พิมพ์หน้านี้ - (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: vampire_rose ที่ 23-09-2017 09:26:59

หัวข้อ: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 23-09-2017 09:26:59
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432


รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0


...

สวัสดีค่าาา >< ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ให้อ้อมกอดของทุกคนด้วยน๊า ^^
BY vampire rose 
สำหรับใครที่เคยอ่าน  | พี่ครับ...คบหมอมัน(ส์)ดีนะ | เเล้ว ที่เอาลงไว้ให้เล้าก็จะคุ้นๆ กับไรท์สักหน่อย  :กอด1:

หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |เกริ่นนำ INTRO |
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 23-09-2017 09:31:17
“อัลฟาคือผู้นำ เบตาคือผู้ตาม โอเมก้าคือทาส!”


ระบบหมู่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ความขมขื่นกับการที่ถูกกดขี่ ราวกับไม่ใช่มนุษย์เหมือนคนชั้นสูง

ช่างโหดร้าย

 

โอเมก้าอย่างผมไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย

ชีวิตที่ถูกทุกคนผลักไส กลับได้รับการช่วยเหลือ

ราวกับพรหมลิขิต หรืออาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความทรมาน

เมื่อผม “ลูดี้” เด็กหนุ่มวัย 20 ปีบริบูรณ์ ที่จู่ ๆ ก็ได้เป็น

 

คู่แห่งโชคชะตา

ของทายาทผู้นำอัลฟา สูงสุดของตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลเฮอร์คิว

 

วูฟ

หนุ่มหล่อคมคาย แววตาดุคม มีอำนาจ อายุ 24 ปี

อัลฟา หนึ่งเดียวที่มีลักษณะพิเศษที่สามารถควบคุมสัญชาตญาณที่ถูกกระตุ้นโดยโอเมก้าได้

ทำให้เขาตกเป็นเป้าหมาย เพราะเขาถือว่าเป็นผู้ที่อันตรายและมีความแข็งแกร่งที่สุดในหมู่อัลฟา


ทว่า วูฟ กลับไม่สามารถห้ามสัญชาตญาณของตัวเองได้ เมื่อเจอกับเด็กหนุ่มอย่าง “ลูดี้”

ผิวขาวเนียนใสเย้ายวน กลิ่นหอมของฟีโรโมนของโอเมก้าที่ร่างสูงไม่เคยรู้สึกอะไร

แต่พอมาเจอร่างบางตรงหน้า

 
สัญชาติญาณก็สั่งให้เขา “ขย้ำ”

เท่านั้น

 
วูฟ ไม่เคยคิดว่ารักแท้หรือคู่แห่งโชคชะตามีอยู่จริง เขาไม่เชื่อ


ลูดี้ เชื่อมั่นในรักแท้และเรื่องคู่แห่งโชคชะตา เขาเชื่อและรอวันที่จะได้เจอ


 วูฟ : หล่อคมเข้ม สูง 189 ซม. นิสัยสุขุม มีความรับผิดชอบ

ลูดี้ : หน้าสวย ร่างบาง ขาว สูง 172 ซม. เป็นคนขยัน มองโลกในเเง่ดี จิตใจดี


ยินดีต้องรับสู่โลกของ  Omegaverse สไตล์ไรท์ค่ะ

มาปลดปล่อยสัณชาตญาณดิบไปด้วยกันนะคะ ^^

ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมกอดด้วยน๊า

อ้อนทำตาวิ้ง ๆ

นิยายของไรท์เป็นนิยายฟีลกู้ดน๊า ไม่เน้นดราม่า จุ๊บ

มากรี๊ดด้วยกันเร็วววว ><



............................................................................................ :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |เกริ่นนำ INTRO |
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-09-2017 10:46:40
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.1 | 24/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 24-09-2017 18:48:44
ตอนที่ 1
[/b]



“อัลฟาคือผู้นำ เบตาคือผู้ตาม โอเมก้าคือทาส!”

ระบบหมู่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ชีวิตของโอเมก้า ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย

แต่ผมก็ยังเชื่อว่า...เมื่อใดที่ผมเจอคู่ของผม ผมก็คงจะได้อยู่กับเขาตลอดไป

ไม่ต้องดิ้นรนวิ่งหนี...สัญชาตญาณที่น่ากลัวแบบนี้

อยู่อย่างมีความสุขตลอดไป





                [พาร์ตของลูดี้]



                เคร้ง...เสียงจานถูกวางลงข้างผมที่กำลังนั่งล้างจานอยู่ ทำให้ผมเงยหน้ามองป้าแท้ ๆ ของผม แต่เธอทำราวกับว่าผมไม่ใช่คนที่เธอรู้จัก



                “เอ้า!! ล้างจานเข้าไปซะ รีบล้างซะด้วยนะ อย่ามัวแต่ทำตัวไร้ประโยชน์อยู่” เธอว่าและเดินจากไป ผมมองตามด้วยความรู้สึกแอบน้อยใจเล็กน้อย...ก็แค่เล็กน้อย เพราะผมเริ่มชินแล้วล่ะครับ



                ชินกับคำที่ว่าต่าง ๆ นานา เพียงเพราะผมเกิดมาเป็นโอเมก้า...ผม “ลูดี้” อายุ 20 ปีแล้ว เมื่อไม่นานนี้เอง ผมไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนคนอื่นเขาหรอกครับ อาศัยอ่านหนังสือศึกษาเองตามห้องสมุด อย่างที่รู้กันดีว่าโอเมก้าก็เหมือนกับชนชั้นที่ต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร ไม่มีบทบาทอะไรอยู่ในสังคม แถมยังเป็นเหมือนเครื่องระบายอารมณ์ของ...อัลฟา อีกอาชีพที่พวกเราโอเมก้าทำได้ ก็จะมีอะไรไปมากกว่า...การถูกพวกอัลฟาตระกูลดังซื้อตัวไปเพื่อผลิตทายาท ช่างน่าสมเพชใช่ไหมครับ



                ผมไม่ได้ทำงานอะไรแบบนั้น แต่เลือกที่จะมาทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่ร้านของป้าแท้ ๆ ที่เป็นเบตา ที่รังเกียจกดขี่ผมมาก แต่จะทำยังไงได้ ผมต้องหาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ไปซื้อยาป้องกันการเกิดอาการฮีทมาทานนี่ (มันเป็นยาที่ช่วยให้ฟีโรโมนเบาบางลงครับ) ทำให้ผมยอมให้เธอว่ากล่าวอยู่อย่างนี้ บางทีก็แอบน้อยใจโชคชะตานะครับ ทำไมถึงให้ผมเกิดมาเป็นโอเมก้า ทั้ง ๆ ที่พ่อกับแม่ของผมก็เป็นเบตากันหมด ด้วยความที่เกิดมาแตกต่าง ผมจึงไม่มีแม้แต่เพื่อน พ่อกับแม่เองก็ไม่ได้รักผมมาก...เพราะผมเป็นโอเมกา ไม่ใช่เบตาเหมือนพวกเขา เห็นไหมครับ...ความยุติธรรมอยู่ตรงไหนกัน



                เฮ้อ...ผมถอนหายใจก่อนจะสะดุ้งออกจากความคิดของตัวเอง เมื่อน้ำเย็นเฉียบถูกสาดมาที่ผม



                ซ่า....ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของป้า ผมมองเธอที่ถือถังน้ำอยู่



                “นี่ ถ้าจะเหม่ออย่างนี้ฉันจะตัดเงินค่าจ้างนะย่ะ!!” เธอแกล้งพูด ทั้ง ๆ ที่จงใจแกล้งผมชัด ผมจำเป็นต้องใช้เงินวันนี้ครับ เพราะว่ายาของผมก็หมดแล้ว ถ้าไม่กินดักไว้มีหวังแย่แน่ ๆ



                “ครับ ขอโทษนะครับ ผมจะรีบทำ” ผมก้มหน้าล้างจานอย่างขะมักเขม้นต่อ ส่วนป้าก็หัวเราะพอใจเดินกลับออกไปข้างนอก



                ผมล้างจานจนเสร็จประมาณ  20:30 น. ก็รับเงินค่าจ้างอันน้อยนิดที่พอซื้อยาได้หนึ่งชุดมา ผมเดินออกมาตามถนนในสภาพชุดที่ยังเปียกอยู่หน่อย ๆ ผมกำเงินในมือเข้าไปร้านยาของโอเมก้า เจ้าของร้านยิ้มทักทายผมอย่างเป็นกันเอง อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแต่คนที่ใจร้ายกับผมไปหมดทุกคน ก็ยังมีคนที่เขาใจดีกับผมอยู่ น่าดีใจจังนะครับ



                “อ้าว ลูดี้ มาแล้วเหรอจ๊ะ วันนี้เลิกงานไวเหรอ” ป้าหวาน เป็นเจ้าของร้านยาที่ผมมาอุดหนุนเป็นประจำ และป้าก็พูดจาดีกับผมมาก ๆ เลยล่ะ ผมยิ้ม



                “ครับ วันนี้เลิกไว ผมเอายาคุมฮีท 1 ชุดครับ”



                “เอาชุดเดียวพอเหรอจ๊ะ...” ป้าหวานถามอย่างห่วง ๆ ฮีทในแต่ละเดือนจะเกิดประมาณ 2-3 ครั้งครับ แล้วแต่ว่ามันจะมาตอนไหน อาจมาตรงกัน หรืออาจไม่ตรงกันก็ได้ ผมมองเงินในมือของตัวเอง



                “ครับ ชุดเดียวก็พอ ผมยังมีเงินแค่นี้เอง ไว้ได้รายได้อีก ผมจะแวะมาซื้อใหม่นะครับ” ผมบอก ป้าหวานเลยแถมให้ผมอีกชุด ผมรีบปฏิเสธ



                “เอาไปเถอะจ๊ะ ป้ารู้ว่าเราทำงานหนักมาทั้งวัน แถมโอเมก้าอย่างหนูทำงานหนักไม่ได้เยอะ แต่ก็ยังฝืนทำ ร่างกายจะทรุดเอาได้นะ หนูรู้รึเปล่า...”



                “ขอบคุณนะครับที่เตือนผม ผมเองก็ไม่ได้ทำงานหนักมากหรอกครับ...” ผมรับถุงยามา ก่อนจะเหลือบไปเห็นข่าวในโทรทัศน์ตรงหน้ากำลังออกข่าว ลูกชายคนเดียวของตระกูลเฮอร์คิว ทายาทผู้นำอัลฟาที่อยู่สูงที่สุด



                แววตาคมดุ ผมที่ดำขลับน้ำตาลเข้มแซมนิด ๆ ยาวละต้นคอ ทำให้ผมเหมือนโดนจ้อง...แม้เขาคนนั้นจะอยู่ในโทรทัศน์  รู้สึกว่าเขาจะชื่อ “วูฟ” ครับ แถมยังมีข่าวอีกว่า เขาเป็นอัลฟาคนเดียวที่สามารถคุมสัญชาตญาณของตัวเองได้ อันนี้ผมเคยอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ น่าทึ่งมากเลยล่ะ เพราะโดยปกติแล้วไม่ค่อยมีอัลฟาที่ไหนทนกับฟีโรโมนของโอเมก้าได้มากนัก เมื่อเจอกันตรง ๆ



                “นี่เงินทอนจ๊ะ หนูลูดี้” ป้าหวานทำให้ผมละสายตาจากข่าวตรงหน้าแล้วไปรับเงินทอนมาแทน



                “ขอบคุณนะครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินออกไปจากร้าน



                ถนนที่มีผู้คนเดินพลุกพล่าน เราแทบไม่รู้เลยว่าคนไหนคือ อัลฟา เบตา หรือโอเมก้า บางทีก็สงสัยนะครับว่า ทำไมโลกเราใบนี้ถึงต้องมาแบ่งชนชั้นอะไรแบบนี้ด้วย จริง ๆ ผมเองก็อยากจะหางานใหม่ทำนะครับ แต่งานสำหรับคนอย่างผมที่จะทำได้ก็มีไม่มากนัก ก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่า โอเมก้าทำงานหนักมากไม่ได้ ร่างกายของผมไม่ได้แข็งแรงขนาดที่จะยกของหนัก ๆ ได้



                ระหว่างที่ผมกำลังเดินเหม่ออยู่นั้น เสียงฝีเท้าที่วิ่งมาจากด้านหลังก็ชนผมเต็ม ๆ ผมที่เดินอยู่ก็ล้มลงไปกับพื้น



                ตุบ!



                “โอ๊ย..” ดีที่ไม่ได้ล้มแรงมากแต่ก็เจ็บเหมือนกันนะ



                “ขวางทางจริง” เสียงเข้มดังขึ้น เอ๊ะ!...เขามาชนผมเองนี่! ผมเงยหน้าจะโวยก็ชะงัก กับใบหน้าหล่อคมเข้มราวกับเทพบุตร เขาคือผู้ชายที่ใบหน้าเหมือนกันกับคนที่ผมเพิ่งเห็นในโทรทัศน์เมื่อกี้!! แม้จะใส่แว่นดำอยู่ ผมก็จำใบหน้าของเขาได้ ....วูฟ...



                “คุณวูฟ...” ผมเผลอเรียก ทำให้ร่างสูงเลิกคิ้วมองก่อนเขาจะหันไปเห็นพวกลูกน้องที่วิ่งตามเขามา 



                “นายรู้ชื่อฉัน?...มานี่!” ผมสะดุ้งกับแรงดึงที่แรงมาก เรียกว่ากระชากเลยจะดีกว่า วูฟกระชากผมให้วิ่งไปหลบตรงซอกตึกกับเขา ผมก็อยู่ในอาการงงสุด ๆ



                “คุณ...” ผมจะถาม ก็หยุดกึกเมื่อโดนดันเข้ากำแพงโดยมีเขากั้นไว้ ใบหน้าคมกำลังเหลือบมองลูกน้องที่พากันวิ่งผ่านตรงที่เราซ่อนอยู่ไป รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เขาปล่อยผมออกและเหลือบมองถุงยาในมือของผมราวกับรู้ว่ามันคือยาอะไร (ก็ชื่อร้านยามันก็บอกอยู่แล้ว)



                “นายเป็นโอเมก้าเหรอ?” เสียงเข้มถาม ภายใต้แว่นดำผมรู้ว่าแววตาคู่คมกำลังจ้องมองมาที่ผม นี่ผมกำลังยืนอยู่กับทายาทที่อยู่ห่วงโซ่อาหารใหญ่ที่สุดงั้นเหรอเนี่ย



                “ฉันถาม...” เสียงเข้มเน้นย้ำ ผมที่มองหน้าเขาอยู่ก็เลยรีบตอบ



                “ครับ ผมเป็นโอเมก้า...” ก่อนผมจะแอบสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเขาเอามือมากั้นตรงกำแพง



                “แล้วทำไมมาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้ กลางค่ำกลางคืน มันอันตรายสำหรับพวกโอเมก้าอย่างนายไม่ใช่รึไง!”



                “ผมเพิ่งกลับมาจากทำงานล้างจานที่ร้านอาหารครับ...” ผมตอบ ร่างสูงตรงหน้าของผมมองผมแวบหนึ่งและถอยห่างจากผม เขาเหลือบมองดูซ้ายขวาเหมือนระแวง ผมว่าเขาต้องแอบหนีลูกน้องมาแหง ๆ



                “นายคงไม่ได้ทำงานกลางคืนหรอกใช่ไหม?...พอดีฉันเห็นข่าวพวกนี้บ่อยน่ะ” ก็จริงอย่างที่เขาพูดแหละครับ พวกเราโอเมก้า เป็นเพียงทาส งานที่พวกเราทำได้ก็เช่น...ขายตัว ผมถึงบอกไงครับว่าผมยอมโดนป้าด่าอยู่ที่ร้านอาหารดีกว่าจะมาทำงานพวกนี้...จะว่าไปวูฟดูกันเองดีจังครับ เพิ่งได้เจอตัวจริงของเขาใกล้ ๆ แอบคิดว่าเขาเป็นคนโหด ๆ (ดูจากในโทรทัศน์อ่ะครับ)



                “ผมไม่ได้ทำครับ”



                “นายกลับบ้านไปได้แล้วไป อย่ามาเดินอยู่คนเดียวกลางค่ำกลางคืนแบบนี้” เขาไล่ผม แต่ยังไม่ทันที่ผมกับเขาจะเดินออกมาจากซอกตึก ลูกน้องของวูฟก็โผล่มาล้อมพวกผมสองคนไว้ เฮือก...ตกใจหมด มีประมาณ 5-6 แหนะ



                “นายน้อยวูฟครับ อย่าทำให้พวกเราเสี่ยงโดนกระทืบสิครับ” ลูกน้องพลางหน้าซีดหน้าเซียวกันไปตาม ๆ กัน วูฟ กระตุกยิ้มเล็กน้อย



                “ทำไมฉันจะต้องมาโดนตามติดชีวิตขนาดนี้ด้วย...นายก็กลับบ้านไปได้แล้ว” เขาหันมาไล่ผมอีกครั้งเมื่อลูกน้องของเขาเริ่มมองมาที่ผม ประมาณว่า นี่ใคร? ผมก็เลยรู้ตัวว่าผมไม่ควรจะมายืนเสนอหน้าอยู่ตรงนี้ ผมโค้งให้เขาก่อนจะวิ่งออกไปจากตรงนี้ โดยที่ไม่ได้มองหันกลับไปก็เลยไม่รู้ว่ามีสายตาเข้มมองตามผมแวบหนึ่ง



                ผมกลับมาบ้านก็เจอกับบรรยากาศอึมครึม พ่อกับแม่นั่งอยู่ในห้องรับแขกเหมือนกับว่าพวกท่านรอผมกลับมา และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ



                “ลูดี้ กลับมาแล้วเหรอ มานี่หน่อยสิ...” แม่ของผมเรียกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผมบอกแล้วไงครับว่า ผมเริ่มจะชินกับท่าทีเฉยชาแบบนี้แล้ว ผมเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับพ่อแม่ที่นั่งอยู่อีกฝั่ง



                “มีอะไรเหรอครับ” ผมถามและมองเอกสารที่ถูกยื่นมาให้ผม ตัวอักษรที่เขียนอยู่ทำให้ผมถึงกับตัวชาวาบ



                ‘เอกสารการเรียกโอเมก้าเข้าไปคัดเลือกเพื่อผลิตทายาท’ มันเป็นเรื่องที่เคยพูดมาตั้งแต่ข้างต้นแล้วว่า โอเมก้าเป็นเพียงสิ่งของที่ถูกซื้อตัวไปเพื่อผลิตทายาท นี่พ่อกับแม่กำลังล้อผมเล่นใช่ไหม



                “บ้านเราเองก็ไม่ค่อยจะมีรายได้แล้ว ลูกเองก็โตเข้าวัยนี้แล้ว ควรจะไปทำประโยชน์ซะบ้างนะ” แม่ของผมพูด บางทีพวกท่านก็ทำราวกับว่าผมไม่ใช่ลูก...ผมส่ายหน้าปฏิเสธ



                “แม่หมายความว่ายังไงครับ จะให้ผมเข้าไปรับการคัดเลือกงั้นเหรอ” ผมถามและได้รับคำตอบที่ชัดเจนกลับมาว่า



                “ใช่...เผลอ ๆ ได้เป็นเมียทายาทของอัลฟาด้วย ลูกควรจะไปทำประโยชน์บ้าง นี่ค่าเช่าบ้านเราก็จะไม่มีอยู่แล้ว” แม่ของผมพูดให้ผมกระจ่าง...เป็นเมียของอัลฟามันดีตรงไหนกัน



                “ผมไม่อยากไป ผมไม่ไปได้ไหมครับ” ผมร้องขอ เพราะผมไม่ได้อยากเอาตัวเองไปขายแบบนี้ แต่ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อแม่ของตวาดขึ้น



                “ต้องไป! เพราะพวกฉันรับเงินมาแล้ว นี่ก็จะเอาไปจ่ายค่าบ้าน ลูกต้องไป พรุ่งนี้ลูกจะต้องเข้าไปตระกูลเฮอร์คิว ไปดูตัว แต่งชุดที่ดีที่สุดไปแข่งกับพวกโอเมก้าอีกหลายคน ให้ลูกได้ถูกเลือก! เข้าใจไหม ดูหน้าตาสวย ๆ แบบลูก ท่าทางจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของอัลฟา ขึ้นไปนอนได้แล้ว” แม่ของผมสั่งรัวและไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดสักนิดเดียว



                “เดี๋ยวสิครับ แม่...พ่อ ผมไม่อยากไป...”



                พวกเขาลุกเดินหนีผมไปเฉยเลยครับ ทิ้งให้ผมจมอยู่กับความคิดคนเดียว ไม่รู้ว่าน้ำตาที่มันไหลออกมา มันเป็นเพราะสาเหตุอะไรกัน เพราะผมเหนื่อยมาก หรือท้อแท้กับโชคชะตาของตัวเองกันแน่...แต่ผมเชื่อว่าผมแค่เหนื่อยเท่านั้นครับ ไม่มีอะไรทำให้ผมท้อแท้หรอก!...



                ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็คงไม่มีทางเลือก ถ้าผมทำประโยชน์ให้พ่อกับแม่สบายใจมากกว่านี้ ถ้าการไปดูตัวครั้งนี้มันทำให้พวกท่านมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมก็ยอม...แต่ว่าผมก็มีเรื่องหวั่นใจอยู่อย่างหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อของตระกูลที่ผมกำลังจะเข้าไป ตระกูลเฮอร์คิว...





                |ตระกูลเฮอร์คิว|



                ผมมายืนต่อแถวอยู่หน้าประตูเพื่อรอเข้าไปภายในห้องโถงใหญ่ พวกเราโอเมก้าทุกคนมารวมตัวอยู่ที่นี่ บางคนก็ฝืนใจมาเหมือนผม แต่บางพวกก็มาเพราะความสมัครใจ เป็นที่รู้กันดีครับ หากได้ถูกเลือกก็จะมีคนเลี้ยงดูอย่างสุขสบาย แต่ผมกลับคิดว่า มันไม่ได้น่าสบายสักนิด การขายตัวเองเพื่อผลิตทายาท...ผมได้ปลอกคอสีดำสำหรับใส่ไว้ตรงคอ เพื่อกันการโดนกัด แถมทุกคนยังได้เข็มฉีดยาป้องกันใครที่มาเกิดฮีทกระทันหันด้วย ดูเหมือนทุกอย่างจะถูกจัดการรัดกุมอย่างดี เลยยิ่งทำให้ผมกลัวเข้าไปใหญ่ที่จะต้องเข้าไปในตระกูลนี้จริง ๆ



                “ถอยไป ยืนเกะกะอยู่ได้” ผมโดนผู้ชายที่ท่าทางแรง ๆ คนหนึ่งชนเข้าจัง ๆ ถ้าผมจำไม่ผิดเหมือนผมเคยเห็นเขาทำงานอยู่ที่บาร์ ผมไม่ได้โต้ตอบอะไร ผมล่ะไม่เข้าใจว่าเป็นพวกโอเมก้าเหมือนกันแล้วยังจะมาทำท่าทางฟึดฟัดใส่อีกทำไม น่าจะดีต่อกันไว้เนอะครับ...บางทีผมก็อาจจะมองโลกในแง่ดีเกินไปก็ได้ แต่นั่นมันก็คือผมยังไงล่ะ



                ภายในห้องโถงใหญ่ (ใหญ่มากจริง ๆ) นี่เหรอที่เขาเรียกว่าคฤหาสน์ของตระกูลดัง เสียงดังซุบซิบดังขึ้นเป็นระยะ ก่อนทุกอย่างจะเงียบกริบลงเมื่อประตูใหญ่ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงใบหน้าคมคาย ทายาทคนเดียวของตระกูลเฮอร์คิว ...วูฟ... คราวนี้สายตาของเขาไม่ได้สวมแว่นตาดำ นัยน์ตาเข้มปะทะสายตากับผู้พบเห็น ผมสังเกตได้เลยว่าทุกคนมองเขาด้วยสายตาหลงเสน่ห์ อ้อ...การเข้ารับคัดเลือกครั้งนี้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เข้ามานะครับ โดยจะนั่งปะปนกันไป



                แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับตอนนี้ที่ วูฟหยุดเดินและจ้องหน้าผมนิ่ง...เขาดูแปลกใจและแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเฉยชา...เฮือก ผมว่าเขาอาจจะเข้าใจผมผิด ก็เพราะเมื่อวานผมเพิ่งบอกไปหยก ๆ ว่าผมไม่ได้ขายตัว แต่ตอนนี้ผมกลับมานั่งเสนอหน้าอยู่กับพวกที่ถูกซื้อตัวเข้ามาในตระกูลซะงั้น...



                “หึ..” เสียงหัวเราะในลำคอของวูฟทำให้เหล่าท่านทูตผู้ติดตามที่เดินตามหลังมา มองที่ผมด้วย



                “สนใจคนนี้เหรอครับ นายน้อยวูฟ” เมื่อได้ยินคำถามนี้ สายตาจิกของเหล่าบรรดาคนที่นั่งรอบข้างผม ก็จิกแรงมาทางผม เออ...เขาแค่มองผม ไม่ได้บอกว่าเขาสนใจผมซะหน่อย จะมาจิกผมกันทำไมล่ะเนี่ย...



                “เปล่า...” คำตอบเสียงเข้มเย็นชาและเดินไปที่นั่งของเขาที่จัดเตรียมไว้ เสียงของเขาทำให้ผมนึกย้อนไปเมื่อวาน น้ำเสียงช่างต่างกันลิบลับ



                “เลือกเอาสักคนที่นายถูกใจ หรืออยากจะเลือกเยอะ ๆ ก็ได้...” เสียงเข้มของผู้เป็นผู้นำของตระกูล ณ ตอนนี้       พ่อของวูฟครับ เขาดูเป็นคนที่มีอิทธิพลสมกับที่เป็นผู้นำมาก พ่อของวูฟเดินออกมาจากห้องอีกทาง เขาเดินมาบอกแค่นั้นและเดินออกไปจากห้องนี้ เห็นได้ชัดว่าวูฟไม่ได้มีกะจิตกะใจจะมาเลือกโอเมก้าอย่างพวกผม...ดูก็รู้ว่าเขาคงไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้ ให้ผมเดานะ



                และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เมื่อในห้องโถงนี้เหลือเพียงแค่เขา คือ ผู้นำใหญ่สุด



                “ฉันไม่เลือกสักคน” เสียงเข้มพูดออกมาในที่สุด คนที่นั่งเรียงรายกันอยู่ก็ทำหน้าเสียดาย อย่างที่รู้ ๆ กันแหละครับว่า วูฟเป็นถึงทายาทอัลฟา แถมเขายังมีความเพอร์เฟคในตัวเองอีก ใครล่ะจะไม่อยากได้เขาเป็นคู่...



                “ถ้าพวกเราพลาด นายน้อยของตระกูลไป เราจะไปอยู่ไหนล่ะ...” เสียงจอกแจกดังขึ้นจนผมได้ยินชัดเจน



                “แหม พวกเราก็คงถูกส่งตัวกระจายกันไปให้พวกท่านทูตที่ชอบใช้ความรุนแรงยังไงล่ะ” หา...ไม่เอานะครับ          ผมอยากกลับบ้านต่างหาก...คำพูดพวกนี้เองก็ได้ยินไปถึงผู้ชายที่นั่งอยู่จุดศูนย์กลาง ลูกน้องทุกคนของวูฟเองก็ทำหน้าหนักใจกับใบหน้านิ่ง ๆ ของร่างสูงที่นั่งเข้มอยู่ เมื่อวานตอนเขายิ้มดูผ่อนคลายกว่านี้อีกแฮะ...



                “นายน้อยเลือกสักคนเถอะครับ ไม่งั้นนายท่านคงจะไม่พอใจแน่”



                “หึ จะให้ฉันเลือก? เลือกจากคนพวกนี้รึไง...อ้อ ลืมไปว่าฉันมันไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรเลย” วูฟพูดแกมประชด ก่อนจะลุกชึ้นมองดูทุกคนในห้องโถง สายตาคมกริบประดุจดั่งเหยี่ยวกำลังไล่สายตาไปทีละคน และผมก็รับรู้ว่าสายตาของเขามาหยุดที่ผม ผมเงยหน้าสบตากับเขา



                “โกหก” คำสั้น ๆ จากวูฟ ทำให้คนอื่นที่อยู่ในห้องโถงงงกันไปหมด แต่ผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ก็เมื่อวานที่เขาถามผมไงครับ ผมบอกเขาเองว่าผมไม่เคยเอาตัวเองมาขายแบบนี้...หากจะแก้ตัวไปเขาก็ไม่เชื่ออยู่



                “ผม...”



                “มีอะไรรึเปล่าครับ นายน้อย เขาคนนี้ทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า” ลูกน้องที่ดูแลวูฟอยู่ก็เข้ามาดู



                “เปล่า ฉันก็แค่พูดลอย ๆ ขึ้นมาก็เท่านั้น” เขากำลังจะเดินไปจากผม “คนที่ไม่ถูกฉันเลือกจะไปไหน” วูฟที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก ถามคนดูแลจัดการเรื่องโอเมก้า



                “ก็จะถูกโอนให้ท่านทูตที่สนใจซื้อครับ...” ถ้าผมจะกลับบ้าน ผมไม่อยากถูกซื้อ จะมีโอกาสหนีไหมนะ ระหว่างที่ผมคิดอยู่  ทุกคนก็เริ่มซุบซิบอีกครั้ง คราวนี้ซุบซิบเรื่องของผมว่า ‘รู้จักกับวูฟด้วยเหรอ’



                ผมเห็นร่างสูงตรงหน้าเหลือบมามองผมอีกครั้ง ก่อนที่ทุกคนจะตาโตกันเป็นแถบ เมื่อจู่ ๆ วูฟก็ดึงคอเสื้อของผมขึ้นด้วยมือเดียว แค่นั้นก็ทำให้ผมตัวแทบปลิว แรงของเขาเยอะมาก



                พรึบ!! แววตาคมเข้มจ้องประสานกับแววตาตกใจของผม...จู่ ๆ มากระชากใครจะไม่ตกใจบ้างล่ะครับ ร่างกายของผมถูกวางลงตรงทางเดินตรงกลางระหว่างโอเมก้าที่นั่งอยู่ เสียงประกาศทำให้เรียกเสียงฮือฮาได้ทันที



                “ฉันเลือกคนนี้ก็แล้วกัน ช่วยจัดการพาไปล้างตัว อาบน้ำใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยกว่านี้ แล้วไปเจอฉันที่บ้านของฉัน” เสียงสั่งเรียบกับแววตาที่เย็นเฉียบ เขาทำราวกับว่าผมเป็นสิ่งของ



                เขาแตกต่างจากเมื่อวานมาก...ด้านไหนของเขาคือด้านที่แท้จริงของเขากันนะ



                ท่ามกลางความมึนงงของทุกคนที่ทำหน้าเสียดายบ้าง ทำหน้าหมั่นไส้ผมบ้าง ที่จู่ ๆ ผมก็ได้รับคัดเลือกโดยวูฟ   ซึ่งผมไม่เห็นว่ามันจะน่าดีใจตรงไหน ถูกเขาซื้อ...แบบนี้มันดีงั้นเหรอ หลังจากที่ถูกเลือกผมก็เดินตามลูกน้องของวูฟมาตามทางเดินใหญ่ที่ปูด้วยพรมสีน้ำเงินกำมะหยี่ ตามกำแพงประดับประดาด้วยโคมไฟสีทอง



                “ตามประวัติของคุณที่ส่งเข้ามา คุณชื่อลูดี้สินะครับ..” เขาพูดอย่างสุภาพ ผมเลยพยักหน้า



                “ครับ ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้นะครับ เรียกลูดี้เฉย ๆ ก็ได้”



                “ไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้คุณเป็นคนที่ถูกเลือกโดยนายน้อยแล้ว เรียกแบบนี้ถือเป็นการให้เกียรตินายน้อยด้วยครับ” เขาว่า



                “คือว่า ผมต้องทำอะไรบ้างในหน้าที่นี้...” ผมถามออกไป ลูกน้องของวูฟหยุดเดิน เป็นจังหวะที่เรามาถึงห้องที่มีสาวใช้ที่มีอายุยืนอยู่หนึ่งคน เธอดูใจดีมาก



                “ตอนนี้สถานะคุณยังไม่แน่นอนครับ เพราะคุณต้องได้รับการสอบสวนความเหมาะสมจากผู้นำของตระกูลก่อน แต่ตอนนี้นายน้อยเลือกคุณมาแล้ว ถือว่ามีโอกาสสูงที่คุณจะได้มีชีวิตที่สุขสบาย” สุขสบายอย่างที่เขาบอก...มันมีจริงเหรอครับ     “เดี๋ยวเราจะให้ป้านม ช่วยจัดการเปลี่ยนชุดให้คุณใหม่ เราจะได้พาคุณไปที่บ้านของนายน้อย ฝากด้วยนะครับป้านม” ลูกน้องของวูฟพูดแค่นั้นและเดินจากไป ทิ้งให้ผมอยู่กับป้านมที่เพิ่งรู้จักกันเป็นครั้งแรก



                “สวัสดีจ๊ะ ลูดี้ มาเถอะ ไปอาบน้ำล้างตัวกัน ปล่อยให้นายน้อยรอนานมันจะไม่ดี” ป้านมยิ้มพร้อมกับจูงมือของผมเข้าไปในห้องอาบน้ำ บอกเลยครับว่า...ผมไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกผม ผมว่าไม่ใช่เพราะเขาพิศวาสอะไรผมหรอก ก็ดูจากสายตาเย็นชาแล้ว ทำให้ผมอดกลัวไม่ได้...เรื่องชนชั้นที่ผมเป็นอยู่มันทำให้ผมกลัว ผมไม่มีทางจะต่อรองอะไรกับผู้นำที่อยู่ข้างบนห่วงโซ่อาหารอย่างอัลฟาได้เลย แต่ถ้าการที่ผมได้ถูกเลือกมันทำให้ผมทำตัวมีประโยชน์ขึ้นมาได้ ก็น่าดีใจไม่ใช่เหรอ...เปล่าเลยครับ น่าร้องไห้มากกว่า ผมไม่ได้เต็มใจจะมาที่นี่สักหน่อย



                ป้านมอาบน้ำและเปลี่ยนชุดให้ผมเป็นชุดเสื้อตัวยาวแบบที่เขาใส่กันทั่วไปในคฤหาสน์นี้ ที่มีพิเศษมาหน่อยก็คือ ปลอกคอกำมะหยี่สีแดงที่ถูกสวมไว้ที่คอของผม ป้าบอกว่า ‘มันคือสีประจำตัวของวูฟ’ บ่งบอกชัดเจนและย้ำว่า เขาเลือกผมมาแล้ว จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาเลือกผม หรือเขาอาจจะเห็นใจผม...ผมว่าไม่น่าจะใช่หรอก เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำนี่นา



                ผมเดินมาตามทางเดินที่เชื่อมไปยังโซนบ้านหลังใหญ่อีกหลัง ที่ถูกใช้ผ้าม่านกำมะหยี่เป็นสีแดงทั้งหมด ที่นี่คือ   บ้านของวูฟครับ ผมเชื่อแล้วว่าเขาคือทายาทผู้นำคนต่อไปจริง ๆ ขนาดบ้านยังต้องแยกออกมาอยู่คนเดียว ผมเข้ามาภายในตัวบ้านก็มีลูกน้องเดินนำผมไปหาวูฟที่อยู่ตรงระเบียงตากอากาศที่ยื่นออกไป



                “นายน้อยรอคุณอยู่ครับ” เขาพูดแค่นั้นและทิ้งให้ผมยืนเผชิญหน้ากับวูฟที่นั่งอยู่ตรงริมระเบียง ใบหน้าคมจ้องมองอย่างไร้จุดหมาย กางเกงสีดำตัวเดียวกับท่อนบนที่ใส่เสื้อแต่ไม่ติดกระดุมสักเม็ด เผยให้เห็นซิกแพคเป็นลอนเรียกชนิดได้ว่า...เพอร์เฟคมาก วูฟหันมาสบตากับผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา



                “นี่เหรอ คนที่บอกว่าไม่ได้ทำงานกลางคืน หึ...” คำพูดประชดประชันถูกเอ่ยทักทายขึ้นมา เขายังคงติดใจเรื่องนี้อยู่งั้นเหรอ ผมไม่ได้โกหกเขาซะหน่อย



                “ผมไม่ได้ทำจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้โกหก..”



                “แล้วนายมาที่นี่ทำไม!! มาคัดเลือกโอเมก้าทำไม” ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงเข้มที่ดังลั่น เขามาตวาดผมทำไมเล่า!



                “ผมจำเป็นต้องใช้เงินครับ บ้านของผมไม่มีเงินเหลือแล้ว ผมไม่มีทางเลือก...” ผมยอมรับ แม้จะถูกอยู่ครึ่งเดียว ที่ถูกคือผมไม่มีเงิน แต่ที่ผิดคือ ผมไม่ได้เต็มใจจะมา ถูกบังคับมาต่างหาก



                วูฟยืนขึ้นจนผมต้องถอยห่างจากเขาด้วยความรู้สึกกลัว กลัวความเย็นเฉียบที่แผ่ออกมาจากเขา...รอยยิ้มมุมปากของเขาไม่ได้ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเลยสักนิด



                “สุดท้ายทุกคนก็เห็นเงินสำคัญกันทั้งนั้นสินะ!...” มันก็สำคัญครับ...มันซื้อของเพื่อความอยู่รอดได้นี่



                “ครับ มันสำคัญมาก” ผมตอบตามความจริง ก่อนจะหันหน้าหนีก้อนเงินปึกใหญ่ที่วางอยู่ข้างตัวของวูฟ เขาโยนมันลงกับพื้นตรงหน้าผมเหมือนจงใจ แบงค์พันเป็นปึกลอยกระจายเต็มระเบียงไปหมด



                “เห็นนายลงในประวัติว่า ขาดแคลนเงินมากนัก ก็เอาไปซะสิ!!” ในประวัติที่ผมไม่ได้เป็นคนสมัครเอง ผมไม่รู้เลยครับว่าพวกเขาเขียนอะไรลงไปบ้าง...เหอะ แต่ผมจะไปแก้ตัวอะไรกับเขาได้ล่ะ



                “ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลเฮอร์คิว...ชีวิตที่ไร้อิสระของนายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น” เขาชี้ตรงปลอกคอของผมอย่างย้ำเตือน เขาพูดแค่นั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องของเขา ทิ้งให้ผมมองตามงง ๆ เขาเข้าใจผิดผมไปซะแล้ว แต่ผมก็ทำอย่างที่เขาว่าจริง ๆ ผมมาที่นี่ก็เพราะเงินจริง ๆ ...เฮ้อ ชีวิตที่ไร้อิสระงั้นเหรอ หึ ที่ผ่านมาผมเองก็ไม่ได้อยู่อย่างอิสระอยู่แล้ว จะแตกต่างกันสักเท่าไหร่เชียว กับการมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่



                ผมนั่งยอง ๆ ลงเพื่อเก็บเงินที่ปลิวอยู่ตามระเบียงมาเรียงทีละใบ ผมเก็บแต่ละใบก็พลางคิดว่า ต่อจากนี้ชีวิตของผมจะเป็นยังไงต่อไปนะ...ผมนั่งเก็บอยู่สักพักจนหมดโดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาคมเข้มมองดูผมอยู่ตั้งแต่ตอนแรกที่เก็บแล้ว



                “เก็บเสร็จแล้วก็เข้ามาในห้อง! พ่อของฉันเรียกฉันกับนายไปพบ....” ผมแอบสะดุ้งอีกรอบเพราะมัวแต่คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ ผมหันไปมองวูฟที่ติดกระดุมเสื้อเรียบร้อยแล้ว เขาทำหน้าตาไม่สบอารมณ์กอดอกยืนอยู่ตรงประตู สายตากดดันทำให้ผมรีบกำเงินก้อนที่เขาโปรยมาวิ่งตามหลังร่างสูงที่เดินลิ่ว ๆ ไปทางห้องโถงของบ้านใหญ่...



                ก็พอจะรู้อยู่ครับว่าเขาไม่ชอบหน้าผมซะแล้ว....









..........................................................................................


ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกนิยายของไรท์น๊าาา ฝากลูกชายของไรท์ไว้ในอ้อมกอดของคนอ่านที่น่ารักด้วย

มาปลดปล่อยสัญชาตญาณความดิบเถื่อนไปด้วยกันนะคะ 5555  >___< โค้งงาม ๆ   :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.1| 24/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 25-09-2017 14:17:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.1| 24/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-09-2017 15:13:21
ตาม
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.1| 24/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 25-09-2017 15:45:02
ชอบๆ บอกไม่ถูกแต่อ่านง่ายดี รอตอนต่อไปจ้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.1| 24/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 25-09-2017 20:15:45
ชอบแนวนี้ตามเลย มาต่อนะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.2| 25/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 25-09-2017 20:23:43
ตอนที่ 2
[/b]



                [พาร์ตของลูดี้]



                ผมเดินตามวูฟที่เดินจ้ำอ้าวแบบไม่รอผมสักนิด ผมขาสั้นนะ!! ก้าวตามจะไม่ทันอยู่แล้ว ผมสูง 172 เองครับดูเตี้ยไปเลย ถ้าเทียบกับเขาที่น่าจะสูง 185 อัพแน่นอน นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาคิดเรื่องของส่วนสูงสักหน่อย ที่ผมต้องคิดตอนนี้คือ การเผชิญหน้ากับคนที่ใหญ่ที่สุดในตระกูลเฮอร์คิวต่างหาก...เราเดินมาตามทางเดินสักพักก็มาถึงห้องโถงใหญ่ วูฟที่เดินมาถึงก่อนแล้วหันมามองผมแบบหงุดหงิดนิด ๆ



                “ชักช้าจริง เดินเร็ว ๆ ไม่เป็นรึไง” น้ำเสียงเข้มเร่ง ประตูที่ถูกเปิดเข้าไปก็ทำให้ผมรู้สึกเกร็งเข้าไปอีก เมื่อคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะคือ พ่อของวูฟที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการดูแลตระกูลเฮอร์คิว เมื่อกี้เห็นหน้าของเขาไม่ชัดนัก เลยไม่รู้ว่าแววตาของเขาคมเข้มเหมือนกับวูฟไม่มีผิด แถมยังมีทูตอีกสองสามคนที่นั่งอยู่ถัดมาด้วย และก็มีผู้หญิงสวยราวกับนางฟ้าใบหน้าเค้าโครงเดียวกันกับร่างสูงที่ยืนข้างผมเป๊ะ



                ให้ผมเดา..ต้องเป็นแม่ของวูฟแน่เลย และผมก็เดาไม่ผิด



                “แม่ กลับมาจากเที่ยวต่างประเทศเมื่อไหร่เนี่ย?” วูฟถามอย่างแปลกใจ แต่พวกผมก็ต้องชะงักกึก เมื่อเสียงเข้มของพ่อผู้ทรงอิทธิพลพูดขึ้น



                “ไว้ค่อยคุยกับแม่แกทีหลัง นั่งลงสิ ทั้งแกและ...ลูดี้” ลูกน้องที่ยืนประจำอยู่ก็เลื่อนเก้าอี้ให้ผมกับวูฟนั่งตรงข้ามกับพ่อของเขา ยังกับสอบปากคำแหนะครับ...พวกเขาจะถามอะไรผมบ้างล่ะเนี่ย



                “จากบรรดาโอเมก้าทั้งหมดวันนี้...ลูกเลือกคนนี้ใช่ไหม” พ่อของวูฟเริ่มเปิดประเด็น ร่างสูงที่นั่งพิงเก้าอี้อยู่ ไม่ได้บ่งบอกว่ากลัวแววตาคมเข้มของพ่อเขาสักนิด ก็แหงล่ะครับ ก็นั่นพ่อของเขานี่...แต่ผมที่นั่งอยู่ตรงนี้เกร็งจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว



                “ใช่ครับ” เขาตอบเรียบ ๆ



                “อืม งั้นแกออกไปได้แล้ว” พ่อของวูฟไล่ทำให้ผมเงยหน้ามองร่างสูงที่หันมามองผมเหมือนกัน



                “พ่อบอกว่าให้ผมออกไปงั้นเหรอ ?” เขาถามเพื่อความแน่ใจ และก็ได้รับคำตอบยืนยัน



                “ใช่ แกออกไปรอห้องแกก่อน ส่วนลูดี้พ่อกับแม่และท่านทูตมีเรื่องจะคุยกับเขาหน่อย” ผมเริ่มคิดมากขึ้นมาแล้วล่ะครับว่า จะโดนถามอะไรบ้าง ฮือออ...ผมเหลือบมองวูฟที่ไม่ได้ลุกไปไหนจนพ่อของเขาพูดกระตุ้น



                “อะไร นายเป็นห่วงลูดี้รึไง?” พูดแค่นั้นแหละครับ ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นทันที



                “เปล่าครับ! งั้นผมจะกลับห้องก็แล้วกัน” ผมมองตามเขาที่เดินออกไปจากห้องทิ้งให้ผมอยู่ในห้องนี้แค่คนเดียว ทำไมเขาไม่คิดจะอยู่เป็นเพื่อนผมบ้าง...



                “ไม่ต้องเกร็งหรอกนะ พวกเราไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น” เสียงแม่ของวูฟทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายลงกับยิ้มหวานที่ส่งมา



                “ก็อย่างที่แม่ของวูฟบอกแหละ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ หน้าตาฉันดูใจร้ายรึไง...” ผมส่ายหน้าเล็กน้อย...แม้จะแอบกลัวอยู่บ้าง



                “เอาเถอะ เรื่องที่จะพูดก็คือ ตอนนี้นายรู้ตัวใช่ไหมว่าถูกวูฟเลือกแล้ว แม้ตอนนี้นายจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม นายก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกมากนัก อย่างที่รู้กัน ปลอกคอที่ถูกสวมอยู่ตรงคอของนาย คือสีประจำตัวของวูฟ มันเป็นสิ่งที่มัดตัวนายไว้ระดับหนึ่งแล้ว...นายเป็นคนกรอกใบสมัครที่จะเข้ามาดูตัวของตระกูลเฮอร์คิวเองรึเปล่า” คำถามถูกถามขึ้นมา ผมชะงัก ผมไม่ได้กรอกเองครับ พวกเอกสารทั้งหมดครอบครัวของผมเป็นคนจัดการ



                “คือ...”



                “ตอบความจริงมาเถอะจ๊ะ...เราแค่อยากรู้” แม่ของวูฟถามขึ้นอีกคน



                “ผมไม่ได้เป็นคนกรอกเองครับ ครอบครัวของผมเป็นคนสมัคร...” ผมตอบความจริง ๆ พ่อของวูฟเลยยื่นพวกเอกสารให้คนที่ดูแลเรื่องโอเมก้าที่นำทางผมมาตอนแรก



                “ก็อย่างที่นายรู้มาคร่าว ๆ ว่านายจะต้องถูกสอบสวนจากผู้นำของตระกูลก่อน...สิ่งที่จะถามก็คือ สิ่งที่นายต้องการที่สุดในชีวิตคืออะไร...” ผมฟังคำถามอึ้ง ๆ ไม่คิดว่าจะโดนถามอะไรแบบนี้ เป็นคำถามที่ยากนะครับ แต่ผมเองก็ไม่ลังเลที่จะตอบมัน



                เหมือนทุกคนในห้องนี้จะลุ้นกับผมมาก เมื่อผมพูดออกไป



                “ความรักครับ...ผมต้องการความรักจากคนที่เป็นคู่ของผมและได้อยู่กับเขาตลอดไป...” ผมตอบจากใจจริง เพราะสิ่งที่ผมใฝ่ฝันหามาตลอดก็คือ ‘รักแท้’ คู่แห่งโชคชะตาของผม... มีหนังสือหลายเรื่องหลายเล่มที่บรรยายความรักที่สวยงามที่ผมมักชอบอ่านเป็นประจำ ผมอ่านเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากโลกความจริงที่ผมเจออยู่...



                รอยยิ้มมุมปากของผู้นำตระกูลตรงหน้าผมปรากฏขึ้น



                “ความคิดไม่เลวนี่ น่าสนใจ ว่างั้นไหมคุณ...” พ่อของวูฟหันไปถามคนข้างกาย ก่อนแม่ของวูฟจะยิ้มกว้างให้ผม



                “ฉันสนใจมากค่ะ! หนูลูดี้....ความคิดของหนูโรแมนติกมากเลย”



                “ให้มันน้อย ๆหน่อยคุณ...” พ่อของวูฟห้ามปรามและหันมามองผมที่นั่งเอ๋ออยู่



                “ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลเฮอร์คิว..อย่างเต็มตัว” คำพูดนี้เหมือนผมเองก็ได้ยินมาแล้วรอบหนึ่งจากปากของวูฟ เหมือนเป็นการย้ำว่า ผมต้องเข้ามาอยู่ในตระกูลนี้งั้นเหรอ...



                “แม่ก็ยินดีต้อนรับนะ” ผมยิ้มออกมานิด ๆ



                “แต่ช่วงนี้นายอาจจะอยู่ลำบากหน่อยละกัน เพราะตอนนี้ยังมีคนไม่ยอมรับอย่างเป็นทางการอยู่หลายคน          พวกทูตที่แข็งข้อกับเราก็มี...สิ่งสำคัญที่นายต้องทำให้ดีที่สุดคือ...ปรับตัวให้เข้ากับลูกชายของฉันให้มากที่สุด ในเมื่อมันเลือกลูดี้แล้ว หนูเองก็คงมีอะไรไปต้องตาต้องใจมันบ้างนั่นแหละ” เปล่าเลยครับ...ผมดันบังเอิญไปยืนขวางทางเขาแล้วโดนชนจนล้ม แถมเขายังหาว่าผมไปโกหกเขาอีก...เขาก็เลยเลือกผมมา ผมไม่ได้พูดออกไปได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ



                “เพราะตอนนี้มีพวกไม่หวังดีพยายามจะหาวิธีเล่นงานตระกูลเราอยู่...ตราบใดที่วูฟยังไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งอัลฟาที่อยู่สูงที่สุด ตระกูลเฮอร์คิวของเราก็ยังไม่แข็งแกร่งพอ...และสิ่งที่จะทำให้วูฟขึ้นรับตำแหน่งได้สมบูรณ์ก็คือ ต้องมีทายาทที่เกิดจากโอเมก้า....” ประโยคหลังสุดที่เน้นย้ำทำให้ผมนิ่งงันไป ผมรู้ครับว่าที่พูดมาทั้งหมดหมายถึงอะไร



                “รายละเอียดต่าง ๆ มีอะไรสงสัยก็ถามกับหัวหน้าที่ดูแลประวัติของโอเมก้าได้ เขายินดีตอบทุกเรื่องที่สงสัย” พ่อของวูฟบอกแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับแม่ของวูฟ และทูตที่นั่งเป็นพยานด้วยก็พากันทยอยเดินออกไปจากห้องจนหมด ทิ้งให้ผมนั่งเหม่ออยู่คนเดียว



                ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อยก็มีเสียงเรียกดังขึ้นให้ปลุกจากภวังค์ของผม



                “คุณลูดี้ครับ ผมจะพาคุณกลับไปที่ห้องของนายน้อยครับ” ผมลุกขึ้นเดินตามลูกน้องของวูฟออกไป ระหว่างทางเดินผมก็เลยถามขึ้น



                “เออ คุณครับ...”



                “เรียกผมว่า กัสก็ได้ครับ ผมเป็นลูกน้องที่ดูแลเรื่องโอเมก้า...คุณลูดี้มีอะไรอยากถามครับ?”



                “คือว่าผมขอกลับบ้านได้ไหมครับ ผมจะเอาเงินก้อนนี้ไปให้ครอบครัว” ผมหยิบแบงค์ที่ร่างสูงโปรยให้ผมเมื่อกี้นั่นแหละครับ ก็ในเมื่อเขาบอกว่าให้ผมแล้ว ผมก็ควรจะเอามันกลับไปให้พ่อกับแม่ ก็พวกท่านบอกว่าไม่มีค่าใช้จ่ายแล้วนี่



                แต่คำตอบที่ผมได้รับคือส่ายหน้า



                “ไม่ได้ครับ ตอนนี้คุณลูดี้ถือได้ว่าเป็นคนที่อยู่ในสถานะผู้ที่ถูกเลือกแล้ว ปลอกคอสีแดงที่คุณสวมใส่อยู่บ่งบอกชัดเจน คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก นอกซะจากนายน้อยจะเป็นคนอนุญาต” หา...นี่เหรอครับที่วูฟเคยบอกว่า อิสรภาพของผมจะถูกจำกัด ผมมองเงินในมืออย่างครุ่นคิดและผมก็คิดออก



                “งั้นผมฝากให้เอาไปส่งที่บ้านของผมได้ไหมครับ พ่อกับแม่ของผมเขาจำเป็นต้องใช้เงิน” ผมยื่นให้เขา



                “คุณลูดี้จะให้ผมเอาไปให้หมดนี่เลยเหรอครับ คุณไม่เก็บไว้เหรอครับ” ผมส่ายหน้าพร้อมกับให้เงินเป็นปึกทั้งหมด



                “ไม่ครับ ผมไม่ค่อยได้ซื้ออะไรมากนักหรอก” ผมพูดแค่นั้น เขาก็ไม่ได้พูดขัดอะไร ผมเดินกลับมาที่ห้องของวูฟโดยมีลูกน้องของเขาเดินตามมาด้วยถึง 2 คน ประกบซ้ายขวาเลยล่ะครับ หัวหน้าโอเมก้าเมื่อกี้ที่ผมเพิ่งคุยกับเขา ฝากลูกน้องของร่างสูงให้เดินมาส่งผมให้ถึงหน้าห้อง คือคุมผมมาก ๆ



                ก๊อก ๆ ผมเคาะประตู แต่ก็ไร้เสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก...ลูกน้องสองคนที่อยู่กับผมด้วยก็ทำหน้าเลิกลักเป็นเชิงว่าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านายตัวเองไปไหน ผมเลยเคาะอีกรอบคราวนี้ปากก็เรียกชื่อของเขาด้วย



                “คุณวูฟครับ...” สักพักก็มีเสียงตอบกลับมา



                “เข้ามา” อ้าว..เขาก็อยู่ในห้องนี่นา! แล้วทำไมตอนแรกไม่ขานตอบกลับมา ลูกน้องของเขาเปิดประตูให้ผมเดินเข้าไป  และประตูก็ถูกปิดลง



                ภายในห้องนอนของเขาเป็นสีน้ำเงินเข้มเกือบทั้งหมด ให้ความรู้สึกโทนลึกลับนิด ๆ สุขุม...เหมาะกับเขาดีแฮะ ผมมองไปที่ร่างสูงที่ยืนอยู่ก็ตกใจ ผมที่มีน้ำเกาะพราวอยู่กับผ้าเช็ดตัวที่พันต่ำหมิ่น ๆ ...ทำไมเขาไม่รีบแต่งตัว! วูฟมองผมเหมือนรู้ทันว่าผมคิดอะไรอยู่ ราวกับต้องการจะแกล้งเมื่อเขาถอดผ้าเช็ดตัวซะงั้น



                อ๊าก..ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น! ไม่เห็น...



                “นี่! คุณ” ผมรีบหมุนตัวหันหลังทันที จริง ๆ ..ก็มีเหมือนกัน แต่ผมเลือกที่จะไม่ดูมากกว่า! ก็ผมไม่อยากดู...



                “ฮ่า ๆ นายนี่มันจี้ชะมัด โอเมก้าต๊อง ๆ แบบนี้มีด้วยงั้นเหรอ?” เสียงหัวเราะดังลั่นของวูฟดังขึ้น ก่อนผมจะได้ยินเสียงเขาปิดตู้เสื้อผ้า...เอ๊ะ เขาหัวเราะเหรอ? ออกแนวหัวเราะเยาะเย้ยมากกว่าครับ



                “นี่ หันมาได้แล้ว” เขาบอก ผมเลยเหลือบไปมองเขาที่นั่งอยู่ปลายเตียง ชุดนอนสีน้ำเงินผ้าแพรอย่างดี ผมว่าของทุกอย่างที่เขาใช้คงมียี่ห้อทุกชิ้นแน่ ๆ



                “เดินมาใกล้ ๆ หน่อยสิ ยืนไกลขนาดนั้นจะให้ฉันตะโกนเอารึไง” ผมหันไปมองทางหน้าต่าง ตะวันเริ่มคล้อยลับขอบฟ้าซะแล้ว ผมตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้เขาอีกนิด วูฟก็ชี้นิ้วให้ผมนั่งลงตรงพรมที่ปูไว้...ยังกับนางทาสเชียว จะพูดให้ถูกผมก็เป็นทาสนั่นแหละนะ



                ผมนั่งลงตามที่เขาชี้อย่างว่าง่าย แต่เปล่าหรอกครับ ก็แค่ผมรู้สถานะของตัวเองดี...ไม่กล้าไปเหิมเกริมกับเขาหรอก  เขาพิจารณาใบหน้าของผมอยู่แวบหนึ่งก็ถามคำถามที่ต้องการคำตอบจากผม



                “ที่นายออกมาจากห้องนั้นได้ แล้วเดินมาหาฉันที่ห้อง แสดงว่าพ่อคงจะยอมรับนายแล้วสินะ...พ่อของฉันถามอะไรนาย” ผมเงยหน้ามองแววตาคมเข้มตรงหน้า ถ้าผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบจะเป็นอะไรไหม...เป็นแน่นอนครับ ผมว่าเพราะดูจากสายตาความอยากรู้ของเขาแล้ว



                “พ่อของคุณถามผมว่า...”



                “ว่าอะไร”



                “สิ่งที่ผมต้องการที่สุดในชีวิตคืออะไร...” ผมตอบก่อนจะได้รับคำตอบกลับจากร่างสูงตรงหน้าที่เหน็บแนม



                “หึ เงินล่ะสิ...” นี่เขาเป็นอะไรมากไหมกับการตีค่าผมแบบนั้น...ไม่คิดจะถามผมสักคำเหรอว่าผมไม่อยากมาที่นี่   ผมจะคร่ำครวญไปทำไมกัน ในเมื่อเขาก็ไม่ได้สนใจจะแคร์ตั้งแต่แรก...



                “เปล่าครับ”



                “แล้วนายตอบว่าอะไร?” เขายังคงถามต่อด้วยความอยากรู้ วูฟจ้องหน้าผมไปพลาง ๆ



                “ผมตอบว่า ความรักครับ ผมต้องการอยู่กับคนที่เป็นรักแท้และคู่ชีวิตของผมตลอดไป...” พอผมตอบจบ ร่างสูงตรงหน้าก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้น หัวเราะในลำคอ



                “หึ นี่นายพูดว่า รักแท้ งั้นเหรอ? เรื่องไร้สาระ” ผมได้ยินแบบนั้นก็มองหน้าเขาแบบไม่หลบสายตาทันที วูฟเองก็จ้องกลับ



                “รักแท้ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระครับ รักแท้มันสวยงาม...” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงจับแขนของผมให้ลุกขึ้น ไปเผชิญหน้ากับเขาใกล้ ๆ



                “นายอ่านนิยายเล่มไหนมากัน ในโลกที่โอเมก้าแบบนายถูกกดขี่อยู่ ยังจะคิดถึงรักแท้อีกงั้นเหรอ หึ...” ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันมาก จนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา



                “หรือโรงเรียนที่นายเรียนมา เขาสอนเรื่องรักแท้งมงายนี้ให้นาย?” มันจะมากเกินไปแล้วนะครับ!...ผมไม่ว่าถ้าเขาจะดูถูกที่ผมเป็นโอเมก้า แต่การที่เขามาดูถูก รักแท้ของผม...ผมไม่ชอบ! ผมจะขืนตัวออกจากวูฟแต่มือหนากลับบีบแขนของผมไว้แน่น



                “ปล่อยผม ผมไม่ได้เรียนหนังสือหรอกครับ...อาศัยการอ่านหนังสือตามห้องสมุดเอา” ผมพูดออกไปทำให้ร่างสูงชะงักไปนิด ๆ กับแววตาของผมที่ไหววูบ เรื่องพวกนี้ผมค่อนข้างอ่อนไหวมาก เพราะมันทำให้ผมนึกไปถึงตอนเด็กที่ไม่มีเพื่อนเลยสักคน เวลาว่างส่วนใหญ่ผมก็เลยไปห้องสมุด อ่านพวกเทพนิยายรักที่พูดถึงรักแท้...



                “นายไม่ได้เรียนหนังสืองั้นเหรอ?” ดูเหมือนคำพูดที่ผมเพิ่งพูดจะทำให้วูฟอึ้ง เขายอมคลายมือของตัวเองออกจากการจับกุมผม รอยแดงที่เขากำเมื่อกี้ปรากฏขึ้นตรงแขนของผม



                “ครับ ผมไม่ได้เรียนหรอก ผมไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น...อีกอย่างก็อย่างที่คุณพูด ว่าผมเป็นโอเมก้า ไม่มีใครเขาส่งเรียนหนังสือหรอกครับ” ร่างสูงขมวดคิ้ว



                “แล้วพ่อกับแม่นายทำไมไม่ส่งนายเรียน!” เขาถามเสียงเข้มและเอ่ยคำที่ทำให้ผมชะงัก “นี่นายใช่ลูกแท้ ๆ ของพวกเขารึเปล่า มีอย่างที่ไหนไม่ให้ลูกเรียนหนังสือ” ผมตัวชาวาบ สะบัดหัวตัวเองนิด ๆ



                “ผมเองก็ไม่ได้อยากจะเรียนอยู่แล้วล่ะครับ  มันเปลืองเงิน” ผมตอบแบบพยายามไม่คิดอะไรอีก วูฟยกยิ้มมุมปากชิว ๆ



                “หึ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มางมงายเรื่องรักแท้...จะบอกให้นะว่า รักแท้มันไม่มีจริง”



                “คุณรู้ได้ยังไงว่าไม่มีจริง”



                “เพราะฉันรู้ไงว่าไม่มี” เขาตอบกลับทันควัน ผมมองใบหน้าหล่อระดับทำลายล้างใจคนได้เลย วูฟเป็นผู้ชายที่ทำให้ทุกคนยอมที่สยบอยู่ใต้เท้าเขา หลายคนปรารถนาที่จะได้อยู่ข้างกายของเขา...แต่บอกเลยครับว่าสำหรับผม! เขาไม่ได้หล่อเลย เพราะเขากล้าพูดว่ารักแท้ไม่มีจริง....กล้ามาพูดแบบนี้ได้ยังไง!



                “อะไร จ้องหน้าฉันงั้นเหรอ” ผมเบนสายตาไปทางอื่น อย่างสงบสติอารมณ์นับหนึ่งถึงสิบ...



                “เปล่าครับ ผมไม่ได้จ้อง”



                “ช่างเถอะ เรื่องรักแท้อะไรของนายไปถูกใจแม่ของฉันเข้าสินะ” ผมหันไปมองเขาอีกรอบ เขารู้ด้วยว่าผมเอาชนะใจคำถามกรรมการ (การสอบสวนในห้องเมื่อกี้)  “แต่ตอนนี้นายก็เห็นนี่ว่า นายต้องเข้ามาอยู่ในตระกูลเฮอร์คิว เพราะงั้นเรื่องรักแท้ที่นายฝันถึงก็ลืมไปได้เลย เพราะนายต้องอยู่ที่นี่ทำหน้าที่ของนายไปซะ...” เขาลุกขึ้นพรึบ...ร่างสูงที่สูงกว่าผมมาก ดูจากขนาดตัวของเขา ผมไม่มีทางที่จะสู้ได้เลย



                “แต่นายไม่ต้องกลัวไปหรอก ฉันคุมสัญชาตญาณได้ แล้วอีกอย่าง...ฉันไม่มีวันทำอะไรนาย เพราะถ้าทำขึ้นมา สิ่งที่จะตามมาก็คือ ฉันจะได้รับตำแหน่งเต็มตัว” เขาบอกจุดประสงค์แอบทำให้ผมเบาใจลงมาก เขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรผม ดูท่าทางเหมือนวูฟเองก็คงไม่ได้อยากจะได้คู่มาเชยชม ไม่ได้อยากจะรับตำแหน่งผู้นำสูงสุด



                “ผมจะต้องอยู่กับคุณที่นี่งั้นเหรอครับ...” ผมถามออกไปทั้งที่พอจะรู้คำตอบ แต่ก็อยากถามเพื่อความแน่ใจ วูฟชี้มาตรงปลอกคอของผม



                “ปลอกคอนั่น ก็บ่งบอกฐานะของนายในระดับหนึ่งแล้วนี่ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ นายไม่มีอิสระที่จะออกไปไหน    ถ้าฉันไม่ได้อนุญาต”



                “งานพิเศษที่ผมทำอยู่ล่ะครับ” ถ้าผมไม่ได้ออกไปไหน ผมจะไปทำงานพิเศษหาเงินได้ยังไง อยู่แต่ในคฤหาสน์นี้ผมก็ขยับตัวไปไหนไม่ได้เลยน่ะสิ วูฟเลิกคิ้วขึ้น เขาทำหน้าเอือมระอาผมนิดหน่อย...



                “เลิกคิดจะออกไปทำงานพิเศษอะไรนั่นสักทีเถอะ อยู่นี่มีของมากมายให้นายเลือกชี้ได้ อยากได้อะไรก็บอกลูกน้องคนสนิทไป เขาจะหามาให้นาย” เขาพูดราวกับว่ามันง่าย ผมมีสิทธิ์จะเลือกชี้ของได้ด้วยงั้นเหรอ?



                แต่ผมก็ต้องพยักหน้ารับรู้ วูฟล้มตัวลงนอนเตียงกว้างของเขา ผมกำลังมองรอบห้องอย่างสำรวจ...คืนนี้ผมจะนอนตรงไหนดี? ผมเหลือบไปเห็นชั้นหนังสือของร่างสูงด้วยความสนใจ ผมชอบหนังสือมากครับ เพราะมันทำให้ผมได้ความรู้อะไรใหม่ ๆ เสมอ ได้เรียนรู้โลกกว้างที่ผมไม่เคยได้ออกไป วูฟดูเหมือนจะมองตามสายตาของผม



                “อยากอ่านรึไง ไปเอามาอ่านก็ได้นะ ฉันอนุญาต” เสียงเข้มพูดขึ้น ผมยิ้มกว้างออกมา



                “จริงเหรอครับ ผมอ่านได้เหรอ...”



                “อืม จะไปเอามาอ่านก็เอามา นายนอนที่พื้นก็แล้วกัน นอนได้ไหม” เขาบอก ผมก็พยักหน้า ผมไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องที่นอนสักเท่าไหร่หรอกครับ ที่ไหนผมก็นอนได้ แต่จิตใจของผมตอนนี้ไปอยู่กับหนังสือซะแล้ว



                ระหว่างที่ผมกำลังเลือกหนังสืออยู่ที่ชั้นอยู่ มีแต่เล่มที่ผมเคยเห็นมันอยู่ในโปสเตอร์ในห้องสมุด เล่มแพง ๆ ทั้งนั้นเลยแฮะ จะว่าไปวูฟก็ใจดีอยู่นะครับ...อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำท่าทางรังเกียจผมมากเท่าไหร่ และที่สบายใจยิ่งกว่าคือ เขาควบคุมตัวเองได้นี่แหละ แต่ผมก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ผมเลือกหนังสือมาสองสามเล่มมาถือไว้ วูฟดูเหมือนจะหายไปออกไปไหนก็ไม่รู้ครับ เขาไม่ได้บอก แต่ผมเห็นเขาสั่งให้คนเอาผ้าปูที่นอนนุ่ม ๆ (มันนุ่มมากกว่าที่บ้านของผมมาก) มาวางไว้ให้ผมข้างเตียงของเขา มีแค่นี้ผมก็นอนได้แล้ว



                ผมหยิบยาที่เหลืออยู่ 1 เม็ดมากินกันไว้ เพราะเดือนนี้ฮีทของผมยังไม่มาเลย ผมกำลังหยิบยาเข้าปากพร้อมกับดื่มน้ำตาม ก็เป็นจังหวะที่วูฟเปิดประตูเข้ามาพอดี เขาเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในมือของผมแวบหนึ่ง เขาเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูด อะไรของเขากัน... ร่างสูงขึ้นไปบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอน



                “ปิดไฟได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันมีงานต้องตื่นเช้า นายก็รีบ ๆ นอนซะ” เขาสั่ง ผมยังไม่ทันจะอ่านหนังสือเลยมาไล่ให้ปิดไฟซะงั้น ยังหัวค่ำอยู่แท้ ๆ ผมเอื้อมมือไปปิดไฟและล้มตัวนอนฟูกที่ปูไว้ข้างเตียงของวูฟ เอาเถอะครับ ผมเองก็ควรนอนพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาทำประโยชน์ให้วูฟ พวกรีดเสื้อ เตรียมเสื้อผ้าอะไรพวกนี้..นั่นมันคือสิ่งที่ผมต้องทำใช่ไหม อย่างน้อยผมเองก็คงต้องพยายามปรับตัวเขาหาเขาอย่างที่พ่อกับแม่ของวูฟบอกไว้



                ผมมองหนังสือที่หยิบมาอ่านด้วย อดใจไม่ได้ที่จะแอบเปิดดูเล็กน้อย แม้จะปิดไฟแล้วแต่ความมืดในห้องก็ไม่ได้มืดจนมองอะไรไม่เห็น ผมเปิดหนังสืออย่างเบามือ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อร่างสูงพลิกตัวตะแคงข้างมาทางที่ผมนอนอยู่ เขาหยิบหนังสือจากมือของผมไป



                “ฉันบอกว่าให้นอน! อยากอ่านอะไรขนาดนั้น”



                “ผมก็แค่เปิดดูเอง” แววตาคมเข้มที่ผมมองเห็นชัดเจนมันสะท้อนกับแสงสว่างที่สาดเข้ามาในห้อง...วูฟปิดหนังสือแล้วเอาไปวางไว้บนเตียงเขาแทน ขอดูนิดเดียวก็ไม่ได้... “ยังไม่นอนอีก บอกให้นอนไง” เขาสั่งอีกรอบ ผมเลยพลิกตัวตะแคงไปอีกข้าง



                “รู้แล้วครับ ฝันดีนะครับคุณวูฟ” ผมบอกพลางเอาผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัว



                “หึ...นายนี่มันแปลกประหลาดชะมัด” เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ผมไม่เห็นจะแปลกประหลาดตรงไหนเลย หรืออาจจะประหลาดจริง? ผมหลับตาลงในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ยังไม่ทันที่จะหลับสนิทผมก็รู้สึกถึงผ้าห่มหนาที่มันควรจะอยู่บนเตียง แต่มันกลับหล่นลงมาคลุมตัวผม ผมหันไปมองงง ๆ ก็นี่มันผ้าห่มของวูฟ



              “พอดีฉันร้อน นายเอาไปห่มเถอะ”



                “อะไรนะครับ?”



                “..............” ไร้เสียงตอบรับจากร่างสูงที่หลับตาไปแล้ว อ้าว...เขาหลับไปแล้วเหรอ ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยมองพาห่มผืนใหญ่ที่อุ่นกว่าผืนเล็กที่ห่มเมื่อกี้ ผมแอบมองหน้าเขาเล็กน้อย แม้เขาจะบอกว่าไม่ทำอะไรผมก็เถอะ อดกังวลไม่ได้ว่า    ผมจะเข้ามาอยู่ในตระกูลของเขาโดยที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้เขาเลยสักนิด ...ผมเป็นคนคิดมากใช่ไหม....



                ใช้เวลาไม่นานมากนักผมก็หลับสนิทเพราะผ้าห่มผืนหนาอันอบอุ่น บวกกับที่นอนนุ่ม ๆ ที่ผมไม่เคยนอนมาก่อนทำให้หลับง่ายและสบายยิ่งขึ้น หวังว่าวันพรุ่งนี้การใช้ชีวิตในตระกูลเฮอร์คิววันแรกของผมจะผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ....





................................................................................

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^  :mew1: :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.2| 25/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-09-2017 21:52:10
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.2| 25/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-09-2017 08:57:18
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.2| 25/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: Petalkiss ที่ 26-09-2017 09:14:12
ตามๆ น่าสนใจค่ะ ชอบแนวนี้
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.2| 25/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 26-09-2017 14:19:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.2| 25/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: Midorima ที่ 26-09-2017 20:08:48
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีค่ะ  ส่วนพระเอกของเราก็ซึนไม่เบานะคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.2| 25/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 26-09-2017 21:14:04
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.2| 25/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 26-09-2017 21:19:35
ถ้าน้องไปตามหารักแท้กับคนอื่นอย่ามาร้องน้า อย่ามัวแต่ซึน55555  :laugh:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.2| 25/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-09-2017 22:20:16
หรือลูดี้ จะไม่ใช่ลูกจริงๆของพ่อแม่  :hao3: :hao3: :hao3:
เพราะดูการปฏิบัติจากพ่อแม่ ป้า
เลวร้าย เกินกว่าจะทำกับลูกของตัวเอง  :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.3| 27/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 27-09-2017 09:52:13
ตอนที่ 3
[/b]



                [พาร์ตของลูดี้]



                ผมตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อมาเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้วูฟ เสื้อสูทของเขาสีน้ำเงินกับเนคไทเข้าคู่กันถูกวางไว้ตรงที่วางเสื้อ    ร่างสูงตื่นมาตอนประมาณ 6 โมงกว่า ผมเองก็ไล่เก็บพวกเสื้อผ้าที่เขาใส่แล้วไปใส่ตะกร้า วูฟเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบเสร็จ เขามองหน้าผมสลับกับเสื้อผ้าที่ผมเพิ่งจะรีดไว้ให้เขา...ไม่รู้ว่ามันจะถูกใจเขารึเปล่า



                “นายเป็นเลือกชุดนี้งั้นเหรอ?” เขาหยิบเสื้อมาใส่ ผมพยักหน้าพร้อมกับช่วยเขาใส่เนคไท วูฟเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ดูท่าทางจะมีคนคอยแต่งตัวให้เขาตลอดแบบนี้ล่ะมั้ง



                “ครับผมเป็นคนเลือกให้คุณเอง เออคือว่า...วันนี้ผมต้องออกไปไหนกับคุณไหมครับ” ผมถามอย่างไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรในวันนี้บ้าง ผมผูกเนคไทให้เขาเรียบร้อย ร่างสูงก็หันไปหยิบนาฬิกามาใส่



                “อยู่บ้านไง” เขาตอบสั้น ๆ ทำให้ผมเงยหน้ามอง



                “อยู่บ้านเหรอครับ?...คุณไม่มีหน้าที่ให้ผมทำเหรอ”



                “ตอนนี้ยังไม่มี นายอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้าว่างก็อ่านหนังสือนั่นไปสิ” เขาชี้ไปที่หนังสือ ครับ...ผมอยากอ่านก็จริง แต่ปกติผมจะไปหาทำงานพิเศษเพื่อหาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปซื้อยาคุมฮีทและแบ่งเก็บไว้ส่วนหนึ่ง



                ผมจะอ้าปากพูดอีก วูฟก็ยกมือห้ามประมาณว่าไม่อยากฟังผมแล้ว เขาขยับเนคไทเล็กน้อยเพื่อเช็คความเรียบร้อยของชุด บอกตรง ๆ ว่าผู้ชายตรงหน้าของผมหล่อจริง หล่อทุกชุดที่ใส่...แค่เมื่อวานเขาใส่แค่ชุดนอนยังดูดีเลยครับ (แอบชมเขาในใจ)



                เขาหันมาหาผมที่มองดูเขาเพลินไปหน่อย ใบหน้าคมกระตุกยิ้มมุมปากนิดหน่อย...แต่แค่นั้นผมก็เชื่อว่ามันหล่อจนหลายคนต้องกรี๊ด



                “นายจะเดินไปในก็ได้ในคฤหาสน์ของฉัน หรืออยากจะไปเดินเล่นแถวสวนก็ได้ ฉันอนุญาต” เขาพูดและเดินนำผมออกไป ก่อนเขาจะหันกลับมาเรียกเสียงเข้มอีกครั้ง “จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม ฉันจะไปกินข้าว”  วูฟพูดแค่นั้นทำให้ผมรีบวิ่งตามเขาออกไป ขืนไปทำเขาโกรธตั้งแต่เช้ามีหวังงานจะเข้าผมแน่ ๆ



                ภายในห้องอาหารของบ้านที่วูฟกับผมอยู่มีจานอาหารถูกเตรียมไว้เรียบร้อย คนที่เตรียมก็คือป้านมนั่นเองครับ รู้สึกว่าบ้านหลังนี้จะมีเพียงวูฟเท่านั้นที่เป็นคนใหญ่ที่สุด ลูกน้องก็เป็นลูกน้องของร่างสูงโดยเฉพาะ บ่งบอกว่าเขามีฐานะเป็นทายาทที่แท้จริง ทุกอย่างถึงได้ถูกจัดเตรียมไว้ขนาดนี้



                “นั่งลงสิ จะให้ฉันเชิญทุกอย่างเลยรึไง” เสียงเข้มดังขึ้นเรียกผมให้มองเขาที่นั่งหัวโต๊ะ ส่วนอีกจานของผมก็วางอยู่ทางขวามือของเขา



                “ขอโทษครับ...” ผมนั่งลงตามที่เขาสั่ง สาวใช้วางชามข้าวต้มลงตรงหน้าพวกเราสองคน กลิ่นมันหอมมาก...นี่ผมได้มีโอกาสร่วมโต๊ะอาหารกับวูฟจริง ๆ เหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ



                วูฟไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาตักข้าวต้มมาทาน ส่วนผมเองก็ตักขึ้นมาเป่า ๆ ก่อนจะเอาเข้าปาก รสชาติของมันอร่อยมาก! อย่าหาว่าผมเวอร์เลยนะครับ เพราะปกติผมเองก็ไม่มีโอกาสได้กินข้าวต้มที่มีวัตถุดิบชั้นดีแบบนี้หรอก



                ระหว่างที่ต่างคนต่างตักกินเงียบ ๆ แขนของผมก็หยุดตักเมื่อมือหนาเอื้อมมากุมข้อมือของผมไว้ ผมตกใจหมด...



                “ทำไมต้องสะดุ้งด้วย ? ฉันน่ากลัวรึไง” วูฟเลิกคิ้วขึ้น ผมเหลือบมองชามข้าวต้มของเขาที่หมดแล้ว โห...เขากินเร็วมาก ๆ



                “เปล่าครับ คือผมแค่กินข้าวเหม่อ ๆ ไปหน่อย...คุณวูฟมีอะไรเหรอครับ?” ผมมองมือหนาที่กำแขนของผมเหมือนพิจารณาสักพัก เขาปล่อยมือของผมออกก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมเลิกคิ้ว



                “นายผอมเกินไป ร่างบางเกินไป วัน ๆ ได้กินอะไรบ้างรึเปล่าเนี่ย? ป้านมผมขอข้าวต้มอีกชามหน่อย” เขาหันไปสั่ง ผมเลยส่ายหน้าปฏิเสธ



                “ไม่เป็นไรครับ ผมอิ่มแล้ว” แต่ผมก็ต้องหยุดพูดเมื่อเจอแววตาเข้มที่จ้องอย่างบังคับ



                “กินให้หมด ป้านมดูด้วย ถ้าเขากินไม่หมด! ห้ามให้ลุกไปไหนเด็ดขาด” วูฟยกแก้วน้ำดื่มก่อนจะลุกขึ้นกระชับเสื้อสูทให้เข้าที่ ผมมองชามข้าวต้มอีกชามที่ส่งกลิ่นหอม ร่างสูงหยิบน้ำปลามาหยด ๆ ใส่ให้ผมนิด ๆ ผมมองการกระทำของเขางง ๆ เช่นเดียวกับป้านมและสาวใช้



                “น้ำปลาใส่ได้แค่นี้ก็พอ..” ห๊ะ? เขาพูดแค่นั้น และก็มีเสียงลูกน้องของเขาที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร



                “นายน้อยครับ เตรียมรถพร้อมแล้วครับ” วูฟมองหน้าผมเล็กน้อยพร้อมกับกำชับรอบสุดท้าย



                “กินซะ” หลังจากที่ร่างสูงเดินออกไปจากตรงนี้แล้ว ป้านมก็ยิ้มทักทายให้ผม



                “คุณลูดี้ ถ้ากินไม่หมดก็ไม่เป็นไรนะคะ ป้าไม่เอาไปบอกนายน้อยหรอกค่ะ” ป้าแอบแซวลับหลัง ผมก็เลยหัวเราะออกมา ผมว่าการเข้ามาอยู่ในบ้านนี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายมากเท่าไหร่ก็ได้...



                “ขอบคุณนะครับ ข้าวต้มอร่อยมากเลยล่ะครับ...เออ ผมขอถามอะไรหน่อยได้รึเปล่าครับ”



                “ได้ค่ะ” ป้าพยักหน้า



                “คือว่า บ้านนี้มีแค่คุณวูฟอยู่คนเดียวเท่านั้นเหรอครับ?”



                “ใช่ค่ะ ป้าก็เข้ามาทำแค่อาหารเช้าให้เท่านั้น ส่วนตอนเย็นต้องไปกินข้าวที่บ้านใหญ่นะคะ นายน้อยน่ะ ถูกแยกออกมาจากบ้านใหญ่นั่นแหละค่ะ อย่างที่รู้กันว่า นายน้อยไม่เหมือนคนอื่น แถมเจ้าตัวเองก็ชอบที่จะอยู่คนเดียวเงียบ ๆ มากกว่า” ป้าพูดร่ายยาวให้ผมฟัง ผมก็ตั้งใจฟังและจดจำไว้



                ผมทานข้าวจนอิ่มและขอไปช่วยล้างจาน ตอนแรกก็ถูกห้ามไว้นั่นแหละครับ แต่ผมยืนยันว่าจะช่วยจริง ๆ ป้านมก็เลยยอมแพ้ผม หน้าที่ล้างจานผมเองก็ทำเป็นประจำอยู่แล้วก็เลยไม่มีปัญหาอะไร งานแค่นี้ถือว่าเบามากด้วยซ้ำสำหรับผม หลังจากช่วยงานพวกป้านมได้สักพัก (ผมขอช่วยจนป้าเขายอมให้ทำ) ดูเหมือนพวกเขาไม่อยากให้ผมแตะงานอะไรเลยด้วยซ้ำ ก็พอจะรู้ว่าผมอยู่ในฐานะคู่ของวูฟ แต่ก็ไม่คิดหรอกครับว่า ผมจะอยู่ในฐานะสำคัญขนาดนั้น



                ผมช่วยงานป้านมอยู่ที่ครัวของคฤหาสน์ใหญ่จนถึงตอนเที่ยงกว่า ๆ ป้าเลยขอร้องให้ผมกลับห้องไปพักผ่อน เห็นป้าทำหน้าเกรงใจที่เห็นผมมาช่วย ผมก็เลยยอมกลับมาที่ห้องครับ ด้วยความที่ไม่อยากทำให้ใครลำบากใจ...



                “คุณลูดี้?? ทำไมเสื้อผ้าเปียกน้ำล่ะครับ” ผมกำลังเดินอยู่ตรงทางเดินไปก็หยุดเมื่อเจอกัส ลูกน้องของร่างสูงที่เป็นหัวหน้าดูแลประวัติโอเมก้า เขาดูตกใจนิดหน่อย เสื้อของผมมันเปียกเพราะไปล้างจานมานี่แหละ



                “พอดีผมไปช่วยงานแถว ๆ ฝ่ายห้องครัวมาน่ะครับ” เขาตาโตเลยครับคราวนี้



                “ช่วยงานห้องครัวเหรอครับ? ผมว่าคุณรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่านะครับ อีกไม่ถึงชั่วโมงนายน้อยก็จะกลับมาแล้ว ถ้ารู้ว่าคุณตัวเปียกแถมไปช่วยงานที่ห้องครัวอีก ผมว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่” เขาบอกทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้น



                “คุณวูฟจะโกรธเหรอครับ”



                “ครับ ไปเถอะครับ อีกอย่างคุณจะเสี่ยงไม่สบายเอาได้นะครับ” เขาพูดแค่นั้นก็โค้งตัวให้ผมและเดินจากไป        ผมมองเสื้อของตัวเองที่เปียกอยู่ก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อ ไม่อยากมีปัญหากับวูฟเหมือนกันครับ ถ้าสิ่งไหนเลี่ยงได้ผมก็พยายามจะเลี่ยง...



                พอเปลี่ยนเสื้อเสร็จ ผมก็นั่งลงที่ฟูกนอนตรงพื้นของผมพลางคิดถึงว่าปานนี้พ่อกับแม่จะได้รับเงินรึยังนะ พวกเขาไม่คิดจะติดต่อมาหาผมบ้างรึไงนะ...ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น



                “หนูลูดี้? แม่เองนะคะ” เสียงแม่ของวูฟดังเข้ามา ผมเลยรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู



                “ครับ...ของอะไรเยอะแยะจังเลยครับ?” ผมมองของที่อยู่ตรงหน้า ลูกน้องของร่างสูงช่วยกันขนเข้ามาในห้อง แม่ของวูฟยิ้มพิมพ์ใจมาให้ผม



                “ก็ของขวัญจากแม่ยังไงล่ะ เป็นพวกเสื้อผ้าค่ะ ลูดี้น่าจะใส่ได้ทุกตัว ช่วยลองให้แม่ดูหน่อยได้ไหมว่าชอบตัวไหนบ้าง” แม่ดันหลังของผมเข้ามา ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเลยล่ะครับ...ทำไมแม่ของเขาดีกับผมจัง ทั้ง ๆ ที่ผมเองเป็นแค่เพียงโอเมก้า...



                “คือมันเยอะมากเกินไป ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ”



                “ไม่ได้ค่ะ ต้องรับ...รู้ไหมว่า โอเมก้า ถึงจะถูกกำหนดว่าเป็นชนชั้นที่อยู่ต่ำสุด...แต่หากเราทำให้ตัวเองมีค่า มันก็ไม่มีอะไรมาทำให้เราต่ำได้แน่นอนค่ะ แม้ใครจะมองยังไงแค่เรามองตัวเราว่าดีก็พอแล้ว” คำพูดเบา ๆ แต่มันช่างดูละมุนมาก แถมยังเป็นประโยคที่ผมเคยอ่านจากในหนังสือด้วย!



                “คำคมมาจากเรื่องดวงดาวใช่ไหมครับ” ผมบอก แม่ก็ทำหน้าตื่นเต้น



                “นี่ลูดี้ก็อ่านเรื่องนี้เหรอคะ? ใช่ค่ะ เรื่องดวงดาว แม่ชอบมากกกก...ดีจังเลย แม่ได้คนเมาท์เรื่องหนังสือด้วยแล้ว” ท่านทำท่าดีใจจริง ๆ จนผมเกือบจะทิ้งภาพลักษณ์ของตระกูลใหญ่ที่หยิ่ง ๆ กดขี่โอเมก้า...แต่ตระกูลเฮอร์คิวกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย



                ...เพราะผมกำลังรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของตระกูลนี้...



                ผมลองชุดนั้นชุดนี้ที่แม่ของวูฟขนเสื้อมาให้ผม บอกตรง ๆ ว่าเกรงใจท่านมาก แต่ครั้นจะปฏิเสธก็ทำไม่ได้          ผมจัดการเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้เสื้อผ้าข้าง ๆ ตู้ของวูฟให้เรียบร้อย แม่ของเขาก็กลับไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ผมเหลือบมองนาฬิกาที่ 17: 00 น.



                “คุณวูฟใกล้จะกลับมารึยังนะ” ผมพึมพำพลางหันไปปัดที่นอนกว้าง ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงคนพูดกันเสียงดังดูวุ่นวาย ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามา



                ปัง!



                “นายน้อยครับ ผมว่าเราน่าจะไปโรงพยาบาล” ผมหันไปมองเขาก็ตาโต ก็มือตรงแขนเสื้อเชิ้ตยาวสีขาวที่ไม่ได้ใส่สูทของวูฟมีเลือดไหลอาบเต็มไปหมด จนเสื้อขาวกลายเป็นสีแดง



                “ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก! พวกนายจะโวยวายกันไปทำไม” ร่างสูงเอ็ดทำให้ลูกน้องพากันเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ



                “คุณวูฟ! แขนคุณไปโดนอะไรมาครับ?” ผมเดินเข้าไปหาเขาจะไปจับแขน ลูกน้องเลยพากันยกมือห้าม แต่ผมจับแขนของเขาไปแล้ว และวูฟก็ไม่ได้สะบัดแขนของผมออก เขามองหน้าผม



                “ไม่มีอะไร ถอย” ใครว่าเขาไม่สะบัดออกล่ะ...มือหนาดึงมือของผมออก ผมเลยไปยืนขวางทางเขาไว้ พวกลูกน้องที่ยืนออกันอยู่ด้านหลังหน้าซีดเผือก ดูก็รู้ครับว่าวูฟอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ ตอนนี้...แต่ผมเชื่อว่าเขาคงไม่ทำอะไรรุนแรงถึงขั้นผลักผมกระเด็นหรอก...ใช่ไหม



                “อะไรของนาย! ฉันบอกให้ถอยยังไงล่ะ!! จะไปอาบน้ำ!” ผมสะดุ้งเฮือก ยังกับเสียงคำรามของสิงโต วูฟเดินเลี่ยงชนไหล่ผมแทบเซหายเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อย ผมมองตามคนเอาแต่ใจ...ชิ! คนเขาเป็นห่วงไม่รู้รึไง...เอ๊ะ แล้วผมจะไปห่วงเขาทำไมกัน



                “เออ คุณลูดี้ครับ...นี่กล่องพยาบาลครับ พวกผมคิดว่านายน้อยคงไม่ยอมไปโรงพยาบาลแน่ ๆ” ลูกน้องที่ยืนทำหน้าปริบ ๆ อยู่ก็ยื่นกล้องพยาบาลมาให้ผม ผมเดินไปรับมาถือไว้



                “ถามหน่อยได้ไหมว่า นายน้อยของพวกคุณไปทำอะไรมาถึงได้เป็นแบบนั้น”



                “ถูกลอบทำร้ายครับ” หนึ่งในลูกน้องของวูฟตอบก่อนจะถูกเพื่อนร่วมทีมกระทุ้งศอกใส่เหมือนกับว่าไม่ควรจะพูดออกมา...



                ถูกลอบทำร้าย...



                “ไอ้นี่ แกก็รู้ว่านายน้อยไม่อยากให้พูดอะไรมาก...” ลูกน้องอีกคนห้ามปรามและโค้งตัวให้ผม “ยังไงพวกเราก็ฝากคุณลูดี้ทำแผลด้วยนะครับ...ถ้าเป็นคุณน่าจะทำแผลให้นายน้อยได้ ส่วนพวกเราขอตัวก่อนนะครับ”



                ผมมองพวกเขาที่หมุนตัวเดินกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ผมเหลือบมองห้องน้ำที่มีเสียงน้ำไหลอยู่ งานของวูฟที่ออกไปทำก็เป็นพวกงานออกโทรทัศน์บ้าง สัมภาษณ์ตามประสาทายาทผู้นำอัลฟาบ้าง ถามว่าผมรู้ได้ยังไง แม่ของวูฟแอบบอกผมมาเมื่อกี้แหละครับ ผมกำลังเปิดกล่องยาดูก็สะดุ้งกับเสียงเหมือนคนชกกำแพงห้องน้ำ ผมเบิกตากว้างกับเสียงที่ลอดออกมา



                “โถ่วเว้ย!! มันเป็นใครวะถึงกล้ามาทำตัวลอบกัดแบบนี้ โว้ย!” ปึ่ก**! ปึ่ก!**



                ก๊อก ๆ!



                “นี่! คุณวูฟ...คุณทำอะไรอยู่ อาบน้ำนานเกินไปแล้วนะครับ” ผมรีบเคาะประตูเรียก “คุณวูฟ อ๊ะ...” ผมตกใจกับประตูที่เปิดออกมาเลยล้มลงไปกับพื้น วูฟที่ออกมาในสภาพเปลือยกายหยดน้ำเกาะพราว ไอจากน้ำอุ่นก็ลอยออกมาเต็ม ผมที่เงยหน้าขึ้นก็จ๊ะเอ๋....



                เฮือกกก.... ผมเห็นเต็มสองตา...



                “เรียกทำไม จะมาอาบน้ำกับฉันรึยังไง?” เขาเลิกคิ้วถาม แต่เลือดที่หยดจากกำปั้นของเขาทำให้ผมถูกดึงความสนใจจากจุดนั้นของเขา



                “คุณเลือดออก!..” ผมลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวยืนให้เขาส่ง ๆ ก็แบบว่า...มันเห็นไปแล้ว ก็ลืม ๆ มันไปก็แล้วกัน...



                วูฟรับไปพันรอบเอวต่ำของเขาลวก ๆ  เขาเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียง ผมก็รีบหยิบกล่องพยาบาลมาทันที



                “ใช่ก็เลือด ทำไม? ไม่เคยเห็นรึไงล่ะ” เขาตอบเรียบ แต่ผมกลับร้อนรน ก็เห็นคนที่เจ็บอยู่ตรงหน้าจะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกันล่ะ ดูสิ...ไปชกกำแพงทำไมเล่า



                ผมนั่งคุกเข่าลงลงตรงหน้าเขา...เออ ผมว่าท่านี้มันแปลก ๆ วูฟเหลือบมองผมก่อนเขาจะดึงแขนของผมขึ้นมานั่งบนเตียงกับเขา แค่มือเดียวของเขาก็ทำให้ผมลอยไปอยู่บนเตียงได้เลย



                “นายตัวเบากว่าที่คิดนะ หัดกินให้มันเยอะ ๆ ซะบ้าง...” เขาบอกแค่นั้นและล้มตัวนอนลงและยื่นมือให้ผม



                “จะทำแผลไหม? ถ้าไม่ทำฉันจะไปใส่เสื้อผ้า!” เสียงเข้มทำให้ผมรีบพยักหน้ารับ จริง ๆ เขาไปใส่เสื้อก่อนก็ได้นะครับ แต่ผมเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวโดนเขาตวาดเอาอีก...



                “ทำครับ ทำ...” ผมจับมือของเขามาวางที่ตักของตัวเองแล้วค่อย ๆ ทำแผลให้ ตรงแขนของเขาเองก็มีรอยกระจกบาดเป็นทางเลยครับ ลูกน้องบอกว่าเขาโดนลอบทำร้ายมานี่นา น่ากลัวจัง...



                “อึก..” เขาร้องออกมานิดหน่อยตอนผมเทแอลกอฮอล์ใส่แผลเขา “อ๊าก! เฮ้...นี่กะจะแกล้งฉันรึไงฮะ!!” ผมสะดุ้งเมื่อเผลอราดไปเยอะมาก ผมรีบเช็ด (ราดไปเกือบครึ่งขวด)



                “ขะ..ขอโทษ”



                “เฮ้อ เหม่ออะไรของนายลูดี้ เป็นหมอไม่ได้นะเนี่ย...” เขาว่าแต่ใบหน้าของร่างสูงออกแนวแสบจริง ๆ ผมพยายามโฟกัสแค่แผลตรงหน้าไม่ได้สนใจ...ซิกแพคตรงหน้า ผมว่าผมใจกล้ามากที่มานั่งอยู่กับคนที่เป็นอัลฟาสองต่อสองในห้อง...ปกติโอเมก้าอย่างผมค่อนข้างจะระวังตัวเองมาก แม้จะทำงานปะปนกันไป แต่การอยู่ในระยะใกล้แบบนี้กับคนที่เป็นอัลฟา ผมไม่เคยทำสักที...อย่างที่ทราบกันดีว่าฟีโรโมนของโอเมก้ามีผลต่อความรู้สึกของอัลฟา สำหรับวูฟเป็นข้อยกเว้น เพราะเขาควบคุมมันได้ยังไงล่ะครับ ผมก็เลยไม่กังวล อีกอย่างเขาไม่ได้สนใจผมด้วย...



                “ทำหน้าเหมือนอยากจะถามอะไรฉัน?” เขาถามราวกับอ่านความคิดของผมออก ผ้าก็อตในมือของผมถูกพันเบา ๆ ใส่มือของวูฟที่เลือดออกพร้อมกับคำถามที่ผมเอ่ยขึ้น



                “ทำไมคุณถึงเลือกผมมาเป็น...คู่ของคุณ” สายตาคมกริบจ้องมาที่ผม “ถ้าคุณไม่อยากตอบ...”



                “เพราะนายบังเอิญอยู่ใกล้มือฉันไง” หา...อะไรนะครับ



                “..........”



                “แถมนายยังโกหกฉันด้วย ไหนบอกว่านายไม่เคยทำงานที่บาร์กลางคืน” ผมมองเขาที่จ้องผมอยู่เช่นเดียวกัน เขาจะฝังใจเรื่องนี้อีกนานไหม...



                “ผมไม่ได้โกหกคุณ ผมไม่เคยทำงานที่บาร์ ผมยืนยันได้”



                “แล้วนายจะมาที่นี่เพื่อให้อัลฟาซื้อตัวทำไม!” เขาลุกขึ้นแล้วกระชากผมเข้าไปใกล้เขา ผมหน้าร้อนวูบเมื่อใบหน้าคมก้มลงมาใกล้ผม เอะอะอะไรก็โวยวายตลอด



                “ผมบอกคุณไปแล้วว่าผมจะเอาเงินไปให้ครอบครัว ผมไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่! ทำไมคุณไม่เชื่อผมบ้าง” ผมพูดออกไปตามความจริงทุกอย่าง



                “เชื่อ? ทำไมฉันต้องเชื่อ...” จึก...คำพูดที่ไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจของเขา แต่ทำไมแค่คำเล็ก ๆ จากเขาทำให้ผมรู้สึกเคว้งคว้างแบบนี้ นั่นสิครับ...ผมจะไปขอให้เขามาเชื่อผมทำไม วูฟปล่อยแขนของผมออกและเขาก็ลุกไปแต่งตัว



                เราไม่ได้พูดกันอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งมาอยู่ที่โต๊ะอาหารที่บ้านใหญ่ พ่อกับแม่ของวูฟก็อยู่ด้วย...บรรยากาศอึมครึมจากตัวของผม หรือไม่ก็จากตัวของวูฟทำให้ผู้ใหญ่ที่นั่งตรงหน้าพวกผมสองคนพอจะรับรู้ได้ แม้ไม่ได้พูด



                “เป็นยังไงบ้างลูดี้ อยู่ที่นี่มีอะไรขาดเหลือไหม ถ้าขาดอะไรก็บอกคนจัดการดูแลหามาให้ได้” พ่อของวูฟเปิดประเด็น ร่างสูงที่นั่งข้างผมก็ยกแก้วน้ำดื่มเงียบ ๆ “ส่วนแก วูฟ...เรื่องที่กระจกแตกใส่แก หมายความว่ายังไงที่ลูกน้องรายงานฉันว่า แกพยายามจะหนีลูกน้องที่คุ้มกันแก...แกก็รู้ว่าแกสำคัญกับตระกูลมากแค่ไหน!” ผมเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มอึมครึมมากกว่าเดิมอีก...



                “ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ พวกลอบกัดก็ทำได้แค่ลอบกัดนั่นแหละ” วูฟตอบราบเรียบแบบไม่ยินดียินร้าย



                “เอ๊ะ เจ้าลูกคนนี้!”



                “คุณคะ ใจเย็น ๆ อย่าเถียงกันต่อหน้าลูดี้สิ...” แม่ของวูฟห้ามปราม พ่อของร่างสูงก็เลยเบาเสียงลงจริง ๆ ผมที่นั่งอยู่อย่างเจียมตัวก็ตักอาหารในจานทานเงียบ ๆ ไก่อบชิ้นนุ่มถูกวางลงบนจานผม ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลหรอกครับ วูฟ...



                เขาตักมาให้ผม...



                “มัวแต่เขี่ยข้าวเล่นอยู่นั่นแหละ กินเข้าไป เอ้า ไก่อบ...” ผมไม่ได้เขี่ยข้าวเล่นซะหน่อย เขามั่ว...



                “ยัง ๆ ยังไม่กินอีก” เขาตักไก่มาอีกสองสามชิ้นจนพูนเต็มจานของผม พ่อกับแม่ของวูฟมองพวกเราสองคนสักพักก่อนจะพูดขึ้น



                “ดีใจจังที่เห็นลูกสองคนเข้ากันได้ดี...” แม่ของวูฟว่า แต่ร่างสูงก็ขัดขึ้นทันที



                “เปล่าครับ ไม่ได้เข้ากันได้ดี...แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร” ผมควรจะดีใจไหม ที่เขาบอกว่าไม่ได้รังเกียจ...



                “วูฟอย่าพูดจาแบบนั้นสิ ลูดี้ก็ค่อย ๆ ปรับตัวไปนะจ๊ะ...” ผมพยักหน้าเล็กน้อยและกินไก่อบที่ร่างสูงตักมาให้ ส่วนวูฟก็ทำหน้าเฉย ๆ กินข้าวของเขาไป ก่อนผมจะเกือบสำลักอาหารเมื่อพ่อของวูฟพูดขึ้น



                “แกควรจะคิดถึงเรื่องการมีทายาทได้แล้วนะวูฟ ลูดี้ก็เหมือนกัน...” พ่อของเขาพูดน้ำเสียงอ่อนลงกับผม



                “แค่ก ๆ..” เสียงไอนี้ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของร่างสูง “พ่อว่าอะไรนะครับ ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย? ผมไม่มีทางจะมีทายาท!” เขาปฏิเสธชัดเจนทุกถ้อยคำ ผมที่ตักไก่มาเคี้ยวตุ้ย ๆ ก็ชะงัก



                “แกจะเลี่ยงไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ ฉันรู้ว่าแกไม่อยากรับตำแหน่ง แต่เพื่อความอยู่รอดของตระกูลเก่าแก่ของเรา แกต้องทำ!! แกเกิดมามีความพิเศษในตัวแล้ว อย่าทำให้ฉันกับแม่ของแกต้องปวดหัวมากได้ไหม!”



                “ผมไม่ทำ!”



                “แกต้องทำ!!” พ่อของวูฟก็พูดต่อไม่ยอมแพ้ ...ผมพอจะทราบแล้วว่านิสัยของร่างสูงได้มาจากใคร สงครามระหว่างพ่อกับลูกเริ่มต้นขึ้น พวกเขาเถียงข้ามหัวผมกับแม่ของวูฟไปมา จนแม่ของวูฟต้องเบรก



                “พอได้แล้ว! ทั้งสองคนเลย! วูฟนั่งลง คุณด้วย!” เสียงของแม่สยบทุกสิ่ง  “มาเถียงกันเป็นเด็กไปได้ ดูสิ ลูดี้เขาตกใจหมดแล้วเห็นไหม” ทุกสายตามองมาที่ผมที่พยายามเคี้ยวไก่เหนียว ๆ อยู่



                เคยอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไหมครับ...ไก่อบกำลังจะติดคอของผมแล้ว ผมพยายามกินช้า ๆและเอาน้ำมาดื่มตาม วูฟหยิบแก้วน้ำอีกแก้วของเขามาให้ผมกินอีกแทน เมื่อเห็นว่าน้ำในมือของผมหมด



                “ขอบคุณครับ...” ผมรับมาดื่ม จนเกือบจะสำลักอีกรอบกับประโยคปิดท้ายแกมบังคับจากพ่อของวูฟ



                “ไม่ว่าแกจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ลูดี้ก็คือคนที่แกเลือก วูฟ...แกต้องทำยังไงก็ได้ให้มีทายาทให้เร็วที่สุด รู้ไหมว่ากลุ่มต่อต้านอำนาจที่พยายามจะล้มตระกูลของเรามันมีมากขนาดไหน ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ แกก็รู้ว่าตัวของแกมีหน้าที่ ฉันฝากไว้ให้คิดแค่นี้แหละ...”  พอพ่อของเขาพูดจบ ร่างสูงก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินหนีออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย



                “ตามเขาไปสิจ๊ะ...” แม่ของวูฟยิ้ม ผมเลยโค้งตัวให้อย่างมีมารยาทแล้ววิ่งตามร่างสูงที่เดินลิ่ว ๆ กลับบ้านของเขา



                “คุณวูฟเดี๋ยวครับ รอด้วย แฮ่ก...” ผมวิ่งมาหอบ ๆ เหนื่อยแฮะ วิ่งแค่นี้เอง วูฟหันมามองนิด ๆ ด้วยหางตา...ย้ำว่าหางตา



                “วิ่งตามฉันออกมาทำไมกัน กินอิ่มแล้วรึไง...หรือถูกใช้ให้มากล่อมอะไรฉันอีกล่ะ?” เขาพูดแกมประชด กำลังเริ่มสงสัยว่าวูฟมีปมอะไรในใจรึเปล่า...ทำไมเขาดูมีอคติชะมัด ก็แหงแหละครับ...เขากล้าพูดว่าไม่เชื่อรักแท้ หัวใจมีปัญหารึยังไง อยากจะถาม!...



                “เปล่าครับ ผมไม่ได้มากล่อมอะไร ก็แค่จะเดินกลับไปพร้อมคุณ...” ผมเห็นเขาชะงักไปด้วยล่ะ



                “เดินกลับไปพร้อมฉัน...?” เขาพึมพำ วูฟหมุนตัวหันหลังแล้วเดินต่อ ผมเลยไม่ได้เดินตามเพราะกลัวว่าเขาอาจจะไม่ชอบให้ผมเดินตามก็ได้ จะว่าไปทำไมผมรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ยังไงไม่รู้...จริงสิครับ ยาคุมฮีทของผมหมดแล้วนี่นา พรุ่งนี้คงต้องไปขอให้คนที่ดูแลเรื่องโอเมก้าหายามาให้สักชุดแล้วล่ะ  ระหว่างที่ผมคิดเสียงเข้มก็ดังอยู่ไม่ไกลมาก



                ก็แหงล่ะครับ เขายืนอยู่ไม่ห่างจากผม...อ้าว รึว่าเขาไปแล้ว วูฟที่เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงมองหน้าผม  และพูดประโยคที่ทำให้ผมหลุดยิ้ม



                “ชักช้า ตกลงจะยืนอยู่ตรงนี้ใช่ไหม? จะไม่กลับห้องใช่ไหม?” เขายืนหยุดรอผมงั้นเหรอ...วูฟหมุนตัวเดินนำผมไปจนผมต้องวิ่งตามเขาอีกรอบ พ่อคนขายาวจะเดินเร็วไปไหนเนี่ย!



                “รอผมด้วยสิครับ คุณวูฟ”



                “หัดก้าวขาให้มันยาว ๆ บ้างสิ จะได้เดินตามทัน” ปากของเขาพูดอย่างนั้นแต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาเดินช้าลงจนผมเดินตามทัน...เอ๊ะ หรือจริง ๆ แล้วผมเดินเร็วขึ้น...











...

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^  :mew1: :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.3| 27/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-09-2017 12:09:16
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.3| 27/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: Petalkiss ที่ 28-09-2017 00:49:20
มาแล้วว คุณวูฟนี่ก็แอบซึนนะคะเนี่ย ทำเป็นเกรี้ยวกราด 5555
อยากเห็นตอนฮีต อยากเห็นคุณวูฟคลั่งไคล้ในตัวลู้ดี้มากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.3| 27/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: Midorima ที่ 28-09-2017 01:10:18
พ่อคนซึนก็ยังซึนเสมอต้นเสมอปลายนะ 555555  มาจิ้มให้กำลังใจจ้า  :z13:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.3| 27/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 28-09-2017 12:48:15
ปักธงรอ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.4| 29/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 29-09-2017 19:09:24
ตอนที่ 4
[/b]



                [พาร์ตของลูดี้]




                คืนนี้ผมรู้สึกว่านอนไม่สบายตัวเลยสักนิด มันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ...แต่ผมก็พยายามที่จะข่มตานอนให้หลับ มันกลับไม่ง่ายเลย ผมนอนไม่หลับ...ผมเหลือบมองร่างสูงที่คาดว่าน่าจะหลับไปแล้ว หนังสือที่วูฟเอาไปกองไว้ตรงหัวเตียงของเขาชวนให้ผมอยากอ่านมาก อย่างน้อยเอามาอ่านไปพลาง ๆ อาจจะเผลอหลับไปก็ได้ เมื่อคิดแบบนั้นผมก็เลยว่าจะเอื้อมมือไปหยิบแต่ก็ชะงักกึก เมื่อร่างสูงหันตะแคงข้างมาทางผม แววตาคมเข้มประสานกับสายตาของผมทันที



                เฮือก เขายังไม่นอนนี่นา... เห็นเงียบไปรึว่านอนแล้ว



                “ทำไมยังไม่นอนอีก จะเอาอะไร อ่านหนังสือเหรอ?” เขาถามเหมือนรู้ทัน ผมพยักหน้า



                “ครับ พอดีผมนอนไม่หลับ...แต่จะนอนแล้วล่ะครับ” ผมบอกแต่ก็ต้องทำหน้าแปลกใจกับหนังสือที่เขายื่นลงมาให้ข้างเตียงที่ผมนอนอยู่ เอ๋...  “เอาไปสิ! จะอ่านไหม” เสียงเข้มดังขึ้นกว่าเดิมนิด ๆ ทำให้ผมรีบหยิบหนังสือมาจากเขา



                “เอาครับ เอา...ขอบคุณนะครับ” ผมรับมาเปิดอ่านเงียบ ๆ และรู้สึกว่าสายตาของร่างสูงกำลังมองผมอยู่ ตาของผมอ่านตัวหนังสือแต่กลับไม่รู้เรื่องเลย...ผมมองหน้าวูฟกลับ เขาก็เปลี่ยนไปนอนหงายแทน



                “วันนี้นายทำอะไรตอนอยู่บ้านบ้างล่ะ” เขาถามขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปสักพัก ผมที่นอนหงายเปิดหนังสือดูอยู่ก็ยิ้มนิด ๆ



                “ผมไปล้าง...” ผมจะพูดก็เบรกตัวเองไว้ เพราะกำลังคิดว่าถ้าพูดไปวูฟจะโกรธขึ้นมารึเปล่า แต่ร่างสูงก็หันขวับมาทางผมทันที



                “นายบอกว่านายทำอะไรบ้างนะวันนี้!!...ฉันถาม” พอเจอน้ำเสียงแบบนี้ทีไร ทำเอาผมแอบตกใจทุกที ก็มันฟังดูโหดยังไงไม่รู้



                “ผมไปล้างจานมาครับ”



                “ฮะ! ล้างจาน? ใครใช้ให้นายไปทำงานแบบนั้น ฉันเพิ่งสั่งอยู่ว่าให้นายอยู่ในบ้านทำอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ให้ไปทำงานบ้าน!!” วูฟเริ่มอารมณ์ดุขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วเมื่อเช้าทานข้าวต้มอีกชามหมดรึเปล่า”



                “หมดอยู่ครับ” เมื่อเช้าผมทานหมดจริง ๆ เพราะมันอร่อยมาก... วูฟหันมามองผมนิด ๆ และสั่งกำชับขึ้นมา



                “อย่าให้ฉันรู้ว่านายไปทำงานบ้านอีก นายก็รู้ว่านายเป็นคู่ของฉันแล้ว อย่างน้อยก็รักษาหน้าตาของตระกูลบ้าง อ้อ...พรุ่งนี้ตอนเย็นจะมีงานเลี้ยง นายเองก็ต้องไปเปิดตัวออกงานคู่กับฉันด้วย เตรียมตัวไว้ให้พร้อมด้วยล่ะ...”



                “ครับผมทราบแล้ว” ผมพยักหน้า  “เออ คุณวูฟครับคือว่า...ผมจะขออะไรคุณหน่อยได้ไหม”



                “ขออะไร?” เขาตอบกลับทันควัน



                “ยาคุมฮีทของผมหมดแล้ว ผมจะขอออกไปซื้อเองได้ไหม” ผมลองขอดู ตอนแรกก็จะฝากลูกน้องของเขานั่นแหละ แต่ก็อยากลองขอดูก่อนเผื่อว่าวูฟจะให้ผมออกไปเองได้ แต่ผลที่ได้ก็พอจะรู้....



                “ไม่!...ฉันไม่ให้นายออกไป อยากได้อะไรก็บอกลูกน้องฝ่ายที่ดูแลไป อ้อ อีกอย่างหนึ่ง นายกินยาคุมฮีทราคาถูกที่สุดนี่มานานเท่าไหร่แล้ว” วูฟปฏิเสธพร้อมกับยิงคำถามมาด้วย ผมเลิกคิ้ว จริงอยู่ครับที่ยาคุมฮีทที่ผมซื้อมาราคาถูกที่สุด คุณภาพของมันก็ต่ำมาก แต่มันก็ลดอาการฮีทได้ผลอยู่



                “ก็ตั้งแต่เริ่มมีอาการฮีทขึ้นมาแหละครับ ตอน 18 ปี”



                “ตอนนี้นาย 20 ปีสินะ...ฉันจะเป็นคนไปสั่งยาคุมฮีทมาให้เอง ขืนกินแบบนี้ต่อไปมีหวังร่างกายนายจะแย่แน่ ๆ ถ้ากินยาคุมคุณภาพต่ำแบบนี้ต่อไป...ไม่มียาเหลือแล้วใช่ไหมชุดที่นายชอบซื้อกิน?”



                “ครับไม่เหลือแล้ว...” ผมพยักหน้าหงึก ๆ อีกที



                “อืม รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอาชุดมาให้นายลอง มันเป็นงานกะทันหัน ฉันก็เพิ่งรู้ตอนออกไปทำงานนั่นแหละ” วูฟพูดแค่นั้น ก่อนที่ผมกับเขาจะหลับกันไปทั้งคู่ แปลกตรงที่พอผมได้คุยกับวูฟเพลิน ๆ แล้ว ผมก็หลับไปอย่างง่ายดาย...



                รุ่งเช้า



                ผมกำลังถูกจับลองชุดใหม่ ๆ อยู่ ความจริงเกรงใจชุดมากเลยครับ คือมันใหม่จนผมไม่กล้าใส่ แต่ก็จำเป็นต้องใส่เพราะวันนี้อย่างที่บอก ผมต้องไปออกงานคู่กับวูฟ...งานเลี้ยงที่ผมไม่เคยไปเลยสักครั้งในชีวิต ที่มันมีของกินเยอะ ๆ คนใส่ชุดสวย ๆ ผมสามารถเข้าไปในที่แบบนั้นได้จริงเหรอ? ผมอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินยาว ที่คอของผมก็สวมปลอกคอกำมะหยี่สีแดงบ่งบอกฐานะของผม



                “เป็นยังไงบ้างคะ? ชุดนี้พอดีตัวรึเปล่า” สาวใช้ที่ถูกจ้างมาจัดแจงเสื้อผ้าให้ผมถามขึ้น



                “ครับ ผมชอบมันมากเลย ขอบคุณนะครับ” ผมโค้ง เธอเลยยิ้มและโค้งกลับคืนมา ผมเดินออกมาจากห้องน้ำที่เพิ่งเข้าไปใส่เสื้อมา ก็เจอร่างสูงที่อยู่ในชุดสูทเต็มยศ เขาหล่อมาก ใบหน้าคมกับผมที่ถูกเซ็ทเรียบร้อย



                ผมไม่ได้ชมเขา แต่พูดความจริงว่า เขาหล่อเพอร์เฟคมากจริง ๆ วูฟเงยหน้ามองผมอึ้งนิดหน่อย แต่ก็ยังคงใบหน้านิ่งเรียบเฉย เขาพับหนังสือพิมพ์ในมือเก็บก่อนจะหยิบจดหมายสีขาว ๆ มายื่นให้ผม



                “ครอบครัวนายส่งจดหมายมา” ได้ยินแค่นั้น ผมก็ถึงกับยิ้มกว้างและรับมาเปิดดู



                “จริงเหรอครับ...” ผมจะนั่งลงตรงโซฟาตรงข้าม แต่ก็ถูกมือหนาฉุดให้ไปนั่งตรงโซฟาที่เดียวกับเขาซะก่อน



                “อ๊ะ...”



                “นั่งตรงนี้” เขาสั่ง ผมก็เลยได้ไปนั่งอยู่ข้างเขา... ผมเปิดจดหมายดูก็พบข้อความจากครอบครัวของผมว่า พวกเขาได้รับเงินแล้ว...ผมทำหน้าเศร้าลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นข้อความท้ายสุดว่า ให้ผมขอเงินแบบนี้มาจากวูฟอีก...



                ผมจะไปขอเงินจากวูฟอีกได้ยังไง...ร่างสูงที่นั่งข้างผมเองก็เหลือบมองข้อความในจดหมายที่เห็นชัดเจน เขาหัวเราะในลำคอ



                “หึ ครอบครัวนายนี่ก็แปลกชะมัด ดูท่าทางเขาจะรักนายเหลือเกินนะ” เขาพูดประชด ผมเก็บจดหมายก่อนจะยิ้มบาง ๆ



                “ครับ พวกเขารักผม...อย่างน้อยพวกเขาก็เลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็ก ๆ” ผมสะดุ้งเมื่อวูฟลุกขึ้นพรึบ



                “ฉันไม่ชอบพวกที่ยิ้มฝืน ๆ ทั้งที่ตัวเองก็ยังทรมานอยู่!”



                “เดี๋ยวครับ คุณวูฟ คุณจะไปไหน” ผมรีบลุกเดินตามร่างสูงที่เดินออกไปจากห้อง



                “ฉันจะไปเดินเล่น! ตามมาทำไม?” เขาทำท่าหงุดหงิดเล็กน้อยที่เห็นผมยังคงวิ่งตามเขา



                ตึก ตึก ตึก...เสียงฝีเท้าของผมกำลังวิ่งตามเขาที่เดินก้าวยาว ก้าวเร็วมาก  ผมมัวแต่วิ่งจนไม่ทันได้ดูว่าวูฟหยุดเดิน ก็เลยเป็นเหตุให้ผมชนกับหลังของเขาเต็ม ๆ



                ตุบ!



                “เฮ้! ให้ตายเหอะ นายนี่มัน...มัวแต่วิ่งอะไรอยู่ได้ ดูทางบ้างสิ!” ผมลูบจมูกปอย ๆ พร้อมยิ้มแห้ง



                “ขอโทษทีครับ ก็ไม่รู้ว่าคุณจะหยุดเดินนี่นา...” วูฟทำหน้าเอือมนิดหน่อย แล้วเดินนำเข้าไปในสวนนั่งเล่นส่วนตัว



                ส่วนผมก็เดินตามและระหว่างนั้น ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของโอเมก้าที่มาคัดเลือกตัววันนั้นด้วย ดูเหมือนพวกเขาจะถูกท่านทูตซื้อตัวต่อไป



                “ดูสิ นายน้อยวูฟไม่เห็นจะสนใจเลย อีกไม่นานก็คงจะโดนเขี่ยทิ้งแน่ ๆ” พวกเขาพูดกันลอย ๆ แต่แน่นอนว่าก็ต้องจงใจให้ผมได้ยินอยู่แล้ว ส่วนวูฟไม่ได้ยินหรอกครับเพราะเขาเดินเข้าไปในสวนนั่งเล่นแล้ว



                “ใช่ ๆ ถ้าไม่มีทายาทให้ ก็คงจะโดนทิ้งขว้างอยู่แล้วล่ะ” ผมเลือกที่จะไม่สนใจและรีบเดินเข้าไปตามวูฟ



                “เดินชักช้าจริง? บอกให้ก้าวยาว ๆ ไง” เสียงเข้มทัก พอเข้ามาในโดมแก้วเล็ก ๆ ผมก็ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ปลูก สดชื่นมาก ร่างสูงที่นั่งอยู่เก้าอี้เลิกคิ้วมองผมงง ๆ คงเห็นผมมองอย่างสนอกสนใจเกินหน้าเกินหน้าล่ะมั้ง...



                “นายจะยืนอยู่อีกนานไหม มานั่งนี่” เขาสั่งอีกรอบ ผมกับเขานั่งดูดอกไม้ที่อยู่ในโดมนี้ด้วยกันไปพลาง ๆ รอเวลาไปงานเลี้ยงตอนเย็นน่ะครับ เราแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลยด้วยซ้ำ วูฟนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ส่วนผมแอบมองหน้าเขาเงียบ ๆ



                และผมก็ได้รับรู้ว่า...ดอกไม้ที่ปลูกอยู่ในโดมแก้ว วูฟเขาเป็นคนปลูกเอง...ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะปลูกมันเอง ผมอึ้งมากตอนที่เขาบอก...



                |งานเลี้ยงพบปะ|



                นี่คือครั้งแรก...



                ครั้งแรกที่ผมมางานเลี้ยงแบบนี้ โอ้พระเจ้า...คนเยอะมากครับ ในงานเลี้ยงมีผู้คนมากมายแถมส่วนมากยังเป็นพวกตระกูลดัง ที่รู้จักกับตระกูลเฮอร์คิวอีกด้วย ตอนนี้ผมเริ่มอยู่ในอาการเกร็งเพราะผมเดินเข้ามาพร้อมกับวูฟ ทายาทผู้นำอัลฟา แถมปลอกคอสีแดงกำมะหยี่ของเขาที่อยู่บนคอผม ก็พอจะบ่งบอกว่าผมเป็นคู่ที่ร่างสูงเลือกมาแล้ว



                พวกกล้องกับสำนักข่าวก็พากันมาขอถ่ายรูปจนผมงงกับแสงแฟลชกล้องไปหมด ใบหน้าของวูฟก็เรียบเฉยไม่บ่งบอกอาการอะไร คนแทบทั้งงานรู้จักวูฟกันหมด เวลาเดินไปไหนผมก็ผงกหัวโค้งคนที่เข้ามาทักร่างสูงไปด้วย



                “ไปหาอะไรกินแถวนู่นไป” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น ผมเลยพยักหน้าเพราะเขาคงจะไปคุยกับพวกท่านทูตฝ่ายต่าง ๆ ที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก ผมไม่ไปเกะกะขวางทางเขาหรอกครับ



                “ครับ..” ผมจะเดินออกไปแต่ก็โดนมือหนาดึงแขนไว้



                “ห้ามนายออกไปไกลจากบริเวณงานนี้ เข้าใจไหม” เสียงเข้มก้มหน้าลงมากระซิบข้างใบหูของผม...



                “ทราบแล้วครับ” ผมรู้สึกว่าหูมันร้อนวูบยังไงก็ไม่รู้แฮะ... ผมหมุนตัวเดินไปที่มุมอาหารแบบกล้า ๆ กลัว ๆ คือมันเยอะมาก ทั้งของคาวและของหวาน จนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว พวกนี้มันหยิบกินได้รึเปล่า



                “คุณลูดี้ สนใจชิ้นไหนหยิบได้เลยนะคะ หรืออยากได้อาหารใหม่ ๆ สั่งทางเราได้นะคะ” จู่ ๆ พนักงานโรงแรมที่จัดงานเลี้ยงก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ผมเลยยิ้มกลับ แอบเกร็งทำตัวไม่ถูก...พวกเขาคงพูดดีกับผมเพราะผมอยู่ในฐานะคู่ของวูฟ



                “ขอบคุณครับ...”  ผมเลือกตักขนมไปกินเล่นรอวูฟที่คุยงานอยู่ ระหว่างที่ผมกำลังกินอยู่ก็เห็นพวกคนที่เดินเข้ามาอีก รู้สึกจะเป็นอีกตระกูลหนึ่งที่ดังอยู่พอสมควร แต่ผมเคยได้ยินข่าวมาว่าไม่ถูกกันกับตระกูลเฮอร์คิวของวูฟ



                “นั่นมันตระกูลมาวินนี่...เห็นเขาว่าไม่ถูกกันกับตระกูลเฮอร์คิว” คนที่อยู่ข้างผมซุบซิบนินทากับเพื่อนจนผมได้ยิน



                “ก็ตระกูลเฮอร์คิวเป็นตระกูลดังกว่า แถมนายน้อยวูฟ ยังได้เลือกเป็นทายาทผู้นำอัลฟาด้วย จะไม่ให้หมั่นไส้กันได้ยังไงล่ะ...” พวกเธอยังคงซุบซิบ ผมมองหัวหน้าแก๊งค์ของมาวิน เป็นผู้ชายวัยกลางคนเผลอ ๆ น่าจะอายุเท่าพ่อของวูฟด้วยซ้ำ แค่เดินมาก็เหมือนจะมาหาเรื่องคนอื่นแล้ว...



                บรรยากาศการเผชิญหน้าของสองตระกูล ขนาดผมที่ยืนอยู่ไกล ๆ ยังรับรู้เลยว่ามันมาคุ แม้จะไม่ได้พูดจาอะไรกัน แต่ไอของบรรยากาศทำให้ผมรู้สึกได้ครับ... ผมละสายตาไปมองขนมหวานแทนเพราะมันส่งกลิ่นหอมมาก ผมไม่ได้เห็นแก่กินนะ แฮะ ๆ... ผมไม่รู้ว่าตัวเองยืนกินไปนานมากแค่ไหน แต่ร่างสูงก็มายืนหยุดอยู่ตรงหน้าของผมซะแล้ว



                “ชอบขนาดนั้นให้คนเอากลับไปให้ที่บ้านด้วยเลยไหม?” เสียงของเขาทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองวูฟที่ยืนดูขนมหวานที่ผมจิ้มมากิน มันเรียกว่าทองหยิบทองหยอดน่ะครับ อร่อยมากเลย ผมชอบ...ขนมชั้นใบเตยก็อร่อย



                “คุณวูฟทานไหมครับ?” ผมชวนและจะจิ้มให้เขาด้วย แต่ร่างสูงกลับจับมันออกจากมือผมแล้ววางลง อ้าว...ผมยังกินไม่หมดเลย



                “ฉันไม่กิน ได้เวลากลับแล้ว มากับฉัน” เขาลากแขนของผมเดินออกไปจากงานทันที



                “เดี๋ยวสิครับ ช้า ๆ หน่อย ผมเดินไม่ทัน โอ๊ะ...” ผมสะดุดขาตัวเองล้มปุลงกับพื้น ตุบ...วูฟหันมามองผมงง ๆ



                “อะไรของนาย เดินประสาอะไรให้มันล้มเนี่ย!?” ก็เขาดึงเองไม่ใช่รึไงล่ะ!! ผมลุกขึ้นปัดเข่าของตัวเองเล็กน้อย



                “ก็คุณเดินเร็วนี่ครับ จะรีบไปไหนกัน”



                “จะกลับบ้าน ฉันร้อน อารมณ์ไม่ดี!” เสียงเข้มคลายเนคไทแน่น ๆ ออกจากคอของตัวเองแล้วเดินกลับไปที่รถ          ไม่ทราบว่าเขาไปอารมณ์ไม่ดีมาจากไหนกัน! ระหว่างที่เข้ามาในรถ หน้าตาของวูฟก็ดูนิ่งมาก จนผมไม่กล้าที่จะเข้าไปนั่งใกล้เลยด้วยซ้ำ ผมอยู่อีกมุม เขาอยู่อีกมุม



                “คุณวูฟครับ เรื่องที่คุณให้ผมไปสืบมาได้เรื่องแล้วนะครับ” ลูกน้องของเขาตรงเบาะข้างคนขับบอกขึ้น วูฟเหลือบมามองผมนิด ๆ ก่อนผมจะสะดุ้งเมื่อเขาดึงแขนผมให้เซไปตรงตักของเขา โอ๊ย...ดึงไปดึงมาอยู่ได้ เจ็บนะ!



                “อะไรครับ...”



                “ปิดหู” เขาพูด ผมก็เลิกคิ้วงงน่ะสิ! ปิดหูอะไร? แต่ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากถาม เขาก็เอามือมาปิดหูของผมสองข้างไว้         



                “อ๊ะ เดี๋ยวครับ ทำไมต้องปิดด้วย” ผมขืนตัวออกก็ชะงักกับแววตาคมที่จ้อง



                “ฉันจะคุยธุระ เงียบได้ไหม” เขาบอกแค่นั้นและเอามือปิดหูของผมไว้ด้วยสองมือของเขา ผมไม่ได้ยินอะไรเลย    ผมได้แต่ซบอยู่ตรงไหล่ของเขา...ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะซบแต่จะให้ผมไปจ้องหน้าเขารึไงเล่า...คุยอะไรกันทำไมต้องเอามือมาปิดหูของผมด้วย...



                ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่มือหนาของวูฟปิดหูของผมแบบแน่นมาก เงียบสนิทจนไม่ได้ยินอะไรเลย...



                เมื่อกลับมาถึงบ้านร่างสูงก็เดินลิ่ว ๆ หายไปเข้าไปในห้องน้ำ บ่งบอกว่าเขาร้อนมากจริง ๆ ผมกำลังจะไปหาชุดของตัวเองมาเตรียมไปอาบน้ำต่อจากเขา จะว่าไปแล้ว...ผมยังไม่ได้ยากันฮีทจากวูฟเลยนี่นา ไหนเขาบอกจะให้คนไปซื้อมาให้ผมยังไงล่ะ ผมนับนิ้วของตัวเองดูว่ามันผ่านมากี่วันแล้ว ปกติผมจะมีฮีทแถว ๆ วันนี้...ระหว่างที่กำลังนับนิ้วอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงเคาะประตูทำให้ผมเดินไปเปิดดู ก็เจอลูกน้องของวูฟยื่นกล่องขนมมาให้ผม



                “นายน้อยฝากมาให้คุณลูดี้ครับ..” เขายื่นให้ผมและเดินออกไป ผมมองของที่อยู่ในมืองง ๆ มันคือ...ขนมชั้นใบเตยครับ ว้าว...กล่องใหญ่ด้วย ผมยิ้มกว้างปิดประตูแล้ววางไว้บนโต๊ะตรงโซฟา เขาให้คนไปเอามาให้ผมกินจริง ๆ เหรอ



                ต้องขอบคุณเขาซะหน่อยแล้วล่ะ...กลิ่นมันหอมน่ากินมาก



                ผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอนก่อนจะชะงักกึก...ตึก! เฮือก...ความรู้สึกร้อนวูบ อึดอัด มันเป็นความรู้สึกที่ผมคุ้นเคยดี เวลามันเกิดขึ้น



                “แฮ่ก...แย่แล้ว” ร่างกายที่เริ่มตอบสนองขึ้นมากะทันหันทำให้ผมเอามือไปวางไว้ตรงโต๊ะที่มีแจกันวางอยู่อย่างไม่ทันระวัง จนมันล้มลง



                เพล้ง!!



                “อ๊ะ!...” ผมล้มลงไปพร้อม ๆ กับแจกันที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ร้อน...ความรู้สึกต้องการกำลังเริ่มเข้าครอบงำผม           ผมกำลังพยายามหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเบิกตากว้างกับประตูห้องน้ำที่เปิดออกมา



                “ทำเสียงดังอะไรของนาย...อึก อะไร..” ผมมองหน้าวูฟพร้อมกับความรู้สึกที่มันมากขึ้น ราวกับว่ากลิ่นของผมกับเขากำลังเรียกหากัน ผมมองเขาที่ชะงักไปเหมือนกันและเขาก็พยายามเอามือปิดจมูก....



                “นี่นายฮีทขึ้นเหรอลูดี้! บ้าเอ๊ย ฉันลืมเรื่องยาไปเลย” วูฟที่อยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวต่ำและเขาหายใจหอบนิด ๆ



                “แฮ่ก คุณวูฟ....” ผมเรียก...เรียกชื่อเขาทำไมกัน ไม่รู้สิครับ แต่ปกติเวลาที่ผมฮีทขึ้นแบบนี้ผมจะอยู่ในบ้าน กินยาคุมไว้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ได้กินยาดักไว้ บวกกับอยู่ต่อหน้าอัลฟา...



                วูฟรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์ เขากดโทรออกหาใครไม่รู้ แต่ที่รู้คือ...ผมกำลังลุกเดินไปสวมกอดเขาจากด้านหลัง  แผ่นหลังกว้าง...อบอุ่นมาก



                “เฮ้ย ทำอะไรของนาย!!...ปะ ปล่อย...” เขาจับไหล่ของผมออกห่างจากเขา



                “คุณวูฟ...แฮ่ก ผม..” ผมร้อน...ผมกำลังรู้สึกว่าสติเริ่มหายไปช้า ๆ ผมได้ยินเสียงของร่างสูงสบถอย่างหัวเสียสุด ๆ แถมเขายังหายใจหอบเหมือนผมอีก ทำไมล่ะครับ...ก็ไหนบอกว่าวูฟมีภูมิต้านทาน...



                “บอกลูกน้องทุกคนออกไปจากบ้านฉันให้หมด! ตอนนี้  ออกไป!” ผมเห็นเขาพูดในโทรศัพท์แค่นั้น ก่อนผมจะสะดุ้งเฮือกพร้อมกับความรู้สึกร้อนวูบวาบ



                “โถ่วเว้ย!!...นายมานี่เลย!...ฉันผิดเองแหละที่ลืมหายามาให้นาย” ผมถูกอุ้มลอยขึ้นและทิ้งลงเตียง พรึบ!



                ผมกำลังรับรู้ว่าฟีโรโมนของผมกำลังถูกปล่อยออกมา จนผมเริ่มเวียนหัวสมองขาวโพลนไปหมด...ทำไมครั้งนี้มันรุนแรง คงเพราะไม่ได้กินยาไว้...



                “ขอโทษครับ ผมไม่ย้ำให้คุณซื้อมาฝากเอง...อ๊ะ!!!...” มือหนาเอามือมาค้ำระหว่างผมไว้ เขากำลังกำมือแน่น     ผมสบตาเขาตรง ๆ มือของผมเอื้อมไปดึงเสื้อของเขา



                “คุณวูฟ...ผมขอโทษ ปล่อยผมไว้นี่...” ผมเรียกแค่นั้นก็ทำให้ร่างสูงสบถด้วยความไม่เข้าใจ



                “อะไรของนายกัน ทำไมฉันถึงได้กลิ่นนายขนาดนี้...กลิ่นโคตรหอม...”  แปลกไหมครับแค่คำพูดเดียวของเขาก็สามารถทำให้ผมยิ้มได้...เขาบอกว่าผมหอม ก่อนผมจะเบิกตากว้างอีกรอบเมื่อมือหนากระชากเสื้อของผมออก



                “ฮะ แฮ่ก...คุณวูฟไหนคุณบอกจะไม่ทำ...” ปากบอกแบบนั้นแต่มือของผมดันไปรั้งร่างสูงไว้ ร่างกายตอบสนองรุนแรงขึ้น



                “ไม่รู้...ฉันไม่เคยเป็น! ทั้ง ๆ ที่ฉันต้านต่อโอเมก้าได้ แต่ทำไมกับนาย...” เขาบอกออกมาด้วยความสับสน ผมเริ่มเบลอกับร่างสูงที่อยู่ใกล้ผมมาก



                คำว่าต้องการกำลังครอบงำผม...



                ผมเอื้อมมือไปโอบรอบคอของวูฟที่กำลังพยายามต่อต้านให้ถึงที่สุด แต่ผมเหลือบไปเห็นว่าเขากำลังมีอารมณ์... ผมเองก็มีเหมือนกัน หากชีวิตนี้ผมถูกเลือกมาเป็นคู่ของเขาแล้ว...ก็คงไม่มีทางเลือกที่จะเลี่ยงได้...



                “แฮ่ก...ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้งั้นเรามาทำพันธะร่วมกันไหมล่ะครับ...ผมยอมให้คุณกอด” คราวนี้วูฟเองเป็นฝ่ายตาโตนิด ๆ



                “ทำไมนายถึง...”



                “เพราะเป็นคุณ ผมเชื่อ...ว่าคุณจะไม่โหดร้ายและรุนแรงกับผม...” ผมไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป และไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจไป จะทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปจากเดิมตลอดกาล....









.................................................................................................

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^  :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4: :กอด1: :mew1:

​ถ้าเวลาฮีทขึ้นมันก็ค่อนข้างห้ามยากเเหละเนอะ 555555 ขึ้นอยู่กับวูฟเเล้วล่ะค่ะ จะห้ามตัวเองไหวไหม ><
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.4| 29/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: fahtallll ที่ 29-09-2017 20:31:38
ฮื้ออออ อ  :ruready
อยากอ่านต่อเลยอ่าาาา า
ติดตามนะคะ ชอบมากๆเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.4| 29/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: Midorima ที่ 30-09-2017 02:20:02
ฮือออ ทั้งลูดี้ทั้งวูฟกำลังทรมานกันเพราะฮีท ส่วนเราก็ทรมานเพราะค้าง  :sad4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.4| 29/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-09-2017 05:05:49
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.4| 29/09/2560 อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-09-2017 08:31:03
ลูดี้เป็นฮีทซะแล้ว~
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.5 NC| 30/09/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 30-09-2017 20:10:13
ตอนที่ 5



                [พาร์ตของลูดี้]



                “นายนี่มันประหลาดจริง ๆ...” เสียงเข้มของวูฟกำลังแหบพร่า กลิ่นที่เริ่มฟุ้งกระจายเต็มห้องอบอวลไปหมด            จนร่างกายของผมร้อนจนแทบจะละลาย



                “คุณวูฟ...แฮ่ก ผมต้องการ...” คำพูดคำเดียวของผมที่เรียกร้องทำให้สัญชาตญาณที่ร่างสูงควรจะคุมได้ ขาดลงในทันที ผมสะดุ้งเฮือก...



                แควก!!   แรงกระชากเสื้อผ้าขาดออกด้วยน้ำมือหนาของคนตรงหน้า ผมมองวูฟที่ก้มลงมาจูบปิดปากของผมอย่างรุนแรง พร้อมกับร่างกายที่เริ่มเสียดสีกันไปมา ริมฝีปากหนาเริ่มไล่ต่ำลงไปเหมือนกระหาย



                เสียงกระเส่าดังเป็นระยะ ปลุกสัญชาตญาณอย่างง่ายดายให้ลุกโชน



                “อ๊ะ!! คุณวูฟ...อื้อออ”



                “กลิ่นน่ารำคาญชะมัด....อึก มันคืออะไรกันความรู้สึกนี้...” ผมยังคงหายใจหอบถี่ รอยจูบกำลังถูกฝังลึกไปทั่วตัวของผม ก่อนผมจะเบิกตากว้าง



                “อ๊ะ!! อื้อออ...คุณวูฟ...เดี๋ยวครับ” ขาเรียวของผมถูกแยกออกช้า ๆ แก่นกายตรงหนาเป็นอะไรที่ผมเห็นมาแล้ว    แต่ไม่คิดว่ามันจะเข้ามาได้!! ไม่ทันที่ผมจะทักท้วงอะไร ผมก็ถูกครอบครองโดยคนตรงหน้าอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการเตรียมตัว ไม่มีการเตรียมใจ แต่เขากลับใส่เข้ามาทั้งหมดในทีเดียว



                สวบ!!!



                เจ็บมาก แต่ภายในของผมกลับเรียกร้องเขา รู้สึกดีกับสัมผัสเจ็บ ๆ นี้...



                จุดสัมผัสของเขาทำให้ผมเสียววูบวาบ....



                “ฮึ่มมมม...นาย อืมมม” เขาออกแรงขยับเข้าหาตัวผมอย่างรุนแรงพอสมควร



                “อ๊า!!!....อ๊ะ อื้อออ....อา คุณวูฟ...แฮ่ก อา...” ผมยังคงหายใจหอบแฮ่ก ร่างกายโอนเอนไปตามแรงของวูฟ ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรมากมายแต่กลับจูบไปทั่วตัวของผม ปลอกคอสีแดงที่ผมใส่อยู่กำลังหลุดออกจากคอของผม



                แววตาคมเข้มกำลังหายใจถี่....พร้อมกับจ้องมองหลังคอของผม



                “อ๊ะ อื้อออ....ฮะ คุณวูฟ...ผมต้องการคุณอีก...” ผมบอกคำหน้าอายออกไป แต่ในเวลาแบบนี้ ผมไม่ได้คิดหรอกครับว่าพูดอะไรออกไป รู้แค่ว่าเขาดีมาก....



                ผมรู้สึกผ่อนคลาย....



                “ชี๊ดดดด....อืมมม นายยอมฉันเองนะ....” เสียงเข้มแหบพร่า ผมที่เปลี่ยนท่านอนตะแคงยังคงถูกร่างสูงตรงหน้ากระทำอย่างต่อเนื่อง ก่อนผมจะรับรู้ถึงความรู้สึกชาวาบ...



                กึก...ฟันคม ๆ ก้มลงมากัดหลังคอของผม



                “อ๊ะ!! อึก...คุณวูฟ อ๊า อา....” กลิ่นเลือดคาว ๆ กำลังลอยอบอวลแข่งกับกลิ่นหอมเย้ายวนที่ผมปล่อยออกมา   เลือดค่อย ๆ ไหลออกมาจากช่องทางรักของผม



                “อื้อออ...ผมเจ็บ ฮะ แฮ่ก...”



                “ฉันหยุดไม่ได้...ปล่อยไม่ได้ แฮ่ก....” ผมพยายามยกมือกอดคอของเขาด้วยมือสั่นเทา น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย เจ็บมาก เจ็บปวด แต่ผมก็รู้ว่าเราหยุดไม่ได้ ความต้องการถ้ามันไม่หมด...วูฟก็หยุดไม่ได้ ผมเองก็หยุดไม่ได้



                “ไม่เป็นไรครับ...ทำเถอะ ฮะ อ๊า!!!!!......” ผมสะดุ้งเมื่อร่างสูงยังคงออกแรงขยับถี่ไม่ยอมลดกำลังลงเลย สติของผมเริ่มละลายหายไปช้า ๆ



                ความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามาเป็นระยะ มันเจ็บจนผมเริ่มจะรับไม่ไหว...วูฟเขาโดนกลิ่นของผมเข้าครอบงำ เพราะอะไรกันเขาที่มีภูมิต้านทานโอเมก้า...แต่พอมาเจอผมเขาถึงเป็นแบบนี้



                นั่นเป็นคำถามที่ผมอยากถามถ้าผมตื่นขึ้นมา....สติของผมกำลังดำดิ่งสู่ความมืด และผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกหลังจากรอบที่ 2 ผ่านไป...



                ที่ผ่านมาผมมักจะกินยาคุมเสมอ...ผมบริสุทธิ์ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้บริสุทธิ์แล้ว...ผมยกทั้งตัวของผมให้กับผู้ชายที่เลือกผมไปเป็นคู่ของเขาซะแล้ว วูฟ... ราวกับว่าผมอยู่ในความฝัน มันหวาน หอม รุนแรง....เจ็บปวดจนขยับร่างกายไม่ได้





                ผมค่อย ๆ ฝืนลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของคนพูดกัน ผมบรือตามองเพดานห้องที่ผมเพิ่งจะเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่วันเอง



                “หนูลูดี้ฟื้นแล้วเหรอคะ เป็นยังไงบ้าง” แม่ของวูฟนั่งอยู่ข้างเตียงเอามือมาอังหน้าผากของผมไว้...ส่วนวูฟก็ยืนอยู่ข้าง ๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?



                “ผมเป็นอะไรเหรอครับ?” ผมถามงง ๆ เหมือนหัวสมองยังไม่ได้เรียบเรียงเหตุการณ์ ผมกำลังจะลุกก็ชาไปหมด...ช่วงล่างชา ภาพเหตุการณ์ลาง ๆ ก็เด่นชัดขึ้นมาทีละนิด



                วูฟกับผม...เมื่อวานเราสองคน...



                ผมเอามือจับคอของตัวเองที่โดนเขากัด วูฟมองหน้าผมแล้วหันไปมองพ่อของเขาที่ยืนอยู่ข้างกัน



                “ลูดี้ก็ตื่นแล้ว ทีนี้พ่อจะพูดได้รึยัง ว่าทำไมผมถึงคุมตัวเองไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ผมต่อต้านโอเมก้าได้...” วูฟยิงคำถาม ซึ่งผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ผมพยายามจะลุกขึ้นนั่ง แม่ของวูฟก็เลยช่วยพยุง แต่ผมก็สะดุ้งกับเสียงดุของวูฟ



                “จะลุกขึ้นมาทำไมเล่า!”



                “วูฟ อย่ามาดุลูดี้ของแม่นะ!”



                “แม่..โอ๊ย โอ๋กันจริง ผมก็แค่ไม่อยากให้เขาเจ็บไง...ลุกไม่ไหวยังจะลุก” เขาว่า ผมเลยก้มหน้างุดนั่งพิงขอบเตียง



                “เอ๊ะแกนี่! อย่าไปสนใจวูฟเลยนะจ๊ะลูดี้ คุณพูดเถอะค่ะ ยังไงวูฟก็ต้องรู้” แม่ของวูฟกล่าว ผมเลยมองหน้าพ่อของวูฟเช่นเดียวกับร่างสูงที่ตั้งใจฟังเหมือนกัน



                เรื่องอะไรงั้นเหรอครับ...



                “คือว่า รู้จักเรื่องคู่แห่งโชคชะตารึเปล่า” พ่อของวูฟเปิดประเด็น ผมตาโตนิด ๆ



                “รู้จักครับ / ไม่รู้จัก” ผมกับร่างสูงตอบพร้อมกันแต่กลับเป็นคนละคำตอบ เขาเหลือบมามองผม ก็แหงล่ะ...เขาไม่เชื่อว่ารักแท้มีจริง แล้วคู่แห่งโชคชะตาเขาจะไปรู้จักได้ยังไง!



                “แล้วทำไมครับ มันเกี่ยวอะไรกับคู่แห่งโชคชะตา?” ร่างสูงถามต่อ



                “มีตำนานว่ากันว่า เมื่อใดที่พบคู่แห่งโชคชะตา ก็จะมีแรงดึงดูดให้ทั้งคู่ถูกดึงเข้าหากัน จนไม่อาจที่จะแยกจากกันไปไหนได้อีก....



                “คนที่เป็นคู่ของกันและกัน จะไม่มีแรงต้านทานต่อฟีโรโมนที่ปล่อยออกมา...” พ่อของวูฟอธิบายจบ    พวกผมก็อึ้ง...เงียบ



                หมายความว่า...วูฟเป็นคู่แห่งโชคชะตาของผมเหรอ?



                “พ่อพูดเรื่องมั่วรึเปล่าเนี่ย” ร่างสูงยังไม่ยอมรับ



                “มั่วอะไร แกเองก็น่าจะรู้ความรู้สึกตอนที่อยู่กับลูดี้ได้นี่ ว่าแกต้องการขนาดไหน?” พ่อพูดซะผมที่นั่งอยู่หน้าร้อนวูบเชียวครับ วูฟเหลือบมามองผมก่อนจะทำหน้าไม่สบอารมณ์



                “แล้วยังไงครับทีนี้?”  เขายังคงถามต่อ



                “มันก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มากยังไงล่ะ น้อยครั้งนะ...ที่คนเราจะเจอคู่แห่งโชคชะตาของตัวเอง โดยที่เขาไม่ได้ไปสร้างพันธะกับใคร แต่ลูกกลับเจอคู่....แถมยังสร้างพันธะไว้ด้วยแล้วด้วย ลูกกัดลูดี้แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก” แม่ของวูฟพูดบ้าง แต่ดูท่าร่างสูงจะไม่ได้ยินดีเลยสักนิด



                ก็อย่างที่รู้กันดีว่าหากเขามีทายาทเมื่อไหร่ วูฟก็จะต้องขึ้นรับตำแหน่งผู้นำอัลฟาเต็มตัว ผู้ที่อยู่ห่วงโซ่อาหารใหญ่ที่สุด



                “เรื่องนี้คงต้องมีการประกาศให้ทุกคนรู้ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ให้ ส่วนแก วูฟ ทำหน้าที่ของแกให้ดีที่สุด พยายามมีทายาทให้เร็วที่สุด” พ่อของวูฟย้ำ ก่อนพวกท่านทั้งสองจะพากันเดินออกไปจากห้อง เหลือแค่ผมกับวูฟอยู่ในห้องนี้ด้วยบรรยากาศเงียบกริบ



                เวลาผ่านไปสักพักผมก็แอบสะดุ้งเมื่อร่างสูงเปิดผ้าห่มออก เฮือก...เขาเลิกคิ้ว



                “อะไรของนาย ทำไมต้องสะดุ้งทุกทีด้วยที่ฉันทำอะไรหรืออยู่ใกล้นาย กลัวฉันมากนักรึไง?” เขาถามเสียงเข้ม           ผมเลยส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว



                “เปล่านะครับ คือผม...ก็แค่สะดุ้งนิดหน่อย เวลาใจลอย”



                “จะใจลอยอะไรบ่อยกันนักกันหนา” เขาขึ้นมานั่งบนเตียงและเอาปลอกคอกำมะหยี่สีแดงที่อยู่ตรงลิ้นชักข้างเตียงออกมา ผมมองดูก็เห็นว่ามันมีสัญลักษณ์ชื่อของวูฟด้วย...อันที่ผมใส่ตอนแรกมันไม่มีตราสัญลักษณ์ครับ



                “อะไรเหรอครับ” ผมถามเมื่อเห็นเขากำลังเอามันมาสวมที่คอของผม วูฟทำหน้าเหมือนไม่อยากพูดมันสักเท่าไหร่แต่เขาก็จำเป็นต้องพูด



                “สัญลักษณ์ไง...” ผมเลิกคิ้ว   “สัญลักษณ์ว่านายคือของ ๆ ฉัน” พอพูดจบทุกอย่างก็กระจ่าง มันคือการผูกมัดนั่นเองครับ แม้จะไม่ใช่เพราะความเต็มใจของวูฟแต่เขาก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะเขากัดผมไปแล้ว ผมเองก็ไม่สามารถไปอยู่กับคนอื่นได้ และไม่สามารถทำเรื่องอย่างว่า....กับคนที่ไม่ใช่คู่ของผมอีก



                “เฮ้อ...ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่านายคือคู่แห่งโชคชะตา” เขาสวมปลอกคอให้ผมเสร็จก็ทิ้งตัวนอนลง ก่อนผมจะถูกดึงแขนให้นอนลงข้างร่างสูง



                พรึบ...



                “นอนซะ หมอเพิ่งมาฉีดยาบรรเทาอาการปวดให้นาย ก็ควรจะนอนพัก” ผมหน้าร้อนวูบกับใบหน้าคมที่อยู่ใกล้มาก แถมผมยังได้กลิ่นหอมจากเขาอีก...



                “คุณหอมจังครับ”



                “นายก็หอม...” เขาตอบกลับมาทำให้ผมตาโตนิด ๆ “มันก็คงเป็นฟีโรโมนที่เราจับคู่กันแล้วล่ะ” เขาว่าอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร ผมมองหน้าเขาที่หลับตาลงเหมือนเหนื่อย ๆ อยู่ข้างผม



                “ฉันให้คนซื้อยาคุมฮีทมาให้นายแล้ว เดือนนี้ท่าทางจะหมดฮีทแล้วใช่ไหม...” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้น



                “ครับ คาดว่าน่าจะหมดแล้ว...” ผมตอบและนอนลงข้างเขาด้วยความยากลำบาก คือมันเจ็บมาก ปวดร่างกายไปหมด ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ผมจำไม่ได้มากแต่สัมผัสของเขาผมยังจำได้ดี มันร้อนแรงสุด ๆ ...



                “ปริมาณน้ำเชื้อที่ปล่อยไปไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ...น้ำเชื้อฉันคงไม่ดีถึงขั้นสองครั้งก็ท้องละมั้ง...” เขาพูดพึมพำแต่ผมก็ได้ยินมันชัดเจน ผมรู้ว่าเขากำลังแอบเครียดเพราะถ้าผมท้อง เขาก็เลี่ยงที่จะขึ้นตำแหน่งผู้นำไม่ได้อีก



                ผมเดาว่าวูฟคงเป็นคนรักอิสระไม่ชอบอยู่ในภาวะที่ต้องกดดันอยู่สูงสุด...อะไรประมาณนี้



                “คุณดูไม่ค่อยอยากจะเป็นทายาทผู้นำอัลฟา....”



                “ก็ไม่อยาก...หึ นายก็รู้ว่าการแข่งขันมันมาก แย่งชิงกันไปกันมา กับอำนาจ” ร่างสูงเผลอพูดออกมาแบบเปิดอก วูฟชะงักนิด ๆ ผมเหลือบมองเขาที่ลืมตามองเพดาตรงหน้า



                “ผมขอถามคุณอีกหนึ่งคำถามได้ไหมครับ”



                “จะถามอะไร?” เขาหันมาสบตาผม



                “คือ...ถ้าผมไม่ท้อง ผมจะถูกปลดออกจากการเป็นคู่ของคุณไหม” ผมรู้ว่าคำถามนี้ออกจะแปลก ๆ หน่อย แต่มันก็คือคำถามที่ผมอยากจะถามจริง ๆ ผมได้ยินที่พวกโอเมก้าด้วยกันพูดมานี่ครับ ก็เลยสงสัย



                “ใช่ ส่วนมากถ้าไม่ท้องก็คงต้องเปลี่ยนคู่ใหม่...” ผมใจหล่นวูบซะงั้น “แต่ในกรณีของนายคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะฉันเผลอกัดนายไปแล้ว อีกอย่างนายก็ดันเป็นคู่แห่งโชคชะตา คงไม่มีการปลดนายออก....”



                ผมพยักหน้ารับรู้ วูฟก็เลยเอาผ้าห่มมาคลุมผมไว้



                “คุณวูฟทำอะไร...” ผมยังไม่ทันจะเปิดผ้าห่มก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของเขา



                “เลิกพูดให้มากความสักที ฉันบอกให้นอนยังไงล่ะ!” วูฟดุอีกรอบทำให้ผมจำเป็นต้องนอนนิ่งให้เขากอด เหมือนผมจะรู้สึกดี แต่คำพูดปิดท้ายของเขาทำเอาผมรู้สึกแปลกในใจ



                “ยังไงซะ เราก็คงต้องยอมอยู่ด้วยกันแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รักกันด้วยซ้ำ....



                นั่นสินะครับ...พวกเราไม่ได้รักกันด้วยซ้ำ...





                ตอนเย็น



                ผมหลับไปด้วยฤทธิ์ยาที่โดนฉีดไปนานพอสมควร เพราะพอผมตื่นมาก็มืดซะแล้ว นี่ผมนอนมาทั้งวันเลยเหรอเนี่ย ผมค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น วูฟไม่ได้อยู่ในห้อง ผมเห็นแค่ยาคุมฮีทยี่ห้อแพงมากวางอยู่หัวเตียง ผมเคยเห็นในโทรทัศน์ว่ามันทำมาจากยาสมุนไพรไม่มีสารเคมีตกค้างแต่อย่างใด มันเป็นกล่องสวย นี่เขาให้คนไปซื้อมาไว้ให้ผมเหรอเนี่ย... ผมก้าวลงจากเตียงด้วยขาที่สั่นเทา ความเจ็บปวดทุกอย่างมันยังชัดเจนอยู่เลย



                “ชีวิตของเราจะเป็นยังไงต่อนะ คิดถูกรึเปล่าที่เรายอมอยู่ที่นี่...” ผมพึมพำก่อนจะได้ยินเสียงแว่ว ๆ ดังออกมาข้างนอก ผมเลยลุกขึ้นเดินออกจากห้องนอนจะไปเปิดประตูห้อง พอผมเปิดแง้ม ๆ ก็ต้องชะงักกับร่างสูงที่ยืนอยู่กับหญิงสาวสวยมากคนหนึ่ง เธอกำลังยกแขนโอบรอบคอของวูฟ



                ทำไมใจของผมเจ็บเมื่อเห็นภาพนี้...



                “แหม ยังทำหน้าเย็นชาเหมือนเดิมเลยนะ” วูฟเอามือของเธอที่โอบรอบเขาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉย



                “เธอมาทำอะไรที่นี่ ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาจากต่างประเทศด้วยซ้ำ...” เสียงเข้มพูดเรียบ



                “ก็แวะมาหานายเท่านั้นแหละ เห็นคุณแม่นายบอกว่า นายเลือกคู่แล้ว ฉันก็เลยว่าจะแวะมาดูในฐานะแฟนเก่าเท่านั้นเอง” แฟนเก่า...



                “แม่ไปโม้อะไรให้เธอฟังอีกล่ะสิท่า แฟนเก่าที่ทิ้งฉันไปหาผู้ชายคนใหม่เนี่ยนะ” วูฟว่าเหมือนเซ็ง ผมที่แอบฟังอยู่ก็ได้ยินชัดเจนทุกคำ ภาพก็ชัด เธอตีแขนของวูฟเบา ๆ เป็นท่าทีที่ดูสนิทสนมมาก...ผมกำลังไม่ชอบใจอยู่รึเปล่านะ ทำไมผมจะต้องคิดแบบนั้นด้วยล่ะ ไม่เอาน่าลูดี้ ผมไม่มีสิทธิ์จะไปเคืองอะไรวูฟซะหน่อย เขาจะอยู่กับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับผม...



                “นายทิ้งฉันต่างหากล่ะ ทายาทอัลฟาคนดัง แม่ของนายคุยให้ฉันฟังใหญ่เลยว่า คู่ของนายน่ารักมาก นี่ก็ว่าจะแวะมาดูซะหน่อย เพราะสามีของฉันจะมารับฉันกลับบ้านแล้ว”



                “รีบกลับไปเลยไป เขานอนพักอยู่” วูฟไล่แต่เขากลับยิ้มนิด ๆ ผมที่มองอยู่ก็ชะงัก...เขายิ้มด้วยล่ะครับ ผมรู้สึกว่าไม่อยากจะดูภาพตรงหน้าอีกต่อไปไม่รู้ทำไม แต่ผมเลือกที่จะปิดประตูเบา ๆ



                ผมเอามือจับหัวใจของตัวเอง...



                “เราจะไปรู้สึกเจ็บทำไม เขาจะอยู่กับใครก็เรื่องของเขาสิ ลูดี้...เราเป็นแค่คู่ที่เขาบังเอิญเลือกมาก็เท่านั้น อย่าไปใส่ใจเลย...” ผมได้แต่ย้ำสถานะที่ไม่มีทางสู้ของผม แม้ผมจะไม่รู้ตัวก็ตามว่าตั้งแต่ผมทำพันธะระหว่างวูฟ ร่างกายและจิตใจของผม มันไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว...มันกลายเป็นของวูฟไปแล้ว



                ผมเข้าไปอาบน้ำสักพักก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพมึน ๆ เสื้อผ้าก็เปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย ก่อนผมจะตกใจกับร่างสูงที่นั่งอยู่ปลายเตียง เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มาเงียบมาก หรือจริง ๆ ผมอาบน้ำเพลินไปหน่อยเองจนไม่ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูเข้ามา



                “ทำไมนายต้องสะดุ้งทุกทีที่เจอหน้าฉันด้วย...” ก็เขาชอบทำหน้าดุนี่ ผมไม่ได้ตอบอะไรเขา



                “ฉันถาม” เสียงเข้มกดเสียงต่ำ



                “ผมไม่มีคำตอบนี่ครับ” ผมตอบกลับทำให้ร่างสูงดึงแขนของผมไปหาเขา แค่นั้นผมก็เซไปนั่งที่ตักของเขาเรียบร้อย



                “อ๊ะ ผมเจ็บนะครับคุณวูฟ” ผมโวยเล็กน้อย ก็มันเจ็บจริง ๆ ทั้งร่างกายมันปวด...



                “นายกำลังกวนประสาทฉันงั้นเหรอ ลูดี้” เขาจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ ผมเองก็มองหน้าเขาแวบหนึ่งและหลบสายตา ไม่อยากจะมองหน้าเขาเลย



                “ผมไม่ได้กวนคุณซะหน่อย ช่วยปล่อยผมด้วยครับ” ผมดิ้นออกจากคีมขนาดใหญ่ที่รัดผมไว้แน่น แน่นอนอยู่แล้วล่ะว่าวูฟเขามีกำลังมากกว่าผม ผมตัวบางกว่าเขาตั้งเยอะจะไปสู้แรงเขาได้ยังไง...แล้วเขาจะมากอดผมไว้ทำไม!



                “แม่ให้มาตามไปกินข้าวด้วยกันพ่อกับแม่รออยู่” เขาบอก



                “ครับ งั้นก็ช่วยปล่อยผมสักทีสิ”



                “เป็นอะไรไป นายดูท่าทางเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างนะ” วูฟตั้งข้อสงสัย ผมชะงักนิดหน่อยพร้อมกับส่ายหน้ารัว ผมก็ปกตินี่ ไม่ได้ไม่พอใจอะไรสักหน่อย ใช่ไหมครับ...



                “เปล่านิครับ คุณวูฟช่วยปล่อยผมสักทีครับ” ผมขืนตัวออกจนเขายอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ...แต่ที่ไหนได้



                “อ๊ะ! คุณวูฟปล่อยผมลง” ผมร้องเสียงหลงเมื่อเขาอุ้มผมพาดบ่า อะไรของเขากันล่ะเนี่ย...



                “ถ้านายไม่หยุดดิ้นจะโดนดีแน่ ๆ!” เขาสั่ง ผมเลยหยุดดิ้นอัตโนมัติ คนใจร้าย...!  “ดี หยุดดิ้นได้แล้วเหรอ” เขาถามขำ ๆ ก็เขาบอกให้หยุดไม่ใช่รึไงล่ะ



                “.............”



                “อย่ามาเงียบใส่ฉัน นายนี่งอแงแปลก ๆ หรืออยากได้อะไรอีก ยาฉันก็ให้คนเอามาให้แล้ว” เขาพูดเหมือนผมไปขออะไรเขา ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้ร้องขออะไรมากมายเลยสักนิด



                “...............” ไม่อยากพูดด้วยแล้ว!



                “ลูดี้...” เสียงเข้มเรียกชื่อผมชัด ๆ



                “.........” ผมยังคงเงียบ แต่ประโยคที่เขาพูดต่อทำให้ผมตาโต



                “พรุ่งนี้ฉันจะพานายออกไปข้างนอก”



                “จริงเหรอครับ...” ผมหลุดปากถามอย่างตื่นเต้น...ผมจะได้ออกไปข้างนอก



                “ใช่ ถ้านายกินข้าวหมดสองจานวันนี้ นายตัวเบายิ่งกว่าหมอนข้างอีกรู้ตัวรึเปล่า” เขาเปรียบเทียบซะผมเห็นภาพ ผมไม่ได้เบาขนาดนั้นซะหน่อย วูฟเปรียบเทียบเวอร์ไปแล้ว



                “สองจานเลยเหรอครับ”



                “ถ้ากินไม่หมดก็ไม่ต้องไป” เขาตอบแบบไร้เยื่อใย ผมเลยรีบตอบกลับ



                “กินครับ กิน ผมจะกินให้หมดสองจานเลย...” ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนวูฟจะพาผมเดินไปห้องอาหารบ้านใหญ่โดยที่เขาอุ้มผมพาดบ่าออกไปสภาพนี้แหละครับ เขาจะมาบังคับให้ผมทานข้าวเยอะ ๆ ทำไมนะ...



                เขาอาจจะอยากแกล้งผมก็ได้...แต่ผมก็กินเยอะอยู่แล้วล่ะครับ กินได้หมดแหละ คุ้มซะอีก ถ้าพรุ่งนี้ผมจะได้ออกไปข้างนอก...



                ผมกำลังคิดว่าผมจะแอบหนีเขาไปตอนออกไปข้างนอกพรุ่งนี้ดีไหม แต่มันก็คงไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอก เพราะผมไม่มีทางหนีรอดจากตระกูลเฮอร์คิวที่มีเครือข่ายกว้างไกลแบบนี้ไปได้แน่ ๆ จะว่าไปพรุ่งนี้เขาจะพาผมออกไปไหนกันครับ...



                อยากถามแต่ผมก็ไม่กล้าที่จะถามหรอกครับ...ไม่อยากโดนเขาดุอีกนี่









.................................................................................................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^  โค้งงามๆ  :mew1: :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.5 NC| 30/09/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-09-2017 20:28:08
แหมวูฟ อย่าย้ำนักสิว่าไม่ได้รักกัน ถ้ารักลูดี้ขึ้นมาแล้วจะกลับลำลำบากแล้วนา
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.5 NC| 30/09/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-09-2017 20:37:42
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.5 NC| 30/09/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-09-2017 23:17:52
 :angry2:   น่ารำคาญ พ่อแม่ลูดี้ ได้เท่าไรไม่พอ
ทั้งที่ไม่เคยดูแลลูดี้แบบลูกเลย
ตอนนี้มาสั่งให้ขอเงินวูฟไปให้ตัวเอง เลวจริง  :fire: :fire: :fire:

ูลูดี้ทำพันธะสัญญากับวูฟ แถมยังเป็นเนื้อคู่แห่งโชคชะตากันอีก
ใจเลยไหวหวั่น ผูกพันกับวูฟไปแล้ว
พอเห็นแฟนเก่าวูฟมากอดวูฟเลยเจ็บแปล๊บๆที่ใจ

แต่แฟนเก่า ทื้งวูฟไปมีสามีใหม่ แล้วกลับมาหาวูฟทำไม
แล้วมีสามีใหม่ ทำไมมากอดผู้ชายที่ไม่ใช่สามีตัวเอง
ข้ออ้างสินะ ที่ว่ามาดูคู่ที่วูฟเลือก
มีสามีใหม่แล้ว ยังมาอ่อย หว่านเสน่ห์อีก ทำตัวเลว แย่มาก
อยากมีอะไรกับวูฟอีกละมั้ง หรือที่ได้เรื่องนั้นจากสามีไม่เพียงพอ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.5 NC| 30/09/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-09-2017 23:53:04
สนุก...
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.5 NC| 30/09/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 01-10-2017 09:15:30
วูฟจะพาเมียไปเปิดตัวเรอะ?
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.5 NC| 30/09/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 01-10-2017 13:12:15
 :hao3: :ruready :hao3:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.5 NC| 30/09/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-10-2017 15:26:08
ชอบบบบบแนวนี้
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 01-10-2017 19:07:21
ตอนที่ 6
[/b]


                [พาร์ตของลูดี้]



                ผมมองบ้านหลังเล็กตรงหน้าของผมอึ้ง ๆ ก็เพราะว่าสถานที่ที่วูฟพาผมมาคือ บ้านของผม! ผมหันไปมองเขาที่ลงจากรถมาตามผม จะบอกว่าการออกมากับร่างสูงครั้งนี้ ผู้ติดตามคุ้มกันเยอะมากครับ อย่างที่รู้กันดีว่า ตราบใดที่วูฟยังไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำอัลฟาเต็มตัว การแข่งขันแย่งชิงอำนาจก็ยังไม่จบ จึงทำให้มีลูกน้องขับตามประกบคุ้มกันมาอีกสองคัน



                “รอพวกฉันอยู่ข้างนอก” เสียงเข้มของวูฟหันไปสั่งลูกน้องที่จะเดินตาม



                “แต่นายน้อยครับ มันจะดีเหรอครับ” ผมรู้ครับว่าความปลอดภัยของร่างสูงต้องได้รับการคุ้มกันอย่างดี เขาพยักหน้าให้กับลูกน้อง



                “ทำตามคำสั่งของฉัน” แต่เสียงสั่งเข้มเด็ดขาดก็ทำให้ลูกน้องทุกคนพยักหน้ารับ เขามีอิทธิพลมากจริง ๆ วูฟหันมาสบตากับผมที่มองเขาตาปริบ ๆ



                “ยืนจ้องหน้าฉันอยู่ทำไม เข้าไปในบ้านได้แล้ว...”  เขาไม่ได้บอกเปล่าแต่กลับลากมือของผมเข้าไปภายในบ้านด้วย ผมเดินเข้าไปก็เจอพ่อกับแม่ของผมนั่งหน้าซีดเผือกอยู่ในห้องรับแขก



                “พ่อครับ แม่ครับ...ผมคิดถึง..” ผมจะเข้าไปหาพวกท่าน แต่พวกเขากลับทำท่ากลัวผม ไม่กล้าให้ผมเข้าไปใกล้ แต่ดูเหมือนสายตาของพ่อกับแม่ของผมจะมองไปที่ข้างหลังของผมมากกว่า...คนที่อยู่ข้างหลังผมก็คือวูฟ...



                “เออ ลูดี้เป็นยังไงบ้างลูก...” แม่ของผมถามเสียงอ่อนยิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ



                “สบายดีครับ แม่ได้รับเงินที่ผมส่งมารึยัง พอค่าใช้จ่ายไหมครับ” ผมถามอย่างห่วงใย ก่อนเสียงเข้มของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังผมจะสวนกลับมา สร้างความประหลาดใจให้ผมทันที



                “ฉันว่าอาจจะไม่พอหรอก ถ้าเข้าบ่อนทุกวันขนาดนั้น...”



                “คุณว่าอะไรนะครับ?” ผมหันไปมองเขาที่มองไปทางพ่อกับแม่ของผม



                “ถามพวกเขาสิ ว่าคิดจะหลอกนายไปถึงเมื่อไหร่กัน...” หลอก? หลอกเรื่องอะไรกันครับ ผมหันกลับไปมองแม่ที่หน้าซีดเผือก มือเริ่มสั่น



                “แม่ครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน มีอะไรเหรอ ทำไมตัวสั่นล่ะ” ผมจะเดินเข้าไปหาแต่ก็ชะงักกับมือหนาของวูฟที่ดึงผมไว้ พ่อของผมจึงตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด



                และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมอึ้ง...



                “ลูดี้...ลูกไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ของลูกเสียตั้งแต่ยังเล็ก ๆ พวกเราเก็บลูกมา....แต่ไม่ได้บอกความจริงกับลูก” ผมที่ได้ฟังก็เบิกตากว้าง...แต่ผมก็ยิ้มบาง ๆ ออกมา ผมดึงมือของจากการจับกุมของร่างสูงแล้วเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ที่ทำหน้าอึ้งเมื่อผมคุกเข่าลงตรงหน้าของพวกเขา



                วูฟจะเข้ามาห้ามแต่ประโยคที่ผมเอ่ยทำให้เขาเลือกที่จะยืนดูผมห่าง ๆ



                “ผมพอจะรู้อยู่บ้างแต่ไม่ว่ายังไง พ่อกับแม่ก็เป็นคนเลี้ยงผมมาจนโตขนาดนี้....ไม่ว่ายังไงพ่อกับแม่ก็ยังเป็นคนที่คอยเลี้ยงดูผมมานะครับ” ผมกราบลงที่ตักของท่านทั้งสอง อันที่จริงเรื่องนี้ผมก็พอจะรู้สึกตัวมานานแล้ว แต่ก็อย่างที่บอกแหละครับ พ่อกับแม่เองถึงท่านจะไม่ชอบผมนัก แต่ท่านก็ยังเลี้ยงผมมาจนถึงตอนนี้ แค่นี้ก็ใจดีกับผมมาก ๆ แล้ว



                พ่อกับแม่มองผมด้วยน้ำตาคลอเบ้า...ผมเชื่อนะ ว่าสักวันความดีของผมจะต้องเอาชนะใจของทุกคนได้ และผมก็เชื่ออย่างนั้นมาโดยตลอด



                “พวกแม่ขอโทษ..ลูดี้ พวกแม่ทำกับหนูสารพัด เอาเงินที่หนูหามาไปเล่นการพนัน...” แม่ของพูดออกมา ผมเลยส่ายหน้าไม่ถือโทษโกรธอะไร ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรมาก แขนของผมก็ถูกดึงขึ้นตามแรงของวูฟจนผมเซไปยืนอยู่ข้างเขา



                “ต่อไปนี้ ลูดี้ถือเป็นคนของตระกูลเฮอร์คิวแล้ว และก็คงจะไม่ได้กลับมาที่นี่...ฉันจะให้เงินสักก้อนกับพวกคุณ   หวังว่าจะใช้ประโยชน์กับเงินก้อนนี้อย่างประหยัด ไม่ใช่ไปใช้แบบสิ้นเปลื้อง...” เสียงเข้มของเขาสั่งเสียงทุ้ม เป็นเสียงสั่งที่ทุกคนต้องยอมเชื่อฟังอย่างไม่มีข้อแม้ หนักแน่นทุกคำ



                “ได้เวลากลับแล้ว” วูฟพูดจบก็พาผมเดินออกไปจากบ้าน ผมมองพ่อกับแม่ที่ยิ้มบาง ๆ  อย่างสำนึกผิด ผมมองมือหนาที่กุมมือของผมไว้ แผ่นหลังกว้างตรงหน้าทำให้ผมยิ้ม



                “คุณวูฟ ขอบคุณนะครับที่พาผมกลับมาบ้าน” ผมบอกจากใจจริง ก่อนจะชนแผ่นหลังของเขาที่หยุดเดินกะทันหันเมื่อเราออกมาหน้าบ้าน เขาหันมาหาผมและจับไหล่สองข้างของผมไว้



                “นายยังมีหน้ามายิ้มอีกเหรอ!...ทั้งที่เจอเรื่องเสียใจแบบนั้นแท้ ๆ นายไม่ใช่ลูกของพวกเขา ไม่ตกใจบ้างรึไง” ผมยังคงยิ้มบาง ๆ ผมเดาว่าเขาคงไปสืบเรื่องของผมมาหมดแล้วแน่ ๆ



                “ไม่หรอกครับ ผมก็พอจะรู้...ไม่เห็นมีอะไร...น่าตกใจ” ผมบอกแต่น้ำตาของผมกำลังไหลออกมาอย่างง่ายดาย ฮะ ๆ...ผมไม่ได้เข้มแข็งนี่ครับ วูฟดูตกใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ ผมก็น้ำตาร่วงลงมาแบบนี้



                “บ้าเอ๊ย...” เขาสบถ



                หมับ...ผมถูกดึงเข้าไปซบหน้าอกกว้างตรงหน้า ท่ามกลางลูกน้องของวูฟที่ยืนคุมกันพวกเราอยู่



                “ฝืนไปก็เหนื่อย อยากจะร้องก็ร้องออกมาให้หมด...” ประโยคของเขาแค่ประโยคเดียว ผมก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาราวกับฟิวส์ขาด ราวกับความรู้สึกทั้งหมดของผมที่เคยเก็บไว้กำลังถูกเปิดเผยออกมาจากปากของผม



                “ฮึก...ฮือออ คุณวูฟ...ผมไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่ เพราะผมเป็นโอเมก้าเหรอครับ ทำไมผมถึงถูกทุกคนทิ้ง ทำไม ฮึก” ผมระบายออกมาทั้งหมด ไม่รู้ว่าผมพร่ำพูดว่าตัวเองเป็นโอเมก้ามากมายเท่าไหร่ ความน้อยใจที่ถูกเก็บไว้ถูกพูดออกมาให้วูฟได้ยินทั้งหมด โดยที่ร่างสูงได้แต่ยืนนิ่งลูบหลังของผมเบา  ๆ



                ความอบอุ่นจากเขา มันอบอุ่นมาก...จนผมสัมผัสได้จาง ๆ กลิ่นหอมที่ดึงดูดเราเข้าหากันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากเมื่ออยู่ใกล้วูฟแบบนี้



                ไม่รู้ว่าผมร้องไห้ไปนานเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะนานพอสมควร ผมกับเขาเข้ามานั่งอยู่ในรถที่ยังไม่ได้เคลื่อนตัวไปไหน พอผมเริ่มได้สติจากการฟิวส์ขาดก็เริ่มรู้สึกอาย...ก็เพราะว่าลูกน้องของเขาก็อยู่กันเต็ม แถมยังไปงอแงใส่วูฟเหมือนเด็กอีก เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมรู้อะไรหลายอย่างว่า วูฟเป็นคนใจดีกว่าที่คิด แม้ภายนอกอาจจะชอบทำหน้าดุ ขึ้นเสียงโหด แต่จิตใจของเขาช่างใสสะอาด เขาเองก็ไม่เคยมีท่าทีรังเกียจโอเมก้าเลยสักนิด...เช่นเดียวกับตระกูลเฮอร์คิว เขาเกือบจะล้างภาพลักษณ์ทั้งหมดของอัลฟาที่เคยถูกเล่าขานกันมาว่ากดขี่ข่มเหง ดูถูกโอเมก้า...



                “คุณไปสืบเรื่องของผมมาเหรอครับ” ผมเริ่มถามหลังจากที่เช็ดน้ำตาออกจนหมด ร่างสูงที่เอามือเท้ากับเบาะรถเหลือบมองผม



                “ฉันไม่ได้สืบเพราะสนใจอะไรนายหรอกนะ ก็แค่ทำตามที่พ่อสั่งเท่านั้น” เขาตอบกลับมาด้วยท่าทีเฉย ๆ เหมือนเดิม ผมยิ้มแม้จะแอบชะงักกับประโยคเย็นชานี้ก็เถอะ



                ผมพยักหน้าและเบนสายตาออกไปนอกรถแทน แบบนี้ก็เท่ากับผมกลายเป็นคนของตระกูลเฮอร์คิวเต็มตัวแล้วงั้นเหรอ หากวันใดวันหนึ่ง...ผมจำเป็นต้องออกจากตระกูลเฮอร์คิว ผมจะยังกลับมาที่บ้านนี้อีกไหมนะ ไม่รู้สิครับ อนาคตใครจะไปรู้เรื่องแน่นอนได้ ฐานะของผมยังไงก็ไม่มีทางเปลี่ยนได้ โอเมก้า...ก็ยังเป็นโอเมก้าวันยังค่ำ



                “คิดอะไรอยู่อีก นายนี่ชอบเก็บอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปคิดชะมัด” วูฟทักและมันก็ถูกอย่างที่เขาว่าทุกอย่าง



                ผมชอบคิดมาก...แต่ก็ดีกว่าไม่คิดอะไรใช่ไหมล่ะครับ



                “ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อยครับ” ผมปฏิเสธ เขากระตุกยิ้มมุมปากหัวเราะในลำคอ



                “หึ หน้าของนายมันไม่ได้บอกแบบนั้นสักนิด...อยากไปไหนต่อรึเปล่า ไหน ๆ ก็ออกมาข้างนอกแล้ว มีโอกาสไม่บ่อยหรอกนะที่นายจะได้ออกมาข้างนอก” เขาหันมาถาม



                “ผมเลือกสถานที่ได้งั้นเหรอครับ?” ผมมีสิทธิ์ในการเลือกจะไปที่ไหนก็ได้ด้วย... วูฟไม่ได้ตอบคำถามผมแต่เป็นลูกน้องของเขาแทนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ



                “ใช่แล้วครับคุณลูดี้ นายท่านสั่งให้นายน้อยพาคุณมาสูดอากาศเล่น”



                “เงียบไปเลยข้างหน้าน่ะ นายนั่นแหละตกลงจะไปไหนก็บอกมา ชักช้าฉันจะพากลับบ้าน!” เสียงเข้มสั่งอีกรอบตามประสาเขา ผมไม่สะดุ้งแฮะคราวนี้...สงสัยเริ่มจะชินกับเสียงเข้ม ๆ ของเขา สถานที่ที่ผมอยากจะไปงั้นเหรอ...



                “ผมอยากไปร้านหนังสือครับ...” ผมบอกแค่นั้น วูฟก็พยักหน้าให้คนขับที่นั่งฟังพูดเราอยู่ให้ขับพาผมไปยังที่หมาย





                |ร้านหนังสือ|

                ร้านนี้ไม่ใช่ร้านหนังสือหรูหราเป็นเพียงร้านเล็ก ๆ ธรรมดาที่ขายหนังสือมือสองที่มีคุณภาพ ผมเข้ามาในร้านด้วยความคิดถึง นานเหมือนกันครับที่ผมไม่ได้เข้ามาร้านนี้เพราะช่วงหลัง ๆ เงินเริ่มหายากทำให้ผมต้องทำงานล้างจานอยู่ที่ร้านแทบจะไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลย



                “อ้าว ลูดี้ไม่ได้เห็นนานแล้ว...เป็นยังไงบ้างลูก” คุณยายเจ้าของร้านที่ใจดีกับผมมากยิ้มทักทายเป็นกันเอง ก่อนท่านจะเหลือบเห็นผู้ชายที่ใส่สูทดูดีเดินตามเข้ามาด้วย วูฟเป็นคนดัง ไม่ว่าใครก็รู้จักทั้งนั้น...ยายดูจะอึ้ง ๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรผม



                “สบายดีครับ คุณยายสบายดีใช่ไหมครับ”



                “จ๊ะ...เลือกกันตามสบายเลยนะ มีหนังสือเล่มใหม่มาด้วยนะ แนวที่ลูดี้ชอบด้วย” คุณยายชี้ไปมุมโปรดของผมทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผม



                “ขอบคุณครับคุณยาย” ผมเดินไปมุมนั้นโดยมีร่างสูงเดินตามมาด้วย



                “นายอ่านหนังสือแนวไหน...แนวโรแมนซ์เนี่ยนะ?” วูฟถามและมองออกว่าหนังสือประเภทไหนที่ผมชอบอ่าน        ผมยิ้มกว้างหยิบหนังสือขึ้นมาดู



                “ครับ ผมว่าหนังสือพวกนี้มันดูให้คำนิยามความรักสวยงามดี”



                “นายนี่แปลกประหลาดมาก รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะแบบนี้แต่ก็ยังใฝ่ฝันถึงรักแท้ อะไรพวกนั้นอีกงั้นเหรอ” เขาเอื้อมไปหยิบหนังสือเทพนิยายโรแมนติกมาพิจารณาดู ผมมองหน้าเขาที่เปิดดูหนังสือเหมือนว่ามันแปลกมาก...



                “แล้วคนเราไม่มีสิทธิ์ที่จะฝันงั้นเหรอครับ” เขาละสายตาจากหนังสือแล้วสบตากับผม



                “ก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”



                “ทำไมคุณถึงไม่เชื่อว่ารักแท้มีจริง...” ผมถามออกไป ไม่รู้ว่าใช่คำถามที่ควรจะถามรึเปล่า...ไม่รู้ว่าจะได้รับคำตอบไหม



                “นายก็รู้ว่าฉันอยู่ในฐานะอัลฟา ฉันย่อมรู้ว่าเส้นทางห่วงโซ่ที่ฉันกำลังจะไปเป็นศูนย์กลางมันเป็นยังไง ระบบชนชั้นที่ถูกแบ่งออก อัลฟาคือผูกพันธะสัญญา กับโอเมก้าคือผู้ถูกเลือก ในวงจรแบบนี้ นายคิดว่ามันจะมีรักแท้อยู่ในนี้รึไง” เขาพูดออกมา ที่แท้เขาก็ติดภาพลักษณ์ที่ถูกกำหนดขึ้น ผมเลือกดูหนังสือยิ้ม ๆ



                “ผมก็เคยคิดแบบนั้นแหละครับ จนกระทั่งมาเจอตระกูลของคุณและเจอคุณ...มันก็ทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองอะไรใหม่ ๆ ว่าอัลฟาอย่างคุณอ่อนโยนมาก...” ผมบอกก่อนจะได้ยินเสียงวูฟทำหนังสือหล่น ผมหันไปมองเขาที่ทำหน้าเหวอแวบหนึ่ง เขาเก็บหนังสือที่ทำตกขึ้นมาจนผมอดที่จะยิ้มไม่ได้



                “ฉันไม่ได้อ่อนโยน ยิ้มอะไรของนาย...” เขาเอาหนังสือมาตีผมของผมเบา ๆ “เลือกเอาหนังสือเล่มที่นายต้องการตามสบาย หรืออยากได้ทั้งร้านฉันจะเหมาให้” เขาพูดออกมา ผมเลยรีบส่ายหน้า



                “อ๊ะ ไม่ต้องครับ ไม่ต้องเหมา ขืนคุณเหมาคุณยายก็ไม่มีอะไรขายน่ะสิ”



                “งั้นก็เลือกเล่มที่ต้องการ ฉันจะซื้อให้เอง”



                “คุณใจดีจังเลยครับ”



                “เปล่าฉันไม่ได้ใจดี...” เขาปฏิเสธอีกครั้งและหันหน้าหนีผมไปเรียบร้อย ผมแอบหลุดหัวเราะเบา ๆ เขาก็มีมุมน่ารักเหมือนกัน ผมว่าวูฟเขาคงถูกปลูกฝังเรื่องระบบชนชั้นคล้ายกับผมนี่แหละครับ ฝังใจเชื่อกับอะไรที่ถูกกล่าวไว้เมื่อนานมาแล้ว โดยที่ไม่ได้เปิดรับความเป็นจริงว่ามันเปลี่ยนไปมากแค่ไหนแล้ว



                ผมเปิดดูหนังสือตรงหน้าพร้อมกับเลือกดูเล่มถัดไป คือผมหาหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมอยากอ่านมาก แต่หามันไม่เคยเจอสักทีเลย ดูเหมือนวูฟที่ยืนอยู่ข้างผมจะแอบมองผมทุกการกระทำ ก็ผมรู้สึกได้นี่...ผมถือหนังสือไว้สองสามเล่ม และก็ต้องเงยหน้ามองมือหนาที่ยื่นมาตรงหน้า



                “ครับ?”



                “ส่งหนังสือมา ฉันจะเอาไปกองไว้หน้าเคาท์เตอร์ให้” ผมเลิกคิ้วแปลกใจจนเขาสั่งเสียงเข้มอีก “ส่งมาสิ”



                “เออ ครับ ๆ นี่ครับ” ผมยื่นให้เขาทั้งหมด เขาก็เอาไปวางทิ้งไว้ตรงเคาท์เตอร์และเดินกลับมาหาผมที่ยังคงหาเล่มที่อยากอ่านมาก ๆ



                “นายหาเรื่องไหนอยู่อีก เผื่อฉันจะช่วยหา?”



                “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวมือของคุณจะเปื้อนเอา” ผมบอก เพราะไม่อยากให้เสื้อสูทของเขาเปื้อน หนังสือที่นี่ไม่ใช่หนังสือใหม่แกะกล่อง มันก็มีฝุ่นเกาะเป็นธรรมดา แต่ถามว่าวูฟฟังผมไหม ร่างสูงถอดเสื้อสูทข้างนอกพาดบ่าไว้พร้อมกับพับแขนเสื้อสีขาวข้างในขึ้น



                “ไม่เห็นจะเปื้อน บอกมาว่านายหาเรื่องอะไรอยู่ อย่าทำให้เสียเวลาได้ไหม” ประโยคหลังเลยทำให้ผมเข้าใจว่า เขาคงอยากจะกลับบ้านเต็มทนแล้ว ผมยิ้มเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็ยอมใจดีพาผมมาที่นี่แหละนะ



                “ผมหาเรื่อง เชื่อฉันว่ามันคือรัก อยู่ครับ...มันเป็นหนังสือที่ผมมาหานานแล้ว แต่ไม่เคยได้มันติดมือกลับไปด้วยเลย” วูฟหัวเราะออกมาเล็กน้อย



                “ชื่อเรื่องบ่งบอกรสนิยมนายมาก...นายไปหามุมนั้นละกัน ฉันจะหาบนชั้น” เขาสั่งจริงจัง จนผมแอบแปลกใจ  เขาจะช่วยผมหาจริง ๆ ด้วย



                ผมกับเขาหันหลังให้กันและเริ่มหาหนังสือเล่มที่ผมต้องการ เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ เสียงเข้มก็ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง



                “โอ๊ะนั่น...”



                “ครับ?” วูฟหันหน้ากลับมาหาผมและเอามือข้างหนึ่งซ่อนไว้ด้านหลัง เขาดูทำหน้าตาตื่น ๆ นะครับ?



                “คุณเจอหนังสือไหมครับ คุณวูฟ” ผมถาม เขาก็เลยส่ายหน้า “ผมว่ามันคงจะไม่มีอีกตามเคย...ไว้มาหาวันหลังก็ได้ครับ ผมว่าเรากลับกันดีกว่า นี่ก็เริ่มจะเย็นแล้ว” ผมบอกพลางมองนาฬิกาของร้าน นี่เรามาหมกตัวอยู่ที่ร้านหนังสือนานมาก ไม่รู้ว่าข้างนอกลูกน้องของวูฟจะหลับกันหมดรึยัง พวกเขาเฝ้าอยู่แถวหน้าร้านนั่นแหละครับ



                “อืม เอางั้นก็ได้ นายมีเล่มไหนอยากได้อีกก็ขนไปได้เลย จะได้เอาไว้ไปอ่าน...” เขาบอกอย่างใจดี ผมก็เลยหอบหนังสือที่ตัวเองสนใจสามสี่เล่มไปที่เคาท์เตอร์คิดเงิน โดยที่มีวูฟเดินเอามือไขว้หลังเดินตามผมมา



                เขาจะเอามือไปไว้ข้างหลังทำไม ผมก็แค่สงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดเอะใจอะไรหรอก



                “นายออกไปออกไปรอข้างนอกที่รถไป เดี๋ยวฉันจะจ่ายเงินเอง บอกลูกน้องเข้ามาขนหนังสือด้วย” เขาสั่ง           ผมเหลือบมองเขาที่เอามือไขว้หลังอยู่เหมือนเดิม



                “คุณไม่ได้ถูกกระดาษบาดใช่ไหมครับ” ผมถามห่วง ๆ แต่แววตาเข้มที่สั่งผมทางสายตาทำให้ผมยอมเดินออกไปรอข้างนอกแทน



                “เปล่า ไปรอฉันข้างนอกได้แล้ว” ผมเดินออกมารอเขาพร้อมกับบอกลูกน้องที่ยืนอยู่สี่ห้าคนเข้าไปขนหนังสือออกมา ผมก็ยืนรอร่างสูงอยู่ข้างรถ



                “คุณลูดี้เข้าไปนั่งรอในรถก่อนก็ได้นะครับ” ลูกน้องของวูฟบอกอย่างเกรงใจ ผมก็เลยยิ้ม



                “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวรอเข้าไปพร้อมกับคุณวูฟก็ได้...เออ คุณเหงื่อออกเยอะเลยครับ เอาผ้าเช็ดหน้าไปซับก่อนไหม” ผมมองลูกน้องของร่างสูงที่ยืนตากแดดอยู่ข้างนอกนาน เหงื่อเต็มหน้าเขาเลย ผมจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อย่างไม่ได้คิดอะไร ลูกน้องรีบส่ายหน้า และเป็นจังหวะเดียวกันกับมือหนาที่จับมือของผมไว้



                “นายกำลังทำอะไร...” ยังไม่ทันจะได้ตอบผมก็เบิกตากว้างเมื่อถูกดึงเข้าไปใกล้วูฟ ริมฝีปากหนาตรงหน้าที่ก้มลงมาประกบปิดปากของผมช่างหนักแน่น รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่คลุกกรุ่น...



                “อื้อออ...คุณวูฟ” กลางสาธารณะเนี่ยนะ...เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย!!!...



                เขากำลังประกาศไงครับ...ประกาศว่าผมคือของเขา แต่ผมไม่รู้ว่าเขาแบบนี้ไปทำไมกัน เขากำลังทำให้ใจของผมเต้นแรงขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ วูฟปล่อยผมออกก่อนจะตวัดสายตาไปมองลูกน้องของเขาที่ยืนเป็นบอดี้การ์ดนิ่ง



                “ไปสตาร์ทรถได้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน” วูฟสั่งพร้อมกับจูงมือของผมขึ้นรถด้วย



                ระหว่างที่อยู่ในรถ บรรยากาศเงียบมาก จนผมคิดว่าตัวเองไปทำอะไรขัดใจวูฟเข้ารึเปล่า ผมมองเขาที่นั่งหน้าขรึมอึมครึมอยู่ ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย ผมอยากให้เขายิ้มบ่อย ๆ มากกว่า รอยยิ้มมันก็ต้องสดใสกว่าหน้าบึ้งอยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ



                “จ้องหน้าฉันทำไมอยู่ได้” คนที่เอ่ยทำลายความเงียบก่อนก็คือ วูฟ ผมเขยิบเข้าไปนั่งใกล้เขาอีก เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่เหลือบมองเท่านั้น



                “ขอบคุณนะครับ สำหรับหนังสือที่คุณซื้อให้ผมมากมายแบบนี้”



                “ก็แค่หนังสือเอง ไม่เห็นจะได้ซื้ออะไรมากมาย”



                “สำหรับคุณอาจจะไม่มากมาย แต่สำหรับผมที่ไม่เคยได้รับอะไรที่ดีแบบนี้ มันวิเศษมากเลยล่ะครับ” ผมบอกจากใจจริง ผมไม่มีโอกาสที่จะได้ซื้อหนังสือที่ตัวเองชอบมากขนาดนี้หรอกครับ เป็นโชคดีของผมจริง ๆ ที่ได้เจอคนที่ใจดีอย่างวูฟ



                เขาเหลือบมามองผมแวบหนึ่งเหมือนอยากจะพูดอะไร วูฟทำหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา



                “หนังสือเล่มที่นายอยากได้นี่...ทำไมนายถึงสนใจ” มันเป็นคำถามที่ทำให้ผมแปลกใจอยู่สักหน่อย ก็ไม่คิดว่าวูฟจะถามเรื่องหนังสือนินา แต่ผมก็ยินดีจะตอบนะครับ



                “มันเป็นหนังสือทฤษฎีความรักน่ะครับ ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า เชื่อฉันว่ามันคือรัก...ผมอยากอ่านเรื่องราวในนั้นดูน่ะครับ ผมตามหาหนังสือเล่มนี้เพราะเจอจากหนังสือโรแมนซ์อันอื่นที่ผมอ่านมาอีกที” ผมอธิบายอย่างตั้งใจโดยที่ไม่รู้ว่าวูฟมองผมไม่ละสายตา



                “นายนี่ดูจะเชื่อมั่นในรักแท้ดีนะ...”



                “ครับ เพราะผมเชื่อว่ารักแท้ คือแกนโลกที่หมุนวนทำให้โลกของเราดำเนินต่อไป แม้หลายคนอาจจะไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องจริง แต่ผม....” ผมกำลังจะพูด



                “แต่นายก็เชื่อมั่น จะพูดแบบนี้ล่ะสิ...” วูฟพูดล้อผมด้วยใบหน้านิ่ง ๆ ของเขา ก่อนผมจะโดนเข้าเอานิ้วมาดีดหน้าผากไม่แรงมากนัก



                “นายมันเพ้อเจ้อจริง ๆ” ถึงเขาจะพูดแบบนั้น ปากของผมมันดันยิ้มออกมาเมื่อมองหน้าวูฟที่ละสายตาออกไปข้างนอก มุมปากของเขามีรอยยิ้มเล็ก ๆ ด้วยล่ะครับ ยิ้มกว้าง ๆ หน่อยก็ไม่ได้ อยากเห็น...



                ผมกับร่างสูงกลับมาถึงบ้าน ผมก็ต้องตาโตกับห้องโถงที่เราเดินผ่านถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้สวยงามหลากสีสัน โต๊ะจีนสำหรับงานเลี้ยงถูกจัดวางไว้จำนวนหนึ่ง ตรีมงานยังกับงานแต่งงานแหนะครับ



                “พรุ่งนี้จะเป็นงานประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการ จะมีตระกูลดังหลายตระกูลมา” เสียงเข้มที่เอ่ยขึ้นทำให้ผมหันขวับไปมองเขาที่ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้ว



                “อะไรนะครับ งานหมั้น...”



                “ฉันเคลียร์เรื่องครอบครัวของนายเรียบร้อย ส่วนเรื่องทางนี้พ่อกับแม่ของฉันเข้าขอมา ว่าอยากหมั้นอย่างเป็นทางการไปก่อน ถ้าจะแต่ง...ก็ต้องรอฉันขึ้นรับตำแหน่งอัลฟาเต็มตัวก่อน...ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไหร่....” เขาพูดชิว ส่วนผมเหรอครับ ไม่ได้ฟังเขาหรอก มัวแต่ดูดอกไม้สวย ๆ ที่ประดับประดาอยู่ จนวูฟสะกิดแขนผม



                “กลับห้องไปนอนได้แล้ว มานี่เลย” อยากได้ดอกไม้...ผมเหลือบมองดอกไม้แวบหนึ่ง มันสวยก็อยากเอากลับห้องด้วยเฉย ๆ น่ะครับ... วูฟมองตามสายตาของผม



                “ฉันเอาดอกไม้แจกันนี้ไปนะ หาอันใหม่มาเปลี่ยนด้วยก็แล้วกัน” ผมตาโตเมื่อวูฟไปหยิบแจกันที่ผมมองอยู่ด้วยมือเดียวของเขา พวกสาวใช้ก็พยักหน้ารับ ใครจะกล้าไปขัดร่างสูงกันล่ะครับ...แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะหยิบมันกลับไปทั้งแจกันขนาดนี้ มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือแจกันเขาก็กุมมือผมให้เดินกลับไปบ้านของเขา



                “มาได้แล้ว อะไรอีก อยากได้ดอกไม้ทั้งงานรึไง?” เขาเลิกคิ้วเมื่อเห็นผมไม่ยอมเดินตามเขาไป ก็มัวแต่อึ้งที่เขาทำแบบนี้อยู่...



                “เปล่าครับ แค่แจกันนั้นก็พอแล้ว” ผมยิ้มกว้าง วูฟทำหน้านิ่ง ๆ แล้วเลิกสนใจผมที่แอบหลุดหัวเราะ



                ก็กำลังคิดภาพว่าคนที่มองพวกเราจะคิดยังไง คนหนึ่งโดนลาก อีกคนถือแจกันด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างก็จูงมือผม...มันเป็นภาพพิลึกแปลก ๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันอบอุ่นนะ...









...

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^

โอเมก้าถูกกำหนดทางชนชั้นว่าเป็นทาส ลูดี้เลยยังฝังใจกับเรื่องฐานะตัวเองอยู่

เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ด้วยน๊าาา  จุ๊บบบ   :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-10-2017 20:25:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-10-2017 20:53:43
โหย ลูดี้นี่มองโลกในแง่ดีจัง เอ๊ะ หรือว่าคุณวูฟแสดงออกชัดเจนเกินไป ฮา
ว่าแต่วูฟดูมีลับลมคมในกับหนังสือเล่มนั้นนะ มีอะไรหรือเปล่าหนอ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 01-10-2017 21:16:39
หนูลูดี้น่ารักขึ้นทุกวัน ส่วนนังวูฟก็น่า..เหมือนเดิมเลย ' '
พูดออกมาแต่ละคำ ทำแต่ละอย่างไม่เห็นใจน้องเลย (ถึงจะเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม)
ถ้าน้องหนีนี่จะขำให้ ฮึ!  :m16:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 01-10-2017 21:19:12
อบอุ่นมากๆเลยค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 01-10-2017 22:29:52
เรื่องนี้น่ารักมาก ชอบที่พระเอกไม่รุนแรงขืนใจเหมือนพล๊อตทั่วไป เก๊กดุแต่น่าร้ากกก /// คนเขียนขยันจังค่ะ  :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 01-10-2017 23:08:18
ชื่อยุโรปมาก
....แต่มีกราบด้วย คือ?
เราว่ามันขัดกันนิสนึงนะคะ คนเขียนค่อยๆปรับไปนะคะ รออ่านอยู่คร๊า!!!
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-10-2017 23:25:20
ลูดี้ จิตใจดี มองโลกแง่บวก
ไม่โกรธที่พ่อแม่เอาเงินไที่ให้ไปเล่นการพนัน

ความใจดีของลูดี้ที่จะให้ผ้าเช็ดหน้ากับลูกน้องของวูฟ ก็เกินไปนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: hpimmc ที่ 01-10-2017 23:48:15
น่ารักเด้อออออออออออออออออออออออออออออออออออออ

ถ้ารักกันจริงๆ วูฟคงจะหวงลูดี้มาก ๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: Midorima ที่ 02-10-2017 09:21:04
ทำไมถึงหมั่นไส้วูฟก็ไม่รู้  :hao7:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-10-2017 10:03:48
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.6 | 01/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 02-10-2017 19:27:41
ซึนไปนะ พ่อพระเอกกก
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.7 | 03/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 03-10-2017 21:29:01
ตอนที่ 7



                [พาร์ตของลูดี้]



                ผมยืนมองแจกันดอกไม้ที่ถูกตั้งไว้ตรงห้องรับแขกถัดมาจากห้องนอนของร่างสูง มันเป็นดอกไม้ที่เขาเอามาจากสถานที่จัดงานเมื่อวาน 



                “เห็นมองดอกไม้นี่อยู่นานแล้ว ใช่ดอกไม้ที่นายน้อยเอามาจากงานหมั้นใช่ไหมคะ” ป้านมที่กำลังจัดเสื้อสูทให้ผมอยู่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม



                “รู้ได้ยังไงกันครับ?”



                “แหม เรื่องนี้สาวใช้พากันกรี๊ดกันเป็นระนาวค่ะ จู่ ๆ นายน้อยก็ไปสร้างวีรกรรมขโมยแจกันดอกไม้ให้คู่หมั้นซะได้” ป้านมพูดและหัวเราะอารมณ์ดีจนผมหน้าร้อนวูบขึ้นมาซะงั้นเลย...ผมว่าเรื่องนี้อาจจะรู้กันทั้งหมดบ้านแล้วก็ได้นะไเนี่ย



                “นินทาอะไรฉันงั้นเหรอ ป้านม” เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินเข้ามาในห้อง ผมหันไปมองวูฟอึ้ง ๆ ก็เขาอยู่ในชุดสูทสีดำสนิท ผมดำแซมน้ำตาลถูกเซ็ททรงไว้อย่างดี นัยน์ตาคมกริบสยบทุกคนให้ยอมตกอยู่ภายใต้คำสั่งได้อย่างง่ายดาย



                สรุปง่าย ๆ คือเขาหล่อมากถึงมากที่สุด...ผมคิดแบบนี้จริง ๆ นะครับ



                “ป้าไม่ได้นินทาอะไรนายน้อยเล๊ย...ชุดคุณลูดี้เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวนั่งทานขนมพักผ่อนกันตามสบายนะคะ        ป้านมขอตัวไปดูอาหารในงานก่อน” ป้านมบอก ผมเลยยิ้มขอบคุณ เสียงประตูที่ปิดลงก็มีความเงียบเข้ามาแทนที่



                เขาเงียบ...ผมเองก็เงียบ แต่จานขนมชั้นใบเตยที่ยื่นมาทำให้ผมยิ้ม ก็วูฟเป็นคนยื่นมา...



                “กินเข้าไปซะ อีกนานกว่าเราจะได้ลงไปที่งาน” ผมรับมาจิ้มกินไปพลาง ๆ ร่างสูงก็นั่งลงตรงโซฟาข้างผม แต่เขาก็ยังนั่งห่างจากผมมาก เรียกได้ว่าอยู่คนละมุม...



                “คุณวูฟทานด้วยไหมครับ” ผมจิ้มด้วยความใจกล้าแล้วยื่นไปให้เขา วูฟมองก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ ผมว่าแล้ว...



                “ไม่ ฉันไม่ชอบ”



                “คุณเคยกินแล้วเหรอครับ” ผมถามต่อ แอบคิดว่าจะไปทำให้เขารำคาญรึเปล่าที่ถามเซ้าซี้แบบนี้



                “ยังไม่เคยกิน แต่คิดว่าน่าจะไม่ชอบนั่นแหละ มันเป็นของหวาน”



                “ของบางอย่าง ถ้าเรายังไม่ได้ลอง ตอนแรกอาจจะไม่ชอบแต่พอเราได้ลองแล้วอาจจะชอบขึ้นมาก็ได้นะครับ” ผมพูดอย่างสดใส และกำลังจะเอาขนมชั้นที่วูฟไม่กินมากิน แต่มือหนาก็จับมือของผมไว้ ผมตื่นเต้นขึ้นมาก็เพราะเขาเอาขนมชั้นเข้าปากของเขาน่ะสิ



                วูฟเคี้ยวขนมชั้นใบเตยอยู่สักพัก ผมมองลุ้น ๆ



                “เป็นไงครับ อร่อยไหม?...” เขาทำท่าเหมือนเด็กน้อยกินขนมที่ตัวเองไม่เคยรู้จักครั้งแรกเลยครับ บ่งบอกชัดเจนมาก ว่าเขาไม่เคยกินพวกของหวานบ่อยนัก



                “ก็อร่อยดี แต่ฉันว่ามันหวานไปอยู่ดี...”



                “ครับ มันหวาน” แต่ผมก็ชอบที่มันหวานแบบนี้แหละ กำลังคิดว่าถ้ากินเยอะ ผมจะลงพุงไหม ผมยังคงนั่งกินขนมชั้นที่ตอนแรกพูนจาน จนมันเริ่มเหลือน้อยลง วูฟเปิดหนังสือพิมพ์อ่านข่าวของเขาไปเงียบ ๆ



                “วันเกิดของนายวันไหน เดือนอะไร” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ผมที่กำลังดื่มน้ำอึก ๆ ก็หันไปมองเขาอย่างสนใจ ก็เขากำลังถามวันเกิดของผมนี่ครับ



                “.............” มัวแต่อึ้งอยู่



                “ฉันถาม



                “เออ อ๋อ...วันที่ 20 เดือนหน้าครับ คุณถามทำไมเหรอ...”



                “ฉันไม่มีสิทธิ์ถามคำถามรึไง?” เขาถามกลับเรียบ ๆ ผมส่ายหน้ารัว



                “เปล่าครับ ถามได้...” ก็ไม่คิดว่าเขาจะถามต่างหากล่ะ ถึงได้แปลกใจอยู่นี่ไง...ไม่รู้ทำไมรู้สึกใจพองโตแปลก ๆ



                “แล้วคุณวูฟเกิดวันไหนเหรอครับ...” อยากรู้บ้างแต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้ผมแอบจ๋อยนิดหน่อย



                “ฉันไม่บอก อยากรู้ก็ไปหาเอาเอง” คนขี้เหนียว...แค่บอกวันเกิดให้รู้ก็ไม่ได้ ชิ แอบบ่นในใจ แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรเขาต่อจากนั้นหรอกครับ ปล่อยให้เวลาของเราระหว่างรอลงไปร่วมงานล่วงเลยไปกับความเงียบ ผมนั่งตรงมุมของผมและนอนหลับไป (ปกติผมจะหลับง่ายมาก ถ้ากินอิ่มแล้ว) ส่วนวูฟก็อ่านหนังสือพิมพ์เงียบ ๆ ตามประสาเขา



                แต่ไม่รู้เหตุไฉนตอนผมตื่นนอนขึ้นมาอีกที ผมถึงไปนอนหนุนตักของวูฟได้ล่ะเนี่ย...





                @ห้องโถงพิธีประกาศงานหมั้น



                เป็นครั้งที่สอง...



                ที่ผมได้มาอยู่กลางงานเลี้ยงใหญ่โตแบบนี้อีกครั้ง ของกินเยอะมากเหมือนเดิม แอบโฟกัสเรื่องกินอีกแล้ว...ก็มันน่ากินทุกอย่างเลย ผมกับวูฟเดินเข้ามาในงานที่มีแขกผู้ใหญ่ที่เป็นคนระดับดัง ๆ ทั้งนั้น ระบบความรักษาปลอดภัยถูกเตรียมการไว้อย่างดี มีลูกน้องเฝ้าทุกประตูแน่นหนา ก็สงสัยเหมือนกันนะครับว่า การแย่งชิงตำแหน่งผู้นำอัลฟามันรุนแรงขนาดนั้นเชียวเหรอ ตอนนี้คนที่รับตำแหน่งนั้นอยู่ก็คือ พ่อของวูฟครับ ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่มาให้คำอวยพรผม แต่ผมก็ยังเห็นสายตาของบางคนมีท่าทีรังเกียจนิดหน่อย...แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชินแล้ว



                “ถ้ามีอะไรไม่สบายตาหรือไม่สบายใจ ก็ไม่ต้องไปสนใจ...” เสียงเข้มกระซิบข้างหูผม เหมือนเขาเองก็เห็นเหมือนกันว่ามีบางสายตาที่ไม่ชอบผม



                “ครับ ผมทราบ” ผมพยักหน้าหงึก ๆ เสียงประกาศดังขึ้นเรียกความสนใจของคนทั้งงานในทันที



                “ขออนุญาตใช้เสียงนะครับ บัดนี้ก็ได้เวลาอันเป็นมงคลแล้ว กระผมจะขอเชิญนายน้อยของตระกูลเฮอร์คิว         นายน้อยวูฟ กับคุณลูดี้ คู่หมั้นของเขาขึ้นมาบนเวทีได้เลยครับ” มือหนาที่ถูกส่งมาให้ผมด้วยความสุภาพ เรียกความสนใจของแขกในงาน



                “ส่งมือมาได้แล้ว” เสียงเข้มปลุกผมให้ตื่นจากอาการเหม่อ ผมวางมือลงบนมือหนาที่จูงมือของผมขึ้นไปบนเวที แม้เขาอาจจะทำไปเพราะหน้าที่ของเขา...แต่ผมกลับรู้สึกดีใจมากที่เขาจูงมือของผมแบบนี้



                “ขอเชิญนายท่านบนเวทีด้วยครับ” พ่อของวูฟเองก็เดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับแม่ของวูฟ



                “สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมเป็นพยานสำคัญในพิธีหมั้นในครั้งนี้ ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อไม่นานมานี้ทายาทของตระกูลเฮอร์คิวที่กำลังจะขึ้นเป็นผู้นำอัลฟาต่อไป ได้เลือกคู่ครองของเขา...และที่พิเศษไปกว่านั้น ผู้ชายที่ถูกเลือกมาคนนี้ ยังเป็นคู่แห่งโชคชะตาที่ถูกต้องของนายน้อยตระกูลเฮอร์คิวอีกด้วย” พอพูดจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น เรื่องคู่แห่งโชคชะตา ผมก็พอจะรู้ครับว่ามันโด่งดังพอสมควร อย่างที่ทราบกันดีว่า น้อยคนนักที่จะได้เจอคู่ของตัวเองและสมปรารถนา



                “บัดนี้ ก็เป็นเวลาที่สมควร ผมขอประกาศว่า...วูฟกับลูดี้ ได้เข้าพิธีหมั้นที่ถูกต้องตามประเพณี ต่อหน้าพยานมากมายที่อยู่ด้วยกัน ณ ที่นี้...” พ่อของวูฟพูดจบ ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างกายของผมก็หยิบแหวนวงเล็ก ไม่ได้มีเพชรเม็ดใหญ่อะไร มันเป็นเพียงแหวานสีเงินเรียบ ๆ...แต่คำที่สลักอยู่นั้น มันช่างมีค่ามากมาย



             ความรักนิรันดร์...



                “นี่เป็นแหวนประจำตระกูลของฉัน” เขายกมือข้างซ้ายของผมอย่างเบามือพร้อมกับสวมแหวนเข้าไปในนิ้วช้า ๆ ท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดีของคนที่อยู่ในงาน



                “ขอบคุณครับ...” ผมยกมือไหว้ตามธรรมเนียม แม่ของวูฟยิ้มให้ผม



                “ยินดีต้อนรับอย่างเต็มตัวสู่ตระกูลเฮอร์คิวนะจ๊ะ ลูดี้” ผมยิ้มก่อนจะหน้าร้อนวูบเมื่อริมฝีปากของร่างสูงก้มลงมาประทับที่แก้มนุ่มของผม



                “นายถือเป็นคนของตระกูลนี้แล้ว จำเอาไว้ให้ขึ้นใจด้วย...” เสียงเข้มย้ำเตือนกับผมสองคน ถ้อยคำแผ่วเบาแต่กลับดังก้องในหัวสมองของผม แหวนที่อยู่บนนิ้วของผมเป็นเครื่องยืนยันว่า ผมคือคู่หมั้นตัวจริงของวูฟและยังถือเป็นคนของตระกูลนี้ ไม่มีทางที่จะหลีกหนีไปได้



                “พวกเราก็ขอแสดงความยินดีอีกรอบกับนายน้อยวูฟและคุณลูดี้นะครับ เดี๋ยวขอเชิญทุกคนร่วมกันดื่มไวน์ด้วยกัน เพื่อถ่ายรูปสวย ๆ เป็นที่ระลึกนะครับ” พิธีกรประกาศดังนั้น พวกเราก็พากันลงจากเวทีไปตรงแก้วไวน์ที่วางเรียงอยู่ จะมีแก้วที่แตกต่างอยู่หนึ่งใบก็คือ แก้วของพ่อของวูฟครับ เพราะท่านอยู่ในฐานะผู้นำอัลฟาก็เลยมีการเตรียมมาเป็นพิเศษ ผมรับแก้วมาจากวูฟที่ยื่นมาให้ผม



                “ถ้ากินไม่ได้ก็จิบ ๆ พอเป็นพิธีก็พอ” เขากำชับ ผมพยักหน้ารับ ก่อนทุกคนจะชูแก้วขึ้นพร้อมกันถ่ายรูปให้สวยงามพอเป็นพิธี ยังไม่ทันที่ผมจะกินก็มีเสียงกรี๊ดตกใจจากแม่ของวูฟ



                เพล้ง! เสียงแก้วไวน์สีทองหลุดลงแตกกระจายกับพื้น



                “กรี๊ด คุณคะ...” ผมกับวูฟรีบวิ่งเข้าไปดูพ่อของวูฟที่เพิ่งดื่มไวน์เข้าไปกำลังกระอักเลือดออกมา



                “พ่อครับ!!...มันเกิดอะไรขึ้น”



                “นายท่าน!! ไปเตรียมเอารถออก!” ลูกน้องทั้งหมดวิ่งวุ่นอย่างตกใจ



                “ฉันไม่เป็นไร...อึก ผมไม่เป็นไรคุณอย่าร้องนะ แค่ก ๆ...” พ่อของวูฟปลอบแม่ของวูฟที่ทำอะไรไม่ถูก ผมมองเลือดตรงหน้าอย่างตกใจ ไม่ใช่ว่าผมกลัวหรอกนะครับ...แต่ผมก็ไม่คุ้นเคยหรือต้องการจะเห็นเลือด ลูกน้องรีบพยุงพ่อของวูฟไปส่งโรงพยาบาลทันที



                “แม่ไปกับพ่อก่อนนะครับ เดี๋ยวผมขอเคลียร์สถานการณ์แถวนี้ก่อน ลูดี้ไปกับแม่ของฉัน”



                “แล้วคุณล่ะครับ”



                “ฉันบอกว่าให้ไปกับแม่ของฉัน!!” เขาสั่งเสียงเฉียบทำให้ผมรีบวิ่งตามแม่ของวูฟออกไปขึ้นรถเพื่อตรงไปโรงพยาบาล แม้ว่าภายในใจจะเป็นห่วงวูฟก็ตาม...ให้ผมอยู่กับเขาก็ไม่ได้รึยังไง



                ผมกับแม่ของวูฟนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจที่หล่นวูบ ผมเอื้อมมือไปกุมมือของแม่เบา ๆ



                “พ่อจะต้องไม่เป็นอะไรนะครับ ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้...”



                “จ๊ะ...ฮึก แม่ก็เชื่อแบบนั้นลูดี้...แม่ไม่เข้าใจว่าทำไม แค่อำนาจถึงต้องทำขนาดนี้ เฮอร์คิวอยู่อย่างแข็งแกร่งมาตลอด แม่รู้ว่าพ่อเขาทำทุกอย่างเพื่อปกป้องทุกคนในตระกูล แม่รู้ว่าเขาแบกรับอะไรมามาก และวูฟเองก็จะเป็นเหมือนพ่อของเขาต่อไป...แม่อยากช่วยอะไรได้บ้าง แต่แม่กลับรู้สึกว่าแม่ไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลย” แม่ของวูฟระบายออกมาด้วยน้ำตาจนผมที่ฟังอยู่ด้วยร้องไห้ออกมาตาม ผมรับรู้ถึงความรักทั้งหมดที่พ่อของวูฟมอบให้ทุกคนในครอบครัว ทุกคนในตระกูล



                “ใครว่าแม่ไม่เคยช่วยอะไรล่ะครับ...เพราะมีแม่อยู่กับพ่อตรงนี้ไงครับ พ่อเขาถึงได้อยากปกป้องแบบนี้ ผมเชื่อนะครับว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี” ผมปลอบใจทำให้แม่ของวูฟสวมกอดผมไว้



                “ลูดี้...แม่ดีใจที่หนูอยู่ตรงนี้ แม่ดีใจที่คนที่จะเข้ามาอยู่ในฐานะคู่ของวูฟคือหนู...” ผมกับแม่นั่งรออยู่หน้าห้องไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน จนกระทั่งร่างสูงวิ่งเข้ามา เสื้อสูทตัวนอกของเขาถูกถอดออกเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างใน ผมมองมือของเขาที่มันมีเลือดนิด ๆ เหมือนไปตีกับใครมายังงั้นแหละ



                “แม่ครับ พ่อเป็นไงบ้าง”



                “ลูกไปทำอะไรมาวูฟ...” แม่ถามคำถามเหมือนที่ผมสงสัยเด๊ะ แต่ไม่ทันจะตอบอะไร คุณหมอก็เปิดประตูออกมาซะก่อน พวกผมเลยกรูกันเข้าไปหาหมอ



                “คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ ดีหน่อยที่คนไข้มีภูมิต้านทานเยอะ สุขภาพแข็งแรง พิษเลยไม่ได้เข้าไปทำลายส่วนไหนครับ ยังไงหมอจะย้ายคนไข้ไปห้องพักให้นะครับ” คุณหมอพูดจบก็ขอตัวเดินออกไป



                พวกผมถอนหายใจออกมาพร้อมกันพร้อมกับรอยยิ้ม...พ่อของวูฟถูกย้ายมาที่ห้องวีไอพี แต่ท่านก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยล่ะครับ แม่ของวูฟก็นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงและมองมาที่ลูกชายตัวเอง ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ผม



                “รู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้”



                “ไม่รู้สิครับ ตอนนี้กำลังให้คนตรวจสอบอยู่ ยังไม่แน่ใจ” เสียงเข้มตอบกลับ ผมก็เลยขมวดคิ้ว อ้าว...แล้วมือที่แตกอยู่นี่ไปฟัดกับใครมา เหมือนเขาจะรู้ว่าผมมองมือของเขาอยู่ วูฟก็เลยเอาแขนมาโอบไหล่ของผมเข้าไปหาเขา



                “จริง ๆ ก็อยากจะไปซัดปากของไอ้ตระกูลมาวิน หัวหน้ามันนั่นแหละ...แต่ผมรู้ว่าแม่ไม่อยากให้ผมไปมีเรื่องกับใครทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน ผมก็เลยต่อยกำแพงระบายความโมโหก็เท่านั้น...”



                เฮือก...ต่อยกำแพงระบายอารมณ์ สายโหดมาก แม่ของวูฟแทนที่จะตกใจกลับยิ้มส่ายหน้าเอือม



                “เลิกสักทีเถอะ นิสัยชกกำแพงน่ะ มันไม่เท่แถมยังเจ็บอีก ลูดี้จะตกใจลูกเอาได้นะ...ลูกพากันกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวแม่จะอยู่เฝ้าพ่อเขาเอง” แม่ของวูฟบอก ร่างสูงก็เลยพยักหน้าตกลง



                “เอางั้นก็ได้ครับ ผมสั่งลูกน้องมาคุมกันอยู่ที่นี่แล้ว ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยผมจะไปคุมให้หนาแน่นกว่าเดิม ถ้าแม่มีอะไรก็โทรหาผม” วูฟพูดแค่นั้นและลากผมออกไปด้วย แม่ของวูฟยกมือบ๊ายบายผม



                “คุณวูฟครับ เออ มือของคุณเจ็บมากไหม ทำไมไม่ทำแผลก่อนครับ” ผมเดินตามเขาที่ปล่อยผมออกจากวงแขน เลือดที่ไหลซึมจนแห้ง ดูเหมือนไม่เจ็บ แต่ผมว่ามันเจ็บ...



                “เดี๋ยวค่อยไปทำในรถก็ได้ นายทำเป็นนี่แผล” ก็เราอยู่โรงพยาบาลทำไมเขาไม่ทำแผลที่นี่...



                “เฮ้ย ไอ้วูฟ” เสียงเรียกชื่อของร่างสูงทำเอาผมที่เดินตามร่างสูงมาติด ๆ หยุดชะงัก ตรงหน้าเป็นผู้ชายร่างสูงพอ ๆ กับวูฟ ใบหน้าขาวใสรอยยิ้มพิมพ์ใจสไตล์คุณหมอ เสื้อกาวน์ที่เขาใส่อยู่บ่งบอกได้อย่างดีว่าเขาเป็นหมอ



                “ไง ไอ้เซย์ ไม่ได้เห็นหน้านาน เป็นไง” ดูเหมือนเขาจะเป็นเพื่อนของร่างสูง



                “ก็สบายดี แต่งานฉันเยอะมาก เอ๋...คนนี้เหรอวะ คู่ของนาย สวัสดีครับ พี่ชื่อเซย์...อ้าว เฮ้ยยังไม่ได้รู้จักชื่อน้องเขาเลย” ผมยังไม่ได้ตอบอะไรก็โดนวูฟดึงแขนให้เดินตามไปซะแล้ว



                “ไม่อยากให้รู้จัก กลับไปทำงานต่อไปไอ้หมอเซย์” ร่างสูงหันไปบอกเพื่อนแค่นั้น ผมได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนเขาพร้อมกับเสียงแซวแว่ว ๆ



                “ไว้รู้จักกันคราวหน้าก็แล้วกันเนอะ”



                “ฝันไปเหอะว่าจะให้รู้จัก...” ผมได้ยินเสียงพึมพำของเขา แต่ผมก็ได้ยินมันชัดเจนจนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้



                ผมเดินออกมาจากโรงพยาบาลก็อึ้งกับรถที่อยู่ตรงหน้า...ก็จะไม่ให้อึ้งได้ยังไงกันในเมื่อมันคือรถลีมูซีน!! ลูกน้องของร่างสูงเปิดประตูให้ผมกับเขาเข้าไปในรถ



                “เข้ามาได้แล้ว จะยืนอยู่ข้างนอกอีกนานไหม?” เขาเลิกคิ้วกวักมือเรียกผมเข้าไปหา ผมก้าวขึ้นไปบนรถงง ๆ



                “ทำไมคุณเอารถคันนี้มา...”



                “ก็มันเป็นงานหมั้นนี่ ก็เลยได้ใช้รถคันนี้ ถ้าตามหลักมันก็คล้าย ๆ การซ้อมแต่งงานนั่นแหละ” ภายในกว้างขวางมาก ผมมองไปรอบ ๆ ตามประสาคนไม่เคยนั่งรถหรูหราขนาดนี้ วูฟยกยิ้มเลื่อนปิดกระจกระหว่างคนขับไว้จนมืดทึบ ทำให้ตอนนี้ภายในรถกว้างตรงนี้



                มีแค่ผมกับเขา...



                ทำไมผมรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาก็ไม่รู้....สายตาคมที่จ้องผมอยู่อย่างไม่ละสายตากำลังทำให้ผมเกินอาการประหม่าสุด ๆ ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ผมพร้อม ๆ กับตัวของเขาที่โน้มลงมาหาผม...ผมหลับตาปี๋



                “กล่องพยาบาลอยู่ด้านหลังนาย...” เสียงเข้มกระซิบข้างหูผมด้วยสำเนียงขี้เล่น ผมลืมตาเหวอ ๆ กับใบหน้าคมที่กระตุกยิ้มขำผม



                “อ๋อครับ...” ก็เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้นี่ ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะทำอะไร...โอ๊ย ลูดี้เอ๊ยทำหน้าตาหน้าอายอะไรออกไปรึเปล่าล่ะเนี่ย ผมหันไปหยิบกล่องพยาบาลจะมาทำแผลให้ร่างสูงอย่างรู้งาน แต่มือของเขาที่ตบหน้าขาของเขาทำให้ผมขมวดคิ้ว



                เขาจะแกล้งอะไรผมอีก...



                “เขยิบมานั่งใกล้ ๆ อยู่ไกลขนาดนั้น จะให้ฉันยืดมือออกไปรึไง” ผมเลยกระดึ๊บ ๆ เข้าไปใกล้เขาอีกนิด ผมเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ของเขาด้วย เอ๊ะ...หรือผมจะตาฝาด ผมก้มหน้าก้มตาทำแผลให้ร่างสูงในขณะที่รถกำลังวิ่งไปช้า ๆ



                “ทำไมคุณชอบต่อยกำแพงจังครับ มันทำให้ร่างกายของคุณเจ็บตัว” ผมพูดออกไปพลางทำแผลไปด้วย โดยที่ไม่รู้เลยว่าวูฟแอบมองผมเงียบ ๆ เหมือนกัน



                “มันก็เป็นแค่วิธีระบายอารมณ์ของฉันยังไงล่ะ”



                “คุณระบายด้วยวิธีอื่นก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นจะต้องใช้แต่วิธีที่ทำให้คุณเจ็บตัว” ผมเผลอบ่นยาวก็ชะงัก ระหว่างที่เก็บอุปกรณ์เข้ากล่อง



                “หึ วิธีระบายทางอื่นเหรอ...งั้นวิธีนี้นายคิดว่าน่าสนใจไหมล่ะ...” ผมสะดุ้งเมื่อตัวเองถูกผลักให้ล้มลงไปกับเบาะนุ่มกว้างของรถที่นอนได้ถึงสองคน ผมตาโตกับร่างสูงที่ขึ้นมาคร่อมผมไว้



                “คุณวูฟ จะทำอะไรครับ อา...อย่า” ผมจับมือของเขาที่เลิกเสื้อของผมขึ้น ผมไม่ได้ฮีทขึ้นนะครับ...เขาทำแบบนี้ทำไม



                “เวลาฉันเครียด ฉันต้องระบาย แล้วนายก็เป็นสิ่งระบายความเครียดให้ฉันยังไงล่ะ...”



                “ตะ...แต่เราอยู่ในรถนะครับ!”  ถึงไม่ได้อยู่ในรถผมก็ตื่นตระหนกอยู่ดี



                “แล้วไง...” เขาเลิกคิ้ว โอ๊ย...นี่เขาไม่อายเหรอ ผมยังมีสติครบแต่ถึงอย่างนั้นผมกลับได้ยินกลิ่นหอมพาใจให้รู้สึกสบาย กลิ่นที่มาจากตัวของวูฟ (เคยได้ยินมาเหมือนกันเรื่องคนที่เป็นคู่กัน กลิ่นของคนทั้งสองคนจะถูกดึงดูดเข้าหากันน่ะครับ)



                “ระหว่างทางที่จะขับไปร้านข้าว ฉันไม่อยากเบื่อ เราก็แค่มาทำอะไรฆ่าเวลาเท่านั้น ร้านข้าวที่ฉันจะพาไปมันอยู่ไกล”



                “อ๊ะ!! อือออ แต่ว่า...อ๊ะ” ผมถูกฉุดขึ้นไปนั่งคร่อมร่างสูงด้วยร่างกายที่เริ่มสั่นสะท้าน นี่เขาจะเอาจริงใช่ไหมครับ  ดูแววตาของเขาสิ ผมคาดว่าผมน่าจะขัดเขาไม่ได้แน่นอน...และวูฟก็ไม่ได้ล้อเล่นแต่เขาทำจริง เราทำกิจกรรมรักกันโดยที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่ทั้งคู่! แต่ดีหน่อยที่ฟิล์มของรถเป็นสีดำ แถมห้องรถที่เราอยู่ยังเก็บเสียง จึงไม่มีใครได้ยินว่าเราทำอะไรกันอยู่ แต่ผมจะบอกว่ามันน่าอายมาก...เพราะผมดันจำได้ทุกอย่างชัดเจน ผมไม่ได้ฮีทขึ้น แต่อารมณ์ของพวกเราสองคนก็ถูกจุดให้ลุกโชนได้อย่างง่ายดายเมื่อร่างกายของเราสัมผัสกัน....





                และวูฟก็ไม่ได้โกหกผมเรื่องพามาทานข้าวไกล ๆ เขาให้ลูกน้องพาผมมากินข้าวที่ร้านนอกเมืองที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยมากที่สุด...อาหารอร่อยสมคำร่ำลือครับ เพียงแต่ผมทานได้ไม่เยอะ เพราะผมเพลียจนไม่อยากกินอะไรน่ะสิ...








...
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^

รู้สึกว่าวูฟจะขยันทำการบ้านจังเลยนะคะ 55555   

อยากรู้ว่าเบาะรถลีมูซีนมันนุ่มรึเปล่า >__<  :mew1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.7 | 03/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-10-2017 22:26:58
แหม ๆ ยังไม่อยากมีลูกแต่ขยันรังแกลูดี้เหลือเกินนะวูฟ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.7 | 03/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: Midorima ที่ 03-10-2017 23:26:19
ทำไมรู้สึกเจ็บกับคำว่า เป็นสิ่งระบาย  :ling1:
เราแอนตี้วูฟได้ไหม 5555555
ส่วนหนูลูดี้ แม่อยากจะรับลูกมาเลี้ยงเหลือเกิน น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.7 | 03/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-10-2017 03:49:50
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.7 | 03/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 04-10-2017 09:08:50
แอบขัดประโยคที่ระบายนี่แล่ะ

น้องเป็นแค่นั้นนเหรอเฮ้ยยยย

ฟินไม่สุด  :z6:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.7 | 03/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-10-2017 12:18:19
วูฟ เหมือนหวงลูดี้
ดูแลลูดี้ดี นั่งหลับก็ให้นอนหนุนตัก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
กับเพื่อนเซย์ ก็ไม่แนะนำ ไม่อยากให้เพื่อนรู้จัก

อ้าวๆ......วูฟ ระบายความเครียดโดยการทำรักกับลูดี้
เพราะลูดี้ ทักท้วง ว่าการต่อยกำแพงมันไม่ใช่วิธีระบายความเครียด
เลยเกิด......ในรถซะเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.7 | 03/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 08-10-2017 19:58:28
แหมมม พอได้กินน้องครั้งนึงแล้วติดใจล่ะซี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.7 | 03/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 08-10-2017 23:03:00
 :haun4: ฟินนน  :heaven
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.8 | 09/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 09-10-2017 19:51:47
ตอนที่ 8



                [พาร์ตของลูดี้]



                ผมที่นอนหลับอยู่บนเตียงขดตัวเข้าในผ้าห่มด้วยความหนาว...ร่างกายเปลือยเปล่าของผมหนักอึ้งไปหมด เนื่องจากผมเพิ่งจะฮีทขึ้นอีกครั้งของเดือนนี้  (ผมคิดว่ามันหมดแล้วซะอีก) แต่มันไม่ได้มีอาการรุนแรงเท่ากับครั้งแรกของผมกับวูฟ ผมมีสติควบคุมได้ แต่...ความต้องการที่อยากให้เขาครอบครองผม ก็ดูจะมีมากกว่าปกติ น่าอายจังครับ ผมร้องขอให้เขาทำเรื่องแบบนั้นกับผมด้วย



                “ลุกมาใส่เสื้อผ้าก่อน ค่อยนอนต่อ” เสียงเข้มสั่งแกมบังคับ ผมอยากลุกขึ้นนะ แต่...มันไม่มีแรงเลยล่ะ



                “ผมลุกไม่ไหวครับ” ผมตอบถามความจริง เขาเลยช่วยดึงผมขึ้นและจับเสื้อสวมลงให้ผม การกระทำแบบนี้ วูฟจะรู้ไหมว่าทำให้ผมสับสน...ใจที่เริ่มเต้นรัวทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา



                ทำเอาผมกลัว...กลัวว่าวันหนึ่งจะหลงรักเขาขึ้นมา มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรใหญ่โต...แต่ผมอาจจะต้องเจ็บเพราะว่าวูฟเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม



                “ขอบคุณนะครับ...”  ผมนอนลงที่เดิม ส่วนเขาก็ก้าวขึ้นมานอนข้างผม “คุณพ่อของคุณจะกลับบ้านพรุ่งนี้เหรอครับ” เมื่อเห็นบรรยากาศเงียบลงผมก็เลยเปิดประเด็น



                “ใช่ เห็นหมอบอกว่าไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว คงจะกลับพรุ่งนี้”



                “ครับ...”



                “อยากได้อะไรข้างนอกรึไง ถึงถาม ฉันจะได้ซื้อมาฝาก” เขาเหลือบมามองผมที่นอนอยู่ใกล้ ๆ เขา ผมรีบส่ายหน้า แค่นี้วูฟก็ให้มาตั้งเยอะเต็มไปหมด นี่เขาก็เพิ่งให้คนขนตู้หนังสือสีสันสวยงามเข้ามาไว้ภายในห้องเพื่อใส่หนังสือ



                ตอนนี้ก็เลยมีชั้นหนังสือสองสามชั้นเอาไว้เรียงหนังสือที่ผมไปเลือกซื้อกับเขาวันนั้น



                “ผมไม่อยากได้อะไรหรอกครับ เออ แล้วเรื่องของคนที่วางยาพิษคุณรู้เบาะแสเพิ่มเติมรึยังครับ” ผมยังคงถามต่อ เขาทำท่าทางรำคาญใจนิด ๆ แบบขี้เกียจตอบ แต่ก็ไม่ได้ดุอะไรผมสักนิด



                “ตัวคนทำน่ะ ก็พอจะรู้ แต่หลักฐานที่มัดตัวน่ะ...ทางเรายังไม่มี จนกว่าจะจับได้คาหนังคาเขาไปเลย ถึงจะจับพวกมันอยู่...”



                “ทำไมคนเราถึงต้องการอำนาจขนาดนั้นด้วย” ผมพึมพำ



                “เพราะมีความโลภอยู่ในใจยังไงล่ะ ความไม่พอดี ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี” ผมบรือตาฟังเขาก็เริ่มจะเคลิ้ม ๆ “นอนได้แล้ว เลิกถาม ตาจะปิดอยู่แล้วยังจะมานั่งฟังฉันพูดอีก...” ผมยิ้มเล็กน้อย มันก็ฟังดูเพลิน ๆ ดีนี่นา



                “ก็ผมชอบฟังที่คุณพูด...” ผมบอกแค่นั้นและหลับตาพริ้มโดยที่ไม่ได้ดูหน้าของร่างสูงว่าทำหน้ายังไงต่อบ้าง             ผมได้ยินแค่เสียงบ่นของเขาพึมพำอยู่คนเดียว...แต่ก็ฟังไม่ออกว่าเขาบ่นว่าอะไร



                เช้าวันต่อมา



                วูฟออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ ผมก็ตื่นมาพร้อมเขานั่นแหละ แต่ตอนนี้ผมมาหมกตัวทำขนมหวานอยู่กับป้านมน่ะสิ ตื่นเต้นมากกับการทำขนมครั้งแรก



                “มันจะออกมาอร่อยไหมครับป้า” ผมปั้นแป้งทำบัวลอยอยู่ก็ถามเพื่อความแน่ใจ เพราะมันออกจะเละ ๆ ไม่เป็นลูกกลมสวย...แฮะ ๆ



                “มันจะต้องออกมาอร่อยสิคะ เดี๋ยวให้นายน้อยเป็นคนพิสูจน์ฝีมือของคุณลูดี้เลยค่ะ” ผมยิ้มแห้ง ๆ เออ...คิดดีแล้วใช่ไหมครับที่จะเอาไปให้วูฟลองชิม



                “ผมว่ามันอาจจะเป็นความคิดผิด ๆ ก็ได้นะครับ”ผมบอกแค่นั้นก็เรียกเสียงหัวเราะจากป้านมกับสาวใช้ที่ช่วยกันทำขนมกับอาหารอยู่ในครัว ผมเข้ากับทุกคนที่อยู่ในครัวได้เป็นอย่างดี ทุกคนใจดีกับผมมากเลยครับ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาระดับหนึ่ง



                แต่ที่มีไม่ถูกกับผมก็คงจะเป็นโอเมก้าที่ถูกพวกท่านทูตซื้อตัวไป ดูท่าทางพวกเขาจะไม่ค่อยอยากเป็นมิตรกับผมสักเท่าไหร่ ผมใช้เวลาในช่วงเช้าไปจนถึงเที่ยงหมดไปกับการทำของหวานแสนอร่อย...อันนี้คิดเอาเองว่ามันคงจะอร่อย    พอทำเสร็จแล้วหน้าตามันก็ดูน่ากินจริง ๆ สีสันสวยเชียว



                “คุณลูดี้คะ เมื่อกี้ป้าได้ยินเสียงรถของนายท่านกับนายน้อยกลับมาแล้วนะคะ ออกไปต้อนรับเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าดูในครัวต่อเอง” ป้านมบอก ผมก็เลยล้างมือและเช็ดให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปหาร่างสูงที่เดินก้าวดุ่ม ๆ เข้ามาภายในบ้านใหญ่พร้อมกับพ่อและแม่ของเขา



                พวกเขามองผมแล้วหัวเราะเล็กน้อย...เอ๋? มือหนาของวูฟยื่นมาแตะแก้มผมเบา ๆ



                “ไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้มีแป้งติดแก้มเต็มไปหมดแบบนี้” รู้สาเหตุที่โดนหัวเราะแล้วล่ะ ก็เพราะว่าแก้มของผมเปื้อนแป้งเต็มไปหมดเลยน่ะสิ



                “ให้แม่เดานะ ไปทำขนมมาใช่ไหมเอ่ย...” แม่ของวูฟถามอย่างเอ็นดู สมทบด้วยพ่อของวูฟที่พูดต่อ



                “อืม เป็นแม่ศรีเรือนดีนะ ทำขนมอะไรมาล่ะ” น้ำเสียงของท่านยังดูเหนื่อย ๆ อยู่เลยครับ



                “ไปทำขนมหรือไปทำครัวเขาพังกันแน่...” เสียงเข้มพูดปิดท้าย แต่ก็ปังกว่าใครเพื่อน...แบบว่าจิกผมสุด ๆ             ผมไม่ได้ไปทำครัวเขาพังซะหน่อย!...แค่เกือบ ๆ เอง ฮ่า!



                “ทำบัวลอยไข่หวานครับ เดี๋ยวให้ป้านมเอาไปเสิร์ฟให้นะครับ” ผมตอบ



                “ว้าว ต้องน่าทานมาก ๆ แน่ พวกลูกก็กลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะไป ขอบใจมากนะวูฟที่ไปรับพ่อกับแม่แต่เช้า” แม่ของวูฟบอกแค่นั้น ก่อนที่จะพาพ่อของวูฟไปพักผ่อนที่ห้อง ส่วนผมก็ยืนอยู่กับร่างสูงที่เอามือไปเลื่อนปลดเนคไทออก



                “ร้อนไหมครับ ผมจะไปหาอะไรเย็น ๆ มาให้ดื่ม” ผมเดินตามเขาที่ถอดเสื้อสูทข้างนอกออก เห็นแล้วร้อนแทน     เขาต้องแต่งตัวเนี๊ยบเสมอเวลาออกไปข้างนอก



                “นายอยู่แต่ในห้องครัวมาตั้งแต่เช้าแล้วงั้นเหรอ”



                “ครับ เพิ่งทำขนมเสร็จไปเมื่อกี้เอง...คุณวูฟจะทานไหมครับ”



                “นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบของหวาน” เขาย้ำ ผมที่เดินตามหลังรับเสื้อสูทของเขามาถือไว้ วูฟเดินช้าลงเหมือนจงใจให้ผมเดินตามทันเขา “แต่ถ้านายทำมาแล้ว จะชิมให้ก็ได้...” ประโยคหลังเรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ ของผมได้ทันที



                “ผมตั้งใจทำมาก ๆ เลยล่ะครับ! ป้านมสอนผมทำขนมอีกตั้งหลายอย่าง งั้นเดี๋ยวคุณไปรอที่ห้องก็แล้วกันนะครับ ผมจะไปเอาบัวลอยที่ห้องครัว” ผมจะเดินแยกไปห้องครัว วูฟก็เดินตามมาด้วย อ้าว...



                “อะไร...ฉันก็แค่ไม่ไว้ใจที่นายจะถือถ้วยของหวานเดินกลับไปที่ห้องคนเดียวก็เท่านั้น” ที่แท้เขาก็จะมาคุมผมนั่นเอง ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นซะหน่อย...หรือจริง ๆ อาจจะซุ่มซ่าม



                “โอ๊ะ นายน้อยกับคุณลูดี้ ป้ากำลังว่าจะให้สาวใช้เอาไปให้อยู่เลยค่ะ” ป้านมกำลังสั่งสาวใช้อยู่พอดีเลยครับ             ผมยิ้มและรับถ้วยของหวานมา ฝีมือของผมแหละดูสิ...น่าภูมิใจมาก มันร้อน ๆ อยู่เลย ผมถือเองไม่ถึง 5 วิ มันก็ไปอยู่ในมือของวูฟเรียบร้อย เขายกไปจากมือของผม



                “เดี๋ยวฉันถือเอง เดินนำไปที่ห้องได้แล้ว” เขาใช้มืออีกข้างดันหลังผมไป ผมก็เลยเดินนำหน้าเขาไปตามคำสั่ง  พวกเราเดินกลับมาถึงห้องต่างคนก็นั่งอยู่คนละมุมโซฟาเหมือนเดิม...ผมไม่กล้าเข้าไปใกล้เขา กลัวจะทำให้วูฟรำคาญก็เลยเลือกที่จะนั่งตรงนี้





                และนาทีระทึกก็มาถึง...วูฟกำลังจะชิมของหวานที่ผมทำ!! ผมยังไม่ได้ชิมเหมือนกันครับ แอบหวั่นแทนเขา ฮ่า ๆ ก็มันเป็นครั้งแรกที่ทำมันก็ต้องตื่นเต้นระทึกเป็นธรรมดา เขาตักบัวลอยสีสวยหลายสีที่ผมปั้นเองกับมือ (มือผมล้างแล้วสะอาด ปลอดภัยแน่นอน!)



                “แน่ใจนะว่ามันกินได้...” เขาถามกวนเล็กน้อย...สำเนียงมันออกกวน ๆ หน่อย ผมพยักหน้าหนักแน่น...หนักแน่นแบบพร้อมจะรับผิดชอบถ้าเขากินแล้วมันไม่อร่อย



                “กินได้สิครับ”



                “.........” เขาตักมันเข้าไปในปากเรียบร้อย ผมลุ้นมาก เขาเคี้ยวบัวลอยนุ่ม ๆ



                “เป็นยังไงบ้างครับ? มันแย่ไหม...” ทำไมเขาเงียบล่ะ



                “..........”



                “ถ้ามันไม่อร่อยก็ไม่ต้องกินนะครับ ผมไม่อยากให้คุณฝืน...” ผมยื่นมือขอถ้วยของหวานคืน ก่อนจะโดนเขาดีดหน้าผากไม่แรงนัก



                “ฉันยังไม่ได้พูดว่ามันไม่อร่อยเลย โวยวายตีโพยตีพายไปทำไมกัน” คำพูดของเขาทำให้ผมคลี่ยิ้มออกมา แต่ร่างสูงก็ทำหน้านิ่งใส่ผมตามสไตล์ของเขา



                “รสชาติมันเป็นยังไงเหรอครับ” ผมถามแบบต้องการผลตอบรับ เพราะจะได้เอาไปพัฒนาต่อให้มันอร่อยกว่าเดิม



                “ก็อร่อยดี...นายทำไม่หวานมากเท่าไหร่ รสชาติก็เลยโอเค” พอได้รับคำตอบกลับมาจากวูฟ ก็ยิ่งเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจผมให้เร็วขึ้น...คือจะบอกว่าตอนที่ทำ ผมพยายามไม่ใส่น้ำตาลเยอะเพื่อไม่ให้มันหวานมากเกินไป ก็เพราะวูฟนี่แหละครับ คือคนที่ผมคิดถึงตอนทำขนม...อย่าเอาไปบอกเขานะครับ



                “ดีจังครับ ที่คุณว่ามันอร่อย” ผมพูดจากใจจริง และก็ต้องทำหน้าแปลกใจกับถ้วยของหวานที่ยื่นมา



                “เอาไปกินไป นายเองเป็นคนทำได้กินรึยัง”



                “คุณวูฟทานเถอะครับ...” ผมดันมันคืนให้วูฟจนเขาดุขึ้นมา



                “อะไรของนาย ฉันบอกให้เอาไปกิน!” ตกใจหมด...ขึ้นเสียงอีกแล้ว แต่ผมก็ยังยืนยันที่จะไม่กินบัวลอยถ้วยนี้  ถามว่าเป็นเพราะอะไรน่ะเหรอ...



                “คือว่า...ผมกินไปตั้งสองถ้วยแล้วครับ ตอนอยู่ในห้องครัว แบบว่าทำไปชิมไปจนอิ่ม” ผมสารภาพ ร่างสูงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แฮะ...ผมกินจุใช่ไหมครับ ยิ่งของหวานนี่ก็ยิ่งกินเยอะมาก อาจจะเป็นอารมณ์เหมือนผมไม่เคยได้กิน พอเห็นพวกขนมไทยอะไรแบบนี้ก็รู้สึกอยากกินมาก หลงรักขนมไทย ๆ มากเลยล่ะครับ



                “สองถ้วย? นี่นายกินของหวานเยอะขนาดนั้นเชียว จะชอบอะไรขนาดนั้น...” เขารับไปตักกินสองสามคำก็พอ      รู้มาจากป้านมคร่าว ๆ ว่าวูฟเป็นคนไม่ชอบทานของหวานสุด ๆ แต่นี่เขายอมกินให้ผมสองสามคำก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะ



                ผมมัวแต่จ้องหน้าเขาเพลินไปหน่อยจนเจ้าตัวหันกลับมาจ้องผมคืน แววตาคมของเขาให้ความรู้สึกถึงอำนาจที่มีแรงดึงดูดชะมัด



                “จ้องหน้าฉันแบบนั้นต้องการอะไร” เสียงทุ้มถามเรียบ ผมส่ายหน้า



                “เปล่าครับ คุณวูฟมีงานอะไรต้องออกไปข้างนอกอีกรึเปล่าครับ?” เขาลุกขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออก เผยให้เห็นซิกแพคเป็นลอน ๆ เฮือก...เขาถอดเสื้อทำไม



                “วันนี้ไม่มี ฉันปวดเมื่อย เดี๋ยวนายไปนวดให้ฉันหน่อย” วูฟที่ใส่แค่กางเกงสีดำสนิท เดินเข้าไปรอในห้องนอน     ผมก็มองตามตาปริบ ๆ เขาจะให้ผมไปนวด...คิดดีแล้วใช่ไหมครับนั่น เมื่อเห็นว่าผมยังนั่งอยู่โซฟา เขาก็สั่งอีกรอบ (สั่งรอบเดียวผมฟังไม่รู้เรื่อง ต้องสั่งหลายรอบ ฮ่า ๆ)



                “ลูดี้! เข้ามาในห้องได้แล้ว จะต้องให้ฉันเรียกอีกกี่รอบ”



                “ครับ ๆ มาแล้ว” ผมรีบลุกจากโซฟารีบเดินเข้าไปในห้องนอนทันที





                “นายนวดดี ๆ เป็นไหม...กดให้มันเต็มแรงหน่อย” เสียงเข้มดังขึ้นมาในขณะที่ผมกดตรงแผ่นหลังของเขาอยู่   ตอนนี้ผมกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนตัวของวูฟที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ...บอกเลยว่าเกร็งมาก ไม่กล้ากดแรง กลัวเขาเจ็บนี่นา



                “ก็กดเต็มแรงแล้ว”



                “แรงมีแค่นี้จะไปสู้อะไรใครเขาได้”



                “ผมไม่จำเป็นต้องไปสู้กับใครนี่ครับ...” ผมใช้มือกดนวดตรงไหล่ของเขา เสียงหัวเราะในลำคอของวูฟดังเบา ๆ



                “ตระกูลเฮอร์คิวไม่รับคนที่อ่อนแอหรอกนะ” ผมชะงักกึก...นั่นสินะครับ จริง ๆ ผมไม่ควรที่จะมาอยู่ที่นี่เลยด้วยซ้ำ ถ้าวูฟไม่ได้เลือกผมมา ผมคิดว่าเขาช่วยชีวิตของผมไว้ ช่วยฉุดผมที่อยู่กับสภาพแวดล้อมโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ให้มาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นแบบนี้



                “นายกำลังคิดมากเพราะคำพูดของฉันอยู่ล่ะสิ” ผมสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ เขาก็พลิกตัวลุกขึ้น ผมที่นั่งอยู่ก็เซหงายหลัง



                “อ๊ะ...” หมับ มือหนาจับผมไว้พร้อมกับพลิกตัวของผมให้ลงไปอยู่ข้างล่างเขา “คุณวูฟ...”



                “ตระกูลเฮอร์คิวไม่รับคนที่อ่อนแอ...เพราะฉะนั้นนายต้องเข้มแข็ง...จำไว้ว่า นายต้องเข้มแข็งกว่านี้...” ผมมองหน้าของเขาที่ก้มลงมาใกล้ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ใกล้ชิด...



                “ครับ ผมจะเข้มแข็งกว่านี้” ผมพยักหน้าก่อนจะรับรู้ถึงริมฝีปากหนาที่ประกบอย่างบรรจงลงช้า ๆ ปลายลิ้นร้อนกวัดเกี่ยวรัดลิ้นเล็กของผมที่พยายามถอยหนีเขาอย่างเขินอาย แต่ผมก็ไม่สามารถหนีจูบอันร้อนแรงนี้ไปได้



                ไฟปรารถนาเล็ก ๆ ที่ถูกจุดขึ้นทำให้พวกเราทั้งสองคนจมดิ่งสู่ห้วงความสุขที่เออล้นออกมา ในยามที่ไม่ได้มีฮีทขึ้น ผมจำสัมผัสได้ทุกอย่าง วูฟเองก็ดูจะควบคุมได้ดีเพราะกลิ่นของผมไม่ได้ปล่อยออกไปมาก...แต่ถึงอย่างนั้น กลิ่นฟีโรโมนจาง ๆ ที่แผ่ออกมา ก็ทำให้เขาเองเผลอรุนแรงใส่ผมเล็กน้อยเหมือนกัน คือการกัดที่หลังคอ...เพื่อย้ำความเป็นเจ้าของ



                ความรู้สึกดี ปนเจ็บปวด แปลกวูบวาบปะปนกันไปหมด จนหัวสมองของผมเริ่มเบลอ...



                ‘โอเมก้า’ คือผู้ถูกเลือก ‘อัลฟา’ คือผู้สร้างพันธะ...ผมถูกวูฟเลือกและเขาก็เป็นคนสร้างพันธะกับผม...



                ...เมื่อใดก็ตามที่โอเมก้าถูกกัดและสร้างพันธะจากอัลฟา ก็จะทำให้ไม่สามารถไปยุ่งกับใครได้อีก หรือพูดง่าย ๆ ว่า โอเมก้าคนนั้นจะกลายเป็นของ ๆ อัลฟาเจ้าของพันธะแต่เพียงผู้เดียว...มันคือกฎตายตัวที่ไม่สามารถเลี่ยงหนีได้



                แต่หากเป็นโอเมก้าที่โชคดีจริง ๆ ก็จะได้เจอกับคู่แท้ของเขา และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร์...



                ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของวูฟที่หลับอยู่ข้าง ๆ เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงใครพูดในความฝันของผม เป็นเสียงของผู้หญิงที่ดูอบอุ่นมาก เหมือนเธอกำลังเล่าเรื่องให้ผมฟัง แต่ผมกลับจำหน้าตาของเธอไม่ได้... ผมเงยหน้ามองวูฟที่หลับอยู่ ใบหน้าคมยามหลับเหมือนเด็กน้อยเลย ข้างนอกมืดแล้วล่ะครับ นี่เราทำกิจกรรมรักไปตั้งแต่บ่ายกว่า ๆ จนตอนนี้มัน 6 โมงเย็นแล้ว ทำไมเขาถึงทำเรื่องแบบนี้กับผมบ่อยจัง... อุณหภูมิเริ่มหนาวคล้ายฝนจะตกทำให้วันนี้ดูมืดผิดปกติ



                ผมดันตัวเองลุกขึ้นและกำลังจะเอามือของเขาออก ก็เซไปตามแรงดึงของร่างสูง



                “ใครอนุญาตให้นายลุกออกจากเตียงกัน” เสียงเข้มถามแบบหงุดหงิดตามน้ำเสียงของคนเพิ่งตื่น (หรือจริง ๆ โดนผมทำให้รู้สึกตัวมากกว่า)



                “ผมทำให้ตื่นเหรอครับ คือผมจะไปห้องน้ำ อ๊ะ...” ผมถูกฉุดรั้งให้กลับลงไปนอนเหมือนเดิม ร่างกายเปลือยเปล่าของผมกระทบกับเขา เฮือก...ผมเปลือยอยู่นี่ ส่วนวูฟใส่กางเกงสีดำข้างล่างอยู่ครับ แต่ผมเนี่ยสิ!! ผมเลยรีบเขยิบออกแต่เขาก็กลับรั้งเอวผมเข้าไปหาซะงั้น



                “คุณวูฟปล่อยผมก่อน...” มันใกล้ไป ผมรู้สึกเขินรุนแรงมาก “ผมจะไปใส่เสื้อผ้า...” ผมดันเขาแต่ร่างกายสูงตรงหน้าไม่ขยับสักกะนิด



                “ไม่ต้องอายหรอก ฉันก็เห็นมาหมดแล้ว” นั่นไม่ใช่ประเด็นซะหน่อย...



                “ให้ผมไปใส่เสื้อเถอะนะครับ คือผมหนาว...” ผมร้องขอ คืออากาศมันเริ่มหนาวบวกกับความอายของผมที่ต้องนอนนิ่งให้เขากอดด้วยร่างกายเปลือยเปล่าแบบนี้ วูฟเหลือบมองผมเล็กน้อยและยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ



                “งั้นก็รีบไปใส่เสื้อได้แล้วไป” เขาว่า ผมพยักหน้าลุกขึ้นแต่พอจะก้าวลงเตียง ร่างของผมก็หล่นปุกไปตรงข้างเตียงด้วยขาที่อ่อนแรง เขาที่ลุกขึ้นนั่งตามก็มองแบบตกใจนิด ๆ



                ตุบ



                “เฮ้ ทำอะไรของนาย เดินดี ๆ สิ เฮ้อ อย่ามาสร้างปัญหาให้ฉันได้ไหม” เขาบ่นพร้อมกับยื่นมือมาดึงแขนของผมให้ลุกขึ้น



                “ขอโทษครับพอดีขาของผมมันยืนไม่อยู่...” ผมรู้สึกแสบช่วงล่างมากแถมมันยังชาไปหมดอีก วูฟถอนหายใจเล็กน้อย



                “ช่างเถอะ เดินไปห้องน้ำไหวไหม” ผมพยักหน้า “อย่าไปล้มในห้องน้ำเด็ดขาดนะ! ไม่งั้นฉันจะทำโทษ” เขาสั่งเสียงเข้ม ผมหันไปสบตากับร่างสูง



                “ทำโทษอะไรเหรอครับ”



                “อยากโดนทำโทษเหรอ!!” เขาดุ ผมแอบสะดุ้งอีกรอบ หัวใจของผมอาจจะวายได้รึเปล่านะ ถ้าหากว่าอยู่กับเขาไปนาน ๆ ดุอยู่นั่น...



                “เปล่าครับ ไม่อยากโดนทำโทษ”



                “ถ้าไม่อยากก็เดินเข้าไปอาบน้ำดี ๆ อาบน้ำอุ่นด้วยนะ เข้าใจไหม แล้วก็ห้ามอาบนาน แค่ 5 นาทีก็น่าจะออกมาได้แล้ว” เขาสั่งยาวรัวทิ้งท้ายไว้ ก่อนเขาจะเดินหายออกไปจากห้องนอน ผมมองตามเขาก็แอบแลบลิ้นใส่เขา



                “ดุอยู่นั่นแหละ พูดหวาน ๆ กับเราบ้างไม่ได้รึไง...” ผมบ่นและชะงักกับตัวเอง เดี๋ยวนะลูดี้...จะอยากให้เขามาพูดหวาน ๆ กับเราทำไมกันล่ะ ผมสะบัดความคิดของตัวเองทิ้งแล้วรีบเดินเข้าไปอาบน้ำ ถ้าวูฟกลับมาเห็นผมยังไม่ได้อาบน้ำมีหวังมาดุผมอีกรอบแน่ ๆ



                ใช้เวลาไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของวูฟกำลังคุยกับลูกน้อง ผมเดินออกไปจากห้องนอนก็ชะงักและรีบไปหลบตรงแถวเคาท์เตอร์มองวูฟที่ยืนพิงประตูคุยกับลูกน้องอยู่ ถามว่าทำไมผมหลบ...ก็เพราะสิ่งที่ได้ยินไงครับ ผมไม่ได้แอบฟังนะ โอเค...ยอมรับว่าผมกำลังแอบฟัง



                “นี่ครับนายน้อยยาที่นายน้อยให้ผมไปหา แน่ใจเหรอครับว่าจะใช้กับคุณลูดี้จริง ๆ” ผมที่ยืนอยู่มุมเคาท์เตอร์ก็ได้ยินชัดเจน พวกเขาพูดถึงยาอะไร...



                “ถ้าเลยสัปดาห์นี้ไปยังไม่มีวี่แววว่าจะท้อง ก็คงต้องใช้...ได้ตรวจดูให้แน่ชัดรึยังว่ายานี้ไม่มีอันตรายอะไรใช่ไหม” เสียงเข้มถามกลับ ผมแอบเหลือบมองสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือมันเป็นซองยา



                “ตรวจแล้วครับ นี่เป็นยาของแท้ไม่มีส่วนผสมอันตราย แต่...ผมก็ยังไม่เห็นด้วยที่นายน้อยจะใช้ยาเร่งฮีทนะครับ ถึงจะบอกว่าช่วงเป็นฮีทจะมีโอกาสท้องสูง แต่ร่างกายของคุณลูดี้อาจจะไม่ไหวได้...”



                ยาเร่งฮีท...นี่เขาคิดจะใช้มันกับผมเหรอ!! ทำไมผมรู้สึกโกรธขึ้นมานิด ๆ ล่ะ



                “ฉันจะมีทางเลือกอะไรได้บ้าง ในเมื่อพ่อกำลังเร่งให้ฉันรับตำแหน่งทายาทเพื่อขจัดปัญหาที่กำลังค้างคาอยู่ตอนนี้ แถมตอนนี้การต่อต้านของพวกไม่หวังดีที่คิดจะล้มล้างตระกูลเราก็เริ่มจะแข็งข้อมากขึ้นทุกที” วูฟบอกเสียงเข้มด้วยท่าทีที่คิดมากจริง ๆ



                “ผมว่ารอดูไปก่อนดีไหมครับ ผมเชื่อว่านายท่านกับนายหญิงเองก็คงไม่อยากให้นายน้อยใช้ยาพวกนี้กับคุณลูดี้เหมือนกัน เพราะความเสี่ยงมันย่อมมากอยู่แล้ว เราไม่รู้ว่ายาตัวนี้จะทำให้คุณลูดี้ปล่อยฟีโรโมนมามากเท่าไหร่ แถมนายน้อยเองก็ต้านกลิ่นของคุณลูดี้ไม่ได้...คนที่เจ็บมากที่สุดจะเป็นคุณลูดี้นะครับ เพราะฉะนั้นในฐานะที่ผมเป็นลูกน้องคอยดูแลโอเมก้า...ผมไม่อยากให้นายน้อยใช้ยาเร่งเลยครับ”



                ผมที่ฟังอยู่ก็ได้แต่ฟังแบบไม่มีความคิดเห็น เพราะก็รู้ ๆ กันอยู่ว่า ผมต้องมีทายาทให้กับวูฟ...เพื่อที่เขาจะได้รับตำแหน่งเต็มตัว ก็คล้ายกับเจ้าสาวที่ถูกแต่งเข้ามาภายในบ้าน...ถ้าผมไม่มีลูกให้เขา ผมจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ผมคิดแค่นั้นก็รู้สึกเจ็บแปล๊บและไม่อยากที่จะฟังเรื่องที่พวกเขาพูดกันต่อ ผมลุกเดินหนีเข้าไปในห้องนอนแล้วล้มตัวลงนอนคลุมโปงคิดอะไรอยู่คนเดียวภายในผ้าห่ม โดยที่ไม่ได้ยินประโยคต่อจากนั้นของวูฟ...








                “ฉันก็ไม่อยากใช้ยานี่กับลูดี้แล้ว ตอนนั้นสั่งไปก็ไม่ได้คิด...นายเอายาเร่งกลับไปเถอะ ฉันไม่จำเป็นต้องใช้มัน เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง รอดูผลอาทิตย์หน้าได้เลย...อ้อ บอกป้านมเอาข้าวต้มร้อน ๆ กับขนมไทยสักอย่างมาเสิร์ฟฉันที่ห้องด้วยนะ....”









...

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^

ลูดี้ได้ยินที่บอกจะใช้ยากับเขาเเล้วนะคะ วูฟ 555555

ลูดี้เดินหนีไม่สนใจเรียบร้อย >___<  :กอด1: :กอด1: :pig4:
:pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.8 | 09/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-10-2017 20:04:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.8 | 09/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-10-2017 20:06:40
ฟังไม่จบอีกล้าววว (จะมีเรื่องไหนที่ฟังจนจบบ้างไหม บ่นๆๆ) มิน่าล่ะ ดูวูฟขยันทำการบ้าน ที่แท้ก็อย่างนี้เอง
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.8 | 09/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-10-2017 20:41:13
 :m17: :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.8 | 09/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 09-10-2017 21:23:53
จริงๆวูฟก็เป็นคนดีนะ :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.8 | 09/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: Midorima ที่ 09-10-2017 23:59:53
ก็ว่าทำไมวูฟขยันเป็นพิเศษ    :o8:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.8 | 09/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-10-2017 09:13:58
ถ้าแอบฟัง ยืนนาน ๆ นิดนึงก็ได้อิหนูน้อยยยย

นอยด์ ไปถึงไหนแล้วนั่น
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.8 | 09/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 10-10-2017 20:00:11
เพิ่งตาทอ่านรวดเดียวจบ
สนุกมากค่า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.8 | 09/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-10-2017 09:00:47
ไม่ต้องใช้ยาดีแล้ว
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.8 | 09/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: MayuYume ที่ 13-10-2017 10:54:13
มาลองอ่านแนวนี้เป็นครั้งแรก(แต่อ่านมังงะไปหลายเรื่องอยู่---) ตอนแรกก็ไม่เข้าใจอัลฟ่าเบต้าโอเมก้าเท่าไหร่ แต่พอไปค้นหาแล้วก็เข้าใจและทำความเข้าใจอีกครั้งก็เก็ทค่ะ รู้สึกว่าเราจะโรคจตอยู่เหมือนกันชอบแบบอัลฟ่าคลั่งเพราะโอเมก้าปล่อยฟีโรโมนออกมาอย่างงี้ แบบฟนมากค่ะ  :hao7: แต่ก็ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะอบอุ่นดี น่ารักทั้งคู่เลยอ่ะ  :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.8 | 09/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 13-10-2017 22:03:28
ถ้าขยันทำการบ้านบ่อยๆ   อาจจะได้เป็นฝาแฝดมาเลยเหอะ   :laugh: :laugh: :laugh:

เพราะฉะนั้น   เร่งเครื่องทำประตูเข้านะ   วูฟ  :z1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 16-10-2017 20:27:19
ตอนที่ 9



                [พาร์ตของลูดี้]



                หลังจากที่ผมไปแอบได้ยินเรื่องที่วูฟคุยกับลูกน้อง...อันที่จริงไม่ใช่แอบได้ยิน ผมไปแอบฟังมาต่างหาก เฮ้อ...ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จะไปคัดค้านอะไรเขา ถ้าเขาอยากจะใช้ยากับผม...ก็คงต้องยอมให้ใช้ ผมไม่มีสิทธิ์อะไรมากมายขนาดนั้นนี่ อาจจะดูว่าผมคิดมากเรื่องฐานะของตัวเอง ใช่ครับ...ผมคิดมาก เป็นใคร ใครก็คิดแหละ ยิ่งผมอยู่ในชนชั้นล่างสุดที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนต่างก็พากันดูถูก และตราหน้าว่าเป็นทาส...ความคิดนี้ต่อให้พยายามจะลบออกไปจากใจ แต่ความรู้สึกมันก็ยังทำให้ผมรู้สึกนึกถึงอยู่ดี แม้วูฟจะไม่เคยพูดว่าผมเป็นโอเมก้า ไม่ได้แบ่งชั้นทางคำพูด แต่ผมก็รู้ตัวเองดี...



                “ลูดี้ นายหลับแล้วเหรอ...” เสียงเข้มทำให้ผมที่คลุมโปงอยู่ในผ้าห่มแอบสะดุ้ง ก็กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นี่      ผมไม่ได้ตอบแต่แรงยุบตัวของเตียง ผมเลยเริ่มแอบเกร็ง ก่อนผ้าห่มหนาของผมจะถูกเลิกขึ้นด้วยฝีมือของเขา



                พรึบ...



                “ฉันรู้ว่านายยังไม่หลับ ทำไมหน้าของนายแดงได้! ฉันบอกว่าให้อาบน้ำแป๊ปเดียวไม่ใช่รึไง” เขาขึ้นเสียงนิดหน่อย ผมมองแวบหนึ่ง และทำในสิ่งที่เขามองงง ส่วนผมก็อึ้งตัวเองเหมือนกัน ผมดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเหมือนเดิม



                ผมเมินเขา...เป็นความคิดที่ไม่สมควรปฏิบัติกับเขาแบบนั้นเลย ลูดี้...กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย



                “นี่! นายกล้าเมินฉันเหรอ เป็นอะไรขึ้นมา รู้สึกไม่สบายงั้นเหรอ”



                “เปล่าครับ ผมง่วง” ผมโกหกคำโต...ผมไม่ได้ง่วง แต่ไม่อยากมองหน้าวูฟก็เท่านั้น มองหน้าเขาทีไรเหมือนถูกย้ำตลอดว่า จะต้องมีทายาทให้เขา ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะท้อง...



                “ถ้าง่วงก็ลุกไปกินข้าวก่อน ค่อยมาหลับต่อ” เขาเอาของกินมาล่อ ผมไม่ได้หิวขนาดนั้นซะหน่อย แต่ท้องของผมมันก็ร้องออกมา...แฮะ หิว



                “ไม่หิวจริง ๆ ครับ”



                “ข้าวต้มหมูอร่อย ๆ ที่นายชอบ...” เขาเริ่มไล่เมนูที่ผมชอบจริง ๆ ก็ตอนนั้นที่กินเข้าไปมันอร่อยมาก!



                “........”



                “มีของหวานแถมให้ด้วย นี่ฉันอุตส่าห์ให้คนเตรียมมาไว้ให้เชียวนะ ลุกขึ้น” ตอนแรกเสียงเขาก็ทุ้มดีอยู่ หลัง ๆ เริ่มใช้คำขู่ผม ผมที่นอนตะแคงข้างอยู่ก็แอบกลืนน้ำลาย



                “........” ผมยังคงไม่ตอบ และความอดทนของผมก็ขาดลง! ตรงประโยคสุดท้าย



                “ขนมน่ะ เป็นขนมไทยด้วยนะ...”



                “กินก็ได้ครับ...” แพ้ทางขนมไทยไปซะแล้ว เขายกยิ้มนิด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ใบหน้าคมดูหล่อใจดีมากกว่าเดิมอีก ชอบให้เขายิ้มเยอะ ๆ กว่านี้จัง



                “หึ ก็ลุกขึ้นมา” เขาไม่พูดเฉย ๆ เขาฉุดแขนของผมให้ลุกขึ้นนั่งและเดินนำไปห้องรับแขกด้านนอก ผมกินข้าวเงียบ ๆ โดยที่วูฟเองก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาเหมือนกัน เหมือนต่างคนต่างกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง...



                จบท้ายคืนนี้ผมก็กินข้าวต้มจนหมดพร้อมกับขนมไทยที่แสนอร่อยอีก 1 จานเต็ม ถ้ามีอีกจาน ผมว่าผมก็กินไหวนะครับ ฮ่า ๆ มีความหิวนิด ๆ (นี่นิดแล้วใช่ไหม)  ผมเข้านอนเลยด้วยความเหนื่อย เมื่อยตัวไปหมด วูฟเองก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรผม ผมจำได้ว่าตัวเองหลับไปก่อนร่างสูงที่เดินหายเข้าไปอาบน้ำ...



                รุ่งเช้า



                บรรยากาศวันนี้ระหว่างผมกับวูฟค่อนข้างอึมครึม จะว่าแบบนั้นก็ได้...เพราะตั้งแต่เช้าแล้ว เรายังไม่พูดกันเลยครับ วูฟอาจจะปกติเพราะเขาก็ไม่ค่อยพูดกับผมอยู่แล้ว คงเป็นผมเองที่ผิดปกติ...ผมไม่ยอมพูดอะไรกับเขา อาจจะเป็นเรื่องเมื่อวานที่ผมได้ยินมา เลยทำให้ผมรู้สึกงอน...น้อยใจ หรือโกรธกันแน่ ผมว่าผมอาจจะแค่น้อยใจก็ได้ (น้อยใจทั้งที่เขาไม่รู้และไม่มีสิทธิ์น้อยใจเนี่ยนะ ลูดี้...) วูฟออกไปงานประชุมของกรุ๊ปตระกูลกับพ่อของเขาแหละครับ เขาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรกับผมก่อนไป แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา



                “คุณลูดี้คะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมดูเหม่อ ๆ” ป้านมถามผมขึ้น ในขณะที่เรากำลังจัดเอาดอกไม้มาจัดแจกันอยู่ ผมมาเล่นกับป้าน่ะครับ จริง ๆ ตอนแรกวูฟสั่งให้ผมอยู่แค่ในห้อง ผมว่ามันอุดอู้มากถ้าอยู่แบบนั้น ก็เลยออกมาเล่นข้างนอก



                “เปล่าครับ ผมกำลังมองแจกันว่าจะหาดอกไม้อะไรมาเพิ่มดี...” ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องดอกไม้สักนิด เรื่องที่ผมคิดอยู่คือเรื่องของวูฟต่างหาก...



                “ป้าว่าไม่ใช่แบบนั้นหรอกใช่ไหม เห็นคุณลูดี้กับนายน้อยไม่ค่อยพูดกันเลย คิดว่าทะเลาะอะไรกันซะอีก” ผมที่เช็ดแจกันอยู่ก็ชะงัก ขนาดคนอื่นยังดูออกเลย... บ้า เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันซะหน่อยนี่



                “ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันหรอกครับ เมื่อเช้าเขาก็ไปทำงานตามปกติ”



                “ค่ะ ถ้าไม่ทะเลาะก็ดีแล้ว บอกตรง ๆ นะคะ ป้าว่านายน้อยก็คงไม่ได้สังเกตตัวเองเหมือนกัน แต่ในฐานะที่ป้าเลี้ยงนายน้อยมาตั้งแต่เล็ก ๆ ป้ารู้ว่า นายน้อยสดใสขึ้นมาก เมื่ออยู่ใกล้คุณลูดี้” ผมเลิกคิ้ว



                “ครับ?”



                “คุณลูดี้เองก็คงจะไม่เคยสังเกตใช่ไหมคะ ว่านายน้อยอ่อนโยนกับคุณมาก...ทั้ง ๆ ที่อัลฟาในความคิดของคุณลูดี้อาจจะโหดร้าย...แต่พอมาเจออัลฟาของตระกูลเฮอร์คิวแล้ว เปลี่ยนความคิดไหมคะ” ป้านมถามยิ้ม ๆ ผมยิ้มตอบ ก็จริงครับ    วูฟทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเรื่องอัลฟา ที่ชอบกดขี่ข่มเหง...แต่สัญชาตญาณที่แฝงอยู่ในตัวแต่ละคน มันก็ไว้ใจกันไม่ได้หรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องความน่าเชื่อใจ ผมยอมรับว่าเริ่มเชื่อใจวูฟไปแล้วระดับหนึ่ง...หรืออาจจะมากกว่านั้น



                ผมไม่ได้ตอบคำถามของป้า เพียงแต่ส่งรอยยิ้มให้ก็เท่านั้น



                “ป้าครับ ผมอยากได้ดอกกุหลาบมาประดับแจกัน พอจะมีแถวนี้ไหมครับ?” ผมถามขึ้น ส่วนป้าก็กำลังเด็ดใบไม้สีสวยเพื่อประดับแจกัน เห็นว่าแจกันพวกนี้จะถูกนำไปวางไว้ตามทางเดินของบ้านใหญ่ มันจะได้ดูสดใส



                “มีนะคะ เดี๋ยวป้าให้คนไปเก็บให้” ป้านมบอก ผมก็เลยรีบส่ายหน้า



                “ผมไปเก็บเองดีกว่าครับ อยากไปเลือกเอง”



                “ไม่ได้นะคะ มันลำบากคุณลูดี้” แต่ผมก็ยืนกรานที่จะไปเก็บเอง จนป้านมยอมใจอ่อนเพราะผมบอกว่าจะไปเก็บดอกไม้มาจัดแจกันไว้ในห้องนอนวูฟด้วย



                ผมเดินออกมาตามทางเดินบ้านใหญ่ของตระกูลเฮอร์คิว มองเลยไปอีกทางก็เป็นบ้านของวูฟที่เชื่อมติดกัน ร่างสูงเป็นคนที่ชอบอะไรเงียบ ๆ สุด ๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงไปอยู่คนเดียวทางนั้น ทางบ้านใหญ่ก็มีพวกโอเมก้าหลายคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ แบบว่าบ้านใหญ่ของตระกูลเฮอร์คิวจะมีพวกท่านทูตที่ปลูกบ้านหลังเล็กถัดไปอีก (แต่โซนบ้านของวูฟจะถูกกันไว้อีกทาง ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ และก็เป็นเขตหวงห้ามของวูฟด้วยครับ)



                ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปในสวน ก็เหมือนได้ยินเสียงรถขับเข้ามาทางประตูบ้านใหญ่ เอ๋...พวกเขากลับมาจากที่ทำงานกันแล้วเหรอ แต่ผมยังไม่ทันจะเดินไปดู เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในโอเมก้าของท่านทูต ที่นั่งกันอยู่ตรงศาลาในสวนก็ทักผมขึ้น



                “เดินมาทำอะไรแถวนี้คะ คุณลูดี้...” แม้จะใช้คำว่าคุณ แต่น้ำเสียงของเธอไม่ได้เต็มใจจะใช้คำสุภาพกับผมเลยด้วยซ้ำ...ผมเลือกที่จะไม่ตอบก็แล้วกันครับ ไม่อยากมีเรื่อง แต่เธอก็ยังไม่หยุดพูด แถมประโยคที่เธอพูดมันก็ทำให้ผมชะงัก



                “แหม ๆ ไม่คิดจะตอบบ้างเลยเหรอ...หยิ่งเนอะ นี่ไม่รู้ตัวอีกเหรอว่ากำลังจะโดนเขี่ยทิ้ง”



                “ต้องการจะพูดอะไรครับ” ผมหันกลับไปถามอย่างใจเย็น...กำมือไว้รวบรวมสติ เธอยิ้มและหันไปหัวเราะคิกคักกับเพื่อนของเธอ



                “ก็ฉันบังเอิญไปได้ยินมาน่ะสิ ว่าตระกูลมาวินส่งลูกสาวคนสวยของเขามาให้ทำความรู้จักกับวูฟ สงสัยคงจะอยากให้จับคู่เพิ่มล่ะมั้ง...” ผมได้ฟังก็ใจหล่นวูบ ทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะมาคิดมาก แต่ผมกลับคิด...



                “เห็นคู่ของวูฟไม่มีท่าทีจะให้ทายาทสักที คงต้องหาว่าที่ภรรยาคนใหม่ให้กับนายน้อยทายาทผู้นำอัลฟาแล้วล่ะมั้ง”



                “หืม งั้นคู่หมั้นคนปัจจุบันล่ะแก!” เพื่อนอีกคนพูดสบทบ ดูก็รู้ว่าจงใจพูดโดนผมเต็ม ๆ



                “อาจจะโดนถอนตำแหน่งรึเปล่าก็ไม่รู้น๊า...” พอผมฟังมาถึงจุดนี้ก็รู้ว่า ไม่ควรจะมาเสียเวลาฟังพวกเธอพูดกันหรอกครับ เพราะผมได้ยินคำยืนยันจากปากของร่างสูงที่เคยบอกไว้ว่า...ผมจะไม่โดนปลด ผมอยู่ในฐานะคู่แห่งโชคชะตา แต่สิ่งที่ผมกังวลจริง ๆ คือ...ถ้าผมไม่ท้อง เขาก็ต้องไปหาคนอื่นมาแทนงั้นเหรอ เขาต้องไปทำเรื่องเหมือนที่ทำกับผมกับคนอื่นงั้นเหรอ พอคิดแบบนั้นขึ้นมา หัวใจก็เหมือนถูกบีบไร้เรี่ยวแรง



                “ขอบคุณที่บอกนะครับ” ผมยิ้มก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง ผมเหลือบไปมองตรงประตูรั้วใหญ่ก็เห็นผู้หญิงที่เดินลงมาจากรถ พร้อมกับเกาะแขนของวูฟ...ผมชะงัก ใบหน้าของวูฟนิ่งเฉยแต่ก็ไม่ได้ปัดมือของผู้หญิงออก พวกผู้ใหญ่ของสองตระกูลที่ลงมาจากรถเหมือนกัน ทำให้ผมเริ่มรู้ว่า เรื่องที่พวกเธอพูดมามันคือเรื่องจริง...



                ทำไมผมรู้สึกเจ็บมาก...ผมไม่อยากให้ใครแตะต้องเขา



                “เจ็บใช่ไหมคะ ถ้าเจ็บ...ทำไมคุณไม่หนีไปล่ะ” เสียงของผู้หญิงคนเมื่อกี้ดังขึ้นอีกครั้งข้างหลังผม เธอต้องการอะไรจากผมกันแน่...



                “ทำไมคุณต้องมาบอกเรื่องพวกนี้กับผมด้วย?”



                “เฮ้อ ฉันก็แค่บอกในฐานะที่เป็นโอเมก้าเหมือนกัน มันทรมานไงคะ...ฉันก็เลยอยากให้คุณหลุดจากตระกูลนี้ไป ฉันมีทางหนีนะคะ อยากหนีไหม” เธอเสนอ ผมก็เลยส่ายหน้าก่อนจะโดนเธอลากไปด้วย



                “ผมไม่หนีครับ...ปล่อยผมด้วย” ผมบอก เธอพาผมเดินมาตรงสวนกุหลาบสีแดงสวยที่ผมจะมาเก็บ เธอชี้มือไปที่พุ่มไม้ ถ้ามองดี ๆ ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น มันมีประตูเล็ก ๆ อยู่ตรงนั้นด้วย ตัวของผมลอดออกไปสบาย ๆ ระหว่างที่ผมดูประตูก็ไม่ทันเห็นว่าเธอแอบฉีดน้ำหอมใส่ด้านหลังของผมโดยที่ผมไม่รู้ตัว



                “ตรงนั้นค่ะ ถ้าคุณอยากจะหนีโดยที่ไม่ให้ใครรู้ ก็หนีออกไปได้เลยนะคะ ฉันก็แค่หวังดีกับคุณก็เท่านั้น” เธอยกยิ้มเล็ก ๆ ให้ผม และเดินจากไป ทิ้งให้ผมมองประตูเล็กตรงหน้าอยู่คนเดียว...ผมไม่หนีหรอกครับ หนีไปก็ไม่มีประโยชน์ เว้นซะแต่ผมจะทนไม่ได้จริง ๆ



                ผมละสายตาจากประตูเปลี่ยนไปสนใจดอกกุหลาบสีแดงสดตรงหน้าแทน กลิ่นของมันหอมฟุ้งไปทั่ว กำลังบานเลย ผมมองดูรอบ ๆ ว่าดอกไหนสวยบ้าง ก็เลยเผลอเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับบริเวณประตูลับ (ขอใช้ชื่อนี้ก็แล้วกัน ก็มันดูเป็นประตูลับ ๆ) ผมกำลังจะก้มไปหยิบดอกกุหลาบก็ต้องสะดุ้งกับแรงกระชาก...จนมือของผมที่จับก้านกุหลาบอยู่โดนบาด



                ฉึก...เลือดไหลออกมาทันที แม้จะไม่ลึก...แต่มันปวด



                “อ๊ะ!!...คุณวูฟ” ผมตาโตเมื่อคนที่ดึงแขนของผมไปคือ เขา... นัยน์ตาคมเหมือนกำลังโกรธอะไรมาอย่างนั้นแหละ แรงบีบแขนของผมแรงขึ้นจนผมร้องออกมา “โอ๊ย คุณวูฟปล่อยผม ผมเจ็บ”



                “ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันอยู่ไหน!!” คำถามที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้ผมงงมาก ผู้ชายอะไรของเขา?



                “ผู้ชายอะไรของคุณครับ? อ๊ะ ผมเจ็บนะ!!” ผมบีบแขนของผมแรงขึ้นก่อนผมจะเบิกตากว้างเมื่อเขากระชากกระดุมเสื้อด้านหลังของผมออก พร้อมกับพยายามจะถอด ผมดิ้น



                “กลิ่นนี้มันไม่ใช่กลิ่นของนาย!!...” หา? เขาพูดบ้าอะไร



                “หยุดนะครับ! กลิ่นอะไรของคุณ คุณจะทำอะไร....” ผมผลักเขาออกเต็มแรงพลางเอาเสื้อของตัวเองที่หลุดออกจากไหล่มาใส่ไว้ดี ๆ วูฟจะเข้ามากระชากอีก ผมก็ถอยออก แต่ก็ไม่ทันมือหนาที่รั้งเอวผมเข้าไปประชิดเขาเต็มแรง



                “ก็กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายที่ติดตัวนายไง!! คิดว่าฉันไม่ได้กลิ่นรึไง”



                “คุณเข้าใจผิดแล้วครับ กลิ่นกุหลาบรึเปล่า ผมจะไปมีกลิ่นน้ำหอมผู้ชายติดตัวได้ยังไง ผมไม่ได้ฉีด....” ผมชะงักเมื่อตัวเองเริ่มได้กลิ่นน้ำหอมที่ลอยออกมา...ทำไมมันมีกลิ่นได้ล่ะ วูฟมองผมแล้วหัวเราะเยาะในลำคอ พร้อมกับพูดคำที่ทำให้ผมหมดความอดทนอย่างง่ายดาย



                “หึ แอบลักลอบมาหาผู้ชาย ทำไม? มีแค่ฉันมันไม่พอรึไง” วูฟพูดออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจแต่ก็หลุดปากออกมาแล้วด้วยความโกรธ



                เพี๊ยะ!!! ผมยกมือฟาดที่หน้าของร่างสูงเต็มแรงของตัวเอง อาจจะไม่แรงสำหรับเขา แต่ก็ทำให้เขาหันหน้าไปตามแรงตบของผม



                “คุณกำลังดูถูกผมอยู่! ผมไม่ได้ทำอะไรสักนิด”



                “นี่นาย!!! กล้าตบฉันเหรอ” ผมสะดุ้งกับเสียงคำรามตรงหน้า เขาดูโกรธมาก...หน้าแดงมากด้วย เป็นรอยตบผมเลย ผมมองเขาที่จ้องผมราวกับจะงับหัวผมอย่างงั้นแหละ



                “มานี่เลย! ลูดี้” เขาลากแขนของผมให้เดินตาม ผมสะบัดออก



                “ผมไม่ไปครับ ผมจะไปจัดแจกันต่อ”



                “ไม่ต้องไปจัดมันแล้ว!! ฉันบอกให้อยู่แต่ในห้อง ใครใช้ให้นายลงมาข้างล่าง!! อยากลงมาหาใครมากนักรึไง” ผมขมวดคิ้ว นี่เขาไปฟังอะไรจากใครมาไม่ทราบ!! หนึ่งคำก็บอกผมมีคนอื่น สองคำก็บอกผมมีคนอื่น!!



                “ก็ผมบอกคุณแล้วไง ว่าผมไม่ได้มาหาใคร คุณเคยเห็นผมพูดกับคนอื่นในบ้านของคุณรึไง!! คุณก็รู้ว่าผมเป็นโอเมก้า ไม่มีใครพูดกับผมสักคน” แขนของผมที่โดนลากไปให้เดินตามเขาก็ถูกปล่อย วูฟหันมามองเหมือนคิดแวบหนึ่ง



                “แต่กลิ่นที่ไม่ใช่กลิ่นนาย นายจะอธิบายว่ายังไง?” ผมก็ไม่รู้ว่ากลิ่นนี่มันมาจากไหน



                “ใครบอกคุณครับว่าผมอยู่นี่?” ผมไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่กลับถามแทน



                “ฉันไปหาป้านม ถามว่านายอยู่ไหน” ผมคิด กลิ่นนี้ตอนแรกมันไม่มีนี่...มันเพิ่งจะมีตอนที่...ผู้หญิงคนนั้นชี้ทางออกให้ผมดู ผมคิดอยู่ก็ร้องเสียงหลงเมื่อร่างสูงหงุดหงิดขึ้นมาอีก จับผมพาดบ่า



                “เหวอ คุณวูฟ!! ปล่อยผมลง” ผมดิ้นไปมาแต่ก็โดนเสียงเข้มดุอีกรอบ



                “หยุดพูด!!”



                “ผมไม่หยุด!! ก็คุณกำลังเข้าใจผมผิด เชื่อผมสิว่ามันไม่มีอะไรอย่างที่คุณคิด ผมไม่ได้ไปหาผู้ชายคนอื่น” ผมอธิบาย แม้จะงงว่าตัวเองจะมาอธิบายทำไม...ก็ผมไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด



                วูฟก็ฟัง...แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเข้าใจไหมในสิ่งที่ผมพูด ผมพูดความจริงนะ...



                เขาพาผมเดินเข้ามาในบ้านใหญ่และตรงไปทางบ้านของเขา เหล่าบรรดาสาวใช้ไม่กล้าที่จะสบตาคม ๆ ของวูฟเลยสักคน ก็เล่นแผ่รังสีความโมโหคุกกรุ่นขนาดนั้นนี่...แถมผมยังไปตบหน้าเขาอีก ฮือ...ลูดี้เอ๊ย ทำอะไรลงไปเนี่ย



                ตุบ เขาโยนผมลงเตียงนุ่ม ๆ ผมกลิ้งขลุกขลักไปบนเตียง ดีหน่อยที่มันนุ่ม...ยังไม่ทันจะเอ่ยปากอะไรเขาก็ใช้มือกั้นผมที่กำลังจะลุกไว้



                “คุณจะทำอะไรครับ” ผมดันเขาที่ดึงเสื้อของผมออกอีกแล้ว



                “จะทำ” หา...อะไรนะ “นายเป็นของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้” เสียงเย็นเฉียบทำให้ผมกลัวขึ้นมา ถึงจะไม่ใช่ตอนฮีทขึ้น แต่วูฟก็ขึ้นชื่อว่าเป็นอัลฟา...เขากำลังโกรธที่ผมตบด้วย แถมยังอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ



                ผมไม่อยากเจ็บตัว



                “ไม่ครับ ผมไม่อยาก...อ๊ะ!!” ผมดันเขาออกไปเท่าไหร่ก็โดนคว้าท้ายทอย และโดนจูบกดหนัก ๆ จากร่างสูงทันที จูบที่บดขยี้ริมฝีปากของผมให้อ่อนยวบ แรงที่เคยต้านมันก็มาละลายเอาดื้อ ๆ ซะตรงนี้



                “อื้อออ...ปล่อยครับ ผมไม่อยาก...อ๊ะ ผมเจ็บ” ผมผลักเขาออกพร้อมกับมองเลือดที่ไหลออกจากมุมปากของเขา...ผมเผลอกัดปากเขา วูฟมองนิ่งเหมือนเขาพยายามจะข่มอารมณ์หงุดหงิดของตัวเอง



                ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมเผลอพูดออกไปอย่างประชด อาจเพราะอารมณ์ของเราสองคนตอนนี้มันไม่คงที่...



                “ถ้าคุณอยากมาก ก็ไปหาคนอื่นสิครับ” ประโยคน้อยใจจากผมถูกเอ่ยออกไป



                เพียงเพราะอยากได้ยินชัด ๆ ว่าผมคือคนเดียวที่เขาต้องการ ... นี่ผมกำลังคิดอะไรเป็นตุเป็นตะไปได้



                วูฟตวัดสายตาคมกริบมามองผม



                “นายว่าอะไรนะ?...อยากให้ฉันไปทำกับคนอื่นมากงั้นเหรอ!!! หึ นายเองก็อยากจะไปหาคนอื่นงั้นสิ?” น้ำเสียงประชดกลับทำให้ผมเริ่มคิดว่า เรื่องมันเริ่มแย่ลง



                “ผมจะไปทำกับคนอื่นได้ยังไงครับ ในเมื่อคุณก็รู้ว่าโอเมก้ามีคนที่สามารถผูกพันธะได้เพียง 1 คน!!”



                “ฉันก็เห็นคนอื่นมีหลายคนได้นี่...ดูความต้องการโอเมก้ามันจะมีมาก อยากได้บ่อย ๆ ฉันก็จะสนองให้นี่ไง” วูฟยังคงพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แต่มันทำให้คนฟังอย่างผมรู้สึกเจ็บแปล๊บ...น้ำเสียงที่เขาใช้มันช่างเหมือนตอนที่ผมโดนดูถูก       ดูเจ้าตัวเองก็คงไม่รู้ตัว แต่สำหรับความรู้สึกของผมมันเปราะบาง...



                วูฟชะงักนิดหน่อยเมื่อสบตากับผมที่มองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด



                “ผมว่าบางที ผมอาจจะไม่เหมาะกับการอยู่ในตระกูลเฮอร์คิวก็ได้...เพราะผมมันอ่อนแอ” ผมพูดก่อนจะก้าวลงจากเตียง แต่เขาก็ดึงแขนของผมไว้



                “นายจะไปไหน ฉันไม่ได้อนุญาต!”



                “ปลดผมที”



                “ห๊ะ...”



                “ช่วยปลดผมออกจากตำแหน่งคู่ของคุณที ผมไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ที่ตระกูลเฮอร์คิว....” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน ผมเห็นเขาทำตาโตนิดหน่อย



                “นายจะบ้ารึไง!! ก็บอกไปแล้วว่าฉันปลดนายออกไม่ได้ นายเป็นคู่แห่งโชคชะตาของฉัน!” ผมเชื่อเรื่องคู่แห่งโชคชะตามากครับ...และก็ดีใจด้วยที่ได้เจอเขา แต่การที่ผมยังอยู่ข้างเขาแบบนี้ ผมก็ยิ่งรับรู้ว่า ผมเริ่มเจ็บ เริ่มอึดอัด...



                บางทีผมอยากลองห่าง ออกไปอยู่คนเดียวเหมือนเดิม ออกไปมีอิสระ ไปไหนมาไหนคนเดียวได้... แต่ก่อนผมก็อยู่ได้ ทำไมตอนนี้ผมจะอยู่ไม่ได้ล่ะ



                “ถ้าผมมีทายาทให้คุณไม่ได้ คุณก็ต้องไปทำกับคนอื่นอยู่ดีใช่ไหมครับ” ผมถามออกไป วูฟชะงัก...เขาทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ผมไม่รู้ว่าในที่ประชุมของตระกูลใหญ่เขาไปเจออะไรมาบ้าง...มันคงหนักพอสมควร แต่สิ่งที่ผมอยากได้ยินชัด ๆ ตอนนี้คือคำตอบของคำถามที่ผมถามไป



                “..........”



                “ว่ายังไงครับ”



                “ใช่ ถ้านายไม่ท้อง ก็คงมีคนพยายามหาคนมาให้ตระกูลฉันเลือก”



                “ดีจังนะครับ คุณเนี่ย...เป็นทายาทแถมยังมีความแข็งแกร่งเรื่องภูมิต้านทานอีก” ผมเค้นหัวเราะเบา ๆ



                “แต่มันก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก พ่อกับแม่ของฉันคงไม่ยอมให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่นอน” เขาบอกออกมาอีก ผมไม่ได้ฟังหรอกครับ เพราะหัวสมองเริ่มเบลอ...



                ผมจะก้าวลงจากเตียงอีกครั้ง วูฟก็เลิกคิ้วงงดึงแขนของผมไว้ไม่ยอมปล่อยเหมือนเดิม



                “นายกำลังจะไปไหน” ไปจากคุณไงครับ...ผมไม่ได้ตอบออกไป



                “............”



                “ฉันถามว่านายจะไปไหน!!” ดุอีกแล้ว ผมหันไปมองเขาที่มองผมอยู่...แววตาคม ๆ ของเขา เห็นทีไรหวั่นไหวจังครับ ผมเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้กับความรู้สึกใกล้ชิดที่อยู่ใกล้เขาไปซะแล้ว



                “ผมขอถามอีกหนึ่งคำถาม ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านนี้” ผมพูดก็สะดุ้งกับเสียงเข้ม



                “ว่าอะไรนะ!! ใครให้นายออกจากบ้าน อย่างี่เง่าได้ไหมลูดี้...ฉันเชื่อแล้วก็ได้ว่านายไม่ได้ไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น” เขายอมรับออกมา ผมไม่ได้สนใจเรื่องที่เขากล่าวหาว่าผมไปอยู่กับผู้ชายเลยสักนิด ที่สนตอนนี้คือ...ความรู้สึกมากกว่า



                “ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมาสักพัก คุณรู้สึกยังไงกับผมเหรอครับ”



                “...........” เขานิ่งไปทันที ผมพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ เพื่อรอเขาตอบคำถามของผม วูฟเงียบอยู่นานก่อนจะพูดขึ้น



                “มันไม่ใช่คำถามที่ควรจะมาถามฉันซะหน่อย” ...นั่นสินะครับ ไม่ใช่คำถามที่ควรจะมาถามคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองนี่นา ตอบแบบนี้มันเจ็บยิ่งกว่าคำว่าไม่รักซะอีก



                “ขอบคุณที่ตอบนะครับ” ผมยิ้มบาง ๆ



                “นายเป็นอะไรไปอีก ฉันก็ตอบแล้วไง ยังจะไปไหนอีก!”



                “ออกจากที่นี่ไงครับ” ผมสะบัดมือของเขาออกอย่างใจกล้า พอแล้วครับ...ผมไม่อยากยุ่งกับเขาแล้ว ไม่อยากทำให้ใจของตัวเองต้องทรมานจากนี้...



                เพราะผมรู้สึกตัวแล้วว่า...ผมหลงรักเขาซะแล้ว



                “ดูเหมือนนายจะอยากออกไปจากที่นี่จังเลยนะ! เอาสิ ถ้าอยากไปนักก็ไป!!” วูฟเผลอพูดด้วยอารมณ์ออกมา       ผมได้ฟังก็ยิ่งทำให้ผมไม่ต้องมาลังเลอะไรอีก



                “ครับ ขอบคุณที่คุณอนุญาต ผมไปก่อนนะครับ” ผมลุกขึ้นเดินออกไปโดยที่ร่างสูงไม่ได้หันมามองผมสักนิด        ผมถอดปลอกคอสีแดงที่ตัวเองใส่อยู่วางทิ้งไว้ตรงโต๊ะโดยที่วูฟไม่รู้ด้วยซ้ำ ผมเดินออกไปจากห้องและเลือกที่จะออกช่องทางลับ เพราะขืนออกทางหลักของบ้าน ผมก็คงไม่ได้ออกไปแน่ ผมลอดออกมาจากช่องประตูเล็ก แล้วหันหลังไปมองบ้านหลังใหญ่ที่ผมเพิ่งออกมา...



                ดีแล้วนิครับ ที่ผมออกมาได้ ผมจะได้ใช้ชีวิตอิสระไง...แต่ไม่รู้ทำไม หัวใจของผมถึงเจ็บปวดแบบนี้ น้ำตาที่เริ่มไหลออกมา เป็นเครื่องยืนยันว่า ผมรักเขาไปแล้ว...



                “ฮึก...ฮือออ...เราจะอ่อนแอไม่ได้นะลูดี้” ผมพยายามปาดน้ำตาทิ้ง แล้วเดินตรงไปที่ถนนใหญ่ บ้าจริง...ผมลืมเอาพวกยาที่วูฟเคยซื้อให้มาด้วย อย่างน้อยก็น่าจะมียาติดตัวไว้กินสำหรับเดือนหน้าบ้าง ผมมองถนนตรงหน้าอย่างไม่รู้จุดหมาย ผมเดินออกมาจากบ้านของวูฟได้นิดเดียวเอง ผมก็รู้สึกเหนื่อย...ทำไมเหนื่อยง่ายจัง ผมจะไปอยู่ที่ไหนดีนะ บ้านก็น่าจะกลับไม่ได้แล้ว...ระหว่างที่คิดอยู่ผมก็ต้องชะงักหยุดเดินเมื่อได้กลิ่นของปลาย่างที่แม่ค้าย่างอยู่ตามข้างทาง



                กลิ่นเหม็นฉุนมาก...จนผมรู้สึกจะอาเจียน



                “อึก...อุบ” ผมเอามือปิดปากด้วยความรู้สึกเวียนหัวสุด ๆ ผมเป็นอะไร...ผมพยายามยืนให้อยู่และไปนั่งพักอยู่ตรงม้านั่งข้างถนน ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยผมหรอกครับ...เพราะพวกเขารู้ว่าผมเป็นโอเมก้า แถมคนส่วนมากไม่ค่อยสนใจกันอยู่แล้ว...เป็นโลกที่อยู่ลำบากเนอะ



                ผมเวียนหัวจังเลย ได้กลิ่นอาหารลอยมาก็เหม็นฉุนไปหมด...ผมไม่สบายเหรอ จะมาไม่สบายอะไรตอนนี้ ลูดี้...ผมยังหนีไม่ไกลจากบ้านของเขาเลยสักนิด...ไหนบอกว่าจะหนีเขายังไงล่ะ....







             “ใครอยู่ข้างนอกบ้าง! เอาเครื่องติดตามออกไปตามหาลูดี้ กลับมา” เสียงเข้มตะโกนเรียกลูกน้อง



              “นายน้อยครับ คุณลูดี้ถอดปลอกคอออกแล้วล่ะครับ...”



             “โถ่วเว้ย!! เอากุญแจรถมา! ฉันจะออกไปหาเขาเอง ใครใช้ให้นายหนีไปจริง ๆ ฉันไม่ได้พูดไล่นายจริง ๆ ซะหน่อย”











...

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^

​ไรท์จะไปเอาไม้เรียวมาฟาดวูฟเเล้วค่ะ555555  :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-10-2017 21:17:06
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 16-10-2017 21:37:30
อย่าเพิ่งยอมแพ้ให้ปลาย่างนะลูดี้ หนีไปให้ถึงดาวพลูโตเลย :hao5:
ปล. อยากจะหาอะไรมาง้างปากนังวูฟจริงๆ!
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 16-10-2017 21:45:34
ลูดี้แพ้ท้องรึป่าว
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 17-10-2017 18:04:58
ใจร้อนทั้งคู่ เห้อออ :katai1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-10-2017 20:47:11
ลูดี้ เอาแต่น้อยใจ คิดมาก หรือเป็นอาการของคนแพ้ท้อง
เอาแต่หนี ไม่เข้มแข็ง ทั้งที่รักวูฟ
ไม่ระวังตัว ไม่เชื่อฟังเรื่องห้ามไปตัดดอกไม้
ถึงได้เจอเรื่องโดนฉีดกลิ่นผู้ชายใส่

ลูดี้ ก็คิดเอง เออเอง วูฟ ก็ปากหนัก  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 17-10-2017 21:53:56
กำลังสนุกเลย มาต่อไวๆนะคะ

รึลูดี้จะแพ้ท้อง?
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-10-2017 05:24:57
กรี๊ดดดด  :z3: ลูดี้ท้องแล้วแน่ๆ

ฮือ อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ (ได้คืบจะเอาศอก)

สนุกมากเลยค่ะ ติดตามตอนต่อไปค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-10-2017 09:32:50
ลูดี้ท้องแล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 18-10-2017 21:19:52
ปากอย่างใจอย่าง ไม่ยอมบอกซักทีว่ารู้สึกยังไงจนน้องหนีแล้วเนี่ย  :angry2: อยากเชียร์ให้ลูดี้หนีไปไกลๆแต่ก็สงสารตัวน้อยในท้อง  :sad4: ฮื่อ มาต่อเร็วๆนะคะ ใจจิขาด
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 19-10-2017 03:39:26
 :angry2: ไปตามกลับมาด่วนนนน....ลูดี้ท้องแน่ๆ...  :ling1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-10-2017 04:20:57
ลูดี้ท้องแล้วแน่ๆเลย โถ่~ วูฟ พ่อคนซึน รีบไปง้อน้องเลยนะ!!!
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-10-2017 09:49:07
 :katai1:

พอกันทั้งคู่ อีกคนปากแข็ง อีกคนคิดเยอะ

หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.9 | 16/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 19-10-2017 16:03:04
ลูดี้แค่ไม่อยากจมอยู่กับความทุกข์เท่านั้นเอง น่าสงสาร วูฟหัวร้อนไปเลยทำให้เรื่องบานปลาย
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (40%) | 19/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 19-10-2017 20:49:43
ตอนที่ 10





                [พารต์ของวูฟ]



                ผมคือทายาทผู้นำอัลฟาคนต่อไป...ผมมีภูมิต้านทานต่อโอเมก้า ผมคิดแบบนั้นมาโดยตลอดว่าไม่อยากรับตำแหน่งไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องวุ่นวายของตระกูล แต่...ความคิดของผมก็เปลี่ยนไป เมื่อผมได้เจอกับโอเมก้าที่ดึงดูดผมให้เข้าไปหาเขา...คู่ชีวิตของผม



                ความจริงวันที่เจอกันครั้งแรกที่เขายืนขวางทางการหลบหนีลูกน้องของผม ก็ทำให้ผมประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นร่างบางที่เดินถือถุงยาเดินเตรดเตร่อยู่คนเดียวกลางค่ำกลางคืน ไม่รู้จักระวังซะบ้างเลย รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นโอเมก้า แต่ลึก ๆ ผมก็รู้สึกถูกชะตากับเขามาก ๆ ยิ่งรู้ว่าเขาไม่ได้ทำงานอยู่ที่บาร์ (ก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่าโอเมก้าถูกตราหน้าว่าเป็นทาส ก็เลยทำให้คนฝังความคิดว่าต้องทำงานแบบนั้นอยู่เสมอ) ผมก็แค่คิดว่าเขาประหลาดดีก็เท่านั้น ไม่คิดว่าจะได้มาเจอเขาตอนวันที่เลือกคู่...



                ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเลือกเขามา...อาจเป็นเพราะโชคชะตา โชคชะตาที่ผมไม่เคยเชื่อ แรงดึงดูดของเขาตอนฮีท ขึ้นทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ จนสร้างพันธะกับลูดี้ แถมเขายังควบตำแหน่งคู่หมั้นแห่งโชคชะตาของผมไว้อีกด้วย



                สองสามวันมานี้ตอนที่พ่อของผมออกจากโรงพยาบาล พวกผมก็วิ่งวุ่นกับการหาหลักฐานที่จะจับกุมคนวางยาพิษพ่อของผมให้ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะหาได้ภายในเร็ววัน...ผมยอมรับว่าโคตรจะปวดหัว พวกตระกูลมาวินที่คาดว่าเป็นศัตรูตัวร้ายที่จ้องจะชิงตำแหน่งทายาทผู้นำอัลฟา ก็พยายามที่จะยุแยงฝ่ายท่านทูตประจำการให้พยายามหาหญิงสาวมาให้ผม พร้อมกับกล่าวหาว่าลูดี้ไม่ยอมมีทายาทสักที ผมบอกตรง ๆ ว่าผมโมโหมากที่เขามาพูดว่าลูดี้แบบนี้...(ไหนบอกไม่สนใจเขาไง....)



                ผมยอมรับว่าตอนแรก...ไม่ได้สนใจอะไร แต่พออยู่กับลูดี้ไปสักพัก จินตนาการหวาน ๆ ที่เขามักชอบอ่านเจอในนิยายโรแมนซ์มันค่อย ๆ ถ่ายทอดมาให้ผม เขาเป็นคนที่ใสซื่อมาก แต่ก็ไม่เคยอ่อนแอ นี่ผมก็เจอหนังสือที่เขาอยากได้แล้วล่ะครับ เพียงแต่ผมจะรอเก็บไว้ให้ในวันเกิดของเขาเป็นการเซอร์ไพร์...แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอกนะ ผมก็แค่...อยากให้เขาในวันเกิดเฉย ๆ ไง...ยังจะมาปากแข็งอยู่อีกไอ้วูฟเอ๊ย... เห็นไหมว่าลูดี้หนีออกมาจากบ้านจริง ๆ เพราะคำพูดปากไวของผมแบบไม่ได้คิด!!



                ปึ่ก! ผมชกพวงมาลัยตรงหน้าอย่างได้สติ หลังจากที่คิดเพลินเรื่องของร่างบาง ผมขับรถวนอยู่แถวถนนใกล้บ้านที่คิดว่าเขาน่าจะไป ไม่มีทางที่เขาจะเดินหนีเร็วขนาดนี้ เงินก็ไม่มีติดตัว แถมปลอกคอสัญลักษณ์ของผมเขาก็ถอดทิ้งไว้ !!



                “โว้ย! ลูดี้ นายอยู่ไหนกัน...” ผมพึมพำและลงจากรถเดินมาตามฟุตบาท ผมมองแม่ค้าข้างทางที่ขายปลาย่างอยู่



                “ปลาย่างไหมจ๊ะ พ่อหนุ่ม ร้อน ๆ เลย” ผมหยิบแบงค์สีเทาในกระเป๋ายื่นให้ป้าแกไปเลย



                “ผมเหมาหมดเลยครับ ว่าแต่ป้าเห็นผู้ชายตัวขาว ตัวบาง ๆ หน่อย ผ่านมาแถวนี้ไหม” ผมถามภาวนาให้มีคนเห็นลูดี้บ้างเถอะ เขาจะไปไหนได้ผู้ชายตัวเล็ก ๆ แบบนั้น แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงที่จะเกิดฮีทแล้ว ตัวคนเดียวแบบนั้นจะไปไหนได้



                ผมเริ่มตระหนักว่าตัวเองพูดไม่คิดจริง ๆ ไล่เขา...ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจจะไล่



                “ไม่เห็นเลยจ๊ะ...”



                “นายน้อยครับ!” ลูกน้องของผมวิ่งกระหืดกระหอบมา  “พวกผมหาจนทั่วแล้ว ไม่เจอคุณลูดี้เลยครับ” คำตอบที่ผมได้ยินแทบจะทำให้ผมขึ้น



                “ไปหาให้ทั่วกว่านี้สิ!! สั่งให้ทุกคนออกไปตามหา อ้อ เดี๋ยวนายเอาพวกปลาย่างกลับไปฝากพวกป้านมกับสาวใช้ด้วยละกัน” ผมสั่งลูกน้องที่ทำหน้างงเล็กน้อย ก็คงจะงงอยู่หรอกครับ ที่เห็นผมไปสั่งปลาย่างมากิน



                ผมไม่ได้สนใจจะพูดอะไรต่อ แต่กลับขึ้นรถของตัวเองและขับออกไปตามหาลูดี้ในที่ที่ผมคิดว่าเขาจะไป ที่แรกที่ผมไปคือ บ้านของเขา น่าจะเป็นสถานที่ที่เขาน่าจะมาที่สุด แต่มันก็กลับไม่ใช่....เขาไม่ได้มา



                นั่นยิ่งสร้างความร้อนใจ กระวนกระวายให้ผมมาก  ผมขับมาที่ร้านหนังสือก็ไม่เจอ



                “จะหายไปไหนได้ นายจะถอดปลอกคอที่มีสัญลักษณ์ของฉันออกทำไมกันนะ!!” ผมสบถอย่างหัวเสียสุด ๆ ผมขับวนรอบเมืองจนไม่รู้จะวนรอบยังไงแล้ว!! เขาอยู่ที่ไหนกัน



                ผมขับวนหาจนกระทั่งถึงตี 2 ผมก็ขับรถกลับไปบ้าน หวังในใจลึก ๆ ว่า...ลูดี้จะกลับมาบ้าน ผมเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ด้วยความเซ็ง และหงุดหงิดตัวเองมาก ก็เขาหายไปเพราะผมไล่...เหอะ เป็นไงล่ะไอ้วูฟไล่เขาดีนัก เขาหายไปเลยเห็นไหมวะ...



                ผมกำลังจะเดินผ่านห้องรับแขกก็ชะงักเมื่อเห็นพ่อกับแม่นั่งดูหนังกันอยู่ท่าทางสนุก ผมเลิกคิ้ว เขาก็น่าจะรู้นี่ว่าลูดี้หายไปทำไม พวกเขาไม่โวยวาย



                “พ่อครับ แม่ครับ...”



                “อ้าว วูฟ...กลับมาแล้วเหรอลูก โอ๊ะ เจอหนูลูดี้ไหม” แม่ของผมที่กำลังจะยื่นเล็บที่ทำมาใหม่ให้พ่อดู ก็ถามผมขึ้นเกร็ง ๆ ผมหลี่ตามอง



                “ไม่เจอครับ...แปลกที่ลูกน้องของผมบอกว่าหาไม่เจอ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่น่าจะหนีไปได้ไกล”



                “ก็ลูกไล่หนูลูดี้ไม่ใช่รึไง เป็นใครใครก็งอนทั้งนั้นแหละค่ะ” แม่ของผมเหน็บแนมนิด ๆ ผมว่าไม่นิดหรอกครับ จงใจพูดใส่ผมเต็มที่ ครับ ๆ...ผมยอมรับว่าผมไล่เขาเอง ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไล่...ก็คนมันได้กลิ่นน้ำหอมคนอื่นก็พลอยอารมณ์ขึ้นไม่ชอบใจขึ้นมาฉับพลันน่ะสิ



                “ครับ ผมยอมรับว่าไล่เขา  พ่อกับแม่ดูชิวกันจังเลยนะครับ ผมยังตามหาลูดี้ไม่เจอ ทำไมดูไม่ทุกข์ร้อน” ผมตั้งข้อสงสัย พ่อของผมก็เลยเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ



                “พวกฉันไม่ได้ชิว แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อหนูลูดี้เลือกที่จะหนีจากแกไป จะหนีไปในที่ที่แกไม่รู้จักก็ไม่เห็นจะแปลก ลูดี้คงอยากจะไปพักผ่อนให้สบายใจ...พ่อกับแม่ก็เชื่อว่าคนน่ารักอย่างลูดี้ ต้องมีคนเอ็นดูเยอะแน่ ๆ” ...มีคนมาเอ็นดูเขาเยอะ ๆ ผมรู้สึกไม่ชอบชะมัด เขามีผมเอ็นดูคนเดียวก็น่าจะพอแล้ว!



                หวงชัดเจน...



                “ผมจะไปนอนแล้วครับ พรุ่งนี้ผมจะออกไปหาเขาต่อ” ผมบอกแค่นั้นแล้วเดินกลับไปทางบ้านของตัวเอง โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่มองตามผมไม่ละสายตา



                ผมไม่เคยคิดว่าเตียงที่ผมนอนอยู่ทุกวันคนเดียวมาได้ตลอด กลับว่างเปล่าสุด ๆ ในวันนี้ วันที่ไม่มีเขา...ผมหยิบปลอกคอสีแดงที่มีสัญลักษณ์ของผม เขากล้าที่จะถอดมันทิ้ง... ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแล้วดมกลิ่นที่ยังคงติดอยู่ของลูดี้   กลิ่นหอมหวานจาง ๆ ที่ผมยังคงรู้สึกได้



                “เรากำลังจะเป็นบ้ารึเปล่าวะ มานั่งดมปลอกคอทำไม...นายอยู่ที่ไหนกัน ลูดี้...” ผมข่มตานอนหลับลงแบบหลับไม่สนิท ก็ใครมันจะไปหลับลงกันล่ะ คู่ของตัวเองหายไปทั้งคน!! นี่ผมก็สั่งลูกน้องออกตามหาในเวลากลางคืน โดยให้รีบโทรหาผมทันทีที่เจอเขา



                แต่คืนนี้ลูกน้องของผมก็หาไม่เจอ...



                เช้าวันต่อมา



                สภาพของผมเพลียมาก นอนไม่หลับทั้งคืน พอเช้าปั๊ปผมก็ใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดากับกางเกงสีดำ คว้ากุญแจรถของตัวเอง ยังไม่ทันจะเดินออกจากประตูบ้านใหญ่ไป เสียงของแม่ก็เรียกผมไว้ซะก่อน



                “วูฟจะไปไหนลูก? วันนี้วันเสาร์นะ”



                “ไปหาลูดี้ครับ” ผมตอบชัดเจน แม่ก็เลยยิ้มเล็กน้อย เดาว่าคงพอใจมาก (ก็แม่ของผมดูชอบลูกสะใภ้อย่างลูดี้มากเลยนี่ครับ)



                “จะไปหาน้องที่ไหนล่ะ ลูกรู้เหรอ” คำถามของแม่ก็ถามได้ตรงประเด็นดีมาก ครับ...ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แม้จะสืบประวัติเขามาทุกอย่างแล้ว คือผมแอบจ้างนักสืบให้ไปสืบเรื่องของเขามาหมดนั่นแหละ ก็เลยรู้เรื่องเขาลึกมาก ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหาลูดี้ไม่เจอ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปหลบที่ไหน



                “ไม่รู้สิครับ ผมก็หามาหมดทุกที่แล้ว นี่ก็ว่าจะลองออกไปดูอีกรอบ” ผมว่า



                “ถ้าแม่ถามคำถามหนึ่ง วูฟช่วยตอบความจริงกับแม่ได้ไหม” ผมพยักหน้าพร้อมที่จะตอบ



                “ครับ แม่จะถามว่า?”



                “ลูกรู้สึกยังไงกับลูดี้คะ เอาตรง ๆ เลยนะ พูดแบบลูกผู้ชาย...” คำถามของแม่ทำให้ผมนิ่งไปสักพัก และทบทวนความรู้สึกในหัวใจของผม



                รู้สึกยังไงงั้นเหรอ...



                ตอนแรกผมก็รู้สึกถูกชะตากับเขา...ทั้ง ๆ ที่เราไม่รู้จักกัน ผมชอบมองว่าเขางมงายกับความเชื่อเรื่องรักแท้ รักที่ไม่มีวันมีจริง ๆ ถึงผมจะบอกแบบนั้นใส่เขาไป ลูดี้ก็ไม่เคยหมดความเชื่อ...เขายังคงเชื่อมั่นในรักแท้โรแมนติกของเขา เชื่อในคู่ของเขา



                ซึ่งคู่ของเขาก็คือ ผม...



                แต่ผมกลับเป็นคนที่ไม่เชื่อ ไม่เปิดใจ...เอาแต่พูดจากปากแข็ง ร้าย ๆ ใส่เขา จนผลมันออกมาเป็นแบบนี้



                เขาหนีผมไปซะแล้ว...รู้ตัวเมื่อสายไปแล้ว มันเป็นแบบนี้เอง



                “ว่ายังไงคะ วูฟ” เสียงของแม่ถามย้ำ ผมยิ้มให้แม่ของตัวเอง



                “ตอนแรกผมไม่เคยรู้สึกอะไรกับเขาสักนิด...จนกระทั่งผมได้สัมผัสเขา ได้อยู่ใกล้เขา ได้รับรู้ความอบอุ่นที่เขาส่งมาให้ผม ผู้ชายอย่างเขาที่งมงายอยู่กับเรื่องรักแท้ เชื่อเรื่องของความรักหวาน ๆ...ที่ผมมองว่าไร้สาระ”



                “ลูกก็รู้ ว่าความรัก มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ”



                “ครับ...ผมรู้แล้วว่า รัก...ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ ผมอยากได้เขาคืน...” ผมบอกจากใจจริง แม่ของผมตบบ่าของผมปุ ๆ



                “ลูกหลงรักลูดี้แล้วใช่ไหม...” ผมปฏิเสธไม่ได้แล้วนี่ครับ...



                “ใช่ครับ ผมหลงรักเขา” แม่ของผมยิ้มกว้างดีใจ แต่ผมกลับทำหน้าเศร้า “แต่ถึงผมรู้ตัวตอนนี้ มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเขา ไม่ได้อยากอยู่กับผมแล้ว”



                “ก็ไปตามเขากลับมาให้ได้สิคะ เรื่องง่าย ๆ แม่เชื่อว่าลูกทำได้...”



                “แม่เชื่อผมเหรอ...”



                “จำไว้นะคะ ตราบใดที่ลูกยังเชื่อมั่นในสิ่งที่หวัง แม่เชื่อเสมอว่ามันจะต้องออกมาสำเร็จ ผ่านไปได้ วูฟเชื่อมั่นในตัวรึเปล่า ว่าจะพาลูดี้กลับมาคืนสู่ตระกูลเฮอร์คิว...” แม่ของผมพูดจริงจังจนผมมีกำลังใจขึ้นมา



                “ผมจะไปตามเขากลับมาให้ได้ครับ...ไม่ต้องห่วง” ผมบอกแค่นั้น ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านเพื่อที่จะไปหาลูดี้ให้เจอ ถึงจะพูดแบบนั้นมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ผมตระเวนไปหากับลูกน้องทั่วทั้งเมืองก็ไม่เจอ!!



                อากาศร้อน...ร้อนมาก ผมเดินหาตามร้านต่าง ๆ จนทั่ว ก็ไร้วี่แววของร่างบาง ใจของผมจากเต็มร้อยเริ่ม ๆ ห่อเหี่ยวลง ...ความห่วงที่มันเพิ่มขึ้นทำให้ผมเริ่มจะสติแตก



                “พวกผมไปทางเหนือแล้ว ไม่เจอเลยครับนายน้อย...” ลูกน้องของผมยืนหน้าซีดหน้าเซียวรายงานผมทีละคน ผมนั่งอยู่ม้านั่งในสวนสาธารณะด้วยความเพลีย เหงื่อแตกเต็มเสื้อไปหมด



                “ทางใต้ก็ไม่เจอครับ...”



                “...........” ผมเงียบ เงียบจนพวกมันพากันกลัวผมหมดแล้ว...คงจะกลัวว่าผมจะทำโทษล่ะมั้งครับ แต่บอกเลยว่าวันนี้ผมไม่มีอารมณ์จะคิดเรื่องอะไร นอกจากเรื่องของลูดี้



                “นายน้อยครับ คือพวกผมจะไปหาต่อ...”



                “พอแล้ว” พวกลูกน้องของผมทำหน้าเลิกลักทันที ผมยกมือไล่ ๆ “พวกนายกลับบ้านกันไปพักผ่อนได้ละ หากันมาทั้งวัน เมื่อวานก็ยังไม่ได้พักกันนิ” คราวนี้พวกลูกน้องผมทำตาโต อะไรของพวกนี้บอกให้ไปพักผ่อนไม่ชอบกันรึไง?



                “นะ นายน้อย ไม่สบายรึเปล่าครับ?”



                “ฉันสั่งให้พวกนายกลับไปไง! เอารถไว้ให้ฉันคันหนึ่งก็พอ เดี๋ยวขับกลับเอง” ผมสั่งอีกรอบเสียงเฉียบ ลูกน้องก็เลยพากันพยักหน้าทำตาม ไม่นานนักทุกคนก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ผมถอนหายใจเล็กน้อยพลางคิดว่าลูดี้จะไปอยู่ที่ไหนได้ คนของผมมีตั้งเยอะ แต่แปลกมากที่ดันหาเขาไม่เจอ



                ผมยกมือมองนาฬิกาของตัวเองที่มันจะห้าโมงเย็นแล้ว เฮ้อ...นี่หามาอีกวันก็ยังไม่เจอ! โว้ย ขนาดผมมีเงินมากมายขนาดนี้ ยังหาลูดี้ไม่เจอเลย สักพักผมจะเป็นบ้า!...หรือตอนนี้อาจจะเข้าขั้นบ้าไปแล้วก็ได้ ผมเอามือขยี้ผมของตัวเอง จนเด็กน้อยที่เดินผ่านไปมาในสวน มองกลัว ๆ ...เออ กลัวเลยครับ กลัวไปเล๊ย...



                เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นเรียกสติของผม ให้หยิบออกมาดูว่าใครโทรมา... +แม่+



                “ครับ?”



                (“วูฟอยู่ไหนลูก พ่อให้ตามลูกกลับบ้าน มีประชุมด่วนของท่านทูต”)  ประชุมอะไร?



                “เออ ครับ ๆ เดี๋ยวผมจะรีบกลับนะครับ” ผมก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ผมตอบตกลงก่อนจะวางสายไป แม้จะงงว่าจะมาประชุมอะไรดึก ๆ ป่านนี้ แต่ผมก็ลุกขึ้นเดินกลับไปที่รถทันที



--------------------------------------------------------- 40%----------------------------------------------
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆ จากคนอ่านนะคะ  :กอด1: :กอด1: :pig4:
พระเอกของไรท์จะออกเเนวอบอุ่นละมุนๆ หน่อยนะคะ >< ไม่โหดร้าย ฟีลกู้ด5555  :กอด1: :L1:   //
คุณวูฟหาน้องไม่เจอค่าาาาา ไปช่วยกันลุ้นว่าจะเจอน้องไหม อิอิ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (40%) | 19/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-10-2017 22:03:13
เป็นห่วงน้อง  :sad4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (40%) | 19/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 19-10-2017 23:35:07
แม่กับพ่อเอาน้องไปซ่อนใช่มั้ยบอกมา  :hao5:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (40%) | 19/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 20-10-2017 06:35:25
คุณแม่เจอน้องแล้วใช่มั๊ย  :sad4:

ลูดี้อย่าเป็นอะไรนะลูก รอตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (40%) | 19/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 20-10-2017 08:35:26
ลูดี้หายไปไหน :katai1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (40%) | 19/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 20-10-2017 17:26:28
ลุดี้ แอบซ่อนอยู่กับคนขายปลาย่างใช่ไหม?! :katai1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (40%) | 19/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 20-10-2017 19:26:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (40%) | 19/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 21-10-2017 15:21:27
พ่อ กับ แม่ วางแผนอะไรกันอยู่ แกล้งวูฟชิมิ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (100%) | 29/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 29-10-2017 11:51:15
(ต่อจากตอนข้างบน)


           ใช้เวลาไม่นานนักผมก็ขับรถกลับมาถึงบ้านใหญ่ของตัวเอง ผมเดินเข้าห้องประชุมด้วยสภาพเสื้อเชิ้ตหลุด ๆ ออกนอกกางเกง (เอาเป็นว่าไม่เรียบร้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยเข้าประชุมมา) ผมเปิดประตูห้องประชุมใหญ่เข้าไปก็เจอ...เหล่าท่านทูตที่อายุของผมรวมกันได้ถึงสองรอบ!....อาวุโสมาก พ่อของผมที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการได้ไม่เท่าไหร่ก็มานั่งทำหน้าขรึม ๆ ตามประสาท่านอยู่ที่ตำแหน่งผู้นำของอัลฟา ทุกสายตาหันมามองผมตาปริบ ๆ


   “ขอโทษทีครับที่มาช้า ผมก็เลยไม่ได้เปลี่ยนชุด...” ผมบอก พ่อของผมพยักหน้าอนุญาตให้ผมไปนั่งเยื้อง ๆ ท่าน


   “ไม่เป็นไร เข้ามาเถอะ เราจะพูดเรื่องสำคัญกันนิดเดียวเท่านั้น” เรื่องสำคัญงั้นเหรอ? ผมเดินไปนั่งลงตรงที่ของผมงง ๆ ก่อนพ่อของผมจะเริ่มพูด


   “เอาล่ะ ทุกคนก็มาครบกันแล้ว...ที่เรียกมาประชุมกันในวันนี้อาจจะดูเร็วกะทันหันไปหน่อย ก็ต้องขออภัยทุกท่านด้วย แต่เราต้องการจะพูดกำหนดการที่ชัดเจนและแน่นอน...ฉันจะจัดหาวันที่มงคลเพื่อแต่งตั้งทายาทผู้นำของอัลฟาคนใหม่...” ทุกคนหันพรึบมามองคนที่พูดอยู่หัวโต๊ะเป็นตาเดียว รวมถึงผมด้วย หา...อะไรนะครับ พ่อบอกจะแต่งตั้ง!


   “ทายาทผู้นำอัลฟา จะต้องมีทายาทสืบสกุลก่อนไม่ใช่รึไงครับ?” ท่านทูตคนหนึ่งถามขึ้นมา ทำให้ผมอารมณ์เสียขึ้นมานิด ๆ เดี๋ยวก็มีโว้ย...กำลังทำอยู่ อยากจะตอบแบบนี้มาก กลัวโดนพ่อโบกหัวก่อน...แฮะ ๆ


   แต่ประโยคที่พ่อพูดต่อมาทำให้ผมอึ้ง...ตาโตเท่าไข่ห่าน


   “ใช่ ถูกต้องคู่ของวูฟต้องมีทายาทสืบสกุลก่อน...เพราะงั้นเราถึงต้องหาวันแน่นอนเพื่อต้อนรับทายาทของตระกูลเฮอร์คิวยังไงล่ะ”


   “พ่อหมายความว่ายังไงครับ?!!...” ผมแทบจะตะโกน เอาจริง ๆ คือตะโกนนั่นแหละ...พ่อของผมยิ้ม ยิ้มทำไมพ่อ บอกลูกมาเซ่...


   “ตอนนี้ลูดี้กำลังตั้งท้อง” เหมือนเสียงมันดังก้อง...ลูดี้ท้อง!!!!!!...ท้อง เอ๋..แล้วพ่อรู้ได้ยังไง


   “ลูกน้องแกเจอลูดี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่แม่แกบอกว่าห้ามบอกแก” พ่อไขข้อสงสัย ผมถึงกับเงิบ เฮ้ย งั้นที่ผมออกไปหาเขาข้างนอกจนจะเป็นบ้า ผมทำอะไรลงไป


   “โหย พ่อ! รู้ไหมว่าผมแทบพลิกแผ่นดินหาเขาเลยนะ ทำไมหลอกผมงี้อ่ะ” ผมโวย


   “สมน้ำหน้า อยากทำให้หนูลูดี้หนีเองนิ” จึก...สมน้ำหน้าเต็มหน้าของผมเลยครับ พวกท่านทูตที่ได้ยินกันก็ไม่มีข้อกังขาอะไร ก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่า...ถ้าผมมีทายาทเมื่อไหร่ การขึ้นเป็นทายาทเต็มตัวก็สมบูรณ์ได้ โดยที่ถูกต้องตามกฎของการเป็นอัลฟา


   แค่รู้ว่าหาเขาเจอ ผมก็ดีใจขึ้นมาอย่างประหลาด ยิ่งมารู้ว่าเขาท้อง...ยิ่งแฮปปี้ ผมทำได้แล้วครับ! เห็นผลงานของผมไหม วะฮ่า!...ผมมีประสิทธิภาพอยู่นี่นา กว่าพ่อจะประชุมกับพวกท่านทูตเสร็จก็กินเวลาไปนานมาก ผมรีบเดินจ้ำอ้าวตามพ่อที่เดินนำผมไปหาลูดี้


   “แม่แกย้ายเขากลับไปที่บ้านของแกเรียบร้อยละ บอกไว้ก่อนนะว่าตอนแรกแม่ของแกกะจะให้ลูดี้หลบแกไปเป็นปีด้วยซ้ำ” โห...แม่ร้ายอะ แค่วันเดียวผมก็จะสติแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว ข้าวก็กินไม่ลง นอนก็นอนไม่ได้


   โคตรรู้สึกแย่เวลาไม่มีเขา...


   “พ่อไปเจอเขาที่ไหนอ่ะ แล้วเจอตอนไหน?” ผมถามด้วยความอยากรู้มาก


   “ลูกน้องแกไงเจอ พอดีแม่ของแกก็ออกไปด้วย ส่วนแกน่าจะขับออกไปที่อื่นมั้ง...ฉันรู้มาแค่นี้แหละ อยากรู้รายละเอียดก็ไปถามแม่เอาเองละกัน” พ่อของผมว่า ผมไม่สนใจหรอกครับ แค่รู้ว่าเจอลูดี้ก็พอแล้ว


   พ่อของผมเดินมากับผมแค่หน้าห้องนอนของผม ก่อนท่านจะขอตัวกลับไปบ้านของตัวเอง เออ ยังอุตส่าห์เดินมาเป็นเพื่อนผมอีกนะครับเนี่ย ผมได้ยินเสียงอาเจียนเล็ก ๆ ดังลอดออกมา ผมก็เปิดประตูเข้าไปทันที


   “อุบ แค่ก ๆ” แม่ของผมกำลังลูบหลังให้ลูดี้ที่นั่งอยู่บนเตียงของผม ใบหน้าขาวเนียนซีดไปหมด แผ่นหลังเล็กที่สั่นเล็กน้อยทำให้ผมยิ่งรู้ตัวว่า...ผมควรจะดูแลเขาให้ดีกว่านี้


   “อ้าว วูฟ ประชุมเสร็จแล้วเหรอลูก...” แม่ของผมทักเมื่อเห็นผมเดินเข้าไปใกล้เตียงอีกนิด ลูดี้ที่หันหลังให้ตอนแรกเหลือบมามองผมตกใจนิด ๆ


   “แม่ครับ ไหนบอกว่าจะไม่ให้คุณวูฟเข้ามาหาผม” เขาหันไปถามเสียงขุ่นเล็กน้อยกับแม่ของผม อ้าว...นี่มันบ้านผม ห้องผม ผมก็ต้องเข้ามาได้สิ ถึงไล่ผมก็หน้าด้านอยู่อ่ะ!


   “แต่เมื่อกี้หนูลูดี้เรียกละเมอหาวูฟนะคะ แม่ก็เลยเรียกเขามา” เขาชะงักและมองผมเคือง ๆ


   “แม่...ผมไม่ได้ละเมอถึงคุณวูฟ...อุบ” เขาเอามือปิดปากนิดหน่อย ผมมองอย่างเป็นห่วง อาการแพ้ท้องทำให้ร่างบางตรงหน้าหน้าซีดไปหมด ไหวไหมเนี่ย ผมจะเดินเข้ามาใกล้ ลูดี้หันมามองผมขวับ


   “อ๊ะ อย่าเข้ามานะครับ...”  ปากบอกว่าอย่าให้ผมเข้าไปแต่เหตุไฉนมือน้อยของลูดี้กลับดึงเสื้อของผมล่ะ...


   “เวลาท้องคนที่หนูอยากอยู่ด้วยที่สุดก็คือ คนที่เป็นคู่ของหนูนะคะ ลูดี้..” แม่ของผมว่ายิ้ม ๆ “ส่วนแกวูฟ ดูแลน้องด้วย เพราะช่วงนี้เป็นช่วงแพ้ท้อง ลูดี้ได้กลิ่นอะไรก็เวียนหัวไปหมด กลิ่นของคนอื่นก็เข้าใกล้ไม่ได้...ก็น่าจะมีแค่ลูกเท่านั้นแหละที่เข้าใกล้ได้” แม่ของผมอธิบายไว้แค่นั้น ก่อนจะปล่อยผมกับเขาไว้ในห้องกันสองคน

   มือเรียวปล่อยเสื้อของผมออกพร้อมกับทำหน้ามุ่ย ๆ


   “นายท้องเหรอ” ผมถามคำถามสิ้นคิดออกไป แบบว่าอยากคุยด้วยแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง... เขาเหลือบสายตามามองผม เขาเอาผ้าชุบน้ำผืนนุ่มมาเช็ดหน้าของตัวเองนิดหน่อย ไม่ตอบ...เขาไม่ตอบผม


   “นี่ลูดี้..”


   “ครับ ผมท้อง” เขายอมเปิดปากพูด ผมยกยิ้มเล็กน้อย เขาหันหน้าหนีผมเหมือนเหม็นหน้าของผมมาก...ก็สมควร


   “ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่ไหม” คำถามเล็ก ๆ ของผมสร้างความประหลาดใจให้กับลูดี้ที่นั่งพิงเตียงอยู่ คอเปลือยที่ไร้ปลอกคอตรงหน้าทำให้ผมเห็นรอยกัดของผมชัดเจน...ไหปลาร้าตรงหน้าสวยโคตร ๆ แบบน่าเอาหน้าของผมลงไปซบ


   “ก็ยังเวียนหัวอยู่ครับ ผมจะนอนพักสักหน่อย คุณช่วยลุกออกไปจากเตียงได้ไหมครับ” เขาไล่ ผมถึงกับงงแต่ก็ยอมลุกขึ้น และก็ต้องเลิกคิ้วเล็กน้อยกับประโยคต่อมาของร่างบาง


   “คืนนี้ ผมขอนอนเตียงคนเดียวนะครับ ผมไม่อยากอึดอัด คุณวูฟนอนพื้นได้ไหมครับ” หา...นอนพื้น นี่เขาเอาจริงใช่ไหม แววตากลมโตมองผมนิ่ง ตั้งแต่โตมาจนถึงตอนนี้บอกเลยครับว่า คนอย่างวูฟไม่เคยนอนพื้นสักครั้ง แบบว่าใครก็มาสั่งไม่ได้ แต่คำสั่งเสียงเล็กตรงหน้าตอนนี้กำลังคุมผมได้


   “ถ้าไม่ได้ เดี๋ยวผมนอนพื้นเอง”


   “ไม่ต้อง...ฉันจะนอนพื้น นายนอนเตียงเถอะ กำลังท้องต้องดูแลตัวเองดี ๆ หน่อย...นอนเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำซะหน่อย...” ผมเอื้อมมือจะไปแตะแก้มของเขาอย่างลืมตัว แต่ก็โดนลูดี้เอามือกันไว้ก่อน เขาไม่ให้ผมแตะต้องเขา...


   ผมเลยหมุนตัวจะเดินเข้าไปห้องน้ำ เสียงเรียกของเขาทำให้ผมรีบหันขวับไปแบบดีใจ...


   “คุณวูฟครับ...” ปากของผมมันจะยิ้มทำไม “ช่วยปิดไฟให้ผมด้วยนะครับ มันแสบตา” ร่างบางบอกแค่นั้นก็ล้มตัวลงนอน ทิ้งให้ผมยืนเหวอ...ผมก็นึกว่าเขาจะเปลี่ยนใจให้ผมนอนเตียงกับเขาซะอีก


   ดูท่าทางเขาเหมือนยังโกรธผมอยู่เลยแฮะ...ไม่ใช่ดูท่าหรอก น่าจะโกรธอยู่แน่ ๆ ไม่เป็นครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเชื่อว่าเขาจะกลับมายิ้มหวานให้ผมเหมือนเดิม


   เพราะเขาไงล่ะที่สอนให้ผมเชื่อ...เชื่อมั่น


   ช่วงคนท้องเนี่ยเขาว่าอารมณ์แปรปรวนดั่งพายุ ผมจะเจอกับอารมณ์ไหนบ้างก็ยังไม่รู้เลย ก่อนอื่นขอไปคิดวิธีขอคืนดีก่อนก็แล้วกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน...   





........................................................................................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^
ไล่วูฟไปนอนที่พื้นเลยค่ะ ลูดี้ทำถูกเเล้ว 555555555  :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (100%) | 29/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-10-2017 17:32:04
หึหึ เจอน้องจัดหนักแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (100%) | 29/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-10-2017 01:42:43
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (100%) | 29/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-10-2017 07:17:42
วูฟ รู้ซึ้งถึงความคิดถึง โหยหาลูดี้แล้วสิ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (100%) | 29/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-10-2017 08:51:49
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (100%) | 29/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 30-10-2017 15:45:54
ดีใจทีทลูดี้ปลอดภัย
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.10 (100%) | 29/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 30-10-2017 21:05:54
ก่อนหน้านี้อยากให้ลูดี้ใจแข็ง พอตอนนี้อยากให้ใจอ่อนแล้ว อยากเห็นเค้าหวานกันไวๆ555555  :z3:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.11 (60%) | 30/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 31-10-2017 14:35:23
ตอนที่ 11

   [พาร์ตของลูดี้]


   คำว่าหนี...คงใช้ไม่ได้สำหรับผม ผมรู้สึกเวียนหัวสุด ๆ กับกลิ่นของอาหารตรงหน้า ยังไม่ทันที่ผมจะหนีจากบ้านของเขาไกลก็เจอลูกน้องของวูฟ ผมว่าแล้วไงครับว่าผมหนีเขาไม่รอด แต่คนที่ตามลงมาจากรถกลับไม่ใช่ร่างสูง แต่เป็นแม่ของวูฟแทน แม่ขอร้องให้ผมกลับไปกับท่านโดยที่จะไม่บอกให้ร่างสูงรู้...ตอนแรกผมจะไม่ยอมกลับ


   แต่สิ่งที่อยู่ในท้องของผม...คือทายาทตัวน้อยของตระกูลเฮอร์คิว ทำให้ผมต้องกลับมาที่บ้านนี้อีกครั้ง ตอนแรกก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าผมท้อง...มันคือความจริงครับ หลังจากที่ให้หมอมาตรวจดูชัด ๆ อีกที ก็ชัดเจนว่าผมกำลังตั้งครรภ์ได้สัปดาห์แรก


   ผมอยู่ที่บ้านหลังใหญ่โดยที่ร่างสูงไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าเขาออกไปตามหาผมทั้งวัน มันทำให้ใจของผมแอบรู้สึกดีใจนิด ๆ แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ...ผมยังโกรธเขาอยู่ โกรธที่เขาไล่ผมเองนี่ ชิ อาการแพ้ท้องของผมรุนแรงมาก หมอบอกว่าจะเป็นไปอีกสามอาทิตย์ แบบว่าผมได้กลิ่นอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียวก็จะอ้วกไปหมด แม้แต่อาหารก็แตะไม่ค่อยได้


   จนกระทั่งผมถูกย้ายกลับมาอยู่ที่ห้องของวูฟ...กลิ่นของเขาทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายลงได้ ที่นอนที่มีกลิ่นเขาจาง ๆ ช่วยให้ผมหายจากอาการเวียนหัว ตอนแรกแม่บอกว่าจะไม่ให้ร่างสูงเข้ามาในห้องเพราะผมขอร้องไว้ ตอนนี้มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น วูฟเข้ามาอยู่ในห้องเรียบร้อย ยอมรับครับว่าผมรู้สึกสบายขึ้นมากเมื่อได้เจอหน้าเขา


   มันเพราะอะไรกันนะ...


   ผมไม่คิดว่าตัวเองจะใจกล้าถึงขนาดให้ร่างสูงลงไปนอนกับพื้น...ผมพูดออกไปแล้ว ผมสั่งเขาให้เขานอนพื้น เขาก็ยอมทำตามที่ผมขอ คงจะเห็นว่าผมท้องก็เลยไม่กล้าดุสินะ...หึ


   ตอนนี้ผมกำลังนอนหงายอยู่บนเตียงมองเพดาน ส่วนร่างสูงก็หายเข้าไปอาบน้ำนานมากไม่รู้ไปทำอะไรอยู่ คือผมมองนาฬิกา เขาเข้าไปชั่วโมงกว่าแล้วนะ...นินทาเขายังไม่ทันขาดคำ เขาก็เปิดประตูออกมา ผมสบตากับร่างสูงพอดี ห้องนี้มันสว่าง ถึงปิดไฟก็ไม่ได้มืดจนมองไม่เห็นครับ...


   “ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะลูดี้ มันดึกแล้ว” เขาถามงง ๆ น้ำเสียงของเขาที่ใช้ทำไมมันดู...อ่อนโยนจัง ไม่ใช่หรอกลูดี้! นายคิดไปเองต่างหาก...ผมสะบัดความคิดของตัวเอง จนวูฟเลิกคิ้ว “สะบัดหน้าแรง ๆ ทำไม ปวดหัวเหรอ”



   “เปล่าครับ ผมกำลังจะนอน...” ผมบอก เขาก็ยิ้มมุมปากแล้วล้มตัวลงนอนพื้น...ผมเหลือบมองเขาที่มีเพียงผ้าปูผืนบาง ที่ผมเคยนอน....มันหนาวนะครับเวลานอนพื้น เขาเลื่อนผ้าห่มมาห่มตัวเขาไว้


         ผมเปลี่ยนไปนอนตะแคงหันหลังให้เขา รู้สึกร้อนวูบเหมือนเขามองอยู่เลยแฮะ...ผมคิดไปเองใช่ไหม ผมข่มตานอนคิดว่าตัวเองจะนอนหลับ เปล่าเลยครับ ผมนอนไม่หลับ ผมพลิกตัวกลับไปทางที่วูฟนอนอยู่ก็ชะงักกับร่างสูงที่นอนหงายเอามือก่ายหน้าผาก แววตาคมเข้มเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเหลือบมามองผมที่มองเขาตาปริบ ๆ


   “อ้าว ยังไม่นอนอีก นอนไม่หลับรึไง”


   “ครับ นอนไม่หลับ...” ผมตอบตามความจริง วูฟหัวเราะเบา ๆ


   “ถ้าไม่รีบนอนร่างกายจะอ่อนเพลียได้นะ...นายคิดอะไรอยู่ทำไมถึงไม่นอน” เขาถามออกมา ผมไม่ได้ตอบแต่กลับถามเขากลับ


   “คุณล่ะครับ ทำไมไม่นอนคิดอะไรอยู่” วูฟกระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตอบคำถามที่ทำให้ผมเหวอไป


   “คิดเรื่องของนายอยู่ไง” หา...เขาพูดอะไรเนี่ย ผมเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันที


   “ผมง่วงแล้วครับ” ผมพูดแค่นั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขาเล็กน้อย ผมเนี่ยสิ...หน้าแดงขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้!! ผมจำได้ว่าพูดกับเขาจบก็นอนหลับไป... ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันทำไมผมถึงรู้สึกว่าผมหลับสบายมาก


   อบอุ่น แถมสบายใจสุด ๆ....



   รุ่งเช้า


   ผมตื่นขึ้นมาเนื่องจากได้ยินเสียงโครมครามดังขึ้นเอะอะ ผมลุกขึ้นงง ๆ ...เคล้ง! เพล้ง  เอ๊ะ เสียงอะไร?                   ผมเหลือบไปมองข้างเตียงก็พบว่าวูฟไม่อยู่แล้ว ผมก้าวลงจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้องตรงไปยังที่มาของเสียง   ในบ้านเงียบมากเลยครับ ไม่มีใครอยู่สักคน ? พวกเขาหายไปไหนกันหมด ผมเดินมาใกล้ห้องครัวก็เริ่มได้ยินเสียงของวูฟบ่น


   “กระทะอยู่ตรงไหนกันฟะ...” ผมชะโงกหน้าไปมองห้องครัวที่เละมาก...ของสดที่ขนออกมาจากตู้เย็นถูกกองไว้ตรงโต๊ะทำอาหาร และที่น่าประหลาดใจไปมากกว่านั้นคือ วูฟที่อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนสีดำทำให้ผมหลุดขำ


   “หึ...” เสียงของผมทำให้ร่างสูงที่กำลังยืนเปิดหนังสืออยู่หันมามองเหวอ ๆ “คุณวูฟ คุณกำลังทำอะไรครับ?”


   “ลูดี้....”


   “ครับ ทำไมห้องครัวมันเละแบบนี้ แล้วคนอื่นหายไปไหนหมด” ผมเดินเข้าไปเขาก็เลยห้ามไว้ก่อน


   “เดี๋ยวเสื้อเปื้อน ไม่ต้องเข้ามาหรอก...คนอื่นถูกสั่งห้ามเข้าใกล้บริเวณนี้ เพราะช่วงนี้นายรับกลิ่นนายเร็วมากก็เลยให้ฉันอยู่กับนายแค่สองคนไปก่อน” เขาอธิบาย ก็คงจะจริงอย่างที่เขาว่า ผมรับกลิ่นของวูฟได้แต่กับคนอื่นมันจะฉุนเวียนหัวไปหมด ผมมองมือเขาที่เปิดเมนูอาหารอยู่ มุมนี้...ผมไม่เคยเห็นเลย


   “คุณก็เลยจะทำอาหารให้ผมทานเหรอครับ” ผมถามทั้ง ๆ ที่รู้....เขายกยิ้มพับแขนเสื้อสีเทาแขนยาวของเขา


   “ใช่ นายไปรอที่ห้องเถอะ จะอาบน้ำก็ได้นะ ฉันเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว” ผมมองเขางง ๆ ว่าอะไรนะครับ...เขาเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ผม? เป็นไปได้ด้วยเหรอ ผมมองเขานิ่ง


   “คุณทำดีกับผม เพราะผมท้องเหรอครับ” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงน้อยใจโดยที่ไม่รู้ตัว เขาชะงักและจะเอื้อมมือมาแตะผม ผมถอยออก


   “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ฉัน...” แล้วเขาคิดแบบไหน...เหอะ ไม่อยากฟังต่อเลยครับ เดี๋ยวปวดหัว ผมยกมือห้ามเขา


   “ถ้าผมไม่ท้อง คุณก็คงจะไม่ใยดีกับผมเลยใช่ไหมล่ะครับ”


   “ลูดี้ เข้าใจผิดแล้ว ฉัน...”


   “ผมไม่อยากฟังที่คุณพูดตอนนี้” ผมพูดแค่นั้นก็หมุนตัวเดินหนีกลับไปที่ห้อง วูฟจะตามออกมาด้วยแต่เขากำลังจะทำอาหาร เขาก็เลยไม่ได้ตามผมออกมา



   ผมเข้ามาอาบน้ำในห้องน้ำอย่างดับความร้อน...ร้อนภายในใจ เป็นใคร ใครก็คิดไหมล่ะครับ จู่ ๆ คนที่เคยชอบดุผมบ่อย ๆ กลับมาทำใจดี ดูห่วงใย ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบ...ผมก็ต้องชอบอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเป็นคนที่ผมรู้ตัวแล้วว่า ผมรัก...ทำไมผมจะไม่อยากให้เขาดูแล เอาใจผมบ่อย ๆ เพียงแต่สำหรับเขา....ผมเป็นได้แค่คนที่มีทายาทให้กับเขาเท่านั้นรึเปล่า


   จิตใจของผมคิดมากถึงขนาดนี้เชียวเหรอ เฮ้อ...ลูดี้ อย่าคิดมากไปเลย ผมบอกตัวเองพร้อมกับเลื่อนมือมาสัมผัสที่ท้องของตัวเอง น้ำอุ่น ๆ ช่วยให้สบายใจขึ้นเยอะ


   ผมลุกออกจากอ่างด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ผมไม่รู้ว่าตัวเองอาบน้ำนานมากแค่ไหน เพราะมัวแต่เหม่ออยู่        จนกระทั่งร่างสูงเปิดประตูเข้ามาอย่างตื่นตระหนก ผมหันไปมองเขาที่วิ่งเข้ามางง ๆ


   “ลูดี้! อาบน้ำนานเกินไปแล้ว อย่าทำให้ฉันตกใจสิ!” เสียงเข้มดุ สายตาของวูฟเหลือบมาเห็นผิวกายของผมก็ชะงัก เขารีบหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดให้ผม การกระทำของเขาทำให้ผมมองอย่างคิดพิจารณา....


   “ขอโทษทีครับ ผมอาบเพลินไปหน่อย คุณทำกับข้าวเสร็จแล้วเหรอครับ” สายตาคมกำลังจ้องมองใบหน้าของผมอยู่ใกล้ ๆ ผมก็สบตาเขาไม่หลบ


   “ใช่ ไม่รู้จะกินได้รึเปล่านะ คือว่า...ฉันเพิ่งเคยทำครั้งแรก” เขาบอกอ้ำอึ้ง ผมก็เลยหัวเราะ...ไม่รู้จะกินได้รึเปล่าเนี่ยยยย มันใช่ของที่จะเอามาให้ผมที่ท้องอยู่กินเหรอ ฮ่า ๆ ดูเหมือนวูฟจะทำหน้าดีใจเมื่อเห็นผมหัวเราะ ผมก็เลยหยุด


   “เดี๋ยวคงต้องลองชิมดูมั้งครับ” ผมบอก ผมรับผ้าเช็ดตัวจากเขาที่กำลังเช็ด...มันหวิว ๆ ผมก็เลยให้เขาหยุด   
 ผมออกไปใส่เสื้อผ้า ส่วนร่างสูงก็ออกไปหยิบถาดข้าวต้มร้อน ๆ กลิ่นหอมมาก...ผมขึ้นไปนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง



   “ฉันดูจากหนังสือทุกขั้นตอนเป๊ะ...แต่หน้าตาของมันอาจจะไม่เหมือนในรูปมากนัก” มันไม่เหมือนเลยต่างหากล่ะครับคุณวูฟ...ผมไม่ได้พูด กลัวจะเสียน้ำใจของเขา เผลอ ๆ โดนดุอีก ไม่เอาหรอก


   “ผมว่ามันก็ดูน่าอร่อยดีนะครับ ลองชิมดูละกัน” ผมตักขึ้นมาเป่า วูฟนั่งลงนั่งเตียงมองลุ้น ๆ ผมตักกินเคี้ยวตุ้ย ๆมัน...อร่อยมาก อร่อยจริง ๆ ครับ อันนี้ไม่ได้โม้ แม้หน้าตามันจะดูไม่น่ากิน แต่รสชาติที่เขาทำอร่อยมาก

 

   “เป็นยังไงบ้าง”


   “อร่อยครับ” ผมตอบออกไปก็เรียกยิ้มมุมปากหล่อ ๆ ของเขา “แต่ผมกินได้ไม่เยอะนะครับ ผมรู้สึกจะอ้วกอยู่เลย” พูดยังไม่ทันขาดคำ “อุบ...”


   “ลูดี้! พอก่อนก็ได้ ถ้าไม่ไหวก็อย่าเพิ่งกินเยอะ...” เขาลุกขึ้นหยิบผ้ามาเช็ดปากของผมเบา ๆ ผมมองการกระทำของเขาเงียบ ๆ วูฟเช็ดปากให้ผมอย่างตั้งใจ



   สรุปผมก็กินข้าวต้มไปได้สองสามคำก็รู้สึกวิน ไม่อยากกิน ผมเลยได้กินยาที่หมอให้ไว้เพื่อช่วยให้หายวิน             ผมเผลอหลับไปได้สักพัก ตั้งแต่กินยาเข้าไป มาสะดุ้งตื่นตอนบ่ายกว่า ๆ ผมลืมตาขึ้นก็เจอ...วูฟที่นั่งอยู่กับพื้นเขาฟุบหลับอยู่ตรงข้างเตียง...เขาทำไมมาหลับอยู่ตรงนี้ สิ่งที่ทำให้ใจของผมเต้นแรงขึ้นก็คือ...มือของวูฟกุมมือของผมไว้


   “เขามากุมมือของเราไว้ทำไมกันล่ะเนี่ย...” ผมจะดึงมือออก แต่ประสาทสัมผัสของร่างสูงไวกว่า เขารู้สึกตัวกำมือของผมไว้ “คุณวูฟ ปล่อยครับ”


   “ตื่นแล้วเหรอ...ถ้าฉันบอกว่าไม่ปล่อยล่ะ” เขาชูมือของผมที่เขากุมไว้มาจูบ...ผมตาโตชักมือออกอย่างรวดเร็ว


   “คุณ!! ทำอะไรครับ” ผมขมวดคิ้ว


   “จูบไง...” เขาตอบชัดเจน ผมรู้! ว่าจูบ...เขามาจูบทำไมล่ะ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากถามแต่ไม่กล้า วูฟกระตุกยิ้มเล็กน้อย “อยากรู้ไหมว่า ฉันจูบทำไม?” เขาก้มลงมาถามราวกับรู้ความคิดของผม


   เฮือก...ผมถอยหนีห่างจากเขาที่เขยิบเข้ามาใกล้


   “ผมไม่อยากรู้ครับ! ช่วยออกไปไกล ๆ ผมด้วย” ผมไล่ เขาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดจริงจังขึ้นมา


   “ถามจริง ๆ ยังโกรธฉันอยู่งั้นเหรอ”


   “......”


   “โกรธที่ฉันไล่นายงั้นเหรอ”


   “........” ใช่ครับผมโกรธมาก!...หรืออาจไมได้โกรธ แต่น้อยใจที่เขาไม่รั้งผมสักนิด คนบ้า ผมนิ่งไม่มองสบตากับเขา ฉุน ๆ ฉุน! ประโยคต่อมาที่หลุดออกมาจากปากของวูฟทำให้ผมเบิกตากว้าง...กว้างมาก


   “ฉันหลงรักนายลูดี้...” น้ำเสียงหนักแน่นกับแววตาคมเข้มที่ยืนอยู่ข้างเตียง รับรู้ได้ว่าเขาพูดจริง...ไม่จริงใช่ไหม เขากำลังหลอกผมอยู่!!


   “ผมไม่เชื่อครับ...” ผมบอกออกไป วูฟชะงักกึก ก็แหงล่ะ...คนที่บอกว่าเชื่อมั่นในรักแท้อย่างผมเนี่ยนะจะพูดคำนี้ เขาดูตกใจหน่อย ๆ


   “ทำไมล่ะลูดี้ นายเป็นคนบอกว่าคนเราต้องเชื่อมั่นในความรักไม่ใช่รึไง นายเป็นคนบอกเอง...”


   “ก็คุณทำให้ผมไม่เชื่อนิครับ...คุณทำลายความเชื่อมั่นในรักแท้ของผมไปแล้ว” ผมพูดออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดภายในใจ แผลเล็ก ๆ ที่เขาเคยสร้างไว้โดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ วูฟนิ่งไป เขากำมือแน่น...


   “ฉันจะต้องทำยังไงนายถึงจะกลับมาเชื่อมั่นในตัวฉันอีกครั้ง...” ไม่คิดเลยว่าคำถามนี้จะถูกถามขึ้นโดยร่างสูง ทายาทผู้นำอัลฟาผู้ไม่เคยยอมใคร ไม่เคยขอร้องใคร... ผมสบตากับแววตาคมเข้ม เราไม่หลบสายตาของกันและกัน


   ผมใจเต้นนะครับ...คำนั้นมันยังดังก้องในหัวใจของผม เพียงแต่ผมกลัว...กลัวคำร้าย ๆ ที่เคยออกมาจากปากของเขา


   “พิสูจน์สิครับ พิสูจน์ให้ผมเห็นว่าคุณหลงรักผมจริง ๆ”


   “พิสูจน์ยังไง...”


   “ก็แล้วแต่คุณจะคิดจะทำยังไงก็เรื่องของคุณครับ ตอนนี้ผมก็แค่รับรู้ความรู้สึกของคุณก็เท่านั้น” ผมตอบเรียบ      วูฟมองหน้าผมก่อนจะก้มลงมาใกล้ผมอีกครั้ง ผมมองใบหน้าคมที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ


   แววตาอ่อนโยน....


   “ฉันจะทำให้นายเชื่อ...ไม่ว่าด้วยวิธีไหน ฉันก็จะพิสูจน์ให้นายเห็นว่า ฉันหลงรักนายจริง ๆ ลูดี้...” เขาจูบหน้าผากของผมแผ่วเบาและเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผม...เกือบช็อค!!! ผมเอามือจับหัวใจของตัวเองที่มันเต้นแทบจะทะลุออกมา


   “คุณวูฟร้ายกาจชะมัด...เราจะปั้นหน้าได้นานแค่ไหนกันนะ” ผมพึมพำ จริง ๆ เรื่องที่เขาตกหลุมรักผม...ผมรู้ตั้งแต่วันที่เขาออกไปตามหาผมแล้วกลับตอนค่ำ ๆ แล้วล่ะครับ ผมยืนอยู่ตรงมุมเสาพอดี พอฟังตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ





..........................................60%.....................................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจจากคนอ่านที่น่ารักค่า^^  :กอด1: :กอด1: :pig4: :L2: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.11 (60%) | 30/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 31-10-2017 18:51:44
 :-[ ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.11 (60%) | 30/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-10-2017 19:29:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.11 (60%) | 30/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-10-2017 20:20:27
พยายามเข้าวูฟ  :mew1:
ทำให้ลูดี้เชื่อมั่นในความรัก
ที่วูฟ รักในตัวลูดี้จริงๆ
ไม่ใช่รักเพราะมีลูก
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.11 (60%) | 30/10/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 31-10-2017 21:17:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.11 (100%) | 1/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 01-11-2017 20:12:27
(ต่อจากข้างบน)...

         
         ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเชื่อเรื่องรักแท้มาก ผมกลับลังเลเรื่องความรู้สึกของวูฟ ก็ที่ผ่านมาเขาเอาแต่ดุผมนี่ จู่ ๆ เขาจะมารักผมได้ยังไง ใครจะไม่ระแวงเล่า...มันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้แหละครับ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าวิธีที่เขาจะใช้พิสูจน์  เขาจะใช้วิธีไหนกัน ใจของผมเนี่ยสิ จะไหวพอที่จะรับมือเรื่องที่เขาทำได้รึเปล่า...


   ไม่รู้ว่าเขาหายออกไปไหนนานมาก!...ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเบื่อ ๆ ผมออกไปข้างนอกไม่ได้เลย เนื่องจากโอเมก้าที่กำลังท้องอยู่ รับกลิ่นอะไรไม่ได้จะอ้วกตลอด คงต้องอดทนเอา น่าจะไม่กี่อาทิตย์ก็หายอาการแพ้ท้องล่ะมั้ง...หมอพูดอะไรไว้บ้างผมก็จำไม่ได้


   แอด...เสียงประตูที่เปิดออกทำให้ผมเงยหน้าจากหนังสือในมือมองร่างสูงงง ๆ เขาเข้ามาพร้อมกับหนังสือกองสูงที่ถือด้วยมือเดียว วูฟใช้หลังดันปิดประตูแทนมือที่ไม่ว่าง


   “คุณวูฟ? ไปขนหนังสือมาจากไหนครับ อ๊ะ เล่มนี้ เทพนิยายโรแมนซ์นี่” เขาวางลงปลายเตียง แต่สายตาของผมก็ไวพอที่จะเห็นสันหนังสือ แนวนิยายที่ผมชอบ ผมเลยเผลอถามสดใสออกไป วูฟยิ้ม ผมเลยชะงัก


   “ใช่ สองสามอาทิตย์นี้นายออกไปข้างนอกไม่ได้เลย ก็กลัวว่าจะเบื่อ ฉันก็เลยไปค้นจากห้องสมุดของบ้านใหญ่มาให้ เช็ดแล้วทุกเล่มไม่มีกลิ่นของสิ่งแปลกปลอมแน่นอน” เขาอธิบายระเอียดยิบ ผมมองมือที่เปื้อนฝุ่นของเขานิ่ง ๆ นี่เขาทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ



   อย่าใจอ่อนนะลูดี้...


   “ขอบคุณนะครับ จริง ๆ ไม่เห็นจะต้องลำบากเลย” ผมบอก แต่ตัวของผมอ่ะ เขยิบกระดึ้บ ๆ ไปหาหนังสือที่กองอยู่ปลายเตียงแล้ว วูฟเหลือบมองผมด้วยรอยยิ้ม เขายิ้มบ่อยมากช่วงนี้....


   “ไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อย สิ่งไหนที่นายอยากได้ ฉันก็หามาให้ได้ทั้งนั้น” ถ้าผมอยากได้หัวใจของคุณ...คุณจะให้ผมไหม ผมไม่ได้เอ่ยถามออกไป ได้แต่สบตากับแววตาอ่อนโยนตรงหน้าก็เท่านั้น


   ผมหลบสายตาของเขา


   “คุณวูฟไปอาบน้ำก็ได้นะครับ คุณตัวเปื้อนฝุ่นเต็มเลย” ผมชี้ เขาก็ก้มดูเสื้อผ้าของเขา ท่าทางเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบนผมของเขาก็มี “มีฝุ่นติดบนผมของคุณด้วยครับ” ผมชี้


   “ตรงไหน?” เขาก้มหน้าลงมาหาผม...ก้มลงมาทำไมล่ะ ริมฝีปากของเขาแถบจะแตะแก้มของผมอยู่ละ  ผมเบี่ยงออกแบบไม่ไว้ใจ


   “ไปส่องกระจกเอาสิครับ หรือไม่ก็สระผม” ผมบอกเสียงเรียบ ทั้งที่ใจ...เต้นจนจะบ้า งื้อเย็นไว้ลูดี้ เย็นไว้...



   “คิดว่าจะออกให้ซะอีก หึหึ ฉันไปอาบน้ำสระผมก่อนก็ได้ นายก็อ่านเล่นไปก่อนนะ เดี๋ยวกลับมาอ่านด้วย” เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น คำที่เขาพูดว่า...เดี๋ยวกลับมาอ่านด้วย ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ว่าวูฟยังไม่ได้เข้าไปในห้องน้ำ ก็เห็นรอยยิ้มของผมเต็ม ๆ



   ผมหยิบหนังสือที่ถูกเช็ดจนสะอาดทุกเล่มมานั่งเลือกดูว่าจะอ่านเล่มไหนก่อน ส่วนมากมีแต่แนวโรแมนซ์ทั้งนั้น เขาบอกว่าเอามาจากห้องสมุดของบ้านใหญ่ เดาว่าของแม่เขาแน่ ๆ เลย ผมเลือกไปได้สักพัก ร่างสูงที่เข้าไปอาบน้ำมาก็เดินออกมาในชุดนอนที่หล่อกระชากใจสาว ๆ มาก...วูฟนั่งลงตรงที่นอนข้างเตียงตรงพื้นเหมือนเดิม


   ...เขาไม่โวยวายที่ผมไล่เขาไปนอนพื้นสักนิด...แอบรู้สึกว่าตัวเองเอาแต่ใจอยู่เหมือนกันที่จู่ ๆ ไปสั่งเขานอนพื้นทั้ง ๆ ที่ผมไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร แต่กับเขาที่เป็นถึงทายาทผู้นำเชียวนะ...


   “ฉันขอดูโทรทัศน์หน่อยนะ รบกวนรึเปล่า?” วูฟถามขึ้น “ช่วยหยิบรีโมทตรงหัวเตียงข้างลูดี้ให้ฉันหน่อยสิ” เขาแบมือมาขอ ผมก็เลยหยิบไปให้เขา วูฟเปิดดูข่าวไปเรื่อย เห็นว่าวันนี้จะมีอากาศหนาวเย็นฉับพลันด้วยแฮะ....


   ผมที่นอนอ่านหนังสืออยู่ก็เหลือบมองเขาที่นอนอยู่กับพื้นดูโทรทัศน์...เจ้าของห้องนอนพื้น แต่คนที่ไม่ใช่เจ้าของห้องกลับนอนเตียง ฮ่า ๆ แปลกมาก ผมปิดหนังสือลงด้วยความที่อ่านไม่รู้เรื่อง เวลาใจของเราฟุ้งซ่านอยู่ อ่านไปก็ไม่รู้รสอะไรหรอกครับ วูฟที่เอามือก่ายหน้าผากอยู่ก็หันมามองผมที่ลุกเอาหนังสือไปวางกองไว้ที่ข้างเตียงอีกฝั่งที่เขาไม่ได้นอนอยู่


   “จะนอนแล้วเหรอลูดี้ ฉันปิดไฟให้เลยไหม” เขาถามและทำท่าจะปิดโทรทัศน์ที่เขาดูอยู่ด้วย ผมเลยรีบห้าม


   “เออ ไม่เป็นไรครับ คุณดูโทรทัศน์ต่อเถอะ ผมนอนได้” ผมล้มตัวลงนอนดึงผ้าห่มมาชิดกาย วูฟยิ้มนิด ๆ



   “ฉันก็ง่วงพอดี ปิดนั่นแหละ นายก็รีบ ๆ นอน” เสียงลมข้างนอกเริ่มดังพัดผ่านเข้ามาทางประตูระเบียงที่แง้มไว้ วูฟที่กำลังจะล้มตัวนอนก็ลุกขึ้น “หนาวไหม เดี๋ยวฉันไปปิดเอง” เขาบอกแค่นั้นก็ลุกออกไปปิดประตูเข้าให้


   ผมมองตามตาปริบ ๆ วูฟเดินกลับมาล้มตัวลงนอนที่เดิม ผมก็จ้องเขาแบบงงมาก ไม่คิดว่าเขาจะลุกไปปิดให้ไงครับ คิดว่าจะให้ผมลุกขึ้นไปปิดอะไรแบบนี้


   “เป็นอะไรไป? อยากได้อะไรรึเปล่า” คงเห็นผมจ้องนานไป เจ้าตัวถึงได้ถาม ผมส่ายหน้า...เขาไม่ได้ดุผม แถมยังใจดีอีก (จริง ๆ ก็ชอบแต่ไม่ชิน)

   “คุณนอนข้างล่าง หนาวไหมครับ” ผมถามก็เรียกความสนใจจากวูฟทันที แววตาของเขาดูเป็นประกายขึ้นมา


   “นายจะให้ฉันขึ้นไปนอนกับนายงั้นเหรอ!” เสียงเข้มถามตื่นเต้นก่อนจะชะงัก


   “ไม่ครับ” ผมตอบทันควัน “ผมไม่ได้จะให้คุณมานอนด้วยซะหน่อย...”


   “ถามแบบให้ความหวังฉันมากเชียวนะ ฮ่า ๆ...” วูฟหัวเราะ...!! เขาหัวเราะแบบหัวเราะจริง ๆ เหมือนคนทั่วไป (ปกติคุณวูฟไม่หัวเราะปกติเหรอลูดี้...) ก็ปกติเขาชอบหัวเราะในลำคอมีเล่ห์นัยนี่นา



   “อ้อ พ่อของฉันเตรียมจะหาวันมงคลแต่งตั้งทายาทให้เป็นผู้นำของอัลฟาแล้วนะ...” ผมกำลังแอบมองหน้าเขาที่นอนหงายอยู่ สีหน้าขรึมภายใต้ความมืดที่สว่างเห็นชัดทำให้ผมรู้...วูฟทำหน้ากังวล เพราะผมท้อง เขาก็มีสิทธิ์ที่จะรับตำแหน่งผู้นำอย่างถูกต้อง ไม่มีข้อกังขาใดใด


   “คุณโอเคกับการรับตำแหน่งเหรอครับ...” ผมเผลอถามออกไป และได้รับคำตอบที่พาใจของผมเต้นตึกตัก


   “ตอนแรกฉันอยู่คนเดียว...ฉันไม่โอเคกับการรับตำแหน่งผู้นำแบบพ่อของฉัน...แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่า พ่อขึ้นเป็นผู้นำอัลฟาทำไม เพราะเรามีคนที่เรารักที่อยากปกป้องเขายังไงล่ะ....” เขามองมาที่ผม ผมเม้มปากนิด ๆ คำว่าคนที่เขารักมันย้ำเตือนผมอีกครั้ง  วูฟยิ้มมุมปากนิด ๆ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่อยู่ในใจของเขาออกมา


   “ฉันน่ะ ไม่เคยคิดจะรับตำแหน่งผู้นำอัลฟา เพราะฉันไม่รู้ ว่าฉันต้องเข้มแข็งแค่ไหน ถึงจะยืนอยู่ตำแหน่งแบบพ่อได้ พ่อของฉันคือผู้ชายที่เป็นต้นแบบไอดอลของฉันเลยล่ะ ท่านปกป้องแม่สุดหัวใจ กว่าจะผ่านเรื่องราวมาได้จนถึงจุดนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย...” ผมตั้งใจฟังวูฟเล่ามาก  “ก็อย่างที่บอก...ตอนนี้ฉันพร้อมที่จะก้าวขึ้นไปในตำแหน่งนั้นแล้ว ไม่ใช่แค่เพื่อตระกูลเฮอร์คิวอย่างเดียว แต่...เพื่อนายด้วย”


   ผมพลิกตัวหันหลังให้เขาทันที เพื่อหลบซ่อนอาการหน้าแดงของผม...


   “ลูดี้ นอนแล้วเหรอ” เสียงเข้มถามขึ้นในความมืด ผมกระพริบตาถี่ ๆ ผมยังไม่ได้นอนแต่ก็ไม่ได้เปิดปากพูดตอบเขาออกไป ภายในใจก็เต้นตึกตักไปหมด ผมจะแกล้งทำเป็นว่าไม่สนใจเขาไปได้นานอีกแค่ไหน ก็แม่ของวูฟเองก็ขอร้องผมให้ยกโทษให้ร่างสูงเถอะที่ปากแข็ง...ไม่เอาลูดี้! ใจแข็งต่ออีกหน่อย ยังไม่เห็นเขาจะพิสูจน์อะไรให้ผมดูเลย



   “ฝันดีนะลูดี้....” เสียงเข้มที่ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คำนั้นคำเดียวล่ะมั้งครับที่ทำให้ผมนั้นหลับตาลงอย่างง่ายดายราวกับกินยานอนหลับ ความรู้สึกสบายใจและอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากเขา กลิ่นของวูฟพาใจของผมให้เบาหวิว


   ชอบจัง...


   ท่ามกลางความมืดสลัวของห้อง อากาศเริ่มหนาวเหน็บ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมกำลังกลิ้งไปข้างเตียงและตกลงไปข้างที่วูฟนอนอยู่กับพื้นพอดิบพอดี ผมไม่ได้ลืมตาตื่น แต่ก็พอจะรับรู้ถึงซิกแพคแน่น ๆ และความอบอุ่นของอ้อมแขน


   อ้อมแขนของใครกัน...


   ตุบ!...


   “เฮ้ย อึก...ตกลงมาได้ไงเนี่ย ตกใจหมด ลูดี้...” วูฟร้องเสียงหลงเมื่อเจอกับวัตถุนุ่ม ๆ ที่ตกลงมากระทบกับตัวของเขาไม่แรงนัก ทว่ากลับจุกมาก ก็เข่าเล็กที่กระแทกลงมา...ทับจุดยุทธศาสตร์ของร่างสูงเต็มแรง  ร่างบางดูท่าจะไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยสักนิด....





..............................100%..............................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารัก  ^^  :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.11 (100%) | 1/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-11-2017 22:13:12
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.11 (100%) | 1/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 01-11-2017 22:35:35
ทับแบบนั้นเดี๋ยวใช้งานกันไม่ได้พอดีนะลูดี้55555 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.11 (100%) | 1/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 01-11-2017 23:16:05
คุณวูฟมีความละมุนง่ะ  :o8: ฮือ ลูดี้ทนได้ไม่นานหรอกก็คุณวูฟน่ารักขนาดนี้ แต่พีคตรงสุดท้าย5555ลูดี้อาจจะแอบเอาคืนก็ได้  :hao7:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.11 (100%) | 1/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-11-2017 07:26:36
ลูดี้ใจแข็งได้ไม่นานหรอก
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.11 (100%) | 1/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-11-2017 22:48:13
 :hao7: หน้าเขียวหน้าเหลืองกันไปนะ ลงจุดยุทธศาสตร์พอดี
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.12 (60%) | 5/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 05-11-2017 20:27:11
ตอนที่ 12


   [พาร์ตของลูดี้]


   ผมว่าหมอนข้างที่ผมกอดอยู่มันนุ่มมากเลย...อบอุ่นด้วย ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเอง...วูฟกำลังนอนกอดผมอยู่ ไม่ใช่สิ ผมต่างหากที่เข้าไปนอนอยู่ในอ้อมกอดเขา!! เขาขึ้นมาบนเตียงได้ยังไง ผมลุกขึ้นพรวด ร่างสูงก็ลืมตาและยกมือป้องกันหมอนข้างที่ผมหยิบมาจากปลายเตียงฟาดไม่ยั้งมือลงเขา


   ตุบ ๆ ๆ ๆ


   “โอ๊ย อะไรลูดี้ เดี๋ยว ๆ ใจเย็นก่อน” ร่างสูงรีบจับหมอนข้างที่ผมฟาดรัว ผมไม่หยุด!


   “คุณขึ้นมาบนเตียงได้ยังไงครับ ผมให้คุณนอนพื้น นี่แหนะ! คุณมันเจ้าเล่ห์” วูฟรวบหมอนข้างไว้พร้อมกับดึงตัวของผมเข้าไปหาเขาที่ลุกขึ้นนั่ง ผมเซไปซบกับแผงอกตรงหน้าพอดิบพอดี แต่ผมก็ขึงตัวออก วูฟก็ไม่ได้ห้ามหรือรั้งอะไรผมไว้


   “ฟังที่ฉันพูดก่อนสิ ฉันไม่ได้ขึ้นมา นายเองต่างหากที่ลงไปหาฉัน...” เสียงเข้มพูด ผมเลยชะงัก เขาว่าอะไรนะครับเมื่อกี้...ผมลงไปหาเขาเหรอ?  “นายกลิ้งลงมาทับฉันที่นอนอยู่ข้างล่าง แถมยังกอดฉันแน่น” เขาเห็นผมทำหน้าไม่เชื่อเลยอธิบาย ไม่มีทาง....ผมไม่ได้นอนดิ้น!


   “ผมไม่ใช่คนนอนดิ้นครับ ผมไม่มีทางจะกลิ้งลงไปหาคุณ” ผมยืนยัน วูฟมองผมแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มนิด ๆ


   ยิ้มอะไรของเขา...ใครสั่งให้ยิ้ม!


   “เอาเถอะ ไม่เถียงกันแล้ว เดี๋ยวนายจะพลอยอารมณ์ไม่ดีเปล่า ๆ” เขาตัดบทยอมรับผิดเองว่าเขาขึ้นมานอนเตียงกับผม ผมมองตามร่างสูงที่เดินหายเข้าไปเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ผมเงียบ ๆ



   แม้จะไม่ชินนักที่เห็นวูฟมาดูแลเทคแคร์ผมแบบนี้ แต่ก็ต้องพยายามทำใจให้ชิน...เพราะมีแค่เขาเท่านั้นที่อยู่ใกล้ผมได้มากที่สุด ก็เขา...เป็นพ่อของเด็กในท้อง


   กิจวัตรประจำวันภายในเวลา 2 สัปดาห์กำลังเริ่มขึ้น วูฟเป็นคนคอยไปทำอาหารให้ผมทาน เขามักจะไปค้นหนังสือเล่มใหม่ ๆ มาให้ผมอ่านเพิ่มเสมอ แต่ละวันที่ผ่านไปสำหรับผมไม่ได้น่าเบื่อเลยครับ ถึงจะอยู่ได้แค่ในห้อง ผมก็มีเดินออกไปสูดอากาศที่ริมระเบียงห้องบ้าง อากาศเย็นสบายทำให้ผมผ่อนคลายมาก



   3 วัน ผ่านไปอย่างช้า ๆ กับการมีวูฟคอยดูแลอยู่ใกล้ผมไม่ห่าง แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขามาก ยังคงให้เขานอนพื้นเหมือนเดิม เขาก็ไม่ได้บ่นอะไรกับผมสักคำ ยังคงเอาใจใส่ผมสม่ำเสมอ...ผมก็ทำเย็นชาไม่สนไม่รับไม่รู้ (แม้ภายในใจของผมกำลังสั่นคลอน และรู้สึกไม่ดีเวลาเขาทำหน้าเศร้า...) ผมที่กำลังนั่งอยู่ตรงริมระเบียงเหม่อ ๆ ก็ถอนหายใจกับข้าวต้มตรงหน้าฝีมือของวูฟ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบหรอกนะครับ...


   แต่ผมกินเมนูเดิมมาตลอด 3 วัน ฮ่า ๆ จะไม่ให้เบื่อมันก็ยังไงอยู่...แต่ด้วยความที่เห็นเขาตั้งใจทำมาก ผมไปแอบดูมา ก็เลยไม่อยากทำให้เขาเสียน้ำใจ ผมคิดแบบนั้น พอมาวันนี้เริ่มจะกินไม่ลง ผมเริ่มกินข้าวได้บ้างแล้วล่ะครับ อาการคลื่นไส้ก็ยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง


   “ลูดี้...ทำไมไม่ทานข้าว อิ่มแล้วเหรอ” ผมมองชามข้าวต้มที่ตักไปสามสี่คำ ร่างสูงเดินออกมาพร้อมผ้าคลุมไหล่ เขาเอามาคลุมผมไว้อย่างใส่ใจ...


   หลายวันมานี้เขาก็ทำแบบนี้แหละครับ ตอนแรกผมค่อนข้างตกใจกับการกระทำของเขา แต่ก็แกล้งทำเมินเฉย  วูฟเองก็รู้ว่าผมเฉยใส่ เขาก็ยังยิ้มเล็กน้อยให้ผม เขากำลังพิสูจน์ให้ผมเห็นความจริงใจของเขา


   ถามว่าผมรู้สึกถึงมันรึยัง ก็รู้สึกนะ แต่ผมว่ามันยังไม่มากพอ...


   “ครับ ผมอิ่มแล้ว คุณเก็บไปเลยก็ได้” ผมบอกแล้วหันไปเปิดหนังสืออ่านแทน วูฟหยิบชามพลางมองด้วยแววตาเศร้าเล็กน้อย ผมมองไปเห็นพอดี


   “ไม่อร่อยรึเปล่า ถ้ามันแย่ฉันจะได้บอกป้านมทำมาให้แทน...” ผมส่ายหน้า


   “เปล่าครับ พอดี...คือว่าผมทานแต่ข้าวต้มที่คุณทำมาหลายวันแล้ว มันก็เลยรู้สึกเบื่อ...แต่ข้าวต้มของคุณอร่อยนะครับ” ผมบอกความจริงทำให้ร่างสูงชะงักกึก เหมือนเพิ่งคิดได้เหมือนกัน วูฟพยักหน้ารับรู้


   “นั่นสิ ฉันก็ลืมคิดไป” เขาพึมพำ  “ลูดี้ ถ้ามีลมหนาวมาก็เข้าไปนอนอ่านเล่นในห้องนอนนะ เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย...” เขาบอก ผมก็พยักหน้ารับรู้ไม่ได้เงยหน้ามองเขาแต่อย่างใด



   ผมนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ เพลินมาก จนเริ่มรู้สึกถึงลมหนาวที่พัดผ่านมา ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีเมฆมืด ๆ มาซะงั้น ผมก็เลยนึกถึงคำพูดของร่างสูง ผมรวบหนังสือสองเล่มไว้ในมือและเดินกลับเข้าไปในห้องนอน เอ๋...วูฟหายไปไหนครับ? เขายังไม่กลับมาอีกเหรอ เห็นเขาบอกจะออกไปข้างนอก


   “เดี๋ยวก็คงจะกลับมาล่ะมั้ง...จะไปถามหาเขาทำไมล่ะลูดี้” ผมสะบัดหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ ผมมองกระจกก็เห็นปลอกคอสีแดงที่ตัวเองใส่อยู่ วูฟขอร้องให้ผมใส่มันไว้เหมือนเดิม พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็รู้สึกถึงไอเย็น ๆ ของลม คล้ายพายุเลยแฮะ...


   “เหมือนฝนจะตกเลย ไม่ใช่เหมือน...มันพายุรึเปล่าเนี่ย” ผมพึมพำมองออกไปข้างนอกที่ลมเริ่มแรง ผมรีบปิดประตูระเบียงและรูดผ้าม่านปิด เสียงลมที่พัดมาเสียงดังทำให้ผมรู้สึกกลัว...


   เสียงลมมันเริ่มคำราม...ใจของผมก็เริ่มคิดถึงคนที่เป็นที่พึ่งได้สำหรับผม


   และคนที่ผมคิดถึงก็คือ...วูฟ


   ผมเลือกที่จะเดินออกไปจากห้องของเขาทั้งที่ตัวเองไม่เคยออกมาหลายวันแล้ว ก็เขาหายไปนานนี่ หายไปไหนก็ไม่รู้ ผมเปิดประตูห้องออกไปก็ตกใจเสียงลมที่พัดมากรรโชกมาพร้อมไฟที่ดับพรึบลง ถึงจะยังไม่มืดแต่นี่มันก็เย็นแล้ว แถมฟ้ายังปกคลุมไปด้วยสีดำอีก


   เฮือก...ผมเดินออกมาตามทางเดินได้ครึ่งทางเห็นหน้าต่างตรงหน้า มองออกไปก็เห็นพายุลม ขาของผมเริ่มที่จะสั่น ผมกำลังลังเลว่าจะเดินกลับไปที่ห้อง หรือเดินไปบ้านใหญ่ ในบ้านของวูฟไม่มีใครเลยสักคน เพราะทุกคนถูกสั่งห้ามเข้าใกล้บริเวณนี้ เนื่องจากผมท้องไม่ต้องการรับกลิ่นของใครนอกจากวูฟ


   ผมจะเดินต่อไปอีกก็สะดุ้งกับเสียงกระถางต้นไม้ข้างล่างหรืออะไรไม่รู้หล่นแตก


   เพล้ง!!


   “อ๊ากกกก...” ผมร้องออกมาทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างตกใจ ก่อนผมจะรับรู้ถึงเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาแต่ไกลพร้อมกับอ้อมกอดที่ดึงผมเข้าไปกอด


   อ้อมกอดของวูฟ...


   “ลูดี้! ไม่เป็นอะไรนะ ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่...” ผมตัวสั่นผมรู้...ผมไม่ใช่คนตกใจง่าย แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงสั่นขนาดนี้


   “ฮึก...คุณหายไปไหนมา!!” ผมทุบอกเขาเข้าให้ วูฟก็กอดผมไว้แน่น ผมเหลือบไปเห็นถุงขนมชั้นใบเตย กับกล่องอะไรก็ไม่รู้หอม ๆ อีกกล่อง ผมมองอึ้ง ๆ


   “ขอโทษ...ฉันออกไปหาอะไรมาให้ลูดี้กิน” เขาตอบออกมา ผมสบตากับแววตาคมตรงหน้าที่จ้องผมด้วยความเป็นห่วง มันสื่อผ่านออกมาจากสายตาได้

   
   และที่อึ้งไปกว่านั้น...เขาเอ่ยคำว่าขอโทษกับผม


   วูฟอุ้มผมกลับมาที่ห้อง ส่วนไฟที่ดับเขาก็ไปตามลูกน้องมาซ่อมตรงหม้อแปลงอันใหญ่เรียบร้อย ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนเตียงมองเขากำลังเปิดของกินให้ผมอยู่ แปลกที่ผมรู้สึกหอมมาก ไม่รู้สึกอยากอาเจียนหรืออะไรเลย วูฟยิ้มพร้อมกับยื่นชามให้ผม


   “รู้สึกหอมใช่ไหม...พอดีฉันลองไปถามแม่ดูว่าท่านกินอะไรได้บ้างตอนที่แพ้ท้อง นายแพ้มาสองสามวันแล้ว ตอนนี้อาการก็น่าจะบรรเทาแล้ว ทานของที่ชอบได้...”


   “คุณบอกว่าผมทานขนมชั้นนี้ได้เหรอครับ” ผมถามตื่นเต้น ก็ผมอยากกิน...ไม่ได้กินตั้งหลายวัน


   “ใช่ ทานได้ ลองทานดูสิ” วูฟพยักหน้าสนับสนุน แต่ยังไม่ทันจะหยิบเขาก็เอาออกก่อน “ไม่ได้สิ ต้องกินข้าวก่อน”


   “ผมกินขนมก่อนไม่ได้เหรอ”


   “ไม่ได้”


   “ทำไมล่ะครับ!”


   “ลูดี้อย่าขึ้นเสียงสิ เดี๋ยวลูกตกใจ” ผมทำหน้ามุ่ยกับร่างสูงที่ขโมยขนมชั้นของผมไปถือไว้ และบังคับให้ผมทานผัดซีอิ๊วให้หมดซะก่อน  ผมก็เลยจำเป็นต้องนั่งทานผัดซีอิ๊ว อร่อยมากเลยครับ แถมผมยังไม่รู้สึกเวียนหัวเลยสักนิด


   ผมเคี้ยวตุ้ย ๆ โดยมีร่างสูงนั่งมองอยู่ไม่ห่าง ไม่ทราบว่า...มีอะไรติดอยู่หน้าผมงั้นเหรอ ทำไมเขาต้องเอาแต่จ้อง...จ้อง และก็จ้อง!! จนผมทนไม่ได้


   “จ้องผมทำไมครับคุณวูฟ หน้าผมมีอะไรติดเหรอ” ผมถามเรียบ ๆ วูฟมองผมยิ้ม ๆ


   “มี”


   “อะไรติดครับ ตรงไหน?” ผมเอามือจับหน้าและชะงักกับมุขที่เขาปล่อยออกมา แบบว่างงมาก....ไม่คิดว่าวูฟจะพูดแบบนี้ออกมา


   “มีคำว่าน่ารัก”


   หา....หา!!! ผมถึงกับอ้าปากค้าง จนร่างสูงหัวเราะออกมา ผมเลยหุบปากหันไปหยิบน้ำมากินแทน


   “..........” ผมถึงกับไม่มีอะไรจะพูด อึ้งอยู่


   “มุขนี้พอได้ไหม” เขาถามกลับมา ผมก็เลยมองเขาตาปริบ ๆ มุข...เมื่อกี้เขาเล่นมุขเหรอ (ยังไม่อยากจะเชื่อ)


   “ก็เฉย ๆ ครับ ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ” ผมตอบทั้งที่ในใจ....อึ้งมากครับ วูฟพยักหน้ารับรู้และหันไปจดยุกยิกอะไรในกระดาษไม่รู้


   “จดอะไรครับ?” ไม่รอดสายตาของผมไปได้หรอก...เขาหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย ผมขมวดคิ้วกับคำตอบที่ได้จากเขา

 
   “จดว่าลูดี้ชอบอะไรบ้าง ไม่ชอบอะไรบ้าง ทำอันไหนบ้างถึงจะชอบ ทำอันไหนบ้างไม่ชอบ....” แววตาจริงจังของเขาทำเอาผมเกือบทำอะไรไม่ถูก แต่ผมก็คุมตัวเองไหวไม่ให้ยิ้ม...ทั้งที่มือเริ่มกำหมอน


   “จดไปทำไมครับ ไม่เห็นจะสำคัญอะไร”


   “ลูดี้...ฉันบอกไปแล้วนี่ ว่าฉันจะทำให้เห็นว่าฉันจริงจัง ทั้งลูดี้และลูกของเรา...” เขาหยิบจานข้าวที่ผมทานเสร็จไปถือไว้และก้มลงมาจูบหน้าผากของผมเบา ๆ


   “ไม่ต้องให้อภัยคำร้าย ๆ ที่ฉันเคยว่าตอนนี้ก็ได้...แต่ฉันอยากให้ลูดี้รู้ว่า ทั้งใจของฉันตอนนี้...”


   “........” ผมนิ่ง


   “มันมีแค่ลูดี้” เขาเดินหายออกไปจากห้องทิ้งให้ผมมองตาม ผมจับหัวใจของตัวเองที่มันเริ่มทรยศต่อความคิดของผม ความคิดที่จะงอนเขาต่อไป ไม่รับรู้


   หัวใจของผมไม่เคยเข้มแข็งเหมือนปาก...ปากที่บอกว่าไม่สนใจ ไม่เชื่อเขา...



   แต่หัวใจของผมมันกลับเริ่มเชื่อ...





.........................................60%.............................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารัก ^^  :กอด1: :กอด1: :L2: :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.12 (60%) | 5/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 05-11-2017 22:22:45
พอเห็นว่าอัพก็รีบกดเข้ามาเลยค่ะ ฮือ ไม่ผิดหวังกับความน่ารักของคุณวูฟจริงๆ เอาใจใส่ทุกอย่างแม้น้องจะเมินจะเย็นชาใส่แค่ไหนก็เถอะ แอบขำตรงที่จดมุข55555คิดได้ไงคะคุณวูฟ :-[ :o8: :impress2:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.12 (60%) | 5/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-11-2017 03:49:53
 :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.12 (60%) | 5/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-11-2017 10:49:06
ลูดี้จะใจอ่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.12 (100%) | 10/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 10-11-2017 18:28:02
(ต่อจากด้านบน....)


          หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ผมก็มานอนเล่นอยู่บนเตียง ส่วนวูฟเห็นว่ากินข้าวที่บ้านใหญ่มาแล้ว วูฟลงไปนั่งที่นอนข้างเตียงของเขา จริง ๆ ก็แอบสงสารเขาอยู่ที่ได้นอนพื้น...เขาเปิดโน้ตบุ้คคุยโฟนอินแบบประชุมกับพวกลูกน้องที่อยู่บ้านใหญ่ ผมที่นอนอยู่ก็ได้ยินที่พวกเขาคุยกันหมด (จริง ๆ แอบฟัง) เรื่องจัดงานแต่งตั้งตำแหน่งพรุ่งนี้น่ะครับ วูฟบอกผมไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว



   “พวกเราแบ่งคนออกรักษาทุกประตู ระบบความปลอดภัยพร้อมครับ” เสียงลูกน้องรายงาน



   “อืม จัดการให้เรียบร้อย พ่อได้บอกรึเปล่าว่าจะมีกำลังเสริมอีกรึเปล่า” วูฟถามเสียงเรียบทุ้มฟังมีอำนาจมาก



   “ครับ จะมีกำลังเสริมอีกจำนวนหนึ่งตรวจสิ่งแปลกปลอมจากผู้เข้าร่วมงานครับ”



   “ดี อย่าให้มีปัญหา เราต้องแน่ใจว่าทุกอย่างจะปลอดภัย เพราะลูดี้ก็ต้องไปในงานนี้ด้วย สั่งคนรักษาความปลอดภัยมาเพิ่มตามประกบไว้ก็ดี...” เขาสั่ง ผมที่แอบฟังอยู่ก็ฟังแบบตั้งใจมาก...จนไม่รู้ว่าตัวเองเขยิบตัวไปแถวข้างเตียง นัยน์ตาคมที่สบตากับผมทำให้ผมสะดุ้ง


   จึก...เขารู้ว่าผมแอบฟัง


   “เดี๋ยวก็ตกเตียงลงมาอีกหรอก...คราวที่แล้วฉันจุกแทบแย่” เขาว่าขำ ๆ พร้อมกับปิดโน้ตบุ้ค ผมพลิกตัวหันหลังให้เขาทันที และผมก็รับรู้ถึงมือหนาที่เอื้อมมาจับปลายผมของผมไว้...


   “พรุ่งนี้จะมีงานแต่งตั้ง มันค่อนข้าง...อันตรายพอสมควร” เขาพูดเสียงจริงจัง ผมก็เลยหันหน้าไปมองเขาที่เครียด ๆ ผมรู้ครับว่า...เรื่องของตระกูลต่าง ๆ ยังเคลียร์ไม่ทันจบ แต่วูฟกลับกำลังจะได้รับตำแหน่งสูงสุด ศัตรูย่อมมี...


   “ฉันมีเรื่องจะขอนายลูดี้”


   “ขออะไรครับ?...” ผมเลิกคิ้ว เขาเอื้อมมือมากุมมือของผมไว้ ผมจะเอาออกแต่เขาก็กำแน่น


   “คุณวูฟปล่อยผมครับ จะทำอะไร”


   “ฉันไม่ทำอะไร แค่อยากให้ฟังฉันให้จบก่อน...เรื่องที่ฉันจะขอ” น้ำเสียงจริงจังเลยทำให้ผมยอมให้เขาจับมือไว้


   “ว่ามาสิครับ”


   “อย่าห่างฉัน...ไม่ว่ายังไงก็อยู่กับฉัน อย่าออกไปอยู่ไกลกว่าที่ฉันจะเอื้อมถึง ได้ไหม...ฉันขอ”


   “รู้แล้วครับ ผมจะไปไหนได้ล่ะ...” ผมตอบอย่างช่วยไม่ได้ ก็ผมบอกไว้แล้วไงครับว่า...


   ผมมีทายาทตัวน้อยอยู่ในท้อง...


   “ไม่ใช่เพราะนายสำคัญต่อตระกูล...แต่นายสำคัญต่อฉัน” ประโยคต่อมาผมถึงกับตัวแข็งทื่อ วูฟกุมมือของผมไว้แน่นขึ้น เหมือนยืนยันหนักแน่นว่าเขาพูดจริง ผมจ้องเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะดึงมือของตัวเองออก



   “ครับ ผมทราบแล้ว จะอยู่ใกล้ ๆ คุณละกันนะครับ...” ผมตอบแค่นั้น แต่ไม่ทันจะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวของตัวเองก็ชะงักกับเสียงเข้มที่พูดถาม


   “ยังไม่หายโกรธที่ฉันไล่นายอีกเหรอ”


   “ฉันทำผิดมากเหรอลูดี้...” เขาถามเสียงอ่อน ก็ไม่ผิดมากหรอกครับ...ผมแค่จำฝังใจ


   “คุณไม่ผิดหรอกครับ อย่ากังวลเลย” ผมบอก แต่ร่างสูงก็ไม่ยอมลดละความพยายามที่จะถามต่อ


   “ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่ยอมให้อภัยฉันล่ะ อย่าทำเฉยชาใส่ฉันแบบนี้สิ...” 


   “ผมไม่ได้เฉยชาใส่คุณสักนิด คุณก็เห็น” ผมตอบแม้ในใจจะรู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องเชื่อใจ... ตอนแรกผมบอกไม่เชื่อครับ แต่ตอนนี้...ผมเริ่มเชื่อ ๆ เขาละ แต่ไม่บอกให้เขารู้


   “ฉันดูออกนะ ว่านายยังเคือง ๆ ฉันอยู่ ยอมรับว่าฉันมันปากแข็งเอง ปากเสียเอง แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าฉันคิดยังไง และฉันก็จะไม่มีวันปล่อยให้นายหายไปไหนอีกด้วยลูดี้” เขาพูดร่ายยาวมาชวนให้ใจของผมเต้นตึกตัก...


   วูฟจริงจังมาก...


   “ผมว่าเรานอนพักผ่อนเถอะนะครับ วันนี้คุณน่าจะเหนื่อยมาทั้งวันละ” ผมตัดบทให้ วูฟจะพูดต่ออีก ผมก็ยกมือห้ามไว้และนอนหันหลังให้เขาแทน ร่างสูงเลื่อนผ้าห่มมาคลุมกายผมเหมือนรู้ว่าไม่ควรกวน


   “ถ้าลูดี้ว่าแบบนั้น เอางั้นก็ได้...”


   “.........” ผมไม่ได้ตอบ และรู้สึกว่าเขายังคงมองผมอยู่สักพัก ถึงจะยอมลุกไปอาบน้ำ



   @20:30 น.


   อากาศข้างนอกเริ่มหนาวเหน็บจากพายุ ผมที่นอนอยู่บนเตียงยังหนาวเลย แล้วถ้าคนที่นอนอยู่พื้น...จะหนาวขนาดไหน ผมพลิกตัวนอนหงายในห้องที่สว่างไสว เพราะเรายังไม่ได้ปิดไฟ ผมจะเหลือบไปมองเขาก็ชะงักกึก


   “รึว่านอนไปแล้วซะอีก ยังไม่นอนเหรอคนดี”


   คำว่าคนดีของเขา...ทำให้ผมแทบลมจับ ใครเอาไม้ไปแอบฟาดวูฟรึเปล่า หัวสมองเขาเริ่มมีปัญหารึเปล่าเนี่ย ชักเป็นห่วง


   “ก็ยังครับ...”


   “นอนไม่หลับอีกแล้วเหรอ หรือหิว? ถ้าหิวบอกนะ หรือถ้าอยากได้อะไรก็ปลุก....แต่อย่าเอาเท้าลงมากระทืบก็พอ” เขาว่าขำ ๆ ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีมาก แต่ก่อนเห็นแต่ดุผม...


   “ผมไม่เคยกระทืบคุณซะหน่อย” ผมประท้วง เขาก็หัวเราะในลำคอคนเดียว วูฟนอนอยู่ข้างเตียงเอามือก่ายหน้าผากเหมือนเดิม เวลาเขาคิดอะไรอยู่...ผมชอบเห็นเขาทำท่าแบบนี้แหละ ไม่ได้สังเกตนะครับ! มันก็แค่เห็นบ่อย ๆ ลูดี้จะร้อนตัวไปทำไมล่ะเนี่ย...


   “ลูดี้...” จู่ ๆ เขาที่เงียบไปสักพักก็เรียกชื่อของผม


   “ครับ?”


   “พรุ่งนี้งานมันใหญ่มาก คนก็เยอะมาก ฉันไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นพรุ่งนี้บ้าง” ผมที่ฟังอยู่ก็ชะงักกับเสียงเข้มที่พูดประโยคต่อมา


   “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็พร้อมจะปกป้องนายด้วยชีวิตของฉัน...”



   “มันต้องไม่เกิดอะไรขึ้นสิครับ คุณจะมาปกป้องผมทำไม” ผมลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองร่างสูงที่นอนอยู่ข้างล่าง วูฟสบตากับผมงง ๆ


   “ฉันพูดความจริงนี่ ไม่ว่ายังไง ลูดี้ก็คือคนที่ฉันจะปกป้องแม้ต้องแลกด้วยชีวิตของฉัน ฉันก็พร้อม โอ๊ย ลูดี้ปามาทำไม” ผมได้ยินประโยคที่เขาพูดมามันก็ทำให้ผมรู้สึกปรี๊ดขึ้นมา ผมหยิบหมอนข้างปาไปใส่เขา หยิบหมอนสองใบปาไปให้หมด ราวกับว่าเขาเผลอหลุดคำที่ไม่ควรให้คนท้องฟัง


   “ไม่ครับ! ไม่ ไม่ ผมไม่ให้คุณมาปกป้องผม คุณต้องห่วงตัวเองที่สุดสิ ไม่!!” วูฟรีบลุกขึ้นมารวบตัวผมที่เริ่มสติแตก ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรแต่...ผมไม่ชอบ ไม่ชอบที่เขาบอกว่าเขาจะปกป้องผมด้วยชีวิต


   ไม่เอา...ผมไม่ให้เขายอมเพื่อผมขนาดนี้ ไม่....


   “ใจเย็นก่อนลูดี้ ชู่ว....ฉันห่วงตัวเองอยู่ ฉันไม่เป็นไรแน่นอนเชื่อฉันสิ ฉันปกป้องนายได้” ผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดที่ได้ยินเสียงหัวใจของเขาชัดเจนมาก ทำให้ผมใจเย็นลง


   “จริงนะครับ...” ผมถามเสียงแผ่วเหมือนใจสงบลงเรื่อย ๆ วูฟลูบผมของผม


   “ใช่ พรุ่งนี้งานจะผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอก”


   “.........” ผมพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาที่ก้มลงมาใกล้ผมเรื่อย ๆ จนริมฝีปากของเรากำลังจะแตะกัน ผมเอามือกันไว้  ผมยังไม่พร้อมจะรับความรู้สึกของเขาตรง ๆ


   วูฟชะงัก ผมมองแววตาเจ็บปวดของเขาที่ชัดเจนขึ้น แววตาเหมือนกับตอนที่ผมมองเขาตอนไล่ผมออกไปจากที่นี่



   “ฉันเข้าใจ ไม่เป็นไรลูดี้ ฉันรอได้เสมอ...แค่อยู่กับฉันตรงนี้ก็พอ....” รอยยิ้มของร่างสูงที่ส่งมาช่างเศร้าเหลือเกิน ผมมองเขาที่ถอยลงไปที่นอนข้างเตียงของเขาเหมือนเดิม



   ขอโทษนะครับคุณวูฟ...แต่ผมอยากให้คุณรอต่ออีกแค่แป๊ปเดียวเท่านั้น


   ผมยิ้มออกมาบาง ๆ พรุ่งนี้ผมจะให้อภัยเขาพร้อม ๆ กับการยืนอยู่เคียงข้างเขาในฐานะคู่ที่แท้จริง นั่นคือเรื่องที่แม่ของวูฟบอกกับผมมาตั้งแต่ผมกลับมาที่บ้านนี้อีกครั้ง เพราะพ่อกับแม่ของวูฟจะจัดพิธีแต่งงานที่แท้จริงให้ทันที พวกท่านเลยขอความร่วมมือจากผมให้ทดสอบเขาไปจนถึงพรุ่งนี้ก็พอ เมื่อใดที่การรับตำแหน่งผู้นำอัลฟาเสร็จสิ้นทุกอย่างจะต้องออกมาเรียบร้อย ผมเองก็คิดแบบนั้น


   ผมรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองอารมณ์แปรปรวนมากกกก...แต่แบบว่ามันหยุดไม่ได้จริง ๆ อะครับ แฮะ...


   หลายวันที่ผ่านมาเขาทำให้ผมรู้แล้วล่ะว่า...เขารู้สึกยังไงกับผม....ขอบคุณที่ทำให้ผมเชื่ออีกครั้ง


   เพราะงั้นผมจะตอบรับความรู้สึกของเขาพรุ่งนี้...






.....................................100%....................................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารัก ^^     :pig4: :pig4: :กอด1: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.12 (100%) | 10/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-11-2017 18:38:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.12 (100%) | 10/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-11-2017 20:53:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.12 (100%) | 10/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 10-11-2017 21:40:31
พอเห็นด้านอ่อนโยนของวูฟเราก็กลายเป็นแม่ยกวูฟขึ้นมาทันที555
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.12 (100%) | 10/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 11-11-2017 20:23:47
จริงๆวูฟก็ดีนะ รู้ใจตัวเองแล้วต้องดูแลดีๆนะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.12 (100%) | 10/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: fanhy ที่ 12-11-2017 00:33:42
ลูดี้น่ารัก วูฟสู้ๆๆ ลูดี้ใจอ่อนแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.12 (100%) | 10/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-11-2017 07:34:29
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.13 (40%) | 12/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 12-11-2017 20:47:25
ตอนที่ 13

   [พาร์ตของวูฟ]


   เพิ่งรู้ว่าการโดนคนที่เรา ‘รัก’ เมินเฉยมันรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้นี่เอง ผมตื่นนอนมาตั้งแต่เช้า โดยที่ร่างบางยังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง เขาดูท่าทางเพลียมาก คนท้องก็งี้แหละครับ ควรที่จะพักผ่อนให้มาก ๆ ผมก็ไม่อยากจะปลุกสักเท่าไหร่ แต่วันนี้เป็นงานแต่งตั้งให้ผมเป็นผู้นำอัลฟาคนใหม่ ก็เลยจำเป็นต้องปลุก


   “ลูดี้...” ผมแตะแขนของร่างบางเบา ๆ เขาทำปากจู๋ ๆ นิดหน่อย เฮือก...ความน่ารักเข้ามาเต็มสองตาของผม


   “อือ คุณวูฟ?...เช้าแล้วเหรอครับ” เขาลืมตาขึ้นมองผมพร้อมกับกระพริบตาถี่เหมือนไล่ความง่วง


   “ใช่ เดี๋ยวไปอาบน้ำซะนะ งานจะเริ่มในตอนเช้า ฉันจะวางเสื้อผ้าไว้ให้ ฉันจะออกไปเอาอาหารที่ป้านมทำไว้ให้มาให้ทาน” ผมบอก ไม่รู้ว่าพูดยาวไปรึเปล่า แต่ลูดี้ก็พยักหน้าหงึก ๆ ลุกขึ้นด้วยสภาพงัวเงีย ทำเอาผมเป็นห่วงขึ้นมา


   “อาบเองได้ใช่ไหม”


   “ครับ...อาบได้ คุณไปเถอะครับ” เขาว่าพลางก้าวลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง ผมมองตามเขาที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำก็แอบถอนหายใจที่เห็นเขายังตีตัวออกห่างจากผม ผมอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตเรียบร้อย เพียงแค่ยังไม่ใส่เนคไทเท่านั้น ผมเดินออกไปทางห้องครัวเพื่อไปเอาอาหารอร่อย ๆ ที่ป้านมทำไว้ให้


   ผมใช้เวลาเดินแป๊ปเดียวเท่านั้นเพราะไม่อยากทิ้งลูดี้ให้อยู่คนเดียว เป็นไปได้...ไม่อยากให้ห่างเลยด้วยซ้ำ งานวันนี้เป็นงานที่ถือว่าใหญ่มาก พวกสื่อทุกสำนักแทบจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ การรักษาความปลอดภัยถึงจะบอกว่าแน่หนา แต่ผมก็ว่ามันยังไว้ใจไม่ได้อยู่ดี คงต้องให้เขาอยู่ใกล้ผมให้มากที่สุด...


   “อ๊ะ...” ตุบ เสียงเล็กที่ดังขึ้นกับเสียงล้มทำให้ผมรีบวิ่งเข้ามาในห้อง ก็เจอลูดี้ลูบก้นปอย ๆ ของตัวเอง


   “ลูดี้! เป็นอะไรไป”


   “คุณวูฟ...คือ ผมจะเอื้อมหยิบกล่องบนนั้น” เขาดูท่าทางตกใจที่เห็นผม แต่ออกแนวกลัวผมดุมากกว่า เขาชี้ไปที่กล่องด้านบน...กล่องขนมที่ผมเอาไปซ่อนเองแหละ



   “เจ็บตรงไหนไหม เฮ้อ ทำไมไม่รอฉันกลับมาก่อนล่ะ ถ้าอยากได้อะไร” ผมว่าพลางหยิบกล่องขนมลงมาให้กับเขาที่ยิ้มออกมา ผมใจเต้น...เขายิ้มให้ขนมครับ ไม่ได้ยิ้มให้ผม นี่ก็คิดว่าเขายิ้มให้ไง...มโนไปก่อน (พอดีผมซื้อขนมมาเยอะ แต่แม่บอกกำชับว่าอย่าปล่อยให้ลูดี้กินเยอะมากเกินไป) ผมก็เลยเอาขึ้นไปซ่อนไว้บนนั้น ไม่คิดว่าจะมีคนดื้อมาปีนเอาแบบนี้


   “ก็ถ้าขอคุณ คุณก็ไม่ยอมให้กินนี่ครับ ผมก็เลยจะหยิบเอาเอง” เขาบอกและรับกล่องขนมจากผมไปถือไว้


   ดูท่าทางจะอยากกินมาก...


   “ให้กินสิ แต่เมื่อวานกินไปเยอะแล้ว...ช่างเถอะ ไม่เจ็บตรงไหนแน่นะ กระแทกแรงไหม” ผมจับแถวก้นกับเอวของเขาดู ลูดี้ส่ายหน้าด้วยใบหน้าแดง ๆ


   “ไม่...ไม่เจ็บครับ เออ คุณเอาอะไรมาให้ทานเหรอวันนี้ คุณทานด้วยไหมครับ?”


   “ข้าวไข่เจียวใส่หอมใหญ่ ฉันก็กินด้วย มาสิ...” ผมชวนและถือวิสาสะแบบหน้าด้าน...เอื้อมมือไปกุมมือเล็กเอาไว้ ตอนแรกคิดว่าเขาจะสะบัดออก แต่เปล่าเลย ลูดี้ไม่ได้สะบัดมือของผมออก โอ๊ย...พระเจ้า ขอบคุณมากครับที่ให้ผมได้จับมือของเขา...ทำไมผมต้องมาดีใจกับเรื่องเล็ก ๆ (มันไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับหัวใจของผมเลย...)


   ใบหน้าเนียนเล็กกำลังคุ้ยข้าวตุ้ย ๆ เต็มปาก ลูดี้ทานข้าวได้เยอะแล้วล่ะครับ ดีกว่าช่วงสัปดาห์แรกที่เพิ่งรู้ว่าท้องอยู่ เพราะตอนนั้นแค่กลิ่นแปลกปลอมก็อาเจียนออกมาหมด ผมจ้องหน้าเขามากเกินไปจนเจ้าตัวเงยหน้ามองผม


   แววตากลมโต...


   “คุณวูฟครับ จ้องหน้าผมทำไมกันครับ? คุณไม่กินเหรอ”


   “........” ผมยังคงจ้อง ปากโคตรแดงเลย


   “คุณวูฟ!!” ผมถึงกับทำช้อนที่ถืออยู่หล่น ได้สติกลับมา “เป็นอะไรรึเปล่าครับ ?”


   “เออ เปล่า ก็แค่คิดอะไรเพลิน ๆ ก็เท่านั้น...นายอิ่มแล้วเหรอ” ผมถามเขาที่วางช้อนลง เขาก็พยักหน้าหันไปแกะขนมที่วางอยู่ข้างเขา ดูท่าทางจะชอบกินพวกขนมมาก


   “วันนี้นายสัญญากับฉันแล้วนะ...ว่าจะอยู่ข้างฉันห้ามห่างไปไหนเด็ดขาด” ผมพูดเสียงเข้ม ไม่ใช่เสียงดุแต่เป็นเสียงขอร้อง...ขอร้องจากหัวใจ




   [พาร์ตของลูดี้]


   ผมมองแววตาคมกริบตรงหน้าที่จ้องผมอย่างจริงจัง...คำที่เขาเพิ่งบอกกับผมมาทำให้ผมพยักหน้าเข้าใจ เพราะถ้าไม่ยอมเข้าใจ มีหวังเขาต้องจ้องผมไม่วางตาแน่นอน พอพวกผมทานข้าวเสร็จก็ยังไม่ได้พูดอะไรกันต่อเลย



   ผมหยิบเนคไทที่วางอยู่มา ร่างสูงกำลังยืนติดกระดุมอยู่ก็หันมามองผมอึ้ง ๆ ก็เพราะผมยิ้มเล็กน้อยให้เขา


   “ผมผูกเนคไทให้นะครับ...ก้มลงมาหน่อยสิครับ” เขาดูอึ้งไปก่อนจะยิ้มออกมาให้ผม และโน้มลงมาหาผม ผมก็เอาเนคไทไปผูกให้เขา เหมือนเราสองคนใช้ความเงียบคุยกัน


   มีเพียงแค่รอยยิ้มบาง ๆ...กับแววตาที่จ้องมองกัน ราวกับว่า...เราเข้าใจกัน


   “ลูดี้ ฉันระ....” ผมมองใบหน้าคมที่ก้มลงมา ผมยกมือกันปากของเขาไว้


   “งานจะเริ่มแล้วนะครับ คนที่เป็นผู้นำคนต่อไป ไม่ควรปล่อยให้ทุกคนรอนาน...” วูฟชะงักแต่ก็ยังยิ้มอยู่ เขากระชับเสื้อสูทตรวจเช็คความเรียบร้อย


   “งั้นเราก็ออกไปกันเถอะ...” วูฟยื่นมือมาตรงหน้าของผม มือหนาที่ผมรับรู้ได้ว่ามันอบอุ่น...ผมวางมือลงโดยที่ไม่ได้ลังเล ผมพร้อมแล้วล่ะครับ พร้อมจะยืนอยู่ข้างเขา เมื่อใดที่เขารับตำแหน่งแล้ว ทุกอย่างจะต้องออกมาดีทุกอย่าง ผมเชื่อมั่นแบบนั้นแน่นอน



   ภายในงานถูกตกแต่งอย่างสวยงามและความปลอดภัยค่อนข้างแน่นหนาพอสมควร พวกผมสองคนเดินเข้ามาในงาน ทุกสายตาก็มองมาที่วูฟและผมเป็นจุดเดียว วูฟที่อยู่ในชุดสูทสีดำสนิท เขาดูดีมากในชุดนี้ ใบหน้านิ่งขรึมเหมาะสมกับตำแหน่งที่กำลังจะเป็นของเขา...วูฟจับมือของผมแน่นขึ้นจนผมรู้สึกได้เมื่อเรามาอยู่ต่อหน้าคนมากมายที่จะเป็นพยานในการขึ้นรับตำแหน่งครั้งนี้


   “ทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ จะร่วมเป็นพยานและเห็นพ้องร่วมกันว่า...วูฟ ทายาทคนเดียวของตระกูลเฮอร์คิว จะรับการสืบทอด การเป็นผู้นำอัลฟาคนต่อไป ต่อจากฉันคนนี้...” พ่อของวูฟประกาศบนเวที ผมที่ยืนอยู่กับแม่ของวูฟมองเขาที่ยืนอยู่ข้างบน....


   “และคู่ที่ถูกต้องตามกฎของตระกูล...ลูดี้และทายาทในท้องของเขาจะเป็นเครื่องยืนยันการแต่งตั้งครั้งนี้” พ่อของร่างสูงผายมือมาทางผม ท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคน ผมก็โค้งตัวด้วยความเหวอ ๆ


   “ไม่ต้องตื่นเต้นนะจ๊ะ ทุกคนยินดีกับหนูลูดี้...ไม่มีใครดูถูกหนูได้แล้วนะ” แม่ของวูฟแตะแก้มของผมเบา ๆ ผมเหลือบมองพวกผู้หญิงของท่านทูตที่เคยพูดไม่ดีกับผม ไม่กล้าทำหน้าตาใส่ผมเลยครับ แม้ใบหน้าหมั่นไส้พวกเธอก็ยังไม่ทำ



   พิธีการแต่งตั้งไม่มีอะไรมาก นอกจากการเซ็นสำเนาเอกสาร อ้อ...หลายคนอาจสงสัยว่าการขึ้นเป็นผู้นำอัลฟามีตำแหน่งอะไรยิ่งใหญ่ไหม แน่นอนครับ อัลฟาคือผู้นำ...และตำแหน่งนี้พูดง่าย ๆ คืออยู่ตำแหน่งสูงสุดกว่าทุกคนทุกชนชั้น มีอำนาจในการควบคุมทุกอย่าง กฎหมายทุกอย่าง ก็ถือเป็นสิทธิ์ขาดหากผู้นำอัลฟาตัดสินใจ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์เถียงหรือต่อกรอะไรทั้งนั้น


   เพราะแบบนี้ไง...คนที่เป็นผู้นำอัลฟาถึงต้องแข่งแกร่งแบบนี้


   ผมยิ้มให้เขาที่ต้องพูดปะกับเหล่าผู้ใหญ่ ผมก็รู้สึกปวดฉิ่งฉ่องขึ้นมา...ไปห้องน้ำหน่อยดีกว่า สงสัยกินน้ำเมื่อเช้ามากไปแน่เลย ผมเดินเลี่ยงออกไปตรงประตูทางออก คนที่เฝ้าประตูอยู่ก็โค้งให้ผม


   “คุณลูดี้จะไปไหนครับ”


   “ผมจะไปห้องน้ำซะหน่อยน่ะครับ ไปแป๊ปเดียว” ผมบอก พวกเขาทำหน้าลังเลเหมือนไม่อยากให้ผมออกไปไหน ก่อนจะมีผู้ชายที่ใส่ชุดแบบบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ แต่ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยแฮะ


   “เดี๋ยวผมพาคุณลูดี้ไปเองครับ พวกนายต้องเฝ้าทางเข้าออกของประตูนี่” เขาว่าขึ้น


   “นายเป็นใคร ทำไมไม่เคยเห็นหน้า” ลูกน้องของร่างสูงที่เฝ้าอยู่หน้าประตูคิดเหมือนผมเลย ผมก็ไม่เคยเห็น


   “ฉันเป็นหน่วยพิเศษถูกจ้างมาคุ้มกันเพิ่ม...คุณลูดี้จะไปห้องน้ำใช่ไหมครับ เชิญครับ”


   “ผมจะไปกับเขาก็แล้วกันครับ พวกคุณก็เฝ้าอยู่ตรงนี้เถอะนะ ผมไม่อยากให้พวกคุณโดนดุ” ผมบอกกับลูกน้องสองคนที่ทำหน้าเหมือนไม่อยากให้ผม แต่ผมไม่ไหวแล้ว ผมก็เลยรีบวิ่งไปห้องน้ำ โดยมีผู้ชายที่อาสาพาไปเดินตาม



   ผมเข้าไปในห้องน้ำและทำธุระของตัวเองเสร็จ ก็เปิดประตูออกมาก่อนจะชะงักกึกกับแขนที่ฟาดลงหลังคอของผม


   “อึก...” ผมล้มลงแต่ยังไม่ได้ถึงขั้นสลบพร้อมกับประตูที่ถูกผลักเข้ามา ดูผู้ชายที่ใช้แขนฟาดผมก็ตกใจ เพราะผู้ชายที่เปิดประตูเข้ามาคือ...คุณวูฟ


   “ลูดี้! แกเป็นใคร จะทำอะไรเมียฉัน อึก!!”


   “คะ..คุณวูฟ..” ผมเรียกเขาที่โดนผู้ชายอีกคนใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตเข้าให้แบบไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาล้มสลบไป ผมจะเอื้อมมือไปหาเขาก็สลบไปตาม ๆ กัน...



   “บ้าเอ๊ย อย่าทำรุนแรงสิวะ ยังไม่ทันให้เซ็นเอกสารอะไรเลย” ผมได้ยินเสียงพวกมันสบถแค่นั้นและผมก็ไม่รับรู้อะไรอีก....





........................40%.............................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารักน๊าา  :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.13 (40%) | 12/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-11-2017 21:28:37
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.13 (40%) | 12/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 15-11-2017 16:29:57
แย่แล้วววววว :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.13 (100%) 18/11/60 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 18-11-2017 21:05:04
(ต่อจากข้างบน...)


        “ลูดี้! แกเป็นใคร จะทำอะไรเมียฉัน อึก!!”


   “คะ..คุณวูฟ..” ผมเรียกเขาที่โดนผู้ชายอีกคนใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตเข้าให้แบบไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาล้มสลบไป ผมจะเอื้อมมือไปหาเขาก็สลบไปตาม ๆ กัน...



   “บ้าเอ๊ย อย่าทำรุนแรงสิวะ ยังไม่ทันให้เซ็นเอกสารอะไรเลย” ผมได้ยินเสียงพวกมันสบถแค่นั้นและผมก็ไม่รับรู้อะไรอีก....


   
ิ         จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มใกล้หู ผมจำได้ว่ามันเป็นเสียงของวูฟ...



   “ลูดี้...ได้ยินฉันไหม ลูดี้ได้โปรด ตื่นเถอะ...ลูดี้” ผมค่อย ๆ ลืมตาก็พบร่างสูงที่กอดผมอยู่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยช้ำที่มุมปาก ผมรีบลุกขึ้นก่อนจะร้องเจ็บแปล๊บ...ตรงหลังคอที่โดนตี


   “โอ๊ย..”


   “เป็นอะไร เจ็บเหรอ ตรงไหน...” เขาทำหน้าตกใจมาก “ฉันไม่คิดว่าระบบความปลอดภัยของเราจะถูกคุกคามขนาดนี้” วูฟสบถเล็กน้อยพลางจับหน้าจับตาของผมดู เขาเลื่อนมือมาลูบที่ท้องของผมเบา ๆ



   ผมมองรอบห้องสี่เหลี่ยมเล็กเหมือนกรงขัง ก็รับรู้ได้ว่าเราถูกขัง...แถมยังพอเดาออกอีกว่าพวกที่จับเรามาก็น่าจะเป็นพวกเดียวกันที่วางยาพ่อของวูฟ...


   “คุณไม่เจ็บใช่ไหมครับ คุณปากแตกตรงมุมปากด้วย” ผมแตะมุมปากของเขา วูฟส่ายหน้าปฏิเสธและพูดประโยคที่ทำให้ผมชะงักไป


   “สิ่งที่ทำให้ฉันเจ็บได้ คือ น้ำตาของลูดี้...หน้าเศร้า ๆ ของลูดี้ และความเฉยชาของลูดี้...”


   “คุณวูฟ...” ผมมองเขาที่เอื้อมมือมากุมมือของผมไว้


   “ฉันรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ควรจะมาพูดตื้ออะไรนายตอนนี้ แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็พานายออกไปจากที่นี่ให้ได้ ฉันจะพาลูดี้กับลูกกลับบ้าน ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น” ผมไม่จำเป็นจะต้องปิดกั้นตัวเองอีกแล้วใช่ไหม...ผมทนไม่ได้แล้วที่ต้องเห็นเขาทำหน้าเศร้าแบบนี้...


   “ผมเชื่อคุณแล้วนะครับ...” ประโยคของผมทำให้ร่างสูงตาโตพร้อมกับยิ้มออกมา


   “จริงเหรอ...นายกำลังบอกว่านายเชื่อฉัน....”


   “ครับ ไม่ใช่แค่ผมกับลูก...แต่คุณก็ต้องกลับไปกับผมด้วย สัญญาสิครับ ว่าเราจะหนีออกไปด้วยกัน” ผมใช้สองมือประคองหน้าของเขาไว้ วูฟยิ้มบาง ๆ


   “ถ้านายขอมา ฉันก็พร้อมจะทำตาม...พวกมันต้องการให้ฉันเซ็นเอกสารยินยอมถอนอำนาจการเป็นผู้นำอัลฟา” เขาพูดออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืน


   “ทำไมล่ะครับ ก็ในเมื่อคุณได้รับตำแหน่งแล้วทำไมพวกเขายังไม่ยอมเลิกรา...”


   “เพราะพวกเขาคัดค้านงานพิธีไม่ได้ แต่พวกเขาสามารถบีบฉันออกได้ยังไงล่ะ ...นี่ดูท่าทางมันจะจับลูดี้มาเป็นตัวประกัน แต่ฉันดันมาช่วยนายไว้ได้ดัน มันก็เลยดูผิดแผนของพวกนั้นไปหมด...ไม่ต้องกลัวนะ อีกไม่นานฉันเชื่อว่าคนของพ่อจะส่งคนมาที่นี่ แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเราคงต้องหาทางออกไปจากที่นี่....” เขาบอกพลางมองหาช่องทางหนี ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเลยทำไมต้องอยากได้อำนาจขนาดนั้นด้วย


   “แต่พวกเขาก็ไม่ทำร้ายคุณนี่ครับ” ผมตั้งข้อสงสัย วูฟก็เลยหยิกแก้มผมเบา ๆ ...มันเป็นการกระทำที่ทำให้ผมเองที่เป็นคนอึ้ง...ขี้เล่น นี่ใช่นิสัยของเขาเหรอ


   “ก็เพราะฉันได้ขึ้นเป็นผู้นำอัลฟาแล้วไง การทำร้ายผู้นำเป็นกฎข้อห้าม ก็อย่างที่บอกพวกมันคงพยายามจะเข้ามาในงานก่อนพิธีจะเริ่ม แต่เราก็วางกำลังไว้แน่นหนา ฉันเดาว่าพวกมันแอบเข้ามาตอนงานเริ่มซา ๆ และใช้โอกาสนั้นแฝงตัวเข้ามา และนาย...ก็ออกไปห้องน้ำพอดี รู้ไหมว่าฉันตกใจมากแค่ไหนที่เห็นนายวิ่งแวบหายไปกับผู้ชายคนอื่น...”


   ผมมองเขาที่จ้องหวง ๆ เอ๊ะ...แสดงว่าตอนที่ผมออกไปข้างนอกเหรอ เขามองดุผมก็เลยก้มหน้างุด


   “ขอโทษครับ ผมออกไปเองโดยที่ไม่ได้ขอคุณ”


   “ฉันไม่ได้ว่า...ถึงแม้อยากจะดุก็เถอะ ก็ดูสิ เกือบพาตัวเองมาเสี่ยงอันตรายแล้ว...” เขาดึงผมเข้าไปกอดไว้แนบกาย ผมเบิกตากว้างกับการโดนกอดแบบไม่ทันได้ตั้งตัว


   “คุณวูฟ นี่ไม่ใช่เวลาจะมากอดนะครับ...” เราควรจะหนีต่างหากเล่า...แต่ทำไมผมเขินล่ะ


   “รู้ ว่ามันไม่ใช่เวลา แต่ก็อยากกอด...กอดไว้ให้แน่น ๆ” วูฟดันผมออกและประคองไหล่สองข้างของผมไว้ รอยยิ้มของเขาทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้... “ขอบคุณที่ยอมเชื่อฉันอีกครั้ง ฉันจะพานายออกไปจากที่นี่นะลูดี้” ผมพยักหน้าตกลง


   พวกเรามองช่องทางการหนีคือกรงเหล็กที่มันถอดออกได้ วูฟจะเป็นคนออกไปรอรับผมข้างนอกก่อน ผมมองเขาที่ขึ้นไปและลอดออกไปจากห้องนี้

   ตุบ...


   “ลูดี้มาเร็ว ฉันรอรับอยู่” ผมปีนขึ้นไปตามเขา พอผมโผล่หน้าออกไปก็ชะงักกับความสูง แต่แขนแข็งแกร่งตรงหน้าของวูฟทำให้ผมไม่รู้สึกกลัวอะไร... “ไม่เป็นไร โดดเบา ๆ นะ ฉันจะรอรับ...”


   “ผมจะเป็นอะไรใช่ไหมครับคุณวูฟ...” ผมบอกเสียงสั่น เขาพยักหน้า ผมเลยหลับตาปี๋แล้วทิ้งตัวลงไปข้างล่าง


   หมับ! วงแขนแกร่งอุ้มผมไว้ในอ้อมกอด...


   “ฟู่ว...เก่งมากคนดี” ผมลืมตามองร่างสูงที่ยิ้มให้ผม เขาวางผมลงก่อนเราสองคนจะสะดุ้งกับเสียงของพวกตรวจการอยู่รอบ ๆ ที่ที่พวกผมถูกขัง


   “เสียงอะไรวะ...เฮ้ย! พวกแกจะหนีไปไหน” ชายสูงที่ตรวจการอยู่ตะโกนขึ้น วูฟยกเท้าเตะฟาดจนมันสลบลง  แต่เสียงที่ได้ตะโกนออกไปแล้วกลับดังไปทั่ว


   “รีบไปเร็ว พวกมันรู้แล้ว ลูดี้วิ่งไหวรึเปล่า” วูฟหันมาคว้าข้อมือของผมให้วิ่งตามเขาไป ผมกับเขาวิ่งผ่าป่าทึบที่อยู่ในบริเวณนี้


   “คุณวูฟ...ผมกลัว” ผมวิ่งตามเขาด้วยใจที่เริ่มกลัวเพราะเสียงฝีเท้าที่เริ่มวิ่งไล่ล่าเราสองคน วูฟกำมือของผมแน่น


   “ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น มองแค่ฉันเท่านั้น ฉันจะพานายออกไปจากที่นี่ แค่ออกจากรั้วนี่ไปได้ เราจะปลอดภัย” ถึงเขาจะพูดแบบนั้นแต่เสียงปืนที่ดังสนั่นขึ้นทำให้ผมแทบร้องออกมา


   ปัง!!


   “เฮ้ย อย่ายิงสิวะ ยังไม่ทันจะให้เซ็นเอกสารอะไรเลย เดี๋ยวก็ติดคุกหัวโตหรอก!” เสียงพวกมันวิ่งตามกันมาร้องตะโกนใส่กัน ส่วนวูฟกับผมก็กระโดดเข้าไปหลบในพุ่มไม้ก่อน ผมมองร่างสูงหายใจหอบทั้งที่เขาไม่น่าจะเหนื่อย ดูเขาหน้าซีด ๆ จังครับ


   “คุณวูฟเป็นอะไรรึเปล่าครับ” เขาส่ายหน้า


   “เปล่า...ลูดี้ฟังฉันให้ดีนะ เราต้องแยกกันหนีแล้วล่ะ” ผมตาโตพร้อมกับส่ายหน้า “อย่าดื้อสิ นายต้องหนีออกไปทางนั้นประตูทางออก ส่วนฉันจะล่อพวกมันไปอีกทาง”


   “ไม่เอานะครับ ไหนคุณบอกเราจะหนีไปด้วยกัน ผมไม่ยอมให้คุณเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนี้แน่ ๆ”


   “ลูดี้...ถือว่าฉันขอ ฉันเป็นห่วงลูดี้กับลูก...นะ หนีออกไปก่อน ฉันจะตามไปแน่นอน” เขาขอร้องอีกครั้ง ผมเริ่มน้ำตาซึม ฮึก...ผมไม่อยากห่างเขาไม่เอา ผมสวมกอดวูฟไว้แน่น ร่างสูงเองก็กอดผมตอบไว้แน่น


   “ฉันรักนายนะ รักที่สุด....” เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหูทำให้เบิกตากว้างเมื่อวูฟดันผมออกเบา ๆ ก่อนเขาจะลุกขึ้นล่อพวกนั้นไปอีกทาง


   “ไม่นะครับคุณวูฟ...”


   “เฮ้ย มันอยู่ทางนั้น!” เสียงฝีเท้าหลายคนรีบวิ่งมา วูฟขยี้ผมของผมเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม


   “แล้วเจอกันนะลูดี้” เขาพูดทิ้งไว้แค่นั้นและวิ่งหนีออกไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางออก ผมน้ำตาไหลออกมาแต่ขาก็ต้องลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งออกไปทางออกที่เขาชี้ไว้

 
   ผมวิ่ง...


   วิ่งไปพร้อมกับน้ำตา


   “ฮึก...ฮือออ....เราจะร้องไห้ไม่ได้นะลูดี้ เราต้องเข้มแข็ง ฮือออ” ผมพยายามวิ่งไม่เร็วมากเพราะไม่อยากให้กระทบกระเทือนถึงลูก วิ่งมาได้สักพักผมก็เริ่มเหนื่อยแทบขาดใจ ทั้งเสียงสะอื้นน้ำตาที่ผมร้องออกมาทำให้ผมหัวสมองตื้อไปหมด


   “แฮ่ก...ฮึก เมื่อไหร่จะถึงทางออกนะ” ผมได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาหลายเสียงก็สะดุ้งกลัว ก่อนจะเบิกตากว้างกับลูกน้องของวูฟ!! และพ่อของร่างสูง


   “หนูลูดี้!! เป็นยังไงบ้างลูก พาลูดี้ไปที่ปลอดภัยก่อน”


   “คุณพ่อ ฮึก ช่วยคุณวูฟด้วยครับ เขากำลังถูกล่า” ผมจับแขนของพ่อวูฟพร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัด ทางด้านที่ร่างสูงวิ่งหนีไป


   “สั่งกำลังไปทางนั้นทั้งหมด! พาลูกชายฉันกลับมาให้ได้!! ล้อมบ้านหลังนี้ไว้ ช่วยดูแลลูกสะใภ้ให้ฉันด้วย” พ่อของวูฟสั่งลูกน้องที่ตามมาทั้งหมดให้วิ่งตามเข้าไปในบ้าน ส่วนผมก็ถูกพาออกมาที่รถ แต่ผมไม่ยอมไปจนกว่าจะได้เห็นวูฟ ออกมา

   “คุณลูดี้ครับ คุณต้องออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยนะครับ”

   “ไม่ครับ! ผมจะรอคุณวูฟอยู่ตรงนี้”

   “ไม่ได้นะครับ พวกผมจะต้องพาคุณออกไปจากที่นี่ก่อน ความปลอดภัยของคุณกับทายาทคนสำคัญในท้องของคุณ สำคัญไม่ต่างไปจากคุณวูฟนะครับ”  พวกเขากำลังพยายามร้องขอให้ผมขึ้นรถ ก่อนจะมีผู้ชายจากพวกศัตรูวิ่งออกมาพร้อมกับปืน ผมเบิกตากว้างกับกระบอกปืนที่เล็งมาทางผม

   “คุณลูดี้!!”

   ปัง!!! ผมเบิกตากว้างกับลูกน้องทุกคนวิ่งกรูเข้ามากันผมไว้ทันที ปัง!! เสียงอีกนัดดังขึ้นทำให้ผมตาโต


   “คุณลูดี้ ปลอดภัยรึเปล่าครับ”


   “ผมปลอดภัย พวกคุณบาดเจ็บเหรอ...” ผมมองผู้ชายสองคนที่ยืนบังผมเลือดไหลลงแขนเต็ม แต่ศัตรูที่ยิงโจมตีมาเมื่อกี้ก็โดนผู้ชายที่ถือปืนอยู่ข้างหลังเขายิงซะแล้ว....และผู้ชายคนนั้นคือวูฟ ร่างสูงอยู่ในสภาพหัวแตกเหมือนไปฟัดกับใครมา


   “คุณวูฟ!!” เขายิ้มบาง ๆ ให้ผม เขาทิ้งปืนในมือ ผมวิ่งเข้าไปสวมกอดเขา ร่างสูงเองก็สวมกอดผมแน่น


   “บอกว่าให้หนี ทำไมยังมายืนอยู่ตรงนี้....รู้ไหมว่าถ้าพวกลูกน้องฉันไม่บังตัวนายไว้ หรือฉันมาไม่ทัน นายจะบาดเจ็บนะลูดี้....”


   “ฮึกฮืออออ ผมจะหนีได้ยังไง ในเมื่อคุณยังอยู่ในนั้น ฮึก คุณไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหมครับ ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม” ผมดันตัวเองออกมาพลางจับดูหน้าของเขาไปมาด้วยหัวใจที่กำลังตกใจ หน้าเขาซีดมาก วูฟเม้มปากเล็กน้อยเหมือนอดทนอะไรอยู่


   “ฉันไม่ได้บาดเจ็บหรอก ไม่เป็นไร ออกไปจากที่นี่เถอะ....พ่อฉันกำลังออกมา พวกนายเตรียมรถอีกคันรอพ่อฉัน ส่วนอีกคันเอาไปส่งลูดี้” วูฟหันไปสั่งเสียงเข้มกับลูกน้อง  “ปะ ขึ้นรถ” เขาบอก ผมก็เช็ดน้ำตาออกและกำลังจะเดินไปที่รถ


   ก็ได้ยินเสียงล้มลง...ตุบ ผมหันกลับไปก็ตาโตกับร่างสูงที่ล้มลงนอนคว่ำกับพื้น


   “คุณวูฟ! เป็นอะไรครับ ...อ๊ะ คุณบาดเจ็บ” ผมพลิกเขาให้นอนหงายก่อนจะเห็นเลือดมากมายไหลออกมาตรงไหล


   เขาโดนยิง...   

   “รีบเอารถออกเร็วเข้า พาคุณวูฟไปโรงพยาบาล คุณลูดี้ครับ พวกผมจะพยุงคุณวูฟเอง คุณลูดี้ไปรอในรถนะครับ” ลูกน้องของร่างสูงช่วยกับโจมปีกข้างของวูฟไป พ่อของวูฟที่เพิ่งวิ่งออกมาก็ตกใจเล็กน้อย


   “เกิดอะไรขึ้นหนูลูดี้ เจ้าวูฟมันถูกยิงเหรอ” ผมพยักหน้าและทำอะไรไม่ถูก


   “ครับ เขาเสียเลือดมากเลย ผมจะทำยังไงดี” พ่อของร่างสูงแตะบ่าของผมเบา ๆ เพื่อให้ผมสบายใจลง


   “เจ้าวูฟมันโดนยิงเฉียด ๆ ไหล่เท่านั้นเอง ไม่ได้โดนยิงจุดสำคัญ ลูดี้ไม่ต้องตกใจมากเกินไปหรอกนะ อีกอย่างพ่อว่าที่มันล้งลงไปเมื่อกี้ คงเป็นเพราะเลยขีดจำกัดความอดทนของมันแล้ว” ผมเลิกคิ้ว

   “ขีดจำกัดอะไรเหรอครับ”

   “วูฟมันเห็นเลือดน่ะ...ปกติมันเป็นคนไม่ชอบเลือดเยอะ ๆ ที่ไหลออกมาจากตัวเอง”


   “ครับ?”


   “วูฟเขากลัวเลือดน่ะ กลัวมาตั้งแต่เด็กแล้ว ถ้าเห็นเยอะ ๆ มันจะเป็นลม ฮ่า ๆ ปะขึ้นรถตามมันไปโรงพยาบาลกัน ส่วนพวกนายเคลียร์ให้หมด จับมันมัดรวม ๆ กันแล้วส่งขึ้นศาลไปเลย” พ่อของวูฟสั่งลูกน้องที่เหลืออีกส่วนอยู่เฝ้าสะสางที่นี่ ส่วนอีกส่วนก็พาผมไปโรงพยาบาล


   หา...อย่างคุณวูฟเนี่ยเหรอครับ กลัวเลือด....ก็เล่นเห็นต่อยกำแพงเป็นว่าเล่น หรืออันนั้นมันเป็นเลือดน้อย ๆ




...........................100%.............................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารักค่ะ  :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.13 (100%) | 18/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-11-2017 21:18:23
 :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.14 (100%) | 24/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 24-11-2017 22:45:08
ตอนที่ 14

   [พาร์ตของลูดี้]



   กลิ่นของดอกไม้หอมจาง ๆ กับผ้าม่านปลิวไสว ผมจัดดอกไม้ในมือพลางเหลือบมองร่างสูงที่นอนหลับไปเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวด บนหัวก็มีผ้าพันแผลพันไว้ เขาไม่ได้เป็นอะไรมากครับ โดนยิงก็จริงแต่แค่เฉียด ๆ เท่านั้น กระสุนไม่ได้เข้าไปฝังอยู่ภายในร่าง กับแผลช้ำตามร่างกาย เขาเสียเลือดไปมากจนเกือบช็อค ดีที่พามาโรงพยาบาลทัน เฮ้อ...ทำเอาหัวใจของผมแทบวาย เมื่อวานตอนเห็นเขาล้มลง บอกเลยว่าหัวใจของผมแทบสลาย ผมดีใจมาก ๆ เลยครับ ที่เขาไม่เป็นอะไร

   ความแข็งแกร่ง ย่อมมีความอ่อนแอซ่อนอยู่เสมอ...


   ผมแอบยิ้มเล็ก ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่วูฟกลัวเลือด เรื่องนี้ไม่มีใครรู้หรอกครับ นอกจากคนในตระกูลที่สนิทจริง ๆ กับพวกลูกน้องที่ทำงานกันมานาน (ขนาดผมเองยังเพิ่งรู้เมื่อวานเลย) ผมเอามือจิ้ม ๆ จมูกของร่างสูงที่นอนหลับสนิทอยู่


   “รีบ ๆ ตื่นได้แล้วครับ คุณวูฟ...” เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ผมละสายตาจากร่างสูง มองประตูที่ถูกเปิดเข้ามา


   “ลูดี้ เดี๋ยวไปหาคุณหมอกับแม่หน่อย ให้เขาตรวจดูครรภ์ของหนู” แม่กับพ่อของวูฟเดินเข้ามา ผมก็ยกมือไหว้พวกท่านสองคนและทำหน้าแปลกใจ


   “ตรวจท้องของผมเหรอครับ”


   “ใช่ ยังไงก็ไปให้หมอตรวจดูหน่อยก็แล้วกันนะ แม่เขาจะได้สบายใจไม่กังวล ตามประสาแม่ผัวเห่อหลานนั่นแหละ ฮ่า ๆ” พ่อของวูฟว่า เลยโดนกำปั้นจากแม่ไปหนึ่งทีครับ ผมเกือบหลุดขำ


   “เอ๊ะ! คุณ ไม่ต้องมาว่าฉันเห่อเลยนะ คุณนั่นแหละไม่ต่างกันเลย ปะ ลูดี้ ไปหาหมอกับแม่ก่อน เดี๋ยวให้พ่อเขาอยู่เฝ้าวูฟไป” แม่ของวูฟมาโอบไหล่ของผมไว้ด้วยความเอ็นดู ผมก็พยักหน้ายิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับแม่


   ผมไปตรวจดูเรียบร้อย เด็กแข็งแรงดีครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณหมอยืนยันเรียบร้อย ผมกับแม่เดินมามินิมาร์ทชั้น 1 ด้วยกัน หลังจากที่ตรวจเสร็จ กะว่าจะเอาไว้ขึ้นไปกินตอนเฝ้าวูฟด้วย แม่ก็เลยขนซื้อให้ผมเยอะมาก จนเกรงใจเลยล่ะครับ แต่ผมก็ห้ามแม่ไม่ได้เพราะแม่อยากซื้อให้ผมกินจริง ๆ ผมกำลังถือถุงของกินอยู่ถุงใหญ่ โทรศัพท์ของแม่ก็ดังขึ้น


   “โอ๊ะ เพื่อนแม่โทรมา...หนูลูดี้ขึ้นไปข้างบนคนเดียวก่อนได้ไหมลูก”


   “ได้ครับ แม่คุยโทรศัพท์ตามสบายเลยครับ” ผมบอกพร้อมกับหิ้วถุงของกินใหญ่สองถุงไว้ในมือ และเดินกลับไปที่หน้าลิฟท์ ผมกำลังจะเอามือไปกดก็ชะงัก อ้าว...หิ้วถุงอยู่ กดไม่ได้ ผมกำลังจะเปลี่ยนแขนไปถือฝั่งเดียวก็มีมือยื่นมากดเปิดลิฟท์ให้ผมพร้อมกับยื่นมือมาทางถุงขนมใหญ่ ๆ ของผม


   “ให้ช่วยไหมเอ่ย” ผมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของวูฟที่เคยเจอคราวก่อน ที่เป็นหมออยู่ที่นี่อะครับ


   “เออ ไม่เป็นไรครับ คุณ...?” ผมส่ายหน้าปฏิเสธแต่เขาก็เอาถุงขนมใหญ่ไปถือไว้หมดเลย และเดินนำเข้าไปในลิฟท์ผมก็เลยรีบเดินตาม


   “เซย์ครับ เพื่อนเจ้าวูฟมันน่ะ...นี่มันยังไม่ฟื้นอีกเหรอ?”


   “อ๋อ คุณเซย์ ครับ...คุณวูฟยังไม่ฟื้นเลย คือผมถือเองได้นะครับ” เซย์ยิ้มพร้อมกับเอาถุงไปซ่อนไว้ด้านหลังของเขา ก่อนจะหันไปกดชั้นที่วูฟอยู่


   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวถือให้ ปล่อยให้คนท้องมาถือของหนัก ๆ แบบนี้ได้ยังไง...ดีใจด้วยนะสำหรับลูกน้อยในท้อง ดีใจที่เห็นเพื่อนไร้หัวใจของฉัน มันตกหลุมรักคนน่ารัก ๆ แบบ...เออ ชื่ออะไรนะครับ ลืมถาม ฮ่า ๆ” เขาหัวเราะร่าแบบอารมณ์ดีมาก ๆ

 
   “ชื่อลูดี้ครับ..”


   “อ้อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะ” เซย์ยิ้มแสนดีมาอีกรอบ ผมก็ยิ้มก่อนที่ลิฟท์จะเปิดมาเจอกับร่างสูงที่ยืนกอดอกใบหน้าขรึมอยู่ ผมตาโต


   “คุณวูฟ! คุณฟื้นแล้วเหรอครับ” ผมรีบออกมาจากลิฟท์ด้วยความดีใจที่เห็นเขาฟื้น ส่วนเซย์ก็เดินตามออกมาเช่นเดียวกัน


   “ทำสายตาเหมือนจะมากระชากเสื้อฉันอย่างนั้นแหละไอ้วูฟ ฮ่า ๆ ฉันช่วยเมียแกถือของขึ้นมาเชียวนะเว้ย” ผมหน้าร้อนวูบกับคำว่าเมียชัดเจน วูฟยื่นมือไปรับถุงขนมใบใหญ่มาถือไว้เอง


   “เออ ขอบใจมากที่มีน้ำใจ แล้วแกมาทำอะไรชั้นนี้ไม่ทราบ?” นี่เขาเรียกว่าทักทายกันของเพื่อนสนิทใช่ไหมครับ เซย์กระตุกยิ้มกวนใส่วูฟ แล้วยักไหล่ชิว


   “อ้าว ฉันก็มีคนไข้ชั้นนี้ไง ก็เลยเดินขึ้นมา...”


   “งั้นก็รีบไปหาคนไข้ของแกได้แล้วไป ปล่อยให้คนไข้รอนานมันจะไม่ดี” วูฟกล่าวไล่กวน ๆ เซย์ก็เลยยิ้ม


   “หึ ถ้าคนไข้ของฉันเขาอยากเจอฉัน ฉันก็จะรีบไปเลย...แต่นี่มันไม่ใช่ไง” เซย์ทำหน้าหนักใจ ผมกับวูฟได้แต่มองหน้ากันงง ๆ กับสิ่งที่เซย์พูดบ่นพึมพำออกมาคนเดียว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เห็นเดินหายไปทางห้องไกลสุดของชั้นนี้


   ผมที่มองตามก็สะดุ้งกับมือเย็นของร่างสูงที่จับแขนผมไว้


   “เข้าห้องได้แล้ว ไหนพ่อบอกลงไปกับแม่ ทำไมนายถึงได้ขึ้นมาคนเดียว”


   “พอดีแม่ของคุณคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่ครับ ท่านก็เลยให้ผมขึ้นมาก่อนน่ะครับ” ผมอธิบายแล้วเดินตามเขาที่พาผมเดินเข้าไปในห้อง นี่เขาเพิ่งฟื้นขึ้นมาก็มายืนรอผมอยู่หน้าลิฟท์แบบนี้เลยเหรอ


   “อ้าว หนูลูดี้ มาแล้วเหรอ แม่แกเพิ่งโทรมาบอกว่าจะรอข้างล่าง ยังไงพ่อก็ฝากดูไอ้วูฟมันด้วยนะ ฉันสั่งบอดี้การ์ดมาเฝ้าหน้าห้องรักษาความปลอดภัยให้แกแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง ฉันจะไปจัดการธุระสะสางพวกที่คิดปองร้ายให้เสร็จก่อน แกก็พักผ่อนไปก่อนละกัน” พ่อของวูฟพูดกับผมตอนแรกและหันไปบอกร่างสูงแทน


   “ครับ ขอบคุณพ่อมาก” ร่างสูงพูดแค่นั้น


   ตอนนี้ทั้งห้องเหลือแค่เราเพียงสองคนเท่านั้น...ผมมองร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียง เขาหันมามองผมที่ยืนอยู่ปลายเตียง


   “ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม มานี่” เขาตบเตียงที่ว่างอยู่ให้ผมเข้าไปนั่งด้วย ผมก็เลยเดินไปนั่งลง ผมเหลือบมองแผลตรงหัวของเขาที่แตก มันยังมีเลือดซึมอยู่เลยครับ ท่าทางจะเจ็บไม่ใช่เล่นเหมือนกัน ดีนะมันไม่เป็นแผลเป็น แล้วก็มีแผลตรงหัวไหล่ เสื้อคนไข้ของโรงพยาบาล วูฟไม่ได้ติดกระดุมเผยให้เห็นกล้ามเป็นลอน ๆ...ไม่ดีต่อใจคนมองเลยครับ


   “รู้แล้วใช่ไหม” จู่ ๆ เสียงเข้มก็เอ่ยขึ้น ผมเลิกคิ้ว มองเขาที่ยกยิ้มนิด ๆ “รู้ว่าฉันกลัวเลือด”


   “อ๋อ...ครับ รู้แล้ว”


   “นายอาจจะคิดว่ามันตลกก็ได้นะ ที่คนเข้มแข็งแบบฉัน ดันมามีจุดอ่อนเล็ก ๆ แบบนี้” เขาว่ายิ้ม ๆ แต่ผมก็รีบตอบกลับไป และประโยคของผมก็ทำให้วูฟยิ้มออกมา


   “ไม่นะครับ ไม่เห็นมันจะตลกตรงไหนเลย ผมคิดว่ามันคือเสน่ห์ของคุณมากกว่า...”


   “หา? นายว่าอะไรนะ”


   “ไม่ว่าใครก็มีจุดอ่อนกันทั้งนั้นแหละครับ ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหน เราก็มักจะมีด้านอ่อนแอเสมอ เพราะเรามีความเป็นมนุษย์เราก็เลยมีความแข็งแกร่งที่ซ่อนความอ่อนแอไว้ภายใน ผมดีใจนะครับที่คุณช่วยผมไว้...คุณแข็งแกร่งมากในความคิดของผม คุณคือผู้ชายที่ปกป้องผมได้” ผมบอกออกไปจากใจจริง วูฟที่ฟังก็นิ่งไป เขาเอื้อมมือที่สั่นเทามาประคองหน้าของผมไว้


   ผมเบิกตากว้างกับแววตาไหววูบของเขา


   “ลูดี้...นายกำลังทำให้ตกหลุมรักนายช้า ๆ จนหาทางออกไม่เจอ ฉันถูกปลูกฝังมาให้เข้มแข็ง ห้ามแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น เพราะฉันต้องขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุด...แต่พอฉันเจอนาย ฉันกลับอยากแสดงความอ่อนแอออกมา”


   “คุณวูฟ”


   “ให้ฉันได้แสดงความอ่อนแอทั้งหมดออกมาให้นายเห็นได้รึเปล่า...” เสียงเข้มสั่นเทาทำให้ผมรับรู้ว่าเขาต้องเก็บทุกอย่างไว้ในใจเรื่อยมา ผมรับรู้ได้ครับว่าวูฟเหงามาโดยตลอด...


   “ได้สิครับ ถึงคุณจะร้องไห้ไม่ได้....แต่ผมจะร้องแทนคุณเอง ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเอง” ผมน้ำตาไหลออกมาพร้อมกับสวมกอดผู้ชายตรงหน้าของผมไว้ วูฟกอดผมไว้แน่น


   “ใครบอกให้นายร้องไห้กัน...ฉันบอกแล้วไงว่าสิ่งที่ทำให้ฉันเจ็บได้ ไม่ใช่กระสุนที่ถูกยิงออกมาจากศัตรู แต่น้ำตาของนาย มันกรีดใจของฉัน....”


   “ฮึก...ครับ ผมไม่ร้องก็ได้ แต่คุณเองก็อย่าเก็บเรื่องเศร้าไว้คนเดียว มีอะไรระบายกับผมได้ เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ คุณคือครอบครัวของผม”


   “ใช่แล้วล่ะ ฉันคือครอบครัวของนาย และนายเองก็เป็นครอบครัวของฉัน...และลูกของเรา” เขาดันผมออกเล็กน้อยพร้อมกับใช้สองมือประคองใบหน้าของผมไว้ให้เงยหน้ามองเขา


   “ฉันขอโทษที่เคยดุ ที่เคยผลักไส ที่เคยดูถูกรักแท้ของนาย....”


   “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”


   “แต่ตอนนี้ฉันพร้อม พร้อมที่จะดูแลรักแท้ของฉัน คู่แห่งโชคชะตาที่ไม่อาจหลีกหนีได้....” ผมมองแววตาเข้มที่จ้องจริงจังไม่หลบสายตา แววตาที่ผมเลือกแล้วว่า ‘ผมพร้อมที่จะอยู่กับเขา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น’


   ริมฝีปากหนากำลังเลื่อนมาช้า ๆ ในระยะประชิดก่อนจะประกบลงอย่างแนบแน่นกับริมฝีปากบางของผม สัมผัสอ่อนนุ่มที่ทำให้ใจของผมละลายได้ ปลายลิ้นร้อนสอดเข้ามาเกี่ยวรัดลิ้นเล็กของผมอย่างไม่ยอมปล่อย กลิ่นหอมจาง ๆ ของยาทำเอาผมเบลอไปชั่วขณะ...เราจูบกันอยู่สักพัก และผละออกจากกัน


   ผมหน้าร้อนวูบเหมือนเสียการควบคุม เพียงแค่จูบที่มันเต็มไปด้วยความรัก...มันมีพลังมากขนาดนี้เลยเหรอครับ


   “อย่าทำหน้ายั่วฉันสิ นายทำสายตาแบบนี้ ฉันจะแย่เอาได้...” วูฟยื่นมือมาแตะริมฝีปากของผมเบา ๆ ผมหลบตาของเขาด้วยความเขิน


   “ผมไม่ได้ทำหน้ายั่วซะหน่อยครับ ผมทำไม่เป็นหรอก”


   “หือ ไม่รู้เหรอว่า...ตอนนายทำหน้าแบบนี้ มันยั่วมาก” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนจงใจแกล้ง ผมก็เลยเผลอชกไหล่ที่เขาโดนยิงเต็ม ๆ จนร่างสูงร้อง ผมตกใจ


   “อัก ลูดี้”


   “อ๊ะ ขอโทษครับ คุณวูฟเจ็บมากไหม ให้ผมไปตามหมอ...” ผมจะลุกขึ้นไปตามหมอก็โดนร่างสูงฉุดแขนจนเซไปซบกับอกกว้างตรงหน้า


   เสียงหัวใจของเขา เต้นแรงมาก...มากซะจนผมได้ยินมันชัดเจน


   “ไม่เป็นไร เจ็บนิด ๆ จูบลูดี้หน่อยเดี๋ยวก็หาย” ผมตัวแข็งทื่อเมื่อเขาก้มลงมาจูบผมของผม...วูฟทำอะไรของเขากันครับ จะรู้ไหมว่าผมหัวใจจะวายอยู่แล้ว!!


   “ผมไม่ใช่ยานะครับ จะมาจูบผมได้ยังไงกันเล่า...” ผมประท้วง เสียงหัวเราะเข้มดังขึ้นในลำคอ


   “ไม่เชื่อเหรอ ว่านายเป็นยาที่ดีที่สุดสำหรับฉันเลยนะ รู้ตัวรึเปล่า” ถ้อยคำธรรมดาจากปากของวูฟ มันช่างไม่เหมือนถ้อยคำธรรมดาสักนิด มันเหมือนคำพูดแสนวิเศษมากกว่า


   “พูดอะไรของคุณครับ ผมจะเป็นยาที่ดีที่สุดของคุณได้ยังไง คุณคิดเองเกินไปรึเปล่าครับ”



   “ฉันไม่ได้คิดเอง แต่หัวใจของฉันมันบอกฉันต่างหาก ว่านายคือสิ่งพิเศษ...” คำหวานอีกคำถูกหยอดออกมาจากเขาทำเอาผมเหวอไปชั่วครู่ โอ๊ยลูดี้...เจอคุณวูฟเวอร์ชั่นนี้แล้วเหวอไปไม่เป็นเลย


   “..........” ผมถึงกับไม่มีอะไรจะตอบเขาออกไป วูฟเลื่อนมือมาจับปลอกคอสีแดงที่ผมใส่อยู่


   “ขอบคุณนะที่นายยอมอยู่กับฉันตรงนี้ และขอบคุณที่พร้อมจะเป็นครอบครัวเดียวกัน” ผมมองมือของตัวเองที่วูฟจับขึ้นมา มือข้างซ้ายมีแหวนวงที่เขาสวมให้กับมือในวันประกาศหมั้น


   “ฉันก็บอกความรู้สึกไปแล้ว...แล้วความรู้สึกของลูดี้ล่ะ” ผมชะงักก่อนจะถอยออกจากเขา คือผม...เขินอะครับ ใครจะกล้าพูด


   “เออ คือ ผมว่าคุณวูฟน่าจะนอนพักผ่อนได้แล้วนะครับ พักเยอะ ๆ จะได้หายไวไว” ผมลงจากเตียง มือหนาจะยื่นมาคว้าแต่เขาก็ชะงักเมื่อเห็นผมเขยิบออกห่างจากเขา แววตาเศร้าของเขาก็ทำให้ผมหยุดกึก


   “นายยังไม่หายโกรธฉันอีกงั้นเหรอ ถึงไม่ยอมเข้าใกล้” ผมรีบส่ายหน้า


   “เปล่านะครับ ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณวูฟแล้ว ไม่ได้โกรธอะไรแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่...เรื่องของความรู้สึก ขอเวลาผมอีกหน่อยได้ไหมครับ” ผมก้มหน้าไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับแววตาคมเข้ม


   “ได้สิ ฉันไม่ได้เร่งเร้าอะไรลูดี้หรอก ฉันรอได้เสมอ...ไม่ต้องเก็บเรื่องที่ฉันถามไปคิดมากก็ได้” เขาบอก ผมก็เลยยิ้มออกมา


   “ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ แม่ของคุณเอาเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยนด้วยพอดี” ผมบอกพร้อมกับรวบ ๆ เสื้อผ้าไว้ในมือและเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยที่ไม่ทันสังเกตแววตาเข้มที่หม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด


   “อย่าอาบนนานล่ะ เดี๋ยวไม่สบาย” ผมได้ยินเพียงน้ำเสียงห่วงใยพูดตามหลังมา


   น้ำเสียงที่ฟังแล้วอบอุ่นมาก...



   ผมอาบน้ำไปได้สักพักด้วยความเพลินจนไม่รู้ว่าตัวเองอาบน้ำนานมาก ผมรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ระหว่างที่ใส่กางเกงผมก็ชะงักกับเสียงเหมือนของล้มดังอยู่ข้างนอก

   โครม...สิ่งที่ผมคิดในตอนนี้คือ คุณวูฟ...เขาล้มรึเปล่า

   “คุณวูฟ! เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ผมจะเปิดประตูแต่มันกลับล็อค


   “ไม่ต้องออกมาลูดี้ ฉันไม่เป็นไร อยู่ในนั้นก่อน...” เสียงเข้มตอบกลับมาแผ่วเบา ผมเอามือดันประตูด้วยความรู้สึกห่วงขึ้นมาแปลก ๆ ยิ่งเราเพิ่งผ่านเรื่องพวกนั้นมา ผมยิ่งกลัว


   “ทำไมผมออกไปไม่ได้ครับ คุณวูฟ! คุณเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นทำไมคุณถึงไม่เปิด....” ผมจะทุบประตูอีกครั้งก็หยุดเมื่อประตูถูกเปิดออก


   “บอกว่าให้รอก่อนไง....” วูฟยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าผม ผมรีบจับหน้าของเขาดูด้วยความเป็นห่วง


   “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ผมได้ยินเสียงเหมือนอะไรหล่น....แล้วนี่อะไรครับ” ผมมองตรงพื้นก่อนจะเบิกตากว้าง ก็เพราะว่าพวกขนมที่ผมเพิ่งจะซื้อมา ถูกเอามาวางเรียงกับพื้นตรงหน้า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับคำที่เขาต้องการจะสื่อ


   ผมอ่านคำตรงหน้าด้วยความตะลึง...ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ถ้าผมฝัน...มันคงเป็นฝันที่ดีมาก


   MARRY ME


   “อาจจะดูรวบรัด ไม่โรแมนติกมาก แต่ฉันก็มีอุปกรณ์เพียงแค่นี้ ดีหน่อยที่ลูดี้ซื้อขนมมาเยอะ ต่อพอดีคำเลย...” เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับอ้อมกอดที่สวมกอดผมจากด้านหลัง นี่เขาเรียกไม่โรแมนติกเหรอครับ....


   สำหรับผมมันโรแมนติกมาก…


   “พูดอะไรบ้างสิ คือ ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่ชอบเหรอ” ดูเหมือนว่าผมจะเงียบนานเกินไปจนวูฟทำอะไรไม่ถูก หน้าเขาดูลุ้นกับสิ่งที่ทำลงไปมาก นี่คิดเองรึเปล่าครับ...แทบไม่เชื่อว่าเขาจะคิดเอง


   แต่ก็คงต้องเชื่อ เพราะห้องนี้ไม่มีใครนอกจากเรา


   “ผมแค่...ตกใจกับการกระทำของคุณน่ะครับ” ผมบอกตามตรง ก็มันน่าประหลาดใจไหมล่ะ…จริง ๆ ผมเขินด้วยนั่นแหละครับ ผมเอียงตัวไปมองเขาที่ผละออกจากผม


   “ฉันรู้ ว่ามันดูเร่งรัดไปหน่อย แต่ที่จริงเราสองคนก็หมั้นกันแล้ว ที่เหลือก็แค่แต่งงานกันอย่างถูกต้อง ถ้านายยังไม่พร้อม ฉันรอ...” วูฟดูจริงจังมาก ผมรู้ครับ....ผมดูออก ว่าเขาเริ่มมือสั่นเล็กน้อยเหมือนเพิ่งทำอะไรที่ไม่เคยทำเป็นครั้งแรก การกระทำที่เขาแสดงออกมาทำให้ผมหลุดยิ้ม


   เขาโดนยิง ไม่ได้สมองกระทบกระเทือนนี่นา...ทำไมน่ารักขึ้นขนาดนี้ล่ะ


   “ผมพร้อมครับ” ผมตอบออกไปเรียกความสนใจของวูฟได้ทันที ร่างสูงตาโตและคลี่ยิ้มออกมา เมื่อผมเอื้อมมือไปแตะแก้มของเขา


   “ลูดี้...จริงเหรอ นายไม่โกรธฉันจริง ๆ ใช่ไหม”


   “อ๊ะ คุณวูฟ เดี๋ยวผมจะไปโดนแผลคุณเข้า” ผมสะดุ้งกับวงแขนกว้างที่ดึงผมเข้าไปแนบกาย อ้อมกอดแน่นหนากำลังโอบกอดผมไว้ไม่ปล่อย...ราวกับเสียงเพลงดนตรีเบา ๆ กำลังบรรเลงประกอบ ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีตึกส่องแสงอยู่ระยิบระยับเต็มไปหมด


   “โดนก็ช่าง ไม่เจ็บสักนิด โอ๊ย...” ผมตีเขาด้วยความหมั่นไส้ ร่างสูงก็ร้องออกมา “ตีทำไมเล่า”


   “ไหนบอกว่าไม่เจ็บไงครับ อีกอย่างคุณเลิกพูดได้แล้วนะครับว่าผมโกรธคุณ ผมบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธ” ผมกำชับ วูฟก็พยักหน้าเข้าใจ ไม่รู้จะเข้าใจจริงรึเปล่า แต่รอยยิ้มมุมปากของเขาตรงหน้าทำเอาผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ และผมก็ต้องผงะออกกับใบหน้าคมที่ยื่นเข้ามาหาผม


   “รับทราบ ฉันรับรู้แล้วว่าลูดี้ไม่ได้โกรธฉัน เพราะฉะนั้น...” เขาเว้นวรรคด้วยน้ำเสียงขี้เล่น...วูฟขี้เล่นเป็นด้วย!?


    “ฉันขอคำตอบชัด ๆ จากปากของนายได้รึเปล่าว่า นายจะแต่งงานกับฉันใช่ไหม” ผมตาโต


   มาถามอะไรเอาป่านนี้ครับ...ทั้ง ๆ ที่ทำเรื่องแบบนั้นกับผมตั้งเยอะ ผมก้าวถอยหลังออกจากเขาและกระตุกยิ้มเล็ก ๆ

   “ถ้าผมไม่ยอมตกลงล่ะครับ” ผมแกล้ง


   “หา? ทำไมล่ะ ฉันขอไม่โรแมนติกเหรอ เออ แล้วลูดี้ชอบแบบไหน หรือว่า...” ผมมองดูปฏิกิริยาของเขาว่าจะทำอะไรต่อ ก่อนผมจะหลุดยิ้มกว้างกับร่างสูงที่นั่งคุกเข่าลงกับพื้น


   “ฉันอาจจะไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติกเหมือนในนิยายของนาย แต่...ฉันให้ลูดี้ได้ทุกอย่างในชีวิตของฉัน” ผมนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของเขาเช่นเดียวกัน ใครบอกล่ะครับ...ว่าวูฟไม่โรแมนติก นี่มันเกินคำว่าโรแมนติกไปแล้ว และที่ผ่านมาเขาเองก็เป็นคนที่โรแมนติกโดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ


   ผมรับรู้มาตลอดว่าลึก ๆ เขาเป็นคนยังไง…

   “คุณวูฟเนี่ย คิก ๆ โวยวายทำไมกันครับ ใจเย็น ๆ ก่อนสิ” เขาชะงักก่อนจะยิ้มออกมา เขาเอามือมาขยี้หัวของผมเบา ๆ ...มือที่กุมมือของผมออกมาจากอันตราย


   “ลูดี้...แกล้งฉันเหรอ” ผมยิ้มกว้าง


   “เอาคืนไงครับ คุณเคยดุผมตั้งเยอะ ผมจำได้” วูฟเลิกคิ้วขำเล็กน้อย


   “อ้าว ก็ตอนนั้นฉันมันปากแข็งนี่....ตอนนี้ปากอ่อนแล้ว” ไม่พูดเปล่าแต่กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจะแตะแก้มของผมอยู่แล้ว ผมจะเบี่ยงออก เขาก็เลื่อนมาโอบเอวของผมไว้


   “จะเป็นคุณแม่แล้ว ยังกล้าดื้อกับคุณพ่ออีกเหรอ หืม”


   “อ๊ะ คุณวูฟอย่าแกล้งผมสิ” ผมใช้มือปิดแก้มของเขาที่ก้มลงมาหมายจะหอมแก้ม งื้อ....ผมเขิน


   “ถ้าไม่อยากให้แกล้งก็ตอบตกลงมาก่อนสิ” ไหงเมื่อกี้ผมแกล้งเขาอยู่หยก ๆ กลายมาเป็นผมที่โดนเขาแกล้งคืนซะงั้น ผมมองแววตาคมเข้มที่รอฟังคำตอบชัดเจนจากผม ที่จริง...ไม่บอก เขาก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่รึไงว่าผมจะตกลง

   “ผม...”


   “รอฟังอยู่”


   “ผมตกลงครับ ผมจะแต่งงานกับคุณ” ผมตอบชัดเจนก็เรียกรอยยิ้มจากร่างสูงได้ทันที ก่อนผมจะร้องเสียงหลงเมื่อร่างสูงอุ้มผมขึ้น


   “อ๊ะ!! คุณจะทำอะไรครับ ปล่อยลงเลยนะ คุณวูฟไม่เอา” วูฟเดินดุ่ม ๆ ไปตรงเตียงของโรงพยาบาลและวางผมลง


   “คืนนี้นอนเตียงนี้ด้วยกันนะ”


   “ไม่เอาครับ!!” ผมยืนกราน ใครจะไปนอนด้วยกันเล่า...เตียงเล็กมากขนาดนี้ ผมไม่ไปนอนเบียดเขาหรอกครับ


   “ทำไมล่ะ นอนด้วยกันไม่ได้เหรอ”


   “ไม่ได้ครับ! คุณวูฟคุณยังไม่ได้เก็บขนมที่คุณวางไว้เต็มพื้นเลยนะ” ผมจะก้าวลงจากเตียงจะไปเก็บขนมที่ร่างสูงมาขอเซอร์ไพร์ คือมันวางยายเต็มห้องไงครับ เดี๋ยวพยาบาลเข้ามาตอนเช้าจะตกใจกันพอดี


   แต่ร่างสูงก็จับผมนอนลงเหมือนผมเป็นเด็กอนุบาล ระหว่างที่ยื้อยุดกันอยู่ เท้าน้อย ๆ ของผมก็เผลอดิ้นไปถีบตรงจุดศูนย์กลางของวูฟเต็มแรง


   ตุบ!


   “อึก!” ร่างสูงร้องออกมาพร้อมกับล้มลงไปข้างเตียง ผมตาโต แย่แล้ว...


   “คุณวูฟ!! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ เจ็บมากไหม คุณเจ็บ...” ผมรีบวิ่งไปข้างเตียงฝั่งที่ร่างสูงล้มลงไปนอนกุมจุดยุทธศาสตร์ของเขา ผมถามด้วยความร้อนรนและจับตรงนั้นของเขาอย่างลืมตัว ผมดึงมือของตัวเองออก


   “ฉันไม่เป็นไร ไม่เจ็บเท่าไหร่ แค่จุก...” วูฟนั่งพิงกับโต๊ะตรงเตียงคนไข้มองผมยิ้ม ๆ ส่วนผมก็ยิ้มแห้ง


   “หึ นายเนี่ยชอบทำร้ายร่างกายฉันอยู่เรื่อยเลยนะ ครั้งที่แล้วตอนนายกลิ้งตกเตียงมาก็เหมือนกัน จุกไปจนถึงเช้าเลยล่ะ...ฮ่า ๆ” ผมหน้าร้อนวูบเหมือนจำได้ว่าตอนนั้นผมกระหน่ำตีเขาที่มานอนกอดผมตอนเช้า และเขาก็พูดว่าผมกลิ้งตกเตียงไปหาเขาเอง...


   อย่าบอกนะครับว่า มันคือเรื่องจริง ผมกลิ้งลงไปหาเขาเองวันนั้นเหรอ...โอ๊ย ลูดี้ นอนดิ้นอะไรขนาดนี้ล่ะ



................................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารักค่า  :กอด1:  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.14 (100%) | 24/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 24-11-2017 23:00:00
คุณวูฟหวานมากๆ :o8: เขินแทนลูดี้เลย
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.14 (100%) | 24/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-11-2017 01:09:41
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.14 (100%) | 24/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-11-2017 10:56:53
น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.14 (100%) | 24/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 25-11-2017 18:03:32
รักก็บอกว่าเนอะวูฟฟฟ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.14 (100%) | 24/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-11-2017 21:31:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.14 (100%) | 24/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 25-11-2017 21:45:32
ขออย่าให้มีอุปสรรคอะไรเลยน้า
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.14 (100%) | 24/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: lalun ที่ 26-11-2017 08:39:49
งืออคุณวูฟน่ารัก
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.14 (100%) | 24/11/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 27-12-2017 23:25:21
คิดถึงเรื่องนี้จังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.15 (100%) | 28/12/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 28-12-2017 21:59:33
ตอนที่ 15


   [พาร์ตของลูดี้]



   “คุณวูฟครับ ช่วยสนใจข้าวที่ผมตักให้ทาน แทนที่จะจ้องหน้าของผมได้ไหม” ผมเริ่มทำหน้ามุ่ยกับคนตรงหน้าที่เอาแต่มองหน้าของผม ไม่ยอมกินข้าว! วูฟกระตุกยิ้ม...ดูเขายิ้มบ่อยจนผิดปกติมาก


   ก็ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาขอผมแต่งงาน (อันที่จริงเราก็เหมือนแต่งแล้ว ผมก็ใส่แหวนของเขาอยู่นี่ไง) แต่เหมือนร่างสูงอยากประกาศชัด ๆ อีกรอบ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าอยากจัดงานให้ใหญ่โต...เรื่องนี้เขาโทรไปบอกพ่อกับแม่ของเขาเรียบร้อย พวกท่านก็ดีใจใหญ่เลยล่ะครับ เตรียมหาวันมงคลสำหรับจัดงานแต่งงานของผมกับเขา เห็นว่าน่าจะรอให้วูฟหายดีซะก่อน ผมว่าเขาก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะ...ดูสิ มือกอดเอวของผมแจเลย


   ผมเขินเป็นนะ...


   “ก็คนตรงหน้า น่ากินกว่าข้าวของโรงพยาบาลซะอีกนี่...” เสียงเข้มหยอดมาทำเอาผมชะงักไป


   “คุณวูฟ! พูดอะไรก็ไม่รู้ กินเข้าไปเลยครับ ถ้าคุณไม่กิน ผมจะไปบอกพยาบาลเข้ามาป้อนแทนนะ” ผมขู่ แขนแกร่งก็รั้งเอวของผมเข้าไปหาเขาที่นั่งอยู่บนเตียง


   “กล้าให้พยาบาลสาว ๆ เข้าใกล้ฉันรึไง” วูฟพูดเหมือนรู้ว่าผมไม่ยอม...ก็ใครอยากจะให้คนอื่นมาเข้าใกล้เขาล่ะ


   ผมหวง...ผมเอามือตีปึ่กเข้าที่แผงอกตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้วูฟเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงเสียงหัวเราะพอใจ


   “คุณก็กวนผมตลอด รีบทานเลยครับ จะได้ทานยา”


   “ฮ่า ๆ โอเค ไม่กวนก็ได้ ทานแล้ว อ้าม” เขายิ้มมุมปากแล้วอ้าปากกินข้าวต้มที่ผมเป่าให้เรียบร้อย ทานไปได้สักพักเขาก็บอกว่าอิ่ม ผมเองก็ไม่ได้เซ้าซี้จัดแจงยาให้เขาทานหลังอาหาร วูฟมองหน้าผมที่ยื่นยาให้ทาน


   “อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้าง ยังรู้สึกอยากจะอาเจียนหรือเวียนหัวอยู่บ้างไหม?”


   “ไม่แล้วล่ะครับ ผมรู้สึกว่าผมเริ่มกินของได้เยอะขึ้นแล้วนะ แถมเข้าใกล้คนอื่นก็ไม่ได้กลิ่นฉุนอะไรแล้วครับ” ผมตอบ เขาก็เลยหัวเราะเล็กน้อยและล้อผม


   “ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะเห็นนั่งกินขนมเคี้ยวตุ้ย ๆ อยู่คนเดียวจนหมดไปหลายถุง”


   “คุณวูฟก็...ผมหิวนี่ครับ ก็ต้องกินเยอะเป็นธรรมดาแหละ” ผมว่าเขิน ๆ ผมกินเยอะมากกว่าเดิมจริง ๆ ครับ รู้สึกเห็นอะไรก็เจริญอาหารไปซะทุกอย่าง อันนั้นก็น่ากิน อันนี้ก็น่ากิน...


   “ก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าอยากกินอะไรก็อ้อนฉันได้เสมอ ยินดีให้อ้อน” ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า


   “ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่ใช่คนขี้อ้อน...” ไม่อ้อนน้อย...แต่อ้อนมาก วูฟยิ้มตอบพร้อมกับเอามือมาบีบแก้มของผมเล่น ก่อนเราจะสะดุ้งกับประตูที่เปิดพรึบเข้ามา คนที่เปิดประตูเข้ามาคือผู้ชายตัวขาวผอมบางในชุดคนไข้ ที่คอมีปลอกคอสีทองสวมอยู่ ปกติคนที่ใส่ปลอกคอเป็นพวกโอเมก้าเท่านั้นครับ แววตาใสกลมโตมาก เขาดูตกใจนิด ๆ


   “เออ...คือ ขอหลบหน่อยนะ” เขาพูดแค่นั้นก็วิ่งเข้าไปซ่อนในห้องน้ำ ผมกับวูฟมองหน้ากันงง ๆ


   “คนไข้ของห้องไหนหลุดมาล่ะเนี่ย?” ร่างสูงพูดกับผมพร้อมกับประตูที่เปิดเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้เป็นเซย์ที่เปิดเข้ามาครับ


   “ไง ไอ้เซย์? โทษนะ ห้องพักฉันไม่ใช่ห้องสาธารณะนะเว้ย” วูฟว่าแซว ๆ เซย์ดูหอบนิดหน่อยเหมือนวิ่งมา


   “เออ โทษที เห็นคนไข้ที่วิ่งเข้ามาทางนี้ไหม?” ผมชี้ไปที่ห้องน้ำแทนคำตอบ  เซย์ถอนหายใจนิด ๆ ก่อนจะเคาะประตูห้องน้ำที่เด็กหนุ่มเข้าไปเมื่อกี้ คาดว่าเขาน่าจะอายุเท่ากันกับผม


   “นายอยู่ข้างในนั้นใช่ไหม ออกมาเถอะ...นายจะหนีออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ” ภายในห้องน้ำยังคงเงียบ


   “ไปทำอีท่าไหนล่ะ เด็กมันถึงได้หนีมาแบบนี้” วูฟถามเพื่อนของเขาด้วยน้ำเสียงกวนนิด ๆ เซย์ยกยิ้มมุมปากแต่ดูเหมือนเป็นยิ้มที่เหนื่อย ๆ

   “ก็หลายท่า หึ....” สมกับเป็นเพื่อนรักกันมากครับ ตอบกวนกลับมาได้เด็ดมาก “ออกมา! น้ำแข็ง อย่าให้ฉันต้องพังประตูของโรงพยาบาลนะ...” เซย์แกล้งทำเสียงโหดขึ้น และเสียงที่ได้กลับมาคือเสียงหวานของคนที่อยู่ในห้องน้ำ


   “อย่านะครับ...อย่าพังนะ”


   “ถ้าอย่างนั้นก็ออกมาซะ หนีออกมาจากห้องแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่คนไข้ควรทำหรอกนะ...”


   “ฮึก...แต่ผมไม่อยากกินยา” เสียงหวานปนสะอื้นที่ดังออกมาและตามมาด้วยเสียงเหมือนอะไรล้มลงในห้องน้ำ ทำให้เซย์ที่ยืนอยู่หน้าประตูถึงกับอยู่ไม่เป็นสุข


   “งั้นก็เปิดประตูสิ น้ำแข็ง! น้ำแข็ง...เฮ้ยไอ้วูฟ เดี๋ยวฉันจะให้คนมาซ่อมประตูห้องนี้ให้” เซย์หันมาบอกวูฟที่นั่งกอดเอวผมอยู่ เขาพูดแค่นั้นก็ถีบประตูห้องน้ำ พังเรียบร้อย...พอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าผู้ชายคนนั้นเป็นลมไปซะแล้ว


   “ผมช่วยไหมครับ คุณเซย์” ผมถามอย่างตกใจ เซย์ส่ายหน้าพร้อมกับอุ้มน้ำแข็งไว้ในอ้อมแขน


   “ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไร ขอโทษทีที่มารบกวนที่ห้องพัก ส่วนประตูเดี๋ยวจะบอกให้คนมาจัดการอีกที” เซย์ยิ้ม วูฟกระตุกยิ้มให้กับเพื่อนของเขาที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง


   “แกเชื่อในเรื่องของโชคชะตาไหม ไอ้เซย์...” วูฟพูดขึ้น เซย์หันมามองพวกผม ผมเองก็เหลือบมองร่างสูงข้างกายเหมือนกัน ที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา


   “เชื่อสิ...แต่ฉันไม่คิดว่าฉันจะมีโอกาสได้เจอคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองหรอก เพราะครอบครัวของฉันกำหนดคู่หมั้นมาให้ฉันเองแล้วนิ” เซย์พูดออกมาแค่นั้นก่อนจะออกไปจากห้อง ผมก็มองตามงง ๆ


   ผมมองร่างสูงที่เอาหน้ามาซบที่ไหล่ของผม


   “ทำหน้าสงสัยแบบนั้นอยากรู้ล่ะสิ ว่าพวกฉันพูดเรื่องอะไรกัน?” โอ๊ะ...ผมทำหน้าตาอยากรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ


   “แฮะ...ถ้าคุณไม่สะดวกบอกก็ไม่เป็นไรนะครับ” วูฟยิ้มและกอดเอวผมจากด้านหลังแน่นขึ้น


   “เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก บอกได้...ฉันกับไอ้เซย์เป็นเพื่อนสนิทกันมานานแล้วล่ะ มันเป็นคนที่นิสัยต่างกับฉันคนละขั้ว....” เขาเริ่มเล่า ผมก็ตั้งใจฟัง “คือลูดี้ก็รู้ว่า ฉันมันเป็นคนไม่เชื่อว่ารักแท้มีจริง หรือคู่แห่งโชคชะตา ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันก็เลยดูเหมือนเป็นคนไร้หัวใจ ต่างกับไอ้เซย์ มันเป็นหมอที่แสนดี ห่วงใยคนอื่นสุด ๆ เรียกได้ว่าสนใจคนอื่น มากกว่าตัวเอง...แต่เรื่องความรักของมัน ไม่ได้ราบรื่นแบบนั้น”



   “ทำไมล่ะครับ”


   “เพราะเซย์มันโดนพ่อจับหมั้นกับผู้หญิงที่เป็นโอเมก้ามีเชื้อสายตระกูลดัง เพื่อผลประโยชน์ของบ้านมันน่ะ...เห็นว่าจะหมั้นเร็ว ๆ นี้แหละ” ผมฟังก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ฝืนใจมาก...


   “ตอนแรกฉันได้ยินมันพูดเรื่องนี้ ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็แค่งานหมั้น...แต่พอฉันได้รู้จักลูดี้ ฉันก็เข้าใจว่า...การแต่งงานกับคนที่เราไม่ได้รัก มันเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน...การที่เราได้อยู่กับคนที่เรารัก มันช่างแสนวิเศษ” เขาเล่าเรื่องของเพื่อนอยู่ดี ๆ กลับมาทำซึ้งกับผมซะงั้น ผมยิ้มบาง ๆ ให้กับวูฟที่มองผมด้วยแววตาอ่อนโยน



   “ผมหวังว่าเพื่อนของคุณจะได้พบกับรักแท้ของเขานะครับ”


   “ฉันก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน....” วูฟว่า ผมเอื้อมมือไปแตะใบหน้าของร่างสูงตรงหน้า


   “คุณวูฟครับ ที่ผ่านมา...คุณเหงามาโดยตลอดใช่ไหม” เขาเงยหน้ามองผม แววตาที่ฉายแววออกมา สะท้อนเห็นผมอยู่ในนั้นด้วย....

   “ใช่...ฉันเหงา และฉันก็ไม่คิดว่าความเหงาของฉัน มันจะถูกทำลายลง เมื่อวันที่เดินชนนายวันแรก...” ผมตาโตแล้วคลี่ยิ้มออกมา ก็เขาพูดถึงวันแรกที่ผมกับเขาเจอกันนี่นา


   เขาจำได้...


   “คุณจำได้ด้วยเหรอครับ” ผมหัวเราะ วูฟเองก็หัวเราะตามผม ราวกับว่าเรานั่งเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เขากับผมเคยเจอกันครั้งแรก เหมือนย้อนความทรงจำเล็ก ๆ ที่เคยเจอกัน ความประทับใจเมื่อแรกเจอ...


   ..........
   ..........

   ผมกำลังยืนมองหมอที่เข้ามาตรวจอาการของวูฟอยู่ในตอนเย็น ประตูห้องน้ำมีคนมาซ่อมให้เรียบร้อยแล้วล่ะครับ เห็นคุณเซย์โดนคุณหมออาวุโสดุเล็ก ๆ ด้วย ฮ่า...ก็เขาเล่นถีบประตูกระเด็นขนาดนั้น


   “เมื่อไหร่จะกลับบ้านได้เหรอ หมอ” เสียงเข้มถามขึ้นหลังจากที่หมอสั่งพยาบาลจัดยา


   “อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง กระดูกไม่มีอะไรได้รับกระทบกระเทือน คาดว่าพรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ” หมอตอบสุภาพ ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม


   “ยิ้มให้เมียผมทำไมหมอ” เสียงเข้มของวูฟดังขึ้น อ้าว..หมอเขายิ้มทักทายครับคุณวูฟ...


   “หวงภรรยาจังเลยนะครับ คุณวูฟ หมอก็แค่ยิ้มทักทาย” หมอว่าขำ ๆ แล้วเดินออกจากห้อง ผมหัวเราะเบา ๆ วูฟที่นอนอยู่บนเตียงกวักมือเรียกผมให้เดินเข้าไปหาเขา


   “หัวเราะอะไรลูดี้ มานี่เลย” ผมก็เลยเดินเข้าไปหาเขา ก็โดนดึงให้ขึ้นไปนั่งบนเตียงกับเขา



   “คุณวูฟ...อย่าดึงมือสิครับ” ผมว่า


   “ไปยิ้มตอบหมอทำไม...รอยยิ้มของนายเป็นของฉันคนเดียว” โอ๊ย...มีอย่างที่ไหนหวงรอยยิ้ม


   “ผมก็ต้องยิ้มตอบคนที่ยิ้มมาสิครับ นั่นหมอนะ”


   “ผิดเหรอที่จะหวง...ก็เล่นน่ารักขนาดนี้” เขาชมโต่ง ๆ ออกมา ผมถึงกับเหวอ


   “เลิกหยอดผมเดี๋ยวนี้เลยนะครับ ผมทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี่ย...” ผมว่า วูฟก็หัวเราะพอใจ มือหนาเลื่อนมาดึงผมเข้าไปกอดไว้แนบกายจนผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ผมรับรู้มาตลอดจากตัวของเขา


   “อะแฮ่ม ๆ” ผมสะดุ้งกับเสียงประตูที่เปิดเข้ามาพร้อมเสียงไอของพ่อวูฟ ผมเลยผลักวูฟออกหัวไปโขกผนังเต็ม ๆ


   “อัก ลูดี้”


   “โอ๊ะ คุณวูฟเจ็บมากไหมครับ”


   “ฮ่า ๆ มันหัวแข็งไม่เจ็บหรอก หนูลูดี้” พ่อของวูฟถือพวกของกินเยอะแยะเข้ามาตามแม่ของวูฟ แม่เดินเข้ามากอดผมไว้ ร่างสูงลูบหัวของตัวเองปอย ๆ


   “ใช่ค่ะ ลูดี้ วูฟหัวแข็งไม่เจ็บหรอก...แล้วนี่แกมากอดน้องไว้ทำไมฮะ จะรังแกน้องเหรอ” แม่ของวูฟดึงผมออกห่างจากร่างสูงทันที ผมถึงกับหัวเราะเล็กน้อย


   “โหย แม่ ใครจะไปรังแกกันเล่า ถึงอยากจะทำก็เถอะ...” เขายิ้มขี้เล่น  “แล้วมาทำอะไรกันครับ?”


   “แหม ฉันก็มาเยี่ยมคนป่วยอย่างแกยังไงล่ะ” แม่ของวูฟว่า ก่อนจะหันมาพูดกับผม


   “ลูดี้ เดี๋ยวออกไปเดินเล่นกับแม่ก่อนดีกว่า ปล่อยให้พ่อลูกเขาคุยธุระไป” ผมพยักหน้ารับรู้ แม้จะแอบสงสัยว่าพ่อกับวูฟจะคุยธุระอะไรกัน แต่ผมก็ยอมเดินออกไปข้างนอกห้องกับแม่ของวูฟ


   ผมเดินตามหลังแม่ออกมาตรงระเบียงที่เป็นที่สำหรับพักผ่อน อากาศวันนี้ดีสุด ๆ เลยครับ...


   “รู้ไหมว่า ตอนที่แม่ได้ยินว่าวูฟเขาขอให้จัดงานแต่งงานขึ้น ทำเอาแม่นึกถึงตอนที่พ่อของวูฟมาขอแม่แต่งงานเลย ใครจะคิดล่ะว่า วูฟจะมีมุมน่ารักขอแต่งงานก่อน นี่แม่ตกใจมากเลยนะ” แม่ของวูฟมายืนอยู่ตรงระเบียง ผมยิ้ม


   “ผมเองก็ตกใจเหมือนกันครับ ตอนคุณพ่อขอคุณแม่แต่งงาน แม่ตื่นเต้นไหมครับ” ผมถาม แม่หัวเราะ


   “แม่ด่าซะด้วยซ้ำจ๊ะ รู้สึกเหมือนตอนนั้นแม่กับพ่อจะไม่ค่อยถูกกัน เขาก็เป็นเหมือนวูฟนั่นแหละ ปากไม่ตรงกับใจ พ่อเขาไม่ได้ยอมรับแม่ แต่เขากลับเป็นคนเดียวที่คอยปกป้องแม่เสมอ ปากบอกไล่แต่เขากลับมีอ้อมกอดอบอุ่นไว้เพื่อแม่เสมอ” แม่บอกด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เหมือนกับวูฟเลยครับ...เขาเองก็เคยไล่ผม แต่การกระทำที่เขาแสดงออกมา


   มันช่างสวนทางกัน...


   “ว่าแต่จะมาพูดเรื่องของแม่ทำไมกันล่ะเนี่ย โฮะ ๆ เขินแปลก ๆ...แล้วตาวูฟเขาขอหนูลูดี้แต่งงานยังไงคะ แม่จินตนาการไม่ออก เจ้าตัวก็ไม่ยอมเล่าให้แม่ฟังด้วย ไหนเล่าให้ฟังซิ” ผมยิ้มก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์น่ารัก ๆ ของวูฟให้แม่ฟัง มันเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ...


   หลังจากที่พ่อของวูฟคุยธุระกับร่างสูงเสร็จพวกท่านสองคนก็พากันกลับบ้าน โดยบอกว่าพรุ่งนี้จะส่งคนมารับกลับ วันนี้ก็ยังมีลูกน้องมาเฝ้าหน้าห้องของวูฟเหมือนเดิม ผมเลยซื้อขนมนมเนยไปฝากพวกเขา


   “จริง ๆ คุณลูดี้ไม่ต้องลำบากซื้อมาก็ได้นะครับ พวกผมเกรงใจ” ลูกน้องสองคนรับกาแฟเย็นเป็นกระป๋องที่ผมยื่นให้


   “ถ้าลูดี้อยากให้ก็ปล่อยให้เขาให้ไปเถอะ” เสียงเข้มที่ยืนพิงประตูห้องทำให้ลูกน้องโค้งตัวเคารพ


   “นายน้อยวูฟ...ครับ ๆ พวกผมขอบคุณคุณลูดี้มากๆ นะครับ” พวกเขาพยักหน้าหงึก ๆ ผมหันไปยิ้มให้วูฟที่มองผมอยู่ ผมชูถุงขนมที่ลงไปซื้อกับคุณแม่อีกเช่นเคย ขนมเยอะแยะเมื่อวานกินหมดแล้วล่ะครับ เกลี้ยงเลย แฮะ ๆ...


   “ผมซื้อขนมมาฝากคุณตั้งหลายอย่าง”


   “เข้ามาในห้องได้แล้วมา ฉันถือให้...” เขารับถุงจากผมไปถือไว้และโอบไหล่ของผมเข้าไปในห้อง “ซื้ออะไรมาเยอะอีกแล้ว จริง ๆ ฉันไม่ได้หิวอะไร....”


   “ก็ผมอยากให้คุณกินด้วยนี่ครับ คุณจะไม่ทานเหรอ เมื่อวานผมเพิ่งทานไปมันอร่อยมาก นะ นะ...ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบของหวานแต่ผมอยากให้คุณลองชิม....” วูฟขยี้ผมของผมเบา ๆ


   “ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่กิน มาสิ ถ้าลูดี้ขอ กินก็ได้ ไหน...ซื้ออะไรมาบ้าง” ผมยิ้มกว้างออกมาแล้วไปนั่งลงข้างวูฟที่นั่งลงตรงโซฟา เลือกของกินที่ผมซื้อมาเยอะแยะ...


   เขายอมกินของที่ผมเสนอให้เขาชิมด้วยล่ะครับ น่ารักจัง...


   |เช้าวันต่อมา|


   วูฟออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ พวกเรากลับมาถึงบ้านเรียบร้อย แต่ว่า!! ตั้งแต่กลับมาบ้าน ผมก็ไม่รู้ว่าร่างสูงหายแวบไปไหน ตอนผมเข้าไปอาบน้ำพอออกมาก็ไม่เจอร่างสูงซะแล้ว? ผมเปิดประตูออกมาก็เจอกับลูกน้องสองคนที่ยืนเฝ้าหน้าห้องของผมอยู่



   “เห็นคุณวูฟไหม? เขาไปไหน” ผมถาม พวกเขาก็พากันทำหน้าเลิกลัก


   “เออ นายน้อยวูฟไปราชการครับ”


   “หา? ไปราชการ ทั้งที่ตัวเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาลน่ะเหรอ ไหนคุณพ่อบอกว่าวันนี้เขาไม่มีงานยังไงล่ะ” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย


   “อ้อ คือมันเป็นงานกะทันหันน่ะครับ นายน้อยสั่งพวกผมว่าถ้าคุณลูดี้อาบน้ำเสร็จให้นั่งเล่นอยู่ในห้อง เดี๋ยวจะมีอาหารมาเสิร์ฟครับ”


   “พวกคุณกำลังปิดบังอะไรผมอยู่รึเปล่าครับ คุณวูฟเขาไปงานราชการจริง ๆ ใช่ไหม” ผมถามย้ำ ยิ่งทำให้ลูกน้องทั้งสองคนมีอาการอ้ำอึ้ง


   “ชะ...ใช่ครับ คุณวูฟไปราชการ....”


   “คุณลูดี้คะ อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ” เสียงป้านมดังขึ้นเหมือนเสียงช่วยลูกน้องของวูฟที่กำลังทำหน้าเกร็ง ๆ ผมเลยละสายตาจากพวกเขา


   “พวกคุณไปพักเถอะ เดี๋ยวผมให้ป้านมอยู่เป็นเพื่อนเอง” ผมบอก พวกเขาก็เลยพยักหน้ารับรู้ ผมเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ป้านมก็เดินตามเข้ามาด้วย


   “เป็นยังไงบ้างคะ ร่างกายโอเคขึ้นมากแล้วใช่ไหม ป้าทำอาหารอ่อน ๆ แต่รสชาติเข้มขึ้นหน่อย หนูลูดี้น่าจะชอบ” ป้ายิ้มให้ผม พร้อมกับวางอาหารหน้าตาน่าทานลง


   “ร่างกายของผมโอเคมากครับ ขอบคุณนะครับ ป้านมดีกับผมมาก ๆ เลย”


   “ก็หนูลูดี้ทั้งน่ารัก ทั้งแสนดีขนาดนี้ ใครไม่รักก็ถือว่าใจด้านชาไปแล้วล่ะค่ะ ว่าแต่...นายน้อยไปไหนล่ะคะ?” ป้าถามคำถามที่ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า วูฟหายไปไหนครับ...ผมส่ายหน้า


   “ไม่ทราบเหมือนกันครับ พอผมอาบน้ำเสร็จก็ไม่เห็นเขาเลย” ผมว่า และเลิกคิดเพราะคิดว่าวูฟคงไปทำงานราชการ แต่ผมจะวีนใส่เขาดีไหมที่จู่ ๆ ตัวเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาลแท้ ๆ แต่กลับไปทำงานราชการ


   ไม่บอกผมสักคำอีก....มันน่านัก!


   หลังจากผมกินข้าวจนอิ่ม ตอนนี้ผมก็นั่งเล่นอยู่ในห้องเพียงคนเดียว แอร์ที่ถูกเปิดอยู่ทำให้อากาศในห้องเย็นสบายสุด ๆ ผมหยิบหนังสือมาเปิดอ่านดูก็ต้องเงยหน้าขึ้นกับประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ...วูฟนั่นเอง


   เขาดูตกใจผมนิดหน่อยที่เห็นผมนั่งอยู่ตรงโซฟา สายตาของผมเหลือบไปเห็นมือของเขาเปื้อนดินมา


   “ลูดี้...ทำอะไรอยู่เหรอ” เสียงเข้มถามพร้อมกับยิ้ม ผมมากกว่านะที่ควรถามเขา


   “อ่านหนังสือครับ คุณวูฟไปไหนมาเหรอครับ?”


   “อ้อ พอดีฉันไปคุยกับคุณแม่มาน่ะ” ผมเลิกคิ้ว ไหนลูกน้องบอกเขาไปงานราชการ?


   “เหรอครับ ทำไมมือของคุณเปื้อนล่ะ” เขากำลังจะเอามือไปซ่อนไว้ด้านหลังแต่ไม่ทันแล้วครับ วูฟชะงัก


   “อ๋อ พอดีฉันเดินผ่านเข้ามาทางสวน มือก็เลยไปละต้นไม้มาด้วยน่ะ ฮ่า ๆ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนนะ จะได้กลับมากอดลูดี้ได้” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม ผมก็เลยยิ้มตอบ


   “ก็ได้ครับ คุณไปอาบน้ำเถอะ แล้วคุณได้ทานอะไรรึยังครับ ผมจะได้บอกป้านมทำมาให้”


   “ยังไม่ได้ทานอะไรเลย ลูดี้เลือกเมนูให้ฉันหน่อยก็แล้วกัน” เขาบอกและเดินเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำ จังหวะนั้นผมก็ได้กลิ่นดอกกุหลาบที่ลอยฟุ้งออกมาจากตัวของเขา


   ราวกับว่าวูฟไปอยู่ในดงกุหลาบมาอย่างงั้นแหละ...



   “ตกลงเขาหายไปไหนของเขามากันแน่ จะทำยังไงให้ยอมเปิดปากบอกเรานะ...” ผมพึมพำอย่างใช้ความคิด




..............................................................................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารัก  :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.15 (100%) | 28/12/2560 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-12-2017 23:25:11
วูฟไปแอบทำเซอร์ไพรส์อะไรให้ลูดี้อีกหรือป่าว?
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.16 (100%) | 16/2/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 16-02-2018 19:29:22
ตอนที่ 16


   [พาร์ตของลูดี้]


   เมื่อคืนผมรู้สึกว่าตัวเองจะหลับไปก่อนวูฟซะด้วยซ้ำ ช่วงนี้ผมค่อนข้างง่วงนอนง่ายน่ะครับ เลยหลับไม่รู้เรื่องเลย รู้เพียงแค่ว่าอ้อมกอดเขาที่กอดผมไว้มันอบอุ่น ไม่รู้เขาได้กินข้าวที่ผมบอกป้านมทำมาให้รึเปล่า ผมไม่ได้ถามเลยว่าตกลงเจ้าตัวเขาหายไปไหนมา ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้ไปงานราชการ เดาเอาจากความรู้สึกผมครับ

         ฮ่า...ไม่รู้จริงรึเปล่านะ


   ผมตื่นนอนมาก็ไม่เห็นร่างสูง หายไปไหนอีกแล้ว ผมบิดขี้เกียจคลายเส้นก่อนจะเห็นประตูห้องนอนเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงถือถาดอาหารอยู่ ผมเลิกคิ้วกับวูฟที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินอยู่ด้วย


   “อรุณสวัสดิ์ยามเช้าลูดี้ หิวรึยัง”


   “คุณวูฟ ตื่นเช้าจังครับ กลิ่นอะไรหอมจัง” ผมสูดลมหายใจเข้าได้กลิ่นอาหารมันหอมมาก ชวนให้ท้องร้องจ๊อก ๆ ขึ้นมาทันที วูฟวางลงข้างเตียงแล้วเดินไปเปิดผ้าม่านออก เขาดูเป็นคุณพ่อบ้านจัง...ไม่คิดว่าจะเห็นเขาในลุคนี้


   แค่ผมหรือเปล่านะ ที่ได้เห็น ผมอมยิ้มเล็กน้อยจนร่างสูงหันมามอง


   “ยิ้มอะไรคนเดียว หืม?...ลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนไป จะได้มาทานข้าว ค่อยอาบน้ำตอนสาย ๆ ก็ได้” เขาบอก ผมพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะก้าวลงจากเตียงเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมรู้สึกว่าผมของผมข้างหน้ามันยาวลงมาปิดตาผมแฮะ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่เปียกน้ำ ลืมเอาผ้าขนหนูเข้าไปด้วย


   “ทำไมออกมาเปียก ๆ แบบนี้ล่ะ มานี่เลยเดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”


   “ผมไม่ได้เป็นไข้ง่ายขนาดนั้นซะหน่อย” ผมเถียง จริงนี่นา...ผมไม่ได้อ่อนแอนะครับ แข็งแรงออก โชว์กล้ามแขนให้ดูเลย (ไหนกล้ามแขนของลูดี้....แฮะ ๆ) วูฟเอาพามาเช็ดหน้าให้ผมพร้อมกับเช็ดปลายผมที่มันเปียกด้วย

   “ตัวเองกำลังท้องกำลังไส้อยู่ ต้องระวังไว้ให้มาก ๆ รู้ไหม อย่าทำให้ฉันเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายเล่นสิ”


   “ครับ รู้แล้ว ผมก็ดูแลตัวเองดี ๆ อยู่” ผมยิ้มกว้างให้เขา วูฟยิ้มตอบเล็กน้อย


   “ดีมาก เด็กดี มาดูสิว่า วันนี้ฉันทำอะไรมาให้นายกิน” เขาชวน ผมมองอย่างตื่นเต้น เขาบอกว่าเขาทำเองงั้นเหรอ??


   “คุณทำเองเหรอครับ ว้าว...เมนูนี้ไม่ใช่ข้าวต้มแฮะ” ผมล้อ คราวก่อนที่เขาดูแลผม ผมได้กินแต่ข้าวต้มนิครับ แต่วันนี้เป็นสปาเก็ตตี้ที่หอมเหมือนกลิ่นสมุนไพรเลย ผมขึ้นไปนั่งบนเตียงโดยมีร่างสูงถือจานไว้ให้


   “อย่าล้อฉันแบบนั้นสิ รู้ไหมว่านี่ตื่นไปทำตั้งแต่ตีห้าเชียวนะ” ดูท่าทางเขาภูมิใจมากกับเมนูนี้


   “ล้อเล่นรึเปล่าครับเนี่ย” ผมเลิกคิ้ว วูฟไม่มีท่าทีว่าล้อเล่น เขายิ้มเขินเมื่อผมหัวเราะออกมา


        “โอ๊ย คุณวูฟ ทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากขนาดนั้นล่ะครับ จริง ๆ ให้ป้านมทำมาให้ผมก็ได้...”


   “ผิดไหมถ้าอยากทำให้ภรรยากินเอง” ประโยคสั้น ๆ แต่พลังการทำลายล้างสูงมาก



   “คุณวูฟ...” เขายิ้มแล้วก้มลงมาจูบหน้าผากผม บอกตรง ๆ ว่าผมยังไม่ชินที่เขาหวานใส่แบบนี้


   “ทานเยอะ ๆ นะ ถ้าหิวอีก บอกฉัน ตอนนี้เรียนรู้การทำอาหารหลายอย่างไว้แล้ว เหลือที่ยังไม่เคยศึกษาก็คือ ขนมชั้นที่ลูดี้ชอบ กำลังพยายามหาวิธีทำมาอ่านอยู่” เขาบอกออกมาด้วยความใส่ใจทุกอย่างจนผมอึ้ง ผมหุบยิ้มแทบไม่ได้


   เหมือนเขากำลังพยายามเอาอกเอาใจคนท้องอย่างผมเต็มที่



   “ขอบคุณนะครับ ผมจะทานเยอะ ๆ เลย” ผมบอกแล้วตักอาหารที่เขาทำมาให้กิน มันอร่อยมาก...
ผมว่าฝีมือการทำเมนูครั้งแรกของเขาถือว่าเยี่ยมยอดมาก ดูวูฟจะดีใจเหมือนกันที่ผมบอกว่าชอบเมนูนี้ของเขา


     หลังจากกินเสร็จเขาเอาจานไปเก็บ ส่วนผมเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจเฉิ่ม ผมอาบน้ำอยู่สักพักก็เดินออกมาจากห้องน้ำ สายตามองหาร่างสูงที่หายตัวไปไหนอีกแล้วไม่รู้ เอ๋...ผมว่าเขาเริ่มจะหายบ่อยเกินไปจนน่าสงสัยแล้วล่ะครับ ไม่ใช่ผมระแวงอะไรเขานะ แต่ผมกลัวว่าเขาเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายโดยที่ไม่ยอมบอกผม


   ช่วงที่ผมกำลังท้องอยู่ ฮีทเลยไม่ทำงานครับ ผมเลยค่อนข้างสบายตัวไม่ต้องกลัวอาการฮีทขึ้นกระทันหัน ผมใส่เสื้อไหมพรมสีน้ำเงิน วันนี้อากาศหนาวหน่อย ๆ (เมื่อวานเห็นบอกมีพายุเข้าด้วยล่ะครับ วันนี้เลยค่อนข้างมีลม) ผมเลือกเสื้อตัวอุ่น ๆ เพื่อทำให้ร่างกายไม่เย็นเฉียบจนเกินไป เอาล่ะ...ถ้าวูฟยังไม่กลับมาภายใน 5 นาที ผมจะออกไปหาเขา


   ผมนั่งมองเวลาอยู่สักพักจนครบ ไร้วี่แววของร่างสูง...ผมเลยเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปตามหาเขา แต่พอเปิดประตูออกถึงกับชะงักกับกล่องกระดาษที่มีลูกโป่งห้อยอยู่ด้วย พร้อมกับโน้ตเล็ก ๆ อะไรเนี่ย...


   “ใครเอามาวางไว้ตรงนี้...” ผมพึมพำก่อนรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นที่ใบหน้าผม เมื่อเห็นข้อความในโน้ต


   ‘ลงมาหาหน่อยสิ รออยู่ที่สวนนะ’


   “จะเล่นอะไรของเขากันนะ...ถ้าแกล้งเราจะโมโหให้ดูเลย” ผมว่าแต่ขาของผมก้าวเดินออกไปตามทางเดินตรงไปยังสวนดอกไม้


   ผมเดินตามทางที่ถูกถางไว้อย่างดี ก้อนหินแต่ละก้อนเหมือนถูกเอามาเรียงใหม่ ผมเดินเข้ามาในสวนดอกกุหลาบถึงกับเบิกตากว้างกับภาพตรงหน้า ดอกกุหลาบสีแดงสดถูกปลูกใหม่ทั้งหมดแทบจะเรียกได้ว่าเป็นทุ่งของดอกกุหลาบ และผู้ชายที่ยืนอยู่ในวงของดอกกุหลาบคือ วูฟ...เขากำลังส่งรอยยิ้มหวานมาให้ผม


   “คุณวูฟ นี่มันอะไรกันครับ ทำไมดอกกุหลาบเยอะแยะขนาดนี้” ผมเดินเข้าไปหาเขาที่ยืนอยู่ตรงกลางของดอกกุหลาบมากมายที่ส่งกลิ่นหอม ลมก็พัดเอื่อย ๆ วูฟเอามือซ่อนไว้ข้างหลังสองข้างก็ลดมือลงยื่นสิ่งที่เขาซ่อนไว้


   “สำหรับลูดี้” ผมตาโตอึ้งกับสิ่งตรงหน้ามันคือ หนังสือเล่มที่ผมหา...หนังสือเชื่อฉันว่ามันคือรัก...


   “คุณไปหามาได้จากไหนกันครับ?” ผมรับมาอย่างดีใจ วูฟยิ้มตาม เขาเอื้อมมือมารั้งเอวผมเข้าไปหา ผมหน้าร้อนวูบกับลมหายใจที่รดต้นคอผมอยู่ 


   “ความจริงฉันเจอมันนานแล้ว เจอตั้งแต่วันที่ลูดี้ไปหาที่ร้านหนังสือ เพียงแต่ฉันอยากจะเซอร์ไพร์เลยไม่ได้เอาให้...จริง ๆ ต้องขอบคุณเล่มนี้ด้วยซ้ำ ที่ทำให้ฉันเริ่มจะเชื่อว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้นคือรัก...” เขาเน้นย้ำตรง ๆ แววตาคมโตประดุจเหยี่ยวกำลังจ้องผมใกล้ ๆ


   ผมหลบสายตาของเขาด้วยความเขิน แต่ร่างสูงกลับไม่ยอมให้ผมหันหน้าหนี มือหนาเชยคางของผมขึ้น


   “ลูดี้ ถ้าฉันจะขอฟังความรู้สึกของนายชัด ๆ สักครั้ง ได้ไหม”


   “.........”


   “ถ้าฉันบังคับนายมากเกินไปก็ไม่....”


   “ผมก็รักคุณครับ...” ผมสารภาพออกไป แต่กลับไม่กล้าที่จะมองตาของเขา วูฟรั้งเอวผมเข้าไปใกล้กว่าเดิม วูฟยิ้มออกมาเหมือนดีใจมากที่ได้ยินคำเล็ก ๆ จากปากของผม


   “ตั้งแต่เมื่อไหร่” คำถามเขาทำเอาผมไปไม่เป็น ผมเงยหน้ามองเขาที่จ้องผมตาไม่กระพริบ โอ๊ย...ลูดี้ ไม่รอดจากคำถามนี้แน่นอน

   “ผมต้องตอบด้วยเหรอครับคำถามนี้...”


   “ตอบสิ ฉันอยากฟัง” เขายืนยัน ผมเม้มปากนิด ๆ


   “ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มีคุณเข้ามาอยู่ในหัวใจ รู้ตัวอีกที ผมก็มีคุณในใจแล้ว...”


   “เหมือนกันเลย” เสียงเข้มกระซิบข้างหู ผมมองหน้าเขาอึ้ง ๆ

        “ฉันเองก็ไม่รู้ว่า มีนายอยู่เต็มหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...” มือหนาเลื่อนมาลูบหน้าผมอย่างแผ่วเบา


   “งานแต่งงานของเราพร้อมแล้วนะ เจ้าสาวของฉัน...” ผมตาโตกับการ์ดที่เขาหยิบออกมาจากเสื้อสูทของเขา มันเป็นชื่อของผมและวูฟ...


   “เอ๊ะ เดี๋ยวนะครับ แต่งพรุ่งนี้เหรอครับ” ผมดูวันที่ถึงกับอึ้งไปอีกรอบ วูฟกระตุกยิ้มแล้วก้มลงมาหอมแก้ม


   “ใช่ แม่ของฉันหาวันมงคลเองเลยนะ พรุ่งนี้เหมาะที่สุด เลื่อนไม่ได้ด้วย งานเราไม่ได้จัดใหญ่โตมากหรอก แค่เชิญคนครึ่งแสน สื่ออีก 10 สำนักมาทำข่าว” เขาพูดทีเล่นทีจริง ผมทุบไหล่ของเขาด้วยความหมั่นไส้


   “คุณวูฟ พูดจริงหรือพูดเล่นครับ เรื่องคนมาร่วมงานกับสื่อเนี่ย”

   “จริงสิ จะหลอกทำไมล่ะ” เขายิ้มกวน ๆ ดูเหมือนวูฟจะแสดงอารมณ์มากกว่าเมื่อก่อนมาก ๆ เลยครับ

         ผมชอบที่เขาเป็นแบบนี้ ผมเปิดดูการ์ดในมืออย่างสนใจ


   “เอาหนังสือมานี่ก่อนมา เดี๋ยวฉันถือไว้ให้” เขาว่าแล้วเอาหนังสือเล่มที่เขาเพิ่งยื่นมาเซอร์ไพร์ให้ ผมดูก่อนจะถาม



   “คุณวูฟครับ เออ ที่คุณปลูกดอกกุหลาบเป็นทุ่งให้ผมแบบนี้...”


   “รู้เหรอว่าฉันปลูก” เขาทำตาโตเหมือนผมไม่รู้...คุณวูฟไม่เนียนครับ ผมรู้หมดแล้ว โฮะ ๆ


   “รู้สิครับ มือเปื้อนดินกับกลิ่นกุหลาบเต็มตัวขนาดนี้ เหนื่อยไหมครับ ผมเห็นเหมือนมือของคุณมีแผลด้วย” ผมถามพลางเอื้อมมือไปจับมือเขาดู มันมีแผลจากหนามของกุหลาบจริง ๆ ด้วย


   “ไม่เจ็บหรอก แค่นี้จิ๊บ ๆ ฉันแค่อยากทำอะไรให้ลูดี้ แบบว่าในหนังสือพวกเทพนิยายเห็นเขาชอบปลูกกุหลาบกันน่ะ ก็เลยคิดว่าปลูกเป็นทุ่งน่าจะสวย” เขาพูดออกมาอาย ๆ นิดหน่อย แต่มันเรียกรอยยิ้มของผมได้


   “คุณอ่านนิยายโรแมนติกเหรอครับ”


   “ใช่ แอบอ่านตอนที่ลูดี้นอนแล้วน่ะ แล้วก็ไปขอคำปรึกษาจากแม่มาด้วยอีกแรง” เขาอธิบายเบื้องหลังทุ่งกุหลาบสวย ๆ ตรงหน้า ผมเดินไปจับดู มันหอม แถมยังสีสดอีกด้วย ดูก็รู้ว่ามันเป็นพันธุ์กุหลาบอย่างดี ผมยิ้มให้เขาที่เดินมาดูด้วย


   “ขอบคุณนะครับ ผมชอบมันมากเลย จริง ๆ สวนตรงนี้ถ้ามีที่ไว้นั่งเล่นเป็นศาลาด้วย น่าจะเหมาะเป็นที่อ่านหนังสือได้” ผมเสนอ วูฟพยักหน้ารับรู้เห็นตาม


   “อืม ฉันเองก็คิดเหมือนกัน งั้นไว้เรามาออกแบบสวนนี้ด้วยกันนะ” ผมพยักหน้าสนใจ ผมอยากออกแบบสวนแบบนี้มานานแล้วครับ จริง ๆ เคยอ่านแต่พวกตกแต่งสวนในหนังสือ ผมไม่เคยคิดหรอกครับว่าชีวิตของผมจะได้มาอยู่ในบ้านหลังใหญ่แบบนี้...

   “ตกลงครับ” วูฟยิ้มตอบผมแล้วเงยหน้ามองแดดที่เริ่มแรงขึ้น เขาเอามือมาป้องตรงหน้าผมไว้


   “เดี๋ยวเข้าไปในบ้านกันดีกว่า แดดอ่อน ๆ ก็จริง แต่มันคงไม่ดี ถ้าให้คนท้องตัวเล็ก ๆ แบบนายมายืนอยู่ตรงนี้นาน ๆ” เขาพูดห่วงใยจนผมรู้สึกได้


   วูฟพาผมกลับเข้าไปในบ้านแล้วพาผมขึ้นไปห้องนอนที่เปิดแอร์อุณหภูมิพอเหมาะ เขาดูแลผมดีมากเลยครับ เหมือนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคนท้อง...น่ารักจัง ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงคนเดียว ส่วนร่างสูงออกไปข้างนอก คราวนี้เขาไม่ได้หายไปเฉย ๆ ครับ แต่เขาบอกผมว่าจะไปดูสถานที่จัดงานที่แม่กับพ่อของเขาเตรียมไว้ ตอนแรกผมจะไปด้วย แต่วูฟก็ยืนยันว่าอยากให้ผมพักอยู่ที่ห้อง ผมเลยไม่อยากขัดเขาอ่ะครับ เห็นเขาทำหน้าเป็นห่วงผมเลยยอมอยู่ในห้อง


   ผมเปิดหนังสืออ่าน พลางคิดถึงเรื่องที่ผมได้เข้ามาอยู่ในบ้านของวูฟ มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งสำหรับผมเลยครับ ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสได้เจอกับคนที่เป็นคู่แห่งโชคชะตา แถมตอนนี้ผมกำลังจะมีลูกกับเขา ผมลูบท้องของผมเบา ๆ ผมนอนลงแล้วเอาหนังสือมาเปิดดูไปเรื่อย ๆ...ใช้เวลาไม่นานผมก็อ่านเล่มนี้จบ ผมลุกขึ้นนั่งมองหาหนังสืออีกเล่มที่ตัวเองยังอ่านไม่จบ


   “หนังสือเล่มนั้นเอาไปวางไว้น๊า...” ผมคิด ผมว่าผมเอาไว้แถวนี้นี่ครับ ผมมองหาแล้วเห็นมันอยู่บนตู้เสื้อผ้าพร้อมกับหนังสืออีก 2-3 เล่ม ใครเอาไปไว้บนนั้น? เดาว่าอาจจะเป็นร่างสูง เขาอาจจะไม่รู้ที่เก็บเลยเอาขึ้นไปวางไว้


   ผมเอื้อมมือจะไปหยิบแต่ปรากฏว่า ขาผมสั้นไป...แฮะ เอื้อมไม่ถึง ผมเลยไปลากเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งมา ผมจับ ๆ ดู มันมั่นคงดีครับ ผมน่าจะเหยียบได้ ผมขึ้นไปเหยียบบนเก้าอี้ก่อนจะหยิบหนังสือได้ แต่ผมลืมว่าตัวเองอยู่บนเก้าอี้ ผมรับรู้ว่าตัวเองกำลังก้าวพลาด

   “เหวอ...”

   หมับ

   วูฟเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่ว่าเขารับผมที่กำลังจะตกจากเก้าอี้พอดิบพอดี เฮือก เกือบไปแล้ว...

   “ลูดี้! ทำอะไรเนี่ย ฉันตกใจหมด ไปยืนบนเก้าอี้ทำไมกัน???” เขาพูดดุขึ้น ผมเลยยิ้มแห้งเมื่อเขาอุ้มโดยใช้สองมือประคองตรงเอวของผม แล้วพาเดินไปที่เตียง วูฟวางผมลงบนเตียง

   “เออ ผมหาหนังสือเล่มที่อ่านค้างไว้อยู่ครับ เห็นมันอยู่บนนั้นก็เลย...” เขามองตามสายตาของผมขึ้นไปบนตู้ที่ผมเพิ่งจะไปหยิบหนังสือมาเมื่อกี้ วูฟเอามือแปะหน้าผากตัวเอง

   “เฮ้อ บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำอะไรให้ฉันหัวใจจะวาย ถ้าฉันไม่เข้ามาพอดี รู้ไหมถ้าล้มไป ตัวเองอาจจะบาดเจ็บได้ หืม?” เขาถามเสียงเข้ม ผมพยักหน้าสำนึกผิด เมื่อกี้จับเก้าอี้ดูแล้วมันแน่นหนานี่นา...

   “ผมขอโทษครับ” ผมก้มงุด วูฟนั่งลงข้างผมแล้วดึงแก้มของผมเบา ๆ


   “ไม่ต้องขอโทษหรอก แค่สัญญากับฉันว่า จะไม่ทำอะไรที่ดูอันตรายสำหรับนายแล้วก็ลูก”


   “โอเคครับ ผมจะไม่ทำอะไรที่มันอันตรายอีก” ผมพยักหน้าหงึก ๆ ทำตาปริบใส่เขา วูฟหลุดยิ้มออกมาแล้วมองหนังสือในมือ


   “ดีมาก ดูเหมือนหนังสือเล่มนี้ ฉันจะเป็นคนเอาขึ้นไปวางไว้เองล่ะมั้ง เพราะเห็นมันวางกองอยู่กับพื้น ตู้หนังสือก็เต็มแล้ว...ไว้จะสั่งชั้นมาให้เพิ่มละกัน” เขาว่า วูฟนอนตะแคงข้างลงบนเตียงมองผมที่เปิดหนังสือเล่มหนา (ที่เพิ่งปีนเสี่ยงอันตรายไปเอามาเมื่อกี้ ฮ่า...เกือบโดนวูฟดุอีกแล้ว


   “ไปดูสถานที่มา เป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามขึ้น เขาเอามือค้ำหัวเขาไว้มองผมนิ่ง ผมเลยจับหน้าของตัวเอง

   “มีอะไรติดหน้าของผมเหรอครับ” เขาส่ายหน้า ก่อนหน้าของผมจะร้อนวูบ เมื่อร่างสูงเอานิ้วแตะปากของเขา


   “จูบฉันหน่อยสิ ถึงจะบอกว่าสถานที่งานแต่งเราเป็นยังไงบ้าง” เอ๋...เขากระตุกยิ้มกวน
   “คุณวูฟ อย่ามาแกล้งสิครับ ใครจะไปจูบกันล่ะ...”


   “แค่จูบเอง ให้แค่นี้ไม่ได้เหรอ” เสียงเข้มถามจริงจัง ผมเขยิบออกห่างจากเขาไปอยู่อีกมุมของเตียง วูฟเลิกคิ้วสูงมองผมที่หนีเขา


   “ให้เวลา 3 วิ เขยิบมาใกล้ ๆ ฉัน ไม่ทำอะไรหรอกน่า จะคุยเรื่องไปฮันนี่มูน” เขาว่า ผมมองอย่างไม่ไว้ใจ


   “แต่ผมไม่จูบคุณนะครับ” ผมยืนยัน ก็มันเขินไงครับ...ใครจะไปกล้าจูบก่อนเล่า


   “1” เขาเริ่มนับ

   “....” ผมมองหน้าเขา


   “2” เขายังนับต่อ นี่เอาจริงเหรอ ผมรีบเขยิบเข้าไปหาเขา วูฟฉุดแขนผมให้เข้าไปใกล้เขา ทำให้ผมล้มลงไปหาร่างสูงที่พลิกตัวนอนหงาย ผมซบลงตรงแผงอกพอดีเป๊ะ...


   “คุณวูฟ!”


   “อยู่นิ่ง ๆ ขอนอนกอดแบบนี้หน่อย” ผมดิ้นขลุกขลักชะงักกับมือหนาที่ยกมาโอบกอดเอวผมไว้ ผมหยุดดิ้น ผมนอนอยู่บนตัวเขาโดยที่หน้าแนบอยู่ตรงหัวใจวูฟ


   ใจของเขาเต้นแรงจัง...แรงพอ ๆ กับของผมเลย



   “ตัวของนายเล็กจังลูดี้ แต่นายเข้มแข็งกว่าคนตัวโต ๆ อย่างฉันซะอีก” เสียงเข้มพูดออกมาเรียบ ผมยิ้ม


   “ใครว่าคุณไม่เข้มแข็งครับ สำหรับผม คุณเข้มแข็งมาก”


   “อย่าชมฉันสิ เดี๋ยวฉันก็ได้ใจ...” ผมสะดุ้งเมื่อเขาพลิกตัวผมลงไปอยู่ใต้ร่างของเขา วูฟใช้มือกั้นผมไว้ ผมดันแผงอกตรงหน้า ใจเขาเต้นตุบ ๆ


   “อ๊ะ คุณวูฟจะทำอะไรครับ” ผมหลับตาปี๋กับใบหน้าหล่อคมที่ก้มลงมา


   “ถ้าบอกว่าจะปล้ำ จะยอมให้ทำไหมล่ะ” น้ำเสียงขี้เล่นทำเอาผมเหวอ เดี๋ยวนี้เขากล้าเล่นมุขแบบนี้ด้วยเหรอครับ หรือเขาคิดจะทำจริง...


   “ไม่ได้นะครับ ผมท้องอยู่ อีกอย่างผมไม่ได้ฮีทขึ้นซะหน่อย” ผมบ่นอุบอิบก่อนจะตาโตกับสิ่งที่เขาพูดออกมาข้างหู


   “เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องฮีทขึ้น ฉันพร้อมจะกินนายได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว” ผมสะดุ้งแล้วหน้าร้อนฉ่า วูฟก้มลงมาจูบไหล่ของผม จุ๊บ ๆ อยู่นั่นแหละ  ผมหัวเราะออกมาอย่างจั๊กจี๊


   “คุณวูฟ ฮะ ๆ หยุดแกล้งผมได้แล้ว ถอยออกไปเลย” ผมเอากำปั้นทุบเขา แต่มันไม่สะเทือนเลยสักนิด...


   “ผลักออกให้ได้สิ หึหึ โอเค ไม่แกล้งก็ได้” เขาหัวเราะพอใจที่เห็นผมทำหน้ามุ่ย วูฟยอมลุกออกจากตัวผมแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างผมแทน “ว่าแต่ คิดไว้ด้วยนะว่าอยากไปฮันนี่มูนที่ไหน” เขาหันมาบอกผม


   “จริง ๆ คุณคิดก็ได้นะครับ ผมไปที่ไหนก็ได้” ผมหันไปสบตากับเขา


   “ฉันให้ลูดี้เลือก เพราะฉันตามใจภรรยาเสมอ”


   “ก็ผมไม่มีไอเดียอะไรนี่นา คุณมีที่อยากไปไหมครับ?” ผมถาม จริง ๆ ผมไม่เคยคิดอยากจะไปเที่ยวไหน ส่วนมากผมไม่เคยไปเที่ยวหรอกครับ เลยไม่รู้รายละเอียดสถานที่ วัน ๆ อยู่แค่ในเมืองที่ตัวเองทำงานอยู่ก็เท่านั้น


   “ปกติไม่ค่อยไปไหนซะด้วยสิ” เขาเกาหัวแกรก ๆ จนผมหัวเราะออกมา จริงด้วย...ผมว่าวูฟเองคงชอบที่จะอ่านหนังสืออยู่ในห้องมากกว่า เราสบตากันแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกันอีก


   “แสดงว่า เราสองคนไม่รู้จักสถานที่ที่จะไปฮันนี่มูน ผมว่า...ความจริงเราไม่ต้องไปก็ได้นะครับ”


   “ไม่ได้! ต้องไป ไม่งั้นมันก็จะไม่ครบสูตรการแต่งงานสิ” วูฟพูดจริงจัง



   “ก็ได้ครับ ไป ๆ คุณมีหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวสักเล่มไหมครับ เราจะได้เอามาเปิดดูกันว่ามีที่ไหนบ้างที่น่าสนใจ”


   “อืม เหมือนจะมี เดี๋ยวไปหาดูให้ก่อน” เขาลุกขึ้นไปค้นแถว ๆ ตรงกองหนังสือทันที ก่อนเสียงเคาะประตูจะดังขึ้น


   “วูฟ แม่พาคนมาติดตั้งที่กันกระแทกตามเครื่องใช้แล้ว” แม่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับสาวใช้อีกสองสามคน วูฟหยิบหนังสือได้พอดี


   “พอดีเลยครับ เดี๋ยวผมจะพาลูดี้ออกไปสูดอากาศตรงระเบียง งั้นช่วยจัดการให้ด้วยนะ ตามขอบมุมเตียง อย่าให้มีอะไรแหลม ๆ เดี๋ยวมันจะเป็นอันตรายต่อลูดี้” วูฟว่า ผมมองงง ๆ แต่ไม่ทันที่จะถามอะไรเขาก็อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิง


   “ออกไปรอข้างนอกกับฉันก่อนดีกว่า” ผมมองสาวใช้ที่พากันเอาผ้านุ่ม ๆ ไปผูกไว้ตามขอบเตียง ที่มันแหลม ๆ  (ประมาณว่าวูฟหาทางปกป้องผมเต็มที่ ไม่ให้ร่างกายของผมกระทบกระเทือนเลยแม้แต่น้อย) ผมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อเขาพาผมออกมาตรงระเบียงที่ผมเคยเจอเขาตอนที่เขาโยนเงินใส่ผม คิดแล้วก็ขำ...ไม่คิดเลยนะครับ ว่าผู้ชายตรงหน้าตอนนี้ จะเป็นคน ๆ เดียวกัน



   “หัวเราะอะไรคนเดียว หือ?” เขาวางผมลงตรงที่นั่ง

 
   “เปล่าครับ แค่คิดอะไรนิดหน่อย นั่งสิครับ ผมอยากเลือกที่ไปฮันนี่มูนกับคุณ” ผมว่าพลางกางหนังสือท่องเที่ยวที่เขาหยิบออกมาด้วยดูแต่ละหน้าไป วูฟนั่งลงแล้วตบระหว่างขาของเขา


   “มานั่งใกล้ ๆ ฉันนี่มา ฉันจะได้ดูถนัด” เขากางแขนให้ผมเข้าไปในอ้อมกอดเขา

   “ทำไมต้องใกล้ขนาดนั้นด้วยล่ะครับ...ก็ได้ครับ ผมจะเขยิบเข้าไปเดี๋ยวนี้” ผมปฏิเสธแต่เขาหรี่ตาลงแบบบังคับ ผมเข้าไปนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา แถมยังอยู่ระหว่างขาของเขาอีก...บอกทีว่าผมจะปลอดภัย


   “เกร็งขนาดนี้ กลัวฉันทำอะไรรึไง หือ...” ผมยังไม่ทันได้ตอบก็โดนคนตัวโตกว่าขโมยหอมแก้ม

   ฟอด...

   “อ๊ะ คุณวูฟ หอมแรงไปแล้วแก้มจะช้ำ...เอาเปรียบผมอีกแล้ว” ผมดันหน้าเขาที่จะมาขโมยหอมอีกแก้ม

   “ฉันให้หอมคืนเลย เอ้า...หอมสองข้างเลยก็ได้” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ มีอย่างที่ไหนกันครับแบบนี้


   บ้า...


   “ไม่เอาหรอกครับ ไหนบอกว่าเราจะมาหาสถานที่ไปฮันนี่มูนไง”


   “เอาสิ รีบเลือกเลย วันนี้ต้องนอนเร็ว ๆ นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าสาวจะขอบตาคล้ำได้” เขาพูดพลางลูบใต้ตาผม ตาของผมเหมือนหมีแพนด้าเหรอ...ผมยิ้มออกมาก่อนจะเปิดหนังสือผ่าน ๆ ส่วนวูฟจ้องหน้าของผมแบบว่า...ละสายตาบ้างก็ได้ครับ ผมไม่ได้จะหายไปไหนซะหน่อย

   ผมเขิน...ผมดูไปได้สักพักเลยเงยหน้าถามเขาที่จ้องหน้าของผมอยู่เหมือนเดิม

   “ผมให้คุณตัดสินใจนะครับ ผมจะเสนอสถานที่ให้” ผมปรบมือแปะ ๆ แล้วโชว์มือซ้ายขึ้น เขาดูจะตั้งใจฟังผมมาก

   “คุณจะไป ทะเล หรือ จะไปเที่ยว ภูเขา...” มือขวาของผมโชว์ขึ้น “เลือกมาหนึ่งครับ” แต่คำตอบที่ผมได้รับทำเอาผมหลุดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้


   “ฉันเลือกลูดี้...” เขาชี้มาที่ผม “เพราะไม่ว่าที่ไหนฉันก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น ขอแค่ คนที่ฉันได้ไปด้วยคือ นายเท่านั้น”


   “ไหงมาโยนให้ผมเป็นคนตัดสินใจล่ะครับ” ผมว่าขำ ๆ เขาดึงผมเข้าไปในอ้อมกอด มือหนาเลื่อนมาจับท้องของผมจนรู้สึกถึงความอ่อนโยนที่ส่งมา


   “ตกลงอยากไปที่ไหน ฉันคิดว่าภูเขานายไม่น่าจะขึ้นได้นะ เอาเป็นที่ราบไม่สูงน่าจะดีกว่า” เขาเสนอ เห็นด้วยเลยครับ ตอนแรกเสนอไปก็อยากไปทะเลนี่แหละ คิก ๆ แต่แกล้งเอาภูเขามาเฉย ๆ


   “เอาตามนั้นก็ได้ครับ ผมอยากเห็นทะเลสวย ๆ เหมือนกัน” ผมเคยเห็นแค่ในรูปภาพเท่านั้น แค่คิดก็แอบตื่นเต้นแล้ว


   “ฉันอยากเห็นลูดี้ ใส่เสื้อผ้าสีขาวบาง ๆ อยู่ริมสระน้ำเหมือนกัน...”เขากระซิบข้างหู


   “คุณวูฟ!! ใครจะไปใส่เสื้อผ้าแบบนั้นกันล่ะครับ” ผมตีเขา วูฟหัวเราะพอใจแล้วก้มหน้าลงมาหาผม จนจมูกเราจะแตะกันอยู่แล้ว...ทำไมผมไม่หลบล่ะ แต่ริมฝีปากของเขาไม่ทันจะแตะกับผม พวกเราก็ต้องผละออกจากกัน


   “อะแฮ่มๆ” เสียงแม่ของวูฟดังขึ้นพร้อมยิ้มล้อ ๆ “ขอขัดจังหวะนะจ๊ะ วูฟถอยไปห่าง ๆ ลูกสะใภ้แม่เลย หนูลูดี้ เดี๋ยวไปลองใส่สูทที่จะใส่ในงานพรุ่งนี้กับแม่หน่อย” ผมพยักหน้า


   “ครับ” ผมลุกออกจากตักร่างสูง


   “อ้าว แล้วผมไม่ต้องลองเหรอครับ” วูฟถามเหมือนอยากจะตามไปด้วย แต่โดนแม่พูดกวนใส่


   “ของแกอ่ะ ไม่ต้องลองหรอก ใส่ไรก็ใส่ไปเถอะ ปะ หนูลูดี้ไปกับแม่ค่ะ ปล่อยตาวูฟไว้นี่แหละ” ผมหลุดหัวเราะ    แม่จูงมือผมให้เดินไปด้วย โดยที่ร่างสูงบ่นอุบอิบตามหลังมา แต่เขายิ้มให้ผม


   “โหย ไรอ่ะแม่ ทำแบบนี้กับลูกชายได้ยังไง อวยลูกสะใภ้จังเลยน๊า...”




=========================100% ================
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจจากคนอ่านที่น่ารักค่ะ ^^ เเงง หายไปนาน ยังจำคุณวูฟกับลูดี้ได้อยู่ใช่ไหมมม

*เนื้อหาบางส่วนของตอนข้างบนมีการเปลี่ยนเเปลงบางส่วนเล็กน้อย เดี๋ยวไรท์จะค่อยๆทำการเเก้ไขไปนะคะ

อ่านให้สนุกน๊าาาาา   :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.16 (100%) | 16/2/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 16-02-2018 22:08:32
หวานมากรอเจ้าตัวเล็ก
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.16 (100%) | 16/2/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 17-02-2018 17:03:54
น่ารักมาก หวานจริงๆตอนนี้
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.17 (100%) | 1/4/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 01-04-2018 20:21:36
ตอนที่ 17

   [พาร์ตของลูดี้]


   ช่อดอกกุหลาบในมือผมมันส่งกลิ่นหอมจนฟุ้งทั่วห้อง ผมยิ้มมองตัวเองในกระจกที่อยู่ในชุดสูทสีขาว บนผมของผมมีโบว์เล็ก ๆ ห้อยอยู่ด้วย (แบบว่าแม่ของวูฟรีเควสมา ขัดไม่ได้ครับ ฮ่า...) ผมตื่นเต้นจัง แม้จะเคยผ่านการหมั้นกับวูฟมาแล้ว แต่นี่ผมกำลังจะแต่งงานกับเขา


   “ตื่นเต้นงั้นเหรอ” เสียงเข้มดังขึ้นด้านหลัง วูฟอยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าคมกับผมถูกเซ็ทอย่างดี เผยให้เห็นใบหน้าหล่อ รัศมีผู้นำจับมาก เขากอดผมจากด้านหลัง


   “ตื่นเต้นสิครับ ผมต้องออกไปเจอคนเยอะ ๆ ผมจะทำให้คุณอายไหม” ผมถาม เขาหันหน้าผมไปหาเขา


   “ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันต้องอายทั้งนั้น ฉันภูมิใจด้วยซ้ำ และยินดีที่จะรับลูดี้เป็นภรรยาอย่างเต็มใจ”


   “ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้ม ก่อนเสียงเคาะตรงประตูจะดังขึ้น พ่อของวูฟนั่นเองครับ


   “ได้เวลาแล้วล่ะ เดี๋ยววูฟพาลูดี้เดินออกมาได้เลยนะ” ผมกับวูฟพยักหน้ารับ เขายื่นมือมาให้ผมพร้อมกับพูดประโยคที่สร้างความเชื่อมั่นให้ผมอีกครั้ง


   “พร้อมจะเป็นภรรยาของฉันอย่างเต็มตัวรึยังลูดี้” มือหนาตรงหน้ายื่นมา ผมไม่ลังเลเลยครับที่จะส่งมือไปให้เขา


   “พร้อมครับ...” ผมวางมือลง และผมก็เชื่อว่า...ผมเลือกไม่ผิดแน่นอน


   ความรักของผม ผมเชื่อว่าผมเลือกแล้ว...


   พิธีแต่งงานของเราผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรติดขัด ทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้มีสื่อหลายที่ที่ทำข่าว เป็นการประกาศการแต่งงานอย่างสมเกียรติผู้นำอัลฟาอย่างเต็มตัว และตอนนี้ผมกำลังมองวูฟที่คุยกับพ่อของเขาอยู่ เขาน่ะสิครับ ไม่รู้ว่ารีบหรือยังไง ก็เขาจะไปฮันนี่มูนวันนี้เลยน่ะสิ บอกเลยครับว่าผมยังไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรเลย


   “คุณวูฟครับ เราจะไปกันวันนี้เลยเหรอ” ผมถามเขาที่เดินกลับมาหาผม


   “ใช่ ปกติเขาก็ไปฮันนี่มูนหลังงานแต่งเสร็จนี่...แต่แอบเสียดาย ที่จะไม่ได้กินนาย” เขากระซิบคำหลังให้ได้ยินแค่สองคน ผมเข้าใจนะคำว่า กิน ในความหมายของเขา...


   “คุณวูฟพูดอะไรของคุณเล่า”


   “ก็พูดในสิ่งที่คิด” เขายิ้ม รู้สึกว่าเขายิ้มบ่อย ๆ แบบนี้ ไม่ดีต่อหัวใจของผมเอาซะเลย...


   ก็ใจของผมมันจะละลายเอาซะดื้อ ๆ


   “เลิกลวนลามน้องเลยตาวูฟ หนูลูดี้ ถ้าโดนรังแกบอกแม่นะ แม่จะสั่งลูกน้องตามไปกระทืบ” แม่ของวูฟเดินมาดันลูกชายอย่างแกล้งหยอกออกจากผม เรียกเสียงหัวเราะจากผมและวูฟทันที


   “โหย แม่ ใครเขาจะไปรังแกกัน ผมมีสัจจะในตัวเองหรอกน่า ใช่ไหมลูดี้”


   “ดูแลน้องให้ดี ๆ ด้วยนะ อย่าปล่อยให้คลาดสายตาเชียวนะ” แม่ย้ำอีกทีแต่คราวนี้น้ำเสียงจริงจังจริง ๆ วูฟพยักหน้ารับหนักแน่น มือหนาเลื่อนมาโอบเอวผมเข้าไปใกล้ตัวเขา


   “ครับ ๆ ผมจะดูแลเขาดี ๆ ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแน่นอน”


   หลังจากพวกผมคุยกับพ่อแม่เรียบร้อย พวกเราก็ไปสนามบิน เห็นว่าวูฟจองไว้ เขาบอกว่ามันน่าจะไปถึงเร็วกว่า แต่ผมแอบเกร็ง แบบว่าผมไม่เคยนั่งนี่...ระหว่างที่อยู่บนเครื่องผมแทบไม่กล้าจะขยับตัวกระดิกแม้แต่นิดเดียว จนวูฟที่นั่งข้างกันเหลือบมองท่าทางของผมอย่างเอ็นดู มือหนาเลื่อนมาแตะหน้าผากของผม


   “กลัวเหรอ”


   “นิดหน่อยครับ ผมไม่เคยขึ้นเครื่องก็เลยเกร็ง...” ผมหันไปยิ้มให้เขา เพราะไม่อยากให้เขากังวล


   “จะนอนก็ได้นะ เดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว” เขาเลื่อนมือมากุมมือผมไว้ อุณหภูมิอุ่น ๆ จากฝ่ามือหนาทำให้รู้สึกปลอดภัย


   “ผมคิดว่าผมเริ่มจะง่วง ๆ แล้วล่ะครับ งั้นคุณปลุกผมด้วยนะ” ผมบอกเขาไว้แค่นั้น ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราโดยที่ผมรู้สึกว่าผมเอนไปนอนซบไหล่ของวูฟ


   อบอุ่นมาก...


   ผมมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเครื่องจอดเรียบร้อยแล้ว วูฟปลุกผมที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือ บอกตรง ๆ ว่าผมหลับสนิทมาก วูฟพาผมลงจากเครื่อง สนามบินคนเยอะมาก คนมากหน้าหลายตา (ผมตื่นเต้นตามประสาคนที่ไม่เคยออกไปไหนมาไหนแหละครับ)   มีคนมารอรับเราไปที่โรงแรมห้าดาวที่จองไว้อย่างดี ก็รู้ๆ กันอยู่ว่า วูฟเป็นคนระดับไหน ต้องหรูหราเป็นธรรมดา


   วูฟเลือกที่พักเป็นบ้านหนึ่งหลังที่อยู่ติดทะเลเป็นส่วนตัวมากๆ ผมมองรอบห้องใหญ่ไม่อึดอัดอย่างตื่นเต้น และตรงระเบียงข้างหน้าของผมคือ ทะเล...ว้าว


   หมับ อ้อมกอดแข็งแกร่งสวมกอดผมจากด้านหลัง


   “ชอบที่พักไหม” เสียงเข้มกระซิบแผ่วเบา ผมเอียงคอมองเขายิ้ม ๆ


   “ชอบสิครับ ที่พักสวยมาก แถมยังมองเห็นทะเลอีกด้วย เราไปเดินเล่นกันเลยไหมครับ” ผมชวน วูฟยกยิ้ม


   “จะออกไปเลยเหรอ ตื่นเต้นล่ะสิ งั้นเดี๋ยวมาทาครีมกันแดดก่อนมา” เขาบอกห่วง ๆ แล้วเดินไปหยิบครีมกันแดดมาทาให้ผมตามแขน ผมกับเขาใส่เสื้อยืดสบาย ๆ กับกางเกงขาสั้นสามส่วน  วูฟใส่ปลอกคอบ่งบอกความเป็นเจ้าของผมให้ดี ๆ เขาจูบตรงขมับผม


   “ปะ พร้อมจะไปเดินเล่นแล้วใช่ไหม?” ผมพยักหน้าหงึก ๆ พร้อมมากครับ!


   ผมกับเขาเดินออกมาทางบ้านพักเพราะมันมีทางเดินลงมาพอดี ตามชายหาดสีสวยมาก วันนี้เป็นวันธรรมดา  คนเลยไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่ แต่นักท่องเที่ยวที่มามีอยู่ตามหาดให้เห็นอยู่ประปลาย ผมเห็นผู้หญิงเหลือบมองมาทางผมด้วย เดาว่าเธอคงไม่ได้มองผมหรอกครับ ผมหันไปมองวูฟก็ตาโต เพราะเขากำลังถอดเสื้อออกน่ะสิ!!


   “คุณวูฟ ถอดเสื้อทำไมครับ” เขากระตุกยิ้ม


   “อ้าว ก็จะไปเล่นน้ำกัน จะใส่เสื้อเล่นเหรอ” ผมทำท่าจะถอดเสื้อออกด้วยแต่โดนเขารีบรวบมือไว้


   “หยุดเลย จะทำอะไรน่ะ” วูฟเลิกคิ้ว


   “ก็จะถอดเสื้อไปเล่นน้ำกับคุณยังไงล่ะครับ” ผมยิ้มกว้าง เขาถึงกับเอามือแปะหน้าผากตัวเองเหมือนผมทำอะไรเอ๋อ ๆ ใส่เขาอีกแล้ว


   “ไม่ต้องเลย ลูดี้ไม่ต้องถอด ฉันหวง ไม่อยากให้ใครเห็นร่างกายที่เป็นของ ๆ ฉันคนเดียวเท่านั้น” เขากระซิบแผ่วเบา ทำเอาผมหน้าร้อนวูบ คำว่า ‘หวง’ เขาย้ำชัดเจนมาก ทีเขายังถอดเลย ผมก็หวงเหมือนกันนะ!


   แต่ใช่ว่าผมจะพูดโวยวายออกไปใส่เขา...


   “น้ำไม่เย็นเลยครับคุณวูฟ!” ผมเดินลงทะเลไปก่อนเขา ร่างสูงเดินตามผมมาติด ๆ เขาเอามือมากุมมือผมไว้ ไม่ให้ออกห่างจากเขาสักนิด ผมมองเท้าตัวเองที่เหยียบลงทรายในน้ำใส


   “ใช่ อากาศวันนี้ สบายดีด้วย ไม่ร้อนจนเกินไป” เขาว่า ผมมองออกไปไกล ๆ เหมือนน้ำทะเลมันอยู่ติดกับท้องฟ้าเลย สวยชะมัด ผมยิ้มออกมาโดยมีวูฟที่มองไม่ละสายตากับรอยยิ้มผม


   “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาทะเลครับ ไม่คิดว่ามันจะสวยขนาดนี้ ผมไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสมายืนอยู่ตรงนี้ โดยมีคุณยืนอยู่ข้าง ๆ” วูฟยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับมือเลื่อนมาโอบผมเข้าไปซบตรงไหล่เขา


   “ฉันอยู่ตรงนี้เพื่อลูดี้เสมอ และก็ลูกของเรา”


   “อนาคตจะเป็นยังไง ก็ไม่รู้นะครับ...” ผมพึมพำ วูฟลูบผมของผมเล็กน้อยแล้วพูดประโยคที่ทำให้ผมยิ้ม


   “แค่รู้ว่าปัจจุบันตอนนี้ ฉันกับลูดี้ยังมีกันและกันแบบนี้ ก็พอแล้วล่ะ อนาคตปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ฉันจะดูแลลูดี้เอง....”
 คำพูดจริงใจเปรียบเสมือนดั่งคำสัญญาของเราสองคนถูกเอ่ยขึ้นจากปากของเขา



   “คุณกำลังทำให้น้ำทะเลกลายเป็นน้ำหวานนะครับ” ผมหัวเราะคิกคัก แล้ววิ่งออกจากอ้อมแขนเขา


   “ลูดี้ จะหนีไปไหน กลับมานี่เลยนะ” เขาวิ่งตามผมที่เดินหนีออกมาจากเขา แต่คลื่นซัดเข้ามาทำให้ผมวิ่งไปได้ไม่ไกลก็ล้มลงไป เปียกหมดเลยครับ



   “อ๊ะ...”

   “ว๊า...เปียกหมดเลยแฮะ รัดรูปหมดแล้ว” วูฟก้มลงมาแกล้งผมที่นั่งอยู่ในน้ำครึ่งตัวเชียวครับ เสื้อมันเปียกจนรัดรูปจริง ๆ ผมสาดน้ำใส่เขาที่ยิ้มแกล้ง

   “ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนหัวเราะผมเลยนะครับ นี่แหนะ! ฮ่าๆ” ผมเอามือกวักน้ำใส่เขาเต็มๆ เลย


   “จะเล่นใช่ไหม? ได้ ๆ มานี่เลยลูดี้” วูฟสาดน้ำคืนมาใส่ผมเบา ๆ (เขาไม่กล้าสาดผมแรงหรอกครับ คิกๆ) ผมกับเขาหัวเราะออกมาพร้อมกัน ราวกับว่าทะเลนี้เป็นของเราสองคน...


   หลังจากเล่นน้ำจนเหนื่อย วูฟเอาเสื้อของเขามาใส่ให้ผมก่อน ส่วนเขาเดินโชว์ซิกแพคโต่ง ๆ ไม่อายเดินตามผมมา       ผมมองข้าวโพดต้มกลิ่นหอมน่ากินมาก แม่ค้าขายอยู่ข้างหาดนี่แหละครับ วูฟสังเกตเห็นเลยยื่นเงินมาให้


   “ถ้าอยากกินก็เอาไปซื้อกินได้เลย เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำหวานตรงนั้นให้” เขาชี้ไปทางร้านขายน้ำที่ไกลหน่อย ผมพยักหน้ารับรู้


   “คุณจะกินด้วยไหมครับ ผมจะได้ซื้อให้ด้วย”


   “เอาตามที่ลูดี้อยากทานเลย ไว้ฉันไปแย่งลูดี้กินก็ได้” เขาพูดขี้เล่นทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินไปซื้อน้ำ ผมมองร้านขายข้าวโพดตรงหน้า แม่ค้าเงยหน้ามองผมแวบหนึ่งแล้วมองตรงปลอกคอผม


   “เอาข้าวโพดชุดหนึ่งครับ” ผมสั่ง และชะงักเมื่อยื่นเงินให้แม่ค้า


   “หนูเป็นโอเมก้าเหรอคะ?...โชคดีจังนะหนู ที่ได้ตกถังข้าวสาร ถูกอกถูกใจพวกอัลฟาตระกูลดัง” น้ำเสียงที่เค้นออกมา   ผมรู้จักมันดีครับ น้ำเสียงของคนที่ชอบดูถูกโอเมก้าอย่างเรา...ป้าของผมเองชอบใช้สายตาแบบนี้มองผม


   ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงจะไม่พูดอะไรโต้ตอบก้มหน้ารับสิ่งที่เขาดูถูกมา แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าผมไม่ได้ทำตัวไร้ค่า


   “ครับ ผมเป็นโอเมก้า และก็โชคดีมากที่ได้เจอคนรักที่เป็นคู่แท้ของผม ผมไม่ได้ตกถังข้าวสารอย่างที่ป้าพูดหรอกนะครับ” แม่ค้ายื่นถุงข้าวโพดให้ผม


   “หนูคิดว่าโอเมก้ามีสิทธิ์ทำอะไรในสังคมงั้นเหรอ ยังไงพวกเราก็เป็นได้แค่ทาสไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ” ผมมองป้าที่ท่าทางจะมีอคติกับเรื่องชนชั้นน่ะครับเนี่ย ผมเลือกที่จะยิ้มบาง ๆ ให้เธอ เธอถึงกับชะงัก


   “ถึงชนชั้นของโอเมก้าจะไม่มีวันเปลี่ยน ถึงจะอยู่ในชนชั้นล่างสุด แต่มันก็ไม่ได้ความว่า จิตใจของเราจะต่ำลงไปด้วยนี่ครับ อย่าทำให้ตัวเองไม่มีค่าเพียงเพราะฐานะที่ถูกกำหนดมา แต่จงยกจิตใจของเราเองให้สูงขึ้น เพื่อก้าวเดินต่อไปในชีวิตข้างหน้า จะดีกว่านะครับ” ผมพูดจบก็เดินออกไปจากตรงนี้


   ผมเดินกลับมาทางบ้านพักโดยที่ไม่ได้รอวูฟ เพราะคิดว่าเดี๋ยวเขาคงเดินตามกลับมา จริง ๆ ผมเดินมาเหม่อ ต่างหาก ผมยิ้มออกมาให้กับตัวเองที่เข้มแข็งขึ้นมาก ผมกล้าจะตอบสิ่งที่คนอื่นพูดว่ามา ผมไม่ได้นิ่งเฉยเวลาโดนดูถูก    ผมภูมิใจที่ผมได้เกิดเป็นโอเมก้า...เพราะมันทำให้ผมได้เจอกับผู้ชายที่ดีที่สุดอย่างวูฟ


   “ลูดี้! ฟู่ว วิ่งตามมาตั้งไกล กว่าจะเดินตามทัน ทำไมเดินกลับมาก่อนล่ะ หือ?” วูฟหายใจหอบมองผมหันกลับไปหาเขา และเขาเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อผมสวมกอดเขาไว้ “เป็นอะไรไป ไม่ได้ของกินที่อยากกินเหรอ”


   “ได้ครับ ซื้อมาฝากคุณด้วย เยอะเลย” ผมบอกแต่เอาหน้าถูไปมาตรงแผงอกเขาจนวูฟหยุดยิ้มไม่ได้


   “หยุดอ้อนก่อนดีกว่า ดูนี่ ฉันซื้อไอศกรีมมาฝากด้วยนะ น่าจะถูกใจลูดี้ ป่ะ ๆ กลับที่พักกัน” เขาขยี้ผมของผมด้วยความเอ็นดู ผมเลยยิ้มกว้างพยักหน้าเดินตามเขากลับไปที่บ้านพัก


   วูฟสั่งให้ผมไปอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อยก่อน ส่วนเขาไปอาบน้ำอีกห้องน้ำหนึ่งเหมือนกัน (เขาไม่ยอมอาบห้องเดียวกับผมเพราะว่า กลัวคุมตัวเองไม่อยู่ครับ...) ผมใช้เวลาไม่นานก็อาบน้ำเสร็จ ผมใส่เสื้อสีขาวแขนยาว...ถามว่าใครหาเสื้อตัวนี้มาให้ผม จะมีใครจะอีกล่ะครับ ถ้าไม่ใช่วูฟ แถมกางเกงที่เขาให้ผมใส่ยังเป็นกางเกงขาสั้นอีก


   คงถูกอกถูกใจเขามากที่ผมใส่ชุดแบบนี้ ดูสายตาผู้ชายตรงหน้าที่มองผมอึ้ง ๆ สิครับ วูฟยืนเช็ดผมที่เปียก ๆ อยู่ ร่างสูงใส่แค่กางเกงนอนสีดำ ส่วนท่อนบนเปลือย...ทำไมไม่ใส่เสื้อล่ะเนี่ย...หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะเลย กล้ามเขาโอเคมาก...อย่าว่าแต่เขาจ้องผมเลย ผมจ้องเขาเหมือนกันนั่นแหละ


   “ว้าว คิดไว้แล้วว่ามันต้องเหมาะกับลูดี้ เสื้อขาวบางกับกางเกงขาสั้น ปลุกใจดีจัง” เขาทำท่ายกมือขึ้นมาถ่ายรูปผมดู ผมเดินไปนั่งลงตรงปลายเตียง


   “ปลุกใจอะไรล่ะครับ คุณไปเตรียมเสื้อพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมไม่รู้” ผมถามเขางง ๆ เขาเอามันออกมาจากกระเป๋าเดินทางของเขานี่นา วูฟขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วเช็ดผมให้ผมอย่างอ่อนโยน


   การกระทำแบบนี้ของเขาที่แสดงออกมา มักทำให้ผมอึ้งเป็นประจำ...


   “จริง ๆ แม่ เป็นคนหามาให้ต่างหาก เพราะฉันรีเควสไปน่ะ” เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูจะพออกพอใจมาก


   “คุณแม่ก็สนับสนุนให้คุณแกล้งผมจังเลยนะครับ” ผมว่าขำ ๆ


   “ใครว่าแกล้ง ก็แค่อยากเห็นภรรยาที่แสนสวย แต่งชุดแบบนี้ให้ชื่นใจสักครั้ง...ขาขาวเนอะ” เขาเช็ดผมไปด้วยพลางใช้สายตาสอดส่องมองผมไปด้วย ผมที่นั่งอยู่เลยเอามือมาปิดขาของตัวเองไว้ มันสั้นจริง ๆ แหละครับ


   “คุณวูฟ! ใช้สายตาลวนลามผมไม่ได้นะครับ” ผมใช้นิ้วชี้ขู่เขา แต่ถามว่าเขากลัวไหม? ร่างสูงกระตุกยิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อะไรสักนิด


   “ยังไม่ได้ใช้สายตาลวนลามสักนิด เขาเรียกว่าใช้คำพูดชมต่างหาก...หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอ แล้วดมผมของผมเล็กน้อย “กลิ่นแชมพูนี้หอมดีแฮะ”


   “เหรอครับ ยี่ห้อที่คุณ...คุณวูฟไม่เอา” ผมหันหน้าไปมองหน้าของเขาที่ยื่นเข้ามาใกล้จนจมูกของเขาแตะกับผม


   “นิดเดียวเอง น่านะ”


   “ไม่เอา ผมเขิน...” ผมดันเขาออกแต่โดนรวบมือไว้ พร้อมกับริมฝีปากหนาที่ประกบลงริมฝีปากของผม มันช่างแผ่วเบาและนุ่มนวล กลิ่นกายของเขาที่ผมรู้จักดี ทำให้ผมหลับตาพริ้มรับจูบตรงหน้าด้วยความเต็มใจ


   หัวใจราวกับจะละลาย...


   “น่ารักจัง” เขาถอนจูบออก แต่ไม่ยอมเอาหน้าของเขาออกไปห่าง ๆ  ผมยิ้มแล้วใช้จมูกถูกับจมูกของเขา


   “ผมก็น่ารักแค่กับคุณคนเดียวนั่นแหละครับ” คำตอบของผมเรียกรอยยิ้มของร่างสูง


   “ก็ลองไปน่ารักกับคนอื่นดูสิ ฉันจะจับขังไว้ในบ้าน ไม่ให้ออกไปไหนเลย คอยดู” เขาแกล้งทำเสียงดุ แต่ผมยิ้ม เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้ดุจริง


   “คุณกล้าทำเหรอครับ? ผมจะฟ้องคุณแม่นะ” ผมบอกกลับทำให้เขาเอามือมาหยิกแก้ม


   “โหย เดี๋ยวนี้มีคุณแม่เป็นฝ่ายสนับสนุนนี่นา ท่านน่ะชอบลูดี้มากเลยนะ ฉันตกกระป๋องเลยแฮะ” วูฟหัวเราะแล้วลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบไอศกรีมที่เขาเอาเข้าไปแช่ไว้ในตู้เย็น


   เขายื่นไอศกรีมมาให้ผม


   “มันน่ากินมากเลยครับ คุณไปซื้อมาจากตรงไหนกัน” ผมถามด้วยความสนใจ วูฟมองผมเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ


   “เห็นเขาขายอยู่ถัดจากที่ฉันไปซื้อน้ำน่ะ อร่อยไหม ไอศกรีมกะทิสดเลยนะ” ผมตักขึ้นมากิน มันอร่อยมากครับ เนื้อมะพร้าวนุ่มมาก ผมเคี้ยวตุ้ย ๆ โดยมีวูฟนั่งข้าง ๆ รู้สึกว่าเขาจะไม่ให้ผมกินข้าวโพดแฮะ...ไม่รู้เขาเอามันไปเก็บไว้ไหน ผมเองก็ไม่ได้ถาม


   “อร่อยครับ คุณลองชิมหน่อยไหม” ผมตักป้อน เขาอ้าปากรับไปกินไม่มีการขัดเลยสักคำ “เป็นยังไงครับ?”


   “อือ อร่อยแฮะ เนื้อมะพร้าวไม่แข็งไปใช่ไหม ถ้ากินไม่ได้ก็ไม่ต้องกินนะ ไม่ต้องเสียดาย” เขาบอกห่วง ๆ


   “ครับ ๆ ผมกินได้หมดแหละ ของพวกนี้ ถือว่าเป็นของที่ดีที่สุดด้วยซ้ำครับ...” ผมบอกก่อนจะหันไปมองเขาที่ใช้มือโอบไหล่ผมเข้าไปหาเขา


   “อดีตของนายน่ะ ลืม ๆ มันไปก็ได้นะ อะไรที่มันเป็นความทรงจำไม่ดีก็ลืม ๆ มันไปซะ...” เสียงเข้มบอกออกมาทำให้ผมเผลอกำถ้วยไอศกรีมแน่น ราวกับว่าเขารู้ว่าผมถูกว่ามาเมื่อกี้


   “........”


   “ฉันรู้ว่า ถึงแม้มันจะลืมไม่ได้ง่าย ๆ แต่อย่าลืมว่า นายคือหัวใจของฉัน นายมีค่าสำหรับฉันนะลูดี้” คำพูดที่แสนจริงใจและหนักแน่นทำให้ผมแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ น้ำตามันเอ่อล้นไหลอาบแก้มผม


   “คุณวูฟ...ขอบคุณครับ ขอบคุณ...”


   “ชู่ว เด็กดี ต้องไม่ร้องไห้นะครับ ลูกของเราจะตกใจนะ ว่าอยู่ดี ๆ คุณแม่ที่เขารัก ร้องไห้ทำไม” เขาเช็ดน้ำตาผมออกอย่างเบามือ


   มือหนาที่ไม่เคยคิดจะปล่อยมือของผม มือหนาที่ช่วยผมออกมาจากอันตรายโดยไม่ห่วงตัวเองเลยสักนิด...


   ผมยิ้มให้เขาอย่างจริงใจแล้วซบหน้าลงตรงไหล่เขาที่นั่งอยู่ตรงหน้า


   “วันนี้ผมมาเที่ยวสนุกมาก ๆ เลยครับ เล่นน้ำทะเลครั้งแรกตื่นเต้นมาก เราเขียนไดอารี่บันทึกไว้ดีไหมครับว่าเรามาที่นี่ด้วยกัน” ผมเสนอ วูฟพยักหน้าเห็นด้วย


   “เอาสิ น่าสนใจดี ไว้พรุ่งนี้ ฉันจะพาไปกินอาหารทะเลให้เต็มอิ่มไปเลย อาหารอร่อย ๆ แถวนี้มีเยอะเชียวล่ะ”


   “จริงนะครับ! ผมชักอยากจะกินเร็ว ๆ แล้วสิ” ผมยิ้มกว้าง ช่วงนี้ผมเริ่มกินอาหารได้เยอะขึ้นแล้วล่ะ แบบว่ากินอะไรก็เริ่มจะอร่อย แอบสังเกตตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่อาหารทุกมื้อที่ผมทาน วูฟจะเป็นคนลงมือเป็นพ่อครัวทำให้เองหมดทุกอย่างเลย     ผมเลยได้กินแต่อาหารฝีมือเขา (เขาพัฒนาการทำอาหารขึ้นมาก ๆ เลยล่ะครับ อร่อยทุกอย่าง...แอบชม)


   “ถ้าอยากกินก็นอนพักผ่อนเยอะ ๆ ไม่ดื้อนะครับ กินอิ่มรึยัง” เขาถามผมที่ตักไอศกรีมกินจนหมด

        “ถ้าอิ่มแล้ว ส่งมาให้ฉัน เดี๋ยวจะเอาไปทิ้งให้ ไปแปรงฟันให้เรียบร้อยนะ” ผมยื่นถ้วยไอศกรีมให้เขาไป เขาเอาไปทิ้ง ส่วนผมเดินเข้าไปแปรงฟันให้ห้องน้ำอย่างว่าง่าย เขาดูแลผมระเอียดยิบเลยครับ อะไรที่แม่ครรภ์อ่อน ๆ อย่างผม ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง เขาก็จะฟิคตารางไว้หมด

   “มานอนได้แล้ว เร็ว ๆ มานอนข้างฉัน” เขาตบเตียงปุ ๆ ผมยิ้มกว้างเดินเข้าไปนอนลงข้างเขา

   “ฝันดีนะครับ คุณวูฟ”


   “ฝันดี ลูดี้...” ผมหลับตาลง ไม่นานก็หลับสนิทไปในอ้อมกอดของเขา โดยที่ไม่รู้ว่าวูฟยังไม่ได้นอนแต่จ้องหน้าของผมที่เหนื่อยจากการเล่นน้ำมาทั้งวัน...



   “นายเข้มแข็งขึ้นมากเลยลูดี้...” วูฟลูบหน้าของคนรักตรงหน้า ที่จริงเขาเองก็เดินกลับมาได้ยินประโยคที่ลูดี้โดนว่าเหมือนกัน
   “เฮ้อ ฉันจะทำยังไงให้เรื่องชนชั้นทุกชั้นกลายเป็นชนชั้นที่เท่าเทียมกัน ไม่มีระบบผู้นำและทาส สงสัยเราคงต้องกลับไปคุยกับพ่อเรื่องนี้จริง ๆ จัง ๆ ซะแล้ว”





================100%==========
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆค่า  :L2: :L2: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.17 (100%) | 1/4/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 01-04-2018 20:26:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.17 (100%) | 1/4/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 01-04-2018 20:40:48
 :mew1:ชอบ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.17 (100%) | 1/4/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-04-2018 14:53:27
รอๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.17 (100%) | 1/4/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 05-04-2018 00:47:05
ทะเลกลายเป็นน้ำเชื่อมไปแล้วค่ะคุณณณ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.18 (100%) | 7/5/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 07-05-2018 14:09:57
ตอนที่ 18
   [พาร์ตของลูดี้]



   ผมตื่นนอนตั้งแต่เช้า ใส่ผ้ากันเปื้อนที่ทางรีสอร์ทมีไว้ให้ (สำหรับทริปที่อยากทำอาหารเอง อะไรประมาณนี้อ่ะครับ) รู้สึกว่าวูฟจะหลับสนิทเลยล่ะ ผมเดาว่าเขาคงเหนื่อยมาก ก็เขาเป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่าง ตั้งแต่งานแต่งงานของเรา แล้วนี่ยังพาผมบินมาฮันนี่มูนเลย จะเหนื่อยก็เป็นเรื่องธรรมดา แถมวันนี้เขายังบอกว่าจะพาผมไปหาทานอาหารทะเลตอนเย็นด้วย เพราะงั้นตอนเช้าแบบนี้ผมก็เลยกะจะทำอาหารให้เขาทาน

   เมนูที่ผมเลือกเป็นข้าวผัดหมูธรรมดานี่แหละครับ มีวัตถุดิบที่เขาจัดหามาไว้ในตู้เย็นพอดี ผมเริ่มลงมือทำไปสักพัก โดยที่ไม่รู้ตัวว่าวูฟตื่นแล้ว และเขามายืนอยู่ข้างหลังของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกที เขาสวมกอดเอวผมไว้หลวม ๆ ตอนผมผัดข้าวอยู่


   ผมสะดุ้ง


   “คะ...คุณวูฟ? ตื่นแล้วเหรอครับ”


   “ขอโทษ ตกใจเหรอ...” เขาพูดเสียงง่วงๆ แล้วเอาคางมาเกยไหล่ของผม โอ๊ย...คิดว่าหัวใจผมจะวายไหมครับ มาทำท่าทางแบบนี้ใส่เนี่ย


   “ตกใจนิดหน่อยครับ คุณมาเงียบๆ” ผมตอบและพยายามมีสมาธิกับการผัดข้าวผัด แทนที่จะสนใจใบหน้าหล่อที่คลอเคลียอยู่ตรงไหล่ของผม


   “ฉันได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหาร ทำเอาท้องร้องเลยล่ะ ก็เลยตื่นมาดูว่าลูดี้ทำอะไรให้กิน” เขาว่ายิ้ม ๆ


   “ผมทำข้าวผัดครับ กะจะทำให้เสร็จก่อนคุณตื่น จะได้ทานเลย คุณวูฟไปอาบน้ำก่อนสิครับ ออกมาน่าจะเสร็จพอดี”


   “ไม่ให้ฉันช่วยเหรอ” เขาถาม ผมเบาไฟลงนิดหน่อย


   “ไม่ต้องหรอกครับ มื้อนี้ผมขอโชว์ฝีมือละกัน คุณไปอาบน้ำเถอะนะ” วูฟพยักหน้าเข้าใจแล้วยอมปล่อยมือออกจากเอวของผม


   “เอาแบบที่ลูดี้บอกก็ได้ ทำอร่อย ๆ นะ”


   “รับทราบครับ อร่อยแน่นอน” ผมชูนิ้วเยี่ยม การันตีฝีมือของตัวเอง ทั้งที่ยังทำไม่เสร็จ ฮ่า ๆ มันต้องออกมาอร่อยสิครับ มีผงปรุงรสอย่างดีขนาดนี้ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วเดินหายไปอาบน้ำ ปล่อยให้ผมอยู่กับข้าวผัดหอมฉุย (คาดว่ามันน่าจะอร่อยมาก ฮ่า...)

   หลังจากใช้เวลาไปพอสมควร ผมได้ข้าวผัดที่น่าอร่อยมาสองจาน ผมวางจานลงตรงหน้าของวูฟที่นั่งรอ เขากระตุกยิ้มเล็กน้อย

   “นี่เป็นครั้งแรกรึเปล่าที่ฉันได้กินกับข้าวฝีมือของลูดี้ ? ถ้าจำไม่ผิด...” เขาทำท่าคิด ผมหัวเราะและนั่งลงตรงข้าม

   “น่าจะครั้งแรกนะครับ เพราะว่าปกติจะเป็นแม่บ้านทำให้ ส่วนตอนที่ผมแพ้ท้อง คุณก็เป็นคนทำให้ผมกิน”

   “จริงด้วย ฉันควรถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึก...เอ๊ย ระลึกไหม” วูฟถามขี้เล่น

   “คุณวูฟทำเอาผมแอบเสียความมั่นใจเลย”

   “หึหึ ฉันหยอกเล่นน่า ภรรยาของฉันน่ารักขนาดนี้ อาหารก็ต้องอร่อยสิ” เขาว่า ผมส่ายหน้าเอือม ๆ

   “ทำอาหารอร่อย ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับความน่ารักของผมเลยนี่ กินข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวมันจะเย็นหมดก่อน” ผมชวน เพราะเห็นว่าข้าวผัดมันจะเย็นแล้ว วูฟมัวแต่จ้องหน้าของผมตาหวาน ๆ อยู่นั่นแหละ...

   เขาพยักหน้ารับ “ไหนดูสิว่า จะอร่อยเหมือนลูดี้ไหม” วูฟว่าขำ ๆ ยังไม่หยุดพูดแกล้งผมอีก


   “ค่อย ๆ กินนะครับ เป่าก่อนด้วยเผื่อมันร้อน” ผมเตือน มองเขาอย่างใจจดใจจ่อ ไม่รู้เขาจะชอบไหม ก็ผมไม่ได้ชิมเลยนี่นา (ปกติเป็นคนทำอาหารแล้วไม่ชิมครับ ฮ่า...ปล่อยมันไปตามความรู้สึก)

   วูฟตักเข้าไปในปาก เขามองหน้าของผมที่ลุ้นมาก...


   “มัน....” เสียงเข้มเริ่มพูด


   “มันเป็นยังไงครับ?”


   “มันอร่อยมาก” เขายิ้มออกมา ผมยิ้ม


   “คุณวูฟอะ ทำหน้าเหมือนมันไม่อร่อย ผมตกใจหมด” เขาหัวเราะตักมาให้ผมด้วย ผมมองช้อนที่ยื่นมา


   “อ้าปากเร็ว ฉันจะป้อน”


   “ไม่เป็นไรครับ ผมทานเองได้ ไม่เห็นจะต้อง...” ผมจะปฏิเสธแต่เขายื่นมาจ่อปากผมเรียบร้อย ผมเลยยอมอ้าปากกินข้าวผัดคำโตที่เขาตักมาให้ ผมเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ “มันอร่อยจริง ๆ ด้วยครับ ว้าว...” ผมตาโตกับรสชาติข้าวผัดฝีมือของตัวเอง


   “สงสัยฉันอาจจะน้ำหนักขึ้นก็ได้ ถ้าลูดี้เล่นทำอาหารอร่อยขนาดนี้” เขาชมซะเวอร์ แต่ผมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้


   “คุณชมผมเกินไปครับ อ้อ ว่าแต่วันนี้เรามีโปรแกรมจะไปไหนบ้างครับ” ผมทานข้าวไปด้วยพลางถามไปด้วย


   “ว่าจะพาไปที่พิพิธภัณฑ์ภาพสามมิติ ไปถ่ายรูปเล่นกัน แล้วตอนเย็นค่อยไปหาร้านอาหารอร่อย ๆ ทานกัน” วูฟอธิบายระเอียดยิบ ผมพยักหน้ารับรู้อย่างสนใจที่จะได้ไปสถานที่ที่ไม่เคยไป


   “ฟังดูน่าไปจังครับ งั้นรีบกินข้าวดีกว่า” ผมบอกอย่างกระตือรือร้น


   “ค่อย ๆ กินก็ได้ ฉันจะพาไปแน่นอน ลูดี้อย่าลืมกินยาบำรุงด้วยนะ เม็ดหนึ่ง เห็นแม่บอกว่าหมอเป็นคนจัดมาให้ มันจะช่วยบำรุงเจ้าตัวเล็กในท้อง” เขากำชับไม่พอ วูฟลุกขึ้นไปหยิบยามาวางไว้ให้ผม เหมือนกลัวว่าผมจะลืม


   “ครับ ๆ ผมกินข้าวเสร็จ จะกินยาบำรุงนี่ด้วย”


   “ดีมาก” เขาขยี้ผมของผมแล้วหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะมาดื่ม จะบอกว่าเขากินข้าวไวมาก ผมคุยแป๊ปเดียวเขากินหมดจานแล้ว วูฟเขยิบมานั่งลงเก้าอี้ข้าง ๆ ผมแทน


   ผมที่กินข้าวอยู่ ชะงัก...เพราะโดนจ้อง เขาเอามือเท้าคางมองผมตาปริบ ๆ


   “จ้องหน้าผมทำไมเหรอครับ...”


   “กำลังคิดว่า ลูกของเรา จะหน้าตาเหมือนใคร เพศอะไร...ฉันว่าเขาคงจะน่ารักเหมือนลูดี้แน่ ๆ” ผมวางช้อนลงเพราะรู้สึกอิ่ม “อิ่มแล้วเหรอ ทำไมกินน้อยจัง หรือเพราะฉันมานั่งจ้องหน้า?”


   “เปล่าครับ ผมอิ่มแล้วจริง ๆ พอดี ผมตักมาเยอะ ผมกินเยอะจริง ๆ นะครับ” ผมยืนยันเมื่อเห็นเขามองห่วงกลัวว่าผมจะกินน้อย ความจริงผมแอบกินผลไม้ในตู้เย็นไปแล้ว ระหว่างที่ทำอาหาร 


   วูฟพยักหน้ารับรู้แล้วเอายาบำรุงให้ผมกิน ก่อนที่พวกเราจะได้เวลาออกไปเที่ยวกันแล้วล่ะครับ เย้! พร้อมลุยมาก


   ผมกับเขาเดินมาตามถนน ที่มีแต่นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด บนถนนนี้ เราไม่รู้หรอกครับว่าใครเป็นอัลฟา โอเมก้าบ้าง เพราะดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนสนใจกันแถวนี้ วูฟเหลือบมองผมที่ตื่นตาตื่นใจกับของฝากข้างทาง มีของทั่วไปครับ พวกหมวก แว่นสวย ๆ

   “คุณวูฟ ดูนี่ หมวกใบนี้เหมาะกับคุณเลย” ผมเอาหมวกที่มีหูไปใส่ให้ร่างสูงแล้วหัวเราะเบา ๆ


   “แน่ใจนะว่าเหมาะ หัวเราะพอใจที่ได้แกล้งฉันเหรอลูดี้ ฉันว่าใบนี้เหมาะกับนาย” เขาหยิบอีกใบมาสวมให้ผม


   ผมหันไปส่องกระจกก็หลุดหัวเราะ


   “น่ารักดีครับ เราไปดูร้านนั้นต่อดีกว่า” ผมวางหมวกลง ก่อนจะลากร่างสูงให้เดินไปดูร้านอื่น


   ของฝากแต่ละร้านน่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลยครับ วูฟบอกผมว่าถ้าอยากได้อะไรก็บอก เขายินดีจะซื้อให้ทุกอย่าง ตามใจผมมากเลย เราเดินเล่นจนมาถึงสถานที่ที่เราตั้งใจจะมา คือ พิพิธภัณฑ์ภาพวาดสามมิติ


   บอกเลยว่า ภาพทุกภาพอลังการมาก วูฟเดินตามผมโดยเขาตามเก็บรูปของผม และถ่ายรูปคู่กับผมไปตลอด ทริปนี้ ผมรับรู้ได้เลยครับว่า วันนี้เป็นอีกวันที่มีความสุขมาก สนุกสุด ๆ


   เราเดินเล่นกันอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์จนถึงเวลาเย็น เวลาวันนี้เดินเร็วมาก สงสัยผมสนุกจนลืมเวลาไปเลย


   “เย็นขนาดนี้แล้วเหรอ ลูดี้ หิวอะไรรึยัง ต้องทานข้าวให้ตรงเวลานะ” วูฟทักขึ้นเมื่อเราเดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์ที่ใกล้จะปิดแล้ว ผมมองโปสการ์ดในมืออยู่เลยไม่ได้ฟังที่เขาพูด

   มือหนาเอื้อมมาหยิกแก้มผมหยอก ๆ


   “อ๊ะ...ครับ?” ผมเงยหน้ามองเขาที่เอาแขนมาคล้องคอผมเข้าไปใกล้


   “มัวแต่สนใจโปสการ์ดอยู่นั่นแหละ ไม่สนใจฉันเลย เฮ้อ....” เขาแกล้งบ่น ผมรีบส่ายหน้า


   “เปล่านะครับ! ผมสนใจคุณอยู่ พอดีดูรูปเพลิน”


   “ล้อเล่นน่า ไม่โกรธหรอก เมื่อกี้ฉันถามว่าหิวรึยัง จะได้พาไปกิน” ผมเก็บโปสเตอร์ใส่ถุงกระดาษ พลางคิดไปด้วย ถามว่าหิวไหม ก็หิวนะครับ แต่ไม่รู้จะกินอะไรเหมือนกัน


   “มื้อนี้ ผมตามใจคุณละกันครับ คุณบอกมีร้านอยากจะแนะนำผมใช่ไหม”


   “ใช่ งั้นเอาเป็นว่าไปร้านที่ฉันค้นไว้ก็แล้วกันเนอะ” เขาดีดนิ้ว ผมพยักหน้า


   “ตามนั้นเลยครับ ถ้าไม่อร่อยผมจะลงโทษคุณนะ” ผมแกล้งพูดขำ ๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวออกจากเขาที่กำลังก้มหน้าลงมาใกล้แก้มผม เผลอเป็นไม่ได้...จ้องจะเอาหน้าเข้ามาใกล้ผมตลอด


   “หาร้านไม่อร่อยดีกว่าถ้างั้น อยากโดนลูดี้ลงโทษ...” เสียงเข้มพูดเจ้าเล่ห์นิด ๆ


   คำว่า ลงโทษ ของเขา คิดในแง่ไหนครับเนี่ย


   “คุณวูฟ! เราอยู่ข้างนอกนะครับ ยื่นหน้ามาใกล้ผมทำไมล่ะ” ผมดันเขาออกเขิน ๆ เมื่อเห็นว่าคนที่เดินผ่านมามองเราสองคน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักวูฟ (ตอนนี้พวกเราอยู่นอกเมืองครับ คนไม่ค่อยสนใจเรื่องข่าวสารดัง ๆ เท่าไหร่        ผมก็เลยคิดว่าพวกเขาน่าจะไม่ค่อยรู้จักวูฟ) ไม่งั้นเราคงต้องมีลูกน้องตามประกบเวลาออกไปไหนมาไหนแน่ ๆ แต่นี่วูฟต้องการมาฮันนี่มูนกับผมเงียบ ๆ สองคน แสดงว่าที่เที่ยวตรงนี้ต้องปลอดภัยพอสมควร


   ร้านอาหารริมทะเล


   ร้านที่เขาเลือกเป็นร้านริมทะเล ได้ยินเสียงคลื่นชัดเจนสุด ๆ บรรยากาศตรงหน้าทำเอาผมยิ้มตามไปด้วย มีเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ พวกเราสั่งอาหารไปเรียบร้อย มาทะเลก็ต้องกินอาหารทะเลใช่ไหมล่ะครับ วูฟเล่นสั่งมาให้ผมเยอะแยะเลย แอบกลัวว่าจะกินไม่หมด เบียร์ถูกเอามาเสิร์ฟก่อนรายการอาหารที่สั่ง


   “อย่าดื่มเยอะนะครับ เดี๋ยวเมา” ผมบอกร่างสูงที่กำลังยกเบียร์ซด


   “รับทราบ...” เขากระตุกยิ้มมองผมที่มองออกไปทะเลไกล ๆ “ลูดี้...”


   “ครับ?” ผมหันกลับมามองวูฟ และตาโตกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า


   กล่องสีน้ำเงินกำมะหยี่ถูกเลื่อนมาตรงหน้าผม


   “อะไรเหรอครับ”


   “เปิดดูสิ ฉันให้ลูดี้” เขาเลื่อนกล้องมาใกล้ผมอีก ผมเลยเอามาเปิดออกดูก็พบว่ามันคือ ‘สร้อยข้อมือที่มีจี้เป็นตราประจำตัวของวูฟ’ มันสวยมาก


   เขาเซอร์ไพร์ผมอีกแล้วใช่ไหม?


   “คุณวูฟ สวยจังครับ ทำไมคุณถึงให้ผมล่ะ” เขายื่นมือมาหยิบสร้อยข้อมือไปถือไว้ และจับแขนข้างขวาผมไว้


   “เพราะนายคือ คนสำคัญของฉันยังไงล่ะ...ฉันเลยอยากให้สิ่งที่พิเศษ” ผมตาโตมองสร้อยข้อมือที่ถูกสวมลงเบาๆ ที่ข้อมือผม วูฟก้มลงจูบตรงหลังมือของผม จนคนที่นั่งอยู่ในร้านมองกันยิ้มๆ จะบอกว่าผมแทบหุบยิ้มไม่ได้เลย


   งื้อ...คุณวูฟมาหวานๆ แบบนี้ ผมตั้งตัวรับแทบไม่ทัน


   “คุณให้ผมมาตั้งหลายอย่าง แต่ผมกลับยังไม่ได้ให้อะไรคุณเลย” ผมมองหน้าเขาและต้องหน้าร้อนวูบกับประโยคต่อมาที่เขาพูดออกมาอย่างขี้เล่น


   “ลูดี้ให้ทั้งตัวและหัวใจกับฉันแล้วไง นั่นก็เพียงพอสำหรับฉันแล้ว” ผมเอาน้ำมาดูดแก้เขิน


   “พูดอะไรของคุณครับเนี่ย” วูฟหัวเราะออกมาเล็กน้อยที่เห็นผมหน้าแดงเขินเขา


   อาหารที่สั่งไว้เยอะ ๆ ถูกทยอยนำมาเสิร์ฟ ตอนแรกเราคิดว่าจะกินไม่หมดครับ แต่พอกินไปกินมา มันอร่อยและเพลินมาก ผมกินหมดเกลี้ยงเลย โดยมีวูฟคอยบริการแกะกุ้งให้ (เขาน่ารักอีกแล้วครับ...) มุมนี้ของเขาแทบจะมีแค่ผมเท่านั้นที่ได้รับรู้ใกล้ๆ ขนาดนี้ว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนมากแค่ไหน


   บ้านพักริมทะเล

   ผมนอนกลิ้งเล่นอยู่บนเตียงหลังจากกินจนอิ่มแปล้ ผมอาบน้ำเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ส่วนร่างสูงเพิ่งเข้าไปอาบเมื่อกี้ ผมเอาปากกากับสมุดที่แวะซื้อมาระหว่างทางตอนขากลับ พอดีเจอร้านขายของที่ระลึก มีสมุดน่ารักๆ ด้วย ผมจดรายละเอียดสถานที่ที่เราไปกันมา คล้ายๆ กับจดความประทับใจนั่นแหละครับ ผมเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงแล้วขีดๆ เขียนๆ ลงในสมุด เขียนได้ไม่นานผมก็เริ่มขี้เกียจ


   และร่างสูงก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอน กางเกงขายาวสีดำ เสื้อไม่ใส่ นั่นคือชุดนอนของวูฟครับ...ชุดนอนที่ทำให้ใจของคนอื่นเต้นแรง


   “ทำอะไรอยู่ เขียนไดอารี่เหรอ” เขาเช็ดผมที่เปียกแล้วขึ้นมานั่งบนเตียงข้างผมที่นอนหันหลังให้เขา ผมพลิกตัวหันหน้าไปหาเขา


   “ใช่ครับ ผมเขียนไดอารี่อยู่ คุณอยากเขียนอะไรลงไปด้วยไหมครับ” ผมยื่นให้เขา วูฟรับไปดูยิ้มๆ


   “ไม่หรอก ฉันให้นายเขียนเลย เดี๋ยวไว้ค่อยไปล้างรูปมาติดใส่ด้วยคงจะน่ารักน่าดู” เขาเสนอทำให้ผมยิ้มกว้าง เป็นความคิดที่ดีจริงๆ


   “ผมเองก็คิดแบบนั้น คุณวูฟครับ” ผมเรียก เขาเลิกคิ้วเชิงคำถาม “คือว่า ผมขอดูรูปที่คุณถ่ายวันนี้หน่อยได้ไหม”


   “ได้สิ รึว่าจะบอกว่าหิวอะไรซะอีก” วูฟว่าขำๆ เอื้อมหยิบกล้องที่วางอยู่ข้างเตียงมายื่นให้ผม


   “ผมไม่ได้กินเยอะขนาดนั้นซะหน่อยครับ อิ่มแล้ว...อ๊ะ” ผมกำลังจะหยิบกล้องแต่เขาชูสูงขึ้นไม่ให้ผมจับ


   “ท้องเริ่มย่อยหรือยัง จะให้กินนมบำรุงครรภ์หน่อย” วูฟลงจากเตียงไปค้นในกระเป๋าเดินทาง ผมเลิกคิ้วขึ้น นี่เขาเตรียมของบำรุงลูกในท้องของเรามาทุกอย่างเลยเหรอครับ (พอดีผมเห็นเขาเอาพวกยาบำรุงออกมาจากกระเป๋าเขาเพียบ เดาว่าแม่ของร่างสูงต้องเอาติดมาให้ด้วยแหง)


   “คุณเตรียมมาพร้อมจังเลยนะครับ” วูฟหยิบนมผงไปชงใส่น้ำร้อนที่อุ่นพอดีอยู่ เขายิ้มเล็กน้อย มันเป็นยิ้มที่ภูมิใจกับการดูแลผมสุดๆ เขาเดินกลับมาพร้อมแก้วนม หอมมาก


   “ฉันต้องเตรียมพร้อมสิ จะเป็นพ่อคนแล้วขืนไม่ดูแลเมีย มีหวังแม่มาบิดหูของฉันแน่” เขาว่า ผมหัวเราะออกมาเมื่อจินตนาการโดนแม่ของเขาดุ ผมรับแก้วมาจากเขาที่นั่งลงข้างผม


   “คุณแม่ไม่โหดขนาดนั้นซะหน่อยครับ ผมเห็นท่านเป็นใจดีมากๆ”


   “ใจดีกับลูดี้ แต่ไม่ได้ใจดีกับฉันนี่นา รู้ไหมว่าตอนนี้นายเป็นคนสำคัญของทุกคน ไม่ว่าใครก็เอ็นดูนายทั้งนั้น” วูฟพูดจริงจัง ผมยิ้มให้เขา ผมรู้ครับว่าเขาเป็นห่วงผมเสมอ...เขากลัวว่าผมจะคิดน้อยใจที่ตัวเองเป็นเพียงโอเมก้า


   ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคิดว่าผมต้องกลัวแน่นอน แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวแล้วครับ ผมสามารถยืนขึ้นภูมิใจกับการเป็นโอเมก้า เพราะผมมีคนที่ผมรัก และเขาก็รักผมรออยู่


   ผมเข้มแข็งขึ้น เพราะมีวูฟอยู่เคียงข้าง...


   “จ้องหน้าฉันทำไม ไม่กินนมเหรอ” เสียงเข้มปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ผมพยักหน้าหงึกๆ ยกแก้วนมซดกินจนหมดรวดเดียว เขาก็มองผมไม่ละสายตา แววตาคมเข้มพาใจผมละลาย


   “นมรสนี้อะไรจังเลย” ผมบอกอย่างถูกใจกับรสชาติที่ถูกปาก วูฟยิ้มพอใจและรับแก้วจากมือของผมไป ผมหน้าร้อนวูบกับร่างสูงโน้มตัวลงมาเลียข้างริมฝีปากของผมที่มีคราบนมติดอยู่


   “อ๊ะ...”


   “นมรสนี้อร่อยจริงด้วย” เขาผละออกพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมเอามือเช็ดปากตัวเองด้วยความเขิน


   “คุณวูฟแกล้งผม”


   “ใครแกล้ง ยังไม่ได้แกล้งสักนิด เขาเรียกว่า เช็ดนมออกจากปากก็เท่านั้น” ผมเม้มปากมองเขาที่หัวเราะอารมณ์ดีเดินเอาแก้วเข้าไปเก็บในครัว ส่วนผมหยิบกล้องมาเปิดดูรูปที่เขาถ่ายไว้


   พอผมเปิดดู ผมยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะว่ารูปทั้งหมดที่เขาถ่ายวันนี้ มันมีแต่รูปผมแทบจะทุกท่าทาง กล้องตัวนี้แทบจะเหมือนสายตาของเขาที่มองผมอยู่ตลอดเวลา


   รูปผมยิ้ม...

   รูปผมหัวเราะ...

   รูปผมทำแก้มป่อง...

   รูปผมทำหน้าเหม่อ...

   เขาถ่ายเก็บไว้หมด แถมถ่ายแบบมือโปร ภาพคมชัดอีก ผมดูเพลินจนไม่รู้ว่าเขาเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงแล้ว

   “ชอบไหม รูปที่ฉันถ่าย” ผมเงยหน้ามองเขาด้วยรอยยิ้ม

   “ชอบครับ! คุณวูฟถ่ายสวยทุกรูปเลย ดูสิ รูปคู่ของเราน้อยจังเลยครับ ส่วนมากคุณถ่ายแค่ผม” ผมเลื่อนๆ ดู
 
   “ฉันกับลูดี้ก็คนๆ เดียวกัน ให้ฉันถ่ายแค่นายก็พอแล้ว” เขาพูดหวานใส่จนผมส่ายหน้าเอือมๆ ที่จริงเขินหนักมาก

   “ไม่ต้องมาเล่นมุขหวานเลยครับ ผมเริ่มง่วงแล้ว” ผมบอกพลางหาว สงสัยวันนี้ไปเดินทั้งวันจนรู้สึกปวดเมื่อยและง่วงเร็วผิดปกติ วูฟหยิบกล้องจากมือผมไปเก็บไว้โต๊ะข้างเตียง เขาขึ้นมานั่งบนเตียง

   “ถ้าง่วงก็นอนพักได้แล้ว พักผ่อนเยอะๆ นะ” เขาเอาแขนมาวางให้ผมหนุน ผมยิ้มและนอนลง

   “งั้นฝันดีนะครับ ขอบคุณสำหรับทริปฮันนี่มูนครั้งนี้นะครับคุณวูฟ”

   “เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น...” เสียงพูดขี้เล่นแต่ผมทำในสิ่งที่เขาอึ้ง คือผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาแล้วจูบปากเขาแบบแตะๆ


   วูฟตาโตอึ้ง ปากเขายิ้มกว้างออกมาโดยอัตโนมัติ

   “ทำไมน่ารักแบบนี้ ฉันยังไม่ทันจะตั้งตัวอะไรเลย เอาใหม่ได้ไหม” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก ผมเลยรีบดันไว้

   “อ๊ะ พอเลยครับ รอบเดียวพอ! นอนได้แล้ว” ผมรีบหลับตาลงด้วยใบหน้าที่แดงฉ่าไปหมด ผมได้ยินแค่เสียงหัวเราะในลำคอของวูฟที่ดังอยู่ใกล้ๆ เขาเอื้อมมือมากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

   “ราตรีสวัสดิ์ลูดี้...” ผมได้ยินแค่นั้นก็ผล็อยหลับไป

   หลับไปได้สักพักเหมือนผมละเมอตื่นเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ร่างสูงดังลั่น ผมลืมตานิดๆ มองวูฟที่กดรับโทรศัพท์ เขาเอามือลูบหัวผมเบาๆ

   “นอนซะนะลูดี้ ไม่มีอะไร เสียงโทรศัพท์ฉันเอง” ผมมองเขาอย่างงัวเงียไม่ได้ใส่ใจอะไร

   “รีบคุยรีบนอนนะครับ...” ผมบอกแค่นั้นและหลับไปอีกรอบ คราวนี้ผมหลับไปจริงๆ ด้วยความเหนื่อย...




   “โทรมามีอะไร ห๊ะ...ว่าอะไรนะ หัวหน้าแก๊งค์มาวินหนีออกจากการจับกุมระหว่างที่ขึ้นรถไปศาล ทำไมไม่มีคนคอยสกัด ปล่อยให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง” เสียงสบถของวูฟดังขึ้นเบาๆ
   “บอกทุกคนเตรียมตัวไว้ให้พร้อม ฉันจะกลับไปจัดการปัญหานี้ให้สิ้นซากเอง ถ้ามันยังลอยนวลอยู่ ตระกูลเฮอร์คิวของเราก็ยังไม่ปลอดภัย สั่งทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้เงียบๆ ห้ามบอกให้ลูดี้รับรู้เรื่องนี้โดยเด็ดขาด!...” วูฟสั่งเสียงเข้มผ่านทางโทรศัพท์ที่ลูกน้องของพ่อโทรมารายงาน






==========100%=========
ขอบคุณกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารักค่ะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.18 (100%) | 7/5/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 07-05-2018 16:06:49
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.18 (100%) | 7/5/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-05-2018 23:55:23
งานเข้าแล้ว
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.19 (100%)|28/8/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 28-07-2018 20:21:49
ตอนที่ 19


                [PART : ลูดี้]



                ผมกับวูฟมารอเช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ทที่เรามาพัก ผมมองทะเลเบื้องหน้าอีกครั้งแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ    จนร่างสูงหันมามองยิ้ม ๆ



                “ถ้าอยากมาอีกเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้ทุกเมื่อ ฉันจะพามาเอง”



                “คุณจะพาผมมาอีกเหรอครับ” ผมถามตื่นเต้น ก็แค่คิดว่าจะได้กลับมากับวูฟอีก ผมก็ดีใจมาก ๆ แล้วล่ะครับ       วูฟยิ้มพยักหน้ารับ



                “ใช่ ถ้ามันเป็นความต้องการของลูดี้ ป่ะ เดี๋ยวเราต้องไปขึ้นเครื่องกันอีก อยากได้ของฝากอะไรเพิ่มเติมไหม       ถ้าอยากได้อะไรก็บอกได้นะ จะได้ซื้อกลับไปด้วย” เขาบอกตามใจผมสุดๆ ผมส่ายหน้า เพราะเมื่อกี้เขาก็เหมาะซื้อของฝากให้ผมไปแล้ว เยอะมาก แทบจะเหมาหมดร้านด้วยซ้ำ ถ้าผมไม่ห้ามไว้ วูฟได้กวาดของที่ระลึกกลับไปให้ทุกคนในบ้านแน่ ๆ เลยครับ



                ผมเลือกของฝากชิ้นน่ารักๆ ไปฝากทุกคนที่บ้านด้วย ก็เป็นพวกพวงกุญแจ ผ้าพันคอลายสวย



                “ไม่เอาแล้วล่ะครับ เมื่อกี้ก็ขนซื้อมาเยอะแล้ว” ผมยิ้มให้เขาที่เลื่อนมือมากุมมือของผมไว้ มือที่แสนอบอุ่นเหมือนที่พักพิงของผมที่เชื่อมั่นได้....





                บ้านตระกูลเฮอร์คิว



                ใช้เวลาขึ้นเครื่องกลับมาไม่นาน เราก็กลับมาถึงบ้านโดยที่มีรถของทางตระกูลเฮอร์คิวไปรับเรา ที่น่าแปลกใจก็คือ ทำไมในบ้านใหญ่ถึงดูมีคนเยอะ ๆ แบบนี้ พวกเขามาทำอะไรกัน ดูเหมือนจะเป็นลูกน้องฝ่ายสนับสนุนต่าง ๆ ของตระกูลเฮอร์คิว



                “กลับมากันแล้วเหรอจ๊ะ เป็นยังไงบ้างหนูลูดี้ สนุกไหมคะ” แม่ของวูฟยิ้มต้อนรับผม ผมยกมือไหว้



                “สนุกมากเลยครับ ทำไมวันนี้บ้านดูคึกคักจังเลยล่ะครับ” ผมถามด้วยความอยากรู้ กำลังจะมีสาวใช้เผลอตอบก็หยุดชะงักกึกไปซะก่อน เมื่อเสียงเข้มที่เดินตามหลังของผมมาพูดขึ้น



                “ลูดี้กลับมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนที่บ้านก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปหาพ่อหน่อย” วูฟว่า



                “ครับ งั้นผมไปรอคุณวูฟอยู่ที่ห้องนะครับ” ผมพยักหน้าหงึก ๆ แม้ในใจจะรู้สึกเหมือนว่า มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็เถอะ ไม่รู้สิครับ...ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ผมรู้สึกเหมือนว่าตระกูลเฮอร์คิวกำลังมีเรื่องอะไรอยู่ แต่ผมก็ไม่กล้าพอที่จะถามเขา



                วูฟยิ้มให้ผมนิด ๆ พร้อมกับลูบผมของผม



                “อย่าดื้อนะ เดี๋ยวฉันตามขึ้นไปบนห้อง” เขาพูดจบก็เดินไปทางบ้านใหญ่ ส่วนผมก็เดินกลับไปทางบ้านของเรา โดยมีแม่บ้านถือข้าวของช่วยผม ด้วยความที่ไม่อยากนั่งอยู่ในห้องเฉย ๆ ระหว่างรอร่างสูงกลับมา ผมก็เลยเอาพวกของฝากที่ซื้อมาไปให้ทุกคนในบ้านที่ผมตั้งใจซื้อมาฝากพวกเขา



                จะว่าไปแล้ว พวกผู้หญิงของพวกท่านทูตผมก็ไม่เห็นเลยนะครับ เหมือนผมได้ยินป้านมเล่าว่า วูฟเป็นคนสั่งให้พ่อของเขาจัดการให้กันผู้หญิงของท่านทูตให้ห่างจากผมด้วยความเป็นห่วง น่ารักจังครับ เขาใส่ใจผมมาก...มากซะจนผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่สุด



                ผมอยู่ทำขนมช่วยป้านมอยู่ในครัวจนเย็น ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของร่างสูง ทำไมเขายังไม่กลับมาอีกล่ะครับ



                “คุณลูดี้คะ ไปพักที่ห้องก็ได้นะคะ ช่วยป้าทำขนมมาตั้งนานสองนาน จะเหนื่อยเอานะคะ” ผมที่กำลังนั่งปั้นแป้งทำบัวลอยอยู่เหม่อ ๆ ก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อป้านมแตะผม “ป้าขอโทษค่ะ ตกใจเหรอคะ”



                “เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย กี่โมงแล้วเหรอครับ” ผมเช็ดมือกับผ้าสะอาดพลางถามเวลา



                “18:00 น. ค่ะ เป็นห่วงคุณวูฟหรือคะ” ป้านมถามเหมือนผมแสดงความห่วงใยออกไปหาร่างสูง ผมพยักหน้า



                “ครับ หายไปนานมาก...ไหนบอกว่าจะกลับมาเร็ว ๆ” ผมบ่น



                “ป้าว่าเดี๋ยวก็คงจะกลับมานั่นแหละค่ะ...”



                “ผมว่าผมไปดูเขาสักหน่อยดีกว่าครับ” ผมบอกด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะขอตัวเดินไปทางตึกใหญ่ ผมเดินมาตามทางเดินเรื่อย ๆ และก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกัน ผมชะลอฝีเท้าการเดิน



                “ลูกชายฉันไปไหน ฉันถามว่าลูกชายของฉันไปไหน!” เสียงเข้มที่ดังทุ้มอยู่เป็นเสียงพ่อของวูฟที่กำลังเค้นถามลูกน้องคนสนิทสองคนของร่างสูงที่ทำหน้าหนักใจกับการตอบคำถามนี้



                “คือว่านายน้อย...นายน้อยออกไปหาหัวหน้าตระกูลมาวินคนเดียวครับ” คำตอบของลูกน้องทำเอาผมใจหล่นวูบเมื่อได้ยิน อะไรนะครับ เขาไปหาตระกูลศัตรูคนเดียว...ทำไมล่ะ ก็ไหนวูฟบอกว่าพวกนั้นถูกจับได้แล้ว



                “ว่าไงนะ ทำไมไอ้วูฟถึงไปคนเดียว ทำไมพวกนายปล่อยให้ลูกชายฉันไปคนเดียว!”



                “นายน้อยบอกว่าหัวหน้าตระกูลขอเจอตัวต่อตัวเพื่อเจรจาครับ พวกผมเองก็ห้ามแล้วแต่นายน้อยยืนยันว่าจะไปตามข้อตกลงของมัน เพราะนายน้อยบอกว่า เราต้องรู้จักเชื่อมั่นบ้างครับ...” ประโยคที่ลูกน้องของวูฟพูดออกมาอีกทำให้ผมเดินออกไปจากผนังกำแพงที่ซ่อนอยู่ ทุกคนที่กำลังยืนคุยกันอยู่ตกใจนิด ๆ เมื่อเห็นผมมายืนอยู่ตรงนี้



                “เฮ้อ ท่าทางจะจำคำของภรรยาตัวน้อยมา รักภรรยาจริง ๆ ไอ้วูฟ...ไอ้พวกนั้นมันเคยรักษาคำสัตย์เมื่อไหร่ล่ะ” พ่อของวูฟที่หันหลังอยู่ทำหน้าหนักใจเลยไม่เห็นผม



                “คุณลูดี้...” ลูกน้องของวูฟโค้งให้ผม พ่อของร่างสูงก็หันมาตามสายตาของลูกน้อง



                “ลูดี้ หนูมาตั้งแต่เมื่อไหร่”



                “สักพักแล้วครับ ขอโทษที่แอบฟัง” ผมโค้งนิด ๆ



                “ไม่เป็นไร เรื่องของวูฟหนูเองก็มีสิทธิ์จะรับรู้ทั้งหมดเหมือนกัน แต่ที่มันไม่บอกหนูก็คงเป็นเพราะไม่อยากให้กังวลนั่นแหละ” ผมกำมือนิด ๆ ก่อนจะขอในสิ่งที่ทำเอาทุกคนส่ายหน้ารัว



                “ผมขอไปตามคุณวูฟกลับได้ไหมครับ ถ้าผมไปตามเขา ผมเชื่อว่าเขาจะกลับกับผม”



                “ไม่ได้เด็ดขาด” พ่อของวูฟปฏิเสธ



                “ไม่ได้นะครับ คุณวูฟสั่งพวกผมไว้ว่าห้ามคุณลูดี้มารับรู้เรื่องพวกนี้” ลูกน้องของเขาก็บอกอีกเสียง



                “หนูลูดี้พ่อรู้ว่าหนูเป็นห่วงไอ้วูฟแต่การที่หนูจะไปตามกลับมาเอง มันอันตรายเกินไป ถึงจะมีแค่หัวหน้าตระกูลมาวินแต่เราก็ไม่รู้ว่าพวกมันมีแผนอะไรอย่างอื่นรึเปล่า วูฟเองก็ประมาทพวกมันเกินไป”



                ผมทำหน้าเศร้าลงจนทุกคนเริ่มกังวล เพราะมันคงไม่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ท้องอ่อนแบบผมนัก



                “เรื่องนี้พ่อจะจัดการตามหาเอง กัสนายพาลูดี้กลับไปที่บ้านของวูฟ ไป” พ่อของวูฟหันไปสั่งกัส หัวหน้าโอเมก้าที่เดินผ่านมาทางนี้พอดี ผมจะอ้าปากคัดค้านก็ไม่ทันเมื่อพ่อของร่างสูงเดินลิ่ว ๆ หนีไปอีกทางพร้อมกับลูกน้องอีก 3-4 คน



                ผมเดินกลับมาห้องโดยมีกัสมาเฝ้าด้วย ผมนั่งอยู่บนเตียงด้วยความกังวลใจแปลก ๆ ผมไม่รู้ว่าวูฟอยู่ที่ไหน ทำไมเขาถึงต้องไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวด้วย



                “กัสครับ” ผมเรียกผู้ชายสูงโปร่งที่อยู่ในชุดเครื่องแบบ ผมเจอเขาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ที่นี่ เหมือนกัสรู้ว่าผมจะพูดอะไร



                “คุณลูดี้จะขอผมออกไปหาคุณวูฟใช่ไหมครับ ผมว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย คุณต้องอยู่ในที่ปลอดภัยที่สุดนะครับ”



                “แต่ผมเป็นห่วงคุณวูฟนี่ครับ ผมอยากไปช่วยเขา” ผมบอกเหมือนเด็ก ความกังวลใจตอนนี้ทำเอาผมไม่อยากนั่งรอเขาอยู่ที่นี่ ตอนผมตกอยู่ในอันตราย วูฟเองก็ไปช่วยผมโดยไม่ห่วงตัวเองสักนิด แล้วมันจะผิดอะไรถ้าหากผมอยากจะปกป้องคนที่ผมรักบ้าง



                “คุณลูดี้รู้เหรอครับว่าจะไปตามหานายน้อยได้ที่ไหน” เขาถาม ผมชะงัก จริงด้วยไปตามหาได้ที่ไหนล่ะ ผมมองกัสตาปริบ ๆ อย่างต้องการความช่วยเหลือจนเขาถอนหายใจเบา ๆ “หากมีคนรู้ว่าผมช่วยคุณลูดี้มีหวังโดนลดเงินเดือนแน่ ๆ ครับ” เขาพูดติดตลกและกดเครื่องไอแพดที่ถือไว้ ผมยิ้มกว้าง



                “กัสจะช่วยผมตามหาคุณวูฟใช่ไหมครับ ขอบคุณนะครับ!”



                “ช่วยครับ ผมเองก็จะไปกับคุณด้วย ปล่อยคุณไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวไม่ได้หรอก” ผมรีบส่ายหน้า



                “ไม่ได้นะครับ ถ้าคุณไปด้วยก็จะผิดสังเกตสิ คุณอยู่นี่ก็ได้ ผมไปเองคนเดียวได้ ผมว่าเราน่าจะไปถึงก่อนพวกคุณพ่อกับลูกน้องแน่ ๆ” ผมเหลือบมองไอแพดที่กำลังค้นข้อมูลก็เห็นมันระบุตำแหน่งของร่างสูงจากเครื่องตามหาที่ติดตั้งไว้กับนาฬิการ่างสูง พอมันระบุตำแหน่งได้ผมก็เอาเสื้อกันหนาวตัวบางมาสวมไว้



                “คุณลูดี้ผมปล่อยให้คุณไปคนเดียวไม่ได้นะครับ” ผมยิ้มพร้อมกับชูสองนิ้ว



                “ผมไหวครับ ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวผมกลับมา” ผมบอกและใช้จังหวะความไวของตัวเองวิ่งหนีออกไปทางประตูลับในสวน ช่วงตัวเล็กของผมผ่านไปได้สบาย ๆ ผมรีบโบกมือเรียกแท็กซี่หน้าปากซอยทันที



                ความรู้สึกกลัวของผมตอนนี้แทบจะไม่มีเลย ในหัวของผมคิดแค่ว่า อยากเจอวูฟเร็ว ๆ อยากเห็นว่าเขาปลอดภัยดี รอผมก่อนนะครับคุณวูฟ...ผมกำลังจะไปหาคุณ ว่าเเต่ผมจะไปถูกตามตำเเหน่งไหมล่ะ...เเฮะ





                โกดังร้าง



​เเล้วผมก็มาถูกจนได้...



                ผมมองโกดังตรงหน้าด้วยความกลัวขึ้นมา ก็ดูสิมันมืดมาก...ผมกำลังจะเดินเข้าไปก็ต้องรีบหลบหลังพุ่มไม้เมื่อได้ยินเสียงคนคุยโทรศัพท์



                “ไม่คิดว่าลูกชายคนเดียวของตระกูลเฮอร์คิวจะรักครอบครัวขนาดนี้ หึ มันโง่ยอมมาคนเดียวจนได้” เสียงเย็นเฉียบเอ่ยขึ้น ทำเอาผมใจหาย ผมเหลือบมองดูก็จำได้ว่าเป็นหัวหน้าตระกูลมาวินครับ แสดงว่าวูฟอยู่ข้างในนั้น ผมมองไปรอบตัวเพื่อหาทางเข้าก็เจอช่องเล็ก คล้ายประตูช่องหมาแต่ผมน่าจะเข้าได้นะ



                ผมตัดสินใจคลานกระดึ้บเข้าไป ก่อนจะเจอห้องที่มีกรงขัง และผู้ชายที่นั่งหันหลังพิงลูกกรงอยู่คือ คนรักของผม แถมเขายังดูอาการไม่ดีเลย ผมยังไม่ทันจะเดินเข้าไปใกล้ วูฟก็หันขวับมาทางผม เขาตาโตเมื่อเห็นผม



                “ลูดี้...มาที่นี้ได้ยังไง อย่าเข้ามาใกล้ฉัน...” ผมเดินเข้าไปหา ร่างสูงกลับถอยหนีด้วยอาการหอบ เหมือนคนกำลังติดฮีท



                “คุณวูฟ ผมมาช่วยคุณ พวกเขาทำอะไรกับคุณ ทำไมหน้าคุณมีเลือดล่ะครับ” วูฟเอื้อมมาจับลูกกรงไว้ด้วยมือสั่นเทา ใบหน้าหล่อคมมีรอยช้ำของการโดนซ้อม เขายิ้มเล็กน้อย ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาหน่อย



                “มันฉีดยาอะไรให้ฉันก็ไม่รู้ แต่ที่ฉันรู้ มันอาจจะเป็นยาปลุกฮีทให้ตัวฉันทำให้ได้กลิ่นของลูดี้มากขึ้น....ออกไปห่าง ๆ ฉันก่อน...นายไม่ควรมาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำลูดี้ แฮ่ก...ลูกน้องฉันมันดูแลยังไงถึงปล่อยนายออกมาหาฉัน”



                “อย่าโทษลูกน้องคุณเลยนะ เป็นผมเองแหละที่หนีมาแบบนี้”



                “แสดงว่าไม่มีใครรู้ว่านายหนีมา งั้นเหรอ...เด็กดื้อ” เขาหัวเราะในลำคอ แต่สภาพของร่างสูงดูไม่โอเคเลย       ลมหายใจของเขากำลังหายใจแรงขึ้น ผมรู้ครับว่าเวลาฮีทขึ้นมันทรมานและเจ็บปวดแค่ไหน เขาระบายไม่ได้...



                ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ผมก็สะดุ้งกับเสียงเย็นเฉียบที่ดังขึ้น



                “โอ๊ะ ไม่คิดว่าจะมีอะไรน่ารัก ๆ รนมาหาถึงที่นี่เลยแฮะ ไม่ต้องเสียเวลาไปจับมาให้ยาก” มือหนาหยาบกระชากคอเสื้อของผมโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว จนผมลอยขึ้นไปตามแรงของหัวหน้าตระกูลมาวิน



                “แกจะทำอะไร!! อย่ายุ่งกับลูดี้เด็ดขาดนะ ฉันก็ยอมมาถามที่แกตกลงแล้วไง แกบอกว่าจะไม่ยุ่งกับครอบครัวฉันอีก”



                “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะยุ่งกับคนรักของแกนิ หึ แต่คนที่จะทำน่าจะเป็นแกมากกว่ามั้ง” ผมกับวูฟมองงงกับสิ่งที่เขาพูดขึ้น ก่อนจะเริ่มเข้าใจเมื่อเขาเปิดประตูห้องขังของวูฟและโยนผมเข้าไปในนั้น เฮือก...กลิ่นฟีโรโมนของผมกำลังไปยั่วสติของร่างสูงให้ขาดลงช้า ๆ



                “ดูซิว่า ถ้าแกขาดสติพลั้งพลาดทำอะไรคนรักขึ้นมา คงจะเจ็บปวดน่าดู” เสียงชั่วร้ายพูดออกมา เสียงล็อคประตูพร้อมกับรอยยิ้มสะใจปรากฏขึ้น วูฟกำมือแน่นกัดฟันกรอด



                “แก!! ครอบครัวฉันไปทำอะไรให้นักหนา แฮ่ก...แฮ่ก ลูดี้ถอยไปห่าง ๆ ฉันก่อน”



                “คุณวูฟไหวไหมครับ อ๊ะ!...” ผมจะเข้าไปแตะเขาด้วยความเป็นห่วงก็ต้องร้องเสียงหลง เมื่อร่างสูงกระโจนใส่ผมเพราะกลิ่นที่กำลังฟุ้งกระจาย เขากำลังบังคับร่างกายบวกกับฤทธิ์ยาอะไรก็ไม่รู้ที่เขาได้รับไป



                ถ้าเขาทำอะไรผมตอนนี้ คนที่เป็นอันตรายที่สุดคือผมเองครับ ร่างกายของผมรับแรงทั้งหมดจากเขาไม่ไหวหรอก ผมพยายามดิ้นหนีออกจากเขา วูฟเองก็พยายามขืนร่างกายของตัวเองออกจากผม



                “แฮ่ก บ้าเอ๊ย!! ฉันกำลังจะพาลูดี้เข้าใกล้อันตรายอีกแล้ว ฉันทำไมไม่ดูแลนายให้ดีกว่านี้! แฮ่ก...ลูดี้หอม หอม...”



                “คุณวูฟตั้งสติไว้นะครับ ผมจะออกไปห่าง ๆ คุณเอง อ๊ะ!” ผมจะถอยห่างแต่วูฟคุมสติไว้แทบจะไม่อยู่กำลังจะก้มลงมากัดซอกคอของผม แรงขนาดนี้ผมไม่รอดแน่ ผมหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ



                กึก...



                เสียงความคมของฟันกัดลงแต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บ พอลืมตาก็พบว่าวูฟกำลังกัดข้อมือของเขาอยู่ แรงกัดมหาศาลทำให้เลือดไหลออกจากข้อมือของวูฟ ร่างสูงรีบผละออกจากผม



                “คุณวูฟ เจ็บไหมครับ ฮึก...คุณวูฟ”



                “ไม่เป็นไร อย่า...อย่าร้อง ฉันโอเค” เขาถอดเข็มขัดของตัวเองและมัดมือของเขาติดไว้กับขอบโต๊ะเพื่อยึดสติตัวเองไว้ เขากำลังหายใจหอบอย่างทรมาน จนผมหยุดร้องไห้ไม่ได้...ผมไม่อยากเห็นเขาทรมาน ผมช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย



                “ยังมีสติอยู่อีก ทั้งที่โดนยาไปขนาดนั้น” เสียงเย็นเฉียบที่ยืนมองอยู่ข้างนอกกระตุกยิ้มเยือกเย็น ผมลุกขึ้นไปจับประตูไว้



                “ปล่อยพวกเราออกไปนะ คุณจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร บอกมาสิว่าคุณต้องการอะไร ฮึก...ขอร้องล่ะ ปล่อยพวกเราไปนะ ผมไม่อยากให้วูฟทรมาน ฮือออ...” ผมร้องไห้ออกมา



                “ลูดี้...อย่าร้อง ฉันไม่เป็นไร” เสียงเข้มดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด ผมหันไปสบตากับเขาด้วยน้ำตาที่อาบเต็มแก้ม      วูฟมองด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่สามารถจะปลอบโยนผมได้ เพราะเขาล็อคตัวเองไว้เพื่อลดความคลุ้มคลั่งของตัวเอง



                เลือดเขายังไหลไม่หยุดเลย...



                “ฉันอยากให้ไอ้เฮอร์คิวมันรู้ว่า ฉันเองก็ทรมานเหมือนกัน! อยากรู้ว่าถ้าลูกชายที่มันรักมากถูกทรมาน มันจะเป็นยังไง” หัวหน้าตระกูลมาวินเอ่ยออกมาเรียบ ๆ ถ้าให้เดา...ผมว่าเฮอร์คิว คือชื่อพ่อของวูฟใช่ไหมครับ



                “พ่อของผมไปทำอะไรให้คุณ ถ้าเรื่องตำแหน่ง พ่อของผมก็ได้มาโดยชอบธรรม และความสามารถของพ่อ” วูฟถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง



                “ไม่ใช่เรื่องตำแหน่ง! แต่สิ่งที่พ่อแกทำคือ พ่อแกเป็นคนได้หัวใจของน้ำ พ่อของแกมีอะไรคู่ควรตรงไหน! ทั้งที่ควรจะเป็นฉันสิที่ได้หัวใจของเธอ....ทำไม” ความจริงถูกเอ่ยออกมาทั้งหมด วูฟได้ฟังก็หัวเราะออกมาในลำคอ



                “แกหัวเราะอะไรของแก แย่ขนาดนี้ยังจะมีหน้ามาหัวเราะ” มาวินด่าทอ



                “จะบอกอะไรให้นะ ว่าพ่อไม่เคยทำอะไรเพื่อให้ได้ใจแม่มาไม่เคยขอให้เเม่มารัก แต่สิ่งที่พ่อของผมทำ คือ ปกป้องแม่ด้วยชีวิต โดยที่ไม่ห่วงตัวเอง!!! ยอมแลกทุกอย่างเพื่อปกป้องแม่ !! นั่นแหละคือสิ่งที่แกไม่มี” วูฟตะโกนระบายออกมาอย่างเหลืออด ทำให้หัวหน้าตระกูลมาวินเลือดขึ้นหน้า หยิบปืนที่อยู่ใกล้มือขึ้นมา ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นปืนเล็งไปทางร่างสูง



                “ปากดีนักนะแก!”



                “อย่านะ อย่า...” ผมกางแขนออกแล้วบังวูฟเอาไว้



                “ลูดี้ถอยไป อึก...” เสียงเข้มจะลุกขึ้นมาหาผมก็หยุดกึกเมื่อถูกตรึงไว้ด้วยเข็มขัด แถมเลือดที่ไหลออกมาเยอะทำให้เขาเริ่มมึน แต่เขาก็พยายามจะไม่ดูของเหลวสีแดงที่ไหลเต็มไปหมด “ถ้าจะเล็งก็เล็งมาทางฉัน ฉันเป็นตัวแทนของพ่อ  แกคงอยากแก้แค้นมาก ถ้าจะแก้แค้นก็ให้มันจบที่ฉัน!” เสียงเข้มประกาศ



                “ไม่นะครับคุณวูฟคุณพูดอะไรออกมา เราจะออกไปจากที่นี่พร้อมกัน” ผมตาโตอีกรอบเมื่อปืนเล็งไปทางร่างสูง ผมไปยืนบังเขาไว้อีกรอบ แววตามุ่งมั่นไม่กลัวของผมจ้องหัวหน้าตระกูลมาวินที่ชะงักไป



                “ผมรู้นะครับว่า คุณเจ็บปวดกับการรักสักคนแล้วไม่สมหวัง ผมรู้ว่ามันเจ็บมากแค่ไหน ถ้าคนที่เรารักไม่รักเรา...” ผมพูดขึ้นเสียงนุ่มพยายามกล่อมเขาให้เย็นลง สายตาก็เหลือบมองวูฟด้วยความเป็นห่วง



                “จะมารู้อะไรกับความเจ็บปวด ในเมื่อนายก็มีคนที่เขารักนาย!” หัวหน้าตระกูลมาวินตวาดลั่น ผมสะดุ้งนิด ๆ แต่ก็ทำใจแข็งพูดต่อ



                “คุณวูฟไม่ได้รักผมตั้งแต่ตอนแรกครับ แต่ผมก็ใช้ใจของผมคว้าใจของเขามา แต่กว่าจะได้ใจเขามา ผมเองก็ผ่านความรู้สึกมาหลายอย่าง...ผมยอมรับว่าผมโชคดีมาก โชคดีที่มีคนที่รักในตัวตนของผมขนาดนี้” ผมยิ้มบาง ๆ



                “ถ้าคุณเข้าใจคำว่ารักจริง คุณก็คงอยากจะเห็นเขามีความสุขใช่ไหมครับ...” คำถามเดียวของผมทำเอาหัวหน้าตระกูลมาวินเงียบไป ผมไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ผมสื่อไหม แต่ผมเชื่อนะครับว่า คนเราเปลี่ยนแปลงความคิดได้    เราอาจะหลงทางไปสักหน่อย ถ้าเราเจอป้ายบอกทางที่ถูกต้อง เราก็จะเดินไปถูกเอง...



                ปืนในมือคนตรงหน้าลดลงนิด ๆ ก่อนผมจะตาโตเมื่อเห็นผู้ชายใบหน้าเค้าโครงเดียวกันกับวูฟจู่โจมอย่างรวดเร็ว มาจากด้านหลังของหัวหน้าตระกูลมาวิน ปืนสีดำสนิทจ่อมาตรงหัวของหัวหน้าตระกูลมาวินทันที



                “วางปืนลงซะ พวกของฉันล้อมนายไว้หมดแล้ว” เสียงเข้มเด็ดขาดสั่งสมกับเป็นอดีตหัวหน้าตระกูลเฮอร์คิว ปืนในมือของหัวหน้าศัตรูทิ้งลงกับพื้นเบา ๆ



                “ถ้านายอยากจะเคลียร์เรื่องอะไร ก็มาเคลียร์กับฉันตรง ๆ ตัวต่อตัว อย่าเอาลูกชายและลูกสะใภ้ของฉันมาเกี่ยวข้องด้วย!! เพราะฉันเชื่อว่า ฉันรักเมียของฉันมากกว่าที่แกรัก!!” ผมสะดุ้งกับเสียงเข้มของพ่อวูฟไปหนึ่งรอบ พ่อเขามีบทโหดด้วยแฮะ แม่ของวูฟเองก็เดินตามหลังเข้ามาด้วย แม่เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ และยกมือห้ามปราบคนรัก



                “พอเถอะค่ะที่รัก ปล่อยให้เป็นเรื่องของกองปราบปรามเถอะนะ ฉันให้อภัยนายมาวินอย่าทำร้ายพวกเราอีกเลย คุณคะไปช่วยลูกชายคุณดีกว่าค่ะ นู่น จะช็อกกับกองเลือดอยู่แล้ว” พอได้ยินแม่พูดแบบนั้น ผมก็หันขวับไปมองร่างสูงที่เอามือข้างหนึ่งปิดตาตัวเองไว้ไม่มองเลือด  ส่วนหัวหน้าตระกูลมาวินก็โดนกองปราบปรามพิเศษคุมตัวออกไปเรียบร้อยโดยไม่ขัดขืน มีเพียงน้ำตาที่เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาอาจจะสำนึกผิดได้เเล้ว



                อุบ...ผมเกือบหลุดขำกับท่าทีของวูฟ งื้อ ผมไม่ได้จะหัวเราะเขานะ...



                วูฟเอามือออกจากตานิดหนึ่ง ดูเหมือนยาจะคลายลงนิดหน่อยแล้วล่ะครับ พ่อของวูฟถือเซรุ่มแก้ฤทธิ์ยามาฉีดเข้าที่แขนของเขาเพื่อลดพิษ ผมเดินเข้าไปนั่งลงใกล้ ๆ เขา



                “ทำไมทุกทีที่เรื่องมันจบ แทนที่ฉันจะเท่ที่สุดในสายตาของลูดี้ ไหงมาจบสภาพแบบนี้ได้ล่ะ เฮ้อ...” วูฟเอามือไปแปะหน้าผากของตัวเอง จนทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะสวมกอดร่างสูงไว้โดยไม่ห่วงว่าตัวเองจะเปื้อน



                “คุณวูฟคือคนที่เท่ที่สุดในสายตาของผมนะครับ” วูฟยิ้มออกมาแล้วสวมกอดผมตอบไว้อย่างห่วงใย เขาจูบตรงผมของผมเบา ๆ



                “ดีใจจัง ฉันได้เป็นคนเท่ในสายตาของเด็กดื้อแล้วแฮะ...” เขากระซิบแผ่วเบาจนผมอดยิ้มไม่ได้ ก่อนผมจะสะดุ้งกับเสียงร้องของวูฟ



                โป๊ก! พ่อของวูฟเขกหัวของร่างสูงไม่แรงนักอย่างหมั่นไส้



                “โอ๊ยพ่อ เขกหัวทำไม เจ็บ...”



                “เลิกอ้อนเมียเลยแก นึกจะมาฝ่ายศัตรูไม่ถามความเห็นพ่อแม่สักคำ ดูสิ ทำเมียแกเป็นห่วงตามมาถึงที่นี่           ถ้าหลานฉันกับหนูลูดี้เป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะจับแกไปขึงไว้กลางแดดเลยคอยดู! ไอ้ลูกงั่งเอ๊ย” พ่อของร่างสูงสบถทำหน้าดุใส่วูฟ แต่พอหันมาหาผมก็ยิ้มอ่อนโยนให้



                “โหย อะไรอะ สองมาตรฐานชัด ๆ ลูกตัวเองจะเลือดไหลหมดตัวอยู่แล้ว” วูฟบ่นงอน ๆ



                “ไหลไปให้หมดตัวเลย ป่ะหนูลูดี้ปล่อยไอ้วูฟทิ้งไว้นี่แหละ” พ่อของเขาพูดตลกแต่ท่านก็ไปช่วยพยุงลูกชายของเขาให้ลุกขึ้นยืน แม่ของวูฟจับมือของผมไว้และมองสองพ่อลูก



                “หนูลูดี้อย่าทำให้ตัวเองอยู่ในอันตรายแบบนี้อีกนะคะ รู้ไหมว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงหนูมากเลย” แม่เอ่ยอ่อนโยน       ผมพยักหน้าสำนึกผิด 



                “ครับ ทีหลังผมจะไม่ทำให้ตัวเองอยู่ในอันตราย...”



                “ดีแล้วค่ะ แม่เชื่อว่าต่อจากนี้จะไม่มีเรื่องอันตรายอีกแล้วล่ะ เพราะแม่เชื่อว่าวูฟเขาจะไม่ปล่อยให้หนูคลาดสายตาแม้แต่นิดเดียว” แม่ของวูฟบอกผมด้วยรอยยิ้ม และมันก็เป็นอย่างที่แม่บอกจริง ๆ ว่าเขาจะไม่ปล่อยผมคลาดสายตาเด็ดขาด



เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ร่างสูงตระหนักว่า ผมดื้อและกล้าหาญ (ซน) แค่ไหน...







...............................................................................................

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจจากคนอ่านที่น่ารัก ^^
งื้อออ คิดถึงจังเลยยยยยยยยย จุ๊บบบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.19 (100%) | 28/8/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 28-07-2018 21:36:23
หวานกันมากๆรอหลานตัวน้อยน้า
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.19 (100%) | 28/8/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 19-08-2018 12:39:08
มีคนหัวเน่า
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.19 (100%) | 28/8/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 20-08-2018 04:25:01
เรื่องราวร้ายๆผ่านไปแล้วต่อไปนี้ครอบครัวของลูดี้น่าจะเจอแต่เรื่องดีๆนะ โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กสมาชิกใหม่ที่กำลังจะเกิดมา
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: vampire_rose ที่ 05-11-2018 20:23:59
ตอนที่ 20

   [PART : ลูดี้]


   “คุณวูฟครับ ทำไมต้องขังผมไว้ในห้องด้วยล่ะ!” ผมนั่งมองตาปริบ ๆ อยู่บนเตียง ส่วนเขานั่งพิงขอบเตียงอ่านหนังสือไม่สนใจ


   “...”


   “ทำไมต้องกักบริเวณผมด้วยล่ะ” เสียงเล็กยังคงถามต่อ


   “...”


   “อยู่แต่ในห้องมาสองวันแล้ว ผมเริ่มเบื่อ...” ผมบ่นอุบอิบกับร่างสูงที่ยังอ่านหนังสือไม่สนใจเสียงผมเลย สาเหตุเรื่องทั้งหมดมาจากผมเองแหละครับ ก็ตอนนั้นหนีออกไปตามวูฟกลับมา ทั้งบ้านเลยค่อนข้างเป็นห่วงผมมากกว่าปกติ ถึงขั้นไม่ให้ผมออกไปไหนเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของผมและลูก แต่ผมอยากไปร้านหนังสือนี่นา!


   พอดีว่าผมอยากไปหาหนังสือนวนิยายเล่มใหม่มาอ่านอีก 



   “ถ้าเบื่อก็ไปหาหนังสือมาอ่านเล่น แค่นี้ก็ไม่เบื่อแล้ว” เขายอมเปิดปากพูดเมื่อเห็นผมทำหน้าเศร้า ผมจะบีบน้ำตาอ้อนเขาดูดีไหมนะ ผมว่านั่นคงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ ฮ่า ๆ วูฟอาจจะไม่สนใจเลยก็ได้



   “คุณวูฟครับ...คุณวูฟ” จึก ๆ ผมเขยิบเข้าไปหาเขาพร้อมกับจิ้มซิกแพคเขาเบา ๆ วูฟลดหนังสือลงมองหน้าผม


   “ถ้าจะขอออกไปเล่นข้างนอก ฉันไม่อนุญาตเด็กดื้อที่ถูกกักบริเวณหรอกนะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนบ่อย เมื่อวานดูเหมือนจะมีไข้ด้วยนิด ๆ บอกให้กินข้าวเยอะ ๆ กินน้อย ดูสิ เหมือนแก้มเล็กลงเลย” วูฟบ่นยาวและเอื้อมมือมาลูบแก้มผมอย่างสังเกต


   “ผมอยากให้คุณพาไปร้านหนังสือนี่นา ไม่ได้ไปซื้อหนังสือนานแล้วด้วย” ผมทำแก้มป่อง หวังว่ามันจะน่ารักพอให้เขาเห็นใจได้บ้าง และมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ วูฟจ้องอยู่สักพักก่อนจะเบนสายตาหนีผมด้วยใบหูที่แดงนิด ๆ

   เขาเขินผมใช่ไหมนะ


   “ตอนนี้แดดร้อนอยู่ รอแดดร่มกว่านี้ก่อนก็แล้วกัน ฉันจะพาออกไป” เสียงเข้มพูดขึ้นเก๊ก ๆ ผมยิ้มกว้างแล้วใช้แขนเล็กโอบกอดรอบคอวูฟ


   “เย้ ขอบคุณนะครับ” เขากอดผมตอบเบา ๆ ผมผละออกมองหน้าเขาที่มองผมอยู่


   “แต่ต้องมีกฎข้อตกลงในการออกไปนอกบ้านครั้งนี้ด้วย อย่าอยู่ไกลจากสายตาฉัน ห้ามเกินหนึ่งเซนติเมตรเลยยิ่งดี” เสียงเข้มพูดจริงจังแต่ถ้อยคำของเขาขี้เล่นมาก ผมหัวเราะ


   “ห้ามเกินหนึ่งเซนติเมตร คุณล้อผมเล่นรึเปล่าเนี่ย...ครับ ผมจะอยู่ใกล้ ๆ คุณ” ผมหยุดหัวเราะกึกเพราะสายตาเข้มมองจริงจังมาก


   “ดีมาก” เสียงเข้มตอบกลับมา จู่ ๆ ผมก็หาวขึ้นด้วยความง่วง “ถ้าง่วง นอนพักผ่อนซะ จะได้ไม่เพลีย” เสียงเข้มพูดด้วยความเป็นห่วงเป็นใยคนท้องอย่างผม

   “งั้นผมขอนอนพักสักหน่อยนะครับ” ผมว่า วูฟเลื่อนแขนออกมาให้ผมหนุน ผมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วซุกตัวเข้าใกล้ร่างสูงจนตัวติด ใบหน้าของผมซุกลงกับแผงอกแกร่งตรงหน้า ความอบอุ่นที่ผมชอบกำลังทำให้ผมหลับสู่ห้วงนิทราช้า ๆ โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่า ผมกำลังทำให้ความปรารถนาของร่างสูงคลั่งเพราะกลิ่นหอมจากตัวผมแต่เขาก็ต้องข่มใจไว้...


    15:00 น.

   ผมนอนหลับเต็มอิ่มแบบสุด ๆ บนที่นอนแสนนุ่มพร้อมกับแอร์อุณหภูมิพอดี พอลืมตาขึ้นมาผมไม่เห็นวูฟซะแล้วผมลุกขึ้นนั่งขยี้ตาพลางเหลือบมองนาฬิกาตรงหัวเตียง เสียงปิดน้ำในห้องน้ำทำให้ผมรู้ว่าวูฟไปอาบน้ำ แถมเขากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวหมิ่น ๆ เขาชะงักกึกเมื่อเห็นผมตื่นแล้ว

   “กำลังว่าจะมาปลุกพอดี ตื่นแล้วเหรอ” เขาเดินเข้ามากใกล้ก่อนจะใช้มือแตะแก้มผมเบา ๆ มือเย็นสัมผัสแก้มผม

   “ครับ ผมต้องไปอาบน้ำใหม่ไหม”


   “ไม่ต้องหรอก ลูดี้ไปล้างหน้าก็พอ อากาศเหมือนฝนจะตกเดี๋ยวเปลี่ยนใส่เสื้อหนา ๆ ซะนะ” เขามองออกไปนอกหน้าต่างและหันมากำชับผม ผมพยักหน้ารับรู้

   กว่าเราจะออกมาได้ ผมต้องกินข้าวให้เรียบร้อยก่อน วูฟแทบจะป้อนข้าวป้อนน้ำผมอยู่แล้ว เขาหาว่าผมไม่กินข้าวอะครับทุกคน ผมกินอยู่นะ แค่กินไม่เยอะเท่าไหร่ก็มันไม่หิวอะไรขนาดนั้นนี่นา แต่ผมพยายามกินเข้าไปเยอะอยู่เหมือนกันเพราะจะได้ออกไปร้านหนังสือ เย้ ๆ

   ร้านหนังสือ

   “ไม่ได้มาตั้งนานเลย สวัสดีจ๊ะยินดีต้อนรับ” คุณยายเจ้าของร้านทักทายด้วยความเป็นมิตรเมื่อพวกเราเข้ามาในร้าน  กลิ่นอายหนังสือทำให้ผมยิ้มกว้าง

   “สวัสดีครับ”

   “พวกหนังสือนวนิยายเปลี่ยนโซนไว้นะจ๊ะ พอดีจัดร้านใหม่ อยู่ทางนู่นนะคะ เชิญเลือกได้ตามสบายเลย” ไม่ต้องรอให้บอกเจ้าของร้านที่คุ้นเคยกันดี แนะนำโซนนวนิยายมุมโปรดของผม

   “จะหยิบเล่มไหนบอกฉันนะ ฉันหยิบให้เอง” วูฟเดินตามหลังมาพูดขึ้นมา ผมหันไปมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มหวาน


   “ครับ รู้แล้วว่าคุณเป็นห่วงผมม๊ากมาก ผมจะไม่ทำอะไรให้ตัวเองเป็นอันตราย อ๊ะ...” ผมทำท่าโชว์กล้ามเล็กก่อนจะสะดุดแผ่นกระดานไม้ตรงหน้า วูฟจับเอวผมไว้ไม่ให้ล้มหน้าคะมำลงไปตรงพื้น


   “ลูดี้ระวัง เฮ้อ เกือบล้มไปแล้วเห็นไหม” เขาถอนหายใจเล็กน้อยที่คว้าเอวผมไว้ได้ทัน

        “นี่เหรอที่บอกดูแลตัวเองได้” เขาถามเสียงเข้ม ผมก้มหน้างุด


   “ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่ามีไม้อยู่ตรงนี้...คุณวูฟ” ผมเงยหน้าขึ้นและหน้าร้อนวูบเมื่อเขาก้มลงมาหอมแก้มผม


   “ลงโทษเด็กดื้อ ฉันไม่ได้จะดุหรอก ฉันเองก็เป็นห่วงนายมาก อยากดูแลใกล้ ๆ ไปดูสิ ว่ามีหนังสือเล่มไหนอยากขนกลับไปบ้านบ้าง วันนี้ฉันพาลูกน้องมาด้วยจะให้ขนกลับไปเท่าไหร่ก็ได้” เขาบอกอย่างตามใจ ผมยิ้มกว้างพยักหน้าหงึกๆ


   ผมเลือกดูหนังสือด้วยความสุขโดยมีร่างสูงคอยหยิบเล่มนั้นเล่มนี้ให้อย่างตามใจ บอกเลยครับว่าเขาตามใจผมมากจริง ๆ วันนี้ วูฟเลือกหนังสือไปอ่านด้วยเหมือนกัน พวกผมเลือกกันอยู่นานถึงกับต้องเบรกไว้เท่านี้ ผมเกรงว่าเราอาจจะเหมาหมดร้านก็ได้

   “แน่ใจนะว่าพอแล้ว ยังน้อยอยู่เลย” เสียงเข้มถามขึ้นระหว่างที่เขาหันไปสั่งลูกน้องให้ขนไปไว้ในรถ กองหนังสือเป็นตั้ง ๆ นี่เรียกว่าน้อยเหรอ...

   “ผมว่าพอแล้วครับ ขืนเอาไปเยอะกว่านี้อ่านไม่หมดกันพอดี” ผมยิ้ม เขายิ้มตอบและหันไปจ่ายเงินให้เรียบร้อย
 
   “คุณวูฟเราจะกลับบ้านกันเลยไหมครับ” ผมถามเป็นจังหวะที่โทรศัพท์เขาดังขึ้นพอดี วูฟรับสาย

   “ครับพ่อ ผมพาลูกสะใภ้พ่อมาดูหนังสือครับ กำลังจะกลับ...ได้สิครับ ไม่ต้องห่วงพวกผม” เขาพูดกับคนในสายก่อนจะวางสายไป วูฟหันมามองผม ไม่ต้องเอ่ยถามเขาก็พร้อมบอก

   “พอดีพ่อกับแม่บอกว่าจะไปธุระนอกเมือง เลยโทร.มาบอกให้เราอยู่บ้าน ท่านบอกจะซื้อขนมกลับมาฝากด้วย พวกท่านกำชับว่าให้ฉันดูแลลูดี้ดี ๆ” เขาบอกรายละเอียดและเน้นย้ำคำตรงดูแลผมดี ๆ

   “ผมไม่ได้ซนขนาดนั้นซะหน่อย คุณวูฟก็...งั้นเรากลับบ้านกันเลยดีกว่าครับ” ผมชวน เขาพยักหน้าตามใจ


   บ้านวูฟ

   หลังจากลูกน้องของวูฟขนหนังสือขึ้นมาไว้ให้ห้องรับแขกจนหมด เขตบริเวณบ้านของวูฟก็เงียบลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขาสั่งให้ลูกน้องไปเฝ้าบ้านใหญ่แทน ส่วนบ้านของวูฟไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่จำเป็นต้องมีคนคุ้มกันแน่นหนา เหมือนผมจะได้ยินเขาพูดประมาณว่า...อยากได้ความเป็นส่วนตัวระหว่างอยู่กับผม ผมไปแอบฟังมาแหละ

   พวกผมนั่งทานข้าวด้วยกันตามปกติ วันนี้ผมเป็นคนทำข้าวเองครับ เมนูง่าย ๆ คือ ข้าวผัด...ผมกำลังยืนล้างจานอยู่ในห้องครัวคนเดียวเงียบ ๆ โดยไล่วูฟให้ไปอาบน้ำก่อน เขาพาผมออกไปเกือบครึ่งวัน กลัวเขาจะเหนื่อย แต่จะว่าไปวันนี้เขาใจดีมากเลยแฮะ ตอนแรกเขากักบริเวณผมไว้นี่นา รึว่าจะไม่ให้ออกไปไหนซะแล้ว

   ระหว่างเหม่อคิดอะไรไปเรื่อยผมก็ต้องสะดุ้งกับวงแขนกว้าง วูฟสวมกอดเอวผมไว้หลวม ๆ

   “อ๊ะ คุณวูฟ ผมตกใจหมดเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ใบหน้าหล่อคมซบลงตรงซอกคอผมเหมือนอ้อน...ลุคนี้ของเขาทำเอาหัวใจผมแทบวาย

   “ฉันเดินเข้ามาเสียงดังอยู่นะ ลูดี้แหละใจลอยทำไม”


   “ผมไม่ได้ใจลอย จะทำอะไรครับ” ผมเอียงคอมองเขาก่อนจะดันใบหน้าคมที่ก้มลงมาใกล้ วูฟกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์


   “รู้ไหมว่าฉันไม่ได้แตะต้องนายมานานแค่ไหนแล้ว” คำถามช่วยเร่งอัตราการเต้นของหัวใจผม


   ตึกตัก ตึกตัก...


   “มะ หมายความว่ายังไงครับ อ๊ะ คุณวูฟจะอุ้มผมไปไหน” ผมร้องเสียงหลงเมื่อเขาอุ้มผมขึ้นในอ้อมแขนแกร่ง วูฟเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำ


   “ให้ฉันได้สัมผัสลูดี้ได้ไหม แค่นิดเดียวก็ยังดี” น้ำเสียงเขาขอร้องและดูเหมือนเขาเองจะทรมานจริง ๆ วูฟเดินตรงกลับไปยังห้องนอนของเรา เขาวางผมลงบนเตียงเบา ๆ นี่สินะ...คือสาเหตุที่เขาสั่งห้ามลูกน้องมาอยู่บริเวณแถวบ้านของเขา


   “เราทำเรื่องอย่างว่าได้ด้วยเหรอครับ หมอสั่งให้คุณงดไม่ใช่เหรอ” ผมถามด้วยความเขิน วูฟอมยิ้มกับท่าทีของผม เขาดึงมือผมให้เขยิบเข้าไปหาเขาจนผมเซไปนั่งอยู่บนตักเขาเรียบร้อย


   “หมอเคยบอกด้วยเหรอ” เขาเลิกคิ้วกวน


   “ผมก็จำไม่ได้...” ผมตอบตามความจริง ไม่รู้หมอได้กำชับไหม อันนี้ผมจำไม่ได้จริง ๆ เขายิ้ม


   “ทำได้ ถ้าฉันไม่ได้กลิ่นฮีทของนายมากระตุ้น ฉันจะไม่รุนแรง ไม่เป็นอันตราย...ฉันยั้งแรงได้ ให้ฉันทำได้ไหม ฉันอยากสัมผัสคนที่ฉันรัก แค่สัมผัสก็ได้” คำขอของคนขี้โกง เล่นอ้อนแบบนี้คิดว่าผมจะว่าอะไรเขาได้ครับ ผมเม้มปาก

   “ถ้าคุณอยาก ก็ได้ครับ” ผมพยักหน้าตอบรับ ใจสั่นไปหมด

         ริมฝีปากหนาตรงหน้าเลื่อนมาใกล้จนประกบกับปากของผม


   จูบรสหวานเหมือนความรักของเรากำลังละลายผมลงช้า ๆ มือหนาเลื่อนมาจับกุมแก่นกายเล็กผมจนร่างกายผมสั่นไหวขึ้นมาทันที


   “อือ จุ๊บ อา...” เขากำลังใช้มือสัมผัสผมด้วยความอ่อนโยน ผมหุบขาอย่างเขินอายเมื่อรู้ว่าตัวเองปลดปล่อยออกมาเพียงเพราะโดนสัมผัสเท่านั้น


   “อ๊ะ!! ขอโทษครับ ผมทำมือคุณเปื้อน อื้อออ อ๊า...คุณวูฟ” เขาผลักผมลงตรงเตียงนุ่มเบา ๆ ก่อนถอดเสื้อผ้าของผมออกจนหมด เหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าที่ปรากฏต่อสายตาเขาหลายครั้ง แต่ก็ไม่รู้ทำไมผมถึงยังคงอายและไม่กล้าสบตากับเขาอยู่ดี สายตาเข้มจ้องตามเรือนร่างของผม โอ๊ย...ผมกำลังจะละลาย


   “ฉันยินดีเปื้อน สัมผัสฉันด้วยได้ไหม ฉันจะไม่ใส่เข้าไป ฉันว่าฉันน่าจะทนไหว” เสียงเข้มกระซิบอย่างอึดอัด ผมเหลือบมองสิ่งแข็งแกร่งตรงหน้า ผมรู้ครับว่าเขาอึดอัด ผมไม่ชอบเห็นเขาทำหน้าแบบนี้เลย


   “คุณวูฟ คุณทำได้นะครับ ผมรับไหว” ผมยกมือโอบรอบคอเขาไว้ วูฟตาโตเล็กน้อย และเหมือนผมไปจุดประกายความรู้สึกปรารถนาให้มันรุนแรงขึ้น


   “อึก อย่าสิลูดี้ อย่ายั่วฉันแบบนั้น ฉันอยากทำกับนายมาก นายก็รู้” ผมยิ้มพร้อมกับกอดคอเขาแน่นขึ้นให้ก้มลงมาหามากกว่าเดิม ร่างกายสองร่างกายกำลังร้อนประดุจความปรารถนาของผมกับเขากำลังรวมกัน


   “คุณเองก็คงรู้ใช่ไหมครับ ว่าผมรักคุณมาก ผมเป็นของคุณเสมอ...” เสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ ดังก้องไปทั่วทั้งหัวใจของวูฟ ร่างสูงมองผมด้วยแววตาอึ้ง เขาคลี่ยิ้มบาง ๆ ออกมาแล้วจูบหน้าผากผม


   “ฉันรักลูดี้ รักมาก...และก็รักเจ้าตัวน้อยด้วยนะ” ผมยิ้มเล็กน้อย ก่อนเขาจะค่อย ๆ เขยิบเข้ามาใกล้รุกล้ำสิ่งที่เป็นของเขาเข้ามาในกายของผมช้า ๆ วูฟพยายามทำให้เบาสุด ๆ แต่ร่างกายของเราสองคนก็เหมือนดึงดูดหากัน


   สวบ

   “อื้อออ!! คุณวูฟ...อือ” ผมจับไหล่เขาไว้แน่น ผมเสียววาบร้อนวูบตามร่างกายไปหมด

   “เจ็บรึเปล่าให้ฉันหยุดดีกว่า” น้ำเสียงเข้มเป็นห่วงชัดเจนออกแนวกังวลด้วย


   อย่างว่าครับ ถ้าไฟปรารถนาถูกจุดขึ้นแล้วอะไรจะมายั้งมันก็ค่อนข้างยาก...


       “อย่านะครับ...ผมไม่เป็นไร ทำตามที่คุณต้องการเถอะนะ” คำขอแสนอ้อนของผม ทำให้เขาไม่ยอมปล่อยผมออกจากอ้อมกอดอีกเลย...ผมหายใจหอบแรง ๆ เล็กน้อย

   ความรู้สึกเจ็บแปล๊บกำลังเข้ามาเติมเต็มความรู้สึกของผม กลิ่นหอมหวานของความรักแสนกลมกล่อม จนร่างกายแทบจะหลอมละลายไปในอ้อมกอดของเขา วูฟไม่ได้ทำรุนแรง เขาทะนุถนอมผมจนผมรับรู้ได้ อ่อนโยนทุกอย่าง เหมือนเขาจะรู้ท่าที่ทำได้ไม่เป็นอันตราย ไม่กระทบกระเทือนต่อผมมากเกินไป...


   ผมรู้สึกดี...รู้สึกดีจนผมรู้สึกว่าโลกมันมืดดับไปเมื่อผมปลดปล่อยออกมา...เสียงสุดท้ายก่อนผมจะหลับไป คือเสียงคนรักของผมเรียกชื่ออย่างตกใจ


   “ลูดี้!!...” เขาเรียกผมเสียงดังจัง...



   22:00 น.
   ผมลืมตาขึ้นมาด้วยรู้สึกเย็น ๆ ตรงหน้าผาก แผ่นเจลติดอยู่แผ่นใหญ่เชียว ผมเหลือบมองวูฟที่นั่งพิงขอบเตียงอยู่ข้างผม บนตักของเขามีโน้ตบุ๊กเปิดหางานอยู่ล่ะมั้ง ผมมองไม่ชัด ใบหน้าของเขาเงียบขรึม ตอนทำงานเขามักจริงจังแบบนี้เสมอ ก็เขาเป็นถึงผู้นำอัลฟาแล้วนี่นา


   “คุณวูฟ” ผมเรียก เขาหันมาทันที ผมกำลังจะขยับตัวถึงกับต้องร้องโอ๊ยกับช่วงล่างที่ชาไปหมด เฮือก...


   ผมจำได้ลาง ๆ ว่าเขาทำไม่แรงนี่ หรือจริง ๆ เขาทำแรงแล้วผมจำไม่ได้..


   “ลูดี้ตื่นแล้วเหรอ เจ็บตรงไหน ตรงนี้เหรอ” เขาถามอย่างตกใจและรีบสำรวจร่างกายผม วูฟทำหน้าคิดมากจนผมต้องเอามือไปจิ้มตรงคิ้วเขา ขมวดเป็นปมหมดแล้ว


   “ผมปวดตรงนั้นเฉย ๆ ครับ ไม่ได้บอกว่าเจ็บมากซะหน่อย อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ”


   “ฉันไม่ห้ามใจตัวเอง...ฉันทำให้นายเป็นลม นี่ถ้าแม่รู้ ฉันโดนจับแยกห้องนอนกับลูดี้แน่ ๆ” เขาพูดเสียงเครียด  ผมหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี วูฟขมวดคิ้วอีกครั้งกับเสียงหัวเราะเล็ก


   “หัวเราะฉัน ดูท่าทางพอใจเชียวนะลูดี้”


   “อ๊ะ ผมไม่ได้หัวเราะเยาะคุณนะครับ ก็แค่เพิ่งเคยเห็นคุณทำหน้าเครียดเรื่องอะไรแบบนี้...”


   “ก็เพราะเป็นเรื่องของเมียฉัน ฉันต้องเครียดเป็นธรรมดา” คำตอบของเขาทำให้ผมหยุดชะงักกึกกลายเป็นหน้าร้อนวูบแทน เขายิ้มมุมปากนิด ๆ


   “เรื่องแบบนี้มันห้ามไม่ได้นี่นา ถ้าคุณอึดอัด บอกผมได้นะครับ ผมยินดีจะทำให้” ผมพูดออกไปเสียงแผ่วแต่เรียกความสนใจจากคนตรงหน้าได้ทันที วูฟเลิกคิ้วก่อนจะก้มลงมาใกล้ผมอย่างเจ้าเล่ห์


   “จริงเหรอ ถ้าฉันอยากให้ลูดี้ทำให้ จะทำจริง ๆ เหรอ” เหมือนเปิดประเด็นให้ตัวเองลำบาก...


   “เออ ถ้าคุณอึดอัดจริง ๆ ก็ทำให้ได้ครับ แต่ห้ามอึดอัดบ่อยๆ นะ!” ผมกำชับใช้นิ้วชี้เขา วูฟงับนิ้วของผมไว้

   “อ๊ะ คุณวูฟมางับนิ้วผมทำไม...”

   “ฉันเป็นคนอึดอัดบ่อย ๆ ซะด้วยสิ ระบายบ่อย ๆ ได้ไหม” เขายื่นหน้ามาจนจมูกจะชนกับผมอยู่แล้ว โอ๊ย ไม่น่าไปเปิดประเด็นเลยลูดี้เอ๊ย...ผมดันหน้าของเขาออก


   “คุณวูฟ! ไม่ต้องมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผมเลยครับ อ๊ะ” ผมหัวเราะเมื่อเขาเอาหน้ามาคลอเคลียใกล้ผม วูฟเอาแผ่นเจลเย็นออกจากหน้าผากผม ก่อนจะเอามือทาบไว้ตรงหน้าผากผมอีกรอบ เหมือนเขากลัวว่าผมจะตัวร้อน

   “นอนต่อได้แล้ว พักผ่อนเยอะ ๆ จะได้ไม่เพลีย” เขาดึงผ้าห่มมาคลุมตัวผมไว้ ผมเหลือบมองเขาที่หันกลับไปมองจอโน้ตบุ๊กต่อ

   “คุณทำงานอยู่เหรอครับ”

   “เออ ใช่ พอดีฉันเปิดดูแผนการประชุมสัมมนาที่กำลังจะถูกจัดขึ้นน่ะ...” เขาตอบตะกุกตะกัก ผมเลยไม่ได้สนใจอะไร ผมพยักหน้ารับรู้แล้วเขยิบเข้าไปใกล้ร่างสูง

   “ถ้าดูเสร็จแล้วรีบนอนนะครับ ฝันดีครับคุณวูฟ”


   “ฝันดีลูดี้ที่รัก...” เสียงเข้มบอกด้วยความรัก ผมอมยิ้มเล็กน้อยก่อนหลับตาลงและหลับไปด้วยความเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าร่างสูงแอบมองใบหน้าเล็กที่หลับพริ้มอยู่


   วูฟมองหน้าจอโน้ตบุ๊กตรงช่อง Google ค้นหาแล้วอมยิ้มออกมาคนเดียว
        ‘ของแฮนด์เมดสำหรับเซอร์ไพร์แฟน’ วูฟเลื่อนดูไปเรื่อย ๆ อย่างต้องการหาอะไรบางอย่าง....







-----------------------------
ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักที่ติดตามกันเเละยังรออยู่ ฮรุก จะกลับมาลงเรื่องนี้ต่อให้จบนะครับผม  :pig4: :pig4: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-11-2018 23:24:59
ดีใจที่กลับมานะคะ จะรออ่านนะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-11-2018 22:14:10
วูฟน่ารักขึ้นทุกวัน เซอร์ไพร์ลูดี้ตลอดเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 07-11-2018 04:11:10
มาต่อแล้วว ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ ตามมาอ่านทันแล้วว วูฟจะทำอะไรให้ลูดี้นะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-11-2018 05:20:10
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-11-2018 22:18:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 14-02-2019 09:19:54
รีบมานะคะ
รออยู่ค่ะ.. :katai2-1: