พิมพ์หน้านี้ - [สนพ.B2S] คนของความจำ [END]#แจ้งข่าวรูปเล่มหนังสือหน้า 6 (24/10/61)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Gloomy Sunday ที่ 04-09-2017 10:53:17

หัวข้อ: [สนพ.B2S] คนของความจำ [END]#แจ้งข่าวรูปเล่มหนังสือหน้า 6 (24/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 04-09-2017 10:53:17
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด


2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม


6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)


18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

บทนำ


ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของบรรดาแฟนคลับ

ที่ยืนแออัดกันหนาแน่นอยู่ ณ ที่แห่งนี้

 
ดวงตานับพันต่างจับจ้องไปที่คนคนเดียว

คนคนเดียวที่สะกดทุกสายตา สยบทุกการเคลื่อนไหว

และตราตรึงทุกห้องหัวใจ

 
ผมคงเป็นคนเดียว ที่ได้แต่ยืนมองเขา จากที่ที่ห่างไกลออกไป

ไม่อยากให้เขารับรู้ ว่ายังมีใครอีกคน ที่ได้แต่แอบมองเขาอยู่ที่ตรงนี้

 
เขา ที่ผมไม่อาจเอื้อมถึง

เขา ผู้เป็นที่รักของใครหลายๆ คน

เขา ผู้มีรอยยิ้ม ที่แสนอ่อนโยน

เขา ผู้มีผมสีน้ำตาลอ่อนที่แสนนุ่มนวล

เขา ที่เป็น " ผู้ชาย " ที่เปรียบเสมือน " เจ้าชาย "


ใช่แล้วล่ะ ผมเป็นแฟนคลับ ของเขาคนนั้น

แต่ไม่ใช่เพราะผมเป็นพวกชายรักชายหรอกนะ

มันคงเป็น...ความชื่นชม ผมคิดแบบนั้น

 
แต่...เขาคง จำผมไม่ได้แล้ว

แต่ว่า... ผม จะไม่มีวันลืมเขาได้แน่นอน

" คนของความทรงจำ "


***************************************************************************************


  PS. นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรท์เท่านั้น โปรดใช้จักรยานในการอ่าน หุหุ
 
  PS. เป็นแนวฟีลลิ่ง ที่ค่อนข้างซับซ้อน หนักไปทางดราม่า คอมเมดี้ ความรุนแรง NC 20+
 
  PS. กดถูกใจหรือคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์บ้างนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [Update ตอนที่ 5] 05/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 05-09-2017 09:41:48
รอตอนต่อไปนะครับ  :heaven
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [Update ตอนที่ 5] 05/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 05-09-2017 18:50:20
รอตอนต่อไปนะครับ  :heaven

ขอบคุณนะคะ แต่ขออภัยนิดนึง
ลงงานผิดพลาดค่ะ ขออนุญาติลงใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [บทนำ] 05/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 06-09-2017 13:34:26
          FC ที่ 1 รัก ที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ


          ถ้าคุณกำลังจินตนาการถึงเมะหรือเคะหนุ่มรูปงามอยู่ละก็ เลิกคิดซะเถอะ เพราะที่คุณกำลังคิดอยู่นั่นน่ะมันไม่ใช่ผม ณ ตอนนี้เลย ฮ่าๆๆ

          ผมชื่อมิน รู้แค่นั้นก่อนละกัน อายุ 19 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะมนุษศาสตร์ ภาควิชาดนตรี ของมหา'ลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง

          ฟังดูเหมือนจะเป็นหนุ่มหน้ามนสุดหล่อ เล่นดนตรีสุดเท่ห์อะไรแบบนั้นใช่ป่ะ แต่จริงๆ มันตรงกันข้ามเลยล่ะท่าน ใครเห็นผมก็ต่างคิดว่าผมเรียนช่างก่อสร้างอะไรทำนองนั้นมากกว่า บรรดารุ่นน้องสถาปัตย์ที่บังเอิญเจอผม ก็ถึงกับต้องยกมือไหว้ผมประหลกๆ พร้อมทำหน้าตาตื่นกลัวกันเป็นแถว แบบคือว่าข้าไม่ใช่รุ่นพี่คณะเอ็งนะเฟ้ย พูดละของขึ้น

          เฮ้อ แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นสิ่งที่ผมต้องการต่างหาก ผมไม่ชอบเป็นจุดเด่น ไม่ชอบให้ใครมาสนใจ อยู่เงียบๆ ทำตัวกลมกลืนกับธรรมชาติเข้าไว้ แต่เห็นผมสภาพแบบนี้เถอะ เครื่องดนตรีที่ผมถนัดที่สุดก็คือ เปียโน มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ไม่ใช่แค่กิจกรรมฆ่าเวลา แต่มันคือส่วนหนึ่งในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้ ช่วงเวลาว่างๆ ผมก็มักจะมาที่ห้องชมรมเสมอ แทบจะกินนอนอยู่กับมันเลยแหละ

          " เชี่ยมิน เมื่อวานอย่าบอกนะว่า มึงแอบไปเฝ้าไอ้รูปหล่อนั่นมาอีกแล้วน่ะ "

          มาแล้วไง ไอ้เกลียวเพื่อนเกรียนของผม มันเป็นคนเดียวที่รู้ว่าผมเป็น แฟนคลับ ลับๆ ของเขาคนนั้น แต่ดีที่มันไม่ใช่พวกปากสว่าง ไม่งั้นผมคงฆ่ามันหมกส้วมไปนานแล้ว ผมไม่พูดตอบโต้อะไร แกล้งทำหูทวนลมไปงั้น อยากตบกบาลมันสักทีจริงๆ ให้ดิ้นตาย

          และถึงจะเห็นมันแบบนั้นก็เถอะ แต่จริงๆ ดีกรีเป็นถึงมือไวโอลินระดับประเทศ ประกวดมาร้อยแปดเวที เรียกได้ว่าเวลามันอยู่บนเวทีกับข้างล่างนี่ ต่างกันหน้ามือเป็นหลังทีนเลยทีเดียว อยากจะจับมันมัดติดกับไวโอลินจริงๆ เพราะอยากเห็นมันสงบปากมั่งไงล่ะ เผลอเป็นกัด กัดสะบัดซะด้วย ไอ้เพื่อนเลว แต่มันหล่อนะครับ จริงๆ ไม่อยากจะพูดแบบนี้แต่มันเป็นพวกหล่อเสียของนั่นแหละ สาวๆ หลงมันจะตายตอนมันเล่นไวโอลิน แต่พอมันวางไวโอลินเท่านั้นแหละ ตัวใครตัวมันเถิด ปวดหัวกับมันฉิบหายเลยล่ะ

          " มึงนี่มัน แฟนคลับตัวจริงเสียงจริงเลยนี่หว่า หรือเพื่อนกรูจะเบี่ยงเบนจริงๆ วะ​ " นั่น ปากมันน่าเอาบาทาลูบพระพักต์ไหมล่ะ

          " กูแค่ชื่นชมเขา กูอยากเพอร์เฟคเหมือนเขา โอเคไหมครับคุณเกลียว " อย่างมึงรู้แค่นั้นก็พอ ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดกับมัน

          " แต่มึงจะไปเบียดเสียดกับคนอื่นทำไมวะ ทั้งๆ ที่ไอ้หล่อนั่นก็เรียนอยู่ที่นี่เหมือนกัน กูละงงกับมึง "

          " ก็กูเป็นแฟนคลับเขา กูก็อยากเจอเขาทุกที่นั่นแหละ " จริงๆ ที่ผมชอบไปตามสถานที่ต่างๆ ที่เขาไปปรากฎตัวต่อหน้าแฟนคลับ ก็เพราะมันปลอดภัยต่างหากละครับ มันยากต่อการเจอตัว และยากต่อการมองเห็น ผมไม่อยากให้เขารู้ตัวว่าผมแอบปลื้มเขาอยู่

          ที่มหา'ลัย ผมพยายามเลี่ยงทุกทางที่เป็นไปได้ว่าอาจจะจ๊ะเอ๋กับเขาเข้า เพราะกลัวความหล่อของผมจะไปเตะตาเขาซะนี่ ถุย ว่าไปนั่น ฮ่าๆ

          มันคงจะดูตลกมาก ที่ผู้ชายแบบผม จะไปกรี๊ดกร๊าดโบกป้ายไฟเย้วๆ เหมือนที่สาวๆ เขาทำกัน ผมชอบ ที่ได้แอบมองเขา อยู่ในมุมเล็กๆ ของผมมากกว่า ถ้าหากมันเป็นความรักแล้วละก็ มันก็คงเป็นรัก ที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ

          " รักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน ถุยยยยย ขนลุกว่ะ " เชี่ยเกลียวนี่ แม่งมันมีพลังอ่านใจหรือไงวะ ตกใจหมด

          " มึงมั่วแล้ว รักห่าไรล่ะ แค่คิดก็ท้องไส้ปั่นป่วนละ "

          " มึงอย่ามาทำซึน เห็นมึงยืนวาดวิมานกูก็เดาความคิดมึงออกละ " กูควรฆ่ามึงจริงๆ สินะ

          " ว่าแต่พรุ่งนี้กูได้ข่าวมาว่า งานเปิดตัวสินค้าที่พารากอน ไอ้หน้าหล่อนั่นไปด้วยนี่หว่า มึงไม่เคยพลาดอยู่แล้วนี่ ใช่ป่ะใช่ป่ะ " แม่งเอ้ยเสือกรู้ดีอีก ว่าจะไปแบบเงียบๆ แล้วเชียว

          " แล้วไงวะ เสือกอีกแล้วนะมึงเนี่ย "

          " กูไปด้วยดิ นะนะ กูจะไปเหล่สาวๆ แฟนคลับ เผื่อมีแหล่มๆ บ้าง "

          " มีแต่ป้าๆ ทั้งนั้นแหละ สนไหมล่ะมึง "

          " มึงก็พูดไป แต่ว่าป้าๆ นั่นสายเปย์เปล่าวะ เปย์มากูเอานะมึง "

          " สึด อย่างมึงป้าเค้าก็เลือกนะเฟ้ย เปย์มึง ป้าเค้าคงไปเปย์คิงคองที่สวนสัตว์ดีกว่ามั้ง "

          " มึงก็ ชมกูเกินไปแล้ว " ผมดูมันยืนเกาหัวแกรกๆ บิดไปมาอย่างเขินอาย นี่กูไม่ได้ชมมึงนะ

          " กูไปละ คุยกับมึงเหมือนไอคิวกูโดนกัดกล่อน " ผมพูดและรีบเดินหนีมันเลยฮะ แม่งเดี๋ยวพรุ่งนี้มันตามมาจริงๆ  ผมคงร้องไม่ออก มันเหนียวยิ่งกว่าปลิงอเมซอนซะอีกไอ้นี่


พรุ่งนี้เจอกันนะครับ "พี่พริ้น" ของผม
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 1 ] (((06/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 06-09-2017 17:18:10
เชียร์ให้หนุ่มเปียโนได้กับหนุ่มไวโอลินจะผิดไหม 555
รอตอนต่อไปครับ ว่าแต่มินนี่พอเปลี่ยนลุคให้ดูดีๆ แล้วต้องหล่อแน่เลย ใช่ป่าวๆ
 :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 1 ] (((06/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 07-09-2017 11:08:40
          FC ที่ 2 คำขอโทษที่ไม่อาจส่งถึง


          วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่ง ที่ผมมาหลบมุมยืนรอคนที่ผมตั้งใจจะมาแอบมองเค้าเหมือนทุกที และก็เหมือนทุกๆ ครั้ง คลื่นสาธารณะชนหลั่งไหลเข้ามาในบริเวณงานไม่ขาดสาย ทุกคนต่างตั้งใจ ที่จะมาเฝ้าดูคนคนนั้น

          พี่พริ้น เป็นดารานายแบบหนุ่มชื่อดัง ที่มีผลงานในวงการมากมาย มีใบหน้าที่หล่อเหลาดุจภาพวาด เหมือนหลุดออกมาจากนิยายยังไงยังงั้น ตัวสูงตระหง่าน ดั่งเจ้าชายที่สง่างาม ออร่าความหล่อแผ่กระจายถึงแม้ว่าจะโดนรายล้อมอยู่ก็ตาม ใบหน้าของพี่พริ้นจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ เป็นรอยยิ้มที่แค่ได้เห็น ก็แทบจะละลาย ทั้งเฟลนลี่ และเป็นกันเองกับแฟนคลับอยู่เสมอ แค่ได้สบตา ทุกคนก็รู้สึกเหมือนวิญญาณแทบจะออกจากร่างเลยทีเดียว

          ไม่ใช่แค่นั้น พี่พริ้น ยังเป็นทายาทตระกูล สหวัฒนวรางกูร ซึ่งเป็นตระกูลที่เก่าแก่และมีอิทธิพล ร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศเลยทีเดียว เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทุกคนก็ว่าได้ คนอะไรจะครบเครื่องปานนี้ หายากใช่ไหมล่ะ

          แต่ทั้งหมดที่พูดมานั้น ไม่ได้ทำให้ผมชื่นชมผู้ชายคนนี้หรอกนะ

          แต่เป็นเพราะ เพราะว่าผมน่ะ ชื่นชมพี่ ก่อนที่พี่ จะเป็นพี่ทุกวันนี้ซะอีก

          เพราะว่าพี่ ถึงทำให้ผมยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้านี้

          เพราะว่าพี่ ได้ต่อชีวิตที่ไร้ค่าของผม

          เพราะว่าพี่ คือผู้มีพระคุณของผม

          " เจอตัวแล้ววว " เสียงตะโกนจากคนที่ผมไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด กำลังวิ่งหน้าตาตื่นมาทางผม ซึ่งทำให้ใครหลายๆ คนในบริเวณนั้นหันมามอง ผมนี่อยากเอาหัวมุดพื้นกระเบื้องแถวนี้จริงๆ สิให้ตาย

          " ทำบ้าอะไรของมึงวะ แหกปากหาเตี่ยมึงหรือไง " ผมรีบตะครุบปากไอ้ตัวดี และรีบลากมันออกมาให้ไกลจากตรงนั้นโดยเร็วที่สุด

          " โด่วว แค่นี้ทำหงุดหงิดไปได้ สุดหล่อของมึงน่ะ ไม่สนใจอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง " เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ไอ้เกลียว มึงนะมึง กูรู้อยู่แล้ว ไม่ต้องมาตอกย้ำโว้ย

          " มาทำห่าอะไรวะ "

          " ก็กูว่างอ่ะ เลยแอบตามมึงมา " คำตอบที่ได้ยิน แทบจะทำให้ผมอยากบีบคอมันให้ตายห่าคามือเลยทีเดียว

          " เอ่อ ขอโทษนะคะ " สาวๆ กลุ่มหนึ่งเดินตรงมาหาผมกับไอ้ตัวยุ่ง ที่ตอนนี้ผมกำลังจะกินเลือดกินเนื้อมันอยู่ เอาอีกแล้วสินะ อย่าให้หนังหน้า เขี้ยว และลักยิ้มของมันหลอกเอาได้สิพวกเธอ
         
          " ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ " สาวน้อยถามไอ้เกลียวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

          " อ๋อ ได้สิคร้าบบ เกลียวจัดห้ายเลย " ว่าแล้วมันก็ดึงมือถือของสาวคนนั้นมา และถ่ายรูปกลุ่มของพวกเธอ พลางยื่นกล้องกลับคืนให้หล่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสุดขีด ผมถึงกับกุมขมับตัวเองอย่างเสียมิได้ ปวดหัวจริงโว้ย

          " เขาขอถ่ายรูปมึงเฟ้ย " ผมพูดพลางตบกบาลมันไปทีนึง มันถึงทำหน้าเหมือนตรัสรู้ขึ้นมาทันที

          " อ๋อ ถ่ายเลยครับ ถ่ายผมกับเพื่อนผมหล่อๆ นะครับ "  มันพูดพลางโอบไหล่ผมทันที ไอ้นี่ กูเพื่อนเล่นมึงเหรอห๊า

          " เอ่อ ขอแค่พี่คนเดียวได้ไหมคะ " เธอพูดจบ พร้อมกับมองผมด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่า มึงอย่าได้เสล่อมาอยู่ในรูปเชียวนะ เฮ้อ ผมน่ะ ชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว เลยยิ้มให้สาวๆ อย่างจริงใจ ว่าผมไม่เจือกหรอกครับ ใครจะอยากถ่ายคู่กับคนแบบผมละครับ สภาพวันนี้ก็ดูไม่จืดเลยสักนิด

          " งั้นขอโทษนะครับ ผมกับเพื่อนไม่ว่างแล้วครับ ขอตัวก่อน " ไอ้เกลียวว่าพลางจูงผมห่างออกมา ผมรู้สึกงงมาก ที่อยู่ดีๆ มันก็ทำท่าทางไม่พอใจขึ้นมา ทั้งๆ ที่มันเป็นพวกบ้าบอ และโกรธคนไม่เป็น

          " มึง เป็นอะไรวะ " ผมสงสัย เพราะมันไม่ยอมพูดอะไรเลยเป็นพัก

          " ทำไมมึงถึงยอมให้คนอื่นมาดูถูกมึงอยู่เรื่อยเลยวะ "

          " เค้าก็ไม่ได้ดูถูกกูซะหน่อย เค้าแค่ไม่สนใจกูมั้ง ไม่เห็นต้องคิดมากเลย กูก็ไม่อยากให้ใครสนใจกูอยู่แล้ว "

          "  มึงชอบทำตัวแปลกๆ มีอะไรปิดบังกูอีกหรือป่าว " คำถามของมันทำให้ผมตกใจ ผมไม่ชอบคำถามนี้เอาซะเลย

          " กูว่ามึงคิดมากเกินไปจริงๆ " ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

          " ไม่รู้สิ แต่กูหงุดหงิดว่ะ กูไม่ชอบให้ใครมาดูถูกเพื่อนกู " สิ่งที่มันพูด ทำให้ผมยิ้มน้อยๆ อย่างโล่งใจ มันก็แค่เรื่องนี้สินะ

          " อืม คราวหลังกูจะซัดให้หน้าหงายเลย เวลามีใครมาว่ากู โอเคไหม " ผมพูดพลางทำท่าแย๊บซ้ายขวากลางอากาศ ถึงไอ้เกลียวมันจะปัญญาอ่อน แต่จริงๆ มันรักเพื่อนมาก ผมรู้สึกผิดลึกๆ ข้างใน แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยผ่านไป

          " ทำไมมึงไม่ทำตัวเองให้ดีๆ วะ กูมองมึงดีๆ แล้ว กูว่ามึงไม่ได้ขี้เหร่เลยนะ "

          " เอ่อ กูหิวแล้วว่ะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ นะ " ผมรู้สึกว่าเราไม่ควรพูดเรื่องนี้ต่อ อีกสักวินาทีเดียว

          ผมรีบลากมันเข้าไปในร้านฟ๊าดฟู๊ดสิ้นคิดทันที พอได้กลิ่นอาหาร สมองไอ้เกลียวมันก็จะเออเร่อ ลืมทุกอย่างที่กำลังคิด แล้วกระโจนแดกทุกอย่างที่ขวางหน้าแบบลืมหายใจ ผมยิ้มให้กับสภาพอันน่าสมเพชของสุดหล่อที่บัดนี้ ทุกอนูบนใบหน้ามันมีแต่เศษไก่ พร้อมกับวาดรูปด้วยซอสในจานอย่างตั้งใจ ประหนึ่งมันคือลีโอนาโด ดาวินชี่ยังไงยังงั้น

         
" ขอโทษนะ " เสียงกระซิบที่แผ่วเบา เป็นคำสั้นๆ ที่ผมหวังว่าคนที่ฟัง จะไม่ได้ยินมัน
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 2 ] (((07/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 08-09-2017 11:37:37
          FC ที่ 3 ลางแห่งการหวนคืนสู่ฝันร้าย


          บรรยากาศในรั้วมหา'ลัยก็เป็นสิ่งที่ผมชอบเหมือนกันนะ ได้มองผู้คนหลากหลายมากมาย เดินผ่านไปผ่านมา มีตั้งแต่สาวหมวย สาวทรงโต สาวสั้นเสมอหู สาวเนิ๊ด สาวแว่น ไปจนถึงสาวสยอง หน้าเชิดๆ ปากแดงๆ รองพื้นผิดเบอร์ กับเสื้อนักศึกษาที่กระดุมไฟหน้า เหมือนอยากจะกระเด้งออกมาอยู่ทุกวินาที ปกติแล้วไม่ค่อยมีสาวๆ แลผมสักเท่าไหร่ แต่สาวสยองพวกนี้น่ะ กลับชอบส่งตาหวานเยิ้มมาให้ ทำเอาผมขนหัวลุกเลยทีเดียว

          อยากรู้สภาพผมในมหา'ลัยกันใช่ไหมล่ะ ผมมักแต่งตัวเรียบร้อยถูกระเบียบเสมอ ซะเมื่อไหร่ล่ะ ฮ่าๆ เสื้อนิสิตแขนยาว ที่ไม่เคยเอาชายเสื้อเข้า ไม่เคยรีดอีกต่างหาก ผิวที่คล้ำแดดจนไหม้เกรียมของผม ช่างเข้ากับเสื้อนิสิตสีขาวที่บัดนี้กลายเป็นสีครีมไปซะงั้น กางเกงยีนส์สีซีด ที่ขาดวิ่นซะจนคิดว่าขาที่สามอาจโผล่ออกมาดูโลกได้ ฮ่าๆๆ รองเท้านี่ไอเทมสำคัญ เพราะมันคืออีหนีบที่ผมรักมาก ได้มาจากหน้าร้านเกมส์หลังมอนั่นแหละ ฮ่าๆ แต่สิ่งที่ผมชอบมากๆ อีกก็คือทรงผมของผมนี่ล่ะ มันยาวและไม่เคยเป็นทรง เอาจริงๆ คือไม่ได้หวีนั่นแหละ ตบท้ายด้วยแว่นสายตาที่เลนส์หนาหนักจนดั้งแทบจะรับน้ำหนักไม่ไหว

          แค่นี้ก็พอจะนึกออกใช่ไหมล่ะ ว่าทำไมถึงไม่มีใครอยากยุ่งกับผมนัก ขนาดเด็กติสๆ อย่างสถาปัตย์ยังดูมีสง่าราศีเมื่อเทียบกับผมที่มันกาลกินีชัดๆ และผมมักจะมีปัญหากับพวกอาจารย์อยู่เสมอ แต่ความพยายามของพวกท่านก็ไม่เป็นผลซะหรอก ทุกคนคงเอือมกับผมจนเปลี่ยนเป็นการคิดว่าผมเป็นแค่อากาศธาตุในห้องเรียนไปซะเฉิบ นั่นคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วล่ะ

          " นั่งทำไรวะ หนีมานั่งเหล่สาวไม่ชวนเลยอ่ะ " ไอ้ตัวขัดความสุขกูมาละ มึงมานั่งข้างกูนี่ จากที่กูดูพอเป็นผู้เป็นคนบ้าง บัดนี้กูกลายเป็นหลุมดำไปเลย

          " เบื่อขี้หน้าว่ะ " ผมว่าพลางลุกขึ้นยืน เก็บกระเป๋าเตรียมเดินไปโรงอาหารคณะ เพราะนี่เป็นช่วงพักกลางวันครับ

          ไอ้เกลียว เป็นพวกแต่งตัวถูกระเบียบเป๊ะ แต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมละสงสัยจริงๆ ว่ามันผูกเนคไทมาเรียนได้ยังไงทั้งๆ ที่เชือกรองเท้ามันยังผูกข้างซ้ายกับข้างขวาติดกัน จนมันลงไปนอนกัดถนนอยู่บ่อยๆ เป็นเรื่องที่น่าพิศวงงงงวยแต่ผมก็ไม่อยากคิดให้ปวดหัวหรอก แค่มันไม่ใช้ผมผูกให้มันก็พอแล้ว

          " ไปกินข้าวคณะแพทย์กันนะมินจ๋า " ผมหยุดชะงัก หันไปมองไอ้ตัวสิ้นคิด ที่พยายามจะให้ผมเจอกับคนที่ผมไม่อยากจะเจอที่นั่นสุดๆ 

          " ไม่ไปโว้ย กินที่คณะเรานั่นแหละ "

          ใช่แล้วครับ พี่พริ้น เป็นนิสิตนักศึกษาแพทย์ปี 4 ซึ่งเป็นพี่ผมถึง 2 ปี เป็นเดือนคณะ เดือนมหา'ลัย เป็นหน้าตาของคณะและมหา'ลัยเลยก็ว่าได้ การได้เรียนมหา'ลัยเดียวกับพี่พริ้น เป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดแล้วครับสำหรับผม

          " โธ่ ถึงไปกินที่นั่นก็ใช่จะเจอพี่เค้าง่ายๆ ซะเมื่อไหร่ ทำเป็นป๊อดไปได้ กากจริงๆ เพื่อนกู "

          " เออ กูป๊อด จบไหม " ผมอยากจะหาอะไรเขวี้ยงใส่ไอ้คนที่มันยืนเบะปากมองบนอยู่ข้างๆ ผมนี่จริงๆ เสี้ยมนักนะมึงเนี่ย

          ผมนั่งลงในโรงอาหารคณะ ที่ตอนนี้ผู้คนมหาศาลกำลังเดินเลือกซื้ออาหาร และกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่อัดแน่นเต็มทุกโต๊ะ เสียงเอะอะเจี๊ยวจ๊าวดังอยู่รอบๆ ตัวผมไม่ขาดสาย ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เท่าไหร่ ผมชอบความสงบน่ะ

          " โห สุดยอดเลยว่ะ อย่างกับหลุดมาจากหนังแนวมาเฟียยังไงยังงั้นเลย โครตเท่ห์ "

          ผมกำลังก้มมองอ่านชีทเปียโนของผมอย่างตั้งใจ เลยขี้เกียจเงยหน้าขึ้นมองสิ่งที่ไอ้เกลียวกำลังแพล่มอยู่ข้างๆ มันเป็นพวกโอเวอร์แอคติ้งอยู่แล้ว มีแต่เรื่องไร้สาระอีกนั่นแหละ ที่ผมคิด

          " เป็นบอดี้การ์ดคุณหนูคนไหนเปล่าวะ หล่อสัดๆ สูทนั่นน่ะ น่าจะแพงน่าดู อื้อหือ กำลังมองมาว่ะ มองมาทางนี้จริงๆ นะเนี่ย "

          ผมหัวสั่นหัวคลอนไปกับแรงเขย่าของไอ้เกลียว จนน้ำในหูแทบจะออกมาเต้นระบำเลยทีเดียว

          " กูชักจะเหลืออดแล้วนะเฟ้ย ให้กูอยู่สงบๆ บ้างไม่ได้หรือไ... "

          ผมเงยหน้าขึ้น หมายมั่นว่าจะประเคนฝ่ามือเข้าบ้องหูของมันอย่างเต็มรัก แต่ก็ต้องหยุดชะงัก

          ไกลออกไป ภาพตรงหน้า ทำให้หัวใจของผมแทบหยุดเต้น เหมือนกับสิ่งต่างๆ รอบตัวกำลังหยุดชะงัก เสียงที่เคยเจี๊ยวจ๊าว บัดนี้ กลายเป็นเสียงหัวใจของผมเท่านั้น ที่มันดังเหมือนกับ มันย้ายมาเต้นอยู่ข้างๆ หูของผม ดวงตาของผมเบิกกว้าง ตัวของผมเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้ไอ้เกลียว คนที่อยู่ข้างๆ ผมเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกตินั้น และดึงผม ออกวิ่งออกไปจากตรงนั้น ทิ้งไว้เพียงแค่เสียงที่เกรี้ยวกราด จากคนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ ที่อยู่ห่างออกไป แค่ไม่กี่อึดใจ

          เสียงนั่นเป็นภาษาที่ทุกคนคงแปลกใจ และไม่เข้าใจ แต่สำหรับผมนั้น ภาษาที่คุ้นเคยนั่น

มันคือ ' การหวนคืนสู่ฝันร้ายของผม '
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 4 ] (((09/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 09-09-2017 10:11:37
          FC ที่ 4 ฝันที่อาจกลายเป็นจริง


          ในซอกตึกที่ห่างออกไป ผมกับไอ้เกลียวยืนหอบหายใจกันอย่างหมดแรง พวกเราวิ่งกันซะเต็มที่แบบหนีตายเลยทีเดียว

          " มิน ตกลงมึงจะบอกกูได้ยัง ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ " ผมนิ่วหน้าอย่างอ่อนแรง หันหน้าเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้น

          ผมเงยหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้า ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น คนคนนั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพยายามทำมันมา มันกำลังจะพังทลายลงอย่างนั้นเหรอ

          ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งข้างในหัวใจของผม แล้วต่อจากนี้ไป ผมจะเป็นยังไงกันนะ

          " คือ..เอ่อ คือว่า.. " ผมอึกอักอยู่ในลำคอ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป

          " คือ ? " 

          " จ..เจ้าหนี้!! เจ้าหนี้โต๊ะบอลน่ะ แม่งเล่นงี้เลยเหรอวะ กูแค่เบี้ยวหนเดียวเองนะ เซงสัด " ผมถอนหายใจให้ดูเหมือนเหนื่อยหน่าย ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดให้ดูเนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

          " เจ้าหนี้ ? " ไอ้เกลียวทวนคำตอบของผมอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความครางแครงใจ

          " เจ้าหนี้พ่องมึงพูดภาษาเกาหลีเหรอ นี่มึงไปแทงบอลถึงกรุงโซลเลยหรือไงวะ เห็นกูแบบนี้ แต่กูก็ไม่โง่นะเฟ้ย "

          ผมก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิด แต่เรื่องนี้น่ะ ไม่ใช่เรื่องที่มันควรรู้ ไม่มีใครทั้งนั้นที่ผมอยากให้รับรู้ ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี

          " มึงชอบเห็นกูปัญญาอ่อนอยู่เรื่อย กูเพื่อนมึงนะ " 

          " กู... "

          " มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว กูรู้แล้วล่ะ " ผมเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าที่จริงจังของไอ้เกลียวด้วยความตกใจ นี่ผมพลาดอะไรไปนะ มันรู้เรื่องนั้นแล้วงั้นเหรอ ได้ยังไงกัน 

          " มึง... ไปแทงบอลแถวๆ สีลมมาใช่ป่ะ!! กูรู้นะ กูเคยได้ยินมา ว่าที่นั่นน่ะ เจ้าของเป็นคนเกาหลี " มันป้องปากกระซิบกระซาบที่หูของผม เสมือนกำลังบอกความลับที่สำคัญมากๆ ออกมา ใบหน้าที่เสมือนรู้ดีของมันทำเอาผมเผลอหัวเราะเสียงแห้งออกมาเลยทีเดียว 

          " เหอะๆ มึงนี่ยอดไปเลย เออ ตามที่มึงคิดนั้นแหละ " ผมลอบถอนหายใจออกมาอย่างเสียมิได้ โล่งเลยแฮะ เอาความกดดันเมื่อกี้กูคืนมาน๊า

          ไอ้เกลียวยิ้มอย่างภาคภูมิใจในความฉลาด (?) เป็นกรดของมัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีแล้วล่ะ ผมยิ้มอ่อนให้กับความอัจฉริยะของไอ้เพื่อนตัวแสบของผม ตามด้วยตบกบาลมันไปทีนึงด้วยความหมั่นไส้สุดๆ

          " งั้นป่ะ วันนี้เดี๋ยวกูเลี้ยงน้ำแข็งใสหลังมอมึงเอง กูอยากกิน " ผมหันเดินนำหน้ามันออกมาจากซอกตึกนั้น ยิ้มอย่างโล่งใจที่วันนี้ ยังคงเป็นเหมือนวันก่อนๆ ทุกๆ อย่างระหว่างผมกับมันยังคงเป็นเหมือนเดิม

          ' ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกนะ ' ผมหันหลังกลับไปมองตามเสียงกระซิบนั้น เป็นเสียงกระซิบที่ผมไม่สามารถจับใจความได้ เห็นแต่เพียงแค่รอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่แสนเศร้าจากเพื่อน ผู้ซึ่งไม่เคยหยุดมอบรอยยิ้มที่สดใสให้กับผม แต่รอยยิ้มของมันในวันนี้กลับเป็น รอยยิ้มที่ผมไม่อยากเห็นจากมันมากที่สุด

          ตกเย็น ผมนอนมองเพดานห้อง ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ครุ่นคิดว่าจะหาข้อแก้ตัวอะไรกับเพื่อนผู้ใสซื่อของผมดี ที่ผมจะไม่ไปเรียนสักพักต่อจากนี้ เพราะว่าผม เกือบที่จะถูกจับตัวได้แล้ว มันเสี่ยงเกินไป ที่จะไปเรียน ที่จะไปอยู่แถวๆ ที่ที่เคยถูกเห็นตัวแบบนั้น 

          " พี่พริ้นครับ ผมจะทำยังไงดี ถึงจะได้อยู่คอยมองดูพี่ต่อไป " 

          ผมหันไปมองปฏิทินบนผนัง ที่ผมได้ขีดเขียนข้อความไว้มากมาย ข้อความเหล่านั้นล้วนเป็นกำหนดการออกงานของพี่พริ้น ที่ผมคอยติดตามอยู่เสมอ

          " พรุ่งนี้ ผมก็จะไปพบพี่ครับ ฝันดีนะครับ พี่พริ้น "


          รุ่งขึ้น ผมแต่งตัวด้วยชุดที่ดูโดดเด่นน้อยที่สุด ไม่ลืมแมสปิดหน้าสีดำที่ผมใส่อยู่เสมอ เมื่อต้องมาในที่ที่พี่พริ้นอาจมองเห็นผมได้ ต้องรอบครอบและปลอดภัยไว้ก่อน

          ไม่นานนัก ผมก็เข้ามาอยู่ในงานที่พี่พริ้นมาร่วมงานอีกครั้ง  ผมยังคงรักษาระยะห่างเอาไว้ อย่างที่เป็นมาเสมอ

          " วันนี้ก็ดูดี ยอดเยี่ยมอีกแล้วนะครับ " ผมพูดกับตัวเองเบาๆ เมื่อพี่พริ้นย่างกายเข้ามาในงานและยืนอยู่บนเวที ที่ประดับประดาไปด้วยของตกแต่งสีสันสดใส ผมได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปอย่างช้าๆ


          หลายชั่วโมงผ่านไป งานจบลงแล้ว แต่ว่าผม ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมเรื่อยไป ซึมซับความรู้สึกที่ดีๆ ที่มีในวันนี้

          ' ฟุ่บ! '

          หมวกแก๊บใบหนึ่งถูกสวมลงบนหัวของผมอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว พร้อมกับหมุนตัวไปมองคนที่สวมหมวกใบนี้ลงบนหัวของผม

          แต่เมื่อหันมานั้น ผมก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ปากที่อ้ากว้างของผมแมลงวันคงบินเข้าไปตายได้ทั้งฝูง หัวใจของผมแทบจะหยุดเต้นไปซะดื้อๆ กับการปรากฎตัวของคนที่ผมไม่คาดคิดที่สุด และอยากจะวิ่งหนีที่สุดด้วยความเขินอาย

          " ฮ่ะๆ พี่ทำให้ตกใจขนาดนี้เลยเหรอ ขอโทษนะครับ " รอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนนั้น ทำให้หัวใจของผมกลับมาเต้นอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่การเต้นระดับธรรมดา มันเต้นจนเหมือนจะหลุดกระเด็นออกมายังไงยังงั้น 

          " ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ พี่ขอเวลาคุยด้วยสักประเดี๋ยวหนึ่งได้ไหมเอ่ย " คนตรงหน้าพูด พลางส่งยิ้มละมุนมาให้

          ผมยังคงนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ใครก้ได้ ช่วยบอกผมทีเถอะว่า ผมกำลังฝันไปใช่ไหม


แต่ถ้าหาก มันเป็นความฝันจริงๆ แล้วละก็ ผมก็ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกเลย

หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 1 ] (((06/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 09-09-2017 15:16:30
เชียร์ให้หนุ่มเปียโนได้กับหนุ่มไวโอลินจะผิดไหม 555
รอตอนต่อไปครับ ว่าแต่มินนี่พอเปลี่ยนลุคให้ดูดีๆ แล้วต้องหล่อแน่เลย ใช่ป่าวๆ
 :3123: :pig4:

หนุ่มไวโอลินมันบ้าค่ะ 555+ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 4 ] (((09/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 10-09-2017 13:06:08
          FC ที่ 5 ช่วงเวลาที่ไม่อยากลืมเลือน


          ผมกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารที่ผมไม่เคยได้ย่างกายเข้ามาก่อนในชีวิต หยิกแก้มตัวเองซ้ำๆ ให้รู้ตัวว่ากำลังตื่นอยู่จริงๆ

          พี่พริ้น!! ตัวจริงเสียงจริงกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามผม พร้อมส่งรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาให้อย่างไม่ขาดสาย

          พระเจ้า คนบ้าอะไรหล่อฉิบหาย ยิ่งได้มองดูใกล้ๆ แบบนี้ ผมนี่แทบจะละลายติดเบาะที่นั่งไปเลยทีเดียว

          " อ้าว อ้าวแก้มช้ำหมดแล้วนะ ฮ่าๆ " พี่พริ้นพูดและหัวเราะอย่างร่าเริง พร้อมเปิดเมนูสั่งอาหารด้วยท่าทางที่ดูสบายๆ

          ผมรีบนั่งตัวตรงพร้อมกับกลั้นหายใจด้วยความประหม่า ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว แต่ท่าทางของผมทุกอย่าง กลับเรียกเสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูสำหรับพี่พริ้นซะงั้น

          พี่พริ้นถึงแม้จะนั่งลงแล้วก็ตาม แต่ด้วยความที่ตัวสูงใหญ่กลับทำให้ดูโดดเด่นเหมือนเคย น่าจะสูงราวๆ 180 กว่าๆ ได้ ส่วนผมน่ะเหรอ แค่ 170 นิดๆ เองละมั้ง ยิ่งคิดยิ่งท้อ แค่ไอ้เกลียวคนเดียวผมก็เมื่อยคอแล้ว เพราะมันก็จัดว่าสูงอยู่เหมือนกันแหละไอ้ห่านั่น

          " เราน่ะ เรียนอยู่ที่มอเดียวกับพี่ใช่ไหมล่ะ " ผมเงยหน้ามองพี่พริ้นด้วยความตกใจ พี่พริ้นรู้ได้ยังไงกันนะ

          " ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น ก็เราน่ะเด่นออกจะตาย ในมหา'ลัยไม่มีใครเหมือนเราสักคนนี่นา " พี่พริ้นพูดพร้อมส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนอีกครั้ง สิ่งที่ผมทำอยู่ มันกลายเป็นจุดเด่นซะงั้นเหรอเนี่ย เด่นในแง่ลบสินะ เหอๆ

          " พี่แปลกใจมากเลยนะ ตอนแรกที่พี่เห็นเราในงานอีเว้นท์เมื่อก่อน ยืนอยู่ตั้งไกล ไม่เห็นเข้ามาสักที คิดว่าคงมาเดินเล่นที่งานละมั้ง แต่งานอื่นๆ ต่อๆ มา พี่ก็ยังเห็นเราทุกงานเลย ทีนี้เลยค่อนข้างมั่นใจเลยว่า เรามาหาพี่ใช่ไหมล่ะ "

          ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ที่สิ่งที่ผมคิดและมั่นใจว่า พี่พริ้นจะไม่เห็น กลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย พี่พริ้นมองเห็นผมเสมอมาตั้งแต่แรกแล้ว

          " มันกลายเป็นกิจวัตรของพี่ไปแล้วล่ะ ที่จะต้องมองหาผู้ชายคนนึงที่แอบทำลับๆ ล่อๆ อยู่ตามมุมในงานที่พี่ไปน่ะ ฮ่าๆ พี่ดีใจมากนะ พี่แทบไม่มีแฟนคลับผู้ชายเลย พวกผู้หญิงมักทำให้พี่อึดอัดเสมอ แต่แบบนี้ค่อยคุยกันได้หน่อยเนอะ " พี่พริ้นพูดพร้อมส่งยิ้มละมุนมาให้ ผมรู้สึกทั้งอายและดีใจในเวลาเดียวกัน หมายความว่าต่อไปนี้ ผมจะพูดคุยกับพี่ได้ใช่ไหมครับ

          " ขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้แสดงตัวออกมาเลย คือผม... "

          " ขอโทษทำไมล่ะ พี่เข้าใจ เข้าใจดีเลยล่ะ ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอบคุณมากนะ ที่มาหาพี่ทุกงานเลย "

          ผมส่งยิ้มให้พี่พริ้น ช่วงเวลานี้มันช่างมีความหมายเหลือเกินสำหรับผม เป็นช่วงเวลาที่ผม ไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสมัน


          พี่สบายดีใช่ไหมครับ

          พี่มีความสุขดีหรือเปล่า

          พี่..จำผมได้หรือเปล่า


          ผมเลือกที่จะไม่พูดมันออกไป เพราะผมนั้นกลัว กลัวคำตอบที่พี่จะตอบกลับมาเหลือเกิน ผมยังเป็นคนที่อ่อนแอ และน่าสมเพชอยู่เสมอ

          " เราน่ะ อยู่คณะไหนเหรอ "

          " มนุษยศาสตร์ครับ เอกดนตรี "

          " ว้าว เยี่ยมไปเลยนะ พี่น่ะชอบดนตรีมาก แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เล่นสักที " คำพูดของพี่พริ้น ทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย พี่พริ้นน่ะเหรอเล่นดนตรีไม่เป็น

          " พี่คงยุ่งสุดๆ ไปเลยสินะครับ ถึงไม่มีเวลาเล่นดนตรีเลย "

          " เฮ้อ ใช่แล้วล่ะ มีแต่งานๆๆ เดินแบบๆ ถ่ายละคร พี่ล่ะอยากหายไปจริงๆ อยากจะพักบ้างเหมือนกันนะ "

          " ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะครับ " พี่พริ้นยิ้มให้กับคำพูดของผมด้วยแววตาที่อ่อนโยน

          " จริงสิ คุยกันมาตั้งนาน ฮ่าๆ พี่นี่แย่จริงๆ ลืมถามชื่อซะได้   ขอโทษนะ คุยเพลินไปหน่อย " พี่พริ้นจ้องมองในตาผมด้วยสีหน้าจริงจัง

          " ผมชื่อมินครับ " ผมกลั้นหายใจ หลังที่พูดชื่อจบ หัวใจของผมมันสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

          " มินเหรอ ชื่อน่ารักจังเลยนะ " ผมส่งยิ้มกลับไปยังพี่พริ้น นี่ผม กำลังหวังอะไรอยู่กันแน่นะ แค่นี้ผมก็มีความสุขเหลือเกินแล้ว อยากจะหยุดช่วงเวลานี้เอาไว้ให้นานแสนนาน


          เวลาหมุนวนผ่านไป ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว รู้แต่ว่าผมไม่อยากจะออกไปจากทีนี่เอาซะเลย ผมมีความสุขมาก มากซะจนคิดว่าผมอาจจะกำลังฝันกลางวันอยู่จริงๆ

          " ดึกป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย เดี๋ยวพี่ไปส่งนะมิน " พี่พริ้นพูดขึ้นมาหลังจากเวลาผ่านไปราวๆ 3 ชั่วโมงได้

          " เอ๊ะ ไม่ต้องหรอกครับ ผมกลับเองได้ครับ " ผมมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังร้าน เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วจริงๆ

          " ไม่เอาน่า พี่เป็นคนชวนมินมา ก็ต้องพาไปส่งสิ "

          " คือ ผมมีธุระที่อื่นต่อน่ะครับ ขอบคุณจริงๆ ครับที่อยากไปส่ง " ผมรีบปฏิเสธลิ้นระรัว ผมคงไม่อาจทำให้พี่ลำบากไปมากกว่านี้ได้หรอกครับ

          " แค่พี่เลี้ยงข้าวผมวันนี้ ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้วล่ะครับ ขอบคุณมากจริงๆ "

          " ถ้าอยากตอบแทนพี่จริงๆ ละก็ อย่าลืมมาให้กำลังใจพี่อีกนะ ทุกๆ อีเว้นท์เลย โอเคไหม " คำพูดของพี่พริ้น ทำเอาผมยิ้มกว้างอย่างสุขใจ

          " แน่นอนสิครับ ผมน่ะไม่เคยพลาดสักงาน " พี่พริ้นยิ้มร่า พร้อมเอื้อมมือมาขยี้หัวผมอย่างเอ็นดู แหม่เขินจริงๆ นะเนี่ย

          " เอ่อ พี่ครับ นี่หมวกของพี่ฮะ " ผมยื่นหมวกสีดำที่มีชื่อพี่พริ้นปักอยู่บนนั้นคืนกลับไปให้พี่พริ้น เพราะว่าหมวกนี้น่ะ เป็นของพี่พริ้นที่สวมให้กับผมตอนเจอกันที่งานเมื่อกลางวัน

          " เก็บไว้เถอะ พี่ให้ " ผมฉีกยิ้มกว้างอีกครั้งด้วยความดีใจ นี่มันโชคดีสุดๆ ไปเลยล่ะ

          " ขอบคุณครับ ผมจะเก็บรักษามันไว้อย่างดีเลยฮะ " ผมพูดพรางสวมมันไว้ที่หัวอีกครั้ง ทำเอาพี่พริ้นยิ้มออกมาอย่างร่าเริง


          พี่พริ้นเรียกบริกรมาเช็คบิลค่าอาหาร และพาผมเดินออกไปข้างหน้าร้าน ผมเงยหน้ามองพี่พริ้นด้านข้าง พี่ช่าง เป็นคนที่สมบูรณ์แบบเหลือเกิน

          " เอาล่ะ ไว้เจอกันอีกนะ กลับดีๆ ล่ะ " พี่พริ้นพูดกับผมและส่งยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป


ผมยังคงมองตามแผ่นหลังนั้นที่ไกลห่างออกไปจนสุดสายตา แผ่นหลังของคนที่ผม ชื่นชม สุดหัวใจ
​ ​
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 5 ] (((10/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 10-09-2017 16:58:33
เนื้อเรื่องเหมือนดูเรื่อยๆ แต่อ่านแล้วน่าติดตาม ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 5 ] (((10/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-09-2017 22:25:41
อืมมม......มีปม สินะ น่าสนใจ ตามมมมม  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ทำไมพี่พริ้น สำคัญต่อมินมาก
ไอ้ชื่นชม เป็นไอดอล ก็ส่วนหนึ่ง
เหมือนพี่พริ้นเคยช่วยมินเมื่อนานมาแล้ว

มินจงใจอำพรางตัวตน ให้ดูสกปรก ขี้เหล่ มอซอ
ผมรุงรัง ปิดหน้าตา แสดงว่าจริงๆ มินหน้าตาดีสินะ
แถมกลัวชายชุดดำ
เพราะไม่อยากถูกตามเจอสินะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 5 ] (((10/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 11-09-2017 11:02:57
          FC ที่ 6 รอยยิ้มแห่งความทรงจำ


          คงไม่ต้องบอกว่าหลังกลับมาจากร้านอาหารนั่นผมมีความสุขแค่ไหน ผมไม่ลืมที่จะล็อคห้อง วางกระเป๋า และเดินไปรอบๆ ห้อง ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ทั้งๆ ที่บนหัวก็ยังคงสวมหมวกที่พี่พริ้นให้เอาไว้อยู่

          " ใส่นอนด้วยดีไหมน้า เอ๊ะ ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวหมวกเสียทรงหมด " ผมพูดกับตัวเอง พูดกับหมวก อย่างกับว่ากำลังคุยกับพี่พริ้นซะงั้น เป็นเอามากนะกูเนี่ย สุดท้ายแล้ว ผมก็นอนกอดหมวกใบนั้น แล้วฝันดีทั้งคืนเชียวล่ะ


          ผมตื่นขึ้นในตอนเช้า และยังไม่วายนั่งคุยกับหมวกอีกสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน

          " อารมณ์ดีจังเลยนะ " ผมตกใจจนเผลอเขวี้ยงแปรงสีฟันเฉียดหูไอ้เกลียวไปสักครึ่งมิลได้ ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยทีเดียว

          " ทำอะไรของมึงเนี่ย กูหัวใจวายตายห่าไปใครจะรับผิดชอบฟะ " ผมแยกเขี้ยวยิงฟันตะโกนลั่น แทบจะแดกหัวมันเข้าไป ช่วงนี้มีแต่เรื่องที่ทำให้ผมตกใจเยอะเกินไปแล้ว

          " เหม็นฟามรักว่ะ แหวะๆ " ไอ้เกลียวทำท่าสำรอกเศษอาหารอยู่ที่โต๊ะมุมห้องของผม ผมละเบื่อพวกขี้อิจฉาจริงๆ

          " ความรักอะไรของมึง แล้วเลิกสักทีได้ไหม เข้ามาในห้องแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงเนี่ย " 

          " มึงลืมล็อคห้อง นี่มึงเพ้อขนาดไหนถึงลืมล็อคห้องวะ เป็นเอามากนะมึง " ผมชะงักทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง จนทำให้ทำผมมือสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

          ผมรีบวิ่งไปรอบๆ ห้อง สำรวจสิ่งต่างๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ผมรีบปรับสีหน้าและท่าทางให้สงบลง เพราะผมไม่อยากให้ไอ้เพื่อนตัวดีของผม ต้องเป็นกังวลไปด้วย

          " รีบแต่งตัวเร็ว จะสายแล้วนะเฟ้ย " ผมยังไม่ได้บอกมันสินะว่าผมจะไม่ไปเรียนสักพัก ผมไม่รู้ว่าจะอ้างเหตุผลแบบไหนกับมันดี 
                   
          " กูรู้สึกเหมือนจะไม่สบายว่ะ กูไม่ไปนะวันนี้ " ไอ้เกลียวมองผมอย่างชั่งใจชั่วครู่ ผมได้แต่หลบตา ไม่กล้ามองหน้ามันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เป็นไงเป็นกันแหละ

          " งั้นนอนพักเถอะ เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน " ฉิบหายละ คำตอบไม่เป็นดั่งที่คาด

          " ไม่เป็นไร มึงไปเรียนเถอะ จะได้จดโน๊ตเผื่อกูด้วย " ไอ้เกลียวมองผมด้วยความฉงน 

          " นี่มึงไม่สบายจนเพ้อสินะ ให้กูไปจดโน๊ต มึงบอกให้กูไปทำนม 500 cc ยังง่ายกว่ามั้ง " นั่นสินะ ผมลืมความอัจฉริยะของมันไปได้ยังไง เฮ้อ

          " แต่เอาเหอะ พักผ่อนซะ มีอะไรก็โทรหากูละกัน " ไอ้เกลียวพูดพลางลุกขึ้น ดีมากเพื่อนยาก ไปเลย ไปจากห้องกูเร็วๆ

          " อืม ขอบใจนะ " ผมพูด และดันตัวมันให้ออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

          หลังจากไอ้เกลียวออกจากห้องไป ผมก็รีบเก็บเสื้อผ้า เอาข้าวของที่จำเป็นยัดใส่กระเป๋าอย่างร้อนรน เพราะผมไม่รู้ว่าวินาทีไหน ที่จะมีคนบุกเข้ามาในห้อง ผมจะไม่มีทางให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด ต้องรีบ รีบหนี ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

          ในเมื่อไม่มีที่ไป เพราะผมไม่มีเพื่อนนอกจากไอ้เกลียวไม่มีญาติแม้แต่คนเดียวที่นี่ ผมจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องชมรม ถึงมันจะไม่ส่วนตัวก็เถอะ แต่นานๆ ทีถึงจะมีคนเข้ามาใช้บ้าง

          ห้องชมรม เป็นห้องที่เก็บเครื่องดนตรีของส่วนกลางเอาไว้ และค่อนข้างกว้างขวาง สาเหตุที่ไม่ค่อยมีคนเข้ามาใช้นัก เพราะว่านักศึกษาภาควิชาดนตรีทุกคน ที่ส่วนมากร้อยละ 99% เป็นพวกคุณหนู จึงมีเครื่องดนตรีส่วนตัวและห้องซ้อมส่วนตัวกันทั้งนั้น ห้องนี้จึงดูไร้ค่าสำหรับเอกนี้ไปโดยปริยาย ผมมักจะมาเล่นเปียโนที่นี่ ซึ่งเป็นเปียโนหลังใหญ่ แบบที่เขาใช้แข่งขันระดับประเทศกันนั่นแหละ และมันสงบเงียบ เหมาะแก่การใช้ความคิดสุดๆ

          ผมมักปล่อยความคิดไปพร้อมๆ กับการดีดเปียโน ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึก เป็นตัวขับเคลื่อนท่วงทำนองให้บรรเลงต่อไป แค่เพียงหลับตาลง ปล่อยใจให้กับเสียงดนตรี ความเศร้า ความกังวล และความกลัว ก็จะจางหายไป

          ' แปะๆ '

          ผมสะดุ้งสุดตัว กับเสียงปรบมือของคนที่เข้ามาใหม่ ทำให้การบรรเลงของผมหยุดชะงักไป

          " ยอดเยี่ยม สุดยอดจริงๆ พี่ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าเราจะเล่นเปียโนเก่งขนาดนี้น่ะ ฮ่ะๆ " ผมลุกขึ้นยืน ทำหน้าตาเหวอแบบสุดๆ เพราะไม่คิดว่าพี่พริ้นจะมาหาผมถึงที่นี่ เป็นความแปลกใจระคนดีใจ บอกไม่ถูกว่าอารมณ์ไหนมากกว่ากัน

          " พ..พี่มาได้ไงครับเนี่ย " 

          " ตามเสียงเปียโนมา ฮ่าๆ "

          " แหม เอาความจริงสิครับ " ผมยิ้มให้กับความขี้เล่นของเทพบุตรตรงหน้า หนุ่มหล่อในชุดกาวน์นี่มันแหล่มจริงขอบอก

          " ฮ่าๆ โธ่มินไม่รับมุกพี่เลย เสียใจจังเลยน้า " พี่พริ้นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบเด็กน้อย ขอทีเถอะครับพี่ จะให้ผมแดดิ้นตายตรงนี้เพราะความน่ารักของพี่เลยใช่ไหมครับ

          " ก็ห้องนี้มันค่อนข้างเก็บเสียงนี่ครับ "

          " ฮ่ะๆ ก็ได้ก็ได้ พี่ก็ถามทางเขาไปเรื่อย เดินไปทั่วคณะจนมาเจอนี่ล่ะ " พี่พริ้นยิ้มพร้อมเกาหัวแบบเก้อเขิน นั่น โดนไปอีกหนึ่งดอกละมินเอ๋ย บาดใจเหลือเกิน

          พี่พริ้นเดินเข้ามา และมองไปรอบๆ ชมรมด้วยความสนใจ และเดินเข้ามามองดูเปียโนตัวที่ผมกำลังยืนอยู่ข้างๆ

          " เปียโนนี่ สวยจังเลยนะ " พี่พริ้นพูดพร้อมกับเดินไปรอบๆ เปียโนหลังใหญ่ ลูบไล้ไปตามคีย์เปียโนนั้นอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน

          ผมมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่สั่นไหว และไม่อาจกลั้นน้ำตาที่อยู่ภายในหัวใจเอาไว้ได้

          " มิน ร้องไห้ทำไม " ผมสะดุ้งน้อยๆ ตามเสียงเรียกของพี่พริ้น ผมยกมือขึ้นแตะที่แก้ม ก็พบว่ามีหยาดน้ำตาอยู่บนนั้นจริงๆ

          ใช่แล้วล่ะ ภาพอดีตที่ทับซ้อนขึ้นมา ทำให้หัวใจของผมสั่นไหว ภาพของเด็กชายที่เดินไปรอบๆ เปียโนหลังโทรม ลูบไล้เปียโนที่ผุพังนั้นอย่างรักใคร่ด้วยรอยยิ้ม


เป็นรอยยิ้มที่ผมจะไม่มีวันลืมเลือน
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 6 ] (((11/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 11-09-2017 13:36:48
เริ่มอยากรู้ความหลังของมินแล้วสิ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 6 ] (((11/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 12-09-2017 10:47:31
          FC ที่ 7 ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับความรัก


          ภายในห้องชมรม พี่พริ้นรีบละออกจากเปียโนและเดินหน้าตาตื่นเข้ามาใกล้ผม พี่พริ้นคงตกใจที่เห็นผมน้ำตาไหลออกมาแบบนั้น

          " มิน เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายเหรอ บอกพี่สิ " พี่พริ้นเอาหลังมือมาแนบที่หน้าฝากของผมอย่างอ่อนโยน ทำเอาผมหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเชียว

          " คือ ผมแค่เป็นหวัดนิดหน่อยครับ " 

          " รอพี่แปบนึงนะ " ผมจ้องมองพี่พริ้นที่เดินไปที่มุมห้อง และควักโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์และคุยกับคนปลายสายอย่างเคร่งเครียด แย่แล้วนี่ผมกำลังทำให้พี่พริ้นเดือดร้อนสินะ

          " คือ พี่พริ้นครับ ผมไม่เป็นอะไรครับ ผมโอเคแล้ว " ผมพูดบอกพี่พริ้นที่โทรศัพท์เสร็จแล้ว

          " ไม่ได้หรอก ปล่อยไว้จะยิ่งเป็นหนักนะ " พี่พริ้นพูดอย่างหนักแน่น ไม่ให้ผมปฏิเสธได้เลย

          " ดุจัง " ผมตัดพ้ออย่างเบาๆ แต่พี่พริ้นกลับหัวเราะ และเอามือมาขยี้หัวผมอีกแล้ว

          " อย่าดื้อสิ พี่จะเป็นหมอนะ จะปล่อยคนไข้ไว้ได้ยังไง แล้วเดี๋ยวมิน รอพี่แปบนึงนะ เดี๋ยวพี่มา​" พี่พริ้นยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผมอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง​

          และหลังจากพี่พริ้นออกไปไม่นาน ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง แต่คนที่เข้ามานั้นกลับไม่ใช่ชายหนุ่มในชุดกาวน์ที่ดูอ่อนโยนใจดีแบบพี่พริ้น แต่กลับเป็นชายหนุ่มตัวสูง ที่น่าจะสูงพอๆ กับพี่พริ้น เสื้อช็อปสีกรมท่า และกางเกงยีนส์สีเข้ม ตัดกับผิวที่ขาวซีด ลำตัวหนาและมีกล้ามเนื้อมากกว่าพี่พริ้น ผมสีดำสนิท ดวงตาสีเข้มที่ดูเย็นชา คิ้วหนา รับกับจมูกที่เชิดขึ้น ทำให้ใบหน้าของชายคนนี้ดูเกรี้ยวกราดตลอดเวลา หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ ดูหล่อเลวสุดๆ สาวๆ ที่ชอบแนวนี้คงกรี๊ดสลบแน่ๆ ถ้าใส่ชุดสีดำแล้วนอนในโลงนี่มันเจ้าชายแวมไพร์ชัดๆ

          พี่พริ้นเดินตามชายหนุ่มคนนั้นเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เข้ามาจูงมือผมให้เดินเข้าไปหาบุคคลที่ผมได้เจอเป็นครั้งแรก 

          " นี่คือ ไอ เป็... " 

          " รุ่นน้อง " พี่พริ้นยังไม่ทันจะพูดจบ ผู้ชายคนนั้นก็พูดแทรกขึ้นมาทันที ทำเอาผมตกใจไม่น้อย

          " ฮ่ะๆ อย่าถือสาเลย เขาชอบเป็นแบบนี้แหละ " พี่พริ้นพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ผม 

          " ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อมิน " ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่านะ ว่าคิ้วข้างหนึ่งของผู้ชายคนนี้ กระตุกตอนที่ผมเอ่ยชื่อออกไป
         
          " อืม " เป็นคำตอบสั้นๆ ที่แม้แต่หน้าก็ไม่ยอมหันมามองผมสักนิด 

          " ชื่อแปลกจังเลยนะครับ แต่เท่ห์ดีฮะ " ผมไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลยเชียว ไอ้คุณไอหันมามองผมเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อผมเข้าไปภายในคำเดียว

          " ฮ่าๆ ใครๆ ก็พูดแบบนั้น แต่จริงๆ เขานิสัยดีน้า เป็นพี่มินปีนึงล่ะ อยู่วิศวะ " 

          " ครับ ฝากตัวด้วยนะครับ " 

          " หึ " คำตอบที่ได้ ทำให้รู้แน่ชัดว่าเค้าไม่รับฝากแน่นอน

          " เอาล่ะ ไปกัน ที่พี่เรียกไอมาก็เพราะว่าพี่ไม่ได้เอารถมาน่ะ เดินมาเรื่อยๆ ไม่คิดว่าจะไกลเหมือนกันนะเนี่ย " พี่พริ้นพูดพรางออกเดินนำหน้าไปที่รถ ปล่อยให้ผมผจญกับรังสีอมหิตจากอีตาไอโดยลำพัง คนอะไร ชื่อไม่เข้ากับหน้าเลยสักนิด ไอ ไอที่แปลว่าความรักในภาษาญี่ปุ่นสินะ ชิ

          พวกเราสามคนเดินมุ่งหน้าไปยังรถที่ไอ้คุณไอขับมารับ ซึ่งตลอดทางมีแต่เสียงวี๊ดว๊ายกระตู้วู้ไม่ขาดสาย ใบหน้าเคลิ้มฝันของสาวๆ เป็นตัวชี้วัดความหล่อของพวกผมได้เป็นอย่างดี เอ่อ ความหล่อของสองคนนั่นครับ ส่วนผมก็เหมือนแกะดำในฝูงหมาป่ารูปหล่อ สายตาที่บ่งบอกถึงความสงสัยและสมเพชในตัวผม ทิ่มแทงไม่ขาดสายเช่นกัน ทุกคนคงสงสัยว่า ไอ้บ้านั่นมันไปเดินอยู่กับคนหล่อพวกนั้นได้ยังไง เฮ้อเอาเถอะ อยากคิดอะไรก็ช่าง ผมเชิดใส่เลยแม่งเลย กูคือผู้ชนะเฟ้ยที่เข้าใกล้พี่พริ้นได้ขนาดนี้ อิจฉาไหมล่ะ ฮ่าๆ

          รถ BMW คันงามจอดอยู่หน้าคณะของผม ไม่บอกก็รู้ว่ารถใคร มันออกแนวเฟี้ยวฟ้าว เท่ห์ระเบิดเหมือนเจ้าของมันนั่นแหละ เจ้าของรถเดินนำเข้าไปนั่งฝั่งคนขับอย่างรวดเร็ว พี่พริ้นนั่งข้างคนขับ ตามด้วยผมที่นั่งที่เบาะหลัง รถเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ รถหรูนี่มันนิ่มดีจริงๆ แฮะ

          " เราจะไปไหนกันเหรอครับ "

          " ก็ไปโรงพยาบาลของมหา'ลัยไง เดี๋ยวพี่จะตรวจมินเอง " 

          " แต่ผมไม่เป็นไรแล้วจริงๆ นะครับพี่ " 

          " อย่าให้พี่ต้องพูดซ้ำดีกว่าน้า " พี่พริ้นยิ้มทั้งๆ ที่เสียงเย็นยะเยือกซะงั้น

          Rrrr Rrrr

          ผมมองไปตามเสียงที่ดังขึ้น และก็พบว่ามันคือเสียงเรียกเข้าของพี่พริ้นนั่นเอง ผมมองดูพี่พริ้นที่หันมายิ้มให้ผม ก่อนที่จะกดรับสาย

          ' ฮัลโหล อะไรนะ บ้าจริง อยู่ตรงไหน โอเค จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ '

          ผมขมวดคิ้วจ้องมองพี่พริ้นที่คุยโทรศัพท์เสียงเครียด คงมีธุระด่วนสินะ

          " มิน พี่ขอโทษจริงๆ แต่พี่... "

          " พี่รีบไปทำธุระเถอะครับ ผมไม่เป็นไรครับ " ผมรีบพูดก่อนที่พี่พริ้นจะพูดจบ เพราะผมเข้าใจและไม่อยากให้พี่พริ้นลำบากไปมากกว่านี้

          " ไอ พาน้องไปที่โรง'บาลนะ ฝากด้วยละกัน " อีตาไอไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น

          " มิน พี่ขอโทษอีกทีนะครับ แล้วพี่จะพาไปเลี้ยงข้าวไถ่โทษละกัน " 

          " ไม่เป็นไรครับพี่ ขอบคุณนะครับ " ผมส่งยิ้มให้พี่พริ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่พี่พริ้นจะลงจากรถและรีบร้อนขึ้นแท็กซี่คันหลังไป

          เมื่อไม่มีพี่พริ้น บรรยากาศในรถช่างดูเย็นยะเยือก และเงียบงัน ผมรู้สึกหวาดหวั่นแปลกๆ ทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเลยทีเดียว ผมได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ แล้วท่องนะโมตัสสะในใจ


ชีวิตผมจะเป็นยังไงต่อไปนะ จะรอดไปถึงโรง'บาลไหมล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 7 ] (((12/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 12-09-2017 13:33:40
ชีวิตมินนี่ซับซ้อน หลายเรื่องราวจริงๆ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 7 ] (((12/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 12-09-2017 18:21:01
ชีวิตมินนี่ซับซ้อน หลายเรื่องราวจริงๆ

อยากจะบอกว่าสุดๆค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 7 ] (((12/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 13-09-2017 13:28:13
          FC ที่ 8 คนที่เกลียดที่สุด


          ผมเหลือบไอ้คุณไอ ที่ยังคงขับรถด้วยท่าทางสบายๆ ภายในรถนั้นดูเงียบเกินไป จนทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ผมมองไปที่หน้ารถ จ้องมองแผงปุ่มกดที่มีเยอะแยะมากมาย และค่อยๆ เอื้อมมือไปข้างหน้าเพื่อจะเปิดวิทยุ

          ' หมับ! '

          แต่มือของผมที่กำลังเอื้อมไปนั้น อยู่ๆ ก็ถูกจับเอาไว้ทันทีจากคนข้างๆ ผมมองข้อมือของผมที่กำลังถูกบีบแน่นอย่างตื่นตกใจ ทำเอาผมหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด

          " ขอเตือนด้วยความหวังดีนะ อยู่ห่างๆ จากพริ้นซะ " นับเป็นประโยคแรกที่จัดว่ายาวทีเดียวที่ผู้ชายคนนี้พูดออกมา แต่ผมไม่ชอบมันเอาซะเลย

          " หมายความว่ายังไง "

          " ก็นะ พูดไปก็คงเท่านั้นแหละ หน้าแบบนั้นใครๆ ก็อยากจะเสี่ยงทั้งนั้น " ผมกำหมัดแน่น นี่ผมกำลังโดนดูถูกสินะ

          " คุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว ผมเป็นแค่แฟนคลับของพี่พริ้น " ผมพูดและเริ่มทำสีหน้าไม่พอใจ

          " แน่เหรอ เห็นส่งยิ้มหวานจ๋อยซะขนาดนั้น หมอนั่นมันก็เป็นแบบนี้แหละ สงสัยช่วงนี้อยากลองของแปลก ตัดใจก่อนน้ำตาจะเช็ดหัวเข่าดีกว่านะน้อง​ " ไอ้คุณไอพูดด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ

          " ไหนลองพูดใหม่อีกทีสิ ได้กินหมัดผมแน่ " ผมเหลืออดเต็มที เตรียมพร้อมจะกระโจนใส่ไอ้ปิศาจร้ายนี่ทุกเมื่อ แต่ก็เหมือนมันจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด และหักรถเลี้ยวเข้าข้างทางด้วยความเร็ว พลางหันมามองผมด้วยสายตาที่กวนบาทาสุดๆ 

          " เอาสิ ขอแรงๆ นะ พอดีตายด้านน่ะ " ผมพุ่งตัวเข้าไปกระชากเสื้อมันเต็มแรงด้วยความโมโห แต่กลับถูกมือหนาที่เหมือนดั่งครีมเหล็กล็อคแขนทั้งสองข้างเอาไว้แน่น จนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ

          " อึก..ปล่อยนะ เจ็บนะโว้ย " ผมดิ้นรนขลุกขลักให้หลุดจากการจับกุมของคนตรงหน้า แต่ก็ไม่เป็นผล คนตรงหน้ายังคงล็อคผมเอาไว้ และจ้องมองไปทั่วทั้งใบหน้าและลำตัวของผม

          " ตัวเล็กแค่นี้ทำเป็นเก่ง ชอบเรียกร้องความสนใจสินะ " ผมรีบหันหน้าหลบจากการจ้องมองนั่น ผมไม่ชอบเอาซะเลย 

          " ไอ้บ้าเอ้ย " ผมตะโกนเสียงดัง แล้วงับที่มือของไอ้บ้านั่นเต็มแรง

          " โอ้ย ไอ้เด็กเปรตนี่ " มันลากผมมานั่งด้านหน้าข้างคนขับ เอื้อมแขนมารัดเข็มขัดให้จนแน่น แล้วออกรถอีกครั้งด้วยความเร็วเต็มสปีด 

          " ไอเลว "

          " ผมชื่อไอเฉยๆ ครับ กรุณาอย่าเติมเสริมแต่ง " เห็นตอนแรกเงียบๆ ก็คิดว่าจะเป็นพวกพูดน้อย ที่ไหนได้ทั้งปากหมาทั้งกวนทีน

          " จอดรถ!! ผมจะลง " ผมตะโกนแหกปากและปลดเข็มขัดออกจากตัว

          " ถ้าอยากลงก็โดดลงไปสิ " ไอเลวพูดพร้อมทำหน้าเฉยเมย โนสนโนแคร์ พร้อมปลดล็อคประตูให้

          ผมวางมือพร้อมจะเปิดประตู ขณะรถกำลังวิ่งด้วยความเร็ว แล้วไงล่ะ ผมน่ะไม่กลัวตายหรอก

          " เฮ้ย อยากตายหรือไง " ไอ้คุณไอเบรกรถจนหัวทิ่มหัวตำทันทีที่เห็นประตูรถถูกแง้มออกน้อยๆ โธ่ใครกันแน่ที่ไม่แน่จริง หึ

          " ตายก็ตายสิ ใครจะสนกันล่ะ " 

          " ลงไป " ผมไม่รอให้เจ้าของรถพูดซ้ำ เปิดประตูกว้างและลงจากรถอย่างรวดเร็ว ผมรีบเดินไปให้ห่างจากตัวรถ แล้วไม่ลืมที่จะหันกลับมา ชูนิ้วที่แสดงความรักใคร่สุดๆ ไปให้ คงไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่านิ้วไหน

          เป็นคนที่นิสัยแย่สุดๆ ผมไม่เคยเจอใครที่หยาบคายแบบนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่หน้าตาดีแท้ๆ ไม่น่าเชื่อว่าพี่พริ้นจะเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้ได้ ผมนึกถึงสิ่งที่ไอ้คุณไอพูดกับผม ผมนี่นะจะเสียใจถ้าไปยุ่งกับพี่พริ้น เหอะ ไร้สาระ พี่พริ้นทั้งใจดี อ่อนโยนขนาดนั้น ใครเชื่อก็บ้าแล้ว

          ผมเดินไปตามทางเรื่อยๆ อย่างอารมณ์เสีย มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมไม่แน่ใจ ตัวผมนั้นชอบพี่พริ้นแบบไหนกันแน่ ปกติแล้วผมก็มองสาวๆ สวยๆนะ ส่วนตัวผู้น่ะเหรอ แค่คิดก็พะอืดพะอม

          แต่สำหรับพี่พริ้น คงเรียกได้ว่าพิเศษกว่าใครละมั้ง ผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กเสมอ เมื่ออยู่กับพี่พริ้น เหมือนกับว่าผมสามารถอ่อนแอได้เต็มที่ ไม่ต้องพยายามเข้มแข็งให้ใครเห็น เป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ มันจะเป็นความรักแบบนั้นน่ะเหรอ ผมก็ไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน

          ผมเดินไปตามถนน นึกถึงหน้าพี่พริ้นที่แสนใจดีก็เผลอยิ้มออกมา แต่ฉไหนเลยหน้าพี่พริ้นกลับกลายเป็นไอ้คุณไอแสนโฉดคนนั้นซะได้ ผมรีบยกมือขึ้นปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายในอากาศพัลวัน หวังให้ใบหน้าที่กำลังยิ้มเยาะอย่างชั่วร้ายของหมอนั่นหายไปจากสมองสักที

          " ทำบ้าอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ " ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร มารหัวขนตัวแรกที่ผมต้องเผชิญมาตลอดสองปีแน่นอน 

          " เปล่า เดินเล่น " 

          " เดินเล่นพ่อง ไหนบอกไม่สบาย เดี๋ยวนี้หัดแหลกับเพื่อนฝูงนะมึง " ไอ้เกลียวโผล่หัวออกมาจากรถคู่ใจพร้อมจิกกัดเพื่อนผู้แสนดีของมัน หึ

          " มึงมาก็ดี ไปส่งกูที่ชมรมหน่อย " ผมพูดพลางเปิดประตูรถสปอร์ตคันหรูของไอ้เพื่อนที่ไม่น่าจะขับรถเป็นแม้แต่จักรยาน

          " ส่งรถครับ " 

          " ส่งรถพ่อง ไปๆ อย่าลีลา " ผมตบกบาลมันไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้สุดขีด

          ผมขึ้นมานั่งบนรถ พร้อมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ผมนึกถึงไอ้บ้านั่นอีกครั้ง พร้อมกับถีบรถไอ้เกลียวเต็มแรง แม่งแรงมันเยอะสุดๆ ผมต้องไปฟิตกล้ามมั่งแล้วมั้ง เผื่อเอาต่อกรกับคนแบบนั้น 

          " เพื่อนครับ กูไม่รู้ว่ามึงไปฟัดกับใครมา แต่อย่ามาลงกับรถกูครับ "

          " โอเค เดี๋ยวกูลงกับมึงแทนนะงั้น "

          " ข่นบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้ ทะลึ่งงง " ไอ้เกลียวพูดดัดเสียงพลางกอดตัวเองด้วยความหวงแหน ผมเลยจัดให้มันไปอีกหนึ่งดอกด้วยความรัก ถุยยย แต่ก็พูดเถอะ เพราะมีมันผมถึงรู้สึกดีขึ้น อยู่กับมันแล้วสบายใจดี

          ผมเอนตัวพร้อมกับหลับตาหลง คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้อีกครั้ง รอยยิ้มของพี่พริ้นและรอยยิ้มเยาะของไอเลว


ถ้าพี่พริ้นเป็นคนที่ผมชื่นชมที่สุดแล้วละก็ ไอ้บ้าไอนั่น ก็คงเป็นคนที่ผมเกลียดที่สุดนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 8 ] (((13/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 13-09-2017 15:22:13
รู้สึกเหมือน ไอ มีดาเมจความเป็นพระเอกสูง  :impress2:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 8 ] (((13/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-09-2017 21:29:32
มันยังไงๆ......... :katai1: :katai1: :katai1:

ไอ เตือนว่าอย่ายุ่งกับพริ้น
พริ้น ไม่เหมือนที่เห็น  o22 o22 o22

ว่าแต่มิน ก็ไม่เหมือนที่เห็นเหมือนกัน  :a5: :a5: :a5:
รอตอนใหม่  :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 8 ] (((13/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 14-09-2017 12:57:57
          FC ที่ 9 เพื่อเพื่อนที่มีเพียงหนึ่งเดียว


          กว่าผมจะมาถึงห้องชมรมก็เกือบค่ำแล้ว พยาธิในกระเพาะกำลังร่ำร้องหาอาหารกันระงม วันนี้ช่างเป็นวันที่ยาวนานซะจริงๆ

          " มึงมาทำอะไรที่นี่วะ ทำไมไม่กลับห้อง จะมืดแล้วนะ " ซวยละสิ มาส่งแล้วก็ไปสิวะ มึงจะอยากรู้อยากเห็นไปทำไมเนี่ย

          " กูเบื่อๆ อ่ะ ไม่มีไรทำ เลยจะมาซ้อมเปียโน " ผมแหลสดพลางหลบสายตามัน

          " อืม เหมือนกัน งั้นเดี๋ยวกูซ้อมเป็นเพื่อน " ไอ้เกลียวว่าพลางเดินไปหยิบไวโอลินมาปรับสายลองเสียงไปมา เวรกรรมจริงๆ มึงมาขยันอะไรตอนเน้ครับคุณเพื่อน 

          " กูว่ากูไปกินข้าวก่อนดีกว่าว่ะ ยังไม่ได้กินไรเลยวันนี้ " ผมว่าผมหนีไปกินข้าว แล้วชิ่งเลยน่าจะดีกว่า ดึกๆ ค่อยกลับมานอน แผนนี้แจ๋ว

          " โอเค กูก็หิวเหมือนกัน ป่ะ เจ้เล้งหลังมอ " โอ้ย มึงนี่มัน กูนึกคำด่าไม่ออกเลยเฟ้ย ไปที่ชอบที่ชอบได้แล้วโว้ย


          ไม่นาน ผมก็ต้องจำใจมานั่งจกข้าวเหนียวส้มตำพร้อมกับไอ้เพื่อนเกลอจอมเกือกนี่ อยากจะเอาส้อมจิ้มตามันสักทีจริงๆ เชียว

          แต่ผมที่นั่งกินไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงวี๊ดว้ายแปลกๆ ดังขึ้นรอบตัว ผมที่สงสัยจึงหันไปสำรวจรอบๆ ร้าน และก็พบว่าสาวๆ ทุกโต๊ะกำลังมองมาทางผมด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน เหมือนตกอยู่ในภวังค์ของความหลงไหล 

          " อะแฮ่ม " ผมกระไอพร้อมดึงคอเสื้อขึ้นด้วยความมั่นใจ พร้อมเสยผมหนึ่งทีเป็นของแถม เฮ้อ ขนาดดำเกรียมแบบนี้ยังปิดบังความหล่อไม่หมดอีกเหรอเนี่ย ผมคิดและส่ายหน้าเบาๆ อย่างเบื่อหน่ายในความหล่อของตัวเอง 

          " นี่นายคนนั้นอ่ะ อย่าบังทีวีได้ไหม " สาวผมสั้นคนหนึ่งตะโกนมาจากกลางร้านสุดเสียง ทำเอาผมหดคอแทบไม่ทัน ฮือ นี่พวกตะเองไม่ได้มองเค้ากันหรอกเหรอ

          ผมหน้ามุ่ยทันทีด้วยความเศร้าใจ ขณะที่ไอ้เกลียว หัวเราะจนเส้นขนมจีนออกจมูก เออสิวะ คนเรามันก็ต้องมีพลาดกันบ้าง ขยี้จังนะมึง

          ผมหันไปมองจอทีวีตามสาวๆ ที่พากันจ้องตาไม่กระพริบด้วยความสงสัย ว่ามันจะมีอะไรน่ามองไปกว่าผมได้ยังไงกัน มันเป็นไปไม่ด๊าย

          ' พรวดดดด! '

          แต่เมื่อเห็นสิ่งที่ฉายอยู่บนจอนั้น ผมก็ถึงกับพ่นน้ำเป็นละอองสายรุ้งเลยทีเดียว ส่วนคนที่ซวยไม่ต้องบอกนะครับ ไอ้เกลียวไม่ต้องอาบน้ำแล้ววันนี้

          บนจอทีวีนั่น เป็นรายการเดินแบบของเสื้อผ้ายี่ห้อดังระดับโลก ซึ่งนายแบบทั้งหลาย ล้วนแต่หล่อล่ำน่าหม่ำกันทั้งนั้น แต่ที่ผมต้องอึ้งสุดๆ ไปเลยก็เพราะ ไอ้หน้าตายด้านที่ผมคุ้นสุดๆ กำลังเดินบนแคทวอร์คพร้อมสองมือล้วงกระเป๋า เดินๆหยุดๆ พร้อมโพสท่าจิกสายตาที่เหมือนกำลังโกรธแค้นปานจะแดกหัวผู้ชมอยู่นั้น มันคือไอ้คุณไอ ไอเลว ไอบ้านั่น แม่งมันเป็นนายแบบเหรอวะ ฮึ่ม หมั่นไส้โว้ย เพราะงี้สินะถึงเป็นเพื่อนกับพี่พริ้น ทั้งๆ ที่นิสัยไม่น่าไปด้วยกันได้เลย

          " หึ หล่อตายห่า " ผมพูด พร้อมเบะปากมองบนอย่างอดไม่ได้

          " มึงอิจฉาเขาก็บอก ไม่ต้องอาย " 

          " อิจฉาพ่อง กูหล่อกว่าเยอะ "

          " หยุดเถอะ กูเสียดายส้มตำ " ไอ้เกลียวพูดพร้อมทำหน้าแบบกูไม่อยากจะเชื่อว่ามึงจะกล้าพูด

          " ว่าแต่มึงรู้จักไอ้นายแบบในทีวีนั่นได้ยังไงวะ " ทำไมไม่รู้ แต่ผมสังเกตุว่าไอ้เกลียวมีสีหน้าแปลกๆ ไปเล็กน้อยเมื่อผมถามออกไปแบบนั้น

          " อ๋อ ใครบ้างจะไม่รู้จัก นั่นน่ะ นายแบบชื่อดังลูกครึ่งญี่ปุ่น รู้สึกจะชื่อ ฮิเดกิ ไอ ชื่อเสียงกระฉ่อนเรื่องอย่างว่า มึงก็ระวังตัวให้ดี มันเรียนที่นี่ด้วย อยู่ปี 3 มั้ง มันฟันไม่เลี้ยงทั้งผู้หญิงผู้ชาย เสือไบนั่นแหละ แต่ก็ไม่แปลกใจหรอก แม่งก็หล่อซะขนาดนั้น ใครเห็นก็ยอมตั้งแต่หน้าประตู "

          " เป็นมึงก็ยอมสินะ " ผมพูดแหย่มันเล่น

          " ถุยยย แทงมากูแทงสวนยับบอกก่อน กูไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างแน่ๆ หึ เพราะงั้นมึงอย่าไปยุ่งกับมัน เจอรีบเผ่นเลย แต่เอ๊ะ ไม่ต้องหรอก หน้าแบบมึงท่าทางจะปลอดภัย ก๊าก ฮ่าๆ " ผมตบกบาลมันเน้นๆ อย่างรักใคร่ หนอยไหนหมาตัวไหนบอกวะ ว่าไม่ชอบให้ใครมาดูถูกเพื่อนกู มึงนี่แหละตัวดีเลยสัด

          ผมว่าผมไปดีกว่า รู้สึกพะอืดพะอมเหลือเกินที่จะต้องเห็นไอ้บ้านั่น แม้กระทั่งบนทีวีก็ไม่อยากจะเห็น หวังว่าผมคงไม่ต้องเจอมันอีกแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอจริงๆ

          " เกลียว งั้นกูกลับละนะ มึงจ่ายด้วยละกัน " อิ่มแล้วจะอยู่ทำไม รีบชิ่งสิครับ อิ่มจังตังอยู่ครบ

          " เฮ้ยยย จะรีบไปไหนวะ ไปด้วยกัน เดี๋ยวกูไปส่ง " แขนมึงจะยาวไปไหน ผมว่าผมเดินไวแล้ว แม่งยังตามมาจับทันอีก

          " ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกูจะไปธุระ " 

          " ธุระอะไรวะ แถวไหนเดี๋ยวกูพาไป " มันไม่พูดเปล่า ลากผมไปที่รถของมันด้วยความรวดเร็ว มึงนี่มันปลิงอเมซอนสมชื่อจริงๆ

          " อะไรของมึงวะ จะไปไหนก็ไปไป๊ " ผมเหลืออดเต็มทน เลยไล่มันแม่งตรงๆ ไปเลยนี่แหละ กูเหนื่อยกับมึงแล้ว พอกันที

          " มึงเก็บเสื้อผ้าไปไว้ที่ชมรมทำไมวะ " ผมเงยหน้ามองมันด้วยใบหน้าที่หนักอึ้ง เพราะแบบนี้สินะ มันถึงไม่ยอมปล่อยผมไปไหน

          " ไม่มีอะไรหรอก คือ ห้องกูตอนนี้น้ำรั่วน่ะ กูก็เลยไม่มีที่ไป " ผมหลบสายตามันด้วยความรู้สึกผิด เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่กล้าบอกความจริงกับมัน

          " งั้นไปนอนห้องกู ห้องชมรมนอนไม่ได้หรอก ทั้งหนาวทั้งยุง " มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมไม่กล้ามองหน้ามันทีเดียว

          " กูอยู่ได้ ผ้าห่มก็พอมี ไม่เป็นไรหรอก " ผมยังยืนยันหัวชนฝาที่จะไปนอนที่ชมรม เพราะผมไม่อยากให้มันต้องมาเดือดร้อนเพราะผม

          " ก็ได้ งั้นรอกูแพพ " ผมงง ที่อยู่ดีๆ มันก็เชื่อฟังง่ายขึ้นมาซะงั้น

          " เดี๋ยวกูไปเก็บกระเป๋าก่อน เดี๋ยวไปนอนเป็นเพื่อน " เดี๋ยวๆๆๆ ครับพี่น้อง นี่กูฟังไม่ผิดใช่ไหมเนี่ย เฮ้อ ผมจะทำยังไงกับมันดีละเนี่ย

          " โอเค โอเคกูยอมแล้ว กูแพ้แล้ว ไปนอนหอมึงก็ได้ " ผมยกมือขึ้นบอกว่ากูยอมทุกอย่างแล้ว มึงอยากทำไรทำไปเลย ตามใจมึงเถอะ ยอมแพ้สิโรราบคาบกล้วย

          ผมขึ้นรถไปกับมันอย่างว่าง่าย จะว่าไปตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่มหา'ลัยนี่ ก็มีแต่มันเท่านั้นที่ไม่เคยห่างผมไปไหน บางทีผมก็สงสัยจริงๆ ว่ามึงแอบรักกูหรือเปล่าเนี่ย ฉิบหายแล้ว มึงจะล่อลวงกูไปข่มขืนที่หอมึงใช่ไหม อย่าแม้แต่จะคิดนะโว้ย

          " ไม่ต้องกลัว กูไม่ชอบของดำ " ไอ้นี่มึงอ่านใจกูอีกแล้วใช่ไหม กูเริ่มกลัวมึงจริงๆ แล้วนะเนี่ย ผมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข อย่างน้อยวันนี้ก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นสินะ


' ขอบใจนะ ' ผมพูดออกมาเบาๆ เพื่อเพื่อน เพียงหนึ่งเดียวของผม
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 9 ] (((14/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 14-09-2017 13:24:20
ชอบไออ่ะ 555 ออกมานิดนึง แต่มีพลังทำลายล้างงงงง ชอบความหล่อแบ้ด :impress2:   :-[
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI] [ ตอนที่ 9 ] (((14/09/2560)))
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 14-09-2017 21:45:37
ชอบไออ่ะ 555 ออกมานิดนึง แต่มีพลังทำลายล้างงงงง ชอบความหล่อแบ้ด :impress2:   :-[

ชอบถูกคนแล้วล่ะค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 9 เพื่อเพื่อนที่มีเพียงหนึ่งเดียว ](14/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 15-09-2017 00:43:35
มันมีเงื่อนงำ  :katai4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 9 เพื่อเพื่อนที่มีเพียงหนึ่งเดียว ](14/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 15-09-2017 11:31:30
          FC ที่ 10 วันที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิต


          ถึงผมจะสนิทกับไอ้เกลียวขนาดไหน แต่ผมก็เป็นพวกไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร ครั้งนี้เลยเป็นครั้งแรก ที่ผมมาที่ห้องของมัน ตอนแรกผมคิดว่ามันอยู่หอธรรมดาครับ ถึงบ้านมันจะมีฐานะดี แต่มันก็ไม่เคยอวดรวยเลย ไม่เค๊ยไม่เคยเลยจริงๆ นอกจากไอ้รถสปอร์ตคันนั้น แต่นี่มันเกินกว่าจะพูดถึงจริงๆ ไอ้คอนโดสุดหรูนี่มันหรูหรายังกับเอาพระราชวังมายัดลงในห้องก็ไม่ปาน

          " ห้องมึงนี่ ใครถูวะเนี่ย กว้างเกินไปที่จะอยู่คนเดียวนะ "

          " งั้นมึงก็ย้ายมาเป็นรูมเมทกูสิ " 

          " ไม่เอาอ่ะ กูชอบนอนแก้ผ้า เดี๋ยวมึงข่มขืนกูทำไง " ผมก็พูดไปแบบนั้นแหละครับ จริงๆ ผมนอนเรียบร้อยน้า แต่ไอ้การไม่รับมุกของมันนี่ ทำเอาผมเสียวสันหลังวาบเลยทีเดียว

          แต่มันมีอะไรบางอย่างที่แปลก ผมเดินไปรอบๆ ห้องด้วยความสงสัย กลิ่นข้าวของเครื่องใช้เป็นกลิ่นที่เหมือนเป็นของใหม่ ข้าวของส่วนตัวในห้องก็แทบจะไม่มีนอกจากเฟอร์นิเจอร์หลุยอันหรูหราเต็มห้อง สิ่งต่างๆ ของที่นี่ มันทำให้ผมนึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งในความทรงจำ เป็นสถานที่ที่ผมเกลียดที่จะเหยียบย่างเข้าไป

          " มึงนอนห้องใหญ่นั่นเลย เดี๋ยวกูไปนอนห้องเล็กเอง "

          " ได้ไงวะ นี่ห้องมึง มึงก็ต้องนอนห้องใหญ่ของมึงสิ " ผมละแปลกใจจริงๆ ไอ้นี่ท่าจะบ้า อยู่ดีๆ มายกห้องใหญ่ให้ผม 

          " จริงๆ กูนอนโซฟาก็ได้นะ ห้ามมาห้ามกูด้วย " ผมไม่รอให้มันห้ามหรอก รีบทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาในโถงนั่งเล่นทันที เป็นโซฟาที่โครตใหญ่ นี่แหละโอเคสำหรับผมแล้ว

          " แล้วแต่มึงเถอะ กูไปนอนละดีกว่า " ผมพยักหน้ารับทั้งๆ ที่หลับตาด้วยความเหนื่อยอ่อน วันนี้ช่างเป็นวันที่แสนยาวนานซะเหลือเกิน

          ' 잘 자요. ' (ฝันดีนะ) เสียงกระซิบอันแผ่วเบาที่เหมือนมาจากที่อันไกลแสนไกล แต่ก็ไม่ดังพอที่จะทำให้หลุดออกจากห้วงแห่งนิทรานี้ได้เพียงสักนิด


          สองสามวันถัดไป ผมก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ไปๆ มาๆ อยู่กับที่นี่และชมรม และไม่ได้ไปเรียนอีกเลย ผมตัดสินใจดรอบเทอมนี้เอาไว้ก่อน ซึ่งไอ้เพื่อนเกลอของผมพอรู้เรื่องก็โวยวายสุดๆ และพยายามจะดรอบตามผม แต่ผมคัดค้านหัวชนฝา ถึงขั้นขู่ตัดเพื่อนกับมันเลยทีเดียวมันถึงจะยอม แต่ก็งอแงฉิบหาย นี่มึงเป็นเพื่อนหรือเป็นลูกกูกันแน่ ตัวติดกันยิ่งกว่าลิงแม่ลูกอ่อน กูละปวดเฮดจริงๆ

          Rrrr Rrrr

          เสียงโทรศัพท์ที่เป็นของแรร์สำหรับผมดังขึ้น คงไม่มีใครหรอกนอกจากไอ้ห่าเกลียว เพราะผมมีแค่มันคนเดียวให้โทรหาและรับสาย ดีละ จะได้ฝากให้มันซื้อผัดไทเข้ามาให้กินหน่อย ตื่นแล้วหิวชะมัด

          " ฮัลโหล แวะซื้อผัดไทให้กูด้วย เอาพิเศษเลยนะ สองห่อไปเลยดีกว่า และแน่นอน มึงจ่าย "

          " ฮ่าๆ ตัวเล็กแต่กินเยอะจังเลยนะ เดี๋ยวก็อ้วนพุงป่องหรอก แบบนี้ป๋าแบบพี่ก็เลี้ยงไม่ไหวหรอกมั้งเนี่ย " เสียงปลายสายที่น่าจะเป็นเสียงบ่นปนสาปแช่ง กลับเป็นเสียงนุ่มๆ ที่ฟังดูละมุนๆ คุ้นๆ เหลือเกิน

          ผมตกใจจนเผลอปล่อยโทรศัพท์ตกลงพื้น ดีนะที่มันไม่แตกกระจาย แต่ไอ้ที่แตกน่ะคือหน้าโผมมม พี่พริ้น!! พี่พริ้นโทรเข้าเครื่องโผม นี่ผมยังไม่ตื่นใช่ไหม ว่าแล้วก็เตะเก้าอี้ข้างๆ ดูสักป้าบ ชัดเจน น้ำตาเล็ดแบบนี้กูตื่นแล้วแน่นอน

          " เอ่อ แฮะๆ พ..พี่พริ้นรู้เบอร์ผมได้ยังไงครับเนี่ย ตกใจหมดเลย "

          " ฮ่ะๆ พี่อยากรู้อะไร พี่ก็ต้องรู้ให้ได้แหละ หาไม่ยากหรอก " คำพูดพี่พริ้นทำเอาผมเผลอกัดโมเดลสุดที่รักของไอ้เกลียวจนบิ่นเลยทีเดียว

          " แหม พี่ก็พูดไป ฮ่าๆ แล้วมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าผมช่วยได้ผมยินดีครับ " 

          " วันนั้นต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะที่พี่ไม่ได้พามินไปโรงพยาบาลเองน่ะ วันนี้พี่เลยจะขอไถ่โทษ ด้วยการพาไปเลี้ยงอาหารสุดพิเศษ มินต้องมาให้ได้น้า พี่คาดหวังสุดๆ ไปเลย " ผมยิ้มกว้างจนปากแทบฉีก วันนี้วันดีจริงๆ แค่ได้ฟังก็อิ่มไปจนถึงชาติหน้าได้เลยนะเนี่ย

          " ขอบคุณนะครับ แต่จริงๆ พี่ไม่ต้องลำบากก็ได้นะครับ "

          " ไม่รู้แหละ ถ้ามินปฏิเสธพี่ พี่จะไม่กินข้าว 3 วันเลยคอยดูสิ " เง้อ มาไม้นี้จะให้ผมทำยังไงละคร๊าบบ ผมน่ะอดได้ แต่พี่พริ้นห้ามอดเด็ดขาด งือ คนอะไรอ้อนน่ารักเชียว

          " 6 โมงเย็นวันนี้ที่ร้านเดิมนะ พี่มีเซอร์ไพรส์พิเศษให้มินด้วย " ผมใจเต้นตึกตักจนอกแทบระเบิด มันคืออะไรน้า ตื่นเต้นสุดๆ ไปเลยโว้ย

          " ครับพี่ แล้วเจอกันนะครับ "  ผมกดวางสายพร้อมกับกระโดดโลดเต้นไปมาทั่วห้อง เต้นระบำกับน้องหมีตัวใหญ่ที่มุมห้อง ถือสากกะเบือร้องเพลงผู้สาวขาเลาะ พร้อมไถลตัวไปตามพื้นห้องอย่างเมามันส์

          เกือบเย็นแล้วแต่ไอ้เกลียวก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมา โอเค ผมอาบน้ำเตรียมตัวตั้งแต่เที่ยงแล้ว ขัดสีฉวีวันจนตัวหอมฟุ้ง ใส่ชุดที่คิดว่าดูดีที่สุด ซึ่งจริงๆ ผมใส่ชุดไหนก็หล่อทุกชุดอยู่แล้วล่ะ หึหึ หมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจกเป็นชั่วโมง แปรงฟันบ้วนปาก 3 รอบได้ นี่มึงหวังอะไรจากพี่เค้าหรือไง ไอ้บ้า ฮ่าๆ ผมยืนด่าตัวเองอยู่หน้ากระจก สลับกับฮัมเพลงไปเรื่อยอย่างสุขขี

          ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมได้แต่แอบมองพี่อยู่เสมอ แต่ต่อไปนี้มันจะเปลี่ยนไปแล้ว ผมจะคาดหวังได้ไหมนะ ว่าตอนนี้ผมก็อยู่ในสายตาของพี่บ้างแล้ว จะในฐานะอะไรก็ได้ ขอแค่ให้ผม ได้อยู่ใกล้ๆ พี่ แบบนี้ตลอดไป


วันนี้จะต้องเป็นวันที่ผม จดจำไปชั่วชีวิตแน่นอน
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 10 วันที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิต ](15/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 15-09-2017 12:29:45
พี่พริ้นนี่เข้าหาน้องมินแบบแปลกๆนะ พวกทีีมาดีดีนี่ไว้ใจไม่ค่อยได้

ละน้องมินเนี่ยไม่ใช่คนไทยใช่มะ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 10 วันที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิต ](15/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 15-09-2017 20:57:13
พี่พริ้นนี่เข้าหาน้องมินแบบแปลกๆนะ พวกทีีมาดีดีนี่ไว้ใจไม่ค่อยได้

ละน้องมินเนี่ยไม่ใช่คนไทยใช่มะ

เรื่องนี้ปมปริศนาค่อนข้างเยอะค่ะ อิอิ
รอดูต่อไปนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 10 วันที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิต ](15/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 15-09-2017 21:43:36
พี่พริ้นต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแอบแฝงแน่ๆถึงได้เข้าหามินแบบนี้ หึหึ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 10 วันที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิต ](15/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 16-09-2017 12:10:35
          FC ที่ 11 สายฝนที่ตกอยู่ในหัวใจ


          ผมก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่า ผมยืนบิดไปมาหน้ากระจกนานเกินไปแล้ว ผมต้องรีบไปโบกแท็กซี่ก่อนที่รถจะติด กะเผื่อเวลาไว้นิดหน่อย เพราะผมไม่ชอบที่จะต้องให้อีกฝ่ายมานั่งรอ

          ไม่นานผมก็มาถึงหน้าห้างสรรพสินค้า และรีบเร่งไปยังร้านอาหารที่นัดกันไว้ ตลอดทุกฝีก้าว ผมหัวใจเต้นตึกตักตามจังหวะการเดิน โอย ทั้งๆ ที่ไม่ใช่รอบแรกที่มาทานอาหารกันสองคนแท้ๆ แต่กลับตื่นเต้นกว่าครั้งก่อนซะอีก เพราะว่าครั้งนี้ พี่ได้บอกกับผม ว่าพี่มีเซอร์ไพรส์อะไรบางอย่าง มันคืออะไรกันน้า แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ผมก็จะต้องดีใจสุดๆ แน่นอน

          " เอ่อ กี่ที่คะ " พนักงานสาวสวย มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำหน้าเหมือนชั่งใจ ว่าจะเชิญเข้าร้านหรือเรียก รปภ. มาลากไปดี 

          " 2 ที่ครับ "

          " เชิญทางนี้เลยค่ะ " พนักงานสาวลังเลเล็กน้อย แต่ก็เชิญให้ผมเข้าไปในร้าน ผมเลือกโต๊ะเดิม มุมเดิมที่ผมกับพี่พริ้นเคยมานั่งครั้งก่อน ซึ่งมันเป็นมุมที่ดีที่สุดในร้าน มันสงบและดูเป็นส่วนตัว

          ผมก้มลงมองนาฬิกา ซึ่งตอนนี้เป็นเวลา 5 โมงเย็น 48 นาทีแล้ว ซึ่งใกล้เวลานัดมากเข้าไปทุกที
         
          เสียงกรุ๊งกริ๊งหน้าร้าน เป็นตัวบ่งบอกว่ามีแขกกำลังเดินเข้ามาในร้าน ทำให้ผมชะเง้อคอมองอย่างคาดหวัง และแล้วก็เป็นดั่งที่หวัง ชายหนุ่มสุดหล่อสวมหมวกใบสวยเดินเข้ามาในร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมลุกขึ้นยืนต้อนรับบุคคลที่ผมกำลังตั้งตารอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน

          แต่แล้วรอยยิ้มนั้น ก็พลันหายไป แขกคนที่ 3 ที่ผมไม่ได้คาดคิดว่าวันนี้จะได้พบเจอ เดินก้าวเข้ามายืนข้างๆ พี่พริ้น เธอมีใบหน้าที่สวยงาม แต่งตัวดูดี มีผิวขาวใส แต่งหน้าดูอ่อนหวาน รับกับใบหน้าที่สวยน่ารักของเธอ เธอส่งยิ้มที่อ่อนโยนให้กับผม ก้มหัวลงเล็กน้อยอย่างสุภาพนอบน้อม

          ราวกับเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกกลืนหายไป ผมยืนอยู่ตรงนั้น ตัวชาราวกับโดนเข็มทิ่มแทงสักพันเล่ม รอยยิ้มที่ผมส่งไปให้ คงเป็นรอยยิ้มที่แสนเศร้าเหลือเกิน นับเป็นครั้งแรกที่ผมรู้ตัวว่าผมนั้น ชอบพี่พริ้นในรูปแบบไหน เพิ่งได้รับรู้ และจบลง ภายในเวลาเดียวกัน

          " ว้าวได้โต๊ะดีซะด้วย ทำดีมาก " พี่พริ้นพูดพร้อมยื่นมือมาขยี้หัวผมด้วยความเอ็นดูเช่นเคย

          " มานานหรือยัง นี่พี่คิดว่าพี่มาเร็วแล้วนะเนี่ย กลายเป็นว่ามินมารอแล้วซะงั้น " 

          " ผมก็เพิ่งมาถึงเหมือนกันครับ " ผมพยายามบังคับไม่ให้เสียงของผมสั่นไหว เหมือนหัวใจของผมตอนนี้

          " พี่จะแนะนำให้รู้จักนะ นี่ดาริน เป็นแฟนของพี่เอง มินเป็นคนแรกเลยนะที่พี่พารินมาเจอ พี่ไม่เคยเปิดเผยกับใครที่ไหนเลย " พี่พริ้นพูดพร้อมกับโอบไหล่สาวสวยอย่างรักใคร่ 

          " ครับ สวยมากเลยครับ "

          " ใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ คนนี้เนี่ยพี่ภูมิใจสุดๆ ไปเลย ยิ่งถ้ามินชอบพี่ก็ยิ่งดีใจ " พี่พริ้นพูดพร้อมกับหันไปส่งยิ้มละมุนให้แฟนสาว ซึ่งเจ้าหล่อนก็หยิกแขนพี่พริ้นไปหนึ่งทีด้วยความเขินอาย

          ทั้งคู่ช่างเหมาะสมกัน ราวกับเกิดมาเพื่อกันและกัน ผมมาทำอะไรที่นี่กันนะ ผมนั้นเหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ดูหม่นหมองลงไปเมื่ออยู่ใกล้ๆ แต่พอได้เห็นพี่พริ้นยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้แล้ว ผมจะทำหน้าหม่นหมองได้อย่างไรกัน

          พี่ครับ...

          ผมได้ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับพี่แล้วนะครับ ตอนนี้ผมมีความสุขดีครับ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงผมอีกแล้วนะ

          ผมยิ้มให้กับความรักของคนที่ผมรักด้วยรอยยิ้มที่มาจากหัวใจ ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับ พี่สมควรได้รับความสุขนั้นแทนผม


          เวลาผ่านไปนานแสนนาน เหมือนกับเวลาหยุดนิ่ง เนิ่นนานเหมือนชั่วนิรันดร์ เข็มวินาทีที่ก่อนหน้านี้เดินอย่างแข็งขัน บัดนี้กลับเดินหมุนวนไปอย่างช้าๆ พร้อมกับหัวใจที่อ่อนแอลง เหมือนมันไม่อยากจะเต้นอีกต่อไป

          " มินไม่สบายหรือเปล่า อาหารไม่อร่อยเหรอ " 

          " เปล่าครับ อร่อยมากเลยครับ " ผมฝืนยิ้มอย่างอ่อนโอนไปให้อย่างอ่อนแรง

          " คุณรินเรียนที่ไหนเหรอครับ " ผมถามคำถามที่ไม่อยากรู้ออกไปทำไมกันนะ

          " นิเทศศาสตร์ปี 3 จ๊ะ มหา'ลัยเดียวกันนี่แหละ " เธอส่งยิ้มหวานมาให้ พร้อมตักกับข้าวให้พี่พริ้น

          " มินมีแฟนหรือยังจ๊ะ น่ารักแบบนี้ต้องมีแล้วแน่ๆ เลย " เธอพูดต่อพร้อมกับเช็ดปากให้พี่พริ้นอย่างไม่จำเป็น

          " ไม่มีหรอกครับ สภาพแบบนี้คงยากฮะ " ผมส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้พลางเขี่ยข้าวในจานไปมา

          " มิน พูดอะไรแบบนั้น มินก็ดูดีในแบบของมินนั่นแหละ " พี่พริ้นพูดปลอบใจผม แว๊บนึงผมเหลือบตาไปมองที่แฟนสาวของพี่พริ้น ผมก็ทันได้เห็นแววตายิ้มเยาะอยู่เสี้ยววินาที ก่อนที่หล่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเป็นยิ้มละมุนอีกครั้ง 

          " เดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนดีกว่าครับ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนว่าจะเป็นหวัดอีกแล้วล่ะฮะ " ผมลุกขึ้น โค้งตัวเล็กน้อยพร้อมจะเดินจากไป 

          " เดี๋ยวสิมิน เดี๋ยวพี่ไปส่งมินเอง รอแปบนะ " พี่พริ้นดึงมือผมเอาไว้ ไม่ให้ผมเดินออกไป วางเงินสดแบงค์สีเทาหลายใบไว้บนโต๊ะ แล้วลุกออกมาจากที่นั่ง

          " ไม่เป็นไรครับพี่ พี่ต้องไปส่งพี่ดารินสิครับ " พี่พริ้นหันไปมองแฟนสาว ที่บัดนี้หน้างอไปเรียบร้อยแล้ว

          " ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับ " ผมโค้งตัวอีกครั้งและเดินจากออกมา แต่ก็ยังมีมือมาจับผมเอาไว้อีก

          " เดี๋ยวพี่ไปส่งรินแปบเดียว เดี๋ยวพี่มา มินรอพี่นะ " พี่พริ้นพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง ผมเงยหน้ามองพี่พริ้น ที่ตอนนี้ดวงตาสั่นไหวอย่างน่ากลัว

          " ครับ ผมจะรอครับ " ผมส่งยิ้มไปให้ เพื่อให้พี่พริ้นสบายใจ

          พี่พริ้นรีบร้อนเดินจากไปพร้อมแฟนสาว ผมซึ่งรับปากว่าจะรอ ก็เดินลงไปจากชั้นบน เพื่อลงไปรอข้างนอกห้าง ซึ่งตอนนี้ใกล้ปิดเต็มทีแล้ว


          ผมมานั่งรอพี่พริ้นที่ขั้นบันไดเตี้ยๆ หน้าห้าง เฝ้ามองรถที่แล่นผ่านไปมาด้วยความเหม่อลอย สีสันยามค่ำคืนของท้องถนนนั้นช่างสวยงามมากมายหลากสี แต่วันนี้มันกลับกลายเป็นสีเทาที่ดูหม่นหมอง บางที อาจจะเป็นเพราะหัวใจของผมก็ได้ ที่มันทำให้สีสันต่างๆ จางลง

          ' ซ่าาาา '

          สายฝนที่หนาวเย็น เริ่มตกลงมาทีละนิด พร้อมๆ กับไฟในห้างที่ดับลง เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงแล้ว แต่ผมก็ยังคงนั่งรอต่อไป เวลาแค่นี้น่ะเทียบไม่ได้กับที่ผมรอพี่มา 8 ปีเต็ม เวลาแค่ 3 ชั่วโมงมันทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ

          ไม่รู้ว่าสายฝนอันไหนกันแน่ที่ตกหนักมากกว่ากัน ระหว่างสายฝนที่ร่างกายของผมสัมผัสมันอยู่นี้ หรือเป็นสายฝนที่ตกอยู่ในใจของผม

          ' แปะๆๆๆ ่

          เสียงของเม็ดฝนที่ตกกระทบกับร่มที่กางเหนือศีรษะของผม ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนคนใหม่


ผู้มาเยือนที่เป็นคนสุดท้าย ที่ผมอยากจะเจอที่สุดในชีวิต
         
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 10 วันที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิต ](15/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 16-09-2017 18:16:16
พี่พริ้นต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแอบแฝงแน่ๆถึงได้เข้าหามินแบบนี้ หึหึ


นักอ่านบอร์ดนี้หลอกไม่ได้เลยแฮะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :z1:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 11 สายฝนที่ตกอยู่ในหัวใจ ](16/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 17-09-2017 12:50:26
          FC ที่ 12 ชายที่มากับร่มคันใหญ่


          ชายที่ถือร่มกันฝนคันใหญ่ ยื่นร่มมากันฝนให้กับผม อีกมือหนึ่งก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่มีลวดลายแปลกๆ มาให้ พร้อมใบหน้าที่ดูบึ้งตึง และคิ้วที่ขมวดมุ่น แต่แววตากลับอ่อนลง 

          " ไปให้พ้น " ผมไล่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยไมตรีจิตที่ติดลบ ผมไม่อยากจะมาทะเลาะกับหมอนี่ในช่วงเวลานี้หรอกนะ

          " หมอนั่นน่ะ มันไม่มาหรอก กลับบ้านไปซะ " ผมยิ้มให้กับคำพูดของคนคนนี้

          " ผมรู้ " ไม่รู้ว่าละอองฝนหรือหยาดน้ำตากันแน่ที่ทำให้ใบหน้าของผมเปียกชื้นถึงขนาดนี้

          " รักมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ " ผมเงยหน้ามองคนที่ตั้งคำถามนี้ออกมา 

          " ถ้าจะมาสมน้ำหน้าหรือหัวเราะเยาะก็เอาเลยสิ เพราะวันนี้น่ะ เป็นวันพิเศษ " ผมยังคงส่งยิ้มไปให้ ทำให้คนตรงหน้า ขบกรามแน่นด้วยอารมณ์ครุกรุ่น

          ' หมับ! '

          ผมมองที่แขนของผมอย่างแปลกใจ มือที่กำลังเกาะกุมแขนผมอยู่ตอนนี้ ไม่ได้ออกแรงอย่างที่คิด แต่ค่อยๆ ดึงตัวผมให้ลุกยืนขึ้น แล้วจูงผมเดินออกไปยังรถที่จอดรถอยู่ไม่ไกลนัก

          ผมขืนตัวเอาไว้ ความรู้สึกทั้งสงสัยและแปลกใจก่อตัวขึ้นมา หมอนี่วันนี้เป็นอะไรกันนะ ดูแตกต่าง ราวกับเป็นคนละคนกับวันนั้น 

          " ถ้าจะมาสงสารหรือเห็นใจผม บอกไว้ก่อนนะ ไม่ต้อง คนแบบนายน่ะ ผมไม่ต้องการความเห็นใจ " คนตัวสูงหยุดเดินพร้อมกับหันหน้ามาด้วยแววตาที่แข็งกร้าว

          " หุบปาก แล้วตามมาซะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะมัดนายแล้วโยนใส่ท้ายรถ " ผมมองหน้าที่จริงจังของไอ้คุณไออย่างชั่งใจ สายตาแบบนั้นคงไม่ได้พูดเล่นแน่ๆ

          ผมเริ่มออกเดินอีกครั้งตามแรงจูงของคนตรงหน้า หมอนี่มันเป็นไบโพล่าแน่ๆ น่ากลัวชะมัด แต่คงเป็นพี่พริ้นสินะ ที่ส่งไอบ้านี่มา พี่คงมาไม่ได้จริงๆ เลยต้องทำแบบนี้ใช่ไหมครับ ผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองใช่ไหม พี่ก็เป็นห่วงผมเหมือนกันใช่หรือเปล่า

          ตลอดเวลาที่อยู่ในรถ ไม่มีเสียงใดๆ นอกจากเสียงฝนที่ตกอยู่ภายนอกหน้าต่างเท่านั้น ผมเหลือบมองดูคนข้างๆ ที่กำลังเท้าคางขับรถ อย่างสบายๆ เป็นครั้งแรกที่เห็นหมอนี่แต่งกายด้วยชุดลำลองที่ดูปกติ เสื้อแขนยาวคอวีสีดำที่แขนเสื้อถูกถกขึ้นถึงข้อศอก กางเกงยีนส์สีเข้ม และรองเท้าบูธทรงสูง เครื่องประดับสีเงินที่ข้อมือ และเจาะหูอีกด้วย

          ผมไม่แปลกใจว่าทำไมหลายๆ คนถึงมองผู้ชายคนนี้เหลียวหลังคอแทบหัก เพราะถ้าเปรียบพี่พริ้นเหมือนดั่งเจ้าชายที่สว่างไสวดุจแสงอาทิตย์แล้ว คนคนนี้ก็คงเปรียบเสมือนเจ้าชายที่ทรงเสน่ห์แห่งรัตติกาล

          " เราจะไปไหนกัน " ผมทำลายความเงียบนี้ด้วยความกล้าๆ กลัวๆ

          " หุบปาก แล้วอยู่นิ่งๆ "

          เวลาผ่านไปสักพัก รถก็ได้มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านอาหารหรือจะเรียกว่าบาร์แห่งหนึ่ง มันดูสงบและเรียบหรู เมื่อเดินเข้ามาในร้าน บรรยากาศนั้นอบอวนไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ ไฟสลัวๆ ตามทางเดินจากเชิงเทียนตามโต๊ะต่างๆ และพรมสีแดงเลือดหมู ทำให้ร้านดูวังเวงและโรแมนติกในคราวเดียวกัน

          หมอนี่คิดอะไรอยู่นะ ถึงพาผมมาในที่แบบนี้ ผู้คนที่พูดคุยกันราวเสียงกระซิบ ต่างหยุดพูดและมองดูผมกับไอ้คุณไอ เดินผ่านโต๊ะไปอย่างเงียบๆ แต่ก็ยังคงจ้องตาไม่กระพริบ ตามด้วยเสียงซุบซิบนินทาตามหลัง ผมหลบสายตาทุกๆ คนด้วยความเคยชิน

          ตรงกลางของร้าน มีแชนเดอเลียร์อันใหญ่สีดำที่ดูเก่าแก่แต่ก็งดงาม ประดับอยู่ด้านบนของใจกลางร้าน และใต้แชนเดอเลียร์นั้น ก็มีเปียโนหลังใหญ่สีดำหลังหนึ่งตั้งอยู่ หัวใจของผมสงบลงอย่างน่าประหลาดเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า มันทำให้ผม หวนคิดถึงความทรงจำที่แสนล้ำค่า ช่วงเวลาที่ผมได้ใช้มันร่วมกับคนที่ผมรัก ซึ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงไหน แต่ทิวทัศน์นั้น ก็ไม่เคยหายไปจากหัวใจของผม

          " ไปสิ " ผมหันไปมองคนที่เดินตามหลัง ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็รู้โดยทันทีเมื่อคนคนนั้น พยักพเยิดหน้าไปทางเปียโนนั่น 

          " เล่นสิ ฉันอยากฟัง " คนพูด พูดพร้อมกับจุดบุหรี่ขึ้นสูบ แล้วพ่นควันใส่หน้าผมด้วยท่าทางที่กวนประสาท หมอนี่รู้ได้ยังไงกันนะว่าผมเล่นเปียโนเป็น แต่ พี่พริ้นคงเล่าให้ฟังสินะ

          ผมเดินไปยังเปียโนหลังนั้น ทั้งร้านดูเงียบสงบลงทันที เหมือนกับว่ากำลังรออะไรอยู่

          ' ไอ้หนูนั่น สภาพนั้นจะเล่นเป็นเหรอ '

          ' นั่นสิ ขึ้นไปทำอะไรตรงนั้นนะ '

          ' เจ้าของร้านรักเปียโนตัวนั้นมากนะ แทบไม่ให้ใครแตะต้องมันเลยแท้ๆ '

          เสียงกระซิบกระซาบตามมาไม่ขาดสาย เมื่อผมเดินมานั่งที่เปียโนหลังนี้ ผมลูบไล้ไปตามคีย์เปียโนอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกแปลกๆ นี่มันคืออะไรกันนะ เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

          ผมหลับตาลง นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ คิดถึงความรู้สึกต่างๆ ที่ผมต้องเผชิญมาเพียงลำพัง ความรู้สึกทุกๆ อย่างได้หลั่งไหล ไปพร้อมๆ กับนิ้วมือที่ก่อให้เกิดเสียงดนตรี ความโศกเศร้าสอดประสานกับปลายนิ้ว ทำให้เสียงเพลงที่บรรเลงออกมานั้น เศร้าหมองยิ่งนัก เสียงกระซิบก่นด่าที่ได้ยินอยู่ก่อนหน้า แปรเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบ ที่แสดงความแปลกใจ และชื่นชมหลงไหลไปกับเพลงที่บรรเลง ความเศร้าโศกของท่วงทำนอง ทำให้แขกหลายๆ คน ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเศร้า 

          ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมได้บรรเลงเพลงที่แสนเศร้านี้ออกไป เหมือนกับว่าความโศกเศร้าในหัวใจของผมนั้น เริ่มเจือจางลง ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ผม ชอบที่จะระบายความรู้สึกไปการเล่นเปียโนที่แสนรัก ปลดปล่อยความรู้สึกทุกๆ อย่าง ให้ลอยออกไปจากหัวใจ เหลือไว้แค่เพียงความสุข และความสบายใจเท่านั้น

          เสียงเพลงบรรเลงจบลง พร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังสนั่นโถงแห่งนี้ มีหลายๆ คนกำลังเช็ดน้ำตาด้วยกระดาษทิชชู่พร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ผมลุกขึ้นยืน ผายมือและโค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ

          ผมกวาดสายตาไปหาคนที่พาผมมา ณ ที่แห่งนี้ แว๊บหนึ่งผมสังเกตุเห็นสีหน้าที่ดูประหลาดใจระคนตกใจออกมาจากหมอนั่น เป็นไงล่ะ ฝีมือผมเทพมากใช่ไหมล่ะ ผมส่งยิ้มกวนประสาทไปให้ และสิ่งที่ได้รับกลับมา ก็คือรอยยิ้มที่กวนประสาทยิ่งกว่านั่นเอง นี่สินะ รอยยิ้มของจอมมาร แต่ก็ ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นะ ผมคิดและยิ้มออกมาจากหัวใจ


หลังจากนี้ จะแบ่งรอยยิ้มให้บ้างละกัน ไอคนซาดิสม์เอ๋ย
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 12 ชายที่มากับร่มคันใหญ่ ](17/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 17-09-2017 18:23:48
พระเอกมาแล้วว อิอิ  :impress2:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 12 ชายที่มากับร่มคันใหญ่ ](17/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 17-09-2017 19:51:40
จะทีมพี่ไอล่ะนะค้าาาาาา
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 12 ชายที่มากับร่มคันใหญ่ ](17/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 18-09-2017 11:54:51
          FC ที่ 13 ลางร้ายของความเจ็บปวด


          ผมลากสังขารกลับมาที่คอนโดของไอ้เกลียวด้วยสภาพที่ดูไม่ได้หนักกว่าเดิม ไอ้คุณไอ ไม่ยอมพูดอะไรเลยตอนมาส่ง หลบตาผมตลอดเวลา คุยด้วยก็ไม่ยอมคุยด้วย อยู่ดีๆ ก็เป็นบ้าอะไรอีกกันนะ เชอะ

          ผมบ่นปากอุบอิบตลอดทางขณะเดินขึ้นลิฟท์ และไม่นานก็มายืนอยู่หน้าประตูห้อง ผมไขกุญแจ แต่ก็พบว่ามันไม่ได้ล็อคอยู่ สงสัยไอ้เกลียวมันคงลืมละมั้ง

          ภายในห้องมืดสนิท ผมต้องคลำทางสักพักกว่าจะมาหยุดยืนที่หน้าประตูห้องของมัน ผมเปิดประตูเข้าไปช้าๆ และก็พบว่าตอนนี้ มันกำลังนอนอยู่บนเตียง 

          " หลับแล้วเหรอ ทำอะไรของมึงวะ ปกติไม่เห็นจะปิดไฟทั้งห้องแบบนี้เลย " ผมพูดพลางชะเง้อคอมองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ เพราะไอ้เกลียวเป็นพวกชอบนอนเปิดไฟครับ มันกลัวผี

          " กูเปิดไฟให้นะ " ผมเดินเข้าไปเตรียมจะกดสวิตส์ไฟ 

          " ย..อย่า อย่าเปิด " อยู่ดีๆ มันก็ร้องขึ้นมาเสียงดัง ทำเอาผมตกใจเลยทีเดียว

          " อะไรของมึง เมาหรือไง " ผมยังคงงงงวยกับท่าทีของมัน ทำไมมันถึงต้องห้ามผมเปิดไฟด้วยนะ

          " วันนี้กูอยากนอนแบบมืดๆ ว่ะ ขอกูนอนได้ไหม เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ มึงรีบไปนอนเถอะ " มันพูดอู้อี้พร้อมมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ผมรู้สึกว่านี่มันไม่ปกติเลยสำหรับเพื่อนของผม หรือว่ามันจะไม่สบายกันนะ

          ด้วยความเป็นห่วง ผมเลยตัดสินใจเดินเข้าไปข้างๆ เตียงของมันพร้อมกับกระชากผ้าห่มผืนใหญ่ที่คลุมตัวมันออกทันที

          " โอ้ย ทำอะไรของมึงวะ " เมื่อผ้าผ่มเปิดออกเผยให้เห็นสภาพของคนที่อยู่ใต้นั้น ทำให้ผมตกใจก้าวถอยหลัง ถึงจะอยู่ในความมืด แต่ร่องรอยบนใบหน้าของมัน ก็เด่นชัดเหลือเกิน ผมรีบวิ่งไปเปิดไฟ แล้ววิ่งกลับมาที่เตียงอีกครั้ง 

          " ไอ้เกลียว ใครทำมึงแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น " ผมพูดเสียงสั่นเครือ ในขณะที่ไอ้เกลียวร้องโวยวาย และพยายามซ่อนตัวไปในใต้ผ้าห่มอีกครั้ง 

          " มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้นะ ใครทำมึง " ผมพยายามจับไหล่มัน เพื่อจะได้มองหน้ามันชัดๆ

          เลือดนองเปรอะหมอน จากสภาพใบหน้าของมันที่หล่อเหลา บัดนี้ตาข้างนึงบวมช้ำสีม่วง บวมเป่งจนตาปิดไปทั้งหมด คิ้วแตกเลือดยังคงไหลอาบหน้า ปากเจ่อบวมช้ำจนคิดว่าฟันกรามก็น่าจะหลุดไปหลายซี่แน่นอน เรียกได้ว่าสภาพมันตอนนี้ ปางตายเชียวล่ะ

          " ก..กูไม่เป็นไร "

          " ไม่เป็นไรพ่องมึงสิ ไป ไปหาหมอกับกูเดี๋ยวนี้ " ผมพยายามเข้าไปพยุงตัวมันอย่างทุลักทุเล เพราะตัวมันค่อนข้างใหญ่กว่าผม แต่มันก็รั้งตัวเองไว้ไม่ยอมลุกขึ้นตามแรงที่ผมดึง

          " ไม่ ไม่ไป " มันยังคงดื้อดึงไม่ยอมลุกจากเตียงอยู่อย่างนั้น

          " อะไรของมึงวะ อยากตายหรือไง " ผมตะโกนด่ามันอย่างเหลืออด มันจะดื้อไปทำไมกันวะ 

          " กูขอ ถือว่ากูขอละกัน " มันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง นับว่าเป็นสีหน้าที่หายากยิ่งที่จะได้เห็นจากมัน ผมอยากจะตะโกนด่ามันเหลือเกินว่าทำไม ทำไมถึงไม่บอกอะไรผมเลย แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลง ผมจะมีสิทธิ์พูดคำนั้นได้ยังไง ทั้งๆ ที่ผม ก็ไม่เคยบอกความจริงทุกอย่างให้มันรู้เลย

          " กูจะทำแผลให้ " ผมพูดเสียงอ่อน พลางเดินหากล่องพยาบาลที่หายากยิ่งในห้องโล่งๆ แห่งนี้ เมื่อหาเจอแล้ว ก็เดินกลับมาเพื่อปฐมพยาบาลให้ไอ้เพื่อนตัวดีของผม

          ผมไม่พูดอะไรอีกต่อไป เพราะถึงถามอะไรไปมันก็คงไม่บอกอยู่ดี ผมโกรธ โกรธมาก ใครกันนะที่กล้าทำกับมันขนาดนี้ มันเป็นพวกซื่อๆ และไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน ตลอดเวลาที่เรียนกับมัน อยู่กับมัน ก็ไม่เคยมีปัญหากับใครเลย อย่าให้รู้ละกัน ผมคิด

          " ขอโทษนะ " ไอ้เกลียวทำหน้าเศร้า แต่เชอะ กูงอนว่ะ

          " โอ้ยยย จะฆ่ากันหรือไงวะ " ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยจงใจใส่แรงเข้าไปตอนทำแผลให้มัน

          " หึ สมน้ำหน้า " ผมพูดพลางแลบลิ้นให้มันอย่างสะใจ 

          " แล้ววันนี้เป็นไงบ้างวะ แต่งตัวแบบนี้ไปดินเนอร์กับพี่่พริ้นสุดหล่อของมึงมาล่ะสิ " ผมหยุดชะงัก สิ่งที่พยายามลืม ตอนนี้กลับทำให้ผมนึกถึงมันอีกครั้ง 

          " อ๋อ อืมก็ตามนั้นแหละ " ผมฝืนยิ้มอย่างอ่อนแรงออกไป

          " ไม่เป็นไรนะ " ไอ้เกลียวถามพร้อมทำคิ้วขมวดมุ่น

          " มึงห่วงตัวเองก่อนดีไหม " ผมเลี่ยงที่จะมองหน้ามัน
         
          " เดี๋ยวกูไปนอนดีกว่า ยังไงถ้ามึงเปลี่ยนใจจะไปหาหมอก็บอกนะ " 

          " อืม ขอบใจนะมิน " ผมยิ้มให้มันและเดินออกมาเพื่อไปอาบน้ำ


          รุ่งขึ้น ผมทำแผลให้ไอ้เกลียวอีกครั้ง พร้อมหาอาหารและยามาให้ 

          " แดกซะ เดี๋ยวกูจะไปชมรมหน่อย เดี๋ยวขากลับซื้อยามาเพิ่มให้อีกละกัน " 

          " ไม่เป็นไร มึงไปเถอะ กูถึกจะตาย ไม่ต้องห่วง " 

          " เหอะ จะตายห่าแล้วยังปากดีอีก " ผมดีดหูมันไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ พร้อมวิ่งหนีเสียงสาปแช่งที่ไล่ตามหลังมาติดๆ 

          ผมไม่อยากอยู่ว่างๆ แม้แต่วินาทีเดียว ห้องชมรมเลยเป็นตัวเลือกเดียวของผม แต่เห็นแบบนี้ผมก็ไม่ได้ว่างตลอดหรอกนะครับ จริงๆ ผมก็มีงานที่ต้องทำอยู่ ไม่อย่างนั้นจะหาเงินมาจากไหนละครับ ช่วงนี้เงินยิ่งร่อยหลอซะด้วย ผมทำงานรับจ๊อบเล่นเปียโนตามร้านอาหารนี่ล่ะครับ แต่ด้วยสภาพของผม ก็เลยหาที่เล่นยากนิดหน่อย เดี๋ยวช่วงบ่ายวันนี้ผมต้องไปเล่นที่บ้านเด็กกำพร้า การเล่นดนตรีให้พวกเด็กๆ ฟังนั้น ก็ถือเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของผม

          ' ปัง! '

          เสียงประตูชมรมเปิดออก พร้อมกับคนที่คุ้นเคยรีบร้อนกระหืดกระหอบเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นกังวล

          " มิน " คนที่เพิ่งเข้ามาก็คือพี่พริ้นนั่นเอง ผมส่งยิ้มให้พี่พริ้นเหมือนเช่นเคย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด

          " มิน พี่ ขอโทษมินจริงๆ นะ พี่จะทำยังไงดีมินถึงจะยกโทษให้ " พี่พริ้นพูดรัวเร็วอย่างร้อนรน

          " เดี๋ยวๆ ครับพี่ ใครโกรธอะไรใครเหรอครับ ผมไม่ได้โกรธพี่นะครับ "

          " จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง พี่ไม่ได้กลับไปรับมินนะ " พี่พริ้นพูดด้วยสีหน้าที่ครางแครงใจ

          " ก็ พี่ส่งพี่ไอมารับผมนี่ ใช่ไหมละครับ พี่ไอก็มาส่งผมที่หอครับ ขอบคุณนะครับ ที่ยังนึกถึงผม " ผมส่งยิ้มให้พี่พริ้น เพื่อแสดงออกว่าผมไม่เป็นอะไร

          " ไอ ไอไปที่นั่นอย่างงั้นเหรอ " ผมมองสีหน้าของพี่พริ้นที่มีแต่ความสงสัย แต่ก็กลับเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว

          " อ..อ๋อ ไอ ไอนั่นเอง ฮ่ะๆ พี่ให้ไอไปรับมินแทนพี่เอง ใช่แล้วล่ะ พี่ขอโทษจริงๆ นะ พี่ติดธุระสำคัญจริงๆ " พี่พริ้นพูดด้วยแววตาเศร้าสร้อย

          แล้วอย่างงี้ผมจะโกรธพี่ลงได้ยังไงกันละครับ ผมยิ้มให้กับพี่พริ้นอย่างอ่อนโยน พี่น่ะ จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นชีวิตของผมเป็นของพี่มานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาขอโทษผมเลยแท้ๆ


ต่อให้พี่ทิ้งผมไว้ข้างทางนั้นจริงๆ ผมก็ ไม่มีวันโกรธพี่ได้หรอกครับ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 13 ลางร้ายของความเจ็บปวด ](18/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 18-09-2017 12:16:25
แหมม อิพี่พริ้นสวมรอยทำเนียนเหมือนให้ไอมาส่งแทน เชอะ มินคงจะชอบพี่พริ้นมากจริงๆ เตรียมตัวรับความเจ็บปวดแล้วมาซบอกะไอดีกว่าน้าาาา
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 13 ลางร้ายของความเจ็บปวด ](18/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 18-09-2017 16:39:20
          FC ที่ 14 จุมพิตที่แสนขมขื่น


          หลังจากขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ พี่พริ้นก็กลับออกไป เพราะว่าวันนี้พี่พริ้นมีคิวถ่ายละครและถ่ายแบบลงนิตยสารอีกหลายงาน ผมส่งยิ้มให้พี่พริ้นก่อนจะเตรียมตัวไปทำงานพิเศษที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าย่านชานเมือง ซึ่งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ เป็นกองทุนช่วยเหลือในนามของตระกูลสหวัฒนวรางกูร หรือตระกูลของพี่พริ้นนั่นเอง

          เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ มันช่างเป็นสถานที่ที่ดูอบอุ่นและร่มรื่นเหลือเกิน ผมชอบเวลาที่ได้เห็นเด็กๆ วิ่งเล่นและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้รับในวัยเด็ก 

          " พี่ชายฮะ ไปเล่นกัน " เด็กน้อยตากลมโตคนหนึ่ง พยายามลากผมไปยังสนามเด็กเล่นที่สวนดอกไม้ด้านหลัง ผมเดินมาเรื่อยๆ ตามแรงจูงของเด็กน้อย

          เสียงเอะอะเจี๊ยวจ๊าวและเสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังมาถึงทางที่ผมกำลังเดิน ทำให้รู้ว่าสนามเด็กเล่นด้านหลังนี้คงมีเรื่องสนุกๆ สินะ ผมเดินต่อไปจนถึงใต้ต้นโอ๊คต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านอย่างร่มรื่น มองดูกลุ่มเด็กตัวเล็กๆ ตรงหน้า กำลังเล่นกับชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างสนุกสนาน เด็กๆพากันลุมกระโดดและกอดขาของชายหนุ่นคนนั้นไว้ ทำให้หนุ่มคนนั้นล้มหงายท้องลงไปพร้อมกับระเบิดหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง

          ผมยิ้มให้กับภาพตรงหน้าอย่างมีความสุข เป็นคนที่ใจดีจังเลยนะ เด็กๆ คงรักชายหนุ่มคนนั้นมากจริงๆ

          แต่เมื่อผมลองเพ่งมองดูดีๆ แล้ว ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุ้นๆ จังเลยนะ เหมือนกับว่า เอ่อ...

          ผมชะงักค้างทันทีที่ได้เห็นคนตรงหน้าชัดๆ ไม่ ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง ผมสั่นหัวอย่างรุนแรงพลางขยี้ตารัวๆ อย่างตื่นตะลึง ถ้าเป็นไอ้บ้านั่นจริงๆ คงจับเด็กกินตับไปแล้วแน่นอน

          ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปเพื่อมองให้เห็นชัดถนัดตาขึ้นอีกนิด และก็ชัดเจนครับ ผมอ้าปากค้างอีกครั้ง คุณพระ นี่มันอะไรกันฟะเนี่ย เด็กน้อยคนหนึ่งในกลุ่มนั้นวิ่งตรงมาหาผม เพื่อมาลากให้ผมเข้าร่วมกับการละเล่นครั้งนี้

          และเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าหันมาสบตาเจอผมเข้าก็ตัวแข็งทื่อทันที หน้าตาที่ยิ้มแย้มอย่างสนุกสานตลอดเมื่อกี้นี้  บัดนี้เหลือแค่เพียงความเหนื่อยล้าและความตกใจอยู่บนใบหน้า ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืน และพยายามผลักเด็กๆ ออกไปให้ห่างตัว ทำหน้าตาเลิกลั่ก เหมือนกำลังพยายามทำลายหลักฐานอยู่ยังไงยังงั้น แต่เด็กๆ ที่ยิ่งโดนผลัก ก็ยิ่งกรูกันเข้าหา จนชายหนุ่มนั้นล้มคว่ำลงไปอีกรอบ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเด็กๆ

          " ให้ช่วยไหมครับ " ผมพูดพลางยื่นมือเข้าไปหา พร้อมส่งรอยยิ้มกวนประสาทไปให้อย่างเปิดเผย 

          " ยุ่ง " คำตอบที่ได้ทำเอาผมหลุดขำออกมาอย่างเสียมิได้ ใครจะไปรู้ ว่าจอมมารคนนี้รักเด็กขนาดไหน ฮ่าๆๆ ผมหัวเราะในใจ ไอ้หมอนี่เอาจริงๆ ก็น่ารักดีแฮะ 

          " ไม่ยักรู้ว่าเป็นพวกนางงามรักเด็ก " ผมยังคงแหย่ยั่วโมโหคนตรงหน้า ด้วยใบหน้ากวนทีนแบบสุดๆ

          " เหอะ กับเด็กเล็กๆ พวกนี้น่ะใช่ แต่กับเด็กเปรตบางคนแถวนี้น่ะ ไม่ใช่แน่นอน " หึยย ปากคอเราะร้ายเหมือนเดิม

          " ไหนๆ เด็กๆ มาให้พี่ดูหน่อยคร๊าบบ ตับยังอยู่กับตัวไหมเนี่ย ระวังโดนปิศาจกินตับไม่รู้น้า " ผมพูดพลางจับตัวเด็กๆ พลิกไปมา แกล้งทำเป็นสำรวจร่างกายเด็กๆ เพื่อแหย่คนแถวนี้เล่น ฮ่าๆ 

          " เด็กพวกนี้น่ะ ไม่โดนหรอก แต่เด็กโข่งบางคนแถวนี้น่ะ ไม่แน่ " ไอ้คุณไอ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็นไอหื่นไปเรียบร้อย พูดพร้อมกับส่งสายตาโลมเลียมาที่ผมอย่างหื่นกระหาย ทำเอาผมรีบลุกขึ้นพร้อมขนที่ตั้งชันไปทั้งตัว

          " พี่ฮับ พี่สองคนเป็นแฟนกันเหรอ " เด็กชายตัวน้อยมองผมกับไอหื่นไปมาแล้วถามขึ้นอย่างไร้เดียงสา 

          " ไม่ใช่!!! " ผมกับไอหื่นตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างตื่นตกใจกับคำถาม จนเด็กน้อยคนนั้นเบะปากเตรียมร้องไห้ด้วยความตกใจเสียง

          " โอ๋ๆ ไม่ร้องนะไม่ร้อง ฮึบๆ " ไอ้คุณไอ อุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน พร้อมโยกตัวไปมาอย่างเชี่ยวชาญ ผมละอึ้งกับภาพตรงหน้าจริงๆ มีเรื่องให้ล้อไปนานเลยทีนี้ หึหึ

          " นายเป็นคนที่จะมาเล่นเปียโนวันนี้งั้นเหรอ " 

          " ใช่สิ " 

          " เฮ้ออ งั้นก็เลือกเพลงดีๆ ให้เด็กๆ ละกัน "

          " แน่นอน " ผมยิ้มให้กับความคิดนั้น แหง๋อยู่แล้วล่ะ ผมน่ะเล่นได้ทุกเพลงทุกแนวนั่นแหละ คอยดูละกัน

          " โอนี่จาง วันนี้ก็จะเล่นหยอคะ " เด็กหญิงตัวเล็กๆ เกาะขาไอ้คุณไอไว้แล้วเขย่าเบาๆ 

          " วันนี้พี่ชายคนนั้นจะเล่นให้ฟังน้า เดี๋ยวเราไปฟังด้วยกันนะคะ " ไอ้คุณไอย่อเข่าลงมาคุยกับเด็กหญิงอย่างใจดี

          ผมหูฝาดไปหรือป่าวนะ ไอ้คุณไอเนี่ยนะ เล่น เล่นอะไรกัน เปียโนงั้นเหรอ ถ้าเป็นกลองชุดหรือกีต้าร์ก็ว่าไปอย่าง ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถึงวันนี้ไอ้คุณไอจะแต่งตัวดูสบายตามากกว่าทุกวันก็เถอะ แต่ยังไงอิมเมจมันก็ไม่ได้อยู่ดีละนะ

          " คุณมิน พร้อมจะขึ้นเล่นหรือยังคะ " ผู้ดูแลของที่นี่มาตามผมเพราะว่าใกล้ถึงเวลาแสดงแล้ว

          " ครับ พร้อมแล้วครับ " 

          " ส่วนคุณไอ มีสายมาจากคุณท่านค่ะ " 

          " อืม จะไปเดี๋ยวนี้แหละ " คุณท่านงั้นเหรอ อะไรกันนะ แต่ผมไม่มีเวลาจะคิดอะไรอีกแล้ว เพราะว่าต้องขึ้นแสดงแล้วล่ะ

          ผมมาถึงโรงอาหารที่เด็กๆ นั่งเรียงกันอยู่ด้วยใบหน้าตื่นเต้น ผมส่งยิ้มอย่างร่าเริงก่อนที่จะนั่งลงบนคีย์บอร์ดตัวเล็ก แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะสำหรับผมไม่ว่าจะเปียโนหลังใหญ่หรือคีย์บอร์ดตัวเล็กๆ ผมก็ทุ่มสุดฝีมืออยู่แล้ว เพื่อรอยยิ้ม เพื่อความสุขของทุกๆ คน

          ผมเริ่มบรรเลงเพลงที่ท่วงทำนองสดใส สนุกสนานเหมาะกับเด็กๆ ผมน่ะไม่ได้แค่เล่นเปียโนเก่งอย่างเดียวน้า แต่ผมก็ร้องเพลงได้ด้วย ผมเล่นและร้องเพลงอย่างครื้นเครง พวกเด็กๆ ช่วยกันปรบมือประกอบจังหวะ บ้างก็ร้อง บ้างก็เต้นตามจังหวะเพลง

          ผมเหลือบไปเห็นไอ้คุณไอยืนพิงเสามองมาด้วยใบหน้าที่แปลกออกไป เป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ผมจ้องมองใบหน้านั้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว ราวกับว่ามันเต้นตึกตัก ด้วยจังหวะที่แปลกออกไป

          งานวันนี้จบลงแล้ว แต่พวกเด็กๆ ก็ยังลุมล้อมผม ไม่ให้ผมได้กลับง่ายๆ เลยทีเดียว ดูเหมือนพวกเด็กๆ จะถูกใจผมเข้าซะแล้ว แต่ว่าตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ผมเริ่มเป็นห่วงไอ้เกลียวที่นอนรอความตายอยู่ที่ห้องอย่างปล่าวเปลี่ยว จึงจำใจต้องโบกมือลาพวกเด็กๆ ที่โบกมากลับอย่างเศร้าสร้อย 

          " ไม่ต้องทำหน้าเศร้าแบบนั้นน้า พี่จะมาเล่นด้วยอีกบ่อยๆ เลย ดีไหม " ผมพูดด้วยใบหย้ายิ้มแย้ม

          " เย้ๆ แล้วมาอีกนะคะ "

          " แล้วมาอีกน้า " 

          " สัญญาแล้วนะครับ "

          " จะรอนะฮับ " เด็กๆ พากันตะโกนลาอย่างตั้งใจ ผมส่งยิ้มให้เด็กๆ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ 

          ' ปรี๊น ปรี๊น! '

          เสียงแตรที่ไม่บอกก็รู้ว่ามาจากใครดังขึ้นด้านหลัง ก็ว่าอยู่ว่าหายไปไหน ที่แท้ก็ไปเอารถมานี่เอง

          " ขึ้นมา "  ไอ้คุณไอขับรถมาขนาบข้างผม เปิดกระจกลง และสั่งผมด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ

          " เรื่องสิ " ผมเบะปาก แล้วเดินต่อไป อย่างกวนบาทา เห็นแบบนี้ผมก็ไม่ง่ายนะคร๊าบ หึหึ

          " งั้นก็ตามใจ " หึยยย เจ้าของรถปิดกระจกขึ้นพร้อมออกรถอย่างเร็วแรง จนฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วถนน ไอบ้า ไอคนใจร้าย แต่ด่ายังไม่ทันขาดคำ รถ BMW คันเดิมก็ถอยหลังกลับมาอีกครั้งหนึ่ง หึ ไม่แน่จริงนี่หว่า 

          " อย่าให้พูดซ้ำ " เจ้าของรถพูดด้วยน้ำเสียงบงการ ขู่แกมบังคับ ผมซึ่งกลัวโดนฆ่าหมกท่อแถวนี้ เลยต้องขึ้นรถอย่างจำใจ

          บรรยากาศในรถยังคงเย็นยะเยือกเช่นเคย แต่ความกลัวของผมน่ะกลับลดน้อยลง คนที่เล่นเปียโนเป็นน่ะ ไม่ใช่คนไม่ดีหรอก นี่คือคติของผม หึหึ 

          " มาที่นี่บ่อยงั้นเหรอ " ผมถามออกไปอย่างสงสัยใคร่รู้

          " นายน่ะเป็นแค่รุ่นน้องของพี่พริ้นจริงเหรอ พี่พริ้นดูไว้ใจนายมาก​ " ผมถามสิ่งที่ผมอยากรู้จริงๆ ออกไปอย่างอดมิได้ 

          " หึ เห็นเป็นแบบนั้นเหรอ " ไอ้คุณไอยิ้มเหี้ยมเกรียมอย่างบอกไม่ถูก 

          " นายน่ะ ชอบหมอนั่นใช่ไหมล่ะ เพราะอะไร "  ไอ้คุณไอถามผมต่อ ทำเอาผมสะดุ้งตัวน้อยๆ เพราะตกใจกับคำถามนี้

          " เอ่อ บอกไม่ได้ แต่บอกได้แค่ว่าไม่ใช่เพราะหน้าตาหรอก จริงๆนะ "

          " หึ ก็คงงั้น ไม่งั้น นายก็ต้องชอบฉันด้วยใช่ไหมล่ะ " หึยยย ไอ้คนหลงตัวเอง

          " แหวะ " ผมทำท่าสำรอกอย่างหมั่นไส้

          แต่อยู่ดีๆ ไอ้คุณไอก็หักรถหลบเข้าข้างทาง และขณะที่ผมกำลังงงงวยอยู่นั้น ร่างของคนข้างๆ ก็เอี้ยวตัวมา ใช้มืออันแข็งแกร่งนั่น บีบคางของผมไว้ แล้วประกบจูบผมอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง ผมตกใจจนไม่ทันได้ตั้งตัว ได้แต่ทำตาโตมองใบหน้าของคนที่เข้ามาใกล้จนเห็นแม้กระทั่งขนตา รู้สึกถึงความเปียกชื้นของปลายลิ้นที่กำลังพยายามลุกล้ำเข้ามา ผมได้แต่ปิดปากแน่นด้วยความยากเย็น 

          " อ..อื้อ.อ..อ " ผมกำเสื้อของไอบ้านี่ไว้ แล้วผลักออกไปอย่างเต็มแรง ตามด้วยหมัดขวาตรงแห่งความโกรธ

          " ไอสารเลว " ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่คนคนนี้ทำกับผม

          " หึ คนที่สารเลวจริงๆ น่ะ ไม่ใช่ฉันหรอก " คนตรงหน้าแค่นหัวเราะออกมาเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ในใจ

          ผมเปิดประตูออกมาจากรถ ไร้ซึ้งการยื้อหรือรั้งใดๆ จากเจ้าของรถ ผู้ชายคนนั้นยังคงแค่นหัวเราะอย่างขบขันกับบางสิ่งบางอย่าง ผมเดินจากมาด้วยความรู้สึกทั้งโกรธและสับสน ทำไมกันนะ ทำไมผู้ชายคนนั้น ถึงทำกับผมเหมือนว่าผมไม่มีหัวใจ


นายมีอะไรซ่อนอยู่ ในหัวใจกันแน่
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 14 จุมพิตที่แสนขมขื่น ](18/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 19-09-2017 10:23:08
คนที่ดูถูกกระทั่งตัวเองก็สมควรแล้วที่จะอยู่คนเดียว
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 14 จุมพิตที่แสนขมขื่น ](18/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 19-09-2017 12:04:55
          FC ที่ 15 การตัดสินใจที่ผิดพลาด


          ผมพาร่างกายและจิตใจที่อ่อนล้า กลับมายังห้องของเพื่อนซี้ที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง เสียงกรนอย่างสบายใจของมันทำให้รู้ว่า มันยังหายใจอยู่

          ผมหวนคิดถึงสิ่งที่ผมได้ประสบพบเจอในวันนี้ สัมผัสแปลกๆ ยังคงหลงเหลืออยู่บนริมฝีปากบางนี่ มันช่างรุนแรง และวาบหวามในเวลาเดียวกัน ผมน่าจะเชื่อคำที่ไอ้เกลียวบอกผม ถึงความอันตรายของไอหื่นนั่น ผมไม่น่าโอนอ่อน ไปกับรอยยิ้มที่ดูใจดีเวลาอยู่กับเด็กๆ ของไอ้หมอนี่เลย คนเลว คนหลอกลวง เจอครั้งหน้าพ่อจะฟาดให้ยับเชียว เพราะหมัดขวาตรงตอนนั้นมันเบาซะเหลือเกินด้วยความตกใจ

          ผมขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นอนสบถอยู่คนเดียวเบาๆ ในความมืดข้างๆ ไอ้เกลียว แต่คิดอีกทีก็แปลกจริงๆ หมอนั่นเหมือนคนเก็บกดอะไรสักอย่าง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่สิ่งที่ทำให้โกรธที่สุดก็คือ หมอนั่นเหมือนกับพยายามพูดให้ผมคิดว่าพี่พริ้นเป็นคนไม่ดีหรืออะไรทำนองนั้น หรือเป็นเพราะว่าไอ้คุณไออิจฉาอะไรสักอย่างในตัวพี่พริ้น ถึงได้ใส่ร้ายพี่พริ้นนัก สองคนนั่นไม่ถูกกันหรอกเหรอ ทั้งๆ ที่เหมือนจะสนิทกันแท้ๆ

          ' เคร้ง! ' 

          เสียงของตกในห้องครัว ทำให้ผมสะดุ้งขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงแปลกๆเหล่านี้ เหมือนกับว่าทุกฝีก้าวของผมมีคนเฝ้ามองอยู่ แต่ก็ช่างเถอะ ผมรู้อยู่แล้วว่าจะหนีให้พ้นจากสิ่งที่ผมหนีอยู่น่ะ มันเป็นเรื่องยากเย็นแค่ไหน ผมคงจะต้องไปจากที่นี่แล้วสินะ เพราะถ้าอยู่ต่อไป ก็คงทำให้เพื่อนคนเดียวของผมต้องเดือดร้อนแน่นอน คนในสูทสีดำนั่น น่ากลัวแค่ไหน ผมนั้นรู้ดีกว่าใคร


          เกือบหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ไอ้เกลียวเริ่มอาการดีขึ้นแล้ว ใบหน้าที่เคยบวมช้ำก็ยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว แต่จริงๆ มันไม่หายน่าจะดีกว่า เพราะพอมันอาการดีขึ้น มันก็กลับมาแพล่มน้ำไหลไฟดับเหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้มันก็กำลังงอแงดิ้นไปมาเหมือนเด็กสามขวบ ไอ้สำออยเอ้ย

          " อยากกินข้าวผัดดดด มินจ๋าไปซื้อให้หน่อยย " ไอ้ตัวดีทำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนขอข้าวกินอย่างน่าหมั่นไส้ ตัวอย่างกับควายแต่สมองมันสามขวบจริงๆ สินะ

          " ตีนไหมครับน้องเกลียว เดี๋ยวพี่จัดให้ 3 มื้อเลย " ไอ้เกลียวหยุดดิ้นพร้อมส่งสายตาขุ่นเคืองมาให้

          " กูเจ็บบบบ มึงต้องบริการกูดิ๊ " 

          " มึงจะได้เจ็บจริงๆ แน่ๆ ถ้ายังไม่เลิกทำสวนสตอเบอร์รี่อีก ไอ้ตอแหล " ผมพูดพลางบีบแก้มช้ำๆ ของมันอย่างคันมือ ทำเอามันร้องกรี๊ดกร๊าดเหมือนโดนข้าวสารเสกเลยทีเดียว สมน้ำหน้าไอ้กาก

          ผมปล่อยมันร้องโวยวายไป พร้อมกับเตรียมตัวไปงานอีเว้นท์ที่พี่พริ้นไปร่วมด้วยวันนี้ ผมก็ยังคงเป็นแฟนคลับที่ซื่อสัตย์เสมอของพี่พริ้น เพราะฉะนั้นผมไม่มีทางพลาดหรอกฮะ

          " เกลียว คืนนี้กูจะกลับไปนอนห้องกูแล้วนะ ขอบใจมึงมาก มึงมีอะไรโทรหากูละกัน " ผมหันไปหาไอ้ตัวดีที่กำลังฉีกซองมาม่าอย่างตั้งใจ

          " มินนนน อย่าไปเลยนะ มินไม่อยู่เกลียวจะอยู่ยังไง " มันรีบไถลตัวมาคุกเข่าเกาะแข้งเกาะขาผมอย่างน่ารำคาญ อยากถีบมันจริงๆ โว้ย

          " ให้มันน้อยๆ หน่อย เมื่อก่อนมึงก็อยู่คนเดียว " 

          " ชิ ตัวดำแล้วยังใจดำอีก " 

          " เออซิ๊ ใครจะไปหล่อขาวตี๋แบบมึงล่ะ " 

          " แน่นอน ของเค้าดีจริงๆ " มันพูดพลางพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดผม ผมเลยยันมันออกไปจากขาผม พร้อมกระทืบมันอีกทีด้วยความหมั่นไส้ แต่มันกลับนอนหงายท้องหัวเราะร่าอย่างร่าเริง 

          " ขอบคุณนะมิน ถ้าไม่ได้มึงกูอาจตายไปแล้ว " 

          " อย่างมึงน่ะต้องตายด้วยตีนกูเท่านั้นครับ เข้าใจแล้วนะ ไอ้กาก " 

          " ฮ่าๆๆ เยสเซอร์ " มันทำท่าตะเบ๊ะด้วยสีหน้ากวนทีน ทำเอาคันบาทาอีกรอบเลยทีเดียว


          ผมมาถึงงานอีเว้นท์ที่พี่พริ้นจะมาร่วมในวันนี้ และยังคงทำเหมือนๆ เดิมด้วยความเคยชิน ผมใส่แมสปิดหน้าอันใหญ่ ยืนหลบมุมอยู่ห่างไกลและไม่ลืมสวมไอเทมสุดรัก นั่นก็คือหมวกที่พี่พริ้นให้มานั่นเอง

          งานวันนี้มีดารานางแบบนายแบบมามากมายจนละลานตา แต่กลับมีชายหนุ่มเพียงสองคนเท่านั้น ที่ดูโดดเด่นกว่าคนอื่น คนแรกนั้นแน่นอนก็คือพี่พริ้น ใบหน้าที่ดูใจดีและรอยยิ้มอันสว่างไสวยังคงเป็นเอกลักษณ์สำหรับหนุ่มรูปหล่อคนนี้ แต่อีกคนผมนี่แทบอยากจะหาอะไรเขวี้ยงหัวจริงๆ ถ้ากระโดดขึ้นไปกระชากคอหมอนั่นตอนนี้ได้ ผมคงทำไปแล้ว แต่ก็คงไม่แคล้วตายคาทีนบรรดาแฟนคลับเป็นแน่ เพราะคนที่มาร่วมงานส่วนใหญ่นั้นก็คือแฟนคลับของสองคนนั่น

          ผมส่งสายตาชื่นชมไปยังพี่พริ้นไม่ขาดสาย และไม่ลืมส่งสายตาและรังสีอาฆาตไปยังคนที่อยู่ข้างๆ พี่พริ้นด้วยเช่นกัน ไอ้คุณไอ ยังคงทำหน้าตาเบื่อหน่ายสลับกับเหมือนโกรธใครมาแต่ชาติปางก่อนอยู่เช่นเดิม

          แต่แล้ว อยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกรังสีฆ่าฟันและรังสีของความอิจฉาทิ่มแทงตัวผมไม่ขาดสาย และก็ได้รู้ว่าสาเหตุมาจากใคร พี่พริ้นหรี่ตามองมาที่ผม พร้อมส่งยิ้มและโบกมือไปมาอย่างร่าเริงมาให้ ทำเอาผมยืนตัวลีบเข้าไปในหลืบเสามากกว่าเดิมเลยทีเดียวด้วยความเขิล ผมส่งยิ้มและโบกมือกลับไปยังพี่พริ้น แต่ก็ต้องสะดุดกับสายตาของคนข้างๆ พี่พริ้น ที่มองมาที่ผมราวจะกินเลือดกินเนื้อ เหอะ คิดว่ากลัวหรือไงฟะ มาขโมยจูบนี่ยังไม่ได้เครียเลยนะเฟ้ย ไอบ้านี่


          ไม่นานหลังจากนั้นงานก็จบลง แต่ผมที่กำลังจะเดินกลับ อยู่ดีๆ ก็มีมือมาดึงผมไว้ซะก่อน 

          " รอนานไหมมิน " ผมสะดุ้งตัว พร้อมหันไปเผชิญหน้ากับพี่พริ้นที่ส่งยิ้มมาให้เหมือนเคย ผมงงงวยกับคำพูดของพี่พริ้นเพราะว่าผมกับพี่พริ้นเราไม่ได้นัดอะไรกันไว้

          " ฮ่ะๆ ไม่รับมุกพี่อีกละ " พี่พริ้นหัวเราะน้อยๆ พร้อมดึงแมสปิดหน้าผมออก

          " ขอโทษนะครับ ผมน่าจะซื่อบื้อมากกว่าที่คิด " ผมตอบและส่งยิ้มไปให้

          แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเพราะผู้มาเยือนอีกคน ที่เดินมาจ้องหน้าผมอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ผมไม่หลบตาหรือเลี่ยงหมอนี่หรอก ผมไม่อยากแสดงความแพ้ออกมา พี่พริ้นมองผมสลับไปมากับไอบ้านั่น พร้อมทำหน้าสงสัย

          " มีอะไรกันเหรอ นี่ถ้าพี่ไม่อยู่ด้วยจะโดดใส่กันไหมเนี่ย " พี่พริ้นยังคงพูดติดตลกให้ผมกับไอบ้านั่นผ่อนอารมณ์ลง ผมไม่รู้ว่าไอ้คุณไอเป็นอะไร ทำหน้าเหมือนกำลังโกรธผมสุดๆ ทั้งๆ ที่คนที่ควรจะโกรธ มันคือผมต่างหากล่ะ

          " มิน วันนี้ไปกับพี่นะ พี่จะไปที่คลับที่พี่ชอบไปน่ะ ไปดื่มกัน ไอด้วย ต้องมา " พี่พริ้นชวนผมไปดื่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ประโยคที่ชวนหมอนั่นกลับเสียงเย็นชาขึ้นต่างออกไปจากท่อนที่ชวนผม

          " คลับเหรอครับ แต่ว่าผมไม่ดื่มนะครับ ผมดื่มไม่เป็น " ผมพูดความจริง เพราะผมไม่ชอบการดื่มเอาซะเลย

          " งั้นก็แค่ไปนั่งเล่นเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ น้าๆ มิน พี่อยากให้มินไปจริงๆ " พี่พริ้นมาแนวออดอ้อนเสียงหวานอีกตามเคย ต่อให้ใจแข็งแค่ไหนก็ระทวยฮะแบบนี้

          " เอาไปทำไมให้เปลืองกับแกล้ม " ผมหันควับไปมองหน้าไอ้คนปากแมวอย่างก้าวร้าว ฮึ่ยย เดี๋ยวพ่อข่วนซะหรอก

          " ครับ พี่พริ้น ให้ผมไปด้วยนะครับ " ผมพูดลอยหน้าลอยหน้าไม่สนใจเสียงเห่าหอนจากคนข้างเคียง

          " ฮ่ะๆ ดีมาก งั้นไปกัน " พี่พริ้นออกเดินนำหน้าไปที่รถอีกครั้งด้วยความร่าเริง ทิ้งผมให้เดินกับไอ้คุณไอนี่อีกแล้ว

          " กลับบ้านไปซะ " ไอ้คุณไอพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังมาก พี่พริ้นก็เลยไม่ได้ยิน

          " ไม่ " ผมพูดด้วยเสียงราบเรียบ ไม่แสดงสีหน้าใดๆ

          " มิน กลับไปเถอะ " ผมหยุดเดินและหันไปมองคนข้างๆ ด้วยสีหน้าสงสัย เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่หมอนี่เรียกชื่อผม ทำไมต้องทำเสียงเครียดแบบนั้นนะ การที่ผมไปครั้งนี้มันจะมีอะไรหรือไง แต่ไม่หรอก ไอบ้านี่มันก็แค่กวนประสาทผมเท่านั้นแหละ

          " หยุดไล่ผมได้แล้ว ถ้าไม่พอใจที่ผมจะไป นายนั่นแหละควรกลับไปซะ " ผมพูดเสียงเย็นและมองหน้าไอบ้านี่อย่างท้าทาย การจะไปกับพี่พริ้น มันไปหนักส่วนไหนของหมอนี่กันแน่นะ


แต่ผมไม่รู้หรอกว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ มันจะเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่ง
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 14 จุมพิตที่แสนขมขื่น ](18/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 19-09-2017 12:07:37
คนที่ดูถูกกระทั่งตัวเองก็สมควรแล้วที่จะอยู่คนเดียว

มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้มินคิดกับตัวเองในแง่ลบจ้า มารอดูกันค่ะ ขอบคุณที่ติดตามน้า
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 15 การตัดสินใจที่ผิดพลาด ](19/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 19-09-2017 19:20:35
โดนพี่ไอจูบถือเป็นกำไรชีวิตนะมิน ไม่ควรโกรธ 555
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 15 การตัดสินใจที่ผิดพลาด ](19/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 20-09-2017 10:39:13
          FC ที่ 16 คำบอกลาที่นำไปสู่จุดเริ่มต้น


          ผม พี่พริ้น และไอ้บ้าไอมาถึงหน้าไนท์คลับแห่งหนึ่งในเวลาไม่นาน คลับแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นย่านที่มีคนพลุกพล่าน เต็มไปด้วยร้านค้าและแสงสีต่างๆ เป็นที่ที่ผมไม่เคยมาและไม่คิดที่จะมา

          แย่ละ วันนี้ผมแต่งตัวไม่ได้เหมาะเลยจริงๆ เสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ขาดๆ กระเป๋าเป้ใบใหญ่ และหัวกระเซอะกระเซิง ใครเห็นก็ต่างจ้องมองผมด้วยสีหน้าขบขัน ต่างจากสองคนนั่นที่ฟีโรโมนฟุ้งกระจาย ใส่แว่นดำดูน่าค้นหา สาวๆ ที่พบเห็นต่างอยากจะกระโจนเข้าใส่กันทั้งนั้น

          พี่พริ้นพาผมเข้ามาในร้านที่ดูคึกคัก ไฟสลัว แสงสี มีฟลอร์เต้นที่กว้างขวางตกแต่งแบบสไตล์โมเดิร์น มีชั้นลอยด้านบน ที่สามารถมองลงมายังชั้นล่างได้

          พี่พริ้นพาพวกเราขึ้นไปบนนั้น รู้สึกจะเขียนว่า VIP แต่ผมก็แน่ใจทันทีที่ไปถึง โซนด้านบนตกแต่งอย่างหรูหรา มีบริกรคอยรับออเดอร์อยู่ทั่วทุกมุม มีแต่หนุ่มสาวที่ดูไฮโซมีฐานะ นั่งพูดคุยและกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน

          พวกเราสามคนมาถึงโต๊ะที่พี่พริ้นจองไว้ เป็นโซฟาที่ดูนุ่มสบาย อยู่ในทำเลที่มองเห็นด้านล่างดีที่สุด แต่ที่ผมอึ้งจริงๆ ก็คือ ไม่ได้มีแต่พวกเรา เพื่อนๆ ของพี่พริ้นประมาณ 4-5 คน มานั่งดื่มรอพี่พริ้นอยู่ก่อนแล้ว และหนึ่งในนั้นก็คือแฟนของพี่พริ้นนั่นเอง

          ผมนั่งลงที่โซฟาตัวที่ว่าง ส่วนพี่พริ้น เหอะๆ รีบไปนั่งข้างแฟนเขาครับ แต่ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกนะครับ เค้ารักกันดีผมก็ดีใจครับ แต่ผมคิดไปเองหรือเปล่านะ ว่าสายตาเพื่อนๆ แต่ละคนของพี่พริ้นนั้นแปลกๆ ทุกคนต่างจ้องมองผมพร้อมกับส่งยิ้มแปลกๆ มาให้

          " น้องมินสินะครับ พี่เป็นเพื่อนของพริ้นครับ ชื่อนาย ขอพี่นั่งข้างๆ นะ " ผมไม่ทันได้ตอบอะไร ไอ้คุณนายก็นั่งลงอย่างถือวิสาสะ ผมมองไปรอบๆ ทุกคนหัวเราะคิกคักกันทำไมนะ 

          " เฮ้ยๆ น้องมินเป็นแขกพิเศษนะเพื่อนๆ ทุกคน ดูแลน้องดีๆ นะ " หลังจากพี่พริ้นพูดจบ ทุกคนก็ระเบิดหัวเราะออกมา ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยแฮะ

          แต่แล้วก็มีขายาวๆ มาพาดตรงกลางระหว่างผมกับไอ้คุณนาย แล้วเท้านั้นก็เขี่ยอิพี่นายออกไป หยาบคายแบบนี้ไม่มีใครหรอกครับ ไอ้คุณไอนั่นเอง ทุกคนหยุดหัวเราะและมองมาอย่างอารมณ์เสีย ทำเอาอิพี่นายลุกขึ้นแล้วมองหน้าไอ้คุณไออย่างเอาเรื่อง แต่ไอ้คุณไอก็ไม่ได้พูดอะไร เอาแต่จ้องพี่พริ้นด้วยสายตาอาฆาต และนั่งลงข้างๆ ผมแทนอิพี่นายที่ลุกหนีไป พี่พริ้นก็จ้องมองกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแบบเหี้ยมเกรียมแปลกๆ ผมไม่เคยเห็นพี่พริ้นทำหน้าแบบนี้มาก่อนเลย เขาทำสงครามอะไรกันหรือเปล่านะ

          " น้องมิน ดื่มให้พี่หน่อยสิครับ แก้วนึงนะ " พี่พริ้นพูดพลางชูแก้วเหล้าขึ้น พร้อมกับที่บริกรนำแก้วเหล้ามาวางไว้ตรงหน้าผม ผมสังเกตเห็นมือไอ้คุณไอที่กำลังกำแก้วเหล้าของตัวเอง แรงกำนั้นทำให้เส้นเลือดปูดขึ้นมา และสั่นน้อยๆ อย่างน่ากลัว

          " ขอโทษครับ แต่ผมไม่ดื่มได้ไหมครับ หรือไม่ก็ขอเป็นน้ำผลไม้ " ผมพูดพร้อมกับดันแก้วเหล้าออกไปให้ห่างจากตัว 

          " กลับกันเถอะ " ไอ้คุณไอพูดพลางดึงแขนผมให้ผมลุกขึ้น 

          " ไอ " พี่พริ้นพูดเสียงดังด้วยใบหน้าที่ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนนั้น ผมมองไปที่พี่พริ้นกับไอ้คุณไอสลับไปมาด้วยความงงงวย

          " ไอไปห้องน้ำเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ " พี่พริ้นพูดพลางส่งยิ้มอีกครั้ง แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนพี่พริ้นที่ผมรู้จักเลยสักนิด

          " พริ้น พอเถอะ " ไอ้คุณไอพูดขึ้นพร้อมเดินเข้าไปหาพี่พริ้น 

          " เดี๋ยวพี่กับพี่ไอมานะมิน ทำตัวตามสบายนะ " พี่พริ้นกอดคอไอ้คุณไอ พร้อมกึ่งเดินกึ่งลากออกไปจากโต๊ะ

          พี่พริ้นกับไอ้คุณไอนั่นไปสักพักแล้วแต่ก็ยังไม่กลับมา ผมซึ่งไม่มีอะไรทำก็นั่งเขี่ยน้ำแข็งเล่นอย่างใจลอย รู้สึกทำตัวไม่ถูกเอาซะเลย

          " คนบางคนแม่งไม่เจียม ยังไม่รู้ตัวเลยว่ะ ฮ่าๆ " ผมก้มหน้าลงมองโต๊ะ 

          " แม่งกล้าฉิบหาย คงนึกว่าตัวเองวิเศษมาจากไหนมั้ง แบบละเมอ คิดว่าตัวเองได้ควงไอดอลที่ชอบ ฮ่าๆๆ " เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยามยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

          " ขนาดเค้าพาแฟนไปอวด แม่งยังหน้าด้านอ่ะ ยังไม่สำนึก " 

          " เฮ้ย มึงเบาๆ หน่อย กูสงสารน้องเค้า จะร้องไห้แล้วว่ะ ฮ่าๆ " ผมกำหมัดแน่น นี่มันเรื่องอะไรกันนะ ทำไมคนพวกนี้ถึงได้พูดแบบนี้กัน

          " มึงสงสารมึงก็ช่วยสงเคราะห์น้องเค้าหน่อยสิวะ "

          " สภาพนี้ให้ฟรีกูยังโกรธว่ะ ฮ่าๆ " เสียงระเบิดหัวเราะยังคงตามมาไม่ขาด นี่ผม มาทำอะไรที่นี่กันนะ พี่พริ้นครับ พี่รู้เรื่องนี้หรือเปล่านะ

          พูดไม่ทันขาดคำพี่พริ้นก็เดินกลับมาพร้อมกับไอ้คุณไอ ที่ตอนนี้หน้าบูดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ใบหน้าที่ขาวซีด กลับแดงก่ำอย่างโกรธจัด พี่พริ้นนั่งลงตามเดิมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนไอ้คุณไอ ยังคงจ้องหน้าพี่พริ้นไม่วางตา

          " สนุกหรือเปล่าครับน้องมิน เพื่อนๆ ของพี่ดูแลดีไหม " ผมคิดไปเองหรือเปล่านะ ว่าพี่พริ้นถามผมด้วยสีหน้าที่แลดูสนุกสนาน

          " ครับ " ผมตอบออกไปเสียงแผ่ว ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้งด้วยความสะใจ ผมมองไปที่ไอ้คุณไอ ที่ฟันกรามขบกันแน่นจนเป็นสันขึ้นมา

          " ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ " ผมพูดพลางลุกขึ้นแล้วเดินไปจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว รู้สึกไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว ผมเดินด้วยแรงที่อ่อนล้า เดินช้าๆ ไปตามทางที่มีแสงสลัวอยู่รำไร พี่พริ้นครับ พี่ไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหมครับ บอกผมทีว่าพี่ไม่รู้ ผมเปิดน้ำและวักน้ำล้างหน้าอยู่ที่อ่างน้ำ มองตัวเองในกระจกด้วยหัวใจที่สั่นเทา 

          " บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามา " เสียงดังขึ้นด้านหลัง ไอ้คุณไอยืนกอดอกพิงผนังพร้อมพ่นควันอยู่ไม่ห่างจากผมเท่าไหร่นัก ผมไม่พูดอะไร แล้วรีบเดินหนีออกไปเพื่อกลับไปยังโต๊ะ แต่มือของหมอนั่นก็คว้ามือผมเอาไว้ 

          " นี่รักมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ " ไอ้คุณไอพูดด้วยเสียงที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจสุดๆ 

          " ปล่อยผม " ขอบคุณนะแต่ว่า ผมน่ะ อยากรู้อะไรบางอย่างด้วยตัวเอง ผมคิด แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

          ผมแกะมือที่เกาะกุมนั้น แล้วเดินมาตามทางอีกครั้ง แต่ก็ต้องหยุดชะงัก

          " ฮ่าๆๆ ตลกชะมัด นับว่าเป็นเรื่องที่สนุกสุดๆ ไปเลย แก้เครียดได้ผลชะงัด " ผมยืนอยู่ตรงหัวมุม ที่ถ้าเดินออกไปอีกก้าวคนทั้งโต๊ะก็คงจะมองเห็นผม แต่ผมตอนนี้นั้น ไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวออกไปแม้เพียงอีกก้าวเดียว เสียงนั่น เป็นเสียงของคนที่ผมคิดว่าผมรู้จักดี แต่ว่าตอนนี้กลับไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

          " มาทุกงานเลยนะเฟ้ย ยืนทำลับๆ ล่อๆ น่าสงสารว่ะ เลยไปคุยด้วยสักหน่อย แม่งต้องกลั้นขำสุดๆ ไปเลยนะ มึงต้องเห็นหน้ามันตอนกูเข้าไปทัก ฮ่าๆๆ " ผมยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยหัวใจที่สั่นไหว ตัวของผมสั่นเทาไปด้วยความเสียใจ

          " พอวันนั้นโทรไปบอกว่าจะมีเซอร์ไพรส์ กูพารินไป แม่งมันยังยิ้มอ่ะ สุดๆ กูละเหลือเชื่อเลย ฮ่าๆๆ พอบอกให้รอแม่งก็รอ ใครแม่งจะกลับไปรับวะ แม่งไม่รู้มันซื่อหรือโง่กันแน่ แต่กูว่าทั้งสองอย่างว่ะ " พี่พริ้นพูดจบพร้อมหัวเราะอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ หยาดน้ำตาแห่งความผิดหวังและเสียใจหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย พี่ครับ 

          ' ตอนนี้พี่เป็นใครกันแน่ ' ผมพูดด้วยเสียงกระซิบกับตัวเอง ผมเตรียมจะก้าวออกไป แต่มือของคนที่เดินตามผมมาก็จับผมเอาไว้ หมอนั่นกำแขนของผมแน่นเหมือนเป็นสัญญาณให้ผมหยุดเดิน พร้อมก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว ง้างหมัดและต่อยพี่พริ้นเต็มแรง จนพี่พริ้นล้มลงจากเก้าอี้ พี่ไอต่อยพี่พริ้นซ้ำอีกหลายครั้ง เสียงกรีดร้องดังสนั่นบริเวณแถวนั้น 

          " หยุดนะ " ผมก้าวออกไปกางแขนบังพี่พริ้นเอาไว้ พร้อมจ้องหน้าไอ้พี่ไอด้วยสีหน้าแน่วแน่

          " ฮ่ะๆ ฮ่าๆๆ " พี่พริ้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ ทั้งๆ ที่เลือดกำลังไหลออกมาจากคิ้วและมุมปาก

          " ไปซะ " ผมไล่คนตรงหน้าออกไปด้วยหัวใจที่เจ็บปวด พี่ไอมองผมด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ เจ็บปวดและโกรธเกรี้ยว ผมยังคงกางแขนปกป้องพี่พริ้นอย่างไม่ลดละ

          ผมขอโทษฮะ ผมขอโทษจริงๆ ผมร้องออกมาจากหัวใจแต่ก็ไม่สามารถส่งไปถึง พี่ไอมองหน้าผมเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยสีหน้าผิดหวังก่อนที่จะเดินจากไป และไม่หันกลับมาอีกเลย

          " ขอบคุณนะมิน ไอ้บ้านั่่นมันหมาบ้าชัดๆ คอยดูนะ ถึงบ้านต้องเห็นดีกันแน่ " ผมไม่พูดอะไรอีก พร้อมดึงพี่พริ้นขึ้นมาจากพื้น ปัดฝุ่นและเช็ดเลือดออกจากปากของพี่พริ้น 

          " ลาก่อนนะครับ " ผมพูดกับพี่พริ้น ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่าง พี่ได้ต่อชีวิตให้กับผม ผมจะไม่มีวันลืมพี่ และผมก็ไม่เคยโกรธพี่เลย ผมแค่เสียใจเท่านั้น ที่วันนี้ พี่พริ้นที่ผมรู้จัก ไม่มีอีกต่อไปแล้ว


          ผมกลับมาถึงห้องของผมด้วยความอ่อนแรง แต่หัวใจของผมกลับแข็งแกร่งขึ้น 

          ' แกร็กๆ ' 

          เสียงแปลกๆ ที่ดังขึ้นภายในห้อง ทำให้ผมรู้ว่า ไม่ได้มีแค่ผมที่อยู่ในห้องตอนนี้


          (** มินพูดเป็นภาษาเกาหลี**)


          " ฮยอง ไม่ต้องแอบตามผมแล้วนะ บอกคุณพ่อ ว่าผมจะกลับไป " ผมพูดกับชายใส่แว่นในชุดสูทสีดำ ที่เฝ้าติดตามผมมานานหลายปี


จากนี้ไป ได้เวลา กลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง











**( ฮยอง แปลว่าพี่ชาย ใช้เวลาที่ผู้ชายอายุน้อยกว่า เรียกผู้ชายที่อายุมากกว่านะคะ )**
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 16 คำบอกลาที่นำไปสู่จุดเริ่มต้น ](20/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 20-09-2017 12:09:35
หลงรักพี่ไอรอบที่ล้าน :-[
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 16 คำบอกลาที่นำไปสู่จุดเริ่มต้น ](20/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 20-09-2017 12:58:52
นายเอกนี่อ่อนมากเลยนะคับ  :ling2:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 16 คำบอกลาที่นำไปสู่จุดเริ่มต้น ](20/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 20-09-2017 13:05:14
นายเอกนี่อ่อนมากเลยนะคับ  :ling2:

มีเหตุผลที่ทำให้เป็นแบบนั้นจ้า แต่อีกไม่นานก็รู้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 16 คำบอกลาที่นำไปสู่จุดเริ่มต้น ](20/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 20-09-2017 13:27:21
จากพฤติกรรมของมินในตอนนี้เราว่าโดยเนื้อแท้แล้วต้องเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็งมาก การโดนทรยศจากคนที่ตนเองชื่นชมแต่ยังยืนหยัดอยู่ได้นี่ไม่ง่ายเลยนะ

ส่วนคุณพริ้นเนี่ยทำร้ายจิตใจคนที่ชื่นชมคุณขนาดนี้ได้นี่เป็นคนที่หยาบโดยกมลสันดานจริงๆ ความรู้สึกคนเอามาล้อเล่น ที่โรงเรียนไม่สอนหรอว่ามันไม่ดี


พี่ไอก็เป็นคนที่น่าชื่นชมมากตรงที่กล้าปกป้องความรู้สึกของคนคนหนึ่งทั้งๆที่อาจผิดใจกับเพื่อน

ปล.คนเขียนสู้ๆตามอ่านอยู่นะ เกาะติดแน่นหนึบ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 16 คำบอกลาที่นำไปสู่จุดเริ่มต้น ](20/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 20-09-2017 17:27:37
          FC ที่ 17 การทรยศและชายในชุดสูทสีดำ


          (**มินใช้ภาษาเกาหลีคุยกับฮยองเท่านั่น**)


          ไฟในห้องเปิดขึ้น พร้อมการปรากฎตัวของคนที่ผมนั้นใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดในชีวิต 

          " คิม ยูมิน คุณหนูเตรียมใจเอาไว้แล้วใช่ไหม ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง ถึงได้กล้าหนีออกมาแบบนี้ " ฮยอง พูดพร้อมขยับแว่นตา ด้วยความเบื่อหน่าย

          ซอง แจอิน หัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลคิม ตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ พ่อบ้านคนสนิทที่อยู่กับผมมาตั้งแต่ผมเกิด ฮยองเป็นคนเจ้าระเบียบและฉลาดมากๆ คอยควบคุมดูแลทุกๆ อย่างของตระกูล ทั้งๆ ที่อายุแค่เพียง 24 ปีเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นพ่อบ้านที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพ่อบ้าน เก่งทั้งบู้และบุ๋น เคยฆ่าคนมาแล้วด้วยล่ะ อย่าได้ทำให้พี่แกเคืองเชียว

          " รู้สิ ผมน่ะ พอแล้วล่ะ เตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว " ผมพูดพลางเหม่อมองไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่างนั่น

          " สารรูปดูไม่ได้เลยนะครับ จัดการก่อนจะกลับไปหานายท่านด้วย ผมยอมไม่ได้ที่จะให้นายท่านเห็นคุณหนูในสภาพแบบนี้ "

          " คร๊าบ คร๊าบ ได้เวลาลอกคราบแล้วสินะ " ผมยิ้มให้กับฮยอง แต่ฮยองเพียงแต่ส่งสายตาดุๆ มองผมเหมือนเดิม

          แต่เอ๊ะ ผมเกือบลืมไปแน่ะ ผมจะบอกไอ้เพื่อนตัวดีของผมยังไงดีนะ อยู่ดีๆ ผมก็หายไปแบบนี้ ไอ้เกลียวคงอกแตกตายแน่นอน

          " ฮยอง คือว่าผมขอเวลานิดนึงได้ไหม คือผมมีเพื่อนคนนึงที่... "

          " ไม่ต้องหรอกครับ " ฮยองพูดแทรกขึ้นมาทันที ทำเอาผมหน้ามุ่ยด้วยความมึนงง

          " ไม่จำเป็นหรอก " ฮยองพูดพร้อมพยักหน้าเรียกคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านนอก ในมุมที่ผมมองไม่เห็น ให้เข้ามาข้างใน


          ผมลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดอีกครั้ง เพราะคนที่ก้าวเดินเข้ามานั้น

          ก็คือเพื่อน เพื่อนที่ผมไว้ใจที่สุด เพื่อนรัก เพียงคนเดียวของผม

          ไอ้เกลียวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนดั่งปกติ วันนี้คงเป็นวันที่ผมเจ็บปวดที่สุดในชีวิตถึงสองครั้งสินะ ไอ้เกลียวเดินมานั่งลงคุกเข่าต่อหน้าผม 

          " ขอโทษครับคุณหนู " 

          " อย่าเรียกกูด้วยคำนั้น " ผมตะโกนก้องด้วยเสียงอันสั่นเครือด้วยความเจ็บปวด ในโลกนี้จะมีใครจริงใจกับผมบ้างไหม ผมจะเชื่อใจใครได้บ้าง ผมนั่งลงบนเตียงอย่างหมดแรง และไม่ยอมมองหน้ามัน หน้าคนที่มันทรยศผม

          " อย่าโกรธมันไปเลยครับคุณหนู มันก็แค่ทำตามคำสั่งของผมเท่านั้น ผมจำเป็นต้องมีสายข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของคุณหนูอยู่แล้ว คุณหนูคงไม่คิดจริงๆ หรอกนะว่า หนีพ้นแล้วน่ะ " ผมยิ้มอย่างขมขื่น จริงๆ แล้วผมก็คิดเหมือนกันว่าทุกอย่างมันง่ายเกินไป ทุกๆ อย่างที่ผมจะทำ มันเหมือนกับว่ามีคนปูทางไว้

          ตั้งแต่ที่ผมหนีมาที่ประเทศไทยนี่ พร้อมปลอมแปลงเอกสารการมีตัวตนทุกอย่าง เปลี่ยนชื่อ วีซ่า บัตรประชาชน หรือเอกสารสำคัญทุกอย่างล้วนเป็นของปลอม ชื่อจริงๆ ของผมคือ คิม ยูมิน สัญชาติ และเชื้อชาติเกาหลีใต้ แต่สำหรับคนเอเชียแล้ว ก็พอจะเนียนเป็นคนไทยได้ ผมลงทุนแต่งตัวในแบบที่ไม่ใช่ตัวผม เปลี่ยนแม้กระทั่งสีผิว ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากเย็นที่สุด เพราะผมนั้นมีผิวที่ขาวมากๆ ถึงแม้ว่าจะคอยไปอบผิวเพื่อทำผิวแทนอยู่เสมอ แต่ผิวที่ขาวโดยธรรมชาติ ก็จะกลับคืนสภาพโดยเร็ว แค่ไม่ได้เข้าเครื่องอบผิวนั่นสักอาทิตย์ ผิวของผมก็จะคืนสภาพกลายเป็นขาวที่ขาวอมชมพู ซึ่งผมแสนเกลียดตามเดิม

          " ตั้งแต่นี้ต่อไป ไม่ต้องโผล่มาให้เห็นหน้าอีก นายได้ทำหน้าที่ของนายสมบูรณ์แล้ว " ผมกล้ำกลืนฝืนพูดออกมาด้วยความเสียใจ คงไม่มีอีกแล้วสินะ เสียงหัวเราะที่เราสองคนมีให้กันมาตลอดสองปี ผม ไม่เหลือใครอีกแล้ว 

          " ผมมันไม่ดีพอหรอกครับ " ไอ้เกลียวพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา ทำให้ผมหมุนตัวกลับมามองหน้ามันอีกครั้ง

          " คุณหนูไม่เคยไว้ใจผมเลยสักครั้ง ไม่มีครั้งไหนเลยที่คุณหนูไม่โกหกผม ผมได้แต่เฝ้ารอให้คุณหนูได้บอกเรื่องราวต่างๆ ให้ผมได้ฟัง แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย เพราะฉะนั้น ผมมันล้มเหลวครับ ไม่ได้ทำหน้าที่ที่สมบูรณ์อะไรเลย " ไอ้เกลียวพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือเหมือนกำลังร้องไห้อยู่ในใจ นั่นสินะ มันไม่ใช่ความผิดของมันเลย คนที่เลวที่สุดก็คือผมต่างหากล่ะ

          ผมหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น อย่างนี้เองสินะ ผมยิ้มให้กับตัวเอง ให้กับโชคชะตาของผมอย่างเศร้าใจ 

          ไอ้เกลียวลุกขึ้นยืน เตรียมพร้อมที่จะออกไปจากห้อง

          " ผมต้องขอบคุณ หนูคุณอีกครั้งนะครับ ขอให้คุณหนูโชคดี " มันพูดออกมาด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง ก่อนจะเดินจากไป

          " เดี๋ยว " ผมเรียกมันเอาไว้ก่อนที่มันจะออกไปพ้นจากประตู

          " ถ้ามึงยังเรียกกูว่าคุณหนูอีกที กูจะถือว่ามึงไม่ใช่เพื่อนของกู " ผมพูดกับมันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ไอ้เกลียวหันกลับมาด้วยใบหน้าที่เกือบจะร้องไห้ แต่ก็ยิ้มออกมาในที่สุด

          " ขอบคุณครับ คุ....ควายมิน " กูจะถือว่าไม่ได้ยินคำหลังละกันนะ ไอ้สึด ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึง ผมเดินเข้าไปตบกบาลมันเน้นๆ ด้วยความแค้น พร้อมถีบมันลงไปกองกับพื้นด้วยความรักล้วนๆ ผมกับมันหัวเราะด้วยกันอีกครั้ง ต่อจากนี้ผมสัญญากับตัวเองว่าผมจะหัดเชื่อใจคนอื่นบ้าง ผมไม่ต้องการจะสูญเสียใครไปอีกแล้ว


ถึงแม้ว่า ผมจะสูญเสียคนที่ผมรักมากที่สุดไปแล้วก็ตาม
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 17 การทรยศและชายในชุดสูทสีดำ ](20/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 20-09-2017 18:41:21
มินจะกลับสู่ร่างเดิมแล้วว  อิพี่พริ้นรู้คงเสียดายสมน้ำหน้ามานนน 55555 เกาะติดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 17 การทรยศและชายในชุดสูทสีดำ ](20/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 20-09-2017 23:19:53
เป็นกำลังใจให้คนเขียน อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ติดตามคับ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 17 การทรยศและชายในชุดสูทสีดำ ](20/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 20-09-2017 23:44:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 17 การทรยศและชายในชุดสูทสีดำ ](20/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 21-09-2017 10:42:54
          FC ที่ 18 จุมพิตแห่งการจากลา


          ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาตี 2 ด้วยหัวใจที่ยังสั่นไหว แต่ผมไม่ได้นึกถึงพี่พริ้นหรอกนะครับ ผมกำลังนึกถึงใบหน้าของคนที่ผมเคยคิดว่าไม่อยากเห็นต่างหาก ใบหน้าแสนเศร้า ที่ผมได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาจะเดินจากไป

          ผมตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง รีบแต่งตัวแบบลวกๆ แล้วกระชากประตูเปิดออกด้วยความรีบร้อน

          " คุณหนู นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วครับ " อึ๋ย เสียงสยองจากความมืด มันมืดยิ่งขุมนรกใดๆ ในโลกนี้เลยทีเดียว

          " ฮยอง ผมขอเถอะนะครับ แค่แปบเดียวนะ ผมจะรีบกลับมา " ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ แปลว่าโอเคสินะ ผมรีบโกยอ้าวสุดชีวิตแบบไม่เหลียวหลังกลับ เพราะกลัวว่าฮยองจะเปลี่ยนใจน่ะสิ ถ้าฮยองบอกไม่ให้ไปแล้วล่ะก็ อย่าหวังว่าผมจะได้ออกไปแบบมีชีวิตรอด

          ผมรีบวิ่งมาหน้าหอ โบกแท็กซี่อย่างรีบร้อน และกระโดดขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ผมบอกทางกับแท็กซี่ด้วยความไม่มั่นใจนัก เพราะว่าผมเคยไปที่นั่นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมคิดว่าคนคนนั้น จะต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ

          ไม่นานรถก็มาจอดที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง หรือจะเรียกว่าบาร์แห่งหนึ่งที่ผมเคยถูกพามานั่นแหละ มันเป็นสถานที่ที่แปลกประหลาด เหมือนมีมนต์ขลัง ที่ทำให้คนที่มา ตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบสงบเหมือนกับได้นอนหลับฝันดี

          เวลานี้ตัวร้านได้ปิดไฟมืดแล้ว แต่ผมก็ยังไม่หยุดที่จะก้าวเดินเข้าไป ในความมืดมิดนั้นมีเพียงแสงสว่างรำไรจากแชนเดอเลียร์อันใหญ่ที่ส่องแสงอย่างนุ่มนวล ส่องให้เห็นชายคนหนึ่งที่ผมตั้งใจจะมาพบ กำลังนั่งบรรเลงบทเพลงที่แสนเศร้าอยู่ที่เปียโนหลังนั้น พร้อมหลับตาลงด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง ผมนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ ตัว และจ้องมองชายผู้นั้นไม่วางตา

          ความรู้สึกนี่มันอะไรกันนะ ผมไม่อาจละสายตาจากคนคนนี้ไปได้ ฝีมือการเล่นระดับนั้น คงต้องใช้เวลากว่าสิบปีแน่ๆ เหมือนกับผม ที่ใช้เวลาเป็นสิบปีเช่นกัน

          เพลงบรรเลงหยุดลงกระทันหัน พร้อมเสียงที่แสดงถึงอารมณ์ขุ่นมัวของผู้บรรเลง ขัดกับเพลงอันแสนเศร้าและอ่อนโยนที่เจ้าตัวบรรเลงก่อนหน้านี้

          " ใคร " เสียงนั้นก้องกังวาลไปทั่วทั้งร้านด้วยความไม่พอใจ

          ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินช้าๆ เข้าไปหาคนที่ตั้งคำถามด้วยใบหน้านิ่งสนิท คนตรงหน้าตกใจลุกขึ้นยืนทันที พร้อมใบหน้าโกรธเคือง ที่เหมือนพร้อมจะกระโจนใส่ได้ตลอดเวลา

          " มาทำไม ออกไปซะ " 

          " ผมไปแน่ครับ แต่ก่อนหน้านั้น ขอเวลาผมสักครู่ได้ไหม " 

          " เวลาของนายหมดไปแล้ว ออกไปก่อนที่ฉันจะโยนนายออกไปเอง " คนตรงหน้ายังคงกราดเกรี้ยวและไม่ยอมที่จะฟังอะไรเลย

          ผมเร่งจังหวะการเดินเร็วขึ้น และเข้าไปถึงตัวของพี่ไอแบบที่เจ้าตัวยังไม่ทันได้ตั้งตัว พร้อมกระชากคอเสื้อเชิ๊ตสีเข้มนั้นอย่างรวดเร็ว ทำให้พี่ไอโน้มคอลงมาด้วยความไม่เต็มใจ ผมใช้จังหวะนั้นประกบปากลงบนริมฝีปากของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา

          ผมรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้ากำลังตกใจและสับสนอยู่ไม่น้อย ซึ่งนั่นก็เป็นความรู้สึกของผมเหมือนกัน ผมไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่เลยสักนิด รู้แต่เพียงว่า ผมอยากจะปลอบประโลมคนตรงหน้า ด้วยความรู้สึกดีๆ ที่ผมนั้นมีให้ ในแบบที่ผมไม่เคยรู้สึกอยากทำกับคนอื่นๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งพี่พริ้น

          ริมฝีปากที่ประกบกันนั้นยังคงแนบสนิทและเนิ่นนานราวชั่วนิรันดร์ ผมค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ พลางจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของคนตรงหน้า ดวงตาที่สั่นไหวและอ่อนโยนกว่าใครๆ

          " ขอโทษ และก็ขอบคุณนะครับ " ที่แบ่งความรู้สึกดีๆ ให้กับผม ในขณะที่ตอนนี้ผมไม่ได้ดูน่ารักเอาซะเลย ผมคิด แต่ก็ไม่ได้พูดมันออกไปทั้งหมด ผมส่งยิ้มน้อยๆ ให้คนตรงหน้า

          ถึงแม้พี่ไอจะดูเป็นคนโหดร้ายและหยาบคายแค่ไหน แต่จริงๆ แล้วผมกลับค้นพบว่า พี่ไอก็เป็นแค่คนที่ใช้ความรุนแรงเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนโยนของตัวเองเท่านั้น เหมือนดังเช่นผม ที่ยิ้มแย้มเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนแอของตัวเอง เราสองคนนั้นช่างเหมือนกันเหลือเกิน 

          ผมส่งยิ้มให้พี่ไอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะหันหลังเดินจากมา พี่ไอไม่ได้พูดอะไร ทำแค่เพียงนั่งลงเงียบๆ ที่เปียโนหลังนั้น ไม่มีแม้คำบอกลาใดๆ แต่ผมก็หวังเหลือเกินว่าพวกเราจะได้พบกันอีก ในสักวัน

          " ลาก่อนนะครับ พี่ไอ " ผมพูดกับสายลมเบาๆ

หวังเพียงให้คนที่หมองเศร้าอยู่นั้น ได้กลับมามีรอยยิ้มในเร็ววัน
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 18 จุมพิตแห่งการจากลา ](21/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 21-09-2017 13:17:14
เกลียวเป็นเพื่อนที่น่ารักมากๆเลย
อยากรู้จังว่าทำไมมินถึงปลอมตัวหนีมาที่ไทย มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้วเกี่ยวข้องกับพี่ไออย่างไง
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 18 จุมพิตแห่งการจากลา ](21/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-09-2017 15:42:09
มารอ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 18 จุมพิตแห่งการจากลา ](21/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 21-09-2017 15:59:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 18 จุมพิตแห่งการจากลา ](21/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 21-09-2017 18:04:12
          FC ที่ 19 เด็กหญิงในความทรงจำ


          ไอ



          ผมยังคงอึ้งและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เด็กนั่นมันยังไงกันนะ ต้องการอะไรจากผมกันแน่ แต่ที่ผมรู้ตอนนี้ก็คือ ผมไม่ควรยื่นมือเข้าไปอีกแล้ว ผมอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ เท่านั้น

          ครั้งแรกที่ผมพบเด็กคนนั้น ผมรู้ได้ในทันทีว่า ทำไม พริ้นถึงมายุ่งกับเด็กคนนี้ น่าสงสาร น่าสงสารเหลือเกิน นายจะต้องเจ็บปวดเจียนตาย เหมือนกับผมยังไงล่ะ

          พริ้น คือพี่ชายเพียงคนเดียวของผม พี่ชายต่างแม่ที่เกลียดชังผมยิ่งกว่าคนไหนๆ ในตระกูล คุณแม่ของผมเป็นชาวญี่ปุ่น ถึงผมจะเลือกที่จะมีชื่อญี่ปุ่นได้ แต่ผมไม่สามารถเลือกที่จะไปจากที่นี่ ตระกูลนี้ได้ ผมมีชีวิตอยู่เพื่อทำตามใจคุณพ่อและพี่ชายเท่านั้น

          ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงจะต้องช่วยเด็กคนนั้น อาจเป็นเพราะว่าพวกเราคล้ายกัน ผมรู้มาจากพริ้นว่าเด็กคนนี้นั้นเล่นเปียโนได้ น่าแปลก เด็กคนนั้นเหมือนกับว่า กำลังปิดบังอะไรอยู่เสมอ ดวงตาที่แสนเศร้านั้น ทำให้ผมไม่อาจลืมเด็กคนนั้นได้ ถึงจะดูอ่อนแอ แต่ดวงตาในตอนปกป้องคนที่ตัวเองรัก กลับเข้มแข็งยิ่งกว่าใครๆ

          ผมชอบเด็กนั่นหรือเปล่านะ ผมคิด ว่าผมอาจจะแค่สงสารเท่านั้น แต่ทำไมกันนะ เวลาที่ผมถามคำถาม ว่าเด็กนั่นรักพริ้นมากขนาดนั้นเลยเหรอ ในหัวใจผม กลับกลัว กลัวคำตอบที่จะได้รับเหลือเกิน ช่วงเวลาที่ผมได้อยู่และพูดคุยกับเด็กนั่น มันไม่แย่เลยทีเดียว ผมรู้สึกสบายใจ รู้สึกถึงความจริงใจจากเด็กคนนั้น คนแบบนายไม่ควรจะต้องมาเสียใจแบบนี้เลยจริงๆ

          เพราะอะไรนายถึงชอบพริ้นขนาดนั้นกันนะ ผมสงสัย ว่าถ้าหากไม่ใช่เพราะหน้าตาแบบที่เด็กนั่นบอกแล้วละก็ มันจะมีอะไรอีกนะ ที่ทำให้คนคนนึง ทนเจ็บปวดเพื่อคนที่เพิ่งรู้จักกันได้

          ในวันที่ฝนตกนั่น ผมมองเด็กคนนั้น ที่นั่งรอพริ้นอยู่ท่ามกลางสายฝนอันหนาวเย็น ด้วยใบหน้าที่ไม่ย่อท้อต่อความเจ็บปวดใดๆ ช่างน่าอิจฉาเหลือเกินนะ จะมีใครที่รักผม ด้วยหัวใจแบบนี้บ้าง พริ้นได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปเสมอ ในขณะที่ผมนั้น สูญเสียทุกๆ อย่าง

          ในคืนที่ผมพาเด็กคนนั้นมาที่นี่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่สำหรับผมแล้ว ในยามที่รู้สึกสิ้นหวังหรือเศร้าเสียใจ ก็จะใช้เปียโนของผม ปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ในใจนั้นออกมา ซึ่งเมื่อได้ยินการบรรเลงของเด็กคนนั้น ผมกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง บางอย่างที่อยู่ลึกเข้าไปข้างในหัวใจ บางสิ่งที่ผมเก็บซ่อนเอาไว้ ภาพของเด็กน้อยที่กำลังบรรเลงบทเพลงอยู่ที่เปียโนหลังโทรมตัวนั้น ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข

          Rrrr Rrrr

          ผมก้มมองหน้าจอมือถือ ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครโทรมา

          " ครับ " ผมกดรับโทรศัพท์

          " กลับบ้านมาเดี๋ยวนะ หรือจะให้ชั้นส่งคนไปลากคอแกมา! " น้ำเสียงข่มขู่และเกรี้ยวกราดนี้ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณพ่อ

          ผมกดวางสาย และลุกขึ้นจากเปียโน ไม่ลืมที่จะลูบไล้มันไปมา เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมได้อยู่และใช้เวลาร่วมกับคนที่ผมรักในวัยเด็ก ซึ่งผมจะไม่มีวันได้เจอเธออีกแล้ว ไม่ว่าจะคิดถึงแค่ไหนก็ตาม

          " มาแล้วสินะ ไหนแกบอกฉันมาซิ ว่าที่พริ้นเป็นแบบนี้ ฝีมือแกใช่ไหม " ชายในวัยสูงอายุ กำลังเดินไปมาและตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวใส่ผมด้วยความโมโห ซึ่งคนที่ยืนตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จอยู่ที่มุมห้อง ก็คือพี่ชายตัวดีของผมนั่นเอง

          " มันสมควรแล้ว แค่นี้ยังน้อยไป กับสิ่งที่มันทำกับคนอื่น " ผมพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย ผมก็โมโหเป็นเหมือนกันนะ

          ' เพรี้ยะ! ' 

          ใบหน้าของผมหันตามแรงที่ฝ่ามือหนานั้นปะทะกับใบหน้า

          " แกอยากให้แม่แกเป็นยังไง ห๊ะ แกไม่แคร์ใช่ไหม " ผมคุกเข่าลงกับพื้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว 

          " ขอโทษครับคุณพ่อ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก " 

          " เหอะ สำนึกไว้ซะ ว่าถ้าไม่มีฉัน แม่แกป่านนี้ก็ตายไปแล้ว อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันอีก " ผมก้มหัวลงด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน ถ้าผมต้องเสียคุณแม่ไปอีก ผมคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

          คุณพ่อไม่พูดต่อ แต่เดินไปหยิบไม้หวายอันใหญ่ที่ผนังห้อง 

          " พอเถอะครับคุณพ่อ ไอก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมไม่ถือโทษโกรธน้องหรอกครับ " พริ้นพูดขึ้นมาพลางดึงไม้หวายออกไปจากมือของคุณพ่อ 

          " แกดูซะ แกกล้าทำร้ายพี่ชายของแกได้ยังไง ทั้งๆ ที่พี่ของแกปกป้องแกเสมอ " ผมแค่นหัวเราะออกมาเพราะความน่าสมเพชของพี่ชายจอมตอแหลของผม

          " ไอ ไปได้แล้ว " ผมไม่รอให้พูดซ้ำ ผมกระชากประตูเปิดออกและเดินกลับห้องไปด้วยหัวใจที่เจ็บแค้น

          ถ้าหากว่าผมมีเงินเป็นของตัวเองละก็ ผมจะพาคุณแม่หนีไปให้ไกลแสนไกล คุณแม่ของผมนั้นท่านกำลังป่วยหนัก จำเป็นที่ต้องต้องใช้อำนาจและเงินมหาศาลของคุณพ่อ เพื่อยื้อชีวิตของคุณแม่ไว้ โดยต้องแลกกับการที่ผมจะต้องอยู่ที่นี่ ในนรกขุมนี้ และห้ามไปเจอคุณแม่ ที่นอนป่วยอยู่ที่ญี่ปุ่นเด็ดขาด 

          เสียงประตูห้องของผมเปิดออก พร้อมกับคนที่ผมอยากซัดหน้ามันอีกครั้งด้วยความโมโห

          " หึ คิดว่าจะรอดไปได้เหรอ ที่ทำกับหน้าฉันแบบนี้น่ะ แกกับแม่โสเภณีของแก " ผมพรวดเข้าไปกระชากคอเสื้อพี่ชายด้วยความโมโหสุดขีด จะด่าจะว่าผมอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่กับคุณแม่ ผมจะไม่ทนหรอกนะ

          " เอาสิ ต่อยฉันอีกสิ " พริ้นมองผมด้วยสีหน้ายิ้มเยาะอย่างท้าทาย เพื่อคุณแม่ เพื่อคุณแม่ ผมท่องในใจ เป็นบทสวดมนต์ที่ได้ผลชะงัด

          " น้องชายผู้น่าสงสารเอ๋ย ขนาดแกปกป้องไอ้เด็กนั่นจะเป็นจะตาย แล้วไงล่ะ เด็กนั่นมันก็เลือกชั้นโว้ย ฮ่าๆๆ ไอ้โง่นั่น หลงเสน่ห์ชั้นขนาดไหนก็เห็นๆ กันอยู่ แต่ก็ว่ามันไม่ได้หรอกนะ ใครบ้างจะไม่หลงรักชั้น ฮ่าๆๆ " ผมผลักไอ้บ้านี่ออกไปจากห้องแล้วปิดประตูใส่หน้ามันด้วยความเดือดดาล

          นั่นสินะ ยังไงเด็กนั่นก็ไม่เลือกผมจริงๆ แล้วจูบนั่น มันคืออะไรกันนะ ผมนอนลงบนเตียง แตะมือลงบนริมฝีปากนี่ พลางคิดถึงใบหน้าของเด็กคนนั้นแล้วหลับตาลง

          ในความฝันอันเลือนลาง เด็กผู้หญิงที่มีใบหน้าที่งดงามแต่กลับหมองเศร้า กำลังมองลงไปยังความมืดมิดของด้านล่างนั่น


เด็กผู้หญิงที่ผม ได้ช่วยชีวิตเอาไว้
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 19 เด็กหญิงในความทรงจำ ](21/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 21-09-2017 18:54:36
อ่าดราม่าเข้มข้นขุ่นคลัก
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 19 เด็กหญิงในความทรงจำ ](21/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-09-2017 18:55:37
มินเข้าใจผิด ถถถ แต่มินก็เลือกถูกแล้ว รอมินกลับมา
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 19 เด็กหญิงในความทรงจำ ](21/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 21-09-2017 23:15:00
พี่ไอน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 19 เด็กหญิงในความทรงจำ ](21/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 22-09-2017 09:40:28
          FC ที่ 20 การหวนคืนสู่ฝันร้าย


          ผมกำลังมองออกไปยังท้องฟ้าสีส้มที่นอกหน้าต่างเล็กๆ บานนี้ด้วยหัวใจที่อ่อนล้า ช่วงเวลา 2 ปีที่อยู่ที่นี่นั้นทำให้ผมรู้สึกผูกพันธ์อย่างน่าประหลาด ผมจะต้องกลับไปแล้ว กลับไปยังที่ที่ผมเกิด และใช้ชีวิตมา ซึ่งเป็นที่สุดท้ายที่ผมอยากจะไป

          ผมขอร้องอ้อนวอนให้ฮยองพาไอ้เกลียวมาด้วย แต่ก็ไม่เป็นผล ไอ้เกลียวเป็นคนไทยแท้ ที่ครอบครัวของมันทำงานให้กับตระกูลของผมอยู่ที่ประเทศไทยนี้ คอนโดที่ไอ้เกลียวพาผมไปอยู่ ช่วงที่ผมไม่ได้กลับไปนอนห้องของตัวเอง จริงๆ แล้วก็เป็นทรัพย์สมบัติของตระกูลผม ถึงว่าล่ะ การตกแต่งเห่ยๆ แบบนั้นจะมีใครล่ะที่เป็นต้นคิด นอกจากคุณพ่อของผม

          จะว่าไป แล้วใครเป็นคนทำร้ายไอ้เกลียวกันนะ ผมลืมถามมันไปเลย 

          " ฮยอง รู้เรื่องที่เกลียวโดนทำร้ายหรือเปล่าครับ " ฮยองไม่พูดอะไรนอกจากเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทีฉงน

          " ผมอยากให้ฮยองช่วยสืบให้ แล้วจัดการเบาะๆ ให้ที " 

          " คงไม่ต้องหรอกครับ " ผมละสายตาจากกระจกเครื่องบินและจ้องมองใบหน้าของฮยองด้วยความสงสัย

          " หมายความว่ายังไงเหรอครับ "

          " ผมเป็นคนสั่งสอนมันเอง " ผมมองหน้าฮยองแบบไม่อยากนะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

          " ซอง แจอิน อธิบายมาซะ! " ผมขึ้นเสียงกับคนที่ผมเคารพด้วยความโมโห จะมีเหตุผลอะไรที่จะอัดคนแบบนั้นให้ปางตายได้

          ฮยองแค่ทำหน้าเบื่อหน่าย และก้มลงจัดคอปกเสื้อเชิ๊ตสีขาวให้กับผมด้วยท่าทีสบายๆ 

          " มันทำงานผิดพลาด ผิดพลาดใหญ่หลวงเลยล่ะครับ ผมสั่งให้มันจับตาดูคุณหนูไว้ แต่มันกลับ พาคุณหนูหนีไป " ฮยองยังคงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนกับกำลังเล่าเรื่องดินฟ้าอากาศ

          " จริงๆ แล้วผมจะต้องพาคุณหนูกลับไป ตั้งแต่วันที่ผมไปที่โรงอาหารคณะของคุณหนูแล้ว แต่มันกลับส่งสัญญาณบอกคุณหนู และพาคุณหนูวิ่งหนีไป " ฮยองขยับแว่นหนึ่งทีด้วยท่าทีที่รำคาญใจ

          ถ้างั้นในวันที่มันบอกผมว่าลืมล็อคกุญแจห้อง จริงๆ แล้วเป็นมันเองสินะที่เข้ามาเพื่อให้ผมรีบเก็บเสื้อผ้าหนีไป แล้วมันก็ตื้อให้ผมไปกับมัน แต่ทำไมถึงเลือกมาที่คอนโดของคุณพ่อกันนะ อาจเป็นเพราะที่ที่อันตรายที่สุด อาจเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดงั้นสินะ

          " และแล้วคืนหนึ่งผมก็จับมันได้ มันที่พยายามหนีหัวซุกหัวซุนไปตามถนน ผมจับมันมาและเค้นที่อยู่ของคุณหนู ผมลงมือเองเลยนะครับ ด้วยสนับมือนี่ " ฮยองหยิบสนับมือสีเงินที่เงาวาววับออกมาพลางมองมันอย่างชื่นชม ผมถึงกับขนลุกไปเลยฮะ ไอ้เกลียว มึงแขวนพระอะไรวะถึงรอดมาได้

          " ผมอัดมันด้วยสนับนี่นานหลายชั่วโมง และทรมานมันอีกสารพัดรูปแบบแต่มันก็ไม่ยอมปริปากเลยสักนิด ในท้ายที่สุด ผมจ่อปืนเข้าที่หัวของมัน เตรียมพร้อมที่จะเหนี่ยวไกปืน หึหึ คุณหนูรู้ไหมว่า มันพูดว่าอะไร " ฮยองยิ้มสยองออกมาทำเอาผมสยึยไปเลย

          " มันขอให้ผมดูแลคุณหนูให้ดี เหมือนดั่งที่ผมทำมาตลอดชีวิตของผม ให้ตามใจคุณหนูบ้าง เพราะว่าคุณหนูน่ะ มีชีวิตที่ลำบากมามากมายพอแล้ว หึหึ ขนาดมันกำลังจะตาย ยังจะมาพูดเอาดีให้คนอื่นอีก " ฮยองหัวเราะ ฮยองหัวเราะเหรอ เป็นสิ่งที่หายากสุดๆ ในชีวิตของผมครับ อึ๋ย น่ากลัวชะมัด

          " สุดท้ายผมยังให้โอกาส ให้มันพูด ให้บอกว่าคุณหนูอยู่ที่ไหน มันกลับพูดว่า ' ฆ่าผมซะ ' ด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ของมัน ด้วยรอยยิ้ม " ผมฟังที่ฮยองเล่าด้วยหัวใจที่สั่นไหว ผมก็มีเพื่อนแท้เหมือนคนอื่นเขาสินะ 

          " ผมจะฆ่าคนที่ซื่อสัตย์ต่อคุณหนูแบบนั้นได้ยังไงกันละครับ เด็กนั่นควรได้รับรางวัล " ฮยองพูดพร้อมกับรินนมอุ่นๆ ให้กับผม

          " ขอบคุณนะครับ " ผมส่งยิ้มให้ฮยองอย่างเป็นสุข

          " มีเพื่อนที่ดีนะครับคุณหนู เท่านี้ผมก็พอเบาใจได้ " 

          " ฮยองอ่า อย่าใจร้อนสิครับ ชอบทำอะไรรุนแรงอยู่เรื่อยเลย " ผมจิบนมและส่งยิ้มให้ฮยอง 

          " อย่างงี้ถ้าผมมีแฟน แฟนผมคงไม่ต้องไปนอนกับรากมะม่วงเลยเหรอเนี่ย " 

          " อย่างไอ้หนุ่มผมดำนั่นเหรอครับ " 

          ' พรวดดด! ' 

          ผมพ่นนมเป็นระอองน้ำพุด้วยความตกใจสุดๆ

          " ฮ..ฮยอง อย่าบอกนะว่า " 

          " ผมไม่สนใจเรื่องรสนิยมของคุณหนูหรอกนะครับ แต่การที่คุณหนูจะไปจู.. " ผมรีบตะครุบปากฮยองอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเครื่องบินส่วนตัว แต่ผมก็ไม่อยากจะได้ยินอะไรแบบนี้ ยิ่งจากปากของคนที่ทำหน้าราวกับว่ามันเป็นแค่การตบแมลงวันเท่านั้นด้วยแล้ว หึยยย เขินเฟ้ยย

          " แค่รุ่นพี่ครับรุ่นพี่ ก็แค่ เอ่อ ช่างมันเถอะครับ นะนะ " ผมพนมมือขอร้องฮยองให้พับเก็บเรื่องนี้ลงไปซะ

          " ที่ประเทศไทยนี่เค้าจูบรุ่นพี่ที่ปากกันเหรอครับ ผมจะได้จดไว้ " ฮยองทำท่าจดปากกาลงสมุด ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ โอ้ยยย ถ้าเปลี่ยนพ่อบ้านตอนนี้ยังทันม๊ายย

          จะว่าไปผมก็ยังรู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่ริมฝีปากนี่ มันไม่เคยจางหายไปเลย หรือว่าผมไม่อยากจะลืมมันกันแน่นะ ผมยิ้มจางๆ ให้กับเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก


          กรุงโซลยังคงเหมือนเดิม แสงไฟ ผู้คน และหัวใจของผม ที่ยังคงหม่นหมองทุกครั้งที่อยู่ที่นี่ อากาศที่หนาวเย็นก็ยังไม่เย็นชาเท่ากับคนที่ผมจะไปพบอยู่ตอนนี้

          ไม่นานนักผมก็มาอยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่นี่ ที่ที่ผมแสนเกลียดที่จะเหยียบย่างเข้าไป บรรยากาศและการตกแต่งยังคงเหมือนเดิม เหล่าพ่อบ้านแม่บ้าน และบอดี้การ์ดในชุดสีดำมากมาย ยืนโค้งตัวต้อนรับนายน้อยหนึ่งเดียวของบ้าน

          ในตอนนี้นั้นตัวผมได้กลับคืนสภาพดังเดิมแล้ว ผิวที่ขาวจัดจนกลายเป็นสีแดงระเรื่อเมื่อเจอกับอากาศที่หนาวเย็น ผมสีบอร์นทองที่ผมนั้นย้อมจากสีน้ำตาลเข้ม เห็นแบบนี้แต่ผมก็เป็นพวกแฟชั่นนิสนะครับ ตามสไตล์วัยรุ่นเกาหลีทั่วไป แต่ก็ไม่เคยมีใครชมว่าผมหล่อสักที ผิดกับที่ผมโดนชมว่าสวยจนเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ทำให้ผมอยากกระโดดไปบีบคอไอ้พวกที่บอกผมว่าสวยเหลือเกิน สวยบ้าบออะไรกันล่ะ กูหล่อเฟ้ย

          " คุณหนู เชิญทางนี้เลยครับ นายท่านรออยู่แล้วครับ " พ่อบ้านในชุดสูทสีดำโค้งตัวและนำทางผมไปยังห้องทำงานของคุณพ่อ 

          ผมยืนหายใจเข้าออกลึกๆ ก่อนที่จะเข้าไป เพราะว่าผมนั้นรู้ว่าผมจะต้องเจอกับอะไร 

          " มาได้แล้วเรอะ " ชายสูงอายุตัวใหญ่ นั่งอยู่ที่หลังโต๊ะทำงาน กำลังมองใบหน้าของผมอย่างยิ้มเยาะ

          " ครับ คุณพ่อ ขออภัยที่ไม่ได้กลับมานานครับ "

          " ก็แหง๋สิ แกไปติดผู้ชายอยู่ที่ไหน ทำไมฉันจะไม่รู้ " ผมกำมือแน่น เพื่อให้อารมณ์ที่ครุกรุ่นสงบลง

          " แจอินมันคิดว่าฉันไม่รู้สินะ ถึงได้ส่งรายงานโกหกว่าแกแค่ไปเรียนและทำกิจกรรมชมรมเฉยๆ มันคิดว่าฉันโง่หรือไง ชั้นจะลงโทษมันแทนแก โทษฐานที่มันดูแลแกไม่ได้ "

          " อย่านะครับคุณพ่อ ฮยองก็แค่ทำตามคำสั่งของผม และผมก็ไม่ได้ไปติดผู้ชายอะไรนั่นจริงๆ " ผมคุกเข่าลงขอร้องคนที่ผมเกลียดที่สุด เพื่อปกป้องผู้ที่อยู่เคียงข้างผมมานานด้วยความซื่อสัตย์ต่อผม ผมมีแค่ฮยองคนเดียวเท่านั้นในบ้านหลังนี้ที่ดูแลผมยิ่งกว่าคนไหนๆ

          " เหอะ แต่จะว่าไป อาจเป็นเพราะฉันก็ได้ ที่ทำให้แกวิปริตไปแบบนี้ สงสัยฉันคงจะให้แกใส่กระโปรงมากเกินไป " ผมเงยหน้ามองคนที่ขึ้นชื่อว่าพ่อด้วยความรู้สึกที่เจ็บแค้น ใช่แล้วล่ะ ผมน่ะ ไม่เคยได้เป็นตัวของตัวเลยนับตั้งแต่ที่ได้เกิดมา


คิม ยูมินน่ะ ได้ตายไปแล้ว ถึงจะมีชีวิตอยู่ แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 20 การหวนคืนสู่ฝันร้าย ](22/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 22-09-2017 13:54:03
เหอ ๆ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 20 การหวนคืนสู่ฝันร้าย ](22/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 22-09-2017 14:08:09
นี้พ่อหรือเจ้ากรรมนายเวร
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 20 การหวนคืนสู่ฝันร้าย ](22/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 22-09-2017 16:35:42
          FC ที่ 21 ฝาแฝดแห่งตระกูลคิม


          10 ปีก่อน



          " คุณหนูจีมิน เก่งจังเลยค่า "

          " คุณหนูนี่อัจฉริยะของแท้เลยนะครับ "

          " ฝีมือระดับนี้ ทั้งๆ ที่อายุ 9 ขวบเองนะ "

          " ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ผิดกับอีกคนเลยนะ "

          นั่นเป็นสิ่งที่ผมได้ยินมาตลอดเวลาหลายปีมานี้ คิม จีมิน พี่สาวฝาแฝดของผม เธอเป็นอัจฉริยะทางด้านดนตรี ชนะการประกวด และได้รางวัลมากมาย สร้างชื่อเสียงแก่วงตระกูลของเรามานักต่อนัก ทั้งๆ ที่อายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น ทั้งๆ ที่เรานั้นเหมือนกัน แม้กระทั่งหน้าตา แต่ทำไมกันนะ ผมรู้สึกเหมือนว่า เราช่างแตกต่างกัน แค่เพราะว่าผมนั้น ไม่ได้มีฝีมือเหมือนกับเธอ ผมจึงถูกมองว่าไร้ค่า ทุกๆ คนต่างผิดหวังในตัวผม ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ให้กำเนิดทั้งสอง

          คุณพ่อของผมเป็นนักธุรกิจ ที่มีกิจการมูลค่ามากที่สุดในเอเชีย ส่วนคุณแม่ เป็นนักเปียโนชื่อดัง ที่แข่งขันมาแล้วทั่วโลก ไม่แปลกที่ท่านจะคาดหวังกับลูกๆ ฝาแฝดของพวกท่าน คาดหวังที่จะเห็นพวกเราทั้งสองคนได้ก้าวไปสู่จุดสูงสุด ดังที่พวกท่านนั้นได้ทำมา


          แต่ผมกลับทำมันไม่ได้


          มีเพียงฮยองเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างผม ฮยองเป็นพ่อบ้านที่ทำหน้าที่ดูแลผมและพี่จีมิน ผมมักไล่ฮยองให้ไปอยู่กับพี่จีมินเสมอ แต่ฮยองก็ไม่เคยไปไหนห่างจากผมเลย ฮยองจึงเป็นเหมือนเพื่อน และพี่ชายของผม

          จนวันนึงที่เป็นเหมือนฝันร้ายที่สุดในชีวิตของผม การจากไปอย่างกระทันหันของพี่จีมิน ทำให้ทุกคนในบ้านช็อคหนัก คุณพ่อที่ใบหน้าซูบซีดรีบรุดมาในที่เกิดเหตุ และคุณแม่ที่กรีดร้องราวกับหัวใจแหลกสลาย  ทุกคนจ้องมองผม ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผม เพราะผมที่อยู่กับพี่ก่อนที่พี่จะจมน้ำและหายไป


          " นี่มันอะไรกันครับฮยอง " ผมมองชุดกระโปรงสีขาวที่อยู่บนเตียงของผมอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ฮยองไม่ตอบ และก็ไม่ยอมสบตาผมเลย

          ผมลากเท้าไปที่ห้องทำงานของคุณพ่อด้วยหัวใจที่เจ็บปวด

          " นี่มันอะไรกันครับ " ผมตะโกนพลางเขย่าชุดกระโปรงไปมาด้วยความโมโห

          " ทำเพื่อแม่ของแก แม่ของแกกำลังจะตาย " คุณพ่อพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย เหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งที่ง่ายเหลือเกินที่จะทำ ผมน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด นั่นสินะ คนที่ควรตายไป มันคือผมต่างหาก

          คุณแม่ที่เสียใจอย่างหนัก ได้ล้มป่วยลง คุณแม่ไม่เคยเรียกชื่อผมอีกเลย ร้องเรียกหาแต่พี่จีมินเท่านั้น ความเสียใจทำให้คุณแม่เสียสติไป ผมมองดูคุณแม่ที่ดิ้นทุรนทุรายร้องเรียกหาพี่ด้วยความเจ็บปวด


          เวลาผ่านไป 2 ปีแล้ว ผมมองดูตัวเองในกระจกยาวที่ส่องให้เห็นตัวผมที่อยู่ในสภาพที่น่าสมเพช การตายของพี่ถูกปิดเป็นความลับ มีเพียงคนในตระกูลเท่านั้นที่ล่วงรู้ ไม่มีใครสามารถแยกออกระหว่างผมกับพี่จีมิน เพราะพวกเรานั้นเหมือนกันมาก ตัวผมที่จำเป็นต้องแต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิงจึงไม่มีใครล่วงรู้
         
          " คุณหนูจีมินยังงดงามเหมือนเดิมเลยนะครับ " ใบหน้าของผมกระตุกด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ต้องเก็บมันเอาไว้

          ทุกๆ คนในบ้าน รวมทั้งพ่อบ้านแม่บ้าน ทุกๆ คนนั้นรู้ว่าผมคือยูมิน น้องชายฝาแฝดของพี่ แต่กลับไม่มีใครเรียกผมด้วยชื่อนั้นอีกเลย คิม ยูมิน ได้ตายจากไปแล้วจากอุบัติเหตุนั่น ผมได้แต่ร้องไห้ข้างในหัวใจ ที่ร้องเท่าไหร่ก็ไม่มีใครได้ยินมัน

          ' เพล้ง! ' 

          " คุณหนู ยูมิน อย่าทำแบบนี้สิครับ " กระจกบานที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมได้ทำลายมัน ผมเกลียดชังใบหน้านี้ ร่างกายนี้ ไม่อยากจะรับรู้หรือเห็นมันอีก มีเพียงฮยองเท่านั้นที่ยังคงเรียกผมด้วยชื่อของผม ทำให้รู้ว่าผมยังมีตัวตนอยู่ ยังมีชีวิตอยู่

          ผมเดินไปตามทางเดินเพื่อไปพบคุณแม่ที่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ท่านส่งยิ้มให้กับผม เมื่อผมได้เดินเข้าไปในห้องของท่าน

          " จีมินมาแล้วเหรอลูก มานั่งนี่สิ มาใกล้ๆ แม่ " ผมฝืนยิ้มอย่างข่มขื่นให้คุณแม่ ที่กอดผมเอาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป


          " ฮยอง ผมอยากไปเดินเล่นจังเลยครับ พาผมไปได้ไหม " 

          " แต่นายท่านคงจะไม่อนุญาตหรอกนะครับคุณหนู " ผมมองใบหน้าของฮยองด้วยแววตาอ้อนวอน ผมไม่มีใครอีกแล้วที่จะช่วยผมได้

          " แค่ครั้งนี้นะครับ " ผมยิ้มอย่างดีใจ กอดฮยองไว้แน่น มีเพียงฮยองเท่านั้นที่ใจดีกับผม

          ด้วยความช่วยเหลือที่แสนยากลำบาก ตอนนี้ผมถึงได้มาอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนกันไปมา นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ผมไม่ได้ออกมาข้างนอกแบบนี้ 

          " อย่าคิดหนีไปไหนเชียวนะครับ ไม่อย่างนั้น นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณหนูจะได้ออกมา " ฮยองขู่ผมด้วยสีหน้าที่บอกว่า เอาจริงแน่นอน 

          " คร๊าบฮยอง ว่าแต่ผมอยากเปลี่ยนชุดจังเลยครับ " ผมมองตัวเองที่ยังคงอยู่ในชุดพีชสีขาวที่ดูน่ารักซะเหลือเกิน 

          " เปลี่ยนไปก็เท่านั้นแหละครับ " ผมไม่เข้าใจที่ฮยองพูดเลยสักนิด

          ' เด็กคนนั้นน่ารักสุดๆ ไปเลยนะ '

          ' ยังกับตุ๊กตาแน่ะ '

          ' ลูกครึ่งหรือเปล่านะ ' 

          เสียงซุบซิบนินทายังคงดังเป็นระยะที่ผมเดิน เฮ้อ ผมละเกลียดชะมัด ผมเป็นผู้ชายนะ จะดีใจเวลาโดนชมว่าน่ารักได้ยังไง

          " ฮยองผมอยากเปลี่ยนชุดจริงๆ นะ " ผมยังคงอ้อนฮยองต่อไป 

          " ครับ มาทางนี้เลยครับ " 

          ไม่นานผมก็อยู่ในชุดเอี๊ยมกางเกงขาสั้นสีกรม และเสื้อคอลูกไม้แขนยาวสีขาว หึ แบบนี้ค่อยดูหล่อหน่อย

          ' ว๊ายย เด็กคนนั้นน่ารักจังเลย '

          ' ดูแก้มสีชมพูนั้นสิ ' 

          ' เด็กผู้หญิงแน่เลย ' 

          ' แต่งตัวน่ารักจัง แม่หนูน้อย '

          ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า ไอ้ที่ฮยองบอกว่าเปลี่ยนไปก็เท่านั้นมันเป็นยังไง ผมซึ่งหน้าบูดเป็นตูดลิงอยู่ตอนนี้ ยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากผู้คนที่พบเห็นไปใหญ่

          " ผมบอกคุณหนูแล้วนะครับ ว่าถ้าแอบหนีไป คุณหนูจะไม่ได้ออกมาอีก " ฮยองยังคงพูดเตือนผมอยู่เสมอ ตลอดเวลาที่อยู่ข้างนอกนั่น

          แต่ว่านะ ผมน่ะ ไม่กลัวหรอกครับฮยอง เพราะว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของผมอยู่แล้ว


ครั้งสุดท้ายที่ผมจะอยู่บนโลกใบนี้
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 21 ฝาแฝดแห่งตระกูลคิม ](22/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 22-09-2017 19:20:22
อ่า....พบจิตแพทย์เถอะ ทั้งบ้านเลย
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 21 ฝาแฝดแห่งตระกูลคิม ](22/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 22-09-2017 22:49:22
อ่า....พบจิตแพทย์เถอะ ทั้งบ้านเลย

ถ้างั้นคนเขียนคงหนักสุดเนอะ เข้าขั้นโรคจิตค่ะ ทุกอย่างมีเหตุผลจ้า อ่านให้จบแล้วจะรู่ค่ะ 555+
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 21 ฝาแฝดแห่งตระกูลคิม ](22/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 22-09-2017 23:11:41
มารอ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 21 ฝาแฝดแห่งตระกูลคิม ](22/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 23-09-2017 00:37:19
โห บ้านนี้นี่มันปรกติมั้ยเนี่ยย
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 21 ฝาแฝดแห่งตระกูลคิม ](22/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 23-09-2017 10:00:08
          FC ที่ 22 คำสัญญาที่ถูกลืมเลือน


          ผมใช้ผู้คนที่เดินไปมาเป็นกำบัง และรีบวิ่งหนีฮยองด้วยความเร็วสุดชีวิต ฮยองที่ตอนนี้กำลังซื้อไอติมให้ผม ยังคงไม่รู้ตัวว่าผมนั้นได้หายไปแล้ว

          " ขอโทษนะครับ ฮยอง แล้วก็ ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างฮะ " ผมหยุดยืนมองฮยองและส่งยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้าย

          ผมเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจุดหมายคือที่ไหน แต่ผมรู้ว่าจุดมุ่งหมายของผมคืออะไร ผมกำลังหาที่ ที่ซึ่งผมจะได้หายไปตลอดกาล ผมมองไปบนฟ้าที่มืดครึ้มอย่างเป็นใจ มันมืดมนเหมือนกับหัวใจของผมในตอนนี้

          ผมมองเห็นตึกหลังหนึ่ง ในตรอกซอกซอยที่อยู่ลึกสุดใจ ที่ที่ไม่มีใครเดินผ่าน เป็นตรอกเล็กๆ ที่มีตึกร้างมากมาย ผมมองไปที่ตึกที่สูงที่สุด และหาทางเข้าไป ผมใต่บันไดขึ้นไปยังชั้นสูงสุดเรื่อยๆ อย่างมุ่งมั่น จนในที่สุด ผมก็มาถึงจุดสูงสุดของตึกนี้จนได้

          ตอนนี้สายฝนเริ่มตกลงมาแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นให้สายฝนที่หนาวเย็นตกกระทบลงบนใบหน้าจนเปียกชื้น และก้าวเดินไป ยังขอบตึกนั่นอย่างช้าๆ ก้าวขึ้นไปและหยุดยืนอยู่บนนั้น ผมก้มมองลงไปยังความมืดมิดของข้างล่างนั่น ด้วยหัวใจที่เตรียมพร้อม ที่จะได้หลับไหลไปในห้วงนิทราชั่วนิรันดร์ ผมกำลังจะเป็นอิสระแล้วสินะ ผมจะไม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว

          " สูงดีนะ " ผมละสายตาจากความมืดมิดข้างล่างนั่น จ้องมองบุคคลที่ผมไม่รู้จักด้วยความตกใจ

          " ผมไม่ได้จะมาห้ามเธอหรืออะไรแบบนั้นหรอก " เด็กหนุ่มคนนั้นพูด ด้วยรอยยิ้มที่แสนเศร้า

          " ผมก็เคยอยากที่จะลงไปที่นั่น เหมือนกับเธอ ผมรู้ว่ามันรู้สึกยังไง " เด็กหนุ่มก้าวขึ้นมาอยู่ที่ขอบตึกนั่น ซึ่งระยะก็ไม่ได้ห่างจากตัวผมเท่าไหร่ ใครกันนะ นายน่ะจะมาเข้าใจผมได้ยังไงกัน

          " แต่ว่านะ ผมก็นึกขึ้นได้ว่า ผมยังมีคุณแม่ที่เป็นห่วงผมอยู่ ผมจะมาตายที่นี่ไม่ได้ " เด็กหนุ่มคนนั้นยังคงพูดต่อไปด้วยรอยยิ้มหมองเศร้า แต่ผมน่ะไม่มีใครเลยต่างกับนายนะ ผมคิดในใจ

          " เพราะงั้น ถ้าเธอไม่มีคนที่เธอจะอยู่เพื่อเขาแล้วละก็ " เด็กหนุ่มยังคงจ้องมองลงไปยังความมืดมิดด้านล่าง และค่อยๆ หันมาฉีกยิ้มที่สดใสให้กับผม

          " อยู่เพื่อผมสิ แล้วผมก็จะอยู่เพื่อเธอเหมือนกัน " หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาของผม เหมือนกับว่าผมได้ถูกปลดปล่อยจากความเศร้าหมองในหัวใจ ผมมีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ผมจะยังสามารถมีความสุขได้ใช่ไหม ผมไม่ได้ไร้ค่าแล้วใช่ไหม

          ผมหันหลังให้ความมืดมิดข้างล่างนั่น ไปยังอ้อมแขนที่กางไว้รองรับตัวผม พวกเรากอดกันเนิ่นนานแสนนาน ผมร้องไห้กับอ้อมกอดนั้นปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในหัวใจ ความเศร้า ความสิ้นหวัง ความเจ็บปวดทุกๆ อย่าง ให้มันออกมากลายเป็นหยาดน้ำตา

          " ผมมีที่ที่อยากจะพาเธอไป ผมจะสอนเธอเอง " เด็กหนุ่มเช็ดน้ำตาให้กับผมอย่างอ่อนโยน เมื่อผมเพ่งมองดีๆ แล้วพวกเราน่าจะอายุไม่ห่างกันเท่าไหร่ ใบหน้าหล่อเหลา และตัวสูงจังเลยนะ สูงกว่าผมเป็นคืบได้ แถมยังตัวใหญ่อีกต่างหาก และถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เขาคนนี้น่าจะคิดว่าผมเป็นผู้หญิงสินะ 

          " เธอชื่ออะไรงั้นเหรอ " เด็กหนุ่มที่กำลังจูงมือผมอยู่นั้น หันมายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน

          " คิม จีมิน " ผมพูดบ้าอะไรออกไปนะ การเป็นพี่จีมินมา 2 ปี ทำให้ผมแทบจะกลายเป็นพี่โดยสมบูรณ์ ทำให้เผลอพูดชื่อนั้นออกไป

          " แล้วนายล่ะ " ผมถามกลับไป แต่คำตอบที่ได้กลับมีแต่เสียงหัวเราะของคนตรงหน้าเท่านั้น
         
          " ไอ.. "

          " ไอเลิฟยู ฮ่ะๆ " 

          " นี่ อย่าพูดเล่นสิ " ผมตีแขนคนตรงหน้าอย่างลืมตัว 

          " ไม่ได้ล้อเล่นซะหน่อย " ข่นบ้า เห็นเป็นเรื่องเล่นไปได้ แต่ก็ช่างเหอะ จะชื่ออะไรก็ไม่สำคัญหรอก ขอแค่เป็นคนคนนี้ก็พอ คนที่ทำให้โลกของผมเปลี่ยนไป

          เด็กหนุ่มพาผมเดินลัดเลาะไปยังที่ต่างๆ ลัดคลองน้ำ ลัดทุ่งหญ้าที่เขียวขจีขนาดใหญ่ ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ที่นี่ด้วย มันเงียบสงบและทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก

          พวกเรามาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นซากตึกปลักหักพังขนาดใหญ่ แต่ก็ยังพอกันแดดกันฝนได้ ภายในนั้นโล่ง แต่ก็มีข้าวของเก่าๆ ที่พังเสียหาย มีเชิงเทียนเก่าๆ มีโคมไฟ และใจกลางของตึกนั่นก็คือ แชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ ที่มีหยากไย่เกาะอยู่เต็มไปหมด และภายใต้แชนเดอเลียร์นั้น มีเปียโนหลังหนึ่งตั้งอยู่ เป็นเปียโนสีดำ ที่มีสภาพโทรมและผุพังแล้ว 

          " ยังเล่นได้อยู่นะ " เด็กหนุ่มหันมายิ้มให้ผม และเดินไปรอบๆ เปียโนหลังโทรม ลูบไล้เปียโนที่ผุพังนั้นอย่างรักใคร่ ผมมองภาพตรงหน้า ด้วยหัวใจที่สั่นไหว

          " มาสิ ผมจะสอนให้เอง " ผมเดินเข้าไปนั่งที่เปียโนหลังนั้นอย่างว่าง่าย

          " วางมือตรงนี้นะ " เด็กหนุ่มยืนค่อมหลังผมเอาไว้แล้วโน้มตัวมาใกล้ ใบหน้าของเขาอยู่ข้างๆ แก้มผมนี่เอง ทำเอาใบหน้าของผมร้อนผ่าวเลยทีเดียว เขาจับมือของผมให้วางบนคีย์ต่างๆ ของเปียโนอย่างเชี่ยวชาญ

          ผมตัวแข็งทื่อ ทั้งตื่นเต้นและรู้สึกแปลกๆ ชอบกล ผมหันไปมองแก้มของเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างกล้าๆ กลัว 

          " อยากหอมก็เอาเลยสิ " 

          " ม..ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย " ผมพูดตะกุกตะกักด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว

          " ฮ่ะๆ หน้าแดงหมดแล้ว " หึ่ยย กลายเป็นคนหื่นไปแล้วเรา

          ผมวางมือบนคีย์เปียโนและเริ่มบรรเลงบทเพลงออกมา ทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นทำสีหน้าแปลกใจ และแปรเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มที่สดใสร่าเริง

          " ตกใจหมดเลย นี่เธอเล่นเป็นหรอกเหรอ " ผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างภาคภูมิใจ

          " ฮ่ะๆ เก่งมากเลย " เด็กหนุ่มพูดชมผมพร้อมกับขยี้หัวผมเบาๆ ผมยิ้มแป้นจนเหมือนแก้มจะระเบิดออกมา เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับคำชมจากการบรรเลงของผม

          " แต่วันนี้เย็นมากแล้วนะ บ้านเธออยู่ที่ไหนล่ะ ผมจะพาไป " ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของผม แปรเปลี่ยนไปเป็นหมองเศร้าอย่างรวดเร็ว

          " อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เราจะมาเจอกันอีกนะ ที่นี่ ทุกๆ วันเลย " เด็กหนุ่มกุมมือของผมเอาไว้ แล้วส่งยิ้มอย่างอ่อนโยน 

          " จำเอาไว้ว่า ผมจะรอเธออยู่ที่นี่เสมอ แล้วมาหาผมนะ " ผมพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้เป็นคำตอบ


          หลังจากนั้นทุกๆ วันผมจะแอบมาที่นี่ด้วยความช่วยเหลือของฮยอง ซึ่งวันแรกที่ผมกลับไป ฮยองโกรธผม และไม่ยอมพูดกับผมเลย แต่พอผมเล่าเรื่องเด็กหนุ่มคนนี้อย่างมีความสุข ฮยองก็ยอมที่จะพาผมมาที่นี่

          ผมกับเด็กหนุ่มปริศนา กำลังแต่งบทเพลงเพลงหนึ่งขึ้น ซึ่งใช้เวลาเกือบเดือนเลยทีเดียวกว่าที่ทุกอย่างจะลงตัว พวกเราบรรเลงร่วมกัน ถ้าผมเล่นคอร์ด เด็กหนุ่มก็จะเล่นเมโลดี้ สลับกันไป เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่รู้ชื่อของเขา แต่มันก็ไม่จำเป็น ตราบเท่าที่เรายังอยู่ด้วยกัน

          แต่แล้ววันแห่งความสุขนั้นก็หายไป ในวันสุดท้ายของเดือน ที่ผมได้มาที่นี่ เด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาคงจะมีเหตุผลของเขาสินะ ผมยังคงมาที่นี่ทุกๆ วัน เฝ้ารอให้เด็กหนุ่มคนนั้นกลับมา


          เมื่อผมอายุครบ 12 ปี คุณพ่อที่รู้ว่าผมชอบหนีออกไปจากบ้านเลยลงโทษผม โดยการส่งผมไปเรียนที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ เพื่อที่ผมจะไม่ได้ออกไปไหนอีกนอกจากเรียนเท่านั้น ผมไม่แม้แต่จะได้คุยกับฮยอง เพราะคุณพ่อก็ลงโทษฮยองที่พาผมออกไปข้างนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน

          ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น ผมยังคงไม่ละความพยายาม เฝ้านึกถึงรายละเอียดต่างๆ ของเด็กหนุ่มคนนั้น เท่าที่ผมจะนึกออกได้ รู้แบบนี้ผมน่าจะถามเขาทุกๆ อย่างที่จำเป็น มีอะไรบ้างนะที่จะทำให้ผมรู้ว่าคนคนนั้นคือใคร

          ผมพยายามนึกถึงสิ่งต่างๆ นี้มาเป็นเวลาหลายปี หน้าตา เสื้อผ้า เอ๊ะ เสื้อผ้าของเขามีตราอะไรสักอย่างอยู่บนกระดุมนั่น แต่มันยากจัง ผมจำรายละเอียดไม่ได้มากนัก เพราะว่ามันค่อนข้างจะสังเกตุยากมากๆ ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิดอะไรละก็ ตรานั่นน่าจะเป็นตราประจำตระกูลหรืออะไรทำนองนั้นแน่ๆ

          ผมตามสืบเรื่องตราประจำตระกูลนั่น มาเป็นเวลา 3 ปี ไล่ดูทุกตระกูลที่น่าจะเป็นไปได้ในกรุงโซล แต่ก็ไม่มีที่ใกล้เคียงเลย ผมจึงไล่ดูขยายวงกว้างออกไป จนในที่สุดผมก็ได้เจอ

          สหวัฒนวรางกูร เป็นตระกูลเก่าแก่และร่ำรวย อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตระกูลนี้ มีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ก็คือพริ้น พีรณัฐ ซึ่งอายุมากกว่าผม 2 ปี ผมคิดว่าผมจำรอยยิ้มนั้นได้

          ผมมองดูรูปถ่าย ที่มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลายิ้มแย้มอยู่บนนั้น เวลาผ่านมา 4 ปีแล้วสินะ แต่พี่ก็ยังมีใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเหมือนเคย

          " กลายเป็นหนุ่มหล่อเต็มตัวแล้วสินะ พี่ดูเปลี่ยนไปมากจริงๆ " ผมพูดเบาๆ และยิ้มให้กับคนในรูป คนที่ผมนั้นคิดถึงสุดหัวใจ


          จนเมื่อผมอายุได้ 17 ปี ผมก็ได้กลับมาที่บ้าน ที่กรุงโซลอีกครั้งเพราะว่าคุณแม่นั้นกำลังล้มป่วยลงด้วยโรคประจำตัว และท่านก็ได้สิ้นใจไปในเวลาไม่นาน ซึ่งในช่วงเวลาสุดท้ายของลมหายใจของท่านนั้น ท่านก็ไม่ได้เรียกชื่อที่แท้จริงของผมเลย

          หลังจากที่ผมกลับมาผมก็ได้พบฮยองเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ผมรีบถามถึงสิ่งที่ผมอยากรู้มาตลอด เรื่องของเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ฮยองที่คอยไปที่สถานที่แห่งนั้นแทนผม ก็เหมือนกับไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ บอกแค่ว่าไม่พบเด็กคนนั้นที่นั่นอีกเลย

          ผมจึงกลับมายังที่สถานที่แห่งความทรงจำนี้อีกครั้ง ด้วยตัวของผมเอง ทำไมกันนะ ฮยองถึงไม่อยากให้ผมมาที่นี่

          ผมเดินไปรอบๆ ดื่มด่ำกับความร่มรื่น และบรรยากาศที่ยังคงเป็นเหมือนเก่า เหมือนครั้งที่พวกเรา ยังคงใช้เวลาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ผมเดินไปเรื่อยๆ เก็บเกี่ยวความรู้สึกในสถานที่ ที่เคยมีพี่อยู่ที่นี่ แต่เมื่อผมเดินไปยังใจกลางของซากปลักหักพังนี้

          ภาพที่ผมเห็นกลับทำให้หัวใจของผมสั่นสะท้านไปด้วยความเศร้าเสียใจ เปียโนหลังโทรมตัวนั้นได้หายไปแล้ว แต่ถูกวางแทนที่ด้วยกองดอกไม้ที่แห้งเหี่ยว ด้วยเหตุผลอะไรที่ผมเองก็ไม่เข้าใจ ใครกันนะที่นำมันไป หรือว่าจะเป็นพี่ พี่กลับมาที่นี่เหรอครับ หรือว่าทุกอย่างมันไม่สำคัญกับพี่อีกแล้วใช่ไหม

          แต่ว่านะ ผมก็จะอยู่ต่อไป เพราะผมได้สัญญากับพี่ไว้แล้ว


ผมจะอยู่เพื่อพี่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ พี่จะไม่ได้อยู่เพื่อผมอีกแล้วก็ตาม
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 22 คำสัญญาที่ถูกลืมเลือน ](23/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 23-09-2017 12:02:15
ส่งสารน้องมิน
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 22 คำสัญญาที่ถูกลืมเลือน ](23/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 23-09-2017 15:43:33
พี่ไอใช่มั้ยย
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 22 คำสัญญาที่ถูกลืมเลือน ](23/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 23-09-2017 16:06:48
เขาก็บอกว่าไอ ถึงแม้จะเล่นเป็นไอเลิฟยูก็เหอะ ยังจะพริ้นๆอยู่ได้ ไม่เอะใจเลยหรือ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 22 คำสัญญาที่ถูกลืมเลือน ](23/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 23-09-2017 16:11:02
เขาก็บอกว่าไอ ถึงแม้จะเล่นเป็นไอเลิฟยูก็เหอะ ยังจะพริ้นๆอยู่ได้ ไม่เอะใจเลยหรือ

ณ ตอนนั้นทั้งสองเด็กน้อยมากจ้า มินคิดว่าพูดเล่นจริงๆ และอีกอย่างคือตราประจำตระกูลเป็นของพริ้นค่ะ และพริ้นกับไอหน้าคล้ายกันสุดๆ ^__^ ถ้ารู้เร็วก็จบเร็วสิ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 22 คำสัญญาที่ถูกลืมเลือน ](23/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 23-09-2017 16:19:34
          FC ที่ 23 Forget Me Not


          ตั้งแต่ที่ผมได้กลับมาที่นี่ก็หลายวันแล้ว สิ่งต่างๆ ยังคงน่ารำคาญใจสำหรับผม ผมอยากกลับไปจัง กลับไปที่ประเทศไทย เพราะว่าที่นั่นผมได้มีเพื่อน มีชีวิตเป็นของตัวเอง

          ตั้งแต่ที่คุณพ่อเรียกผมไปพบในวันแรก ท่านก็ไม่เรียกผมอีกเลย แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะผมไม่อยากโดนด่าอีกยังไงล่ะ คุณพ่อเป็นคนไม่ชอบพูดเท่าไหร่ ผมเลยไม่รู้ว่าท่านคิดอะไร

          " ฮยอง ผมเบื่อออ " ฮยองที่กำลังจัดผ้าม่านให้กับผม ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายเช่นกัน

          " ฮยองงง ผมอยากไปที่นั่น ไม่ได้ไปมา 2 ปีแล้วอ่ะ "

          " จะไปทำไมอีกละครับ ก็ที่นั่นไม่มีอะไรอีกแล้ว " 

          " แต่ผมก็อยากไปอยู่ดีอ่ะ " ผมยังคงทำหน้าบูด ทำเสียงออดอ้อนขอความเห็นใจ

          " แต่นายท่าน.."

          " ผมไม่สนหรอก " ผมพูดเสียงดังอย่างขุ่นเคืองใจ ทำไมกันนะ ฮยองเหมือนกับเข้าข้างคุณพ่อซะอย่างนั้น

          " คุณหนู นายท่านก็แค่โมโหเท่านั้นละครับ ถึงได้พูดแบบนั้น " 

          " นี่ไม่ได้อยู่ข้างๆ ผมแค่ไม่นาน ฮยองเปลี่ยนใจไปเข้าข้างคุณพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่กัน " ผมพูดอย่างน้อยใจ หึ สามวันจากนารีเป็นอื่นสินะ

          " เฮ้อ คุณหนูก็ยังเด็กน้อยเหมือนเดิมนะครับ " ฮยองพูดพลางขยับแว่นด้วยท่าทีรำคาญใจ

          " จะพูดอะไรผมก็ไม่สนหรอก ผมเกลียดคุณพ่อ " ผมยังคงยึดมั่นกับความคิดนั้นไม่เปลี่ยนแปลง และจะไม่มีวันเปลี่ยนใจด้วย


          วันรุ่งขึ้นผมอ้อนฮยองอีกยกใหญ่เพื่อขอไปที่นั่นอีกครั้ง จนฮยองยอมใจอ่อนจนได้ ผมนั่งรถไปกับฮยอง ไปยังสถานที่แห่งความทรงจำของผมด้วยหัวใจที่เต้นตึกตักอย่างควบคุมไม่ได้ ผมรู้สึกตื่นเต้นเสมอเวลาที่จะไปที่นั่น เพราะว่าในลึกๆแล้ว ผมยังคงหวัง ที่พี่พริ้นจะกลับมา และจำผมได้

          ผมลงจากรถ และเดินดูรอบๆ สถานที่แห่งนี้เหมือนทุกๆ ครั้ง ซากปลักหักพังยังคงเดิม แต่ตอนนี้อากาศที่หนาวจัด ทำให้ทั่วทั้งถนนและตัวซากตึกเต็มไปด้วยหมอกหนามากมาย ผมเดินเข้าไปยังตรงกลางที่ที่เคยมีเปียโนตั้งอยู่นั้นด้วยหัวใจที่เปลี่ยวเหงา มองดูซากดอกไม้ที่ตอนนี้นั้นกองเป็นภูเขาได้ 

          " พี่พริ้นครับ พี่จะรู้ไหมนะ ว่าเปียโนไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว " ผมพูดกับตัวเองอย่างแผ่วเบา พลางจ้องมองไปยังซากดอกไม้นั่น

          " มันอะไรกันนะ " ผมเดินเข้าไปที่ซากดอกไม้เหล่านั้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว มีดอกไม้ช่อหนึ่งที่ยังคงสดใหม่ เหมือนว่ามันเพิ่งถูกวางลงไม่นานนี้เอง

          ผมหยิบดอกไม้นั้นขึ้นมา และวิ่งออกไป ใคร ใครกันนะที่วางดอกไม้พวกนี้ไว้ เพื่ออะไรกัน ผมอยากรู้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนที่นำเปียโนตัวนั้นไปก็ได้ ผมวิ่งไปตามซอกซอย ที่อยู่ใกล้ๆ ไม่สนเสียงเรียกของฮยองที่ร้องเรียกชื่อผม

          ผมหยุดวิ่งทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า ไกลออกไปในหมอกอันเลือนลาง ผู้ชายที่มีพระคุณต่อผมกำลังยืนยิ้มอย่างร่าเริงเหมือนกำลังดีใจอะไรสักอย่าง แค่เห็นเพียงด้านข้างนั้น ผมก็จำได้ในทันที

          พี่พริ้น พี่นั่นเอง พี่จำที่นี่ได้เหรอครับ พี่จำผมได้แล้วงั้นเหรอ แล้วทำไมกัน พี่ถึงได้ทำร้ายผมในคืนนั้น ผมที่ทำหน้ายิ้มอยู่สักครู่ ก็กลับหมองเศร้าลงอีกครั้ง

          แต่แล้วผมก็ต้องก้มตัวลงและรีบวิ่งไปแอบที่กำแพงอีกด้าน เพราะว่าที่ตรงนั้นไม่ได้มีแค่พี่พริ้นที่ยืนอยู่เท่านั้น แต่ยังมีคนอีกคน ชายหนุ่มที่ผมจำได้ในทันที ชายหนุ่มผมสีดำ ที่มีสีหน้าเบื่อหน่าย แต่แววตากลับดูอ่อนล้าและเศร้าสร้อย พี่ไอ มาด้วยงั้นเหรอ ทำไมกันนะ

          ผมรู้สึกเศร้าสร้อยเมื่อได้เห็นสีหน้าของพี่ไอ เพราะอะไรกันนะ ทำไมคนที่ดูเข้มแข็งแบบพี่ ถึงได้ทำหน้าเหมือนกำลังร้องไห้กัน ที่นี่ สถานที่แห่งนี้ ทำให้พี่ร้องไห้งั้นเหรอ ผมคิดและสงสัย ผมไม่อยากเห็นคนคนนี้ร้องไห้เลย

          หลังจากคืนนั้น ที่พี่พริ้นได้ทำร้ายจิตใจของผม ผมนั้นเจ็บปวดทรมานเจียนตาย แต่ผมก็ไม่เคยโกรธพี่เลย อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมนั้นทำให้พี่เปลี่ยนไป แต่มันก็ได้เปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างในหัวใจของผม

          ผมนั้นยังคงรักพี่เหมือนเดิม แต่ความรักนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เป็นความรักและความซื่อสัตย์ คงเหมือนกับหมาน้อยตัวนึงนั่นแหละ ที่ไม่ว่าเจ้าของจะทุบตียังไง มันก็ยังรักและซื่อสัตย์ต่อนายของมันสุดหัวใจ แต่ก็ไม่ได้หวังจะให้พี่มารักผม ขอแค่ให้ผมได้เฝ้ามองพี่มีความสุขก็พอ

          แต่สำหรับพี่ไอนั้น มันแปลก ผมที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชอบผู้ชายคนไหนเลย กลับรู้สึกหวั่นไหนเหลือเกินเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ พี่ ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เราจูบกัน ผมก็เหมือนจะไม่สามารถลืมมันได้เลย พี่จะคิดกับผมยังไงนะ พี่มีคนในหัวใจแล้วหรือเปล่า ผมจะสามารถ อยู่ในใจพี่บ้างได้ไหมนะ

          แต่เรื่องน่าแปลกอีกเรื่องหนึ่งก็คือ พี่พริ้นกับพี่ไอ ดูจะไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่นะ ผมคิด แต่ทำไมกันนะ วันนี้ก็ยังอยู่ด้วยกันอีก เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอะไรทำนองนั้นหรือเปล่า เป็นคู่ที่แปลกดีแฮะ 

          " ทำอะไรกันครับคุณหนู " ผมสะดุ้งสุดตัว โธ่ฮยองตกใจหมด ผมรีบดึงฮยองเข้ามาหลบข้างกำแพงโดยเร็ว 

          " หลบทำไมกันละครับ ยิงทิ้งเลยดีไหม "

          " เย้ยย ฮยอง อย่านะครับ " ผมรีบตระครุบแขนฮยองที่ทำท่าล่วงมือเข้าไปในเสื้อด้วยความตกใจ

          " คุ้นๆ นะครับ คนนั้น " 

          " ใช่ไหมล่ะ ฮยอง พี่พริ้นไงครับ พี่พริ้นที่เล่นเปียโนกับผมตอนเด็กไง " ผมเขย่าคอเสื้อฮยองอย่างตื่นเต้น

          " งั้นเหรอครับ ก็ว่าคุ้นๆ อยู่ แต่ตอนนี้ดูไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนเลยนะครับ " ผมมองฮยองด้วยความสงสัย 

          " ไม่ใช่ครับฮยอง คนที่ผมสีน้ำตาลอ่อนนั่นต่างหากครับพี่พริ้น " ฮยองเลิกคิ้วสูงจนผมคิดว่ามันจะหายไปในเรือนผมซะแล้ว

          " เหรอครับ หน้าคล้ายกันอยู่นะครับสองคนนั้น " ฮยองทำคิ้วขมวดมุ่นอย่างสงสัย

          " แต่เขาเป็นเพื่อนกันครับ " นั่นสินะ ถึงจะออกแนวคนละสไตล์ แต่รอยยิ้มก็คล้ายกันเหลือเกิน อย่างกับพี่น้องกันแน่ะ แต่พี่พริ้นเป็นลูกคนเดียวนี่นา

          " แล้วจะแอบทำไมละครับ ออกไปทักทายสิ " ฮยองที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นพยายามลากผมออกจากที่ซ่อน ทำให้ผมขืนตัวสุดชีวิตเลยทีเดียว

          " ไม่เอา อย่านะครับ " ผมยังคงพยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์อย่างอ่อนแรง ผู้ชายคนนี้พละกำลังน่ากลัวจริงๆ

          " อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ไอ้หนุ่มผมดำนั่น ก็ว่าคุ้นๆ " ฮยองขยับแว่นแบบใช้ความคิด

          " รุ่นพี่ที่คุณหนูจู.. " ผมตระครุบปากฮยองอีกครั้งด้วยความตกใจ อ้ากก นี่ตั้งใจแกล้งผมใช่ม๊ายย หึ่ยย

          " อย่าดังสิครับ " ผมมองเห็นทั้งสองคนกำลังมองมาทางนี้อย่างสงสัย 

          " ผมจะไปเจอพวกเขาแน่ครับ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ " ผมยิ้มและมองไปยังสองคนนั่น ที่ตอนนี้กำลังเดินหันหลังไปอีกทางหนึ่งแล้ว

          ผมมองดอกไม้สีฟ้าในมือ มันคือดอกฟอเกตมีนอทสินะ 

          " โปรดอย่าลืมฉัน อย่าลืมวันเวลาดีๆ ที่มีให้แก่กัน " ผมมองช่อดอกไม้แล้วส่งยิ้มน้อยๆ เพราะอะไรกันนะ ถึงต้องเป็นดอกไม้นี้


และเพราะอะไรกันนะ พวกพี่ถึงได้มาที่นี่
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 23 Forget Me Not ](23/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 23-09-2017 17:45:31
          FC ที่ 24 COME BACK TO BKK


          Rrrr Rrrr 

          เสียงโทรศัพท์รบกวนโสตประสาทแต่เช้าตรู่นี่มันอะไรกันฟะ ใครกันนะที่โทรมากวนใจแต่เช้า แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะว่าจะมีใครซะอีกล่ะที่โทรมา นอกจากไอ้เพื่อนเกลอจอมแหลสดของผมนั่นไง ผมรีบกดรัับโทรศัพท์ด้วยความดีใจ ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกับมันมาเกือบเดือน ผมก็คิดถึงมันเหมือนกันนะ 

          " ท่าน กำลังเข้าสู่บริการรับฝากกก หัวจัยยย " 

          " ฝากตีนกูแทนได้ไหม " ผมพูดกรอกโทรศัพท์เข้าไปด้วยความมีน้ำโห กวนทีนไม่เลิกจริงๆ ไอ้นี่

          " โธ่ คุ...มินมินของเกลียว อย่าใจร้ายนักสิคร้าบบ " 

          " ใครมินมิน ใครของมึง เดี๋ยวกูส่งคนไปตื้บแม่งเลยนิ มีอะไร โทรหากูทำไม " ผมพูดไปงั้นแหละ จริงๆ แล้วผมอยากคุยกับมันสุดๆ ไปเลย

          " กระผมมีข่าวมาแจ้งขอรับ " มันยังกวนทีนไม่เลิก 

          " อะไรของมึง อย่าลีลากูไม่ได้ว่างเหมือนมึงนะ " ผมพูดไปงั้นแหละ จริงๆ ผมว่างฉิบหาย

          " อ่าว อ่าว อ่าว งั้นเรื่องพี่พริ้นสุดที่รักของมึงก็ไม่ต้องรู้ดีกว่าเนอะ " ไอ้ห่า ได้ทีเอาใหญ่เลยนะเมิง

          " เหอะๆ เดี๋ยวกูอ่านในเน็ตเอาก็ได้ " กูเพิ่งเจอเขาเมื่อไม่กี่วันก่อนเองเฟ้ย

          " แต่ว่าตอนนี้กูกำลังนั่งอยู่ใกล้ๆ โต๊ะพี่เขาเลยนะโว้ย " 

          " เหรอ มึงไปสาระแนอะไรใกล้ๆ พี่เขาวะ " ผมหูผึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้นิดนึง

          " แต่พี่เขาไม่ได้อยู่คนเดียวว่ะ อยู่กับไอ้นายแบบลูกครึ่งที่ตัวติดกันยังกับฝาแฝดนั่นแหละ " ผมที่นอนคุยอยู่บนเตียง ณ ตอนนี้ลุกขึ้นยืนแทบจะในทันที พลางเปิดสปีกเกอร์โฟนด้วยความใคร่รู้

          " แล้วไงต่อวะ " 

          " นั่นแน่ มึงยังไงแน่วะ อย่าหลายใจสัด นี่กะเหมาสองเลยมั้งเนี่ย "

          " มึงยังอยากมีลิ้นอยู่ในปากไหม " ผมพูดด้วยเสียงที่เย็นยะเยือกตัดขั้วหัวใจ

          " โธ่อย่าเดือดสิครับเพื่อน ถ้าไม่มีลิ้น กระผมจะมีฉายาเกลียวสายเบิร์นได้ยังไงกันละครับ " 

          " ฮยองครับ ไม่จำเป็นต้องมีสายข่าวในไทยแล้วครับ เก็บมันซะ " ผมหันไปสั่งฮยองด้วยความเหลืออด 

          " ขอโทษค้าบบ ผมผิดไปแล้ว " ผมฟังเสียงอ้อนวอนร้องขอชีวิตจากไอ้เกลียวพลางกลั้นขำไปด้วย

          " T1 รหัส 019 อย่าให้เหลือซาก " ผมหันไปหาฮยองที่ตอนนี้กำลังคุยกับสมอลทอล์คข้างหูด้วยสีหน้าเรียบเฉย เฮ้ยย ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของไอ้เกลียว ดังมาจากโทรศัพท์ ทำเอาใจเสียไปเลยด้วยความช็อค

          " ฮยอง ทำอะไรน่ะครับ "

          " ก็กำจัดไงครับ " ผมอ้าปากค้างอย่างตกใจ นี่ผมสั่งฆ่าไอ้เกลียวไปแล้วหร๊าา

          " หนูในห้องครัวตอนนี้ค่อนข้างเยอะนะครับ ผมก็ต้องเรียกหน่วยกำจัดมาจัดการมันอยู่แล้ว " คำพูดของฮยองทำเอาผมเข่าอ่อนด้วยความโล่งอก ไอ้เกลียวมึงเกือบโดนเชือดซะแล้ว แต่เสียงกรี๊ดไอ้เกลียวก็ยังไม่หยุดนี่มันยังไงกันฟะ

          " กรี๊ดดดดดดด หล่อจังเลยฮ้าา พี่พริ้น พี่ไอ กรี๊ดดดด " โธ่ ไอ้ตอแหล ผมกดวางสายด้วยความหมั่นไส้สุดขีด

          Rrrr Rrrr

          " วางสายทำด๋อยอะไรฟะ " มันโทรมาอีกรอบ

          " มึงจะไร้สาระอีกนานไหม ไม่งั้นกูวางจริงๆ ละนะ " 

          " มึงจะกลับมาเมื่อไหร่ "

          " กูยังไม่รู้เลย มึงคิดว่าพ่อจะปล่อยกูไปง่ายๆ เหรอ " ผมพูดเรื่องจริงครับ คุณพ่อมีเหรอจะปล่อยผมไป

          " เสียดายแทนว่ะ " 

          " อะไรของมึงวะ "

          " ก็สัปดาห์หน้าอ่ะ งานแฟนมีตสเปเชี่ยลโว้ย อันนี้ข่าววงในสุดๆ เห็นแก่มึงนะเนี่ย กูเลยแอบไปสืบมา เป็นงานมอบของขวัญให้ไอดอลแบบใกล้ชิดเฟ้ย "

          ผมฟังดูก็ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าที่ควร เพราะก่อนหน้านี้ ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดสองหนุ่มสุดฮอตแห่งปีแบบสบายๆ เลยยังไงล่ะ แต่หลังจากเกิดเรื่องที่คลับในคืนนั้น ผมก็ไม่กล้าไปเจอพี่พริ้นอีกหรอกครับ ยิ่งพี่ไอด้วยแล้ว แค่คิดเลือดก็มาเลี้ยงบนหน้าแล้ว เขินเฟ้ย

          แต่ว่านี่ก็เป็นโอกาสดีเหมือนกันนะ เพราะว่าการเจอพี่พริ้นในที่สาธารณะ คงจะดีกว่าการเจอแบบส่วนตัว ผมไม่อยากเสียใจอีกแล้ว พี่เขาจำผมไม่ได้ แถมยังไม่ชอบผมอีกด้วย ถึงได้พูดแบบนั้นในคืนนั้น เขาคงจะรำคาญใจที่มีคนแบบผมแอบตามไปเรื่อย เฮ้อ เป็นเรื่องที่ลำบากใจจังนะ

          " ขอบใจมึงนะ ที่สาระแนคาบข่าวมาบอก "

          " ยังไงจะมาก็บอกกูนะ กูจะไปรับ " 

          " เออ ขอบใจว่ะ " ผมกดวางสาย นอนกลิ้งไปมาคิดว่าจะหนีไปดีไหมน้า แต่ผมเคยหนีไปแล้วนี่สิ มันจะง่ายเหมือนครั้งก่อนเหรอ เอาฟะเป็นไงเป็นกัน ขอแม่งซึ่งๆ หน้านี่แหละ

          ผมเดินลากเท้าไปห้องทำงานของคุณพ่อ ด้วยหัวใจเต้นระรัว ถ้าขอได้นะ กูจะยอมแต่งหญิงอีกรอบ ยืนแจกขนมหน้าสยามเลยเอ้า


          " อืม ไปสิ ไปดูกิจการโรงแรมที่นั่น แล้วศึกษาให้ดีซะ แกคิดว่าฉันเลี้ยงแกมานอนกลิ้งไปมาอยู่ในห้องหรือไง " ผมที่ยืนอึ้งอ้าปากค้างด้วยความตกใจ นี่ผมคิดไปเองหรอกหรือว่าคุณพ่อจะขังผมเอาไว้

          " แจอิน แกคอยรายงานฉันด้วยว่ามันอยู่นั่นทำอะไรบ้าง " 

          " ครับ นายท่าน " ผมมองฮยองที่ตอบรับคุณพ่อด้วยความมึนงง พอจะง่ายก็ง่ายจังแฮะ

          " ผมไปก่อนนะครับ แล้วจะกลับมาบ่อยๆ ครับ " ผมก้มหัวและบอกลาคุณพ่อ  ผมออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ผมที่แทบไม่ได้คุยกับคุณพ่อ รู้สึกว่าคุณพ่อดูดุน้อยลงแฮะ

          " ผมบอกคุณหนูแล้ว ว่านายท่านน่ะ ไม่ได้เป็นแบบที่คุณหนูคิดหรอกครับ "

          " เชอะ วันนี้อาจจะแค่อารมณ์ดีละมั้ง ต้องรีบหนี ก่อนที่คุณพ่อจะเปลี่ยนใจ " พอพูดจบผมก็โกยแน่บเก็บข้าวของเตรียมบินทันที ครั้งนี้ฮยองไปด้วย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี๊ดี เพราะว่าฮยองทำได้ทุกอย่าง ผมไม่ต้องลำบากแล้ว หึหึ

          ผมไม่อยากขึ้นเครื่องบินของบ้านเลยครับ มันดูเงียบเหงาพิกล ผมเลยอ้อนฮยองขึ้นเครื่องบินชั้นประหยัด ซึ่งก็ไม่เป็นผลแถมโดนดีดหน้าผากอีก หึ่ยย คนใจร้าย เห็นแบบนี้ฮยองก็หนุ่มฮอตนะครับ เป็นขวัญใจแม่บ้านเลยล่ะ แต่ผมก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าคนแบบฮยองจะมีแฟนแบบไหน ผมไม่เคยเห็นใครใส่สูทแล้วหล่อเท่าฮยองเลยจริงๆ สุดยอดฮะ

          " เวลาอยู่ที่ไทย ฮยองทำตัวเหมือนปกติได้ไหมครับ แบบว่าไม่เอาแบบนี้อ่ะ ไม่เอาแบบเหมือนผมมีบอดี้การ์ดตามตัวอ่า ได้ไหมฮะ " ผมออดอ้อนตาใสหวังว่าฮยองจะเข้าใจ 

          " งั้นจะให้ผมเป็นแบบไหนดีละครับ พ่อ เพื่อน พี่ชาย หรือแฟน " ฮยองพูดด้วยสีหน้าเรียบสนิทแต่คำพูดช่างน่ากลัวนัก 

          " เอาเป็นพี่ชายแหละฮะ " แต่ไอ้แฟนนี่มันยังไงกันครับ แฟนแบบฮยอง ผมคงโดนฆ่าหมกท่อตายไปนานแล้ว

          ผมมาถึงไทยแล้ว เสื้อแขนยาวที่ใส่มาแทบทำให้ผมอยากจะถอดแล้วปาทิ้ง อากาศช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิน ผมซึ่งเป็นคนขี้ร้อน พอมาเจออากาศแบบนี้ผิวก็จะกลายเป็นสีแดงไปโดยปริยาย

          ผมชะเง้อมองหาคนที่มารับอยู่พักหนึ่ง ซึ่งเมื่อเห็นป้ายที่มันโบกไปมาแล้ว มันทำให้ผมอยากจะโบกกบาลมันด้วยป้ายนั้นซะเหลือเกิน 

          ' มินมินผู้งามเลิศในปฐพี ' อยากจะเผาทิ้งทั้งคนทั้งป้ายจังเลยโว้ย
         
          " งามแต้งามว่า " ไอ้เกลียวทำหน้าทะเล้น ปากแมวยิ้มกริ่ม

          " งามพ่อง " ผมพูดพร้อมโบกกบาลมันด้วยความคิดถึง

          ผมใส่มาร์คสีดำปิดปากตลอดเวลา เพราะไม่ชอบให้ใครจ้องหน้าสักเท่าไหร่ แต่รู้สึกจะได้ผลตรงกันข้ามแฮะ

          ' โอปป้าหรือเปล่านะ ' 

          ' โครตขาว '

          ' ดาราหรือเปล่า '

          " ปิดหน้าอ่ะได้ แต่ปิดออร่าไม่ได้เลยว่ะ ฮ่าๆๆ " ไอ้เกลียวหัวเราะขำกลิ้ง พร้อมเดินยืดข้างๆ ผม แบบพยายามเทียบรัศมี โธ่ ไอ้กาก

          " ฮยอง ไปพักที่ห้องผมที่มอกันเนอะ " ถึงมันจะแคบ แต่ผมก็ชอบแฮะ

          " คุณหนูอยากให้ผมอยู่ห้องเดียวกับคุณหนูจริงๆ เหรอครับ " ผมมองฮยอง แล้วยิ้มกว้างพร้อมโดดกอดฮยองอีกทีด้วยความรัก 

          " ขอบคุณคร๊าบบบ " ฮยองให้อิสระแก่ผม ผมนึกว่าจะโดนคุมตัวใกล้ชิดซะอีก

          " ผมจะอยู่ที่โรงแรมแถวๆ หอคุณหนูนั่นแหละ ถ้ามีอะไรก็เรียกได้เลยนะครับ "

          ผมแยกกับฮยองที่หน้าหอของผม ซึ่งไม่ได้กลับมาพักหนึ่งแล้วด้วยความคิดถึง 

          " มึงตามกูมาทำไมเนี่ย " ผมมองตามไอ้เกลียวที่เดินตามผมขึ้นบันไดมาเงียบๆ 

          " กูว่ามึงแต่งตัวแบบเดิม ทำตัวแบบเดิมก็ดีนะ "

          " อะไรของมึงวะ " ผมมองมันด้วยความสงสัย มึงเป็นแม่หวงลูกหรือไง

          " มึงไม่เห็นสายตาผู้ชายแถวนี้เหรอวะ กูว่ามึงไม่น่ารอดเกิน 3 วัน "

          " กูมีปืน อย่าพูดอะไรชวนอ้วกได้ไหม ลองมาแตะกูสิ กูจะเล่นแม่งให้สูญพันธุ์เชียว กูจะฆ่ามัน ถลกหนังมัน ตัดลิ้นมัน แล้วยิงลิ้นมันอีกที "

          " โหดสัด "

          " แน่นอน " ผมยักไหล่แบบชิลๆ กูไม่เคยกลัวเฟ้ย ผมผู้ชายแมนๆ ฮะ 

          " กูว่ากูอยู่เฝ้ามึงดีกว่า " 

          " ไม่ต้อง " ผมถีบมันจนมันเซถอยหลังลงบันไดไปหลายขั้น แล้วเดินเข้าห้องไปแบบไม่สนใจมัน

          " เฮ้อ เพื่อนกูมีผัวแน่นอน " ไอ้เกลียวพูดเบาๆ พลางเดินลงบันไดไป แต่ผมยังได้ยิน

          " ผัวพ่อง " ทำเป็นห่วงเกินเหตุจริงๆ มึง

          ผมนอนลงบนเตียงและยิ้มอยู่คนเดียวในความมืด 

          " ผมกลับมาแล้วนะครับ พี่พริ้น พี่ไอ แล้วเจอกันนะครับ " ผมพูดเบาๆ

พลางหลับตาและคิดถึงใบหน้าของคนสำคัญของผมทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 24 COME BACK TO BKK ](23/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 23-09-2017 20:13:35
ใจอยากให้มินเกลียดอิพี่พริ้นนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรค่ะแค่มีใจให้พี่ไอก็โอแล้ว เราว่าถ้าอิพี่พริ้นเห็นมินร่างอปป้านี้ต้องหลงมินแน่ ถึงจุดนั้น กลัวมินหวั่นไหว #ทีมพี่ไอ 55
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 24 COME BACK TO BKK ](23/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 23-09-2017 20:34:31
ก้ยังอยากให้รู้เรื่องจริงไวๆ ว่าพริ้มไม่ใช่
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 24 COME BACK TO BKK ](23/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-09-2017 01:48:58
เรื่องราวน่าติดตาม ชิดจอคอมฯ รอดูตอนหน้า  :m22:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 24 COME BACK TO BKK ](23/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 24-09-2017 10:55:06
          FC ที่ 25 เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้างดงาม


          ไม่กี่วันหลังจากนั้น ผมก็ได้ไปติดต่อกับมหา'ลัยเพื่อทำเรื่องเรียนอีกครั้ง เพราะอยู่เฉยๆ ไปวันๆ มันไม่มีประโยชน์อะไร โรงแรมที่ผมต้องไปดูแลก็สามารถไปตอนกลางคืนได้ เพราะงั้นกลับมาเรียนนี่แหละดีที่สุด และผมก็ชอบเรียนด้วย

          และวันนี้ผมก็ได้มาอยู่ในงานแฟนมีต ที่จัดขึ้นเพื่อให้บรรดาติ่งทั้งหลาย ได้มีโอกาสขึ้นไปมอบของขวัญแก่บรรดาไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบแบบใกล้ชิด ซึ่งสำหรับพี่พริ้นนั้น การจะถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้นั้นยากสักหน่อย เพราะเคยมีเหตุการณ์แฟนคลับลุมทึ้งพี่เค้าจนได้รับบาดเจ็บมาแล้ว

          ผมดูรายชื่อคนดังที่มาร่วมงานในวันนี้ แต่ไม่มีพี่ไอแฮะ แต่ถึงมีผมก็ไม่กล้าหรอกครับ แล้วก็ไม่รู้จะให้อะไรด้วย วันนี้ผมแอบหนีฮยองกับไอ้เกลียวมาด้วยความยากลำบาก เพราะผมไม่ต้องการให้ทั้งสองมาเห็นผมที่นี่เท่าไหร่ ซึ่งไอ้เกลียวนั้นรู้ฮะ ว่าผมมาที่นี่ แต่ผมสั่งห้ามมันไม่ให้มาเองแหละ ไอ้ตัวน่ารำคาญ ถ้ามันมาเสียงานแน่


          พริ้น


          เรื่องน่าเบื่อแบบนี้เมื่อไหร่จะหมดไป แฟนมีต เหอะ เรื่องบ้าบออะไรกัน ผมไม่อยากเข้าใกล้บรรดาแฟนคลับเกรดต่ำพวกนั้น แค่โดนผิวก็รู้สึกเหมือนผื่นจะขึ้นแล้ว คลื่นไส้ชะมัด คนระดับผมน่ะ แค่มองอย่างเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว เจียมตัวกันซะมั่งสิ จบงานนี้ต้องเครียกับ ผู้จัดการส่วนตัว สักที

          " พริ้น เสร็จหรือยัง " 

          " อืม อีกแปบนึง คนมาเยอะหรือเปล่า " 

          " เยอะ เตรียมตัวละกัน "

          " เหอะ อยากจะบ้าตาย " ผมคุยกับน้องชาย ที่ผมนั้นลากมาออกงานด้วยเสมอ เพราะไม่มีใครได้ดั่งใจและรู้ใจผมเหมือนไอ

          " น้องพริ้นเตรียมตัวเสร็จหรือยังคะ เดี๋ยวเตรียมไปสแตนด์บายข้างเวทีเลยนะคะ " ยัยช้างน้ำคนหนึ่งเดินเข้ามาทำเป็นพูดคุยด้วยอย่างใกล้ชิด เหอะ น่ารำคาญ

          " น้องไอมาเป็นเพื่อนพี่พริ้นเหรอคะ สนิทกันจังเลยน้า แต่เสียดายที่วันนี้น้องไอไม่มีคิวขึ้นเวทีเนอะ "

          " ดีแล้วล่ะ "

          " แหม พูดอะไรอย่างนั้นคะ แฟนๆ น้องไอก็ไม่น้อยเลยนะคะ " ไอได้แต่ทำหน้าเบื่อหน่ายเหมือนเดิมกลับไป จริงๆผมก็เบื่อนะ ที่ต้องมานั่งใส่หน้ากากยิ้มละมุนนี่ อยากจะอ้วกจริงๆ

          ผมนับหนึ่งถึงสาม แล้วเดินขึ้นเวทีพร้อมส่งยิ้มละมุนไปทั่ว พลางโบกไม้โบกมืออย่างร่าเริง เสียงกรี๊ดแสบแก้วหูยังคงเป็นสิ่งที่เหมือนเดิมทุกงานที่ผมไป ชินซะแล้วล่ะ เอ้า รักผมสิ หลงกันเข้าไป ผมหล่อสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ ฮ่ะๆ ผมยังคงแจกยิ้มโปรยเสน่ห์ไปทั่ว อย่างที่เคยเป็นมา

          " เอาละครับ บัดนี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วเนอะ เวลาที่แฟนๆ นั้นรอคอย ที่จะได้มอบของขวัญให้แก่ไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบครับ "

          " ใช่แล้วล่ะค่ะ บรรดาสาวๆ รอโอกาสนี้มานานแล้วใช่ไหม เชิญเข้าแถวเรียงหนึ่งอย่างเป็นระเบียบนะคะ อย่าดันอย่างแย่งกันแซงคิวน้า ทีมงานควบคุมแถวนิดนึงค่ะ " พิธีกรบนเวทีประกาศให้บรรดาแฟนคลับเตรียมตัวที่จะขึ้นมามอบของให้กับผมบนเวที

          เฮ้ออ ผมมองแถวที่ตอนนี้ยาวจนแทบจะออกไปนอกฮอลล์ด้วยความละเหี่ยใจ เมื่อไหร่วันนี้มันจะหมดไปนะ ไอ้ขยะพวกนี้น่ะ ผมไม่อยากได้เลยสักนิด ไม่รู้จะเอามาให้กันทำไม

          แต่แล้วหัวใจของผมก็เหมือนหยุดเต้นไป ใบหน้าที่แสนงดงามนั่น สวรรค์ช่างบรรจงสร้างขึ้นมาจริงๆ ตากลมสวยเหมือนตุ๊กตา ขนตาที่ยาวเป็นแพรสวย ผมคิดว่าผมสามารถจ้องตาคนคนนี้ได้ตลอดกาลเลยทีเดียว จมูกเล็กๆ ที่รับกับคิ้วเรียวที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม ปากเล็กๆ รูปปีกนกนั่น เป็นสีชมพูน่ารักแบบธรรมชาติ แก้มที่สีแดงระเรื่อ ผิวที่ขาวอมชมพูนั่น ไม่อยากจะจินตนาการถึงภายใต้เสื้อผ้านั่นเลย แต่งตัวสะอาดดูน่ารัก เหมาะกับรูปร่างที่สมส่วน ตัวเล็กแต่ก็ไม่ผอม เสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ชายเสื้ออยู่ในกางเกงยีนส์สีซีดแบบเดฟรัดรูปทำให้เห็นบั้นท้ายกลมมนเล็กๆ นั่น และกระดุมที่ปลดลงนิดหน่อยนั่นทำเอาผมเผลอกลืนน้ำลายด้วยความหลงไหล

          เด็กนี่เป็นใครกันนะ มองดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนไทย น่าจะญี่ปุ่นหรือไม่ก็เกาหลี เหมือนกับตุ๊กตาเดินได้สุดๆ เลยล่ะ

          " เอ่อ ขอโทษที่มาเจออีกนะครับ " เด็กคนนั้นได้มายืนข้างหน้าผมแล้ว แต่คำพูดนั่น กลับทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย ครับ อย่างงั้นเหรอ นี่เป็นสิ่งที่ผมงงงวยสุดๆ คนที่สวยขนาดนี้ เป็นผู้ชายงั้นเหรอ  เด็กคนนั้นส่งยิ้มมาให้ ทำเอาผมใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยทีเดียว

          " ขอบคุณที่เป็นแฟนคลับพี่ ติดตามผลงานของพี่นะครับ " ผมพูดและส่งยิ้มให้แบบละมุนละไมที่สุด คนอะไรน่ารักแล้วยังตัวหอมสุดๆ ไปเลย

          " ครับ ผมชอบพี่มากๆ ครับ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่ " ผมขมวดคิ้วน้อยๆ อีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ

          " วันนี้ผมไม่ได้จะมามอบของขวัญอะไรให้หรอกนะครับ แต่เรียกว่ามีของมาคืนน่าจะดีกว่า เพราะว่ามันเป็นของของพี่ ผมไม่เหมาะกับมันหรอกครับ " เด็กหนุ่มพูดพลางหยิบหมวกสีดำใบหนึ่งขึ้นมา จากกระเป๋าสะพายใบเล็กๆ พลางส่งมันให้กับผม 

          ผมก้มมองหมวกในมือด้วยความสงสัย หมวกงั้นเหรอ เป็นแบบพิเศษที่ผมมีแค่ใบเดียวเท่านั้น ผมมองหมวกในมือสลับกับใบหน้าของเด็กหนุ่มอีกครั้ง เดี๋ยวนะ ไม่จริงน่า

          " ม..มินงั้นเหรอ " ผมพูดออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง มินงั้นเหรอ เด็กลูกเป็ดขี้เหร่นั่น ทำไมถึง

          " ครับพี่ มินเองครับ " มินส่งยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน ผมพูดไม่ออก ครั้งล่าสุดที่คลับนั่น มันเลวร้ายสุดๆ ทำเอาผมไม่กล้าสบตามิน ผมจะพูดแก้ตัวยังไงดีนะ


          มิน


          ผมมองพี่พริ้นที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนกำลังดำน้ำอยู่ด้วยความแช่มชื่น นี่ผมแกล้งพี่มากไปหรือเปล่านะ หึหึ

          " เรื่องที่คลับนั่น ผมไม่โกรธพี่หรอกครับ " พี่พริ้นที่ทำหน้าเหมือนดำน้ำตอนนี้โผล่พ้นน้ำแล้ว

          " มิน พี่... " 

          " ไม่ต้องพูดอะไรหรอกครับ ผมไม่เป็นไร " ผมยิ้มให้พี่พริ้นด้วยความจริงใจ

          " ผมไปแล้วดีกว่า คนที่ต่อคิวเค้ามองผมแบบอยากจะฆ่าผมกันแล้วฮะ " ผมยิ้มให้พี่พริ้นและเตรียมจะเดินลงไปจากเวที

          " มิน รอพี่หลังเวทีนะ เดี๋ยวจบนี่พี่จะรีบไปหา " ผมมองพี่พริ้น ผมควรจะปฏิเสธนะ แต่เมื่อผมมองไปที่หลังเวทีก็ได้เห็นสายตาของคนคนหนึ่ง เป็นคนที่ผมคิดถึงจริงๆ แต่แววตานั้นกลับเป็นแววตาที่แข็งกร้าว เหมือนกับว่ากำลังโกรธผมอยู่

          " พี่ไอ " ผมค่อยๆ เดินไปหลังเวทีนั้น เดินตรงไปหาคนที่ผมอยากอยู่ใกล้ๆ แต่พอไปถึงตัวพี่ไอ พี่ไอกลับเดินหนีผม และไม่ยอมทักผมเลยสักคำ 

          " สุดท้ายก็ยังกลับมาหามัน สงสัยชอบหล่อเลวเร้าใจ " คำพูดเย้ยหยันดังขึ้นจากพี่ไอ ซึ่งแม้ตอนพูดก็ยังไม่มองหน้าผมเลย
         
          " มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ " ผมพูดเสียงอ่อน ผมไม่อยากให้พี่คิดแบบนั้นเลย

          " พี่จำผมได้เหรอครับ " ผมดีใจนะที่พี่จำผมได้ ถึงตอนนี้กับตอนนั้นจะต่างกันสุดๆ ก็เถอะ 

          " เหอะ ปลอมตัวห่วยๆ " คนอะไรเก่งชะมัด ทั้งๆ ที่ทุกคนเชื่อสนิทใจแท้ๆ ผมว่าผมไม่ห่วยสักหน่อย แต่พี่คงมองคนด้วยหัวใจ พี่ถึงรู้ว่าเป็นผม ผมส่งยิ้มเศร้าๆ กล้บไปให้พี่ไอ พี่คงยังไม่หายโกรธผมจากเรื่องตอนนั้นสินะ

          " รอนานไหมมิน " ไม่นานพี่พริ้นก็ลงมาจากเวทีและเดินตรงดิ่งมาหาผม พี่ไอที่เห็นพี่พริ้นเดินมา ก็เดินหนีไปทันที ผมมองตามหลังพี่ไอ ด้วยหัวใจที่หม่นหมอง

          " มินไปอยู่ไหนมา พี่ติดต่อไม่ได้เลย " ผมยิ้มเจื่อน พี่น่ะเหรอติดต่อผม เหอะๆ

          " ผมกลับบ้านมาน่ะครับ ค่อนข้างไกลนิดนึง " ผมพูดและยังคงหันไปมองพี่ไอ ที่หนีไปนั่งอยู่ไกลๆ นั่น

          " วันนี้ไปกินข้าวกับพี่นะ ไม่ได้เจอกันนาน เอ่อ พี่ขอโทษนะมิน วันนั้นพี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ พี่เมาน่ะ " พี่พริ้นพูดพร้อมทำหน้าหมองเศร้า 

          " ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไรจริงๆ ครับ " ผมรู้นะว่าพี่ไม่จริงใจเลยสักนิด แต่ผมก็ไม่โกรธพี่หรอกครับ คงมีเหตุผล ที่ทำให้พี่เปลี่ยนไปขนาดนี้

          " แต่วันนี้ผมคงไปด้วยไม่ได้หรอกครับ ผมมีที่ที่ผมต้องไปจริงๆ เอาไว้วันหลังนะครับ " ผมก้มหัวขอโทษพี่พริ้นที่ต้องปฏิเสธไมตรี แล้วเดินกลับออกมา เดินผ่านพี่ไอ ที่นั่งทำหน้าหมองเศร้าอยู่ ผมหันไปมองพี่ไอเล็กน้อยขณะเดินผ่าน ก่อนจะก้าวออกไปจากหลังเวทีด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง อยากจะพูดออกไปเหลือเกิน ว่าผมคิดถึงพี่แค่ไหน แต่ก็ทำได้แค่เพียง เดินจากไปเงียบๆ เท่านั้น


เพราะหัวใจของผมในตอนนี้ มันยังไม่มีความกล้าพอ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 25 เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้างดงาม ](24/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 24-09-2017 12:33:39
พี่ไอเก่งจัง  อิพี่พริ้นโผล่มาทีทำเสียอารมณ์ตลอด 55 เกลียดนาง
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 25 เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้างดงาม ](24/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 24-09-2017 17:28:38
สงสารพี่ไอจังโดนมินจำผิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นพี่พริ้น เศร้าแทนเลย สนุกมากค่า รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 25 เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้างดงาม ](24/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 24-09-2017 18:12:55
          FC ที่ 26 อ้อมกอดที่แสนคิดถึง


          ผมมายืนอยู่หน้าสถานที่ที่ผมเคยสัญญากับเด็กๆ ไว้ ว่าผมจะกลับมา มันก็คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ผมเคยมานั่นเอง ผมเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม มันเป็นที่ที่สงบจริงๆ ดูร่มรื่นและอบอุ่นเหมือนที่มาครั้งก่อน และเมื่อเด็กๆ เห็นผม ก็ต่างกรูกันเข้ามาหาผม เหมือนลูกหมาน้อยที่รอเจ้าของ

          " พี่มินมาแล้ว "

          " เย้ๆ "

          " นี่พวกเราจำพี่ได้ด้วยเหรอ " ผมถามอย่างสงสัยใคร่รู้ เด็กๆ พวกนี้หลอกไม่ได้เลยแฮะ 

          " จำได้สิคะ ไม่ค่อยมีใครมาหาพวกเราหรอกค่ะ " เด็กหญิงตัวน้อยพูดออกมาอย่างไร้เดียงสา แต่ทำเอาผมรู้สึกเศร้าใจจัง

          " มีแค่พี่มิน กับพี่ไอ แล้วก็พี่พริ้นที่มา " ผมเลิกคิ้วด้วยความฉงน พี่พริ้นเนี่ยนะ 

          " พี่ไอใจดีที่หนึ่งเลยครับ ชอบมาเล่นกับพวกเราบ่อยๆ เลย " เด็กชายตัวน้อยพูดถึงพี่ไออย่างรักใคร่

          " แล้วพี่พริ้นละครับ " ผมถามออกไปด้วยความสงสัย 

          " พี่พริ้นขี้แกล้ง นิสัยไม่ดีเลย แต่พี่เค้าก็ชอบมากับพี่ไอ แต่ไม่ยอมเล่นกับพวกเราเลย " เป็นความรู้ใหม่แฮะ พี่พริ้นนี่นิสัยขัดกับท่าทางที่แสดงออกมาจริงๆ สินะ

          " เอาล่ะ วันนี้มาเล่นอะไรกันดีครับ พี่จะเล่นด้วยนะ "

          " เล่นไล่จับกันค่ะ " ผมยิ้มให้กับเด็กๆ อย่างรักใคร่ เด็กน้อยพวกนี้นั้น ช่างน่าสงสารเหลือเกิน การไม่ได้รับความรักและความใส่ใจเป็นยังไงผมรู้ดี เพราะฉะนั้น ผมถึงปล่อยพวกเด็กๆ เอาไว้แบบนี้ไม่ได้ 

          " โอนี่จัง " เด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่น ไปหาบุคคลที่มาใหม่ด้วยความตื่นเต้น จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่พวกเด็กๆ ที่ตื่นเต้นหรอกครับ หัวใจของผมแทบจะหลุดออกมาจากอกเลยล่ะ

          ผมยืนอยู่กับที่ ไม่กล้าพูดและไม่กล้าเดินเข้าไปหา เอาไงดี เอาไงดี ผมจะพูดอะไรดีไหมนะ พี่ไอที่ถูกเด็กๆ ล้อมรอบอยู่ตอนนี้ กลับมองผมด้วยสายตาหาเรื่อง น่ากลัวอ่ะ เด็กๆ ค่อยๆ ลากพี่ไอที่ยืนหน้าบูดอยู่ตรงนั้นให้ค่อยๆ เดินมาหาผมอย่างช้าๆ

          " มาทำไม " พี่ไอพูดด้วยเสียงที่เย็นยะเยือก

          " ผมมาหาเด็กๆ ทำไมล่ะ ไม่ได้เหรอ ไม่เห็นมีป้ายห้ามตรงไหน " ไอ้มินเอ๋ย แกจะกวนทีนพี่เขาทำม๊าย ผมกรีดร้องห้ามตัวเองในใจ 

          " เหอะ ทำไมไม่ไปอยู่กับพี่พริ้นล่ะ " คนตรงหน้ายังคงประชดถากถางเสียงแข็ง 

          " ไม่อ่ะ อยากอยู่นี่มากกว่า " ผมนั่งลงวาดรูปให้เด็กๆ ดู พี่ไอนั่งยองๆ ลงตามผม และยังคงจ้องผมไม่วางตา

          " ค่อยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย " พี่ไอจ้องมองผม นี่ถือเป็นคำชมสินะ ผมก้มหน้าลงต่ำกว่าเก่า อมยิ้มน้อยๆ บังคับไม่ให้ตัวเองยิ้มกว้างเกินไป 

          " ยิ้มทำไม ไม่ได้ชมซะหน่อย " ผมเงยหน้าขึ้นมาจ้องพี่ไอเขม็ง เชอะ ไอ้คนใจร้าย 

          แต่อยู่ดีๆ ผมก็ต้องตกใจ เพราะว่าพี่ไอเอามือทั้งสองข้างมาล็อคหน้าผมเอาไว้ และจ้องมองหน้าผมแบบที่ห่างแค่ไม่กี่คืบเท่านั้น ทำเอาผมหน้าแดงแบบที่เลือดทั้งตัวมากองรวมที่หน้าเลยทีเดียว

          " ถ้ามีโอกาสได้โตขึ้นมา ก็คงคล้ายๆ แบบนี้สินะ " ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของพี่ไอ โตงั้นเหรอ พี่พูดถึงใครกัน

          พี่ไอปล่อยมือออกจากหน้าของผมแล้วทำหน้าเศร้า มองไปบนท้องฟ้า พี่กำลังคิดถึงใครอยู่กันนะ ผมจะสามารถเป็นคนที่พี่กำลังคิดถึงได้ไหม ผมจ้องมองพี่ไอที่กำลังมองไปบนท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย

          " คุณพ่อหรือคุณแม่นายเหรอที่เป็นคนญี่ปุ่น " ผมอยากรู้เรื่องของคนคนนี้จัง ทุกๆ อย่าง

          " ยุ่งไม่เข้าเรื่อง " พี่ไอหันกลับมามองหน้าผมอย่างรำคาญใจ

          " คุณแม่ " ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมบอกแฮะ ผมยิ้มให้คำตอบของพี่ไอด้วยความดีใจ

          " ถ้างั้นตอนนี้ก็อยู่กับคุณแม่เหรอ " 

          " เปล่า ถึงจะอยากอยู่ แต่ก็ไม่ได้ " พี่ไอพูดพร้อมส่งยิ้มเศร้าๆ ออกมา

          " ท่านอยู่ที่ญี่ปุ่นน่ะ "

          " อ๋อ งั้นก็ไปเยี่ยมท่านบ่อยๆ สินะ " พี่ไอมองหน้าผมอีกครั้งแล้วส่ายหน้าเบาๆ ผมไม่เข้าใจเลย แต่ไม่ถามเรื่องนี้อีกจะดีกว่า ผมไม่อยากให้พี่ทำหน้าแบบนี้

          "นาย เอ่อคือ เคยไปเกาหลีหรือเปล่า " ผมพยายามถามแบบไม่ให้น่าสงสัยสุดๆ เพราะผมสงสัยเหลือเกินว่าพี่ไอกับพี่พริ้น ไปที่นั่นทำไม 

          " เคยสิ " ผมใจเต้นแรงเพราะคำตอบนั้น 

          " ไปถ่ายงาน ไปบ่อยมาก " ผมซึ่งใจเต้นตึกตักบัดนี้ช่างห่อเหี่ยวเหลือเกิน

          ผมกับพี่ไออยู่เล่นกับพวกเด็กๆ จนใกล้ค่ำแล้ว จึงบอกลาเด็กๆ และเตรียมตัวกลับ ผมบอกลาพี่ไอ และรีบเดินหนีออกมาเพราะผมไม่กล้ารบกวนให้พี่เค้าไปส่งหรอกฮะ 

          ' บรี๊น ปรี๊น! '

          เสียงแตรรถที่ขับตามหลัง พร้อมเจ้าของรถที่เปิดหน้าต่างลงมา ภาพนี้เหมือนผมเคยเห็นมันมาก่อนแฮะ 

          " ขึ้นรถ " คำสั่งแนวข่มขู่ยังคงเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ผมไม่เล่นตัวหรอกฮะ มีหรือจะพลาด ผมวิ่งขึ้นรถเร็วจี๋ เพราะกลัวเจ้าของรถจะเปลี่ยนใจ ผมนี่ก็ไม่เบานะ ฮ่าๆ

          ผมขึ้นมานั่งยิ้มแฉ่งอยู่ในรถ ด้วยความดีใจที่ปิดไม่มิด ในรถยังเหมือนเดิม บรรยากาศเดิม หนุ่มหล่อที่กำลังทำหน้าบูดคนเดิม และผมหวังว่าจะมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นเหมือนเดิม แฮร่

          " หิวจังเลยน้า " ผมพูดพลางลูบท้องไปมาเหลือบมอง คนข้างๆ หวังให้คนที่ได้ยินอยากพาผมไปกินข้าวแทนที่จะส่งบ้าน

          ' ตุบ ' ขวดน้ำหวานถูกโยนใส่หัวของผมอย่างไร้ความปราณี หึ่ยยย คนเค้าอ่อยอยู่ ก็สนบ้างสิเฟ้ย

          " รองท้อง " ผมยิ้มกว้าง พร้อมเปิดขวดขึ้นดื่ม เอ๊ะ มันถูกดื่มไปแล้วครึ่งนึงครับ นี่มันนน!! จูบทางอ้อม ถุยย ผมคิดอีกทีจะไปอ้อมทำไมกันละครับ ก็จูบกันมาสองรอบแล้ว ทำตัวเป็นสาวน้อยไปได้กู

          " นายชอบฉันเหรอ " 

          ' พรวดดดด! '

          ผมพ่นละอองน้ำพุออกมาอีกแล้ว อยู่ดีๆ ก็เข้าประเด็นสำคัญเลยซะงั้นเนอะพ่อคุณ
         
          " ไอ้เดือนก่อนนั่นมันอะไร มาจูบฉันทำไม " ผมที่ตอนนี้หน้าก็แดงอยู่แล้วยิ่งแดงไปใหญ่ ไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว โอ้ยย 

          " เหอะ พูดเหมือนตัวเองไม่เคยจูบผมก่อน " ผมพูดพลางหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างแก้เขิน 

          " อยากโดนอีกว่างั้น " หึ่ยยย รู้ได้ไง เอ้ยย บ้าไปแล้วใครจะไปอยากโดนอีกกัน

          " หลงตัวเองตามเคย ชิ " 

          " งั้นก็ตอบมาสิ " พี่ไอยังคงเร่งเอาคำตอบ

          " ทีนายยังไม่ยอมบอกเลย แล้วเรื่องอะไรผมจะ.. "

          " ฉันชอบ " ผมที่ยังไม่ทันได้พูดจบ อ้าปากค้างไว้อย่างนั้นด้วยความตกใจ 

          " ช..ชอบผมงั้นเหรอ " ผมซึ่งติดอ่างไปเรียบร้อย กำลังช็อคกับการสารภาพรักอัน เอ่อ ทำไมพี่แกดูไม่ตื่นเต้นเลยฟะ

          ผมที่นั่งตัวแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก จะหายใจยังไม่กล้า เรียกเสียงหัวเราะให้แก่พี่ไอ ที่ตอนนี้หัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี

          " จะเกร็งทำไม ไม่จับปล้ำหรอก " ไอ้คนพูดยังคงหัวเราะหึหึ อย่างชอบใจ

          " เอ๊ะ แต่ในรถก็น่าตื่นเต้นดีนะ " พี่ไอพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ฮยองงงช่วยผมด้วยยย งืออ ผมตอนนี้นั่งเอี้ยวตัวหนี ทำตัวลีบติดประตูฝั่งที่ผมนั่งไปเรียบร้อย 

          " ปากดี ดีแต่ปาก " เอ้า ทำไมไปพูดอย่างนั้นเล่าตัวกู การท้าทายแบบนี้มักจบไม่สวย ผมได้แต่อยากตบปากตัวเองในใจ

          นั่นไงกูว่าแล้ว พี่ไอเปิดไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง จอดรถพร้อมปิดไฟทั้งรถ ทำให้พวกเราอยู่ในความมืด เพราะท้องฟ้าตอนนี้มืดสนิทแล้ว ทำเอาผมเกาะที่เปิดประตูรถด้วยหัวใจอันสั่นไหว ผมจะโดนอีกแล้วใช่ม๊ายย 

          " อย่าไปใกล้พริ้นอีกได้ไหม " พี่ไอที่ทำหน้าเศร้าและพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน ผมมองหน้าพี่ไอด้วยความหนักใจ ผมจะทำยังไงดีนะ

          ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ค่อยๆ ขยับโน้มตัวยื่นหน้าเข้าไปหาพี่ไออย่างช้าๆ เหมือนพวกเรามีแรงดึงดูดเข้าหากันอย่างประหลาด พี่ไอที่รู้ตัวก็เริ่มขยับตาม ฝ่ามือหนายื่นประคองที่ข้างแก้มของผมอย่างแผ่วเบา ผมค่อยๆ หลับตาลง สัมผัสความรู้สึกที่นุ่มนิ่มอ่อนโยนของริมฝีปากที่ค่อยๆ เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ

          ผมลืมตาตื่นตกใจเล็กน้อยเมื่อปลายลิ้นของคนตรงหน้าที่พยายามดุนดันเข้ามาสำรวจภายในปากเล็กๆ นี้จนสำเร็จ เข้ามาลิ้มรสความหวาน หยอกล้อกับลิ้นน้อยอย่างร้อนแรง ผมรู้สึกราวกับกำลังถูกเผาไหม้ไปด้วยแรงแห่งความปรารถนา  มันทำให้รู้สึกวาบหวามและร่างกายเริ่มอ่อนแรง เป็นเวลาหลายนาทีที่เราดึงดูดกันไปมา ทำให้ผมเริ่มที่จะขาดอากาศหายใจ

          " อื้อ..อ..อ หาย..ใจ.ม..ไม่.อื้อ..อ.ออก " ดูเหมือนผมจะไปกดสวิตส์อะไรของพี่ไอเข้าให้แล้ว คนตรงหน้ายังไม่ยอมปล่อยริมฝีปากของผมให้เป็นอิสระ ถึงแม้ว่าผมจะเริ่มออกแรงทุบและดันอกแกร่งนั่นออกไป ยิ่งดันออก คนตรงหน้าก็ยิ่งกอดรัดผมรุนแรงขึ้นเท่านั้น

          จนในที่สุดผมก็หลุดรอดเงื้อมือมารจอมหื่นออกมาจนได้ ผมหอบหายใจอยู่นานเป็นพักก่อนจะได้พูดอะไรออกไป คนตรงหน้าแค่ผละออกและจ้องหน้าผมนิ่งๆ 

          " ไอบ้า ไอหื่น เกือบตายแล้วไหมเนี่ย "  พระเจ้า นึกว่าจะตายซะแล้ว

          " ด่าตัวเองก็เป็น เริ่มก่อนเองแท้ๆ " คำพูดของไอ้พี่ไอทำเอาผมถลึงตาหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลยทีเดียว

          พี่ไอเงียบไปสักพัก และจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าหมองเศร้าลงอีกแล้ว

          " ขอกอดหน่อยได้ไหม " ผมมองหน้าคนที่เหมือนมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ พี่เป็นอะไรงั้นเหรอครับ พี่คง ไม่ได้เห็นใครในตัวผมใช่ไหม

          ผมไม่พูดอะไร แต่ค่อยๆ ชันเข่าแล้วหันหน้าไปหาพี่ไอ เพื่อที่จะได้กอดกันถนัด แต่มันติดเกียร์รถนี่สิ พี่ไอที่เห็นแบบนั้น จึงกอดเอวผมและลากผมข้ามฝั่งไปทั้งตัว ให้ผมนั่งลงที่หว่างขาของพี่หรือจะเรียกว่านั่งตักเลยก็ว่าได้ และกอดผมเอาไว้จากด้านหลัง

          ความรู้สึกนี้มันอะไรกันนะ อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้ ทั้งๆ ที่เป็นครั้งแรกแท้ๆ แต่กลับ รู้สึกถึงความเศร้า ความเหงา ความคิดถึง และถวิลหา หยาดน้ำตาไหลลงอย่างช้าๆ ที่แก้มของผมอย่างไม่มีเหตุผล พี่ไอกอดผมแน่นพร้อมเอาหน้าซุกที่หลังของผม พี่คงเหนื่อยมามากใช่ไหมครับ พี่คงต้องร้องไห้เพื่อใครเหมือนกันสินะ

          ผมกอดแขนพี่ไอ ที่กำลังกอดตัวผมอยู่ลูบไปมา เพื่อให้พี่ไอคลายความเศร้า พี่ไอซึ่งตอนนี้ย้ายหน้าจากแผ่นหลังของผม เอาคางเทินบนไหล่ผมเบาๆ จนแก้มเราสองคนแนบชิดกัน ผมเหลือบมองแก้มของพี่ไอ ซึ่งตอนนี้อยู่ใกล้ซะเหลือเกิน 

          " อยากจะหอมก็เอาเลยสิ " รู้สึกคุ้นๆ กับอะไรแบบนี้แฮะ ผมเลยบีบจมูกพี่ไอแล้วดึงซะเลย

          " โอ้ยย ซาดิสม์เหรอ " พี่ไอที่ตอนนี้คลำจมูกตัวเองป้อยๆ เริ่มหายซึมและเปลี่ยนเป็นอารมณ์หื่นแทนอีกแล้ว อ้ากก 

          " มือน่ะ คิดว่าจับอยู่ตรงไหนครับ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ " ผมคว้ามือพี่ไอที่เริ่มล้วงเข้าไปตรงชายเสื้อเชิ๊ตของผมที่หลุดออกมา 
                   
          " หอมจัง " พี่ไอเริ่มซุกไซร้หอมคอผมไปมา ทำให้ผมขนลุกชูชันทั้งตัว

          " มันจั๊กจี้นะ ฮ่าๆ " ผมเริ่มหัวเราะแล้วดิ้นไปมา นี่คนหรือปลาหมึกฟะเนี่ย พี่ไอเริ่มหอมตัวผม และใช้ปลายจมูกโด่งนั่นไล้ไปมาทั่วแผ่นหลังบนเสื้อเชิ๊ตตัวบางนั่น ไล่ขึ้นมายังซอกคอช้าๆ และขบเม้มที่ใบหูของผม

          แย่ละสิ แย่แน่ๆ ถ้ายังไม่หยุด ผมที่ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิต เริ่มเกร็งตัวด้วยความกลัวอีกแล้ว นี่ยังไงผมก็ต้องเป็นเบี้ยล่างสินะ ฮืออ แต่จะให้ผมกดคนคนนี้ก็คงไม่ไหวละนะ

          มือหนาเลื่อนไปมา ไปตามหน้าขา เอว หน้าท้อง ลูบไล้อย่างแผ่วเบาไปจนพาดผ่านยอดอกที่เป็นจุดอ่อนไหว ผมกลั้นเสียงเอาไว้ เม้มปากแน่น และเกร็งตัวมากขึ้นไปอีก

          ผมต้องหยุดพี่ไอเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นละ เอ่อ เดี๋ยวๆๆๆ ผมรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างใต้ก้นน้อยๆ ของผม ตายละ กูไม่รอดแน่  ไม่ใช่ไม่รอดอย่างเดียว แต่หนักเลยล่ะ ถ้าสัมผัสโฟกัสที่ขนาดด้วยแล้ว ผมนึกถึงคำพูดไอ้เกลียวเลยทีเดียว ' เพื่อนกู มีผัวแน่นอน ' หึ่ยย เห็นใจกันหน่อยเถอะ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายมาตั้งแต่แรกนะ จะไปแบบว่า เอ่อ แบบนั้นผมก็ยังทำใจไม่ได้หรอกฮะ ฮยองช่วยหนูด้วยยยย งือออ

          " คือว่าา " ผมตัดสินใจทำลายความเงียน เอ้ย เงียบนี้เบาๆ พี่ไอที่ตอนนี้อารมณ์ครุกรุ่น เอี้ยวตัวมามองด้านข้างของผมแล้วทำท่ากลั้นขำซะอย่างนั้น 

          " อะไร กลัวเหรอ " ผมไม่พูดแต่พยักหน้าน้อยๆ หนึ่งทีเป็นคำตอบ 

          " ฮ่าๆๆ " พี่ไอหัวเราะลั่นแบบขำซะเหลือเกิน ทำเอาผมหน้าจ๋อยไปเลยเพราะความอาย ชิ ไอคนบ้ากาม ยังมีหน้ามาหัวเราะเยาะหนุ่มน้อยไร้ประสบการณ์อีก

          " ไปโรงแรมกัน "

          " เย้ยยย ไม่ไป๊ " ผมเสียงสูงแบบปิดไม่มิด

          " อะไร ก็ไปกินข้าวไง มีร้านนึงอยู่ในโรงแรม บรรยากาศดี " ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ทำเอาพี่ไอขำก๊ากอีกรอบ แต่ผมดีใจนะที่พี่ยิ้มได้แล้ว ซึ่งหายากมาก

          ผมอมยิ้มก่อนหอมแก้มพี่ไอหนึ่งทีด้วยความไวเหนือแสง แล้วรีบปีนกลับไปนั่งอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว ทำให้พี่ไอมองหน้าผมอย่างตกใจ
         
          " หึ ติดไว้ก่อนนะ เอาคืนดับเบิ้ล " พี่ไอพูดพร้อมส่งรอยยิ้มหื่นกระหายมาให้ หึ่ยย ดับเบิ้ล เลยหร๊า ขอทริบเบิ้ล ได้ไหม ถุยย ฮ่ะๆ

          ผมมองไปที่นอกกระจก ยิ้มให้กับเงาสะท้อนของคนข้างๆ อย่างสุขใจ


ผมอยากให้คนคนนี้ ยิ้มแย้มอยู่ข้างๆ ผมตลอดไป
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 26 อ้อมกอดที่แสนคิดถึง ](24/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 24-09-2017 20:07:45
สวีทจัง น่ารักมาก :oni2: :fox2:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 26 อ้อมกอดที่แสนคิดถึง ](24/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-09-2017 22:27:11
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 26 อ้อมกอดที่แสนคิดถึง ](24/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 24-09-2017 23:24:16
ตอนนี้หวานนน :hao6:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 26 อ้อมกอดที่แสนคิดถึง ](24/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 25-09-2017 09:50:31
          FC ที่ 27 โลกที่มีเพียงเราสอง


          บรรยากาศในรั้วมหา'ลัยยังคงเดิม ผมที่เริ่มกลับมาเรียน ทำให้เพื่อนๆ ต่างช็อคกันไปถ้วนๆ หน้า หลายๆ คนถามผม ว่าทำไมก่อนหน้านี้ถึงอยู่ในสภาพนั้น ผมก็แค่บอกว่าเบื่อลุคเดิมๆ และอยากเปลี่ยนแนวเท่านั้นเอง จริงๆ แล้วผมทำเพื่อให้สายสืบของบ้านสับสนและหาผมได้ยากขึ้นเท่านั้น ผมรู้ว่าไม่มีทางหลอกสายสืบที่คุณพ่อส่งมาได้นานหรอก แต่ก็ต้องลองเสี่ยงดู ดีกว่า เป็นยูมินเดินไปเดินมา โดยที่ไม่ทำอะไรเลย

          แต่สุดท้ายผมก็หนีได้ถึง 2 ปี เกินคาดเลยครับ และสุดท้ายของสุดท้าย คุณพ่อก็ส่งลาสบอสไพ่ตายออกมา นั่นก็คือฮยอง ซึ่งไม่ว่าผมจะกลายเป็นสภาพไหน ก็ไม่มีทางตบตาฮยองที่อยู่ใกล้ชิดกับผมมาตั้งแต่เกิดได้หรอกครับ

          ผมยังคงแต่งตัวมาเรียนสบายๆ แต่ไม่ได้หนีบแตะแล้วครับ ฮ่าๆ สาวๆ มองผมที่กำลังเดินอยู่ใต้คณะเป็นตาเดียว ก็แน่ล่ะ หล่อขนาดนี้จะไม่สนกันได้ยังไงกันล่ะ หึหึ

          " นายคะ ขอรบกวนแปบนึงได้ไหมคะ " สาวสวยคนนึงเดินเข้ามาหาผมอย่างกล้าๆ กลัว เข้ามาเลยครับผมฉีดยาแล้ว

          " ครับ ว่าไงครับ " ผมยิ้มแย้มแช่มชื่นรื่นอุรา

          " คือนายใช้ครีมยี่ห้ออะไรเหรอคะ หน้าใส๊ใส เราเห็นแล้วอิจฉามากๆ เลย หน้าเงาเกาหลี๊เกาหลี มีเคร็ดลับอะไรบอกมั่งสิ " สาวคนนั้นถามผมด้วยใบหน้าใคร่รู้อย่างตื่นเต้น แต่ผมกลับหน้าเจื่อนไปเรียบร้อย ฮืออ ผมไม่ใช่เพื่อนสาวของเธอนะ หึ่ยย ไอ้เกลียวที่มากับผมตอนนี้ลงไปนอนขำชักดิ้นชักงอเรียบร้อย เดี๋ยวเถอะมึงง

          " อสุจิครับ พอกวันละ 3 เวลาก่อนอาหาร " ไอ้เพื่อนเกรียนที่ตอนนี้ลุกขึ้นมาตอแหลแย่งตอบคำถาม ซึ่งสุดท้ายก็โดนตบไปเรียบร้อยสองที รวมของผมด้วยในนั้น

          " กูหล่อขนาดนี้ทำไมสาวๆ ไม่จีบกูวะ "

          " จีบห่าอะไร เค้าไม่ยกมดลูกให้ก็ดีแล้ว ฮ่าๆ " ผมตบกบาลมันไปอีกทีด้วยความหมั่นไส้

          เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้สวยแบบผู้หญิงขนาดนั้นหรอกครับ ถ้าตัดผมสั้นๆ ผมก็เข้าข่ายหล่ออยู่นะ แต่แค่แต่งหญิงก็ไม่มีใครจับได้อ่ะ ฮืออ 

          " นายๆ ขอเบอร์หน่อยสิ " มาแล้วไง ไหนบอกสาวๆ ไม่ชอบผู้ชายหน้าแบบผม หึ

          " เพื่อนเราชอบน่ะ คนนั้นน่ะ " สาวน้อยคนนี้ชี้ไปยังกลุ่มเพื่อนที่ เอ่อ ผู้ชายทั้งฝูง ที่ตอนนี้มันกำลังส่งเสียงโห่ฮา แซวเพื่อนตัวเองที่กำลังมองมาทางผมด้วยสายตาหยาดเยิ้ม กูอยากจะบ้าตาย ยิงทิ้งแม่งทั้งกลุ่มเลยดีไหม

          แต่เสียงโห่ร้องก็ต้องโดนเสียงกรี๊ดที่ดังกว่ากลบไป อื้อหือ ต้องหล่อขนาดไหนโรงอาหารคณะผมถึงแทบแตกขนาดนี้ และคำตอบก็อย่างที่ผมคิด พี่พริ้นในชุดกาวน์เดินมาทางผม พร้อมส่งยิ้มสดใสดั่งพระอาทิตย์มาให้ ทุกสายตาต่างจ้องมองผมสลับกับพี่พริ้นเป็นตาเดียว แล้วซุบซิบๆ กันไม่เกรงใจผมเลย

          " น้องมิน กำลังจะทานข้าวพอดีเลยเนอะ งั้นทานด้วยกันนะ " พี่พริ้นยิ้มสดใสมาให้ผม ที่กำลังยืนมองซ้ายขวาหาบุคคลที่สามที่ถ้ามาเห็นคงโกรธผมอีกแน่ๆ เลย 

          " เอ่อ เดี๋ยวผมจะเริ่มเรียนแล้วครับ คงต้องไปแล้ว " ผมว่าผมชิ่งดีกว่า

          " เรียนอะไรของมึงวะ กูหิว " โถไอ้เพื่อนเวร กูอยากฆ่ามื๊ง

          " ฮ่ะๆ มินขยันจังเลยนะ นี่กะเรียนแบบข้าวปลาไม่กินเลย " พี่พริ้นยังคงหัวเราะ พร้อมส่งยิ้มอย่างไม่ย่อท้อ ผมนั่งลงที่โต๊ะ พี่พริ้นอาสาไปซื้อข้าวและน้ำมาให้ ซึ่งไม่ว่าผมจะปฏิเสธแค่ไหนก็ไม่เป็นผล

          " มิน นี่มันอะไรกันวะ ความสัมพันธ์พัฒนาดีนี่หว่า พี่แกเหาะมาจากคณะแพทย์เองเลยนะโว้ย ทั้งๆ ที่เวลาพักแม่งนิดเดียวเอง " ผมยิ้มเจื่อนๆ ให้เพื่อนผู้แสนจั๊ดง่าวของผม

          ผมดีใจนะครับที่พี่พริ้นดูใส่ใจผม อาจจะอยากขอโทษเรื่องที่ผ่านๆ มา ยังไงพี่พริ้นก็ยังคงเป็นคนสำคัญของผม แต่ผมก็ไม่อยากเห็นสีหน้าที่เศร้าหมองของพี่ไออีกนี่นา มีแต่เรื่องหนักใจจัง

          ผมสังเกตุว่ามีพวกเสื้อช็อปจากวิศวะเดินไปมาเยอะเกินเหตุ พวกนี้ก็มากินข้าวที่คณะผมงั้นเหรอ ผมเลยชะเง้อมองหาชายหนุ่มผมดำในเสื้อช็อปด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เหมือนภรรยากำลังแอบนอกใจสามีเลยแฮะ 

          " มองหาใครเหรอ " พี่พริ้นที่มาพร้อมข้าวสองจาน ยิ้มแย้มให้ผมอย่างอ่อนโยน

          " เอ่อ คือแล้วพี่ไอละครับ " พี่พริ้นเลิกคิ้วขึ้นสูงเชียวกว่าจะตกลงมา

          " พี่หาไอที่คณะไม่เจอ ไม่รู้ไปไหน สงสัยไปกินข้าวกับสาวมั้ง " ผมที่ได้ฟังแบบนั้น รู้สึกตัวชาไปทั้งตัว นี่พี่ไอมีแฟนแล้วงั้นเหรอ 

          " มิน เป็นอะไรไป " ผมที่ตอนนี้สมองตื้อไปเรียบร้อย ได้แต่นั่งเอ๋อแดก

          " แล้วพี่รินละครับ " ผมเอ่ยถามหาแฟนสาวของพี่พริ้น ที่เห็นรักกันจะเป็นจะตาย

          " เอ่อ เลิกกันแล้ว " ห๊ะ เลิกกันแล้วซะงั้น

          " เสียใจด้วยนะครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็คืนดีกันเถอะครับ พี่เขาก็ดูเป็นคนดี " ผมพูดออกไปแบบสุภาพ ซึ่งจริงๆ เจ้าหล่อนนั่นหัวเราะเสียงดังกว่าใครในคลับคืนนั้น

          ยังไม่ทันขาดคำ เจ้าหล่อนก็เดินมาข้างหลังพี่พริ้นที่นั่งตรงข้ามผมด้วยสีหน้าและแววตาเกรี้ยวกราด เอาละครับ ผมควรจะยกจานหนีดีไหม

          " พี่พริ้น นี่มันอะไรกันคะ ทำไมรินโทรหาถึงไม่รับสาย แล้วมาทำอะไรที่นี่ " นังริน เอ้ยพี่รินยืนทำตาเขี้ยวปั๊ดใส่พี่พริ้นอย่างไม่ปราณี เดี๋ยวนะเมื่อกี้ไหนบอกเลิกแล้วไงพี่ พี่พริ้นที่ตอนนี้ทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งน่ากลัว ทำเอาผมสยองเลยทีเดียว

          " เดี๋ยวค่อยคุยกันนะริน ตอนนี้พี่มีธุระ " พี่พริ้นพูดเสียงเย็นชาอย่างไร้เยื่อใย และไม่หันไปมองด้วยซ้ำ

          " เพราะมันใช่ไหมคะ พี่เป็นอะไรของพี่อ่ะ มันผู้ชายนะคะ แค่มันสวยนิดหน่อยพี่ก็ไปหามันเลยเหรอ " พี่รินชี้หน้าผมและสวดยับ แต่ผมไม่ชอบเลยแฮะ ผมไม่ได้อยากแย่งใครสักหน่อยนะ แล้วผมก็ไม่ได้สวยด้วยเจ้ พูดดีๆ นะ หึ่ม

          " เอ่อ พี่ใจเย็นๆ นะครับ พี่เข้าใจผิดแล้ว ผมเป็นแค่คนรู้จักของพี่พริ้นครับ " ผมซึ่งเริ่มเดือดเหมือนกันแต่ยังคงพูดดีๆ ไว้ก่อน

          " แกเป็นใคร คิดว่าจะจับพี่พริ้นได้งั้นเหรอ เดี๋ยวก็ลงเอยเหมือนอีพวกร่านตัวอื่นๆ นั่นแหละ " พี่รินคงจำผมไม่ได้สินะ ตัวอื่นๆ นี่หมายความว่ามีหลายๆ คนโดนเหมือนผมแบบในคลับนั้นเหรอ

          " ริน! " พี่พริ้นพูดเสียงดัง พร้อมลุกขึ้นกึ่งเดินกึ่งลากพี่รินไปอย่างระทึกขวัญสุดๆ ผมที่ถูกตราหน้าว่าแย่งผู้ชายชาวบ้าน กำลังโดนคนในโรงอาหารซุบซิบนินทาอย่างหนัก

          " หือ อย่างกับละครหลังข่าวเลยว่ะ " ไอ้เกลียวที่นั่งแดกข้าวพร้อมดูหนังสด ผมนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน เจอเรื่องงามไส้แต่วันเลยแฮะ

          " อี๋ อย่ามาใกล้ฉันนะนังร่าน " ผมตบกบาลไอ้เกลียวไปอีกทีอย่างมีน้ำโห กวนทีนไม่เลิกสึด


          ผมที่ออกมาจากโรงอาหารคณะ กำลังเดินไปบนระเบียงทางเดินเพื่อเข้าคลาสต่อไป ไอ้เกลียวที่ลงคนละวิชากับผมก็แยกไปเรียนเรียบร้อย สงบได้สักทีชีวิตตู ผมเดินแวะเข้าห้องน้ำใกล้ๆ บันไดหนีไฟ ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย ไม่งั้นอาจหลับคาคาบเรียนได้

          แต่อยู่ๆ ก็มีมือปริศนามาปิดปากผม และล็อคตัวผมจากข้างหลัง ผมที่ตัวเล็กจะไปมีแรงขัดขืนคนที่ตัวใหญ่กว่าได้ยังไงกันล่ะ ผมพยายามดิ้นและร้องให้คนช่วยอย่างหมดแรง สุดท้ายมันก็พาผมลากเข้าห้องน้ำจนได้ เมื่อเข้ามาแล้วมันก็ปล่อยตัวผม ผมเลยส่งหมัดขวาตรงออกไป แต่ก็ถูกสกัดได้อย่างแทบไม่ต้องออกแรง เดี๋ยวนะ รูปร่างแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ โถ่ว

          " ไอบ้า ไอโรคจิต ทำอะไรฟะ ตกใจหมด " ผมที่ยังคงตบตีคนตรงหน้าอย่างเหลืออด แม่งเอ้ยนึกว่าโดนแก๊งมาเฟียคู่แข่งซิวซะแล้ว 

          " ชู่ อย่าเสียงดังสิ เก็บเสียงไว้ตอนทำอย่างอื่นกันดีกว่า " คำพูดไอบ้านี่ทำเอาผมหน้าแดงจนเลือดแทบจะออกหูเลยฮะ ไอ้พี่ไอ ไอบ้านี่ขึ้นมาแอบตั้งแต่ตอนไหนฟะ

          ผมที่คิดถึงคำพูดของพี่พริ้นขึ้นมา ทำเอาฉุนสุดๆ ผมก้มหน้าลงไม่มองคนตรงหน้า เชอะ 

          " เป็นอะไร กินข้าวกับพริ้นไม่อร่อยหรือไง " ผมเงยหน้ามองไอคนขี้ประชดอย่างแค้นเคือง 

          " แล้วใครล่ะที่ไปกินข้าวกับสาวมา " ผมพูดพร้อมหรี่ตาลงอย่างจับผิด 

          " สาวที่ไหน พริ้นกรอกหูอะไรมาอีกล่ะ ดูสิน่ะ หึงหน้าดำหน้าแดงเลยวุ๊ย " หึ่ยยย ไอ้คนขี้แกล้ง ไม่ได้หึงเฟ้ย จริงจริ๊ง

          ผมเดินไปพยายามดึงกลอนประตู แต่ก็ไม่เป็นผล พี่ไอกอดผมไว้จากด้านหลังแล้วลากผมมานั่งทับบนตัวพี่ไอที่นั่งบนฝาชักโครกอีกที นี่ถ้ามีคนก้มมองช่องด้านล่างนี่บันเทิงแน่นอน ท่ามันส่อจริงๆ ให้ตาย

          " ปล่อยเลย " ผมที่พยายามแกะมือปลาหมึกของพี่ไออย่างสุดความสามารถ ขณะที่พี่ไอนั้นกอดผม และเริ่มซุกไซร้ไปมาแบบคนขี้แกล้ง

          เย้ยย มีคนเข้ามา ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องข้างๆ เปิดออกและมีคนเข้าไปในนั้น 

          " อย่า " ผมกระซิบเบาๆ ให้ไอหื่นด้านหลังหยุดการกระทำทุกอย่างที่จะทำให้คนข้างห้องจับได้ แต่ก็ไม่เป็นผล พี่ไอยังคงหอมคอผม หูผม และตอนนี้กำลังหอมแก้มผมอยู่ 

          " เอาคืนแล้วนะ 2 ที " พี่ไอกระซิบที่หูของผมเบาๆ ทำเอาผมขนลุกซู่ ลองมามีคนที่หล่อขั้นนี้เอาหน้ามาใกล้ๆแล้วกระซิบข้างหูดูสิครับ ผมแทบจะละลายไหนลงชักโครกไปเลย

          " ไอบ้า " ผมกระซิบด่าอย่างเหลืออด โอ้ยเขินเฟ้ย

          "  อย่ามาซุกคอผมสิ " ผมกระซิบเบาๆ ด่าพี่ไอที่ยังคงไม่เอาหน้าออกจากหลังคอของผม

          " ไรขนอ่อนๆ สีทองพวกนี้น่ารักจัง ทั้งตัวนี่ขนสีนี้หมดเลยหรือป่าว " พี่ไอกระซิบถามเบาๆ ทำเอาผมหดคอหนี งืออ เขินสุดๆ ไปเลยครับ ผมนี่คิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว อ้ากก ตัวผมที่ขาวมากๆ พวกไรขนอ่อนๆ เลยเป็นสีทองแบบไม่ได้ตั้งใจ ผมอยากโกนมันออกแต่ฮยองบอกว่ามันจะทำให้ยิ่งขึ้นครับ ฮืออ

          " อย่า เดี๋ยวมันเป็นรอย " ผมกำลังหยิกแขนจอมหื่น ที่กำลังเริ่มจุฟคอผมเบาๆ และเหมือนกำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นรอยละก็ฮยองฆ่าผมแน่ๆ ไม่สิ ฆ่าพี่ไอแน่ๆ อันนี้ไม่ได้ล้อเล่นครับ

          " อย่าปล่อยให้ใครทำแบบนี้กับมินนะ " ผมสะดุ้งน้อยๆ เพราะพี่ไอเรียกชื่อผม แล้วกอดผมเอาไว้แน่นสุดๆ ผมดีใจเลยเผลอยิ้มออกมา

          ผมยกแขนแล้วเอื้อมมือไปโน้มคอพี่ไอลงมา เอี้ยวตัวเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นรับสัมผัสจากริมฝีปากที่นุ่มนวลนั้น พวกเราจูบกันเนิ่นนาน ไม่สนใจว่าจะส่งเสียงดังหรือไม่


รับรู้แค่เพียงว่า​ โลกใบนี้มีแค่เราเพียงสองคนก็พอแล้ว
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 27 โลกที่มีเพียงเราสอง ](25/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-09-2017 11:23:12
ตามสบายเลยหลานไอ คนแก่แวะไปแขวนป้าย"ทำความสะอาด" ไว้หน้าห้องน้ำให้แล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 27 โลกที่มีเพียงเราสอง ](25/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 25-09-2017 13:42:21
พี่ไอรุกหนักขึ้นทุกวัน  :hao6:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 27 โลกที่มีเพียงเราสอง ](25/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 26-09-2017 10:29:11
          FC ที่ 28 แสงสีที่ดับวูบลง


          ผมนอนจ้องมองเพดานห้องที่ว่างเปล่าพลางอมยิ้มในความมืด ความรู้สึกของผมตอนนี้มันช่างหลากหลาย ผมกับพี่ไอ ความสัมพันธ์ของพวกเราตอนนี้ จะเรียกว่าอะไรดีนะ ผมรู้สึกดีมากๆ เวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆ พี่ไอ ถึงพี่ไอจะดูเป็นมนุษย์หื่นกระหายก็เถอะ แต่พอเอาเข้าจริงๆ พี่ไอก็จะหยุดเสมอ เป็นสุภาพบุรุษเหมือนกันแฮะ นึกว่าจะบ้าหื่นกามแบบไม่สนแล้วจับกดลูกเดียวซะอีก

          พี่ไอเล่าว่า ไอ้ฉายาเสือไบบ้าอะไรนั่นมั่วทั้งเพ พี่ไอไม่ได้ฟาดเรียบอะไรแบบนั้นซะหน่อย พี่ไอไม่สนใจใครเลยมาตั้งนานแล้ว มีแต่พวกเมียมโนทั้งนั้น แต่ไม่ยอมบอกว่าเพราะอะไร ผมสงสัยอีกอย่างหนึ่งก็คือ ดูเหมือนพี่ไอจะไม่ได้เกลียดพี่พริ้นแบบนั้นแฮะ เพราะพี่ไอไม่เคยพูดเรื่องไม่ดีของพี่พริ้นเลย จะมีก็แต่เตือนผมให้ระวังพี่พริ้นอย่างเดียว คงเป็นสายสัมพันธ์อะไรบางอย่าง

          ผมจะบอกฮยองให้สืบเรื่องพี่ไอดีไหมนะ แต่ผมกลัวว่าถ้าพี่ไอรู้ พี่ไอจะโกรธผมน่ะสิ ใครบ้างที่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องส่วนตัว ขนาดผม ผมยังไม่เคยเล่าเรื่องของผมให้ใครฟังเลย ฮยองก็เคยเจอพี่พริ้นตอนเด็กๆ แค่ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น เพราะฮยองแค่มาส่งผมเฉยๆ และไม่ได้เข้ามาก้าวก่าย นอกจากผมจะขอความช่วยเหลือเท่านั้น

          Rrrr Rrrr

          เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมรีบลนลานรับอย่างว่องไวเพราะหวังจะได้ยินเสียงคนที่ผมนั้นคิดถึงสุดๆ แต่ผลที่ได้กลับห่วยเกินคาด

          " โย่ววว หมูทะกันนน " เหอะ ไอ้ตัวดีแม่งชวนกูลงพุงอีกแล้ว

          " อะไร มึงเลี้ยงใช่ไหม " 

          " กูเลี้ยง แต่มึงจ่าย โอเคเดล!! " 

          " เดลพ่อง กูวางละเสียเวลาชีวิต " 

          " กูเลี้ยงๆๆ โอเคนะ ด่วนเลย เดี๋ยวกูไปรับ "

          " เออ ด่วน " ผมกดวางสายทันที เพราะไอ้ห่านี่มันก็อยู่แถวนี้ล่ะครับ เดี๋ยวมันก็มา

          ผมลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบง่ายๆ เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น เพราะอากาศมันร้อนสุดๆ เหลือเกิน ยิ่งอยู่หน้าเตาด้วยแล้ว เหงื่อไหลไคลย้อยแน่นอน

          " ราชรถมารับแว้วคร๊าบบ! " เสียงแม่งมาก่อนตัว 500 เมตรได้ไอ้ห่า มึงจะเรียกคนมาแดกทั้งซอยเลยหรือไง

          " มึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยกูให้ 3 วิ " คำพูดแรกที่มันเห็นผมก็ออกคำสั่งเลย มันน่าเขกกบาลจริงๆ

          " กูจะไปชุดนี้ เชี่ยไรของมึง "

          " กูไม่รู้น้า แม่งใครลากเข้าป่า กูไม่สนจริงๆ ด้วยเอ้า " ปากหมานจริงๆ ไอ้หอก

          ผมไม่สนใจและเดินผ่านตัวมันไป มันที่ทำท่าทางอึกอัก แต่ก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี ก็แค่หลังมอใกล้ๆ แค่นี้ แล้วผมก็เป็นผู้ชายนะ ผมไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว แถมมึงก็อยู่ด้วย มึงเป็นสายข่าวและบอดี้การ์ดกู มึงต้องปกป้องกูสิ ผมเดินชิลๆ อ่อยเหยื่อชาวบ้านไปทั่วแบบอยากหางานให้มันทำ หึหึ

          ' ผู้หญิงเปล่าวะ ' 

          ' ผู้ชายว่ะ '

          ' ผู้ชายแบบนี้กูก็เอา '

          ผมไม่สนใจเสียงนกเสียงกา มึงลองสิ ได้แดกตีนกูแน่ วันนี้รู้สึกเหมือนมีความกล้าเต็มเปี่ยมสุดๆ หึหึ ผมเดินเท้าต่อไป ผ่านสายตาประชาชีมากมายที่มองผมเป็นตาเดียว ไอ้พวกผิวปาก พ่องมึงเป็นนกหวีดหรือไง คลื่นไส้

          ไม่นานผมก็มาถึงร้านหมูกะทะจิ้มจุ่มหลังมอ บรรยากาศดีนะ แต่ร้านมืดไปหน่อย มุมอับก็เยอะไป 

          " เดี๋ยวกูโทรชวนฮยองก่อน " ผมพูดพลางดึงโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนไอ้เกลียวตะครุบมือผมด้วยความร้อนรนสุดๆ

          " อย่านะโว้ย ไม่งั้นกูตาย " ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจความหมายของมันเลยสักนิด

          " มึงเป็นห่านอะไรเนี่ย " ผมความด้วยความสงสัย

          " ถ้าพี่แจอินมาเห็นกูพามึงมาในสภาพนี้กูเป็นโจ๊กแน่ๆ " ผมลืมไปเลย นี่ไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียว ไอ้เกลียวที่ตอนนี้เป็นบอดี้การ์ดฝึกหัด มันคนแรกที่จะซวยถ้าผมเป็นอะไรไป

          " มึงอย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ กูดูแลตัวเองเป็น ก็เหมือนที่ผ่านๆ มานั่นแหละ " ผมพูดให้มันสบายใจขึ้น เพราะตลอดมาผมก็ไม่เคยเป็นอะไรมาก่อน วันนี้คงไม่ซวยหรอกน่า

          " เดี๋ยวกูไปห้องน้ำแปบนะ เดี๋ยวมา "

          " ไม่ได้ กูต้องไปด้วย " ไอ้เกลียวลุกขึ้นยืนตามผมแบบประกบข้าง 

          " อะไรของมื๊งง ถ้ากูไปขี้มึงจะเข้าด้วยไหม "

          " เข้า!! " ผมตบกบาลมันไปหนึ่งดอกด้วยความพูดไม่คิดของมัน

          " กูไปแปบเดียว กูรู้น่า กูจะระวัง ถ้าเกิน 5 นาที มึงเข้ามาหากูเลยโอเคไหม " ผมตกลงกับมันให้มันสบายใจ พลางเดินไปห้องน้ำด้วยความระแวดระวัง เพราะผมก็เริ่มเสียใจกับการตัดสินใจในการใส่เสื้อผ้าของผมแล้วล่ะ

          ผมเดินมาถึงห้องน้ำแบบปลอดภัยท่ามกลางสายตาที่เหมือนฝูงหมาไฮยีน่าจ้องตลอดทาง ผมเปิดก็อกน้ำล้างมือในอ่างล่างหน้า แล้วก้มลงล้างหน้าอีกนิดหน่อย

          ' ปั่บ! '

          เย้ยย ผมสะดุ้งโหยงทันที เพราะรู้สึกถึงมือปริศนาที่กำลังแปะอยู่บนก้นของโผ้มม

          ผมใจเต้นรัว หันไปอย่างรวดเร็วกะด่ากราดเต็มที่ แต่เอ๊ะ ผมมองไม่เห็นใครเลยแฮะ หรือผีจะหลอก แต่สักพักก็มีมือเล็กๆ ดึงกางเกงผมอีกที 

          " พี่ฮะ พี่ทำผ้าเช็ดหน้าหล่น " ผมใจหายแว๊บ นึกว่ากุมารทองเล่นกูซะแล้ว โถ่ว เด็กน้อยเอ๋ย 

          " ขอบคุณครับ " ผมนั่งยองๆ ลูบหัวเด็กน้อยอย่างขอบคุณ

          เด็กน้อยพอส่งผ้าเช็ดหน้าให้ ก็วิ่งแจ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่ปัญหาก็คือมันไม่ใช่ของผมครับ ผมมองผ้าเช็ดหน้าอย่างสงสัย เพราะผมรู้สึกคุ้นๆ กับลายของมันซะเหลือเกิน มันคล้ายๆ กับผืนที่ผมมีอยู่ผืนหนึ่งในห้อง แต่ผมลืมไปแล้วว่าผมได้มันมาจากไหน

          " นั่น ของผมเองครับ " ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมยื่นมือมาขอผ้าเช็ดหน้าคืน

          " อ๋อ เหรอครับ " ผมขมวดคิ้วสงสัยแต่ก็ส่งกลับคืนให้แต่โดยดี 

          " ขอบคุณครับ " ชายหนุ่มคนนั้นมองผมด้วยสายตาแปลกๆ และรับผ้าเช็ดหน้าคืน

          ผมก้มหัวลงเล็กน้อย และเดินผ่านชายหนุ่มคนนั้นไป 


แต่นั่น กลับเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่ภาพต่างๆ จะดับวูบลง
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 28 แสงสีที่ดับวูบลง ](26/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 26-09-2017 20:03:44
          FC ที่ 29 ช่วยไว้อีกครั้ง


          ผมตื่นขึ้นด้วยสายตาที่ฝ้ามัว นี่มันอะไรกันนะ ผ้าปิดปากที่ผูกเอาไว้ มือและเท้าที่ถูกมัดด้วยผ้าสีแดงแน่นหนา แรงสั่นสะเทือนทำให้รู้ว่าผมนั้นอยู่ในรถที่กำลังวิ่ง มันเป็นรถตู้คันใหญ่ ผมถูกมัดและจับนอนอยู่ที่เบาะด้านหลังสุด มีผู้ชายที่ปิดหน้าอยู่สองคนที่หน้ารถ กำลังคุยกันถึงอะไรบางอย่าง ที่ผมก็ฟังไม่ถนัด

          คลื่นความกลัวเข้าแทรกแซง ผมรีบมองร่างกายตัวเองก็พบว่า ผมนั้นยังไม่ได้โดนทำอะไร เสื้อผ้าต่างๆ ยังอยู่ในที่ของมันที่ควรจะเป็น ไม่มีรอยใดๆ บนร่างกาย ผมรีบหลับตาทันทีเมื่อหนึ่งในนั้นมองมาที่ผม

          " เจ้านายแม่งเลือกของดีสุดๆ เลยว่ะ "

          " ขาวสุดยอด น่าเลียทั้งตัว "

          " ตอนแรกบอกเป็นผู้ชาย กูนี่นึกเลยว่าแม่งสยองว่ะ แต่พอมาเห็นนี่กลายเป็นสยิวแทน ผู้ชายก็ผู้ชายเถอะจะจัดให้ถึงใจเลยว่ะแบบนี้ "

          " น่ารักฉิบหาย แจ่มสุดๆ "

          ผมนอนตัวสั่นสะท้าน ไม่คิดว่าเรื่องที่ไอ้เกลียวกังวลมันจะเกิดขึ้นกับผมจริงๆ แต่พวกมันพูดถึงเจ้านายอะไรสักอย่าง มีคนจ้างมันมางั้นเหรอ ผมซึ่งตอนเด็กๆ เคยเกือบจะโดนลักพาตัวมาแล้ว ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี แต่ตอนนั้นศัตรูของคุณพ่อ แค่จะขู่คุณพ่อเท่านั้น ไม่ได้จะทำอะไรตัวผม แต่การลักพาตัวครั้งนี้ มันอาจทำให้ผมสูญเสียอะไรหลายๆ อย่างไป

          ผมหลับตานึกถึงใบหน้าของทุกๆ คนที่ผมรัก และแน่นอนที่สุด พี่ไอ พี่จะรับผมได้ไหมถ้าหากว่าผมไม่ได้เป็นของพี่ไอคนแรก ผมน้ำตาไหลออกมาด้วยความอ่อนแอ ผมตายซะดีกว่าที่จะโดนทำแบบนั้นจากไอ้สารเลวพวกนี้

          " เฮ้ย แต่แบบนี้จะดีเหรอวะ เจ้านายบอกห้ามแตะมันนะ "

          " ก็อย่าทำแรงสิวะ แม่งไม่รู้หรอก " 

          " แต่ผิวแบบนี้ลำบากว่ะ แค่ขยำนิดหน่อยก็เป็นรอยละ ฮ่าๆๆ "

          " อย่าพูดให้กูคิดสิวะ จะทนไม่ไหวแล้วนะเนี่ย "

          " เดี๋ยวกูไปดูมันแปบ "

          " เฮ้ย อย่าให้เสียของนะโว้ย " 

          " ฮ่าๆๆ นิดหน่อยเอง เดี๋ยวเปลี่ยนกัน "

          ผมที่ตอนนี้แกล้งหลับอยู่ หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัว ผมจะสู้พวกมันสองคนได้หรือเปล่านะ ผมจะลองเสี่ยงดูดีไหม หรือนอนนิ่งๆ ดูลาดราวก่อนดี

          พวกมันคนหนึ่งปีนเบาะเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ มันเข้ามาใกล้ผมมาก มากขึ้นเรื่อยๆ จนผมรู้สึกถึงลมหายใจของมันที่เป่ารดคอของผมอยู่

          " หอมสุดๆ เลยว่ะ เนียนไปทั้งตัว " ไอ้เลวนี่ลูบเบาๆ ไปตามเรียวขาของผม ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนอยากฆ่าพวกมันให้ตายคามือนัก

          " ก้นสวยกว่าผู้หญิงอีกนะเนี่ย " มันที่กำลังมองก้นของผม และเอื้อมมือจะมาแตะ แต่ผมดิ้นหลบซะก่อน

          " อ้าว ตื่นแล้วเหรอ " มันพูดกับผมด้วยน้ำเสียงกวนประสาท

          " อย่ามองพี่แบบนั้นสิ ยิ่งมองแบบนั้นพี่ยิ่งมีอารมณ์นะ " ผมที่จ้องมองมันตาขวาง ทำได้เพียงเรียกเสียงหัวเราะจากมันและคู่หูของมันเท่านั้น

          ผมอยากจะพูดกับมัน อยากจะเสนอเงินให้มันเผื่อมันจะยอมเปลี่ยนใจบ้าง แต่มันก็ไม่ยอมแก้มัดให้ผมเลย

          " เฮ้ย จะทำไรก็รีบทำ ไม่มีเวลาแล้ว " คู่หูของมันส่งเสียงมาจากด้านหน้า ทำให้ผมดิ้นรนด้วยความกลัวอีกครั้ง

          " อย่าดิ้นนักเลยน่า แปบเดียวเอง " มันส่งเสียงดังใส่ผม เพราะผมเริ่มดิ้นและถีบมัน ไม่ให้มันเข้าใกล้ผมได้ แต่มันกลับล็อคขาของผมไว้ ลูบไล้และพยายามถอดกางเกงของผม

          แต่แล้วรถที่วิ่งอยู่ก็หักหลบอะไรสักอย่างกระทันหันเข้าข้างทาง รถเขย่าอย่างรุนแรง และชนเข้ากับต้นไม้อย่างจัง ผมรีบตั้งหลัก และพยายามคลานหนีไปที่ประตูสุดชีวิต แต่มือของมัันก็ยังคงตามมาจับข้อเท้าของผมไว้ มีคนพยายามเปิดประตู และทุบกระจกอยู่ข้างนอก ทำให้ไอ้สองตัวนี้หนีออกจากหน้าต่างอีกทาง แล้วรีบวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว

          คนที่พยายามเปิดประตู ตอนนี้เปิดออกแล้ว และเข้ามาดึงผมออกจากรถ และกอดผมเอาไว้แน่นสุดๆ ผมร้องไห้ออกมาด้วยความโล่งใจ ผมเกือบจะมีตราบาปไปทั้งชีวิตแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าบุคคลที่มีพระคุณต่อผม สายตาที่เลือนลางด้วยความอ่อนล้า ทำให้กว่าผมจะโฟกัสภาพตรงหน้าได้ก็สักพักเลยทีเดียว

          ผมสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอ ตอนนี้กลับกำลังทำหน้าหวาดหวั่น จ้องมองใบหน้าของผมและกำลังตะโกนพูดอะไรสักอย่างกับพวกพยาบาลที่เพิ่งมาถึง พี่อีกแล้วเหรอครับ พี่ช่วยผมเอาไว้อีกแล้ว แต่ว่าทำไมกันนะ มันเหมือนกับว่ามีบางอย่างที่ติดอยู่ในใจของผม บางอย่างที่บอกผม ว่ามันไม่ใช่

          และสายตาของผมก็ได้มองเห็น คนอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวผม คนคนนั้นกำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผู้ชายที่ผมนั้นรักหมดหัวใจ


เสียงปืนดังขึ้นสองครั้งจากที่ไกลๆ พร้อมกับผมที่สติดับวูบไปอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 29 ช่วยไว้อีกครั้ง ](26/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-09-2017 21:07:46
ผู้ 2 คนนั่นเป็นไผหว่า  :confuse:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 29 ช่วยไว้อีกครั้ง ](26/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 27-09-2017 10:26:15
          FC ที่ 30 เสียงพึมพำที่มีความหมาย


          ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องสีขาว บนหลังมือมีเข็มน้ำเกลือเจาะอยู่ แต่ก็มีสิ่งอื่นอยู่บนมือของผมอีก ผมมองมือที่กำลังกุมมือของผมอยู่ ไล่ไปเรื่อยๆ ก็พบว่าคนคนนั้นก็คือ พี่พริ้น นั่นเอง

          ผมมองไปรอบๆ ห้องที่มืดสลัว ที่นี่คือโรงพยาบาลสินะ ผมไม่ชอบกลิ่นแบบนี้เลย จริงๆ ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ แค่หัวแตก และอ่อนเพลียเท่านั้น ผมมองต่อไป และสะดุดสายตากับสายตาคู่หนึ่ง ที่กำลังมองมาที่ผม เป็นแววตาที่แสนเศร้าเหลือเกิน

          ผมขยับตัวทำท่าจะลุกขึ้น เลยทำให้คนที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ เตียงนั้นตื่นขึ้นมา 

          " มิน ตื่นแล้วเหรอ " พี่พริ้นที่งัวเงียลุกขึ้นพร้อมเดินไปเปิดไฟให้ห้องสว่างขึ้น

          " ผมนอนไปนานหรือยังครับ "

          " เกือบวันนึงได้ แต่พักผ่อนเยอะๆ เถอะ ไม่ต้องรีบลุกขึ้นมา " พี่พริ้นกดไหล่ของผมให้นอนลงไปกับเตียงอีกครั้ง 

          " หิวหรือเปล่า พี่จะหาอะไรมาให้นะ " 

          " ไม่ต้องหรอกครับ ผมยังไม่หิวครับ " พี่พริ้นส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม ขณะที่อีกคน ยังคงมองไปที่ประตู ไม่มองมาทางนี้เลย

          " พวกพี่ไม่ต้องอยู่เฝ้าผมหรอกครับ เดี๋ยวผมเรียกพี่ชายของผมมา " ผมไม่อยากรบกวนเวลาของทั้งสองคนหรอกครับ ทั้งสองคนมีงานเยอะแยะเต็มไปหมด และผมก็อยากพบฮยองกับไอ้เกลียวด้วย

          ผมรู้ว่าฮยองกับไอ้เกลียวคงอยู่แถวๆ นี้ ยิ่งฮยองด้วยแล้วชอบทำตัวลึกลับเสมอ พูดถึงไอ้เกลียว ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าตอนนี้มันไปนอนอยู่กับรากมะม่วงแล้วหรือยัง ฮยองจะลงโทษมันหนักไหมนะ ครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ผมเป็นห่วงมันจริงๆ

          " มินมีพี่ชายด้วยเหรอ " พี่พริ้นเลิกคิ้วถามผมอย่างสงสัย 

          " เอ่อ มีครับ คนนึง แต่ไม่ใช่พี่แท้ๆ หรอกครับ " ผมตอบและส่งยิ้มให้พี่พริ้น และพยายามมองหน้าคนใจร้ายที่หนีไปนั่งห่างจากผม

          " งั้นพี่รออยู่เจอพี่ชายมินดีกว่า รู้จักกันไว้น่าจะดีนะ แล้วพี่ก็เป็นห่วงมินด้วย อย่าไล่พี่นักสิ " คำพูดของพี่พริ้นทำเอาผมใจสั่น ถ้าพี่พริ้นเห็นฮยอง พี่พริ้นจะจำฮยองได้ไหมนะ

          Trrr Trrr

          " พี่ขอเวลาแปบนะ " พี่พริ้นหันมาพูดกับผม

          " ครับ เชิญตามสบาย " ผมพูดพลางส่งยิ้มให้พี่พริ้น ที่รีบเดินไปที่หน้าต่างและรับโทรศัพท์ด้วยความรีบร้อน

          " ว่าไงนะ " พี่พริ้นพูดใส่โทรศัพท์ด้วยเสียงที่ตึงเครียดสุดๆ

          " มิน พี่ขอโทษจริงๆ นะ พอดีคุณพ่อของพี่เรียกด่วนน่ะ แล้วพี่จะรีบกลับมา " พี่พริ้นหันมาขอโทษผม และรีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

          ผมสังเกตุเห็นพี่ไอมองตามพี่พริ้นด้วยสีหน้าตึงเครียดเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เดินตามพี่พริ้นออกไป ผมยิ้มด้วยความโล่งใจ ผมอยากคุยกับพี่ไอจัง

          ผมพยายามลุกออกจากเตียงอีกครั้ง ด้วยความยากลำบาก เพราะสายน้ำเกลือนี่เกะกะชะมัด เจ้าคนใจร้ายนั่นก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนมาช่วยหรือเข้ามาใกล้ผมเลย แต่กลับนั่งก้มหน้ามองพื้นซะอย่างนั้น ผมไม่สนใจ และดึงเข็มนั่นออกจนเลือดไหลออกมา และเดินดิ่งเข้าไปดึงคอเสื้อคนตรงหน้าด้วยความโมโหและน้อยใจ

          แต่แล้วผมกลับต้องปล่อยมือของผมออกจากเสื้อของพี่ไอ เพราะตอนนี้พี่ไอกำลังฟุบหน้าลงกับฝ่ามือ ตัวสั่นเหมือนคนกำลังร้องไห้ ผมหัวใจสั่นไหวกับภาพตรงหน้า ผู้ชายที่ดูเข้มแข็งอยู่เสมอ บัดนี้กลับดูอ่อนแอราวกับใกล้แตกสลาย พี่เป็นอะไรกันครับ

          " เป็นเ..พราะพี่.. " พี่ไอพูดกับฝ่ามือตัวเอง พึมพำอะไรสักอย่างที่ผมก็ฟังไม่ถนัด

          " พี่..ทำให้..เธอต้..องต..าย " ผมค่อยๆ คุกเข่าลงช้าๆ และกอดพี่ไอเอาไว้ ลูบเบาๆ ที่ผมของพี่ไออย่างปลอบประโลม พี่พูดถึงอะไรกัน

          " พี่นึกว่ามินจะจากพี่ไปอีก " พี่ไอกระซิบอย่างแผ่วเบา

          " พี่ไม่อยากสูญเสียอีกแล้ว " ผมจับหน้าคนที่ดูเสียขวัญให้เงยหน้าขึ้นมาและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

          " ผมไม่เป็นอะไร มองผมสิ " ผมลุกขึ้นและหมุนตัวไปมาให้พี่ไอดู ว่าผมน่ะไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แค่นี้สบายมาก แต่พี่ไอก็ยังไม่สนใจผม กลับไปฟุบหน้าลงกับฝ่ามืออีกแล้ว 

          " นี่ " ผมนั่งลงเขย่าขากางเกงคนตรงหน้าไปมาแบบเด็กอ้อนขอขนม

          " ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงผม ผมไม่เป็นไรจริงๆ แทบไม่มีรอยอะไรเลย ที่หัวแตกก็เพราะรถชนกับต้นไม้น้า พวกนั้นไม่ได้ทำอะไรผมสักหน่อย " ผมหน้าบู้ด้วยความงอน เอาไงดีน้า

          " ถ้าเป็นห่วงผมจริงๆ ละก็...ปลอบผมหน่อยสิ " ผมพูดช้าๆ และสังเกตุเห็นคิ้วข้างนึงของพี่ไอกระตุก มุกยั่วยวนน่าจะได้ผลแฮะ หึ่ยย ไอคนหื่นเอ๋ย

          ผมค่อยๆ ดึงเชือกที่ผูกเสื้อคนไข้ตัวบางของผมออก ที่ละขั้น ทีละขั้นอย่างช้าๆ จนเชือกทั้งหมดที่ยึดเสื้อตัวนี้ให้ปกปิดร่างกายส่วนบนของผมเอาไว้ หลุดออกจากกัน เผยให้เห็นอะไรต่ออะไรวับๆ แวมๆ วิวกำลังดี

          พี่ไอที่ตอนแรกไม่ยอมสนใจผม ตอนนี้กลับค่อยๆ กางนิ้วที่ปิดหน้าอยู่ออกทีละน้อย หนอยย คิดว่าไม่เห็นหร๊า

          " สนใจผมบ้างหรือยังครับ " ผมยิ้มให้กับคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความเย้ายวนใจ หึหึ พี่ไอตอนนี้เงยหน้าขึ้นมานั่งตรงๆ แบบสบายๆ แล้ว เป็นไงล่ะ ชอบละซิ๊

          แต่อยู่ดีๆ แขนข้างหนึ่งของพี่ไอ ก็ดึงตัวผมที่เสื้อตัวบางจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่เข้าหาตัว แขนทั้งสองข้างโอบกอดผมและลากตัวผมเข้าไปชิดกับหน้าอกแกร่งนั่น อ้ากก ท่าตอนนี้มันส่อขั้นสุดจริงๆ

          ผมที่ทำตัวไม่ถูกพยายามใช้แขนดันอกพี่ไอไว้ด้วยแรงทั้งหมด แต่ก็ไม่เป็นผล จะแข็งแรงอะไรขนาดนี้ งืออ ผมก้มหน้างุดกับอกของพี่ไอ ไม่กล้าเงยหน้าสบตาพี่ไอ ที่ตอนนี้กำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ หูของผม

          " เตรียมใจแล้วใช่ไหมถึงทำแบบนี้ " พี่ไอกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของผม ทำเอาผมขนลุกซู่ และยิ่งก้มหน้าต่ำกว่าเดิม

          " ครั้งนี้จะไม่หยุดเหมือนครั้งก่อนๆ หรอกนะ " ผมที่ได้ฟังแบบนั้น เริ่มรู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองเหลือเกิน ผมได้ปลุกปิศาจจอมหื่นขึ้นมาแล้วสินะ ไม่อ๊าวว หนูขอโต๊ดด

          พี่ไอเริ่มลูบไล้ไปตามหลังของผม จมูกที่ซุกซนนั่นก็เริ่มหอมเส้นผม ไล่ลงไปที่หูอย่างช้าๆ และคลอเครียอยู่ที่ลำคอ จูบเน้นๆ ที่ลำคอสีขาวที่เริ่มกลายเป็นสีชมพู มือที่ลูบไล้ไปตามเสื้อด้านหลัง ตอนนี้กลับลูบลงไปเรื่อยๆ ไปยังสะโพกกลมมนที่นั่งทับอยู่บนหน้าขาของตัวเอง

          ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่มือนั้นสัมผัสลูบไล้แผ่วเบาผ่านกางเกงตัวบาง ห้ามสิ พูดสิ ผมกลืนน้ำลายลงคอพร้อมคำพวกนั้น ความจริงแล้ว ผมอาจจะต้องการให้คนคนนี้ สัมผัสผมให้มากกว่านี้ก็ได้

          ผมตัวสั่นน้อยๆ เมื่อมือนั้นค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่บนเสื้อสีฟ้าบางๆ นี่ แต่เป็นสัมผัสแผ่วเบาบนผิวเนื้อเนียนละเอียด ถึงมือนั้นจะลูบไล้ไปบนแผ่นหลังของผมอย่างแผ่วเบา แต่ริมฝีปากของผู้ชายตรงหน้ากลับเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขบเม้มหูสีชมพูเล็กๆ นี่ด้วยความเสน่ห์หา ลากลิ้นอย่างแผ่วเบาไปตามลำคอเรียวระหงส์

          ผมหลับตากำเสื้อของผู้ชายตรงหน้าไว้แน่น เริ่มรู้สึกถึงความรุนแรง และความเจ็บเล็กๆ ที่คอ

          " ย..อย่านะ มันจะเป็นรอย " แต่ผมก็ต้องเริ่มเสียใจที่พูดแบบนั้น เพราะเหมือนกับว่า ผมยิ่งไปกระตุ้นให้คนตรงหน้าอยากทิ้งรอยไว้ยิ่งขึ้นไปอีก

          ปกติเวลาเราสองคนเวลาทำแบบนี้ พี่ไอมักทำทีเล่นทีจริงและพูดแหย่ผมเล่นเสมอ แต่คราวนี้กลับมีแต่ความเงียบ และโต้ตอบกลับมาด้วยการกระทำที่รุนแรงขึ้น ผมเริ่มเกร็งตัว เพราะรสสัมผัสที่หนักขึ้น และหวาบหวามจนผมเริ่มหอบหายใจ 

          " แลบลิ้นออกมาสิ " พี่ไอที่อยู่ดีๆ ก็หยุดทำรอยสีแดงที่คอของผม เปลี่ยนมากัดหูผมเบาๆ พร้อมกระซิบบอก ผมทำตามอย่างว่าง่าย เพราะไม่รู้ว่าพี่ไอให้ทำไปทำไม ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หลับตา และอ้าปากเล็กๆ ของผม พร้อมส่งลิ้นเล็กๆ นั้นออกมา พี่ไอโต้กลับด้วยลิ้นร้อนที่ส่งมาประกบด้วยความร้อนแรง และรวดเร็ว จนผมเผลอกำเสื้อคนตรงหน้าแรงจนยับยู่ยี่ แรงดึงดูดรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ผมเหมือนกับถูกสูบพลังชีวิตออกไปแบบรวดเดียว

          คนตรงหน้ายังคงดูดกลืนพลังงานของผมอย่างคนหื่นกระหาย พอถึงจุดหนึ่งก็จะปล่อยริมฝีปากของผมให้เป็นอิสระชั่วครู่ เมื่อผมอ้าปากเพื่อหายใจเข้า ริมฝีปากร้อนนั้นก็จะกลับมาช่วงชิงลมหายใจไปอีกครั้ง จนตัวผมเริ่มเอนเอียงไปตามแรงของคนตรงหน้า เลื่อนตัวต่ำลงเรื่อยๆ จนแผ่นหลังของผมสัมผัสกับโซฟาที่เย็นเฉียบ แต่ริมฝีปากของพวกเราก็ยังคงไม่แยกจากกัน ราวกับจะกลืนกินเป็นเนื้อเดียว

          ผมที่ตอนนี้เริ่มรับรู้ว่า ผมกำลังอยู่ในท่าที่อันตรายที่สุด แต่กลับไม่มีแรงต่อต้านใดๆ ทำได้เพียงแค่หอบหายใจเป็นช่วงๆ เท่านั้น คนตรงหน้าค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวผมมากขึ้นเรื่อยๆ และใช้มือค่อยๆ ลูบไล้ไปตามเอวของผม เลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างแผ่วเบา จนมือนั้นสัมผัสกับยอดอกเล็กๆ ที่กำลังเป็นไตแข็งขึ้นด้วยความเสียวซ่าน ผมแอ่นตัวรับสัมผัสที่หวาบหวามนั่น พร้อมกลั้นเสียงเอาไว้อย่างสุดกำลัง พี่ไอที่รู้สึกได้ถึงจุดอ่อนของผม จึงถอนริมฝีปากออก และค่อยๆ จูบลงที่ปาก คาง คอ เคลื่อนต่ำลงมาอย่างช้าๆ พร้อมใช้มือค่อยๆ ถอดเสื้อของผมออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นยอดอกเล็กๆ สีชมพูที่ตั้งชัน ผิวที่ขาวเนียนสีชมพูและไรขนอ่อนๆ สีทอง

          พี่ไอจูบเบาๆ ที่ยอดอกนั่นอย่างหลงไหล ผมสะดุ้งตัวน้อยๆ พลางใช้มือตัวเองปิดปากกลั้นเสียงเอาไว้ มืออีกข้างพยายามดันคนข้างบนให้หยุดเล่นกับจุดอ่อนไหวนั่นอย่างไร้กำลัง พี่ไอยังคงจูบเบาๆ และใช้จมูกโด่งนั้น ลากแผ่วเบาไปทั่วเหมือนจะแกล้งกัน ผมบิดตัวไปมาภายใต้ร่างกายที่แข็งแรงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้น เพราะตอนนี้รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเปียกชื้น จากลิ้นร้อนที่ลากไล้ไปทั่วบริเวณ ยกเว้นยกอกสีชมพูนั่น

          ' แอ๊ดดด '

          เสียงประตูที่เปิดออก ทำให้การกระทำทุกๆ อย่างที่กำลังดำเนินมาหยุดชะงัก

          ผมแหงนหน้าขึ้นมองหน้าโง่ๆ ของคนที่โผล่มาในจังหวะที่เชี่ยที่สุดในโลก ไอ้เกลียวที่ตอนนี้อ้าปากค้าง พะงาบๆ พร้อมปล่อยถุงปาท่องโก๋ในมือล่วงกระจาย 

          " เอ่อ ขอโทษครับ เชิญกดจุดกันตามสบาย " 

          ' ปัง!! '

          เสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรง และเสียงฝีเท้าที่ทำให้รู้ว่ามันโกยอ้าวสุดชีวิต


จบกันชีวิตกู อ้ากกก กูต้องฆ่าปิดปากมึงให้ด้ายยยยย
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 30 เสียงพึมพำที่มีความหมาย ](27/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 27-09-2017 12:37:37
มินแจกอ้อยพี่ไอตลอด พี่ไอยิ่งหื่นๆอยู่ด้วย 5555
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 30 เสียงพึมพำที่มีความหมาย ](27/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-09-2017 23:42:53
สงสารเกลียวอ่ะ ไม่รู้จะโดนทำโทษอะไรอีก  o7
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 30 เสียงพึมพำที่มีความหมาย ](27/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 28-09-2017 11:17:09
          FC ที่ 31 การพบกันของสองหนุ่ม


          ผมยังคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากคืนนั้นที่ เอ่อ แบบว่า อ้ากกก ไอ้เพื่อนสารเลว มึงนี่มันมารผจญแท้ๆ ผมที่คิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้หน้าก็เลยแดงเป็นมะเขือเทศเลยทีเดียว ตายล่ะ ผมปล่อยตัวมากเกินไปสินะ ไม่ได้ๆ ถ้าเรายังไม่ได้ตกลงปลงใจให้ชัดเจน หรือแต่งงานกัน ถุยย บอกรักพอ ขอแค่พี่บอกว่ารักผม ไม่ว่าสวรรค์ชั้นเจ็ด หรือขุมนรกรัญจวนใจขุมไหน ขอแค่เพียงมีพี่ไออยู่ ผมก็ยินดีที่จะไป แฮร่

          หลังจากไอ้เพื่อนเลวของผมโกยอ้าวหนีไปเมื่อคืน มันก็ไม่โผล่หน้าโง่ๆ ของมันมาอีก พี่ไอที่โดนผมดีดกระเด็นตกโซฟาเมื่อคืน กำลังนั่งทำหน้างออยู่ที่โซฟาตัวเดิมอย่างหัวเสีย ฮืออ ก็ผมตกใจนี่ครับ นี่ยังดีนะที่เป็นไอ้เกลียว ผมไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นฮยอง ผมจะทำหน้ายังไง

          ผมนึกถึงฮยอง นึกถึงคนสนิทที่ผมเคารพรักเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของผม ผมเคารพการตัดสินใจของฮยองทุกอย่าง ผมเคยสัญญากับฮยองไว้ ว่าถ้าหากสิ่งไหน ที่ฮยองเห็นว่าต้องทำ ผมจะต้องไม่ลังเลที่จะทำมัน ฮยองบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เพื่อตัวผม และผมก็เชื่อใจฮยองมากที่สุดในชีวิต

          ไม่นานหลังจากเช้าตรู่ พี่พริ้นก็กลับมา และพี่ไอก็ขอตัวกลับไปอาบน้ำก่อน ถึงผมจะเกรงใจพี่ไอมากๆ แต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ไอกลับไปเลยง่ะ 

          " หน้าแดงขนาดนี้ไข้ขึ้นหรือเปล่าน้า " พี่พริ้นพูดอย่างร่าเริงพลางเอามือแนบหน้าผากผม

          ผมมองพี่พริ้นและส่งยิ้มให้เหมือนทุกที พี่เป็นพี่ชายที่น่ารักจังเลยนะ ถ้าหากเรื่องในคลับคืนนั้นไม่ได้เกิดขึ้น ผมคิด ว่าผมนั้นจะยังรักพี่แบบเดิมอยู่หรือเปล่า ถึงผมจะพบพี่ไอ ผมจะรักใครมากกว่ากันนะ ผมมองแววตาของพี่พริ้นที่ไม่เหมือนเมื่อก่อน พี่ดูจริงใจมากกว่าครั้งไหนๆ เวลาที่จ้องมองผมแบบนี้

          " มองพี่ขนาดนี้พี่เขินนะเนี่ย " พี่พริ้นส่งยิ้มหวานมาให้ พร้อม ดึงแก้มผมทั้งสองข้าง

          " โอ้ย โถ่ เจ็บนะครับ " ผมจับมือพี่พริ้นและดึงมือนั้นออกจากแก้มของผม มือหนักเหมือนกันแฮะ

          " พี่ขอโทษ " ผมมองหน้าพี่พริ้นที่ตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มใดๆ อยู่บนใบหน้าของพี่เลยอย่างสงสัย

          " ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก " ผมส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้ 

          " พี่ขอโทษจริงๆ นะ ทุกๆ อย่าง " พี่พริ้นกำมือผมแน่น ผมนิ่วหน้าขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ สงสัยและไม่เข้าใจ

          แต่ผมก็ต้องตกใจสุดๆ เมื่อข้างหลังพี่พริ้น มีคนคนนึงยืนอยู่ ทำหน้าแบบนิ่งสนิทจนผมใจสั่นด้วยความกลัวเลยทีเดียว คนคนนั้นขยับแว่นด้วยท่าทีเฉยชา มองคนที่ยังไม่รู้ตัวด้วยแววตาและรังสีฆ่าฟันแบบปิดไม่มิด

          " เอ่อ คือว่าพี่พริ้นครับ " ผมเรียกพี่พริ้นด้วยใจเต้นระทึก เหมือนอกกำลังจะระเบิดออกมายังไงยังงั้น พี่พริ้นจะจำฮยองได้ไหมนะ เพราะฮยองไม่ได้เปลี่ยนจากเดิมเท่าไหร่ จากตอนนั้นฮยองที่อายุ 16 ปี กับตอนนี้ 24 ปี ยังคงทำหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก และใส่แว่นกรอบดำแบบนี้ตลอดมาไม่มีเปลี่ยนแปลง

          " นี่คือ เอ่อ พี่แจอิน พี่ชายที่ผมบอกครับ "

          พี่พริ้นลุกขึ้นและหันหน้าไปหาฮยองอย่างช้าๆ ด้วยรอยยิ้มเหมือนเคย ผมมองคนทั้งสองสลับไปมา เพราะตอนนี้ทั้งสองจ้องกันแต่ไม่พูดอะไรออกมาสักที พี่พริ้นทำหน้าแปลกใจอยู่ชั่วครู่ แต่ก็กลับมายิ้มแย้มเช่นเดิม พร้อมยื่นมือไปทักทายอย่างเป็นมิตร แต่ฮยองกลับทำหน้าเฉยชาเหมือนเดิม และไม่ยอมยื่นมือออกมา 

          " เอ่อ พี่แจอินเขาค่อนข้างจะฟังไทยไม่ค่อยถนัดน่ะครับ ฮ่ะๆ " ผมพยายามกลบเกลื่อนท่าทางชวนหาเรื่องของฮยองด้วยเสียงที่สั่นเทา ทำไมกันนะ ฮยองถึงแม้จะน่ากลัว แต่จริงๆ เป็นคนมีเหตุผล และมีมารยาทมากๆ แต่ตอนนี้กลับทำตัวไร้มารยาทกับแขกซะงั้น และที่น่าแปลกใจที่สุดคือ พี่พริ้น จำฮยองไม่ได้อย่างงั้นเหรอ

          " คนต่างชาติงั้นสินะ ไม่เป็นไร ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมพริ้น เป็นรุ่นพี่ที่มหา'ลัยของมินครับ " 

          " ขออภัยที่เสียมารยาทแต่ตอนนี้ ผมขออยู่กับ...น้องชายตามลำพังได้ไหมครับ " ฮยองยังคงทำหน้าตาน่ากลัวและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น 

          " แหม พูดไทยเก่งกว่าคนไทยอีกนะเนี่ย ฮ่ะๆ เชิญตามสบายครับ " พี่พริ้นที่ทำหน้าเคร่งเครียดพักหนึ่ง แต่ก็กลับมายิ้มละมุนอีกครั้ง แบบไม่ใส่ใจคำพูดของฮยอง

          " มิน พักผ่อนเยอะๆ นะ มีอะไรโทรหาพี่ได้เลย " พี่พริ้นพูดกับผม และส่งยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนหมุนตัวเดินจากไป

          " ฮยอง ทำไมละครับ ทำไมถึงทำท่าทางแบบนั้นใส่พี่พริ้น " ผมทุบฮยองที่เดินเข้ามาใกล้ๆ เตียงอย่างเด็กงอแง ไม่รู้แหละผมเคืองมาก

          " คุณหนูชอบผู้ชายคนนี้เหรอครับ เขาเป็นคนที่คุณหนูตามหาจริงๆ น่ะเหรอ " ฮยองพูดพลางทำคิ้วขมวดมุ่นและทำหน้าไม่พอใจ

          ผมยิ้มกับคำถามนั้นของฮยอง ผมรักพี่พริ้นครับ พี่พริ้นคือคนสำคัญของผม และผมก็รักพี่ไอด้วยเช่นกัน เพราะพี่ไอก็คือหัวใจของผม ถ้าหากว่าสักวัน ผมจะต้องเลือกคนใดคนหนึ่งจากสองคนนี้แล้วละก็ มันคงเป็นตัวเลือกที่ยากเกินไปสำหรับผม


          ฮยองอยู่กับผมไม่นานก็ขอตัวกลับไป ฮยองนั้นแค่เอาของใช้จำเป็นมาให้ และบอกว่าอีกสองสามวันผมก็จะได้ออกไปแล้ว จริงๆ ผมอยากออกไปซะตอนนี้เลย เพราะผมน่ะสบายดีครับ แต่ฮยองบอกว่าคุณพ่อสั่งห้ามผมออกไปไหนตอนนี้ หึ่ยย ขนาดอยู่ไกลยังจะมาสั่ง ชิ

          เสียงประตูเปิดออกอีกครั้ง ผมกระเด้งลุกขึ้นมาอย่างไวว่อง เพราะคิดว่าคงจะเป็นสุดที่รักของผม อ้ากก คิดถึงนะเนี่ย ไปอาบน้ำที่เทือกเขาหิมาลัยหรือไง นานเกินไปแล้ว ชิ ผมรีบวิ่งไปที่ประตูอย่างร้อนรน แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะคนที่โผล่มา กำลังทำหน้ายิ้มกริ่มแบบกวนเบื้องล่างสุดๆ กูอยากเอาเล็บถลกหนังหน้ามึงออกมาจัง

          ไอ้เพื่อนเลวจอมขัดจังหวะของผม กำลังยิ้มพร้อมยักคิ้วหนึ่งจึ้กให้ผมแบบมีเลศนัย 

          " ผิดหวังอ่าดิ๊ อิอิ " ผมตอบคำถามมันด้วยการถีบไอ้หอกนี่ออกไปนอนกลิ้งหน้าระเบียงกับถุงน้ำเต้าหู้ของมัน

          " โอ้ยยย แหม พอเห็นไม่ใช่ผัวก็ถีบส่งเลยนะ " มันพูดขณะที่กำลังนอนตะแคงข้างไขว้ห้างอย่างสบายใจพลางดูดน้ำเต้าหู้ไปด้วย 

          " เหอะ บุญของเราคงดูดได้แต่น้ำเต้าหู้ ไม่เหมือนหวานใจใครบางคน ได้ดูดนมสตอเบอรี่หวานฉ่ำ " มันถอนใจพลางส่ายหน้าไปมาอย่างกวนบาทา

          ผมยืนเท้าสะเอวอย่างมีน้ำโห จะเอาไงกับมันดี จับยัดห้องดับจิตไปเลยดีไหม

          " ฮยองคร๊าบ หวัดดีคร๊าบ " ผมที่ทำท่าไหว้ฮยองแบบหลอกๆ เพื่อหลอกฟายแถวนี้ และก็ได้ผล ไอ้เกลียวตอนนี้ปากสั่น น้ำเต้าหู้ย้อยจากปากอย่างน่าสมเพช มันตั้งหลักล้อฟรีใส่เกียร์หมาวิ่งแทบไม่เห็นฝุ่นจากไป พร้อมน้ำเต้าหู้ที่ไหลเป็นทาง

          ผมส่ายหน้ากับภาพน่าสมเพชของบอดี้การ์ดผู้ทำงานผิดพลาด และทำให้คุณหนูเสี่ยงชีวิต ตอนนี้มันคงหนีฮยองหัวซุกหัวซุน แต่ก็ไม่วายเป็นห่วงผม ถึงได้แว๊บมาหาบ่อยๆ จริงๆ มึงไม่ต้องมาก็ได้ ไอ้ตัวขัดลาภ หึ่ยย ผมชูนิ้วกลางบอกลามัน และคิดว่าคงจะเจอกันอีกทีหน้าหลุมศพ

          มันแปลกมากที่ฮยองจะไม่ทำอะไรมัน พวกเรามีกฎเหล็กที่ทำให้ตระกูลเข้มแข็ง พวกเราจึงเคร่งครัดและมีระเบียบ ขนาดว่าทุกๆ คนยอมตายเพื่อตระกูลเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น การที่ไอ้เกลียวยังวิ่งดูดน้ำเต้าหู้อยู่ได้ คงเป็นเพราะฮยองกำลังทำงานบางอย่างอยู่ งานที่สำคัญกว่าการสั่งสอนเห็บตัวเล็กๆ แบบมัน

          ผมตัวสั่นอย่างไร้เหตุผล ความมั่งคั่งและทรงอิทธิพลของคุณพ่อ ทำให้พวกเราสามารถฆ่าคนเป็นผักปลาอย่างง่ายดาย ผมไม่อยากเห็นฮยองที่ใบหน้าเปื้อนเลือดอีกแล้ว ผมที่รอดมาได้ เลยไม่อยากหวนคิดถึงค่ำคืนนั้นอีก ผมกำลังพยายามลืมความน่ากลัว ความหวาดหวั่น ให้หายออกไปจากใจ

          พี่ไอครับ เมื่อไหร่พี่จะกลับมา ผมอยากกอดพี่จัง ผมยิ้มและมองออกไปบนท้องฟ้า คิดถึงเสียงนุ่มทุ้มหูที่กระซิบถ้อยคำหวานอย่างร้อนแรง คิดถึงใบหน้าคมเข้ม คิ้วที่ขมวดน้อยๆ เหมือนไม่พอใจตลอดเวลา แต่ใครจะรู้ละว่าภายใต้ใบหน้าที่ดูบึ้งตึงนั้น


รอยยิ้มของพี่ มันช่างสว่างไสวและอ่อนโยนกว่าใครๆ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 31 การพบกันของสองหนุ่ม ](28/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 28-09-2017 12:03:08
แอบเชียร์ให้เกลียวคู่ฮยอง 555555555
มินคงฝั่งใจกับเด็กในอดีตมากเลยสินะ คงคิดว่าเป็นพี่พริ้นเต็มที่ถึงขนาดเขาสันดานเสียขนาดนั้นยังรักเขาอยู่ได้ น้อยใจแทนพี่ไอแล้วนะ หึ อยากให้รู้ความจริงเร็วๆ ว่ามันไม่ใช่พี่พริ้นนนน
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 31 การพบกันของสองหนุ่ม ](28/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-09-2017 16:53:57
แอบเชียร์ให้เกลียวคู่ฮยอง 555555555
มินคงฝั่งใจกับเด็กในอดีตมากเลยสินะ คงคิดว่าเป็นพี่พริ้นเต็มที่ถึงขนาดเขาสันดานเสียขนาดนั้นยังรักเขาอยู่ได้ น้อยใจแทนพี่ไอแล้วนะ หึ อยากให้รู้ความจริงเร็วๆ ว่ามันไม่ใช่พี่พริ้นนนน
คนแก่ร่วมหนับหนุนด้วยคน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 31 การพบกันของสองหนุ่ม ](28/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 29-09-2017 10:39:37
          FC ที่ 32 ถ้อยคำที่แสนสำคัญ


          ไอ


          " พี่สัญญา "

          " พี่จะพานายไป "

          ผมสะดุ้งตื่นขึ้นในความมืด นี่ผมเผลอหลับไปงั้นเหรอ มินคงรอผมแย่แล้วมั้งป่านนี้ แต่ ถ้าหากว่ามิน ไม่ได้รอผมล่ะ ผมสั่นหัวเบาๆ ไล่ความคิดแย่ๆ นั้นออกไป ผมคิดว่ามินน่ะรักผม ต้องใช่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นมินคงไม่ปล่อยให้ผมกอดมินไว้แบบนั้น

          แต่คืนนั้น วันที่พริ้นช่วยมินออกมา ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมไม่ควรอยู่ตรงนั้น ผมคือผู้แพ้ที่แท้จริง ความจริงแล้ว วันนั้นผมวิ่งไปถึงที่ประตูนั่นก่อนพริ้นด้วยซ้ำ แต่ว่าความคิดหนึ่ง ก็ผุดขึ้น เป็นความคิดที่เสมือนฝันร้ายของผมเสมอมา ผมไม่สามารถลืมมันได้ ผมได้แต่คิดโทษตัวเองมาตลอด 8 ปีมานี้

          ผมได้ช่วยคนคนหนึ่งไว้ และผมก็ได้ฆ่าเธอด้วยคำว่า ' รอ ' หลังจากที่ผมพบเธอ พวกเราได้ใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกัน เธอเป็นรักแรกของผม ผมบอกตัวเองเสมอ ว่าผมจะไม่รักใครอีก นอกจากเธอ จนเมื่อผมเจอมิน ผมสับสนในหัวใจ ผมไม่ควรยื่นมือเข้าไป ผมไม่ควรรักมิน เพียงแค่เพราะว่า มินนั้นคล้ายเหลือเกิน จนผมนั้นอดไม่ไหวที่จะได้อยู่ใกล้ๆ มิน แม้เพียงแค่เสี้ยววินาที แค่นั้นมันก็มีค่ามากมายสำหรับผม

          ผมมองมิน ผมรักมิน และผมก็เกลียดตัวเองในเวลาเดียวกัน แล้วจีมินล่ะ นายเป็นคนฆ่าเธอ ผมคิดแบบนั้นเสมอในหัวใจ เป็นความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดที่ยากที่จะลืม ผมไปที่นั่นเสมอ ที่แห่งความทรงจำของเรา วางช่อดอกไม้เพื่อระลึกถึงความทรงจำดีๆ ที่เราเคยมีร่วมกัน ผมอยากบอกเธอเหลือเกินว่า ผมไม่เคยลืม และจะไม่มีวันลืมเธออย่างแน่นอน เพราะเธอคือ คนแห่งความทรงจำที่ล้ำค่ายิ่งของผม

          ผมที่ต้องจากกับคุณแม่ที่ญี่ปุ่น ถูกส่งมาอยู่ที่โซล เกาหลีใต้ เพราะว่าบ้านคุณพ่อที่ประเทศไทยยังคงมีปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงที่ไม่ยอมให้ผมอยู่ในบ้าน ผมจึงต้องอยู่บ้านพักตากอากาศที่เกาหลีกับแม่บ้านชาวเกาหลีอีกหนึ่งคน ทำให้ผมนั้นสามารถพูดภาษาเกาหลีได้ดี เพราะผมถนัดเรื่องแบบนี้ ผมคิดว่าภาษาและดนตรีเป็นสิ่งที่ปราณีตและงดงาม

          ในวันสุดท้ายของเดือน ที่ผมกำลังจะไปพบจีมินที่ซากตึกแห่งนั้น อยู่ดีๆ ก็มีชายชุดดำหลายคนลุมล้อมผม และจับตัวผมเอาไว้ ผมทั้งร้องตะโกน เตะและต่อยคนรอบๆ จนหมดแรง เด็กชายวัย 12 ปีที่ร้องไห้ทุรนทุรายเพียงเพราะต้องการไปที่แห่งนั้น ผมต้องบอกเธอ ผมต้องลาเธอก่อน ผมดิ้นจากการจับกุมของคนชุดดำของคุณพ่อ เธออยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ ผมมองเห็นเธอ เดินเข้าไปที่ซากตึกนั้นจากไกลๆ แต่สิ่งที่ผมทำได้ก็คือ ร้องไห้และเอื้อมมือออกไปไขว้คว้าเธอในอากาศอย่างสิ้นหวัง ผมตะโกนเรียกเธอ ไม่ว่ากี่ครั้ง เธอก็ไม่ได้ยินผมอีกแล้ว

          หลังจากที่คุณพ่อพาตัวผมมาที่ประเทศไทย เป็นคฤหาสน์ใหญ่โตที่ดูเงียบเหงา คุณพ่อที่ไม่พูดกับผม แม่เลี้ยงที่มองผมเหมือนเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ไม่ควรมีชีวิตบนโลก และพี่ชายที่มีใบหน้าคล้ายกับผม แต่กลับดูเย่อหยิ่งยิ่งกว่าใคร ผมเก็บตัวอยู่ในห้องเล็กๆ ของผม ไม่พูดไม่คุยกับใคร ผมไม่มีใครเลย แต่ผมก็จะอยู่ อยู่เพื่อเธอ เพราะเราสัญญากันแล้ว ผมยิ้มน้อยๆ ในความมืดของมุมห้อง กอดตัวเองและนอนหลับไป

          และแล้วฝันร้ายที่สุดในชีวิตของผมก็มาถึง ผมที่ใช้เวลาหลายปีในการสืบหาเธอจากข่าวลือต่างๆ จนในที่สุดผมก็ได้ยิน ข่าวที่ลับที่สุด จากคนภายในตระกูลคิม ซึ่งข่าวนั้น เป็นข่าวสั้นๆ แต่เพียงว่า คุณหนูจีมินนั้นได้ตายลงไปแล้ว ด้วยการฆ่าตัวตาย ผมที่ได้ยินข่าวนั้นครั้งแรกตอนอายุ 15 ปี เข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น ร้องไห้ราวกับหัวใจแหลกสลาย

          ผมคิดภาพเธอที่รอคอยผมอยู่ที่เปียโนหลังนั้นด้วยความเศร้าเสียใจ ใบหน้าที่งดงามของเธอที่กำลังดีดเปียโนหลังนั้นพร้อมหยาดน้ำตา ผมฆ่าเธอ ผมเป็นคนฆ่าเธอ ผมฆ่าคนที่ผมรักที่สุดไปแล้ว เธอที่อยากจะจากโลกนี้ไปอยู่แล้ว มีเพียงแค่ผม เป็นที่ยึดเหนี่ยวสิ่งสุดท้ายของเธอ และผมก็จากเธอไป ทิ้งให้เธอ อยู่เพื่อรอผมแต่เพียงลำพัง

          " แกคิดว่าฉันจะโง่ปล่อยแกไปเหรอ แกจะหนีฉันไปหาแม่ของแกใช่ไหม " ผมโดนคุณพ่อตบหน้า เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ผมพยายามทุกอย่างเพื่อกลับไปที่นั่น กลับไปที่แห่งความทรงจำของเราสองคน และไปหาคุณแม่ ซึ่งคงเป็นสิ่งที่ยากที่สุด เพราะคุณพ่อสั่งคนให้คุ้มกันบ้านที่คุณแม่อยู่ไว้อย่างแน่นหนา

          ผมนอนเหมือนผีตายซาก อยู่ในห้องเล็กๆ ของผม ไม่กินไม่นอน ผมที่ไม่รู้ความหมายของการมีชีวิตอยู่ แต่ก็ยังตายไม่ได้ ผมจะรอให้คุณแม่ไปก่อน แล้วผม จะตามคนที่ผมรักทั้งสองคนไป

          " ฉันจะพานายไป " ผมลืมตาขึ้นช้าๆ มองใบหน้าของคนที่มอบความหวังในการมีชีวิตให้แก่ผม 

          " แต่นายต้องทำตามที่ฉันสั่งนะ เข้าใจไหม " ผมมองหน้าพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายที่นิสัยประหลาดของผม



          ผมคิดไปเองหรือเปล่านะ ช่วงนี้ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับมีคนกำลังตามผมอยู่ยังไงยังงั้น ผมเร่งรถเต็มสปีดเพื่อสลัดความรู้สึกนั้น ผมค่อนข้างตีนผีอยู่แล้ว ยากหน่อยนะพวกแฟนคลับ

          ผมมาถึงโรงพยาบาลที่มินอยู่ จอดรถและรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องของมิน ใบหน้าของผมชานิดๆ เพราะตอนกลับบ้านไป ผมก็โดนตบไปหนึ่งที คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร หาเรื่องลงกับผมเสมอตั้งแต่ผมเป็นเด็กแล้ว

          ผมเปิดประตูห้องมินเบาๆ ตอนนี้ดึกมากแล้ว ผมเดินไปข้างๆ เตียงของมิน จ้องมองใบหน้าที่น่ารักนั่น จมูกกับปากเล็กๆ ของมินทำเอาผมหมั่นเขี้ยวชะมัด อยากจะดึงจมูกนั่นแรงๆ จัง แต่ก็กลัวมินจะเจ็บ ผมนี่ก็ซาดิสม์ใช่เล่นนะ

          ผมก้มลงประทับริมฝีปากเบาๆ ที่หน้าผากของคนที่ผมรักอย่างอ่อนโยน ขนตาที่ยาวเป็นแพรนั่นกระตุกเล็กน้อยแบบแปลกๆ ทำให้ผมย่นคิ้วมองหน้าคนที่กำลังหลับอย่างละเอียดถี่ถ้วน หนอยย ร้ายจริงๆ นะเนี่ย ผมละยอมเขาเลย ไอ้เด็กขี้อ่อยนี่ ผมอมยิ้มขำเมื่ออยู่ดีๆ ปากเล็กๆ นั่นก็ยื่นออกมาเหมือนเจ้าหญิงที่รอให้เจ้าชายมาจุมพิต ได้เลยจ้าป๋าไอจัดให้

          " โอ้ยยย " ผมดีดปากเล็กนั่นเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว แต่คนโดนดีดนี่สำออยสุดๆ อยากขยำขยี้ให้สาแก่ใจจริงๆ

          " สำออยๆ ดีดเบาๆ ทำร้องลั่น " ผมบีบจมูกเล็กๆ นั่นอีกทีด้วยความหมั่นไส้

          " ไอคนใจร้าย " มือเล็กนั่นหยิกแขนผมซะแรงเชียว ผมเลยฉวยโอกาสจับมือนั่นมาจุฟซะเลย ไอ้เด็กขี้อ่อยรีบดึงมือกลับพร้อมถลึงตาใส่ แหม น่ากลัวจริงจริ๊ง

          ผมนั่งลงข้างๆ เตียงมินและเท้าคางจ้องมองหน้าคนที่ทำหน้าบูดอย่างอารมณ์ดี 

          " แก้มนั่น โดนอะไรมาครับ " ผมรีบหันหน้าหลบอย่างรวดเร็ว แย่ละ มันเห็นชัดขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ผมไม่อยากให้มินเป็นกังวล
         
          " พี่พริ้นเหรอครับ พวกพี่ทะเลาะกันเหรอ " ผมหันหน้ากลับมาและส่ายหน้าช้าๆ 

          " ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก " ผมพูดพร้อมส่งยิ้มให้มิน ที่ตอนนี้กำลังทำหน้างงอยู่ น่ารักเกินไปแล้ว

          " นอนได้แล้ว ไม่นอนเดี๋ยวจะจบแบบเมื่อคืน " ผมพูดยั่วคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้าแบบมีความหวังซะงั้น

          " จบแบบที่มีคนนอนกลิ้งกับพื้นน่ะเหรอ " เด็กขี้อ่อยพูดไปหัวเราะคิกคักไป หึ่ม เมื่อคืนกำลังเข้าได้เข้าเข็ม เจือกมีไอ้บ้าเข้ามาขัดซะได้ อย่าให้พ่อเจอ ต้องจัดให้ยับ

          " เอาหน้ามาใกล้ๆ หน่อยย " เด็กขี้อ่อยตอนนี้เปลี่ยนเป็นเด็กขี้อ้อนซะแล้ว ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิดแล้วหลับตาลงอย่างรอคอย จะจูบสินะ เอาสิ เดี๋ยวต่อให้ยาวๆ

          " โอมเพี้ยงง แผลจงหายย จ๊วฟฟฟ " ผมลืมตาขึ้นเพราะว่าเด็กน้อยนี่กำลังจูบแก้มที่เป็นรอยช้ำของผมแบบเต็มแรง แถมเลียซะด้วย 

          " แบบนี้แผลแทนที่จะหาย ขี้กรากอาจขึ้นแทนนะเนี่ย " ผมแกล้งบ่นแต่อมยิ้มขำไอ้เด็กเกรียนนี่ โอ้ย พระเจ้า อยากฟัด นิ่งไว้ เย็นไว้ไอ้เสือ

          " เชอะ งั้นขี้กรากก็คงจะขึ้นตัวผมมากกว่ามั้ง " มินพูดพร้อมสะบัดบ็อบใส่ อ๋อที่ผมเลียตัวของมินเมื่อคืนอ่านะ หึ ผมพยายามไม่คิดครับเดี๋ยวมังกรจะตื่น ฮ่าๆ

          " อะไร พูดแบบนี้แปลว่าอยากโดนอีก " ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ พร้อมกระซิบเบาๆ

          " เรื่องสิ ไปไกลๆ เลย " มินดันหน้าผมซะแทบหงายหลังแล้วลงไปนอนหันหลังให้ผม

          ผมค่อยๆ คลานขึ้นเตียงมินอย่างช้าๆ ห้องของมินไม่ใช่ห้องคนป่วยแบบธรรมดาหรอกครับ แต่เป็นห้องที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลแล้ว เตียงเลยเป็นแบบที่กว้างมากๆ ผมเลยขึ้นไปนอนได้แบบสบายๆ เชียว

          ผมค่อยๆ กอดมินที่นอนตะแคงหันหลังให้ผมอย่างช้าๆ แต่มินไม่ได้โวยวายไล่ผม นี่ยั่วกันอีกแล้วเหรอ ผมกอดมินเอาไว้ ดึงเข้ามาแนบตัว มินก็ขยับตัวให้ตัวเองสามารถเข้ามาชิดผมได้มากที่สุดเหมือนกัน ผมก้มลงหอมเส้นผมที่ละเอียดอ่อนสวยงามนั่น กลิ่นหอมของตัวมินที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ผมมีความสุขเหลือเกิน ผมอยากอยู่ในช่วงเวลานี้ให้นานแสนนาน ขอแค่เพียงเราสองคนอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็พอแล้ว

          " พี่รักมินนะ "

          ผมกระซิบถ้อยคำที่แสนสำคัญแผ่วเบาให้คนที่ผมรักหมดหัวใจได้ฟัง มินไม่ได้พูดอะไร แต่ตัวสั่นน้อยๆ เหมือนกำลังร้องไห้อยู่

          ผมกอดมินไว้แน่นขึ้นอีกนิด ให้รู้ว่าผม จะไม่มีวันทิ้งคนที่ผมรักให้รอคอยผมอีกแล้ว ผมจะขอโอกาสอีกสักครั้ง อุทิศชีวิตให้ความรักครั้งนี้


คราวนี้ผมจะปกป้องคนที่ผมรักเอาไว้ให้ได้
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 31 การพบกันของสองหนุ่ม ](28/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 29-09-2017 11:57:32
แอบเชียร์ให้เกลียวคู่ฮยอง 555555555
มินคงฝั่งใจกับเด็กในอดีตมากเลยสินะ คงคิดว่าเป็นพี่พริ้นเต็มที่ถึงขนาดเขาสันดานเสียขนาดนั้นยังรักเขาอยู่ได้ น้อยใจแทนพี่ไอแล้วนะ หึ อยากให้รู้ความจริงเร็วๆ ว่ามันไม่ใช่พี่พริ้นนนน
คนแก่ร่วมหนับหนุนด้วยคน :katai2-1:
:z1:  :z1: :laugh:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 32 ถ้อยคำที่แสนสำคัญ ](29/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-09-2017 16:42:47
 :hao5: ต่างคนต่างเข้าใจผิด  :hao5:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 32 ถ้อยคำที่แสนสำคัญ ](29/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 30-09-2017 13:14:26
          FC ที่ 33 ไม่มีอีกแล้ว


          เมื่อคืน เป็นคืนที่พิเศษที่สุด ถ้อยคำที่พี่ไอบอกกับผม มันทำให้ชีวิตของผมมีความหมาย ผมอยากจะบอกพี่กลับไปเหลือเกินว่าผมนั้นก็รักพี่ แต่ผมก็ยังพูดออกไปไม่ได้ ผมร้องไห้ด้วยความดีใจและความกลัว ผมกลัวว่าถ้อยคำรักที่พี่บอกผมนั้น มันจะไม่ได้หมายถึงผม แต่เป็นคนที่พี่เฝ้าคิดถึงเขา ผ่านทางตัวผม

          ในที่สุดก็จะได้ออกจากที่นี่สักที ผมเบื่อกลิ่นยาเต็มทนแล้ว แต่ที่น่าแปลกก็คือ พี่ไอหายไปก่อนผมจะตื่น และกลายเป็นพี่พริ้นที่นั่งรอผมอยู่ข้างๆ เตียงแทน

          " พี่ช่วยเก็บของนะ แล้วเราไปกัน " พี่พริ้นช่วยผมเก็บของเตรียมตัวออกจากที่นี่ด้วยรอยยิ้มสดใส

          " แล้ว..พี่ไอละครับ " พี่พริ้นเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ

          " เดี๋ยวนี้เราสนิทกับไอจังเลยนะ มีเรื่องอะไรดีๆ หรือเปล่า เล่าให้พี่ฟังได้นะ " พี่พริ้นพูดพร้อมส่งยิ้มให้ผม

          " คือ เปล่าครับ ไม่มีอะไร ผมแค่สงสัยเพราะว่าพวกพี่ชอบไปไหนด้วยกัน " ผมที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เลยตอบแบบเลี่ยงๆ ไปก่อนดีกว่า

          " วันนี้ไอติดธุระน่ะ แต่เดี๋ยวก็มาแหละ พี่บอกไอแล้ว ว่าพี่จะไปส่งมินที่หอเอง "


          ผมนั่งรถมากับพี่พริ้น ตลอดทางพี่พริ้นก็ชวนคุยอะไรไปเรื่อย เป็นคนที่อบอุ่นจังเลยนะ แต่ก็ดูเหมือนซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในเวลาเดียวกัน

          ไม่นานผมก็มาอยู่หน้าหอพักของผม คิดถึงจังแฮะ ผมกำลังจะหิ้วกระเป๋าแต่พี่พริ้นก็ดึงมันไปจากผม

          " เอ่อ พี่พริ้นส่งแค่นี้ก็ได้ครับ ผมเกรงใจ " ผมพูดด้วยความสัตย์จริง แค่พี่มาส่งนี่ผมก็ดีใจสุดๆ แล้วฮะ

          " ไม่ได้ เดี๋ยวพี่เอาขึ้นไปให้ มินไม่ควรออกแรงมากนะช่วงนี้ " พี่พริ้นพูดพร้อมสะพายกระเป๋าที่ไหล่ กระเป๋าลูกใหญ่กลายเป็นลูกเล็กไปเลย

          ผมเดินนำพี่พริ้นขึ้นไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงฝีเท้าของเราสองคนเท่านั้น จนในที่สุดผมก็มายืนอยู่หน้าห้องของผม ผมเปิดประตูให้พี่พริ้น แต่พี่พริ้นทำมือให้ผมเข้าไปก่อน

          ห้องยังคงเหมือนเดิม สงสัยฮยองจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ ห้องเล็กๆ ที่น่าอยู่ของผม

          " ห้องน่ารักดีนะ " พี่พริ้นวางกระเป๋า และมองไปรอบๆ อย่างสนใจ

          " รกนิดหน่อยนะครับ ผมเป็นพวกติสๆ หน่อย " ผมหัวเราะแหะๆ ด้วยความเขินห้องตัวเอง

          พี่พริ้นเดินไปรอบๆ ห้อง มองข้าวของของผมที่เรียงรายอยู่ในชั้น ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา

          ตายล่ะ ผมรีบวิ่งไปตะครุบสมุดไดอารี่ของผมที่ผมชอบเขียนมันเอาไว้ด้วยความไวแสงพร้อมยิ้มกลบเกลื่อน แต่พี่พริ้นก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่งยิ้มกลับมาเท่านั้น

          " ชอบพวกของเกาหลีเหรอ " พี่พริ้นหันมาเลิกคิ้วถาม

          " เอ่อ คือใช่ครับ พี่แจอินชอบซื้อมาฝากครับ " พี่พริ้นยังคงเดินไปรอบๆ ห้อง หยิบจับของจุกจิกต่างๆ ของผมอย่างสนใจ แต่เมื่อเดินไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆ กลับหยุดชะงัก พร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งขึ้นมา มันเป็นผืนที่ผมยังนึกไม่ออกว่าได้มาจากไหน สีหน้าพี่พริ้นเปลี่ยนไป บรรยากาศรอบๆ ตัวก็ดูน่ากลัวขึ้นด้วย ผมเริ่มรู้สึกว่า พี่พริ้นนั้นกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง เพราะพี่พริ้นเงียบและจ้องมองผ้าผืนนั้นอยู่นานเลยทีเดียว

          " มิน ยังชอบพี่อยู่หรือเปล่า " พี่พริ้นที่เงียบไปหลายนาที อยู่ดีๆ ก็ถามคำถามแบบนี้ออกมาตรงๆ ผมได้แต่ตกใจ และทำอะไรไม่ถูก ผมจะพูดยังไงดีนะ 

          " พี่เป็นคนสำคัญของผม ผมชื่นชมพี่ตลอดมาครับ " ผมพูดเรื่องจริง เพราะพี่นั้นสำคัญกับผมจริงๆ

          " งั้นเหรอ " พี่พริ้นพูดด้วยเสียงที่เย็นเฉียบไม่เหมือนพี่พริ้นปกติเลย

          พี่พริ้นที่หันหลังอยู่ ตอนนี้เดินมาหาผมเรื่อยๆ อย่างช้าๆ จนผมต้องก้าวถอยหลังด้วยความหวาดหวั่นในใจ
         
          " พ..พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ " พี่พริ้นตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าอีกแล้ว กำลังทำหน้าเหมือนกำลังไม่พอใจผม

          " มินชอบพี่หรือเปล่า " พี่พริ้นถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นชา และเดินเข้ามา จนผมต้องก้าวถอยหลังออกไปเรื่อยๆ

          " ผม..." ผมกลัวพี่พริ้นจริงๆ พี่เป็นอะไรไปอีกแล้ว ผมกำลังทำอะไรผิดงั้นเหรอ

          " ตอบไม่ได้เหรอ กำลังลังเลสินะ " พี่พริ้นพูดพลางเลิกคิ้วถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย

          " มันไม่ใช่แบบนั้นครับ " ผมส่ายหน้าช้าๆ พี่คงกำลังเข้าใจอะไรสักอย่างผิดไปแน่ๆ

          " ไหนๆ เราก็เป็นแฟนคลับพี่มานานใช่ไหมล่ะ มินเนี่ยพิเศษที่สุดเลยรู้ไหม วันนี้พี่เลยเตรียมของขวัญพิเศษสุดๆ มาให้ " พี่พริ้นยิ้มน้อยๆ อย่างน่ากลัวและยังไม่หยุดเดินเข้ามา

          " พี่พริ้นครับ พี่เป็นอะไรไป พี่ไม่ใช่คนแบบนี้นะครับ " ผมพูดพลางส่ายหน้าช้าๆ 

          " ไม่ใช่แบบนี้งั้นเหรอ ฮ่าๆๆๆ " พี่พริ้นระเบิดหัวเราะจนผมสะดุ้งตกใจ เป็นเสียงหัวเราะที่กรีดลึกไปถึงหัวใจ เหมือนกับว่าคำพูดของผมนั้น มันน่าขันซะเหลือเกิน

          ผมที่ได้จังหวะตอนที่พี่พริ้นปิดหน้าและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก็รีบวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีมือที่แข็งแรงสุดๆ มาล็อคตัวผมไว้และลากผม โยนขึ้นไปบนเตียงอย่างแรง จนผมจุกจนตัวงอ

          ผมงอตัวก้มหน้าลงกับเตียง น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย ไม่ใช่ว่าผมเจ็บที่โดนโยนหรอกนะครับ แต่ผมเจ็บใจ เพราะคนที่ผมคิดว่าเป็นคนสำคัญของผม ตอนนี้กลับทำร้ายผมได้ลงคอ 

          " ร้องไห้งอแงเป็นผู้หญิงไปได้ ฉันละเกลียดจริงๆ " พี่พริ้นพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

          " พี่..ไ..ม่.ใช่ " ผมร้องไห้สำลักน้ำตาออกมาอย่างเจ็บปวด  พี่ไม่ใช่คนที่ผมเคยรู้จักอีกแล้ว

          " ปกติไม่เล่นกับผู้ชายหรอกนะ รู้ไว้ซะ " พี่พริ้นพูดพลางค่อยๆ ถอดเสื้อออก ทำให้ผมลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยความกลัว เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนทำอะไร ผมพยายามคลานหนีลงจากเตียง แต่พี่พริ้นที่ถอดเสื้อทิ้งไว้กับพื้นก็ขึ้นมาจับตัวผมไว้ ผมแทบไม่มีแรงดิ้นรนด้วยซ้ำ เพราะผมนั้นเสียใจ ความเสียใจมันทำให้ผมอ่อนแอ

          พี่พริ้นจับผมกดหน้าลงกับเตียง และมัดมือของผมไขว้หลังไว้ ผมยังคงร้องไห้จนตัวสั่นด้วยความกลัว พี่พริ้นนั้นดูคล้ายกับพี่ไอมาก แต่การกระทำนั้นกับต่างกันราวฟ้ากับเหว

          ผมเฝ้ามองพี่ เฝ้าคิดถึงพี่มานานแสนนาน แต่วันนี้มันได้สิ้นสุดลงแล้ว พี่คงไม่ใช่ผู้ชายที่ผมตามหาอีกแล้ว คนที่บอกว่าจะอยู่เพื่อผม คงไม่มีอีกต่อไปแล้ว


นี่คือจุดจบของเด็กผู้ชายคนนึงที่โง่งมงายไปเอง
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 33 ไม่มีอีกแล้ว ](30/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 30-09-2017 14:22:39
พี่ไอมาช่วยน้องเร็ววววววว  อีพี่พริ้น เลวเสมอต้นเสมอปลาย มินถึงเวลาแล้วที่ควรเกลียดพี่พริ้นสักที  :katai1:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 33 ไม่มีอีกแล้ว ](30/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-09-2017 23:45:26
ผ้าเช็คหน้าผืนนั้น  มาจากไหนหว่า คนแก่นึกไม่ออก  :undecided:

ไง หลานไอมาช่วยหลานมินด่วน  :dont2:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 33 ไม่มีอีกแล้ว ](30/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 01-10-2017 13:11:39
          FC ที่ 34 คำถามที่อยู่ในใจมานานแสนนาน


          พี่พริ้นมัดผมแน่นขึ้น และใช้มีดพกของตัวเองค่อยๆ กรีดลงบนเสื้อเชิ๊ตตัวบางของผม ผมขอโทษนะครับพี่ไอ ผมมันโง่เองที่ไม่เชื่อพี่ พี่ไอปกป้องผมเสมอ แต่ตอนนี้ ผมกำลังทำตัวเอง

          พี่พริ้นไม่พูดอะไร ยังคงตั้งหน้าตั้งตากรีดเสื้อผ้าผมเงียบๆ และจับผมพลิกนอนหงายขึ้นมา 

          " ย..อย่า " ผมร้องห้ามอย่างหมดแรง พี่พริ้นแค่จ้องหน้าผม และเริ่มก้มลงซุกไซร้ที่คอของผมอย่างช้าๆ แต่แรงจูบกับรุนแรง จนผมเจ็บไปหมด ผมดิ้นไปมาและเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

          " เงียบ! " พี่พริ้นตะโกนใส่ผมด้วยความโมโห พี่พริ้นจับหน้าผมเอาไว้และประกบปากผมอย่างรุนแรง ผมปิดปากแน่น ไม่ให้สิ่งใดลุกล้ำเข้าไปได้ ผมที่ทั้งกลัวและสับสน ลืมตามองคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่พล่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา ผมกำลังนึกถึงคำถาม ที่พี่ถามผมก่อนหน้านี้ และผมจะต้องพูดมันออกไป

          " ผมรักพี่ไอ "

          ผมพูดหลังจากพี่พริ้นปล่อยปากผมให้เป็นอิสระ พี่พริ้นหยุดทุกอย่างและจ้องมองผมเงียบๆ นานหลายนาที


          แล้วอยู่ๆ พี่พริ้นก็ลุกขึ้นใส่เสื้ออย่างรวดเร็ว ทำเอาผมที่นอนอยู่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความโล่งอกและงงงวย เป็นความรู้สึกที่หลากหลายเหลือเกิน 

          " ขอบอกอะไรไว้อย่างนะ ไอน่ะมีคนที่รักอยู่แล้ว และยังไม่เคยลืมซะด้วย และคิดว่าคงไม่มีวันลืม " ผมมองพี่พริ้นที่ตอนนี้กำลังแกะเชือกให้ผม พี่พริ้นตอนนี้ เหมือนเป็นพี่พริ้นคนละคนกับที่ผมเฝ้ามองมานานแสนนาน และก็ไม่ใช่คนที่น่ากลัวแบบเมื่อกี้ด้วย แต่คงเป็นพี่พริ้น ที่เป็นตัวพี่พริ้นจริงๆ 

          และคำพูดของพี่พริ้นทำให้ผมยิ้มอย่างเศร้าสร้อย 

          " ผมน่ะรู้มาตั้งนานแล้วครับ พี่ไอมักจ้องมองผมเหมือนกับว่ากำลังมองใครบางคนที่ไม่ใช่ผมอยู่ " ผมยิ้มและน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้ แต่ผมก็ยังหวัง ว่าพี่เค้าจะรักผมจริงๆ รักผมที่เป็นผม 

          " พี่พริ้นครับ ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้เหรอครับ " ผมที่ตอนนี้หายกลัวแล้วอยากรู้เหตุผลจริงๆ เหลือเกิน แต่พี่พริ้นกับนิ่งและเงียบไป เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

          ผมรวบรวมความกล้าครั้งสุดท้าย พูดสิ่งที่ผมคิดว่าจะเก็บไว้ในใจไปจนตายออกมา ตอนนี้ผมไม่สนอีกแล้ว

          " พี่คือคนที่ช่วยผมเอาไว้เมื่อ 8 ปีก่อนหรือเปล่าครับ " ผมตัดสินใจถามพี่พริ้นออกไปตรงๆ ผมกำผ้าปูที่นอนแน่นรอคอยคำตอบที่ผมนั้นเชื่อมั่นมาตลอด 8 ปี 

          " แบบนี้เองสินะ " พี่พริ้นพูดออกมาเบาๆและไม่ได้พูดอะไรต่ออีก แต่กลับยิ้มออกมาเหมือนกับว่าโลกนี้มันช่างสดใสสวยงามเหลือเกิน และออกไปจากห้อง โดยไม่ตอบคำถามของผม


          ผมนั่งอยู่ที่ระเบียงห้อง เฝ้าคิดถึงคำพูดต่างๆ ของพี่พริ้น ผมที่ผ่านความน่ากลัว เสี่ยงภัยและงงงวยมาสุดๆ และผมก็แทบไม่เข้าใจในสิ่งที่พริ้นทำเลยสักนิด แต่ผมก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เอาเถอะ ผมจะถามพี่คราวหน้าละกัน ตอนนี้พี่คงไม่ใส่หน้ากากกับผมแล้วใช่ไหม

          " ไม่ระวังตัวเหมือนเคยนะคุณหนู " อึ๋ยย ผมรีบหดคอแทบไม่ทัน เพราะพี่พริ้นทำรอยเอาไว้ซะชัดเจนเชียว ถ้าฮยองมาไวกว่านี้อีกนิด พี่พริ้นคงเป็นโจ๊กแน่ๆ

          " เอ่อ ฮยองไปไหนมาครับ ผมไม่ค่อยเห็นเลย " ฮยองทำหน้ารำคาญผมอีกแล้ว

          " ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ คุณหนูจำอะไรได้อีกไหม คืนที่ถูกลักพาตัว " ผมที่อยากจะลืมกลับต้องนึกอีกแล้วสินะ 

          " เอ่อ มีสองคน เสียงเหมือนยังหนุ่มๆ อยู่ แล้วก็... " 

          " เรื่องสองคนนั้นไม่ต้องแล้วครับ " ผมทำหน้างงงวยกับคำพูดฮยอง 

          " ฮยองจับพวกมันได้แล้วเหรอ มันอยู่ที่ไหน ผมจะไปฆ่ามัน " ผมลุกขึ้นพรวด เขย่าเสื้อฮยองอย่างตื่นเต้น

          " พวกมันตายตั้งแต่คืนแรกแล้ว " ผมปล่อยเสื้อฮยอง และนั่งลงช้าๆ อีกครั้ง

          อย่างงั้นเหรอ เสียงปืนสองนัดที่ได้ยินตอนนั้น คือฮยองหรอกเหรอ ยังไงผมก็ยังไม่ชินกับการฆ่าคนของฮยองสักที มันทำให้ผมนั้นคิดจริงๆ ว่า คนพวกนั้นเลวทรามขนาดที่ต้องฆ่ามันเลยเหรอ แต่ว่าถ้ามันไปทำแบบนี้กับคนอื่นล่ะ ปวดหัวจัง

          " พวกมันไม่ได้เป็นมืออาชีพ แต่ถูกสั่งการโดยพวกมืออาชีพ ถ้าคุณหนูนึกอะไรออกอีก ก็บอกผมละกัน " 

          เด็ก ผู้ชายคนนึง แล้วก็ผ้าเช็ดหน้า ใช่แล้ว ผ้าเช็ดหน้าลายแปลกๆ ที่คล้ายกับที่ผมนั้นมีผืนนึง

          " ผ้าเช็ดหน้า " ผมพูดทันทีที่นึกออก

          " ผ้าเช็ดหน้าแบบไหนงั้นเหรอครับ " ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาให้ฮยองดู

          " มันเป็นแบบสั่งปักพิเศษ พวกผู้ดีทั้งหลายชอบใช้กัน " ฮยองพูดเบาๆ และวิเคราะห์อย่างเชี่ยวชาญ

          " ใครเป็นคนให้คุณหนูมางั้นเหรอครับ " ผมส่ายหน้าให้กับคำถามนั้น มันเป็นสิ่งที่ผมนึกยังไงก็นึกไม่ออกจริงๆ

          Rrrr Rrrr

          ผมกดรับแบบไม่ได้มองหน้าจอด้วยความรีบร้อน 

          " ไปหาไรกินกัน รอล่างหอ " ผมยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งด้วยความดีใจ งืออ คิดถึงสุดๆ 

          " เชอะ ไม่หิวสักหน่อย " ปากพูดอย่างนั้น แต่ตอนนี้ผมวิ่งไปทั่วห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจฮยองที่ยืนทำหน้ามุ่ยอยู่ที่ระเบียง

          " ฮยอง เดี๋ยวผมมาน้า " ผมวิ่งไปหาฮยอง เอาหัวไถสองสามทีอย่างออดอ้อนและวิ่งเร็วจี๋ลงบันไดทีละ 3 ขั้น แต่พอมาถึงชั้นล่างสุด กลับเดินช้าๆ ชมนกชมไม้ แบบผู้ดีศรีสยาม

          รถ BMW คันเดิมจอดอยู่ เรียกความสนใจแก่คนแถวนี้ไม่น้อย พร้อมกับเจ้าของรถที่เด่นซะเหลือเกิน

          " ขึ้นรถสิ " พี่ไอเดินมาเปิดประตูให้ผมครับ เดี๋ยวนี้บริการดีแฮะ

          ผมนั่งอยู่ในรถคันเดิม บรรยากาศเดิมๆ แต่ความรู้สึกแปลกใหม่ ตัวผมที่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนก็หุบยิ้มไม่ลงเลยครับ พี่ไอจะรู้หรือเปล่าน้า หึ่ยย สงบสติอารมณ์หน่อย เผื่อจะได้ยินคำว่ารักอีกสักรอบ ผมนั่งอมยิ้มโยกตัวไปมาอย่างอารมณ์ดี แต่พอคิดถึงเรื่องที่พี่พริ้นทำ ผมก็หน้ามุ่ยอีกรอบด้วยความไม่เข้าใจ 

          " ใส่เสื้อแบบนี้มาไม่ร้อนหรือไง " ผมรีบหดคอแบบด่วนจี๋ ใจเต้นระรัวด้วยความกลัว

          " รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ อ่ะ เลยใส่แบบนี้มา เผื่อๆ ไว้ " 

          " ไม่สบายเหรอ กลับเถอะแบบนั้น เดี๋ยวจะยิ่งแย่ " พี่ไอเปลี่ยนสีหน้าเป็นซีเรียสขึ้นมาซะงั้น 

          " ไม่อาว ไม่กลับ " ผมที่ติดชอบอ้อนฮยอง เริ่มมาเผลออ้อนพี่ไอด้วยซะแล้ว 

          " ก็ได้ ก็ได้ แล้วไปไหนกันดีนะ " พี่ไอถามผมแบบขอความคิดเห็น 

          " ไปไหนก็ได้ " ผมยิ้มให้พี่ไอ ที่หันมายิ้มให้ผม ใช่แล้วล่ะ ไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่มีพี่ไออยู่ด้วยก็พอ

          ไม่นานผมก็มาถึงสถานที่หนึ่งที่ผมไม่เคยมา มันเป็นเหมือนงานวัด แต่ไม่ใช่งานวัดของไทยนะครับ ซึ่งจริงๆ แล้วมันคืองานวัดหรืองานเทศกาลจำลองของญี่ปุ่น ผมที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เท่าไหร่นัก ก็เลยวิ่่งพล่านไปมา จนพี่ไอวิ่งตะครุบจนเหนื่อย ฮ่ะๆ ผมคิดว่าพี่ไอคงจะคิดถึงบ้านละมั้ง เพราะบ้านพี่ไอจริงๆ อยู่ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แต่พี่ไอบอกว่ามีเหตุผลบางอย่าง ที่ทำให้กลับไปไม่ได้

          ผมมองหน้าพี่ไอที่กำลังมองเหล่าโคมไฟประดับงาน ด้วยสายตาที่ดูเศร้าเหลือเกิน 

          " เอ่อคือ พ..พี่ไอ " พี่ไอที่กำลังมองร้านขนมอยู่หันควับมาหาผมแบบที่ผมยังตกใจ 

          " เรียกพี่ได้แล้วเหรอ " พี่ไอขยี้หัวผมอย่างกวนประสาท

          " เชอะ ไม่เรียกดีกว่า " ผมแกล้งทำหน้าบู้อย่างไม่พอใจ

          " โอ๋ๆ เรียกเถอะนะ พี่ชอบ " พี่ไอยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ โอ้ยย จะละลายแว้ว

          " หรือจะเรียก ฮิเดกิซัง ดีป่ะ " พี่ไอทำหน้าบูดอย่างรวดเร็ว 

          " ห่างเหินเกินไป ไม่เอา " หึหึ 

          " หรือจะเป็น ไอคุง ไอซัง โอ..นี่จาง " ไอ้คำสุดท้ายทำเอาผมเขินแฮะ แต่เห็นเด็กๆ ชอบเรียกพี่ไอว่าโอนี่จังแล้วดูน่ารักดี

          " คำสุดท้าย ไว้เรียกตอนอยู่บนเตียงนะ " อ้ากก พี่ไอกระซิบใส่หูผมด้วยเสียงกระเส่าสุดๆ ไม่น่าเลยผม พลาดซะแล้ว

          ผมแก้เขินด้วยการเดินไปนั่งช้อนปลาทองเล่น แต่ก็ช้อนไม่ได้สักตัวเลย ฮืออ ยากไปแล้ว ขณะที่พี่ไอ ช้อนปลาทองได้ทุกตัวจนเต็มที่ใส่ กะให้ร้านเขาล่มจมเลยทีเดียว แต่สุดท้ายพวกเราก็ไม่ได้เอาปลากลับมาครับ แค่เล่นสนุกๆ เฉยๆ ผมที่เล่นจนเหนื่อยก็วิ่งหาของกิน และได้มาหลายอย่างเลย ทั้งยากิโซบะ ทาโกยากิ ซูชิ ผมกินอย่างเต็มคราบ ในขณะที่พี่ไอกินน้อยและเอาแต่จ้องมองผม

          พวกเรากินเสร็จแล้วแต่ผมก็ยังคงแทะแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลต่อไป เพราะมันดูน่ากินดี พี่ไอก็มาแย่งกัดไปด้วย ทำเอาใจเต้นแรงเลย ข่นบ้า

          ' ฟิ้ววว! ปัง!'

          ผมกับพี่ไอนั่งกันอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ พร้อมเงยหน้ามองดูพลุที่สว่างไสวสวยงาม ผมอยากจะเก็บช่วงเวลานี้ไว้ในใจตลอดไป ในขณะที่มือของเราสองคนยังเกาะกุมกันไว้อยู่ตอนนี้ ทุกๆ อย่างมันช่างดูสดใสงดงามไปหมด

          " แย่ละ เหมือนฝนจะตก รอพี่ตรงนี้ เดี๋ยวพี่กลับมา " ผมยิ้มและพยักหน้าให้พี่ไอ ที่กำลังรีบร้อนวิ่งไป

          ผมยังคงนั่งมองแม่น้ำและแสงสีอันสวยงามข้างหน้าอย่างอิ่มเอมใจ วันหลังชวนฮยองกับไอ้เกลียวมาดูด้วยดีกว่า 

          " มิน "

          ผมลุกขึ้นปัดกางเกงที่มีหญ้าติดอยู่ พร้อมหันไปมองพี่ไอที่กำลังถือร่มกันฝนใบใหญ่สีดำ และกำลังยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้กับผม

          เหมือนกับเวลาหมุนวนกลับไป แสงสีที่สวยงามกลับกลายเป็นสีเทา เสียงพลุที่ดังกึกก้องบนท้องฟ้านั้น ผมไม่ได้ยินมันอีกแล้ว มีแต่เพียงเสียงหัวใจของผมเท่านั้น ที่มันดังและสั่นไหวอยู่ภายใน ร่างกายชาไปทั่วร่าง ผมมองภาพตรงหน้า ภาพพี่ไอที่ทับซ้อนกับภาพพี่ไอในอดีตที่ถือร่มคันใหญ่ พร้อมยื่นผ้าเช็ดหน้าลายแปลกๆ นั้นมาให้ ในวันที่ผมนั่งรอพี่พริ้น อยู่ที่หน้าห้างในคืนฝนตก


ผมค่อยๆ ถอยหลังออกจากพี่ไอช้าๆ ด้วยแววตาที่เริ่มพล่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 34 คำถามที่อยู่ในใจมานานแสนนาน ](01/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-10-2017 17:16:46
ผ้าเช็คหน้าอีกแล้ว  :really2:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 34 คำถามที่อยู่ในใจมานานแสนนาน ](01/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 02-10-2017 10:40:19
          FC ที่ 35 หัวใจที่เต้นช้าลง


          ' ไม่จริง ' ผมก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ อย่างหวาดหวั่น

          ' ไม่เห็นมีเหตุผลเลย ' 

          ' พี่ไอไม่มีทางทำแบบนั้น ' 

          ' แล้วทำไมถึง '

          ผมยังคงก้าวถอยหลังหนีผู้ชายที่ผมนั้นรักที่สุดในหัวใจ ผมพึมพำกับตัวเอง พยายามคิดและไตร่ตรองทุกอย่าง พี่มีส่วนเกี่ยวข้องงั้นเหรอ เพื่ออะไรกัน

          " มิน เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า " พี่ไอที่รับรู้ได้ถึงอาการแปลกไปของผม รีบก้าวเดินตามมาและดึงผมเอาไว้ ผมสายหน้าช้าๆ และดึงมือของพี่ไอออกจากแขนของผม พี่ไอมองผมด้วยความไม่เข้าใจ และกำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พี่ไอยังคงตามมาจับแขนผม และเขย่าตัวผมเหมือนต้องการให้ผมบอกว่าเพราะอะไร ผมถึงเป็นแบบนี้

          พี่ไม่รู้จริงๆ งั้นเหรอ ผมจะเชื่อใครดี แต่ว่าผมรักพี่ไอ มันจะต้องมีอะไรผิดพลาด 

          " ผ้าเช็ดหน้าของพี่ " พี่ไอมองผมด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง

          " พี่เป็นพวกเดียว กับพวกที่จับตัวผม งั้นเหรอ " ผมพูดออกไปด้วยความยากเย็น เพราะผมนั้นกลัวและเสียใจจริงๆ

          หลังจากที่ผมพูดแบบนั้นออกไป สีหน้าพี่ไอจากที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวสุดๆ แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน พี่ไอไม่พูดอะไร แต่หันหลังและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว


          ไอ


          ผมขับรถออกมาด้วยใจที่เดือดสุดๆ ผมจะฆ่ามัน ไอ้พี่สารเลว ต้องเป็นมันแน่ๆ ทำไม ทำไมกัน พี่ไม่เคยทำถึงขนาดนี้มาก่อน ทำไมต้องเป็นมิน พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าผมรักมิน ผมกำพวงมาลัยแน่น ผมนึกถึงสายตาของมินที่จ้องมองผมด้วยความหวาดกลัว มินที่ก้าวเดินไปจากผม มินที่รังเกลียดสัมผัสจากผม ผมทุบพวงมาลัยด้วยความโมโห

          ผมมาถึงบ้านด้วยความเร็วที่เหยียบมิด วิ่งเข้าไปในตัวบ้านตามหาคนที่มันทำเกินไปแล้ว มันมากเกินไปแล้ว 

          " พริ้น!!! ออกมาซะ " ผมตะโกนจนแม่บ้านตกใจจนตัวสั่น ผมไม่สนหรอก ผมจะคุยกับมันให้รู้เรื่อง

          เสียงรถยนต์จอดดับเครื่องอยู่หน้าบ้าน ทำให้ผมรู้ว่าเป็นมันแน่ๆ ผมรีบวิ่งออกไป มองเห็นพริ้นที่นั่งอยู่ในรถ กำลังมองผมด้วยความเคร่งเครียดเช่นกัน ผมเดินไปที่รถ เปิดประตูและลากมันออกมา และต่อยมันด้วยความแค้น

          " นี่ต่อยฉันเรื่องอะไรอีกล่ะ " พริ้นยังทำลอยหน้าลอยตา รอยยิ้มเย้ยหยันของมันยังอยู่บนใบหน้า

          " เรื่องลักพาตัวหวานใจแก หรือว่าเรื่องที่ฉันข่มขืนมัน " ผมมองคนตรงหน้า ผมไม่เข้าใจความคิดของพี่เลยสักนิด พี่มันบ้าไปแล้ว ผมต่อยพี่อีกหมัดด้วยความโมโหจนแทบเสียสติ และบีบคอพี่ด้วยแรงอารมณ์ แต่พริ้นไม่เคยโต้ตอบผมเลย บนใบหน้านั้นยังมีแต่รอยยิ้ม ทำไมกัน

          " แกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!!! " คุณพ่อที่วิ่งมาและถือปืนไว้ในมือ

          " แก ไอ้สารเลว ชั้นคงเอาแกไว้ไม่ได้ " ผมมองหน้าคุณพ่อที่ไม่เคยเข้าข้างผม และไม่เคยเห็นผมเป็นลูกด้วยความแค้น

          " อย่าต้องถึงขนาดนั้นเลยครับคุณพ่อ " พริ้นที่ไม่รู้ว่าออกไปจากกำมือผมเมื่อไหร่ กำลังพยายามแย่งปืนจากคุณพ่อ

          " พริ้น!!! แกพอได้แล้ว คราวนี้แกปกป้องมันไม่ได้หรอก " 

          " ใจเย็นๆ ก่อนเถอะครับ "

          " ไอรีบขอโทษคุณพ่อสิ " ผมยืนมองคนสองคนที่ผมไม่อยากยุ่งด้วยอีกแล้วด้วยน้ำตา 

          " ไม่ " ผมพูดออกไปอย่างเย็นชา

          " ไอ ไปซะ " พริ้นไล่ผมให้ออกไปจากตรงนี้เหมือนทุกทีที่มีเรื่อง

          " จับมันไว้ แล้วโยนไปไว้ในคุกใต้ดินซะ " ผมที่ได้ยินคุณพ่อพูดแบบนั้นแต่ขากับไม่มีเรี่ยวแรง ผมยืนอยู่เฉยๆ รอให้บอดี้การ์ดของบ้านพาผมไป

          ผมนั่งอยู่ในห้องขังของบ้าน ครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ ผมเชื่อฟังพี่เสมอ ผมบอกว่าความคิดของพี่ครั้งนี้มันผิด แต่พี่ไม่เคยเชื่อผม พี่ทำเกินไปแล้ว ครั้งนี้ผมไม่มีวันให้อภัยพี่

          " ไอ " ผมมองพี่ชายด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าอย่ามายุ่ง

          " อยู่แบบนี้ไปก่อนละกัน ปลอดภัยกว่า " ผมไม่ได้ยินคำสุดท้ายที่พี่พูด แต่จริงๆ ผมไม่สนหรอก ผมจะตายยังไงก็ช่าง

          " ทำแบบนี้ทำไม " ผมถามพี่ชายด้วยความโกรธเคือง แต่คำตอบที่ได้ก็คือความเงียบ 

          " นี่แกข่มขืนมินจริงๆ งั้นเหรอ " เป็นคำถามที่ผมใช้ความเป็นคนทั้งหมดในการเค้นคำพูด ผมกลัว กลัวคำตอบของพี่เหลือเกิน
         
          " ใช่ " ผมวิ่งใส่กรงอย่างแรง และพยายามยื่นมือออกไปหาไอ้เลวนี่ด้วยความโกรธที่เหนือคำบรรยาย

          " เราเคยคุยกันแล้วนี่ไอ ฉันก็มีเรื่องที่ต้องทำ ส่วนนายก็แค่ต้องฟังฉัน ฟังที่ฉันสั่งเท่านั้น " 

          " ไปตายซะ " ผมที่ตอนนี้จบสิ้นแล้ว กับความเป็นพี่น้องของเรา ผมจะไม่ฟังพี่อีก แต่มีอีกสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมพี่ถึงยังยิ้ม เรื่องที่พี่ทำกับผม มันทำให้พี่มีความสุขมากงั้นเหรอ นี่พี่เกลียดผมขนาดนี้เลยเหรอ

          ตอนนี้คงดึกมากแล้ว ผมที่ตอนนี้ยังอยู่ในกรง นั่งรอเวลาเพื่อที่จะออกไป ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเข้ามาในนี้หรอก ที่นี่น่ะเหมือนกับเป็นห้องนอนที่สองของผม ผมมักก่อเรื่องและถูกส่งมาที่นี่เสมอตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว เพราะฉะนั้น ผมไม่สนหรอก ผมจะออกไป ไปหามิน

          ผมไขสะเดาะกลอนประตูด้วยความชำนาญ ปกติผมไม่เคยหนีหรอก ไม่มีเหตุผลให้ต้องหนี แต่คราวนี้ผมต้องไปหามิน บอกมิน ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นยังไง และผมอยากรู้ว่ามินโดนพริ้นทำอะไรจริงหรือเปล่า ผมต่อยกรงเหล็กด้วยความแค้น เวลาที่นึกถึงเรื่องนี้ มินที่ผมนั้นรักและถนุถนอมเป็นอย่างดี แค่คิดก็เหมือนจะตายแล้ว

          แต่ผมก็คิดว่าแล้วทำไมมินถึงไม่พูดอะไรเลย ไม่ได้แสดงออกถึงอาการของคนที่ถูกขืนใจ ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย และมินไม่ใช่คนที่จะยอมทำเรื่องแบบนั้นง่ายๆ แต่ผมก็ต้องหยุดความคิดนั้นอีกที หรือเพราะว่ามินก็ชอบพริ้น ไม่ ไม่มีทางผมเชื่อใจมิน มันอาจมีอะไรมากกว่านั้น

          ผมตอนนี้กำลังวิ่งข้ามสวนหน้าบ้าน และพยายามปีนรั้วออกไป ที่นี่เป็นที่ที่ผมคุ้นเคย ไม่มีทางที่จะโดนจับได้ ยกเว้นไอ้พี่ชายโรคจิตของผม ผมต้องรีบ ก่อนมันจะรู้ตัว

          ผมวิ่งไปตามถนน ยังดีที่พกกระเป๋าตังไว้ ผมโปกแท็กซี่ และไปมหา'ลัย ไปที่หอมินอย่างเร่งด่วน รถจอดลงที่หน้าปากซอยหอมิน แต่ก็ยังไกลมาก ผมรีบวิ่ง วิ่งไปหามินโดยเร็วที่สุด

          Trrr Trrr

          โทรศัพท์ของผมสั่นอยู่ในกระเป๋า แต่มันไม่ใช่เวลาที่ผมจะต้องมารับโทรศัพท์ แต่ว่ามันก็ยังคงสั่นอยู่ตลอดเวลา ผมเลยคิดว่าอาจจะเป็นมิน  ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า และก็เป็นมินจริงๆ มินโทรหาผม มินคงเข้าใจผมแล้วใช่ไหม มินไม่โกรธผมแล้วใช่หรือเปล่า

          " ฮัลโหลมิน " ผมรีบพูดด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน

          " ห..นีไป " ผมฟังไม่ถนัดเท่าไหร่ เสียงมินมีแต่ความสั่นกลัว

          " รีบหนีไป หนีไปพี่ไอ " มินละล่ำละลักรีบพูดด้วยความรีบร้อน

          " พี่อยู่แถวหอมินแล้ว พี่กำลังไปหา "

          " อะไรนะ ไม่ อย่ามา หนีไป " ผมไม่เข้าใจ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ทำไมผมจะต้อง

          " มิน พี่.. "


          ' ปัง!!! '


เสียงปืนที่ดังขึ้น และเสียงกรีดร้องของมินที่ดังมาจากที่ไกลๆ และหัวใจที่กำลังจะหยุดเต้นลง
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 35 หัวใจที่เต้นช้าลง ](02/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 02-10-2017 10:49:41
 :katai1:  :katai1:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 35 หัวใจที่เต้นช้าลง ](02/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-10-2017 22:10:23
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงง  o7 :dont2: :sad2:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 35 หัวใจที่เต้นช้าลง ](02/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 03-10-2017 10:48:17
          FC ที่ 36 รอยยิ้มของพี่ชาย


          ไอ


          ผมที่หยุดนิ่งค้าง เข่าอ่อนทรุดลงบนถนนที่ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากผม และคนอีกคนหนึ่งที่ผมนั้น ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่ ผมคลานไปช้าๆ หาร่างของผู้ชายคนนึงที่นอนอยู่ตรงนั้น ของเหลวสีแดงกำลังไหลออกมาอย่างช้าๆ ทำให้ผมตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัว

          " ทำ..ไ.ม " ผมไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะพูดออกมา ไม่นะ ไม่เอาแบบนี้ 

          " ทำไมถึงได้ " ผมน้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ กุมมือคนตรงหน้าไว้ด้วยหัวใจที่สั้นสะท้าน

          " ข.อโท.ษ " พริ้นพูดออกมาด้วยความยากลำบาก ถ้าพี่ไม่อยู่ตรงนั้น คนที่นอนอยู่บนพื้นตอนนี้คงเป็นผม

          " หยุดพูดได้แล้ว ลุกขึ้น ลุกขึ้นสิ!  " ผมตะโกนแล้วพยายามดึงพี่ให้ลุกขึ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ

          " ไม่ ไม่ ไม่ไม่เอาแบบนี้ อย่าล้อเล่นสิ! " ผมยังตะโกนใส่พี่ชายต่อไป

          " สัญญากันแล้วนี่ ว่าจะพาผมไปหาคุณแม่ " ผมที่ตอนนี้ร้องไห้และกอดพี่เอาไว้เหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ

          " ข.อ.โท..ษ..ค.ง.ทำ.ต..า.ม.สั.ญ.ญา ไม่.ไ.ด้..แล้.ว " ผมที่ร้องไห้จนสะอึกสะอื้น ส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับความจริง

          " ทำไมถึงทำแบบนี้ พี่เป็นบ้าอะไร! " ผมตะโกนด่าพี่เพราะผมไม่เข้าใจสักอย่างที่พี่ทำ พี่มันบ้า มันโรคจิต

          " ดี.ใจ ด้.วย.น..ะ.ไอ " พริ้นยังคงพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

          " พูดบ้าอะไร ลุกขึ้นมานะ " ผมยังคงพยายามดึงพี่ให้ลุกขึ้น แต่พี่ก็ดึงผมเอาไว้เสมอ ผมร้องไห้กับอกของพี่อย่างไม่อายใคร ถึงพวกเราจะไม่ค่อยเข้าใจกัน แต่ผมก็เชื่อฟัง พี่เสมอมา

          ผมมองเห็นมินที่ร้องไห้จนตัวสั่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แต่ว่าตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญแล้ว 



          " ฉันจะพานายไป " 

          " แต่นายต้องทำตามที่ฉันสั่งนะ เข้าใจไหม " ผมมองหน้าพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายที่นิสัยประหลาดของผม

          " อะไรเหรอ " ผมถามพี่ชายว่าต้องการอะไร

          " ไม่ต้องถาม ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ " ผมไม่เข้าใจ พี่กำลังแกล้งผมงั้นเหรอ พี่เกลียดผมใช่ไหม



          " กินข้าวซะ " ผมมองพี่ชายที่แอบเอาข้าวมาให้ผมอีกแล้ว

          " พริ้น!! ทำไมถึงทำแบบนี้ แม่สั่งว่ายังไง อย่าไปยุ่งกับมัน ทำไมถึงเป็นเด็กแบบนี้!! " ผมมองพี่ชายที่โดนตีและโดนดุแต่พี่กลับทำหน้านิ่่งเฉย

          " คุณแม่เกลียดคุณแม่ของไอ แต่ไอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ "

          " แม่สั่งก็ต้องทำ!!! เข้าใจไหมพริ้น!!! บอกแม่มาว่าลูกเกลียดมันใช่ไหม!!! " ผมมองหน้าพี่ที่ขมวดคิ้วมุ่นแบบไม่พอใจ

          " ครับ ผมเกลียดไอ " แต่แววตาที่พี่มองมาทางผมกลับอ่อนลง


          พี่ชายที่บอกว่าเกลียดผม กลับเก็บผมไว้ใกล้ๆ ตัวเสมอ คงเหมือนกับได้คุมขังผมเอาไว้ ไม่ให้ผมได้เป็นตัวของตัวเอง พี่เป็นคนแปลกๆ ที่ร้ายและมีความคิดที่น่ากลัว พี่ไม่เคยไว้ใจใคร พี่บอกผมเสมอว่าทุกคนล้วนหลอกลวง พี่จะใส่หน้ากากยิ้มแย้มหลอกลวงเอาไว้ และชอบลองใจคน เพื่อให้แต่ละคนเผยตัวจริงออกมา ด้วยวิธีการที่ไร้หัวใจทุกรูปแบบ

          " ทุกคนที่เข้ามาหาเราก็เพราะชื่อเสียงเงินทองและหน้าตาเท่านั้น อย่าโง่ให้พวกมันหลอก " พี่มักพูดแบบนี้กับผมเสมอ บอกให้ผมสวมหน้ากากของความหยาบคาย เพื่อปิดบังตัวตนของผม

          ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ผมมักจะเผลอต่อยพี่เสมอ แต่น่าแปลกที่พี่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะตอบโต้กลับมา ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนเมื่อมินเริ่มเข้ามา พริ้นก็ยังยึดติดกับความเชื่อมั่นเดิมๆ ว่ามินนั้นก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามา แต่ผมคิดว่าไม่ มินนั้นแตกต่างจากคนอื่น มินชอบพริ้นด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เป็นเหมือนรักแท้ อดทนแม้โดนทำร้ายจิตใจอย่างสาหัส

          ผมเฝ้ามองรอยยิ้มของมินที่มองพริ้น มันเป็นของจริง เป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ผมเมื่อได้รู้จักและใกล้ชิดกับมิน ผมยิ่งรู้และมั่นใจว่ามินเป็นคนที่เชื่อใจได้ แต่พริ้นก็ยังไม่ยอม ยังคงแกล้งมินด้วยความโหดร้ายเสมอมา วันนั้นที่คลับ ผมต่อต้านพี่สุดกำลัง ปกป้องมินด้วยตัวผมเอง ผมได้แต่บอกพี่ ขอร้องพี่ ให้พี่เชื่อผมสักครั้ง

          พี่ด่าผม ด่าแม่ของผม นั่นคงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงที่สุดที่พวกเราทะเลาะกัน แต่ผมก็ยังต้องพึ่งพี่ เพราะมีแค่พี่คนเดียวที่พาผมไปยังสถานที่แห่งความทรงจำนั้นได้ พี่บอกว่าชอบที่ได้เห็นผมร้องไห้เวลาไปที่นั่น พี่เลยชอบพาผมไป พี่มันโรคจิต

          พริ้นลากผมไปทุกๆ ที่ ยกเว้นที่ญี่ปุ่น แต่พี่ก็บอกว่า ถ้าผมทำตัวดีๆ เชื่อฟังพี่ พี่ก็จะพาผมไป ผมไม่รู้ว่าพี่โกหกผมหรือเปล่า แต่ผมก็ยังเฝ้ารอวันนั้น


          สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พี่เกลียดที่นั่น พี่ไม่ชอบเด็กๆ แล้วทำไมถึงชอบตามผมมากัน 

          " เกลียดเด็กงั้นเหรอ " ผมถามพี่ด้วยความสงสัย

          " ใช่ น่ารำคาญ " พริ้นพูดด้วยสีหน้าที่บ่งชัดว่าไม่ได้โกหก

          " แค่คนเดียวก็พอแล้ว " ผมฟังพี่พูดไม่ถนัด คนเดียวอะไรของพี่นี่หมายความว่ายังไงกันนะ


          พริ้นรู้ว่าผมนั้นรักผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอนั้นได้ตายไปแล้ว ผมได้เล่ารายละเอียดต่างๆ ให้พี่ฟัง พี่ไม่เคยหัวเราะเยาะผม แต่พี่ก็ไม่เคยออกความเห็นอะไรกับเรื่องนี้

          ยังคงมีหลายเรื่องที่ผมไม่เข้าใจพี่เอาซะเลย พี่ชอบทำตัวแปลกๆ ทำเรื่องเลวๆ กับคนอื่นได้หน้าตาเฉย คอยทำตัวแย่ๆ พลอยทำให้ผมดูแย่ไปด้วย ฉุดดึง เหนี่ยงรั้งกันไว้ ไม่เคยห่าง

          พี่ชอบบอกว่าพี่เกลียดผมใช่ไหม ผมก็เกลียดพี่เหมือนกัน แต่ว่าเพราะแบบนั้น คำว่าเกลียดของพี่ กับของผม มันคงไม่ใช่ความหมายเดียวกัน และวันนี้ผมพึ่งได้เข้าใจ ว่าคำว่าเกลียดของพี่ หมายความว่ายังไง

          เพราะฉะนั้นที่คุณพ่อชอบพูดน่ะ ไม่ผิดหรอก พริ้นคอยปกป้องผมเสมอ แม้กระทั้งลมหายใจสุดท้าย พี่ก็ยังคงปกป้องผมเหมือนที่พี่ทำเสมอมา


พี่ชายเพียงคนเดียวของผม
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 36 รอยยิ้มของพี่ชาย ](03/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 03-10-2017 17:05:11
โห พี่พริ้นนี่แหล่ะพระเอกตัวจริง อย่าตายน้า :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 36 รอยยิ้มของพี่ชาย ](03/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 04-10-2017 00:09:26
โอยยย อยากจะบ้าตาย ดันด่าพี่พริ้นไปซะเยอะเลย ยกโทษให้น้องด้วยยย น้องผิดไปแล้วว  :z3:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 36 รอยยิ้มของพี่ชาย ](03/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-10-2017 00:32:43
ผู้ได๋เป็นคนยิงพริ้น หวังว่าไม่ใช่ฮยองนะ  o12
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 36 รอยยิ้มของพี่ชาย ](03/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 04-10-2017 10:37:00
          FC ที่ 37 เด็กหนุ่มและพ่อบ้านในความทรงจำ


          มิน 5 ชั่วโมงก่อน



          ผมยังคงอยู่เพียงลำพังที่งานเทศกาลที่พี่ไอทิ้งผมเอาไว้ พี่ไอได้จากไปแล้ว ไปที่ไหนผมก็ไม่เข้าใจ แต่ผมนั้นเชื่อว่ามันจะต้องมีอะไรผิดพลาด 

          " คุณหนู มานั่งทำอะไรตรงนี้เหรอครับ "

          ความกลัวเข้าแทรกซึมตัวผม ฮยอง ตามผมมางั้นเหรอ ฮยองจะได้ยินเรื่องเมื่อกี้หรือเปล่านะ ถ้าฮยองรู้ว่าผ้าเช็ดหน้าเป็นของพี่ไอละก็ ฮยองอาจจะฆ่าพี่ไอก็ได้ ผมเงยหน้ามองคนสนิทที่สุดของผม ด้วยสีหน้าที่คิดว่าปกติที่สุด

          " เอ่อ คือทะเลาะกันนิดหน่อยครับ ฮยองตามผมมางั้นเหรอครับ นานหรือยัง " 

          " ช่วงนี้อันตรายหน่อยนะครับ เห็นคุณหนูรีบร้อนออกมาจากห้องเลยต้องตามมาดูสักหน่อย " 

          " ฮยองรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับผ้าเช็ดหน้าเพิ่มหรือยังครับ " ผมว่าผมลุยถามตรงๆ ไปเลยดีกว่า

          " ทราบเกือบ 90% แล้วล่ะครับ " ผมมองหน้าฮยองด้วยความกลัวที่ปิดไม่มิด

          " ยังไงตอนนี้กลับกันเถอะครับ ผมมีงานต้องไปทำต่อ " งานงั้นเหรอ ใช่เรื่องพี่ไอหรือเปล่านะ ผมมือสั่น ผมจะทำยังไงดีจะบอกพี่ไอยังไงให้หนีไป

          " ฮยองครับถ้าผมจะขอ.. "

          " เคยสัญญากันแล้วนี่ครับ การตัดสินใจของผมก็เพื่อคุณหนูทั้งนั้น ไม่เชื่อใจผมเหรอครับ " ฮยองจ้องมองผมด้วยใบหน้านิ่งเฉย และรู้ทัน แต่ผมกลับรู้สึกผิด ฮยองคุกเข่าลงตรงหน้าผม และกุมมือผมไว้ 

          " กรุณาเชื่อใจผมเถอะครับ " 

          " แต่มันอาจเป็นการฆ่าผมไปด้วยนะครับ " ผมน้ำตาไหลออกมาช้าๆ ด้วยความกลัว

          " ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็จะตามไปครับ " ฮยองจุมพิตที่นิ้วของผมช้าๆ เพื่อแสดงคำสัตย์อย่างที่เคยเป็นมา

          ฮยองมาส่งผมที่ห้อง และรีบร้อนออกไป ผมสังเกตุเห็นอาวุธบนตัวฮยองเพิ่มมากขึ้น เหมือนกับกำลังทำสงครามอยู่ ไม่ได้ลอบฆ่าคนงั้นเหรอ ฮยองแบกกระเป๋ายาวที่เหมือนปืนไรเฟิ้ลออกไป ทำให้ผมยิ่งตื่นกลัวไปใหญ่

          ผมพยายามโทรหาพี่ไอ แต่พี่ไอก็ไม่รับสายเลย ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง ผมเกลียดตัวเองที่ถอยหนีจากพี่ไอในตอนแรก ความสับสนทำให้ผมทำร้ายพี่ พวกเรานั้นคงเจ็บปวดไม่แพ้กัน

          ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้วแต่ผมก็ยังคงโทรหาพี่ไอ ต้องบอกพี่ ให้พี่ไปไกลๆ ก่อนช่วงนี้ มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมกดเบอร์พี่ไออีกครั้งและโทรออก

          " ฮัลโหลมิน " พี่ไอรับแล้วผมต้องรีบ

          " ห..นีไป " ความตื่นกลัวทำให้ผมพูดออกมาไม่ชัดนัก

          " รีบหนีไป หนีไปพี่ไอ " 

          " พี่อยู่แถวหอมินแล้ว พี่กำลังไปหา " ผมเบิกตากว้าง

          " อะไรนะ ไม่ อย่ามา หนีไป " ผมรีบพูดบอกพี่ไออย่างสุดกำลังด้วยความร้อนรน พร้อมวิ่งออกไปจากหอ 

          " มิน พี่.. "

          ผมที่วิ่งออกมา แต่ก็ยังไม่เห็นพี่ไอ คงไม่ไกลจากตรงนี้ล่ะ ผมวิ่งออกไปด้วยความเร็ว น่าจะเป็นซอยทางเข้าที่แถวนั้นเป็นตึกว่างๆ ไร้ผู้คน

          นั่น ผมเห็นพี่ไอ กำลังวิ่งมาทางผมจากไกลๆ พวกเรายังคงอยู่ห่างกันมาก ถึงจะไกล แต่ผมก็ยังจำได้ว่าเป็นพี่ไอ ผมรีบวิ่งไปหาพี่ด้วยใบหน้าที่มีความหวัง ผมจะปกป้องพี่เอง ผมจะไปถึงพี่แล้ว


          ' ปัง!!! '


          เสียงปืนที่ดังขึ้น ทำให้ผมหยุดนิ่งอยู่กับที่ ภาพเบื้องหน้าของผม ชายคนนึง ได้ล้มลงพร้อมเสียงปืนนั้น เหมือนกับเรี่ยวแรงทุกอย่างได้หมดลง ผมคุกเข่าลงกับพื้น กรีดร้องกับภาพที่เห็น ผมได้แต่ตัวสั่นและไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินไป

          พี่พริ้น ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนวิ่งเข้าไปกอดพี่ไอก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้น ผมมองพี่พริ้นที่ค่อยๆ ล้มลงไป กำลังนอนนิ่ง และเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด และพี่ไอที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก ก้มลงไปพูดกับพี่พริ้นและกอดพี่พริ้นเอาไว้

          " มิน เร็วเข้า " ผมที่กำลังช็อคกับภาพตรงหน้า หันไปมองคนที่กำลังลากผมเข้าที่กำบัง 

          " เกลียว " ผมมองหน้าที่กำลังหวาดวิตกของมัน ในมือของมันถือปืนสั้นเอาไว้ 

          " ฮยองฆ่าพี่พริ้น " ผมเริ่มร้องไห้อีกครั้งอย่างไร้เรี่ยวแรง 

          " ไม่ ไม่ใช่ อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ กูต้องพามึงออกไปจากตรงนี้ให้ได้ " ไอ้เกลียวพูดพร้อมพยายามลากผมให้ออกห่างจากที่นี่

          ไม่ ไม่ ผมรั้งตัวเองไว้และพยายามวิ่งออกไปอีกครั้ง พี่ไอ แล้วพี่ไอล่ะ พี่ไออาจจะโดนยิงอีกคน ผมรีบลนลานต่อสู้ไอ้เกลียวสุดกำลัง แต่ผมที่ตัวเล็กกว่ามัน ไม่อาจต้านแรงมันได้

          " คุณแจอินจะจัดการเอง กูขอโทษนะ " และนั่น ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่สิ่งต่างๆ จะดับวูบลง


          ไอ


          ผมยังคงกอดพี่เอาไว้ เสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง นี่มันอะไรกันนะ แต่ผมไม่สนหรอก ผมมองหน้าพี่ที่ซีดขาวและนิ่งสนิทเหมือนกับหลับไป กุมมือพี่เอาไว้ ผมจะไม่ไปไหน

          ' บรื้นนน เอี๊ยดดด! ' 

          เสียงรถสองคันดังขึ้นใกล้ๆ พร้อมกับชายในชุดดำหลายคนเดินเข้ามาหาผม และพยายามล็อคตัวผมไว้ 

          " พวกแกเป็นใคร ปล่อย! " ผมตะโกนลั่น ต่อสู้ขัดขืน ผมต่อยมันไปสองคน เพราะมันพยายามจะพาผมขึ้นรถ

          " อย่าแตะต้องพริ้นนะ " ผมรีบวิ่งเข้าไปหาพวกมันที่กำลังอุ้มพริ้นขึ้นรถด้วยแรงทั้งหมดที่มี ผมทั้งเตะและต่อยพวกมันลงไปกองหลายคน แต่สุดท้ายพี่ก็ถูกพาตัวไปยังรถอีกคัน ที่ตอนนี้วิ่งเร็วจี๋ออกจากซอยไปแล้ว

          ผมตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้ ตอนนี้ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

          แต่แล้วผมก็ต้องหยุดชะงักกับภาพตรงหน้า คนคนหนึ่งกำลังเดินลงมาจากรถตู้สีดำคันนั้น ผมค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนคนนั้นอย่างช้าๆ ไปหาบุคคลที่ผมนั้นจำได้ไม่มีวันลืม ถึงจะเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ผมก็มั่นใจ ว่าเขาคือใคร

          " ฮยองแจอิน " ผมเดินเข้าไปกำคอสูทสีดำของคนตรงหน้า และมองดูใกล้ๆ

          " ขึ้นรถก่อนเถอะครับ เรามีเรื่องต้องคุยกัน " ผมตามฮยองขึ้นรถ ฮยองไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ผมดีใจจริงๆ ที่ได้เจอกันอีกครั้ง

          " คุณกับพี่ชายช่างคล้ายกันนัก แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว คุณพ่อของคุณนี่ใจร้ายสุดๆ เลยนะครับ ถึงซ่อนตัวลูกชายอีกคนเอาไว้ " 

          " คุณรู้ได้ยังไง " ผมถามด้วยความสงสัย เพราะคุณพ่อนั้นเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับสุดๆ

          " พี่ชายของคุณ นิสัยแย่จริงๆ แต่ก็คงจะรักคุณมาก " 

 
          ฮยองแจอิน


          " นาย บอกมาว่าเป็นใคร " นึกว่ามดปลวกที่ไหน ผู้ชายที่คุณหนูคิดว่าเป็นคนที่ช่วยชีวิตสินะ หน้าเหมือนแต่นิสัยไม่ใช่ 

          " เล็งปืนใส่แบบนี้นิสัยไม่ดีเลยนะครับ " ถ้าไม่ใช่คนที่คุณหนูชอบละก็ แกตายตั้งแต่ยังไม่ชักปืนหรอกไอ้หนู

          " ผมก็เป็นแค่พี่ชายของมินครับ อย่างที่บอกในโรงพยาบาลนั่นแหละ ถ้าคุณสงสัยละก็ " ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกับมันมาก 

          " เป็นบอดี้การ์ดคุณหนูนั่นใช่ไหม " เห็นทีจะเอามันไว้ไม่ได้แล้ว

          " อย่าขยับ ฉันยิงจริงๆ นะ " หึ ผมที่ขยับตัวเร็วไปนิด คงทำให้ตกใจสินะเด็กน้อยเอ๋ย หาเรื่องจริงๆ

          ผมค่อยๆ ยกมือขึ้นทั้งสองข้างให้เหมือนกับยอมจำนน จริงๆ แล้วผมกำลังสงสัยมันนั่นแหละ เพราะผ้าเช็ดหน้าในที่เกิดเหตุนั่นเป็นของตระกูลของมัน แต่ผมเพิ่งพบหลักฐานบางอย่างจากรถตู้คันนั้น ดูเหมือนจะเป็นแผนลวงใส่ร้ายตระกูลของนายพริ้นนี่ ตัวการจริงๆ เป็นอีกกลุ่มนึง ที่เป็นศัตรูของทั้งตระกูลคิม และของไอ้เด็กบ้านี่

          แต่มีอีกเรื่องที่อยากรู้จริงๆ คือเรื่องหนุ่มผมดำนั่น เกี่ยวข้องยังไงกับนายพริ้นนี่กันนะ

          " คุณพูดเรื่องอะไร ผมดูเหมือนนักฆ่าแบบนั้นเหรอ " ผมพูดเรียบๆ หลอกถามข้อมูลมันจะดีกว่า 

          " นี่แกไม่เคยส่องกระจกดูตัวเองเลยเหรอ เด็กอนุบาลยังรู้เลยมั้ง " ไอ้เด็กนี่กวนประสาทชะมัด

          " แลกเปลี่ยนข้อมูลกันดีไหมครับ คุณบอก ผมบอก " แต่จะบอกเรื่องจริงหรือเปล่านั่นอีกเรื่องนึง หึ

          " หึ ไม่ล่ะ ฉันยังไม่แน่ใจหรอกนะ แต่ก็อยากให้มันเป็นอย่างที่คิด "


          หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกับเด็กพริ้นนี่อีก จนวันนี้ก่อนที่คุณหนูจะออกไปงานเทศกาลกับหนุ่มผมดำนั่น

          " นาย " มันอีกแล้วสินะ มันที่หาผมเจอง่ายๆ นี่ทำผมอารมณ์เสียชะมัด

          " ไอเป็นน้องของฉัน " ผมที่อยู่ดีๆ ก็เจอแจ็คพ็อต เป็นอย่างที่คาด ดีล่ะ ต้องรีบแจ้งคุณหนู

          " อย่าบอกมิน " ผมมองหน้าเด็กพริ้นนี่ด้วยความไม่เข้าใจ
         
          " ไอจะต้องดีใจมากแน่ๆ ไม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว " ผมกำลังมองหน้าคนที่กำลังมองออกไปบนท้องฟ้าด้วยรอยยิ้ม เด็กนี่คงรักน้องชายมากสินะ 

          " ทำไมผมจะต้องฟังคุณ " ผมไม่จำเป็นต้องรับคำสั่งจากใคร

          " มันจะเป็นเซอร์ไพรส์พิเศษ ของทั้งสองคน " ผมมองไอ้บราค่อนนี่ ลองฟังมันหน่อยก็คงได้

          " นายมีแผนอะไร " 

          แต่เมื่อผมฟังแผนของเด็กพริ้นนี่แล้ว ผมนึกออกในทันที เป็นความคิดที่ดีเยี่ยม คุณหนูจะต้องดีใจมากแน่ๆ

          " แต่ว่าตอนนี้มีพวกจ้องจะเล่นงานเราอยู่ จะต้องปกป้องไว้ให้ได้ " เป็นอย่างที่เด็กนั่นพูด ตอนนี้เรื่องปกป้องคุณหนูสำคัญกว่า 

          " นาย สัญญาได้ไหม ว่าถ้าเกิดฉันพาไอไปที่นั่นไม่ได้ นายจะช่วยพาน้องของฉันไปที่นั่นแทนฉัน " ผมมองเด็กคนนั้นที่ดูมีความสุขเหลือเกินเวลาที่พูดถึงน้องชาย


นายน่ะ ไม่ใช่คนที่ดี แต่นายเป็นพี่ชายที่ดีนะเด็กน้อย
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 37 เด็กหนุ่มและพ่อบ้านในความทรงจำ ](04/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 05-10-2017 01:28:27
หรือพี่พริ้นจะคู่ฮยอง ดูทรงแล้วมีลุ้นแฮะ  พี่พริ้นอย่าตายเด้อ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 37 เด็กหนุ่มและพ่อบ้านในความทรงจำ ](04/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-10-2017 01:34:10
เมนต์ไม่ออก สมองมึนตืบ  :really2: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 37 เด็กหนุ่มและพ่อบ้านในความทรงจำ ](04/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 05-10-2017 11:56:28
          FC ที่ 38 คนของความทรงจำที่แท้จริง


          ไอ


          ผมนั่งอยู่ในรถตู้ที่ขับออกมาด้วยความเร็ว ผมไม่เข้าใจว่าทำไมฮยองถึงรู้จักกับพริ้นได้ แล้วฮยองมาทำอะไรที่นี่ ผมรู้ว่าฮยองเป็นหัวหน้าพ่อบ้านและบอดี้การ์ดของตระกูลคิม และจะมีเรื่องอะไรสำคัญถึงขนาดที่คนคนนี้ต้องบินมาไกลถึงไทยกันนะ

          " ฮยองมาทำอะไรที่ไทยงั้นเหรอครับ " ผมถามออกไปด้วยใจระทึก 

          " ผมเป็นผู้ดูแลผู้สืบทอดของตระกูลนี่ครับ แน่นอนว่าผมต้องมาอยู่ดูแลคุณหนู " ผมหัวใจเต้นแรง คุณหนูงั้นเหรอ แต่ว่า

          " แต่ว่าจีมิน ตายไปแล้ว " ผมพูดด้วยเสียงแหบแห้ง ผมยังคงไม่อาจพูดคำนี้ออกไปได้ โดยไม่อยากร้องไห้

          " ข้อมูลที่คุณได้รับถูกต้องแล้ว คุณหนูจีมินแห่งตระกูลคิมได้ตายไปแล้ว " ผมน้ำตาไหลออกมา นี่ผมหวังอะไรกันนะ ผมหวังในใจลึกๆ ว่าเรื่องที่ผมรู้มาตลอดนั้นอาจเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด

          " ผมมาที่นี่ เพื่ออารักษ์ขาปกป้องคุณหนูอีกคนที่เหลืออยู่ของตระกูล " ผมเงยหน้าขึ้นจ้องมองฮยองที่ยังคงทำหน้านิ่งเฉย 

          " คุณหนูอีกคนงั้นเหรอครับ "

          " ผมมาที่นี่เพื่อปกป้องคุณหนูยูมิน น้องชายฝาแฝดของคุณหนูจีมิน " ผมมองฮยองด้วยความสงสัย

          " คุณคงได้ข่าววงในสุดๆ มาจริงๆ น้อยคนนักจะรู้ว่าคุณหนูจีมินได้เสียชีวิตลงแล้ว แม้แต่ตัวคุณหนูยูมินเองยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตของพี่สาวตัวเองเลยครับ มันยากเกินไปที่จะพูดถึง " 

          " คุณหนูยูมินที่ฮยองพูดถึงนั่น " ผมมือสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

          " ใช่มินหรือเปล่าครับ มินที่ผม... " 

          " มินที่คุณกำลังคบหาด้วยใช่ไหมล่ะครับ แน่นอนว่า คำตอบคือ ใช่ " ผมน้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เพราะอย่างนี้สินะ ผมถึงได้ตกหลุมรักเด็กนั่น เพราะว่าหน้าตาเหมือนกัน เป็นฝาแฝดงั้นเหรอ 

          " แต่ผมว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิดไปอีกอย่างนะครับ " ผมเงยหน้ามองฮยองที่ยังคงพูดต่อไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย

          " คุณหนูจีมินตายไปเมื่อ 11 ปีก่อนครับ " 11 ปีก่อนงั้นเหรอ ผมไม่เข้าใจที่ฮยองพูด 

          " ถึงที่หมายแล้ว กรุณาลงจากรถด้วยครับ แล้วคุณจะเข้าใจทุกอย่างเอง "

          ผมที่กำลังมึนงงสับสน ถูกดันให้ลงมาจากรถตู้คันใหญ่สีดำนั่น ผมยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะถามฮยอง แต่รถคันนั้นก็แล่นจากไปแล้วด้วยความรวดเร็ว

          ผมมองไปรอบๆ สถานที่ที่ผมถูกนำมาทิ้งไว้ และก็ต้องยิ่งงงไปใหญ่ เพราะว่าที่นี่ มันคือร้านของผม ที่ที่ผมเก็บสิ่งสำคัญเอาไว้ ผมรีบวิ่งเข้าไปในร้านซึ่งตอนนี้ผมปิดมันอยู่ เพราะผมนั้นยุ่งเกินกว่าที่จะเปิดมันได้ หัวใจผมเต้นรัวเร็ว พร้อมออกวิ่งไปยังใต้แชนเดอร์เลียนั่น ที่ใจกลางร้านแห่งนี้

          ภาพเบื้องหน้าทำให้ผมหัวใจสั่นไหว เปียโนของผม มันหายไป หายไปไหน เป็นไปได้ยังไง ผมวิ่งไปรอบๆ อย่างตื่นตกใจ เพราะมันเป็นสิ่งล้ำค้าเพียงสิ่งเดียวของผม ใจกลางนั่น ผมเห็นจดหมายอันเล็กๆ วางอยู่ตรงที่ที่เคยมีวางเปียโนตั้งเอาไว้

          ' กลับคืนสู่ที่ของมัน ' 

          ผมมองกระดาษในมืออย่างไม่เข้าใจ แต่ผมจำลายมือนี้ได้ มันคือลายมือของพี่ พี่เป็นคนช่วยผมนำมันเอามาไว้ที่นี่ และตอนนี้พี่นำมันกลับคืนไปงั้นเหรอ เพราะอะไรกัน เมื่อผมนึกถึงพี่ ผมก็ร้องไห้อีกครั้งอย่างเจ็บปวดใจ

          แต่ เดี๋ยวก่อนนะ คำพูดของฮยองมันแปลก 11 ปีงั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ผมเจอจีมินเมื่อ 8 ปีก่อน 8 ปีใช่แน่นอน

          แต่อยู่ๆ ผมก็นิ่งค้างอยู่ตรงนั้น หยาดน้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย พร้อมๆ กับที่ผมหัวเราะออกมา อย่างงั้นเหรอ มันเป็นแบบนี้เองเหรอ ผมไม่ได้พบจีมิน ผมไม่ได้ช่วยชีวิตจีมิน แต่ตอนนั้น บนยอดตึกนั่น คนที่ผมได้ช่วย และรักจนหมดหัวใจ

          ก็คือ ยูมินต่างหากล่ะ


          มิน


          ผมลืมตาตื่นขึ้น ผมเวียนหัวจัง เหมือนกับโดนทุบหัวยังไงยังงั้น ผมที่กำลังนั่งงัวเงียและกำลังพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเบิกตาโพรง พร้อมลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ใช่แล้ว พี่่พริ้น พี่พริ้นถูกยิง ผมต้องรีบ พี่ไอ พี่ไอละ ผมอยู่ที่ไหน ผมต้องไปช่วยสองคนนั่น

          " จะไปไหน นอนลงก่อน " ผมหันไปมองไอ้คนทุบหัวผมด้วยความเคือง 

          " กูจะฆ่ามึง " ผมโดดใส่มัน และบีบคอมันด้วยความหมั่น

          " โอ้ยยย เป็นห่าอะไรวะเนี่ย กูช่วยมึงอยู่นะ " ไอ้เกลียวดิ้นไปมาอยู่ใต้ตัวผม

          " พากูกลับไป พากูไปหาพี่ไอ " ผมยังคงทุบตีมัน กระทืบมัน มึงบังอาจตีหัวกูจนสลบ ไอ้เพื่อนทรยศ

          " มึงแหกตาดูด้วย ตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน มึงจะโดดร่มกูก็ไม่ว่านะ " ผมยกเท้าค้างไว้กลางอากาศและเหยียบมัน เดินไปข้างหน้า ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเล็กๆ นี่มันบนเครื่องบิน นี่มันบ้าอะไรกัน ผมวิ่งกลับไปกระชากคอไอ้เกลียวอีกครั้งอย่างร้อนรน

          " นี่มันอะไร มึงจะพากูไปไหน " 

          " กลับโซล " ไอ้เกลียวพูดเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม ยิ้มพ่อง

          " กูไม่กลับ พากูกลับบ้านทำไม " ผมลุกขึ้นกระทืบมันอีกครั้ง พร้อมวิ่งไปห้องนักบิน เตรียมพร้อมตะครุบตัวกัปตัน แต่ไอ้เกลียวก็วิ่งมาล็อคคอผมไว้ พร้อมใส่กุญแจมือผมล็อคไว้กับเก้าอี้

          " นี่มึงกล้าทำกับกูแบบนี้เหรอ! " ผมตะโกนใส่มันอย่างโมโห

          " กูจะฆ่ามึง กูจะไล่มึงออก กูจะให้ฮยองทรมานมึง " ผมร้องตะโกนดิ้นไปมาอย่างทุรนทุราย

          " มึงนี่โหดแท้ แต่กูไม่กลัวหรอก มาสิ มาฆ่ากูเร้วว " ไอ้เพื่อนสารเลวมันยังคงกวนทีนผม เต้นส่ายตูดไปมาอย่างท้าทาย อย่าให้กูหลุดไปได้นะมึง

          " มิน " อยู่ดีๆ มันก็เดินเข้ามาหาผมช้าๆ จับที่ไหล่ผม แล้วร้องไห้ออกมา 

          " กูดีใจด้วยนะ " ผมไม่เข้าใจสิ่งที่มันพูด มีเรื่องอะไรให้ยินดีงั้นเหรอ ผมต้องจากพี่ไอ และอาจจะจากพี่พริ้นตลอดกาล สิ่งที่ผมคิดมันทำให้ผมร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆ อย่างทุกข์ทรมานในหัวใจ


ป่านนี้พวกพี่จะเป็นยังไงกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 38 คนของความทรงจำที่แท้จริง ](05/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 05-10-2017 15:55:25
รู้ความจริงสักทีน้าพี่ไอ 
ปล.เกลียวน่ารักก
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 38 คนของความทรงจำที่แท้จริง ](05/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-10-2017 23:30:29
เกลียวมีมุมนี้ด้วยหรือ มีขึ้นเสียงด้วย ระวังฮยองมาได้ยินนะหลานเกลียว  o8
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 38 คนของความทรงจำที่แท้จริง ](05/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 06-10-2017 09:40:03
          FC ที่ 39 บทเพลงของสองเรา


          ผมมาถึงกรุงโซลด้วยหัวใจที่เจ็บปวด หม่นหมอง โศกเศร้ามากกว่าทุกครั้ง ดวงตาของผมตอนนี้มันปวดบวมแดงแจ๋เพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผมรู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่า ไร้จุดหมาย ผมเสียพี่พริ้นไปแล้วสินะ และผมจะได้เจอพี่ไออีกไหม ผมไม่รู้

          ผมนั่งรถของบ้านเพื่อเดินทางกลับ พร้อมกับไอ้เกลียว ที่ทำหน้าที่แทนฮยอง พอคิดถึงฮยอง ผมก็รู้สึกเจ็บปวด ทำไมกันครับ ทำไมถึงทำร้ายผม ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมจะต้องเสียใจ แล้วตอนนี้ทำไมถึงไม่อยู่ข้างๆ ผม

          ผมเดินเข้าบ้านด้วยร่างที่เหมือนไร้วิญญาณ ผมไม่ยอมไปทักทายคุณพ่อ เพราะตอนนี้ผมนั้นสภาพดูไม่จืด ผมนอนลงบนเตียง ร้องไห้และหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งกายและจิตใจ


          " คุณหนู ตื่นเถอะครับ " ผมได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างๆ ผมลืมตาขึ้น ห้องที่มืดมิด ตอนนี้กลับมีแสงจ้าลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ตอนนี้คงเช้าแล้วสินะ

          ผมไล่สายตาไปหาคนที่ปลุกผมขึ้นมา ชายในชุดสูทสีดำ กำลังขยับแว่นตา ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเช่นเคย ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปหาฮยองช้าๆ อย่างไร้เรี่ยวแรง

          " ทำไมกันครับ อยากให้ผมตายงั้นเหรอ " ผมที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ฮยองทำ กำลังกำปกเสื้อของฮยองไว้แน่นด้วยความเสียใจ

          " ทำไมถึงต้องฆ่าพี่พริ้นด้วย " ผมพูดพลางร้องไห้ออกมา 

          " ไม่ใช่สิ ถ้าพี่พริ้นไม่วิ่งออกมา คนที่ตายก็คือพี่ไอ " ผมพูดเสียงสั่นเครือด้วยความเจ็บปวด

          " ขออภัยด้วยครับคุณหนู ที่ผมปกป้องทั้งสองคนนั้นเอาไว้ไม่ได้ "

          " ปกป้องงั้นเหรอ " ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่ฮยองพูด 

          " คุณแจอินไม่ได้เป็นคนยิงหรอกนะมิน " ไอ้เกลียวที่เดินออกมาทำให้ผมขมวดคิ้ว

          " คนที่ลักพาตัวมึง เอ่อคุณหนูไม่ใช่พวกพี่ไอหรือพี่พริ้นหรอกนะ พวกนั้นน่ะถูกใส่ร้าย คุณแจอินกับพี่พริ้นน่ะ สืบและกำจัดพวกมันเกือบหมดแล้ว แต่สุดท้ายก็พลาด มีนักฆ่าคนนึงรอดชีวิต และซุ่มโจมตีอยู่ พี่ไอที่ไม่รู้เรื่อง ก็เลยวิ่งเข้ามา แล้วพี่พริ้นก็เลย " ความเงียบของไอ้เกลียวผมเข้าใจ อย่างนี้เองสินะ 

          " คุณหนูรีบอาบน้ำแต่งตัวเถอะครับ พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องทำอีก " ผมมองฮยองอย่างไม่เข้าใจ

          " ผมไม่อยากทำอะไรหรอกครับ ปล่อยผมอยู่คนเดียวเถอะ " ผมอยากโทรหาพี่ไอ แต่ว่าโทรยังไงก็ไม่ติด พี่ไออาจจะ ผมคิดและน้ำตาก็ไหลออกมาอีก

          " กรุณาทำตามที่บอกเถอะครับ "


          ที่นี่ยังคงหนาวเย็นเหมือนเคย หมอกควันหนาลอยตัวจนผมมองไม่เห็นอะไรข้างนอกกระจกเลย 

          " พวกเราจะไปไหนกันเหรอครับ " ผมถามฮยองที่ขับรถเงียบๆ และไอ้เกลียวที่เงียบเช่นกัน

          " ไปที่ที่คุณหนูอยากไป " ผมมองฮยองด้วยความไม่เข้าใจ

          " ถ้าเป็นที่นั่น ผมไม่อยากไปครับ " ผมน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง ผมยังทำใจไม่ได้ที่จะไปที่นั่น

          " ที่นั่น ไม่มีอะไรอีกแล้ว " ผมพูด และยิ้มทั้งน้ำตา แต่ในความเป็นจริงแล้วผมอยากจะไปครับ ผมคิดถึงที่แห่งนั้นเสมอ ที่ของเรา

          แต่ไม่นานผมก็มาถึง สถานที่ที่คุ้นเคย ผมเดินไปรอบๆ เหมือนอย่างที่เคย วันนี้หมอกหนากว่าทุกวัน ผมแทบมองไม่เห็นอะไรเลย หรืออาจจะเป็นเพราะน้ำตาของผมละมั้ง ที่มันทำให้ทุกอย่างพล่าเลือน

          ผมเดินไปเรื่อยๆ เข้าไปยังใจกลาง ที่ที่มีดอกไม้มากมายกองอยู่ตรงนั้น ใต้แชนเดอร์เลียอันใหญ่นั่น ผมหรี่ตามองเข้าไปด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน ผมยังไม่ตื่นสินะ ผมกำลังฝันไป

          ผมก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ น้ำตาเริ่มหลั่งรินออกมาไม่ขาดสาย ผมเอื้อมมือไปสัมผัสเปียโนต้วนั้น ที่ตั้งอยู่ใต้แชนเดอร์เลียนั่น ลูบไล้มันราวกับว่าผมได้ย้อนเวลาไปเมื่อวันวาน สภาพของมันดีขึ้น จนผมแทบจะจำไม่ได้ มันคือเปียโนหลังเดิม หลังที่ผมและคนสำคัญของผม ได้ใช้เวลาร่วมกันกับมัน

          ผมนั่งลงช้าๆ ที่เปียโน น้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน ผมคิดถึงเหลือเกิน คิดถึงความทรงจำที่แสนล้ำค่านั้น ผมค่อยๆ ขยับนิ้วช้าๆ พร้อมบรรเลงบทเพลง เป็นบทเพลงที่มีแค่ผมและคนในความทรงจำเท่านั้น ที่รู้ตัวโน๊ตของมัน มันเป็นบทเพลงแห่งความรัก แต่บัดนี้ ท่วงทำนองของมันกลับเศร้าสร้อยเหลือเกิน


          ไอ


          ผมเดินมายังสถานที่แห่งความทรงจำ ที่ผมนั้นมาประจำสม่ำเสมอ เป็นเวลานานแค่ไหนแล้ว ที่ผมนั้นต้องร้องไห้เจ็บปวดใจ กับการที่ต้องคิดว่าผมได้ฆ่าคนที่รักที่สุดไปแล้ว ผมที่มีชีวิตอยู่ ก็เหมือนตายทั้งเป็นเสมอมา แต่ต่อไปนี้มันจะเปลี่ยนไปแล้ว ขอบคุณครับพี่

          ผมเดินใกล้เข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ บรรยากาศยังคงเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ บทเพลง ผมได้ยินเสียง เสียงของบทเพลง ที่มีแค่ผมกับมินเท่านั้นที่รู้ การเดินทางไกลของเราสองคนได้สิ้นสุดลงแล้ว ผมก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยหัวใจที่สั่นไหว หยาดน้ำตาแห่งความสุขหลั่งรินช้าๆ ไม่ขาดสาย

          ภาพเบื้องหน้า เป็นภาพของคนที่ผมรัก กำลังบรรเลงบทเพลงของสองเราด้วยความโศกเศร้า ผมก้าวเดินไปช้าๆ เข้าไปหาคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมานานหลายปี ยืนอยู่ข้างหลัง และเอื้อมมือเข้าไปช้าๆ ที่คีย์เปียโนนั่น เพื่อเติมเต็มบทเพลงของเรา ที่จะสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อเราทั้งสองคนจะต้องบรรเลงร่วมกัน


          มิน


          บทเพลงที่ผมบรรเลงนั้น มีเสียงเมโลดี้ที่เพิ่มเข้ามา ผมกำลังฝันไปงั้นเหรอ ผมหันมองช้าๆ ที่คีย์เปียโนที่กำลังบรรเลงต่อไป มือที่กำลังขยับไปมาบนเปียโนนั้น เป็นมือที่ผมคุ้นเคยเหลือเกิน ผมมองไล่ขึ้นไปตั้งแต่ปลายนิ้วเรียวยาว แขนที่ขาวซีด ไล่ขึ้นไปยังไหล่กว้าง เงยหน้าขึ้นไปยังบุคคลที่ผมนั้นคิดถึงเหลือเกิน ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลา แต่บัดนี้กลับดูอ่อนโยน โหยหาและแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก

          เป็นพี่มาตลอดงั้นเหรอ ผมมองหน้าคนที่ผมนั้นรักหมดหัวใจ รักมาตลอดตั้งแต่ 8 ปีก่อน และบัดนี้ก็ยังหลงรักคนคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าพวกเราจะจำกันได้หรือไม่ มันไม่สำคัญ เพราะว่าพวกเรานั้น เกิดมาเพื่อรักกัน พวกเราจะหลงรักกันและกันไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่หัวใจของพวกเราก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

          ผมลุกขึ้นกอดคนตรงหน้าไว้ และคนตรงหน้าก็กอดผมกลับเช่นกัน พวกเรากอดกันเนิ่นนานเหมือนกับวันแรกที่พวกเราพบกัน ผมร้องไห้กับอ้อมอกนั้น ร้องให้กับความปวดร้าวเจ็บปวดที่เราต้องพบเจอตลอดมา ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว พวกเราได้พบกันแล้ว และพวกเราจะไม่พรากจากกันอีก

          " พี่ขอโทษ พี่มันโง่มาก " พี่ไอพูดด้วยเสียงสั่นเครือ พี่ต้องเจอเรื่องร้ายๆ อะไรมาบ้างนะ 

          " ไม่เลย ผมต่างหาก โง่มากนานมาก " ผมยิ้มให้พี่ไอที่ตอนนี้ก็ยิ้มให้ผมเช่นกัน

          " ทำไมถึงบอกว่าตัวเองชื่อจีมินล่ะ " พี่ไอถามผมด้วยสีหน้าตัดพ้อ

          " ก็ยังดีกว่าพี่ที่ไม่บอกชื่อผมเลย " ผมหน้าบู้ด้วยความงอนยิ่งกว่า

          " ใครบอก พี่น่ะบอกชื่อเราไปแล้วนะ " ผมเงยหน้ามองพี่ไออย่างไม่เข้าใจ พี่บอกผมตอนไหนกัน

          " ไอเลิฟยูไง " ผมเบิกตาที่บวมช้ำกว้าง เอ่อ จริงๆ ด้วยแฮะ อ้ากกกก 

          " ไอบ้านี่ " ผมกระหน่ำทุบตีไอคนที่เล่นไม่เข้าเรื่องอย่างหนัก ถ้าพูดออกมาดีๆ ตั้งแต่แรกก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก ทำคนอื่นเค้าลำบากแค่ไหน รู้ม๊ายย

          " ไม่ทันไรก็ทำร้ายกันซะแล้ว " พี่ไอนั่งลงกับพื้นกอดตัวเองเพราะโดนผมตี

          ผมยิ้มให้กับพี่ไอ วันนี้มันช่างเป็นวันที่ดีเหลือเกิน เป็นวันที่เราสองคน จะต้องจดจำมันไว้ตลอดไป

          " พี่มาที่นี่ได้ยังไงเหรอ " ผมไม่ควรถามหรือเปล่านะ เพราะว่าตอนนี้พี่ไอที่กำลังยิ้มแย้มกลับทำหน้าเศร้าอีกแล้ว

          " พี่พริ้นบอกให้พี่มา มาหามิน " ผมนั่งลงช้าๆ ข้างๆ พี่ไอ

          " พี่เคยสงสัยว่าทำไมพี่พริ้นถึงต้องยิ้มด้วยนะ เวลาแบบนั้นน่ะ แต่ตอนนี้พี่รู้แล้ว มินรู้ไหมว่าพี่พูดกับพี่พริ้นว่ายังไง " ผมส่ายหน้าช้าๆ สงสารพี่ไอจับใจ

          " พี่บอกให้พี่พริ้นไปตาย แต่พี่พริ้นก็ยังยิ้มให้พี่ พี่บอกให้คนที่ทำเพื่อพี่ไปตาย " ผมกอดพี่ไอที่กำลังร้องไห้เอาไว้ ทำไมพวกเราถึงไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันนะ ทำไมสวรรค์ต้องพรากคนที่พวกเรารักไปด้วย

          ผมจูบพี่ไอเบาๆ เพื่อปลอบโยนคนที่กำลังเสียใจ สายสัมพันธ์ของพี่น้องนั้นช่างแน่นแฟ้นและสวยงามเสมอ ผมถึงแม้จะถูกพี่พริ้นทำร้ายจิตใจเสมอก็เสียใจไม่แพ้กัน เพราะผมรู้สึกว่าพี่พริ้นนั้นไม่ได้ร้ายที่สุดหรอก แต่สภาพแวดล้อมได้ทำให้พี่แสดงออกมาแบบนั้น รักแต่ไม่อาจบอกรักได้ ช่างเป็นคนที่น่าสงสารเหลือเกิน

          พวกเรายังคงกอดกันไว้ เหมือนว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกัน ทั้งๆ ที่วันนี้จะเป็นวันที่พวกเรานั้นได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้งต่างหาก พวกเรากอดกันบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน ส่งยิ้มให้กัน และเริ่มบรรเลงบทเพลงอีกครั้ง ด้วยท่วงทำนองแห่งความสุข มันเป็นเพลงของเราสองคนที่แต่งขึ้นด้วยความรักของเรา


บทเพลงของสองเรา
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 39 บทเพลงของสองเรา ](06/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-10-2017 01:24:58
ถึงเจอกันแล้วแต่ก็รู้สึกว่ามันก็ยังเศร้าอยู่ดี  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 39 บทเพลงของสองเรา ](06/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 07-10-2017 14:02:32
          FC ที่ 40 รอยยิ้มปริศนาของคุณพ่อบ้าน


          ผมนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอน เอ่อ เรียกว่ามุมเตียงจะดีกว่า เพราะว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง มุมเตียงอีกมุมหนึ่ง ผู้ชายที่ผมหลงรักนั้นกำลังนั่งอยู่ อ้ากก นี่มันอะไรกัน พวกเราทั้งกอดทั้งจูบ ลูบคลำลงลิ้นต่างๆ นาๆ กันมาแล้ว แต่พอมารู้ว่าคนในความทรงจำของผมคือพี่ไอ ผมกลับรู้สึกว่าเขินอายมากกว่าปกติซะงั้น ใจเต้นตึกตักตลอดเวลา ทำตัวไม่ถูกอย่างกับสาวน้อยแรกแย้ม

          " ฮ่ะๆๆๆ " ผมหัวเราะกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง

          " ฮ่ะๆๆๆ " พี่ไอก็ไม่ต่างกันซะงั้น กลายเป็นตอนนี้เรานั่งหัวเราะกันคนละมุมฮะ จะบ้าตาย

          " เอ่อ พี่ไปนอนอีกห้องก็ได้นะ " แหมพ่อสุภาพบุรุษ ทีเมื่อก่อนละโดดใส่อย่างเดียวเลย ชิ

          " ใช่ซิ๊ แล้วแต๊เล้ย " ผมที่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ ก็คุมโทนเสียงของตัวเองไม่ได้ซะงั้น

          " งั้น แปลว่าได้เหรอ " พี่ไอค่อยๆ ขยับมาเรื่อยๆ จากมุมเตียง ในขณะที่ผมก็ขยับเข้ามาเหมือนกัน

          ' เฟี้ยวว ตุบ! ' 

          ผมหันไปมองไอ้ตัวตะกวดที่มันมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็โดดพรวดเข้ามากลางเตียงของผม ผ่านหน้าผมกับพี่ไอไปเส้นยาแดงผ่าแปด

          " เฮ้ออ สบายจัง เตียงนิ๊มนิ่ม ใหญ๊ใหญ่ เอาเป็นว่านอนนี่ดีกว่า " ผมหรี่ตามองไอ้ตัวขัดลาภ หนอยย กูจะฆ่ามื๊งงง

          " ขออภัยด้วยครับคุณหนู " ผมมองฮยองที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ชิ ฮยองปล่อยมันมาป่วนผมงั้นเหรอ

          " คุณไอ เชิญที่ห้องรับรองทางนี้เลยครับ ผมได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว " ผมมองพี่ไอด้วยแววตาละห้อย หึ่ยย มีแต่คนขัดความสุขของเราสองคนจัง

          " ฮยองง " ผมเดินไปหาฮยองและเอาหัวถูไถออดอ้อนเช่นเคย

          " พี่ไอนอนห้องผมก็ได้นี่นา ไม่เห็นเป็นไรเลยง่า " ผมตัดพ้อและย่ำเท้าไปมาแบบเด็กน้อย

          " มิน ไม่เป็นไรหรอก พี่เป็นแขก จะทำตัวน่าเกลียดได้ยังไง " ผมมองหน้าพี่ไอแล้วเบะปากอย่างขัดใจ ชิ 

          " ก็ได้ครับ " ผมมองพี่ไอที่กำลังเดินออกไป ไม่วายหันมายิ้มและโบกมือให้ผม อ้ากก น่าฟัด เอ้ยน่ารัก หึ่ยย อดใจไว้หนุ่มน้อย เขาต้องเสร็จเราแน่นอน ใจเย็น ผมส่งยิ้มหวานจ๋อยไปให้ แต่สายตาฮยองทำให้ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน

          ผมเดินไปถีบไอ้เกลียวออกจากเตียงแล้วนอนลงอย่างหงุดหงิด 

          " แหม กะได้เสียกันตั้งแต่คืนแรกเลยเหรอ ร้ายนะมึง " 

          " เสือก เรื่องของกู " ผมไม่สนใจหรอก แต่เอาจริงๆ ก็คงไม่กล้าหรอก อ้ากก เขินๆ

          " มึงไม่กลัวเหรอ มึงระบมแน่กูบอกได้เลย " ผมมองหน้าไอ้เกลียว หรี่ตามองมันและหูผึ่งเรียบร้อย เอาจริงๆ ผมไม่เคยมีประสบการณ์อะไรเลยครับ เรียกได้ว่าเลเวลศูนย์ของแท้ 

          " มันเป็นไงวะ มึงรู้เหรอ " ผมถามมันอย่างอดสงสัยไม่ได้

          " มันแบบว่า อึ๋ยย มึงจะปวดท้องสุดๆ เหมือนอะไรจะหลุดออกมา แล้วก็แสบมากด้วย " 

          " เดี๋ยวๆ นั่นมันขี้ท้องเสียแล้วสัด " ผมตบกบาลมันไปหนึ่งที กวนทีนไม่เลิก

          " เออ เอาดีๆ ละ มึงเตรียมเจลไว้เลย เอาแบบลื่นๆ หรือทางที่ดี มึงกดพี่เขาเลย อย่าให้เขาแทงได้ ใครแทงก่อนได้เปรียบ " แหม มึงพูดเหมือนง่ายเนอะ มึงจะให้กูกดพี่เขา กูไปสู้กับคิงคองง่ายกว่า

          " แต่แบบมึง กูว่ายังไงก็โดนเสียบ " ผมเลิกคิ้วมองมันแบบมึงก็รู้นิยังมาถาม

          " มึงรู้เรื่องแบบนี้ได้ไงวะ " ผมกระซิบถามมันแบบเบาๆ

          " กูพยายามเสียบคนคนนึงอยู่ " ผมเลิกคิ้ว เอาจริงดิ 

          " ใครวะ มึงเอาผู้ชายด้วยเหรอ " ผมถามมันด้วยความสงสัยจริงๆ

          " กูได้หมดถ้าสดชื่น "

          " แล้วใครวะ " ผมอยากรู้สุดๆ ไปเลย

          " คนที่กำลังจะเข้ามาเนี่ย " ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัยสุดๆ หมายความว่าไงวะ

          " คุณหนูได้เวลานอนแล้วนะครับ " ฮยองที่เปิดประตูเข้ามาทำผมถลึงตาแทบหลุดออกจากเบ้า เดี๋ยวนะนี่มึง ฆ่าตัวตายชัดๆ มึงขยับตัวผิด หนอนมึงหลุดออกจากตัวแน่ๆ ผมเขย่าๆ คอเสื้อไอ้เกลียวในความเงียบ มึงนี่มันคนจริงว่ะ กูยอม

          " เค้าเล่นกับมึงเหรอ " ผมกระซิบกระซาบใส่หูมันอย่างระแวดระวัง 

          " กูว่ากูอกหักแน่ๆ " มันกระซิบกลับด้วยแววตาหมองเศร้า

          " หมายความว่าไงวะ " 

          " พี่แกช่วงนี้หายไปไหนทุกคืนเลย เหมือนไปหาใครสักคน " ผมเลิกคิ้วขึ้นจนแทบหายไปจากหน้าม้า เห้ยๆๆ ฮยองมีคนรักงั้นเหรอ ผู้ใดได้ใจเสือตัวนี้ไปฟะ ต้องสุดยอดแน่ๆ

          " ซุบซิบอะไรกันครับ อยากตายมากใช่ไหม " คำว่าตายฮยองส่งสายตาไปทางไอ้เกลียวอย่างไม่ปิดบัง

          " คนบ้าอะไรหล่อฉิบหาย ดุร้ายแต่มีเสน่ห์ อยากเห็นสีหน้าแบบอื่นของคุณแจอินจัง แค่คิดก็สยิวแล้ว " ไอ้เกลียวยังกระซิบกับผมต่ออย่างไม่สนใจคำขู่ของฮยอง กูว่ามึงจะสยองมากกว่า

          " นับ 1 " ฮยองที่ยืนพิงกรอบประตูกำลังนับถอยหลังเค้าดาวน์แห่งความตายอย่างใจเย็น ไอ้เกลียวที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบใส่เกียร์หมาโกยอ้าวออกประตูไปอย่างรวดเร็ว

          ฮยองเดินเข้ามาในห้องพร้อมจัดผ้าห่มให้ผม 

          " ฮยองครับ ขอบคุณนะครับ " ผมส่งยิ้มให้ฮยอง 

          " เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ " ฮยองยังคงทำหน้าเรียบเฉย

          " ผมรักฮยองนะครับ " ผมพูดและรีบจุฟแก้มฮยองด้วยความเร็วแสง จนฮยองขมวดคิ้วมุ่น

          " ถ้าคุณไอมาเห็นอาจคิดเป็นอื่นได้นะครับ "

          " ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็จะจุฟพี่ไอด้วย " ผมพูดพลางยิ้มแป้นจนฮยองถอนหายใจ ผมนั้นตั้งแต่เด็กมีแต่ฮยองเท่านั้น แม้แต่พี่สาวเองยังไม่สนิทเท่า ผมคิด ว่าถ้าหากไม่มีพี่ไอแล้วละก็ ผมก็จะอยู่กับฮยองตลอดไป

          " ผมอยากอยู่กับฮยองตลอดไปเลยครับ อยากให้ฮยองมีความสุข " 

          " ผมไม่ลืมหรอกนะครับ ว่าคุณหนูเคยคิดจะจากผมไป " ผมหุบยิ้ม ใช่แล้ว แต่ว่าตอนนั้นน่ะ ผมยังเด็กเกินไป ผมรู้สึกผิดมากๆ ที่คิดจะทิ้งฮยองไว้ข้างหลัง

          " วันนี้ฮยองนอนกับผมนะ " ฮยองยิ้มน้อยๆ พลางขมวดคิ้วมุ่น 

          " ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ อายุตั้ง 19 แล้ว และจริงๆ ก็คงไม่ได้อยากนอนกับผมหรอกใช่ไหมล่ะ " ฮยองเลิกคิ้วอย่างรู้ทัน แต่ผมส่ายหน้าไปมาและส่งยิ้มให้คนตรงหน้า

          ผมรักพี่ไอครับ พี่ไอเป็นของผม ไม่ต้องรีบร้อน หึหึ แต่สำหรับผมแล้ว ก็คงเหมือนพี่ไอกับพี่พริ้นที่ยังไงสายสัมพันธ์ของครอบครัวก็สำคัญเช่นกัน ฮยองคือพี่ชายของผม พี่ชายสุดหล่อที่อายุมากกว่าผมถึง 5 ปี ร่างกายเพรียวบางแต่กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร

          ฮยองเป็นเด็กกำพร้า ที่คุณพ่อเก็บมาชุบเลี้ยงและฝึกฝนจนสมบูรณ์แบบสุดๆ ผมที่ไม่มีใครคุยด้วย ไม่ค่อยมีใครสนใจ ก็มีเพียงฮยองที่อยู่เคียงข้างผมเสมอมา ผมมองฮยองที่ตอนนี้กำลังถอดแว่นออก และเสยผมขึ้นช้าๆ อย่างตกตะลึง แบบนี้เองสินะ ไอ้เกลียวถึงใจสั่น เพราะขนาดผมเองยังเผลอกลืนน้ำลายเลยฮะ หล่อแบบทรมานใจเหลือเกิน

          " ผมจะอยู่จนคุณหนูหลับเท่านั้นนะครับ ผมมีที่ที่ต้องไปอีก " ผมมองฮยองที่นอนมองเพดานข้างๆ ผมอย่างสงสัย 

          " ฮยองมีแฟนแล้วเหรอครับ ใครกันน้า " 

          " อย่าพูดให้ขำหน่อยเลยครับ ใครจะเป็นแฟนกับไอ้เด็กโรคจิตนั่น " ผมขมวดคิ้วน้อยๆ เด็กโรคจิตงั้นเหรอ ใครกันนะ ผมมองฮยองที่ตอนนี้อมยิ้มน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี เดี๋ยวนะ ฮยองยิ้ม อ้ากกก ใครกันนะ ใครขโมยหัวใจฮยองไป ผมรีบคลานไปกอดฮยองไว้แน่นเหมือนเด็กกำลังจะถูกแย่งของรักไป

          " อะไรกันครับคุณหนู เล่นเป็นเด็กไปได้ " ฮยองตีแขนผมซะแรงเชียว

          " ผมกำลังจะโดนแย่งฮยองไป " ผมส่ายหัวดุ๊กดิ๊กไปมาและกอดฮยองไม่ปล่อย

          " ไม่มีใครแย่งผมไปจากคุณหนูได้หรอกครับ "

          " สัญญานะครับ " ผมกับฮยองนอนกอดกันไปมาอย่างมีความสุข


การที่เรามีใครสักคนที่รักและหวังดีต่อเราเสมอมามันเป็นอะไรที่ล้ำค่าที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 40 รอยยิ้มปริศนาของคุณพ่อบ้าน ](07/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 07-10-2017 18:49:22
ฮยองเกลียวชัวร์  :katai4: :katai4: :hao7:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 40 รอยยิ้มปริศนาของคุณพ่อบ้าน ](07/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-10-2017 19:04:00
รักฮยองนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 40 รอยยิ้มปริศนาของคุณพ่อบ้าน ](07/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 07-10-2017 21:51:11
เกลียวคิดจะกดฮยองหรอ 55555 ฮยองโหดเบอร์นั้นจะยอมให้กดหรอ  :laugh:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 40 รอยยิ้มปริศนาของคุณพ่อบ้าน ](07/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 08-10-2017 15:07:23
          FC ที่ 41 คืนเปลี่ยวของยูมิน


          ในความมืด ฮยองค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงและออกจากห้องไป หึหึ ได้เวลาล่าเหยื่อแล้วมินเอ๋ย ผมค่อยๆ ลุกออกจากเตียง เปิดประตูห้องให้เกิดเสียงน้อยที่สุด และค่อยๆ ย่องไปยังห้องรับรองแขกข้างๆ ด้วยใจระทึก ผมทำตัวกลมกลืนกับผนัง คลานหลบแสงจันทร์ และแง้มประตูห้องพี่ไอเบาๆ อย่างเชี่ยวชาญ หึหึ ถ้าแบบโจ่งแจ้งแล้วเขินละก็ จัดการแม่งในความมืดนี่แหละ ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับตัวเองและคืบคลานต่อไปยังเตียงที่มีคนนอนอยู่อย่างระแวดระวัง

          " หลับไวจัง ไม่คิดถึงกันเลยหรา ชิ "

          ผมค่อยๆ คลานเข้าไป มุดผ้าห่มผืนหนาที่ปกคลุมร่างนั้นไว้ แหม ขนหน้าแข้งเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ผมที่ค่อยๆลูบไล้คนตรงหน้าเบาๆ อย่างรักใคร่ อยากช่วยถอนขนจริงๆ ให้ตาย

          ผมยังคงคลานช้าๆ ต่อไป จุดหมายอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ขอมองหน้าให้หายคิดถึงหน่อยเถอะ 
         
          " เบาๆ นะตัวเอง เค้าไม่เคย " หือ เดี๋ยวนะ เสียงสตอแบบนี้คุ้นๆ

          ผมลุกขึ้น ดึงผ้าห่มออก เผยให้เห็นคนที่นอนสบายอารมณ์ด้วยท่วงท่าเย้ายวนกวนบาทาซะเหลือเกิน โถ่ว ไอ้สันขวาน ผมถีบมันลงจากเตียงแล้วเดินไปเปิดไฟอย่างอารมณ์เสีย 

          " โอ้ย อะไรของมึงเนี่ย ย่องเข้าห้องกูแล้วเสือกถีบกูอีก " ผมที่ตอนนี้ถึงกับกุมขมับ มึงไปนอนบ้านหมาไป๊ ไอ้ห่า

          " มึงมานอนอะไรห้องนี้วะ เซ็งโว้ยย " 

          " เหมือนคุณแจอินจะรู้ทันมึงว่ะ เลยให้พี่ไอไปนอนชั้นบนโน้น ฮ่าๆๆๆ " ไอ้เกลียวตอนนี้หัวเราะชอบใจกับความผิดหวังของผมปานจะขาดใจ เดี๋ยวมึงได้ขาดใจตายจริงๆ แน่ ไอ้เพื่อนเลว ไม่บอกกูสักคำ

          " เห็นว่าให้บอดี้การ์ดยืนคุมอยู่หน้าห้องพี่ไอด้วยนะโว้ย มึงต้องแห้งเหี่ยวแน่ๆ คืนนี้ ฮ่าๆๆๆ " ไอ้กากเกลียวยังคงหัวเราะตัวงออยู่ที่พื้นห้องอย่างขำขัน หึ คิดว่ากูยอมแพ้เหรอ

          ผมออกมาจากห้องตะกวดเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของผม และย่องต่อเนื่องขึ้นไปยังชั้นบน อย่าดูถูกสกิลตีนแมวของผมนะคร๊าบ

          " ทำอะไรอยู่ตรงนี้เหรอครับคุณหนู " อ้ากกก ผมที่กำลังทำตัวกลมกลืนกับแสงจันทร์ เจือกโดนเจอเข้าจังๆ

          " เอ่อ คือห้องน้ำครับ ปวดชิ๊งฉ่องจัง แหะๆ "

          " ในห้องคุณหนูก็มีห้องน้ำนะครับ มาครับเดี๋ยวผมจะนำไป " พ่อบ้านเหี่ยวๆ ของคุณพ่อเดินนำผมกลับห้อง หัวใจของผมมันช่างห่อเหี่ยวซะเหลือเกิน ฮืออ

          ผมกลับเข้ามาในห้อง นอนดิ้นไปมาอยู่บนเตียงอย่างหว่าเว้ ฮืออ เค้าอยากกอดพี่ไออ่ะ ใจร้ายกันจัง พรากคนรักกันมันบาปนะ ไม่รู้กันเลยเหรอ หึ่ยย

          แต่อยู่ดีๆ ก็มีมือมาดึงผม และลากผมขึ้นไปบนเตียง ตอนนี้ห้องของผมปิดไฟมืดครับ แต่กลิ่นและความรู้สึกของผมนั้นรู้ได้ทันทีว่าใครกำลังกอดผมจากด้านหลังอยู่ ผมหดคอและเกร็งตัวอัตโนมัติ อ้ากกก ถ้าเปิดไฟนี่ต้องเห็นเลือดซึมออกจากหางตาผมแน่ๆ ผมที่ตอนนี้หน้าแดงเถือกแบบสุดๆ บรรยากาศแบบนี้ สัมผัสแบบนี้ จะเหลือม๊ายตัวผม

          " กลัวหรือเปล่า " พี่ไอกระซิบข้างๆ หูผมเบาๆ ทำเอาผมกลืนน้ำลายเอื้อก ไอ้กลัวนี่กลัวอะไรคร๊าบพี่ไอ

          " ม..มาได้ไงอ่ะ " ผมที่เขินจนเสียงสั่นแต่ก็สงสัยสุดๆ

          " พี่มารอสักพักแล้ว ไม่รู้มินไปไหน " ใจตรงกันซะงั้น อ้าก

          ผมที่อยู่ในชุดนอนผ้าแพรตัวบาง เนื้อผ้าลื่นๆ แปลกๆ เวลาที่พี่ไอกอดไว้แบบนี้ ความรู้สึกเลยเหมือนผมไม่ได้ใส่อะไรเลย มันสยิวมาก อ้ากก พี่ไอเริ่มมือปลาหมึกอีกแล้ว ลูบไล้ตัวผมเบาๆ และกำลังหอมแก้มผมอยู่ 

          " มินของพี่น่ารักมาก ตอนเด็กๆ ว่าน่ารักแล้ว โตขึ้นมายิ่งน่ารักไปใหญ่ " ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้าบานสิครับ เอาจริงๆ ผมอยากหล่อนะ แต่ถ้าพี่ไอชอบแบบนี้ผมก็โอเช อิอิ

          " พี่หลงรักมินตั้งแต่แรกเห็นเลยนะ กะว่าถ้ามินจะโดดลงไปจริงๆ พี่ก็คงจะตามไปด้วย " ผมเงยหน้ามองพี่ไอในความมืด พี่ไอกำลังมองออกไปยังนอกหน้าต่างที่แสงจันทร์สาดส่องเข้ามา

          " พี่ร้องไห้ทุกครั้งที่ไปที่นั่น พี่คิดว่ามินจากพี่ไปแล้ว แต่ตอนนี้พี่กำลังกอดมินอยู่ เหมือนฝันไปเลย " พี่ไอซุกหน้าเข้ากับคอของผมและกอดผมแน่น ผมทำให้พี่ต้องเจ็บปวดขนาดนี้เลยเหรอ

          ผมพลิกตัวหันหน้าเข้าหาพี่ไอชันเข่าและกอดพี่ไอไว้ พี่ไอจอมหยาบคายคนนั้น แท้จริงแล้วหัวใจกลับเปราะบางมากกว่าที่คิด ผมที่ว่ามีแต่เรื่องน่าเศร้าแล้ว แต่คงเทียบไม่ได้กับของพี่

          ผมจับหน้าพี่ไอที่กำลังซบลงบนหน้าท้องของผมขึ้นช้าๆ และพรมจูบลงบนหน้าผาก จมูก และไล่ลงมากยังปากได้รูปนั้นจนริมฝีปากของเราสองคนแนบสนิทเข้าหากัน เป็นจูบแห่งความรักที่สองเรามีให้กันเสมอมา โดยไม่มีอารมณ์อื่นใดแอบแฝง

          แต่เอ๊ะ ผมรู้สึกว่ามือของพี่ไอนั้นอยู่ผิดตำแหน่งไปนิด เพราะความรู้สึกของผมมันบอกว่า ก้นของผมกำลังโดนขยำอยู่อย่างมันส์มือ

          " เอ่อ พี่ไอครับ " หนอยย ตีหน้าเศร้าเล่าความหื่น ไอ้สายตาลูกหมาหงอยเมื่อกี้หายไปไหน ตอนนี้พี่ไอกำลังจะกลายร่างเป็นหมาป่าอีกแว้ว

          " นิ่มจัง " อ้ากกก ผมจับมือพี่ไอที่ยังขยำก้นผมเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผลสักนิด

          " ด..เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ ครับพี่ " พี่ไอเริ่มออกแรงกอดเอวผมเอาไว้แน่นแล้วนอนลงไป ทำให้ตัวผมตอนนี้ทับอยู่บนตัวพี่ไอในท่าล่อแหลมสุดๆ หน้าอกของผมอยู่ในตำแหน่งปากพี่ไอพอดีเป๊ะ ม่ายน๊าา

          " คราวที่แล้ว อด แต่คราวนี้ไม่รอดหรอก หึหึ " ว่าแล้วพี่ไอก็กอดรัดผมลงไปนัวเนียอยากร้อนแรง ขยำขยี้ผมจนชุดแทบจะหลุดรุ่ย

          ' กรวบๆ '

          เอ๊ะได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ผมกับพี่ไอหยุดทุกการกระทำวาบหวิวต่างๆ และมองไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งในมุมมืด

          ไฟห้องเปิดขึ้น พร้อมไอ้ห่าสันขวานนั่งเคี้ยวป๊อบคอนอยู่บนเก้าอี้อย่างเมามันส์

          " อ่าว หยุดไมอ๊ะ กำลังได้รมณ์ " ผมกับพี่ไอจึงร่วมใจกันแจกอมยิ้มรูปส้นทีนให้มันไปอมเล่นคนละที เซอร์วิสจัดเต็มให้เลยสัด

          ผมตื่นเช้ามาด้วยความหดหู่ในหัวใจ ช่วงเวลาหรรษาอย่างที่ใฝ่ฝันมักมีมารผจญเสมอ ผมที่สาบานจะจกลูกตามันให้ได้ ไอ้ห่ารากไส้ แต่พี่ไอกลับนอนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี และบอกว่าจริงๆ พี่เขาไม่คิดจะทำอะไรผมอยู่แล้วครับ เพราะว่า

          " พี่อยากทักทายคุณพ่อของมินก่อน ตั้งแต่มาที่นี่ก็ยังไม่เจอท่านเลย " ผมหน้างออย่างปิดไม่มิด

          คุณพ่องั้นเหรอ ผมไม่อยากให้พี่ไอมีแผลในใจไปมากกว่านี้เลยครับ มีแต่จะโดนดุด่าเปล่าๆ

          " คือว่า ผม... " เหมือนพี่ไอจะรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไร พี่ไอส่งยิ้มให้และจับมือผมเอาไว้ บีบมือผมเบาๆ เพื่อให้ผมมีกำลังใจเดินต่อไปข้างหน้า บอกผมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเราก็จะต่อสู้ฟันฝ่าไปด้วยกัน


และจะไม่มีวันปล่อยมือจากกันตลอดไป
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 41 คืนเปลี่ยวของยูมิน ](08/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-10-2017 21:12:52
เดี๋ยวนี้ฝีมือหลานเกลียวพัฒนาขึ้นเยอะนะ เข้าห้องได้โดยที่หลานไอกับหลานมินไม่รู้ตัว นับถือ ๆ  :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 41 คืนเปลี่ยวของยูมิน ](08/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 08-10-2017 21:28:31
ฮามินอ่ะ แอบเข้าหาพี่ไอซะงั้น 55555
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 41 คืนเปลี่ยวของยูมิน ](08/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 09-10-2017 11:29:16
          FC ที่ 42 สิ่งที่ไม่เคยพูดออกไป


          ไม่นานฮยองก็กลับมาและพาผมกับพี่ไอไปพบคุณพ่อ แต่น่าแปลก ปกติแล้วคุณพ่อจะชอบอยู่แต่ในห้องทำงาน แต่วันนี้ทำไมถึงเรียกให้ผมมาที่ห้องนอนกันนะ ผมมองหน้าฮยองที่หลบตาผมแปลกๆ และทำมือให้ผมเข้าไป ผมพยักหน้าให้พี่ไอที่เดินตามผมเข้ามาอย่างเงียบๆ

          ผมเข้ามาในห้องนอนของคุณพ่อที่ไม่ได้เข้ามานานเหลือเกิน ผมตกใจมากเพราะว่ารอบๆ เตียงคุณพ่อมีถุงน้ำเกลือและสายระโยงระยางเต็มไปหมด ผมรีบเดินไปคุกเข่าลงข้างๆ เตียงของคุณพ่อ และจับมือคุณพ่อเอาไว้

          " คุณพ่อไม่สบายเหรอครับ ทำไมไม่เห็นมีใครบอกอะไรผมเลย " ผมมองหน้าซูบซีดของคุณพ่อด้วยความไม่เข้าใจ คุณพ่อที่มักจะดุผมประจำตอนนี้กลับมองผมด้วยสีหน้าโล่งใจ

          " มาแล้วเหรอ พ่อแค่ไม่สบายนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย ได้ข่าวว่าโดนทำร้ายที่ไทย ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม ยูมิน " เสียงของคุณพ่อแหบแห้งดูไร้เรี่ยวแรง แต่สิ่งที่คุณพ่อพูดกลับทำให้ผมน้ำตาไหลออกมาอย่างช้าๆ

          " คุณพ่อเรียกผมว่าอะไรนะครับ " ผมมองคุณพ่อแบบที่ไม่อยากจะเชื่อ คุณพ่อไม่เคยเรียกชื่อผมว่ายูมินเลยมา 11 ปีแล้ว

          " ไม่เป็นไรแล้วนะ ยูมิน " คุณพ่อกำมือผมแน่น และส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้ ผมร้องไห้ออกมาอย่างเพราะความดีใจ เหมือนกับว่าความเจ็บปวดในหัวใจของผมได้ถูกปลดปล่อยแล้ว 

          " ผมไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับคุณพ่อ " ผมหันไปมองฮยองที่ส่งยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน  คุณพ่อส่งจดหมายเก่าๆให้ผมฉบับหนึ่ง ซึ่งจ่าหน้าซองถึงผม ผมได้แต่สงสัยจึงเปิดมันอ่านอย่างช้าๆ


          ถึง ยูมินลูกรัก

          ขอโทษที่แม่ไม่ได้ให้ความรักแก่ลูกอย่างที่ควรจะได้ พ่อกับแม่นั้นมีเวลาน้อยเกินไปที่จะดูแลลูกให้ดี จีมินพี่สาวของลูกถูกความสามารถของตัวเองกดดันอย่างหนัก ทำให้พี่ของลูกซึมเศร้าและไม่ร่าเริง เป็นความผิดของพวกเราที่ทำให้ลูกมีแต่ความหม่นหมอง พ่อกับแม่ไม่อยากให้ยูมินเป็นเหมือนพี่สาวของลูก จึงพยายามกีดกันลูกออกจากสิ่งที่รักเรื่อยมา แต่แล้วพ่อกับแม่ก็ได้รู้ว่ามันผิด พวกเราไม่สามารถเลี้ยงดูลูกๆ ให้มีความสุขได้เลย พี่ของลูกถึงได้จากพวกเราไป พี่สาวของลูกกระโดดน้ำตายด้วยความทุกข์ระทมในหัวใจ พ่อกับแม่ เป็นคนฆ่าลูกๆ เอง ในวันที่แม่เห็นลูกชายของแม่ใส่กระโปรงเพื่อแม่ แม่อยากขอโทษลูกเหลือเกิน แม่ได้ทำลายตัวตนของลูก ทำลายความภาคภูมิใจของลูก ขอบคุณที่ทำเพื่อแม่ เพื่อครอบครัวของเรา ยูมินลูกชายของแม่ เป็นลูกที่พ่อกับแม่ภาคภูมิใจที่สุด แม่รักลูกเสมอ ลูกชายของแม่ ยูมินของเรา


          ในกระดาษจดหมายนั้นมีแต่ร่องรอยของน้ำตา ผมร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างเศร้าเสียใจ ผมไม่เคยรู้เลยว่าคุณพ่อคุณแม่คิดอย่างไร ผมได้เกลียดผู้มีพระคุณของผมมาตลอด ผมมันเด็กน้อยเหมือนอย่างที่ฮยองมักพูดกับผมเสมอจริงๆ

          " คุณพ่อครับ นี่พี่ไอครับ " ผมมองพี่ไอและพยักหน้าให้พี่ไอเดินเข้ามาและคุกเข่าลงข้างๆ ผม 

          " ผมรักพี่ไอครับคุณพ่อ " พี่ไอมองหน้าผมเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะพูดคำนั้นออกมา ต่อหน้าผู้มีพระคุณ คุณพ่อส่งยิ้มให้ผม และเรียกพี่ไอให้เข้าไปใกล้ๆ จับมือของพวกเราสองคนเอาไว้ด้วยกัน

          " ลูกของพ่อรักคนไหน พ่อก็รักคนนั้น ดูแลยูมินด้วยนะ " ผมน้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจ ถ้อยคำของคุณพ่อมันมีความหมายต่อผมมากมายจริงๆ ผมผู้ซึ่งไม่เคยถูกยอมรับเรื่องใดๆ เลยในชีวิต บัดนี้ผมมีสิทธิ์ที่จะเลือก และผมก็ได้เลือกแล้ว เลือกมานานตั้งแต่ 8 ปีก่อนแล้ว

          " ขอบคุณครับ " ผมกับพี่ไอพูดพร้อมกัน และยิ้มให้กันอย่างมีความสุข


          " เป็นลูกชายของ S กรุ๊ปเหรอ คุณพ่อยังสบายดีไหม " คุณพ่อคุยกับพี่ไอ ถามถึงเรื่องของครอบครัวพี่ไอ

          " คุณพ่อยังสบายดีครับ " ผมสังเกตเห็นสีหน้าพี่ไอหม่นเศร้าลงอีกแล้ว

          " มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ S กรุ๊ปกับ K กรุ๊ปก็ร่วมธุรกิจกันมาตลอด "

          " ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ บริษัทของคุณพ่อถ้าเทียบกับของท่านแล้ว ก็ไม่ได้ถึงครึ่งของความยิ่งใหญ่ของท่านเลยครับ " พี่ไอพูดจาเป็นงานเป็นการได้น่าทึ่งมาก และยิ่งไปกว่านั้น ผมชอบเวลาพี่ไอพูดภาษาเกาหลีจัง แทบอยากจะกรี๊ดออกมา งืออ เท่ห์สุดๆ ไปเลย

          พวกเราบอกลาคุณพ่อ และผมบอกคุณพ่อว่าจะมาดูแลท่านบ่อยๆ และออกจากมาจากห้องด้วยหัวใจที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ผมที่เจ็บปวดกับความไม่เข้าใจมาตลอดเกือบทั้งชีวิต บัดนี้ได้ปลดเปลื้องความทุกข์ใจทุกอย่างแล้ว ผมจะได้ยิ้มออกมาจากหัวใจได้อย่างเต็มที่สักที

          ผมมองพี่ไอที่กำลังส่งยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน 

          " มีอะไรเหรอครับ มองผมแปลกๆ " ผมถามอย่างสงสัย

          " ขอบคุณที่บอกว่ารักพี่ ต่อหน้าคุณพ่อนะ " ผมรีบหันหน้าหลบพี่ไออย่างรวดเร็ว เพราะว่าตอนนี้หน้าผมกลายเป็นมะเขือเทศอีกแล้ว

          " พูดอีกทีได้ป่ะ " พี่ไอยังคงตามมากระซิบข้างๆ หูผมอย่างออดอ้อน

          " ม่ายเอา " ผมปิดหูทั้งสองข้างและหลับตาปี๋

          " ไม่รักพี่จริงๆ หรอกเหรอ " พี่ไอทำหน้าบู้บี้น่าสงสาร ผมนี่มันอายอะไรไร้สาระจริงๆ งืออ เอางี้ดีกว่า

          " ให้ร่างกายเป็นตัวบอกดีไหมล่ะ " ผมที่ทำตัวใจกล้าหน้าด้านเอามือออกจากหูและใช้นิ้วชี้ลากเบาๆ ผ่านหน้าอกลงมายังกล้ามท้องของพี่ไออย่างมีเลศนัย

          " พูดแล้วนะ " พี่ไอตะครุบนิ้วมือผมและจับเอาไว้แบบเสน่ห์หา อ้ากกก นี่กูทำอาร๊ายยย หาเรื่องอีกแล้ว แต่ก่อนอื่นผมต้องวางแผนถ่วงน้ำไอ้เพื่อนจอมเกือกของผมก่อนครับ ไม่งั้นคงไม่ได้กินตับอย่างสบายใจแน่ๆ

          " ขออภัยที่ต้องรบกวนนะครับ แต่ผมมีเรื่องจะต้องบอกคุณ เรื่องพี่ชายของคุณ " ฮยองเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด ผมมองใบหน้าของพี่ไอที่บัดนี้เหมือนกำลังจะร้องไห้อีกแล้ว


เข้มแข็งไว้นะครับพีี่ไอ พี่ยังมีผมอยู่เคียงข้างเสมอ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 41 คืนเปลี่ยวของยูมิน ](08/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 09-10-2017 11:32:30
          FC ที่ 43 ซาโยนาระพี่ชาย


          ผมมองดูพี่ไอที่ยืนคุยกับฮยองที่มุมระเบียงบ้านของผมอย่างเคร่งเครียด สักพักพี่ไอกับฮยองก็เดินมาหาผม พี่ไอตาแดงก่ำแบบสุดๆ อย่างน่าสงสาร

          " ไปกันเถอะครับคุณหนู " ผมมองหน้าฮยองที่กำลังทำหน้าหม่นหมองด้วยหัวใจที่สั่นไหว พี่ไอไม่พูดอะไรเลย แต่น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ผมจับมือพี่ไอไว้แน่นและบีบเบาๆ เพื่อบอกว่าผมอยู่ตรงนี้ ข้างๆ พี่

          พวกเราเดินทางมาที่โรงพยาบาลกลางกรุงโซล ผมตกใจมากที่เพิ่งรู้ว่าพี่พริ้นถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลที่ดีที่สุดที่นี่ ฮยองบอกว่าได้แจ้งให้คุณพ่อของพี่พริ้นและพี่ไอทราบแล้ว และกำลังจะเดินทางตามมา

          บรรยากาศตอนที่พวกเรามาถึงโรงพยาบาลช่างเศร้านัก พี่ไอดูเหม่อลอยและไม่พูดอะไรออกมาสักคำ การที่พี่ไอทำร้ายพี่พริ้นและการพูดจาว่าร้ายต่างๆ ใส่พี่ชายเพราะความเข้าใจผิดนั้น เสมือนเป็นตราบาปที่ไม่สามารถลืมเลือนได้เลย เป็นแผลใจที่ทำให้พี่ไอเจ็บปวดเหลือเกิน

          แต่จะโทษพี่ไอก็ไม่ได้ซะทีเดียว เพราะแทบจะไม่มีใครเข้าใจพี่พริ้น พี่พริ้นเป็นพวกความมั่นใจเหลือล้น ความคิดและการกระทำสุดโต่งเกินไป พี่พริ้นลองใจผมอย่างโหดเหี้ยม เพื่อหาคำตอบจากคำบอกรักของผม พี่พริ้นคงไม่พอใจที่ผมนั้นทำเหมือนกับเป็นคนสองใจอะไรแบบนั้น พี่พริ้นที่รักและปกป้องพี่ไอมาเสมอ คงไม่ยอมให้น้องชายถูกปั่นหัวแน่นอน และการที่พี่พริ้นเป็นคนปากหนักสุดๆ ด้วยแล้ว ทำให้เกิดการเข้าใจผิดอย่างง่ายดาย

          ผม พี่ไอ ฮยองและไอ้เกลียวเดินกันมาเงียบๆ ที่แผนกหนึ่งในโรงพยาบาล มีผ้าม่านปกคลุมรอบๆ เตียงทุกเตียงในบริเวณนี้ ฮยองที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู ทำมือให้พวกเราเข้ามา พี่ไอเปิดผ้าม่านเดินเข้าไปยังเตียงเตียงหนึ่งที่มีผ้าสีขาวคลุมตัวผู้ที่นอนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า

          พี่ไอที่เห็นแบบนั้น เดินเข้าไปช้าๆ และคุกเข่าลงกับพื้นร้องไห้ราวกับจะขาดใจ ผมยืนอยู่ตรงนั้นเกาะแขนฮยองไว้และร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจไม่แพ้กัน พี่ไอกำมือคนที่นอนอยู่บนเตียงเอาไว้แน่นและเริ่มตะโกนอีกครั้งอย่างไม่ยอมรับกับภาพที่เห็น

          " ลุกขึ้นมานะ ผมไม่ยอมหรอก ได้ยินไหม! " พี่ไอยังคงร้องไห้และตะโกนเรียกพี่ชายสุดกำลัง จนคุณหมอและพยาบาลหลายคนวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตกใจ

          " พี่ครับ พี่ไม่อยู่ใครจะปกป้องผมจากคุณพ่อ " พี่ไอก้มหน้าลงพูดกับหน้าอกของคนในผ้าสีขาวอย่างเจ็บปวดหัวใจ

          " ผมขาดพี่ไม่ได้หรอก พี่ต้องลุกขึ้นมา อยู่กับผม " พี่ไอยังคงฟูมฟายต่อไปอย่างไม่แคร์สายตาใคร

          " จริงเหรอ... "

          ผมได้ยินเสียงอะไรสักอย่างจากเตียงข้างๆ ที่มีผ้าม่านกั้นอยู่ พี่ไอหยุดร้องไห้และทุกคนเงี่ยหูฟังเสียงแปลกๆ

          พี่ไอลุกขึ้นช้าๆ ค่อยๆ เปิดผ้าคลุมสีขาวที่คลุมคนคนนี้อยู่บนเตียง ทุกๆ คนกลั้นหายใจเตรียมพร้อมกับภาพที่จะเห็น

          ' พรึบ! '

          เดี๋ยวๆๆๆ นะ อาแปะนี่ใครฟะ ขอโทษครับพวกเรามาผิดเตียง ตึ่งโป๊ะ

          " อยู่นี่ " เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นข้างๆ พี่ไอเดินไปช้าๆ ยังเตียงที่มีม่านบังอยู่รอบๆ และเปิดม่านนั้นออก พี่พริ้นนอนอยู่บนเตียงนั้นด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบจริงใจ

          ผมยิ้มให้กับภาพตรงหน้า พี่ไอที่วิ่งเข้าไปหาพี่ชายและกอดพี่พริ้นเอาไว้ร้องไห้โฮเหมือนเด็กน้อยที่ไม่ยอมโต 

          " ไอ้บ้าเอ้ย ไอ้โรคจิต พี่มัน ผมคิดคำด่าไม่ออก " พี่ไอด่าพี่พริ้นเป็นชุด พร้อมต่อยพี่พริ้นเบาๆ

          " โอ้ยย ทำร้ายกันอีกแล้ว " พี่พริ้นร้องโวยวายเสียงดังแต่หัวเราะร่าอย่างขำขัน

          " แต่แบบนี้ก็คุ้มแล้วนะ ไอเรียกพี่ว่าพี่ด้วยหายากสุดๆ " พี่พริ้นทำหน้ายียวนกวนบาทาน้องชายสุดๆ ทำเอาพี่ไอหน้ามุ่ยไปเลย

          " ไอ้บราค่อนโรคจิต กะอีแค่โดนยิงถากๆ ทำอย่างกับโดนยิงทะลุหัวใจ งี่เง่าจริงๆ " ฮยองบ่นขมุบขมิบอยู่ข้างเตียงอย่างหมั่นไส้

          ผมเห็นพี่พริ้นหันไปมองฮยองและยักคิ้วให้หนึ่งจึ้ก ผมมองคนสองคนสลับกันไปมา เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่า ที่ฮยองหายไปทุกคืนนั่น ผมหันมองไอ้เกลียวที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม มันกำลังทำตาละห้อยปากสั่นน้อยๆ แบบคนอกหัก ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้ามึงว่ะ มึงก็หล่อนะ แต่ถ้าให้เทียบกับพี่พริ้นมึงก็ขยะเปียกดีๆ นี่เอง ผมตบบ่าเพื่อนพร้อมส่งยิ้มละมุนไปให้ไม่ขาดสาย กูยกโทษให้มึงทุกอย่างเพื่อน เพราะมึงเนี่ยแหละน่าสงสารที่สุดในเรื่อง

          " ขอได้ไหม มีอะไรช่วยบอกกันบ้าง อย่าเก็บเงียบไว้คนเดียวได้ไหม " พี่ไอพูดกับพี่พริ้นเบาๆ อยู่ข้างๆ

          " คนใจร้อนแบบไอบอกไปก็เสียเรื่อง " เอาล่ะ สองพี่น้องจะต่อยกันอีกไหมเนี่ย

          " ขอโทษ..ครับ " ผมมองพี่ไอที่พยายามจะพูดเพราะๆ กับพี่ชาย เพราะพี่ไอชอบพูดหยาบคายจนเคยตัว

          " ไม่ต้องเปลี่ยนไปหรอก เป็นไอเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว " ผมมองพี่พริ้น พี่พริ้นที่ทำตัวอ่อนโยน และทำตัวโหดร้าย ก็คงสู้พี่พริ้นโหมดนี้ไม่ได้ ดีจังเลยน้า 

          " แล้วพี่โดนยิงตรงไหนครับ " ผมลุกเดินเข้าไปหาพี่พริ้นใกล้ๆ 

          " หึ สำออย " ผมมองฮยองที่ยังยืนกอดอกอยู่ห่างๆ 

          " โธ่ ถึงจะไม่ใช่จุดสำคัญแต่ก็เจ็บนะ จุกสุดๆ ไปเลย " พี่พริ้นทำสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว

          " แล้วทำไมถึงมาอยู่ห้องรวมละครับ " ผมถามอย่างสงสัยจริงๆ เพราะว่านี่ไม่ใช่ห้องพิเศษ แต่เป็นห้องรวมจริงๆ นอนรวมกับคนอื่น

          " หึ ถามคุณพ่อบ้านตัวดีของมินสิ สงสัยกลัวพี่จะเหงา " พี่พริ้นส่งสายตาอาฆาตให้ฮยอง แต่ฮยองกลับจ้องหน้าตอบแบบไม่สะทกสะท้านใดๆ

          " งั้นย้ายกัน จะได้อยู่กันส่วนตัวๆ เนอะๆ " ผมเกาะแขนฮยองโยกไปมา

          " ครับ ผมจะไปจัดการให้ " ฮยองพูดและเดินไปอย่างรวดเร็ว ผมเห็นพี่พริ้นมองตามฮยองจนสุดสายตาเลยฮะ

          " คนเกาหลีนี่ดีจังเลยน้า ผิวก็สวย หน้าก็สวยทั้งนั้นเลย " พี่พริ้นพูดเบาๆ พลางกอดคอพี่ไอไว้แล้วกระซิบกระซาบอะไรสักอย่างกันสองคน

          " บ้า ยังเลย " ผมเห็นพี่ไอกระเด้งตัวออกห่างจากพี่พริ้น และพี่พริ้นก็ลากกลับมากระซิบใหม่ 

          " อือ คืนนี้แหละ " เดี๋ยวๆๆๆ พี่สองคนคุยอะไรก๊านน คืนนี้มันอะไรยังไงคร๊าบบ

          ผมมองสองพี่น้องสองคนที่กำลังคุยกันหัวเราะด้วยกันอย่างรักใคร่ ผมว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก็ดีนะ เพราะไม่งั้น พี่พริ้นก็คงยังเป็นพี่พริ้นที่ใส่หน้ากากปิดกั้นตัวเองอย่างแน่นหนา น้ำตาของพี่ไอคงเป็นตัวบอกอะไรหลายๆ อย่าง พี่พริ้นที่รักน้องชายยิ่งกว่าสิ่งใด คงไม่อยากให้พี่ไอต้องร้องไห้อีกแล้ว

          " มิน " พี่พริ้นเรียกผมเข้าไปหาและส่งยิ้มให้ผม

          " ขอโทษนะ เรื่องวันนั้น " 

          " ไม่หรอกครัับ ผมคิดว่าผมเข้าใจพี่แล้ว ขอโทษที่ทำให้สับสนนะครับ " ผมยิ้มให้พี่พริ้น

          " ยังไงก็รุนแรงเกินไปจริงๆ นั่นแหละ เผลอจูบจริงไปซะได้ " เอ่อ พี่คร๊าบบ พี่จะพูดทำม๊ายย ผมมองพี่ไอที่ตอนนี้กำลังตาแทบถลนจ้องมองพี่พริ้นอย่างเคืองๆ อีกแล้ว

          " แต่ไอต่อยพี่ไปแล้วนะ อ่ะ เอาอีกก็ได้ " พี่พริ้นกางแขนทั้งสองข้างออกเหมือนจะให้พี่ไอต่อยอีก 

          " ให้มินต่อยดีกว่า " ผมมองพี่ไอที่ตอนนี้ทำตัวชิลๆ นั่งลงบนเตียงพี่พริ้นและจ้องมองผมแทน

          " เอ่อ คือผมแค่ตกใจครับ แต่ไม่เป็น.. " ผมที่ยังไม่ทันพูดจบประโยค แต่ฮยองซึ่งมาจากไหนไม่รู้ก็เดินไปต่อยพี่พริ้นแทนครับ เต็มๆ เดี๋ยวนะ เฮียใส่สนับมือคู่ใจด้วยครับ อ้ากกก

          พี่พริ้นตอนนี้เลือดไหลออกจากมุมปากแบบไหลโจ๊กเลยครับ ทำเอาไอ้เกลียวยิ้มกริ่มเลยทีเดียว มึงคิดจะเสียบตอนเขาทะเลาะกันสินะไอ้เลว คู่นั้นเขาซาดิสม์กันหรือไงนะ

          " ผมชำระแค้นแทนคุณหนู คงไม่ว่ากันนะครับ " ฮยองพูดพลางถอดสนับมือออกและเช็ดมันอย่างรักใคร่ แต่ผมว่านี่น่ะเบาแล้วครับ ถ้าเป็นคนอื่น ฮยองคงยิงทิ้งแน่ๆ

          " ต่อยเพราะคุณหนู หรือเพราะว่าเมื่อคืน... " ผมตกใจสุดๆ เพราะพี่พริ้นยังพูดไม่จบ ฮยองก็เข้าไปกระชากคอเสื้อพี่พริ้นครับ อ้ากกก เมื่อคืนเกิดอะไรขึ๊นนน แต่พี่พริ้นยังคงยิ้มอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้กลัวฮยองเลยครับ คนจริงล่ะคนนี้

          " เอ่อ นี่โรงพยาบาลนะครับฮยอง ผมขอเถอะ " ผมตอนนี้เข้าไปตะครุบแขนฮยองและลากออกมาให้ห่างจากพี่พริ้นก่อนจะกัดกันตายไปมากกว่านี้ครับ 

          " เห็นแก่น้องชายนายที่ทำตัวน่าคบหรอกนะ ไม่งั้นฉันไม่เอาแกไว้แน่ " ผมดึงแขนฮยองไว้เพราะกลัวฮยองจะโดดใส่พี่พริ้นอีกรอบ งืออ คู่นี้เค้าชอบกันแบบไหนน้า พี่พริ้นต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมทำอะไรฮยองแน่เลยอ๊ะ สงสัยจัง

          " กลับกันเถอะครับคุณหนู อยู่แถวนี้มีแต่จะพาลอารมณ์เสีย " ฮยองจูงมือผมให้ออกเดินไปจากห้อง ผมรั้งตัวไว้แล้วมองพี่ไอที่กำลังนั่งอยู่กับพี่พริ้น
         
          " แล้วคืนนี้มาอีกนะ! " พี่พริ้นตะโกนออกมาจากห้อง ทำเอาฮยองจิ๊ปากด้วยความรำคาญใจ

          " เดี๋ยวพี่ตามไปนะมิน! " พี่ไอก็ตะโกนออกมาบอกผมด้วยอีกคน

          " ฮยองมาเฝ้าพี่พริ้นตอนกลางคืนเหรอฮะ " ผมถามฮยองออกไปอย่างสงสัย 

          " ก็เพราะแผนแกล้งน้องของมันนั่นแหละ แล้วหมอนั่นก็พูดเกาหลีไม่เป็นด้วย ตัวปัญหา แถมยังนิสัยเสียจริงๆ "

          " แต่ฮยองก็ช่วยพี่พริ้นใช่ไหมครับ " ผมส่งยิ้มให้ฮยอง

          " ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วครับ ผมไม่เอาด้วยแล้ว คุณไอก็เจอไอ้บ้านั่นแล้ว " 

          " ขอบคุณนะครับ แต่จริงๆ ฮยองไม่จำเป็นต้องมาดูแลเองเลยนี่ครับ ให้ใครมาแทนก็ได้ " ผมมองฮยองที่ไม่ยอมมองหน้าผมเลย สงสัยแทงใจดำ อิอิ

          " ถ้ามันยอมให้คนอื่นเข้าใกล้ก็ดีสิครับ ไม่ยอมใครเลยหมอนั่น เอาแต่ใจ ปากร้าย เจ้าเล่ห์ หลงตัวเองที่สุด " 

          " ฮยองเอาอยู่แน่นอนครับ แต่ฮยองห้ามชอบพี่พริ้นมากกว่าผมน้า " 

          " เหอะ ชอบเหรอครับ ผมอยากฆ่ามันมากกว่า " ฮยองหน้าบูดสุดๆ สงสัยจะโกรธเรื่องที่พี่พริ้นจะพูด

          " แล้วตกลงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ " ฮยองหยุดเดินและมองหน้าผมแบบอารมณ์เสีย

          " คุณหนูระวังสองพี่น้องนั่นให้ดีเถอะครับ ดูแล้วคงเป็นพวกบ้ากามเหมือนกัน อย่าอยู่ด้วยสองต่อสองดีที่สุด " ผมมองฮยองพลางอมยิ้ม มันก็จริงแหละครับเพราะพี่ไอนี่หื่นตัวพ่อจริงๆ ซึ่งตอนนี้ผมรู้แล้วว่าพี่ไอติดนิสัยมาจากใคร เลือดข้นกว่าน้ำนี่ท่าจะจริง หึหึ

          และอย่างงี้เองสินะพี่พริ้นถึงโดนจับมาอยู่ห้องรวม คนที่ไม่เคยกลัวอะไรแบบฮยอง แต่กลับไม่กล้าอยู่กับพี่พริ้นสองต่อสองนี่น่าสงสัยแฮะ แปลว่าพี่พริ้นต้องร้ายกว่าที่ตาเห็นแน่ๆ คงเป็นคู่ที่ดุเดือดเลือดสาดสุดๆ แน่นอน


เริ่มอยากเห็นฮยองโดนรังแกแล้วสิ หึหึ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 42+43 อัพสองตอน ](09/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-10-2017 16:01:31
เข้าใจกันได้ ดีแล้วๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 42+43 อัพสองตอน ](09/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 11-10-2017 10:29:43
          FC ที่ 44 ไอติมเป็นเหตุ


          หลังจากเดินออกมาจากตึกโรงพยาบาลกับฮยอง สักพักพี่ไอก็ตามมาครับ และไอ้เกลียวขอแยกตัวไปเที่ยวไหนของมันก็ไม่รู้ ตอนนี้พี่ไอกับฮยองกำลังคุยอะไรกันสักอย่าง ผมซึ่งนั่งรอสองคนนั้นคุยกันใต้ร่มไม้พลางเขี่ยดินเขี่ยหญ้าเล่นไปด้วย สักพักฮยองก็เดินมาทางผมด้วยสีหน้าแบบคนอารมณ์เสียยิ่งกว่าเก่า

          " เดี๋ยวคุณหนูกลับไปกับคุณไอก่อนนะครับ ผมมีเรื่องต้องไปจัดการ " ฮยองพูดกับผมด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย แต่พี่ไอกลับยิ้มแย้มแจ่มใสซะเหลือเกิน พี่พริ้นคงให้พี่ไอมาขอร้องอะไรฮยองแน่ๆ

          " ป่ะ เราไปกัน " พี่ไอยื่นมือมาหาผม เพื่อดึงให้ผมลุกขึ้น

          " เราจะกลับบ้านกันก่อนเหรอครับ " 

          " ใช่สิ หรือมินอยากไปที่อื่น " แหง๋สิครับ โอกาสแบบนี้หายาก ผมอยากเที่ยวกับพี่ไออยู่แล้ว และไม่มีใครมารบกวนเราด้วย หึหึ

          " พาไปเที่ยวหน่อยย " ผมเขย่าแขนพี่ไอทำตาใสแบบสุดๆ ขอร้องให้พาไปเที่ยว พี่ไอยิ้มแบบมีเลศนัย อย่างกับรู้ความคิดผมซะงั้น

          " เจ้าถิ่นต้องพาไปสิ พี่ไม่ใช่คนเกาหลีสักหน่อย " 

          " แต่ผมขับรถไม่เป็นอ่ะ " ผมพูดจริงๆ เพราะไม่เคยขับและมีแต่คนขับให้จนเคยตัว

          พี่ไอไม่พูดอะไร แต่เปิดประตูให้ผมขึ้นรถ ซึ่งเป็นรถของบ้านผมนั่นแหละครับ คันนี้กว้างมากด้วย หึหึ

          ผมนั่งอยู่ในรถที่พี่ไอขับ คิดถึงเมื่อก่อนที่ผมนั่งรถกับพี่ไอครั้งแรก และเกือบจะฆ่ากันนั่นแหละ พี่ไอถ้ามองจากภายนอกนี่แบดบอยชัดๆ ใครมั่งจะไม่กลัวละครับ แต่พอมารู้จักจริงๆ นิสัยช่างตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ แต่ก็เป็นคนขี้แกล้งและหื่นกระหายเหมือนเดิม ผิดกับพี่พริ้นที่ภายนอกดูเรียบร้อยเป็นเจ้าชายไร้พิษภัย แต่จริงๆ โฉดโหดซะงั้น

          " พี่พริ้นเขาทำไมถึงเรียนหมอเหรอครับ " ผมสงสัยจริงๆ คนแบบพี่พริ้นเนี่ยนะเรียนหมอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนอ่ะเชื่อ แต่ตอนนี้คิดแล้วมันแปลกมาก

          " พริ้นทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ ทั้งหัวดีแล้วก็เรียนเก่งมากๆ ด้วย แต่ถ้าจะพูดจริงๆ แล้วพริ้นถนัดอย่างอื่นมากกว่านะ " ผมมองหน้าพี่ไอที่กำลังพูดถึงพี่ชายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

          " พี่พริ้นเก่งเรื่องไหนเหรอครับ "

          " ศิลปะป้องกันตัวทุกแขนง ระยะประชิด ไม่มีใครล้มพริ้นได้ " ผมมองหน้าพี่ไอแบบตกตะลึง พี่พริ้นเนี่ยนะ 

          " พริ้นกับพี่ตัวพอๆ กัน แต่ต่อยกันทีไรพริ้นไม่เคยสู้พี่เลย แต่พี่เคยเห็นพริ้นซ้อมคนมาหลายครั้งแล้ว ต่อให้ลุมก็เถอะ ที่มินไม่เห็นพริ้นมีบอดี้การ์ดก็เพราะงี้ไง คือมันไม่จำเป็น " พี่ไอยังคงพูดไปขับรถไปชิลๆ

          " เอ่อคือ ถ้าพี่พริ้นกับฮยองสู้กันพี่ไอว่าใครจะชนะครับ " พี่ไอขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดอยู่นาน

          " พี่ไม่รู้ว่าฮยองถนัดด้านไหนนี่สิ แต่ถ้าเป็นขนาดตัวพริ้นกินขาด และตอนนี้พริ้นก็สูงพอๆ กับฮยองด้วยนะ พี่กับพริ้นยังสูงได้อีก อายุก็น้อยกันด้วย พริ้นน่าจะได้เปรียบกว่า "

          " แต่ฮยองอ่ะมืออาชีพนะครับ " พี่ไอนี่ได้ทีอวยพี่ชายเหมือนกันแฮะ ยังไงผมก็คิดว่าฮยองเก่งกว่า แบร่

          " เอาเป็นว่าสองคนนั้นใครไวกว่าก็ได้เปรียบ แต่พริ้นเจ้าเล่ห์กว่าแน่นอน คนจะมาตายเพราะงี้แหละ พริ้นน่ะจอมหลอกลวง คนเถรตรงแบบฮยองอาจแพ้ทาง " เอาเป็นว่าผมภาวนาให้เขาได้กัน เอ้ยเข้ากันได้ดีละกันครับ แหะๆ

          ผมมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกสนใจ และก็ต้องเกาะกระจกหนึบเลยครับ เจอของโปรดเข้าให้แล้ว

          " ไอติมๆๆ " ผมที่เห็นร้านไอติมข้างทางทำเอาน้ำลายย้อยด้วยความอยาก ผมชอบไอติมจริงๆ แต่ที่ชอบที่สุดเลยก็ไอติมแท่งๆ แบบของไทย รสชาติแปลกๆ ที่ผมไม่เคยกินเยอะดี พี่ไอจอดรถและลงไปซื้อมาให้อย่างใจดี หึ่ยย พ่อเทพบุตร อยากโดดจูบสักที 

          " กินเยอะอ้วนแก้มป่องไม่รู้นะ " พี่ไอบ่นพร้อมหยิกแก้มผม แต่ก็ยังแกะห่อไอติมให้ น่ารักเนอะแฟนใครหว่า

          ผมมองรสช็อคโกแลตที่พี่ไอถืออยู่พลางจ้องมองอย่างอยากกิน 

          " อะไร ของตัวเองก็มี " พี่ไอยังคงขับรถและกัดไอติมไปด้วย หึ่ยย ไอ้คนหวงของกิน

          " อ่ะๆ ล่อเล่น ฮ่าๆ " พี่ไอยื่นไอติมให้ผมตอนรถติดไฟแดง ผมที่เห็นแบบนั้นเลยยืนหน้าเข้าไปแล้วเลียๆ ดูดๆ แย่งพี่ไอกิน ผมสังเกตเห็นมือพี่ไอสั่นน้อยๆ อย่างน่าสงสัย 

          " เอ่อ พอได้แล้ว นี่กะกินหมดเลยใช่ไหม " พี่ไอเขกหัวผมหนึ่งทีแล้วเอาไอติมเข้าปากตัวเองจนหมด 

          " ไอคนขี้งก ชิ " หึ แต่ช่างเถอะ ผมมีรสเมล่อนโซดาของผมอยู่แล้ว

          ผมกินไอติมของผมต่อ แต่พบว่ามันละลายหยดย้อยไปหมด ผมที่กินไม่ทันแต่เสียดายเลยเลียไอติมที่กลายเป็นน้ำไหลหยดย้อยไปทั่วข้อมือของผม แต่ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกพี่ไอขยับตัวดุ๊กดิ๊กแปลกๆ เหมือนนั่งไม่เป็นสุขซะอย่างนั้น แถมยังเหลือบมองผมแปลกๆ อีกด้วย

          ผมมองไอติมในมือพลางมองพี่ไอที่กำลังหลบตาผมอย่างสุดกำลัง หน้าที่ขาวอมชมพูของผมบัดนี้แดงจนเลือดจะออกจมูกอยู่แล้ว หนอยยย ไอคนบ้ากาม บังอาจคิดมิดีมิร้ายเราตอนหม่ำไอติม อ้ากกก

          " ไอทะลึ่ง " ผมพูดอุบอิบอย่างเขินอาย นี่คุณพี่คิดไปถึงไหนแล้วห๊า

          " ก็อยากน่ารักเองทำไมอ่ะ " พี่ไอพูดแบบหน้าตาเฉยสุดๆ ไปเลย ไอบ้า เขินนะเฟ้ย

          " แล้วเป็นอะไรมดกัดเหรอ ยุกยิกอยู่ได้มันอันตรายนะ "

          ผมบ่นพี่ไอที่ยังไม่เลิกขยับตัวแปลกๆ 

          " เอ่อ สักพักแหละ " ผมทำหน้างง แต่สักพักก็ต้องรีบหันหน้าออกกระจกแทบจะทันที

          อ้ากกก พี่ไอ ไอบ้า ไอบ้ากาม นี่มีอารมณ์เพียงแค่ผมเลียไอติมในมืองั้นเหรอ ผมละเชื่อเค้าเลย ผมตอนนี้หน้าแดงจนเลือดแทบจะซึมออกตา อ้ากก อยากโดดออกจากรถตอนนี้สุดๆ ไปเลยด้วยความอาย

          " อยากให้ช่วยหรือเปล่า " อ้ากกกกก นี่ผมพูดอะไรออกป๊ายย พี่ไอหันมามองผมแบบตาโตเลยทีเดียว 

          " ฮั่นแน่ ตะกละนะเรา " หนอย ผมเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันไหม เริ่มหมั่นไส้

          " ฮ่ะๆ มันเอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่า " แปลกแฮะ ปกติจอมหื่นแบบพี่มีหรือจะปฏิเสธ

          " ทำไมเหรอ หรือมันมีอะไรผิดปกติ " ผมทำหน้าอยากรู้ ก็ผู้ชายเหมือนๆ กันนั่นแหละ 

          " ให้พูดตรงๆ จริงๆ เหรอ " พี่ไอยังไม่ยอมสบตาผมตรงๆ

          " มินเอาเข้าปากไม่ไหวหรอก " ผมหันคว้บไปหาบุคคลผู้คุยโวโอ้อวดอย่างหมั่นไส้

          " จะสักแค่ไหนเชียว หึ " อ้ากก ผมอยากตบปากตัวเองสักร้อยทีพูดแบบนี้มักจบไม่สวย จริงๆ ผมเคยนั่งทับตอนพี่ไอเป็นแบบนี้มาแล้ว ซึ่งทำเอาผมอยากเปลี่ยนเป็นรุกเลยทีเดียว เพราะกลัวเจ็บ อ้ากก

          มือพี่ไอที่ขับรถอยู่ตอนนี้ข้างนึงปล่อยจากพวงมาลัยรถ และคว้าหมับเข้าที่มือผม ผมนั่งตัวเกร็งทันทีและพยายามยื้อมือดึงกลับคืนแต่ก็สู้แรงพี่ไอไม่ไหว ผมใช้มืออีกข้างของผมปิดหน้าตัวเองไว้อย่างคนกำลังชี้ตัวผู้กระทำผิด ผมหลับตาปี๋ และเกร็งแขนเป็นระยะ ในอกน้้นหัวใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมา ก็แค่จับอ่า ใจสู้หน่อยดิ๊ ผมกล่อมตัวเอง

          พี่ไอดึงมือผมไปวางที่หน้าขาตัวเองอย่างช้าๆ และไม่ได้ออกแรงบังคับให้ผมจับตรงๆ เหมือนกับรอให้ผมขยับมือเองซะงั้น อ้ากกกก มือผมยังคงนิ่งสนิทและไม่กล้าขยับไปไหน กางเกงของพี่ไอเป็นกางเกงยีนส์สีเข้ม ที่ผ้าค่อนข้างหนา คงไม่ค่อยโดนหรอกมั้ง ผมค่อยๆ เลื่อนมือช้าๆ ลากผ่านกางเกงตัวหนาอย่างแผ่วเบา

          พี่ไอยังคงขับรถด้วยท่าทางชิลๆ เหมือนกับการที่มือของผมนั้นอยู่บนกางเกง มันไม่ได้ทำให้รู้สึกเร้าใจได้เลย หนอยย ผมที่เลื่อนมือไปมาเบาๆ ตอนนี้กลับกำลังพยายามล้วงเข้าไปข้างในแม่งเลย ฮ่าๆๆ เล่นกับใครไม่เล่น พี่ไอที่กำลังขับรถอยู่ รีบคว้าหมับเข้าที่มือของผมอยากตื่นตกใจ

          " เดี๋ยวๆ ใจเย็น " 

          " ไม่ยงไม่เย็นแล้ว ถอดออกมา " ผมตอนนี้ใช้มือทั้งสองข้างตะครุบกางเกงพี่ไอ และพยายามแกะกระดุมกางเกงยีนส์พี่ไออย่างหน้าดำหน้าแดง ในขณะที่พี่ไอก็พยายามดึงมือที่เป็นปลิงอเมซอนเข้าสิงของผมอย่างชุลมุน

          ' ปรี๊นนนนนน! '

          เสียงแตรรถและไฟหน้ารถส่องเข้ามา ทำให้รู้ว่ารถวิ่งข้ามเลนไปแล้ว พี่ไอเลยรีบหักหลบกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว และจอดรถข้างๆ ทางที่มืดสนิท

          " เกือบลงนรกก่อนขึ้นสวรรค์แล้วไหมล่ะ " พี่ไอพูดตำหนิผมแบบติดตลก แต่ผมหน้าจ๋อยไปแล้ว

          " ขอโทษครับ " ผมพูดเพราะสำนึกผิดจริงๆ

          ผมหันไปมองพี่ไอด้วยตาเบิกโพรง เพราะตอนนี้พี่ไอกำลังปลดกระดุมกางเกงยีนส์ และรูดซิบลง ผมรีบทำตัวลีบติดประตูรถฝั่งผมด้วยความหวาดระแวง อ้ากกก นั่งรถทีไรเป็นเรื่องตลอด

          " ไหน คนเก่ง ว่าไง " พี่ไอที่ตอนนี้ปรับเบาะนอนลงและถอดกางเกงลงจนเห็นกางเกงชั้นในสีเข้มวับๆ แวมๆ กำลังพูดแหย่ผม อ้ากก ผมแอบเหลือบตาไปมองแว๊บๆ ก็เห็นกางเกงชั้นในน่าจะแบบบ็อกเซอร์สีเข้มของพี่ไอ ขอบด้านบนเป็นภาษาอังกฤษแต่ผมอ่านไม่ถนัด

          " แน่ะๆ ไม่ต้องแอบมอง ไหนเมื่อกี้ใครพยายามล้วงแบบเอาเป็นเอาตาย มาสิ นอนให้ล้วงเลยเนี่ย เร็วๆ ฮ่าๆๆ " พี่ไอหัวเราะลั่นแบบสะใจสุดๆ

          " เชอะ แค่นี้ทำเป็นอวด " ผมเหลือบมองและเบะปากมองบนแบบเกรียนๆ

          " ก็ตอนนี้มันหลับไปอีกแล้วอ่ะ " พี่ไอพูดพลางขยับตัวมาหาผมช้าๆ

          " มินช่วยปลุกมันอีกทีหน่อยสิ " พี่ไอยื่นหน้ามากนะซิบข้างหูผม จนผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว เอาล่ะ คราวนี้ผมจะรอดไหม


ผมสวดภาวนาขอให้ไม่มีตัวตะกวดใดๆ มาเคาะกระจกรถ โอมเพี้ยง อิอิ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 44 ไอติมเป็นเหตุ ](11/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-10-2017 21:29:55
คำแนะนำ "กรุณาอย่ากินไอติมระหว่างเดินทาง อาจเกิดอุบัติเหตุทำให้ไอติมหักระหว่างรับประทานได้"  :try2: :try2:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 44 ไอติมเป็นเหตุ ](11/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 12-10-2017 11:24:10
          FC ที่ 45 ลิปมันกลิ่นสตอเบอร์รี่


          พี่ไอปรับเบาะที่นั่งลงให้ผม และดึงตัวผมเข้าไปหาช้าๆ จนริมฝีปากเราสัมผัสกัน ผมเลื่อนตัวไปหาพี่ไอมากขึ้น กอดคอพี่ไอเอาไว้และบดริมฝีปากหนักหน่วงเข้าไปอีก เสียงของเหลวและริมฝีปากที่กระทบกันดูดกลืนกันไปมาไม่ขาดสาย เรียวลิ้นลิ้มรสความหอมหวาน โหยหาซึ่งกันและกันราวกับไม่อยากจะแยกจากกันตลอดไป

          พี่ไอจับมือผมที่กำลังกำเสื้อของพี่ไอเอาไว้ ให้เลื่อนลงต่ำไปเรื่อยๆ จนอยู่บนขอบกางเกงชั้นใน สัมผัสกับสิ่งที่แข็งขืนอยู่ภายในนั้น ผมกระตุกมือขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ จนพี่ไอที่ยังคงดูดปากผมอย่างเร่าร้อนนั้น หัวเราะในลำคออย่างพอใจ

          ผมหลับตาแน่น และเอียงหน้าหนีด้วยความเขินอายแต่พี่ไอก็ยังตามมาครอบครองริมฝีปากของผมไว้ต่อไป และเริ่มดึงมือผม ให้สัมผัสกับสิ่งที่แข็งขืนนั่นมากกว่าเดิม ถึงจะแค่นอกเนื้อผ้า แต่ผมก็รู้สึกสั่นไปหมด ที่ดูถูกไว้เมื่อกี้ขอคืนคำ ดูเหมือนพ่อจะให้มาเยอะน่าดู อ้ากกก

          ผมหันหน้าหนีอีกครั้งพร้อมดึงมือออก แต่คราวนี้พี่ไอแค่ยิ้มและลูบแก้มผมเบาๆ ให้ผมผ่อนคลายลง ผมไม่ได้จะหนีหรอกครับ ผมจะทำอย่างที่พูดต่างหาก

          ผมค่อยๆ ก้มตัวลงช้าๆ จูบแผ่วเบาผ่านเสื้อสีเข้มของพี่ไอ กดน้ำหนักให้พี่ไอนอนลงราบลงไปกับเบาะที่นั่ง จูบไล่ลงมาเรื่อยๆ จนมาถึงกางเกงชั้นในสีเข้มตัวนั้น พี่ไอลุกขึ้นเหมือนกับลังเลที่จะให้ผมทำในสิ่งนี้ 

          " คือมิน ไม่ต้อง.. "

          " ผมอยากทำ ให้ผมทำให้นะ " ผมพูดพลางส่งยิ้มให้พี่ไอ

          ผมก้มลงจูบเบาๆ บนเนื้อผ้าตรงส่วนที่แข็งขืนของพี่ไอช้าๆ  และค่อยๆ เลื่อนกางเกงชั้นในสีเข้มของพี่ไอลง จนส่วนนั้นของพี่ไอ ปรากฎขึ้นในสายตาตรงหน้า ถึงจะเขินอายแค่ไหนแต่ในใจของผมนั้นอยากจะทำให้คนที่รัก มีความสุขและรู้สึกดีที่สุด

          ผมค่อยๆ ใช้มือของผมสัมผัสรูดเบาๆ และใช้ปลายลิ้นแตะสัมผัสลากตั้งแต่โคนไล่ขึ้นไปยันสุดปลายที่อ่อนไหว ผมสังเกตเห็นคนที่นอนอยู่กระตุกเกร็งขึ้นเล็กน้อย และหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ ผมลากลิ้นวนตรงส่วนที่ไวต่อความรู้สึก ชิมหยาดน้ำใสที่เอ่อขึ้นมาเพราะความวาบหวาม จนคนเบื้องล่างเริ่มครางเสียงต่ำในลำคอ มือของคนข้างล่างเริ่มลูบไปมาที่เรือนผมและหลังคอของผม ผมเริ่มขยับขึ้นและพยายามใช้ปากครอบครองส่วนแข็งขืนนั้นอย่างทุลักทุเล ปากเล็กๆ ของผมทำได้แค่ครอบครองส่วนบนที่อ่อนนุ่มนั้นได้แค่นั้นเอง ผมค่อยๆ ดูดเม้มและขยับขึ้นลงสลับกับเลียเบาๆ อย่างเร่งจังหวะ

          " อ..อือ.อ.อืม. " เสียงครางของคนที่นอนอยู่ยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ และช่วงขาที่เกร็งรับกับสัมผัสที่ผมปรนเปรอให้ มือคนเบื้องล่างเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของผม และลูบผ่านกางเกงยีนส์ ล้วงเข้าไปยังบั้นท้ายกลมมนและบีบเบาๆ แต่ทำเอาผมสะดุ้ง แต่ปากของผมก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างสม่ำเสมอไม่ขาดตอน ผมเหลือบมองดูคนที่นอนอยู่ หลับตาพริ้มและหายใจเข้าออกถี่กระชั้นเหมือนจะขาดใจ 

          " พอเถอะ พี่จะไม่ไหวแล้ว " พี่ไออยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้น จู่โจมจูบผมแบบที่ยังไม่ทันตั้งตัว ดันผมไปที่เบาะหลังและกดผมให้นอนลงด้วยความร้อนรน พี่ไอถอนริมฝีปากออก และถอดเสื้อยืดแขนยาวสีเข้มออกจากลำตัวอย่างรวดเร็ว ผมที่นอนมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เหมือนกับมันกำลังจะหลุดออกมา หนุ่มที่หล่อคิ้วเข้ม ผิวขาวเหมือนหิมะ และร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ กำลังมองผมราวกับจะกลืนกิน พี่ไอก้มตัวลงมาประกบปากกับผมอีกครั้งอย่างร้อนแรง และมือของพี่ไอกำลังแกะกระดุมเสื้อเชิ๊ตของผมออกอย่างรีบร้อน พี่ไอละริมฝีปากออกจากปากสีชมพูของผม และเริ่มจูบและขบเม้นใบหู ดูดให้เกิดรอยที่ลำคอเหมือนดั่งแวมไพร์ที่กระหายหาเลือด ผมเงยหน้าขึ้น เกร็งและใช้มือทั้งสองข้างดันหน้าท้องแกร่งนั่นไว้ เมื่อเสื้อตัวบางของผมหลุดออกเผยให้เห็นผิวสีชมพูระเรื่อ พี่ไอที่กำลังดูดเม้มที่ลำคอ ก็ย้ายริมฝีปากมาครอบครองยอดยกสีชมพูอย่างรวดเร็ว

          " อ.อื้อ อ้ะ " ผมเกร็งขาดิ้นไปมาอย่างเสียวซ่าน แอ่นอกรับสัมผัสที่วาบหวามอย่างเต็มตื้น เสียงครางด้วยความเสียวยังคงดังต่อเนื่อง คนเบื้องบนยังคงดูดเม้นติ่งสีชมพูนั่นอย่างหื่นกระหาย และใช้มืออีกข้างแกะกระดุมกางเกงของผมอย่างร้อนรนและรูดกางเกงของผมลงอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ช่วงล่างของผมนั้นไม่มีสิ่งใดปกปิดอีกแล้ว ผมค่อยๆ เลื่อนมือลงไปปิดส่วนน่าอายของตัวเองไว้ แต่พี่ไอก็ดึงมือผมเอาไว้ และค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปเรื่อยๆ ครอบครองส่วนที่น่าอายของผมไว้อย่างง่ายดาย ผมดิ้นบิดเกร็งอย่างเสียวซ่าน และจิกนิ้วลงไปยังเรือนผมสีเข้มของคนตรงหน้าที่กำลังปรนเปรอให้ผมจนผมครางจนหอบหายใจ

          " อ่ะ อ..อื่อ อ จะถึง แฮ่ก " ผมไม่สามารถพูดออกมาเป็นภาษาได้ รู้สึกเหมือนกำลังจะหลอมละลาย ผมจิกเล็บลงบนหลังของคนเบื้องบนและเกร็งตัวครั้งสุดท้าย ปลดปล่อยหยาดน้ำสีขาวออกมาอย่างสุดจะกลั้น พี่ไอกลืนน้ำสีขาวของผมจนหมด ผมได้แต่หอบหายใจอย่างหมดแรง พี่ไอก้มลงมาประทับริมฝีปากผมอีกครั้ง ความคาวกลับกลายเป็นความหวานเมื่อเราสองคนนั้นดูดปากแลกความหวานกันอีกครั้งอย่างไม่รู้เบื่อ แต่ผมก็ต้องตกใจเพราะอยู่ดีๆ พี่ไอก็ละริมฝีปากออกและข้ามไปนั่งที่เบาะหน้าเหมือนเดิม ผมได้แต่มองพี่ไออย่างงงๆ พลางนั่งกอดตัวเองที่ล่อนจ้อนเอาไว้ แต่ไม่นานผมก็เข้าใจว่าพี่ไอกำลังขับรถไปที่ไหน

          ตอนนี้ข้างนอกดึกมากแล้ว และมืดสนิท พี่ไอจอดรถและอุ้มผมลงจากรถทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย อ้ากก แต่ก็เอาผ้าห่มและผ้าเท่าที่หาได้จากรถคลุมตัวผมไว้ออกมาด้วย ที่นี่คือที่ในความทรงจำของเรา พี่ไออุ้มผมไปตรงใจกลางที่มีเปียโนตั้งอยู่ และวางผมลงบนเก้าอี้ยาว และปูผ้าลงที่พื้น   

          " หนาวหน่อยนะ " พี่ไอที่ปูผ้าแล้วเข้ามากอดผมและจูบผมต่อ ถึงจะหนาวแต่ก็ไม่มากครับ ที่นี่ยังมีผนังกั้นอยู่แต่ว่ายังไงที่นี่ก็อาจมีคนเดินเข้ามาได้ทุกเมื่อ กลายเป็นความเสียวปนระทึกขวัญไปซะงั้น พี่ไออุ้มผมให้ลุกขึ้นยืนช้าๆ และหันหลังวางมือทั้งสองข้างไว้บนเปียโน พี่ไอคุกเข่าลงช้าๆ และจับยึกสะโพกผมเอาไว้ ผมที่รู้ว่าพี่ไอจะทำอะไร จึงรีบขยับตัวหนีและใช้มือข้างนึงบังจุดล่อแหลมไว้

          " ไม่เอา มันสกปรกนะ " ผมส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ยอมเด็ดขาด แต่พี่ไอแค่ลุกขึ้นและกอดผมเอาไว้จากด้านหลังและเริ่มจูบผมอีกครั้งและใช้มือข้างนึงกุมส่วนที่อ่อนไหวของผมไว้ ผมเริ่มรู้สึกไร้แรงต่อต้านอีกแล้ว แขนขาเริ่มอ่อนแรง มืออีกข้างของพี่ไอลูบไปมาที่หน้าท้องและเรื่อยขึ้นมายังยอดอกและบี้มันเบาๆ 

          " อ่ะ อ..อื้อ " ผมที่ถูกกระตุ้นทุกจุดของอารมณ์ร่างกายเริ่มที่จะร้อนขึ้นอีกครั้ง พี่ไอละปากจากผม จูบพรมไปบนแผ่นหลังลากจมูกโด่งแผ่วเบามาลงเรื่อยๆ

          จนต่ำลงคุกเข่าลงช้าๆ ตรงช่องทางสีหวาน เป็นสีชมพูที่ดูบริสุทธิ์ พี่ไอจรดลิ้นร้อนลากแผ่วเบาไปมาตรงช่องทางนั้น ผมที่รู้สึกเสียวซ่านจนแทบจะยืนไม่ไหว ได้แต่ยืนขาสั่นอย่างอ่อนแรง 

          " อ.อื้อ พ.อแล้วครับ มันรู้สึกแปลกๆ "  พี่ไอลุกขึ้นมาอีกครั้งและจูบลงบนแผ่นหลังที่เริ่มชื้นเหงื่อของผม 

          " เจ็บนิดนึงนะ " ผมมองพี่ไอที่ตอนนี้ดึงลิปมันกลิ่นสตอเบอร์รี่ออกมาและทาลงบนนิ้วมือและใช้นิ้วมือนวดช่องทางด้านหลังของผมเบาๆ ผมเกร็งตัวเพราะความกลัว พี่ไอโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากของผมอีกครั้ง และผมก็ต้องดิ้นไปมาเพราะนิ้วนิ้วนึงของคนด้านหลังกำลังค่อยๆ สอดใส่เข้ามาอย่างช้าๆ ผมน้ำตาไหลออกมา และเริ่มเกร็งตัวขึ้นอีกแล้ว

          " จ..เจ็บอ่ะ " ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

          " จะไหวไหมน้า อย่าเกร็งสิ " พี่ไอยังคงพูดเล่นและนวดไปตามจุดเพื่อให้ผมผ่อนคลายลง

          " ขอโทษนะไม่ได้เตรียมอะไรเลย มีแค่ลิปเอง " พี่ไอจูบใบหูของผมเบาๆ และเริ่มซุกไซร้ลำคอของผมอีกครั้ง

          " ผมไหวครับ ทำต่อสิ " ผมผ่อนคลายตัวเองลงจับแขนที่กำลังลูบไล้ไปตามลำตัวของผมและลูบเบาๆ คนข้างหลังเริ่มกอบกุมส่วนที่อ่อนไหวของผมอีกครั้ง และรูดขึ้นลงช้าๆ เพื่อให้ผมโฟกัสจุดอื่นที่ไม่ใช่ด้านหลัง 

          " อ..อ่ะ..อื้อ..อ ฮ่า " ผมอ้าปากหอบหายใจ คนข้างหลังที่เห็นแบบนั้นก็เพิ่มนิ้วเข้ามาอีก อย่างช้าๆ และนวดรอบๆช่องทางนั้น เพื่อเตรียมรับสิ่งที่ใหญ่กว่า ความเจ็บเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความอึดอัดแต่ก็ทำให้รู้สึกดี ผมที่เริ่มจะยืนไม่ไหว คนข้างหลังก็ช้อนเอวผมขึ้น ผมโค้งตัววางแขนคงบนคีย์เปียโน ทำให้ทุกการเคลื่อนไหว เกิดเสียงขึ้นแปลกๆ แล้วผมก็ต้องสะดุ้งน้อยๆ เพราะคนข้างหลังเริ่มปลดกางเกงยีนส์สีเข้มของตัวเองออก จรดปลายของส่วนที่แข็งขืนนั้นลงบนช่องทางที่เตรียมพร้อมไว้แล้วอย่างรอคอย 

          " อย่าเกร็งนะ หันมามองพี่สิ " พี่ไอกระซิบเบาๆ พร้อมจับแก้มผมให้เอี้ยวตัวมาประกบริมฝีบอกอีกครั้งอย่างนิ่มนวล

          " อื่อ..อ่ะ...อ ..อื้อ " ส่วนที่แข็งขืนนั้นกำลังแทรกตัวเข้ามาอย่างช้าๆ ในขณะที่ริมฝีปากของเราประกบกัน ค่อยๆ เข้ามาเรื่อยๆ จนสุด คนข้างหลังปล่อยริมฝีปากของผมและก้มลงจูบแผ่นหลังของผมที่มีเหงือผุดขึ้นมาเพราะความร้อน พร้อมครางต่ำในลำคออย่างพึงพอใจ

          " ..น แน่นจัง " ผมกำมือแน่น อ้าปากหอบหายใจ ความรู้สึกเจ็บและอึดอัดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกวาบหวาม วูบวาบ และเสียวซ่านในเวลาเดียวกัน

          " พี่จะค่อยๆ ขยับ ไม่ไหวบอกนะ " พี่ไอก้มลงกระซิบข้างหูของผมด้วยเสียงกระเส่า มือลูบไล้ไปบนยอดอกสีชมพูของผมและเขี่ยเบาๆ จนผมร้องครางอย่างอดมิได้ พร้อมๆ กับเริ่มขยับเอวช้าๆ ทุกจังหวะการเข้าออก นำมาซึ่งเสียงครางของผมอย่างสุดจะกลั้น

          " อ่ะ ..อ่า..อึก อ๊ะ " ผมก้มตัวลงต่ำอีก ก้มหน้ากับคีย์เปียโนพร้อมครางเสียงหวาน ผมเอื้อมมือไปดันหน้าท้องแกร่งนั้นเบาๆ เพราะว่าตอนนี้คนข้างหลังเริ่มกระแทกเข้าออกถี่และแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเสียวซ่านราวจะขาดใจ 

          " อึก อืมม ข้างในรู้สึกดีจัง " เสียงครางอย่างพึงพอใจดังขึ้นเป็นระยะจากคนข้างหลัง ที่กำลังล็อคเอวของผมแน่น และเร่งจังหวะเข้าออกจนผมแทบขาดใจ

          " อ๊า อ่ะอ อ้า อ๊อื่อ " ผมร้องครางสลับกับหอบหายใจแรง เอี้ยวตัวไปรับสัมผัสจากริมฝีปากได้รูปนั้น ดูดเม้มและของเหลวกันอย่างกระหาย มือของคนข้างหลังลูบไล้กอดผมเอาไว้แน่นราวกับกลัวผมจะหายไป พร้อมกระแทกร่างกายถี่กระชั้นและลึกยิ่งขึ้นไปอีก จนผมซีดปากด้วยความเสียวแบบแทบจะทนไม่ไหว คนข้างหลังเริ่มส่งเสียงครางในลำคอถี่ขึ้นเรื่อยๆ และขบกัดคอผมเอาไว้เหมือนหมาป่าที่กำลังล่าเหยื่อ 

          " จ..จะไม่ไหวแล้ว " 

          " ..เหมือน.กั.น " คนข้างหลังปล่อยคอผมและกดหลังผมให้ต่ำลงกว่านี้ และกระแทกเข้าออกเร่งจังหวะถี่สุดๆ ผมร้องครางทุกจังหวะที่ท่อนกายของสองคนกระทบกัน เหงือร้อนของพี่ไอหยดกระทบลงบนหลังของผมทุกจังหวะการเสียดสี 

          " อ๊ะ ป..ปล่อยข้างใน " ผมพูดอย่างอ่อนแรง คนข้างหลังไม่พูดอะไร แต่กระแทกเข้าออกถี่กระชั้นขึ้นอีกและกระแทกแรงสุดๆ เป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนครางเสียงต่ำและก้มหน้าหอบหายใจกับหลังของผม ในขณะที่ผมก็ปล่อยหยาดน้ำสีขาวออกมาจนเลอะเทอะพื้นตรงหน้าไปหมด ความรู้สึกอุ่นๆ ในช่องทางด้านหลังเป็นตัวบอกอย่างดีว่าคนข้างหลังก็ถึงจุดแล้วเหมือนกัน คนข้างหลังยังคงกอดผมเอาไว้ในขณะที่ร่างกายยังไม่ผละออกจากกัน และเริ่มจูบซับหยดเหงื่อที่หลังคอของผมอย่างแผ่วเบา

          " น่ารักจัง เมียพี่น่ารักสุดๆ " พี่ไอจูบใบหูของผมและกระซิบบอก ทำเอาผมก้มหน้างุดแทบจะฝังเข้าไปในเปียโนเลยทีเดียว

          " ไอบ้า ใส่ซะเต็มแรงเลย ซาดิสม์เอ้ย "

          " มันเบรกไม่อยู่แล้วอ่ะ เจ็บหรือเปล่า ขอโทษนะ " พี่ไอหอมแก้มผมไปมาแบบรู้สึกผิด

          " ก่อนอื่นเอาออกก่อนดีไหม " ผมที่พูดแบบไม่ยอมมองหน้าคนข้างหลัง เพราะว่าตอนนี้เริ่มเขินอีกแล้ว

          " ครับ ไม่งั้นมีรอบสองแน่ " พี่ไอพูดข้างๆ หูผม พร้อมอมยิ้ม อ้ากกก ผมพยายามดันตัวไอหื่นกามนี่ออก แต่ กลายเป็นว่าพี่ไอยิ่งกอดรัดผมแน่นขึ้นไปอีก

          " ข.ขอพักก่อน ไม่ไหวแล้วขาชาไปหมด " พี่ไอจูบผมที่ขมับเบาๆ และเริ่มถอนแก่นกายออก ผมรู้สึกโล่งขึ้นแต่บัดนี้เรียวขาของผมนั้นมีน้ำสีขาวไหลออกมาไม่ขาดสาย อ้ากกก นี่ปล่อยออกมากี่ลิตรฟะเนี่ย

          พี่ไอหายไปและกลับมาพร้อมกล่องทิชชู่ในรถ และช่วยเช็ดคราบต่างๆ บนตัวผมอย่างถนุถนอม ทีแบบนี้ละเบา ทีเมื่อกี้ละโยกจนซี่โครงจะหัก หึ่ยย ผมมองหน้าคนที่นั่งคุกเข่ากับพื้น และกำลังเช็ดเรียวขาของผมอย่างรักใคร่ ผมมองคนตรงหน้าที่ใบหน้าชื้นเหงื่อเสยผมขึ้นและใส่กางเกงยีนส์เรียบร้อย แต่เปลือยท่อนบนโชว์หุ่นอันทรมานใจอยู่ตลอดเวลา 

          " มองแบบนี้อยากต่อรอบสองจริงๆ สินะ " ผมสะดุ้งหลบตาคนตรงหน้าอย่างเขินอาย

          " ไอคนหลงตัวเอง " ผมแกล้งทำหน้าบู้กลบเกลื่อน พี่ไอที่นั่งคุกเข่าเอื้อมมือมาจับมือผมและจูบลงบนหลังมือผมช้าๆ เหมือนเจ้าชายที่กำลังจุมพิตเจ้าหญิง

          " พี่จะรักมินจนกว่าลมหายใจของพี่จะดับลง " ผมอมยิ้มกับภาพตรงหน้า 

          " งั้นก็ดับซะตอนนี้เลยดีไหม " ผมหวดมือลงบนไหล่หนาของคนตรงหน้าพลางหัวเราะ และโดดเข้าไปกอดคอพี่ไอจนพี่ไอหงายหลังลงไปกับพื้น 

          " ผมรักพี่ไอครับ รักที่สุด " ผมกอดคนตรงหน้าแน่น และยิ้มออกมาจากหัวใจ หากว่าโลกนี้จะสูญสลายไปผมก็ไม่เสียดาย เพราะว่าผมได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้ว


ได้อยู่ ได้พบเจอและได้รักคนคนนี้จนหมดหัวใจ



หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 45 ลิปมันกลิ่นสตอเบอร์รี่ [NC20+] ](12/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 12-10-2017 11:39:54
หื่นกว่าพี่ไอ ก็มินนี่แหละ  :laugh:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 45 ลิปมันกลิ่นสตอเบอร์รี่ [NC20+] ](12/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-10-2017 22:21:50
 :haun4: หื่นได้ใจมากกกกกก
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 45 ลิปมันกลิ่นสตอเบอร์รี่ [NC20+] ](12/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-10-2017 14:49:52
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 45 ลิปมันกลิ่นสตอเบอร์รี่ [NC20+] ](12/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-10-2017 23:11:50
  :z1: :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 45 ลิปมันกลิ่นสตอเบอร์รี่ [NC20+] ](12/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 14-10-2017 13:38:05
          FC ที่ 46 เรื่องคืนนั้นกับเด็กโรคจิต


          ฮยองแจอิน



          ในคืนวันที่เด็กพริ้นนั่นโดนยิง ผมกับเด็กนั่นวางแผนดักซุ่มศัตรูอยู่ในที่ที่คิดว่าอาจจะเจอพวกมัน

          " มาคนเดียวหรือไง " ผมถามออกไปเพราะว่าเด็กนี่เป็นถึงลูกชายคนโตของ S กรุ๊ปแต่กลับไม่มีบอดี้การ์ดติดตัวสักคน น่าแปลก

          " แค่ฉันคนเดียวก็พอ " ผมมองใบหน้าที่ม่วงช้ำของเด็กนั่นด้วยความไม่เข้าใจ

          " หน้าไปโดนอะไรมา " 

          " เป็นห่วงหรือไง " กวนชะมัด เด็กพริ้นนี่ทำตัวมีความลับเสมอเหมือนไม่ไว้ใจใครเท่าไหร่

          " แล้วน้องชายนายล่ะ " 

          " ไอปลอดภัยแล้ว ถูกขังไว้ในที่ปลอดภัย "  ผมมองใบหน้าที่อ่อนลงเสมอในเวลาพูดถึงน้องชายของหมอนี่ เป็นเด็กที่แปลก หน้าตาฟกช้ำแบบนั้นก็คงเพราะน้องชายนั่นแหละ

          จนถึงตอนที่เด็กผมดำนั่นวิ่งเข้ามา และไม่ต้องเดา เด็กพริ้นทิ้งทุกอย่างและวิ่งเข้าไปปกป้องน้องชายสุดชีวิต ผมที่คิดว่าคงไม่ต้องห่วง แต่ก็พลาด ยังมีพวกมันหลงเหลืออยู่และยิงเด็กนั่นจากระยะไกล ผมเก็บมันเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการยิงซ้ำ และเรียกบอดี้การ์ดทุกคนให้เข้ามาช่วยพวกนั้นออกไป คุณหนูปลอดภัยดีเพราะให้เกลียวพาแยกไปอีกทาง

          เด็กพริ้นโดนยิงไม่ถูกจุดสำคัญ แต่ก็เสียเลือดเยอะพอดู หน้าซีดลงอย่างรวดเร็ว ผมมองเด็กนั่นที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพียงเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก เหมือนกับมองเห็นตัวเองเลยนะ ผมก็ยอมทุกอย่างเพื่อคุณหนูเช่นเดียวกัน ผมนำเด็กพริ้นขึ้นเครื่องพร้อมแพทย์จากตระกูลของเรา ต้องช่วยไว้ให้ได้ เพราะถ้าหากนายตายไปละก็ ทั้งสองคนนั่นคงไม่สามารถยิ้มและมีความสุขได้จริงๆ จากหัวใจ

          เด็กพริ้นที่ตัวคนเดียวทำให้ผมต้องมาคอยดูแลหมอนี่ เหลือเชื่อมาก หมอนี่แข็งแรงกว่าที่คิด ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ ผมที่นั่งหลับตาเฝ้าไข้เด็กนี่อยู่ข้างๆ ก็ต้องตกใจสุดๆ เพราะหมอนี่ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้และนอนจ้องหน้าผม ความรู้สึกของผมบอกตัวเองว่าอย่าอยู่ใกล้เด็กนี่น่าจะดีกว่า 

          " นาย ไอเป็นยังไงบ้าง " คำถามแต่ละอย่างจากหมอนี่ส่วนมากจะเป็นเรื่องน้องชาย

          " ปลอดภัยและจะพบกับคุณหนูในวันพรุ่งนี้ " 

          " อย่าบอกไอเรื่องที่ฉันอยู่ที่นี่ " 

          " อย่าได้ใจไปหน่อยเลย คุณไม่ใช่เจ้านายของผม อย่ามาสั่งผมให้ทำนั่นนี่มากนักเลย ขอเตือน คุณไม่รู้จริงๆ หรอกว่าผมเป็นคนยังไง " ไอ้เด็กนี่ได้ใจเกินไป

          " แล้วนายเป็นคนยังไงกันล่ะ จริงๆ ฉันก็อยากจะรู้นะ " สายตาที่มันมองผมมันแปลกๆ ตั้งแต่แรกๆ แล้ว ดูไม่น่าจะเป็นพวกรักร่วมเพศ แต่ก็วางใจไม่ได้

          " คุณไม่รู้นั่นแหละดีแล้ว " 

          " นายน่ะ ชอบผู้ชายใช่ไหมล่ะ " ผมมองหน้าไอ้เด็กนี้ด้วยความสงสัย 

          " ผมไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของคุณ " 

          " เมื่อก่อนฉันเกลียดพวกคนแบบนายมาก ถึงดูพวกมันออกยังไงล่ะ แต่ตอนนี้น่ะไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกเพราะไอก็ชอบมินที่เป็นผู้ชาย บางทีมันอาจจะมีอะไรดีๆ ก็ได้ " ผมมองเด็กนั่น เกลียดงั้นเหรอ และดูออก หึ เด็กน้อยเอ๋ยนายน่ะ ยังไม่รู้อะไรอีกเยอะ

          " ผมยอมรับว่าคุณเก่งนะที่มองผมออก แต่คุณคงรู้แค่นั้นนั่นแหละ และขอบอกไว้ก่อนนะ ถึงผมจะไม่สนใจผู้หญิง แต่ก็ไม่สนผู้ชายต่ำๆ หรอกนะ " ผมไขว่ห้างพูดคุยโดยไม่แสดงสีหน้าเช่นเคย

          " จริงๆ ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องนายชอบผู้ชายหรอกนะ แต่แบบนี้ลั๊คกี้แฮะ " หลอกถามงั้นเหรอ ไอ้เด็กเวร

          " ผู้ชายกับผู้ชายเค้าทำกันยังไงนะ " ไอ้งี่เง่า

          " กลับไปกอดผู้หญิงแบบที่เคยจะดีกว่านะ ขอเตือน " 

          " นายก็สวยนะ หรือจะบอกว่าหล่อดี ดูดึงดูดน่าสนใจ เสน่ห์แบบผู้ใหญ่งั้นเหรอ ฉันออกปากชมเนี่ย ถือว่ามีบุญสุดๆ ไปเลยนะ " ไอ้เด็กหลงตัวเอง

          " งั้นเหรอครับ ขอบคุณละกันที่ชม " อยากต่อยปากมันจริงๆ

          " นี่ นายทำหน้าแบบอื่นไม่เป็นหรือไง " ถ้ามันโดนยิงอีกสักนัดคงจะดี ปากมากจริงๆ

          " ไม่มีเหตุผลให้ผมต้องทำหน้าแบบอื่นนี่ครับ " 

          " แล้ว ถ้าฉันทำได้ล่ะ " หึ ไอ้เด็กนี่มันอวดดีจริงๆ

          " ถ้าทำได้ก็ลอง "

          " ไม่มีอะไรที่ฉันอยากได้แล้วไม่ได้ " มันทำสีหน้าจริงจังเหลือเกิน น่าขัน

          " งั้นเหรอน่าสนุกนะ " เอาสิ เล่นกับเด็กสักหน่อยก็น่าจะดี 


          วันนี้คุณหนูกับเด็กไอนั่นเจอกันแล้ว ทั้งสองคนมีความสุขสักทีนะ ผมที่เฝ้ามองคุณหนูต้องเจ็บปวดหัวใจก็พลอยทำให้ผมนั้นหมองเศร้าไปด้วย และไอ้เด็กพริ้นนี่ก็ทำคุณหนูเจ็บปวดมาหลายครั้ง ถึงจะเพราะความไม่รู้ก็เถอะ อยากทรมานมันสักครั้งจริงๆ

          วันนี้ผมก็มาที่โรงพยาบาลเพื่อมาดูเด็กนี่ หมอบอกว่าเด็กนี่ไม่ยอมคุยไม่ยอมพูดอะไรกับใครเลย ทำตาขวางอย่างเดียว ใช่ว่าจะใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ซะเมื่อไหร่ แถมหมอนี่เรียนหมอซะด้วย แต่ดูแล้วไม่น่าจะรักษาใครได้ ถ้าฆ่าคนว่าไปอย่าง ไอ้ลูกหมาเอ้ย

          ผมก้มลงมองหน้าคนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างเงียบสงบ เหมือนกับกำลังมองเด็กไอนั่นในเวอร์ชั่นที่ดูสดใสกว่า ผมสีน้ำตาลอ่อนนี่ช่างเข้ากับใบหน้าที่ไร้ที่ติของเด็กนี่ ถ้านอนนิ่งๆ ไม่พูดมากก็จัดว่าโอเคเลยนะ เวลาหมอนี่ทำหน้ายิ้มแย้มก็เหมือนกับเป็นคนละคนกับนิสัยจริงๆ ที่ชอบทำหน้าเย่อหยิ่ง มองคนอื่นเหมือนเป็นมดปลวกยังไงยังงั้น

          " ถ้ามองขนาดนี้ก็จูบเลยสิ " เด็กนั่นลืมตาขึ้นช้าๆ พลางมองผมแบบยิ้มเจ้าเล่ห์ 

          " อย่าบอกนะว่าหลงรักฉันแล้ว " เฮ้อ เอือมเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป 

          " มีความมั่นใจเหลือเกินนะ น่าขำ " ผมพูดพลางนั่งลงที่โซฟาห่างออกมาจากเตียง

          " ที่นี่ประเทศนี้ผู้ชายหน้าตาดีๆ มีอยู่เกลื่อน ผมไม่สนใจเด็กน้อยแบบคุณหรอกครับ " 

          " ใครจะไปรู้ ได้ลองอาจติดใจก็ได้นะ " ปากดีจริงๆ

          " จะทำอะไร " ผมมองดูเด็กน้่นที่ทำท่าเหมือนจะลุกออกจากเตียง

          " แค่ยืดเส้นยืดสายน่ะ " ผมมองผ้าพันแปลที่พันรอบตัวของหมอนั่น มันอึดจริงๆ ให้ตาย

          " ขอเตือนไว้ก่อน ถ้าคุณคิดจะทำอะไรแปลกๆ ละก็ ขอให้เลิกคิดซะ เพราะผมจะยิงคุณจริงๆ "

          " เครียดเกินไปนะ แจอิน กลัวงั้นเหรอ " ผมเกลียดที่ไอ้เด็กนี่พูดชื่อผมออกมาแบบนั้นจริงๆ

          " อย่าคิดว่าจะออมมือให้ ถึงคุณจะบาดเจ็บอยู่ก็เถอะ " ผมพูดพลางลุกขึ้นช้าๆ เพราะเหมือนว่าเด็กนี่ต้องการลองดีจริงๆ

          " ถ้าฉันตายไปคุณหนูของนายจะเสียใจนะ นายแคร์คุณหนูนิ ใช่ไหมล่ะ " เด็กพริ้นยังคงพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมเดินมาหาผมเรื่อยๆ อย่างช้าๆ อย่างคุกคามชัดเจน

          ผมยืนนิ่งๆ ผมไม่กลัวหรอกถ้าต้องอัดมันจริงๆ เอาแค่ปางตายก็พอ

          " อีกแค่ก้าวเดียว ฉันจะอัดแกแน่ " ผมพูดขู่เสียงเย็น แต่ไอ้เด็กโรคจิตนี่ก็ยังยิ้มอยู่

          " ไม่พูดเพราะแล้วเหรอครับ คุณพ่อบ้าน " ผมเกลียดสีหน้ายิ้มเยาะของมันจริงๆ

          มันหยุดยืนนิ่งพร้อมส่งยิ้มให้อย่างน่ารำคาญ แต่ชั่วพริบตามันก็พุ่งพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผมกะจังหวะเข้าไปซัดมันที่หน้า แต่มันกลับป้องกันได้ ฝีมือไม่เลว แต่ยังอ่อนหัดไปนิด ผมใช้จังหวะตอนมันตั้งการ์ดกันหน้าไว้ แทงเข่าเข้าไปที่ท้องของมันที่เป็นแผล และอ้อมไปด้านหลังหยิบมีดที่ซ่อนในถุงเท้าและล็อคคอมันเอาไว้

          " โอ้ยยย ยอมแล้วๆ จะฆ่ากันจริงๆ เหรอเนี่ย ไม่ออมมือมั่งเลย " มันร้องโวยวายเสียงดังกุมแผลที่ท้องไว้ ซึ่งตอนนี้เลือดเริ่มไหลออกมาจนผ้ากลายเป็นสีแดง

          " ถ้ายังคิดจะทำแบบเมื่อกี้อีกละก็ ฉันฆ่าแกแน่ " แต่เมื่อผมที่พูดแบบนั้นก็ต้องทรุดนั่งลงไป มองเข็มฉีดยาที่ปักอยู่ที่ขา แย่แล้ว พลาดซะแล้ว ไอ้เด็กนั่นมันต้องการให้ผมล็อคตัวมันเพื่อเข้าใกล้และจะได้ปักเข็มนี่ลงบนขาของผม

          " แหม่ กว่าจะขโมยหมอมาได้ยากเอาการ แผนสำเร็จ เป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่า ถึงแม้จะเจ็บมากกว่าที่คิดซะอีก " มันพูดพลางลูบท้องที่เป็นแผลไปมา มันที่เรียนหมออยู่แล้ว เรื่องเลือกยาพวกนี้คงเป็นของกล้วยๆ สำหรับมัน 

          " ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก แค่อยากอยู่ใกล้ๆ เฉยๆ " ไอ้เด็กนี่นั่งยิ้มอยู่ตรงหน้าผมอย่างน่าโมโห 

          " ขยับไม่ได้ใช่ไหมล่ะ แขนขาอ่อนแรงไปเลย น่าสงสาร " อยากฆ่ามันเหลือเกิน ผมที่เห็นว่ามันบาดเจ็บ และไม่ใช่คนเลวร้ายเท่าไหร่ถึงไม่ได้ระวังตัวเท่าที่ควร เจ็บใจจริงๆ

          " ตัวบางกว่าที่คิดแฮะ แต่กล้ามเนื้อสวยมากเลย ฝึกยังไงกันนะ " ผมที่ไม่มีแรงแม้แต่จะพูด ได้แต่จ้องหน้ามันราวจะกินเลือดกินเนื้อ มันตอนนี้ลูบไปมาตามร่างกายของผมอย่างอยากรู้อยากเห็น

          " ใส่สูทมาอีกทำไม ถอดออกดีกว่าเนอะ อึดอัดจะตาย " ผมขมวดคิ้วมุ่น อย่าให้ขยับได้นะพ่อจะอัดให้ยับ

          ผมได้แต่มองมันค่อยๆ ถอดเสื้อนอกของผม และปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีขาวของผมออกทีละเม็ดทีละเม็ด พลางจ้องหน้าผมและอมยิ้มอย่างคนโรคจิต 

          " สวยจังเลยนะ " มันพูดพลางลูบไล้ไปมาบนหน้าท้องและลามไปจนถึงหน้าอก แต่จงใจไม่ให้โดนยอดอก

          " สีชมพูด้วยล่ะ " มันยังยิ้มจนตาหยีและพูดจาโลมเลียร่างกายผมตลอดเวลา

          " แว่นนี่ก็เกะกะชะมัด ถอดออกละกัน " มันพูดพลางค่อยๆ ถอดแว่นของผมออกช้าๆ

          " ว้าว นี่จงใจพลางหน้าหรือเปล่าเนี่ย สุดยอดเลยแฮะ ตอนแรกก็ว่าดูดีแล้วนะ พอไม่มีแว่นนี่สุดยอดคูณสิบไปเลย " มันปรบมือแปะๆ อย่างกวนบาทาจริงๆ

          " จ.จะ.ฆ่.าแ..ก " ผมพยายามพูดอย่างยากลำบากด้วยความแค้นสุดๆ

          " ถ้าอย่างงั้นละก็ ยิ่งต้องทำให้คุ้มสินะ จะตายทั้งที ขอมีความสุขหน่อยละกัน " ผมที่คิดว่ามันจะหยุด กลับต้องเสียใจกับคำพูดตัวเอง กลายเป็นเหมือนฆ่าตัวตายซะได้  ก็รู้อยู่แล้วว่ามันโรคจิต แต่ไม่คิดว่ามันจะร้ายขนาดนี้

          มันพูดพลางก้มลงช้าๆ และหยุดตรงใบหน้าของผม จมูกของมันสัมผัสกับจมูกของผมช้าๆ แต่กลับหยุดนิ่งอยู่แค่นั้น ผมหลับตาลงแต่ก็ต้องลืมตาขึ้น เพราะว่าเด็กนี่ยังคงทำแค่นั้น แค่จมูกชนกัน แต่ริมฝีปากยังไม่แตะโดนกัน ถึงแม้จะใกล้มากสุดๆ ก็ตาม

          " แบบนี้ไม่สนุกเลยแฮะ อยากจูบแบบที่นายก็จูบฉันด้วยจัง " มันพูดเบาๆ พร้อมทำหน้ามุ่ยแบบหงุดหงิด แต่ผมกลับรู้สึกแปลกๆ อยู่ในใจ เด็กนี่มันยังไงกันแน่นะ

          สักพักเด็กพริ้นก็ลุกขึ้น ติดกระดุมเสื้อของผม และแบกผมลงมานอนที่โซฟา

          " ไม่เกินชั่วโมงก็ขยับได้แล้ว หลังจากนั้นก็ช่วยอัดฉันเบาๆ หน่อยละกันนะ " มันพูดพลางจูบลงที่แก้มของผมเบาๆ และลุกกลับไปนอนที่เตียงตัวเองอีกครั้ง ผมสังเกตตามทางที่เด็กนี่เดิน มีเลือดหยดเป็นทาง หึ แค่นี้คงพอแล้วล่ะ ถ้าทำมากกว่านี้มันคงตายแน่ๆ ผมคิดและกลับยิ้มเล็กๆ ออกมา นอนมองดูเด็กนั่นที่ตอนนี้หลับไปแล้ว คงจะเจ็บมากสินะ


จากนี้ไปฉันจะสอนเรื่องที่นายอยากรู้ให้เอง ว่าผู้ชายกับผู้ชายเขาทำกันยังไง
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 46 เรื่องคืนนั้นกับเด็กโรคจิต ](14/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-10-2017 14:44:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 46 เรื่องคืนนั้นกับเด็กโรคจิต ](14/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-10-2017 21:38:29
อู้ยยย.........รอ ร้อ รอ  :hao3:
จากนี้ไปชั้นจะสอนเรื่องที่นายอยากรู้ให้เอง
ว่าผู้ชายกับผู้ชายเค้าทำกันยังไง  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 46 เรื่องคืนนั้นกับเด็กโรคจิต ](14/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-10-2017 22:11:23
มีสอนให้กันด้วย เขินจังเลย  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 46 เรื่องคืนนั้นกับเด็กโรคจิต ](14/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 16-10-2017 11:17:08
          FC ที่ 47 พ่อบ้านปิศาจ


          ฮยองแจอิน


          หลังจากที่พาคุณหนูและเด็กไอมาพบไอ้บ้านี่ ผมดีใจที่ทุกอย่างลงตัว คุณหนูดีใจมากที่ไม่ต้องเห็นเด็กไอนั่นร้องไห้เพราะพี่ชายอีกแล้ว หึ เรื่องเมื่อคืนทำผมจับมันมาอยู่ห้องรวมนี่แหละดี มันจะได้ทำอะไรไม่สะดวก ผมเดาไม่ออกว่ามันคิดจะทำอะไรต่อไป

          บ่ายวันนั้นเด็กไอมาขอร้องให้ผมย้ายพี่ชายไปพักฟื้นที่บ้านตระกูลคิม บอกว่าพี่ชายไม่อยากอยู่คนเดียว หนอย ได้ทีเอาใหญ่ทั้งพี่ทั้งน้อง แต่ว่านายท่านก็อนุญาต จะขัดก็คงไม่ได้ เห็นทีผมต้องระวังตัวมากกว่านี้ ที่ต้องระวังน่ะ เพราะว่าผมไม่ชอบให้เด็กพริ้นนี่มาเล่นอะไรแปลกๆ กับผมแบบที่ผมไม่ได้ตั้งตัวต่างหาก แต่ถ้าหากผมเล่นเด็กนี่ซะเอง นั่นก็อีกเรื่อง หึ

          " จากนี้ไปก็ดูแลผมด้วยนะครับ คุณพ่อบ้าน " มันพูดพร้อมทำหน้าตายิ้มเยาะ หึ พ่อจะดูแลให้สาสมเลยทีเดียว

          แผลโดนยิงไม่ได้ทำให้เด็กนี่หงอยได้เลย มันกลับลุกขึ้นเดินไปมาเหมือนแค่เป็นแผลถลอก ก่อนออกจากโรงพยาบาลหมอก็มาตรวจดูอาการเด็กพริ้นนี่อีกครั้ง

          " เอ่อ แผลเปิดนะครับ ช่วงนี้งดขยับตัวแรง หรือห้ามออกกำลังกายนะครับ " คุณหมอที่ทำหน้างง ว่าทำไมไอ้เด็กนี่ถึงแผลเปิดได้ ทั้งๆ ที่เย็บอย่างดีแล้วเชียว 

          " นี่ รีบพาฉันออกไปจากที่นี่ทีสิ เบื่อจะแย่แล้ว " เด็กนี่มองผมแบบกวนประสาทตลอดเวลา 

          " แต่อยู่กับคุณพ่อบ้านสุดเนี๊ยบก็คงจะน่าเบื่อเหมือนกันหรือเปล่าน้า นี่ วันๆ นายทำอะไรบ้างล่ะ " 

          " ครับ ก็คงจะน่าเบื่อเหมือนที่คุณพูดนั่นแหละ เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งกับผมมากนักจะดีกว่า " ผมพูดพร้อมเดินนำเด็กพริ้นนี่ออกมาจากห้อง เพื่อเตรียมกลับ

          ตลอดการเดินทางในรถ เด็กนี่ก็เอาแต่จ้องมองผม หึ มองไปเถอะ นายไม่รู้หรอกว่านายกำลังจะเจออะไร 

          " คุณเป็นคนซื้อเปียโนเก่าๆ นั่นให้น้องชายงั้นเหรอ " 

          " ใช่ พูดให้ถูกก็คือ ฉันซื้อที่ดินผืนนั้นเลยต่างหาก " บราค่อนของแท้เลยนะ

          " แล้วน้องชายคุณรู้หรือเปล่า "

          " ไม่ แค่เอาไปไว้ให้ แล้วไอก็เปิดร้านนั้นขึ้นมา จัดแต่งร้านเพื่อรำลึกถึงมิน เพราะคิดว่ามินตายไปแล้ว เจ้าน้องชายนั่นรักมั่นคงเหลือเกิน " เปียโนนั่นถึงหายไปสินะ
         
          " น่าแปลกนะ เพราะว่าลูกนอกสมรสอย่างคุณไอ น่าจะไม่ได้รับการยอมรับมากกว่า " 

          " นั่นเป็นเรื่องของคุณพ่อกับคุณแม่ แต่ฉันไม่สนหรอก " ผมมองแววตาที่เหมือนโกรธแค้นแทนน้องอย่างปิดไม่มิดของเด็กนี่
                   
          " แล้วคุณแม่ของคุณ ผมไม่เคยได้ยินข่าวเลย "

          " หนีไปแล้ว " ผมไม่น่าถามเลยสินะ ดูไปก็น่าสงสาร คงจะมีแค่น้องชายคนเดียวที่อยู่ข้างๆ

          " ขี้โกงจังเลยนะ ฉันไม่รู้เรื่องของนายเลย " เด็กนี่อยู่ดีๆ ก็ตัดพ้อซะงั้น 

          " คิดดีแล้วเหรอ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ " ผมมองหน้าเด็กนี่ที่ทำสีหน้าจริงจังมองผม

          " ช่วยพาฉันถลำลึกลงไปหน่อย คุณพ่อบ้าน " ผมมองหน้าเด็กนี่ที่ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาอย่างช้าๆ

          ' ปั้บ! '

          ผมตะปบหน้าเด็กนี่ไว้ด้วยมือข้างเดียว และไม่หันไปมองด้วยซ้ำ 

          " อย่าแม้แต่จะคิด " หึ ใจเย็นๆ ไอ้หนู ของจริงจะเริ่มในอีกไม่นาน


          พริ้น


          ผมมองแจอินขับรถ ด้วยท่าทางที่ดูเป็นงานเป็นการ ต้องบอกว่าหมอนี่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูเหมือนมืออาชีพไปหมด ทำได้ทุกอย่าง หน้าตาที่ไร้อาการ สีหน้าที่ไม่แสดงออกใดๆ นั่น อยากแกล้งชะมัด จะต้องทำให้นายแสดงสีหน้าแบบที่ไม่เคยทำให้ใครดู ฉันต้องได้เห็นมันเป็นคนแรก

          ผมเคยเกลียดผู้ชายที่เข้ามาหาผม ผมเคยคิด ว่ากับผู้ชายงั้นเหรอ งี่เง่า ผู้หญิงก็มีเยอะแยะ สวยๆ หุ่นดีๆ เวลาสัมผัสก็นุ่มนิ่มชวนให้รู้สึกดี แล้วกับผู้ชายเนี่ยนะ อกก็แบน ร่างกายก็มีแต่กล้ามเนื้อ จับตรงไหนก็คงไม่นุ่มนิ่ม เป็นบ้ากันหรือไง ให้ตายก็ไม่เอาด้วยหรอก

          แต่แล้วเมื่อผมได้เจอคนคนนี้ มันแปลก ผมที่คิดว่าตัวเองนั้นเพอร์เฟคยิ่งกว่าใคร กลับต้องเหลียวหลังมองดูผู้ชายคนนึง ยืนตัวตรงอย่างงามสง่า ใส่สูทสีดำแม้อากาศจะร้อนสักแค่ไหน ผิวขาว หน้าเรียว แว่นกรอบดำ แววตาที่ดูเฉียบคมนั่น เหมือนกับมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง สีหน้าเรียบเฉย แต่กลับดูดีสุดๆ ไปเลย ต้องเป็นพวกที่ทำงานอะไรที่อันตราย ดูลึกลับ อยากจะรู้จังเลยนะ ว่านายคิดอะไรอยู่ แล้วนายถ้าห้วเราะออกมาจะเป็นยังไงกันนะ

          ผมมาถึงบ้านของตระกูลคิม ต้องบอกว่าคฤหาสน์สินะ คนละแบบกับบ้านของผมที่นี่ตกแต่งแบบสไตล์ยุโรป หินอ่อน หรูหราแบบสุดๆ แต่บ้านของผมเป็นคฤหาสน์กึ่งบ้านทรงไทย เป็นแบบไทยๆ ที่ดูร่มรื่นเย็นสบาย

          ผมเข้าไปทักทายผู้นำตระกูลคิมด้วยใบหน้าเป็นมิตร แต่ผมที่พูดภาษาเกาหลีไม่ได้เลยต้องให้แจอินทำหน้าที่เป็นล่ามให้ นิสัยของคุณพ่อของมินต่างกับรูปลักษณ์ เหมือนจะดุแต่กลับใจดี เจ้าพ่อมาเฟียของแท้เลยแฮะ ต้องฝากตัวไว้ หึหึ

          ผมที่ออกมาจากห้องของคุณพ่อของมิน และถูกนำทางมาที่ห้องรับรองห้องหนึ่งในคฤหาสน์ ผมเดินตามแจอินที่เดินนำผมมาที่ห้อง แจอินยังคงระวังตัวสุดๆ ถ้าผมขยับแปลกๆ สักนิด หมอนี่ก็จะหันมาอัดผมแน่นอน จริงๆ ผมคิดว่าผมสู้ได้สบายมาก แต่เมื่อคืนน่ะ ยอมให้อัดต่างหากเล่า 

          " เชิญพักผ่อนตามสบาย ถ้ามีอะไรก็เรียกพ่อบ้านได้เลย " แจอินพูดพลางผายมือให้ผมเข้าไปในห้อง แหม่ทางการตลอดเลยนะ 

          " นายก็มาพักด้วยกันสิ " ผมลองพูดเย้าแหย่เล็กๆ ดูท่าทีไปก่อน

          " ต้องขออภัยแต่ผมมีเรื่องต้องไปทำ ขอตัว " เจ้าตัวพูดพลางรีบเดินจากไป กลัวผมจะฉุดเข้าห้องหรือไง เชื่อเค้าเลย แต่สนุกดีแฮะ

          หมอนี่อายุมากกว่าผมแค่ 3 ปี แต่การวางตัวนั้นดูราวกับเป็นผู้ใหญ่เหลือเกิน อยู่แบบนั้นไม่เครียดบ้างหรือไงนะ หมอนั่นเคยปลดปล่อยบ้างหรือเปล่า แย่ละ แค่คิดก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา นี่ผมหลงหมอนั่นมากขนาดไหนกันนะ แปลกจริงๆ ให้ตาย จะมีทางไหนที่จะได้เข้าใกล้หมอนั่นแบบที่ไม่ต้องสู้กันบ้างนะ

          ผมเดินดูรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามหรูหราสมกับเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียจริงๆ น้องชายผมนี่ลูกเขยตระกูลคิมเชียวนะ สุดยอดไปเลย ฮ่าๆ ผมเดินไปมาอย่างอารมณ์ดีแต่หน่วงๆ ที่แผลชะมัด แจอินเล่นแทงเข่าซะเต็มแรง เหมือนโดนยิงอีกนัดเลยก็ว่าได้ แต่เอาเถอะ ถือว่าคุ้ม

          ' ****Night Club 22.00 '

          ผมมองดูกระดาษแผ่นน้อยที่ถูกวางไว้บนเตียงอย่างเรียบง่าย ใครกันนะ แจอินงั้นเหรอ ในที่แบบนั้น บ้าไปแล้ว

          ผมรอเวลาจน 4 ทุ่มแต่งตัวตามปกติ ไอ้ปกติของผมน่ะก็สุดยอดอยู่แล้ว แบบไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะ ก็ผมน่ะหล่อจริงๆ นี่นา หึ
         
          ผมเรียกแท็กซี่ ซึ่งผมก็พูดเกาหลีไม่ได้สักนิด แต่ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้คนขับ แค่นั้นก็เข้าใจได้ ไม่นานผมก็มายืนงงๆ อยู่หน้าไนท์คลับแห่งหนึ่ง ผมถูกจ้องมองโดยคนที่ผ่านไปผ่านมาและคนที่มาเที่ยวที่นี่เป็นตาเดียว ก็แน่ล่ะ ผมน่ะชินแล้ว ใครบ้างจะไม่อยากเข้ามาทักคนแบบผมกันล่ะ ผมส่งยิ้มละมุนแจกจ่ายไปทั่วทุกคนที่เดินผ่าน แต่ละคนก็กระซิบพูดคุยกันด้วยภาษาที่ผมก็ไม่เข้าใจกันตลอดทางเดิน

          สาวๆ สวยๆ เยอะแยะเต็มไปหมด นุ่งสั้น ขาเรียวยาว แหม่แต่ละคนต่างเข้ามาลูบไล้ผมที่เดินผ่านไปอย่างโปรยเสน่ห์ ผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดีก็เหมือนจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ นี่มันสุดยอดไปเลย ที่ไทยก็สู้ไม่ได้สักนิด มีบริกรมาถามอะไรสักอย่างกับผม แต่ผมฟังไม่รู้เรื่องเอาซะเลย เลยทำแค่ตีหน้ามึนอย่างช่วยไม่ได้

          " พริ้น ? " บริกรสาวเข้ามาถามผมอย่างเป็นมิตร ผมพยักหน้าให้เพื่อบอกว่าใช่แล้วผมชื่อพริ้น สักพัก หล่อนก็พยักหน้าเหมือนให้ผมตามหล่อนไป

          ผมเดินไปตามทางที่ถูกบริกรสาวนำมาขึ้นสู่ชั้นบน ที่บรรยากาศดูต่างกับชั้นล่างสุดๆ มีโซฟาหลายตัวอยู่ด้านบนนี้ รู้สึกเหมือนคล้ายๆ คลับที่ผมชอบไปอยู่หน่อย แต่แสงไฟดูอึมครึมกว่า และดูมืดกว่ามาก แทบจะเหมือนเปิดแบล็คไลท์เลยทีเดียว

          บริกรสาวหยุดยืนและทำมือให้ผมนั่งลง ผมมองไปที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับผมด้วยหัวใจที่เต้นรัว ผมตาโตจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ค่อยๆ ขยับนั่งลงช้าๆ โดยยังคงไม่อาจละสายตาจากคนตรงหน้าได้ 

          " แจอินงั้นเหรอ " ผมมองชายหนุ่มตรงหน้าที่ตอนนี้ไม่มีแว่นอยู่บนใบหน้า เสยผมขึ้นและจัดแต่งแบบแปลกตาที่ดูหล่อมากๆ ต้องบอกว่าเท่ห์สุดๆ ไปเลย แต่งกายด้วยเสื้อเชิ๊ตสีเข้มที่ปลดกระดุมลงสักครึ่งนึงได้ โชว์รูปร่างและผิวขาวเนียนทรมานใจทั้งหญิงและชายที่เดินผ่านไปแบบต้องเหลียวหลังคอแทบหักทุกคน ในมือคีบบุหรี่ที่กำลังพ่นไปในอากาศ และที่นั่งซ้ายขวาของแจอินก็มี เอ่อ เหมือนกับเด็กวัยรุ่นชายน่าตาน่ารักสองคนขนาบข้าง โดยที่แจอินนั่งเหมือนกับโอบทั้งสองคนนี่เอาไว้ 

          " มาช้านะ นึกว่าหลงทางไปซะแล้ว " ผมยังคงมองคนตรงหน้าด้วยหน้าตาที่แบบเหวอสุดชีวิต นี่คุณพ่อบ้าน นี่นายจริงๆ งั้นเหรอ

          " ทำตัวแบบนี้คุณหนูไม่ว่าหรือไง " ผมพยายามพูดออกไปแบบสงบที่สุด แต่ติดตลกกวนๆ

          " หึ ฉันทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คุณหนูเสมอนั่นแหละ " การพูดก็เปลี่ยนไปด้วยแฮะ 

          " อ๋อ งั้นตอนนี้เป็นช่วงปลดปล่อยสินะ " คนตรงหน้าแค่พ่นควันต่อไปโดยไม่สนใจคำเหน็บแนมของผม

          ผมยังคงจ้องมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้หันไปพ่นควันใส่หน้าเด็กหนุ่มน่ารักข้างๆ นั่นและเริ่มจูบกับเด็กผู้ชายนั่นอย่างไม่แคร์สายตาประชาชี แปลก ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น เป็นประสบการณ์ที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน

          " นายเป็นรุกงั้นเหรอ " ผมที่อดสงสัยไม่ได้ก็เผลอหลุดปากพูดออกไปด้วยหัวใจที่ระทึก 

          " ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร " ว้าว ยิ่งได้มองคนตรงหน้าผมยิ่งคิดว่าถ้างั้น ฉันจะต้องให้นายอยู่ข้างล่างฉันให้ได้

          " แล้วแบบฉันล่ะ ว่าไง " ผมถามออกไปด้วยความตื่นเต้นทางสีหน้าที่ปิดไม่มิด

          " นายคิดว่านายมีค่าพอจะเข้ามาอยู่ในตัวฉันงั้นเหรอ น่าขำ  " คนตรงหน้าไม่พูดเปล่า แต่ยืดเรียวขานั่นมาเหยียบลงบนกางเกงของผม ตรงจุดไหนคงไม่ต้องบอก โซฟาของเราหันหน้าเข้าหากัน และไม่ห่างกันทำให้ขาของคนตรงหน้ายืดมาถึงตัวผมแบบสบายๆ แถมเราสองคนยังสูงสุดๆ อีกด้วย เรียวขาภายใต้กางเกงสีเข้มนั่นยังคงวางลงบนจุดอันตรายของผม พร้อมขยับเบาๆ ไปมาอย่างเร้าอารมณ์ จ้องหน้าผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็เย้ายวนสุดๆ ในเวลาเดียวกัน

          ในขณะที่เด็กๆ ทั้งสองคนข้างๆ แจอินก็ยังคงลูบไล้ไปมาบนลำตัวของแจอินอย่างหลงไหล ผมกลืนน้ำลายกับภาพตรงหน้า ความรู้สึกคับตึงเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้กางเกงของผมที่ถูกปลุกเร้าโดยเท้าของคนตรงหน้าที่ขยับไปมาอย่างเชี่ยวชาญ

          มีสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม และพูดเหมือนขอนั่งลงข้างๆ ผมไม่ได้พูดหรือปฏิเสธอะไร เพราะผมไม่เข้าใจ ผมมองคนตรงหน้าที่ยืดขากลับไปนั่งไขว่ห้างเหมือนเดิมด้วยใบหน้าเรียบเฉย หญิงสาวข้างๆ ผมยังคงเขยิบเข้ามาใกล้และทำท่าอยากรู้จักกับผมสุดๆ แต่ผมยังคงจ้องมองไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งคนที่ผมสนใจก็จ้องมองผมไม่วางตาเช่นกัน

          แล้วจู่ๆ คนตรงข้ามก็ลุกพรวดขึ้นมา เดินมานั่งลงบนตักผม และดึงคอผมเข้าไปจูบอย่างร้อนแรง จนผู้หญิงข้างๆลุกหนีไปด้วยความตกใจ ผมจับแก้มคนตรงหน้าไว้และจูบตอบกลับไปอย่างร้อนแรงเช่นกัน เรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้าไปดูดกลืนหยอกล้อกันจนรู้สึกหูอื้อไปหมด ความลุ่มหลงหล่อหลอมให้พวกเรากอดรัดกันไปมาอยู่บนโซฟาโดยไม่แคร์สายตาใคร ผมไม่เคยตกอยู่ในภวังค์แห่งความหลงไหลแบบนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่ชีวิตของผมก็ผ่านคนมามากมาย แต่กลับไม่มีใครเติมเต็มมันได้เลย ผมพบแล้วสินะคนที่ผมตามหามาตลอด


นายเป็นของฉันแจอิน ของฉันเท่านั้น
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 47 พ่อบ้านปิศาจ ](16/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-10-2017 16:28:35
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 47 พ่อบ้านปิศาจ ](16/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-10-2017 22:04:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 47 พ่อบ้านปิศาจ ](16/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-10-2017 01:24:18
 :mc4: ยินดีด้วย หลานพริ้นมีคู่แล้ว
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 47 พ่อบ้านปิศาจ ](16/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 18-10-2017 13:55:38
          FC ที่ 48 ใครแพ้อยู่ข้างล่าง


         พริ้น


         พวกเรายังคงกอดจูบกันอยู่บนโซฟาตัวยาว ท่ามกลางสายตาของผู้ที่มาเที่ยวยังสถานบันเทิงแห่งนี้ แต่ก็พบว่าไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งหรือมองเหมือนเป็นเรื่องแปลก คงเพราะว่าเรื่องแบบนี้อาจเป็นเหมือนเรื่องธรรมดาๆ ที่พบเห็นได้ทั่วทุกมุมของที่นี่

         " เดี๋ยวมา " อยู่ดีๆ คนในอ้อมกอดผมก็ถอนริมฝีปาก ลุกขึ้น และเดินออกไปกระซิบอะไรบางอย่างกับการ์ดที่ยืนอยู่มุมห้อง  ทุกท่วงท่าการเดิน สายตาสีหน้า ผมไม่อาจละสายตาจากคนคนนี้ไปได้ 

         " คุณเป็นใครงั้นเหรอ " อยู่ดีๆ เด็กหนุ่มน่าตาน่ารักนั่นก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย

         " นายเป็นคนไทยงั้นเหรอ " ผมถามออกไปด้วยความแปลกใจ

         " แม่ผมเป็นคนไทย คุณรู้จักคุณแจอินได้ยังไง " เด็กนั่นพูดด้วยสีหน้าสงสัยเช่นเดิม

         " ทำไมงั้นเหรอ " การรู้จักแจอินเป็นเรื่องน่าแปลกหรือไงนะ

         " คุณแจอินเป็นคนของตระกูลคิม ถึงจะอันตราย แต่ทุกคนก็ยอมเสี่ยงเพื่อเข้าหาคนคนนั้น เป็นเหมือนดาวที่อยู่สูงสุดของที่นี่ ทุกคนน่ะหลงไหลคุณแจอินกันทั้งนั้น คุณน่ะระวังตัวไว้ดีกว่า เพราะคุณแจอินไม่เคยเข้าหาใครก่อน มีแค่คุณนี่ล่ะที่ดูแปลกกว่าใคร อาจมีคนอยากทำร้ายคุณได้ " จริงๆก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่แจอินจะมีแต่คนหมายปอง ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ ผมยังไม่เห็นใครที่ดูดีกว่าหมอนั่นเลย ยกเว้นผม หึหึ

         " นายเป็นเด็กของแจอินงั้นเหรอ " เด็กนั่นส่ายหน้าไปมา

         " ผมเสนอตัวให้คุณแจอิน ทุกคนก็ทำแบบนี้ คุณแจอินน่ะ เข้าหายากสุดๆ ก็นะ มีสิทธิ์เลือกนี่นา และวันนี้ผมก็หวังว่าคุณแจอินจะเลือกผม " เหอะ ฝันไปเถอะไอ้หนู ต่อไปนี้แจอินเป็นของฉันต่างหากล่ะ

         ยังไม่ทันไรที่เด็กนี่เตือนผม ก็มีคนมาเยี่ยมผมซะแล้ว จีบคนดังนี่มันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย พวกโอปป้าสามตัวล้อมผมที่นั่งอยู่บนโซฟา และพูดคุยกันไปมาด้วยสีหน้าหาเรื่อง ได้เสียสิวะ อยากออกกำลังอยู่พอดี

         ผมลุกขึ้นยืนขึ้นช้าๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พวกมันคนหนึ่งเดินดิ่งเข้ามาและส่งหมัดขวามากะจะน็อคผมอย่างเต็มรัก แต่ผมแค่ดึงแขนมันไว้ และพลิกกดมันให้นอนคว่ำหน้าเอาแขนไพ่หลัง แล้วกระทืบที่แขนมันเต็มแรง เสียงกระดูกที่หักดังเป๊าะ ช่างเสนาะหูจริงเชียว พวกมันที่เหลือก็รีบกรูเข้ามา แต่ไม่ต้องห่วง ไม่เกินสามสิบวิเท่านั้นล่ะ พวกมันก็ลงไปนอนคาบแก้วเล่นสบายใจแล้ว

         ผมที่ไม่ทันตั้งตัวกลับพบว่าตอนนี้มีปากฉลามจ่ออยู่ที่คอซะแล้ว ไอ้หยาน่ากลัวจริงๆ มีพวกของมันซ่อนอยู่อีกหนึ่งคนคอยหาโอกาสเข้ามาตอนผมเผลอ เหอะลอบกัดสินะ

         " 죽고 싶어 ? (อยากตายใช่ไหม ?) " ผมหันไปช้าๆ ก็พบว่าแจอินของผมกำลังถือปืนจ่ออยู่ที่หัวของไอ้ตัวที่เอาปากฉลามจ่อคอผมอยู่ พร้อมพูดภาษาที่ผมไม่เข้าใจขู่มันด้วยเสียงอันเย็นยะเยือก น่ารักอ่ะ หึหึ

         พอเห็นปืนจ่อหัว ไอ้นรกนี่ก็รีบเดินออกจากตัวผมและลากเพื่อนมันออกจากบริเวณนี้อย่างทุลักทุเล หึ สมน้ำหน้า

         " ยิ้มอะไร อยากตายหรือไง " แจอินหันมามองหน้าผมที่กำลังยิ้มอยู่อย่างแช่มชื่น

         " ดุจัง แต่ก็น่ารัก " ผมยิ้มกวนส่งไปให้คนที่ยังทำหน้านิ่งเฉยมองผมแบบเอือมระอาอีกแล้ว

         " มาเล่นเกมส์กันไหม " แจอินเดินเข้ามาหาผมช้าๆ และดึงผมให้นั่งลงข้างๆ พร้อมพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าผม

         " ถ้าใครแพ้ คนนั้นต้องทำตามที่คนชนะสั่งทุกอย่าง " ผมหันควับไปยังคนข้างๆ ที่ยิ้มที่มุมปากน้อยๆ อย่างพึงพอใจ

         " บอกไว้ก่อนนะ ว่ายังไงฉันก็ไม่ยอมอยู่ล่างแน่ " ผมพูดออกไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ถึงจะเป็นแจอินก็เถอะแต่ผมน่ะไม่ไหวหรอก

         " ถ้างั้นก็อย่าแพ้สิ " แจอินพูดเบาๆ ข้างๆ หูของผม อยากจูบจริงๆ ให้ตาย

         สักพักก็มีแก้วเหล้าเล็กๆ เป็นช็อตมากมายวางอยู่ตรงหน้าผม ทุกแก้วเป็นเหล้าหลากหลายยี่ห้อแน่ๆ เพราะแต่ละแก้วมีสีที่ต่างกัน ผมมองหน้าคนข้างๆ ที่กำลังจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่เหมือนเพลิงเผาไหม้ ผมใจสั่นเสมอเวลามองคนคนนี้ตรงๆ

         " ใครแพ้เดี๋ยวก็จะรู้เอง อาการมันจะบอก " แจอินเอื้อมแขนมากอดคอผมและกระซิบเบาๆ พร้อมจูบลงที่หูของผมเบาๆ อย่างยั่วยวน อาการงั้นเหรอ อาการแบบไหนกันนะ แบบนี้ถึงจะชนะ แต่ก็คงเมาแน่นอน เพราะมองดูแล้วดีกรีน่าจะไม่ใช่น้อยๆ

         " ฉันจะไม่ยอมแพ้แน่ๆ " ผมพูดออกไปด้วยความมั่นใจอีกครั้ง 

         " แล้วมาดูกัน " ผมเริ่มหวั่นๆ นิดๆ เพราะคนข้างๆ ก็ดูเหมือนจะมั่นใจเช่นกัน

         ผมเอื้อมมือไปหยิบแก้วสีอำพันสวยใบเล็กที่ใกล้มือที่สุด แล้วกระดกรวดเดียวลงคอ พลางหันไปจ้องคนข้างๆ ที่เลือกหยิบใบหนึ่งจากบนโต๊ะ และกระดกรวดเดียวเช่นกัน ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แต่แววตาดูเซ็กซี่เหลือเกิน

         พวกเราผลัดกันดื่มทีละแก้ว ทีละแก้ว ห้าแก้วผ่านไป แปดแก้วผ่านไป หึ ผมน่ะคอแข็งอย่าบอกใคร ถ้าจะมอมกันละก็คิดผิดแล้วที่รัก นายเสร็จฉันแน่

         แต่เอ๊ะ แปลกแฮะ มันแปลก ที่นี่ทำไมมันถึงร้อนๆ ขึ้นพิกล ทั้งๆ ที่ตอนแรกยังรู้สึกว่าแอร์เย็นอยู่เลย ผมเริ่มปลดกระดุมเสื้อลงและกระพือเบาๆ ด้วยความร้อนแปลกๆ ผมเมางั้นเหรอ ไม่ ไม่มีทาง 

         " ดูเหมือนจะรู้ตัวคนแพ้แล้วนะ " ผมขมวดคิ้วหันไปมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้อมยิ้มเหมือนผู้ชนะ

         ผมที่รู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ ไม่สบายตัวเอาซะเลย อาการแบบนี้อย่าบอกนะว่า

         " ยาปลุกงั้นเหรอ " ผมมองคนข้างๆ ที่เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ พลางอมยิ้มเล็กๆ

         " บอกไว้ก่อนนะ เล่นแบบนี้คนที่จะเจ็บก็คือนาย " ผมพูดจริงนะ แบบนี้ได้มีข่มขืนกันแน่ๆ

         " ลืมกติกาไปแล้วเหรอ คนแพ้ต้องทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น ถ้านายแหกกฎ ฉันจะไม่ยุ่งกับนายอีก " เป็นคำขู่ที่ทำผมหัวใจหนักอึ้ง ถ้าผมต้องเสียแจอินไป มีแต่ต้องยอมสินะ

         " ต้องการให้ทำอะไร " อย่าบอกนะว่า

         " อยู่ข้างล่างฉัน " ผมมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าที่หมดอาลัยตายอยากอย่างปิดไม่มิด 

         " ไม่มีทางอื่นเลยเหรอ แบบว่า ฉันไม่ได้รังเกียจนายหรอกนะ แต่ว่าฉัน ฉันอยากกอดนาย อยากให้นายเป็นผู้หญิงของฉัน " ผมพูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน หวังว่าคนใจร้ายจะเห็นใจ

         " ไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้ายังอยากอยู่กับฉันคืนนี้ ก็ตามมา " แจอินพูดพลางเดินนำออกไปยังลานจอดรถที่มีรถจอดอยู่มากมาย

         ผมเดินตามแจอินมาเงียบๆ ด้วยอารมณ์ที่ยังครุกรุ่น ผมเดินเร่งฝีเท้าและดึงมือแจอินไว้ และผลักลงที่กระโปรงหน้ารถคันหนึ่งใกล้ๆ พร้อมก้มลงไปประกบปากกับคนเบื้องล่างอย่างทนไม่ไหว คนเบื้องล่างไม่ได้ขัดขืน แต่กลับกอดคอผมแน่นขึ้น ผมย้ายจากริมฝีปากขบเม้มที่ลำคอระหงส์ขาวเนียนอย่างกระหาย มือของคนเบื้องล่างลูบไล้ไปตามอก หน้าท้องของผมและลงต่ำไปยังจุดที่ตื่นตัวเต็มที่ของผม

         " ทรมานน่าดูเลยสินะ เป็นถึงขนาดนี้แล้ว " ผมยังคงจูบไซ้ไปตามซอกคอเนียนของคนเบื้องล่าง ที่กำลังสัมผัสส่วนอ่อนไหวของผมจากภายนอกกางเกงยีนส์สีเข้ม 
         
         " นี่ จะทำตรงนี้ไม่ได้นะ เป็นบ้าหรือไง " แจอินตีผมที่ไหล่อย่างแรง ด้วยใบหน้าบึ้งตึง 

         " ดุตลอด " 

         " แล้วจะทำไม " แจอินทำหน้าตาหาเรื่อง ผมยื่นหน้าเข้าไปจูบปากแจอินอีกรอบ ยังไงก็ชอบจัง ผมชอบคนคนนี้

         " ฉันชอบนาย ชอบมาก " ผมพูดพลางกอดคนตรงหน้าหอมแก้มซุกไซ้ไปมาแบบนัวเนียสุดๆ

         " งั้นเหรอ ถ้างั้น พร้อมจะอยู่ข้างล่างฉันหรือยัง " ผมที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นและส่ายหัวรัวๆ ด้วยความหวั่นใจ

         แจอินไม่สนที่ผมส่ายหัวลากผมเดินมาเรื่อยๆ ยังรถคันหนึ่ง นี่มันซีมูลีนของแท้ ที่บ้านผมไม่มี เพราะคุณพ่อไม่ชอบ 

         " ถอดเสื้อผ้าซะ " แจอินพูดพลางกระชากเสื้อผมจนไม่ต้องถอดกระดุมเลยทีเดียว ขาดหมด

         " ไม่อยู่ล่างได้ไหม พอดีชอบอยู่บน อยู่ข้างหลังก็ได้ " ผมพูดพลางเข้าไปกอดตัวแจอินไว้ และล็อคเลยครับ

         " อยากสู้กับฉันเหรอ " เอ่อคือไม่ใช่แบบนั้นสิ ผมปล่อยตัวแจอินช้าๆ อย่างเซ็งๆ

         แจอินแค่มองหน้าผมและค่อยๆ แกะกระดุมออกทีละเม็ดจนหมด ผมมองภาพตรงหน้าแบบเผลอกลืนน้ำลาย ผมลุกพรวดเข้าไปดูดปากคนข้างหน้าอย่างกระหาย ความนุ่มนิ่มของริมฝีปากบางนี่ทำให้ผมหลงไหล พวกเราดึงดูดกันไปมาจนริมฝีปากกลายเป็นสีแดง ตัดกับใบหน้าขาวที่บัดนี้เริ่มชื้นเหงื่อ ผมลูบไล้ไปตามแก้มใส ลำคอขาว ไล่ลงมายังยอดอกสีชมพูและลูบเบาๆ คนตรงหน้ากระดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ยอมละริมฝีปากออกจากกัน มือเรียวลูบไล้ไปบนกางเกงของผมและล้วงเข้าไปนวดคลึงส่วนตื่นตัวของผมที่คับแน่นอยู่ข้างในอย่างร้อนแรง

         ผมละมือออกจากยอดอกเล็กๆ ลงไปยังก้นกลมมนลูบไล้บีบเฟ้นอย่างมันส์มือ และค่อยๆ ถอดกางเกงคนตรงหน้าลงช้าๆ เขยิบกายเข้ามาชิดกันเรื่อยๆ 

         " สีสวยจัง " ผมจูบเบาๆ ที่แก้มพร้อมลูบไล้ไปตามส่วนอ่อนไหวของคนตรงหน้า กลายเป็นว่าตอนนี้เราผลัดกันจับส่วนแข็งขืนของกันและกันอย่างมันส์มือ

         " หุบปากแล้วนอนลงไป " ผมถึงกับสะดุ้งเพราะว่าคนตรงหน้าเริ่มผลักผมนอนลง ไม่ใช่การผลักเบาๆ ซะด้วย ผมนอนลงด้วยใจระทึก ผมจะขัดขืนดีไหมนะ แต่ผมชอบแจอินจริงๆ นี่นา ผมไม่อยากทำร้ายแจอิน

         " เดี๋ยวๆ นี่อะไรน่ะ " คนตรงหน้าโน้มตัวลงมาผูกปิดตาผมเอาไว้ด้วยผ้าเส้นหนึ่ง 

         " ไม่เอาแบบนี้ได้ไหม ฉันอยากเห็นหน้านายนะ " ผมพูดและพยายามดึงผ้าออก

         " ถ้าอยากจะทำกันดีๆ ก็อยู่นิ่งๆ ซะ " ผมที่คิดว่าถ้าไม่ยอมตอนนี้ต่อไปคงเข้ามาตัวแจอินได้ยากแน่ๆ เลยต้องยอมตามอย่างว่าง่าย นี่มีแต่ผมงั้นเหรอที่ชอบคนคนนี้ 

         " นายไม่ชอบฉันเหรอ " ผมพูดออกไปด้วยความน้อยใจนิดๆ ไม่เคยมีใครใจร้ายหรือปฏิเสธผมมาก่อน แถมนี่ผมยังต้องยอมอยู่ข้างล่างอีกด้วย คนข้างบนไม่พูดอะไร แต่ก้มลงมาจูบผมด้วยความรู้สึกที่แปลกออกไป ดูนุ่มนวลบดขยี้อย่างเนิบนาบเหมือนเต็มไปด้วยความรัก นิ้วเรียวยาวของคนข้างบนยังคงลูบไล้แก่นกายที่ร้อนระอุของผมอย่างสม่ำเสมอ ผมคงจะโดนจริงๆ สินะ เอาเถอะ

         แต่อยู่ๆ ความรู้สึกตรงส่วนที่แข็งขืนนั้นก็แปลกไป ความอบอุ่นคับแน่นที่ก่อตัวจนทำให้ผมรู้สึกเกร็งหน้าท้องช้าๆอย่างเสียวซ่าน ผมควานมือไปในความมืดจับเอวคนที่กำลังนั่งลงช้าๆ สอดทับแก่นกายของผมไว้ ผมถึงกับอ้าปากหายใจเข้าเล็กน้อย ความรู้สึกช่างแตกต่างกับพวกผู้หญิงมันโอบตึง รัดแน่นและสัมผัสดีกว่าแบบที่ถ้าขยับผมคงถึงจุดภายในสามวิเป็นแน่

         " อึกก แจอิน ดีจัง " ผมถึงกับครางออกมา อยู่ข้างล่าง แบบนี้เองสินะ จะออนท็อปก็ไม่บอกกันที่รัก เป็นคนที่ร้ายกาจจริงๆ หลอกกันได้

         ผมลูบเอวคนที่อยู่เบื้องบนไปมาและบีบเฟ้นสะโพกเนียนนั่นด้วยแรงอารมณ์ คนข้างบนเริ่มขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ ทุกการเคลื่อนไหวทำเอาผมเสียวซ่านแบบขาดใจ ผมยังคงลูบไล้ไปตามร่างกายของคนข้างบนอย่างหลงไหล แต่คนข้างบนยังคงเงียบกริบ ไม่ส่งเสียงใดๆ อยากแกะผ้าปิดตานี่ออกจัง คนข้างบนคงเม้มปากกลั้นเสียงไว้ เพราะผมได้ยินถึงเสียงผมหายใจที่ถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ทุกการขยับขึ้นลง ผมจับมือของคนข้างบนไว้และจูบไปตามเรียวนิ้วยาวอย่างรักใคร่และเลียไปมาเพื่อดับสะกดอารมณ์

         " อึก.." ผมได้ยินเสียงอ้าปากหอบหายใจและเสียงครางเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย เพราะตอนนี้ผมเริ่มจับเอวของคนข้างบนและขยับตัวรับสัมผัสที่คนข้างบนปรนเปรอให้แรงขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อยๆ ผมที่จับเอวของคนข้างบนตอนนี้เริ่มเคลื่อนมือมายังจุดอ่อนไหวของคนตรงหน้าและรูดขึ้นลงตามแรงที่เราสองคนสอดใส่กันอย่างร้อนแรง 

         " อื้อ เสียวจัง ขอโทษนะแต่ไม่ไหวแล้ว " ผมลุกขึ้นพรวดและกระชากผ้าปิดตาออก และกอดรัดคนตรงหน้าไว้

         " ไอ้บ้า พอเลยนะ " แจอินที่เห็นแบบนั้นเลยพยายามขืนตัวออกจากผม และดันอกผมไว้ แต่ขอโทษนะตอนนี้ผมแทบคลั่ง อะไรก็ฉุดไม่อยู่อีกแล้ว ผมโลมเลียคอคนตรงหน้าพร้อมกอดรัดและจับเอวคนตรงหน้ากระแทกเข้าออกต่อไป พร้อมจ้องมองสีหน้าของคนที่ผมหลงจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างใกล้ชิด แจอินแค่เงยหน้าขึ้น หันหนีไปมาหลับตาและขมวดคิ้วเม้มปากแน่น ใบหน้าขาวบัดนี้ขั้นสีระเรื่อจนแดง คงจะอดกลั้นไว้สินะ ได้เสียสิแบบนี้ ภัยย้อนเข้าหาตัวแล้วที่รัก

         " อ.อืม สุดยอดไปเลย อ่ะ ชอบจัง " ตามจังหวะที่เร่งขึ้นผมที่รู้สึกดีสุดๆ กอดรัดและดูดปากคนตรงหน้าอย่างเร้าอารมณ์ ปากแดงๆ นั่นช่างยั่วยวนใจซะเหลือเกิน 

         " ร้องออกมาสิ อยากได้ยินเสียงจัง " ผมยังคงจับเอวที่ทับผมอยู่และขยับโยกไปมาอย่างหื่นกระหาย  ผมที่รู้สึกว่าอยากได้ยินเสียงคนคนนี้และเริ่มจะทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงเริ่มดันคนในอ้อมกอดลงไปนอน และเร่งจังหวะการสอดประสานขึ้นอีก ผมกอดรัดเรียวขาของคนข้างใต้เอาไว้ขณะที่เอวก็ยังคงทำตามหน้าที่ของมัน ผมจูบเม้มขบกัดเรียวขาขาวจนเกิดรอย และเลียเบาๆ อย่างเสน่ห์หา

         " อึ.ก เบ.าหน่.อ.ย " คนข้างล่างดูเหมือนจะทนแทบไม่ไหวเหมือนกัน ยื่นมือมาดันกล้ามท้องผมเอาไว้ เพราะผมนั้นกระแทกเข้าออกอย่างแรงและถี่กระชั้นจนแทบขาดใจ พร้อมงับเบาๆ ไปตามเรียวขาของคนข้างล่างอย่างสุดจะทน 

ผมที่เสียวจนซีดปากออกมาตอนนี้คงไม่ใช่เพราะยา แต่เพราะมันสุดยอดจริงๆ รู้สึกน้ำอาจไหลทะลักออกมาทุกเมื่อ แต่ยังก่อน กลั้นไว้ อดทนไว้  ผมมองดูคนข้างล่างหน้าและร่างกายแดงไปหมดด้วยแรงอารมณ์ ยังคงเม้มปากแน่นและอดทนสุดๆ จริงๆ แต่ก็อ้าปากหอบหายใจเป็นพักๆ ราวกับจะขาดใจ

         " แจอิน เรียกชื่อฉันสิ " ผมยังคงแหย่คนข้างร่างที่บิดเร้าร่างกายไปมา

         " จ.ะฆ่.าแ.ก " ไหงงั้นเล่า แต่ช่างเถอะ อย่างที่เคยพูด งั้นต้องจัดให้คุ้มก่อนตาย หึหึ ผมก้มลงจูบคนข้างล่าง มือที่ว่างก็เขี่ยติ่งไตสีชมพูที่ตอนนี้แดงฉานไปเรียบร้อย และปล่อยริมฝีปาก ลงมางับยอดอกนี้อย่างหมั่นเขี้ยว คนข้างบนพยายามดันผมออกและนั่นยิ่งทำให้ผมเลียและดูดเม้นยอดยกนี่จนแดงไปใหญ่

         " อ.อึก พอแล้ว " แจอินชอบตรงนี้งั้นเหรอ ผมที่ตอนนี้แก่นกายร้อนราวกับจะหลอมละลายได้ทุกเมื่อยังคงกระแทกเข้าออกบดขยี้ เข้าออกตามความยาวและกดแรงแบบเน้นๆ พร้อมดูดติ่งสีแดงนี่ต่อไป 

         " อึ.ก อ่ะ จะถึง " ผมที่ตอนนี้เหงือโทรมกาย ยืดตัวขึ้นมองหน้าคนข้างล่างที่ส่งเสียงบอกออกมาและน้ำตาไหลออกมาเล็กๆ คงจะไม่ไหวแล้วสินะ ผมก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ผมเลียหยาดน้ำนั้นเบาๆและก้มลงไปดูดริมฝีปากแดงนั้นอีกเป็นครั้งสุดท้าย และเร่งจังหวะเข้าออกที่อาจฆ่าคนได้ พร้อมกระตุกปล่อยหยาดน้ำฉีดเข้าไปในร่างกายของคนข้างล่างแบบเต็มแรง พร้อมครางเสียงต่ำแบบสุขสมสุดๆ พร้อมๆ กับที่คนเบื้องล่างก็ปล่อยหยาดน้ำออกมาเลอะเทอะหน้าท้องทั้งของผมและตัวเองจนเปียกไปหมด

         ผมกอดคนข้างล่างไว้แน่น หอบหายใจเหมือนไปวิ่งมาราธอนรอบโลกมาอย่างงั้น หัวใจเต้นตึกตักเหมือนจะระเบิดออกมาจากอก

         " ชอบจังแจอิน ขออีกทีนะ " 

         " เอาออกไปถ้ายังไม่อยากตาย " ผมมองหน้าคนที่ตอนนี้ลืมตามองผมแบบอยากจะฆ่าผมจริงๆ แน่นอน 

         " ไอ้บ้า ซาดิสม์แถมยังอึดอีก นึกว่าจะตายซะแล้ว " ผมฟังเสียงบ่นของคนตรงหน้าที่จงใจบ่นเป็นภาษาเกาหลีที่ผมฟังไม่ออกซะด้วย

         " พูดว่าอะไรเหรอ ขออีกใช่ไหม " ผมมองคนตรงหน้าพลางส่งยิ้มละมุนสุดๆ ไปให้ สุดท้ายก็โดนยันออกมาแบบเบาๆ (เหรอ) จนได้

         " ถามยังไม่ตอบเลย ชอบฉันหรือเปล่า " ผมที่ช่วยซับน้ำที่หน้าท้องของแจอิน ยังคงอยากฟังคำตอบนั้นอยู่

         " ปกติฉันเป็นรุกนะ มีหลายคนที่พยายามจะรุกฉัน แต่ฉันฆ่ามันหมด แค่นี้พอจะรู้หรือยัง " แจอินมองหน้าผมพร้อมหรี่ตาลงแบบอารมณ์เสีย ผมยิ้มกว้างและเข้าไปกอดคนตรงหน้าไว้ พร้อมหอมแก้มไปหลายฟอดเลย ด้วยความดีใจ

         " ขอบคุณครับ " 

         " แต่ครั้งหน้า ต้องเปลี่ยนกันนะ " ผมหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว และส่ายหน้าแบบจริงจังอีกรอบ 

         " ฮ่าๆ ไอ้ขี้โกง " แจอินปิดหน้าและหัวเราะชอบใจกับท่าทางของผมใหญ่ ผมหัวใจสั่นระรัว แจอินที่กำลังหัวเราะ ต้องรีบถ่ายรูป โอ้ย น่ารัก หล่อดูดีสุดๆ เมียใครฟะ


คนหลงเมียมันเป็นแบบนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 48 ใครแพ้อยู่ข้างล่าง [NC20+] ](18/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 18-10-2017 18:04:47
โถ่ฮยองงงง โดนกินซะแล้ว
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 48 ใครแพ้อยู่ข้างล่าง [NC20+] ](18/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-10-2017 23:52:13
เก่งอ่ะหลานพริ้น  ทำให้ฮยองยิ้มได้  o13
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 48 ใครแพ้อยู่ข้างล่าง [NC20+] ](18/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 19-10-2017 13:01:33
          FC ที่ 49 คืนอันเร่าร้อนของไอ้เกลอเพื่อนยาก


          หลังจากที่พวกเรา เอ่อ กลับมาจากที่ซากตึกนั่นแล้ว เป็นเวลาดึกมากๆ พวกเราย่องกลับมาที่บ้านของผม แบบรวดเร็วสุดๆ แต่ก็ต้องช็อคกับภาพที่เห็นตรงหน้ามากกว่า

          " ไปไหนมากันเหรอ " ผมที่จ๊ะเอ๋เข้ากับพี่พริ้นและฮยองที่เหมือนเพิ่งจะกลับมาเหมือนกัน เอ๊ะ เดี๋ยวนะ สภาพแบบนั้นนี่

          " พี่นั่นแหละไปไหนมา แล้วสภาพแบบนั้นนี่มันอะไรน่ะ " พี่ไอกำลังคุยกับพี่พริ้นที่สภาพพวกเรา 3 คนตอนนี้เละเทะสุดๆ 

          " เลือดซึมออกจากแผลแล้วนะพี่พริ้น " ผมร้องเตือนพี่พริ้นที่ตอนนี้เลือดโชกสุดๆ 

          " อ่อ พอดีแจอินขย่... " พี่พริ้นไม่ทันพูดจบฮยองก็ศอกเข้าที่แผลพี่พริ้นอีกทีด้วยความเร็ว 

          " โอ้ยย " พี่พริ้นร้องลั่นทุ่งเลยทีเดียว

          " คุณหนูรีบไปจัดการตัวเองซะ " ผมมองดูฮยองในชุดลำลองแต่สวมแว่นไว้เช่นเคย มองดูก็รู้ว่ามาจากข้างนอกเหมือนกันแต่ก็เนี๊ยบกว่าทุกคน

          " ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายไปได้แล้ว ผมขอตัวก่อน " ฮยองโค้งลงและเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว

          " พี่ไปก่อนนะไอ เดี๋ยวค่อยคุยกัน " พี่พริ้นวิ่งตามฮยองไปติดๆ สองคนนั่นคืบหน้าสุดๆ เลยแฮะ ผมมองฮยองที่ผลักพี่พริ้นไปตลอดทางด้วยความงงงวย

          ผมกับพี่ไอรีบเดินกลับมาที่ห้องของผมและพี่ไอรีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว และเข้ามากอดผมจากด้านหลัง

          " ไม่เอาแล้ว เหนียวไปหมดแล้วง่ะ " ผมที่พยายามดันไอคนหื่นกามออกไปอย่างทุลักทุเล

          " ป่ะ อาบน้ำกัน " พี่ไอที่พูดแบบนั้นก็อุ้มผมวิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว อ้ากก 

          " พี่ไม่กลับไปที่ห้องเหรอ "

          " นี่ไล่พี่ใช่ป่ะ " พี่ไอมองหน้าผมแบบงอนๆ

          " ป่าวว ก็แค่พี่อาจอยากพักผ่อน " ผมมองหน้าพี่ไอพลางส่งยิ้ม

          " อยากนอนกอดมินได้ไหม " พี่ไอทำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อน ชิ ยอมก็ได้ ฮ่ะๆ ผมพยักหน้าหงึกๆ พร้อมอมยิ้้ม

          " นอนอย่างเดียวนะ ผมเหนื่อยแล้ว " ผมทำหน้าแบบอ่อนล้าสุดๆ

          " ไม่ทำอะไรหรอกน่า " พี่ไอพูดพลางหัวเราะ และหอมแก้มผมเร็วๆ อีกหนึ่งที

          พวกเราอาบน้ำด้วยกัน ผมที่ยังคงเขินอาย ก็รีบอาบด่วนจี๋หลบมือปลาหมึกของพี่ไอพัลวัน และวิ่งหนีออกจากห้องน้ำใส่เสื้อผ้า ซุกเข้าผ้าห่มผืนหนาและเตียงอันอบอุ่นนุ่มสบาย ไม่นานพี่ไอก็ตามออกมา นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเหน็บเอวไว้ ผมนอนซ่อนอยู่ในผ้าห่มพลางแอบมองคนที่เดินไปมาหน้ากระจก ถึงจะเห็นอะไรต่อมิอะไรกันมาแล้วก็ยังเขินสุดๆ เลยแฮะ พี่ไอนี่เอาเวลาไหนไปออกกำลังกายนะ งืออ ผมอยากมีซิกแพคบ้างจัง 

          " เห็นนะ " พี่ไอยิ้มให้ผมในเงาสะท้อนของกระจก

          " ไม่ใส่เสื้อนอนเหรอ " ผมมองพี่ไอที่ขึ้นมาบนเตียงแบบใส่เพียงกางเกงนอนขายาวเท่านั้น

          " ทำไม เห็นอกพี่แล้วเกิดอารมณ์เหรอ " พี่ไอพูดพลางมุดเข้ามากอดผมไว้แน่น

          " เชอะ หลงตัวเองอีกละ " 

          " อยากอยู่แบบนี้ตลอดไปจัง " พี่ไอชอบเอาหน้ามาซุกคอผมตลอดเมื่อมีโอกาส

          " พูดเหมือนจะจากผมไปไหน "

          " ไม่มีทางซะหรอก " ผมยิ้มให้กับคำตอบนั้น

          รุ่งขึ้นผมแอบย่องออกจากเตียง ไม่ลืมจุฟคนที่นอนสลบไสล คงจะเพลียมากสินะ ก็แหง๋แหละ อ้ากก ออกแรงซะขนาดนั้น แถมยังมีต่อยกสองในรถอีก อิอิ ผมที่ตื่นก่อนก็ล้างหน้าแปรงฟัน และย่องไปหาฮยองที่ห้อง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นผุดๆ 

          ' โอ้ยยย! '

          ผมได้ยินเสียงร้องลั่นมาจากห้องฮยองจึงเร่งฝีเท้าขึ้นอีก

          " ใจร้ายยย " ผมเห็นพี่พริ้นยืนตัดพ้ออยู่ในห้องฮยองพลางลูบแผลไปมา

          " ทำอะไรอยู่ตรงนั้นครับคุณหนู " อ๋อย โดนจับได้ซะแล้ว ว่าแอบเนียนแล้วนะเนี่ย

          " เดี๋ยวผมต้องไปข้างนอกหน่อยนะครับ " 

          " ไปไหนเหรอครับ ให้ผมช่วยไหม " ผมเดินเข้าไปหาฮยองและกอดฮยองไว้แบบออดอ้อน

          หวาาาา คอแดงแจ๋เลย ร่องรอยแบบนี้มัน ฮยองที่รู้ตัวว่าผมจ้องก็ดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดอย่างจงใจ ผมทำตาโตจ้องมองพี่พริ้นกับฮยองสลับไปมา หูวว เมื่อคืนต้องเร่าร้อนสุดๆ แน่นอน 

          " ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลยครับ เคยส่องกระจกดูตัวเองไหม " ฮยองพูดพลางจับคางผมเงยขึ้น 

          " อื้อหือ น้องชายเรานี่ไม่เบาเหมือนกันแฮะ " พี่พริ้นพูดพลางหัวเราะขำ ผมรีบหดคอลุกขึ้นถอยหลังไปเกาะประตูห้องอย่างด่วนจี๋
         
          " คาดโทษไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะกลับมาจัดการ " อึ๋ย โหดร้าย

          " จะไปทำโทษทำไม ทีเรายัง.. " ผมเห็นฮยองขว้างแจกันใกล้ๆ มือใส่พี่พริ้นอย่างรวดเร็ว แต่พี่พริ้นกลับหลบได้ คู่นี่นี้สุดยอดจริงๆ

          ช่วงบ่ายผมถึงได้รู้ว่าฮยองพาพี่พริ้นไปหาหมอครับเพราะแผลเปิด พี่พริ้นเล่าว่าคุณหมอตกใจมากตอนเห็นแผล เพราะไอ้ที่เย็บไว้นี่หลุดออกจากกันหมด แปลว่าต้องไปทำอะไรรุนแรงมาแน่ๆ อ้ากก อย่าคิดๆ ถึงจะอยากรู้ก็เถอะ หึหึ

          พี่ไอยังคงไม่ตื่นครับ หึหึ ผมซึ่งจริงๆ ก็เจ็บปวดทุกย่างการเดิน แต่ก็ต้องทนไว้ เพราะผมมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับพี่พริ้น แต่ก็มาเจอไอ้หมาหงอยนี่ซะก่อน

          " ว่าไงมึง " ผมทักไอ้เพื่อนตัวดีของผมที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนกำลังจะตาย นั่งอยู่ในสวนบ้านผม

          " มึงเห็นคอคุณแจอินป่ะ " ผมตบไหล่เพื่อนแปะๆ แบบให้กำลังใจ

          " ใช่ซิ๊กูไม่หล่อเหมือนพี่พริ้นนี่ "

          " มึงอ่ะหล่อ แต่สันดานหมาไม่แดก " มันหันขวับมามองหน้าผมแบบหรี่ตา

          " ใช่ซิ๊มึงก็เข้าข้างพี่ของผัวอยู่แล้วนิ " ผมตบกบาลมันไปหนึ่งทีแบบเน้นๆ

          " แล้วเป็นไงเมื่อคืน เห็นมึงเดินเหมือนมีสากคาตูดแบบนี้ จัดหนักเลยสิ " 

          " คาตูดพ่อง " ผมตบมันอีกทีอย่างหมั่นไส้

          " อิจฉาโว้ยย! " อยู่ดีๆ มันก็ตะโกนขึ้นมาอย่างหัวเสีย 

          " เอางี้ คืนนี้มึงบุกเลย เดี๋ยวกูล่อพี่พริ้นออกมาห่างๆ เอง " ผมนั่งยองลงข้างๆ มันพลางกระซิบบอกแผนการอันชั่วร้ายให้ฟัง ไอ้เกลียวหันควับคว้ามือผมและยกขึ้นมากุมไว้ ทำหน้าเหมือนน้ำตาจะไหลซาบซึ้งใจเหลือเกิน

          " แต่กูไม่รับประกันความปลอดภัยนะ แถมถ้าพี่พริ้นรู้ มึงโดนกระทืบแน่ " เอาวะเพื่อเพื่อน อยากให้มันลองเปิดใจสารภาพออกไป ถึงจะโดนอัดแน่นอนก็เถอะ

          " มึงจะเป็นเพื่อนกูตลอดไป กูจะคิดถึงมึง " ผมพูดพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

          " มึงพูดเหมือนกูจะไปตาย " ผมตบบ่ามันแปะๆ อีกทีพร้อมบีบน้ำตาให้มันที่กำลังทำหน้าเอ๋อแดก

          ผมบอกให้มันโทรกลับบ้านและบอกลาครอบครัวซะ และเดินทิ้งมันที่ทำหน้ามึนเอาไว้ เพื่อไปหาพี่พริ้นครับ ซึ่งแน่นอน พี่พริ้นยังคงนอนอยู่บนเตียง แต่อยู่คนเดียวแฮะ แบบนี้เหมือนกับย่องเข้าหาพี่เขยเลย หึหึ

          " ขอรบกวนหน่อยคร๊าบ " ผมเคาะที่ประตูที่เปิดเอาไว้

          " มาก็ดีพี่มีเรื่องจะคุยเหมือนกัน " พี่พริ้นลุกขึ้นนั่งและส่งยิ้มให้ผม

          " วันรืนเป็นวันเกิดของไอ " พี่พริ้นพูดด้วยแววตาที่อ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ 

          " ผมก็จะมาขอร้องเรื่องนึงเหมือนกัน " ผมยิ้มกลับไปให้

          " พี่ก็คิดว่าคงเป็นเรื่องเดียวกัน ช่วยพี่ เป็นเรื่องสุดท้ายที่พี่จะทำให้ไอได้ " 

          " ครับ ผมจะช่วยเต็มที่เลย " พวกเราส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุข เพราะว่าคนที่พวกเรารักและหวังดีที่สุดก็คือคนคนเดียวกัน


          เกลียว


          ผมรอเวลาจนดึกตามที่ได้นัดแนะกับเพื่อนเลิฟไว้ ย่องอย่างเบาหวิว แอบมองคนที่กำลังเดินมาทางนี้ด้วยหัวใจที่เต้นระทึก วันนี้แหละจะหัวจะก้อย ก็ต้องบอกความในใจออกไปให้ได้ หึหึ คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรองนะคร๊าบ พี่พริ้นก็พี่พริ้นเถอะ เจอเกลียวเข้าไปก็ดับแน่นอนขอบอก

          ผมมองเพื่อนสุดหล่อของผมที่กำลังดึงแขนพี่พริ้นและแยกออกไป พร้อมส่งซิกให้ผม ขอบใจมากเพื่อนเลิฟ บุญคุณนี้จะไม่ลืม ว่างๆ จะเนรคุณแน่นอน หึหึ

          ผมแอบตามคุณแจอิน จนคุณแจอินเข้าไปในห้องนอน ผมใช้ความเร็วแทรกตัวเข้าไปก่อนจะประตูจะปิดลงอย่างเชี่ยวชาญ หึหึ เสร็จแน่คนดีของผม

          " จะแอบตามอีกนานไหม " เจี๊ยกก นี่รู้มาตลอดเลยหรา

          " มีอะไรก็พูดมา ก่อนที่ฉันจะอัดแก " มาถึงก็ชะตาจะขาดแล้วผม

          " เอ่อ คือว่า " พอเอาจริงๆ ก็พูดไม่ออกอ่ะ อ้ากก

          " สนใจฉันงั้นเหรอ " อุ๊ย รู้ได้ยังไงตัวเอง คุณแจอินไม่พูดเปล่า แต่เดินเข้ามาหาผมช้าๆ อย่างน่าหวาดเสียว 

          " ผ..ผม ช.ชอบคุณแจอินมากเลยครับ " ผมที่สั่นสู้ ในที่สุดก็ได้พูดออกไปแล้ว เย้

          " เหรอ " คุณแจอินยังคงเดินเข้ามาและเลิกคิ้วขึ้นเหมือนฟังพยากรณ์อากาศ

          " ถอดกางเกงออกสิ " อ้ากกก อยู่ๆ ก็แจ็คพ็อตเลยวุ๊ย

          " เอ่อ คือ " ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูกลนลานสุดๆ คุณแจอินนี้ร้อนแรงและใจร้อนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เค้าเขินนะ คุณแจอินยังคงเดินเข้ามาเรื่อยๆ จนผมนั่งลงกับเตียง งืออ ห้องหอมชะมัด เตียงก็หอมม 

          อยู่ดีๆ คุณแจอินก็เหยียบผมครับ ตรงไหนอย่าให้บอก อ้ากก เต็มเท้าเลยง่ะ หักแล้วมั้งมังกรดำลูกพ่อ สักพักคุณแจอินก็ล้วงอะไรสักอย่างในตู้ข้างเตียง ในขณะที่เท้านั้นยังคงเหยียบผมอยู่ อุก จุกแล้วคร๊าบบ

          ผมก็ต้องถึงกับตาโตเป็นไข่ห่าน ถลึงตาแทบหลุดออกจากเบ้าทันทีที่คุณแจอินล้วงของสิ่งหนึ่งออกมาจากตู้ เพราะสิ่งที่คุณแจอินถืออยู่ในมือมันคือมังกรผงาดของแท้ที่สั่นและหมุนควงสว่านได้อย่างน่าหวาดเสียว อ้ากก นี่คุณแจอินเล่นของแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ยยย

          " เอ้า ถอดกางเกงสิ " เอ๊ะ เดี๋ยวๆ โพสิชั่นมันดูจะผิดพลาด

          " เอ่อ คือ ผมรุกนะครับ " ผมพูดเบาๆ อย่างหวาดเสียว อ้ากก คุณแจอินแค่เลิกคิ้วที่เหมือนจะหายเข้าไปในหน้าม้านั้นอย่างแปลกใจ

          " มีแค่นี้แต่จะรุก ? " ฉึก ช่างเป็นคำพูดที่ทำผมแทบจะน้ำตาเล็ดออกมาด้วยความโศกเศร้า เฮือกก 

          " นี่แกคิดจะกดฉันงั้นเหรอ " คุณแจอินพูดเสียงเย็นทำเอาผมขาสั่นเรียบร้อย

          ' ครืดดด '

          คุณแจอินกดเปิดเครื่องมือสุดหรรษาในมือด้วยใบหน้าเรียบเฉย และยังเหยียบผมไว้ อ้ากก แบบนี้ไม่ใช่แบบที่หนูคิ๊ดดด เปลี่ยนใจทันม๊ายย

          " เอ่อ คือ ขออภัยที่มารบกวนครับ " ผมจับเท้าของคุณแจอินและวางไว้บนเตียงแทน และลุกขึ้นโค้งห้วอย่างนอบน้อมและเดินก้าวเท้าสั้นที่สุดแต่คิดว่าไวที่สุด พยายามเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว โกยสิครับ รออัลลัย อ้ากกกก แสงสว่างอยู่แค่เพียงเอื้อมมือเท่านั่น ผมยื่นมือไขว่คว้าหาอิสระภาพ

          ' ปั่บ! '

          ไหล่ผมถูกมือยึดเอาไว้แบบหนักหน่วงและแข็งแกร่ง

          ' ปัง! '

          เสียงปิดประตูอย่างแรงก็ยังไม่เท่าเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาจากห้องนั้นอย่างน่าพิศวง


          มิน


          " แย๊กกกกกกกกกกกกกกกก! " 

          ผมได้ยินเสียงกรีดร้องอันสุขสมของเพื่อนรัก สมใจมึงแล้วนะ ต้องขอบคุณกูนะรู้ไหม ฮ่าๆๆๆ ผมอืดอกอย่างภาคภมูิใจ พลางปาดน้ำตาเล็กๆ ที่ไหลออกมาด้วยความปราบปลื้ม


ผมนี่มันเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC 49 คืนอันเร่าร้อนของไอ้เกลอเพื่อนยาก](19/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-10-2017 17:57:15
  :z1: :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC 49 คืนอันเร่าร้อนของไอ้เกลอเพื่อนยาก](19/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-10-2017 22:17:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC 49 คืนอันเร่าร้อนของไอ้เกลอเพื่อนยาก](19/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-10-2017 00:38:35
ผู้ได๋ฉุดเกลียวอ่ะ  :o10:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC 49 คืนอันเร่าร้อนของไอ้เกลอเพื่อนยาก](19/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 20-10-2017 12:41:15
          FC ที่ 50 ของขวัญแด่คนที่รักที่สุด


          วันนี้เป็นวันสำคัญ ผมตื่นแต่เช้า ลากพี่ไอที่นอนขี้เซาให้ลุกขึ้น อาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวให้หล่อเฟี้ยวที่สุด วิ่งไปมาในห้อง ร่าเริงจนพี่ไอแปลกใจ 

          " มีอะไรดีๆ เหรอ " พี่ไอที่คงเวียนหัวกับผม มองผมด้วยความสงสัย

          " ไม่มี๊ " ผมว่าผมอาจทำเสียเรื่องได้ ผมเป็นคนปิดความลับไม่เก่งเอาซะเลย ถ้างั้น หนีดีกว่า อิอิ

          ผมวิ่งออกจากห้องทิ้งพี่ไอที่ทำหน้ามึนไว้แบบงงๆ และวิ่งไปหาเพื่อนเลิฟเพื่อถามไถ่ถึงคืนหรรษา มันถึงกับหลบหน้าผมทั้งวันเลยนะ อะไรของมึงฟะ

          " เมื่อวานมึงไปไหนมา " ผมได้ทีวิ่งเข้าไปล็อคคอมันแบบไม่ให้ตั้งตัว มันสะดุ้งโหยงจนหัวทิ่มตกจากเตียงไปเลย

          " มึงมาคนเดียวใช่ไหม " ไอ้ห่านี่ทำตัวเหมือนกำลังหนีผี

          " อะไรของมึง " 

          " เกือบไปแล้ว ไม่เอาแล้ว " และมันก็เล่าให้ผมฟังอย่างละเอียดถึงสิ่งที่มันเจอมา ผมหัวเราะลัั่นจนแทบขาดอากาศหายใจ ในขณะที่มันทำหน้าหมาหงอยต่อไป

          " มึงหนีมาได้ยังไงวะ "

          " กูโดดหน้าต่างออกมาสิ แขนซ้นเลยกู " มันไม่คอหักตายก็บุญละครับ ห้องฮยองอยู่ชั้นสองครับ ฮ่าๆ 

          " กูนับถือพี่พริ้นว่ะ ต่อไปต้องมองใหม่ซะแล้ว ยอดมนุษย์ชัดๆ บรึ๋ยย " แต่กูว่าพี่พริ้นไม่ได้โดนแบบมึงว่ะเพื่อน ฮ่าๆ

          ผมลากไอ้เกลียวออกมาจากห้อง ซึ่งไอ้กากนี่เดินเอาตูดชิดผนังตลอดเวลา ผมขำจนปวดท้องกับภาพที่เห็น กูเตือนมึงแล้ว อยากลองของดีนัก กร๊ากกก

          ผมวิ่งไปหาฮยอง ซึ่งไอ้เกลียวโกยอ้าวไปแล้ว ไอ้ห่าเขาแกล้งมึงหรอก ทำกลัวจริงจังไปได้ 

          " ฮยอง คิดถึงจัง " ผมพูดพลางกอดฮยองแน่นแบบสุดๆ 

          " แบบนี้ไม่ต้องเซอร์ไพรส์แล้วมั้งครับ คุณไอคงรู้แล้ว ถ้าดูจากอาการคุณหนู " 

          " โธ่ แล้วเตรียมพร้อมหรือยังครับ " ผมส่งสายตาวิ๊งๆ ให้ฮยองที่ทำหน้าเหม็นเบื่อสุดๆ

          " เรียบร้อยครับ วางใจได้ " ผมยิ้มแป้นแบบปากจะฉีกถึงรูหูเลยทีเดียว

          " พี่พริ้นละครับ " พอผมถามถึงพี่พริ้น พี่พริ้นก็มาครับ เข้ามากอดผมที่กอดฮยองไว้อีกที จนฮยองต้องด่าและตีพี่พริ้นแรงๆ ถึงจะปล่อยฮะ ผมยิ้มขำกับภาพตรงหน้า

          " อารมณ์ดีกันแปลกๆ นะวันนี้ " พวกเราสามคนหุบยิ้มและเงียบกริบทันที เมื่อพี่ไอยืนมองอยู่นอกประตู

          " เดี๋ยวผมจะไปเตรียมอาหารนะครับ " ฮยองรีบแจ้นก่อนใครเพื่อน ขี้โกงนี่นา

          " พี่ไปช่วยแจอินดีกว่า " พี่พริ้นได้ทีก็แจ้นตามไปติดๆ

          " ผมไปหาไอ้เกลียวดีกว่า " ผมซึ่งจะชิ่งหนีบ้าง แต่ก็ถูกพี่ไอล็อคตัวไว้ กอดผมไว้แน่นจนตัวลอยขึ้นจากพื้นเลยฮะ

          " บอกมาเลยนะ ว่ามีอะไรกัน " อ้ากกก ผมดิ้นไม่ออก วงแขนท่านช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก

          " คือว่าาา วันนี้วันดีน้าา อากาศดี๊ดี " 

          " โอ้ยยยย เจ็บนะ " พี่ไอดึงจมูกผมจนแดงเป็นลูกตำลึงเลย

          " โกหกไม่เก่งนะเรา ถ้ายังไม่พูด พี่จะปล้ำแม่งตรงนี้แหละ " อ้ากกก พี่ไอพูดพลางหอมแก้มผมไปมา จนการ์ดและพ่อบ้านแถวนี้ รีบหันหนีกันเป็นแถบ อายฟ้าดินมั่งสิเฟ้ย

          " หิวแล้ว กินข้าวกัน นะๆ " ผมดันหน้าพี่ไอและออดอ้อนตาใสสุดฤทธิ์

          พี่ไอปล่อยผมลงอย่างว่าง่ายและจูงมือผมเดินไปห้องอาหาร ซึ่งอาหารเต็มโต๊ะสุดๆ แบบกินได้ทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว โดยมีคุณพ่อนั่งที่หัวโต๊ะ ผมที่เห็นคุณพ่อก็รีบวิ่งไปบีบไหล่ให้โดยไว คุณพ่อหัวเราะชอบใจใหญ่ และบอกให้พี่ไอนั่งใกล้ๆ และตรงข้ามพี่ไอก็เป็นพี่พริ้น และผมลากฮยองไปนั่งข้างพี่พริ้น และผมวิ่งเร็วจี๋กลับมานั่งข้างพี่ไอ และบอกฮยองจัดจานข้าวให้ไอ้เกลียวข้างๆ จานข้าวหมาหน้าบ้าน เพื่อเพื่อนเลิฟสุดๆ อิอิ

          " ต่อไปไอก็มาช่วยพ่อดูแลกิจการที่นี่นะ ถือว่าช่วยยูมินที่กำลังฝึกหัดงานด้วย พ่อคุยกับพ่อไอให้แล้ว " ผมยิ้มหน้าบานเป็นจานกระด้ง พี่ไอส่งยิ้มให้ผม และมองพี่พริ้นที่ส่งยิ้มให้เหมือนกัน หน้าพี่ไอหมองลงทันทีที่สบตาพี่พริ้น คู่นี้เค้ารักกันมากจนผมอิจฉาไปเลยแฮะ

          " พี่ตัดสินใจเถอะครับ ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เราก็เจอกันบ่อยๆ ได้อยู่แล้ว " ผมฉีกยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ผมอยากให้พี่ไออยู่กับผมก็จริง แต่ถ้าวันนึงผมถูกพรากฮยองไปผมก็คงจะเสียใจเหมือนกัน ผมเลยเข้าใจพี่พริ้นดี

          " ตอบรับสิไอ " พี่พริ้นพูดพร้อมส่งยิ้มให้พี่ไออีกครั้ง 

          " ครับ ขอบคุณครับ " ผมจับมือพี่ไอแน่น และส่งยิ้มจนตาหยี

          หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ผมก็รีบวิ่งกลับห้องไปอย่างด่วนจี๋ เพื่อทำตามแผนการณ์อันสุดจะเร้าใจที่พวกเราร่วมมือกันเพื่อพี่ไอ 

          " มิน กินข้าวแล้ววิ่งไปมาเดี๋ยวจุกนะ มันน่าไหมเนี่ย ดื้อจริงๆ " เป็นอย่างที่คิด พี่ไอรีบวิ่งหน้าตาตื่นตามมาพลางหอบหายใจ

          " เดี๋ยวๆ นี่อะไรเนี่ย " ผมตะครุบตัวพี่ไอและจับมัดปิดตาซะเลย 

          " ห้ามถอดออกจนกว่าผมจะบอกให้ถอด ไม่งั้นเราขาดกัน " ผมพูดเสียงเด็ดขาดพลางสะบัดบ็อบอย่างมั่นใจ

          " พี่ไม่มีวันถอดหรอก " พี่ไอยืนนิ่งๆ แต่ผมกลับรีบวิ่งเข้าไปน้วยแขนพี่ไอแบบดีใจสุดๆ อ้ากก น่าร้ากก แฟนโผมคร๊าบบ อิอิ

          ผมกอดแขนพาพี่ไอเดินไปเรื่อยๆ โดยมีฮยอง พี่พริ้น และไอ้เกลียวเดินตามหลัง จุดหมายที่เราจะไปอาจจะใช้เวลานิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง ผมได้จัดเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดให้พี่ไว้แล้ว

          ตลอดการเดินทาง พี่ไอไม่พูด ไม่ถามอะไรเลย เหมือนกับว่าเพราะมีพวกเราอยู่ มีแต่คนที่รักพี่ พี่ถึงวางใจ ให้ผมพาพี่ไป ไม่ว่าจะแห่งหนไหน เราก็จะจับมือเดินไปด้วยกันตลอดไป

          ผมพาพี่ไอเดินช้าๆ ไปตามทางเดินยาวที่ทำด้วยไม้ ผ่านสวนเซ็นหรือสวนหินที่มีน้ำตกเล็กๆ ไหลผ่านอย่างสวยงาม ผมจับมือพี่ไอแน่นพี่ไอก็จับมือผมไว้แน่นเช่นเดียวกัน

          พวกเราหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้อง ห้องหนึ่ง ฮยองเปิดบานประตูเลื่อน เพื่อให้พี่ไอเดินเข้าไปได้อย่างสะดวก ผมค่อยๆแกะผ้าปิดตาของพี่ไอออกช้าๆ พวกเราทุกคนกำลังยิ้มออกมาจากหัวใจ

          " สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่ไอ ขอให้พี่มีความสุขมากๆ นะครับ " ผมพูดออกมาพลางส่งยิ้มไปให้

          พี่ไอยิ้มและลืมตาขึ้นช้าๆ แต่ก็พลันหุบยิ้มลง กลายเป็นหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาที่มีความสุขนั่น

          " โอก้าซัง " พี่ไอพูดออกมากลางเดินเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าหญิงสูงวัยคนหนึ่ง แต่ยังคงมีเรือนผมดำยาวและมีใบหน้าที่สวยจับใจ ผมน้ำตาไหลกับภาพตรงหน้า พี่ไอกอดคุณแม่ไว้และร้องไห้ออกมาแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้พบ ไม่ได้คุย ไม่แม้แต่จะได้ยิน พี่ต้องเจ็บปวดมานานแค่ไหนกันนะ ผมและทุกๆ คนอยากให้พี่ยิ้มออกมาจากหัวใจได้เต็มที่สักที

          ผมมองพี่พริ้นที่มองพี่ไอด้วยแววตาที่อ่อนโยนและยิ้มอย่างมีความสุข ขอบคุณครับพี่ ทุกอย่างเป็นเพราะพี่ พี่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ไอแล้ว พี่เป็นพี่ชายที่ดีจริงๆ

          " พริ้น " ผมมองคุณแม่ของพี่ไอที่เรียกพี่พริ้น และทำท่าเหมือนเรียกเข้าไปหา พี่พริ้นยึกยักเหมือนกับไม่กล้าที่จะเข้าไป คุณแม่ของพี่ไอคงจะรู้ว่าพี่พริ้นเป็นใคร แต่กลับไม่มีทีท่าจะโกรธเคืองใดๆ เลย พี่พริ้นค่อยๆ คุกเข่าเข้าไปหาคุณแม่พี่ไอช้าๆ ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตา แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้ผมน้ำตาไหลอีกครั้ง

          คุณแม่พี่ไอดึงพี่พริ้นเข้าไปใกล้ๆ และกอดพี่พริ้นไว้ เหมือนกับกอดลูกชายอีกคนหนึ่ง ตอนนี้ทั้งสามคนแม่ลูกกอดคนอย่างกลมเกลียว เป็นภาพที่ผมประทับใจ และจะไม่มีวันลืมเลือน

          เวลาผ่านไปสักพัก คุณแม่ของพี่ไอหยิบอะไรสักอย่างออกมาจากกล่องข้างฝูกนอน มันมีจำนวนเยอะมากมายเป็นร้อยเป็นพัน ผมเพ่งมองใกล้ๆ ก็รู้ว่าเป็นรูปถ่ายนั่นเอง ทั้งหมดนั่นเป็นรูปแอบถ่ายของพี่ไอ ตั้งแต่พี่ไออายุ 12 ปี จนถึงปัจจุบันที่พี่ไอ อายุ 20 ปีพอดี 

          " ขอบคุณมากนะลูก " คุณแม่ของพี่ไอหันมาหาพี่พริ้น จับแก้มพี่พริ้นไว้ และพูดขอบคุณทั้งน้ำตา พี่ไอมองรูปถ่ายพวกนั้นและหันมามองหน้าพี่ชายช้าๆ ด้วยน้ำตาที่รินไหล 

          " ขอบคุณครับพี่ " พี่ไอกอดพี่พริ้นไว้แน่นเนิ่นนาน ผมเพิ่งรู้เรื่องพวกนี้เหมือนกัน ไม่รู้เลยว่าพี่ทำอะไรเพื่อน้องชายคนนี้บ้าง ขอบคุณครับพี่พริ้นพี่ชายของพวกเรา

          " บราค่อนของแท้ " ผมมองฮยองที่พูดแบบนั้นแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

          พวกเราตกลงว่าจะค้างที่นี่หลายๆวันเลย บ้านแบบญี่ปุ่นของพี่ไอสวยมาก เป็นแบบโบราณที่มาอายุเป็นร้อยปี ผมหลงไหลไปกับความสวยงามของที่นี่ พวกเรานั่งรถเล่นกันในตัวเมืองโตเกียว เป็นรถตู้ที่เราเช่าเพื่อท่องเที่ยว ผมนั่งพิงไหล่พี่ไอไว้ และพี่ไอก็โอบกอดผมจากด้านหลัง ผมชี้ออกไปนอกหน้าต่างให้ดูสิ่งที่น่าสนใจเป็นพักๆ พวกเรายิ้มและหัวเราะด้วยกัน ต่อไปเราสองคนจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ผมก็จะจับมือพี่ กอดพี่ รักพี่ พวกเรานั้นจะอยู่เพื่อกันและกันตลอดไป

          ผมมองไปยังอีกคู่ที่นั่งอยู่ท้ายสุด และก็ต้องตกใจเพราะว่าทั้งคู่กำลังกอดกันแน่นและกำลังกระซิบกระซาบกันสองคนอย่างมีความสุข รถคนนี้เต็มไปด้วยความรัก ผมมีความสุขที่เห็นคนที่เรารักนั้นมีความสุข ทั้งสองคนเป็นคนสำคัญของผมกับพี่ไอ พวกเรานั้นรักกันยิ่งกว่าใครๆ พี่พริ้นที่ต้องกลับประเทศไทยคงจะทำให้ฮยองเสียใจไม่ใช่น้อย แต่ก็ใช่ว่าพวกเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันซะหน่อย ผมจะซื้อเครื่องบินเจ็ทเพื่อที่พวกเราจะได้เจอกันเมื่อไหร่ก็ได้เท่าที่ใจเราต้องการ อย่าลืมสิ ผมมีเงินซะอย่าง หึหึ

          ท่ามกลางความรักและความหวานของคู่รักทั้งสอง ยังมีบุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถอยู่ด้านหน้า คนขับรถที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา 

" อิจฉาคนมีคู่โว้ยย อ้ากกก "



THE END




**********************************************************************************

***ขอบพระคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ ทั้งคนที่มาคอมเม้นสม่ำเสมอและคนที่แอบอ่านเงียบๆ เป็นผลงานเรื่องแรกค่ะ อาจจะซับซ้อน บางตอนอ่านแล้วงงๆ ขออภัยถ้าหากมีบางอย่าง บางตอน บางตัวละครไม่ได้ดั่งใจอย่างที่คิดเนอะ เพราะจริงๆแล้วไรท์วางโครงเรื่องไว้จะมีแค่คู่เดียวค่ะ นอกนั้นเสริมให้ล้วนๆ 555+ จะมีตอนพิเศษให้ได้อ่านกันนิดหน่อยค่ะ ยังไงฝากติดตามด้วยน้า  ยังไงก็ขอขอบคุณมากนะคะ***
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC ที่ 50 ของขวัญแด่คนที่รักที่สุด [END](20/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-10-2017 21:33:38
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC ที่ 50 ของขวัญแด่คนที่รักที่สุด [END](20/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-10-2017 01:11:39
ยินดีกับหลานทั้ง 2 คู่จ้า ส่วนหลานเกลียว วานหลานคนแต่งช่วยหาคู่ให้หน่อยนะ สงสารคนไร้คู่   :laugh:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC ที่ 50 ของขวัญแด่คนที่รักที่สุด [END](20/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: aft22423 ที่ 26-10-2017 07:19:08
เรื่องนี้คนทีีน่าสงสารที่สุดคือเกลียวแหละ 55555555
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC ที่ 50 ของขวัญแด่คนที่รักที่สุด [END](20/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-10-2017 12:27:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC ที่ 50 ของขวัญแด่คนที่รักที่สุด [END](20/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 27-10-2017 02:01:59
 :heaven
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC ที่ 50 ของขวัญแด่คนที่รักที่สุด [END](20/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gear77 ที่ 28-10-2017 00:32:14
ไม่คู่อินแจอินกับพริ๊นเพราะเราทีมเกลียวมาตั้งแต่แรก  :katai1: :z6:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC ที่ 50 ของขวัญแด่คนที่รักที่สุด [END](20/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 28-10-2017 12:58:13
ขอให้นายโชคดีนะเกลียว 5555

 :heaven
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC ที่ 50 ของขวัญแด่คนที่รักที่สุด [END](20/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 28-10-2017 15:39:40
ขอบคุณมากค่ะ รอตอนพิเศษนะค่ะ
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC ที่ 50 ของขวัญแด่คนที่รักที่สุด [END](20/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 30-10-2017 07:50:18
แจอิน ฉันจะอยู่บน  :hao7:  ชอบแบบนี้หรอ  อยากออกกำลังกายไปด้วยสินะ :hao6:
หัวข้อ: Re: "คนของความทรงจำ" [YAOI][FC ที่ 50 ของขวัญแด่คนที่รักที่สุด [END](20/10/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 24-10-2018 16:16:16
ตอนนี้ตัวรูปเล่มหนังสือออกแล้วนะคะ วางขายในงานสัปดาห์หนังสือ บูธ B2S และหลังจากงานหนังสือจะวางขายที่ร้านหนังสือ B2S ค่ะ ในเล่มจะมีตอนพิเศษ 1 ตอนที่ไม่ได้ลงในเวปด้วยน้า และในวันที่ 27 ต.ค. เวลา 14.00-15.00 น. สามารถมาเจอและพูดคุยกับไรท์ที่บูธ B2S นะคะ ยังไงช่วยสนับสนุนด้วยนะคะ กลัวไม่มีใครมาหาจัง 555+ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ​
หัวข้อ: Re: [สนพ.B2S] คนของความจำ [END]#แจ้งข่าวรูปเล่มหนังสือหน้า 6 (24/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-11-2018 05:24:28
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [สนพ.B2S] คนของความจำ [END]#แจ้งข่าวรูปเล่มหนังสือหน้า 6 (24/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 13-11-2018 20:01:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [สนพ.B2S] คนของความจำ [END]#แจ้งข่าวรูปเล่มหนังสือหน้า 6 (24/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-11-2018 23:04:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [สนพ.B2S] คนของความจำ [END]#แจ้งข่าวรูปเล่มหนังสือหน้า 6 (24/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:28:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 14 จุมพิตที่แสนขมขื่น ](18/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 12-08-2020 19:55:00
ไม่ไหวแล้ว มีแต่ข้อสงสัย ใคร อะไร ยังไง  :z3:
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 20 การหวนคืนสู่ฝันร้าย ](22/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 13-08-2020 11:13:42
          FC ที่ 21 ฝาแฝดแห่งตระกูลคิม


         


          " นี่มันอะไรกันครับ " ผมตะโกนพลางเขย่าชุดกระโปรงไปมาด้วยความโมโห

          " ทำเพื่อแม่ของแก แม่ของแกกำลังจะตาย " คุณพ่อพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย เหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งที่ง่ายเหลือเกินที่จะทำ ผมน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด นั่นสินะ คนที่ควรตายไป มันคือผมต่างหาก

          คุณแม่ที่เสียใจอย่างหนัก ได้ล้มป่วยลง คุณแม่ไม่เคยเรียกชื่อผมอีกเลย ร้องเรียกหาแต่พี่จีมินเท่านั้น ความเสียใจทำให้คุณแม่เสียสติไป ผมมองดูคุณแม่ที่ดิ้นทุรนทุรายร้องเรียกหาพี่ด้วยความเจ็บปวด


          เวลาผ่านไป 2 ปีแล้ว ผมมองดูตัวเองในกระจกยาวที่ส่องให้เห็นตัวผมที่อยู่ในสภาพที่น่าสมเพช การตายของพี่ถูกปิดเป็นความลับ มีเพียงคนในตระกูลเท่านั้นที่ล่วงรู้ ไม่มีใครสามารถแยกออกระหว่างผมกับพี่จีมิน เพราะพวกเรานั้นเหมือนกันมาก ตัวผมที่จำเป็นต้องแต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิงจึงไม่มีใครล่วงรู้
         
         

พ่อแม่มินวิปริต พ่อพริ้นก็วิปริต มีคนปกติบ้างมั้ย ยู้ฮูวววววว
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 18 จุมพิตแห่งการจากลา ](21/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 15-11-2021 22:32:27
          โดยต้องแลกกับการที่ผมจะต้องอยู่ที่นี่ ในนรกขุมนี้ และห้ามไปเจอคุณแม่ ที่นอนป่วยอยู่ที่ญี่ปุ่นเด็ดขาด 
 
พ่อมันวิปริตจิตใจผิดมนุษย์
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ ตอนที่ 19 เด็กหญิงในความทรงจำ ](21/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 15-11-2021 22:38:44
          " เหอะ แต่จะว่าไป อาจเป็นเพราะฉันก็ได้ ที่ทำให้แกวิปริตไปแบบนี้ สงสัยฉันคงจะให้แกใส่กระโปรงมากเกินไป " ผมเงยหน้ามองคนที่ขึ้นชื่อว่าพ่อด้วยความรู้สึกที่เจ็บแค้น ใช่แล้วล่ะ ผมน่ะ ไม่เคยได้เป็นตัวของตัวเลยนับตั้งแต่ที่ได้เกิดมา
พ่อคนนี้ก็วิปริตวิตถารพิเรนโรคจิตไม่แพ้พ่อไอ้ปลิ้นเลย
หัวข้อ: Re: FC "คนของความทรงจำ" [YAOI][ FC ที่ 22 คำสัญญาที่ถูกลืมเลือน ](23/09/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 15-11-2021 22:48:11
เขาก็บอกว่าไอ ถึงแม้จะเล่นเป็นไอเลิฟยูก็เหอะ ยังจะพริ้นๆอยู่ได้ ไม่เอะใจเลยหรือ
เรื่องนี้นายเอกแบบโง่อ่ะ
หัวข้อ: Re: [สนพ.B2S] คนของความจำ [END]#แจ้งข่าวรูปเล่มหนังสือหน้า 6 (24/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 25-11-2021 21:13:32
น่ารักกกก