พิมพ์หน้านี้ - เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Blackcrow ที่ 21-11-2019 08:54:07

หัวข้อ: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 21-11-2019 08:54:07
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ 

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



เด็กเกษตรของนายวิศวะ
...................................
                Intro

      คนเราจะมีวิธีดึงดูดความสนใจจากคนที่เราสนใจได้อย่างไร จะมีสักกี่วิธีที่สามารถทำให้เขาสนใจเราได้จริงๆแต่ถ้าทำแล้วโอกาสจะสำเร็จมันมีน้อยล่ะ ยังอยากจะลองพยายามอยู่ไหม?
      สำหรับผมแล้วคงใช้วิธีที่จะทำให้ตัวเองไปปรากฏอยู่ในสายตาของเขาได้มากที่สุดล่ะมั้ง อย่างน้อยมันอาจจะได้ผล ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นก็ตาม...


“ ยิ้มบ้างก็ได้มั้งบางที ”
“ สนิทกันหรอ ”

“ เริ่มสนิทกันบ้างแล้วเนาะ ”
“ อืม ”

“ คืนนี้ขอนอนด้วยได้ปะ ”
“ ห้องมึงก็มีมั้ง ”


สารบัญ

Chapter 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4014084#msg4014084) Chapter 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4014086#msg4014086) Chapter 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4014136#msg4014136) Chapter 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4014210#msg4014210) Chapter 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4014368#msg4014368) Chapter 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4014546#msg4014546) Chapter 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4014740#msg4014740) Chapter 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4014971#msg4014971) Chapter 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4015173#msg4015173) Chapter 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4015461#msg4015461) Chapter 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4015935#msg4015935)  Chapter 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4016218#msg4016218)  Chapter 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4016467#msg4016467) Chapter 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4016949#msg4016949)  Chapter 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4017187#msg4017187)  Chapter 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4017452#msg4017452)  Chapter 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4017913#msg4017913)  Chapter 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4018118#msg4018118)  Chapter 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4018394#msg4018394)  Chapter 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4019338#msg4019338)  Chapter 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4019735#msg4019735)  Chapter 22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4019933#msg4019933)  Chapter 23 ( จบ ) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4020234#msg4020234)
 Special (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4020713#msg4020713)  Special (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71184.msg4021414#msg4021414)

***ฝากเด็กเกษตรของนายวิศวะไว้ด้วยนะคะ
***ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และการติดตามน้าา^^
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 21-11-2019 08:59:36
Chapter1
เด็กเกษตร


Lm’ Part

สวัสดีวันจันทร์

มีใครอยากทักทายวันจันทร์ด้วยความรู้สึกยินดีบ้างไหมครับ ผมคนหนึ่งแหละที่บอกเลยว่าไม่! ผมไม่ชอบวันจันทร์โดยเฉพาะวันจันทร์ที่มีเรียนเช้า มันเป็นเช้าที่ไม่สดใสเอาชะเลย และยิ่งตอนนี้ผมกำลังจะเข้าเรียนไม่ทันเพราะตื่นสาย

อืม…เป็นเช้าที่ตื่นเต้นดี

ตื่นเต้นก็เหี้ยแล้ว!!!

“รอด้วยครับ!” ผมตะโกนบอกคนในลิฟท์ขณะที่ตัวผมอยู่หน้าตึก ก่อนจะรีบวิ่งกะจะพุ้งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ต้องเกือบล้มหัวทิ่มเมื่อมีคนจากอีกฝั่งวิ่งมาพอดี

“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายเอ่ย

ผมพยักหน้าให้อีกฝ่ายหวังจะก้าวเข้าไปในลิฟท์ ก่อนจะชะงักเมื่อคนข้างๆ ก็ก้าวเข้าไปพร้อมผมเช่นกัน

บางทีพระเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าผมรีบ!

“เข้าไปก่อนเลยครับ” . ผมถอยออกมาเล็กน้อยให้อีกฝ่ายเข้าไปก่อน ถ้ามันแต่ยึกยักอย่างนี้คงไม่ได้ไปไหนกันพอดี แต่ดูเหมือนว่าพอถึงทีผมพื้นที่มันค่อยข้างจะน้อยนิดแต่ใครจะสนกันล่ะไม่อยากเดินขึ้นบันไดชะหน่อย

พอผมเข้าไปเท่านั้นแหละครับ ก้าวขาออกแทบไม่ทันเมื่อสัญญาณบอกว่าลิฟท์รับน้ำหนักเกินก็ดังขึ้น

กูก็ไม่ได้หนักขนาดนั้นนะโว้ยยย



“แฮ่กๆ ขออนุญาตครับ” เปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้รอคำอนุญาตใดๆ ก่อนจะยืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลางนักศึกษาคนอื่นไปกับสายตาอาจารย์ที่มองมา

หันมามองกูหมดเลยทีนี้

“สายตั้งแต่คาบแรกเลยนะคะนักศึกษา” เสียงเข้มมาเลยครับแม่

“ขอโทษครับ”

ผลของการมาสายคือ โดนอาจารย์มองแรง เพื่อนในห้องมองมาแล้วขำ และสุดท้ายที่นั่งที่เหลือเลือก โอเค…ผมจะคิดชะว่าดีกว่าไม่มีที่นั่งก็แล้วกัน

“มีคนนั่งไหมครับ” ผมถามออกไปอย่างมีมารยาท แต่สิ่งที่คนตรงหน้าตอบกลับมานี่สิ

“ไม่มีใครมาสายกว่านี้แล้วมั้ง”

ใครเขาให้ปากหมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันวะ

ผมมองคนตรงหน้าแล้วก็ต้องชะงักเมื่อภาพไอ้คนที่ผมเสียสละให้เข้าลิฟท์ก่อนผุดขึ้นมาในหัว ก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ก็สายพอๆ กันนั่นแหละ แค่คุณไม่ได้เดินขึ้นบันได” มันหันมามองผมก่อนจะทำหน้างงๆ แล้วทำหน้าเหมือนจะนึกอะไรออก

“อ่อออ มึงนั่นเอง” มันส่งยิ้มกว้างมาให้ผมทันทีที่นึกออก

ยังไม่หายแค้นที่ผมต้องเดินขึ้นบันไดเลยนะเว้ย

ผมจำใจนั่งลงเพราะไม่มีที่นั่ง เลิกสนใจคนที่ปากหมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้วหยิบสมุดขึ้นมาเล็คเซอร์ แต่ดูเหมือนคนข้างๆ มันจะเริ่มทำลายสมาธิของผมชะแล้วสิ

“ขอบใจเรื่องลิฟท์ไม่อย่างนั้นคงได้เดินขึ้นบันได เหนื่อยแย่เลย” เออ เหนื่อยแย่เลยกูเนี่ย

แล้วเรื่องอะไรผมจะคุยกับมันล่ะครับ คนยิ่งวิ่งมาเหนื่อยๆ อยู่

“กูชื่ออิฐนะ มึงชื่ออะไร” แต่ดูเหมือนไอ้คนข้างๆ มันจะไม่ได้สนใจท่าทางที่ผมแสดงออกไปเลยสักนิด

“เงียบหน่อย”

“ก็บอกชื่อมาดิ เรียนด้วยกัน นั่งข้างกันก็ต้องรู้จักกันไว้ปะ”

แล้วไอ้ที่กูแสดงออกอยู่เนี่ยไม่เข้าใจเลยสินะว่าไม่อยากรู้จักมึงน่ะ

“….”

ทั้งที่คิดว่าถ้าไม่ตอบแล้วเมินมันจะยอมหยุดแต่ผมกลับคิดผิดเมื่อคนข้างๆ แย่งปากกาที่ผมกำลังจดตามอาจารย์ที่กำลังบรรยายอยู่

ผมหันไปมองอย่างเคืองๆ เพื่อนก็ไม่ใช่แถมยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ

“มึงชื่ออะไร” มันถามย้ำ

“ขอปากกาคืนด้วย” นอกจากจะไม่คืนแล้วยังเอาของไปเขียนเล่นหน้าตาเฉยอีก

ทำไมหน้ามึนอย่างนี้วะ

“แค่บอกชื่อเองน่า” มันหันมายิ้มให้ผม ไม่สำนึกว่ากำลังทำให้คนอื่นรำคาญเลยแม่ง

“ไร้สาระ” แย่งไปได้ผมก็ต้องแย่งกลับคืนมาได้เหมือนกันล่ะวะ

“แค่อยากรู้จักเอง” ยิ้มอีกแล้ว

“นายวายุ ธนวัฒน์ หืม...ชื่อวายุรึป่าว” แย่งปากกาผมไม่พอยังหยิบสมุดผมไปอีก

มึงต้องการอะไรจากกูครับ!

“ชื่อลมทีนี้ก็เลิกกวนสักที”

“ก็แค่เนี้ยะ”

เจ้าตัวยิ้มอย่างพอใจเมื่อผมยอมแพ้ ก่อนจะเลิกสนใจผมแล้วหันไปสนใจมือถือของตัวเองแทน

ผมลอบมองใบหน้าอีกคนทั้งๆ ที่จะไม่สนใจแล้วแท้ๆ แต่แค่อยากรู้ว่าคนนิสัยแบบนี้มันหน้าตาเป็นไง เห็นได้ชัดว่าคนข้างๆ ผมเป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่ง ยอมรับก็ได้ว่าดีมากๆ น่าจะเป็นที่สนใจของใครหลายๆ คนอยู่เหมือนกัน หน้าคม คิ้วเข้ม ผิวขาว แต่ไม่ถึงกับขาวมาก เครื่องหน้าสวยดูๆ แล้วลงตัวสุดๆ อีกอย่างผมเพิ่งสังเกตว่าอีกฝ่ายในเสื้อช็อปที่คล้ายๆ กับผมแต่ต่างกันตรงที่สีเสื้อผมเป็นสีแดงส่วนของอีกฝ่ายเป็นสีน้ำเงินซึ่งบอกได้เลยว่ามันเรียนวิศวะ ส่วนผมเรียนเกษตร

“แหนะ แอบมองหรอ” ผมสะดุ้งทันทีที่อยู่ๆ มันก็หันมา

เอาแล้วไงเมื่อกี้ยังลีลาไม่บอกชื่อเขา แต่ตอนนี้กลับไปมองหน้าเขาเฉย ไอ้ลมเอ้ยย

ผมไม่ตอบอะไรอีกอย่างไม่รู้ว่าทำหน้าแบบไหนอีกฝ่ายถึงหัวเราะชอบใจแบบนั้น

“มองได้นะ ไม่คิดตังหรอก” มันยิ้มให้ผมอย่างเคย คนอะไรมันจะยิ้มเก่งขนาดนั้นวะ

เอาจริงๆ นะที่อาจารย์สอนก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอคนกวนประสาทอีก

“ยิ้มบ้างก็ได้มั้งบางที”

“สนิทกันหรอ” สงสัยจะคิดดังไปหน่อยแฮะ

มันมองผมอึ้งๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเหล่ห์ ก่อนจะพูดประโยคที่ชวนหงุดหงิดขึ้นมา

“อยากสนิทก็ไม่บอก” กวนตีน! นี่คือคำนิยายที่ผมให้กับคนข้างๆ

ให้ตายเถอะคาบหน้าผมจะไม่มานั่งข้างมันอีกแน่ๆ สาบานเลย

“สองคนข้างหลังคุยอะไรกันคะ สำคัญกว่าที่อาจารย์สอนอยู่รึป่าว”

ผมได้แต่ผงกหัวเป็นเชิงขอโทษ ก่อนจะหันมามองคนข้างๆ ที่ยังลอยหน้าลอยตาไม่สำนึกผิดใดๆ ทั้งสิ้น

ที่ผมชมมันว่าหน้าตาดีมันก็ใช่ แต่คงดีแค่หน้าตามั้งครับ

“เดี๋ยวอาจารย์จะมีงานคู่นะคะนักศึกษา จับคู่กันแล้วมันรับหัวข้องานกับอาจารย์เลยค่ะ”

พออาจารย์ชี้แจงเสร็จผมก็เริ่มมองหาคนที่พอจะเป็นคู่ของผมทันที

“เอ่อ คุณ..” ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคก็มีมือใครบางคนคว้าแขนผมไว้ชะก่อน พอหันไปก็ต้องเซ็งเพราะคนที่คว้าแขนผมไว้ก็เจ้าเก่าเจ้าเดิมนั่นแหละ

“คู่กับกู” ฟังดูเหมือนคำไม่ใช่ประโยคเชิญชวนแต่ผมว่ามันน่าจะเป็นประโยคบังคับมากกว่า

“ไม่ล่ะ ผมจะไปหาคู่กับคนอื่น”

“คนอื่นเขามีคู่กันหมดแล้วเนี่ย เอาน่ากูช่วยทำงานนะไม่กินแรงมึงแน่ๆ ”

หันไปมองคนอื่นก็เหมือนจะจับคู่กันหมดแล้วจริงๆ อย่าหาว่าผมเรื่องมากหรือเล่นตัวเลยนะ แต่ผมไม่อยากคู่กับอีกฝ่ายจริงๆ ว่ะ รู้สึกไม่ถูกชะตา

“อาจารย์ครับ ทำคนเดียวได้ไหมครับ”

“ทำคนเดียวก็ไม่ใช่งานคู่สิคะ” โอเค จบเลยครับ

“ไม่เห็นต้องทำเป็นไม่ชอบกันขนาดนั้นเลยนี่หว่า”

“เขียนชื่อไปส่งอาจารย์ด้วย”

เอาจริงๆ ก็ไม่ใช่คนเรื่องมากอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แค่ถ้าได้ตามที่อยากได้ก็ดีแต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

“งั้นวันนี้พอแค่นี้ค่ะ อย่าลืมทำงานส่งกันด้วยนะคะ”

จบคาบสักที โครตง่วงงง

“ขอเบอร์หน่อยดิ” แรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง

“หืม”

“เผื่อนัดกันทำงานไง กูไม่ทำคนเดียวหรอกนะ” ก็ไม่ได้จะให้ทำคนเดียวหรอกเว้ย

ผมรับมือถือจากมันมากดเบอร์ก่อนจะส่งคืนแล้วเก็บของลงกระเป๋าเตรียมออกจากห้อง แต่ก็มีเสียงดังตามหลังทำให้รู้สึกหงุดหงิดเล่นๆ

“ไว้โทรจะหานะ!”

จากที่ไม่ชอบวันจันทร์ คราวหน้าอาจจะกลายเป็นเกลียดเลยก็ได้นะ



ผมเดินมาถึงโรงอาหารใต้ตึกเรียนอย่างเซ็งๆ คุณเคยคิดไหมครับว่าแต่ละวันเนี่ยเราจะกินอะไร ข้าวก็มีอยู่แค่สามมื้อยังคิดเมนูยากเลย บางวันก็เหมือนปัญหาโลกแตกที่ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี

สุดท้ายก็มายืนโง่ๆ อยู่หน้าร้านอาหารตามสั่ง ก่อนจะสั่งเมนูที่กินประจำแต่ยืนเหมือนกำลังคิดจะสั่งอย่างอื่น

“กระเพราหมูสับจาน…”

“2 จานครับ” ใครมันมาพูดแทรกผมวะ

พอหันไปมองแล้วต้องคิดในใจว่า ไอ้นี่อีกแล้วหรอวะ

“รอแปปนึงนะพ่อหนุ่ม”

“คร้าบบ” ยิ้มได้เรี่ยราดจริงๆ

“นั่งตรงไหนอะ นั่งด้วยคนดิ” ได้ข่าวว่าเพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงก่อนแต่เข้ามากอดคอผม

เหมือนรู้จักกันมาเป็นชาติ

“ปล่อย”

“หวงตัวชะด้วย”

ผมมองหน้ามันเป็นเชิงบอกว่าไม่เล่นด้วย

ช่วยบอกทีว่าไอ้นี่มันต้องการอะไรจากผม!

“โอเคๆ พูดเล่นน่า สรุปนั่งไหนกูนั่งด้วยนะไม่มีเพื่อนอะ”

“เพื่อนไม่คบหรอ” เคยบอกรึยังครับว่าผมปากหมาในระดับหนึ่ง แต่เลือกคนอยู่นะครับ และไอ้คนข้างๆ ก็เป็นคนที่ถูกเลือก

ผมว่ามันควรดีใจนะ หึๆ

“แรงนะเนี่ย” แต่หน้าตาดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยนะ

“แล้วไม่จริงหรอ”

“เห้ย หน้าแบบนี้มีแต่คนอยากคบนะเว้ย” หมั่นหน้ามากถึงมันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ

“มีดีแค่หน้าตารึเปล่า” คราวนี้ท่าจะสะเทือนครับ มันหน้าเหวอไปแปปนึงก่อนจะยิ้มออกมา แต่ผิดคาดมันเป็นรอยยิ้มซื่อๆ แทนที่จะเป็นรอยยิ้มเจ้าเหล่ห์

“ถ้าอยากรู้ว่ากูมีดีแค่หน้าตารึเปล่า ก็ลองมาสนิทดูสิ”

คราวนี้มันเปลี่ยนไปยิ้มเจ้าเล่ห์ เป็นรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจแต่ทำให้มันดูดีไปอีกแบบ แล้วผมจะไปชมมันทำไมวะเนี่ย

ไลน์~

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูนึกว่าเป็นไอ้ต้นไม้เพื่อนสนิทไลน์มา แต่ต้องแปลกใจเมื่อไม่ใช่แถมเป็นใครก็ไม่รู้

A_d

แล้วก็ต้องกระจ่างเมื่อคนตรงหน้าพูดขึ้น

“อย่าลืมตอบแชทด้วยล่ะ” แล้วก็ส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้อีกตามเคย

ประจวบเหมาะกับคิวผมได้ข้าวพอดี ผมจึงลุกไปโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับแม้กระทั่งข้อความ

ใครจะตอบกันล่ะแค่คุยยังไม่อยากคุยเลย


..........

“เป็นไงมึง อาจารย์ใจดีปะ”

เสียงร่าเริงที่ดังข้างๆ หูทำให้ผมที่ฟลุบอยู่กับโต๊ะเงยหน้าขึ้น

ต้นไม้ เป็นเพื่อนสนิทของผม ผมกับมันรู้จักกันตอนปี1เห็นหน้าตาทรงโจรแบบนี้นึกว่าจะโหดแต่โคตรอ่อนไหวชิบหาย แถมยังพูดมากไม่เข้ากับหน้าคมเข้มแบบชายไทยกับผิวสีแทนของมันเลยสักนิด

“ไปสาย อาจารย์คงจะเล็งกูไว้ละ”

“มัวแต่อินดี้ไม่ยอมหลับยอมนอนไง”

เขาเรียกติสเว้ย

“ไม่เกี่ยว”

“เออ เดี๋ยวตอนเย็นกูไปรับน้องแยมนะ”

น้องแยมที่ว่าคือแฟนไอ้ต้นไม้มันครับ หลงยิ่งกว่าอะไรไปรับไปส่งเขาทุกวี่ทุกวัน ก็อย่างว่าแหละคนมันเป็นแฟนกันนี่ครับ ส่วนคนโสดอย่างผมก็คงไปไหนมาไหนคนเดียวอย่างนี้แหละ

“อืม”

“ไม่น้อยใจนะคะคนดี” จีบปากจีบคอไม่พอยังทำหน้าทำตาอ้อนตีนอีก

“อ้อนนะมึง” อ้อนตีนน่ะสัส

“55555 อย่าน้อยใจเลยน่ายังไงเค้าก็รักตัวคนเดียวแหละ”

ผมผลักหัวมันก่อนที่หน้ามันจะโน้มมาใกล้ผมมากกว่านี้

“ใจร้ายจัง”

นอกจากจะไม่สำนึกแล้วยังมีหน้ามาพูดอีก หัวเราะชอบใจนักนะมึงทุกวันนี้คนทั้งคณะคิดว่าผมกับมันกินกันเองจริงๆ อยู่แล้ว ทั้งที่สภาพผมกันมันไม่มีทางไหนที่คิดไปในทางนั้นได้เลย ผู้ชายตัวโตๆ สองคนเนี่ยนะ ถึงแม้มันจะดูสูงกว่าผมมีกล้ามกว่าผมเพราะมันชอบเล่นกีฬาก็เถอะ

แค่คิดก็ขนลุกละ

“ได้เวลาเข้าเรียนแล้วที่รักก” มันใช้แขนหนักๆ ของมันกอดคอผมแล้วกระชากผมให้เดินไปกับมัน ใช่ครับกระชากใช้คำนี้ไม่ผิดหรอก เพราะไอ้นี่มันแรงควาย!



คาบบ่ายเป็นคาบที่ง่วงโคตรๆ ง่วงแล้วง่วงอีกแต่ต้องทำเหมือนตั้งใจฟังอาจารย์สอนชะเต็มประดา ยอมรับว่าไม่ใช่พวกเด็กเรียนอะไร บอกเลยว่าเด็กเกษตรอย่างผมถ้าไม่ใช่วิชาเอกก็จะประมาณนี้แหละครับ ง่วงได้ง่วง หลับได้หลับ แต่ตอนนี้ไอ้ที่ฟลุบอยู่กับโต๊ะข้างๆ ผมมันทำให้อาจารย์สนใจพวกเรานี่สิ

“ไอ้ไม้ ตื่น” ผมใช้ศอกสะกิดไอ้ไม้แรงพอสมควรจนมันสะดุ้ง

“อะไรวะ” ตื่นมาด้วยเสียงอีกไอ้ห่านี่

ผมพยักเพยิดไปหน้าห้อง ทำให้มันได้พบกับสายตาอาจารย์ที่จ้องมองมา แต่ถามว่าไอ้ข้างๆ ผมมันแคร์ไหมบอกเลยว่าไม่ ยังมีหน้าไปยิ้มกวนตีนใส่อาจารย์อีก

“กูว่ากูรู้เกรดวิชานี้แล้วว่ะ”

“กูรู้ตั้งแต่เห็นชื่ออาจารย์ละ”

เรียนก็ไม่รู้เรื่องแถมยังนั่งง่วงทั้งคาบอีก สงสัยต้องพึ่งความเฟรนลี่ของไอ้ไม้อีกตามเคย

เฟรนลี่ยังไงน่ะหรอครับ ตีสนิทขอลอกเล็คเชอร์ยังไงล่ะงานถนัดมันล่ะแล้วผมก็ได้อานิสงส์จากมันด้วยทำแบบนี้ตั้งแต่ปีหนึ่ง ที่ได้เป็นเพื่อนกันเพราะมันคิดว่าผมฉลาดก็เลยมาตีสนิทด้วย แต่ก็นั่นแหละครับผมไม่ได้ถึงขั่นโง่แต่ก็ไม่ได้ฉลาดเป็นกรด ยังจำคำที่มันบอกตอนนั้นได้เลยครับ

“กูคิดว่ามึงจะฉลาดเหมือนหน้าตาจะอีก”

ตอนนั้นก็แอบเคียงมันนิดๆ แต่พอคบกับมันไปก็รู้ว่าบางคำพูดไม่สิคำพูดส่วนมากมันจะหาสาระไม่ค่อยได้ และอย่าได้ไปคิดมากกับคำพูดมันเชียวไม่อย่างนั้นคุณนั่นแหละจะได้บ้าตายชะก่อน

ไลน์~

ไลน์~

“ใครไลน์มาวะ”

“ไม่เสือกดิ” ไอ้ไม้มันเบะปากใส่ผมแล้วทำหน้างอนๆ ตามสไตล์มัน

คิดว่าน่ารักมากมั้ง

ผมหยิบมือถือขึ้นมากดดู แล้วก็ต้องวางลงไว้อย่างเดิมเพราะอะไรน่ะหรอเพราะเจ้าของชื่อไลน์ยังไงล่ะ

A_d
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 21-11-2019 09:47:00
Chapter 2
นายวิศวะ


Aid'Part


“พวกมึงไปกินข้าวคณะเกษตรกัน”

“ข้าวคณะตัวเองก็มี มึงจะถ่อไปถึงเกษตรเพื่อ”

ผมส่ายหัวให้กับไอ้สองตัวข้างๆ ที่ทุกวันมันจะเถียงกันแบบนี้เสมอ

ไอ้ศิลป์ คนที่ชอบชวนเพื่อนไปกินข้าวคณะนั้นคณะนี้อยู่เป็นประจำ เพราะเบื่อหน้าคนในคณะตัวเองมีแต่ผู้ชายแถมยังมีแต่พวกออกแนวเถื่อนๆ ไม่ใช่สเปคมันเลยสักนิด พูดมาถึงตรงนี้คงรู้นะครับว่าไอ้ศิลป์มันน่ะเป็น...ไบ

อีกคนชื่อ แคมป์ ไอ้นี่เป็นเพื่อนสนิทของผมตั้งแต่มัธยมเลยสนิทกับมันมากหน่อย อีกอย่างมันเป็นคนเดียวในกลุ่มที่มีแฟน ไล่มันออกจากกลุ่มดีไหมเนี่ย

“สุดท้ายมึงก็ไปกับมันอยู่ดีไม่ใช่หรอไอ้แคมป์”

ส่วนคนที่ทำหน้านิ่งแต่จริงๆ แล้วกวนตีนชิบหายชื่อ ติณณ์ ถึงมันจะไม่ใช่คนพูดมากแต่ไอ้สองตัวนั้นกับฟังมันซะยิ่งกว่าพ่อตัวเองอีก อาจจะเป็นเพราะหน้านิ่งๆ กับสายตาดุๆ ของมันล่ะมั้ง

“มึงยังไม่ชินอีกรึไงไอ้ติณณ์ ปล่อยพวกมันเถียงกันไปเถอะ”

และสุดท้ายก็คือผม อิฐ ผมว่าผมชิลสุดในกลุ่มแล้วนะจุดเด่นของผมคงจะเป็นยิ้มง่ายแหละมั้ง เห็นไอ้สามคนมันบอกผมแบบนี้ เห็นอย่างนี้ผมเป็นถึงเดือนมหาลัยปี2นะครับ ถึงจะไม่เข้มขนาดไอ้ติณณ์แต่ผมก็ถือว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งเลยนะ

“สรุปไปกินที่เกษตรนะ”

“บอกกูมามึงเล็งใครไว้ ให้เดาต้องเป็นผู้ชายใช่ไหมเพราะคณะนั้นมีผู้หญิงน้อยกว่าคณะเราซะอีก”

อีกอย่างหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นตั้งแต่คบกันมาคือไอ้แคมป์มันจับทางไอ้ศิลป์แม่นเลยล่ะเรื่องแบบนี้

“อะดูซะ”

หน้าจอมือถือไอ้ศิลป์ปรากฏรูปใครคนหนึ่งในอริยาบทต่างๆ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือเป็นคนที่ผมคุ้นหน้าเป็นอย่างดีถึงแม้จะเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่กี่วัน

ถึงจะสวมเสื้อช็อปแต่ไม่ได้อยู่คณะของผมแน่ๆ แถมจุดเด่นคือหน้าตานิ่งๆ แบบนั้นอีก จำไม่ได้ก็บ้าแล้ว

“สมบัติคณะเลยนี่หว่า ไม่ธรรมดาซะด้วย”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ่านข้อความใต้ภาพ ไอ้แคมป์ก็แย่งมือถือจากมือไอ้ศิลป์ไปอ่านชะก่อน

" วายุ ธนวัฒน์ " ชัดเลย

“ดูน้ำหน้าตัวเองด้วยจะไปชอบเขาอะสัส”

ที่ไอ้แคมป์พูดคงจะหมายถึงนิสัย ไอ้ศิลป์มันเจ้าชู้ใครๆ ก็รู้แต่ก็ยังมีคนเข้าหามันไม่ห่าง

ฮอตจริงๆ เพื่อนผม

“ไปเถอะหิวข้าว”

เสียงผมเองแหละครับ ก็มันหิวจริงๆ ขืนให้พวกมันเถียงกันอยู่แบบนี้คงไม่ได้ไปไหนกันพอดี

“กูไปส่องเฉยๆ น่า ใช่ว่าจะจีบชะหน่อย”

เอาจริงๆ ถ้ามันจีบผมก็อยากรู้เหมือนกันนะว่ามันจะเข้าหาเขาแบบไหน

เพราะดูเป็นคนเข้าถึงยากระดับหนึ่งเลย

ลม ชื่อก็ดูจะเข้ากับเจ้าตัวดีเลยทีเดียว

อืม...จะว่ายังไงดีล่ะมันเหมือนกับรู้สึกว่ามี แต่สัมผัสไม่ได้ล่ะมั้ง

นั่นเป็นนิยามที่ผมให้กับเขาในตอนนี้ ก็หวังว่าจะแค่ตอนนี้น่ะนะ...




เป็นอย่างที่คิดครับว่าโรงอาหารแม่งเต็ม! จริงๆ แค่คนในคณะมันก็เยอะอยู่แล้วยังมีพวกเสนอหน้ามากินข้าวคณะเขาอย่างเช่นพวกผมนี่แหละ ที่ทำให้โต๊ะแทบจะไม่เหลือที่ว่างแล้วเนี่ย

“มึงว่าจะมีที่นั่งให้พวกเราไหมวะ”

“ดูจากท่าแล้ว ไปหากินที่อื่นเถอะ”

ผมเกือบจะพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้ติณณ์แล้วถ้าสายตาไม่เหลือบไปเห็นที่นั่งตรงมุมเสาที่โต๊ะก็ออกจะกว้างแต่มีคนนั่งแค่สองคน

“กูเจอที่นั่งละ”

พูดเสร็จผมก็เดินนำไปทันที

ดูท่าจะเป็นเครื่องบังเอิญที่ผมชักจะชอบซะแล้วสิ

“ขอนั่งด้วยได้ไหม พอดีโต๊ะเต็มหมดแล้ว”

หนึ่งในสองคนที่ผมไม่รู้จักเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ คงจะดูว่าโต๊ะมันไม่มีที่ว่างจริงๆ ล่ะมั้งถึงหันกลับมาพยักหน้าให้พวกผมนั่งลง ในขณะที่อีกคนใส่หูฟังแถมยังไม่ได้สนใจกับการมาของพวกผมเลยสักนิด

“ไอ้ศิลป์มึงจะยืนทำห่าอะไร นั่งลงดิ”

ไอ้ศิลป์ยืนนิ่งจ้องคนที่กำลังนั่งใส่หูฟังที่ไม่สนใจโลกอย่างเหม่อลอย

ขำกับท่าทางมันชิบหาย จะอะไรขนาดนั้นวะ

“กะ..กูจะไปซื้อข้าว” ดูท่าว่าจะอาการหนัก

“อะไรของมันวะ”

“ลม ลม ไอ้ลม!” คนที่ผมคุ้นหน้าแต่ไม่รู้จักชื่อเอ่ยชื่อคนข้างๆ ผมเสียงดัง

“อะไร”

ต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนมานั่งด้วยตั้ง4คนเนี่ย

“กลับกันเดี๋ยวกูไปส่ง”

คนข้างๆ พยักหน้ารับ เอาจริงๆ นะผมไม่เคยรู้สึกไร้ค่าขนาดนี้มาก่อนเลย

ผมที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่เขาไม่แม้แต่จะหันมองมาหรือสนใจด้วยซ้ำ

ผมเท้าคางจ้องเสี้ยวหน้าคนที่กำลังจะลุกออกไป แต่คงมากพอที่ทำให้เขาหันมาก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นผม ย้ำว่าเล็กน้อย

ให้ตายเถอะ นี่เพิ่งเห็นจริงๆ เหรอวะ

ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับรอยยิ้มกลับมาหรืออะไร ก็นั่นแหละครับไม่ได้จริงๆ แถมยังรีบเดินออกไปอีก นี่ผมเริ่มไม่หมั่นใจตัวเองแล้วนะทั้งที่คนอื่นก็ออกจะเป็นมิตรแถมยังอยากรู้จักกับผมอีกต่างหาก แต่กลับคนนี้ทำท่าเหมือนไม่อยากจะคบค้าสมาคมกับผมชะอย่างนั้น

“กูว่าไม่ใช่แค่ไอ้ศิลป์คนเดียวแล้วมั้งที่สนใจสมบัติคณะ นั่งมองเขาตาละห้อยแบบนั้นหมายความว่ายังไงครับคุณอิทธิพล”

ผมว่ามันใช้คำพูดออกจะเว่อร์ไปหน่อยนะ ผมไม่ถึงขนาดมองตาชะห้อยชะหน่อย

“อ้าว ลมของกูไปไหนแล้วอะ” ไอ้ศิลป์กลับมาพร้อมกับจานข้าวก่อนจะมองหาคนที่เพิ่งจะเดินออกไปได้ไม่นาน

" ลมของกู ถุ้ย! เต็มปากเต็มคำเลยนะมึง " นั่นดิ ได้ข่าวว่าเมื่อกี้ยังยืนใบ้แดกอยู่เลย

“หล่อนี่หว่า แต่ดูเหมือนเข้าถึงยากไปหน่อยนะ ไหวแน่หรอวะ”

อันนี่ผมเห็นด้วยกับไอ้ติณณ์

“กูบอกแล้วไงไม่ได้จะจีบ แค่สนใจพวกมึงเข้าใจปะ”

เดี๋ยวๆ ไอ้ท่าทางเหมือนคนเพิ่งหัดรักนี่มันอะไรวะนั่น

“แค่นี้เสียอาการหรอมึงอะ” ขอสักหน่อยเถอะครับ เพราะไอ้ศิลป์ตอนนี้มันไม่ใช่ไอ้ศิลป์ที่พกความหมั่นหน้าเหมือนก่อนหน้านี้เลยสักนิด

“แต่คนแถวนี้ก็ดูท่าจะเสียอาการเหมือนกันปะวะ”

ไอ้แคมป์ยกยิ้มแล้วจ้องหน้าผม รู้ไปชะทุกเรื่องจริงๆ เลยไอ้ตัวแสบ!

“หือ อะไรยังไงวะ”

ก่อนที่เรื่องว่าจะบานปลาย คงต้องเบี่ยงเบนความสนใจแล้วล่ะ

“ไปซื้อข้าวดีกว่า แม่งหิวจะแย่”

ผมเดินอ้อมไปหาไอ้แคมป์ก่อนจะกอดคอมันให้เดินตาม มันก็ไม่ได้มีท่าทางขัดขืนอะไรนอกจากหัวเราะชอบใจที่ดูก็รู้ว่าตั้งใจกวนประสาทผมชัดๆ

ถ้าจะถามว่าผมสนใจคนที่กำลังเป็นประเด็นในหัวข้อสนทนาเมื่อกี้ไหม บอกเลยว่าสนแต่คงไม่เท่าไอ้ศิลป์หรอกมั้ง รายนั้นถึงกับตาลอยขนาดนั้นไม่รู้ว่าโดนตัวไหนมา

อ๋อ สงสัยคงจะโดนลมเข้าตาละมั้ง...


.........



“ต้องถ่ายตั้งแต่ต้นเทอมเลยหรอวะพี่”

ผมอวดควรญทันทีที่ผมรับสายจากพี่อ้นคนที่เป็นแอดมินเพจของมหาลัย สาเหตุที่พี่แกโทรมาก็ไม่พ้นเรื่องที่ต้องการให้ผมไปถ่ายรูปเพื่อโปรโมทมหาลัย

ถามว่าอยากทำไหม จริงๆ มันก็ทำได้แหละครับแต่มันขี้เกียจมากกว่า

‘ไม่ดีหรอวะ จะได้เสร็จเร็วๆ ไง’ ก็จริงของพี่แก

“มีใครบ้างวะพี่”

' เดือนมหาลัยปี1 มึง แล้วก็พวกที่มีคนรู้จักเยอะแต่มีอีกคนที่เขาไม่ยอมมาว่ะ เสียดาย '

ใครวะดูพี่อ้นอยากได้จริงจัง น้ำเสียงแกนี่บ่งบอกว่าเสียดายสุดๆ

“ใครวะพี่”

‘ลม คณะเกษตร’ อ่า ชื่อนี้อีกแล้ว ทำไมช่วงนี้ชื่อนี้ถึงได้ยินบ่อยจังวะ พอได้รู้จักก็มีเรื่องให้ได้นึกถึงอยู่เรื่อยเลย

“ดูเหมือนพี่จะอยากได้เขามาถ่ายมากเลยนะ”

‘เออดิ เขาดังพอๆ กับมึงเลยนะนี่ขนาดไม่ได้มีตำแหน่องอะไรเลย’ เชื่อละว่าอยากได้จริง อวยชะขนาดนั้น จริงๆ ตอนเจอกันครั้งแรกก็คิดว่าคนคนนี้สะดุดตาอยู่พอสมควร หน้านิ่งๆ แต่กลับมีเสน่ห์อย่างมาก อยากเห็นเวลายิ้มชะมัด

‘อิฐ อิฐ ไอ้อิฐ!’

ผมหลุดจากความคิดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกดังๆ ของพี่อ้น

“จะตะโกนทำไมเนี่ยพี่”

‘ก็กูเรียกแล้วมึงไม่ได้ยิน สรุปพรุ่งนี้ตอนเย็นเข้ามาถ่ายนะ โอเคไว้เจอกัน’

อ้าวชิบหาย พูดเสร็จก็ตัดสายทิ้งทันทีเลยเนี่ยนะ

เอาแต่ใจกันจังเลยโว้ยย!!

รู้งี้จะไม่ยอมลงประกวดแม่ง ตอนแรกมันก็ดูจะโอเคแหละครับแต่พอทำไปสักพักมันก็น่าเบื่องานหลักก็คือเป็นหน้าเป็นตาให้มหาลัยมีงานอะไรก็ต้องเสนอหน้าไปทุกงาน ถามว่าไม่ไปได้ไหม ตอบเลยว่าได้! แต่ผมไม่เคยรอดสักงาน คนนั้นขอร้องคนนี้ขอให้ช่วย แล้วไงล่ะครับผมมันคนเห็นอกเห็นใจคนอื่นไง ไม่งั้นคงไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่แรกหรอก ส่วนไอ้เรื่องถ่ายรูปก็เหมือนกันมีปีหนึ่งแล้วยังอยากให้เสนอหน้าไปถ่ายกับน้องๆ มันอีก

พูดแล้วเซ็ง!

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะทึ้งหัวตัวเองเพื่อระบายอารมณ์เซ็งๆ ของผมนั้น ตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังก้มหน้าขีดๆ เขียนๆ กระดาษอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง และผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจไปกว่านั้นอีกก็คือ เขามองมาที่ผม!

ผมรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที แค่คิดว่าไอ้ที่ขีดๆ เขียนๆ อยู่นั่นอาจจะเป็นรูปผมใจมันก็เต้นแรงทันที

เดี๋ยว! นี่กูจะมาใจเต้นกับอะไรแบบนี้หรอวะเนี่ย

เพื่อพิสูจน์ความคิดที่ดูจะเกินจริงของผมเองนั้นผมจึงแกล้งยกมือถือขึ้นมาคุยต่อ เรื่องคุยคนเดียวนี่ถนัดจริงๆ นะบอกเลย

สายตาก็เหลือบมองฝั่งตรงข้ามบ้าง

นั่นไง! มองผมจริงๆ ด้วยอะ

แล้วผมจะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้วะ แต่จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงในเมื่อขนาดไลน์ผมเขายังไม่ตอบแต่อยู่กับมานั่งวาดรูปผมเฉยเลยนี่หว่า

แต่เดี๋ยวหรือว่าเขาวาดวิวด้านหลังผมวะ

ไม่มั้งเมื่อกี้ยังมองผมอยู่เลย

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นวะ ปวดขี้หรอ”

อารมณ์ตื่นเต้นของผมดับลงเพียงเพราะไอ้ศิลป์มันพูดขึ้น

มึงจะมาทำไมตอนนี้วะ

“ยังไม่กลับอีกหรอ” ผมหันไปถามไอ้ศิลป์ที่ด้านหลังมีไอ้ติณณ์ตามมาติดๆ ขาดหนึ่งคนสงสัยจะไปหาแฟนอีกตามเคย

“ถ้ากลับแล้วจะเห็นพวกกูไหม” อ้าว ไอ้นี่กวนตีนซะแล้ว

“แล้วเป็นไรวะ ปวดขี้หรอ” เอากับมันไปดิ กวนตีนหน้าตายไปอีกไอ้ห่าติณณ์!

“ไม่ได้ปวดขี้เว้ย พวกห่านี่”

ผมหันไปมองฝั่งตรงข้ามอีกครั้งก็พบว่าคนตรงนั้นได้หายไปแล้ว พิสูจน์อะไรไม่ได้แถมยังมโมไปไกลอีกกู

“แล้วนั่นจะไปไหนวะ”

“กลับห้องไงโว้ยย” ผมหันหลังเดินออกมาทันทีโดยที่ไอ้สองตัวคงงงว่าผมเป็นอะไร

นั่นดิ ผมป็นอะไรวะ

“หงุดหงิดเชี้ยไรของมันวะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเป็น”

“ช่างมันเถอะ นานๆ ที”

“เดี๋ยวไอ้ติณณ์แบบนี้ก็ได้หรอวะ”

“เออ”

“ห่า เพื่อนกูแต่ละคน” ศิลป์สายหน้าอย่างเอือมๆ มองแผ่นหลังเพื่อนที่เดินจากไปอย่างงงๆ ปกติก็ไม่ยักจะหงุดหงิดง่ายนี่หว่าเป็นไรของมันวะ เอ๊ะ หรือว่าจะปวดขี้จริงๆ



.........

Lm'Part

ผมนั่งมองภาพวาดตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เพราะไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็ดูไม่สมเหตุสมผลเอาชะเลย นั่งมองมาหลายนาทีก็ได้แต่ถามตัวเองว่า กูทำบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย! มองเขายังไม่พอแถมไปวาดรูปเขาอีก มึงบ้าไปแล้วไอ้ลม อยู่ๆ มึงนึกบ้าอะไรขึ้นมาถึงไปวาดรูปเขาวะ แถมวาดเสร็จไปแล้วด้วย

จำชื่อก็ไม่ได้ด้วยซ้ำ จำได้แต่ว่าเคยเจอสามครั้ง ครั้งแรกในห้องเรียน ครั้งที่สองเจอที่โรงอาหาร ล่าสุดเจอวันนี้แถมยังไปนั่งวาดรูปเขาเนี่ยนะ ยอมใจความติสตัวเองก็วันนี้แหละ

“หรือจริงๆ เราอยากได้หน้าแบบนี้มาเป็นแบบวะ”

คิดในอีกมุมหนึ่ง ผมจะไม่วาดรูปเลยถ้าผมไม่สนใจภาพนั้นจริงๆ แต่อีกมุมหนึ่งก็คิดว่า

ทำไมต้องเป็นคนนี้วะ!!!


หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 21-11-2019 09:59:29
ถ้าอิฐรู้ว่าลมละเมอวาดรูปตัวเอง ได้คลั่งตายแน่
แอร๊ยๆๆๆๆๆ
เค้าแอบใจตรงกัน
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-11-2019 14:36:27
สนุกดี น่าติดตาม
รบกวนใส่ตอนและวันที่ที่อัปหน่อยนะ จะได้รู้ว่าตอนใหม่มาแล้ว
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 21-11-2019 19:59:47
Chapter 3
คนที่ยังไม่สนิท


“เป็นไรวะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ไอ้ไม้เงยหน้าบูดๆ ของมันขึ้นมามองผมก่อนจะก้มลงไปสนใจมือถือตามเดิม

เป็นอะไรของมัน

เห็นแบบนั้นผมจึงไม่ถามอะไรต่อได้แต่สังเกตท่าทางของมัน ซึ่งดูเหมือนจะคุยแชทกับใครสักคนและนั่นคงไม่พ้นน้องแยมแฟนของมัน

แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือไอ้หน้าบูดๆ ของมันนั่นแหละ ปกติต้องนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าสิถึงจะถูก

“มีปัญหาอะไรรึเปล่า” ผมถามมันอีกรอบคราวนี้มันเบะปากเลยครับ

มึงอย่ามาร้องไห้แถวนี้นะเว้ย

“กูทะเลาะกับน้องแยมว่ะ” ปกติก็ไม่ค่อยเห็นคู่นี่ทะเลาะนะ

“เรื่องอะไร”

“กูสงสัยว่าน้องมีคนใหม่ว่ะ”

นี่คือสาเหตุที่ทำให้มันนั่งหน้าบูดอยู่ตรงนี้สินะ

พูดถึงตรงนี้แล้วมันยิ่งทำท่าเหมือนจะร้องไห้

มันเคยเล่าให้ผมฟังว่ามันคบกับน้องแยมมาสองปีกว่าๆ แถมมันยังพูดถึงน้องเขาให้ผมฟังทุกวันไม่บอกก็รู้ว่ามันรักน้องเขามากขนาดไหน

“แล้วน้องเขาว่าไง”

“จะว่าไงวะ ก็ไม่ยอมพูดอะดิแถมช่วงนี้ยิ่งไม่ค่อยได้เจอกันเลย กูจะไปหาก็เอาแต่บอกว่างานเยอะอย่างนั้นอย่างนี้”

“เอาน่ามันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ น้องเขาเป็นดาวนะมึงกิจกรรมอาจจะเยอะด้วยไง”

นั่นๆ เอาอีกแล้วเบะปากไม่ดูสภาพตัวเองเลยไอ้นี่

ผมไม่รู้จะขำหรือสงสารมันก่อนดี แต่พอเห็นท่าทางของมันแล้วผมขอขำก่อนก็แล้วกันตัวก็โตแต่เสือกมานั่งเบะปากเหมือนเด็กๆ อยู่ได้

“ถ้าน้องเขานอกใจกูจริงๆ จะทำไงวะ”

ทำใจ

ใจจริงก็อยากจะบอกแบบนี้อยู่หรอกครับ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วคงไม่เหมาะเท่าไหร่เดี๋ยวมันลุกมาเตะผมขึ้นมาดูท่าจะไม่คุ้ม

“อย่าเพิ่งคิดมาก มึงก็รอเคลียร์กับน้องเขาก่อน”

“เห้อ กูโดดคาบบ่ายได้ไหมวะ”

เข้าใจว่าเฮิร์ทแต่มึงลืมไปรึป่าวว่าตอนบ่ายเรียนวิชาเอกเนี่ย

“วิชาพ่อเลยนะมึง กล้าโดดหรอ” พ่อที่ผมหมายถึงก็คือ ฉายาที่พวกผมตั้งให้กับอาจารย์ที่สอนประจำวิชานี้เพราะแกค่อนข้างดุ เป็นคนปากร้ายแต่ใจดี

“พี่ลมมมมม” เสียงจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง ก่อนจะทันได้เห็นอะไรก็มีบางอย่างพุ้งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว

“ไอ้เนม!!”

ใครใช้ให้มึงพุ้งด้วยเข้ามาทั้งตัวแบบนี้วะ เกือบหงายหลังทั้งคู่แล้วไหมล่ะ

“คิดถึงว่ะพี่ คืนนี้ไปแดกเหล้ากันปะ” ห่า เจอหน้ากันที่ไรมีแต่เรื่องเดียว

“มาหากูนี่มีแต่เรื่องนี้นะมึง”

ไอ้เนม เป็นน้องรหัสผมถามว่าสนิทไหมก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ เจอหน้าทีไรก็พุ่งมาแบบนี้ทุกที สักวันไม่ผมก็มันนี่แหละจะได้หัวฟาดพื้นตายชะก่อน

“มีพี่รหัสหล่อก็อยากเอาไปโชว์เพื่อนบ้างไง”

พูดซะเหมือนผมเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้

“กูไปด้วยดิ”

“โอ๊ะ พี่ต้นไม้ก็อยู่หรอครับเนี่ย” ก่อนจะกวนตีนดูหน้าเพื่อนกูด้วยไอ้เนม มันจะกินหัวคนรอบข้างอยู่แล้ว

“เดี๋ยวมึงจะโดนตีนไอ้ห่านี่” ไม่ว่าเปล่าไอ้ไม้มันยกเท้าขึ้นมาพร้อมถีบเลย

เออแล้วก็มาหลบอยู่หลังกูนี่แหละสัส

“5555สรุปไปนะพี่ เดี๋ยวผมเลี้ยง” ถึงให้กูเลี้ยงกูก็ไม่เลี้ยงเว้ย หมดโปรโมทชั่นแล้ว

“ไม่ปะ…”

“ไปดิ ร้านไหนวะ” เห้ย น้องมันถามกูไอ้ไม้!

“ร้านสาติหลังมอเลยพี่ เผื่อเก็บศพจะได้เก็บง่ายๆ 555”

ร้านสาติ ไอ้เนมไม่ได้ออกเสียงผิดหรอกครับชื่อร้านมันอ่านอย่างนี้จริงๆ ซึ่งมันมาจากคำว่าสตินั่นแหละ แต่เจ้าของร้านตั้งเป็นสาติเห็นคนบอกว่ามันน่าจะจำง่ายดี

“3ทุ่มเจอกันพี่ ผมไปละ จุ้ปๆ ”

ไอ้เนมหันมาส่งจูบให้ผมแล้วยิ้มร่าเดินออกไปทันที

พอมองหน้าไอ้ไม้แล้วคงไม่ต้องถามอะไรมาก เพราะหน้ามันโคตรว้อนแอลเลย

“ก็กูอยากแดกนี่หว่า ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยนะเผื่อกูเมาาา” มึงเมาแน่ๆ ไม่ต้องเผื่อ อยู่กับมันมาเป็นปีทำไมจะไม่รู้ว่ามันไม่ใช่พวกคอทองแดงขนาดนั้น

“สรุปเฮิร์ทจริงว่างั้น”

“สุดๆ ” อันนี้เขาเรียกตอแหลแล้ว

“เออ นานๆ ทีไปก็ดีเหมือนกัน” ใจจริงผมก็ว้อนเหมือนกันนั่นแหละ

“อยากแหละดูออก”

แสนรู้จริงๆ

ถึงผมจะไม่ชอบพบปะผู้คนแต่ก็ใช่พวกจำศีลสักหน่อย นี่เด็กเกษตรนะครับแค่ของมึนเมาเนี่ยจิ๊บๆ



...................



“เอ้าชน!!!” ผมนั่งฟังเสียงแก้วกระทบกันอย่างชิลๆ ในนี้ผมดื่มน้อยที่สุดแล้วเพราะต้องรอแบกไอ้เพื่อนตัวดีกลับห้อง

มันก็ดื่มไม่เกรงใจคนแบกแบบผมชะด้วยสิ กระดกเอากระดกเอาอย่างกับน้ำเปล่า

“พี่ลมมีแฟนยังอะค้าบบบ” เสียงเริ่มยานคางของรุ่นน้องต่างคณะดังขึ้น พร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มมาทางผม

“อย่ายุ่งกับพี่กูววว” เสียงน้องรหัสผมก็ไม่ต่างกันเลย

ก่อนจะห่วงกูห่วงตัวเองก่อนเถอะ

ผมมองดูทั้งสองคนเอามือปัดป่ายกันไปมาอย่างนึกขำ ถึงไอ้เนมจะบอกว่าอยากพาผมมาอวดเพื่อนแต่เห็นแบบนี้มันหวงผมจะตายนะบอกเลย

แต่ผมชินแล้วล่ะไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายที่เข้ามาทำความรู้จักหรือจีบ พอสักพักพวกเขาก็หมดความอดทนแล้วก็เลิกลาไปเอง

ไอ้ไม้มันเคยบอกว่าผมมันตายด้าน ผมไม่ได้ตายด้านนะแค่ยังไม่เจอคนที่ชอบต่างหาก

แต่ถามว่ามีสนใจไหมมันก็ต้องมีแหละครับใครจะไม่ชอบมองของสวยๆ งามๆ ล่ะ

“เอ่อ...คือ ขอโทษนะเพื่อนเราฝากมาขอไลน์น่ะ”

แรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง

มีผู้ชายตัวเองเล็ก ตัวเล็กจริงๆ นะ กำลังมองผมด้วยท่าทางประหม่า

“ขอโทษนะ พอดีผมไม่ชอบให้ไลน์คนที่ไม่รู้จักน่ะ”

พอผมบอกไปแบบนั้นคนตัวเล็กก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทันที

แค่ไม่ให้ไลน์เองนะเว้ย

“ช่วยเราหน่อยนะ คือเราแพ้เกมน่ะ” คนตัวเล็กพูดกึ่งขอร้อง

อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยนะ แต่ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้โคตรๆ เลยว่ะ

“โทษทีนะ”

คนตัวเล็กพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่คงเห็นหน้าผมไม่รับแขกล่ะมั้งจึงเดินคอตกออกไป

“เพ่ลมม โคดฮอตตต ฮิ้วว”

ไอ้นี่ตาก็จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ยังจะมาแซวผมอีก

“ไม่ให้ไปวะพี่ น่าสงสารออก” เฟรม เพื่อนของไอ้เนมเอ่ยขึ้น ผมได้แต่สายหน้าแทนคำตอบ มันก็ยิ้มขำก่อนจะยกแก้วขึ้นมาจิบ

“มีหน้าที่เก็บศพหรอมึงน่ะ” ไหนๆ พวกที่เหลือก็ไม่มีสติกันละ ผมคงจะนั่งน้ำลายบูดแบบนี้ต่อไปไม่ไหวหรอก

“ใช่พี่ งานหลักของผมเลยล่ะ” มันว่ายิ้มๆ

“ว่าแต่พี่ ไม่มีแฟนหรอวะ”

“แฟนมีแฟนพี่ต้องมาดิวะ”

“55555 นี่มุขปะพี่” มุขเชี้ยไรกูพูดจริงๆ เว้ย

“ผมนึกว่าพี่จะเป็นคนนิ่งๆ เย็นชางี้ รู้ปะคณะผมอะเขาลือกันว่าพี่อะเย็นชาโคตรๆ เลยนะ”

เคยคุยกับกูรึยังเถอะ มาว่ากูเย็นชาเนี่ย

“คณะไร”

“วิศวะพี่ นี่ผมจะเอาไปอวดคนอื่นว่าพี่คุยกับผม” ทำเหมือนกูเป็นตัวอะไรที่เพิ่งพูดได้อย่างงั้นแหละ

“เกินไป”

“ไม่นะพี่ ใครๆ ก็อยากรู้จักพี่เหอะ” ผมเลิกคิ้วอย่างงงๆ

“ใครที่ว่านี่ใคร”

“โหพี่ จะให้ผมนับหรอไม่ไหวมั้ง”

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาตอนนี้เป็นเวลาหกทุ่ม มองสภาพของแต่ละคนผมว่าคงได้ที่กันแล้ว ผู้รอดชีวิตคือผมกันไอ้เฟรมแล้วก็เพื่อนมันอีกคนที่ดูเหมือนน่าจะหอบสังขารตัวเองกลับได้

แต่ที่กลับไม่ได้คงจะเป็นเพื่อนผมนี่แหละ

“กลับยังไง” ผมถามไอ้เฟรมเพราะดูจากสภาพเพื่อนมันสามคนกับอีกคนที่ยืนโงนเงนอยู่นั้นคงจะกลับแท็กซี่ไม่ได้แน่ๆ

“ผมเอารถมาครับ”

ไอ้เฟรมพยุงเพื่อนอย่างสบายๆ สงสัยจะทำหน้าที่นี้บ่อยจริงๆ

“แล้วพี่อะกลับยังไง”

“แท็กซี่” ผมตอบพลางเรียกพนักงานมาเก็บตัง

“เดี๋ยวผมจ่ายเองพี่”

“งั้นคนละครึ่ง”

“แต่ไอ้เนมมันบอกจะเลี้ยงนะพี่” คนพูดมันสลบไปแล้วไงประเด็น

“หรือจะให้กูจ่ายทั้งหมด”

“งั้นคนละครึ่งก็ได้ครับ”

ผมรับเงินส่วนที่เหลือจากไอ้เฟรมก่อนจะส่งให้พนักงาน

ได้เวลาแบกคนเมากลับห้องแล้วครับ

ถึงจะเคยแบกมันมาแล้วก็เถอะแต่ทำไมครั้งนี้มันหนักจังวะ

“ไหวปะพี่ ท่าทางพี่ต้นไม้จะหนักไม่ใช่เล่นนะ ให้ผมช่วยไหม”

อยากจะช่วยมันก็ดีอยู่นะ แต่ช่วยเก็บเพื่อนมึงให้เสร็จก่อนไหมไอ้เฟรม

“ไหว”

ไม่ไหวบอกไหว ก็ว่าไปนั่น…

“โอะ เฮียหวัดดีครับ”

ไอ้เฟรมทักทายใครสักคนซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าใคร เพราะมัวแต่สนใจคนที่ถูกแบกอยู่

“หวัดดีๆ ”

“มาไม่ชวนน้องว่ะเฮีย”

“ชวนทำไม เปลือง”

“โหยเฮียยย”

“เดี๋ยวก็ล้มทั้งคู่หรอก” เสียงดังใกล้ๆ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง

ไอ้เด็กวิศวะนี่

“ทำหน้าแบบนี้คืออะไร จำกูไม่ได้หรอ… ไอ้เฟรมมึงมากับเขาหรอ”

“ใช่เฮีย ฝากไปส่งพี่ลมหน่อยดิดูท่าจะไมไหว”

กูไหวเว้ย!

“มึงอะกลับดีๆ ”

“ไม่ช่วยผมหน่อยหรอ”

“จะไปไหนก็ไปเลยมึงน่ะ”

ไอ้เฟรมมองเฮียตัวเองขำๆ ก่อนจะแบกเพื่อนออกไป

“ไง จำกูได้ปะเนี่ย”

หน้าน่ะจำได้ แต่ชื่ออะจำไม่ได้

ดูเหมือนหน้าผมจะบ่งบอกว่าจำไม่ได้มั้งอีกคนเลยพูดขึ้น

“กูชื่ออิฐ ชื่อจริงอิทธิพล อัครเดช เคยนั่งเรียนข้างมึง ทำงานคู่ด้วยกันไม่สิมึงทำคนเดียวถึงแม้กูจะเป็นคนพรีเซนต์งานก็เถอะ แถมยังเคยตอบไลน์กูตั้งสองครั้ง จากนั้นก็ไม่ค่อยได้เจอกันจนกระทั่งวันนี้”

ร่ายชะยาวเหมือนกลัวผมจำไม่ได้ จากวันนั้นที่ผมบอกจะไม่นั่งข้างมันก็ไม่นั่งจริงๆ ครับ

พูดเสร็จมันก็หิ้วปีกไอ้ไม้อีกข้างอย่างถือวิสาสะ

“เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่เป็นไร”

“พักอยู่ไหน” ฟังกูบ้างดิเห้ย

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกลับเอง” ผมยังยืนยันคำเดิม

“อย่าเล่นตัวน่า มันหนักนะเนี่ย”

กูไม่ได้เล่นตัวนะเว้ย แล้วใครใช้ให้มึงแบกมัน

“เดี๋ยวไปรถกู เร็วหนัก!” ไม่ฟังแถมยังดึงดันจะไปอีก

มองดูสภาพไอ้ไม้แล้วไม่น่าไหว ผมจึงเดินตามไปเงียบๆ ผมแทบจะไม่ได้รับน้ำหนักจากการพยุงไอ้ไม้เลยเพราะอีกคนเหมือนจะแบกเองซะมากกว่า

“พักที่ไหน”

หลังจากยัดไอ้ไม้เข้าไปเบาะหลังเรียบร้อยแล้วมันก็หันมาถามผม

“หอใน”

“ขึ้นรถ เดี๋ยวไปส่ง” ก็ต้องไปส่งอยู่แล้ว มาถึงขนาดนี้

“มานั่งกับกูด้านหน้า!” ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างๆ ไอ้ไม้ เจ้าของรถบอกเสียงดังจนผมต้องรีบผละออก

“นั่งด้านหลังก็ได้”

“กูไม่ใช่คนขับรถนะ มานั่งด้านหน้าเลย” โอเคครับ ขึ้นรถเขาอะเนาะนั่งไหนก็นั่งไอ้ด้านหลังก็ปล่อยให้มันนอนไป

“อยู่หอในตั้งแต่ปี1แล้วหรอ” พอรถเคลื่อนตัวได้สักพัก คนที่ทำหน้าที่ขับรถก็ถามขึ้น

“อืม”

“กูก็อยู่หอในนะ” ใครถาม

ผมไม่ได้ตอบอะไรพลางหันไปมองไอ้คนที่นอนอยู่ด้านหลังว่าสภาพมันยังโอเคไหม ข้อดีอย่างหนึ่งคือเวลาเมาไอ้ไม้มันไม่ค่อยอ้วก แต่จะหลับแบบเป็นตาย คิดว่านั่นคือข้อดีน่ะนะ


“ถึงแล้ว”

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหอพัก เพราะร้านสาติมันก็ไม่ไกลจากตัวมอเท่าไหร่ แต่จะให้เดินแล้วแบกคนเมามันก็ดูจะไม่ไหวเหมือนกัน

“กูแบกมันให้ มึงเดินนำไปเลย” ผมพยักหน้าให้มันก่อนจะเดินนำไป

“อยู่ชั้น3หรอ”

“อืม”

สักพักลิฟท์ก็มาถึงชั้น3 ผมเดินนำไปจนถึงห้องตัวเองจริงๆ ก็ห้องไอ้ไม้ด้วยแหละเพราะผมกับมันเป็นรูทเมทกัน

มันดีตรงที่หอในมันใกล้แล้วสามารถเข้าออกได้ตามปกติ กฎก็ไม่ได้เคร่งอะไร

“ห้องสะอาดดีว่ะ”

“วางมันไว้เตียงนั้นแหละ ขอบใจ”

“เดี๋ยวๆ นี่จะไม่ชวนกินน้ำกินท่าหน่อยหรอ”

“ดึกแล้ว” มันไม่สนที่ผมพูดแถมยังเดินมองนั่นมองนี่รอบห้อง ไม่น่าพลาดให้ขึ้นห้องมาด้วยเลย

“ชอบวาดรูปหรอ” มันถามขณะหยิบภาพที่ผมวาดขึ้นมาดู มารยาทน่ะมารยาท!

“จะกลับได้รึยัง”

“ไล่จังเลยน้า กลับก็ได้”

มึงควรกลับไปตั้งแต่วางไอ้ไม้ลงเตียงแล้วเว้ย

“ลืมเลย” มันเกือบจะเดินพ้นประตูไปแล้วแต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้แล้วเดินกลับมาหาผมอีก

ลีลาจริงๆ

“กูอยู่ชั้น4 นะ ถ้าบอกไปเผื่อมึงลืมเลขห้องกูเดี๋ยวส่งให้ในไลน์ มีอะไรก็ไปเคาะห้องได้ตลอด”

For what!!!!

พูดเสร็จมันก็เดินออกจากห้องทันที

ไลน์~

ผมสะตั๊นอยู่สักพักก่อนเสียงไลน์จะดังขึ้น

หน้าจอปรากฏข้อความที่ทำให้ผมต้องอุทานว่า

แม่ง พูดจริงหรอวะ!

A_d: ห้อง 403 เปิดรอ24 ชั่วโมงนะ^^



กูถามจริง!!!


หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-11-2019 23:22:35
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 22-11-2019 07:19:49
Chapter 4
คนที่ไม่เคยรักใคร


12:30 น.

ตื๊ด~~~ ตื๊ด~~~

เสียงสั่นของวัตถุบางอย่างทำให้ผมต้องควานหาต้นตอของเสียงทั้งที่ตายังปิดอยู่ ก่อนจะพบว่าเป็นเสียงมือถือของตัวเองก็กดปิดแล้วนอนต่อทันที

แต่ดูเหมือนว่าการนอนของผมจะจบลงเพียงเท่านี้เมื่อเสียงของมือถือดังขึ้นอีก

ตื๊ด~~~

“ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงง่วงๆ ลงไปในปรายสาย

“ไอ้ลม!” ผมรีบเอามือถือออกห่างจากหูทันที

หูจะแตกอยู่แล้วเว้ย ใครวะ

แต่เมื่อลืมตามองเบอร์คนที่โทรมาแล้วอยากจะด่ามันสักที

“มีอะไร โทรมาทำไมแต่เช้า” คนจะหลับจะนอนยิ่งวันนี้ไม่มีเรียนอยู่ด้วย

“เช้าเชี้ยไร มึงแหกตาดูนาฬิกาดิ้”

12:35 น. เออ เที่ยงก็ได้วะ

“แล้วมีอะไร ปกติไม่เห็นโทรมา” ผมนี่กอดผ้าห่มพร้อมจะหลับต่อละ

“มึงแหกขี้ตามาดูเพื่อนมึงเดี๋ยวนี้เลยนะ” ทำไมน้ำเสียงไอ้จินดูจริงจังผิดปกติจังวะ

ไอ้จิน คือเพื่อนสนิทสมัยอนุบาลเลยก็ว่าได้เดินตามกันต้อยๆ ตั้งแต่เด็กจนพอสอบเข้ามหาลัยก็คิดได้ว่า ผมโคตรเบื่อหน้ามันเลยแยกกันเรียนคนละคณะเลยดีกว่า ล้อเล่นน่ะครับจริงๆ ผมกับมันอยากเรียนคนละคณะอยู่แล้ว

“ใครวะ” นอกจากมันผมก็ไม่สนิทกับใครแล้วนะยกเว้นไอ้ไม้

“ไอ้ไม้ไง อย่าพูดเหมือนมึงมีเพื่อนเยอะได้ปะ” อ้าวไอ้นี่

“แล้วมันไปทำอะไรล่ะ”

“ก็มันมาหาเรื่องคนในคณะกูเนี่ย จะต่อยกันปากแตกอยู่แล้ว”

“อะไรของมึง ก็ไอ้ไม้มันยังนอนอยู่...มันไปไหนวะ”

ผมมองเตียงไอ้ไม้ก็พบแต่ความว่างเปล่า บอกผมทีว่ามันคือคนที่เมาหัวทิ่มเมื่อคืนมันจะออกไปหาเรื่องชาวบ้านได้ยังไง

“ก็มันอยู่คณะกูไง มึงรีบมาห้ามมันเลยนะก่อนที่มันจะโดนรุมกระทืบตายซะก่อน”

จากง่วงๆ ผมถึงกับตาสว่างเลยครับตอนนี้ ผุดลุกขึ้นไปห้องน้ำอย่างไว

อย่าคิดว่าผมจะอาบน้ำแต่งตัวนะครับ แค่แปรงฟันก็พอแล้วตอนนี้

พออกมาจากห้องน้ำผมรีบคว้าชุดนักศึกษามาใส่ลวกๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋ากับตังค์กับมือถือออกจากห้องทันที

ตอนนี้ผมโคตรงงเลยว่า ไอ้ไม้มันไปหาเรื่องเขาทำไม อีกอย่างสภาพแบบนั้นมันจะสู้ใครเขาได้วะ


ผมใช้เวลาไม่นานก็พาตัวเองมาถึงหน้าตึกคณะวิศวะ คงไม่ต้องบอกนะครับว่าตอนนี้สภาพของผมเป็นแบบไหน…

“มันอยู่ไหน” หยิบมือถือขึ้นมาโทรออกหาไอ้จินทันที

“มึงเดินมาหลังตึกเลย เร็วๆ ” ได้ยินดังนั้นผมก็รีบเดินไปทันที

พอผมเดินมาถึงก็ต้องโล่งใจเพราะคนไม่เยอะ มีแค่ฝ่ายตรงข้าม4คน ไอ้จินกับกลุ่มเพื่อนของมัน ดีที่ไม่ทำอะไรโจ่งแจ้งไม่งั้นมึงดังกว่าเดิมแน่ไอ้ไม้

“มันไม่ฟังใครเลยว่ะ พวกกูพยายามห้ามแล้วนะกลัวมันโดนเขากระทืบ” ไอ้จินเดินตรงมาหาผมด้วยสีหน้ากังวล

“กูบอกว่าไม่รู้จักไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอวะ”

“มึงจะบอกว่าคนของกูโกหกงั้นหรอ”

“กูจะไปรู้กับคนของมึงหรอ”

ผมเดินไปใกล้ๆ เพื่อดูสถานการณ์ยังดีที่ยังไม่วางมวยกัน ไม่งั้นคงได้เก็บศพจริงๆ แน่ ดูแต่ละคนไม่น่าจะธรรมดากัน ถึงจะมีคนหนึ่งที่ดูจะตัวเองที่สุดในกลุ่ม แต่ยังมี…นั่นมัน

ไอ้เด็กวิศวะที่ชื่ออิฐนี่หว่า

มึงมีเรื่องกับคนที่แบกมึงขึ้นห้องเมื่อคืนเนี่ยนะไอ้ไม้

สุดๆ ไปเลยพวก

อิฐทำหน้าตาไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับว่าไอ้ไม้พูดอีกสักประโยคก็พร้อมจะบวกทันที

แล้วจะห้ามยังไงวะ แม่งจะต่อยกันอยู่แล้ว

“มึงจะไม่ยอมรับใช่ไหมไอ้ลูกหมา!”

“มึงว่าไงนะ!”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรพวกมันก็จะพุ้งใส่กันทันที ในหัวไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากวิ่งเข้าร่วมวงด้วย

โดยไม่ทันระวังผมกับไอ้ไม้ก็ล้มลงไม่เป็นท่า

ผมตั้งใจทำมันล้มต่างหากดีกว่ากินหมัดเป็นไหนๆ

“เหี้ยไรวะ!!”

" มึงเลิกบ้าแล้วตามกูมาเลย! " ผมลุกขึ้นทันทีก่อนจะคว้าแขนมันให้ลุกตาม

“ไอ้ลม ปล่อยกูจะไปเคลียร์กับมัน!”

ผมกระชากแขนมันอย่างแรงทำให้มันไม่มีแรงขัดขืนสักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะสภาพร่างกายตอนนี้

“ไอ้ลมปล่อยกู กูจะไปต่อยปากมัน!”

พอลากมันเดินตามมาได้สมควรผมก็ปล่อยมัน

“เลิกบ้าสักทีเถอะน่า” ผมผลักอกมันแรงๆ เพราะมันยังดึงดันที่จะกลับเข้าไป

ถ้ามันต่อยเขาคิดว่าเพื่อนเขาจะอยู่เฉยๆ รึไง โชคดีอาจจะแค่ยืนดูแต่ถ้าเขารุมขึ้นมามันเจ็บหนักแน่

“มันแย่งแฟนกูนะไอ้ลม”

“มึงตั้งสติก่อนไอ้ไม้ มึงทำแล้วมันได้อะไรนี่มันมหาลัยนะเว้ยมีเรื่องกันในนี้มีแต่เสียกับเสีย อีกอย่างมึงมาคนเดียวด้วยสภาพแบบนี้ มึงไม่โดนเขารุมกระทืบก็บุญแล้ว”

ดูท่าว่าตอนนี้ไม่พร้อมจะฟังอะไรทั้งนั้น เวลามันโกรธมันมักจะเป็นแบบนี้ตลอดและยิ่งเป็นเรื่องนี้มังคงไม่ยอมลงง่ายๆ

มันรักเขามากผมรู้ดี

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงมองดูพวกแม่งรักกันหรอ เหอะ กูทำไม่ได้หรอกนะ”

“กลับห้องกับกูแล้วไปตั้งสติเดี๋ยวนี้”

“กูไม่กลับ”

“ไอ้ไม้”

ขณะที่ผมกำลังจะคว้าแขนเพื่อจะพามันกลับไปกับผม มันก็พูดประโยคที่ทำให้ผมต้องชะงัก

“มึงไม่เคยรักใคร จะไปเข้าใจได้ไงวะ” ไอ้ไม้สะบัดแขนจากผมไม่ได้แรงนักแล้วเดินไปอีกทาง

ผมไม่ได้เดินตามเพราะอย่างน้อยทางที่มันเดินก็ไม่ใช่ทางที่ผมเพิ่งลากมันออกมา

และผมไม่ได้โกรธ แค่ไม่คิดว่ามันจะพูดแบบนี้





หลังจากที่ไอ้จินมาตามมาถามเรื่องไอ้ไม้กับผมมันก็จะขึ้นไปเรียนคาบบ่าย ผมจึงหลบมานั่งตรงที่นั่งหน้าคณะอย่างเซ็งๆ ทั้งนึกเป็นห่วงไอ้ไม้ไม่รู้ว่ามันจะไปที่ไหนอีก

ผมเข้าใจความรู้สึกไอ้ไม้ดี แต่มันจะดีขึ้นแค่ยังไม่ใช่วันนี้

แต่สภาพของผมตอนนี้นี่สิ ชายเสื้อออกนอกกางเกง แขนเสื้อถูกพับถึงข้อศอก ผมที่ไม่เป็นทรง

มันจะดูแบดหรือจะดูหมดสภาพมากกว่ากันวะเนี่ย

ก่อนจะรู้สึกว่าสภาพตัวเองดูไม่ได้ไปมากกว่านี้ท้องไส้ก็เริ่มร้องประท้วง ดีที่ยังหยิบกระเป๋าตังมาด้วย

“มานั่งทำอะไรตรงนี้” ผมเงยหน้ามองตามเสียงที่ดังอยู่เหนือหัว

อิฐ

“อะนี่ จะได้ใจเย็นๆ ” แก้วชาเย็นถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่มักจะส่งมาทุกครั้งเวลาเจอกัน

แต่ผมว่าคนที่ควรจะใจเย็นควรเป็นมันมากกว่าผมนะ

“อะไร”

“ชาเย็นไงไม่เคยกินหรอ เชยนะเนี่ย”

ไอ้เคยน่ะมันเคยเว้ย แต่เอามาให้ทำไม

“เอาไปเถอะ อุตส่าห์ซื้อมาให้เลยนะ” ใครขอวะ

มันยัดแก้วชาเย็นใส่มือผมอย่างเอาแต่ใจ จะไม่รับก็ยังไงอยู่แต่จะกินไหมก็อีกเรื่อง

“เรื่องเพื่อนมึงน่ะ” หลังที่มันกับผมต่างเงียบกันได้สักพัก มันก็พูดขึ้น

ผมหันไปมองว่ามันจะพูดอะไรต่อ

“กูไม่รู้เรื่องเลยนะ อยู่ๆ เพื่อนมึงก็มาหาว่ากูไปแย่งแฟนมัน”

ขนาดผมยังไม่รู้เรื่องเลยว่ามันฟื้นมาหาเรื่องคนอื่นได้ยังไง

เมื่อวานก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร แล้วมันไม่รู้เรื่องอะไรมาตอนไหน

“ไม่รู้ว่าจะเชื่อไหม แค่อยากบอกไว้”

“อืม” ผมดูดชาเย็นในมืออย่างเซ็งๆ

“อร่อยปะ” แววตามันเป็นประกายทันทีที่ผมยอมกิน จะอะไรวะของฟรีใครๆ ก็ชอบอยู่แล้วปะ

“ก็ไม่ได้แย่”

“วันหลังก็มากินได้ ร้านอยู่ตรงข้ามคณะ…”

“วันหลังคงไม่มาแล้วล่ะ”

มันมองผมแล้วทำหน้าหงอยๆ ไม่เข้ากับตัวโตๆ ของมันเลยสักนิดเหมือนกับไอ้ไม้ไม่มีผิด

“กินข้าวยัง ไปกินข้าวกันไหม”

“หะ!” มันเบิกตากว้างทันที ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ เห็นแล้วโคตรขำ

“ไม่ไปก็ไม่เป็นไร”

กว่าจะรอให้อึ้งเสร็จกระเพาะผมคงรอไม่ไหวแล้ว เลยเดินออกมาโดนที่มีอีกคนกึ่งวิ่งกึ่งตะโกนตามหลังมา

“รอด้วยดิ!”


...........


22:00 น.

ไอ้ไม้ยังไม่กลับห้อง โทรไปก็ไม่รับผมเลยเลิกพยายามไปตั้งแต่ช่วงเย็นถ้ามันโอเคคงจะกลับมาเองล่ะมั้ง

แต่ใจหนึ่งก็เป็นห่วงมันกลัวไปทำอะไรบ้าๆ เหมือนตอนบ่ายอีก

กึก!

ประตูถูกเปิดออกโดยคนที่ผมกำลังนึกถึง สภาพโดยรวมโอเคแสดงว่ามันไม่ได้ไปวอนตีนใครเขาอีก

“ลม” เสียงที่เรียกผมมันเบาหวิวเหมือนคนกำลังจะหมดแรงก่อนจะโผเข้ามากอดผม

“เขาทิ้งกูไปแล้วว่ะ เขาทิ้งกูไปแล้ว ฮึก”

ไอ้ไม้มันร้องไห้ออกมาแล้วกอดผมแน่น ผมจึงยกมือลูบหลังมันเบาๆ

“ไม่เป็นไรนะเว้ย มึงยังมีกูไง”

“เขาโกหกกูว่าคบกับไอ้วิศวะนั่น”

“จริงๆ แล้วเขาบอกว่าไม่ได้รักกูมาสักพักแล้ว เลยหาวิธีที่จะทำให้กูเลิกยุ่งกับเขา”

มันผละออกจากผมก่อนจะอธิบายทุกอย่างให้ผมฟังทั้งสะอื้นไปด้วย


สรุปแล้วมันเข้าใจผิดจนไปหาเรื่องเขา ส่วนแฟนมันก็มีคนใหม่โดยที่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใครเพราะกลัวไอ้ไม้จะไปหาเรื่อง ตอนแรกไอ้ไม้มันก็ไม่ยอมเลิกแต่ทางนั้นก็ยังยืนยันว่าจะเลิกท่าเดียวมันจึงตัดสินใจเดินออกมา

“ไอ้ไม้ มึงเป็นถึงเดือนคณะนะเว้ยอย่ามาทำตัวเหมือนไม่มีใครเอาแบบนี้สิวะ”

“ก็เขาไม่เอากูจริงๆ ” นั่น ดราม่าไปอีก

“เออน่า”

“เห้อออ” มันนอนแผ่ไปกับเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก แรกๆ ก็จะตายแบบนี้พอนานไปเดี๋ยวก็คิดได้เอง

“ลม”

“ว่า”

“ขอโทษนะ” มันว่าเสียงอ่อย

“เรื่องอะไร” ผมหันไปมองหน้ามัน

เมื่อตอนบ่ายยังจะต่อยกับเขาอยู่เลยตอนนี้มาทำเสียงเล็กเสียงน้อยซะงั้น

“ที่กูพูดไปแบบนั้น กูขอโทษ”

จริงๆ ผมไม่ได้โกรธมันเลยนะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ อีกทั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

แต่ผมว่ามันพูดผิดไปหน่อยนะ ใครจะไม่เคยมีความรักวะ

“สำนึกได้ก็ดี” แกล้งมันซักหน่อยครับข้อหาน่าหมั่นไส้

“มึงโกรธหรอที่รักกก” หลอนหูเลยทีนี้

“เปล่า แต่มึงพูดผิดไปหน่อยนะ”

“พูดผิด พูดผิดอะไรวะ” มันทำหน้างงๆ

“ที่บอกว่ากูไม่เคยรักใคร”

“หะ มึงมีความรักหรอ!” จะตกใจอะไรเบอร์นั้น

พอพูดความจริงก็ไม่เชื่อ

“ไปอาบน้ำไป แม่งเหม็นว่ะ”

“ตอบกูก่อนมึงมีความรักหรอ”

“เชี้ยไม้ ไปอาบน้ำอย่ามาใกล้กู!” ผมแทบจะถีบมันทันทีเมื่อมันทำท่าจะกระโดดเข้ามาหาผม

“ไปก็ได้แต่กลับมามึงต้องตอบกูนะ”

“เออๆ ”

เรื่องอะไรจะตอบวะ

ไลน์~

คงไม่ต้องดูก็รู้ว่าใครไลน์มามีคนเดียวที่ยังวนเวียนอยู่กับผมตอนนี้

A_d: นอนยัง

LM: ยัง มีอะไร

A_d: เปล่า...

พอเห็นว่าอีกคนไม่ได้มีธุระอะไรผมจึงทำเพียงแค่อ่านแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

สักพักก็มีข้อความเข้ามาอีก

A_d: ฝันดีนะ

LM: อืม ฝันดี











หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 22-11-2019 13:14:07
ใครบอกว่าลมไม่มีความรัก อิฐไลน์มาทักแล้วนี่ไง ลุ้นๆ รอตอนต่อไป
ต้นไม้เพื่อนรักอย่านอยด์ น้องเนมก็น่ารักดีนะ ลองหันไปมองดูก่อน อาจจะหายเฮิร์ทไวขึ้น
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 22-11-2019 13:25:05
หาหนุ่ม ๆ มาปลอบใจน้องไม้หน่อยค่ะคนแต่ง


 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-11-2019 14:17:29
ลม ฮอตเจงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
อิฐ  ลม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 22-11-2019 18:52:34
ค่อยๆขยับขั้นทีละนิด
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-11-2019 00:07:42
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 23-11-2019 07:24:49
Chapter 5
คนที่เธอไม่เคยมอง



“กูกลับบ้านแล้วนะ วันจันทร์เจอกัน”

“กลับดีๆ ”

เมื่อผมกับไอ้ไม้เก็บอุปกรณ์ลงแปลงเสร็จมันก็แยกตัวออกไปทันที

ผมโบกมือให้ไอ้ไม้ ก่อนจะเช็คความเรียบร้อยของอุปกรณ์แล้วมานั่งตรงที่พักใกล้ๆ แปลง

วันนี้เป็นการกลับบ้านในรอบหลายเดือนของไอ้ไม้เลยก็ว่าได้ ที่จริงมันบอกว่าจะกลับไปพักใจสักหน่อยเผื่อจะหายเฮิร์ทได้บ้าง

ผมว่าก็ดีนะบ้านคือที่พักพิงที่ดีที่สุดและสบายใจที่สุดด้วย

ส่วนบ้านผมอยู่ต่างจัดหวัดนานๆ ทีค่อยจะได้กลับเหมือนกัน แต่ไอ้ไม้นี่สิบ้านมันไม่ไกลแต่มันไม่ค่อยอยากจะกลับเท่าไหร่

มองดูวิวด้านหน้าสักพักผมก็หยิบสมุดวาดรูปกับดินสอขึ้นมา

ปกติตอนเย็นที่แปลงจะสวยมากโดยเฉพราะตอนพระอาทิตย์ตกวันนี้ก็เช่นกัน ผมเริ่มร่างภาพที่เห็นตรงหน้าก่อนจะเริ่มลงรายละเอียดให้เป็นรูปเป็นร่าง

สุดสัปดาห์ผมมักจะหอบอุปกรณ์วาดภาพมาด้วย มีหลายคนถามว่าทำไมผมถึงไม่เรียนสายนี้เพราะผมดูชอบมันมาก เอาจริงๆ บางทีคนเราก็ไม่ได้อยากเรียนในสิ่งที่ชอบนี่ครับ ผมคิดแบบนั้นนะ ที่เลือกเรียนเกษตรเพราะผมอยู่กับอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กบ้านก็มีไร่รอบตัวผมมีแต่อะไรพวกนี้ จึงตัดสินใจเรียน แล้วก็ภาคปฏิบัติมันไม่ได้ยากสักเท่าไหร่ถ้าเทียบกับพวกทฤษฎี

“โห วาดสวยนะเนี่ย”

“เชี้ย!!!” ผมตกใจเมื่ออยู่ๆ ก็มีเสียงใครไม่รู้ดังข้างๆ หู

พอหันไปมองก็เห็นต้นเหตุของเสียงยืนหัวเราะชอบใจอยู่ข้างหลัง

“ตกใจหรอ ขอโทษๆ ” ดูมันครับ ปากบอกขอโทษแต่ยังหัวเราะไม่เลิก

“มาทำไม”

“555 อย่าเพิ่งหงุดหงิดน่า อะนี่” แก้วชาเย็นร้านเดิมถูกยื่นมาตรงหน้าผม

เป็นอะไรกับชาเย็นวะ

“ยังกินได้แน่หรอ” ผมมองน้ำแข็งแทบจะละลายหมดแล้ว

" โทษที ไม่คิดว่ามันจะละลายเร็วขนาดนี้วันหลังเดี๋ยวแยกน้ำแข็งดีกว่า”

“ทำไมต้องชาเย็น”

“หือ...เพราะกูชอบไง” ก็เลยซื้อมาให้เนี่ยนะ

“ทีหลังไม่ต้องซื้อ” ผมว่าพลางวางแก้วชาเย็นไว้ข้างตัวก่อนจะเก็บสมุดวาดรูป

“ทำไม”

“เกรงใจ” ผมตอบไปตามความจริง อีกอย่างผมกับมันก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น

“เกรงใจทำไม คนกันเองน่า” กันเองขนาดนั้นเลยหรอ

ผมมองใบหน้าที่เหมือนจะไม่ค่อยพอใจของมันอย่างนึกขำ พลางคิดว่ามันเหมือนกับไอ้ไม้ไม่มีผิด

“เราเป็นเพื่อนกันหรอ” มันพยักหน้า

“ใช่ดิ เราควรผูกมิตรกันไว้จนกว่าจะเรียนจบเทอมนี้นะ”

“อืม”

“อืมนี่คือ?”

“เป็นเพื่อนกันไง”

ตอนนี้มันเหมือนเด็กอนุบาลที่ซื้อของมาขอเป็นเพื่อนกับคนอื่นยังไงยังงั้น เท่าที่ดูเหมือนคนอย่างมันจะไม่น่ามีเพื่อนน้อยจนต้องมาตามตื๊อผมแบบนี้นะ

“พระอาทิตย์ตกดินโคตรสวย”

ผมมองตามก็พบว่าสีของท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว

คนข้างๆ ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปตรงหน้า ก่อนจะเลื่อนกล้องมาทางผม

“ถ่ายทำไม” มันยิ้มกว้างก่อนจะพูดว่า

“ถ่ายเพื่อนใหม่ไง”

เห่อขนาดหรอวะ

“จะวาดรูปต่อปะ” หมดอารมณ์ตั้งนานแล้วเว้ย

“ไม่เดี๋ยวจะกลับแล้ว”

“กลับด้วย” ผมมองรอยยิ้มซื่อๆ ของมันอย่างอ่อนใจ นี่มันก๊อปปี้ไอ้ไม้มารึเปล่าวะเนี่ย

“กลับจักรยานนะ”

“กลับด้วย เดี๋ยวกูปั่นให้” นี่กูได้เพื่อนหรือได้ลูกวะ

“ตามใจ” ผมเก็บอุปกรณ์ใส่กระเป๋าทันที


“ไหวแน่หรอ” ผมมองจักรยานสลับหน้าคนที่จะปั่น

“ไหวดิ” หมายถึงจักรยานน่ะจะไหวหรอ ตัวแต่ละคนก็ไม่ใช่เล็กๆ

“ขึ้นมาเร็วจะพาไปกินข้าว”

“ด้วยจักรยาน?”

“ใช่ไง ตอนเย็นๆ ปั่นจักรยานบรรยากาศดีจะตาย” หน้าตาดูมีความสุขมากจริงๆ มึงไม่เคยปั่นจักรยานรึไง

“ปกติอารมณ์ดีแบบนี้ตลอดหรอ”

“เปล่า แค่วันนี้มีความสุข” รอยยิ้มถูกส่งมาให้ผมอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่ดูว่ามีความสุขจริงๆ

“ไปกันเถอะ” ผมนั่งซ้อนท้ายก่อนจะบอกให้อีกคนปั่นออกไป

“นี่..”

“หือ”

“เริ่มสนิทกันบ้างแล้วเนาะ”

“อืม”

มีเพื่อนเพิ่มอีกก็ไม่ได้แย่

ถึงจะเหมือนมีไอ้ไม้อีกเวอร์ชั่นหนึ่งก็เถอะ



.............................



ก๊อก ก๊อก ก๊อก

07:10 น.

ใครมันมาเคาะประตูแต่เช้าเนี่ย ไม่รู้หรือไงว่าวันนี้วันหยุดคนจะหลับจะนอนโว้ยยย!

ก๊อก! ก๊อก!

นั่น เคาะแรงกว่าเดิมอีก แน่จริงมึงเคาะให้มือหักไปเลยดิ

ผมพยายามลุกออกจากที่นอนอย่างฝืนใจสุดๆ ถ้ามาแล้วไม่มีธุระสำคัญนะมึงแม่งจะด่าให้หูดับเลย

“อรุณสวัสดิ์”

พอเปิดประตูผมก็แทบจะปิดในทันที แต่อีกคนมือไวกว่าคว้าขอบประตูไว้ได้ชะก่อน

ย้อนกลับไปเมื่อวานได้ไหม ผมจะไม่รับมันเป็นเพื่อนแม่ง ไอ้อิฐ!

“ขอเข้าไปหน่อยน่า” ไม่ทันที่จะรอให้ได้ผมอนุญาต มันก็เบี่ยงตัวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

เอาเข้าไป อยากทำอะไรก็ทำเลย นี่ห้องกูตามสบายเลยมึง

ผมเดินกลับไปที่นอนแล้วล้มตัวลงนอนอย่างไม่นึกห่วงว่าคนที่เข้ามาจะทำอะไรกับห้องผมบ้างแต่ที่แน่ๆ มันคงไม่มีทางขโมยของหรอกดูจากหน้าตาแล้วไม่น่าจะขัดสนอะไร

“ไม่มีของสดไว้ทำอาหารเลยหรอ”

ตอนนี้ผมง่วงมาก ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นแล้วครับ

“ลม ตื่น” ผ้าห่มของผมถูกดึงออกพร้อมกับเสียงที่ดังอยู่ใกล้ๆ

“ไอ้อิฐ” ผมลุกขึ้นนั่งแล้วจ้องหน้ามันอย่างเอาเรื่อง

“ว่าไงครับ” เอ้ายิ้ม ยิ้มเข้าไป

“มึงเข้าใจไหมว่าวันนี้เป็นวันหยุด แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามมึงมาห้องคนอื่นทำไมแต่เช้า”

ผมยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิมเมื่อมันยังมองหน้าผมแล้วเอาแต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น

“ทีตอนเจอกันครั้งแรกยังพูดเพราะกว่านี้เลย แถมยังพูดน้อยด้วย”

งั้นย้อนกลับไปตอนวันแรกได้ไหมล่ะ จะได้ไม่มีคนมากวนเวลานอนแบบนี้

“วันนี้จะไปซื้อของอะ กูไม่ได้บอกมึงหรอ” มึงนอนฝันมาหรอเมื่อคืน

“ไม่ได้บอก”

“สงสัยจะลืมมั้ง งั้นมึงรู้แล้วก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวดิ”

ใคร จะ ไป กับ มึง

“มึงละเมอหรอ”

“ตื่นเต็มตาเลย”

“ออกไปเลยกูจะนอน” มันหุบยิ้มแล้วทำหน้านิ่งๆ เมื่อผมพูดแบบนั้น

“โอเค ไปก็ได้” แล้วมันก็เดินออกไปเลยครับ เห็นแบบนั้นผมจึงพูดตามหลังมันว่า...

“ปิดประตูให้ด้วย”

ใครจะสนล่ะครับว่ามันจะโกรธรึเปล่า เพราะตอนนี้ผมง่วง!



09:30 น.

ผมลืมตาขึ้นก่อนจะลุกแล้วบิดขี้เกียจไปมา ความผิดปกติแรกที่ผมรู้สึกก็คือกลิ่นอาหารมาจากไหน ไม่ใช่อะไรนะผมกำลังหิวพอดี

เมื่อผมเดินออกมาจากห้องภาพตรงหน้าก็คือคนที่เข้ามาก่อกวนผมเมื่อเช้าซึ่งตอนนี้กำลังนั่งเล่นเกมอยู่ ตรงหน้ามีโต๊ะญี่ปุ่นที่มีอาหารจัดเตรียมไว้

มันไม่กลับแถมยังซื้อกับข้าวมาไว้ด้วย

รู้สึกผิดขึ้นมาเลยแฮะที่ไล่มันเมื่อเช้า

“ทำไมยังไม่กลับ”

“ตื่นแล้วหรอ” มันไม่ได้หันมามองผมแต่กำลังเล่นเกมอย่างเมามันส์

“ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วมากินข้าว”

นอกจากจะเอาแต่ใจแล้วยังชอบสั่งคนอื่นอีก แต่เกือบจะทุกครั้งที่ผมก็บ้าจี้ไปกับมันด้วย

พออาบน้ำเสร็จผมก็แต่งตัวด้วยชุดไปรเวท แต่พอมองไอ้คนที่นั่งเล่นเกมอยู่นั้นช่างต่างกันชะเหลือเกิน มันที่เซทผมมาอย่างดีกับเสื้อแจ็คเก็ตด้านนอกต่างจากผมที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์

“นี่ซื้อมาให้กูหรอ” มันพยักหน้า แต่ยังคงก้มหน้าเล่นเกมต่อไป

“ไม่ได้ให้กินฟรีนะ” คราวนี้มันเลิกเล่นแล้วเท้าคางมองผมยิ้มๆ

“เท่าไหร่”

“ไม่ขายครับ” กวนตีนอีก ผมเลิกสนใจมันแล้วตัดข้าวตรงหน้าเข้าปากแทน

“ไปซื้อของเป็นเพื่อนกูก็พอ” หึ มัดมือชกสุดๆ แล้วผมจะปฏิเสธอะไรได้ล่ะก็กินข้าวมันไปแล้วนี่



“สรุปจะมาซื้ออะไร” ผมถามออกไปหลังจากที่มันพาผมเดินไปนั่นไปนี่แต่ไม่ซื้ออะไรสักอย่าง

“เอ่อ ซื้อ… หนังสือ!” เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้คิดว่าจะมาซื้ออะไร หลอกผมมาชัดๆ

“มึงไม่ได้จะมาซื้ออะไรใช่ไหม” ผมถามมันขณะที่มันทำเป็นดูหนังสือ

“จับได้แล้วหรอ” ไม่มีพิรุธเลยมั้ง

“ก็วันหยุดทั้งที เลยอยากพาเพื่อนใหม่ออกมาเปิดหูเปิดตาไง” วันหยุดควรนอนอยู่ห้องต่างหากล่ะ

“ทำไมทำเหมือนไม่เคยมีเพื่อนอะ”

“เคยมี แต่ครั้งนี้พิเศษกว่าไง” ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้ามันไม่ส่งสายตาแปลกๆ มาด้วยตอนพูดประโยคเมื่อกี้ออกมา

ให้ตายสิ ผมไม่ได้รู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของมันใช่ไหม

“เลี้ยงข้าวกูด้วย”

“เดี๋ยวนี้พัฒนาหรอ มีบอกให้เลี้ยงข้าวด้วย” ผมโคตรเกลียดหน้าตาล้อเลียนของมันตอนนี้เลยว่ะ

" ไม่ได้หรอ " พอผมพูดแบบนั้นมันก็นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมา

“อยากกินอะไรบอกมาเลย” จะผลาญให้หมดตัวจนไม่กล้าพูดคำนี้อีกเลยคอยดู

“แต่ก่อนจะไปหาไรกินพาไปตัดผมหน่อย”

“ไม่ดูหนังสือแล้ว?”

“กูไม่ได้อยากดูตั้งแต่แรกแล้วนี่” พูดเสร็จมันก็ลากผมออกจากร้านหนังสือทันที

“มึงว่ากูทำผมทรงไหนแล้วหล่ออะ” มันหันมาถามผมรอบที่3 ก่อนจะเปิดทรงผมในเน็ตดู มากับมันวันนี้ผมได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันหลายอย่าง ทั้งเอาแต่ใจ ทั้งชอบบังคับ ทั้งที่ภายนอกมันดูสุขุมกว่านิสัยที่มันแสดงออกแท้ๆ

ผมนั่งมองมันอย่างเซ็งๆ เรื่องมากว่ะ ทำทรงไหนก็ทำเถอะ

“เลือกสักทรงดิ” ผมเริ่มรำคาญจริงๆ แล้วนะ

“เอาทรงนี้ครับ” มันหันไปบอกช่างตัดผมแล้วเดินไปนั่งประจำที่ทันที

ลีลาเก่ง

“ลมยืมมือถือหน่อย”

“เอาไปทำไม”

“เร็วๆ แปปเดียว ช่างจะตัดผมแล้วเนี่ย” เอาแต่ใจว่ะ แม่ง

ผมส่งมือถือไปให้มันอย่างตัดความรำคาญ ถ้าไม่ยอมมันก็จะดึงดันอยู่นั่น

“อะ ตัดผมเสร็จเดี๋ยวไปรับแอด”

รับแอดอะไรของมัน

ผมเข้าใจทันทีที่หน้าจอมือถือปรากฏหน้าไทม์ไลน์ของคนที่เพิ่งยืมมือถือผมไปเมื่อกี้

เอามือถือคนอื่นไปแอดเฟสตัวเองก็ได้ด้วย บอกผมดีๆ ก็ได้ไหมถามจริง

สักพักไอ้อิฐก็เดินมาหาผมพร้อมกับผมทรงใหม่ นั่งเลือกตั้งนานสุดท้ายก็ตัดทรงอันเดอร์คัตอยู่ดีแต่พอมันตัดจริงๆ ก็ดูแบดขึ้นหลายเท่า

“หันมาหน่อย”

ผมเงยหน้าพอดีกับที่มันกดถ่ายรูป เหวอแดกเลย หมายถึงหน้าผมที่ไปโผล่ในกล้องนะ ทำไรไม่บอกกันกันเลยแม่ง

" เดี๋ยวกูแท็กในเฟสนะ " แล้วแต่ใจเลยครับ

“กลับยัง”

“โอเค เสร็จละ” ไม่ฟังกูอีก

ตึง~

Aid indy ได้แท็กคุณในโพส " สวัสดีเพื่อนใหม่~ "

แคปชั่นพร้อมกับภาพที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อกี้ ก่อนจะลงช่วยเช็คหน้ากูด้วยโว้ย

แต่พอโพสไม่กี่นาทีคนก็มาคอมเม้นท์



Camp: มันยังไงครับบ ไปเป็นเพื่อนกันตอนไหนล่ะนั่น

Sin: ไอ้อิฐมึงไปอยู่กับเขาได้ไง!!!!!!

Mind: กรี๊ดพี่ลมมม

Ann: เรือมาปะเธอออ #อิฐลม

Viw: เขาไปอยู่ด้วยกันได้ไงอะ เรืออิฐลมต้องมาแล้วปะ

Fha: พี่อิฐตัดผมใหม่โคตรเท่><



และอีกหลายคอมเม้นท์ที่กำลังตามมา

ผมเลิกดูแล้วเก็บมือถือทันที เพราะไม่คิดจะใส่ใจอะไรอยู่แล้วแค่อย่ามีเรื่องวุ่นวายตามมาก็พอ

“ไปหาไรกินกัน”

แขนหนักๆ ยกขึ้นมากอดคอผมทันที

อีกอย่างหนึ่งที่ผมรู้จากคนข้างๆ คือ เนียนเก่งชิบหาย!




หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-11-2019 18:57:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-11-2019 20:27:31
เนียนเป็นแฟนด้วยแน่ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 24-11-2019 09:39:57
Chapter 6
คนที่เธอเป็นห่วง


ผมไม่คิดว่าวันหนึ่งผมจะมายืนอยู่หน้าห้องที่ไม่เคยคิดอยากจะมาสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อคิดว่าเจ้าของห้องเป็นใครก็แทบจะถอนหายใจในทันที

ย้อนกลับไปเมื่อตอนเช้า


‘เอ่อ..ลมเราฝากชีทไปให้อิฐหน่อยได้ไหม’ เสียงใสๆ ของคนตรงหน้าดังขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ

‘ทำไมถึงมาฝากเราล่ะ’

‘พอดีอิฐไม่มาน่ะ เรา...เห็นว่าลมสนิทกับอิฐก็เลยเอามาให้’ เธอยื่นชีทที่ว่าให้ผม

‘อืม เดี๋ยวเราเอาไปให้มันเอง’ ผมรับชีทจากเธอก่อนเธอจะยิ้มอย่างโล่งใจ

‘ฝากด้วยนะ อาทิตย์หน้ายิ่งมีควิซด้วย’

‘แล้ว…ทำไมอิฐไม่มาล่ะ’ ผมถามคนตรงหน้า

‘เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะ อิฐไม่ได้บอกใครเลยอีกอย่างไม่มีใครสนิทกับอิฐเท่าไหร่น่ะ’

‘เราฝากด้วยนะ ขอตัวก่อน’ เธอยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป


นั่นแหละครับเหตุผลที่ทำให้ผมมายืนอยู่หน้าห้องไอ้อิฐตอนนี้ แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมติดต่อมันไม่ได้เลยต่างหาก ไลน์ก็ไม่ตอบทั้งที่ปกติมันตอบเร็วยิ่งกว่าอะไร

ก๊อก ก๊อก

มีแต่ความเงียบตอบกลับมาหลังจากที่ผมเคาะประตู

ก๊อก ก๊อก

รอสักพักก็ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือว่าจะไม่อยู่วะคงไปทำธุระละมั้ง

ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับประตูก็เปิดออก พร้อมกับคนที่ผมเพิ่งจะบอกว่าติดต่อมันไม่ได้

สภาพผมเพ้าไม่เป็นทรงกับการแต่งตัวที่บ่งบอกว่าไม่ได้ออกไปไหนมีแค่เสื้อกีฬากับกางเกงกีฬาแถมหน้าตาของมันก็ดูซีดๆ

“เป็นอะไร”

“ปวดหัว”

ผมเดินเข้าไปหามันก่อนจะเอามือแตะหน้าผากมันก็พบว่าสาเหตุที่ทำให้มันอยู่ในสภาพแบบนี้คืออะไร ตัวมันโคตรร้อนเลย

“เข้าไปในห้องก่อน” มันทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียง

“ได้กินข้าวกินยาบ้างรึเปล่า” อย่าบอกนะว่าอยู่ในสภาพนี้ตั้งแต่เมื่อเช้า

“กิน” เสียงก็แทบจะไม่มี ป่วยทำไมไม่บอกใครเลยวะ

เมื่อเห็นมันเหมือนจะหลับผมจึงเดินไปหาชามเล็กๆ ก่อนจะใส่น้ำมาแล้วหาผ้าสะอาดมาชุบน้ำเพื่อจะเช็ดตัวให้คนที่นอนอยู่บนเตียง

“อิฐกูเช็ดตัวให้นะ” ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคนที่นอนอยู่ แต่กลับเป็นเสียงลมหายใจสม่ำเสมอแทน

มันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผมเช็ดหน้าให้ก่อนจะนิ่งไป ผมจึงเช็ดตัวให้มันจนเสร็จก่อนจะเอาผ้าวางไว้ที่หน้าผากเผื่อจะคลายความร้อนจากตัวมันได้บ้าง พลางคิดว่าผมควรออกไปซื้ออะไรมาไว้ให้มันกินสักหน่อย





“เดี๋ยวกูไปหาไอ้อิฐนะ” ผมบอกไอ้ไม้ที่ตอนนี้มันนอนเล่นเกมอย่างสบายอารมณ์อยู่เตียงของมัน

“เพื่อนรักมึงอะหรอ” ประชดอีกละ

ตั้งแต่ที่มันรู้ว่าผมรู้จักกับไอ้อิฐ มันก็เอาแต่บ่นว่าผมลืมมัน ไม่สนในมันอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งตอนนั้นผมก็บังคับมันไปขอโทษไอ้อิฐเรื่องที่มันไปหาเรื่องเขาด้วยมันเลยงอนอยู่แบบนั้น แต่ผมก็รู้แหละว่ามันไม่ได้จริงจังอะไร

“มันไม่สบาย” ผมว่าพลางหยิบงานที่ต้องทำไปด้วย งานก็ต้องทำคนป่วยก็ต้องดูจะไม่ไปดูมันก็ยังไงอยู่เพราะผมเป็นคนไปเห็นมันอยู่ในสภาพแบบนั้น อีกอย่างตอนนี้มันก็เป็นเพื่อนผมคนหนึ่ง

“โอ้ยยลม กูไม่สบายจะตายแล้วเนี่ยยยย”

“กวนตีนละ”

“เอ้า ก็มึงจะได้ดูแลกูบ้างไง” กูไม่ได้มีหน้าที่ดูแลคนอื่นนะเว้ย

“กูจะปล่อยให้มึงนอนตายอยู่อย่างนั้นแหละ”

“ใช่ชี้ กูไม่ใช่เพื่อนอิฐมึงนี่” ป่วยการจะเถียงกับมันแล้วครับ

“ไปละ”

“แล้วจะกลับห้องปะ” คราวนี้มันถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“กลับ แต่จะดูอาการมันก่อน”

“อย่าเพิ่งให้มันตายล่ะ เดี๋ยวคนแถวนี้จะเหงา อิอิ” อิอิเชี้ยไรล่ะ

ขอโทษที่เมื่อกี้บอกว่ามันจริงจังนะครับ ไม่น่าไปหวังอะไรจากมันเลย

ผมส่ายหน้าอย่างเอือมๆ แล้วหอบงานเตรียมออกจากห้องพลางหยิบอาหารกับยาที่เพิ่งซื้อมาไปด้วย

ไม่รู้ว่าป่านนี้มันจะโอเคขึ้นรึยัง

พอเข้ามาในห้องผมก็วางของแล้วตรงไปยังเตียงของไอ้อิฐ ใช้หลังมือแตะหน้าผากมันเบาๆ อย่างน้อยก็โอเคกว่าตอนแรกๆ ถ้ามันตื่นขึ้นมากินข้าวกินยาได้ก็คงจะไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่

อีกอย่างตอนนี้ก็เพิ่งทุ่มกว่าๆ ปล่อยมันนอนพักอีกสักหน่อยก็แล้วกัน

ก่อนที่ผมจะทำงานผมก็สังเกตเห็นสภาพห้องซึ่งตอนเข้ามาแรกๆ ก็ไม่ทันได้สนใจ เห็นแบบนี้แล้วคงต้องทำความสะอาดห้องให้มันสักหน่อยแล้วล่ะมั้ง โคตรรกเลยเข้าใจนะว่าอยู่คนเดียวแต่มันไม่จำเป็นต้องรกขนาดนี้ปะวะ

ผมเริ่มจากการจัดข้าวของที่วางระเกะระกะให้เข้าที่ก่อนจะหาไม้กวาดมากวาดห้องจากนั้นก็ไปล้างจาน ดีนะที่จานดูเหมือนเพิ่งใช้งานไปไม่ใช่แช่ไว้เป็นอาทิตย์

ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เพราะส่วนมากในห้องผมผมก็เป็นคนทำหน้าที่นี้ส่วนไอ้ไม้มันเป็นตัวขี้เกียจที่ไม่ว่าผมจะบ่นมันยังไงมันก็ไม่สนใจ

พอห้องสะอาดเรียบร้อยดีแล้วผมจึงหาโต๊ะญี่ปุ่นมากางก่อนจะลงมือทำงานตัวเองขณะรออีกคนตื่น



22:30 น.

“ลม...” เสียงติดจะแหบนิดๆ ของไอ้อิฐที่เรียกผมทำให้ผมแทบจะลุกขึ้นทันที แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมันมายืนอยู่ใกล้ๆ

“ดีขึ้นแล้วหรอ” มันพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างๆ ผม

“เดี๋ยวกูไปอุ่นข้าวต้มให้” ผมลุกขึ้นไปจัดการเอาข้าวต้มใส่ไมโครเวฟ หันมาก็เจอไอ้อิฐที่กำลังนั่งมองผมตาแป๋วอยู่ ท่าทางมันตอนนี้เหมือนลูกหมาไม่มีผิด น่ารักว่ะ

ผมชะงักกับความคิดของตัวเองทันที

น่ารักกับไอ้อิฐเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว

ผมส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดบ้าๆ นั้นออกทันที



ติ๊ง~

จังหวะเดียวกับเสียงของไมโมเวฟดังขึ้น ผมยกข้าวต้มไปให้ไอ้อิฐ

“กินให้หมดนะ”

“มึงซื้อมาหรอ”

“อืม กินให้หมดด้วย” มันทำท่าเหมือนไม่อยากกินแต่ก็ยอมตักเข้าปาก ผมนั่งมองมันอยู่อย่างนั้นไม่ใช่อะไรนะครับแค่กดดันให้มันกินข้าวหมดแค่นั้นเอง…

“อิ่มแล้ว” ผมมองข้าวที่เหลือในถ้วย อย่างน้อยก็กินได้ถึงครึ่งล่ะวะ

ผมลุกเอาถ้วยไปเก็บก่อนจะล้างให้เรียบร้อยกลับมาไอ้อิฐก็ยังนั่งหน้าหงอยอยู่ที่เดิม พอป่วยแล้วก็สงบปากสงบคำขึ้นเยอะ สบายหูจริงๆ

“กินยาด้วย”

“มึงซื้อมาหรอ” มันมองถุงยาสลับกับมองหน้าผม

เขาคงให้มาฟรีมั้ง

“กิน เดี๋ยวอีกหน่อยกูจะกลับแล้ว” มันกินยาตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย

“ไม่อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยหรอ เผื่อกูไข้ขึ้นกลางดึกไง”

“กูเฝ้ามึงมาหลายชั่วโมงแล้ว กูจะกลับไปนอน”

“ก็เฝ้าอีกสักหลายๆ ชั่วโมง...ไง” มันเริ่มเบาเสียงลงเมื่อผมทำหน้านิ่งๆ พูดได้ขนาดนี้คงจะไม่ต้องห่วงละ

“โอเคๆ กลับก็กลับแต่อยู่เป็นเพื่อนสักพักนะกูเพิ่งตื่นมันนอนต่อไม่ได้” มันทำหน้าอ้อนๆ หมายถึงอ้อนตีนน่ะครับ

“อืม ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป”

“ไม่เป็นไร ไม่หนาวแล้ว” ตามใจ ไข้ขึ้นอีกผมกลับนะบอกเลย

“แล้วทำไมมาหากูอะ” มันมองผมยิ้มๆ

“เอาชีทมาให้ เพื่อนมึงฝากมา” ว่าแล้วผมก็หาชีทแล้วยื่นให้มัน

“เพื่อนไหน” มันรับชีทไปแล้วทำหน้างงทันที

“ไม่รู้แต่เป็นผู้หญิง”

“ช่างเถอะ ว่าแต่ทำไรอะ” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องถอยออก

“งาน” พอดีขึ้นก็เริ่มวอแวอีกแล้ว

“แล้วพรุ่งนี้มีเรียนไหม”

พอเห็นมันเงียบไปสักพักผมเลยถามขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองซึ่งมันก็มองผมอยู่ก่อนแล้ว

“มีตอนเช้า มีควิซด้วย”

“อ่านหนังสือรึยัง” ให้เดาว่าสภาพแบบนี้คงอ่านอะไรไม่ได้

“ระดับนี้แล้วไม่ต้องอ่านก็ได้ท๊อป” หมั่นหน้าจริงๆ

“กูกลับก่อนดีกว่า” พูดเจื้อยแจ้วได้ขนาดนี้คงไม่ตายแล้วล่ะ ผมจึงเก็บงานแล้วเตรียมกลับห้อง

“กลับเร็วจัง กูยังไม่ดีขึ้นเลย” ไม่ดีขึ้นเลยมั้งกวนได้ขนาดนี้

“พรุ่งนี้มีเรียน ง่วงแล้ว”

“เดี๋ยวเดินไปส่ง” มันทำท่าจะลุกแต่ผมห้ามไว้

“ไม่เป็นไรแค่นี้เอง”

“เอาน่าแค่หน้าประตูเอง” ไม่ฟังอีกละ

“ตามใจ”

“พรุ่งนี้เรียนกี่โมง”

“9โมง”

“เจอกันพรุ่งนี้นะ แล้วก็…ขอบคุณที่ดูแลกู”

รอยยิ้มถูกส่งมาจากคนที่ยืนพิงประตูแล้วมองมาทางผม มันเป็นรอยยิ้มดูอบอุ่นและสื่อความหมายจนทำให้ที่คนมองอย่างผมก็เผลอใจเต้นแรงไปแวบหนึ่งเหมือนกัน

โอเคลม มึงควรตั้งสติแล้วกลับห้อง!





......................



เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ!

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ที่แน่ๆ มันต้องไม่ใช่เพราะไอ้เจ้าของรอยยิ้มบ้าๆ เมื่อคืนนี้สิ

“ตื่นทำไมแต่เช้าเนี่ย เรียน9โมงไม่ใช่หรอ” เห็นมันว่าผมอย่างนี้มันก็ตื่นตามผมอยู่ดี

“กูนอนไม่หลับ”

“ทำไมอะ เป็นห่วงไอ้อิฐหรอ” มึงจะเอ่ยชื่อมันทำไมวะ

“เดี๋ยวกูออกไปละ”

“ไอ้ลมมนี่เพิ่ง8โมง ที่เรียนก็อยู่แค่นี้เอง”

“กูจะไปปั่นจักรยาน”

“จะมารักโลกอะไรตอนนี้” เรื่องของกูโว้ย

ผมคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนเสียงไอ้ไม้ที่ตะโกนตามหลัง

ตอนเช้าบรรยากาศค่อนข้างดีเหมาะกับการปั่นจักรยานมาก ที่บอกไอ้ไม้ว่าจะไปปั่นจักรยานนั่นเรื่องจริงนะผมว่ามันได้บรรยากาศดีออก

ผมไขกุญแจที่ล็อคล้อออกก่อนจะก้าวขาคร่อมจักรยานแต่ยังไม่ทันจะได้ปั่นไปไหนก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ดังจากด้านข้างโรงรถ

ผมจึงปั่นจักรยานไปใกล้ๆ จุดที่เสียงดังออกมา

“เมื่อวานไม่ได้มาหาเลย ไม่สบายว่ะแต่รู้ปะมีคนใจดีไปดูแลกูด้วยนะเจ้าดำ”

ผมมองภาพผู้ชายที่กำลังลูบหัวลูกหมาตัวสีดำอย่างเอ็นดู ทั้งอีกมือหนึ่งก็ถือไม้หมูปิ้งเอาไว้

และผู้ชายที่กำลังป้อนหมูปิ้งลูกหมาอยู่ตรงหน้าผมคือ ไอ้อิฐ…

หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ

“เขาโคตรน่ารักเลย ถึงจะชอบทำหน้านิ่งๆ ก็เถอะ”

เอาอีกแล้วความรู้สึกแปลกๆ มาอีกแล้ว

“น่ารักเนาะ”

นอกจากมุมไร้สาระมันก็มีมุมแบบนี้ด้วยแฮะ

“อะแฮ่ม!”

ขณะที่ผมมองไอ้อิฐอยู่เสียงใครก็ไม่รู้ดังขึ้นจึงทำให้คนที่กำลังคุยกับหมาอย่างเป็นจริงเป็นจังหันมาทางผมโดนที่ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำหน้าแบบไหน

เลิ่กลั่กเลยกู

แม่งมันต้องจับได้แน่เลยว่าผมแอบมอง

“มิน่าถึงอยากออกมาปั่นจักรยาน” เสียงคุ้นๆ ดังข้างหูผม พอหันไปมองแล้วรู้ว่าเป็นใครเท่านั้นแหละ

มึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรกูรึไงไอ้ไม้!

ว่าแต่ทำไมมันแต่งตัวไวจังวะเนี่ย

“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”

“มะ… มาเมื่อกี้” เนียนมากไอ้ลม เนียนจนเขาจะจับได้เนี่ย

“พอดีเลยว่าจะขึ้นไปหา อะนี่ซื้อมาฝากยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม” ไอ้อิฐยื่นถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งมาให้ผมก่อนจะยิ้มกว้างให้เหมือนอย่างเคย

คงไม่ใช่หมูปิ้งของลูกหมาใช่ไหมวะ

" อันนี้กูซื้อแยกให้มึง ส่วนไอ้เนี่ยมันกินหมูปิ้งของกู " สงสัยผมจะคิดผ่านทางหน้าตามากไป จนมันจับทางได้

“อะแฮ่มๆ ไม่ได้อยู่กันแค่สองคนเด้ออ”

“ไง ไอ้หมาบ้าวันนี้ก็ยังปากหมาเหมือนเดิมเลยนะ”

“ดูเพื่อนมึงดิไอ้ลม ปากหมาจริงๆ ” พอๆ กันนั่นแหละ

“ขอบใจ แล้วนี่หายดีแล้วหรอ” ผมรับถุงกมูปิ้งมาถือไว้ก่อนจะถามอาการมัน แต่ไอ้คนข้างๆ กลับพูดแทรกขึ้นซะก่อน

“มันถึกจะตาย ไม่ตายง่ายๆ หรอก”

นี่แหละครับพอเจอกันทีไรก็กัดกันทุกที

“ใครจะอ่อนแอเหมือนมึงล่ะ” เริ่มปะทะกันแล้วครับ

“มึงว่าใครอ่อนแอหะ!”

น่ารำคาญเว้ย

ผมค่อยๆ เคลื่อนจักรยานออกมาก่อนจะรีบปั่นออกมาทันที

ไม่อยู่แล้วครับพอไอ้สองคนนั้นเจอกันทีไรทำเอาอารมณ์ดีๆ ของผมหายไปหมดเลย



“ลม!”

ได้ยินแต่เสียงพวกมันตะโดนตามหลังแว่วๆ

ตะโกนไปเลยกูไม่ไปกลับหรอกเชิญพวกมึงเถียงกันไปเลย

ตึง~ ตึง~ ตึง~

เสียงแจ้งเตือนที่ดังรัวๆ จนผิดปกติทำให้ผมหยุดปั่นจักรยานก่อนจะจอดข้างทางแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู



' เมื่อเช้าแอดเดินผ่านหอชายมาค่ะทุกคนนนนนนน ให้ทายว่าแอดไปเจออะไรมา????

เจอสามคนใต้ภาพค่ะ บอกเลยว่าขนาดมองไกลๆ ยังงานดี!

แต่แอดสงสัยว่าอาจจะเป็นรักสามเศร้ารึป่าวเอ่ยยยย เลือกใครไม่ได้เลยนะตอนนี้

#ไม้ลม ก็ดีแต่ #อิฐลม ก็มาแรง โอ้ยยยเลือกลงเรือไม่ถูกเลยค่า

#ไม้ลม #อิฐลม #ของดีวิศวะ #สมบัติคณะ '



ภาพประกอบแคปชั่นที่ว่าคือตอนที่พวกผมกำลังยืนคุยกันอยู่ด้านข้างโรงรถเมื่อกี้ มาเดินผ่านตอนไหนวะนั่น แล้วลงไวอีกต่างหาก เริ่มกลัวแล้วนะเนี่ย

ผมเริ่มหันซ้ายหันขวาเผื่อว่าจะมีใครตามมาอีก ตอนปี1ก็ไม่ขนาดนี้นี่นาถึงจะมีแต่ภาพแอบถ่ายก็เถอะ

แล้วดูแต่ละคอมเม้นท์



สถา สถาปัตย์: โห่ เบ้าหน้าแต่ละคนยอมแล้วเด้ออ

Kik: ลงเรือ #อิฐลม จ้า

Bamm: ต้นไม้สู้เขา!!

Wa Yu: พี่อิฐของผมมมม

Sun: หนักใจแทนลมเลยอะงานดีทั้งคู่ แอร๊ยยยย

Dream Yaa: ช่วงนี้เหมือนจะเห็น #อิฐลม อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ด้วยอ่า

Jan Jann: เคมีคู่นี้คือดีมากแม่ #แนบรูป



รูปที่ว่าคือรูปถ่ายที่ผมกับไอ้อิฐยืนคุยกันแล้วมันกำลังยิ้ม

ไปถ่ายตั้งแต่ตอนไหนวะ พลังสาววายโคตรน่ากลัวเลยแค่ไอ้ไม้ก็วุ่นวายจะแย่แถมตอนนี้ยังมีอีกคนที่ทำให้เป็นจุดสนใจขึ้นไปอีก ผมก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละว่าคนอื่นจะสนใจชีวิตพวกผมขนาดนี้

ดูเหมือนว่าต่อจากนี้อาจจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาซะแล้วสิ...


หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-11-2019 11:20:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

แฟนคนก่อนของลมคือใคร?

ไม้เนี่ยแอบชอบลมหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-11-2019 13:20:54
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-11-2019 20:17:00
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-11-2019 22:02:07
 :L2: :pig4:
ลุ้น
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-11-2019 01:47:00
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 25-11-2019 07:17:13
Chapter 7
คนที่เขา...ชอบ

Aid'Part



“มั่นหน้า!”

“หน้าด้านสุดๆ ”

“เจ๋งสุดๆ .....โอ้ย! ไอ้แคมป์มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย”

“พวกกูกำลังด่ามัน ใครใช้ให้มึงชม” ผมไม่รู้จะโกรธหรือจะขำพวกมันดีที่อยู่ๆ ก็รวมตัวกันมาด่าผม ที่แปลกใจก็คือไอ้ติณณ์ก็เอากับพวกมันด้วยนี่สิ

“มึงคิดดูดิมันจะไม่เจ๋งได้ไง มันได้เป็นเพื่อนลมเลยนะเว้ย” คนที่คาดไม่ถึงคือไอ้ศิลป์ครับ ตั้งแต่ที่รู้ว่าผมรู้จักกับลม ก็เอาแต่ถามว่าผมทำยังไงตอนแรกนึกว่ามันจะไม่พอใจซะอีก

“หน้าด้านอย่างมันเนี่ยนะเจ๋ง มึงไปยัดเยียดความเป็นเพื่อนให้เขาใช่ไหม ตอบ!” ดูคำพูดคำ จายัดเยียดห่าไร เขาเต็มใจเว้ย       (รึเปล่าวะ)

“ชอบเขาหรอวะ”

พอไอ้ติณณ์ถามออกมาแบบนั้นไอ้สองตัวมันก็เงียบแล้วหันมามองหน้าผมอย่างตั้งตารอคำตอบทันที

ดูจริงจังกันซะจริงๆ

ตอนที่พวกมันรู้ว่าผมกับลมเป็นเพื่อนกันพวกมันก็ดูจะสนใจเหลือเกิน ถามผมทั้งเรื่องที่เขาโพสในเฟสหรือที่ผมโพสบ้างและล่าสุดคำถามของไอ้ติณณ์นี่แหละพีคสุด

ชอบงั้นหรอ คำนี้ไม่ได้มีในหัวเลยนะ…

“ชอบอ่ะไร ถ้าหมายถึงชอบแบบเพื่อนอะชอบ” ผมคิดว่างั้นนะ

“ตอแหล” หนึ่งดอกจากไอ้แคมป์

“เพื่อนที่ไหนซื้อของไปให้เกือบทุกวัน” ดอกที่สองจากไอ้ติณณ์

“ถ้ามึงไม่จีบกูจะจีบแล้วนะ” ส่วนไอ้ศิลป์…

ควับ!

ผมหันไปมองหน้ามันทันที

“นั่นๆ มึงมองหน้าไอ้ศิลป์ทำไม หวงอะดิ”

ผมว่าไอ้แคมป์แม่งมั่วว่ะ หวงอะไรผมแค่มองหน้าไอ้ศิลป์เฉยๆ เหอะ

“กูไม่ได้ชอบเว้ย”

“ชอบก็บอกว่าชอบ มึงจะกั๊กทำห่าอะไร” ผมไม่ได้กั๊กนะแค่ไม่รู้ว่าจะบอกว่ายังไงดี มันอธิบายไม่ถูกว่ะรู้แค่ว่าอยากเห็นหน้า อยากคุยด้วย อยากซื้อของกินไปให้และที่สำคัญอยากเห็นเขายิ้มถึงแม้ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาจะไม่เคยเห็นเลยก็เถอะ

“คนสนใจเยอะนะเว้ย ชักช้าหมาคาบไปแดก”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละสัส เพื่อนกัน”

“มึงใช้วิธีจีบคนอื่นเป็นเพื่อนหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย” เอาไอ้แคมป์ไปเก็บทีครับ

“จีบก็บอกว่าจีบดิ” พวกมันต้องการอะไรจากผมครับทุกคนนนนน

ไลน์~

ก่อนที่ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับพวกมันเสียงไลน์ก็ดังขึ้นพอดี

พอคิดว่าใครจะไลน์มาผมก็รีบเปิดดูทันที

LM: ห้องสมุด

ข้อความตอบกลับมาจากที่ผมถามไปก่อนหน้านี้ว่าเขาอยู่ไหน

“มีแอบยิ้มอีก ชอบเขาแหละดูออก” ไอ้แคมป์นี่มันวอนโดนตีนจริงๆ นะ

“มึง ขอไลน์ลมหน่อยดิ” ไอ้นี่ก็อีกคน เรื่องอะไรจะให้ล่ะวะกว่าจะได้มาต้องหาเรื่องแถนะเว้ยไม่ใช่ขอแล้วจะได้เลย

“ไม่ให้”

ผมลุกขึ้นเก็บของแล้วกะจะเดินออกได้แต่ไอ้ติณณ์เรียกไว้ชะก่อน

“แล้วนั่นมึงจะไปไหน”

“ธุระ เดี๋ยวมา”

“ธุระที่ชื่อว่าลมปะ” ผมเกลียดไอ้แคมป์ครับทุกคน!

ผมไม่ได้ตอบอะไร เดินออกมาเลยรำคาญพวกมันแซวเก่งชิบหาย

แต่ก่อนที่ผมจะมุ่งหน้าไปห้องสมุดผมก็นึกได้ว่าลมมีสอบพรุ่งนี้ตอนนี้คงกำลังอ่านหนังสืออยู่แน่ๆ ผมจึงแวะมินิมาร์ทใต้ตึกซื้อของกินไปให้สักหน่อย ไม่รู้ว่าได้กินอะไรบ้างรึยัง

' เพื่อนที่ไหนซื้อของไปให้เกือบทุกวัน '

กึก

ผมชะงักมือที่กำลังเลือกของกินทันทีเมื่อประโยคที่ไอ้ติณณ์เพิ่งพูดลอยเข้ามาในหัว ก่อนที่ความรู้สึกสับสนจะผุดขึ้นมา ชอบงั้นหรอ ใช่หรอวะ หรือผมแค่สนใจ เป็นห่วง อยากคุยในฐานะเพื่อน แต่เมื่อคิดกลับกันผมไม่ได้รู้สึกอยากทำแบบนั้นกับไอ้สามตัวนั้นเลยนี่หว่า

แต่จะอะไรก็ช่างเพราะตอนนี้ผมตอบตัวเองได้เพียงแค่ว่าลมพิเศษกว่าคนอื่น ก็แค่นั้น...

เมื่อเข้ามาในห้องสมุดผมก็มองหาคนที่บอกว่าอยู่ชั้นนี้พอถามอีกทีว่าอยู่ตรงไหนอีกคนก็เงียบไปเลยผมเลยต้องเดินหาและพยายามไม่ให้รบกวนคนอื่นที่สุด พอเป็นห้องสมุดแม้แต่ขยับตัวก็ดูเสียงดังแล้ว

โต๊ะตรงมุมสุดของชั้นนี้ปรากฏคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีเจ้าตัวกำลังฟลุบหลับอยู่กับโต๊ะ จากที่คิดว่าจะปลุกกลับกลายเป็นว่าผมลากเก้ากี้ด้วยเสียงที่เบาที่สุดมานั่งข้างๆ คนที่นอนฟลุบอยู่

ผมมองกลุ่มผมสีดำนั้นอย่างเพลินๆ พลันคิดถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อนขึ้นมา วันที่ผมไม่สบายแต่เป็นวันที่โคตรรู้สึกดีเลย ใครจะไปคิดว่าตื่นขึ้นมาจะมีคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอมานั่งอยู่ในห้องตัวเองแถมยังหาข้าวหายาให้ผมกินอีก ทั้งยังมารู้ทีหลังว่าอีกฝ่ายเช็ดตัวให้ผมด้วย

ชีวิตไอ้อิฐโคตรคอมพรีสเลยครับ

พอได้รู้จักจริงๆ แล้วคนตรงหน้าน่ารักกว่าที่คิด ไม่ค่อยพูดแต่โคตรใส่ใจ





ไลน์~

ขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ เสียงไลน์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ

แคมป์ปิ้ง: ไอ้ห่าอิฐมึงอยู่ไหน อาจารย์เข้าสอนแล้วเนี่ย!

ชิบหาย!!!

ผมมองเวลาในมือถือก็พบว่ามันถึงเวลาเรียนแล้วจริงๆ ด้วย เพลินจนลืมเข้าเรียนแล้วไอ้อิฐเอ้ย

แต่ก่อนจะไปผมมองของที่เพิ่งซื้อก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วถือวิสาสะหยิบโพสอิทของอีกคนมาเขียนแล้วแปะไว้ข้างๆ ถุงขนม

ขอสักโพสอิทสักแผ่นคงไม่ว่ากันนะ

ผมยิ้มให้คนที่หลับไม่รู้เรื่อง ก่อนจะรีบเดินออกไปทันที

ต้องใส่เกียร์หมาแล้วไหมเนี่ย!



ซื้อมาฝาก… กินให้หมดนะ

ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ สู้ๆ ^^

จาก อิฐ





.................



“วันนี้มึงไปซ้อมบอลปะ”

“พี่เขาให้หยุดหนึ่งวัน”

“งั้นไปหาไรกินกัน หิว” ไอ้แคมป์ว่าพลางเขย่งกอดคอผม ดูความพยายามของมันครับเตี้ยแล้วยังไม่เจียมตัวอีก

“โทษที กูไม่ว่าง”

“เนี่ย มึงมีพิรุธไงไอ้อิฐ” เอาอีกละ ผมล่ะเบื่อมันจริงๆ

“มึงก็ปล่อยมันไปดิ เป็นลูกมันรึไงตามตูดมันอยู่นั่นแหละ” วันนี้กูโคตรรักมึงเลยไอ้ศิลป์

“เอ้า กูแค่ชวนมันไปหาไรกินไง ช่วงนี้มันเรียนแล้วกลับหอเลย”

“เดี๋ยวมันหิวมันก็ไปแดกเองแหละน่า” พูดดีครับเพื่อนติณณ์

ไอ้แคมป์มันทำหน้างอเป็นปลาทูคอหักไปแล้วครับ ทำแล้วไม่น่าเกลียดครับแต่น่าถีบมากกว่า

“งั้นไว้เจอกันพวกมึง”

ผมบอกอย่างนั้นไอ้ติณณ์กับไอ้ศิลป์ก็พยักหน้าให้ ส่วนไอ้แคมป์มันก็เมินผมครับ เมินได้เมินไปเลยมึงอะ



ปกติช่วงนี้ผมจะซ้อมกีฬาทุกวันเพราะอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าจะมีการแข่งกีฬาภายในลมก็เช่นกัน ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นตัวแทนบาสของคณะค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์สำหรับผม จริงๆ ลมก็ไม่ได้ดูผอมหรือมีกล้ามมากเกินไปออกจะดูดีเป็นที่นิยมของคนส่วนมากด้วยซ้ำ

และนี่ก็เป็นวันหยุดวันแรกที่ผมไม่ต้องซ้อมจะได้ไปดูอีกคนซ้อมบ้างสักที

พอผมกำลังจะเดินเข้าไปในโรงยิมก็เจอสิ่งที่ทำให้คิ้วกระตุกทันที

ลมรับของจากผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง ตามสไตล์หน้านิ่งๆ แต่ดูเหมือนจะทำให้คนตรงหน้าเขินจนต้องรีบเดินออกไป

ฮอตจริงๆ เลยน้า

มีแต่คนเอาของมาให้และหนึ่งในนั้นก็คือผม แต่ขอโทษนะพอดีผมสนิทกับเขาว่ะ

จะขิงทำไมวะเนี่ย

“มีเสบียงมาส่งด้วยแฮะ” อีกคนหันมามองผมด้วยสายตาประมาณว่า มาทำไม

“จะกินหรอ”

“เปล่า”

“แล้วมาทำไม” ผมเดินตามอีกคนเข้ามาในโรงยิม

ตอนนี้คงเป็นช่วงเวลาพัก แล้วไอ้คนที่เดินนำหน้าผมมันเดินออกไปข้างนอกทำไมวะเมื่อกี้

“มาดูมึงซ้อมไง”

“อีกหน่อยจะไปซ้อมแล้ว หาที่นั่งแถวนี้แล้วกันฝากนี่ด้วย” ลมยื่นถุงขนมที่รับจากผู้หญิงคนเมื่อกี้มาให้ผม

จะกินให้ไม่เหลือเลย

“ทำหน้าอะไรของมึง” สงสัยจะแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป ผมเลยหันไปยิ้มกว้างให้ลมแทนก่อนจะเดินไปหาที่นั่งดูอีกคนซ้อม

“เอ้าพี่อิฐ หวัดดีครับมาดูพี่ลมซ้อมหรอ”

ไอ้เนมวิ่งมาหาผมก่อนจะสวัสดี ผมรู้จักมันเพราะเป็นน้องรหัสลม แล้วมันก็ชอบโผล่มาบ่อยๆ นิสัยมันน่ารักดีครับ ยิ้มเก่งแถมเป็นมิตรกว่าไอ้ตัวที่อยู่ใกล้ๆ ลมเกือบตลอดเวลาอีกด้วย คงไม่ต้องบอกว่าใครนะครับ ไอ้ต้นไม้ใบหญ้านั่นไง เจอหน้าทีไรกวนตีนผมทุกที

“เออ”

“แล้วนี่ของใครอะ ผมกินได้ปะ”

“ได้ดิ” ผมยื่นถุงขนมที่ไม่ใช่ของตัวเองให้ไอ้เนม เชื่อเถอะครับว่าเจ้าของขนมไม่ด่าผมหรอก



ผมมองคนที่พยายามโยนลูกบาสลงห่วง ยอมรับเลยครับว่าผมไม่สามารถละสายตาไปจากคนที่กำลังแย่งลูกบาสอยู่ในสนามได้เลย ไม่ว่าจะเป็นขณะที่แย่งลูกบาสจากฝั่งตรงข้ามหรือตอนดึงเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้า หัวใจมันก็ทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตอนที่ดึงเสื้อขึ้นแล้วเห็นกล้ามหน้าท้องที่ไม่มากไม่น้อยนั่นอีก บอกเลยว่าลมกับชุดบาสผมโคตรแพ้!

เด็กเกษตรอะไรจะขาวขนาดนี้วะ ทั้งการเล่นที่ดูจริงจังนั้นอีก ถ้าวันจริงคงมีคนคลั่งแน่ๆ ผมนี่แหละคนหนึ่ง

แต่ผมก็ต้องแปลกใจความรู้สึกตัวเองอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเริ่มชัดขึ้นตั้งแต่หน้าโรงยิมแล้วหรือว่าบางที...

“เหม่ออะไร” ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ คนที่น่าจะกำลังเล่นบาสอยู่ในสนามกลับมายืนอยู่ตรงหน้าผม

ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ผมใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ลมที่กำลังยืนใช้ผ้าผืนเล็กยีผมตัวเองก่อนจะเสยผมขึ้น ปกติเจอแต่เวอร์ชั่นนิ่งๆ แต่ตอนนี้เวอร์ชั่นเกี้ยวกราด ผมไม่ไหววว

“เป็นอะไร” อีกคนแตะแขนผมเบาๆ กว่าผมจะหาเสียงตัวเองเจอก็ทำเอาคนตรงหน้าเริ่มขมวดคิ้ว

“ป่าวๆ ซ้อมเสร็จแล้วหรอ” มึงลนทำไมเนี่ยไอ้อิฐ

“เสร็จแล้ว กูไปอาบน้ำแปป” อาบน้ำ ตอนคนเยอะๆ อะนะ ไม่ได้ดิ!

ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรคนตรงหน้าก็ไม่อยู่ซะแล้ว มึงเป็นบ้าหรอไอ้อิฐ เหม่อจนเขาไปแล้วเนี่ย



สักพักลมก็ออกมาในชุดนักศึกษาพร้อมกับหัวที่เปียกที่ผมกำลังมองว่ามันดูเซ็กซี่บวกกับกระดุกที่ปลดออกสองเม็ดทั้งชายเสื้อที่ปล่อยออกมา เหมือนกับวันที่ผมมีเรื่องกับไอ้ไม้แต่วันนี้มันต่างตรงที่มันโคตรจะดูดีเลยอะ

มึงเป็นเอามากแล้วไอ้อิฐ!

“ถุงขนมล่ะ”

“ให้ไอ้เนมไปแล้ว”

“ไอ้เนม” ลมมันทำหน้างงๆ คงสงสัยว่าไปอยู่ที่ไอ้เนมได้ยังไงล่ะมั้ง

“เห็นมันหิวเลยให้มันไป”

“อืม” ไม่โดนด่าจริงๆ ด้วยแฮะ

“นี่จะกลับเลยปะ”

“แปปนึง รอไอ้เนมก่อน” ลมว่าพลางใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมตัวเองไปด้วย

“รอทำไม”

“จะเอาสรุปให้มัน” ผมพยักหน้าให้ก่อนจะแย่งผ้าจากมืออีกคน

“นั่งลงดิ เดี๋ยวเช็ดให้”

“ไม่เป็นไร” ถามว่าผมฟังไหมครับ บอกเลยว่าไม่

ผมกดไหล่อีกคนให้นั่งลงก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหัวอีกคนเบาๆ ตอนนี้คนอื่นเริ่มทยอยกันกลับบ้างแล้ว เกือบทุกสายตาหันมามองผมกับลม แล้วยังไงครับผมไม่แคร์สักหน่อยและดูเหมือนว่าคนที่นั่งให้ผมเช็ดหัวอยู่ยิ่งไม่สนใจมากกว่าผมอีก นั่งเล่นเกมเฉยทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังไม่ยอมให้ผมเช็ดหัวให้แท้ๆ

“ได้กินขนมที่ให้ไปเมื่อตอนบ่ายปะ”

“ขนมอะไร”

“ก็นมกับขนมไง ที่ห้องสมุด” นี่มีคนให้เยอะจนจำไม่ได้เลยหรอวะ

“อ๋อ ไอ้ไม้กินน่ะ” คิ้วผมนี่กระตุกเลยครับ ไอ้ไม้อีกแล้วไอ้หมาบ้านี่

แต่ประโยคต่อมาของลมทำให้ความไม่พอใจของผมเปลี่ยนไปทันที

“แต่โพสอิท อยู่กับกูนะ”

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

เชี่ยแล้ว... ใจ กู!

“ทีหลังลงทุนหน่อยนะ โพสอิทก็โพสอิทกู”

เขินเลยว่ะแม่ง

“พี่ลม! สรุปของผมอะ” เสียงดังๆ ของไอ้เนมดังมาแต่ไกลผมเลยหยุดเช็ดผมให้อีกคน

“มึงเดินมาถึงก่อนค่อยถามก็ได้มั้ง”

“แฮร่ ว่าแต่พี่เอามาใช่ปะ”

“อืม ไม่เข้าใจตรงไหนก็มาถาม” ลมยื่นสรุปให้ไอ้เนม ก่อนมันจะโผล่เข้ากอดคนข้างๆ ผม

“ขอบคุณครับบบบ”

“อะแฮ่ม!”

“ตีนติดคอหรอครับพี่อิฐ” ไอ้เด็กผี! ใครบอกว่ามันน่ารักวะ

“เดี๋ยวมึงจะโดนไอ้เนม” มันหัวเราะชอบใจ ไม่ได้กลัวผมเลยสักนิดทำไมมีแต่คนกวนตีนผมจังวะวันนี้

“ผมกลับก่อนนะพี่ จุ้ปๆ ” ยังมีหน้ามาจุ๊ปๆ อีกไอ้นี่

“กลับดีๆ ”

พอไอ้เนมเดินออกไปผมก็มองคนที่ยู่ข้างๆ

“เรากลับกันบ้างดีกว่า วันนี้ปั่นจักรยานมาปะ” ผมถามคนที่กำลังเดินนำหน้า

“ไม่ได้เอามา”

“งั้นเดินกลับกัน”

“อืม”

ผมมองแผ่นหลังอีกคนก่อนจะยิ้มออกมา

บางที...ผมอาจจะตอบคำถามของไอ้ติณณ์ได้แล้วล่ะ



หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-11-2019 09:00:42
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...คุณชายสายลมมีใจให้กับอิฐเหรอ?   

กับคนอื่นไม่เห็นจะปล่อยตัวปล่อยใจไม่ตั้งการ์ดแบบนี้เลย   อิอิ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-11-2019 10:25:57
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 25-11-2019 12:44:39
อิฐได้คำตอบสำหรับไปตอบเพื่อนๆ แล้ว
ส่วนลมยังดูไม่ออกก็จริง แต่อิฐหายไปก็ไปเคาะห้องผู้ชายเฉยเลยนะเออ
ถึงจะอ้างเอาชีทไปให้ก็เถอะ
แอบชอบเขาแล้วอ่ะดิ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 26-11-2019 08:02:02
Chapter 8
คนในวันวาน

Lm'Part



วันนี้เป็นวันที่ผมโคตรปวดหัวเมื่อข้างกายผมมีคนที่ไม่ควรจะมาอยู่ด้วยกันนั่งอยู่

ซ้ายเป็นไอ้ไม้ขวาเป็นไอ้อิฐ ตรงหน้าเป็นประชากรที่มาเชียร์ฟุตบอลอยู่เต็มไปหมดทั้งบนแสตนและข้างสนาม

ครบชุดจริงๆ สายตาคือรวมอยู่ที่พวกผมแทบจะทั้งหมด ดังใหญ่แล้วทีนี้

วันนี้เป็นวันชิงฟุตบอลของคณะผม แต่ที่มันเป็นปัญหาตอนนี้ก็คือ

เกษตร VS วิศวะ

ให้ทายว่าอะไรจะเกิดขึ้น...

“ลม มึงต้องเชียร์กูนะ” เสียงจากด้านซ้าย

“รอดูกูด้วยนะ” เสียงจากด้านขวา

“ไอ้อิฐมึงพูดตามกูทำไม”

“มีประโยคไหนที่กูตามมึงไม่ทราบ”

กูจะบ้า!

“ถ้าพวกมึงไม่หยุดพูดกูจะกลับหอแล้วนะ”

เริ่มจะไม่ไหวแล้วครับ นับว่ายิ่งจะกัดกันตายเห็นผมเงียบหน่อยแล้วได้ใจ

“แล้วมึงมานั่งฝั่งเกษตรทำไมไอ้อิฐ”

“นั่งไหนมันก็เรื่องของกูไหมล่ะ” ยัง ยังไม่สำนึกกันอีก

ถ้าไอ้ไม้มันไม่ลากผมออกมาเพราะมันให้เหตุผลว่าคณะเรากำลังจะชิงกับวิศวะ เพราะงั้นผมต้องมาเชียร์มันตอนนี้ผมคงนอนสบายใจอยู่ห้องไปละ

แต่เชื่อไหมครับมันแค่อยากจะกวนตีนผมเฉยๆ นั่นแหละ

ทั้งอีกคนที่คะยั้นคะยออยากให้ผมมาคือไอ้อิฐ

ผมเลยต้องมานั่งประสาทแดกคั่นกลางระหว่างพวกมันในตอนนี้

คอยดูเถอะว่าเหตุการณ์นี้จะไปโผล่ในเพจอีกแน่ๆ พวกมันจะรู้ตัวไหมว่าหาเรื่องวุ่นวายให้ผมเนี่ย

จากที่ปกติไม่เคยมีผู้ชายเข้าหาขนาดนี้ ตอนนี้คือเดินมาขอไลน์ผมแบบโต้งๆ เลยครับ

“พี่อิฐ มานี่หน่อย” เหมือนเสียงสวรรค์ทันทีที่ไอ้เฟรมเดินมาหาไอ้อิฐ

“เออๆ ”

“เดี๋ยวมา” ไม่ต้องกลับมาก็ได้มั้ง

“สู้ๆ นะครับพี่ต้นไม้” ก่อนจะเดินตามไอ้อิฐไปไอ้เฟรมก็หันมาพูดแล้วขยิบตาให้ไอ้ต้นไม้

“ไอ้เด็กเวร” ไอ้ไม้มันหน้าหงิกทันทีเลยครับ

อะไรของมัน คนเขาให้กำลังใจยังจะไปด่าเขาอีก

“อีก10นาทีกูจะลงสนามละ”

“อืม ตั้งใจ”

“โอ้โห จริงใจมากไอ้ลม”

“พูดมาก ไปเตรียมตัวไป”

“ขอกำลังใจหน่อย” ไอ้ไม้ทำท่าโน้มตัวมาใกล้ผมเป็นจังหวะเดียวกันกับฝ่ามือใครบางคนผลักหัวไอ้ไม้ออกไปซะก่อน

จากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร…

“ไอ้อิฐ!”

ไอ้อิฐยักไหล่ก่อนจะมองมาที่ผม

“ขอกำลังใจหน่อย” มันยิ้ม

“สู้ๆ มึงด้วยไอ้ไม้ทีนี้ก็ไปได้ละ”

พอผมพูดแบบนั้นไอ้ไม้มันก็ส่งมินิฮาร์ทให้ผม

ทำไมจะไม่รู้ว่าตอนนี้พวกมันกำลังแกล้งผมโดยเฉพาะที่ที่มีคนเยอะๆ ชอบกันจังไอ้โมเมนต์ที่เขาเอาลงเพจเนี่ย

“เดี๋ยวมึงเจอกูไอ้อิฐ”

“ก็มาดิค้าบบ”

ถ้าตีกันกลางสนามผมสาบานเลยว่าจะนั่งดูอยู่ตรงนี้ไม่ไปห้ามพวกมันแน่ๆ

ได้เวลาที่ทั้งสองทีมลงสนามเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นทันที วิศวะเขาก็มีดีกรีของเขาอยู่แล้วอะนะ ส่วนพวกผมอืม...ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกัน

สบายหูจากไอ้สองตัวนั้นแต่หูจะแตกเพราะเสียงกรี๊ด ตอนผมแข่งบาสยังไม่ขนาดนี้เลยนะ

เรามันคนละชั้นกันสินะ

“ไงมึง”

ผมหันไปมองคนที่มาใหม่ก่อนจะทักมันกลับ

“ไง หายหน้าหายตา” ไอ้จินนั่งลงข้างๆ ผม

“ปกติไม่เห็นมาพอกูไม่แข่งล่ะมานะมึง” ไอ้จินมันเคยแข่งครับเมื่อปีที่แล้ว มันเคยบอกให้ผมมาดูแต่ผมก็ไม่ได้มา โดยมันบ่นตั้งหลายวัน

“ไอ้ไม้ลากมา”

“ไอ้อิฐด้วยปะ”

“ก็ประมาทนั้นแหละ” พอหันมาก็พบสายตาไอ้จินที่มองผมแล้วยิ้มแปลกๆ อะไรของมันเนี่ยมีแต่คนไม่ปกติอยู่รอบตัวผมรึไง

“ตอนนี้มึงคบใครอยู่รึเปล่า” ผมนึกแปลกใจเมื่ออยู่ๆ มันก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา

“เปล่า”

“ตั้งแต่ตอนนั้นน่ะนะ” ผมหันไปมองหน้ามันซึ่งตอนนี้มันไม่ได้มองผมแต่มองไปยังสนามที่ตอนนี้ทั้งสองทีมกำลังแย่งลูกบอลกันอยู่แต่ตอนนี้ผมเริ่มไม่มีอารมณ์ดูบอลแล้วล่ะ

“มึงถามทำไม”

“ไม่มีอะไรกูก็แค่ถามไปงั้น แล้วนี่สนิทกับไอ้อิฐหรอ”

ผมมองคนที่กำลังวิ่งอยู่กลางสนาม ถามว่าสนิทไหมก็สนิทนั่นแหละ

“เหมือนไอ้ไม้นั่นแหละ”

“มึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นนะ” ผมว่าผมก็ดูปกตินะ

“ทำไมปีนี้มึงไม่ลงแข่ง”

“ปล่อยให้เด็กมันลงบ้างไง”

ไอ้จินพูดยิ้มๆ จะว่าไปช่วงนี้ผมกับมันไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองถึงแม้จะอยู่มหาลัยเดียวกันก็เถอะ มันมีเพื่อนผมก็มีเพื่อน

“มึงไปรู้จักไอ้อิฐได้ไงวะ ดูท่าแล้วไม่น่าจะโคจรมาเจอกันได้เลยว่ะ”

“เรียนตัวเดียวกัน”

“จริงๆ มันก็รู้จักคนเยอะนะแต่ไม่คิดว่าจะรู้จักมึงด้วย”

“มันก็ไม่ได้แย่”

“ลม ถ้าคนนั้นกลับมา..มึงจะทำไงวะ”

ผมชะงักเมื่อมันพูดถึงคนที่ผมพยายามไม่นึกถึงขึ้นมา ความรู้สึกที่ผมพยายามบอกตัวเองตลอดว่ามันดีขึ้นแล้วก็เริ่มผุดขึ้นมาตอกย้ำว่าผมไม่มีทางลืมความรู้สึกนี้ได้

“ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ยังไงเธอก็ไม่มีทางกลับมา”

ไอ้จินหันมามองหาผมแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนมันจะหันไปมองการแข่งขันที่กำลังดำเนินอยู่

ผมเหม่อมองกลุ่มคนที่กำลังแย่งลูกบอลอยู่กลางสนาม ทั้งที่รอบข้างมีแต่เสียงเชียร์การแข่งซึ่งกำลังเข้มข้นแต่ผมไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้เลย ตอนนี้มีแต่คำถามของไอ้จินที่วนเวียนอยู่ในหัวถึงแม้จะตอบไอ้จินไปแบบนั้น แต่จริงๆ ผมก็แอบหวังว่าเธอจะกลับมา…



......................



วิศวะชนะ

เป็นผลการแข่งขันที่ผมก็คาดเดาได้อยู่แล้วแต่สิ่งคาดไม่ถึงก็คือ ไอ้ไม้กับไอ้อิฐ ตอนนี้พวกมันมาฉลองด้วยกัน อีกทั้งยังเลิกปากหมาใส่กันตั้งแต่ที่จบการแข่งขันแถมยังเหมือนคุยกันถูกคออีกด้วย

ส่วนผมก็ยืนงงๆ ในดงอะไรก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ร้านสาติที่รายล้อมไปด้วยพวกที่อยู่ในสนามเมื่อช่วงเย็น ฉลองที่ตัวเองแพ้หรือฉลองให้กับชัยชนะก็ไม่รู้รู้แต่ว่าตอนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเฉยเลย

“กูไปเข้าห้องน้ำนะ” ผมบอกไอ้จินที่ตอนนี้เป็นมันที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม


ที่บอกไอ้จินว่ามาเข้าห้องน้ำ ผมโกหก

ผมไม่มีอารมณ์ทำอะไรตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว แต่ไม่อยากกลับก่อนเพราะมีคนขอเอาไว้ก็ไอ้สองตัวนั่นแหละครับบวกกับไอ้เนมอีก

ผมเดินออกมาอีกทางด้านหนึ่งของร้านซึ่งมันไม่ได้ดูมืดหรือน่ากลัวอะไรแถมคนยังเดินไปมา มันเป็นทางออกอีกทางซึ่งเวลามาร้านนี้ผมก็มาทางนี้บ่อยๆ เป็นเหมือนที่นั่งเล่นชะมากกว่า

ตามจริงก็อยากกลับเลยแต่เผื่อเก็บศพพวกนั้นก็เลยอยู่ต่อสักหน่อยแต่ผมดื่มไม่ไหวจริงๆ อารมณ์มันไม่ได้ว่ะ

“ทำไมไม่ไปดื่มกับเพื่อนล่ะ” เสียงจากด้านหลังดังขึ้นแต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองไม่รู้ว่าเป็นไอ้ไม้หรือไอ้อิฐ

จนกระทั่งอีกคนนั่งลงข้างๆ ผมจึงหันไปแต่ผมต้องตกใจเมื่อคนข้างๆ ไม่ใช่แม้กระทั่งไอ้ไม้หรือไอ้อิฐ

“ไอ้กิม” ผมเอ่ยชื่ออีกคนอย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ตรงนี้เพราะความทรงจำที่มีต่อมันล่าสุดมันไม่ดีเท่าไหร่นัก

“ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะลม” ไอ้กิมส่งยิ้มมาให้ผม ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเพราะผมไม่ได้เจอมันก็นานพอสมควร เวลาเจอหน้าผมทีไรแม่งเมินผมทุกที

“ทำหน้าอะไรของมึง ตกใจขนาดนั้นหรอที่เจอกู”

นึกว่ากำลังฝันอยู่เลยล่ะ มันตัวเป็นๆ จริงๆ หรอวะ

ไวกว่าความคิดเมื่อผมยื่นมือไปจับแขนมันเบาๆ ก็พบว่าตัวเองไม่ได้ฝัน

“มึงจริงๆ ด้วย”

“ก็กูไง”

“แล้วทำไมมึงถึงมาอยู่ที่นี่ได้วะ”

“กูเรียนอยู่อีกมอแล้วก็เพิ่งรู้ว่ามึงก็เรียนมอแถวนี้ ก็เลยมาหาดูและก็เจอจริงๆ ”

“มาหากู...ทำไม” ผมหันไปมองหน้าไอ้กิม

มันยังเหมือนเดิมกับตอนที่เจอกันครั้งล่าสุดตอนม.6 เพียงแต่มันดูดีขึ้นตามประสาคนที่ดูแลตัวเอง

นี่คงเป็นการเจอกันในรอบ 2 ปี

“มึงดูดีขึ้นนะ… แล้วสบายดีไหม”

“สบายดี มึงล่ะ”

“สบายดี…ที่กูมาหามึงจริงๆ แล้วกูอยากมาขอโทษ”

“กูไม่ได้โกรธมึงก็รู้”

เรื่องที่ว่าผมกับมันก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องอะไรรวมถึงไอ้จิน จริงๆ แล้วไอ้กิมก็คือเพื่อนสนิทของผมอีกคนแต่เกิดการบาดหมางระหว่างผมกับมัน ไม่ได้คุยกันเป็นปีสองปี จนกระทั่งวันนี้…มันมาหาผมแล้วขอโทษ

“ถ้าวันนั้นมึงไม่คบกับเธอกูคงพามึงไปเกเรที่ไหนก็ไม่รู้”

“ไอ้กิม…”

“เธอไม่ติดต่อมาเลยหรอ” คำถามที่ผมเองก็ไม่มีวันตอบได้ถูกถามออกมาจากปากไอ้กิม

“ไม่” ผมยิ้มให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง จริงๆ แล้วผมรอเธอมาตลอด

“คิดถึงพวกมึงว่ะ ตอนนั้นกูไม่น่างี่เง่าเลย” ไอ้กิมมันมองไปข้างหน้าก่อนจะยิ้ม

“กูไม่คิดว่ามึงจะกลับมา”

“กูเพิ่งคิดได้มึงไม่รู้หรอ กูมัวแต่งี่เง่า”

“แต่กูดีใจที่มึงกลับมา”

ผมยิ้มให้มัน ผมไม่เคยดีใจขนาดนี้มาก่อนดีใจที่มันยอมกลับมาหาผม

“มึงไม่โกรธกูใช่ไหม”

“กูไม่เคยโกรธมึงเลยเหอะ” ผมกอดคอมันก่อนจะยีผมมันอย่างหมั่นเขี้ยว

ไอ้กิมก็คือไอ้กิม มันเป็นคนขี้งอนแถมเอาแต่ใจ

และมันยังเคย...ชอบผม

“มึงรู้ไหมกูเกือบไม่ได้เรียนต่อ เพราะตอนปิดเทอมวันแรกกูไปต่อยลูกผอ.จนเข้าโรง'บาล”

ไอ้กิมมันเล่าไปยิ้มไป

“ซ่านะมึง” ผมแซวมัน

“ไม่เท่ามึงปะ เมื่อก่อนหนักกว่ากูอีกแต่พอมีแฟนก็เดินตามเขาต้อยๆ ”

นี่คือสาเหตุเรื่องบาดหมางระหว่างผมกับไอ้กิม ผมมีแฟนเป็นธรรมดาที่ผมจะติดแฟนตอนนั้นผมก็เกเรพอสมควรแต่มันจะไม่มีปัญหาเลยถ้าไอ้เรื่องที่ผมติดแฟนมันไม่ได้เป็นที่ไม่พอใจของไอ้กิม

ผมไปหาเพื่อนน้อยลงและนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ไอ้กิมเริ่มเมินผมเอาแต่คุยกับไอ้จิน จนผมมารู้ทีหลังว่ามันชอบผมก็ตอนที่พวกเราไม่ได้คุยกันแล้วแถมยังทำเหมือนคนไม่รู้จักกันอีก

ตอนนี้ผมดีใจด้วยซ้ำที่มันยอมมาคุยกับผม

“แล้วมึงเป็นไงบ้าง เพื่อนเยอะดีนี่” ถ้าเป็นไอ้พวกข้างในไม่ใช่เพื่อนผมทั้งหมดซะหน่อยเหอะ

“ก็เรื่อยๆ ”

“ยังไม่ลืมเธอหรอ” ใครจะไปลืมวะ

“มึงก็รู้ดีนี่”

“นั่นสินะ” มันยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้ามากกว่า

" แล้วมึงยังชอบกูอยู่รึเปล่า”

ไอ้กิมไม่ตอบในทันทีมันหันมายิ้มให้ผมก่อนจะพูดประโยคที่แทงใจดำผมพอสมควร

“ก็เหมือนกับที่มึงยังไม่ลืมเธอนั่นแหละ”

ไม่มีคำจะพูดเลยครับเพราะความรู้สึกนั้นผมเข้าใจดี การจะลืมใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้

“เข้าไปข้างในกันไหม” ผมลุกขึ้นแล้วถามไอ้กิม

“เดี๋ยวกูจะกลับแล้ว” มันลุกขึ้นตามผมก่อนจะมองผ่านผมไปแล้วขมวดคิ้ว

ก่อนที่ผมจะหันไปมองตามเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น

“เห็นไอ้จินบอกว่ามึงมาเข้าห้องน้ำ แถวนี้มีห้องน้ำด้วยหรอ” ตัวกวนมาแล้วครับแล้วไอ้ที่ทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนนั่นมันอะไรวะไอ้อิฐ!

เห็นแบบนั้นไอ้กิมก็ยิ้มมุมปากตามสไตล์มัน หมายถึงสไตล์เรียกตีนจากฝ่ายตรงข้ามน่ะครับตอนที่เป็นเพื่อนกันนี่มีเรื่องกับคนอื่นเพราะหน้ามันนี่แหละ

“เพื่อนมึงหรอลม”

“อืม”

“ใครว่ะลม” ตอนนี้ไอ้อิฐมันดูหงุดหงิดแปลกๆ ผมเข้าใจนะว่าไอ้กิมมันหน้ากวนตีนแต่เหมือนมันหงุดหงิดมาก่อนหน้านี้แล้ว

“เพื่อน ' รัก ' ของไอ้ลมน่ะ” ไอ้กิมมันเน้นคำว่ารักก่อนจะยักคิ้วใส่ไอ้อิฐ

หน้ามันเพิ่มระดับความหงุดหงิดเป็นเท่าตัว เป็นอะไรของมันวะเนี่ยดื่มแล้วของขึ้นง่ายรึไงวะ

แต่ก่อนจะได้วางมวยกันจริงๆ ไอ้กิมก็เอ่ยขึ้น

“กูกลับก่อนดีกว่า ไว้ว่างๆ จะแวะมาหาว่าแต่ยังใช้เบอร์เดิมใช่ปะ”

ผมพยักหน้าให้ไอ้กิมก่อนมันจะเดินออกไปยังไม่วายหันมาโบกมือให้ผมอีก

ไอ้กิมเดินออกไปจนลับสายตาแต่พอหันกลับมามองคนตรงหน้าเท่านั้นแหละครับ

จ้องกูขนาดนี้จะแดกหัวกูรึไงวะ!

ก่อนที่ผมจะถามหาสาเหตุที่มันหงุดหงิด ผมคงต้องหาทางรอดพ้นจากสายตามันก่อนแล้วล่ะ

สายตามันไม่ใช่ไอ้อิฐคนที่ยิ้มเรี่ยราดแต่เป็นอิฐอีกคนที่ผมไม่รู้จัก

และก็นะผมไม่อยากเจอมันในเวอร์ชั่นนี้อีกสักเท่าไหร่หรอก....



หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 26-11-2019 08:52:27
ลมรักแฟนเก่ามากขนาดนั้นเลยหรอ


 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-11-2019 12:39:34
 :sad11:

เรื่องมันเศร้าหรอ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-11-2019 17:45:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

สรุปว่า  คนในอดีต คือเขาหรือเธอ?
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-11-2019 23:40:20
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-11-2019 02:43:55
สนุกดีครับ มาต่อเรื่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 27-11-2019 17:11:17
มาต่อบ่อยๆ รอจ้า ปล.หากมาอัพลงวันที่อัพจะดีมากเลยจ้า จะได้รู้ว่ามีตอนใหม่มา ขอบคุณนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 27-11-2019 20:37:59
Chapter 9
คนที่ไม่รู้สึก...คงไม่เข้าใจ


ตอนนี้ผมกำลังงงว่าคนที่เดินนำหน้าผมเป็นอะไร หน้ามันโคตรเหวี่ยง หลังจากที่มันจ้องผมแล้วก็หันหลังเดินเข้าไปในร้านทันทีผมจึงเดินมันตามมันเข้ามาอย่างงงๆ
เอาจริงๆนะผมไม่กล้าแม้แต่จะเรียกมันก็ดูหน้ามันสิครับใครจะกล้าเรียกวะ
“ ไอ้ลมไอ้อิฐ พวกกูจะไปต่อไปด้วยปะ ” พอเดินมาถึงโต๊ะพวกไอ้ไม้ก็เหมือนจะเตรียมตัวออกจากร้านกันแล้ว
“ พวกมึงไปเลย ” แล้วมันก็เดินออกไปท่ามกล่างความงุนงงของผองเพื่อน
“ มันเป็นอะไรวะ ” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ กูกลับพร้อมไอ้อิฐนะ ” ผมบอกแบบนั้นไอ้ไม้ก็พยักหน้าให้ ผมจึงเดินตามไอ้อิฐออกมา
“ เป็นอะไร ” ไอ้อิฐมันหยุดเดินก่อนจะหันมามองผม
 หน้าตามันเริ่มโอเคขึ้นแล้ว แค่เริ่มนะครับ…
“ หงุดหงิด ” รู้แล้วว่าหงุดหงิด
“ หงุดหงิดอะไร ”
“ มึงยิ้ม ”
“ หะ! ”
ที่ทำหน้าอย่างกับจะฆ่าคนเหตุผลเพราะผมยิ้มหรอ อึ้งสิครับ เหตุผลมันไร้สาระมาก
“ มึงยิ้มให้มัน ” มันไหนวะ
“ กูยิ้มให้ใคร ”
“ ก็เพื่อนรักมึงไง ” แล้วผมก็ถึงบางอ้อเมื่อมันหมายถึงไอ้กิม แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันจะหงุดหงุดอะไรขนาดนั้น
“ แล้วมึงจะหงุดหงิดทำไม ”
“ มึงไม่เคยยิ้มให้กู ” ผมนี่อึ้งแดกเลยครับ ก่อนจะนึกขำเมื่อไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องนี้    เข้าใจอารมณ์เด็กที่อิจฉาเวลาที่เพื่อนตัวเองสนใจเพื่อนอีกคนไหมครับ
“ อิจฉารึไง ทำตัวเป็น…”
“ ใช่ อิจฉา ” ผมยังพูดไม่จบไอ้อิฐก็พูดแทรกขึ้นมา มันทำหน้าจริงจังจนผมไม่กล้าพูดอะไรต่อ
“ ทำไมต้องจริงขนาดนั้น ”
“ ก็มันสำคัญ ”
“ ทำคัญยังไง ”
“ เห้อออ มึงไม่เข้าใจอะ ” แล้วมันก็ทำหน้าเหมือนขัดใจหลายอารมณ์จนผมเริ่มจะตามไม่ทันแล้ว มันเป็นไบโพลาร์รึเปล่าวะ
ผมก็คงจะไม่เข้าใจจริงๆน่ะแหละแต่พอมองอีกคนตอนนี้กับก่อนหน้าผมชอบเวลาที่มันทำหน้าเหมือนขัดใจแบบนี้มากกว่า
“ เชี่ย! มึงยิ้มแล้ว ” ร้องซะกูตกใจไปด้วยเลยไอ้นี่
ผมขำกับท่าทางของไอ้อิฐมันตัวโตก็จริงแต่นิสัยมันกลับสวนทางซึ่งผมมองว่ามันก็...น่ารักดี
“ พอใจรึยัง”
“ โคตรๆเลย ” มันพุ่งมากอดคอผมทันทีก่อนจะเนียนๆลากผมให้เดินตามมัน
“ เดินเองก็ได้ ”
“ กอดหน่อยน่า กูมึนๆอะเดินไม่ไหว ” ไอ้อิฐคนเนียนมาแล้วครับ


“ บรรยากาศดีเนาะ ” ผมมองดาวบนท้องฟ้าที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนักในเมืองก่อนจะคิดว่าเดินเวลานี้มันก็ไม่เลวเท่าไหร่
พอหันไปมองคนข้างๆก็เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มทำให้มันดูน่ามองมากกว่าเดิม ผมชอบเวลาไอ้อิฐยิ้มพอมันยิ้มแล้วรู้สึกถึงพลังบวกถึงตอนแรกผมจะคิดว่ามันกวนประสาทก็เถอะ
“ ทำไมกูไม่เคยเห็นเพื่อนมึงคนนั้นเลย ”
“ เพื่อนสมัยมัธยม ”
“ กูนึกว่ามึงโดนจีบซะอีก ” ผมนี่แทบสำลักอากาศ คิดได้ยังไงวะนั่น
“ ก็เลยหงุดหงิดว่างั้น ”
“ อื้อ ” จากที่ถามมันเล่นๆกลับกลายเป็นว่าผมเหวอกับคำตอบของมัน สรุปแล้วมันหงุดหงิดที่ผมคุยกับยิ้มให้ไอ้กิมสินะ
แล้วอยู่ๆใจมันก็เต็นเร็วแปลกๆ ผมคงไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำตอบของมันใช่ไหม…
“ ถึงเป็นเพื่อนก็หงุดหงิดอยู่ดี ทีกูไม่เห็นมึงจะยิ้มให้บ้างเลย ” ไอ้อิฐมันยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
ผมมองท่าทางมันแล้วนึกเอ็นดู ทำไมจะไม่รู้ว่าทุกครั้งที่เจอกันมันจะมีวิธีเรียกร้องความสนใจจากผมอย่างไรบ้าง จากที่ไม่คิดจะใส่ใจกลับกลายเป็นว่าผมต่างหากที่ไม่ชอบเวลาที่มันหงุดหงิด




....................


‘ ไปกินชาบูกัน ’ เสียงไอ้กิมดังมาจากปลายสาย
“ วันไหน ”
' วันนี้เย็นๆ บ่ายกูมีเรียน '
“ เลี้ยงปะ ”
‘ นี้มึงยังไม่เลิกขี้งกอีกหรอ บ้านก็รวยแต่ทำตัวเหมือนยาจกนะมึง ’ ผมขำออกมาทันทีเมื่อไอ้กิมพูดแบบนั้น เมื่อก่อนมันก็เลี้ยงผมบ่อยๆ
“ แล้วจะเลี้ยงปะ ”
‘กูเคยปฏิเสธได้หรอ’
“ 5555 กูล้อเล่นนะ เลิกเรียนแล้วโทรมาหากูอีกทีแล้วกัน ” ไอ้กิมตอบรับแล้วมันก็ตัดสายทันที  เห็นทีต้องชวนไอ้จินมาด้วยซะแล้ว
“ มึงเป็นใคร ออกไปจากเพื่อนกูเดี๋ยวนี้นะ! ” ผมตกใจเมื่ออยู่ๆไอ้ไม้ก็ตะโกนขึ้นมาแถมมองผมด้วยสายตาจริงจัง
“ มึงเป็นอะไรไอ้ไม้ ”
“ เพื่อนกูไม่ยิ้มเวลาคุยโทรศัพท์ มึงเป็นใครบอกมา ”
“ ปัญญาอ่อน ” ผมส่ายหน้าให้ไอ้ไม้นับวันมันยิ่งบ้า ตอนนี้ผมกำลังภาวนาให้มันมีแฟนใหม่เร็วๆเพราะตั้งแต่เลิกกับแฟนนี่มันเป็นบ้าขึ้นเยอะ
“ ก็ปกติมึงยิ้มที่ไหน แล้วคุยกับใครมีหัวเราะคิกคักด้วย ” ถามเป็นพ่อเลยวุ้ย
“ เพื่อน ” ไอ้ไม้ทำหน้าไม่เชื่อ นี่แหละครับพอเราพูดความจริงคนอื่นก็มักจะไม่เชื่อ
“ เพื่อนแน่หร๊ออ ” ทำหน้ากวนส้นตีนอีกละ
“ มึงไร้สาระว่ะไม้ ”
“ 55555 กูออกไปข้างนอกนะ ”
“ ไปไหนก็ไป ” ไอ้ไม้มันหัวเราะชอบใจก่อนจะเดินออกจากห้องไปทิ้งผมไว้เพียงลำพัง...
สบายหูชิบหาย!

ตอนบ่ายผมไม่มีเรียนก็จะสบายหน่อย กลับห้องมานอนหรือไม่ก็วาดรูปไปเรื่อยชีวิตผมมันค่อนข้างจะน่าเบื่อสำหรับใครหลายๆ ปกติคนอื่นเขาอาจจะไปเที่ยวหรือไปหาไรทำกับเพื่อน แต่สำหรับผมนานๆทีค่อยไปดีกว่าแค่เรียนก็ปวดหัวพอแล้วกลับห้องมานอนสบายกว่าเยอะ
ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะยกกล่องขนาดปานกลางออกมา อยู่ๆก็นึกอยากเปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างในหลังจากที่ไม่ได้เปิดมานาน
ข้างในกล่องเป็นสมุดวาดรูปขนาดปานกลางสองเล่ม หน้าปกมีชื่อของใครคนหนึ่งที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี
แต่สุดท้ายแล้วผมก็ไม่กล้าเปิดมันออกมา ขี้ขลาดอีกแล้ว...
ผมได้แต่จ้องชื่อหน้าปกอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเสียงมือถือดังขึ้น
ผมจึงเก็บกล่องไว้ที่เดิมก่อนจะรีบเดินไปรับโทรศัพท์
ตุบ
หนังสือเล่มหนึ่งตกลงมาพร้อมกับกระดาษวาดรูปแผ่นหนึ่งหล่นลงมาด้วย
มันเป็นภาพที่ผมไม่ได้ตั้งใจวาด
ภาพวาดผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนคุยโทรศัพท์โดยด้านหลังเป็นตึกคณะวิศวะ
คนในภาพคือไอ้อิฐ
ผมหยิบภาพวาดไอ้อิฐขึ้นมา ถ้ามันรู้ว่าผมแอบวาดรูปมันมันจะว่ายังไงวะเนี่ย
แต่ช่างเถอะอย่าให้มันเห็นแล้วกัน
ดูเหมือนผมจะลืมว่ามีสายเข้า ไอ้กิมแน่ๆมันคงบ่นผมแล้วมั้งป่านนี้



“ ไม่ได้เจอกันนานนะมึง ดีที่ยังไม่ตาย ” ประโยคแรกที่ไอ้จินมันทักไอ้กิมดูก็รู้ว่ารักกัน...
“ ยังปากหมาเหมือนเดิมนะมึง ”
“ 5555 ”
“ กินร้านนั้นปะ กูมาบ่อย ” ไอ้กิมชี้ไปที่ร้านตรงหน้าที่ค่อยข้างมีคนเยอะ
“ พาสาวมากินบ่อยหรือมึง ”
“ ก็นะ ” ไอ้กิมหันมามองผมก่อนจะยิ้ม เกลียดรอยยิ้มมันว่ะ
“ เข้าไปข้างในเถอะ ”
ถ้ายืนอยู่ตรงนี้คงไม่ได้กินกันพอดีคนเยอะจะตาย แล้วมีที่นั่งไหมวะเนี่ย ถ้าไม่มีคงหัวเสียแน่ๆเพราะผมไม่ได้กินข้าวตั้งแต่ตอนเที่ยง รอกินชาบูลงทุนสุดๆ
“ มากี่ท่านคะ ”
“ 3ครับ ” ไอ้กิมหันไปบอกพนักงานก่อนจะยิ้มหวานให้ จนพนักงานหน้าขึ้นสีก่อนจะเดินออกไป
งานหลักเมื่อก่อนคือกวนตีนชาวบ้าน งานรองคือบริหารเสน่ห์
ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะมาชอบผม ทั้งที่มันก็มองหญิงอยู่ทุกวัน
“ เต็มที่เลยนะไอ้จินเลี้ยง ”
“ สัสเถอะ ” ไอ้กิมมันหัวเราะชอบใจ
ผมมองพวกมันแล้วยิ้ม นานแค่ไหนแล้วที่พวกผมไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้
“ ยิ้มอะไรไอ้ลม อย่ามายิ้มอ่อยแถวนี้นะมึง ” ยิ้มอ่อยเชี้ยไร กูยิ้มให้พวกมึงเนี่ย
“ มันดีใจที่มึงกลับมาไงไอ้กิม ควรดีใจไว้ซะนะ ”
“ เขินเลยว่ะ เหมือนสำคัญ ”
“ กูแค่ไม่รู้จะด่าใคร ” ไอ้กิมมันมันหน้างอทันที ก่อนจะใช้ตะเกียบชี้หน้าผมแล้วพูดว่า..
“ เดี๋ยวมึงจะโดน ”
 “ กูคิดไปเองรึเปล่าว่ามึงดูดีขึ้น ” ไอ้จินถามพลางยื่นหน้าไปมามองไอ้กิมใกล้ๆ
“ ใครจะขี้เหล่เหมือนมึงล่ะ ”
“ ห่า กูอุตส่าห์ชม ”
ก่อนที่พวกมันจะเถียงกันไปมากกว่านี้ผมก็ลุกกะจะไปหาของกินมาเตรียมไว้ สายตาก็เหลือบไปเห็นโต๊ะถัดไปไม่ห่างจากโต๊ะของผมเท่าไหร่
 มีผู้ชายกับผู้หญิงนั่งด้วยกันซึ่งผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่ผมรู้จัก
ไอ้อิฐ...
อยู่ๆผมก็รู้สึกโหวงๆขึ้นมาเมื่อเห็นไอ้อิฐยิ้มให้กับผู้หญิงคนนั้น
“ เป็นอะไร ”
เสียงไอ้กิมทำให้ผมรีบส่ายหัวก่อนจะตอบไอ้กิมไปว่าไม่มีอะไร


" มากินชาบูไม่ได้มากินมังสวิรัติไอ้สัสลม มึงใส่ผักเยอะขนาดนี้จะให้กูกินอะไร " ไอ้จินมันโวยวายเมื่อในหม้อมีแต่ผักเป็นส่วนมาก
“ มึงก็ไปตักเองดิ กูอยากกินผักนี่หว่า ”
“ ไอ้กิม.. ” มันหันไม่มองหน้าไอ้กิมอย่างอ้อนวอน
“ ไปตักเองไอ้สัส ” เมื่อก่อนไอ้จินมันโดนสปอยจากไอ้กิมครับ ได้ใจมาจนถึงทุกวันนี้แต่โทษนะ ตอนนี้ไม่มีใครสปอยมึงแล้วว่ะ
หลังจากไอ้จินลุกไปตักของกินไอ้กิมก็เปลี่ยนมานั่งข้างผม
“ มึง ” มันขยับเข้ามากระซิบผม
“ มึงจะกระซิบทำไมเนี่ย ”
“ ไอ้นั่นเพื่อนมึงปะ ” มันพยักเพยิดไปทางโต๊ะที่มีผู้หญิงกับผู้ชายสองคนนั่งอยู่
โต๊ะไอ้อิฐนั่นแหละครับ
แต่ผมก็ต้องแปลกใจเมื่อไอ้อิฐมันมองมาทางพวกผมอยู่ก่อนแล้ว แถมยังทำหน้านิ่งจ้องพวกผมเขม็ง
“ มันมองมาสักพักละ ”
“ อืม เพื่อนกู ”
“ แฟนปะ น่ารักดี ” กูจะรู้กับเขาไหมล่ะ
“ ขยับไปเลยกูจะกินชาบู ” แล้วมันก็ไม่ฟังผมครับแถมขยับมาใกล้กว่าเดิมอีก
“ แม่งจะกินชาบูหรือจะกินหัวกูละนั่น ” ไอ้กิมมันขยับออกไปเล็กน้อยแต่เปลี่ยนเป็นกอดคอผมแทน
กูจะกินชาบูเว้ย
“ อะไรของมึง วอแวชิบหาย ”
“ กูรู้ละ ” มันยกยิ้มแล้วเอามือออกจากคอผมก่อนจะหันไปจัดการของกินตรงหน้า
“ มาละ ห้ามแย่งกูนะไอ้กิม ”
“ กูไปตักใหม่ก็ได้เถอะ ”
ผมหันไปมองทางเดิมก็พบว่าไอ้อิฐไม่ได้ละสายตาไปเลยยังจ้องมาทางผมอยู่เหมือนเดิมซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรหรือผมไปทำอะไรผิดรึเปล่า
และเป็นผมที่หลบสายตามันก่อน ไม่ชอบเวลามันทำสายตาแบบนี้เลยจริงๆ




“ ชาบูอร่อยปะ ”
พอผมถึงหอก็เห็นไอ้อิฐนั่งอยู่หน้าหอมันถามผมก่อนจะเดินเข้ามาหา
“ ก็ร้านเดียวกันกับมึง ” ถามเหมือนกินคนละร้านอย่างนั้นแหละ
“ ไม่เห็นชวน ” ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น มันก็ไปกินไม่ใช่รึไง
“ มึงก็ไปกินไหมไอ้อิฐ อะไรของมึงเนี่ย ”
“ ก็อยากไปกินกับมึง แล้วก็…ผู้หญิงที่ไปกับกูคือลูกพี่ลูกน้องกูเองนะ ” นั่นยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจว่ามันต้องการจะสื่ออะไร ตั้งแต่นั่งจ้องผมอย่างกับผมทำอะไรผิดที่ร้านชาบูจนตอนนี้ที่มันพูดผมก็ยังไม่เข้าใจว่ามันต้องการอะไร
“ มีอะไรก็พูดมา มึงมีปัญอะไรกับกูรึเปล่าตั้งแต่ที่ร้านชาบูละ ” มันทำหน้าตกใจก่อนจะรีบปฏิเสธ
“ ไม่ใช่แบบนั้น จะบอกยังไงดีวะ ” มันทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด เป็นไรของมันอีกล่ะเนี่ย ช่วงนี้ผีเข้าผีออก
“ ก็บอกมาตรงๆ ”
“ กูไม่ชอบเวลามึงอยู่ใกล้ใคร ” จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ..
“ มันเกี่ยวอะไร ”
“ ก็กูหวงมึง! ” ไอ้อิฐพูดเสียงดังจนผมอึ้งไป ไม่ใช่อึ้งเพราะมันเสียงดังแต่อึ้งเพราะสิ่งที่มันพูดออกมา และประโยคที่ไอ้กิมพูดกับผมก่อนจะแยกกันก็ลอยเข้ามาในหัว


‘ สายตาไอ้อิฐที่มองมึง เหมือนตอนที่กูมองมึงกับแฟนเมื่อก่อนเลยว่ะ’ ก่อนมันจะยิ้มมุมปากแล้วเดินจากไป


“ อย่ามาทำตัวเป็นเด็กหวงเพื่อนได้ไหม ”
พอเงียบไปพักนึงผมก็พูดขึ้นแบบไม่จริงจังนัก
“ ขึ้นห้องเถอะ ” ผมไม่รอให้มันได้พูดอะไรต่อก็เดินไปก่อนทันที
ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ แต่ผมแค่ยังไม่แน่ใจทั้งสิ่งที่มันแสดงออกมาแล้วก็ตัวผม…
“ เห้อ มึงไม่เข้าใจว่ะลม มึงไม่เข้าใจ ”
อีกคนที่อยู่ด้านหลังพรึมพรำอย่างอ่อนใจก่อนจะเดินตามไป แล้วก็ควรรีบจัดการความรู้สึกตอนนี้ให้เร็วที่สุดก่อนมันจะไปทำให้อีกฝ่ายอึดอัด
อิฐรู้ตัวดีว่าตัวเองงี่เง่าแค่ไหนที่ทำตัวแบบนั้นต่อหน้าอีกคน แต่ความรู้สึกหวงมันมีมากจนแสดงออกมา
แค่เห็นมันยิ้มให้คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองก็หวงจะตายอยู่แล้วนี่หว่า!



หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 9 : 27/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-11-2019 21:36:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

เด็กชายอิฐ  อิอิ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 9 : 27/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-11-2019 22:02:58
อิฐ ขี้หวงจริงๆ ขนาดยังไม่เป็นแฟนนะเนี่ยะ ถ้าเป็นแฟนแล้วจะขนาดไหนเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 9 : 27/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 27-11-2019 22:48:14
หวงเก่งนะอิฐ เป็นไรกับเขาแล้วยัง ตอนนี้สถานะ แค่เพื่อนนะเราอะ 5555  :hao7:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 9 : 27/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-11-2019 03:01:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 9 : 27/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-11-2019 05:17:19
แฮ่ ...... พลาดไปสองตอนเพราะไม่รู้   o22
โทษไรท์เลย ไม่ลงวันที่  :mew2:
วันนี้เลยได้อ่านทีเดียวสามตอน  :katai2-1:

ให้รู้สึกว่านังตัวดี จะหวนกลับมาหาลมนะ  ชิ้วๆ ไม่ต้องมาเลย   :angry2:
ลม เริ่มรู้ใจตัวเองหน่อยๆแล้ว
อิฐ เริ่มแสดงออกว่าหวงลม ชอบลม  :impress2:
อิฐ  ลม    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 9 : 27/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-11-2019 22:49:02
อิฐพอรู้ตัวว่าชอบก็หึงเรี่ยราดเลยนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 10 : 29/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 29-11-2019 20:08:38
Chapter 10
คนที่อยู่ด้วยกันตรงนี้

Aid'Part


“ ไอ้อิฐมึงลงชื่อไปค่ายรึยัง ” ผมเงยหน้ามองไอ้แคมป์
“ ค่ายอะไรวะ ”
“ ค่าย ‘เราช่วย น้องได้’ ไง ” ไอ้ศิลป์เสริม
เออว่ะ ลืมเลย จริงๆมันเป็นค่ายที่คณะประชาสัมพันธ์มาตั้งแต่ต้นเทอมผมก็นึกว่าจัดไปแล้วชะอีก
“ มึงลงยัง ” ผมถามพวกมัน
“ ลงละ คิดว่าพวกมึงยังไม่น่าจะลงเลยลงให้ละ ” แล้วก็ไม่คิดจะถามกูเลยหรอ
“ ก่อนลงพวกมึงอ่านรายละเอียดรึยัง ” ไอ้ติณณ์ที่นั่งกับผมอยู่ก่อนแล้วเอ่ยถาม
“ ไม่อะ กูลงไปก่อน ” ไอ้ศิลป์พูดอย่างไม่สะทกสะท้าน เจริญล่ะเพื่อนผม
“ ห่า แล้วก็ลงไปมัวๆเนี่ยนะ ” ไอ้ติณณ์มันพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
อย่าให้พ่อเซ็งนะพวกมึงเดี๋ยวจะหนาว
“ ก็กูต้องเก็บกิจกรรมไง มีอะไรก็ลงไปหมดแหละ ”
นึกแล้วก็สมน้ำหน้าพวกมันครับไอ้สองตัวนี้มันซ่าตั้งแต่ปี1โดดได้โดดแล้วมาตามเก็บทีหลัง ต่างจากผมกับไอ้ติณณ์ที่เป็นสายกิจกรรม ตอนนี้เลยสบายๆแต่ที่ไม่สบายคือพวกมันลากพวกผมไปด้วยนี่แหละ งานในห้องเรียนมึงยังมีไม่พอสินะถึงอยากไปทำอย่างอื่น
อย่าคิดว่าวิศวะจะชิลๆนะครับไม่ใช่แค่เดินใส่ช้อปทำลอยหน้าตาให้สาวกรี๊ดนี่คิดผิดนะเวลางานเยอะๆก็เป็นซอมบี้เหมือนกันนั่นแหละ
“ แล้วนี่เขาเอารถอะไรไป ”
“ รถบัส ” ไอ้ติณณ์นี่หน้าเหยเกทันที เพราะมันไม่ถูกกับรถบัสอย่างแรงขึ้นทีไรอ้วกทุกที
“ ไอ้ติณณ์ก็ไปกับกูไง พวกมึงสองตัวก็นั่งรถบัสไปดิ ” ไอ้แคมป์มันรีบหาข้อเสนอทันทีครับ ไม่งั้นไอ้ติณณ์ไม่ไปแน่ๆแต่หวยดันมาตกที่พวกผมนี่สิโดนทิ้งให้นั่งรถบัสเฉย
“ ทำไมพวกกูไปรถมึงไม่ได้ ”
“ เต็ม ”
“  มึงไปกับไอ้ติณณ์แค่สองคนจะเต็มได้ไง ”
“ ใครบอกว่าแค่กูกับไอ้ติณณ์ ” ไอ้แคมป์มันบอกยิ้มๆ
“ อย่าบอกนะว่าแฟนมึงไปด้วย ” ไอ้ศิลป์ถาม
“ ถูกต้องแล้วครับบบ ” ไอ้แคมป์คนติดแฟน ฉายานี้ไม่ได้ว่าเพราะโชคช่วยครับ
แต่แฟนมันก็สวยจริงมีตำแหน่งดาวมาการันตีไม่แปลกใจที่จะติดขนาดนั้น อย่าให้กูมีแฟนนะมึงจะขิงแม่งอยู่นั่นแหละ
พอพูดถึงแฟนหน้าใครคนหนึ่งก็ลอยมาทันที
ลม...
บอกเลยว่าคนนี้ยากไม่กล้าทำอะไรเลยแม้กระทั่งจีบจริงจัง จะว่าผมขี้ขลาดก็ได้แต่เพราะเป็นเขา เขาที่คิดว่าผมเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งผมยิ่งไม่กล้า กลัวว่าสักวันเขาจะถอยห่างออกไป
ผมชอบลม รู้ตัวมาสักพักแล้วทั้งที่ตอนแรกคิดว่าแค่สนใจแค่อยากเป็นเพื่อนเฉยๆแต่พอได้รู้จักความรู้สึกมันก็ไม่ใช่แค่นั้นอีกทั้งผมยังไปทำตัวงี่เง่าใส่เขา ผมยิ่งเป็นคนรู้สึกอะไรก็แสดงไปอยู่ด้วย
“ นี่ไอ้อิฐ ” แรงสะกิดจากไอ้ศิลป์ทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเอง
“ อะไร ”
“ มึงก็ชวนลมไปด้วยกันดิ ” ผมมองหน้าไอ้คนเสนอความคิดอย่างหมั่นไส้ หน้ามึงจะบานไปไหนไอ้ศิลป์!
แต่พอมาคิดตามมันก็ดูเป็นความคิดที่ดี ถ้าชวนไปด้วยได้คงดีไม่น้อยแถมยังมีกำลังใจทำงานด้วย
ถือว่าว่าดี!
“ หน้าตามึงชั่วมากไอ้อิฐ ” ไอ้ศิลป์มันมองมาก่อนจะทำหน้ายี๋ๆใส่ผม
โถ่ กูนี่คนดีที่สุดแล้ว ถ้ากูไม่ดีแล้วใครจะดีวะ...
ว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาเข้าแชทคนที่เข้าอยู่เป็นประจำทันที

A_d: เสาร์-อาทิตย์นี้ว่างปะ

จริงๆก็ไม่ได้คาดหวังนะ ไม่ว่างก็คงไม่เป็นไรแต่ถ้าว่างอันดับต่อไปคือเกลี่ยกล่อม หึๆ
“ มึงโอเคนะ ” ไอ้ติณณ์หันมาถาม
ผมนี่โอเคสุดๆแล้วเหอะ

LM: ว่าง

ข้อความที่ตอบกลับมาทำให้ผมยิ้มออกมา ด่านต่อไปคือเกลี่ยกล่อมสินะ
“ งานอาจารย์เอกเสร็จยังวะ ”
“ งานไรวะ ” ผมถาม
“ รายงานไง ”
“ เสร็จละ ”
“ เฮียอิฐครับบบบ ” ไอ้แคมป์มันถลาเข้ามากอดแขนผมก่อนจะทำหน้าตาอ้อนวอน อยากให้แฟนมันมาเห็นสภาพตอนนี้จังเลยครับหมดหมาดผู้นำเลยมึง
“ อยู่ในกระเป๋า ” ได้ยินดังนั้นมันก็ผละออกจากผมอย่างไวก่อนจะไปเปิดกระเป๋าหยิบรายงานออกมา
“ เดี๋ยวกูมานะ รออยู่ตรงนี้นะพวกมึง ”
ถามว่าพวกผมจะรอมันไหม???
หลังจากไอ้แคมป์เดินออกไปพวกผมก็ลุกแล้วเดินขึ้นห้องเรียนทันที
 ไม่มีการรอในหมู่เพื่อนหรอกครับ…




“ ไม่ว่าง ” ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เมื่อคนตอบคำถามไม่ใช่ลมแต่เป็นคือคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนรักลม รักเพื่อนต่างหากล่ะไม่ว่ามองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่ามันคิดไม่ซื่อ!
“ กูถามลม ” ผมมองไอ้ตัวที่ขัดผมอย่างหงุดหงิด เมื่อก่อนก็ไอ้ไม้ตอนนี้อุตส่าห์เป็นมิตรกันแล้วแต่ก็มีใครไม่รู้โผล่มาแถมยังมาแบบเหนือเมฆได้ทุกอย่างที่ผมไม่เคยได้จากลม ตัวก็แทบจะติดกันได้ข่าวมึงเรียนคนละมอใช่รึไง
“ กูตอบแทนให้ไง ” หน้าหล่อๆของมันทำเอาตีนผมกระตุก มีหน้าตาเป็นอาวุธสินะเรียกตีนได้ดีชิบหาย
“ เดี๋ยวดูก่อนแล้วกัน ” ลมเอ่ยขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร เอาวะอย่างน้อยก็ยังมีโอกาส
“ ไปกันยัง ”
ลมพยักหน้าก่อนจะหันมาคุยกับผม
“ ไว้เดี๋ยวกูบอกอีกที ไปละ ” แล้วก็เดินออกไปกันเลยทิ้งให้ผมยืนงงๆอยู่ตรงนี้คนเดียว
โดนเมินไอ้สัส!
เอาจริงมึงไม่ควรได้ตำแหน่งเดือนมหาลัยเลยไอ้อิฐถ้าจะโดนเมินขนาดนี้
แสดงออกว่าไม่พอใจก็ไม่ได้ ทำไมไอ้นั่นมันดูสำคัญจังวะ
แต่หลังจากไม่รู้จะทำยังไงผมก็นึกอะไรดีๆออก มีมิตรเราก็ต้องใช้มิตรให้เป็นประโยชน์สิครับ
‘ ว่าไง ’ รอสักพักปลายสายก็รับ น้ำเสียงมันดูอารมณ์ดีวันนี้ต้องได้เรื่องล่ะวะ
“ มึงรู้จักเพื่อนลมปะ ที่หน้าหล่อๆกวนตีนๆอะ ” ผมถามไอ้ไม้
ใช่ครับไอ้ไม้เพื่อนผม พูดเหมือนจะภูมิใจแต่ไม่ขนาดนั้นหรอกแค่ดีที่มันเลิกปากหมาใส่ผมแค่นั้นแหละแต่ก็กลายเป็นกวนตีนแทนอยู่ดี
จากวันแข่งกีฬาผมก็เป็นมิตรกับมันแบบงงๆ แข่งเสร็จมันพุ่งมาหาผมทันทีนึกว่าจะพุ่งมาต่อยแต่กลับมากอดคอผมก่อนจะชมผมเรื่องสกิลการเตะบอล เทพอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วผมจะทำไรได้ล่ะครับก็ตามน้ำไปดิ มีมิตรดีกว่าศัตรูเป็นไหนๆโดยเฉพาะมิตรที่อยู่ใกล้ตัวคนที่เราชอบน่ะ
‘ นี่มึงหมายถึงกูรึเปล่า ’ นั่นไงครับดีได้แปปเดียวสักพักก็กับมากวนตีนอีกแล้ว
“ ห่า กูหมายถึงเพื่อนสนิทตอนมัธยมของลมเว้ย ”
‘ อ๋ออออออ ไอ้นั่นอะนะ ’
“ เออไอ้นั่นแหละมันเป็นใคร ”
‘ อ้าว มึงไม่รู้หรอ ’ ถ้ารู้ก็จะถามไหมไอ้ห่านี่
‘ มันชื่อกิมเรียนอยู่มอข้างๆเรานี่แหละ ได้ข่าวว่าดังมากเลยนะมึงขนาดคนในมอเรายังรู้จัก สไตล์แบดๆไรงี้ ’
มีชมมันด้วย รู้แล้วว่ามันหล่อ
อย่างที่ไอ้ไม้ว่าครับมันหล่อสไตล์แบดๆ แต่ผมหล่อแบบคนดีไงหรือผมต้องเป็นผู้แพ้วะแบบดีเกินไปไรงี้
“ แล้วรู้ไรอีก ”
‘ ก็รู้ ’
ในขณะที่ผมกำลังตั้งใจฟังอยู่นั้น มันก็ตอบมาว่า...
‘ รู้ว่ามึงไม่มีทางสู้เขาได้ อิอิ ’ ไอ้ไม้ไอ้สัส!!!!
 ไม่ทันที่จะให้ผมได้ด่า มันก็ชิ่งตัดสายผมทันทีไอ้มิตรไม่แท้มึงควรจะสนับสนุนกูสิ!!



.....................


ในที่สุดผมก็สมดั่งใจปรารถนา…
 ลมยอมมากับผมหลังจากที่ผมใช้สารพัดวิธีเพื่อให้ลมมาด้วย
ผมล้อนเล่นน่ะครับจริงๆก็ได้ทำอะไรหรอกแค่ลมว่างพอดี แต่แล้วไงผมว่าผมชนะใสๆนะ ไม่ต้องทำอะไรมากลมก็ยอมมากับผมแล้ว หึๆ
“ เป็นอะไร ” เสียงคนข้างๆทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเอง นี่หน้าทำผมชั่วอีกแล้วหรอ
“ เปล่า ”
พอผมตอบแบบนั้นคนข้างๆก็ไม่ได้ถามอะไรต่อจึงหันกลับไปหยิบหูฟังแล้วเปิดเพลงฟังเข้าสู่โลกส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อย
ตอนนี้ผมกับลมกำลังเดินทางไปที่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งต้องการการพัฒนาแต่ไม่มีกำลังทรัพย์ ถามว่าที่ไปไปบริจาคหรอ ก็ไม่ใช่แต่จะไปช่วยสร้างมากกว่าเพราะเขากำลังปรับปรุงโรงเรียนอยู่
ส่วนเงินบริจาคคณะจัดหาให้อยู่แล้วคนที่ร่วมกิจกรรมแบบพวกผมก็ใช้แรงงานกันไป
การนั่งรถบัสไม่ใช่สิ่งที่ใฝ่ฝันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้นั่งกับคนที่อยากนั่งมันก็โอเค
โอเคมากๆเลยด้วย
ผมมองอีกคนที่หันหน้าไปมองข้างทางก่อนจะสะกิด ลมหันมามองผมก่อนจะทำหน้าเหมือนจะถามว่ามีอะไร
“ ขอฟังด้วยหน่อย ” ผมชี้ไปที่หูฟังของอีกคน
ลมถอดหูฟังข้างนึงออกแล้วยื่นมาให้ผม เห็นดังนั้นผมจึงขยับเข้าไปใกล้อีกอีกคน
ลมเคยบอกว่าผมชอบตีเนียน ถ้าไม่ตีเนียนก็ไม่ได้เข้าใกล้ขนาดนี้หรอกครับ จริงไหม?
และคงต้องขอบคุณที่ผมหน้าด้านด้วยล่ะมั้งได้ใกล้ขนาดนี้มันเกินความคาดหมายมากๆ เพราะฉะนั้นขอผมมีความสุขอยู่ตรงนี้สักหน่อยก็ยังดี...




“ กูถามจริง เด็กวิศวะกับงานศิลปะ...มันใช่หรอวะ ” ไอ้แคมป์มันทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกหลังจากที่รู้ว่าต้องมาทำอะไรบ้าง
เอาจริงๆนะผมก็คิดเหมือนมันนั้นแหละ พวกผมมันพวกใช้แรงงานนะเว้ย
หน้าตาพวกผมแต่ละคนเริ่มไม่โอเคแต่มีคนหนึ่งที่ดูจะไม่เดือดร้อนอะไรแถมยังดูเหมือนจะพอใจซะอีก
ลมชอบวาดรูป...
ผมลืมไปได้ยังไง งั้นผมก็พามาถูกคนแล้วสินะ
“ ขนของไปไว้ที่พักก่อนเถอะ ” พวกผมต้องพักอยู่ที่นี่1คืนที่นอนก็คือบ้านที่เขาจัดหาไว้ให้ก็บ้านของชาวบ้านแถวนี้แล้วก็ห้องประชุมของโรงเรียน คนในคณะกับต่างคณะที่มาด้วยกันก็ประมาณ30คนได้ ส่วนที่พักก็อย่างที่บอกไปถ้ามันสะดวกพวกผมคงไม่ต้องมาช่วยเขาหรอกเนาะ
สภาพแวดล้อมแถวนี้ไม่ได้แย่ออกจะดีด้วยซ้ำแต่ขาดการพัฒนาอากาศก็บริสุทธิ์กว่าในเมืองตั้งเยอะ
“ เด็กไปไหนหมดวะ ”
“ ไอ้ศิลป์นี่มันวันศุกร์ แล้วก็เลิกเรียนแล้วจะมีเด็กได้ไง ” ผมว่าพลางวางกระเป๋าไว้เมื่อถึงทีพัก ห้องถูกทำความสะอาดไว้อย่างดีในห้องน่าจะนอนได้สักสิบกว่าคน มีพวกผมแล้วก็เพื่อนในคณะอีกส่วนหนึ่ง ส่วนแฟนไอ้แคมป์กับเพื่อนก็ไปนอนบ้านของชาวบ้าน
“ เดี๋ยวกูไปหากิ่งนะ ” พูดไม่ทันขาดคำมันก็ปลีกตัวไปหาแฟน แฟนไอ้ศิลป์เป็นสายลุยครับไม่ห่วงสวยแต่โคตรสวย
“ มีใครจะไปตลาดกับป้าไหมจ๊ะ ” อยู่ๆคุณป้าก็โผล่เข้ามาซึ่งพอดีกับพวกผมไม่รู้จะไปไหนหลังจากเอาของมาใว้ที่พักเสร็จ
“ ไปครับ ” ไอ้ศิลปฺ์มันตอบอย่างกระตือรือร้น สายเที่ยวอยู่ไหนก็อยากเที่ยวจริงๆ
“ งั้นก็ไปกันหมดนี่แหละครับ ”
พวกผมเดินตามคุณป้าไปตอนแรก็คิดว่าจะได้นั่งรถแต่ไม่ครับ เดินเพราะตลาดมันอยู่ไม่ไกลมากนัก เดินชมบรรยากาศได้เต็มที่เลยตอนนี้ก็ยังไม่เย็นมากนักแต่บรรยากาศที่นี่มันต่างจากในเมืองอยู่แล้วที่นี่ค่ำเร็วแล้วก็บรรยากาศดีมากๆ
ผมหันไปมองคนที่เดินอยู่ข้างๆ ก็ต้องแปลกใจเมื่อสีหน้าอีกคนดูเหมือนจะชอบอยู่พอสมควร
“ ชอบหรอ ”
“ ชอบอะไร ”
“ บรรยากาศไง ”
“ ชอบ เหมือนที่บ้าน ” แล้วลมก็อมยิ้มแต่ผมนี่ชะงักเลยครับ ตายกูตาย
ผมยักมือกุมหน้าอกก็พบว่ามันเต้นแรงผิดปกติ หันไปมองคนข้างๆก็คิดได้ว่าคนข้างๆนี่อันตรายต่อหัวใจผมจริงๆ แค่ทำอะไรนิดหน่อยผมก็เสียอาการแล้ว
ไม่น่าไปว่าไอ้ศิลป์ตั้งแต่แรกเลย
“ เดี๋ยวกูกับไอ้ศิลป์ไปกับคุณป้านะ พวกมึงเดินกันเลย ” ไอ้ติณณ์แจกแจงอย่างรู้งานแต่ไอ้คนที่ไม่รู้งานคือไอ้ศิลป์นี่แหละ
“ แต่กูอยากไปกับพวกมันอะ ”
“ ไปกับกูนี่มา ” ไม่รอให้ไอ้ศิลป์ได้โวยวายไอ้ติณณ์มันก็กอดคอแล้วลากไปทันที
ทำดีมากเพื่อน
แต่พอหันกลับมามองอีกคนก็ไม่อยู่แล้ว เชี่ย หายไปไหนวะเนี่ย
ผมมองหาลมสักพักก่อนจะเห็นเจ้าตัวกำลังคุยกับเด็กคนหนึ่งอยู่ เผลอไม่ได้เลยนะเนี่ย
“ พี่จะมาช่วยสร้างโรงเรียนให้ผมใช่ไหมครับ ” เด็กน้อยตัวกลมเอียงคอถามคนที่ย่อตัวให้อยู่ในนะดับเดียวกันกับเด็กน้อยอยู่
“ ใช่ครับพรุ่งนี้น้องมาหาพวกพี่ได้นะ ” แล้วลมก็ยิ้มให้เด็กตัวกลมอย่างอบอุ่น รู้สึกอิจฉาเด็กชะมัดเลยเว้ยย
ขอสิงร่างแปปนึงได้ไหม อยากได้รอยยิ้มแบบนั้นบ้าง
“ จริงหรอครับ ”
“ จริงสิครับ พรุ่งนี้พี่มีขนมให้กินด้วยนะ ” เป็นผมที่พูดแทรกขึ้น เด็กน้อยตาโตทันทีที่ได้ยินว่ามีขนม
“ ผมต้องกลับบ้านแล้ว เดี๋ยวแม่ด่า ” เด็กน้อยทำท่าเหมือนจะร้องไห้เมื่อพูดถึงแม่
" กลับดีๆนะ " ลมลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู เด็กน้อยตัวกลมหันมายิ้มตาหยีให้พวกผมก่อนจะรีบวิ่งออกไป
“ รักเด็กนะเนี่ย ” ผมพูดแซวเมื่อเด็กน้อยวิ่งออกไปแล้ว
“ ก็ผู้ใหญ่มันไม่น่ารัก ”
โอ้โห...ลมมมมม
ใครจะคิดว่าคนแบบลมจะพูดแบบนี้ เอาชะอยากเป็นคนน่ารักเลยวุ้ย
ทำไมกูไม่เกิดมาน่ารักวะเนี่ยยย




หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 10 : 29/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 29-11-2019 21:03:54
คู่นี้นี่จีบกันอย่างเป็นทางการซักทีสิน่ะ.  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 10 : 29/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-11-2019 22:15:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 10 : 29/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-11-2019 00:01:10
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 10 : 29/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-11-2019 00:25:35
 :katai2- :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 10 : 29/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-11-2019 00:49:49
กลัวดราม่าแฟนเก่าของลมจังครับ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 10 : 29/11/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 02-12-2019 18:34:41
Chapter 11
คนที่กวนใจ


วันแรกของการสร้างสรรค์งานศิลปะ…

คนวาดได้ก็พอมี คนวาดไม่ดีก็เยอะ พวกผมเป็นกลุ่มคนส่วนหลัง จากที่คิดว่าจะมาใช้แรงงานกลับต้องมานั่งไร้ประโยชน์อยู่อย่างนี้
งานส่วนที่ซ่อมแซ่มโรงเรียนชาวบ้านก็ช่วยกันทำเสร็จก่อนที่พวกผมจะมาถึง เหลือแต่สร้างสีสันให้กับพื้นที่ในโรงเรียนโดยการวาดรูปตามทางเดิน ผนัง หรือแม้แต่สื่อเรียนรู้เล็กๆน้อยๆ เนื่องจากเด็กที่นี่เป็นเด็กอนุบาลและเด็กประถม การมีรูปภาพประกอบจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อความสนใจที่จะเรียนรู้ของเด็กๆ งานส่วนนี้ก็เป็นของผู้หญิงกับคนที่มีฝีมือด้านนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจวาดทางเดินที่อยู่ห่างจากจุดที่ผมยืนมองอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก
“ ลมวาดรูปสวยว่ะ ปลื้มชิบหาย ” ลมทำอะไรไอ้ศิลป์มันก็ปลื้มไปหมด ว่ามันไม่ได้หรอกครับเพราะตอนนี้ผมก็ไม่ต่างอะไรจากมันแถมยังหนักกว่ามันด้วยซ้ำ
“ ไปช่วยเขาผสมสีกัน ” ไอ้ติณณ์เสนอ ซึ่งพวกผมก็เห็นด้วย
“ ให้ช่วยไหม ” พวกปล่อยให้ไอ้ติณณ์กับไอ้ศิลป์ไปช่วยเขาผสมสีส่วนผมเดินไปหาเพื่อนในคณะคนหนึ่งที่ถือกล้องถ่ายรูปซึ่งผมก็จำไม่ได้หรอกว่าคนนี้ชื่ออะไร
“ ก็ดี งั้นช่วงเช้าช่วยเราถ่ายก่อนนะเดี๋ยวมาเปลี่ยน ”
ผมพยักหน้าให้กับอีกฝ่ายก่อนจะทำหน้าที่เป็นตากล้องจำเป็นเดินถ่ายภาพกิจกรรมในแต่ละมุม
ผมชอบถ่ายรูปซึ่งมันเป็นงานอดิเรกอีกอย่างหนึ่งของผม เวลาเจอวิวสวยๆหรืออะไรที่ชอบก็มักจะถ่ายเก็บไว้เสมอ ผมว่ามันเป็นการเก็บความทรงจำได้ดีเชียวล่ะ
จากที่คาดว่าจะมีเด็กๆมาแต่ต้องเสียดายเมื่อคุณครูที่นี่บอกว่าไม่ค่อยอยากให้เด็กๆมารบกวนเวลาทำงานเท่าไหร่อีกทั้งมันเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งมันก็จริงเพราะเวลาในการทำกิจกรรมของพวกผมก็มีน้อยเหมือนกัน
ผมถ่ายไอ้แคมป์กับแฟนที่กำลังตั้งใจระบายสีก่อนจะยิ้มออกมา ไอ้แคมป์เวลาอยู่กับแฟนมันดูเป็นคนจริงจังและอบอุ่นมากแต่พออยู่กับพวกผมมันเป็นบ้า
ผมตามเก็บภาพไปเรื่อยๆแล้วก็ถ่ายเพื่อนๆในคณะอีกหลายรูปก่อนจะมาหยุดอยู่ที่คนที่นั่งห่างจากเพื่อนพอสมควร นอกจากจะตั้งใจทำงานแล้วยังไม่ได้รู้ตัวเลยว่าผมถ่ายรูปตัวเองไปหลายรูปแล้ว
“ ลม ”
เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาพอดีกับจังหวะที่ผมกดชัตเตอร์
รูปโคตรดี!
ลมไม่ได้พูดอะไรแต่กลับก้มหน้าทำงานต่อ  เมื่อเจ้าตัวไม่ได้ว่าอะไรผมก็ถ่ายอีกหลายรูปจนกระทั่งพอใจนั่นแหละครับ นานๆทีจะมีโอกาส
จากนั้นผมก็ทำหน้าที่เป็นตากล้องจำเป็นถ่ายกิจกรรมเกือบทั้งวัน



งานที่ทำเกินคาดเมื่อเหลืออีกไม่กี่อย่างก็จะเสร็จแล้ว คงเป็นเพราะพวกเรามีจำนวนคนค่อนข้างเยอะงานเลยเสร็จเร็ว
และตอนนี้ผมกำลังนั่งระบายสีทางเดินอยู่ รูปเดียวนั่งมาเป็นชั่วโมงแล้วจนสำนึกได้ว่า ผมกับศิลปะนี่ไปกันไม่ได้จริงๆ
“ ทำไมระบายแบบนั้น ” เห็นทีคนที่ทนไม่ไหวคงจะเป็นคนข้างๆนี่แหละครับ คิ้วขมวดมาเชียว
ก็คนมันทำไม่เป็นนี่หว่า
“ ระบายไปทางเดียวกันสิ มึงอายุเท่าไหร่แล้วไอ้อิฐขนาดเด็กอนุบาลยังระบายสวยกว่ามึงเลย ”    แทนที่ผมจะโกรธแต่ผมกลับยิ้มออกมาเมื่อใบหน้าได้รูปนั้นแสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจน ควรใจไหมเนี่ยที่อีกคนเริ่มมีปฏิกิริยามากขึ้นแล้ว
“ ระบายอย่างนี้หรอ ” ผมปาดพู่กันไปมาอย่างสะเปะสะปะ
“ ไม่ใช่ ” ลมทำท่าจะแย่งพู่กันไปจากมือผม แต่มีหรอที่ผมจะยอม
“ สอนสิ ”
“ ก็จะทำให้ดู ”
“ ทำให้ดูมันไม่เข้าใจไง ” ลมทำหน้าเซ็งใส่ก่อนจะขยับมาจับมือข้างที่ผมถือพู่กันแล้วจับมือผมเพื่อช่วยในการระบายสีลงบนภาพที่วาดไว้
ใครจะดีเท่าผมล่ะครับ หึๆ
ดีใจได้ไม่นานคนที่จับมือผมอยู่ก็เอ่ยขึ้น
“ โตเป็นควายแล้วยังระบายสีไม่เป็นอีก ” Kเน้นๆเลยครับ
ดอกนี้แรงมากก ถ้าเป็นคนอื่นไม่อยู่เฉยๆอย่างนี้นะครับ แต่นี่ใคร ลมไง ด่าได้ด่าไปครับผมไม่สะเทือน
แค่...เจ็บนิดๆนะเจ็บนิดๆ




“ ขอบคุณนะที่ไปช่วย ” ผมเอ่ยเมื่อถึงหน้าประตูห้องของลม
พวกเรากลับจากค่ายแล้ว ตอนนี้ผมมาส่งลมที่ห้องถึงเจ้าตัวจะบอกว่าไม่ต้องมาส่งก็เถอะ
“ ลม ”
ยังไม่ทันที่คนตรงหน้าผมจะได้ตอบกลับมาก็มีมารเข้ามาแทรกซะก่อน
ให้ทายว่าใครครับ
ผมมีศัตรูอยู่คนเดียวนั่นแหละ
“ อ้าวไอ้กิม มาทำไรวะ ” ลมหันไปให้ความสนใจมันทันที แย่งซีนเก่งก็มันนี่แหละครับ
“ มีเรื่องจะคุยด้วย ”
มันมองผมประหนึ่งว่าผมเป็นคนไม่มีมารยาทที่กำลังจะยืนฟังมันคุยกับลม
แล้วไงก็ผมหน้าด้านอยู่แล้วอะ
“ เรื่องอะไร ”
“ ได้ยินม๊าบอกว่า บ้านข้างๆย้ายกลับมาแล้ว ” ไอ้กิมทำหน้าจริงจังส่วนลมก็ไม่ต่างกัน ใบหน้าได้รูปนิ่งเสียจนผมสงสัยว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ
“ แล้ว...เธอกลับมาไหม ” แววตาคู่สวยสะท้อนความหวังในคำตอบอย่างเห็นได้ชัดจนผมนึกสงสัยว่า ' เธอ ' ที่ลมพูดถึงเป็นใคร
“ ไม่รู้ ” แววตาหม่นลงจนสังเกตได้ ก่อนที่แววตานั้นจะหันมามองผม
“ กูเข้าห้องก่อนนะ ” ลมแย่งกระเป๋าไปจากมือผมก่อนจะเดินเข้าห้องไป ขณะที่ผมกำลังจะเดินตามไอ้กิมก็พูดขึ้นมา
“ หมดธุระแล้วก็กลับไปดิ ” พอหันกลับมาก็ต้องเจอกับใบหน้ากวนตีนของมัน
“ มึงก็หมดธุระแล้วไม่ใช่รึไง กลับไปดิ ” ผมจ้องหน้ามัน
“ พอดีกูยังไม่หมดธุระน่ะ คงกลับตอนนี้ไม่ได้ว่ะ ” มันเดินมาผลักไหล่ผมก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องลมแล้วปิดประตูใส่ผมทันที
สายตาที่ทำเหมือนว่าตัวเองเหนือกว่าผมนั้นอยากจะเข้าไปซัดหน้ามันให้หายหมั่นไส้สักหมัดจริงๆ
ถึงวันที่มันหมดความสำคัญแล้วผมจะหัวเราะให้




................


วันนี้เป็นวันที่ผมมาเรียนแล้วก็กำลังเลิกเรียนตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือไอ้หน้าหล่อๆที่ยืนทำหน้ากวนตีนอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ
“ มีธุระอะไร ” ผมถามคนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ได้กวนตีนสุดๆ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้กิม
“ แค่มาดูสภาพความเป็นอยู่ของเพื่อนใหม่ไอ้ลม ” มันเน้นคำว่าสภาพชะเหมือนพวกผมไม่มีความเป็นอยู่ที่ดีเลยสักนิด
“ ไอ้หน้าหล่อนี่ใครวะ ” ไอ้แคมป์กระซิบถามผม
“ เพื่อนลม ”
“ ทำไมเพื่อนแต่ละคนหน้าตากวนตีนกันจังวะ ” ยกเว้นกูคนหนึ่งเหอะ
“ ถ้ามาแค่นี้ก็หลบ พวกกูจะกลับ ”
“ ให้เพื่อนมึงกลับไปก่อนสิ กูมีเรื่องจะคุยกับมึง ” พวกได้แคมป์มองไอ้กิมอย่างไม่ไว้ใจก่อนที่ผมจะหันไปพยักหน้าให้พวกมันเป็นเชิงบอกว่าให้กลับไปก่อน
“ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน ” ผมพยักหน้าให้ไอ้ติณณ์ก่อนมันจะเดินตามไอ้แคมป์กับไอ้ศิลป์ออกไป
“ พูดมา ”
“ หาที่คุยดีๆกว่านี้หน่อยสิ ” มันว่าแล้วยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่
จริงๆมันก็ไม่เคยเป็นมิตรกับผมเลยนั่นแหละ
ผมไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหน ถึงจะเคยรู้จักตอนลมแนะนำแต่ไม่คิดว่ามันจะมีเรื่องอะไรที่ถึงขั้นต้องมาหานอกชะจากว่าเป็นเรื่องของลม
“ ร้านกาแฟใกล้ๆนี่ก็แล้วกัน ” ผมว่าพลางเดินนำมันไปยังร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามตึกเรียน


“ มึงชอบลมหรอ ” หลังจากที่มันสั่งกาแฟมาแล้วมันก็ถามขึ้น คำถามมันไม่เกินความคาดหมายเท่าไหร่นัก
“ แล้วมึงล่ะชอบลมหรอ ” ผมไม่ตอบแต่ถามกลับแทน
มันยักไหล่ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว
“ ไม่รู้หรอว่าลมมีคนที่รักอยู่แล้ว ”
“ ลมมีแฟนแล้ว? ”
“ เปล่า ” มันยกยิ้มก่อนจะกอดยกแล้วจ้องหน้าผม
คิดจะกวนตีนกันจริงๆสินะ
“ งั้นกูก็มีสิทธิ์ ”
“ สิทธิ์อะมี แต่จะได้ไหมก็อีกเรื่อง ”
“ หมายความว่ายังไง ” ผมจ้องหน้ามันกลับ
“ ก็อย่างที่บอก ลมมันมีคนที่รักแล้ว ” ผมเกลียดเวลามันทำหน้าเหมือนผู้ถือไพ่เหนือกว่าชะมัด
“ หึ เพราะงี้มึงถึงได้อกหักงั้นสินะ ” มันหุบยิ้มก่อนหัวเราะออกมา
“ ถึงกูจะไม่ได้ใจมันกูก็สำคัญกว่ามึงก็แล้วกัน ” สะอึกเลยครับพูดอะไรไม่ได้เพราะมันเป็นความจริง ผมรู้ตัวดีว่าผมอยู่ตรงไหน
“ มึงไม่สงสัยรึไงว่าทำไมลมมันถึงไม่มีแฟน ” รอยยิ้มของมันทำให้ผมคาดเดาไม่ได้เลยว่ามันจะพูดอะไรอีก
“ เพราะมันรอใครบางคนอยู่ไง ”
 ตอนนี้ผมกำลังบอกกับตัวเองว่าอย่าไปเชื่อคำที่มันพูด แต่มันห้ามได้ที่ไหนกันล่ะวะ
เพราะที่มันพูดมาผมแทบจะคิดหาเหตุผลมาเถียงไม่ได้เลย
“ ใคร ” ผมตัดสินใจถามออกไป
“ เดี๋ยวมึงก็ได้เจอ เพราะอีกไม่นานเธอก็กลับมาแล้ว ” รอยยิ้มของผู้ที่เหนือกว่าปรากฏขึ้นบนใบหน้ามันอีกครั้ง
“ ตอนแรกกูก็ไม่คิดจะมาบอกมึงหรอกนะ  แต่กูคิดว่ามึงน่าจะรู้เลยมาบอกสักหน่อย เผื่อมึงจะได้เตรียมตัวเตรียมใจหรือบางทีอาจจะเลิกยุ่งกับเพื่อนกูสักที ”
ประโยคสุดท้ายคงเป็นจุดประสงค์ของมันจริงๆ แต่เรื่องอะไรผมจะเลิกยุ่งวะ ไม่มีทางหรอก
“ ขอบใจในความหวังดีประสงค์ร้ายของมึงนะ แต่บางที...กูอาจจะได้ในสิ่งที่มึงไม่เคยได้ก็ได้นะ ”
คิดว่าผมจะนั่งให้มันหัวเราะเยาะอยู่ฝ่ายเดียวรึไง รู้จักไอ้อิฐน้อยไปชะแล้ว
“ มึงประเมินกูต่ำไปนะ ”
“ งั้นหรอ ” มันยกแก้วกาแฟขึ้นมาดูดก่อนจะลุกขึ้น
“ จ่ายให้ด้วยนะ ไอ้คนที่จะได้ในสิ่งที่กูไม่เคยได้ ” ว่าแล้วมันก็เดินออกไปจากร้านทันที
ขนาดกาแฟแก้วเดียวยังให้กูจ่ายอีกไอ้สัส!



ผมบอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก แต่ไม่ทันแล้วครับ ต่อให้ไอ้กิมมันพูดจริงหรือแค่ปั่นหัวผมผมก็คิดมากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มันทำสำเร็จ! เพราะตอนนี้ผมกำลังเดินวนอยู่หน้าห้องของลมมาสักพักแล้ว ใช่ครับผมอยู่หน้าห้องลม ผมข้องใจจนอยากมาถามให้มันรู้แล้วรู้รอดแต่ยังไม่กล้าที่จะเคาะประตูห้องอีกฝ่าย
เคาะไปแล้วถ้าลมเปิดออกมาผมจะถามยังไงดี นั่นแหละครับเหตุผลที่ทำให้ผมเป็นหนูติดจั่นอยู่ตรงนี้ กับคนอื่นผมคงไม่ต้องมาคิดเยอะอะไรขนาดนี้สงสัยก็ถามแต่นี้มันลมไง ทำอะไรตามใจชอบไม่ได้สักอย่างเลย
“ ไอ้อิฐ... มาทำอะไร แล้วทำไมไม่เคาะประตู ” ผมแทบผงะออกจากประตูเมื่อคนที่ผมกำลังนึกถึงเปิดประตูออกมา
“ เอ่อ...คือ มึงกินข้าวยัง ” ตอบไม่ตรงคำถามอีกกู
“ กินแล้ว หลบหน่อยจะไปทิ้งขยะ ” ผมหลบให้ลมก่อนยืนรอที่หน้าประตูจนกระทั่งอีกคนเดินกลับมา
“ เข้ามาไหม ” ชวนแบบนี้ก็ต้องเข้าไปแล้วไหมครับ
“ แล้วไอ้ไม้ไปไหน ”
“ เที่ยวมั้ง ” ลมนั่งลงตรงโต๊ะญี่ปุ่นที่มีหนังสือเกี่ยวกับวิชาเอกกางอยู่หลายเล่ม เรื่องเกษตรผมจะไม่ยุ่งแล้วกัน
ขณะที่เจ้าของห้องกำลังตั้งใจทำงานอยู่ผมก็เดินดูห้องไปเรื่อย ก็ไม่ต่างจากห้องผมหรอกแต่แค่อยากดู ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่กล่องกล่องหนึ่งซึ่งวางอยู่ใต้โต๊ะที่ตอนนี้แทบไม่มีที่เขียนหนังสือเพราะมันถูกแทนที่ด้วยหนังสือหลายเล่มจนเจ้าของโต๊ะต้องไปนั่งกางโต๊ะญี่ปุ่นเขียนงานแทน
พอเปิดกล่องออกมาก็พบว่าข้างในมีภาพที่ลมวาดอยู่ค่อนข้างเยอะผมจึงหยิบกระดาษออกมาก่อนจะเปิดดูทีละแผ่น แต่ผมก็ต้องอึ้งเมื่อมันมีรูปผมรวมอยู่ด้วย แล้วภาพวันที่ผมยืนคุยโทรศัพท์วันนั้นก็ลอยเข้ามาในหัว ลมวาดรูปผมจริงๆด้วย
หน้าอกข้างซ้ายมันยิ่งเต้นแรงกว่าเดิมเมื่อคิดว่าลมมองผมก่อนที่ผมจะมาตีสนิทกับลมชะอีก นี่มันยิ่งกว่าถูกหวยแล้ว!
ขณะที่ผมกำลังดีใจผมก็มองในกล่องที่ยังมีอีกหลายภาพ แต่ผมกลับสนใจภาพวาดภาพหนึ่งซึ่งนอกจากรูปผมที่เป็นรูปเหมือนแล้วก็ยังมีอีกภาพหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิง
ใคร?
เกิดคำถามขึ้นมาในใจ
“ มึงทำอะไร ” เสียงจากข้างหลังทำให้ผมไม่อยากแม้แต่จะหันไปมอง
โดนด่าแน่ๆ
“ กูถามว่ามึงทำอะไร ” เสียงเข้มมาเชียว
“ เก็บกล่องไง เห็นมันวางไม่เป็นระเบียบ ” ผมรีบปิดกล่องแล้วหันไปฉีกยิ้มให้อีกคนทันที
“ แล้วมึงเห็นอะไรบ้าง ”
“ ก็เห็นรูป.... ”
ไอ้เชี้ยอิฐ! โป๊ะแตกแล้วมึง
“ เผลอไม่ได้เลยจริงๆ ” ลมทำหน้าตึงใส่ผมทันที โทษผมไม่ได้นะก็กล่องมันโผล่ออกมาเอง
“ ไหนๆก็จับได้แล้ว ขอรูปหน่อยสิ ”
“ รูปอะไร ”
“ รูปกูไง ” ลมหันมามองผมอย่างตกใจ
“ นี่มึงเห็นหรอ ”
“ ชัดๆเลย โถ่แอบมองกูก็ไม่บอก ” แซวชะหน่อยครับโอกาสมันมา
ลมไม่ตอบอะไรแต่ปั้นหน้านิ่งตามสไตล์ของเขาล่ะ แต่หูแดงๆนั้นแหละที่ทำให้ผมยิ้มกว้างแปลได้สองอย่างคือโกรธที่ผมละเมิดความเป็นส่วนตัวกับเขินที่ถูกจับได้ว่าแอบวาดรูปผม
แต่ผมจะคิดว่าเป็นอย่างที่สองก็แล้วกัน สบายใจดี
“ เอาไปเลย ” ผมรับกระดาษจากลมที่เจ้าตัวแทบจะปาใส่หน้าผมอยู่แล้วก่อนลมจะเดินกลับไปทำงานต่อ
โถ่ ไม่บอกก็รู้ว่าเขิน
ผมดีใจกับภาพวาดในมือจนลืมไปว่าก่อนหน้านี้ผมกังวลเรื่องอะไร
.
.
.
และผมก็ไม่รู้เลยว่าเรื่องที่ผมกังวลมันกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า...


หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 11 : 02/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-12-2019 21:46:09
อีชะนีจะมาทำไมเนี่ยะ เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 11 : 02/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-12-2019 22:14:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 11 : 02/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-12-2019 23:12:17
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 11 : 02/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 03-12-2019 21:45:19
เตรียมตัวเตรียมไว้นะอิฐ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 11 : 02/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-12-2019 06:32:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 12 : 04/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 04-12-2019 22:09:03
Chapter 12
คนที่เขาไม่รู้ว่าใคร

Lm'Part


ผมสอบสามวันติดกันแล้ว!
ช่วงนี้ผมมีควิซบ่อยมากปฎิบัติไม่เท่าไหร่แต่ทฤษฎีนี่สิจำจนจะเป็นประสาทอยู่แล้ว
ในใจนี่เทตั้งแต่เห็นเนื้อหาแล้ว แต่ถ้าไม่อ่านเอฟลอยมาแน่ๆ
สภาพตอนนี้ก็คือซอมบี้ดีๆนี่เอง
“ กูนึกว่าจะไม่รอดไอ้สัส มึงดูขอบตากูดิไอ้ลมจะเป็นญาติกับหมีแพนด้าแล้วเนี่ย ”
ผมก็ไม่ต่างจากมันเท่าไหร่หรอกครับ ไม่ได้นอนเหมือนกัน
“ พี่ลมคะ ” ผมหันไปมองเด็กต่างคณะที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับถือกล่องบางอย่าง
“ มีอะไรรึเปล่าครับ ” ผมถามคนตรงหน้า
“ สุขสันต์วันเกิดนะคะ ”  ผมรับกล่องของขวัญที่คนตรงหน้ายื่นมาให้
“ ขอบ…” ยังไม่ทันขอบคุณเธอก็วิ่งออกไปชะก่อน
ผมมองกล่องของขวัญในมือ
สุขสันต์วันเกิดงั้นหรอ...
วันนี้วันเกิดผมนี่หว่า ลืมไปเลย
“ ทำหน้าแบบนี้อย่าบอกนะว่ามึงลืมวันเกิดตัวเองอะ ” ลืมสนิทเลยล่ะ
“ อืม ”
“ คืนนี้ไปฉลองกันปะ ” เมื่อกี้ยังทำหน้าเหมือนจะไม่รอดอยู่เลยตอนนี้กลับดี้ด้าขึ้นมาซะงั้น
“ ไปแทบทุกวันไม่เบื่อหรอวะ ”
“ คลายเครียดไงมึง เรียนก็หนักก็ต้องไปหาที่ที่มันเจริญหูเจริญตาดิวะ ”
“ จะไปไหนหรอครับ พวกผมไปด้วยสิ ”
เสียงไอ้เนมดังมาแต่ไกลพร้อมกับไอ้เฟรมที่เดินตามกันมา
“ ก็ไป...ไปไหนล่ะก็จะกลับห้องไปนอนไง เนาะไอ้ลม ” พอเห็นยิ้มเย็นๆของไอ้เฟรมไอ้ไม้มันก็เลี้ยวกลับแทบไม่ทันเลยครับ
คงสงสัยกันใช่ไหมครับว่าทำไมมันถึงวกกลับแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ ก็ไอ้ไม้มันกำลังคบหาดูใจกับไอ้เฟรมอยู่ ตอนผมรู้เรื่องผมก็ตกใจเหมือนกันไม่รู้มันไปสปาคกันตอนไหน จนมันเล่าให้ฟังว่าไปกินเหล้าด้วยกันบ่อยแล้วก็คุยกันถูกคอ คุยไปคุยมาก็ชอบ แถมมันยังโม้ให้ฟังว่าดูไปดูมาไอ้เฟรมมันก็น่ารักดี คบใครมันอวยคนนั้นครับอวยจนคนโสดอย่างผมรำคาญ
“ ไม่ไปแล้วหรอครับพี่ต้นไม้ ”
“ ไม่ไปแล้ว ง่วง ” เห็นอนาคตมาแต่ไกลเลยว่ะ
“ สุขสันต์วันเกิดครับพี่ลม  นี่เป็นผักจากแปลงที่ผมดูแลเลยน้า ” ไอ้เนมยื่นถุงผักนานาชนิดให้ผมแถมยังผูกโบว์ไว้เป็นอย่างดี
“ นี่มึงคิดว่าพี่รหัสมึงเป็นหนอนหรอไอ้เนมเอาผักมาให้มันทำไม บางทีมันอาจจะอยากแดกเหล้าก็ได้ ”
“ พี่ลมนะไม่ใช่พี่จะได้แดกเหล้าทุกวัน ” หนึ่งดอกจากไอ้เฟรมครับเอาชะไอ้ไม่เถียงไม่ออกเลย
ผมว่าคู่นี้เหมาะกันดีนะ
“ มึงเกลียดกูหรอไอ้เฟรม ”
“ คิดเองดิ ” เริ่มตั้งการ์ดใส่กันแล้วครับ
“ กินให้หมดนะพี่ แปลงนี้ผมดูแลเป็นอย่างดี ” สำหรับเด็กเกษตรแล้วการให้ผลผลิตจากแปลงที่ตัวเองดูแลมันมีความหมายนะ เพราะเขาดูแลและถนอมพืชพันธุ์นั้นเป็นอย่างดี ก่อนที่จะถึงมือผู้รับ
“ ขอบใจ ”
“ สรุปคืนนี้ไปฉลองกัน เดี๋ยวจองร้านไว้ ” ไอ้ไม้ในสรุปเองเสร็จสรรพไม่ถามความเห็นใครเลยสักนิด
“ พวกผมไปด้วยได้ปะ ” ไอ้เฟรมถาม
“ ได้ดิ แต่จ่ายเองนะ ”
“ เลี้ยงน้องหน่อยดิ เนาะไอ้เนม ” ไอ้เฟรมมันหันไปหาแนวร่วม ไอ้เนมนี่ตัวดีเลยครับพยักหน้าจนหัวแทบจะหลุดอยู่ละ
“ หารกันดิวะ เงินไม่ได้ผลิตเองนะเว้ย ”
“ ไม่ป๋าเลยว่ะเฟรม มึงเปลี่ยนคนคบมะ ”
“ ความคิดดีนะ ”
“ มึงอยากตายหรอไอ้เนมม ” ไอ้เนมเอียงตัวหลบลูกเตะของไอ้ไม้ก่อนจะไปหลบอยู่หลังไอ้เฟรม
ไลน์~
ผมเปิดหน้าจอตอบแชทคนที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร
   
A_d: สอบเสร็จยัง
LM: เสร็จแล้ว
A_d: ตอนเย็นว่างปะ
LM: จะไปแดกเหล้ากับไอ้ไม้

เมื่อผมเห็นว่าไม่มีข้อความอะไรตอบกลับมาก็เก็บมือถือลงกระเป๋า
 ผมไม่ตื่นเต้นกับวันเกิดมาสักพักแล้ว เพราะมันก็ไม่ต่างจากวันธรรมดาที่ไม่ได้มีความพิเศษอะไร




ตื๊ด~~~ตื๊ด~~~
“  หวัดดีครับบ ”
‘ ร่าเริงเชียวนะ ’ ผมยิ้มให้กับคนในสายที่นานๆทีจะโทรมา ไม่ใช่ใครที่ไหนครับคุณแม่ของผมเอง
“ แน่นอนสิครับ ก็คุณนายอุตส่าห์โทรมาหาผมนี่นา ”
‘ ก็ใครบางคนแถวนี้ไม่ยอมโทรมาหาแม่นี่คะ ’
“ ช่วงนี้ลมยุ่งนิดหน่อยครับ ” อ้อนสักหน่อยครับเดี๋ยวคุณนายท่านจะโกรธเอา
‘ ยุ่งจนลืมวันเกิดตัวเองรึเปล่าเอ่ย ’
“ เกือบลืมครับ ”
‘ ว่าแล้วเชียว ’ ผมยิ้มให้กับความรู้ทันของคนในสาย
“ ก็มีคนคอยเตือนอยู่นี่ไงครับ ”
‘ จริงๆเลยเจ้าลูกคนนี้....สุขสันต์วันเกิดนะแม่ขอให้ลูกมีความสุขแล้วก็โทรมาหาแม่บ้าง คนทางนี้เหงานะรู้ไหม ’ ไม่ว่าจะกี่ปีคุณแม่ก็บอกผมแบบนี้เสมอ แค่ประโยคเดียวแต่มีความหมาย
‘ วันเกิดปีนี้ขอให้เป็นปีที่ดีนะเจ้าลม ’
“ ขอบคุณนะครับ ผมคิดถึงแม่นะไว้ว่างๆผมจะโทรไปหา ”
‘ ให้มันจริงเถอะ ’ แล้วคุณแม่ก็ตัดสายไปโดนที่ผมไม่ทันได้พูดอะไรต่อ จริงๆก็กลายเป็นเรื่องชินสำหรับผมไปชะแล้วล่ะครับ
ก็ได้แต่หวังว่าวันเกิดปีนี้จะเป็นปีที่ดี...



.................


ผมกำลังมองหาคนที่ไม่ตอบแชทผมตั้งแต่ตอนบ่าย จากที่คิดว่ามันน่าจะมาด้วยก็ไม่เห็นโผล่มาทั้งที่คนอื่นก็มากันเกือบหมดแล้ว
ไปไหนของมัน
“ มองหาไอ้อิฐหรอ ” ไอ้กิมที่นั่งอยู่ข้างๆผมเอ่ยขึ้น
ขนาดไอ้กิมยังมาแล้วคนที่ไม่น่าจะพลาดมันหายหัวไปไหน
“ เปล่า ” ใครจะไปยอมรับวะ
“ โกหกไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ ”  มึงเป็นเครื่องจับโกหกรึไงเนี่ย
“ มองหาเขาก็บอกมาตรงๆ ”
“ ก็มองหาปกติปะ เพื่อนคนอื่นก็มากันหมด ” ผมตอบไอ้กิมก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่ม
“ มึงจะแถทำไหมเนี่ย มองหามันก็ยอมรับมาตรงๆดิ ”
“ เออ ”
“ ลีลา ” กูไม่ได้ลีลาเว้ยแค่ไม่ยอมรับ
ไอ้กิมเลิกสนใจผมก่อนจะหันไปสนใจเครื่องดื่มตรงหน้า
จริงๆเรามากันหลายคนนะครับแต่คนที่นั่งอยู่โต๊ะก็มีแค่ผมกับไอ้กิมนี่แหละ นอกนั้นอยู่หน้าเวทีนู่น
ร้านที่ไอ้ไม้มันจองเป็นร้านที่ค่อยข้างหรูในระดับหนึ่งต่างกับร้านสาติกันคนละเรื่องเลย
วันเกิดผมแต่คนสนุกคือพวกไอ้ไม้ มันก็แทนกันได้อยู่นะผมว่า
ขณะที่ผมกำลังนั่งดื่มไปเรื่อยๆดนตรีสดที่กำลังเล่นก็หยุดพร้อมกับไฟที่ดับลง
ร้านออกจะใหญ่โต ไฟคงไม่ดับใช่ไหม
แต่แล้วผมก็ต้องอึ้งเมื่ออยู่ๆคนที่ผมคิดว่าไม่มากำลังถือเค้กออกมาจากข้างเวทีเดินตรงมาหาผมพร้อมกับร้องเพลง
“ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู…” แล้วคนทั้งร้านก็พร้อมใจกันร้องตามและปรบมือ
จริงๆก็รู้สึกดีนะ แต่แบบมึงลงทุนไปรึเปล่า!!
สักพักไอ้อิฐมันก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ส่งมา
ผมเคยบอกใช่ไหมครับว่าไอ้อิฐมันมีพลังบวกค่อนข้างเยอะ แล้วตอนนี้มันก็ส่งมาถึงผม
“ อธิษฐานแล้วเป่าเทียนสิ ” ผมมองหน้าไอ้อิฐก่อนจะหลับตาแล้วอธิษฐานจากนั้นก็เป่าเทียน
เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับไฟที่สว่าง และใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมชัดขึ้น
“ สุขสันต์วันเกิดนะ เค้กนี่กูทำเองเลยนะ ” มันพูดแล้วยิ้มกว้าง
“ กินได้แน่หรอ ” เสียงไอ้กิมดังขึ้นทำให้ไอ้อิฐหุบยิ้มทันที
" สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอให้เจ้าของวันเกิดมีความสุขมากๆและขอให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่มีความสุขกับค่ำคืนนี้กันอย่างเต็มที่นะครับบบบ " เสียงนักร้องนำพูดผ่านไมค์ ผมโค้งหัวให้แทนคำขอบคุณก่อนจะรับเค้กจากไอ้อิฐ
“ ทำเองจริงดิ ” ผมมองเค้กก้อนโตอย่างไม่เชื่อสายตา
“ จริง นี่ทำทั้งวันเลยนะ เจ๋งปะล่ะ ”
“ โม้ ” ไอ้กิมเจ้าเก่าเจ้าเดิมครับ
“ ไม่มีบทก็หุบปากไป”
“ พี่ลมแบ่งเค้กดิ ” ไอ้เนมผู้ชอบของหวานเป็นชีวิตจิตใจจ้องเค้กอย่างไม่วางตา
“ มึงนั่งเลยเดี๋ยวกูแบ่งให้ ”
“ บริการดีจนไอ้ลมมันจะเป็นง้อยแล้วมั้ง สปอยอะไรของมึงนักหนาไอ้อิฐ ” ที่ไอ้ไม้พูดมันก็เกินไปครับ ไอ้นี่พอไม่ตีกับไอ้เฟรมก็หาเรื่องตีกับคนอื่นไปเรื่อย
“ เรื่องของกูปะ จะแดกไหมเค้ก ”
“ แดกครับพ่อออ ”
ไอ้อิฐแบ่งเค้กให้เพื่อนจนหมดและชิ้นที่ใหญ่ที่สุดก็ถูกวางไว้ตรงหน้าผม
ผมไม่ชอบของหวาน...
รับรู้ได้ถึงการกลั้นขำของไอ้กิมที่นั่งอยู่ข้างๆโดยตอนนี้ด้านข้างผมก็มีไอ้อิฐนั่งประกบอยู่
แล้วดูหน้าไอ้อิฐสิครับใครจะไปกล้าปฏิเสธวะ
“ ชิมสักหน่อยดิ ”
ของหวานกับแอลกอฮอล์มันไปกันได้แน่หรอวะ
ผมกลั้นใจตักเค้กเข้าปากก่อนจะพบว่ารสชาติมันไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดีนั่นแหละครับ
“ ลงทุนว่ะ อิจฉาเลยนะเนี่ย ” ไอ้กิมมันพูดก่อนจะมองผมแล้วอมยิ้ม
“ ไปเข้าห้องน้ำแปป ”
ผมพยักหน้าให้ไอ้กิมก่อนจะมันเดินออกไป
“ มีอะไร ” พอหันมาก็เจอสายตาของไอ้อิฐที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว
“ มีของขวัญจะให้ ” ไอ้อิฐยื่นกล่องของขวัญสีดำมาตรงหน้าก่อนผมจะรับไว้แล้วทำท่าจะเปิดแต่คนที่ให้กลับห้ามไว้ชะก่อน
“ อย่าเพิ่งเปิด ”
“ ทำไม ”
“ เอาไว้...ถ้ามึงคิดถึงกูเมื่อไหร่ค่อยเปิด ” ไอ้อิฐมันหลบสายตาก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เขิน    ผมคิดงั้นนะเพราะหูทั้งสองข้างของมันแดง
คิดถึงงั้นหรอ เหมือนกับที่ผมรู้สึกตอนที่ไม่เจอมันวันนี้รึเปล่า
“ ไม่รู้จะได้เปิดไหมนะ ” ผมแกล้งแหย่มันเล่นแล้วเก็บกล่องของขวัญใส่กระเป๋า
“ ไม่เปิดไม่เป็นไร แค่เก็บมันไว้ก็พอ ” นับวันคำพูดของมันยิ่งเสี่ยวมากขึ้น แล้วก็ใจผมที่มันชอบเต้นแรงทุกครั้งเวลาไอ้อิฐมันพูดหรือทำอะไรแบบนี้ให้
อยู่กับมันผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้ง และผมก็ชอบที่มันอยู่ข้างๆผมแบบนี้
“ ขอบคุณนะ ”
ไอ้อิฐทำหน้าแปลกใจใส่ผม
“ วันเกิดปีนี้ พิเศษขึ้นเยอะเลย ” ผมยิ้มให้ไอ้อิฐมันจึงยิ้มกว้างก่อนจะยีหัวผมเบาๆ
ความเนียนของมันทำให้หัวใจผมทำงานหนักและเริ่มรู้สึกว่ามันอันตรายต่อใจผมมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่ผมบอกว่าพิเศษ มันพิเศษจริงๆ คงเป็นเพราะไอ้คนที่นั่งยิ้มหน้าบานอยู่ข้างๆด้วยล่ะมั้ง
...ก็หวังว่าวันเกิดผม จะมีมันอยู่ข้างๆแบบนี้อีก...





G___G: ถึงห้องยัง
    LM: ยัง อยู่หน้าหอกำลังจะขึ้นห้อง
G___G: มีเรื่องจะคุยด้วย รอตรงนั้นนะ
    LM: โอเค

“ มีอะไรรึเปล่า ” เสียงไอ้อิฐทำให้ผมหันไปสายหน้าแทนคำตอบ
“ มึงขึ้นห้องไปก่อนเลยก็ได้นะ ”
“ ทำไมอะ ”
“ ไอ้กิมมีเรื่องจะคุยด้วย เดี๋ยวมันมา ” ไอ้อิฐขมวดคิ้วทันที
“ งั้นกูรอเป็นเพื่อน มันมาเดี๋ยวกูค่อยขึ้นไปก็ได้ ” ไอ้อิฐก็คือไอ้อิฐ ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดอะไรอยากรอเป็นเพื่อนก็รอ
ก่อนจะแยกกันไอ้กิมก็ไม่มีท่าทีที่จะมีเรื่องต้องคุยกับผม ซึ่งผมกำลังคิดอยู่ว่ามันมีเรื่องอะไรกันแน่
“ ลม ”
“ ครับ ”
ผมตอบทั้งยังไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใครแต่ที่แน่ๆไม่ใช่เสียงคนที่ยืนอยู่ข้างๆผมแน่นอนเพราะเสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิง
พอหันไปมองผมก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าคือใคร
“ สุขสันต์วันเกิดนะ ” รอยยิ้มที่ผมไม่ได้เห็นมานานถูกส่งมาจากคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ผมยังจำรอยยิ้มนั้นได้ดี
“ เธอ... ”
.
.
รักแรกของผม


หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 12 : 04/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-12-2019 22:47:52
ชะนีมาทำไม  :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 12 : 04/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-12-2019 23:34:04
งานนี้น่าจะพบคนอกหัก 1 อัตราล่ะมั้งนะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 12 : 04/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-12-2019 00:29:17
 :m16:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 12 : 04/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-12-2019 09:08:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 12 : 04/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 05-12-2019 09:23:22
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 13 : 06/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 06-12-2019 17:55:22
Chapter 13
คนที่เธอรัก...

มัธยมปลาย


‘ โอ้ย! เธอเบาๆหน่อยสิ ’ ผมร้องเสียงหลงเมื่อคนที่กำลังทำแผลให้ผมกดแผลชะเต็มแรง
‘ ทีอย่างนี้ล่ะเจ็บ ตอนตีกันทำไมปากดีจังคะ ’ คนที่บ่นผมอยู่คือ เม็ดทราย แฟนของผมเอง
เธออายุมากกว่าผม1ปี แต่ผมไม่เคยเรียกพี่เลยสักครั้ง
เม็ดทรายเป็นดาวโรงเรียนทั้งสวยทั้งเรียนเก่ง เป็นคนที่มีพร้อมเกือบทุกอย่าง ใครๆก็ชอบเธอ ส่วนผมก็เป็นนักเลงกระจอกๆคนหนึ่งที่มีเรื่องต่อยตีเป็นประจำ โดดเรียนบ้างตามประสาคนติดเพื่อน    ผมกับเธอต่างกันราวฟ้ากับเหว
ใครๆก็บอกว่าผมไม่คู่ควรกับเธอ แต่เธอก็ยังเลือกผม
เราคบกันมาได้สักพักแล้ว เธอบอกผมตลอดว่าให้เลิกมีเรื่องชกต่อยสักทีแต่มันทำได้ที่ไหนล่ะครับ ไม่ใช่ว่าจะเลิกง่ายๆซะหน่อยพอเจอคู่อริมันก็ใส่พวกผมไม่ยั้งแล้วจะให้พวกผมอยู่เฉยๆหรอ
‘ เราขอได้ไหม เลิกทำให้ตัวเองเจ็บตัวแบบนี้สักที ’ สีหน้าและแววตาที่แสดงความเป็นห่วงจนผมไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา
เธอมีอิทธิพลต่อใจผมมาก เพราะเมื่อไหร่ที่เธอขอผมก็จะพยายามทำให้
และนั่นทำให้ผมไปหาเพื่อนน้อยลง เข้าเรียนทุกคาบ ผมไม่ใช่คนเรียนเก่งแต่มีแฟนเรียนเก่งนี่ครับ หลังเลิกเรียนเธอจะติวหนังสือให้ผมเกือบทุกวัน จนกลายเป็นว่าผมมีแค่เธอ ไม่ได้สนใจเพื่อนเลย    
ผมเลิกมีเรื่องชกต่อยตามที่เธอขอได้จริงๆและเพื่อนก็ถอยห่างจากผมด้วย โดยเฉพาะไอ้กิมเมินผมอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยไปบ้านมันบ่อยๆผมก็เลือกที่จะไปบ้านข้างๆแทนนั่นก็คือบ้านของเธอ
ผมเจอเธอเพราะไปหาไอ้กิมบ่อยๆ แต่หลังจากนั้นผมไปเพราะอยากเจอเธอ
ผมติดแฟนจนลืมเพื่อน
ผมอยากแก้ตัวแต่มันสายเกินไปสำหรับไอ้กิม เรากลายเป็นคนไม่รู้จักกันไปแล้ว
‘ ไอ้กิมมันไม่ได้โกรธมึงหรอก  อย่าคิดมาก ’ ไอ้จินเป็นคนที่คอยทำให้ไอ้กิมกับผมคืนดีกันแต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ
มันบอกว่าดีด้วยซ้ำที่เธอทำให้ผมกลับมาตั้งใจเรียนเพราะเมื่อก่อนก็เป็นมันนี่แหละที่มักจะคอยเตือนเวลาที่ผมเกเร
ไม่ใช่ว่าไอ้กิมไม่ดี แต่เป็นที่ผมที่เป็นแบบนั้นอยู่แล้วเราจึงเข้ากันได้ดี ไอ้กิมมันเรียนเก่ง แต่ผมกลับไม่เอาอ่ะไรสักอย่าง
‘ แต่มันไม่คุยกับกู ’
‘ มันคงมีเหตุผมของมันแหละ ’
และเหตุผลของไอ้กิมก็เกินความคาดหมายของผมมาก
เพราะมันชอบผม



ดอกฟ้ากับหมาวัด นี่คือคำที่เพื่อนเธอมักจะพูดให้ผมหรือแม้แต่คนอื่นที่มองมา เมื่อก่อนอาจจะใช่แต่คอนนี้ผมปรับปรุงตัวเองทุกอย่างเพื่อให้เธอไม่อายใครเวลาเดินกับผม
ผมตั้งใจเรียน เล่นกีฬาจนได้เป็นตัวแทนของโรงเรียน และเริ่มดังในระดับหนึ่ง อยากจะเคียงข้างดาวผมจึงต้องพยายามทำตัวให้เป็นเดือน..และมันก็สำเร็จ
‘ มีแฟนหล่อต้องทำใจรึเปล่าเนี่ย ’ เธอเอ่ยแซวผมขณะที่มีรุ่นน้องเอาของมาให้แต่ผมไม่ได้รับและบอกไปว่ามีแฟนแล้ว
‘ หล่อเพราะใครล่ะ ’ ผมยีผมเธออย่างนึกเอ็นดู
เธอเป็นคนมีเหตุผล อาจจะเป็นเพราะเธออายุมากกว่าผมด้วยล่ะมั้ง
เราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง อย่างมากเธอแค่บ่นที่ผมทำตัวเกเร
‘ สุขสันต์วันเกิดนะสายลม ’
สายลม เป็นชื่อเล่นของผม คนอื่นมักจะเรียกผมว่าลม ก็มีเธอและคนในครอบครัวที่เรียกผมแบบนี้
ผมรับกล่องของขวัญจากเธอก่อนจะเปิดดู
สร้อยที่เธอบอกว่าหวงนักหวงหนาตอนนี้อยู่ในมือของผม
‘ ให้เราจริงหรอ เธอหวงมากไม่ใช่รึไง ’
‘ ก็เพราะหวงไงถึงให้ ’
ผมยิ้มกว้างเมื่อเธอพูดจบ เธอมักจะทำตัวน่ารักแบบนี้เสมอ
‘ อยากมีเธออยู่กับเราในวันเกิดแบบนี้ทุกปีจัง ’
‘ เราจะอยู่บอกสุขสันต์วันเกิดเธอทุกปีเลยนะ ’ เธอยิ้ม
‘ สัญญานะ ’ ผมยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าอีกคน
‘ สัญญา ’
เธอเกี่ยวก้อยผมก่อนจะยิ้มกว้าง
ผมชอบเวลาเธอยิ้มเพราะมันทำให้โลกของผมสดใส และทำให้ผมรู้สึกโชคดีเสมอที่เธอเลือกผม



แต่เพราะความสุขมันมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน
วันนี้เป็นวันที่เธอเรียนจบผมก็คิดไว้แล้วว่าเราต้องห่างกัน แต่แล้วไงผมสามารถไปหาเธอได้อยู่แล้ว
งานปัจฉิมของรุ่นพี่ม.6 รุ่นน้องต่างมาแสดงความยินดีรวมถึงผู้ปกครองและผมที่กำลังถือกล่องของขวัญไปให้เธอ
ในกล่องมีสมุดวาดรูปที่ผมวาดรูปเธอตั้งแต่แอบมองเธอข้างเดียวจนคบกันและถึงตอนนี้เพราะมันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สื่อถึงความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอนอกจากคำพูดและการกระทำ
‘ เธอ ’ เมื่อได้ยินเสียงผมเธอที่กำลังคุยกับเพื่อนอยู่ก็หันมา
เธอคุยกับเพื่อนสักพักก่อนจะแยกตัวมาหาผม
‘ ยินดีด้วยนะ เรามีของ…’
‘ เรามีเรื่องจะคุยด้วย ’
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเมื่อเห็นสีหน้าของเธอ ใบหน้าที่ไม่ได้ยิ้มเหมือนทุกครั้งที่เจอผม จนผมคิดว่าผมไปทำอะไรผิดไว้รึเปล่า
‘ จำทุนที่เราเคยเล่าให้ฟังได้ไหม ’ ผมพยักหน้า
เธอเคยบอกผมว่าเธออยากได้ทุน แต่ผมจะยินดีมากถ้ามันไม่ใช่ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ
‘ เราได้ทุนนั้น ’ ผมคงไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่านี่อาจจะหมายถึงการบอกลา
‘ ประเทศไหนอะ เราไปเรียนด้วยได้ปะ ’ ผมหมายถึงอย่างที่พูดจริงๆ เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะตามเธอไปไม่ได้
‘ ไม่ต้องหรอกลม เรารู้ว่าเธอเหนื่อยที่วิ่งตามเราขนาดนี้ ’ ผมยิ้มไม่ออกที่อยู่ๆเธอพูดออกมาแบบนี้
ผมไม่เคยเหนื่อยและผมก็ไม่ได้วิ่งตามเธอผมแค่พยายามทำด้วยให้ดีขึ้นเพื่อเธอ
‘ เราไม่ได้เหนื่อยเลยนะ ’
‘ เราขอไปทำตามความฝันของเราได้ไหม ’
‘ เรารอได้ ’
‘ ไม่มีใครรอได้หรอกลม ’ ใบหน้านิ่งๆไม่ได้บ่งบอกว่าพูดเล่นแต่อย่างใด
ถ้าเธอขอผมก็พยายามทำให้...ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เธอเดินจากไปโดยที่ของขวัญยังอยู่ในมือผม ผมไม่ได้ให้เธอและดูเหมือนเธอก็ไม่ได้สนใจที่จะมองมันด้วยซ้ำ
วินาทีนั้นผมถึงได้เข้าใจความหมายของคำว่า ใจสลาย เป็นครั้งแรก
ไม่เคยทะเลาะกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เลิกกัน
ผมไม่กล้าแม้แต่จะรั้งเธอไว้ นั่นเป็นความฝันและอนาคตของเธอที่เธอไม่อนุญาตให้มีผมอยู่ในนั้น
มันคงเป็นเหมือนกับที่คนอื่นบอกไว้
ผมมันไม่คู่ควรกับเธอตั้งแต่แรกแล้ว...



.....................


ปัจจุบัน


“ เธอ....มาได้ไง ” ผมมองคนตรงหน้าอย่างตกใจ เมื่อคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกลับมายืนอยู่ตรงหน้าผม
เธอคือเม็ดทราย แฟนเก่าของผม
“ แม่เราอยากกลับบ้านน่ะเลยมาส่ง ” เธอพูดแล้วยิ้ม
เธอยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งแววตาและรอยยิ้มที่ส่งมา ต่างจากครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอตอนที่เราเลิกกัน
“แล้ว…มาหาเราได้ยังไง ”
“ กิมบอกมาน่ะ จำได้ว่าวันนี้วันเกิดเธอเลยมา ” ไม่รู้ว่าเธอมาเพราะยังจำวันเกิดได้หรือคำที่เคยสัญญากันไว้
แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรผมก็ดีใจ....ที่ได้เจอเธออีกครั้ง
ผมคิดถึงเธอมาตลอดและวันนี้เธอก็อยู่ตรงหน้าผม แต่อีกความรู้สึกมันกลับรู้สึกว่าแค่ได้เห็นหน้าอีกครั้งก็พอแล้วทั้งที่มันควรจะรู้สึกมากกว่านี้
“ ลม ” เสียงคนข้างๆทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกคนอยู่ตรงนี้
สายตาของไอ้อิฐที่ไม่รู้ว่าตอนนี้คิดอะไรอยู่กำลังมองผมสลับกับเธอ
“ เพื่อนหรอลม ” เธอมองไอ้อิฐแล้วถามผม
“ ใช่ อิฐนี่ทราย…”
“ เพื่อนลมค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ” เธอยิ้มให้ไอ้อิฐ
ผมกำลังจะบอกว่าเธอคือแฟนเก่าแต่ก็ดีแล้วแหละ เพราะตอนนี้ก็เราเป็นเพื่อนกันจริงๆ
“ ดึกแล้ว ” น้ำเสียงไอ้อิฐนิ่งจนผมไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร
“ นั่นสิ เรามาซะดึกเลย ขอโทษนะ ”
“ ไม่เป็นไร แค่เธอมาเราก็ดีใจแล้ว ” นั่นเป็นความรู้สึกจากใจจริงๆแค่เธอไม่ลืมผม ผมก็ดีใจมากแล้ว
“ เธอพักอยู่ที่ไหน ให้เราไปส่งไหม ” เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ ดึกแล้วเดี๋ยวไปส่ง ” ผมยังยืนยันคำเดิม ก่อนจะหันไปหาไอ้อิฐแล้วบอกมันให้ขึ้นห้องไปก่อน
“ มึงขึ้นห้องก่อนเลยนะ ” ไอ้อิฐไม่ได้ตอบอะไร มันยืนทำหน้านิ่งๆจนผมไม่รอคำตอบของมันแล้วเดินไปหาเธอ มันก็พูดขึ้น
“ มึงกลับมาแล้วไลน์บอกกูด้วย ” ผมหันไปพยักหน้าให้มัน
“ เดี๋ยว ” ไอ้อิฐมันร้องทัก
“ กูมีรถ เดี๋ยวไปส่ง ” ว่าแล้วมันก็เดินไปโรงรถทันที อะไรของมันหลายความคิดเหลือเกิน
สักพักรถคันหรูก็ขับมาจอดใกล้ๆมีรถก็ไม่ยอมขับ มาแย่งจักรยานผมขี่อยู่ได้
“ มึงมานั่งหน้า ” ผมเปิดประตูให้เธอก่อนจะเดินไปนั่งหน้าตามที่ไอ้อิฐบอก
“ จริงๆเรากลับเองก็ได้ เธอไม่เห็นต้องรบกวนเพื่อนเลย ”
“ ไม่รบกวนหรอก ” ผมหันไปยิ้มให้เธอ แต่ก็ต้องกลับมาเจอสายตาไอ้อิฐที่นิ่งจนผมไม่กล้าพูดอะไรต่อ



ไอ้อิฐจอดรถหน้าโรงแรมหรูที่ไม่ไกลจากมอเท่าไหร่
“ พรุ่งเธอว่างไหม ” เธอถามผมขณะที่ผมเดินมาเปิดประตูให้
“ ทำไมหรอ อยากเที่ยวแต่ไม่มีเพื่อนรึไง ”
“ รู้ใจตลอด ”
“ ขึ้นห้องเถอะ พรุ่นี้เจอกัน ”
“ งั้นฝันดีนะ ” ผมพยักหน้าให้เธอก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในโรงแรม
“ ฝันดี…”
ความรู้สึกหลายอย่างกำลังตีกันผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกแบบไหนกันแน่ ไอ้ดีใจมันก็ดีใจอยู่แล้ว แต่มันยังมีอะไรบางอย่างที่กวนใจผมอยู่
พอขึ้นรถมาไอ้อิฐก็ไม่ได้เอ่ยถามเกี่ยวกับเธอเลยสักคำ ยังทำหน้านิ่งอยู่แบบนั้น

G___G: เจอพี่ทรายรึยัง
LM: เจอแล้ว

อาจเป็นเพราะการกลับมาของไอ้กิมที่ทำให้เธอก็กลับมาหาผมด้วย...





หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 13 : 06/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-12-2019 20:04:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

ดูทรงแล้ว  เม็ดทรายคงไม่หวนรีเทิร์นหรอกเนอะ

แต่นู๋ลมอาจจะยังสลัดความรู้สึกเก่า ๆ ไม่เด็ดขาดสักทีแน่นวล
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 13 : 06/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 06-12-2019 21:38:27
กลับมาทำห่าอะไร......ที่ตอนจะไปไม่เคยแคร์ ไอ้สัดดดด
แม่งอินเว้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 13 : 06/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-12-2019 21:45:07
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 13 : 06/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-12-2019 22:25:23
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 13 : 06/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-12-2019 23:27:11
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 13 : 06/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 07-12-2019 08:49:25
น่าจะเป็นโอกาสให้ได้เคลียร์ใจกันสักทีล่ะนะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 14 : 09/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 09-12-2019 20:31:24
Chapter 14
คนที่จะเริ่มต้นใหม่


“ ยังชอบกินแต่ผักอยู่เหมือนเดิมเลยนะ ”
“ ก็เหมือนเดิมแทบทุกอย่างนะ ” เธอขำเมื่อผมพูดไปแบบนั้น ขำอะไรอะผมจริงจังนะเนี่ย
ตอนนี้เรากำลังกินชาบูอยู่ครับ เธอบ่นว่าอยากพาผมมาเลี้ยงเนื่องในวันเกิดซึ่งผมก็ว่างพอดีเพราะอาจารย์เพิ่งยกคลาสคาบบ่ายไปแต่ต่อให้มีเรียนผมก็หาทางมาอยู่ดีนั่นแหละ
“ ปกติมาบ่อยไหม ”
“ ชาบูอะนะ ” เธอพยักหน้า
“ นานๆทีน่ะ ” ครั้งล่าสุดก็ตอนที่มากับพวกไอ้จิน
“ พาสาวมากินอะดิ ”
“ อย่างเราเนี่ยนะจะพาสาวมา ”
“ ก็ไม่แน่นะ เธอน่ะฮอตจะตาย ” ผมส่ายหัวแล้วมองเธออย่างขำๆ
เธอและผมต่างคนต่างเงียบก่อนจะจัดการกับชาบูตรงหน้า
ไลน์~

A_d: ทำอะไรอยู่

เสียงไลน์ทำให้ผมหันมาสนใจมือถือ
“ เธอ ”
“ หืม ” ขณะที่ผมกำลังจะตอบแชทไอ้อิฐก็ต้องเก็บมือถือแล้วหันมาสนใจเธอแทน
เธอบอกผมเสมอว่าเวลากินห้ามเล่นมือถือ
ผมจำได้ทุกอย่าง ทั้งที่ควรจะลืมมันไปตั้งนานแล้ว
“ กินเสร็จเราไปดูหนังกันไหม ”
“ ได้สิ วันนี้เราว่างทั้งวันแหละ ”
“ ไม่ใช่ว่าโดดเรียนมาอยู่กับเราหรอกนะ ” เธอรู้ทันผมอีกแล้ว
ผมมีความสุขจนเหมือนกับว่าตอนนี้กำลังฝัน ผมมองเธอก่อนจะยิ้มออกมาไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเธอก็คือคนที่อยู่ในใจผมเสมอแต่เธอไม่ได้เลือกผมเหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน


ผมมองแผ่นหลังของคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีที่กำลังยืนซื้อตั๋วหนังอยู่ก่อนเจ้าตัวจะเดินกลับมาหาผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นใครต่อให้เคยเจอก็จำหน้าไม่ได้
พาสาวมาดูหนังสินะ…
“ ดูเรื่องไหนดี ” ผมถูกดึงความสนใจจากคนข้างๆก่อนจะได้คิดอะไรต่อ
“ หนังรักตัดทิ้งแล้วกันเนาะ ” เธอไม่ชอบหนังรักเธอเคยบอกว่ามันโรแมนติกเกินไป
แต่หนังรักมันก็ไม่ได้โรแมนติกทุกเรื่องสักหน่อยนะผมว่า
“ เอาเรื่องนี้แล้วกัน ” เธอชี้ไปยังโปสเตอร์เรื่องที่เกี่ยวกับแฟนตาซีเรื่องหนึ่งผมจึงเดินไปซื้อตั๋วให้ ส่วนคนที่ผมเห็นเมื่อกี้ก็หายไปแล้วสงสัยคงเข้าโรงหนังไปแล้วมั้ง
“ เข้าไปกันเถอะ ” เธอพยักหน้าก่อนเราสองคนจะเดินเข้าไปในโรงหนัง
ดูท่าทางหนังเรื่องนี้จะเป็นที่สนใจของหลายๆคนเพราะคนเกือบเต็มดีที่ผมยังซื้อตั๋วทัน
ผมเดินเข้าไปที่นั่งของตัวเองแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่นั่งถัดไปคือไอ้อิฐและผมก็เห็นว่าคนที่นั่งถัดไปคือเพื่อนไอ้อิฐ ไอ้อิฐมากับเพื่อนด้วยสินะไม่ได้มากับผู้หญิงแค่สองคน
อยู่ๆผมก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ นั่งลงสิเธอ ” เสียงเธอทำให้ไอ้อิฐหันมาเห็นผมพอดี เหมือนมันจะตกใจแวบหนึ่งแล้วก็ทำหน้านิ่งใส่ผม
“ ทำไมไม่ตอบไลน์ ” พอผมนั่งลงมันก็ขยับมากระซิบ
“ ลืมอะ โทษที ” ผมตอบตามความจริงแต่ดูเหมือนว่าความจริงจะทำให้ไอ้อิฐไม่พอใจสักเท่าไหร่
“ อ๋อ…ลืมไปว่าไม่สำคัญ ” ผมหันไปมองหน้ามันทันทีมาแนวนี้ไม่ใช่ว่ามันจะงอนผมหรอกนะ
“ งอน? ” ถามทั้งที่รู้ว่ามันต้องงอนผมแน่ๆ
“ เปล่า ” ปากบอกเปล่าแต่ไม่หันมามองหน้าผมเลยสักนิด
“ แน่ใจ? ” ผมพยายามพูดให้เบาที่สุดเพราะกลัวจะไปรบกวนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
เธอที่พอหนังเริ่มฉายก็หลุดเข้าไปในโลกของหนังโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ เงียบน่าจะดูหนัง ” น่าจะงอนแบบจริงจังเลยครับรุ่นนี้
ในเมื่อมันบอกให้ผมเงียบผมจึงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วทักไลน์มันไปซะเลย

LM: เดี๋ยวพรุ่งนี้เลี้ยงข้าว

ไอ้อิฐหันมามองผมถึงในโรงหนังจะมืดแต่ผมเห็นหน้ามันชัดเจน เหมือนกับว่ามันจะเริ่มสนใจผมขึ้นมาบ้างแล้ว
“ อย่าลืมซะล่ะ ” มันพูดแค่นั้นก่อนจะตั้งใจดูหนังต่อ
อย่างน้อยมันก็ยอมรับข้อเสนอของผมล่ะนะ…





“ เธอ...มีแฟนรึยัง ” เธอถามแล้วหันหน้ามามองผม
“ ไม่มีหรอก...แล้วเธอล่ะ ” เธอยิ้มก่อนจะเอ่ยประโยคที่ไม่ได้เกินความคาดหมายของผมเท่าไหร่
“ มีแล้ว”
“ เขาดีใช่ไหม ” ถามว่ารู้สึกเสียใจไหมคงตอบไม่ได้เต็มปากว่าไม่ แต่มันก็คงดีสำหรับผมที่จะเลิกยึดติดกับเธอสักที
“ ดีมากเลยล่ะ ”
“ ดีแล้ว...ที่มีคนดูแลเธอ ” ผมยิ้มให้เธอที่ไม่ใช่การฝืนยิ้มแต่มันเป็นยิ้มจากใจจริงๆ
“ แล้วเธอไม่คิดจะหาคนดูแลบ้างหรอ ”
“ ตอนนี้คงยังล่ะมั้ง ”
“ เริ่มต้นใหม่แล้วมีความสุขเถอะนะ ”
เธอหวังดีกับผมเสมอไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ตอนนี้ก็เช่นกัน
และผมก็ได้รู้ว่าผมไม่เหมาะที่จะยืนเคียงข้างเธอ เมื่อก่อนผมไม่ยอมรับแต่ตอนนี้ผมยอมรับมันแล้ว
“ เราจะกลับพรุ่งนี้ตอนเย็นนะ ”
“ เดี๋ยวเราไปส่งเธอที่สนามบินนะ ”
“ งั้นเราจะรอนะ ” ผมพยักหน้าให้เธอ
“ เข้าไปข้างในเถอะ  ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ ”
เธอพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะโบกมือให้ผมแล้วเดินเข้าไปข้างในโรงแรม
แค่สองวันมันคงทดแทนที่ผมรอมาเกือบสามปีได้ล่ะมั้ง...




.................


“ ขอบคุณที่มาส่งนะ ”
“ ครับ ” ผมยื่นถุงที่ข้างในมีกล่องของขวัญให้เธอ
“ อะไรหรอ ”
“ ตอนนั้นเราไม่ได้ให้ แต่ตอนนี้เธอรับมันไว้ได้ไหม ” ของขวัญที่อยู่กับผมมาเกือบสามปีได้ถูกส่งไปยังมือของคนที่ควรจะได้รับมันไปตั้งนานแล้ว
“ ตอนนั้น...เราขอโทษนะ ” เธอมองผมแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เราไม่ได้โกรธเธอเลยนะ ”
ผมถอดสร้อยที่ใส่มันตลอดจนถึงตอนนี้หวังจะคืนให้กับเธอ เป็นสร้อยที่เธอให้ตอนวันเกิดเมื่อหลายปีก่อน
“ เราว่าเราคงเก็บมันไว้ไม่ได้แล้วล่ะ ” เธอรับสร้อยจากผมแล้วเปิดดูสมุดวาดรูปที่มีแต่รูปเธอจนกระทั้งน้ำใสๆหยดลงใส่ภาพวาด
เธอร้องไห้...
“ เราขอโทษนะ ฮึก ”
“ อย่าโทษตัวเองเลย ” ผมคว้าเธอมากอดก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆ
“ รักษามันไว้ด้วยนะถือว่าเป็นความทรงจำระหว่างเรา ”
ที่พูดไปก็เหมือนบอกตัวเอง จากนี้เธอจะอยู่ในความทรงจำของผมและผมก็หวังว่าผมจะอยู่ในความทรงจำของเธอเช่นกัน
“ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมานะ ”เธอผละออกแล้วเช็ดน้ำตาพอลวกๆ
“ เราควรพูดประโยคนี้มากกว่านะ เพราะเธอเราถึงเป็นคนที่ดีขึ้นอยู่ทุกวันนี้ ”
“ เปล่าหรอก เพราะเธอดีอยู่แล้วต่างหาก ”
“ พูดแบบนี้เราก็เขินแย่ดิ ” ผมทำท่าเขินแล้วเธอก็ขำออกมา อย่างน้อยก็เป็นการจากลาครั้งที่สองที่ไม่ได้เศร้าเหมือนครั้งแรกล่ะนะ
“ ยิ้มเยอะๆนะ กิมบอกว่าเธอไม่ค่อยยิ้มเลย ”
“ ทำไมคุยกับไอ้กิมแต่ไม่คุยกับเราล่ะ ” ไอ้กิมยิ่งดูเหมือนไม่น่าไปคุยกับเธอเลยด้วยซ้ำ
“ กิมเป็นห่วงเธอมากเลยนะ ”
“ ไอ้กิมมันรู้อยู่แล้วรึเปล่าว่าเธอจะมา ”
“ เปล่าหรอก กิมเพิ่งรู้ตอนเรามา ” ถึงมันจะรู้ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะแค่ถามเฉยๆ
“ ใกล้ถึงเวลาแล้วเราไปแล้วนะ…ดูแลตัวเองดีๆนะ  ”
“ เธอก็เหมือนกันนะ ดูแลตัวเองดีๆ ”
ไม่มีใครชอบการจากลาหรอกครับ ผมก็เช่นกัน
“ มีความสุขเยอะๆนะ! ” เธอหันมาตะโกนแล้วโบกมือให้ผม
ผมโบกมือกลับก่อนจะตะโกนกลับไป
“ เธอก็เหมือนกันนะ! ”

เธอไปแล้ว

ผมมองแผ่นหลังที่ค่อยๆลับตาไปเรื่อยๆก่อนจะรู้สึกว่าใจที่มันหนักอึ้งเริ่มเบาลง เหมือนกับความรู้สึกทั้งหมดมันได้ปลดล็อคแล้วหลงเหลืออยู่แค่ความผูกพันธ์ เธอเริ่มใหม่ได้แล้วเหลือผม
ที่ต้องเริ่มต้นใหม่และเดินต่อไปให้ได้สักที
หวังว่าเธอจะมีความสุขรวมถึงตัวผมด้วย
เธอเป็นเหมือนสายลมที่พัดพาความสุขมาแล้วพอถึงเวลาก็จากไป

สายลม ที่เป็นทั้งชื่อของผมและคำนิยามที่ผมให้เธอ
ผมยืนอยู่จนกระทั่งเครื่องบินขึ้น
ขอให้เธอโชคดี....


ผมหันหลังกลับหวังจะเดินไปหารถแล้วกลับหอ แต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้าทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้า
ไอ้อิฐ
“ ทีหลังถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องนัด คนอื่นจะได้ไม่ต้องรอ ” มันพูดแค่นั้นแล้วก็หันหลังเดินออกไปทันที สีหน้ามันเอาเรื่องมากพร้อมกับเสียงนิ่งๆนั้นยิ่งทำให้มันดูน่ากลัว
ผมประมวลคำพูดมันสักพักก่อนจะนึกได้ว่าผมนัดมันกินข้าว
ชิบหาย!!!
คิดได้ดังนั้นผมจึงหยิบมือถือออกมาดูทันที
ชิบหายจริงๆแล้วไหมล่ะ ทั้งไลน์ทั้งโทรมาแต่ผมกลับไม่รู้เรื่องเลยเพราะวันนี้ผมดันปิดเสียงไว้
เวรแล้วไอ้ลมเอ้ยย
ผมจะไม่ร้อนใจเลยถ้าผมไม่ได้นัดมันตอนเช้าแล้วผมดันลืม และตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว!



ก๊อก     ก๊อก
ไม่มีเสียงตอบรับเหมือนครั้งล่าสุดที่มา คือตอนมันไม่สบายซึ่งนานพอสมควร
และไม่มีการเปิดประตูออกมาตอนผมจะหันหลังกลับเหมือนเมื่อก่อนเพราะผมยืนอยู่หน้าห้องมันมาพักใหญ่แล้ว
ไลน์ไปขอโทษก็ไม่ตอบ โทรหาก็ปิดเครื่อง
เกมแล้วมึงไอ้ลม
แล้วผมจะทำยังไงวะเนี่ยงานช้างซะแล้วสิ เล่นปิดเครื่องใส่แบบนี้มันงอนผมนานแน่ๆ



“ ไอ้อิฐมันมาถามหามึงอะ กูเลยบอกมันไปแล้วสรุปได้เจอกันปะ ” พอผมเดินเข้ามาในห้องไอ้ไม้ก็ถามทันที แปลก วันนี้มันไม่ไปเที่ยว
“ เจอ ”
“ ดีละ ” ดีกับผีอะดิ มันงอนกูอยู่เนี่ย
“ ไอ้ไม้ ”
“ อะไร ทำหน้าจริงจังอะไรของมึง ”
“ เวลาเพื่อนงอนนี่ต้องง้อยังไงวะ ” ถามมันน่าจะดีที่สุดเพราะมันง้อคนบ่อย
“ ไอ้อิฐงอนมึงหรอเดี๋ยวมันก็หายน่า มันเคยงอนมึงได้นานชะที่ไหน ”
“ แต่ครั้งนี้มันปิดมือถือหนีกูเลยนะ ”
“ แบตหมดรึเปล่า ” อันนี้น่าคิดแต่มันน่าจะชาจแล้วสิผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วนะ
“ กูว่ามันปิด ”
“ มึงคิดในแง่ดีหน่อยดิ ”
“ นี่มึงจะไม่ช่วยกูคิดใช่ปะ ” ผมเริ่มคิดแล้วนะว่ามันกวนตีน
“ ทำไมมึงดูแคร์มันจังวะ ทีกูยังไม่เห็นจะง้อเลย ”
“ กล้าพูดนะมึงใครวะที่ตามซื้อขนมไปง้อตอนมึงงอนเนี่ยไอ้สัส ” อารมณ์ที่หงุดหงิดบวกกับมันกวนตีนทำให้ผมหยิบหมอนแล้วปาใส่หน้ามันโดนเต็มๆเลยครับ สะใจ
“ เอาน่าถ้ามันตอบค่อยขอโทษมัน แต่ถ้าไม่ตอบก็ไปหามันเลย ”
มันต่างจากที่ผมทำตรงไหนวะเนี่ย
พอหยิบมือถือมาดูก็ไม่มีวี่แววของคนที่ผมอยากให้ตอบกลับมาเลย
ไว้ค่อยคิดก็แล้วกันยังไงวันนี้มันคงไม่ตอบแชทผมแน่ๆ
“ ไอ้ลม มึงไม่ได้มีซัมติงอะไรกับไอ้อิฐใช่ปะ ” อยู่ๆมันก็พุ่งมาหาผมและดูคำถามมันครับ
“ กวนตีน ”
“ กูว่ากูดูออก ” ไปดูแฟนมึงนู่นไอ้ห่า
“ ว่างก็ไปหาอะไรยัดปากไป ”
“ เขินแหละดูออก ” ผมเกลียดคำว่าดูออกของมันชิบหายเลยครับ ดูออกทั้งปีทั้งชาติ
ผมเลิกสนใจมันแล้วนอนแผ่ลงบนเตียง เหมือนว่าจะโล่งอกเรื่องหนึ่งแต่ต้องมาหนักใจอีกเรื่องหนึ่ง
ให้ตายสิขออะไรที่มันง่ายกว่านี้ไม่ได้รึไงวะ!



หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 14 : 09/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-12-2019 21:49:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง้อให้สำเร็จนะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 14 : 09/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-12-2019 22:48:26
งอนซะแล้ว ลมไปอ้อนๆหน่อยเดวก็ใจอ่อนละนะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 14 : 09/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-12-2019 00:38:04
เคลียร์ใจไปหนึ่ง เหลืออีกหนึ่ง สู้ๆ นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 14 : 09/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-12-2019 00:44:08
อ้าวอิฐงอนอีกละ งอนเก่ง อิอิอิ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 14 : 09/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 10-12-2019 18:24:03
ผ่านเธอไปด้วยดี มีก็คนที่จะเริ่มใหม่ด้วยกันนี่ล่ะ
มีคนรอให้ง้ออยู่หนึ่งอัตรรา รีบเลยๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 14 : 09/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-12-2019 18:53:22
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 11-12-2019 20:22:31
Chapter 15
คนที่หลบหน้า


ผ่านไปแล้วสามวันแต่ไอ้อิฐก็ยังไม่โผล่หน้ามาเลย ไลน์ที่ส่งไปก็ไม่ถูกส่งกลับมา โทรไปก็ไม่รับ ไปหาที่ห้องก็ไม่อยู่ ไปหาที่คณะก็ไม่เจอ
ผมทำแทบจะทุกทางแล้วจนไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องทำขนาดนั้น
“ หงอยเป็นหมาเลยนะมึง กูนึกว่าไอ้อิฐเป็นหมาที่แท้มึงเองหรอที่เป็นหมา ”
“ แต่มึงอะปากหมาไอ้ไม้ ” คนกำลังอารมณ์ไม่ดีไอ้ห่านี่
“ อารมณ์ไม่ดีหรอเนี่ยย ” แล้วมันก็นั่งลงข้างๆผม
“ ถึงเขาจะทิ้งมึง แต่กูยังอยู่ข้างๆมึงนะ ” ไอ้ไม้ตบบ่าผมพร้อมกับทำหน้าจริงจัง กูคบมึงได้ไงวะเนี่ย
“ ไปไกลๆตีนเลยไป ”
“ นี่มึงไม่ได้ชอบมันใช่ปะ ” ไอ้ไม้มันถามด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม
ชอบหรอ ผมชอบไอ้อิฐเนี่ยนะเป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง...
“ แหนะมีคิดด้วยว่ะ ” ให้โอกาสกูคิดหน่อยสิเว้ย
“ มันเพื่อนกู ”
“ จริงๆเมื่อวานกูเห็นมันเดินกับผู้หญิงอะ มันต้องเขาจีบอยู่แน่ๆ ” เด็กอนุบาลยังรู้เลยว่าไอ้ไม้มันโกหกผม
“ ดูท่าแล้วจะไม่เชื่อ อะดูนี่ ” ไอ้ไม้ยื่นมือถือมาตรงหน้าผม ซึ่งมีภาพไอ้อิฐกับผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักปรากฏอยู่ มีภาพประกอบด้วยว่ะ
“ แล้วไงวะ ” ปากบอกแล้วไงแต่ใจนี่เป๋ไปแล้วครับ ก็ยังดูมีความสุขดีต่างจากผมที่กลัวมันโกรธจนคิดมากอยู่อย่างนี้อะนะ
“ ก็จะบอกว่า มึงเลิกคิดมากได้ละว่ามันจะโกรธ มึงดูหน้ามันมีความสุขดีจะตาย ” ว่าแล้วมันก็ชี้รูปไอ้อิฐให้ผมดูชัดๆขยี้จังไอ้นี่
ตื๊ด~~ตื๊ด~~
“ ว่าไงไอ้กิม ”
‘ ตอนเย็นว่างปะ ’ ผมหันไปมองหน้าไอ้ไม้ก่อนมันจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างเป็นคำถาม
“ ว่าง ” ผมใช้ไอ้ไม้นี่แหละเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ
‘ แดกเหล้ากัน ’
“ เอาดิ ” กำลังเซ็งพอดีมาได้จังหวะมากไอ้กิม
‘ ทำไมวันนี้ตกลงง่ายจังวะ เซ็งอะไรมา ’ ไอ้นี่ก็ถามเหมือนมีตาทิพย์
“ เรื่องของกูน่า ไปแดกไหน ”
‘ มีร้านเปิดใหม่ข้างมอกูอะ มาลองปะ ’ ที่ไหนก็ได้แหละครับเวลานี้
“ โอเค สามทุ่มนะ ”
' ดีล ' ว่าแล้วไอ้กิมก็ตัดสายทันที
“ เซ็งถึงขนาดต้องไปแดกเหล้าเลยหรอวะ ไม่ธรรมดาซะแล้ว ”
“ ไปด้วยปะ ” ชวนก่อนที่มันจะพูดมากไปกว่านี้ดีกว่า
“ อย่างกูเนี่ยนะจะพลาด เดี๋ยวกูชวนไอ้เฟรมแปป ” เวลาไปไหนมันก็จะลากไอ้เฟรมไปแบบนี้แหละครับ ผมไม่ติดอะไรนะที่เพื่อนคบกับผู้ชายออกจะชินด้วยซ้ำเพราะผมก็เจอบ่อย
“ หวัดดีครับพี่ลม ”
“ ไงมึง ไอ้เฟรมไม่มาด้วยหรอ ” ปกติจะติดสอยห้อยตามกันมานี่หว่า
“ โถ่พี่มันก็เรียนอยู่คณะมันดิ ” แล้วมันก็มานั่งลงข้างๆก่อนจะเอาหัวมาผิงไหล่ผม
“ เป็นไรของมึงเนี่ย กูไม่มีเงินเลี้ยงเหล้ามึงหรอกนะ ”
“ บอกพี่อาร์ตมาเลี้ยงดิ ไม่ได้เห็นหน้านานจนจำไม่ได้แล้วเนี่ย ”
พี่อาร์ตที่ว่าคือพี่รหัสของผมเองเจอกันนานๆที นานจนจำไม่ได้เพราะปกติพี่แกไม่ค่อยเข้ามอ ส่วนมากทำงานนี่ผมยังสงสัยอยู่เลยว่ารอดเอฟแต่ละเทอมมาได้ไง
“ มึงไม่เลี้ยงน้องรหัสมึงบ้างหรอไอ้ไม้ ”
“ เลี้ยงตัวเองกับเมียยังไม่รอดเลยเหอะ ” จบครับ แยกย้าย
“ลองชวนพี่อาร์ตดิพี่  ” จริงๆผมก็เห็นด้วยกับไอ้เนมแหละครับ ไม่รู้ว่าเป็นไงบ้างยังอยู่ดีรึเปล่าก็ไม่รู้
“ ไว้จะลองโทรชวนดู ”
“ แล้วตอนเย็นไปไหนปะพี่ ” เหมือนมันรู้ล่วงหน้าเลยว่ะ มาได้จังหวะทุกงาน
“ มีร้านเปิดใหม่ที่มอใกล้ๆเรา ”
“ ผมไปด้วยได้ปะ ” กูแค่เกริ่นว่ามีเองนะ
“ กูไม่เลี้ยงนะ ”
“ ไม่มีปัญหาครับผม ” ว้อนจริงจังอะน้องผม พอๆกับพี่มันเนี่ยแหละ



“ พี่อาร์ตจะมาจริงปะพี่ผมโคตรตื่นเต้นเลยอะ ” พอผมบอกว่าพี่อาร์ตจะมาไอ้เนมมันก็เป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละครับ ตื่นเต้นอย่างกับจะเจอดารา
“ นั่นไงมาละ ”
“ พี่อาร์ต!!! ” ไอ้เนมโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้พี่อาร์ตเดินมาหาพวกผม
 คนที่สูงกว่าผม หน้าตาออกแนวทะเล้นกำลังเดินมาด้วยท่าทางสบายๆพร้อมกับแต่งตัวด้วยชุดสีดำทั้งตัว พี่มึงจะไปไว้อาลัยใครวะเนี่ย
“ นึกไงชวนกูมาแดกเหล้าเนี่ย ”
“ นึกขึ้นได้อะพี่ ”
“ ไอ้ห่า ” พี่มันกอดคอผมก่อนจะยีหัวผมแรงๆ
พอดีกับไอ้ไม้มันพาไอ้เฟรมมาพอดีพวกเราจึงเดินเข้าร้านโดยที่พี่อาร์ตยังกอดคอผมอยู่
ผมมองหาไอ้กิมที่มันบอกว่าจองโต๊ะไว้ และก็หาไม่ยากครับมันโด่นเด่นอยู่แล้วอย่างวันนี้มันแต่งตัวมาล่อเหยื่อสุดๆ
“ แต่งมาขนาดนี้จะต้องได้กลับสักคนแล้วปะ ” พอเดินมาถึงโต๊ะผมก็พูดแซวมันทันที มันก็ได้แต่ยักคิ้วกวนๆใส่ผม
“ หวัดดีครับพี่กิม ” คนที่เป็นรุ่นน้องที่สุดในกลุ่มไหว้ไอ้กิมแต่มันไม่ได้สนใจอะไรมากสายตามันสนใจคนที่กำลังกอดคอผมอยู่ ไม่ใช่สายตาพิศวาสพี่อาร์ตแน่ๆครับ
“ ใครวะลม ”
“ อ๋อ นี่พี่อาร์ตรหัสกู ส่วนนี่ไอ้กิมเพื่อนผมครับ ” พี่อาร์ตพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างๆไอ้กิมส่วนผมก็เนรเทศตัวเองมานั่งอีกฝั่ง
หน้าไอ้กิมประมาณว่าทำไมมึงไม่มานั่งข้างกู ใครจะไปบอกให้พี่มันลุกล่ะวะ
“ วันนี้พี่อาร์ตเลี้ยงใช่ปะ ”
“ กูเลี้ยงแต่น้องกูเว้ยหลานอย่างมึงหลบไป ” สองคนนี้พอเจอกันก็เป็นชะอย่างนี้ไอ้เนมมันก็วอแวของมันไปเรื่อยส่วนพี่อาร์ตก็ถีบส่งตลอด
“ ใจร้ายว่ะเลี้ยงแค่นี้ก็ไม่ได้ ”
ผมมองไอ้กิมอย่างนึกสงสารเมื่อมันนั่งข้างพี่อาร์ต พี่มันยิ่งเป็นคนที่พอเหล้าเข้าปากแล้วพูดมากนับญาติกับคนอื่นไปหมด
“ ไมไม่พูดไม่จาวะ ไอ้หน้าหล่อนี่ชื่ออะไรนะลม ” มือพาดคอไอ้อิฐพร้อมกับจ้องหน้า ไอ้อิฐมันยิ่งเป็นพวกที่ถ้าไม่สนิทจะไม่ค่อยชอบให้แตะตัว
“ กิมครับ ”
“ กูไปนั่งกับมึงได้ปะ ” ไอ้กิมทำท่าจะลุกแต่พี่อาร์ตคว้าไว้ ไม่ทันแล้วเพื่อนเอ๋ย
“ จะไปไหนวะ นั่งนี่แหละ ” มึงถูกเลือกว่ะไอ้กิม
“ อะนี่ดื่ม เต็มที่เดี๋ยวกูเลี้ยง ” ป๋าไปอีกทีกับน้องกว่าจะเอ่ยปากเลี้ยง
“ ไรอะพี่อาร์ต ทีพี่กิมทำไมจะเลี้ยง ” ไอ้เนมมันเริ่มเรียกร้องสิทธิแล้วครับ
“ ก็มันไม่พูดมากแบบมึงไง ”
“ เลี้ยงพวกผมด้วยปะพี่ ” ไอ้ไม้ที่นั่งอยู่ข้างๆผมถามขึ้นบ้าง
“ มึงเป็นใครวะ ”
“ โหยพี่ ลืมผมได้ไงวะ ” ไอ้ไม้มันทำท่าโอดครวญแล้วหันไปซบไอ้เฟรม เนียนจริงๆ
พูดถึงเรื่องเนียนก็นึกถึงไอ้อิฐขึ้นมาเลยแฮะ นี่มันงอนจริงหรือลืมไปแล้วกันแน่วะ
ทำไมผมต้องมานั่งคิดมากเรื่องของมันด้วยวะเนี่ยแค่เบี้ยวนัดครั้งเดียวมันถึงกับหายไปเลยหรอ ผมไม่เข้าใจอารมณ์ของมันเลยจริงๆ
“ ขอโทษนะครับ โต๊ะนั้นฝากมาให้ครับ ” พยักงานคนหนึ่งเดินตรงมายังโต๊ะผมก่อนจะวางเครื่องดื่มไว้ตรงหน้า
“ ให้ผมหรอ ” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ ครับ ” พยักงานยิ้มให้ผมแล้วชี้ไปยังโต๊ะที่ว่า
ผู้ชายทั้งโต๊ะ... บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าหน้าผมนี่มันดึงดูดเพศเดียวกันนักหรอวะ หน้าผมก็ไม่ได้หวานนะ
“ หน้าตาดีทั้งกลุ่มเลยนะมึง เลือกเอาสักคนดิ ” เลือกห่าไรล่ะกูไม่ได้ชอบเหมือนมึงเว้ยไอ้ไม้
ไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไรไอ้กิมก็แย่งแก้วที่เขาเอามาให้ผมแล้วยกขึ้นดื่ม
“ ของฟรีนี่มันอร่อยจริงๆ ”
ไอ้กิมยักคิ้วใส่โต๊ะนั้นอย่างกวนๆ มีคนรับมือให้ก็ดีแบบนี้แหละครับ
“ นี่พวกมึงคบกันหรอ ” เสียงพี่อาร์ตทำให้คนในโต๊ะมองผมสลับกับไอ้กิมอย่างรอคำตอบยกเว้นไอ้ไม้
“ ก็คบ ” ยิ้มแบบนี้ไอ้กิมมันจะกวนตีนผมแน่ๆ
“ เชี้ย มึงมีแฟนหรอไอ้ลม ”
“ งี้แหละมัวแต่ทำงานไม่สนใจน้องนุ่ง ” ไอ้ไม้เสริม
ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธด้วยนะเพราะก็รู้ๆกันอยู่ว่าไอ้กิมมันพูดเล่นแต่พี่อาร์ตแม่งบ้าจี้เชื่อมันเฉย
อย่างที่ไอ้ไม้ว่านั่นแหละครับพี่มันมัวแต่ทำงาน สนใจใครที่ไหน


ทั้งที่เป็นร้านเปิดใหม่แต่คนที่เข้ามาก็ไม่น้อยเลย หรือเป็นช่วงลองของใหม่ก็ไม่รู้นะ
อาการเซ็งๆของผมหายไปตั้งแต่แอลกอฮอล์เข้าร่างกาย ดื่มไปเรื่อยๆจนคิดว่าตัวเองเบลอรึเปล่าที่อยู่ๆก็เหมือนเห็นไอ้อิฐ
ผมสบัดหัวไปมาแล้วจ้องโต๊ะนั้นอีกครั้ง ผมไม่ได้เบลอแล้วก็ยังไม่เมาหรอกครับ ไอ้อิฐกำลังนั่งดื่มอยู่กับเพื่อนโดยมีผู้หญิงนั่งคลอเคลียอยู่ข้างๆ
ดูมีความสุขจังนะ ผมไม่น่าคิดมากให้ตัวเองปวดหัวกับเรื่องของมันเลยว่ะ
“ เดี๋ยวกูมา ”
“ ไปไหนวะ ” ไอ้กิมหันมาถามผม
“ เข้าห้องน้ำ ”
“ เดี๋ยวกูตามไป ” ผมไม่ได้สนใจที่ไอ้กิมพูด เดินออกมาจากโต๊ะเพื่อมุ่งหน้าไปยังโต๊ะที่ไอ้อิฐนั่งอยู่ ผมไม่ชอบอะไรที่มันค้างคาอยากถามผมก็จะไปถามเหมือนที่ผมกำลังจะไปถามมันตอนนี้
“ อ้าวลม ” เพื่อนมันที่ผมคุ้นหน้าแต่ไม่รู้จักชื่อทักผมก่อนคนที่เป็นเป้าหมายในการมาครั้งนี้ของผมจะหันมา
“ ลม ” หน้ามันดูตกใจที่เห็นผมก่อนจะรีบขยับตัวออกห่างจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆจนเธอทำหน้าไม่พอใจ
“ ขอคุยด้วยหน่อย ”
“ ลมคือมัน... ”
“ โทษทีนะนาย ไอ้อิฐมันกำลังสนุกอยู่น่ะค่อยคุยกันทีหลังจะดีกว่า ” คนที่หน้าตาคมๆแถมยังดูไม่ค่อยเป็นมิตรพูดกับผมด้วยท่าทีนิ่งๆ
ไอ้อิฐหันไปพูดอะไรกับคนที่ตอบผมเมื่อกี้แปปนึงแล้วคนนั้นก็เดินมาหาผม
“ ไว้ค่อยคุยกับมันดีกว่านะ ” ผมมองผ่านคนตรงหน้าไปหาคนที่ผมต้องการจะคุยด้วย แล้วมันก็มันหลบสายตาผม
ในเมื่อผมต้องการเคลียร์แต่มันไม่ ผมพยายามง้อแต่มันหนี ก็พอแค่นี้ก็แล้วกัน
แล้วไอ้คนตรงหน้านี่มันเกลียดผมรึเปล่าวะจ้องผมจริงจังมาก กูแค่อยากคุยกับเพื่อนมึงเว้ย
“ มาอยู่นี่เอง ไหนว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ” เสียงไอ้กิมที่มาพร้อมแขนที่พาดไหล่ผมก่อนมันจะหันมองคนที่อยู่ในโต๊ะ
“ จะกลับละ ” ผมเดินออกมาทันที เขาไล่แล้วจะอยู่ทำไมวะ
“ หวัดดี ” ไอ้กิมทักทายไอ้อิฐแล้วเดินตามผมมาติดๆ
หน้าแตกแบบจริงจังเลยครับโดนเขาไล่กลับมาด้วย โคตรหงุดหงิดเลยว่ะ
“ ไอ้กิม ”
“ ว่า ”
“ หงุดหงิดว่ะ ”
“ อนุญาตให้ต่อย ” พอหันไปมองหน้ามันก็ไม่ได้มีท่าทีล้อเล่น แต่ใครจะไปต่อยเพื่อนตัวเองลงวะ
“ ต่อยไม่ลง ”
“ เพราะมึงกลัวกูเจ็บใช่ปะ ”
“ เปล่า ไม่ได้ต่อยใครนานกลัวเจ็บมือ ”
“ สัสลม ” มันคว้าคอผมก่อนจะยีหัวจนสะใจมันถึงปล่อย ช่วยให้ผมหงุดหงิดกว่าเดิมรึเปล่าเนี่ย
“ น่าจะชวนไอ้จินมาด้วยนะ ” ผมว่าพลางจัดผมไปด้วย
“ กูชวนแล้วมันไม่ว่าง ”
“ ไว้ครั้งหน้ามาสามคน ”
“ อยากมากับกูอีกอะดิ ”
“ กูบอกว่าสามฟังบ้างปะเนี่ย ” ไอ้กิมมันหัวเราะชอบใจแล้วกอดคอผมเดินกลับไปยังโต๊ะ
ผมจะทิ้งความหงุดหงิดไว้กับเครื่องดื่มคืนนี้ ดื่มแม่งไม่กลัวว่าพรุ่งนี้จะแฮงค์เลยแล้วกัน


.................


“ อย่างที่เห็น มันยังไม่ฟื้นเลยปกติไม่ดื่มหนักขนาดนี้ ”
“ ฝากนี่ให้มันด้วยแล้วกัน ”
“ ไม่รอให้มันเองวะ มันถามหามึงอยู่ ”
“ กูมีงานว่ะคงไม่ได้รอ ฝากด้วยแล้วกัน ”
เสียงของคนคุยกันผ่านเข้ามาในประสาทการรับรู้ของผมแต่ไม่ได้สนใจฟังเพราะตอนนี้โคตรปวดหัว จนกระทั่งเสียงนั้นเงียบไป
แฮงค์สมใจอยาก หัวแทบระเบิดแล้วเนี่ย
ขยับไม่ได้เลยครับมันจี๊ดขึ้นสมอง ไม่น่าห้าวเลยไอ้ลมเอ้ย
“ เป็นไงล่ะมึง แดกเหมือนโดนเมียทิ้งแฮงค์หนักเลยดิ ” ไอ้ไม้มันเดินมานั่งข้างเตียงผม
“ อะนี่ของแก้แฮงค์ เดี๋ยวออกกูไปซื้อของกินมาให้ ”
“ ขอบใจๆ ”
พอไอ้ไม้เดินออกไปผมก็ลุกขึ้นจะไปล้างหน้าล้างตา เมื่อกี้ผมรู้สึกว่าไอ้ไม้มันคุยกับใครสักคนนะ แต่ก็ช่างเถอะ


อาบน้ำแล้วค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย ผมเดินมาเปิดลิ้นชักหวังจะหาของก็ต้องสะดุดกับกล่องสีดำกล่องหนึ่ง 

ของขวัญที่ไอ้อิฐให้

มันบอกว่าให้เปิดตอนคิดถึงมันสินะ โทษทีว่ะตอนนึกถึงมันผมหงุดหงิดโคตรๆเลย
.
.
.
.
.

โอเค ผมหงุดหงิดมัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าคิดถึง
กล่องของขวัญสีดำอยู่ในมือผมจนได้ อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะให้อะไรผม
พอเปิดกล่องออกผมก็แทบจะปิดมันในทันที

 สร่างเมาเลยครับทีนี้
.
.
การที่ผมกับมันไม่ได้คุยกันตอนนี้คงจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากเจอมันเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 11-12-2019 21:13:28
 :katai1: โอ้ยยยย เป็น -'า ไรกันหนักหนาหว่าาา คุยดิเฮ้ยคุย จะได้เคลียร์ๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-12-2019 21:17:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

อะไรอยู่ในกล่อง?

ถุงยาง?
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 11-12-2019 21:58:04
อะไรยุ่ในกล่อง :ling1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 11-12-2019 22:03:06
แทนที่จะคุยๆๆๆให้รู้เรื่อง
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-12-2019 22:23:51
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 11-12-2019 22:25:39
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-12-2019 23:52:19
เอ๊ะ....อะไร ยังงัยอ่า.  :hao4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 12-12-2019 12:32:41
อ้างถึง
เพราะตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากเจอมันเหมือนกัน
เอ๊ะ อะไร ยังไงซิ
ลากคออิฐมาอธิบายเด๋วเน้!
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-12-2019 16:44:42
เอาล่ะสิ เป็นเรื่องจริงๆใช่ไหม  o22 :a5: :z3:
อิฐ นายจะงอนไรนักหนา  :angry2:
งอนลม แต่ควงหญิงนี่นะ ก็ควงให้ตลอดละกัน  :m16:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 12-12-2019 16:50:11
ติดตามจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 15 : 11/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-12-2019 23:09:41
มือที่สามที่สี่ที่ห้าเยอะเหลือเกิน นี่ขนาดยังไม่คบกันนะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 16 : 13/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 13-12-2019 21:00:20
Chapter 16
คนที่สับสน


ผมเกลียดเวลาที่ตัวเองสับสนอะไรสักอย่างพอคิดไปทางไหนมันก็คิดไม่ออกหรือแก้ปัญหาไม่ได้สักที และก็มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้
ผมกับไอ้อิฐไม่ได้เจอกันเหมือนเดิมและเพิ่งรู้จากไอ้ไม้มาว่ามันติดสอบ อีกหน่อยผมก็จะเข้าเทศกาลสอบเหมือนกันแต่ทำไมต้องมีเรื่องกวนใจก่อนสอบด้วยวะ
ที่ผมต้องมานั่งคิดหนักอยู่แบบนี้เพราะของขวัญไอ้อิฐ

ข้างในคือ ‘เกียร์ ’ คนส่วนมากก็คงจะรู้ความหมายของเกียร์อยู่แล้ว เป็นสร้อยห้อยเกียร์ที่เห็นไอ้อิฐมันใส่ซึ่งทำให้ผมสับสนทันทีที่รู้ว่ามันคิดยังไงกับผม
มันต่างจากตอนที่รู้ว่าไอ้กิมชอบผม กับไอ้กิมคำตอบมันชัดเจนอยู่แล้วว่าผมคิดกับมันแค่เพื่อน แต่กับไอ้อิฐมันสับสนไปหมด ทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอ้อิฐมันไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาแบบไอ้ไม้แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันถึงขั่นชอบรึเปล่า
ตอนนี้การนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแถมยังคิดถึงมันอีกต่างหาก
ยอมรับว่าพอไม่มีมันมาวอแวก็เหงาเหมือนกัน พอคิดแบบนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาเข้าโปรแกรมสีฟ้าที่ไม่ค่อยได้เข้าสักเท่าไหร่ ก่อนจะรู้สึกว่าไม่น่าเข้าเลยเมื่อเจอโพสจากเพจมหาลัย

'เรือเราจะล่มรึเปล่าคะทุกคน มีคนเห็นอิฐอยู่กับดาววิศวะบ่อยๆไม่รู้เพื่อนหรือจะเป็นมากกว่านั้นน้อออ
#เดือนมหาลัย #วิศวะ #อิฐมายด์ '

ภาพที่อยู่ใต้แคปชั่นทำให้ใจมันวูบโหวงแปลกๆเมื่อภาพนั้นไอ้อิฐยิ้มให้กับผู้หญิงข้างๆ เป็นรอยยิ้มที่เวลาเจอกันผมจะได้รับเสมอ
ผมปิดหน้าจอแล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋า ไม่ต้องพูดถึงคอมเม้นท์หรอกครับมีคนที่พูดถึงคู่อิฐมายด์อยู่แล้วซึ่งเขาจะคอมเม้นท์กันยังไงก็ช่าง แต่ผมรู้แค่ว่าผมไม่ชอบเวลามันยิ้มให้คนอื่น…
สิ่งที่จะช่วยให้อารมณ์สงบได้คงต้องวาดรูปล่ะมั้ง


“ อะนี่ ” ถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งถูกยื่นมาตรงหน้าผมแต่คนที่ให้กลับเป็นคนละคนกับที่เคยให้เป็นประจำ
“ อะไร ”
“ หมูปิ้งไง ” ไอ้ไม้มันยิ้มกว้าง
“ นึกไงซื้อมา ” ปกติมันซื้อมาที่ไหนที่เห็นก็มีแต่ไอ้อิฐนั่นแหละ
“ ก็หลายวันมานี้ไอ้อิฐมันไม่อยู่ไง กูกลัวมึงเหงา ” ผมอุตส่าห์ไม่อยากคิดเรื่องไอ้อิฐแล้วนะ มันจะย้ำทำไมเนี่ย
“ ขอบใจ ” ซื้อมาก็กินเท่านั้นแหละครับ


“ อะน้ำ ” แก้วชาเย็นวางไว้ตรงหน้าพร้อมกับจานข้าวของไอ้ไม้
“ ชาเย็น? ”
“ เห็นปกติชอบกินไม่ใช่หรอ ” ผมมองหน้าไอ้ไม้อย่างนึกสงสัย มันกวนตีนผมอยู่ปะวะ
เห็นแก้วชาเย็นก็นึกถึงคนที่ชอบกินจริงๆขึ้นมา ผมกินทุกวันจนเหมือนชอบตามมันไปแล้ว แต่ก็เพราะมันซื้อมาให้นั่นแหละ
“ เอ้า เหม่อ แดกข้าวดิจะเข้าเรียนไม่ทันแล้วเนี่ย ” กลืนก่อนค่อยมาว่ากูก็ได้มั้งกลัวจะติดคอตายชะก่อน


“ เดี๋ยวกูปั่นให้ ” ไอ้ไม้ว่าพลางจะแย่งจักรยานผมไปปั่นแต่ผมขวางมันไว้ก่อน ร้อยวันพันปีมันไม่เคยจะมาปั่นจักรยานกับผม ผมเริ่มแน่ใจแล้วนะว่ามันแกล้งผมตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว
“ มึงทำอะไรของมึง แกล้งกู? ”
“ แกล้งอะไร ” หน้ามึงไม่มีพิรุธเลยไอ้ไม้
“ ทำเหมือนไอ้อิฐทำไม ”
“ ก็…ช่วงนี้มึงดูเหงาๆอะ เป็นเพราะไอ้อิฐไม่อยู่ใช่ไหมล่ะ ” มันดูออกขนาดนั้นเลยหรอวะ
“ พูดเกินไปปะ ปกติกูก็เป็นแบบนี้ ”
“ กูอยู่กับมึงมาสองปีแล้วนะลม อยู่กับมึงแทบจะทุกเวลาทำไมกูจะดูไม่ออก ”
ผมเงียบก็เพราะไม่รู้จะเถียงอะไรมันนั่นแหละ ชิ่งหนีแม่ง
“ มานี่กูจะปั่น ”
ผมเปลี่ยนจากคนปั่นมาเป็นคนซ้อนเพราะไอ้ไม้ ตามใจมันครับขี้เกียจเถียง
“ ถึงกูไม่ใช่มันแต่ก็ไม่ปล่อยให้มึงเหงาคนเดียวหรอกนะ ” นี่คือข้อดีของไอ้ไม้ มันมักจะอยู่ข้างๆผมเสมอ
“ ไม่ได้เหงาเว้ย ”
“ โกหกกูได้แต่มึงก็รู้อยู่แก่ใจนั่นแหละ ”
ก็จริงอย่างที่ไอ้ไม้มันพูดผมรู้อยู่แก่ใจแต่แค่ไม่แน่ใจก็เท่านั้น



.................


วันนี้เป็นอีกวันที่ผมมาที่แปลงนั่งวาดรูปเล่น ไม่ใช่ว่าผมว่างหรืออะไรนะอีกหน่อยผมก็จะสอบแล้ว แต่คนเรามันต้องมีเวลาที่พักผ่อนบ้างผมจึงมาที่แปลงนี่แหละเป็นที่พักผ่อนที่ดีที่สุดแล้ว ส่วนไอ้ไม้ไม่ต้องถามถึงเพราะมันก็ไปหาไอ้เฟรมตามปกติของมันอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ไม่ปกติของผมตอนนี้คือในหัวมันมีแต่ภาพไอ้อิฐกับผู้หญิงนี่สิ ควงไม่ซ้ำหน้าชะด้วย
ฮอตจังนะมึง!
รู้ตัวอีกทีกระดาษก็เป็นรูดินสอไปแล้วเรียบร้อย
ไอ้อิฐนะไอ้อิฐมึงจะมาทำให้กูไม่เป็นตัวของตัวเองขนาดนี้ไม่ได้

เซ็งโว้ย!!!

ไปหามันแล้วลากคอมันมาเคลียร์ให้จบๆเลยไหม แต่ถ้ามันไม่ยอมคุยกับผมอีกล่ะ
“ เป็นอะไร ผีเข้าหรอ ” ผมชะงักเมื่อเสียงดังมาจากด้านหลังจึงหันไปมองทันที
“ ไอ้กิม ”
“ ก็กูไง คิดว่าเป็นใคร ” ไอ้กิมเป็นบุคคลที่เข้าออกมหาลัยผมบ่อยเป็นว่าเล่น จนผมจะชวนมันมาเรียนด้วยอยู่แล้ว
“ แล้วมึงหากูเจอได้ไง ”
“ ถามคนแถวนี้แหละ ” มาได้จังหวะจริงๆ
“ แล้วสรุปเป็นอะไร ” มันนั่งลงข้างๆผม
“ ถามไรหน่อยดิ ” ผมมองหน้ามันก่อนจะตัดสินใจถาม
“ ว่ามาดิ...บรรยากาศดีว่ะ มึงมาทุกวันปะ ” กูจะถามมึงไม่ใช่ให้มึงมาถามกูเว้ย
“ กูจริงจังนะเนี่ย ”
“ ระดับไหน ”
“ มากๆ ”
“ งั้นก็ว่ามา ”
“ คือ...ตอนที่มึงรู้ตัวว่าชอบกูมึงรู้สึกยังไงวะ ” ก็รู้ว่าไม่ควรถามมันเรื่องนี้นะ แต่จะให้ไปถามไอ้ไม้ก็คงจะไม่ได้เรื่อง
“ ถามทำไม ” มันมองหน้าผมนิ่งๆ
“ กูแค่อยากรู้…”
“ ไม่ใช่ไปแอบชอบใครหรอ ” ไอ้กิมมันก็รู้ทางผมไปชะทุกอย่างจริงๆ
“ เงียบแบบนี้คงจะจริงสินะ ” กูยังไม่แน่ใจต่างหากล่ะ
“ ตอนกูรู้ตัวว่าชอบมึงก็…”ผมทำหน้าลุ้นว่ามันจะพูดอะไรแต่มันกลับมองหน้าผมแล้วหลุดหัวเราะออกมา
“ ขำอะไรของมึงเนี่ย ”
“ ไอ้ลมคนเดิมกลับมาแล้วหรอ ” มันยีหัวผมก่อนจะกอดคอ
“ บอกให้ก็ได้ กูก็รู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆมึง ไม่ชอบเวลามึงไปใกล้คนอื่น อยากเป็นคนที่มึงสนใจ...คนเดียว ”สิ่งที่มันพูดมาผมรับรู้ทั้งหมดและผมก็รู้มาตั้งนานแล้ว
“ แล้วมึงรับตัวเองได้ยังไงที่ชอบ...ผู้ชาย ” มันยิ้มก่อนจะพูดว่า
“ ตอนแรกก็สับสนนิดหน่อยนะ แต่เพราะการชอบใครสักคนมันไม่ใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้ไง ถ้ากูรู้สึกกับใครคนนั้นต้องพิเศษจริงๆและมึงก็เป็นคนนั้น กูชอบที่มึงเป็นมึงและไม่ได้สนหรอกว่ามึงเป็นเพศอะไรหรือว่าคนอื่นจะมองกูยังไง ”
สมกับที่เป็นไอ้กิมมันซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองเสมอ
“ คนที่มึงชอบเป็นผู้ชายหรอ ”
“ กูไม่แน่ใจว่าชอบรึเปล่า ”
“ ถ้ามึงอยากเจอเวลาที่เขาหายไป หวงเวลาที่เขาอยู่กับคนอื่น อยากมีเขาอยู่ในชีวิตทุกวัน นั้นก็คือชอบแล้วล่ะและถ้าให้กูเดาคนนั้นคือไอ้อิฐใช่ไหม ” ผมเบิกตากว้างทันทีที่ไอ้กิมพูด มันจะเทพเกินไปแล้ว
“ กูนึกว่ากูจะมีโอกาสชะอีก ”  มันยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ชอบเอาชะเลย
" กู...ขอโทษ "
“ กูก็พูดไปงั้นแหละน่า ที่จริงกูก็ทำใจไว้นานละพูดเฉยๆเผื่อฟลุ๊ค ” แล้วมันก็ยักคิ้วใส่ผมอย่างกวนๆ
“ กวนตีน ” ผมผลักหัวมันเบาๆ
“ มึงชอบมันเองหรือมันมาสารภาพรักล่ะถึงได้สับสนแบบนี้ ”
“ มันให้เกียร์เป็นของขวัญวันเกิดกู ”
“ ไม่ธรรมดาเลยนี่ ” ไอ้กิมมันทำหน้าเหมือนที่ไอ้อิฐทำเป็นความคิดที่ดี
“ กูควรทำยังไงวะ ”
“ มึงชอบมันรึเปล่าล่ะ อีกอย่างมันแค่ให้มึงนี่นาไม่ได้สารภาพรักอย่างเป็นทางการซะหน่อย ”แล้วมันต่างกันตรงไหนวะ
“ กูควรอยู่เฉยๆแล้วทำเป็นไม่เคยเปิดของขวัญของมันอย่างนี้ปะ ”
“ มึงดูคิดมากนะ ” อ้าวไอ้นี่ ไอ้อิฐมันก็เพื่อนกูนะเว้ย
“ เหมือนมึงไม่ได้ช่วยกูเลยว่ะไอ้กิม ” ผมทำหน้านิ่งใส่ มันก็หัวเราะพลางโยกหัวผมไปด้วย
“ โอ๋ๆ เดี๋ยวกูจะบอกอะไรให้ ความรักอะใช้สมองมากไปมึงไม่มีทางเข้าใจมันหรอก มึงต้องใช้ใจไม่ต้องคิดหาเหตุผลอะไรมากมายแค่ทำตามความรู้สึกตัวเอง สิ่งที่มึงปิดกั้นไว้ก็เปิดมันออกบ้าง ให้โอกาสตัวเอง...มึงจะได้เริ่มต้นใหม่สักที ” รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้ผม
ใช้ใจงั้นหรอ ผมเคยมีความรักนะแต่ที่ผมสับสนคงเป็นเพราะครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อน
ผมควรเลิกหาเหตุผลมาใช้ในการตัดสินใจแล้วใช้ความรู้สึกสินะ
“ พี่ทรายคงจะดีใจถ้ารู้ว่ามึงจะเริ่มต้นใหม่ได้สักที ”
“ กูก็จะดีใจเหมือนกันถ้ามึงจะเริ่มต้นใหม่ ” มันหันมามองผม
“ มันแค่ยังไม่ถึงเวลา กูอยู่แบบนี้ก็มีความสุขดี ” มันมองไปข้างหน้าแล้วยิ้มก่อนจะผุดลุกขึ้น
“ เคลียร์กับความรู้สึกตัวเองแล้วก็รีบไปเคลียร์กับไอ้อิฐล่ะ ”
“ อืม ขอบใจนะ ”
“ งั้นกูไปก่อนดีกว่า ไว้เจอกัน ” พยักหน้าก่อนที่ไอ้กิมจะเดินออกไป
ถ้าผมชอบไอ้อิฐจริงๆคงไม่เป็นไรใช่ไหม...


คนที่เพิ่งเดินออกมาหันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ
“ สุดท้ายแล้วคนที่อยู่ข้างมึงก็ไม่ใช่กูอยู่ดีสินะ ”
….การจะรักใครสักคนมันไม่ได้ง่าย และคงไม่มีใครอยากเริ่มต้นใหม่บ่อยๆหรอก
ความรู้สึกของคนเราไม่เท่ากัน อาจจะเป็นเพราะผมมีมากกว่าและอีกฝ่ายไม่มีเลย ถึงได้เจ็บอยู่แบบนี้
ไม่ได้เสียสละแต่เพราะไม่ใช่คนที่ถูกเลือกเลยยอมถอยออกมา
เป็นเพื่อนกันคงดีที่สุดแล้วล่ะมั้ง….



ผมใช้เวลากับตัวเองพอสมควรจนเดินเข้ามาในหอ ไอ้ไม้ไลน์มาบอกว่าไม่กลับห้องอีกตามเคย ถามว่าที่ใช้เวลากับตัวเองนั้นได้เรื่องไหมก็ได้นั่นแหละครับ บางทีผมควรเปิดใจ แต่กรณีที่ไอ้อิฐควงสาวนี่มันน่าโมโหจริงๆ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนแล้วกัน คุยกันยังไม่ได้คุยเลย
ถ้าเจอหน้ามันผมจะพูดอะไรดี ช่างเถอะตอนนี้ยังไม่เจอนี่หว่า
แต่พอเดินมาใกล้จะถึงห้องผมก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อคนที่ผมนึกถึงนั่งอยู่หน้าห้องผม ไอ้อิฐหันมามองผมก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาหาก่อนจะพูดคำที่ทำให้ใจผมเต้นแรง
 .
.
“ คิดถึง…”


หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 16 : 13/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-12-2019 21:36:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

สรุปว่ายัยมายด์นี่เป็นใคร?

ลูกพี่ลูกน้อง?  ญาติ?
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 16 : 13/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-12-2019 22:30:37
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 16 : 13/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-12-2019 22:43:46
 :m16:



หนู ! ลูกกกกกก !!!!
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 16 : 13/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 13-12-2019 23:20:33
คิดถึงไก่ ไก่ก็มา  ได้เวลาเคลียร์ใจกันแล้วนะเด็กๆ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 16 : 13/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 13-12-2019 23:52:29
 :katai1: :katai1: :katai1: เอาไงงงงงงงงง...พูดเลยเด้
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 16 : 13/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-12-2019 09:31:07
อูยยยยยยยย ..........  :impress2:
แค่คำว่าคิดถึง มันหายโกรธ หายงอนมั้ยลม  :-[
แต่มายด์ ดาวคณะที่ควงๆอยู่  จะว่าไงหึ อิฐ   :m16:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 16 : 13/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-12-2019 15:54:24
ควงสาวแล้วมาบอกคิดถึงคือไร
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 16 : 13/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-12-2019 19:35:17
คิดถึงก็อย่ามัวไปควงคนอื่นดิ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 17 : 16/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 16-12-2019 21:41:23
Chapter 17
คนที่ได้รับโอกาส


Aid'Part


พอผมบอกว่าคิดถึงคนตรงหน้าก็ยืนนิ่งจนผมเริ่มใจไม่ดี ก็รู้ตัวนะว่าตัวเองก่อเรื่องไว้แถมยังหายไปเฉยๆอีก แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้ซะหน่อย
“ เรื่องทุกอย่างกูอธิบายได้นะ ” ลมยังคงนิ่งแต่ใจผมนี่ร้อนรนไปหมดแล้ว ทั้งอยากอธิบายทั้งอยากขอโทษ
“ เข้ามาในห้องก่อน ” ลมเดินไปไขกุญแจผมจึงเดินตามไปด้วย
“ มือถือกูหายเลยไม่ได้ตอบแชทมึง ” ผมรีบพูดสิ่งที่อยากจะพูดมาหลายวันแต่ผมกลับทำเรื่องงี่เง่าจนได้เรื่องเพราะแผนของไอ้ติณณ์ที่ทำให้ผมเกือบเป็นบ้าเป็นหลังต้องมาหาลมอยู่ตอนนี้

ผมคิดถึงลม คิดถึงมากด้วย

“ ที่กูไม่ได้มาหาเพราะมีสอบ ไม่ได้กลับห้องด้วย ” ลมนั่งลงตรงโต๊ะญี่ปุ่นแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม นิ่งจนผมเริ่มกลัวแล้วนะ
ตอนเขาง้อเสือกไม่สนใจไอ้ง่าวเอ้ย
“ มานั่งคุยกันดีๆ ” ได้ยินดังนั้นผมก็นั่งลงอย่างว่าง่าย ยอมทุกอย่างแแล้วครับตอนนี้
“ กูไม่ได้งอนมึงหรอกนะแต่อย่างที่บอกมือถือกูหาย เพิ่งไปซื้อมา แล้วก็เพิ่งสอบเสร็จเลยรีบมาหามึง ”
“ แต่ตอนอยู่ร้านเหล้าเหมือนมึงตั้งใจหลบหน้ากู ”
“ นั่นมัน... ” จะบอกว่าไงดีล่ะ บอกว่าเป็นแผนของไอ้ติณณ์ที่อยากช่วยผมลองใจลมน่ะหรอน่าจะโดนด่าก่อนจะได้เข้าใจกันแหงๆ
“ ว่ามาสิ รอฟังอยู่ ” อย่ากดดันกันสิครับ
“ คือ...ของขวัญที่กูให้มึงเปิดดูรึยัง ” คงไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะ งั้นก็สารภาพทุกอย่างไปเลยแล้วกัน
“ เปลี่ยนเรื่อง ”
“ ไม่ใช่ คือ…จะว่าไงดีวะก็มันเกี่ยวข้องกันอะ ”
“ ยังไง ”
“ ก็เพราะของที่กูให้มึง มันเป็นเหมือนสิ่งแทนความรู้สึกของกูและเป็นเหตุผลว่าทำไมวันนั้นกูถึงเมินมึง  ”
“ งั้นหรอ ” ลมยังคงนิ่งเหมือนเดิมจนผมไม่รู้จะพูดยังไงต่อ อีกทั้งความมั่นใจของผมก็เริ่มจะลดลงเรื่อยๆ
ใจเย็นๆไอ้อิฐ
“ จริงๆแล้วกู...ชอบมึง ” ผมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆเสี่ยงที่จะโดนต่อยกลับมามาก
" ควงสาวไม่ซ้ำหน้าแต่มาบอกว่าชอบกูหรอ มันดูย้อนแย้งนะ " ลมจ้องหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง ไม่ค่อยได้เจอลมในโหมดนี้เท่าไหร่
มึงตายแน่ไอ้อิฐ
“ เรื่องนั้นกูอธิบายได้นะ ”
“ ก็อธิบายมา ” 
“ คนที่มึงเจออยู่ร้านเหล้าอะเป็นคนรู้จักไอ้ติณณ์ จริงๆเขาก็สนใจกูนั่นแหละเลยมานั่งคุยด้วย แต่กูไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยนะ ” สถานการณ์ตอนนี้เหมือนโดนเมียจับได้ว่ามีกิ๊กเลยครับ แต่เสียดายที่คนตรงหน้าไม่ใช่เมียจริงๆนี่สิถึงจะอยากให้เป็นก็เถอะ
“ แล้ว..คนที่ชื่อมายด์ล่ะ ” ผมทำหน้างงๆว่าไอ้มายด์ไปเกี่ยวอะไรด้วย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีคนถ่ายรูปผมกับมันไปลงเพจ
เอาจริงๆนะไอ้มายด์เป็นคนที่ไม่น่าจะเป็นแฟนผมที่สุดแล้ว สวยแค่ไหนผมก็ไม่เอาหรอก!
“ เพื่อนกูเอง เดี๋ยวว่างๆพาไปรู้จัก ” ยิ้มให้ไปหนึ่งทีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจแต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเจอสายตาที่ยังจ้องเขม็งมาที่ผมอยู่
งานช้างแล้วไอ้อิฐ
“ เพื่อนเยอะดีนะ ” ผมได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆกลับไป
“ แล้วไม่ตกใจหน่อยหรอที่กูบอกว่าชอบมึงอะ ” จากที่คิดว่าน่าจะโดนต่อยสักหมัดก็ไม่ แถมลมยังไม่ได้ดูตกใจอะไรด้วยเหมือนกับว่าผมพูดเรื่องดินฟ้าอากาศตามปกติ
“ ก็รู้แล้ว ”
“ หะ! รู้ได้ยังไงอะ ” หรือว่าที่จริงรู้มานานแล้ว ผมไปโป๊ะแตกตอนไหนวะเนี่ย
“ ก็ของขวัญที่มึงให้ ” เชี่ยย เปิดของขวัญแล้วด้วย
“ งั้นก็แสดงว่า…มึงคิดถึงกูใช่ปะไม่งั้นคงไม่เปิด ” แค่คิดก็ดีใจแล้วครับ
“ ไม่คิดถึงก็เปิดได้ ” จบแล้วมึงไอ้อิฐ
“ แล้วไม่คิดว่ากูจะแกล้งใส่เล่นๆหรอ ” พยายามทำให้สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นดีกว่าครับ
“ กวนตีนหรอ ” แต่ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งแย่แฮะ
“ ล้อเล่นน้า ยิ้มหน่อยสิกูใจแป๋วแล้วเนี่ย ”
“ เรื่องของมึง ” ลมเว่อร์ชั่นใจร้ายนี่ทำผมใจไม่ดีเลยจริงๆ
คิดสิวะไอ้อิฐจะทำยังไงให้มาดีกันเหมือนเดิม

...สเตปเดิม ดราม่าแม่งเลยละกัน!

“ กูมีสอบแล้วก็งานเยอะมากเลยอะ เหนื่อยมากๆ ” ผมชำเลียงมองอีกคน ก็ยังดูไม่สนใจผมอยู่ดี
“ นอนก็น้อย ข้าวก็ไม่ค่อยได้กินแถมตอนนี้ยังหิวมากๆอีกต่างหาก ” ผมทำท่ากุมท้องเพื่อให้ดูสมจริงมากขึ้น แต่…
“ ดราม่าพอรึยัง จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ” เกมโอเว่อร์ ผมแพ้แล้วครับ
เหลือแค่วิธีเดียว...
“ กูขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะหลบหน้าหรือเมินมึงจริงๆ ที่ทำไปก็เพราะอยากรู้ว่ามึงจะสนใจกูบ้างไหม...ก็แค่นั้นเอง ”
“ สนุกหรอ ” ตอนนี้ผมได้แต่ก้มหน้ายอมจำนนต่อความผิดของตัวเอง
“ ขอโทษ ”
“ เอาจริงๆมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรนะ ”
“ งั้นแสดงว่ามึงก็ไม่ได้โกรธกูน่ะสิ ” ผมมองลมอย่างคาดหวังในคำตอบ
“ ไม่ได้โกรธ แต่มึงชอบทำอะไรไร้สาระว่ะ เลิกสักทีได้ไหมมีอะไรก็พูดมาตรงๆ ”
“ ครั้งหน้ามีอะไรกูจะพูดตรงๆ ว่าแต่...มึงรู้สึกอะไรกับกูบ้างไหม ” ไหนๆก็ไหนๆแล้วถามไปเลยดีกว่าจะได้ทำใจครั้งเดียว
“ กูควรรู้สึกอะไร ”
“ ก็..ชอบกูบ้างรึเปล่า ”
“ การกระทำของมึงมันน่าให้กูชอบรึเปล่าไอ้อิฐ ” ถ้าไม่นับครั้งล่าสุดก็ถือว่าาผมทำดีมาโดยตลอดนะ
“ ครั้งนี้กูขอโทษจริงๆ ”
“ ดึกแล้วกลับห้องได้แล้วไป ” ถึงขั่นไล่กลับห้องเลยหรอวะ
ผมนั่งมองหน้าลมอย่างหมดความหวัง ไล่ก็ไม่ไปครับช่วงนี้ผมนอนไม่หลับเพราะคนตรงหน้านี่แหละ ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรแบบนั้นจริงๆนะ ยอมรับก็ได้ว่าใจหนึ่งผมก็อยากรู้ว่ามันจะมีผลต่อลมบ้างไหมแต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือลมไม่ชอบที่ผมทำอะไรบ้างนี้ จริงๆก็ไม่มีใครชอบหรอก
“ จะนั่งอยู่ตรงนี้? ” ลมถามขณะที่ผมก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน
“ คืนนี้ขอนอนด้วยได้ปะ ” ไม่ด้านก็ไม่ใช่ไอ้อิฐแล้วครับ
“ ห้องมึงก็มีมั้ง ”
“ งั้นมึงก็หายโกรธกูก่อนสิ ”
“ มึงอย่ามาทำตัวเป็นเด็กมีปัญหานะไอ้อิฐ ” ยอมรับว่ามีปัญหาแต่จะให้ผมทำไงได้ล่ะ
“ กูไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เลยนะลม แต่เพราะกูชอบมึง ” ผมก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เหมือนกันนอกจากจะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นยังไม่ดีในสายตาลมด้วย
“ กูแค่…”
“ พอเถอะ ” ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อลมก็พูดขึ้นก่อนจะลุกแล้วเดินเข้าไปในห้อง สักพักก็เดินออกมาพร้อมกับหนังสือหลายเล่ม
ผมมองการกระทำของอีกคนอย่างงงๆ
“ กูจะอ่านหนังสือ มึงก็กลับห้องไปได้แล้ว ” ตอนนี้คือเดาอารมณ์ของลมไม่ออกจริงๆ สรุปคือผมรอดหรือโดนโกรธกันแน่วะ
“ กูไม่ได้โกรธมึงหรอกน่า ” คงเห็นผมไม่ยอมลุกไปสักทีลมจึงเงยหน้าจากหนังสือแล้วถอนหายใจเบาๆเหมือนจะปลงกับผมสุดๆ
“ แน่ใจนะ ”
“ มึงพูดไม่รู้เรื่องรึไง ” รู้แล้วครับบ โหดจริงวุ้ย
“ กูอยู่ด้วยได้ปะ ไอ้ไม้ก็ไม่อยู่ ” หน้าด้านต่อไปครับ
“ ทำตัวดีๆหน่อย ” แต่ถ้าหน้าด้านกว่านี้มันจะโดนโกรธเข้าจริงๆน่ะสิ
“ งั้น...พรุ่งนี้เจอกันนะ ” ผมบอกก่อนจะยอมลุกขึ้น มองลมที่ไม่ได้สนใจจะหันมามองผมเลยสักนิดก่อนจะจำใจเดินออกมา
แต่ก็ได้ยินเสียงของอีกคนที่พอจะทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ อืม ”



................


“ เป็นไงมึงแผนไอ้ติณณ์ได้ผลปะ ” ได้ผลเชี้ยไรล่ะ ไม่ได้ช่วยแถมยังพาซวยอีกต่างหาก
ผมไม่ได้ตอบไอ้ศิลป์เพราะดูจากหน้าผมมันก็น่าจะรู้ผลละ เมื่อเช้าไปหาลมที่ห้องแล้วมามอด้วยกันระหว่างทางผมก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรจึงกลายเป็นเงียบกันตลอดทาง บอกเลยว่าโคตรอึดอัดทั้งที่ในใจอยากจะคุยด้วยใจจะขาดแต่เหมือนอีกคนจะไม่อยากคุยด้วย
คนมันมีคดีติดตัวก็งี้จะโทษไอ้ติณณ์ฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เพราะผมก็เสือกบ้าทำตามแผนมันเหมือนกัน
แต่เดี๋ยวก่อน ผมลืมคิดไปรึเปล่าว่าที่ลมทำเหมือนไม่พอใจงั้นก็แสดงว่าแผนมันได้ผลสิ แล้วถ้าแผนได้ผลแสดงว่าลมก็คิดอะไรกับผมน่ะสิ
ตึง!
“ เชี่ยอิฐมึงทุบโต๊ะทำไมเนี่ย เรียนอยู่นะไอ้ห่า ” ไอ้แคมป์มันหันมาด่าผมก่อนผมจะสำนึกได้ว่าตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่

ชิบหาย

“ มีปัญหากับการสอนของดิฉันหรือเปล่าคะนักศึกษา ”
“ เปล่าครับ ” ผมส่งยิ้มไปให้อาจารย์ที่สอนอยู่อย่างรู้สึกผิด
“ เป็นไร ”
“ ไม่มีไร ”
แค่คิดก็มีความสุขละ ตอนเย็นคงต้องไปหาชะแล้ว
แต่ก่อนอื่นผมคงต้องตั้งใจเรียนก่อนล่ะมั้ง รู้สึกว่าสายตาอาจารย์จะเริ่มมองมาที่ผมแล้ว



ผมเพิ่งสอบกลางภาคเสร็จแต่ก็ต้องมาเร่งทำงานส่ง เรียกได้ว่าไม่ได้พักแถมสังขารก็เหมือนจะเริ่มไม่ไหวแล้ว
ผมเปลี่ยนมือถือใหม่เพราะทำหายวันที่ลมลืมนัดผมนั่นแหละ กะจะไปดื่มเหล้าย้อมใจแต่ดันทำมือถือหายด้วยบวกกับอารมณ์น้อยใจที่ผมเหมือนไม่สำคัญก็เลยพยายามทำตัวให้ยุ่ง ไม่ไปเจอหน้าลมจนไอ้ติณณ์มันเสนอแผนนั่นแหละครับ ตอนแรกก็ไม่อยากทำหรอกแต่อารมณ์มันพาไป
“ เพื่อนอิฐ~ ” และนี่ก็คืออีกคนที่เป็นโจทก์ของผมอยู่ตอนนี้   
“ อย่าเข้ามาใกล้กู ” ผมรีบเปลี่ยนที่นั่งทันทีที่ไอ้มายด์มันเดินมา

มายด์ ดาวคณะวิศวะปี2 ซึ่งปีเดียวกันกับผมนี่แหละ ผมกับมันสนิทกันตอนประกวดดาวเดือนสาเหตุที่ผมพูดถึงมันแบบนี้เพราะมันมีนิสัยไม่ตรงปกครับ หน้าตานี่สวยราวกับนางฟ้าแต่ถ้าได้รู้จักล่ะก็หนีแทบไม่ทันเลยล่ะ
“ มันเป็นไรอะ ”
“ ก็ที่มึงให้มันช่วยเป็นไม่กันหมาให้ไง ตัวจริงมันเห็นมันเลยคิดหนักอยู่แบบนี้ ”
“ เชี้ย มึงมีตัวจริงด้วยหรอไอ้อิฐนึกว่ามีแต่ตัวปลอม ” คำหยาบไม่เหมาะกับหน้ามันจริงๆนะผมว่า ภายนอกออกจะดูเรียบร้อย ดูเป็นกุลสตรีแต่พอพูดเท่านั้นแหละทุกอย่างที่ผมพูดมาหายวับไปกับตาเลย
ที่บอกว่าเป็นไม้กันหมาอันนั้นเรื่องจริงครับ ตอนทำงานกลุ่มซึ่งอยู่ๆพวกเราก็โคจรมาอยู่กลุ่มเดียวกัน ปกติเจอกันก็ทักทายธรรมดา แต่เพราะวันนั้นพวกผมทำงานกลุ่มแล้วมีคนมาตามตื้อไอ้มายด์ไอ้มายด์มันทำงานไม่ได้จึงให้ผมช่วยกันคนนั้นออกให้ ซึ่งใครจะไปคิดว่าจะมีมือดีมาถ่ายรูปพวกผมไปลงเพจจนลมเห็นแบบนั้น
คะแนนที่ไม่ค่อยมีตอนนี้ก็ยิ่งหายไปเลย ดูไปดูมาน่าจะติดลบด้วยซ้ำ
“ ใครวะ คณะไหน ”
“ เรื่องของกูน่า รีบทำงานได้ปะกูมีธุระ ” ผมแสร้งทำหน้าจริงจังใส่พวกมันจนไม่มีใครกล้าถามต่อแล้วเริ่มทำงาน
ธุระของผมคือไปทำคะแนนไงครับ ก่อนที่มันจะติดลบไปมากกว่านี้
“ เอาน่าอย่างน้อยเขาก็มีปฏิกิริยากับมึงปะ ” ไอ้ศิลป์ว่าพลางตบบ่าให้กำลังใจผม
“ วันนั้นเขาก็ดูสนใจมึงนะ ” วันนั้นที่ไอ้ติณณ์ว่าคงเป็นวันที่เจอกันร้านเหล้าแหละครับ ผมจะไปสารภาพอยู่แล้วแต่ไอ้ติณณ์ห้ามไว้ เพราะแค่เห็นหน้าลมผมก็ไม่อยากโกหกแล้ว
“ กูว่าเป็นสัญญาณที่ดี ” ไอ้แคมป์เสริม
สัญญาณไฟแดงอ่ะดิ
“ พวกมึง ” พวกผมหันไปสนใจไอ้มายด์
“ อะไร ”
“ ไหนว่าจะทำงานไง กูก็มีธุระนะเนี่ย ” รีบกว่าผมก็อาจจะเป็นไอ้มายด์นี่แหละมั้ง
ผมควรคิดในแง่ดี ตั้งใจทำงานให้เสร็จแล้วรีบไปหาลมดีกว่า
ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันแค่วันเดียวมันไม่พอสำหรับผม
ว่าแต่ลมจะทำอะไรอยู่นะ ไลน์ไปหาดีกว่า
“ ไอ้อิฐ มึงอยากรีบไปทำธุระไหม ” พอผมหยิบมือถือขึ้นมาเท่านั้นแหละครับ ไอ้แคมป์มันก็เอ่ยปากเลย
“ โอเค ไม่เล่นก็ได้ ” ไลน์ผมเป็นหมันไปทันที




“ ลม ” ผมยิ้มทันทีที่เจ้าของชื่อหันมา แต่ก็ได้รับเพียงสายตานิ่งๆกลับมาเหมือนเคย จะบอกว่าชินก็ไม่เชิงแต่ก็ดีกว่าไม่มองมาอะนะ
“ ไงไอ้หมา หายหน้าหายตาไปหลายวันเลยนะมึง ” ไอ้ไม้ที่เดินคู่มากับลมเอ่ยทักผมตามสไตล์มัน ซึ่งทำเอาผมคันตีนได้ตลอด
“ จะกลับหอกันเลยปะ ” ผมเมินไอ้ไม้ก่อนจะหันไปถามลม
“ จะไปกินข้าวก่อน ”
“ ไปด้วยดิ ” งานเสนอตัวขอให้บอก
“ พอดีเลยมึงไปกับไอ้อิฐนะ เดี๋ยวกูจะไปหาไอ้เฟรม ” เหมือนจะดีแต่ทิ้งเพื่อนไปหาแฟน แต่มันดีตรงที่เข้าทางผมนี่แหละ
ว่าแล้วมันก็โบกมือให้พวกผมแล้วเดินออกไปทันทีเหลือแค่ผมกับลม โอกาสมาแล้วไอ้อิฐ

สู้เว้ย!

“ มึงจะยืนทำใจอีกนานไหม ” เสียงที่ไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆเอ่ยขึ้น ผมจึงยิ้มกลับไป
ถือคติใจดีสู้เสือเข้าไว้
“ ไปกินไหนดี ”
“ แถวนี้แล้วกัน ”
“ เดิน? ” ผมถามขณะที่ลมเดินนำหน้า
“ ก็มันไม่ไกล ” ปกติลมจะขี่จักรยานไม่ก็เดินจนผมติดนิสัยไปด้วยแล้ว
“ ทำไมไม่ขับรถ ”
ตอนแรกผมก็คิดว่าลมขับรถไม่เป็นรึเปล่าแต่จริงๆแล้วขับรถเป็นครับแต่แค่ไม่ขับ
“ ไม่ชอบ มันไม่ได้บรรยากาศ ” ลืมไปว่าคนตรงหน้าผมก็ติสในระดับหนึ่ง
ลมมีบ้านเกิดที่เชียงใหม่แถมยังมีฐานะดีมากๆ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะใช้ชีวิตติดดินพอสมควร ที่รู้เพราะไอ้ไม้อีกตามเคยแหละครับแลกกับเป็นหูเป็นตาเรื่องไอ้เฟรมให้ ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
“ ทำไมถึงชอบกู ” ระหว่างที่ผมเดินตามเงียบๆลมก็ถามขึ้น
“ ถามงี้ก็เขินดิ ” อันนี้เขินจริงนะครับ
“ เขินเป็นด้วยหรอ ”
“ โถ่ เห็นกูเป็นคนแบบไหนเนี่ย ”
ผมมองแผ่นหลังคนที่เดินห่างจากผมไม่ไกลนัก คุยกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกันกล้ากว่าคุยกันตรงๆตั้งเยอะ
“ ตอนแรกแค่คิดว่ามึงน่าสนใจดีเลยอยากเป็นเพื่อนด้วย แต่พอรู้จักมึงจริงๆมึงก็...น่ารักกว่าที่คิด ” พอพูดถึงตรงนี้ผมก็ยิ้มกับตัวเอง ความรู้สึกมันไม่ได้ลดลงเลยแถมยังมากขึ้นเรื่อยๆ ลมไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำมีแต่ผมที่ชอบอีกฝ่ายมากขึ้น
“ แต่กูเป็นผู้ชาย ”
ลมหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองผม ผมมองคนที่มีลักษณะภายนอกไม่ได้ต่างจากผมสักเท่าไหร่
จริงๆผมก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน
“ แต่กูชอบมึง ” นั่นคือเหตุผลที่ผมมองข้ามความเป็นจริงข้อนี้
“ มึงแน่ใจแล้วหรอ กูกับมึงเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานด้วยซ้ำ ” ระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาอาจจะไม่นานจริงๆนั่นล่ะมั้ง
“ งั้นกูขอโอกาส กูจะทำให้มึงรู้ว่ากูชอบมึงจริงๆไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ ”
ลมเงียบจนผมเริ่มใจไม่ดี เป็นไงเป็นกันมาถึงขั้นนี้แล้วถ้าไม่มีโอกาสก็ขอแค่ได้เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ยังดี เพราะถ้าจากนี้ลมจะหายไปจากชีวิตผมเลยมันคงทำใจได้ยากจริงๆ
.
.
“ งั้นก็ลองดู ”
สิ้นเสียงของลมผมก็แทบกระโดดกอดคนตรงหน้า แต่ยังดีที่เก็บอาการได้ทัน อย่างน้อยก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีล่ะวะ!!

ไลน์~

ลมหยิบมือถือขึ้นมาดูก่อนจะมองผม
“ จะไลน์มาทำไม ”
“ ก็จะบอกว่ามือถือใช้ได้แล้วไง จากนี้กูจะรับสายจะตอบไลน์มึงแบบวิต่อวิเลย ”
ผมยิ้มกว้างอย่างมีความสุขทั้งที่ลมก็ไม่ได้รู้สึกอินกับผมเลยสักนิด ก็ผมมีความสุขนี่หว่า
“ ไปกินข้าวกันเถอะ ”
“ คร้าบบ ” ผมรีบเดินไปเคียงข้างลมทันที หันมองคนที่เหมือนจะไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาแต่ไอ้หูแดงๆนั้นทำให้ผมดูมีความหวังขึ้นมาบ้าง
อย่างน้อยลมก็เขินที่ผมบอกชอบล่ะวะ
.
.
.
.
.
Aid: ขอบคุณนะ


หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 17 : 16/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-12-2019 22:15:08
โอ๊ยย นึกว่าจะแน่อีอิฐ ที่แม้ก็แกล้งเมิน 5555
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 17 : 16/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 16-12-2019 22:20:56
 o13 เอ้อออ ...มันต้องงี้ดิ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 17 : 16/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-12-2019 23:04:11
เกือบไปแล้วมั้ยละพ่อพระเอก
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 17 : 16/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 16-12-2019 23:23:50
ตื้อเท่านั้นนะอิฐ.  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 17 : 16/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-12-2019 02:57:20
 :pig4: :pig4: :pig4:

ให้อภัยง่ายไปไหมลม?
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 18 : 18/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 18-12-2019 20:30:54
Chapter 18
คนที่อยากให้เพื่อนรู้จัก

Lm'Part


“ ลมม ไปกินปิ้งย่างกันนน ” เสียงโหยหวนของไอ้อิฐกรอกหูผมตั้งแต่เมื่อเช้าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุด ใช้คำว่าโหยหวนแหละครับเหมาะกับมันที่สุดแล้ว
“ อาทิตย์หน้ากูมีสอบ ไม่ว่าง ”
“ อีกตั้งเป็นอาทิตย์ ไปเถอะนะจะแนะนำให้เพื่อนรู้จักด้วย ” ทำอย่างกับผมตกลงเป็นแฟนมันอย่างนั้นแหละ
“ มึงพูดรู้เรื่องไหมไอ้อิฐ ” ผมทำหน้าจริงจังใส่มันแต่มีหรอที่มันจะสำนึกหลังๆมานี่มันทำอะไรตามใจตัวเองสุดๆแต่ก็ต้องโทษผมเองนี่แหละที่บ้าไปตามใจมัน
“ รู้ แต่อยากให้ไป ”
“ กูมีนัดติวกับไอ้ไม้ ”
“ งั้น...กูไปด้วยได้ไหม ” ไม่ได้อย่างหนึ่งก็จะเอาอย่างหนึ่ง
“ ห้ามกวน ห้ามวอแว ”
“ รับทราบครับ! ” ไอ้อิฐยิ้มให้ผมก่อนที่ผมจะเริ่มรู้สึกปลงกับชีวิต ตั้งแต่ที่ผมให้โอกาสก็ดูเหมือนว่ามันจะคว้าทุกโอกาสจริงๆ อีกนิดก็จะตามติดผมเป็นเงาอยู่แล้ว
“ แต่มึงต้องไปหาเพื่อนกูนะ วันไหนก็ได้ ”
จริงๆก็รู้สึกดีนะครับที่มันอยากแนะนำผมให้เพื่อนมันรู้จัก
ตั้งแต่วันที่มันบอกว่าชอบผมก็แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยเห็นจะมีก็แต่มันแสดงออกว่าชอบผมอย่างเปิดเผยแถมยังดูแลดีอีกต่างหาก
ข้อดีของไอ้อิฐคงจะเป็นเวลาทำผิดมันจะพูดออกมาเองโดยที่ผมไม่ต้องถาม ไอ้อิฐมันโกหกไม่เนียนแถมเวลาโกหกหน้าตามันโคตรมีพิรุธ จริงๆผมก็ขำมันนะลุคออกจะดูเจ้าชู้ แต่ก็อย่างว่าแหละครับต้องดูๆกันไปบางทีมันอาจจะยังมีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกเยอะ
“ ทำไมรีบติวจัง ”
“ มันเยอะแล้วก็ยากด้วย ” ไอ้อิฐพยักหน้าเหมือนเข้าใจ
“ ไอ้ลม ”
“ หวัดดีครับพี่อาร์ต ” ผมยกมือไหว้คนที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ กูเกือบเอาไปทิ้งละ เยินหน่อยนะแต่ก็พออ่านได้อยู่ ” ผมรับชีทที่สภาพมันก็เป็นอย่างที่พี่อาร์ตว่าจริงๆแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอ่านล่ะนะ
“ ขอบคุณครับ ”
“ แล้วมึงจะไปไหนต่อ ”
“ นัดไอ้ไม้ติวน่ะพี่ ” พี่อาร์ตพยักหน้าก่อนจะมองผ่านผมไปยังด้านหลัง
“ อ้าวแล้วแฟนมึงเรียนไหนวะ ไมไม่เห็นอยู่ด้วยกัน ” ผมทำหน้างงทันทีที่พี่อาร์ตพูด ผมไปมีแฟนตอนไหนวะ
“ ใครวะพี่ ”
“ ก็ไอ้หน้าหล่อนั่นไงชื่อไรนะ กินหรือกิมวะ ” คงเป็นตอนที่พี่มันเข้าใจผิดคิดว่าผมกับไอ้กิมคบล่ะมั้ง ยังเชื่ออยู่อีกหรอเนี่ย
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรแรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง หน้าไอ้อิฐเหมือนต้องการคำอธิบาย ดีหน่อยที่หน้าตามันยังอยู่ในระดับที่น่าจะเจรจาได้แต่อีกหน่อยก็ไม่แน่
“ แล้วนี่เพื่อนมึงหรอ หล่อดี ” ชมผิดเวลาปะพี่
“ ไอ้กิมมันเป็นเพื่อนผมน่าพี่อาร์ต พี่โดนมันหลอกแล้ว ”
“ เอ้า อะไรของพวกมึงวะ ” พี่มันเกาหัวอย่างงงๆ
“ แล้วไปไหนต่ออะพี่ ”
“ ทำงานว่ะเดี๋ยวกูต้องไปละ มึงก็ตั้งใจติวล่ะ ”
“ หวัดดีพี่ ” ยกมือไหว้พี่อาร์ต พี่มันพยักหน้าให้ผมก่อนจะเดินออกไป
“ ไม่ยักรู้ว่ามึงเป็นแฟนไอ้กิม ” งานเข้าล่ะครับทีนี้
“ เรื่องเข้าใจผิดกันน่ะ ”
ดูท่าทางมันจะเชื่อแต่ก็ยังทำหน้าเคืองๆอยู่ มันบอกผมว่าจะพยายามควบคุมอารมณ์ ไม่งี่เง่า เวลามันหวงจะหวงรุนแรงมากซึ่งถ้าหวงบ่อยๆผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน
“ ไม่มีอะไรแน่นะ ”
“ อืม  ไปกันเถอะ ” มันจำใจพยักหน้าแล้วเดินตามผมมา ถึงมันจะเป็นแบบนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยนะดีด้วยซ้ำที่มีคนรู้สึกกับเรามากขนาดนี้ แล้วมันก็ดูน่ารัก...สำหรับผม



“ กูนั่งรอแถวนี้นะ ” ผมพยักหน้าให้ไอ้อิฐแล้วเดินไปยังโต๊ะที่ไอ้ไม้กับเพื่อนอีกสองคนนั่งอยู่
พวกผมมาติวกันในร้านกาแฟร้านหนึ่งที่ตกแต่งร้านได้ดึงดูดลูกค้าพอสมควร ในร้านคนค่อนข้างเยอะ ไอ้อิฐมันนั่งอยู่อีกโต๊ะเพราะไม่อยากรบกวนผม
“ อ้าวลม มาพอดีเลย ” คนที่ทักผมชื่อเต๋า เป็นคนที่เรียนเก่งคนหนึ่งซึ่งไอ้ไม้มันไปตีสนิทเลยรู้จักกัน ผมว่าเต๋ามันไม่ค่อยเหมาะกับเกษตรนะ แต่น่าจะเหมาะกับบริหารมากกว่า
“ กูกำลังจะทักหาพอดี แล้วมากับใคร ”
“ ไอ้อิฐ ”
“ อิฐเดือนมหาลัยปีที่แล้วปะ ” อีกคนที่ถามผมคือ ปลาย เป็นคนอัธยาศัยดีคนหนึ่งสนิทได้กับทุกคนเหมือนไอ้ไม้ ผมจึงแทบไม่ต้องพูดอะไรเลยเวลาเจอกันเพราะมีแต่มันที่พูดเองคนเดียวหมด แต่เห็นอย่างนี้มันคือตัวท็อปของห้องเลยนะ
“ คนนั้นปะ ” ไอ้เต๋าชี้ไปยังโต๊ะที่ไอ้อิฐนั่งอยู่ ซึ่งมันก็คงก้มหน้าก้มตาเล่นเกมของมันไปนั่นแหละ
“ หล่อว่ะ เกิดกี่ชาติกว่าจะได้เท่านี้วะ ”
“ แต่เห็นควงสาวไม่ซ้ำหน้าเลยนี่หว่า ” เต๋าว่าพลางมองไปทางอิฐ
มันมีเวลาไปควงสาวด้วยหรอ
“ ติวกันเถอะพวกมึง ”
ไอ้ไม้พูดแล้วหันมามองผม ผมก็ไม่ได้คิดอะไรนะไม่ใช่ว่าจะเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนั้น
ถ้าเรื่องไหนปล่อยผ่านได้ก็ปล่อยไป ไม่อยากให้มันมาเป็นเรื่องวุ่นวายในชีวิต
ผมหันไปมองไอ้อิฐอีกครั้งซึ่งตอนนี้มันก็มองมาทางผมเหมือนกัน ก่อนที่มันจะส่งยิ้มมาให้
จริงๆแล้วผมน่ะ...เชื่อใจมันมากกว่าที่คิดนะ



.........................



ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนของไอ้อิฐ ในที่สุดผมก็มาจนได้ถ้าจะให้พูดตามตรงก็เพราะรำคาญไอ้อิฐที่มันเซ้าซี้นั่นแหละ
เพื่อนมันสามคนผมคุ้นหน้าแต่จำชื่อไม่ได้ ส่วนอีกคนคือมายด์คนที่มีรูปคู่กับไอ้อิฐตอนนั้น แต่สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงก็คือ ลักษณะนิสัยของเธอช่างขัดกับลักษณะภายนอกซะเหลือเกิน
“ กูชื่อติณณ์นะ ” คนที่ชอบจ้องหน้าผมเหมือนเกลียดนี่หว่า
ผมพยักหน้ารับก่อนคนที่นั่งถัดไปจะแนะนำตัว จนถึงคนสุดท้ายก็คือมายด์
“ กูมายด์นะ ไม่ต้องตกใจตามสบายเลยกูไม่ถือ ” รอยยิ้มหวานๆถูกส่งมาแต่ช่างขัดกับสิ่งที่พูดออกมาเมื่อกี้เอามากๆ
“ กูลม ยินดีที่ได้รู้จัก ”
“ แล้ว...พวกมึงสองคนคบกันยังวะ ” คนที่ชื่อศิลป์ถามทั้งยังทำหน้าลุ้นสุดๆ
“ เรื่องของพวกกูน่า ” ผมกำลังจะตอบศิลป์ไอ้อิฐก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นมาเตรียมชนแก้ว
“ ชนๆ ” คนอื่นจะทำไงได้ล่ะครับก็จำใจชนแก้วกับมันน่ะสิ
“ ที่จริงมึงยังไม่คบกับลมสินะ ไอ้กากเอ้ยย ” แคมป์ว่าพลางหัวเราะ
ดูเหมือนว่าเพื่อนไอ้อิฐจะให้กำลังใจมันเต็มที่เลยนะ
“ หุบปากไปเลยมึง ”
“ ดูไว้นะลมไอ้อิฐมันโคตรกาก มีดีแค่สมองกับหน้าตา ” ไอ้คนข้างๆผมเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขแล้วครับ ตามจริงผมก็รู้นะว่ามันกาก แต่ก็ถือว่าไม่ได้กากจนไม่ได้เรื่องขนาดนั้น
“ อย่าไปฟังมันนะลม ”
“ ยี๋ ทำมาเป็นเสียงสอง ” มายด์ว่าพลางทำหน้ารับไม่ได้
ดูๆแล้วมายด์ก็น่ารักดีนะผมว่า ดูจริงใจดีแถมคิดอะไรก็เหมือนจะพูดออกมาซะหมด
“ อย่าไปมองไอ้มายด์เยอะดิ โดนมันทำเสน่ห์ใส่ไม่รู้นะ ” ถ้าจะมีใครทำเสน่ห์ใส่ผมคงเป็นมันนี่แหละผมว่า
“ ก็กูสวยไง ” ผมขำกับท่าทางของมายด์แต่คนในโต๊ะเงียบกันหมดแล้วมองมาที่ผม
“ ก็ยิ้มได้นี่ ” ติณณ์ทักขึ้นจนผมเริ่มจะงงว่าทำไมผมจะยิ้มไม่ได้
“ ห้ามยิ้มห้ามขำ ” แล้วไอ้คนข้างๆผมมันเป็นอะไรล่ะทีนี้
“ จะเก็บไว้ดูคนเดียวว่างั้น ”
“ เออ! ”
บางทีผมก็เริ่มเกลียดการที่มันพูดอะไรแบบนี้ตรงๆแล้วนะ เดือดร้อนใจผมที่ต้องเต้นผิดจังหวะอีก
“ พอได้แล้วมั้งคนของมึงเริ่มเขินละ ” สมกับเป็นเพื่อนกันว่ะ ชงเก่ง
“ เราขอไลน์ลมได้ปะ...โอ้ย ” ไวกว่าคำตอบผมก็ฝ่ามือไอ้อิฐนี่แหละ ตบหัวศิลป์อย่างจัง
“ ได้ดิยังไงก็เพื่อนกัน ” เพื่อนไอ้อิฐก็คงจะเหมือนเพื่อนผมล่ะมั้ง
“ ลมมม ”
“ น่ารักกก ” ผมว่าคำนี้ไม่เหมาะกับผมเท่าไหร่นะ
“ แดกกันไหมพวกมึง ” พอมายด์พูดคำนี้ผมแทบจะหันไปมองทันที โถ่มายด์
“ แดกกันอะไรร ”
“ มึงคิดอะไรไอ้อิฐ ”
“ เปล่านะ ”
หน้ามึงสวนทางกับคำพูดมากไอ้อิฐ
การได้มารู้จักกับเพื่อนไอ้อิฐก็ดูเหมือนมันจะจริงใจกับผมอยู่นะ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกดีกับมันหรอกแต่อย่างที่ผมเคยบอกเราทั้งสองคนเป็นผู้ชาย




“ เพื่อนกูเป็นไงบ้าง ” ไอ้อิฐถามขณะที่พวกเราเข้ามาในลิฟท์
“ ก็น่ารักดี ”
“ หมายถึงกูใช่ปะ ” ยังมีหน้ามาถาม
“ หมั่นหน้า ”
“ โถ่ ถ้าไม่หมั่นหน้าจะอยู่กับมึงได้ถึงขนาดนี้หรอ ” ก็จริงของมันอะนะ
ผมมองคนที่ยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะคิดว่าการมีคนอยู่เป็นเพื่อนมันก็ดีเหมือนกัน นานแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกว่าอยากมีใครสักคนตั้งแต่เลิกกับเธอ แต่ตอนนี้ผมเริ่มอยากจะมีใครสักคนบ้างแล้วล่ะ
“ ถึงแล้ว ” เสียงไอ้อิฐดึงผมออกจากความคิดก่อนจะพบว่าถึงชั้นของผมแล้ว
“ ตามมาทำไม ”
“ จะไปส่ง ”
“ แค่นี้เอง ” ไอ้อิฐไม่ฟังแถมยังดันหลังให้ผมเดินต่อไป อีกสักพักมันก็เปลี่ยนมากอดคอ
“ เนียน ”
“ บ่น แต่ก็ไม่ปฏิเสธกูนะ ยอมรับมาเถอะมามึงก็เริ่มชอบกู ”
“ หึ ”
“ โห เดี๋ยวนี้ร้ายกาจนะเรา ” ไอ้อิฐโน้มเข้ามาใกล้ผมก่อนที่ผมจะตบหน้าผากมันไปทีหนึ่งข้อหาหมั่นไส้
ก็อย่างที่มันพูดแหละครับถึงแม้ผมจะบ่นแต่ผมไม่เคยปฏิเสธมันได้สักทีเพราะผมน่ะ ชอบเวลาที่มันมีความสุขแบบนี้
“ ทำไมถึงไวจังวะ ” ไอ้อิฐพูดเหมือนเสียดาย
“ อยู่กับกูทั้งวันไม่เบื่อรึไง ”
“ จะเบื่อได้ไงก็มึงน่ะ...คือความสุขของกู ” ผมไม่ชอบเวลาที่มันทำสายตาจริงจังแล้วพูดอะไรแบบนี้จริงๆ มันทำให้หัวใจผมทำงานหนักกว่าปกติ
“ โม้ว่ะ กลับห้องไปได้แล้ว ”
“ แหมมม เขินก็บอกมาเถอะน่า ”
“ ไอ้อิฐ ” เกลียดที่มันรู้ทันว่ะ
“ โอเคๆยอมกลับก็ได้ ” ในเมื่อมันยอมกลับผมจึงไขประตูเตรียมจะเข้าห้อง แต่ก็เพราะมันนั่นแหละที่ทำให้ผมไม่ได้เข้าห้องสักที
“ อะไรอีก ”
“ ฝันดีนะ แล้วก็...ฝันถึงกูด้วย เพราะกูก็จะฝันถึงมึงเหมือนกัน ” ตบท้ายด้วยรอยยิ้มอีกเช่นเคย ทำให้ใจกูเต้นแรงเก่งนักนะมึง
.
.
คล้อยหลังไอ้อิฐผมถึงได้หาเสียงตัวเองเจอ ก่อนจะบอกฝันดีทั้งที่มันก็เดินออกไปจนลับตาแล้ว
“ ฝันดี ”
บางทีการที่ไอ้อิฐเข้ามาในชีวิตของผมมันก็ดีเหมือนกันนะ ทำให้ผมมีสิ่งที่อยากจะทำหลายอย่างและอยากมีมันอยู่ข้างๆด้วย
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ผมก็ชอบมันเหมือนกัน
แต่... ผมยังคบกับมันตอนนี้ไม่ได้หรอกเพราะมันไม่ได้มีแค่ผมกับมันที่จะตัดสินใจเรื่องนี้

ตื๊ดด ตื๊ดดด

เบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่กล้าตกลงคบกับไอ้อิฐ
“ สวัสดีครับคุณนาย ”
ผมไม่รู้ว่าแม่ของผมจะรับเรื่องนี้ได้ไหม
‘ ไหนว่าจะโทรหาแม่ไง หลอกคนแก่อีกแล้วนะ ’
“ ไม่แก่สักหน่อยครับ ” ผมยิ้มให้กับคนปลายสาย
“ แล้วมีอะไรรึเปล่าครับ ”
‘ คิดถึงไม่ได้เลยใช่ไหมคะ ’ นั่นเริ่มน้อยใจซะแล้ว
“ ไม่ใช่สักหน่อยครับ ลมนึกว่าแม่มีเรื่องอะไรชะอีก ”
‘ คิดถึงไงเจ้าลม เมื่อไหร่จะกลับบ้านเอ่ย ’
“ อีกหน่อยจะสอบแล้วครับ ช่วงนี้คงไม่ได้กลับแน่ๆเลย ”
‘ หรือว่าแม่ควรไปหาลมเอง ’
“ ไม่ต้องลำบากหรอกครับ เดี๋ยวลมกลับไปหาเองดีกว่าเนาะ ”
‘ อย่าปล่อยให้คนแก่รอเก้อล่ะ ’ อยู่บ้านคงจะเหงาแหละครับ เพราะลูกคนเดียวก็มาเรียนไกลบ้านแบบนี้แถมยังไม่ค่อยได้กลับด้วย
“ แม่ครับ ”
‘ ว่าไงเอ่ย ’
“ ถ้าลมชอบ...เอ่อ...ผู้ชาย แม่จะว่าอะไรไหมครับ ”
ปลายสายเงียบไปพอสมควรก่อนจะตอบกลับมา
‘ นี่ลม...โกหกแม่รึเปล่า ’
“ เปล่าครับ ”  ปกติผมมีอะไรก็คุยกับแม่ตลอดและคุยกันแทบทุกเรื่องร่วมถึงเรื่องนี้ด้วย

ผมไม่อยากโกหก

‘ ขอเวลาแม่ตั้งสติก่อนนะ ’
“ ครับ ” สิ้นเสียงผมแม่ก็ตัดสายทันที ดีที่แม่ไม่ช็อคไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องแน่
.
.
“ เฮ้อออ ” ผมได้แต่ถอนหายใจ
จะรอดไหมวะเนี่ย
แล้วถ้าแม่รับไม่ได้จะทำยังไงวะ ผมคงต้องเผื่อใจไว้ใช่ไหม
หรือว่าบางทีความรักอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน…




หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 18 : 18/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 18-12-2019 21:00:36
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 18 : 18/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-12-2019 21:20:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมแม่ต้องขอเวลาตั้งสติ แล้วตัดสายอย่างฉับไว?
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 18 : 18/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-12-2019 21:45:59
คุณแม่ช๊อคไปแล้วจ้าพี่จ๋า
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 18 : 18/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-12-2019 22:17:42
ถามซะไม่ให้แม่ตั้งตัวเลย
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 18 : 18/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 18-12-2019 22:30:34
ไม่มีเกริ่นนำเลยนะพี่ลม คุณแม่จะช็อคไหมนั่น
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 18 : 18/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-12-2019 05:02:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 18 : 18/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 19-12-2019 05:12:52
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 18 : 18/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 19-12-2019 11:32:55
ติดตามจ้า   :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 18 : 18/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-12-2019 18:33:04
ดีใจ ได้อ่านและ  คิดถึงๆอยู่  :mew1:
คุยกันแล้วววววว  :-[
ชอบบบบบ ที่ลม ไม่คิดมากกับการที่อิฐมาชอบ  :katai2-1:
แล้วมีการเกริ่นๆกับแม่ด้วย   o22
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 19 : 20/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 20-12-2019 19:26:16
Chapter 19
คนที่มาหา



ผ่านไปหลายวันแล้วแม่ผมก็ยังไม่โทรมาและผมก็ไม่กล้าโทรไปด้วย ถ้าแม่พร้อมคงโทรมาหาผมเองแหละมั้ง
นึกแล้วก็ยังงงตัวเองที่อยู่ๆก็บอกแม่ไปแบบนั้นเลยต้องมาคิดมากอยู่อย่างนี้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีเรื่องที่ผมเครียดอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ สอบ กลาง ภาค
คงต้องปล่อยเรื่องของแม่ไว้ก่อนแล้วมาโฟกัสกับหนังสือที่กองอยู่ตรงหน้าสักที
เกลียดทฤษฎีจริงๆเว้ย!!
“ ตื่นน ” สัมผัสเย็นๆพร้อมกับเสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมา
ให้ทายครับว่าใคร
“ มาทำอะไร ”
“ เอาเสบียงมาส่ง ” ไอ้อิฐว่าพลางชูถุงของกินที่ไม่ได้มีแค่ถุงเดียวขึ้นโชว์พร้อมกับรอยยิ้มที่เจ้าตัวมักจะส่งมาให้เสมอ
“ เท่าไหร่ ”
“ เปลี่ยนจากเงินเป็นอย่างอื่นได้ปะ ”
“ อะไร ”
“ อย่างเช่นรอยยิ้มหวานๆ ” ดูจากสภาพตอนนี้ผมคงมีอารมณ์ยิ้มอยู่หรอกนะ
สองวันมานี้ผมอ่านหนังสือจริงจังมากทั้งติวด้วยทำขนาดนี้มันต้องได้แหละวะ แต่ก็ยังดีที่มีคนค่อยส่งข้าวส่งน้ำทำให้ผมประหยัดเวลาอ่านหนังสือได้เยอะเลย จริงๆไอ้อิฐมันสอบเกือบจะหมดแล้วก็จะเหลือแค่ตัวที่เรียนด้วยกันกับผม แต่เหมือนมันจะไม่ต้องอ่านอะไรมากหรอก เพราะมันถนัดอยู่แล้ว
น่าอิจฉาคนที่ไม่ต้องอ่านอะไรมากแต่ก็สอบได้นะครับ
“ พักก่อนก็ได้ ดูตาดิจะเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้ว ”
“ ใกล้จะจบแล้ว ”
“ อะนี่กินอะไรหน่อย ” ไอ้อิฐยื่นขนมปังมาให้ผม
“ มึงต้องพักบ้างดิ ต่อให้มึงอ่านเยอะขนาดไหนถ้าสมองมึงไม่รับมันก็เปล่าประโยชน์นะแถมยังเหนื่อยฟรีด้วย มึงต้องดูแลตัวเองบ้างหรือจะให้กูดูแลก็ได้นะกูพร้อมเสมอ ”
ตบท้ายด้วยการพูดเข้าตัวเองอีกตามเคย จริงๆมันก็ทำอย่างที่พูดอยู่นะ
ช่วงนี้มันบ่นผมมากกว่าผมบ่นมันซะอีก แถมผมยังได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันอีกหนึ่งอย่างก็คือ
ไอ้อิฐมันเจ้ากี้เจ้าการพอสมควรมันจะเป็นเสมอเวลาที่มันบอกแล้วผมไม่ยอมทำตามหรือบางครั้งมันก็ทำเองเลย แล้วเรื่องหนึ่งก็คือมันทำอาหารเป็นด้วย สบายน่ะสิครับเพราะมันเล่นซื้อของมาทำที่ห้องผมทุกวันไอ้ไม้ก็พลอยสบายไปด้วย ตอนนี้เหมือนมีพ่อบ้านประจำตัวจริงๆ
“ อร่อยปะ ”
“ ถ้าบอกไม่อร่อยจะโกรธปะ ”
“ โกรธทำไมกูไม่ได้เป็นคนทำ ” เริ่มกวนตีนละ
“ ตอนเย็นไปปั่นจักรยานกัน ”
“ กูจะอ่านหนังสือ ” คนเขามีงานมีการมันก็มาชวนปั่นจักรยานอยู่ได้
“ ก็ค่อยมาอ่าน ผ่อนคลายบ้างจะได้ไม่เครียด ”
ก็จริงแต่ผมขี้เกียจไปว่ะ ง่วงด้วย
“ เลิกเรียนแล้วเดี๋ยวมาหา มึงก็มารอตรงนี้นะ ” จัดแจงทุกอย่างจริงๆ ไม่ถามความสมัครใจของผมสักคำ

ไลน์~

“ ใครไลน์มาอะ ” ยังไม่ทันที่ผมจะเปิดดูไอ้อิฐก็ถามขึ้นซะก่อน
บางทีอาจเป็นไลน์กลุ่มก็ได้ไหมล่ะ

G___G: เย็นนี้ว่างปะ

กลุ่มผมกับไอ้กิมนี่แหละ

LM: ทำไมวะ

G___G: ไปกินชาบูกันกูได้บัตรลดราคามา

ชาบูน่าสนใจแฮะ หรือผมจะพักสักแปปแล้วแวบไปกินชาบูดีนะ
“ ลม ” เสียงนิ่งๆของไอ้อิฐทำให้ผมเงยหน้าจากมือถือไปมองมัน
“ คุยกับใคร ”
“ ไอ้กิม ” พอบอกว่าเป็นไอ้กิมหน้ามันก็ตึงทันที พวกมันมีเรื่องอะไรกันรึเปล่าวะ
“ มันว่าไง ” ถ้าผมไม่บอกมันลุกมาเตะผมไหมหน้าตาโคตรหาเรื่องเลย
“ ชวนไปกินชาบู ”
“ ไม่ต้องไป ” อ้าวไอ้นี่
“ อยากกิน ”
“วันหลังเดี๋ยวพาไป ” สายเปย์ชะด้วย
“ ไอ้กิมมันได้บัตรลดราคามาไง ” เรื่องลดราคาใครจะไม่สนล่ะครับ ช่วงลดก็ต้องรีบคว้าโอกาสไว้
“ ทำไมต้องไปกับไอ้กิม ” ก็มันชวนกูไง
“ มึงมีเรื่องอะไรกับมันรึเปล่า ”
“ เปล่า แล้วเรื่องปั่นจักรยานกูล่ะ ”
“ กูบอกหรอว่าจะไป ” หน้าตึงกว่าเดิมอีกครับ แต่มีหรอที่ผมจะสนผมไม่สนหรอกครับเดี๋ยวมันก็หาย มันคงไม่หน้าตึงแบบนี้ทั้งวันหรอก
ผมหาของกินอย่างอื่นมากินต่อแล้วทำท่าเมินมัน มันได้ใจมากไปละถึงเวลาต้องขัดใจมันบ้าง




“ กูว่าเหมือนมีอะไรเกินมานะ ” ไอ้กิมเอ่ยขึ้นขณะที่เรานั่งกันอยู่ในร้านชาบู มีผม ไอ้กิม ไอ้จิน แล้วก็แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกหนึ่งคนคือ ไอ้อิฐ
มันตามมาจนได้
“ กูว่ากูชวนมึงคนเดียวนะลม เอาเจ้ากรรมนายเวรมาด้วยทำไม ”
“ ชวนลมก็เหมือนชวนกูไง เนาะลม ” มานงมาเนาะอะไรล่ะ ดูหน้าเพื่อนกูด้วย
ตามจริงพวกผมต้องมากันสามคนครับเหมือนตอนที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ตอนนี้มีสี่คนละ
“ เอาน่ามาเยอะๆก็ดีไง จะได้สนุกๆ ” ดูเหมือนไอ้จินจะเห็นท่าไม่ดีจึงพูดขึ้น
“ กูไม่สนุกตั้งแต่เห็นหน้ามันละ ”
“ ปากดี ” หลุดจากไอ้ไม้ก็มาปะทะกับไอ้กิม ดูจากทรงแล้วคงจะดีกันได้ยาก
“  งั้นพวกมึงก็เถียงกันไปนะกูกับไอ้ลมจะกินรอ ขอร้องว่าเถียงกันเบาๆจะได้ไม่รบกวนการกินของพวกกู ” ผมนึกขำที่ไอ้จิน ที่มันพูดไม่ใช่อะไรนะไอ้จินมันหิวแล้วไอ้สองตัวนี้มัวแต่เถียงกันมันเลยไม่ได้กินสักที
ผมเห็นด้วยกับไอ้จินนะถ้าห้ามไม่ได้ก็ปล่อยพวกมันเถียงกันไปเลย
“ มาทำไมก็ไม่รู้ ”
“ ก็ไม่ได้อยากมาหรอก ”
“ กินอย่างอื่นบ้างดิ มาไม่คุ้มนะมึง ” ว่าแล้วไอ้กิมมันก็ตักหมูมาวางไว้ในจานของผม
ผมชินกับการกินแบบนี้แล้วต่างหาก
“ ชอบกินผักหรอ ” ผมพยักหน้าให้ไอ้อิฐ
" ทำไม ' เพื่อน ' มึงไม่รู้ว่ามึงชอบกินผักวะลม เพื่อนคนอื่นก็รู้กันหมด ”
เงียบได้สักพักก็จะตีกันอีกแล้ว
“ กิมมึงเงียบปากไปดิ้ถ้าปากมันว่างมากก็หาอะไรยัดมันเข้าไป ” ไม่ว่าเปล่าไอ้จินมันจัดการยัดหมูเข้าปากไอ้กิมทันที
“ อั้ย เอี้ย ” หมูเต็มปากยังอยากด่าเพื่อนอีกไอ้นี่
“ ชอบผักขนาดนั้นเลย? ”
ไอ้อิฐมันมองผักที่อยู่ในจานผมด้วยสีหน้าแปลกใจ กูแค่ชอบผักเองไหมล่ะ
“ มันชิน ”
“ ไอ้ลมมันเป็นสัตว์กินพืชมึงไม่รู้หรอ ”
“ 55555555 ”
อ้าว ทีเมื่อกี้พวกมึงยังกัดกันอยู่เลยทีอย่างนี้รวมหัวกันกัดกูเฉย
ไว้ใจใครไม่ได้จริงๆเลยสินะ

กว่าจะกินชาบูเสร็จไอ้สองตัวมันก็กัดกันไปมาบางทีก็แวะมาหาผมบ้างไอ้จินบ้าง ก็ถือว่าพวกมันไม่น่าจะเกลียดกันหรอกมั้ง...



.............................



