่มชันและคดเคี้ยว มีรถขนกะหล่ำวิ่งสวนมาเป็นระยะๆ ฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นทีละน้อยแต่ก็ยังไม่มากพอที่จะเห็นวิวทิวทัศน์ได้ชัดเจน จนกระทั่งระดับความสูงเพิ่มมากขึ้น เราจึงพอมองเห็นภาพภูเขาสลับซับซ้อนไกลออกไปได้ รวมทั้งภาพเมืองเขาค้อด้านล่างด้วย สร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนในรถมากทีเดียว

จนกระทั่งรถตู้สองคันพาเรามาถึงที่หมายที่จุดสูงสุดของภูทับเบิก เพื่อนๆ พนักงานก็แยกย้ายกันไปเป็นกลุ่มๆ แล้วแต่ว่าใครจะสนิทกับใคร ผมเลือกไปกับปอนด์ ส่วนแฟรงค์ก็ไปกับเพียวอย่างที่รู้กันอยู่ ไม่ได้ไปกับผมตามที่ตกลงกันไว้เมื่อคืนนี้ พอแฟรงค์หายร้อนรนแล้วก็คงมีสติรู้ว่าอะไรควรไม่ควร

ผมกับปอนด์ไปถ่ายรูปตามจุดชุมวิวต่างๆ หลายจุด มีเพื่อนพนักงานที่ผ่านมาเจอมาขอถ่ายด้วยบ้าง จากนั้นก็เดินไปหาร้านกินกาแฟและอาหารเช้า เราเลือกร้านไข่กระทะร้านหนึ่งที่เจ้าของเป็นชาวเขา พื้นที่ร้านเปิดโล่งทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ เบื้องล่างลงไปตามเนินเขามีรีสอร์ทผุดขึ้นราวดอกเห็ด สีหลังคาหลากสีสันดูจะขัดกับธรรมชาติรอบด้านมากพอควร ปอนด์บ่นใหญ่เลยว่าทำให้เสียทัศนียภาพ มีไร่กะหล่ำให้เห็นอยู่บ้างประปรายในบริเวณนี้ แต่พื้นที่ปลูกก็เริ่มน้อยลงไป

ผมเหลือบไปเห็นแฟรงค์กับเพียวเดินผ่านมาพอดี เราสองคนสบตากันอยู่ครู่หนึ่งแล้วแฟรงค์ก็เดินจากไป

"เมื่อคืนมึงหายไปไหนมาวะ"

จู่ๆ ปอนด์ก็ถามขึ้นมาหลังจากที่แฟรงค์เดินไปแล้ว เล่นเอาผมสะดุ้งนิดๆ เพราะไม่คิดว่าปอนด์จะรู้

"อ๋อ...ออกมาคุยกับแฟรงค์ข้างนอก"

ผมรับสารภาพไปตามตรง ชักหวาดระแวงว่าปอนด์จะสงสัยเรื่องผมกับแฟรงค์เข้าจนได้

"คุยอะไรดึกๆ ขนาดนั้นวะ"

"ไม่มีอะไร กูกับแฟรงค์โตด้วยกันที่นี่ ก็เลยอยากคุยกันเรื่องเก่าๆ ตามประสาคนคิดถึงบ้านนั่นแหละ"

ปอนด์พยักหน้าเข้าใจอย่างช้าๆ แต่สายตากลับดูเหมือนมีคำถามอยู่

"กูถามมึงตรงๆ ได้มั้ยวะไอ้นัท"

ผมสะดุ้งอีกรอบ ถามกันอย่างนี้แสดงว่าต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เพื่อนผมสงสัยจนเก็บไม่ไหว

"จะถามอะไรวะ" ผมพยายามยิ้มและหัวเราะ แล้วก็ตักไข่กระทะกินไปพลางๆ

"มึงกับพี่แฟรงค์...ดูแปลกๆ ว่ะ"

ผมเสียวสันหลังวาบ รีบวางช้อนลงทันที

"ยังไงวะ"

"เอางี้" ปอนด์ทำท่าครุ่นคิด "กูถามมึงตรงๆ ละกัน อย่าโกรธกูนะเว้ย"

ผมว่าปอนด์มันสงสัยแล้วล่ะ ก็เลยต้องเตรียมใจรอรับฟังคำถามของมัน พร้อมกับหาคำตอบที่พอจะตอบได้เตรียมไว้ด้วย

"มึงกับพี่แฟรงค์...เป็นอะไรกันหรือเปล่าวะ"

พอเตรียมใจไว้แล้วผมจึงไม่ตกใจมาก แต่หน้าก็คงซีดไปมากพอดู

"แล้วมึงเห็นอะไรล่ะ"

ปอนด์หัวเราะเบาๆ "ก็ไม่เห็นอะไรเยอะขนาดนั้นหรอก แต่กูก็เห็นอะไรบางอย่างแปลกๆ จนกูคิดว่ามึงกับพี่แฟรงค์...ชอบกันหรือเปล่าวะ"

ปอนด์ตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ เล่นเอาผมถึงกับหน้าชา อากาศหนาวยังไม่ทำให้รู้สึกชาอย่างนี้เลย ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น มองหน้าเพื่อนอย่างลำบากใจ จากนั้นก็หันไปทางอื่น มองไกลออกไปยังขุนเขาที่สลับซับซ้อนและท้องฟ้าที่ฉาบด้วยแสงสีแดงส้มจากแสงแห่งรุ่งอรุณวันใหม่

"เฮ้ย กูทำให้มึงเครียดหรือเปล่าวะไอ้นัท ถ้ามึงลำบากใจมึงก็ไม่ต้องบอกกูก็ได้นะเว้ย"

ปอนด์รีบบอกอย่างเกรงใจเมื่อเห็นผมทำหน้าเครียด

ผมหันมามองเพื่อนแล้วก็ยิ้มเศร้าๆ "เออ...กูชอบพี่แฟรงค์"

ปอนด์ทำหน้าตกใจและนั่งนิ่ง จ้องหน้าผมราวกับจะไม่เชื่อ

"แล้วที่มึงเมาเป็นบ้าวันนั้นก็เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย"

ผมถอนหายใจแล้วก็พยักหน้า "มึงจะให้กูทำไงวะ กูก็ไม่รู้จะทำไงจริงๆ ว่ะ"

ปอนด์พิงหลังติดพนักเก้าอี้ สีหน้าครุ่นคิดและเครียดไปกับผมด้วย

"กูก็ไม่เคยเจอแบบนี้ว่ะ แต่ถ้าเค้ากำลังจะแต่งงานกัน กูว่าถอยดีกว่าว่ะ"

ผมพยักหน้าเข้าใจ ก้มหน้าลงต่ำมองดูอาหารบนโต๊ะ

"แล้วมึง...คิดยังไงกับเรื่องนี้วะ มึงไม่รังเกียจกูใช่มั้ยที่เป็นแบบนี้"

"มันยุคไหนแล้วไอ้นัท ถ้ากูรังเกียจมึงกูจะมานั่งคุยกับมึงทำไมวะ"

ปอนด์ตอบกลับมาทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาคิด ผมนั่งตัวตรงแล้วก็มองหน้าเพื่อน

"ขอบใจนะเว้ยไอ้ปอนด์"

"อย่าคิดมาก กินข้าวให้หมดเหอะ อย่าคุยเรื่องนี้เลย เครียดกันเปล่าๆ ว่ะ มาเที่ยวก็ต้องเที่ยวให้สนุก กูก็ปากไม่ดีเองที่ถามมึง ขอโทษนะเว้ย"

ผมพยักหน้า ยิ้มเศร้าๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าต่อ เสร็จแล้วก็เดินลงไปดูไร่กะหล่ำ น่าจะปลูกไว้ให้นักท่องเที่ยวดูมากกว่าที่จะขายกันจริงๆ จังๆ เพราะมีอยู่ไม่มาก ตลอดทางจะเห็นดอกลำโพงสีขาวปลูกแซมตามทางเดินเป็นระยะๆ

ผมเห็นแฟรงค์กับเพียวเดินดูไร่ดอกกะหล่ำด้วยกันอยู่ไม่ไกลนัก แม้จะรู้ว่าแฟรงค์ต้องทำอย่างนั้นเพราะหน้าที่คู่หมั้น แต่ผมก็อดที่จะสะท้อนใจและเศร้าใจหน่อยๆ ไม่ได้

ผมไม่รู้หรอกว่าเวลาหนึ่งเดือนที่เหลืออยู่จะเกิดอะไรขึ้น ก็ได้แต่ภาวนาว่าฟ้าดินจะเห็นใจและทำให้เราเจอทางออกที่ดีที่สุด แต่ถ้าไม่เจอทางออกนั้นเลย ผมก็ยินดีที่จะเป็นฝ่ายจากไปตามทางของตัวเอง แม้กลัวว่าจะเป็นเหมือนตอนอยู่มอหนึ่ง แต่การที่ผมได้รู้ว่าแฟรงค์ไม่ลืมผม รู้ว่าแฟรงค์รักผมมากแค่ไหน รู้ว่าที่ไม่กลับมาหาเพราะมีเหตุจำเป็นบางอย่าง แค่นี้...ก็มากพอที่จะทำให้ช่องว่างที่กว้างและลึกในใจของผมค่อยๆ ถมตื้นขึ้นมาจนเกือบเต็มได้แล้ว

... ... ...

พอลงจากภูทับเบิกมาแล้วเราก็มุ่งหน้าไปที่ร้านขนมจีนเส้นสดของแม่ผมทันที มาถึงร้านก็เกือบๆ เที่ยง แม่ผมกับพี่นิวกันโต๊ะส่วนหนึ่งไว้ให้พร้อม พอมาถึงก็ไปนั่งกินได้เลย

พอรถเข้ามาจอด แม่กับพี่นิวออกมาต้อนรับพวกเราถึงที่รถ แม่ผมมาถึงก็สอดส่ายสาตาหาแฟรงค์แทนที่จะมองหาลูกชายของตัวเองก่อน

"แฟรงค์ล่ะลูก"

แม่ถามในขณะที่ผมยกมือสวัสดี แกรับไหว้ก็จริงแต่สายตาคอยมองหาอีกคนอยู่ ผมจึงพยักเพยิดไปที่รถอีกคันที่เพิ่งวิ่งเข้ามาจอดทีหลัง แฟรงค์ขับตามหลังมาอย่างช้าๆ ก็เลยถึงช้ากว่าเพื่อน

ในขณะที่แฟรงค์กำลังจอดรถผมก็เลยถือโอกาสแนะนำให้แม่กับพี่นิวรู้จักปอนด์ เพื่อนพนักงานคนอื่นๆ พากันมายกมือไหว้แม่ผมด้วย พอแฟรงค์จอดรถเรียบร้อยแล้วก็เปิดประตูรถออกมา รีบมาหาแม่ผมเสียจนลืมเพียวไปเลย

"สวัสดีครับน้านวล" แฟรงค์ยกมือสวัสดีพลางยิ้มดีใจจนตาหยี

"แฟรงค์เหรอลูก สวัสดีจ้ะ หูย...โตเป็นหนุ่มแล้วหล่อเชียวลูก น้าจำแทบไม่ได้เลย"

แม่ผมรับไหว้พลางยิ้มดีใจเช่นกัน คอยพินิจดูแฟรงค์ไม่วางตา ก่อนจะโอบกอดและลูบหลังแฟรงค์เบาๆ

"ขอบใจมากนะลูกที่ช่วยดูแลนัทให้แม่"

"ยินดีครับน้านวล นัทก็เหมือนน้องชายของผมคนหนึ่งแหละครับ"

"ดีแล้วลูก แม่นึกว่าแฟรงค์จะลืมนัทมันซะอีก พูดแล้วก็อดนึกถึงตอนที่นัทมันรอแฟรงค์ไม่ได้ เค้าคิดถึงแฟรงค์มากเลย"

แฟรงค์ยิ้มเศร้าเล็กน้อย ต่อไปผมคงต้องบอกให้แม่หยุดพูดเรื่องนี้เสียทีเพราะทำให้แฟรงค์รู้สึกผิด

"ว่าไงนิว สบายดีมั้ย สวยขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย ถ้าเจอกันที่อื่นแฟรงค์คงจำไม่ได้แน่ๆ เลย" แฟรงค์หันไปคุยกับพี่สาวผมบ้าง

"สบายดี มาถึงก็ชมกันเลยนะแฟรงค์" พี่สาวผมหยุดหัวเราะ "แฟรงค์สบายดีนะ โห...ขับเบนซ์ซะด้วย ไม่เบานะเนี่ย"

พี่สาวผมพูดพร้อมกับเหลือบมองรถของแฟรงค์

"แล้วนี่นิวช่วยดูแลสองคนกับน้านวลเองเหรอ ร้านใหญ่โตนะเนี่ย ท่าทางจะรายได้ดี ลูกค้าเยอะมั้ย"

"อืม...ก็พอได้อยู่ ส่วนมากก็ช่วงนี้แหละที่ลูกค้าเยอะหน่อย ช่วงอื่นๆ ก็อาศัยคนแถวๆ นี้แหละมากินเป็นหลัก แล้วนั่นใครเหรอ"

พี่นิวถามเมื่อเห็นเพียวมายืนข้างๆ แฟรงค์ได้สักพักแล้ว พอแฟรงค์นึกได้จึงรีบแนะนำแทบไม่ทัน

"อ้อ...นี่เพียวนะ เป็นคู่หมั้นของแฟรงค์เอง เพียว...นี่น้านวล แม่ของนัท แล้วก็นิว...พี่สาวของนัท"

"สวัสดีค่ะ" เพียวยกมือสวัสดีแม่ของผมแล้วก็หันไปยิ้มให้กับนิว

"เมื่อก่อนนิวก็เรียนชั้นเดียวกับแฟรงค์นั่นแหละ แต่คนละห้อง อ้อ...ที่แฟรงค์โตมาได้ก็เพราะขนมจีนเส้นสดของน้านวลนี่แหละ น้านวลห่อให้เอากลับไปกินที่บ้านแทบทุกวันเลย พ่อกับแม่แฟรงค์ติดใจ เคยมาขอซื้อถึงร้านแต่น้านวลก็ไม่ยอมขายให้"

แฟรงค์พูดติดตลกตอนท้าย คนอื่นๆ ก็หัวเราะตามไปด้วย

"น้าจะขายให้ได้ยังไงล่ะลูก ก็แฟรงค์น่ะ...ช่วยดูแลนัทให้แม่ ตอนที่พ่อเค้าเสีย นัทมันก็เสียศูนย์ไปเหมือนกัน แล้วก็ดื้อด้วย ก็ได้แฟรงค์นี่แหละคอยช่วยดูแล เป็นผู้เป็นคนได้ก็เพราะแฟรงค์นี่แหละ"

พอแม่ผมพูดจบ แฟรงค์ก็หันมาสบตากับผม ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง ดีที่ว่าพี่นิวพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน

"แฟนของแฟรงค์สวยนะเนี่ย ยินดีด้วยนะ เอาการ์ดเชิญมาด้วยหรือเปล่า เดี๋ยวนิวกับแม่จะปิดร้านไปร่วมงานแต่งที่กรุงเทพด้วย"

แฟรงค์หัวเราะแหะๆ "ขอโทษทีนิว แฟรงค์ลืมไปเลย ไม่ได้เอามา เดี๋ยวส่งไปรษณีย์มาให้ได้มั้ย"

"อืมๆ อย่าลืมล่ะ" พี่นิวพยักหน้า

"นัท พาเพื่อนๆ ไปกินขนมจีนเร็วลูก อยู่ตรงนี้ร้อน ไปคุยกันในร่มดีกว่า เชิญตามสบายเลยค่ะ แม่เตรียมที่นั่งไว้ให้แล้ว ใครจะเข้าห้องน้ำห้องท่าเชิญทางนั้นนะคะ"

ผมพาเพื่อนๆ พนักงานไปนั่งยังโต๊ะที่แม่จัดไว้ให้ พอเรียบร้อยดีแล้วจึงมานั่งร่วมโต๊ะกับแม่ พี่นิว ปอนด์ แฟรงค์และเพียว ผมกับพี่สาวนั่งข้างๆ แม่ ส่วนแฟรงค์นั่งติดกับเพียวฝั่งตรงข้าม มีปอนด์นั่งติดอยู่กับแฟรงค์อีกคน

แม่ผมเล่าเรื่องผมกับแฟรงค์ตอนเด็กๆ ใหญ่เลย บางเรื่องผมกับแฟรงค์จำไม่ได้ด้วยซ้ำ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมกับแฟรงค์ลืมไปแล้ว แต่เป็นเรื่องที่บ่งบอกอะไรหลายอย่างได้ดีทีเดียว

"วันนั้นแฟรงค์เค้ามาเล่นกับนัทที่บ้านแม่นี่แหละ ก็นั่งดูทีวีกันอยู่สองคน แล้วอยู่ดีๆ นัทมันเห็นโฆษณาไอติมอะไรน้า...แม็กๆ อะไรซักอย่างที่มันราคาแพงๆ นี่แหละ แล้วนัทมันก็พูดขึ้นมาว่าอยากกิน แม่ว่านัทมันก็พูดไปอย่างงั้นแหละ แล้วแม่ก็นึกว่าแฟรงค์คงไม่ได้สนใจอะไร ที่ไหนได้ อีกเกือบอาทิตย์มั้ง แม่เห็นแฟรงค์ขี่จักรยานมาที่บ้าน แล้วก็มีถุงใส่น้ำแข็งมาด้วย นึกว่าแฟรงค์ซื้อน้ำสไปรท์มาฝากนัทมัน ที่ไหนได้ แฟรงค์เอาไอติมแม็กๆ อะไรนั่นแหละแช่ไว้ข้างใน เค้ากลัวมันละลายซะก่อน แล้วก็เอามาให้นัทกิน นัทมันก็ดีใจใหญ่เลย แต่กินแล้วก็ไม่แบ่งใคร ขนาดแม่บอกให้แบ่งแฟรงค์ด้วยยังทำเฉย แฟรงค์นี่เค้าก็รักนัทมาก ตามใจนัทไปหมด จนแม่ต้องบอกว่าทีหลังไม่ต้องตามใจนัทขนาดนี้หรอก เดี๋ยวจะเคยตัว แต่แฟรงค์ก็ไม่ฟังเหมือนกัน เจ้านี่อยากได้อะไร อยากกินอะไร ก็ไปเที่ยวหามาให้ เค้าสงสารนัทที่ไม่มีพ่อนั่นแหละ พ่อนัทเสียไปตั้งแต่ตอนนัทเพิ่งสิบขวบเอง"

แม่ผมเล่าไปหัวเราะไป แต่ผมนี่สิ น้ำตาไหลจนต้องยกมือป้ายเลย แฟรงค์เห็นแล้วก็รีบหยิบกระดาษเช็ดปากบนโต๊ะส่งให้

"ร้องไห้ซะแล้วลูกแม่ สงสัยจะตื้นตันใจ ต่อไปนัทก็ต้องดูแลแฟรงค์เค้ามั่งนะลูก ตอบแทนพี่เค้ามั่ง"

แม่ผมพูดพร้อมกับเอามือลูบหลังปลอบใจ ผมจำตอนนั้นได้แล้ว ปกติแฟรงค์ได้เงินไปซื้อข้าวกับขนมกินที่โรงเรียนวันละยี่สิบบาท แม่แฟรงค์ไม่ได้ทำอาหารตอนเช้าให้เพราะต้องออกไปทำงาน อยู่ดีๆ ผมก็เห็นแฟรงค์ห่อข้าวมากินที่โรงเรียนตั้งหลายวัน พอถามว่าทำไมแฟรงค์ก็บอกว่าเบื่ออาหารที่โรงเรียน ก็เลยตื่นมาเจียวไข่แล้วก็ห่อมากินที่โรงเรียนเอง แต่ความจริงก็คือแฟรงค์เก็บเงินมาซื้อไอติมแม็กนั่มให้ผมกินนั่นแหละ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมรักแฟรงค์ได้ยังไง ยิ่งได้ฟังเรื่องนี้ที่ผมลืมไปแล้วผมก็ยิ่งรักจนไม่รู้จะบอกยังไง

"ครับแม่"

ผมรับคำแล้วก็พยายามหยุดร้องไห้ สายตาของแฟรงค์คอยมองมาอย่างเป็นห่วง แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากกว่าส่งกระดาษมาให้ซับน้ำตา เพียวนั่งครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ไม่รู้ว่าหลังจากที่ฟังมาหลายเรื่องแล้วจะรู้สึกยังไงบ้าง ส่วนปอนด์ก็น่าจะเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมผมถึงรักแฟรงค์

... ... ...

ตกบ่ายเราเดินทางไปร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลขสิบสอง บรรยากาศของร้านดีมาก มีนักท่องเที่ยวนั่งกินกาแฟอยู่บ้างประปราย แต่ส่วนมากจะเดินไปถ่ายรูปตรงสนามหญ้าข้างหลัง มีดอกไม้หลากสีประดับไว้อย่างสวยงาม มีต้นสนรายล้อมไปทั่ว มีแนวรั้วกั้นไว้กันตกตรงสุดสนามหญ้า เพราะตรงนี้มีเนินเขาที่ลาดชันมาก คนอาจตกลงไปได้รับอันตรายได้

เพื่อนพนักงานบางส่วนไปนั่งดื่มกาแฟ บางส่วนเดินซื้อของที่ระลึก เสร็จแล้วก็มาถ่ายรูปกันที่สนามหญ้า ถ่ายเดี่ยวบ้าง คู่บ้าง กลุ่มเล็กบ้าง กลุ่มใหญ่บ้าง รูปสุดท้ายเป็นรูปหมู่ที่รวมทุกคน ปอนด์เป็นคนถ่ายให้

จากนั้นเราก็เดินทางไปแวะเที่ยวอีกหลายที่ กินอาหารเย็นที่ร้านอาหารขึ้นชื่อเรื่องปลาแห่งหนึ่งของที่นี่ กลับมาถึงรีสอร์ทก็เกือบๆ สี่ทุ่ม มาถึงแล้วต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปนอนพักผ่อน พรุ่งนี้เราก็จะเดินทางกลับแล้ว แต่ขากลับก็คงแวะเที่ยวตามรายทางอีกหลายแห่งเหมือนกัน รวมทั้งแวะไปรับขนมจีนเส้นสดที่แม่ผมเตรียมเป็นของฝากให้ทุกคนเอากลับบ้านด้วย

ผมกับแฟรงค์กลับมาอยู่ในระยะห่างเหมือนเดิม ถึงกระนั้น แม้กายจะไกลแต่ก็รู้ว่าใจเราเขยิบชิดกันมากขึ้น ยิ่งได้ฟังเรื่องเก่าๆ ที่แม่ผมเล่าให้ฟังแล้วก็ยิ่งโหยหาความผูกพันเก่าๆ ของเราสองคน เพียวดูเงียบมาก ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจากับแฟรงค์ตั้งแต่ออกมาจากร้านขนมจีนของแม่ผมแล้ว แม้จะเดินไปด้วยกันกับแฟรงค์ แต่ก็ดูเหมือนคนไม่รู้จักกัน

"ไอ้นัท กูรู้แล้วว่าทำไมมึงถึงรักพี่แฟรงค์ เค้าดีกับมึงมากเลยนะเว้ย ไม่แปลกหรอกที่มึงจะรักเค้า ก็เข้าใจแล้วว่ะ"

ปอนด์บอกผมก่อนเราจะหัวถึงหมอน ปอนด์ให้ผมนอนบนเตียง ส่วนตัวมันเองนอนบนฟูกที่ปูบนพื้นห้อง

"กูถึงตัดใจลำบากไงไอ้ปอนด์ พยายามทำใจอยู่เนี่ย โคตรยากเลย"

ผมบอกพลางถอนหายใจ แล้วก็ล้มตัวลงนอน เบิ่งตาดูเพดาห้อง

"ที่เมื่อเช้ากูบอกมึงว่าให้ถอยออกมา พอดีกูไม่รู้ไงว่ามึงกับพี่แฟรงค์รักกันมากแค่ไหน แต่พอกูรู้แล้ว กูก็เสียดายเทนว่ะ แล้วพี่แฟรงค์ก็คงรักมึงมากเหมือนกัน แต่มึงสังเกตดูเพียวหรือเปล่าวะนัท เค้าเงียบไปเลยนะเว้ย ไม่แน่...เค้าอาจจะยอมหลีกทางให้มึงสองคนก็ได้"

ผมนึกตามที่ปอนด์พูดแล้วก็เห็นด้วยว่าเพียวเงียบไปมาก

"ไม่รู้ว่ะ กูไม่กล้าเดาอะไรทั้งนั้นตอนนี้"

"เออๆ งั้นก็ยังไม่ต้องเดาหรอก คนเราน่ะ ถ้ามันเกิดมาคู่กันมันก็จะสมหวังแหละ นอนเหอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า"

ปอนด์ตัดบทแล้วก็ลุกขึ้นไปปิดไฟในห้อง ส่วนผมก็นอนเบิกตาโพลงครุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ จนกระทั่งเสียงไลน์เตือนว่ามีข้อความ ผมจึงหยุดคิดและหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ใกล้ๆ มาดู

"กลางวันไม่อาจทดแทนกลางคืนที่มีแสงดาว และอากาศที่หนาวไม่อาจจะให้ไออุ่น คนที่ไม่รักกันก็เหมือนว่าเป็นแค่หุ่น ไม่มีใครจะแทนที่คนพิเศษที่เคยรักเลย...ก็รู้"

ข้อความที่แฟรงค์ส่งมานี้เป็นเพลงๆ หนึ่งที่เคยดังเมื่อสองสามปีที่แล้ว ผมไม่รู้ว่าจะตอบไปยังไงดี จึงเขียนแค่ว่า

"นอนหลับฝันดีครับพี่ชาย ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง"

ผมวางโทรศัพท์ไว้ แล้วก็พยายามข่มตานอน ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่ตอนไหนเหมือนกัน รู้แค่ว่าใช้เวลานานพอสมควร ก็จริงอย่างที่แฟรงค์ว่านั่นแหละ สุดท้ายคนที่ไม่ใช่ก็แทนที่คนที่ใช่ไม่ได้ กลางคืนที่มีแสงดาวก็ย่อมโรแมนติกกว่าตอนกลางวัน อากาศหนาวก็ทำให้เราอุ่นไม่ได้ คนที่ไม่รักกันก็ไม่ต่างจากหุ่นที่ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ ผมได้แต่ภาวนาขอให้เพียวเข้มแข็งและผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้

พอถึงเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราก็ไปกินอาหารเช้ากันก่อน จากนั้นจึงเก็บกระเป๋าไปขึ้นรถตู้สองคันที่มาจอดรออยู่ เตรียมตัวออกเดินทาง ปอนด์ช่วยรวบรวมกุญแจห้องมาให้ผม พอครบแล้วผมก็เอาไปคืนเจ้าหน้าที่ที่ฟรอนท์ จ่ายเงินและเช็คเอาท์

ก่อนจะขึ้นรถ ผมเห็นลูกหมาสีดำตัวหนึ่งวิ่งมาทางผม เห็นความน่ารักของมันแล้วก็อดใจไม่ไหวจนต้องอุ้มมันขึ้นมาเล่นด้วย แต่เล่นได้ไม่นานก็รู้สึกเจ็บปวดแปลบที่น่องขา ขาข้างเดิมที่ผมเคยถูกหมากัดตอนเด็กๆ นั่นแหละ

"โอ๊ย!"

ผมร้องเสียงดัง แม่ของเจ้าหมาตัวนี้มันหวงลูกก็เลยกัดผมเข้าให้ น้องผู้ชายที่ฟรอนท์รีบลงมาไล่มันไปทันที มันวิ่งหนีหายไปแล้ว ผมวางเจ้าหมาน้อยลงแล้วก็เอามือกุมแผลที่เป็นรอยเขี้ยวสองข้าง เลือดไหลออกมามากทีเดียว ใครๆ ต่างก็แตกตื่นและมารุมล้อมผมใหญ่ ก่อนที่ใครบางคนจะแหวกเข้ามา

"นัท!"

แฟรงค์ย่อตัวลงมานั่งข้างๆ ผมด้วยสีหน้าและแววตาเป็นห่วง ก่อนจะหันไปสั่งคนอื่นๆ และแฟนของตัวเอง

"ทุกคนกลับไปก่อนนะครับ ไม่ต้องห่วงนัท เดี๋ยวผมจะพานัทไปโรงพยาบาลเอง เพียว...เพียวรอพี่อยู่ที่นี่ก่อนนะ เปิดห้องใหม่เลยก็ได้ พี่พานัทไปส่งโรงพยาบาลเสร็จเดี๋ยวพี่จะไปส่งเพียวที่สนามบินพิโลก พี่จะอยู่ที่นี่กับนัทซักสองสามวัน"

ถึงผมจะเจ็บแต่ก็เกือบหลุดหัวเราะออกมาแล้ว คนที่จะเรียกจังหวัดพิษณุโลกว่า "พิโลก" มักจะเป็นคนที่อยู่จังหวัดใกล้เคียงเป็นส่วนมาก ถึงจะจากไปนานแต่แฟรงค์ก็ไม่เคยลืมจังหวัด "พิโลก" เลย


- TBC -[/center]

ชอบงานใคร อย่าลืมบวกเป็ด/คอมเมนต์ให้นักเขียนทุกคน ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 21-12-2015 13:51:26
 :impress3: อ่านไปก้อต้องน้ำตาคลอด้วยความซึ้ง ใครได้ฟังก้อคงต้องเข้าใจแหละว่าทำไมทั้งสองถึงรักและผูกพันกันไม่หล่นหายไปตามกาลเวลา เหมือนทั้งสองเกิดมาคู่กันเลยน่ะ ถึงแม้จะมีเพศเป็นอุปสรรคแต่ก้อต้องฝ่าฟันต่อไปน่ะ เราว่าพ่อของแฟรงค์ต้องสงสัยแน่ ๆ เลยกันไว้ดีกว่าแก้น่ะ และไม่ต้องการพูดให้ลูกได้คิดแต่ใช้วิธีอ้อม ๆ  :katai1: แล้วถ้ารู้ตอนนี้เนี่ยจะยอมหรือ อุตส่าห์ให้จากกันไปตั้งหลายปีแถมยังพยายามจับให้แต่งงานกันเร็ว ๆ อีก เราว่างานนี้มีดราม่าหนักแน่ ๆ เราว่าเพียวต้องยอมเลิกแหละ แต่พ่อแม่ของแฟรงค์นี่สิ ท่าจะลำบาก  :m15:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 21-12-2015 16:50:38
อ่านตอนนี้รู้ได้เลยว่านัทเองก็ปิดกั้นหัวใจตัวเองต่อไปไหวแล้วความรักและความทรงจำมันยิ่งพุดขึ้นมาเรื่อยๆ แม้ว่าจะพยายามทิ้งระยะห่างให้เป็นแค่พี่กับน้องก็ตามส่วนพี่แฟร้งก็ยังมาแสดงอาการรักและหวงใยมากกว่าแสดงกับเพียวอีก
จุดเริ่มของเขาสองคนเพราะว่านัทโดนหมากัดแถมตอนนี้ยังมาโดนอีกซ้ำรอยเดิมอีก ความทรงจำเก่าๆมันจะยิ่งปะทะขึ้นมาอีก
และยิ่งแฟร้งบอกกับเพียวว่าจะอยู่กับนัทอีก...คิดว่าเพียวจะทนให้เป็นแบบนี้ต่อไปอีกเหรอ...นางคงต้องเลือกแล้วซินะ..แอบกลัวใจนางเหลือเกิน...เพราะว่าคุณsarawatta มักจะมีอะไรให้คนอ่านเซอไพรส์อยู่ตลอดทุกตอน  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 21-12-2015 18:09:45
อ่านฉากที่เล่าเรื่องสมัยเด็กๆที่แม่นัทเล่าแล้วซึ้งมากๆคับ ชอบจัง แฟรงค์ก็ทำให้อึ้งแบบไม่น่าเชื่อ พานัทไปโรงบาลเอง
   เพียวๆเงียบๆนี่คือสัญญาณทะเลสงบก่อนพายุจะมาใช่มั้ยอ่ะ  นัทคิดว่าพ่อของแฟรงค์อาจจะเป็นผู้มีบทบาทในครั้งนี้เหรอ ลุ้นคับลุ้น
   รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ ลุ้นๆ ตื่นเต้นแทนนัท ๕๕๕ เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-12-2015 18:33:45
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 21-12-2015 20:22:20
ปอนด์เป็นเพื่อนที่ดีเนอะ ชอบอะ 555+
ถ้าเพียวถอยออกมาก็คงดี แต่คงยากอะ เห้อออออ

ก็คงต้องขึ้นอยู่กับแฟรงค์แล้วล่ะ ว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง
ไม่รู้นัทจะต้องเผชิญกับอะไรอีก..ปัญหาแบบนี้ ถ้าเราเจอคงไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 21-12-2015 20:25:14
พอเปิดใจอะไรๆมันก็ดีขึ้น ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะพบเจออะไรบ้าง แต่ขอให้มั่นคงและผ่านมันไปด้วยกัน เอาใจช่วยทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-12-2015 20:29:24
ถึงตอนนี้จะเป็นบทของนัท แต่ความเงียบของเพียวก็น่ากลัวอยู่นะ

แล้วยิ่งแฟรงค์ห่วงนัทขนาดนี้ เพียวจะคิดยังไงนี่
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 21-12-2015 20:56:15
เราเป็นเพียวนี่ไม่อย่กรับรู้ก็ต้องเข้าใจแหละว่าระหว่างนัทกับแฟรงค์ผูกพันธ์กันขนาดไหน   อยากปลอบเพียวนะว่าไม่ได้ถูกนัทแย่งแฟรงค์ไปหรอกเพราะว่าแฟรงค์เป็นของนัทมาตั้งแต่แรก   เงาของนัทเป็นเงาที่เพียวมาทาบทับเอาเท่านั้นเอง

เราเดาถูกเรื่องพ่อของแฟรงค์นะเราว่า   ยิ่งลูกคนเดียวด้วย  ถึงได้แยกแฟรงค์ออกมาตั้งแต่ตอนนั้นเพราะว่าการยึดติดนัทของแฟรงค์มันเป็นอะไรที่ไม่ปกติมากๆ   ที่นัทชอบแฟรงค์เราเข้าใจนะเพราะว่าแฟรงค์ดูแลนัทดีมาก  แฟรงค์มาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของนัทที่เสียพ่อไป ถึงได้กลายเป็นความรักความผูกพันธ์ที่มั่นคงขนาดนี้

ดราม่าจริงๆอาจจะไม่ได้มาจากเพียวแต่เป็นพ่อแม่ก็ได้นะ  ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-12-2015 21:54:53
จะยอมทุ่ม สุดตัว ไม่กลัวหน้า
จะยืนหยัด เต็มอัตรา กล้าผยอง
จะต่อสู้ จนจะรู้ ว่ากูจอง
ใครหน้าไหน อย่ากล้าลอง คนของกู

จะขอเท หมดหน้าตัก ไม่พักผ่อน
ไม่นิ่งนอน ผ่อนผัน ให้รักอยู่
ขอเดิมพัน ทั้งชีวิต คิดลองดู
ใครแยกคู่ อยู่ทั้งสอง ขอจองเวร

ถ้าใครจะว่าเลวเพราะว่ารัก..ขอจักยอม
ณ จุดนี้ ทำอย่างนี้ ได้อย่างเดียว
แฟรงค์+นัท

+1 ครับ

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-12-2015 22:20:44
ซึ้ง ๆ หน่วง ๆ
พอเจอ "พิโลก" เข้า
ขำก๊ากเลย
ฮ่าฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 22-12-2015 06:38:47
 :serius2:
ดราม่าครอบครัวกำลังจะมา
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-12-2015 06:54:46
ในที่สุดก็มีเวลาเข้ามาอ่าน ตอนที่ 11 หวานมากกกค่ะ ดีจริงๆ ที่นัทยอมรับใจตัวเองแล้วยอมอยู่ข้างๆ แฟรงค์ เป็นกำลังใจให้แฟรงค์ ได้สู้และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาและเคลียร์เรื่องต่างๆ ให้จบ แม้จะเหลือเวลาไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่ทำให้สุดกำลังและรอให้เพียวหรือเวลามากำหนดชีวิตตัวเองโดยไม่ทำอะไร
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม ✢ P7 ▒ 21.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-12-2015 07:35:28
ตอนที่ 12 เนี่ย เราว่าเพียวคงจะตัดสินใจอะไรๆ ได้ง่ายขึ้นนะ เพราะแม่ของนัทได้เล่าความหลังให้ได้รู้ถึงความผูกพันของทั้ง 2 แบบนี้คงจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และไหนจะความห่วงใยตอนที่นัทโดนหมากัดอีก ถ้าเราเป็นเพียวคงยอมตัดใจแล้วล่ะ เพราะอยู่กับคนที่ไม่มีใจให้มันคงจะไม่มีความสุขหรอกนะ แต่ก็คงต้องใช้เวลาทำใจอยู่นานก็คบกันมาตั้งนานจะให้ตัดใจง่ายๆ ก็คงทำยากนั่นแหล่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันกับน้องชายที่แสนรัก ✢ P7 ▒ Soon ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 22-12-2015 14:23:18
เอ็นดูแฟรงค์มากๆ เลยค่ะ เพราะอะไรๆ ก็ให้น้องนัทมาเป็นที่หนึ่งตลอดเลย :กอด1:

ส่วนคุณพ่อ..ถ้าทำอย่างที่แฟรงค์และนัทคาดเดาเอาไว้จริงๆ ก็น่าสงสารเด็กๆ นะคะที่ต้องมาถูกจับแยกกันก่อนจะได้เรียนรู้ทุกความรู้สึกของตัวเองไปตามช่วงวัย สำหรับคุณพ่ออาจคิดว่ามันคือการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมนะคะ แต่ส่วนตัวเราเรามองว่ามันคือการหนีปัญหาและไม่ยอมรับความจริงที่ว่าแฟรงค์เป็นแบบนี้มากกว่าค่ะ แล้วพอตอนนี้ปัญหาทุกอย่างที่ถูกกลบเอาไว้พากันประดังเข้ามาก็อย่าได้โทษใครเลยเชียวนอกจากตัวเองล้วนๆ เลย
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันของผมกับน้องชายจอมซน ✢ P7 ▒ Soon ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 23-12-2015 09:07:09
อ่านแล้วทั้งสุขทั้งทุกข์  โอียยย...ทำแบบนี้มันหนีปัญหารึเปล่าหนอ....ต่อไปจะเป็นไงนี่
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันของผมกับน้องชายจอมซน ✢ P7 ▒ 23.12 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 23-12-2015 13:13:29
ตอนพิเศษนี้เขียนขึ้นเพิ่มเติมจากตอนที่ 7
ตอนนั้นแฟรงค์รู้สึกว่าตัวเองรุกคืบนัทมากไป ก็เลยอยากปรับตัวใหม่
ลองมาอ่านช่วงเวลาดีๆ ในหนึ่งวันของสองคนดูครับ


❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนพิเศษ 1 ✢ หนึ่งวันของพี่แฟรงค์กับน้องนัท


(http://bit.ly/1SEeIGD)

วันนี้เป็นวันหยุดของนัท ผมก็เลยต้องทำงานคนเดียว แต่ก็นัดสอนเล่นฟลายบอร์ดกับนัทตอนสิบโมงเอาไว้ ถ้ามีเวลาว่าจะสอนตกปลาให้ด้วย ก่อนหน้านี้เฮนนิ่งว่าจะสอนให้แต่นัทก็ปฏิเสธ ตั้งแต่เห็นผมเล่นแบบผาดโผนให้ลูกค้าดูเมื่อไม่กี่วันก่อน นัทก็คอยรบเร้าให้ผมช่วยสอนจนกระทั่งสบโอกาสวันนี้

พอใกล้ถึงเวลา ผมก็เร่งเคลียร์งานบนโต๊ะที่ค้างไว้อีกนิดหน่อยให้เสร็จ เหลือเพียงจดหมายสองสามฉบับและเอกสารด้านการเงินที่ต้องเซ็นอีกนิดหน่อย ผมแค่ตรวจดูความเรียบร้อยก็เซ็นได้แล้ว จากนั้นช่วงบ่ายๆ ก็จะมีเวลาไปดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่

"พี่แฟรงค์ เสร็จหรือยัง"

น้ำเสียงเร่งเร้าทำให้มือที่กำลังเซ็นอยู่หยุดชะงัก นัทโผล่หน้าเข้ามาตรงประตู ยิ้มเผล่ ดูเหมือนจะตื่นเต้นมากทีเดียว ปิดประตูแล้วก็เดินลิ่วมาหาผมที่โต๊ะ ผมส่งยิ้มให้อย่างเอ็นดู ใครๆ ก็คงเดาออกว่าผมรักน้องคนนี้มากแค่ไหนจากแววตาของผม

"เตรียมพร้อมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยน้องพี่"

ผมขำเบาๆ จ้องดูร่างในชุดกางเกงขาสั้นแนบเนื้อสีดำกับเสื้อแขนกุดสีเดียวกันที่เพิ่งซื้อมา ก่อนหน้านั้นก็เล่นใส่กางเกงขาสั้นธรรมดาๆ แต่จู่ๆ ก็เกิดอยากมีชุดเล่นน้ำให้เป็นเรื่องเป็นราว นัทจึงขอให้ผมพาไปซื้อที่เซ็นทรัลรามอินทราเมื่อวานหลังเลิกงาน

"พี่แฟรงค์ยังไม่เสร็จอีกเหรอ" นัททำท่ากังวล คงกลัวว่าผมจะช้าจนได้

"ยังเลย พี่ขอเวลาอีกสิบนาทีละกัน นัทนั่งรอพี่ก่อน"

"เร็วๆ นะ" นัทกำชับ

"คร้าบบบ คุณธนวรรธน์ โฆษะนาม" ผมหยอกเล่นด้วยการเรียกชื่อจริง

"ถ้าช้ากว่าสิบนาทีนะ ผมจะโกรธคุณวศินภัทร์ ชลาสัยไปสามวันเลย" นัทคาดโทษด้วยการเลียนแบบผมบ้าง

"พี่จะรีบเต็มที่เลยครับ เดี่ยวน้องนัทโกรธพี่สามวัน พี่ต้องตรอมใจตายแน่ๆ" ผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ได้หยอกเล่นกับนัทแล้วก็รู้สึกสดชื่น มีแรงทำงานอีกเยอะเลย

พอครบสิบนาที ผมก็ไปเปลี่ยนชุดบ้าง ไม่ได้ซื้อมาใหม่เหมือนนัทหรอกเพราะผมมีเตรียมไว้พร้อมอยู่แล้ว พอเรียบร้อยแล้วเราก็เดินไปที่บ่อตกปลาด้วยกัน นัทเดินเร็วจนเหมือนวิ่ง แถมยังคอยหันมาเร่งผมให้เดินตามไวๆ เสียอีก ผมก็เลยต้องเร่งฝีเท้าตามคนตื่นเต้นไป

พอมาถึงจุดเล่นฟลายบอร์ดแล้ว ผมกับนัทก็ขึ้นไปบนเจ๊ตสกีที่ต่อฟลายบอร์ดไว้ พอสวมเสื้อชูชีพแล้วนัทก็เป็นคนขับเจ็ตสกีออกไปจนถึงกลางน้ำ ผมสวมหมวกกันน็อกเพื่อป้องกันการกระแทก ปิดท้ายด้วยการสวมฟลายบอร์ดเข้าที่เท้าทั้งสองข้าง แล้วจึงค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในน้ำ น้ำที่นี่ไม่ลึกมาก พอเขย่งขาลอยคอได้อย่างสบายๆ

"พี่แฟรงค์พร้อมยัง" นัทหันมาเร่ง ตั้งท่าเร่งเครื่องไว้พร้อม คงอยากเล่นเต็มแก่

"พร้อมแล้วคร้าบบบ"

นัทเร่งเครื่องเพื่อสูบน้ำเข้าไปในท่อที่ต่อกับฟลายบอร์ด พอแรงดันน้ำเพิ่มขึ้น ตัวผมก็ค่อยๆ ลอยสูงขึ้น จนกระทั่งโผล่เหนือผิวน้ำขึ้นมาทั้งตัว ผมเล่นมานานแล้วจึงทรงตัวได้สบายมาก

"สูงกว่านี้อีก"

ผมตะโกนแข่งกับเสียงของเครื่องยนต์ ความสูงเพียงหนึ่งเมตรยังไม่พอให้เล่นแบบผาดโผนได้ นัทจึงเร่งเครื่องอีกนิด แรงดันน้ำที่มากขึ้นค่อยๆ ดันตัวผมขึ้นไปจนอยู่เหนือผิวน้ำประมาณสองเมตร นี่แหละระดับที่ผมต้องการ ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองมีอภินิหาริย์จนเหาะเหินเดินอากาศได้ยังไงยังงั้น

"คอยดูดีๆ นะ"

ผมตะโกนบอก ถึงไม่บอกนัทก็คอยจ้องดูไม่คลาดสายตาอยู่แล้ว พอจัดท่าดีแล้วผมก็กระโดดตีลังกาหนึ่งรอบเรียกน้ำย่อยก่อน แล้วก็ได้ยินเสียงนัทตะโกนแว่วมา

"พี่แฟรงค์สุดยอด!"

ผมทรงตัวได้แล้วก็กระโดดตีลังกาอีก คราวนี้เพิ่มเป็นสองรอบติดกัน นัทยิ่งตื่นเต้นใหญ่ ส่งเสียงร้องตื่นเต้นแข่งกับเครื่องยนต์จนฟังไม่ได้ศัพท์ ผมเปลี่ยนเป็นตีลังกากลับหลังสามรอบติดกัน นัทถึงกับเป่าปากและส่งเสียงไม่หยุด จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นท่ากระโดดหมุนตัว สลับกับตีลังกาหน้าหลัง ผาดโผนถูกใจนัทสุดๆ กว่าจะเล่นได้อย่างนี้ผมต้องฝึกอยู่นานเลย

ผมเล่นอยู่สักพักก็บอกให้นัทค่อยๆ ลดแรงดันของน้ำลง ร่างของผมจึงค่อยๆ ตกลงสู่ผิวน้ำแล้วจมลงไปลอยคอด้วยแรงพยุงของเสื้อชูชีพ ผมเคลื่อนตัวเข้าหาเจ็ตสกี จับยึดได้แล้วก็ขึ้นจากน้ำไปนั่งบนนั้น นัทดับเครื่องแล้วก็หันมาคุยด้วย

"พี่แฟรงค์สุดยอดเลย น่าจะลองไปแข่งเล่นฟลายบอร์ดดู เค้ามีแข่งหรือเปล่า นัทว่าพี่แฟรงค์ต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆ"

"ไม่ขนาดนั้นหรอก มา นัทเอานี่ไปใส่"

ผมบอกพลางส่งฟลายบอร์ดที่ถอดออกมาให้นัทไป

"ตื่นเต้นจัง คราวที่แล้วที่เล่นกับเฮนนิ่ง นัททรงตัวไม่ค่อยได้เลย ตกน้ำตั้งหลายรอบ"

นัทค่อยๆ นั่งลง ผมช่วยใส่ฟลายบอร์ดและล็อกกับข้อเท้าให้ เสร็จแล้วก็ส่งหมวกกันน็อกให้นัทไปสวมบ้าง ส่วนเสื้อชูชีพนัทใส่ไว้อยู่แล้ว

"นัทอย่าเพิ่งตีลังกานะ ฝึกทรงตัวให้เป็นก่อน แรกๆ นัทจะรู้สึกไม่มั่นคง กลัวตก แต่นัทไม่ต้องกลัว ทำตัวสบายๆ เหมือนเรากำลังเดินเล่น พอทรงตัวได้ดีแล้วนัทลองแกว่งแขนพร้อมกันสองข้าง ทำท่าเหมือนจะกระโดดนั่นแหละ แล้วนัทก็ลองย่อตัวลง ยืนขึ้น ทำสลับกันเร็วขึ้นๆ มันจะช่วยฝึกเรื่องการทรงตัวได้ พอมั่นใจแล้วค่อยลองกระโดด ไม่ต้องกลัวนะ ถึงนัทจะกระโดดไม่ครบรอบก็แค่ตกน้ำเฉยๆ ไม่อันตรายหรอก..."

ผมอธิบายวิธีการเล่นให้นัทฟังอย่างละเอียด เจ้าตัวนั่งฟังตาแป๋ว ฟังไปก็ยิ้มไป ผมอดเอ็นดูไม่ได้จนต้องเคาะหมวกกันน็อกที่นัทสวมไว้เป็นเชิงหยอกเล่น นัทก็เลยแกล้งชกที่ท้องผมเบาๆ บ้าง ผมรีบหลบจนเกือบตกน้ำแน่ะ แต่ก็หัวเราะสนุก

นัทหย่อนตัวลงไปในน้ำแล้ว ผมเร่งเครื่องปล่อยน้ำเข้าไปที่ฟลายบอร์ด ตัวของนัทค่อยๆ ลอยสูงขึ้นๆ จนอยู่เหนือผิวน้ำเกือบๆ สองเมตร แล้วก็พยายามทำตามที่ผมบอกเพื่อฝึกทรงตัว ตั้งแต่แกว่งแขนสองข้างและย่อตัวขึ้นลง ตั้งท่าจะกระโดดอยู่หลายหนแต่ก็ยังไม่กล้า ผมต้องคอยส่งเสียงให้กำลังใจบ่อยๆ

"นัททำได้ น้องพี่เก่งอยู่แล้ว"

"นัทกลัวง่ะ" พูดพลางทำหน้าแหย

ถึงแม้จะยังไม่ได้กระโดด แต่การลอยไปลอยมาในอากาศก็สนุกแล้ว ผมลดแรงดันน้ำลงให้ตัวของนัทค่อยๆ ลอยลงต่ำ จากนั้นก็เพิ่มแรงดันน้ำให้ลอยสูงขึ้น สลับไปสลับมา เจ้าตัวถึงกับหน้าเหวอ ร้องเสียงหลง แต่สุดท้ายก็สนุกไปด้วย

แล้วจู่ๆ นัทก็เกิดใจกล้าตีลังกาขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แถมยังโชคดีที่ตีลังกาได้ครบรอบและสามารถยืนทรงตัวได้เหมือนเดิมด้วย

"นัทสุดยอด"

ผมตะโกนชม เจ้าตัวยิ้มและหัวเราะร่า พอทำได้แล้วก็เลยตีลังกาใหญ่เลยคราวนี้ เสียงร้องตะโกนสนุกดังไปทั่วบริเวณจนพนักงานที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุดดู

ผมนึกสนุกอยากแกล้งขึ้นมาบ้าง พอนัทตีลังกาอีกรอบผมก็ปล่อยคันเร่ง พอไม่มีน้ำสูบเข้าไปฟลายบอร์ดก็เลยพานัทหล่นตูมลงไปในน้ำ คราวนี้เจ้าตัวก็เลยโวยวายใหญ่

"พี่แฟรงค์ง่ะ แกล้งนัทเหรอ ทำไมทำแบบเนี้ย ฮือ"

นัทรีบลอยตัวเข้ามาที่เจ็ตสกีที่หยุดนิ่งแล้วก็พยายามโคลงตัวเครื่อง แต่ผมจับแฮนด์มันไว้จึงไม่ตกลงไปง่ายๆ นัทก็เลยพยายามจะจับขาผมดึงลงไปในน้ำแทน ผมก็กระโดดหลบ พอจับเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ นัทก็เลยปีนขึ้นมาบนเจ็ตสกี ผมยึดแฮนด์ไว้แน่นเพราะรู้ว่านัทอาจจะขึ้นมาผลักหรือดึงผมตกน้ำแน่ๆ ที่ไหนได้ นัทเอามือจี้เอวผม พอผมจั๊กกะจี้และปล่อยมือแล้วนัทก็กอดผมทั้งตัวแล้วดึงผมลงไปในน้ำด้วยกัน

"นึกว่าจะหนีพ้นเหรอ" นัทหัวเราะชอบใจ

ผมเอามือลูบน้ำออกจากหน้า นัทก็เลยแกล้งผมอีกรอบด้วยการตีน้ำใส่

"นี่แน่ะๆๆ เป็นพี่ทำไมชอบแกล้งน้อง เมื่อกี้แกล้งนัททำไม"

ผมเอามือป้องหน้าเป็นพัลวัน นัทก็ยิ่งตีน้ำใส่ใหญ่

"ยอมมั้ยๆ"

"ยอมแล้วๆ พี่ยอมแล้ว"

ผมยอมยกธงขาว นัทก็เลยหยุด แล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะ

"วันหลังนัทจะแกล้งพี่แฟรงค์มั่ง คอยดูละกัน ฝากไว้ก่อน"

"ต้องรีบมาเอาคืนนะ เดี๋ยวเน่า"

นัทตีน้ำใส่ผมหนึ่งทีแล้วก็หัวเราะ ผมเกือบหลบไม่ทันแน่ะ จากนั้นเราจึงขึ้นไปบนเจ็ตสกีด้วยกัน พอนัททำท่าจะถอดฟลายบอร์ดออก ผมก็รีบเข้าไปช่วย

"ไม่เป็นไร นัทถอดเองก็ได้"

"ให้พี่ช่วยดีกว่า ถอดไม่เป็นเดี๋ยวขาก็เป็นแผลหรอก"

นัทก็เลยอยู่เฉยๆ ยอมให้ผมทำให้

"ถึงพี่จะแกล้งนัท แต่พี่ก็รักน้องของพี่นะ รักดอกจึงหยอกเล่น" ผมสัพยอกในขณะที่แก้ตัวล็อกออกจากข้อเท้าให้นัท

"แหม...แกล้งเค้าแล้วก็พูดได้ดิ" นัทว่าไม่จริงจังนัก

ถอดฟลายบอร์ดให้นัทแล้วผมก็ถอดท่อน้ำและเก็บฟลายบอร์ดใส่ไว้ในที่เก็บบนเจ็ตสกี กำลังจะหันกลับไปขับเจ็ตสกีซะหน่อย นัทก็เอาคืนด้วยการผลักผมกระเด็นตกน้ำ แล้วก็ขับเจ็ตสกีออกไปอย่างเร็ว ทิ้งให้ผมลอยคออยู่ในน้ำคนเดียว เจ้าตัวหัวเราะร่าด้วยความสะใจ

"สมน้ำหน้า แกล้งคนอื่นดีนัก เป็นไงล่ะ ว่ายน้ำกลับเองละกันนะ" นัทหันมาทำหน้าทะเล้นใส่

ผมเอามือลูบหน้าตัวเองเพื่อรีดน้ำออกไป เห็นนัทหัวเราะแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข แม้ว่าจะโดนเอาคืนก็เถอะ แต่ไม่นานนักนัทก็ขับเจ็ตสกีวนกลับมาหา

"ดึงพี่ขึ้นไปหน่อยสิ" ผมบอกพลางยื่นมือขึ้นไปหา

"เรื่อง พี่แฟรงค์ขึ้นเองก็ได้นี่" นัทเถียง

"เดี๋ยวนัทแกล้งพี่อีกไง"

"ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเกิดพี่แฟรงค์แกล้งดึงนัทตกน้ำล่ะ"

"นัทก็จับแฮนด์ไว้ดิ"

นัททำท่าลังเล แต่สักพักก็ยอมยื่นมือลงมาช่วยดึงผมขึ้นไปแต่โดยดี ผมปีนขึ้นไปบนเจ็ตสกีได้แล้วก็แกล้งทำหน้ามีเลศนัย

"แน่ะ จะแกล้งอะไรอีกล่ะ" นัททำหน้าระแวงจนผมอดขำไม่ได้

"เปล่า ขี่เจ็ตสกีเล่นกันมั้ย เดี๋ยวพี่ขี่เอง"

นัทค่อยๆ คลายสีหน้าหวาดระแวงลง จากนั้นก็ยิ้มและพยักหน้าอย่างตื่นเต้น "โอเค กำลังอยากเล่นพอดีเลย"

ผมให้นัทเขยิบไปนั่งซ้อนท้ายข้างหลัง ส่วนตัวผมนั่งตรงส่วนหน้าของเบาะ พอพร้อมแล้วก็ขับเจ็ตสกีแล่นถลาออกไป ผมจัดเต็มเลยคราวนี้ จะได้รู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร ลีลาผาดโผนฉวัดเฉวียนทำให้นัทหวาดเสียวใหญ่ กอดเอวผมซะแน่น ผมก็ยิ่งได้ใจ เล่นโชว์ยังกะหนุ่มเล่นโชว์สาวเลย

หลังจากที่เล่นกันจนหนำใจแล้วผมกับนัทก็ขึ้นจากน้ำ สิบเอ็ดโมงเศษๆ ลูกค้าเริ่มเข้ามาบ้างแล้ว ผมมีคนคอยดูแลตรงส่วนบ่อตกปลาอยู่จึงไม่ต้องกังวลเรื่องดูแลลูกค้า แต่ก็มักจะแวะไปทักทายและบริการลูกค้าด้วยตัวเองบ่อยๆ โดยเฉพาะขาประจำ

"วันนี้นัทจะไปไหนมั้ย"

"ไม่ได้ไป ว่าจะช่วยพี่แฟรงค์ดูแลลูกค้า"

"ไม่ดีหรอกนัท วันนี้วันหยุดของนัทนะ พักผ่อนเหอะ" ผมแย้งอย่างเกรงใจ

"ไม่เป็นไร นัทอยากช่วยพี่แฟรงค์ ขี้เกียจนอนเฉยๆ แล้วก็ไม่อยากออกไปข้างนอกด้วย นัทไม่รู้จักแถวนี้น่ะ ถ้าจะไปในเมืองก็ไกลอีก นัทขี้เกียจขับรถไกลๆ ทำงานช่วยพี่แฟรงค์ดีกว่า เผื่อว่าจะได้กินไอติมอร่อยๆ อีก"

"เห็นแก่กินนะเรา"

ผมพูดหยอกและหัวเราะอย่างเอ็นดู

"ไปกินข้าวเย็นที่บ้านพี่มั้ยเย็นนี้ เดี๋ยวพี่จะโทรบอกที่บ้านให้ซื้อฮาเกนดาสเตรียมไว้ให้"

"จริงเหรอ รักพี่แฟรงค์ที่สุดในโลกเลย"

นัทกระโดดกอดคอขี่หลังผมอย่างดีใจ ประโยคที่นัทพูดเมื่อกี้ทำหัวใจผมพองโตจนยิ้มแทบไม่หุบ นึกเสียดายสิบสามปีที่เราจากกันไป ถ้าเรายังเจอกันอยู่ คงมีช่วงเวลาดีๆ อย่างนี้เกิดขึ้นจนนับไม่ถ้วน เราคงสนิทสนมแน่นแฟ้นกันยิ่งกว่านี้ เผลอๆ ความรู้สึกพิเศษที่ก่อตัวขึ้นอาจพาเราเดินทางไปไกลด้วยกันถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้

(http://bit.ly/1MeP5H1)

"ลุงยังจำวันนั้นได้ดีเลย แฟรงค์เค้าขี่จักรยานกลับมาบ้าน ร้องห่มร้องไห้มาด้วย ลุงกับป้าตกใจกันใหญ่นึกว่าแฟรงค์เป็นอะไร แล้วแฟรงค์ก็มาขอให้พ่อช่วยพูดกับน้านวลให้หน่อย น้านวลไม่ยอมพานัทไปโรงบาลเลย แฟรงค์กลัวนัทเป็นไข้เลือดออก เค้าไม่อยากให้นัทตาย แต่น้านวลก็เถียงว่านัทเป็นแค่ไข้หวัดเอง กินยาก็หายแล้ว ลุงกับป้าก็เลยพากันขับรถไปที่บ้านน้านวล คุยอยู่ตั้งนานน้านวลถึงได้ยอมให้พานัทไปหาหมอ ดีนะที่ไปทัน ไม่งั้นแย่เลย"

ผมนั่งฟังพ่อเล่าเรื่องเก่าของผมตอนนั้นแล้วก็ยิ้ม นึกขำตัวเองเหมือนกันเพราะบอกน้านวลเท่าไหร่แกก็ไม่ฟัง สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไงก็เลยร้องไห้ไปขอให้พ่อช่วยไปพูดให้ ถ้าไม่ทำอย่างนั้น วันนี้นัทก็อาจจะไม่ได้มานั่งอยู่ข้างๆ ผมแล้ว

"จริงเหรอครับลุง นัทไม่รู้เรื่องเลยว่าแม่ไม่ยอมพาไปโรงบาล"

นัทหันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ คงคิดไม่ถึงว่าผมจะยอมทำถึงขนาดนั้น

"ตอนนั้นนัทกินยาแล้วก็นอนหลับอยู่ไงลูก ลุงกับป้ากล่อมน้านวลอยู่นานมาก แกก็ดื้อจริงๆ"

แม่ของผมบอกพลางหัวเราะ เรื่องวันนั้นทำให้ที่บ้านผมรู้เลยว่าบทน้านวลจะดื้อขึ้นมา แกก็ดื้อไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แต่ความดื้อของแกก็เป็นประโยชน์ ไม่อย่างนั้นแกคงไม่สามารถกัดฟันเลี้ยงลูกสองคนโดยลำพังได้ แถมตอนนี้ยังมีร้านขนมจีนเส้นสดใหญ่โตอีกต่างหาก

"ขอบคุณลุงกับป้ามากนะครับ ถ้าไม่ได้ลุงกับป้าช่วยพาไปโรงบาล วันนั้นนัทคงแย่แน่เลย" นัทมองพ่อกับแม่ผมด้วยสีหน้าซาบซึ้ง แล้วก็หันมามองผมอีกครั้งด้วยแววตาเช่นเดียวกัน

"ขอบคุณพี่แฟรงค์ด้วย"

ผมยิ้มบางๆ แล้วเอามือตบไหล่นัทเบาๆ สองสามที มีบางอย่างที่ผมอยากพูด แต่คงไม่เหมาะที่จะพูดบนโต๊ะอาหารที่มีพ่อกับแม่นั่งอยู่ด้วย

"มัวแต่ชวนคุย กินข้าวเยอะๆ เลยลูก นานๆ ทีจะได้มากินข้าวด้วยกัน ไม่รู้ว่าจะต้องเลี้ยงข้าวนัทอีกกี่มื้อถึงจะพอค่าขนมจีนที่น้านวลให้มากินบ่อยๆ ตั้งหลายปี"

แม่ผมพูดติดตลก เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี

"ลุงให้คนไปซื้อไอศครีมที่นัทชอบมาไว้ให้แล้วนะลูก กินข้าวเสร็จเดี๋ยวให้เค้าเอามาให้"

"ขอบคุณครับลุง"

นัทหันไปขอบคุณพ่อผมแล้วก็กินข้าวต่อ ผมแอบใช้ข้อศอกสะกิดนัทเบาๆ วางส้อมลง เลื่อนมือลงต่ำกว่าระดับขอบโต๊ะแล้วก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวผมเองให้นัทดู

นัทเห็นแล้วก็ขำเบาๆ ผมแค่แอบทวงว่าคนที่บอกให้ซื้อไอศครีมของโปรดนัทตัวจริงเป็นผมต่างหาก ดูเหมือนพ่อกับแม่ผมจะมองมาด้วยความสงสัยด้วยว่าเราแอบทำอะไรกัน แต่ท่านก็ไม่ได้ถาม

กินข้าวไปสักพัก จู่ๆ นัทก็พูดเรื่องทริปที่เขาค้อขึ้นมาเสียอย่างนั้น

"ลุงรู้หรือยังครับว่าเราจะไปจัดรีทรีทที่เขาค้อกัน ตอนนี้ผมกำลังหาข้อมูลอยู่ครับว่าจะไปพักที่ไหน แล้วก็จะไปเที่ยวที่ไหน มีเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยครับ"

ผมกับแม่สะดุ้งแล้วก็หันมาสบตากัน จะไปว่านัทก็ไม่ได้เพราะไม่รู้เรื่องด้วย บรรยากาศที่มีแต่เสียงหัวเราะอย่างคนกันเองเงียบลงทันทีจนแขกที่มาเยือนคงเริ่มรู้สึกได้

"อ้อ...แล้วจะไปกันเมื่อไหร่ล่ะ"

พ่อผมถามกลับโดยไม่แสดงอาการขุ่นเคืองใจใดๆ ให้เห็น ยิ่งทำให้ผมกับแม่แปลกใจเข้าไปใหญ่

"น่าจะประมาณอาทิตย์ที่หนึ่งหรือสองของเดือนธันวาครับ"

"ก็ดีนะ แฟรงค์ไม่ได้กลับไปนานแล้วนี่" พ่อพูดแล้วก็หันมามองทางผม

"ครับ" ผมรับคำ แต่ก็ชักทำตัวไม่ถูก

"อืม...จริงด้วย ผมก็ลืมถามพี่แฟรงค์เหมือนกันว่าทำไมไม่กลับไปเลย เพชรบูรณ์ก็อยู่แค่นี้เอง"

ผมกับแม่มองหน้ากันอีกรอบ รู้ดีว่าคงปล่อยให้สนทนาเรื่องนี้นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว

"อ๋อ...แฟรงค์เค้ายุ่งๆ น่ะลูก ปิดเทอมแล้วเค้าก็ไปทำกิจกรรมเยอะแยะไปหมด แคมป์อะไรๆ ก็ไปหมด ไหนจะมาฝึกงานที่รีสอร์ทอีก ว่าจะไปๆ อยู่หลายรอบแต่ก็ไม่ได้ไปซะที จนป่านนี้"

แม่ของผมรีบพูดแทรกขึ้นมากลบเกลื่อนบรรยากาศที่ส่อแววว่าจะกร่อย สงสัยผมคงต้องเล่าอะไรบางอย่างให้นัทฟังบ้างแล้วล่ะ คำถามของนัทเมื่อกี้นี้ คนในบ้านไม่มีใครกล้าพูดให้พ่อผมได้ยินด้วยซ้ำ

"อ๋อ...เหรอครับ" นัทรับคำด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่คงเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแปลกไปก็เลยเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น

พอกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว ผมก็พานัทมานั่งเล่นที่ริมสระน้ำ ถือถุงไอติมฮาเกนดาสสามถ้วยเล็กมาให้นัทด้วย มีรสบลูเบอรี่ ช็อกชิพและถั่ววอลนัท คงไม่ต้องถามว่านัทจะกินหมดหรือเปล่า เจ้าตัวตั้งใจโซ้ยคนเดียวสามถ้วยเลย กินไปเอาขาตีน้ำเล่นไปอย่างมีความสุข ผมก็เอาขาตีน้ำเล่นด้วย แล้วก็นั่งมองคนกินไอศครีมอย่างเอร็ดอร่อยตาปริบๆ

"พี่ขอแบ่งกินด้วยได้เปล่า"

ผมแกล้งแหย่เล่น นัทรีบส่ายหัวดิก

"ไม่ง่ะ พี่แฟรงค์ไม่ชอบกินไอติมนี่"

"รู้ได้ไงว่าไม่ชอบ"

"ก็ตอนเด็กๆ ไม่เห็นพี่แฟรงค์กินนี่"

"ก็พี่ซื้อให้นัทกินคนเดียวไง ตอนนั้นพี่มีตังไม่เยอะ ซื้อได้แท่งเดียวเอง ก็เลยให้นัทกิน" เวลาซื้อไอศครีมให้นัท ผมจะซื้อที่ดีๆ หน่อย ก็เลยซื้อได้แค่แท่งเดียว

นัทยู่หน้า หยุดกินไอศครีม มองหน้าผมแล้วก็ลังเลว่าจะแบ่งผมดีหรือเปล่า

"ก็ได้ แต่ว่ากินอันนี้นะ"

นัทหมายถึงไอศครีมที่นัทกำลังกินอยู่จนเกือบหมดแล้ว

"เอามาดิ"

นัทชะงักเล็กน้อย คงไม่คิดว่าผมจะกล้ากิน แต่สุดท้ายก็จำใจส่งให้ผมมา

"แต่นัทกินแล้วนะ กล้ากินน้ำลายนัทเหรอ"

ผมรับไอศครีมรสบลูเบอรี่มาอย่างขำๆ นัทคงเสียดายน่าดู

"พี่เคยรังเกียจนัทที่ไหนล่ะ"

นัทชะงักและมีท่าทางแปลกใจ แต่ไม่นานนักก็หันไปหยิบไอศครีมถ้วยใหม่รสวอลนัทขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่สนใจอันที่ให้ผมมาแล้ว

"รสนี้ก็อร่อยนะเนี่ย"

เห็นนัทกินไปพูดงึมงำๆ ไปผมก็เลยขำ แล้วก็ตักไอศครีมกินบ้าง

"โห...อร่อยมากเลย"

นัทหันมาหัวเราะที่ผมลากเสียงยาว ผมว่ายี่ห้อนี้อร่อยใช้ได้เลย รสชาติหวานมันกำลังดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป เนื้อไอศครีมเนียนนุ่มลิ้น ให้สัมผัสที่แสนวิเศษ แถมกลิ่นยังหอมอ่อนๆ ด้วย ผมรู้แล้วว่าทำไมนัทถึงชอบยี่ห้อนี้มากเป็นพิเศษ

"อ้าว พี่แฟรงค์ไม่เคยกินยี่ห้อนี้เหรอ" นัทหยุดกินแล้วหันมาถาม

"ไม่เคยกินเลย เพิ่งกินวันนี้แหละ"

"แล้วพี่แฟรงค์ไม่เคยซื้อให้เพียวกินเลยเหรอ"

ผมสะดุ้งเล็กน้อย น่าแปลกที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเมื่อได้ยินชื่อแฟนของตัวเองเวลาอยู่กับนัท

"อ๋อ...พี่ไม่เคยซื้อยี่ห้อนี้ให้เค้ากินเลย ซื้อให้นัทกินเป็นคนแรกเลยนะเนี่ย เห็นมั้ยว่านัทเป็นคนพิเศษของพี่ขนาดไหน"

นัททำหน้าเศร้า "เหรอ...ต่อไปพี่แฟรงค์ต้องซื้อยี่ห้อนี้ให้เพียวกินมั่งนะ เดี๋ยวเพียวน้อยใจ"

ผมพยักหน้าตกลง พลันก็นึกถึงคนที่ไปแข่งวอลเลย์บอลต่างประเทศตอนนี้ รู้สึกสะท้อนใจที่ผมรู้สึกกับเธอไม่เหมือนเดิมเลย

"เพียวต้องชอบแน่ๆ เชื่อนัทดิ"

นัทกินไอศครีมต่ออย่างเอร็ดอร่อย ส่วนผมก็ตักไอศครีมที่เหลือเพียงน้อยนิดกิน ไม่กี่คำก็หมด ไม่รู้ว่านัทนึกครึ้มยังไง ส่งไอศครีมที่เหลือๆ ให้ผมกินทุกรสเลย พอผมปฏิเสธก็ไม่ยอม ก็เลยต้องกินไอศครีมที่เหลือก้นถ้วยเป็นเพื่อน ใจจริงก็อยากจะซื้อถ้วยใหญ่กว่านี้มาให้ แต่ร้านแถวๆ นี้มีแต่ถ้วยเล็กๆ และมีแค่สามรสให้เลือก

กินไอศครีมหมดแล้วผมกับนัทก็นอนคุยกันอย่างสบายอารมณ์ เอาขาแช่น้ำไปด้วย ตีเล่นบ้างตามแต่จะนึกได้

"พี่แฟรงค์มีความฝันมั้ย"

ผมพลิกหน้าไปมองนัทแล้วก็ยิ้ม "มีสิ มีเยอะเลย"

"อะไรมั่งล่ะ"

"ความฝันแรกนะ พี่เคยฝันว่าอยากเจอนัทอีก ตอนไปทำบุญที่วัดก็เคยอธิษฐานขอให้เจอนัทอีกครั้งบ่อยๆ บ่อยจนลืมไปเลย"

ผมพูดติดตลกแล้วก็พูดสืบไป

"โชคดีนะที่ความฝันนี้เป็นจริงแล้ว ถือว่าเป็นความฝันแรกของพี่ที่เป็นจริงเลยล่ะ"

"เหรอ แล้วอย่างอื่นล่ะ"

"อืม...อยากมีรีสอร์ทบนภูเขา แล้วก็มีไร่...อืม...ไร่สตรอเบอรี่ก็ได้ อยากกลับไปอยู่กับธรรมชาติอีก"

"เหมือนที่เขาค้อเหรอ"

"อืม...ประมาณนั้นแหละ" ผมพลิกหน้ากลับมาตามเดิม

"พี่แฟรงค์ก็ชวนลุงกลับไปทำรีสอร์ที่เขาค้อดิ ภูทับเบิกก็ได้ เคยทำแล้วไม่น่าจะยากนะ"

ผมได้แต่ยิ้มและแค่นหัวเราะ ตั้งแต่มีปัญหาความยัดแย้งกับคนในพื้นที่บางคน จนทำให้ธุรกิจรีสอร์ทมีปัญหาคราวนั้น พ่อผมก็ไม่เคยกลับไปเหยียบที่นั่นอีกเลย ลูกๆ ก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย

"เอาไว้เก็บตังให้ได้เยอะๆ ก่อนละกัน" ผมแบ่งรับแบ่งสู้

"แล้วมีความฝันอย่างอื่นอีกมั้ย นัทจะได้เล่าของนัทมั่ง ไม่มีความฝันกับเพียวมั่งเหรอ"

คำถามของนัทเล่นเอาผมสะดุ้งอีกแล้ว ผมพลิกหน้าไปมองนัทแล้วก็ยิ้มเจื่อนๆ

"ไม่มี"

"เหรอ แปลกจัง แล้วมีความฝันอะไรอีกล่ะ"

"อยากไปเล่นเจ็ตสกีบนดาวอังคารมั้ง" บอกแล้วก็ขำ

"มันมีน้ำที่ไหนล่ะ"

"ก็ไม่แน่ มันอาจจะมีก็ได้ อ้อ...พี่อยากฟังความฝันของนัทมั่ง ของพี่หมดแล้ว"

นัทนอนนิ่ง ทำท่าครุ่นคิด

"อืม...อันแรกก็เหมือนพี่แฟรงค์นั่นแหละ นัทอยากเจอพี่แฟรงค์ ก็ได้เจอแล้ว ไม่ต้องฝันละ"

ผมเอื้อมมือไปลูบผมนัทเบาๆ ได้ยินเรื่องนี้ทีไรก็อดรู้สึกผิดไม่ได้

"มีอย่างอื่นอีกมั้ย"

"อืม...อยากพาแม่กับพี่นิวไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ว่า...ใช้เงินของนัทเองนะ ถ้าใช้เงินแม่ แม่ไม่ไปหรอก นัทชวนหลายทีแล้วก็ไม่ยอมไป กลัวปิดร้านบ่อยๆ แล้วเสียลูกค้า แต่ถ้านัทออกเงินให้ แม่ก็น่าจะไปนะ แม่ชอบเอารูปสวิสเซอร์แลนด์มาติดที่บ้านตอนเด็กๆ เดี๋ยวนัทจะต้องพาแม่ไปให้ได้"

"ให้พี่ไปด้วยได้เปล่า" ผมถามเล่นๆ

"ได้สิ พี่แฟรงค์ไปด้วยคงสนุกมากเลยล่ะ"

"แล้วฝันอะไรอีก"

คราวนี้นัทเงียบไปเลย ไม่รู้ว่าความฝันอะไรถึงทำให้หน้าเครียดได้

"อืม...ไม่เล่าได้มั้ย นัทไม่อยากพูดถึงความฝันอันนี้เลย"

ผมลุกขึ้นนั่งแล้วก็หันไปมองนัทที่ทำหน้าเศร้า

"ทำไมเหรอ"

"ก็..." นัททำท่าลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมบอกตรงๆ "มันเกี่ยวกับต้องตา"

"อ้อ..."

ผมครางเบาๆ เกือบลืมผู้หญิงคนนี้ที่ผมเคยเจอแค่ครั้งเดียวไปเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้นัทจะพอทำใจได้แล้วหรือยัง นึกถึงใบหน้าเย็นชาของเธอตอนที่โยนคีย์การ์ดลงบนพื้นห้องแล้วก็น่าเสียใจแทน ไหนจะเรื่องร้ายๆ หลายเรื่องที่เธอทำให้น้องของผมเจ็บปวดอีกล่ะ ผมจับมือนัทและบีบให้กำลังใจเบาๆ สื่อความเห็นใจผ่านแววตาออกไป

"เข้มแข็งนะ"

นัทลุกขึ้นนั่งแล้วก็กอดผมไว้ แค่นี้ผมก็พอจะเดาได้แล้วว่านัทยังคงไม่หายเจ็บดี ผมลูบหลังนัทเบาๆ แล้วก็ปล่อย เห็นตาเศร้าๆ เหมือนจะร้องไห้แล้วก็สงสาร

"พี่ไม่รู้ว่านัทฝันอะไรกับต้องตาไว้ แต่ถ้าพี่รับช่วงความฝันต่อได้ พี่ก็ยินดีที่จะช่วยทำให้ฝันของนัทเป็นจริง ถ้าไม่ได้...นัทพอจะมีความฝันอะไรซักอย่างกับพี่มั่งมั้ย พี่ว่าดีนะที่เราจะมีความฝันของเราสองคนด้วยกัน"

นัทมองผมอย่างครุ่นคิด แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่แทบมองไม่เห็นอะไรเพราะแสงไฟบดบัง สักพักก็ก้มหน้าลงมาตามเดิม

"มันเป็นไปไม่ได้หรอก พี่แฟรงค์อย่าถามนัทเลย"

ดูเหมือนนัทจะเศร้ายิ่งกว่าเดิม ผมก็เลยรู้ตัวว่าควรจะหาทางลงแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นได้แล้ว

"โอเค...เอาไว้นัทพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพี่ละกัน นัทรู้เอาไว้นะ ถ้าวันไหนที่พี่รู้ว่านัทกับพี่ มีความฝันอย่างน้อยหนึ่งอย่างด้วยกัน พี่จะจับมือพานัทไปให้ถึงความฝันของเราให้ได้"

นัทมองผมแล้วยิ้มเจือเศร้า ผมจึงส่งยิ้มตอบกลับไปให้กำลังใจน้องรัก

"ไม่เบื่อเหรอ อยู่กับพี่ทั้งวันเลยวันนี้" ผมถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการสนทนา

นัทย่นคิ้ว "ทำไมต้องเบื่อล่ะ นัทชอบอยู่กับพี่แฟรงค์จำไม่ได้เหรอ หรือว่าพี่แฟรงค์เบื่อนัทแล้ว"

"เปล่าๆๆๆ" ผมปฏิเสธเป็นพัลวัน "พี่ไม่เบื่อนัทหรอก พี่ก็ชอบอยู่กับนัทเหมือนกัน"

นัทยิ้มดีใจ แล้วก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ "พี่แฟรงค์ยังไม่ได้สอนนัทตกปลาเลย"

โดนทวงอีกแล้ว เมื่อกลางวันผมก็ว่าจะสอนนั่นแหละ แต่ลูกค้ามาเยอะจนผมปลีกตัวไม่ได้เลย นัทเองยังต้องช่วยดูแลลูกค้าให้บางส่วน

"พรุ่งนี้ได้มั้ย สิบโมง เวลาเดิม ก่อนลูกค้ามา"

"เฮนนิ่งเค้านัดแข่งเจ็ตสกีกับนัทไว้น่ะ"

ผมนิ่วหน้า "เหรอ งั้นวันมะรืนได้มั้ย"

"เอางี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้นัทจะบอกเฮนนิ่งว่าเลื่อนไปเล่นตอนบ่ายๆ ดีกว่า ตอนเช้านัทจะได้เรียนตกปลากับพี่แฟรงค์ แล้วก็เอามาทำอาหารกิน นัทอยากกินต้มยำปลานิล เนื้อปลาสดๆ ยัมมี่ๆ"

นัททำท่าซี๊ดปาก ผมหัวเราะแล้วก็พยักหน้าเห็นดีด้วย นัทกลับมายิ้มสดใสแล้ว คงอารมณ์ดีขึ้น ผมเอื้อมมือไปลูบผมน้องที่แสนรักอีกครั้งเบาๆ นัทหันมายิ้ม แต่ก็ดูเขินๆ อยู่ในที

นัทจะรู้หรือเปล่า สัมผัสอย่างนี้ แววตาอย่างนี้ ความรู้สึกอย่างนี้ พี่มีให้นัทคนเดียวเท่านั้น หวังว่าวันหนึ่งเราสองคนจะมีความฝันอย่างน้อยหนึ่งอย่างร่วมกัน ขอให้พี่รู้เท่านั้น พี่จะทุ่มเทสุดชีวิตที่จะทำให้ความฝันของเราสองคนเป็นจริงให้ได้

กระนั้น...แม้ว่านัทจะไม่มีความฝันร่วมกันกับผม ผมก็มีความฝันหนึ่งอย่างที่อยากทำร่วมกับนัท!

(http://bit.ly/1jZY9sJ)

- จบตอนพิเศษ 1 -
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันของผมกับน้องชายจอมซน ✢ P7 ▒ 23.12 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-12-2015 13:36:10
เป็นช่วงเวลาที่ดีของทั้งคู่จริงๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันของผมกับน้องชายจอมซน ✢ P7 ▒ 23.12 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 23-12-2015 13:45:47
ความฝันของแฟรงค์คือได้อยู่กับนัทล่ะสิ อ่านตอนแบบนี้แล้วมีความสุขเพราะคนรักกัน
หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันของผมกับน้องชายจอมซน ✢ P7 ▒ 23.12 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 23-12-2015 13:48:07
เป็นช่วงเวลาที่แสนจะมีความสุขของทัั้งคู่..มันทำให้มองเห็นความรักของทั้งคู่ชัดเจนยิ่งขึ้น..บางที่ฟังพ่อกับแม่ของแฟร้งพูด
ก็เหมือนเขาเองรับรู้ตรงมาตั้งนานแล้วนะว่าแฟร้งนะคิดอะไรกับนัท... มัแปลกนะไม่มีใครที่รักและเป็นห่วงมากเท่าแฟร้งซึ้งมันมากกว่าพี่น้องแท้ๆซะอีก วันนี้มีความสุขแล้วพรุ่งนี้ละจะมีความสุขแบบนี้อีกไหมนะ...อยากให้เรื่องของแฟร้งกับเพียวจบลงเร็วๆจัง เวลาก็ยิ้งเข้ามาทุกทีแล้วนะงานแต่งนะ...อ่านแล้วมีความสุขนะค่ะแต่มันก็แอบไว้ซึ่งความหน่วงลึกๆ .. :mew6: :mew6: :mew6:

ขอบคุณนิยายดีดีที่นำมาให้อ่านค่ะ.. :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันของผมกับน้องชายจอมซน ✢ P7 ▒ 23.12 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 23-12-2015 14:31:40
แฟรงค์กับนัทได้ใช้เวลาร่วมกันทีไรมองไปทางไหนก็มีแต่ความสุขนะคะ อยากให้เป็นอย่างนี้ไปนานๆ จังเลย :heaven
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันของพี่แฟรงค์กับน้องนัท ✢ P7▒23.12▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 23-12-2015 17:54:00
วันธรรมดาที่ได้อยู่กับคนที่รักแบบไม่มีอะไรมาขัดจังหวะนี่พิเศษที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันของพี่แฟรงค์กับน้องนัท ✢ P7▒23.12▒
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 23-12-2015 19:11:41
วันธรรมดาที่แสนพิเศษ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันของพี่แฟรงค์กับน้องนัท ✢ P7▒23.12▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 23-12-2015 19:27:07
ได้ใช้เวลาด้วยกันทั้งวันเลยเนอะ คงมีความสุขมากแน่ๆ
แต่ลึกๆ ก็ยังหน่วงๆ อยู่ อาจจะเพราะอะไรไม่ชัดเจนอยู่


ปล. ชอบตอนกินไอติมด้วยกันอะ เป็นคนชอบกินไอติมเหมือนกัน (เอ๊ะ เกี่ยวไหม555+)
แต่ยี่ห้อที่นัทกิน นานๆกินที มันแพง ฮาๆ ชอบคาราเมลบิสกิตกับคุกกี้แอนด์ครีมมาก อร่อยๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันของพี่แฟรงค์กับน้องนัท ✢ P7▒23.12▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 23-12-2015 22:16:33
ฝันระหว่างกันคงจะสำเร็จในเร็ววันน่ะ  :o8: อยากรู้จังเลยว่าพ่อของแฟรงค์มีปัญหาอะไรกับคนในพื้นที่เนอะถึงได้กลับไปไม่ได้เลยน่ะ แล้วยังห้ามพูดถึงอีก คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ เลย
เวลาเห็นนัทแล้วก้อคิดถึงต้นเหมือนกันเนอะ บุคลิกหลาย ๆ อย่างคล้าย ๆ กัน แต่ต้นดูจะอ่อนไหวกว่า และต้นก้อเป็นเกย์แต่นัทไม่ใช่เลย
รอติดตามความรักระหว่างทั้งสองต่อไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SPCH1 ✢ หนึ่งวันของพี่แฟรงค์กับน้องนัท ✢ P7▒23.12▒
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 24-12-2015 01:22:00
หวานแบบไร้ความขมแบบตอนนี้ ก็ดีนะ อ่านไปยิ้มไป มีความสุข อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ SCH1 ✢ หนึ่งวันของพี่แฟรงค์กับน้องนัท✢P8▒23.12▒
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-12-2015 20:29:26
 :pig4:  ได้เห็นบรรยากาศน่ารักๆ ของแฟรงค์กับนัทแล้วก็ อยากให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ


ปอลอ ตอนพิเศษนี้เม้นยากจริงๆ ค่ะ มีมารมาขัดตลอด  :z3: 


แอบดอดมาแก้ไขคำผิด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-12-2015 21:55:11
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์


(http://bit.ly/2lPHQVt)
[/center]

ผมล้างแผลให้นัทด้วยน้ำและสบู่อย่างเบามือ ได้น้องผู้ชายที่ฟรอนท์เป็นคนไปหาสบู่ น้ำสะอาดใส่ชามพลาสติกและผ้าขนหนูผืนเล็กสะอาดๆ มาให้ นัทซี๊ดปากเป็นระยะๆ เพราะแสบแผล แต่ก็อดทนไม่บ่นสักคำ ไม่รู้ว่าหมาตัวนั้นมีเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือเปล่า ถ้าไม่แน่ใจนัทก็คงต้องฉีดวัคซีนอีกรอบ เสร็จแล้วผมก็เอาผ้าขนหนูให้นัทกดซับตรงแผลไว้

"นัทเดินไหวมั้ย"

ผมถามอย่างเป็นห่วง นัทอ้ำๆ อึ้งๆ ผมไม่อยากปล่อยเวลาให้ช้ากว่านี้ ส่งกุญแจรถให้ปอนด์ที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ อย่างเป็นห่วง แล้วก็ถือวิสาสะช้อนตัวนัทขึ้นมาอุ้มไว้ นัทดูตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ว่าอะไร ส่วนคนที่มองดูจะคิดยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องสนใจในตอนนี้

"ปอนด์ เปิดประตูรถให้พี่หน่อย"

ปอนด์รีบทำตามที่ผมบอกโดยเร็ว ผมอุ้มนัทเดินตัวปลิวยังกับแบกนุ่นไปที่รถ ปอนด์เปิดประตูฝั่งคนนั่งด้านซ้ายไว้รออยู่แล้ว ไปถึงผมก็วางนัทลงนั่งบนเบาะรถได้เลย

"เพียวรอพี่ก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา ทุกคนเดินทางกลับไปก่อนนะครับ ไม่ต้องห่วงนัท เดี๋ยวผมจัดการเอง ปอนด์...พี่ฝากดูแลทุกคนแทนพี่กับนัทด้วย"

"ได้ครับ" ปอนด์พยักหน้ารับคำหนักแน่น

ผมเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ สตาร์ทรถแล้วก็ค่อยๆ ขับลงทางลาดชันไป ก่อนจะวิ่งขึ้นอีกรอบเพื่อเข้าสู่ถนนใหญ่ ผมพอจำได้ว่าโรงพยาบาลเขาค้ออยู่ที่ไหน จึงบึ่งรถไปอย่างไม่รอช้า

"พี่แฟรงค์ไม่ต้องบอกแม่นัทนะ นัทไม่อยากให้แม่เป็นห่วง"

นัทเอ่ยขึ้นหลังจากที่ผมขับรถไปตามถนนใหญ่ได้สักพัก มือยังง่วนเอาผ้าขนหนูกดซับแผลไว้อยู่ ผมเอื้อมมือไปตบไหล่นัทเบาๆ ถ้านัทไม่อยากให้บอกก็ไม่มีปัญหาหรอก ผมอยู่ตรงนี้ทั้งคน ยังไงก็ดูแลนัทได้สบายอยู่แล้ว

"อดทนอีกนิดนะ จะถึงโรงบาลแล้ว"

นัทพยักหน้า จากนั้นเราก็นั่งเงียบ ไม่ได้คุยกันเลยจนถึงโรงพยาบาล

พอถึงโรงพยาบาลแล้วผมก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยาบาลและหมอไป นัทต้องฉีดยากันพิษสุนัขบ้าสองเข็ม ถ้าเคยฉีดมาแล้วไม่ต้องฉีดครบชุดใหญ่ เข็มแรกฉีดทันที จากนั้นนับไปอีกสามวันให้มาฉีดอีกรอบ แต่ไม่ต้องฉีดเซรุ่มด้วยเหตุผลเดียวกัน พอเสร็จเรียบร้อยหมอก็ให้ยามาชุดหนึ่ง ก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านได้

ผมพานัทกลับมาที่รีสอร์ทและเปิดห้องพักให้ใหม่หนึ่งห้อง ทางรีสอร์ทยินดีให้พักฟรีสองวันเพื่อชดใช้แทนค่ารักษาพยาบาล ผมให้นัทนอนพักผ่อนไปก่อน ไม่อยากให้นัทเดินทางเพราะกลัวแผลอักเสบ ค่อยกลับวันที่ฉีดวัคซีนรอบสุดท้ายดีกว่า

พอจัดการธุระของนัทเสร็จแล้ว ผมก็พาเพียวเดินทางไปสนามบินพิษณุโลก เธอจองตั๋วออนไลน์ไว้แล้วตอนที่ผมพานัทไปโรงพยาบาล ได้เที่ยวบินตอนบ่ายสอง ตอนนี้เพิ่งสิบเอ็ดโมงเศษจึงน่าจะไปถึงทันก่อนเวลาขึ้นเครื่อง

เพียวนั่งเงียบไม่พูดไม่จา เหม่อลอยสลับกับครุ่นคิดตลอดทาง ผมไม่เคยเห็นเธอเป็นอย่างนี้เลยตั้งแต่คบกันมา เหตุการณ์ในช่วงวันสองวันนี้คงทำให้เธอเข้าใจเรื่องต่างๆ ดีขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งผมทนความเงียบไม่ไหว ต้องยอมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามเธอก่อน

"เพียวจะแวะกินข้าวก่อนมั้ย"

"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเพียวไปกินที่สนามบินก็ได้ ยังไม่หิว" น้ำเสียงนั้นฟังดูห้วนสั้นและห่างเหิน ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าผมด้วยซ้ำ

"โอเค"

ผมพูดสั้นๆ เช่นเดียวกัน ดูจากอาการแล้วเพียวคงไม่อยากพูดคุยเท่าไหร่ ก็เลยเงียบกันไปสักพัก ถนนช่วงนี้สวยมากเพราะวิ่งผ่านภูเขา เราจึงเปลี่ยนความสนใจไปที่วิวสองข้างทางและข้างหน้าแทน เส้นขอบทิวเขาสีเขียวเข้มตัดกับฟ้าสีครามยามหน้าหนาวดูแล้วเพลินตา แต่ความสวยงามนั้นกลับไม่มีผลอะไรกับเราสองคนเลย

"เพียวคิดยังไง พี่หมายถึง...เรื่องของพี่กับนัทที่น้านวลเล่าให้ฟังเมื่อวาน"

ผมถามขึ้นเมื่อเราเงียบกันไปกว่าสิบนาที อย่าว่าแต่คนฟังเลยที่ลำบากใจ คนถามก็ลำบากใจไม่น้อยเหมือนกัน

"ไม่รู้ค่ะ" เพียวตอบแค่นั้น

ผมรู้ว่าเธอกำลังคิดหนักและเป็นทุกข์ ครั้นผมจะกระเหี้ยนกระหือรือรุกคืบหรือบีบบังคับเธออยู่ฝ่ายเดียวก็คงไม่เหมาะ ต้องรักษาความเป็นสุภาพบุรุษเอาไว้บ้าง แม้เป้าหมายคือต้องเลิกรากันไป แต่ก็ไม่อยากทำให้เพียวรู้สึกว่าผมไม่แคร์หัวจิตหัวใจเธอเลย ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะทำอะไรเราก็ตัดสินใจร่วมกันมาตลอด พอถึงคราจะเลิก จะให้ผมตัดสินใจคนเดียวก็กระไรอยู่

"นัทเค้าอยู่ในใจพี่มาตั้งนานแล้ว พี่คงไม่สามารถตัดใจจากเค้าในชาตินี้ได้ ต่อให้ไม่ได้กลับมาเจอกัน นัทก็ยังอยู่ในใจของพี่ ไม่เคยหายไปไหน เค้าอยู่ตรงนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ พี่ผิดเองที่ทำให้เพียวต้องมาเสียเวลาด้วย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พี่ก็คงไม่ดึงใครเข้าพัวพันกับปัญหาของพี่ให้มันยุ่งยากแบบนี้ เชื่อพี่นะเพียว รักคนที่เขารักเราดีกว่า ให้โอกาสหัวใจของเพียวได้เจอคนใหม่ วันนี้พี่ขอเป็นคนใจร้ายทำให้เพียวเสียใจ แต่มันก็ดีกว่าที่เพียวจะเสียใจเพราะพี่...ในวันที่มันสายเกินไป"

ผมเน้นย้ำตรงคำว่า "สายเกินไป" ช้าๆ ชัดๆ เพียวกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาอาบสองแก้ม ผมก็ชักใจแป้วไปเหมือนกัน

"หมายความว่า...พี่แฟรงค์ไม่เคยรักเพียวเลยเหรอคะที่ผ่านมา"

ผมรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก ถ้าหากผมเป็นเธอบ้างก็คงรู้สึกแย่ไม่น้อยที่คนที่เรารักพยายามหาเหตุผลร้อยแปดมาบอกเลิก มันย่อมดีกว่าแน่นอนถ้าเรายอมปล่อยมือคนที่ไม่รักเราอีกแล้ว แต่เพียวคงไม่อยู่ในช่วงเวลาที่จะปลงใจได้ ถึงผมอยากจะให้เราจบเร็วแค่ไหน ก็ต้องรอให้เพียวคิดและตัดสินใจด้วย

"เพียวอยากบอกอะไรกับพี่มั้ย พูดอะไรก็ได้ที่เพียวอยากพูด ด่าพี่ก็ได้ ถ้ามันจะทำให้เพียวรู้สึกดีขึ้น พี่ก็ยอม"

ผมส่งผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงให้ เพียวรับไปแล้วก็ซับน้ำตาอย่างเงียบๆ ผมรู้สึกแย่กับสถานการณ์อย่างนี้เหลือเกิน รู้ดีว่าคนที่เจ็บมากที่สุดตอนนี้ก็คือเพียว เจ็บปวดโดยที่เธอไม่ได้ทำผิดเลย

"เพียวไม่รู้จะพูดอะไร เอาเป็นว่า...ขอเวลาเพียวอีกซักสามสี่วัน แล้วเพียวจะให้คำตอบกับพี่ ก็รอฟังแล้วกัน อาจจะเป็นข่าวดีก็ได้"

ผมเอื้อมมือไปแตะมือของเพียวแล้วก็บีบเบาๆ ให้กำลังใจ เพียวเหลือบมองแล้วก็หันกลับไปตามเดิม เธอคงรู้ว่าแม้จะเป็นมือเดิมที่คุ้นเคย แต่ความรู้สึกและสัมผัสที่เกิดขึ้นช่างแตกต่างจากที่ผ่านมาสิ้นดี

"พี่จะเอาใจช่วยนะเพียว พี่รู้ว่าเพียวเป็นคนที่เจ็บมากที่สุด แต่พี่เชื่อว่าเพียวเข้มแข็งมากพอที่จะผ่านมันไปได้ เพียวจำไว้นะ...ถึงเพียวกับพี่ไม่ได้รักกันเหมือนที่ผ่านมา แต่เราสองคนก็มีสิ่งดีๆ หลายอย่างร่วมกัน ถ้าเพียวไม่รังเกียจ เราก็ยังเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันได้ พี่จะรอฟังนะ อ้อ...ถ้าเพียวมีอะไรให้ช่วย พี่ก็ยินดีเสมอ"

ผมยิ้มบางๆ ให้กำลังใจ ภาวนาขอให้เธอคิดได้ในเร็ววัน ไม่ใช่เพราะอยากให้เธอไปให้พ้นๆ ไวๆ แต่คนเราถ้าคิดและเลือกได้แล้ว กำลังใจและความมุ่งมั่นก็จะเพิ่มมากขึ้นจนเอาชนะความเสียใจได้ อีกไม่นานก็จะพร้อมก้าวไปบนเส้นทางชีวิตใหม่

แต่กระนั้น...แม้เพียวจะยอมหลีกทางให้ ก็ใช่ว่าอุปสรรคจะหมดไปง่ายๆ อุปสรรคที่ใหญ่กว่ากำลังรอผมอยู่ข้างหน้า อุปสรรคจากคนใกล้ตัวนับว่าเป็นหนึ่งในปัญหาที่แก้ยากที่สุด แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอันเกิดจากสายเลือด แต่ก็อาจเปราะบางเสียจนแตกหักได้ง่ายๆ

มีหลายอย่างที่ผมไม่เข้าใจตอนเด็กๆ แม้จะรู้ว่าพ่อขัดแย้งผลประโยชน์กับเพื่อนที่นั่น แต่ผมก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพ่อถึงห้ามผมไม่ให้กลับไปเพชรบูรณ์อีก เรื่องของพ่อไม่เห็นเกี่ยวกับผมเลย แต่ใครอย่าเผลอพูดเรื่องนี้ให้พ่อผมได้ยิน รายไหนรายนั้นเป็นต้องเจออาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

เหตุการณ์ที่ทำให้ผมคลายสงสัยและพอจะปะติดปะต่อเรื่องได้เกิดขึ้นช่วงที่ผมเรียนปีสาม ตอนนั้นผมกับเพียวยังไม่ได้เป็นแฟนกัน เพื่อนๆ ผมตกลงกันว่าจะไปเที่ยวด้วยกันสักครั้งก่อนเรียนจบ แล้วพวกเราก็เลือกเขาค้อ พอพ่อผมรู้เรื่องเท่านั้นก็เรียกผมไปหา สั่งห้ามและต่อว่าต่างๆ นาๆ จนผมต้องขอยกเลิกทริปกับเพื่อนๆ ไป โชคดีที่เพื่อนๆ ยอมเปลี่ยนเป็นที่อื่นเพราะอยากให้ไปด้วยกันครบทุกคน ผมยังจำใบหน้าและน้ำเสียงโกรธจัดของพ่อได้ดี

"แฟรงค์ต้องลืมเรื่องเก่าๆ ได้แล้ว พ่อไม่อยากให้แฟรงค์ทำอะไรที่มันไม่ควร อย่าลืมว่าแฟรงค์เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลเรา ปู่กับพ่อฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่แฟรงค์ทั้งหมด อย่าทำให้ปู่กับพ่อต้องผิดหวังสิแฟรงค์"

"พ่อพูดเรื่องอะไรเหรอครับ ผมไม่เข้าใจ ทำไมผมจะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดผมมั่งไม่ได้ พ่อกลัวอะไรเหรอครับ" ปกติผมไม่ค่อยเถียงพ่อนักหรอก แต่วันนั้นผมคงทนไม่ไหว

"อย่าเถียงพ่อนะแฟรงค์ เอาเป็นว่า...พ่อจะอนุญาตให้แฟรงค์กลับไปที่นั่นได้อีกก็ต่อเมื่อ...แฟรงค์มีแฟน หรือแต่งงานมีลูกมีเมียแล้วเท่านั้น จนป่านนี้แฟรงค์ก็ยังทำไม่ได้เลย แล้วจะให้พ่อไว้ใจได้ยังไงว่าแฟรงค์จะไม่เป็นอย่างที่พ่อกลัว รูมั้ยว่าพ่อกับแม่กลัวขนาดไหน ไม่งั้นพ่อไม่จับแฟรงค์แยกจาก..."

จู่ๆ พ่อก็หยุดพูดกลางคัน เหมือนเพิ่งนึกได้ว่ากำลังพลั้งปากพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดเสียแล้ว ผมพอรู้ว่าที่บ้านกลัวผมเป็นเกย์ แล้วพ่อจับผมแยกจากใครกัน ในชีวิตนี้ผมเคยแยกจากคนๆ เดียวเท่านั้น พอนึกออกแล้วผมก็เสียววาบไปทั่วทั้งสันหลัง

"อย่าให้พ่อรู้นะว่าแกกลับไปที่นั่นอีก พ่อขอห้ามอย่างเด็ดขาด" พ่อคาดโทษด้วยเสียงเฉียบขาด ก่อนจะเดินออกไปด้วยอาการฉุนเฉียวจนคนอื่นๆ เข้าหน้าไม่ติด

ผมวิ่งขึ้นไปบนห้องของตัวเอง ค้นลิ้นชักหาการ์ดที่นัทเขียนให้และรูปถ่ายของเราสองคนออกมาดูอย่างร้อนรน ตอนที่จากนัทมาคราวนั้น ผมก็คิดว่าผมเสียใจมากแล้ว แต่วันนี้ผมเสียใจยิ่งกว่าเป็นร้อยๆ เท่า พอเห็นการ์ดแล้วก็นึกถึงตอนที่นัทกอดผมไว้ ร้องไห้อ้อนวอนไม่ให้ผมไปปานจะขาดใจ นัทเฝ้าถามผมว่าใครจะอยู่เป็นเพื่อนนัท ใครจะขี่จักรยานไปกลับโรงเรียนด้วยกัน ใครจะซื้อไอติมให้นัทกิน แม้จะยังเด็ก แต่ผมก็แทบจะขาดใจเสียให้ได้

"นัท...พี่ขอโทษ..."

ผมปล่อยให้ตัวเองร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น เกือบสิบปีแล้วที่ผมจากนัทมา ถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้ผมก็คงคิดว่าตัวเองลืมไปหมดแล้ว ที่ไหนได้ ผมไม่เคยลืมความรักความผูกพันกับน้องที่ผมรักเลย เพราะอย่างนี้นี่เองพ่อถึงกีดกันผมทุกวิถีทาง

หลังจากวันนั้นผมก็ใช้เวลาทำใจอยู่สักพัก สุดท้ายก็เหมือนลืมๆ กันไปอีกจนได้ คงเป็นเพราะไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวมากพอ รูปถ่ายและการ์ดใบนั้นก็เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความผูกพันที่ไม่มีวันกลับคืนมา จนกระทั่งผมได้เจอกับนัทอีกครั้ง ความทรงจำและความผูกพันเก่าๆ ที่ถูกเก็บซ่อนไว้จึงฟื้นขึ้นมาทวงคืนสิ่งที่เคยสูญเสียไป

พ่อของผมจะโกรธมากสักแค่ไหนถ้ารู้ว่าจะไม่มีงานแต่งงานของผมกับเพียวเกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่อยากสูญเสียนัทไปอีกแล้ว ได้กลับมาเจอกันคราวนี้ก็เหมือนกับปาฏิหาริย์ ผมจะรักษาปาฏิหาริย์นี้ไว้จนสุดชีวิตของผม

... ... ...

ผมส่งเพียวแล้วก็แวะห้างโลตัสซื้อน้ำดื่มแพ็ค ไม้แขวนเสื้อ ผงซักฟอก กาละมังพลาสติกใบเล็กและเตารีดถูกๆ ติดมือมาด้วย เสื้อผ้าของเราใช้หมดแล้วเพราะเตรียมมาสำหรับสามวันสองคืน ผมไม่อยากซื้อใหม่ก็เลยคิดว่าซักรีดเองดีกว่า ที่ต้องซักเองเพราะรีสอร์ทที่พักอยู่เพิ่งเปิดใหม่ ยังไม่มีบริการซักรีด เสร็จธุระในห้างแล้วผมก็รีบบึ่งรถกลับมาที่ภูลู่ลมรีสอร์ทในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว มาถึงก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว

พอไขกุญแจห้องพักเข้าไปก็เห็นนัทนอนอยู่ ผมเอาของที่ซื้อมาวางไว้บนโต๊ะตัวหนึ่งข้างๆ ทีวี พอนัทได้ยินเสียงกุกกักก็เลยงัวเงียตื่นและลุกขึ้นนั่ง ผมเดินไปนั่งข้างๆ แล้วก็ถามอย่างเป็นห่วง

"มีไข้มั้ย"

ผมถามพลางเอามือแตะหน้าผากนัท ดูเหมือนจะมีไข้รุมๆ อยู่บ้าง

"พี่แฟรงค์กินข้าวหรือยัง" นัทถามด้วยความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน

"ยังเลย"

"นัทสั่งมาให้แล้ว พี่แฟรงค์กินข้าวก่อนดีกว่า มันน่าจะเย็นแล้วล่ะ พอดีนัทกะเวลาไม่ถูกว่าพี่แฟรงค์จะกลับมาถึงตอนไหน"

ผมมองไปที่จานข้าวที่หุ้มด้วยพลาสติกใสที่วางไว้ตรงโต๊ะเล็กๆ ข้างทีวีตัวนั้น ตอนนี้มีของวางอยู่เต็มไปหมด ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็เดินไปหยิบจานข้าวมา ข้าวผัดปูจานนี้เย็นชืดไปแล้ว แต่ผมก็ต้องกินประทังชีวิตไปก่อน

"รอพี่แป๊บนึงนะ"

ผมบอกนัทแล้วก็เดินไปหยิบน้ำมาหนึ่งขวดส่งให้นัท แล้วก็หยิบอีกหนึ่งขวดของตัวเองออกไปนั่งกินข้าวที่โต๊ะซีเมนต์ทาสีลายไม้ข้างนอกห้อง กินไปไม่ทันถึงครึ่งจานผมก็หยุดกิน ภาพเหตุการณ์ที่นัทร้องไห้อ้อนวอนไม่ให้ผมไปวนเวียนมาเข้ามาในหัวอีกแล้ว คงเป็นเพราะผมเพิ่งนึกถึงไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานั่นเอง ก็เลยพาลให้กินข้าวไม่ลง

ผมเช็ดปาก ดื่มน้ำสองสามอึก แล้วก็เดินกลับเข้ามาในห้อง นัทยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิมและมองผมด้วยรอยยิ้มแปลกๆ

"พี่แฟรงค์ นัทปวดฉี่น่ะ"

เสียงอ้อนนั้นทำให้ผมเผลอยิ้มอย่างเอ็นดู ลืมเรื่องรบกวนใจเมื่อกี้ไปเลย

"เดี๋ยวพี่พาไป ให้อุ้มมั้ย หรือว่าจะให้ช่วยพยุง"

"พยุงดีกว่า เดี๋ยวพี่แฟรงค์หลังหักพอดี"

ผมเดินไปยืนข้างๆ นัทค่อยๆ ยืนขึ้นแล้วก็โอบไหล่ผมไว้ จากนั้นผมก็พยุงนัทเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างช้าๆ ไม่ให้นัทลงน้ำหนักที่ขาข้างที่โดนกัดมากเพราะจะทำให้แผลอักเสบ ถ้าเป็นแผลสุนัขกัด หมอจะไม่ปิดแผลให้เพราะเชื้อพิษสุนัขบ้าเติบโตได้ดีในภาวะขาดออกซิเจน จึงต้องเปิดแผลไว้ ผมจึงต้องพานัทไปทำแผลทุกวันจนกว่าจะหายอักเสบอีกด้วย

"พี่แฟรงค์ออกไปก่อนดิ" นัทบอกเมื่อเข้ามาในห้องน้ำแล้ว

"อายเหรอ แล้วนัทจะยืนยังไง ไม่ต้องอายพี่นะ เราสองคนมีความสัมพันธ์กันแล้ว เห็นกันหมดแล้วจะอายทำไม พี่พูดจริงๆ นะ ระหว่างเราสองคน ไม่มีอะไรต้องอายกันหรอก ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนนะ"

นัทตีหน้าเหลอ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าตกลง ผมพานัทไปยืนตรงชักโครก จากนั้นก็อ้อมไปยืนข้างหลัง ใช้สองมือจับลำตัวนัทคอยพยุงไว้ นัทปลดซิบแล้วก็ยืนฉี่อย่างเก้ๆ กังๆ คงเป็นเพราะไม่ชินนั่นเอง แต่ผมก็อยากให้เราสองคนชินในทุกๆ มิติชีวิตของกันและกัน อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นชีวิตคู่

"เดี๋ยวพี่กดน้ำให้" ผมบอกเมื่อเห็นนัททำท่าก้มตัวและเอื้อมมือไปแต่ก็กลัวล้ม

"นัทเขยิบออกมาหนึ่งก้าวนะ แล้วก็เกาะไหล่พี่ไว้"

นัททำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย ผมเขยิบเข้าไปแทนที่นัทแล้วช่วยกดน้ำให้

"ตาพี่มั่งนะ พี่ก็ปวดฉี่เหมือนกัน"

นัททำหน้าเหลออีกแล้ว แต่ก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ผมรูดซิบออก เล็งเป้าหมายได้แล้วก็เริ่มปลดปล่อยของเสียในรูปของเหลวออกมา ในระหว่างนี้ก็หันไปมองหน้านัท ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยแล้วก็ทำเสียง "ฉี่" ยาวๆ ไปพร้อมกับการปฏิบัติภารกิจของผมด้วย

"พี่แฟรงค์ตลกง่ะ"

นัทหัวเราะชอบใจพลางเอามือทุบไหล่ผมเบาๆ ผมรู้ว่าเราสองคนรู้สึกดีแค่ไหนที่เริ่มเข้าใกล้ชีวิตส่วนตัวของกันและกันมากขึ้น

เสร็จภารกิจแล้วผมก็เอื้อมมือไปหยิบกระดาษชำระมาเช็ดทำความสะอาดโถนั่งที่เปรอะเปื้อนนิดหน่อย ก่อนจะกดน้ำทำความสะอาดเป็นขั้นตอนสุดท้าย

"ล้างมือก่อนนะ"

ผมให้นัทโอบไหล่ผมไว้เหมือนเดิม พาเดินมาที่อ่างล้างมือที่อยู่ห่างเพียงสองสามก้าว ผมล้างมือก่อน จากนั้นก็อ้อมไปยืนด้านหลังของนัท ช่วยพยุงลำตัวนัทไว้ให้ยืนล้างมือได้โดยไม่ต้องกลัวล้ม เสร็จเรียบร้อยแล้วก็พยุงนัทออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็ให้นัทนอนพักผ่อนบนเตียงตามเดิม

"อยากทำอะไรก็บอกพี่นะ ไม่ต้องเกรงใจ น้านวลจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงไง"

พอผมเล่นไม้นี้นัทก็เลยพยักหน้า นัทคงไม่อยากให้แม่เป็นห่วงจนต้องปิดร้านมาช่วยดูแลหรอก แต่ถ้าน้านวลรู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ แกคงไม่ห่วงเพราะเชื่อใจว่าผมจะดูแลนัทเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

"เดี๋ยวพี่จะซักเสื้อผ้าให้นะ ข้างนอกลมแรง ตากแป๊บเดียวก็แห้งแล้ว เราจะได้มีเสื้อผ้าใส่ไง นัทนอนพักสบายๆ เลย เย็นๆ พี่จะออกไปหาซื้ออะไรอร่อยๆ มาให้กิน"

นัทยันกายลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าเกรงใจ "พี่แฟรงค์ไม่ต้องซักให้นัทก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้นัทจะซักเอง"

"ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก ถ้านัทหายแล้วเดี๋ยวพี่จะใช้คืนให้คุ้มเลย" ผมแกล้งพูดติดตลก

"จะดีเหรอ"

ผมพยักหน้า จากนั้นก็จัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก เหลือแต่ชุดชั้นในสีเทาแบบทรังค์ เตรียมตัวเป็นพ่อบ้านเต็มที่ ผมเอาเสื้อกับกางเกงที่ถอดออกใส่ไม้แขวนเสื้อแขวนไว้ที่ลูกบิดประตูห้อง ชุดนี้ยังซักไม่ได้เพราะไม่งั้นจะไม่มีใส่ นัทนั่งมองดูแล้วก็ยิ้มให้ผมแปลกๆ ไม่รู้ว่าแอบมองอะไรของผมอยู่หรือเปล่า สักพักก็นอนลงไปตามเดิม

ผมเอากะละมังและผงซักฟอกเข้าไปในห้องน้ำ เปิดฝักบัวใส่น้ำจนเกือบเต็ม ใส่ผงซักฟอกแล้วก็ตีเป็นฟอง ก่อนจะเดินมาเปิดกระเป๋าเอาเสื้อผ้าของเราสองคนไปซัก กะละมังเล็กไปหน่อยผมจึงต้องแบ่งเป็นสองกอง ซักให้หมดทุกอย่างทั้งข้างในและข้างนอก

ผมเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ นัทจึงพอมองเห็นว่าผมทำอะไรอยู่ นอนไปสักพักแล้วก็ลุกขึ้นมานั่งดูอีกรอบ

"พี่แฟรงค์น่ารักง่ะ เหมือนพ่อบ้านเลย"

นัทพูดพลางยิ้มและหัวเราะ ผมก็เลยหันไปหัวเราะด้วย

"ทำไมไม่นอนล่ะ แผลจะได้หายไวๆ" ผมเตือนอย่างเป็นห่วง

"พี่แฟรงค์"

"หืม..." ผมเอียงคอมองนัทอย่างสงสัย

"มาหานัทตรงนี้หน่อยดิ"

ผมเลิกคิ้วมอง ท่าทางของนัทดูแปลกๆ "มีอะไรเปล่า"

"ก็มาก่อนดิ" นัทรบเร้าด้วยท่าทางอ้อนๆ

"พี่ตัวเปียกนะ" ผมแย้ง

"ก็เช็ดตัวดิ ผ้าเช็ดตัวก็มี"

"โอเคๆ"

ผมสะบัดมือให้ฟองออกไปบางส่วน จากนั้นก็ลุกขึ้นไปล้างมือ เดินออกมาหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางไว้ตรงโต๊ะข้างทีวีแล้วก็เช็ดตัวให้แห้ง คอยหรี่ตามองนัทอย่างสงสัย เจ้าตัวเขินไม่กล้าสบตาเลย ผมเอาผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไว้แล้วก็เดินไปนั่งลงบนเตียงข้างๆ นัท

"ต้องมีอะไรแน่ๆ เลย จะทำอะไรพี่หรือเปล่าเนี่ย อย่านะ...พี่ยังไม่พร้อม" ผมแกล้งเอามือกอดปกป้องตัวเองไว้แล้วก็หัวเราะ

"ใช่ที่ไหนเล่า" นัทผลักผมเบาๆ เป็นเชิงหยอกเล่น

"แล้วให้พี่มาหาทำไมล่ะ"

นัทยิ้มแหยๆ เหมือนจะมีบางอย่างที่ไม่กล้าบอกตรงๆ

"ถ้าไม่มีพี่ไปซักผ้าต่อนะ"

"เดี๋ยวสิ" นัทรีบท้วงเมื่อผมทำท่าจะลุกไป

"แปลกๆ นะเรา" ผมหรี่ตามองอย่างสงสัย แต่เห็นคนเหนียมอายแล้วก็ชักอยากจะหอมแก้มซักฟอดเหมือนกัน

"นัทอยากกอดพี่แฟรงค์ง่ะ" เจ้าตัวยอมรับสารภาพอายๆ

ผมเลิกคิ้วอย่างงงๆ แต่แล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม "แล้วก็ไม่บอกดีๆ"

นัทโผเข้ากอดเอวพร้อมกับซบหน้าลงบนไหล่ผม ผมจึงสวมกอดไว้อย่างรักใคร่แล้วลูบหลังอย่างเบามือ

"ทำไมอยู่ๆ ก็อยากกอดพี่ขึ้นมาเฉยๆ ล่ะ" ผมถามด้วยความอยากรู้

"ก็พี่แฟรงค์น่ารัก"

"น่ารักแล้วรักพี่หรือเปล่าล่ะ"

"รักสิ ไม่รักแล้วจะกอดทำไมล่ะ"

ผมเอามือลูบผมนัทเบาๆ อย่างเอ็นดู "พี่ก็รักนัทนะ"

นัทกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นแล้วก็ซุกหน้าลงต่ำตรงอกเปลือยเปล่าของผม เจอลูกอ้อนอย่างนี้เข้า ผมคงรักคงหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแน่เลย

"ขอบคุณที่ช่วยดูแลนัทนะ แล้วก็...ขอบคุณที่อุตส่าห์เก็บเงินซื้อไอติมแม็กนั่มให้นัทกินด้วย"

นัทพูดติดตลกตอนท้าย ถ้าน้านวลไม่เล่าให้ฟัง ผมกับนัทก็คงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ชมกันซึ่งๆ หน้าอย่างนี้ผมก็เขินแย่ ก็เลยต้องเสพูดเรื่องอื่นไป

"พี่ว่า...เราน่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้นะ"

"ข่าวดีอะไรเหรอ" นัทผละออกเล็กน้อย แต่ก็ยังกอดผมไว้หลวมๆ อยู่ ขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย

"พี่คุยกับเพียวตอนไปส่งเค้าที่สนามบิน เพียวบอกพี่ว่า...เค้าขอเวลาคิดอีกซักสามสี่วัน แล้วจะบอกข่าวดีกับพี่"

"จริงเหรอ"

"จริงสิ" ผมบอกด้วยท่าทางตื่นเต้น แล้วก็พูดหยอก "อย่ากอดพี่นานนะ เดี๋ยวมันขึ้นอีก"

คราวนี้นัทก็เลยผละออกไปเลย

"หื่นอีกละ"

ผมหัวเราะชอบใจแล้วก็เอามือขยี้หัวนัทเล่นเบาๆ

"นอนเหอะ แผลจะได้หายไวๆ เดี๋ยวพี่ไปซักผ้าต่อแล้ว"

นัทพยักหน้าแล้วก็ทำตามอย่างว่าง่าย ผมช่วยยกขาข้างที่ถูกหมากัดขึ้นไปวางบนเตียงให้อย่างเบามือ แล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่อซักผ้าต่อให้เสร็จ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยได้ทำเอง แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่เป็น

นัทนอนหลับปุ๋ยไปแล้ว ผมซักผ้าเสร็จแล้วก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาหาที่ตากหน้าบ้าน อาศัยแขวนตามกิ่งไม้เป็นหลักเพราะไม่มีราวให้แขวน ลมหนาวพัดแรงอย่างนี้น่าจะทำให้แห้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง

ตากเสร็จแล้วก็กลับเข้ามาในห้อง กำลังจะหยิบเสื้อผ้ามาใส่ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะข้างทีวีดังขึ้น ผมก็เลยต้องรีบมารับโทรศัพท์ก่อน แม่โทรมานั่นเอง ผมกดรับแล้วก็เดินออกมาคุยข้างนอก จะได้ไม่ส่งเสียงรบกวนนัท

"สวัสดีครับแม่"

"นัทเป็นไงมั่งล่ะแฟรงค์"

ผมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเพราะยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เรื่องนี้เลย

"ผมพาไปฉีดยาที่โรงพยาบาลมาแล้วครับ ตอนนี้นอนพักอยู่ที่รีสอร์ทที่กลุ่มเราเพิ่งมาพัก"

"อืม...ก็ดีแล้ว"

"แม่รู้ได้ยังไงครับ" ผมตัดสินใจถามไป

"เมื่อกี้แม่คุยกับเพียว เพียวเค้าเพิ่งถึงบ้านเมื่อกี้"

"ครับ"

หลังจากนั้นผมกับแม่ก็เงียบไปสักพัก

"แฟรงค์...แฟรงค์กำลังทำอะไรอยู่เหรอลูก แม่ไม่ค่อยสบายใจเลย แม่กลัว"

"แม่กลัวอะไรเหรอครับ" สีหน้าผมเริ่มเครียด แม่คงสงสัยบางอย่างถึงได้ถามอย่างนี้

"แฟรงค์...ลูกก็รู้อยู่ แฟรงค์จะแต่งงานแล้วนะลูก แม่ไม่อยากให้แฟรงค์กับพ่อต้อง..."

แม่ปล่อยให้เสียงขาดช่วง แต่ผมก็พอจะเดาออกว่าแม่หมายถึงอะไร ผมถอนหายใจอย่างหนักใจก่อนจะถามหยั่งท่าที

"แม่ครับ...ถ้าผมกับเพียวไม่ได้แต่งงานกัน"

"แฟรงค์! อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะลูก" แม่รีบสวนเสียงแหวกลับมาทันที

"นึกว่าตัวเองกำลังเล่นขายของอยู่หรือไง นึกอยากจะรักก็รัก นึกอยากจะเลิกก็เลิก อีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ทางนั้นเค้าจะได้มาแหกอกพ่อกับแม่ตายน่ะสิ เผลอๆ เค้าจะฟ้องเอาด้วย แม่จะไม่ว่าหรอกนะถ้าแฟรงค์กับเพียวเพิ่งคบกัน แต่นี่...เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว แฟรงค์ไม่สงสารน้องหรือไง แล้วเค้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาถึงเพิ่งคิดจะมาเลิกกันเอาป่านนี้ คิดว่ามันถูกหรือไง"

แม่เล่นว่าผมซะยาวเหยียด แค่นี้ผมก็เริ่มเห็นความยุ่งยากแล้ว ถ้าเป็นพ่อของผมเองจะขนาดไหน ผมถอนหายใจอย่างหนักใจอีกครั้ง พยายามคิดว่าจะสื่อสารให้แม่เข้าใจเรื่องนี้ได้ยังไง

"แม่ครับ...ผมไม่ได้รักเพียว ที่ผมสนใจเค้า...มันก็เริ่มมาจากที่เค้าชอบกินไอติมเหมือนนัท แม่ก็รู้ดีนี่ครับว่าพ่อ...เป็นคนจับผมแยกจากนัทมา ห้ามไม่ให้ผมไปเจอโดยที่ผมก็ไม่เคยรู้ว่าทำไม แต่ผมอยากให้แม่รู้...ความรู้สึกที่ผมมีให้นัทไม่เคยเปลี่ยนไปเลย พอกลับมาเจอกันทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม แม่ก็คงรู้ว่าผมรักน้องคนนี้มากแค่ไหน ผูกพันกับเค้ามากแค่ไหน แล้วที่สำคัญ ตอนนี้ผมก็รักนัทไปแล้วครับแม่ ผมไม่รู้ว่าแม่จะรับได้หรือเปล่า แต่นัทเค้าอยู่ในใจผมมาตลอด ผมไม่รักเค้าไม่ได้ ผมไม่เคยลืมเค้าเลย ถึงพ่อกับแม่จะจับเราแยกกันยังไงผมก็ไม่เคยลืมเค้า หัวใจของผมอยู่ที่นัท ไม่ใช่เพียว ไม่ใช่คนอื่น ผมรักใครไม่ได้แล้วครับแม่"

"แฟรงค์! นี่ลูกพูดอะไรออกมา รู้ตัวหรือเปล่า หาเรื่องใส่ตัวหรือไง รู้มั้ยว่าถ้าพ่อรู้เข้าจะเกิดอะไรขึ้น!"

น้ำเสียงของแม่ฟังดูตกใจมาก ไม่รู้ว่าพ่ออยู่ใกล้ๆ หรือเปล่า แต่คิดว่าแม่คงหาที่เหมาะๆ ไว้แล้วก่อนจะโทรหา

"รู้ครับ ผมรู้ดีทุกอย่าง แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมก็จะไม่ยอมเสียนัทไปอีกครับแม่ ถึงพ่อจะฆ่าผมให้ตาย ผมก็ต้องยอม แต่ผม...จะไม่ให้พ่อจับผมแยกจากนัทอีกเป็นอันขาด"

"แฟรงค์!"

แม่เรียกชื่อผมเสียงดังจนเหมือนตะโกน เราเงียบกันไปนาน เหมือนแม่จะคิดอะไรได้จึงเปลี่ยนมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

"แฟรงค์อย่าเพิ่งบอกพ่อเรื่องนี้ละกัน แม่ขอให้แฟรงค์ทบทวนแล้วก็คิดให้ดีๆ ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มันมีผลต่อธุรกิจของเราด้วย"

"ผมไม่มีเวลาแล้วครับแม่ ผมคิดมาเป็นเดือนๆ แล้ว ผมรู้ว่ายังไงๆ ผมก็รักเพียวเหมือนเดิมไม่ได้ เราสองคนอยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีความสุขหรอกครับแม่ เอาเป็นว่า...ถ้าเพียวเค้าตกลงใจได้เมื่อไหร่ว่าเราจะไม่แต่งงานกัน ผม...จะเป็นคนคุยกับพ่อเอง"

"แฟรงค์! นี่ลูกบ้าไปแล้วเหรอ หาเรื่องอย่างงี้ทำไมห๊ะ!"

ผมถอนหายใจยาว คงจะเป็นรอบสุดท้ายก่อนวางสาย

"ผมขอโทษครับแม่ แต่ผม...ยอมไม่ได้แล้วครับ!"


- TBC -[/center]

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 24-12-2015 22:20:44
อ่านจบแทบจะสลบเหมือด
ศึกสายเลือดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

จริงๆแล้วก็เห็นใจเพียวนะ
หมดรักก็หมดใจ
หวังเพียงแต่ให้เพียวตัดใจได้เร็วๆ จะได้ไม่เจ็บนาน

เพราะถึงจะยื้อเอาไว้..ก็เท่านั้น ไม่มีอะไรจะดีขึ้นแล้ว

+1 ให้กับสองตอนล่าสุด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 24-12-2015 23:03:13
นี่เองสินะ สาเหตุที่โดนจับแยกกันตอนเด็ก
ศึกแห่งสายเลือดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วสินะ เอาใจช่วยหวังว่าพ่อแม่จะเข้าใจลูก
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 25-12-2015 00:18:16
เห็นใจทุกฝ่ายเลยคับ และผมก็ลุ้นว่าพ่อจะจัดการยังไง แฟรงค์จะทำยังไง อยากให้แฟรงค์ นัทเขาฝ่าฟันไปได้ด้วยดี
อ่านฉากที่แฟรงค์คุยกับแม่แล้วผมลุ้นว่า แฟรงค์คงจะยอมหักกับพ่อแน่ๆเลยถ้าพ่อรู้เรื่องนี้เข้า ชอบฉากนัท แฟรงค์ สวีทกันมากๆคับ อ่านแล้วอบอุ่นดี โดยเฉพาะตอนเข้าห้องน้ำ ๕๕๕
  ตอนใหม่มาเร็วๆนะคับ ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 25-12-2015 00:25:40
บทที่ 12 +เป็ด ให้กับบรรยากาศดีๆ และความหลังอันหวานไหนของแฟรงค์กับนัทคะ จริงๆ วันก่อนแว๊บมาอ่านได้ครึ่งตอนแล้วมีงานด่วนเข้ามาเลยต้องแว๊บๆ หายๆ เหมือนกระสือวาเลนไทน์มาส่องๆ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะอ่านจบสักที เพิ่งได้โอกาสเข้ามาต่อจนจบ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-12-2015 00:32:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 25-12-2015 00:40:54
แบบนี้นี่เอง ที่โดนแยกกับนัทตอนเด็ก เพราะพ่อรู้...

แต่ตอนนี้โตๆ กันแล้ว แฟรงค์คงไม่ยอมอีกแน่ๆ มีแตกหักกันไปข้างแหละ
ถึงจะแต่งกับเพียวไป คนไม่รักกันแต่งไปก็เท่านั้น พ่อแม่น่าจะรู้ มันไม่มีความสุขหรอก
หวังว่าคงเอาความสุขของลูกมาเป็นที่หนึ่งนะ
ตอนนี้อาจจะยังไม่เข้าใจ แต่หวังว่า..สักวันคงเข้าใจ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 25-12-2015 00:46:39
Special part -- ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกสะทกสะท้อนใจขึ้นมาเสียเฉยๆ ตอนแรกก็อดค่อนขอดนัทกับแฟรงค์ไม่ได้ที่ดูจะอ่อนไหวและสะเทือนใจกับเรื่องเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามง่ายดายเสียเหลือเกิน แต่คิดไปคิดมาอาจเป็นตัวเราเองก็ได้ที่ใจกระด้างและไม่เคยผูกใจผูกพันธ์กับใครอย่างจริงจังทำให้ไม่มีอารมณ์ร่วมกับเรื่องเท่าที่ควร บ่นๆ ไปก็อดจะอิจฉานัทกับแฟรงค์ไม่ได้ +เป็ด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 25-12-2015 04:53:32
รู้สึกเกลียดคนรุ่นเดียวกับตัวเองพิกล  พ่อแม่นัทก็น่าจะรุ่นเดียวกับเราแหละ
เราชอบแฟรงค์มากในเรื่องที่พยายามสู้
แฟรงค์กับพ่อก็น่าจะมีนิสัยคล้ายๆกัน
ยอมหักไม่ยอมงอ
เพียวท่าจะบอกทุกอย่างกับแม่แฟรงค์ไปแล้ว

ที่แฟรงค์ไปซื้อของมาซักผ้าเราแปลกใจนะ เพราะว่าแฟรงค์เป็นลูกเจ้าของรีสอร์ทที่น่าจะมีฐานะพอประมาณ   น่าจะส่งซักรีดมากกว่าจะมานั่งซักเอง  อาจจะซักแค่ชั้นใน   แต่ถ้าเป็นเจน ME  นี่ส่งซักหมดแม้กระทั่งชั้นใน   อาจจะเป็นทำนองบอกอนาคตแฟรงค์ตอนที่พ่อตัดลูกก็ได้มั๊ง

แฟรงค์พูดกับเพียวขนาดนี้ ถ้าหากว่าเพียวยังทู่ซี้อยู่ก็ไม่รู้แล้วแหละ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 25-12-2015 08:42:40
รู้สึกเกลียดคนรุ่นเดียวกับตัวเองพิกล  พ่อแม่นัทก็น่าจะรุ่นเดียวกับเราแหละ
เราชอบแฟรงค์มากในเรื่องที่พยายามสู้
แฟรงค์กับพ่อก็น่าจะมีนิสัยคล้ายๆกัน
ยอมหักไม่ยอมงอ
เพียวท่าจะบอกทุกอย่างกับแม่แฟรงค์ไปแล้ว

ที่แฟรงค์ไปซื้อของมาซักผ้าเราแปลกใจนะ เพราะว่าแฟรงค์เป็นลูกเจ้าของรีสอร์ทที่น่าจะมีฐานะพอประมาณ   น่าจะส่งซักรีดมากกว่าจะมานั่งซักเอง  อาจจะซักแค่ชั้นใน   แต่ถ้าเป็นเจน ME  นี่ส่งซักหมดแม้กระทั่งชั้นใน   อาจจะเป็นทำนองบอกอนาคตแฟรงค์ตอนที่พ่อตัดลูกก็ได้มั๊ง

แฟรงค์พูดกับเพียวขนาดนี้ ถ้าหากว่าเพียวยังทู่ซี้อยู่ก็ไม่รู้แล้วแหละ

เรื่องซักรีด รีสอร์ทนี้ไม่มีบริการให้ครับ น่าจะเป็นเพราะเพิ่งเปิดใหม่ (ผมเพิ่งไปพักที่นั่นมา)
เดี๋ยวผมจะอธิบายในตอนต่อไป ขอบคุณที่ท้วงมาครับ

สำหรับทุกคน

Wishing you a very Merry Christmas and a Happy New Year 2016!

:) Sarawatta :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-12-2015 09:03:02
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-12-2015 10:28:09
สงสารเพียวนะหมดรักย่อมหมดใจด้วยเป็นธรรมดา ก็ได้แต่หวังว่าเพียวจะทำใจได้แล้วช่วยพูดกับครอบครัวทั้ง 2 ฝ่ายให้ดีขึ้น
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 25-12-2015 10:58:14
ในมุมหนึ่งก็คงต้องบอกว่าพ่อของแฟรงค์เป็นคนที่ใส่ใจลูกตัวเองมากขนาดที่รู้ว่าแฟรงค์รู้สึกยังไงก่อนที่ลูกชายจะรู้ตัวซะอีก การแก้ปัญหาด้วยวิธีตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก็ไม่ได้ผิดซะทีเดียว ตอนนั้นทั้งคู่ก็ยังเด็กและไม่ได้เป็นเกย์โดยธรรมชาติ ถ้าเป็นทั่วๆ ไปคงแต่งงานแต่งการมีครอบครัวเหมือนคนปกติในที่สุด
แต่ความผูกผันมันมากกว่าที่ใครๆจะคิดรวมถึงเจ้าตัวด้วย พอโชคชะตาชักนำให้มาเจอกันอีกทีมันถึงออกมาเป็นอย่างนี้ ถือว่าพ่อแม่ทำเต็มที่แล้ว ที่เหลือก็ขอแค่เปิดใจอย่าคิดถึงหน้าตาหรือผลประโยชน์ทางธุรกิจให้มากกว่าความสุขของลูกชาย ตอนนี้ลูกเป็นผู้ใหญ่แล้วควรให้เขาเลือกเส้นทางชีวิตตัวเอง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 25-12-2015 16:01:23
Merry Christmas!

บรรยากาศหวาน ๆ อบอุ่นดูแลกัน ร้อนระอุขึ้นมาทันตาพอเจอบทสนทนาแฟรงค์กับแม่

ขอให้มีทางออกดี ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✢ CH13 ✢ พ่อบ้านแฟรงค์ ✢ P8 ▒ 24.12.2015 ▒
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 25-12-2015 16:29:46
 :impress3: อ่านแล้วอิจฉานัทจังเลยอ่ะ แฟรงค์เป็นแบบสามีที่ดีเลิศมากเลยน่ะ ตั้งแต่อ่านมารู้สึกฟินกับตอนนี้ที่สุดน่ะ ในที่สุดก้อเฉลยออกมาแล้วว่าเป็นสาเหตุใดที่ทำให้แฟรงค์ต้องขาดการติดต่อไป จิ๊กซอว์เริ่มต่อให้เห็นภาพแหละ นับถือพ่อแฟรงค์มากอ่ะตัดไฟเสียแต่ต้นลม แต่ก้อไม่อาจฝืนพรหมลิขิตได้ เขาถึงบอกว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่เคยมีคำว่าบังเอิญ  :mew1: ยังไงก้อขอให้แฟรงค์สู้ ๆ น่ะ เพราะมองแล้วหนทางช่างยากลำบากยิ่งนัก แล้วนัทก้ออย่าถอดใจน่ะแฟรงค์ยังต้องการกำลังใจอีกมากน่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✥ Lovelessly ⊂13⊃ พ่อบ้านแฟรงค์ ✥ P8 ✥ 24.12.2015
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-12-2015 18:21:29
ชอบที่แฟรงค์ดูแลนัทตอนเจ็บ คือ มันดี มันน่ารัก มันแสดงถึงความรักความห่วงใยในตัวอีกฝ่าย  o13

ท้ายตอนอุปสรรคสำคัญที่ชื่อครอบครัวกำลังจะมาใช่ไหม

คนเราถ้าคู่กันแล้วทำยังไงก็ไม่แคล้วกัน ถึงพ่อแฟรงค์จะแยกทั้งคู่ในตอนเด็กได้
แต่ทั้งสองก็ยังโคจรกลับมาเจอกัน รักกัน ถ้าห้ามไปแล้วเปล่าประโยชน์ พ่อแฟรงค์ก็ควรจะทำใจยอมรับนะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✥ Lovelessly ⊂13⊃ พ่อบ้านแฟรงค์ ✥ P8 ✥ 24.12.2015
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 25-12-2015 20:10:35
พี่แฟร้งนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มากจริงๆดูแลนัท เรียกได้ว่าดีมากมากทีเดียว เพราะพี่แฟร้งรักนัทมากขนาดนี้ไงแและเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กพ่อของแฟร้งถึงได้กแลัวและจับพี่แฟร้งแยกออกมา.. พ่อของแฟร้งคงคิดว่าถ้าแยกกันไปมันคงจะดีขึ้นแต่ไม่ใช่เลยแฟร้งยังคงรักนัททุกวันไม่มีเปลี่ยนไปเลยแม้จะห่างกันไปก็ตามแถมพอมาเจอกันในแบบที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วมันยิ่งมองเห็นอะไรๆได้มากขึ้น
 อยากบอกว่าคุณsarawatta เขียนบทคุณแฟร้งอ่านที่ไรเห็นภาพคุณหมอโป๊ปทันที เพราะบุคคลิกคุณหมอโป๊ปเขาดูอบอุ่น

เพียวนี้เดายากมากจริงๆ เพียวนะรู้ความจริงแล้วแหละว่าแฟร้งไม่ได้รักตัวเองเลยตั้งแต่แม่ของนัทเลาให้ฟังแล้วแหละแต่นางเหมือนจะยังไม่อยากยอมรับความจริง..ไม่รู้ว่าข่าวดีจะเป็นยังไงนะ ถ้านางอยากจะจบแล้วหลบไปนางคงไม่เล่าเรื่องนี้ให้แม่ของแฟร้งฟังหรอกนะ...เพราะนางต้องรู้ว่าผู้ใหญ่ไม่ยินดีด้วยแน่ๆ 
"มันจึงเป็นความรัก ที่ไม่ถึงกับสุข
เป็นความทุกข์ ที่ไม่ถึงกับเศร้า
เป็นความรัก ที่ทั้งซึ้งทั้งเหงาอยู่ด้วยกัน
(เป็นความซึ้งและความเงียบเหงาอยู่ด้วยกัน)" อ่านแล้วนึกถึงเพลงนี้...อ่านตอนที่ฟังเพลงนี้อยู่พอดี  :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✥ Lovelessly ⊂13⊃ พ่อบ้านแฟรงค์ ✥ P8 ✥ 24.12.2015
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 25-12-2015 21:23:06
อ่านตอนนี้ไปรู้สึกหน่วงๆ สลับกับฟินๆ ตอนที่สองคนนี้กระหนุงกระหนิงกันก็ฟินจ้า งานฟินมา แต่พอสลับกับเรื่องเพียวกับเรื่องครอบครัวของแฟรงค์นี่เหี่ยวเลย เมื่อวานมาบวกเป็ดไว้ล่วงหน้า แต่หลับไปก่อนอ่านจบ วันนี้เลยมาตามบวกกำลังใจ  :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥13✥ พ่อบ้านแฟรงค์ ✥P8✥ 24.12.2015
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 25-12-2015 23:38:15
แบบนี้ ถ้าจะคุยให้พ่อยากแฮะ เอาใจช่วยแฟรงค์ให้คุยกันเข้าใจด้วยดี
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥13✥ พ่อบ้านแฟรงค์ ✥P8✥ 24.12.2015
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 26-12-2015 13:24:13
รู้ทั้งรู้ว่าต่อจากนี้ต้องไม่ง่ายแน่ๆ แต่แฟรงค์ก็ยังยืนยันที่จะเดินหน้าต่อไป เด็ดเดี่ยวมากๆ เลยนะคะ 
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥13✥ พ่อบ้านแฟรงค์ ✥P8✥ 24.12.2015
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 26-12-2015 21:28:07
พี่แฟรงค์น่ารักมาก รู้สึกอยากเข้าไปสิงร่างนัทจังเลย **ตื่นๆ บอกตัวเอง**

ชอบความอบอุ่นของพี่แฟรงค์มากๆ เชื่อเลยว่าพี่แฟรงค์จะต้องดูแลนัทได้ดี  :กอด1: และในความฟินนี้นักเขียนก็ทำให้มันระอุขึ้นมาจนร้อนนิดๆ กับเรื่องของคุณแม่ เอาใจช่วยพี่แฟรงค์เต็มที่เลยค่ะ ทั้งถีบทั้งดัน ยังไงก็ต้องเอาชนะอุปสรรคให้ได้นะคะ สู้ๆ  :a2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ Soon
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 27-12-2015 09:47:10
สุขสันต์วันปีใหม่ 2016 ล่วงหน้าครับ
ตอนนี้ไม่แจกมาม่า กลับมาหลังปีใหม่ค่อนกินให้จุใจนะครับ


❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 14 ✢ รักใหม่ที่บ้านเกิด


(http://bit.ly/2lPHQVt)
[/center]

ถ้าจะบอกว่าผมเหมือนได้ใช้ชีวิตคู่กับสามีที่แสนดีก็คงจะไม่ผิดนัก เมื่อวานนี้ แฟรงค์ซักผ้าเสร็จแล้วก็ออกไปหาซื้ออาหารเย็นมาให้ เรานั่งกินไป คุยกันไป รับลมหนาวเย็นๆ ข้างนอกห้อง หลังจากนั้นก็ช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผม ก่อนจะเปลี่ยนที่นอนครึ่งหนึ่งเป็นโต๊ะรีดผ้า ผมจะช่วยก็ไม่ยอม ก็เลยได้แต่นอนเอาใจช่วยและคุยเป็นเพื่อนพ่อบ้านสุดหล่อจอมขยัน รีดเสร็จแล้วแฟรงค์ถึงได้ไปอาบน้ำ ก่อนมานอนดูทีวีด้วยกันและหลับไปราวๆ ห้าทุ่ม

เช้าวันต่อมาแฟรงค์พาผมไปล้างแผลที่โรงพยาบาล แล้วก็พาผมกลับมาพักที่รีสอร์ท ไม่ได้ไปไหนเลยเพราะแฟรงค์อยากให้ผมพักรักษาแผลให้เต็มที่ เผื่อว่าจะดีขึ้นจนพอไปเที่ยวด้วยกันวันก่อนกลับได้ เราหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวเตรียมไว้ สลับกับทำงานด้วยโทรศัพท์ ส่วนมากผมจะโทรยืนยันกับผู้รับเหมาแต่ละราย นัดวันเวลาให้เข้ามาปรับปรุงรีสอร์ท แฟรงค์โทรคุยกับลูกค้าประจำบางราย แจ้งให้ทราบว่ารีสอร์ทจะปิดปรับปรุงชั่วคราว แม้ว่าผมจะส่งจดหมายไปแจ้งแล้ว แต่การโทรไปคุยก็ช่วยกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีกว่า

... ... ...

พอถึงวันก่อนกลับ แผลของผมดีขึ้นมากและไม่ปวดเท่าไหร่ แฟรงค์พาผมไปล้างแผลอีกครั้ง เสร็จแล้วก็พาผมบึ่งตรงมายังร้านกาแฟเปิดใหม่แห่งหนึ่งในตำบลแคมป์สน ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องที่ตั้งและการออกแบบที่สวยงาม แฟรงค์อยากมาดูมากเผื่อว่าจะได้แนวคิดไปปรับปรุงร้านกาแฟที่รีสอร์ทของตัวเอง

ร้านกาแฟพิโนลาเต้ตั้งอยู่บนเนินเขาที่เปิดโล่ง มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบด้าน มีจุดชมวิวที่เห็นพระธาตุผาซ่อนแก้วด้วย นอกจากร้านกาแฟแล้วยังมีรีสอร์ทให้พัก แต่มีอยู่เพียงห้าหลังเท่านั้น ราคาค่อนข้างสูงถึงเลขห้าหลักต่อคืน

ผมกับแฟรงค์ได้ที่นั่งติดริมหน้าผา ตอนแรกว่าจะขึ้นไปนั่งชั้นสองเพราะเห็นวิวได้กว้างกว่า แต่ติดที่ผมเดินไม่สะดวกก็เลยอยู่ชั้นล่าง แม้ว่ายังเช้าอยู่แต่คนก็เริ่มหนาตาแล้ว ถ้าเรามาช้ากว่านี้อีกหน่อยก็น่าจะไม่มีที่นั่ง

"นัทดูนี่"

แฟรงค์ส่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้ผมอ่านไลน์ที่น้องสาวส่งมาให้

"ฝากความคิดถึงนัทด้วยนะคะพี่แฟรงค์ ถ่ายรูปนัทมาให้ดูด้วย เฟิร์นอยากเห็น อยากรู้ว่าโตขึ้นแล้วนัทหน้าตาเป็นยังไง"

"เฟิร์นเค้ายังไม่นอนอีกเหรอ" ผมถามพลางดูนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง ตอนนี้สิบโมงเช้าหน่อยๆ

"ยัง ที่ลอสแองเจลลิสเพิ่งทุ่มนึงเอง"

แฟรงค์บอกแล้วก็เขยิบเก้าอี้มาติดกับผม

"ถ่ายรูปด้วยกันหน่อย จะส่งให้เฟิร์นดู"

แฟรงค์พูดพลางเอาหัวมาชิดกับผมแล้วยื่นโทรศัพท์ออกไปจนสุดแขน

"ยิ้มหน่อยสิ"

ผมยิ้มตามที่แฟรงค์ขอ เขินเมื่อเห็นภาพในหน้าจอมือถือเป็นรูปผมกับแฟรงค์คู่กัน แต่ยิ้มเขินนั้นก็ทำให้รูปออกมาดูดี พอแฟรงค์ส่งรูปที่ถ่ายเมื่อสักครู่ไปให้เฟิร์น เฟิร์นก็ส่งข้อความกลับมาทันที

"นัทหล่อเหมือนกันนะคะ ถ่ายที่ไหน วิวสวยมาก อ้อ พี่กับนัทถ่ายรูปยังกะเป็นแฟนกันเลย 555"

ผมอ่านข้อความที่แฟรงค์ส่งให้ดูแล้วก็ขำ ไม่รู้ว่าแฟรงค์ตั้งใจให้เฟิร์นสงสัยหรือเปล่า แฟรงค์พิมพ์ไลน์ตอบน้องสาวไป แต่ผมไม่ได้อ่านแล้วว่าสองพี่น้องคุยอะไรกันอีก

กาแฟที่เราสั่งมาเสิร์ฟพอดี แฟรงค์เขยิบเก้าอี้ไปที่เดิมแต่ก็ยังอยู่ข้างผมอยู่ เราจิบกาแฟร้อนๆ ไล่ลมหนาว ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติกกลางหุบเขาใต้ฟ้าสีครามไร้เมฆบัง ยิ่งพิศดูยิ่งเห็นว่าร้านนี้สวยมากจนนึกอยากทำบ้าง

"นัทยังไม่ได้บอกน้านวลเรื่องลาออกเหรอ"

ผมเกือบจะสำลักกาแฟที่กำลังจิบอยู่ แม้จะลังเลแต่ก็รู้ว่าไม่ควรโกหก

"ยัง..." บอกเสียงอ่อย

"อีกไม่กี่วันนัทก็จะกลับมาอยู่นี่แล้ว นัทจะบอกน้านวลว่ายังไงล่ะ"

ผมทำหน้ายุ่งยากใจ แต่คำถามนี้ก็ทำให้ผมรู้ว่าแฟรงค์เป็นคนใส่ใจและช่างสังเกตมาก ไม่รู้ไปสังเกตเอาตอนไหนถึงรู้ว่าผมยังไม่ได้บอกแม่

"ก็..." ผมอ้ำอึ้ง

"ไม่เปลี่ยนใจเหรอ เพิ่งทำงานได้แค่สองเดือนเอง พี่ตั้งใจว่าจะสอนเรื่องการบริหารจัดการรีสอร์ทให้ซะหน่อย จะไปซะแล้ว พี่อยากให้นัทอยู่ต่อนะ อยู่ทำงานกับพี่อีกซักสองสามปี หรือว่า...ยังไม่หายโกรธพี่เรื่องวันนั้น"

แฟรงค์ทำหน้าเศร้าจนผมเกือบใจอ่อน ส่วนเรื่องวันนั้น จะโกรธได้ยังไงเพราะตัวเองก็สมยอมกลายๆ

"ถ้ายังไม่ได้บอกน้านวลก็ดีนะ ถ้าเกิดนัทเปลี่ยนใจก็อยู่ต่อได้เลย ว่าไง...หายโกรธพี่แล้วใช่มั้ย ที่พี่ทำไป...พี่ทำด้วยความรักนะ นัทโกรธคนที่รักนัทได้ลงคอเชียวเหรอ"

แฟรงค์ทำเสียงอ้อน ช่างดูน่าสงสารจนผมชักเห็นใจ

"เปล่า...ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธซะหน่อย"

"แต่นัทก็จะทิ้งพี่ไปแล้วนี่ ไหนว่าจะอยู่ให้กำลังใจพี่ไง ถ้าเกิดนัทลาออกไปแล้ว ใครจะอยู่ให้กำลังใจพี่ล่ะ เดี๋ยวพี่สู้ไม่ไหวน้า..."

คนอะไร อ้อนได้น่ารักที่สุดเลย ถ้าไม่ติดว่าอยู่ข้างนอก ผมคงจะโผไปกอดแล้ว

"จะให้ทำไงล่ะ พี่แฟรงค์เซ็นเองนี่" ผมนิ่วหน้าอย่างรู้สึกผิด

"อ้าว...มาโทษพี่ซะงั้น" แฟรงค์หัวเราะชอบใจ

"ใครใช้ให้เซ็นล่ะ" ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"ไม่อยากออกแล้วใช่มั้ย" แฟรงค์ถามอย่างตรงไปตรงมา

"ขอคิดดูก่อนละกัน" ผมแบ่งรับแบ่งสู้ แค่นี้แฟรงค์ก็คงรู้แล้วว่าผมไม่อยากไป

"โอเค แต่พี่เซ็นอนุมัติไปแล้ว นัทกลับมาอยู่กับแม่ช่วงปีใหม่ก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาสมัครใหม่อีกที ยังไงๆ พี่ก็รับอยู่แล้วล่ะ"

"นึกว่าจะขึ้นแบล็กลิสต์นัทซะแล้ว" ผมพูดติดตลก

แฟรงค์เอื้อมมือมาจับมือผมไว้เบาๆ

"นัทอย่าทิ้งพี่ไปไหนนะ ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป เราสองคนต้องจับมือกันไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นัทอย่าปล่อยมือพี่เด็ดขาด โอเคมั้ย"

สายตาซึ้งๆ สะกดผมให้นั่งนิ่งราวกับต้องมนต์ แฟรงค์เป็นผู้ชายที่ทั้งหล่อและอบอุ่นเหลือเกิน ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งรัก ยิ่งเห็นนิสัยใจคอก็ยิ่งชื่นชมหลงใหล

ผมพยักหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เป็นเชิงตอบรับ แฟรงค์บีบมือผมเบาๆ โดยไม่ยอมละสายตาไปไหน จนผมเขินเสียเอง

"คนมองแล้ว"

ผมเตือนอย่างอายๆ แฟรงค์ขำเบาๆ แล้วปล่อยมือของผมออก

"ไม่ดีเหรอ เค้าจะได้รู้กันไงว่าเราเป็นอะไรกัน เห็นมั้ย...สาวๆ กลุ่มนั้นจะฉกพี่ไปแล้ว"

แฟรงค์พูดพลางแว่บหันไปมองสาวๆ กลุ่มหนึ่งที่นั่งห่างออกไปอีกสามสี่โต๊ะ เข้าใจว่าพวกเธอคงแอบมองแฟรงค์มาระยะหนึ่งแล้ว

"แล้วไม่ชอบเหรอ" ผมถามพลางแว่บมองสาวๆ กลุ่มนั้นบ้าง

"เมื่อก่อนก็ชอบ แต่ตอนนี้..." แฟรงค์เอามือมาจิ้มหน้าอกผมเบาๆ "ชอบคนนี้มากกว่า"

ใบหน้าหล่อขาวใสยิ้มกรุ้มกริ่ม แม้มองข้างๆ ก็ยังมิอาจลดความน่ามอง ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้ชายที่มีเสน่ห์เกินห้ามใจคนนี้จะรักผม

"พี่แฟรงค์รู้ตัวหรือเปล่าว่าเป็นคนน่ารัก อบอุ่นด้วย" ผมบอกด้วยรอยยิ้มระบายไปทั้งใบหน้า

"พี่ไม่ได้เป็นอย่างนี้กับทุกคนนะ ต้องเป็นคนพิเศษจริงๆ เท่านั้น" แฟรงค์ส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมาให้

"คารมอย่างงี้ สาวๆ คงหลงกันตรึม" ว่าแล้วผมก็ยกกาแฟขึ้นจิบ

"ตรึมที่ไหนล่ะ จีบใครก็ไม่ติดซักคน รู้มั้ยว่าทำไม เพราะพี่...รอจีบคนนี้คนเดียวต่างหาก"

ผมเกือบสำลักกาแฟอีกแล้ว รีบวางแก้วที่กำลังจิบลงแทบไม่ทัน

"เป็นไรเปล่า" แฟรงค์ถามอย่างเป็นห่วง

ผมส่ายหน้าพลางขำ แล้วก็ถามไปทั้งที่ยังขำอยู่ "นี่พี่แฟรงค์กำลังจีบนัทอยู่เหรอ"

แฟรงค์ยักคิ้วพร้อมกันสองข้างสองครั้ง

"ไม่เห็นรู้ตัวเลยว่าจีบ"

แฟรงค์เอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งมาหนีบที่ข้อมือผมเบาๆ ในท่าจีบ "รู้ตัวยัง"

ผมอึ้งไปประมาณสามวินาทีแล้วก็ขำ "พี่แฟรงค์ตลกง่ะ"

"พี่จีบนัทมาตั้งแต่นัทอยู่ปอสามแล้ว จำไม่ได้เหรอ"

"จริงง่ะ นัทไม่ได้แก่แดดขนาดนั้นซะหน่อย"

"ไม่เห็นจำเป็นต้องแก่แดดเลย คนจีบกัน เค้าก็ต้องทำความรู้จักกันก่อนจะรักกัน พี่รู้จักนัทตอนนัทอยู่ปอสาม แล้วตอนนี้ก็รักกัน พี่ว่าพี่จีบนัทตั้งแต่ปอสามก็ถูกแล้ว"

ตรรกะอะไรหนอ แม้มันจะเพี้ยนๆ หน่อย แต่ความรักก็ทำให้มันโอเคได้

"โอเค ปอสามก็ปอสาม" ผมส่ายหน้าพลางขำเบาๆ

"นัทไม่หึงพี่หน่อยเหรอ เห็นมั้ย...เค้าแอบมองพี่อีกแล้ว"

แฟรงค์คงหมายถึงสาวๆ กลุ่มนั้น ก็น่าจะจริงเพราะพวกเธอกำลังซุบซิบและหันมามองแฟรงค์อีกแล้ว

"ทำไมต้องหึงล่ะ นัทไม่เห็นต้องทำอะไรเลย แค่อยู่ของนัทดีๆ ก็มีคนมาหลงรักแล้ว แค่ชอบกินไอติม แค่เอาแต่ใจนิดๆ หน่อยๆ แถมบางทียังชอบเอาเปรียบด้วย กินอะไรก็ไม่แบ่ง เป็นอย่างงี้ยังมีคนมารักเล้ย จะว่าไป...ถ้าเกิดวันนึงมีคนมาชอบนัท พี่แฟรงค์หรือเปล่าน้า...ที่ต้องเป็นคนหึง" ผมยักคิ้วใส่หนึ่งที

"ครับผม ขนาดยังไม่มีใครมาจีบพี่ก็หึงจะแย่อยู่แล้ว หึงล่วงหน้าไว้ก่อนเลย"

แฟรงค์หัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วก็เขยิบเก้าอี้มาชิดผมอีก หยิบมือถือออกมาแล้วยื่นไปสุดแขนเช่นเคย

"ถ่ายแบบไหนดี เค้าถึงจะรู้ว่าพี่กำลังจีบคนนี้อยู่"

"ไม่รู้ดิ" ผมบอกอย่างเขินๆ

แฟรงค์ก็เลยเอามือโอบไหล่ผม ก่อนจะกดถ่ายภาพคู่ของเรา ถ้าเกิดสาวๆ กลุ่มนั้นเป็นสาววาย พวกเธอคงจะกรี๊ดกันใหญ่ที่เห็นชายหนุ่มสองคนนั่งคุยกันกะหนุงกะหนิง แต่พอพวกเธอหันหน้าหนีไปและไม่ค่อยสนใจเราสองคนอีก ก็พอเดาได้ว่าไม่ใช่สาววายแน่นอน

ถ่ายเซลฟี่กันอีกสองสามรูปเราก็นั่งคุยกันต่อและจิบกาแฟที่เหลืออย่างสบายๆ เห็นแฟรงค์มีความสุขผมก็พลอยมีความสุขด้วย แต่เมื่อวานก็แอบเห็นคุยโทรศัพท์หน้าเครียดอยู่ ไม่รู้ว่าคุยกับใครหรือเรื่องอะไร

"นัทอยากมีร้านแบบนี้มั่งจัง ถ้าเกิดว่าอีกสองสามปี...นัททำคล้ายๆ อย่างงี้ มีไร่สตรอเบอรี่ซักสี่ห้าแปลง มีร้านกาแฟ แล้วก็มีรีสอร์ทซักสี่ห้าห้องเหมือนที่นี่ พี่แฟรงค์ว่าดีมั้ย ลูกค้าที่มากินกาแฟที่ร้านสามารถเดินไปชิมสตรอเบอรี่สดๆ จากไร่ได้ แต่เราต้องปลูกแบบออร์แกนิคนะ แล้วก็...นัทว่าจะทำเค้กสตรอเบอรี่อร่อยๆ ขายด้วย กินกับกาแฟที่ร้าน หรือซื้อเป็นของฝากก็ได้ ถ้าเกิดใครอยากพัก ก็มีห้องให้พัก มีวิวสวยๆ ให้ดู นัทว่าที่ที่แม่ซื้อไว้ก็พอทำแบบนี้ได้อยู่นะ"

แฟรงค์พยักหน้าเห็นด้วยอย่างช้าๆ คล้ายกับว่ากำลังคิดตามไปด้วย

"ก็ไม่เลวนะ ฟังจากที่นัทพูด พี่ก็ชักอยากจะทำแบบนี้เหมือนกัน"

"มาทำกับนัทมั้ยล่ะ" ผมลองชวนอย่างนึกสนุก

"น่าสนใจนะ นัทจำได้มั้ยที่พี่เคยถามนัทเรื่องความฝันร่วมกันของเราสองคน บางทีมันอาจจะเป็นอันนี้ก็ได้ ขอเวลาพี่คิดหน่อย พี่เองก็มีความฝันว่าอยากจะทำรีสอร์ทบนภูเขาเหมือนกัน เผื่อเราสองคน...จะทำให้มันเป็นเรื่องเดียวกันได้"

แฟรงค์ยิ้มอย่างมีความสุข เวลาพูดถึงความฝันทีไร แฟรงค์มักจะยิ้มชวนฝันบ่อยๆ แสดงว่าเป็นคนช่างคิดช่างฝันมากพอดู

หลังจากกินกาแฟหมดแล้ว ผมกับแฟรงค์ก็สละที่นั่งให้คนที่รอคิวอยู่ แฟรงค์ช่วยพยุงผมเดินไปตามจุดชมวิวต่างๆ แล้วก็ผลัดกันถ่ายรูป ขอให้คนช่วยถ่ายรูปเราสองคนบ้าง ดูเหมือนว่าคนจะคอยมองอย่างสนใจที่เห็นผู้ชายสองคนเดินกอดคอพยุงกันไป

"พี่แฟรงค์ นัทอยากไปถ่ายรูปตรงนั้น ที่มันมีต้นหญ้าอ้อน่ะ เห็นมั้ย ตอนเด็กๆ นะ นัทเคยดูเอ็มวีความทรงจำของพี่แอม เสาวลักษณ์ มีฉากกับต้นหญ้าอ้อด้วย สวยมาก พี่แฟรงค์จำได้มั้ย"

ผมชี้บอกด้วยเสียงตื่นเต้น ช่างไม่เจียมสังขารตัวเองเสียเลย ตรงที่จะไปนั้นต้องเดินข้ามถนน แล้วก็ขึ้นเนินไปหน่อย มีหญ้าอ้อสูงประมาณเข่าถึงเอวกระจายไปทั่ว ดอกสีขาวของมันไหวเอนล้อเล่นกับลมหนาวตลอดเวลา

แฟรงค์ก็ไม่บ่นสักคำ อุตส่าห์พาผมขึ้นไปยืนถ่ายรูปบนนั้นจนได้ ผมจึงได้ภาพของตัวเองกับหญ้าอ้อปลิวไสวอย่างที่เคยฝันไว้ตอนเด็กๆ

"แดดมันแรงไปหน่อย ภาพมันเลยไม่สวย แสงมันกระด้าง ถ้าเป็นเช้าๆ หรือเย็นๆ น่าจะสวยกว่านี้"

แฟรงค์บอกพร้อมกับอวดภาพที่ถ่ายให้ผมดูสามสี่รูป

"สวยแล้ว นัทชอบ พี่แฟรงค์ถ่ายรูปสวยดีนะ" ผมหันไปชมพลางยิ้มให้

จากนั้นเราก็ขับรถลงจากเนินเขา มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเขาค้อ แวะไปหาเพื่อนเก่าของแฟรงค์ที่เปิดร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ในตลาด เพื่อนแฟรงค์ที่ชื่อโซ้ยนี่แหละที่ผมชอบไปถามหาแฟรงค์บ่อยๆ แล้วก็ได้คำตอบเดิมๆ เหมือนทุกครั้งว่าแฟรงค์อยู่กรุงเทพ แฟรงค์พูดคุยกับเพื่อนอย่างเป็นกันเอง ถามหาเพื่อนเก่าๆ สมัยประถมหลายคน ส่วนมากก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว

พอถึงเวลาเที่ยง แฟรงค์ชวนโซ้ยไปกินข้าวกลางวันด้วยกันกับเราที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ๆ โซ้ยดีใจมากทีเดียว คงเป็นเพราะไม่เคยมีเพื่อนสมัยประถมคนไหนพามากินข้าวด้วยกันอย่างนี้มาก่อน โซ้ยพูดขึ้นมาช่วงหนึ่งว่า

"ไอ้นัทน่ะมันมาหากูทีไรก็ถามหามึงตลอดเลย กูก็ได้แต่บอกมันไปว่าไอ้แฟรงค์มันอยู่กรุงเทพ กูก็รู้แค่นี้เหมือนที่มันรู้นั่นแหละ แต่มันก็มาถามกูทุกที มันคิดถึงมึงมากเลยนะไอ้แฟรงค์ กูยังแปลกใจเลยว่าทำไมมึงไม่กลับมาเยี่ยมมันมั่ง เมื่อก่อนกูเห็นพวกมึงสองคนขี่จักรยานไปโรงเรียนด้วยกันทุกวัน กลับด้วยกันทุกวัน กูยังจำได้เลยว่ามึงชอบซื้อไอติมให้ไอ้นัทมันกินบ่อยๆ"

ผมกับแฟรงค์ฟังแล้วก็ยิ้ม แสดงว่าความผูกพันของผมกับแฟรงค์ชัดเจนมาก ถ้าพูดถึงแฟรงค์ก็ต้องนึกถึงนัท ถ้าพูดถึงนัทก็ต้องนึกถึงแฟรงค์ ใครๆ ที่รู้จักเราสองคนต่างก็จำภาพของเราไว้อย่างนี้

ก่อนจากไป แฟรงค์ฝากเพื่อนให้ช่วยหาจักรยานให้หนึ่งคัน โซ้ยก็รับปากเป็นอย่างดีว่าจะหาให้ จากนั้นแฟรงค์ก็พาผมขับรถไปตามถนนเส้นที่ไปอนุสรณ์สถาน ถนนเส้นนี้มีรีสอร์ทและร้านกาแฟสวยๆ อยู่หลายที่ เราขับรถแวะชมไปเรื่อยๆ แวะชิมกาแฟบ้างก็มี ดูเหมือนว่ายิ่งได้เห็นแฟรงค์ก็ยิ่งเกิดความรู้สึกอยากกลับมาทำอะไรสักอย่างที่นี่

พอแดดร่มลมตก แฟรงค์ก็ขับรถมาฝากจอดไว้ที่ร้านของโซ้ย โซ้ยหาจักรยานกลางเก่ากลางใหม่มาให้ได้คันหนึ่ง ผมกับแฟรงค์ก็เลยได้จักรยานคันนี้แหละที่ช่วยพาเราย้อนรอยอดีต แฟรงค์เป็นคนปั่น ผมเป็นคนซ้อนท้าย

เราปั่นไปที่โรงเรียนประถมเก่าของเราก่อน ช่วงนี้ยังไม่ปิดเทอมจึงได้เจอครูบางท่านที่เรารู้จัก ไม่น่าเชื่อว่าแม้กระทั่งครูที่เคยสอนเราก็ยังจำเราสองคนได้ แถมยังพูดถึงเราเหมือนที่โซ้ยพูดเมื่อกลางวันอีกด้วย

จากนั้นแฟรงค์ก็พาผมขี่จักรยานไปที่บ้านของผม แม้ว่าสิ่งก่อสร้างใหม่ๆ จะทำให้เส้นทางดูแปลกๆ ไปบ้าง แต่แฟรงค์ก็จำได้เป็นอย่างดี ผมไม่จำเป็นต้องบอกทางเลย

พอมาถึงหน้าบ้านผมแฟรงค์ก็หยุดเหม่อมอง ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเพราะแม่กับพี่นิวอยู่ที่ร้าน บ้านผมเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากเพราะแม่ปรับปรุงใหม่หมด แฟรงค์ก็เลยถามหาอะไรหลายๆ อย่างที่ตอนนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือสิ่งของต่างๆ

จากนั้นแฟรงค์ก็พาผมขี่จักรยานไปที่บ้านเก่าของแฟรงค์ ผมไม่ได้กลับไปที่นั่นนานกว่าสิบสองปีแล้ว พอมาถึงก็พบว่ามันเปลี่ยนไปมากจนแทบจำไม่ได้เลย แต่ผมก็พอจำหน้าคนในครอบครัวนี้ที่มาอยู่ต่อได้ แฟรงค์ยืนเหม่อมองอีกเช่นเคย คงคิดถึงบ้านหลังนี้มากเหมือนกัน

"ที่นัทเคยบอกแฟรงค์ว่า...นัทชอบแฟรงค์ตั้งแต่อยู่มอหนึ่ง นัทได้คำตอบที่นี่แหละ ตอนที่แฟรงค์จากไป นัทขี่จักรยานมาที่บ้านหลังนี้บ่อยๆ พอขึ้นมอหนึ่ง นัทก็ยังมาอยู่ แต่มีอยู่วันนึง นัทเกิดสงสัยว่า...นัทมาที่นี่ทำไมบ่อยๆ มาแล้วก็ไม่เคยเจอแฟรงค์เลย ไม่รู้จะมาทำไม นัทถามตัวเองว่า...ความรู้สึกอะไรที่ทำให้นัทพาตัวเองมาที่นี่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีความหวังเลย พี่แฟรงค์พอจะเดาออกใช่มั้ยว่ามันเป็นความรู้สึกอะไร"

แฟรงค์หยุดเหม่อมอง หันมามองผมที่นั่งอยู่ข้างหลังแล้วก็พยักหน้า

"นั่นแหละ พอนัทรู้แล้ว นัทก็บอกตัวเองว่า...นัทจะไม่กลับมาที่นี่อีก แล้วนัทก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย เพิ่งจะได้กลับมาก็วันนี้แหละ"

"ที่นี่ใช่มั้ยที่ทำให้นัทรู้ว่านัทรักพี่" แฟรงค์หันมาถาม ผมพยักหน้ายอมรับ

"เสียดายนะที่พี่ไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ตอนนั้น ถ้าย้อนเวลาได้ พี่จะกลับมาหานัท มารับรู้ความรู้สึกทุกอย่างที่นัทมีให้พี่"

"ช่างมันเหอะพี่แฟรงค์ มันผ่านไปแล้ว"

ผมตบที่ต้นขาแฟรงค์เบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจเพราะเห็นสีหน้าแฟรงค์ดูเศร้า แฟรงค์หันมายิ้มให้ผม ก่อนจะค่อยๆ เลี้ยวรถจักรยานกลับและปั่นออกไป ไม่รู้ว่าเราจะได้กลับมาที่นี่ด้วยกันอีกหรือเปล่า แม้ว่าจะมีความทรงจำด้วยกัน แต่มันก็ไม่ใช่ที่ของเราอีกต่อไปแล้ว

แฟรงค์พาผมมาปิดท้ายเส้นทางย้อนรอยอดีตที่สะพานข้ามลำธารเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างทางไปโรงเรียน ตอนเด็กๆ ผมกับแฟรงค์ชอบมายืนดูสายหมอกหนาที่ปกคลุมไปทั้งภูเขาที่อยู่เบื้องหน้าตรงนี้บ่อยๆ มีหญ้าอ้อแถวๆ นี้ด้วย ผมก็เลยได้ถ่ายรูปใหม่กับหญ้าอ้อที่ต้องแสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น ได้ภาพสวยมากทีเดียว

เราสองคนยืนคุยกันบนสะพานและเหม่อมองไปไกลยังขุนเขาสลับซับซ้อนเบื้องหน้า ผมไม่รู้สึกเจ็บแผลแล้วก็เลยพอยืนจับขอบสะพานเองได้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าสิบสามปีผ่านมา เราจะมีโอกาสได้กลับมายืนตรงนี้ด้วยกันอีกครั้ง

"พี่ชักอยากจะกลับมาอยู่ที่นี่ซะแล้วน่ะนัท เมื่อก่อนพี่ก็ว่ามันสวยนะ แต่พอกลับมาอีกทีตอนโต มันสวยกว่าที่คิดไว้เยอะเลย พี่อยากทำรีสอร์ทดีๆ ที่นี่ เอาแบบให้สวยไม่ซ้ำใคร ขึ้นชื่อจนใครๆ ก็อยากมาพัก คงรวยไม่รู้เรื่องเลยคราวนี้"

แฟรงค์เล่าความฝันของตัวเองให้ผมฟังอย่างมีความสุข

"พี่แฟรงค์อยากรวยเหรอ ตอนนี้พี่แฟรงค์ก็รวยแล้วนะ"

"นัทกำลังจะบอกว่าพี่ไม่รู้จักพอเพียงหรือเปล่า" แฟรงค์หันมาถามยิ้มๆ

"ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก แต่บางทีนัทก็เคยสงสัยนะว่าเราจะมีเงินเยอะๆ กันไปทำไม บางคนมีเป็นพันล้านหมื่นล้าน ใช้ทั้งชาติยังไม่หมดเลย"

"พ่อพี่สอนว่า...เราใช้เงินได้สองแบบ แบบแรกใช้บริโภค ซื้อบ้านซื้อรถ ซื้อความสบายให้ตัวเอง แบบนี้เราไม่ต้องมีเงินเยอะหรอก ถึงมีเยอะก็ใช้หมดอยู่ดี ส่วนแบบที่สอง คนที่เค้ามีเงินพันล้านหมื่นล้าน เค้าเอาเงินมาสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ แล้วก็พัฒนาอะไรหลายๆ อย่างให้พวกเรา ถ้าไม่มีคนที่มีเงินเยอะๆ แบบนี้ คนที่จบมาจะไปทำงานกันที่ไหน จริงมั้ย พ่อพี่สอนบ่อยๆ ว่า...คนเราเกิดมาแล้วจะเอาแต่ตัวเองรอดก็ได้ จะช่วยให้คนอื่นรอดด้วยก็ได้ เงินไม่ได้มีไว้แค่เอามากินใช้ให้หมดไปนะ มันสร้างอะไรดีๆ ได้ตั้งเยอะ ช่วยคนก็ได้"

ผมพยักหน้าช้าๆ และคิดตามไปด้วย "จริงด้วย นัทไม่เคยมองมุมนี้เลย พ่อของพี่แฟรงค์เก่งนะ"

"แม่ของนัทก็เก่ง เห็นมั้ย...น้านวลดูแลลูกน้องในร้านตั้งหลายคน ถ้าเกิดวันนึงนัททำรีสอร์ทหรือร้านกาแฟอย่างที่นัทบอกพี่เมื่อกี้ นัทก็จะสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนอื่นๆ รับผิดชอบชีวิตคนอื่นๆ เหมือนกัน ไม่ใช่แค่เอาตัวเองรอดคนเดียว นัทว่าดีมั้ย รวยแล้วก็ช่วยคนอื่นได้ด้วย"

"ดีสิ งั้นต่อไปนัทจะรวยให้ดู" ผมหัวเราะแล้วก็หันไปยิ้มกับแฟรงค์

เสร็จสิ้นภารกิจย้อนรอยอดีตแล้ว แฟรงค์ก็พาผมกลับ ก่อนกลับก็แวะซื้อของฝากให้โซ้ยด้วย โซ้ยดีใจมากจนยิ้มไม่หุบ ผมว่าถ้าแฟรงค์ได้กลับมาที่นี่บ่อยๆ สร้างสายสัมพันธ์กับคนที่เคยรู้จักกันเอาไว้ ต่อไปแฟรงค์จะมาทำอะไรที่นี่ได้ง่ายขึ้น

ก่อนกลับเข้ามาในรีสอร์ท เราแวะกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบนถนนสายสิบสอง วันเวลาแห่งความสุขช่างสั้นเหลือเกิน พรุ่งนี้เราก็จะเดินทางกลับไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง แต่แฟรงค์ก็ย้ำกับผมเสมอว่า เราจะต้องไม่ปล่อยมือกัน ผมก็หวังว่าตัวเองจะเข้มแข็งมากพอที่จะไม่ปล่อยมือแฟรงค์ไปเสียก่อน

พอหัวถึงหมอนในคืนนี้ ความรู้สึกแปลกๆ หลายอย่างก็เกิดขึ้นในความคิด สองคืนที่ผ่านมา ผมกับแฟรงค์ไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นกันหรอก อาจจะเป็นเพราะขาผมยังเจ็บ และอยากรอให้ปัญหาคลี่คลายมากกว่านี้เสียก่อน เราจึงอยู่ด้วยกันอย่างพี่น้อง

แต่ทำไมบรรยากาศคืนนี้ช่างแตกต่างจากสองคืนที่ผ่านมาเสียจริง เราต่างนอนครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ในความมืดสลัว ฟังเสียงลมหนาวโชยพัดมาเบาๆ สองคืนที่แล้วเรานอนคุยกันจนหลับ แต่คืนนี้เรากลับไม่รู้จะคุยอะไรกัน ได้แต่นอนกระสับกระส่ายไปมา ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำใดออกไป

แต่ในที่สุดก็มีผู้กล้าทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนี้จนได้ พี่ชายสุดที่รักของผมนั่นเอง

"นัทหนาวหรือเปล่า"

ผมแอบยิ้มดีใจในความมืด เมื่อการสนทนาเริ่มขึ้นย่อมเกิดหนทางที่จะนำไปสู่สิ่งที่มุ่งหวังได้

"นิดหน่อย"

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงตอบไปอย่างนั้น พอปิดประตูห้องและห่มผ้าหนาๆ มันก็ไม่ค่อยหนาวแล้ว สักพักผมก็รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหว จนกระทั่งมือของใครอีกคนสัมผัสกับมือของผมและกุมไว้

"หายหนาวหรือยัง"

ผมขำเบาๆ "แค่นี้...จะหายหนาวได้ยังไงล่ะ"

ผมตอบไปอย่างประหม่า น้ำเสียงสั่นๆ จนคนฟังน่าจะพอรู้สึกได้ แฟรงค์กุมมือผมแน่นขึ้น เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าแฟรงค์กำลังตัดสินใจ สักพักเราสองคนก็พลิกตัวหันหน้ามาเผชิญกันในความมืดสลัว

"ถ้าพี่กอดนัท นัทจะว่าอะไรพี่มั้ย นัทจะได้หายหนาวไง"

"แล้วแต่พี่แฟรงค์ดิ" ผมบอกไปอย่างอายๆ

แฟรงค์ใช้มือดันตัวผมให้พลิกไปอีกด้าน แล้วก็นอนกอดผมไว้จากทางด้านหลัง ใกล้ชิดเสียจนผมได้ยินเสียงลมหายใจของแฟรงค์ที่รดอยู่ตรงต้นคอ

"หายหนาวหรือยัง" แฟรงค์ถามคำถามเดิมอีก เสียงพูดดูเหมือนมีแต่เสียงลมมากกว่าเนื้อเสียง

"หายแล้ว"

ผมบอกเสียงแผ่วเบา สัมผัสจากความรักที่แสนอบอุ่นของแฟรงค์ ทำให้ผมปั่นป่วนจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

"พี่แฟรงค์"

"หืม"

"นัท...รู้สึกดีนะ"

พูดไปแล้วผมก็ยังไม่รู้เลยว่า "รู้สึกดี" ของผมคือรู้สึกยังไงกันแน่

"อ๋อ...พี่ก็รู้สึกดีเหมือนกัน"

แฟรงค์พูดแล้วก็ซุกจมูกลงตรงคอผม แถมยังเบียดกอดกระชับผมแน่นขึ้นอีก

"นัทตัวหอมนะ" แฟรงค์ฝังจมูกสูดดมเบาๆ

ใจผมเต้นรัวไม่เป็นส่ำ ประสาทสัมผัสทุกอย่างตื่นจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว ยิ่งสัมผัสได้ถึงการดุนดันของสิ่งที่อยู่ข้างหลังแล้ว ความต้องการจากข้างในก็ยิ่งถูกปลุกเร้าจนแทบระเบิด

"พี่แฟรงค์อย่าเบียดนัทสิ เดี๋ยวหายใจไม่ออก"

ผมกัดฟันบอกไป นี่คงเป็นการห้ามที่ไม่ได้ผลที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา เพราะแฟรงค์ยิ่งกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม แถมมือยังไม่อยู่สุข คอยลูบไล้ไปตามแขนและหน้าอกของผมด้วย

"ก็พี่กลัวนัทหนาวไง พี่ไม่อยากให้คนที่พี่รักนอนหนาวรู้เปล่า"

"แล้วพี่แฟรงค์ลูบตัวนัททำไมล่ะ"

"นั่นสิ" แฟรงค์ขำเบาๆ แต่มือก็ยังไม่ยอมหยุด "นัท"

"หืม"

"นัทชอบมั้ยที่พี่ทำแบบนี้"

ผมเคยได้ยินเรื่องคนสำเร็จความใคร่โดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรกับส่วนนั้นของตัวเองมาบ้าง ผมรู้สึกว่าอาการนั้นกำลังจะเกิดกับผมแล้ว เพียงแค่สัมผัสที่ปลุกเร้าผมก็แทบจะกลั้นไม่ไหว

"ชอบ" ผมตอบสั้นๆ

"ชอบมากหรือเปล่า"

"พี่แฟรงค์"

ผมไม่ตอบแต่พยายามพลิกตัวหันไปเผชิญกับแฟรงค์ ใบหน้าของเราสองคนใกล้ชิดกันจนได้ยินเสียงลมหายใจแห่งความปรารถนา แฟรงค์ตระกองกอดผมไว้ไม่ยอมปล่อย ผมสอดแขนเข้ากอดแฟรงค์ไว้หลวมๆ เช่นเดียวกัน

"พี่...ขอจูบนัทได้มั้ย พี่จะพยายามไม่ให้มันเลยเถิด"

ผมไม่ตอบว่าได้หรือไม่ แต่เอาริมฝีปากของผมไปแตะกับริมฝีปากของแฟรงค์แทน คงไม่ยากที่แฟรงค์จะรู้ว่าควรทำยังไงต่อ แฟรงค์ประกบริมฝึปากกับผมแน่น แทบไม่มีช่องอากาศให้รั่วไหลออกมาได้เลย จากนั้นก็ค่อยๆ อ้าปากขึ้น สูดลมหายใจ ราวกับว่าแฟรงค์จะดูดลมหายใจออกจากปอดผม ช่างเป็นการจูบที่เสียวซาบซ่านเหลือเกิน เหมือนว่าเราเป็นคนๆ เดียวกัน ใช้ลมหายใจร่วมกัน หายใจเข้าออกพร้อมกัน

เราจูบกันอยู่นานกว่านาที มือไม้ของเราอยู่ไม่สุขเลย รู้ตัวอีกทีเสื้อผ้าก็หลุดลุ่ย กางเกงก็ถูกดึงลงไปคาที่ต้นขา แฟรงค์ถอนปากออกและหอบหายใจ แววตาของเราสองคนเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ยากจะหยุดยั้ง

"นัท...พี่...พี่ทำมากกว่านี้ได้มั้ย" แฟรงค์ถามเสียงสั่น

ผมนอนนิ่งและมีท่าทีลังเล

"พี่ไม่ทำให้เจ็บแผลหรอก"

"แต่..." ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ

แฟรงค์เขยิบใบหน้าเข้ามาใกล้ผม สองมือประคองแก้มสองข้างของผมไว้

"พี่ทนไม่ไหวแล้ว พี่ขอโทษนะ คืนนี้พี่คงนอนไม่หลับแน่ถ้า..."

ผมก็ต้องขอโทษแฟรงค์ด้วยที่ห้ามใจตัวเองไม่ไหวเหมือนกัน ก็เลยยื่นริมฝีปากไปแตะกับริมฝีปากของแฟรงค์เบาๆ อีกครั้ง แฟรงค์คงเดาออกว่าผมยอมจำนนต่ออำนาจดำฤษณาแล้ว!


- TBC -[/center]

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-12-2015 12:27:45
มันจะหวานเกินไปแล้วววววว
โอย.....อิจฉา

ชอบตอนไประลึกความหลังในที่ที่เป็นความทรงจำสวยงาม

บางครั้งแม้ความจริงในปัจจุบันจะไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง
การมองดูบางที่ บางสิ่ง ก็นำพาความทรงจำล้ำค่ามาโอบกอดหัวใจให้ได้ยิ้มเหมือนวันนั้นอีกครั้ง

ขอให้จับมือกันอย่างมั่นคงนะ

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า ขอให้คุณ sarawatta ร่างกายแข็งแรง มีความสุข ประสบความสำเร็จดั่งตั้งใจ
ขอบคุณที่ถ่ายทอดเรื่องราวดี ๆ มาให้อ่านนะ

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 27-12-2015 12:48:07
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าคับผู้แต่ง
  ชอบตอนนี้มากคับ อ่านแล้วอินตามเลย ๕๕๕ จะมีตอนพิเศษคืนนับถอยหลังเข้าปีศักราชใหม่มั้ยคับ
   ตอนใหม่มาเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-12-2015 12:49:05
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 27-12-2015 16:11:45
เข้ามาอ่านยาวเลย.....พี่แฟร้งนี้เป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่นมาก ..แต่เรื่องเพียวยังค้างอยูเลยนะ...พ่อแม่อีกละ ...การที่แฟร้งส่งรูปให้เฟิ์นแสดงว่าพี่น้องเข้ารู้กันดีอยู่แล้วแหละ ..ตอนนี้สวีทหวานมากค่ะ....
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-12-2015 16:32:37
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ ขอให้คุณ sarawatta มีความสุข สุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บนะคะ

ตอนนี้หวานกันซะจนอิจฉาตาร้อนเลยค่ะ แต่พอกลับไปคงมีอุปสรรคใหญ่รออยู่แน่ๆ หวังว่าทั้งคู่จะเข้มแข็งพอที่จะจับมือกันผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 27-12-2015 18:30:35
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ   ว่าจะมาทักทายช่วงคริสต์มาสแต่พอดีที่นี่ฉลองกันก็เลยลืมๆไป   ขอให้มีความสุข ได้ตามที่หวัง ค่ะ

เราว่าพอจะมองออกแล้วนะว่าอนาคตของสองคนนี้จะไปทางไหนในแง่ของการเลี้ยงชีพ  ที่คุยๆกันนั้นมีแต่ช่องทางทำมาหากิน   ปรึกษาอนาคตกันแล้ว  ถ้าหากว่าพ่อแฟรงค์ไม่ยอมงอนะ    แฟรงค์แสดงออกว่าเป็นพ่อบ้าน เป็นสามีที่ดี    การรำลึกถึงความหลังเป็นสิ่งที่ดีเพราะว่าทำให้ตระหนักมากขึ้นว่ารักกันได้ยังไง เพราะอะไร เท่าไหร่    บ่อยครั้งการหวนกลับไปคิดถึงความหลังเก่าๆใจช่วงที่กำลังมีปัญหาก็สามารถช่วยได้เพราะอาจจะทำให้นึกออกว่าเคยรักกันมากเท่าไหร่

เรารู้กันว่าพ่อแม่แฟรงค์ไม่ยอม  แต่แม่นัทล่ะ?   เรายังนึกตะหงิดใจเรื่องที่แม่นัทไม่ยอมพานัทไปหาหมอตอนที่นัทไม่สบาย  บุคลิกของคนเป็นแม่ก็คือใส่ใจในเรื่องของลูก   แต่ท่าแม่นัทจะเป็นแม่ค้าก่อนเป็นแม่หรือเปล่า?  คือใส่ใจกับการทำมาหากินมากกว่าใส่ใจเรื่องลูก   แต่ละคนก็วาง Priority ของชีวิตไว้ไม่เหมือนกัน

เรื่องพ่อแฟรงค์นี่เราเข้าใจที่พยายามแยกสองคนนี้เมื่อก่อนนะ  ตัดไฟแต่ต้นลม  ซึ่งก็ดูแล้วโอเคจนกระทั่งแฟรงค์ไปเจอนัทเข้า   เรารู้สึกว่าพ่อแฟรงค์ก็ยังพยายามแยกแยะนะที่ไม่แสดงอาการอะไรกับนัทหรืออาจจะยังอุ่นใจว่ายังมีเพียวอยู่ 

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ
หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 27-12-2015 19:38:49
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะค่ะคุณsarawatta ขอให้คุณมีความสุขในวันปีใหม่ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และขอให้ครอบครัวคุณมีแต่ความสุขค่ะ

(http://www.mx7.com/i/b07/HD39xT.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yOAeJ2BBDWRgQDVU)
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกได้ว่าความรักของทั้งคู่ตอนนี้เติบโตเร็วมากนัทเองก็ไม่ฝืนหัวใจตัวเองแล้วนัทน่ารักมากจริงๆตอนนี้ พี่แฟร้งก็เป็นพ่อบ้านทีดีเรียกได้ว่าสามีที่ดีเลยที่เดียว ต่อไปก็เหลือแต่พ่อกับแม่แล้วซินะ ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าท่านจะยอมรับความรักแบบนี้ได้ ขอให้ทั้งคู่อดทนอย่างที่พี่แฟร้งบอกอย่าปล่อยมือกันก็พอ..
ขอบคุณคุณsarawatta ที่แต่งนิยายดีดีมาให้ได้อ่านนะค่ะ อ่านแล้วก็ได้ขอคิดเยอะแยะเลย ว่าถ้าเราเป็นพ่อแม่และต้องมารับมือกับเรื่องพวกนี้เราควรจะทำยังไง อ่านไปก็ได้ข้อคิดดีดีไปด้วยคือได้รับความบรรเทิงและประโยชน์ไปพร้อมๆกัน
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 27-12-2015 21:50:33
 :m16: เออ มันค้างอ่ะ  :mew5: 555 ชอบแฟรงค์เวอร์ชั่นนี้จริง ๆ ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มดีน่ะ ตอนนี้ฟรุ้งฟริ้งมาก ๆ เลยน่ะ เราเคยไปเที่ยวเขาค้อมาก่อนน่ะ แต่เปลี่ยนไปมากเลยน่ะ สงสัยต้องหาโอกาสไปเที่ยวอีกแหละ เพราะไปแต่ละที่ไม่เคยไปซ้ำเลยน่ะ อ่านแล้วได้บรรยากาศมากเลย คนแต่ง ๆ จนเห็นภาพเลยน่ะ  :o8: นัทยอมใจอ่อนจนได้เลย  :hao3: ยังไงหวานกันไปก่อนน่ะ เพราะกำลังได้กินมาม่าเร็ว ๆ นี้แหละ ถ้าพ่อรู้เมื่อไหร่แฟรงค์เสร็จแน่ ๆ ตอนนี้กำลังอยู่ในห้วงฝันอยู่ กลับเมื่อไหร่ก้อหมดแหละ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-12-2015 22:32:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 28-12-2015 01:21:10
อ๊าก ตัดจบแค่นี้เหรอ ค้างกันเลยทีเดียวววว = =
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 28-12-2015 06:39:13
บรรยากาศหน้าหนาวมาเต็มๆ ถึงตอนนี้อากาศจริงจะไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่

ร้านในรูปสวยมาก มีจริงๆ ใช่ไหมครับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ✥14✥ รักใหม่ที่บ้านเกิด ✥P8✥ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 28-12-2015 10:59:55
พี่แฟรงค์อบอุ่นมาก  บางฉากอ่านละแอบขำ เหมือนที่นัทบอก พี่แฟรงค์ตลกอ่ะ 5555+
ชอบบรรยากาศตอนนี้มาก

ตอนสุดท้ายนี่ ไหนบอกไม่เลยเถิดไงพี่แฟรงค์ สุดท้ายก็ห้ามใจไม่ไหวอะสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ❉14❉ รักใหม่ที่บ้านเกิด ❉P8❉ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 28-12-2015 13:15:31
เห็นน้องหมดเรื่องพูดก็เลยเสนอให้คุยกันด้วยภาษากายแทนเสียเลยใช่ไหมคะแฟรงค์ :-[

ส่วนโซ้ยน่ารักนะคะ ดีใจใหญ่เลยที่เพื่อนสมัยประถมมาเยี่ยมเยือน ^^
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ❉14❉ รักใหม่ที่บ้านเกิด ❉P8❉ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 28-12-2015 16:42:48


จะหาว่าเราอินหรืออะไรก็ได้ค่ะ แต่พออ่านแล้วเราไม่ได้รู้สึกดีกับตัวละครทั้งสองเท่าไร
เพราะเรื่องของเพียวยังไม่ได้คำตอบที่แน่นอน และสถานะของแฟรงค์กับเพียวเองก็ยังเป็นคู่หมั้นที่ใกล้จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเต็มที... คงจะดีกว่านี้ หากทั้งแฟรงค์และนัทจะยับยั้งชั่งใจไม่เลยเถิดกัน เพราะอย่างไรเสีย... หากแฟรงค์แน่วแน่กับการคบนัทไปตลอดชีวิต จะหวานกันให้มากกว่านี้เมื่อไร ก็คงจะทำได้ไม่ยากนัก - คือ... มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้สิคะ ไม่ค่อยสบายใจล่ะมั้ง

เอาเป็นว่า เราจะรอติดตามทางออกของตัวละครทั้งหมดในเรื่องแล้วกันค่ะ
ขอบคุณ และสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ



 

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ❉14❉ รักใหม่ที่บ้านเกิด ❉P8❉ 27.12 (ตอนสุดท้ายของปี)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 28-12-2015 18:19:50
@alternative
ผมเขียนเองก็ยังอิจฉาตัวละครซะเองเลยครับ อิๆ อยากได้แบบนี้มั่งจัง ห่อให้ด้วยนะห่อให้ด้วย 555

@GuoJeng
ไม่น่าจะมีตอนพิเศษช่วงนี้ครับ ผมจะสลับไปเขียน "ต้น-สน" ช่วงปีใหม่นี้ ขอเอาฤกษ์คืนข้ามปีปิดตำนาน "ต้น-สน" ที่แสนรักของผมละกันครับ

@iceman555
เห็นขูดหน้าจนเลือดซิบๆ ตลอดเลย ขอบคุณที่มาติดตามครับ หวังว่าจะทนกับดราม่าปวดตับนี้จนจบเรื่องนะครับ

@Alice111
ผู้ชายในฝันของผมเป็นแบบไหน ผมเอามาใส่ในแฟรงค์ไว้หมดเลย อิๆ

@Jibbubu
ก็เลยต้องให้หวานก่อน เพราะกลับไปแล้ว ไม่อยากจะบอกเลยว่า...เหอๆ

@Freja
ผมอาจจะลืมอธิบายว่าแม่ของนัทเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง ผมเจอมากับตัวว่ามีแม่ที่ไม่เชื่อว่าลูกเป็นไข้เลือดออก ไม่ใช่ไม่รักลูกนะครับ แต่อะไรซักอย่างทำให้ไม่เชื่อ คิดว่าเป็นไข้ธรรมดา แล้วคนที่ขอร้องอ้อนวอนพาเด็กคนนั้นไปโรงพยาบาลก็คือผมนี่แหละ เสียน้ำหูน้ำตาไปเยอะเลยกว่าจะยอมพาไป ไม่งั้นน้องสาวผม (ลูกพี่ลูกน้อง) คงตายไปแล้ว เค้าโตมาแล้วยังจำเรื่องนี้ได้เลย ฉากนี้จึงมาจากประสบการณ์จริงของผมเอง

@PFlove
ขอบคุณสำหรับคำชื่นชมครับ จะพยายามเขียนนิยายให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ผมชอบนิยายที่แฝงข้อคิด แก้ปัญหายากๆ หมิ่นเหม่ๆ ผิดพลาด ฯลฯ แล้วก็ค่อยๆ เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา แก้ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ก็เหมือนชีวิตจริงๆ ของเรานี่แหละ

@kitty08
555 ผมว่าผมก็มีแฟรงค์แค่เวอร์ชันเดียวนะครับ สงสัยจะสับสนกับ "สน" แน่ๆ เลย ตอนเขียน "ไร้รัก" ผมเผลอเขียนชื่อ ต้นกับสนในเรื่องนี้บ่อยๆ แต่โชคดีที่รู้ตัวแล้วแก้ได้ทัน

@yowyow
ขอบคุณที่มาติดตามนะครับ อยากฟังความคิดเห็นบ้างถ้ามีโอกาส

@Magis
ไม่อยากเขียนฉากอย่างนี้เยอะเท่าไหร่ (แต่ชอบนะ) ขอใช้มุมกล้องช่วยละกันนะครับในตอนต่อไป

@insomniac
เป็นร้านที่มีจริงๆ ครับ ผมไปมาแล้ว ตอนที่ไปยังไม่สวยขนาดนี้เพราะยังตกแต่งไม่เสร็จ

@└X • €NouGh •
ใครจะห้ามใจได้ไหวล่ะ ก็ใกล้ชิดกันซะขนาดนั้น 555

@Mouse2U
555 เปลี่ยนมาใช้ภาษากายบ้างก็ดีครับ คนเขียนก็จะได้ไม่ต้องเขียนบทพูดเยอะๆ

@Malimaru
ไม่แน่ใจว่าเคยอ่านเรื่อง "บาปรัก" (http://www.bloggang.com/viewprofile.php?id=baprak&action=viewprofile) ของพี่ยศกับน้องเป้ ชีวิตเกย์ที่แสนรันทดในตำนานหรือเปล่าครับ ถ้ายัง ลองตามลิงค์ที่ผมทำให้ไว้ดูครับ อยากให้อ่านเรื่องนี้ เอ๊ะ เหมือนผมกำลังจะบอกใบ้ว่าต่อไปเรื่องจะเป็นยังไงเลย 555 - ประเด็นที่ทำให้คนอ่าน "สะดุดใจ" ในเรื่องนี้หลายๆ ประเด็นเป็นความตั้งใจของคนเขียนเลยครับ อย่างเช่น บางคนสะดุดใจว่าทำไมแฟรงค์ต้องร้องไห้ตอนเจอนัทครั้งแรก ผู้ชายไม่น่าอ่อนไหวขนาดนั้น แต่สุดท้ายมันก็มีที่มาที่ไปครับ หรือทำไมแฟรงค์ถึงควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เวลาเจอนัท ก็มีที่มาที่ไปเช่นเดียวกัน ส่วนประเด็น "บาปรัก" ที่เกิดขึ้นนั้น จะพาไปจบลงตรงไหน ต้องมาติดตามตอนต่อๆ ไปครับ

พบกันปีใหม่ครับ ขอให้ทุกคนสุขภาพกายและใจแข็งแรงๆ มีทัศนคติบวกกับชีวิต เลือกครูถูก เลือกอาชีพถูก เลือกคู่ครองถูก
เพราะชีวิตสำคัญที่การเลือกครับ

:) Sarawatta :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊14┊ รักใหม่ที่บ้านเกิด ┊P8┊ 27.12 ┊ตอบเมนต์ P9┊
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 28-12-2015 18:36:46
ดราม่าพ่อแม่แฟรงค์ทำเอาเราเครียดเลยค่ะ

แต่แฟรงค์กับนัทหวานกันพอให้อภัยได้
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊14┊ รักใหม่ที่บ้านเกิด ┊P8┊ 27.12 ┊ตอบเมนต์ P9┊
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 28-12-2015 21:25:34
หวานปานจะกลืนกิน
แต่กลับไปต้องเจอกับมาม่าหม้อใหญ่แน่ไ เห้อ! เอาใจช่วยละกันนะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊14┊ รักใหม่ที่บ้านเกิด ┊P8┊ 27.12 ┊ตอบเมนต์ P9┊
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 28-12-2015 21:27:16
ถึงขนาดต้องใช้มุมกล้องกันเลยเหรอครับ -- --
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊14┊ รักใหม่ที่บ้านเกิด ┊P8┊ 27.12 ┊ตอบเมนต์ P9
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-12-2015 22:59:28
เตรียมตั้งรับดราม่า แต่ความเจอความหวานโรงงานน้ำตาลถล่ม  :a11:

ฉากร้านกาแฟวิวสวยมากๆ เลยค่ะ มโนว่าตัวเองไปนั่งทานกาแฟที่นั่น

มีอาหารตาแบบแฟรงค์กับนัทนั่งจีบกัน  :heaven
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊14┊ รักใหม่ที่บ้านเกิด ┊P8┊ 27.12 ┊ที่มาของเรื่อง P9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-12-2015 09:49:19
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊14┊ รักใหม่ที่บ้านเกิด ┊P8┊ 27.12 ┊ที่มาของเรื่อง P9
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 29-12-2015 10:09:34
อยากเขียนตอนต่อไปมากๆ เลย แต่ต้องอดใจไว้ก่อน ไม่อยากดราม่าช่วงปีใหม่
แต่บอกได้เลยว่ามันดราม่าสุดๆ กระชากหัวใจสุดๆ เตรียมผ้าขนหนูให้ดีๆ ละกันครับ

อยากเล่าที่มาของเรื่องให้ฟัง (ผมเองก็จะได้บันทึกไว้ด้วยก่อนจะลืม)

จุดเริ่มต้น
เพิ่งไปเที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน (2558) ที่ผ่านมาครับ หลงรักที่นี่เลย
ชอบหน้าหนาว ชอบฟ้าใสๆ ชอบทิวต้นสน ก็เลยทำให้อยากเขียนนิยายเกี่ยวกับเขาค้อ-ภูทับเบิกและหน้าหนาวขึ้นมา

นิยาย/หนัง/ละคร ที่เป็นแรงบันดาลใจ

XXXX (หนังไทยเก่าเรื่องหนึ่ง) - ภาพแรกของนิยายเรื่องนี้มาจากเรื่องนี้เลยครับ แต่เฉลยตอนนี้ไม่ได้ เฉลยปุ๊บคนจะรู้ปั๊บว่าเรื่องนี้จะจบยังไง ผมเคยดูเมื่อปี 2529 ตอนนั้นเด็กมากๆ จำเนื้อหาเรื่องไม่ได้หรอก แต่จำฉากจบของมันได้ ติดตามาจนถึงทุกวันนี้

Autumn in my heart - ขอยืมบรรยากาศซีรี่ส์สุดคลาสสิคของเกาหลีมาอีกครั้ง เรื่องนั้นมีพี่ชาย-น้องสาว แต่เรื่องนี้มีพี่ชาย-น้องชาย ถ้าจำได้ ฉากที่ยุนจุนโซกับยุนอึนโซกลับมาพบกันครั้งแรก ตอนนั่งคุยกันในร้านอาหาร พี่ยุนจุนโซน้ำตาไหล ผมชอบอารมณ์นั้นมาก อีกฉากที่ชอบก็คือฉากที่ยุนจุนโซวิ่งกลับบ้านมาหายุนอึนโซ แล้วยุนอึนโซก็สงสัยว่าพี่ชายวิ่งมาทำไม

บาปรัก - เรื่องเล่าความรักของเกย์สุดสะเทือนใจระหว่างพี่รหัสและน้องรหัส (พี่ยศ น้องเป้) ที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง พี่รหัสแต่งงานมีลูกแล้ว แต่ก็เผลอรักน้องรหัสและมีความสัมพันธ์กัน แต่บาปรักนั้นก็ให้ความเจ็บปวดที่แสนทรมาน (อย่างสาสม)

แฟนฉัน - ให้บรรยากาศต่างจังหวัดในสมัยก่อนที่เป็นบ้านเกิดของเรา ชีวิตในวัยเด็กที่สดใสและมีความทรงจำดีๆ มากมาย

ธุรกิจนี้มีรัก - นิยายที่ผมเขียนเอง เดี๋ยวจะรู้ว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นแรงบันดาลใจให้ด้วย

----------------------------------------------------

ชอบเรื่องนี้มากครับ เสียดายที่มันไม่ยาวมาก อีกไม่นานก็จะจบแล้ว
เป็นเรื่องที่เขียนแล้วอยากรวมเล่มเลย ค่อนข้างพอใจกับพล็อตและภาษามาก

ส่วนต้น-สน ถ้าผมมีเวลาปรับแก้ภาษาทั้งหมด 43 ตอน อาจจะรวมเล่มครับ
อย่าลืมนะครับ 31 ธันวาคม 2558 เวลา 23:59:59 ผมจะลง "ต้น-สน" ตอนพิเศษ 5 เพื่อปิดตำนาน "ต้น-สน" ที่แสนรักของผม

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

:) Sarawatta :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊14┊ รักใหม่ที่บ้านเกิด ┊P8┊27.12┊ที่มาของเรื่อง P9
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 29-12-2015 10:55:09
มาลงชื่อไว้ก่อน จะมาติดตามครับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ พายุหน้าหนาว ┊ลง 1.1.16┊ที่มาของเรื่อง P9
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-12-2015 16:21:12
จริงหรือเปล่าค่ะว่าต้น สน อาจจะรวมเล่มน่ะ เราต่อคิวรอก่อนเลยล่ะกันค่ะ

ปล.รอต้น สน ตอนพิเศษที่จะลงอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ พายุหน้าหนาว ┊ลง 1.1.16┊ที่มาของเรื่อง P9
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-12-2015 17:22:02
จริงนะค่ะต้นสนจะรวมเลม..ต่อแถวอยากได้มาไว้อ่านด้วยคน... :กอด1: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ พายุหน้าหนาว ┊ลง 1.1.16┊ที่มาของเรื่อง P9
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-12-2015 20:59:20
แบบนี้ตอนหน้าดราม่ามาเต็มแน่เลย

------------------
พรุ่งนี้หยุดเทศกาลปีใหม่จะกลับไปบ้านที่มีนบุรีค่ะ
หน่วงๆ อึนๆ ในใจตั้งแต่ทราบข่าวเมื่อ 3 วันก่อน
เขาเป็นรุ่นน้องสมัยปวส. และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นตอนเรียนมหาลัย
เสียชีวิตอย่างสงบด้วยวัยเพียง 36 ปี  ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนเลย  :o11: 
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ เดือดศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 30-12-2015 22:33:19
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 15 ✢ เดือดศึกสายเลือด


(http://bit.ly/2lPHQVt)
[/center]

แสงสว่างจากข้างนอกที่ลอดเข้ามาในห้องทำให้ผมลืมตาตื่นงัวเงีย พอปรับสายตาได้ก็หันไปมองคนที่นอนข้างๆ กะว่าจะกอดคลอเคลียและหอมแก้มใสให้ชื่นใจเสียหน่อย กลับต้องตกใจสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง เมื่อพบว่าคนที่ควรจะนอนอยู่ข้างๆ หายไปเสียแล้ว

"นัท"

ผมเรียกชื่อนัทแล้วก็สลัดผ้าห่มออกจากตัว ถลาลงจากเตียงแล้วก็วิ่งโทงๆ ด้วยชุดชั้นในตัวเดียวไปดูในห้องน้ำ แต่นัทก็ไม่อยู่ในนั้น ผมหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกายอย่างเร็วๆ แล้วเปิดประตูออกไปข้างนอก ลมหนาวเย็นยะเยือกกระทบผิวกายจนแทบสั่นสะท้าน แต่ผมไม่สนใจความหนาวนั้นเลย

กวาดตามองแล้วก็เห็นนัทยืนกอดอกอยู่เยื้องๆ ระเบียงบ้านที่เราพัก มองดูดวงอาทิตย์สีขาวขมุกขมัวเพราะหมอกลงหนาจัดอย่างสบายอารมณ์ นัทใส่กางเกงผ้ายืดและเสื้อกล้ามสีขาว มีผ้าขนหนูพันคอไว้กันหนาว แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วยได้มากแค่ไหน

"นัท"

ผมร้องเรียก ไม่กล้าวิ่งลงไปหาเพราะแต่งตัวไม่สุภาพ

"อ้าวพี่แฟรงค์ ตื่นแล้วเหรอ"  นัทหันมามองแล้วก็ยิ้มให้ผม

"นัทขึ้นมาหาพี่หน่อย"

นัทขมวดคิ้วมองผมอย่างสงสัย แต่ก็เดินขึ้นมาหาโดยดี พอนัทมาถึงตัวผมก็ตรงเข้ากอดนัทไว้ราวกับกลัวว่าจะหายไปไหน

"พี่ตกใจหมดเลย นึกว่านัทหายไปไหนซะแล้ว"

นัทกอดผมตอบเบาๆ อย่างงงๆ คงไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงหน้าตาตื่นขนาดนี้

"พี่แฟรงค์เป็นอะไรหรือเปล่า"

ผมปล่อยนัทออกจากอ้อมกอด ก่อนจูงมือนัทเข้ามาในห้องเพราะไม่อยากให้ใครเห็น พอนัทถอดรองเท้าออก ผมก็ช้อนตัวนัทขึ้นมาอุ้มทันที เดินไปที่เตียงแล้วก็วางนัทลงเบาๆ ผมดึงผ้าขนหนูตัวเองออกวางไว้ที่ปลายเตียง ก่อนจะขึ้นไปนอนเคียงข้างและดึงผ้าห่มมาคลุมกายไว้

"พี่แฟรงค์เป็นอะไร" นัทยังคงมองผมอย่างงงๆ

"พี่อยากตื่นขึ้นมาแล้วเจอนัทไง นัทจำได้มั้ย...วันนั้นที่พี่ตื่นมาแล้วไม่เจอนัท พี่ใจหายหมดเลย แล้ววันนั้นนัทก็มายื่นจดหมายลาออกกับพี่ แล้วเราสองคนก็ไม่ค่อยได้คุยกันอีก พี่ไม่อยากให้เป็นอย่างงี้อีกแล้ว นัทเข้าใจพี่ใช่มั้ย"

ผมไม่รู้ว่านัทเข้าใจความรู้สึกนี้ของผมมากแค่ไหน แต่รอยยิ้มของนัทคงพอจะบอกได้ว่านัทคงจะเข้าใจบ้าง ผมโน้มตัวไปหอมแก้มนัททั้งข้างซ้ายและขวา เจ้าตัวก็เลยเปลี่ยนจากงงเป็นเขินแทน

"นัทจำไว้นะ พี่จะทำทุกอย่าง...เพื่อที่วันนึงตื่นขึ้นมาแล้วจะได้เจอนัทนอนอยู่ข้างๆ พี่ทุกๆ เช้า วันนั้นจะเป็นวันที่พี่มีความสุขมากที่สุดในชีวิต"

นัทยิ้ม สักพักก็ทำหน้ารู้สึกผิด "นัทขอโทษด้วยนะที่ทำให้พี่แฟรงค์ตกใจ ต่อไป...นัทจะไม่ทำอย่างงี้อีก"

ผมปัดเกลี่ยผมที่ปรกหน้านัทออกอย่างเบามือ ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากชมพูเรื่อเบาๆ

"พี่รักนัทนะ อีกไม่นาน...เราสองคนจะตื่นขึ้นมาเจอกันแบบนี้ทุกๆ วัน แค่คิดก็มีความสุขแล้ว"

นัทโอบรอบคอผมไว้เบาๆ รอยยิ้มบางๆ นั้นช่างน่ารักในสายตาของผมเหลือเกิน ไม่รู้ว่านัทรู้สึกยังไงบ้างที่อยู่ดีๆ ก็ได้เปลี่ยนชีวิตเป็นฝ่ายรับ น่าขำที่เราสองคนแทบไม่ได้ตั้งตัวกันเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วปานสายฟ้าแลบ

"ไปกินข้าวเช้ากัน จะได้กลับถึงกรุงเทพไวๆ"

นัทพยักหน้า ผมปล่อยนัทเป็นอิสระแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะลงจากเตียงไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเอง ส่วนนัทก็นั่งๆ นอนๆ รอบนเตียงเพราะเสร็จธุระก่อนผมตั้งนานแล้ว
.
.
ระหว่างนั่งกินข้าวเช้าด้วยกันกับนัทที่ห้องอาหารของรีสอร์ท เฟิร์นก็ส่งไลน์มาหาผม

"พี่แฟรงค์ห้ามใจอ่อนนะ อย่าให้พ่อบังคับพี่อีก เฟิร์นจะเอาใจช่วย"

ผมอ่านไลน์ที่น้องสาวส่งมาให้แล้วก็ยิ้ม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเฟิร์นถึงไม่ค่อยชอบเพียว ยิ่งรู้ว่าที่บ้านของเพียวยืมเงินไปเกือบล้านแล้วไม่คืนก็ยิ่งไม่ชอบใหญ่ แอบยุให้ผมทวงเงินคืนอยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้ทำตามที่น้องสาวบอกหรอก

ผมส่งสติ๊กเกอร์โอเคให้เฟิร์นแล้วก็กินข้าวต่อ พอนึกอะไรบางอย่างได้ก็ถามนัท "นัทต้องไปฉีดยาก่อนใช่มั้ย"

นัทพยักหน้า "ใช่ เข็มสุดท้ายแล้ว"

"พี่เกือบลืมเลย กินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวเราไปโรงบาลกันเลยนะ อ้อ เมื่อคืน...พี่ทำให้นัทเจ็บแผลกว่าเดิมหรือเปล่า" ผมถามยิ้มๆ

นัทขำเบาๆ แล้วก็เสมองไปทางอื่น "สงสัยจะได้ยาดี ไม่เห็นเหรอว่านัทเดินเองได้แล้ว"

ผมคงจะขำก๊ากดังๆ ไปแล้วถ้าไม่ติดว่าอยู่ในที่สาธารณะ แต่กระนั้น ผมก็แทบสำลักข้าวที่กำลังกินอยู่เลยทีเดียว นี่ผมกำลังจะทำให้น้องของผมแก่แดดแก่ลมเรื่องพวกนี้มากขึ้นทุกวันๆ หรือเปล่า

... ... ...

มาถึงกรุงเทพแล้วผมก็แวะส่งนัทที่รีสอร์ทก่อน จากนั้นจึงขับรถกลับบ้าน มาถึงก็ราวๆ หกโมงเย็น ว่าจะไปหาปู่ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเสียหน่อย แค่ก้าวขาแรกแม่ก็เดินรี่มาบอกให้ผมขึ้นไปคุยกับพ่อข้างบนเพราะพ่อกำลังรออยู่ สีหน้าของแม่ดูกังวลมาก พ่อคงจะจัดการผมภายในเย็นนี้แน่ แม้จะกล้าๆ กลัวๆ ผมก็ขึ้นมาหาพ่อตามที่แม่บอกแต่โดยดี

พ่อยืนเอามือไพล่หลังรออยู่ในห้องที่พ่อเอาไว้ทำงานที่บ้าน พอผมเข้ามาในห้อง พ่อก็พูดขึ้นโดยที่ไม่หันมามองด้วยซ้ำ

"รู้ตัวหรือเปล่าว่าแกกำลังทำอะไรอยู่"

น้ำเสียงแห่งอำนาจนั้นทำให้ผมหยุดยืนกับที่ หันไปมองข้างหลังก็เห็นแม่แอบมายืนด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าประตู คอยฟังว่าผมกับพ่อจะคุยอะไรกัน เท่านี้ผมก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องใหญ่

"รู้ครับ" ผมตอบพ่อไปสั้นๆ

"แล้วแกจะเอายังไง!" พ่อหันมาถามเสียงดังจนผมสะดุ้งตกใจ แต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือไว้

ผมมองหน้าเครียดเขม็งของพ่อแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ผมจะไม่แต่งงานกับเพียวครับ!"

"นี่แกจะบ้าไปแล้วเหรอแฟรงค์!"

พ่อย่างเท้ามายืนตรงหน้าผม สายตาดุและมีอำนาจทำให้ผมเกรงกลัวจนต้องหลบตา

"แกอายุเท่าไหร่แล้ว หมั้นกันแล้ว เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว อยู่ดีๆ แกจะมาล้มงานแต่งงานได้ยังไง พ่อไม่อนุญาต!"

"ผมไม่ได้รักเพียวครับพ่อ" ผมเถียงออกไปบ้าง ยิ่งทำให้พ่อโกรธเข้าไปใหญ่

"แกว่าไงนะ! ถ้าแกไม่ได้รักหนูเพียวแล้วแกรักใคร อย่าบอกนะว่า"

"ใช่ครับ ผมรักนัท ผมรักนัทมาตั้งนานแล้ว พ่อก็รู้ดีไม่ใช่เหรอครับ!"

ผมพูดเสียงดังใส่พ่อ ดูท่านตกใจมากจนมือไม้สั่น แต่ก็พยายามควบคุมโทสะไว้

"แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอแฟรงค์! แกกับนัทจะรักกันได้ยังไง!"

"ความจริงพ่อไม่น่าจะถามผมนะครับว่าผมรักนัทได้ยังไง พ่อรู้ทุกอย่างหมดแล้วนี่ครับ ผมขอบคุณพ่อมาก...ที่คิดจะตัดไฟแต่ต้นลม อุตส่าห์แยกผมจากนัทมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ยอมให้ผมกลับไปเจอนัทอีก แต่พ่อรู้มั้ยครับ...มันสายเกินไปแล้ว ถึงพ่อจะแยกผมจากนัท ผมก็ไม่เคยลืมน้อง เค้าอยู่ในใจผมมาตลอด พ่อรู้มั้ยว่าทำไมผมไม่ยอมมีแฟน เพราะผมไม่เจอคนแบบนัทไงครับ ผมรอใครซักคนที่เหมือนนัท ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับเค้า จนกระทั่งผมเจอเพียว พ่อรู้มั้ยครับว่าทำไมผมถึงจีบเพียว เพราะเพียวเค้าชอบกินไอศครีมเหมือนนัทไงครับ ถ้าไม่ใช่เพราะเพียวมีอะไรบางอย่างเหมือนนัท ผมก็คงไม่จีบเขาหรอก!"

"นี่แกพูดเพ้อเจ้ออะไรของแกน่ะแฟรงค์!"

"ผมพูดความจริงนะครับพ่อ!" ผมเสียงดังขึ้นอีกครั้งจนพ่อชะงัก

"ผมเข้าใจความหวังดีของพ่อกับแม่ แต่พ่อแยกผมจากนัทตอนที่มันสายไปแล้ว มันไม่ทันแล้ว ผมรู้ว่าพ่อกับแม่เจ็บปวดที่เห็นผมเป็นอย่างนี้ พยายามช่วยผมทุกอย่างให้ผมเป็นอย่างที่พ่อกับแม่อยากให้เป็น ผมก็พยายามทำตัวเองให้เป็นอย่างที่พ่อกับแม่ต้องการมาตลอด แต่พ่อรู้มั้ยครับ...มันไม่ใช่ผม ไม่ใช่ตัวจริงของผม ถึงพ่อจะรังเกียจสิ่งที่ผมเป็น ผมก็หนีมันไม่ได้ ถ้าความพยายามทั้งหมดของพ่อกับแม่จะทำให้ผมไม่เป็นอย่างที่พ่อกับแม่กลัว มันก็คงหายไปจากชีวิตผมตั้งนานแล้ว แต่มันก็ไม่เคยหายไปเลย ไม่ว่าพ่อกับแม่จะรับได้หรือไม่ได้ ผมก็เป็นอย่างนี้ ผมเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนะครับพ่อ!"

ผมขึ้นเสียงดังตอนท้าย เสียงสั่นจนแทบควบคุมไม่ได้ รู้สึกสะเทือนใจจนน้ำตาค่อยๆ ไหลลงมา

"แกหยุดพูดเพ้อเจ้อได้แล้วนะแฟรงค์!"

เพี๊ยะ!!!

คำพูดประโยคนี้ของพ่อมาพร้อมกับฝ่ามือที่ฟาดลงบนใบหน้าผมด้วย แต่ผมก็ไม่รู้สึกเจ็บหรอก แค่ชาๆ เท่านั้น พอเอามือลูบๆ แล้วอาการชาก็ค่อยๆ หายไปเองในที่สุด

บรรยากาศในห้องเงียบลงทันใด แววตาของพ่อสลดลงเล็กน้อย ลึกๆ ก็คงรู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำรุนแรงกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนถึงเพียงนี้

"พ่อยังรักผมอยู่หรือเปล่าครับ ถ้าผมไม่เป็นอย่างที่พ่ออยากให้เป็น พ่อจะยังรักลูกชายของพ่อคนนี้อยู่หรือเปล่า พ่อรักผมเพราะอะไรกันแน่ครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามเป็นอย่างที่พ่อกับแม่คาดหวัง ผมพยายามแล้ว ผมทำทุกอย่างแล้ว ผมเชื่อฟังพ่อกับแม่ทุกอย่าง บอกให้หันซ้ายก็หัน บอกให้หันขวาก็หัน จนบางที ผมยังไม่รู้เลยว่าชีวิตของผม...เคยเป็นของผมจริงๆ หรือเปล่า ผมรู้สึกมาตลอดว่า...ผมหายใจอยู่ได้ด้วยลมหายใจของพ่อกับแม่ ไม่ใช่ลมหายใจของผมเอง!"

"แฟรงค์!"

พ่อเรียกชื่อผมเสียงดังแล้วก็หันหน้าหนี ท่าทีที่โกรธเกรี้ยวดูเหมือนลดลงไปบ้าง พอสงบสติอารมณ์ได้หน่อยพ่อจึงพูดต่อ

"ถ้าพ่อไม่รักแก...พ่อไม่ทำอย่างนี้หรอก" เสียงของพ่อดูอ่อนลงมาก แต่ก็ยังคงวางใจไม่ได้อยู่ดี

"พ่อไม่เคยรังเกียจนัทก็จริง แต่พ่อ...คงยอมไม่ได้ที่จะให้แกกับนัทรักกัน มันเป็นไปไม่ได้นะแฟรงค์ ผู้ชายกับผู้ชายจะรักกันได้ยังไง ใครรู้เข้า...เค้าจะพูดกันยังไง แฟรงค์เป็นภาพลักษณ์ของธุรกิจรีสอร์ทของเรา แฟรงค์เป็นอย่างนั้นไม่ได้ อีกอย่าง...แกเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ เป็นคนสืบตระกูลของครอบครัวเรา พ่อยอมไม่ได้เด็ดขาด!"

พ่อขึ้นเสียงดังอีกแล้ว แปลว่าพ่อไม่เคยเข้าใจทั้งหมดที่ผมพยายามอธิบายเลย

"แต่ผม...ก็จะไม่ยอมให้พ่อพรากนัทไปจากผมเหมือนกัน!" ผมบอกเสียงดังและหนักแน่น

พ่อหันขวับมามองผมอย่างตกใจ

"พ่อรู้มั้ย...ว่าผมเจ็บปวดมากแค่ไหน ผมกับนัทผูกพันกันมาก พ่อก็คงรู้ดี นัทเค้ารอพี่ชายคนนี้อยู่ เค้ารอผมอยู่ทุกวัน แต่ผมก็ใจดำกับน้อง...ไม่เคยไปหาเค้าเลย พ่อรู้มั้ยว่าผมคิดถึงนัทมากแค่ไหน มันเป็นแผลในใจของผมอยู่จนทุกวันนี้ ผมรู้สึกผิดมากที่ทอดทิ้งน้องไป ทำไมล่ะครับ ทำไมพ่อถึงต้องให้ผมใจดำกับนัทมากถึงขนาดนั้น พ่อเห็นหรือเปล่า หลังจากที่เราแยกกัน ชีวิตผมก็ไม่เหมือนเดิมเลย ความเจ็บปวดที่ต้องพรากจากคนที่ผมรัก มันทำให้ผมเป็นอย่างนี้ไงครับ เป็นอย่างที่พ่อไม่อยากให้ผมเป็น!"

พ่อผมอ้าปากค้าง คงไม่คาดคิดว่าความหวังดีในครั้งนั้นจะให้ผลตรงกันข้าม

"ถึงพ่อจะจับเราแยกกันอีกกี่ครั้ง หรือจะฆ่าผมให้ตาย นัทก็อยู่ในใจผม ผมรักเค้าคนเดียว พ่อเข้าใจผมหรือเปล่า!"

ผมสะอื้นไห้อย่างสุดกลั้น แม่คงทนดูไม่ไหว รีบเข้ามากอดผมไว้ก่อนที่ผมกับพ่อจะปะทะคารมกันอีก ผมกอดแม่แน่น ร้องไห้กับอกแม่ที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายในเวลานี้

"แม่"

"แฟรงค์ลูกแม่" แม่ร้องไห้อย่างสะเทือนใจ "พ่อ! หยุดเถอะ! พอได้แล้ว! แม่สงสารลูก ทำไมเราต้องบังคับลูกมากขนาดนี้ล่ะพ่อ!"

ปกติแม่ผมกลัวพ่อมาก แม่มักถูกพ่อบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำบ่อย แต่คราวนี้แม่ยอมทิ้งความกลัวเพื่อปกป้องลูกของแม่

"แม่ก็หยุดตามใจลูกมันได้แล้ว ที่มันเป็นอย่างนี้ ก็เพราะแม่มันคอยให้ท้ายมันอยู่เรื่อยไม่ใช่เหรอ!"

พ่อผมตวาดใส่แม่เสียงดัง แม่ถึงกับอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง

"แฟรงค์...อย่าเพิ่งคุยกับพ่อตอนนี้เลยลูก แฟรงค์ขึ้นไปอาบน้ำก่อน พักผ่อนให้หายเหนื่อย เพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอลูก"

แม่ไม่เถียงกับพ่อผมแล้ว พยายามรุนหลังให้ผมออกไปจากห้อง ผมก็เห็นด้วยว่าควรหยุดปะทะคารมกับพ่อก่อน แต่ก่อนที่ผมจะเดินพ้นจากห้องไป พ่อก็พูดตามหลังมา

"ยังไงๆ แกก็ต้องแต่งงานกับหนูเพียว แกกับเค้าตัดสินใจด้วยกันไม่ใช่เหรอว่าจะแต่งงานกัน เพราะฉะนั้น...ถ้าจะเลิกกัน หนูเพียวก็ต้องเห็นดีด้วย แต่ทางนั้นเค้าไม่กล้ายกเลิกงานแต่งงานแน่ แกรู้ใช่มั้ยว่าทำไมเค้าถึงไม่กล้า"

ผมกับแม่หันขวับไปมองพ่อพร้อมกัน ไม่อยากเชื่อเลยว่าพ่อจะใช้ไม้นี้บังคับทางนั้น คงไม่ได้การแล้ว ผมต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะช้าเกินไป

"เดี๋ยวผมมานะครับแม่"

ผมบอกแม่แล้วก็รีบวิ่งผลุนลงบันไดไปอย่างร้อนรน

"แฟรงค์ แกจะไปไหน!"

เสียงพ่อเรียกตามหลังมา แต่ผมก็ไม่หันหลังกลับ วิ่งออกมาที่โรงรถ ปลดล็อกประตูรถแล้วก็เข้าไปนั่งข้างใน สตาร์ทรถด้วยมือไม้สั่นเทา แต่ในที่สุดผมก็สามารถขับออกไปจนได้

พอออกมาจากบ้านได้แล้วผมก็กดโทรศัพท์หาเพียวทันที รอไม่นานนักเธอก็รับสาย

"ตอนนี้เพียวอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้านหรือเปล่า" ผมถามอย่างร้อนรน

"ค่ะ เพียวอยู่ที่บ้านค่ะ พี่แฟรงค์มีอะไรเหรอคะ" เสียงปลายสายที่พูดตอบกลับมาฟังดูเย็นชาจนรู้สึกได้

"งั้นเพียวรอพี่อยู่ที่บ้านก่อน พี่จะไปหาเดี๋ยวนี้"

ผมตัดสัญญาณแล้ววางโทรศัพท์ไป จากนั้นก็บึ่งรถมุ่งหน้าไปบ้านเพียวอย่างเร่งรีบ เพื่อนร่วมทางคงนึกสงสัยว่าผมจะรีบไปไหน แต่ยังไงๆ ผมก็ระวังเป็นอย่างดี ตั้งแต่ขับรถมาก็ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลย

เกือบสองทุ่มแล้ว ผมยังไม่มีแม้แต่น้ำหยดเดียวตกถึงท้องเลย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก ระหว่างรอไฟแดงก่อนถึงซอยบ้านเพียว ผมหยิบโทรศัพท์มาแล้วก็ส่งไลน์หานัท

"เดี๋ยวพี่เข้าไปหานัทประมาณสี่ทุ่มนะ คืนนี้พี่ขอนอนด้วยคน นอนบ้านไม่ได้แล้ว"

พอถึงบ้านเพียวแล้วผมก็ไม่ลืมที่จะเข้าไปสวัสดีพ่อกับแม่ของเธอก่อน จากนั้นจึงขอตัวออกมาคุยกันตรงโต๊ะกลางสนามหน้าบ้าน เพียวดูมึนตึงกับผมไปมาก พอนั่งลงแล้วเธอก็เมินหน้าหนี เหมือนไม่อยากสบตากับผมเท่าไหร่

"ที่เพียวบอกพี่ว่าขอเวลาคิดสามสี่วัน...แล้วจะบอกข่าวดี ตอนนี้...เพียวพร้อมจะบอกข่าวดีกับพี่หรือยัง"

ผมเข้าเรื่องทันทีโดยไม่รีรอ เพียวแวบหันมามองแล้วก็หันหน้าหนีตามเดิม

"ไม่มีข่าวดีหรอกค่ะ เพียวเสียใจด้วย"

"หมายความว่ายังไงเหรอเพียว" ผมถามอย่างแปลกใจ

"ก็หมายความว่า...ยังไงเราสองคนก็ต้องแต่งงานกันไงคะ" แล้วเพียวก็หันขวับมามองผม

"พี่แฟรงค์คะ ถือว่าเพียวขอละกันนะคะ เราแต่งงานกันไปก่อนได้มั้ย แล้วค่อยหย่ากันทีหลังก็ได้ อย่าทำให้มันวุ่นวายนักเลยค่ะ เพียวจะไม่ไหวแล้วนะคะ"

เสียงสั่นเครือของเธอบ่งบอกว่าน้ำตากำลังจะตามมาอีกไม่ช้า แต่เพียวก็พยายามรวบรวมสติแล้วพูดต่อ

"ลองมาเป็นเพียวดูบ้างมั้ย ลองคิดสิคะ คนรักกันอยู่ดีๆ จะแต่งงานกันอยู่แล้ว จู่ๆ ก็มาบอกว่า...ไม่ใช่คนที่อยากแต่งงานด้วย ไม่ใช่คนที่ตามหา หัวใจไม่ได้อยู่ที่นี่ อยู่ที่คนอื่นมาตั้งนานแล้ว ที่มันน่าเจ็บปวดกว่านั้น ทั้งๆ ที่เราสองคนยังไม่ได้ตกลงเลยว่าจะไม่แต่งงานกัน พี่แฟรงค์กับนัทสองคน...ก็ทำอะไรๆ กันเหมือนไม่เห็นหัวเพียวเลย อย่าคิดว่าเพียวไม่รู้นะว่าทำอะไรกัน เกรงอกเกรงใจกันบ้างสิคะ เราสองคนยังเป็นคู่หมั้นกันอยู่ ทำไมถึงทำเหมือนเพียวเป็นหัวหลักหัวตอ!"

"เพียว" เรียกชื่อเธอแล้วผมก็ถึงกับพูดต่อไม่ออก

"ไม่ต้องคุยกันเรื่องนี้อีกแล้วนะคะ เหลืออีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานกันแล้ว ก็แต่งๆ มันไปเถอะ รักไม่รักก็แต่งๆ กันไป ไม่ตายหรอก แต่งกันได้ก็เลิกกันได้ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากขนาดนี้ จะเอาอะไรกับเพียวนักหนาเหรอคะ ไหนจะพี่แฟรงค์ ไหนจะพ่อแม่อีกล่ะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกัน จะทำร้ายเพียวกันไปถึงไหน!"

เพียวระบายความรู้สึกออกมาอย่างเหลืออด ในที่สุดเธอก็ห้ามน้ำตาไม่ได้ ยอมปล่อยให้มันรินไหลลงมาอย่างอิสระ

ผมนั่งฟังอย่างตกตะลึง พอทบทวนจากสิ่งที่พ่อผมพูดเมื่อหัวค่ำ ผมก็พอจะเดาได้ว่าเพียวคงถูกกดดันจากหลายฝ่าย เจอศึกหลายด้านพร้อมกัน ผู้หญิงคนเดียวอย่างเธอก็อาจจะทนไม่ไหว

"เรื่องเงินหรือเปล่าเพียว ถ้าเป็นเรื่องนั้น...พี่คิดว่าพี่ช่วยได้"

"พอเถอะค่ะ!" แล้วเพียวก็ลุกขึ้นยืน ทำท่าเหมือนจะเดินหนีไป

"หยุดพูดเรื่องเงินกันซะทีเถอะค่ะ เพียวไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น เอาเป็นว่า..ไม่ต้องคุยอะไรกันอีกแล้ว แต่งๆ กันไปให้มันจบๆ ซะที!"

พูดจบแล้วเพียวก็เดินหนีเข้าบ้านไปอย่างรำคาญใจ ผมมองตามแล้วก็ครุ่นคิด ถ้าแต่งงานแล้วเลิกกันจริง ผมก็อาจจะยอมๆ ให้เป็นอย่างนั้นได้ แต่ผมไม่คิดว่ามันจะง่ายอย่างนั้นหรอก ตรงกันข้าม มันจะมีแต่ความยุ่งยากมากขึ้นไปอีก เผลอๆ ผมก็อาจจะถูกผูกมัดในฐานะพ่อของลูกจนถอนตัวออกมาไม่ได้ ยังไงๆ ผมก็จะไม่มีวันยอมให้งานแต่งงานเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด

... ... ...

ผมขับรถมาถึงรีสอร์ทอย่างอ่อนล้า พอจอดรถแล้วก็เดินไปที่เรือนพักของนัท ช่วงนี้รีสอร์ทปิดไฟมืดเพราะไม่มีแขกมาพักแล้ว แต่ก็ยังพอมีไฟเปิดไว้ตามทางเดินบ้างประปราย ไม่มีพนักงานกะกลางคืนอยู่เลยเพราะไม่มีแขกให้ดูแล ทั้งรีสอร์ทจึงเหลือแค่นัทคนเดียว

ผมมาถึงหน้าห้องนัทแล้วก็เคาะประตู ไม่นานนักประตูก็เปิดออกพร้อมรอยยิ้มของใครบางคน นัทอยู่ในชุดเตรียมจะนอนแล้ว มีเสียงทีวีด้วย แสดงว่านัทคงนั่งดูทีวีรอผมอยู่

"เดี๋ยวคืนนี้นัทจะดูแลพี่แฟรงค์เองนะ พี่แฟรงค์เหนื่อยมั้ย"

ผมไม่ตอบคำถามของนัท พอเดินเข้าไปในห้องและปิดประตูแล้ว ผมก็กอดนัทไว้ทั้งตัว ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า

"ก็ดีเหมือนกันนะ พี่เหนื่อยใจมากเลยตอนนี้ อยากพักให้สบายใจกับน้องของพี่ แต่พี่ไม่ท้อนะ ยังไงๆ พี่ก็จะสู้ต่อไป...เพื่อนัท"

ผมดันไหล่นัทออกแล้วมองหน้า นัทยังคงยิ้มละไมอยู่

"ก่อนพี่แฟรงค์มา นัทโทรคุยกับแม่ แม่บอกนัทว่า...ให้นัทถามพี่แฟรงค์ว่าพี่แฟรงค์ชอบกินอะไร พี่แฟรงค์รู้ว่านัทชอบกินไอติม แต่นัท...ไม่เคยถามพี่แฟรงค์เลยว่าชอบกินอะไร พี่แฟรงค์ชอบกินอะไรเหรอ วันหลังนัทจะไปหาซื้อมาให้ นัทอยากดูแลพี่แฟรงค์มั่ง"

ผมยิ้มอย่างเอ็นดู ลูบผมนัทเบาๆ

"นัทซื้ออะไรมาให้พี่ พี่ก็กินหมดแหละ"

"ไม่มีของที่ชอบกินเป็นพิเศษมั่งเลยเหรอ"

ผมทำท่านึก "อืม...ชอบกินแกงเขียวหวานมั้ง จริงๆ ก็กินได้เกือบหมดทุกอย่างแหละ"

"จริงเหรอ" นัททำเสียงตื่นเต้น "แสดงว่านัทเดาถูก นัทซื้อแกงเขียวหวานแล้วก็ไข่พะโล้มาให้พี่แฟรงค์ด้วย พี่แฟรงค์ยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ย เดี๋ยวนัทจัดให้นะ พี่แฟรงค์ไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อน นัทจัดชุดนอนไว้ให้พี่แฟรงค์ด้วย"

"น่ารักจังน้องพี่" ผมบอกแล้วก็กอดนัทไว้เบาๆ อย่างรักใคร่อีกครั้ง สักพักก็ปล่อยออกเหมือนเดิม "พี่ขอกินข้าวก่อนได้มั้ย พี่หิวมากเลย"

"ได้ๆๆ งั้นพี่แฟรงค์นั่งรอก่อนนะ นัทจะตักข้าวแล้วก็แกะกับข้าวให้ ไม่ต้องช่วยนัทนะ เดี๋ยวนัททำเอง" นัทไม่ลืมกำชับอย่างรู้ทัน เพราะผมชอบเผลอช่วยบ่อยๆ

"คร้าบบบ เดี๋ยวพี่แฟรงค์จะปล่อยให้น้องนัทดูแลพี่แฟรงค์เต็มที่เลย" ผมขำเบาๆ อย่างมีความสุข ลืมเรื่องเครียดๆ เมื่อสักครู่นี้ไปได้มากทีเดียว

ผมเดินตามนัทไปนั่งที่โต๊ะที่ใช้ทั้งทำงานและกินข้าวในห้อง นัทปิดทีวีแล้วก็กุลีกุจอตักข้าวใส่จานมาวางให้ ก่อนจะแกงเขียวหวานและไข่พะโล้จะตามมาทีหลัง

"นัทกินแล้วเหรอ กินกับพี่มั้ย" ผมถามเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว

นัทยิ้มแหยๆ แต่ไม่ยอมพูด

"ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ"

นัทลังเล แต่สุดท้ายก็พยักหน้ายอมรับ

"อ้าว...งั้นก็ตักข้าวมากินกับพี่สิ ถ้าพี่กินหมด แล้วนัทจะกินอะไรล่ะ" ผมมองหน้านัทแล้วก็ขำ

"จะเอาใจพี่แล้วตัวเองจะอดทำไม"

ผมย้ำอีกครั้งเพราะนัทยังยืนงงอยู่ นัทก็เลยเดินไปตักข้าวของตัวเองมา แล้วเราก็นั่งกินข้าวด้วยกัน แม้ว่าจะนั่งรถมาด้วยกันเกือบทั้งวัน แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยที่จะคุยกับนัทอีก

"ออกไปซื้อมาให้พี่เหรอ" ผมถามหลังจากที่กินข้าวไปได้หลายคำจนหายหิวไปได้หน่อย

"ใช่...พอพี่แฟรงค์ส่งไลน์มาหา นัทก็ขับรถออกไปซื้อมาเลย"

ผมวางช้อนชั่วคราวแล้วก็เอื้อมมือไปลูบผมนัทเบาๆ "แล้วจะไม่ให้พี่รักพี่หลงนัทได้ยังไงล่ะเนี่ย"

นัทยิ้มเขินๆ จากนั้นเราก็นั่งกินข้าวกันต่อ คุยไปกินไปจนอิ่ม นัทเอาจานไปล้างแล้วก็บอกให้ผมไปอาบน้ำ ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย รู้สึกดีเหมือนกันที่นัทดูแลผมบ้าง

พอผมออกมาจากห้องน้ำ นัทก็ล้างจานและปัดกวาดเช็ดถูห้องเรียบร้อย รีบกุลีกุจอเอาชุดมาส่งให้ผมถึงมือ

"กางเกงขาสั้นสีขาวตัวนี้พี่ไม่เคยเห็นเลย ทำไมเนื้อผ้ามันบางอย่างงี้ล่ะ ใส่แล้ววาบหวิวแน่เลย" ผมพูดหยอกอย่างอารมณ์ดี

"นัทเห็นของพี่แฟรงค์หมดแล้ว จะอายทำไม" นัทยักคิ้วทำหน้าทะเล้นใส่ผม

"โอเค นัทให้พี่ใส่อะไรพี่ก็จะใส่ แต่ใส่ชุดนี้แล้ว สงสัยว่าคืนนี้พี่คงจะโดนปล้ำแน่ๆ เลย"

"งั้นนัทปล้ำพี่แฟรงค์เลยละกัน"

ว่าแล้วนัทก็เข้ามากอดผม พยายามจะเหวี่ยงผมลงไปนอนบนเตียงให้ได้ ผมก็พยายามขืนตัวสุดชีวิต กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอีท่าไหนไม่รู้ ผ้าเช็ดตัวผมหลุดไปกองที่เท้า ดีที่ผมใส่กางเกงในแล้ว ไม่งั้นคงเห็นแฟรงค์น้อยแน่ๆ เลย แต่นัทก็หัวเราะชอบใจใหญ่

ผมปล่อยผ้าเช็ดตัวไว้อย่างนั้น ใส่เสื้อผ้าที่นัทเตรียมให้ เสร็จแล้วจึงเอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ระเบียงข้างนอก พอกลับเข้ามานัทก็นอนรออยู่บนเตียงพอดี

"พี่แฟรงค์เมื่อยมั้ย เดี๋ยวนัทนวดหลังให้"

ผมเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ "นวดเป็นด้วยเหรอ"

"นิดหน่อย นัทเคยทำงานโรงแรมมาก่อนนะ มีสปาด้วย พี่ๆ ที่สปาเค้าเคยสอนนัทนวดมาบ้าง" นัทคุยอย่างภูมิใจ

"ก็ดีเหมือนกัน"

ว่าแล้วผมก็ขึ้นไปนอนคว่ำบนเตียงข้างๆ นัท ก่อนจะปล่อยให้หมอนวดจำเป็นของผมนวดให้ตั้งแต่หัวจรดเท้า นัทนวดใช้ได้ทีเดียว แสดงว่าเรียนมาบ้างอย่างที่คุยไว้ นวดอยู่นานหลายนาทีผมก็เลยบอกให้หยุดเพราะกลัวว่านัทจะเหนื่อยเสียก่อน

"นวดเก่งนะเนี่ย ขอบคุณมากนะครับพ่อหมอนวดจำเป็น"

ผมพลิกตัวนอนหงาย ก่อนจะยันตัวนั่งในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน นัทเข้ามานอนหนุนตักแล้วก็ทำเสียงอ้อน

"พรุ่งนี้...นัทจะได้กินฮาเกนดาสหรือเปล่าน้า อยากกินจัง แต่ก็ไม่ค่อยมีตังค์"

ผมขยี้ผมนัทเล่นเบาๆ อย่างเอ็นดูพร้อมกับขำ "ที่แท้ก็อยากกินไอติมนี่เอง เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ซื้อมาให้"

"จริงนะ"

ผมพยักหน้า "จริงสิ ก็มีพี่คนเดียวไม่ใช่เหรอที่ซื้อไอติมให้นัทกิน"

"จริงด้วย" นัทพูดแล้วก็ดึงมือผมมาจับไว้ แกว่งเล่นไปมา

"นัทเหลือเวลาทำงานกับพี่อีกกี่วัน"

"อืม...นับก่อน หนึ่ง สอง สาม สี่วันเอง แต่ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวนัทจะเคลียร์งานให้เสร็จก่อนไปชัวร์"

"พี่ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอก"

"อ้าว แล้วพี่แฟรงค์ห่วงเรื่องอะไรล่ะ"

ผมก้มมองดูนัท ดึงมือนัทที่จับมือผมไว้ขึ้นมาหอมเบาๆ "พี่ห่วงว่า...นัทจะไม่ได้เจอพี่ไง มะรืนนี้พี่ต้องไปประชุมกับสมาคมโรงแรมไทยทั้งวัน แล้วก็มีเรื่องที่ต้องจัดการที่บ้านอีกหลายเรื่อง แต่ยังไงๆ ก่อนนัทจะกลับบ้าน พี่จะหาเวลามาอยู่กับนัทเต็มวันให้ได้ ไปเล่นฟลายบอร์ดกับเจ็ตสกีกันดีมั้ย"

นัทพยักหน้าพลางยิ้มตื่นเต้น สักพักผมก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ

"นัท...พี่ยังไม่รู้ว่าจะเล่าให้นัทฟังยังไงดี...เรื่องที่บ้านของพี่ เอาเป็นว่า...ถึงมันจะไม่ง่าย แต่พี่จะพยายามอย่างเต็มที่ให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน นัทอย่าหวั่นไหวนะ อย่าปล่อยมือพี่เด็ดขาด ใครพูดอะไรนัทต้องไม่เชื่อ นัทฟังพี่คนเดียว โอเคมั้ย"

นัทพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย กำลังจะคุยกันต่อ เสียงโทรศัพท์ของนัทก็ดังเตือนว่ามีข้อความเอสเอ็มเอส่งมา นัทลุกขึ้นนั่งแล้วก็หยิบโทรศัพท์ตรงหัวเตียงมาเปิดอ่าน

จากสีหน้าที่ดูมีความสุขเมื่อครู่ สีหน้าของนัทก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ไม่รู้ว่าข้อความนั้นมาจากใครหรือเรื่องอะไร

"พี่แฟรงค์"

นัทเรียกชื่อผมเบาๆ พอเราสบตากันนัทก็ส่งโทรศัพท์ให้ผมอ่านข้อความนั้น

"พี่อยากเจอนัทมาก นัทมาหาพี่หน่อยได้มั้ย พี่มีเรื่องสำคัญมากจะคุยกับนัท นัทต้องมาหาพี่ให้ได้นะ"

พออ่านจบและเห็นชื่อคนส่ง ผมก็เข้าใจทันทีว่าทำไมนัทถึงเครียด

"พี่แฟรงค์ว่านัทควรจะทำยังไงดี" นัทถามด้วยสีหน้ากังวล

ผมถอนหายใจเบาๆ สังหรณ์ใจว่าผมอาจจะต้องเจอพายุร้ายหลายลูกพร้อมๆ กันเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพายุที่บ้าน เพียว หรือนัทเอง

"นัทยังรักเค้าอยู่หรือเปล่า" ผมถามกลับอย่างหวั่นใจ

"นัทไม่รักเค้าแล้ว แต่ว่า..."

นัทหยุดพูดไปเสียดื้อๆ ท่าทางที่ครุ่นคิดนั้นทำให้ผมใจคอไม่ดีเลย แม้ว่านัทจะบอกว่าไม่ได้รักเธอแล้ว แต่ถ้าไปเจอกัน อาจมีเรื่องที่คาดไม่ถึงก็ได้!!!


- TBC -[/center]

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ จุดเริ่มต้นของศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 30-12-2015 22:59:30
ต้มมาม่ากันสนุกสนาน

สะใจนะที่เพียวรู้เรื่องนัทกับแฟรงค์มีอะไรกันทั้ง ๆ ที่ยังมีพันธะกับเพียวอยู่

ทำอะไรก็รับผลไป เรื่องมันยาก แล้วยังไม่ห้ามใจจนทำให้ยากยิ่งกว่าเดิม

ประคับประคองกันไปดี ๆ แล้วกัน

ต้องตา...เหนียวนะยะ ทิ้งเขาแล้วยังตามมารุงรุงไม่เลิก 

สวัสดีปีใหม่คุณ sarawatta ขอให้ร่างกายแข็งแรงและมีความสุขทุก ๆ วันนะคะ

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ จุดเริ่มต้นของศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 30-12-2015 23:29:44
โอยยยย อ่านฉากที่แฟรงค์กับพ่อคุยกันแล้วเศร้าใจนะคับ ไม่อยากให้ครอบครัวต้องมาทะเลาะกันเลย แต่ผมว่าพ่อของแฟรงค์ท่านก็เข้าใจลูกอยู่นะคับหรือว่านี่แค่เริ่มต้น ของจริงน่ะยังไม่ออกมารึป่าวคับ เห็นใจเพียวก็เห็นใจนะคับโดนครอบครัวตัวเองกดดันด้วย แต่ผมก็ว่าแฟรงค์ทำถูกแล้วล่ะ เลิกงานแต่ซะก่อน อ่านตอนนี้แล้วคิดว่าครอบครัวเพียวคงจะดราม่ามากๆเลยโดยเฉพาะเรื่องเงิน
   รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ จุดเริ่มต้นของศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 31-12-2015 00:09:04
อ่านถึงพ่อแฟรงค์แล้วอึดอัดค่ะ  ชีวิตจริงเจอพ่อแบบนี้บ่อยมากที่ไม่สามารถเข้าใจอะไรอะไรมากไปกว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการ   ไม่ยอมปรับตัวมองด้านอื่นๆ  ไม่รู้จักคำว่า พบกันครึ่งทาง    แล้วที่มาว่าแม่ว่าเป็นเพราะให้ท้ายลุกนี่ก็เป๊ะค่ะ   คนอื่นผิดหมดยกเว้นตัวเอง   เข้าใจว่าพ่อต้องการให้ลูกมีชีวิตเหมือนคนทั่วไป  แต่พ่อไม่ได้คิดว่าจริงๆแล้วความสุขของลูกอยู่ที่ไหน    ความสุขของลูกไม่ได้มีค่ามากไปกว่าค่าการรักษาหน้า  สงสัยจะเอาหนี้สินไปบีบเพียว

ยังไงก็ตามขออย่าให้แฟรงค์หลวมตัวแต่งโดยเด็ดขาด    พูดออกมาได้ว่าแต่งก่อนแล้วค่อยหย่า   สงสัยว่าถ้าหากได้แต่งเงินนั้นก็น่าจะเป็นสินสอดไม่ต้องคืนไป  แต่ถ้าไม่ได้แต่งก็เป็นได้แค่เงินกู้ยืมธรรมดา ต้องหาคืน

พูดแบบเป็นกลาง  ถ้าหากว่าคนที่เรารักนอกใจไปกับคนอื่น  ถ้าเขาบอกเราก่อนที่หลวมตัวแต่งงานหรือแอบคนซ้อนนี่เราก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี   เพราะถ้าหากว่าทางมันตัน  ไปต่อไม่ได้หรือไม่สมควรที่จะไปต่อก็สมควรที่จะมองหาทางใหม่เดิน   อาจจะเจ็บที่โดนผลักให้เดินทางใหม่คนเดียว  อย่าคิดเลยว่าโดนทิ้งไว้กลางทาง   เพราะว่าถ้าอีกฝ่ายรักเราจริงเขาก็คงไม่ทิ้งเรา

ชอบบุคลิกแฟรงค์ตอนนี้ค่ะ   คืออย่างน้อยก็เห็นความพยายามที่จะต่อสู้เพื่อนัทเพื่อตัวเอง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ จุดเริ่มต้นของศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-12-2015 00:31:48
เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ จุดเริ่มต้นของศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 31-12-2015 00:50:03
 :เฮ้อ: เรื่องรุมเร้าเข้ามากันใหญ่เลยอ่ะ  :mew2: เราไม่เข้าใจผู้ใหญ่เลย ทำไมต้องบังคับลูก ๆ ด้วยน่ะ ชอบคิดว่ารู้ดีที่สุดแต่แค่ความสุขของลูกคืออะไรกลับไม่รู้  :m16: คุณตัดไฟแต่ต้นลม แต่ในที่สุดเขาก้อยังกลับมารักกันอีกจนได้ ก้อแสดงให้เห็นแล้วว่าโชคชะตามีวิธีทุกอย่างและการกลับมาครั้งนี้ก้อยากแล้วล่ะที่จะตัดพวกเขาไป เราไม่เข้าใจว่าพ่อของแฟรงค์จะทุ่มเทเกินไปไหมกับการจับให้แฟรงค์แต่งงานน่ะ  :serius2: งานนี้อยากให้แฟรงค์หนีการแต่งงานไปเลยดีกว่า  :o12: มันก้อเป็นการหนีปัญหาเนอะ แต่บางครั้งปัญหาบางอย่างมันก้อต้องการเวลาที่จะคลี่คลาย เพราะบางครั้งการแก้ปัญหาก้อคือเวลาเท่านั้นที่จะช่วยให้มันคลายปมทั้งหมด แต่ผลที่จะเกิดกับคนที่อยู่ตรงนั้นก้ออาจจะใหญ่ได้จนเมื่อเรามองกลับไปก้ออาจจะคิดว่าทำไมเราทำเช่นนั้น  :hao4: แต่เราดูแล้วเหมือนกับพ่อของแฟรงค์จะไม่ยอมเลยน่ะ  :sad4: แล้วเรื่องของนัทเราว่าให้แฟรงค์ไปด้วยดีกว่า แต่ไม่ต้องออกมาให้นัทไปเจอกับต้องตาก่อนและรออยู่ที่รถ ถ้าเห็นว่านานเกินไปก้อค่อยไปตามดีกว่า เพราะงานนี้ต้องตาต้องการกลับมาจับนัทอีกแน่ ๆ น่ะ เพราะคงหมดตัวแล้วน่ะ  :fire: งานนี้ความไว้ใจไม่เกี่ยวแต่เกี่ยวว่าอย่าไว้วางใจคู่กรณีดีกว่า  :katai3:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ จุดเริ่มต้นของศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 31-12-2015 01:02:05
มาต่ออีกโพสท์ เพราะลืมตอบประเด็นว่า เรื่องที่เราคงสับสนระหว่างแฟรงค์กับสน 555 ขอสารภาพว่าเรายังยึดติดกับบุคลิกของสนอยู่น่ะ เพราะโทนสองเรื่องนี้จะมีประเด็นดราม่าที่เหมือนกันตรงที่ตัวผู้ใหญ่น่ะ เลยทำให้เราไปเทียบกันโดยปริยาย  :hao4: และบุคลิกของนัทกับต้นก้อคล้าย ๆ กัน เพียงแต่เรื่องนั้นต้นจะเป็นฝ่ายดูแลสนแต่จะเป็นในลักษณะมิตรภาพ ส่วนเรื่องนี้จะเป็นในลักษณะพี่น้องแต่คนดูแลจะเป็นแฟรงค์แทน 555 แต่ที่แฟรงค์ต่างจากสนก้ออาจเป็นด้วยสาเหตุที่ว่าแฟรงค์แยกห่างจากนัทมาเป็นเวลานานมากทำให้ระหว่างนั้นแฟรงค์เติบโตเป็นผู้ใหญ่ไปเรื่อย ๆ สังคมรอบข้างที่ไม่มีนัททำให้แฟรงค์สร้างบุคลิกที่แตกต่างจากสนมากโดยไม่มีผู้ใหญ่มากดดันให้บุคลิกแฟรงค์เป็นอิสระมากกว่าสน
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ จุดเริ่มต้นของศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-12-2015 03:13:01
อย่าบอกว่าต้องตาท้อง แต่คงไม่ใช่เพราะคนเขียนบอกว่าจะไม่ไม่ใช้มุขนี้ เราว่าแฟรงค์ตัดสินใจถูกแล้วที่จะจบปัญหานี้ให้ได้ก่อนแต่งเพราะเราว่าถ้าแต่งแล้วค่อยหย่ามันจะไม่ง่ายนะซิ ทางที่ดีควรให้มันจบก่อนแต่งนั่นแหล่ะดีแล้ว หรือจะให้หนีกันไปอยู่ต่างประเทศเลยไม่ต้องแต่งมันซะแบบนั้น เอาดื้อๆ แบบนี้แหละในเมื่อไม่ยอมฟังกันนัก
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ เดือดศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 31-12-2015 13:59:51
ศึกครั้งนี้ชั่งใหญ่หลวงนัก เอาใจช่วยทั้งนัทและแฟรงค์ให้ผ่านเรื่องร้ายๆนี้ไปให้ได้ สู้ๆนะ

Happy new year 2016
ปีใหม่ทั้งทีก็ขอให้มีแต่สิ่งดีๆไหลมาเทมานะค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ เดือดศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 31-12-2015 16:39:37
มาม่าแจกทองส่งซองชิงโชค
โอ๊ยยยยย..อ่านแล้วแจกไม่ถูกคนเลย
ทุกคนในเรื่องปัญหารุมเร้ากันหมด

จะเป็นความรักทั้งที..นี่มันยากนะ
คน..คน..คน


+1
สวัสดีปีใหม่ 2559 ครับ
ปีหน้าขอให้มาม่ายังคงอยู่และตลอดไป
อิอิ

ขอให้มีความสุขครับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ เดือดศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 31-12-2015 17:18:00
เข้ามาปักไว้ก่อนนะคะ

แต่อ่านคอมเมนต์แล้วดราม่ามเต็ม ฮึกไม่ชอบดราม่าาา

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊15┊ เดือดศึกสายเลือด ┊P9┊ 30.12.15
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 01-01-2016 01:03:23
พายุเข้ากันถ้วนหน้า สงสัยจะเป็นหน้ามรสุม เอาใจช่วยให้ฝ่าฟันวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้นะครับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊16┊ กรรมของคนหน้าด้าน ┊P10┊ 1.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 01-01-2016 23:22:16
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 16 ✢ กรรมของคนหน้าด้าน


(http://bit.ly/2lPHQVt)

เช้านี้คงเป็นเช้าแรกที่ในรอบเกือบเดือนที่แฟรงค์ตื่นนอนขึ้นมาแล้วเจอผมนอนอยู่ข้างๆ พอตื่นมาเจอกันแล้วก็ยิ้มมีความสุขใหญ่เลย นอนคลอเคลียกับผมเพลินจนเหมือนไม่อยากลุกไปไหน ผมเตือนอยู่หลายรอบกว่าจะยอมลุกไปอาบน้ำ เพิ่งจะเคยเห็นแฟรงค์ดื้อบ้างก็วันนี้แหละ แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ

หลังจากที่เราสองคนอาบน้ำและแต่งตัวเรียบร้อย ผมกับแฟรงค์ก็ยืนมองหน้ากันหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ตรวจดูความเรียบร้อยให้กันและกันก่อนจะออกจากบ้านไป

"พี่ชายของผมนี่จะหล่อไปถึงไหนนะ แต่งตัวเนี้ยบ เท่ สมาร์ท แถมยังหุ่นดีมีซิกซ์แพ็คอีกต่างหาก"

ผมบอกพลางมองอย่างชื่นชมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แฟรงค์แต่งตัวดูดีสมกับเป็นนักธุรกิจจริงๆ แม้ว่าจะไม่ใส่สูทผูกเนกไทก็ตาม

"แล้วนัทรู้มั้ย หน้าหล่อๆ ของพี่...เอาไว้ให้นัทมองเท่านั้น ส่วนหุ่นซิกซ์แพ็ค...ก็เอาไว้ให้นัทนอนกอดคนเดียว"

แฟรงค์พูดหยอกเล่นแต่ก็ทำเอาผมเขิน แล้วแฟรงค์ก็จับไหล่สองข้างของผมไว้ ประสานสายตากัน

"จำไว้นะนัท อย่าฟังใครนอกจากพี่ ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็อย่าสนใจ และที่สำคัญ...อย่าปล่อยมือพี่อย่างเด็ดขาด"

แฟรงค์ย้ำเรื่องนี้อีกแล้ว น้ำเสียงหนักแน่นของแฟรงค์แม้จะทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น แต่ลึกๆ ก็กลัวไม่น้อย แฟรงค์พูดเหมือนกับรู้ว่าจะมีใครมาพูดอะไรกับผมเสียอย่างนั้น

ผมพยักหน้ารับคำ ยิ้มบางๆ "นัทจะเชื่อพี่แฟรงค์คนเดียวนะ"

แฟรงค์ยิ้มอย่างพอใจแล้วลูบผมของผมเบาๆ

"ดีมากน้องพี่ เชื่อพี่ไว้ไม่เสียหลาย อ้อ...เดี๋ยววันนี้พี่จะกลับบ้านก่อนนะ ปู่เพิ่งออกจากโรงบาลมา ยังไม่ได้เจอหน้าปู่เลย เมื่อวานกลับบ้านไปก็มีเรื่องซะก่อน"

"มีเรื่องอะไรเหรอพี่แฟรงค์" ผมถามด้วยสีหน้าสงสัย

แฟรงค์คงรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากจึงทำท่าทางอึกอัก ผมชักเกรงว่าตัวเองจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของแฟรงค์มากไปก็เลยพูดออกตัว

"นัทก็ถามไปงั้นแหละ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรหรอก"

แฟรงค์ถอนหายใจ สีหน้าดูเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ครุ่นคิดอยู่สักพักจึงตัดสินใจบอกผม

"พี่ทะเลาะกับพ่อ...เรื่องที่พี่จะไม่ยอมแต่งงานกับเพียวนั่นแหละ แล้วพี่ก็บอกพ่อไปด้วยว่า...พี่รักนัท"

ผมมองแฟรงค์อย่างเห็นใจระคนตกใจ คงไม่แปลกที่แฟรงค์จะทะเลาะกับพ่อเรื่องนี้ คงยากที่จะมีพ่อที่ไหนยอมให้ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน ถ้าพ่อผมยังอยู่ ผมก็อาจเจอปัญหาเหมือนแฟรงค์ก็ได้

"ช่วงนี้...เราสองคนต้องเข้มแข็งมากๆ นะนัท อย่าหวั่นไหวเป็นอันขาด แล้วพี่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้นัทฟังว่าทุกอย่างเป็นมายังไง อ้อ...อีกอย่างนึง ก่อนที่นัทจะกลับบ้าน พี่จะขอมานอนกับนัททุกวันนะ นัทไม่ว่าอะไรพี่ใช่มั้ย"

แฟรงค์เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้ม สายตาที่มองผมมายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเสน่หาเหมือนเช่นเคย ผมส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่มีปัญหากับเรื่องที่แฟรงค์ขอ

"เดี๋ยวตอนเย็นๆ พี่จะซื้อฮาเกนดาสมาให้นะ อยากได้รสอะไรก็ไลน์ไปบอกพี่ พี่จะซื้อให้ทุกรสที่นัทอยากกินเลย"

พอได้ยินเรื่องไอศครีมผมก็ตาลุกเป็นประกาย แค่ได้ยินชื่อยี่ห้อก็อยากกินเสียเดี๋ยวนี้

"พี่แฟรงค์ใจดีจัง เดี๋ยวนัทส่งไลน์ไปบอกนะ"

แฟรงค์ลูบผมของผมเบาๆ อีกครั้ง ผมชอบสัมผัสนี้ของแฟรงค์เหลือเกิน ยิ่งมาพร้อมกับสายตาหวานฉ่ำด้วยแล้วผมก็แทบละลายอยู่ตรงนี้

"พี่ใจดีกับเจ้าชายน้อยของพี่อยู่แล้ว"

นี่คงเป็นครั้งแรกที่แฟรงค์เรียกผมว่า "เจ้าชายน้อย" ช่างสรรหาคำมาพูดจนเห็นภาพพจน์ชัดเจน จะว่าไปผมก็คงเป็นเจ้าชายน้อยอย่างที่แฟรงค์ว่ามานานแล้ว ความดูแลเอาใจใส่ของแฟรงค์ที่มีให้ผมพิสูจน์คำพูดนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เจ้าชายน้อยคนนี้ก็อยู่ในหัวใจของพี่แฟรงค์เสมอ

ผมสวมกอดแฟรงค์แล้วก็ซบลงเบาๆ ที่ไหล่ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกใจหายขึ้นมาเสียอย่างนั้น กลับบ้านไปคราวนี้ ผมไม่รู้เลยว่าจะได้กลับมาหาแฟรงค์อีกหรือเปล่า ยิ่งรู้ว่าแฟรงค์มีปัญหากับครอบครัวก็ยิ่งไม่มั่นใจ เหตุการณ์ต่อจากนี้คงพลิกผันและแปรปรวนจนไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อยยังไง

ผมรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง...หรืออาจจะเรียกว่า "เลว" ก็ได้ ที่ยอมมีความสัมพันธ์กับแฟรงค์ในเวลานี้ เพลงรักบาปที่เราสองคนบรรเลงขึ้นคงฟังระคายหูของใครต่อใครไม่น้อย แต่สำหรับผม มันอาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะเหลือทิ้งไว้ให้ผมจดจำ...ในวันที่รักหมดหนทางไป

ผมกอดแฟรงค์แน่นขึ้น แฟรงค์ตอบสนองด้วยแรงกอดรัดที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน ยิ่งรู้ว่าอ้อมกอดนี้อบอุ่นมากแค่ไหน ยิ่งรู้ว่าคนๆ นี้รักผมมากเพียงใด ผมก็ยิ่งใจหายและหวาดกลัวว่าทั้งหมดนี้...จะเป็นเพียงเมฆหมอกฝัน ที่วันหนึ่งลมจะพัดพาหายวับไปกับตา

... ... ...

ช่วงเช้าผมสะสางงานที่เกี่ยวกับการเงินกับพนักงานบัญชีจนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็กลับมาที่ห้องทำงานของผมกับแฟรงค์ ตรวจดูงานอื่นๆ ก็พบว่าเหลืออีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ผมยังสะสางไม่หมด วันนี้ผมอาจจะทำเสร็จหมดเลย ไม่เหลืองานให้ต้องสะสางในอีกสามวันที่เหลือ ก็น่าจะดีเหมือนกัน ผมจะได้มีเวลาไปดูแลลูกค้าที่บ่อตกปลาให้แฟรงค์บ้าง

เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น พอประตูเปิดออกอย่างช้าๆ ผมก็เห็นคนที่ผมไม่คิดว่าจะมาหาผมถึงที่นี่ คงจะมาหาผมนั่นแหละเพราะในห้องนี้ไม่มีใครนอกจากผม ที่สำคัญ คนที่มาหาคงจะรู้อยู่แล้วว่าแฟรงค์ไม่อยู่ที่รีสอร์ท

ผมลุกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปสวัสดีผู้มาเยือน แม้จะยิ้มแต่ก็สังหรณ์ใจว่าคงมีเรื่องสำคัญมาก ไม่อย่างนั้นแล้วแม่ของแฟรงค์คงไม่มาหาผมถึงที่นี่แน่นอน

"สวัสดีครับป้า มาหานัทเหรอครับ"

ผู้สูงวัยกว่ารับไหว้และพยักหน้า แม้มีแป้งและเครื่องแต่งหน้าทาทับ ผมก็พอสังเกตเห็นร่องรอยอิดโรยและแววตาที่ดูกังวลของแม่แฟรงค์ได้ ท่าจะมีเรื่องหนักใจมาคุยกับผมแน่แล้ว

"ใช่จ้ะ เราไปหาที่นั่งคุยกันข้างนอกดีมั้ย"

"ได้ครับ" ผมบอกแล้วก็หันรีหันขวาง "เดี๋ยวผมขอเวลาเซฟไฟล์แป๊บนึงนะครับ"

แม่ของแฟรงค์พยักหน้า ผมจึงเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน เซฟไฟล์งานที่ทำค้างไว้ให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปนอกห้องพร้อมกับแม่ของแฟรงค์ที่ดูเงียบจนน่ากลัว

ผมพาแม่ของแฟรงค์มานั่งอยู่ใต้ร่มไม้ริมบ่อตกปลา มีโต๊ะจัดไว้ให้ลูกค้านั่งพักอยู่สองสามตัว เราเลือกหนึ่งในนั้นแล้วก็นั่งลงตรงข้ามกัน สีหน้าของผู้สูงวัยกว่ายังคงดูเหมือนครุ่นคิดตลอดเวลาตั้งแต่เดินออกมาจากห้องทำงาน

แม่ของแฟรงค์ถอนหายใจก่อนจะเริ่มการสนทนากับผม "นัทจะกลับบ้านวันไหนเหรอลูก"

"ก็ทำงานอีกสามวัน แล้วนัทก็ว่าจะกลับเช้าของอีกวันเลยครับ เดินทางเช้าๆ จะได้ไม่ถึงบ้านค่ำมาก"

แม่ของแฟรงค์พยักหน้ารับรู้ แล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง

"ป้า...อยากจะเล่าอะไรบางอย่างให้นัทฟัง ไม่รู้ว่านัทพอจะมีเวลาคุยกับป้าสักครึ่งชั่วโมงมั้ย มีงานด่วนหรือเปล่า"

"ไม่มีครับ"

แม่ของแฟรงค์ครุ่นคิดและมองหน้าผมเหมือนกับไม่รู้ว่าจะเล่าดีหรือเปล่า

"เรื่องผมกับแฟรงค์หรือเปล่าครับ" ผมตัดสินใจถามไป

แม่ของแฟรงค์พยักหน้า เว้นจังหวะนานพอสมควรจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องนั้นให้ผมฟัง

"ตอนแฟรงค์เรียนชั้นปอหกที่เขาค้อ ตอนนั้น...นัทกับแฟรงค์ยังเด็กเกินไปที่จะรู้ว่าผู้ใหญ่เห็นอะไร ลุงกับป้าได้ยินคนในตลาดเค้าพูดกันว่า...แฟรงค์กับนัทสนิทกันมาก สนิทกันจนเหมือน...ไม่ใช่แค่เพื่อนหรือพี่น้อง ตอนนั้นลุงกับป้าก็คิดว่าคนพวกนั้นคงจะคิดมากไป ไม่มีอะไรทำจนต้องนินทาแม้กระทั่งเด็กๆ แต่พอลุงกับป้าลองสังเกตดูดีๆ อยู่หลายเดือน ก็รู้สึกว่า...นัทกับลูกชายของป้า...ใกล้ชิดกันมากจน..."

แม่ของแฟรงค์ดูเหมือนจะไม่กล้าพูดเรื่องนั้นออกมาตรงๆ แต่ผมก็พอจะเดาได้ไม่ยาก

"พอดีว่าช่วงนั้นธุรกิจรีสอร์ทของลุงกับป้าที่เขาค้อมีปัญหา ก็เรื้อรังมาหลายปีนั่นแหละ เราก็เลยตัดสินใจขายธุรกิจทิ้ง ช่วงที่รอขายก็ให้แฟรงค์ย้ายไปเรียนกรุงเทพก่อน พอขายได้ก็เลยย้ายเฟิร์นตามไปอีกคน หลังจากนั้น ครอบครัวของลุงกับป้าก็ไม่เคยกลับไปที่เขาค้ออีกเลย ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจอย่างหนึ่ง แล้วก็..."

แล้วแม่ของแฟรงค์ก็ถอนหายใจอีก มองดูผมด้วยสีหน้าคล้ายว่าจะเห็นใจ ครุ่นคิดเงียบๆ อยู่นานจึงตัดสินใจถามผม

"นัทพอจะรู้ใช่มั้ยว่าทำไม...แฟรงค์ถึงไม่ได้กลับมาหานัทเลย"

ผมหันหน้าไปทางอื่น คราวนี้เป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ

"พอจะรู้ครับ แฟรงค์เค้าไม่ได้บอกผมตรงๆ หรอก แต่ฟังดูแล้วผมก็พอจะเดาได้"

"ป้าขอโทษนะลูก" แม่ของแฟรงค์พูดสวนมาทันที

ผมสบตากับแม่ของแฟรงค์ เธอดูเห็นใจผมมาก แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกว่า เธอคงไม่ได้มาคุยกับผมเพื่อจะบอกว่าเห็นใจผมแค่นี้แน่

"ลุงกับป้าคิดว่าทำแบบนี้แล้ว...จะช่วยตัดไฟแต่ต้นลมได้ ก็เลยไม่ยอมให้แฟรงค์มาหานัท ทั้งๆ ที่รู้ว่าแฟรงค์คิดถึงนัทมากแค่ไหน บางวันไม่ยอมกินข้าว เอาแต่นั่งดูรูปที่ถ่ายกับนัทที่มีติดตัวมาใบเดียว เค้าเคยขอพ่อมาหานัทบ่อยๆ แต่ลุงก็ไม่ยอมให้มา จากนั้นเราก็เลยหากิจกรรมให้แฟรงค์ทำ ไม่ให้อยู่ว่างๆ เพราะกลัวเค้าจะคิดฟุ้งซ่าน ก็ดูเหมือนว่าแฟรงค์ลืมเรื่องเก่าๆ ไปหมดแล้ว กลับมาเป็นคนสดใสร่าเริงเหมือนเดิม เค้าได้เจอคนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ ลุงกับป้าก็เลยสบายใจขึ้นมาได้หน่อย แต่ก็มาหนักใจอีกทีตอนที่แฟรงค์ไม่ยอมมีแฟน กลุ้มใจกันอยู่หลายปี แต่สุดท้ายเราก็โชคดีที่แฟรงค์ได้เจอหนูเพียว เค้าสองคนรักกันมากนะ ประคับประคองกันมาเป็นอย่างดี จนกระทั่ง...ตกลงจะแต่งงานกัน ครอบครัวของเราดีใจมากที่แฟรงค์จะเป็นฝั่งเป็นฝา โดยเฉพาะลุง ลุงเค้าดีใจมากนะนัทเพราะเค้าฝากความหวังไว้ที่แฟรงค์ทุกอย่าง ปู่ของแฟรงค์ก็รักแฟรงค์มาก ก็หวังพึ่งหลานนี่แหละที่จะช่วยสืบสกุลและสืบทอดธุรกิจต่อไป"

ผมรับฟังเรื่องที่แม่ของแฟรงค์เล่าด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอก เดาไม่ถูกเลยว่าคนเล่าต้องการสื่ออะไรกันแน่

"ป้ารู้นะว่าแฟรงค์กับนัทรู้สึกยังไงต่อกัน แต่ป้า...ก็ไม่อยากให้แฟรงค์กับนัททำอย่างงี้เลย"

แม่ของแฟรงค์ยิงเข้าตรงจุดจนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ถ้าลองพูดมาอย่างนี้แล้ว ผมก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายมาเพื่อเหตุผลใด

"แล้วป้า...ไม่อยากให้พี่แฟรงค์มีความสุขเหรอครับ" ผมกลั้นใจถามกลับไป

แม่ของแฟรงค์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ คืนกลับสู่สีหน้าเดิม

"ชีวิตของคนเรา...มีอะไรให้ต้องทำมากกว่าความรักนะลูก แฟรงค์น่ะ...เค้าเป็นความหวังหลายอย่างของครอบครัวเรา เป็นลูกชายคนเดียวที่พ่อเค้าก็หวังว่าจะให้ช่วยสืบสกุลให้ สืบทอดธุรกิจของปู่ต่อไป ปู่ของแฟรงค์ตั้งใจจะยกเป็นมรดกให้หลานชายอีกไม่นานนี้ แฟรงค์เค้าต้องดูแลหลายอย่างให้ครอบครัวเรา..."

แม่ของแฟรงค์หยุดคิด ผมก็เลยถือโอกาสพูดบ้าง

"ถ้างั้นก็แปลว่า...ถ้าแฟรงค์กับผมรักกัน แฟรงค์ก็จะดูแลธุรกิจและสืบทอดตระกูลให้ครอบครัวไม่ได้ใช่มั้ยครับ"

แม่ของแฟรงค์สบตาผม สายตายังดูเหมือนเห็นใจผมเหมือนเดิม แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการหรอก

"ป้าก็ไม่รู้ว่าจะบอกนัทยังไง แต่ถ้าไม่มีแฟรงค์...ครอบครัวเราก็จะลำบาก ลำบากมากๆ เลยล่ะ"

ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น นึกถึงเรื่องที่แฟรงค์เพิ่งเตือนไว้เมื่อเช้าว่าไม่ให้หวั่นไหว แต่พอเจออย่างนี้เข้าไป ผมก็เริ่มสั่นคลอนเหมือนกัน

"แล้วความสุขของแฟรงค์ล่ะครับป้า ไม่เห็นมีใครพูดถึงความสุขของแฟรงค์เลย แฟรงค์เค้าจะต้องอยู่กับชีวิตอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนครับ"

ผมพูดไปแล้วก็จะร้องไห้ รู้สึกสงสารแฟรงค์จับจิตจับใจที่ต้องอยู่ในครอบครัวที่บีบบังคับขนาดนี้

"ความจริง...ป้าก็ไม่เห็นว่าก่อนหน้านี้แฟรงค์เค้าจะมีความทุกข์อะไรนะ ป้าหมายถึง...ก่อนที่แฟรงค์จะเจอนัทอีกครั้ง ชีวิตของเค้าก็คงจะเดินไปตามวิถีของผู้ชายคนหนึ่ง ทำงาน แต่งงาน มีลูก ดูแลครอบครัว ป้าไม่เห็นว่าเค้าจะมีปัญหาอะไรเลย จนกระทั่ง..."

แม่ของแฟรงค์ละไว้ในฐานที่เข้าใจ นั่นแปลว่าผมเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับครอบครัวของแฟรงค์ ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี แฟรงค์ก็กำลังจะแต่งงานมีครอบครัวเหมือนผู้ชายคนหนึ่ง แต่แฟรงค์ดันมาเจอตัวปัญหาอย่างผมเสียก่อน

ก็คงจะจริง...ถ้าแฟรงค์ไม่เจอผม ชีวิตของแฟรงค์ก็คงเดินไปตามวิถีของผู้ชายคนหนึ่ง

แม่ของแฟรงค์ถอนหายใจ สายตาที่มองผมอย่างเห็นใจกลับไม่ทำให้ผมรู้สึกดีแม้แต่น้อยเลย

"ป้าเสียใจนะ แล้วป้าก็ต้องขอโทษนัทด้วย ยังไงๆ พ่อของแฟรงค์ก็คงไม่ยอม ไม่ยอมอย่างเด็ดขาด ป้าขอบอกตรงๆ ว่า...ป้าไม่เห็นความเป็นไปได้เลยที่แฟรงค์กับนัทจะ..."

ละไว้ในฐานที่เข้าใจอีกครั้ง แล้วก็พูดสืบไป

"ลุงกับป้า...ไม่รังเกียจหรอกนะที่แฟรงค์กับนัทจะคบกันต่อไปในฐานะ...พี่น้อง...หรือเพื่อน แต่ถ้ามากกว่านั้น..."

ดูเหมือนจะมีเรื่องที่ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจหลายเรื่อง ก็เอาเป็นว่าผมเข้าใจดีทุกอย่างละกัน อย่าว่าแต่คบกันเป็นเพื่อนหรือพี่น้องเลย แม้เป็นแค่คนรู้จักก็ยังมากพอที่จะสร้างความระคายเคืองและหวาดระแวงให้ครอบครัวนี้ได้ ไม่มีใครในครอบครัวของแฟรงค์ต้องการผม แล้วทำไมผมจะต้องอยู่เป็นหนามในใจให้ครอบครัวคนอื่นด้วยเล่า

ผมยกมือป้ายน้ำตาที่รินไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้ คงไม่ต้องถามผมว่ารู้สึกยังไง เจ็บปวดแค่ไหน แต่ดูเหมือนแค่นั้นยังไม่พอ ประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน เหมือนมีใครเอาเข็มนับร้อยนับพันมาทิ่มแทงผมพร้อมๆ กันเลยทีเดียว

"นัทปล่อยมือพี่เค้าเถอะลูก อย่าทำลายอนาคตของแฟรงค์เลย ครอบครัวเราจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ถือว่าป้าขอร้องละกัน"

พอจบประโยคแม่ของแฟรงค์ก็ลุกขึ้น ก่อนจะเดินดุ่มๆ ออกไปโดยไม่หันมามองผมที่ก้มหน้าร้องไห้ปานจะขาดใจ ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้ว่าครอบครัวนี้ไม่ต้องการผม แล้วผมกับแฟรงค์จะอยู่ด้วยกันได้ยังไง อีกอย่าง ในเมื่อแม่ของแฟรงค์ขอร้องผมถึงขนาดนี้ ผมควรจะหน้าด้านหน้าทนอยู่ต่อไปหรือเปล่า ถ้าอยู่ต่อ...ก็คงไม่ใช่คนแล้ว

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมดังขึ้น พอหยิบมาดูก็เห็นแฟรงค์ส่งไลน์มาถามว่าจะเอาไอศครีมรสอะไรบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ตอบแฟรงค์ไป เห็นความเป็นห่วงเป็นใยและเอาใจใส่ของแฟรงค์ผมก็ยิ่งใจหาย

"พี่แฟรงค์ นัทจะไม่ไหวแล้ว พี่แฟรงค์ช่วยนัทด้วย"

ผมคงทำได้แค่พูดคนเดียวอยู่ตรงนี้ แฟรงค์คงไม่สามารถรับรู้ว่าเจ้าชายน้อยของพี่แฟรงค์กำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วก็ค่อยๆ ยืนขึ้น ก่อนจะวิ่งไปหาห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อล้างหน้าล้างตาให้อยู่ในสภาพพอกลับไปทำงานต่อได้

... ... ...

ไม่น่าเชื่อว่าผมจะมีสติมากพอจนสะสางงานได้หมดในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว พอเสร็จแล้วก็เดินออกมาดูตรงบ่อตกปลา น่าแปลกที่บ่ายสองแล้วยังไม่มีลูกค้าเข้ามาเลย น่าจะเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันธรรมดา ผมว่าจะเข้าไปคุยกับพนักงานที่ร้านอาหารกลางน้ำเสียหน่อย ก็บังเอิญได้เจอแขกคนที่สองของผมเสียก่อน

"เพียว"

ผมเรียกชื่อผู้หญิงที่เดินมาหาอย่างตกใจ ก่อนกินข้าวกลางวันก็โดนเล่นงานมาแล้วหนึ่งรอบโดยแม่ของแฟรงค์ บ่ายนี้ผมคงไม่พ้นโดนอีกรอบแน่ๆ แล้วก็จริงอย่างที่ผมเดาเสียด้วย

"เพียวขอคุยกับนัทหน่อยได้มั้ย ไม่นานหรอก แค่ครึ่งชั่วโมง" เพียวถามเสียงเรียบ แต่แววตากลับมีแววเศร้าและกังวล

มีหรือที่ผมจะปฏิเสธได้ แต่คราวนี้ผมพาเพียวเข้ามาคุยกันในห้องทำงานของแฟรงค์ กลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ให้ลูกค้าเห็น คงดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่

พอเข้ามาในห้องทำงาน ยังไม่ทันจะได้เชื้อเชิญให้นั่งด้วยซ้ำ เพียวก็เปิดฉากการสนทนาของเราทันที

"นัทกับพี่แฟรงค์ไม่ควรจะทำอย่างงี้กับเพียวนะ"

ผมปิดประตูเสร็จก็ยืนนิ่งตกตะลึงอยู่ตรงนั้น แม้น้ำเสียงไม่ได้ฟังดูเกรี้ยวกราดแต่ก็รู้ว่าคนพูดไม่พอใจ

"ทำอะไรกันน่ะ เกรงอกเกรงใจเพียวกันมั่ง เพียวยังเป็นคู่หมั้นของแฟรงค์อยู่นะ"

พูดจบเพียวก็ร้องไห้ ผมรู้สึกหน้าชาไปหมดเพราะกำลังถูกด่าว่าแอบขโมยกินของคนอื่น จนในที่สุดเจ้าของที่แท้จริงก็ทนดูไม่ไหว ต้องออกโรงมาปรามบ้าง

"เพียวรู้จักกับพี่แฟรงค์มาสี่ปีกว่า เราไม่เคยมีปัญหาอย่างนี้เลย เราสองคนก็รักกันอยู่ดีๆ วางแผนชีวิตไว้ด้วยกัน เตรียมพร้อมไว้ทุกอย่าง รอแค่อีกไม่กี่วันเท่านั้น แต่พอนัทมา...ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป นัทเข้าใจความรู้สึกของเพียวมั้ย ผู้หญิง...ที่จะโดนคู่หมั้นทิ้งให้ม่ายขันหมากอยู่รอมร่อ ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่วันเราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ทำไมมันต้องแบบนี้ด้วย แล้วเพียวจะทำยังไง นัทบอกมาซิว่าเพียวควรจะทำยังไง"

เพียวควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่แล้ว เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นและตัดพ้อต่อว่าผมใหญ่ แต่คนที่แอบขโมยกินของคนอื่นอย่างผมจะมีสิทธิ์ไปเถียงอะไรได้

"ทำไมจะต้องทำบาปทำกรรมกับผู้หญิงคนนึงอย่างงี้ด้วย ไม่รู้เหรอว่าที่ทำไปมันบาปแค่ไหน มันผิดศีลธรรมนะนัท แล้วทำกันไปได้ยังไง เห็นเพียวเป็นอะไรกัน คิดว่าเพียวไม่รู้สึกอะไรเหรอ คิดว่าเพียวไม่มีหัวใจเลยหรือไง!"

เพียวสาดอารมณ์ใส่ผมอย่างไม่ลดละ ผมหน้าชาแล้วหน้าชาอีก

"เพียว...นัทขอโทษ" ผมคงบอกเพียวได้แค่นี้ ไม่มีคำพูดใดที่ดีกว่านี้ที่ผมจะสรรหามาพูดได้

"เพียวไม่ต้องการคำขอโทษ เพียวอยากให้นัทปล่อยเราสองคนไป ได้มั้ย ถ้าไม่มีนัท...พี่แฟรงค์เค้าก็คงไม่เป็นแบบนี้ เราสองคนก็คงจะแต่งงานกันตามที่วางแผนไว้ แล้วก็จะมีลูกด้วยกัน เราคุยกันมาหมดแล้ว เราวางแผนกันมาหมดแล้วว่าเราจะแต่งงานกันตอนไหน จะมีลูกคน ลูกชายกี่คน ลูกสาวกี่คน แต่ทุกอย่างมันพังลงหมดเลย! ตั้งแต่นัทเข้ามา!"

ใครไม่ถูกด่าอย่างนี้บ้างคงไม่รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน ผมร้องไห้อย่างอดสูใจ ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะต้องมาถูกใครด่าว่าอย่างนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อผมไม่หักห้ามใจตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่ามันผิดก็ยังแอบกินของคนอื่น ช่างหน้าด้านสิ้นดี

"นัทไปจากชีวิตเราสองคนได้มั้ย หรือนัทอยากจะเห็นชีวิตของผู้หญิงคนนึงพังลงต่อหน้าต่อตา ไม่สงสารกันมั่งเหรอ ถ้านัทเป็นเพียว นัทจะทำยังไง"

ผมทรงไม่อยู่แล้ว ค่อยๆ ทรุดลงไปนั่งพิงประตูอย่างคนไร้เรี่ยวแรง

"ตอบเพียวมาสินัท ไปจากชีวิตเราสองคนได้มั้ย เพียวกับพี่แฟรงค์จะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่าเป็นมารผจญให้เราสองคนเลย"

ผมเอามืออุดปากเพราะกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้เสียงดัง ในเมื่อเพียวขอกันถึงขนาดนี้ ผมคงไม่ใจกล้าหน้าด้านขโมยของคนอื่นกินต่อ บาปรักของผมกับแฟรงค์ควรจะต้องยุติเสียที ความจริงก็ควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่รอให้คนอื่นมาว่าเอาเสียก่อนถึงค่อยคิดได้

ผมพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ ไม่สามารถพูดคำใดออกไปได้เลย

"ถ้างั้น...นัทก็ควรจะไปจากเราสองคนให้เร็วที่สุด หยุดทำบาปทำกรรมกับลูกผู้หญิงคนนึงที่ไม่มีทางสู้ได้แล้วนะนัท"

ผมปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น เกิดมาชาตินี้ขอให้มีแค่ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่จะโดนใครด่าว่าอย่างนี้ นี่แหละคือผลกรรมของการที่ไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเอง ยอมให้อำนาจดำฤษณาครอบงำจนลืมคิดถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดี สุดท้ายก็ต้องมาเสียใจภายหลังเมื่อเจ้าของตัวจริงมาทวงคืน

นี่ผมทำอะไรลงไปกับชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง!? ผมทำอย่างนี้ไปได้ยังไง!? ช่างน่าละอายใจเหลือเกิน

"งั้นก็ดีแล้ว เพียวหวังว่า...นัทจะไม่ผิดคำพูด"

เพียวเดินมาที่ประตู ผมเขยิบหลีกทางให้เธอเปิดประตูออกไปแต่โดยดี พอไม่มีใครอยู่ในห้องนี้แล้วผมก็ร้องไห้อย่างสุดกลั้น ปลดปล่อยทุกอย่างที่เก็บกดไว้ในใจอย่างเต็มที่

แฟรงค์ส่งไลน์มาถามผมเรื่องไอศครีมอีกแล้ว พอผมไม่ตอบแฟรงค์ก็เลยบอกว่าจะซื้อรสเดิมที่เคยซื้อมาให้ ผมอยากตะโกนบอกแฟรงค์เหลือเกินว่าไม่ต้องซื้อมาแล้ว คืนนี้เราไม่ควรจะพบกันด้วยซ้ำไป ผมจะหน้าด้านหน้าทนแอบกินของคนอื่นทั้งๆ ที่เจ้าของตัวจริงมาทวงแล้วได้ยังไง

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วโดนโซเซไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาอีกรอบ เหลือเวลาไม่มากแล้ว ผมไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้ ฉะนั้น ผมจะตรวจดูงานรอบสุดท้ายให้เรียบร้อยภายในวันนี้ ผมไม่ได้อยู่ต่ออีกสามวันอย่างที่ตั้งใจแต่แรก

พอล้างหน้าล้างตาเสร็จผมก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน ตรวจดูเอกสารและไฟล์งานต่างๆ จนมั่นใจว่าไม่มีตกค้าง จากนั้นผมก็เดินไปคุยกับแก้วตาเผื่อว่ายังมีอะไรที่ผมติดค้างไว้อยู่หรือเปล่า พอแก้วตาบอกว่าไม่มีผมจึงกลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง เก็บคอมพิวเตอร์ใส่กระเป๋าเตรียมกลับที่พัก

เสียงไลน์ดังเตือนอีกแล้ว ผมนึกว่าแฟรงค์ไลน์มาหาจึงเปิดอ่าน แต่คราวนี้ไม่ใช่ คนที่ส่งมาคือคนที่เคยทำผมเจ็บปวดแทบปางตายเมื่อไม่นานนี้นั่นเอง

"พี่อยากเจอนัทจริงๆ นะ นัทมาหาพี่อีกสักครั้งได้มั้ย แล้วพี่จะไม่ขอให้นัทมาหาพี่อีกเลย"

ผมไม่เคยนึกอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งมาก่อนเลย จึงได้แต่กำโทรศัพท์ไว้แน่นก่อนจะเผลอบันดาลโทสะปาทิ้งไปจริงๆ ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรกันแน่ถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ ในวันเดียวกัน ต้องตาเลิกกับหัวหน้าแผนกคนนั้นแล้ว หวังว่าเธอคงไม่คิดจะขอให้ผมกลับไปคืนดีกับเธออีก ผมไม่มีหัวใจเหลือให้ใครแล้ว

ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงอย่างหัวเสีย หยิบกระเป๋าคอมพิวเตอร์มาถือไว้ กำลังจะเดินออกไปประตูก็ห้องทำงานก็เปิดออกเสียก่อน

"พี่แฟรงค์"

ผมอุทานเสียงเบา แฟรงค์ยิ้มหวานให้ผมอย่างดีใจที่ได้พบกัน ในมือถือถุงกระดาษที่เข้าใจว่าเป็นไอศครีมของโปรดของผมมาด้วย

"จะกลับแล้วเหรอนัท ทำงานเสร็จไวจัง" แฟรงค์ถามแล้วก็ปิดประตูห้อง ก่อนจะเดินตรงมาหาผม

นี่ไง...ผู้ชายที่ผมรักแต่ไม่มีสิทธิ์รัก ก็เลยต้องแอบขโมยกินของคนอื่นอย่างหน้าด้านๆ ผมพยายามข่มความรู้สึกข้างในอย่างเต็มที่ ผมจะต้องไม่ร้องไห้ จะต้องไม่เศร้า จะต้องไม่ทำให้แฟรงค์ลำบากใจก่อนที่ผมจะจากไป ผมก็เลยต้องพยายามฝืนยิ้ม ทั้งๆ ที่ในหัวใจผมร้องไห้อย่างหนัก

"เสร็จแล้ว นัทเคลียร์งานให้พี่แฟรงค์เสร็จหมดแล้วนะ ไม่มีอะไรค้างเลย"

แฟรงค์พยักหน้ารับรู้ วางถุงกระดาษไว้บนโต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วก็เดินมากอดผมจากทางด้านหลัง ก่อนหอมแก้มผมหนึ่งฟอดอย่างรักใคร่

"คิดถึงนัทจัง" แล้วแฟรงค์ก็ปล่อยผมออกเพราะเห็นว่ายังอยู่ในที่ทำงาน

"มา ให้พี่ช่วยถือ เจ้าชายน้อยของพี่"

แฟรงค์ยื่นมือมาขอช่วยถือกระเป๋าคอมพิวเตอร์ที่ผมถือไว้ ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ส่งให้แต่โดยดี ไหนๆ ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ผมอยากให้แฟรงค์มีความสุขที่ได้ดูแลผมเหมือนอย่างเคย แล้วคืนนี้...ผมก็จะดูแลแฟรงค์เป็นอย่างดีเช่นกัน

"พี่แฟรงค์น่ารักจัง"

แฟรงค์ถือกระเป๋ามือเดียวแล้วก็เอามือที่เหลือมาลูบผมของผมเบาๆ

"ถ้าพี่น่ารักนัทก็ต้องรักพี่คนเดียวนะ"

แฟรงค์มองผมด้วยสายตามีความสุข ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หรือว่าแฟรงค์จะคิดเหมือนผมว่าเราควรใช้เวลาที่เหลือให้มีความสุขมากที่สุด

"ไปเร็ว เดี๋ยวไอติมละลาย"

แฟรงค์ฉวยถุงกระดาษบนโต๊ทำงานมาถือไว้อีกข้างแล้วก็เดินนำออกไป เห็นแผ่นหลังตั้งตรงของแฟรงค์แล้วผมก็นึกอยากกอดเหลือเกิน ผมรอจังหวะจนกระทั่งเราสองคนเดินเข้ามาในที่พัก พอแฟรงค์วางของเรียบร้อยแล้วผมก็เดินเข้าไปกอดแฟรงค์จากทางด้านหลังบ้าง ภาวนาในใจว่าอย่าให้สัมผัสที่แสนอบอุ่นนี้เป็นครั้งสุดท้ายเลย

"พี่แฟรงค์ นัทรักพี่แฟรงค์นะ ถ้าเกิดวันนึงนัทไม่มีโอกาสได้บอกรักพี่แฟรงค์อีก พี่แฟรงค์รู้ไว้นะว่านัท...รักพี่แฟรงค์ที่สุดในชีวิต"

ผมพยายามสะกดกลั้นน้ำตาอย่างเต็มที่ แต่กระนั้นก็มีซึมๆ ออกมาบ้าง เราอุตส่าห์หากันจนเจอแล้ว แต่กลับมาเจอกันในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นใจเสียเลย แฟรงค์กุมมือสองข้างของผมที่จับอยู่ตรงเอวแฟรงค์ไว้ ก่อนจะหันมายิ้มให้

"ทำไมพูดแปลกๆ อย่างงั้นล่ะนัท พูดเหมือนจะหนีพี่ไปไหนเลย"

แฟรงค์พูดหยอกเล่น แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนใครเอามีดมากรีดใจก็ไม่ปาน จะเอายังไงกับรักครั้งนี้ดีหนอ จะหน้าด้านสู้ต่อไป หรือจะปล่อยแฟรงค์ให้กลับไปหาเพียวและครอบครัวเหมือนเดิม คนเหล่านั้นต้องการแฟรงค์ให้ช่วยเติมเต็มหลายอย่าง บางอย่างก็สำคัญมากเพราะหมายถึงความอยู่รอดของคนทั้งครอบครัว แล้วความรักของผมสำคัญมากขนาดนั้นหรือเปล่า!?

- TBC -[/center]

อำลาตำนานรัก "ต้น-สน" (http://bit.ly/1OuJgH2)

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊16┊ กรรมของคนหน้าด้าน ┊P10┊ 1.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-01-2016 23:46:29
สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณ sarawatta
ขออธิษฐาน ให้ คุณ sarawatta มีความสุข ตลอดปีใหม่นี้ ค่ะ

ติดตามอ่านงานเขียนของ  คุณ sarawatta มาหลายเรื่องค่ะ ทั้งที่ดราม่า ไม่ใช่แนวเราเลย เรื่องที่เราชอบมากที่สุดคือ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (อ่านไปก็ร้องไห้ไป ถ้ามีตัวละครเรื่องนี้เสียชีวิต เราคงเศร้าไปหลายเดือน ดีใจมากที่จบด้วยความสุข)

ความใส่ใจในการเขียนและการโต้ตอบกับผู้อ่าน เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราประทับใจ ขอบคุณสำหรับงานเขียนสนุกๆค่ะ

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊16┊ กรรมของคนหน้าด้าน ┊P10┊ 1.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-01-2016 00:10:01
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊16┊ กรรมของคนหน้าด้าน ┊P10┊ 1.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 02-01-2016 00:27:00
ทั้งหน่วงทั้งดราม่ารับปีใหม่เลย

ถ้ามองอย่างที่คนอื่นมองก็ใช่นะ 
ถ้าแฟรงค์ไม่เจอนัทเรื่องทุกอย่างมันก็จะเป็นไปตามที่ทุกคนในครอบครัวแฟรงค์ต้องการ   แต่หลังจากนี้ล่ะ?   
แฟรงค์จะสามารถมีความสุขได้อีกหรือถ้าหากว่าไม่มีนัท?
ผู้หญิงอย่างเพียวนี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเราเลยทีเดียว   ทั้งๆที่ผู้ชายเขาบอกแล้วว่าเขารักคนอื่น   เขาไม่ได้รักตัวเองเหมือนเดิม   กระนั้นนางก็ยังพยายามที่จะยื้อผู้ชายไว้   สำหรับนัทจะเหลืออะไรอีก?  นอกจากถอย?

ขอนะ  เราอยากเห็นผู้ชายดีๆสักคนที่สู้เพื่อความรัก

นังต้องตายังจะมาหลอกหลอนอะไรอีก?   สงสัยปลาใหญ่ที่เคยจับไว้ดิ้นหลุดมือไม่ก็มีหนามมาปักมือ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊16┊ กรรมของคนหน้าด้าน ┊P10┊ 1.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-01-2016 01:01:28
สงสารนัทจังโดนรุมแบบนี้ไหนจะทั้งแม่แฟรงค์ ไหนจะเพียว นัทหนูต้องสตรองนะคะเพื่อให้สมหวังในรักนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊16┊ กรรมของคนหน้าด้าน ┊P10┊ 1.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 02-01-2016 08:20:32
ต่อให้นัทปล่อยแฟรงค์ไปแต่แฟรงค์ก็ไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมหรอก เชื่อสิ
นัทหนูต้องเข้มแข็ง ต้องสตรองให้มากนะนัท อยู่เคียงข้างคอยเป็นกำลังใจให้แฟรงค์สิ เอาใจช่วยนะให้ผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้ จับมือกันไว้แล้วไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊16┊ กรรมของคนหน้าด้าน ┊P10┊ 1.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 02-01-2016 16:01:23
อย่ากล่าวหาว่าคนอื่นเห็นแก่ตัว
ถ้าสิ่งที่ตัวเองทำ..ทั้งหมดก็เพื่อตัวเอง
มันก็เห็นแก่ตัว เหมือนๆกัน

เพียงพูดให้ดูดี
แต่ใจนี่..โคตรระยำ

พอนะ..ไม่อยากจะพูดอะไรให้มากกว่านี้
เพียวถอยเหอะ ถอยได้แล้ว ยื้อไปก็ไร้ค่า
หมดราคาของตนเอง
หุหุ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊16┊ กรรมของคนหน้าด้าน ┊P10┊ 1.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-01-2016 17:07:01
ทุกคนก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้น
แต่ของแฟรงค์กับนัทในตอนนี้มันเป็นการเห็นแก่ตัวทำในเรื่องที่ผิดต่อเพียวจริง ๆ   
ก็ต้องรับผลกรรมไป
เห็นใจทั้งคู่มาก ๆ และขอให้มีทางออกที่ดี

ส่วนเรื่องความต้องการของพ่อ แม่ เพียว
อันนี้พวกเขาคงลืมคิดไปว่า มันไม่ใช่ตัวหนังสือที่เขียนด้วยดินสอ
ใช้ยางลบลบออกก็แทบไม่เหลืออะไรให้เห็น ไม่เหลือความทรงจำ
แต่นี่มันชีวิตและจิตใจคน
ตอนเด็ก ๆ อาจจะชี้แนะและป้อนประสบการณ์ใหม่ ๆ เข้ามาให้ความทรงจำและประสบการณ์เดิม ๆ เลือนลางจนจางหายไปได้
แต่ตอนโตแล้วนี่เป็นไปไม่ได้ การที่สองคนนี้ได้กลับมาเจอกัน สานสัมพันธ์จนรักกัน  มันเป็นเรื่องจริง ณ ปัจจุบัน
ใจที่เปลี่ยนไปแล้ว วัยที่โตจนมีความคิดเป็นของตนเอง มีพลังและอำนาจที่จะเลือกทำในสิ่งที่ตนต้องการ
แฟรงค์อาจจะถูกบังคับให้แต่งงานกับเพียวได้ แต่เขาก็จะไม่มีความสุขอีก นอกเสียจากว่า ตัวเขาเองเป็นผู้เลือก
แล้วจะอยู่โดยความรู้สึกแบบไหน ก็เป็นตัวเขาที่เลือกรับผลนั้นเอง

ตอนนี้เราเห็นใจเพียวมากที่สุดนะ เพราะถูกหักหลัง ถูกฉีกหน้า ถูกทำร้ายจิตใจ ถูกครอบครัวกดดัน
โอเคในแง่ครอบครัวมันอาจจะมีอะไรเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านี้ แต่ที่เขาเจ็บ เขาก็เจ็บจริง ๆ 
ในอีกทางหนึ่ง เพียวคงต้องทุกข์มากกว่านี้ถ้าแต่งไปกับแฟรงค์ เพราะคนไม่รักกันแล้ว อย่างไรก็ไม่รัก แฟรงค์อาจจะเห็นใจและมีความรู้สึกผูกพันเพราะคบหากันมานานหลายปี แต่วันหนึ่งความไม่สมหวังและความอัดอั้นตันใจที่ต้องอยู่โดยไร้รักต่อกันก็จะทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นหมดไป แล้วแฟรงค์จะมีความรู้สึกต่อเพียวอย่างไรล่ะ?  อาจจะโกรธ เกลียด จนเฉยชา ไม่สนใจอีก ทุกข์กว่าไหมถามใจดู

ได้แต่ภาวนาให้เพียวคิดได้ ยอมรับความจริง ยอมเสียหน้าแค่ไม่นานแต่ไม่ต้องทรมาน เพราะชีวิตคู่ที่ล้มเหลวและไร้ความสุข
และขอให้มีทางออกกับครอบครัวด้วย

สวัสดีปีใหม่ทุก ๆ คน
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊16┊ กรรมของคนหน้าด้าน ┊P10┊ 1.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 02-01-2016 20:34:58
น่าสงสารนัท เจอพายุเข้าติดกันๆหลายระลอกแบบนี้ จะทานทนไหวได้ยังไง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊16┊ กรรมของคนหน้าด้าน ┊P10┊ 1.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 02-01-2016 22:30:32
ดราม่าของนัทกับแฟรงค์เริ่มแล้ว อยากรู้ว่าทำไมน้องพระเอกถึงไม่ชอบเพียว ผมว่าต้องมีเรื่องราวอะไรซ่อนไว้แน่ๆ
นัทอย่าปล่อยมือแฟรงค์ไปนะ น้องสาวแฟรงค์จะได้ออกโรงมาช่วยพี่ชายมั้ยคับ
   รอ รอ รอออ่านตอนใหม่คับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 03-01-2016 01:01:23
Desperado คนสิ้นหวังหรือสิ้นคิด เป็นอีกตอนที่เศร้ามาก
เราจะเศร้ากันต่ออีกหน่อย อดทนกันนิดนึงนะครับ

❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 17 ✢ Desperado


(http://bit.ly/2lPHQVt)

ช่วงเย็นแดดร่มลมตก เรือนแพรีสอร์ทที่กำลังจะมีชื่อใหม่เป็นหนองจอกรีสอร์ทแอนด์ฟิชชิ่งปาร์ค เริ่มมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการบ่อตกปลาอย่างหนาตามากขึ้น ช่วงปิดปรับปรุงรีสอร์ททำให้สูญเสียรายได้ไปมากพอสมควร แต่ก็โชคดีตรงที่รายได้มากกว่าครึ่งมาจากบริการบ่อตกปลา นับว่าเป็นรายได้หลักสำคัญที่ช่วยหล่อเลี้ยงธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้

แฟรงค์ชวนผมมาเล่นฟลายบอร์ดก่อนจะกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารกลางน้ำ แต่เล่นไปได้สักพักก็มีลูกค้าสาวๆ กลุ่มหนึ่งมาขอเล่นบ้าง แฟรงค์ก็เลยต้องเปลี่ยนหน้าที่มาสอนสาวๆ กลุ่มนั้นให้เล่นฟลายบอร์ดแทน ตอนแรกจะให้ผมอยู่เล่นด้วย แต่ผมก็ปฏิเสธไปโดยอ้างว่าจะไปช่วยดูแลลูกค้าที่ร้านอาหารให้ แฟรงค์ก็เลยไม่ว่าอะไร

แต่ก่อนจะไปดูแลลูกค้า ผมก็แอบหนีกลับมาที่ที่พัก เข้ามาในห้องแล้วก็ยกกระเป๋าเดินทางลงมาจากหลังตู้เสื้อผ้า แล้วก็หยิบเสื้อผ้าที่จำเป็นจากตู้เสื้อผ้ามาใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ เหลือไว้แค่ชุดที่จะใส่นอนคืนนี้และชุดทำงานของแฟรงค์เท่านั้น ส่วนของใช้ส่วนตัวในห้องน้ำคงไปซื้อเอาข้างหน้า เสร็จแล้วก็ลากกระเป๋าเดินทางออกไปจากห้อง ตรงไปยังรถของผมที่จอดไว้อยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ก่อนจะใส่กระเป๋าใบนั้นไว้ในกระโปรงรถ เตรียมไว้สำหรับการเดินทางที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้

พอเสร็จเรียบร้อยผมก็เดินกลับมาที่ร้านอาหารกลางน้ำ มีลูกค้านั่งประจำโต๊ะเกือบครึ่งร้านแล้ว นับว่ามากพอดูในภาวะเศรษฐกิจช่วงนี้ บางคนเป็นลูกค้าประจำที่ผมพอรู้จัก ผมจึงเดินไปทักทายลูกค้าตามโต๊ะต่างๆ และคอยบริการเล็กๆ น้อยๆ เช่น เรียกพนักงานเสิร์ฟให้ บอกทางไปห้องน้ำ หรือแนะนำอาหารหรือบริการอื่นๆ ที่ลูกค้าสนใจ

เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ กลุ่มนั้นดังมาเป็นระยะๆ พอผมไปยืนดูก็เห็นว่าพวกเธอกรี๊ดแฟรงค์ที่กำลังทดลองเล่นฟลายบอร์ดแบบผาดโผนให้ดูนั่นเอง หนุ่มเล่นโชว์สาว สาวกรี๊ดชอบใจ หนุ่มยิ้มภูมิใจที่สาวชอบ รอยยิ้มของสาวก็ดึงดูดให้หนุ่มทอดสะพานไปหา เป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปทุกมุมโลก

บางทีผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ผมกับแฟรงค์ควรจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายทั่วไปตามเดิมหรือเปล่า ผมงงตัวเองเหมือนกันว่าผมชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ ผมกับแฟรงค์เองก็ชอบผู้หญิงมาก่อนทั้งคู่ แต่ก็น่าแปลกที่เรามีความสัมพันธ์กันได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย หรือว่าผมกับแฟรงค์เป็นไบเซ็กชวล แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร เราสองคนก็ทำผิดบาปกับผู้หญิงคนหนึ่งไว้มากอยู่ดี

ผมไม่รู้ว่าผมอิจฉาหรือหึงหวงแฟรงค์หรือเปล่าที่มีสาวกรี๊ด แถมพวกเธอยังคอยชื่นชมประจบเอาใจแฟรงค์เวลาที่แฟรงค์สอนพวกเธอ แม้มองไกลๆ ก็ยังรู้ว่าสาวๆ บางคนส่งสายตาวิบวับให้ แฟรงค์หล่อขนาดนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สาวๆ จะสนใจ ไม่รู้ว่าแฟรงค์รู้สึกยังไงบ้างหรือเปล่า แต่เห็นยิ้มและหัวเราะสนุกสนานก็น่าจะแปลว่าพอใจไม่น้อย

ผมละสายตาจากภาพนั้นแล้วก็เดินกลับเข้ามาในร้านอาหารตามเดิม พอไม่มีอะไรต้องดูแลก็เลยเลือกนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ตัวหนึ่ง แล้วก็นั่งเท้าคางเหม่อมองและคิดไปเรื่อยเปื่อย พอนึกถึงสิ่งที่ผมกำลังจะทำคืนนี้แล้วก็ยิ่งใจหายเหลือเกิน แต่มันก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้

"ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะนัท"

ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคนเรียก ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งเหม่ออยู่นานแค่ไหนแล้วจึงไม่เห็นแฟรงค์เดินมาหา ผมยิ้มอย่างงงๆ ให้กับแฟรงค์ที่กำลังนั่งลงข้างๆ

"หึงพี่เหรอ" แฟรงค์พูดหยอกพลางเอาข้อศอกมากระทบแขนผมเบาๆ

"เปล่าซะหน่อย" ผมแก้ตัว ค่อยๆ เอามือลงวางข้างลำตัว

"เปล่าอะไร เมื่อกี้เห็นแอบยืนดูพี่อยู่"

"แค่ดูเฉยๆ ไม่ได้หึงซะหน่อย นัทไม่มีสิทธิ์หึงพี่แฟรงค์หรอก พี่แฟรงค์ก็รู้นี่"

แฟรงค์ขมวดคิ้วคล้ายกับไม่เข้าใจ "เหรอ...ทำไมนัทคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์หึงพี่ล่ะ"

ผมเบือนหน้าหนีไปอีกทาง จะบอกไปตรงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะดีหรือเปล่า แต่เมื่อพูดออกไปแล้วก็ต้องหาทางลงให้ได้

"นัทไม่ใช่คู่หมั้นพี่แฟรงค์นี่ คนที่จะหึง...ควรจะเป็นคู่หมั้นของพี่แฟรงค์มากกว่า"

ผมหันกลับมาสบตากับแฟรงค์ ท่าทางแฟรงค์ดูอึ้งไปเหมือนกันที่ผมพูดอย่างนั้น แต่แฟรงค์ก็พยายามเปลี่ยนสีหน้าเครียดๆ เป็นรอยยิ้ม แต่ก่อนที่แฟรงค์จะทันได้พูดอะไรผมก็ชิงพูดขึ้นก่อน

"พี่แฟรงค์ว่าเราสองคนทำบาปกับเพียวหรือเปล่า"

ยังยิ้มไม่ทันสุด แฟรงค์ก็หน้าเครียดอีกแล้วจากคำถามของผม

"ทำไมนัทถามพี่อย่างงั้นล่ะ"

"มันไม่ถูกใช่มั้ยที่เราทำอย่างงี้กับเพียว" ผมถามต่อ

"เอาไว้คุยวันหลังได้มั้ยนัท กินข้าวกันก่อนดีกว่า" แฟรงค์รีบตัดบท แต่สีหน้าก็เครียดไปมากแล้ว

พอรู้ตัวว่าทำให้บรรยากาศเสียผมก็เลยรู้สึกผิด "นัทขอโทษ ทำให้เสียบรรยากาศเลย"

แฟรงค์เรียกพนักงานมาแล้วก็สั่งอาหารไปสองสามอย่าง พอพนักงานไปแล้วเราก็ยังคงไม่รู้จะคุยอะไรกัน แต่ผมคงจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ คืนสุดท้ายของผมกับแฟรงค์ไม่ควรเป็นอย่างนี้

"พี่แฟรงค์...นัทขอโทษนะ นะๆๆ"

ผมพยายามอ้อนด้วยสีหน้ารู้สึกผิดสุดฤทธิ์ เห็นแฟรงค์หน้าเศร้าแล้วผมก็นึกโกรธตัวเองที่พูดไม่รู้กาละเทศะ แฟรงค์ยังคงนั่งเงียบและไม่ยอมเล่นด้วย จนผมชักใจคอไม่ดี พอไม่รู้จะทำยังไงก็เลยแอบเอานิ้วก้อยไปขอเกี่ยวก้อยกับแฟรงค์

"หายโกรธเจ้าชายน้อยนะครับ...เจ้าชายใหญ่"

สุดแฟรงค์ยิ้มจนได้ แม้จะยังดูเศร้าแต่ก็รู้ว่าพยายามยิ้มอย่างเต็มที่แล้ว แฟรงค์เอานิ้วก้อยมาเกี่ยวก้อยกับผม ผมใช้อีกมือแตะเบาๆ สองสามครั้งที่หน้าผากของตัวเอง แค่นี้แฟรงค์น่าจะพอเดาได้ว่าผมอยากให้ทำอะไร แฟรงค์ก็เลยปล่อยนิ้วแล้วเอื้อมมือมาลูบผมของผมเบาๆ นี่แหละสัมผัสที่ผมรอคอย

"เมื่อกี้...นัทก็หึงพี่แฟรงค์นิดหน่อยนะ" ผมสารภาพอย่างอายๆ เอานิ้วโป้งจิกลงบนปลายข้อมือนิ้วก้อยให้ดูด้วย จะได้รู้ว่านิดหน่อยจริงๆ

"หึงทำไม พี่รักใครรักจริงนะ ไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ หรอก ไม่งั้นพี่จะเก็บนัทไว้ในใจทำไมตั้งนานหลายปี"

"อ้าว ก็นึกว่าอยากให้หึงซะอีก"

แฟรงค์หัวเราะชอบใจ ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าปากพาจนอย่างผมจะทำให้บรรยากาศกร่อยจนกู่ไม่กลับ

"หึงจริงเหรอ" แฟรงค์ถามพลางหรี่ตามองสงสัย

"จริงสิ ก็พี่แฟรงค์หล่อขนาดนี้จะไม่หวงได้ไง พวกสาวๆ เมื่อกี้ต้องชอบพี่แฟรงค์แน่ๆ เลย นัทดูออก เห็นมั้ย กรี๊ดพี่แฟรงค์กันใหญ่ อ้อ แล้วเค้ากลับบ้านกันแล้วเหรอ"

"กลับแล้ว เค้ายังเล่นกันไม่ค่อยเป็นหรอก เห็นบอกว่าจะมาฝึกอีก"

ผมพยักหน้ารับรู้ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุย "ปู่ของพี่แฟรงค์เป็นไงมั่ง"

"ก็ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้นั่งรถเข็น พ่อจ้างคนมาดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย วันนี้พี่ก็ไปช่วยดูแล พาเข็นรถไปตรงนั้นตรงนี้ในบ้านนั่นแหละ พี่กำลังคิดว่าจะปรับบ้านชั้นล่าง มีบันไดเยอะไปหน่อย ไม่สะดวกกับคนแก่ที่ใช้รถเข็นเลย"

"งั้นก็ปรับรีสอร์ทแล้วก็บริเวณรอบๆ ด้วยสิ นัทเห็นบางครอบครัวพาคนแก่นั่งรถเข็นมาด้วย แล้วรีสอร์ทเราก็ไม่ค่อยสะดวกเลย มีบันไดเต็มไปหมด ต้องหาคนมาช่วยยกตลอด ค่อยๆ ปรับก็ได้ จะได้เตรียมตัวต้อนรับสังคมผู้สูงอายุไง เห็นเค้าพูดกันในทีวีบ่อยๆ เราจะได้มีลูกค้าเพิ่ม คนแก่ตังค์เยอะนะ" ผมพูดติดตลกตอนท้าย

"อืม...ก็ไม่เลวนะ นัทมีไอเดียดีๆ เยอะนะเนี่ย เสียดาย...ลาออกซะแล้ว แต่อย่าลืมมาสมัครใหม่นะ พี่จะรอ"

"ให้คนอื่นมาสมัครด้วยก็ได้ เผื่อแฟรงค์จะเจอคนเก่งๆ คนอื่นมั่ง"

"ไม่เอาหรอก พี่อยากได้นัทนี่แหละ รู้มั้ยว่าพนักงานคนอื่นๆ น่ะเค้าชมนัทให้พี่ฟังบ่อยๆ เห็นเค้ามาบอกพี่กันว่าก่อนนัทกลับ เค้าจะพาไปเลี้ยงข้าว แล้วก็น่าจะมีอะไรมอบให้ด้วยมั้ง"

ผมยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้ว่าคงไม่มีโอกาสให้เพื่อนๆ พนักงานเหล่านั้นเลี้ยงข้าวเสียแล้ว

"อ้อ...จริงๆ ไม่ต้องก็ได้ เกรงใจแย่เลย"

"เอาเหอะ เค้าอยากจัดให้ก็ให้เค้าจัดไป แสดงว่าเค้ารักเราจริง หลายๆ คนก็เสียดายนะที่นัทลาออก พอดีพี่ยังไม่ได้บอกใครหรอกว่านัทจะกลับมาสมัครใหม่" แฟรงค์หัวเราะเบาๆ ตรงประโยคท้าย

ผมยิ้มเจื่อนอีกรอบ แต่ก็พยายามทำหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด

"อืม...วันนี้แปลกมากเลย พ่อกับแม่พี่ไม่อยู่บ้านกันซักคน ไม่รู้ว่าไปไหน หายไปทั้งวันเลย โทรไปก็ไม่รับสาย เพียวก็เหมือนกัน ไม่ยอมรับสายเลย พี่ก็เลยไม่ได้คุยกับใครเลยซักคน ช้าไปอีกวันนึงแล้ว พี่อยากจะให้มันจบๆ กันซะที ไม่อยากให้นัทอยู่ในสภาพน่าอึดอัดแบบนี้"

พูดจบแฟรงค์ก็ถอนหายใจ แต่ก็ยังดูไม่เครียดมาก

"ไม่เป็นไรหรอกพี่แฟรงค์ พี่แฟรงค์ไม่ต้องรีบหรอก ผู้ใหญ่บางคนต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจ เค้าไม่ยอมรับง่ายๆ หรอก"

"ไม่ได้หรอกนัท หลังปีใหม่แค่สิบวันพี่ก็จะต้องแต่งงาน ไม่มีเวลาเหลือให้รอแล้ว" แล้วแฟรงค์ก็ทำท่าครุ่นคิดเหมือนว่ากำลังจะถามเรื่องสำคัญมาก

"เอ่อ...ถ้าพ่อกับแม่พี่ไม่ยอม...นัทจะหนีไปกับพี่มั้ย"

ผมตกตะลึงไปชั่วขณะกับคำถามนั้น ไม่คิดว่าแฟรงค์จะคิดไปไกลถึงขนาดจะพากันหนี แล้วจะหนีไปไหน หนีไปแล้วจะทำมาหากินอะไร ผมไม่อยากให้ชีวิตแฟรงค์จากชีวิตที่สุขสบายไปลำบากกับผม

"อย่าเลยพี่แฟรงค์ พี่แฟรงค์ต้องดูแลครอบครัวนะ พวกเค้าต้องการพี่แฟรงค์มาก ถ้าพี่แฟรงค์หนีไป ใครจะดูแลที่นี่ เฟิร์นก็ยังไม่กลับมาเลย ถึงกลับมาแล้ว...พี่แฟรงค์ก็ต้องช่วยสอนงานเฟิร์นอีกเยอะ ไม่ใช่ว่าทำได้เลยซะเมื่อไหร่"

แฟรงค์เงียบไปทันที อาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟแล้วเราจึงหยุดคุยกัน พอหนึ่งทุ่มลูกค้าก็เริ่มบางตาไปพอสมควร เหลืออยู่เพียงสามสี่โต๊ะที่ยังนั่งกินอยู่ แต่อีกไม่นานก็คงจะกลับหมดเพราะที่นี่ปิดสองทุ่ม

"นัทเป็นคนดีนะ รู้จักคิดถึงคนอื่นๆ บางที...พี่ก็ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่าที่ทำให้นัทต้องมาติดร่างแหไปด้วย ถ้าพี่ทำให้นัทรู้สึกแย่...พี่ก็ขอโทษนะ นัทอย่าโทษตัวเองล่ะ เพราะทั้งหมด...พี่เป็นคนเริ่มเอง"

แฟรงค์ทำหน้าเศร้าอีกแล้ว สักพักก็ยิ้มและหัวเราะกลบเกลื่อน "พี่นี่แย่จัง ชวนคุยเรื่องเครียดๆ ก่อนกินข้าวอยู่ได้ กินข้าวกันก่อนดีกว่า"

แฟรงค์ตัดบทแล้วก็ใช้ช้อนส้อมตักปลาช่อนลุยสวนใส่จานให้ผม "สำหรับเจ้าชายน้อยของพี่ วันนี้กินให้เต็มที่เลยนะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วพี่จะกลับไปเอาไอติมมาให้กินต่อ"

ผมพยักหน้ายิ้มๆ แล้วก็ตักต้มยำปลานิลใส่ถ้วยใบเล็กส่งให้แฟรงค์บ้าง "สำหรับเจ้าชายใหญ่ของนัทครับ"

แฟรงค์ยิ้มชอบใจที่ผมเรียกอย่างนั้น เรายิ้มให้กันแล้วก็ลงมือกินข้าวก่อนที่ร้านจะปิด คงจะเป็นอาหารเย็นมื้อสุดท้ายของผมกับพี่ชายคนนี้ คิดแล้วก็เศร้าใจเหลือเกิน ไม่เอาดีกว่า เลิกคิดฟุ้งซ่านเสียที เมื่อตัดสินใจเลือกแล้วก็ไม่ควรวอกแวก แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมไปแล้ว...แฟรงค์จะอยู่ยังไง!?

... ... ...

"พี่แฟรงค์อาบน้ำก่อนเลยนะ เดี๋ยวนัทอาบทีหลัง"

พอกลับเข้ามาในที่พักผมก็รีบบอกแฟรงค์เรื่องนี้เป็นอันดับแรก

"ไม่อาบพร้อมกับพี่เหรอ" แฟรงค์ถามทีเล่นทีจริง

"ไม่เอาหรอก" ผมพูดแค่นั้นแล้วก็หัวเราะเบาๆ

แฟรงค์เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า พอเห็นเสื้อผ้าหายไปเกือบหมดก็หันมาถามด้วยความสงสัย

"ทำไมมีเสื้อผ้าเหลืออยู่แค่นี้ล่ะนัท"

"อ๋อ...นัทเพิ่งส่งซักเมื่อเช้าไง แต่นัทเหลือชุดไว้ให้พี่แฟรงค์ใส่ทำงานพรุ่งนี้ชุดนึงแล้วนะ พรุ่งนี้พี่แฟรงค์ต้องไปประชุมกับสมาคมโรงแรมไทยใช่มั้ย"

"ใช่ๆ ทั้งวันเลย พี่ก็นึกว่านัทเก็บเสื้อผ้าหนีพี่ไปไหนซะอีก" แฟรงค์ขำเบาๆ เหมือนกับไม่เอะใจ แต่ผมกลับใจหายวาบ

พอแฟรงค์เข้าไปอาบน้ำแล้วผมก็ลนลานหากระดาษหนึ่งแผ่นกับปากกาหนึ่งด้าม พอได้มาแล้วก็ลงมือเขียนจดหมายที่ผมไม่เคยเขียนเลยเป็นเวลามากกว่าสิบปี เขียนไปก็จะร้องไห้ไป ผมกลัวแฟรงค์จะได้ยินเสียงผมร้องไห้ก็เลยออกมานั่งเขียนข้างนอกหน้าห้องพัก ยอมทนให้ยุงกัดเอาหน่อย ผมคิดไว้แล้วว่าจะเขียนอะไรบ้าง ก็เลยใช้เวลาไม่นานมาก เสร็จทันก่อนที่แฟรงค์จะออกมาจากห้องน้ำ

กลับเข้ามาในห้องแล้วผมก็ถอดเสื้อผ้าออก นุ่งผ้าเช็ดตัวมายืนรอหน้าห้องน้ำ พอแฟรงค์ออกมาผมก็เข้าต่อทันที อาบน้ำแปรงฟันอย่างรวดเร็วและใช้เวลาให้น้อยที่สุด ราวๆ ห้านาทีก็เสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง พอออกจากห้องน้ำก็เห็นแฟรงค์เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น ยืนหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

"พี่แฟรงค์ ให้นัทช่วยหวีผมให้นะ"

แฟรงค์หันมามองแล้วก็พยักหน้า

"ทำไมอาบน้ำเร็วจัง"

ผมไม่ตอบแต่เดินเข้าไปหา หยิบหวีจากแฟรงค์มา ก่อนจะลงมือหวีผมให้พี่ชายสุดที่รักอย่างบรรจง

"ผมยังเปียกอยู่เลย เป่าผมก่อน"

ผมวางหวีลงแล้วก็เปิดลิ้นชักหยิบดรายเป่าผมขึ้นมา เสียบปลั๊กแล้วก็ลงมือเป่าผมให้ พอมองในกระจกตรงหน้าก็เห็นแฟรงค์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมมองภาพในกระจกของเราสองคนแล้วก็ยิ่งสะท้อนใจ ต่อไปนี้ผมคงไม่มีโอกาสทำอย่างนี้อีกแล้ว

"มีนัทคอยดูแลพี่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ พี่ว่าพี่คงต้องสู้สุดใจขาดดิ้นเพื่อน้องของพี่ เราสองต้องคนได้อยู่ด้วยกัน"

ผมชะงักไปเล็กน้อย พยายามทำเหมือนไม่ได้ยินแล้วก็เป่าผมให้แฟรงค์จนแห้งดี ก่อนจะหวีผมด้วยหวีอีกครั้ง

"หล่อแล้วพี่ชายผม"

แฟรงค์หันมายิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะเดินมากอดเอวผมจากทางด้านหลังไว้เบาๆ

"เดี๋ยวเราไปเดินเล่นข้างนอกกันนะ ไปนั่งคุยกันรับผมเย็นๆ ดีกว่า"

ผมพยักหน้าเห็นด้วย "ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวนัทเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ"

แฟรงค์ปล่อยผมแล้วก็เดินไปนั่งรอที่เตียง ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วแฟรงค์ก็มาช่วยเป่าผมให้ผมบ้าง พอแห้งแล้วก็ช่วยหวีผมให้อีกต่างหาก คอยดูแลไม่ให้น้อยหน้ากันเลย

"เจ้าชายน้อยของพี่ก็หล่อนะเนี่ย น่ารักด้วย ชักอยากจะมีคนน่ารักอย่างงี้มาอยู่ด้วยกันตลอดไปเร็วๆ ซะแล้วสิ"

ทันที่แฟรงค์พูดจบ น้ำตาผมก็ไหลลงมาเสียอย่างนั้น

"อ้าว...เป็นไรเหรอนัท ไม่อยากอยู่กับพี่เหรอ" แฟรงค์ถามอย่างแปลกใจ

"เปล่า...ทำไมนัทจะไม่อยากอยู่กับพี่แฟรงค์ล่ะ นัทดีใจต่างหากล่ะที่รู้ว่า...พี่แฟรงค์รักนัทมากขนาดนี้"

"โอ๋ๆ อย่าร้องไห้นะคนดีของพี่แฟรงค์" แฟรงค์พูดพลางดึงหัวผมไปกอดแนบอกไว้ ขยี้ผมของผมเล่นเบาๆ

"ผมยุ่งหมดแล้วง่ะ เพิ่งหวีเมื่อกี้เอง" ผมนิ่วหน้า แฟรงค์ก็เลยหัวเราะ

"เดี๋ยวพี่หวีให้ใหม่"

พอหวีผมเสร็จแล้วแฟรงค์ก็หาสเปรย์ฉีดกันยุงมาฉีดแขนขาของผม จากนั้นผมก็ผลัดไปฉีดให้แฟรงค์บ้าง พร้อมดีแล้วแฟรงค์ก็เดินจูงมือผมออกไปข้างนอกด้วยกัน

คืนนี้ทั้งรีสอร์ทเหลือแค่ผมกับแฟรงค์สองคน บ่อตกปลาก็ปิดแล้ว มีแสงไฟเปิดไว้ตามทางเดินบ้าง แต่ก็ยังดูมืดๆ อยู่ดีเพราะไม่มีแสงไฟจากบ้านพักให้เห็นเลย

แฟรงค์พาผมเดินไปตามทางเดินรอบๆ บ่อตกปลาขนาดใหญ่ที่พอจะเป็นทะเลสาบขนาดย่อมๆ ได้ ชวนผมคุยไปสารพัดเรื่อง จนกระทั่งได้จังหวะผมจึงถามเรื่องที่ผมอยากชวนคุยบ้าง

"พี่แฟรงค์ว่า...เราสองคนเป็นเกย์มั้ย"

แฟรงค์หยุดเดินแล้วก็หันหน้ามามองผม หรี่ตาและครุ่นคิด

"อืม...พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน มันสำคัญมากหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่รู้จะเป็นไรมั้ย"

"ยังไงดีล่ะ บางทีนัทก็สงสัยว่า...เราสองคนชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ เมื่อก่อน นัทก็คิดว่านัทชอบผู้หญิงนะ"

"แล้วตอนนี้ล่ะ นัทชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย"

แฟรงค์ถามแล้วก็มองหาที่นั่ง "ไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีกว่า"

รีสอร์ทของแฟรงค์มีที่นั่งจัดไว้เป็นระยะๆ ตามทางเดินรอบบ่อตกปลา แฟรงค์พาผมไปนั่งตรงม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ริมบ่อตกปลาพอดี แลเห็นเงาสะท้อนของพระจันทร์เสี้ยวอยู่บนผืนน้ำด้วย โรแมนติกดีเหมือนกัน

"นัทไม่รู้เหมือนกัน จะว่าไป...มันก็สับสนนะ" ผมบอกเมื่อนั่งลงไปแล้ว แล้วก็หันไปถามแฟรงค์ที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน

"พี่แฟรงค์ไม่สับสนเหรอ"

"ไม่รู้สิ พี่คิดว่ามันไม่สำคัญเท่าไหร่ อย่างที่พี่เคยเล่าให้นัทฟัง พี่แทบจะไม่จีบผู้หญิงเลย จนเคยสงสัยว่าตัวเองเป็นเกย์หรือเปล่า แต่ก็มีอารมณ์กับผู้หญิงนะ พอมีแฟนเป็นผู้หญิง พี่ก็คิดว่าพี่คงชอบผู้หญิงเหมือนนัทนั่นแหละ แต่ตอนนี้พี่คิดว่า...ความรักไม่มีเพศ ยังไงๆ เราก็ต้องอยู่กับคนที่เรารักไม่ใช่เหรอ ถ้าอยู่กับคนต่างเพศแล้วเราไม่ได้รักเค้า มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะนัท ยังไงๆ เราก็ต้องกลับมาหาคนที่เรารักอยู่ดี เพราะเค้าเป็นคนที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากที่สุด ส่วนเรื่องนั้น...มันก็หาวิธีได้ นัทกับพี่ยังหาวิธีได้เลย แล้วถ้าพูดกันตรงๆ นะ พี่มีอารมณ์อย่างนั้นกับนัท...มากกว่าใครๆ ทั้งหมดที่พี่เคยรู้จักมาเลยล่ะ รู้เปล่า"

แฟรงค์ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ผมเลยก้มหน้างุดด้วยความเขินอายเล็กน้อย สุดท้ายแฟรงค์ก็พามาลงตรงนี้จนได้

"นัทไม่คิดอย่างงี้เหรอ พี่ว่าเราก็แค่เลือกคนที่เรารักนั่นแหละ จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ ขอแค่ให้รักกันเท่านั้นเอง ยังไงๆ เราก็คงหาวิธีอยู่ด้วยกันจนได้ จริงมั้ย"

ผมเงยหน้าไปมองแฟรงค์แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย "พี่แฟรงค์"

"หืม"

"นัทอยากอยู่กับพี่แฟรงค์ตลอดไปนะ"

พูดจบแล้วผมก็เอนไปซบไหล่แฟรงค์อย่างอ่อนล้า เวลาเริ่มเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าผมก็คงต้องจากพี่ชายคนนี้ที่ผมรักสุดหัวใจไป ฟ้าดินคงกำหนดโทษทัณฑ์ที่ผมควรจะได้รับอย่างสาสมเอาไว้แล้ว คงไม่สามารถปฏิเสธได้

"ทำไมนัทพูดแปลกๆ อีกแล้ว" แฟรงค์ถามพลางสอดมือมาโอบเอวผมไว้

"ไม่เห็นจะแปลกเลย ความรักมันก็มีแค่สองอย่าง สมหวัง...กับไม่สมหวัง บางที...เราสองคนก็ต้องเผื่อใจเอาไว้บ้างนะ"

ผมพูดเสียงเศร้า สอดมือไปโอบเอวของแฟรงค์ไว้บ้าง

"ถ้าเราพยายามถึงที่สุดแล้วมันไม่สมหวัง มันก็ยังพอยอมรับได้นะ อย่างน้อย...เราก็ยังได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อความรัก แต่ถ้าเราไม่ได้พยายามเพื่อความรักเลย แล้วไปบอกใครๆ ว่าเราไม่สมหวัง พี่ว่า...เราก็อย่ามีความรักเลยดีกว่า คนที่ไม่พยายามเพื่อความรัก...แสดงว่าเค้ามีความรักไม่มากพอ นัทกับพี่ก็ต้องพยายามเพื่อความรักให้ถึงที่สุดนะ ตราบใดที่เสียงระฆังหมดยกยังไม่ดังขึ้น เราก็ต้องสู้จนวินาทีสุดท้าย จริงมั้ย"

ใจผมกระตุกและชาวาบ อยู่ดีๆ ก็โดนพูดกระทบโดยไม่รู้ตัว แถมคนพูดก็ไม่รู้เรื่องอีก คนที่ถอดใจไม่สู้เพื่อความรักอย่างผมยังมีความรักที่แท้จริงอยู่หรือเปล่าหนอ ก็คงจริงอย่างที่แฟรงค์พูด ถ้าเราไม่พยายามเพื่อความรัก เราก็อย่ามีความรักเลยดีกว่า หรือว่า...คนใจเสาะอย่างผมไม่ควรมีความรัก

ผมพยักหน้าเห็นด้วยอย่างช้าๆ ความคิดข้างในตีกันสับสนวุ่นวาย พอได้ฟังแฟรงค์พูดอย่างนี้แล้วผมก็ชักไขว้เขวว่าผมควรจะสู้ต่อหรือเปล่า แต่พอคิดดูดีๆ ถ้าสู้ต่อไปแล้วไม่สมหวัง ผมก็จะเป็นแค่ชู้คนหนึ่งที่มาสร้างความแตกแยกให้คนอื่น ก่อนที่จะแพ้ภัยตัวเองแล้วจากไป หรือต่อให้สมหวัง ผมก็ยังคงเป็นคนที่แย่งชิงของคนอื่นมาอยู่ดี แถมยังทำให้ครอบครัวที่เคยสงบสุขของคนอื่นต้องมีปัญหาไปด้วย

... ... ...

ผมกับแฟรงค์กลับเข้ามาที่พักราวๆ สี่ทุ่ม มาถึงแฟรงค์ก็ขอตัวไปฉี่ในห้องน้ำ ผมก็เลยเดินไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานมาเปิดดู เผื่อว่าจะมีใครโทรหาหรือมีข้อความส่งมา พอเปิดดูแล้วก็ไม่มีมิสคอลใดๆ แต่มีข้อความเอสเอ็มเอสส่งมาให้จากคนที่เพิ่งคุยกันไปเมื่อช่วงบ่าย

"อย่าลืมที่สัญญากับเพียวไว้นะ"

แม้จะเป็นเพียงข้อความสั้นๆ ธรรมดาๆ แต่ก็กระแทกใจผมอย่างรุนแรง เจ้าของตัวจริงทั้งทวง ทั้งย้ำ ทั้งไล่ ถ้าผมยังอยู่ต่อก็คงหน้าด้านเกินทน

อ่านแล้วผมก็ถอนหายใจ วางโทรศัพท์ไว้ตามเดิมแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียง แฟรงค์ออกจากห้องน้ำแล้วก็เดินมายืนข้างๆ ก่อนจะโถมตัวลงมาตระกองกอดผมไว้ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ตรงซอกคอ สูดหอมดอมดมกลิ่นกายที่เจ้าตัวหลงใหลอย่างรักใคร่ มือไม้ที่ลูบไล้สะเปะสะปะค่อยๆ ปลดปล่อยปราการทุกด่านออกจนหมดสิ้น คืนนี้คงเป็นคืนสุดท้ายแล้วที่ผมจะบรรเลงเพลงรักบาปกับแฟรงค์ ฉะนั้น ผมก็ควรสลัดความกังวลทุกอย่างทิ้งไปเสีย แล้วปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเต็มที่ไปกับรสรักที่แสนอบอุ่นทว่าเร่าร้อนเกินห้ามใจที่แฟรงค์ปรนเปรอให้
.
.
.
พายุความต้องการพัดผ่านไปแล้ว ต่างคนต่างเหนื่อยอ่อนแต่กลับสุขสม คนข้างๆ กายผมนอนหลับไปสักพักแล้ว แต่ผมยังเบิกตาโพลงอยู่ในความมืดสลัว รอจนกระทั่งมั่นใจแล้วว่าคนข้างๆ หลับสนิท ผมจึงค่อยๆ ลุกขึ้น หยิบเสื้อผ้ามาใส่ในความมืด แม้จะเป็นชุดที่ไม่เรียบร้อย แต่ก็คงพอใส่ออกจากบ้านได้

ร่างที่หลับใหลหลับตาพริ้มมีความสุข ผมไม่อยากคิดเลยว่าถ้าตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้แล้วแฟรงค์ไม่เจอคนรักนอนอยู่ข้างๆ จะเป็นยังไง คงวิ่งลนลานหน้าตาตื่นตกใจอย่างวันนั้นเป็นแน่ แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหลแล้ว

ผมย่อตัวลงไปนั่งข้างๆ เตียง พิศดูใบหน้าที่คุ้นเคยผ่านความมืดสลัว แม้จะมองเห็นไม่ชัดผมก็อยากมอง มองแล้วก็จับมือแฟรงค์มาแตะที่หัวผมเบาๆ ผมอยากให้แฟรงค์ลูบผมน้องรักอีกครั้งก่อนร่ำลา พยายามกลั้นก้อนสะอื้นสุดชีวิตเพราะไม่อยากให้แฟรงค์ตื่นมาได้ยินเสียก่อน

คนขี้ขลาดคนนี้ไม่คู่ควรกับความรักที่ยิ่งใหญ่ของแฟรงค์เลย ทั้งขี้ขลาด ทั้งขโมยของคนอื่นกิน ก็สมควรแล้วที่ต้องจากไปในสภาพไม่เหลือใครอย่างนี้

กลับคืนไปสู่ชีวิตเดิมของพี่เถอะนะ ทุกคนรอพี่อยู่ อย่าเหนื่อย อย่าดิ้นรนเพื่อคนขี้ขลาดคนนี้เลย

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กว่าจะทำใจให้ถอยห่างออกมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน ผมเดินถอยหลังไปหาประตูอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องมองร่างที่นอนหลับใหลไม่วางตา จนกระทั่งหลังพิงประตูพอดี

เมื่อสิบสามปีที่แล้ว แฟรงค์เป็นฝ่ายจากผมไปและไม่กลับมาหาผมอีกเลย วันนี้...ผมกลับต้องเป็นฝ่ายทำอย่างนั้นกับคนที่ผมรักบ้าง ใจผมกำลังจะขาดแล้ว

ผมมองแฟรงค์เป็นครั้งสุดท้าย พยายามจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ชายคนนี้ที่ผมรักไว้ให้ได้มากที่สุดแม้ในความมืด จากนั้นจึงหันหลังกลับ ควานไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองติดมือมาด้วย ก่อนจะปลดล็อกประตูแล้วก็ก้าวขาออกไป พอปิดประตูสนิท ผมก็เดินแกมวิ่งไปที่รถของตัวเองที่ลานจอดรถไม่ไกล พร้อมดีกล้วก็ขับออกไปจนถึงถนนใหญ่ มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่บ้านของใครคนหนึ่งที่ผมเคยรู้จัก

พอขับออกมาได้ไม่กี่ร้อยเมตร ผมก็หักหลบข้างทางแล้วจอดรถ จากนั้นก็ฟุบหน้ากับพวงมาลัย ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้นเพราะอัดอั้นไว้ตั้งแต่ตอนที่เดินออกมาแล้ว

"พี่แฟรงค์ นัทขอโทษนะพี่ นัทขอโทษ นัทขอโทษที่ปล่อยมือพี่ไป"

ผมเฝ้าพร่ำคำขอโทษซ้าไปซ้ำมาหลายรอบ สะอื้นจนตัวโยน ไม่สนใจและไม่รับรู้สิ่งภายนอกใดๆ อีกแล้ว

"นัทรักพี่แฟรงค์นะ นัทรักพี่ รักพี่คนเดียว ยกโทษให้นัทด้วย" จากนั้นก็พร่ำพูดคำว่ารักซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายรอบเช่นกัน

ใครจะหาว่าผมสิ้นคิดก็คงต้องยอมให้ว่า แต่ความสูญเสียที่ผมได้รับก็สาสมแล้วกับการทำบาปทำกรรมกับลูกผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าผมไม่ได้รับโทษทัณฑ์ใดๆ จากการกระทำครั้งนี้ ผมคงจะไม่สามารถนอนตายตาหลับได้เลย ต่อให้รักสมหวัง ผมก็รู้ดีแก่ใจว่าผมทำร้ายคนอื่นอย่างเลือดเย็น เพียงเพื่อจะให้ได้คนรักคนนี้มา แล้วผมจะภาคภูมิใจได้ยังไง

แม้ว่าอยากจะสู้เพื่อความรักร่วมกับแฟรงค์ แต่ผมก็ไม่สามารถภูมิใจกับการได้มาซึ่งความรักของผม

ขอให้ผมได้รับโทษทัณฑ์นี้ด้วยวิธีที่ผมเลือกเองเถิด ถ้าวันหนึ่งผมเกิดโชคดีได้กลับมาอยู่กับแฟรงค์ อย่างน้อยบาปกรรมที่ได้ชดใช้ไปบ้างคงทำให้ผมรู้สึกผิดน้อยลง จะได้กล้ามองหน้าคนอื่นๆ

แต่คงไม่มีวันนั้นอีกแล้ว เพราะในจดหมายที่ผมทิ้งไว้ให้แฟรงค์อ่านต่างหน้า ประโยคสุดท้ายก่อนลงท้ายผมเขียนไว้ว่า...

"วันที่นัทจะกลับมาหาพี่แฟรงค์อีกครั้งก็คือวันแต่งงานของพี่แฟรงค์กับเพียวเท่านั้น ถ้าไม่มีวันนั้น เราสองคนก็จะไม่ได้เจอกันอีกเลยในชาตินี้..."

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านอกจากพ่อกับแม่ของแฟรงค์แล้ว ผมก็ยังเป็นอีกคนหนึ่งที่บีบบังคับแฟรงค์อย่างร้ายกาจไม่น้อยกว่าใครเช่นกัน!

- TBC -[/center]

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 03-01-2016 01:27:38
สงสารแฟรงค์ว่ะ ทำไมปล่อยให้แฟรงค์สู้คนเดียวนะนัท ทำแบบนี้ได้ยังไง คนนึงพยายามดิ้นรนแทบตายแต่อีกคนกลับเลือกที่จะทิ้งกันไป
เพียวก็นะ น่าสงสาร เราเข้าใจแต่ทำแบบนี้คิดหรอว่าอะไรๆมันเหมือนเดิม เชื่อเหอะต่อให้แต่งกันไปชีวิตคู่ก็พังอยู่ดี
ส่วนพ่อกับแม่ เรื่องมันก็มาจากท่านนี่ล่ะ แล้วมาทำแบบนี้ลูกจะมีความสุขหรอ?? ต่อให้เค้าเลิกกันแล้วกลับมาแต่ก็ไม่เหมือนเดิมอยู่ดี

ขอให้มีทางออกที่ดีกับทุกฝ่ายด้วยเถอะ สงสารแฟรงค์ สงสารนัท
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 03-01-2016 01:41:19
T-T ขมได้อีก ทั้งแม่ของแฟรง ทั้งเพรียวกดดันนัทมากอะ น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-01-2016 02:46:13
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 03-01-2016 03:19:58
ไม่เป็นนัทก็ไม่รู้หรอกว่าความกดดันเป็นไง
เราเดาเอาว่าที่น้องของแฟรงค์ไม่ชอบเพียวอาจจะเป็นเพราะว่าพ่อแม่แฟรงค์มีข้อตกลงอะไรกับเพียวเรื่องเงินหรือเปล่า?  คือแบบว่าให้เพียวแต่งกับแฟรงค์ให้ได้  หรืออาจจะมีลูกเพื่อแลกกับเงิน 1 ล้านนั้นแบบนี้

ไม่ว่าการกระทำของแฟรงค์กับนัทจะไม่ดีต่อเพียวยังไงก็ช่าง    ไม่มีผู้หญิงปกติคนไหนรับได้หรอกว่าแฟนตัวเองไปรักผู้ชายคนอื่น แถมบอกป้าวๆว่าไม่ได้รักตัวเองอีกต่อไปแล้วจะยังทู่ซี้เดินหน้าแต่งงานต่อถ้าหากว่ายังมี self respect หรือไม่มี Interior motive

เพราะรักนัทถึงได้ถอย  อาจจะเป็นการใจร้ายกับแฟรงค์แต่มองอีกแบบก็เป็นการวัดใจวัดความรู้สึกของแฟรงค์ด้วยนะว่าจริงจังแต่ไหน   เราภาวนาให้แฟรงค์ฮึดสู้กับพ่อแม่กับเพียวเพื่อความสุขของชีวิตตัวเอง   เอาเข้าจริงๆเราว่าน่าจะสามารถหานัทให้เจอได้ไม่ยากถ้าหากว่ายังติดต่อกับครอบครัวนัทอยู่   ถึงจะไม่เตอนัทอย่างน้อยแฟรงค์ก็ไม่ต้องฝืนใจเป็นในสิ่งที่ตัวเองไม่ใช่
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 03-01-2016 06:25:53
บาดอารมณ์ตรงที่ทั้งแม่ทั้งเพียวมาขอร้องนัทให้ห่างจากแฟรงค์ คือทำอะไรไม่ได้แล้วใช่มั้ยเลยเข้ามาพูดกับนัทเอง เห็นใจแฟรงค์จริงๆ ทำไมนัทปล่อยมือไป แฟรงค์ไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอกนะนัท ๕๕๕
 รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ ลุ้นว่าแฟรงค์จะหนีไปเปิดรีสอร์ทอยู่กับนัทที่เขาค้อรึป่าว ๕๕๕
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-01-2016 07:16:50
เราไม่ใช่นัทเราไม่รู้หรอกว่านัทรู้สึกยังไง แต่เราว่านัทยอมแพ้ง่ายเกินไป นัทไม่เห็นเหรอว่าแฟรงค์พยายามแค่ไหนเพื่อให้ได้อยู่กับนัท นัทยังจะบังคับให้แฟรงค์แต่งงานอีก เราว่าแฟรงค์คงได้ตรอมใจตายตั้งแต่อ่านจม. จบแน่ๆ งานนี้
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 03-01-2016 07:48:55
มาอ่านสองตอนรวด (ไม่ต้องมีคำบรรยายใด..ใด..ให้มันลึกซึ้ง..เกี่ยวกันไหม๊) หมดคำบรรยายให้กับคณแม่ของพี่แฟร้งกับคุณเพียวค่ะ ..หน่วงมากไม่รู้ว่าที่สุดไหม..มันเป็นช่วงที่พีคที่สุดหรือยัง  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

คุณแม่นี้ก็ไม่คิดตามที่นัทพูดเลยนะค่ะ ว่าเขาสองคนรักกันแถม แม่แฟร้งเองก็รู้อยู่แล้วว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่นัทพูดก็ถูกนะค่ะ ความสุขของแฟร้งละ ความสุขของแฟร้งอยู่ที่ไหน ปากก็บอกว่าถ้าครอบครัวขาดแฟร้งไปจะลำบาก แต่ความสุขของลูกแค่นี้เองคุณแม่ยังให้ไม่ได้เลย ถ้าแฟร้งเกิดฆ่าตัวตายขึ้นมาก็คงอยู่กับลำบากกว่าเดิมถึงตอนนั้นจะมาเสียใจทีหลังก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วนะค่ะคุณแม่ พ่อของแฟร้งก็ใจร้ายเกินพรากความรักของลูก คุณพ่อเคยรู้ไหมค่ะว่าเพศของลูกนะคุณพ่อเลือกไม่ได้ตั้งแต่แรก (เลือกได้แต่ก็คงไม่100เปอเซนต์ ) ดังนั้นความรักมันก็เลือกไม่ได้เช่นกันว่ามันจะเกิดผู้หญิงหรือผู้ชายเหมือนกัน เพราะความรักไม่เลือกเวลาเกิด

ส่วนเพียวนี้คิดว่านางน่าจะคิดได้ตั้งแต่แม่นัทเล่าให้ฟังแล้ว นางน่าจะมองเห็นภาพความรักของนัทและแฟร้งว่าเขารักกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนนางนะแค่เงาของนัทแต่นางกลับไม่ยอมรับความจริง ยังทายื้อต่อไปเพื่อให้ได้แต่งงานกับแฟร้ง แต่แฟร้งก็ผิดนะที่มโนกับนางวาดฝันปั่นเรื่องกันในอากาศถึงครอบครัวที่อบอุ่นมีลูกกัน  นี้ขนาดผู้ชายเขาบอกว่าหมดใจไม่ได้รักนางแล้วนะ  ถ้าเป็นฉันนะสะบัดบ๊อบไปหาคนที่เขารักกันดีกว่า ชีวิตที่มีความสุขคืออยู่กับคนที่เขารักกันนะเพียว เพลียกับนาง!!!


ส่วนนัทเราเข้าใจแม่มาขอร้องขนาดนี้เป็นใครจะ จะหน้าด้านหน้าทดยือแม้ว่าลูกชายเขาจะรักรัทมากก็ตามและยิ่งพ่อของนัทเขารับตรงนี้ไม่ได้อีกด้วย นัทเองก็มีพ่อมีแม่นัทเองยังไม่อยากทำให้พ่อแม่เสียใจเลยนับประสาอะไรกับแฟร้งนัทคิดว่านัทคงคิดแบบนั้นและเพียวก็อาศัยว่าตัวเองเป็นเพศที่อ่อนแอกว่ามาขอร้องอีก

ส่วนแฟร้งนะเราว่ายังไม่เด็ดขาดพอ ถ้าเป็นแบบนี้ให้นัทถอยออกไปหนึ่งก้าวเถอะ ถ้าแฟร้งรักนัทอยากใช้ชีวิตร่วมกับนัทแฟร้งต้องเคลียร์ตรงนี้ให้มันจบก่อนแล้วค่อยกลับไปหานัทในวันที่ฟ้าสดใสไม่ใช่ดึงนัทมาอยู่ด้วยในวันที่ฟ้ามืดหม่นหนทางก็ริบหรี่แบบนี้
วันนี้เรากินอะไรไปเม้นยาวมากหวังว่าคุณsarawatta ไม่ว่านะค่ะเปลืองพื้นทีไปนิดนุง   :katai4: :katai4: :katai4:

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: ให้คนแต่งค่ะ   o13 o13 o13 o13 แต่งได้ดีทำเอาคนอ่านอินเหมือนดูละครหลังข่าว


หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 03-01-2016 09:32:18
เรื่องของคนสองคนแต่ดันตัดสินใจคนเดียว

นัทสับสนก็เข้าใจ แต่ที่ตัดสินใจไปเหมือนจะเพราะทนแม่และคู่หมั้นของแฟรงค์กดดันไม่ไหวมากกว่า ถ้านัทไม่คิดถึงตัวเองก็น่าจะคิดถึงความสุขชั่วชีวิตของคนที่นัทรักบ้าง นัทน่าจะรู้ดีกว่าใครๆ ว่าทำแบบนี้ไปมันก็ไม่ได้ Undo ทุกสิ่งทุกอย่างให้กลับไปเหมือนเดิมก่อนเจอกันอีกครั้ง

นัทถูกบังคับให้เลือกระหว่างทางเลือกแย่ๆ สองทาง แต่ดูเหมือนจะใช้อารมณ์ความรู้สึกจนเลือกทางที่แย่กว่าเข้าแล้ว ทางที่นัทเลือกนอกจากจะทำร้ายตัวเองและคนรักแล้ว ในระยะยาวเพียวก็คงไม่มีความสุขหรอกที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักตัวเอง พ่อแม่ของแฟรงค์จะมีความสุขเหรอที่ลูกชายต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต

นัทกับแฟรงค์คงต้องเปิดใจและร่วมกันหาทางออกที่ดีกว่านี้ การหนีไปเฉยๆ คงไม่ใช่คำตอบ ถ้าพูดแบบรัฐบาลก็เรียกว่าต้องออกมาตรการเยียวยาให้เพียวด้วย เรื่องเงิน เรื่องเสียหน้าก็ว่ากันไป

ส่วนเรื่องทางบ้านเรื่องการสืบทอดตระกูลและกิจการ จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาเท่ากับทิฐิในใจคน พ่อแม่คงไม่เชื่อว่าแฟรงค์จะกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ใช้วิธีเดิมๆ ตัดนัทออกไปทุกอย่างก็จบ แฟรงค์ต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักถ้าจะเปลี่ยนความคิดท่านให้ได้โดยไม่แตกหัก ถึงนัทหนีไปก็ต้องมั่นคง ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าถ้าไม่มีนัท แฟรงค์ก็ไม่คิดจะลงเอยกับใคร
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 03-01-2016 15:08:36
 :sad4: เราเข้าใจการกระทำของทุกฝ่ายน่ะ มันช่างเหมือนชีวิตจริงอะไรขนาดนั้น  :katai1: นี่แหละคือเสน่ห์ของงานคุณ sarawatta ที่ช่างสมจริงเหลือเกิน จนมันหน่วงเหลือเกิน  :ruready อ่านแต่ละตอนนี่ไม่รู้จะเจอเรื่องช็อคอะไรรึเปล่า  :a5: เพียวก้อไม่ผิดน่ะที่จะแสดงออกแบบนี้เพราะงานนี้เพียวเป็นคนเดียวที่มาแบบบริสุทธิ์ใจ ถึงแม้ตอนนี้จะโดนครอบครัวกดดันแต่มันก้อเป็นสิ่งชอบธรรมที่เพียวสามารถแสดงออกได้น่ะ และก้อไม่แปลกที่นัทจะเสียใจและเลือกที่จะหักหลังแฟรงค์ แต่มันก้อเป็นจริงตามที่เพียวบอกว่าถ้าแฟรงค์ไม่เจอนัทเขาก้อคงแต่งงานกับเพียวไปแล้วล่ะ แล้วอย่างที่แม่บอกว่าเขาก้อมีวิถีชีวิตแบบที่ชายหนุ่มทั่วไปเป็นนั่นแหละ แล้วก้อคงเหมือนกับหลาย ๆ คนในโลกเป็นเช่นกันแหละ มันก้อเหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตเราแต่คิดในอีกแง่นึงว่าพ่อแม่ของแฟรงค์เลือกที่จะกระทำทุกอย่างไม่ให้มันเป็นไปตามนั้นก้อเลยได้รับผลจากการะทำนั้นย้อนกลับมา ก้อเหมือนกับเราเลี่ยงไม่พ้นหรอก และตอนนี้ทุกคนรอบตัวแฟรงค์ก้อกำลังกระทำทุกอย่างเพื่อฝืนมันเช่นกัน  :heaven
เราหวังว่านัทจะไม่ไปเสียท่าผู้หญิงคนนั้นไปล่ะ ตัดไปเลยและบอกเขาไปเลยว่าผมไม่ได้รักคุณแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะติดต่อกันอีกน่ะ  :เฮ้อ: อยากรู้ว่าแฟรงค์ตื่นขึ้นมาจะเป็นยังไง เราคิดว่านัทจากแฟรงค์ไปได้แต่ไม่ควรที่จะเขียนประโยคนั้นน่ะ มันเหมือนกับเหยียบย่ำหัวใจคนที่เรารักน่ะ  :m15:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-01-2016 15:35:32
เพียวเอ๊ย........อย่าทิ้งความโสดมาอยู่กับการแต่งงานจอมปลอมเลย
ในความจริงผู้หญิง(หรือผู้ชาย) คนไหนก็ทำใจรับไม่ได้หรอกว่า คนรักของตนเองนอกใจไปหาคนเพศเดียวกัน
นี่ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นกระแทกหน้าเรื่องการนอกใจที่มันไม่ควรรับได้แต่แรกแล้ว

ขอให้เพียวหาทางออกได้เร็วไว

เห็นใจนัทมาก เขาก็ถูกกดดันรอบด้านไม่ต่างจากเพียวและแฟรงค์ ทุก ๆ คนถูกความคาดหวังของครอบครัวบีบคั้น โดยไม่คำนึงถึงจิตใจและความสุขแท้จริงของพวกเขาเลย

นัทโหดกับใจตัวเองและแฟรงค์มาก แต่ก็ขอชื่นชมในความเข้มแข็งที่จะหยุดเรื่องผิด ๆ นี้
แต่ที่บังคับแฟรงค์แต่งกับเพียวนี่บาดลึกจริง ๆ เราอ่านแล้วยังแทบกระอักเลือด ทิ้งกันก็หนักหนาแล้ว ยัดเยียดให้คนอื่นด้วยนี่ฆ่ากันทั้งเป็น

แฟรงค์ ขอให้นายเข้มแข็งและไม่ยอมถูกบังคับอีกต่อไป หนทางที่จะได้อยู่กับนัทย่อมไม่ง่าย แต่ขั้นแรกคือจัดการเรื่องเพียวให้จบก่อน คลายปัญหาเร่งด่วนปมแรกก่อน แล้วค่อยแก้ปมต่อ ๆ ไป
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-01-2016 18:42:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-01-2016 19:55:38
เม้นรวด 3 ตอน 

ดราม่ามาเต็ม แต่ละตอนช่างร้ายกาจ ฝากความอึดอัดเอาไว้ในใจคนอ่านได้อย่างดี

เพียวไม่ผิดที่คิดจะรั้งแฟรงค์เอาไว้ แต่กับคนที่หมดใจจะทนแต่งงานและอยู่ด้วยกันไปเผื่ออะไร
พ่อกับแม่ ฝากความหวังมากมายไว้ที่แฟรงค์ที่คิดถึงความสุขจริงๆ ของแฟรงค์บ้างหรือเปล่า
นัท เคยคิดจะสู้เพื่อความรักของตัวเองบ้างหรือเปล่า รอแต่จะให้ตัวเองเป็นฝ่ายได้รับความรักโดยไม่คิดจะลงมือทำอะไรเลยหรือ

 :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-01-2016 20:07:48
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 03-01-2016 20:55:04
คนเขียนขอแสดงความคิดเห็นกับตัวละครบ้างนะครับ

เพียว - ถ้าผมเป็นเพียวผมคงหยุดแล้วเดินจากแฟรงค์ไปดีกว่า เลิกมองว่าแฟรงค์หรือนัททำผิดหรือถูกหักหลัง คนเราผิดพลาดกันได้ แต่ผิดแล้วต้องแก้ให้จบ ให้อภัยกันแล้วเดินหน้าต่อไป แต่เรื่องนี้มีเงื่อนงำ เข้าใจว่าคนอ่านบางคนคงเดาออกแล้วว่าทำไมเพียวถึงไม่ยอมปล่อย

แฟรงค์
- ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่แฟรงค์พยายามทำ รู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว ขอโทษและขอยุติความสัมพันธ์กับเพียว ไม่มัวมานั่งโทษตัวเองว่าทำผิดกับเพียวเพราะไม่มีประโยชน์กับชีวิต ไม่จมอยู่กับความผิดพลาด ผิดแล้วก็ผิดไป รู้ว่าเผลอมีความสัมพันธ์กับนัทไปแล้วมันแก้คืนไม่ได้ จะห้ามไม่ให้มีความสัมพันธ์อีกก็คงไม่ช่วยให้ที่ทำไปแล้วหายผิดได้ ก็เดินหน้าไปเลยดีกว่า เลือกนัทเท่านั้น ถึงแก้ไม่ออกแต่คนที่เลือกก็คือนัท ไม่เอาเพียวแล้ว ต่อให้ฆ่าให้ตายก็ไม่เอา ไม่กลัวคำวิพากษ์วิจารณ์ถูกผิดของใคร เอาเวลาที่เหลือน้อยนิดมาอยู่กับนัท สร้างความรักความผูกพันกับนัทให้เร็วที่สุด รื้อฟื้นทุกอย่างกลับมาแล้วสร้างสิ่งใหม่เพิ่มไป มันไม่ถูกทั้งหมดหรอก ถ้ามัวแต่รอให้ถูกก็คงไม่ได้ทำอะไร คิดอะไรได้ทำไปก่อน หาทางไปเรื่อยๆ เป้าหมายชัดเจน - บุคลิคนี้เป็นลักษณะของคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ได้มาจากการที่พ่อแม่สอนและเคี่ยวกรำหนักเพื่อให้สานต่อธุรกิจได้ แฟรงค์จึงรับมือกับความกดดันได้ดี - แต่พอเดินหน้าแก้ปัญหาแล้วไม่ง่าย ไม่ใช่ว่าทำช้าไปหรอก คนอ่านคงจะพอเดาออกแล้วว่าทำไม

นัท - ถูกสอนมาคนละแบบกับแฟรงค์ แม่ไม่เคยเคี่ยวกรำหนักเหมือนแฟรงค์ จึงทนความกดดันสู้แฟรงค์ไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าแฟรงค์จะเข้าใจตรงนี้หรือเปล่า และจะให้อภัยนัทได้มั้ย แต่ก็อยากให้แฟรงค์มองด้วยว่าถ้านัทไม่รักแฟรงค์มาก นัทคงไม่ยอมมาเสี่ยงในสถานการณ์นี้ด้วยแน่ๆ นัทอาจไม่ได้อยากหนีก็ได้ แค่อยากออกห่างจากสถานการณ์บีบคั้นชั่วคราว เพียงแต่นัทแค่ไม่รู้ตัว คงไม่ได้อยากหนีไปจริงๆ หรอก

เรื่องนี้ ดูเหมือนปัญหาแก้ยาก อีนุงตุงนังไปหมด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ต่างช่วยทำให้มันยุ่งมากขึ้น แต่จะมีคนเสนอทางแก้ปัญหาที่แบบว่า เอ่อ...เอางี้เลยเหรอ 555 คอยลุ้นนารีขี่ม้าขาวละกันนะครับ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 03-01-2016 22:22:25
เข็มเล่มเดียว เกี่ยวรัด มัดเส้นด้าย
ต้นพันปลาย ยุ่งเหยิง กระเซิงหมม
ต้องเลือกตัด ด้ายไหน ให้คลายปม
หรือหักข่ม เข็มจริง ทิ้งไปเลย

หุหุ
ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ
อย่าไปแก้ที่ปลายเหตุเพราะเหตุจะไม่จบ

ดราม่าอีกล่ะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 03-01-2016 22:25:07
ก่อนอื่น..ขอสวัสดีปีใหม่ทุกคนนะครับ เพิ่งว่างอ่าน แหะๆ
อ่านมา 3 ตอนรวดเลย จากใจตอนนี้ผมก็สีเทาอยู่แล้ว..พอมาอ่านมันยิ่งหม่นมาก

จากตอนที่ 15 คือฉากที่ทะเลาะกับพ่อ ที่พี่แฟรงค์บอกว่า ผมไม่เคยลืมน้อง เขาอยู่ในใจผมมาตลอด
คือผมอ่านต้องหยุดสักพักเลย สะเทือนใจอ่ะ แต่ประโยคนี้ผมเข้าใจพี่แฟรงค์เลยว่ารู้สึกยังไง
การจากลาที่ยังไม่มีแม้แต่โอกาสร่ำลา การอยู่ในช่วงนั้นมันคงเจ็บปวดอ่ะ

ชอบที่พี่แฟรงค์ต่อสู้ในความรักของตัวเองนะ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นครอบครัวตัวเอง
ถึงผลจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยก็ยังได้ทำ


ส่วนตอนที่ 16-17 แบบสงสารนัทมาก โดนแบบนั้นทั้งจากแม่ของพี่แฟรงค์กับคู่หมั้นของพี่แฟรงค์
คำพูดต่างๆ เหมือนโยนความผิดทุกอย่างไปให้นัท เป็นผมถึงจะอยากเชื่อพี่แฟรงค์มากๆ
แต่เจอคำพูดที่แม่พี่แฟรงค์พยายามพูด เป็นผมก็ทนไม่ไหวอ่ะ
ถึงในใจจะคิดว่าพวกเรื่องงาน การดูแลธุรกิจต่างๆ ถ้าพี่แฟรงค์มีคนรักเป็นผู้ชาย มันจะต่างกับผู้หญิงยังไงว่ะ
แบบทำไม..ถ้ามีคนรักเป็นชาย จะดูแลอะไรไม่ได้เลยรึไง.. เหอะ
แล้วนี่ยิ่งมาเจอคู่หมั้นมาตอกย้ำอีก..ผมเป็นนัทก็เลือกจะถอยอ่ะ

มันใจร้ายกับพี่แฟรงค์ก็จริง แต่ตอนนัันก็ต้องยอมถึงตัวเองจะเจ็บปวดไปด้วยก็ตาม รักมากถึงยอมถอย


หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ Soon!
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-01-2016 12:38:48
นารี นี่ใช่เฟิร์นรึป่าววววววว

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 04-01-2016 16:09:32
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 18 ✢ นารีขี่ม้าขาว


(http://bit.ly/2lPHQVt)

เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วแว่วเข้ามาในห้วงสำนึกของผมทีละน้อยๆ ผมรู้ได้โดยความเคยชินว่าถึงเวลาเช้าแล้ว รีสอร์ทของผมมีต้นไม้ปลูกไว้ทั่วทุกบริเวณ จึงกลายเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่านกกาน้อยใหญ่ พวกมันตอบแทนคืนกลับมาด้วยเสียงร้องใสๆ ทุกวันๆ และสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ของที่นี่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

สิ่งแรกที่ผมทำในตอนเช้าก็คือหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ บทรักของเราเมื่อคืนนี้คงทำให้เจ้าตัวหลับฝันหวานไม่น้อย แต่พอหันไปมองแล้วก็ต้องแปลกใจที่คนที่ผมคาดว่าจะได้เจอกลับไม่อยู่เสียแล้ว ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที จากนั้นก็ถลาลงจากเตียงไปดูในห้องน้ำ นัทไม่อยู่ในนั้นเพราะประตูห้องน้ำไม่ได้ล็อกไว้ พอไปดูหลังบ้านหรือหน้าบ้านก็ไม่เห็นนัทเช่นเดียวกัน

ใจคอผมชักไม่ดีเสียแล้ว นัทไปไหน? ร้องเท้าก็ไม่อยู่หน้าบ้าน โทรศัพท์มือถือก็หายไป ผมเดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วก็ไปเปิดประตูเสื้อผ้า เสื้อผ้าของนัทหายไปหมดเลย ความจริงก็หายไปตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว นัทบอกว่าเอาไปส่งซัก พอมองดูหลังตู้ก็พบว่ากระเป๋าเดินทางของนัทหายไปด้วย

นัทหนีผมไปแล้ว!?

ผมรีบกลับมาที่เตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มาโทรหา ได้ยินเพียงเสียงตอบกลับมาว่าหมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ นัทปิดเครื่องไปแล้ว

นัทหนีไปไหน!? หนีไปทำไม!?

ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย พลันก็เหลือบเห็นซองจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่ข้างๆ หมอนของนัท ผมรีบหยิบขึ้นมาดูแล้วแกะออกอ่านทันที

พี่แฟรงค์ เจ้าชายใหญ่ของนัท

ก่อนอื่นนัทต้องขอโทษพี่แฟรงค์ด้วยที่ทำให้พี่แฟรงค์ตกใจที่ตื่นมาแล้วไม่เจอนัท
ขอโทษที่ตัดสินใจปล่อยมือไปกะทันหัน นัทไม่สามารถทนความรู้สึกผิดในใจได้อีกต่อไปแล้ว
นัททำผิดบาปกับเพียวไว้มากเพราะไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเองจนต้องยอมผิดศีลข้อสาม
นัทรู้สึกละอายใจจริงๆ บาปกรรมนี้คงติดอยู่ในใจนัทไปอีกนาน
ต่อให้สมหวังได้อยู่กับพี่แฟรงค์ นัทก็ไม่รู้ว่าจะมีความสุขจริงๆ ได้หรือเปล่า
พี่แฟรงค์...
ขอให้นัทลงโทษตัวเองด้วยความสูญเสียนี้นะ
เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่สาสมที่สุดกับความผิดที่นัทได้ทำไป

นัทไม่รู้ว่าความรักของนัทที่มีให้พี่แฟรงค์เป็นรักแท้หรือเปล่า
เพราะวันนี้นัทเลือกที่จะปล่อยมือจากพี่ แต่นัทก็รักพี่แฟรงค์มาก และจะไม่รักใครอีก
นัทขอยอมเป็นคน "ไร้รัก" ตลอดชาตินี้ถ้าเราสองคนไม่ได้อยู่เคียงคู่กัน
หัวใจของนัทอยู่ที่พี่แฟรงค์เสมอ เหมือนที่นัทเคยเก็บไว้ให้ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา
และจะเก็บไว้อย่างนี้จนชั่วชีวิต

ขอโทษที่นัทต้องเป็นอีกคนหนึ่งที่บีบบังคับพี่แฟรงค์
พี่แฟรงค์กลับไปอยู่กับครอบครัวนะ พวกเขาคือคนที่อยู่กับพี่แฟรงค์มาตลอดชีวิต
พวกเขาต้องการพี่แฟรงค์มาก อย่าทิ้งพวกเขาเพื่อนัทเลย
นัทคงไม่สบายใจเลยถ้ารักของเราทำให้คนอื่นเจ็บปวดหรือสูญเสีย

นัทไม่บังคับให้พี่แฟรงค์รักเพียวหรอก พี่แฟรงค์จะรักคนอื่นหรือไม่รักใครเลยก็ได้
แต่นัทก็ต้องขอโทษอย่างสุดหัวใจที่ต้องบอกพี่แฟรงค์ว่า
วันที่นัทจะกลับมาหาพี่แฟรงค์อีกครั้งก็คือวันแต่งงานของพี่แฟรงค์กับเพียวเท่านั้น
ถ้าไม่มีวันนั้น เราสองคนก็จะไม่ได้เจอกันอีกเลยในชาตินี้

ขอโทษอีกครั้งที่ปล่อยมือพี่แฟรงค์ นัทรู้ว่าพี่แฟรงค์เสียใจ นัทก็เสียใจ
เสียใจจนไม่มีน้ำตามากพอที่จะร้องไห้แล้ว

ขอให้รู้ไว้เสมอว่า น้องชายคนนี้รักพี่ชายคนนี้สุดหัวใจ
นัทจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาดีๆ ของเราทั้งในวัยเด็กและปัจจุบันจนชั่วชีวิต
นัทจะขอเก็บความทรงจำดีๆ ของเราไว้หล่อเลี้ยงหัวใจจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ไม่ต้องตามหานัทนะ นัทไม่ไปอยู่ในที่ที่พี่แฟรงค์หาเจอหรอก
นัทจะมาหาพี่แฟรงค์เองวันที่ 10 มกราคม วันแต่งงานของพี่แฟรงค์กับเพียว

พี่แฟรงค์เข้มแข็งและดูแลตัวเองดีๆ นะ มีความสุขสดใสและสำเร็จในทุกสิ่งที่หวัง
ไม่ต้องห่วงนัทนะ เจ้าชายน้อยของพี่แฟรงค์เติบโตและเข้มแข็งแล้ว

ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณความรักของพี่ที่มีให้อย่างไม่จำกัด
ขอบคุณที่ทำให้หัวใจของนัทอบอุ่นไปด้วยความรักเหมือนวันคืนเก่าๆ ของเรา
นัทโชคดีที่สุดแล้วที่ได้เกิดมาเป็นน้องที่พี่รัก

ขอบคุณครับพี่ชาย ผมจะไม่ลืมพี่แฟรงค์นะครับ

นัท

ผมวางจดหมายนั้นลงบนเตียงด้วยมือไม้สั่นเทา น้ำตาไหลลงมาโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องสั่ง เจ็บเหมือนถูกใครสักคนแล่หัวใจแล้วเอาเกลือทาซ้ำ

"ทำไมต้องบีบบังคับพี่ขนาดนี้ล่ะนัท" ผมรำพึงรำพันเบาๆ "พี่จะรักคนอื่นได้ยังไง ถึงไม่มีนัท ชีวิตพี่ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว"

ผมพับจดหมายของนัทใส่ซองเก็บไว้ มองไปรอบๆ ห้องแล้วก็อดคิดถึงนัทไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งผมก็เจ็บเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เราก็สัญญากันแล้วว่าจะไม่ปล่อยมือกัน ทำไมนัทถึงปล่อยมือผมไป นัทไม่เชื่อใจว่าผมจะแก้ปัญหาได้อย่างนั้นหรือ

ผมเพิ่งพูดกับนัทไปเมื่อคืนนี้ว่าถ้าเราไม่พยายามเพื่อความรัก ก็อย่ามีความรักเสียดีกว่า แล้วที่นัทไม่พยายาม ไม่อดทนอยู่กับผม มันจะแปลว่าอะไร!?

... ... ...

ผมโทรไปยกเลิกเข้าร่วมงานประชุมกะทันหัน ทางนั้นก็เสียดายเพราะอยากให้ผมไปร่วมแสดงความคิดเห็นเหมือนเช่นทุกปี แต่สภาพจิตใจอย่างนี้ผมคงไม่สามารถแสดงความคิดเห็นดีๆ ได้

พออาบน้ำแต่งตัวแล้วผมก็ขับรถออกไปจากรีสอร์ท มุ่งหน้าไปที่คอนโดของนัทแถวๆ รัชดาที่ผมเคยไปมาแล้วสองครั้ง ระหว่างทางก็โทรหาปอนด์ไปด้วย

"สวัสดีครับพี่แฟรงค์ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ" เสียงปอนด์ตอบกลับมาอย่างสดใสเมื่อผมทักทายไป

"ปอนด์ นัทไปหาปอนด์หรือเปล่า" ผมถามทั้งๆ ที่มั่นใจมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่านัทคงไม่ได้ไปหาปอนด์หรอก

"ไม่ครับ นัทไม่ได้มาหาผมเลยพี่ เค้ากลับบ้านหรือเปล่าครับ เอ...แต่วันนั้นคุยกันเห็นว่านัทยังจะทำต่ออีกหน่อย ถ้าจะกลับบ้านก่อนก็น่าจะบอกพี่แฟรงค์นะครับ" ปอนด์สงสัยและตอบคำถามให้ตัวเองเสร็จสรรพ

"นัทเค้าหายไปน่ะปอนด์ พี่ไม่รู้ว่าเค้าไปอยู่ที่ไหนตอนนี้" ผมบอกด้วยน้ำเสียงกังวล "ปอนด์พอจะรู้จักเพื่อนคนไหนของนัทที่นัทน่าจะสนิทพอจะไปพักอยู่ด้วยได้บ้างมั้ย"

"อืม...ก็หลายคนอยู่นะครับ เดี๋ยวผมโทรเช็คให้ ถ้าได้ข่าวเดี๋ยวผมจะโทรไปบอกพี่แฟรงค์อีกที ว่าแต่...ทำไมนัทหายไปล่ะครับ"

ผมถอนหายใจ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าปอนด์เข้าใจความสัมพันธ์ของผมกับนัทมากแค่ไหน

"เรื่องมันยาวน่ะปอนด์ พี่ไม่รู้จะอธิบายยังไง"

"จริงๆ ผมก็พอจะรู้เรื่องของพี่แฟรงค์กับนัทมาบ้างแล้วล่ะครับ พอดีผมสังเกตดูแล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ก็เลยลองถามนัท นัทเค้าก็...บอกผมมาตรงๆ"

"อ้อ" พูดไปแล้วผมก็ชักไปไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

"ทะเลาะกันเหรอครับ นัทเค้าถึงหนีไป ขอโทษนะพี่ที่ถามละลาบละล้วง" ปอนด์ทำน้ำเสียงเกรงใจ

"เปล่าหรอก นัทเค้าคงไม่สบายใจน่ะปอนด์ เพราะนัทเค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นมือที่สามไง"

"อ้อ"

"แต่พี่เลือกนัทแล้วนะปอนด์ พี่กำลังพยายามแก้ปัญหาอยู่ แต่มันยังแก้ไม่ได้ พี่พยายามจะยกเลิกงานแต่งงานกับเพียว แต่มันมีอะไรซับซ้อนกว่าที่คิดไว้เยอะเลย พี่คงเล่าให้ฟังไม่ได้ แต่เอาเป็นว่า...พี่จะทำทุกวิถีทางให้ยกเลิกให้ได้"

"ครับพี่ ผมเอาใจช่วยนะครับ ผมว่า...ถ้านัทได้อยู่กับพี่แฟรงค์ก็ดีนะ พี่แฟรงค์ดูรักนัทมากเลย นัทเองเค้าก็รักพี่แฟรงค์มาก ที่วันนั้นเค้าเมาจนไม่ได้สติ ก็เพราะเค้ากลุ้มใจที่เค้าห้ามตัวเองไม่ให้รักพี่แฟรงค์ได้นี่แหละครับ เดี๋ยวผมจะส่งข่าวให้นะพี่"

"ขอบใจมากปอนด์"

"ไม่เป็นไรครับพี่ ผมยินดีช่วยเต็มที่ครับ"

ผมวางสายแล้วก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ช่วงสายๆ วันธรรมดารถยังคงติดอยู่พอสมควร แต่ก็พอขับไปได้เรื่อยๆ จนกระทั่งผมพาตัวเองมาจนถึงคอนโดของนัท จอดรถไว้ข้างๆ อาคารที่พอมีที่ให้จอดแล้วก็เดินขึ้นบันไดไป

ผมถามเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าออกพร้อมกับเอารูปนัทให้ดูด้วย ก็ได้รับคำตอบว่านัทยังไม่กลับมา พอโทรขึ้นไปบนห้องของนัทก็ไม่มีใครรับสาย ก็คงเป็นอย่างที่นัทบอก นัทไม่ได้อยู่ในที่ที่ผมจะตามหาเจอได้

ก็เหลือที่บ้านของนัทเท่านั้นที่ผมยังไม่ได้โทรหา ว่าแล้วผมก็เดินไปยังสวนที่จัดไว้ตรงกลางคอนโดสำหรับให้ผู้อยู่อาศัยได้พักผ่อน มีม้านั่งและโต๊ะเก้าอี้จัดไว้ตามมุมต่างๆ กระจายอยู่หลายจุด ผมเลือกนั่งหนึ่งในนั้นแล้วก็ยกโทรศัพท์โทรหาแม่ของนัททันที

"สวัสดีครับน้านวล น้านวลสะดวกคุยมั้ยครับ" ผมถามด้วยคำถามเริ่มต้นที่มักใช้บ่อยๆ

"แฟรงค์เหรอลูก สะดวกจ้ะๆ มีอะไรเหรอลูก แฟรงค์สบายดีมั้ย" น้ำเสียงของน้านวลฟังดูสดใส เหมือนไม่มีเรื่องกังวลใดๆ ทำให้ผมพอเดาได้ว่าน้านวลน่าจะยังไม่รู้เรื่องที่นัทหายไป

"สบายดีครับน้านวล น้านวลล่ะครับ"

"สบายดี แต่ก็เริ่มปวดๆ เมื่อยๆ ตามประสาคนแก่นั่นแหละ" น้านวลขำเบาๆ

"อ๋อ...ถ้างั้นน้านวลต้องให้นัทช่วยนวดให้แล้วล่ะครับ นัทเค้านวดเก่งมาก ยังเคยนวดให้ผมเลย"

"โอ๊ย...เค้าไม่มีเวลามานวดให้น้าหรอก เจอกันปีละครั้งสองครั้งเอง มาทีก็อยู่ไม่กี่วัน มาแป๊บๆ ก็ไปแล้ว น้าน่ะอยากให้เค้ามาอยู่นี่มาก จะได้ช่วยกันทำร้านขนมจีน ได้เงินเยอะกว่าทำงานประจำอีก แล้วน้าก็ซื้อที่ไว้ที่ภูทับเบิกหลายไร่ ก็กะว่าจะให้เค้ามาทำรีสอร์ทนั่นแหละ ถ้าเค้าพร้อมเมื่อไหร่น้าก็จะกู้ธนาคารให้ เครดิตน้าดีนะ มีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาขอให้น้าเอาเงินไปฝากหลายเจ้าเลย" น้านวลพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจตอนท้าย

"อ้อ...ดีเลยครับ" แล้วผมก็เงียบไปสักพัก "น้านวลครับ นัท...จะกลับไปที่บ้านวันนี้หรือเปล่าครับ"

"เอ...ไม่เห็นเค้าโทรมาบอกเลยว่าจะมาวันนี้ อีกสามสี่วันไม่ใช่เหรอ น้าจำได้ว่านัทบอกว่าจะมาอีกสามสี่วัน มีอะไรหรือเปล่าแฟรงค์"

น้ำเสียงสงสัยทำให้ผมชักใจคอไม่ค่อยดี ผมทำลูกชายน้านวลหายไปทั้งคน ไม่รู้ว่าจะโกรธผมหรือเปล่า

"น้านวล ผมมีเรื่องอยากสารภาพกับน้านวลครับ ไม่รู้ว่าน้านวลจะคิดยังไง แต่มันก็เป็นความจริงที่เกิดขึ้น"

ถ้าผมไม่บอกเรื่องสำคัญนี้ น้านวลคงไม่เข้าใจแน่ๆ ว่าทำไมนัทถึงต้องหนีหน้าไป แม้ไม่รู้ว่าน้านวลจะเป็นเหมือนพ่อกับแม่ผมหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงแล้ว

"อ้อ...มีอะไรเหรอ อย่าบอกนะว่าแฟรงค์ชอบลูกชายของน้า"

"น้านวลรู้ด้วยเหรอครับ!" ผมถามกลับทันทีด้วยความตกใจ ฟังดูก็รู้ว่าน้านวลไม่ได้พูดเล่นแน่ๆ

แม่ของนัทขำเบาๆ แล้วก็เฉลยให้ฟัง "ตอนนัทกับแฟรงค์เรียนด้วยกันที่นี่ คนที่ตลาดเค้าพูดกันว่านัทกับแฟรงค์สนิทกันเกินเพื่อนหรือพี่น้องไปแล้ว เค้ายังบอกให้น้าระวังเลยว่าสองคนนี้จะชอบกัน แต่น้าก็เฉยๆ นะ ไม่ว่านัทจะเป็นอะไร นัทก็เป็นลูกของน้า ตอนที่แฟรงค์ไปเรียนที่กรุงเทพ น้าเห็นแล้วว่านัทไม่ได้คิดถึงแฟรงค์อย่างพี่ชายหรือเพื่อนหรอก เค้ารักแฟรงค์ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วล่ะ น้าก็นึกว่าเค้าจะลืม แต่สุดท้ายเค้าก็ไม่ลืม แฟรงค์เองก็ไม่ลืมน้องเหมือนกันนี่ น้ายังเคยสงสัยเลยว่าพอแฟรงค์กับนัทมาเจอกันตอนโต ความรู้สึกจะเหมือนเดิมมั้ย เหมือนเดิมใช่มั้ยแฟรงค์"

"เอ่อ...ครับ" ผมตอบอย่างงงๆ นึกไม่ออกเลยว่าตอนนั้นผมกับนัทไปทำอีท่าไหนคนถึงได้สงสัยกันทั้งตลาด

"แล้วแฟรงค์จะทำยังไงล่ะลูก กำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว"

"แฟรงค์กำลังพยายามเจรจากับพ่อแม่เรื่องนี้อยู่ครับ ผมบอกพ่อแม่ไปแล้วว่าผมจะไม่แต่งงานกับเพียว เพราะว่า...ผมรักนัท"

"จริงเหรอลูก" ถามด้วยเสียงตกใจแล้วน้านวลก็เงียบไปเหมือนครุ่นคิด

"แฟรงค์...แน่ใจใช่มั้ยลูกว่าจะทำอย่างงี้ เรื่องคอขาดบาดตายเลยนะ"

"แน่ใจครับ ผมอยากเป็นตัวของตัวเองบ้าง ที่ผ่านมา...ผมพยายามที่จะรักผู้หญิงเพื่อให้พ่อกับแม่สบายใจ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากทำอย่างงั้นแล้วครับน้านวล พอผมเจอนัท ผมก็รู้ว่า...ผมอยากอยู่กับนัท อยากดูแลเค้าเหมือนตอนเด็กๆ อีก อยากสร้างชีวิตด้วยกันกับเค้า แต่ว่าตอนนี้...นัทเค้าหายไปครับน้านวล ติดต่อไม่ได้เลย"

"อะไรนะแฟรงค์ นัทเค้าหายไปเหรอ"

น้ำเสียงตกใจของน้านวลทำให้ผมหวั่นใจไม่น้อย

"ครับน้านวล" ผมยอมรับตามตรง

"ผมพยายามโทรหานัทแต่ก็ไม่ติด นัทเค้าคงปิดเครื่อง โทรหาปอนด์แล้ว แต่นัทก็ไม่ได้ไปหาปอนด์ ปอนด์ก็ไม่รู้ว่านัทอยู่ไหน ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนโดของนัท เจ้าหน้าที่เค้าก็บอกว่ายังไม่เห็นนัทเข้ามาเลย โทรขึ้นไปที่ห้องก็ไม่มีคนรับสาย"

"ตายจริง มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าลูก"

"ผมผิดเองครับน้านวล นัทคงไม่สบายใจเพราะคิดว่าตัวเองเป็นมือที่สาม แล้วพ่อกับแม่ผมก็ไม่ยอมให้ผมกับนัทรักกันอย่างงั้นด้วย นัทคงรู้สึกกดดันมากเกินไป ก็เลยหนีไป ผมเดาว่า...น่าจะไปอยู่กับเพื่อนสมัยเรียนที่ไม่ใช่ปอนด์น่ะครับ อ้อ นัทเค้าเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้ผมด้วย เค้าบอกว่า...จะมาหาผมในวันแต่งงานของผมกับเพียวเท่านั้น"

แม่ของนัทคงอึ้งเพราะเงียบไปนานเลยทีเดียว

"ผมขอโทษนะครับน้านวลที่ทำให้เกิดเรื่องอย่างงี้ขึ้น ถ้านัทเค้าติดต่อน้านวลมา ฝากบอกนัทด้วยครับว่า...พี่แฟรงค์คิดถึง"

พอพูดคำนี้ไปน้ำตาผมก็พาลจะไหลเสียให้ได้

"แฟรงค์...ไม่ต้องขอโทษน้าหรอกเรื่องนั้น คนจะรักกันมันห้ามไม่ได้ ถึงจะมาช้าเกินไปแต่ก็รักกันไปแล้ว น้าไม่เคยสงสัยเลยนะว่าแฟรงค์รักนัทจริงหรือเปล่า น้าเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แฟรงค์รักน้องมาก ดูแลตามใจเค้าทุกอย่าง นัทเอง...ก็ตามแฟรงค์แจเลย พูดถึงแต่พี่แฟรงค์ จะทำอะไรก็นึกถึงแต่พี่แฟรงค์ แล้วน้าเอง...ก็คงจะหมดห่วง ถ้าลูกชายของน้ามีแฟรงค์คอยดูแล แต่แฟรงค์ก็เข้าใจนัทมันหน่อยนะ น้าเชื่อว่า...นัทเค้ายังรักแฟรงค์อยู่ เค้าไม่ไปไหนหรอก ถ้านัทติดต่อมาหรือถ้านัทกลับบ้าน น้าจะโทรไปบอกแฟรงค์เอง ตอนนี้...แฟรงค์แก้ปัญหาให้เรียบร้อยก่อนละกัน เรื่องนัท...อย่าเพิ่งไปห่วงเค้าเลย รอให้เค้าใจเย็นๆ เดี๋ยวเค้าก็โทรมาหาแม่เค้าเองแหละ เดี๋ยวน้าจะช่วยพูดให้"

"ขอบคุณครับน้านวล"

ผมบอกไปด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งใจอย่างที่สุด น้านวลช่างต่างจากพ่อกับแม่ผมเหลือเกิน ถ้าพ่อกับแม่ผมเข้าใจผมเหมือนน้านวลเข้าใจนัทก็คงจะดีไม่น้อย

ผมร่ำลาน้านวลแล้วก็ขับรถกลับมาที่รีสอร์ทอีกครั้ง แวะกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารกลางน้ำ จากนั้นตอนบ่ายๆ ก็มาคุยงานกับแก้วตา ผมให้เธอช่วยดูแลงานปรับปรุงรีสอร์ทแทนนัทไปก่อน เพิ่มค่าตอบแทนให้ด้วย แต่เธอก็ไม่ต้องทำอะไรมากแล้วเพราะนัทจัดการพูดคุยเจรจาให้จนหมด เหลือแค่ติดตามความก้าวหน้าให้เป็นไปตามแผนเท่านั้นเอง

พอไม่มีอะไรแล้วผมก็เดินกลับมาที่ที่พักของผมกับนัท เข้ามาดูอีกครั้งเผื่อว่านัทจะเปลี่ยนใจกลับมาหาผม แต่ก็ไม่เห็นแม้เงา ผมเดินไปนั่งที่เตียง หยิบหมอนของนัทขึ้นมาแล้วก็สูดดมกลิ่นกายที่ยังติดจางๆ อยู่บนหมอนใบนั้น พลันก็นึกถึงใบหน้าเขินอายยามที่ผมสูดหอมดอมดมกลิ่นกายของเจ้าของร่างที่เคยนอนอยู่ตรงนี้

"พี่ปล่อยนัทไปไม่ได้ ชาตินี้...คนที่พี่จะรักและคอยดูแลมีแค่นัทเท่านั้น ถ้าไม่มีนัทแล้ว...พี่ก็คงรักใครไม่ได้เหมือนกัน"

ผมพูดกับหมอนใบนั้นราวกับว่ากำลังพูดกับนัทอยู่ รู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงเจ้าชายน้อยของผมเหลือเกิน ป่านนี้ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน จะนอนที่ไหน แล้วใครจะคอยดูแลเอาใจ ใครจะลูบผมด้วยสัมผัสที่แสนพิเศษให้นัทได้อย่างผม ใครจะซื้อไอศครีมยี่ห้อโปรดให้นัทกิน แล้วใครจะนอนเคียงข้างและมอบอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นให้นัทได้อย่างพี่ชายคนนี้

"กลับมาหาพี่นะนัท ไม่ว่านานแค่ไหนพี่ก็จะรอ พี่จะรอนัทคนเดียวนะ เจ้าชายน้อยของพี่"

ผมกอดหมอนของนัทแนบอกแน่น น้ำตาซึมตามขอบตา ถ้าหมอนใบนี้เป็นนัทก็คงจะกอดผมตอบไปแล้ว แล้วนัทก็คงจะยิ้มมีความสุขที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของพี่ชาย แต่ในเวลานี้ผมทำได้เพียงกอดหมอนที่ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ ไม่แม้แต่จะรับรู้ด้วยซ้ำว่าผมเจ็บปวดสักแค่ไหนที่ต้องสูญเสียคนที่ผมตามหามาทั้งชีวิตไปอีกครั้ง

ฟ้าดินกำลังเล่นตลกอะไรกับผม ได้ของรักกลับคืนมาแล้วกลับให้อยู่ในมือเพียงไม่นาน สุดท้ายก็ฉุดกระชากพรากไปจากมือผมอย่างเลือดเย็น

... ... ...

ผมกลับมาถึงบ้านประมาณสี่โมงเย็น กลับมาถึงก็เจอพ่อมายืนรออยู่ตรงหน้าบ้าน คนอื่นๆ ถอยฉากออกไปไม่มารบกวนแถวนี้เพราะไม่อยากโดนพ่อผมดุ น่าแปลกที่คราวนี้หน้าตาขึงขังของพ่อไม่ทำให้ผมรู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย

"นัทจะกลับบ้านวันไหน ก่อนกลับ พานัทมากินข้าวที่บ้านเรา พ่อจะเลี้ยงส่งเค้าหน่อย"

น้ำเสียงเรียบๆ ของพ่อทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อย เพราะคิดว่าพ่อคงจะโมโหมากกว่านี้ที่ไม่เห็นผมมานอนบ้านหลายวัน

"ไม่ต้องหรอกครับ นัทเค้าไม่อยู่แล้ว เค้าหนีผมไปแล้ว" ผมบอกโดยไม่มองหน้าพ่อ

"หมายความว่าไง นัทหนีไปไหน"

ผมถอนหายใจแล้วก็มองหน้าพ่อ "ผมไม่ทราบครับ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับที่นัทไม่อยู่ ถ้าไม่มีนัท ทุกคนก็คงคิดว่า...ชีวิตผมก็จะเป็นเหมือนเดิม พ่อคิดว่าผมจะเป็นเหมือนเดิมได้เหรอครับ"

"แฟรงค์" พ่อเรียกชื่อผมแล้วก็ยืนนิ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

"ผมต้องพรากจากคนที่ผมรักสองครั้งสองครา ไม่เคยมีแม้แต่โอกาสจะได้ร่ำลากัน เมื่อสิบสามปีที่แล้วผมไม่ได้ลาเค้าเพราะคิดว่าจะได้กลับไปหา แต่ก็ไม่ได้กลับไปเลย คราวนี้...นัทก็ทนความกดดันไม่ไหวจนต้องหนีผมไป เราไม่ได้ร่ำลากันซักคำ ผมต้องสูญเสียคนรักอีกกี่ครั้งเหรอครับ พ่อกับแม่ถึงจะเข้าใจผม"

พ่อของผมยืนนิ่งและไม่ยอมพูดอะไรอีกเช่นเคย

"แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมก็จะไม่แต่งงานกับเพียว ถึงไม่มีนัท ผมก็กลับไปรักเพียวเหมือนเดิมไม่ได้"

ผมบอกพ่อเสียงหนักแน่นแล้วก็เดินเข้าบ้านไป แม่ยืนดูอยู่ด้วยท่าทางหวาดๆ อยู่ในบ้าน ผมตรงขึ้นไปยังห้องนอนของผมทันทีโดยไม่คุยกับแม่เลย จากนั้นก็อยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมลงมากินข้าวเย็นไม่ว่าใครจะมาเรียก

น้องสาวผมส่งไลน์มาหา คงจะส่งมานานแล้วแต่ผมไม่ได้อ่าน ผมยังไม่ได้ตอบน้องสาวไปทันทีเพราะตอนนี้น่าจะเป็นเวลาตีสองตีสามของที่นั่น ก็เลยนอนก่ายหน้าผากคิดไปเรื่อยๆ คิดถึงนัท คิดถึงตอนเด็กๆ ของเรา คิดถึงตอนที่ผมขี่จักรยานไปหานัทที่บ้านตอนเช้าๆ แล้วเราก็ขี่จักรยานไปโรงเรียนด้วยกัน ไม่ว่าผมจะมาช้าหรือมาเร็วแค่ไหน นัทกับผมก็จะรอไปพร้อมกันเสมอ ยกเว้นวันไหนที่ผมไม่สบาย แต่ผมก็มักไม่ค่อยป่วย ปีหนึ่งจะเป็นหวัดหนหนึ่งหรือไม่เป็นเลย

พอถึงตอนเลิกเรียน ผมกับนัทมีจุดที่เราตกลงกันไว้ว่าจะมาเจอกัน ใครมาถึงก่อนก็รอตรงนี้ก่อน พอเจอกันแล้วเราถึงจะขี่จักรยานกลับบ้านด้วยกัน บางวันพอมีเงินเหลือผมก็จะแวะซื้อไอศครีมที่ตลาดให้นัท นัทกับผมมักจะนั่งคู่กันตรงม้านั่งร้านเจ๊กอ๋า ร้านนี้ขายสารพัดอย่างรวมทั้งไอศครีมด้วย ผมซื้อแล้วก็ให้นัทกินคนเดียว ไม่เคยขอนัทกินด้วยเลย เวลาจ่ายเงิน น้าผู้หญิงร้านเจ๊กอ๋าชอบแซวผมบ่อยๆ ว่าซื้อให้แฟนกินเหรอ ผมได้แต่หัวเราะและไม่พูดอะไร

คิดมาถึงตรงนี้แล้วผมก็ยิ่งมั่นใจว่า ผมไม่สามารถสลัดทิ้งความรักที่ผมมีต่อนัทแล้วกลับไปเหมือนเดิมได้ อีกอย่าง ผมคงทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้นัทกลับไปเป็นเหมือนตอนมอหนึ่ง ผมไม่อยากให้นัทรอพี่คนนี้อย่างเดียวดายอีกแล้ว

แต่นัทเอ๋ย...นัทก็ทำพี่เจ็บเหลือเกิน

ผมนอนคิดจนถึงสี่ทุ่ม ลุกขึ้นนั่งแล้วก็หยิบโทรศัพท์มากดโทรไลน์หาน้องสาว ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าของที่นั่น เฟิร์นก็น่าจะตื่นแล้ว

"พี่แฟรงค์ เป็นไงมั่งคะ นึกยังไงถึงโทรหาเฟิร์นล่ะ"

ได้ยินเสียงใสของน้องสาวแล้วผมก็พอยิ้มได้บ้าง

"พี่มีเรื่องจะปรึกษาหน่อย"

"ปรึกษาเฟิร์นเนี่ยนะ" เฟิร์นทำเสียงไม่เชื่อ

"ไม่ได้เหรอ หรือว่าไม่สะดวก"

"สะดวกค่ะ เฟิร์นแค่ไม่คิดว่าคนเก่งๆ อย่างพี่แฟรงค์จะปรึกษาเฟิร์นไง" เฟิร์นหัวเราะเสียงใส

"เฟิร์นก็เก่งนะ เก่งกว่าพี่อีก เป็นด็อกเตอร์แล้วนะ"

เฟิร์นหัวเราะชอบใจใหญ่เลย

"เฟิร์น...นัทเค้าหนีพี่ไปแล้ว" ผมตัดสินใจเข้าเรื่องหลังจากที่ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ

"จริงเหรอคะพี่แฟรงค์ ทำไมคะ" เฟิร์นถามด้วยเสียงตกใจ

"เอางี้...เฟิร์นอยากจะฟังเรื่องราวทั้งหมดมั้ย พี่จะได้เล่าให้ฟัง"

"ก็ดีค่ะพี่แฟรงค์ เฟิร์นก็อยากรู้เหมือนกันว่าตกลงมันเป็นมายังไง เฟิร์นก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมพ่อไม่ยอมให้เราสองคนกลับไปที่บ้านเกิดอีกเลย เฟิร์นว่าไม่น่าจะเป็นเหตุผลเรื่องธุรกิจอย่างเดียวหรอก"

"ใช่" ผมตอบไปสั้นๆ

จากนั้นผมจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เฟิร์นฟัง เล่าแม้กระทั่งว่าผมกับนัทมีความสัมพันธ์กันไปแล้ว เฟิร์นขอดูแม้กระทั่งจดหมายที่นัทเขียน ผมก็ถ่ายรูปส่งไปให้เฟิร์นอ่าน เฟิร์นศึกษาเรื่องพฤติกรรมมนุษย์ด้วย ข้อมูลที่ได้ไปน่าจะพอช่วยให้วิเคราะห์อะไรได้บ้าง ความจริงผมก็มีเพื่อนๆ หลายคนที่น่าจะให้คำปรึกษาได้ แต่พอเป็นเรื่องความรักชายกับชาย ผมก็ไม่ไว้ใจมากพอที่จะปรึกษา ก็เหลือแต่น้องสาวคนเก่งของผมนี่แหละ

"อืม...ถามตรงๆ นะคะ พี่แฟรงค์โกรธนัทหรือเปล่าคะ" เฟิร์นถามขึ้นหลังจากที่ผมเล่าไปจนหมดแล้ว

คำถามที่ฟังดูง่าย แต่เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง

"เสียใจหรือเปล่าคะที่นัทปล่อยมือพี่ไป" เฟิร์นเปลี่ยนคำถามเมื่อเห็นผมเงียบไป

"ก็เสียใจ เสียใจมาก"

"แสดงว่าโกรธ หรือไม่ก็...ไม่พอใจ ใช่มั้ยคะ" เฟิร์นกลับมาถามย้ำ

"ก็น่าจะเป็นอย่างงั้น" ผมยอมรับไปตรงๆ ถ้าไม่โกรธก็คงไม่เสียใจ เป็นเหตุเป็นผลกันดี

"อืม...เอางี้ละกันค่ะ เดี๋ยวเฟิร์นขอเวลาคิดวิเคราะห์ข้อมูลนิดนึงได้มั้ยคะ เฟิร์นอาจจะส่งเป็นอีเมล์ให้พี่แฟรงค์ไปอ่านแทน ถ้าเฟิร์นเขียนเสร็จแล้ว เฟิร์นจะไลน์ไปบอกให้พี่แฟรงค์อ่านค่ะ วันนี้ตอนเช้าเฟิร์นพอมีเวลาอีกนิดหน่อย"

"ได้ๆ พี่จะรอนะ ขอบใจเฟิร์นมาก พี่ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว" ผมบอกน้องสาวแล้วก็ปิดการสนทนาไป

ประมาณเกือบๆ เที่ยงคืนเฟิร์นก็ส่งไลน์มาบอกผมว่าส่งอีเมล์ให้เรียบร้อยแล้ว ผมรีบเปิดแอปอีเมล์อ่านแทบไม่ทัน พออ่านจนจบ ผมก็เหมือนได้พบกับทางสว่างจนแทบจะกระโดดร้องดีใจในห้อง ส่งไลน์ไปขอบคุณเฟิร์นแล้วก็นั่งคิดตามที่น้องสาวของผมเสนอมา

ผมไม่คิดเลยว่าเฟิร์นจะแนะนำให้ผมทำอย่างนี้ แต่ผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ผมกับเฟิร์นเติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ เราถูกสอนแนวคิดความมุ่งมั่นอดทนตั้งแต่เด็กๆ บางทีพ่อก็ยอมเสียเงินหลายหมื่นหรือเป็นหลักแสนให้ผมกับน้องสาวไปเรียนหลักสูตรแนวคิดคนสำเร็จหรือคิดบวกหลายครั้ง จนเราค่อยๆ ซึมซับมาเป็นนิสัยของตัวเอง

ความจริงผมก็ควรจะคิดได้อย่างที่เฟิร์นคิด แต่พอตกอยู่ในอารมณ์เศร้าโศก ผมก็เลยขาดความสามารถที่จะคิดในเชิงนั้นไป

ขอบคุณมากน้องสาวที่น่ารักของพี่ พี่จะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ของเฟิร์นเลย

ข้อความหนึ่งในอีเมล์ของเฟิร์น ทำให้ผมเข้าใจทันทีว่าทำไมผมถึงเจรจากับพ่อหรือใครไม่ได้ เฟิร์นเขียนว่า

เฟิร์นมีความลับจะบอกค่ะ ตอนที่เฟิร์นกลับบ้านคราวนั้น เฟิร์นแอบได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องที่ทางบ้านเพียวขอยืมเงิน ทางนั้นตกลงว่าจะให้เพียวแต่งงานกับพี่แฟรงค์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพื่อแลกกับเงินก้อนนั้น พ่อกลัวมากว่าพี่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ก็เลยหาทางล้อมรั้วไว้ทุกด้าน เพียวก็น่าสงสารนะ แต่เพียวควรจะรักศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้พ่อแม่บีบบังคับจนต้องทำอะไรโง่ๆ

นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เฟิร์นไม่ชอบเพียวมาตั้งแต่ตอนนั้น

ผมอ่านอีเมล์ของเฟิร์นจบแล้วก็แทบจะทนรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหว กว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็ดึกมากแล้ว พอตื่นเช้าขึ้นมา ผมก็ไม่รอช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปข้างล่าง แม่บ้านบอกว่าพ่อกับแม่นั่งกินข้าวเช้าด้วยกันอยู่ในห้องกินข้าว ผมก็เลยรีบไปหา

พอพ่อกับแม่เห็นผมเดินเข้ามาก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน คงแปลกใจมากที่เห็นผมยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น ทั้งๆ ที่น่าจะอมทุกข์อมโศก ผมเดินไปหยุดตรงหน้าพ่อกับแม่พอดี สูดหายใจลึกๆ แล้วก็บอกท่านสองคนไปตามที่น้องสาวผมเสนอ

"ผมจะแต่งงานกับเพียวครับพ่อ...แม่ ไม่ต้องเลื่อน ไม่ต้องยกเลิก ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนเดิมครับ!"

พ่อกับแม่ผมถึงกับอึ้งไปเลย ช้อนส้อมที่ถืออยู่หลุดมือลงไปกระแทกจานดังเคร้ง ท่านสองคนคงไม่คิดว่าผมจะยอมแพ้ง่ายๆ

ใช่...เพราะผมไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ผมก็ต้องยอมแพ้ง่ายๆ เป็นธรรมดา!


- TBC -[/center]

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 04-01-2016 16:30:01
แต่งเพื่อยกเงินเป็นค่าเสียหายให้เพียวแต่ไม่จดทะเบียน?   ดักรอเพื่อเจอนัทวันแต่งแล้วฉุดนัทไปวิวาห์เหาะเลยไหม?  แบบนี้ก็ดีนะ  แต่งตามใจพ่อแม่ของทั้งสองบ้านแล้วไง  เข้าหอกับใครก็อีกเรื่อง    มโนค่ะ

แม่นัทเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่าที่คิด   ท่าจะไม่คิดอะไรซับซ้อนนั่นแหละ

เราชอบแฟรงค์ที่พยายามนะ  สู้ๆ เดี๋ยวก็ดีเอง    ต่อให้บ้านแฟรงค์ตัดแฟรงค์ยังไงก็มีทางไป   ที่บ้านเองแหละจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแฟรงค์นะเราว่า

ชอบเฟิร์นค่ะ   ถ้าจะให้ดีช่วยมาจัดการนังต้องตาอีกคนนะลุก
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 04-01-2016 16:30:45
วันนี้อ่านตาแฉะมากไม่ได้เข้ามาอ่านหลายตอนเลย ความรักของนัทและแฟร้งมันเหมือนมีแค่เส้นขีดบางๆที่ขวางเขาไว้แต่มันกับ
ยากกว่าปืนข้ามกำลังซะอีก อ่านมาตั้งแต่ต้นจบจบ ตอนแรกก็สงสารเพียว ต่อมาก็สงสารนัทและเริ่มจะไม่ค่อยชอบพ่อแม่ของแฟร้งกับเพียว ถึงตอนปัจจบัน เห็นด้วยกับเฟิร์น

เพียงไม่รักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเลยให้พ่อแม่เขามาบังคับแต่งานแค่เพราะเงินที่ยื่มไป ส่วนพ่อของแฟร้งก็ใช่วิธีนี้เพื่อให้ลูกชายไม่ต้องกลับไปหานัท เออ ทุกคนล้วนมีเหตุและผลต่างกันไปมุมองที่ต่างกัน

แฟร้งจะทำยังไงต่อไปนะอยากรู้แล้วซิ

ปล.แต่งและบรรยายเก่งจังเลยค่ะ ภาษาก็เขียนได้ดีอ่านเข้าใจง่ายไหลลื้นดี  ชอบ ชอบ ค่ะ  :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-01-2016 16:56:48
เปิดโปงเรื่องแต่งงานแลกเงินเลยดีมั้ยเนี่ย แต่ถ้าทำแบบนั้นเพียวคงน่าสงสารคงไม่มีหน้าเข้าสังคมได้อีกแน่ๆ

แต่ทำไงได้ล่ะ ทำตัวเองแท้ๆ ครอบครัวนี้ (มโนไปก่อนเลยนะเนี่ย ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย

หวังว่าแฟรงค์คงจะจัดการได้นะคราวนี้)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-01-2016 19:07:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 04-01-2016 19:40:54
มีแบบนี้ด้วยเหรอ เขาเรียกขายลูกกินนะเนี๊ยะ เฮ้อ! แสดงว่าเพียวก็ไม่ได้รักแฟร้งจริงๆหรอกซินะ แต่งเพื่อเงินจะไปมีความสุขตรงไหน แค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอจร๊าเพียว ถ้าเกิดแฟร้งเขาทำอะไรที่อาจจะทำให้เธออับอายขายหน้าขึ้นมาเธอจะมาโทษแฟร้งไม่ได้นะ พออ่่านตอนนี้ค่อยมีแฟร้งค่อยมีความน่าเชื่อถือขึ้นมาหน่อย ค่อยมองเห็นหนทาง

ทีมนัท!! เชียร์นัท สู้ๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 04-01-2016 20:05:53
ตอนที่ 15 เดือดศึกสายเลือด

อาจเป็นไปได้ว่าที่เฟิร์นไม่ค่อยชอบเพียวก็เพราะว่าครอบครัวของเพียวเห็นแก่ตัวได้ชัดมากๆ อย่างในตอนนี้ก็ได้นะคะเนี่ย เพราะทำไปทำมาที่เพียวเล่นแง่ไม่ยอมยกเลิกการแต่งงานกับคนที่บอกตัวเองโต้งๆ ว่าเขารักคนอื่นอยู่ตั้งนานแล้วเสียทีก็ไม่พ้นเรื่องหนี้สินที่ยืมจากคุณพ่อของแฟรงค์ไปอยู่ดีนั่นล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นคุณค่าของตัวเองบ้างเลยนะเพียว ใช่ว่ายื้อไปจนได้แต่งสมใจแล้วจะมีความสุขเสียหน่อย

สำหรับแฟรงค์จากที่เครียดๆ มาจากนอกบ้านก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยนะคะพอได้กลับมาอยู่กับนัท แหม..ก็ได้คนที่แสนรักอย่างนัทมาปรนนิบัติพัดวีเสียขนาดนี้เลยนี่นา ไม่ไหนจากนัทไม่รอดเลยล่ะค่ะแบบนี้น่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 04-01-2016 20:06:56
ตอนที่ 16 กรรมของคนหน้าด้าน

สงสารนัทมากค่ะตอนนี้ เล่นกดดันกันทุกทางถ้าได้ถอยไปตั้งหลักให้ตัวเองคิดหาวิธีรับมือกับทุกๆ คนมากกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าหัวใจของนัทอาจจะเป็นฝ่ายนำทางกลับมาหาแฟรงค์อีกครั้งเองก็ได้ใครจะไปรู้นะคะ :กอด1:

ส่วนสำหรับเพียว มันไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วล่ะค่ะต่อให้ตอนนี้แฟรงค์จะมีนัทหรือไม่มีนัทอยู่ข้างกายอีกแล้วก็ตามน่ะ ทู่ซี้จังเลยนะเธอ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 04-01-2016 20:07:58
ตอนที่ 17 Desperado

ตอนนี้สำหรับคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างแฟรงค์น่าเห็นใจมากๆ ค่ะ ใจหายแทนเลยนะ ขนาดสัญชาตญาณตัวเองบอกมาว่าวันนี้นัทไม่ปกติแน่ๆ แต่ก็ยังเลือกที่จะเชื่อตามที่นัทอยากให้เชื่อน่ะ สุดๆ ไปเลยค่ะ

จะไม่ดีอยู่อย่างก็ตรงที่นัทเลือกตั้งเงื่อนไขในการเจอกันอีกครั้งโดยการให้แฟรงค์แต่งงานกับเพียวไปเสียนี่ล่ะค่ะ ไม่ดีเลยจริงๆ ขนาดตอนจากกันว่าแย่แล้ว แล้วนัทจะทนเห็นภาพบาดตาแบบนั้นไหวแน่เหรอ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 04-01-2016 20:09:11
ตอนที่ 18 นารีขี่ม้าขาว

ทำเพื่อครอบครัวเป็นสิ่งที่ดีนะคะเพียว แต่ถ้าต้องทำถึงขนาดนี้ควรต้องคิดหน่อยไหมล่ะว่ามันมากเกินไปไหม ตัวเองก็เป็นคนมีชีวิตจิตใจเหมือนกันจะมาทำเหมือนกับเป็นตุ๊กตาที่จะจับให้หันไปทางไหนก็หันแบบนี้ไม่ได้หรอกนะคะ 

แต่ที่เกินความคาดหมายไปเลยก็คือคุณแม่ของนัทค่ะ น่ารักมากๆ เพราะนอกจากจะเข้าใจอะไรได้ง่ายแล้ว ที่สำคัญยังรักและรับได้ทุกๆ อย่างในสิ่งที่นัทเป็นตั้งแต่ที่เจ้าตัวยังไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-01-2016 20:30:04
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 04-01-2016 20:34:18
ฮูเร่

นารี่ทรงม้ามาช่วยจริงๆ

เด็จแม่จงเจริญ :D
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 04-01-2016 20:37:46
น้องสาวพี่แฟรงค์น่ารักจริงๆ ขี่ม้าขาวมาช่วย

รอถึงวันแต่ง ยังไงคงได้เจอนัทนะ
ส่วนงานแต่งกับเพียวนี่ไม่รู้จะออกมาท่าไหน
แต่ถ้าแต่งอย่าจดทะเบียนนะพี่แฟรงค์ กันการผูกมัดโดยทะเบียนสมรส
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 04-01-2016 20:55:27
เอาใจช่วยแฟรงค์นะ ความพยายามจะนำมาซึ่งความสำเร็จ
ส่วนนัทก็ปล่อยให้เค้าพักใจสักหน่อยเจอแรงกดดันขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 04-01-2016 21:00:01
อยากจะมีซัก 20 มือ 10 หัว จะได้เขียนตอนต่อๆ ไปรวดเดียวจนถึงตอนจบได้พร้อมๆ กันไปเลย
โดยส่วนตัว ผมว่าตอนที่ผ่านๆ มาก็น่าเขียนทุกตอนแล้ว ตอนต่อจากนี้ยิ่งน่าเขียนมากๆ จนอยากเป็นทศกัณฐ์ไปเลย

อยากให้อ่านอีเมล์ที่เฟิร์นส่งให้พี่ชายด้วย แต่รออีกสองตอนนะครับ ได้อ่านแน่ๆ แล้วจะรู้ว่าเฟิร์นแนะนำอะไร

เรื่องนี้จะมีเซอร์ไพรส์ตรงที่ "ต้น-สน" "ทิว-บูม" "เจ-เล็ก" "พี่คิมแตซอง-น้องเก้า" จะเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างลงตัว
คอยติดตามกันนะครับว่าตัวละครหลักของทุกเรื่องที่ผมเคยเขียนจะมาอยู่ในเรื่องนี้ได้ยังไง ผมชอบไอเดียนี้มากๆ

อาจจะไม่ผูกพันกับเรื่องนี้มากเท่า "ต้น-สน" (คิดว่าคงไม่มีเรื่องไหนอีกแล้วที่ผมจะใช้เวลาอยู่ด้วยนานถึง 9 ปี)
แต่ก็เป็นเรื่องที่ผมรักเลย ได้ทุกอย่างที่อยากได้

พรุ่งนี้ต้องไม่พลาดตอนต่อไปนะครับ

อ้อ ผมจะเฉลยชื่อหนังไทยเก่าที่ผมเคยดูเมื่อปี 2529 ที่เอามาเป็นแรงบันดาลใจในเรื่องนี้ด้วย
คนที่เกิดทันร้องอ๋อแน่ๆ อิๆ แต่ดูๆ แล้วหลายคนท่าจะเกิดไม่ทัน 555

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 04-01-2016 21:51:18
อึ้งไปนิดๆ กับฉากจบของตอนนี้ ไม่ขอเดาแล้วกันเพราะเชื่อว่าจะได้อ่านตอนต่อไปเร็วๆ นี้ 55
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-01-2016 21:55:14
อันนี้ความคิดเรานะ

แฟรงค์ยอมให้จัดงานแต่งเพื่อจะได้เจอนัท ปลดหนี้ให้ครอบครัวเพียว

แต่แฟรงค์คงไม่จัดงานให้จบแน่ๆ คาดว่างานแต่งน่าจะล่มกลางคันมากกว่า  o18
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 04-01-2016 22:03:51
:ling1:  พี่แฟรงค์จะรอให้นัทมางานแต่งตัวเองแล้วก็พานัทหนีไปกันสองคนแน่ๆเลย ๕๕๕ ผมคิดไปไกลขนาดนี้แล้วอ่ะ
 ผมรอ รออ่านตอนใหม่คับ ลุ้นๆ เอาใจช่วยนัท แฟรงค์คับ ผมเชื่อว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ใจร้ายกับลูกหรอกคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 04-01-2016 22:13:55
มวยล้มต้มคนดู
เดี๋ยวกรรมการอย่างเราๆ จะเอาใจช่วย

แฟรงค์เป็นคนรักในอุดมคติมาก
นับถือในความตั้งใจ มุ่งมั่นเพื่อความรักของตนเอง..จริงๆ

จะได้เจอแฟรงค์ตัวเป็นๆไหม
 :hao6:
อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊18┊ นารีขี่ม้าขาว ┊P11┊ 4.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 04-01-2016 23:16:04
วางแผนดัดหลังสินะแบบนี้ พอเจอนัทก็พาตัวเข้าหอแทนเสียเลย เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 05-01-2016 03:25:38
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 19 ✢ The Elope Wedding


(http://bit.ly/2lPHQVt)

9 มกราคม...

ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจมาพบกับผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ผู้หญิงที่ทำให้ผมเจ็บแทบปางตาย แถมยังหลอกใช้ผมสารพัดจนผมแทบหมดเนื้อหมดตัว แต่ด้วยความสงสัยว่าเรื่องสำคัญที่เธออยากจะคุยด้วยว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ในที่สุดผมก็มาหาเธอจนได้

เธอลงมารอผมอยูข้างล่างพอดีเมื่อผมมาถึงคอนโดของเธอ สภาพเธอดูเปลี่ยนไปพอสมควร จากเคยยิ้มสดใสก็กลับดูอมทุกข์ เราทักทายกันเพียงเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พาผมขึ้นไปที่ห้องของเธอ สถานที่ที่ผมเคยมาใช้เวลาอยู่เป็นวันๆ เมื่อไม่นานนี้ ไม่น่าเชื่อว่าแค่สองเดือนผ่านไป ความผูกพันของผมกับเธอคนนี้กลับมลายหายไปสิ้น ไม่ใช่ว่าลืม แต่ผมไม่อยากนึกถึงเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวของอดีตที่ผมเคยมีกับเธอ

พอเธอเชื้อเชิญให้ผมนั่งและหาน้ำท่ามาให้ ซองสีน้ำตาลที่โป่งนูนออกมาเล็กน้อยก็ถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้าผม ผมมองดูซองสีน้ำตาลนั้นด้วยสายตามีคำถามแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป

"พี่คงคืนให้นัทได้เท่านี้ น้อยกว่าที่นัทให้พี่มาเยอะอยู่ เอาไว้คราวหลังพี่จะหามาคืนให้อีกละกัน"

ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วพิจารณาดูซองสีน้ำตาลตรงหน้า แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับมันทันที

"นัทเปิดดูสิ"

ผมมองหน้าต้องตาเหมือนกับไม่แน่ใจว่าจะเปิดดีหรือไม่ แต่สักพักก็ยอมเปิดซองสีน้ำตาลนั้นออกดู ข้างในมีธนบัตรหนึ่งพันบาทอยู่สามสี่ปึกใหญ่ๆ

"พอดีพี่ขายร้านไป หักลบกลบหนี้แล้วก็เหลือไม่เยอะหรอก แบ่งมาคืนให้นัทเท่านี้ก่อน"

ผมปิดซองนั้นแล้วก็ไม่แตะมันอีก ไม่เปิดปากพูดคำใดๆ จนต้องตาคงรู้สึกอึดอัด

"ตอนนี้...พี่ไม่ได้ทำงานที่โรงแรมนั่นแล้ว ไอ้หมอนั่นมันเลวมาก มันหลอกพี่ แล้วมันก็กดดันให้พี่ต้องออกจากงานด้วย"

ผมนั่งฟังอารมณ์น้อยใจปนเคียดแค้นของเธอด้วยอาการเฉยเมย ถ้าต้องตาด่า "ไอ้หมอนั่น" ว่าเลวมาก แล้วสิ่งที่เธอทำกับผมตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ โชคดีจริงๆ ที่เวรกรรมยุคดิจิตอลรวดเร็วทันใจเหลือเกิน ผมไม่ต้องเสียเวลาเผาพริกเผาเกลือให้เหนื่อยเลย

"นัท...นัทยังรักพี่อยู่หรือเปล่า"

ผมมองหน้าต้องตานิ่ง ท่าทางที่เฉยเมยของผมขนาดนี้ ถ้าเธอยังดูไม่ออกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว

"ว่าไงล่ะนัท นัทยังรักพี่อยู่หรือเปล่า"

ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วก็หันหน้าหนี

"จะขอให้เรากลับมาเหมือนเดิมเหรอครับ" ในที่สุดผมก็ยอมเปิดปากถามออกไปเสียที

"นัท...พี่ยังรักนัทอยู่นะ พี่ขอโทษที่พี่เคยทำไม่ดีกับนัท พี่เสียใจนะนัท ตอนนี้...พี่รู้แล้วว่าใครรักพี่จริง พี่สำนึกผิดแล้วนัท นัทยกโทษให้พี่ได้มั้ย"

ผมหันกลับมามองต้องตาอีกครั้ง เธอทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้ แถมยังวิงวอนออดอ้อนให้ผมกลับมาหาเธออีก ช่างดูน่าสงสารเหลือเกิน

"ได้...ผมให้อภัยพี่ได้"

"จริงเหรอนัท"

ต้องตาทำท่าดีใจพลางเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ ผมหรี่ตามองดูมือของเธออย่างไม่ชอบใจนัก สักพักเธอคงจะรู้ตัวก็เลยค่อยๆ ปล่อยมือผมออก

"ผมไม่เคยโกหกพี่นี่ครับ ถ้าผมบอกว่าให้อภัยได้...ก็แปลว่าผมให้อภัยได้จริงๆ" ผมเน้นเสียงตรงคำว่า "โกหก"

ต้องตาหน้าเจื่อนไปพอสมควร คงจะแสลงใจที่ได้ยินคำว่า "โกหก" นั่นเอง

"ส่วนเรื่องที่จะกลับมารักกัน ผมยังไม่ตอบละกัน แต่ผมอยากจะเล่าอะไรบางอย่างให้พี่ต้องตาฟัง"

ผมหยุดเว้นจังหวะดูความสนใจ พอเห็นต้องตาตั้งตารอฟังจึงเล่าสืบไป

"พี่รู้มั้ยว่าทำไมเมื่อก่อนผมถึงรักพี่ พี่ต้องตาจำผู้ชายคนนั้นได้มั้ย คนที่พี่ต้องตาเจอที่คอนโดผม ตอนที่พี่ไปเอาของที่ลืมไว้นั่นแหละ"

ต้องตาพยักหน้าน้อยๆ สายตามีคำถามและดูหวาดระแวง

"ตอนเด็กๆ ผมกับพี่เค้าเคยเรียนชั้นประถมด้วยกัน เราสองคนผูกพันกันมาก พี่เค้าดูแลผมดีกว่าใคร เพราะเค้าอยากมีน้องชาย แล้วเค้าก็รักผมเหมือนน้องชายจริงๆ ตามใจผมทุกอย่าง ผมอยากได้อะไรหามาให้ แต่แล้ว..เราสองคนก็จากกันไปเพราะพี่เค้ามาเรียนที่กรุงเทพ แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยจนกระทั่งวันนั้นที่พี่ต้องตาเห็นนั่นแหละ วันนั้น...คือวันที่ผมได้กลับมาเจอกับพี่เค้าอีกครั้งโดยบังเอิญ"

ผมมองหน้าต้องตาแล้วยิ้มกริ่ม

"พี่คนนี้อายุมากกว่าผมแค่สี่เดือนเศษๆ พอเค้าเกิดก่อนผม ก็เลยได้เรียนกันคนละชั้นกัน ตอนเด็กๆ ผมชอบเรียกเค้าว่าพี่ แต่พี่เค้าก็มักจะบอกผมว่าไม่ให้เรียกพี่ เพราะว่าอายุเราห่างกันไม่มาก แต่ผมก็ยังชอบเรียกเค้าว่าพี่บ่อยๆ แล้วพี่เค้าก็เตือนผมบ่อยๆ เหมือนกัน ผมก็ไม่เคยจำ พี่ต้องตาพอจะเดาออกมั้ยครับว่าผมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังทำไม"

ต้องตาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "พี่ไม่เข้าใจ นัทกำลังพูดเรื่องอะไร"

ผมแค่นหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าเธอจะฉลาดน้อยขนาดนี้จนไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องได้

"ผมรักพี่คนนี้ รักเค้ามาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะครับ รักฝังใจด้วย"

ต้องตาทำหน้าตกใจเล็กน้อย ความจริงคงตกใจมากแต่พยายามเก็บอาการไว้

"ผมไม่เคยลืมพี่เค้าเลย พี่ต้องตารู้มั้ยว่าเราไม่ได้เจอกันมาสิบสามปีแล้ว แต่พี่เค้าอยู่ในใจผมมาตลอด"

แล้วก็ถึงคราวที่ผมจะเฉลยเสียที

"พี่ต้องตาจำได้ใช่มั้ยว่าพี่เองก็เคยพูดแบบนี้กับผมบ่อยๆ ว่าไม่ให้ผมเรียกพี่ต้องตาว่าพี่ นั่นแหละคือเหตุผลที่ผมสนใจพี่ เพราะพี่ต้องตา...ทำให้ผมนึกถึงพี่คนนี้ที่ผมเคยรักตอนเด็กๆ"

"นัทกำลังจะบอกอะไรพี่เหรอ"

ต้องตาถามอย่างหวาดระแวงและงุนงง

"ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมแค่จะบอกพี่ว่า...พี่ต้องตาเป็นแค่เงาของคนที่ผมรัก ไม่ใช่ตัวจริง เพราะฉะนั้น...ที่พี่ถามผมว่าผมยังรักพี่อยู่หรือเปล่า ผมคิดว่าพี่คงจะได้คำตอบแล้วนะครับ ผมเจอตัวจริงของคนที่ผมรักแล้ว พี่คิดว่าคนที่เป็นเงาหลอกๆ อย่างพี่...จะแทนตัวจริงได้หรือเปล่าล่ะครับ"

"นัท!"

ต้องตาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง คงคิดไม่ถึงว่าผมจะกล้าตอกหน้าเธออย่างนี้ ถึงผมไม่ใช่คนอาฆาตแค้นใคร แต่ผมก็อยากจะพูดให้เธอสำนึกมากดูบ้าง

"ส่วนเงินนี่...มันไม่ใช่เงินของผม ผมให้ไปแล้ว ไม่คิดอยากได้คืนหรอกครับ ขอบคุณพี่มากที่ยังอุตส่าห์หามาคืนให้ พี่เอาไว้ใช้ละกัน เงินแค่นี้...ไม่ตายผมก็หาใหม่ได้ แต่สิ่งที่ผมจะไม่เอากลับมาใหม่...ก็คือความรักที่ตกดินไปแล้ว ไม่ต้องเก็บมาคืนผมหรอกครับ คนที่อยากโง่เองอย่างผมยังพอจำได้ว่าใครทำอะไรไว้"

ผมบอกแล้วก็ลุกขึ้นยืน ยิ้มอย่างผู้ชนะ อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าเงินในซองกระดาษนี้ไม่ใช่เงินคืนหรอก แต่มันเป็นเงินลงทุนซื้อผมกลับไปต่างหาก

"เอาเป็นว่า...ผมให้อภัยพี่และขออโหสิให้ ลาก่อนนะครับ หวังว่าเราสองคนจะไม่ได้เจอกันอีก...ตลอดไป"

พูดจบผมก็ก้าวฉับๆ ไปที่ประตู ก่อนจะเปิดออกแล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเธออีกเลย ไม่อยากอยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้อีกแล้ว ไม่รู้ว่าต้องตากำลังร้องไห้เสียใจอยู่หรือเปล่า แต่ไม่ว่าเธอจะเสียใจหรือไม่เสียใจ เราหมดเวรหมดกรรมต่อกันแล้ว ต่างคนต่างจัดการชีวิตที่เหลือไปตามวิถีทางของตัวเองแล้วกัน

... ... ...

10 มกราคม ณ หนองจอกรีสอร์ทแอนด์ฟิชชิ่งปาร์ค

ที่นี่ดูแปลกตาไปพอสมควรหลังจากที่ผมจากไป คงเป็นผลมาจากการปรับปรุงรีสอร์ทที่น่าจะใกล้เสร็จแล้วนั่นเอง แขกเหรื่อเดินทางมากันอย่างหนาตาทีเดียว มีรถจอดกระจายตามจุดต่างๆ มากกว่าปกติหลายเท่า เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคงเป็นคนกว้างขวางมากทีเดียว

ช่วงที่ไม่ได้อยู่ที่รีสอร์ท ผมก็ระหกระเหเร่ร่อนไปสองสามที่ ตอนแรกไปอยู่กับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันคนหนึ่ง แต่รู้สึกเกรงใจก็เลยย้ายไปอยู่กับอีกคน ก่อนที่จะออกมาเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ข้างนอกคนเดียวเพราะไม่อยากรบกวนใคร ผมอยู่มาได้เกือบๆ สองอาทิตย์แล้ว สองสามวันแรกไม่ได้ทำอะไรเลย แต่อยู่เฉยๆ นานเข้าก็เลยเบื่อ ก็เลยติดต่อไปหาพี่ที่ทำงานเก่าว่ามีงานแปลเอกสารหรืองานล่ามให้ทำหรือเปล่า ก็ได้งานแปลเอกสารสามสี่ชิ้นมาทำแก้เหงาก่อนกลับบ้าน ผมตั้งใจจะกลับบ้านหลังงานแต่งงานของแฟรงค์นี่แหละ ไม่อยากลงไปแล้วขึ้นมาหลายรอบให้เหนื่อย ผมบอกแม่ไปแล้ว แม่ก็ไม่ว่าอะไร

แม่กับพี่นิวก็มาด้วย แต่แยกกันมากับผมเพราะแม่กับพี่นิวขึ้นเครื่องมาจากพิษณุโลกตั้งแต่เช้ามืด ตอนนี้อยู่ในงานแล้ว มีแต่ผมที่มาช้าหน่อยเพราะกว่าจะฝ่ารถติดในเมืองมาได้ก็ล่วงเลยเวลาพอสมควร อีกอย่างผมก็ไม่ได้อยากมาอยู่เห็นภาพบาดตาบาดใจนานๆ รดน้ำสังข์แล้วก็คงจะพาแม่กับพี่นิวกลับไปพักด้วยกันที่คอนโด ก่อนจะกลับด้วยกันทั้งสามคนพรุ่งนี้เช้าเลย

ผมหาที่จอดรถได้แล้วก็เดินลัดเลาะเข้าไปในงานอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง มีแต่คนที่ผมไม่รู้จักทั้งนั้นเลย ผมโทรหาแม่แล้วก็ถามว่าอยู่ตรงไหน แม่บอกมาแล้วแต่ผมฟังไม่ถนัดเพราะมีเสียงดังรอบข้างเต็มไปหมด ก็เลยบอกแม่ไปว่าค่อยเจอกันทีหลัง

พอใส่ซองแล้วผมก็เดินไปนั่งหน้าสุดเพราะอยากเจอใครบางคนชัดๆ มีเสียงพระสวดเจริญพระพุทธมนต์อยู่ แสดงว่าน่าจะผ่านพิธีรับไหว้ไปแล้ว แล้วในที่สุดผมก็ได้เจอคนที่ผมคิดถึงสุดหัวใจเสียที บ่าวสาวกำลังช่วยกันใส่บาตร มีคนคอยยกของมาส่งให้คู่บ่าวสาวหยิบใส่บาตรพระที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะที่คลุมผ้าไว้อย่างสวยงาม หน้าตาที่สดใสของทั้งคู่บ่งบอกว่ามีความสุขมากแค่ไหนกับวันที่แสนพิเศษนี้

ก็ดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น ถึงผมจะเจ็บแค่ไหนที่เห็นคนที่รักที่สุดในชีวิตแต่งงานกับคนอื่น แต่ก็ยังเจ็บน้อยกว่าให้ผมต้องแย่งชิงของคนอื่นมาอย่างหน้าด้านๆ

แฟรงค์อยู่ในชุดแต่งงานแบบไทยสีขาวครีม ปกติก็ดูหล่ออยู่แล้ว พอใส่ชุดอย่างนี้ แต่งหน้าและทำผมด้วยก็ยิ่งหล่อเข้าไปใหญ่ เจ้าสาวในชุดไทยก็สวยหวานและดูดีไม่แพ้กัน ช่างเหมาะสมกันดีเหลือเกิน นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่ากิ่งทองใบหยก

แฟรงค์ยังไม่เห็นผมหรอก อาจจะไม่สนใจแล้วก็ได้ว่าผมจะมาหรือเปล่า ผมจึงได้แต่นั่งไหว้พระมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบๆ เศร้าๆ ผมเห็นแม่กับพี่นิวแล้ว อยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ผมก็ยังไม่เข้าไปหาเพราะไม่อยากเดินไปมารบกวนคนอื่นๆ ในงาน

จู่ๆ แฟรงค์ก็หันมาเจอผมในขณะที่กำลังหยิบของใส่บาตรโดยบังเอิญ ดูเหมือนจะหยุดชะงักเล็กน้อย ทำให้เพียวสงสัยและมองตามแฟรงค์มาด้วย พอเพียวหันมาเจอผมเธอก็ยิ้มเล็กน้อย แฟรงค์ก็ยิ้มเล็กน้อยให้ผมเช่นกัน ก่อนจะหันกลับไปหยิบของใส่บาตรร่วมกับเพียวตามเดิม

ผมอยากคุยกับแฟรงค์เหลือเกิน มีอย่างเดียวอย่างสุดท้ายที่ผมอยากจะบอกแฟรงค์ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาโอกาสได้ยังไง เพราะหลังจากฟังสวดเจริญพุทธมนต์และรับอาหารบิณฑบาตแล้วก็จะเป็นพิธีรับน้ำสังข์ต่อเลย

"ใช่นัทหรือเปล่า"

เสียงๆ หนึ่งร้องทักขึ้นมาใกล้ๆ พอหันไปดูก็เห็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ถัดจากเก้าอี้ของผมไปสองตัวที่ว่างอยู่ แล้วเธอก็ลุกมานั่งข้างๆ ผม ก่อนจะพนมมือแต้ฟังพระสวดตามเดิม

"เฟิร์นเหรอ" ผมหันไปถามและพิศดูใบหน้าของคนข้างๆ

"ใช่" เฟิร์นหันมายิ้มดีใจ "ทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะนัท ไม่ไปอยู่กับแม่กับพี่นิวล่ะ"

"ให้เสร็จพิธีก่อนละกัน นัทไม่อยากเดินไปเดินมารบกวนคนอื่น"

เฟิร์นหัวเราะชอบใจที่ได้ยินผมตอบอย่างนั้น

"นัทนี่เหมือนเดิมเลยนะ ขี้เกรงใจ ยกเว้นเกรงใจพี่แฟรงค์" เฟิร์นพูดหยอก

ผมพอรู้ความหมายที่เฟิร์นพูดอยู่บ้าง ก็เลยหัวเราะตามเธอไปด้วย

"กลับมาได้กี่วันแล้ว" ผมพยายามถามให้เสียงเบาที่สุดเพราะไม่อยากให้รบกวนคนข้างๆ

"อาทิตย์นึงแล้ว ยังไม่ค่อยได้ไปไหนเลย มัวแต่ช่วยพี่แฟรงค์เตรียมงานเตรียมสถานที่อยู่ อยู่แต่ในรีสอร์ทนี่แหละ แต่งงานกันทีนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ"

เฟิร์นพูดติดตลก ดูเธอเป็นคนสดใสมากทีเดียว แต่งตัวดี หน้าตาผิวพรรณก็ดี ดูสมกับคนที่เป็นคนมีความรู้ถึงด็อกเตอร์

"ก็เป็นธรรมดาแหละ เดี๋ยวก็หายเหนื่อยแล้ว แขกเยอะเหมือนกันนะ" ผมบอกพลางหันไปมองรอบๆ

เฟิร์นพยักหน้า "ใช่ๆ มากันเยอะๆ นั่นแหละดี จะได้มีสักขีพยานเยอะๆ ไง"

ฟังเฟิร์นพูดแล้วผมก็ขมวดคิ้วสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

"พี่แฟรงค์กับเพียวเค้าเหมาะสมกันดีนะ" ผมชวนเปลี่ยนเรื่องคุย สายตาจับจ้องอยู่ที่คู่บ่าวสาวที่ยังคงใส่บาตรอยู่ อีกไม่นานก็น่าจะเสร็จแล้ว

"คงงั้นมั้ง"

ได้ยินน้ำเสียงอย่างนั้นผมก็เลยหันไปมองเฟิร์นด้วยความแปลกใจ แม้จะสงสัยกับคำพูดแปลกๆ ของเธอเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ไม่ได้ถามอยู่ดี

"เฟิร์นรู้มั้ยว่าเค้าจะไปฮันนี่มูนกันที่ไหน" ผมเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นอีกรอบ

"ไม่รู้ว่าจะได้ไปฮันนี่มูนด้วยกันหรือเปล่านะ หรือไม่ก็อาจจะไปแถวๆ ที่ๆ เคยคุ้นตาน่ะ แต่ไม่รู้ว่าใครไปกับใครนะ"

ผมรู้สึกว่าเฟิร์นชักจะพูดแปลกๆ มากขึ้นทุกที ก็เลยพยักหน้ารับรู้แล้วก็ไม่ได้คุยกับเธอต่อ หันไปฟังพระสวดมนต์แทน

หลังจากที่คู่บ่าวสาวได้ร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังพระสวดพุทธมนต์ และถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแล้ว พิธีรดน้ำสังข์ก็จะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า เฟิร์นขอตัวไปช่วยงานพอดี เราก็เลยแยกกันตั้งแต่ตอนนั้น

บังเอิญหูของผมแว่วได้ยินแฟรงค์พูดขึ้นมาว่าจะไปห้องน้ำ เพียงเท่านี้ผมก็หูผึ่ง พอเห็นแฟรงค์เดินออกไปแล้วผมก็แกล้งทำเป็นเดินออกไปคนละทางบ้าง ก่อนจะวิ่งไปทางที่ผมจำได้ว่ามีห้องน้ำอยู่ แล้วก็เห็นแผ่นหลังของแฟรงค์ไวๆ ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำของรีสอร์ท

ผมยืนรออยู่จนกระทั่งแฟรงค์เสร็จธุระ แฟรงค์ไม่ใช้เวลานานนักเพราะแขกเหรื่อกำลังรอรดน้ำสังข์อยู่ พอแฟรงค์เดินมาใกล้ๆ แล้วผมจึงแสดงตัว

"พี่แฟรงค์"

แฟรงค์หยุดเดินและหันมามองผม เมื่อสายตาเราประสานกันแล้วผมก็แทบจะห้ามความรู้สึกข้างในไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะแฟรงค์เป็นเจ้าบ่าวของคนอื่น ผมก็คงจะวิ่งไปกอดแล้ว แฟรงค์ค่อยๆ ยิ้มให้ แต่ก็เป็นเพียงยิ้มบางๆ เท่านั้น

"นัท"

แค่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยผมก็แทบจะน้ำตาไหล ไม่ได้เจอกันเลยตั้งสามอาทิตย์ ไม่รู้ว่าแฟรงค์คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า แต่ผมคิดถึงแฟรงค์มาก ยิ่งนึกถึงจดหมายที่เขียนให้แฟรงค์แล้วก็ยิ่งเสียใจ มีหลายๆ ถ้อยคำที่ผมรู้ว่าคนอ่านคงเจ็บปวดมากทีเดียว แต่เขียนไปแล้วก็เอาคืนมาไม่ได้

"พี่แฟรงค์ นัทขอโทษนะที่นัท...ไม่เชื่อพี่ ขอแสดงความยินดีกับชีวิตคู่ที่เหมาะสมของพี่นะครับ"

ผมรู้ว่าหน้าตาและน้ำเสียงของผมคงเศร้ามากทีเดียวขณะที่พูดออกไป แฟรงค์เพียงแค่พยักหน้ารับรู้ ทำเหมือนไม่อยากเสวนากับผมเท่าไหร่ แต่ผมจะโทษใครได้ ผมทำตัวเองทั้งนั้น พอคิดได้ก็สายเสียแล้ว ผมเป็นคนเลือกปล่อยมือจากแฟรงค์เอง คนที่ไม่พยายามเพื่อความรักอย่างผมก็ควรได้รับผลเช่นนี้

"เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะ พอดีเค้ารอทำพิธีรดน้ำสังข์กันอยู่"

ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็ปล่อยให้แฟรงค์เดินจากไป ยืนมองอยู่อย่างนั้นสักพักก็เดินกลับมายังบริเวณที่จัดงานตามเดิม แล้วก็ไปหาแม่กับพี่นิวที่นั่งติดกันตรงมุมหนึ่งของงาน

"เพิ่งมาถึงเหรอลูก" แม่ผมถามอย่างแปลกใจพอผมนั่งลง

"มาถึงสักพักแล้วครับ พอดีนัทไม่อยากเดินไปมาก็เลยยังไม่ได้มาหาแม่"

แม่ผมพยักหน้ารับรู้ ผมหันไปมองพี่นิวแล้วก็ยิ้มให้

"ไง...พร้อมจะกลับไปช่วยพี่ขายขนมจีนแล้วใช่มั้ย" พี่นิวแซวพร้อมกับขำเบาๆ

ตอนนี้ที่บ้านผมรู้หมดแล้วว่าผมลาออก ไม่ได้ทำงานกับแฟรงค์แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้ได้ยังไง เดาว่าแม่ผมคงคุยกับแฟรงค์นั่นแหละถึงได้รู้ความจริง

"อืม...ก็ไม่รู้จะไปทำอะไรแล้ว กลับบ้านเราดีกว่า"

"นี่จะกลับจริงๆ เหรอ พี่นึกว่าจะกลับมาสมัครทำงานกับแฟรงค์ต่อซะอีก"

"ไม่เอาดีกว่า กลับบ้านเรานั่นแหละ นัทไม่อยากทำงานให้คนอื่นรวยแล้ว ทำให้ครอบครัวเรามั่งดีกว่า"

พอผมพูดจบ แม่กับพี่นิวก็หันมามองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ

"ให้มันจริงเถอะ"

ว่าแล้วแม่ก็ลูบผมของผมเบาๆ สัมผัสนี้ทำให้ผมนึกถึงแฟรงค์ขึ้นมาอีกจนได้ แต่จากนี้ไป ก็คงจะมีแต่แม่เท่านั้นที่จะทำอย่างนี้ให้ผม พี่แฟรงค์เป็นของคนอื่นไปแล้ว คงไม่อยากทำอย่างนี้ให้ผมอีก ขนาดเมื่อกี้ยังทำเหมือนไม่อยากจะคุยด้วยเลย

"อ้อ...แล้วแม่ได้คุยกับพ่อแม่พี่แฟรงค์หรือยังครับ" ผมถามเมื่อนึกขึ้นได้

"คุยแล้ว เค้ายังบอกแม่กับพี่นิวเลยว่าให้มาพักที่รีสอร์ทซักคืนสองคืนก่อนกลับก็ได้ แต่แม่ก็ปฏิเสธไปเพราะว่านัดกับนัทไว้แล้ว"

ผมพยักหน้ารับรู้ หัวใจผมอ้างว้างและใจหายเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในงาน ผมคงจะกอดแม่ให้แม่ปลอบใจ ตอนนี้ผมไม่เหลือใครอื่นให้กอดแล้ว ก็คงเหลือแต่แม่ของตัวเองนี่แหละ

พิธีรดน้ำสังข์เริ่มขึ้นแล้ว บ่าวสาวเดินไปนั่งที่ตั่งรดน้ำสังข์ มีหมอนสำหรับรองมือและพานรองรับน้ำสังข์เตรียมไว้ ด้านหลังมีเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนอยู่ จากนั้นพระสงฆ์ก็เจิมหน้าผากให้แก่บ่าวสาว พระเจิมให้ฝ่ายชายก่อนสามจุด พอถึงฝ่ายหญิง พระก็จับมือฝ่ายชายเจิมให้ฝ่ายหญิงสามจุดเช่นเดียวกันเพราะพระไม่สามารถแตะผู้หญิงได้โดยตรง จากนั้นก็สวมมงคลแฝดให้คู่บ่าวสาวคนละข้าง สายมงคลแฝดจะห่างกันประมาณสองศอก ส่วนปลายของมงคลจะโยงมาพันที่บาตรตักน้ำมนต์ พระสงฆ์จะส่งหางสายสิญจน์ไปโดยจับเป็นเส้นไว้ในมือ จนถึงพระองค์สุดท้ายก็จะวางสายสิญจน์ไว้ที่พาน

จากนั้นญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็เริ่มทยอยกันมารดน้ำสังข์ตามลำดับ ในระหว่างนี้พระสงฆ์จะสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลไปพร้อมกัน พ่อแม่ของแฟรงค์เป็นคนรดน้ำสังข์ก่อน จากนั้นจึงตามด้วยญาติฝ่ายหญิงและญาติคนอื่นๆ ของทั้งสองครอบครัว ผมไม่เห็นปู่ของแฟรงค์มาด้วยเลย ก็เลยเดาสุขภาพคงไม่เอื้ออำนวยให้มาได้

ผม แม่และพี่นิวไปยืนต่อแถวเข้าคิวรดน้ำสังข์ให้บ่าวสาว ให้แม่กับพี่นิวอยู่ข้างหน้าเพราะไม่อยากสองคนนี้ได้ยินว่าผมอวยพรคู่บ่าวสาวว่ายังไง

พอจำนวนคนข้างหน้าค่อยๆ ลงน้อยลงผมก็ยิ่งใจหายมากขึ้นและมากขึ้น นึกไม่ออกเลยว่าพอถึงคิวผม ผมจะอวยพรคู่บ่าวสาวว่ายังไงบ้าง

ผมมองแฟรงค์ที่นั่งอยู่เคียงข้างกับเพียวแล้วก็เหม่อมอง ภาพในความทรงจำตอนเด็กๆ ไหลผ่านเข้ามาในห้วงความคิดอีกครั้ง นึกถึงตอนที่แฟรงค์มายืนรอผมที่หน้าบ้านตอนเช้าๆ พร้อมจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์คู่ใจ ไม่ว่าผมจะช้ายังไงแฟรงค์ก็ไม่เคยบ่น มีแต่รอยยิ้มให้ผมเสมอ แฟรงค์จะรอจนกว่าผมจะเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะขี่จักรยานไปโรงเรียนด้วยกัน ไปถึงโรงเรียนสายเพราะผมช้าแฟรงค์ก็จะไม่บ่นว่าผม เราเจอเพื่อนๆ ระหว่างทางบ้าง แต่คุยไปคุยมาก็มักจะเหลือแต่ผมกับแฟรงค์สองคนบ่อยๆ ก็เลยดูเหมือนว่าโลกนี้มีแต่เราสองคน

ตอนเลิกเรียน ผมกับแฟรงค์มีจุดนัดพบกันที่เรากำหนดไว้ให้มาเจอกันหนึ่งจุด ใครเลิกเรียนก่อนก็ให้มารอตรงจุดนั้น พอเจอกันแล้วเราถึงจะขี่จักรยานกลับบ้านด้วยกัน บางวันแฟรงค์ก็แวะที่ตลาด ซื้อไอศครีมให้ผมกิน ร้านประจำของเราก็คือร้านเจ๊กอ๋า ปัจจุบันนี้ร้านนี้ก็ยังอยู่ ขายทุกอย่างรวมทั้งไอศครีมด้วย

แฟรงค์ซื้อให้ผมกินแล้วก็นั่งมองอย่างมีความสุขเสมอ แล้วจู่ๆ ผมก็เกิดจำบทสนทนาหนึ่งขึ้นมาได้ ทั้งๆ ที่ผมไม่น่าจะจำมันได้เลยเพราะนานมาแล้ว

"แฟรงค์ไม่กินเหรอ"

"ไม่กิน นัทกินเหอะ"

"ทำไมล่ะ ไม่ชอบกินไอติมเหรอ"

"ไม่ชอบเท่าไหร่"

"จริงเหรอ ถ้าพี่แฟรงค์อยากกิน นัทแบ่งให้ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ"

"ไม่เป็นไร แม่สอนแฟรงค์ว่า พี่ต้องเสียสละให้น้อง นัทเป็นน้องของแฟรงค์ แฟรงค์ก็ต้องเสียสละให้นัทไง"

"แต่ว่า...นัทไม่ใช่น้องแท้ๆ ของพี่แฟรงค์ซะหน่อย เฟิร์นต่างหากล่ะ" ผมทำหน้าเศร้า

"ใครบอก นัทเป็นน้องชายของแฟรงค์นะ ถ้านัทไม่ใช่น้องชายของแฟรงค์ แฟรงค์ไม่ซื้อไอติมให้กินหรอก แฟรงค์ซื้อไอติมให้นัทกินเพราะนัทเป็นน้องของแฟรงค์นะ นัทอย่าคิดมากสิ"

แล้วแฟรงค์ก็เอามือยีหัวผมเล่นเบาๆ

ใช่...ถ้าใครได้ฟังประโยคนี้ที่แฟรงค์พูดกับผมแล้วยังไม่รู้ว่าแฟรงค์รักผมมาก คนๆ นั้นก็คงเสียสติไปแล้ว

"แฟรงค์ซื้อไอติมให้นัทกินเพราะนัทเป็นน้องของแฟรงค์นะ นัทอย่าคิดมากสิ"

คำพูดนี้ของแฟรงค์ดังก้องอยู่ในหัวของผมซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งรู้ว่าแฟรงค์รักผมมากเท่าไหร่ มันก็ตอกย้ำให้ผมรู้ว่าผมได้สูญเสียคนที่รักผมมากที่สุดไปคนหนึ่งแล้ว

ผมมองดูแฟรงค์อีกครั้ง แล้วก็รำพึงรำพันในใจ

พี่แฟรงค์...พี่ชายที่แสนอบอุ่นของนัท นัทกำลังจะสูญเสียความรู้สึกพิเศษที่พี่เคยมีให้นัทไปแล้วใช่มั้ย นัทกลัว...กลัวต้องกลับไปเป็นเหมือนตอนมอหนึ่งอีก นัทไม่อยากทรมานอย่างนั้นอีกแล้ว พี่แฟรงค์ช่วยนัทด้วย

คิดไปแล้วผมก็คงได้แต่สงสารตัวเอง คนที่ไม่พยายามเพื่อความรักอย่างผมคงไม่มีใครเชื่อใจอีกแล้ว แม้กระทั่งคนที่เคยรักผมมากๆ อย่างแฟรงค์ยังหมดความเชื่อใจเลย

อีกเพียงสามสี่คนก็จะถึงตาของผมแล้ว แฟรงค์มองมาที่ผมเช่นเดียวกัน และดูเหมือนจะคอยมองมาเรื่อยๆ แม้ในขณะที่รับพรจากแขกเหรื่อก็ยังคงมองมาที่ผม แต่ผมก็ไม่สามารถเดาได้เลยว่าสายตาคู่นั้นกำลังส่งสารอะไรออกมา

ตอนนี้แม่ผมกำลังอวยพรให้เพียว จากนั้นก็อวยพรให้แฟรงค์ แม่คืนน้ำสังข์แล้วก็มีคนตักน้ำสังข์ส่งให้พี่นิวบ้าง พี่นิวก็ทำเหมือนคนอื่นๆ อวยพรให้เจ้าสาวก่อนพร้อมกับรดน้ำสังข์ลงไป ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการอวยพรให้เจ้าบ่าวพร้อมกับรดน้ำสังข์เช่นเดียวกัน

พอมาถึงตาของผม พอรับสังข์มาแล้วผมก็มายืนอยู่ตรงหน้าเพียว แฟรงค์ชำเลืองมองผมด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออกแล้วก็หันกลับไปตามเดิม ผมค่อยๆ รินน้ำสังข์ให้เพียวแล้วก็กล่าวคำอวยพรให้เธอ

"ยินดีด้วยนะเพียว ขอให้มีความสุขกับชีวิตครอบครัวมากๆ นะ รักกันให้มากๆ ดูแลกันให้ดีๆ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองนะ"

แม้จะรู้สึกว่าคำอวยพรของผมดูเฝือไปหน่อย แต่มือไม้ผมก็สั่นจนเผลอรินน้ำสังข์ให้เพียวเกือบหมด หรืออาจจะหมดไปแล้วก็ได้

พอขยับมาหาแฟรงค์ แฟรงค์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ความรู้สึกตอนนี้ช่างเหมือนกับตอนที่แฟรงค์มาหาผมเป็นวันสุดท้ายก่อนจะไปเรียนต่อเหลือเกิน ผมกอดแฟรงค์แน่นแล้วก็ร้องไห้

"พี่แฟรงค์...แล้วนัทจะไปโรงเรียนกับใครล่ะ ใครจะซื้อไอติมให้นัทกิน นัทมีพี่ชายคนเดียว แล้วใครจะเป็นพี่ชายให้นัทล่ะ พี่แฟรงค์อย่าไปนะ นัทไม่อยากให้พี่แฟรงค์ไปเลย"

แฟรงค์กอดผมแน่นเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากลูบหลังปลอบใจ

"นัทไม่มีพ่อแล้ว นัทมีพี่แฟรงค์คนเดียว นัทมีพี่ชายคนเดียว พี่แฟรงค์ไปแล้วนัทจะอยู่กับใคร พี่แฟรงค์ไม่สงสารนัทเหรอ"

ผมเฝ้าคร่ำครวญปานจะขาดใจ คนที่กอดผมไว้ก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกัน แต่ไม่ว่าผมจะร้องไห้อ้อนวอนสักแค่ไหน สุดท้ายแฟรงค์ก็ต้องไปอยู่ดี

แม้ว่าชีวิตจะยังอยู่ต่อไปได้ แต่สองสามปีแรกนั้นผมก็ทรมานจากความคิดถึงมากเหลือเกิน จนกระทั่งวันนั้นที่ผมขี่จักรยานไปยืนมองบ้านแฟรงค์เป็นครั้งสุดท้าย ผมถึงได้รู้ว่า...ผมรักแฟรงค์เข้าให้แล้ว ไม่รู้รักมาตั้งแต่ตอนไหน รู้แต่ว่ารักครั้งนั้นของผมฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้

"พี่แฟรงค์ นัทขอให้พี่แฟรงค์มีความสุขมากๆ นะครับ ดูแลเพียวให้ดีๆ รักกันให้มากๆ รักกันตลอดไปนะครับ"

แล้วผมก็เอียงสังข์เพื่อจะรดน้ำสังข์ลงไป แต่กลับไม่เหลือน้ำเหลือแม้แต่หยดเดียวเพราะผมเผลอรดให้เพียวจนหมด แต่ถึงจะไม่มีน้ำสังข์เหลือแล้ว กลับมีหยดน้ำหนึ่งหยดรดลงไปแทน

น้ำตาของผมเอง!

ไม่รู้ว่าไหลลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูเหมือนแฟรงค์จะตกใจมากทีเดียวที่น้ำที่รดลงไปบนมือของแฟรงค์ไม่ใช่น้ำสังข์ แต่กลับเป็นน้ำตาของเจ้าชายน้อยของพี่แฟรงค์

ผมรีบคืนสังข์ให้เด็กที่คอยเปลี่ยนน้ำสังข์ไป หันหลังแล้วก็รีบก้าวเดินออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่แฟรงค์จะเห็นน้ำตาหยดต่อไปของผมร่วงลงมา

เดินออกมาไม่ทันไร ผมก็ได้ยินเสียงคนร้องเอะอะเหมือนมีอะไรบางอย่างผิดปกติอยู่ข้างหลัง ยังไม่ทันได้หันไปมองด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งวิ่งมาจับข้อมือผม ไม่สิ น่าจะเรียกว่าฉุดเสียมากกว่า แล้วก็พาผมวิ่งออกไปโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวเลย

"นัท! ไปกับพี่เร็ว!"

เสียงที่ผมคุ้นเคยพูดเหมือนออกคำสั่ง แต่ผมก็ไม่โกรธหรอก ตรงกันข้ามผมกลับดีใจจนแทบกระโดด แม้ไม่รู้ว่าจะวิ่งไปไหนหรือวิ่งไปทำอะไร ผมก็วิ่งตามไปอย่างสุดชีวิต ถ้าเป็นคนๆ นี้แล้ว จะพาผมไปไหนผมก็ยอมไปด้วยทั้งนั้น!


- TBC -[/center]

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-01-2016 05:05:23
อร๊ายยยยยย หนีตามกันไปเลยยยย คริคริ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-01-2016 06:35:45
เฮ้ยยยย เล่นแบบนี้เลยเหรอพี่แฟรงค์ แต่ก็ดีพ่อกับแม่พี่จะได้รู้ๆ กันไปเลยว่าจะมาบังคับกันไม่ได้ อยากให้แต่งก็แต่งให้แล้วคงจะไม่มาบังคับกันอีก แต่นี่คงต้องเสียค่าทำขวัญเพิ่มให้เพียวด้วยซินะและหนี้นั้นก็คงยกเลิกไปด้วยแน่ๆ แก้เผ็ดพ่อแม่ได้แสบดีนะพี่แฟรงค์
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-01-2016 06:39:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 05-01-2016 06:58:28
อันนี้ฉีกหน้าเพียวเต็มๆ นางคงได้คลั้งบ้างละ อย่างนี้เขาเรียกหม้ายขันหมากหรือเปล่านะ  :hao3: :hao3: :hao3:
สมน้ำหน้าเพียวที่ไม่รู้จักมีความคิดเป็นของตัวเอง  แต่พ่อแม่แฟร้งคงจะโกรธแฟร้งและนัทมากซินะ แต่ก็นะโทษใครไม่ได้บีบให้แฟร้งทำแบบนี้เอง


แล้วทั้งคู่จะเป็นยังไงต่อไป อยากรู้มากที่สุด :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding (1) ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 05-01-2016 08:37:36
กรีดร้องด้วยความสะใจ  :jul3:

อยากให้แต่งใช่ไหม?   ได้เลยก็แต่งให้แล้วไง  แต่งๆไปก่อนแล้วค่อยเลิกใช่ไหม?  นี่ไงค่อยเลิก   ขอให้ยังไม่ได้จดทะเบียนเถอะ  วิวาห์เหาะเลย

ที่จริงก็เสี่ยงมากๆนะ  เผื่อนัทจะไม่โผล่มาที่งาน   
ปู่ไม่มา สงสัยเฟิร์นวางแผนอะไรไว้แน่ๆ
แต่สะใจจริงๆค่ะ  ไปขายเส้นสดกันเถอะ
ไม่ต้องหนีแล้ว   อยากรู้เหมือนกันว่าพ่อแม่แฟรงค์จะทำยังไง  จะตัดหางลูกปล่อยวัดได้ตลอดจริงๆหรือเปล่า?

การเป็นแม่สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจก็คือรักลูกก็ต้องยอมให้ลูกได้เดินในทางที่เขาเลือกด้วย   เส้นทางอาจจะลำบาก อาจจะไม่ตรง  แต่เป็นตัวลูกที่ต้องเดินเอง  อย่าบังคับลูกให้ใช้ชีวิตแทนตัวพ่อแม่

วันนี้สะใจหลายๆอย่าง   นังต้องตาด้วย   หลอกเขาแล้วก็โดนเขาหลอกกลับ  ที่หวลกลับเอาเงินมาล่อนี่คืออยากจะหาคนมาแทนไอ้เลวนั่นสิ   ที่โดนให้ออกจากงานก็คือที่นางทำๆไว้เมื่อก่อนมันเป็นไอเดีย เป็นฝีมือของนัทเสียส่วนใหญ่หรือเปล่า? 
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding (1) ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 05-01-2016 08:37:47
โหหหหห พี่แฟรงค์เล่นงี้เลยอ่ะ พาหนีวันงานแต่ง เพียวเองก็เป็นหม้ายงานแต่งเลยอ่ะ ความรักของแฟรงค์ตอนนี้ เหมือนโคถึก พิขังไว้   จริงๆฉุดไม่ได้แล้ว แต่สะใจดีคับ ๕๕๕ 
   รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับว่างานแต่งจะเป็นไง นัทกับแฟรงค์จะทำไง แฟรงค์ขนาดล้มงานแต่งเพื่อนัทเลยนะ 
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-01-2016 11:24:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 05-01-2016 11:35:50
ยิ่งได้มารู้จากปากของเฟิร์นเองว่าการคบกันของแฟรงค์กับเพียวครั้งนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรซ่อนเอาไว้อยู่ จากที่เคยคิดว่าจะต้องเกรงใจหรือไว้หน้าฝ่ายหญิงบ้างก็ทำให้แฟรงค์ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นไปเลยนะคะเนี่ย

แล้วที่ทุกอย่างต้องมากลับตาลปัตรไปหมดแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ แหละค่ะ เพราะว่าแฟรงค์พูดดีก็แล้ว ร้องไห้ใส่ก็แล้ว แต่พวกคุณพ่อคุณแม่ก็ยังดึงดันจะให้แฟรงค์แต่งงานกับเพียวให้ได้เองนี่นา

ส่วนสำหรับนัท ในเมื่อแฟรงค์เลือกที่จะหันหลังจากมาพร้อมๆ กับนัทแล้วแบบนี้ ก็จับมือกับพี่เขาไว้ให้แน่นๆ เลยนะคะ ตัดสินใจพลาดไปหนหนึ่งแล้วก็รักษาโอกาสที่ได้มานี้ให้ดีเลยเชียวล่ะ :กอด1:

ปล. คำผิดจ้า

ผมมองหน้าแก้วตา(ต้องตา)นิ่ง ท่าทางที่เฉยเมยขนาดนี้

เพียว(เฟิร์น)หัวเราะชอบใจที่ได้ยินผมตอบอย่างนั้น

จากนั้นญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็เริ่มทะยอย(ทยอย)กันมารดน้ำสังข์ตามลำดับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 05-01-2016 15:27:40
 o13 ตอนนี้แบบสะใจหลาย ๆ อย่างเลยน่ะ ทั้งตอนที่นัทคุยกับต้องตา แบบสุดยอดน่ะนัท  :กอด1: ส่วนแฟรงค์ก้อแต่งงานให้สะใจพ่อแม่ไปเลย ในเมื่อชะตาเขากำหนดมาแล้วว่าให้คนทั้งสองรักกัน คุณยังไปฝืนไปบังคับกะเกณฑ์เขา ด้วยการพรากคนทั้งสองจากกันแล้วเขายังหวนกลับมาเจอกันใหม่ในวันที่แฟรงค์กำลังเดินทางผิดก้อแสดงว่าทั้งคู่เกิดมาคู่กันแล้ว พ่อแม่แฟรงค์ต้องยอมรับแล้วล่ะ เฟิรน์น่ารักจริง  ๆ เลยสมกับมีดีกรีเป็นด็อกเตอร์น่ะ  :impress2: ตอนหน้าคงสนุกแน่ ๆ นัทนายได้โอกาสอีกครั้งแล้วน่ะ จงสู้เพื่อความรักของตัวเองน่ะ ทุกคนล้วนมีทางเดินของตนเองต้องเจอทั้งทุกข์ทั้งสุขไม่มีใครจะแบกความทุกข์ของคนอื่นได้หรอก ดังนั้นเป็นกำลังใจให้ทั้งสองน่ะจ้ะ  :o8: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 05-01-2016 16:16:09
ขอพักอารมณ์แป๊บ ไปอัปเดตสองเนก่อน

สรุปว่าหนังไทยที่ผมเคยดูเมื่อปี 2529 ก็คือเรื่อง "ลูกหลง" ฉากจบของเรื่องนี้คือพระเอกพานางเอกหนีไปจากงานแต่งงานอย่างนี้แหละ จำได้ว่าฉากจบคือทั้งสองคนวิ่งจูงมือกันไปแล้วก็กระโดด ติดตาติดใจมาจนถึงทุกวันนี้

@Mouse2U - แก้คำผิดที่เกิดจากความสับสนได้แล้วนะครับ ตัวละครผู้หญิงของผมนี่มีทั้ง เพียว แพรว เฟิร์น แก้วตา ต้องตา เขียนไปก็งงไป อิๆ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 05-01-2016 16:21:04
พาหนีกันแบบนี้เลยนะ เหอๆๆ มาต่อด่วนๆๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 05-01-2016 18:05:16
ตอนพิเศษที่แสนสั้นนี้แยกออกมาเพื่อไม่ให้เป็น กขค. บรรยากาศงานพิเศษของแฟรงค์กับนัทหลังจากที่หนีงานแต่งงานออกมาด้วยกัน อยากให้อ่านตอนที่ 20 แบบเต็มๆ โดยไม่มีอะไรมาคั่นกลางครับ

❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนพิเศษ 2 ✢ อีเมล์จากน้องสาว


(http://bit.ly/1SEeIGD)

พี่แฟรงค์

เฟิร์นอยากจะพูดในมุมของเฟิร์นให้ฟังอย่างนี้ละกันนะคะ

ความอดทนกับความกดดันของคนไม่เท่ากันหรอก เราสองคนเกิดมาในครอบครัวนักธุรกิจ ถูกสอนให้รับมือกับความกดดันได้ดีกว่า แต่นัทไม่ใช่ ถึงนัทอดทนกับความกดดันไม่ได้ก็ไม่ได้แปลว่านัทไม่รักพี่แฟรงค์ อย่าโกรธนัทเลยค่ะ นัทคงมองคนละมุมกับพี่ว่าตัวเองทำให้ชีวิตของพี่มีปัญหา ก็เลยเลือกที่จะหนีไป จดหมายที่นัทเขียนคงทำร้ายจิตใจพี่แฟรงค์มาก แต่คนที่รักกันจริงต้องให้อภัยกันได้นะคะ นัทไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ

อีกอย่าง พี่ไม่ได้ทำให้มันชัดเจนตั้งแต่แรก พานัทเข้ามาในสถานการณ์อย่างนี้มันก็เสี่ยงมาก เสี่ยงที่นัทจะเป็นมือที่สาม ถูกมองไม่ดี แล้วก็เสี่ยงที่นัทจะทนไม่ไหว แต่เชื่อเถอะค่ะ ถ้านัทไม่รักพี่จริง นัทคงไม่ยอมมาเสี่ยงด้วยตั้งแต่แรก แต่พอมันกดดันมากๆ นัทก็คงแค่อยากถอยออกมาก่อน พอหายกดดันแล้วนัทก็จะคิดถึงพี่เหมือนเดิม เฟิร์นไม่คิดว่านัทอยากหนีไปจริงๆ หรอกค่ะ อย่ากดดันนัทมากนะคะ แต่เฟิร์นก็เข้าใจ เวลาน้อยก็เลยรีบ แต่ยิ่งรีบยิ่งกดดันค่ะ

เฟิร์นเชื่อว่าหัวใจของนัทพร้อมที่จะมอบให้พี่แฟรงค์อยู่แล้ว ถ้าพี่แฟรงค์รักนัทจริงก็ต้องไปเอากลับมาให้ได้ เคยจากกันตั้งสิบกว่าปี พี่ยังเอาหัวใจนัทกลับมาได้เลย แค่นัทจากไปไม่กี่วัน ทำไมพี่จะเอาหัวใจนัทกลับมาอีกไม่ได้

นัทหนีไปอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ ถ้านัทอยากชดใช้บาปกรรม (ตามที่นัทเขียน) ก็ปล่อยให้นัททำไป วันหนึ่งที่นัทกับพี่แฟรงค์ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน นัทจะได้สบายใจว่านัทได้ชดใช้ความผิดของตัวเองไปแล้ว เฟิร์นคิดว่าถ้านัทไม่ได้ทำอย่างนี้ ความผิดนี้จะอยู่ในใจนัทไปตลอด ถึงสมหวังในรักแต่ลึกๆ ก็คงไม่มีความสุข

พี่แฟรงค์บอกพ่อกับแม่ไปเลยว่าจะแต่งงานกับเพียว จะได้เลิกดราม่ากันเสียที แต่อย่าจดทะเบียนก่อนแต่งงานนะคะ พี่แฟรงค์ต่อรองกับพ่อแม่ไปเลยเพราะพี่ยอมแต่งแล้ว พ่อกับแม่ก็ต้องยอมถอยบ้าง แต่งไปเลยค่ะ วันแต่งงานนัทจะได้มาหาพี่แฟรงค์ไงคะ เฟิร์นขอเสนอว่า พี่พานัทหนีไปเลย ล้มงานแต่งงานวันนั้นไป ไม่ใช่ว่าไม่รักพ่อแม่ ไม่ใช่ว่าหนีความรับผิดชอบ แต่พี่ต้องให้บทเรียนกับพ่อแม่บ้าง ให้ผู้ใหญ่แก้ปัญหาที่ตัวเองก่อไว้บ้างก็ดี ทางนั้นได้เงินไปแล้วไม่กล้าฟ้องหรอก ถึงฟ้องก็ให้ผู้ใหญ่แก้ปัญหากันไปค่ะ พี่แก้ส่วนของพี่จบไปแล้ว ที่เหลือผู้ใหญ่ต้องช่วยกันแก้ค่ะ อย่าเชื่อเรื่องแต่งแล้วค่อยหย่า ปัญหายุ่งยากตามมาแน่เพราะพี่แฟรงค์ไม่ใช่คนกำหนดเงื่อนไข

เฟิร์นมีความลับจะบอกค่ะ ตอนที่เฟิร์นกลับบ้านคราวนั้น เฟิร์นแอบได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องที่ทางบ้านเพียวขอยืมเงิน ทางนั้นตกลงว่าจะให้เพียวแต่งงานกับพี่แฟรงค์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพื่อแลกกับเงินก้อนนั้น พ่อกลัวมากว่าพี่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ก็เลยหาทางล้อมรั้วไว้ทุกด้าน เพียวก็น่าสงสารนะ แต่เพียวควรจะรักศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้พ่อแม่บีบบังคับจนต้องทำอะไรโง่ๆ

เราสองคนรู้จักพ่อของเราดี ไม่มีประโยชน์ที่จะเจรจาหรอกค่ะ พ่อลงทุนทำถึงขนาดนี้ ยังไงก็ไม่มีทางยอมง่ายๆ แต่พ่อจะยอมรับจากความสำเร็จที่พี่แฟรงค์กับนัทช่วยกันสร้าง พิสูจน์ให้พ่อเห็นให้ได้นะคะว่าพี่แฟรงค์กับนัททำได้ เฟิร์นเชื่อว่าพี่ชายของเฟิร์นเก่งอยู่แล้ว ทำได้แน่นอนค่ะ ขออวยพรล่วงหน้าให้พี่แฟรงค์กับนัทใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างมีความสุขนะคะ กลับไปบ้านเกิดของเรา สร้างชีวิตด้วยกัน สร้างอะไรดีๆ ให้ผืนแผ่นดินเกิด เฟิร์นจะรอฟังความสำเร็จของพี่แฟรงค์ค่ะ

เฟิร์นว่าพี่แฟรงค์เข้าใจแนวคิดคนสำเร็จดีตามที่เราสองคนถูกสอนมา แต่เฟิร์นแค่อยากย้ำเผื่อพี่ลืม พี่แฟรงค์ตัดสินใจเลือกแล้วเดินหน้าไปเลยค่ะ ไม่ต้องสนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ถูกผิดของใคร อย่าเลือกทำสิ่งที่ทำให้เราดูดี เพราะเป็นแค่เปลือก แต่เลือกทำในสิ่งที่ใช่ ความคิดเห็นก็คือความคิดเห็น ห้าปีสิบปีผ่านไปคนอื่นๆ ก็ลืมกันหมดแล้ว แต่ชีวิตต้องเป็นอย่างที่เราต้องการ เพราะถ้าไม่ใช่ จะไปโทษความคิดเห็นของคนอื่นไม่ได้หรอกค่ะ ไม่มีใครรับผิดชอบให้เราหรอก บางคนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยวิพากษ์วิจารณ์อะไรไว้ ไม่มีชีวิตของใครไม่เคยทำอะไรผิด แต่อย่าไปจมกับความผิด ผิดแล้วผิดไปแก้ไขไม่ได้ อย่าเฝ้าโทษตัวเองหรือคนอื่น เดินหน้าแก้ปัญหาให้ดีที่สุด จบแล้วก็ไปต่อค่ะ

ถ้าพี่เลือกที่จะไปกับนัท เฟิร์นกับพ่อจะช่วยกันดูแลธุรกิจเอง ถึงพี่ไม่อยู่ พ่อก็ยังสอนงานให้เฟิร์นได้ น้องสาวของพี่คนนี้เก่งจะตาย ดูแลแทนพี่ได้สบายอยู่แล้ว ถือว่าผลัดกันละกัน ตอนเฟิร์นเรียน พี่แฟรงค์ก็ทำงานหาเงินให้เฟิร์น ตอนนี้เฟิร์นจะทำงานแทนพี่บ้าง เฟิร์นก็อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าลูกสาวก็ทำได้เหมือนกัน

ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอกค่ะ วันหนึ่งพ่อกับแม่จะรู้ซึ้งเองว่าความสุขของลูกสำคัญที่สุด แล้วเฟิร์นจะคอยส่งข่าวให้เรื่อยๆ พ่อแม่ยอมอ่อนลงเมื่อไหร่ค่อยพานัทมาขอขมานะคะ

คิดบวกนะพี่แฟรงค์ สู้ๆ ค่ะ เจอกันปีหน้านะคะ

รักพี่แฟรงค์เสมอ

เฟิร์น

(http://bit.ly/1jZY9sJ)

- จบตอนพิเศษ 2 -

(http://bit.ly/1UIkAiK)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 05-01-2016 18:46:04
ดีใจที่แฟร้งยังมีคนที่เข้าใจอย่างเฟิร์นและเฟิร์นนี้แหละที่จะช่วยให้สถานการณ์เย็นลงได้ ช่วยให้พ่อแม่ให้อภัยแฟร้งและนัทได้
แฟร้งโชคดีนะที่มีน้องสาวที่น่ารักและเก่งอย่างนี้ คราวนี้แฟร้งคงจะหมดกังวลเรืองพ่อแม่และธุรกิจไปได้เปาะหนึ่ง
ต่อไปนี้แฟร้งและนัทต้องไม่ปล่อยมือกันอีกนะ สู้ต่อไป อย่างที่เฟิร์นบอกคิดบวก

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-01-2016 18:46:31
เฟริ์นสุดยอดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-01-2016 19:05:01
ดีใจที่เฟิรน์เข้าใจและเป็นกำลังใจให้พี่ชายอย่างแฟรงค์แบบนี้จัง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-01-2016 19:19:43
ปรบมือดังๆ ให้น้องเฟิร์นหน่อยค่า   :katai2-1: 

 :a2: แจ่มมากพี่แฟรงค์ มันต้องอย่างนี้ซิ ล่มงานแต่งมันซะเลย 555
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 05-01-2016 19:19:57
น้องสาวหรือพี่สาว?   มองปัญหาเก่งมากๆ  แก้ตรงจุด  เด็ดขาดด้วย

เยี่ยมมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 05-01-2016 19:33:18
เห็นด้วยกับเฟิร์นเลยค่ะ เพราะตราบใดที่ทางครอบครัวของเพียวยังมีเรื่องหนี้สินค้ำคออยู่คงไม่กล้าออกมาโวยวายให้เรื่องมันเอิกเกริกไปมากกว่านี้แน่ๆ เพราะดีไม่ดีถ้าเงื่อนไขที่ตกลงกันเอาไว้หลุดรอดออกไปถึงหูบุคคลภายนอกก็มีแต่จะเข้าตัวเองเท่านั้นนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 05-01-2016 19:53:41
ทีแรกอึ้งมากกับทางออกของแฟรงค์ เฮ้ย หนีกันดื้อๆ ในวันแต่งอย่างนี้เลยเหรอ แต่พอได้อ่าน email เฟิร์นก็พอเข้าใจ จริงๆ มันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่าหักหน้าพ่อแม่แบบสุดๆ อย่างนี้ แต่เฟิร์นซึ่งคงรู้จักนิสัยพ่อตัวเองดีมองแล้วว่าทำยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เลยออกมารูปนี้ ก็สะใจไปอีกแบบ หวังว่าคุณแม่คงไม่เป็นลมนะ
ถ้าเป็นนิยายสมัยก่อนก็รอให้มีหลานแล้วอุ้มไปขอขมา แต่นัทท้องไม่ได้คงต้องให้ธุรกิจที่สองคนทำร่วมกันประสบความสำเร็จแล้วค่อยกลับไป เหมือนเรื่องจะใกล้จบแล้ว ไม่รู้จะมีอะไรมา Surprise คนอ่านอีกเปล่า
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 05-01-2016 20:01:19


สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่คุณ sarawatta มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ ^^

ก่อนอื่น เรามีข้อสงสัยค่ะ คือ... การที่เราจะรดน้ำสังข์คู่บ่าวสาวได้นี่ เราต้องมีอาวุโสมากกว่าคู่บ่าวสาวไม่ใช่เหรอคะ?
ขอโทษนะคะหากเราเข้าใจผิด (จริง ๆ เรามีปมเพราะเราอยากรดน้ำสังข์งานแต่งพี่ชายมากเลย แต่จังหวะที่จะไปต่อแถวแซวพี่กับพี่สะใภ้ใกล้ ๆ เราก็โดนพ่อลากออกมา บอกว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก - เป็นงั้นไป 555 )

ส่วนเนื้อเรื่อง อืม... เอาเป็นว่าเรารออ่านตอนต่อไปดีกว่าเนอะ เพราะไม่รู้ว่าแฟรงค์วางแผนอะไรอยู่
ก็ขอให้เรื่องราวทั้งหมดจบลงด้วยดีก็แล้วกันค่ะ (แม้จะแอบขัดใจนิด ๆ ที่ไหน ๆ แฟรงค์ก็ตัดสินใจจะไม่แต่งงานกับเพียวแล้ว ก็ไม่น่าจะสร้างเรื่องให้ใหญ่โตฉีกหน้าเจ้าสาวหนักไปกันใหญ่ - ถึงเบื้องหลังของการแต่งงานจะมีเรื่องอื่น ๆ มาเป็นปัจจัยก็เถอะ เราว่าเลิกกันก่อนแต่งมันก็ไม่ได้แย่เท่ากับการที่เจ้าบ่าวหายไปกลางงานแต่งท่ามกลางแขกเหรื่อมากมายหรอกมั้งคะ)

ส่วนนิยายที่แนะนำมา หากเราว่าง เราจะลองอ่านดูนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 05-01-2016 21:27:47
     น้องสาวของแฟรงค์แนะนำแบบสุดโต่งจริงๆ อ่านแล้วสะใจดี ๕๕๕ แต่ก็อย่างว่านะคับ สมัยนี้เด็กดื้อจริงๆ ดูอย่างน้องสาวกับแฟรงค์ บทจะดื้อก็ดื้อ เอาซะไม่ไว้หน้าผู้ใหญ่เลย ๕๕๕ ผู้ใหญ่ต้องเข้าใจโลกของคนสมัยนี้จริงๆคับ  รอ รออ่านตอนใหม่นะคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 05-01-2016 23:19:35
ต่อให้ฟ้า ข้างหน้า มาขวางกั้น
มหาสมุทร ลึกพัน มากั้นขวาง
ภูเขาสูง ตระหง่าน มากั้นกลาง
ไม่อาจขวาง แบ่งทาง รักของเรา

สุดยอดไปเลย แฟรงค์
นี่ดิพระเอกตัวจริงไม่ทิ้งนายเอก


ถ้าเป็นนัท..ตรูก็ยอม
ให้หมดเลย
อิอิ

+1 ให้กับแฟรงค์+นัท....และน้องเฟิร์น
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 06-01-2016 02:32:50
เฟิร์นวิเคราะห์ซะยิบเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 06-01-2016 06:57:34
เฟิร์นนี้ช่วยพี่ได้มากเลยค่ะ..เก่งมากค่ะลูกสาว!!!  ที่พ่อแม่กลัวเสียแฟร้งไปเพราะว่าเขาไม่มั่นใจในความสามารถลูกสาวหรอกเหรอ กลับมาค่ะลูกมาทำให้พ่อแม่เห็นว่าผู้หญิงก็ทำได้ทำหน้าที่แทนพี่ชายได้ค่ะ...

ดีใจแทนแฟร้งนะค่ะที่เฟิร์นช่วยให้คำแนะนำ แฟร้งก้ไม่ใช่ไม่เก่งนะแต่เวลาแบบนี้คนรับยอมจะมีภาวะมืดแปดด้านคิดหาทางไม่ออกทั้งที่มันอยู่ใกล้ๆนิดเดียวเอง  :n1: อย่าปล่อยมือกันอีกนะสู้ๆไปด้วยกันอีกนิดเดียวจะก้าวผ่านมันมาได้
ยกเว้นแต่จะมี เรื่องเซอไพรส์จากคุณSarawatta  :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊SPCH2┊ อีเมล์จากน้องสาว ┊P12┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-01-2016 08:30:12
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ เร็วๆ นี้
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-01-2016 10:41:29


สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่คุณ sarawatta มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ ^^

ก่อนอื่น เรามีข้อสงสัยค่ะ คือ... การที่เราจะรดน้ำสังข์คู่บ่าวสาวได้นี่ เราต้องมีอาวุโสมากกว่าคู่บ่าวสาวไม่ใช่เหรอคะ?
ขอโทษนะคะหากเราเข้าใจผิด (จริง ๆ เรามีปมเพราะเราอยากรดน้ำสังข์งานแต่งพี่ชายมากเลย แต่จังหวะที่จะไปต่อแถวแซวพี่กับพี่สะใภ้ใกล้ ๆ เราก็โดนพ่อลากออกมา บอกว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก - เป็นงั้นไป 555 )

ส่วนเนื้อเรื่อง อืม... เอาเป็นว่าเรารออ่านตอนต่อไปดีกว่าเนอะ เพราะไม่รู้ว่าแฟรงค์วางแผนอะไรอยู่
ก็ขอให้เรื่องราวทั้งหมดจบลงด้วยดีก็แล้วกันค่ะ (แม้จะแอบขัดใจนิด ๆ ที่ไหน ๆ แฟรงค์ก็ตัดสินใจจะไม่แต่งงานกับเพียวแล้ว ก็ไม่น่าจะสร้างเรื่องให้ใหญ่โตฉีกหน้าเจ้าสาวหนักไปกันใหญ่ - ถึงเบื้องหลังของการแต่งงานจะมีเรื่องอื่น ๆ มาเป็นปัจจัยก็เถอะ เราว่าเลิกกันก่อนแต่งมันก็ไม่ได้แย่เท่ากับการที่เจ้าบ่าวหายไปกลางงานแต่งท่ามกลางแขกเหรื่อมากมายหรอกมั้งคะ)

ส่วนนิยายที่แนะนำมา หากเราว่าง เราจะลองอ่านดูนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ ^^

สวัสดีปีใหม่ด้วยครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น

เรื่องรดน้ำสังข์ รดได้นะครับ ผมยังไปรดน้ำสังข์ให้พี่ที่ทำงานเก่าเลย ไม่เห็นมีใครว่าอะไร อิๆ (บางที่คงไม่ถือมั้งครับ)

สำหรับคนที่ติดค้างหรือคาใจเรื่องนี้ ผมอธิบายอย่างงี้ละกันครับ (ถ้าอ่าน "ตอนพิเศษ 2 อีเมล์จากน้องสาว" ด้วยก็จะเข้าใจมากขึ้น)

ลองสมมติง่ายๆ ว่าถ้าเกิดเขาเชื่อเราแล้วไม่ได้ชีวิตอย่างที่เขาต้องการ เราจะรับผิดชอบให้เขาได้หรือเปล่า?
ถ้าผมเป็นเพื่อนแฟรงค์ พยายามจะให้แฟรงค์เชื่อและทำอย่างที่ผมแนะนำ แฟรงค์ก็ดันเชื่อและทำตาม แต่ปรากฎว่าแฟรงค์ไม่ได้อย่างที่แฟรงค์อยากได้ ผมจะรับผิดชอบให้แฟรงค์ได้หรือเปล่า ถ้าเกิดแฟรงค์ติดกับดัก ถูกผูกมัดจนไปไหนไม่ได้ นัทก็หนีไปไม่ยอมมาหาอีกเลย ผมคงรับผิดชอบให้ไม่ไหวจริงๆ ครับ ต่อให้อยากรับผิดชอบก็เถอะ

ในฐานะคนมองเรื่องนี้จากข้างนอก เราก็ต้องระวังเหมือนกันครับ สุดท้าย เราก็ต้องคิดให้ง่ายๆ เข้าไว้ว่า คนเลือกต้องได้อย่างที่เขาต้องการ เพราะถ้าไม่ได้ เรารับผิดชอบให้ไม่ได้หรอก โดยส่วนตัว ผมคงไม่กล้าทำอย่างแฟรงค์เพราะเป็นคนขี้สงสาร แฟรงค์ก็สงสารนะ แต่เขาเลือกที่จะให้บทเรียนกับทุกคนได้คิดและทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าคิดได้ก็จบ ถ้าคิดไม่ได้ ไม่ว่าแฟรงค์จะหนีหรือไม่หนีก็คิดไม่ได้อยู่ดี

ผมอยากเสนอมุมมองนี้ให้ลองคิดดูครับ เผื่อว่าเราจะให้อภัยแฟรงค์และยอมรับสิ่งที่แฟรงค์ตัดสินใจได้ แม้ไม่ถูกใจเราเลย

เรื่องนี้ผมพยายามคิดหาทางออกให้ตัวละครไว้หลายๆ แบบเหมือนกัน เจรจาอย่างเดียวบ้าง หนีไปเลยไม่เจรจาก็มี ไม่เอาใครเลยก็มี
แต่ทางเลือกนี้จะผสมๆ กันระหว่างเจรจาแล้วค่อยตัดสินใจหนีเมื่อรู้ว่าถ้าไม่หนีจะติดกับดักอย่างแน่นอน
ที่ผมเลือกทางนี้ให้ตัวละครถูกบีบด้วยเงื่อนไขของเวลา แถมพ่อแฟรงค์ก็ลงทุนเป็นล้านไปแล้ว ไม่ยอมง่ายๆ แน่
แฟรงค์จะติดกับดักได้ โดยเฉพาะเมื่อเวลาบีบบังคับแถมยังเจรจากับใครไม่ได้

มีอยู่ตอนหนึ่งที่แฟรงค์บอกว่ากลับไปบ้านแล้วไม่เจอทั้งพ่อทั้งแม่ โทรไปก็ไม่รับสาย เป็นสัญญาณบอกอะไรบางอย่างแล้ว
ถ้าผมเป็นแฟรงค์ผมก็ระแวงนะว่าพ่อกับแม่กำลังคิดจะทำอะไรอยู่
แล้วแฟรงค์เองก็เคยบอกว่าจะเป็นพายุ พายุที่สามารถพัดทำลายล้างอะไรก็ได้ที่ขวางหน้าโดยที่มันไม่สนใจหรือรู้สึกผิดใดๆ
พายุผ่านไปแล้วคนที่ยังเหลือรอดก็ต้องจัดการชีวิตที่เหลือของตัวเองไป
แต่แฟรงค์เป็นพายุมนุษย์ มีความรู้สึก คงไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก ก็ยังมีเจรจาต่อรองทำความเข้าใจอยู่บ้าง
สรุปสั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ ที่แฟรงค์หนี เพราะไม่ต้องการติดกับดัก

ผมต้องการให้แฟรงค์เป็นคนที่กล้าตัดสินใจ เลือก แลก ลุย ซึ่งเป็นบุคลิกที่ผมพบในคนทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลายคน
เพราะถ้าแฟรงค์ไม่ใช่คนแบบนี้ พานัทหนีไปแล้วชีวิตลำบากแน่ๆ การไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่มีใคร ไม่รู้จักใคร ไม่ง่ายครับ

อาจจะไม่ถูกใจใครหลายคนที่เห็นตัวละครทำอย่างนี้ ใครที่อ่านนิยายผมบ่อยๆ คงจะคุ้นเคยแล้วและรู้ว่าทำไม อิๆ

ป.ล.
รอแนนกับสารินอยู่นะครับ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ เร็วๆ นี้
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 06-01-2016 12:35:20
สำหรับเรานี่มองว่าถ้าหากว่าแฟรงค์สามารถเจรจาได้  การหักหน้าทุกฝ่ายในงานแต่งงานก็คงจะไม่เกิดขึ้น  พ่อแม่ของทั้งแฟรงค์และเพียวไม่เหลือทางเดินให้ลูกๆเลย ยอมหักไม่ยอมงอ   ถ้าเป็นคนที่ใจอ่อนก็คงยอมไหลไปตามน้ำ  ปล่อยทุกอย่างไป   แต่แฟรงค์และเฟิร์นเป็นคนรุ่นใหม่ที่รู้ว่าถึงไม่มีพ่อแม่หนุนก็สามารถเอาตัวรอดได้   ครอบครัวกับสมบัติพัสถานทั้งหลายสามารถเป็นเครื่องผูกพันธ์ได้  แต่ก็ต้องมีความรัก ความเห็นใจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย   เพราะพอไม่มีสิ่งหลังนี้แล้วก็เป็นได้แค่บ่วงหรือภาระ    แฟรงค์เองก็โดนพ่อล้อมกรอบมาทุกอย่างตั้งแต่เด็ก   กับเพียวเรารู้สึกว่าแฟรงค์เองก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้แคร์ตัวเองเหมือนที่คิดที่นางพยายามเยื้อการแต่งงานไว้  จะด้วยเรื่องเงินหรือศักดิ์ศรีก็สุดที่จะเดาได้

จริงๆถ้าหากว่าพ่อแม่เลือกที่จะจัดงานเล็กๆ เงียบๆเรื่องราวก็อาจจะไม่กระพือใหญ่โต  แต่เพราะว่าเลือกที่จะทำตามกำหนดเดิมทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ามีความเสี่ยง  ไม่รู้จะเรียกว่าชะล่าใจได้หรือเปล่า

ในกรณีที่แฟรงค์หนีหายไปจากงานแต่งแบบนี้เป็นการวางแผนไว้ ซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกว่าเลือดเย็นมากไปสักหน่อย   เราเคยอ่านถึงกรณีที่เจ้าบ่าวหนีเอานาทีสุดท้าย (ฝรั่ง)  หลายๆกรณีเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกระทันหัน  Impulse  แล้วก็ทำตามความรู้สึกนั้น  แต่ส่วนใหญ่ก็เกิดอาการสองจิตสองใจมาแล้วช่วงหนึ่ง   ส่วนใหญ่จะปัดไปและก็ทำตามนั้น   บางส่วนก็พยายามล้มเลิกแต่ไม่เป็นผลก็เลยเกิดอาการแบบนี้ขึ้น
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ เร็วๆ นี้
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-01-2016 13:06:56
รอดูต่อไป

บอกตรง ๆ ก็ไม่เห็นด้วยกับการฉีกหน้าในงานแต่ง เราว่ามันทำร้ายจิตใจทุกฝ่ายมากเกินไป
ทุกคนได้บทเรียน แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะคิดได้ตามแนวทางที่แฟนงค์กับเฟิร์นคิดไว้
อย่าลืมว่า มนุษย์ไม่ได้มีพื้นฐานจิตใจที่สามารถรับมือกับเหตุการณ์กระทบจิตใจได้เท่ากัน (resillience)
บางคนลุกได้ บางคนลุกช้า บางคนไม่อาจจะลุกขึ้นมาได้อีกเลย
จุดนี้เราว่า แฟรงค์กับเฟิร์นใจเหี้ยมเกินไป

พ่ออาจจะช็อค เพราะคาดหวังไว้มาก และเมื่อแฟรงค์ยอมแต่งพ่อก็ไม่เผื่อใจผิดหวังไว้แน่นอน ถ้าหนีงานแต่งเฉย ๆ อาจจะไม่ทำร้ายจิตใจมาก แต่นี่หนีงานแต่งไปอยู่กินกับผู้ชาย ทำร้ายจิตใจแบบยกกำลังสอง

เพียวก็ได้แผลเป็นในใจแบบจนตายก็ไม่ลืม ว่าที่เจ้าบ่าวนอกใจไปมีชู้เป็นผู้ชาย ตามด้วยเจ้าบ่าวหนีงานแต่งไปกับผู้ชาย (โอเค คนอื่น ๆ คงไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่า แฟรงค์ไปกับนัท แต่คนที่รู้เรื่องจะไม่มีวันลืม)
ในมุมความสะใจ มันก็จริงที่เพียวได้บทเรียน แต่มันจำเป็นต้องเหยียบคน ๆ หนึ่งให้จมดินขนาดนี้เลยเหรอ? เธออาจจะผิดที่ยอมให้ครอบครัวบังคับ แต่เราก็คิดว่า เพียวรักแฟรงค์มากในระดับหนึ่ง (มันไม่ถึงระดับรักในอุดมคติที่ว่า ขอให้คนที่ฉันเป็นสุข เธอจะเลือกทางไหนฉันก็ยอมรับ) คน ๆ นี้อาจจะผิดที่ดึงดันแต่งงาน แต่รวม ๆ เราก็มองว่า เธอไม่ได้ทำผิดรุนแรงจนสาสมแก่บทลงโทษนี้

แฟรงค์กับนัท เมื่อเลือกทางนี้แล้วก็ขอให้เข้มแข็ง รับผลในสิ่งที่ตัวเองเลือก

เอาเถอะ นี่เป็นนิยาย ย่อมสามารถปั้นแต่งให้ผลลัพธ์ของเหตุการณ์นี้ออกมาในแง่ดีได้
เรายอมรับว่า เรามีความคิดเห็นจริงจังกับเรื่องนี้เกินกว่าการอ่านเพื่อบันเทิงอารมณ์

ถ้าความเห็นของเรากระทบอารมณ์ใครก็ขออภัยมาตรงนี้
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ เร็วๆ นี้
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 06-01-2016 14:21:44
ไม่รู้จะเม้นอะไร เพราะมันถูกใจหมดเลย
ทั้งตอนที่นัทตอกกลับต้องตาเอาซะหน้าหงายเลยอ่ะ
แล้วชอบตัวละคร "แฟรงค์" กล้าทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อคนที่รัก
ส่วนเฟิร์น เป็นสาวที่มีมุมมองเริ่ดมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว)  มีความคิดแนวคิดเป็นของตัวเอง เฟิร์นนี่ล่ะจะเปรียบเสมือนน้ำเย็นดับไฟร้อนระหว่างครอบครัว

รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ เร็วๆ นี้
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-01-2016 17:13:55
รอดูต่อไป

บอกตรง ๆ ก็ไม่เห็นด้วยกับการฉีกหน้าในงานแต่ง เราว่ามันทำร้ายจิตใจทุกฝ่ายมากเกินไป
ทุกคนได้บทเรียน แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะคิดได้ตามแนวทางที่แฟนงค์กับเฟิร์นคิดไว้
อย่าลืมว่า มนุษย์ไม่ได้มีพื้นฐานจิตใจที่สามารถรับมือกับเหตุการณ์กระทบจิตใจได้เท่ากัน (resillience)
บางคนลุกได้ บางคนลุกช้า บางคนไม่อาจจะลุกขึ้นมาได้อีกเลย
จุดนี้เราว่า แฟรงค์กับเฟิร์นใจเหี้ยมเกินไป

พ่ออาจจะช็อค เพราะคาดหวังไว้มาก และเมื่อแฟรงค์ยอมแต่งพ่อก็ไม่เผื่อใจผิดหวังไว้แน่นอน ถ้าหนีงานแต่งเฉย ๆ อาจจะไม่ทำร้ายจิตใจมาก แต่นี่หนีงานแต่งไปอยู่กินกับผู้ชาย ทำร้ายจิตใจแบบยกกำลังสอง

เพียวก็ได้แผลเป็นในใจแบบจนตายก็ไม่ลืม ว่าที่เจ้าบ่าวนอกใจไปมีชู้เป็นผู้ชาย ตามด้วยเจ้าบ่าวหนีงานแต่งไปกับผู้ชาย (โอเค คนอื่น ๆ คงไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่า แฟรงค์ไปกับนัท แต่คนที่รู้เรื่องจะไม่มีวันลืม)
ในมุมความสะใจ มันก็จริงที่เพียวได้บทเรียน แต่มันจำเป็นต้องเหยียบคน ๆ หนึ่งให้จมดินขนาดนี้เลยเหรอ? เธออาจจะผิดที่ยอมให้ครอบครัวบังคับ แต่เราก็คิดว่า เพียวรักแฟรงค์มากในระดับหนึ่ง (มันไม่ถึงระดับรักในอุดมคติที่ว่า ขอให้คนที่ฉันเป็นสุข เธอจะเลือกทางไหนฉันก็ยอมรับ) คน ๆ นี้อาจจะผิดที่ดึงดันแต่งงาน แต่รวม ๆ เราก็มองว่า เธอไม่ได้ทำผิดรุนแรงจนสาสมแก่บทลงโทษนี้

แฟรงค์กับนัท เมื่อเลือกทางนี้แล้วก็ขอให้เข้มแข็ง รับผลในสิ่งที่ตัวเองเลือก

เอาเถอะ นี่เป็นนิยาย ย่อมสามารถปั้นแต่งให้ผลลัพธ์ของเหตุการณ์นี้ออกมาในแง่ดีได้
เรายอมรับว่า เรามีความคิดเห็นจริงจังกับเรื่องนี้เกินกว่าการอ่านเพื่อบันเทิงอารมณ์

ถ้าความเห็นของเรากระทบอารมณ์ใครก็ขออภัยมาตรงนี้

ไม่หรอกครับ ผมรับฟังได้ทุกความคิดเห็น เพราะสุดท้าย ความคิดเห็นก็คือความคิดเห็น มาจาก ปสก. ของแต่ละคน
แต่ผมก็ชอบที่จะรับฟังมุมมองต่างๆ เพื่อขยายฐานความคิดให้กว้างออกไป

ผมรู้อยู่แล้วว่าถ้าเลือกทางเดินนี้ให้ตัวละคร อาจจะมีคนคิดและรู้สึกอย่างนี้ได้
มันท้าทายคนเขียนมากๆ ครับ แบบอื่นๆ ที่ผมคิดไว้ไม่ท้าทายเท่าอันนี้ แล้วก็ได้ผลจริงๆ ด้วย อิๆ

ยังไงๆ แฟรงค์ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาครับ เด็ดเดี่ยวแค่ไหนแต่ใจก็ไม่ใช่หิน
แม้กระทั่งตัดสินใจและวางแผนมาแล้ว แต่พอทำจริงๆ คงไม่ใช่ว่าทำได้เลยโดยไม่ลังเล หรือไม่คิดจะสงสารใคร
ผมคิดว่าแฟรงค์ผ่านการคิดตรงนั้นมาหมดแล้ว สงสารก็คงสงสาร เห็นใจก็คงเห็นใจ
แต่แฟรงค์จะไม่ยอมเสี่ยงกับทางเลือกใดๆ ที่ไม่มั่นใจอีกแล้ว เพราะไม่คุ้ม
พ่อกับแม่ของแฟรงค์ไม่ได้หยุดแค่ให้เงินหนึ่งล้าน แฟรงค์รู้ดี เห็นพิรุธแล้ว (ไม่รู้ว่าคนอ่านจับสังเกตได้หรือเปล่า)

นิยายของผมจะเน้นความเป็นจริงครับ ไม่โลกสวย เมื่อเลือกอย่างนี้แล้วก็ย่อมได้รับผลอะไรบางอย่าง
แต่คนที่ตั้งใจจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำดีหลังจากนี้ แม้จะลบล้างเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้ เขาก็ควรได้รับผลของความพยายาม

อย่าว่าแต่คุณเลย ผมเขียนเองก็ยังคิดเลยว่าแรงไปมั้ย แต่ผมต้องการฝึกตัวเองเรื่องนี้ครับ
เลือกแล้วก็ต้องจบ หยุดคิดและเดินหน้าไปเลย ไม่มีใครพอใจทุกอย่างที่เราทำ แต่เราต้องพอใจสิ่งที่เราเลือก
เพราะเราเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับผลจากสิ่งที่เลือก คนอื่นมารับผลแทนไม่ได้

กำลังจะลงตอนใหม่อีกไม่เกินสองชั่วโมงนะครับ มาลุ้นกันต่อไป ใกล้จะจบแล้วล่ะ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ เร็วๆ นี้
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 06-01-2016 18:44:57
อ่านตอนนี้..แล้วผมสะใจนะ
ในเมื่อทุกคนทำแต่ตามความต้องการของตัวเอง โดยไม่สนความต้องการของผู้ถูกกระทำ
มันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ..ชิ่งงานแต่งซะเลย หุหุ... มันก็ต้องให้บทเรียนกันบ้าง
ถามว่าสงสารใครไหมจากเหตุการณ์นี้...บอกเลยไม่ มันเป็นงานแต่งของคนที่ไม่ได้รักกันอะ
เป็นเรื่องของผลประโยชน์ เงินๆ ทองๆ ท้้งนั้น

อ่อ...มีคนนึงที่น่าสงสาร
ผมสงสารนัท ตอนรดน้ำสังค์พี่แฟรงค์ละร้องไห้รีบเดินออกไป

สู้ๆ ต่อไปนะพี่แฟรงค์กับนัท พิสูจน์ตัวเองให้ได้ล่ะ
อย่าปล่อยมือจากกันอีกนะ เศร้า..


ู้
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-01-2016 20:52:53
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 20 ✢ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว


(http://bit.ly/2lPHQVt)

สองมือที่ประคองน้ำสังข์รดให้เจ้าสาวของผมดูสั่นไหว เจ้าตัวคงเสียใจไม่น้อยที่รู้ว่าพี่ชายที่รักมานานแสนนานกำลังจะเป็นของคนอื่น พ่อ แม่และน้องสาวของผมมองมาที่นัทพร้อมกัน ไม่รู้ว่าคิดอะไรกันบ้าง พอเห็นหน้าทั้งสามคนแล้วผมก็ใจหาย กลัวว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้ผมไม่ได้กลับมาหาครอบครัวที่ผมรักอีกเลย แม้ว่าจะคิดและตัดสินใจมาแล้ว พอจะทำจริงกลับไม่ง่าย

แล้วเพียวล่ะ ผู้หญิงที่ถูกครอบครัวบีบบังคับ ถูกคนรักหักหลัง และกำลังจะถูกฉีกหน้าให้อับอายเพราะงานแต่งล่ม ผมไม่รู้เลยว่าเธอจะทนรับความเจ็บปวดมากกว่านี้ได้ แม้เราไม่ถึงกับรักกันมากเพราะไม่ได้เกิดจากความผูกพันที่ลึกซึ้ง แต่เราสองคนก็เคยรักกัน ผมจะกล้าทำร้ายผู้หญิงคนนี้ที่เคยรักกันให้เจ็บหนักยิ่งกว่าเดิมอีกหรือ?

หรือว่าผมควรจะเปลี่ยนใจ!? แต่งงานแล้วค่อยเจรจากันทีหลัง!

ก่อนจะคิดอะไรต่อนัทก็มายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว มองตากันเพียงครู่เดียวนัทก็เอ่ยคำอวยพรออกมาจากปากที่ผมเคยหลงใหลในรสจูบแสนหวาน

"พี่แฟรงค์ นัทขอให้พี่แฟรงค์มีความสุขมากๆ นะครับ ดูแลเพียวให้ดีๆ รักกันให้มากๆ รักกันตลอดไปนะครับ"

ผมแทบไม่ได้ยินคำอวยพรเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนัทพูดเบาเกินไปหรือสมองผมไม่รับกันแน่ ผมได้ยินแต่คำพูดนั้นของนัทในคืนที่เมามายไม่ได้สติ

 "แล้วทำไม...พี่แฟรงค์ถึงไม่กลับมาหานัทล่ะ นัทเหงา เหงามาก นัทรอพี่แฟรงค์ทุกวันเลย..."

นั่นสิ ผมควรจะทิ้งนัทให้รอคอยพี่ชายคนนี้อีกหรือ? ก่อนที่น้ำสังข์จากนัทจะไหลรดลงมา ผมก็พลันนึกถึงวันนั้นเมื่อสิบสามปีที่แล้วที่นัทเคยร้องไห้อ้อนวอนผม

"นัทไม่มีพ่อแล้ว นัทมีพี่แฟรงค์คนเดียว นัทมีพี่ชายคนเดียว พี่แฟรงค์ไปแล้วนัทจะอยู่กับใคร พี่แฟรงค์ไม่สงสารนัทเหรอ"

ถ้าไม่ใช่เพราะรักผมมาก เด็กคนหนึ่งคงไม่ลงทุนขอร้องอ้อนวอนกันถึงขนาดนี้ "พี่แฟรงค์ไม่สงสารนัทเหรอ" ใครไม่เคยเจอคำถามนี้จากคนที่รักและผูกพัน ก็คงไม่รู้ว่ามันเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน

นั่นสิ ผมไม่สงสารนัทหรือถ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ หรือเรา...ไม่ได้เกิดมาคู่กันอย่างที่ผมคิดไปเองเสียแล้ว หรือว่า...ผมจะยอมทิ้งนัทไว้ข้างหลังแล้วก้าวเดินไปตามทางของตัวเอง ไม่ต้องสนใจว่าชีวิตที่เหลือจะมีความสุข มีชีวิตอยู่กับงานและภาระเหมือนผู้ใหญ่ทั่วไป แม้ไม่มีรักก็ยังอยู่ต่อไปได้ แสดงว่าผมกำลังจะยอมแพ้และล้มเลิกความตั้งใจอย่างนั้นหรือ?

ผมก้มหน้ารำพันในใจอย่างอดสู 'นัทน้องพี่...พี่ไม่มั่นใจแล้วว่าจะกล้าทำอย่างที่ตั้งใจหรือเปล่า'

นัทเอียงสังข์ลงมาแล้วแต่กลับไม่มีหยดน้ำสักหยด ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของใบหน้าแสนเศร้าจังหวะนั้นพอดี ดวงตาคู่นั้นมีหยดน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมา ไม่นานหนึ่งหยดนั้นก็ร่วงลงมาใส่มือของผมโดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้ตัว แต่พอรู้ตัวก็ตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบส่งสังข์คืนให้เด็กที่รอรับ ก่อนจะหันหลังเดินจ้ำอ้าวตามหลังแม่กับพี่สาวไป

นัทไม่มีน้ำสังข์ให้ผมสักหยด แต่กลับมีน้ำตาหยดนี้ให้พี่ชายแทน คำพูดตัดพ้อที่แสนบาดใจของเด็กชายนัทเมื่อวันวานดังกึกก้องในใจผมอีกครั้ง

"พี่แฟรงค์ไม่สงสารนัทเหรอ"

คนรดน้ำสังข์ถัดมาคงตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ก็เห็นเจ้าบ่าวน้ำตาไหล ผมหันไปมองพ่อ แม่ น้องสาวและเพียวที่นั่งอยู่ข้างๆ แม้จะลำบากใจแต่ผมก็ต้องเลือกชีวิตของผมเองเสียที หวังใจว่าทุกคนจะเข้าใจผมเท่าที่จะพอเข้าใจได้ หวังใจว่าวันหนึ่งทุกคนจะให้อภัย และหวังใจว่าทุกคนคงรักษาบาดแผลครั้งนี้ได้เองเมื่อเวลาผ่านไป ความผิดบาปครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของผมแล้ว

ทำไมพี่จะไม่สงสารนัทล่ะ พี่ชายคนนี้...ยินดีจะให้คนทั้งโลกด่าประณามกับความผิดที่ทำ พี่ยอมเป็นคนเลวในสายตาของใครก็ได้ แต่พี่ชายคนนี้...จะไม่มีวันทิ้งน้องที่พี่รักให้รอคอยอย่างอ้างว้างเหมือนคราวนั้น และชีวิตที่เหลือของพี่ชายคนนี้...จะขออยู่ดูแลน้องของพี่ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ก่อนที่น้ำสังข์หยดต่อไปจะรดลงมา ผมก้มลงมองหยดน้ำตาของนัทบนมือของผมอีกครั้ง นับจากวันนี้ไป นัทจะไม่ต้องร้องไห้เพราะกลัวเสียพี่ไปอีกแล้ว

แม้ว่าเขาจะสูง ฟ้าจะกั้น ม่านประเพณีจะขวาง พลานุภาพของความรักชนะได้ทุกอย่าง บรรทัดฐานความถูกผิดใดๆ ก็หยุดความรักไม่ได้

ผมลุกขึ้นยืนแล้วถอดมงคลแฝดออก แม้ว่าจะสงสารเพียว แต่คนไม่รักอยู่ปลอบใจเธอนานแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ ถึงเวลาที่เธอต้องเข้มแข็งและอยู่ต่อไปด้วยตัวเองแล้ว

"พี่ขอโทษนะเพียว"

พอสิ้นคำผมก็วางมงคลลงบนหมอน ก่อนจะออกแรงวิ่งตามนัทไปสุดชีวิต เสียงคนร้องเอะอะโวยวายดังขึ้นไปทั่วงาน พอไปถึงคนที่ต้องการแล้ว ผมก็ฉวยข้อมือของนัทพาวิ่งออกไป

"นัท! ไปกับพี่เร็ว!"

นัทคงตกใจไม่น้อย แต่พอรู้ว่าเป็นผม นัทก็วิ่งตามไปทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน ผมได้ยินเสียงพ่อสั่งให้คนวิ่งตามผมกับนัทมา เราจึงเร่งความเร็วจนสุดฝีเท้าเท่าที่คนๆ หนึ่งจะสามารถวิ่งได้ พอวิ่งมาเจอแนวพุ่มไม้สูงเกือบถึงเอวขวางหน้า แรงส่งจากความเร็วก็ช่วยให้เราสามารถกระโดดข้ามไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

'เก่งมากน้องพี่' ผมนึกชมในใจ

ผมไม่ได้จอดรถไว้ตรงลานจอดรถเหมือนเคย แต่จอดไว้บริเวณด้านหน้าเพราะคิดเผื่อไว้แล้วว่าจะหนีทันโดยไม่ถูกรถคันอื่นขวาง พอวิ่งมาถึงรถแล้วผมก็รีบปลดล็อกทันที เราสองคนแยกกันขึ้นประตูคนละด้านก่อนที่ผู้ชายสามคนจะวิ่งตามมาถึง ผมสตาร์ทรถได้แล้วก็รีบขับออกไป มองกระจกหลังก็เห็นสามคนนั้นวิ่งตามมา พอวิ่งไม่ไหวก็หยุดยืนหอบหายใจ

ผมเป็นอิสระแล้ว!

ผมหันไปยิ้มกับนัทแต่ก็ไม่ได้พูดคุยกัน ขอให้หนีออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ เพราะหลังจากนี้แล้วเราสองคนจะมีเวลาพูดคุยกันจนชั่วชีวิต

รถของผมแล่นฉิวไปตามถนนสุวินทวงศ์ มุ่งหน้ารามคำแหงเพื่อไปขึ้นทางด่วน ผมกับนัทหันมามองกันเป็นระยะๆ ยิ้มให้กันเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไม่พูดอะไรกันอยู่ดี หัวใจของเรายังคงเต้นตึ๊กตั๊กด้วยความตื่นเต้นไม่หาย คิดไปแล้วผมก็ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าอารมณ์วูบนั้นจะทำให้ผมกล้าหาญมากขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่ผมเลือกแล้ว แม้ว่าจะโหดร้ายแต่ผมก็ตัดสินใจแล้ว

ป่านนี้ทุกคนคงกำลังวุ่นวายและตื่นตระหนกตกใจกันไปหมด เพียวคงร้องไห้อย่างหนักเพราะความอับอายแขกเหรื่อที่มาในงาน พ่อผมคงโมโหมากและอาละวาดไปทั่ว แม่ผมคงเป็นลมล้มพับ ส่วนแม่ของนัทก็คงตกใจไม่แพ้กัน เผลอๆ ครอบครัวของผมก็คงโกรธน้านวลไปด้วย แต่ในเวลานี้ ผมขอเป็นพายุที่ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ พัดพาทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้าให้ราบคาบ แล้วปล่อยให้คนที่เหลือรอดจัดการดูแลชีวิตที่เหลือของตัวเองเท่าที่ศักยภาพจะเอื้ออำนวย

ผมขึ้นทางด่วนแล้วมุ่งหน้าไปทางลำลูกกา ก่อนจะเบี่ยงออกไปทางรังสิต ตรงไปยังห้างฟิวเจอร์พาร์ค พอถึงห้างก็เลี้ยวขึ้นที่จอดรถและวนหาที่จอดจนได้ที่ พอรถจอดสนิท ผมกับนัทก็หันมามองหน้ากันอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก

"พี่แฟรงค์"

"นัท"

เราสองคนเอ่ยชื่อเรียกของเราพร้อมกัน ก่อนจะโผเข้ากอดกันแน่นและร้องไห้อย่างคนเสียขวัญ

"เราจะไม่จากกันไปไหนอีกแล้วนะนัท ต่อไปนี้...พี่จะอยู่ดูแลนัทจนชั่วชีวิตของพี่ นัทดีใจหรือเปล่า"

ผมละล่ำละลักบอก กอดนัทแน่นราวกับกลัวว่าใครจะมาฉุดกระชากไปไหน

"พี่แฟรงค์ นัทรักพี่นะ นัทรักพี่คนเดียว"

ผมรู้ความหมายที่นัทพูดเป็นอย่างดี ที่ผ่านมานัทคงใจหายไม่น้อยที่รู้ว่าพี่ชายคนนี้จะเป็นของคนอื่น ความรู้สึกของนัทคงเหมือนคนที่ยื้อของรักไว้จนเกือบหมดแรงสู้ คิดว่าต้องสูญเสียไปแน่แล้ว แต่สุดท้ายก็ได้คืนกลับมาราวปาฏิหาริย์

เรากอดกันอยู่สักครู่ใหญ่จึงค่อยๆ ผละออกจากกัน ผมลูบผมของนัทเบาๆ อย่างรักใคร่ มองหน้าใสที่ผมคุ้นเคยแล้วก็ใจหาย ผมเกือบสูญเสียคนๆ นี้ไปแล้วแท้ๆ จากความลังเลของตัวเอง

ผมหยิบกระดาษเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้นัท จากนั้นนัทจึงเป็นฝ่ายซับน้ำตาให้ผมบ้าง ก่อนที่นัทจะวางมือลงผมก็จับมือนัทมากุมไว้ ก่อนจะดึงมาหอมเบาๆ

"นัทรู้แล้วใช่มั้ยว่าพี่รักนัทมากแค่ไหน"

นัทพยักหน้าแล้วก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ "พี่แฟรงค์จะชวนนัทร้องไห้อีกแล้วนะ"

ผมขำเบาๆ แล้วก็ดึงนัทมากอดไว้อีกครั้ง อดที่จะน้ำตาไหลอีกรอบไม่ได้เลย

"นัทจำไว้นะ ต่อให้คนทั้งโลกด่าพี่ โกรธพี่ หรือเกลียดพี่ พี่ก็จะไม่ยอมสูญเสียนัทไปอีกแล้ว พี่รู้ว่าที่พี่ทำมันโหดร้าย พี่รู้ว่ามีวิธีอีกมากมายให้เลือก แต่พี่จะไม่ยอมเสี่ยงเลือกทางเลือกอะไรก็ตามที่พี่ไม่มั่นใจว่าจะได้นัทกลับคืนมา นัทเข้าใจพี่ใช่มั้ย คนอื่นไม่เข้าใจพี่ก็ไม่เป็นไร พี่ขอแค่นัทคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจพี่ ให้อภัยพี่"

ผมเผลอปล่อยโฮอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนเพราะสะเทือนใจกับเรื่องนี้มาก รู้ดีว่าที่ทำไปครั้งนี้คงทำให้ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว นอกจากคนๆ นี้ที่ผมกอดไว้

นัทกอดผมแน่นแล้วก็ละล่ำละลักบอกด้วยความสะเทือนใจไม่แพ้กัน "นัทเข้าใจพี่แฟรงค์ทุกอย่าง นัทรู้ว่าทั้งหมดที่พี่แฟรงค์ทำ...เพราะพี่แฟรงค์รักนัท นัทขอโทษที่หนีไป พี่แฟรงค์ยกโทษให้นัทด้วยนะ นัทผิดไปแล้ว"

ผมรู้ว่านัทคาใจเรื่องนี้ แต่คนอย่างผมจะโกรธนัทได้ด้วยหรือ

"พี่ไม่โกรธนัทหรอก คนดีของพี่ พี่รู้ว่านัทหนีไปเพราะความกดดัน ไม่ใช่เพราะไม่รักพี่ พี่แฟรงค์น่ะ...สงสารน้องของพี่จะตายไม่รู้เหรอ"

ในที่สุดผมก็ได้ตอบคำถามนั้นที่นัทเคยถามเมื่อสิบสามปีที่แล้วเสียที นัทคงเข้าใจความหมายที่ผมพูดก็เลยกอดผมแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม

"พี่แฟรงค์ นัทรักพี่ นัทไม่รู้จะบอกยังไงว่านัทรักพี่มากแค่ไหน ถ้าไม่ได้อยู่กับพี่ นัทก็ขอยอมตายดีกว่า ชาตินี้...นัทจะขอรักพี่จนลมหายใจสุดท้าย ถ้าจะตาย...นัทก็จะขอตายในอ้อมแขนของพี่คนเดียว"

พอได้ยินอย่างนี้แล้วผมก็มีกำลังใจมหาศาล แม้ว่าจะรู้สึกผิดบาปแค่ไหน ผมก็จะยังไปต่อได้อย่างแน่นอน

"พี่รู้ พี่ก็รักนัทมากนะ ใครจะว่าพี่เลวหรือผิดแค่ไหนก็ช่าง แต่พี่จะไม่มีวันทิ้งน้องของพี่ เราจะไปด้วยกันนะนัท ต่อจากนี้ไปเราจะอยู่ด้วยกัน ไปไหนไปด้วยกัน สร้างชีวิตของเราด้วยกัน"

นัทพยักหน้าหงึกๆ จนผมรู้สึกได้จากความสั่นไหวบนบ่า สักพักเราก็ผละออกจากกันอีกครั้ง แล้วก็เช็ดน้ำตาให้กันอีกรอบ เช็ดไปขำไปเพราะไม่รู้ว่าเราจะร้องไห้กันอีกหรือเปล่า

"พี่แฟรงค์พานัทมาที่นี่ทำไม" นัทถามขึ้นเมื่อสงบสติอารมณ์ได้

"ซื้อของใช้ไง พี่กลัวไปซื้อที่นู่นแล้วไม่มี"

"ที่นู่นคือที่ไหน พี่แฟรงค์จะพานัทไปไหนเหรอ" นัทถามอย่างงงๆ

ผมก็เลยขำตัวเองเบาๆ ที่พานัทหนีมาแต่ไม่บอกอะไรเลย "บ้านเกิดของเราไง เราจะไปอยู่ด้วยกันที่นั่น"

"จริงเหรอ" นัททำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แต่ก็ยิ้มดีใจ

ผมพยักหน้าแล้วก็ยิ้มให้นัทบ้าง แม้จะกังวลแค่ไหนแต่ก็รู้ว่าโลกนี้ยังพอมีความสดใสเหลืออยู่ อย่างน้อยก็คนตรงหน้าของผม

"แล้วพี่แฟรงค์จะซื้ออะไรมั่ง"

"เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวบางอย่าง แล้วก็...ฮาเก้นดาสของโปรดนัทไง"

ผมทำเสียงตื่นเต้นตรงประโยคท้าย นัทถึงกับยิ้มร่าเลย

"ไปกันเถอะ เดี่ยวจะค่ำ พี่อยากไปถึงที่นั่นก่อนหกโมงเย็น"

"แล้วเราจะไปนอนที่ไหนล่ะ" นัทถามก่อนที่เราสองคนจะขยับตัวลงจากรถ

"เดี๋ยวพี่จัดการเอง"
.
.
.
ผมกับนัทเลือกซื้อเสื้อผ้าด้วยกันก่อนเป็นอันดับแรก ชอบแล้วหยิบเลย ไม่ต้องเสียเวลามาก พอผมพาไปซื้อชุดสูทหรูๆ นัทก็สงสัย ผมจึงบอกไปว่าเอาไว้ใส่ตอนทำธุรกิจ นัทดูเหมือนไม่เชื่อแต่ก็ไม่ว่าอะไร

ตอนกินข้าวด้วยกัน ผมแอบขอตัวไปห้องน้ำแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรเพื่อจัดเตรียมงานพิเศษของผมไว้ก่อนจะไปถึง

"พิโน่ลาเต้รีสอร์ทนะครับ ตอนนี้มีห้องว่างมั้ยครับ โอเค...งั้นผมขอจองหนึ่งคืนครับ รบกวนช่วยเตรียม..."

จากนั้นผมก็โทรหาเพื่อนเก่าสมัยประถมอีกคน หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอผมก็บอกสิ่งที่ต้องการไป

"เฮ้ยโซ้ย มึงช่วยหาช่างภาพที่ถ่ายภาพสวยๆ ให้กูซักคนได้มั้ยวะ เออๆ ดีๆ กูต้องการพรุ่งนี้เช้าเลย ให้เค้ามาที่พิโน่ลาเต้รีสอร์ทนะ มึงรู้จักใช่มั้ย ดีเลย อ้อ...กูอยากให้มึงหาหมามาให้กูซักตัวด้วย โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ก็ได้ หรือหมาอะไรก็ได้ที่ตัวใหญ่ๆ หน่อย แต่ขอหมาที่หน้าไม่ดุ ไม่กัดคนนะเว้ย มีมั้ย อ๋อ...มึงมีตัวนึงเหรอ เออๆ งั้นพรุ่งนี้มึงเอามาให้กูหน่อย ที่รีสอร์ทนั่นแหละ..."

พอจัดการธุระเสร็จแล้วผมก็กลับไปนั่งกินข้าวกับนัทเหมือนเดิม แล้วก็ปิดเครื่องมื่อสื่อสารไปเพราะไม่ต้องการให้จิตใจถูกรบกวนจนวอกแวกอีก

เสร็จธุระหมดแล้ว เราสองคนก็ออกจากรังสิตตอนบ่ายโมงเศษๆ มุ่งหน้าสู่เขาค้อด้วยกัน ใช้เวลาจากนี้ไปประมาณสามชั่วโมงกว่าก็จะถึงที่หมาย แต่ถ้าหยุดพักเติมน้ำมันเข้าห้องน้ำบ้างก็อาจจะกลายเป็นสี่ชั่วโมงหน่อยๆ ก็ยังทันเวลาอยู่

ระหว่างเดินทาง ผมเอาอีเมล์ที่เฟิร์นเขียนให้นัทอ่าน ผมพิมพ์ใส่กระดาษเตรียมไว้รถแล้ว พอนัทอ่านจบก็ดูเหมือนจะอึ้งๆ ไปเหมือนกัน

"นัทสงสารเพียวจังเลยพี่แฟรงค์" นัทพึมพำเบาๆ คล้ายกับกำลังพูดกับตัวเอง

"พี่ก็สงสารเค้า แต่ไม่ว่าพี่จะสงสารเค้ามากแค่ไหน พี่ก็จะไม่ยอมเสี่ยง ก่อนแต่งงาน พี่พยายามจะไปคุยกับเค้าแล้ว พี่ก็ไม่อยากฉีกหน้าเค้าขนาดนี้หรอก ถ้าเจรจาก่อนแต่งงานได้ก็น่าจะดีกว่า แต่พี่โทรหาเค้าไม่ได้เลย เค้าไม่อยู่บ้านทุกวัน ไปหาก็ไม่เจอ พี่ก็เลยเดาว่า...พ่อกับแม่พี่คงไปคุยอะไรกับทางนั้นไว้ นัทจำได้ใช่มั้ยที่พี่เคยบอกว่ากลับบ้านแล้วไม่เจอใคร โทรหาพ่อหาแม่หรือเพียวก็ไม่ติด พี่ก็ไม่รู้ว่าเค้าแอบไปคุยอะไรกัน รู้แต่ว่า...หลังจากนั้นพี่ติดต่อเพียวไม่ได้เลย เจอเพียวอีกทีก็วันแต่งงาน เหมือนพ่อกับแม่ไม่ต้องการให้พี่เจรจาอะไรกับเพียวอีก"

นัทพยักหน้าเข้าใจ แล้วสีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเศร้า "แล้วพี่แฟรงค์จะไม่กลับบ้านจริงๆ เหรอ"

ฟังแล้วผมก็ใจหายวาบ ผมไม่เคยจากพ่อจากแม่ไปไหนเลยนานเลย อยู่กับพ่อแม่มาตลอดชีวิต ถึงจะดุและเข้มงวดไปบ้างแต่ก็รักผมมาก สรรหาสิ่งดีๆ มาให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่เคยขาด ปู่ก็เตรียมจะมอบมรดกรีสอร์ทให้ ใครๆ ต่างก็ฝากความหวังไว้ที่ผมจนเฟิร์นน้อยใจ เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทสำคัญในครอบครัวเลย แต่เฟิร์นก็พยายามพัฒนาตัวเองให้เก่ง คราวนี้เฟิร์นคงได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองให้พ่อกับแม่เห็นว่าเธอดูแลกิจการแทนพี่ชายได้

"พี่จะกลับไป แต่ไม่ใช่เร็วๆ นี้ วันที่พี่กลับ พี่จะกลับไปพร้อมกับความสำเร็จของเราสองคน ไม่อย่างงั้นแล้ว...พ่อพี่คงไม่ยอมรับเราแน่ๆ"

นัทพยักหน้าและยิ้มน้อยๆ ให้ผม "นัทจะอยู่ข้างๆ พี่แฟรงค์นะ"

ผมยิ้มพอใจแล้วก็เอื้อมมือไปลูบผมนัทเบาๆ "ขอบคุณมากน้องพี่ อ้อ...ถ้าอยากเข้าห้องน้ำหรือหิวก็บอกพี่นะ เดี๋ยวพี่แวะให้"

"ครับพี่ชาย" นัทรับคำแล้วยิ้มสดใส "นัทดีใจที่สุดเลยที่ได้พี่ชายใจดีของนัทกลับมา"

ได้ยินแล้วผมก็มีความสุขเหลือเกิน แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผมจะเอาชนะความรู้สึกผิดบาปในตอนนี้ แต่ผมก็มีกำลังใจที่ดีอยู่ข้างๆ แม้ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเจออะไรหรือชีวิตจะเป็นยังไง แต่ผมก็จะพยายามพาชีวิตของเราสองคนไปต่อให้ได้อย่างสุดความสามารถ

"พี่ก็ดีใจที่พี่ได้กลับมาอยู่กับนัทนะ นึกว่าจะต้องเสียน้องที่พี่รักไปแล้ว นัทไม่ต้องรู้สึกผิดอีกแล้วนะ เพราะเราสองจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ พี่เอง...ก็ทำผิดครั้งใหญ่ไปแล้ว แต่พี่จะไม่หันหลังกลับ ไม่ฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถูกผิดของใคร เพราะไม่ว่าพี่จะเลือกอะไร ก็คงไม่มีทางทำให้ทุกคนพอใจอยู่แล้ว แต่พี่...ต้องเลือกชีวิตที่เป็นของพี่เอง ไม่ทำตามที่ใครเห็นว่าถูกหรือผิด ไม่เขวไปตามความคิดเห็นของใคร ไม่รอเวลา ไม่เสี่ยงในทางเลือกที่พี่ไม่เชื่อ เพราะชีวิตเป็นของพี่ คนอื่นๆ กำหนดชีวิตพี่มาพอแล้ว พี่จะขอกำหนดชีวิตของพี่เองนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"

ผมย้ำหนักแน่น จะว่าไป...วิธีคิดนี้ผมก็ได้มาจากพ่อนั่นแหละ พอเลือกแล้วก็ต้องโฟกัส อย่าวอกแวก อย่าเขวกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของใคร ตัดทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด จดจ่อกับสิ่งที่เลือก เมื่อก่อนผมใช้วิธีคิดเหล่านี้กับธุรกิจ แต่ตอนนี้...ผมจะใช้กับความรักของผมบ้าง!

... ... ...

ผมพานัทมาถึงพิโน่ลาเต้รีสอร์ทตอนเกือบหกโมงเย็น พอผมยกกระเป๋าลงมาจากรถ นัทก็ถามด้วยความสงสัยและมีสีหน้ากังวล

"เราจะพักที่นี่เหรอพี่แฟรงค์ มันแพงนะ คืนนึงตั้งเป็นหมื่นแน่ะ"

"ไม่เป็นไร เราไม่ได้พักทุกวันซะหน่อย พอดีรีสอร์ทเก่าที่เราเคยไปพักคนเต็มแล้ว เหลือแต่ที่นี่ที่เดียวที่ว่างอยู่ พักที่นี่ซักคืนละกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยไปหาที่พักใหม่"

"เหรอ เอางั้นก็ได้" แม้จะยิ้ม แต่ดูท่าทางเจ้าตัวยังเสียดายเงินหมื่นที่ต้องจ่ายไม่น้อย

"หนาวหรือเปล่า"

ผมถามเพราะเราสองคนใส่เสื้อเชิ๊ตธรรมดาที่แทบจะกันหนาวไม่ได้เลย อากาศตอนนี้หนาวมากจนตัวแทบสั่น คนละเรื่องกับกรุงเทพเลย

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็เข้าห้องพักแล้ว"
.
.
.
พอเห็นข้างในห้องพัก นัทก็ตกตะลึงตาโตกับความสวยงามของมัน ทุกอย่างตกแต่งไว้อย่างดีมาก มีห้องนอนและโซฟารับแขกอย่างดี ด้านหลังเป็นกระจกใสบานใหญ่ มองออกไปเห็นภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนไกลสุดลูกหูลูกตา มีระเบียงให้เราออกไปนั่งชมวิวแบบพาโนรามาได้อีกด้วย

"โห...สวยจังพี่แฟรงค์ นัทไม่เคยพักห้องอย่างนี้มาก่อนเลย" นัทพูดพลางมองไปรอบห้อง ก่อนสายตาจะไปหยุดตรงระเบียงด้านหลังแล้วมองไกลออกไป

"ชอบมั้ย"

"ชอบมากเลย" นัทหันมาบอกพลางยิ้ม

น้องพนักงานชายที่มาด้วยแนะนำข้อมูลเรื่องการใช้ห้องและบริการต่างๆ ให้เราสองคนฟัง พอเห็นว่าเราเข้าใจดีแล้วก็ขอตัวกลับ

"นัทอาบน้ำเร็ว" ผมบอกด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า

"ทำไมต้องรีบอาบล่ะ เพิ่งหกโมงเอง" นัทเอียงคอถามอย่างสงสัย

"น่า...อาบน้ำก่อนนะคนดีของพี่แฟรงค์" ว่าแล้วผมก็เดินอ้อมไปกอดนัททางข้างหลัง "ถ้าไม่อาบ...ก็ตัวไม่หอมสิ เห็นมั้ย...พี่แฟรงค์ไม่กล้าหอมเลย"

ผมทำท่าจะหอมแต่ก็ไม่หอม นัทก็เลยหัวเราะ

"แล้วพี่แฟรงค์จะอาบเปล่า"

"อาบสิ เอางี้ดีกว่า...อาบด้วยกันเลย จะได้ประหยัดเวลา" ผมบอกพลางยิ้มมีเลศนัย

นัทหันมามองแล้วก็นิ่วหน้า "ไม่เอาหรอก นัทอาย"

"อายทำไม พี่เห็นหมดแล้ว นัทก็เห็นของพี่หมดแล้วเหมือนกัน อาบด้วยกันดีกว่านะ เดี๋ยวพี่ถูหลังให้ ขัดตัวให้ด้วย เราไม่เคยอาบน้ำด้วยกันเลยนี่ อาบด้วยกันนะ พี่ไม่ทำอะไรนัทหรอก พี่สัญญา ถ้าพี่แฟรงค์คนนี้ทำอะไรนัทในห้องน้ำนะ ขอให้ฟ้าผ่าเลยเอ้า" ผมอ้อนสุดฤทธิ์

"จะผ่าได้ไง ตอนนี้หน้าหนาว ไม่มีฝนซะหน่อย"

นัทขำเบาๆ ไม่เจอกันสามสัปดาห์ก็คงอายเป็นธรรมดา แต่ผมก็ไม่รอช้า ช้อนตัวนัทขึ้นมาอุ้มไว้

"พี่แฟรงค์จะทำอะไร"

นัทโวยวายเล็กน้อย แต่พอผมส่งสายตาซึ้งๆ ไปให้นัทก็เลยเงียบ

"อาบน้ำกับพี่นะ"

ผมทำเสียงอ้อนจนดูน่าสงสาร นัทก็เลยพยักหน้าตกลงอย่างอายๆ ผมอุ้มนัทเข้าไปในห้องน้ำทันที ไม่ได้ทำอะไรกันหรอกนอกจากอาบน้ำ สระผมให้กัน ถูหลังให้กัน มีกอดจูบลูบคลำบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยั้งเอาไว้ก่อนเพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล

พอเราสองคนอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมก็พานัทมาแต่งตัวด้วยชุดสูทที่ผมซื้อมาใหม่ ผมทุ่มไปกว่าครึ่งแสนซื้อเสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางและของใช้ต่างๆ ที่จำเป็นของเราสองคนเลยวันนี้

"ทำไมต้องแต่งตัวดีขนาดนี้ล่ะ" นัททำหน้าสงสัยเมื่อเห็นผมหยิบชุดสูทออกมาจากกระเป๋า

"ก็เราจะกินข้าวเย็นหรูๆ ด้วยกันไง"

นัทยังขมวดคิ้วสงสัยไม่หาย กระนั้นก็ให้ความร่วมมือและช่วยกันแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย

"นัทหล่อมาก สมกับเป็นเจ้าชายน้อยของพี่เลย" ผมอดจะเอ่ยปากชมไม่ได้เมื่อเห็นเจ้าชายน้อยของผมในชุดสูทเข้ารูปสมัยใหม่สีขาวครีม ผูกหูกระต่ายอย่างหล่อ

"พี่แฟรงค์ก็หล่อ หล่อที่สุดเท่าที่นัทเคยเห็นเลย" นัทยิ้มเขิน คนถูกชมยิ้มแก้มแทบปริ

ผมโทรไปบอกพนักงานให้นำอาหารที่สั่งไว้มาให้ มีโต๊ะกินข้าวใต้แสงเทียนเตรียมไว้อยู่ก่อนแล้ว จึงนำแค่อาหารมาวางไว้พร้อมกับจุดเทียนให้สว่าง ผมขอให้ทางรีสอร์ทตกแต่งระเบียงด้วยดอกไม้และผูกผ้าบางๆ ให้ปลิวไสวไปมาพอสวยงามไว้ก่อนด้วย

"โห...โรแมนติกจัง" นัทพูดขึ้นหลังจากพนักงานออกไปหมดแล้ว

"สำหรับคนพิเศษของพี่ไง"

บอกแล้วผมก็จูงมือนัทไปที่โต๊ะอาหารตรงระเบียงหลังห้อง แม้อากาศจะหนาว แต่ชุดสูทของเราก็พอช่วยได้

"อาหารฝรั่งซะด้วย สเต๊กอะไรน่ะ"

นัทถามด้วยความอยากรู้ พอจะนั่งที่เก้าอี้ผมก็ฉุดมือไว้เสียก่อน

"เดี๋ยวก่อนสิ อย่าเพิ่งนั่ง ยังกินตอนนี้ไม่ได้"

"ทำไมล่ะ" นัททำหน้าฉงน คงสงสัยเหมือนกันที่วันนี้ผมทำแปลกๆ หลายอย่าง

"รอแป๊บนึงนะ"

ผมไม่ตอบคำถามแต่เดินกลับเข้ามาข้างในห้อง หยิบของสำคัญมาเตรียมไว้แล้วก็ปิดไฟทุกดวงจนหมด เหลือแต่แสงเทียนที่อยู่ในเชิงเทียนแก้วที่ช่วยกันลมหนาวได้อย่างดี

ผมเดินกลับมาหานัทที่ยืนข้างๆ โต๊ะอาหาร จูงมือนัทมาตรงมุมซ้ายของระเบียง แม้เพิ่งทุ่มเศษๆ แต่หน้าหนาวก็มืดเร็วกว่าปกติ พอปิดไฟเหลือแต่แสงเทียนจึงเห็นดวงดาวพร่างพรายเต็มท้องฟ้า เราสองคนยืนเคียงคู่แล้วมองดูดาวด้วยกัน

"นัทเคยเห็นดาวลูกไก่มั้ย มันจะมองหายากหน่อย ต้องเพ่งดีๆ อยู่ตรงนั้นน่ะ"

ผมชี้มือให้ดูแล้วนัทก็พยายามมองตาม

"ตรงไหน ไม่เห็นเลย" นัทถามพลางพยามเพ่งมอง หาใหญ่

ผมถือโอกาสนี้คุกเข่าลง พอนัทรับรู้การเคลื่อนไหวบางอย่างจึงหันมามอง เห็นผมนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแล้วก็แปลกใจ ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับนัท ส่งยิ้มที่คิดว่าจริงใจที่สุดไปให้ เตรียมพร้อมบอกสิ่งสำคัญต่อจากนี้

"แต่งงานกับพี่นะ...เจ้าชายน้อยของพี่"

นัทเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง ผมหยิบแหวนที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋าสูท ดึงมือนัทมาจับไว้แล้วค่อยๆ สวมแหวนที่มีเพชรน้ำงามเม็ดเล็กๆ เข้าที่นิ้วนางอย่างเบามือ ไม่น่าเชื่อว่าผมเลือกมาได้พอดีเป๊ะเลย

"พี่แฟรงค์" นัททำท่าจะร้องไห้

"เจ้าชายน้อยของพี่แฟรงค์ แต่งงานกับพี่นะ" ผมถามย้ำอีกครั้ง ดึงมือนัทมากุมไว้เบาๆ

นัทเอามือข้างหนึ่งปิดปากตัวเองไว้ พยายามสะกดตัวเองไม่ให้ร้องไห้ กระนั้นผมก็รู้ว่านัทดีใจมากแค่ไหน เราเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมกัน วันแต่งงานของเราสองคนในวันนี้ ไม่มีผู้ใหญ่แม้แต่คนเดียวเป็นสักขีพยานรักให้ มีเพียงดวงดาวบนท้องฟ้าเท่านั้นที่รับรู้และส่งแสงระยิบระยับแสดงความยินดีกับเราสองคน

เราหันหน้ากลับมาตามเดิม นัทยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนพยักหน้าตกลงอย่างช้าๆ ผมยิ้มกว้างดีใจสุดชีวิต

"มาสร้างชีวิตใหม่ของเราด้วยกันกับพี่นะ"

นัทพยักหน้าอีกครั้ง คราวนี้ห้ามน้ำตาแห่งความตื้นตันใจไว้ไม่ได้แล้ว

"พี่ไม่มีเจ้าสาว พี่มีแต่เจ้าชายตัวน้อยที่พี่รักและหวงแหน เฝ้ารักเฝ้าดูแลมาตั้งแต่อยู่ปอสาม เจ้าชายน้อยของพี่แฟรงค์ ถึงวันนี้เราสองคนไม่มีสักขีพยานเลย แต่ดวงดาวบนท้องฟ้าจะเป็นสักขีพยานให้เราสองคน พี่ขอสัญญาด้วยเกียรติของพี่ชายว่า...พี่จะรักและจะอยู่เคียงข้างเจ้าชายน้อยของพี่ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่"

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืนโดยไม่ละสายตาจากนัทเลย จากนั้นนัทจึงเป็นฝ่ายพูดบ้าง

"นัทก็ไม่มีเจ้าบ่าว มีแต่เจ้าชายใหญ่คนนี้ที่คอยดูแลเป็นอย่างดีมาตลอด เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่ชาย แล้วก็เป็นคนที่นัทรักหมดหัวใจ เจ้าชายน้อยคนนี้ขอสัญญาต่อดวงดาวทุกดวงบนท้องฟ้าว่า...จะรักและอยู่เคียงข้างเจ้าชายใหญ่จนกว่าชีวิตจะหาไม่เช่นเดียวกัน"

นัทพูดเสียงสั่นเครือแต่ก็ชัดเจนทุกถ้อยคำ งานวิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราวของเราเสร็จสิ้นลงแล้วในเวลาอันสั้น แต่ทว่ามีความหมายยิ่งใหญ่กับเราสองคนชั่วชีวิต

เราสวมกอดกันไว้ ปล่อยให้น้ำตาจากความซาบซึ้งไหลลงอย่างอิสระ จากนี้ไปจะไม่มีใครพรากเราสองคนได้อีกแล้ว แม้ว่าต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ผมก็ยอมแลกเพื่อให้ได้กลับมาอยู่ดูแลคนๆ นี้อีกครั้ง แม้ว่าทำผิดพลาดสักแค่ไหน ผมก็ยอมวางทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วเริ่มต้นใหม่

นับจากวันนี้ไป เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเราอย่างถูกต้อง แม้ว่าไม่ง่ายเหมือนภาพฝัน แต่ด้วยพลานุภาพแห่งความรักและความมุ่งมั่นตั้งใจ ผมเชื่อว่าเราจะเจอหนทางที่สดใสอยู่ข้างหน้า

ขอเพียงเจ้าชายน้อยยังจับมือเจ้าชายใหญ่ไว้เสมอ ผมก็พร้อมมอบกายถวายชีวิต สร้างสิ่งฝันของเราสองคนให้เป็นจริงให้จงได้!


- TBC -[/center]
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 06-01-2016 21:12:55
ถามว่าโหดร้ายไปไหมทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่ง ใช่เพียวคงจะจดจำไปอีกนานเพลอๆอาจจะเข็ดขยาดกับความรักไปเลย ถ้าแฟร้งไม่แสดงท่าทีว่ารักเพียวก็คงยอมที่จะยุติก่อนแต่งแต่ก่อนเจอนัทแฟร้งได้ให้ความหวังทุกอย่างกับเพียว วาดฝันกันสวยหรูเลยทีเดียว เฮ้อ งานนี้พ่อแม่รังแกเพียวด้วยเช่นกัน คนไม่รักยังจะให้แต่งงานเขาขอเจรจาแล้วนะก็ยังไม่ยอมรับความจริง และคนที่รับกรรมคือเพียวแบบเต็มๆ
ต่อไปนี้คือการเริ่มต้นจากศูนย์เลยซินะนัทแฟร้ง ต่อไปขอแค่อย่าปล่อยมือก็พอ :n1:
ปล.ที่นัทบอกสงสารเฟิร์นนั้นจริงๆแล้วคือเพียวหรือเปล่าค่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-01-2016 21:15:43
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-01-2016 21:20:32
ระหว่างเดินทาง ผมเอาอีเมล์ที่เฟิร์นเขียนให้นัทอ่าน ผมพิมพ์ใส่กระดาษเตรียมไว้รถแล้ว พอนัทอ่านจบก็ดูเหมือนจะอึ้งๆ ไปเหมือนกัน

"นัทสงสารเฟิร์นจังเลยพี่แฟรงค์" นัทพึมพำเบาๆ คล้ายกับกำลังพูดกับตัวเอง

ตรงนี้น่าจะเป็น เพียว มากกว่านะคะ

อ่านตอนนี้แล้วแอบคิดถึงคู่พี่พอร์ชกับน้องอามค่ะ เวลามโนถึงหน้าพี่แฟรงค์ ชอบกลายเป็นหน้าพี่พอร์ชแทนอยู่บ่อยๆ       

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 06-01-2016 21:25:06
ชอบมากๆๆๆๆๆๆ
อ่านของคุณผู้เขียนจะครบทุกเรื่องแล้วๆ
ประทับใจทุกเรื่อง
เป็นกำลังใจให้นะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-01-2016 21:46:57
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-01-2016 21:54:51
อืม....

โรแมนติก

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 06-01-2016 22:25:36
     อ่านตอนนี้แล้ว แฟรงค์เขาคิดมาดีแล้วจริงๆคับถึงได้ลงมือทำแบบนี้ ใจเด็ดมากจริงๆ ยอมทำเพื่อคนรัก
     ผมชอบทุกฉากของตอนนี้จริงๆคับ อารมณ์มาหมด ชอบจังคับ ฉากโรแมนติกก็โรแมนติกสุดๆอ่ะ เห็นภาพเลย ต่อไปก็เอาใจช่วยนัทกับแฟรงค์ใช้ชีวิตร่วมกัน วางแผนริเริ่มงานร่วมกัน เวลาคนรักอยู่ด้วยกันสองคนมักจะโรแมนติกเสมอ
   รอ รออ่านตอนใหม่นะคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 06-01-2016 22:49:15
ในเมื่อเลือกแล้วก็จับมือกันไป สร้างอนาคตสร้างชีวิตใหม่ เริ่มต้นใหม่ไปด้วยกันนะ ห้ามปล่อยมือกันเด็ดขาด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 06-01-2016 23:32:07
มันจะดีไปตลอดจริงๆง่ะ
ไว้ใจคนแต่งได้หรือเปล่า

ไม่ใช่..ตู้มมมมมมมมม
ทีเดียว คนอ่านตายไปเยยยยยย

หุหุ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-01-2016 23:46:36
อืมมมมม ก็สงสารเพียวนะ แต่แฟรงค์ก็เคยบอก เคยพูดขอเลิกแล้วอ่ะ จะให้ทำไงคือคนมันหมดรักไปแล้วความรู้สึกมันก็ย่อมไม่เหมือนเดิมแล้ว แล้วแต่งไปมันจะอยู่รอดเหรอ เราว่ามันจะยิ่งเจ็บซะมากกว่ามั้ง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 07-01-2016 00:03:58
 :impress3: ก่อนอื่นต้องมาเขียนถึงตอนพิเศษก่อนน่ะ แบบเฟิร์น เธอคือยอดหญิงของเราเลยน่ะ  o13 นาน ๆ จะได้เจอบทหญิงสาวดี ๆ ในนิยายวายสักทีนึง  :กอด1: เรารักเธอมากเลยน่ะ เราขอยกประโยคที่เราชอบในอีเมลล์ของเฟิร์นน่ะ " พี่แฟรงค์ตัดสินใจเลือกแล้วเดินหน้าไปเลยค่ะ ไม่ต้องสนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ถูกผิดของใคร อย่าเลือกทำสิ่งที่ทำให้เราดูดี เพราะเป็นแค่เปลือก แต่เลือกทำในสิ่งที่ใช่ ความคิดเห็นก็คือความคิดเห็น ห้าปีสิบปีผ่านไปคนอื่นๆ ก็ลืมกันหมดแล้ว แต่ชีวิตต้องเป็นอย่างที่เราต้องการ เพราะถ้าไม่ใช่ จะไปโทษความคิดเห็นของคนอื่นไม่ได้หรอกค่ะ ไม่มีใครรับผิดชอบให้เราหรอก บางคนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยวิพากษ์วิจารณ์อะไรไว้ ไม่มีชีวิตของใครไม่เคยทำอะไรผิด แต่อย่าไปจมกับความผิด ผิดแล้วผิดไปแก้ไขไม่ได้ อย่าเฝ้าโทษตัวเองหรือคนอื่น เดินหน้าแก้ปัญหาให้ดีที่สุด จบแล้วก็ไปต่อค่ะ"  เป็นประโยคที่เราชอบมากกกกกกกกกกก มันโดนใจมาก ๆ น่ะ มันใช่เลยน่ะ คนเราทุกวันนี้มักจะแคร์กับคำว่าสังคมมากจนลืมคิดถึงตัวเองและคนที่เรารัก ว่าสุดท้ายแล้วคำพูดหรือการกระทำของสังคมมันจะไม่ร้ายเลยถ้าคนในครอบครัวเข้าใจเรา เพราะถึงที่สุดแล้วคนที่อยู่เคียงข้างเราเสมอก้อคือคนในครอบครัว สังคมจะร้ายกับเราเมื่อเราโดดเดี่ยวและคนรอบข้างไม่เข้าใจเราเท่านั้นแหละ
ส่วนการกระทำของแฟรงค์ เราชอบความคิดของแฟรงค์ที่ว่ายอมเป็นพายุร้ายที่พัดกระหน่ำทำร้ายทำลายทั้งหมดโดยไร้ซึ่งจิตใจเพื่อคนที่เรารัก มันพูดยากน่ะสำหรับเราแล้วเราแคร์บุพการีมากกกกกกกกกกกกกก แต่เราก้อมองว่าแฟรงค์ได้ทำเพื่อคนในครอบครัวมามากแล้ว เขายอมที่จะพรากจากคนที่เรารักยอมผิดสัญญาเมื่อเขายังไม่สามารถที่จะยืนหยัดด้วยตัวเองและในวันนี้เมื่อโชคชะตาได้พาให้คนทั้งสองได้พบกันอีกครั้ง แฟรงค์จะไปแคร์อะไรกับผู้หญิงที่เราไม่ได้ผูกพันกับเขาเหมือนเช่นกับนัท เราจะทำร้ายคนที่เรารักเพื่อใครคนหนึ่งที่เราได้พบเจอระหว่างทางเรอะ ดังนั้นเรื่องเพียวตัดทิ้งไปเลย ทุกคนย่อมต้องเผชิญกับทุกข์ด้วยตัวเองไม่มีใครมารับผิดชอบกับความทุกข์ของคนอื่นได้หรอก ส่วนพ่อแม่ทั้งสองเลือกที่จะเห็นแก่ตัวโดยไม่ยอมมองความสุขของลูกแต่ยกเอาความเห็นแก่ตัวมาตัดสินว่านั่นคือความสุขของลูกต่างหาก  :katai1: ดังนั้นสิ่งที่เฟิร์นเขียนถึงนั่นแหละถูกต้องแล้ว เราว่าแฟรงค์โชคดีที่มีน้องสาวที่ดีมาช่วยให้แฟรงค์ได้เลือกทางนี้ได้ง่ายขึ้น (ขอเปรียบเทียบกับสนนิดนึง ว่าสนตัดสินใจยากกว่าเยอะ เพราะเขาเป็นลูกโทน การตัดสินใจของสนจึงลำบากมากกว่าเยอะ) และไม่รู้สึกผิดไปมากกว่าที่เป็นอยู่น่ะ
แฟรงค์กับนัทสู้ ๆ น่ะจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 07-01-2016 01:06:05
โหดกับเจ้าสาวที่หนีไปวันแต่ง แต่มองอีกแง่สารภาพไปแล้วพ่อแม่แฟนไม่มีใครฟัง
คู่นี้กว่าจะรักได้ บาปไปหน่อยที่ทำคนรอบข้างขนาดนี้

ปล แต่ฉากหนีงานแต่งจนขอแต่งหวานมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 07-01-2016 11:52:19
หวานเสียไม่มีแล้ว  ตอนขอแต่งงานนี่

เอาจริงๆแล้วตามปกติก็อาจจะไม่เป็นไปแบบนี้   คนธรรมดาทั่วไปก็คงไม่ทำถึงขั้นนี้   แฟรงค์ธรรมดาก็อาจจะแค่หายตัวไปในวันแต่ง คือไม่โผล่   หรือมาแต่งแต่ไม่จดทะเบียนแล้วก็ต่างฝ่ายต่างอยู่ไป     แต่มาในแบบของแฟรงค์ในเรื่องนี้   พ่อแม่สร้างอะไรมาคะ?   พ่อเป็นแบบไหนจะให้ลูกเป็นแบบอื่นก็ใช่ที่    ถ้าหากว่าเป็นครอบครัวเราก็จะไม่มีทางเกิดเป็นแบบนี้เพราะว่าเราปล่อยลูกให้ตัดสินใจเองเต็มที่แล้วก็ให้ลูกเรียนรู้ที่จะอยู่กับผลที่ตามมาด้วย  ยกเว้นในกรณีที่ร้านแรงแบบสุดๆ     แต่พ่อแม่แฟรงค์เหมือนที่เคยเมนท์ไปก่อนหน้านี้คือไม่เหลือเนื้อที่อะไรให้แฟรงค์ได้ยืนเลย   If you are not with us then you are against us.  ทั้ง 2 ครอบครัวเลย  ทุกคนบีบแฟรงก์โดยการไม่ยอมมาคุยกับแฟรงค์เลย     ถ้าเป็นเราก็อาจจะลงหนังสือพิมพ์ว่างานแต่งล้มเลิก     พ่อแม่แฟรงค์ ruthless ค่ะ   เลยโดนกลับบ้าง   

ไม่เถียงในเรื่องของผลที่ตามมา   แต่อยากจะบอกเพียวเหมือนกันว่า  อย่าบอกนะว่าไม่รู้อะไรเลย   รู้ทั้งรู้ยังเดินหน้า  Don't say that you did not see that coming.   เราว่าถ้าหากว่านัทไม่ได้น้ำตาร่วงตอนรดน้ำสังข์  แต่งเสร็จแฟรงค์ก็อาจจะแค่พานัทหายไป   แต่มาเจออีกฝ่ายน้ำตาหยดแทนแทนน้ำสังข์ แฟรงค์เลยทนไม่ได้

จะบอกนิดค่ะว่าเมื่อเช้าวันนี้เราไปเจอนิยายโพสต์ในเล้าเรื่องหนึ่งที่คนโพสต์ลบไปแล้ว  ลงมาได้ 2 ตอน  เราอ่านแค่ตอนแรกเราเมนท์ไปเลยว่าเหมือนกับเรื่องนี้มากๆ
ึคนแต่งเรื่องนั้นต้องอ่านตามเรื่องนี้แน่ถึงได้ออกมาได้เหมือนขนาดนั้น   ส่วนหนึ่งที่เราเมนท์ไปคร่าวๆในเรื่องของความเหมือนก็ตามนี้ค่ะ

ความคล้ายของตัวละคร  แฟรงค์ -แท๊งค์    นัท -มัต   เพื่อนชื่อปอนด์   มาที่รีสอร์ทที่หนองจอก   พื้นเพของมัตมาจากเขาค้อ  แม่ขายขนมจีนส่งจนลูกเรียนจบสูงๆ  แม่ชื่อนวล     แท๊งค์เคยไปอยู่ที่เขาค้อ  เคยสนิทกับมัตมาก  มีฉากโดนหมากัด  ซ้อนจักรยาน  ห้ามเรียกแท๊งค์ว่าพี่   แท๊งค์โดนห้ามไม่ให้กลับไปที่เขาค้ออีก   มัตตั้งใจจะกลับไปทำรีสอร์ทที่เขาค้อ   นี่แค่จากบทแรกนะคะ

เราแจ้งไปที่คุณ Sarawatta แล้ว   แต่ปรากฏว่าลิงค์เข้าไม่ได้  น่าจะโดนลบไปแล้ว  เราเจอมา 2 เรื่องแล้วค่ะ ในช่วงปิดปีใหม่ที่นิยายเหมือนเรื่องอื่น   เรื่องหนึ่งคล้ายเรื่องนี้    อีกเรื่องคล้ายเรื่อง Addicted crime ของคุณนากิ   ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเอาไปลงที่อื่นด้วยหรือเปล่านะคะ    ขอโทษที่นอกเรื่องค่ะ  แต่อยากลงให้เห็นกัน   ตามอ่านเรื่องนี้ ชอบมากแค่ไหนก็อย่าก็อปเลยค่ะ

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 07-01-2016 12:19:02
จะบอกนิดค่ะว่าเมื่อเช้าวันนี้เราไปเจอนิยายโพสต์ในเล้าเรื่องหนึ่งที่คนโพสต์ลบไปแล้ว  ลงมาได้ 2 ตอน  เราอ่านแค่ตอนแรกเราเมนท์ไปเลยว่าเหมือนกับเรื่องนี้มากๆ
ึคนแต่งเรื่องนั้นต้องอ่านตามเรื่องนี้แน่ถึงได้ออกมาได้เหมือนขนาดนั้น   ส่วนหนึ่งที่เราเมนท์ไปคร่าวๆในเรื่องของความเหมือนก็ตามนี้ค่ะ

ความคล้ายของตัวละคร  แฟรงค์ -แท๊งค์    นัท -มัต   เพื่อนชื่อปอนด์   มาที่รีสอร์ทที่หนองจอก   พื้นเพของมัตมาจากเขาค้อ  แม่ขายขนมจีนส่งจนลูกเรียนจบสูงๆ  แม่ชื่อนวล     แท๊งค์เคยไปอยู่ที่เขาค้อ  เคยสนิทกับมัตมาก  มีฉากโดนหมากัด  ซ้อนจักรยาน  ห้ามเรียกแท๊งค์ว่าพี่   แท๊งค์โดนห้ามไม่ให้กลับไปที่เขาค้ออีก   มัตตั้งใจจะกลับไปทำรีสอร์ทที่เขาค้อ   นี่แค่จากบทแรกนะคะ

เราแจ้งไปที่คุณ Sarawatta แล้ว   แต่ปรากฏว่าลิงค์เข้าไม่ได้  น่าจะโดนลบไปแล้ว  เราเจอมา 2 เรื่องแล้วค่ะ ในช่วงปิดปีใหม่ที่นิยายเหมือนเรื่องอื่น   เรื่องหนึ่งคล้ายเรื่องนี้    อีกเรื่องคล้ายเรื่อง Addicted crime ของคุณนากิ   ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเอาไปลงที่อื่นด้วยหรือเปล่านะคะ    ขอโทษที่นอกเรื่องค่ะ  แต่อยากลงให้เห็นกัน   ตามอ่านเรื่องนี้ ชอบมากแค่ไหนก็อย่าก็อปเลยค่ะ

ทั้งชื่อตัวละคร ทั้งพล็อตเรื่อง เหมือนกันมากเลยครับ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจที่มีคนก็อป 555
เสียดายที่ลบไปแล้วเลยไม่ได้อ่าน อยากรู้มากว่าก็อปมาทั้งดุ้นแล้วเปลี่ยนชื่อตัวละครเอา หรือเอาแค่ชื่อตัวละครกับพล็อตไปเขียน

ภาพแรกของนิยายเรื่องนี้มาจากเรื่อง "ลูกหลง" ที่ออกฉายในปี 2528 แต่ผมได้ดูตอน พ.ศ. 2529
ติดตากับภาพที่พระเอกตัดสินใจหนีงานแต่ง ฉุดนางเอกที่มาในงานหนีไปด้วย
ภาพจบคือสองคนวิ่งไปแล้วกระโดดข้ามอะไรสักอย่างแล้วก็จบที่ภาพนั้น
ผมอยากได้ภาพนี้ในเรื่องนี้มาก อิๆ ก็เลยโหดไปหน่อย

555 พ่อเป็นแบบไหน ลูกก็เป็นแบบนั้น พ่อเชื่อฝังหัวว่าลูกต้องเป็นผู้ชายธรรมดา ลูกฝังใจในรักสมัยเด็กๆ ไม่ยอมเปลี่ยน
สอนลูกอย่างนั้น สุดท้ายลูกก็เอาสิ่งที่พ่อสอนนั่นแหละมาแก้เผ็ด ก็สมกันดีครับ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 07-01-2016 13:34:43
^
^
ไม่ได้ก็อปมาทั้งดุ้นค่ะ   นิยายคุณหนักไปทางการบรรยาย  ของเรื่องที่คล้ายก็มีการบรรยายมากกว่านิยายตามเทรนด์ปกติแต่น้อยกว่าของคุณมาก    อารมณ์ประมาณทานขนมจีนแล้วเขาเอาน้ำยาของคุณ Sarawatta มาหน่อยหนึ่งแล้วเติมน้ำร้อนเข้าไป 1/3

ตอนที่เขาโพสต์ลงมานั้นยังไม่มีใครเมนท์  เราเมนท์เป็นคนแรก แล้วเขาก็ลบไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ 6.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-01-2016 13:39:04
ในเมื่อเลือกแล้วก็เดินหน้าไปให้สุดกำลังเลยนะคะแฟรงค์-นัท เอาใจช่วยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ พักแป๊บ
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 07-01-2016 21:30:22
ขอพักการเขียนเรื่องนี้ซักหลายๆ วันหน่อยนะครับ ใช้อารมณ์กับมันจนล้าเลย
เขียนได้ แตอารมณ์ไม่ไป ถือว่าพักอารมณ์ทั้งคนอ่านคนเขียนไปด้วย

ไปอ่าน "สองเน" กันไปพลางก่อนๆ ก็ได้นะครับ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ พักแป๊บ
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 08-01-2016 02:31:52
เป็นฉากแต่งงานที่ทั้งหวาน ทั้งซึ้ง โรแมนติกได้อีก อ่านแล้วยิ่มร่าเลยเรา เหอๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ ▦ พักแป๊บนึง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 08-01-2016 20:32:38
อ่านแล้วรู้สึกดีใจแทนนัท ตอนแรกก็คิดว่าแฟร้งจะยอมแต่งงานและทำเหมือนเรื่องต้นสน ไม่อยากให้นัทต้องเจ็บและทรมารแบบต้น (เอามาผูกกันะซะอย่างนั้นนะเรา)

 o13 แฟร้งที่วางแผนดี ชอบตรงที่กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางด้วยกัน นายสุดยอดมาแฟร้งต่อไปนี้ห้ามปล่อยมือกันนะไม่ว่าจะเจออุปสรรค์อีกสักเท่าไหร่ ชอบฉากสวีทกันมากเลย
ปล.ชอบรีสอร์ทนี้จังเลยเป็นคนชอบบรรยากาศบ้านพักที่มีสามารถมองเห็นภูเขาล้อมรอบ บรรยากาศคงดีมิใช่น้อย
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ ▦ พักแป๊บนึง
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 09-01-2016 18:19:13
พี่แฟรงค์อบอุ่นมาก ตอนนี้น่ารักดีอะ สวีทมาก ฮ่าๆ

ต่อจากนี้จะเจออะไรก็ต้องสู้ไปด้วยกันนะ พี่แฟรงค์กับนัท :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ ▦ พักแป๊บนึง
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 09-01-2016 18:47:05
เป็นกำลังใจช่วยผู้เขียนคับ พักผ่อนไปเปิดหูเปิดตา ดูหนัง ฟังเพลงแล้วมาเขียนตอนต่อไปเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 09-01-2016 20:27:27
เห็นใจเพียวนะ เห็นใจในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งและเป็นเพศเดียวกัน ถ้าดูกันตามเหตุและผลจริงๆ เพียวไม่ได้ผิดอะไรเลย แฟรงค์และพ่อแม่ของเพียวนั่นแหละที่ผิด และผลจากการกระทำนั้นก็ตกอยู่ที่เพียวแค่คนเดียว ยังไงก็เอาใจช่วยเพียวนะขอให้เจอรักที่ดีในอนาคต  :L2:

ส่วนพี่แฟรงค์และนัท ตัดสินใจที่จะจับมือกันแล้วก็อย่าปล่อยมือกันล่ะ เดินไปข้างหน้าด้วยกันนะ  :กอด1:

เป็นกำลังใจให้พี่ sarawatta นะคะ สู้ๆ ค่ะ  :a2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊20┊ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว ┊P12┊ ▦ พักแป๊บนึง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-01-2016 21:51:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊P13┊ ขอความร่วมมือนิดนึง
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 09-01-2016 22:35:01
ขอระบายความรู้สึกในใจนิดนึงนะครับ (ไม่งั้นไม่หายกังวล)
ผมรู้สึก "เฟล" (ล้มเหลว) กับตอนที่ 20 มากเลยครับ แต่ไม่ใช่เพราะตัวละครถูกวิพากษ์วิจารณ์หรอก
ตอนพีคสุดของเรื่องแต่เป็นแบบนี้ คนเขียนก็ใจหาย ไม่รู้ว่าคนอ่านแค่ลืมหรือตั้งใจนะครับ ผมไม่เดาละกัน
เอาเป็นว่ามันมีผลกับความมั่นใจมากพอสมควร ถ้าใครแค่ลืมก็รบกวนหน่อยนะครับ ผมก็อยากเขียนแล้วล่ะ

อ้อ ถ้ามีอะไรที่ด้อยคุณภาพลงก็บอกกันได้นะครับ ผมจะได้ปรับปรุง PM มาบอกก็ได้

ขอบคุณครับ
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊P13┊ ขอความร่วมมือนิดนึง
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 09-01-2016 23:06:45
   
    ผู้แต่งอยากวางพล็อตของตอนนี้ให้เป็นจุดพีคแบบดราม่ารึป่าวคับ แต่ผมคนอ่านๆแล้วไม่สะดุดคับ เพราะเข้าใจว่าผู้แต่งเขียนถึงฉากงานแต่งงานแล้วโยงเรื่องไปที่แฟรงค์พานัทหนีไปแล้วโยงต่อเนื่องไปฉากสวีทขอนัทแต่งงานใต้แสงดาว อาจจะพูดถึงความวุ่นวายในงานแต่งทีหลัง  ค่อยๆคิด ผมเป็นกำลังใจให้คับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊P13┊ ขอความร่วมมือนิดนึง
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 10-01-2016 00:23:56
ยอมรับว่ายังติดพันกับอิมแพ็คของความคิดที่ว่าวิวาห์เหาะจะสร้างปัญหาหรือเกิดผลอะไรตามมายังไงมากกว่าเนื้อหาของตัววิวาห์เหาะเอง     เนื้อหาตอนที่ 20 อาจจะเป็นจุดพีคของเรื่อง   เราว่าคุณเขียนได้ดีแล้ว    การรับข้อมูลของคนอ่านแต่ละคนไม่เหมือนกันเนื่องจากแบ็คกราวนด์ของแต่ละคนแตกต่างกัน    สำหรับเราจุดพีคจึงอยู่ที่การแก้ปัญหาของแฟรงค์มากกว่าการแต่งงานของแฟรงค์กับนัท

คุณ Sarawatta  ไม่ได้เฟลอะไร   มันอยู่ที่การเลือกรับข้อมูลของคนอ่านตามที่เราได้เมนท์ไปแล้ว   กรุณาอย่าให้เมนท์เราเป็นตัวกดดันทั้งๆที่ไม่ควรจะมีความกดดัน   การเขียนนิยายควรจะเป็น passion & pleasure มากกว่า task   แต่บางครั้งเรารู้สึกว่าสำหรับคุณ Sarawatta  การเขียนนิยายกลายเป็น task ไปนิดๆหรือเปล่า?  ดูคุณกังวลมาก    การเขียนคอมเมนท์ของคนอ่านก็เช่นเดียวกัน    บางครั้งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรเขียนหรือไม่   เพราะว่าเรามองหรือโฟกัสด้านอื่นมากไปที่ๆคนอื่นๆมักจะมองกัน
 
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊P13┊ ขอความร่วมมือนิดนึง
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2016 00:25:44
ก็ไม่ได้อะไรนะ แต่ งงว่าแต่งแล้วหนีตามกันเพื่ออะไรอะ มันรู้สึกไม่ค่อยสมเหตุสมผลอะ ดูง่ายๆไปอะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊P13┊ ขอความร่วมมือนิดนึง
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 10-01-2016 07:18:45
เอาอย่างนี้ละกันครับ พูดให้ตรงประเด็น ผมไม่มีปัญหากับเรื่อง "ความคิดเห็น" เลยครับ เป็นเรื่องนานาจิตตัง ประสบการณ์แต่ละคนไม่เหมือนกัน อีกอย่าง ในเรื่องนี้ผมไม่เห็นความคิดเห็นที่มุ่งโจมตีคนเขียนหรือเข้าขั้นด่า (คนเขียน/ตัวละคร) เสียๆ หายๆ (หยาบคาย)

ถ้าสังเกตจะเห็นว่า passion เรื่องนี้ผมมาอย่างแรงเลย เพราะลงติดๆ กันแทบจะวันต่อวัน เว้นไม่เกินสองวัน
แต่ที่ผมกำลังวิ่งมาอย่างเร็วแล้วสะดุดล้มเป็นเพราะเรื่อง "บวกเป็ด" ครับ

ผมอยากให้คนอ่านให้ความสำคัญกับเรื่องนี้นิดนึง (ผมรู้ว่าหลายคนให้ความสำคัญอยู่แล้วและไม่เคยลืมบวกให้) นักเขียนหลายๆ คนเคยพูดถึงเรื่องนี้ในบอร์ด "พูดคุยทั่วไป" หลายครั้ง (เกี่ยวกับพฤติกรรมนักอ่านสมัยนี้) จึงเป็นที่มาว่าผมพยายามรณรงค์เรื่องนี้มาตลอด จะเห็นว่าผมจะเขียนเตือนในแต่ละตอนของนิยายที่ผมเขียนด้วยทุกเรื่อง (ท้ายตอน)

ถ้าเรารู้สึกว่า
1) อยากให้กำลังใจคนเขียน ก็บวกไปเลยครับ ไม่ต้องลังเล ผมไม่คิดว่าจะมีคนอ่านคนไหนไม่อยากให้กำลังใจคนเขียน โดยเฉพาะคนที่เขียนเรื่องที่เรากำลังติดตามอ่าน
2) อยากขอบคุณที่นักเขียนสละเวลาที่มีน้อยนิดมาเขียนนิยายให้อ่าน ก็บวกไปเลยครับ ไม่ต้องลังเลเช่นกัน
3)  มีอะไรบางอย่างที่เราชอบเป็นพิเศษหรือชอบมากในตอนนั้น ก็บวกไปเลยครับ

ผมว่าแค่สองเหตุผลแรกก็น่าจะเพียงพอแล้ว ถ้าไม่บวกให้เลย ก็อาจจะแปลว่า

1) ลืม
2) ไม่คิดว่าสำคัญ
3) ไม่อยากให้กำลังใจ
4) ไม่อยากขอบคุณ
5) ไม่มีอะไรชอบเลยสักอย่าง

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำได้แล้วช่วยให้นักเขียนไปต่อได้โดยไม่สะดุดก็ทำไปเถอะครับ บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าคนเขียนจะไปสะดุดกับมันตอนไหน

ตอนที่ 20 มันหายไปเยอะ (แต่ตอนนี้มีคนที่อาจจะแค่ลืมมาบวกเพิ่มให้แล้ว) จนผมงงว่าเกิดอะไรขึ้น กำลังจะเขียนตอนต่อไปก็เลยต้องเบรกไว้ก่อน

ตอนแรกกะว่าจะเขียนรวดเดียวให้จบไปเลย ก่อนจะไปทำงานติดๆ กันหลายวัน แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้วครับ อาจจะยาวจนถึง 20 มกราคมเลย ไม่งั้นก็ต้องอดนอนเอา (บางทีอยากเขียนมากๆ ก็ต้องทำอย่างนั้น เพราะหาเวลาอื่นไม่ได้) เพราะฉะนั้น ผมยังไม่รับปากว่าจะได้อ่านตอนต่อไปเร็วๆ นี้นะครับ

ขอย้ำว่าเรื่อง "ความคิดเห็น" ไม่เป็นปัญหาสำหรับผมครับ จะด่าจะว่าจะชมตัวละครตัวไหนก็แล้วแต่ครับ เอาพอหอมปากหอมคอ (ไม่ใช้ภาษาหยาบคาย) ในเรื่องนี้ผมโอเคมาก อ้อ แล้วก็ไม่มุ่งโจมตีคนเขียนก็พอแล้วครับ

ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊ อยากเขียน แต่ไม่มีเวลาเขียนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-01-2016 22:54:42
ตกใจหมด นึกว่าจะทิ้งเรื่องนี้ไปซะแล้ว เห็นบอกว่า ไม่มีเวลาเขียนแล้ว :เฮ้อ:

 :pig4: :L1: :3123: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊ อยากเขียน แต่ยังไม่มีเวลาเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-01-2016 15:39:34
อยากอ่านตอนต่อไปมากค่ะ แต่ต้องรอเพราะคนเขียนไม่ว่างติดงานอยู่

เพราะฉะนั้นเป็นกำลังใจให้นะคะ ทั้งเรื่องงานและเรื่องการเขียนนิยายค่ะ

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 11-01-2016 22:38:10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 21 ✢ กำเนิด Straw'ry Cafe


(http://bit.ly/2lPHQVt)

"นัทอยากได้บ้านแบบไหน เดี๋ยวพี่จะสร้างให้"

คนถูกถามหยุดใช้มีดหั่นเนื้อสเต็กแล้วก็วางมีดกับส้อมลงชั่วคราว ก่อนจะทำท่านึกด้วยแววตาชวนฝัน

"อืม...นัทอยากมีบ้านอยู่ในไร่ ไม่ต้องใหญ่มากหรอก แต่ต้องดูโมเดิร์นๆ หน่อย ไม่เกินสองชั้นเพราะว่านัทขี้เกียจเดินขึ้นหลายชั้น มีหมาซักตัวก็ดีนะ นัทอยากเลี้ยงหมา ถึงมันจะเคยกัดนัทตั้งสองครั้งก็เหอะ มันจะได้อยู่เป็นเพื่อนเราด้วย"

คนพูดยิ้มอย่างอารมณ์ดี แล้วก็ขมวดคิ้วสงสัยเมื่อนึกบางอย่างได้ "ว่าแต่...พี่แฟรงค์มีตังค์เยอะพอจะสร้างบ้านของเราเหรอ นัทมีเก็บไม่ถึงล้านเลย คงซื้อได้แค่เสาไม่กี่ต้น" นัทพูดติดตลกตอนท้าย

ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มชิ้นเนื้อสเต็กเข้าปาก ส่วนนัทก็กลับมาหั่นเนื้อสเต็กกินก่อนจิ้มส่งเข้าปากเช่นกัน

"ก็มีพอสร้างได้อยู่ แต่เราเอาไว้สร้างทีหลังดีกว่า ช่วงนี้...เราคงต้องหาบ้านเช่าอยู่ไปก่อน"

"ไปอยู่บ้านนัทก่อนมั้ย ไม่อยากให้พี่แฟรงค์เปลืองเงินน่ะ นัทเองก็ยังไม่มีรายได้ คงช่วยพี่แฟรงค์ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หรอก กลัวจะเป็นภาระพี่แฟรงค์ด้วยซ้ำ"

"อย่าคิดมากสิ พี่เป็นคนพานัทหนีมาเอง พี่ก็จะรับผิดชอบทุกอย่าง ไม่ให้นัทลำบากหรอก"

"ไม่ได้หรอกพี่แฟรงค์ นัทเกรงใจ อีกอย่าง...เราสองคนก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน เราต้องช่วยกัน ต้องแชร์กัน อย่างน้อยก็ต้องครึ่งต่อครึ่งนั่นแหละถึงจะยุติธรรม"

ฟังแล้วผมก็มองหน้านัทอย่างครุ่นคิดเพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย ถ้าผมแต่งงานกับผู้หญิง ผมก็จะถูกคาดหวังให้เป็นฝ่ายดูแล หาเงินและรับผิดชอบทุกอย่างตามบทบาทของผู้ชายโดยทั่วไป แต่คู่ชีวิตชาย-ชายคงมีหลายๆ อย่างแตกต่างจากคู่ชีวิตหนุ่ม-สาวทั่วไปพอสมควร ผมเองก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้ บางทีเราก็อาจจะต้องปรึกษากับคนที่มีประสบการณ์บ้างก็ดี

"ถ้าอย่างงั้น...พี่ว่าเราควรจะเริ่มทำความฝันของเราสองคนให้เป็นจริงให้เร็วที่สุดแล้วล่ะ เราจะได้ช่วยกันทำ มีรายได้เท่าๆ กัน ดีมั้ยล่ะ"

นัทเอียงคอมองอย่างสงสัย "ความฝันอะไรเหรอพี่แฟรงค์"

ผมวางส้อมกับมีดลงแล้วก็ยิ้ม มองหน้าคนที่เพิ่งตกลงเป็นคู่ชีวิตกันอย่างเอ็นดู

"นัทรู้มั้ยว่าทำไมพี่ถึงพานัทหนีมา ไม่ใช่เพราะว่าพี่ถูกบังคับให้แต่งงานอย่างเดียวเท่านั้นหรอกนะ"

นัททำท่านึก แล้วก็หัวเราะแหะๆ "จำไม่ได้"

"โธ่" ผมส่ายหัวช้าๆ แต่ก็ยังยิ้มอยู่ "นัทจำวันที่เราเจอกันครั้งแรกแล้วก็นั่งคุยกันในร้านกาแฟที่รีสอร์ทได้ใช่มั้ย"

นัทพยักหน้า ก่อนจะใช้มีดหั่นสเต็กเบาๆ แล้วส่งเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

"พอพี่ได้ยินว่านัทอยากหาประสบการณ์เอาไปทำรีสอร์ท พี่ก็คิดมาตลอดเลยว่าพี่อยากทำรีสอร์ทด้วยกันกับนัท เป็นรีสอร์ทที่เราสองคนช่วยกันทำ นัทจำได้ใช่มั้ยว่าพี่เคยบอกนัทว่าพี่อยากทำรีสอร์ทบนภูเขา จริงๆ แล้ว...พี่คิดมาตลอดเลยว่าพี่อยากกลับมาทำรีสอร์ทที่เขาค้อ แต่พ่อพี่เค้าไม่ยอม ก็อย่างที่นัทรู้นั่นแหละ ที่สำคัญนะ นัทรู้มั้ย..."

ผมหยุดทุกอย่างแล้วก็จ้องตานัทที่กำลังเคี้ยวอาหารพร้อมกับตั้งใจรอฟังไปด้วย

"เราสองคนมีความฝันร่วมกันมาตั้งนานแล้วนะนัท มีมาก่อนที่เราจะกลับมาเจอกันซะอีก พอพี่รู้ตัวว่าพี่รักนัทแล้ว พี่ก็คิดมาตลอดเลยว่าพี่อยากทำอะไรสักอย่างกับนัท มันเป็นเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้พี่พานัทหนีมาที่นี่ พี่อยากสร้างอะไรที่เป็นของพี่เอง ทำอย่างที่พี่ฝัน แล้วที่สำคัญ พี่อยากพิสูจน์ตัวเองว่าพี่ทำได้ พี่ไม่อยากยืมลมหายใจของปู่หรือพ่อไปตลอดหรอก"

ผมหยุดเว้นจังหวะ หั่นสเต็กในจานกินไปอีกคำสองคำ ก่อนจะยกแก้วไวน์แดงขึ้นมาชนแก้วกับนัท จิบกันคนละจิบสองจิบแล้วก็คุยต่อ

"นัทรู้มั้ย ชีวิตพี่ไม่เคยมีอิสระเลย พี่อยู่ใต้เงาของพ่อมาตั้งแต่พี่เกิด พี่รู้ว่าพ่อรักพี่นะ พี่ก็รักพ่อของพี่ แต่บางอย่างมันก็มากเกินไป พี่ยังเคยอิจฉาคนที่มีชีวิตอย่างนัทเลย พอโตแล้วก็ได้ออกจากบ้านมาใช้ชีวิตของตัวเอง ทำผิดทำถูกบ้าง ไม่ต้องอยู่แต่ในกรอบ แถมยังได้เรียนรู้อะไรอีกตั้งหลายอย่าง ไม่ต้องอยู่แต่กับธุรกิจอย่างพี่ แต่นัทเชื่อมั้ย จากที่พี่เคยกลัวพ่อมาก พอพี่ได้กลับมาเจอนัทอีกครั้ง พี่ก็รู้เลยว่า...พี่จะยอมให้พ่อบังคับจนต้องเสียนัทไปเหมือนตอนนั้นอีกไม่ได้ พี่เสียใจมากนะที่เราสองคนต้องจากกัน ถึงวันนี้พี่ก็ยังเสียใจอยู่ เมื่อก่อนพี่ไม่มีแรงบันดาลใจว่าพี่จะอยากมีอิสรภาพไปทำไม แต่ตอนนี้นัทเป็นแรงบันดาลใจของพี่ ทำให้พี่กล้า ทำให้พี่เห็นปลายทางชีวิตที่พี่ต้องการ ทำให้พี่รู้ว่าต้องลุกขึ้นสู้เพื่ออิสรภาพ สู้เพื่อความรัก แล้วก็สู้เพื่อความฝันของตัวเอง พี่รู้ว่าอยู่กับครอบครัวก็ไม่ลำบากอะไรหรอก แต่พี่แค่ไม่สามารถเป็นอย่างที่พี่อยากเป็น หรือทำอย่างที่พี่ฝันอยากจะทำ เพราะนัทนะ...พี่ถึงกล้าที่จะปลดแอกชีวิตให้เป็นอิสระซะที พี่รู้ว่ามันไม่ถูกหรอกที่พี่ทำแบบนี้ แต่บางที...เหตุการณ์วันนี้อาจจะเป็นแค่โอกาสเดียวในชีวิตของพี่ ถ้าพี่ไม่คว้าไว้แล้วรอให้ทุกอย่างพร้อม พี่ก็อาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยตลอดชีวิต พี่ถึงไม่เสี่ยงรอให้นานกว่านี้ไง"

ผมเลื่อนมือไปข้างหน้าแล้วก็กุมมือของนัทที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารไว้ ก่อนจะจับมือกันและบีบเบาๆ

"เรามาสร้างความฝันของเราสองคนด้วยกันนะนัท พอเราสองคนมีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว เราค่อยสร้างบ้านในฝันของเรา นัทรอได้ใช่มั้ย ถ้าเราตั้งใจ...พี่เชื่อว่าไม่นานหรอก"

นัทก้มมองดูมือของเราที่จับกันไว้ ก่อนจะยิ้มอย่างซาบซึ้งใจและพยักหน้าตกลง

"นัทพร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าพี่แฟรงค์จะพานัทไปไหนหรือทำอะไร นัทก็จะอยู่ข้างๆ พี่แฟรงค์ เราจะมีรีสอร์ทในฝันแล้วก็บ้านในฝันด้วยกันให้ได้"

"ขอบคุณที่เชื่อใจกันนะครับที่รักของพี่แฟรงค์"

นัทหัวเราะชอบใจใหญ่เลยคราวนี้ ผมมองหน้าใสสว่างที่อาบด้วยแสงเทียนแล้วก็ยิ้มมีความสุข แม้ว่าในใจยังคงมีความกังวลอยู่หลายเรื่องอยู่ก็ตาม

"พี่ชอบไอเดียนั้นของนัทนะ ที่นัทคุยให้พี่ฟังที่นี่ไง จำได้มั้ย เรื่องรีสอร์ท ไร่สตรอเบอรี่ แล้วก็ร้านกาแฟ"

นัทพยักหน้าไวๆ "จำได้ๆ พี่แฟรงค์ว่าดีมั้ยล่ะ เราอาจจะเริ่มจากทำไร่สตรอเบอรี่ก่อน แล้วก็ทำร้านกาแฟติดๆ กับไร่ ลูกค้าจะได้เดินเข้าไปดูในไร่ได้ ใครอยากซื้อสตรอเบอรี่สดๆ ก็มาซื้อที่ไร่เราได้เลย ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางทุกอย่าง พอเรามีเงินค่อยขยายไปทำรีสอร์ท"

นัทเล่าด้วยสายตาเป็นประกาย ทำให้ผมพอเดาได้ว่าเจ้าตัวคงอยากทำจริงๆ

"พี่ก็คิดว่าดีนะ อีกอย่าง...พี่ว่าเราควรจะมีชื่อที่น่าสนใจด้วย แล้วพี่ก็อยากให้ชื่อมันมีความหมายถึงเราสองคน ทำให้คนอยากรู้เรื่องของเรา หรืออย่างน้อยๆ ก็อยากรู้ที่มาที่ไปของชื่อนี้ นัทว่าดีมั้ย ยังไม่ต้องคิดตอนนี้หรอก ไว้ค่อยคิดก็ได้"

"ได้ๆ เดี๋ยวคืนนี้นัทจะลองคิดชื่อไว้ดูนะ"

"คิดว่าคืนนี้นัทจะมีเวลาได้คิดชื่อเหรอ" ผมถามพลางยักคิ้ว สายตาเป็นประกาย "คืนนี้เอาไว้ทำอะไรพิเศษๆ ดีกว่านะ ชื่อไว้คิดพรุ่งนี้ก็ได้"

นัทหัวเราะหน้าแดง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไวน์หรือความเขินกันแน่

"พี่แฟรงค์ตลกง่ะ"

นัทพูดประโยคที่ชอบพูดบ่อยๆ เวลาที่ผมทำให้หัวเราะมีความสุข จากนั้นเราก็ทานอาหารและไวน์กันต่อ เสร็จจากอาหารคาวก็มีอาหารหวานตามมา ก่อนจะปิดท้ายด้วยไอศครีมฮาเกนดาสที่ผมแช่ตู้เย็นไว้จนมันคืนสภาพคล้ายเดิมอีกครั้ง หลังจากที่เป็นของเหลวมาหลายชั่วโมงระหว่างการเดินทาง อาหารมื้อเย็นใต้แสงเทียนที่แสนพิเศษของเราสองคนจึงยุติลง

"ไปแปรงฟันกันดีกว่า"

ผมบอกนัทหลังจากที่พนักงานมาเก็บจานอาหารและเคลียร์พื้นที่ให้จนเรียบร้อยดีแล้ว

"ไปทั้งชุดนี้เลยเหรอ" นัทหันมาถามอย่างแปลกใจ

"ก็ถอดออกก่อนสิ แต่ว่า...พรุ่งนี้เราต้องใส่ต่ออีกนะ เพราะฉะนั้น เราต้องแขวนไว้ก่อน พี่ซื้อไม้แขวนมาด้วย"

"โห...พี่แฟรงค์เตรียมพร้อมทุกอย่างเลย"

"แน่นอน"

ว่าแล้วผมก็โอบเอวนัทแล้วพาเดินเข้ามาข้างในห้อง ก่อนจะช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่เสื้อกล้ามและชุดชั้นในสีขาวด้วยกันทั้งคู่

อากาศหนาวมากจึงทำให้ไม่มีเหงื่อและเหนียวเหนอะหนะ ผมกับนัทจึงแค่แปรงฟันก็เพียงพอแล้ว เราสองคนยืนแปรงฟันด้วยกันหน้าอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ในขณะที่แปรงก็มองดูกระจกไปด้วย แปรงฟันไปยิ้มไป ปากเป็นฟองขาวๆ ด้วยกันทั้งคู่

สักพักนัทก็เหลือบตาลงมองต่ำ หรี่ตามองอะไรบางอย่างแล้วค่อยๆ หยุดแปรงฟัน ก่อนจะใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือแปรงสีฟันที่วางอยู่ข้างๆ ตัวคว้าหมับเข้าที่เป้าของผมที่ตุงผิดธรรมดา ผมสะดุ้งตกใจเล็กน้อยแล้วก็หันไปหัวเราะแหะๆ โดยไม่เปิดปากอย่างอายๆ กับนัท

"พี่แฟรงค์หื่นนะเนี่ย" นัทพูดด้วยเสียงอู้อี้เพราะเปิดปากพูดไม่ถนัด แล้วก็ค่อยๆ ปล่อยมือจากตรงนั้นของผม

"พี่แฟรงค์มีเมียน่ารักอย่างนี้ จะไม่ให้หื่นได้ยังไง" ผมด้วยเสียงอู้อี้พอกันแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ ส่วนนัทก็ได้แต่ขำเบาๆ

พอแปรงฟันเสร็จแล้วเราก็บ้วนปากพร้อมกัน ก่อนจะยืนมองกันในกระจกตรงหน้า ผมมีความสุขมากเหลือเกินที่เราสองคนได้กลับมายืนคู่กันที่บ้านเกิดของเราอีกครั้ง  แต่ก็มีหลายอย่างที่แตกต่างไปเพราะเราไม่ใช่เด็กชายแฟรงค์และเด็กชายนัทเหมือนเมื่อก่อน ตัวเราโตขึ้น หน้าตาเราก็เปลี่ยนไปบ้าง หลายๆ อย่างในชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมก็คือความรักและผูกพันของเรา

"นัท...คืนนี้เราเก็บเรื่องวุ่นวายเอาไว้ก่อนนะ พี่อยากให้คืนแต่งงานของเราสองคนเป็นคืนที่พิเศษ ไม่อยากให้มีเรื่องไม่ดีมากวนใจ ตกลงมั้ย"

นัทหันมามองผมแล้วก็พยักหน้าตกลง ผมเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสองตัว ส่งให้นัทใส่แล้วก็ใส่ของตัวเองบ้าง จากนั้นจึงพานัทออกมายืนรับลมหนาวเย็นๆ ด้วยกันที่ระเบียงห้องอีกครั้ง

"นัทได้ชื่อร้านกาแฟแล้วล่ะ เพิ่งนึกได้ตอนแปรงฟัน"

"เหรอ นัทจะตั้งชื่อว่าอะไรล่ะ" ผมถามอย่างตื่นเต้น

"Straw'ry Cafe นัทเอาหลายๆ อย่างมาผสมกันไง คาเฟ่ก็จะเป็นร้านกาแฟ ส่วนสตรอรี่ก็เอาคำสองคำมาผสมกัน ก็คือ...สตรอเบอรี่กับสตอรี่ รวมกันเป็น สตรอรี่ เพราะว่าไร่สตรอเบอรี่และร้านกาแฟของเรามีสตอรี่ไง อ้อ แล้วคำว่าสตรอก็แปลว่าหลอดดูด ก็สื่อถึงเครื่องดื่มหรือกาแฟได้อีก นัทว่าคนจะต้องอยากรู้แน่ๆ เลยว่ามันแปลว่าอะไร หรือหมายถึงอะไร"

ผมพยักหน้ารับรู้ช้าๆ พลางคิดตาม จะว่าไปมันก็ไม่เลวเหมือนกัน "พี่ชอบชื่อนี้นะ สั้นๆ แต่รวมทุกอย่างไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวเลย เมียของพี่เก่งจัง"

ว่าแล้วผมก็กระชับอ้อมกอดนัทไว้จากทางด้านหลัง ก่อนจะซุกจมูกลงสูดหอมตรงซอกคอเบาๆ อย่างรักใคร่ นัทหันมายิ้มให้อย่างชอบใจก่อนจะพูดต่อ

"แล้วนัทก็คิดว่า...คนที่มากินกาแฟหรือมาพักที่รีสอร์ทของเราก็ควรจะมีสตอรี่ด้วยนะ ไม่ใช่แค่มาเฉยๆ แต่นัทก็ยังนึกไม่ออกหรอกว่าจะทำยังไงดี"

"เดี๋ยวค่อยช่วยกันคิดต่อก็ได้ พี่มีเพื่อนๆ ที่พอจะช่วยเราคิดเรื่องแบบนี้ได้อยู่หลายคน แล้วก็มีเพื่อนที่น่าจะช่วยออกแบบร้านกาแฟให้ได้ด้วย พวกมันคิดไม่แพงหรอก"

"ดีเลย นัทก็พอมีเหมือนกัน"

"เอ...ว่าแต่เราจะไปทำร้านกาแฟที่ไหนดี ต้องซื้อที่ใหม่หรือเปล่า"

"ไม่ต้องหรอก" นัทรีบหันมาบอก ก่อนจะหันกลับไปแล้วพูดต่อ "แม่ซื้อที่ไว้ให้แล้ว ไปทำที่นั่นก็ได้ แม่นัทน่ะจะยกร้านขนมจีนให้พี่นิว เค้ารู้ว่านัทคงไม่อยากทำเท่าไหร่ ก็เลยไปหาซื้อที่ไว้ให้นัทเผื่ออยากจะทำรีสอร์ท แม่ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่นัทจะกลับมาทำซะที จะกู้ธนาคารให้ด้วยนะ"

ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็ครุ่นคิด ความจริงผมก็พอรู้เรื่องนี้จากน้านวลมาบ้าง "อีกสองสามวัน...พี่จะพานัทไปขอขมาน้านวลนะ"

นัทฟังแล้วก็หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับผมตรงๆ แววตาของนัทฉายแววเห็นใจจนผมรู้สึกได้

"พี่แฟรงค์ พี่แฟรงค์เข้มแข็งนะ" แม้จะยิ้ม แต่นัทก็น้ำตาซึมหน่อยๆ

ผมรู้ดีว่านัทหมายถึงอะไร นัทเองก็คงรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่มีรอยยิ้มของผม ข้างในกลับมีแต่ความวิตกกังวลและความรู้สึกไม่มั่นคงเอาเสียเลย มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่ผมจะทำใจได้ แต่ก็ต้องกัดฟันทนและกลืนเลือดของตัวเองเพื่อความรัก อิสรภาพและความฝัน

"พี่เข้มแข็งอยู่แล้ว" ผมพูดพลางเอามือปัดไรผมให้นัทอย่างเบามือ

นัทกอดผมแล้วก็เอียงแก้มลงซบตรงไหล่ ราวกับรู้ว่าคำพูดเพียงอย่างเดียวไม่พอที่จะให้กำลังใจกัน สัมผัสที่อบอุ่นอย่างนี้ต่างหากที่จะถ่ายทอดพลังจากใจสองใจให้กันได้มากยิ่งกว่า

"ขอบคุณพี่แฟรงค์นะที่ยอมทำถึงขนาดนี้เพื่อนัท ทำให้นัทมาตลอดเลยตั้งแต่เด็กๆ เสียสละให้ทุกอย่างทั้งๆ ที่นัทไม่ใช่น้องแท้ๆ ซะหน่อย แล้ววันนี้...พี่แฟรงค์ก็ยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างหลัง นัทรู้นะว่าพี่แฟรงค์เจ็บปวดมาก แต่ก็ยอมเสียสละเพื่อน้องคนนี้ นัทรักพี่แฟรงค์นะ รักมากที่สุดในชีวิตเลย ต่อไป...นัทจะไม่ทำให้พี่แฟรงค์ต้องเสียใจเพราะนัทอีก แล้วนัทก็หวังว่า...ความรักทั้งหมดที่นัทมีให้พี่แฟรงค์ จะช่วยให้พี่ชายและสามีของน้องคนนี้ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงจนถึงความฝันของเรา"

ผมกอดกระชับอ้อมกอดขึ้นอีกนิด โยกตัวนัทเล่นไปมาเบาๆ ก่อนจะพูดตอบกลับไป

"ขอบคุณมากนะนัทสำหรับกำลังใจดีๆ ที่มีให้พี่ ชีวิตของพี่คงถูกลิขิตมาแล้วว่าต้องอยู่กับนัทเท่านั้น พี่ไม่เคยรู้สึกเหนื่อย ไม่เคยคิดว่านัทเอาเปรียบพี่ ไม่เคยคิดว่านัทไม่ใช่น้อง ไม่เคยคิดว่าพี่ลำบากที่ทำอะไรให้นัท พี่มีความสุขที่ได้ดูแลน้องของพี่ มีความสุขที่เห็นนัทยิ้ม มีความสุขที่เห็นนัทกินไอติมอย่างเอร็ดอร่อย ถึงแม้ว่าพี่จะไม่ได้กินด้วยก็เหอะ พี่คนนี้...มีความสุขที่ได้ทำให้นัทมีความสุข พี่เคยบอกนัทไม่ให้นัทเรียกพี่ว่าพี่ แต่ในใจของพี่แฟรงค์คนนี้ก็รู้ดีเสมอว่านัทเป็นน้องของพี่ เป็นคนที่พี่จะต้องดูแลอย่างไม่มีเงื่อนไขตลอดไป พี่เต็มใจเสมอนะ"

ผมเว้นจังหวะหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามหยอกเล่นอย่างอารมณ์ดี "ว่าแต่นัทจะให้พี่เป็นสามีจริงๆ เหรอ"

"อ้าว ทำไมล่ะ พี่แฟรงค์ไม่อยากเป็นเหรอ" นัทผละตัวออกพลางขมวดคิ้วฉงน

"เปล่า ความจริงพี่ก็อยากจะถามนัทเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว ตกลงว่านัท...โอเคใช่มั้ยกับบทบาทนี้"

นัทยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่ "บทบาทอะไรเหรอ"

ผมอดที่จะหัวเราะเบาๆ อีกไม่ได้ "ก็...บทบาทข้างล่างไง พี่ไม่รู้ว่านัทอยากมีบทบาทข้างบนมั่งหรือเปล่า"

"อ๋อ" นัทลากเสียงยาวแล้วก็หัวเราะ "ก็พี่แฟรงค์ชิงทำไปก่อนแล้วนี่ แถมยังชิงเรียกนัทว่าเมียอีก"

"จะเปลี่ยนมั่งก็ได้นะ พี่ไม่ว่าหรอก"

นัทก้มหน้าเขิน สักพักก็เงยหน้าขึ้นมามองผมที่ยังคงหัวเราะเบาๆ อยู่

"พี่แฟรงค์อยากลองเหรอ" นัทถามอย่างอายๆ

"ถ้านัทต้องการ พี่ก็ยินดี มีอะไรมั่งล่ะที่พี่จะทำให้นัทไม่ได้ พี่ก็ยอมนัทมาตลอดอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นเหรอ"

"จะดีเหรอ" นัทยังคงเขินอายอยู่

ผมพยักหน้ายิ้มๆ "อื้ม"

"แต่ยังไงๆ พี่แฟรงค์ก็ต้องเป็นสามีนัทนะ นัทน่ะ...ไม่มีปัญหาหรอกที่จะเป็นเมียพี่แฟรงค์"

"แน่นอนอยู่แล้ว ที่พี่พานัทหนีมาก็เพราะพี่อยากเป็นสามีนัทนี่แหละ"

นัทเอามือโอบรอบคอผมแล้วก็หัวเราะชอบใจ

"ที่นัทยอมตามมาด้วยก็เพราะว่านัทอยากเป็นเมียพี่แฟรงค์เหมือนกัน"

"งั้น...เริ่มเลยมั้ย ถ้าช้า...เดี๋ยวพี่เปลี่ยนใจนะ"

นัทพยักหน้าเร็วๆ ตกลงทันที "เริ่มเลยก็ได้"

"สงสัยคืนนี้พี่คงระบมแน่ๆ เลย"

"นัททำเบาๆ ก็ได้"

เราสองคนหัวเราะให้กันและยิ้มเขินไปด้วย ที่ผมคิดได้อย่างนี้ก็เพราะคำพูดของนัทเมื่อตอนกินอาหารเย็นนั่นเอง ชีวิตคู่ของชายกับชายไม่เหมือนชายกับหญิง การแบ่งบทบาทกันจะใช้เพศเป็นเกณฑ์ไม่ได้ ผมไม่ควรคาดหวังให้นัททำงานบ้าน เฝ้าบ้านแล้วผมก็ออกไปทำงานข้างนอก ตรงกันข้าม ผมกับนัทต้องช่วยกันทำงานบ้าน ต่อไปถ้านัทมีรายได้แล้วเราก็ต้องจ่ายเงินเท่าๆ กัน ได้เงินเท่าๆ กัน แม้กระทั่งเรื่องบทบาทบนเตียงนอน ผมกับนัทก็ควรจะแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันบ้างตามสมควร ไม่มีใครเสียเปรียบหรือได้เปรียบกัน

แต่ถึงกระนั้น ผมก็คงต้องยอมให้นัทมากกว่าอยู่ดี เพราะก็ผมดูแลนัทมาอย่างนี้ตลอด เต็มใจที่จะให้นัทได้เปรียบในบางเรื่องอยู่แล้ว

จะว่าไปผมก็ชักจะตื่นเต้นเหมือนกัน จินตนาการไม่ออกเลยว่าการเปลี่ยนบทบาทคืนนี้จะเป็นยังไงบ้าง ถ้าไม่ลองก็คงไม่รู้ ลองแล้วนั่นแหละถึงจะบอกได้!


- TBC -[/center]
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-01-2016 23:09:24
เอาจริงเหรอจ๊ะนัท  :hao7: 
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 11-01-2016 23:47:08
อ้างถึง
"ไม่ได้หรอกพี่แฟรงค์ นัทเกรงใจ อีกอย่าง...เราสองคนก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน เราต้องช่วยกัน ต้องแชร์กัน อย่างน้อยก็ต้องครึ่งต่อครึ่งนั่นแหละ"
ชอบตรงนี้  แมนๆดี คุยกันตรงๆ

คู่นี้ท่าจะไปได้ไกลเพราะว่าต่างคนค่างมีความคิดที่ดี    แถมแม่นัทยังช่วยเสริมต้นทุนด้วย

เรื่องบทบาทใครกดใครนี่นำเสนอออกมาดีค่ะ   เพราะเห็นจะเมืองไทยนี่แหละมั๊งที่มีไอเดียแน่ชัดว่าคู่รักเพศเดียวกันจะแบ่งผัวแบ่งเมีย  ในขณะที่งานแต่งคู่รักที่ยุโรปนี่จะเป็น สามี-สามี
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-01-2016 00:54:44
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 12-01-2016 01:38:23
เย้ย  พลิกบทบาทก็งี้เลยนะ เหอๆๆ อยากใหัมี nc ตอนนี้จริง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 12-01-2016 08:19:04
ตอนนี้ดีจังคับ  ตอนต่อไปมาเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 12-01-2016 11:27:43


หวังว่าคุณจะไม่ว่าหากเรารออ่านตอน 21 หลังจากที่แก้ไขทีเดียวเลยนะคะ
(ขอโทษด้วยที่นิสัยแบบนี้ แต่หวังว่าคุณจะเคารพการตัดสินใจของเราค่ะ)

ส่วนเรื่องการเขียนนิยาย เราขอเป็นกำลังใจให้แล้วกันค่ะ เพราะส่วนตัวเข้าใจความคาดหวังของคนเขียนนิยายได้ด้วยเราก็เป็นทั้งคนเขียนและคนอ่านไปพร้อม ๆ กัน  เอาเป็นว่า เมื่อไรที่คุณท้อ... ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด ๆ  ขอให้คุณหยุดพักให้เวลากับตัวเองสักครู่ ลองเอาช่วงเวลาดังกล่าวกลับไปทำในสิ่งที่คุณมีความสุขนอกเหนือจากการเขียน

จนเมื่อหายรู้สึกนอยด์แล้ว ก็ให้เวลาตัวเองระลึกย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณมีเรี่ยวแรงในการจรดปลายนิ้วลงบนคีย์บอร์ดเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ออกมาเป็นตัวอักษรนับหมื่นนับแสนครั้งแล้วครั้งเล่าดูอีกที  หากความรู้สึกนั้นยังคงรุ่งโรจน์สว่างไสวอยู่ในตัวคุณ มันจะเป็นพลังส่วนหนึ่งให้คุณกลับมาเขียนต่อได้ค่ะ (ุถึงมันอาจจะช้าไปบ้างก็เถอะ)

ส่วนกำลังใจจากคนอ่าน... ขอให้มองมันเป็นสายลมที่พัดให้คุณบินได้สูงขึ้นเท่านั้น อยากให้คนเขียนทุกคนบินต่อได้ด้วยแรงจากปีกของตัวเองแม้จะไม่มีลมหนุนค่ะ เพราะยังมีคนอ่านอีกมากที่ไม่แสดงตัว ไม่ได้แสดงคะแนน ไม่ได้กดรักชอบงานของเราแต่เขาก็พร้อมจะเดินทางไปกับคุณจนถึงปลายฝันแน่นอน

ด้วยความเคารพ

 
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 12-01-2016 12:12:39
เข้ามาอ่านนิยายคุณSarawatta ก่อนอื่นขอชื่นชมผลงานเขียนได้ดี(ความคิดของเรานะ) และเราก็คิดว่าทุกคนเขียนได้ดีหมด
ซึ่งส่วนตัวการให้กำลังใจมันก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดีแกอีแกคนทุกต้องไหมค่ะ บางคนก็อาจจะทำเพราะเขามีฝันอยากเป็นนักเขียนมืออาชีพ บางคนก็เข้ามาเพื่อหาประสบการณ์ 

เราเพิ่งแต่งได้สองเรื่องเอง มีเหมือนกันโพสไปไม่มีใครเม้นเอ๊ะผิดพลาดตรงไหนลองอ่านของคนอื่นและมาแก้ไขใหม่ดู พอจะเริ่มมีเข้ามาเม้นบ้างรู้สึกดีใจเหลือเกิน

ขอให้คุณSarawatta เชื่อมั่นในฝีมือตัวเองนะคะ  o13 o13 o13

ตอนล่าสุด น่ารักมากเลยแฟร้งจากที่อ่านผ่านมาแอบไม่ชอบแฟร้งเหมือนไม่เครียล์แต่ตอนนี้เคลียร์มากค่ะ ขอให้ธุรกิจไปได้สวยและพ่อแม่แฟร้งยอมรับเร็ว
ปล.ชอบชื่อร้านมากค่ะ Straw's ry คาเฟ่ (ร้านนี้มีจริงหรือเปล่านะ) รออ่านอยู่นะค่ะ  :L2: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-01-2016 14:01:57
ชอบตอนนี้จัง ช่วยกันสร้าง ช่วยกันแต่งเติมความฝันไปด้วยกัน

อยากมีคู่ชีวิตแบบนี้บ้างจังคงมีความสุขไม่ใช่น้อยเลย  o13
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 12-01-2016 16:50:54
ชอบที่เขาพูดคุยกันนะ ร่วมชีวิตก็คือ แบ่งปันกันทุกอย่าง
มันไม่ใช่ว่า คนหนึ่งหาเงิน อีกคนต้องทำงานบ้าน แล้วแบ่งแบบขาว-ดำอีกต่อไป
ชีวิตคู่ของสองคนนี้ต้องดีมาก ๆ แน่นอน

เมื่อไร Straw'ry Cafe จะเปิด? อยากไปจิบชาชมวิวแล้ว


ปล. เรื่องการเขียนนิยาย เราส่งกำลังใจมาให้นะ

อย่ากดดันหรือเอาคะแนนบวกเป็ดมาเป็นสิ่งที่ทำให้คุณท้อถอยเลย
คะแนนน้อย ไม่ได้หมายความว่า คุณเขียนไม่ดี

คนเราไม่ได้จ่ายเงินซื้อทุกเพลงที่ชอบหรอก ฟังฟรี ๆ ก็มีมากมาย
หมายความว่า เพลงเหล่านั้นด้อยค่าลงหรือ? ก็เปล่า

งานที่ดีย่อมทรงคุณค่าในตัวมันเอง

ความสุขของคุณอยู่ตรงไหน
การได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่คุณพึงพอใจ
คนอ่านอ่านแล้วมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครจนต้องแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นานา
หรือคะแนนที่ได้?

ขอให้คุณฟื้นจากความรู้สึกผิดหวัง แล้วกลับมาแข็งแกร่งดังเดิมไว ๆ นะ

หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016 ┊ ตอบเม้นท์
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-01-2016 18:17:29
อ่านแล้วอมยิ้มแทนนัทเลย จิ้นเป็นว่าคือนัทไปเลย  :o8: พี่แฟร้งนี้เป็นพ่อบ้าน เป็นสามีที่ดีตั้งแต่ตอนที่นัททำงานอยู่ที่รีสอร์ทแล้ว ขอให้รักกันแบบนี้ตลอดไป

ชอลชื่อร้านเหมือนกันกัน " Straw's sy จะแปลว่าสตอเบอรี่ก็ได้หรือจะเป็น Story เรื่องราวต่างของสองคนที่ผ่านมาด้วยกันก็ได้
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 ในแนวคิดชื่อนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016 ┊ ตอบเม้นท์
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 12-01-2016 20:19:15
@่jum
น่าจะจริงนะครับ อิๆ

@Freja
ความจริงผมก็อยากได้อย่างนั้นครับ แต่ยังดูขัดๆ กับวัฒนธรรมไทยไปหน่อย ก็เลยเอาเท่านี้ไปก่อน

@iceman555
เขินตอนที่แฟรงค์จะเปลี่ยนบทบาทเหรอครับ

@Magis
อาจจะลงเป็นตอนพิเศษให้ครับ

@GuoJeng
ตอนต่อไปคงอีกสักพักครับ แต่จะพยายามไม่ให้นานเกินไป

@Malimaru
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ คิดว่าคงจะพักไปทำอย่างอื่นสักพัก แต่ก็กลัวพักนานแล้วจะต่อไม่ติดเหมือนกัน บางทีผมอาจจะใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์มาช่วยประเมินมากไปหน่อย ก็เลยทำให้สะดุดไป แต่สุดท้ายนักเขียนก็ต้องบินด้วยปีกของตัวเองอย่างที่คุณว่าครับ

@Alice111
ชื่อ Straw'ry Cafe เป็นชื่อที่ผมคิดขึ้นมาเองครับ ไม่มีร้านนี้จริงๆ พอพัฒนาไปเป็นร้านจริงๆ คำว่า Story ที่ซ่อนอยู่จะชัดเจนมากยิ่งขึ้นครับว่าคือ Story อะไร มันน่าสนใจมาก ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะครับ และขอเป็นกำลังใจให้เช่นเดียวกันในฐานะคนเขียน

@Jibbubu
เรียกได้ว่าผมอยากได้แบบไหน ก็เขียนแบบนั้นเลย นี่แหละชีวิตที่ต้องการ 555

@alternative
อีกไม่กี่ตอนก็จะได้เปิด Straw'ry Cafe แล้วครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยครับ

@PFlove
ชอบชื่อนี้เหมือนกันครับ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากทำร้านกาแฟที่เขาค้อชื่อ Straw'ry Cafe  เหมือนกันครับ

ขอบคุณกำลังใจจากทุกๆ คนนะครับ
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016 ┊ ตอบเม้นท์
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 12-01-2016 20:44:45
อ่านที่ออฟฟิต แล้วเบื่อเนตไม่สามารถเม้นท์ได้ เซ็งจริง  :เฮ้อ: เราชอบบรรยากาศเรื่องนี้น่ะ มันเป็นอะไรที่ฝัน ๆ ดี แล้วเรื่องนี้แฟรงค์เป็นคนโรแมนติกมากน่ะ เราเข้าใจได้กับการกระทำของแฟรงค์น่ะ ว่าเขาคงอยากจะแหวกบ่วงทั้งหลายที่รัดคอเขาไว้และคอยขีดเส้นให้เขาทำตามทุกอย่าง ก่อนที่จะได้เจอกับนัท แฟรงค์ก้อปล่อยทุกอย่างไปตามลมที่พ่อชักไว้หมด แต่เมื่อได้เจอนัทอดีตที่เก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิดแต่ไม่เคยลืมก้อได้สำแดงเดชกับใจของแฟรงค์และเมื่อพ่อยังคงจะทำเช่นเดิมแฟรงค์ที่ตอนนี้เติบโตและพร้อมที่จะบินจากไปได้แล้ว และประกอบกับมีน้องสาวมาเป็นกำลังใจและสนับสนุนเต็มที่แฟรงค์ก้อเลยได้โอกาสที่จะทำในสิ่งที่ใจต้องการในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาทำตามความต้องการของคนอื่นมาโดยตลอดแล้วตอนนี้เขาก้ออยากจะแก้ตัวและทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำ อาจมีหลายคนมองว่ามันดูเพ้อฝันแต่เราว่าบางครั้งเมื่อทุกอย่างมันบีบเข้ามาเราก้ออยากที่จะละทิ้งมันไปหมดบ้าง เราชอบน่ะที่แฟรงค์ทำเช่นนี้และทำให้นัทได้มีโอกาสที่จะแก้ตัวกับการกระทำที่ตัวเองทำให้แฟรงค์ต้องเจ็บปวดน่ะ
สำหรับเรื่องใหม่รอเลยน่ะจ้ะ อยากอ่าน เราก้อชอบโอเหมือนกัน เสียดายที่เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสได้เล่นบทตัวเอกน่ะ (เล่นบทร้ายตลอดเลย)  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016 ┊ ตอบเม้นท์
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-01-2016 21:05:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016 ┊ ตอบเม้นท์
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 14-01-2016 22:21:58
จากตอนที่ 14 -- มันเดจาวูมากเลย เพิ่งคุยกับคุณแม่ว่า จะพาท่านไปช่วยอุดหนุนร้านอาหารของเพื่อนสมัยประถมของท่าน ยังคิดอยู่ๆ เลยว่า บรรยากาศคลาสสิคมาก พอมาเริ่มอ่านนิยายตอนนี้ แบบโอโห้ มันใช่มากเลย รู้เห็นด้วยเรื่องที่ว่า สายสัมพันธ์ของทั้งนัทและแฟรงค์ชัดเจนมาก ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจ ที่ชอบมากๆ อีกอย่างในตอนนี้คือเรื่องที่แฟรงค์มาปั่นจักรยานให้นัทซ้อนท้ายแบบสมัยทั้งสองยังประถม <<< นี่คิดตามไปถึงฉากหนังแนววินเทจไปแล้ว
ตอนนี้เป็นตอนที่หวานมาก (ก. ไก่ พันตัว) ทำเอาคนแพ้ความหวานอย่างเราอดจะหมั่นไส้ไม่ได้ 555+
+เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 15-01-2016 14:00:14
ไม่ดีมั้งนัท555 เป็นแบบนี้ก็ดีล่ะ หรือว่านัทจะออนท็อปล่ะ คึคึ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊21┊ กำเนิด Straw'ry Cafe ┊P13┊ 11.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 17-01-2016 01:23:52
ชื่อร้านน่ารักดีอ่ะ..สั้นๆแต่รวมความหมายไว้มากมาย

ชอบเวลานัท พูดว่า พี่แฟรงค์ตลกอ่ะ ฟังดูแบบไงๆไม่รู้ ผมอ่านแล้วยิ้ม
อืม...ว่าแต่นัทจะรุกพี่แฟรงค์จริงหรอ 5555+ พี่แฟรงค์ก็ใจดีกับน้องจังเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ Soon
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-01-2016 17:32:29
 :m4: รอจ้า
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ Soon
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 17-01-2016 20:20:50
เรื่องใหม่ๆๆๆๆๆ ตามไปอ่านแน่นอนครับ พระเอกล่ำซะ ส่วนนางเอก นี่ผมชอบใจฝีมือแสดงตอน รักไม่ได้ หรือ ไม่ได้รัก อะครับ ดูไปเศร้าไป น้ำตาคลอซะ TT
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 18-01-2016 05:33:46
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 22 ✢ สองใจกับหนึ่งฝัน


(http://bit.ly/2lPHQVt)

แสงแรกแห่งวันใหม่โผล่พ้นขอบฟ้ามาแล้ว แม้ว่าภาพพระอาทิตย์โผล่พ้นเหนือทิวเขาจะเคยเป็นเรื่องธรรมดาสมัยเด็กๆ พอจากไปนานแล้วกลับมาเห็นอีกครั้ง ผมกับแฟรงค์ก็นอนมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง ทะเลหมอกสีขาวยิ่งช่วยสร้างฉากให้งดงามตระการตามากขึ้นไปอีก ไม่ต่างกับการนอนหลับใหลอยู่บนสรวงสวรรค์เลยทีเดียว

ผมรู้แล้วว่าทำไมราคารีสอร์ทที่นี่ถึงแพงมาก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นตั้งแต่มาถึงเมื่อวานจนกระทั่งตื่นนอนวันนี้ ล้วนแล้วแต่มีความสวยงาม ทำให้ผมรู้สึกเสียดายเงินหมื่นน้อยขึ้นมาหน่อย

ผมกอดแฟรงค์เบาๆ ซบลงบนอกเปล่าเปลือยที่แสนอบอุ่นแล้วก็ช้อนตาขึ้นมองอย่างมีความสุข ถ้าไม่ใช่เพราะความรักและความเอาใจใส่ของผู้ชายคนนี้ ผมก็คงไม่มีคืนแต่งงานที่แสนพิเศษขนาดนี้หรอก

"ขอบคุณพี่แฟรงค์มากนะ ถึงงานแต่งงานของเราจะเงียบเหงา มีแค่เราสองคน แต่นัทก็ประทับใจมากๆ ได้กินอาหารดีๆ ได้พักที่ดีๆ ตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังเจอวิวสวยๆ นัทไม่รู้จะขอบคุณพี่แฟรงค์ยังไงดี"

แฟรงค์กอดผมตอบเบาๆ พร้อมกับลูบผมของผมเล่นไปไปด้วย "เอาไว้ให้พ่อกับแม่ของเราสองคนเข้าใจแล้วก็ให้อภัยเราก่อนนะ แล้วพี่จะจัดงานแต่งงานของเราให้ดีกว่านี้ ไม่ให้นัทน้อยหน้าใครหรอก"

ผมยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ แฟรงค์ไม่ได้แค่พาผมหนีมาเท่านั้น แต่ยังอุตส่าห์ให้เกียรติด้วยการจัดงานแต่งงานอย่างง่ายๆ ทว่ามีความหมายยิ่งใหญ่ แม้ไม่ใหญ่โตโอ่อ่า ไม่มีแขกเหรื่อมากมาย แต่ความรักของแฟรงค์ก็ทำให้งานแต่งงานเมื่อคืนนี้พิเศษกว่างานแต่งงานใหญ่โตเหล่านั้นเสียอีก

"วันนี้เราจะเดินทางกันต่ออีกหน่อยนะ ไปดูที่ดินที่น้านวลซื้อไว้ที่ภูทับเบิกก่อน แล้วค่อยไปเชียงรายกันต่อ"

ผมพยักหน้าตกลง เราคุยกันเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าก่อนจะไปขอขมาแม่ของผม เราต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ก่อนอื่นต้องไปดูที่ดินที่แม่ผมซื้อไว้ก่อนว่าเราจะทำอะไรกับมันได้บ้าง จากนั้นก็จะไปเชียงรายเพื่อค้นหาเฟรนไชส์กาแฟที่ดีๆ ที่เราน่าจะสามารถเอามาทำตลาดต่อได้ง่าย เพราะถ้าเริ่มคิดสูตรกาแฟเองจากศูนย์ก็อาจจะใช้เวลามากเกินไป ต่อยอดจากคนเก่งๆ ที่ทำไว้ดีแล้วดีกว่า

"เราอาจจะต้องเหนื่อยกันหน่อยนะนัทตอนเริ่มต้น"

"ไม่เป็นไร นัทยอมเหนื่อย เหนื่อยกับพี่แฟรงค์ เหนื่อยเพื่อความฝันของเราสองคน เหนื่อยแค่ไหนก็ได้ นัทไม่มีปัญหาหรอก" ผมบอกด้วยเสียงหนักแน่น

"ขอบคุณนะที่นัทจะยอมเหนื่อยกับพี่ ถ้ารู้สึกว่าเหนื่อยเกินไปหรือกดดันเกินไปตอนไหน นัทบอกพี่นะ บางทีพี่ก็ชอบเผลอกดดันนัทมากไปโดยไม่รู้ตัว" แฟรงค์หัวเราะเบาๆ ตอนท้าย

"ได้ ถ้าเหนื่อยแล้วจะบอก" ผมหัวเราะเช่นกัน

"ไปอาบน้ำกันดีกว่า จะได้ไปกินข้าวเช้ากัน พี่มีเซอร์ไพรส์ให้นัทอีกนิดหน่อย"

"มีเซอร์ไพรส์อีกแล้วเหรอ เซอร์ไพรส์หลายเรื่องแล้วนะตั้งแต่เมื่อวาน ทั้งหนีงานแต่ง พามาแต่งงาน แล้วก็...เมื่อคืนนี้"

แฟรงค์หัวเราะชอบใจเบาๆ ก่อนที่เราสองคนจะลุกขึ้นนั่ง ถึงจะเปลี่ยนบทบาทยังไง สุดท้ายก็ลงเอยด้วยกลับมาบทบาทเดิมอยู่ดี

"ชอบมั้ยล่ะ" แฟรงค์ถามยิ้มๆ สีหน้าดูเขินๆ ผมไม่ค่อยเห็นแฟรงค์ยิ้มเขินอย่างนี้เลย นานๆ จะได้เห็นที

"ก็...มีบ่อยๆ ก็ดีนะ" ผมบอกแล้วก็ยิ้มเขินบ้าง เขินยิ่งกว่าแฟรงค์เสียอีก

เราสองคนลุกจากเตียงแล้วก็ผลัดกันไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็แต่งตัวด้วยชุดสูทที่ใส่เมื่อวานอีกครั้ง ผมก็ชักอยากรู้แล้วสิว่าแฟรงค์เตรียมอะไรไว้ให้ผมประหลาดใจอีก แต่ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอก เอาเถอะ ผมเชื่อใจแฟรงค์ว่าต้องเป็นเรื่องดีๆ อย่างแน่นอน เพราะแฟรงค์ไม่เคยทำอะไรไม่ดีให้ผมเลย

... ... ...

ผมกับแฟรงค์กินข้าวเช้าด้วยกันที่ร้านกาแฟของรีสอร์ท เป็นอาหารเช้าแบบฝรั่งอย่างง่ายๆ ช่วงเช้าๆ ยังไม่มีแขกจากข้างนอกเข้ามา มีเพียงแขกที่พักที่รีสอร์ทไม่กี่คนนี้เท่านั้น เราใช้เวลากินไม่นานก็เสร็จเพราะแฟรงค์บอกว่าอยากให้กินเสร็จก่อนแปดโมงครึ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับรีบมากเพราะมีเวลาอีกตั้งสี่สิบกว่านาที

พอถึงเวลาแปดโมงครึ่งผมก็เห็นโซ้ยจูงหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์เดินเข้ามาหาเราสองคนที่ร้านกาแฟ มีผู้ชายอีกคนถือกล้องเดินตามมาด้วย ผมลุกขึ้นยืนมองแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

"อะไรเหรอพี่แฟรงค์ โซ้ยรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่"

"ไม่งั้นจะเรียกว่าเซอร์ไพรส์เหรอ"

แฟรงค์ลุกขึ้นยืนแล้วก็จูงมือพาผมเดินมาหาโซ้ย ผมพยายามจะดึงมือออกเพราะยังเขินๆ อยู่ แต่แฟรงค์ก็ไม่ยอมปล่อย จนกระทั่งเราสองคนมายืนอยู่ตรงหน้าเพื่อนเก่าสมัยเรียนประถมของเรา

"ขอบใจมากนะโซ้ย"

"ไม่เป็นไรเพื่อน กูยินดีกับพวกมึงสองคนด้วยนะเว้ย"

พอฟังแฟรงค์กับโซ้ยคุยกันผมก็ยิ่งงงใหญ่ ก็เลยถามอย่างงงๆ "โซ้ยรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ"

โซ้ยหันมามองผมแล้วก็หัวเราะเบาๆ "คนแถวนี้เค้าก็รู้กันตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนคนที่ตลาดพูดกันใหญ่ว่ามึงสองคนท่าจะเป็นแฟนกัน พอไอ้แฟรงค์มันบอก กูก็เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่"

"อ้อ" ผมยิ้มแต่ก็ยังคงดูงงๆ อยู่

"แล้วไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ" ผมถามโซ้ยด้วยท่าทางไม่แน่ใจ โซ้ยก็หัวเราะอีก

"ก็เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พอทำใจได้"

"เริ่มเลยดีกว่า ผมมีเวลาประมาณชั่วโมงหนึ่งนะครับ เดี๋ยวต้องไปเชียงรายต่อ" แฟรงค์หันไปบอกน้องช่างภาพผู้ชายที่มากับโซ้ย

"ครับๆ" น้องคนนั้นรับคำอย่างเร็ว

"เฮ้ยโซ้ย กูฝากเรื่องหาบ้านเช่าให้กูหน่อยนะเว้ย ถ้าได้ในวันสองวันนี้ก็จะดีมาก" แฟรงค์ไม่ลืมที่จะเตือนเพื่อนก่อนจะทำอะไรบางอย่างที่ผมยังไม่รู้

"เออๆ กูไม่ลืมหรอก เห็นกูอย่างงี้ กูก็กว้างขวางไม่ใช่เล่นนะเว้ย เรื่องแค่นี้สบายมาก" โซ้ยบอกอย่างภูมิใจ

"ขอบใจมากเพื่อน" แล้วแฟรงค์ก็หันไปบอกน้องช่างภาพ "เริ่มกันเลยครับ"

สรุปว่าแฟรงค์นัดโซ้ยให้หาช่างถ่ายภาพมาให้เพื่อที่จะถ่ายภาพแต่งงานของผมกับแฟรงค์ เราถ่ายภาพพรีเว็ดดิ้งไม่ทัน แฟรงค์ก็เลยอยากให้ถ่ายภาพโพสต์เว็ดดิ้งแทน แถมยังให้โซ้ยพาหมามาด้วยหนึ่งตัวเพื่อเป็นสัญลักษณ์จุดเริ่มต้นของเรา เพราะหมานี่แหละที่ทำให้ผมกับแฟรงค์ได้รู้จักและรักกันมาจนถึงวันนี้

แฟรงค์ขออนุญาตทางรีสอร์ทไว้แล้วว่าจะขอถ่ายภาพแต่งงานและจะนำสุนัขมาด้วย ทางนี้ก็ยินดี แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเสร็จทุกอย่างภายในเก้าโมงครึ่งก่อนที่ลูกค้าจากข้างนอกจะมาที่ร้าน เราจึงจำเป็นต้องทำเวลากันหน่อย แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร

พี่ชายที่แสนดีของผมทำให้ทุกอย่างถึงขนาดนี้ ถ้าจะไม่ประทับใจและไม่เซอร์ไพรส์ก็คงจะเกินไปหน่อย ผมประทับใจความทุ่มเทของแฟรงค์มากจนเกินจะสรรหาคำใดมาพูดได้ แฟรงค์ก็ยังคงเป็นแฟรงค์ที่ยอมเสียสละทุกอย่างให้ผม ยิ่งเห็นผมก็ยิ่งมั่นใจว่าผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ติดตามผู้ชายคนนี้มา ยังไงๆ ก็เลือกฝากชีวิตไว้ไม่ผิดคนแน่นอน

พอถ่ายรูปเสร็จแล้ว โซ้ยก็พาหมากับช่างภาพกลับบ้านไป เรายังไม่ได้ภาพวันนี้เพราะต้องเอาไปตกแต่งให้สวยงามก่อน คงใช้เวลาอีกประมาณสองสามวันจึงจะเสร็จ แต่ผมก็ได้ดูภาพตัวอย่างจากกล้องของน้องคนเมื่อกี้บ้างแล้ว ทั้งวิว ทั้งคนและฝีมือของคนถ่ายต่างก็ช่วยทำให้ภาพออกมาดูดีมากทีเดียว ยิ่งทำให้ตื่นเต้นอยากเห็นภาพที่ตกแต่งทั้งหมดเร็วๆ

... ... ...

ผมกับแฟรงค์เดินทางออกมาจากรีสอร์ทแล้วก็มุ่งตรงไปดูที่ดินที่แม่ผมซื้อไว้ที่ภูทับเบิกก่อน ที่ดินตรงนี้ไม่ได้อยู่บนยอดเขาแต่อยู่ระหว่างทางขึ้นเขา ผมว่าก็ดีเหมือนกันเพราะเราจะได้ไม่ต้องขับรถขึ้นลงเขาที่คดเคี้ยวและลาดชันทุกวันๆ ที่ภูทับเบิกมีอุบัติเหตุช่วงหน้าท่องเที่ยวบ่อยมากเพราะถนนคดเคี้ยวและลาดชัน แต่ที่ดินที่แม่ซื้อไว้อยู่ไม่สูงมากจึงไม่ค่อยอันตราย

เราถ่ายรูปที่ดินไว้แล้วก็ออกเดินทางไปเชียงรายต่อทันที ระหว่างเดินทางจากเพชรบูรณ์มาเชียงราย แฟรงค์โทรหาเพื่อนหลายคนที่เคยมาเชียงรายเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับร้านกาแฟชื่อดังที่เพื่อนๆ เคยไปกิน ส่วนผมก็โทรหาเพื่อนๆ ที่พอจะช่วยเรื่องออกแบบร้านกาแฟให้มีรูปทรงคล้ายๆ ผลสตอเบอรี่ไปด้วย จนกระทั่งเจอคนที่พอจะช่วยได้ ผมจึงส่งภาพถ่ายแปลงที่ดินให้เพื่อนคนนั้นไปทางไลน์เพื่อเป็นข้อมูลในการออกแบบ อีกประมาณอาทิตย์หนึ่งผมก็น่าจะได้เห็นตัวอย่างแล้ว

ผมกับแฟรงค์เดินทางมาถึงตัวเมืองเชียงรายประมาณห้าโมงเย็น ยังไม่ทันได้หาที่พัก แฟรงค์ก็พาผมมาที่ร้านกาแฟร้านแรกที่เพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้ลองมาชิมดูก่อน เป็นร้านที่เปิดขายในงานเทศกาลดอกไม้ประจำจังหวัดเชียงราย เจ้าของเป็นหนุ่มชาวเผ่าอาข่าชื่อคุณบี๋ อายุประมาณสามสิบสองปี มีตำแหน่งเป็น ส.จ. ด้วย

ผมกับแฟรงค์เดินชมดอกไม้และถ่ายรูปกันประมาณยี่สิบนาที ตอนแรกว่าจะไม่ถ่ายแล้วแต่พอเห็นสวนดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงามริมแม่น้ำกก เราสองคนก็อดไม่ได้ที่จะขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย ไหนๆ ก็มาแล้ว

ถ่ายรูปกันพอสมควรแล้วเราจึงเดินมาที่ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ตรงประตูทางออกติดริมแม่น้ำ แฟรงค์สั่งอเมริกาโน่ร้อน ส่วนผมสั่งเอสเพรสโซ่เย็นมาลองชิมดู

เย็นย่ำแล้วลูกค้าที่มาเที่ยวเทศกาลดอกไม้กลับบ้านไปจนเกือบหมด ที่ร้านจึงเหลือแค่ผมกับแฟรงค์นั่งกันอยู่สองคน นั่งกินไปตบยุงไปด้วย ผู้ชายที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของร้านเดินมายืนข้างๆ โต๊ะที่เรานั่ง เมื่อสังเกตดูก็เห็นว่าเป็นคนรูปร่างออกท้วมนิดๆ ผิวขาว ใบหน้าบ่งบอกว่าเป็นคนมีความสุขกับชีวิตและน่าจะเป็นคนใจดีด้วย

"เป็นไงครับรสชาติกาแฟของเรา" เจ้าของร้านถามพลางส่งยิ้มให้

ผมกับแฟรงค์จิบชิมแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ

"อร่อยมากเลยครับ ไม่ได้ยอเกินเหตุนะครับ ผมชอบกาแฟรสนี้แบบนี้ มันหอมมาก ฝาดหน่อยๆ ไม่หวานเกินไปด้วยครับ"

แฟรงค์บอกแล้วผมก็เสริมบ้าง "จริงๆ ผมก็ไม่ใช่คอกาแฟนะครับ แต่รสชาติแบบนี้ผมกินได้ อร่อยดี ไม่เคยกินกาแฟที่ไหนที่รสชาติดีแบบนี้มาก่อนเลยครับ"

ผมหันไปมองหน้าแฟรงค์ เราสองคนหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบชิมแล้วชิมอีก ต่างคนต่างถูกใจรสชาติด้วยกันทั้งคู่ ผมว่ารสชาติแบบนี้ขายได้แน่นอน แทบจะไม่ต้องไปหาร้านอื่นอีกแล้วเพราะรสชาติมีเอกลักษณ์มาก เจ้าของร้านได้ฟังเราสองคนแล้วก็ยิ้มแก้มแทบปริ

"กาแฟคั่วนี่เอามาจากไหนเหรอครับ รสชาติมีเอกลักษณ์ดี" แฟรงค์หันไปถามเจ้างของร้านหลังจากที่ชิมจนพอใจแล้ว

"ปลูกกันเองครับ เรามีไร่กาแฟอยู่ที่ดอยช้าง ทำเองหมดทุกขั้นตอนเลย ผ่านกระบวนการเอง คั่วเอง ทำบรรจุภัณฑ์เองด้วยครับ"

แฟรงค์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะถามสิ่งที่อยากรู้ "ทำส่งด้วยมั้ยครับ"

"เมื่อก่อนก็เคยทำครับ ทำส่งร้านกาแฟที่ขายตามปั๊มน้ำมัน แต่เดี๋ยวนี้ทำน้อยลงครับ เพราะว่าเราอยากจะโฟกัสที่ธุรกิจร้านกาแฟของเรามากกว่า ตอนนี้ก็เปิดอยู่สามสาขาในเชียงรายครับ กำลังจะขยายไปกรุงเทพกับเชียงใหม่ ให้ญาติๆ ช่วยกันทำอยู่ แต่อีกไม่นานจะขายเฟรนไชส์ด้วยครับ"

ผมกับแฟรงค์หันมามองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม อย่างน้อยโชคชะตาก็น่าจะเป็นใจให้กับความตั้งใจของเราสองคนบ้าง แค่เดินทางมาวันแรกเราก็ได้ของดีแล้ว

"พอดีเรากำลังจะทำร้านกาแฟที่ภูทับเบิกครับ กำลังหากาแฟที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นอยู่พอดี พอชิมกาแฟของที่นี่แล้วรู้สึกว่าใช่เลยครับ ถ้าสนใจจะซื้อเฟรนไชส์ ต้องทำยังไงมั่งครับ" แฟรงค์พูดจบแล้วก็หยิบแก้วกาแฟมาจิบอีก

"อ้อ รอแป๊บนึงนะครับ"

ชายเจ้าของร้านบอกแล้วก็เดินหายเข้าไปในร้านที่สร้างขึ้นมาชั่วคราวเพื่อให้บริการลูกค้าช่วงเทศกาลดอกไม้ ไม่นานนักก็กลับออกมาพร้อมกับยื่นนามบัตรให้เราคนละใบ

"นามบัตรผมนะครับ ถ้าสนใจก็ติดต่อมาได้เลยครับ อ้อ ผมชื่อบี๋นะครับ เป็นคนอาข่า"

ผมกับแฟรงค์รับบัตรมาแล้วก็มองคุณบี๋อย่างแปลกใจ ในนามบัตรมีชื่อที่อ่านดูก็รู้ว่าไม่ใช่ชื่อแบบคนไทยแน่ๆ ไม่เท่านั้น เจ้าของร้านคนนี้ยังพ่วงตำแหน่ง ส.จ. เข้าไปด้วย ถือว่าเป็นชาวอาข่าที่มีคุณภาพมากทีเดียว

"ปกติไม่เคยเจอชาวเขาแบบนี้ใช่มั้ยครับ" คุณบี๋ถามอย่างรู้ทัน คงจะเป็นเพราะเห็นเรามองด้วยสายตาทึ่งๆ

ผมกับแฟรงค์ยิ้มเป็นเชิงยอมรับ

"คุณสองคนมาจากเพชรบูรณ์กันเหรอครับ" คุณบี๋ถามต่อ

"ครับ ผมชื่อแฟรงค์นะครับ เคยทำรีสอร์ทแล้วก็มีร้านกาแฟเล็กๆ ที่กรุงเทพ นี่นัทครับ...แฟนผม จบปริญญาโทด้านการจัดการการท่องเที่ยวมา เราเพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยกันที่เขาค้อครับ ก็ว่าจะทำรีสอร์ทแล้วก็ร้านกาแฟตามความฝันของเรานี่แหละครับ"

ผมรู้สึกตกใจพอสมควรที่จู่ๆ แฟรงค์ก็แนะนำคนแปลกหน้าว่าผมเป็นแฟน แถมยังเป็นผู้ชายอีก แต่คุณบี๋กลับยิ้ม ไม่มีทีท่าตกใจแม้แต่น้อย

"ครับ แต่งงานกันแล้วเหรอครับ" คุณบี๋ถามต่อ

"แต่งแล้วครับ เพิ่งแต่งกันเมื่อวานนี่เอง อืม...แปลกนะครับที่คุณบี๋ไม่เห็นจะตกใจเลย" แฟรงค์บอกตามตรงอย่างที่สงสัย เพราะปกติคนทั่วไปโดยเฉพาะผู้ชายไม่น่ารับเรื่องอย่างนี้ได้

"อ้อ...ยินดีด้วยนะครับ สำหรับชาวอาข่า เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดามากครับ ที่เชียงราย มีหมู่บ้านหนึ่ง มีคนแบบคุณสองคนเยอะมาก พวกเราก็เลยไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องผิดปกติครับ"

ผมกับแฟรงค์มองหน้ากันด้วยความรู้สึกทึ่งอีกแล้ว ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชาวเขาที่เรามองว่าไร้ความศิวิไลซ์จะสามารถเข้าใจเรื่องความเท่าเทียมทางเพศได้ถึงขนาดนี้

"จริงเหรอครับ ไม่น่าเชื่อเลย คนพื้นราบในเมืองหลายๆ คนยังคิดแบบนี้ไม่ได้เลยครับ"

ผมบอกด้วยท่าทางชื่นชม แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อแฟรงค์ตบเผียะเข้าที่ข้อมือของผมที่วางราบอยู่บนโต๊ะนั่ง

"ขอโทษๆ พี่ตบยุงให้เฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก"

แฟรงค์รีบบอก คงเป็นเพราะกลัวผมจะเข้าใจผิด คุณบี๋มองดูเราสองคนแล้วก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

... ... ...

หลังจากชิมกาแฟและหาข้าวเย็นกินกันเรียบร้อยแล้ว แฟรงค์ก็พาผมตระเวนหารีสอร์ทเล็กๆ สำหรับพักคืนนี้ เราเลือกพักเพียงหนึ่งคืนเพราะไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้จะได้กลับมาที่นี่อีกหรือเปล่า คงไปที่อื่นแล้วก็น่าจะพักใกล้ๆ ที่ที่จะไปเลยดีกว่า

พรุ่งนี้แฟรงค์จะพาผมไปดูไร่ชาฉุยฟง ไปดูไร่สตรอเบอรี่ที่ดอยช้าง แวะทานกาแฟกันที่นั่นเผื่อว่าจะเจอร้านกาแฟดีๆ อีก อย่างไรก็ตาม ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่ากาแฟที่ร้านเมื่อสักครู่นี้ค่อนข้างใช่อย่างที่ต้องการ แต่ก็อยากไปดูเพิ่มอีกเผื่อมีทางเลือกไว้ในกรณีที่คุณบี๋เกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมขายเฟรนไชส์ให้

เราได้รีสอร์ทเล็กๆ แห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงราย เดาว่าเจ้าของน่าจะเป็นชาวอาข่าอีกเช่นเดียวกัน เพราะลักษณะของรีสอร์ทมีการออกแบบบางอย่างแตกต่างไปจากคนเหนือ เท่าที่ผมทราบจากคุณบี๋มา ชาวอาข่าหลายคนที่พัฒนาตัวเองดีแล้วมักมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ปัจจุบันก็เริ่มมีมากขึ้นและลงจากดอยมาอยู่ปะปนกับคนเมือง

"นัทอาบน้ำก่อนละกันนะ" แฟรงค์บอกผมเมื่อเราเข้ามาในห้องพักแล้ว

ผมมองไปรอบๆ ห้องพักที่ไม่ใหญ่มากนัก ถ้าเทียบกับคืนที่ผ่านมาแล้วก็ต่างกับลิบลับเลยทีเดียว แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมหรอก

"ได้ๆ พี่แฟรงค์เหนื่อยมั้ยวันนี้" ผมไม่ขัดข้องเพราะคิดว่าแฟรงค์คงเหนื่อยขับรถมาทั้งวัน จึงอยากนั่งพักผ่อนก่อนอาบน้ำ

"ไม่เหนื่อยหรอก นัทล่ะ เหนื่อยหรือเปล่า"

ผมส่ายหน้าแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะเปิดกระเป๋าที่ลากมาด้วยออก หยิบเสื้อผ้าที่จะใช้ทั้งของผมและแฟรงค์แล้วเอาไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า แฟรงค์เดินออกไปที่ระเบียงด้านนอก ผมมองตามแต่ไม่ได้ตามไปด้วยเพราะอยากให้แฟรงค์มีเวลาส่วนตัวของตัวเองบ้าง

ผมเดินเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าออกแล้วก็เข้าไปอาบน้ำ ปล่อยให้แฟรงค์ยืนคิดอะไรเงียบๆ อยู่ที่ระเบียงคนเดียว

ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย เดินมาที่ตู้เสื้อผ้าแล้วก็หยิบกางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามสีขาวมาใส่อย่างเคย หวีผมพอให้เป็นทรงแล้วก็มองหาแฟรงค์ที่ระเบียงห้อง ผมไม่เห็นแฟรงค์ยืนอยู่ตรงนั้นก็เลยสงสัย พอเพ่งมองหาดีๆ จึงเห็นว่าแฟรงค์นั่งชันเข่าอยู่กับพื้น

ผมขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย ก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปหาแฟรงค์ตรงระเบียงด้วยใจคอที่ไม่สู้ดี คงต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ แฟรงค์ถึงลงไปนั่งกับพื้น อาการอย่างนี้ไม่น่าอยู่ในวิสัยปกติ พอเห็นแฟรงค์เต็มตาแล้วผมก็ตกใจไม่น้อย

"พี่แฟรงค์!"

แฟรงค์เงยหน้าขึ้นมามองผม ท่าทางคล้ายกับคนกำลังร้องไห้ ใช่แล้ว ผมเห็นหยดน้ำตาของแฟรงค์ไหลลงมาเป็นทาง แม้ยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ผมก็คิดกังวลอยู่แล้วว่าหลังจากที่เราหนีมา ต้องมีเรื่องไม่ดีหลายอย่างเกิดขึ้นที่บ้านของแฟรงค์แน่ๆ

"นัท ปู่พี่เสียแล้ว เมื่อกลางวันนี้นี่เอง" แฟรงค์บอกผมด้วยเสียงสั่นเครือ

ผมตกใจจนขนลุกไปทั้งตัว เห็นแฟรงค์กำโทรศัพท์มือถือไว้ก็พอจะเข้าใจว่าแฟรงค์รู้ได้ยังไง ตั้งแต่หนีออกมาจากงานแต่งงาน จนกระทั่งเมื่อสักครู่นี้ แฟรงค์ไม่ยอมโทรหาน้องสาว ไม่เปิดดูไลน์ ใช้โทรศัพท์เสร็จแล้วก็จะปิดเครื่องทันที ไม่รับรู้ข่าวสารใดๆ ที่จะทำให้ใจหวั่นไหว พอผมเห็นแฟรงค์ทำอย่างนั้นผมก็ทำตามบ้าง ไม่โทรหาแม่หรือพี่นิว ไม่รับรู้ข่าวสารใดๆ เช่นเดียวกัน แต่สุดท้ายแฟรงค์ก็คงอดใจไม่ได้ ผลจึงออกมาเป็นอย่างที่เห็น

ผมเดินไปหาแฟรงค์แล้วก็ย่อตัวลงนั่งข้างๆ แฟรงค์วางโทรศัพท์ลงกับพื้นแล้วก็โผเข้ากอดผมแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ

"นัท" แฟรงค์เรียกชื่อผมแต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ

ผมพลอยร้องไห้ด้วยความสงสารแฟรงค์ไปด้วย รู้และเข้าใจดีว่าแฟรงค์เจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องสูญเสียคนสำคัญในครอบครัว แต่ตัวเองกลับต้องมาอยู่ตรงนี้ คิดๆ แล้วก็อยากจะบอกให้แฟรงค์กลับบ้านไปเสียเดี๋ยวนี้ ผมไม่อยากให้แฟรงค์ต้องสูญเสียมากขนาดนี้เพื่อผมเลย มันโหดร้ายเกินไปที่คนๆ หนึ่งจะยอมสูญเสียมากถึงขนาดนี้

แฟรงค์ไม่พูดอะไรเอาแต่กอดผมแน่นและร้องไห้ แม้จะพยายามเข้มแข็งมาตลอดทั้งวัน แต่พอเจอเรื่องอย่างนี้เข้าไปก็คงทนไม่ไหว ผมอดสงสัยไม่ได้เลยว่าทำไมความรักครั้งนี้ถึงต้องแลกมาด้วยความสูญเสียเหลือคณานับ ไม่รู้เลยว่าจะทานทนต่อไปกันได้สักกี่น้ำ

"พี่แฟรงค์จะกลับบ้านมั้ย" ผมตัดสินใจถามไป ถึงยังไงผมก็เชื่อว่าพ่อกับแม่ของแฟรงค์คงไม่ใจร้ายใจดำกับลูกของตัวเองหรอก

แฟรงค์ส่ายหัวแล้วก็ละล่ำละลักพูด "พี่กลับไม่ได้หรอกนัท พี่จะไม่ยอมกลับไปจนกว่าเราสองคนจะทำตามความฝันของเราสำเร็จ"

"โธ่...พี่แฟรงค์" ผมรู้สึกสะท้อนใจจนไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงได้แต่กอดแฟรงค์แน่นด้วยความสงสารจับจิตจับใจ

"เฟิร์นบอกว่า...พ่อพี่เค้าตัดพ่อตัดลูกกับพี่แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะกลับไปตอนนี้หรอก"

คราวนี้ผมยิ่งกอดแฟรงค์แน่นด้วยความสะเทือนใจ แม้ว่าจะเจ็บปวดและสูญเสียมากแค่ไหน แต่แฟรงค์ก็ไม่คิดจะหันหลังกลับเพื่อที่จะพาผมไปต่อ ผมไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะยอมทุ่มเทเพื่อความรักมากขนาดนี้ หัวใจของแฟรงค์ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน จนทำให้ผมรู้สึกละอายใจกับหลายๆ อย่างที่ผมทำก่อนหน้านี้

"เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปทำบุญที่วัดให้ปู่พี่แฟรงค์ด้วยกันนะ" ผมละล่ำละลักบอกเช่นเดียวกัน

แฟรงค์พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย "นัทอย่าทิ้งพี่ไปไหนอีกนะ เราเหลือกันแค่สองคนแล้ว พี่ไม่เหลือใครแล้วนะนัท"

ผมพยักหน้าแล้วก็ครางฮือด้วยความสงสารในชะตาชีวิตของคนรัก ต่อจากนี้ไป นอกจากเราจะจับมือกันทำงานเพื่อความฝันของเราแล้ว วันไหนที่เสียใจหรือท้อแท้จนทนไม่ไหว เราก็คงต้องร้องไห้และปลอบใจกันสองคนอย่างนี้

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมกับแฟรงค์ก็ยังคงต้องเดินไปต่อ แม้ว่าจะสะดุดบ้าง แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีกันและกัน ไม่โดดเดี่ยวเดียวดายอย่างเมื่อก่อน ใครล้มเราก็ช่วยให้กำลังใจและฉุดดึงกันไป เราจะยิ้มและจับมือกันไว้เสมอไม่ว่าจะหัวเราะหรือมีน้ำตา

ผมนับถือในความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวของแฟรงค์เหลือเกิน แฟรงค์ได้สอนให้ผมเห็นแล้วว่าความรักที่แท้จริงเป็นยังไง เพราะฉะนั้น ผมจะไม่ยอมแพ้หรือคิดถอดใจง่ายๆ อีกแล้ว เพราะเรายังมีสองหัวใจที่ยังเต้นอยู่ และอีกหนึ่งความฝันของเราที่รอคอยการพิสูจน์ ถ้าเราผ่านบททดสอบนี้ไปได้แล้ว ผมเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยว่าเราจะได้รับสิ่งดีๆ อย่างแน่นอน

ไม่รู้ว่าจะมีใครอีกมั้ยที่ต้องยอมแลกเพื่อความรักมากขนาดนี้ แต่เราสองคนก็เลือกแล้วว่าจะยอมแลก!


- TBC -[/center]
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-01-2016 06:13:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 18-01-2016 09:38:19
แฟรงค์ใจแข็งมากๆอ่ะ ผิดกับนัทเลย จุดเริ่มต้นชีวิตแฟรงค์กับนัทกำลังจะเริ่มแล้วสิ
    รอ รออ่านตอนต่อไปคับ 
   
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-01-2016 09:53:26
สู้ๆ กันต่อไปนะคะทั้งคู่ สงสารพี่แฟรงค์คงอยากไปงานศพของคุณปู่แต่คงไปไม่ได้แน่ๆ

อดทนไว้นะคะ รอความฝันสำเร็จแล้วไปขอขมาก็ไม่สาย พ่อแม่พี่ที่บอกตัดพ่อตัดลูก

ก็คงพูดไปงั้นเพราะกำลังโกรธรอเวลาอีกสักหน่อย รอความฝันให้เป็นจริงให้ตั้งหลักตั้งตัวได้

พิสูจน์ตัวเองให้พวกท่านเห็นว่าเราทำได้ พวกท่านคงจะยอมรับเองนั่นแหละ

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-01-2016 12:19:37
นัท แฟรงค์ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 18-01-2016 14:47:20
ตอนที่ 21  กำเนิด Straw'ry Cafe . . .

มีกำลังใจดีๆ อย่างนัทอยู่ข้างกายแบบนี้ให้เหนื่อยให้ท้อสักแค่ไหนก็สู้ขาดใจเลยใช่ไหมคะแฟรงค์ ^^

ส่วนนัท ตอนถามแฟรงค์ว่าจะดีเหรอ เราคิดว่าจะปฏิเสธเสียอีกค่ะ ที่ไหนได้ :laugh: แสดงว่าก็แอบอยากเปลี่ยนบทบาทดูบ้างเหมือนกันสินะคะเนี่ย :m12:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 18-01-2016 15:15:40
เข้มแข็งไว้นะ

จะดี จะร้าย สุข ทุกข์ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 18-01-2016 15:20:24
แฟรงค์กับนัทสู้ ๆ น่ะ เราต้องก้าวเดินต่อไป เมื่อเลือกแล้วจงอย่าถอยกลับแล้วพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น แฟรงค์น่ารักจริง ๆ เลยน่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 18-01-2016 15:36:56
แฟรงค์มีน้ำตาแต่ทว่าก็ยังเข้มแข็งไม่เปลี่ยนแบบนี้พลอยทำให้นัทเองก็ฮึดสู้ไปด้วยอีกคนเลยนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :กอด1:

ปล. คำผิดจ้า ..ทว่ามีความหมา(ย)ยิ่งให้..
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-01-2016 20:13:04
หมู่บ้านชาวอาข่าที่เชียงราย ชื่อหมู่บ้านอะไรเหรอคะคุณบี้

ช่วยพาไปทัวร์หน่อยได้ไหม  :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 18-01-2016 22:27:58
แฟรงค์น่ารักจริงๆ เลยน่ะเนี่ย สู้ ๆ น่ะ อุปสรรคยังมีให้ต้องเผชิญอีกเยอะ เมื่อเราเลือกแล้วจงเดินหน้าต่อไปเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นน่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 18-01-2016 23:16:05
ถ้าจับมือ ถือมั่น ดั้นด้นฝ่า
กำแพงหนา ขวางคั่น กั้นไม่ไหว
เหมือนสองแรง สู้ต่อ ไม่ง้อใคร
ใจจับใจ ไขว้แน่นหนา กล้าก้าวเดิน

อยากเจอแบบเค้ามั่งจัง
ซักคน

+1 ให้กับตอนนี้
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-01-2016 23:19:27
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 19-01-2016 05:01:56
ที่ว่าชาวอาข่าเปิดรับเรื่องแบบนี้ ถ้าจริงนี่หัวก้าวหน้ามากเลยนะครับ
สงสารแฟรงค์นะเรื่องคุณปู่ แต่คนจากไปแล้วคงทำอะไรไม่ได้ แต่คนที่ยังอยู่นี่สิ จะหาวิธีคืนดีกันยังไง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 19-01-2016 18:59:25
ขอบคุณหลายๆ คนที่ยังติดตามอ่านเรื่องนี้กันอยู่นะครับ ความรู้สึกอินค่อยๆ กลับมาแล้ว
เรื่องหมู่บ้านชาวอาข่าที่มีเกย์-กะเทยอยู่เยอะๆ มีจริงๆ ครับ เรื่องที่ชาวอาข่ารับเรื่องนี้ได้ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันครับ
ผมมีโอกาสเดินทางไปกับชาวอาข่า ไปดูหลายๆ หมู่บ้านที่เชียงรายมาด้วย ไปกินข้าวที่บ้านชาวอาข่าด้วยครับ
ได้เรียนรู้อะไรดีๆ เยอะเลย คนอาข่าที่พัฒนาแล้วเก่งและหัวก้าวหน้ามากครับ

ขอบคุณที่แจ้งคำผิดด้วย กลับไปกรุงเทพแล้วจะอัปเดตตอนต่อไปคารับ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 19-01-2016 19:52:55
เห็นใจแฟร้ง สูญเสียคุณปู่ไปแต่ก็กลับไปไม่ได้ และพ่อก็มาตัดพ่อตัดลูกอีก
สู้ๆไปด้วยกันนะนัท แฟร้ง ไม่นานความฝันต้องเป็นจริงเพราะพี่แฟร้งเขาเก่ง  o13
  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 19-01-2016 20:14:51
ที่จริงเราอ่านไปตั้งแต่วันที่โพสต์ +เป็ดไปแล้วทุกครั้งที่อ่านทุกเรื่องทุกตอน
แต่ยังไม่ได้เมนท์

ถ้าจะมองเรื่องที่แฟรงค์ไม่ไปงานศพปู่นี่เราเห็นความสัมพันธ์ในครอบครัวของบ้านแฟรงค์เลยนะ    พ่อแฟรงค์เป็นคนแข็งแล้วก็ส่งผ่านมาถึงลูก  ทั้งแฟรงค์กับน้องสาวมองไปข้างหน้าเหมือนกัน   หันหลังก็คือหันหลัง     มองอีกด้านก็คือใครจะรู้ว่าถ้าหากว่าแฟรงค์ไปงานปู่แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?   จะไม่แปลกใจเลยถ้าหากว่าพ่อแฟรงค์จะหาคนมารั้งแฟรงค์ไว้  หรือ  จัดการด่าทอแฟรงค์กับนัท   เผลอๆอาจจะเอาความผิดที่ปู่เสียมาลงที่แฟรงค์กับนัทก็ได้

เราไม่ได้บอกว่าที่แฟรงค์ทำเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือควรทำหรือว่าผิด  ใครไม่เป็นแฟรงค์ก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าควรทำยังไง

มาเจอความเปิดใจกว้างในด้านความคิดของวัฒนธรรมอื่นสร้างความชื่นใจให้เราน่าดู  มันอยู่ที่มุมมองจริงๆ    เห็นการร่วมชีวิตของสองคนนี้  เราฟินกับการที่สองคนนี้คุยกันปรึกษากันมากกว่าพรีเวดดิ้งอีกนะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊22┊ สองใจกับหนึ่งฝัน ┊P14┊ 18.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 20-01-2016 12:46:08


เราตามอ่านจนทันแล้วค่ะ
เอาเป็นว่าในเมื่อทิศทางของเรื่องมันมาในแนวนี้แล้ว เราก็ได้แต่อวยพรให้ทั้งสองหนุ่มเดินหน้าสานฝันกันอย่างเข้มแข็งแล้วกันเนอะ  ขอให้จำเอาไว้ว่า กว่าจะมาถึงจุดเริ่มต้นที่ใจตรงกันและสัญญาใต้แสงดาวกันได้นี่ก็ต้องสูญเสียและฝ่าฟันอะไรมาเยอะแยะ
เพราะฉะนั้น หลังจากนี้ก็ต้องจับมือกันให้แน่น และคอยให้กำลังใจ ผ่านวันร้าย ๆ และแบบทดสอบอีกมากมายไปให้ได้ก็แล้วกัน

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเช่นกันค่ะ  :pig4:



หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 21-01-2016 20:23:37
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 23 ✢ ขอขมาลาโทษ


(http://bit.ly/2lPHQVt)

เฟิร์นพยายามติดต่อผมทั้งโทรศัพท์และไลน์หลายครั้ง แต่ผมไม่ได้เปิดอ่านหรือโทรกลับเลย แต่ถึงไม่โทรถาม ผมก็พอรู้อยู่แล้วว่าคงเกิดเรื่องวุ่นวายมากแค่ไหน ถ้ารู้แล้วทำให้วอกแวก ผมก็ต้องเลือกที่จะไม่รับรู้ไว้ก่อน จนกว่าจะถึงระยะที่ผมคิดว่าปลอดภัยแล้ว

วันที่ไปเชียงราย ผมเผลอไปอ่านไลน์เข้าเพราะเห็นมิสคอลล์จากน้องสาวที่พยายามโทรหาผมหลายครั้ง ก็เลยสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น พอตัดสินจอ่านไลน์แล้วจึงได้รู้ว่าปู่เสียแล้ว แต่ผมอ่านแค่นั้นแล้วก็ปิดไป แค่นี้ก็ยากเกินจะทำใจได้แล้ว แต่เอาเถอะ อย่างน้อยผมกับนัทก็ยังได้ไปทำบุญให้ปู่ด้วยกันที่วัดก่อนกลับ ผมจึงไม่รู้สึกผิดมากเกินไป

หลังจากกลับมาจากเชียงรายแล้ว ผมกับนัทก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านเช่าในตัวอำเภอเขาค้อที่โซ้ยอุตส่าห์ช่วยหาให้ โซ้ยก็ดีเหลือใจจนผมไม่รู้จะขอบคุณยังไง จากนั้นเราก็ตระเวนไปทั่วเขาค้อและภูทับเบิกทุกวันเพื่อศึกษาดูงานร้านกาแฟ รีสอร์ทและไร่สตรอเบอรี่เพิ่มเติม

ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์ เราสองคนก็ได้แบบร้านกาแฟจากเพื่อนของนัทที่ช่วยออกแบบแล้วส่งมาให้ดูทางอีเมล์ ผมกับนัทค่อนข้างพอใจกับแบบร้านกาแฟทรงผลสตอเบอรี่ที่เน้นให้มีกระจกใสรอบด้านเพื่อให้เห็นวิวทิวทัศน์ได้ทั่ว ปรับแบบอีกนิดๆ หน่อยก็น่าจะใช้ได้ ส่วนเรื่องกาแฟ คุณบี๋ก็ตกลงแล้วว่าจะขายเฟรนไชส์ให้เราสองคนในราคาพิเศษ ส่วนการทำไร่สตรอเบอรี่ เราก็ได้ศึกษาทั้งวิธีการปลูกแบบใช้ดิน ไม่ใช้ดินและการปลูกพืชลงบนต้นกล้วย รวมทั้งได้ศึกษาพันธุ์สตรอเบอรี่ต่างๆ ที่เราจะปลูกด้วย ในช่วงแรกกะว่าจะทดลองปลูกทั้งสามแบบและหลายๆ พันธุ์ หลังจากนั้นจึงจะเอาผลลัพธ์มาเปรียบเทียบกันก่อนจะตัดสินใจเลือก

รูปร่างความฝันของเราเริ่มมีตัวตนชัดเจนขึ้นแล้ว พรุ่งนี้ผมก็จะพานัทไปขอขมาน้านวลที่บ้าน เชื่อว่าน้านวลจะเข้าใจและให้อภัยเราสองคนอย่างแน่นอน เพราะน้านวลรับรู้เรื่องของผมกับนัทมาตลอด หลังจากนั้นแล้วผมกับนัทก็น่าจะเริ่มต้นทำตามความฝันของเราสองคนได้เสียที

ผมคิดว่าถึงระยะเวลาปลอดภัยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผมควรจะรับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมพานัทหนีมาเสียที หลังจากที่ผมกับนัทกินข้าวเย็นด้วยกัน ผมจึงให้นัทอาบน้ำก่อน ก่อนที่ผมจะเดินออกมานั่งหน้าบ้านเช่าที่เป็นบ้านไม้เพื่อโทรหาน้องสาว ผมบอกนัทไว้แล้วว่าจะโทรหาที่บ้านวันนี้ นัทจึงไม่ติดใจสงสัยหรือเป็นห่วงเท่าไหร่

"เดี๋ยวก่อนนะคะพี่แฟรงค์ เฟิร์นขอขึ้นไปบนห้องก่อน เดี๋ยวพ่อกับแม่สงสัย" ทันที่ที่รับสาย เฟิร์นก็บอกผมด้วยประโยคนั้นก่อนที่จะได้ทักทายถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันเสียอีก

"ได้ๆ" ผมบอกแล้วก็นั่งรอ ได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่งกุกๆ กักๆ อยู่สักพักก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงเป็นปกติ

"โอเคแล้วล่ะ พี่แฟรงค์เป็นไงมั่ง เฟิร์นเป็นห่วงพี่มากเลย" น้ำเสียงที่ถามมาบ่งบอกความรู้สึกตามที่พูดจนรู้สึกได้

"พี่สบายดี แล้วเฟิร์นล่ะ"

"สบายดีค่ะพี่แฟรงค์ แต่ก็วุ่นๆ เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ตอนนี้พี่แฟรงค์อยู่ที่ไหนคะ"

"อยู่เขาค้อ เช่าบ้านอยู่ พอดีได้เพื่อนสมัยประถมที่รู้จักกันช่วยหาให้ ไอ้โซ้ยไง เฟิร์นจำได้มั้ย"

"อ๋อ...จำได้ๆ อ้าว...เฟิร์นนึกว่าพี่แฟรงค์กับนัทจะไปอยู่บ้านน้านวลซะอีก"

"ยังหรอก พี่ยังไม่ได้พานัทไปขอขมาน้านวลเลย"

"เหรอคะ" เฟิร์นทำน้ำเสียงแปลกใจ

"พี่ว่าจะไปพรุ่งนี้ ตอนนี้พี่กับนัทยุ่งกันมากเลย เดินทางไปหลายที่ ไปดูรีสอร์ท ไร่สตรอเบอรี่ ร้านกาแฟ แล้วก็ให้เพื่อนนัทช่วยออกแบบร้านกาแฟให้ ตอนนี้ได้แบบมาแล้วนะ สวยมากเลยล่ะเฟิร์น เดี๋ยวพี่จะส่งไลน์ไปให้ดู พี่กับนัทชอบมาก พี่ก็กะว่าจะให้แผนทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วพี่ถึงจะพานัทไปขอขมาน้านวล ไม่อยากไปขอขมาทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ไม่อยากให้น้านวลเป็นห่วงอนาคตของนัทถ้าอยู่กับพี่ แล้วพี่ก็อยากให้น้านวลเห็นความตั้งใจของเราสองคนด้วยว่าเราจริงจังขนาดไหน"

"ดีแล้วล่ะค่ะพี่แฟรงค์ เฟิร์นถึงเชื่อใจพี่ไงคะว่าพี่แฟรงค์ทำได้"

"แล้วตอนนี้ที่บ้านเป็นไงมั่ง พี่ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้โทรมาคุยกับเฟิร์นเลย ไม่ใช่พี่ไม่ห่วงที่บ้านนะ แต่พี่ก็ไม่อยากเขว กลัวรู้แล้วจะทำใจไม่ได้ พี่กลัวรู้แล้วพี่จะถอดใจซะก่อนน่ะเฟิร์น เข้าใจพี่นะ"

แล้วผมก็ได้ยินเสียงเฟิร์นถอนหายใจอย่างหนักใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีเรื่องวุ่นวายมากขนาดไหน

"เข้าใจค่ะพี่แฟรงค์ แต่ก็อย่างที่เฟิร์นเขียนไปในไลน์ ปู่เสียแล้ว ปู่ไปสบายแล้วล่ะ แต่ว่า..." น้ำเสียงของเฟิร์นฟังดูเศร้าเมื่อพูดถึงปู่

"แล้วพ่อก็โทษพี่ว่าเป็นต้นเหตุด้วยใช่มั้ย" ผมถามไปอย่างรู้ทัน

"ค่ะ" เฟิร์นตอบโดยไม่ลังเลแล้วก็พูดต่อ "พ่อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย ใครเข้าหน้าก็ไม่ติด พอปู่เสีย พ่อก็ยิ่งอารมณ์ร้าย ประกาศตัดพ่อตัดลูกกับพี่แฟรงค์ลั่นบ้านเลย ส่วนแม่ก็อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม่คิดถึงพี่แฟรงค์มากนะคะ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในบ้านไปแล้วตอนนี้"

พอได้ยินเฟิร์นพูดถึงแม่แล้ว น้ำตาลูกผู้ชายของผมก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว แม่คงคิดถึงลูกชายคนนี้มากเพราะเราไม่เคยจากกันไปไหน ป่านนี้คงจะเป็นห่วงผมใหญ่จนอาจถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับไปแล้ว

"อย่าหาว่าเฟิร์นพูดบาปกับพ่อของตัวเองเลยนะคะพี่แฟรงค์ เรื่องทั้งหมด...เกิดมาจากพ่อของเรานั่นแหละค่ะ พ่อพรากพี่แฟรงค์ไปจากนัท พอพี่แฟรงค์คบเพียวเป็นแฟนก็หาทางผูกมัดพี่กับเพียวไว้ ยิ่งที่บ้านของเพียวเป็นหนี้เราก็ยิ่งเข้าทาง เอามาใช้บีบบังคับทางนั้นได้อีก แม่เพิ่งบอกเฟิร์นเมื่อไม่กี่วันว่าพ่อเป็นคนบังคับให้แม่ไปคุยกับนัทตอนที่นัทกำลังจะลาออก แม่บอกว่าแม่พูดกับนัทไม่ดีหลายอย่างเลย แม่เสียใจมากนะพี่แฟรงค์ที่แม่ต้องทำอย่างงั้น แค่นั้นยังไม่พอ พ่อยังไปบีบบังคับให้เพียวมาพูดกับนัทด้วยอีกคน นัทถึงทนไม่ไหวจนต้องหนีพี่แฟรงค์ไปไงคะ"

ผมอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ไม่คิดว่าพ่อจะทำถึงขนาดนี้ แสดงว่าวันนั้นที่นัทหนีไปก็เป็นเพราะแม่กับเพียวมาต่อว่านัทตามที่พ่อผมบีบบังคับแน่ๆ ผมยอมรับว่ายังติดใจนัทเรื่องนี้อยู่หน่อยๆ แต่พอรู้อย่างนี้แล้วก็หายข้องใจเสียที

"แล้วเพียวล่ะเฟิร์น" ผมถามเสียงแหบพร่า ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาโดยไม่คิดแม้แต่จะเช็ดออก

ผมได้ยินเสียงน้องสาวถอนหายใจอีกครั้ง แสดงว่าเพียวคงเจอปัญหาหนักไม่น้อยเหมือนกัน

"ไม่รู้จะพูดยังไง เมื่อก่อนเฟิร์นเคยไม่ชอบเพียวนะ แต่ตอนนี้รู้สึกสงสารมากเลย วันที่พี่แฟรงค์หนีไปกับนัท เพียวไม่ร้องไห้เลย ไม่มีน้ำตาเลยซักหยด แต่เห็นหน้าแล้วก็รู้ว่าเสียใจมาก เพียวนั่งเงียบไม่ยอมลุกไปไหน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลยซักคน ขนาดพ่อกับแม่ของเพียวเองยังไม่กล้าไปพูดอะไรกับเพียวเลย แล้วเพียวก็กลับบ้านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางนั้นไม่ติดต่อกับบ้านเราอีกเลย พ่อก็ไม่ไปกดดันทางนั้น คิดว่าคงจะยกหนี้ให้ จะได้ไม่มีปัญหากัน เฟิร์นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อจะทำอะไรอีกหรือเปล่า ตอนนี้ไม่กล้าคุยกับพ่อเลย อ้อ...เฟิร์นเดาว่าเพียวคงเตรียมใจไว้แล้วล่ะว่าเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบังคับ เพียวคงยอมหลีกทางให้พี่กับนัทไปตั้งนานแล้วล่ะ พี่แฟรงค์ก็อาจจะทำไม่ถูกกับเพียวนะ แต่คนที่ทำให้เรื่องมันเลวร้ายไปกันใหญ่ก็คือพ่อของเราเองนั่นแหละค่ะ"

ในขณะที่ฟังผมก็พลันนึกถึงเพียวตอนที่เกิดสนใจเธอเป็นครั้งแรกขึ้นมา ตอนนั้นเพื่อนผมชอบเพื่อนของเพียวอยู่ วันหนึ่งสองคนนั้นก็นัดกันไปดูหนัง แต่ดูเหมือนฝ่ายหญิงยังไม่ค่อยมั่นใจที่จะไปเที่ยวกับเพื่อนผมสองต่อสอง ก็เลยลากเพียวมาเป็นเพื่อนด้วยอีกคน แต่ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น เพื่อนคนอื่นๆ ก็เลยถูกชวนไปด้วย

วันนั้นผมว่างพอดีก็เลยตามไป เราไปกินข้าวกันก่อนแล้วก็ตามด้วยไอศครีม เพียวหยิบเมนูไอศครีมขึ้นมาดูแล้วก็เลือกไม่ถูก ถามไปถามมาก็บอกว่าเธอชอบกินไอศครีมมาก กินได้ทุกรสเลย ก็เลยอยากกินไปหมดเสียทุกอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดธรรมดาๆ ของเธอจะกระแทกเข้าไปในหัวใจผมอย่างรุนแรงได้ ความทรงจำบางอย่างเกี่ยวกับคนชอบกินไอศครีมทุกรสถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ผมนึกอยากจีบเธอขึ้นมาทั้งๆ ที่ผมแทบไม่เคยจีบผู้หญิงจริงจังเลย จะว่าไป ผมก็ไม่เคยสนใจเธอเลยด้วยซ้ำแม้ว่าจะเคยเจอกันมาก่อน จนกระทั่งได้ยินคำพูดนั้น

วันนี้ผมกลับพาเธอมาทิ้งไว้เสียกลางทาง ก็อาจจะจริงที่พ่อผมทำให้ทุกอย่างยากขึ้น แต่ถ้าไม่ใช่เพราะผมเปลี่ยนใจกะทันหัน ชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่งก็คงไม่ต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้ ไม่ว่าจะยังไงผมก็ปฏิเสธความผิดพลาดครั้งนี้ไม่ได้ นี่คือบทเรียนที่ผมต้องจำไว้จนชั่วชีวิต แต่กระนั้น ผมก็ยังต้องเดินทางต่อไปกับสิ่งที่ผมเลือก เหมือนกับพายุที่ไม่เคยหันหลังกลับไปดูสิ่งที่มันพัดพาจนเสียหาย และไม่เคยเสียใจกับอานุภาพทำลายล้างของมันที่ทิ้งไว้ให้หลังจากที่พัดผ่านไป

ผมถอนหายใจหลังจากที่ฟังน้องสาวพูดจบ ไม่รู้ว่าชีวิตต้องเศร้าไปอีกนานแค่ไหน หวังเพียงว่าวันเวลาจะช่วยรักษาทุกคนที่บาดเจ็บให้หายดีในเร็ววันนี้เสียที

"ถ้ามีโอกาส พี่จะกลับไปขอโทษเค้า แต่ตอนนี้...พี่ขอทำตามความฝันของพี่กับนัทให้สำเร็จก่อน พี่ฝากดูแลพ่อกับแม่แทนพี่ด้วยนะเฟิร์น ถ้าแม่ถามหาพี่ เฟิร์นช่วยบอกแม่ด้วยว่าพี่สบายดี พี่ก็คิดถึงแม่ บอกแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงพี่นะ พี่เอาตัวรอดได้ อีกไม่เกินสองปี พี่จะกลับไปหา"

ผมพูดไปก็ร้องไห้ไป ชีวิตที่ไม่มีบรรยากาศของครอบครัวรายล้อมและคอยปกป้องนั้นช่างอ้างว้างสิ้นดี แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะต้องผ่านมันไปให้ได้

"พี่แฟรงค์ไม่ต้องห่วงหรอก เฟิร์นจะดูแลทุกอย่างแทนพี่แฟรงค์เอง พี่แฟรงค์ก็อย่าลืมดูแลตัวเองดีๆ ด้วย เฟิร์นจะเอาใจช่วยให้พี่แฟรงค์กับนัททำตามความฝันจนสำเร็จนะคะ"

ไปๆ มาๆ ทั้งพี่ทั้งน้องก็ร้องไห้ด้วยกัน สุดท้ายก็เลยได้คุยกันแค่นั้นเพราะไม่สามารถคุยกันต่อได้ ต้องวางสายไปในที่สุด ผมคิดว่าผมตัดสินใจถูกแล้วที่ปิดการรับรู้ทุกอย่างไปก่อน ถึงยังไงผมก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีหัวจิตหัวใจ เห็นคนบาดเจ็บล้มลงจากสิ่งที่ผมทำก็ย่อมรู้สึกเจ็บปวดเป็นธรรมดา อาจทำให้วอกแวกได้ แต่ผมก็ย้ำชัดกับตัวเองเสมอว่า...ผมจะไม่หันหลังกลับ

พอวางสายไปแล้วผมก็นั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านอย่างเงียบๆ ครู่ใหญ่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงกอดรัดจากทางด้านหลัง ใครสักคนโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ พร้อมกับกลิ่นหอมของสบู่อ่อนๆ ที่โชยมาสัมผัสจมูก แม้ไม่หันไปมองผมก็รู้ดีว่าใคร

"พี่แฟรงค์"

"ว่าไงครับน้องนัท"

ผมยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ จากนั้นก็หันไปมองนัทที่ปล่อยมือจากผมแล้วก็ยืนตัวตรงอยู่ทางด้านหลัง เจ้าตัวคงอยากมาให้กำลังใจจึงส่งรอยยิ้มมาให้พี่ชายคนเศร้า

"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ"

"เสร็จตั้งนานแล้ว" ตอบแล้วนัทก็ลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ ผม ก่อนจะกอดผมไว้ทางด้านข้างแล้วก็แนบใบหน้าอยู่ตรงอกผม

"ขอกอดพี่แฟรงค์หน่อยนะ อากาศมันหนาว"

ผมค่อยๆ คลี่ยิ้ม เอามือลูบผมนัทเบาๆ แล้วก็ก้มลงไปสูดดมเส้นผมที่สระสะอาดและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ

"ชื่นใจจัง"

นัทค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมามองผม สายตาออดอ้อนนั้นทำให้ผมเอ็นดูจนอดขยี้ผมนัทเล่นเบาๆ ไม่ได้

"พี่แฟรงค์เหงาหรือเปล่า"

"ไม่เหงาหรอก ก็พี่มีนัทอยู่ด้วยทั้งคน จะเหงาได้ไง"

นัทยิ้มดีใจแล้วก็ซบหน้าลงกับอกผมตามเดิม "พี่แฟรงค์ตัวอุ่นจัง นัทชอบ"

นัทคงรู้ว่าผมกำลังเศร้าก็เลยพยายามอ้อนให้คนตัวอุ่นอารมณ์ดีขึ้น

"นัทขี้อ้อนไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย" ผมพูดหยอกอย่างอารมณ์ดี

"นัทก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว จำไม่ได้เหรอว่านัทน่ะชอบอ้อนพี่แฟรงค์ให้ซื้อไอติมให้กินบ่อยๆ"

"จำได้สิ แล้วนัทจำได้หรือเปล่าล่ะว่าพี่เคยบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้เรียกพี่ เดี๋ยวนี้นะ นัทเรียกพี่แฟรงค์ๆ ทุกวันเลย ไม่ยอมเรียกแฟรงค์เฉยๆ"

นัทปล่อยผมออกจากอ้อมแขนแล้วก็นั่งตัวตรง ก่อนจะทำเสียงกระเง้ากระงอด "ไม่เอาหรอก เรียกพี่น่ะดีแล้ว ยังไงๆ พี่แฟรงค์ก็เป็นพี่ของนัท นัทชอบเรียกว่าพี่แฟรงค์มากกว่าแล้วล่ะ อบอุ่นดี"

แล้วเราสองคนก็ยิ้มให้กันท่ามกลางเสียงลมหนาวที่ยังคงพัดมาไม่ขาดสาย จังหวัดอื่นๆ อาจไม่ค่อยหนาวแล้ว แต่ที่เขาค้อยังคงหนาวอยู่

"เอาอย่างงั้นก็ได้" ผมบอกแล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังมากขึ้น

"พี่ขอโทษนัทด้วยนะที่พี่เคยคิดไม่ดีกับนัทเรื่องหนึ่ง"

นัทเอียงคอมองอย่างสงสัย "เรื่องอะไรเหรอ"

"ก็ตอนที่นัทหนีพี่ไปไง พี่บอกตรงๆ นะว่าพี่เคยรู้สึกแย่มาก เพราะเราสัญญากันแล้วว่าเราจะไม่ปล่อยมือกัน แต่พี่เข้าใจแล้วว่าทำไมนัทถึงต้องทำอย่างงั้น"

นัทไม่พูดหรือถามอะไรแต่รอคอยฟังผมอย่างสนใจ

"แม่พี่กับเพียวมากดดันนัทใช่มั้ย นัทถึงได้หนีพี่ไป" ผมตัดสินใจถามไปตามตรง

นัทมีท่าทางอึ้งๆ และไม่กล้าสบตาผม คงไม่คิดว่าผมจะรู้เรื่องนี้จนได้

"นัทไม่ตอบก็ไม่เป็นไร พี่แค่จะบอกนัทว่า...พี่ดีใจมากที่พี่ได้รู้ความจริงนี้ซะที ไม่งั้นพี่คงคาใจเรื่องนี้ไปอีกนานเลย"

ผมหยุดเว้นจังหวะแล้วก็ดึงมือนัทมากุมไว้ นัทมองดูมือนั้นแต่ยังไม่แสดงความรู้สึกที่ชัดเจนออกมา

"ทีหลัง...มีอะไรกดดันก็บอกพี่นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว ยิ่งตอนนี้...เราสองคนเปรียบเสมือนคนๆ เดียวกันแล้ว เราต้องหันหน้าเข้าหากัน มีอะไรนัทต้องบอกพี่ พี่เอง...มีอะไรก็จะบอกนัททุกอย่าง"

"นัทขอโทษ"  นัททำหน้ารู้สึกผิด

ผมขำเบาๆ แล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดู  "พี่น่ะ สงสารนัทจะตาย นัทไม่รู้เหรอ มีอะไรก็บอกพี่นะ"

นัทพยักหน้าแล้วก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ผมก็เลยดึงน้องรักมากอดปลอบใจเสียหน่อย ตอนที่โดนสองคนมาต่อว่าและกดดันคงเสียขวัญไม่น้อย มิน่าล่ะถึงหนีพี่ไป

"พี่แฟรงค์ อย่าโกรธนัทเรื่องนั้นอีกเลยนะ ถึงตอนนั้นนัทจะปล่อยมือพี่ แต่นัทก็รักพี่แฟรงค์นะ" คนน้องพูดปนสะอื้น

"พี่รู้ พี่ไม่ได้ต่อว่านัทซะหน่อย พี่แค่จะบอกว่าพี่ดีใจที่ได้รู้ต่างหาก จะได้หายคาใจซะที ไม่ต้องเสียใจเรื่องนี้อีกแล้วนะ" ผมเน้นย้ำเพราะกลัวนัทคิดเป็นอย่างอื่น

นัทพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็กอดผมแน่น

"พี่เข้าใจ ที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปแล้วกัน แต่ต่อไป เราสองคนต้องเปิดใจคุยกันนะ"

"ต่อไปนัทจะบอกพี่ทุกอย่าง นัทสัญญา"

ผมอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ที่นัทร้องไห้เหมือนเด็ก ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป นัทกับเด็กชายนัทก็ยังอยู่กับผมเสมอ นี่แหละน้องนัทที่ผมเฝ้ารักเฝ้าดูแลมาตลอด

พอนัทสงบสติอารมณ์ได้แล้วผมจึงค่อยๆ ปล่อยนัทออกจากอ้อมแขน เรายิ้มให้กันแล้วก็ขำเบาๆ

"อยู่นี่แป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่มา"

ผมบอกแล้วก็วิ่งหายเข้าไปข้างในบ้าน ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าของผมเอง ปราดลงมานั่งข้างๆ แล้วก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้คนขี้แง

"ใช้ตามสบายเลยนะ เพราะครั้งต่อไปนัทต้องซักผ้า" ผมหยอกอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้เราสองคนผลัดกันทำงานบ้าน บางอย่างก็ช่วยกันทำ บางอย่างก็เปลี่ยนเวรกันทำ

นัทขำเบาๆ แล้วก็ซับน้ำตาจนแห้ง ก่อนจะเงยหน้ามาถามผม "ที่บ้านของพี่แฟรงค์เป็นไงมั่ง"

ผมเอามือสองข้างจับตรงต้นขาของตัวเองแล้วก้มหน้า ถอนหายใจแล้วก็หันไปยิ้มเศร้าๆ

"ก็อย่างที่พี่บอกวันนั้นแหละ พ่อพี่โกรธพี่มาก ตัดพ่อตัดลูกกับพี่ไปแล้ว ส่วนแม่...แม่คิดถึงพี่มาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนเพียวก็ไม่ได้ติดต่อกับที่บ้านพี่อีกเลย เฟิร์นบอกพี่ว่า...เพียวไม่ร้องไห้เลยตอนที่เราสองคนหนีออกมา ไม่มีน้ำตาซักหยด"

"เพียวคงเสียใจมากนะพี่แฟรงค์ถึงเป็นอย่างงั้น" นัทบอกเสียงเศร้า

ผมพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับอย่างช้าๆ "พี่คบกับเพียวมาหลายปี พี่คิดว่าพี่รู้จักเค้านะ เพียวคงยอมปล่อยมือนานแล้วล่ะ แต่คนที่ไม่ยอมก็คือพ่อของพี่เอง นัทจำได้ใช่มั้ยที่พี่เคยเล่าให้ฟังว่าที่บ้านเพียวเป็นหนี้บ้านพี่อยู่ พ่อก็เลยเอาเรื่องนี้มากดดันทางนั้น พี่ขอโทษแทนพ่อพี่ด้วยนะนัท ที่แม่พี่กับเพียวไปหานัทวันนั้น พ่อพี่เป็นคนกดดันเอง"

นัทดูอึ้งไปพอสมควร แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจว่าทำไมพ่อผมถึงต้องทำอย่างนั้น

"แต่พ่อพี่แฟรงค์ก็รักพี่แฟรงค์มากนะ ไม่งั้นไม่ทำอย่างงี้หรอก" นัทพยายามมองในแง่ดี

ผมพยักหน้าเห็นด้วย "ก็ใช่ แต่มันผิดทางไปหน่อย แต่เอาเหอะ พี่เชื่อว่าสักวันพ่อของพี่จะเข้าใจ"

"นัทก็เชื่ออย่างงั้น" นัทพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมีความหวัง

"ดีแล้ว อ้อ...พรุ่งนี้นัทพร้อมแล้วใช่มั้ย"

นัทพยักหน้าแล้วก็ขำเบาๆ "นัทน่ะพร้อมอยู่แล้ว ว่าแต่คนที่พาลูกชาวบ้านเค้าหนีเหอะ พร้อมหรือยังล่ะ"

"พร้อมสิ เห็นมั้ย...เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว" ผมยิ้มอย่างภูมิใจก่อนจะเอามือลูบผมนัทเบาๆ อย่างรักใคร่

พรุ่งนี้คงเป็นวันชี้ชะตาอีกวันหนึ่งของเรา หวังว่าความดีที่ผมกับนัทพอจะมีอยู่บ้างจะให้เราสองคนผ่านไปได้ด้วยดี ยังไงๆ ผมก็เชื่อว่าฟ้าดินคงไม่ทอดทิ้งคนที่พยายามและตั้งใจอย่างเราสองคนอย่างแน่นอน

... ... ...

ผมกับนัทก้มลงกราบผู้สูงวัยที่นั่งอยู่บนโซฟาภายในบ้านพร้อมกันสามครั้ง จากนั้นก็ยกเท้าของท่านมาใส่ในกาละมังใบเล็กที่ใส่น้ำอบและลอยดอกมะลิ พอเริ่มลงมือล้างเท้าให้ท่าน ผมก็ถือโอกาสเป็นคนแรกในการกล่าวขอขมาก่อน

"น้านวลครับ ผมขอกราบขอขมาที่ผมพานัทหนีไปโดยไม่บอกกล่าว ทำให้น้านวลไม่สบายใจและเป็นห่วง ผมขอขมากรรมในสิ่งที่เคยล่วงเกิน ทั้งในอดีตที่ผ่านมาและในอนาคต ทั้งกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี หรือในสิ่งที่ทำให้น้านวลไม่สบายใจ ลูกกราบขออโหสิกรรมในสิ่งเหล่านั้นด้วย"

ผมนำเท้าของน้านวลมาวางบนขาของผมที่มีผ้ารองอยู่ ก่อนจะเช็ดให้แห้ง นัทก็ทำตามเช่นเดียวกัน หลังจากที่เช็ดเท้าของน้านวลจนแห้งแล้ว นัทก็เป็นคนกล่าวคำขอขมาตามที่เราสองคนไปค้นหาในอินเตอร์เน็ตมา นัทนั่งท่องอยู่หลายวันเลยทีเดียว

"พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระแม่พระพาย พระแม่พระเพลิง ลูกมาขอกราบขมาลาโทษ ขอเป็นทิพยญาณนำความดีและกุศลผลบุญที่ลูกทำในครั้งนี้ไปบอกปู่ยมราช และนายนิติยบาลให้ด้วย ให้ช่วยจดบันทึกคุณงามความดีครั้งนี้ ที่ผ่านมาลูกจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ลูกขอรับใช้กรรม แต่หลังจากนี้ไป ลูกกราบขอชีวิตใหม่จากบุพการี"

ผมกับนัทก้มหมอบลงก่อนที่จะนำเท้าของน้านวลมาวางไว้บนศีรษะของเราทั้งสอง จากนั้นผมจึงนำพานธูปเทียนแพที่วางอยู่ข้างๆ มอบให้น้านวลรับไป ก่อนที่นัทจะกล่าวขอขมาอีกครั้ง

"แม่ครับ ลูกขอขมา ขออโหสิกรรม ขอชีวิตใหม่ที่ดีให้ลูกด้วยนะครับ"

น้านวลเอามือลูบหัวของผมแล้วก็ย้ายไปลูบหัวของนัท ก่อนจะยิ้มอย่างตื้นตั้นใจและกล่าวคำอวยพรให้

"แม่ดีใจที่ลูกสองคนกลับมาหาแม่นะ แม่ไม่เคยโกรธลูกสองคนหรอก แม่รู้ว่านัทรักแฟรงค์และแฟรงค์ก็รักนัทมากแค่ไหน แม่เข้าใจความรักของลูกสองคน แม่มีความสุขที่ในที่สุดลูกสองคนก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แม่ก็ขออวยพรให้ลูกสองคนประสบแต่ความสุขความเจริญ คิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สมความปราถนา ส่วนแฟรงค์ ต่อไปถ้าแฟรงค์อยากจะเรียกน้าว่าแม่ น้าก็ยินดีนะลูก"

ผมเงยหน้าขึ้นมองแม่ของนัทแล้วก็ยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ "ครับแม่นวล ตอนนี้...ผมคงไม่มีโอกาสได้อยู่กับครอบครัวที่ผมรักแล้ว ขออนุญาตให้น้านวลเป็นแม่ของผมอีกคนละกันนะครับ"

น้านวลพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น ผมหันไปมองหน้านัทแล้วก็ยิ้มให้กัน ส่วนนิวที่นั่งพับเพียบอยู่ข้างหลังก็พลอยยิ้มดีใจกับเราไปด้วย

พอถึงขั้นตอนสุดท้าย ผมกับนัทก็ตั้งจิตอธิษฐานถึงพระพุทธเจ้า ก่อนจะเอ่ยคำขออนุโทนาบุญพร้อมกันสองคน

"ลูกชื่อธนวรรธน์ โฆษะนาม/วศินภัทร์ ชลาสัย ขออนุโมทนาบุญจากพระพุทธเจ้าให้สำเร็จบุญนี้ให้ลูกด้วย ลูกขอนำกุศลบุญส่วนหนึ่งอุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่ติดตามลูกมาแต่อดีตชาติจนปัจจุบันให้รับกุศลของลูก ณ บัดนี้ เดี๋ยวนี้ รับเลยจ้ะ รับแล้วใช่ไหมจ๊ะ สาธุ สาธุ สาธุ"

พิธีขอขมาลาโทษบุพการีเสร็จสิ้นลงแล้วด้วยความยินดีของทุกคนที่อยู่ในห้อง นิวช่วยเอากาละมังไปเก็บให้ ส่วนผมกับนัทก็นำเสื้อใหม่ที่เราสองคนไปหาซื้อไกลถึงพิษณุโลกด้วยกันมาให้แม่ของนัท น้านวลหรือบัดนี้กลายเป็นแม่นวลของผมยิ้มอย่างพอใจ

"สวยมากลูก ขอบใจมากเลย"

"เอาไว้ใส่ตอนไปทำบุญให้พ่อนะครับแม่" นัทบอกพร้อมกับเอาศีรษะแนบลงบนตักของแม่ คงจะคิดถึงแม่มากทีเดียวเพราะไม่เจอกันหลายวัน

"อืม...ใช่ ใกล้จะครบรอบวันที่พ่อเสียแล้วจริงๆ ด้วย แม่ก็เกือบลืมไปเลย อ้อ เดี๋ยวเราไปคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวดีกว่าลูก"

นัทผละจากตักของแม่แล้วก็นั่งตัวตรง จากนั้นเราสองคนจึงลุกขึ้นยืนแล้วพาแม่นวลไปนั่งคุยกันที่โต๊ะหน้าบ้าน นิวตามมานั่งฟังด้วยอย่างเงียบๆ แม่นวลเคยบอกผมว่านิวเป็นผู้หญิงที่แทบไม่สนใจผู้ชายเลย ชอบทำงานและอยู่เงียบๆ มากกว่าที่จะไปสุงสิงกับใคร จนแม่นวลชักปลงว่าลูกสาวจะขึ้นคาน ดูๆ ไปแล้วก็ท่าจะจริง

ผมเอาไอแพดมาวางเอียงๆ บนโต๊ะ จากนั้นจึงค่อยๆ เลื่อนดูภาพร้านกาแฟ Straw'ry Cafe ที่เพื่อนของนัทช่วยออกแบบให้แม่นวลกับนิวดู ผมกับนัทคอยช่วยกันนำเสนอ ถ้าใครลืมตรงไหนก็ช่วยเสริมให้กัน ดูเหมือนน้านวลกับนิวจะชอบมากทีเดียว มีเสียงฮือฮาเป็นระยะๆ พอหมดภาพร้านกาแฟแล้วก็เป็นภาพยี่ห้อกาแฟที่เราตั้งใจจะซื้อเฟรนไชส์ คุณบี๋ให้ข้อมูลและภาพประกอบมาแล้วก็เลยง่ายหน่อย ผมกับนัทตั้งใจว่าพอนำเสนอเสร็จแล้วก็จะให้แม่นวลลองชิมกาแฟยี่ห้อนี้ด้วย

จากนั้นเราก็นำเสนอภาพการปลูกสตรอเบอรี่แบบต่างๆ ที่เราไปศึกษามาพร้อมกับอธิบายว่าเราจะทดลองปลูกทั้งสามแบบและหลายๆ พันธุ์ก่อนตัดสินใจ ในขั้นตอนสุดท้าย เราก็นำเสนอแผนการทำงานที่เริ่มตั้งแต่การเตรียมปลูกสตรอเบอรี่ หาบริษัทมารับเหมาก่อสร้างร้านกาแฟให้ ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการรับสมัครคนมาทำงานในร้านกาแฟ และแผนที่เราจะทำให้ลูกค้ามี Story หรือมีเรื่องราวร่วมกับร้านของเรา ในระหว่างที่เปิดร้านกาแฟเราก็จะค่อยๆ สร้างรีสอร์ทไปด้วย เริ่มต้นที่ห้าหลังก่อน เน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศภูทับเบิกที่แตกต่าง อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติและมี Story ร่วมกับเราได้

พอเห็นรอยยิ้มภูมิใจของแม่นวลกับนิวแล้วก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าผลจะเป็นยังไง

"ดีมากลูก ลูกสองคนทำดีมาก ความจริง...แค่นัทเป็นลูกของแม่ ไม่มีแผนอะไรมาให้แม่ดู แม่ก็พร้อมที่จะช่วยเรื่องเงินลงทุนอยู่แล้ว พอเห็นนัทกับแฟรงค์ตั้งใจขนาดนี้ แม่จะไม่ช่วยก็คงเกินไปหน่อย เอาเป็นว่า...นัทกับแฟรงค์สบายใจได้เลยนะลูก เดี๋ยวแม่จะไปคุยกับธนาคารให้ นัทกับแฟรงค์ไปด้วยกันกับแม่ เอาแผนที่ลูกสองคนทำไปนำเสนอด้วย แม่ว่าไม่มีปัญหาหรอก ยังไงก็ได้อยู่แล้ว"

ผมกับนัทหันมายิ้มให้กันแล้วก็น้ำตาซึม กว่าเราสองคนจะเตรียมการนำเสนอได้ขนาดนี้ก็ต้องเดินทางไปหลายที่ อดหลับอดนอนช่วยกันทำไฟล์นำเสนออยู่หลายวัน ความเห็นไม่ตรงกันก็มีบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับทะเลาะกัน ต้องใช้เวลาและความอดทนที่จะพูดคุยกันและทำให้ลงตัวอย่างที่เราอยากได้ เหนื่อยกันมากทีเดียว

สุดท้าย...เราก็ได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ข้างหน้าเสียที แค่นี้ก็คุ้มค่ากับความพยายามทั้งหมดที่ใส่ลงไปแล้ว

ขอบคุณแม่นวลเหลือเกินที่ให้โอกาสเราสองคน ผมกับนัทจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน!


- TBC -[/center]
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-01-2016 20:50:27
ชอบความคิดความอ่านของเฟิร์นนะ

ถึงแม้จะเป็นพ่อแม่ แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่าพ่อแม่ก็เป็นคนๆหนึ่งเหมือนกัน ย่อมมีสิทธิ์ที่จะทำผิดทำพลาดได้เหมือนกัน อย่างพ่อของแฟรงค์นี่หัวรั้น ไม่ฟังใครเลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 21-01-2016 21:24:36
พยายามเข้านะ ทั้งคู่เลย สู้ๆครับ ช่วยเชียร์ครับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-01-2016 22:16:59
ชอบฉากขอขมา

คนเป็นพ่อแม่ไม่ได้หมายความว่า เป็นคนที่ทำถูกทุกอย่าง นิสัยดีไร้ที่ติ อะไรอย่างนั้น

มนุษย์ก็คือ มนุษย์นั่นแหละ

ขอให้กิจการเริ่มต้นด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 21-01-2016 22:31:52
สนุกคับ ชอบฉากขอขมาแม่นวลมากที่สุดเลย สมจริงคับ พ่อแม่ท่านไม่ทิ้งลูกหลานของท่านหรอกคับ 
   รออ่านตอนใหม่นะคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-01-2016 22:32:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: minniekook ที่ 21-01-2016 22:33:33
สู้ๆนะคะ ทั้งสองคน  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-01-2016 23:42:02
ทั้งแฟรงค์และนัทยังคงมั่นคงในความรัก..ไม่เปลี่ยนแปลง
เห็นอย่างนี้แล้ว ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรก็ไม่น่ากลัวอีก

นับถือในความมุ่งมั่น ในความรักของสองหนุ่มนี่..จริงๆ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 22-01-2016 08:49:56
อ่านแล้วรู้สึกนับถือความมั่นคงในรักแท้ของแฟรงค์กับนัท  o13
ชอบตอนขอขมาแม่ของนัท แฟร้งเป็นคนหัวสมัยใหม่แต่ก็ยังใส่ใจเรื่องพวกนี้ ต่อไปนี้ไม่ว่าคิดจะทำอะไรสำเร็จแน่นอน สู้นัทแฟร้ง
อยากเห็น straw'ry cafe นัทแฟร้ง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 22-01-2016 13:51:25
มีความฝันร่วมกันมายืนยันด้วยอีกแรงแบบนี้นอกจากน้านวลจะไม่คัดค้านแล้วก็มีแต่จะสนับสนุนและอวยพรให้กับทั้งสองคนเท่านั้นนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-01-2016 19:58:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 22-01-2016 20:10:11
ไม่เคยอ่านการขอขมาแนวละเอียดแบบนี้  น่าสนใจค่ะ
แฟรงค์กับเฟิร์นนี่คิดแบบสมัยใหม่  น่าจะมาจากการศึกษา
กระจกเงาสะท้อนส่วนหนึ่งของพ่อแฟรงค์ก็มองได้จากแฟรงค์นี่แหละ
ดีใจที่ยังมีแม่นัทให้การสนับสนุนนะ

สำหรับแฟรงค์นัทมาก่อนจริงๆ
แฟรงค์เป็นคนที่มีหัวทางธุรกิจมากๆ
เรามองแบบนี้นะ  ปกติถ้าหากว่าพาลูกเขาหนี  สิ่งแรกที่ทำกันก็คือพากันไปขอขมาพ่อแม่ โดยเฉพาะพ่อแม่ฝั่งที่ยอมยกโทษให้ก่อน  แฟรงค์กับนัทไปฮันนี่มูนดูธุรกิจก่อน ไปขอขมาหลังจากนั้น   มองจริงๆก็คือสำหรับแฟรงค์นัทสำคัญที่สุด
มั่นคง สมัยใหม่ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 23-01-2016 00:27:02
 :impress3: น่ารักจริง ๆ เลยทั้งแฟรงค์และนัทน่ะ นี่แหละพ่อแม่ที่คำนึงถึงความสุขของลูกเป็นหลัก ก้อทำให้ได้ร่วมมีความสุขไปกับลูก ๆ ด้วย ไม่เหมือนพ่อของแฟรงค์ที่คิดแต่ใจตัวเองตอนนี้ก้อได้แต่เป็นทุกข์กับความดื้อรั้นของตัวเองน่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 23-01-2016 15:14:42
มาอ่านรวดเดียวสองตอนเลย
อ่านเรื่องนี้ผมได้เกร็ดความรู้เยอะดีนะครับ บางเรื่องไม่เคยรู้ก็เพิ่งรู้นี่แหละ ฮ่าๆ

อย่างน้อยก็ยังดีที่แม่นัทเข้าใจทั้งสองคน และพร้อมสนับสนุนสิ่งที่พี่แฟรงค์กับนัททำ
ซึ้งมากๆตอนขอขมา เพิ่งรู้วิธีการเหมือนกัน แหะๆ

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 24-01-2016 00:18:11
เป็นกำลังใจให้พี่แฟรงค์นะคะ เชื่อค่ะว่าสักวันพ่อแม่ของพี่แฟรงค์จะต้องเข้าใจ รอเวลาให้ท่านสักหน่อยนะคะ
ประทับใจฉากขอขมาน้านวลมากค่ะ อย่างน้อยผู้ใหญ่ทางฝั่งนัทก็เข้าใจและพร้อมที่จะให้อภัย เห็นแบบนี้แล้วพี่แฟรงค์ก็อดทนอีกนิดนะ สู้ๆ เดี๋ยวพ่อแม่ของพี่แฟรงค์ก็ยอมรับค่ะ


เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-01-2016 08:42:31
ีอีก 2 ตอนก็จะจบแล้วนะครับ
ตอนต่อไปจะลงให้วันจันทร์ ส่วนตอนจบคาดว่าจะได้ลงวันอังคารครับ

ขอบคุณทุกคนที่มาติดตามครับ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 24-01-2016 16:57:53
บทที่ 20 -- เพิ่งทยอยอ่านมาจนถึงตอนนี้ บรรยากาศหวานมาก แอบซึ้งตามตอนที่แฟรงค์คิดถึงคำพูดตัดพ้อต่อว่าที่นัทเคยพูด และโอเคถึงมันจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่ทำงานแต่งล่มแต่เราก็ชอบนะที่พากันวิ่งหนีออกจากงานเหมือนพระเอกนางเอกหนังอินเดีย 555+ ตอนที่ขับรถหนีกันมานี่เราถึงกับคิดภาพตามเลย งานนี้แฟรงค์จะมาทำหวานมุขไหน ><
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 24-01-2016 17:17:41
บทที่ 21 -- อย่างแรกเลยที่อยากพูดถึงคือ เรื่องที่แฟรงค์คิดเกี่ยวกับว่า ถ้าหากแฟรงค์แต่งงานกับผู้หญิง แฟรงค์คงจะถูกคาดหวังจากผู้หญิงมากว่าจะต้องเป็นฝ่ายดูแล หาเงินและรับผิดชอบทุกอย่างตามบทบาทของผู้ชายโดยทั่วไป อันนี้ขอแย้งนิดนึงว่า คงไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่คาดแบบนี้หรอกคะ 555+ ผู้หญิงสมัยนี้จะหาแฟนสักคน ขอแค่ เขาเลี้ยงตัวเขาได้ ไม่เป็นภาระเรา ดูแลตัวเองได้ เก็บเงินเป็น ไม่มีหนี้สิน เราว่าก็น่าจะพอแล้วนะ ไม่ต้องถึงกับมาดูแลฉันหรอก แกดูแลตัวแกให้ดีได้ฉันก็พอใจละ
อ่านมาอีกนิดที่แฟรงค์พูดถึงชีวิตตัวเองกับชีวิตของนัทและความฝันที่ตนมีก็ยิ่งรู้สึกเข้าใจความรู้สึก อาจเป็นเพราะเคยมีประสบการณ์ร่วมแบบเดียวกันเลยทำให้รู้สึกเข้าจิตเข้าใจความรู้สึกของแฟรงค์ บางอย่างนั้นอาจดูว่า "ดี" แต่ว่ามันไม่ได้ทำให้มีความสุข มันไม่ใช่สิ่งที่ใช่ แต่บางครั้งเราก็ต้องเลือกในสิ่งที่ควร มากกว่า สิ่งที่ชอบ
นอกเรื่องไปนานกลับมาที่เนื้อเรื่องต่อ... ก็ยังชอบนะที่ทั้งสองคนมาพูดคุยเกี่ยวกับความฝันที่จะร่วมกันทำให้เป็นจริง ทำให้รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้เป็นสิ่งที่จริงและมีอนาคต ชอบคะ +เป็ด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 24-01-2016 18:26:58
บทที่ 22 -- อ่านๆ ไป หลายครั้งที่รู้สึกว่านัทมีอารมณ์ที่อ่อนไหวและมีความเป็น feminine ค่อนข้างสูง แฟรงค์เองก็มีอารมณ์อ่อนไหวแต่จะมีมุมแข็งในบางมุม ให้เป็นที่พึ่งพิงสำหรับนัท ส่วนนัทที่แม้ไม่ค่อยมีมุมที่เข้มแข็งแต่ก็เป็นที่พักพิงทางจิตใจให้แฟรงค์ได้บางเวลาซึ่งก็ดี เพราะความสัมพันธ์มันต้องมีทั้งการให้และการรับ ถึงกระนั้นคนอ่านอย่างเราบางครั้งก็อดขัดใจเรื่องความเจ้าน้ำตาของหนูนัท (ที่ไม่ใช่จากบทนี้ เพราะเข้าใจว่าการสูญเสียใครสักคนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสะเทือนใจมาก)
โอเค คนเรา ต่างคน ก็ ต่างกัน แต่นี้คือความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งอาจเป็นผลจากการที่เราเคยถูกสอนว่า น้ำตาลูกผู้ชายนั้นมีค่ามากกว่าทอง จะหลั่งแต่ละที ต้องคิดแล้วคิดอีก เลยทำให้เราอดจะขัดใจบ้างบางเวลา แต่ยังยืนยันที่จะรักในสายดราม่า 555+
+เป็ด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊23┊ ขอขมาลาโทษ ┊P15┊ 21.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 24-01-2016 19:33:17
บทที่ 23 -- พออ่านถึงตรงนี้ชักเห็นภาพของหลายๆ อย่างชัดขึ้น อย่างสำหรับคนบางคนมักใช้คำว่า ความรัก มาคิดแทนคนอื่นให้ทำในสิ่งที่ตนคิดว่าดี แต่ไม่รู้ตัวว่า ความรักของตนนั้น ทำให้คนอื่นทุกข์ใจแค่ไหน ซึ่งนั่นก็น่าเศร้า +เป็ด อีกตอน
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊24┊ Straw'ry Cafe & Resort ┊SOON
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 25-01-2016 19:15:06
ขออภัยนะครับ วันนี้ไม่ทัน ยังเขียนรายงานไม่เสร็จ น่าจะเสร็จคืนนี้

หลังจากเรื่องนี้จบแล้ว ผมอาจจะขอว่างเว้นจากนิยายดราม่าไปก่อนนะครับ
ตอนนี้พยายามจะไม่เขียนอะไรลบๆ รู้สึกว่ามันส่งผลต่อวิธีคิดเหมือนกัน
สังเกตุว่านิยายของผมจะไม่ดราม่าเพราะอิจฉาริษยาหรือจงเกลียดจงชังกัน (ลบมากไปสำหรับผม)
ส่วนมากจะดราม่าเพราะความไม่เข้าใจมากกว่า
แต่ถ้าเขียนแบบนี้บ่อยๆ ก็อาจจะตัน ซ้ำซากจำเจได้
แต่จะให้อิจฉาริษยา วางแผนซับซ้อน กลั่นแกล้ง เข่นฆ่ากัน ก็ไม่ไหว
ตอนนี้จะขอเขียนนิยายที่ไม่ดราม่า แต่มีมิติของชีวิตด้านอื่นๆ บ้างนะครับ

อีกสองตอนจบแล้ว จบจริงๆ ครับ คงไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์หรือดราม่าอีก
ความจริงถ้าคนอ่านไม่เบื่อเสียก่อน ผมจะเขียนคล้ายๆ "ธุรกิจนี้มีรัก" คือ เล่าเรื่องการทำอาชีพรีสอร์ทไปด้วย
แต่มันอาจจะขัดกับความเป็นดราม่าไปหน่อย เดี๋ยวจะทำให้นิยายเรื่อยๆ เอื่อยๆ ก็เลยคิดว่า จบดีกว่า

ขอบคุณครับ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊24┊ Straw'ry Cafe & Resort ┊SOON
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 26-01-2016 01:28:06
จะรอติดตามนะคะ  :m11:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊24┊ Straw'ry Cafe & Resort ┊SOON
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 26-01-2016 14:00:20


ในเมื่อทำผิดและคิดได้แล้วขอโทษก็ถือว่าน่าชื่นชมมากแล้วค่ะ
เป็นกำลังใจให้สองหนุ่มเดินหน้าไปด้วยกันอย่างแข็งแรงนะคะ

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊24┊ Your Story Counts! ┊ 26.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 26-01-2016 16:08:52
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 24 ✢ Your Story Counts!


(http://bit.ly/2lPHQVt)

พอได้หนังสือมาปุ๊บ ผมก็รีบส่งไลน์บอกให้น้องสาวไปซื้อที่ร้านหนังสือทันที ผมแทบจะรอให้พ่อกับแม่อ่านไม่ไหว อยากรู้ว่าท่านทั้งสองจะรู้สึกอย่างไรบ้าง ส่งไลน์แล้วผมก็ออกมาหานัท เจ้าตัวกำลังเล่นกับเจ้าคาราเมลอยู่ที่หน้าบ้าน วิ่งเล่นไปมากับหมาไซบีเรียนฮัสกี้แสนซน ผมยืนยิ้มและมองดูอย่างเอ็นดู สักพักจึงส่งเสียงเรียก ชูหนังสือในมือให้ดูด้วย

"นัท หนังสือมาส่งแล้วนะ มาอ่านกับพี่เร็ว"

นัทหยุดเล่นกับเจ้าคาราเมล ไม่นานก็เดินแกมวิ่งมาหาผม ตื่นเต้นจนแทบจะลืมหมาที่วิ่งตามมาต้อยๆ ไปเลย ผมนั่งลงบนเก้าอี้หน้าบ้าน นัทมาถึงก็ปราดมานั่งข้างกัน ผมก้มลงไปมองเจ้าคาราเมลที่มานอนออเซาะและกระดิกหางอยู่ข้างๆ ก่อนลูบหัวมันเล่นเบาๆ และหันไปคุยกับนัท

"พี่เพิ่งแกะจากกล่องพัสดุร้อนๆ เลย"

"เขาส่งมาให้ถึงบ้านเลยเหรอ" นัทถามแล้วก็หยิบไปดู

"ใช่" ผมบอก

ทีมงานนิตยสารชื่อดัง อุตส่าห์เดินทางมาไกลเพื่อมาสัมภาษณ์ผมกับนัทถึงที่ สัมภาษณ์ทั้งเรื่องความรักและธุรกิจที่เราทำ ตอนติดต่อมา ผมกับนัทตื่นเต้นกันใหญ่ เตรียมตัวกันอยู่หลายวัน ถึงกับลงทุนบินไปซื้อเสื้อผ้าที่กรุงเทพ ตัดผมทรงที่คิดว่าหล่อที่สุด เห่อกันน่าดู

พอเราอ่านคอลัมน์สัมภาษณ์ไปด้วยกัน เราก็รู้สึกพอใจมากทีเดียว

...ทราบว่าหนีงานแต่งงานกันมาอยู่ที่เขาค้อ แล้วก็เริ่มต้นธุรกิจกันเองตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลย

แฟรงค์: "ใช่ครับ (หัวเราะ) พอหนีมาแล้วเราก็เลยจัดงานแต่งงานกันเองคืนนั้น ไม่มีแขกเหรื่อเลย แต่เราก็ให้ดวงดาวเป็นพยานแทน ที่เราอยู่กันยืด น่าจะเป็นเพราะดวงดาวนี่แหละครับ มืดทีไรเราก็เห็นโผล่มาเตือน รักกันดีๆ นะ อย่าทิ้งกันนะ ยกเว้นคืนไหนฝนตก (หัวเราะ)"

นัท: "วันรุ่งขึ้น พี่แฟรงค์พาไปเชียงรายก่อนเลย ไปดูกาแฟ ไปดูไร่สตรอเบอรี่ ไปดูไร่ชา ไปดูรีสอร์ท กลับมาก็พาตระเวนดูที่ภูทับเบิกและเขาค้อ ระหว่างนั้น ผมกับพี่แฟรงค์ก็ช่วยกันติดต่อเพื่อนๆ ที่รู้จักให้ช่วยออกแบบร้านกาแฟให้ ให้คอนเซ็ปต์ไปว่าอยากได้ร้านกาแฟเป็นทรงคล้ายๆ ผลสตรอเบอรี่ เพื่อนก็ช่วยออกแบบมาให้อย่างดีเลยครับ จ้างไม่แพงหรอกครับ เขาอยากช่วยเรา คงเห็นเราตั้งใจ"

พอได้แผนธุรกิจแล้ว คุณแฟรงค์ก็พาคุณนัทไปขอขมาคุณแม่ของนัท พร้อมกับเสนอแผนธุรกิจด้วยเลย

แฟรงค์: "ใช่ครับ (หัวเราะ) ผมคิดว่าพาลูกชายเขาหนีมาแล้ว ถ้าจะไปขอขมา แต่ไม่มีแผนว่าจะทำมาหากินยังไง จะช่วยกันเลี้ยงตัวเองให้รอดได้ยังไง ก็ดูจะเป็นคนไร้อนาคตไปหน่อย เราเลยช่วยกันทำแผนธุรกิจจนเสร็จ บางวันอดหลับอดนอนช่วยกันทำพรีเซ็นเทชั่นก็มี โชคดีมากที่คุณแม่ของนัทยกโทษให้ พอท่านเห็นแผนธุรกิจที่เราช่วยกันนำเสนอ ท่านก็ชอบมาก ช่วยกู้เงินธนาคารมาให้เราลงทุนทำไร่สตรอเบอรี่ ร้านกาแฟ แล้วก็รีสอร์ท ผมสมทบเข้าไปด้วยส่วนหนึ่ง"

นัท: "ผมทึ่งพี่แฟรงค์มาก ช่วงที่เราหนีมา มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเยอะเลย โดยเฉพาะที่บ้านของพี่แฟรงค์ แต่พี่แฟรงค์ยอมตัดขาด ไม่ติดต่อทางบ้านเลย ไม่ยอมให้อะไรมาทำให้วอกแวก ทำแผนธุรกิจเสร็จถึงได้โทรไปคุยกับน้องสาว เสียใจแค่ครั้งเดียว แล้วก็ไปต่อ พี่แฟรงค์เป็นคนที่เข้มแข็งมากครับ"

แฟรงค์: "ตอนนั้นผมตัดสินใจว่าจะไม่หันหลังกลับ ปู่เสียผมยังไม่ได้ไปงานศพท่านเลย แต่ก็ไปทำบุญที่วัดให้ท่านแทน ผมต้องการพิสูจน์ตัวเองครับ วันหนึ่งที่เราสองคนทำสำเร็จ เราถึงจะกลับไป"

ทำไมถึงเลือกทำธุรกิจร้านกาแฟแล้วก็ไร่สตรอเบอรี่ ได้ไอเดียมาจากไหน?

นัท: "พี่แฟรงค์มีความคิดว่าอยากจะทำรีสอร์ทบนภูเขามานานแล้ว ส่วนผมก็อยากทำไร่สตรอเบอรี่ บังเอิญวันหนึ่งเราสองคนไปกินกาแฟที่ร้านพิโนลาเต้ที่เขาค้อด้วยกัน จู่ๆ ผมก็ได้ไอเดียว่าเราน่าจะเอาไร่สตรอเบอรี่ ร้านกาแฟแล้วก็รีสอร์ทมารวมกัน แล้วก็อยู่บนภูเขาด้วย"

แฟรงค์: "จริงๆ ไอเดียหลักๆ นี่มาจากนัทเลยครับ เขาเก่งเรื่องพวกนี้ แม้กระทั่งชื่อสถานที่ นัทก็เป็นคนคิด คิดชื่อได้ในวันแรกที่เราหนีมาด้วยกัน นัทเป็นคนเสนอชื่อ Straw'ry Cafe ชื่อสั้นๆ แต่รวมหลายๆ อย่างไว้ด้วยกัน มีทั้งสตรอเบอรี่ มีทั้งสตอรี่ที่หมายถึงเรื่องราวความรัก มีทั้งสตรอที่แปลว่าหลอดดูด สื่อถึงเครื่องดื่มได้ ครบทุกอย่างในชื่อเดียว"

เริ่มร้านกาแฟยังไง? แล้วช่วงแรกโปรโมทร้านยังไง?

แฟรงค์: "ผมว่าเราโชคดีที่ได้เฟรนไชส์กาแฟที่ดีมา คนที่ขายให้ ปกติจะไม่ขายให้คนนอก เขาขายเฉพาะญาติ แต่เขาก็ยอมขายให้เรา ชื่อเสียงของกาแฟช่วยเราได้เยอะในแง่การโปรโมท ตอนสร้างร้านเราปลูกสตรอเบอรี่ไปด้วย ผมกับนัทลงไปคลุกดินคลุกฝุ่นในไร่กันเองเลย ช่วยกันดู ช่วยกันคุมสองคนตั้งแต่เช้ามืดยันค่ำ เหนื่อยแต่ก็สนุก ร้านเสร็จปุ๊บ สตรอเบอรี่เราก็เริ่มออกผล ใช้เวลาอีกเดือนเศษๆ เราก็เริ่มธุรกิจได้ หาคนมาช่วยทำงานในร้านได้ เหนื่อยกันมาก บางวันแทบไม่ได้นอน นัทใจสู้มาก ทำงานกับผมไม่เคยบ่นเลย ปกติผมมักจะบ้างาน ทำงานกับความกดดันมากๆ ได้ แอบกลัวว่านัทจะไม่ไหวเหมือนกัน แต่นัทไม่เคยถอยเลย เดี๋ยวให้นัทเล่าเรื่องโปรโมทร้านดีกว่าครับ"

นัท: "เนื่องจากชื่อร้านมันมีคำว่าสตอรี่หรือเรื่องราวอยู่ เราเลยอยากให้คนที่มากินกาแฟที่ร้านมีเรื่องราว ในแต่ละวันเราจะจัดชั่วโมงพิเศษหนึ่งชั่วโมง ให้คนที่มากินกาแฟออกมาเล่าเรื่องราวความรัก หรือแชร์ประสบการณ์ดีๆ เกี่ยวกับความรักให้คนอื่นๆ ในร้านฟัง ตอนแรกๆ ไม่มีคนเล่า เราสองคนก็เล่าเรื่องราวความรักของเราไปก่อน พอเล่าแล้วก็มีคนอยากเล่าบ้าง เราก็ให้เขาออกมาเล่า ให้ของขวัญเป็นสตรอเบอรี่หนึ่งแพ็คกลับบ้าน ตอนหลังๆ คนเริ่มบอกกันปากต่อปาก เริ่มมีคนอยากมาเล่าหรืออยากมาฟังประสบการณ์ความรักดีๆ ของคนอื่นมากขึ้น มีคนเอาไปแชร์ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เราขออนุญาตเอาเรื่องไปลงในเฟสของเราด้วย คนไหนยอมให้ถ่ายคลิปเราก็เอาคลิปลง พอแชร์ไปแล้ว ลูกค้าก็เลยมากันเยอะเลย บางคนไม่กล้าเล่าเราก็มีโพสต์อิทให้เขียนสั้นๆ เกี่ยวกับความรัก แล้วก็เอาไปแปะบนผนังกระจกในร้าน ให้คนอื่นๆ มาอ่าน ผมว่าลูกค้าชอบที่ได้เล่าเรื่องที่เขาชอบนะ คนอื่นๆ ก็ได้มาฟัง ได้มาเขียน ได้มาแบ่งปันกัน แถมมีโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คมาช่วย มันก็เลยกระจายไปเยอะ พอมีจุดขายเราก็ทำงานกันง่ายขึ้น"

เริ่มธุรกิจรีสอร์ทยังไง?

แฟรงค์" "พอทำร้านกาแฟไปได้สักพัก เราก็เริ่มโครงการรีสอร์ทเลยครับ ก็ให้เพื่อนกลุ่มเดิมช่วยออกแบบให้ ตอนสร้างเขาก็มาช่วยดูให้ด้วยครับ ทำไปทั้งหมดตอนนี้ห้าหลังแล้ว กำลังจะขยายเพิ่มเป็นสิบหลังเพราะว่าเริ่มไม่พอกับความต้องการ ช่วงหน้าหนาวนี่ลูกค้าแทบจะตีกันเลยครับ จะเรียกว่ารีสอร์ทได้ชื่อเสียงจากร้านกาแฟมาช่วยโปรโมทก็คงไม่ผิด พอเรามีรีสอร์ทคนก็เลยแนะนำแล้วก็แชร์กันไปเยอะเลย"

นัท: "ตอนแรก เรามีโปรลดครึ่งราคาครั้งที่สองครับ ครั้งแรกให้มาพักแล้วก็ให้ลองปลูกสตรอเบอรี่ของตัวเองไว้ เราทำป้ายชื่อปักไว้เลย แล้วอีกหกสิบวันก็มาพักอีก แล้วก็เก็บสตรอเบอรี่ที่ตัวเองปลูกไปกิน แต่โปรนี้ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ คนขี้เกียจมาอีก เราก็เลยมีโปรให้คนที่มาพักเก็บสตรอเบอรี่กินได้วันละหนึ่งกิโลต่อห้อง สตรอเบอรี่ในไร่ของเราแทบไม่ได้ส่งขายเลยนะครับ เฉพาะคนที่มาพักกับคนที่มากินกาแฟก็ขายหมดแล้ว กินกาแฟ แล้วก็มาเดินเก็บสตรอเบอรี่เอง ชั่งน้ำหนักเอง แล้วก็จ่ายเงิน พอเราปลูกแบบไร้ดินคนก็ชอบเพราะว่ามันเก็บง่าย แถมยังปลอดสารพิษอีก แต่โปรที่ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากก็คือโปร Your Story Counts! นี่แหละครับ ปีแรกเราทำกับกลุ่มชายรักชายก่อน ให้สิทธิ์คู่รักชาย-ชายมาพักในราคาลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เราสัมภาษณ์เรื่องราวความรักของคนที่มาพัก ถ่ายรูปคู่รักในไร่ของเราเป็นที่ระลึกให้ด้วย จากนั้นเราก็คัดเรื่องที่ดีที่สุดสามเรื่อง มอบรางวัลเป็นแพ็กเกจที่พักให้ คู่ที่ชนะและโดนใจเรา เราติดรูปไว้ที่รีสอร์ท มีเรื่องย่อให้อ่านด้วย ที่ร้านกาแฟก็มีให้อ่าน ใครสนใจก็อย่าลืมแวะไปอ่านนะครับ"

คิดว่าที่สำเร็จมาได้เพราะอะไร?

แฟรงค์: "สำหรับผม พ่อแม่เลยครับ ผมโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจรีสอร์ท พ่อแม่สอนแนวคิดการทำธุรกิจให้มาตั้งแต่เล็กจนโต พ่อมักจะสอนผมบ่อยๆ ว่าเราไม่ได้ทำธุรกิจแค่เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด แต่เรายังได้ช่วยคนอื่นๆ ให้มีอาชีพด้วย เพราะว่าธุรกิจสร้างอาชีพ คนที่มาทำงานกับเราก็จะมีรายได้ ส่วนคนที่มาใช้บริการ เขาก็ได้ตอบสนองความต้องการของตัวเอง ได้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เติมพลังให้ชีวิต ยิ่งเราตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาให้คนได้ตรงมากเท่าไหร่ ธุรกิจของเราก็จะยิ่งเติบโตขึ้นเท่านั้น"

นัท: "นัทขอตอบว่าพี่แฟรงค์ครับ พี่แฟรงค์สอนนัทเรื่องธุรกิจเยอะมาก เพราะว่านัทไม่เคยทำธุรกิจมาก่อนเลย อย่างเรื่องความอดทน การยืนหยัด การคิดบวก พี่แฟรงค์เป็นคนสอนทั้งนั้น ตอนแรกๆ ยอมรับว่าปัญหามันเยอะมาก ตั้งแต่ปัญหากับผู้รับเหมาก่อสร้าง ประกาศรับสมัครงานแล้วหาคนไม่ได้ คนทำงานไม่ทน พนักงานทะเลาะกัน แม้กระทั่งทำเงินหาย ซัพพลายมาส่งไม่ทัน สารพัดอย่างเลย ถ้าไม่ได้พี่แฟรงค์ให้แง่คิดก็คงแย่ ผมโชคดีที่ได้คู่ชีวิตที่ดีครับ"

ชีวิตความรักตอนนี้เป็นยังไง วางแผนชีวิตกันไว้ยังไงบ้าง?

แฟรงค์: "ก็ยังรักกันดีเหมือนเดิมครับ ปกติก็รักกันมากอยู่แล้ว พอเราได้อดทน ฟันฝ่าอุปสรรค์ อยู่เคียงข้างกัน สุขด้วยกัน เจ็บด้วยกัน จนกระทั่งความฝันของเราเป็นจริง เราก็ยิ่งรักกันมากขึ้น ขาดกันไม่ได้ เราเคยอยากมีธุรกิจด้วยกัน มีบ้านด้วยกัน เราทำให้เป็นจริงได้หมดแล้ว ตอนนี้เรามีบ้านอยู่ใกล้ๆ รีสอร์ท เดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่งด้วย พันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ ชื่อคาราเมล เป็นรสไอศครีมที่นัทชอบกิน เราไม่มีลูกก็เลยเลี้ยงหมาแทน นัทชอบเล่นกับคาราเมลมาก ต้องเล่นด้วยกันก่อนนอนทุกคืน ถามว่าเบื่อไหมอยู่กันสองคน ก็ไม่เบื่อนะครับ เราอยู่กันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เราชอบทำงานด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน แยกกันก็มีบ้าง แต่ไม่บ่อย ชอบไปด้วยกันมากกว่า ไม่เจอกันแค่ครึ่งวันก็คิดถึงแล้ว ไม่เจอกันนานสุดนี่ก็แค่สองสามวันเอง ผมชอบอยู่กับนัท ชอบดูแล แกล้งบ้างเล็กน้อย ชอบให้นัทมาอ้อน แล้วนัทก็เป็นคนขี้อ้อนด้วย วันไหนนัทไม่มาอ้อนพี่แฟรงค์ พี่แฟรงค์จะนอนไม่หลับเลย (หัวเราะ)"

นัท: "เหมือนพี่แฟรงค์เลยครับ เราชอบไปไหนด้วยกัน ทำงานด้วยกัน ออกไปหาลูกค้าด้วยกัน ไปดูงานด้วยกัน พี่แฟรงค์เหมือนเดิมเลย ตอนเด็กๆ เคยดูแลนัทยังไง โตขึ้นมาก็ดูแลอย่างนั้น อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเรื่องไอศครีม ผมชอบกินไอศครีมมาก มีอยู่ยี่ห้อหนึ่งไม่มีขายที่เพชรบูรณ์ พี่แฟรงค์ก็พาไปซื้อที่พิษณุโลก ไปกันทุกเดือนเลย ไปทีก็ซื้อมาเป็นโหลๆ ถามว่าทะเลาะกันไหม ก็มีบ้าง แต่ส่วนมากเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น ผมบอกทางผิด หาที่ที่จะไปไม่เจอซะที พี่แฟรงค์ก็หงุดหงิดนิดหน่อย แต่ไม่เคยทะเลาะกันใหญ่โต มีอะไรเราก็จะคุยกันตลอด ส่วนอนาคต เราสองคนอยากไปขอขมาพ่อกับแม่ของพี่แฟรงค์ครับ นัทสงสารพี่แฟรงค์ ไม่ได้เจอพ่อกับแม่สองปีแล้ว ถ้าเป็นไปได้ เราอยากให้ทุกคนมาอยู่ด้วยกันที่เขาค้อ เหมือนที่เราเคยอยู่ด้วยกันตอนเด็กๆ"

คิดว่าความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรักแบบไหน?

แฟรงค์: "พ่อแม่ครับ ถึงวันนี้ผมจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ แต่ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมรับรู้ได้ก็คือความรักของพ่อกับแม่ครับ ทุกวันนี้ ผมคิดถึงพ่อกับแม่มาก อยากกลับไปหาท่าน อยากเอาความสำเร็จไปให้ท่านดู คิดว่าท่านคงจะภูมิใจมาก ที่ท่านพยายามกับเรามาตลอดชีวิต ก็เพราะอยากเห็นเราสำเร็จและเลี้ยงตัวเองได้ ผมอยากกลับไปบอกว่าผมรักพ่อกับแม่ ผมคิดถึงท่านสองคนเสมอ หวังว่าจะได้กลับไปกอดท่าน และได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง"

"ผมว่าความรักทุกอย่างเหมือนกันนะครับ ถึงจะมีสายใยหรือสายโลหิตเชื่อมโยง ถ้าไม่ดูแลดีๆ ก็อาจจะหมดรักกันได้ สายใยขาดได้ สายโลหิตก็ตัดได้ แต่รักแท้ รักด้วยใจบริสุทธิ์ จะเป็นความรักเพียงอย่างเดียวที่ตัดไม่ขาด ผมเชื่อว่าพ่อกับแม่รักเราด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่ใช่แค่รักเพราะเป็นสายเลือด ยังไงท่านก็ตัดเราไม่ขาดหรอกครับ"

นัท: "ของผมก็เป็นความรักของพ่อกับแม่เหมือนกันครับ พ่อผมเสียตอนผมเด็กๆ ก็เลยมีโอกาสได้อยู่กับท่านน้อยหน่อย แต่ก็รับรู้เท่าที่เด็กคนหนึ่งจะรับรู้ได้ว่าพ่อรักผมมาก พอพ่อเสีย ทำให้ผมรับพี่แฟรงค์เข้ามาชดเชยความรู้สึกตรงนั้นแทน ส่วนแม่ แม่สู้ชีวิตมากเพราะความรักลูก ดึกๆ ดื่นๆ แม่ต้องลุกขึ้นมาเตรียมทำเส้นขนมจีน แล้วก็ออกไปขายแต่เช้า ในขณะที่ลูกๆ นอนหลับสบาย ความขยันทำให้แม่ค่อยๆ ขยับขยายใหญ่โตจนถึงทุกวันนี้ ผมกับพี่สาวจึงมีโอกาสมีชีวิตดีๆ แม่รักเราสองคนพี่น้องโดยไม่มีเงื่อนไข รับสิ่งที่ผมเป็นได้ ความสำเร็จของผมกับพี่แฟรงค์วันนี้ จุดเริ่มต้นก็มาจากการสนับสนุนของแม่ เราสองคนเป็นหนี้บุญคุณท่านชั่วชีวิตครับ"

และนี่ก็คือบทสัมภาษณ์ของผมกับนัทในนิตยสารชื่อดังเล่มนั้น ผมหวังเหลือเกินว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจและให้อภัยเราสองคนหลังได้อ่านแล้ว เราจะได้กลับมาอยู่เป็นครอบครัวเหมือนเดิมเสียที ชีวิตที่ปราศจากความรักของครอบครัวทารุณจิตใจผมกับนัทมาหลายปีแล้ว เราไม่อยากมีชีวิตอย่างนี้ต่อไป

นอกจากจะมีสื่อต่างๆ มาติดต่อขอสัมภาษณ์ หรือมาถ่ายทำรายการที่ไร่ของเราบ่อยๆ ผมกับนัทก็ยังได้รับเชิญให้ไปแสดงนิทรรศการด้านการท่องเที่ยวที่เมืองทองธานี จัดโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอีกด้วย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในรีสอร์ทแห่งใหม่ที่น่าจับตามอง

ผมกับนัทเพิ่งเรียกประชุมพนักงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งเรื่องให้ทราบ พร้อมทั้งหารือว่าเราจะเตรียมตัวกันอย่างไรบ้าง ก็ได้ผู้จัดการพีรพลช่วยรับอาสาเป็นหัวเรือใหญ่ รับผิดชอบการเตรียมออกบู๊ธที่เมืองทองธานีให้

ที่รีสอร์ทของเรา ตอนนี้มีนิทรรศการ Your Story Counts! ตั้งโชว์ไว้ให้แขกอ่าน ผมกะว่าจะนำนิทรรศการนี้ไปแสดงที่เมืองทองธานีด้วย น่าจะมีคนสนใจเข้าชมไม่น้อย

การเดินทางไปจัดนิทรรศการที่กรุงเทพคราวนี้ ผมจะพานัทไปกราบขอขมาแม่กับพ่อของผมด้วย หลังจากที่น้องสาวเอาหนังสือเล่มนั้นให้ท่านอ่าน เฟิร์นไลน์มาบอกว่าพ่อกับแม่ร้องไห้ ท่านทั้งสองคิดถึงผมมาก ท้ายที่สุดแล้ว พ่อกับแม่คงเข้าใจได้ไม่ยากว่าควรจะรักลูกแบบไหน ถ้าไม่ติดว่าช่วงนี้ผมกับนัทมีงานยุ่ง คงจะไปหาท่านเสียวันนี้พรุ่งนี้เลย

ผมกับนัทยืนมองรูปคู่รักชาย-ชายสามคู่ขนาดเท่าคนจริงที่ถูกนำมาติดไว้ที่ผนัง ทั้งสามคู่นี้เป็นคนที่เคยมาพักกับเราช่วงที่จัดโปรโมชั่น Your Story Counts! เราได้เตรียมแผ่นพับที่มีเรื่องราวของทั้งสามคู่ไว้จำนวนหนึ่ง ในแผ่นพับมีลิงค์ยูทูปให้เข้าไปฟังการสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ด้วย ส่วนรูปที่นำมาติดไว้ก็มีเรื่องเล่าย่อๆ ให้อ่าน

นี่คือเรื่องราวที่ผมกับนัทอยากให้คนในสังคมได้รับรู้ เผื่อว่าจะช่วยให้คนเข้าใจความรักของชายกับชายในแง่มุมที่สวยงามมากขึ้น หวังว่าความพยายามเล็กๆ ของเราจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้บ้าง

- TBC -[/center]
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊24┊ Your Story Counts! ┊ 26.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 26-01-2016 17:24:10
จะจบแล้ววว อยากอ่านตอนไปขอขมาพ่อแม่ของแฟรงค์นะคับ ลุ้นว่าบรรยากาศจะน่าประทับใจมากแน่ๆ
อ่านตอนนี้แล้วเห็นทุกอย่างไปได้สวยแล้วเวลาในตอนนี้คงผ่านไปหลายปีแล้วสินะคับ
 รอ รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊24┊ Your Story Counts! ┊ 26.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 26-01-2016 18:52:19
คู่นี้จะผ่านไปกี่ปีก็ยังน่ารักนะคะ ขนาดว่าจะทะเลาะกันทั้งทียังเป็นเรื่องที่ดูเล็กน้อยมากๆ เลย รออ่านตอนหน้าค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊24┊ Your Story Counts! ┊ 26.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 26-01-2016 21:36:45
จะจบแล้วเหรอ เร็วจัง - -
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊24┊ Your Story Counts! ┊ 26.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 27-01-2016 00:46:29
 :mew2: ว๊าวจะจบแล้ว จบเร็วกว่าที่คาดไว้มาก ๆ เลย เสียดายจังเลย ตอนแรกก้อคิดน่ะว่าทำไมไม่มีเรื่องราวช่วงก่อร่างสร้างตัวแต่พอมาอ่านเป็นแบบบทส้มภาษณ์ก้อคิดว่าดีมากทีเดียวแหละ เพราะถ้ามาเป็นเรื่องราวก้อดูจะยืดเยื้อ เราว่าเป็นแบบนี้ก้อดีน่ะ คุณ sarawatta เก่งจังคิดได้ไอเดียบรรเจิดมาก ๆ เลยน่ะ ถ้าทำรีสอร์ทอยู่อยากเอาไปใช้บ้างจังเลย แบบเป็นอะไรที่ในฝันมาก ๆ  :impress3: ชอบมาก ๆ เลยน่ะ แล้วยังมาเชื่อมกับอีกสามเรื่องได้พอดีเลย เขียนเรื่องย่อแต่ละเรื่องได้สมบูรณ์แบบมาก ๆ เลยน่ะ  o13 เลยได้รู้บทสรุปของเรื่องพี่คิมกับน้องเก้าไปด้วยเลย ดีจัง  :กอด1: ยังไงจะรอตอนต่อไปน่ะจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊24┊ Your Story Counts! ┊ 26.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 27-01-2016 05:30:14
จะจบแล้วอ่ะ รอตอนไปขอขมาพ่อแม่พี่แฟรงค์
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊24┊ Your Story Counts! ┊ 26.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-01-2016 12:00:48
จะจบแล้วเหรอ เร็วจังเลย อ่านตอนนี้ชอบบทสัมภาษณ์ในหนังสือที่นัทกับพี่แฟงค์ให้มากๆ เลยค่ะ

และชอบที่เชื่อมไปอีกสามเรื่องได้แบบกลมกลืนมากๆ เลย ถ้าเรามีรีสอทร์คงได้ยืมไอเดียไปทำด้วยแน่ๆ เลยค่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊24┊ Your Story Counts! ┊ 26.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-01-2016 17:36:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 28-01-2016 22:50:10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 25 ✢ รักนิรันดร์


(http://bit.ly/2lPHQVt)

นัท...

เสียงสิ่งมีชีวิตบางอย่างดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทของผม ในที่สุดผมก็ลืมตาตื่นขึ้น พอฟังดีๆ จึงรู้ว่าเป็นเสียงหมาเห่า น่าจะเป็นเจ้าคาราเมลแน่ๆ ไม่รู้ว่ามันเห็นอะไรเข้าถึงเห่าไม่หยุด ผมสะบัดผ้าห่มออกจากตัว ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง พอหันไปมองแฟรงค์ที่นอนหลับอยู่โดยไม่ทุกข์ร้อนใดๆ กับเสียงของเจ้าคาราเมลแล้วก็ยิ้ม

สองปีผ่านไปแล้วที่ผมได้ใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายคนนี้อย่างคู่ชีวิต แม้ว่าจะผ่านปัญหาในช่วงเริ่มต้นธุรกิจมาบ้าง แต่เราก็ประคับประคองความรักมาได้ตลอดรอดฝั่ง แทบจะไม่เคยทะเลาะกันด้วยเรื่องใหญ่โตเลย

แฟรงค์เคยมีผู้หญิงที่ติดต่องานกันมาชอบเมื่อปีที่แล้วคนหนึ่ง เธอมาขอซื้อสตรอเบอรี่จากไร่ของเราไปทำผลิตภัณฑ์แปรรูป แต่มาทีไรก็มักชวนแฟรงค์ไปเดินดูไร่สตรอเบอรี่กันสองคนจนผมรู้สึกหึง บ่อยครั้งผมเกือบจะเผลอชวนแฟรงค์ทะเลาะกันเรื่องนี้ ดีที่ว่าผมได้สติและไม่ทำเหมือนเมื่อก่อน จึงบอกให้แฟรงค์รู้ว่าผมกำลังรู้สึกอะไร ผมจำตอนนั้นได้ดี ผมบอกแฟรงค์เรื่องนี้ตอนที่เราย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ใหม่ๆ ด้วยกัน ตอนนั้นผมกับแฟรงค์กำลังจะนอนพอดี

"พี่แฟรงค์ นัทรู้สึกหึงน่ะ นัทสังเกตว่าคุณเอมี่มาที่ไร่เราบ่อยๆ แล้วก็ชอบพาพี่แฟรงค์ไปคุยสองต่อสอง ใครๆ ก็พูดกันว่าเอมี่ชอบพี่แฟรงค์ นัทรู้สึกกังวล พยายามที่จะไม่คิดมาก แต่นัทก็ยังไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี พี่แฟรงค์พอจะช่วยอะไรนัทหน่อยได้ไหม"

แฟรงค์พลิกตัวมาหาผม สีหน้าดูตกใจไม่น้อย คงไม่คิดว่าผมจะคิดไปไกลขนาดนั้น

"พี่แฟรงค์โกรธนัทหรือเปล่าที่นัทคิดแบบนี้ แต่นัทก็ไม่อยากเก็บไว้แล้วมีปัญหากันทีหลัง"

แฟรงค์ครุ่นคิดแล้วก็ค่อยๆ คลี่ยิ้ม "พี่จะโกรธนัททำไม ดีแล้วที่นัทบอกพี่ ไม่งั้นพี่ก็คงทำร้ายจิตใจนัทโดยไม่รู้ตัว พี่ขอโทษนะ"

แฟรงค์ดึงศีรษะผมไปแนบอกแล้วก็ลูบผมเล่นเบาๆ "ต่อไปพี่จะให้คนอื่นไปดูแลแทนละกัน อย่าคิดมากนะคนดีของพี่ นัทเป็นที่หนึ่งของพี่เสมอนะ ใครก็แทนที่นัทไม่ได้หรอก รู้เปล่า อย่าน้อยใจพี่นะ"

ผมซบลงกับอกอุ่นนั้นอย่างพึงพอใจ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ผมไม่เอาอารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล แค่บอกแฟรงค์ดีๆ แฟรงค์ก็เข้าใจแล้ว แอบไปน้อยใจคนเดียวอยู่ได้ตั้งนาน แฟรงค์ก็ดีเหลือใจที่ไม่หาว่าผมคิดมาก ยอมตัดไฟแต่ต้นลมให้ คงรู้ดีว่าถ้าผมเอ่ยปากแล้วก็แปลว่าทนปัญหามานานพอสมควร

ผมละสายตาจากคู่ชีวิตที่นอนหลับใหล ลุกขึ้นแล้วก็เดินแกมวิ่งออกมาหน้าบ้าน พระอาทิตย์เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าพอดี อากาศหนาวเล็กน้อยเพราะอยู่ในช่วงปลายๆ หน้าหนาว

ผมส่งเสียงเรียกคาราเมลที่ยืนเห่าอะไรบางอย่างที่ริมรั้ว เพ่งมองดูก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเห่าอะไรของมัน พอคาราเมลได้ยินเสียงผมก็หยุดเห่า ก่อนจะวิ่งกระดิกหางดุ๊กดิ๊กมาหาผมอย่างพินอบพิเทา ผมย่อตัวนั่งลงกับพื้นหญ้าแล้วก็กอดเจ้าคาราเมลไว้ก่อนที่มันจะเลียหน้าเลียตาผมเสียก่อน

"เห่าอะไรคาราเมล" ผมทำเสียงดุ เจ้าคาราเมลนอนแอ้งแม้งแล้วก็เสือกหัวดิ้นไปมาคล้ายกับอยากจะอ้อน เวลาผมทำเสียงดุทีไรมันชอบทำอย่างนี้ทุกที

"วันนี้ไปอยู่กับพี่นิวนะ" ผมบอกพลางลูบหัวมันเล่น เจ้าคาราเมลก็เลยนอนนิ่งๆ ให้ผมเล่นหัวมัน

ผมเล่นกับคาราเมลสักพักก็ลุกขึ้น ว่าจะกลับเข้าไปนอนต่อเสียหน่อย พลันก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อผมดังอยู่ในบ้าน ไม่นานก็เห็นแฟรงค์วิ่งออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียว หน้าตาตื่นจนผมแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

"นัท!"

แฟรงค์เรียกชื่อผมแล้วก็ปราดเข้ามากอดผมไว้ ผมเลยกอดตอบอย่างงงๆ

"พี่แฟรงค์เป็นอะไรหรือเปล่า"

"พี่นึกว่านัทหายไปน่ะสิ ตกใจหมดเลย"

เห็นอาการนี้ของแฟรงค์ผมก็สะท้อนใจไม่น้อย เมื่อสองปีก่อนสมัยที่ผมทำงานที่รีสอร์ทที่หนองจอก มีอยู่สองสามครั้งที่แฟรงค์ตื่นมาแล้วไม่เจอผม วิ่งตามผมลนลานจนกลายเป็นผวาไปเลย เดี๋ยวนี้ผมต้องคอยระวังว่าจะไม่ตื่นนอนก่อนแฟรงค์ ถ้าตื่นก่อนก็จะนอนเล่นเป็นเพื่อนจนกว่าแฟรงค์จะตื่น ไม่งั้นแฟรงค์จะผวาอีก

"พี่แฟรงค์ยังผวาอยู่อีกเหรอ นัทนึกว่าจะหายแล้ว"

แฟรงค์ปล่อยผมออกจากอ้อมแขนแล้วก็พยักหน้ายอมรับ

"นัทนี่แย่จัง ไม่คิดถึงความรู้สึกของพี่แฟรงค์เลยตอนนั้น ทำให้พี่แฟรงค์ผวาเลยดูสิ" ผมทำหน้าเศร้าเล็กน้อยแล้วก็ถาม "พี่แฟรงค์ยังกลัวนัทจะหนีพี่แฟรงค์ไปอีกเหรอ"

"ไม่กลัวหรอก พี่รู้ว่านัทรักพี่มากแค่ไหน แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมยังผวาอยู่ สงสัยต้องไปพบจิตแพทย์แล้วมั้ง" แฟรงค์พูดระคนขำ

"ก็ดีเหมือนกันนะ เผื่อจะช่วยได้ แต่...พี่แฟรงค์ฟังนะ นัทน่ะ...ไม่ไปไหนหรอก ชีวิตของนัทต้องมีพี่แฟรงค์"

"ชีวิตของพี่ก็ต้องมีนัท"

แฟรงค์สวมกอดผมไว้เบาๆ อีกครั้ง เรากอดกันเบาๆ ท่ามกลางลมหนาวเอื่อยๆ ที่ยังพอมีเหลืออยู่ สิบสามปีที่เคยทรมานสิ้นสุดไปนานแล้ว จากนี้ไปคงไม่มีอะไรมาพรากเราสองคนได้นอกจากความตาย

"ดูคาราเมลมันนอนมองดินัท" แฟรงค์บอกพลางขำอย่างเอ็นดู

ผมผละออกจากแฟรงค์แล้วก็หันไปมองตามที่แฟรงค์บอก คาราเมล์นอนหมอบมองดูผมกับแฟรงค์กอดกันตาแป๋ว พอเราหันไปมองมันก็กระดิกหางให้เบาๆ

"ไงคาราเมล นิสัยไม่ดีแล้วนะ ชอบแอบดูคนจู๋จี๋กัน เดี๋ยวก็เป็นตากุ้งยิงหรอก"

พอแฟรงค์พูดเท่านั้น เจ้าคาราเมลก็เดินกระดิกหางหน้ายิ้มแฉ่งมาหา แฟรงค์ย่อตัวลงไปนั่งยองๆ ก่อนจะลูบหัวเจ้าคาราเมลที่มาออเซาะ อย่างเอ็นดู

"ไปอยู่กับนิวสักสองสามวันนะ วันนี้ดี่ดี๊สองคนจะไปกรุงเทพ"

ได้ยินแฟรงค์เรียกแทนตัวเราสองคนว่า "ดี่ดี๊" กับหมาทีไรแล้วผมก็ขำทุกที แฟรงค์ไปบ้านโซ้ยแล้วได้ยินลูกสาวอายุขวบเศษของโซ้ยเรียกพ่อว่า "ดี่ดี๊" ก็เลยจำมาใช้กับหมาบ้าง

"ไปอาบน้ำกันเถอะพี่แฟรงค์ เดี๋ยวจะต้องเดินทางแล้ว"

สามีสุดที่รักของผมละสายตาจากหมาแล้วก็หันมายิ้มให้ผม สายตายคู่นั้นของแฟรงค์ยังคงเหมือนเดิมเสอ เคยมองผมด้วยความรักยังไงก็ยังคงมองอย่างนั้น ภาพเด็กชายแฟรงค์กับเด็กชายนัทเมื่อครั้งเยาว์วัยหวนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง ผมเห็นภาพเหตุการณ์นั้นที่แฟรงค์ซื้อไอศครีมจากร้านเจ๊กอ๋าแล้วส่งให้ผม แม้ไม่ได้กินด้วยแต่แฟรงค์ก็นั่งยิ้มมองดูอย่างมีความสุข นี่แหละพี่แฟรงค์ของน้องนัท คนที่เป็นเสมือนเพื่อน พี่ พ่อและคนรักไปในเวลาเดียวกัน

... ... ...

แฟรงค์...

เสียงดนตรี เสียงพูดและอีกสารพัดเสียงดังอึกทึกมาจากทั่วทุกสารทิศ คนจำนวนมากมายหลั่งไหลไปทั่วทุกจุดของบริเวณงาน บู๊ธไหนที่น่าสนใจหน่อยก็จะมีคนมายืนมุงจนแทบหาที่เดินไม่ได้ บู๊ธของ Straw'ry Cafe & Resort ก็เช่นกัน นัทกับแฟรงค์ต้องคอยยืนประจำและตอบคำถามของคนที่สนใจจนแทบจะไปไหนไม่ได้ ปอนด์ไม่ได้มางานนี้ด้วยเพราะต้องอยู่โยงเฝ้ารีสอร์ท แต่การจัดเตรียมทั้งหมดนี้ก็มาจากฝีมือของปอนด์

ทั้งบู๊ธนั้นผมกับนัทช่วยกันจัดเองทั้งหมด มีโรลอัพของสามคู่ชายรักชายจากโครงการ Your Story Counts! จัดไว้ข้างในบู๊ธ ส่วนด้านนอกก็มีป้ายชื่อและโรลอัพแนะนำรีสอร์ทและร้านกาแฟของเรา มีโต๊ะหน้าบู๊ธหนึ่งตัวให้เราใช้วางแผ่นพับแนะนำรีสอร์ทและร้านกาแฟ ข้างๆ กันนั้นมีเครื่องชงกาแฟที่เรานำมาด้วยสำหรับชงกาแฟสูตรดังของเราให้คนที่มาที่บู๊ธได้ลองชิม รวมทั้งมีสตรอเบอรี่สดๆ ที่เราปลูกไว้มาให้ลองชิมอีกด้วยคนละผล เห็นแล้วก็ไม่อยากเชื่อว่าผมกับนัทจะหอบทั้งหมดนี้ใส่ในรถมาได้

พอผมพูด นัทก็จะเป็นคนชงกาแฟและนำสตรอเบอรี่มาให้ชิม พอผมเริ่มไม่มีเสียงก็จะสลับหน้าที่กันกับนัท ทำอย่างนี้กันสองคนตลอดวัน พอมีจังหวะเหมาะๆ ผมกับนัทก็จะจัดช่วง "Share Your Story" คล้ายๆ กับที่เราจัดที่รีสอร์ท ให้คนมาเล่าเรื่องความรักหรือมุมมองความรัก แล้วก็มอบสตรอเบอรี่หนึ่งแพ็คหรือกาแฟสดหนึ่งถุงให้เป็นของที่ระลึก แล้วแต่ใครจะชอบอะไร

ประมาณสี่โมงเย็นคนก็เริ่มน้อยลง บางบู๊ธเริ่มเก็บของกันบ้างแล้ว ผมกับนัทนั่งพักและมองคนเดินไปมา แม้ว่าจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขที่เห็นคนให้ความสนใจมากกว่าที่คิด ในขณะที่นั่งคุยกันสองคนกับนัท ผมก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะรอให้งานจบไม่ไหว หลังจากที่เก็บบู๊ธและเอาของไปเก็บที่โรงแรมที่เราพักในเมืองทองธานีแล้ว ผมก็จะพานัทไปขอขมาพ่อกับแม่ที่มีนบุรีทันที แต่ตามสัญญาผมต้องอยู่แสตนด์บายจนถึงห้าโมงเย็น ทางออร์กาไนซ์เซอร์ถึงจะอนุญาตให้ปิดบู๊ธได้

แม้ว่าจะตื่นเต้นแต่ผมก็คุยกับนัทด้วยสีหน้าปกติ ครู่ใหญ่ๆ ก็รู้สึกว่ามีใครมายืนอยู่หน้าบู๊ธและมองดูผมกับนัทคุยกันอยู่ พอผมกับนัทหันไปมอง เราสองคนก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง จะเรียกว่าช็อกก็คงไม่ผิดนัก

"แม่! พ่อ!"

ผมร้องเรียกคนตรงหน้าแล้วก็รีบลุกขึ้นยืน ก่อนจะปราดเข้าไปกอดแม่ที่อ้าแขนรออยู่แล้ว

"แม่" ผมร้องเรียกผู้บังเกิดเกล้าแล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างกับเด็กน้อย

"แฟรงค์ลูกแม่" แม่กอดผมแน่นแล้วก็ร้องไห้เช่นเดียวกัน เห็นหน้าแม่เมื่อกี้แล้วผมก็รู้สึกผิด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแม่คิดถึงลูกชายคนนี้มากแค่ไหน

"แฟรงค์สบายดีหรือเปล่าลูก แม่คิดถึงแฟรงค์มากเลยรู้ไหมลูก ลูกชายของแม่ แม่นึกว่าจะไม่ได้เจอลูกของแม่อีกแล้ว แฟรงค์คิดถึงแม่หรือเปล่าลูก"

"คิดถึงครับแม่ แฟรงค์ก็คิดถึงแม่ทุกวันเลยครับ แฟรงค์ขอโทษนะครับแม่ แฟรงค์รักแม่นะครับ"

ผมกับแม่ต่างก็ร้องไห้ละล่ำละลัก สองปีที่จากครอบครัวไปนั้นผมไม่เคยได้หลับตานอนเต็มที่เลย เป็นห่วงพ่อกับแม่จนเคยเกือบเป็นโรคซึมเศร้ามาแล้ว

แม่ปล่อยผมแล้วก็ไล่มองดูผมตั้งแต่หัวจรดเท้า "แฟรงค์ผอมไปหรือ ทำงานหนักเหรอลูก"

ผมพยักหน้าทั้งน้ำตา ดีที่ว่าคนที่มางานกลับไปหมดแล้ว เหลือแต่เจ้าของบู๊ธที่กำลังเก็บของกันเสียงดังโคร้งเคร้ง

"นิดหน่อยครับแม่"

แล้วผมก็หันไปหาพ่อ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพ่อร้องไห้ พ่อดูแก่ไปมากทีเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเครียดเรื่องที่ผมหนีไปหรือเปล่า

"พ่อ"

ผมร้องเรียกแล้วก็ละจากแม่ไปหาพ่อ สองคนพ่อลูกกอดกันแน่น อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

"แฟรงค์ลูกพ่อ" พ่อพูดได้แค่นั้นแล้วก็ต้องยอมแพ้ให้กับก้อนสะอื้นที่มารอทำหน้าที่อยู่ก่อนแล้ว

"พ่อครับ...แฟรงค์ขอโทษนะครับพ่อ" ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกรอบหลังจากที่เพิ่งพักไปได้หน่อย

"พ่อก็ต้องขอโทษแฟรงค์เหมือนกันนะลูก พ่อขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนี้พ่อรู้แล้ว...พ่อควรจะรักแฟรงค์เพราะแฟรงค์เป็นลูกชายที่น่ารักของพ่อ ไม่ใช่แฟรงค์ที่พ่ออยากให้เป็น พ่อขอโทษนะลูก กลับมาหาพ่อกับแม่นะลูก พ่อคิดถึงแฟรงค์"

"พ่อ...ผมรักพ่อนะครับ" ผมร้องเรียกผู้บังเกิดเกล้าอีกคนด้วยความสะท้อนใจ

ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยได้ยินคำขอโทษจากพ่อเลย ไม่ใช่ว่าผมอยากให้พ่อขอโทษผม แต่คำขอโทษของพ่อบอกให้รู้ว่าพ่อรักลูกชายคนนี้มากจนต้องยอมทิ้งทิฐิทุกอย่างที่เคยมี คิดๆ ไปแล้วผมก็เสียใจมากเหลือเกินที่ทิ้งพ่อกับแม่ไป ยิ่งเห็นท่านสองคนดูแก่ไปมากผมก็ยิ่งใจหาย

ผมมองผ่านม่านน้ำตาแล้วก็เห็นหญิงสาวอีกคนยืนร้องไห้ดูผมกับพ่อกอดกันอยู่ใกล้ๆ เฟิร์นนั่นเอง น้องสาวที่น่ารักและแสนดีของผม ถ้าไม่ได้เฟิร์นช่วยหลายเรื่องผมก็คงแย่

ผมผละจากพ่อแล้วก็เดินไปหาน้องสาว ก่อนที่สองพี่น้องจะกอดกันร้องไห้อย่างตื้นตันใจ

"พี่ขอบใจเฟิร์นมากนะที่ดูแลพ่อกับแม่แทนพี่ พี่ขอโทษด้วยที่ทำให้เฟิร์นต้องลำบาก"

แม้ว่าเราสองคนจะคุยกันผ่านไลน์และโทรศัพท์ตลอด แต่ผมกับเฟิร์นก็ไม่เคยได้เจอกันเลยในช่วงสองปีที่ผ่านมา เราต่างคนต่างยุ่ง เฟิร์นเองก็ต้องทำงานหนักเพราะต้องคอยบริหารจัดการรีสอร์ทและบ่อตกปลาแทนผม พร้อมกันนี้ก็เปิดธุรกิจใหม่ๆ อย่างสวนสนุกน้ำเพิ่มมาด้วย

"ไม่เป็นไรค่ะพี่แฟรงค์ เฟิร์นคิดถึงพี่นะคะ พวกเราทุกคนคิดถึงพี่ อยากให้พี่กลับมาอยู่กับเราเหมือนเดิม"

ผมปล่อยเฟิร์นออกจากอ้อมแขน ก่อนจะมองหน้าน้องสาวและพยักหน้าตกลง "เราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้วนะเฟิร์น พี่จะไม่ไปไหนอีกแล้ว"

เฟิร์นพยักหน้ารับรู้ทั้งน้ำตา จากนั้นผมก็หันมามองหานัท เห็นนัทยืนร้องไห้อยู่ในบู๊ธผมก็เดินกลับมาหา ก่อนจะจูงมือนัทให้ออกมายืนเคียงข้างกัน ผมหันไปสบตากับนัทเป็นเชิงให้สัญญาณแล้วก็ย่อตัวลงนั่งพร้อมกัน ก่อนที่จะก้มลงกราบแทบเท้าของพ่อกับแม่

"พ่อกับแม่ยกโทษให้แฟรงค์กับนัทด้วยนะครับ" ผมอดที่จะร้องไห้อีกไม่ได้

พ่อกับแม่ผมรีบย่อตัวลงมาหา ผมกับนัทเงยหน้ามองท่านทั้งสองในท่าพนมมือไปด้วย แม่ผมลูบหัวของนัท ส่วนพ่อก็ลูบหัวของผม แล้วก็ถือโอกาสพูดเป็นคนแรก

"ไม่ต้องขอโทษพ่อกับแม่หรอกลูก พ่อต่างหากที่เป็นคนผิด ไม่เคยฟังหัวใจของลูกๆ เลย แฟรงค์กับนัทยกโทษให้พ่อกับแม่นะลูก ต่อไปนี้...แฟรงค์กับนัทไม่ต้องจากกันไปไหนอีกแล้ว พ่อขอโทษนัทด้วยนะลูก พ่อผิดเองที่เป็นคนพรากลูกสองคนให้จากกันตั้งแต่เด็กๆ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พ่อคงไม่ทำอย่างงั้น" พ่อผมพูดไปร้องไห้ไป

"ขอบคุณครับลุง นัทขอโทษด้วยนะครับที่ทำแบบนี้"

พ่อผมเปลี่ยนมาลูบหัวของนัทบ้าง "ต่อไปนัทไม่ต้องเรียกลุงกับป้าแล้วนะ เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ นัทเป็นคู่ชีวิตของแฟรงค์แล้ว ก็ถือว่าเป็นลูกชายอีกคนของพ่อกับแม่นะลูก"

"ครับ พ่อ...แม่..." นัทหันมองทีละคนในขณะที่เรียก ด้วย

"ไปบ้านเรากันนะลูก พ่อกับแม่เตรียมอาหารอร่อยๆ ไว้ให้แล้ว มีไอติมที่นัทชอบให้ด้วยนะลูก" แม่ผมบอกนัททั้งน้ำตา แต่ก็ยังอุตส่าห์ยิ้ม

"ครับ" นัทรับคำ

"หมดทุกข์หมดโศกกันเสียทีนะลูก"

พ่อถือโอกาสพูดปิดท้าย ผม นัท แม่และเฟิร์นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย คงจะหมดทุกข์หมดโศกกันเสียที สองปีที่จากครอบครัวมาผมรู้สึกทรมานเหลือเกิน แม้จะมีความรักที่สมหวัง แต่ลึกๆ ก็ยังโหยหาความรักของพ่อกับแม่ ผมดีใจเหลือเกินที่ผมกับนัทมีวันนี้เสียที

พ่อ แม่และเฟิร์นพากันเดินดูนิทรรศการในบู๊ธหลังจากที่สงบจิตสงบใจได้แล้ว เห็นพ่อกับแม่ยิ้มภูมิใจแล้วผมก็ดีใจ

"ลูกชายเราเก่งนะแม่" พ่อผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันถามแม่เพื่อขอคำยืนยัน แม่พยักหน้าเห็นด้วย

"เฟิร์นก็เก่งนะครับพ่อ"

ผมไม่ลืมที่จะเตือนให้พ่อกับแม่หันมาชมน้องสาวด้วย เดี๋ยวเฟิร์นจะน้อยใจที่พ่อกับแม่เอาแต่ชมพี่ชาย

"จ้ะลูก ลูกสาวของพ่อกับแม่ก็เก่ง เก่งกันทุกคนเลย นัทด้วยนะลูก แม่อ่านบทสัมภาษณ์ในหนังสือแล้ว นัทเก่งมากเลยลูก มีไอเดียดีๆ เยอะเลย"

แม่ผมหันไปชมนัทตอนท้าย คนถูกชมยิ้มแก้มแทบปริ

"ที่เราสองคนประสบความสำเร็จได้ก็เพราะไอเดียดีๆ ของนัทนี่แหละครับ"

ผมชมด้วยอีกคนแล้วก็โอบเอวนัทไว้

"กลับบ้านเรากันเถอะนะลูก" แม่ของผมเอ่ยขึ้นเมื่อชื่นชมผลงานของลูกชายและลูกเขยจนทั่วแล้ว

ผมกับนัทหันมามองหน้ากันแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข ในที่สุดผมก็จะได้กลับไปเหยียบบ้านที่เคยอยู่มาหลายปีเสียที แม้จะไม่ใช่บ้านเกิด แต่ก็เป็นบ้านที่อบอุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของพ่อ แม่และน้องสาว

ผมคงไม่ได้กลับมาอยู่ถาวรอีกแล้ว แต่ต่อไปผมจะกลับมาบ่อยๆ หรือไม่ก็พาพ่อกับแม่ไปอยู่กับผมที่ภูทับเบิกบ้าง ความจริงผมก็อยากให้ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกันในที่ที่เราเคยอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แค่จินตนาการเห็นภาพก็มีความสุขแล้ว

... ... ...

อาหารเย็นเมื่อวานนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่น พ่อกับแม่คอยดูแลเราสองคนเป็นอย่างดี เสียดายที่ผมไม่ได้นอนที่บ้านเพราะยังต้องไปจัดบู๊ธที่เมืองทองธานีต่อ ก็เลยต้องพานัทกลับไปนอนโรงแรมที่จองไว้ วันรุ่งขึ้น พอเสร็จงานแล้วผมก็พานัทกลับมาที่บ้านอีกครั้ง ผมจึงได้นอนบ้านหนึ่งคืนก่อนจะกลับ

สายๆ ของวันต่อมาผมกับนัทก็แวะไปดูรีสอร์ทและบ่อตกปลาที่ปรับปรุงใหม่ เห็นความเติบโตแล้วผมก็ทึ่งในความสามารถของน้องสาวมาก มีคนมาพักที่รีสอร์ทเยอะขึ้น ร้านกาแฟก็มีลูกค้ามากขึ้น ยิ่งมีสวนสนุกน้ำที่บ่อตกปลาเพิ่มมาอีกอย่าง ลูกค้าก็ยิ่งมากขึ้น รายได้จึงเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

เห็นอย่างนี้แล้ว พ่อกับแม่คงไม่กล้าสบประมาทความสามารถของลูกผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเฟิร์นอีกแล้ว แถมตอนนี้น้องสาวผมยังมีหนุ่มนักธุรกิจที่ทำโรงงานผลิตซอสซองส่งร้านอาหารฟาสต์ฟูดมาชอบอีกด้วย ต่อไปคงจะมีโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ๆ อีกหลายอย่าง จะว่าไปผมก็ภูมิใจในตัวน้องสาวของผมไม่น้อยเหมือนกัน

ก่อนกลับเพชรบูรณ์ ผมกับนัทถือโอกาสเล่นเจ็ตสกีและฟลายบอร์ดด้วยกัน ทบทวนความหลังถึงวันที่เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้งที่นี่ ต้องขอบคุณปอนด์จริงๆ ที่แนะนำให้นัทมาสมัครงานที่นี่ ไม่อย่างนั้นแล้วเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยในชาตินี้

พอขึ้นจากน้ำผมก็ชวนนัทคุยเรื่องที่ผมยังไม่เคยบอกนัทเลย

"นัทรู้ไหมว่าพอพี่เจอนัทอีกครั้ง พี่ก็รู้ตัวเลยว่าพี่รักในในเวลาไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมง"

"จริงเหรอ เร็วจัง" นัททำสีหน้าไม่เชื่อ

"จริงสิ พี่ก็งงตัวเองเหมือนกันนะ ไม่ได้เจอกันตั้งสิบสามปี พอมาเจอกันไม่ถึงสองวันก็รักจนหมดหัวใจไปแล้ว พี่ตัดสินใจตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะว่าพี่จะรักนัท ไม่มีวันที่พี่จะยอมเสียนัทไปอีกเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"

"แสดงว่าพี่แฟรงค์ต้องรักนัทมากเลยเนอะถึงกล้าตัดสินใจอย่างงั้น"

"ใช่แล้ว" ผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แม้ว่าผมจะอยู่กับนัทโดยแทบไม่จากกันไปไหนเลยมาสองปีแล้ว แต่ผมกลับไม่เคยรู้สึกเบื่อที่จะอยู่ด้วยกัน

"นัทเบื่อไหมที่อยู่กับพี่มาสองปีแล้ว"

นัทหยุดเดินแล้วก็เอียงคอมองผมอย่างสงสัย "เบื่อทำไมล่ะ นัทไม่เคยเบื่อพี่แฟรงค์หรอก นัทมีความสุขมากนะเวลาอยู่กับพี่แฟรงค์"

"พี่ก็เหมือนกัน พี่ไม่เคยเบื่อนัทเลย พี่ชอบอยู่กับนัท ชอบดูแลนัท แล้วก็ชอบ..." ผมทำตาเจ้าชู้ใส่

นัทเขินแล้วก็ผลักผมเบาๆ จนเซไปเล็กน้อย คงจะรู้ดีว่าผมหมายถึงอะไร

เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วผมก็พานัทกลับไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่บ้านพ่อกับแม่อีกรอบ ก่อนจะถือโอกาสร่ำลาเดินทางกลับเพชรบูรณ์ในตอนบ่าย พ่อกับแม่อวยพรให้เราสองคนทั้งน้ำตา ท่านคงรู้สึกใจหายที่ลูกชายทั้งสองคนจะจากไปอีกแล้ว แต่อีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะได้เจอกันใหม่เพราะพ่อกับแม่ผมจะขึ้นไปหา เห็นแค่รูปถ่ายแล้วคงไม่หนำใจ ยังไงๆ ก็ต้องไปดูความสำเร็จของลูกให้เห็นกับตา

ผมเสียดายแค่เรื่องเดียวคือไม่ได้เจอเพียวเลย ทราบจากน้องสาวมาสักพักแล้วว่าเธอแต่งงานกับหนุ่มต่างชาติ ตอนนี้ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่เบลเยี่ยมแล้ว ผมได้แต่แสดงความยินดีกับเธอเงียบๆ ในใจ หวังว่าจะได้มีโอกาสเจอเธออีกสักครั้งเพื่อแสดงความยินดีกับชีวิตใหม่

ผมกับนัทขับรถกลับมาถึงเพชรบูรณ์ตอนห้าโมงครึ่ง ถือว่าค่อนข้างเร็วทีเดียว อาจจะเป็นเพราะเราแทบไม่ได้แวะที่ไหนเลยยกเว้นตอนปวดเข้าห้องน้ำ

เราสองคนแวะมาที่บ้านของแม่นวลก่อนเพื่อจะเอาเจ้าคาราเมลกลับบ้านที่ภูทับเบิกด้วย แม่นวลกับนิวกลับมาจากร้านพอดี ผมกับนัทจึงถือโอกาสเข้าไปรายงานข่าวดีก่อนกลับ

"แม่นวล แฟรงค์พานัทไปขอขมาพ่อกับแม่แล้วนะครับ"

"จริงเหรอลูก แล้วเป็นไงมั่ง" แม่นวลถามอย่างตื่นเต้น

"ทุกอย่างราบรื่นดีครับแม่นวล พ่อกับแม่เข้าใจผมกับนัทแล้ว อาทิตย์หน้า พ่อกับแม่แล้วก็เฟิร์นจะขึ้นมาดูรีสอร์ทกับร้านกาแฟของเราด้วยครับ"

ผมรายงานเสียคนเดียวอีกแล้ว นัทได้แต่ยืนนิ่งๆ อยู่ข้างๆ ผม

"ดีเลยลูก แม่ก็ไม่ได้เจอพ่อปิ่นกับแม่อรมาสองปีแล้ว เดี๋ยวแม่กับนิวจะแวะไปหาที่รีสอร์ทนะลูก แม่ว่าเราปิดร้านสักหนึ่งวันแล้วก็พากันไปเที่ยวด้วยดีไหมลูก นานๆ ทีจะได้เจอกัน"

"ดีเลยครับแม่นวล" ผมพยักหน้าเห็นด้วย

"แล้วนี่จะกลับกันเลยหรือเปล่าล่ะลูก กินข้าวเย็นด้วยกันแล้วค่อยกลับก็ได้ เดี๋ยวแม่กับนิวจะทำให้ แป๊บเดียว ไม่นานหรอก"

"ได้ครับแม่นวล ผมก็ไม่ได้มากินข้าวที่นี่หลายวันแล้ว" ผมตอบอีก นัทยังไม่ได้พูดสักคำจนต้องโวยบ้าง

"พี่แฟรงค์จะไม่ให้นัทพูดกับแม่เลยเหรอ พูดหมดเลยคนเดียว" นัทพูดแล้วก็หัวเราะ ก่อนจะหันไปมองหาพี่สาว "พี่นิวล่ะแม่"

"อยู่ในครัวลูก กำลังจะหุงข้าว" แม่นวลตอบพลางหันไปทางครัว เป็นเรื่องปกติที่จะไม่ค่อยเห็นนิวออกมาสุงสิงกับใคร

"งั้น...เดี๋ยวผมกับนัทมานะครับแม่นวล ว่าจะพานัทไปขี่จักรยานเล่นกันซะหน่อย ไม่ได้ขี่นานแล้ว"

"ตามสบายเลยลูก อย่าลืมมากินข้าวล่ะ อีกสักชั่วโมงก็น่าจะเสร็จแล้วล่ะ"

"ครับแม่นวล"

ผมรับคำแล้วก็จูงมือนัทพาเดินออกมาข้างนอก ความจริงผมยังไม่ได้คุยกับนัทหรอกว่าจะไปขี่จักรยานเล่นด้วยกัน แต่นัทก็ไม่ขัดขืนแต่อย่างใด

"เราไปทบทวนความหลังกันที่หนองจอกมาแล้ว คราวนี้ก็มาทบทวนที่เขาค้อมั่งนะนัท"

"ได้เลย ว่าแต่พี่แฟรงค์ไม่เหนื่อยเหรอ ขับรถตั้งหลายชั่วโมง"

"ไม่เหนื่อยหรอก เพื่อนัท...พี่แฟรงค์ไม่เคยเหนื่อยอยู่แล้ว"

ผมยิ้มหันไปยิ้มหวานให้นัทที่นั่งซ้อนท้ายข้างหลัง ก่อนจะค่อยๆ ปั่นจักรยานออกไปอย่างช้าๆ ได้ยินเสียงคาราเมลเห่าประท้วงดังตามหลังมา คงอยากจะไปเล่นด้วย แต่เอาไว้วันหลังละกันนะคาราเมล วันนี้ขอดี่ดี๊สองคนสวีทกันโดยปราศจากหมาก่อนนะ

แม้ว่าอะไรต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปมากจนแทบจำไม่ได้แล้ว แต่ผมก็ไม่เคยลืมบรรยากาศเก่าๆ ของที่นี่ที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของผมเลย ผ่านไปตรงไหนก็ยังพอจำได้ว่ามันเคยเป็นอะไรมาก่อน โดยเฉพาะร้านเจ๊กอ๋า แม้ว่าจะเปลี่ยนไปมากแต่ผมก็ไม่เคยลืมว่าเคยมาซื้อไอติมที่ร้านนี้ให้น้องรักกินบ่อยๆ

ผมขี่จักรยานตามเส้นทางสายไหมของเรามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงสะพานข้ามลำธารเล็กๆ ที่ผมกับนัทเคยมายืนดูทะเลหมอกด้วยกันตอนเด็กๆ เราจอดจักรยานไว้ริมทางแล้วก็ไปยืนดูวิวทิวทัศน์ด้วยกัน

"นานเหมือนกันนะที่เราไม่ได้มายืนดูทะเลหมอกด้วยกันที่นี่ นี่ขนาดว่าอยู่ใกล้ๆ แล้วนะเนี่ย ยังไม่มีเวลามาเลย"

ผมหันไปพูดติดตลกกับนัท ก่อนจะทอดสายตามองลำธารเบื้องล่างและมองไปไกลยังขุนเขาตรงหน้า เมื่อทุกอย่างคลี่คลายหมดแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผมกับนัทจะยิ้มมีความสุขได้อย่างเต็มที่เสียที

"นัทจำได้ไหมว่าเราเคยยืนดูทะเลหมอกจนเกือบไปโรงเรียนไม่ทันบ่อยๆ เกือบโดนครูตีแล้ว"

"ก็พี่แฟรงค์นั่นแหละที่ช้า นัทบอกแล้วว่าให้รีบก็ไม่เชื่อ" นัทได้ทีก็ว่าผมใหญ่

ผมหน้าเหวอเล็กน้อย  "อ้าว โทษพี่ซะงั้น เฮ้อ...คิดไปคิดมาพี่ก็ชักสงสารตัวเองซะแล้ว ตอนเป็นพี่ชาย ก็ต้องเสียสละให้น้อง กินไอติมก็ไม่ได้กินด้วย ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ น้องกินคนเดียวหมดเลย เอาเงินพี่ไปซื้อแท้ๆ พอเป็นสามี ก็ต้องเสียสละอีก คอยตามดูแลต้อยๆ ทุกวันๆ เนื้อไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง แถมยังเอากระดูกมาแขวนคอให้พี่อีก ชีวิตของพี่แฟรงค์น่าสงสารจังเลยเนอะ"

ผมแกล้งทำเสียงเศร้าแล้วก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่สุดท้ายก็กลั้นหัวเราะไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมาจริงๆ

"ก็พี่แฟรงค์ชอบเองนี่ ช่วยไม่ได้" นัททำหน้าทะเล้นแล้วยิ้มไม่รู้ไม่ชี้

"อ้าว"  แล้วผมจะเถียงนัทยังไงได้ล่ะ เพราะนัทพูดความจริงทุกอย่างเลย

"ก็พี่รักนัทไง พี่ถึงยอมทุกอย่าง พี่ยอมหมดเลยนะ นัทสงสารพี่หรือเปล่าล่ะ"

นัทส่ายหน้า แต่ก็ดูยิ้มๆ เหมือนกับพยายามกลั้นหัวเราะ

"ไม่สงสารพี่หน่อยเหรอ พี่แฟรงค์ยังสงสารนัทเลยนะ"

นัทส่ายหน้าอีกครั้ง

"งั้น...นัทไม่ต้องสงสารพี่ก็ได้ นัทรักพี่ก็พอ"

นัทหันมายิ้มเขินๆ แล้วก็พยักหน้า "ก็รักมาตั้งนานแล้วนี่"

ผมยิ้มมีความสุขแล้วก็เขยิบไปยืนชิดกับนัทจนแขนสองข้างของเราชนกัน วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขเหลือเกิน ผมได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยสูญเสียไปกลับมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือหัวใจของผม

"พี่จะรักนัทไปจนชั่วชีวิตของพี่นะ ขอบคุณที่อยู่กับพี่มาตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะนานแค่ไหน พี่ก็จะขอพูดเหมือนเดิมว่าพี่มีความสุขมากที่มีนัทเป็นน้อง เป็นเพื่อน แล้วก็...เป็นคู่ชีวิตของพี่"

ผมส่งสายตาและรอยยิ้มที่อบอุ่นไปให้นัท ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปนัทก็ยังเป็นน้องชายตัวน้อยๆ ที่น่ารักของผมเสมอ เป็นน้องนัทที่คอยเดินตามพี่แฟรงค์ต้อยๆ ไม่ว่าพี่แฟรงค์จะไปไหน ส่วนพี่แฟรงค์ก็คอยดูแลน้องนัทเป็นอย่างดีเสมอมา

นัทเอียงคอมาซบไหล่ผมเบาๆ พร้อมกับหลับตาพริ้มมีความสุข ตอนที่เราจากกันไปสิบสามปีนั้น หัวใจของเราสองคนเหมือนคนที่ไร้รักจนหลงทาง แต่จากวันนี้ไป หัวใจของเราสองคนจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด เพราะเราจะรักกันไปอย่างนี้ตราบชั่วนิจนิรันดร์

พี่แฟรงค์และน้องนัท


จบบริบูรณ์



หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-01-2016 23:32:10
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 28-01-2016 23:47:59
อ้ายยย จบแล้วอ่ะ ผมเพิ่งเห็นย้ายห้อง จะว่าไปก็ไวเหมือนกันนะคับ
   ตอนจบมีความสุขดีจังคับ ชอบๆ เรื่องนี้ผมอ่านแล้วก็ชอบที่ตัวละครกับเนื้อเรื่องถึงจะเป็นดราม่า มันก็เป็นอรรถรสของนิยาย เพราะในชีวิตจริงมันหนักกว่านิยายอีก ถ้ารักกันจริงๆ มีอะไรคุยกันจริงๆจะไม่มีวันเลิกรักกัน
   ขอบคุณผู้แต่งนะคับที่เขียนนิยายสนุกๆแบบนี้มาให้อ่านและอีก สองเรื่องที่กำลังติดตามด้วยคับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-01-2016 12:36:33
จบแล้ว แอบใจหายนิดนึงน่ะเนี่ย จะไม่ได้เจอแฟรงค์กับนัทแล้ว ยังไงมีตอนพิเศษมาแถม ๆ บ้างก้อดีน่ะจ้ะ ให้หายคิดถึง  :กอด1: :กอด1: ขอบคุณน่ะจ้ะ ที่มาเขียนเรื่องดี ๆ ให้ได้อ่านกัน ยังไงจะรอติดตามอีกสองเรื่องที่ยังไม่จบน่ะจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 29-01-2016 18:17:39
ยินดีกับแฟรงค์และนัท
ธุรกิจก็ไปได้สวย ความรักก็ดีวันดีคืน ครอบครัวก็กลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม

รักแท้มันจะเติบโตและดียิ่งขึ้นทุก ๆ วัน ความรักของพ่อ แม่ พี่ น้อง คนรักกัน ก็จะเป็นแบบนี้ถ้าหากเราดูแล ใส่ใจกันและกัน ยอมรับสิ่งที่เป็น

ขอบคุณที่ถ่ายทอดเรื่องราวดี ๆ นะ

 
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-01-2016 22:23:03
ตกใจเลย เห็นอีกทีมาอยู่ห้องจบซะแล้ว

แต่ความรักของแฟรงค์กับนัทก็บริบูรณ์แล้ว

ตอนที่แล้วชอบบทสัมภาษณ์มากเลย รวมทั้งการดึงตัวละครจากเรื่องอื่นๆ เข้ามาแทรกได้อย่างเหมาะเจาะ

 :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 29-01-2016 22:24:51
คุณพ่อกับคุณแม่คงห้ามความคิดถึงเอาไว้ไม่ไหวแล้วแน่เลยนะคะถึงได้เป็นฝ่ายมาเจอทั้งสองคนที่งานด้วยตัวเองแบบนี้ ตื้นตันใจไปพร้อมๆ กับแฟรงค์และนัทเลยค่ะ เพราะแค่เห็นหน้าทั้งสองท่านก่อนเวลาที่ตั้งใจเอาไว้ก็รู้สึกได้เลยนะคะว่าเหมือนกับทั้งคู่ได้ยกภูเขาออกไปจากอกบางส่วนแล้วเลย

แต่ที่ชอบเลยก็คือ นอกจากความรักที่แฟรงค์และนัทมีให้กันแล้ว เรื่องง่ายๆ อย่างการเอาใจใส่ซึ่งกันและกันรวมไปถึงการเปิดใจพูดคุยเมื่อสงสัยไม่ใช่คิดไปเองก่อนก็ไม่หลงลืมที่จะกระทำนั้นก็น่ารักมากๆ เลยค่ะ แบบนี้ต่อให้มีปัญหาไม่ว่าเล็กหรือใหญ่สักแค่ไหนเข้ามาทดสอบเราว่าทั้งสองคนก็เตรียมพร้อมรับมือได้สบายๆ แน่นอน

ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 30-01-2016 02:23:54
อ้าว จบแล้วหรอนี่ ไวมาก
แอบตกใจ เข้ามาเห็นย้ายไปห้องนิยายที่จบ แอบใจหายเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะจบไว

ไอเดียเจ๋งดีนะ เรื่องบทสัมภาษณ์
ตอนแรกคิดว่าจะเป็นเรื่องราวการสร้างธุรกิจของทั้งคู่ และเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ไรงี้
แหะๆ อย่างว่าถ้าแบบนั้น เรื่องราวคงยาวกว่านี้


ตอนพี่แฟรงค์เจอพ่อแม่ ปรับความเข้าใจกัน แอบซึ้งมากๆ
เข้าใจความรู้สึกของพ่อเลย ยังไงลูกก็เป็นลูกเนอะ ตัดกันคงไม่ขาด
แบบว่าไม่เจอกันเป็นปี แล้วมาได้เจอกันคงแบบห้ามน้ำตาไม่อยู่แน่ๆ

ในที่สุดทั้งสองคนก็ได้อยู่ด้วยกันแบบมีความสุขแล้วสินะ ไม่มีอะไรติดค้างคาใจละเนอะ


ขอบคุณคนแต่งนะครับสำหรับนิยายสนุกๆ ให้ข้อคิดอะไรดีๆ





หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 30-01-2016 14:18:17
สนุกมากค่ะอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ
แอบสงสารเพียวไม่รู้เป็นยังไงบ้าง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 30-01-2016 18:29:50
ย้ายห้องไปนี่เองมิหน้าละหาไม่เจอ..จบแล้วเหรอเร็วจัง ...
อ่านแล้วมีความสุขรู้สึกว่าความรักของสองคนนี้สมกับชื่อร้าน  Straw’s ry Café จริงๆ มันเก็บทุกเรื่องราวมีทั้งความสุขและความเศร้า แต่สุดท้ายก็ลงเอ่ยไว้ซึ้งความสุข  จบบริบูรณ์จริงๆ พ่อของแฟร้งก็รู้สึกผิดที่ไม่มองหัวใจของลูกก่อนในวันที่แฟร้งไม่อยู่ แต่ยังดีที่ยังมองเห็นได้ทันไม่ปล่อยให้เนิ่นนานไปกว่านี้   
ขอบคุณนิยายดีดีที่มีทั้งความบันเทิงและสาระ แง่คิดต่างๆ 
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-01-2016 02:20:16
จบแว้ววววว. ขอบคุณคนแต่งครับ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 31-01-2016 06:21:30
เข้ามาอ่านสามตอนจบพอดี...อ่านแรกๆคิดว่าดราม่าหนักมากแบบกว่าแฟร้งจะได้ครองรักกับนัทอาจจะมีลูกกับเพียวไปแล้ว
แต่สุดท้ายไม่ใช่ แฟร้งหนีการแต่งงานต้องขอบคุณคนแต่งนะคะที่ไม่ทำให้คนอ่านปวดใจแทนนัทกับแฟร้ง

ฉากที่รู้สึกชอบและประทับใจคือ การขอขมาลาโทษ ของนัทกับแฟร้ง  เรามีความเชื่อว่ามันคือส่วนหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตของทั้งคู่ดีขึ้นเจริญรุ่งเรื่อง พ่อแม่ก็คือพระในบ้าน กราบไหว้พ่อแม่ ได้รับพรจากพ่อแม่นั้นก็คือพรที่ประเสริฐที่สุด รู้สึกชอบพี่แฟร้งตรงนี้มากเห็นเป็นคนยุคต์ใหม่แต่ก็คิดที่จะทำอะไรที่ถูกต้องซึ้งน้อยคนหนักที่คิดถึงข้อนี้ นับถือจริงๆค่ะ
ตอนจบนี้พ่อใจอ่อนเพราะว่าได้อ่าหนังสือที่นัทและแฟร้งให้สัมภาษญ์ ทำให้พ่อใจอ่อนและลดความโกรธของทั้งคู่ลงแต่พ่อคงใจอ่อนตั้งแต่ที่แฟร้งหายไปแล้วแหละ ดีใจที่ทั้งคู่ได้ครอบครัวกลับคืน  แต่ในชีวิตคู่รักที่รักกันมากแต่ต้องออกไปเผชิญกับชีวิตที่เริ่มจากศูนย์มันก็น้อยนะที่จะอยู่กันได้ยืดบางทีแค่เจอปัญหาแรกๆก็แทบจะเพ่นหนีจากกันแล้ว แต่คู่นี้เขาอยู่ด้วยความตั้งใจและมั่นคง แนวแน่จริงๆ

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีดีมาได้อ่าน สนุก เศร้า (แอบอินมากในฉากตัวร้ายจนอยากเขาไปตบแทนนายเอก)  และซึ้ง สุดท้ายจบลงที่ความสุขทั้งคนอ่านก็มีความสุข
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-01-2016 08:07:11
ว้า จบซะแล้ว ไม่อยากให้จบเลยค่ะ รู้สึกดีที่ทั้งคู่ต่างจับมือกันร่วมฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกันจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 31-01-2016 12:02:00
ผ่านกี่ร้อน ผ่านกี่หนาว กี่คราวฝน
กี่ทุกข์ทน กี่หม่นหมอง ร้องเรียกหา
กว่าจะให้ ได้ยอมรับ ถึงเวลา
เราผ่านมา มีความสุข หมดทุกข์ใจ

..สมหวังกันทุกคน..
คนอ่านก็ด้วย
 :mew6: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 31-01-2016 18:40:33
ว้า จบซะแล้ว ไม่อยากให้จบเลยค่ะ รู้สึกดีที่ทั้งคู่ต่างจับมือกันร่วมฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกันจังค่ะ

(http://bit.ly/1KiNnu5)

นั่นสิครับ ผมก็ยังงงๆ เลยว่าทำไมจบเร็วจัง 555

แต่ด้วยการวางพล็อตและตั้งธงเรื่องให้เป็นดราม่า ก็อาจจะต้องจบแบบนี้ ไม่งั้นมันจะยืดยาด จะกลายเป็นสารคดีไป
แต่ผมจะมีตอนพิเศษมาให้อ่านครับ แต่คงอีกสักพัก วางแผนไว้สามตอนครับ

1) ตอนเริ่มต้นสร้างธุรกิจ ประสบปัญหา เกือบทะเลาะกันหลายครั้ง แล้วแฟรงค์ก็มีผู้หญิงมาชอบอีก ไปกันใหญ่เลย
2) น้องนัทงอนพี่แฟรงค์ น่ารักๆ หน่อย ให้สองหนุ่มเขาสวีทกันบ้าง
3) ตอนที่ธุรกิจเริ่มประสบความสำเร็จ ได้สัมภาษณ์และแลกเปลี่ยนมุมมองกับสามคู่รักชาย-ชาย สร้างบ้านอยู่ด้วยกัน

ดีใจที่ยังมีหลายคนตามมาอ่านตอนจบ ส่วนคนที่ยังไม่มาอ่าน แจ้งไปทาง PM แล้วนะครับ

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 31-01-2016 21:52:22
รวดเดียวจบเลย สนุกมากค่ะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-02-2016 14:32:21
 :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 01-02-2016 16:31:07
จบแล้ว ถึงฝั่งฝันแล้ว   หวังว่าคราวนี้เน็ตคงไม่เด้งแล้วเมนท์เราหายไปอีกนะ  เป็นติดๆกันมา 3 วันแล้วนี่

เป็นรูปแบบนิยายไทยค่ะ โดยเฉพาะฉากขอขมานี่   ตอนที่พ่อแม่มาหาแล้วกอดกันนี่ให้อารมณ์ที่เป็นสากลกันมากๆ    พ่อแม่แฟรงค์ทันคิดได้ว่าลูกมีค่ามากกว่าเป็นตัวตอบสนองความต้องการของพ่อแม่เท่านั้น

ชอบแบบหนึ่งที่สองคนนี้มีความเข้าใจกัน  คุยกันรู้เรื่อง  นี่คือสิ่งที่สำคัญมากๆ  ที่เราคิดว่ามันขาดหายไปในนิยายไทยหรือสังคมไทย  คือเหมือนกับว่าพอทะเลาะกันแล้วไม่สามารถกลับมาคุยหรือเคลียร์กันได้อีก  แฟรงค์กับนัทอยู่ด้วยกันมา 2 - 3 ปีแต่มีความเข้าใจกันได้ระดับนี้ก็ถือว่าเยี่ยมมากๆแล้วค่ะ  น่าชื่นชมในสิ่งที่คนเขียนอยากสื่อออกมา  โดยเฉพาะความพยายามในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น  ส่วนที่ดีที่สุดก็คือแฟรงค์ที่ตอบสนองความรู้สึกที่ไม่ดี ความรู้สึก Insecurity ของนัท  แฟรงค์ตัดไฟแต่ต้นลมทันที  อาจจะดูเป็นอุดมคติมากไปนิดเพราะเห็นแต่ส่วนใหญ่จะแบบ...คิดมากน่า   ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย     นั่นลุกค้านะ  อะไรแบบนี้มากกว่า    แต่ถ่ายทอดความรักความห่วงใยของแฟรงค์ออกมาได้ดีมากค่ะ  โดยเฉพาะที่แฟรงค์วิ่งตามนัทออกมา

ยินดีด้วยค่ะที่เขียนจบไปอีกเรื่อง
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 01-02-2016 20:50:15
ว้า...จบซะแล้วอ่ะ  ยังไม่อยากให้จบเลย
ในที่สุดบทสรุปของการที่ทั้งสองคนจับมือกันฟันฝ่าเรื่องราวต่างๆมาด้วยกัน ก็....แฮปปี้เอปเวอรี่ติ้งจิงเกอเบล

#ปักทงรอตอนพิเศษอยากเห็นเค้างอนง้อกัน คึคึ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 02-02-2016 16:18:50


ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ค่ะ  :pig4:

หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 03-02-2016 22:13:08
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้
ทุกฉากทุกตอนน่าประทับใจมากรวมทั้งการใช้ภาษาอีกด้วย
และที่ประทับใจมากคือการนำตัวละครจากเรื่องอื่นมาใส่ไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว

สำหรับเรื่องของต้นเเละสนเป็นเรื่องที่ยาวมากแต่มันก็คุ้มค่าแก่การอ่านจริงๆ

สำหรับเรื่องของทิวเเละบูมจำได้เลยว่าอ่านเรื่องนี้นานเเล้วเหมือนกัน
ตอนที่สุขก็สุขตอนที่เศร้าก็ทำผู้อ่านร้องไห้ตามได้ประทับใจเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สำหรับเรื่องของน้องเก้ากับพี่คิมเเตซองเรื่องนี้พึ่งอ่านไปได้ไม่นานเเต่ก็
เป็นนิยายที่น่าประทับใจเช่นเดียวกัน อบอุ่นดี
และก็ชอบนิยามความรักของเขามากที่ว่า
"รักไม่มีเพศรักไม่มีประเทศรักไม่มีเงื่อนไข"
ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องนี้ตอนที่สองคนนี้เขาคบกันเเล้ว
ได้อยู่ด้วยกันแล้วจังเลย

ยังไงจะติดตามผลงานของผู้เขียนในเรื่องต่อไปด้วย
เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: มะฮอกกานี ที่ 04-02-2016 15:27:20
จบแล้วอีกหนึ่งเรื่อง

ขอบคุณที่คนแต่งมอบความรู้สึกและถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือ  มาให้

ความสุขของการอ่านไม่ได้อยู่ที่ตอนจบของเรื่องที่ตัวละครสมหวัง

แต่อยู่ในทุกบราทัก ที่คนอ่านได้รู้สึกไปด้วยกับตัวละครในทุกบททุกตอน

ขอบคุณ

ที่มอบความรู้สึกให้ได้สัมผัสในทุกอารมณ์ครับ

รออ่านเรื่องต่อไปอยู่นะครับ


หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 04-02-2016 22:29:09
บทที่ 24 -- คิดถึงน้องเก้ากับพี่แตซองมากกก 555+ ยังคิดเลยจะกลับไปอ่านอีก
ชอบความคิดทางธุรกิจและการโปรโมทกิจการของต้นกับสนมาก รู้สึกมันเป็นกิจการที่อบอุ่นดี นับเป็นตัวอย่างที่น่าเอาอย่าง +เป็ด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 04-02-2016 22:47:07
ชอบตอนจบแบบนี้มากเลย บรรยากาศมันไม่ค่อยเหงา คือ มันอิ่มตัว กำลังดีมาก ขอบคุณนะคะที่เขียนนิยายซึ้งๆ ให้อ่าน อยากบอกว่า อ่านไปนี่ต้องคอยแปลให้แฟนนิยายคุณ Sarawatta จากต่างแดนฟังไปด้วย แปลๆ ไป นางก็ awww how cute  +เป็ด
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 27-02-2016 18:59:09
มาร่วมยินดีการปิดฉากลงอย่างมีความสุขของนิยายเรื่องนี้ เนื้อหาตอนจบคงไม่มีอะไรจะกล่าวถึงมากเพราะคิดว่าสายสัมพันธ์ครอบครัวที่เหนียวแน่นของบ้านแฟรงค์คงดึงให้กลับมาให้อภัยกันได้ไม่ช้าก็เร็ว แต่ก็ดีใจนะที่พ่อแม่คิดได้ในเวลาที่ไม่นานเกินไป ถึงจะเดาผิดไปนิดนึงว่าแฟรงค์จะเป็นฝ่ายกลับไปหาพ่อกับแม่ก่อนเมื่อตัวเองประสบความสำเร็จแล้ว

พออ่านจนจบก็คิดย้อนไปว่า จะเป็นยังไงนะถ้าพ่อของแฟรงค์ไม่ตัดปัญหาด้วยการย้ายบ้านหนีในตอนนั้น เรื่องนี้ก็คงกลายเป็นนิยายน่ารักๆ ที่เพื่อนวัยเด็กค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์และเรียนรู้ใจกันในระหว่างที่ค่อยๆ โตขึ้น พอทั้งคู่ชัดเจนในความรู้สึกแล้วก็คงอยากเปิดเผยให้ครอบครัวเข้าใจ นัทกับแฟรงค์ในวัยรุ่นจะรับแรงกดดันจากครอบครัวได้หรือไม่ เรื่องอาจไม่ Happy Ending อย่างนี้ก็ได้

นี่แค่นิยายนะครับ ถ้าชีวิตจริง ในทุกๆ จุดตัดสินใจก็อาจทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปอย่างกับคนละเรื่องได้ เริ่มฟุ้งซ่านแล้วครับ

ขอบคุณคุณ sarawatta ที่แต่งเรื่องดีๆ มาให้อ่านกันครับ และขออภัยด้วยที่เป็นนักอ่านผลุบๆโผล่ๆ ไปซักหน่อย
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly (THE END)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 22-03-2016 22:47:05
ขอชื่นชมคุณ.  Sarawatta. ที่ทำให้คนอ่าน. เข้าถึงทุกความรู้สึกความต้องการของแต่ละคนได้อย่างลมุนของภาษา.   บ่งบอกถึงการยอมรับได้กับรับไม่ได้.ของแต่ละคน    ด้านความรักมี.  2.   ทางเลือกคือ.   เลือกเพื่อที่จะให้คนที่เรารัก.    หรือเลือกเพื่อตัวเอง. แต่ในที่สุดก็จบแบบสุขสมหวัง.    แถมนำต้นสน.      ทิวบูม.    น้องเก้าคิมแตซองมาเสริมได้อย่างน่ารัก.  ชอบผลงานของคุณมากค่ะ.    ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ค่ะ.     กดเป็ดเหลืองทุกครั้งที่ไม่ลืมค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 07-04-2016 11:24:19
ขอบคุณมากนะคะ สำหรับนิยายดีๆ สนุกดีค่ะ

ดราม่าไปอีก เราเสียน้ำตาไปหลายยก ซึ้งมากๆ เวลาหน่วงนี้หน่วงได้อีก   :hao5:

ชื่นชมนักเขียนที่ทำให้นิยายมีชีวิต ดูสมจริงและเข้าถึงความรู้สึก

ภาษาและการบรรยายสามารถทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครเลยค่ะ

ขอบคุณมากๆนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 12-03-2017 12:34:01
ขอบคุณมากนะคะ สำหรับนิยายดีๆ สนุกดีค่ะ

ดราม่าไปอีก เราเสียน้ำตาไปหลายยก ซึ้งมากๆ เวลาหน่วงนี้หน่วงได้อีก   :hao5:

ชื่นชมนักเขียนที่ทำให้นิยายมีชีวิต ดูสมจริงและเข้าถึงความรู้สึก

ภาษาและการบรรยายสามารถทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครเลยค่ะ

ขอบคุณมากๆนะคะ  :pig4:

ขอบคุณที่มาอ่านจนจบนะครับ :)
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 31-12-2017 06:08:32
ขอบคุณมากๆนะคะ  :3123: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊19┊ The Elope Wedding ┊P11┊ 5.1.2016
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 29-09-2020 15:32:02

 

 

เฟิร์นพูดติดตลก ดูเธอเป็นคนสดใสมากทีเดียว แต่งตัวดี หน้าตาผิวพรรณก็ดี ดูสมกับคนที่เป็นคนมีความรู้ถึงด็อกเตอร์

 
Timeline ไม่ถูกต้องนะ นัทกับแฟรงค์ไม่ได้เจอกัน13ปี จากกันตอนแฟรงค์จบป.6ส่วนนัทจบป.5
โดยปกติเรียนป.6ถึงม.6รวม7ปี ปริญญาตรี4ปี ปริญญาโท2ปี  เพราะฉะนั้น13ปีถัดมา(ปัจจุบ้น)นัทอย่างมากควรจะเพิ่งจบปริญญาโทสดๆร้อนๆไม่สมควรผ่านงานที่โรงแรมมาแล้ว ส่วนเฟิร์นรุ่นเดียวกับนัท ยิ่งไม่สมควรเป็นด็อกเตอร์ อย่างเก่งก็แค่เรียนปริญญาเอกปีแรกเท่านั้น

"พี่แฟรงค์ นัทขอให้พี่แฟรงค์มีความสุขมากๆ นะครับ ดูแลเพียวให้ดีๆ รักกันให้มากๆ รักกันตลอดไปนะครับ"

แล้วผมก็เอียงสังข์เพื่อจะรดน้ำสังข์ลงไป
คนที่อายุน้อยกว่าไม่ให้รดน้ำสังข์อวยพรให้คนที่อายุมากกว่า นี่คือธรรมเนียม ค้นอ่านได้ทั่วไป
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 06-10-2020 20:11:50
กลับมาอ่านอีกครั้งก็ยังสนุกเหมือนเดิม ขอให้รักกันนานๆนะจ๊ะพี่แฟรงค์น้องนัท :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 20-10-2020 20:05:17
 :-[
หัวข้อ: Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
เริ่มหัวข้อโดย: mrsnikiforov ที่ 24-10-2020 22:23:47
 :hao7: