ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
เวป ไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยังจำภาพยนตร์ที่ตราตรึงในใจของใครหลายๆคนได้รึเปล่าครับ ? "แฟนฉัน" แล้วมันเกี่ยวไรกะเรื่อง "คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม" อยากรู้ ? อยากรู้ก็อ่านสิคับ ไม่อ่านแล้วจะรุ้มั้ยว่ะนั่น (ตูจะชวนคนอ่านเค้างงทำไม) o13 ตั้งหัวข้อไว้ว่าเรื่องสั้นแต่ทำไมเจือกยาวงี้ฟ่ะ เหอะๆ ชอบ ไม่ชอบ ยังไงก็อย่าลืมชี้แนะผมด้วยนะคร๊าบ...
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ...
ถึงเสียงนาฬิกาปลุกจะดังลั่นไปสามบ้านเจ็ดบ้าน ดูเหมือนมันจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อคนที่นอนหราอยู่บนเตียงได้เลยแม้แต่น้อย เผลอๆจะถูกขว้างออกไปนอกหน้าต่างซะด้วยซ้ำ เด็กชายยังคงแน่นิ่งอยู่ท่าเดิมต่อไปจนเสียงนาฬิกาปลุกเงียบไปเอง
รถนักเรียนสีเหลืองเกือบหมอง มีสนิมขึ้นเล็กน้อย มาหยุดอยู่หน้าตึกแถวชั่วอึดตดหายเหม็น แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะใช้บริการ เด็กชายหน้าตาหล่อเหลาก้าวขึ้นรถก่อนที่มันจะออกตัวเหลือไว้เพียงกลุ่มควันที่เป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะโลกร้อน
“เกี๊ยววว~!!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากปลายเตียง ถึงมันจะดังสู้เจ้านาฬิกาปลุกของผมไม่ได้ ทำเอาเจ้าของชื่อที่กำลังนอนคว่ำหน้าแผ่อยู่บนเตียงอย่างมีความสุขวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน
“ไอ่ลูกคนนี้ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนกัน ตอนแม่เป็นเด็กไม่เห็นจะขี้เกียจขนาดนี้เลย มันไปได้เชื้อขี้เกียจจากใครมาเนี่ย ฉอดๆๆๆ” เสียงบ่นของผู้เป็นแม่เริ่มขึ้นเหมือนเช่นทุกวัน แต่มันก็ไม่ได้ซึมซับเข้าไปในสมองของเด็กชายที่ชื่อเกี๊ยวเล้ย
แสงแดดที่สาดส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องร่ำไรบอกให้รู้ว่าเลยเวลาตื่นนอนมามากแล้ว เด็กชายใช้ขันตักน้ำราดตั้งแต่หัวหนึ่งขัน ก่อนจะตักอีกขันเต็มๆรดช่วงไหล่ลงมาอีกที มือเล็กจับสบู่ถูตามลำตัวของตนเองอย่างลวกๆ ต่อด้วยน้ำประปาเต็มๆขันล้างฟองสบู่ออกจากตัว ชุดนักเรียนถูกสวมใส่ได้ไม่ยากนักในเวลาที่มีจำกัด
“พ่อๆ เร็ว เดี๋ยวไปไม่ทัน” เสียงที่ดูรีบร้อน เร่งเร้าผู้เป็นพ่อที่กำลังเข็นมอเตอไซด์คันเก่าออกประตูบ้านอย่างทุลักทุเล
“เป็นยังงี้ทุกที ตื่นสายแล้วก็มาเร่งพ่อแต่เช้า” เสียงผู้เป็นพ่อบ่นเป็นกระสัย ขณะสตารทรถคู่ใจที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่สมัยพ่อแกยังหนุ่ม
“ไปๆ” พ่อเอ่ยแบบไม่สบอารมณ์นัก
“เร็ว พ่อ เร็ว” ร่างบางกระโดดซ้อนท้ายอย่างชำนาญ ก่อนที่รถมอเตอไซด์จะออกตัวไปตามเส้นทางอย่างใจเย็น
กระแสลมที่พัดผ่านมาปะทะกับดวงหน้าหวานตามความเร็วของรถที่แล่นไปข้างหน้า ริ้วคิ้วบางที่เริ่มขมวดเข้าหากันด้วยความร้อนใจ ทางที่พ่อพาผมมามันไม่ใช่ทางไปโรงเรียน แต่มันเป็นทางลัดไปหารถโรงเรียนต่างหาก รถมอเตอไซด์คันเก่าแล่นออกมาจากซอยเล็กๆขับมาเลียบคูคลองที่เทศบาลขุดเอาไว้ แต่ก็ยังช้ากว่ารถโรงเรียนที่ยังนำหน้าอยู่อีกฟากของรถพ่อผม
ผู้เป็นพ่อเร่งความเร็วขึ้นอีก ก่อนจะเลี้ยวรถข้ามสะพานไม้เล็กๆ รถสองคันที่เก่าไม่แพ้กัน จะต่างกันตรงที่ขนาดและจำนวนล้อขับไล่ตามกันจนทัน รถที่ขับนำอยู่ค่อยๆหยุดเหมือนจะรู้หน้าที่ เด็กชายรีบลงจากรถมอเตอไซด์ มือเล็กยกมือไว้ผู้เป็นพ่อลวกๆก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถนักเรียน
“เฮ๊ย ดูดิ ไอ่เกี๊ยวมันจ่ายค่ารถครึ่งเดียวรึไงว่ะ ถึงได้มาขึ้นรถกลางทางทุกวัน” เสียงทุ้มเอ่ยปนหัวเราะกับเด็กในสังกัดของมันอีกสองคนที่นั่งเรียงกันเต็มเบาะหลัง นั่นหัวหน้าเผ่าไอ่บอลแม่มันเปิดร้านขายของชำเด็กฝังตลาด ส่วนไอ่เตี้ยผิวขาวหน้าตาดีหน่อยชื่อโยลูกคุณกิมจ๊อเจ้าของร้านทองในตลาด ในมือมันคงจะเป็นเกมบอยรุ่นล่าสุดที่ผมไม่มีวันได้แตะ ไอ่แห้งนี้ก็อีกหนึ่งคนในสังกัดของไอ่บอลมัน หน้าตาตี๋ๆเชื้อสายจีนคงเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ่เคนลูกเจ้าของกิจการส่งน้ำแข็ง
ส่วนไอ่เห่ยที่ยืนอยู่ตรงนี้คงไม่ต้องบอกว่าเป็นใคร ส่วนสูงที่ต่ำกว่าเกณฑ์ตามมาตรฐานเด็กไทย หน้าตาสวนกระแสตัวแห้งๆผิวขาวผิดกับพ่อแม่ที่ไม่ขาวมาก ผมยังสงสัยว่าพ่อแอบไปกุ๊กกิ๊กกะคนข้างบ้านรึเปล่า หน้าตาถึงไม่เหมือนพ่อเหมือนแม่สักกะอย่าง แต่พ่อก็ยังยืนยันว่าคิ้วผมเหมือนปู่หน่อยหนึ่ง พ่อผมเป็นเจ้าของร้านบะหมี่เกี๊ยวที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษหลายต่อหลายรุ่นจนผมจำไม่ได้แล้ว ชื่อผมเลยไปคล้ายไอ่เกี๊ยวหมาของอาเฮียร้านข้างๆแบบไม่ได้ตั้งใจ ถึงผมจะเกิดทีหลังมันก็เหอะ ผมแกล้งมันทุกวิถีทางภาวนาให้มันตายเร็วๆ ใช่ว่าผมเป็นพวกใจบาปชอบฆ่าสัตว์ แต่ที่ผมโดนล้อมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะมัน (แค้น)
ผมมองทีว่างข้างๆไอ่บอลเหมือนเจอลูกชิ้นปิ้ง 10 ไม้ไม่ก็ปาน จะให้ทนยืนจากนี้กว่าจะไปถึงโรงเรียนก็อีกหลายสิบโล มีหวังขาชากันพอดี แถมไปถึงยังต้องไปเข้าแถวอีก ที่นั่งในตอนนี้เลยเหมือนสินค้าลดราคาที่ค้างสต๊อกจะมีคนฆ่ากันตายเพราะแย่งกันซื้อของชิ้นเดียว
“ตรงนี้มีคนนั่งแล้วเว้ย” ไอ่บอลรีบเอากระเป๋านักเรียนของมันมาวางตอนเห็นว่าผมทำท่าว่าจะนั่ง
“บอล เมิงจองให้ใครนั่งว่ะ” ไอ่คุณชายโยเงยหน้าจากเกมกดในมือของมันมองลูกพี่อย่างไม่เข้าใจ
“เออ กูบอกว่ามีก็มีแล้วกัน” เสียงทุ้มที่แหบพร่าของเด็กวัยแตกเนื้อหนุ่มเอ่ยดัง จะไม่ให้มันตัวโตกว่าผมได้ไง ก็มันเล่นซ้ำชั้นมา 2 ปีแล้วนี่นา ตัวสูงปานยอดมะพร้าวกับแรงควายทึกๆอย่างมัน แค่สะกิดผมนิดเดียวก็รู้ผลแล้ว ผมเลยไม่อยากไปมีเรื่องกะมันเท่าไร
“ก็ให้มันนั่งๆไปเหอะ ถือว่าสงสารลูกหมามัน” น้ำเสียงนิ่งเรียบของไอ่เคนทำเอาผมเดือด มันพูดทั้งๆที่ไม่หันหน้ามามองด้วยซ้ำ สงสัยมันอยู่กับน้ำแข็งมากเกินไปถึงได้เย็นชาและก็ไร้ความรู้สึกแบบนี้ มือเล็กกำข้างลำตัวแน่นพยายามควบคุมอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านด้วยโทสะผิดกับอากาศเย็นๆของเช้าที่สดชื่น
“หึหึ เพราะเมิงทำให้พวกกูต้องเข้าแถวสายทุกวัน กูไม่ให้เมิงนั่งใครจะทำไม” ดวงหน้าคมกรีดยิ้มอย่างมีชัยเยาะเย้ยคนตัวเล็กโดยมีคุณชายโยหัวเราะเป็นกำลังหนุนร่างสูง ส่วนไอ่เคนได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้มันดูอะไรนักหนา แค่พวกมันกระดิกตัวผมก็อยากจะเข้าไปซัดหน้าพวกมันให้หายซ่าสักหมัดสองหมัดโดยเฉพาะไอ่บอล!!!
เป็นไงเป็นกันไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกันว่ะ ถ้าขืนผมยังยืนตรงนั้นต่อไปมีหวังผมได้แลกหมัดหรือไม่ก็กินหมัดกับมันแต่เช้าแน่ๆ เสียงหัวเราะดังไล่หลังผมสักพักจนพวกมันเลิกสนใจผมกันไปเอง
และแล้วสวรรค์ก็เข้าข้างผม ข้างหน้ามีที่ว่างอยู่ที่หนึ่ง ผมรีบตรงรี่ไปเหมือนกับว่าจะมีใครมาแย่งไม่ใช่ก็ใกล้เคียง แต่ไอ่สิ่งที่ทำผมเกือบสะดุดก็ไอ่คนที่นั่งตรงนั้นมันเป็นอีกคนที่ผมไม่อยากเจอพอๆกะไอ่บอลกะลูกสมุนของมัน ไอ่โอมลูกเจ้าของร้านขายพระเครื่อง หน้าตาหล่อเหลา หุ่นนักกีฬา นิสัยนิ่งๆเงียบๆแต่ก็แสบใช่ย่อย ตอนเด็กผมยังจำได้อยู่เลยว่ามันนั่นแหละเป็นคนริเริ่มเรียกชื่อไอ่เกี๊ยว(หมาร้านอาเฮียที่อยู่ตรงกลางระหว่างร้านบะหมี่พ่อผมกะร้านพระเครื่องของพ่อมัน)ทำให้ผมเข้าใจผิดบ่อยๆว่ามันเรียกผม ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าพ่อผมไปอุดหนุนพระเครื่อง(จาตุคาม)จนเป็นเพื่อนสนิทกันพ่อมันก็มากินบะหมี่เกี๊ยวร้านผมบ่อยๆ แถมร้านยังติดกันแค่คูหากั้นกลาง ทำให้ผมต้องเจอหน้ามันทุกวัน ผมงี้แทบจะบ้าตาย ผมเคยลองทำดีกะมันหลายทีเพราะว่าเด็กผู้ชายฝังศาลเจ้าก็มีแต่ผมกับมันเนี่ยแหละ สุดท้ายไม่วายที่ผมไม่มีใครคบจนได้ ส่วนมันน่ะเหรอแค่อยู่เฉยๆที่บ้านพวกเด็กฝังโน้น(ฝังตลาด)ก็แทบจะเอาราชรถมานิมนต์ขอให้มันไปเล่นบอลด้วยถึงบ้าน
“มีใครนั่งป่าวว่ะ” ผมถามมันก่อน ถึงผมจะไม่อยากนั่งข้างๆให้มันเสียราศีแต่ขาผมมันเรียกร้องเต็มที
“...” ไอ่นี่มันกวน... ถามแล้วก็ไม่ตอบ มองหน้าไม่เคยเห็นคนรึไงว่ะ แมร่ง มีไม่มีผมก็จะหน้าด้านนั่งแร่ะ
“ใครบอกให้นั่ง” เอ๊ะ ไอ่นี่ตอนถามก็ไม่บอก ทีจะนั่งเสือกมีอารมณ์มากวนอีก
“...” คราวนี้ผมเป็นฝ่ายเงียบบ้าง แล้วผมนั่งเบียดกะมันจนถึงโรงเรียน
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เวลา 8 นาฬิกา ประเทศ...
เสียงเพลงที่คุ้นเคยทุกเช้าดังขึ้นพร้อมกับรถโรงเรียนที่เข้ามาจอดในโรงเรียนอย่างเฉียดฉิวพอดี นักเรียนที่ต่างตาลีตาเหลือกรีบเข้าไปอยู่ในแถวตามชั้นของตัวเองอย่างกระหืดกระหอบ ไอ่คนเตี้ยๆอย่างผมก็ต้องไปอยู่ข้างหน้าอยู่แล้ว ยังดีที่ผมสูงไล่เลี่ยกับไอ่คุณชายโย แต่ไหงผมได้ยืนอยู่หน้ามันทุกที
เมื่อกิจกรรมยามเช้ากลางแสงแดดเสร็จ นักเรียนก็แยกย้ายเข้าห้องเรียนเพื่อเรียนตามปกติ หลังจากที่เพียรพยายามมาสองปีเต็มผมก็เรียนตามไอ่บอลทันจนได้มาอยู่ห้องเดียวกับมันเนี่ยแหละ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี
“ไอ่โย เมื่อเช้ากูเห็นโคนันตอนใหม่ในกระเป๋าเมิง เอามาอ่านดิ” ร่างสูงเอ่ยกับลูกสมุนของตนแกมสั่ง
“เฮ๊ย เดี๋ยวครูมาแล้วตอนกลางวันค่อยอ่าน” ไอ่โยตอบปัดไป เพราะไม่ค่อยอยากให้ไอ่บอลยืมเท่าไร
“ไอ่เคนวันนี้มีเสบียงไรมั้งว่ะ” เมื่อไอ่คนข้างๆไม่ได้ดั่งใจ ร่างสูงจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาหาคนที่นั่งข้างหลังตน
“...” เคนไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยื่นขนมสองสามซองใส่มืออีกฝ่าย ไอ่บอลก็ไม่ลังเลที่จะฉีดซองแล้วหยิบขนมที่อยู่ด้านในกระแทกปากไม่ยั้ง ไม่เข้าใจจริงๆบ้านมันก็ขายของชำแล้วทำไมต้องไปขอขนมจากไอ่เคนด้วย
“โห ไอ่บอลเมิงกินหรือว่าเมิงสูบว่ะเนี่ย ไหงหนมหมดไวงี้ว่ะ” ไอ่คุณชายโยเอ่ยขึ้นเพราะว่ามันล้วงเข้าไปในซองขนมที่ไอ่บอลถืออยู่แต่ข้างในมันโล่งยิ่งกว่าสนามหญ้าหน้าตึกซะอีก
“ก็เมิงมัวแต่เล่นเกมเอง ช่วยไม่ได้ เด็กกำลังโตเว้ย” จริงของมัน ไอ่คุณชายโยก็มัวแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมใต้โต๊ะมัน ส่วนไอ่บอลเห็นมันสูบ เอ๊ย กิน เยอะขนาดนั้นหุ่นมันก็ยังเฟิร์มยังกะนักกีฬาสงสัยโดนแม่มันใช้ขนของเข้าร้านเยอะมั้ง
แก๊งค์ไอ่บอลนั่งอยู่แถวหน้าได้ข่าวว่าปีนี้มันจะตั้งใจเรียนแล้วเลื่อนชั้นให้แม่มันภูมิใจให้ได้ ผมก็ขอให้มันทำได้จริงๆเหอะ ส่วนผมก็เลยต้องอพยพลงใต้มานั่งหลังห้อง ขืนเสนอหน้าไปนั่งใกล้ๆบาทามันมีหวังไม่รอดกลับบ้านแน่ๆ ถึงไอ่คนที่มันนั่งอยู่หน้าผมจะเป็นไอ่โอม คนที่ผมไม่ค่อยถูกโรคด้วยเท่าไรก็เถอะ
“Good morning นักเรียนทุกคน” เสียงอาจารย์ประจำวิชาที่ผมเกลียดที่สุดเดินเข้ามาห้อง ไอ่บอลนี่แทบยัดขนมไว้ใต้โต๊ะไม่ทัน แต่หลักฐานบางส่วนมันยังทำลายไม่หมด สังเกตได้จากปากของมันที่เคี้ยวตุ้ยๆอยู่
“Good morning teacher” เสียงนักเรียนในห้องพร้อมใจพูดพร้อมกัน ยานเนิบตามต้นฉบับที่ครูท่านอุตส่าห์สั่งสอนมา
“How are you?” คุณครูที่อายุแก่กว่าแม่ผมหลายสิบปีกล่าวแต่สำเนียงมันเพี้ยนๆไปเยอะเลย
“I’m fine thank you and you?" คราวนี้ประโยคยาวกว่าเดิมทั้งยานทั้งเนิบกว่าเก่า
“I’m fine. Sit down please” เสียงเลื่อนเก้าอี้เอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น สมุดถูกเปิดพร้อมที่จะถูกขีดเขียนลงไป
“วันนี้เราจะเรียนเรื่อง present simple tense กันนะ” คุณครูเปิดหนังสือในมือ ก่อนจะขยับแว่นเหมือนกำลังจะจับผิดใครบางคนในห้อง
“ปิ๊ง ป่อง ประกาศ อาจารย์เกศินี อาจารย์วันเพ็ญ อาจารย์วิชิต ขอเชิญประชุมพร้อมกัน ณ ห้องประชุมเวลานี้ด้วย ประกาศ...” เสียงประกาศที่ดังก้องทั่วทั้งโรงเรียน ใครล่ะจะไม่ได้ยิน บังเอิญที่ว่าชื่อที่ประกาศตรงกับชื่ออาจารย์ที่เพิ่งเข้ามาในห้องผมไม่ถึง 5 นาทีก่อนหน้านี้
“เอ่อ ครูต้องไปประชุม ให้นักเรียนอ่านหนังสือกันไปก่อนนะ” อาจารย์ยิ้มแห้งๆแต่ดูน่ากลัวพิลึก
“ภาณุคอยจดชื่อเพื่อนที่คุยกันแล้วเอามาส่งครูนะ” คุณครูยืนสั่งเสียอยู่กับไอ่บอลศิษย์รักที่เจอหน้ากันมาตลอดสองปี (ปีนี้จะเป็นปีที่สาม)
“ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับอย่างมุ่งมั่นพร้อมกับหยิบสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะและดินสอติดมือมาอีกหนึ่งแท่ง
อาจารย์รีบเดินจากไปเพราะการประชุมที่มาได้ถูกเวลาจริงๆ
“เฮ๊ย ไอ่โยกูขอเล่นมั้งดิว่ะ” ไม่ทันที่ไอ่คุณชายโยจะทันได้พูดอะไร รู้ตัวอีกทีเกมบอยรุ่นล่าสุดที่แม่มันซื้อให้ก็ไปอยู่ในมือของไอ่บอลเรียบร้อยแล้ว
“อ้าว ไอ่เชี่ยบอล กูยังเล่นไม่เสร็จเอาม๊า” และแล้วสงครามเล็กๆระหว่างไอ่บอลกะไอ่คุณชายโยก็เริ่มขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว แค่ไอ่บอลใช้มือดันหัวไอ่โยไว้มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ผมนั่งดูพวกมันเดี๋ยวทะเลาะเดี๋ยวดีกันจนน่าปวดหัว ไม่รู้มันอยู่กันได้ยังไง
“เกี๊ยวๆ” เสียงหวานๆของใครบางคนเรียกผมจากวังวนของตัวเอง
“มะ มีไรเหรอขิง” ผมหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ จู่มันก็รู้สึกชาไปหมดทั้งตัวก็ขิง เด็กหญิงน่ารักหน้าตาจิ้มลิ้มที่ผมแอบหลงรักมาตั้งแต่ป.3 มาทักผมก่อน นี่มันไม่ใช่ฝันใช่มั้ย
“ขอยืมยางลบหน่อยได้มั้ย” เสียงแหลมเล็กที่ทำเอาผมใจสั่นทุกครั้ง
“ได้สิ” ผมรีบก้มไปควานหายางลบในกระเป๋าอย่างเอาเป็นเอาตาย
“อ๊ะ น...” (นี่ พูดไม่ทันจบ) ผมอยากจะจับไอ่โอมมาหักคอจิ้มน้ำพริกจริงๆเล้ย ก็ดูมันแย่งโอกาสทองของผมไปหน้าตาเฉย ผมมองไปทางมันอย่างกินเลือดกินเนื้อ แต่ดูมันไม่รู้สึกรู้สมอะไรสักนิด หนอย...ไอ่โอมจะดูถูกกันเกินไปหน่อยแล้วนะเว้ย นอกจากจะชอบแกล้งผมมันยังเป็นมารหัวใจของผมอีก
นัยน์ตาคู่หวานมองไปรอบๆโรงอาหารหวังจะหาที่นั่งดีๆสักที่ แต่ทำไมวันนี้คนมันเยอะขนาดนี้ฟ่ะ จะได้แดรกข้าวกันมั้ยวันนี้ หลังจากเดินวนไปวนมาหลายรอบ เกี๊ยวก็เหลือบไปเห็นเก้าอี้ว่างอยู่ตัวหนึ่ง (ประมาณว่า มีสปอตไลท์ส่องเก้าอี้ตัวนั้นท่ามกลางฝูงชน) จะได้กินข้าวแร่ะโว้ย (มีน้ำตาเล็ด)
โครมมม~!!
"โอ๊ยย" ไม่ทันจะได้นั่ง ผมก็ล้มก้นจ้ำเป้าไปกองอยู่ที่พื้นแร่ะ ไอ่หน้าไหนไม่รู้ดึงเก้าอี้ตอนที่ผมกำลังจะนั่งพอดี แต่ที่แน่ๆคนทั้งโรงอาหารมองมาที่ผม แถมยังหัวเราะเยาะ ผมก็ได้แต่เอามือปัดก้นอย่างเซ็งๆ ก่อนจะมองหาตัวการที่มันปองร้ายผม
"ไอ่เชี่ยโอม" ผมพูดเบาๆอยู่ในลำคอ ทั้งแค้นทั้งเจ็บ หิวก็หิว
"เอาเก้าอี้กูมา" ร่างบางเอ่ยหนักแน่น สายตามองร่างสูงอย่างไม่พอใจ
"เก้าอี้ของเมิงเหรอ ไม่เห็นมีชื่อเลยนี่" ไอ่โอมมันพูดหน้าตาเฉย แถมยังทำท่าพลิกเก้าอี้ไปมา เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง
"ก็กูมาก่อน กูจะนั่งตัวนี้ เอาม๊า" คราวนี้ผมฉวยโอกาสตอนที่มันเผลอกะจะดึงเก้าอี้ออกมาจากมือมัน
"ไปหาตัวอื่นนั่งไป๊" ไหงไอ่นี่มันแรงเยอะขนาดนี้ ดึงทีผมแทบจะลอยไปกับเก้าอี้เลย แต่ผมไม่ยอมแพ้มันง่ายๆหรอก
"ไม่เว้ย กูจะนั่งตัวนี้" ผมรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีดึงเก้าอี้พลาสติกอีกครั้ง
โครมม
"เฮ๊ย.." รอบที่สองของวันนี้ที่ผมไม่กองกะพื้น แต่คราวนี้มีเก้าอี้ที่ผมแย่งมาด้วยความยากลำบากอยู่ด้วย
"เฮ้อ อยากนั่งก็เชิญ" ร่างสูงเอ่ยอย่างเนือยๆ นี่ผมผิดด้วยเรอะที่อยากนั่งเก้าอี้กินข้าวกลางวันเนี่ย
"โอมๆ มานั่งตรงนี้ก็ได้" จะใครที่ไหนได้ ขิงกวักมือเรียกไอ่โอมออกนอกหน้าซะขนาดนั้น ผมไม่หล่อ ไม่หน้าตาดีอย่างมันก็แล้วไป
มือเล็กกำช้อนในมือแน่นก่อนจะตักข้าวพูนๆยัดเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตายเพียงลำพัง ก็ผมมันไร้คนคบอยู่แล้วนี่ มันก็ต้องมานั่งกินข้าวคนเดียวยังงี้แหละ
ไม่รู้ทำไมตลอดทางที่ผมเดินจะเอาจานไปเก็บ คนทั้งโรงอาหารมองผมแปลกๆแล้วก็หันไปหัวเราะคิกคักจนน่ารำคาญ เดินคนเดียวมันน่าขำตรงไหนฟ่ะ ซิบผมก็รูดแล้วนี่หว่า
"ฮ่าๆไอ่บอลเมิงดูก้นไอ่เกี๊ยวดิว่ะ" เสียงของไอ่คุณชายโยเอ่ยกับลูกพี่ของมัน ตอนที่ผมกำลังเดินผ่านสงสัยมันกลัวผมไม่ได้ยินก็พูดซะดังขนาดนั้น แล้วทำไมมันต้องมามองก้นผมด้วยเนี่ย
"ฮ่าๆๆ" ไอ่บอลหัวเราะจนข้าวกระเด็นติดแก้มของไอ่คุณชายโยสองสามเม็ด ถ้าใครมองก้นผมแล้วหัวเราะขนาดนี้ ผมว่าผมจะลองไปสมัครเข้าคณะตลกกะเค้าดูบ้างแล้วแหละ
"เฮ๊ย" คนตัวเล็กร้องเสียงหลงไม่เป็นภาษา ก็ไอ่ขาวๆที่แบนติดหนืบกับกางเกงผมน่ะดิ หมากฝรั่งของใครว่ะ ไอ่ที่โดนหัวเราะน่ะไม่เท่าไร แต่เย็นนี้กลับบ้านไปผมโดนแม่บ่นอีกแน่ๆ ล้างเท่าไรมันก็ไม่ออกสักที ผมยังสงสัยว่ามันเป็นญาติฝ่ายไหนกับกาวตราช้างรึเปล่า
"บอกแล้วว่าให้ไปหาตัวอื่นนั่งก็ไม่เชื่อ" ร่างสูงพึมพำกับตัวเองก่อนจะเผลออมยิ้ม
"ว่าไรนะโอม ขิงไม่ทันฟังง่ะ" เด็กหญิงแก้มแดงเอ่ยกับคนที่กำลังยิ้มจางๆ
"อ้อ ไม่มีไร" โอมแก้ตัว ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินข้าวของตัวเองต่อไป
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
ตอน 6.2
มันใกล้มาก ใกล้ซะจนหัวใจแทบหยุดเต้น กลิ่นตัวอ่อนๆของไอ่โยที่โชยมาติดจมูก เป็นกูคนเดียวสินะที่หวั่นไหว เมิงคงจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่...มันก็ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น (เคน)
ปึก ศอกแหลมกระทุ้งอกแกร่งเบาๆเป็นเชิงเตือน
“พอๆ กูเล่นเอง” โยผลักเคนออกจากตัวด้วยนิสัยที่ขี้หวง ขณะที่กำลังเคร่งเครียดอยู่กับเกมที่ไม่เคยเคลียร์เลยสักครั้งตั้งแต่ซื้อมา
“หึหึ” เคนหัวเราะอยู่ในลำคอ มองดูหลังเล็กที่อยู่ห่างจากกายตัวเองไม่ไกลนัก ก่อนจะเขยิบตามเข้าไปนั่งใกล้ๆเหมือนเดิม คนอย่างไอ่โยบ้าเกมเข้าขั้นรุนแรง ไอ่ตอนที่มันเล่นเกมต่อให้มีรถสิบล้อพุ่งมาก็ยังเดาไม่ถูกว่ามันจะหลบทันรึเปล่าเล้ยยย
ไม่มีใครรู้ว่าบอลกำลังคิดอะไร ในใจตอนนี้มันว้าวุ่นและสับสน ตั้งแต่เมื่อไรที่ความรู้สึกแปลกๆหลายอย่างคืบคลานเข้ามาในหัวใจที่ไม่เคยหวั่นไหวต่อผู้ใดมาก่อน ยิ่งเห็นหน้าตาใสซื่อของไอ่คนที่เขาต้องเจอหน้าทุกวัน มันกลับทำให้เขาร้อนรนจนไม่เหมือนคนเก่า แค่อยากจะทำให้คนๆนั้นสนใจในตัวเขาบ้าง เพราะอะไรน่ะเหรอ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มันรู้สึกหวง ทั้งๆที่เขาชอบแกล้งหมอนั้นตั้งแต่ไหนแต่ไร คำถามที่หาคำตอบไม่ได้ว่าความจริงแล้วเขาเป็นอะไรกันแน่ ทุกอาการมันเป็นไปตามความรู้สึกจนควบคุมไม่ได้อีกแล้ว
โป๊ะ!!!
ไม่รู้ไอ่เวรตัวไหนมันปากระดาษมาติดหัวผม วาดรูปฟิวกำลังได้เลยแมร่ง ผมมองก้อนกระดาษที่ถูกขยำยู้ยี้อยู่ในมือ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาเจ้าของ แต่ทุกคนในห้องก็นั่งเรียนตามปกติจนผมเดาไม่ถูกเลยว่าใครกันแน่ที่จงใจปาหัวผม สุดท้ายผมก็ตัดสินใจขว้างมันลงถังขยะไปอย่างไม่ใส่ใจ
โป๊ะ!!!
ไอ่ก้อนแรกยังพอให้อภัย แต่ไม่คิดว่าจะมีก้อนที่สองตามมา วันนี้มันเป็นเชี่ยไรว่ะเนี่ย ทุกคนในห้องนั่งนิ่งก้มๆเงยๆจดสิ่งที่อาจารย์เขียนบนกระดานอย่างเคย แล้วใครมันปามาว่ะ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด อย่าให้รู้ว่าใครปามาแมร่งจะโดนมิใช่น้อย
เป็นครั้งที่สองที่ผมกำลังโยนไอ่ก้อนกระดาษลงถังขยะที่อยู่ไม่ห่างจากผมเท่าไร แต่ดูเหมือนข้างในจะมีคนเขียนอะไรบางอย่างเอาไว้ เพราะความอยากรู้อยากเห็นร่างบางจึงคลี่ก้อนกระดาษในมือออก
“เย็นนี้ เจอกันที่สนามบอล ไม่มามึงเจ็บ” ผมอ่านข้อความชวนสยดสยอง ไอ่ลายมือปานกิ้งกือดิ้นตายบนกระดาษ แถมประโยคที่ไม่ค่อยต่างกับการขู่เอาชีวิตแบบนี้ คงเป็นฝีมือไอ่บอลชัวร์
“เฮ้อ...” คนตัวเล็กถอนหายใจเบา เมื่อไรมันจะเลิกรังควานผมสักที
เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง เวลาคล้ายกับจะเดินไวกว่าทุกวัน ผมแค่แอบงีบได้แปบเดียวก็โรงเรียนเลิกซะแร่ะ ผมเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋านักเรียนก่อนจะสะพายมันไว้ข้างหลัง ร่างบางเดินคอตกตรงไปยังสนามบอล ไม่รู้ว่าผมต้องเจออะไรอีก
“ไอ่เกี๊ยว ทางนี้โว้ย” เสียงไอ่โยตะโกนแหกปากโบกไม้โบกมือมาแต่ไกล ผมมองกลุ่มคนไม่ต่ำว่า 10 คนที่ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่กลางสนาม ยังกะว่ามันจะยกพวกไปตีกันไงงั้นแหละ ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาไอ่โยที่ยืนร่วมอยู่ในนั้นด้วย
พอวิ่งไปถึงก็มีแต่คนมองหน้าผม ตัวสูงๆกันทั้งน้าน สงสัยเป็นไอ่พวกห้องอื่นที่มันมาท้าดวลบอลกันแน่ๆเลย
“คนครบแล้ว พวกเมิงจะเล่นกันได้รึยัง” ไอ่แห้งที่ยืนทำหน้ากวนตีนพูดกับไอ่บอล
“ใคร 6 ลูกก่อนชนะ” ไอ่บอลยื่นแผ่นกระดาษสีเขียวออกมาจากกระเป๋า รวมทั้งไอ่แห้งนั่นด้วย
“เดี๋ยว 40 ไปเลย” ไม่ทันที่ไอ่แห้งจะเขี่ยบอลไปกลางสนามไอ่บอลก็ท้วงขึ้นมาซะก่อน มันทำท่าลังเลก่อนจะควักแบงค์สีเขียวอีกใบออกมาจากกระเป๋ากางเกง เท่ากับว่าเงินพนันบอลในครั้งนี้ 80 บาท ฝ่ายไหนชนะก็ได้เงินไปกินขนมสบายเลยนี่หว่า
ไม่รู้วันนี้ไอ่บอลมันผีเข้าอะไรของมันถึงให้ผมเล่นบอลกับมันด้วย แถมอีกฝ่ายนั้นก็พวกไอ่ยะเจ้าพ่อบอลฝั่งตลาดซะด้วย แหงละหนึ่งในนั้นต้องมีไอ่โอมร่วมด้วยอยู่แล้ว โอกาสจะชนะเลยดูลิบหรี่เต็มที ยิ่งมีผมร่วมทีมอยู่กะพวกมันด้วยแล้ว คิดแล้วก็เสียดายเงิน 40 บาทของมันแทนจริงๆ
สักพักไอ่บอลก็ปลดกระดุมเสื้อโชว์หุ่นเฟิร์มๆของมันโยนไว้ข้างสนามต่อหน้าประชาชี ตอนแรกเห็นแล้วก็แอบอิจฉานิดๆ จะโชว์อะไรนักหนา แต่ที่ไหนได้ ไอ่โย ไอ่เคน รวมทั้งไอ่เอ็มมันถอดเสื้อกันหมดแล้วเหลือแต่ผมที่ยังอยู่ในสภาพนักเรียนอยู่ ใช้การถอดเสื้อแบ่งฝ่ายเพื่อจะได้ง่ายต่อการเล่นนี่เอง ผมเลยจำใจต้องโชว์หุ่นแห้งๆตามกระแสไปด้วย
และแล้วเกมก็เริ่มขึ้น ท่าทางแต่ละคนดูไม่เหมือนอย่างที่ผมเคยเห็น ไอ่โยวิ่งไปประจำอยู่ที่โก ส่วนไอ่เคนคุมกองหลัง ไอ่บอลยืนเป็นกองหน้า ไอ่เอ็มปีกซ้าย ส่วนผมน่ะเหรอ ยืนเอ๋ออยู่ขอบสนามก็เคยเล่นบอลจริงๆจังๆก็เค้าที่ไหนล่ะ
“ไอ่เชี่ยเกี๊ยว เมิงจะเล่นมั้ย” เสียงจากซาตานก็ตะโกนดังข้ามสนามมาด่าผมถึงที่ ดูเหมือนผมกับไอ่โยจะตัวเล็กที่สุดในเกมนี้ คนตัวเล็กวิ่งไปอยู่ปีกขวาซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวที่เหลืออยู่ เหงื่อเม็ดใสผุดที่ดวงหน้าหวานตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกม
ฝ่ายไอ่ยะ ไอ่โอมมันก็ยืนกระจายๆกันอยู่ในสนาม เหรียญบาทถูกโยนขึ้นไปในอากาศก่อนจะตกลงมาที่แขนของไอ่ยะอีกครั้ง
“หัว” เสียงทุ้มของไอ่บอลพูด ก่อนที่ไอ่ยะจะเปิดมือออกมา ผลลัพธ์เป็นอย่างที่ไอ่บอลคิดไว้ เดาแม่นขนาดนี้ แมร่งไปใบ้หวยได้หลายตังค์เลยนะเนี่ย
ร่างสูงใช้เท้าเขี่ยบอลมาหาตัวเอง ขณะที่เกมของลูกผู้ชายเริ่มขึ้นในยามเย็นที่แสงอาทิตย์รำไรสาดส่อง สายลมเอื่อยๆพัดมา ช่างเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการออกกำลังแบบนี้
ไอ่บอลเลี้ยงลูกได้ไม่นานก็ถูกไอ่โอมแย่งบอลไป ลีลาสุดยอดจริงๆ ผมมัวแต่ยืนอึ้งในความเทพของมันอยู่ที่เดิมจนลืมวิ่ง อันที่จริงผมก็เล่นไม่ค่อยเก่ง เดาว่าที่มันให้ผมเล่นด้วยคงเพราะคนไม่พอ ผมเลยวิ่งๆพอเป็นพิธี
ไอ่ลูกกลมๆที่ทุกคนต่างวิ่งไปเพื่อแย่งมันมา สุดท้ายก็แตะทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ไม่นานแต้มมันก็วิ่งไปเรื่อยๆจนมาอยู่ที่ 5 ต่อ 5 ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้แตะบอลเลย ยืนวิ่งไปวิ่งมา แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรส่วนมากจะดูพวกมันเล่นกันซะมากกว่า ไอ่เหตุผลที่ว่าคนฝ่ายไอ่บอลขาดก็เลยเริ่มเด่นชัดขึ้นทุกที
“เกี๊ยว” จู่ๆไอ่เอ็มก็ส่งบอลมาทางผมที่ยืนโล่งอยู่คนเดียว ก็พวกไอ่ยะดันไปแย่งบอลรุมไอ่เอ็มคนเดียวเลยนี่ บอลสีขาว-ดำที่ออกจะเก่าเล็กน้อยค่อยกลิ้งมาหาผมจนหยุดอยู่ตรงหน้า แล้วกูจะทำดีเนี่ย ไม่นานพวกไอ่ยะกะเพื่อนของมันเริ่มวิ่งกรูเข้ามาผมแต่ไกล ชริปหายแล้วมั้ยล่ะ
“แตะดิว่ะ” เสียงไอ่เคนตะโกนดังมาจากข้างหลังผม เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน
คนตัวเล็กเริ่มเลี้ยงบอลวิ่งไปข้างหน้า แต่กลับมีเงาสูงๆเข้ามากระกบข้าง ไอ่โอมมันวิ่งมาประชิดตัวผมแถมยังวิ่งมาดักหน้าผมอีก ตายห่าแล้ว
แผงอกขาวเนียนที่ไม่เคยประจักต่อสายตาใครมาก่อนจนถึงวันนี้ที่ผมได้มาเห็นใกล้ๆ ถึงมันจะตัวเล็กไปหน่อยแต่ผมว่าแบบนี้มันก็น่ารักดี กลิ่นเหงื่อที่ชโลมมันทั้งตัวทำให้ผมอดจ้องมันไม่ได้จริงๆ (โอม)
“เอาดิ” ไอ่โอมพูดเยาะเย้ยผมที่พยายามจะเลี้ยงลูกหลบมันอยู่ ใครจะรู้ว่าไอ่บอลลูกกลมๆนี่มันจะควบคุมทิศทางยากขนาดนี้
จะเลี้ยงไปซ้ายไปขวา มันก็รู้ทันผมซะหมดแต่ติดอยู่อย่างว่ามันไม่ยอมแย่งบอลจากผมไปทั้งๆที่มันก็ทำได้ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากซะอีก
ผมมองไอ่บอลที่ยืนโบกมืออยู่ไกลๆ ขืนผมเก็บบอลไว้กับตัวเองแบบนี้มีหวังโดนไอ่โอมชิงไปแน่ๆ ร่างบางหลับหูหลับตาแตะบอลไปหาคนตัวสูงที่ยืนอยู่ใกล้ตัวเองที่สุดในตอนนี้
“ขอบใจว่ะ” คำขอบคุณที่มาจากปากไอ่ยะ ทำเอาผมอยากจะบ้าตาย ผมตั้งใจส่งให้ไอ่บอลไหงไปอยู่ที่ไอ่ยะได้ว่ะเนี่ย แล้วมันก็ยิ้มร่าวิ่งไปพร้อมกับบอลตรงไปหาไอ่โย ขนาดโกกับตัวมันนี่ต่างกันเหลือใจชะมัด ไอ่ซีนที่ว่าไอ่ยะเตะบอลไปแล้วมันรับได้เลยมีน้อยมาก
ภาพที่ไอ่ยะเตะบอลผ่านประตูเข้าไปโดยที่ไอ่โยกระโดดไปรับแต่เฉียดนิ้วมันไปนิดเดียวทำเอาผมเข่าทรุด จิ้มกับหญ้านุ่มๆ ผมเห็นไอ่โยใช้มือทุบกับสนามหญ้าอย่างบ้าคลั่ง
เสียงเฮดังกับชัยชนะที่ได้มา พวกไอ่ยะกระโดดกอดคอกันก่อนจะไปฉวยเอาแบงค์สีเขียวที่เหน็บกับกิ่งไม้มาไว้กับตัวเอง
“คราวหน้ามาแข่งกันอีกนะเว้ย” เสียงไอ่ยะพูดเย้ยกับไอ่บอลที่ยืนกำมือแน่น แล้วพวกมันก็พากันจากไปพร้อมกับเงิน 80 บาท
“โธ่เว้ย” ร่างสูงเตะหญ้าแรงด้วยความโมโห
“ไอ่โย เมิงเฝ้าโกภาษาไรว่ะเนี่ย ถึงปล่อยให้บอลเข้าไปได้” ไอ่บอลตะคอกใส่ไอ่โยที่นั่งอย่างคนหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าโก
“ลูกมันมาไวใครจะรับได้เล่า พวกเมิงนั่นแหละปล่อยให้บอลหลุดมาได้ไง” คนตัวเล็กตะโกนกลับ น้ำเสียงที่เจือปนด้วยความผิดหวังผสมกับเสียงหอบดังระงมทั่วบริเวณ
“ไอ่เกี๊ยวเมิงส่งบอลให้ไอ่ยะทำเหี้ยไรว่ะ” มือแกร่งผลักแผงอกคนตัวเล็กจนกระเด็น
“กูไม่ได้ตั้งใจนี่ ทำไมเมิงต้องมาผลักกูด้วยว่ะ” ตอนนี้มันทั้งเหนื่อยทั้งผิดหวังพอๆกัน ทำไมมันต้องมาซ้ำเติมกันด้วย คนตัวเล็กผลักอกแกร่งที่เปลือยเปล่าของอีกฝ่ายจนบอลเซไปข้างหลังเหมือนกัน
“เมิงกล้าผลักกู” ไม่ทันที่ผมจะได้เถียงมันกลับ หมัดใหญ่ๆก็พุ่งเข้ามาชนหน้าผมจนหันไปตามแรงที่ไอ่บอลส่งมาแบบไม่ทันตั้งตัวล้มไปนั่งบนหญ้าผืนนิ่มที่รองรับไว้ด้านล่าง เลือดสีแดงสดไหลซึมออกจากมุมปากบาง
“อย่ามีเรื่องกันเลย กูขอ” เสียงไอ่เคนท้วงขึ้นมา แต่สายตาคมที่ดูดุดันจนน่ากลัวของไอ่บอลมองไอ่เคนจนมันไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมาอีก
คนตัวเล็กที่ล้มกองอยู่กับพื้นยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสวนหมัดกลับด้วยแรงโทสะเช่นกัน แล้วไอ่บอลก็รับหมัดผมไปเต็มๆ ถึงแรงผมจะไม่เยอะเท่ามันแต่รับไปเต็มๆหน้าขนาดนั้นไม่เจ็บก็ให้มันรู้ไป ของเหลวสีแดงสดไหลซึมออกจากปลายคิ้วหนาแทบจะทันที
นัยน์ตาที่ดุดันเอาเรื่องของไอ่บอลถึงกับทำให้ไอ่เคนกลัว แล้วผมล่ะ ผมที่พลั้งมือชกมันไปแล้วไม่อยากจะคิดว่าผมจะมีชีวิตรอดไปจนถึงวันพรุ่งนี้ได้อีกรึเปล่า แต่ ความรู้สึกนั้นมันกลับถูกเก็บไว้ภายในไม่แสดงออกมาสงสัยผมจะได้เชื้อดิบเถื่อนมาจากมัน นัยน์ตาหวานที่แข้งกร้าวจ้องร่างสูงที่ยืนตรงหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง มือเล็กกำข้างลำตัวแน่นคล้ายกับพร้อมที่จะสู้ทุกเมื่อ
คนตัวสูงง้างกำมือทำท่าว่าจะชกไอ่คนตรงหน้าให้สลบหมอบให้ได้ ด้วยแรงโทสะที่พุ่งพล่านเกินกว่าจะระงับไหว
“พอเหอะ” เกี๊ยวยืนนิ่งหลับตาปี๋เตรียมรับแรงประทะ แต่...กลับมีใครอีกคนที่คว้าแขนของไอ่บอลได้ทันซะก่อนที่จะมาถึงตัวผม
“ไอ่เชี่ยโอม เมิงไม่ต้องมายุ่ง” คนที่กำลังเดือดดานจนไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นผลักโอมจนกระเด็นไปอีกทาง
“นี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” จู่ๆก็มีอีกเสียงดังขึ้น คุณครูฝ่ายปกครองที่วิ่งมายืนคั้นกลางระหว่างผมกับไอ่บอล ผมเลยถูกลากตัวมาที่ห้องปกครองทันที
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องชกต่อยกันด้วย” คนตัวเล็กนั่งก้มหน้าเงียบ ร่างสูงที่นั่งกอดอกอยู่ข้างๆสีหน้าเรียบนิ่งหูทวนลมอย่างคนไม่รับรู้อะไร เลยไม่มีใครตอบคำถามที่ครูถามหลายนาทีก่อน
“ครูก็ไม่รู้ว่าพวกเธอทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเดียวกันก็ต้องรัก ต้องสามัคคีกันไว้สิ ไม่ใช่มาทะเลาะตบตีกันแบบนี้” คำพูดที่ดูจะเป็นความหวังดี ใช่ว่าผมอยากจะไปมีเรื่องกะใครที่ไหนเล่า แต่มันเหลืออดแล้วจริงๆ
“นัฏพล เธอก็ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยมาก่อนเลยทำไมถึงเป็นแบบนี้ ครูน่ะไม่อยากจะแจ้งเรื่องพวกนี้ให้ผู้ปกครองเธอต้องมากลุ้มใจหรอกนะ เธอก็อีกเหมือนกันภานุ ครูนึกว่าเธอจะปรับเปลี่ยนนิสัยได้แล้วซะอีก ครูสงสารแม่เธอรู้มั้ย ที่ต้องมารับทราบเพราะไอ่เรื่องไร้สาระพวกนี้ของเธอมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว” คนตัวเล็กและร่างสูงยังคงนั่งนิ่งปิดปากเงียบ ไม่แสดงอาการใดๆออกมา
“ครูจะไม่ทำโทษและจะยังไม่แจ้งผู้ปกครองพวกเธอนะ แต่พรุ่งนี้พวกเธอสองคนต้องมาหาครูที่ห้องนี้ตอนเช้า เข้าใจมั้ย” น้ำเสียงที่เอ่ยหนักแน่นดัง
“ครับ” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา “ครับ” บอลตอบสั้นแต่ในน้ำเสียงสั่นเครืออย่างคนสำนึกผิด
“เอาล่ะ ไปได้แล้ว หวังว่าพวกเธอคงเข้าใจที่ครูพูดนะ” คุณครูเอ่ยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ผมรีบเดินจ้ำอ้าวนำหน้าไอ่บอลเพื่อทิ้งระยะห่างให้มากที่สุด แล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้นั่งที่เดิมข้างๆมันอีกต่อไปแล้ว
"กะ เกี๊ยว กู...ขอโทษ" มันเป็นประโยคที่ผมได้แต่คิดในใจ แต่ตอนนี้อะไรมันคงสายไปแล้ว ไอ่เกี๊ยวมันคงเกลียดผมมากกว่าเดิม ไม่น่าอารมณ์ร้อนเลย มันก็แค่เกมที่กูจริงจังมากไป ขอโทษจริงๆ (บอล)
"โธ่เว้ย" มือแกร่งประทะกับผนังปูนแรงจนความรู้สึกปวดร้าวแล่นลิ่วมาตามแรงกระทบทันที แต่ร่างสูงกลับเหมือนคนไร้ความรู้สึกเพราะตอนนี้มันเจ็บที่หัวใจมากกว่าสิ่งอื่นใด กับเหตุการณ์ที่พลาดพลั้งไปแล้วจนไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้
“เกี๊ยวไปฟัดกะหมาที่ไหนมาเนี่ยห๊ะ” พอกลับมาบ้านเท่านั้นแหละ ผมก็โดนแม่บ่นยกใหญ่ ก็ผมไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกะใครมาก่อนนี่นามันเลยดูเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแม่
“โอย ไม่เอาทิงเจอร์แม่ ไม่เอา” ผมเบือนหน้าหนีไอ่สำลีชุบน้ำสีฟ้าอ่อนๆที่อยู่ในมือแม่
“ทิงเจอร์เนี่ยแหละ ไม่งั้นจะหายเรอะ” จะหนีได้ยังไงล่ะครับ ไอ่ตอนที่โดนชกใหม่ๆมันไม่เจ็บหรอก แต่ไอ่ตอนทายานี่สิเจ็บอย่าบอกใครเลย ซี๊ดดดด...
“ส่งให้ไปเรียนหนังสือกลับอยากไปเป็นนักเลง” ยิ่งบ่นแม่ก็ยิ่งกดน้ำหนักมือแรงขึ้น ไม่รู้เพราะหมั่นไส้หรืออะไรกันแน่แต่ที่รู้ๆผมเจ็บกว่าตอนที่ถูกไอ่บอลชกอีก
“โอยๆ เบาสิแม่ ผมเจ็บนะ” ร่างบางร้องท้วงอย่างไร้หนทาง
ฉอดๆๆๆๆๆ
“โธ่แม่ ไอ่เกี๊ยวมันเป็นเด็กผู้ชายก็ปล่อยๆมันไปเถอะ” หลังจากนั่งฟังแม่บ่นยาวเป็นหางว่าว ดูเหมือนพ่อจะอ่านหนังสือพิมพ์ไม่รู้เรื่องเลยท้วงแม่เค้าสักหน่อย
“พ่อก็ชอบให้ท้ายลูกทุกทีแหละ มันถึงได้เกเรแบบนี้ ฉอดๆๆ” ยิ่งพูดเหมือนยิ่งจะยุให้แม่แกบ่นต่อไป ผมกับพ่อเลยตัดสินใจเงียบดีกว่า
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