คนส่วนใหญ่คงจะชอบการเซอร์ไพรส์ แต่สำหรับผมการเซอร์ไพรส์แบบนี้ผมไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นะ
“ มะ...แม่ มาได้ไงครับ ” ผมยิ้มทั้งที่ในใจนี่เอาแต่คิดว่า ซวยแล้วๆ
“ ขึ้นเครื่องมาไงจ๊ะ ” รู้สึกจะอารมณ์ดีซะด้วย
“ แล้วมากับใครครับ ทำไมไม่บอกลมก่อนล่ะ ”
“ ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ อีกอย่างแม่มาคนเดียวเลยถือโอกาสมาเที่ยวด้วยไง ” ไม่บอกก็รู้ว่าแม่มาเพราะเรื่องอะไร
งานเข้าแล้วสิ มาหาขนาดนี้แม่คิดจะทำอะไรอยู่นะ
“ พรุ่งนี้ผมมีสอบนะครับ ใครจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ล่ะ ”
“ แล้วคนนั้นล่ะ เรียนที่เดียวกับลมรึเปล่า ”
“ คนไหนครับ ”
“ ก็คนที่ลมชอบไง ” ผมเริ่มจะเสียวสันหลังแล้วนะ
“ แม่มาเพราะเรื่องนี้หรอครับ ”
แม่ไม่ได้ตอบแต่ยิ้มกลับมาแทน ชัวร์เลย ไม่รู้ว่าผมหรือไอ้อิฐจะซวยกันแน่แต่ทางที่ดีอย่าให้แม่เจอไอ้อิฐจะดีกว่า
“ ลม! ”

นั่น...เอาเข้าไป ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเลยเว้ยย

ไอ้อิฐวิ่งเข้ามาหาผมอย่างไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง ปกติเลิกเรียนมันก็จะแวะมาหาผมวันนี้ก็เช่นกันแต่วันนี้แม่ผมก็มาด้วยไง
“ นี่เพื่อนลมหรอ ”
“ เอ่อ...ครับ ไอ้อิฐนี้แม่กู ”
“ สวัสดีครับ ” ไอ้อิฐยกมือไหว้แม่ผมพร้อมกับส่งยิ้มให้
บางทีรอยยิ้มการค้าของมันอาจจะทำให้อะไรๆมันดีขึ้นมาบ้างก็ได้ แม่ผมคงไม่โหดขนาดนั้นหรอกมั้ง...
" สวัสดีจ่ะ "
“ แล้วคุณแม่พักที่ไหนหรอครับ ”
“ โรงแรมแถวนี้แหละจ่ะ แต่พรุ่งนี้เจ้าลมมีสอบแม่ต้องเหงาแน่เลยว่าจะให้พาไปช้อปปิ้งสักหน่อย  ”
“ คุณแม่จะไปตอนไหนครับ ”
“ จริงๆแม่ก็อยากไปสายๆสักหน่อยนะ ”
เดี๋ยวนะทำไมดูเข้ากันจังล่ะ ช่วยสนใจผมนิดนึง
“ ผมไม่มีเรียนตอนบ่ายพอดี ให้ผมพาไปก็ได้นะครับ ”

ไอ้อิฐ!

ผมมองไอ้อิฐทันทีที่มันเอ่ยปากเสนอตัว รู้ว่าเก่งเรื่องนี้แต่ไม่ต้องใช้ทุกสถานการณ์ก็ได้เว้ย
“ โอ๊ะ ดีเลยแม่จะได้มีเพื่อนเดินช้อปปิ้งด้วย ” นั่นไง
“ งั้นเดี๋ยวแม่ของคุยกับเจ้าลมแปปนึงนะ ”
“ ครับ ”
“ คนนี้รึเปล่าที่ลมชอบ ” พอลากผมห่างไอ้อิฐมาพอสมควรแม่ก็ถามขึ้น ผู้หญิงนี้เซ้นแรงจริงๆนะครับ
“ ครับ ”
“ แม่ว่าแล้ว ”
“ ว่าแต่แม่รับได้หรอครับที่ลมชอบผู้ชาย ”
“ ถ้ารับไม่ได้แล้วลมจะเลิกชอบเขาไหมล่ะ ” แม่ยีหัวผมเบาๆก่อนจะยิ้มออกมา
นี่แสดงว่าแม่ผมยอมรับแล้วใช่ไหม
“ แต่ถ้าไม่ดีแม่ก็ไม่ให้คบนะ เด็กสมัยนี้คบๆเลิกๆไว้ใจได้ที่ไหนกัน ”
“ งั้นแม่... ”
“ พอก่อนเนาะเดี๋ยวคนที่ลมชอบจะรอนาน ” ว่าแล้วแม่ก็เดินไปหาไอ้อิฐทันที สนใจไอ้อิฐมากกว่าผมแล้วครับตอนนี้
“ อิฐไปส่งแม่ที่โรงแรมหน่อยได้ไหม ” มาเองแต่กลับเองไม่ได้ซะแล้วครับแม่ผม
“ ได้ครับ ลมยืมจักรยานไปเอารถที่หอนะ ” ผมพยักหน้าให้ไอ้อิฐก่อนมันจะเดินไปทางที่จักรยานจอดอยู่แล้วปั่นออกไป
“ แม่คิดจะทำอะไรครับ ” ผมถามเมื่อไอ้อิฐออกไปแล้ว
“ แม่ก็แค่อยากรู้จักว่าที่แฟนลูกไง แล้วเขาชอบลมไหม  ” ทำไมแม่ผมดูตื่นเต้นจังวะ
“ ก็...ชอบครับ ”
“ แล้วคบกันหรือยัง ”
“ ยังครับ ”
“ ดีแล้วคนเราต้องดูกันไปนานๆเข้าใจไหม จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง ”
ผมไม่รู้จะดีใจหรืองงที่แม่รับเรื่องนี้ได้ แต่เอาจริงๆมันก็งงๆตั้งแต่แม่มาหาผมแล้วล่ะก็ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้จะผ่านไปได้ด้วยดีนะไอ้อิฐ

 สู้ๆเว้ย!


หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 19 : 20/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-12-2019 20:15:59
เอ่อมม ดูแม่จะชอบอิฐมากกว่าลมแล้วนะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 19 : 20/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-12-2019 22:16:20
 :pig4: :pig4: :pig4:

คุณแม่ทำใจได้ เลยมาดูตัว

หรือทำใจไม่ได้ เลยมากำจัด?
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 19 : 20/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 20-12-2019 23:13:38
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 19 : 20/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-12-2019 00:39:29
คุ่นแม่จะดีหรือจะร้ายคะ จะได้เลือกข้างถูก
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 19 : 20/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-12-2019 01:43:20
คุณแม่บุกมาดูว่าที่ลูกเขยหรือสะใภ้ถึงที่เลยเหรอคะ.  :hao4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 19 : 20/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-12-2019 21:01:03
อิฐ ยอดเลย ทั้งที่ไม่รู้ว่าแม่ลมมาทำไม   :hao3:
แต่ก็บริการแม่ลมเต็มที่   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 19 : 20/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 22-12-2019 08:42:46
เอาใจแม่ยาย o13 o13
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 19 : 20/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-12-2019 06:30:24
คุณแม่จะเป็นยังไงบ้างเนี่ย //อย่าใจร้ายกับลูก ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 19 : 20/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 25-12-2019 14:43:15
ลมเย็นชากับคนที่ชอบเกินไปมั้ยอ่ะ ดีนะที่อิฐดูเป็นคนที่อดทนและหน้าหนาในระดับนึง เลยไม่สนใจกับความเย็นชาของลมอ่ะ ถ้าเป็นคนอื่นนี่คงเลิกตื๊อไปแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 20 : 27/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 27-12-2019 21:53:33
Chapter 20
คนที่น่าจะ...มีโอกาส


Aid'Part


“ มึงกำลังจะบอกว่าวันนี้มึงจะพาแม่เขาไปช้อปปิ้งอะนะ ”
ไอ้แคมป์ถามอย่างตกใจหลังจากที่ผมเล่าเรื่องคุณแม่ของลมให้พวกมันฟัง เอาจริงๆผมก็เริ่มกังวลแล้วนะตอนเสนอตัวไม่ทันได้คิดไง ทีนี้มาคิดมาก ผมควรวางตัวยังไงดีถึงจะทำให้คุณแม่ประทับใจ

เครียดแล้วโว้ยย

“ ก็กูรับปากไปแล้ว ”
“ ก่อนเสนอตัวคิดรึยังวะ ” พูดไปก่อนได้คิดอะดิ
“ แต่มันอาจจะดีก็ได้นะ อย่างน้อยแม่ลมก็อยากรู้จักมึง ” ใช่หรอวะ
“ เจอแม่ว่าที่แฟนก็ดีเหมือนกันนะมึง เข้าทางแม่เขาด้วยไง ” ที่ไอ้ศิลป์พูดก็มีเหตุผลแฮะ
“ กูควรทำไงดีวะ ”
“ กูมีวิธี ” อีกแล้วหรอไอ้ติณณ์คราวที่แล้วกูจะตายก็เพราะแผนมึงเนี่ย
ผมมองไอ้ติณณ์อย่างชั่งใจ มันจะรอดจริงๆหรอวะครั้งนี้คุณแม่เขาเลยนะเว้ย
“ ฟังวิธีกูก่อนจะทำหน้าเหมือนไม่รอดได้ไหมล่ะ ” ดูเหมือนว่าผมจะแสดงออกทางหน้าตามากไปแฮะ
“ ว่ามาๆ ”
“ ง่ายๆเลยคือ ตามใจ มึงสังเกตว่าคุณแม่สนใจอะไรแล้วมึงก็พยายามชวนคุย คนเราถ้ามีคนสนใจอะไรเหมือนกันมันจะมีความประทับใจได้ง่าย แถมมึงอาจจะได้คะแนนเพิ่มด้วย ”
“ สรุปคือกูไม่ควรขัดใช่ปะ ”
“ ถูก ”
เอาจริงๆมันเป็นวิธีที่ง่ายนะแต่ถ้าทำไม่เนียนมันจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนถูกเราเอาใจมากกว่าจะเห็นความจริงใจของเราน่ะสิ
“ มีวิธีอื่นอีกปะ ”
“ เป็นผู้ฟังที่ดี ” ไอ้แคมป์เสนอ
“ ยังไง ”
“ ก็ถ้าคุณแม่พูดอะไรมามึงก็ฟังไง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศมึงก็ห้ามขัดแสดงความคิดเห็นบ้างเป็นบางครั้ง ” กูก็ต้องฟังอยู่แล้วปะ
“ กูว่าวิธีกูเวิร์กสุด ” ผมหันไปมองไอ้ศิลป์ทันที ผมเคยบอกว่ามันเจ้าชู้แล้วมันก็เข้าหาผู้ใหญ่บ่อยเหมือนกันบางทีมันอาจจะมีวิธีดีๆแบบที่มันบอกก็ได้
“ ว่ามา ”
“ เป็นตัวของตัวเองไง เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ”
“ เป็นตัวของตัวเอง? ”
“ มึงก็ไม่ได้นิสัยเลวร้ายนะไอ้อิฐถือว่าดีด้วยซ้ำมึงจะคิดมากทำไม ถ้าลมชอบมึงได้แม่เขาก็ชอบมึงได้เหมือนกันนั่นแหละ ”
เออว่ะ ผมลืมคิดไปได้ยังไง
“ พูดดีว่ะเพื่อน ” ไอ้แคมป์กอดคอไอ้ศิลป์พลางตบไหล่
“ ที่ไอ้ศิลป์พูดก็ถูกนะ ”
ผมไม่ควรคิดมากสินะ แต่ตื่นเต้นโคตรๆเลยว่ะ อ้ากกกจะบ้าตายย
ทำไงดีวะเนี่ยย
“ เอาน่าคิดชะว่ามึงไปช้อปปิ้งกับแม่มึงไง ผ่อนคลายๆ ”
แม่ของผมน่ะหรอก็เข้าท่านะ ผมกับแม่สนิทกันมากถ้าคิดแบบนั้นก็อาจจะโอเคขึ้นมาหน่อย หรือผมควรโทรไปถามแม่ดีนะ แต่ไม่ดีกว่าผมว่าผมน่าจะจัดการได้

เอาวะไอ้อิฐ สู้เว้ย!!!




“ อิฐกับเจ้าลมรู้จักกันมานานรึยัง ” นี่ไม่ใช่คำถามแรกที่คุณแม่ถามผมตั้งแต่ขึ้นรถจนตอนนี้อยู่ที่ร้านเสื้อผ้า ถามตั้งแต่ชื่อเล่นยันชื่อจริง ครอบครัวทำงานอะไร ข้อมูลเกี่ยวกับผม และตอนนี้กำลังถามถึงตอนที่ผมรู้จักกับลม
ผมไม่ได้ลำบากใจจะตอบนะผมสามารถตอบได้หมดเท่าที่ผมจะตอบได้นั่นแหละ
“ ประมาณสามเดือนกว่าแล้วครับ ”
“ หรอจ๊ะ ”
“ ครับ ”
คุณแม่ไม่ได้ถามอะไรต่อ ท่านเลือกเสื้อผ้าไปเรื่อยๆก่อนที่ผมจะมองไปเห็นเสื้อตัวหนึ่งซึ่งมันน่าจะเหมาะกับท่าน
" คุณแม่ลองดูเสื้อตัวนี้หน่อยไหมครับ " ผมหยิบเสื้อที่แขวนอยู่ออกมา
คุณแม่มีหน้าตาที่สระสวย เวลายิ้มดูใจดีมากๆเหมือนเวลาลมยิ้มไม่มีผิด ถ้าใส่เสื้อตัวนี้น่าจะสวยมากเลยทีเดียว
“ ตาถึงนะจ๊ะเนี่ย ”
“ เอาตัวนี้แหละค่ะ ” คุณแม่หันไปคุยกับพนักงานก่อนจะหยิบเสื้อที่ผมเลือกไป
“ คุณแม่ไม่ลองหรอครับ ”
“ ไม่ต้องลองหรอกจ่ะ ชอบก็ซื้อเลย ” คุณแม่ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์
รู้สึกเหมือนลมเลยแฮะ ได้คุณแม่มาเยอะแน่ๆ
“ แม่ว่าจะไปซื้อของกินไว้ให้เจ้าลมสักหน่อย ”
“ ลมชอบกินอะไรหรอครับ ”
“ กินได้หมดนะ ชอบที่สุดก็น่าจะเป็นพวกผักและผลไม้ ”
“ ครับ ” ไม่ผิดจากที่รู้มาเท่าไหร่


“ อยู่ที่นี่เจ้าลมเป็นไงบ้าง มีเพื่อนคบรึเปล่า ” คุณแม่ว่าพลางเลือกผลไม้ไปด้วย
“ มีครับ ถึงลมจะพูดน้อยไปหน่อยก็เถอะ ” มีเพื่อนน้อยแต่ก็ต้องตัดผมออกคนหนึ่ง เพราะผมจะไม่เป็นแค่เพื่อนแน่นอน หึๆ
“ แม่ก็ค่อยโล่งอกหน่อย เจ้าลมน่ะเป็นคนพูดน้อยแม่ก็กลัวว่าจะไม่มีเพื่อนคบ ” ตอนแรกผมก็คิดว่าลมพูดน้อยนะครับแต่พอได้มารู้จักจริงๆก็ไม่ได้พูดน้อยหรอกแถมยังชอบบ่นอีก
“ จริงๆแล้วลมเป็นคนน่ารักนะครับ ถึงจะพูดน้อยแต่ก็แคร์เพื่อนมากๆเลย ”
“ อิฐชอบเจ้าลมรึเปล่าจ๊ะ ”
“ ชอบครับ ”
“ หืม ตอบเร็วขนาดนี้เข้าใจความหมายรึเปล่า ”
“ ไม่ว่าจะชอบแบบไหนผมก็ชอบครับ ”
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงกล้าตอบไปแบบนั้น ผมก็แค่อยากบอกความรู้สึกจริงๆของผมถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากสำหรับใครหลายๆคนแต่ผมเชื่อว่าการพูดความจริงตอนนี้ดีที่สุด
“ เป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองดีนะ ” คุณแม่หันมายิ้มให้ผม
“ แล้วปกติอิฐเจอกับเจ้าลมบ่อยไหม เห็นบอกว่าเรียนคนละคณะกัน ”
“ บ่อยครับ จริงๆผมเป็นคนไปหาลมเอง ”
“ นี่จีบลูกแม่รึเปล่าเอ่ย“”
“ ถ้าจีบคุณแม่จะอนุญาตไหมครับ ” ผมคิดจริงจังเลยนะ
“ เรื่องนี้แม่ตัดสินใจเองไม่ได้หรอกนะ ไปถามเจ้าลมเองเถอะ ” คุณแม่พูดยิ้มๆ
“ แต่ไม่เป็นไรใช่ไหมครับถ้าผมจะขออนุญาตจีบลูกคุณแม่ ”แต่ไม่รู้จะติดรึเปล่านะ
“ ก็ถ้าจีบติดแม่ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรหรอกนะ ”
อย่างน้อยท่านก็ไม่ได้รังเกียจอะไรผมนะ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
“ ขอบคุณนะครับ ”
“ ยังจีบไม่ติดเลยไม่ใช่หรอจ๊ะ ไม่ต้องขอบคุณแม่หรอก ” โถ่ ผมนี่จะร้องไห้แล้วนะ แทงใจดำเต็มๆเลย
“ คุณแม่จะไปที่ไหนต่อไหมครับ ” ผมถามขณะเดินออกจากโซนผลไม้
“ ตายจริง! แม่ลืมไปชะสนิทเลยว่าอยากทำเล็บ ซื้อของมาแล้วด้วย ”
“ จริงๆของก็มีแค่เสื้อผ้ากับผลไม้นะครับ คุณแม่ทำเล็บก่อนก็ได้ ”
“ แล้วอิฐรอแม่ได้หรอจ๊ะ มันน่าจะนานนะนี่ก็เกรงใจจะแย่ ”
“ ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี ” ผมยิ้มให้คุณแม่ เรื่องแบบนี้สบายมากเพราะผมพาแม่มาบ่อย
“ ผมมีร้านแนะนำนะครับ ”
“ จริงหรอจ๊ะ ”
“ รับรองว่าคุณแม่ต้องชอบแน่ๆครับ ” ผมเดินนำคุณแม่ทั้งถือของเต็มไม้เต็มมือไปที่ร้านทำเล็บร้านหนึ่งที่เคยพาคุณแม่ของผมมา
“ อิฐรู้จักร้านแบบนี้ด้วยหรอจ๊ะ ” คุณแม่ถามขณะเดินเข้ามาในร้าน
“ ผมเคยพาคุณแม่มาครับ ”
“ สวัสดีค่ะคุณอิฐ พาคุณแม่มาทำเล็บหรอคะ ” เจ้าของร้านเดินออกมาเจอผมพอดีก่อนทักทายมาบ่อยจนจะสนิทกันแล้วครับ
“ สวัสดีครับ คุณแม่เพื่อนน่ะครับแต่ขอราคาพิเศษนะครับพี่ต่าย ”
“ ลูกค้าประจำให้ราคาพิเศษอยู่แล้วจ้า ”
ผมยิ้มให้พี่ต่ายแล้วนั่งรอคุณแม่ระหว่างที่ท่านทำเล็บก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาก็พบว่าลมไลน์มาหาผมตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว

LM: เป็นไงบ้าง
A_d: คุณแม่น่ารักดีนะ^^

อันนี้เรื่องจริงนะครับ ผมว่าลมได้คุณแม่มาเยอะนะตอนแรกผมคิดว่าคุณแม่จะอคติกับผมรึเปล่าที่ผมบอกว่าชอบลม แต่ก็ไม่ คุณแม่ใจดีกับผมและก็น่ารักมากๆด้วย
ผมคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าด่านนี้ผมผ่านแล้ว เพราะอย่างน้อยคุณแม่ก็ดูจะชอบผม (รึเปล่า)

LM: แม่กูเอ่อ...พูดอะไรปะ

เหมือนผมจะรู้สึกถึงความกังวลของลมผ่านตัวหนังสือนะ

A_d: พูดเยอะเลย
LM: พูดอะไรบ้าง
A_d: ไม่บอกกก

การแกล้งคนนี่มันสนุกจริงๆนะครับโดยเฉพาะแกล้งคนที่ชอบเนี่ย^^
จากนั้นผมก็ปิดแชทแล้วเปลี่ยนมาเล่นเกมรอ การรอที่มีประโยชน์ก็คือเล่นเกมรอนี่แหละครับ


..............................


“ คุณแม่ไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันหรอครับ ”
“ ไม่ล่ะจ่ะ แค่นี้พ่อก็โทรมาบ่นแล้ว ” น่าเสียดายที่คุณแม่อยู่แค่สองวันก็กลับแล้ว ผมว่าจะแนะนำร้านทำผมให้ท่านสักหน่อย
“ แม่ครับ เข้ากันได้ดีเกินไปรึเปล่า ” คนที่ทำหน้าเซ็งๆอยู่ข้างๆผมเอ่ยขึ้น
ก็แน่ล่ะท่านเล่นคุยแต่กับผมไม่สนใจลมเลยนี่นา ผมควรดีใจรึเปล่านะ
“ ไม่ดีหรอเจ้าลม ไม่อยากให้แม่คุยกับเพื่อนเราหรอ ” พอท่านพูดแบบนั้นลมก็เงียบ สีหน้าเหมือนโดนขัดใจก็ปราฏกขึ้นมาทันที
ผมชอบลมโหมดนี้ว่ะ น่ารักดี
“ กลับดีกว่าครับเดี๋ยวตกเครื่อง ”
“ นี่ไล่แม่หรอ ”
“ แม่ครับ ลมไม่ได้ไล่แม่สักหน่อย ”
ผมยืนมองลมคุยกับคุณแม่อย่างนึกเอ็นดู เพิ่งรู้ว่าลมเป็นคนที่พอเถียงไม่สู้แล้วจะทำหน้าขัดใจแบบนี้ จากนี้ผมคงต้องเถียงเยอะๆซะแล้ว
“ มีอะไรรึเปล่า ” ผมถามเมื่อลมก้มหน้ามองมือถือเหมือนจะมีข้อความอะไรบางอย่างเข้ามา
“ ไอ้ไม้นัดติวน่ะ ”
“ ถ้าอย่างนั้นลมไม่ต้องไปส่งแม่นะ ”
“ ทำไมล่ะครับ ” 
“  ลมก็ไปติวกับเพื่อนให้อิฐไปส่งแม่ ไปส่งแม่ได้ใช่ไหมจ๊ะอิฐ ” แบบนี้ก็ต้องได้แล้วไหมครับ
“ ได้ครับ ”
“ ไม่ได้สิครับ เดี๋ยวลมไปด้วย ”
“ ไปกันดีกว่าจ่ะ แม่ไปแล้วนะดูแลตัวเองด้วยล่ะเจ้าลม ”
ว่าแล้วคุณแม่ก็เดินออกไปทันที ผมจึงได้แต่เดินตามไปจะให้ทำยังไงล่ะครับจะเลือกใครดีล่ะแต่ดูท่าว่าคนที่เดินนำไปก่อนจะขัดใจไม่ได้มากกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้นะ
“ ไว้เจอกัน ”



“ ขอบใจที่มาส่งนะจ๊ะ ”
“ ยินดีมากครับ ”
“ ว่างๆก็ไปเที่ยวบ้านได้นะจ๊ะ…‘ถ้ามีโอกาส ’ ”
เหมือนว่าประโยคสุดท้ายมันฟังดูแปลกๆนะ หรือผมอาจจะคิดไปเอง
“ แม่ไปแล้วนะ ”
" สวัสดีครับ "
“ สวัสดีจ่ะ ”ผมยกมือไหว้คุณแม่ก่อนที่ท่านจะเดินเข้าไปในสนามบิน
.
.
.
ถ้ามีโอกาสงั้นหรอ…   
ผมก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ไปเหมือนกัน






***ขอโทษที่มาอัพช้านะฮับ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 20 : 27/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-12-2019 22:25:56
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 20 : 27/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-12-2019 23:42:15
อิฐ ได้ใจแม่ไปละ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 20 : 27/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-12-2019 01:32:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 20 : 27/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 28-12-2019 09:42:21
ตามใจแม่สุดๆ  o13 o13
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 20 : 27/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: gotcha ที่ 28-12-2019 15:58:15
ด่านคุณแม่ ผ่านฉลุย ด่านหินน่าจะเป็นคุณพ่อของลม
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 20 : 27/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Rapunzel225 ที่ 30-12-2019 20:24:48
รีบๆมาต่อนะคร้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 21 : 30/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 30-12-2019 22:26:08
Chapter 21
คนที่ชอบ(1)


 Lm'Part

ถ้าถามว่าที่แม่มาหาผมครั้งนี้มีข้อดีไหม ผมบอกเลยว่ามากแต่ข้อดีนั้นไม่ได้มีผลกับผมนะแต่เป็นไอ้อิฐต่างหาก ซึ่งมันก็ดีตรงที่อย่างน้อยแม่ผมก็โอเคกับไอ้อิฐแค่นี้ผมก็สบายใจแล้ว
“ กูจะไปถ่ายแบบ ไปด้วยปะ ”
“ ถ่ายแบบอะไรวะ ” ผมถามไอ้ไม้ หรือว่ามีคนจ้างมันถ่ายแบบวะ
“ ของคณะไง ถ่ายกับน้องด้วย ” พอมันพูดแบบนั้นแล้วผมก็อ๋อทันที แต่วันหยุดแบบนี้ผมไม่อยากออกไปไหนว่ะ
“ ไปดูน้องด้วยก็ดี น้องเริ่มซ้อมรับน้องละ ” เหมือนมันรู้ว่าผมจะไม่ไปเลยยกเอาเรื่องน้องมาอ้าง
น้องปี1คณะผมเริ่มซ้อมรับน้องกันแล้วจริงๆคณะอื่นก็เริ่มซ้อมแล้วเหมือนกัน เพราะน้องใหม่ก็ใกล้จะเข้ามาแล้ว พวกผมปี2ซึ่งจะขึ้นปีสามก็ต้องไปดูความเรียบร้อยของน้องเพื่อที่จะเตรียมความพร้อมในการรับน้องใหม่ในเทอมหน้า
บางคนก็ชอบการรับน้องแต่ผมคนหนึ่งแหละที่ไม่ชอบ ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะและหน้าตาผมก็ไม่ได้ดูเป็นมิตรกับใครเท่าไหร่ซึ่งมันเลยเหมือนไม่อยากยุ่งกับใครไปในตัวไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสีย แต่ก็นั่นแหละครับสุดท้ายผมก็เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของการรับน้องอยู่ดี
“ สรุปจะไปปะ ” ในขณะที่ไอ้ไม้ดูพร้อมมากแต่ผมยังไม่อาบน้ำเลย
“ อาบน้ำก่อนจะรอปะ ถ้าไม่รอก็ไปก่อน ”
“ รีบไปอาบเดี๋ยวรอกว่ามึงจะปั่นจักรยานถึง ไปกับกูนี่แหละดีละ ” ผมพยักหน้าให้มันก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำ


“ ขาวว่ะไอ้ลม ” ผมทำหน้างงทันทีที่ไอ้ไม้พูด
" อะไรขาววะ ”
“ มึงไง ”
เมื่อกี้ผมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวที่คาดเอวเอาไว้ แล้วอยู่ๆไอ้ไม้ก็มานั่งจ้องผมซะอย่างนั้น
“ ขนลุกว่ะ ”
“ ถ่ายไปอวดไอ้อิฐดีปะ ”
“ กวนตีน ”
“ กูน่าจะได้ของตอบแทนแน่ๆ ”
“ หุบปากแล้วออกไปข้างนอกเลยไป ”
“ เขินอะดิ้ ” ทำไมผมต้องเขินด้วยวะก็มีเหมือนกันอะ
ผมเดินมายังตู้เสื้อผ้าก่อนจะหาตัวที่มันน่าจะโอเคสำหรับออกไปข้างนอก เสื้อผ้าผมเยอะนะแต่มีแค่สีขาวกับสีดำ
“ กูแนะนำให้มึงใส่สีดำ ” เหมือนไอ้ไม้จะรู้ว่าผมตัดสินใจไม่ได้ระหว่างเสื้อเชิ้ตสีขาวกับสีดำมันจึงพูดขึ้น
“ จะดูกูเปลี่ยนเสื้อผ้า? ”
“ ได้หรอ ”
“ ไอ้สัส ออกไป ” ไอ้ไม้หัวเราะก่อนจะเดินออกไป ชอบให้ด่าไม่งั้นไม่ไปไอ้นี่
สุดท้ายผมก็เลือกเสื้อสีดำตามไอ้ไม้นั่นแหละส่วนกางเกงก็เลือกยีนส์ขาดเข่าตามแบบนิยมทั่วไป ผมไม่ใช่คนที่มีรสนิยมในการแต่งตัวเท่าไหร่มีอะไรก็ใส่ๆไป เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้ไปไหนอยู่แล้วก็จะมีบ้างเหมือนอย่างเช่นวันนี้ น่าจะโอเคที่สุดสำหรับออกไปข้างนอกที่ไม่ได้ใส่เสื้อช็อปล่ะมั้ง


“ ดูเหมือนคณะไอ้อิฐจะมีซ้อมเหมือนกันนะ ไปดูปะ ” เพิ่งมาถึงก็จะชวนผมไปที่อื่นอีกแล้ว
“ จะไปหาไอ้เฟรม? ”
“ แสนรู้ว่ะ ” ว่าแล้วมันก็กอดคอผมให้เดินตาม
ผมเข้ามาภายในห้องที่เขาจัดเตรียมเพื่อถ่ายแบบ เอาไว้โปรโมทคณะตัวเองตามจริงไอ้ไม้มันไม่ต้องมาก็ได้ เพราะยังไงน้องก็ต้องถ่ายอยู่แล้ว แต่มันบอกว่าถ่ายไปก็ไม่ได้เสียหายอะไรเช็คเรตติ้งด้วยไรงี้
“ มึงนั่งรอตรงนี้แล้วกัน ” ผมพยักหน้าให้ไอ้ไม้ก่อนที่มันจะเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักศึกษา
เวลาไอ้ไม้อยู่ในชุดนักศึกษาแล้วมันดูเรียบร้อยดูเด็กเรียนขึ้นเป็นกอง แต่มันไม่ค่อยใส่ส่วนใหญ่จะใส่สื้อช็อปซะมากกว่า
“ หวัดดีครับพี่ลม ”
รุ่นน้องที่เป็นเดือนเดินเข้ามาทักผมเมื่อหมดคิวตนเอง น้องมันเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงข้างๆผม
“ จำผมได้ปะ ”
“ จำไม่ได้ ”
“ ล้อเล่นปะเนี่ยพี่ ” น้องมันพูดก่อนจะหัวเราะ ผมจำชื่อมันไม่ได้ครับแต่จำหน้ามันได้
“ ผมชื่อไบร์ท จำได้ยัง ” ได้แต่นึกอ๋ออยู่ในใจ ไอ้ไบร์ทเป็นเดือนเกษตรปี1หน้าตามันก็เหมาะกับเดือนนั่นแหละครับมีแต่คนบอกว่ามันนิสัยดีจากที่ไอ้ไม้บอกอะนะ
“ อืม ” ผมหันไปมองไอ้ไม้ว่าถ่ายไปถึงไหนแล้ว ไอ้รุ่นน้องตรงหน้ามันก็จ้องหน้าผมจนต้องหันกลับมามอง
“ มีอะไร ”
“ พี่คบกับพี่อิฐวิศวะหรอ ” มันถามยิ้มๆ
“ ทำไมคิดงั้น ”
“ โถ่พี่ ในเฟสเขาแชร์กันออกจะเยอะแยะใครเขาจะไม่คิดล่ะ ” สรุปคือรู้กันทั้งมอว่างั้น
“ ไม่ได้คบ ”
“ แค่คู่จิ้นหรอพี่ ” มันทำหน้าเหมือนผิดหวังก่อนจะถามต่อ อะไรของมันวะ
“ งั้นมั้ง ”
“ แฟนผมชอบอิฐลมมากเลยนะพี่ นึกว่าจะเป็นคู่จริงซะอีกว่าจะเอาไปโม้กับแฟนผมชะหน่อย ”
เดี๋ยวก่อน มันจะอะไรขนาดนั้นวะ
“ ไม่คบกันแน่หรอพี่ ”
“ ...ก็ไม่แน่ ”
พอผมพูดแบบนั้นไอ้ไบร์ทมันก็เบิกตากว้างทำหน้าตกใจทันทีก่อนจะหยิบมือถือตัวเองออกมาแล้วพิมพ์อะไรบางอย่าง ผมไม่ได้สนใจหรอกว่ามันจะพิมพ์อะไรถึงแม้ว่ามันจะเกี่ยวกับผมก็เถอะ


A_d: อยู่ไหนอะ
LM: คณะ
A_d: หิวข้าวว
LM: แล้ว?
A_d: ซื้อข้าวมาให้หน่อยย

ผมปิดหน้าจอมอถือก่อนจะคิดว่าคณะไอ้อิฐไม่มีข้าวให้กินรึไง พอดีกับไอ้ไม้เดินมา
“ ไปกินข้าวกันปะ ”
“ ไปดิ ” จะได้ซื้อไปให้ไอ้อิฐด้วย
“ มึง ”
“ อะไร ” ผมหยุดเดินเมื่อไอ้ไม้มันเรียก
“ ซื้อไปกินคณะวิศวะกันดีกว่า กูจะซื้อของไปให้ไอ้เฟรมด้วย ” ผมพยักหน้าให้มันก่อนมันจะเดินนำผมไปที่รถ
“ ไอ้อิฐฝากมึงซื้อข้าวใช่ปะ ”
“ ทำไมรู้ ”
“ เดาไง ” แม่นไปไหมวะ
ไอ้ไม้ยิ้มก่อนจะออกรถไปยังร้านประจำของพวกผมเมนูประจำก็คงไม่พ้นผัดกะเพราอีกตามเคย ไอ้อิฐก็เหมือนกันกินอยู่ได้เกือบทุกวัน



“ พี่อิฐคะ น้ำค่ะ ” ผมมองคนพี่ยิ้มให้รุ่นน้องพร้อมกับรับแก้วน้ำ ก็ดูมีอะไรกินนี่หว่า
“ หวงอะดิ แค่รุ่นน้องเองมึง ”
“ หวงอะไร ”
“ ไอ้อิฐ! ” ทำไมชอบใช้เสียงจังวะคนมองมากันหมดละ ส่วนเจ้าของชื่อก็ยิ้มหน้าบานตามสเตปก่อนมันจะเดินมาหาพวกผม
“ เห็นไม่ตอบแชทนึกว่าจะไม่มา กำลังหิวพอดีเลย ” ไอ้อิฐว่าพลางแย่งถุงข้าวกล่องจากมือของผมไปถือเอง
“ ไม่ใช่ว่ากินไปแล้วหรอ ”
“ เปล๊า ยังไม่กิน ”
“ ตอแหลไอ้อิฐ ” หนึ่งดอกจากไอ้ไม้
“ ขอบใจที่ชม ”
“ นั่นไงไอ้ลมมันยอมรับว่ามันตอแหล เอาข้าวกล่องคืนเลยมึง ”
“ หุบปากแล้วไปหาไอ้เฟรมเลยมึงอะ ” ไอ้อิฐชี้หน้าไอ้ไม้ก่อนไอ้ไม้จะหัวเราะแล้วยอมเดินไปหาไอ้เฟรมแต่โดยดี
“ แล้วนี่กินข้าวยัง ”ไอ้อิฐถามขณะที่ผมกับมันเดินมาถึงโต๊ะ
“ ยัง ”
“ อยากมากินกับกูอะดิ้ ” บางทีมันก็ควรจะดูหน้าผมด้วยนะก่อนจะเล่นอะ
กูหิวข้าวเว้ย!
“ อ้าวพี่อิฐเพิ่งกินข้าวไปเมื่อกี้หิวอีกแล้วหรอคะ ถ้าไม่อิ่มทำไมไม่เรียกมิวล่ะจะได้เอามาให้เพิ่ม ” มือที่กำลังจะเปิดกล่องชะงักไอ้อิฐหันมามองผมก่อนจะยิ้มให้ ตอแหลอย่างที่ไอ้ไม้ว่าจริงๆสินะ
“ เอ่อ ”
ผมไม่ได้สนใจว่ามันจะเอ่อหรืออะไรแต่ที่สนใจคือข้าวตรงหน้า ต้องรีบกินให้อิ่มครับไม่งั้นผมโมโหหิวใส่มันแน่ๆ
" ค่อยๆกินก็ได้เดี๋ยวกูกินเป็นเพื่อน " ผมหันไปมองมันนิ่งๆยังจะมีหน้ามาบอกว่าจะกินเป็นเพื่อนผมอีก
“ กินให้หมดด้วย ” ผมบอกมัน
“ หะ ”
“ ที่กูซื้อมา กินให้หมด ”
“ ได้เลยครับผม… ”
เอาจริงๆผมก็โมโหมันไม่ลงหรอก ให้ตายสิ
“ เดี๋ยวกูจะดูน้องจนถึงตอนเย็น อยู่ด้วยปะ”
“ จะให้กูอยู่ทำไม ”
“ อยู่เป็นกำลังใจ ”
“ น่าจะมีเยอะแล้วนะกูว่า ” ดูจากสายตารุ่นน้องหลายคนที่มองมันก็เยอะพอสมควรนะ มีหลายคนที่อยากเดินเข้ามาแต่คงเพราะเห็นผมนั่งอยู่ล่ะมั้งเลยไม่มีใครกล้าเข้ามา
“ แต่กูอยากได้จากมึงนี่ ” ว่าแล้วไอ้อิฐก็ยิ้มตามสเตปของมัน และนั่นก็ทำให้ผมปฏิเสธมันไม่ได้สักที
ผมแพ้รอยยิ้มของมันว่ะ
“ นะลม ”
“ เออ ”
แต่ช่วงหลังๆมานี่ผมว่าผมแพ้มันบ่อยเกินไปนะ


..........................


“ พี่อิฐคะ ดูเอกสารตรงนี้ให้ปลาหน่อยได้ไหมคะ ” ผมยืนมองภาพไอ้อิฐกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังคุยกันอยู่ ตามจริงผมจะเดินไปหามันนั่นแหละเพราะบอกมันว่าวันนี้ผมจะแวะมาหา เนื่องจากมันก็ต้องดูน้องอีกตามเคย
ไอ้อิฐมีคนชอบเยอะ อันนี้ผมรู้
และบางทีผมก็ลืมไปว่ามันเคยเป็นเดือนมหาลัย
“ ทำไมไม่เดินเข้าไปหามันล่ะ ” ผมหันหลังไปมองก็พบว่าติณณ์เดินมาหาผม
“ .... ”
ผมไม่ได้ตอบอะไร ติณณ์จึงมองตามที่ผมกำลังมองอยู่ก่อนจะพูดว่า
“ ถ้าชอบมันก็บอกมันบ้างนะ อย่าปล่อยให้มันคิดเองคนเดียว ”
ผมอาจจะเป็นคนไม่ค่อยพูดก็จริงแต่ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รู้สึก และผมก็รู้สึกชัดขึ้นว่า ผมน่ะชอบไอ้อิฐเข้าแล้วจริงๆ
ชีวิตผมมีมันเป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว และผมคงไม่ปล่อยมันไปไหนแน่ๆ
“ แต่ต่อให้มึงไม่บอก มันก็ชอบมึงอยู่ดี ”
“ ทำไมคิดงั้น ”
“ มึงไม่คิดว่าสิ่งที่มันทำให้มึงมันเกินคำว่าชอบหรอ ” เรื่องนั้นผมก็ตอบไม่ได้หรอก ยกเว้นเจ้าตัว
“ ไปกันเถอะ ” ผมพยักหน้าให้ติณณ์แล้วเดินตามหลังไป


“ ลม ” เสียงร่าเริงของไอ้อิฐทักผมทันทีที่เดินมาถึง
“ จะกลับยัง ”
“ เสร็จพอดีเลย ”
“ หุบยิ้มบ้างก็ได้มั้ง แหมม ”
“ มึงอะหุบปากไอ้แคมป์ ” ไอ้อิฐหันไปแยกเขี้ยวใส่แคมป์ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ผมอย่างเคย
“ มีมาหาด้วยอะ มีความแฟนเนาะ ”
ผมยิ้มเมื่อศิลป์พูดแบบนั้น ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติของผมกับไอ้อิฐนะแค่ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายมาหามันก็เท่านั้น
“ เห้ยย มียิ้มด้วยสรุปเป็นแฟนกันแล้วหรอ ” ศิลป์ถามอย่างตื่นเต้นตามปกติของเจ้าตัวที่มักจะเป็นเสมอเมื่อถามถึงเรื่องผมกับไอ้อิฐ
“ ตอนนี้ยัง...แต่วันหลังก็ไม่แน่ ”
“ ... ”
“ .... ”

เงียบ

ผมพูดอะไรผิดรึเปล่าวะ

ผมมองไอ้อิฐที่มันเหมือนจะอึ้งๆก่อนจะได้สติแล้วเรียกผมชะตกใจ

“ ลม! ”
“ เชี้ยย ”
“ เพื่อนเราจะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วพวกมึงงงง ”
“ แม่งมาว่ะ ”
เอ่อ ผมว่าผมพลาดมากเลยนะ จากตอนแรกไม่อายตอนนี้ผมเริ่มจะอายแล้วล่ะ


" ที่พูดเมื่อกี้…พูดจริงหรอ "
พอเดินออกจากตึกวิศวะมาสักพักไอ้คนข้างๆมันก็หันมาถามผมอย่างกระตือรือร้น
ไอ้อิฐมันเหมือนเด็ก แต่ก็มีความเป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน
“ กูเคยโกหกหรอ ”
“ แม่ง…โคตรน่ารักเลยว่ะ ” ชมอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องมายีหัวกู
“ เผื่อมึงลืมว่ายังไม่ได้คบกันนะ ”
“ วันนี้ยังแต่วันหลังไม่แน่ไง ” ย้อนคำพูดผมอีก
หน้าตาดูมีความสุขจนผมเริ่มจะหมั่นไส้ละ แต่ผมคงไม่ได้หมั่นไส้มันจริงๆหรอกเพราะผมก็มีความสุขเมื่อเห็นมันเป็นแบบนี้เหมือนกัน
“ กูดีใจนะที่มึงพูดแบบนั้น ”
“ อืม ”

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมกับไอ้อิฐเดินกลับหอด้วยกัน มันกลายเป็นความเคยชินทั้งผมและไอ้อิฐไปแล้ว


หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 21 : 30/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-12-2019 23:30:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 21 : 30/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Netich2876 ที่ 31-12-2019 13:50:58
 :-[ :o8: :impress2: :o8:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 21 : 30/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 31-12-2019 16:21:19
คุ่นแม่อารมณ์ดีไปป่าวเนี่ยะ แอบระแวงนะนี่
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 21 : 30/12/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-01-2020 09:58:24
รอวันที่ทั้งสองคบกันนะครับ //เป็นกำลังใจให้ ^^
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 22 : 01/01/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 01-01-2020 17:22:46
Chapter 22
คนที่ชอบ (2)


“ คิดว่ามึงน่าจะสนใจเลยเอามาให้ดู ” ผมรับใบประกาศการประกวดวาดภาพจากพี่เท็น  ซึ่งพี่เท็นเป็นทั้งรุ่นพี่และประธานชมรมวาดภาพที่ผมอยู่
“ ขอบคุณครับ ช่วงนี้ผมยุ่งๆเลยไม่ค่อยได้ติดตามอะไรเลย ”
“ อ่านรายละเอียดดูเผื่อสนใจ คนในชมรมเราก็จะส่งประกวดกันหลายคน ” ผมพยักหน้าให้พี่เท็นแล้วอ่านรายละเอียดการสมัครจากใบประกาศในมือ
เป็นปกติที่จะมีการจัดประกวดวาดภาพในแต่ละปีก็จะเปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อยๆปีที่แล้วผมไม่ได้ส่งประกวดเพราะยุ่งๆแต่จริงๆปีนี้ก็ยุ่งนะแต่คิดว่าอยากจะลองดูสักครั้ง เพราะหัวข้อมันก็น่าสนใจดี


“ พี่ลม! แฮ่กๆ ตามหาตั้งนาน ” ไอ้เนมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าผม
“ มีอะไร ”
“ มีเรื่องจะถามอะพี่ คือพวกผมติดต่อพี่ปิ๊กไม่ได้อะ ข้อมูลพวกนี้ผมสามารถไปถามใครได้บ้าง ” ไอ้เนมยื่นเอกสารมาให้ผมดูซึ่งมันเป็นเอกสารเรื่องการรับน้องโดยมีรุ่นไอ้เนมรับผิดชอบ รุ่นพี่อย่างพวกผมก็มีหน้าที่ให้คำแนะนำน้องๆ แต่คนที่เป็นประธานรุ่นผมอย่างปิ๊กถ้าบอกว่าตามตัวไม่เจอเห็นทีจะมีก็แต่คนที่คลุกคลีกับงานของมหาลัยมากที่สุดนั่นแหละ
“ ไอ้ไม้ ”
“ แล้วตอนนี้พี่ไม้อยู่ไหนอะพี่ ”
“ น่าจะไปหาไอ้เฟรม ”
“ ฮือออขอบคุณนะพี่ พวกผมต้องส่งเอกสารวันนี้อะแต่มันยังทำไม่ถูก ” ไอ้เนมแทบจะไหว้ผมอยู่แล้ว ดูท่าจะวิ่งวุ่นน่าดู
“ ไม่เป็นไร ” 
“ ไปด้วยกันปะพี่ ”
“ ไม่ล่ะ ”
“ งั้นผมไปละนะ ” ไอ้เนมบอกก่อนจะวิ่งออกไปทันที
ผมหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาไอ้อิฐบอกมันว่าจะกลับก่อน เพราะผมมีงานต้องทำเดี๋ยวส่งไม่ทันวันประกวด



23:25 น.
ผมมองนาฬิกาก่อนจะวางดินสอแล้วยืดเส้นยืดสายสักหน่อย พอวาดรูปก็ลืมเวลาทุกทีลืมว่าตัวเองหิวด้วย แต่ถ้ากินตอนห้าทุ่ม อืม... มันก็เป็นเรื่องปกตินะผมว่า
ไอ้ไม้มันสลบไปเรียบร้อยแล้วและผมก็เพิ่งสำนึกได้ว่าพรุ่งผมมีเรียน
กินก่อนค่อยนอนแล้วกันไม่งั้นนอนไม่หลับแน่ๆ
ขณะที่ต้มมาม่าผมก็เปิดดูมือถือไปด้วย ไอ้อิฐไลน์มาสองสามข้อความผมจึงพิมพ์ตอบกลับไป ช่วงนี้มันก็ยุ่งเหมือนกันทั้งเรียนและดูน้อง มีบ้างที่มันมาหาผมและผมไปหามันจริงๆวันนี้ก็กะว่าจะไปหามันแต่ผมกลับมาวาดรูปชะก่อนก็อารมณ์มันมานี่ครับจะให้ทำไงได้

ไลน์~~

A_d: ยังไม่นอนหรอ
LM: ต้มมาม่าอยู่
A_d: ตอนนี้เนี่ยนะ
LM: ใช่
A_d: ไปหาได้ปะ
LM: ดึกแล้ว จะมาทำไม
A_d: คิดถึง

ผมมองแชทล่าสุดที่ไอ้อิฐส่งมาก่อนจะยิ้ม แล้วพิมพ์ตอบกลับไป

LM: เหมือนกัน

ไม่มีข้อความส่งกลับมาในทันทีผมก็เลยหันมาสนใจมาม่าแทน ไม่รู้ว่าตกใจหรืออะไรแต่ผมคิดว่ามันน่าจะตกใจแหละ ปกติผมก็ไม่พูดอะไรแบบนี้นี่นา

A_d: อยากไปหามากกว่าเดิมแล้วเนี่ยยยยยย

บางทีมันก็น่าแกล้งดีนะ

LM: ไปนอนไป
A_d: อีกหน่อย วันนี้ไม่ได้เจอมึงเลยคุยในนี้ก็ยังดี
LM: โอเค

จริงๆผมก็อยากคุยกับมันเหมือนกัน
.
.
แต่ผมอาจจะลืมไปว่าตอนนี้มันก็ดึกแล้วกว่าจะได้กินมาม่าก็เกือบเที่ยงคืน เพราะอะไรน่ะหรอก็เพราะคุยกับไอ้อิฐไง!



.......................


“ กูมีคำถาม ”
“ ว่า ”
“ มึงกับไอ้อิฐคบกันรึยังวะ ” ขั่นกว่าของคำว่าชอบรึเปล่าก็ถามว่าคบกันนี่แหละครับ ไอ้ไม้มันดูอยากถามผมมาหลายครั้งแล้วแต่เหมือนมันไม่มีโอกาสสักที
“ ยัง ”
“ ลีลา ชอบกันทำไมไม่คบ ” ทุกคนอยากมีสถานะที่ชัดเจนผมเข้าใจนะ แต่บางทีมันก็ไม่ควรรีบร้อนจนเกินไปและไม่ใช่ว่าผมเป็นคนใจเย็นอะไรหรอก แต่ทุกอย่างมันมีเวลาของมันทั้งนั้น
“ ใครจะไปรีบเหมือนมึง ”
“ ชอบก็คบไง ” คติประจำใจของมันล่ะ
ผมส่ายหน้าอย่างเอือมๆแล้วเก็บของเข้ากระเป๋า วันนี้ผมจะเปลี่ยนที่วาดรูปรู้สึกว่าวาดที่ห้องมันไม่สะดวกเท่าไหร่ รบกวนไอ้ไม้ตอนกลางคืนด้วย
“ แล้วนี่จะไปไหน ”
“ ห้องชมรม ” ไอ้ไม้มันทำหน้าเซ็งๆใส่ผม
“ วาดแต่รูประวังไอ้อิฐถูกหมาคาบไปแดก ” ย้ำกูจัง
ไม่ใช่ว่าผมไม่ห่วงเรื่องนี้นะ แต่ใช่ว่าผมจะอยู่กับมันได้ตลอดเวลาปะวะ ถ้ามันไม่เล่นด้วยก็ไม่มีอะไรหรอกแต่ถ้าเล่นด้วยค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน!
“ ไปละ ”
“ ฟังกูบ้างปะเนี่ย ” ผมเก็บของเสร็จแล้วโบกมือให้มันก่อนจะเดินไปหาจักรยานโดนมีเสียงไอ้ไม้ตะโกนตามหลัง

ผมชอบตอนเย็นๆในมอนะ คนไม่ค่อยเยอะแถมบรรยากาศก็ดีซึ่งมันทำให้ผมนึกถึงไอ้อิฐขึ้นมาตอนนี้มันคงยุ่งๆอยู่มั้งหรือว่าผมจะไปหามันสักหน่อยดี
คิดได้ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนทิศทางจากชมรมไปยังคณะวิศวะแวะไปดูไอ้อิฐสักหน่อย

ก่อนจะไปหาไอ้อิฐผมก็ไม่ลืมที่จะซื้อของที่มันชอบไปฝากมันด้วย
ชาเย็น ร้านหน้าคณะมันนั่นแหละครับ

“ ทำไมล่ะคะ พี่อิฐก็ยังไม่มีแฟนไม่ใช่หรอ ”
เสียงคนคุยกันดังพอให้คนเดินผ่านมาอย่างผมได้ยินแต่ผมคงจะไม่สนใจหรอกถ้ามันไม่มีชื่อของไอ้อิฐอยู่ในบทสนทนานั้นด้วย
“ ขอโทษนะ พี่มีคนที่ชอบแล้ว ”
ผมเดินไปใกล้อีกนิดหน่อยพอให้ได้ยินชัดๆ ไม่ได้ตั้งใจจะฟังจริงๆนะครับ
ตรงที่ผมอยู่มีต้นไม้ใหญ่บังไว้พอไม่ให้คนที่กำลังคุยกันสนใจว่าผมอยู่ตรงนี้
ไม่ได้คุยกันที่ลับตาคนแต่ก็ไม่มีคนพลุกพล่าน
“ พี่ลมเกษตรหรอคะ ”
“ ใช่ ”
“ เหอะ เขาก็ไม่เห็นจะสนใจใยดีพี่ซะหน่อยยังจะไปชอบอยู่อีก ”
“ พี่ก็ไม่ได้สนใจแบมนะ แล้วจะสนใจพี่อีกทำไม ”
ผมอึ้งกับสิ่งที่ไอ้อิฐพูดเมื่อกี้อยู่นิดหน่อยไม่คิดว่ามันจะพูดแบบนี้ทั้งหน้าตาก็เริ่มจริงจังมากกว่าเมื่อกี้ด้วย
ตอนไอ้อิฐจริงจังหรือโกรธมันค่อนข้างหน้ากลัว
“ พี่อิฐ! ”
“ ขอโทษที่พี่ต้องพูดแบบนี้ แต่เลิกยุ่งกับพี่สักทีเถอะนะ ” ฟังจากน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้แข็งเกินไปของไอ้อิฐก็คิดว่ามันน่าจะพยายามควบคุมอารมณ์อยู่
“ แล้วพี่จะเสียใจที่พูดกับแบมแบบนี้ แล้วก็รู้ไว้เลยนะว่าพี่ลมไม่มีทางชอบพี่หรอก ”

ตลกดีนะครับ เธอจะมารู้ได้ยังไง

“ ไม่ทันแล้วล่ะ เพราะเขาก็ชอบพี่ ”
“ กรี๊ด! ”

แล้วรุ่นน้องคนนั้นก็วิ่งออกไปอีกทางอย่างไม่พอใจ ถ้าอยู่ต่อก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะครับ แต่ที่ไอ้อิฐพูดเมื่อกี้มันก็ค่อนข้างทำร้ายจิตใจคนฟังอยู่พอสมควร แต่ก็นะผมไม่เถียงหรอกว่าที่มันพูด คือความจริง

“ เฮ้อออออ ”
“ หมายถึงใครหรอที่ชอบมึง ”
“ ก็ลมไง...เห้ย! มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ”
มันทำหน้าตกใจอย่างกับเห็นผี เห็นหน้าผมทุกครั้งมันก็ชอบเป็นชะแบบนี้
“ สักพัก ”
“ ได้ยินไรปะ ” ไอ้อิฐทำท่าเหมือนระแวงอะไรซักอย่าง ก็แน่ล่ะมันพูดไปเยอะด้วยนี่
“ ก็ได้ยินดิจะไม่ได้ยินได้ไง ”
“ กวนอะ ”
“ อะนี่ ” ผมยื่นแก้วชาเย็นให้ไอ้อิฐ
“ ซื้อของมาให้นี่มีใจใช่ปะ ”
“ มีเงิน ”
“ 55555 ” บางทีมันก็หลายอารมณ์ดีนะเมื่อกี้ยังทำหน้าตึงอยู่เลยตอนนี้หัวเราะซะงั้น
“ แล้วเป็นไงบ้าง ”
“ จะมาดูวันนี้แล้วที่เหลือก็ให้น้องจัดการกันเองละ จะได้มีเวลาอยู่กับมึงสักที ” ทำอย่างกับไม่ได้เจอกันทุกวัน
“ แค่แวะมาดู กูจะไปชมรมต่อ ”
“ เอาชาเย็นมาให้เนี่ยนะ ”
“ อันนั้นก็ใช่แต่จริงๆอยากเจอ ”
“ ... ”  ไอ้อิฐยืนนิ่งไปแปปนึงก่อนจะยกมือขึ้นมาทาบอกข้างซ้ายของตัวเอง
“ ใจเต้นแรงมากเลยอะ ” เริ่มลอยแล้วครับ ตามันเนี่ย หรือว่าครั้งหน้าผมไม่ควรพูดอะไรแบบนี้อีกวะ
“ ลมมม ทำไมน่ารักได้ขนาดนี้วะ ” ไอ้อิฐดึงแก้มผมจนรู้สึกเจ็บ
“ กูเจ็บ ”
“ โทษๆก็มึงน่ารักอะ ” ผมไม่ชินกับคำว่าน่ารักจริงๆนะ
ฟังแล้วเขินว่ะ โดยเฉพาะออกมาจากปากไอ้อิฐอะ
“ ลม ”
“ ว่า ” ผมกำลังนวดแก้มข้างที่มันดึงก่อนจะเห็นมันมองมาด้วยสายตาที่มีความหมาย
“ วันนี้กลับพร้อมกันนะ ”
ผมไม่เคยปฏิเสธมันอยู่แล้วนี่ครับ
“ อืม ไว้ค่อยทักมาบอกแล้วกัน ”
 “ ครับผม ”

ถ้าถามว่าผมเคยเบื่อไหมที่ในแต่ละวันมีไอ้อิฐวนเวียนอยู่ใกล้ๆคงตอบแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเลยล่ะว่า....ผมไม่เคยเบื่อเลย




ผมมองภาพที่ตัวเองวาดซึ่งเหลือแค่ลงสีและตัดเส้น ลงสีต้องใช้เวลานานหน่อยแต่น่าจะทันส่งพอดี ไม่ค่อยได้วาดรูปที่ขนาดใหญ่กว่าสมุดวาดเขียนของตัวเองเท่าไหร่แต่นานๆครั้งก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน

นี่อาจจะเป็นภาพที่ผมจริงจังมากที่สุดเลยก็ว่าได้และผมอยากวาดมันออกมาให้ดีที่สุดเพราะสำหรับผมการวาดรูปมันเหมือนกับส่งผ่านความรู้สึกของคนวาดไปในภาพๆนั้นด้วย…



หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 22 : 01/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-01-2020 20:09:02
ลมวาดรูปอิฐแน่ๆเลย โอ๊ยย ปากแข็งไม่มีใครเกินลมจริงๆอิอิอิ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 22 : 01/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-01-2020 20:10:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 22 : 01/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-01-2020 20:53:56
HAPPY NEW YEAR 2020

มีความแฟน  อิฐ  ลม    :o8: :-[ :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 22 : 01/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-01-2020 23:04:29
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อเรื่องภาพวาดคืออัลไลหนอ?  ทำไมถึงทำให้ลมมีความมุ่งมั่นในการวาดได้ขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 22 : 01/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-01-2020 09:06:02
ลมน่ารักขึ้นเยอะเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 22 : 01/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-01-2020 15:07:41
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 23 : 03/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 03-01-2020 22:52:27
Chapter 23
เด็กเกษตรของนายวิศวะ

Aid'Part


ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้คุยกับลมเท่าที่ควร! ผมควรมีเวลาทำคะแนนมากกว่านี้แต่งานหลายอย่างรุมเร้าดีตรงที่ก็พอแวะไปหาได้บ้างและลมก็มาหาผมเป็นบางครั้ง ผมดีใจนะที่ลมเปิดใจให้ผมขนาดนี้และตอนนี้ผมยอมรับเลยว่ามีความสุขมากๆ ลมไม่ค่อยพูดก็จริงแต่ก็ไม่เคยปล่อยให้ผมคิดมาก ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้ตัวไหมนะว่าแคร์ผม อันนี้เรื่องจริงนะผมไม่ได้คิดไปเอง
ตอนนี้ผมว่างจากการดูน้องแล้ว แต่งานอย่างอื่นก็เริ่มเข้ามาเหมือนกันเรียนกับการสอบมันเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าปีสามปีสี่จะขนาดไหน
“ น้องปีนี้โอเคนะมึง ”
“ โอเคเชี้ยไร กูบอกแม่งทุกอย่างเลยเนี่ยมึงดูขนาดไอ้อิฐยังไม่มีเวลาไปหาหวานใจมันเลยอะ ” คุยกันอยู่ดีๆก็วกมาหาผมเฉยเลยแต่ก็จริงอย่างที่ไอ้แคมป์ว่านั่นแหละ
รุ่นน้องพวกผมเยอะมันเลยคุมยากนิดหน่อยแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ก็ทำงานด้วยกันหลายๆคนมันก็ยากเป็นธรรมดา ดีหน่อยที่มีไอ้ติณณ์ที่มักทำหน้าตึงใส่น้องจนน้องมันเชื่อฟังเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้ช่วยดูเป็นอาทิตย์เลยทีเดียว
“ เหนื่อยไอ้สัส ”
“ เอาน่า เมื่อก่อนเราก็เป็นแบบนี้แหละ ” จริงๆรุ่นพวกผมหนักกว่านี้อีกครับ
“ แล้วนี่เลิกเรียนไปไหนกันปะ ”
“ ไอ้ศิลป์มึงช่วยดูท็อปปิคก่อนจะพูดได้ไหม อยู่ๆก็พูดขึ้นมา ”
“ ก็อยากรู้ไง ”
“ แล้วจะไปไหนกันวะ ” ไอ้ติณณ์ถาม
“ กูจะไปหาลม ”
“ ไม่ต้องบอกก็รู้ รีบๆคบกันล่ะกูอยากฉลอง ” กูก็อยากคบเว้ย แต่ไม่อยากเร่งรัดทั้งไม่อยากทำให้อีกฝ่ายอึดอัดด้วย
เมื่อไหร่ที่ลมพร้อมผมถึงจะกล้าขอถึงแม้ว่าไม่รู้ว่ามันจะนานเท่าไหร่ก็เถอะ
บางทีผมก็รู้สึกว่าผมกากเหมือนกันนะ ทุกครั้งที่เจอกันอยากขอลมเป็นแฟนแทบตายแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดมันออกไปอยู่ดี
ลมไม่เคยบอกว่าชอบแต่ผมเข้าใจว่าลมก็ชอบผมเหมือนกันนะ และผมจะพิสูจน์ว่าผมไม่ได้คิดไปเอง
“ หาจังหวะดีๆแล้วขอเขาเป็นแฟนสักทีสิ พวกกูขี้เกียจลุ้นแล้วเนี่ย ” ไอ้ติณณ์พูด
“ งั้นกูไปละ ”
“ เออไปดีๆ ” ไอ้นี่พูดเป็นลางไม่ดีเลยเว้ย




“ ไปปั่นจักรยานกัน ”
“ อารมณ์ไหน ”
“ อารมณ์อยากอยู่กับมึงสองคน ” ขอสักหน่อยครับช่วงหลังๆมานี่ไม่ได้ทำคะแนนเลย
“ งั้นกูไม่ไป ”
“ อ้าว ”
“ ล้อเล่น ” เดี๋ยวนี้ก็จะเป็นแบบนี้แหละครับ กวนเก่งขึ้นเยอะ
“ งั้นกูไปเอาจักรยานรอนะ ” ลมพยักหน้าก่อนจะเก็บของตัวเองต่อ ช่วงนี้ดีอีกอย่างหนึ่งคือลมพูดง่ายมากกกก ซึ่งมันโคตรจะดีต่อใจผมเลย
เนี่ย จะไม่ให้ผมคิดได้ยังไงว่าลมก็มีใจ
ผมมองจักรยานของลมที่เป็นเหมือนพาหนะคู่ใจของผมไปแล้วเหมือนกันปั่นบ่อยพอๆกับเจ้าของเลยก็ว่าได้

ลมทำให้ผมชอบปั่นจักรยานมากกว่าขับรถ

ทำให้ผมชอบใช้ชีวิตแบบง่ายๆอย่างที่ไม่เคยทำ

ทำให้ผมมีความสุขกับอะไรเล็กๆน้อยๆในแต่ละวัน

“ ไปยัง ”
ผมหันไปตามเสียงก็พบว่าลมยืนรออยู่แล้วพร้อมกับสะพายกระเป๋าข้างเดียวตามปกติของเจ้าตัว
“ ไปกัน ”
พอลมนั่งซ้อนท้ายผมก็ปั่นออกไปทันที มันค่อยข้างจะแปลกสำหรับคนที่พบเห็นไปหน่อยนะที่ผู้ชายตัวโตๆสองคนปั่นจักรยานซ้อนท้ายกันแบบนี้ แต่มันเป็นเรื่องปกติของพวกผมไปแล้วล่ะ

สวนสาธารณะเป็นสถานที่ที่ผมไม่เคยคิดจะมาแต่วันนี้ผมกำลังปั่นจักรยานโดยมีลมนั่งซ้อนท้าย ทำไมเมื่อก่อนผมถึงไม่อยากมานะ บรรยากาศออกจะดี
" จอดก่อนกูจะไปเช่าจักรยาน " ลมกระตุกเสื้อผมก่อนจะบอกให้หยุด
“ เช่าทำไม นั่งด้วยกันดิ ”
“ กูอยากปั่น ” อารมณ์ติสเขานั่นล่ะครับ เพราะอย่างนั้นผมก็จะไม่ขัดแล้วกันอุตส่าห์วางแผนปั่นจักรยานแบบโรแมนติกซะหน่อย
“ งั้นกูรอตรงนี้นะ ” ลมพยักหน้าให้ผมก่อนจะเดินไปเช่าจักรยานที่เขามีไว้ให้บริการ
“ โอเค ไปกัน ” ลมยิ้มให้ผมอย่างอารมณ์ดีก่อนจะปั่นนำไปก่อนทิ้งให้ผมหัวใจพองโตอยู่คนเดียว
ลมยิ้มเยอะขึ้นมากๆซึ่งเป็นอะไรที่ผมแพ้และดีต่อใจมากๆเช่นกัน
ผมปั่นจักรยานตามหลังพลางมองอีกคนไปด้วย ลมจะรู้ไหมว่าทำให้ผมหลงจนแทบโงหัวไม่ขึ้นทั้งที่ลมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย

ชอบก็คือชอบ

ผมยังคงเป็นแบบนี้เสมอ อยู่กับใครแล้วสบายใจและมีความสุขก็อยากอยู่กับเขาและอยากให้เขามีความสุขเวลาที่อยู่กับผมเหมือนกัน
“ เสียดายอะ มึงไม่ซ้อนท้ายกู ” ผมปั่นมาข้างๆลมก่อนจะพูดขึ้น
ลมหันมายิ้มให้ผมก่อนจะพูดว่า
“ ถึงจะไม่ได้ซ้อนท้ายมึง แต่กูก็อยู่ข้างๆมึงอยู่ดีไม่ใช่รึไง ”

โอเค ผมยอมแล้วครับ!



“ ได้ว่างมานั่งเล่นแบบนี้สักทีเนาะ ” ผมหันไปมองอีกคนที่นั่งข้างๆ
ตอนนี้ผมกับลมนั่งอยู่ม้านั่งข้างสระน้ำในสวนสาธารณะ ปั่นจักรยานจนพอใจแล้วครับ
“ ว่างแล้วหรอ ”
“ คิดว่านะ ” เราสองคนต่างคนต่างเงียบไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรจะคุยกันจนน่าอึดอัด แต่มันเป็นความเงียบที่ผมรู้สึกสบายใจด้วยซ้ำ
“ เริ่มชอบกูบ้างรึยัง ” ผมหันไปถามอีกคน
ลมไม่ตอบแต่ยิ้มกลับมาแทน โอเคครับไม่บอกก็ไม่บอกเอาเป็นว่าผมรู้ก็แล้วกัน
“ ทำไมตอนปีหนึ่งกูไม่เคยเห็นมึงเลยอะ ”
“ เห็นแล้วจะทำไม ”
“ ก็จะจีบไง ”
ผมคิดแบบนั้นจริงๆนะ ตอนแรกคิดว่าไม่ได้ชอบแต่จริงๆผมอาจจะชอบลมตั้งแต่แรกเจอเลยก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะว่าอะไรที่ทำให้ผมตามตื๊อลมอยู่แบบนี้ ทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรแต่ลมไม่เคยทำให้ผมเสียความรู้สึกเลยสักครั้งมีแต่ผมนี่แหละที่ทำตัวเอง

คงเพราะลมเป็นแบบนี้ผมถึงกล้าที่จะเดินเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล

ผมเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่ายก็จริงแต่ก็ใช่ว่าผมจะแคร์ทุกคน

“ เจอกันตอนนี้แหละดีแล้ว ”
“ ทำไม ”
“ เพราะว่าตอนนี้กูอยากเริ่มต้นใหม่ ” ลมเป็นคนปากแข็งนั่นคือสิ่งที่ผมรู้มาตลอด คำพูดกับการกระทำมันสวนทางกันในหลายๆเรื่องแต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกดี
อย่างน้อยลมก็ชอบผม ถึงแม้ว่าลมจะไม่เคยพูดมันออกมาก็ตาม
.
.
และผมจะรอวันนั้น วันที่ลมบอกว่าชอบผม...

“ เริ่มต้นใหม่กับกูใช่ปะ ” ผมแกล้งแหย่อีกฝ่ายเล่นๆ
“ แล้วมึงคิดว่าไงล่ะ ” เป็นครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จากลม จริงๆแล้วคนข้างๆผมน่ะร้ายกาจกว่าที่คิดโดยเฉพาะกับผมเนี่ย!




วันนี้เป็นวันที่ผมจะไปเดทกับลมอย่างเป็นทางการครั้งแรก! สำหรับคนอายุเท่าผมก็ไม่ควรจะตื่นเต้นขนาดนี้นะเพราะไม่ใช่ว่าไม่เคยเดทสักหน่อย
ผมกับลมตกลงกันว่าจะมาดูหนังซึ่งผมเองนี่แหละที่คิดว่าเดทอยู่ฝ่ายเดียวเพราะลมแค่อยากมาดูหนังเท่านั้น

ตอนนี้ลมไปเข้าห้องน้ำ ความแฟนอะครับยืนรอแฟนหน้าห้องน้ำคิดเองก็เขินเองอะ
คนที่เดินผ่านอาจจะคิดว่าผมเป็นบ้าแล้วมั้งที่มายืนยิ้มอยู่หน้าห้องน้ำคนเดียวแบบนี้ ก็คนมันมีความสุขนี่หว่า
“ มึงเริ่มน่ากลัวแล้วนะไอ้อิฐ ” ลมที่ออกมาจากห้องน้ำมองผม
เริ่มน่ากลัวเพราะใครกันล่ะ
“ กูก็ปกติดีนะ ” แค่ยิ้มเยอะกว่าทุกวันแค่นั้นเอง
“ ไม่อะ วันนี้มึงเยอะกว่าปกติ ”
“ ไปกันเถอะเนาะ ” ผมจับมือลมอย่างถือวิสาสะ
เป้าหมายแรกคือ ดูหนัง ส่วนหลังจากนั้นแล้วค่อยคิดอีกที
“ เนียนละ ”
เสียงของคนข้างๆทำให้ผมหันไปยิ้มให้แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือแต่อย่างใด ตราบใดที่อีกฝ่ายยังไม่สะบัดออกผมก็จะจับอยู่แบบนี้แหละ

“ จะดูเรื่องนี้หรอ ” ผมมองโปสเตอร์หนังผีเรื่องหนึ่งที่ลมบอกว่าจะดู ไม่ใช่ว่าผมกลัวผีนะแต่ความโรแมนติกที่คิดไว้พังทลายลงนี่สิ
จบเลยไอ้อิฐเอ้ย หนังผีกับสิ่งที่คิดไปคนละทางกันเลย
“ กลัวผี? ”
“ เปล่าๆ เดี๋ยวกูไปซื้อตั๋วให้ ”
“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปซื้อเอง ”
“ งั้นก็ไปด้วยกัน ” ผมกอดคอลมแล้วเดินไปด้วยกัน ชอบอะครับเวลาทำอะไรแล้วลมไม่ว่า
“ เอาป๊อบคอร์นปะ ” ผมถามคนข้างๆ
“ ไม่อะ ” หมดกันความคิดที่จะป้อนป๊อบคอร์นตอนดูหนัง
แต่ผมก็ยังเดินไปซื้ออยู่ดีไม่ใช่อะไรนะผมหิวอะ

ตามคาดครับพอหนังเริ่มฉายแล้วผมก็ถูกทิ้งไว้กลางทาง ดูเหมือนว่าลมจะชอบอยู่พอสมควรตั้งใจดูจนลืมผม อารมณ์มันก็จะเซ็งหน่อยๆอุตส่าห์คิดไว้หลายอย่างแต่ไม่ได้สักอย่างคงต้องเริ่มใหม่ตอนออกจากโรงหนังแล้วล่ะมั้ง
ผมขยับเข้าใกล้ๆก่อนจะเนียนๆจับมือลม แต่ลมก็มักจะทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดและเป็นอัตรายต่อหัวใจผมเสมอเมื่ออีกฝ่ายจับมือผมเหมือนกันแต่ตายังคงมองไปที่จออยู่
ในเมื่อเจ้าตัวไม่ได้ว่าแถมยังจับมือผมอีกงั้นก็เลยตามเลยแหละครับ
 คงเป็นหนังผีที่ผมนั่งยิ้มตลอดทั้งเรื่องเลยล่ะมั้ง


“ สนุกไหม ” ผมถามลมขณะที่เราเดินออกมาจากโรงหนัง
“ ก็สนุก แต่ยังไม่สะใจ ” สะใจกว่านี้ก็เข้าไปในจอด้วยเลยไหมครับ
“ จะไปไหนต่อ ”
“ มึงอยากไปไหน ”
“ หิว ” พอออกมาจากโรงหนังก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที
“ จะกินอะไร ”
“ อยากกินไอติม ” ไม่ได้กินนานละครับไม่มีเวลามากินสักทีแต่จริงๆคือไม่รู้จะมากินกับใครนั่นแหละมากับเพื่อนมันก็คนละอารมณ์กัน
“ ทำไมไม่กินข้าว ”
“ กูอยากกินไอติมอะ ”
“ ร้านไหน ”
“ เดี๋ยวพาไป ” ว่าแล้วผมก็จูงมืออีกคนให้เดินตามทันที เอาให้คุ้มครับโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ
“ จับบ่อยเกินไปละ ”


สุดท้ายเราก็มานั่งที่ร้านไอ้ติมจนได้ ลมไม่ชอบของหวานผมเพิ่งนึกขึ้นได้แต่สั่งไปแล้วคงต้องกินแต่คนที่กินไม่ได้ก็มีได้ว่าอะไรแถมยังนั่งเล่นมือถือไม่สนใจผมอีก
“ ดูอะไร ”
“ เล่นเกม ” โหมดติดเกมเริ่มมาแล้วครับไม่ได้ว่าหรอกเพราะผมก็มีโหมดนี้เหมือนกัน ผมมองไปรอบๆร้านก่อนที่พนักงานจะเอาไอติมมาเสริฟ เสียดายที่คนตรงหน้าไม่กินด้วยเพราะมันดูน่าทานมากๆ
“ ลองไหม ”
ลมส่ายหัวทั้งตายังมองเกมในมือถืออยู่ เกมมันน่าสนใจกว่าผมสินะ!
“ คุยกับกูบ้างสิ ”
“ .... ”
“ ลมมม ”
“ กินอยู่จะคุยอะไร ” เสียงเริ่มติดจะหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยแล้ว อย่าหาว่าผมเอาแต่ใจเลยนะแต่มันอดไม่ได้ที่จะเรียกร้องความสนใจนี่หว่า
“ ก็มึงไม่สนใจกู ”
“ รีบกินกูหิวข้าว ”
“ ทำไมไม่บอกจะได้พาไปกินข้าว ”
“ ก็มึงบอกอยากกินไอติม ” เท่านั้นแหละครับผมก็ยิ้มหน้าบานเลยก็เป็นชะอย่างนี้จะไม่ให้หลงได้ไงวะ

ถ้าถามว่าความน่ารักเป็นยังไงก็คงเป็นคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ



.......................


ผมว่าวันนี้ทุกคนมองผมแปลกๆ ปกติคนก็มองผมอยู่แล้วอันนี้เข้าใจแต่วันนี้มันผิดปกติเพราะแทบจะตั้งแต่มามอจนถึงคณะก็มีคนมองตลอดแถมมองแล้วก็ยิ้มแปลกๆ วันนี้ผมแต่งตัวผิดปกติหรอหรือหน้ามีอะไรติด
“ ไงเพื่อนอิฐ ”
“ ไง หน้ากูมีอะไรติดปะ ” ผมทักไอ้ศิลป์กลับก่อนจะนั่งลงข้างๆมัน
“ ไม่นะ ทำไม ”
“ กูรู้สึกว่าวันนี้คนมองกูแปลกๆว่ะ ”
“ มึงได้เข้าเฟสปะ ” ผมมองหน้าไอ้ศิลป์อย่างงงๆอารมณ์ไหนถึงมาถามวะเนี่ย
“ ไม่ได้เข้า ทำไมวะ ”
“ เฮ้ออ มึงนี่มัน ” ไอ้ศิลป์ถอนหายใจแล้วหันหน้าไปทางอื่น

เป็นอะไรของมันวะ

“ แล้วไอ้สองตัวนั้นไปไหน ”
“ ยังไม่มา ”
ผมไม่ได้ถามอะไรต่อแต่หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู มีอะไรดีๆรึเปล่าไม่งั้นไอ้ศิลป์ไม่ถามหรอกว่าผมได้เข้าเฟสไหม
พอเข้าเฟสก็พบการแจ้งเตือนที่เยอะผิดปกติ ทั้งที่คิดว่าน่าจะเป็นแท็กคู่จิ้นผมกับลมอีกตามเคยแต่พอเปิดดูแล้วมันไม่ใช่แค่นั้น ทั้งที่เพจก็เขียนอวยตามปกติแต่ตอนนี้ผมกลับใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว

มือสั่นด้วยเนี่ย!

“ เชี้ย... ”
“ เป็นอะไรของมึง ” ไอ้ศิลป์ชะโงกหน้ามามองมือถือผมก่อนจะยักไหล่
" เพิ่งเห็นหรอเขาเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วมั้ง น่าน้อยใจนะเขาอุตส่าห์ทำให้แท้ๆแต่อีกคนดันไม่เห็น "
 ภาพที่ผมกำลังดูมันเป็นภาพจากการประกวดวาดภาพที่เขาแชร์กันมาและยอดแชร์ก็ไม่ใช่น้อยๆเลย

‘ การวาดภาพกับความรัก ’

นั่นคือหัวข้อของการประกวด

ผมมองภาพวาดที่เป็นภาพของตัวเองภายในกระดาษเป็นภาพที่มีทั้งตอนที่ผมยิ้ม ตอนทำหน้าปกติ แม้กระทั่งตอนที่ผมโกรธซึ่งภาพที่ผมยิ้มเป็นภาพที่อยู่ตรงกลางและใหญ่กว่าสองภาพที่อยู่ข้างหลัง ส่วนพื้นหลังเป็นท้องฟ้าซึ่งลงสีและรายละเอียดไว้เป็นอย่างดี ขนาดของภาพจริงก็น่าจะใหญ่พอสมควรแต่ผมจะไม่ได้อะไรเลยถ้าคนวาดไม่ใช่ลม และชื่อหัวข้อมันทำให้ผมสติหลุด หูดับไปชั่วขณะ รู้สึกเบลอๆ

แต่! ดีใจ ดีใจชิบหายเลยตอนนี้

“ สติหลุดไปเลยทีนี้ ”
“ มันใช่อย่างที่กูคิดใช่ไหมวะ ”
“ ถ้ามึงคิดว่าเขาก็ชอบมึงก็คงใช่ ”
ผมมองภาพวาดที่ลมวาดอีกครั้ง ไม่ได้บอกผมตรงๆแต่ประกาศให้คนอื่นรู้ด้วยเลยนะ ร้ายกว่าผมก็ลมนี่แหละ
แต่ผมชอบการที่ลมแสดงออกแบบนี้นะ โคตรชอบเลยด้วย
“ ยิ้มหน้าบานแบบนี้คงเห็นที่เขาแชร์กันแล้วสินะ ” ไอ้ติณณ์กับไอ้แคมป์เดินเข้ามาพอดีก่อนจะนั่งลงตรงข้ามพวกผม
“ สำเร็จสักทีนะมึง ”
“ นี่เพื่อนอิฐจะมีแฟนแล้วสินะ อย่างนี้ต้องฉลองแล้วปะ ” ไอ้ศิลป์ว่าพลางกอดคอผม
เอาจริงๆนะตอนนี้คือดีใจจนพูดไม่ออกเลยว่ะ




พอผมมาถึงแปลงคณะเกษตรก็เห็นอีกคนรดน้ำผักอยู่ผมจึงยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปอีกคนเก็บไว้เป็นความทรงจำ รูปลมในมือถือเยอะกว่ารูปผมที่เป็นเจ้าของซะอีก
ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้ชะมัดมันรู้สึกดีจนผมไม่อยากให้มันผ่านไปเลย แต่ผมคงจะมีช่วงเวลาที่อยากจดจำอีกเยอะเลยล่ะเพราะต่อจากนี้ผมคงไม่ห่างจากลมแน่ๆ เตรียมตัวไว้เถอะผมจะคอยอยู่ใกล้ๆจนลมรำคาญไปเลยล่ะ
“ ทำไมไม่เห็นทักบอกว่าจะมา ” ผมยิ้มให้กับคนที่กำลังเดินตรงมาหาผม
“ ไม่ทักบอกก็มาไม่ได้หรอ ”
“ จะกลับแล้วหรอ ” ลมถามพลางเก็บอุปกรณ์ลงแปลง
“ ก็มารอมึง ”
“ งั้นแปปนึงเก็บของก่อน ”
“ วาดภาพกูออกมาได้หล่อกว่าตัวจริงอีกนะ ” ลมเงยหน้าขึ้นมามองผมทันทีผมพูดจบ
“ ภาพอะไร ”
“ นี่ไง ”
ผมเปิดภาพที่บันทึกไว้ให้ลมดูก่อนเจ้าตัวจะเริ่มมีท่าทางเปลี่ยนไป รู้หรอกว่าเขินใครจะไม่เขินบ้างล่ะ
“ ขอบคุณนะที่ตั้งใจวาดขนาดนี้ ”
แก้มที่ขาวอยู่แล้วเริ่มแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด ก่อนเจ้าตัวจะหลบสายตาผมแล้วหันไปอีกทาง
“ ทำไมถึงวาดภาพกูล่ะ ”
“ หัวข้อมันก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่รึไง ”
“ กูไม่เข้าใจอะ ” ผมพยายามทำหน้าตาให้ดูไม่เข้าใจจริงๆ กว่าจะหลอกล่อให้ลมพูดได้นี่มันยากจริงๆเลยนะ
“ แล้วมึงคิดว่ากูวาดภาพมึงทำไม ” นั่น มีถามกลับอีก
“ ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะวาดอะไรมั้ง ” อาจจะมีเปอร์เซ็นต์ที่จริงอย่างที่ผมว่าก็ได้เพราะอย่างนั้นผมถึงต้องมาถามลมให้มันรู้ไปเลย
ลมมองหน้าผมพักหนึ่งก่อนจะพูดออกมา

“ การวาดรูปสำหรับกูก็คือการวาดสิ่งที่กูชอบลงไป และถ้ากูไม่ชอบกูคงไม่วาดหรอก ” ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรสายตาก็ดันไปสะดุดกับบางอย่างที่ลมใส่มา

สร้อยเกียร์ที่ผมให้ตอนวันเกิด
.
.
คำตอบชัดเจนกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว...

“ ขอบคุณนะ ”

ผมคว้าอีกคนมากอดแน่นอย่างกับกลัวว่าอีกคนจะหายไป ความรู้สึกของผมตอนนี้มันมากเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้จริงๆ

“ กูก็ขอบคุณมึงเหมือนกันที่เข้ามาในชีวิตกู ” ลมกอดตอบ ก่อนจะพูดในสิ่งที่ผมอยากได้ยินมากโดยตลอด
.
.
.
“ อิฐ...กูชอบมึง ”





The End

___________________________________

***ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ติดตาม คอมเม้นท์และเป็นกำลังใจให้กับไรท์น้า อิฐลมไรท์ตั้งใจให้จบแบบนี้เด้อ อาจจะไม่ถูกใจหลายๆคนแต่ก็ขอขอบคุณที่อ่านกันมาจนถึงตอนจบนะฮับ
***เรื่องหน้าไรท์จะพยายามปรับปรุงงานเขียนให้ดีกว่าเดิมนะฮับ❤️
***เจอกับอิฐลมตอนพิเศษได้น้า เร็วๆนี้นะฮับ❤️


หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 23 : 03/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 04-01-2020 00:41:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 23 : 03/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-01-2020 08:22:24
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 23 : 03/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-01-2020 09:33:20
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าว...จบแระ

ยังไม่เห็นมีจุดพลุฉลองเลย  อิอิ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 23 : 03/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 04-01-2020 10:33:24
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 23 : 03/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 05-01-2020 21:42:48
 :sad4: :-[ o13
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 23 : 03/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 07-01-2020 00:42:54
เนื้อเรื่องดี เขียนบรรยายดี อ่านลื่นไหล อ่านสนุก โดยรวมชอบครับ

แต่ตอนจบ มันฟินไม่สุดอ่ะ แบบ .... แค่นี้เหรอ อะไรงี้ อ่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 23 : 03/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-01-2020 10:01:03
ติดอ่าน หลินต้ง - มหายุทธหยุดพิภพ  :katai2-1:
เลยไม่ได้เข้ามา ดู   :mew2:
ที่ไหนได้ จบแล้ว ..........  :z3:
อิฐ  ลม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ชอบวิธีการเขียนของไรท์ มีหักมุมบ้าง ชอบบบบบบบบ
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Chapter 23 : 03/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 07-01-2020 14:04:59
ขอบคุณครับ  :hao6:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 1: 07/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 07-01-2020 23:39:26
Special (1)
Lm'Part


ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงปิดเทอมจะขึ้นปีสามเวลาผ่านไปเร็วนะครับแปปเดียวก็จะขึ้นปีสามแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่ง่ายๆเลยจากนี้น่าจะมีแต่เรื่องวุ่นวายเข้ามาแน่ๆ อย่างแรกคงจะเป็นเรื่องใกล้ตัวนี่แหละ
“ กูถามจริงมึงคบกับไอ้นี่ได้ไงวะ ” เสียงเซ็งๆของไอ้กิมดังขึ้นพลางชี้ไปที่คนที่มันหมายถึง
“ ลมตาถึงไง ”
“ ตาบอดล่ะสิไม่ว่า ”
ระหว่างปิดเทอมผมก็กลับบ้านที่เชียงใหม่ซึ่งมีพองเพื่อนตามมาด้วย จริงๆไอ้อิฐมันอยากมากับผมแค่สองคนแต่มีหรือที่พวกเพื่อนๆสุดที่รักจะไม่ตามมาด้วย แม้กระทั่งเพื่อนไอ้อิฐยังตามมาเลยปิดเทอมไม่มีที่ไปก็งี้
ผมยังไม่บอกใช่ไหมว่าผมกับไอ้อิฐคบกันจริงๆมันก็ไม่ต่างจากตอนเป็นเพื่อนกันเท่าไหร่แค่สถานะเปลี่ยนไป และระดับการเรียกร้องความสนใจของไอ้อิฐเพิ่มขึ้น
“ นี่มึงจะเอาหรอไอ้กิม ” เห็นกัดกันแบบนี้มันสองคนสนิทกันนะครับ แค่พูดดีๆใส่กันไม่ได้แค่นั้นเอง
“ กากอย่างมึงจะทำไรกูได้ครับ ”
“ มึงไม่ห้ามพวกมันหน่อยหรอ  ” ไอ้จินหันมาคุยกับผม
“ ห้ามทำไม มึงไม่สนุกหรอที่เห็นพวกมันกัดกัน ”
ไอ้จินเคยบอกผมว่าลมคนเดิมเริ่มกลับมาแล้วหลังจากที่ได้รู้จักกับไอ้อิฐ ผมไม่ใช่คนเย็นชาแค่ไม่ค่อยพูดจะมีบางครั้งที่พูดมาเป็นพิเศษก็เท่านั้นเอง เห็นผมไม่พูดอะไรแต่ผมรู้ทุกอย่างนะ
“ มีสนุกด้วย กูยอมเลย ”
“ เป็นคนแบบนี้หรอ ” ติณณ์มองมาที่ผม
“ แบบไหน ”
“ เจ้าเล่ห์ ”
“ ไม่เจ้าเล่ห์จะได้คบกับไอ้อิฐหรอ ” ผมยักคิ้วใส่ติณณ์
กลายเป็นว่าช่วงหลังๆผมกับติณณ์ค่อยข้างจะเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว ติณณ์เป็นคนประเภทผม เห็นนิ่งๆแบบนั้นแต่จริงๆร้ายใช่ย่อยเลยนะ
“ คุยกับไอ้ติณณ์อีกแล้ว ”
“ ไม่ขังแฟนมึงไว้ในห้องเลยล่ะ ถ้าไม่อยากให้คุยกับคนอื่น ” ติณณ์พูดพลางทำหน้าเซ็งๆ ไอ้อิฐมันขี้หวง หวงแม้กระทั่งกับเพื่อน
“ ขังได้ขังแล้ว ”
มันหมายความอย่างที่พูดจริงๆนะครับไม่รู้จะหวงอะไรนักหนาทีกับตัวเองผู้หญิงเข้าหาเยอะจะตายผมยังไม่ว่าเลยแค่ไม่พอใจนิดหน่อยแค่นั้นเอง
“ มึงบอกว่าจะพาไปไร่ จะพาไปตอนไหน ” ไอ้อิฐขยับมานั่งใกล้ๆผม
“ ตอนเย็น หรืออยากไปตอนนี้ ” สภาพอากาศคือไม่น่าเดินเอามากๆแดดขนาดนั้นผมว่าแต่ละคนคงไม่ไหวหรอก
“ ตอนไหนก็ได้ ” ไอ้อิฐมันเคยบอกว่าอยากมาบ้านผมถามยังโม้ด้วยว่าแม่ผมชวนมันมา
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านไปที่ไร่กันหมดเว้นก็แต่แม่บ้านที่คอยมาตอนรับผมกับเพื่อน ผมก็เลยให้พวกมันพักผ่อนไปก่อนสภาพแต่ละคนเหมือนต้องการหมอนกันเต็มทน จะก็มีแต่ไอ้ที่นั่งข้างๆผมนี่แหละที่พลังงานเยอะเหลือเกินวอแวอยู่ได้
“ ไปพักไปตอนเย็นจะพาไปดูไร่องุ่น ”
“ โอเค ” ว่าแล้วมันก็นอนลงบนตักผมทันที ไม่คิดจะอายเพื่อนเลยมั้ง
ผมหันไปมองติณณ์ก่อนจะเห็นว่าติณณ์ยิ้มมุมปาก
มันไม่อายแต่ผมก็อายอยู่นะถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เถอะ
“ ไปนอนดีๆ ”
“ เนี่ยอะดีแล้ว ” ว่าแล้วมันก็หลับตาลงทันที ดื้อที่หนึ่งเลยล่ะคนนี้
“ ปล่อยมันไปเถอะ มันเป็นเด็กขาดความอบอุ่น ” เชื่อเลยครับว่าขาดความอบอุ่นจริง
ผมมองคนบนตักก่อนจะเคาะหน้าผากมันเบาๆข้อหาหมั่นไส้ ชอบทำเหมือนตัวเองตัวเล็กแต่จริงๆแล้วไม่ใช่
หลังจากที่ผมกับไอ้อิฐคบกันตัวก็แทบจะติดกันตลอด ต่อให้เรียนกันคนละคณะก็ไม่มีปัญหาช่วงหลังๆมันยิ่งเหมือนจะย้ายมาเกษตรอยู่แล้ว ตอนเย็นก็มาช่วยลงแปลงเกือบทุกเย็นทำตัวดีจนผมคิดว่ามันไปทำความผิดอะไรไว้
มันทำให้ผมจนไม่รู้จะตอบแทนมันยังไง
อยู่ๆไอ้อิฐก็จับมือผมก่อนจะกุมไว้หลวมๆ รู้หรอกว่ายังไม่หลับเนียนทั้งปีทั้งชาติ
“ ไม่พักรึไง ” ผมเงยหน้าจากไอ้อิฐขึ้นมาถามติณณ์
“ ไม่เหนื่อย กูเดินทางบ่อยมันชิน ”
“ เดี๋ยวกูให้แม่บ้านเอาของกินมาให้ ”
“ ไม่เป็นไรกูจะไปดูไอ้แคมป์ละ ” ติณณ์ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหาแคมป์ทันที ตอนนั่งรถมาแคมป์เมารถสภาพก็คือเหมือนจะไม่อยากมาอีกเป็นครั้งที่สอง
“ ไอ้อิฐ ”

“ ... ”

ไม่มีเสียงตอบรับแต่รับรู้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนที่นอนอยู่บนตัก นึกว่าจะแน่ที่แท้มันก็เหนื่อยเหมือนกัน
ผมลูบหัวไอ้อิฐเบาๆอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะยิ้มออกมา




“ นี่ไร่ของมึงทั้งหมดหรอ ” ไอ้อิฐถามขณะที่พวกผมมาถึงไร่
“ ใช่ ”
นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงเรียนเกษตรก็เพื่อกลับมาทำงานที่ไร่ตัวเองนี่แหละ
ครอบครัวของผมมีไร่เป็นของตัวเองค่อนข้างเยอะพ่อกับแม่ก็ทำงานที่ไร่ด้วย แต่ไม่มีใครบังคับให้ผมเรียนเกษตรนะผมอยากเรียนเองจริงๆเรียนในสิ่งที่ตัวเองต้องกลับมาทำจะดีกว่า
“ สวัสดีครับคุณหนู ”
“ สวัสดีครับลุงพัน บอกแล้วไงครับว่าอย่าเรียกผมว่าคุณหนู ” ผมว่าพลางยิ้มให้ลุงพัน
ลุงพันเป็นคนงานที่อยู่กับครอบครัวของผมมานานตั้งแต่ผมยังเด็กเวลามาไร่ทีไรก็ให้ลุงพันสอนงาน สอนทำนั่นทำนี่หลายอย่างอยู่เหมือนพูดแล้วก็คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ
“ ลุงก็ลืมเลย ไม่ได้เจอกันตั้งนานหล่อขึ้นมากเลยนะครับเนี่ย ”
“ อย่างคุณหนูลมไม่เรียกว่าหล่อหรอกครับคุณลุง เขาเรียกว่าน่ารัก ” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้อิฐหล่อก็หล่อสิจะมาน่ารักอะไรล่ะ
“ พูดถึงเรื่องน่ารักตอนเด็กๆคุณหนูน่ารักกว่านี้อีกนะครับ ” คุณหนูอีกแล้วสิเนี่ย
“ มีรูปไหมครับคุณลุง ”
“ ที่บ้านใหญ่มีเยอะเลยล่ะครับ ” แย่งซีนเก่งแถมตีสนิทกับคนอื่นไปหมดอีกหน่อยคงเป็นขวัญใจแม่ผมจริงๆแล้วล่ะมั้ง ดีที่วันนี้ยังไม่ได้เจอกันไม่งั้นผมคงกลายเป็นตัวประกอบแน่ๆ
นิสัยผมกับไอ้อิฐนี่ต่างกันคนละขั้วเลยแต่อาจจะเป็นเพราะมันเป็นแบบนี้ล่ะมั้งผมถึงเปิดใจให้มัน
“ นี่เพื่อนคุณหนูหรอครับ ”
" แฟนครับ " ผมกำลังจะตอบแต่ไอ้อิฐพูดขึ้นมาซะก่อน
ไม่ต้องพูดไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้นให้ไอ้อิฐมันจัดการเองทุกอย่าง บางทีผมก็แอบเซ็งเหมือนกันนะที่มันพูดมากขนาดนี้ไม่ให้ผมได้พูดบ้างเลย
ลุงพันทำหน้าตกใจนิดหน่อยก่อนจะยิ้มออกมาผมเคยบอกใช่ไหมว่าไม่ใช่ทุกคนจะรับเรื่องแบบนี้ได้แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะถ้าถามก็จะบอก
“ แฟนหล่อมากเลยนะครับคุณหนู ” คุณหนูอีกแล้วผมไม่ชอบให้เรียกแบบนี้เลยจริงๆเชื่อเถอะไอ้อิฐมันต้องล้อผมแน่ๆ
“ ขอบคุณครับคุณลุง ” ยิ้มหน้าบานเลยทีนี้พอมีคนชม
" คุณหนูครับทางนั้นองุ่นเริ่มสุกแล้วพาแฟนไปกินได้นะครับ " แล้วทำไมต้องยิ้มขนาดนั้นด้วยครับลุง ไอ้อิฐจ้างมารึเปล่าเนี่ย
“ ครับ ” ผมพยักหน้าพลางเดินไปทางที่ลุงพันบอก
ส่วนเพื่อนคนอื่นก็มีไอ้กิมกับไอ้จินนำทางไปแล้วส่วนผมก็มากับไอ้อิฐซึ่งเป็นมันที่ลากผมมา บอกว่าอยากเดินกับผมสองคน สองคนที่ไหนกันล่ะคนงานเต็มไร่ขนาดนี้
ไอ้กิมกับไอ้จินมันมาบ่อยจนรู้ทางหมดแล้วมาเนียนกินฟรีตลอด เห็นอย่างนี้แม่ผมชอบพวกมันมากเลยนะ ผมไม่ได้บอกเหตุผลกับแม่ว่าทำไมช่วงนั้นไอ้กิมถึงหายไปแต่พอไอ้กิมกลับมาแม่ก็ลืมผมไปเลย เอาจริงๆก็ลืมตลอดเวลาผมพาเพื่อนมาบ้าน แม่ชอบบ่นว่าผมพูดน้อยไม่ค่อยมีเพื่อน
พ่อผมก็พูดน้อยนะส่วนใหญ่มีแต่แม่ผมพูดนี่แหละ ผมสนิทกับแม่มากๆแต่ก็ไม่ได้ถึงกับห่างเหินกับพ่อ จริงๆแล้วพ่อผมน่ะใจดีมากๆแต่ไม่ค่อยยิ้มเลยทำให้ดูดุตลอดเวลา
“ คิดอะไรอยู่ ” แขนที่พาดลงบ่นไหล่ทำให้ผมหยุดคิดเรื่องในหัว
“ คิดว่าถ้ามึงเจอพ่อกูจะเป็นยังไง ”
“ คุณพ่อโหดหรอ ” ไอ้อิฐทำหน้าเครียดทันที
“ เหมือนกู ”
“ หืม...งั้นก็แสดงว่าท่านใจดีน่ะสิ ” ถือว่ามันเดาถูกไปนิดนึงนะ
จากสีหน้าที่ดูเหมือนจะเครียดก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
“ ไม่เครียดแล้วหรอ ”
“ ไม่เครียดหรอก ถ้าคุณพ่อเหมือนมึงน่ะ ” ไอ้อิฐว่าพลางยีหัวผม
“ ก็ดี ” เผื่อเจอของจริงจะได้ไม่ตกใจ
พ่อผมไม่ได้ใจร้ายแต่ก็ไม่ได้ใจดีกับคนที่เพิ่งเจอหรอกนะ เหมือนผมนี่แหละ
“ กินได้ปะ ” ไอ้อิฐชี้ไปที่ต้นองุ่นแล้วหันมาถามผม
“ กินได้ ”
“ หมายถึงมึงอะกินได้ปะ ” เอิ่ม...ไม่คิดว่ามันจะมามุขนี้นะ
“ มีปัญญากินได้ก็กินสิ ”
“ โห พูดแบบนี้เดี๋ยวจะโดน ” ไอ้อิฐดึงแก้มผม ดึงบ่อยจนจะยืดอยู่แล้ว
“ ลองชิมดูสิ ” ผมหยิบองุ่นจากตะกร้าที่คนงานตัดไว้ยื่นให้ไอ้อิฐ
“ อยากกินจากต้น ”
“ ตามใจ ” ผมกินเองก็ได้ ไม่ได้กินองุ่นจากไร่นานแล้ว
“ ถ้าเปรียบกูกับผลไม้มึงจะให้กูเป็นผลไม้อะไร ” ไอ้อิฐหันมาถามทั้งกินองุ่นไปด้วย
“ องุ่น ”
“ ทำไม ”
“ เพราะว่า…”
“ ว่า? ”
“ กูชอบ ” ไอ้อิฐยิ้มกว้างแล้วเดินตรงมาหาผม แล้วผมจะอยู่ทำไมล่ะครับในเมื่อรู้ว่ามันจะทำอะไรรู้อย่างนี้แล้วก็ต้องวิ่งดิ
“ มาพูดแบบนี้แล้วจะชิ่งหนีหรอ! ” ไม่หนีก็ซวยสิ ผมไม่อยากเสี่ยงแถวนี้
เดี๋ยวมันแกล้งผมขึ้นมาก็อายคนงานแถวนี้พอดีมันยิ่งคิดแล้วทำเลยไม่อายใครทั้งนั้น ผมว่าผมไม่สนใครแล้วนะแต่ไอ้อิฐมันหนักกว่าผมอีก



........................



บรรยากาศในโต๊ะอาหารเย็นของวันนี้ค่อนข้างเงียบที่เงียบเพราะว่าพ่อของผมเอาแต่จ้องหน้าคนที่นั่งตรงข้ามอย่างไอ้อิฐ จ้องแล้วไม่พูดอะไรยิ่งทำให้คนที่นั่งข้างๆผมเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข
ตอนนี้คือเงียบกันทั้งโต๊ะจนผมต้องหันไม่หาแม่ก่อนที่ท่านจะหาวิธีแก้สถานการณ์
“ กินข้าวกันเถอะทุกคน ตามสบายเลยนะกินเยอะๆ ”
“ ขอบคุณครับบบ ”
“ กินเยอะๆนะครับพ่อ ” ผมตักอาหารตรงหน้าใส่จานของพ่อ
“ กินเยอะๆนะครับคุณพ่อ…” ไอ้อิฐพูดอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะตักอาหารใส่จานของพ่อผมเหมือนกัน
“ ขอบใจ ” ทันทีที่พ่อพูดจบไอ้อิฐก็หันมายิ้มให้ผม
อย่างน้อยพ่อก็ยอมคุยกับไอ้อิฐล่ะวะ
ดูเหมือนว่าบรรยากาศอึดอัดเมื่อกี้จะดีขึ้นมากอาจเป็นเพราะพ่อยอมคุยกับไอ้อิฐทั้งยังมีเพื่อนมาด้วยซึ่งอาจจะช่วยให้แม่หายเหงาอยู่บ้าง และพ่อของผมถึงท่านจะไม่แสดงออกแต่ผมก็รู้ว่าท่านไม่ได้กีดกันเรื่องผมกับไอ้อิฐ


“ ดูท่ามันจะชอบบ้านมึงนะ ” ขณะที่ผมกำลังเดินออกมาจากห้องครัวก็เจอไอ้ไม้พอดี
“ ใคร ”
“ ไอ้อิฐไง ” ไอ้อิฐมันไม่ชอบอะไรบ้างล่ะ
“ มึงก็ชอบไม่ใช่รึไง ” ไอ้ไม้นี่ตัวดีเลยทำอย่างกับเคยมาหลายครั้งแต่ก็ดีที่พวกมันชอบมีเพื่อนเยอะขึ้นมันก็ดีนะครับ
“ มาบ่อยๆได้ปะ ”
“ เปลือง ” พอผมพูดแบบนั้นมันก็หัวเราะทันที ต่อให้ผมหมายความอย่างที่พูดจริงๆมันก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ
“ ดีเลยจะได้มาบ่อยๆ ” ว่าแล้วมันก็เดินไปหาเพื่อนที่ห้องนั่งเล่นทันที ประมุขของบ้านคือแม่ของผมเองครับ คุยกันสนุกสนานใหญ่เลย อยู่บ้านแบบไม่มีเด็กก็คงจะเหงาแหละครับพอมีเด็กมาก็จะคึกคักขึ้นมาหน่อย

ผมเดินออกมาหาคนที่นั่งอยู่ด้านนอกคนเดียว ข้างนอกค่อนข้างหนาวแต่บรรยากาศดีมากผมชอบออกมานั่งดูดาวอยู่หน้าบ้านนี่แหละ นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้นั่งดูดาวแบบนี้
“ ดาวสวยมากเลย ” ไอ้อิฐพูดขณะที่ผมนั่งลงข้างๆ
“ อืม กูก็ชอบมานั่งดูเหมือนกัน ”
“ ไม่น่าเชื่อว่ากูจะได้มาบ้านมึงจริงๆเนาะ ”
“ ทำไม ”
“ มึงจำวันแรกที่เราเจอกันได้ปะ ” คนที่กวนตีนผมตั้งแต่วันแรกเลยอะนะ
“ จำได้ ” แล้วอารมณ์ไหนของมันถึงได้มารำลึกความหลังล่ะเนี่ย
“ ตอนนั้นมึงไม่อยากคุยกับกูด้วยซ้ำ ถ้ากูไม่หน้าด้านป่านนี้กูคงไม่ได้มานั่งข้างมึงตอนนี้หรอก ” ไอ้อิฐหันมายิ้มให้ผม ดูเหมือนมันจะภูมิใจกับความหน้าด้านของตัวเองมากเลยนะ
จริงๆมันรู้เรื่องของผมมากกว่าที่ผมรู้เรื่องของมันซะอีก ส่วนมากมันจะเล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟังมากกว่าถ้าอยากรู้ก็ถาม ถามได้ทุกเรื่องมันบอกว่าอย่างนั้นนะ ความจริงผมไม่จำเป็นต้องถามมันทุกเรื่องหรอกเพราะแต่ละวันมีคนกรอกหูผมเกี่ยวกับเรื่องของมันตั้งเยอะ
ผมเงยหน้ามองดาวตามไอ้อิฐจริงๆแล้วผมชอบดูพระอาทิตย์ตกดินมากกว่าดูดาวแต่ดูเหมือนว่าคนข้างๆผมจะชอบดูดาวนะ
“ อยู่บ้านกูไม่ได้ทำอะไรแบบนี้เลย ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ปะ ”
“ อย่ามาเนียน ”
“ อีกหน่อยกูก็จะได้ย้ายมาอยู่ดี ” ดูมั่นใจจริงๆ
.
.
“ ลม ”
“ หือ ” ผมหันมาหาไอ้อิฐก็พบว่าหน้าของผมกับมันใกล้กันจนแทบจะไม่เหลือระยะห่างก่อนเจ้าตัวจะเลื่อนหน้าเข้ามาหาผม
ผมรู้ว่ามันจะทำอะไรและผมก็ไม่หลบด้วย

ริมฝีปากของอีกคนแนบลงกับริมฝีของผมอย่างแผ่วเบา ไอ้อิฐเป็นคนอ่อนโยนและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันจูบผมแต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกล้ำเข้ามามากกว่านี้ผมจึงผละออก
“ พอเลย นี่หน้าบ้านนะไอ้อิฐ ”
“ แสดงว่าในบ้านได้ใช่ไหม ” ไอ้อิฐยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่โทษทีนะนี่มันถิ่นผมว่ะ
“ ได้ ”
“ จริงหรอ ” ตาลุกวาวเชียวนะมึง
“ จะโกหกทำไม ”
“ งั้นขึ้นห้องกัน ” กระตือรือร้นมากไม่ได้บ่งบอกถึงความคิดของมันเลย
แต่อย่าคิดไปไกลนะครับ ผมกับไอ้อิฐไม่เคยทำอะไรมากกว่าจูบนะ
“ ไปชวนไอ้ไม้ดิ ”
“ ชวนมันทำไม ”
“ ก็มึงต้องนอนกับมัน ”
“ ว่าไงนะ ”
“ ระหว่างที่อยู่บ้านกูมึงต้องนอนห้องเดียวกันกับไอ้ไม้ ” พอผมพูดจบก็เหมือนเห็นหูทั้งสองข้างของมันลู่ลงทันที เหมือนหมาที่โดนเจ้านายทิ้งอะครับดูแล้วขำดี
“ ลมมม ” ตัวโตอย่างมันไม่เหมาะจะงอแงนะครับเอาจริงๆ
“ ไปดิ ”
“ เนี่ย! ชอบมาอ่อยให้อยากแล้วจากไป ” ว่าแล้วมันก็นั่งลงที่เดิมพร้อมกับทำหน้าขัดใจ ใครจะไปนอนกับมันวะไม่บอกก็รู้ว่ามันคิดอะไร จ้างให้ผมก็ไม่นอนห้องเดียวกับมันหรอก
“ จะให้กูไปนอนกับไอ้ไม้จริงๆหรอ ”
“ หรือจะไปนอนกับไอ้กิม ”
“ จ้างให้ก็ไม่ไปนอนกับมันหรอก ”
“ งั้นก็ไปนอนกับไอ้ไม้ ” แกล้งคนนี่มันสนุกจริงๆเลยนะ
“ งั้นขอค่าที่ทำให้กูดีใจเก้อหน่อยสิ ” ไอ้อิฐทำหน้าหงอยๆก่อนจะหันมามองหน้าผม
“ ขออะระ… ”

ฟอดดดดดดดดดดดดด

" ไอ้อิฐ! " มันหอมแก้มผมแรงๆก่อนจะวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
ใครบอกว่าผมร้ายครับคนที่ร้ายคือไอ้อิฐต่างหาก!



หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 1 : 07/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-01-2020 05:25:08
ชอบบบบบบบ   :mew1:
อิฐ ลม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 1 : 07/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 08-01-2020 12:52:54
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 1 : 07/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 08-01-2020 21:54:26
เป็นแฟนกันแล้ว ยิ่งมุ้งมิ้งขึ้นไปอีก.  :impress2:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 1 : 07/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-01-2020 22:06:02
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 1 : 07/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-01-2020 22:59:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 1 : 07/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-01-2020 21:39:12
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 13-01-2020 01:20:49
Special (2)
Aid'Part




ผมมองคนที่นั่งหน้างออยู่ข้างๆ อย่างอารมณ์ดี เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกครับว่าแสดงอาการอะไรออกมาแต่ที่ผมรู้คือมันเรียกว่าหึงชัดๆ

เริ่มจากที่วันนี้เป็นวันรับน้องใหม่วันแรกและพวกปีสามอย่างผมก็แวะมาดูน้อง จึงถูกปีสองลากเข้าไปร่วมกิจกรรมกับน้องๆ เล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้ผมซวยคือมีน้องคนหนึ่งแซวผมแถมยังขอไลน์ท่ามกลางคนที่มาเข้ารับน้องด้วยและที่สำคัญน้องคนนั้นเป็นผู้ชาย จังหวะนรกคือลมมาหาผมพอดี พอได้ยินแล้วก็เงียบใส่เลย ถามว่าคิดมากหรอก็บอกว่าไม่แต่หน้าตานี่ไม่ได้เป็นอย่างที่พูดเลยสักนิด

ลมไม่หึงผมกับผู้หญิงแต่มักจะหึงกับผู้ชายมากกว่าผิดกับผมที่หึงไปซะหมด ใครมาใกล้ก็ไม่โอเคทั้งนั้นแหละครับ

“หึงหรอ”

“เปล่า” เปล่าได้เสียงแข็งมากครับ

“แล้วเป็นไร”

“หิว” มามุขนี้ตลอดไอ้มุขโมโหหิวเนี่ย แต่เผื่อหิวจริงๆ ผมควรพาไปหาอะไรกินดีกว่าครับเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน

“อยากกินอะไร” ผมยีหัวอีกคนอย่างเอ็นดูก่อนจะถาม เวลาโกรธลมจะเหมือนเด็กน่ารักมากด้วยพูดแล้วจะหาว่าหลงแฟนแต่ก็หลงจริงๆ นั่นแหละครับ

“ก๋วยเตี๋ยว”

“งั้นลุกเร็วเดี๋ยวพาไปกิน”

“ข้างนอก?”

“หรือจะอยู่ให้เด็กมันมอง” ผมยักคิ้วใส่อีกคน

ลมไม่ตอบแต่เดินนำไปที่รถทันที

วันนี้ผมเอารถยนต์มาพาแฟนมาทั้งทีก็อยากให้นั่งรถดีๆ บ้าง ไม่ใช่ว่าจักรยานไม่ดีนะครับแต่รถยนต์น่าจะไปไหนมาไหนได้สะดวกกว่า จักรยานเอาไว้ปั่นตอนว่างๆ น่าจะดีกว่า

“นี่”

“ว่าไง”

“อารมณ์ดีขึ้นบ้างรึยัง” ตอนนี้เปลี่ยนไปเล่นเกมแล้วครับ พออารมณ์ไม่ดีหรือหงุดหงิดลมก็จะหาอะไรทำ จะนั่งเงียบๆ ให้ตัวเองใจเย็นลงเอง

ลมน่ะจัดการกับอารมณ์ตัวเองเก่งต่างจากผมที่แสดงออกไปซะหมด

“ดีแล้ว แต่หิว”

ผมยิ้มให้กับคนที่นั่งข้างๆ บางทีก็หลายอารมณ์ดี แต่ก็ดีกว่าเย็นชาใส่กันล่ะนะ




“ไม่กินลูกชิ้นหรอ” ผมถามคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

“ไม่อะ”

“เดี๋ยวกูกินเอง” ผมตักลูกชิ้นจากถ้วยของลมเข้าปากตัวเองทันที

“กินดีๆ หน่อยเลอะหมดแล้ว เป็นเด็กรึไง” ก็เป็นซะแบบนี้จะไม่ให้ผมอยากเป็นเด็กได้ยังไง

“เด็กลมปะ”

“กินเข้าไปเลย”

“เขินหรออ” หน้านิ่งกลบเกลื่อนความเขินชัดๆ

ลมไม่ตอบแต่กินก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าแทน ส่วนผมก็มองลมอีกตามเคยผมชอบมองเวลาที่ลมมีปฏิกิริยากับคำพูดของผมมันเพลินดี

“ตอนเย็นไปขับรถเล่นกันไหม”

“ที่ไหน”

“ขับไปเรื่อยๆ จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน” พูดเหมือนว่างนะครับ แต่ก็ว่างจริงๆ นั่นแหละ

“เอาดิ”

“ให้เอาเลยหรอ” ผมแกล้งแหย่อีกฝ่ายเล่นเผื่อจะตกหลุมพลางผมบ้าง

“ไอ้อิฐ” นอกจากลมจะไม่ตกแล้วผมยังโดนถีบลงหลุมที่ตัวเองสร้างอีกนะ

“โอเคไม่เล่น จะตั้งใจกินแล้วครับบ”

ผมหันมาสนใจก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าเหมือนเดิมก่อนจะเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงโต๊ะข้างๆ กำลังยกมือถือขึ้นเหมือนจะถ่ายรูปพวกผม

“มีคนแอบถ่ายรูปเราอะ”

“ถ่ายรูป?” ลมทำหน้างงๆ ก่อนจะหันไปมองตามผม

สาววาย แน่ๆ

“คู่รักแห่งปีงี้ปะมีแต่คนติดตาม”

“ภูมิใจหรอ” ค่อนข้างมากอยู่นะครับ

“อย่างน้อยก็มีคนชอบเรานะ” ลมทำหน้าเอือมๆ ใส่ก่อนจะถาม

“แล้วนี่อิ่มยัง”

“อิ่มแล้ว”

ผมบอกลมพลางลุกขึ้นไปจ่ายตังก่อนจะเดินไปหาคนที่เดินไปรอที่รถก่อนแล้ว



ผมสังเกตมาสักพักแล้วว่าลมชอบดูเพราะอาทิตย์ตกดินเกือบทุกวันลมจะชอบไปนั่งที่แปลงบางวันก็วาดรูป ผมเลยอยากพาไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่อื่นบ้าง

ในเมืองก็ใช่ว่าจะไม่มีที่สวยๆ ให้ไป ผมเคยขับรถผ่านที่ที่บรรยากาศดีๆ อยู่บ้างแต่ก็อย่างที่บอกครับ ขับรถเล่นไปเรื่อยๆ จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน

ติสมาติสกลับครับเราต้องแปลสภาพตามความชอบของแฟน

“ห้ามหลับนะ” ผมบอกคนที่นั่งข้างๆ ระหว่างขับรถ เวลากินอิ่มแล้วยิ่งชอบหลับอยู่ด้วย

“ไม่หลับหรอกน่า” ปากบอกว่าไม่แต่ตานี่แทบจะปิดอยู่แล้ว

.

.

.

“อยากกินอะไรอีกไหม”

“...”

เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาผมจึงหันมองคนข้างๆ เมื่อกี้ยังพูดอยู่เลยว่าไม่หลับผ่านไปยังไม่ถึงสิบนาทีทิ้งผมให้พูดคนเดียวซะแล้ว

หลับง่ายแบบนี้ผมทำอะไรก็คงไม่รู้เลยสินะ

ผมยกมือขึ้นยีหัวอีกคนเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาตั้งใจขับรถต่อ ในเมื่อหลับก็พาไปถึงที่ที่อยากให้ไปเลยดีกว่า บรรยากาศข้างทางคงไม่ได้ดูแล้ว



“ลม ลม” ผมขับรถมาจอดในที่จอดรถก่อนจะปลุกอีกคนให้ตื่น

“อือ... ถึงแล้วหรอ” ลมลืมตาก่อนจะขยี้ตาตัวเองพลางมองไปรอบๆ

สถานที่ที่ผมพาลมมาคือสวนดอกไม้มีดอกไม้หลายชนิดคิดว่าลมน่าจะชอบอะไรแบบนี้ด้วยโดยเฉพาะตอนพระอาทิตย์ตกดินลมต้องชอบมากแน่ๆ

เด็กเกษตรกับธรรมชาติก็ต้องไปกันได้อยู่แล้ว

“สวนดอกไม้หรอ” ลมหันมาถามหลังจะที่น่าจะตื่นเต็มตา

“ใช่ ลงไปดูกันดีกว่า” ลมพยักหน้าก่อนพวกผมจะเปิดประตูแล้วลงจากรถ

ผู้ชายกับดอกไม้มันก็ไปกันไม่ค่อยได้อะนะแต่สวนที่นี่สวยจริงๆ แถมตอนเย็นบรรยากาศดีมากๆ เลยล่ะ เหมาะที่จะพาแฟนมาสุดๆ

“สวยดี มึงชอบดอกไม้หรอ” ลมเดินดูก่อนจะหันมาถาม

“ก็ชอบนะ” ผมเดินตามลมไปเรื่อยๆ สงเกตอีกคนว่าจะทำอะไร ลมมองดอกไม้แต่ละต้นเหมือนศึกษาอะไรสักอย่างทั้งยังดูดินที่ปลูกด้วย ก็เด็กเกษตรอะครับแต่ประเด็นคือผมพามาเที่ยวนะไม่ได้พามาศึกษา

“สนใจหรอ”

“อือ”

“เดี๋ยวพาไปถามเอาไหม”

“ไม่ล่ะ มึงพากูมาเที่ยวนี่นา” ลมยิ้มให้ผมแล้วเดินดูดอกไม้แต่ละชนิดและผมก็ไม่พลาดที่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอีกคน วันนี้ผมเอากล้องถ่ายรูปมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะซื้อเพราะอยากถ่ายรูปแฟนนี่แหละ

ผมชอบถ่ายตอนเผลอนะเพราะเราสามารถได้รูปเกือบทุกอิริยาบถของคนที่โดนถ่ายผมว่ามันมีเสน่ห์มากๆ

“ซื้อกล้องหรอ”

“ใช่ เอาไว้ถ่ายมึงโดยเฉพาะเลยนะ”

“จะถ่ายทำไมก็อยู่ด้วยกัน” ผมส่งยิ้มให้ลมก่อนจะพูดว่า

“จริงๆ กูชอบถ่ายรูป...โดยเฉพาะรูปมึง”

“กูคงห้ามไม่ได้สินะ” ผมยิ้มเมื่อลมพูดออกมาแบบนั้น

ลมห้ามผมไม่ได้หรอกยกเว้นผมจะยอมเอง หึๆ

“ตอนนี้อย่าเพิ่งถ่ายไปดูข้างในกัน” รู้สึกว่าลมจะชอบไม่น้อยเลยนะ

ความสุขของผมก็คือคนตรงหน้านี่แหละ ผมอยากเป็นเหตุผลที่ทำให้ลมยิ้มได้

และผมก็ทำมันได้แล้วด้วย ใครจะไปคิดว่าผมกับลมจะได้คบกันจริงๆ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

การรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การทำให้อีกฝ่ายรักเราเหมือนกันนั้นยิ่งยากกว่า

ไม่ใช่ทุกคนที่จะสมหวังในความรักและเราก็ไม่สามารถรักคนทุกคนที่รักเราได้


“กูมีของจะให้” ลมพูดขึ้นขณะที่เรามานั่งรอดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน บรรยากาศดีกว่าที่แปลงอีกครับ

“อะไรอะ” ลมยิ้มให้ผมก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วหยิบกล่องเล็กใบหนึ่งออกมา

เห็นแล้วนึกถึงตอนที่ผมให้ของขวัญวันเกิดลมครั้งแรกเลย

“เด็กเกษตรมีอะไรจะให้เด็กวิศวะหรอครับ”

“เปิดดูสิ” ผมรับกล่องที่ลมยื่นให้

ภายในมีสร้อยคล้ายๆ กับที่ผมเคยให้ลมมันไม่ใช่เกียร์แต่เป็นสร้อยที่คล้องด้วยแหวนสีเงินวงหนึ่ง

“มันเป็นแหวนของกูเองอาจจะไม่มีค่าเท่าไหร่ แต่กูอยากให้มึงเพราะกูชอบแหวนวงนี้มาก”

เหตุผมของลมคือเพราะชอบ วาดรูปผมก็เพราะชอบ ให้สร้อยแหวนก็เพราะชอบ และที่สำคัญคงเป็นเพราะลมชอบผมถึงได้อยู่ตรงนี้

และทุกๆ อย่างที่ลมชอบลมจะให้ความสำคัญเสมอ

“ขอบคุณนะ” ผมว่าพลางใส่สร้อยที่ลมทันทีต่อให้อีกคนถอดสร้อยของผม ผมก็จะไม่ยอมถอดสร้อยเส้นนี้เด็ดขาด

“ขอมือหน่อย” ผมยื่นมือไปตรงหน้าลม ก่อนลมจะทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมวางมือตัวเองไว้บนมือของผม

“กูมีโอกาสได้จับมือมึงแล้ว กูสัญญาว่าจะไม่ปล่อยมือมึงเด็ดขาด” ผมจับมืออีกคนแน่นเพื่อบ่งบอกว่าสิ่งที่ผมพูดออกมานั้นผมพูดจริง

“นั่นมันเป็นเรื่องของอนาคตไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น...แต่ก็ขอบคุณนะ” ลมจับมือผมเช่นกันก่อนจะส่งยิ้มมาให้ อนาคตจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะครับแค่วันนี้และวันต่อไปเราได้อยู่ข้างๆ กันแบบนี้ก็พอแล้ว

ลมมองตรงไปข้างหน้าซึ่งพระอาทิตย์กำลังตกพอดี พร้อมทั้งเราสองคนที่ยังคงจับมือกันอยู่

.

.

.

เชื่อเถอะครับว่าวันธรรมดาจะพิเศษขึ้นมาเมื่อมีคนที่เรารักอยู่ข้างๆ

...เพราะผมก็กำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่เหมือนกัน









End Special

______________________________

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะ❤️
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2020 03:13:20
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-01-2020 03:22:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-01-2020 11:52:56
 :impress2: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 13-01-2020 17:06:36
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-01-2020 21:48:18
 :mew1: น่ารัก หวานกันจริงเลย
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 18-01-2020 15:46:18
 :กอด1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-01-2020 20:40:54
น่ารักอ่ะ >.<
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 20-01-2020 15:03:22
 :pig4: :pig4: :กอด1: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 20-01-2020 23:24:06
 :กอด1:  ลมน่ารักจัง  อ่ารวดเดียว ฟินมากครับ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 21-01-2020 10:02:32
 :z13:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 21-01-2020 13:55:57
ชอบอิฐ ที่เป็นคนซื่อตรง กับความรู้สึกของตนเอง และมีความมั่นคง มุ่งมั่น มีความเพียรพยายาม
ชอบลม ที่เป็นคนมีสติ รู้คิดและมีความเป็นติส ได้พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป

ทั้งคู่เหมาะสมกันดี ขอให้รักกัน..นิรันดร์..

ขอบคุณนักเขียนที่สรรสร้างเรื่องดีๆ มาให้อ่าน แบบสบายๆ และความน่ารักสดใสในความรักที่ซื่อตรง (ไม่ดราม่า)
 :pig4: :pig4: :pig4: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 22-01-2020 17:51:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 31-01-2020 22:25:48
น่ารักดีค่ะเรื่องนี้
ชอบลมมม
ขอบคุณนิยายน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 02-02-2020 13:01:35
น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 22-02-2020 23:55:39
 o13
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: konfaibint ที่ 08-03-2020 13:31:01
ขอบคุณนะ  ที่แต่งเรื่องดีๆ สนุกๆ แบบนี้มาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 08-03-2020 17:36:38
 :กอด1:
 :-[
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 16-03-2020 01:59:11
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 25-03-2020 09:56:00
น่ารักมาก ................... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 08:59:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: ปาลี ที่ 05-07-2020 20:57:56
ลมอย่าลืมขอโทษอิฐด้วยล่พที่ลืมนัดกินข้าวน่ะ เห็นเอาแต่โกรธอิฐอยู่ฝ่ายเดียว ความผิดของตัวเองก็มีนะ นอกจากเย็นชา แล้วยังเป็นแบบนี้อีก
หัวข้อ: Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 08-07-2020 00:59:26
ละมุน :pig4: