พิมพ์หน้านี้ - [END] >> ราชันย์พ่ายรัก << (18+) ตีพิมพ์กับธัญวลัย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: cheepoke ที่ 18-07-2017 22:59:30

หัวข้อ: [END] >> ราชันย์พ่ายรัก << (18+) ตีพิมพ์กับธัญวลัย
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 18-07-2017 22:59:30
ส่วนที่เอาไปแปะไว้ที่กระทู้ก่อนลงนิยาย อยู่ในระหว่างเส้น *** นะคะ (ข้อ 1-18 ก๊อปเฉพาะหัวข้อที่ทำตัวทึบไว้ก็ได้
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ




FAN PAGE  -->  BlueGusten (https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/?ref=bookmarks)


สวัสดีค่ะ นักอ่านทุกคน!!! สำหรับนิยายเรื่องนี้กิ่งเคยโพสในเว็บนี้มาแล้ว 2 ครั้ง แต่ตอนนั้นมันไม่จบสักที T^T
กิ่งเลยตั้งใจกลับไปเขียนใหม่จนจบและจะทยอยอัพลงให้อ่านกันวันละ 2 บทนะคะ
ปล.กิ่งมีนามปากกาว่า BlueGusten นะคะ แต่พอดีตอนเป็นสมาชิกเล้ายังไม่ได้เป็นนักเขียน แหะๆ เลยใช้ชื่อเป็น Cheepoke (ชื่อแมวที่บ้าน) ไม่งงกันนาาาาา

สำหรับ "ราชันย์พ่ายรัก" ถือเป็นเรื่องแรกของเซตที่วางไว้ถึง 4 เรื่องด้วยกันคือ

ราชันย์พ่ายรัก
กงจักรจอมพล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.0)
เล่ห์กลอัศวิน
มลทินธนัท

โดยขอยอมรับเลยค่ะว่าตอนนี้จบไปแค่สองเรื่องแรกอยู่เลย T^T แต่จะแต่งต่อให้จบแน่นอนค่ะ
ยังไงก็ขอกำลังหน่อยนะคะ


********************************

สารบัญ

INTRO (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3678722#msg3678722)
CHAPTER 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3674642#msg3674642)
CHAPTER 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3674778#msg3674778)
CHAPTER 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3675160#msg3675160)
CHAPTER 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3675466#msg3675466)
CHAPTER 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3675614#msg3675614)
CHAPTER 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3675922#msg3675922)
CHAPTER 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3676153#msg3676153)
CHAPTER 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3676490#msg3676490)

CHAPTER  9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3676633#msg3676633)
CHAPTER 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3676939#msg3676939)
CHAPTER  11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3677135#msg3677135)
CHAPTER 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3677531#msg3677531)
CHAPTER 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3677795#msg3677795)
CHAPTER 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3678069#msg3678069)
CHAPTER 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3678379#msg3678379)
CHAPTER 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3678715#msg3678715)
CHAPTER 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3678935#msg3678935)
CHAPTER 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3679186#msg3679186)
CHAPTER 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3679363#msg3679363 :hao6:)
CHAPTER 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3679706#msg3679706)
EPILOGUE (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.msg3679852#msg3679852) [END]


เนื่องจาก INTRO เคยอยู่หน้านี้แต่ตัวหนังสือเกินนนนน  กิ่งเลยย้ายไปไว้หน้าใหม่ รบกวนคนที่จะเข้ามาอ่านกดอ่านตามสารบัญนะคะ


:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: "ราชันย์พ่ายรัก".....CH.1 100%
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 18-07-2017 23:39:47

CHAPTER 1



สองเดือนก่อน…

   เสียงเครื่องยนต์จากรถยนต์คันหรูที่กำลังแล่นทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงดังกลบเสียงจากสรรพสัตว์ที่   ขับร้องประสานกันออกมาขนาบสองข้างทางบนถนนสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยป่ารกจนแทบสิ้น
 
       ล้อรถของ 'Porsche Boxster' สีบรอนซ์ทองยังคงบดเบียดไปตามพื้นถนนลูกรังเพื่อมุ่งหน้าไปยัง 'จุดนัดพบ' สถานที่ที่ใช้สำหรับส่งมอบ 'สินค้า' ไม่สิ! หากพูดแบบนั้นก็คงไม่ถูกสักเท่าไหร่นักเพราะชีวิตของมนุษย์เราไม่ใช่ผักปลาที่จะสามารถเสนอซื้อขายให้กันได้ง่ายๆ คงจะพูดได้เพียงแค่ว่าตอนนี้ร่างสูงที่กำลังสวมบทเป็นผู้ขับเคลื่อนยานพาหนะสุดหรูกำลังเร่งรีบนำเอา 'เป้าหมาย' ส่งมอบไปยัง 'ผู้ว่าจ้าง' ให้ทันเวลา
 
   ชายผู้ที่ใบหน้าของเขาถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าปิดปากสีดำจนเหลือให้เห็นเพียงดวงตาคู่เฉี่ยวที่ตอนนี้เขากำลังใช้มันมองไปยังร่างบางของผู้ชายอีกคนที่ยังคงนั่งหมดสติอยู่ตรงเบาะข้างๆ ภาพตรงหน้าทำให้คนที่กำลังจับจ้องอยู่ถึงกับยอมรับอย่างไร้ข้อกังขาว่าเลยว่าอีกฝ่ายสวยเกินกว่าจะเป็นเพศเดียวกันกับเขาเสียจริงๆ แพขนตายาวที่เกลี่ยอยู่ในระดับเดียวกับไฝสองเม็ดเล็กใต้ตาขวาทำให้ร่างบางดูน่ารักไม่น้อย จมูกโด่งเป็นสันได้รูปที่รับกับเรียวปากเล็กสีแดงระเรื่อแสนดึงดูดนั้นทำให้เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไม 'เป้าหมาย' คนนี้ถึงได้ถูกใจเสี่ยธรรณพเจ้าของบ่อนใต้ดินคนนั้นได้

   ไม่นานนักรถหรูก็เลี้ยวเข้าจอดภายในอาณาเขตของบ้านเดี่ยวสองชั้นที่เขาและเพื่อนสนิทร่วมกันซื้อมันมาเพื่อใช้เป็นสถานที่ส่งมอบเป้าหมายของ    งานอดิเรกที่ทำรายได้ให้กับพวกเขาอยู่ไม่น้อย

   หึ! หากกำลังคิดว่าพวกเขาหิวเงินจนต้องทำแบบนี้พวกคุณก็คงจะคิดผิดถนัดเพราะพวกเขาไม่ได้สนใจเม็ดเงินที่ได้จากงานตรงนี้เลยสักนิดเดียว แม้ว่าเป้าหมายบางคนสามารถทำรายได้ให้กับพวกเขาเป็นหลักแสนหรือแม้กระทั่งหลักล้าน แต่เชื่อเถอะว่าลำพังตัวพวกเขาเองสามารถหาเงินได้มากกว่าเงินจำนวนนี้เป็นสิบเท่าร้อยเท่า ไม่ใช่แค่นั้นสิ! อาจจะมากกว่านี้เป็นพันๆ เท่าเลยก็ว่าได้ ส่วนเหตุผลที่พวกเขาเลือกงานนี้เป็นงานอดิเรก 'เล่นๆ' มันก็อาจจะเป็นเพราะอยากจะสงเคราะห์ชีวิตดีๆ ให้กับพวกที่หิวเงินต่างหากล่ะ!!

   ร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบหกเซนติเมตรก้าวลงจากประตูฝั่งคนขับออกมายืนจนเต็มความสูงก่อนที่เขาจะล้วง Djarum Black ออกจากกระเป๋าเสื้อพร้อมกับดึงผ้าปิดปากลงจนเผยให้เห็นใบหน้าคมที่ถูกซ่อนเอาไว้ ชายหนุ่มใช้ริมฝีปากคาบบุหรี่และจุดไฟเผาตรงส่วนปลายของมันอย่างใจเย็น พลางเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งพร้อมกับเค้นหัวเราะให้กับร่างบางที่หมดสติมานานกว่าครึ่งชั่วโมง

    ร่างสูงเท้าแขนกับหลังคารถและโน้มตัวลงไปพินิจดวงหน้าของอีกฝ่ายที่ถูกจับยัดมาในท่านั่งแบบลวกๆ ตรงหน้าอีกครั้ง…

   'ไม่น่าเป็นผู้ชาย' ในหัวของเขาคิดได้เพียงแค่นี้จริงๆ

   ก้นบุหรี่ถูกบดลงบนพื้นด้วยรองเท้าหนังชั้นดี ชายหนุ่มดึงผ้าปิดปาก ผืนนั้นขึ้นตามเดิมพร้อมกับจัดการอุ้มร่างบางในรถออกมาก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้านที่เปิดไฟให้พอสลัวเพียงเท่านั้น

   เจ้าของบ้านเดินขึ้นไปยังชั้นสองพร้อมกับตรงไปยังห้องนอนทางซ้ายมือทันที ก่อนที่เขาจะจัดการเปิดประตูเข้าไปและทิ้งคนที่ยังไม่ได้สติลงบนเตียงขนาดหกฟุตธรรมดาๆ อย่างไม่ใยดี คนถูกทิ้งเริ่มงึมงำอะไรบางอย่างออกมาจากเรียวปากเล็กแต่ถึงกระนั้นดวงตาของเขาก็ยังคงปิดสนิทเหมือนเช่นเคย

   ร่างสูงจัดการเปิดไฟในห้องจนครบทุกดวงก่อนที่เขาจะออกมาโดยไม่ลืมที่จะล๊อคกุญแจและเดินอ้อมไปยังอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องนี้ทันที

   ภายในห้องที่ร่างสูงเดินเข้ามาเรียงรายไปด้วยทีวีขนาดสามสิบสองนิ้วจำนวนกว่าสิบเครื่องที่กำลังฉายภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวภายในบ้านและแน่นอนว่าหน้าจอของเครื่องที่สามนับจากทางซ้ายมือก็กำลังฉายภาพจากห้องนอนของอีกฝั่งเช่นเดียวกัน

   ชายหนุ่มจับจ้องไปยังเป้าหมายที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเริ่มรู้สึกตัวด้วยแววตาที่เรียบเฉย เขานั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่พลางมองไปยังภาพของร่างบางที่ค่อยๆ ฟื้นจากการโดนโปะยาสลบตรงหน้าก่อนที่คนไม่รู้ชะตากรรมจะลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าที่ตื่นกลัวเมื่อรับรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นชิน

   ร่างบางของชายหนุ่มที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาพยายามเดินไปทางประตูอย่างสะเปะสะปะ มือเล็กเอื้อมไปหมุนลูกบิดที่ไม่ได้ล็อคก่อนที่ใบหน้านั้นจะฉีกยิ้มออกมาด้วยความดีใจแต่มันก็แค่เพียงเสี้ยววินาทีเพราะเมื่อร่างบางออกแรงดึงก็พบว่าประตูถูกล็อคจากทางด้านนอกทำให้ใบหน้าที่เคยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของความหวังหุบลงไปทันทีพร้อมกับพยายามกระชากและวิ่งเข้าชนอย่างบ้าคลั่งจนเสียงนั้นทะลุเข้าไปยังอีกห้องหนึ่ง ห้องที่ชายหนุ่มร่างสูงกำลังให้ความสนใจและจับจ้องไปยังภาพเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกขบขัน ไมโครโฟนตรงหน้าถูกมือหนาเกี่ยวเข้าหาตัวก่อนจะกรอกเสียงของตัวเองลงไปสร้างความตกใจให้กับอีกคนที่กำลังหาทางหนีอย่างสุดชีวิตในห้องนอนอีกห้องเป็นอย่างมาก

   “ตื่นแล้วก็ดี”

   “คะ…ใคร! จับตัวผมมาทะ…ทำไม!” ร่างบางตะโกนออกไปไม่เป็นภาษาก่อนจะหันไปมาเพื่อหาต้นตอของเสียงจนทั่วห้อง

   “ไม่ต้องเหนื่อยหา ยังไงซะมึงก็ไม่เห็นกูหรอก” ร่างสูงพูดก่อนจะเริ่มเข้าประเด็น

   “มึงคือนักแสดงที่ชื่อว่า 'นนท์' สินะ” คนจากอีกฝั่งได้ยินดังนั้นถึงกับขมวดคิ้วและส่ายหน้าปฏิเสธ

   “ผมไม่ใช่นนท์ถ้าคุณต้องการคนที่ชื่อนนท์ล่ะก็ ผมขอบอกว่าคุณจับมาผิดคนแล้ว!!” ร่างบางพูดก่อนจะพยายามหาทางหนีอย่างไม่ลดละ

   “หึ! ลูกไม้ตื้นๆ คิดว่ากูจะเชื่อ?”

   “ผมชื่อแฟร์! ไม่ใช่นนท์ปล่อยผมซะเพราะผมไม่มีอะไรที่คุณต้องการ!!” ร่างบางที่บอกว่าตัวเองชื่อแฟร์ตะโกนลั่นก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้ากล้องวงจรปิดตัวหนึ่งซึ่งตรงกับหน้าจอที่ร่างสูงจากอีกฝั่งกำลังจดจ้องไปที่มันพอดี

   แววตาที่สั่นระริกบ่งบอกว่าตอนนี้ร่างบางกำลังกลัวแต่ภายในความกลัวนี้กลับมีความแน่วแน่ในคำพูดเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด

   “หุบปากซะ! แล้วฟังฉันให้ดี!!” ชายหนุ่มตะโกนออกไปอย่างเหลืออดมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจับมาผิดคนเพราะตัวเขาเองผ่านงานนี้มาเป็นสิบๆ ครั้งไม่เคยมีคำว่า 'พลาด' เกิดขึ้นเลยสักครั้งเดียว!

   “ที่กูจับตัวมึงมาเพราะมีผู้ใหญ่อยากจะให้มึงคอยดูแลและเขาก็อยากจะดูแลมึงด้วยเหมือนกัน” ร่างสูงพูดเข้าเรื่องพร้อมกับจับตาดูปฏิกิริยาที่ ตัวเขาเองกำลังคิดว่ามันจะเปลี่ยนไปของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ

   “คุณหมายความว่ายังไง” ร่างเล็กเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงบอกไม่เข้าใจในคำพูดของเขาก่อนที่ชายหนุ่มจากอีกห้องจะพูดขึ้นอีกครั้งอย่างไม่อ้อมค้อม

   “สั้นๆ คือมีผู้ใหญ่อยากได้มึงไปเป็น 'เมีย' ค่าตอบแทนจนกว่าเขาจะเบื่ออาจจะทำให้มึงได้เงินเป็นหลักล้านโดยที่ไม่ต้องทำงานให้เหนื่อย เพียงแต่ราคานี้มันก็คงจะขึ้นอยู่กับทักษะบนเตียงของมึงด้วยล่ะนะ” พูดจบร่างบางตรงหน้าถึงกับเบิกตาโพรงขึ้นทันทีจนทำให้ร่างสูงแสยะยิ้มออกมา

   หึ! เขาคิดไว้ไม่มีผิดอำนาจของเงินมีอิทธิพลกับทุกคนเสมอ!!

   ร่างสูงจับจ้องไปยังใบหน้าของอีกคนที่ดูจะตกใจกับคำพูดของตัวเขาอยู่ไม่น้อยด้วยความสะใจก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวขึ้นมาเสียดื้อๆ พร้อมกับสาดคำพูดออกมาไม่ยั้ง

   “นี่มันเรื่องบ้าอะไร!! กูมีมือมีเท้าหาเงินเองได้! นี่มึงกำลังจะบอกว่ามึงเอากูมาขายว่างั้น? ไม่ต้องหาคำพูดที่ดูสวยหรูหรอกว่ะแต่ขอโทษที่กูไม่ขาย!! ทีนี้ก็ปล่อยกูออกไปซะที!!!” ร่างสูงชะงักกับคำพูดดิบๆ ที่ถูกพ่นออกมาจากเรียวปากบางเพียงนิดก่อนที่สมองของเขาจะสั่งการให้คิดว่าอีกฝ่ายกำลัง 'เล่นตัว' เพื่อเรียกราคาให้ตัวเองสูงขึ้นไปอีก

   “หยุดเล่นตัวซะถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัว! เรื่องนี้กูไม่ได้เป็นคนตัดสินใจเพราะถ้าหากมึงอยากเล่นตัวเพื่อให้ได้ราคาดีกว่านี้ล่ะก็…กูว่ามึงเรียกร้องเอาเองแล้วกันว่ะ” ร่างสูงพูดก่อนจะมองไปยังหน้าจอที่ฉายภาพจากกล้องตัวหน้าบ้าน

       รถตู้ติดฟิล์มสีดำสนิทเคลื่อนตัวเข้าจอดก่อนที่ชายวัยกลางคนพร้อมกับลูกสมุนอีกสี่คนจะเดินลงมาจากรถด้วยใบหน้าที่เปื้อนความหื่นกระหาย

   ร่างบางของแฟร์วิ่งไปยังหน้าต่างตามเสียงเครื่องยนต์ที่ได้ยิน มือเล็กเอื้อมเปิดผ้าม่านเพื่อดูเหตุการณ์ข้างล่างก่อนที่สายตาของเขาจะสบกับสายตาของตาแก่ร่างท้วมน่ารังเกียจเข้าอย่างจังและเพียงชั่ววินาทีต่อมาแฟร์ก็รีบปิดผ้าม่านลงก่อนจะวิ่งไปทุบประตูราวกับคนบ้าทันที

   “ปล่อยผมไปได้โปรด ไม่เอา…ไม่เอาแบบนี้ผมไม่ขาย!!!” ร่างเล็กของแฟร์ทุบประตูด้วยใบหน้าตื่นกลัว น้ำตาที่ค่อยๆ ไหลลงมาทำให้ร่างสูงที่ยังคงยืนดูอยู่อีกห้องแสยะรอยยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก

   “หึ! คำพูดหยาบๆ แบบเมื่อกี้หายไปไหนพูดออกมาอีกสิ!!” ชายหนุ่มเค้นหัวเราะก่อนจะเย้ยหยันอีกฝ่ายกลับไป

   “คะ…คุณช่วยผมที ผมไม่ใช่นนท์เชื่อผมเถอะได้โปรดปล่อยผมออกไปจากที่นี่ที ฮึก…” แฟร์พยายามร้องไห้อ้อนวอนคนที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าใครกลับไปอย่างมีความหวังว่าอีกฝ่ายจะคิดขึ้นได้ว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้น       และเพื่อให้เขาคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง

   “จำเอาไว้ว่ากูไม่เคยทำงานพลาด! อ่อ เกือบลืมอวยพรว่ะ…กูขอให้มึงมีความสุขกับไอ้แก่นั่นแล้วกัน” พูดจบร่างสูงก็ผงะออกจากหน้าจอก่อนจะเดินออกมาพบกับผู้ว่าจ้างด้านนอกโดยมีเสียงของร่างบางในห้องของอีกฝั่งดังออกมาไม่หยุด น้ำเสียงที่ปวดร้าวเคล้าหวาดกลัวกรีดร้องออกมาอย่างไม่ยอมแพ้แต่สำหรับชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมภายใต้ผ้าปิดปากสีดำคนนี้ เสียงนั้น    กลับกลายเป็นเพียงเสียงที่ทำให้เขานึกรำคาญเสียมากกว่า

   “คนนี้คงจะดื้อน่าดู” เสี่ยธรรณพพูดติดขำแต่ร่างสูงเลือกที่จะไม่ตอบ เขายื่นกุญแจห้องให้อีกฝ่ายก่อนที่เสี่ยตัณหากลับคนนี้จะยื่นเงินจำนวนสามแสนบาทกลับมา เมื่อการยื่นหมูยื่นแมวสิ้นสุดลงชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงออกจากตัวบ้านก่อนจะตรงไปยังรถหรูของตนที่จอดทิ้งเอาไว้ทันที

   เสียงทุบกระจกที่ดังมาจากชั้นสองทำให้ร่างสูงตัดสินใจเงยหน้าขึ้นไป ดวงตาคมสบเข้ากับร่างบางที่ร้องไห้ออกมาอย่างหนักพลันพยายามทุบกระจกชนิดพิเศษที่ทั้งเก็บเสียงและกันกระแทกเป็นอย่างดีราวกับคนบ้า ร่างสูงมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉยอยู่สักพักก่อนที่เขาจะเบือนหน้าหนีและเดินขึ้นรถพร้อมกับขับมันออกไปทันที

   แฟร์มองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่ปวดร้าวพลางสาปแช่งคนชั่วที่เอาชีวิตของเขามาซื้อขายกันเช่นนี้ให้ตกนรกอย่างไม่รู้จบ น้ำตาที่แต่เดิมมันไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้างของเขาจนเปียกชุ่มหนักพออยู่แล้ว ตอนนี้มันกลับไหลออกมาหนักกว่าเดิมเมื่อไม่มีทางไหนให้เขาหนีรอดออกไปได้เลยแม้แต่น้อย

   ร่างบางทรุดตัวนั่งลงข้างเตียงอย่างอ่อนแรง ทำไมชีวิตเขาถึงเป็นแบบนี้ ทำไมฟ้าถึงต้องให้เขาพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ ไม่จบสิ้น!

   ในขณะที่คนอับจนหนทางกำลังด่าทอโชคชะตาของตัวเองราวกับอยากระบายความโกรธแค้นที่มีอยู่ทั้งหมด ทันใดนั้นเสียงไขกุญแจก็ดังขึ้นพร้อมกับลูกบิดที่ถูกบิดจากด้านนอกให้หมุนไปตามแรง

   ร่างบางของแฟร์มองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่สั่นระริก น้ำตาที่ไหลออกมากับเสียงสะอื้นที่ดังขึ้นทำให้รู้ดีว่าตอนนี้ตัวเขาเองกลัวมากแค่ไหน

   ความกลัวค่อยๆ คืบคลานเข้าหาคนที่กำลังนั่งร้องไห้รอรับชะตากรรมของตัวเองอย่างช้าๆ จนกระทั่งกอบกุมร่างเล็กเอาไว้ทั้งหมดในที่สุดเมื่อประตูบานนี้ถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือของชายแก่ที่เขาเพิ่งจะเห็นข้างล่างไปเมื่อครู่…



      TBC.....


    18/07/2560
หัวข้อ: Re: "ราชันย์พ่ายรัก".....CH.2 100% [19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 19-07-2017 09:02:55


CHAPTER  2



สี่ชั่วโมงก่อนงานเริ่ม...

ภายในห้องทำงานกึ่งห้องพักราวกับคอนโดหรูใจกลางเมืองถูกตกแต่งไว้ด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีดำที่ถูกนำเข้าเกือบแทบจะทั้งหมดบ่งบอกถึงความชอบและลักษณะส่วนตัวของเจ้าของห้องทำงานนี้ได้เป็นอย่างดี

'มั่นใจในตัวเองสูง ลึกลับแต่ก็อ่อนโยน'

ประโยคนี้สามารถแทนตัวชายหนุ่มรูปร่างสูงที่มีใบหน้าคมราวกับนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสารคนนี้ได้เป็นอย่างดี ผมซอยสีดำสนิทที่ถูกเซตให้โปะลงมาปิดบังดวงตาขวาของเขาไว้เล็กน้อยทำให้เจ้าตัวดูเป็นผู้ชายที่น่าค้นหาเสียยิ่งกว่าอะไร จมูกโด่งเป็นสันกับปากสีคล้ำบ่งบอกว่าเขาคืออีกคนหนึ่งที่มีรสนิยมลิ้มลองกลิ่นฉุนของบุหรี่เมื่อถึงคราวจำเป็น ชายหนุ่มเจ้าของร่างกายกำยำสมกับความเป็นชายวัยยี่สิบแปดปีคนนี้กำลังนั่งจ้องหน้าเพื่อนสนิทบนโซฟาตัวโปรดตรงข้ามกลับไปด้วยแววตาที่เรียบเฉย

พรึ่บ!

คนตรงหน้าโยนแฟ้มเอกสารบางอย่างลงบนโต๊ะ แต่ร่างสูงเจ้าของห้องกลับไม่คิดที่จะหยิบมันขึ้นมาดูเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่เหลือบตามองมันในเสี้ยววินาทีก่อนจะกลับไปมองหน้าอีกคนตามเดิม

“ว่ามาเลยกูขี้เกียจดู” ชายหนุ่มพูดก่อนจะเอนหลังพิงลงไปยังโซฟาด้วยท่าทีไม่ยี่หระ

“ห่าชันย์! มึงอย่าขี้เกียจมากจะได้มั้ยวะ” ชายหนุ่มอีกคนตีสีหน้าขัดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเจ้าของห้องอย่าง 'ราชันย์' ไม่มีทีท่าสนใจเขาเลยสักนิด ทั้งที่พวกเขาทั้งคู่ตกลงกันแล้วว่าจะรับงานนี้เป็นงานสุดท้าย ก่อนที่พวกเขาจะรามือ ส่วนเหตุผลที่พวกเขาใช้เพื่ออธิบายกับเรื่องนี้มันก็แสนจะง่ายและดูดีเป็นที่สุดนั่นก็คือพวกเขาแค่ 'เบื่อ' ที่จะทำมันแล้วเพียงเท่านั้น

'TAKE' เป็นชื่อที่ 'จอมพล' เพื่อนสนิทที่กำลังนั่งจ้องหน้าราชันย์อยู่ในขณะนี้ตั้งขึ้นเพื่อใช้เรียกพวกเขาที่มีหน้าที่ตามหาหญิงสาวในวงการหรือแม้แต่คนที่มีชื่อเสียงเพียงนิดแต่หากผู้ว่าจ้างสนใจพวกเขาก็พร้อมจะคว้าตัวพวกเธอมาตอบสนองให้กับชายกระเป๋าหนาที่อยากจะได้นางฟ้าเหล่านั้นไปเป็นทั้งคู่ครองหรือแม้กระทั่งบ้านเล็กบ้านน้อยที่พบเห็นกันเกลื่อนกลาดอยู่ในสังคมปัจจุบันเสมอ

งานนี้ของพวกเขาในมุมมองของคนทั่วไปมันอาจจะดูเสื่อมต่อศีลธรรมของมนุษย์ แต่ใช่ว่าพวกเขาจะขืนใจพวกเธอให้รับโอกาสที่มีคนพร้อมจะยัดเยียดให้นี้แต่อย่างใด ในเมื่อเหล่านางฟ้าที่เคยตกเป็นเป้าหมายของพวกเขารู้ถึงจุดประสงค์ไม่ว่าพวกเธอเหล่านั้นจะเป็นใครต่างก็ตอบรับข้อเสนอดีๆ กันทุกรายโดยไม่ยอมเสียเวลาคิดหน้าคิดหลังให้เหนื่อยกันเลยแม้แต่น้อย

หึ! ก็อย่างที่บอก'พวกเขาทำเพื่อช่วยสงเคราะห์ชีวิตดีๆ ให้กับพวกผู้หญิงหิวเงิน' ยังไงล่ะ!!

จอมพลจำใจเก็บเอาเอกสารที่เพิ่งจะโยนลงบนโต๊ะกลับเข้ามาไว้ในมือตามเดิมก่อนที่เขาจะเริ่มพูดเรื่องสำคัญของวันนี้ออกไป

“ครั้งนี้เป้าหมายแม่งเป็นผู้ชายว่ะ” เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทไม่แพ้คนที่กำลังนั่งพิงโซฟาเอ่ยขึ้น

“แล้วไง?”

“เออกูเข้าเรื่องก็ได้! เป้าหมายวันนี้เป็นดาราชื่อ 'นนท์' เคสนี้เป็นของเสี่ยธรรณพอีกแล้วว่ะ กูจำได้ว่าพวกเราเพิ่งจะหานางแบบให้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไม่ใช่เหรอวะ” จอมพลถามราชันย์กลับอย่างสงสัย ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดออกมาแค่ไม่กี่คำตามเดิม

“ได้พอก็เขี่ยทิ้ง” ร่างสูงที่เป็นคนถามส่ายหัวให้กับคำตอบที่แสนจะตรงฉินของเพื่อนรักทันทีก่อนที่เขาจะพูดรายละเอียดของงานต่อ

“วันนี้เป้าหมายมีงานเปิดตัวน้ำหอมแบรนด์ใหม่ที่ห้าง M ตอนหกโมงเย็นและมึงต้องชิงลงมือก่อนที่งานจะเริ่ม” จอมพลสาธยายยาวเป็นหางว่าวก่อนที่ราชันย์จะหยัดกายขึ้นนั่งในท่าประจำเมื่อเขานึกสนใจในเรื่องที่อยากจะทำขึ้นมา

“เรื่องนั้นกูรู้ดี…แล้วรายละเอียด?” ราชันย์ถามอีกฝ่ายออกไปก่อนที่จอมพลจะยื่นรูปใบหนึ่งกลับไปแต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธที่จะดูอีกตามเคย

“มึงก็แค่หยิบไปดูจะขี้เกียจอะไรนักหนาวะ!!” จอมพลสบถออกมาอย่างเหลืออดแต่ถึงกระนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะรู้ดีว่าตัวเองมาผิดเวลากว่าทุกๆ ครั้ง

“แล้วใครใช้ให้มึงมาตอนกูหลับวะไอ้พล” ราชันย์สวดกลับไปเมื่อเวลานี้ของทุกๆ วันเป็นเวลาที่เขาใช้เพื่อพักผ่อนหลังจากเคลียร์เอกสารตั้งแต่เย็นของเมื่อวานกว่าจะได้นอนจริงๆ ก็ประมาณช่วงสายของวันนี้

“กวนว่ะ!” จอมพลถอนหายใจให้กับท่าทีของอีกคน

“กูพูดจริง”

“เออๆ ไอ้เด็กเนี่ยมันเป็นคนตัวเล็ก สูงคงไม่น่าจะเกินร้อยเจ็ดสิบห้า ผิวไม่ค่อยขาว หน้าตาก็พอใช้ได้อยู่นะ ส่วนจุดเด่นที่มึงควรจะจำเอาไว้ก็น่าจะเป็นไฝสองเม็ดเล็กใต้ตาของมันว่ะ” เมื่อสาธยายเสร็จคนเป็นแขกที่อาจจะไม่ได้รับเชิญนักอย่างจอมพลก็เก็บทุกอย่างใส่แฟ้มและเตรียมตัวออกจากห้องนี้ไปทันที

แต่แล้วก็เหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจให้ร่างสูงที่กำลังเดินไปทางประตูห้องให้หยุดและฉุกคิดก่อนที่คนตัวสูงจะหันกลับไปพูดเรื่องที่ยังค้างคาใจกับราชันย์อีกครั้ง

“มึงจะไม่ดูรูปหน่อยเหรอวะเกิดไปจับคนอื่นมามีหวังซวย” จอมพลพูดออกไปอย่างหวาดหวั่นเพราะจู่ๆ สมองของเขาก็คิดเรื่องแปลกประหลาดนี้ขึ้นมาทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความคิดบ้าๆ นี่ในหัวของเขาเลยสักครั้ง

“กูเคยทำพลาดเปล่าล่ะถ้าคำตอบของมึงคือ 'ไม่' ก็กลับไปซะ งานเสร็จเมื่อไหร่กูจะโทรหา” ราชันย์พูดก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองพร้อมๆ กับจอมพลที่ยอมเดินออกจากห้องของเขาไปแต่โดยดีเช่นเดียวกัน

อีกด้านหนึ่งของเมือง...

ภายในซอยที่มีการแบ่งชั้นวรรณะกันอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนที่รวยล้นฟ้าต่างปลูกบ้านอยู่ทางฝั่งตะวันออกของถนน ทั้งเจ้าของธุรกิจต่างๆ ตลอดจนเจ้าของห้างสรรพสินค้าหรือแม้กระทั่งโรงพยาบาลทั้งของภาครัฐและเอกชนจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝั่งถนนของพวกเขาจะประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันไม่ว่าจะเป็นบริการเก็บขยะในทุกๆ เช้าหรือแม้กระทั่งคนสวนที่จะมาดูแลต้นไม้ใบหญ้าให้เขียวชะอุ่มเป็นพุ่มสวยในทุกๆ อาทิตย์ ต่างจากอีกฝั่งหนึ่งของถนนสายเดียวกันที่ไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหล่านี้เลยแม้แต่น้อยเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจต่างๆ เหมือนกันกับเจ้าของบ้านที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งเท่านั้น

ถนนทางฝั่งตะวันตกประกอบไปด้วยผู้คนระดับรากหญ้าจนถึงขั้นพอมีพอใช้ที่ปลูกบ้านเรียงรายชิดติดกันราวกับเป็นชุมชนเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ด้วยกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย หนึ่งในจำนวนบ้านเหล่านี้ยังมีบ้านเดี่ยวหลังงามที่ปลูกคั้นระหว่างร้านข้าวแกงกับร้านตัดผมชายด้วยอาณาเขตเพียงสี่สิบตารางวา

ชายหนุ่มหน้าตาน่ารักที่ใครๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าเขาไม่น่าที่จะเกิดมาเป็นผู้ชายเพราะใบหน้าที่สวยหวานราวกับหญิงสาววัยรุ่นของเขานั้น ทำให้เจ้าของร่างเล็กร่างนี้ห่างไกลจากคำว่า 'หล่อเหลา' อยู่มากโข

'แฟร์' ชายหนุ่มร่างเล็กวัยยี่สิบห้าปี ผู้มีใบหน้าน่ารักแบบบ้านๆ ผิวที่ไม่ขาวและไม่ดำทำให้เจ้าตัวดูเป็นคนที่รักสุขภาพอย่างไม่ต้องสงสัย ดวงตากลมโตกับไฝสองเม็ดเล็กใต้ตาขวาทำให้ชายหนุ่มร่างเล็กที่กำลังนั่งรอรุ่นพี่มารับเพื่อไปทำงานเหมือนอย่างเคยดูมีเสน่ห์ขึ้นกว่าใครเป็นไหนๆ แพขนตายาวที่จัดเรียงตัวกันอย่างสวยงาม จมูกโด่งเป็นสันที่รับกับปากเล็กสีแดงระเรื่อนี้ จึงมักจะเป็นเหตุผลให้ใครๆ ต่างก็ใช้คำว่า 'น่ารัก' มากกว่า 'หล่อ' กับเขากันแทบทุกคน

แฟร์เติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุได้เพียงแปดขวบ 'ลินดา' คือชื่อของแม่แท้ๆ ที่มีอาชีพขายขนมไทย ส่วน 'นิกร' ผู้เป็นพ่อของเขาคือจิตรกรขาลงที่ไม่มีงานประทังชีวิตมานานหลายปี ลินดาใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากเรียนกฎหมายเฉกเช่นเพื่อนสนิทของเธอที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม แต่เพราะความจนจึงทำให้เธอพลาดโอกาสนั้นไปทั้งที่เธอสามารถสอบเข้าศึกษาต่อยังคณะที่ตั้งใจไว้ได้ง่ายๆ และเพราะสาเหตุนี่เองจึงทำให้เธอเลือกที่จะตั้งชื่อเล่นให้กับร่างเล็กคนนี้ว่า 'แฟร์' และชื่อจริงที่ความหมายเช่นเดียวกันอย่าง 'เสมอภาค'

แต่แล้วเมื่อแฟร์อายุได้เพียงแปดขวบนิกรผู้เป็นพ่อได้พาตัวเขาไปฝากให้กับพี่สาวของลินดา ป้าแท้ๆ ของเขาที่ทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ช่วยเลี้ยงดู ภายหลังจากผู้เป็นแม่ของเขาเสียชีวิตเพราะโรคประจำตัวได้เพียงแค่สามเดือน โดยที่นิกรได้ให้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อผู้เป็นป้าของเขาเพียงแค่ว่า

'เขาไม่มีเงินพอที่จะเลี้ยงดูลูกอีกต่อไป'

ซึ่งพอโตขึ้นแฟร์กลับคิดว่าเหตุผลที่พ่อของเขาได้ทิ้งเอาไว้มันก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่ทำให้ตัวท่านดูไม่ใจร้ายจนเกินไปเพียงเท่านั้น แต่เหตุผลจริงๆ คงเป็นเพราะท่านไม่เคยรักเขาเลยเสียมากกว่า

ด้วยวัยของแฟร์ในตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเผชิญอยู่กับอะไร เมื่อจู่ๆ ป้าที่อิดออดจะรับเลี้ยงดูเขาไว้ตั้งแต่แรกตัดสินใจลาออกจากงานและหายตัวไปเสียดื้อๆ ทำให้แฟร์ต้องอาศัยอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่นั้นมา โดยมี 'แม่นภา' คุณแม่ของเหล่าเด็กๆ คอยสั่งสอนและเลี้ยงดูเขาให้เติบโตมาเป็นอย่างดี

เมื่อเริ่มชินชากับความรู้สึกที่ปวดร้าวเกินจะรับไหว แฟร์ที่แรกๆ เอาแต่เก็บตัวไม่ยอมสุงสิงกับใครเป็นเวลานานหลายเดือนก็เปลี่ยนเป็นเด็กที่ร่าเริงและเริ่มมีความสุขกับการใช้ชีวิตอีกครั้ง เขาเป็นลูกรักของแม่นภาและเป็นเพื่อนที่น่ารักของเด็กๆ ทุกคนในบ้าน แฟร์เป็นเด็กนอบน้อม มีสัมมาคารวะ ทำให้เมื่อไปที่ไหนต่างก็มีคนชื่นชม ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้แม่นภาเลือกที่จะมอบบ้านหลังเล็กๆ หลังนี้ให้กับเขา เมื่อถึงคราวที่ร่างบางจะต้องออกมาทำงานภายหลังจากเรียนจบจากมหา'ลัยด้วยผลการเรียนระดับเกียรตินิยม

กระทั่งปัจจุบันร่างบางมีอาชีพเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ดาราหน้าใหม่มากความสามารถอย่าง 'ชานนท์' น้องชายของรุ่นพี่ที่เขาเคารพ จะว่าไปใครๆ ก็อาจจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่เลือกงานที่ดีกว่านี้ ซึ่งเหตุผลก็ไม่มีอะไรมากมันเป็นเพราะว่าเขาแพ้ลูกตื้อของรุ่นพี่หรือมันอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกของเขาเองที่ดันแอบชอบรุ่นพี่คนนี้อยู่ลึกๆ แต่ไม่กล้าที่จะบอกอีกฝ่ายออกไป แม้เขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายก็ชอบพอตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่แฟร์กลับเลือกที่จะหยุดความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ไว้เพียงแค่คำว่า 'พี่น้อง' เท่านั้น เพราะเขายังไม่มั่นใจในตัวเองดีพอหรือเพราะลึกๆ แล้วเขายังกลัวที่จะต้องเริ่มไว้ใจใครอีกครั้ง

ปิ๊บๆ

เสียงแตรรถที่ดังมาจากหน้าบ้านทำให้ร่างบางที่กำลังง่วนอยู่กับการเช็คของในกระเป๋าเงยหน้าขึ้นและมองไปยังต้นตอของเสียงก่อนที่รอยยิ้มของเขาจะค่อยๆ เปื้อนขึ้นบนใบหน้าหวานเมื่ออีกฝ่ายที่ขับรถมารับได้มอบรอยยิ้มให้เขาอยู่ก่อนแล้ว

แฟร์รีบลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่มี 'นัท' หรือธนัทขับมารับเหมือนเช่นเคย ทั้งคู่ทักทายกันตามประสาก่อนที่ตัวรถจะถูกหนุ่มผู้รับบทเป็นสารถีขับออกไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้าง M ทันที

เมื่อมาถึงห้าง  M สถานที่จัดงานเปิดตัวน้ำหอมแบรนด์ใหม่ร่างเพียวของแฟร์ก็รีบเดินเข้าไปยังห้องแต่งตัวทันทีก่อนที่ร่างบางของใครอีกคนจะส่งใบหน้างอนๆ มาให้เมื่อเห็นว่าเขามาถึงที่หมายแล้ว

“พี่แฟร์อะมาช้า” เสียงใสของนนท์ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่ทำแก้มป่องอย่างงอนๆ ตามมา

“รถติดน่ะนนท์โทษทีนะ” แฟร์ยิ้มให้นนท์หน่อยๆ พลางวางสัมภาระทุกอย่างลงบนโต๊ะก่อนจะเริ่มควานหาชุดที่ถูกแขวนเอาไว้ด้านหลังห้องทันที เพราะนอกจากเขาจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวแล้วเขายังต้องดูแลเรื่องเสื้อผ้าให้กับคนที่กำลังนั่งทำตาปริบๆ คนนี้อีกด้วย

“นนท์นึกว่าพี่นัทไปรับพี่แฟร์ช้าซะอีก”

“ไม่หรอก” แฟร์ตอบพลางลอบยิ้มออกมา

“แล้วพี่นัทไปไหนเสียแล้วล่ะ” ถามเสร็จดาราหนุ่มก็กระโดดขึ้นนั่งบนโต๊ะวางของข้างๆ

“พี่นัทขอกลับไปเคลียร์เอกสารที่บริษัท”

“ประจำเลย! ไม่เคยอยู่รอนนท์สักครั้ง”

“ทีหลังนนท์ก็ช่วยไปบอกพี่นัททีนะว่าไม่ต้องไปรับพี่แล้วเพราะพี่มาเองได้งานของเขาก็ยิ่งเยอะๆ อยู่” แฟร์พูดประโยคที่มักจะบอกกับอีกฝ่ายอยู่เสมอออกไป แต่นัทเป็นคนดื้อเงียบเขามักจะบ่นทุกทีที่เห็นแฟร์มาทำงานเองโดยไม่รอให้เขาไปรับ แม้บางครั้งนัทจะติดประชุมหรือกำลังเคลียร์เอกสารสำคัญอยู่ก็เถอะ แต่รุ่นพี่คนนี้ก็ยังเจียดเวลาไปรับเขามาทำงานแทบจะทุกงาน จนแฟร์กลัวว่าตัวเองจะเป็นต้นเหตุให้พี่ชายของนนท์เสียงานขึ้นมาสักวัน

“แหม…ก็พี่แฟร์แหละเมื่อไหร่จะใจอ่อนสักทีล่ะ นี่พี่นัทก็ตามจีบพี่มาหลายปีแล้วนะ” นนท์แกล้งแซวแฟร์ที่ตอนนี้ได้แต่ก้มหน้างุดหาเสื้อผ้าอย่างอายๆ ออกไป เมื่อพี่ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้เป็นคนที่พี่ชายแท้ๆ ของเขาชอบมาตั้งแต่สมัยเรียนที่มหา'ลัย รวมๆ แล้วปีนี้ก็เข้าปีที่ห้าที่นัทตามจีบแฟร์อยู่แบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพี่ชายที่กำลังเขินอายอยู่ในตอนนี้ถึงได้ใจแข็งไม่ยอมให้นัทเลื่อนสถานะสักที

เมื่อได้ยินคำถาม ฝ่ายถูกถามกลับรู้สึกโหว่งๆ ขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูกเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาใช่ว่าเขาจะไม่เคยใจอ่อน แต่แฟร์กลับคิดมาเสมอว่าเรื่องของเขากับนัทมันไม่มีทางเป็นไปได้เพราะด้วยชื่อเสียงและฐานะทางครอบครัวของอีกฝ่ายมันค้ำคออยู่แบบนั้นทำให้โอกาสที่จะเป็นไปได้สำหรับคู่ของพวกเขาก็มีเท่ากับศูนย์อยู่ดี

“พี่กับพี่นัทก็เหมือนนนท์กับพี่นัทนั่นแหละ…เราเป็นพี่น้องกัน” แฟร์ตอบกลับไปได้ไม่เต็มเสียงนัก

“หว่า…งี้พี่ชายนนท์ก็อกหักอะดิ”

“มัวแต่แซวพี่ได้ทุกวันแล้วนี่มีใครเอาตารางงานของวันนี้มาให้หรือยัง” แฟร์พยายามเปลี่ยนเรื่องคุยพลางเดินไปเปิดกระเป๋าก่อนจะคว้านหาเข็มกลัดเล็กออกมาเมื่อเห็นว่าเสื้อตัวที่เขาเลือกให้กับนนท์ดูจะโชว์ให้เห็นแผงอกงามของคนตรงหน้าจนเกินไป

ร่างบางกลัดเข็มลงไปบนเนื้อผ้าตรงหน้าเพื่อลดความหวือหวาของมันลงอีกนิด เพราะนนท์ในสายตาของแฟร์ยังคงเป็นเพียงเด็กผู้ชายที่อายุเพิ่งจะยี่สิบเท่านั้น

“ยังเลยฮะ เห็นพี่เกดไปประสานงานกับทางผู้จัดอยู่” นนท์พูดก่อนจะคว้าเอาเสื้อตัวนี้ไปทาบกับตัวเองพลางส่องดูภาพสะท้อนจากกระจกเงาตรงหน้า เขาเหมือนจะถูกใจฝีมือการเลือกของแฟร์อยู่ไม่น้อยเพราะเจ้าตัวเล่นยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นความหล่อเหลาของตัวเองที่สะท้อนกลับมา

“งั้นนนท์เอาชุดนี้ไปเปลี่ยนก่อนนะเดี๋ยวพี่มา” แฟร์เดินออกจากห้องเพื่อตามหาเกดทันทีเพราะความเป็นจริงแล้วหน้าที่ไปตามตารางงานก็เป็นหนึ่งในงานของเขาอีกเช่นกัน แต่ติดตรงที่วันนี้เขามาสาย ไม่รู้ว่าช่างแต่งหน้าขาวีนอย่างเกดจะต่อว่าเขามั้ยเพราะรายนั้นหากได้เหวี่ยงสักครั้งล่ะก็…ยาวแน่!

“อ้าวพี่เกด! ผมกำลังจะไปตามหาพี่อยู่พอดี” เมื่อเดินพ้นออกจากห้องแต่งตัวเพียงไม่นานร่างอวบของช่างแต่งหน้าคนที่กำลังตามหาก็เดินหอบกลับมาอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมกับยื่นสิ่งที่เขาต้องการมาตรงหน้า

“เอ้านี่! ฉันล่ะปวดหัวจริงๆ ฝ่ายประสานงานของบริษัทนี้ก็นะ! ทำงานช้าอย่างกะเต่าพูดแล้วเครียด!!” เกดสบถออกมาอย่างฉุนๆ ก่อนจะตวัดสายตากลับไปมองแฟร์ที่ตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อเป็นหินไปแล้ว

“ขอบคุณครับพี่ พะ…พอดีวันนี้รถติดแฟร์ขอโทษพี่ด้วยนะที่มาสาย” เพราะความกลัวแฟร์จึงเอ่ยออกไปอย่างตะกุกตะกักก่อนที่อีกฝ่ายจะฉีกยิ้มพร้อมกับกลั้นหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของคนตรงหน้า

“ไม่เป็นไรหรอก ไหนดูตารางซิเมื่อกี้พี่รีบเลยไม่ทันได้ดูว่าคิวเราอยู่ตอนไหน” เกดกลับมาพูดเป็นปกติทำให้แฟร์เบาใจลงไปได้มาก ก่อนที่เขาจะกางตารางงานของวันนี้ออกเพื่อดูรายละเอียดทันที

“อืม…ประมาณคิวที่ห้าพร้อมกับโชว์สินค้าครับ” ร่างบางพูดออกไปก่อนที่อีกฝ่ายจะใช้มือตบลงบนบ่าของเขาเบาๆ

“ฝากด้วยแล้วกันนะแฟร์เพราะเดี๋ยวพี่มีธุระต่อ”

“ได้ครับพี่เกดไม่ต้องห่วงนะ” แฟร์ฉีกยิ้มพร้อมตะโกนไล่หลังอีกฝ่ายที่เดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัว

ร่างเล็กของแฟร์นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่บริเวณนั้นเพื่อดูรายละเอียดของงานต่อ ก่อนที่สตาร์ฟหญิงในงานคนหนึ่งจะเดินมาสะกิดเขาให้หลุดออกความสนใจตรงหน้าและหันไปหาเธอ

“พี่คะๆ มีผู้ชายคนหนึ่งฝากไอ้นี่มาให้พี่ค่ะ” เธอพูดพร้อมกับยื่นกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ ที่ถูกพับมาแบบลวกๆ มาให้

“ใครเหรอครับ” แฟร์ถามกลับไปเพื่อความแน่ใจเพราะปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยรับของจากคนแปลกหน้าแม้มันจะเป็นแค่อะไรเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ก็เถอะ

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เขาบอกให้หนูเอามาให้คนที่นั่งอยู่ตรงที่กดน้ำซึ่งก็มีแค่พี่คนเดียว” เธอพูดออกมาก่อนจะยัดเศษกระดาษนี้เข้ากับมือของแฟร์แล้วรีบเดินไปทำงานต่อทันที จะว่าไปแฟร์ก็เพิ่งสังเกตุเห็นเหมือนกันว่าเขานั่งอยู่ใกล้ๆ กับที่กดน้ำ

ร่างบางมองเศษกระดาษตรงหน้าก่อนที่เขาจะตัดสินใจคลี่มันออกมาอ่านข้อความด้านในที่เป็นเพียงแค่ประโยคสั้นๆ สองบรรทัดแต่เนื้อความในนี้กลับทำให้เขานั่งแทบไม่ติดเลยทีเดียว

ถ้าไม่อยากตกเป็นข่าวว่ากำลังคั่วผู้ชาย

-บันไดหนีไฟชั้นสาม-

มือบางขยำเศษกระดาษทันทีที่อ่านจบ ใช่ว่าเนื้อความนี้จะถูกเขียนถึงเขาเพราะดูจากข้อความที่เขียนมาแบบหวัดๆ นี้แล้ว คนที่เขากล่าวถึงน่าจะเป็นนนท์เสียมากกว่า เพราะในงานวันนี้มีดาราอยู่เพียงคนเดียวนั่นก็คือนนท์ ฉะนั้นมันจะเป็นของใครอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด!

แฟร์เองรู้ดีว่านนท์เป็นยังไงพอๆ กับที่พี่ชายแท้ๆ ของร่างเล็กอีกคนก็รู้ดี นนท์ชอบผู้ชายด้วยกันเช่นเดียวกับที่ตัวเขาเองก็รู้สึก พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาเป็น 'เกย์' ซึ่งเรื่องนี้จะให้ใครอื่นรู้ไม่ได้เพราะตอนนี้นนท์กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหากมีข่าวแบบนี้ออกไป ร้อยทั้งร้อยนนท์ต้องตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน

ร่างบางรีบเดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวทันที ดีที่มีเพียงนนท์อยู่ในห้องเพียงคนเดียวฉะนั้นเขาก็ไม่ต้องระวังคำพูดอะไรมากมายนัก

“นนท์ช่วงนี้ได้ออกไปไหนกับใครหรือเปล่า” แฟร์ถามก่อนที่ร่างเล็กของอีกคนจะเงยหน้าออกจากโทรศัพท์แล้วขมวดคิ้ว

“พี่แฟร์ถามทำไมเหรอฮะ”

“พี่แค่ถามเฉยๆ ตกลงได้ไปไหนมาหรือเปล่า” ชายหนุ่มย้ำคำถามกับนนท์อีกครั้งก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจพลางก้มหน้าลงไปสนใจโทรศัพท์เหมือนเดิม

“ไปฮะแต่ก็ไปกับเพื่อนๆ กันทั้งนั้น ไม่ก็ไปกับพี่นัทแหละ”

“เพื่อนที่ว่า…ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“ก็ทั้งสองแหละแต่จะไปกับผู้ชายบ่อยหน่อย พี่แฟร์ก็รู้นี่ว่านนท์ก็ต้องการเวลาอยู่กับเพื่อนบ้างแล้วที่ถามนี่มีอะไรหรือเปล่าฮะ” นนท์ตอบพลางมองไปยังแฟร์อย่างขำๆ

“แล้วตอนนี้นนท์คบกับใครอยู่หรือเปล่า” แฟร์ตัดสินใจถามออกไปภายหลังจากถอนหายใจออกมายาวพอที่จะลดความอัดอั้นกับเรื่องที่เพิ่งจะโดยขู่มาทำเอาคนตรงหน้ายิ่งขำออกมาใหญ่

“ฮ่าๆ ไม่มีหรอกฮะนนท์จะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟนกับเขากันล่ะ”

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมาแบบนี้ร่างบางจึงมั่นใจว่าข้อมูลที่คนๆ นั้นมีอยู่เป็นเรื่องไม่จริงและเขาต้องไปหยุดมันไว้ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปทำธุระแปปนึงนะส่วนนี่เป็นตารางเวลา” แฟร์ยื่นตารางเวลาให้กับนนท์ก่อนที่ตัวเขาจะเดินออกไปยังสถานที่ที่ถูกเขียนติดมากับกระดาษแผ่นนั้นทันที

“บันไดหนีไฟชั้นสามสินะ!”

ร่างบางพึมพำออกมาก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังที่หมาย เพียงไม่กี่นาทีแฟร์ก็พาตัวเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าของบันไดหนีไฟที่ว่าเป็นที่เรียบร้อย เขาชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะเคลื่อนมือไปบิดลูกบิดตรงหน้าและผลักเข้าไปร่างบางเดินผ่านบานประตูหนาก่อนจะหยุดยืนมองภาพตรงหน้าที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน

“นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ! ใครกันที่เล่นพิเรนแบบนี้!!” แฟร์ก่นด่าออกมาอย่างหัวเสีย เรื่องนี้จะต้องมีคนกำลังแกล้งปั่นหัวพวกเขาอยู่อย่างแน่นอน

ไม่ทันที่ชายหนุ่มร่างเล็กจะหันหลังกลับ จู่ๆ ก็มีมือปริศนาที่ถูกสวมเอาไว้ด้วยถุงมือสีดำเอื้อมมาจากทางด้านหลังก่อนจะปิดจมูกของเขาเข้าอย่างจัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่ร่างบางจะทันได้ตั้งตัว แฟร์พยายามดิ้นหนีสัมผัสหยาบกระด้างนี้ทันทีแต่แรงของเขากลับสู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้เลยสักนิด กลิ่นฉุนที่เขาเผลอสูดดมเข้าไปทำให้สติเริ่มขาดห้วงไปทีละนิด

'ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งรัด'

ร่างบางเพิ่งจะเข้าใจความหมายของคำนี้ก็เมื่อสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเขาไม่สามารถประคองร่างกายที่เริ่มอ่อนแรงลงได้อีกต่อไปจนกระมั่งทุกอย่างรอบกายเบาหวิวและมลายหายไปในที่สุด…


TBC...



--------------------------------------------

เอาที่มาที่ไปมาฝาก ^O^
ความจริงพ่อพระเอกของเราก็ไม่ได้โหดร้ายอะไรขนาดนั้น!!!
ออกจะใจดีช่วยหางานให้กับพวกสาวๆ
(หราาาา -__-'')
หัวข้อ: Re: "ราชันย์พ่ายรัก".....CH.2 100% [19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-07-2017 09:37:14
ไม่รู้ทำไม อ่านแล้วรู้สึกว่าพระเอกเป็น คนโง่ที่คิดว่าตัวเองฉลาด เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: "ราชันย์พ่ายรัก".....CH.2 100% [19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 19-07-2017 18:04:14
 :katai1: :katai1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.3 100% x ราชันย์ [ 19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 19-07-2017 21:34:31


CHAPTER 3



[Rajchan’s Part]
   ผมขับรถออกมาจากบ้านพักหลังนั้นก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่ทำงานทันที หึ! แววตากับสีหน้าที่แสนจะหวาดกลัวของไอ้เด็กคนนั้นยังติดตาผมไม่หาย จะว่าสงสารมัน!...ผมเองก็พอมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่บ้าง แต่ไอ้ท่าทางพยศ   และคำพูดที่แสนจะเย่อหยิ่งเกินตัวแบบนั้นกลับทำให้ผมนึกอยากจะขย้ำคอเล็กของไอ้เด็กนั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ

   ครั้งนี้ผมทำรุนแรงผมรู้ อาจเพราะมันเป็นผู้ชายผมจึงไม่ต้องออมมือออมปากให้มากเหมือนกับพวกผู้หญิงที่เคยผ่านมา แต่เดี๋ยวนะ! ไม่แน่ว่าตอนนี้มันอาจจะเปลี่ยนท่าทีเมื่อรู้ว่ากำลังจะตกถังข้าวสารอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้

   ผมเร่งความเร็วทันทีที่ตัวรถพ้นออกจากทางลูกรังและมุ่งเข้าสู่เส้น   ทางหลวงที่มีรถวิ่งพลุกพล่านเต็มไปหมดก่อนที่เสียงจากโทรศัพท์ตรงหน้าคอนโซลจะทำให้ผมลดความเร็วลงเพียงเล็กน้อย

   'ห่าพล'

   “ตายยากชะมัด!” ผมสบถออกมาเมื่อบนหน้าจอปรากฏชื่อของคนที่ ผมเองก็คิดจะโทรหามันเช่นเดียวกันเพียงแต่จะรอให้ถึงที่ทำงานก่อนเพียงเท่านั้น

   (“ว่าไง!”) ผมกรอกเสียงเรียบกลับไปให้กับปลายสาย

   (“ชันย์มึงอยู่ไหน!”) น้ำเสียงของจอมพลที่ดูจะกระวนกระวายถามกลับมาก่อนที่ผมจะตอบมันกลับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก
   (“กูขับรถอยู่”)

   (“มึงทำไมไม่รีบลงมือสักทีวะ!”) เสียงห่ามตะคอกกลับมาทำเอาผมนึกหงุดหงิดกับอารมณ์ของมันขึ้นมาทันที

   (“เสร็จงานแล้ว”) ผมเอ่ยกลับไปอย่างถือไพ่เหนือกว่า เพราะผมออกมาทำงานนี้ก่อนเวลาเล็กน้อยบางทีไอ้พลมันอาจจะกำลังเข้าใจว่างานยังไม่เสร็จ

   (“มึงกำลังล้อกูเล่น!?”)

   (“กูมีเวลามานั่งเล่นกับมึง?”) ผมถามมันกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง   แต่แล้วประโยคต่อมาของอีกฝ่ายกลับทำเอาผมที่กำลังนึกสนุกอยู่กับผลงานของตัวเองถึงกับยิ้มไม่ออก!

   (“ก็ตอนนี้เป้าหมายยังอยู่ในงานแล้วมึงเอาที่ไหนมาพูดว่าเสร็จงานแล้ว!!”)

   เอี๊ยดดด!!!

   (“มึงว่าไงนะ!!”) ผมเหยียบเบรคอย่างไม่คิดชีวิตก่อนจะตะคอกถาม   ไอ้พลกลับไปอีกครั้ง

   แม่ง! ถ้ามึงโกหกกูล่ะก็กูเอามึงตาย!!

   (“ตอนนี้กูอยู่ห้าง M แล้วไอ้เด็กที่ชื่อนนท์มันก็ยังอยู่ที่นี่!”) จอมพลสวดกลับมาเป็นชุดก่อนสมองของผมจะยังปฏิเสธข้อความที่เพิ่งจะได้ยินไป

   (“จอมพลกูให้โอกาสมึงพูดอีกที!!”)

   (“ไอ้เด็กนั่นยังอยู่ในงานแล้วนี่มึงเอาใครไปวะ!!”)

   (“เป็นไปไม่ได้! ก็ไอ้เด็กนั่นคือคนที่มีไฝใต้ตาขวานี่หว่า!”)   

   (“Shit!! กูลืมบอกมึงว่าไอ้เด็กที่ชื่อนนท์มันมีไฝใต้ตาซ้ายว่ะ”) เสียงจากปลายสายที่สบถออกมาอย่างหัวเสียทำเอาผมเดือดขึ้นมาทันที

   (“ไอ้พล!!”)

   แต่ก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไร จอมพลก็เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน   แถมยังเป็นคำพูดแกมบังคับผมกลับมาซะด้วย!

   (“มึงรีบไปเอามันกลับมาเลยนะเว้ย!”)

   (“กูออกมาตั้งไกลแล้ว”) แน่นอนว่าถึงแม้ผมจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่คิดจะกลับไปช่วยไอ้เด็กนั่นมันหรอก

   (“ไอ้เด็กนั่นมันสมยอม?”)

   หึ! คำถามนี้เล่นเอาผมตอบมันกลับไปไม่ได้เลยเพราะจากที่ผมเห็นมันก็คงจะสมยอมอยู่ล่ะมั้ง

   (“ห่าชันย์! มึงไปเอาเขากลับมาเดี๋ยวนี้!!”)

   (“ตอนนี้คงไม่เหลือซากแล้วว่ะกูว่าไปก็เสียเวลาเปล่า”) กว่าผมจะวนรถกลับไปก็กินเวลาไปกว่าสิบนาที พูดง่ายๆ ว่าถ้าไอ้เสี่ยนั่นมันน่ามืดขึ้นมาจริงๆ เวลาเพียงเท่านี้ก็ทำให้มันเสร็จได้อย่างไม่ต้องสงสัย

   (“มึงตกลงกับกูว่าไง 'ใครที่ไม่ยอมอย่าขืน' มึงลืมไปแล้ว!?”) จอมพลยกเอาเรื่องที่นี้ขึ้นมาย้ำ

   ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างฉุนๆ ทันทีที่โดนอีกฝ่ายขัดใจเพราะมันดันเป็นข้อตกลงที่ผมเป็นคนตั้งขึ้นมาไงล่ะ

   (“เออๆ เดี๋ยวกูจัดการแม่งต้องให้ออกแรงทุกที!”) ผมตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะออกตัวรถและหักเลี้ยวตรงยูเทิร์นหน้าทันที

   (“ก็มันความผิดมึง!”) ไอ้พลแดกดันผมกลับ

   (“มึงก็ด้วย”)

   (“กูถึงบอกให้มึงดูรูปไง แต่มึง!!...”)

   (“จะพล่ามอีกนานมั้ยเดี๋ยวกูก็ไม่กลับไปช่วยมันหรอก”) ผมพูดดักปลายสายกลับไปทันที แค่ตอนนี้ผมก็เบื่อจะแย่อยู่แล้วขืนยังต้องมาฟังไอ้นี่โวยวายอีก ผมว่าอีกเดี๋ยวผมคงจะเปลี่ยนใจวนรถกลับแน่ๆ!!

   (“เออ! กูเงียบก็ได้ แต่คืบหน้ายังไงบอกกะ…”) ผมชิงตัดสายก่อน      จะโยนโทรศัพท์ลงบนที่นั่งด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ
   ก็ดี! ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าไอ้เด็กท่าทางผยศแบบนั้นจะงัดเอา 'ท่า'  ไหนมารับมือกับไอ้เสี่ยตัณหากลับคนนั้นกันแน่!!

   รถของผมเคลื่อนเข้าสู่อาณาเขตของบ้านเดี่ยวหลังนี้อีกครั้งภายหลังจากที่ผมเพิ่งจะออกไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ลูกสมุนทั้งสี่คนที่กำลังนั่งจับกลุ่มสังสรรค์กันอยู่ข้างนอกบ้านต่างก็หันกลับมามองด้วยใบหน้าที่ดูฉงนไม่น้อย

   หลังจากดับเครื่องยนต์ลง ผ้าปิดปากสีดำที่มันเคยถูกถอดและทิ้งเอาไว้ถูกผมคว้าเอามาสวมไว้อีกครั้งก่อนจะเปิดลิ้นชักในรถเพื่อหยิบปืนพกขนาด 9 มม. ที่เพิ่งจะได้รับใบอนุญาตมาเมื่อสามเดือนก่อนสวมเข้ากับเอวของกางเกง

   ผมเอื้อมมือไปกดเพิ่มระดับเสียงของเพลงคลาสสิคที่ฟังมันมาตลอดทางให้ดังขึ้นแล้วรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมกว่านี้อีกสักพักอย่างใจเย็น

   เมื่อเห็นว่าคนขับอย่างผมไม่มีทีท่าว่าจะลงจากรถ หนึ่งในสี่ลูกสมุนพวกนั้นก็เดินตรงเข้ามาประชิดกับตัวรถอย่างสงสัย ก่อนที่มันจะโน้มตัวลงมาพลางเคาะกระจกเพื่อให้ผมเปิด…และแน่นอนว่าผมก็ไม่ขัดศรัทธามันเช่นเดียวกัน

   “เฮ้ยไอ้น้อง! หมดเรื่องแล้วก็กลับไปสิวะ!!” ชายรูปร่างท้วมที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นสาปของเหล้าราคาบ้านๆ พูดขึ้นทันทีที่ผมลดกระจกลง

   “ก็ไม่ได้อยากกลับมานักหรอกแต่พอดีลืมของเอาไว้” ผมพูดออกไปหลังจากที่ยื่นมือไปกดเพื่อลดระดับเสียงดนตรีลงอย่างช้าๆ

   “ของอะไรเดี๋ยวกูให้พวกนั้นขึ้นไปเอามาให้” คนข้างนอกพ่นลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นสาปนี้ออกมาก่อนที่มันจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน

   “พอดีของชิ้นนี้กูต้องขึ้นไปเอาเองว่ะ” ผมเปิดประตูรถลงไปยืนจนเต็มความสูงที่เมื่อเทียบกับไอ้สมุนคนนี้แล้วมันยังสูงไม่ถึงไหล่ของผมเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่อีกฝ่ายจะมองผมกลับมาด้วยแววตาที่ไม่ไว้ใจนัก 

   “ไม่ได้! เสี่ยต้องการเวลาส่วนตัวมึงห้ามขึ้นไปเด็ดขาด!!” คนตรงหน้าพูดกลับมาพลางถอยหลังไปเพื่อตั้งหลัก ดวงตาที่กรอกเลิ่กลั่กไปมาทำให้ผมรู้ว่าแท้จริงแล้วมันเองก็กำลังกลัวอยู่ไม่ใช่น้อย

   “ไม่ยุ่งไม่ได้ว่ะเพราะไอ้ของที่กูลืมเอาไว้มันดันเป็นไอ้เด็กคนนั้นน่ะสิ” ผมเค้นรอยยิ้มส่งกลับไปให้มันอย่างเยือกเย็น ก่อนที่อีกฝ่ายจะไหวตัวเพื่อเรียกคนที่เหลือได้ทันผมอาศัยจังหวะนี้ส่งเท้าเน้นๆ ยันเข้าหน้าท้องของมันเต็มแรงก่อนจะชักปืนจ่อลงไปยังหน้าผากที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อชื้นของคนตรงหน้าทันที

   “มะ…มึง!!” คนที่ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นเค้นเสียงพูดออกมาอย่างยากลำบาก มือหนาของมันกุมท้องเอาไว้แน่น พวกที่เหลือเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นต่างก็ชักปืนและวิ่งตรงเข้ามาอย่างกุลีกุจอ

   หึ! ถ้าให้เทียบพวกมันที่สติไม่ครบจนแทบจะยืนไม่ไหวกับผมที่แค่ลั่นไกกลับไปก็สามารถเก็บพวกมันได้ทุกคนผมว่าตอนนี้ผมเหนือกว่าพวกมันเห็นๆ

   ผมออกแรงดึงไอ้คนที่เพิ่งจะล้มลงไปให้ลุกขึ้นมา ก่อนจะใช้ตัวมันเพื่อเป็นกำบังพร้อมทั้งจ่ออาวุธกระบอกสีดำที่ผมถือไว้ไปที่หัวของมันอีกครั้ง

    “ถ้าพวกมึงยิงกูก็ยิงแลกกันหน่อยมั้ยล่ะ” ผมถามออกไปเสียงเรียบเมื่อลูกสมุนที่เหลือต่างก็หันกระบอกปืนมาทางผมเช่นเดียวกัน ทำเอาคนที่กำลัง   ตกเป็นเกาะกำบังให้ถึงกับตะโกนออกไปราวกับว่ามันกำลังเผชิญกับความกลัวจนถึงขีดสุด

   “พวกมึงอย่ายิงนะเว้ย!!!”

   “มะ…มึงต้องการอะไร!!” หลังจากที่ตะโกนออกไป คนที่ผมกำลัง      จ่อขมับอยู่ก็หันกลับมาถามผมด้วยท่าทีกระวนกระวายไม่หาย

   “บอกให้ลูกน้องมึงโยนปืนและอาวุธทุกอย่างเข้าไปในรถกูให้หมดอย่าให้เหลือไม่อย่างนั้นกูจะเอาเลือดหัวมึงออก!!” ผมสั่งออกไปด้วยเสียงที่เน้นหนักทุกๆ คำ ก่อนที่ตัวประกันของผมมันจะยอมทำตามอย่างว่าง่ายหากทว่าพวกที่เหลือกลับอึกอักที่จะทำ

   ผมมองภาพตรงหน้าอย่างขัดใจก่อนจะกดปลายกระบอกปืนลงบนขมับของลูกพี่พวกมันอีกครั้ง

   “กูบอกให้พวกมึงทำ! กูมีลูกมีเมียต้องดูแลอยู่นะเว้ย!”

   “แต่ลูกพี่!!”

   “ไม่ต้องมีแต่! เร็วกูยังไม่อยากตายตอนนี้!!” พูดจบพวกที่เหลือก็เดินเข้ามาโยนอาวุธเข้าไปในรถของผม
   
   ผมล็อคประตูพลางเสียบปืนของตัวเองกลับเข้ากับเอวกางเกงอีกครั้งก่อนจะใช้มือทุบลงท้ายทอยของคนที่อยู่เป็นเกาะกำบังจนมันสลบไป ส่วนพวก  ที่เหลือเมื่อเห็นสิ่งที่ผมทำพวกมันก็พากันวิ่งประจันหน้าเข้ามาหาผมอย่างเอาเรื่องทันที

   ผมปล่อยหมัดออกไปปะทะเข้ากับใบหน้าของไอ้คนที่หนึ่ง ก่อนจะหันไปเตะเข้าท้องไอ้คนที่สองที่บังอาจกระชากไหล่ผมเสียจนแทบเคล็ด พร้อมทั้งหันไปเสยเข้าคางไอ้คนที่สามอีกอย่างจัง! ร่างทั้งสามร่วงลงบนพื้นก่อนที่ตัวผมจะตามเข้าไปซ้ำพวกมันแต่ละคนจนมีสภาพแทบไม่เหลือซาก

   เมื่อจัดการกับพวกนี้เสร็จผมก็พาตัวเองเดินเข้าไปในบ้านที่ยังคงเปิด ไฟสลัว เสียงกรีดร้องที่ดังออกมาจากห้องด้านบนแล่นเข้าสู่โสตประสาทของผมอย่างจัง แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยทำให้ผมรีบที่จะสาวเท้าของตัวเองเพื่อเดินขึ้นชั้นบนเลยสักนิด

   ผมเดินขึ้นบันไดอย่างเซ็งๆ ที่ต้องกลับมาตามล้างตามเช็ดเรื่องที่ความจริงแล้วตัวผมจะเพิกเฉยกับมันไปเลยก็ได้ แต่ด้วยคำพูดที่ผมเคยตกลงไว้กับ    ไอ้พลมันจึงช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้ผมจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องที่ทิ้งไอ้เด็กจองหองคนนั้นเอาไว้

   ผมเอื้อมมือออกไปเคาะลงบนประตูสามที เสียงกรีดร้องที่เคยถูกเปล่งออกมาอย่างทุกข์ทรมานของไอ้เด็กนั่นก็หยุดลง ทิ้งไว้แต่เพียงเสียงสะอื้นและเสียงสบถที่ดังออกมาอย่างขัดใจเมื่อเสียงเคาะประตูเมื่อครู่ดูจะทำลายบรรยากาศแสนสวาทภายในห้องอยู่ไม่น้อย

   ประตูห้องถูกเปิดออกด้วยอดีตนายจ้างชั่วคราว คนตรงหน้าดูจะตกใจที่เห็นว่าแขกไม่ได้รับเชิญในเวลานี้เป็นผมและคงรวมถึงการที่ไม่มีลูกน้องของมันติดตามมาด้วยเลยสักคน

   “คุณยังมีธุระอะไรอีกผมคิดว่าเราตกลงกันไปแล้วนะ!” เสี่ยธรรณพพูดออกมาพลางใช้มือรวบเอาผ้าเช็ดตัวที่คาดเอาไว้ระหว่างเอวมัดให้แน่นกว่าเดิม

   หึ! คงเสร็จไอ้เสี่ยนี่ซะแล้วสิ

   “ต้องขอโทษที่ผมพามาผิดคน” ผมเอ่ยพร้อมกับปรายตามองเข้าไปในห้องที่เละยิ่งกว่าอะไร ของประดับทุกชิ้นและเฟอร์นิเจอร์หักพังจนเต็มพื้นห้อง ช่างเป็นภาพที่ชวนให้อารมณ์เสียไม่น้อย

   “ไม่เป็นไรคนนี้ผมไม่ถือ พยศดีผมชอบส่วนเรื่องค่าเสียหายพวกนี้ผมจะจัดการให้วันหลัง” คนตรงหน้าพูดขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าผมคงจะหัวเสียกับสภาพห้องก่อนที่มันจะทำท่าว่าจะปิดประตูลง

   “จะรีบไปไหนผมยังไม่ทันตกลงเลย” ผมคว้าเอาประตูที่กำลังจะถูกอีกฝ่ายปิดเอาไว้เสี่ยธรรณพชักสีหน้าและแววตาไม่พอใจกลับมาทันทีที่เห็นการกระทำของผม

   “อย่าเรื่องมาก! มีหน้าที่แค่พามันมาก็จบ! กลับไป!!” คนร่างท้วมพยายามดึงประตูที่มีผมยื้ออยู่เข้าหาตัวอย่างสุดกำลัง

   “แต่นี่มันบ้านกู” ผมเอ่ยออกไปเสียงเรียบก่อนที่อีกฝ่ายจะหมดความอดทนและยอมปล่อยมือจากประตูบานนี้แต่โดยดี

   “งั้นก็หลีกกูจะพามันไปสนุกที่อื่นตะ…อั่ก!” ไม่รอให้พูดจบผมจัดการผลักเอาประตูบานนี้กระแทกเข้าหน้าอีกฝ่ายอย่างจังก่อนที่ไอ้เสี่ยตัณหากลับจะล้มลงไปอย่างไปเป็นท่า

   ผมเดินเข้าไปในห้องพลางมองลงไปยังร่างท้วมบนพื้นด้วยแววตาสมเพชก่อนที่มันจะพยายามตะโกนเรียกลูกน้องข้างล่างเป็นพัลวัน

   “ไอ้คิด! ไอ้เข้ม! ไอ้!...”

   “ไม่ต้องเรียกพวกมันหรอกมึงคิดว่ากูจะเดินเข้ามาเฉยๆ โดยที่ไม่ทำอะไรพวกมันอย่างงั้นเหรอ หึ! ตลกว่ะ” ผมถามออกไปอย่างเหยียดๆ ก่อนจะชักเอาปืนออกมาและเล็งไปยังหัวของมันทันทีจนคนข้างล่างเบิกตาโพรงด้วยความตกใจจนขีดสุด

   ผมล้วงเอาเงินจำนวนสามแสนที่รับมาจากอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ออกมาจากเสื้อแจ๊กเกตที่สวมอยู่ก่อนจะโยนไปบนพื้นตรงหน้าของมัน

   “เอาของมึงกลับไปซะงานนี้กูใจดีไม่คิดเงิน” ผมทำท่าว่าจะเหนี่ยวไกหลังจากที่พูดจบทำเอาคนข้างล่างยิ่งกระสับกระส่ายพร้อมกับละล่ำละลักคำพูดออกมาอย่างไม่เป็นภาษา

   “มะ…มึงอย่าทำอะไรกูนะ อะ…ไอ้เด็กนั่นมันอยู่บนเตียง! กูยะ…”

   ปัง!!

   “อ๊ากกก!!!”

   ผมลั่นไกลงบนพื้นระดับหว่างขาของมันจนอีกคนตกใจจนน้ำตาเล็ด ก่อนจะส่งเท้าเข้าปลายคางของมันอย่างจังจนร่างท้วมกระเด็นไปตามแรงและหมดสติร่วงลงไปนอนกองกับพื้นทันที

   ผมหันกลับก่อนจะเดินไปยังเตียงที่มีร่างบางนอนคุดคู้อยู่ คนตัวเล็กพยายามดึงเอาผ้าห่มผืนบางขึ้นมาห่มเพื่อปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าเอาไว้พลางมุดหน้าร้องไห้ลงกับหมอนอย่างบ้าคลั่ง ผิวกายของมันที่แต่เดิมปราศจากซึ่งร่องรอยกลับมีเฉดสีแดงช้ำขึ้นมาแต่งเติมไปทั่วร่าง

   ผมเอื้อมมือของตัวเองไปดึงเอาข้อมือเล็กที่ใช้จับหมอนของมันพลางกระชากให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่แววตาขุ่นเคืองจะสบใบหน้าของผมอย่างเอาเรื่อง

   “ฮึก…ฮือออ ปะ…ปล่อย!!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาและรอยช้ำทำเอาผมถึงกับชะงักเพราะไม่คิดว่าไอ้เสี่ยธรรณพมันจะหนักมือถึงขนาดนี้

   “มึงจะไม่กลับ?” ผมถามกลับไปก่อนที่อีกฝ่ายจะตวาดกลับลั่น

   “คุณมันไม่ใช่คน! คุณพาผมมาทำแบบนี้ได้ยังไง!!”

   “ปากดี! มึงอยากโดนไอ้เสี่ยนั่นมันแทงอีกหรือไง! ความอดทนกูยิ่งมีน้อยๆ อยู่ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!” ผมออกแรงบีบข้อมือเล็กอีกเป็นเท่าตัวทำเอาไอ้เด็กคนนี้ถึงกับนิ่วหน้า

   “โอ้ย! ผมเจ็บบบ ฮึก!” น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลออกมาอาบข้างแก้มของมันทำไมถึงได้ขัดลูกหูลูกตาของผมขนาดนี้นะ!

   ผมคลายมือออกจากข้อมือนี้พร้อมกับเดินไปเก็บเสื้อผ้าของมันที่ถูกถอดทิ้งกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นห้องก่อนจะขว้างกลับไปให้เจ้าของของมันอย่างไม่ใยดี

   “รีบๆ ใส่ซะ!!”

   “ถ้าผมใส่แล้วคุณจะพาผมไปให้ใครอีกล่ะ!” ไอ้เด็กจองหองมันจ้องหน้าผมกลับก่อนจะกระแทกเสียงออกมาอย่างเย้ยหยัน
 
   “กูจะลงไปรอที่รถเสร็จแล้วก็ตามลงไป อ่อ…แต่ถ้าไม่อยากกลับก็ตามใจเพราะอีกเดี๋ยวไอ้เสี่ยนั่นมันก็คงจะฟื้น” ผมสูดลมหายใจเพื่อเก็บอารมณ์เอาไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องมาทันที

    ให้มันได้แบบนี้สิ! เพราะหลังจากที่ผมเดินออกมาไอ้เด็กนั่นมันยัง    ก่นด่าตามหลังมาไม่ยอมหยุดทั้งที่ตัวมันเองก็ยังร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่แบบนั้น อย่างนี้เขาเรียก 'ทำคุณบูชาโทษ' หรือเปล่าวะ!!

   ผมขับรถโดยมีไอ้เด็กเย่อหยิ่งคนนี้นั่งมาด้วยข้างๆ บอกตามตรงว่า     ไอ้เสียงร้องไห้ของมันที่ดังมาตลอดทางทำให้ผมเกือบจะฟิวส์ขาดตั้งหลายครั้ง ทั้งเสียงสูดน้ำมูก เสียงสะอึกสะอื้นราวกับว่าชีวิตนี้ของมันจบสิ้นหมดทุกอย่าง เหอะ! ก็แค่เสียตัวมันจะอะไรกันนักหนา!!

   “ตกลงมึงชื่ออะไร” ผมถามออกไปก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมามองเสี้ยวหน้าของผมที่ยังคงสนใจแต่เส้นทางตรงหน้า แต่แล้วมันก็หันหน้ากลับโดยที่ไม่ยอม ปริปากอะไรออกมา

   “กูจะไม่ถามเป็นครั้งที่สอง”

   “ก็ดี” ร่างเล็กย้อนน้ำเสียงห้วน

   ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าของมันที่มีรอยฟกช้ำเป็นจ้ำๆ ด้วยอารมณ์ที่พร้อมจะประทุออกมาได้ทุกเมื่อ ก่อนที่ผมจะออกแรงบีบพวงมาลัยเพื่อพยายามระงับความโกรธเอาไว้

   “ต่อปากต่อคำแบบนี้สงสัยมึงคงอยากกลับไปบ้านหลังนั้นมากใช่มั้ย!” ผมเค้นเสียงพูดออกไปอย่างคาดโทษซึ่งมันก็ได้ผลเพราะคนข้างๆ ถึงกับหันมาเบิกตาด้วยความตกใจก่อนที่มันจะก้มหน้าและพูดออกมาเสียงเรียบ

   “ฟะ…แฟร์…ฮึก!”

   ผมเหลือบมองมันอีกครั้งคราวนี้ผมเพิ่งจะสังเกตว่ามีคราบเลือดติดอยู่ตรงมุมปากของมันแถมยังมีรอยนิ้วมือปรากฏอยู่บนแก้มที่เคยเนียนนั้นอีก

   หึ! โดนหนักน่าดู

   “เสร็จมันแล้วเหรอไง?”

   “…”

   “ไม่ตอบแสดงว่าจริง”

   “ทำไม! ถ้าผมเสียตัวให้มันแล้วคุณจะทำไม!”

   “กูก็จะจ่ายค่า 'เสียตัว' ให้มึงไง…สักเท่าไหร่ดีล่ะ แสน! สองแสะ…”

   “หุบปากของคุณซะ!!! เก็บเงินไว้รักษาจิตใจต่ำๆ ของตัวเองให้มันสูงขึ้นเถอะเพราะผมไม่ต้องการ!!” ไม่ทันที่ผมจะยั่วอารมณ์คนพยศได้จบไอ้เด็กที่     ชื่อแฟร์คนนี้ก็ตะโกนออกมาก่อนที่มันจะยิ่งร้องห่มร้องไห้อีกเป็นยกใหญ่

   “จะร้องทำไมนักหนาวะ!”

   “ฮึก…ฮือออ” คนข้างๆ ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจกับคำพูดของผมเลยสักนิดเพราะมันยังคงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ออกมาไม่หายจนผมถึงกับต้อง!

   “หยุด!”

   “ฮึก…ฮือออ”

   “หยุด!!”

   “ฮึก…ฮือออ”

   เอี๊ยดดด!!!

   ผมเหยียบเบรคจากความเร็วของรถกว่าร้อยสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงลงเต็มแรง คนข้างๆ ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับเบิกตาโพรงก่อนที่หัวของมันจะทุบเข้ากับคอนโซลหน้ารถอย่างจัง!

   คนเจ็บเงยหน้าขึ้นพร้อมหันกลับมาจ้องหน้าผมอย่างเกลียดชัง

   คิดว่าผมแคร์!?

   “ไม่หยุดคราวนี้กูจะพามึงกลับไปให้มันเอาอีกรอบ!!” ผมตะคอก       อีกฝ่ายกลับไปอย่างสุดจะทน ทั้งที่คิดว่าจะพยายามเก็บอารมณ์เอาไว้แล้วแท้ๆ แต่สำหรับไอ้เด็กแฟร์คนนี้ผมทำไม่ได้จริงๆ!!!

   คนถูกคาดโทษพยายามกลั้นเสียงสะอึกสะอื้นของตัวเองเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นน้ำตาของมันก็ยังคงไหลออกมาไม่ขาดสาย
 
   “เลิกร้องไห้ซะที! น้ำตามันทำให้เรื่องทุกอย่างดีขึ้นหรือไง!!!”

   “แล้วใครล่ะที่ทำให้เรื่องมันเลวร้ายแบบนี้!!!”

   เออ! ผมยอมรับว่าเรื่องนี้ผมมีส่วนผิดแต่ผมก็ไปช่วยมันออกมาแล้วไง เวลานี้มันควรจะขอบคุณผมสิถึงจะถูก!!

   ภายในรถถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบเมื่อผมพยายามเก็บอารมณ์ของตัวเองและมันก็พยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงกับไอ้เด็กจองหองคนนี้ดีที่ทั้งปากร้าย! พยศ! เย่อหยิ่ง! แม่งถ้าเป็นผู้หญิงล่ะก็น่าจับมาตบปากด้วยปากของผมซะจริง แต่ติดตรงที่มันเป็นผู้ชายและผมก็ไม่มีรสนิยมแบบนี้ซะด้วยสิ

   “บ้านอยู่ไหน?” ผมตัดสินใจพูดออกไปเพราะเริ่มจะทนไม่ไหวกับบรรยากาศที่เป็นอยู่ในตอนนี้

   “…”

   “กูถามว่าบ้านมึงอยู่ไหน!?”

   “โอ้ย! ผมเจ็บ ฮึก!” ผมคว้าเอาคางเล็กของมันมาบีบจนคนตรงหน้าถึงกับร้องออกมา ใบหน้าของมันเหยเกก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามแกะมือของผมออกเป็นพัลวัน

   “อย่ายั่วโมโหกู!!!” ผมพูดก่อนจะสะบัดมือออกจากคางเล็กเมื่ออีกฝ่ายเริ่มร้องไห้หนักกว่าเดิม

   “ผะ…ผมจะกลับเอง” มันบอกก่อนจะพยายามเปิดประตูรถลงไป

   โง่ดักดาน! สภาพของมันตอนนี้จะไปได้ไกลแค่ไหนกันเชียว!!

   “สภาพมึงตอนนี้ไปไม่เกินสองป้ายรถเมล์มีหวังได้ผัวทีเดียวเป็นสิบ!”

   “มันเรื่องของผม!!” คนอวดเก่งพยายามเปิดประตูรถอีกครั้งแต่คราวนี้มันทำให้ผมเหลืออดแล้วจริงๆ ผมกระชากข้อมือเล็กให้เจ้าตัวหันกลับมาก่อนจะใช้มืออีกข้างบีบเข้าคางของมันไม่ให้หนี

   “อย่าให้กูอารมณ์เสียไปมากกว่านี้!! บอกมาซะว่าบ้านอยู่ที่ไหน!!!”

   “…”

   “บอก!!!”

   “ฮือออ ดะ…เดี๋ยวผมจะบอกทางเอง” แฟร์ร้องออกมาอย่างยอมแพ้เมื่อผมลงแรงบีบอย่างไม่ออมมือ

   “ก็แค่เนี่ยจะทำให้มันยุ่งยากทำไมวะ!!” ผมคลายมือออกก่อนจะหันกลับมาขับรถออกไปทันที คนข้างๆ ลูบข้อมือและใบหน้าที่เจ็บของตัวเองไปมาท่ามกลางน้ำตาที่ยังคงทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีเพราะยิ่งผมทำรุนแรงกับอีกฝ่ายมากเท่าไหร่น้ำตาเหล่านั้นก็ยิ่งไหลทะลักออกมามากเท่านั้น



   “จอดตรงนี้” คนข้างๆ เอ่ยออกมาหลังจากที่ผมขับรถมานานร่วมชั่วโมง

   ผมทำตามที่อีกคนบอกและเมื่อรถจอดสนิทอีกฝ่ายก็จัดการปลดเข็มขัดและเปิดประตูลงจากรถไปทันที ผมคิดอยู่ว่าไอ้เด็กนี่มันคงจะรีบวิ่งกลับเข้าบ้านไปอย่างแน่นอน แต่ไม่เลย…เพราะจู่ๆ มันก็งอตัวลงก่อนจะเอามือกุมหน้าท้องของตัวเองเอาไว้

   “ไง! เจ็บเหรอ?” ผมเปิดประตูลงก่อนจะเดินอ้อมไปหาอีกฝ่ายที่เบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดแต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ยอมตอบคำถามของผม

   “กูถาม!”

   “…”

   “แม่ง!!”

   “อ่ะ!” ผมกระชากมือข้างที่มันใช้กุมหน้าท้องออกก่อนจะดึงชายเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มันสวมอยู่ขึ้น รอยฟกช้ำที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายโดนอะไรมาทำให้ผมถึงกับขบกรามแน่น

    ดื้อด้าน! เจ็บขนาดนี้มันยังไม่ปริปากร้องออกมาเลยสักแอะ!!

   “สภาพของผมตอนนี้คงสมใจคุณมากสินะ” คนตัวเล็กย้อนถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นก่อนที่มันจะดึงเอาชายเสื้อลงเพื่อปกปิดรอยพวกนี้ไว้ตามเดิม

   “หึ! ก็ยังหายใจล่ะวะ” ผมยั่วโมโหมันกลับไปทำให้แฟร์จ้องหน้าผมด้วยแววตาเครียดแค้นขึ้นมามากอีกเป็นกอง ภาพคนตรงหน้าที่โมโหจนตัวสั่นแถมยังรวบหมัดเอาไว้แน่นแบบนี้ช่างน่าขบขันในความรู้สึกของผมจริงๆ

   ผมจ้องอีกคนกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน แต่แล้วการกระทำต่อมาของมันกลับทำเอาผมอึ้ง

   ผัวะ! พรึ่บ!

   มันต่อยผมจนหน้าหันก่อนจะตรงเข้ามากระชากเอาผ้าปิดปากของผมออกแถมยังขว้างกลับมาบนหน้าของผมอีก!

   ชักจะยั่วโมโหกูเกินไปแล้ว!!

   “มันเป็นเพราะคุณ!! ผมบอกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ใช่ผม ทะ…ทำไมคุณถึงไม่เชื่อ ฮึก… คุณมันสารเลว!! ชาตินี้ขออย่าได้เจอกันอีกเลย!!” ไอ้เด็กจองหองฝืนเดินออกไปทันทีที่ด่าจบ

   ผมมองแผ่นหลังเล็กที่กระตุกเพราะแรงสะอื้นก่อนจะใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มที่เพิ่งจะถูกต่อยอย่างนึกสนุก

   ผมตัดสินใจเดินตามหลังมันอยู่ห่างๆ พลางล้วงเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบเพื่อระบายอารมณ์เป็นว่าเล่น จะว่าผมเป็นห่วงก็คงไม่ใช่เพราะไม่มีความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของผมเลยสักนิด แต่มันติดตรงที่ผมต้องโทรรายงานไอ้พลมันด้วย  น่ะสิ ขืนไอ้นั่นรู้ว่าผมยังปล่อยให้ไอ้เด็กนี่ถูกฉุดไปอีกมีหวังหูผมคงได้ชาแบบอยากหนีแต่หนีมันไม่พ้นแน่ๆ!

   ร่างบางของคนที่กล้าต่อยผมเดินเลี้ยวเข้าไปในซอยที่แสนจะคุ้นเคยสำหรับผมเป็นอย่างดีและเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อถึงหน้าบ้านเดี่ยวหลังเล็กหลังหนึ่ง คนตรงหน้ากลับทำให้ผมแสยะยิ้มให้กับโชคชะตาที่ช่างเล่นตลกกับอีกฝ่ายออกมาในทันที

   ไอ้เด็กนั่นหยุดฝีเท้าลงและมองไปยังผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ รถ BMW สีแดงสด เขาคนนั้นหันหน้ามาปะทะคนใกล้จะหมดแรงที่ยืนมองดูตัวเองอยู่ด้วยสีหน้าตกใจกับสภาพของคนที่ดูเหมือนว่าเขากำลังรอการกลับมาของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย แววตาที่เป็นห่วง สีหน้าที่ปวดร้าวและทุกข์ใจ ทำให้ผู้ชายคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปประคองคนตัวเล็กอย่างหวงแหนทันที

   ผู้ชายที่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับคนที่เพิ่งจะถูก   ทำร้ายมาคว้าเอาตัวของคนตรงหน้าเข้าไปไว้ในอ้อมกอดของตัวเองแน่น ทำเอาผมที่ยืนมองภาพนั้นอยู่ไกลๆ เกิดความรู้สึกทั้งสมเพช! และเวทนากับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นมาทันใด

   ผมยังคงยืนมองคนทั้งคู่จนกระทั่งพวกเขาประคองกันเข้าบ้านหลังนั้นไป บุหรี่มวนที่สามหลังจากที่ผมอัดมันเข้าไปจนหนำใจถูกทิ้งลงบนพื้นตามด้วยเท้าที่บดขยี้มันจนไม่เหลือซาก ผมล้วงเอาโทรศัพท์ที่ถือติดมือขึ้นมากดโทรหาใครคนนั้นทันที

   (“เรียบร้อย?”) เสียงถามของจอมพลดังขึ้นเมื่อสัญญาณโทรศัพท์เพิ่งจะติดเป็นรอบที่สอง

   (“เรียบร้อยแต่กูมีเรื่องให้มึงช่วยว่ะ”)

   (“เรื่องอะไร”)

   (“มึงช่วยสืบให้กูทีว่าผู้ชายรอบตัวดาราที่ชื่อนนท์มีคนชื่อแฟร์มั้ย ถ้ามีกูต้องการประวัติของคนๆ นี้ทั้งหมด”) ผมบอกในสิ่งที่ต้องการ

   (“ทำไมวะ”)

   (“มึงแค่สืบให้กูก็พอที่เหลือมันเป็นเรื่องของกู”) ผมตอบกลับไปเสียงเรียบเมื่อจอมพลพยายามถามถึงเหตุผลซึ่งความจริงแล้วตอนนี้มันยังไม่มีในหัวผมด้วยซ้ำเพียงแต่ผมแค่อยากรู้…

   แค่อยากรู้เท่านั้นจะอะไรมาก!

   (“เหอะ! ขอกูแต่ก็ว่ากูเหลือเกินนะแล้วมึงต้องการเมื่อไหร่”)

   (“พรุ่งนี้”)

   (“ห่า! ใครมันจะหาทัน!!”) ไอ้พลสบถกลับมาอย่างหัวเสีย
 
   ก็แน่อยู่หรอกอย่างน้อยๆ ต้องสืบกันเป็นอาทิตย์

   (“ก็มึงไงวันนี้กูเหนื่อยที่จะพูดแล้วว่ะ”) ผมชิงตัดสายทันทีที่พูดจบก่อนจะหันกลับไปมองบ้านหลังนั้นอีกครั้งเมื่อจู่ๆ ผมเกิดคิดอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้

   หึ! คิดว่าต่อยกูแล้วมึงจะหันหลังกลับง่ายๆ เหรอ…ไม่มีวัน!!!
[End of Rajchan’s Part]


  TBC....
-----------------------------------------

โอ้ยๆๆๆๆ สงสารน้องแฟร์นายเอกของเราเหลือเกิน
นี่ไม่ชอบแนว SM นะ ไม่ชอบเลย ไม่ชอบเลยแม้แต่นิดเดียว (-__-'')
พูดเจง เจ๊งงงงงงงงง
เฮ้อ...ทนๆ เฮียเค้าหน่อยนะลูก เจ๊เป็นกำลังใจให้ลูกพ้นปากเหยี่ยวปากกาด้วยเถอะ เพี้ยง!!!

 :o12: :o12: :o12:


หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.3 100% x ราชันย์ [ 19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 20-07-2017 10:37:23
ต่อค่าาา สงสารแฟร์
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.3 100% x ราชันย์ [ 19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-07-2017 11:49:06
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.4 100% x แฟร์ [ 20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 20-07-2017 13:21:36


CHAPTER 4




[Fair’s Part]

เสียงนกเจื้อยแจ้วกับแสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีขาวโปร่งเข้ามาภายในห้องนอนเล็กกระทบเข้ากับร่างของผมที่เอาแต่นอนคุดขู้ไม่ยอมลุกจากที่นอนจนเวลาล่วงเลยมาจวนจะเก้าโมงเช้าเข้าไปทุกที

ผมพยายามลืมตาตื่นทั้งที่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อสองชั่วโมงที่แล้วซึ่งเป็นเวลาที่ผมเองมักจะตื่นอยู่เป็นประจำ ก่อนจะค่อยๆ ขยับร่างกายที่แสนจะหนักอึ้งของตัวเองช้าๆ พลางยันตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบากน้ำตาที่ยังคงแห้งกรังติดอยู่บนใบหน้าทำให้ผมอดที่จะนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านมันมาไม่ได้

เมื่อวานผมถูกลักพาตัวด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนนท์ ทำให้ผมต้องรับกรรมทั้งที่ตัวเองไม่ได้ก่อแต่ผมก็ไม่ได้พาลโกรธไปถึงนนท์ต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องมาเผชิญกับเรื่องเลวร้ายในครั้งนี้แม้แต่น้อยเพราะตัวของนนท์เองก็ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้หนำซ้ำหากคนที่โดนลักพาตัวไปเป็นนนท์ตัวจริงผมก็อดที่จะนึกสงสารน้องไม่ได้เหมือนกันเพราะมันทั้งโหดร้าย! ป่าเถื่อน! และไร้มนุษยธรรมเป็นที่สุด!!!

ผู้ชายรูปร่างสูงที่แต่เดิมใบหน้าของเขาถูกปิดไว้ด้วยผ้าปิดปากสีดำคนนั้นหากย้อนเวลากลับไปได้ผมอยากจะคว้าเอามีดแทงลงบนอกกว้างของเขาหลายๆ แผลให้สมกับเรื่องเลวๆ ที่เขาได้ทำมันลงไป! แม้ว่าอีกฝ่ายจะกลับไปช่วยผมจนรอดเงื้อมือไอ้แก่ตัณหากลับนั้นมาได้ก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่โดนไอ้แก่นั่นแตะเนื้อต้องตัวเพราะขนาดตอนนี้เองผมก็ยังคงจำสัมผัสที่แสนจะหยาบโลนจนทำให้ร่างกายของผมมีรอยฟกช้ำเต็มไปหมดแบบนี้ได้เป็นอย่างดี!

เมื่อคืนผมรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ต่อยและกระชากผ้าปิดปากของผู้ชายคนนั้นออกอย่างสุดจะทน! ทั้งที่ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยต่อยใครเลยสักครั้ง หึ! อย่าว่าแต่ต่อยเลยผมไม่เคยแม้กระทั่งทำให้ใครเสียใจเลยสักครั้งเดียวแต่ครั้งนี้มันเกินจะทนแล้วจริงๆ ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองก้าวร้าวได้ถึงขนาดนี้มาก่อน ผมมองไปยังใบหน้าที่หันไปตามแรงหมัดของตัวเองอย่างอึ้งๆ เค้าโครงใบหน้าและองค์ประกอบที่ลงตัวจนไร้ที่ติ ดูๆ แล้วคนอย่างเขาไม่น่ามาทำงานอะไรแบบนี้เลยสักนิดก่อนที่แววตาเฉี่ยวที่แฝงไปด้วยความดุดันนั้นจะตวัดมองมายังผมอย่างเอาเรื่องเมื่อรับรู้ถึงแรงหมัดที่กระทบเข้ากับหน้าของตัวเองอย่างจัง

กลัวเหรอ!?

ตอนนั้นไม่มีความกลัวอยู่ในสมองผมเลยสักนิดเพราะสิ่งที่ผมทำมันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นยัดเหยียดให้ผมต้องเจอ!!

ผมเดินเข้าห้องน้ำอย่างทุลักทุเลหลังจากนึกไปถึงเหตุการณ์บ้าๆ นั่นก่อนจะถอดเสื้อผ้าของชุดเมื่อวานออกและจัดการชำระล้างสัมผัสชั่วๆ พวกนั้นออกให้หมดทันที!

มือที่ถูตามผิวหนังออกแรงขัดจนมันเริ่มแดงขึ้นเป็นปื้นแม้ว่าผมจะเจ็บอยู่ไม่น้อยก็เถอะแต่ไม่รู้ทำไมสมองถึงได้สั่งให้ขัดมันอยู่อย่างนั้นหรือนี่อาจเป็นเพราะผมอยากจะลืม…ลืมเรื่องพวกนั้นออกไปจากหัวให้หมด!

ผมเดินออกมาจากห้องนอนก่อนจะตรงเข้าไปในห้องครัวที่บนโต๊ะไม้เก่าๆ มีฝาชีพลาสติกปิดเหล่าจานและชามราวๆ ห้าใบอยู่ด้านใน ผมเอื้อมมือไปเปิดฝาชีนั้นขึ้นเผยให้เห็นแกงจืด ไข่เจียว ผัดผัก ข้าวสวยและของหวานที่เป็นกล้วยบวชชีวางไว้เต็มโต๊ะก่อนที่สายตาของผมจะเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กที่ถูกชามแกงจืดวางทับไว้ โดยที่เนื้อหาในกระดาษแผ่นนั้นถูกเขียนด้วยตัวหนังสือที่ผมคุ้นเคยจนทำให้ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

อาหารบนโต๊ะพี่ทำสุดฝีมือเลยนะ ทานเยอะๆ ล่ะ

เดี๋ยวสายๆ พี่จะโทรหาอีกที รักนะครับ

-นัท-

ผมวางกระดาษแผ่นนี้ลงด้วยความรู้สึกที่ตื้อขึ้นมาจนเต็มอก มันทั้งดีใจและเสียใจปนเปกันไปหมด

เมื่อวานพี่นัทมายืนรอผมที่หน้าบ้านตั้งแต่เสร็จงานของนนท์รวมๆ แล้วก็น่าจะสองสามชั่วโมงได้เขาดูตกใจมากที่เห็นสภาพของผมตอนเดินกลับมาถึงที่บ้าน เสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่และกระดุมที่ไม่สามารถติดได้เพราะถูกไอ้แก่นั่นกระชากจนขาดหวิ่นกับเท้าเปล่าที่ผมทนเดินมาทั้งอย่างนั้นเพราะไม่มีเวลาหารองเท้าว่ามันกระเด็นไปในทิศทางไหนในห้องนอนบัดซบนั่น! ใบหน้าและเนื้อตัวที่ฟกช้ำกับอาการร้องไห้อย่างหนักของผมทำให้ผมไม่สามารถตอบคำถามของอีกฝ่ายไปได้เลย

พี่นัทคว้าเอาตัวของผมเข้าไว้ในวงแขนแกร่งก่อนจะออกแรงกอดผมราวกับว่ากลัวจะหายไปไหน น้ำตาที่ไหลออกมาเปรอะเปื้อนไหล่หนาของอีกฝ่ายทำเอาผมไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้จริงๆ อ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นนี้ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีเพราะมันทำให้ผมคิดว่าอย่างน้อยๆ โลกนี้ก็ไม่ได้ใจร้ายจนถึงขั้นพรากสิ่งที่ตัวของผมรักจากไปจนหมดสิ้น

ติ๊งต๊อง~~~ ติ๊งต๊อง~~~

ไม่ทันที่ผมจะได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารตรงหน้าเสียงกริ่งที่บ่งบอกว่ามีคนมาก็ดังขึ้นดึงเอาสติของผมที่กำลังคิดน้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตากลับมาอีกครั้ง ผมมองลอดหน้าต่างออกไปยังหน้าบ้านที่มีผู้หญิงวัยห้าสิบต้นๆ ยืนรออยู่ด้วยท่าทีที่ดูเป็นมิตร

'คุณกนก' เจ้าของคฤหาสน์หลังตรงข้ามมองเข้ามาในตัวบ้านของผมก่อนที่ผมจะรีบเดินออกไปเปิดประตูให้กับเธอที่ยืนยิ้มรออยู่ด้วยใบหน้าที่ดูโอบอ้อมอารีในแบบของผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ

“สวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายเธอกลับไปก่อนที่คุณกนกจะสังเกตุเห็นร่องรอยตามเนื้อตัวของผมทำเอาเธอถึงกับเบิกตาโพรงขึ้นทันที

“นี่เราไปโดนอะไรมา” เธอถามก่อนจะใช้มืออุ่นคู่นั้นเอื้อมมาลูบตามใบหน้าและแขนของผมอย่างเบามือ

“พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ” ผมตอบก่อนจะออกปากเชิญไปอีกครั้ง

“เชิญข้างในก่อนดีกว่าครับ”

ผมเดินนำคุณกนกเข้าไปในห้องรับแขกเล็กที่พอพ้นประตูบ้านเข้าไปก็พบกับโซฟาตัวเก่าที่ผุพังเล็กน้อย ผมรีบสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อนำน้ำเย็นๆ ออกมาเสริ์ฟให้กับคนที่นั่งยิ้มจนตาหยีอยู่บนโซฟาตัวนั้นก่อนที่ผมจะนั่งลงยังที่นั่งตรงข้าม

“คุณกนกมีธุระอะไรเหรอครับ”

“ไม่ต้องคงต้องคุณหรอกจ้ะเรียกป้าก็พอ” เธอพูดก่อนจะยกน้ำที่ผมเพิ่งจะวางลงบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟาขึ้นดื่ม

“ก็ได้ครับ แล้ว…”

“พี่แฟร์!!...อ่ะ! ขอโทษครับพอดีไม่รู้ว่าพี่มีแขก” ไม่ทันที่ผมจะถามคนตรงหน้าจบเสียงเล็กจากลูกเจ้าของร้านข้าวแกงข้างๆ ก็ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่วิ่งพรอดพราดเข้ามาในบ้านของผมอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือทำเอาป้ากนกแอบหัวเราะให้กับใบหน้าของ 'สายลม' ที่ตื่นตกใจเคล้าเสียหน้านิดๆ กลับไปอย่างเอ็นดู

“ไม่เป็นไร แล้วมาทำไมเนี่ยลม”

“พอดีมีเรื่องอยากให้พี่แฟร์ช่วยนิดหน่อยงั้นลมไปรอหน้าบ้านนะ” พูดเสร็จสายลมก็รีบจ้ำอ้าวออกไปนั่งรอที่ม้านั่งหน้าบ้านทันที

“ต้องขอโทษคุณป้าด้วยนะครับพอดีลมมันเป็นเด็กชอบโหวกเหวกโวยวาย”

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะหนูลมเขาน่ารักดีป้าเองก็ชอบฝีมือทำกับข้าวของพ่อเขามากอร่อยอย่าบอกใครเลย” ผมมองคนตรงหน้ากลับไปอย่างอึ้งๆ ก่อนจะถามกลับไปเมื่อสิ่งที่ผมได้ยินดูจะขัดกับภาพที่ผมเห็นอยู่ไม่น้อย

“คุณป้าเคยทานกับข้าวฝีมือลุงอ้วนด้วยเหรอครับ”

“ใช่สิจ้ะ แหมเห็นป้าแบบนี้เรื่องของกินป้าก็ไม่ได้พิถีพิถันมากนักหรอกมีอะไรกินได้ก็กินๆ ไปไม่ต้องถึงกับระดับห้าดาวทุกวันหรอกแบบนั้นก็สิ้นเปลืองแย่” ป้ากนกตอบกลับมายิ้มๆ

ทำไมผมถึงรู้สึกชอบเธอขึ้นอีกเป็นกองเลยนะ!

“นั่นสินะครับ…ว่าแต่คุณป้ามีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” ผมถามออกลับไปเมื่อนึกเรื่องที่ถูกสายลมขัดเมื่อครู่ขึ้นมาได้

“จริงสิ! เกือบลืมไปเลยป้าอยากจะวานให้เราไปช่วยสอนภาษาอังกฤษให้ลูกชายของป้าหน่อยจะได้มั้ย พอดีเจ้าวินมันอยากจะเตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศน่ะ” ป้ากนกพูดออกมาทำเอาผมที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ถึงกับขมวดคิ้วขึ้นทันที

ระดับลูกชายมหาเศรษฐีอย่างป้ากนกเนี่ยนะจะมาขอให้อาจารย์โนเนมอย่างผมไปสอน บ้าหน่า!

“คุณป้ากำลังพูดเล่นผมหรือเปล่าครับเนี่ย”

“คนแก่เขาไม่มานั่งพูดเล่นกันแบบนี้หรอกหรือเราไม่เชื่อว่าป้าพูดจริง” ป้ากนกเอ่ยกลับมาเสียงเรียบพลางจ้องผมกลับ

“เปล่าครับ ผมก็แค่คิดว่าทำไมลูกชายของคุณป้าถึงไม่สนใจไปเรียนตามโรงเรียนสอนภาษาไปเลย”

“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันเห็นเจ้าวินบ่นแต่ว่าอยากจะเรียนกับหนูแฟร์แถมยังวานให้ป้ามาถามเราให้เร็วที่สุดด้วยนะ”

“แล้วไม่ทราบว่าลูกชายของคุณป้าอายุเท่าไหร่ครับ” ผมถามกลับไป จะบอกว่าอยากทำไอ้ผมก็อยากอยู่หรอกเพราะตอนนี้ร่างกายของผมยังไม่ฟื้นตัวดีนักคงต้องหยุดงานที่ทำประจำอยู่หลายวัน แต่ตอนนี้เรื่องที่ผมหนักใจคือไม่รู้ว่าลูกชายของป้ากนกเขามีอะไรกับผมหรือเปล่านี่สิ เพราะปกติคนรวยอย่างพวกเขาไปหาติวเตอร์คิวทองเลยไม่ดีกว่าเหรอ จะมานั่งเหนื่อยขอคนไร้ประสบการณ์แบบผมทำไมกัน แม้ว่าผมจะจบสาขาภาษาอังกฤษมาโดยตรงก็เถอะแต่ดูยังไงเรื่องนี้มันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี

“ตาวินอายุยี่สิบเรียนปีสามที่มหา'ลัย G เนี่ยแหละ” อยู่มหา'ลัย แล้วด้วยนี่ถ้าอยู่มัธยมผมยังไม่หนักใจเท่านี้เลยนะ

“เออ…คือผมกลัวว่าจะสอนได้ไม่…”

“เถอะนะคิดซะว่าช่วยป้าก็ได้ ลูกคนนี้มันหัวดื้อถ้ารู้ว่าเราปฏิเสธจนแล้วจนรอดป้าก็ต้องแบกหน้ามาอ้อนวอนเราใหม่อยู่ดี” ไม่ทันที่ผมจะบอกปัดคนตรงหน้าก็คว้าเอามือของผมไปกุมเอาไว้พลางขอร้องกลับมาเสียยกใหญ่ คิดจะฉกมือกลับก็ดูกระไรอยู่เพราะเดี๋ยวป้ากนกจะคิดว่าผมรังเกียจเธออีกเป็นแน่ สุดท้ายผมก็ได้แต่เลยตามเลยไปกับเธอก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดบางสิ่งที่ลำบากใจสุดๆ ออกมา

“ตกลงครับ แล้วคุณป้าอยากให้ผมเริ่มเมื่อไหร่”

“เอาตามเราสะดวกเลยแต่เจ้าวินมันกำชับว่ายิ่งเร็วยิ่งดี” ป้ากนกตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ยินดีราวกลับได้ยกภูเขาออกจากอกก่อนที่เธอจะปล่อยมือของผมให้เป็นอิสระ

“งั้นเดี๋ยวผมเริ่มสอนพรุ่งนี้เลยแต่คงจะสายสักหน่อยเพราะผมต้องเตรียมเนื้อหาก่อนนะครับ”

“ไม่เป็นไรจ้ะแค่เราตอบตกลงป้าก็ดีใจแล้วเจ้าวินน่ะชอบทำให้ป้าหนักใจแบบนี้อยู่เรื่อย” คนตรงหน้าส่งรอยยิ้มแห้งๆ ให้กับคำพูดของตัวเองก่อนที่เธอจะขอตัวกลับไปทันทีที่หมดธุระ

ผมเดินออกมาส่งแขกคนแรกของวันที่หน้าบ้านก่อนจะหันไปเจอไอ้ตัวร้ายที่นั่งทำหน้าหงิกส่งกลับมาให้ผมอย่างเอาเรื่องเมื่อแขกคนแรกที่ผมเพิ่งจะเดินออกมาส่งหายเข้าบ้านหลังตรงข้ามไปได้เพียงไม่นาน

“ช้าชะมัด!” ลมพ่นคำพูดออกมาก่อนจะลุกเดินตามผมเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางอิดออดราวกับเด็กโดนแย่งขนม

“แล้วใครใช้ให้รอ” ผมพูดพร้อมกับเดินตรงเข้าไปในครัวก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะที่ตรงหน้าเรียงรายไปด้วยอาหารที่พี่นัทอุตส่าห์ทำให้โดยที่อีกฝ่ายยังคงเดินตามเข้ามาอย่างไม่ลดละ

“โธ่…ก็ลมมีเรื่องจะขอให้พี่แฟร์ช่วยอะดิ” สายลมนั่งลงตรงข้ามกับผมก่อนที่มือของเจ้านี่จะหยิบเอาไข่เจียวที่ผมยังไม่ทันได้แตะเข้าปากไปเคี้ยวตุ้ยๆ

ได้ไงกัน! ผมต้องเป็นคนแรกที่ได้ทานมันสิ…สายลมแกคายออกมาเดี๋ยวนี้!!

เฮ้อ…แต่ก็ได้แค่คิดเพราะพอเห็นคนตรงหน้าดูท่าทางเอร็ดอร่อยกับอาหารธรรมดาๆ อย่างไข่เจียวมันก็ช่วยไม่ได้ที่ผมจะลุกแล้วเดินไปตักข้าวใส่จานให้สายลมเหมือนเช่นเคย

“แล้วนี่พี่แฟร์ไปโดนอะไรมาเดินกระเผลกๆ หน้าตาก็อย่างกับโดนรุมกระทืบมายังไงยังงั้น”

“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะว่าแต่แกเถอะคราวนี้มีเรื่องอะไรให้พี่ช่วยอีกล่ะ”

“พี่ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้ผมหน่อยดิคะแนนสอบกลางภาคของผมไม่ดีเลยขืนเป็นแบบนี้มีหวังเอฟแน่ๆ” สายลมบ่นออกมาทันทีที่ผมถามกลับไป

แต่เอ๊ะ! มาขอให้สอนภาษาอังกฤษอีกแล้วเหรอ

“วันนี้มันเป็นวันอะไรหว่า…ทำไมมีแต่คนมาขอพี่ไปสอนภาษาอังกฤษนะ” ผมพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจนักแต่คนตรงหน้าถึงกับขมวดคิ้วขึ้นทันทีที่ได้ยิน

“พี่หมายความว่าไง”

“ก็เมื่อกี้คุณกนกก็เพิ่งจะขอพี่ไปสอนให้ลูกชายของเธอน่ะสิ”

“ลูกชาย! นี่อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้วิน!!” คนตรงหน้าตวาดออกมาหลังจากกลืนข้าวลงคอไปได้เพียงเสี้ยววินาที

“แกรู้จักเขาเหรอ”

“หึ! ยิ่งกว่ารู้จักซะอีกมันเป็นรุ่นพี่ลมที่มหา'ลัย แต่…แม่ง! มันจะเรียนไปทำไมในเมื่อเก่งติดหนึ่งในสิบของรุ่นขนาดนั้น!!” สายลมสบถออกมาอย่างเหลืออดทำเอาผมที่ได้แต่นั่งทานข้าวอยู่เงียบๆ รับรู้ได้ทันทีว่าระหว่างมันกับลูกชายเจ้าของบ้านหลังตรงข้ามต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ

“แล้วพี่จะรู้เหรอ” ผมตอบก่อนจะตักข้าวเข้าปากตัวเองคำโต

“ลมไม่ยอมนะ! พี่แฟร์ไปปฏิเสธเดี๋ยวนี้เลย!” คนตัวเล็กลุกขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือของมันมาเขย่ามือผมที่กำลังจะยื่นออกไปเพื่อตักต้มจืดตรงหน้าจนทำให้ช้อนที่ผมถืออยู่ร่วงลงบนโต๊ะ

“แกจะบ้าเหรอลมพี่ตกลงกับคุณกนกเธอไปแล้ว!” ผมขึ้นเสียงให้กับความดื้อด้านของเด็กคนนี้กลับไปก่อนที่มันจะย่อตัวลงนั่งเช่นเดิม

“แต่พี่แฟร์ต้องช่วยลมนะลมไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ”

“ก็แล้วแกจะให้พี่ทำยังไง”

ผมนั่งจ้องหน้าคนตรงข้ามกลับอยู่สักพักใหญ่แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะคิดอะไรออกทั้งที่มีวิธีตั้งหลายร้อยแปดที่สายลมสามารถหยิบยกขึ้นมาต่อรองกับผมได้ เฮ้อ…เชื่อเลยว่าแกถูกลุงอ้วนตามใจจนเคยชิน! ถึงได้คิดอะไรเองไม่เป็นแบบนี้

“เอางี้สิแกก็ไปเรียนด้วยกันพี่สอนทั้งแกและลูกชายคุณกนกไปพร้อมๆ กันได้” ผมหยิบยื่นข้อเสนอที่ตัวเองคิดออกตั้งแต่สายลมเขย่ามือจนช้อนร่วงกลับไปทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับถลึงตาออกมาอย่างไม่เชื่อหู

“ไม่มีทาง! ผมจะไม่มีวันเหยียบเข้าบ้านมันเด็ดขาด!!” สายลมตะโกนออกมาจนสุดเสียง

“ตามใจแก” ผมพูดออกไปก่อนจะลุกเดินหนีเด็กเอาแต่ใจไปล้างจานทันที

“พี่แฟร์!!” สายลมเรียกชื่อผมออกมาอย่างเอาเรื่องพร้อมกับตัวของมันที่ลุกเดินตามผมมาอีกอย่างไม่ยอมแพ้

“พี่มีทางเลือกให้แกแค่นี้ว่ะลมจะไปหรือไม่ไปก็ขึ้นอยู่กับแกแล้ว” ผมหันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเดินผ่านหน้าสายลมเข้าห้องนอนทันทีทั้งที่ตัวเองก็เดินแทบจะไม่ไหว

“พี่แฟร์ใจร้าย!”

“ก็ไม่เคยบอกว่าใจดี!” ผมตะโกนตอบเสียงสายลมที่ดังไล่หลังก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของมันเดินออกจากบ้านของผมไปในที่สุด

ใครจะว่าผมใจร้ายเหมือนอย่างที่สายลมมันพูดก็ช่าง! แต่ผมช่วยมันได้แค่นี้จริงๆ ลำพังปัญหาของตัวเองก็มากพออยู่แล้วผมไม่อยากที่จะเก็บเอาเรื่องทุกข์ใจของคนอื่นมาคิดให้ปวดสมองเข้าไปอีกหรอกนะ

เห็นใจผมด้วยเถอะ!.....................(มีต่อ)

หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.4 100% x แฟร์ [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 20-07-2017 13:22:57


ต่อค่ะ..........



ผมมาสอนภาษาอังกฤษให้กับลูกชายของบ้านหลังตรงข้ามตอนเกือบบ่ายสองโมงได้ แน่นอนว่าเด็กที่สิ้นไร้ข้อโต้เถียงอย่างสายลมก็จำใจเดินตามผมมาต้อยๆ ด้วยเช่นเดียวกัน

เราทั้งสองเดินไปยังศาลาเล็กข้างสระว่ายน้ำสถานที่นัดสอนที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวบ้านของผมเสียด้วยซ้ำก่อนจะพบกับผู้ชายรูปร่างสูงที่นั่งรอพวกเราอยู่ก่อนแล้ว

คำทักทายถูกผมเอ่ยออกไปก่อนที่ฝ่ายนั้นจะเอ่ยคำทักทายกลับมาเช่นกันหากแต่คำทักทายที่มันควรจะดังออกจากปากของคนที่เดินตามผมมาด้วยกลับไม่เป็นไปตามที่ผมคิดเลยแม้แต่น้อย สายลมได้แต่ยืนถอนหายใจอยู่ข้างหลังผมด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับจนผมต้องกระแอมบอกให้เขาทักทาย 'อัศวิน' ลูกชายของป้ากนกคนที่ผมเองก็เพิ่งจะเคยเห็นและรู้จักชื่อเล่นเต็มๆ ของอีกฝ่ายจากสายลมก็วันนี้แหละ แต่จนแล้วจนรอดไอ้เด็กหัวดื้อคนนี้ก็เลือกที่จะไม่ทำตามคำบอกของผมแต่อย่างใด

อัศวินหรือที่คุณกนกมักจะเรียกว่าตาวิน ผู้ชายที่ถูกจัดว่าหน้าตาหล่อเหลาเอาการทำเพียงแค่แสยะรอยยิ้มร้ายและมองผ่านผมไปยังไอ้ตัวแสบข้างหลังก่อนที่ฝ่ายถูกมองจะส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอออกมาอย่างขัดใจ ร่างหนาของเด็กหนุ่มตรงหน้าลุกขึ้นจนเต็มความสูงที่ไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยแปดสิบสี่เซนติเมตรพร้อมกับผายมือให้ผมนั่งลงตรงโต๊ะญี่ปุ่นตรงข้ามกับตัวเขาเอง

“ลมว่าพี่แฟร์นั่งตรงนี้ดีกว่า” สายลมที่ดูตะขิดตะขวงใจเพราะได้นั่งข้างๆ อัศวินเอ่ยขอผมเสียงอ่อย

“อย่าเรื่องมากน่าลมนั่งลงเดี๋ยวนี้สายมากแล้วพี่จะได้เริ่มสอนสักที” ผมเอ็ดกลับ

“แต่…”

“กลัวหรือไง” ไม่ทัรที่ลมจะพูดจบน้ำเสียงทุ้งของคนตรงหน้าของผมก็ดังขึ้นก่อนอีกคนที่ตามผมมาจะเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“ใครกลัวมึง!”

“หึ! ก็เห็นอยู่ว่ากลัว”

“อย่าพูดหมาๆ แบบนี้นะไอ้วิน!”

“ลม!!!” ผมตวาดสายลมกลับเมื่อร่างเล็กใช้คำหยาบที่ฟังไม่รื่นหูออกมา

“ทำไมพูดจาหยาบคายแบบนั้นขอโทษคุณวินเลยนะ”

“แต่พี่แฟร์! ไอ้วินมันเริ่มก่อนนะ!!” สายลมเถียงคอเป็นเอ็นก่อนที่อัศวินจะชิงพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่ยี่หระ

“ไม่เป็นไรหรอกครับผมชินเสียแล้วล่ะกะอี่แค่คำหยาบพื้นๆ แบบนี้ไม่ระคายหูผมเลยสักนิด”

“มึง!!!”

“ลม! ถ้าไม่หยุดก็กลับไปแล้วอย่าหาว่าพี่ใจร้ายก็แล้วกัน” ผมพยายามสงบศึกของคนทั้งคู่ก่อนสายลมที่ดูจะไม่พอใจจะส่งเสียงฮึดฮัดขึ้นมาอย่างเสียอารมณ์พร้อมกับเปิดกระเป๋าและล้วงอุปกรณ์เครื่องเขียนออกมาเพื่อระงับความโกรธเอาไว้หากทว่ากับอีกคนดวงตาคมคู่นั้นยังคงไม่ละจากร่างเล็กไปไหน ทำเอาผมถึงกับแปลกใจเมื่อได้เห็นแววตาของอัศวินที่ใช้มองสายลม

มันดู…ไม่มีแม้แต่ความเกลียดชังผิดกับร่างเล็กของสายลมอย่างสิ้นเชิง

“ต่อไปนี้ผมจะแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็แล้วกันนะครับจะได้ง่ายเวลาสอนด้วย” เมื่อทั้งคู่เริ่มเย็นลงผมก็เริ่มการสอนของวันนี้ทันที

“พี่จะแจกแบบทดสอบดูระดับภาษาอังกฤษของพวกนายทั้งสองคนก่อนว่าอยู่ในระดับไหนแล้วต้องเน้นเรื่องอะไรเป็นพิเศษในการติวครั้งนี้ แบบทดสอบมีอยู่แปดสิบข้อพี่ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มทำได้”

ทั้งสองคนก้มหน้าทำอย่างว่าง่ายแต่แล้วจู่ๆ สายลมก็เงยหน้ากลับขึ้นมาพร้อมกับพูดเสียงอ่อย

“พะ…พี่แฟร์ผมอ่านโจทย์ไม่ออก”

ผมมองไปยังแบบทดสอบของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายยื่นมาตรงหน้าก่อนจะต้องขมวดคิ้วขึ้นเพราะสายลมยังติดอยู่ที่ข้อหนึ่งไม่ไปไหน

“ข้อนี้แค่ให้เติมประโยคที่เหมาะสมของบทสนทนาเองนะ แกไม่เคยทำข้อสอบหรือไงถึงแม้จะแปลโจทย์ไม่ออกแต่เห็นรูปแบบคำถามแบบนี้แกก็น่าจะเดาได้ว่าเขาต้องการให้เราทำอะไร” ผมบอกกลับไป

“ก็ผมไม่ชอบวิขานี้นี่นาพยายามแค่ไหนมันก็ไม่เข้าหัวเลย” สายลมบ่นอุบอิบ

“อย่าโทษคำว่า 'ไม่ชอบ' เลย มันน่าจะเป็นเพราะ 'โง่' มากกว่าล่ะมั้ง” อัศวินที่ยังก้มหน้าทำส่งคำพูดถากถางขึ้นมาอีกระลอก

“ไอ้วิน!!”

“หยุดเลยลม ตั้งใจทำแบบทดสอบไปไม่ต้องซีเรียสมากหรอกคิดเสียว่าลองภูมิตัวเองก็แล้วกัน” ผมรีบตัดบทก่อนจะเกิดสงครามน้ำลายของทั้งคู่อีกครั้งทันที

เหนื่อยเป็นบ้า!

“คะแนนจากแบบทดสอบพี่จะไม่บอกแต่จะแจกคืนให้ไปดูเอาเองว่ามาตรฐานของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่” ผมพูดเมื่อตรวจแบบทดสอบที่ให้ทั้งคู่ทำเสร็จก่อนจะยื่นกลับไปให้สายลมและอัศวิน

พรึ่บ!

“ไอ้วิน! เอาคืนมานะเว้ย!!” อัศวินฉวยกระดาษในมือของสายลมไปจนเจ้าตัวตะโกนลั่นก่อนที่คนตัวสูงจะพูดจาว่าร้ายออกมาอีกครั้ง

“หึ! ได้แค่สิบสามคะแนน นี่มึงได้คิดก่อนกามั่วมั้ยวะคะแนนเท่านี้ไม่ต้องคิดว่าจะรอดเอฟหรอกว่ะ”

“มันเรื่องของกู เอาคืนมา!” สายลมพยายามแย่งขึ้นจนสุดแขน

“ผมอยากรู้ว่าพี่จะทำยังไงให้คนสมองขี้เลื่อยอย่างไอ้หมอนี่สอบผ่านกันล่ะ” อัศวินหันมาคุยกับผมก่อนที่ผมจะตอบไปเพียงแค่ว่า…

“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก”

“พี่แฟร์!” สายลมตะโกนออกมาอย่างนึกอายก่อนที่ร่างเล็กจะฉวยกระดาษแผ่นนั้นมาได้ในที่สุด

“ทำใจไว้รอเอฟได้เลยไอ้น้อง”

“กูจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของกู! มึงไม่มีสิทธิ์มาดูถูกกูแบบนี้!!” สายลมตวาดกลับคำพูดของอัศวินเพียงแค่นั้นก่อนที่คนตัวเล็กจะลุกและเดินจากไปในทันที

“ลมนั่นแกจะไปไหน…ลม…สายลม!!” ผมพยายามตะโกนไล่หลังอีกฝ่ายจนสุดเสียงแต่ดูท่าว่าคนที่เดินจากไปจะไม่ยอมหันมาจนกระทั่งแผ่นหลังเล็กนั้นก้าวข้ามรั้วออกจากบ้านหลังนี้ไปในที่สุด

“ทำไมคุณถึงว่าให้ลมมันขนาดนั้น” ผมหันกลับมาถามอัศวินที่นั่งทำหน้าเรียบนิ่งอย่างนึกสงสัย

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับผมก็แค่อยากดัดนิสัยไอ้เด็กดื้อคนนี้เท่านั้นเอง”

“ปกติคุณไม่ใช่คนแบบนี้ใช่มั้ยเท่าที่พี่สังเกตพี่ว่าคุณน่าจะเป็นแบบนี้แค่กับลมคนเดียว”

“จะพูดยังงั้นก็คงจะใช่”

“แล้วนี่มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ”

“เรื่องระหว่างผมกับลมมันค่อนข้างยาวน่ะครับ เอาเป็นว่าที่ผมให้พี่มาติววันนี้ก็เพราะอยากจะแกล้งมันนั่นแหละ” อัศวินพูดก่อนจะเสยผมขึ้นอย่างคิดหนัก

“เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่พี่จะถามเหมือนกัน เพราะคนที่ทำแบบทดสอบของพี่ได้คะแนนเต็มแบบนี้จะหาคนมาติวอีกทำไม” ผมพูดพลางนึกถึงคำตอบของอัศวินในแบบทดสอบที่ไม่ผิดเลยแม้แต่ข้อเดียว

“ผมต้องขอโทษที่เล่นอะไรเป็นเด็กๆ แบบนี้แต่ลมจะไม่เปลี่ยนนิสัยถ้าไม่มีแรงผลักดันจากทางอื่น”

“คุณเลยใช้ตัวเองเป็นแรงผลักดัน?”

“พี่ก็เห็นว่าลมมันเกลียดผมขนาดไหนถ้าถูกคนที่เกลียดดูถูกมากๆ อย่างน้อยๆ มันก็คงมีแรงฮึดขึ้นมาบ้างจริงมั้ยล่ะครับ” ใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งกลับเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อพูดถึงร่างเล็กอีกคนจนผมอดถามกลับไม่ได้

“คุณสนใจสายลม?”

“…”

“ไม่ตอบแสดงว่าจริง”

“ไม่ตอบไม่ได้แปลว่าคำตอบคือใช่เสมอไป เรื่องนี้ผมยังหาคำตอบไม่ได้เพราะผมไม่ใช่…” อัศวินหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้น แต่แค่นี้ผมก็รู้ดีว่าประโกคต่อมาคืออะไร

'เพราะผมไม่ใช่เกย์'

“พี่เข้าใจ อ่ะ! นี่มันกระเป๋าดินสอของลมนี่” ผมตอบก่อนหยิบกระเป๋าที่ถูกยัดไว้ใต้โต๊ะญี่ปุ่นออกมา

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเอาไปให้มันเอง พี่แฟร์อยู่ทานข้าวเย็นที่บ้านผมก่อนนะครับพอดีวันนี้พี่ชายผมจะกลับบ้านแม่เลยอยากให้อยู่ทานกันหลายๆ คน” อัศวินเอื้อมมือคว้าเอากระเป๋าของสายลมไป

“คงไม่ดีกว่าครับพี่เกรงใจ อีกอย่างพี่เป็นคนนอกให้ครอบครัวทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาจะดีกว่า” ผมพยายามปฏิเสธอย่างนุ่มนวลกลับไป

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แม่กำชับผมให้ยื้อพี่แฟร์อยู่ให้ได้ซะด้วยสิถ้ารู้ว่าพี่แฟร์ไม่ยอมแบบนี้มีหวังผมต้องหูชาแน่ๆ”

“เออ…”

“อยู่ทานเถอะครับแม่ผมดูจะชอบพี่เอามากๆ ตั้งแต่เมื่อวานตอนกลับจากคุยกับพี่แล้วท่านก็ไม่หยุดพูดถึงพี่เลย” ผมอึ้งกับสิ่งที่ได้รู้

“เหรอครับ…ว่าแต่คุณวินมีพี่ชาย?”

“ครับผมมีพี่ชายที่อายุห่างกันแปดปี พี่ชันย์เขาไม่ค่อยกลับบ้านหรอกเพราะต้องบริหารบริษัทฯ แทนพ่อ นานๆ ทีถึงจะกลับนี่ขนาดบริษัทฯ ห่างจากบ้านเราแค่ขับรถชั่วโมงเดียวเองนะครับยังกลับครั้งล่าสุดเมื่อปลายปีก่อนเลย” อัศวินสาธยาย

“พี่ของคุณวินเขาคงงานยุ่งล่ะมั้ง”

“ก็คงอย่างนั้นล่ะมั้งครับเพราะเมื่อไหร่ที่แม่โทรไปได้คุยกันจริงๆ จังๆ ยังไม่ถึงห้านาทีผมล่ะไม่อยากจบออกมาแล้วต้องช่วยงานที่บ้านเลย”

“อ้าว พูดอย่างกับมีอย่างอื่นที่อยากทำ” ผมถามกลับ

“ครับผมน่ะอยากเที่ยวไปทั่วทุกมุมโลกที่อยากจะไปเพื่อเอาประสบการณ์เหล่านั้นมาแลกเปลี่ยนและเล่าสู่กันฟังผ่านทางตัวอักษรแบบงานเขียนเสียมากกว่า” อัศวินพูดก่อนที่พวกเราทั้งคู่จะลุกเดินเข้าบ้านของเขาไป

“อยากทำงานเกี่ยวกับงานเขียนแต่ตอนนี้เรียนวิศวะฯ?”

“ก็แค่อยากลองทำอะไรหลายๆ อย่างดูว่าเราจะสามารถทำมันออกได้ดีมากน้อยแค่ไหน การเรียนวิศวะฯ ก็สนุกดีที่ทำให้ได้คิดและแก้ปัญหาทุกวันนี้ผมก็ไม่เสียใจนะที่เลือกเรียนคณะนี้เพราะอย่างน้อยๆ ก็ทำให้ผมรู้ว่ามันเป็นอีกอย่างที่ตัวผมเองก็ทำออกมาได้ดี” คนตัวสูงพูดก่อนจะพาผมเข้าไปพักในห้องรับแขกที่มีป้ากนกนั่งอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว

“อ้าว! ติวกันเสร็จแล้วเหรอจ้ะ” เสียงหวานของคนที่เงยหน้าขึ้นจากการถักนิตติ้งในมือเอ่ยทัก

“ครับพอดีคุณวินแกพอมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ววันนี้เลยเสร็จเร็ว” ผมตอบป้ากนกกลับไป

“ผมลืมบอกพี่ไปว่าไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหรอกครับผมว่ามันฟังดูแปลกๆ” คนบอกส่งรอยยิ้มตรงมุมปากมาให้

“ใช่จ้ะตาวินน่ะเป็นน้องเราตั้งหลายปี” ป้ากนกเสริมก่อนที่อัศวินจะถามถึงพี่ชายของเขากลับไป

“เมื่อไหร่พี่ชันย์จะมาถึงล่ะแม่”

“พี่เขาเพิ่งโทรมาบอกว่ากำลังจะออกจากบริษัทฯ”

“งั้นพี่แฟร์ก็คงต้องรอนานเป็นชั่วโมง”

“หนูแฟร์รอหน่อยนะจ้ะพอดีป้าอยากจะแนะนำลูกชายป้าอีกคนให้รู้จัก อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกันรู้จักกันไว้ยามมีปัญหาจะได้ช่วยเหลือกันได้” ป้ากนกพูดราวกับขอร้องก่อนที่ผมจะทำเพียงนิ้มและตอบรับกลับไป

“เออ…ได้ครับ”

“งั้นผมขอตัวเอาของไปเก็บบนห้องก่อนนะครับ” พูดเสร็จอัศวินก็เดินขึ้นชั้นบนของบ้านไปทันทีทิ้งให้ผมนั่งเป็นเพื่อนแม่ของเขาที่เล่าเรื่องต่างๆ ออกมาอย่างสนุกสนาน

เรื่องราวตั้งแต่สมัยที่เธอยังเป็นสาวรุ่นทำให้ผมหัวเราะและมีส่วนร่วมกับอีกฝ่ายจนลืมไปเลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน

เมื่ออัศวินที่อาบน้ำแต่งตัวเดินลงมาจนถึงห้องรับแขกก็ถึงเวลาทานอาหารค่ำพอดี ป้ากนกเดินจูงมือผมเข้าไปยังห้องอาหารก่อนที่เธอจะจัดแจงที่นั่งให้กับผมที่ได้แต่ยืนทำหน้าไปไม่เป็นเมื่อเห็นขนาดของโต๊ะตรงหน้า

“หนูแฟร์นั่งตรงนี้เลยจ้ะเดี๋ยวสักพักลูกชายอีกคนของป้ามาถึงแล้วค่อยให้นั่งติดกัน” ป้ากนกพูดก่อนจะลากเก้าอี้ตัวที่สามถัดจากหัวโต๊ะออกมา

“จะดีเหรอครับ”

“ดีสิจ้ะป้าว่าหนูแฟร์กับตาชันย์ต้องคุยกันถูกคออย่างแน่นอนเพราะพวกเธอสองคนมีอะไรที่คล้ายๆ กันหลายอย่าง ส่วนตาวินวันนี้ก็นั่งข้างแม่ไปก่อนนะ”

ทั้งสองคนนั่งลงยังที่นั่งของตนก่อนที่ผมจะนึกสงสัยเรื่องบางเรื่องจนรวบรวมความกล้าถามออกไป

“คือ…มีแค่สี่คนเองเหรอครับแล้ว…” ป้ากนกได้ยินดังนั้นก็หน้าเจือนลงไปนิดแต่แล้วเธอก็กลับมายิ้มอีกครั้งและตอบด้วยน้ำเสียงหวาน

“สามีของฉันน่ะเหรอจ้ะ…แกเสียไปนานแล้ว”

“ผมขอโทษครับที่ถามคือผมไม่ได้ตั้งใจ!” ผมละล่ำละลักคำขอโทษออกมาเป็นพัลวันจนป้ากนกเผลอหัวเราะท่าทีของผมออกมาเบาๆ

“ไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะเรื่องมันผ่านมานานแล้ว”

“เอ่อ…เสียใจด้วยนะครับ” ผมว่าพลางก้มหัวลงอย่างนึกเสียใจที่พลั้งถามคำถามโง่ๆ นี้ออกไปก่อนเสียงเครื่องยนต์ที่แล่นเข้ามาจะฉุดเอาความสนใจของป้ากนกไปทันที

“อ่ะ! พี่แกมาถึงแล้วล่ะตาวิน” ป้ากนกดูจะดีใจมากที่วันนี้ลูกชายของเธอจะมาทานข้าวที่บ้านจนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับท่าทีของเธอ

เราทั้งสามคนรอการมาของลูกชายคนโตของบ้าน ก่อนที่เสียงเดินจะดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดผู้ชายรูปร่างสูงที่แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำแสนจะภูมิฐานก็เดินเข้ามาในห้องอาหารเป็นที่เรียบร้อย

ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อผู้ชายที่เดินเข้ามาคือคนเดียวกับผู้ชายที่จับตัวผมไปในคืนนั้น!! สายตาคมดุจเหยี่ยวที่มองมาทางผมอย่างเย้ยหยันทำให้รู้สึกอยากหลีกหนีอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่ป้ากนกจะลุกและพาเขาเดินมานั่งลงบนที่นั่งข้างๆ ผม

“นี่ราชันย์ลูกชายคนโตของป้าจ้ะ…ส่วนนี่หนูแฟร์เพื่อนบ้านหลังตรงข้ามของเรา”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณ 'แฟร์'” เมื่อการแนะนำตัวจบลงคนข้างๆ ก็ยื่นมือออกมาตรงหน้าผมพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบหากทว่าสายตาของเขากลับบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังหัวเราะเยาะผมอยู่ในใจ

“…”

“เป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะหนูแฟร์ทำไมหน้าซีดแบบนั้น” ป้ากนกถามออกมาเมื่อผมได้แต่นั่งเกร็งและไม่ยอมจับมือลูกชายคนโตของเธอกลับ

“เปล่าครับพอดีผมปวดท้องนิดหน่อย” ผมโกหกเธอกลับไป

“ปวดมากหรือเปล่าทานยาก่อนมั้ย”

“ไม่เป็นไรครับคุณป้า” ผมปฏิเสธก่อนที่คนข้างๆ จะถามผมด้วยคำพูดที่ดูเหมือนมีเลศนัยกลับมา

“ปวดท้องเพราะทานของแสลงหรือปวดเพราะโดนใครทำอะไรมาล่ะครับคุณแฟร์”

ผมกัดฟันกรอดพลางมองหน้าผู้ชายที่ชื่อราชันย์กลับ ใบหน้าที่แสดงความไม่ยี่หระและสายตาเย้ยหยันแกมสมเพชทำให้ผมต้องกำหมัดตัวเองเอาไว้อย่างข่มอารมณ์

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะตาชันย์ พอๆ ถ้าหนูแฟร์ไม่เป็นอะไรแล้วพวกเรามาทานข้าวกันดีกว่านะ ป้าจิตตักข้าวเลยจ้ะ”

ป้ากนกเลือกยุติบทสนทนาทั้งหมดก่อนจะวานแม่บ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกลตักข้าวในขณะที่ผมและราชันย์ยังคงจ้องกันกลับไปมาไม่ยอมหยุด!

บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างน่าอึดอัด ผมที่ตักข้าวขึ้นทานเพียงไม่กี่คำรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทั้งก่อนที่ป้ากนกจะหาเรื่องคุยขึ้นมาเพราะเห็นว่าภายในห้องเงียบจนเกินไปสำหรับมื้ออาหารมื้อนี้ทันที

“งานที่บริษัทฯ เป็นไงบ้างลูก” คนถามเงยหน้ามองราชันย์ที่นั่งข้างๆ ผมกลับ

“ก็เรื่อยๆ ครับหนักบ้างเบาบ้างปนเปกันไปเป็นเรื่องธรรมดา”

“ผ่อนๆ ลงบ้างก็ได้ลูกโหมงานแบบนี้เมื่อไหร่จะมีภรรยาให้แม่กับเขาซะที” พูดเสร็จป้ากนกก็ยิ้มกริ่มอย่างนึกขำลูกชายตัวเองก่อนที่ราชันย์จะวางช้อนลงและหันมาทางผมพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับเพราะถ้าผมอยากได้ภรรยาเมื่อไหร่มันไม่ยากที่จะ 'จับ' พวกเธอให้อยู่หมัดหรอกครับ”

เกร้ง!

“เป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะ” ป้ากนกเอ่ยถามผมเมื่อจู่ๆ ช้อนและส้อมในมือของผมร่วงลงบนจานข้าวจนเกิดเสียงดัง

“ปะ…เปล่าครับ” ผมบอกปัดก่อนจะลดมือที่กำลังสั่นเทาเพราะคำพูดของราชันย์เมื่อกี้ลงใต้โต๊ะ

“ตาชันย์ก็อีกคนพูดอย่างกับว่าผู้หญิงดีๆ เขามีให้จับได้ถมเถแหนะ” ป้ากนกแซวราชันย์กลับก่อนที่ผมจะตัดสินใจลุกยืนขึ้นเมื่อทนไม่ได้อีกต่อไป

“เอ่อ…ผมขอขอบคุณคุณป้าสำหรับมื้ออาหารนี้มากๆ นะครับแต่พอดีผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่ต้องไปทำต่อขอตัวก่อนนะครับ” พูดเสร็จผมก็ยกมือไหว้คนเป็นเจ้าของบ้านก่อนจะรีบจ้ำอ้าวออกมาทันที

“จะรีบไปไหน!” เสียงหนึ่งดังไล่หลังมาในขณะที่ผมเกือบจะเดินจนถึงประตูรั้วที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวอยู่แล้ว

เสียงที่บ่งบอกได้ทันทีโดยไม่ต้องหันกลับไปมองต้นตอให้เสียเวลาฉุดให้ผมรีบสาวเท้าอย่างไวไปยังประตูรั้วทันที

พรึ่บ!

“โอ้ย! ผมเจ็บนะ!!” มือหนาของคนที่ตามออกมาฉวยข้อมือของผมไปกำเอาไว้แน่นก่อนจะกระชากเข้าหาตัวอย่างไม่ออมแรง

ผมมองใบหน้าที่ถูกฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มลวงโลกนั่นก่อนจะพยายามดิ้นให้หลุดจากคนตรงหน้าอย่างสุดกำลัง

“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!!”

“หึ! ไม่ดีใจหน่อยเหรอที่มึงกับกูเจอกันอีก” คนถามโน้มตัวลงมาเสียจนใบหน้าของเขาห่างจากใบหน้าของผมเพียงไม่กี่เซ็นฯ

“…”

“ไม่ตอบใช่มั้ย?”

“…” ผมยังคงเงียบและเบือนหน้าไปทางอื่นก่อนที่คนตรงหน้าจะจัดการเอื้อมมือขึ้นมาบีบคางของผมเอาไว้แน่นพร้อมกับทาบริมฝีปากลงมาอย่างป่าเถื่อน

“อื้อออ!!!” ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อไม่ทันได้ตั้งตัวก่อนจะออกแรงพยายามผลักไสอีกคนให้พ้นตัวอย่างบ้าคลั่ง!

สัมผัสที่ไม่ต้องการทำผมเจ็บแสบเมื่อเรียวปากของคนตัวสูงขบเม้มดูดดึงริมฝีปากของผมจนห่อเลือด ผมพยายามเม้มริมฝีปากของตัวเองเอาไว้ก่อนแรงบีบที่คางจะถูกเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจนต้องเผยอปากร้องออกมาในที่สุด

ราชันย์ได้ทีส่งลิ้นร้อนของเขาเข้ามาเกี่ยวรัดกวาดต้อนลิ้นของผมอย่างผู้ชำนาญ สัมผัสหยาบโลนเกินจะต้านไหวจนผมรู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันใดก่อนคนที่เริ่มการกระทำเลวๆ จะดูดเรียวลิ้นของผมจนเกิดเสียงน่าอายและยอมผละออกไปในที่สุด

“ทำบ้าอะไร!!” ผมตวาดกลับลั่นเมื่อกอบโกยเอาอากาศเข้าจนเต็มปอด

“ปากมึงยังง้างให้พูดยากเหมือนเดิม” ราชันย์แสยะยิ้มอย่างนึกสมเพชก่อนที่ผมจะด่าคำพูดที่ไม่เคยหลุดออกจากปากตัวเองออกไป

“เลวที่สุด!”

“ขอบคุณที่ชม” คนโดนว่าตอบอย่างไม่สะทก

ผมกัดฟันกรอดอย่างโกรธแค้นก่อนจะอาศัยช่วงที่อีกคนเผลอผลักแผงอกแกร่งออกไปให้พ้นตัวพร้อมกับตามด้วย!...

หมับ!

หมัดของผมที่หมายจะส่งมันเข้ากระทบกับหน้าของอีกฝ่ายถูกราชันย์จับเอาไว้อย่างรู้จังหวะ มือหนาบีบกำปั้นของผมจนมันร้าวไปทั้งมือ

“คิดว่ากูจะยอมให้มึงต่อยเป็นครั้งที่สอง? ฝันไปเถอะ!” แรงบีบเพิ่มขึ้นจนผมต้องกัดฟันร้องออกมาอย่างสุดจะต้าน

“ผมเจ็บ!! คุณทำแบบนี้กับผมทำไม!”

“แล้วครั้งก่อนไอ้ตัวไหนมันกล้าต่อยกูล่ะหืม”

“มันก็สมควรแล้วนี่ที่จริงโดนแค่นั้นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำเป็นไปได้ผมอยากจะฆ่าคุณให้ตายซะมากกว่า!!” ผมด่ากลับก่อนราชันย์จะปล่อยมือผมให้เป็นอิสระและตะคอกขึ้นอย่างท้าทาย

“หึ! ฆ่าสิถ้ามึงกล้าแต่ถ้าฆ่าแล้วกูไม่ตายมึงก็อย่าหวังว่าจะรอด!”

“!!”

ผมชะงักกับใบหน้าที่ดูจริงจังขึ้นของอีกฝ่ายจนตัวสั่นก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับเพราะไม่อยากอยู่เพื่อต่อกลอนกับคนแบบเขาอีกต่อไป

แค่ผมไม่คิดที่จะเอาเรื่องเขาในคืนนั้นมันก็ดีแค่ไหนแล้ว!

“เดี๋ยว!” เสียงที่ดังไล่หลังมาฉุดให้ผมชะงักเท้าที่เพิ่งจะก้าวออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าวลง

เสียงฝีเท้าจากคนข้างหลังที่ดังใกล้เข้ามาทำให้ผมกระชับสายของกระเป๋าสะพานข้างเอาไว้แน่นก่อนที่ราชันย์จะหยุดเดินพร้อมกับเอี้ยวตัวโน้มลงมาเอ่ยคำพูดข้างๆ หูของผมราวกับจะหมายหัว

“มึงต้องได้เจอกูอีกแน่เตรียมใจไว้ได้เลย” พูดเสร็จเสียงฝีเท้าที่ดังไกลออกไปทำให้ผมที่เผลอกลั้นหายใจเอาไว้ชั่วขณะปลดปล่อยลมออกมาราวกับคนโล่งอกจนทั่วปอด

ผมหันกลับไปมองตามแผ่นหลังนั้นด้วยความไม่เข้าใจ เพียงเพราะถูกผมต่อยจึงทำให้เขาอาฆาตผมถึงขนาดเลยยังงั้นเหรอ ความจริงมันควรเป็นผมกว่ามั้ย!? ที่ต้องรู้สึกแบบนั้น!

เมื่อมองหาเหตุผลไม่เจอผมจึงพยายามสลัดเรื่องพวกนี้ออกไปก่อนจะตัดสินใจหันหลังและเดินกลับไปยังบ้านของตัวเองทันที

[End Fair’s Part]


TBC...
--------------------------------------------

อ่านแล้วเม้นท์ๆ บอกกันด้วยนาาาาาาา
เพื่อเป็นไฟให้กิ่งนิสสสนึง
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.4 100% x แฟร์ [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-07-2017 13:23:55
ตาม :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.4 100% x แฟร์ [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-07-2017 13:59:04
เราก็หาเหตุผลไม่เจอเหมือนกันแฟร์ สงสัยชันย์เป็นโรคจิต หึหึ
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.3 100% x ราชันย์ [ 19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 20-07-2017 16:08:09
หึหึ  เมื่อถึงวันนั้น  ซึ่งคิดว่าอีกไม่นาน  คงจะมีแต่ความขมขื่นมาสู่คุณนะครับคุณจอมราชันย์ 
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.5 100% [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 20-07-2017 20:35:46


CHAPTER 5



ร่างบางของแฟร์ออกอาการเบื่อหน่ายเพราะต้องอยู่บ้านเฉยๆ มาเป็นอาทิตย์ บาดแผลที่ถูกกระทำจากเหตุการณ์ลักพาตัวในคืนนั้นหายดีจนแทบจะไม่เหลือทิ้งร่องรอยให้เจ็บช้ำ นัทที่แวะเวียนมาหายังคงยืนยันคำเดิมว่าให้เขาอยู่เพื่อรักษาตัวให้หายดีและไม่ยอมให้แฟร์ออกไปทำงานหากไม่ได้รับอนุญาตจากอีกฝ่าย ทำให้เวลานี้ร่างบางได้แต่กระหน่ำกดรีโมทเพื่อเปลี่ยนช่องของทีวีขนาดยี่สิบนิ้วตรงหน้าแทน

วันเวลาที่แสนจะยาวนานผ่านไปจนกระทั่งล่วงเลยเข้าสู่ช่วงบ่ายคล้อย อุณหภูมิภายในบ้านของคนตัวเล็กที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้แฟร์ลุกขึ้นปิดทีวีก่อนจะหอบเอาร่างกายที่ท่วมไปด้วยเหงื่อเดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับหิ้วคอพัดลมเครื่องเล็กที่ซื้อมาใช้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วออกมาเปิดคลายร้อนก่อนที่โทรศัพท์บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟาจะแผดเสียงร้องขึ้นเพื่อให้เจ้าของรับรู้ว่ามีคนติดต่อเข้ามา

“ครับ” ร่างบางกรอกเสียงลงไปอย่างไม่เต็มใจนักเพราะเบอร์ที่โชว์หลังจากที่เขาหยิบโทรศัพท์เครื่องนี้ขึ้นดูกลับเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเลยสักนิด

[นั่นใช่เบอร์ของแฟร์หรือเปล่าครับ] ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ครับกำลังพูดอยู่”

[แฟร์! กูเองนะ!]

“…” แฟร์ทำหน้าฉงนก่อนจะยกหูออกและจ้องไปยังเบอร์โทรที่แสดงบนหน้าจออีกครั้งแต่สุดท้ายร่างบางก็ไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใครอยู่ดี

[แฟร์มึงลืมกูไปแล้วเหรอ] ปลายสายถามเสียงอ้อน

“นั่นใครครับ”

[กูเพิ่งจากมึงไปแค่สองปีจำกูไม่ได้ละ!?]

“ถ้าคุณไม่บอกว่าเป็นใครผมก็คงต้องวางสาย”

[กูภีมไง!]

แฟร์ที่ทำท่าว่าจะวางสายจริงอย่างที่บอกชะงักมือไว้เมื่อได้ยินเสียงจากอีกฝั่งที่ตะโกนออกมาก่อนที่ร่างบางจะแนบโทรศัพท์เข้ากับหูอีกครั้งพลางถามออกไป

“ใครนะ?”

[ภีมไง! ภีม! เพื่อนมึงอะ]

“ภีม?”

[ก็เออน่ะสินี่มึงลืมกูไปแล้ว?] ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจจนร่างบางทางฝั่งนี้นึกขึ้นได้และตะโกนกลับไปอย่างดีใจ

“เฮ้ยภีม! มึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

[กูกลับมาได้เดือนกว่าแล้วไอ้หอกหัก!]

“จะด่ากูเพื่อ?”

[ก็มึงเล่นจำกูไม่ได้นี่นา]

“มึงมัวแต่ลีลานี่หว่าแล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน” แฟร์ถามเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหา'ลัยที่หายหน้าไปเพราะได้ทุนไปเรียนไกลถึงอเมริกากว่าสองปี

[กูเพิ่งเริ่มงานได้สามวันว่ะตอนนี้กำลังเข้าห้องน้ำคิดถึงมึงพอดีเลยโทรหา]

“แม่ง! ชอบโทรหากูตอนเข้าห้องน้ำทุกที” แฟร์ยิ้มกว้างเมื่อนิสัยชอบโทรหาเขาตอนเข้าห้องน้ำของอีกฝ่ายไม่เคยเปลี่ยน

[เออน่า…มึงสบายดีนะกูว่าจะโทรหาตั้งแต่กลับมาแล้วแต่ต้องจัดการเอกสารหลายอย่างเลยไม่มีเวลา]

“กูสบายดีแล้วมึงล่ะ”

[กูก็โอเค]

“ไว้วันหลังนัดกันสิกูอยากเจอมึง” แฟร์เสนอความคิดก่อนที่ปลายสายจะไม่ขัด

[ที่กูโทรมาก็เพราะอยากจะชวนมึงเหมือนกันมึงว่างวันไหนล่ะ]

“ความจริงตอนนี้กูก็ว่างทุกวัน”

[อ้าว! มึงไม่ทำงาน?]

“ทำ…แต่พอดีมีปัญหานิดหน่อยกูเลยเหมือนคนถูกพักงานเลยว่ะตอนนี้”

[แล้วมึงทำงานที่ไหน] ปลายสายถามขึ้นอย่างสงสัย

“มึงจำพี่นัทพี่สาขาเราได้เปล่า?”

[คนที่เข้ามาจีบมึงอะนะจำได้ดิ]

“กูเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้น้องเขาว่ะพอดีน้องชายเขาเป็นดารา”

[โอโห้! เพื่อนกูนี่ร้ายไม่เบา] ภีมแซวกลับก่อนร่างบางทางฝั่งนี้จะสังเกตเห็นรถสีแดงสดเคลื่อนเข้าจอดตรงหน้าบ้าน

“พูดมากว่ะเอาเป็นว่าถ้ามึงคิดออกค่อยโทรมาบอกกูแล้วกันพอดีกูมีแขก” แฟร์เอ่ยก่อนจะส่งยิ้มให้นัทที่เดินผ่านประตูรั้วเข้ามาในบ้านของเขา

[เออๆ เดี๋ยวกูหาวันได้แล้วจะโทรบอก]

“ได้ๆ”

[อย่าลืมเมมเบอร์กูด้วย!]

“เออน่า…แค่นี้นะ” แฟร์กดวางสายก่อนนัทที่ถือถุงพลาสติกมาจนเต็มมือจะเอ่ยถามขึ้น

“คุยกับใครอยู่เหรอ”

“ภีมน่ะครับเพื่อนแฟร์สมัยเรียน” แฟร์ตอบก่อนจะเดินตามนัทที่เข้าไปในครัวเพื่อวางของที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ

“ใช่น้องภีมสาขาเราหรือเปล่า”

“ครับมันไปเรียนต่ออเมริกาเห็นว่ากลับมาได้เดือนกว่าแล้ว” ร่างบางมองอาหารที่อีกคนซื้อมาก่อนจะถามขึ้นอีก

“แล้วนี่พี่นัทซื้ออะไรมาตั้งเยอะแยะ”

“ทานข้าวกลางวันหรือยังล่ะเรา”

“แหะๆ ยังเลยครับ”

“งั้นดีเลยเพราะพี่ก็กะจะซื้ออาหารพวกนี้มาทานกับแฟร์เหมือนกัน” นัทว่าก่อนจะเทแกงเขียวหวานของชอบของแฟร์ใส่ชาม

“คราวหลังไม่ต้องลำบากพี่นัทก็ได้นะครับ แฟร์หาทานเองได้เกรงใจพี่นัทเปล่าๆ” แฟร์พูดขึ้นอย่างหนักใจ

“จะลำบากมากกว่านี้อีกถ้าแฟร์มัวแต่เกรงใจพี่แบบนี้” นัทว่าก่อนจะจับไหล่ร่างบางให้เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตรงหน้าเต็มไปด้วยอาหารที่เขาซื้อมามากมาย

แฟร์ยิ้มอย่างเขินอายเมื่ออีกฝ่ายที่นั่งลงตรงข้ามกับเขาตักแกงเขียวหวานของชอบใส่ลงบนจานข้าวของเขา

“หายดีหรือยัง”

“ครับ?”

“แผลของเราน่ะหายดีหรือยัง” นัทเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อร่างบางเงยหน้าออกจากจานข้าวอย่างสงสัย

“หายตั้งนานแล้วล่ะครับพร้อมทำงานแล้วด้วย” แฟร์ฉีกยิ้มกลับ

“แล้วจะบอกพี่ได้หรือยังว่าเราไปโดนอะไรมาแผลเยอะขนาดนั้นไม่ใช่แค่หกล้มเหมือนที่แฟร์บอกพี่แน่ๆ” นัทคั้นถามร่างบางด้วยคำถามที่เขามักจะเอ่ยออกมาเสมอหากมีเวลามาเยี่ยมอีกฝ่ายตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา

“…”

“บอกพี่จะได้มั้ย”

“พอดีไปมีเรื่องกับนักเลงมานิดหน่อยน่ะครับ” ร่างบางโกหกกลับไปไม่เต็มเสียง

“ที่ไหน!? แล้วทำไมไม่บอกพี่ให้เร็วกว่านี้!!” ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะตอบกลับทันควัน

“แค่เรื่องเข้าใจผิดกันน่ะครับอีกอย่างแฟร์ก็เคลียร์กับเขาเข้าใจแล้วด้วยพี่นัทไม่ต้องห่วงนะ” ร่างบางพยายามบอกร่างสูงตรงหน้ากลับก่อนที่นัทจะถอนหายใจให้กับนิสัยชอบเก็บปัญหาไว้แก้เองของแฟร์อออกมาอย่างเสียไม่ได้

“แล้วที่แฟร์บอกกับพี่ว่าพร้อมทำงานแล้วน่ะแน่ใจใช่มั้ย” ร่างสูงเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเมื่อเห็นแฟร์เอาแต่ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด

“ครับ”

“พอดีตอนนี้นนท์มันเพิ่งรับงานถ่ายแบบกับโฆษณาสินค้ามาตัวนึงถ้าแฟร์โอเคพรุ่งนี้ก็กลับไปทำงานได้เลยนะ”

“ครับ! แฟร์จะไป” ร่างบางขานรับด้วยความดีใจถึงขีดสุดก่อนที่นัทจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ

“ดีใจเหลือเกินนะไม่อยากให้พี่มาหาที่บ้านบ่อยๆ ก็บอกมาเถอะ”

“ไม่ใช่สักหน่อย!” แฟร์ปฏิเสธคำพูดของร่างสูงลั่น ร่างบางไม่เคยมีความคิดนั้นเลยสักนิดเพียงแต่ที่แสดงท่าทีออกไปถึงขนาดนั้นเพราะดีใจที่ไม่ต้องอยู่บ้านเฉยๆ อีกต่อไปต่างหาก

“ฮ่าๆ พี่แค่แซวเล่นถึงแฟร์ไม่อยากให้มายังไงก็ห้ามใจพี่ที่คิดถึงเราไม่ได้หรอก” เมื่อร่างบางติดกับนัทจึงทำการหยอดคำหวานกลับไปทันทีทำเอาแฟร์ถึงกลับหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะเอาแต่ก้มหน้าเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างขวยเขิน

“เลิกพูดแบบนี้เถอะครับ”

“ก็พี่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ นี่” นัทไม่วายยื่นมือออกไปกุมมือเล็กที่ใช้จับช้อนเขี่ยข้าวตรงหน้าก่อนที่ร่างบางจะเงยหน้าสบตากับเขานิ่ง

“แต่แฟร์ไม่ชิน”

“พี่ก็พยายามทำให้เราชินอยู่นี่ไงจีบยากจนพี่จะเฉาตายอยู่แล้วนะ”

“…” ร่างบางกัดริมฝีปากล่างอย่างฉุกคิด

ใช่ว่าเขาเป็นคนจีบยากซะเมื่อไหร่ แต่ที่เขาไม่สามารถรับนัทเข้ามาในชีวิตได้ในตอนนี้มันเป็นเพราะเรื่องฐานะและความเหมาะสมต่างหากล่ะ ทั้งที่ใจของเขาเป็นของร่างสูงคนตรงหน้าไปตั้งนานแล้ว

“โอเคๆ ถ้าแฟร์ลำบากใจต่อไปนี้พี่จะไม่พูดอีกทานข้าวกันเถอะเดี๋ยวแกงจะเย็นหมดซะก่อน” ร่างสูงตัดสินใจพูดออกมาเมื่อเห็นท่าทีที่ดูเคร่งเครียดอย่างมากของอีกฝ่ายจนเขาอดที่จะไม่สบายใจไม่ได้

แฟร์ถอนหายใจพลางยกช้อนในมือขึ้นและเอื้อมออกไปตักยำหมูยอเมนูง่ายๆ ที่นัทชอบใส่ในจานของอีกฝ่าย ร่างสูงมองตามการกระทำของคนตรงหน้าก่อนจะยกยิ้มกว้างพลางตักแกงเขียวหวานให้อีกฝ่ายกลับ ทั้งคู่พลัดกันตักกับข้าวที่อีกฝ่ายชอบให้กันไปมาโดยไม่มีใครพูดอะไรอีกเลยหากแต่บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารกลับอบอวลไปด้วยความสุข…ความสุขที่พวกเขาใช้การกระทำเพื่อสร้างมันขึ้นมากกว่าคำพูดที่พอฟังจบแล้วอาจจะหายไปตามกาลเวลา




แฟร์มาถึงที่ทำงานก่อนเวลาเพื่อประสานงานกับฝ่ายต่างๆ เพราะร่างบางพักงานไปค่อนข้างนานจึงทำให้พวกตารางเวลาหรือข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับงานในครั้งนี้อยู่ในมือของเกดช่างแต่งหน้าประจำตัวของชานนท์เสียเป็นส่วนใหญ่

ร่างบางที่เดินออกไปดูสถานที่กลับเข้ามาในห้องแต่งตัวอีกครั้งเมื่อถูกชานนท์โทรตามเพราะอีกฝ่ายได้มาถึงที่หมายเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนคนที่เปรียบเสมือนน้องชายจะเริ่มปริปากถามขึ้นทันทีที่เขาเข้าไปถึง

“พี่แฟร์หายไปไหนมารู้มั้ยว่านนท์ถามพี่นัทจนปากจะฉีกอยู่แล้วก็ไม่ยอมบอก” ดาราหนุ่มทำท่ากระเง้ากระงอด

“พอดีพี่ไม่สบายน่ะนนท์”

“แล้วทำไมพี่ไม่บอกอะไรนนท์เลยล่ะนนท์จะได้ไปเยี่ยม”

“ไม่ต้องหรอกพี่ไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้น” แฟร์พยายามปฏิเสธก่อนจะเดินไปเช็คเสื้อผ้าที่จะถูกใช้ในการถ่ายแบบวันนี้

“ไม่เป็นอะไรมากแต่หยุดงานไปเป็นอาทิตย์เนี่ยนะ เหอะ! นนท์ไม่เชื่อ”

“กลับมาทำแล้วนี่ไงหายโกรธยัง? เอาเป็นว่าวันไหนที่พี่ไม่สบายอีกพี่จะบอกให้นนท์ไปเยี่ยมพร้อมของติดไม้ติดมือสักพันสองพันดีมั้ย”

“สำหรับพี่แฟร์เป็นหมื่นเป็นแสนนนท์ก็ให้ได้” คนเป็นน้องชายสวนกลับทันควัน

“ไอ้เด็กขี้ตู่” แฟร์ว่าชานนท์จนอีกฝ่ายเดินเข้ามากอดตัวเองใหญ่

“จริงๆ นะก็นนท์รักพี่แฟร์นี่นา”

“พอเถอะขนลุก!” ร่างบางบอกดาราหนุ่มที่ตัวเล็กพอๆ กันพร้อมกับพยายามแกะมือของอีกฝ่ายที่เหนียวราวกับกาวชั้นดีออกก่อนที่เสียงของพวกสตาร์ฟข้างนอกจะดังเล็ดลอดมาถึงในห้อง

'ต๊าย!~ ร้อยวันพันปีฉันไม่เคยเห็นคุณราชันย์ย่างกรายเข้ามาดูการถ่ายแบบเลยสักครั้ง!'

'จริงสิแก!! ไม่รู้วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงนี่ถึงได้เข้ามายืนเอาความหล่อมาอวดพวกเราแบบนี้'

'ฉันยังไม่เห็นตัวจริงเลยนะเคยแต่ได้ยินกิตติศัพท์ความเท่ห์พอมาเจอตัวเป็นๆ อย่างนี้อยากขอเป็นคนร่วมชีวิตเลยอะแก*!!'*

ร่างบางขมวดคิ้วพลางเหงื่อก็เริ่มชื้นขึ้นมาบนใบหน้าหวานอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อชื่อหนึ่งที่ดังผ่านกำแพงไม้อัดบางๆ เข้ามากลับเป็นชื่อเดียวกับคนที่ได้ทำเรื่องไม่น่าให้อภัยกับเขา

“ข้างนอกเขาเอะอะอะไรกันเราออกไปดูหน่อยมั้ยพี่แฟร์”

“…”

“พี่แฟร์ๆ...พี่แฟร์!” นนท์เขย่าแขนเรียกอีกคนที่นิ่งลงราวกับถูกดึงสติก่อนที่ร่างบางจะรู้สึกตัวและถามกลับ

“หา! อะ อะไรนะ”

“เหมือนจะมีใครมาเราออกไปดูกันหน่อยมั้ยไม่แน่เขาอาจเป็นเจ้าของงานวันนี้ก็ได้”

“พี่ว่าไม่ต้องหรอกเรามาแต่งตัวกันเถอะ” แฟร์พยายามดึงความสนใจของอีกฝ่ายกลับ

“ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะออกไปดูหน่อยเถอะนะๆ” นนท์คะยั้นคะยอจนแฟร์ที่หันหลังให้เพราะไม่อยากออกไปใจอ่อนยอมเดินตามอีกคนไปในที่สุด

ร่างเล็กของนนท์เปิดประตูห้องแต่งตัวก่อนจะปะทะเข้ากับแผงอกแกร่งของใครอีกคนอย่างจังจนเกิดเสียงดัง พลั่ก!

ดาราหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่พลางเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณีที่ก้มหน้าลงมาเพื่อใช้ดวงตาคมมองตัวเองอยู่ก่อนหน้าแล้วอย่างนึกขอโทษ

“ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจ” นนท์กล่าวขอโทษก่อนแฟร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังจะตัวชาวาบขึ้นทันทีเมื่อบุรุษเพศที่ยืนตรงหน้าคือราชันย์ชายหนุ่มผู้สร้างฝันร้ายให้กับเขา!

“ไม่เป็นไร” ราชันย์เอ่ยกลับหากทว่านัยน์ตาสีดำคู่นั้นกลับจ้องผ่านตัวชานนท์ไปยังอีกคนที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ข้างหลังเสียมากกว่า

“คุณ…?”

“ผมราชันย์”

“สวัสดีครับผมชานนท์หรือจะเรียกว่านนท์เฉยๆ ก็ได้คุณเองก็น่าจะรู้จักผม” ร่างเล็กของดาราหนุ่มยื่นมือออกไปก่อนที่ร่างสูงอีกคนจะไม่ขัดศรัทธาด้วยการยื่นมือของตัวเองออกมาจับเอาไว้สร้างความไม่พอใจให้แฟร์เป็นอย่างมากเพียงแต่ร่างบางก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากยืนดูการกระทำของผู้ชายกักขฬะคนนี้อยู่เงียบๆ

“ผมเองก็เพิ่งจะรู้จักตัวจริงของคุณก็วันนี้” เสียงทุ้มเน้นประโยคจนแฟร์ชะงักกึก

“อ้าว! ไอ้แฟร์” ไม่ทันได้ลมออกหูเสียงของผู้มาใหม่ที่เพิ่งจะวิ่งตามราชันย์เข้ามาก็ดังขึ้นก่อนที่ร่างบางจะผละสายตาจากภาพตรงหน้าและหันไปยังต้นตอ

“ภีม!” แฟร์ตะโกนออกมาอย่างดีใจเมื่อเพื่อนสนิทที่ไม่เจอมานานปรากฏตัวขึ้นภายหลังที่พวกเขาเพิ่งจะคุยโทรศัพท์กันไปเมื่อวาน

“มึงมาที่นี่ได้ยังไง” ภีมถามก่อนจะเข้าไปคว้ามือแฟร์มากุมเอาไว้จนร่างสูงที่มองอยู่ถึงกับขมวดคิ้วสงสัย

“กูมาทำงานมึงล่ะ”

“กูก็มาทำงะ…เอ่อขอโทษครับคุณราชันย์คือพอดีผมไม่ได้เจอเพื่อนมานาน” ภีมหันไปหาคนเป็นเจ้านายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าในนี้ยังมีอีกคนที่เขาควรเคารพยืนอยู่

“ไม่เป็นไรผมให้เวลาคุณคุยกับเพื่อนสิบนาทีส่วนคุณนนท์รบกวนคุณออกไปคุยกับผมข้างนอกจะได้มั้ย”

“ไม่ได้!” แฟร์ตะโกนลั่นเมื่อราชันย์พยายามชวนคนตัวเล็กออกไปข้างนอกจนทำให้สายตาทุกคู่หันกลับมามองเขากันเป็นจุดเดียว

“ทำไมล่ะพี่แฟร์แค่ออกไปคุยข้างนอกเองนะ”

“ผมเกรงว่ามันไม่เหมาะเพราะใกล้จะเริ่มงานแล้วผมต้องรีบแต่งตัวให้นนท์”

“เหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมงกว่าทุกฝ่ายจะพร้อมคุณคงไม่อยากให้คุณนนท์ต้องนั่งรอเฉยๆ หรอกใช่มั้ย” สรรพนามเรียกที่ดังออกจากริมฝีปากสีคล้ำของร่างสูงทำเอาแฟร์ถึงกับไม่เชื่อหูว่าเขาจะตีเนียนได้ถึงขนาดนี้

“แป๊บเดียวเองเดี๋ยวผมกลับมา” คนตัวเล็กคะยั้นคะยอจนร่างบางที่หันกลับมามองหน้าได้แต่ถอนหายใจ

“ไม่ต้องห่วงหรอกคุณราชันย์เป็นถึงประธานบริษัทไม่มีใครกล้าเข้ามาข้องแวะน้องเขาหรอก” ภีมบอกก่อนคนที่เพิ่งจะรู้ความจริงทั้งสองจะเบิกตาขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ

“คะ…คุณราชันย์เป็นเจ้าของบริษัทนี้เหรอครับ!” นนท์ละล่ำละลักคำพูดออกไปเป็นพรวน

“ผมไม่ทราบมาก่อนต้องขอโทษด้วยนะครับที่เมื่อกี้ทำคุณเจ็บ” คนตัวเล็กที่เอื้อมมือออกไปเพื่อหมายจะตรงเข้าจับบริเวณแผงอกของร่างสูงที่ได้รับบาดเจ็บกลับถูกอีกฝ่ายรวบมือเรียวนั้นเอาไว้ก่อนที่ราชันย์จะเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นแทน

“เชิญข้างนอกดีกว่าครับคุณนนท์”

ทั้งสองเดินออกจากห้องไปท่ามกลางนัยน์ตาสีน้ำตาลของร่างบางที่ยังคงจดจ้องไปหาคนทั้งคู่อย่างไม่ลดละก่อนที่คนอารมณ์เสียหน้าตาหงิกง้ำราวกับเจอเรื่องไม่สบอารมณ์จะถูกเพื่อนอีกคนกล่าวชักให้หันไปให้ความสนใจกับเรื่องที่เขาจะเล่าทันที




“เมื่อกี้คุณคุยอะไรกับนนท์” แฟร์ตัดสินใจเดินเข้าไปถามราชันย์ที่ยืนมองร่างเล็กของดาราหนุ่มอยู่หลังตากล้อง

“เกรงว่ามันจะไม่เกี่ยวอะไรกับนาย” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะหันมาจ้องอีกฝ่ายนิ่ง

“ผมขอเตือนว่าอย่าคิดทำเรื่องแบบนั้นอีก” ร่างบางส่งคำขู่กลับไปแต่ราชันย์กลับกระแอมยิ้มขึ้นอย่างยียวน

“ถ้ายังคิดแล้วจะทำไม” ว่าเสร็จร่างสูงก็เดินหนีก่อนที่แฟร์จะเดินตามอย่างไม่ยอมแพ้

“แต่นั่นมันน้องผม! ผมไม่ยอมเด็ดขาดและจะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุด!!” เมื่อถึงเขตปลอดคนร่างบางจึงตะเบ็งเสียงออกมาอย่างเดือดดาล

“คิดว่าใครจะเชื่อเรื่องที่มึงพูด หลักฐานก็ไม่มี พยานรู้เห็นก็ไม่มี อย่าโชว์โง่ให้เสียหน้าจะดีกว่า” สรรพนามที่ถูกอีกคนเรียกเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อพวกเขาทั้งคู่อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง

“คุณ!!” แฟร์กำหมัดไว้แน่นก่อนที่ราชันย์จะย่างสามขุมเข้าไปหาพร้อมกับเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเรียบ

“หวงมันมากนักเหรอ”

“ใช่เพราะเขาเป็นน้องชายผม!”

“มึงไม่มีน้องชาย! อย่าคิดว่ากูไม่รู้!!” เมื่อแฟร์เลือกที่จะโกหกเพราะไม่อยากให้ใครอีกคนเป็นอันตรายราชันย์จึงตวาดกลับ เขารู้ดีว่าแฟร์เป็นยังไงจากประวัติที่ยัดเยียดให้จอมพลสืบมาเพราะร่างบางตรงหน้าของเขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อทิ้งไปตั้งแต่อายุได้เพียงแปดขวบและที่สำคัญคือแฟร์ไม่มีพี่น้อง****!

ร่างบางชะงักกับคำพูดของราชันย์เขาจ้องร่างสูงกลับราวกับต้องการคำตอบของเรื่องที่อีกฝ่ายตะโกนออกมาเมื่อครู่หากทว่าคนนิสัยดิบเถื่อนกลับเลือกที่จะพูดเรื่องอื่นออกมาแทน

“ถ้าหวงมันมากก็มาทำงานกับกู”

“หมายความว่าไง?!”

“มาทำงานกับกูมึงจะได้มั่นใจว่ากูจะได้ไม่เอาเวลาที่เหลือไปเที่ยวจับคนของมึงอีก” เสียงทุ้มเอ่ยแน่นหนักพลางเขยิบตัวเข้าใกล้ร่างบางจนอีกคนต้องถดหนี

“ผมไม่ทำ!”

“นั่นมันก็เรื่องของมึงแต่ขอบอกไว้ก่อนว่าหากออเดอร์คราวหน้าเป็นไอ้เด็กนั่นอีกกูไม่พลาดแน่!” ราชันย์ย้ำด้วยใบหน้าจริงจัง

“อย่านะ!! อย่าทำแบบนั้นผมขอร้อง” ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงยอมแพ้ก่อนจะเอื้อมมือไปจับข้อมืออีกฝ่ายแน่น ราชันย์มองตามการกระทำของอีกคนด้วยแววตาที่เรียบเฉยก่อนที่เขาจะสลัดมันออกอย่างไม่ใยดี

แฟร์คอตกราวกับคนอับจนหนทาง ร่างบางพยายามคิดหาวิธีมากมายเพื่อใช้ต่อกรกับอีกฝ่ายแต่ผลลัพธ์ของความคิดเหล่านั้นก็เท่ากับศูนย์!

เมื่อไม่มีทางไหนให้เลือกอีกต่อไปร่างบางจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างหนักพร้อมกับถามอีกคนกลับเมื่อในใจของเขานึกจำยอม

“คุณจะให้ผมทำงานอะไร”

“มาพบฉันที่บริษัทมะรืนนี้”

“ทำไมต้องมะรืนนี้”

“เพราะกูจะให้มึงเริ่มงานเลย” ราชันย์ตอกกลับทันควันแต่มีหรือที่ร่างบางจะยอมเพราะเขายังคงสวนกลับคำพูดมากมายเหล่านั้นกลับไปอย่างไม่ลดละ

“เร็วเกินไปผมขอเป็นอาทิตย์หน้า”

“นั่นช้าเกินไปสำหรับกู”

“แต่ผมต้องเคลียร์งานให้คนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้แทนผม”

“แสดงว่ามึงตกลง?”

“…” แฟร์ชะงักเมื่อใจหนึ่งเขาเองก็ไม่อยากอยู่ใกล้กับคนที่ดูเหมือนแฝงไว้ด้วยหนามแหลมคมที่พร้อมจะกรีดเข้าเนื้อตัวเขาเองได้ทุกเมื่อ แต่อีกใจก็อดที่จะเป็นห่วงนนท์ไม่ได้เพราะถึงยังไงฝ่ายนั้น…

ก็เป็นน้องชายของคนที่เขา…รัก

“ถ้ามึงห่วงเรื่องนั้นเดี๋ยวกูจัดการให้” ราชันย์พูดทิ้งท้ายก่อนจะก้าวออกจากบริเวณนั้นโดยมีอีกเสียงหนึ่งดังไล่หลังมาติดๆ

“เดี๋ยว!”

ร่างสูงหันกลับไปสบนัยน์ตาหวานสีน้ำตาลของอีกฝ่ายอย่างนึกถามก่อนคนเรียกจะก้าวเข้าหาและพูดขึ้นราวกับต้องการคำมั่น

“คุณต้องสัญญาว่าหากผมไปทำงานกับคุณแล้วคุณจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนนท์อีก”

ราชันย์แสยะยิ้มกับคำพูดของอีกคนก่อนที่ร่างสูงจะหันหลังกลับและเดินจากไปภายหลังจากที่ทิ้งคำพูดเพียงไม่กี่พยางค์เอาไว้

“กูยังไม่อยากพูดเรื่องนั้นตอนนี้”

ร่างบางมองแผ่นหลังที่ค่อยๆ เล็กลงตามระยะทางที่อีกฝ่ายเดินออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ท่าทีที่ดูเย่อหยิ่งนั่นทำเอาแฟร์ต้องรวบมือของตัวเองกำเอาไว้แน่นเพื่อเป็นการข่มอารมณ์ก่อนที่เขาจะสบถออกมาอย่างหัวเสียหลังจากที่อีกฝ่ายได้หายไปจากระยะของสายตาในที่สุด



“แฟร์ทำไมเงียบตลอดทางเลยล่ะมีอะไรหรือเปล่า” คนเป็นสารถีถามขึ้นเมื่อท่าทีของตุ๊กตาหน้ารถผิดแผกไปจากทุกวัน

“พี่นัทคือ…” ร่างบางที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดมาตลอดทางเพื่อทบทวนเรื่องราวทั้งหมดและเพื่อคิดคำพูดที่จะใช้เพื่อเริ่มต้นบอกกับคนข้างๆ ตัดสินใจรวบรวมความกล้าเอ่ยออกไปในที่สุด

“?”

“คือแฟร์ต้องไปทำงานช่วยเพื่อนสักพักน่ะ” แฟร์เลือกที่จะโกหกอีกฝ่ายกลับไป

“ที่ไหนและเมื่อไหร่”

“กะ…ก็ยังไม่รู้แต่ต้องเริ่มงานมะรืนนี้แล้วเดี๋ยวทางนั้นจะบอกสถานที่มาอีกที” แฟร์หลบสายตาของนัทที่มองมาราวกับจะจับผิดก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดด้วยความเป็นห่วง

“ฟังดูไม่น่าไว้ใจเลยแล้วเป็นเพื่อนสนิทกันหรือเปล่า”

“ก็ประมาณนึง”

“แล้วอยากทำหรือเปล่าน่ะเรา” นัทเริ่มซักเพราะท่าทีของร่างบางไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเต็มใจกับเรื่องนี้

“มันก็เดือดร้อนน่ะนะแฟร์เลยจำเป็นต้องไปช่วย” ร่างบางเลี่ยงตอบ

“สรุปก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่”

“แต่…มันก็เพื่อนไง” แฟร์เบี่ยงหลบเมื่อนัทเริ่มเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อคาดคั้นเอาคำตอบจนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายอยู่เบาๆ

มือเรียวที่วางเอาไว้บนตักจับบีบกันแน่นจนเกิดรอย เหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นมาตรงขมับทั้งสองข้างทำให้ร่างสูงสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก

“พี่เข้าใจ…ถ้างั้นตามใจแฟร์แล้วกันแต่มันค่อนข้างกระทันหันไปหน่อยเพราะพี่ยังไม่ได้หาใครมาแทนแฟร์เลย” นัทพูดก่อนจะดึงตัวกลับทำเอาร่างบางที่นั่งตัวแข็งทื่อหายใจได้ทั่วท้องสักที

“เรื่องนี้แฟร์ได้คนที่จะมาทำแทนแล้วครับพี่นัทไม่ต้องห่วงนะ”

“แล้วนนท์มันรู้เรื่องหรือยัง”

“ผมเพิ่งบอกไปเมื่อตอนเย็นนี่เองงอนใหญ่เลยล่ะครับแต่สุดท้ายน้องก็เข้าใจ” แฟร์ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงท่าทีเง้างอดของคนที่ถูกกล่าวถึง

“นนท์มันถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กอย่าถือสาเลยเอาเป็นว่าเสร็จงานที่โน้นเมื่อไหร่ก็กลับมาหากันนะพี่ยินดีต้อนรับเสมอ” นัทบอกก่อนจะเอื้อมมือขึ้นลูบหัวของแฟร์อย่างเอ็นดู

“ขอบคุณพี่นัทมากงั้นผมขอตัวก่อนขับรถกลับดีๆ นะครับ” ร่างบางพูดทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นก่อนจะเอี้ยวตัวเพื่อเปิดประตูแต่แล้วมือเรียวก็ถูกมือหนารั้งเอาไว้

“เดี๋ยวแฟร์”

เมื่อร่างบางหันมาตามคำเรียกนัทจึงชิงจรดริมฝีปากของตัวเองลงบนแก้มใสก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ตั้งตัว

“ฝันดีนะครับ” นัทพูดก่อนจะฉีกยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่เบิกตากว้างอย่างตกใจแฟร์ที่พยายามดึงสติกลับคืนเอื้อมมือขึ้นทาบบริเวณที่โดนสัมผัสด้วยใบหน้าเห่อร้อน

“คะ..ครับ” คนถูกจู่โจมก้มหน้างุดก่อนจะเปิดประตูลงจากรถและโบกมือลาอีกคนที่ขับรถออกไป

ร่างบางฉีกยิ้มกว้างมองดูรถที่เคลื่อนตัวออกไปจนลับตาก่อนจะเปิดประตูรั้วเดินเข้าบ้านด้วยท่าทีที่มีความสุขจนล้นโดยหารู้ไม่ว่าฉากรักแสนหวานเมื่อครู่ถูกนัยน์ตาสีดำจากบ้านหลังตรงข้ามจดจ้องตั้งแต่ต้นจนจบ!


TBC.....
----------------------------------------------

เห็นมั้ย! ไอ้เฮียมันมีแผน!! บอกเลยว่าคู่นี้จะเจอเรื่องที่ไม่คาดคิดอีกเยอะ!!
ส่วนใครที่รอ NC กิ่งบอกเลยนะคะเรื่องนี้มีค่ะ แต่คงต้องรออีกหลายบท
ยังไงก็รอกันหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.5 100% [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-07-2017 21:19:02
+เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.5 100% [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 20-07-2017 22:46:14
อยากให้ถึงตอนที่แฟร์เอาคืนไวๆ
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.5 100% [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 21-07-2017 01:30:10
โหดจิ๊งโหดจัง
ราชันย์
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.6 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 21-07-2017 07:51:41


CHAPTER 6



ร่างบางมาถึงบริษัทในเวลาเริ่มงานปกติ แฟร์เดินเข้าไปข้างในด้วยท่าทีประหม่าก่อนจะตรงไปยังแผนกบุคคลเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเขาเองต้องการติดต่อ

“ขอโทษนะครับผมมาพบคุณราชันย์ไม่ทราบว่าห้องทำงานของเขาไปทางไหน” ร่างบางสอบถามไปยังพนักงานสาวที่ยืนฉีกยิ้มก่อนที่เธอจะตอบเขากลับด้วยน้ำเสียงใส

“ใช่พนักงานใหม่ที่กำลังจะมาเริ่มงานหรือเปล่าคะ”

“ใช่ครับคุณราชันย์ให้ผมมาพบวันนี้”

“ค่ะคุณราชันย์แจ้งพี่เอาไว้แล้วเชิญนั่งรอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวผายมือไปยังโซฟารับรองตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปหยิบเอกสารสองสามอย่างแล้วเดินกลับออกมา

“นี่เป็นเอกสารสมัครงานนะพอดีพี่เห็นว่าเรายังไม่ได้กรอกข้อมูลเลย กรอกเสร็จแล้วบอกพี่ด้วยจะได้พาไปพบคุณราชันย์จ้ะ” นัยน์ตาสีน้ำตาลที่แต่เดิมใช้จดจ้องเพื่อฟังคำบอกของอีกคนเคลื่อนไปยังรายชื่อบนเข็มกลัดที่ถูกติดไว้บนหน้าอกของอีกฝ่าย

Mintra P.
'Human Resource Officer'


“ครับพี่มินตรา” แฟร์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเอื้อมมือออกไปหยิบรับเอกสารที่พนักงานสาวยื่นมาให้ใ

“เอ๊ะ! รู้ชื่อพี่ได้ยังไง” พนักงานสาวทำหน้าสงสัยก่อนที่ชายหนุ่มจะชี้ไปยังหน้าอกตัวเองเพื่อให้อีกคนเข้าใจ

“อ๋อ พี่นึกว่า…”

“แฟร์ครับ” ร่างบางตอบเมื่อมินตราทำหน้าอยากรู้ชื่อของเขา

“พี่นึกว่าแฟร์รู้จักพี่มาก่อนซะอีก”

“เปล่าหรอกครับ”

“ถ้าอย่างนั้นกรอกให้เสร็จแล้วเรียกพี่นะ” มินตราบอกก่อนจะขอตัวเข้าไปทำงานต่อในขณะที่แฟร์ยังคงกรอกประวัติส่วนตัวเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการสมัครงานไม่เสร็จ

*******************************

เมื่อข้อมูลทุกอย่างถูกกรอกจนเสร็จแฟร์ก็เรียกอีกฝ่ายตามที่ได้บอกเอาไว้ก่อนที่ร่างระหงของมินตราจะเดินนำร่างบางที่ประหม่ากว่าครั้งไหนๆ ไปยังลิฟท์เพื่อขึ้นไปห้องของประธานบริษัทแห่งนี้ทันที

“ที่นี่มีทั้งหมดด้วยกันห้าชั้นนะ” มินตราพูดขึ้นก่อนแฟร์ที่เดินห่างอยู่มากจะรีบสาวเท้าเพื่อให้ทันและฟังสิ่งที่อีกคนพูดอย่างตั้งใจ

“ชั้นแรกเป็นชั้นที่ไว้ใช้รับรองงานบริหารทั่วไปพูดง่ายๆ ก็เหมือนหน้าด่านที่เอาไว้คัดกรองผู้ที่เข้ามาติดต่อนั่นแหละ” พนักงานสาวพูดก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์

“ส่วนชั้นที่สองเป็นชั้นของงานบริหารธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นและเครื่องประดับทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย แอบกระซิบนะว่าชั้นเนี่ยมีแต่พวกติสท์ๆ ชั้นที่สามเป็นส่วนงานบริหารธุรกิจโรงแรม ชั้นเนี่ยระดับผู้จัดการถือว่าหน้าตาดีมว๊ากกก…มากกก แต่ติดตรงที่รีบมีครอบครัวกันไปหมดเสียละพนักงานบริษัทส่วนใหญ่เลยต้องกินแห้วกันถ้วนหน้าเหมือนกับพี่เนี่ยแหละ” แฟร์หัวเราะให้กับสิ่งที่มินตราเล่าก่อนที่พนักงานแผนกบุคคลคนนี้จะจ้อออกมาไม่หยุด

“ชั้นที่สี่เป็นงานบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่ดิน บ้าน ทาวน์เฮ้าส์และอื่นๆ ในเครือ ชั้นเนี่ยรวมพวกหัวกะทิแบบว่าเด็กเนิร์ดอะนะไว้กว่าห้าสิบชีวิตเลยทีเดียวแหละ และชั้นสุดท้าย…” น้ำเสียงหวานหยุดลงในขณะที่ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก

“คือพื้นที่ห้องทำงานของคุณราชันย์ทั้งหมด!...จะว่าแค่ห้องทำงานอย่างเดียวก็คงไม่ถูกเพราะมันเป็นเหมือนห้องพักไปในตัวด้วย ห้องคุณราชันย์จะมีลิฟต์ที่ตั้งตรงกับที่จอดรถจึงไม่ค่อยมีใครได้เห็นหน้าค่าตาของเขาสักเท่าไหร่เพราะเวลาทำงานของคุณราชันย์ไม่ค่อยเหมือนกับประธานบริษัทคนอื่นๆ ส่วนไม่เหมือนยังไงนั้นเดี๋ยวแฟร์ก็คงจะรู้เองแหละ” มินตราหยุดพูดพอดีกับที่ฝีเท้าของเธอหยุดลงตรงหน้าประตูบานใหญ่

“เอาล่ะพี่ส่งแฟร์แค่นี้นะ” พนักงานสาวพูดก่อนจะทำท่าเคาะประตูห้องแต่กลับถูกร่างบางที่เดินมาด้วยจับแขนเพื่อหยุดการกระทำนั้นเอาไว้เสียก่อน

“พี่มินไม่เข้าไปข้างในกับผมเหรอครับ” แฟร์ถาม

“ไม่หรอกจ้ะพี่มีหน้าที่แค่เดินมาส่งและพูดข้อมูลเบื้องต้นของบริษัทให้เราฟังแค่นั้น” มินตราตอบก่อนจะยิ้มและจับไหล่อีกคนอย่างให้กำลังใจ

“ไม่ต้องกลัวนะคุณราชันย์น่ะเขาใจดี”

'ใจดีกะผีน่ะสิ*!*'

ร่างบางได้เพียงแค่คิดเพราะจู่ๆ ประโยคนี้ก็ถูกกลืนหายลงไปในลำคอทันทีเมื่อมินตราลงแรงเคาะประตูห้องตรงหน้าพวกเขากลับไป

“โชคดีนะ” หญิงสาวพูดทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินกลับไป

แฟร์มองตามมินตราด้วยแววตาคิดหนักก่อนจะหันกลับมาจ้องบานประตูตรงหน้าอีกครั้งอย่างชั่งใจจนสุดท้ายก็ต้องยอมยกมือขึ้นมาลงแรงเคาะลงไปอีกที

“เข้ามา” เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาทำให้แฟร์ชะงักกึกก่อนที่เขาจะถอนหายใจแล้วค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปข้างใน

ห้องสีขาวสะอาดหากทว่าเฟอร์นิเจอร์แทบจะทุกชิ้นกลับเป็นสีดำช่างดูน่าอึดอัดเสียจนร่างบางรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แฟร์เดินเข้าไปด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ก่อนเสียงฝีเท้าจะดังขึ้นเผยให้เห็นราชันย์ในชุดผ้าขนหนูตัวเดียวที่มีเม็ดน้ำเกาะกระจายอยู่ทั่วตัว แผงอกแกร่งและหน้าท้องที่กล้ามเนื้อขึ้นเป็นมัดทำให้ร่างบางที่ยืนตัวแข็งทื่อเบิกตาโพรงด้วยความตกใจ

“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังอาบน้ำผมแค่มาตามที่คุณนัดเอาไว้ ผะ!…” แฟร์ขืนตัวเองเอาไว้สุดแรงเมื่อราชันย์ที่เดินเข้ามาโน้มตัวลงจนใบหน้าของร่างบางอยู่ในระดับเดียวกับแผงอกของเขา

“จะพล่ามอีกนานมั้ยผู้ชายเหมือนกันจะอายทำไมวะ” นัยน์ตาสีดำจดจ้องไปยังคนตัวเล็กกว่าอย่างนึกสนุก

“แต่ผมไม่ชิน” แฟร์พยายามหดคอหนี

“ไม่ชินเพราะชอบคิดกับผู้ชายด้วยกันสินะ”

“คุณ!!”

“หรือกูพูดผิด!”

“ผมจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของผมถ้าคุณเรียกผมมาเพียงเพื่ออยากจะพล่ามเหยียบหยามความเป็นคนของผมล่ะก็ผมขอตัวก่อน!” แฟร์ดันอีกคนออกเมื่อเริ่มมีน้ำโหก่อนจะพยายามก้าวออกจากห้องนี้ไปหากอีกฝ่ายไม่ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

“โอหังไม่เปลี่ยน” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นฉุดให้เรียวขาที่กำลังก้าวชับๆ หยุดลงก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับไปปะทะอารมณ์อีกครั้ง

“ผมแค่เลือกปฏิบัติ” แฟร์บอกเสียงเย็น

“งั้นก็ทำให้กูอารมณ์ดีขึ้นสิ” ราชันย์นั่งลงบนโซฟาก่อนจะพูดขึ้น

“ไม่”

“เดี๋ยวนี้!”

“ผมทำไม่ได้!” แฟร์ปฏิเสธเสียงแข็ง

“ยังไม่รู้เลยว่ากูจะให้ทำอะไรก็ปฏิเสธซะละอ่อนว่ะ!” ราชันย์ต้อนพลางจ้องแฟร์กลับอย่างยียวน

“แล้วคุณจะให้ผมทำอะไร” ร่างบางถามก่อนที่อีกฝ่ายจะแสยะยิ้มและชันขาของตัวเองขึ้น

“ทำให้กูหน่อย”

“!!”

คำพูดและการกระทำที่แสนจะเหยียดหยามทำเอาแฟร์ถึงกับฟิวส์ขาดก่อนคนที่ไม่เคยหยาบคายกับใครจะต่อว่าอีกคนกลับอย่างเหลือดอด

“ทุเรศ! สกปรกที่สุด!!” แฟร์จ้องคนตรงหน้าอย่างขยะแขยง

“มึงไม่ชอบ? แต่คืนนั้นที่กูเห็นมันไม่ใช่แบบนี้นี่ทั้งกอดทั้งหอมดูมึงก็ชอบดี แล้วทีกับกูที่กำลังจะเป็นเจ้านายของมึง ทำไมมึงถึงทำไม่ได้!” ราชันย์เริ่มไม่มีเหตุผลโดยการยกเอาเรื่องคืนนั้นที่เขาเห็นอีกฝ่ายในรถของธนัทออกมาพูดจนแฟร์รู้ในที่สุดว่าการกระทำของพวกเขาถูกอีกฝ่ายเห็นเข้าให้แล้ว

“ก็เพราะคุณไม่ใช่เขา!” ร่างบางเถียงกลับ

“ถ้ากูเป็นผู้ชายคนนั้นของมึง มึงจะยอมว่างั้น?” ขึ้นชื่อว่า 'ราชันย์' มีหรือเขาจะยอมจบง่ายๆ

“ใช่! เพราะถ้าคุณเป็นเขาผมก็คงจะยอมแต่ติดตรงที่ยังไงคุณก็ไม่ใช่!”

“แฟร์!!” ร่างหนาตรงเข้ากระชากอีกฝ่ายก่อนจะเหวี่ยงลงกับโซฟาตัวยาวพร้อมกับขึ้นคร่อมในเวลาเพียงเสี้ยววินาที

“โอ้ย! ผมเจ็บ!” ร่างบางนิ่วหน้าก่อนจะพยายามแกะมือของราชันย์ที่บีบข้อมือของเขาเสียจนขึ้นเป็นริ้วออกพัลวัน

“มึงทำให้กูเสียอารมณ์” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแนบชิดใบหูเล็กความร้อนจากลมหายใจของคนด้านบนทำให้แฟร์ที่เพิ่งรู้สึกตัวถึงสถานการณ์ตรงหน้าดันแผงอกแกร่งเอาไว้จนสุดแรง

“คุณจะทำอะไร! ลุกออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”

“มึงมันพยศจนกูอยากจะจับมาหักคอให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย” แววตาคมจ้องใบหน้าเล็กได้รูปตรงหน้ากลับด้วยความรู้สึกแปลกเข้าไปทุกที

“ก็ถ้าคุณไม่พูดกับผมแบบนั้นก่อนผมก็ไม่พูดแบบนี้กับคุณหรอก” ร่างบางเองก็จ้องคนด้านบนกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“หึ! พูดได้ดีนี่” ราชันย์แสยะยิ้มพอใจกับคำพูดของอีกฝ่ายก่อนจะดึงแขนแฟร์ให้ลุกตาม

“ที่ผมมาวันนี้ก็เพราะคุณบอกให้มา และผมเองก็ยังไม่รู้ว่างานที่คุณจะให้ทำคืองานอะไรฉะนั้นผมต้องการรายละเอียดของตำแหน่งที่ผมต้องรับผิดชอบทั้งหมด” แฟร์ที่ถอนหายใจออกมาเพื่อข่มอารมณ์เอ่ยออกไปก่อนประธานบริษัทที่นั่งนิ่งจะเอนพิงพนักโซฟาพร้อมทั้งเปลี่ยนสรรพนามเพื่อเรียกอีกคนกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ตำแหน่งของนายคือเป็นเลขาฯ ของฉัน”

“เลขาฯ!? แล้วภีมเพื่อนของผมล่ะ!”

“ฉันย้ายเขาไปแล้ว”

“ย้ายไปแล้ว? ย้ายไปไหน?”

“ไม่จำเป็นต้องรู้”

“แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องบริหารเลยนะ” ร่างบางโวยขึ้นเมื่อตำแหน่งงานนี้มันเกินความสามารถของเขาไปมากโข

“เรื่องนั้นไม่จำเป็น”

“ไม่จำเป็นได้ไงคุณเอาตำแหน่งอื่นให้ผมทำเถอะตำแหน่งนี้ผมทำไม่ได้แน่ๆ”

“ทำกับข้าวเป็นหรือเปล่า” ร่างหนาถามกลับจนแฟร์ชะงัก

“ฮ่ะ!?”

“ฉันถามว่าทำกับข้าวเป็นมั้ย”

“กะ…ก็พอเป็นบ้าง”

“งั้นก็โอเคเพราะงานเลขาฯ ของฉันคือการที่นายจะต้องดูแลเรื่องทำกับข้าว ทำความสะอาดห้อง ซักผ้า รีดผ้า เตรียมเอกสารและอื่นๆ ที่ฉันต้องการทั้งหมด”

“บ้าไปแล้ว!” ร่างบางตะโกนออกมาอย่างไม่เชื่อหู

“ฉันยังปกติดี”

“แต่นี่มันไม่ใช่หน้าที่ของเลขาฯ เลยนะ ที่คุณพูดมาทั้งหมดนั่นมันเป็นหน้าที่ของแม่บ้านมากกว่า” แฟร์เถียงกลับก่อนใบหน้าเรียบเฉยของคนข้างๆ จะยกยิ้มขึ้นอย่างสะใจที่เห็นท่าทีกระวนกระวายของอีกฝ่าย

“ในความคิดของฉันเลขาฯ ก็คือแม่บ้านนี่หว่าและแม่บ้านคนนั้นก็ต้องเป็นนายเท่านั้น!”

“ไม่! ผมขอยื่นคำขาด!!”

“มีสิทธิ์เลือก?” น้ำเสียงเรียบหากแต่เต็มไปด้วยอำนาจจนล้นเหลือถูกเอ่ยออกมาจนร่างบางที่ไม่สามารถสรรหาคำพูดไหนมาต่อกรกับอีกฝ่ายได้ถึงกับต้องสบถด่าราชันย์กลับไปอย่างหัวเสีย

“คุณมันร้ายกาจที่สุด!”

ราชันย์ที่ลอบมองตามหัวคิ้วที่ขมวดแน่นของแฟร์ได้แต่แอบยิ้ม ร่างบางทำหน้ามู่ทู่จนร่างหนาที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกว่ามองดูแล้วไม่น่าเบื่อก่อนที่สติทุกอย่างจะทักท้วงให้ชายแท้วัยยี่สิบแปดปีคนนี้กู่ทุกอย่างที่เริ่มไม่ปกติกลับโดยฉับพลัน

“เรื่องเวลาทำงานนายต้องมาเวลาบ่ายสองโมงตรงและกลับตอนเที่ยงคืนทุกวัน” ราชันย์กระแอมไอราวกับหนีความผิดก่อนจะทำทีอธิบายรายละเอียดต่างๆ เพิ่ม

“ฮ่ะ!”

“ทำอาหารไว้รอฉันตื่น เก็บกวาดห้องให้เงียบที่สุด เสื้อผ้า รองเท้าที่ฉันใส่แล้วให้เอาไปส่งซัก ส่วนที่ซักเสร็จต้องจัดให้เป็นระเบียบและเรียงจากสีเข้มไปอ่อน”

“เดี๋ยวๆ ต้องขนาดนี้เลยเหรอ?” แฟร์มองหน้าราชันย์อย่างอึ้งๆ ความเนี้ยบทุกระเบียดนิ้วของอีกฝ่ายทำให้ร่างบางคิดหนักขึ้นกว่าเดิม

“ฉันเสียเงินจ้างนาย” ราชันย์ตอกกลับ

“คุณจะไม่จ้างผมก็ได้เพียงแค่สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก” แต่ร่างบางก็ไม่ยอมเสียเปรียบสวนกลับทันควันเช่นกันจนราชันย์ถึงกับต้องถอนหายใจก่อนจะเตือนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“ตอนนี้ฉันอุตส่าห์เย็นลงแล้วแต่ถ้านายยังขืนพล่ามไม่หยุดฉันจะจัดการนายซะ”

“กะ…ก็ได้ครับก็ได้” ร่างบางหน้าเจือนลงไปอย่างรู้สึกกลัวก่อนที่คนข้างๆ จะพูดขึ้นต่อ

“เวลามีนัดนายต้องไปกับฉันทุกที่ จดบันทึกทุกอย่างและสรุปมาให้ฉันเข้าใจทุกครั้งเข้าใจมั้ย” ราชันย์ถามก่อนที่ร่างบางจะพยักหน้ารับ

“นี่คืองานที่นายต้องทำทั้งหมดมีตรงไหนสงสัยฉันให้โอกาสถาม”

“ผมจะพูดเรื่องที่เรายังติดค้างกันว่าหากผมทำงานกับคุณแล้วคุณจะต้องเลิกยุ่งกับนนท์” แฟร์จ้องราชันย์กลับอย่างต้องการคำตอบ

“ตามนั้น” ราชันย์ตอบก่อนคนตรงหน้าจะถอนหายใจออกมาราวกับโล่งอก

“ถ้าอย่างงั้นวันนี้…คุณจะให้ผมทำอะไร” แฟร์ที่ดูจะผ่อนคลายขึ้นทำหน้านึกต่อสักพักก่อนจะตัดสินใจถามออกไปอีก

ราชันย์ลุกขึ้นยืนก่อนจะรวบผ้าขนหนูที่คาดเอวตัวเองให้เข้าที่ ดวงตาสีน้ำตาลเผลอมองไปยังกล้ามหน้าท้องแน่นและกลุ่มขนอ่อนที่เรียงตัวยาวจากใต้สะดือลงไปในผ้าขนหนูผืนนั้นอย่างอึ้งๆ ก่อนที่แฟร์จะหน้าเห่อร้อนจนต้องรีบชักหน้ากลับ

ร่างสูงเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองก่อนจะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งในลิ้นชักชั้นล่างสุดออกมาพร้อมกับโยนมันลงบนโต๊ะเล็กด้านหน้าของแฟร์เบาๆ

“อ่านแล้วแปลเป็นภาษาไทยสรุปให้ฉันไม่เกินหนึ่งหน้ากระดาษเอสี่เสร็จก็ทำอาหารไว้ด้วยหลังจากนั้นฉันอนุญาติให้นายกลับ”

“แค่นี้?” แฟร์ถามเมื่อสิ่งที่ราชันย์ให้เขาทำมันดูไม่สมเหตุสมผลกับชื่อตำแหน่งเลขาฯ นั่นเลยแม้แต่นิดเดียว

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำ” ราชันย์จ้องอีกฝ่ายกลับอย่างคาดโทษจนแฟร์ปิดปากเงียบไม่กล้าถามอะไรอีกจากนั้นร่างสูงก็เดินหายเข้าไปในส่วนของห้องนอนทันที ทิ้งไว้แต่เพียงร่างบางที่ยังคงมองตามแผ่นหลังกว้างเมื่อครู่ด้วยความไม่เข้าใจ

*****************************

ร่างหนาตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่ายคล้อย ราชันย์รวบผ้าห่มที่ปิดบังกายหนากว่าครึ่งท่อนออกพลางลุกขึ้นนั่งพร้อมกับสะบัดหัวไปมาสองสามที เจ้าของนัยน์ตาสีดำเดินออกจากห้องนอนก่อนจะกวาดสายตาไปจนทั่วห้องก็พบแต่ความว่างเปล่า บนโต๊ะในส่วนของครัวเล็กข้างๆ ห้องรับแขกมีอาหารสองสามอย่างเรียงรายส่งกลิ่นโชยมาแต่ไกล ร่างสูงไม่รอช้าเขารีบสาวเท้าไปยังโต๊ะอาหารเบื้องหน้าก่อนจะยกยิ้มเมื่อเห็นเมนูที่อีกฝ่ายทำทิ้งเอาไว้ให้

'ไข่เจียว ไข่ตุ๋น ไข่พะโล้'

ร่างบางของเลขาฯ คนใหม่คงกำลังป่วนเขาอยู่แน่ๆ!

แต่ถึงอย่างนั้นราชันย์ที่เคยแต่อารมณ์ร้ายต่ออีกฝ่ายกลับมองว่ามันเป็นการกระทำที่สร้างรอยยิ้มให้เขาเสียมากกว่า

กระดาษแผ่นเล็กที่ถูกวางทิ้งไว้ใกล้กับจานไข่เจียวถูกมือหนาคว้ามันขึ้นมาอ่านก่อนที่ราชันย์จะเดินไปยังสถานที่ที่ถูกระบุเอาไว้ข้างในเพื่อดูงานชิ้นแรกของร่างบางทันที

ลายมือที่แทบจะบรรจงบนกระดาษเอสี่ตรงหน้าเรียกความสนใจให้กับราชันย์เป็นอย่างมาก เขายกหนังสือที่ร่างบางใช้ทับกระดาษแผ่นดังกล่าวออกก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานและอ่านเนื้อความด้านใน

“'โมนิกา' หญิงสาวรูปร่างหน้าตาสะสวยผู้อาภัพในความรัก ไม่ว่าเธอจะเคยมีคนรักกับชายมาแล้วกี่คนแต่ชายเหล่านั้นก็จากเธอไปพร้อมกับทิ้งบาดแผลของความเจ็บปวดให้เธอเสมอ

จนกระทั่งวันหนึ่งในขณะที่เธอออกเดินทางเพื่อตามหารักแท้ เธอก็ได้พบกับชายหนุ่มรูปงามนาม 'ธีโอดอร์' ทั้งคู่ถูกตาต้องใจกันตั้งแต่แรกก่อนจะตกลงปลงใจอยู่กินฉันสามีภรรยาในเวลาต่อมา

ธีโอดอร์เมื่อแต่งงานกับโมนิกาเขาก็ได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขารักสุดหัวใจ ผิดกับโมนิกาที่ยิ่งนานวันก็ยิ่งเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตอยู่กินกับธีโอดอร์ เพราะธีโอดอร์นั้นมีอาชีพเป็นเพียงพ่อค้าเร่ที่หาเช้ากินค่ำไปวันๆ เธอจึงตัดสินใจเลิกรากับอีกฝ่ายหลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเพียงแค่สองเดือน

โมนิกาออกเดินทางเพื่อตามหารักแท้อีกครั้ง เธอระหกระเหินไปยังสถานที่ต่างๆ ผ่านมือชายกว่าร้อยคนในช่วงเวลาเพียงสามปีหลังจากที่เธอเลิกรากับธีโอดอร์ แต่สุดท้ายเธอกลับไม่พบใครเลยที่จะจริงใจเพราะชายหนุ่มที่เข้าหาเธอเหล่านั้นเกิดตัณหาเพราะรูปร่างหน้าตาของเธอเพียงอย่างเดียว

โมนิกาเสียใจอย่างหนักจึงตัดสินใจกลับไปหาธีโอดอร์ชายที่เธอรู้ดีแล้วว่าเขาคือคนที่รักเธอจากใจจริง แต่โชคร้าย*…ที่เมื่อเธอกลับไปถึงยังบ้านของธีโอดอร์อีกครั้งชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงก็รุมประนามเธอเพราะเธอคือสาเหตุที่ทำให้ธีโอดอร์หลั่งเลือดประชดรักหลังจากที่เธอจากไปเพียงหนึ่งอาทิตย์*

หญิงสาวตกใจวิ่งหนีจนสุดท้ายก็พลัดตกลงจากหน้าผาสูงจนเสียชีวิต ชาวบ้านจึงช่วยกันนำร่างที่ไร้วิญญาณของเธอขึ้นมาก่อนจะจัดการฝังร่างของเธอเคียงข้างหลุมศพของธีโอดอร์เพื่อเป็นการย้ำเตือนคนรุ่นหลังว่าชีวิตรักที่ดีไม่ใช่แค่การได้คู่ชีวิตที่ดีหากแต่ชีวิตรักยังต้องการการปรับตัว ความเข้าใจซึ่งกันและกัน การเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดที่คอยช่วยกันแก้ไขปัญหาในยามยาก

ซึ่งบทเรียนต่างๆ ที่ถูกบัญญัติขึ้นนี้คงไม่มีใครเข้าใจได้ดีไปกว่าโมนิกาหญิงสาวผู้ไม่เคยพอในรักจนเกิดโศกนาฏกรรมน่าเศร้าเช่นนี้อีกแล้ว”

-จบ-


ราชันย์เหยียดยิ้มสมเพช หนังสือที่เขาไม่เคยเปิดมันขึ้นมาอ่านทำให้ร่างสูงนึกย้อนกลับไปในวันที่เจ้าของหนังสือเล่มนี้ได้มอบมันให้กับเขา ความรักบริสุทธิ์ของชายที่มีต่อหญิงสาวคนหนึ่งอาจเปรียบเสมือนกับความรักของธีโอดอร์

แต่สำหรับราชันย์มันไม่ใช่! เขาไม่ใจกว้างพอที่จะรักใครได้มากถึงขนาดนั้น และไม่คิดสั้นพอที่จะสังเวยชีวิตของตัวเองเพียงเพราะความรักที่เหลวแหลกไป

ร่างหนาลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงก่อนจะขยำกระดาษที่แฟร์สรุปเนื้อความทั้งหมดเอาไว้และคว้าเอาหนังสือเล่มนั้นโยนทิ้งลงถังขยะไปอย่างไม่ใยดีประจวบกับที่เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของเขาดังขึ้น

“ครับ” ราชันย์กรอกเสียงตอบ

[ใช่คุณราชันย์หรือเปล่าครับ]

“นั่นใคร”

[ผมนนท์เองนะครับคนที่รับงานถ่ายแบบแบรนด์เสื้อผ้าของคุณ] เสียงใสแนะนำตัวเองก่อนร่างสูงจะตอบกลับไปเสียงเนือย

“แค่บอกชื่อผมก็จำได้”

[พอดีวันนั้นคุณให้นามบัตรกับผมเอาไว้ผมเลยโทรหา]

“มีธุระอะไร”

[คืนนี้คุณว่างมั้ยครับผมอยากจะชวนคุณไปผับ KT]

“ถ้าคุณมีธุระก็พูดกับผมตรงนี้เลย” ราชันย์พยายามปฏิเสธทางอ้อม ใช่ว่าเขาไม่อยากไปเพราะอารมณ์ตอนนี้พร้อมสำหรับการกรอกเหล้าเข้าปากทุกเมื่อ เพียงแต่ร่างสูงกลับคิดถึงเรื่องที่เคยตกปากรับคำกับอีกคนเอาไว้ขึ้นมาฉับพลัน

[เอ่อ…คุณไม่ว่างหรอกเหรอครับ]

เสียงอ่อนจากปลายสายทำเอาร่างสูงทางฝั่งนี้ชะงักก่อนจะลองคิดดูใหม่อีกรอบเพราะในเมื่อคนที่ชวนกลับเป็นฝ่ายของดาราหน้าสวยสัญญาที่เคยว่าก็ไม่ถือว่าเขาผิดคำพูดหรอกจริงมั้ย!

[ความจริงผมไม่มีธุระหรอกแค่เพียง…อยากคุยกับคุณเท่านั้นเอง] ลวดลายวาจาอ่อนหวานเอกลักษณ์ของชานนท์ถูกเอื้อนเอ่ยออกมาในที่สุด

[ถ้าคุณไม่ว่าง…]

“กี่โมง” ราชันย์ตัดบทอีกฝ่ายพร้อมกับเดินไปยังโต๊ะในครัวที่มีอาหารวางเรียงรายก่อนจะมองมันด้วยสายตาเรียบนิ่ง

[ครับ?]

“จะนัดผมกี่โมง” สิ้นความหมายของคำพูดปลายสายที่ดูจะดีใจเป็นอย่างมากก็นัดหมายกลับมาด้วยน้ำเสียงใส

[สักสี่ทุ่มแล้วกันครับ]

“ได้ไว้เจอกัน” ร่างสูงวางสายทันที่ที่พูดจบ ก่อนจะนั่งลงลิ้มรสอาหารหน้าตาบ้านๆ ตรงหน้า

ใบหน้าเรียบนิ่งที่แต่เดิมก็เอนเอียงไปทางดุดันแถมยังไม่เป็นมิตรอยู่แล้วเผยรอยยิ้มเหี้ยมออกมาทันทีเมื่อปลายลิ้นของเขาสัมผัสโดนอาหารและรับรู้ได้ถึงรสชาติ

ไม่ใช่รสที่ถึงแม้คนทำอาหารไม่เป็นจะทำออกมาได้ หากแต่มันเป็นรสที่เกิดจากความตั้งใจจนเลวร้ายยิ่งกว่าคำว่า 'กินไม่ได้' เสียอีก

ราชันย์ทิ้งช้อนที่ถืออยู่ในมือลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง ร่างบางเจ้าของอาหารเหล่านี้กำลังกระตุกหนวดเสือเข้าให้แล้ว แต่ไม่เป็นไรในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะเปิดศึกสงครามครั้งนี้ก่อนร่างสูงเองก็มีเวลากำราบเลขาฯ จอมพยศคนใหม่นี้อีกนาน แล้วจะได้รู้กันว่าใครที่คิดต่อกรกับราชันย์มันคนนั้นถือว่าโง่บรม!!


TBC.....
------------------------------------------------------------
อ๋อยยยยย #เฮียชันย์เริ่มเอาหนักแล้วล่ะค่ะจะให้น้องแฟร์ทำเรื่องบัดสี!!
OMG!! ลูกชายฉันต้องถูกตะครุบเข้าสักวันแน่ๆ T^T
ไว้รอลุ้นบทหน้าอีกนะ อย่าลืมเม้นท์ๆ โหวตๆ เป็นกำลังใจให้นักเขียนคนนี้ด้วยนาาาาา


 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.6 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-07-2017 08:40:33
พอกันเลย
เพราะไม่เคยเจอของจริงสินะ นนท์ถึงหาญกล้าคิดเล่นกับไฟ ทั้งที่แฟร์พยายามป้องกันแทบตาย
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.7 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 21-07-2017 18:54:06


CHAPTER 7



ณ ชุดโซฟาสุดหรูโซน VIP ภายในผับดังย่านใจกลางกรุงฯ หนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแดงกำลังเหม่อมองไปยังเครื่องดื่มในมือเพื่อรอการมาของคนอีกคน เสียงเพลงสากลจังหวะเร็ว เบสหนักจนเต็มแมกซ์ดังกึกก้องกลบเสียงพูดคุยของเหล่านักท่องราตรีไปจนแทบสิ้น แสงไฟสลัวที่สาดส่องเข้ามาทำให้ร่างเล็กที่เอาแต่นั่งนิ่งรู้สึกเบื่ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

คงเป็นเพราะเขาอยากเจอกับร่างสูงเจ้าของใบหน้าที่ถูกใจตั้งแต่แรกเห็นคนนั้นเร็วๆ ล่ะมั้ง!

ชานนท์ผละสายตาออกจากน้ำสีอำพันที่ถูกบรรจุอยู่ในแก้วทรงสูงเมื่อมีใครบางคนย่างกรายเข้ามาใกล้ในระยะที่ตัวเขาเองรับรู้ได้ก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มเมื่อบุรุษเพศที่เดินเข้ามาคือคนเดียวกับที่เขาอุตส่าห์นั่งรอมานานร่วมชั่วโมง

“สวัสดีครับคุณราชันย์” นนท์ยิ้มกว้างส่งให้ราชันย์ในชุดไปรเวทแปลกตาก่อนที่เจ้าตัวจะเขยิบเพื่อหวังจะให้อีกฝ่ายเข้ามานั่งใกล้ๆ หากแต่ร่างสูงกลับเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวข้างๆ แทน

“มานานแล้ว?”

“ก็สักพักแล้วล่ะครับพอดีนนท์มาก่อนเวลานิดหน่อย” นนท์ตอบก่อนจะกวักมือเรียกบริกรที่ยืนอยู่แถวนั้น

“วิสกี้สามแก้ว”  ราชันย์ออกปากสั่ง

“โหดจัง” นนท์จะกระแอมเสียงใสพูด

“ผมดื่มเป็นแค่นี้” คนตัวสูงตอบอย่างสุภาพก่อนจะถามอีกฝ่ายกลับ

“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยยังงั้นเหรอ”

“ไม่ต้องเรียกคุณหรอกครับแค่นนท์เฉยๆ ก็พอส่วนนนท์ก็ขอเรียกคุณราชันย์ว่า 'พี่' จะได้มั้ย” ดาราหนุ่มเอ่ยถามเพราะอยากสนิทสนมกับอีกฝ่ายให้เร็วขึ้นจนราชันย์ตวัดดวงตาคมจ้องกลับอย่างหยั่งเชิง

“ตามสบาย” ร่างสูงตอบแบบไม่ขัดหากแต่ก็ดูจะไม่เต็มใจนัก

“ขอบคุณครับ เอ่อ…พี่ราชันย์มาเที่ยวที่นี่บ่อยมั้ย”

“เคยมาสองสามครั้งได้”

“แหม…นนท์อะมาเป็นสิบครั้งแล้ววันไหนที่เครียดๆ เรื่องงานก็มาสังสรรค์กับเพื่อนนนท์ว่าที่นี่มันก็โอเคอยู่นะ” ร่างเล็กพยายามเริ่มบทสนทนาใหม่ก่อนจะค่อยๆ ใช้นิ้วเรียวของตัวเองเกลี่ยวนไปมาบนปากแก้วและส่งสายตาไปยังราชันย์อย่างเย้าหยอก

“แสดงว่าเราชอบอะไรที่ไม่เหมือนกัน” ดาราหนุ่มหน้าเจือนไปนิดเมื่อคำตอบของราชันย์ไม่เป็นไปอย่างที่เขาคาดเอาไว้

“คงใช่ล่ะมั้งครับนนท์น่ะเป็นคนชอบ hang out คือไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องอยู่บ้าน” นนท์หุบยิ้มก่อนจะทำทีเล่าเรื่องตัวเองออกไป

“แล้วพี่ราชันย์ไม่ชอบไปไหนเหรอ”

“ผมชอบทำงานมากกว่าแค่ทุกวันนี้ก็แทบจะไม่มีเวลานอนอยู่แล้ว” ราชันย์ตอบก่อนจะยกแก้ววิสกี้ที่บริกรเพิ่งจะนำมาเสิร์ฟขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

“หว่า…เหมือนพี่ชายนนท์เลยล่ะครับเขาเองก็ไม่ค่อยได้พักผ่อนสักเท่าไหร่เพราะต้องเคลียร์เอกสารของบริษัทอยู่บ่อยๆ บางทีก็อดหลับอดนอนสามวันติดเลยนะ”

“ที่บ้านเปิดบริษัท?” ร่างสูงถามขึ้นอย่างสงสัย

“ครับที่บ้านนนท์เปิดบริษัทเกี่ยวกับเครื่องหนังผลิตพวก กระเป๋า รองเท้าอะไรประมาณนี้แหละครับ” ร่างเล็กอธิบายก่อนจะยกเครื่องดื่มของตนขึ้นจิบบ้างหากแต่สายตาโลมเลียของเขายังถูกส่งไปยังอีกคนไม่เปลี่ยน

“นี่คงไม่ได้นัดผมออกมาเพราะอยากจะคุยแค่เรื่องความชอบกับเรื่องเที่ยวหรอกใช่มั้ย” ราชันย์ที่เงียบไปเพราะคิดอะไรดีๆ ออกตัดสินใจถามเมื่อเห็นท่าทีเหล่านั้นของอีกฝ่าย

“เอ่อ…คือความจริงนนท์มีเรื่องอยากจะถามพี่ราชันย์มากกว่า” ดาราหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ดีใจใหญ่เขาไม่รู้เลยว่าจะเริ่มพูดมันออกมายังไงเพราะราชันย์ถือเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้นนท์จนมุมไร้ซึ่งคำแก้ตัวตั้งแต่เริ่มเปิดปากจะพูดอะไรออกมา

“ตอนนี้พี่ราชันย์มีแฟนหรือยังครับ” นนท์ถามก่อนจะจ้องราชันย์เพื่อลุ้นคำตอบ

“ยัง”

ร่างเล็กลอบยิ้มออกมาราวกับเห็นแสงสว่างก่อนที่ดาราหนุ่มมากความสามารถจะเอ่ยถามออกไปอีกอย่างไม่อ้อมค้อม

“ถ้าอย่างงั้นจะเป็นอะไรมั้ยถ้าเราสองคนจะลองคุยกัน” สิ้นเสียงของชานนท์ ราชันย์ที่จดจ้องไปยังใบหน้าใสก็แสยะยิ้มขึ้นมาในทันใด

ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายนัดเขาออกมาเพื่ออยากจะคุยเรื่องพรรคนี้เพียงแต่ที่ร่างสูงยอมเพราะอยากให้แน่ใจกับบางอย่างที่มันเริ่มก่อตัวขึ้นในสมองของเขานับตั้งแต่วันที่ได้ลองลิ้มรสจูบที่ไม่เป็นประสาของใครอีกคน

“ขอโทษแต่ผมไม่มีรสนิยมแบบนี้” ร่างสูงบอกปัดจนชานนท์หน้าชา ร่างเล็กขัดแย้งขึ้นมาในใจทันทีที่ได้ยิน ผู้ชายหน้าตาน่ารักที่มีผลกับเพศเดียวกันอย่างเขาไม่สามารถทำลายกำแพงหนาของคนตรงหน้าได้เลยเชียวหรือ?

“แค่ลองคุยกันก่อนก็ได้นนท์เองก็ไม่ได้เร่งรีบเพียงแต่นนท์…ชอบคุณตั้งแต่วันแรกที่เห็นแล้ว” การสารภาพความในใจของชานนท์ยังคงดำเนินต่อไป

ราชันย์ยังคงใช้นัยน์ตาคมจดจ้องไปยังร่างเล็กข้างๆ ก่อนจะตอบคำถามนี้ออกไปเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

“ผมไม่ว่างคุย”

เป็นไปไม่ได้! ร่างเล็กตะโกนขึ้นในใจอย่างกระฟัดกระเฟี้ยด ทุกอย่างที่เตรียมการเอาไว้ไม่เป็นไปตามที่เขาคิดเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้ชายที่มากด้วยเสน่ห์คนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะโอนอ่อนให้กับเขาเลยสักนิด

“งั้นถ้าแบบพี่น้อง?” นนท์ที่ชะงักไปเพราะคำตอบของราชันย์ยังคงหว่านล้อมกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“ตอนนี้ผมเองก็ไม่ได้อยากมีน้องชายเพิ่ม”

“อย่าเพิ่งตัดบทปฏิเสธนนท์แบบนี้สิครับขอเวลาให้นนท์ได้พิสูจน์ตัวเองสักเดือนนึงก็ได้ถ้าพี่ไม่ชอบจริงๆ ถึงคราวนั้นนนท์จะไม่ตื้อพี่อีก” ร่างเล็กน้ำตาคลอเบ้าใช่ว่าเขาจะเสียใจมากขนาดนั้นเพียงแต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนโดนฉีกหน้าเสียมากกว่า

เขายอมไม่ได้ที่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแบบนี้!

“ทุกวันนี้เวลาของผมก็ไม่เหลือพอที่จะแบ่งให้ใครอยู่แล้วเลิกคิดเรื่องนั้นซะเถอะ” ราชันย์ตัดบทเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกยืนขึ้นจนเต็มความสูงหลังจากกระดกวิสกี้แก้วที่สองลงคอไปรวดเดียวหมด

“แต่ว่า… อ่ะ! แล้วพี่ราชันย์จะไปไหนครับ?” นนท์ถามเสียงหลง

“ห้องน้ำ” ไม่รอให้อีกฝ่ายตื้อถามราชันย์ก็อาศัยจังหวะนี้สาวเท้าเดินออกมาจากโต๊ะทันที

ร่างสูงเดินฝ่าผู้คนมากมายจนมาถึงบริเวณหน้าห้องน้ำในที่สุด สายตาสาวๆ หรือแม้กระทั่งเก้งกวางตลอดทางทำให้ราชันย์ถึงกับรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาจนต้องล้วงเอาบุหรี่ที่พกติดตัวมาด้วยก่อนจะจุดไฟและสูบอัดเข้าปอดไปหนักๆ

ควันสีขาวที่พวยพุ่งออกจากริมฝีปากเคล้าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณที่ถูกจัดไว้สำหรับเหล่าสิงห์อมควันก่อนมือหนาจะบดขยี้ก้นของมันลงกับถ้วยที่มีทรายเม็ดละเอียดบรรจุอยู่เมื่อทั้งมวนหมดในเวลาเพียงนาทีเศษ

ราชันย์ก้าวเท้าหมายจะเดินตรงเข้าห้องน้ำทางฝั่งชายแต่แล้วไหล่เล็กของคนที่เพิ่งจะพุ่งตัวออกจากห้องน้ำทางฝั่งหญิงก็กระแทกกับแขนเขาอย่างจัง

“ขอโทษ/ขอโทษค่ะ” ทั้งสองคนเอ่ยขึ้นพร้อมกันก่อนที่ผู้หญิงหน้าตาสะสวยภายใต้เครื่องสำอางค์หนาจะฉวยแขนของราชันย์เอาไว้แน่น

“ราชันย์!!” เสียงแหลมตะโกนก้องออกมาราวกับกำลังดีใจสุดขีด

“ใช่คุณจริงๆ ด้วย! รู้มั้ยว่าแพรคิดถึงคุณแค่ไหน”

แม้ร่างสูงจะมีทีท่าตกใจในตอนแรกที่เห็นคนตรงหน้าแต่แล้วใบหน้านั่นก็กลับมาเรียบนิ่งอีกครั้งก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยพร้อมกับชักแขนของตัวเองออกจากมือเล็ก

“คุณทักคนผิดแล้ว” ราชันย์เดินเลี่ยงแต่อีกฝ่ายก็ยังตรงเข้ามายืนขวางเอาไว้

“ไม่ผิด! แพรจำคุณได้! ชันย์คะแพรกลับมาแล้วนะชันย์ไม่คิดถึงแพรบ้างเหรอแพรจากคุณไปตั้งสามปีแต่คุณไม่เคยโทรหาไม่เคยแม้แต่จะติดต่อมาเลยสักครั้ง” ร่างแน่งน้อยตรงเข้ากอดอีกฝ่ายแต่ชายหนุ่มกลับผลักไสออก

“หยุดทำแบบนี้ซะทีเถอะ”

“แพรรักคุณนะคะแพรคิดถึงคุณมากเลยด้วย”

“เรื่องของเรามันจบแล้ว”

“แพรรู้ค่ะ…แต่ชันย์คะแพรเลิกรักคุณไม่ได้! เรากลับมาเริ่มต้นใหม่นะกลับมาสร้างความรักที่เราเคยหวังร่วมกันอีกครั้ง แล้วครั้งนี้แพรสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีก” แพรวาพล่ามออกไปเป็นพรวนแต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะเยอะหญิงสาวพร้อมกับพูดออกมาเสียงเหี้ยม

“หึ! ผมไม่เคยเสียใจเพราะคุณเลยแพรวา ดีซะอีกที่เราเลิกกันเพราะผมเองก็ยังคิดไม่ออกว่าถ้ายังฝืนคบกับคนลวงโลกอย่างคุณต่อไปผมจะกลายเป็นไอ้โง่อีกนานแค่ไหน”

“ชันย์!! ทำไมชันย์ว่าให้แพรแบบนี้ล่ะ! แพรรักคุณนะคะแต่ที่แพรตัดสินใจทำแบบนั้นเพราะแพรเองก็ไม่มีทางเลือก!” แพรวาตวาดก้องพลางตำหนิอีกคนกลับ

“ทางเลือกของคนเรามีเสมอแพรวา…แต่คุณก็เลือกที่จะทำแบบนั้นพอเถอะอย่าพูดไปมากกว่านี้เลย” ราชันย์ว่าพร้อมกับก้าวเท้าออกไปแต่หญิงสาวก็ไม่วายตามมากอดร่างหนาเอาไว้แน่นจนคนที่ผ่านไปมาแถวนั้นเริ่มให้ความสนใจกับพวกเขาทั้งคู่

“ชันย์คะ! แพรยังรักคุณจริงๆ นะ!” แรงกอดรัดด้านหลังทำให้ราชันย์เลือกที่จะจับแขนของอีกฝ่ายให้คลายออกจากตนก่อนที่ชายหนุ่มผู้นั่งรอที่โต๊ะจะออกมาตามอีกฝ่ายและเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่เข้าให้

ชานนท์มองราชันย์ที่โดนผู้หญิงคนหนึ่งกอดด้วยความโมโห ร่างเล็กพยายามปรับอารมณ์ด้วยการถอนหายใจเพราะจะว่าไปแล้วเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวของราชันย์เลยแม้แต่น้อยก่อนที่ร่างเล็กจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาทั้งคู่ด้วยใบหน้าที่พยายามเหยียดยิ้มออกมา

“นนท์เห็นพี่ออกมานานแล้วกลัวว่าจะหนีกลับก่อนเพราะเรื่องที่เราคุยกันเมื่อกี้นนท์เลยมาตะ…!!” ไม่ทันที่ร่างเล็กจะทันได้พูดจบราชันย์ก็คว้าตัวชานนท์เอาไว้ก่อนจะทาบริมฝีปากลงกับริมฝีปากที่เผยอนั่นเพียงเสี้ยววินาที

ร่างเล็กของคนถูกฉกชิงริมฝีปากเบิกตากว้างอย่างตกใจแต่เพียงครู่ก่อนจะคล้อยตามรสจูบที่อีกฝ่ายมอบให้ ในขณะที่แพรวาได้แต่อ้าปากค้างยืนนิ่งเป็นหินมองการกระทำที่ไม่นึกคิดตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่จุกไปทั้งอก

“เผอิญตอนนี้ผมไม่ได้รักคุณแล้วนี่สิ! ทำไงดี?” ราชันย์ที่เพิ่งจะผละริมฝีปากออกจากอีกคนพูดขึ้น

“กรี้ดดดด!!!ๆๆๆ” แพรวาได้ยินดังนั้นก็กรีดร้องออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนที่ร่างสูงจะฉวยแขนของร่างเล็กและเดินฝ่าผู้คนออกไปในที่สุด

“นนท์รู้จักผู้หญิงคนนั้น” ร่างเล็กเอ่ยหลังจากที่ทั้งคู่เดินมาจนถึงที่จอดรถเป็นที่เรียบร้อยนับว่ายังดีที่ฝ่ายดาราหนุ่มสวมหมวกปิดบังใบหน้าของตัวเองเอาไว้ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์เมื่อครู่คงกลายเป็นข่าวดังแน่ๆ

“เธอเป็นอะไรกับพี่ราชันย์เหรอครับแล้วทำไมพี่ถึงได้…”

“ถ้ามีข่าวเกิดขึ้นผมจะปิดให้และขอโทษที่ทำแบบนั้น” ราชันย์ไม่ใส่ใจคำถามของนนท์เขาเดินไปยังรถของตัวเองก่อนที่คนข้างหลังจะวิ่งมาขว้างไว้

“นนท์ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…พี่บอกเองว่านนท์ไม่ใช่รสนิยมของพี่แต่ทำไมพี่ถึงเลือกหักหน้าคุณแพรวาด้วยการจูบกับผม” ร่างเล็กจ้องคนตรงหน้ากลับพลางส่งสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ

“พี่ปากแข็งไม่ยอมรับใช่มั้ยครับความจริงแล้วพี่เองก็ชอบนนท์ใช่มั้ย”

“มายังไง” ราชันย์เลือกที่จะยุติเรื่องบ้าๆ พวกนี้และคำถามที่เขาไม่อยากตอบด้วยการถามอีกฝ่ายกลับ นนท์มองหน้าร่างสูงอย่างไม่เข้าใจหากแต่สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะปล่อยเรื่องของตนเองไว้แบบนั้น

“ผู้จัดการมาส่ง” นนท์ตอบด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

“งั้นก็ขึ้นรถเดี๋ยวจะไปส่ง” ราชันย์บอกก่อนจะกดปลดล๊อกPorsche Boxster ของตนจนนนท์ที่มองตามเสียงนั้นไปเบิกตากว้างด้วยความตกใจทันทีที่ได้เห็นก่อนจะตกปากรับคำอีกฝ่ายด้วยการพยักหน้ากลับอย่างไม่รีรอ

ร่างสูงมองดาราหนุ่มที่นั่งข้างๆ ด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา เรื่องราวทุกอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างตัวเขากับชายหนุ่มร่างบางอีกคน ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้วหลังจากที่สิ้นคิดจูบกับคนข้างๆ ไปเมื่อกี้ว่า…ความรู้ที่ได้สุดท้ายก็ต่างกัน

****************************

แฟร์ตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวเพื่อนำไปทำบุญตักบาตรกับพระอาจารย์ที่มักจะเดินผ่านหน้าบ้านของเขาอยู่เสมอก่อนที่ร่างบางจะลงมือรดน้ำต้นไม้ในช่วงสายของวันที่รู้สึกแปลกๆ เมื่อจะต้องเริ่มงานอีกทีก็ตอนบ่ายสองเขาจึงเหลือเวลาให้ได้ทำอะไรอีกมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะถ้าหากตอนนี้เขายังทำงานอยู่กับนนท์บางวันก็ต้องค้างเสียที่กองถ่ายหรือไม่ก็ต้องเดินทางไปโน้นมานี่จนหาหลักแหล่งไม่เจอก็มี

ร่างบางอาบน้ำแต่งตัวหลังจากทำทุกอย่างที่วางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานเสร็จก่อนที่แฟร์จะเดินออกไปโบกรถเมล์หน้าปากซอยเพื่ออาศัยมันไปยังบริษัทของราชันย์ทันที

ที่ทำงานแฟร์พบกับมินตราอีกครั้งตรงหน้าลิฟต์หญิงสาวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดออกมาน้ำเสียงห้วน

“ทำไมเราถึงมาเอาป่านนี้ล่ะ!”

“ก็คุณราชันย์เขาให้ผมเข้างานเวลานี้นี่ครับ” แฟร์ตอบพลางมองเธอกลับอย่างนึกสงสัย

“อ้าวเหรอ? วันนี้งานยุ่งซะด้วยสิพี่น่ะไปเคาะห้องคุณราชันย์ตั้งหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ขานรับหรือจะไม่มาทำงานนะแต่รถก็จอดไว้ที่นี่นี่นา” หญิงสาวเปลี่ยนท่าทีที่ดูจะอารมณ์เสียก่อนหน้านั้นไปพร้อมกับบ่นพึมพำราวกับใช้ความคิดอยู่กับตัวเองออกมา

“แล้วพี่มินลองเข้าไปดูเขาเหรอยังครับ”

“ยังเลยคุณราชันย์น่ะเขาไม่ชอบให้ใครเข้าไปในห้องนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตหรอกนะ”

'แล้วที่เขาได้ทำงานพวกนั้นล่ะมันคืออะไร**!**'

ร่างบางถึงกับฉุกคิดขึ้นก่อนที่เขาจะอาสาไปดูอีกฝ่ายให้กับมินตรา

“งั้นเดี๋ยวผมไปดูเขาให้”

“แฟร์จะเข้าไปเลยเหรอพี่ว่ามันไม่ดีมั้ง” หญิงสาวทำหน้าหนักใจ

“ถ้างั้นงานพี่ก็จะไม่เสร็จนะครับ”

“จริงสิ! งานนี้เร่งด่วนซะด้วยเพราะเราต้องรีบติดต่อเจ้าของบริษัทที่จะไปคุยธุรกิจด้วยพรุ่งนี้” มินตราเอ่ยเสียงสลด

“เอาตามนี้แหละครับไว้หากเขาตำหนิผมจะยอมรับผิดเอง” ร่างบางย้ำคำกลับ

“ลำบากแฟร์เลยนะแต่ก็ขอบใจมากงั้นเดี๋ยวพี่ขอไปทำงานที่ค้างไว้ก่อนได้เรื่องยังไงบอกพี่ด้วยนะ”

“ครับ” พูดเสร็จร่างระหงก็เดินตัวปลิวกลับแผนกของตัวเองไปเช่นเดียวกับแฟร์ที่เดินเข้าลิฟต์เพื่อตรงไปยังห้องของร่างสูงเจ้าปัญหาของวันนี้ทันที

.....มีต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.7 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 21-07-2017 18:56:23

ต่อค่ะ....



มือเล็กเคาะลงบนประตูบานใหญ่อยู่หลายครั้งแต่จนแล้วจนรอดเจ้าของห้องก็ไม่ปริปากเอ่ยอนุญาตออกมาแต่อย่างใด จนแฟร์ที่เริ่มจะเจ็บมือตัดสินใจบิดลูกบิดที่ปรากฏว่ามันไม่ได้ล๊อกเข้าไปในห้องทำงานของราชันย์

ทันทีที่ร่างบางเดินเข้ามาก็ต้องตะลึงกับสภาพห้องตรงหน้า ข้าวของทุกอย่างเกลื่อนกลาดราวกับถูกเทกระจาดจนแฟร์ถึงกับขมวดคิ้ว กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งชวนให้ปวดหัวเสียจนเขาต้องก้าวเท้าออกจากจุดที่ยืนอยู่และตรงไปยังต้นตอของกลิ่นที่แตกกระจายอยู่บนพื้นไม่ห่างจากโซฟาเนื้อดีมากนัก

ของเหลวสีอำพันที่เจิ่งนองบนพื้นเฉอะแฉะเป็นรอยเท้าและหายเข้าไปหลังบานประตูข้างๆ ร่างบางมองตามรอยก้าวเท้าตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจและเดินไปเปิดประตูของเข้าห้องดังกล่าวเข้าไปทันที

แฟร์เดินผ่านเตียงนอนขนาดใหญ่ในห้องที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นสาปของแอลกอฮอล์เช่นเดียวกับข้างนอก ร่างบางเหลือบมองไปยังเงาตะครุ่มของใครบางคนที่นอนอยู่ด้านบนก่อนจะเอื้อมมือออกไปเปิดผ้าม่านสีทึบที่บดบังแสงแดดไม่ให้สาดเข้ามาแม้ว่าตอนนี้จะเลยเวลาบ่ายคล้อยไปแล้วแต่สภาพภายในห้องนอนก่อนหน้านี้ยังคงมืดคล้ายกับเวลาหัวค่ำไม่มีผิด

ร่างสูงบนเตียงส่งเสียงงึมงำในลำคอเมื่อแสงจากข้างนอกกระทบเข้ากับเสี้ยวหน้าที่พ้นหมอนใบใหญ่ออกมาเข้าให้ แฟร์มองข้าวของภายในห้องที่เกลื่อนกลาดไม่ต่างจากด้านนอกอย่างมีน้ำโหก่อนจะก้าวขึ้นเตียงพร้อมกับเขย่าแขนร่างสูงกลับไป

“คุณ! คุณ! ตื่นได้แล้ว”

ราชันย์ชักแขนตัวเองกลับก่อนจะยกหมอนขึ้นปิดหูราวกับอยากจะหนีจากการปลุกของคนข้างๆ

“คุณนี่มันกี่โมงแล้ว! น้ำท่าก็ไม่อาบ!! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้แล้วมาคุยกันให้รู้เรื่องว่าสภาพห้องพวกนี้คุณแกล้งผมใช่มั้ย!!” ร่างบางไม่ยอมแพ้เขย่าตัวราชันย์อย่างไม่นึกกลัวกลับ แฟร์คิดว่าสภาพห้องทั้งหมดที่เห็นเป็นผลมาจากอาหารรสชาติมหาประลัยที่ตัวเขาเอาคืนโดยการบีบน้ำปลาใส่ลงไปกว่าครึ่งขวดเมื่อวานเป็นแน่!

“อย่ามายุ่งกับกู!!” ราชันย์ออกแรงผลักจนแฟร์ที่ไม่ทันได้ฉวยอะไรเอาไว้หงายหลังตกจากเตียง

ตุ้บ!!

“โอ้ย!!! ซี้ดดด!!!” ร่างบางร้องออกมาด้วยความเจ็บ

ราชันย์เปิดหมอนขึ้นเพียงนิดก่อนจะใช้นัยน์ตาสีดำมองสภาพของคนข้างล่างเตียงแต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ปิดหมอนลงอีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจ

แฟร์มองราชันย์อย่างโกรธเคือง เขาไม่เคยต้องโมโหกับอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่เคยเจอแม้กระทั่งคนที่ทำให้เขาอารมณ์เสียได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากันแบบนี้เลยสักคนเดียว!

ร่างบางยันตัวเองลุกขึ้นพลางลูบไปยังแขนที่เจ็บเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ก่อนที่สายตาของเขาจะสบเข้ากับเศษกระจกที่แตกอยู่ข้างๆ เตียงนอน มันเป็นเศษกระจกจากกรอบรูปที่มีภาพของคนสองคนยืนโอบกอดส่งยิ้มให้กับกล้องโดยมีพื้นหลังของภาพเป็นหาดทรายสีขาวสะอาดกับน้ำทะเลสีฟ้าใสที่ไหนสักแห่ง

แฟร์ขยับตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะเพ่งไปยังภาพถ่ายดังกล่าวด้วยหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ผู้ชายในภาพคือราชันย์ที่ยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุขกับผู้หญิงในอ้อมกอดของเขาที่มีดีกรีเป็นถึงนางแบบสาวรวยเสน่ห์ที่ได้ห่างหายจากวงการไทยและโกอินเตอร์ไปเมื่อไม่นานมานี้เอง

“แพรวา…” ร่างบางพึมพำออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าดารานางแบบสาวที่ตัวเองเคยติดตามผลงานอย่างคลั่งไคล้สมัยยังเรียนอยู่มหา'ลัย จะเคยคบหาอยู่กับผู้ชายร้ายกาจคนนี้

แฟร์เอื้อมมือออกไปหมายจะหยิบรูปนั้นขึ้นมาแต่แล้วมือหนาของคนด้านบนก็ฉวยมือเรียวนั้นเอาไว้เสียก่อน

“อย่ายุ่งกับของของกู!!”

“อ่ะ!!” ร่างบางหลุดปากร้องออกมาเมื่อเศษกระจกที่เกลื่อนกลาดบนพื้นบาดเข้ากับปลายนิ้วของเขาอย่างจัง

แฟร์รีบชักมือกลับก่อนจะมองไปยังบาดแผลของตนที่มีเลือดไหลออกมาด้วยใบหน้านิ่ว

“เอามาให้กูดู” ราชันย์มองท่าทีของอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ไม่ต้อง! แผลเล็กนิดเดียว” แฟร์บอกปัดพลางหลบหลีกมือหนาตรงหน้าที่หมายจะคว้ามือของเขาไปมาอย่างนึกหวง

“เอามาให้กูดู!!” ร่างสูงตวาดเสียงดุก่อนจะฉวยดึงมือเรียวของร่างบางไปทันที

“ผมบอกว่าไม่ต้องไง! ซี้ดดด” สิ้นเสียงแฟร์ก็ต้องนิ่วหน้าอีกครั้งเมื่อราชันย์บีบมือของเขาไม่ให้ชักกลับเอาไว้แน่น

“เจ็บแล้วยังปากแข็ง!” ร่างสูงต่อว่าก่อนที่เขาจะใช้ดวงตาสีดำคู่นั้นจดจ้องไปยังบาดแผลบนนิ้วชี้ข้างขวาของแฟร์ไม่วาง

เมื่อมองดูบาดแผลของคนตรงหน้าอย่างหนำใจร่างสูงที่ดูเหมือนขาดสติก็ครอบริมฝีปากของตนลงบนนิ้วนั้นของแฟร์ทันทีพร้อมกับดูดดึงราวกับกำลังลิ้มลองของหวานที่ถูกใจจนร่างบางที่นิ่งอึ้งไปเบิกตาโพรงเพราะตกใจกับการกระทำของคนตรงหน้า

“คุณทำบ้าอะไร!!!” แฟร์ตวาดก่อนจะออกแรงชักมือกลับมาอีกครั้ง

“ห้ามเลือด” ราชันย์ตอบหน้าตายเขาไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไปหรือนี่เป็นเพียงฤทธิ์ของแอลกอฮออล์ที่ยังคงค้างในกระแสเลือดของเขาจากเมื่อวานกันแน่นะ!

“ผ้าก็ตั้งเยอะทิชชู่ก็มีผมห้ามเองได้!” แฟร์ลุกพรวดก่อนจะก้าวหนีอีกคนออกจากห้องแต่แล้วราชันย์ก็เอ่ยคำพูดหนึ่งกักจังหวะก้าวเท้าของเขาเอาไว้เสียก่อน

“รังเกียจ?”

แฟร์หันกลับไปมองใบหน้าของคนเพิ่งตื่นอีกครั้ง สภาพที่น้อยคนนักจะได้เห็นช่างดูผิดแปลกไปจากราชันย์ที่เขาเคยเจอมาทุกครั้ง

ร่างสูงบนเตียงที่ใช้ดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องเขาราวกับอยากได้คำตอบจากคำถามเมื่อครู่ช่างดูเหมือนกำลังเก็บงำความทุกข์อะไรสักอย่างเอาไว้จนแฟร์รู้สึกได้จากแววตาของเขาที่มองทอดมา

“คุณไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวผมจะทำความสะอาดห้องแล้วจะทำอะไรให้ทาน”

แฟร์พูดทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นก่อนจะรีบเดินออกจากห้องมาด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นระส่ำ ร่างบางมองดูบาดแผลบนนิ้วของตัวเองด้วยใบหน้าที่เห่อร้อนก่อนจะพยายามไล่เหตุการณ์บ้าๆ เมื่อครู่ออกจากหัว

เสียงน้ำด้านในที่ดังผ่านประตูห้องนอนที่ปิดไม่สนิทออกมาทำให้ร่างบางรู้ว่าราชันย์ได้ลุกออกจากเตียงและกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ เขาจึงหยุดความคิดที่เริ่มจะฟุ้งซ่านก่อนจะเริ่มลงมือเก็บกวาดห้องตรงหน้าทันที

****************************

“ไข่เจียว?” ราชันย์ที่นั่งลงบนโต๊ะทานข้าวหลังจากทำธุระทุกอย่างจนเสร็จเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอาหารตรงหน้า

“ครับ” แฟร์ตอบพลางมองอีกฝ่ายกลับ

“อีกแล้ว?” ร่างสูงย้ำ

“ก็ในตู้เย็นของคุณมันไม่มีอะไรเลยนอกจากไข่นี่ครับ พวกเครื่องแกงก็ไม่มี ซอสปรุงรสก็แทบหาไม่เจอแล้วผมจะทำอะไรได้มากกว่านี้อีก” แฟร์พูดพลางเดินไปทำความสะอาดโต๊ะทำงานของราชันย์ต่อ

“แล้วทำไมไม่ไปซื้อ” ร่างสูงเอ่ยกลับก่อนที่ร่างบางของคนที่เขาพูดด้วยจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของห้องอย่างสงสัย

“นั่นก็เป็นหน้าที่ผมด้วยเหรอครับ” แฟร์ถามเมื่อไม่รู้

“ฉันควรทำความเข้าใจกับนายใหม่มั้ย นี่มันงานของนายทั้งหมดหรือเมื่อวานนายไม่เก็ทกับสิ่งที่ฉันพูด” ราชันย์เค้นว่าจนแฟร์หน้าเจือนลงไปทันที

“ก็ผมไม่รู้นี่นา” ร่างบางพูดเสียงอ้อมแอ้ม

“ไม่รู้แล้วทำไมถึงไม่ถาม” ราชันย์ตำหนิอีกฝ่ายเสียงเข้ม

“ผมขอโทษ” เมื่อไม่รู้ว่าควรทำยังไงแฟร์จึงเลือกกล่าวขอโทษอีกฝ่ายกลับไปแทน

บางทีร่างบางก็อาจจะยังสับสนระหว่างชื่อตำแหน่งและลักษณะงานแต่ตอนนี้แฟร์รู้ดีแล้วว่าตำแหน่งของเขามันไม่ใช่เลขานุการอีกต่อไปหากแต่เขาเป็น พ่อ(แม่) บ้านของราชันย์ดีๆ นี่เอง

“ชงกาแฟให้ฉันก็พอส่วนอาหารพวกนี้เททิ้งให้หมด” เมื่อเห็นใบหน้าที่คิดหนักของแฟร์ราชันย์จึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะบอกอีกฝ่ายกลับไปเพียงเท่านั้น

“ผมรู้ว่าผมผิดแต่คุณจะไม่ทานมันสักนิดเลยเหรออาหารเมื่อวานของผมคุณก็ไม่ทานแล้วยังงี้คุณจะให้ผมทำมันไปทำไม” คนรับคำสั่งทำหน้าไม่พอใจเมื่อถูกอีกฝ่ายสั่งกลับมาแบบนั้นเพราะเมื่อครู่ที่ร่างบางทำความสะอาดอาหารบนโต๊ะของเมื่อวานก็ดันเสียโดยไม่มีร่องรอยของการทานมันเลยแต่อย่างใด

“หึ! อาหารเมื่อวาน? นั่นมันเรียกว่าอาหารได้ด้วยเหรอ!” ราชันย์ลุกพรวดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายจุดชนวนเรื่องที่ยังค้างคาใจของเขาออกมาก่อนจะย่างสามขุมตรงไปหาร่างบางโดยเร็ว

แฟร์ถดตัวหนีเมื่อนึกขึ้นได้ว่ากำลังแหย่หนวดเสือเข้าให้ ร่างบางนึกว่าตัวเองในใจอย่างบ้าคลั่งที่ปากเร็วและไม่คิด ก่อนที่คนเป็นนายจะโน้มตัวลงมาพร้อมกับเท้าแขนกับโต๊ะทำงานโดยมีเขาอยู่ในอ้อมแขนเอาไว้เรียบร้อย

“ว่าไง! ไอ้สารพัดเมนูไข่ของนายเมื่อวานมันเรียกว่าอาหารได้ด้วยเหรอ!” ราชันย์ถามก่อนที่แฟร์จะเอาแต่ปิดปากเงียบ

“กูถาม!!” ร่างสูงตะคอกกลับจนแฟร์หลับตาปี๋

“ผมก็แค่แกล้งเอาคืนคุณเท่านั้นเอง!!”

“ปัญญาอ่อนแค่ไหนแต่ถ้ารสชาติมันเหี้ยได้ถึงขนาดนั้นเป็นใครก็กินไม่ได้หรอก!!” ร่างสูงสาดคำหยาบกลับอย่างโทสะ

“ผมขอโทษ” แฟร์ได้ยินดังนั้นก็สะอึก เขาไม่คิดเลยว่าผู้ชายตรงหน้าจะอารมณ์ร้ายได้ถึงขนาดนี้

ซึ่งเรื่องนี้เขาผิด! เขาเองรู้ตัวดีเพียงแต่ตอนนี้แฟร์ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อไป!

ราชันย์มองใบหน้าสลดของคนตัวเล็กกว่าอย่างนึกขำ แม้ร่างสูงจะพ่นคำพูดร้ายกาจออกมาแค่ไหนแต่ที่ทำไปมันไม่ได้เป็นความจริงเลยสักนิดเดียวเพราะเขาเอง...

ก็แค่อยากจะแกล้งแฟร์กลับบ้างก็เท่านั้น**!**

“อ่ะ!! คุณจะทำอะไร!” แฟร์ร้องเหวอพลางดิ้นเมื่อจู่ๆ มือแกร่งก็แบกตัวเขาขึ้นนั่งบนโต๊ะทำงานก่อนที่ราชันย์จะใช้มือขวาโอบรัดรอบเอวของเขาเอาไว้แน่นส่วนมือซ้ายก็เท้าไว้บนโต๊ะราวกับเป็นกรงขังไว้ไม่ให้หนี

“ที่บอกว่าแกล้งเอาคืนนั่นเรื่องไหน? เรื่องที่กูจับมึงผิดตัวหรือเรื่องที่กูให้มึงมาทำงานที่นี่” ร่างสูงกระซิบถาม

“คุณราชันย์คุณถอยออกไปก่อน!” แฟร์ไม่สนใจคำถามของอีกฝ่ายเจ้าตัวได้แต่พยายามดันแผงอกแกร่งให้ห่างออกไปไม่หยุด

“ตอบกูมา” ราชันย์เอ่ยเสียงเย็นเยียบจนคนได้ยินขนลุก แฟร์หยุดการกระทำของตัวเองลงก่อนจะจ้องอีกฝ่ายแล้วตอบกลับไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ไม่มีเรื่องไหนทั้งนั้นแหละ! แต่แกล้งก็คือแกล้งผมเองก็ขอโทษคุณไปแล้วไง”

“หึ! ถ้าอย่างงั้นกูก็แกล้งมึงกลับได้ใช่มั้ย” ราชันย์แสยะยิ้มร้ายจนแฟร์นึกเสียวสันหลัง แต่ก่อนจะทันได้ตั้งตัวร่างสูงก็รวบคนตัวเล็กเข้าไปกอดแน่นพร้อมกับลงมือปลุกปล้ำจนแฟร์ต้องร้องห้าม

“ปล่อยผมนะ! อ่ะ! อย่า!!” ราชันย์ก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวของแฟร์อย่างไม่ออมมือ แรงต่อต้านของร่างบางเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ร่างสูงฝังรอยเขี้ยวลงไปราวกับอยากจะประกาศความเป็นเจ้าของก่อนที่มือหนาจะล้วงเข้าไปใต้ร่มผ้าเพื่อหยอกล้อเล่นกับตุ่มไตเล็กบนหน้าอกของร่างบางอย่างผู้ชำนาญ

“คุณราชะ…!!!” แฟร์เบิกตาโพรงเมื่อริมฝีปากของเขาถูกคนตรงหน้าฉกชิงไปอีกเป็นครั้งที่สอง

ลิ้นร้อนของราชันย์กวาดต้อนลิ้นเล็กที่ยังบังคับมันอย่างไม่รู้ประสาจนร่างบางเริ่มระทวย คนตัวสูงเคลื่อนมือขึ้นจับท้ายทอยของแฟร์เอาไว้มั่นก่อนจะส่งจูบหนักๆ กลับไปให้คนอ่อนหัดอีกครั้งจนลมหายใจของแฟร์แทบขาดห้วง

ริมฝีปากสีคล้ำเคลื่อนเก็บเกี่ยวความหอมหวานที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตอย่างช้าๆ พลางหยอกล้ออีกฝ่ายด้วยการแกล้งกัดริมฝีปากเล็กกลับไปอย่างหมั่นเขี้ยวจนแฟร์ถึงกับสะดุ้งโหยง

“อ่ะ!! อื้ออออ!” ร่างบางส่งเสียงเล็ดลอกออกมาก่อนจะมองผ่านเสี้ยวหน้าของราชันย์อย่างไม่เข้าใจ

มือเล็กที่แต่เดิมเขาใช้มันเพื่อป้องกันตัวเองโดยการดันแผงอกแกร่งตรงหน้าเอาไว้กลับไร้แรงขัดขืนขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อบทจูบที่เริ่มต้นด้วยความดิบเถื่อนและเร้าร้อนกลับกลายเป็นความอ่อนโยนที่อีกคนพยายามจะมอบให้

ปัง!

“กรี๊ดดดด!!!” เสียงที่ดังจากทางประตูห้องทำให้คนทั้งคู่หลุดออกจากภวังค์ความหอมหวานโดยฉับพลัน

“แพรวา!/คุณแพรวา!” ราชันย์และแฟร์เอ่ยขึ้นหลังจากผละออกจากกันก่อนที่หญิงสาวจะถลาตรงเข้ากระชากร่างบางออกจากอกของราชันย์และตามด้วย…!!

เพี้ยะ!!

มือเล็กตวัดตบลงบนแก้มใสของแฟร์เต็มแรงจนอีกฝ่ายหน้าหัน ราชันย์ตรงเข้าห้ามทันทีเมื่อแพรวาดูท่าจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ เพราะฝ่ายนั้นพยายามทึ้งผมและลงแรงทุบตีแฟร์กลับไปในเวลาเพียงเสี้ยวนาทีหลังจากถูกตบ

“หยุดเดี๋ยวนี้!! ผมบอกให้หยุด!!!” ร่างสูงพยายามรวบตัวนางแบบสาวที่สูงกว่าร้อยเจ็ดสิบสี่เซนติเมตรออกจากร่างของแฟร์ที่ไม่คิดแม้แต่จะโต้ตอบเลยแม้แต่น้อย

“แก! แกใช่มั้ยที่แย่งชันย์ไปจากฉัน!! ปล่อยนะชันย์! แพรจะตบมัน! แพรจะตบสั่งสอนความร่านของมัน!!”

“หยุดเดี๋ยวนี้แพร!!” ราชันย์ตวาดห้ามก่อนจะผลักหญิงสาวร่างระหงลงไปกองกับพื้น

“ทำไมชันย์ถึงทำกับแพรแบบนี้!!!” แพรวากรี๊ดลั่นก่อนราชันย์จะไม่สนใจและเดินเข้าไปหาแฟร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลก่อนพนักงานแผนกบุคคลอย่างมินตราจะวิ่งเข้ามาในห้องอย่างเหนื่อยหอบ

“มะ…มินพยายามห้ามแล้วค่ะคุณราชันย์ตะ…แต่คุณแพรวาเธอไม่ยอมหยุดเลย” มินตราพูดตะกุกตะกักเพราะต้องเว้นช่วงหายใจเนื่องจากเธอพยายามวิ่งขึ้นบันไดมาเพื่อหวังสกัดกั้นแพรวาเอาไว้ก่อนแต่กลับไม่ทันการณ์

“เป็นไรหรือเปล่า” หลังจากทราบเรื่องจากคนมาใหม่ราชันย์ก็หันกลับมามองหน้าแฟร์ที่มีเลือดซึมออกจากมุมปากพลางถามขึ้น

แฟร์ส่ายหน้ากลับก่อนจะเอาแต่ก้มหน้าลงจนแพรวาที่พยายามลุกขึ้นถลาเข้าหาตัวเขาอีกรอบ

“หน้าด้าน! วิปริต! ไม่มีปัญาหาผัวเองหรือไงถึงได้มาแย่งคนของคนอื่นเขาแบบนี้!!” หญิงสาวต่อว่าก่อนจะฟาดมือลงบนเสี้ยวหน้าของแฟร์อีกครั้ง

“หยุดแพรวา!!” ราชันย์รวบตัวนางแบบสาวก่อนที่เธอจะเอาแต่ด่ากราดออกมาไม่ลดละ

“ฉันเกลียดแก!! ไอ้เกย์หน้าไม่อาย ไอ้ผิดเพศ!!”

ตุ้บ!!

“โอ้ย! แพรเจ็บนะชันย์!!” แพรวาหลุดปากร้องออกมาเมื่อราชันย์ทิ้งตัวเธอลงบนโซฟาอย่างไม่ออมแรงก่อนร่างสูงจะชี้หน้าและหมายหัวกลับไป

“ถ้าไม่หยุดอย่าหาว่าผมใจร้ายนะแพรวา!!”

คนถูกว่ากัดปากพลางจ้องแฟร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของราชันย์กลับอย่างเอาเรื่อง ร่างสูงถอนหายใจพลางเสยผมอย่างคิดหนักก่อนจะเอ่ยปากบอกมินตราที่มองเหตุการณ์ด้วยความอึ้งอยู่นานขึ้น

“มินตราคุณพาแฟร์ออกไปก่อน” เสียงทุ้มดังขึ้นหากแต่พนักงานสาวยังคงมีทีท่าเมินเฉยจนเขาต้องขึ้นเสียง

“คุณมินตรา!!”

“ค่ะ…คะ?” มินตราขานรับราวกับถูกกระชากออกจากภวังค์

“พาแฟร์ออกไปก่อน” ราชันย์สั่ง

“ค่ะ” ร่างระหงของพนักงานสาวขานรับคำสั่งก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างบางที่ยืนนิ่งเป็นหินราวกับคนตกใจพลางบอกให้แฟร์เดินตามเธอออกไปท่ามกลางดวงตาสีดำที่จ้องมองไปยังแผ่นหลังเล็กนั้นอย่างไม่วางตาจนกระทั่งอีกฝ่ายก้าวผ่านประตูออกจากห้องนี้ไปในที่สุด


TBC.....
--------------------------------------------

อ๋อยยยยยยย อีเฮียรุกหนักมากค่ะ อาจจะรุกแบบเถื่อนๆ ไปบ้าง
แต่แกก็มีเค้าว่าจะคิดอะไรกับน้องแฟร์ของเราแล้วนะ
น้องแฟร์ก็เกือบไม่รอดจากเงื้อมือเฮียแกละ
#ดีมั้ยที่แพรวาเข้ามาขัด ฮาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.7 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 21-07-2017 22:08:05
รอบๆตัวของชันย์ ไม่ได้มีคนดีเลยที่จริงชันย์เหมาะกับแพรวามากกว่านะ  ผีกับโลงมันของคู่กัน
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.7 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Gato88 ที่ 22-07-2017 03:10:05
แฟร์ นี่ดีเกินไปอะ เห้อออออออ :katai4:

รออ่านต่อน้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.8 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 22-07-2017 09:07:53


CHAPTER  8



แฟร์เดินตามมินตราเข้ามาในแผนกบุคคลก่อนที่พนักงานประจำแผนกนี้อย่างเธอจะหาเก้าอี้ให้เขานั่งพลางเปิดตู้เย็นเพื่อเอาน้ำแข็งในถาดที่ถูกแช่เอาไว้ออกมาห่อด้วยผ้าขนหนูสีขาวและยื่นมันให้เขาด้วยใบหน้าเป็นห่วง

“เจ็บมากมั้ยแฟร์” มินตราถามก่อนจะนั่งลงข้างๆ เขา

“นิดหน่อยครับ”

“แล้วเป็นไงมาไงยัยดารานั่นถึงได้ทำร้ายแฟร์ล่ะ” คนแก่กว่าถามกลับก่อนที่สมองของร่างบางจะฉายภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ขึ้นมาอีกครั้ง

แฟร์ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงได้เผลอไผลไปกับรสจูบของราชันย์ เขาพลาดมากที่ยอมให้อีกฝ่ายฉกชิงริมฝีปากไปอีกครั้งจนเกิดเรื่องเมื่อครู่ขึ้น

“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะครับ” แฟร์ตอบก่อนจะทาบผ้าขนหนูที่มีก้อนน้ำแข็งอยู่ด้านในลงบนมุมปากตัวเองเบาๆ

บทสนทนาของทั้งคู่สร้างความสนใจให้กับคนในแผนกเป็นอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้นคนที่นี่ก็รู้ดีว่าเรื่องเจ้านายเป็นอะไรที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งพวกเขาจึงเลือกที่จะนั่งอยู่กับที่และไม่รับรู้อะไรเสียจะดีกว่าเว้นแต่มินตราที่ทำงานมานานกว่าเจ็ดปีเธอจึงเป็นเหมือนคนสนิทอีกคนของราชันย์แถมยังรู้เรื่องเขามากกว่าคนอื่นๆ อีกด้วย

“แต่ดูท่ายัยนั่นจะโมโหมากเลยนะแถมยังด่าเราเสียๆ หายๆ ด้วยตกลงนี่เราไม่ได้มีอะไรกับคุณราชันย์ใช่มั้ย” มินตราถามเมื่อคำด่ากราดของแพรวายังดังก้องอยู่ในหูเธอไม่หาย

แฟร์ทำหน้าคิดหนักเมื่อเจอคำถามนี้เข้า จะว่ามีก็ไม่มีแต่จะว่าไม่มีก็เหมือนมี ร่างบางจึงไม่รู้ว่าแท้จริงการกระทำของพวกเขาทั้งคู่เมื่อกี้เรียกว่าอะไรกันแน่

“คะ…ครับ” แฟร์ตอบกลับเสียงอ่อนเมื่อคิดหาคำตอบไปมาอยู่เกือบครึ่งนาทีก่อนที่มินตราจะสบถเรื่องหนึ่งออกมาจนเขาสงสัย

“เฮ้อ…เหตุการณ์แบบนี้ไม่เห็นมานานแค่ไหนแล้วนะ”

“หมายความว่าไงเหรอครับ”

“ก็ที่ยัยนั่นอาละวาดไงเมื่อสามปีก่อนก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกันทำเอาพวกพี่รู้เลยว่าดาราคนนี้ร้ายกาจแค่ไหน” มินตราสาธยาย

“เธอเคยคบกับคุณราชันย์เหรอครับ” แฟร์ถามเมื่อรูปภาพที่เขาเห็นในห้องนอนของราชันย์ไม่สามารถคิดไปในทางอื่นได้อีกนอกเสียจากเรื่องนี้

“ใช่คบกันนานมากเลยนะได้ยินมาว่าเกือบห้าปีแน่ะแต่ที่ไม่เคยตกเป็นข่าวก็เพราะพวกเขาทั้งคู่ระวังตัวมากยังไงล่ะ”

“แล้วทำไมพวกเขาถึงได้…” แฟร์ที่นั่งฟังสิ่งที่มินตราพูดอย่างใจจดใจจ่อพยายามเอ่ยถามอีกคนกลับไปอีกครั้ง

“ถึงได้เลิกกันน่ะเหรอ” ร่างบางพยักหน้ารับ

“เรื่องนี้พี่ก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกันแต่เคยได้ยินมาว่ายัยแพรวาน่ะอยากโกอินเตอร์เลยไปรับงานของบริษัทคู่แข่งคุณราชันย์พวกเขาก็เลยทะเลาะกันแล้วก็เลิก”

“แค่นี้น่ะเหรอครับ” แฟร์เอ่ยเมื่อสิ่งที่อีกคนบอกมันดูหละหลวมจนไม่น่าเอามาเป็นเหตุผลหลักในการเลิกกันของคนที่คบกันมากว่าห้าปีได้

“ไม่รู้เหมือนกันแต่พี่รู้มาแค่นี้แหละ” หญิงสาวตอบก่อนที่เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะของเธอจะดังขึ้น

“ค่ะ…ค่ะ…ได้ค่ะ…เดี๋ยวมินจะบอกแฟร์ให้นะคะ” มินตราวางโทรศัพท์ลงหลังจากพูดกับปลายสายเสร็จแล้ว

“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่มิน” แฟร์ถามเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองในบทสนทนาเมื่อครู่ก่อนที่มินตราจะบอกเรื่องที่เพิ่งจะได้รับมาจากอีกฝ่ายให้เขาได้รู้ออกไป

“คุณราชันย์โทรมาบอกน่ะว่าวันนี้ให้แฟร์กลับบ้านได้เลยส่วนพรุ่งนี้ก็ให้รอโทรศัพท์จากเขาก่อนแล้วค่อยมาทำงานนะ” แฟร์ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมทำตามสิ่งที่คนเป็นนายสั่งแต่โดยดี

“อ่อ…ได้ครับ” ร่างบางตอบรับคำก่อนที่เขาจะขอตัวกลับบ้านไป




หลังจากวางสายจากพนักงานแผนกบุคคลของตน ราชันย์ที่เอาแต่เงียบก็ตัดสินใจใช้นัยน์ตาคมคู่นั้นมองไปยังหญิงสาวที่จ้องเขากลับอยู่ก่อนหน้านี้แล้วจากโซฟาตัวใหญ่ในส่วนของห้องรับแขกก่อนที่คนตัวสูงจะเอ่ยเสียงทุ้มออกไป

“มาทำไม”

“แพรก็มาหาคุณน่ะสิคะ! คุณเปลี่ยนไปมากนะชันย์เปลี่ยนไปแม้กระทั่งรสนิยม!!” เมื่ออีกคนเหมือนจะเปิดโอกาสแพรวาก็พล่ามออกไปแทบจะทันทีก่อนที่ดารานางแบบสาวคนนี้จะลุกขึ้นก้าวชับๆ เดินไปหาร่างสูงด้วยท่าทีเอาเรื่อง

“ผมก็เป็นของผมแบบนี้” ราชันย์ตอบ

“โกหก! คุณไม่เคยชอบผู้ชาย…หรือตอนนี้คุณกลายเป็นเกย์ไปแล้ว!!” แพรวาพยายามจะเถียงแต่แล้วจู่ๆ เธอก็เกิดไม่มั่นใจอดีตคนรักอย่างราชันย์ขึ้นมาก่อนจะปริปากถามกลับไป

“ก็แล้วแต่คุณจะคิด” ร่างสูงที่เบื่อหน่ายจะพูดทำท่าว่าจะเดินออกไปแต่แล้วแพรวากลับฉวยกอดเขาไว้จากทางด้านหลังแทน

“ไม่นะชันย์! เรื่องนี้แพรผิดเองคุณอย่าเป็นเกย์เลยนะแพรขอโทษคราวหลังหากคุณต้องการแพรจะมาหาเองคุณจะได้ไม่ต้องพึ่งพวกนั้นเพื่อแก้ขัดอีกแพรพร้อมสำหรับคุณเสมอขอแค่คุณเอ่ยปากบอกแพรก็จะสนองให้คุณทุกอย่าง” หญิงสาวพรั่งพรูคำพูดเชื้อเชิญให้เขาจนราชันย์ถึงกับแสยะยิ้มก่อนร่างสูงจะจับมือของแพรวาให้คลายออกและหันไปโน้มตัวลงจ้องเธอกลับพลางคว้าเอาต้นแขนของเธอมาถือเอาไว้

“สำคัญตัวผิดไปมั้ยแพรผมไม่ได้อดอยากถึงขนาดต้องกลับไปกินน้ำพริกถ้วยเก่าแบบคุณหรอกเพราะถ้าผมอยากมีอะไรกับใครสักคนแม้แต่ผู้ชายด้วยกันขอคลำดูแล้วมีรูผมก็ยอมทำกับเขาดีกว่าต้องทำกับคุณเป็นไหนๆ” ราชันย์เอ่ยคำพูดเสียดแทงเสียงเรียบทำเอาแพรวาที่ทำหน้าเคลิ้มเพราะคิดว่าเขาจะใจอ่อนถึงกับอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยิน

“ชันย์!!! คุณพูดแบบนี้กับแพรได้ยังไง! น่าเกลียดที่สุด!!” แพรวาตวาดเสียงแหลมก่อนที่ชายหนุ่มเจ้าของห้องจะสวนกลับทันควัน

“เกลียดมากก็ออกไปเพราะผมเองก็เกลียดคุณพอๆ กัน!”

“กรี๊ดดดด!!!” ดาราสาวกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บใจระคนอับอาย เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอดีตคนรักคนนี้จะด่าสาดเสียเทเสียได้มากถึงเพียงนี้

“จำคำพูดของคุณเอาไว้เลยนะ! แพรไม่ยอมจบง่ายๆ แน่!” แพรวาขู่กลับ

“อยากทำอะไรก็เชิญแต่ถ้ามันเกินขอบเขตของผมเข้ามาล่ะก็อย่าหาว่าผมไม่เตือน!” ร่างสูงไม่ยอมแพ้บอกจุดยืนของตัวเองกลับไปเช่นเดียวกัน

“ได้! เราจะต้องได้เจอกันอีกแน่!! คุณจะต้องขอโทษที่พูดกับแพรในวันนี้แพรจะทำให้คุณกลับมารักแพรให้ได้!!” แพรวาเอ่ยหมายหัวแต่ราชันย์เองก็ไม่ยอมแพ้เพราะทันทีที่หญิงสาวจะเดินออกจากห้องนี้ไปเขาก็ได้พูดคำท้าไล่หลังอย่างไม่ยี่หระ

“ผมจะรอดูวันนั้น”

แพรวากระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิดปนโกรธจัดเธอคว้าเอากระเป๋าถือที่ทำตกไว้ตอนเข้าไปกระชากร่างบางของผู้ชายที่กำลังกอดจูบอยู่กับอดีตคนรักของตนเมื่อกี้ขึ้นก่อนจะเดินไปทางประตูห้องทันที

ราชันย์มองตามผ่านหลังนั้นด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ความรู้สึกที่เคยมีตอนนี้มันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว ในเมื่ออดีตผู้หญิงคนที่เขาเคยรักมากคนนี้เป็นเพียงแค่ภาพในวันวานที่เอากลับมาไม่ได้อีก

เขาทั้งคู่มาไกลเกินกว่าคำว่า กลับมาคืนดีกัน จะสามารถใช้ได้ ความรักในครั้งนี้ของพวกเขาจึงไม่ต่างอะไรจากน้ำหวานผสมยาพิษที่ไม่ควรยกขึ้นดื่มอีกครั้งหากทว่าคุณเคยเผลอดื่มมันเข้าไปแล้ว เพราะมันจะทำให้คุณทรมานกว่าครั้งแรกเป็นไหนๆ

ดีที่ราชันย์เป็นคนไม่จมปรักอยู่กับอดีตความรักโง่ๆ นี้เขาจึงไม่รู้สึกอะไรเมื่อต้องเอ่ยถ้อยคำหยาบคายพวกนั้นกับอีกฝ่ายเพื่อให้เลิกยุ่งกับตัวเอง

เพราะเขาถือว่าถ้อยคำเหล่านั้นแพรวาสมควรที่จะได้รับมัน!




ตี๊ดดด~ ตี๊ดดด~ ตี๊ดดด~

ร่างบางควานหาโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงร้องด้วยมือเล็กของเขาที่เอื้อมออกไปอย่างซะเปะซะปะ ดวงตาสีน้ำตาลที่พ้นออกจากผ้าห่มผืนบางหันไปมองหน้าปัดนาฬิกาตรงฝาผนังห้องที่ตอนนี้บอกเวลาตีห้าครึ่งพอดิบพอดี

แฟร์ยันตัวเองลุกเมื่อควานหาโทรศัพท์จนทั่วเตียงแล้วไม่เจอก่อนร่างเพรียวจะเดินไปยังโต๊ะหนังสือที่อยู่ไม่ไกลพลางควานหาโทรศัพท์อีกครั้งจากในกระเป๋าทำงาน

“ครับ” ร่างบางกรอกเสียงกลับไปทั้งที่ไม่ได้ดูรายชื่อคนที่โทรเข้ามา

[ฉันให้เวลานายหนึ่งชั่วโมงมาหาฉันที่บริษัทเดี๋ยวนี้] เสียงทุ้มจากปลายสายทำเอาร่างบางถึงกับเบิกตาด้วยความตกใจก่อนที่เขาจะยกหูออกจะมองไปยังเบอร์ที่โทรเข้ามาทันที

ให้ตายเถอะ! นี่มันเบอร์ของราชันย์!!

“เมื่อกี้คุณพูดว่าไงนะครับ” แฟรถามย้ำเมื่อคิดว่าคำพูดของปลายสายน่าจะมีอะไรผิดพลาด

[อย่าให้พูดเป็นครั้งที่สอง] ราชันย์เอ่ยกลับเสียงเย็น

“คุณจะให้ผมไปทำงานเวลานี้!?”

[…]

“แต่คุณ! นี่มันเช้ามากเลยนะ” แฟร์โอดครวญเสียงใส

[ทำตามคำสั่งก็พอฉันหวังว่านายจะไม่เลทนะ]

“ผม!...”

[ตอนนี้นายเหลือห้าสิบเก้านาที ขืนมาช้าไปเท่าไหร่ฉันคิดเงินนายตามเวลาพวกนั้นสามเท่า!] ราชันย์ขู่กลับเมื่อแฟร์พยายามจะปฏิเสธอีกระลอก

“โอเคๆ! ผมจะไป!! ถ้างั้นผมจะวางสายแล้วนะครับ” ร่างบางทำท่าจะวางสายหลังพูดจบแต่แล้วเสียงจากปลายสายก็ฉุดมือเขาให้ชะงักการกรกะทำพวกนั้นไว้ก่อน

[เดี๋ยว!]

“…”

[ซื้ออาหารเช้าเข้ามาด้วย] ราชันย์เอ่ยสั่ง

“ฮ่ะ! อ่อ ดะ…ได้ครับแล้วคุณอยากทานอะไร” แฟร์ได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการงงก่อนที่เขาจะนึกขึ้นได้ว่านี่คือหน้าที่ของตัวเองร่างบางจึงถามราชันย์กลับ

[อะไรก็ได้ที่มีไข่]

แฟร์เกือบหลุดขำเมื่อได้ยินสิ่งที่ปลายสายพูด

“ผมนึกว่าคุณไม่ชอบทานไข่ซะอีกเห็นทำให้ทุกทีไม่เคยแตะ” ร่างบางได้ทีเหน็บคนเป็นนายกลับ

[เผอิญไข่ที่นายทำมันกินไม่ได้แต่ถ้าเป็นไข่อย่างอื่นของนายล่ะก็…ฉันพร้อมกิน]

“!!”

แฟร์ชะงักกับประโยคตอบกลับของราชันย์ ร่างบางหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะพ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์จนปลายสายสัมผัสได้ว่าเขากำลังเคืองคำพูดของตัวเอง

[เหลือห้าสิบเจ็ดนาที] ราชันย์เอ่ยเสียงทุ้มกระชากสติที่กระเจิงออกไปของคนจากฝั่งนี้ให้กลับมา

“คุณมันทะลึ่ง!!” แฟร์อดไม่ได้ที่จะต่อว่าอีกฝ่าย ร่างบางส่งเสียงฮึดฮัดจนราชันย์ต้องทำทีเป็นเร่งเมื่อรู้ว่าอีกคนเริ่มใจไม่อยู่กับตัวเข้าไปทุกที

[เหลือห้าสิบหก] เสียงทุ้มเอ่ยก่อนที่เลขาฯ ตัวดีจะตาลีตาเหลือกตัดบทกลับไป

“ผมจะวางสายแล้วแค่นี้นะ!” แฟร์กดวางสายหลังจากพูดจบก่อนจะคว้าเอาผ้าเช็ดตัวสีขาวที่ถูกแขวนเอาไว้หน้าตู้เสื้อผ้าหลังเล็กพร้อมกับพุ่งตัวเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวทันที




ร่างบางมาถึงห้องของราชันย์ตรงเวลาพอดีเป๊ะ! แฟร์ที่วิ่งมายืนหอบจนตัวโยนหลังจากที่ผลักประตูเข้ามาในห้องเป็นที่เรียบร้อย

ราชันย์ในท่านั่งอ่านหนังสือพิมพ์ตรงโซฟาส่วนของห้องรับแขกเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้านึกขำ เหงื่อเป็นเม็ดที่ผุดขึ้นตามใบหน้าของแฟร์ยิ่งทำให้ราชันย์หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

“ซื้ออะไรมา” ร่างสูงถามพลางเดินตามแฟร์เข้าไปในส่วนของห้องครัว

“โจ๊ก”

“ฉันไม่ชอบกินโจ๊ก” คำพูดของราชันย์ทำเอาแฟร์ที่กำลังจะเทโจ๊กใส่ชามให้อีกฝ่ายถึงกับทำหน้าไม่พอใจขึ้น

“แต่ผมหาอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วเวลานี้เขาเปิดร้านที่ไหนกันเล่า” ร่างบางบ่น

“แล้วโจ๊กที่ซื้อมา?”

“ของเซเว่นไข่ต้มก็ด้วย” พูดเสร็จแฟร์ก็จ้องราชันย์นิ่งก่อนที่เขาจะเอ่ยถามกลับไปอีก

“คุณจะทานมั้ย”

ราชันย์มองใบหน้าของอีกคนที่เริ่มบูดบึ้งเพราะถูกขัดใจก่อนร่างสูงจะเดินไปนั่งบนโต๊ะทานข้าวท่ามกลางนัยน์ตาสีน้ำตาลที่มองมายังเขาอย่างขัดอารมณ์

“ที่เซเว่นก็มีอย่างอื่นให้เลือกตั้งเยอะทำไมสิ้นคิดซื้อไอ้นี่มา” ร่างสูงว่าพลางจ้องอีกคนกลับ

“ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณชอบทานอะไรอีกอย่างตอนเช้าขนาดนี้คุณจะทานอาหารหนักเลยเหรอเดี๋ยวก็แสบท้องแย่” แฟร์พยายามแก้ตัว เขาเพิ่งมาเริ่มงานแค่ไม่กี่วันจะให้รู้เรื่องของคนเป็นนายมากมายขนาดนั้นได้ยังไงแค่เรื่องแฟนเก่ายังเซอร์ไพส์ไม่หายเลย!

“นั่นมันเรื่องของฉัน” ราชันย์ตอบก่อนร่างบางจะทนไม่ไหวคาดคั้นเอาคำตอบ

“ตกลงคุณจะไม่ทาน?” แฟร์มองอีกฝ่ายราวกับคนเสียอารมณ์

“ถ้าไม่ทานผมจะได้เอาไปทะ…”

“บอกเมื่อไหร่ว่าไม่จะกิน…แกะใส่ชามมา” เมื่อแกล้งอีกฝ่ายจนสาแก่ใจราชันย์ก็กระแอมสั่งแฟร์กลับ

ร่างบางเผลอจ้องอีกฝ่ายที่ไม่ทันรู้ตัวก่อนเขาจะเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นมาราวกับไม่ได้จงใจของราชันย์ ร่างสูงหุบยิ้มทันทีเมื่อตกเป็นเป้าสายตาก่อนคนเป็นนายจะลุกเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่อ่านค้างไว้ทันทีราวกับคนแก้เขิน




เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยราชันย์ก็ทำการยื่นกำหนดการเจรจาธุรกิจกับลูกค้าของวันนี้ให้กับแฟร์ทันที ร่างบางมองเอกสารตรงหน้าพลางขมวดคิ้ว เขาไม่รู้เลยว่ามันคืออะไรก่อนคนเป็นนายจะเอ่ยบอกออกมาเมื่อสีหน้าของอีกคนทำให้เขารู้ดีว่าแฟร์ไม่เข้าใจ

“นี่เป็นกำหนดการคุยธุรกิจกับลูกค้ารายหนึ่งนายควรจะอ่านมันคร่าวๆ ก่อนที่เราจะไปถึง” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินไปขึ้นลิฟต์ภายในห้องที่ตั้งตรงกับลานจอดรถของบริษัทแถมมันยังเป็นลิฟท์ที่จะจอดเฉพาะห้องเขาเท่านั้นจึงทำให้พนักงานคนอื่นๆ ไม่กล้าใช้

หรือพูดอีกนัยก็คือใช้ไม่ได้นั่นแหละ!

“แต่ผม…” แฟร์ทำหน้าคิดหนักพลางมองเอกสารในมือเมื่อก้าวตามร่างสูงเข้ามาด้านในก่อนร่างบางจะลอบกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่จนคนข้างๆ รู้สึกได้ว่าเขานั้นกำลังเครียด

“ไม่มีอะไรยากขนาดนั้นฉันเองก็รู้ว่านายไม่ได้จบทางนี้มา ฉะนั้นไม่เข้าใจตรงไหนให้ถามอย่าคิดเองเออเอง” ราชันย์บอกก่อนที่ลิฟต์จะเดินทางพาทั้งคู่ลงมายังลานจอดรถ

คนตัวสูงเดินออกมาก่อนจะตรงไปยังรถคันหนึ่งที่เมื่อร่างบางคนที่กำลังเดินตามเขามาติดๆ เห็นเข้าถึงกับรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ทันที

“เดี๋ยวครับ!” แฟร์ร้องขัดก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบมองรถ Porsche สีบรอนซ์ทองที่เคยสร้างเรื่องฝังใจให้กับตัวเองด้วยใบหน้าถอดสี

“อะไร” ร่างสูงถามเมื่อไม่เข้าใจการกระทำของอีกฝ่าย

“เราจะไปกันยังไง” ร่างบางทำใจเย็นพลางถามกลับ

“ก็ไปคันนี้ขึ้นสิ” ราชันย์บอกก่อนจะสลัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายพลางขึ้นรถในตำแหน่งของคนขับทันที

“ทำไมยังไม่ขึ้นมาอีก!” ร่างสูงที่ขึ้นไปลดกระจกลงมาถามอีกคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะตามเขาเข้ามาสักนิด

“คือว่ามัน…” แฟร์ตอบเสียงสั่น ก่อนราชันย์ที่นั่งอยู่ในรถจะสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นมาระหว่างขมับทั้งสองข้างของร่างบางที่เอาแต่ยืนตัวเกร็งอยู่ด้านนอก

“กลัว?” ร่างสูงถาม

“เปล่า เพียงแต่ผมรู้สึก…มันบอกไม่ถูก” แฟร์พูดด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ

“นั่นเขาเรียกว่ากลัว”

“ผมไม่ได้กลัว!”

“ไม่กลัวก็ขึ้นมา!” ราชันย์สั่งเมื่อร่างบางที่เอาแต่ยืนตัวสั่นปากแข็งไม่ยอมรับความจริง

“ขอเวลาผมสักพัก” แฟร์บอกก่อนจะหันหลังสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด

“บอกว่ากลัวก็สิ้นเรื่อง!!” ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถก่อนจะเดินเข้ามาฉวยมือเล็กและออกแรงดึงให้อีกคนเดินตามตัวเองไปแต่โดยดี

“คุณราชันย์เดี๋ยว! คุณจะพาผมไปไหน!” แฟร์พยายามขืนตัวเองไว้จนเจ้าของแผ่นหลังกว้างจะหันกลับมาถลึงตาใส่

“โจ่งแจ้งขนาดนี้ฉันไม่เอานายไปขายหรอก ตามมา!”

ราชันย์จูงมือแฟร์เดินออกมาหน้าบริษัทก่อนที่เขาจะยกมือกวักเรียกแท๊กซี่ที่บังเอิญขับผ่านมาทางนี้พอดี

“Roots Coffee สุขุมวิท 63” ร่างสูงบอกคนขับพลางยัดร่างบางเข้าไปนั่งตรงเบาะหลังก่อนที่ตัวเขาจะตามเข้าไป

“กลัวนักหรือไงมันผ่านไปนานแล้วจะเก็บมาคิดทำซากอะไรไม่เข้าเรื่อง!” เมื่อตัวรถถูกขับเคลื่อนออกไปได้เพียงครู่ร่างสูงก็เปิดฉากพูดขึ้นทันที

“คุณไม่เป็นผมคุณไม่รู้หรอก! แล้วไอ้ที่ว่าผ่านไปนานแล้วน่ะนี่มันเพิ่งจะผ่านมาแค่สามอาทิตย์เอง!!” แฟร์เถียงกลับ

“ต้องให้กูขอโทษมึงมั้ย” ราชันย์เอ่ยเสียงเย็นพลางจ้องคนข้างๆ อย่างเอาเรื่อง

“ผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษจากคุณ” แฟร์หันมาตอบก่อนที่เขาจะเบือนหน้าไปอีกทางราวกับไม่อย่างมองร่างสูงที่นั่งมาด้วย

“เหอะ!!! ปากดี!” ราชันย์คว้าต้นแขนเล็กพลางกระชากให้อีกคนหันมาหาตัวเองไม่รู้เป็นเพราะอะไรแต่ร่างสูงไม่ชอบเลยเวลาที่ร่างบางไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา

“โอ้ย! ผมเจ็บนะ!!” แฟร์ร้องลั่น

“เอ่อ…น้องครับถ้าจะมีเรื่องกันพี่คงต้องจอดให้น้องลง” คนขับแท๊กซี่เอ่ยขึ้นเมื่อมองเหตุการณ์จากกระจกมองหลังมาได้สักครู่

ราชันย์ตวัดสายตาเหี้ยมมองคนขับกลับก่อนที่เขาจะล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาพร้อมกับควักเงินในนั้นจำนวนสองพันโยนให้อีกฝ่ายไป

“ขับไปไม่ต้องยุ่งเรื่องคนอื่น!!”

แฟร์มองการกระทำของร่างสูงข้างๆ ด้วยความอึ้ง เขาไม่คิดเลยว่าราชันย์จะมีด้านนี้ ด้านที่นิสัยเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด!

“ทำไมคุณถึงทำกับพี่เขาแบบนั้น!” ร่างบางตะโกนต่อว่าแต่ราชันย์กลับตอบมาอย่างไม่ยี่หระ

“กูพอใจ”

“คุณราชันย์!”

“ไม่เป็นไรหรอกน้องคุยกันได้ตามสบายแค่นี้พี่ก็คุ้มแล้ว” สิ่งที่คนขับพูดขึ้นยิ่งทำให้ร่างบางฉุนกึก แฟร์ตวัดสายตามองไปยังคนข้างๆ ที่แสยะยิ้มราวกับถือไพ่เหนือกว่าก่อนที่เจ้าตัวจะทนไม่ได้สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง




ทั้งคู่ไม่คุยกันอีกเลยจนกระทั่งแท๊กซี่จอดลงเมื่อถึงที่หมายในเวลาเก้าโมงเช้า ราชันย์เดินลงจากรถก่อนจะรีบเดินเข้าไปในร้านทันทีโดยไม่รอร่างบางที่หอบเอาเอกสารทั้งหมดลงจากรถอย่างทุลักทุเลเลยสักนิด

แฟร์รีบสาวเท้าตามก่อนจะพยายามใช้แผ่นหลังดันประตูหน้าร้านให้เปิดออก ดีที่พนักงานเข้ามาช่วยไว้ร่างบางจึงกล่าวขอบคุณพลางยิ้มให้พนักงานสาวกลับไปเพียงนิดก่อนสายตาของเขาจะสบเข้ากับราชันย์ที่นั่งอยู่กับผู้ชายอีกคนตรงโต๊ะเกือบจะหลังร้านเขาจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาทั้งคู่ทันที

แฟร์หยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะก่อนที่เสียงของราชันย์จะทำทีเป็นแนะนำเขาให้กับลูกค้ารายนี้กลับไป

“นี่เลขาฯ คนใหม่ของผม” สิ้นเสียงของราชันย์ร่างบางที่รู้สึกประหม่าก็ก้มหัวลงก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใส

“สวัสดีครับผม…!!”

“!!”

“พี่นัท!”

“แฟร์!”

ทั้งคู่ชะงักพลางจ้องกันนิ่ง ร่างบางที่หอบเอกสารไว้เต็มอกหน้าถอดสีขึ้นทันใดเมื่อลูกค้าคนสำคัญของราชันย์ในวันนี้คือคนเดียวกับที่เขาต้องโกหกเพื่อมาทำงานที่นี่

รอยยิ้มร้ายบนใบหน้าเรียบนิ่งของใครอีกคนที่นั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าฉายแววชัดขึ้น ราชันย์ชอบทุกครั้งที่ได้แกล้งแฟร์กลับแม้ว่าครั้งนี้สำหรับร่างบางแล้วมันอาจจะทำให้เขาต้องทะเลาะกับอีกฝ่ายก็ตามแต่สำหรับราชันย์ร่างสูงไม่คิดมันมากไปกว่า…

'ความสนุก'

ที่จะได้เห็นสีหน้าและแววตาของผู้แพ้ในวันนี้อย่างแฟร์แล้วล่ะ!!


TBC.....
-----------------------------------------------

อีเฮียปากร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงไปอี๊กกก!!!
กลัวค่ะกลัวแล้ว พระเอกเรื่องนี้วาจาเฉือดเฉือนยิ่งกว่าสปาต้า OoO!
อย่าลืมเม้นท์ๆ เป็นกำลังใจให้คนเขียนหน่อยนะคะ


 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.8 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-07-2017 12:25:25
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.8 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 22-07-2017 14:31:23
ราชันย์  เหมือนจะดี  แต่ไม่ดีเลยดีกว่า  ยิ่งอ่านยิ่งนึกถึงตอนที่แฟร์เอาคืน
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.8 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 22-07-2017 16:12:48
อ้าว ร้ายจัง ราชันย์
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.9 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 22-07-2017 18:47:50

CHAPTER  9



[Fair’s Part]

ผมได้แต่นั่งตัวลีบอยู่ข้างๆ ราชันย์ที่เอาแต่คุยธุรกิจกับคนตรงหน้าโดยที่ผมก็ไม่ได้มีส่วนช่วยเขาเลยนอกเสียจากใช้โทรศัพท์ของตัวเองบันทึกเสียงการสนทนาครั้งนี้เอาไว้เพื่อจะได้นำข้อมูลทุกอย่างสรุปก่อนนำไปทำเป็นแผนเพื่อเริ่มงานในส่วนที่เหลือต่อจากนี้

พี่นัทที่ผมเพิ่งจะรู้ว่าเขาคือลูกค้าของราชันย์พูดกับคนข้างๆ ทีก่อนจะหันมาจ้องผมทียิ่งทำให้ผมรู้สึกจุกจนทำอะไรไม่ถูก ผมเอาแต่นั่งก้มหน้าจนเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนที่พวกเขาทั้งคู่ตกลงทำธุรกิจร่วมกันในที่สุด

“หากโรงงานของผมจะทำการผลิตเมื่อไหร่ทางเราจะติดต่อไปอีกที” ราชันย์พูดก่อนที่เขาจะยื่นมือไปตรงหน้าซึ่งพี่นัทเองก็ไม่ขัดโดยการยื่นมือของตัวเองออกมาจับมือของอีกคนเอาไว้

“ได้ครับ”

“จริงสิอย่าหาว่าผมสอดรู้เลยคุณธนัทรู้จักเลขาฯ ของผมด้วยเหรอครับเห็นจ้องไม่หยุด” ราชันย์ได้ทีถามกลับก่อนพี่นัทจะหันมามองผมและตอบกลับไปเสียงเรียบ

“ครับพวกเรารู้จักกัน”

“แต่เอ…ทำไมเขาถึงไม่เคยพูดถึงคุณให้ผมฟังเลยล่ะในเมื่อรู้จักนักธุรกิจมีความสามารถเสียขนาดนี้”

“แล้วผมจะพูดให้คุณฟังไปทำไม” ผมสวนกลับเมื่อราชันย์เอาแต่พูดปดออกไป

“อ้าว! ทีเรื่องไม่เป็นเรื่องนายยังเล่าให้ฉันฟังเลยแล้วเรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมถึงไม่เล่าให้กันฟังบ้างล่ะ” ผมเบิกตาด้วยความตกใจเมื่อไม่คิดว่าราชันย์จะตอบกลับด้วยสิ่งที่ไม่เป็นความจริงเหล่านี้แถมเขายังสร้างเรื่องได้หน้าตาเฉย

“อยากจะออกไปคุยกับพี่หน่อยมั้ยแฟร์” พี่นัทที่เงียบฟังผมกับราชันย์เถียงกันไปมาเอ่ยขึ้นก่อนที่ผมจะไม่ทันได้ตอบกลับคนข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นทับทันที

“เกรงว่าจะไม่ได้ล่ะมั้งครับพอดีเราทั้งคู่มีธุระต่อ” ราชันย์พูดก่อนจะคว้ามือของผมไปถือไว้

“ได้ครับพี่นัทรอแฟร์แป๊ปนึงนะ…คุณราชันย์ผมขอเวลาสักพักจะได้มั้ย” ผมแกะมือตัวเองออกก่อนจะตอบรับคนตรงหน้าและหันมาขอคนข้างๆ

“แต่นายต้องไปซื้อของเข้าครัวกับฉัน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นภายใต้ใบหน้าที่เริ่มจะเกรี้ยวเข้าไปทุกทีจนผมที่มองเขากลับต้องชะงักไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป

“แต่ว่า…”

“ถ้าไม่สะดวกงั้นเราไว้คุยกันวันหลัง” พี่นัทเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนที่เขาจะหันหลังทำท่าว่าจะเดินออกไป ทุกอย่างดูเหมือนจะไวกว่าความคิดจู่ๆ มือของผมก็เอื้อมออกไปฉวยแขนเขาเอาไว้

“ไม่นะพี่นัท!...คุณผมขอเวลาแค่แป๊ปเดียว!” ผมร้องห้ามพลางหันมาขอราชันย์ที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาเริ่มฉายแววความไม่พอใจเป็นอย่างมากออกมา

“แต่ฉันจะกลับแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาราวกับเค้นให้ฟังดูปกติทั้งที่ใบหน้าและแววตาของเขาตอนนี้มันไม่ใช่เลย

“งั้นคุณกลับไปก่อนแล้วผมจะตามกลับไป” ผมบอกแต่ราชันย์กลับเงียบจนพี่นัทที่ยืนมองอยู่เดินออกไปทันที

“ผมขอตัว”

“พี่นัท!” ผมตะโกนไล่หลังอีกฝ่ายก่อนราชันย์จะคว้าแขนของผมเอาไว้เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะวิ่งตามพี่นัทออกไป

“มึงต้องไปซื้อของกับกู!” ราชันย์สั่งเสียงเหี้ยม

“แต่ผมขอเวลาคุยกับพี่นัทแค่แป๊ปเดียว”

“กูไม่ให้มึงคุย!”

“ทำไม?!” ผมสวนกลับทันควันก่อนราชันย์จะตะคอกกลับอย่างเดือดดาล

“ไม่ให้คุยก็คือไม่ให้คุย กลับ!” คนตรงหน้าลากผมออกจากร้านในขณะที่สายตามากมายกำลังจดจ้องมาที่เราสองคนอย่างสนใจ

ผมยกมือขึ้นพยายามแกะมือของเขาที่รวบข้อมือของผมเสียจนมันร้าวไปทั่วออกแต่จนแล้วจนรอดราชันย์ก็ไม่ยอมปล่อยมันออกไปเสียที

“คุณราชันย์ปล่อยผมก่อน!” ผมตะโกนก่อนที่เขาจะเหวี่ยงผมติดรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าร้าน

“คุณเป็นอะไร! ผมขอคุยกับเขาแค่นี้เองแค่แป๊ปเดียวเท่านั้น!” ผมต่อว่า

“แต่กูไม่อยากรอ!!” ราชันย์ตะโกนกร้าวก่อนที่เขาจะจ้องผมกลับอย่างเอาเรื่อง แววตาที่มองมามันทั้งสับสน โกรธเกรี้ยวปนเปกันไปหมดจนผมดูไม่ออกว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

“ผมก็ไม่ได้จะให้คุณรอ! ผมบอกแล้วไงว่าให้คุณกลับไปก่อนส่วนเรื่องซื้อของเข้าครัวผมจะเป็นคนซื้อให้เอง” ผมบอกคนตรงหน้ากลับจนเริ่มจะเหนื่อยเข้าไปทุกที

“อย่าให้กูต้องเสียอารมณ์นะแฟร์!!” ราชันย์ตรงเข้ามากระชากคอเสื้อผมพลางขยำมันเสียจนผมเริ่มจะหายใจไม่ออก“ผมก็แค่ขอคุยกับพี่นัทก่อนแค่นี้เองผมทำอะไรผิด” ผมว่าก่อนที่คนตรงหน้าจะคลายมือทั้งสองข้างลงจนผมต้องรีบโกยอากาศเข้าปอด

ร่างสูงสบถคำหยาบออกมามากมายจนผมไม่เข้าใจการกระทำของเขาเข้าไปใหญ่ คิ้วหนากับใบหน้าคมไร้ที่ตินั่นบึ้งตึงราวกับโกรธแค้นใครเป็นอย่างมากก่อนคนที่ดูเหมือนเอาแต่ใจอย่างราชันย์จะหันกลับมาพูดกับผมอีกครั้ง

“มึงจะคุยให้ได้เลยใช่มั้ย!” คนตรงหน้าเค้นถาม

“ใช่!” ผมตอบพลางจ้องเขากลับ

“งั้นก็คุยกันซะให้พอก่อนที่กูจะตามไปคุยกับน้องมันบ้าง!” พูดเสร็จเขาก็เดินไปโบกแท๊กซี่ที่ผ่านมาทันที

ผมอ้าปากค้างกับคำพูดของราชันย์ที่ทิ้งเอาไว้ก่อนจะได้สติรีบก้าวตามร่างสูงที่กำลังขึ้นรถไปทันที

“อย่านะ! คุณราชันย์อย่าทำแบบนั้น!!” ผมลงแรงเคาะกระจกประตูหลังของแท๊กซี่ที่มีราชันย์นั่งอยู่ข้างในจนเจ็บมือ ใบหน้าเรียบเฉยหากแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจถึงขึดสุดเบือนหน้ามาทางผมก่อนที่เขาจะใช้แววตาที่ยากจะคาดเดานั้นมองมาเพียงนิดพร้อมกับบอกคนขับให้เคลื่อนตัวรถออกไป

“คุณ! เดี๋ยว! คุณราชันย์ฟังผมก่อน!!” ผมวิ่งตามแท๊กซี่คันนี้จนพ้นออกจากหน้าร้านไปก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นหลังจากที่ผมเอาแต่เหม่อมองไปยังภาพของแท๊กซี่ด้านหน้าจนหายลับตาไปในที่สุด

“ถึงเวลาที่เราจะคุยกันได้หรือยังแฟร์”

ผมถอนหายใจเมื่อรู้ทันทีว่าเจ้าของเสียงข้างหลังเป็นใครก่อนจะจำใจหันกลับไปหาผู้ชายอีกคนที่มองทอดมาราวกับอยากรู้ความจริงของเรื่องทั้งหมดด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ!

[End Fair’s Part]




ราชันย์กลับมายังห้องของตัวเองด้วยอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ! ร่างสูงเดินไปมาราวกับหนูติดจั่นจนไม่เป็นอันทำอะไร มินตราที่เข้ามาเพื่อขอให้เขาเซ็นต์เอกสารสำคัญก็ถูกไล่ตะเพิดออกไปจนพนักงานสาวถึงกับช็อคกับอารมณ์ที่ไม่ได้เห็นมานานกว่าสามปีของเขา

ร่างสูงขว้างปาข้าวของในห้องจนเกลื่อนกลาดเต็มพื้น ใบหน้าและแววตาของแฟร์ที่หมายอยากจะเห็นกลับเป็นแววตาที่อีกฝ่ายยังคงอาลัยอาวรณ์กับผู้ชายอีกคนจนราชันย์ที่เห็นเข้าแทบเลือดขึ้นหน้า แต่เดิมร่างสูงคิดเพียงแค่ว่านัทแอบชอบแฟร์เท่านั้นไม่นึกเลยว่าร่างบางที่เขาอุตส่าห์คิดหาวิธีแกล้งกลับชอบอีกฝ่ายมากพอๆ กัน จนหัวใจของเขารุ่มร้อนทุกทีที่คิดถึง!

ราชันย์นั่งลงบนโซฟาพลางหอบเมื่อลงมือทำทุกอย่างที่พอจะผ่อนคลายอารมณ์ตอนนี้ลงได้ ร่างสูงจดจ้องไปยังประตูห้องทำงานเพื่อรอเวลาให้ใครอีกคนกลับมาจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมากว่าสามชั่วโมงหลังจากที่เขากลับมาถึงที่นี่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

แฟร์เปิดประตูก่อนจะเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าโกรธเคืองเมื่อเห็นสภาพห้องที่อีกคนทำเอาไว้ตรงหน้าในขณะที่ตัวเขาเองไม่อยู่ มือเล็กที่ใช้ถือถุงของใช้และพวกอาหารสดที่ซื้อมารวบกำเอาไว้แน่นก่อนนัยน์ตาสีน้ำตาลจะมองไปยังเจ้าของห้องที่จ้องเขากลับอย่างเอาเรื่อง

“บอกผมหน่อยว่านี่มันเรื่องอะไร” แฟร์ถามพลางเดินเข้าไปวางของทั้งหมดที่ซื้อมาบนโต๊ะในส่วนของครัวเล็ก

ราชันย์ไม่ตอบร่างสูงเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะใช้สายตาฟาดฟันมองคนตรงหน้าอย่างเกรี้ยวโกรธ แฟร์ที่ยืนนิ่งมองการกระทำของอีกคนก็จ้องกลับไม่กลัวก่อนที่เขาจะเลือกเบือนหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแต่แล้วมือหนากลับฉวยคางเขาเอาไว้พร้อมกับบังคับให้หันกลับไปทางเดิม

“คุยกันอีท่าไหนถึงได้หายไปหลายชั่วโมงแบบนี้!!” ราชันย์ตะคอกก่อนที่แฟร์จะเอื้อมมือขึ้นมาเพื่อแกะมือของเขาออก

“ที่ผมหายไปนานเพราะมัวแต่ไปซื้อของให้คุณ” ร่างบางถอนหายใจตอบกลับ

“มึงรู้เหรอว่ากูอยากได้อะไร” ร่างสูงถามจนแฟร์ที่ลืมคิดข้อนี้ไปเสียสนิทนึกขึ้นได้

ร่างสูงมองใบหน้าและแววตาของอีกคนพร้อมกับแสยะยิ้มนัยน์ตาสีดำมองไปยังของที่อีกฝ่ายซื้อมาก่อนที่มือหนาจะควานดูข้างในจนทั่ว

“ไม่รู้แม้กระทั่งกูอยากได้หรือไม่อยากได้อะไรแล้วยังจะสะเออะซื้อมา!” ร่างสูงตะโกนกลับเมื่อของที่แฟร์ซื้อมาล้วนแล้วแต่เป็นของที่เขาไม่ได้ต้องการแทบจะทั้งสิ้น

“โอเคผมยอมรับว่าผิดที่ซื้อมาโดยไม่ได้ถามคุณก่อนแต่ผมก็โทรหาคุณตั้งหลายครั้งแล้วไงคุณเองต่างหากที่ไม่รับสายผมเลย” แฟร์เถียงก่อนราชันย์จะสวนทันควัน

“กูไม่อยากคุยกับมึง!”

แฟร์มองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ร่างบางไม่รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้ราชันย์ถึงโมโหและเหวี่ยงได้ทุกเรื่องที่เขาทำแบบนี้ คนตัวเล็กจ้องหน้าอีกฝ่ายที่แฝงไปด้วยความโกรธนี้เพียงครู่ก่อนจะเดินเลี่ยงอีกคนออกไปทันที

“ถ้าอย่างงั้นวันนี้ผมขอกลับก่อนแล้ววันหลังผมจะมาทำงานชดเชยให้” แฟร์หันกลับมาบอกราชันย์ที่เอาแต่ยืนทำท่าโกรธกระฟัดกระเฟี้ยดก่อนที่ร่างบางจะก้าวเดินไปทางประตูห้องทันที

“ใครอนุญาตให้มึงกลับ! ถ้ากูไม่บอกมึงก็กลับไม่ได้!!” ราชันย์ตรงเข้าไปกระชากร่างบางกลับ มือหนาบีบคางอีกคนเอาไว้แน่นจนแฟร์นิ่วหน้าก่อนที่กายหนาจะตามเข้ามาบดเบียดอีกคนให้แผ่นหลังแนบชิดไปกับประตูบานใหญ่

“ตกลงคุณต้องการอะไรกันแน่! ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่เอา! บอกผมมาสิว่าคุณโมโหเรื่องอะไรถ้าเป็นเรื่องที่ผมของอยู่คุยกับพี่นัทผมก็ขอโทษ! แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องนี้ก็บอกผมด้วยเพราะผมจะได้นึกออกว่าทำอะไรไว้และขอโทษคุณได้ถูกระ…!!”

ริมฝีปากคล้ำทาบทับลงบนริมฝีปากของแฟร์ทันที แรงอารมณ์ของอีกฝ่ายทำให้ร่างบางถึงกับได้เลือด ริมฝีปากของแฟร์ถูกราชันย์บดจูบอย่างรุนแรงฉกชิงอากาศที่ร่างบางมีไปแทบสิ้น มือเล็กพยายามดันแผงอกแกร่งของคนตรงหน้ากลับสุดแรงก่อนที่มือหนาจะคว้าเอาไว้พร้อมกับผละออก

“หยุดท่าทางพยศของมึงซะก่อนที่กูจะห้ามตัวเองไม่อยู่!” ว่าเสร็จราชันย์ก็ฉุดเอาร่างบางที่ยืนอึ้งอยู่เดินไปยังลิฟต์ทันที




ราชันย์ยัดร่างบางของแฟร์เข้าไปในรถอีกคันที่อุตส่าห์บอกคนขับรถที่บ้านขับมาเปลี่ยนไว้ให้ แฟร์มองตามการกระทำของอีกฝ่ายโดยที่ไม่ปริปากพูดอะไรก่อนร่างสูงจะเดินอ้อมเข้ามานั่งในตำแหน่งคนขับและเคลื่อนตัวรถออกสู่เส้นทางถนนสายใหญ่ทันที

“กูไม่ชอบกินแครอท ข้าวโพดอ่อนและผักชี” ราชันย์เอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน แฟร์หันมองเสี้ยวหน้าของเขาด้วยความสงสัยก่อนที่อีกฝ่ายจะไม่ขยายความคำพูดพวกนี้หากแต่พูดสิ่งอื่นออกมาเรื่อยๆ

“กูกินของทะเลได้ทุกอย่างยกเว้นหอยเชลล์กับหอยนางรม”

“กูชอบกินอะไรก็ได้ที่มีไข่โดยเฉพาะไข่ลูกเขยกับไข่เจียวหมูสับ”

“ของที่ซื้อให้กูมึงต้องดูวันที่ผลิตหากผลิตไปเมื่อปีที่แล้วกูไม่ใช้”

“เข้าใจมั้ย” ร่างสูงหันมองอีกคนบ้างแต่แฟร์กลับเงียบและมองทอดไปยังเส้นทางเบื้องหน้าราวกับไม่สนใจจนราชันย์ต้องถามย้ำขึ้นอีก

“กูถามว่าเข้าใจมั้ย” แฟร์หันมองหน้าร่างสูงก่อนจะพยักหน้ารับ

ราชันย์หันกลับไปสนใจเส้นทางตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะเลี้ยวเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตหลังจากที่ต้องขับรถนานกว่าครึ่งชั่วโมง

ราชันย์เดินนำแฟร์เข้าไปในส่วนของผักและเนื้อสดก่อนที่ร่างสูงจะเอาแต่หยิบโน้นหยิบนี่ลงตะกร้าจนมันแทบจะเต็มไปหมด แฟร์มองท่าทีของอีกฝ่ายราวกับให้ความสนใจก่อนที่เสียงจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาจะดังขึ้น

“ครับ”

[แฟร์ตอนนี้อยู่ไหนจ้ะแล้วคุณราชันย์อยู่ด้วยหรือเปล่า] เสียงจากปลายสายถามกลับมาทันทีที่ร่างบางเอ่ยรับกลับไป

“ตอนนี้ผมอยู่ซุปเปอร์มาร์เก็ตครับคุณราชันย์ก็อยู่ที่นี่”

[ซุปเปอร์มาร์เก็ต?] มินตราเอ่ยถามย้ำ

“ใช่ครับ”

[แล้วไปกันทำไม?]

“มาซื้อของเข้าครัวน่ะครับพอดีที่ห้องคุณราชันย์แทบจะไม่เหลืออะไรเลย” แฟร์ตอบพลางมองคนตรงหน้าที่เอาแต่เดินหยิบโน้นทีนี่ทีไม่วางตา

[แปลกนะทุกทีคุณราชันย์จะให้พี่ไปซื้อให้ตลอดเลยไหงวันนี้ไปซื้อเองได้ล่ะ] มินตราถามกลับอย่างสงสัย

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับแล้วนี่พี่มินมีอะไรหรือเปล่า” ร่างบางถามก่อนที่จะรีบจ้ำอ้าวให้ทันราชันย์ที่เดินออกไปไกล

[จริงสิมัวแต่นอกเรื่อง…พอดีพี่มีเอกสารที่ต้องให้คุณราชันย์เขาเซ็นต์น่ะจ้ะ ความจริงก็เอาเข้าไปให้แกเซ็นต์ตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วล่ะแต่ก็ถูกไล่ตะเพิดออกมาไม่รู้เป็นอะไรพี่ต้องรีบใช้พรุ่งนี้ด้วย] หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อย

“งั้นพี่มินเอาไปวางไว้บนโต๊ะเขาก็ได้ครับเดี๋ยวกลับไปแล้วผมจะบอกคุณราชันย์ให้” แฟร์เดินไปหยุดอยู่ตรงแคชเชียร์ก่อนที่ราชันย์จะเดินมาคว้าเอาตะกร้าที่ร่างบางถือไว้ไปคิดเงินทันที

[โอเคจ้ะ เดี๋ยวพี่จะเอาวางบนโต๊ะคุณราชันย์ให้เลิกงานพอดีเลยแล้วแฟร์ล่ะจ้ะ]

“ผมคงต้องอยู่ทำงานอีกนิดหน่อยน่ะครับ” คำตอบของแฟร์ฉุดให้ราชันย์หันกลับมามองเขานิ่ง

[งั้นก็กลับบ้านดีๆ แล้วกันนะ]

“พี่มินก็เช่นกันครับ” แฟร์ตอบก่อนจะวางสาย ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบตากับราชันย์เพียงครู่ก่อนที่ร่างสูงจะจ่ายเงินให้กับแคชเชียร์แล้วทิ้งของทั้งหมดให้แฟร์เดินถือออกมา




“ใครโทรมา” ราชันย์ถามในขณะที่เขาทั้งคู่กลับมาถึงยังห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว

“พี่มินน่ะครับ” ร่างบางตอบก่อนจะเดินถือของทุกอย่างที่ซื้อมาเข้าไปเก็บในครัว

“เขาโทรมาว่าไง”

“เธอบอกว่าจะวางเอกสารที่คุณต้องเซ็นต์ไว้บนโต๊ะเพราะเธอต้องใช้พรุ่งนี้” แฟร์ตอบในขณะที่เขาไม่ได้มองอีกคนกลับเพราะมัวแต่เก็บของสดที่ซื้อมาเข้าตู้เย็น ราชันย์จึงเดินมาหยุดอยู่ตรงโต๊ะทานข้าวพลางนั่งลงและมองเขานิ่ง

ร่างบางเก็บของเข้าตู้เย็นจนหมดก่อนที่แฟร์จะเงยหน้าขึ้นมาสบกับนัยน์ตาสีดำสนิทของอีกคน

“มีอะไรเหรอเปล่า” แฟร์ถาม

“ทำกับข้าวให้กินหน่อย…หิว” ราชันย์ตอบพลางจ้องแฟร์ไม่เลิก

“คุณอยากทานอะไร” ร่างบางถามก่อนจะหลบสายตาของอีกฝ่ายด้วยการเปิดตู้เย็นเพื่อรอหยิบเอาวัตถุดิบออกมาจากคำตอบของราชันย์

“พริกแกงทะเล”

“ได้งั้นคุณไปรอที่โซฟาก่อนก็ได้เสร็จเมื่อไหร่ผมจะเรียก” แฟร์บอกก่อนราชันย์จะสวนกลับ

“แต่กูอยากนั่งตรงนี้”

ร่างบางที่ล้วงผักและของสดออกมาสบตากับร่างสูงสักพักก่อนที่คนเป็นเลขาฯ จะเอ่ยออกไปเมื่อไม่อยากมีปัญหา

“ก็แล้วแต่คุณ”

แฟร์พูดเพียงเท่านั้นนก่อนจะลงมือทำกับข้าวที่คนเป็นนายอยากทานทันทีโดยที่ราชันย์ได้แต่มองทุกฝีก้าวและทุกการกระทำของเขาอยู่ใกล้ๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าแววตาที่อีกคนใช้มองกลับเต็มไปด้วยความสนอกสนใจและความเต็มใจที่จะมองอยู่แบบนี้อย่างไม่มีเบื่อ

แฟร์วางจานผัดพริกแกงทะเล ข้าวเปล่ากับต้มจืดอีกหนึ่งอย่างที่เขาถือวิสาสะทำมันเพิ่มเพราะเห็นว่าอาหารที่อีกฝ่ายอยากทานไม่มีอะไรพอที่จะคล่องคอให้ทานง่ายเลยสักนิด

ราชันย์มองอาหารตรงหน้าอย่างพอใจก่อนที่ร่างสูงจะตักพริกแกงทะเลใส่ในจานและตักมันขึ้นอีกครั้งพร้อมกับข้าวสวยพลางยื่นไปตรงหน้าอีกคนที่ยืนมองผลงานตัวเองอย่างอยู่ไม่ไกล

“กินซะ”

“?”

“เผื่อมึงแอบใส่อะไรลงไป” ร่างสูงว่าก่อนจะยื่นช้อนที่มีผัดพริกแกงกับข้าวสวยข้างในจ่อไปยังปากเล็กของอีกคน

“ผมไม่ได้ใส่อะไรวางใจได้” แฟร์เบือนหน้าหลบ

“ถ้างั้นก็กินให้กูดู”

“แต่ผมยังไม่หิว”

“แค่คำเดียวไม่พอให้มึงอิ่มหรอกน่า” ร่างสูงยังคงจ่อช้อนที่ว่าไปตรงหน้าก่อนที่แฟร์จะมองมันราวกับทำใจพลางอ้าปากกินมันเข้าไปทันที

“เป็นไงฝีมือตัวเอง” ราชันย์ถามก่อนจะเขยิบเข้าใกล้อีกฝ่ายจนแฟร์ถดตัวหนีชนกับโซฟาด้านหลังเข้าอย่างจัง

“ก็ดี” ร่างบางตอบ

“งั้นก็นั่งกินกับกู” ร่างสูงว่าพลางจ้องอีกฝ่ายที่กำลังขมวดมุ่น

“บอกแล้วไงว่าผมยังไม่หิว” แฟร์ว่าก่อนจะพยายามหนีออกจากตรงที่ตัวเองยืนอยู่เพราะราชันย์เริ่มเข้ามาใกล้ทุกทีจนแทบจะไม่มีที่ว่างให้เขาออกไปไหนได้อีก

“จะหิวหรือไม่หิวมึงก็แค่นั่งลงมันจะตายหรือไง!” ราชันย์ตวาดก้อง เขามองหน้าแฟร์อย่างคาดคั้นก่อนที่อีกฝ่ายจะผลักแผงอกกว้างกลับไปเมื่อร่างสูงรวบเอาคนตัวเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเป็นที่เรียบร้อย

“ถอยออกไปนะคุณราชันย์!” แฟร์ว่าพลางดิ้นเพื่อหวังจะหลุดออกจากเงื้อมือของอีกคน

“กูไม่ถอย” ว่าเสร็จร่างสูงก็อาศัยช่วงที่อีกคนเผลอฉกชิงริมฝีปากสีระเรื่อนั้นมาอีกครั้ง

“ทำบ้าอะไร!!” แฟร์ถลึงตาตะโกนออกมาอย่างตกใจ

“ปากมึงมันน่ากัดให้เลือดไหลล้างท่าทางพยศพวกนี้ซะจริง!” ราชันย์ว่าก่อนจะก้มลงเพื่อหมายจะจรดริมฝีปากของตัวเองลงไปอีกครั้งหากแต่ครั้งนี้ร่างบางกลับเบี่ยงหลบก่อนจะเอ่ยถ้อยคำตัดพ้อกลับไป

“ผมไม่ใช่คนที่คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ได้ง่ายๆ นะ!”

“แต่กูก็จูบมึงได้ง่ายๆ ทุกทีนี่หว่า” ร่างสูงเอ่ยกลับอย่างไม่ให้เกียรติ

แฟร์ชะงักกึกเมื่อได้ยิน ร่างบางมองราชันย์ด้วยความรู้สึกอึ้งปนไม่เข้าใจ จริงอย่างที่ร่างสูงบอกไม่ว่าเขาจะทำอะไรร่างบางก็ไม่ทันได้ขัดขืนหรือขัดขืนอีกฝ่ายไม่ได้ทุกครั้งทั้งที่กับผู้ชายที่เขารักอีกคนแฟร์กลับระวังตัวจนนัทแทบไม่ทำอะไรกับเขาเสียด้วยซ้ำอย่างมากก็แค่หอมไม่เลยเถิดถึงขนาดที่คนตรงหน้าทำกับเขาเลยสักนิด

ทำไมนะ! ทำไมเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้!!

“ผมไม่ชอบสิ่งที่คุณทำ! หยุดทำเรื่องพวกนั้นกับผมสักที!!” ร่างบางคิดวกวนว่าให้ตัวเองจนสาแก่ใจก่อนจะตะโกนบอกอีกคนไปจนสุดเสียง

“คงไม่ได้แล้วว่ะ” ราชันย์ตอบกลับพลางจ้องแฟร์นิ่ง

“ทำไม!?” ร่างบางตะโกนถามก่อนคำพูดต่อมาของอีกฝ่ายจะทำให้แฟร์นิ่งอึ้งมากกว่าเดิม

“ถ้ากูบอกว่ากูชอบมึงไปแล้วล่ะแฟร์มึงจะว่ายังไง”

“!!”



TBC.....
-----------------------------------------------------
นี่คือเฮียแกสารภาพ!?
น้องแฟร์ถึงกับ Knock Out เพราะคำพูดของเฮียแกทันที!!
#งานถลึงตาเท่าไข่ห่านก็มา
ทำไงดีล่ะอีเฮียใจอ่อนแล้วนะ
น้องแฟร์ล่ะจะว่าไง?
เม้นท์กันหน่อยนาาาา เป็นกำลังใจให้นักเขียนคนนี้ด้วยยยยย
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.8 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 22-07-2017 19:06:42
ราชันย์  รู้แล้วละว่าไม่ใช่คนโรคจิต   แต่มันคือคนบ้านี่เอง
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.9 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 22-07-2017 22:24:56
ชันย์มันบ้าเจงๆ เป็นไบโพล่าอีกต่างหาก
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.9 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Gato88 ที่ 23-07-2017 03:28:28
ราชันย์ มันเป็นคนบ้าจริงๆแล้วแหละ ปวดหัวแทนแฟร์อะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.10 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 23-07-2017 08:48:03


CHAPTER 10



     วันนี้เป็นวันที่ราชันย์กับแฟร์ต้องออกเดินทางเพื่อติดตามงานไปยังสถานที่ถ่ายทำโฆษณาตัวใหม่ในจังหวัดภูเก็ต ร่างสูงเดินขึ้นเครื่องด้วยท่าทางสบายใจก่อนร่างบางจะตามขึ้นไปด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

   “เป็นไร” ราชันย์ถามเมื่อเห็นใบหน้าของอีกคนซีดเผือด

   “เปล่า” แฟร์ตอบก่อนจะเก็บสัมภาระของตัวเอง

   “เป็นอะไรบอกมา” ราชันย์ถามย้ำอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายนั่งลงยังที่นั่งของตัวเองทั้งใบหน้าเหยเกอย่างนั้น

   “ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” แฟร์ตอบแต่นั่นก็ไม่อาจทำให้ร่างสูงเชื่อได้เขาจึงขู่เสียงเย็นกลับ

   “ฉันไม่อยากทำอะไรนายบนนี้หรอกนะถ้าไม่จำเป็นเพราะฉะนั้นบอกฉันมาซะ” เมื่อร่างบางได้ยินดังนั้นก็ได้แต่มองค้อน

   “ผมแค่เมาเครื่อง” แฟร์พูดพลางเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากขมับทั้งสองข้างออก

   “แล้วทำไมไม่บอก”


   “ไม่เป็นไรเดินทางแป๊ปเดียวผมทนได้”

   “แน่ใจนะ” ร่างสูงมองมาด้วยแววตาราบเรียบหากแต่ภายใต้คำพูดธรรมดาๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง

   แฟร์พยักหน้าตอบเขาทำตัวลำบากขึ้นทุกทีหลังจากที่วันนั้นคนตรงหน้าได้ตัดสินใจเอ่ยความในใจออกมาในขณะที่ตัวเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยสักนิดดังเช่นวันนี้ที่อีกคนคะยั้นคะยอให้เขามากับตัวเองทั้งที่แฟร์จะไปกับพนักงานคนอื่นๆ ก็ยังได้ แต่ราชันย์เหนือชั้นกว่าเพราะเขาได้ทำการจองตั๋วเครื่องบินให้กับแฟร์เป็นที่เรียบร้อยโดยที่ร่างสูงแอบขโมยบัตรประชาชนของแฟร์ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเข้าห้องน้ำแถมยังขู่อีกด้วยว่าถ้าร่างบางไม่ยอมไปด้วยราคาตั๋วที่ซื้อไว้จะถูกหักออกจากเงินเดือนเขาถึงห้าเท่า!

   “งั้นถ้ารู้สึกไม่ดีจนทนไม่ได้เมื่อไหร่นายต้องบอกฉัน” ร่างสูงว่าพลางดึงผ้าปิดตาที่คาดมันไว้บนหัวตั้งแต่เก็บสัมภาระเสร็จลงมาปิดก่อนที่เขาจะทำทีเข้าสู่ห้วงนิทรา

   แฟร์มองการกระทำของคนที่หลายวันมานี้เขาไม่ดุด่าว่าร้ายหรืออารมณ์เสียใส่ด้วยเหตุผลบ้าๆ อย่างรู้สึกดีขึ้นมานิด ร่างบางพินิจดูดวงหน้าของคนข้างๆ พลางอมยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

   ความจริงแล้วราชันย์เป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าหน้าตาหล่อเหลาเอามากๆ ร่างสูงมีใบหน้าคมคายอย่างไร้ที่ติบวกกับสีหน้าและแววตาเรียบเฉยนั่นที่อีกคนชอบใช้ยิ่งทำให้บางเวลาราชันย์ก็ดูเหมือนกับราชสีห์ที่ยากจะเข้าถึงหากทว่าบางเวลาเขาก็ดูเหมือนกระต่ายน้อยที่ไร้ซึ่งกรงเล็บและฟันที่แหลมคม

   “จะจ้องฉันอีกนานมั้ยถ้านานกว่านี้ฉันจะเก็บเงินนาย” ราชันย์ว่าก่อนที่ร่างบางจะชักหน้าตัวเองที่โน้มลงไปหาอีกฝ่ายกลับ

   “ในหัวของคุณมีแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ หรือไง” แฟร์ว่าพลางหันหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่างด้วยท่าทีขวยเขิน

   “แน่นอนสิเพราะฉันเป็นนักธุรกิจ” พูดเพียงเท่านั้นก่อนรางสูงจะฉวยมืออีกคนมากำไว้ แฟร์มองไปยังมือของเขาที่ถูกอีกฝ่ายจับก่อนจะพยายามชักกลับแต่อีกคนกลับไม่ยอมเพราะเขายิ่งบีบมันแน่นยิ่งกว่าเดิม

   ร่างบางหมดแรงจะขัดขืน เขายังไม่ชินกับราชันย์ที่เปลี่ยนไป แม้ว่าในวันนั้นหลังจากที่อีกคนบอกความรู้สึกกับเขา แฟร์ต้องทนนั่งทานข้าวร่วมกับราชันย์อีกเป็นชั่วโมงกว่าจะได้กลับก็ปาไปเกือบสองทุ่ม แต่ก็ยังดีที่วันนั้นอีกฝ่ายไม่ทำอะไรอีกนอกเสียจากนั่งมองเขาราวกับกลัวจะหายไปไหนเสียเท่านั้น

   รถของโรงแรมที่ไปรอรับทั้งคู่จากสนามบินจอดเทียบท่ายังที่หมายเป็นที่เรียบร้อย ราชันย์เปิดประตูเดินลงจากรถก่อนที่ร่างสูงจะทำการติดต่อกับทางโรงแรมและเดินนำแฟร์ไปยังห้องพักทันที

   ร่างสูงเปิดห้องด้วยกุญแจที่ถือมาพลางเดินเข้าไปก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน แฟร์มองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างสงสัย ร่างบางเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียงที่ราชันย์นอนอยู่ก่อนจะพูดกับอีกคนเสียงนิ่ง

   “ขอกุญแจห้องของผมด้วย” แฟร์ว่าพลางแบมือ

   “ห้องนาย?”

   “ใช่ห้องของผม”

   “ห้องนายก็ห้องนี้แหละ” ร่างสูงตอบหน้าตาย

   “แต่นี่มันห้องของคุณ!”

   “ไม่ถูกสินายต้องพูดว่ามันคือห้องของเราต่างหากล่ะ” ร่างสูงเอ่ยแกมหยอกก่อนที่ร่างบางจะหน้าขึ้นสี

   “คุณราชันย์ผมไม่นอนกับคุณหรอกนะ!”
 
   “มันไม่มีห้องว่างหรือนายอยากจะนอนทางเท้า?” ราชันย์ถามพลางลุกขึ้นจ้องไปยังอีกคน

   “ถ้ายังงั้นผมก็จะไปพักที่โรงแรมอื่น”

   “ฉันติดต่อโรงแรมในระแวกนี้มาหมดแล้วไม่มีที่ไหนว่างเพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น”

   “คุณต้องล้อผมเล่นแน่ๆ”

   “คิดว่าฉันมีเวลามานั่งล้อเล่นกับนายหรือไง” ราชันย์ตอบก่อนจะลุกเดินไปยังกระเป๋าเสื้อผ้าที่พนักงานของทางโรงแรมขนขึ้นมาให้

   “จัดของกันเถอะ” ร่างสูงบอกก่อนที่เสียงเคาะจะดังมาจากทางประตูห้อง พวกเขาทั้งคู่หันมาสบตากันสุดท้ายก็เป็นแฟร์ที่ต้องเดินไปเปิด

   ร่างบางเดินไปยังประตูก่อนจะเปิดมันออกเผยให้เห็นร่างเล็กของใครบางคนเดินเข้ามาพลางทักเจ้าของห้องด้วยความสนิทสนม

   “พี่ราชันย์มาแล้วจริงๆ ด้วย” ชานนท์ยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง

   ร่างบางมองตามหลังผู้มาใหม่ที่ไม่คิดจะสนใจเขาสักนิดเนื่องจากประตูเมื่อกี้บังร่างของเขาเอาไว้ก่อนที่แฟร์จะตะโกนชื่ออีกคนออกมาด้วยความตกใจ

   “นนท์!”

   “อ้าว! พี่แฟร์” นนท์หันมาหาแฟร์เมื่อถูกเรียก “ทำไมพี่แฟร์ถึงอยู่กับพี่ราชันย์ได้ล่ะ?”

   “แฟร์เป็นเลขาฯ ของผม” ราชันย์ตอบเมื่อนนท์ถามอีกฝ่ายกลับแต่แฟร์ก็ไม่กล้าบอกความจริงออกไป

   “แต่พี่นัทบอกว่าพี่แฟร์จะไปช่วยงานเพื่อนไม่ใช่เหรอ”

   “เอ่อ…” แฟร์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกร่างบางชำเลืองไปทางราชันย์อย่างคาดโทษเขาต่อว่าอีกคนผ่านแววตาเพราะร่างสูงไม่เคยบอกเขาสักคำว่านนท์เองก็มาที่นี้ด้วย

   “เพื่อนของเขาคนนั้นก็คือผม” ราชันย์ชิงตอบ

   “แต่…”

   “ไว้พี่จะเล่าให้ฟังนะแล้วนนท์ล่ะมาที่นี่ได้ไง” แฟร์เอ่ยตัดบทนนท์ที่ดูเหมือนจะมีเรื่องถามออกมาอีก

   “ก็ผมเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าตัวนี้ให้พี่ราชันย์ไงล่ะครับพี่ลืมไปแล้วเหรอ” ร่างเล็กตอบพลางมองหน้าอีกคนด้วยความสงสัย

   แฟร์เผลอสบตานนท์เข้าร่างบางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอะไรภายใต้แววตานั้นแต่เขากลับคิดอะไรดีๆ ออกในที่สุด

   “ถ้ายังงั้นผมขอไปนอนกับนนท์นะ” ร่างบางว่าก่อนจะหันไปมองราชันย์ที่หยิบเสื้อผ้าของตัวเองออกมาเก็บ

   “แค่ต้องถ่ายโฆษณาเขาก็เหนื่อยมากพอแล้วนายยังจะไปแย่งที่นอนเขาอีกทำไมนอนกับฉันนี่แหละจัดของของนายเข้าตู้ซะ” ร่างสูงพยายามยื้อจนนนท์ที่มองทั้งคู่อยู่รู้สึกได้ถึงความต้องการบางอย่างของราชันย์

   “ให้พี่แฟร์ไปนอนกับผมก็ได้พวกเราน่ะนอนด้วยกันบ่อยจะตายไม่รบกวนหรอกครับ” ร่างเล็กของดาราหนุ่มเอ่ยก่อนที่แฟร์จะหันไปยิ้มราวกับกำลังถูกเขาช่วยชีวิต

   “ผมต้องคุยและเคลียร์เอกสารกับแฟร์อีกเยอะ” ราชันย์ว่าพลางจ้องแฟร์กลับ

   “เรื่องงานเดี๋ยวผมมาทำงานกับคุณเองเพียงแต่เวลานอนผมจะไปนอนกับนนท์” แฟร์บอกก่อนร่างสูงจะถอนหายใจเมื่อทักท้วงมากกว่านี้ไม่ได้

   “ตามใจนายแล้วกัน” ว่าเสร็จราชันย์ก็ทำทีจะเดินเข้าไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองในตู้แต่กลับถูกเสียงหนึ่งที่ดังจากประตูฉุดไว้เสียก่อน

   “แหมๆ มาแล้วเหรอคะชันย์แพรคิดถึงคุณจังเลย”

   “!!”

   แพรวาเดินเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ ร่างสูงมองตามต้นตอของเสียงก่อนใบหน้านิ่งจะขมวดคิ้วมุ่นพลางถามอีกคนกลับ

   “มาที่นี่ได้ยังไง”

   “นี่คุณไม่รู้เหรอว่าแพรคือพรีเซนเตอร์ผู้หญิงของคุณ” เสียงแหลมเอ่ยขึ้นอย่างถือดีก่อนที่แพรวาจะแสยะยิ้มและพูดขึ้นอีก

   “หรือว่ามัวแต่ทำอย่างอื่นกับใครแถวนี้ล่ะถึงได้เป็นเหมือนผู้บริหารที่ไม่ติดตามงานแบบนี้” ร่างสูงได้ยินคำปรามาสก็เหยียดยิ้ม

   “หึ! เผอิญเรื่องของคุณมันไม่ได้อยู่ในความสนใจของผมน่ะสิผมถึงไม่สนว่าคุณจะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ หรือกับผู้ชายคนไหน!!”

   เพี้ยะ!!

   “ชักจะมากไปแล้วนะคุณคิดว่าคุณเป็นใครถึงได้มาพูดจาดูถูกแพรแบบนี้ได้!” แพรวาฟาดมือเล็กลงบนหน้าของราชันย์อย่างจัง

   แฟร์และนนท์ที่ยืนดูอยู่ด้วยถึงกับตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่างเล็กของนนท์ทำท่าว่าจะเข้าไปช่วยแต่กลับถูกแฟร์ยื้อเอาไว้ก่อนที่คนแก่กว่าจะส่ายหน้าให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่ง

   “แล้วคุณล่ะแพรวาคุณเป็นใครถึงได้กล้าตบหน้าผม” ราชันย์เอ่ยเสียงเย็นเยียบ

   “แพรก็เป็นคนที่เคยทำให้คุณรักยังไงล่ะคะ! รักจนโงหัวไม่ขึ้นซะด้วย!!”  หญิงสาวตะโกนลั่นก่อนราชันย์จะหันไปสบตากับแฟร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลในขณะที่แพรวายังพูดออกมาไม่หยุด

   “แพรรู้สึกผิดมากเลยนะชันย์ที่ทำให้คุณผิดหวังจนต้องเปลี่ยนรสนิยมไปคั่วกับผู้ชายด้วยกันเอง!”

   “หุบปากซะแพรวา!!” ร่างสูงตวาดก้อง

   ราชันย์มองใบหน้าของแพรวาราวกับอยากจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ ร่างสูงขบกรามแน่นเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้จนขมับปูดเป็นเส้น

   แฟร์เห็นท่าไม่ดีจึงพยายามจะพาร่างเล็กของคนข้างๆ เดินออกจากห้องนี้ไปแต่แล้วก็ถูกแพรวาตวัดคำพูดว่าร้ายมาจนได้

   “จะไปไหนไอ้ลักกินขโมยกิน!” ร่างโปร่งของดารานางแบบสาวที่สูงกว่าร้อยเจ็ดสี่เซนต์ฯ ย่างกรายเข้าไปหาทั้งคู่ก่อนที่ราชันย์จะกระชากแขนเล็กให้กลับมาหาตัวเอง

   “หยุดพล่ามแล้วออกไปจากห้องผมซะก่อนที่ผมจะหมดความอดทน!” ร่างสูงบีบแขนของแพรวาจนอีกฝ่ายร้อง

   “โอ้ย! แพรเจ็บนะชันย์!!”

   “บุญแค่ไหนแล้วที่คุณได้งานนี้เห็นว่าเดือดร้อนเรื่องเงินอยู่?”

   “กรี๊ดดดด!!!”

   ร่างสูงเค้นเสียงเอ่ยความจริงจนแพรวาหน้าชาขึ้นทันใด หญิงสาวโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงก่อนที่เธอจะเอาแต่กรีดร้องออกมา

   “ความอดทนของผมมันต่ำขืนเธอก้าวก่ายไม่เข้าเรื่องก็รอรับผลเอาไว้ได้เลยออกไป!!”

   “แพรไปแน่! คิดว่าแพรกลัวยังงั้นเหรอ คุณยังรักแพรอยู่แพรรู้คุณไม่กล้าทำแบบนั้นกับแพรหรอก!! แต่แพรยังจะรังควานคุณอยู่แบบนี้ไม่ปล่อยดูสิว่าใครจะเป็นคนชนะ!!” ร่างโปร่งของดาราสาวเอ่ยเน้นหนักก่อนที่ 'แนน' ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ของนนท์จะเข้ามายุติศึกน้ำลายในครั้งนี้

   “ขอโทษนะคะทีมงานพร้อมแล้วค่ะน้องนนท์…คุณแพรวา” นนท์    พยักหน้ารับ ร่างเล็กหันไปมองราชันย์ทีแพรวาทีก่อนจะยอมเดินออกไปเช่นเดียวกับแพรวาที่สะบัดหน้าจ้ำอ้าวตามออกไปด้วยอีกคน

   ราชันย์มองหน้าแฟร์ราวกับอยากจะบอกอะไรบางอย่าง ร่างบางมอง อีกคนกลับก่อนจะถอนหายใจออกมาและทำท่าว่าจะเดินออกจากห้องนี้ไปด้วย

   “นายจะไปไหน” ร่างสูงถาม

   “ผมว่าคุณคงอยากอยู่คนเดียว” แฟร์ตอบพลางมองไปยังใบหน้าของอีกคนนิ่ง

   “คิดเองเออเอง”

   “อยากทำอะไรก็ทำเถอะผมรู้ว่าคุณเหนื่อยผมจะออกไปดูนนท์สักหน่อยแล้วจะกลับมา” ว่าเสร็จแฟร์ก็แบกสัมภาระของตัวเองไปเก็บไว้ในห้องของนนท์ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของราชันย์นักในขณะที่ผู้จัดการส่วนตัวของอีกฝ่ายกำลังจะปิดประตูห้องนั้นอยู่พอดี



   “เหนื่อยมั้ย” แฟร์ถามนนท์ทันทีที่อีกฝ่ายเดินกลับมาใต้เต็นท์พักด้วยใบหน้าอิดโรย

   “มากอะพี่แฟร์ร้อนก็ร้อนคุณแพรวาก็ไม่ช่วยอะไรเลยถูกสั่งคัทเพราะเธอเป็นสิบกว่าเที่ยว” นนท์บ่นก่อนจะนั่งลงดูดน้ำอัดลมในแก้วลงคอไปอึกใหญ่

   “เธอคงไม่ค่อยมีสมาธิน่ะ”

   “คงจะใช่ล่ะมั้งแล้วพี่แนนล่ะครับ”

   “ไปเข้าห้องน้ำน่ะ” แฟร์ตอบก่อนที่คนตรงหน้าจะมองไปยังเต็นท์ของดาราสาวพร้อมกับพูดขึ้น

   “นนท์ว่าเธอต้องโกรธนนท์แหงๆ”

   “ทำไมล่ะ”

   “ก็พี่ราชันย์ดันจูบนนท์ต่อหน้าเธอน่ะสิ ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะจำนนท์ได้มั้ยแต่คำพูดเมื่อกี้ของเธอมันเหมือนต่อว่านนท์เลยนะ” ร่างเล็กเอ่ยออกไปอย่างไม่หมกเม็ดชานนท์รู้ดีว่าแฟร์เก็บความลับได้ดีกว่าใครแถมพวกเขายังสนิทกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรด้วย

   “อะไรนะนนท์!” ร่างบางแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

   “ตกใจอะไรกันพี่แฟร์”

   “นนท์บอกว่าคุณราชันย์เขาทำอะไรนะ!?” แฟร์ถามย้ำ

   “พี่ราชันย์เขาจูบนนท์ต่อหน้าคุณแพรวาเรื่องนี้นนท์ยังไม่ได้บอกใครเลยนะพี่เป็นคนแรกที่รู้” นนท์พูดไปพลางลอบยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น

      “เมื่อไหร่” แฟร์ถามเมื่อเริ่มมีน้ำโห ร่างบางไม่คิดเลยว่าในขณะที่เขาต้องห่วงคนตรงหน้าเป็นบ้าเป็นหลังราชันย์กลับตลบตะแลงคำสัญญาที่เคยให้ไว้

   “ไม่กี่วันที่ผ่านมาเนี่ยแหละนนท์นัดพี่ราชันย์ไปผับ KT”

   “แล้วเขาก็ไป?”

   “แหงสิ! แล้วก็บังเอิญไปเจอคุณแพรวาที่นั่นพอดี พี่ราชันย์เขาเลยทำแบบนั้นกับนนท์…ตกลงพวกเขาเคยเป็นแฟนกันมาก่อนเหรอ?” ร่างเล็กถามออกไปอย่างคนไม่รู้ก่อนที่คนตรงหน้าจะเอาแต่ขยำบทพูดของนนท์ที่หยิบมาอ่านรออีกฝ่ายถ่ายทำเมื่อกี้จนมันยับไปหมด

   “พี่แฟร์เป็นอะไรหรือเปล่า” นนท์ถามก่อนจะเอื้อมมือของตัวเองจับมือของแฟร์ที่กำลังสั่นเทาเพราะความโกรธ

   “เปล่าๆ แนนมาแล้วงั้นพี่ขอตัวก่อนนะ” แฟร์ที่เห็นหญิงสาวร่างอวบเดินมาแต่ไกลออกปากขอตัวทันที

   “พี่แฟร์ไม่อยู่กับนนท์ต่อเหรอเหลือถ่ายอีกแค่ซีนเดียวเองแล้วเราค่อยไปหาพี่ราชันย์พร้อมกัน” ร่างเล็กคะยั้นคะยอหากทว่าแฟร์กลับร้อนรุ่มอยากรู้ความจริงจากปากใครบางคนเสียมากกว่า

   “พอดีพี่นึกขึ้นได้ว่าต้องรายงานเรื่องงบประมาณของงานนี้ให้เขารู้น่ะพี่ขอกลับก่อนแล้วกัน” แฟร์บอกพลางลุกขึ้นยืน

   “งั้นก็ได้ครับแล้วเจอกันนะ” นนท์โบกมือให้คนเป็นพี่ที่เดินออกไปก่อนร่างเล็กจะมองตามแผ่นหลังของแฟร์อย่างสงสัย

   ชานนท์รู้สึกได้ว่าระหว่างแฟร์กับราชันย์ต้องมีอะไรมากกว่าที่เขาเห็น ร่างเล็กรับรู้ได้จากสายตาของราชันย์ที่มองมายังแฟร์ในคราวที่เขาเจอทั้งคู่อยู่ในห้องด้วยกันเมื่อเช้าเพียงแต่นนท์ไม่อยากตัดสินใจอะไรไปก่อนที่จะเห็นด้วยตาของตัวเองเพียงเท่านั้น!




   “กลับมาแล้วเหรอว่าจะลงไปตามพอดี” ราชันย์เอ่ยทักเมื่อแฟร์เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องของเขา

   “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ

   “เรื่องอะไร”

   “เรื่องนนท์”

   “ฉันไม่อยากคุยเรื่องของใครตอนนี้มาแล้วก็ดีชงกาแฟให้กินหน่อย”   

       “ผมไม่ทำอะไรทั้งนั้น!”

   “เป็นบ้าอะไร!” ราชันย์มองแฟร์นิ่ง ร่างสูงกัดฟันกรอดก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกคนแต่แฟร์กลับถอยหนี

   “คุณผิดสัญญา! คุณบอกว่าจะไม่ยุ่งกับนนท์ถ้าหากผมยอมเป็นเลขาฯ ให้ แต่นี่คุณกลับไปเที่ยวด้วยกันแถมยังจูบนนท์ด้วย!” แฟร์ตะโกนออกไปจนราชันย์ชะงักร่างสูงหยุดฝีเท้าที่ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะสบตาอีกคนกลับ

   “ผมไม่น่าไว้ใจเชื่อคุณเลยคุณมันร้ายกาจกว่าที่ผมคิด”

   “หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะแฟร์!”

   “ทำไม! เพราะผมรู้เข้าคุณเลยจะสำนึกงั้นเหรอ!!”

   “ไม่มีการสำนึกอะไรทั้งนั้น! เขาเป็นคนโทรมานัดฉันเองไม่ใช่ฉันที่ติดต่อไปเพราะฉะนั้นเรื่องนี้ฉันไม่ผิด!” ร่างสูงสวนกลับ ราชันย์ไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้นเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เริ่มขึ้นจากตัวเขาเอง!

   “คุณนี่มัน!…” แฟร์เค้นเสียงเอ่ยออกมาอย่างเหลืออดก่อนที่ร่างบางจะหันหลังกลับเพราะไม่อยากพูดกับคนตรงหน้าอีก
   “จะไปไหน!”

   “ผมไม่อยากคุยกับคุณแล้ว! ปล่อยผมนะ!!” แฟร์ร้องห้ามเมื่อราชันย์กระชากแขนของเขาเข้าหาตัวเองแน่น

   “มาคุยกันให้รู้เรื่อง! นี่นายกำลังปั่นหัวฉันอยู่ใช่มั้ย!”

   “คุณต่างหากที่ปั่นหัวผม! คนโกหก หลอกลวง ปลิ้นปล้อน ปล่อย! ปล่อยเดี๋ยวนี้! โอ้ย!!” ร่างบางหลุดร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อราชันย์เหวี่ยงตัวเขาลงบนเตียงก่อนจะตามขึ้นมาคร่อมเอาไว้ไม่ให้หนี

   “จะเงียบได้หรือยังวันนี้กูเหนื่อยกับเรื่องพวกนี้มามากกูไม่อยากรับเอาอะไรเข้ามาอีกเข้าใจมั้ย?” คนด้านบนเอ่ยเสียงเรียบหากทว่าคนด้านล่างกลับฟังว่าคำพูดเมื่อกี้มันช่างเห็นแก่ตัวเสียเหลือเกิน

   “ถ้างั้นคุณก็ปล่อยผมซะเพราะผมเองก็ไม่อยากรับรู้เรื่องพวกนี้อีกต่อไปแล้ว!” แฟร์พยายามดิ้นให้หลุด
   
   “ผมจะลาออกคุณเตรียมหาคนใหม่มาทำหน้าที่นี้ได้เลย!!” เสียงใสพ่นออกไปจนคนที่รับฟังถึงกลับเลือดขึ้นหน้า

   “กูไม่ให้มึงออก!”

   “แต่ผมจะออก! อ่ะ!!” ราชันย์ก้มลงกดจูบคนด้านล่างอย่างป่าเถื่อนก่อนจะผละออกและตะโกนกลับไป

   “ก็ลองดูสิ! ขืนมึงออกตอนนี้น้องชายของคนที่มึงรักเจอกูเอาไปขายแน่!!”

   แฟร์มองราชันย์ด้วยแววตาโกรธเคือง ร่างบางไม่คิดเลยว่าราชันย์ที่อุตส่าห์ดีขึ้นหลายวันที่ผ่านมาจะหมกเม็ดเรื่องร้ายๆ และนิสัยร้ายๆ ที่เขาไม่รู้เอาไว้อีกมาก

   “สารเลว!! อื้อออ!!” ร่างบางก่นด่าก่อนราชันย์จะกลืนกินคำพูดเหล่านั้นด้วยริมฝีปากของตัวเอง

   แฟร์พยายามดิ้นหนีจนสุดแรงแต่แรงของเขากลับสู้แรงของอีกคนไม่ได้เลยสักนิด ร่างสูงทั้งกัดทั้งจูบซับย้ำๆ หลายครั้งจนปากร่างบางบวมเจ่อไปหมด

   “กูทำจริงอย่าคิดว่ากูไม่กล้า!” ราชันย์เอ่ยหลังจากปล่อยริมฝีปากที่เริ่มแดงช้ำของอีกคนให้เป็นอิสระ ดวงตาสีดำเข้มจ้องมองเข้าไปยังดวงตาสีน้ำตาลอย่างนึกโกรธ ร่างสูงไม่ชอบเลยเวลาที่อีกคนหาทางไปจากเขาแบบนี้

   “ผมรู้ว่าคุณกล้าฉะนั้นก็ปล่อยผมออกจากวังวนนี้ซะ!!”

   “กูไม่ปล่อย! ปล่อยมึงให้ไปสานสัมพันธ์กับพี่ชายไอ้เด็กนั่นก็โง่น่ะสิ!!”

   “คุณราชันย์!!”

   “มึงยังต้องอยู่กับกูไปอีกนาน” ว่าเสร็จร่างสูงก็จัดการล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตของคนข้างใต้ มือหนาลูบไล้สัมผัสอีกคนจนทั่วก่อนจะวาดลงมายัง    หน้าท้องของแฟร์อย่างเย้าหยอก

   “ฮึก! อ๊า!! อย่านะ! ปล่อยผม!!” ร่างบางพยายามดิ้นให้หลุด แววตาและท่าทางของราชันย์ตอนนี้ไม่มีทีว่าว่าจะล้อเล่นเขาเลยสักนิด

   ร่างสูงเอาจริง! คือสิ่งที่สะท้อนเข้ามาในหัวของแฟร์อย่างจัง!!

   ราชันย์ก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวอย่างหื่นกระหาย ริมฝีปากสีคล้ำดูดดึงสร้างรอยให้กับร่างบางจนแฟร์สะดุ้งโหยงเมื่อถูกฟันของอีกฝ่ายขบเม้มตามอารมณ์จนเกิดรอย

   “ซี๊ดดดด”

   แฟร์ส่งเสียงออกมาในขณะที่ร่างสูงจูบซับไปยังรอยที่สร้างเอาไว้ก่อนที่แฟร์จะบิดกายพร้อมกับรวบรวมแรงทั้งหมดเมื่อราชันย์พยายามจะรูดซิปกางเกงของเขาลง

   “อยากร้องให้ใครช่วยมั้ยกูจะได้ไม่ต้องออมมือ สภาพมึงตอนไม่มีเสื้อผ้าไม่ได้ทำให้กูอายที่ทำเรื่องแบบนี้กับมึงเลยสักนิด! ร้องสิ! ร้องออกมา!” ราชันย์เอ่ยทับเมื่อเห็นว่าแฟร์กำลังจะตะโกนให้คนช่วยก่อนเขาจะใช้มือหนาเคลื่อนลงไปกอบกุมกลางกายของคนตัวเล็กเอาไว้และบีบคลึงมันจนแฟร์เริ่มรู้สึกเสียวซ่าน

   “อ๊า! ฮึก อ่ะ! ยะ…อย่าทำแบบนี้กับผม อ่ะ!” แฟร์ร้องห้ามในขณะที่เรี่ยวแรงเริ่มจะไม่เหลือ คนด้านบนมีชั้นเชิงสูงจนเขาตามไม่ทันก่อนราชันย์จะกระชากเสื้อของแฟร์ออกและก้มลงดูดตุ่มไตเล็กบนหน้าอกของคนข้างใต้ราวกับหิวกระหาย

   “คุณ! อ๊า!!” ร่างบางเชิดใบหน้าขึ้นตามแรงอารมณ์ที่ก่อเกิด แฟร์ไม่รู้เลยว่าตอนนี้รู้สึกยังไงเพียงแต่ใจของเขากลับสั่นสะท้านไปกับสัมผัสที่อีกฝ่ายกำลังมอบให้เสียจนสติเริ่มพล่าเลือนลงไปทุกที

   ราชันย์จูบซับไปตามส่วนต่างๆ ของร่างบาง ทั้งหน้าท้อง หน้าอก เรื่อยขึ้นไปยังใบหู หน้าผาก ปลายจมูกก่อนจะปิดท้ายด้วยริมฝีปากสีระเรื่อที่ร่างสูงยากจะอดใจทุกทีที่เห็น

   “พี่ราชันย์ครับ…!!”

   “นนท์!!”

   เสียงของคนมาใหม่ที่ดังมาจากทางประตูฉุดให้ความหวาบหวามที่กำลังก่อตัวขึ้นของทั้งสองชะงักงัน แฟร์รีบผลักราชันย์จนล้มลงไปบนเตียงก่อนที่เขาจะลุกขึ้นพลางคว้าเอาชายเสื้อที่เลิกขึ้นลงและรูดซิปกางเกงของตัวเอง

   “พี่แฟร์!! นี่มันเรื่องอะไรกัน!!” นนท์มองพวกเขาด้วยสายตาอึ้ง ร่างเล็กตวาดถามกลับก่อนที่แฟร์จะเอาแต่มองไปด้วยแววตารู้สึกผิด

   “พี่แฟร์! ทำไมพี่ถึงได้!...” นนท์ชะงักคำพูดมากมายเอาไว้ก่อนที่ร่างเล็กจะหันหลังเดินออกไป

   “ฟังพี่อธิบายก่อนนะนนท์!” แฟร์วิ่งเข้าไปคว้าข้อมือของนนท์เอาไว้ก่อนเสียงของแพรวาที่เดินตามชานนท์เข้ามาจะสะกดความสนใจของทุกคนไปยังตัวเธอทันที

   “โอ้ย! เอะอะอะไรกันไม่อายคนอื่นเขาบ้างเหรอ!” แพรวามองเข้ามาในห้องพลางเคลื่อนดวงตาเฉี่ยวมาปะทะกับร่างของแฟร์ที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยก่อนจะแสยะยิ้มสมเพชคนถูกมองขึ้นมา

   “อดทนกันไม่ได้จนต้องลงมือนอกสถานที่แบบนี้เลยเหรอจ้ะ” เสียงแหลมเอ่ยขึ้นอย่างยียวนก่อนหญิงสาวจะชำเลืองไปทางราชันย์พร้อมกับเค้นยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย

   ร่างสูงมองแพรวาสลับกับแฟร์ที่ทำหน้ารู้สึกผิดก่อนที่ร่างเล็กของนนท์จะสังเกตเห็นแววตานั้นพร้อมกับออกแรงสลัดแขนออกจากการเกาะกุมของ    ร่างบางและเดินออกจากห้องไปในที่สุด

   “นนท์ฟังพี่ก่อนนะเรื่องนี้พี่อธิบายได้! นนท์! เดี๋ยวนนท์!” แฟร์พยายามยื้อร่างเล็กของดาราหนุ่มเอาไว้แต่ร่างสูงของราชันย์กลับก้าวเข้ามาคว้าแขนของเขาและกระชากให้กลับมาแทน

   เพี้ยะ!!

   “ผมเกลียดคุณ!!” แฟร์ตบราชันย์จนหน้าหันก่อนจะตะคอกเขากลับและวิ่งตามชานนท์ออกไปทันที

   “เป็นไงคะชันย์ยังอยากจะเปลี่ยนรสนิยมอีกมั้ยดูถ้าไม่ง่ายเลยนะ!” แพรวาได้ทีเหยียบย่ำร่างสูงด้วยคำพูด

   “ออกไป” ราชันย์เอ่ยเสียงเรียบ แรงตบและคำพูดจากร่างบางเมื่อกี้ทำให้ร่างสูงชะงักด้วยหัวใจที่กระตุกวูบอย่างบอกไม่ถูกก่อนแพรวาจะนึกย่ามใจหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางนิ่งอึ้งของคนตรงหน้า

   “หึ! โมโหมากเลยเหรอคะ ไม่เอาน่าคุณก็น่าจะรู้ว่าสิ่งมีชีวิตประเภทนี้เขาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นไม่มีใครเป็นตัวจริง ส่ำส่อนไปทั่ว ไม่แน่ว่าคุณอาจจะเป็นแค่คนฆ่าเวลาของมันกะ…”

   “กูบอกให้มึงออกไป!!”

   “ชันย์!!” แพรวาถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างนิ่งอึ้ง สรรพนามที่ราชันย์ไม่เคยเอ่ยขึ้นกับเธอกลับถูกเขาเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางใบหน้าดุดัน

   “ออกไปจากชีวิตกูซะที! อยากไปตายที่ไหนก็ไป!!” ราชันย์ตวาดกลับก่อนที่แพรวาจะตรงเข้าเขย่าร่างสูงที่ยืนนิ่งด้วยแรงโทสะ

   “ชันย์กล้าพูดแบบนี้กับแพรเหรอคะ!!”

   “กูกล้าอยู่แล้ว! ถ้ามึงไม่อยากเดือดร้อนไปมากกว่านี้อย่าเกะกะชีวิตกูอีก!!” ราชันย์ผลักร่างโปร่งของอดีตคนรักลงไปนอนกองกับพื้นก่อนที่เธอจะเอาแต่กรี๊ดลั่น

   “กรี๊ดดด!!”

   “คุณแหม่มผมขอยกเลิกจ้างนางเอกพรีเซนเตอร์คนนี้!...ผมเกลียดผู้หญิงคนนี้!...ใช่!…ดิสเครดิตด้วยไม่อย่างงั้นคนแบบนี้จะแว้งกัดเราไม่ปล่อย!”

   “กรี๊ดดดด!!! ไอ้บ้า!  มึงกล้าทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง!!” แพรวากรีดร้องราวกับเจ้าเขาเมื่อราชันย์โทรหาทีมงานที่จัดการเรื่องถ่ายโฆษณาในครั้งนี้

   “กูเหนื่อยกับมึงมามากตั้งแต่ตอนคบกันจนมาถึงตอนนี้!…ไปซะ! กูไม่อยากขึ้นชื่อว่าลงมือทำร้ายผู้หญิง!!” ร่างสูงพูดก่อนทำทีจะเดินเข้าห้องน้ำไปแต่แล้วราชันย์กลับคิดเรื่องหนึ่งออกเขาจึงเอ่ยขึ้นมาเพื่อดักคออสรพิษในคราบมนุษย์คนนี้ก่อนที่คนตรงหน้าจะหาเรื่องมาให้เขาอีก

   “อ่อ! แล้วถ้าอยากเอาคืนกูล่ะก็เห็นทีคงต้องคิดใหม่เพราะหลักฐานที่กูมีเรื่องยักยอกเงินบริษัทเมื่อสามปีก่อนคงพอเอาผิดให้มึงติดคุกไปหลายปี” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างถือไพ่เหนือกว่าก่อนร่างสูงจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำทิ้งให้   แพรวานั่งกรีดร้องอย่างเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง


TBC..........
-------------------------------------------------
#พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก!!
เกือบจะดีอยู่ละต้องมีเรื่องให้ทั้งสองคนผิดใจกันทุกทีแหละน่าาา
ตอนนี้แอบเอา NC ไม่จริงมาฝากพอให้กรุ้มกริ้ม
เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการเม้นท์หน่อยนะ
#แล้วอย่าลืมเป็นกำลังใจให้น้องแฟร์กับเฮียชันย์ด้วยยยย ^^
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.10 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 23-07-2017 12:52:20
สมน้ำหน้าชะนีแพร
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.10 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: pamazier24 ที่ 23-07-2017 14:56:44
อยากให้มี nc เร็วๆ งือออ :katai5:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.10 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-07-2017 16:30:23
เหมือนเคยอ่านตอนต้นๆ ของเรื่องนี้ที่ไหนมาก่อน จำได้ว่ายังลงไม่จบ

หวังว่าจะเป็นคนเขียนคนเดียวกันนะ
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.10 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 23-07-2017 16:33:10
เหมือนเคยอ่านตอนต้นๆ ของเรื่องนี้ที่ไหนมาก่อน จำได้ว่ายังลงไม่จบ

หวังว่าจะเป็นคนเขียนคนเดียวกันนะ

ใช่ค่ะ เราเคยโพสในเล้ามา 2 ครั้งละ แต่ตอนนั้นต้นฉบับมันไม่จบ
ตอนนี้ในเซต จบมา 2 เรื่องละ เลยเอามาโพสใหม่อีกครั้ง
คนเขียนยังเป็นคนเดิมจร้าาาาา  นามปากกา BlueGusten เอง   
:mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.11 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 23-07-2017 17:35:41


CHAPTER 11



        นนท์ฟังพี่ก่อน!” แฟร์คว้าแขนของนนท์เอาไว้ทันทีที่ทั้งคู่เข้ามาในห้องพักของดาราหนุ่ม

   “ปล่อยนะพี่แฟร์! นนท์ไม่อยากพูดกับพี่ตอนนี้!!” ร่างเล็กสะบัดออกแต่ร่างบางไม่ยอม แฟร์ตรงเข้าไปคว้าต้นแขนของคนตรงหน้าเอาไว้พร้อมกับจ้องกลับไม่วาง

   “แต่นนท์ต้องฟังเพราะที่พี่ทำไปทั้งหมดมันเป็นเพราะนายนะ!”

   “เพราะผม!? พี่จะบอกว่าที่พี่กำลังจะทำอะไรกับพี่ราชันย์นั่นมันเป็นเพราะผมยังงั้นเหรอ!!” ชานนท์ตวาดลั่น

   “ไม่ใช่นะ! เรื่องเมื่อกี้มันเป็นความผิดของพี่เองพี่ยอมรับแต่ที่พี่ต้องมาทำงานกับเขาก็เพื่อความปลอดภัยของนนท์นะ” ร่างบางยอมรับว่าเหตุการณ์ เมื่อครู่เป็นเขาเองที่เผลอไผลไปกับสัมผัสของอีกคนจนเกือบจะเลยเถิดไปใหญ่

   “หึ! พูดได้ดีนี่ เขาจะฆ่าผมหรือไงถึงทำให้พี่ต้องเอาตัวเองเข้าแลกน่ะห๊ะ!!”

   “เพราะนายจะโดนขายต่างหาก!”

   “!!”

   ร่างเล็กมีท่าทีตกใจกับคำพูดของแฟร์ ร่างบางสบตากับคนตรงหน้าก่อนจะเริ่มต้นพูดขึ้น

   “วันเปิดตัวน้ำหอมที่พี่หายตัวไปเพราะถูกราชันย์เอาไปขายทั้งที่ความจริงแล้วเป้าหมายในวันนั้นคือนาย!!”

   “…”

   “เขาจับผิดตัวไปและหลังจากนั้นเขาก็ขู่พี่ว่าถ้าไม่อยากให้นายโดยจับไปพี่ต้องมาทำงานกับเขา พี่ไม่อยากให้นายเป็นอันตราย พี่ไม่อยากให้นายเจ็บมันโหดร้ายมากเลยนะนนท์!” แฟร์เล่าก่อนที่น้ำตาจะเริ่มเอ่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

   “พี่เสียเวลาแต่งเรื่องนี้นานหรือเปล่า”

   “!!”

   เสียงคนตรงหน้าฉุดสติของคนเล่าให้หลุดออกจากภวังค์ แฟร์ลดมือลงก่อนจะมองนนท์ด้วยแววตาเศร้า

   “นายไม่เชื่อพี่?” ร่างบางถามเสียงสั่น

   “ระดับเศรษฐีพันล้านอย่างพี่ราชันย์น่ะเหรอจะทำเรื่องแบบนั้น! ผมไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้…ทำไมพี่ถึงได้ตอแหลแบบนี้!”

   “นนท์!!!” ร่างบางเบิกตากว้างกับคำพูดของร่างเล็ก

   ใบหน้าของชานนท์โกรธเกรี้ยวอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างเล็กตรงหน้าแสยะยิ้มอย่างสมเพชก่อนจะปริปากถามบางอย่างออกมา

   “ผมถามจริงๆ เถอะพี่นัทรู้เรื่องนี้มั้ย” แฟร์ปิดพบเปลือกตาลงก่อนจะส่ายหน้ากลับไป

   “พี่ยังรักพี่ชายนนท์อยู่ใช่มั้ย” ร่างบางไม่ตอบหากแต่แฟร์กลับกำมือตัวเองเอาไว้แน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือเป็นรอย

   “ผมรักพี่ราชันย์”

   “!!”

   “ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นและผมก็ไม่เชื่อพี่ด้วย!!”

   “แต่เรื่องที่พี่พูดมันเป็นเรื่องจริงนะ!!”

   “ถ้ามันเป็นเรื่องจริงผมก็อยากจะรู้ด้วยตัวเองพี่ไม่จำเป็นต้องมาอ้างให้เสียเวลา!!” ร่างเล็กผลักอีกคนกลับ แฟร์ล้มลงก่อนที่นนท์จะหันกลับมาบอกเขาเสียงเรียบ

   “ออกไปก่อนเถอะพี่แฟร์ผมอยากอยู่คนเดียว”

   แฟร์มองเสี้ยวหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายที่เขารักอีกคนด้วย แววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ร่างบางหยิบเอากระเป๋าของตัวเองมาถือไว้ก่อนจะทิ้งคำพูดหนึ่งเมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดมันเกินกว่าที่ตัวเขาจะคุมได้เสียแล้ว

   “สิ่งที่พี่พูดเป็นความจริงแต่ถ้านายอยากพิสูจน์มันเองล่ะก็พี่ก็ขอให้นายโชคดี” พูดเสร็จร่างบางก็เดินออกจากห้องทันที



   แฟร์นั่งรถประจำทางตรงมายังสนามบิน ร่างบางทำการจองตั๋วเพื่อกลับกรุงเทพฯ ทันทีโดยที่ไม่บอกให้ใครรู้แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ชอบขึ้นมันสักเท่าไหร่ก็เถอะเพราะมักจะเวียนหัวทุกครั้งแต่แฟร์อยากกลับให้ถึงกรุงเทพฯ เร็วๆ เพื่อหนีจากเรื่องบ้าๆ พวกนี้เสียมากกว่า

   แฟร์มาถึงกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณหกโมงเย็น เขานั่งรถต่อจาก   ดอนเมืองมายังบ้านของตัวเองก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปด้วยอาการเหนื่อยล้า ร่างบางตัดสินใจอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนเสร็จก่อนเสียงโทรศัพท์ที่ถูกวางบนโต๊ะหนังสือจะดังขึ้น

   (“ว่าไงภีม”) แฟร์เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาคือเพื่อนสนิทของเขา

   (“แฟร์มึงว่างหรือเปล่า”) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ดีนักจนแฟร์อดไม่ได้ที่จะถามกลับ

   (“มึงเป็นอะไรทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”)

   (“กูอยากเจอมึงกูขอไปบ้านมึงนะ”) ภีมเอ่ยเสียงอ่อนก่อนที่แฟร์จะตอบกลับไป

   (“ได้สิแต่มึงรู้จักบ้านกูเหรอ”)

   (“ไม่…”)

   (“ถ้างั้นเดี๋ยวกูแชร์โลเคชั่นไปให้”)

   (“อืมขอบใจ”) น้ำเสียงที่ฟังดูอิดโรยและแฝงไปด้วยความท้อแท้ทำให้แฟร์รู้สึกได้ว่าเพื่อนคนนี้กำลังเผชิญกับเรื่องที่ต้องกังวล

   (“ภีม…มึงไหวนะ”) ร่างบางเอ่ยถามกลับก่อนที่ปลายสายจะ          ถอนหายใจออกมาราวกับว่าเวลานี้เขากำลังหนักใจเหลือเกิน

   (“เกือบไม่ไหวแล้วว่ะ”) ภีมวิทธิ์ตอบเสียงสั่น

   (“งั้นมึงรีบมาเลยอย่าเก็บอะไรไว้คนเดียวกูพร้อมเป็นคนรับฟังมึงทุกเรื่อง”)

   (“แล้วเจอกัน”)

   ภีมวางสายไปหลังจากพูดจบ แฟร์มองโทรศัพท์ของตัวเองในมือก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น ร่างบางขาดการติดต่อจากเพื่อนรักไปได้สักพักแล้วตั้งแต่เริ่มทำงานกับราชันย์ แฟร์ไม่รู้เลยว่าภีมสบายดีหรือไม่จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได้ยินเสียงของ อีกฝ่ายร่างบางรู้ทันทีเลยว่าเพื่อนของเขากำลังทุกข์ใจหากแต่เป็นเรื่องอะไรคงต้องรอเจ้าตัวเล่าให้ฟังอีกที



   ร่างบางนั่งมองเพื่อนรักตรงหน้าไม่วางตา สภาพของอีกคนที่เขาไม่ได้เจอมาหลายวันทำให้แฟร์ตกใจอยู่ไม่น้อย ภีมวิทธิ์ที่เคยสดใสร่าเริงแถมยังรูปร่างดีกลับกลายเป็นอีกคนที่ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัดหนำซ้ำรอยยิ้มที่เคยติดพ่วงมากับใบหน้าใสนี้ยังไม่ถูกอีกฝ่ายเหยียดมันออกมาให้เห็นตั้งแต่ที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของเขาเลยแม้แต่น้อย

   “มึงดูผอมลงนะ” แฟร์พูดก่อนจะมองตามเสื้อเชิ้ตแขนยาวของอีกคนที่ถูกติดกระดุมจนถึงคอและปล่อยแขนเสื้อให้ยาวจนถึงข้อมือ

   “เหรอ” ภีมตอบกลับเสียงเรียบร่างโปร่งเหยียดยิ้มออกมานิดหากแต่รอยยิ้มนี้กลับดูจืดชืดจนไม่เหลือเค้าของความสดใสเอาไว้เลย

   “เป็นอะไรหรือเปล่า” ร่างบางตัดสินใจถามก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของคนตรงหน้าเอาไว้จนกระทั่งภีมเริ่มร้องไห้ออกมา

   “แฟร์…กูไม่ไหวแล้วว่ะ ฮึก!” จู่ๆ ร่างโปร่งร้องไห้ออกมาอย่างหนักจนแฟร์ตกใจ ร่างบางจึงรีบดึงทิชชู่ให้อีกฝ่ายเป็นพัลวัน

   “ภีม! มึงร้องไห้ทำไม! ใครทำอะไรมึง!”

   “…”

   “มึงบอกกูสิว่าใครทำอะไรมึง!” แฟร์ถามก่อนที่ร่างบางจะสังเกตเห็นรอยช้ำบนแขนของอีกฝ่ายที่โผล่ออกมาในขณะที่ภีมเอื้อมมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองออก

   แฟร์จ้องมองไปยังรอยช้ำนั้นเพียงครู่ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเคลื่อนขึ้นมาและจ้องไปยังลำคอของอีกฝ่ายพลันมือเล็กก็ตัดสินใจถลกคอเสื้อของภีมลงทันที

   “คิสมาร์ก?” ร่างบางเอ่ยออกมาเสียงสั่นเมื่อสิ่งที่เห็นจากคอของเพื่อนสนิทตรงหน้าคือรอยคิสมาร์กที่มีมากกว่าสิบ

   “ภีมมึง…”

   “กูถูกเขาเอาคืนในเรื่องที่กูไม่ได้ก่อ! กูจะทำไงดีแฟร์! กูควรทำไงดี!! ฮืออออ” ภีมยิ่งร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายล่วงรู้ความลับที่เขาพยายามปกปิดเอาไว้ก่อนที่แฟร์จะเอื้อมมือขึ้นจับไปยังลำคอของตัวเองที่ที่ถูกราชันย์ทิ้งรอยเอาไว้เมื่อตอนบ่ายเช่นเดียวกัน

   “มึงบอกกูได้มั้ยว่าใครทำมึง” ร่างบางถาม

   “…”

   “ไม่บอกกูก็ไม่รู้หรอกนะ”

   “จะ…จอมพล…จอมพลเพื่อนคุณราชันย์”

   “!!” แฟร์เบิกตาตกใจร่างบางกำหมัดของตัวเองเอาไว้แน่นก่อนที่คนเป็นเพื่อนจะฉวยมือของเขาไปกุมเอาไว้พลางพยายามเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา

   “มันไม่ใช่ความผิดของกูเลยที่กูทำไปเพราะกูไม่รู้แต่เขากลับไม่เชื่อคำพูดของกูเลยสักนิด แฟร์…กูไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว” ภีมร่ำไห้น้ำตาไหลเป็นสาย

   “ใจเย็นๆ ภีม มึงค่อยๆ เล่าให้กูฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วกูจะช่วยมึงหาทางออก” แฟร์จ้องคนตรงหน้ากลับภีมเงยหน้าขึ้นมองเขานิ่งก่อนที่เพื่อนสนิทคนนี้จะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาทันที



   “กูไม่คิดเลยว่าสองคนนั้นมันจะเลวได้ถึงขนาดนี้” แฟร์พูดออกมาด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยโทสะเมื่อฟังภีมเล่าตั้งแต่ต้นจนจบ

   “มึงพอจะคิดหาทางช่วยกูได้มั้ย” ภีมวิทธิ์ถามก่อนที่ร่างบางจะหันมาสบตาเพื่อนสนิทพร้อมกับส่ายหัวกลับไปเบาๆ

   “เป็นเพราะกูติดสัญญา! สัญญาที่กูดิ้นไม่หลุดชาตินี้ทั้งชาติกูคงต้องอยู่แบบนี้ไปตลอด” ร่างโปร่งเอ่ยออกมาอย่างยอมแพ้ก่อนที่แฟร์จะพยายามพูดให้กำลังใจอีกคนกลับไปเพราะเรื่องของภีมแทบจะไม่มีทางไหนเลยที่จะทำให้อีกฝ่ายดิ้นหลุด

   “ความจริงกูอยากบอกให้มึงหนีแต่ด้วยความสามารถของฝ่ายนั้นกูก็คิดว่ามึงคงหนีไปได้ไม่นานกูกลัวว่าพอมันจับได้แล้วมึงจะโดนลงไม้ลงมืออีก” แฟร์พูดก่อนจะสบกับแววตาที่สั่นระริกของภีม

   “แล้วทิชาล่ะรู้เรื่องนี้หรือยัง? น้องมึงเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดอย่างน้อยๆ ก็บอกให้น้องมึงออกมาพูดก็ยังดีเผื่อจอมพลมันจะคิดได้” แฟร์เสนอ

   “กูไม่อยากบอกทิชาเลยกูสงสารน้อง” ภีมว่าจนแฟร์ต้องเอ็ดกลับ

   “แล้วน้องมึงเคยสงสารมึงมั้ย! มึงหยุดมองโลกในแง่ดีบ้างเหอะว่ะภีมตอนนี้เป็นมึงที่ต้องรับกรรมที่มันก่ออยู่นะเว้ย!”

   “กูรู้แต่ถ้าทิชาเดือดร้อนเพราะจอมพลอีกล่ะเรื่องนี้ก็ไม่จบลงหรอกมันจะยืดเยื้อแบบนี้ไปเรื่อยๆ สู้ให้มันจบที่กูจะดีกว่า” ร่างโปร่งพูดเสียงเศร้า

   “ถ้าอย่างงั้นแล้วมึงจะทำไงต่อไปกูคิดหาทางอื่นไม่ออกแล้วว่ะ” แฟร์เอ่ยถามก่อนที่เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงของภีมจะส่งเสียงออกมา

   ร่างโปร่งล้วงเข้าไปคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนที่เขาจะเบิกตาโพรงเมื่อเห็นรายชื่อของคนที่โทรมาในเวลานี้

   “ใครโทรมา?” แฟร์ถาม

   “…”

   “ภีม!”

   “จอมพล” ร่างโปร่งเอ่ยตอบอ้อมแอ้มพลางมองไปยังโทรศัพท์ด้วยความตื่นกลัว

   “เอามาให้กูพูด!” แฟร์เห็นแบบนั้นก็ฉวยเอาโทรศัพท์ของภีมมาหากแต่อีกฝ่ายก็ชักกลับไปทันใด

   “ไม่ต้อง! กูต้องกลับแล้วขอบใจมึงมากนะ” ภีมตัดสินใจกดตัดสายและเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิมด้วยท่าทีกระวนกระวาย

   “แต่กูไม่ได้ช่วยอะไรมึงเลยนะ”

   “แค่มึงเป็นที่ให้กูได้มีโอกาสพูดกูก็ดีใจแล้ว” ภีมว่าพร้อมกับพรวดพราดลุกขึ้นพลันเซเล็กน้อยเพราะยังมีไข้ก่อนจะเดินไปทางประตู

   “ภีม…สภาพมึงแทบจะไม่ไหวแล้วนะ” แฟร์บอกอย่างเป็นห่วง

   “กูรู้แต่กูก็ทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากต้องคอยรับมือกับเขา”

   “แต่ภีม…”

   “กูจะพยายามให้เขารับฟังกูบางทีคนๆ นั้นอาจไม่ได้ร้ายอย่างที่กูเห็น” ภีมวิทธิ์พูดปลอบใจตัวเอง

   “แผลพวกนั้นที่มึงได้มาไอ้หมอนั่นมันไม่ร้ายเลยเนอะ!” ร่างบางได้ยินก็ไม่วายเหน็บอีกคนกลับ

   ภีมนิ่งเงียบก่อนจะเหยียดยิ้มขึ้นเพียงนิดพร้อมกับโบกมือลาและเดินขึ้นรถขับออกไปทันทีท่ามกลางสายตาของเพื่อนสนิทเจ้าของบ้านที่มองตามด้วยแววตาเป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องลำบากกับช่วงเวลานี้มากแค่ไหนหากแต่ตอนนี้ตัวเขาเองก็มีเรื่องให้ต้องเครียดไม่แพ้กันก่อนแฟร์จะตัดสินใจเดินกลับเข้าบ้านไป

   ร่างบางนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือก่อนจะลงมือเขียนหนังสือลาออกเพื่อเตรียมไปยื่นให้กับราชันย์ในวันที่อีกฝ่ายกลับมา แฟร์เขียนรายละเอียดและเหตุผลทั้งหมดลงไปก่อนจะพับและควานหาซองใส่จนทั่วโต๊ะ ร่างบางเปิดหาตามลิ้นชักใต้โต๊ะจนกระทั่งมาถึงลิ้นชักตัวล่างสุดที่เมื่อเปิดออกแฟร์ก็ได้พบกับซองกระดาษสีน้ำตาลขนาดประมาณเอสี่วางทับซองสีขาวที่เขากำลังตามหาอยู่

   แฟร์หยิบเอาซองทั้งคู่ออกมา มือเล็กคว้าเอาจดหมายเมื่อครู่ใส่ลงในซองกระดาษสีขาวพร้อมกับปิดผนึกหลังจากนั้นแฟร์ก็หันไปให้ความสนใจกับซองสีน้ำตาลอีกซองที่หยิบออกมาด้วยทันที

   แฟร์มองไปยังซองตรงหน้าอย่างครุ่นคิดพลันความทรงจำบางอย่างก็ไหลเข้ามาในหัวของเขาอย่างจัง…มันคือซองที่แม่นภามอบให้ในวันเกิดของเขาเมื่อปีที่แล้ว เพียงแต่ในตอนนั้นแฟร์กลับยุ่งมากจนไม่มีเวลาเปิดดูจึงทำให้ของขวัญชิ้นนี้ถูกดองไว้นานโข

   ร่างบางหยิบมันขึ้นมาเปิดออกก่อนจะล้วงเอาของที่อยู่ข้างในออกมาทั้งหมด นัยน์ตาสีน้ำตาลจดจ้องไปยังแผ่นกระดาษที่ดูเหมือนเอกสารสำคัญอย่างเพ็งพินิจก่อนที่ดวงตาคู่นี้จะค่อยๆ เบิกขึ้นเมื่อพบกับความจริงบางอย่าง

   กระดาษข้างในคือหนังสือมอบอำนาจกับเอกสารการโอนที่ดินแห่งนี้ที่ซึ่งเขาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมันก็ดูไม่มีอะไรที่จะต้องตกใจแต่หากทว่าในส่วนชื่อเจ้าของที่ดินคนเก่าในหนังสือมอบอำนาจนี้กลับเป็นชื่อพ่อของเขา! ไม่ใช่แม่นภาอย่างที่แฟร์เข้าใจมาโดยตลอด

   ร่างบางมองข้อความที่ระบุไว้ในเอกสารตรงหน้าด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งอก พ่อที่หายไปนานและขาดการติดต่อตั้งแต่ทิ้งเขาไว้กับป้าที่หนีไปจากบ้านเด็กกำพร้าในวันรุ่งขึ้นเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนยังเป็นเหตุการณ์ที่แฟร์จำได้ไม่มีลืม น้ำตาของร่างบางไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่เขาจะรีบเก็บเอกสารพวกนี้ลงในซองตามเดิมและคว้าเอาโทรศัพท์กดโทรหาใครบางคนทันที

   (“สวัสดีครับแม่นภาผมแฟร์เองนะครับ”)

   (“จ้ะแม่จำเสียงเราได้”) ปลายสายตอบกลับน้ำเสียงดีใจ

   (“แม่ยังไม่เข้านอนใช่มั้ยครับ”)

   (“ยังจ้ะแฟร์มีเรื่องอะไรหรือเปล่าสบายดีมั้ยเราไม่ติดต่อมานานเลยนะ”) แม่นภาถามมาเป็นชุดเพราะแฟร์ขาดการติดต่อไปนานตั้งแต่ได้งานทำจนคนถูกถามรู้สึกผิดในใจขึ้นมา

   (“ขอโทษครับที่ผมไม่ได้ติดต่อไปแต่ตอนนี้ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามมันเกี่ยวกับของขวัญที่แม่เคยให้ผมไว้เมื่อปีที่แล้ว”) แฟร์เอ่ย

   (“แม่คิดว่าเราจะถามแม่ตั้งแต่วันที่ให้ซะแล้ว”) แม่นภาตอบกลับมาราวกับรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว

   (“พอดีผมเพิ่งจะได้เปิดอ่านมันก็วันนี้…ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ”) แฟร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ยังตกใจไม่หาย

   (“ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกจ้ะ”) แม่นภาย้ำ

   (“แต่ว่ามัน…”)

   (“เอาอย่างงี้มั้ยแฟร์ว่างวันไหนค่อยเข้ามาคุยกับแม่เพราะแม่เองก็มีเรื่องอยากจะบอกกับเราเยอะเลย”)

   (“ถ้าอย่างงั้นผมจะไปหาแม่พรุ่งนี้เลยนะครับ”) แฟร์ให้คำมั่น

   (“ได้จ้ะ แม่จะรอนะ”) แม่นภากดวางสายไปท่ามกลางความขับข้องใจของแฟร์เป็นอย่างมาก

   เป็นไปไม่ได้ที่พ่อของเขาจะเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้เพราะตลอดเวลาที่เขายังเป็นเด็กพ่อของเขามีอาชีพเป็นเพียงจิตรกรที่ไม่มีงานจนต้องอาศัยเงินจากการขายขนมไทยของผู้เป็นแม่มาตลอด เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าผู้เป็นพ่อเอาเงินที่ไหนมาซื้อแล้วทำไมถึงได้ยกมันให้กับเขาทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่รักเขาเลยสักนิดเดียว!



@ Phuket 22.30 PM.

   ราชันย์กลับมายังห้องพักหลังจากที่เขาออกไปข้างนอกเพื่อหลีกหนีจากแพรวาที่เอาแต่กรีดร้องไม่หยุดเมื่อตอนกลางวันที่ผ่านมา ร่างสูงเปิดประตูห้องเข้าไปก่อนจะพบว่าข้าวของภายในถูกขว้างปาเรี่ยราดเต็มห้องไปหมด ราชันย์เดินไปยกหูโทรศัพท์เพื่อวานให้ทางโรงแรมจัดการส่งแม่บ้านมาทำความสะอาดก่อนที่เขาจะตรงไปยังห้องของชานนท์ที่อยู่ไม่ไกลนักทันที

   ร่างสูงเคาะประตูอยู่สักพักก่อนจะเป็นผู้จัดการสาวอวบที่เดินมาเปิดประตูให้พร้อมกับถามเขากลับอย่างสงสัย

   “คุณราชันย์มีอะไรหรือเปล่าคะ” ร่างสูงไม่ตอบหากแต่เขากลับมองเข้าไปในห้องเพื่อกวาดตาหาใครคนหนึ่งจนเมื่อนนท์เดินออกจากห้องน้ำมาร่างเล็กก็สบตากับราชันย์นิ่งพร้อมกับแสยะยิ้มเมื่อรู้ดีว่าอีกฝ่ายมาที่นี่เพื่ออะไร

   “แฟร์อยู่ไหน” ร่างสูงเอ่ยปากถามแต่ร่างเล็กกลับบอกปัด

   “ผมไม่รู้”

   “ไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อเขาขอนอนกับนายที่นี่”

   “ไม่รู้ก็คือไม่รู้ถ้าพี่อยากรู้นักก็หาเอาเองสิ” ดาราหนุ่มสวนกลับจน    ร่างสูงถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินหาร่างบางอีกคนจนทั่วหากทว่ากลับไม่พบ

   ราชันย์ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกคนจนตัวลอย นนท์เบิกตากว้างพยายามยื้อตัวเองเอาไว้ก่อนที่แนนจะเข้ามาห้าม

   “คุณราชันย์ปล่อยน้องนนท์นะคะ!”

   “แฟร์อยู่ไหน!!” ร่างสูงตวาดลั่นพลางเขย่าตัวอีกฝ่ายจนนนท์รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของคนตรงหน้ากำลังเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

   “ผมไม่รู้!!”

   “บอกกูมา!!”

   “เขาออกจากห้องนี้ไปตั้งแต่บ่ายแล้ว! กระเป๋าก็เอาไปด้วยนอกเหนือจากนี้ผมก็ไม่รู้แล้ว!!” นนท์ร้องกลับเมื่อราชันย์น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ

   ร่างสูงปล่อยมือจากคอเสื้อของอีกฝ่ายจนนนท์หล่นลงไปกองกับพื้นก่อนที่ผู้จัดการร่างอวบจะตามเข้าไปพยุงขึ้น

   “นายเป็นคนบอกให้เขาไปใช่มั้ย!” ราชันย์ถามออกมาอย่างหัวเสีย

   “หึ! อย่าโทษกันสิครับใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุให้พี่แฟร์ต้องเป็นแบบนี้” นนท์ไม่ยอม ร่างเล็กหัวเราะเยอะให้กับคำพูดของอีกคนก่อนจะเหน็บกลับ

   ราชันย์หันไปสบตาอีกฝ่ายเพียงครู่ก่อนที่คนตัวโตจะเลือกเดินออกจากห้องนี้ไปด้วยอาการโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เขาตรงกลับห้องของตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาอีกคนทันที

   (“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก…Sorry there are no signs of acceptance from the number...”)

   ร่างสูงกดโทรออกซ้ำที่หมายเลขเดิมด้วยท่าทีกระวนกระวายก่อนเสียงเมื่อครู่จะตอบกลับมาเช่นเดิม

   ราชันย์ปาโทรศัพท์ลงเตียงพลางกุมขมับ ร่างสูงรู้ดีว่าตอนนี้แฟร์คงกลับถึงกรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อยเพราะคนแบบนั้นคงไปที่ไหนไม่ได้นอกเสียจากบ้านของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่เขามีประชุมสำคัญในวันรุ่งขึ้นจึงไม่สามารถตาม    อีกฝ่ายกลับกรุงเทพฯ ไปในเวลานี้ได้ทั้งที่ภายในใจอันรุ่มร้อนของเขาในตอนนี้มันอยากจะกลับไปหาร่างบางที่กำลังเข้าใจผิดจะแย่แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด

   ร่างสูงขบกรามแน่นพลางนึกถึงใบหน้าของอีกคนที่ทำให้เขาต้องกังวลเป็นบ้าเป็นหลังจนแทบคลั่ง ร่างบางทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองแฟร์กำลังทำให้ราชสีห์ที่ไม่เคยยอมให้ใครอีกเลยหลังจากผิดหวังจากความรักกับแพรวามานานกว่าสามปี ต้องมาใจอ่อนอีกครั้งเพียงเพราะความใสซื่อและริมฝีปากที่เขาอยากจะตรงเข้าไปจูบทุกครั้งที่ได้เห็นก่อนร่างสูงจะคาดโทษอีกฝ่ายกลับไปด้วยคำพูดที่สะท้อนขึ้นมาในใจของเขาเสียดื้อๆ

   'เสร็จประชุมพรุ่งนี้เมื่อไหร่ฉันจะตามไปลงโทษนายแน่…แฟร์!!'




TBC......
-----------------------------------------------
แอบเอาเนื้อเรื่องในกงจักรจอมพลมาสปอยในนี้เล็กน้อย น่าอ่านป่าวๆๆ
เนื้อเรื่องกำลังจะถึงจุดพีคอีกจุดแล้วค่ะ
ราชันย์เองก็เป็นเดือดเป็นร้อนเพราะน้องแฟร์อีก เย้ๆ ^O^\/
แหม...ก็น้องแฟร์ของเราน่ารักนี่คะ ใครจะอดใจไหวถูกป่าว!
เป็นกำลังใจให้นักเขียนโดยการเม้นท์ด้วยนะคะ ขอล่ะ ^/\^ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อไปเรื่อยๆ ^_^
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.10 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 23-07-2017 18:15:39
นักเขียนก็นะ  แรกๆพยายามจะเขียนให้ชันย์เป็นเทวดา   แต่พอหลังๆกลับเขี่ยไห้กลับไปเป็นคนบ้าเหมือนเดิม แต่ดีแล้วละ ตอนนี้ยังไม่เปิดใจให้ชันย์เป็นพระเอกหรอก
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.11 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 23-07-2017 20:43:38
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.11 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-07-2017 22:26:51
มาต่อเรื่อยๆ นะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.12 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 24-07-2017 12:16:29


CHAPTER 12



ร่างบางตื่นแต่เช้าเพื่อชำระล้างร่างกายก่อนจะทำอาหารง่ายๆ อย่างโจ๊กสำเร็จรูปทานไปพลางๆ แฟร์เก็บเอกสารจำเป็นทุกอย่างใส่ลงกระเป๋าก่อนที่เขาจะเดินออกจากบ้านภายหลังจากติดแม่กุญแจกับประตูเป็นที่เรียบร้อย ร่างบางหันหลังเดินออกมาแต่จู่ๆ BMW คันสีแดงสดของใครคนหนึ่งที่แฟร์เองไม่ได้ติดต่อมานานหลายอาทิตย์ก็ขับมาจอดเทียบท่าตรงหน้าบ้านของเขาพอดี

ร่างบางมองนัทที่เดินลงจากรถด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาก่อนอีกฝ่ายจะกล่าวทักเขามาเพียงเล็กน้อยพร้อมกับถามเมื่อเห็นว่าร่างบางกำลังจะออกไปข้างนอก

“จะไปไหนเหรอ” นัทถามเพลงเดินเข้าไปใกล้

“ผมจะไปบ้านเด็กกำพร้าน่ะครับพี่นัทมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” แฟร์ถอยหลังจนคนตรงหน้าชะงักฝีเท้าลง นัทมองการกระทำของแฟร์อย่างสงสัยก่อนร่างสูงจะถามกลับอย่างจับผิด

“เดี๋ยวนี้มาหาต้องมีธุระด้วยเหรอ”

“เปล่าหรอกครับแต่วันนี้ผมไม่ว่าง” แฟร์ปฏิเสธก่อนจะเสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตา

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งขึ้นรถสิ” นัทว่าก่อนจะเบี่ยงตัวให้อีกคนเดินไปแต่ร่างบางกลับนิ่ง

“ผมไปเองได้ครับไม่รบกวนพี่นัทดีกว่า” แฟร์ว่าก่อนจะเลี่ยงเดินไปอีกทางจนนัทต้องปริปากพูดดักเอาไว้

“แฟร์เปลี่ยนไปนะ”

แฟร์ได้ยินดังนั้นก็นิ่งงัน ร่างสูงเดินเข้ามาหาเขาก่อนที่นัทจะคว้าข้อมมือของแฟร์เอาไว้พร้อมกับออกแรงดึงไปที่รถ

“ไปเถอะอย่าปฏิเสธพี่เลยพี่เต็มใจไปส่ง”

แฟร์มองดูแผ่นหลังของนัทด้วยความรู้สึกผิด ร่างบางถอนหายใจเมื่อไม่รู้จะเอายังไงต่อกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดีก่อนจะยอมเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างเงียบๆ

“นนท์โทรมาบอกพี่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่ภูเก็ต” นัทเปิดประเด็นพูดเมื่อขับรถออกจากบ้านของแฟร์มาได้สักพัก ร่างบางหันมองเสี้ยวหน้าของคนขับแต่แฟร์ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไปจนคนเป็นสารถีอดใจถามสิ่งที่คับข้องใจออกไปไม่ได้

“ตกลงแฟร์กับคุณราชันย์เป็นอะไรกัน” นัทถามก่อนจะกุมมือของแฟร์ที่เจ้าตัววางไว้บนตักอย่างที่เคยเพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างเหมือนจะเปลี่ยนไปเมื่อคนข้างๆ กลับชักมือของตัวเองกลับจนนัทต้องขมวดคิ้ว

“ผมก็เป็นแค่ลูกจ้างของเขาอย่างที่เคยบอกกับพี่นัทนั่นแหละครับส่วนเรื่องที่นนท์เล่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด” แฟร์บอก

ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยคุยเรื่องนี้กันครั้งหนึ่งแล้วเมื่อตอนที่นัทรู้ว่าแฟร์ทำงานกับราชันย์เพียงแต่ร่างบางไม่ได้เล่าถึงเหตุผลที่ทำให้เขาต้องแบบนั้น จึงไม่แปลกที่ร่างบางจะยังเอ่ยคำเดิมออกไปอีก

“พี่รู้ว่าพี่ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายชีวิตของแฟร์นักแต่พี่ขอถามอะไรสักอย่างได้มั้ย” นัทเอ่ยนำก่อนที่คนตัวสูงจะหันมาสบตากับคนข้างๆ

“แฟร์ยังรู้สึกดีๆ กับพี่หรือเปล่า”

แฟร์ได้ยินคำถามก็ถึงกับจุกอก เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง อาจจะเท่าเดิมหรืออาจจะน้อยลงแต่ที่แน่ๆ ร่างบางกำลังรู้สึกดีกับใครคนหนึ่งขึ้นมาทั้งที่คนๆ นั้นกลับทำเรื่องที่ไม่น่าอภัยกับเขาสารพัด

“ผมยังรู้สึกดีกับพี่ไม่เปลี่ยน” เพียงแต่มันเป็นความรู้สึกดีที่ไม่เหมือนเดิม ร่างบางตอบออกไปไม่หมด

“จริงๆ นะ” นัทเผยรอยยิ้ม

“ครับ”

“ได้ยินแบบนี้แล้วพี่ก็สบายใจขึ้นมาหน่อย” ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะพูดปร๋อ

“ทำไมเหรอครับ”

“ไม่มีใครอยากจะฝากปลาย่างไว้กับแมวหรอกคุณราชันย์น่ะเขามีเสน่ห์แค่ไหนใครบ้างจะไม่รู้” ร่างสูงพูดในสิ่งที่เป็นกังวลออกไปก่อนที่แฟร์จะเอาแต่มองเสี้ยวหน้าของนัทกลับเพียงเท่านั้น

ราชันย์มีเสน่ห์ เรื่องนี้แฟร์รู้ดี หากแต่เสน่ห์ของเขากลับกำลังทำร้ายจิตใจของร่างบางให้โอนอ่อนและอ่อนแอลงทุกครั้งที่เข้าใกล้เช่นเดียวกัน




แฟร์เดินเข้าบ้านเด็กกำพร้าโดยมีนัทที่ยืนกรานจะอยู่รอนั่งรออยู่ด้านนอก แม่นภาที่ไม่ได้เจออีกฝ่ายนานโผเข้ากอดร่างบางด้วยความคิดถึงก่อนที่เธอจะพาแฟร์เข้าไปคุยในห้องทำงานเมื่อร่างบางพยายามจะเปิดปากคุยเรื่องที่ค้างคาเสียตรงนั้น

“เอาล่ะมีอะไรที่ยังไม่เข้าใจหรืออยากรู้ก็ถามแม่มาได้เลย” หญิงชราวัยหกสิบสี่นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานก่อนจะถามคนตรงหน้าขึ้น

“ผมอยากรู้เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับของสิ่งนี้ครับ” แฟร์ล่วงเอกสารทุกอย่างออกจากกระเป๋าก่อนจะยื่นไปตรงหน้าของแม่นภา

“ก็อย่างที่เห็นว่าที่ดินแห่งนั้นเป็นของพ่อเธอ”

“แต่แม่เคยบอกว่าเป็นของแม่นี่ครับ” แฟร์เถียงกลับ

“เรื่องนั้นเพราะพ่อของเธอเขาอยากให้แม่พูด” แม่นภาว่าพลางยกน้ำชาขึ้นจิบ

“แต่ว่ามัน…” ร่างบางพยายามขัดหากแต่ผู้ที่แก่กว่ากลับสวนขึ้นมาก่อน

“ยังคิดว่าพ่อไม่รักอยู่อีกเหรอ” แฟร์ชะงักนิ่ง แม่นภารู้ถึงข้อนี้ดีเธอเลยกล่าวถามเพราะอยากฟังคำตอบของอีกฝ่าย

“ผมจะคิดอย่างอื่นกับเขาได้ยังไงในเมื่อเขาเลือกทำกับผมแบบนี้” แฟร์ตอบเสียงอ่อนก่อนที่แม่นภาจะวางถ้วยชาลงและพูดในสิ่งที่เธอรู้ดีว่าตลอดออกไป

“คุณนิกรน่ะเขามีเหตุผล…ที่เขาต้องเอาแฟร์มาฝากไว้กับป้าก็เพราะว่าตอนนั้นเขามีหนี้สินนอกระบบจนล้นตัวเขาไม่อยากให้แฟร์พลอยเดือดร้อนไปด้วย”

“แต่ทำไมเขาถึงมีเงินซื้อที่ดินตรงนั้นล่ะครับผมจำได้ว่าพ่อเป็นคนเก็บเงินไม่อยู่ตั้งแต่ไหน” แฟร์ถามกลับ

“เรื่องนี้แม่เองก็ไม่รู้…แต่เขากลับมาที่นี่พร้อมกับโฉนดที่ดินและวานขอให้แม่ช่วยเมื่อตอนที่เราเรียนอยู่ม.ปลายปีสุดท้าย”

“ม.ปลายปีสุดท้าย?” ร่างบางถามก่อนที่แม่นภาจะพยักหน้ารับ

“แสดงว่าแม่มีโฉนดที่ดินนี้ก่อนหน้าที่จะมอบมันให้กับผมนานแล้วเหรอครับ”

“ใช่…มีมานานแล้วนานพอๆ กับคำสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของเธอว่าจะไม่บอกจนกว่าเธอจะถาม” แม่นภาเอ่ยตอบพร้อมกับจ้องแฟร์ที่เอาแต่ขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจในการกระทำของพ่อตัวเองนิ่ง

“แล้วแม่รู้หรือเปล่าครับว่าตอนนี้พ่อของผมอยู่ที่ไหน” ร่างบางตัดสินใจถามเมื่ออยากรู้อะไรมากกว่านี้

“แม่ไม่รู้หรอกแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกันเขาบอกกับแม่ว่าจะกลับไปอยู่กาญจนบุรี”

“กาญจนบุรี?” แฟร์ถามย้ำด้วยใบหน้าฉงนหัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าคนเป็นพ่อกลับไปที่จังหวัดนั้นก่อนที่คำพูดต่อมาของแม่นภาจะไขเรื่องที่กำลังดังก้องอยู่ในใจของแฟร์ออกมาทั้งหมด

“บ้านเกิดของเธอไง”




ราชันย์เรียกแท๊กซี่เพื่อตรงมายังบ้านของแฟร์ทันทีที่กลับถึงกรุงเทพฯ ร่างสูงเดินลงจากรถด้วยกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ที่ติดตัวมาก่อนจะตรงเข้าไปเขย่าประตูรั้วร้องเรียกเจ้าของบ้านที่ไม่มีทีท่าว่าจะอยู่ข้างในอย่างบ้าคลั่ง

“แฟร์มึงเปิดประตูให้กูเดี๋ยวนี้!!!” ร่างสูงตะโกนเรียกจนคนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นให้ความสนใจ

“แฟร์เรามีเรื่องต้องคุยกัน!!” ราชันย์ตะโกนก่อนจะเขย่าประตูรั้วจนเจ้าของบ้านหลังข้างๆ อย่างเฮียอ้วนพ่อของสายลมต้องออกจากร้านมาเพื่อบอกกล่าวกับอีกคน

“อาแฟร์ไม่อยู่บ้านหรอกลื้อมีธุระอะไร” ราชันย์สบตากับชายวัยกลางคนนิ่งก่อนที่เขาจะผละมือออกจากประตูรั้วและไหว้อีกฝ่ายกลับ

“สวัสดีครับเฮียอ้วนไม่ทราบว่าแฟร์ไปไหนเหรอครับ” ราชันย์ถามก่อนที่คนตรงหน้าจะยิ้มออกเมื่อเห็นเขาในระยะประชิด

“อ๋อลูกคุณกนกนี่เองแฟร์มันออกไปกับใครไม่รู้ตั้งแต่เช้าแล้ว” พูดเสร็จร่างสูงก็สวนถามกลับทันที

“ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ”

“ผู้ชายขับรถยี่ห้อดังๆ สีแดงด้วย” เฮียอ้วนตอบก่อนที่อารมณ์ของราชันย์จะเริ่มมาคุขึ้นอีกครั้งเมื่อรับรู้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือธนัท

“ถ้างั้นไม่เป็นไรครับไว้ผมจะมาใหม่” ราชันย์บอกกก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นทางด้านหลัง

“อ้าวตาชันย์! มาทำอะไรที่บ้านเฮียอ้วนกันน่ะเรา”

“ผมมาหาแฟร์น่ะครับแม่” ร่างสูงตอบผู้เป็นแม่ที่ดูเหมือนจะเดินออกมาซื้อกับข้าวร้านเฮียอ้วนตามกิจวัตรของเธอพอดี

“หนูแฟร์น่ะเหรอ เอ…คงไม่อยู่ล่ะมั้ง ว่างๆ ชวนเขามาทานข้าวบ้านเราอีกสิเห็นว่าเขาไปทำงานกับลูกไม่ใช่เหรอแม่น่ะรู้สึกถูกชะตาเด็กคนนี้บอกไม่ถูกเลย” กนกว่าพลางมองเข้าไปยังบ้านหลังเล็กตรงข้ามบ้านของเธอ

“ได้ครับถ้าเขายอมน่ะนะ” ราชันย์ตอบหากแต่กนกกลับได้ยินสิ่งที่เขาตอบไม่ชัด

“อะไรนะจ้ะ”

“เปล่าครับ” ร่างสูงปฏิเสธก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของเขาจะดังขึ้น ราชันย์ล้วงเอาต้นตอของเสียงออกมาพร้อมกับกดรับ

“ว่าไงมิน”

[มินติดต่อน้องแฟร์ไม่ได้เลยค่ะพอดีคุณราชันย์ต้องเข้าประชุมที่บริษัทด่วนตอนบ่ายสองโมง] ปลายสายพูดรัวเร็ว

“ได้เดี๋ยวผมเข้าไป”

[แล้วน้องแฟร์…]

“ผมก็กำลังตามหาเขาอยู่! อย่าถามมากตอนนี้จะได้มั้ยแค่นี้นะผมยังไม่ว่างคุย!” ร่างสูงขึ้นเสียงก่อนจะกดวางสายไป

“มีอะไรหรือเปล่าลูก” กนกถามเมื่อเห็นท่าทีหงุดหงิดของลูกชายคนโตที่ไม่ได้เห็นมานาน

“ผมต้องเข้าบริษัทแล้วครับแม่”

“ไม่เข้าบ้านเราก่อนเหรอลูกข้าวของก็เยอะแยะ”

“ไม่เป็นไรครับพอดีผมมีประชุมด่วน” ว่าเสร็จราชันย์ก็โบกแท๊กซี่ที่ขับออกมาหลังจากส่งผู้โดยสารลงถัดไปจากบ้านของแฟร์ประมาณสามหลังขึ้น

“ตาชันย์…” กนกเรียกลูกชายในขณะที่คนขับรถเปิดประตูลงมาช่วยเก็บกระเป๋าของเขาไว้ข้างหลัง

“ครับ?”

“ยังไหวนะลูก” ผู้เป็นแม่ถามขึ้นเมื่อสีหน้าและท่าทางของราชันย์ดูจะอิดโรยกว่าทุกครั้งราวกับมีเรื่องขับข้องภายในใจ

“ไหวครับ” แต่จะไม่ไหวเพราะคนที่แม่ถูกชะตาเสียมากกว่า ราชันย์ตอบไม่หมดก่อนที่ร่างสูงจะเปิดประตูเดินขึ้นรถเพื่อตรงไปยังบริษัทของตัวเองทันที ท่ามกลางสายตาของกนกที่ยังคงมองตามหลังแท๊กซี่คันที่เขานั่งจนกระทั่งหายลับไปจากสายตา




“แล้วแฟร์จะเอาไงต่อ” นัทถามเมื่อทั้งคู่ออกจากบ้านเด็กกำพร้าก่อนจะมาแวะทานข้าวกลางวันกันที่ร้านอาหารเล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่น

“ผมจะไปกาญจนบุรีไปถามพ่อให้รู้เรื่อง” แฟร์ตอบ

“แล้วแฟร์จะไปตามหาท่านที่ไหนที่บ้านเก่าอย่างงั้นเหรอไหนบอกว่าถูกเจ้าของที่เดิมเขายึดไปแล้วไง”

“ผมก็ไม่รู้แต่ก็คงไปที่นั่นก่อน”

“เอางี้สิพ่อเราชื่อจริงชื่ออะไร” นัทพูดหลังจากเงียบไปสักพัก

“พี่นัทจะเอาไปทำอะไร”

“ค้นหาในกูเกิลบางทีอาจเจออะไรก็ได้” ไม่ว่าเปล่าร่างสูงยังล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเตรียมเรียบร้อย

“คงเจอหรอก” แฟร์เอ่ยเมื่อคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้

“ไม่แน่นะพี่ยังเคยค้นหาชื่อเพื่อนเลยเพราะไม่รู้จะติดต่อมันได้ยังไงสุดท้ายก็เจอโปรไฟล์ facebook มันนั่นแหละ” นัทจ้องร่างบางกลับ ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น

“เอาไงจะลองหน่อยมั้ย”

“นิกร พรรักษา” ร่างบางยอมบอกก่อนที่คนตรงหน้าจะทำการพิมพ์ชื่อที่ว่าลงช่องค้นหาของกูเกิลทันที

“นิกร พรรักษา…นิกร พรรักษา…นิกร…อ๊ะ! เจอแล้ว” นัทพร่ำชื่อนี้ออกมาก่อนจะกวาดนิ้วค้นหาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอเข้ากับข่าวหนึ่ง

“ไหนครับ!” แฟร์ชะโงกหน้าออกไปอย่างตื่นเต้นก่อนร่างสูงที่ได้เห็นเนื้อข่าวบางส่วนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก

“เออ…ดูท่าไม่ดีเลย”

“ขอผมดูหน่อย” แฟร์หยิบเอาโทรศัพท์ของนัทไปก่อนจะกวาดสายตาอ่านเนื้อความข่าวในจอสัมผัสตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นระส่ำ

ข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถชนกับคนเดินข้ามถนนเมื่อหกปีก่อนทำให้ร่างบางใจกระตุกวูบลงทันที ฝ่ายเสียหายคือชื่อพ่อของเขาส่วนฝ่ายคู่กรณีเป็นเศรษฐีเจ้าของรีสอร์ทดังในจังหวัด แฟร์วางโทรศัพท์ของนัทลงก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเพื่อจะทำอย่างเดียวกันคนตรงหน้าหากแต่เมื่อล้วงออกมาแล้วโทรศัพท์ของเขากลับปิดเครื่องอยู่ร่างบางถึงอยากจะทึ้งผมตัวเองเสียให้แรงๆ เพราะดันปิดเครื่องไว้ตั้งแต่เมื่อวานก่อนเข้านอนแถมยังลืมเปิดเครื่องเมื่อตอนเช้านี้อีกต่างหาก

แฟร์กดเปิดเครื่องทันทีที่รู้ตัวก่อนข้อความจากทางเครือข่ายจะแจ้งจำนวนผู้ติดต่อระหว่างที่เขาปิดเครื่องไปเข้ามา

10 ครั้งเป็นของ…มินตรา ส่วนอีก 130 ครั้งเป็นของ…ราชันย์!!!

ร่างบางเบิกตาโพรงจนนัทสังเกตเห็นก่อนคนตัวสูงจะถามกลับเมื่อปฏิกิริยาของอีกคนมีทีท่าเปลี่ยนแปลงไป

“มีอะไร”

“เปล่าครับ” แฟร์รีบปิดข้อความก่อนที่เขาจะเข้ากูเกิลเพื่อหาข่าวเมื่อกี้บ้าง

“แล้วแฟร์จะเอายังไงต่อในข่าวนี้ก็ไม่ได้แจ้งรายชื่อผู้เสียชีวิตพี่ว่าบางทีพ่อของแฟร์อาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้” นัทสันนิษฐาน

“ผมว่าจะลองตามหาเขาจากชื่อของคนที่เราสามารถตามหาตัวได้ง่ายกว่า” แฟร์พูดอย่างมีเลศนัยจนนัทสงสัย

“ใคร?”

“ก็คนที่เขาขับรถชนพ่อของผมไงครับ” ร่างบางมองไปยังเนื้อข่าวที่บอกข้อมูลที่อยู่ของคู่กรณีเอาไว้เกือบหมด

“ถ้าอย่างงั้นพี่จะไปส่ง” นัทเสนอ

“ไม่เป็นไรครับผมไปคนเดียวได้” แต่แฟร์เลือกปฏิเสธ

“แฟร์…”

“พี่นัทผมพูดจริงนะ พี่เหนื่อยเพราะผมมามากลำพังแค่พี่ผมไม่ว่าหรอกแต่นี่ครอบครัวของพี่เขาจะว่าเอาได้นะครับผมไม่อยากให้พี่ต้องทะเลาะกับพวกท่านอีกแล้ว”

“แฟร์รู้?” นัทเอ่ยเสียงเรียบ ร่างสูงไม่เคยรู้มาก่อนว่าแฟร์จะรู้เรื่องที่เขาต้องทะเลาะกับพ่อแม่เพราะดันชอบผู้ชายด้วยกัน

“รู้สิครับรู้มานานแล้วด้วยแต่ผมก็ไม่โกรธเพราะพวกท่านทำถูกแล้ว…ผมเป็นผู้ชายและก็เป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีพอ” ร่างบางเอ่ยกลับ

“เรื่องนั้นมัน…”

“เชื่อผมเถอะนะครับผมไปเองได้สบายมาก”

คนตรงหน้าจ้องลึกเข้าไปในดวงตา มันดูเป็นการยากที่จะเอ่ยออกมาแบบนี้แต่แฟร์กลับรู้สึกโล่งอกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาอยากให้นัทเข้าใจในเหตุผลและไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องจมปรักอยู่กับเขา

“ก็ได้ๆ แล้วเราจะไปเมื่อไหร่” ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อในที่สุดต้องยอมแพ้

“น่าจะพรุ่งนี้หลังจากไปลาออกเสร็จ” แฟร์ตอบ

“ลาออก?”

“ครับเพราะผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำงานที่นั่นอีกต่อไป” ร่างบางว่าก่อนที่นัทจะคลี่ยิ้มเพราะรอคอยวันนี้มาตลอด

“งั้นพรุ่งนี้พี่ไปส่ง”

“พี่นะ…”

“แค่ส่งไปทำงานไม่ได้ตามติดอะไรเลยนะถือว่าให้พี่ทำอะไรให้เราบ้างเถอะถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่แฟร์จะยอมรับเพราะสิ่งเหล่านี้พี่เต็มใจจะทำ” นัทเอ่ยขัดเมื่อแฟร์พยายามจะปฏิเสธเขาอีกหน

ร่างบางมองนัทด้วยแววตาเรียบนิ่งก่อนที่เขาจะพยักหน้ากลับเมื่อไม่อยากให้อะไรมันยืดเยื้อไปมากกว่านี้เพราะถ้าครั้งนี้ไม่ยอมคนอย่างนัทก็คงจะหาข้ออ้างอีกสารพัดเพื่อทำโน่นทำนี่ให้เขาขึ้นมาอีกเป็นแน่!



TBC......
----------------------------------------------
นัทนี่ไม่ปล่อยแฟร์เลยนะ!! ของตัวเองน้องนนท์ โน้น!!
หึ้ย! อารมณ์เสียแทะโลมให้น้องใจอ่อนอยู่ได้!
เป็นไงบ้างคะ แอบกระซิบว่าตอนหน้า NC นะ อุ้ย! คนเขียนเขินนะนี่อย่าลืมติดตามกันไปเรื่อยๆ นะคะ
เรื่องนี้เป็นศึกของครอบครัวและสายเลือด
(ไม่ดราม่าขนาดนั้นแต่ก็ยากจะทำใจแหละถ้าใครโดน)
เม้นท์เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ


 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.12 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 24-07-2017 15:01:25
 :hao6:ncๆๆๆๆ :z13:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.12 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Gato88 ที่ 24-07-2017 19:46:03
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.12 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 24-07-2017 21:18:35
ตอนนี้เริ่มเป็นปมให้ต้องสงสัยหลายปมเลยแล้วละ
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.12 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-07-2017 21:47:06
ตามต่อ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.13 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 24-07-2017 22:08:06
 

CHAPTER 13



แฟร์ลงจากรถของนัทโดยไม่ลืมที่จะหันกลับไปกล่าวขอบคุณคนที่อุตส่าห์ขับมาส่งทั้งที่บริษัทของราชันย์อยู่คนละเส้นทางกับบริษัทของธนัท แต่ร่างสูงของรุ่นพี่คนนี้ยังคงยืนกรานจะมาส่งเขาเสียให้ได้

ร่างบางคลี่ยิ้มส่งให้นัทก่อนที่แฟร์จะหันหลังเดินเข้าบริษัทพร้อมกับตรงไปยังลิฟต์ตัวเดิมและก็เหมือนวันเดิมๆ ที่เขามักจะเจอมินตราที่นั่นไม่เปลี่ยน

“แฟร์หลายไปไหนมาตั้งหลายวันพี่ติดต่อเราไม่ได้เลย” หญิงสาวผู้ที่อายุแก่กว่าทักร่างบางเมื่อเจ้าตัวหายหน้าไปหลายวัน

“พอดีผมมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อยน่ะครับ” แฟร์ตอบพลางยืนรอลิฟต์ใกล้ๆ มินตรา

“เมื่อวานนน่ะคุณราชันย์โมโหมากเลยรู้มั้ยที่ตามหาเราไม่เจอ หัวฟัดหัวเหวี้ยงจนหุ้นส่วนที่เข้าร่วมประชุมถึงกับกุมขมับกันเลยเพราะแกไม่ยอมฟังเหตุผลใครหน้าไหนทั้งนั้น” พนักงานสาวสาธยาย

"ความจริงผมมากกว่าที่ต้องโมโหเขา” แฟร์เอ่ยก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์โดยมีมินตราเดินตามเข้ามาติดๆ

“หมายความว่ายังไงเราทะเลาะกับคุณราชันย์มาเหรอ”

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ”

“ความจริงแกเป็นคนใจดีนะอาจจะเครียดด้วยเพราะช่วงนี้คู่แข่งเยอะ” มินตราว่าพลางมองไปยังแฟร์จนร่างบางอดไม่ได้ที่จะพูดต่อ

“งั้นเหรอครับผมไม่เห็นรู้เลยเพราะเขาไม่ค่อยให้ผมได้ทำงานพวกนั้นสักเท่าไหร่นอกเสียจากทำความสะอาดห้อง ส่งซักเสื้อผ้าของเขาและทำอาหาร งานเอกสารอย่างอื่นผมแทบไม่ได้แตะหรอกครับ” แฟร์พูดในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้นอกเหนือจากเขาและราชันย์ออกไป

มินตราอ้าปากค้างหญิงสาวเพิ่งจะรู้เรื่องทั้งหมดก็วันนี้ก่อนจะพยายามซักอีกคนกลับ

“นี่แฟร์ไม่ได้เป็นเลขาฯ หรอกเหรอ”

“นั่นแค่ตำแหน่งลอยน่ะครับความจริงผมมันก็แค่พ่อบ้านดีๆ นี่เอง” แฟร์ตอบก่อนที่ลิฟท์จะพาพวกเขาทั้งคู่มาถึงยังชั้นสี่ชั้นที่มินตราต้องการขึ้นมา

“แล้วทำไมคุณราชันย์ถึงให้เราทำหน้าที่พวกนี้ล่ะ” หญิงสาวยังคงถามไม่เลิก

“ผมว่าเรื่องนี้พี่มินไปถามเขาเองจะดีกว่าถึงชั้นสี่แล้วครับ” แฟร์บอกก่อนที่มินตราขาเม้าท์ประจำบริษัทต้องตัดใจจากเรื่องที่น่าสนใจตรงหน้าพร้อมกับเดินออกจากลิฟท์ไปด้วยใบหน้าเสียดายทันที

ร่างบางไม่รอให้ประตูลิฟท์ปิดเองแฟร์เอื้อมมือไปกดปุ่มสั่งการก่อนที่ลิฟท์ตัวนี้จะพาเขามาจนถึงหน้าห้องผู้บริหารเป็นที่เรียบร้อย

แฟร์หยุดหายใจเข้าจนเต็มปอดอยู่หน้าประตูบานใหญ่อยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเคาะลงไปสองสามที

“เข้ามา” เสียงอนุญาตจากในห้องดังขึ้น ร่างบางเปิดประตูเข้าไปก่อนคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานท่ามกลางแก้วกาแฟกว่าห้าใบจะแสยะยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นตรงเข้ามาหาเขาทันที

“หึ! หายหัวไปไหนมาถึงได้มาเอาป่านนี้!!” ราชันย์ตะคอกหากทว่าแฟร์ยังนิ่งไม่สะทกสะท้าน

“ผมก็มาตามเวลาทำงานของตัวเอง” ร่างบางตอบ

“อย่าอวดดีมึงก็รู้ว่ากูถามเรื่องอะไร!”

“ผมไม่รู้หรอกครับพอๆ กับที่ไม่รู้ว่าคุณปิดบังเรื่องอะไรไว้นั่นแหละ”

“แฟร์!!!” ร่างสูงกัดฟันกรอด แฟร์มองหน้าอีกฝ่ายกลับอย่างไม่กลัวก่อนร่างบางจะล้วงบางอย่างออกมาวางไว้บนโต๊ะของราชันย์

“ที่ผมมาวันนี้ผมต้องการจะมาหยุด”

“อะไร!?” ร่างสูงถามก่อนจะผละสายตาจากใบหน้านิ่งของแฟร์มองไปยังซองสีขาวที่อีกฝ่ายวางมันลง

“ผมต้องการหยุดทุกอย่าง…ผมขอลาออก”

“กูไม่ให้มึงออก!!” ร่างสูงตะโกนลั่นก่อนจะตรงเข้าจับต้นแขนแฟร์อย่างแรง

“คุณห้ามผมไม่ได้ระหว่างผมกับคุณเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว!” ร่างบางกัดฟันกลั้นความเจ็บก่อนจะเถียงอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ

“ไอ้เด็กนั่นไง! ถ้ามึงลาออกกูไม่หยุดแค่ขู่แน่กูจะเอามันไปขายจริงๆ!”

“เรื่องนี้ผมคุยกับเจ้าตัวเขาแล้วน่าเสียดายที่ผมอุตส่าห์เป็นห่วงกลัวเขาได้รับอันตรายเป็นบ้าเป็นหลังที่ไหนได้นนท์เขาไม่กลัวคุณเลยสักนิด!” แฟร์ผลักราชันย์จนร่างสูงที่อึ้งเพราะได้ยินเรื่องเมื่อครู่ถึงกับเซไปด้านหลัง

“ต่อไปนี้คุณอยากจะทำอะไรก็เชิญตามสบาย ผมจะถือว่าคุณรับรู้เรื่องนี้แล้วผมจะได้ไปทำเรื่องที่ฝ่ายบุคคลต่อ” แฟร์พูดก่อนจะหันหลังให้แต่ราชันย์กลับพุ่งตัวขว้างเอาไว้อย่างไม่ยอม

“มึงอยากลาออกเพราะจะได้สานต่อกับไอ้หมอนั่นสินะ!!” ร่างสูงเริ่มไม่มีเหตุผล

“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับคุณ” ร่างบางตอบพลางเบี่ยงตัวหลบแต่แล้วคำพูดต่อมาของราชันย์ก็ทำให้แฟร์ถึงกับชะงัก

“มักมาก!!”

“!!”

“อย่านึกว่ากูไม่รู้ว่าเมื่อวานมึงหายไปกับมันมา!” ราชันย์เอ่ยลอดไรฟันอย่างข่มอารมณ์ร่างสูงขบกรามแน่นเสียจนขมับปูดนูน

เขาไม่ยอมปล่อยคนนี้ไปง่ายๆ แน่! คือสิ่งที่ร่างสูงคิด

ราชันย์กระชากร่างบางมาอีกครั้งก่อนคนตัวสูงจะกล่าวคำพูดว่าร้ายออกไป

“แล้ววันนี้มันก็ยังขับรถมาส่งมึงอีก! วางแผนกันเอาไว้แล้วสิว่าถ้ามึงลาออกไปได้พวกมึงจะไปเสวยสุขกันท่าไหนบ้าง!!”

เพี้ยะ!!

“หยุดดูถูกผมสักที!!” แฟร์ตวัดมือลงบนใบหน้าของราชันย์อย่างจังจนอีกฝ่ายหน้าหันหากแต่ราชันย์ก็หันกลับมาคาดโทษร่างบางไม่หยุด

“กูดูมึงถูกต่างหากล่ะแฟร์! ความจริงกูคิดว่ามึงเป็นแค่คนที่ตามใครเขาไม่ทันแต่ที่ไหนได้มึงมันสับขาหลอกจนมีผัวเป็นสิบได้แล้วมั้ง!!”

“ผมเจ็บนะ!!” แฟร์ออกปากร้องเมื่อคนอารมณ์ร้ายตรงเข้าบีบคางของเขาจนได้กลิ่นเลือดคลุ้งขึ้นในปาก

“ไม่เคยมีใครตบกูแล้วจะรอดในเมื่ออยากมากนักกูก็จะสนองให้!!” ราชันย์เปิดประตูห้องนอนก่อนจะเหวี่ยงตัวอีกคนไปบนเตียงอย่างไม่ออมแรง ร่างสูงมองคนตัวเล็กที่พยายามลุกขึ้นก่อนจะตรงขึ้นคร่อมเอาไว้พร้อมกับตรึงแขนอีกคนไว้เหนือหัว

“โอ้ย!! คุณราชันย์จะทำอะไร!!” แฟร์เบิกตาโพรงอย่างตกใจก่อนจะพยายามดิ้นหนีอย่างสุดชีวิต

“ก็ทำอย่างที่มึงเคยทำกับคนก่อนๆ ไงไอ้นัทมันคนที่เท่าไหร่แล้วล่ะ!”

“คุณมันบ้าไปแล้ว!!” แฟร์ว่าพลางมองอีกคนที่โกรธจนเลือดขึ้นหน้าด้วยแววตาตื่นกลัว

“ใช่กูมันบ้าไปแล้ว! มึงกูรู้ว่ากูรู้สึกยังไงกับมึงแต่มึงก็ยังไม่เลิกยุ่งกับมัน!!”

“เลิกยุ่ง!? ทำไมผมต้องเลิกยุ่งในเมื่อเป็นเขาที่มาก่อนไม่ใช่คุณ!”

“แฟร์!!!”

“คุณคิดกับผมเองนะผมไม่ได้ใช้เรื่องโกหกปลิ้นปล้อนมาหลอกให้คุณรู้สึกสักหน่อย!” แฟร์พยายมเถียงในเรื่องที่ตัวเขาเองคิด ร่างบางไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พูดออกมาได้เพิ่มความรุนแรงของอารมณ์อีกฝ่ายให้ประทุออกมามากขึ้นหลายเท่า!

“มึงกำลังจะบอกว่ากูมันโง่เองที่คิดกับมึงแบบนั้นใช่มั้ย!!” ราชันย์จ้องพลางเค้นถามก่อนที่แฟร์จะตะโกนตอบออกมา

“ใช่คุณมันโง่เอง!!!”

“ได้!!...งั้นกูก็ขอโง่เอาผู้ชายอย่างมึงด้วยก็แล้วกัน!”

“!!”

ว่าเสร็จร่างสูงก็ก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างรุนแรงจนแฟร์ออกปากร้อง ร่างบางพยายามถดตัวหนีหากแต่แรงของราชันย์ตอนนี้มากเกินกว่าที่เขาจะต้านไหว

“อย่านะ! อ่ะ! คุณราชันย์ผมเจ็บ!” ร่างบางร้องออกมาเมื่อร่างสูงกัดซอกคอของเขาจนเป็นรอย ราชันย์ยัดตัวขึ้นก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออกและกระชากเสื้ออีกฝ่ายจนขาดหวิ่น

แควก!!!

“หยุดเดี๋ยวนี้!! อย่าทำอะไรผม!” แฟร์พยายามใช้มือปิดบังแผงอกเล็กของตัวเองเอาไว้ ร่างสูงรวบมือทั้งสองของอีกคนเอาไว้เหนือหัวอีกครั้งด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขาก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูด้วยคำพูดเสียดแทงลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของแฟร์

“กูจะทำให้มึงไม่มีวันลืมกูตลอดชีวิต!” พูดเสร็จราชันย์ก้อทำการปลดเปลื้องกางเกงของร่างบางออก

“ได้โปรด…อย่าทำ…ฮึก!” แฟร์พยายามบิดตัวหนี ร่างบางร้องไห้ออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่พลางอ้อนวอนอีกฝ่ายกลับหากทว่าแรงอารมณ์และความต้องการของราชันย์ในตอนนี้มันมีมากจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว

“ไม่ทำมึงก็เกลียดกูไปแล้วสู้กูทำแล้วยอมให้มึงเกลียดยังดีซะกว่า!”

“คุณราชันย์! มะ ไม่!! อื้ออออ” เสียงใสของคนใต้ร่างหลุดหายเมื่อคนด้านบนส่งริมฝีปากร้อนบดจูบลงอย่างแรง ลิ้นร้อนแทรกผ่านริมฝีปากสีแดงระเรื่อเมื่อยามที่มือหนาบีบคลึงไปตามกลางกายของอีกฝ่ายจนแฟร์เผยอปาก ราชันย์กวาดต้อนลิ้นเล็กไปมาจนสาแก่ใจก่อนจะยอมผละออกเมื่ออีกคนใกล้จะหมดลม

แฟร์หอบอย่างหนักเมื่อร่างสูงปล่อยริมฝีปากของเขาให้เป็นอิสระก่อนราชันย์จะก้มตัวลงไปหยอกย้อเล่นกับตุ่มไตสีชมพูบนหน้าอกของเขาแทน

“อย่า…อ่ะ! อย่าทำผมเลย…ขะ…ขอร้อง” ร่างบางครางออกมาอย่างไม่เป็นศัพท์ ราชันย์ยังคงดูดดึงตุ่มไตนั้นอย่างไม่สนใจเสียงคัดค้านพร้อมกับรูดซิปปลดเปลื้องกางเกงของตัวเองพลางคว้าเอากลางกลางที่เริ่มขยายใหญ่ของตนออกมา

แฟร์เบิกตากว้างเมื่อเห็นขนาดของอีกฝ่าย ร่างบางพยายามต่อสู้และถดตัวหนีอย่างสุดแรงก่อนมือหนาจะคว้าไปยังชั้นในของคนใต้ร่างพร้อมกับรูดรั้งมันลงจนแฟร์เปลือยเปล่าไปทั้งตัว

“อย่านะ! อย่า!!” ร่างบางได้ทีส่งเท้าหนักๆ ไปยังอีกฝ่ายจนเสียหลักก่อนจะพยายามคลานลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล

ราชันย์หยัดตัวลุกขึ้นก่อนมือหนาจะคว้าข้อเท้าเล็กและกระชากกลับจนร่างบางที่ถูไปกับเตียงร้องไห้โฮ

“คิดจะหนีจากกูมันไม่ง่าย! มึงต้องเป็นของกู! ของกูคนเดียว!!” ร่างสูงตวาดลั่นพร้อมกับส่งนิ้วร้อนเข้าไปยังช่องทางด้านหลังของแฟร์จนร่างบางสะดุ้งตัวโยน

แฟร์มองราชันย์ด้วยแววตาสั่นระริก ร่างบางพยายามดิ้นจนร่างสูงทนไม่ไหวชักนิ้วกลับก่อนจะจ่อกลางกายของตัวเองไปยังช่องทางนั้นพร้อมกับกดส่วนหัวเข้าไปจนคนใต้ร่างร้องเสียงหลง

“เจ็บ!! ผมเจ็บ!!! อย่าทำแบบนี้! อย่าเอามันเข้ามา!! อ่ะ!” แฟร์นิ่วหน้าพลางขยำเตียงเอาไว้แน่นน้ำตาเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าที่เคยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม มือเล็กพยายามปัดป่ายไปมาราวกับหวังว่าจะโดนอีกฝ่ายสักทีสองที แต่ไม่เลยเพราะมันยิ่งทำให้ร่างสูงดันกลางกายเข้ามามากกว่าเดิมจนร่างบางถึงกับขาสั่นระริก

“กูอุตส่าห์จะเบิกทางให้มึงก่อนแต่มึงมันดื้อด้าน!! จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย! อยากได้แบบนี้กูก็จะจัดให้!!” ว่าเสร็จราชันย์ก็ดันกลางกายของตัวเองเข้าไปยังช่องทางหลังของแฟร์เกินกว่าครึ่ง

“อ๊ากกกก ฮึก! เจ็บบบบ ผมเจ็บ!! ปล่อยผม…ปล่อยผมไปได้โปรด!!!” ร่างบางกัดริมฝีปากร้องออกมาด้วยความเจ็บจนหาที่เปรียบไม่ได้ กลิ่นคาวเลือดที่ไหลออกมาคละคลุ้งจนแฟร์รู้สึกได้ว่าช่องทางของเขากำลังถูกอสูรกายร้ายอย่างราชันย์ทำให้มันด่างพร้อยและฉีกขาดจนไม่มีชิ้นดี

ร่างสูงมองดูช่องทางนั้นด้วยแววตาตื่นหากทว่าจะให้หยุดตอนนี้ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว ราชันย์รู้ดีว่าแฟร์เจ็บไม่ต่างอะไรกับเขาที่ความคับแน่นของอีกฝ่ายก็ทำให้ร่างสูงแทบจะถึงทุกครั้งที่ดันกลางกายของตัวเองเข้าไปเช่นกัน

ราชันย์ก้มลงจูบซับไปยังหางตาของร่างบางราวกับรู้สึกผิดหากแต่แฟร์กลับเบือนหน้าหลบพลางร้องไห้โฮเมื่อรู้ว่าไม่มีทางไหนเลยที่เขาจะหนีพ้นจนร่างสูงเลือกที่จะจูบซับไปยังริมฝีปากเล็ก ข้างแก้ม เรื่อยไปจนถึงใบหูให้อีกคนผ่อนคลายก่อนจะกดสะโพกของตัวเองเพื่อส่งท่อนกายหนาเข้าไปจนมิดด้าม

“โอ้ย!!!” แฟร์เผลอร้องออกมาอย่างขมขื่น ร่างบางมองใบหน้าของคนด้านบนอย่างคาดโทษก่อนราชันย์ที่แช่กลางกายเอาไว้เพื่อให้อีกคนคุ้นชินกับสัมผัสจะเริ่มขยับสะโพกสอบของตัวเองตามจังหวะจนแฟร์ต้องกัดริมฝีปากเอาไว้พลางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“เจ็บมากมั้ย?” ราชันย์ถามก่อนที่คนใต้ร่างจะเบือนหน้าไปอีกทางไม่ยอมตอบ

“ตอบกูมา!!” ร่างสูงเค้นเสียงว่าหากแต่แฟร์ก็ไม่ยอมปริปากจนไฟโทสะของราชันย์ประทุขึ้นมาอีกครั้ง

ร่างสูงเร่งจังหวะจนร่างบางอ้าปากค้าง แฟร์จิกเล็บลงบนลาดไหล่กว้างของคนด้านบนพลางร้องออกมาราวกับจังหวะนี้เกินจะอั้นไว้

“โอ้ย! อ่ะ..อ่ะ…อ๊าก…อ่ะ…อึก…ฮือ…ฮือ…อ๊า!!” ร่างบางส่งเสียงร้องก่อนราชันย์จะจับตัวของเขาพลิกให้หมอบลงไปกับเตียง แฟร์เอื้อมมือจับไปยังหัวเตียงเอาไว้แน่นพลันมืออีกข้างก็ขยำไปบนผ้าปูเนื้อดีราวกับอยากจะส่งผ่านความเจ็บปวดออกไป

ร่างสูงขยับสะโพกสอบเข้าออกถี่รัว ทุกๆ การสัมผัสเรียกน้ำตาจากคนถูกกระทำได้เป็นอย่างดีแฟร์กัดฟันแน่นพยายามกักเก็บเสียงของตัวเองเอาไว้ทุกครั้งที่อีกฝ่ายพยายามเร่งจังหวะเพื่อให้ตัวเองสุขสม

ราชันย์ก้มลงจูบซับไปยังแผ่นหลังบางอย่างหวงแหน มือหนาเอื้อมมาตรงหน้าพลางคว้ากลางกายของร่างบางพร้อมกับรูดรั้งจนแฟร์อ่อนระทวย ร่างสูงยังคงทำหน้าที่กับช่องทางหลังของแฟร์ได้เป็นอย่างดี คนใต้ร่างกัดริมฝีปากจนห่อเลือดก่อนจะส่งเสียงครางออกมาเมื่อมือของราชันย์ทำให้เขาอยากที่จะปลดปล่อย

ร่างสูงได้ยินเสียงจากอีกฝ่ายก็กดนิ้วห้ามการหลั่งออกแฟร์เอาไว้ คนตัวเล็กส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอพลางเอื้อมมือของตัวเองพยายามแกะมือของราชันย์ที่กอบกุมกลางกายเอาไว้ออก

“เร็วไปนะแฟร์ถ้ามึงคิดว่ากูจะให้มึงถึงก่อน” ราชันย์จับอีกคนพลิกตัวกลับมาอีกครั้งก่อนจะเร่งจังหวะจนร่างบางสั่นคลอนไปพร้อมกับใบหน้าทรมาน

“ผมเจ็บ! โอ้ย ยะ..หยุดเถอะผมไม่ไหวแล้ว” แฟร์ร้องห้ามพลางจิกเล็บไปบนแผงอกของร่างสูงยามที่อีกคนโหมกระหน่ำลงมาราวกับอยากจะกลืนกินเขาไว้ทั้งตัว

“ไม่ไหว? แต่กูยังไม่ถึงไหนเลยว่ะ” ราชันย์ว่าก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นเมื่อความรู้สึกอัดอั้นเริ่มประเดประดังเข้ามาจนร่างสูงปวดหนึบไปทั่วกลางกาย

“อ่ะ! อ่ะ! ฮึก อ๊า…โอ้ย เจ็บบบ…ผมเจ็บ!” แฟร์ร้องห้ามเมื่อจังหวะของราชันย์ยิ่งทวีความเจ็บปวดให้ตัวเขามากขึ้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง

ร่างบางยังคงส่งเสียงร้องออกมาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งร่างสูงปลดปล่อยออกมาก่อนที่มือหนาของราชันย์จะรูดรั้งกลางกายของแฟร์ให้ปลดปล่อยตาม ร่างสูงกดจูบลงกับริมฝีปากบวมช้ำของแฟร์อย่างหิวกระหายพลางถอดกลางกายออก

แฟร์ถดตัวหนีทั้งที่เจ็บร้าวไปทั่วช่องทางด้านหลัง ความเจ็บที่ได้รับแล่นผ่านไปยังกระดูกสันหลังจนร่างบางสั่นระริก ก่อนราชันย์จะถามขึ้นเมื่อเห็นแฟร์พยายามหยัดตัวเองให้ลุกขึ้น

“มึงจะไปไหน” ร่างสูงคว้าข้อมือเล็กเอาไว้

“เสร็จแล้วก็ปล่อยผมไป” ร่างบางก้มหน้าตอบพลางบิดแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุม

“มันไม่ง่ายยังงั้นหรอก” ร่างสูงว่าก่อนแฟร์จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกคน

“ยังต้องการอะไรอีก! ที่ทำไปเมื่อกี้ยังไม่พอหรือไง!!” แฟร์ตะคอกกลับก่อนราชันย์จะตรงเข้ารั้งสะโพกเล็กให้กลับมาอยู่ท่ามกลางเรียวขาของเขาอีกครั้งพร้อมกับแสยะยิ้ม

“แต่มันแค่รอบเดียวนี่หว่ากูยังไม่อิ่มเลยกูจะเอาจนกว่ามึงลุกไม่ขึ้นดูซิว่ายังจะมีแรงไปหาตัวผู้หน้าไหนอยู่อีกมั้ย” ว่าเสร็จราชันย์ก็ปัดป้องมือเล็กที่ปัดป่ายมาเพราะป้องกันตัวเองเมื่อรู้ถึงความหมายของคำพูดนี้ก่อนที่ร่างบางจะตะโกนร้องลั่น

“โอ้ย!!! อย่านะ! อย่า!!!” ร่างสูงจับกลางกายที่ยังผงาดของตัวเองจ่อไปยังช่องทางด้านหลังของแฟร์อีกครั้งพร้อมกับสอดใส่เข้าไปทีเดียวจนมิดด้าม

ร่างบางร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาจนสุด จังหวะและเสียงการกระทำที่หยาบโลนยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงร้องอย่างทรมานของคนถูกกระทำ

แฟร์หมดสติไปหลังจากที่ราชันย์พยายามขืนใจเขาเป็นครั้งที่สามหยาดน้ำตาที่นองไปทั่วหน้าทำให้ซาตานร้ายอย่างราชันย์ถึงกับชะงัก ร่างสูงทอดมองไปยังใบหน้าของคนใต้ร่างด้วยความรู้สึกที่หลากหลายหากแต่ราชันย์ก็ยังคงฝืนร่างกายของร่างบางจนกระถึงตัวเองเสร็จสม

ร่างสูงถอนกลางกายออกก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ร่างบางพร้อมกับจูบซับไปยังหางตาของอีกฝ่ายอย่างหวงแหน

“มึงเกลียดแต่กูรัก…กูจะไม่ยอมปล่อยให้มึงตกเป็นของคนอื่นเด็ดขาด…แฟร์” ราชันย์เอ่ยก่อนจะดึงตัวคนหมดสติเข้ามากอดพลางหลับไหลตามไปในที่สุด





แพขนตาของร่างบางขยับไหว ดวงตากลมลืมขึ้นท่ามกลางความเจ็บที่แล่นเข้าปะทะอย่างจัง แฟร์ขยับตัวก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีลำแขนแกร่งของราชันย์โอบกอดตัวเขาอยู่ ร่างบางจับแขนราชันย์ออกให้พ้นตัวก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากเตียงให้เงียบที่สุ

เรียวขาเล็กห้อยลงข้างเตียงก่อนคนเป็นเจ้าของจะทำใจอยู่พักใหญ่เพื่อลงแรงเหยียบ ความเจ็บอย่างมหาศาลตรงเล่นงานทันทีที่แฟร์ลุกยืนขึ้น ขาเล็กสั่นระริกจนน้ำตาเล็ดความชื้นแฉะที่ไหลลงอาบไปทั่วโคนขาทำให้ร่างบางกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะก้มลงเก็บกางเกงของตัวเองขึ้นพร้อมกับสวมใส่มันอย่างยากลำบาก

แฟร์เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของราชันย์พลางหยิบเสื้อเชิ้ตออกมาสวม ด้วยความที่ไซค์ของร่างสูงต่างจากเขาอยู่มากทำให้ชายเสื้อที่แฟร์ใส่ยาวจนเกือบถึงหัวเข่าของเขา ร่างบางมองทอดไปยังอีกคนที่หลับอยู่บนเตียงด้วยความโกรธก่อนจะเคลื่อนสายตามองไปยังหน้าปัดนาฬิกาที่บอกเวลาห้าทุ่ม

เขาสลบไปเกือบหกชั่วโมง…

แฟร์เคลื่อนตัวก้าวเดินออกจากห้องนอนของราชันย์มาก่อนจะเก็บกระเป๋าของตัวเองขึ้นและเดินออกจากห้องไปอย่างยากลำบาก ทุกการเคลื่อนไหวเสียดสีจนแฟร์แทบอยากจะร้องไห้ ความทรมานบนร่างกายที่ว่าเจ็บยังไม่เท่าความเจ็บที่หัวใจของเขาได้รับเลยสักนิด

ร่างบางวางจดหมายลาออกตรงประตูทางเข้าห้องบุคคลเพื่อหวังจะให้มินตราจัดการต่อก่อนจะออกมาโบกแท๊กซี่เพื่อไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

มือเล็กเคาะไปยังประตูห้องตามที่อยู่ที่อีกฝ่ายเคยให้ไว้เมื่อครั้งเจอกันที่งานถ่ายแบบของชานนท์ที่บริษัทราชันย์ ก่อนเจ้าของห้องจะเปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าตกใจที่เห็นสภาพของเขา

“กูขอนอนด้วยคนสิ” แฟร์เอ่ยบอกก่อนใบหน้าซีดเผือดนั้นจะพยายามฉีกยิ้มกลับไปให้ภีมวิทธิ์อย่างอิดโรย

“แฟร์มึงไปโดนอะไรมา!” ภีมตรงเข้าประคองร่างบางก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามบอกอีกฝ่ายกลับ

“ภีม…กู…”

“เห้ย!”

แฟร์ทรุดฮวบลงเสียตรงนั้นจนภีมร้องเสียงหลง ร่างโปร่งพยายามประคองตัวเพื่อนสนิทเอาไว้ก่อนจะใช้มืออีกข้างวางทาบไปบนหน้าผากเล็ก

ภีมสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อรู้ว่าแฟร์มีไข้ เจ้าของห้องอย่างเขาพยายามแบกอีกฝ่ายขึ้นพร้อมกับเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไปก่อนจะจัดการหากะละมังใบเล็กเพื่อใส่น้ำและเช็ดเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยร่องรอยเหมือนกันกับเขาเมื่อครั้งถูกร่างสูงอีกคนรังแก ร่างโปร่งของภีมถอนหายใจออกมาอย่างหนักเมื่อรู้ว่าแฟร์โดนอะไรมาก่อนที่เขาจะอาสาทำความสะอาดร่างกายของเพื่อนคนนี้ให้จนอีกฝ่ายที่เอาแต่เพ้อตะโกนออกมาด้วยความกลัวสงบลงในที่สุด



TBC..............
----------------------------------------------------
และแล้วน้องแฟร์ก็ถูกตะครุบจนได้
#ราชันย์มันหวง #ราชันย์มันบ้า #ราชันย์มันไร้เหตุผล!! T^T
คอยดูว่าอีเฮียมันจะทำยังไงต่อ มันจะง้อน้องยังไง เหอะ!!!
เป็นกำลังใจให้นักเขียนโดยการเม้นท์ด้วยนะคะ


 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.13 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-07-2017 23:19:28
เป็นพระเอกที่น่าถีบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.13 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 25-07-2017 00:52:50
บอกตรงๆนะ  อยากจะกระโดดถึบราชันย์จริงๆ 
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.13 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 25-07-2017 02:42:29
พระเอกแต่ล่ะคนน่าจะถูกตอนทิ้ง
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.13 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 25-07-2017 06:50:36
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.14 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 25-07-2017 10:26:46


CHAPTER 15


ลำแขนแกร่งกวาดไปทั่วพื้นที่บนเตียงข้างกายเพื่อหาร่างบางที่เขาได้ยัดเยียดความเป็นเจ้าของให้เมื่อคืนก่อนร่างสูงจะลืมตาตื่นเมื่อบนเตียงเหลือเพียงแค่เขาที่ยังนอนอยู่เพียงเท่านั้น

เจ้าของห้องพรอดพราดลุกออกจากเตียงก่อนจะเดินหาร่างบางของแฟร์จนทั่วห้อง ทั้งห้องน้ำ ห้องครัวหรือแม้กระทั่งห้องรับแขกก็ไม่มีวี่แววของคนที่เพิ่งจะโดนทำร้ายไปเมื่อคืนเลยสักนิด

ราชันย์กุมขมับก่อนจะตะโกนกร้าวออกมาจนสุดเสียง อารมณ์และความโกรธเมื่อวานหายไปจนหมดเหลือไว้แต่เพียงความรู้สึกผิดที่อยากจะเอื้อนเอ่ยคำขอโทษออกมาจากใจจริงให้อีกฝ่ายได้รับรู้เพียงแต่ในเวลานี้แฟร์กลับหายไปไม่อยู่รอฟังคำนั้นจากเขาก่อน

ร่างสูงก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง แววตาคมสบเข้ากับรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนบนเตียงด้วยหัวใจกระตุกวูบ

เขาเป็นคนแรกของแฟร์…

คำพูดที่กล่าวหาและว่าร้ายเสียดแทงใจอีกฝ่ายเมื่อคืนย้อนกลับมาทำร้ายใจของร่างสูงให้ดำดิ่งลงสู่การโทษตัวเองอย่างที่ไม่มีสิ้นสุด ก่อนมือหนาจะคว้าเอาเสื้อของอีกฝ่ายที่ขาดหวิ่นตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมากุมเอาไว้ด้วยใบหน้าเศร้าและดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำใส

“คุณระ…!!” มินตราที่พรอดพราดเข้ามาชะงักเพราะร่างสูงที่เปลือยท่อนบนนั่งอยู่บนเตียงก่อนที่สายตาของเธอจะปะทะเข้ากับรอยเปื้อนที่เด่นหรานั่นอย่างจัง

“มีอะไร” ราชันย์เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะวางเสื้อของแฟร์ไว้และลุกเดินมาหาอีกคน

“คือ…นั่นมันรอยละ…เลือดไม่ใช่เหรอคะ” พนักงานสาวพยายามมองและถามเจ้าของห้องกลับ

“มีอะไรมิน” ราชันย์ไม่ตอบหากแต่ร่างสูงกลับถามคำถามเดิมย้ำเสียงดุ

“คือว่าน้องแฟร์ค่ะ…น้องแฟร์ทิ้งจดหมายลาออกนี้ไว้หน้าประตูแผนกของมินคุณราชันย์ทราบเรื่องหรือยังคะ” มินตราสะดุ้งก่อนเธอจะชูซองจดหมายที่เก็บได้ให้อีกฝ่ายดู

“อืม” ราชันย์ตอบ

“แล้ว?”

“เรื่องนี้ผมจะจัดการเองคุณยังไม่ต้องทำอะไรเพราะผมยังไม่ได้อนุญาตให้เขาออก” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะเดินไปยังตรงหน้าของอีกฝ่ายจนมินตราต้องถอยหลังจากห้องนอนออกมาหากแต่ปากเล็กของหญิงสาวก็ถามขึ้นไม่หยุด

“ได้ค่ะ ละ…แล้ว รอยนั่น…”

“อย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม”

“แต่ว่ามัน…”

“ออกไปก่อน” ราชันย์บอกในขณะที่ทั้งคู่เดินพ้นออกมาแล้วและร่างสูงก็เอื้อมมือดึงประตูห้องนอนปิด

“คะ?”

“ออกไปก่อน!” ราชันย์ตวาดกลับเมื่อมินตรายังทำหน้าอยากรู้อยากเห็นไม่หยุด

“ค่ะๆ” ร่างโปร่งของหญิงสาวตอบพัลวันก่อนจะหันหลังกลับแต่แล้วเสียงทุ้มจากเจ้าของห้องก็ดังขึ้น

“เดี๋ยว!” หญิงสาวหันกลับไปก่อนจะถูกราชันย์หมายหัวกลับมา

“ขืนคุณเอาเรื่องผมไปเม้าท์เตรียมตัวขนของออกไปได้เลย”

“ค่ะ…มินจะไม่เล่าขอโทษที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวคุณราชันย์นะคะมินไม่ได้เอ่อ…ตั้งใจ” พนักงานสาวสารภาพผิด

“ออกไปเถอะผมอยากอยู่คนเดียว” ราชันย์มองหน้าอีกคนกลับเพียงครู่ก่อนจะออกปากเชิญให้ออกไป

มินตรามองเจ้านายของตัวเองที่มีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างสงสัย หญิงสาวหันหลังกลับก่อนจะเดินออกจากห้องไปในขณะที่เจ้าของห้องยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาเพราะรู้สึกผิดไม่หาย




[ดีขึ้นบ้างหรือยัง] เสียงของภีมที่ดังผ่านโทรศัพท์ไร้สายตั้งโต๊ะภายในห้องนอนของเจ้าตัวเพราะแฟร์ดันปิดเครื่องทำให้ร่างบางที่เพิ่งจะตื่นเมื่อช่วงสายของวันตอบกลับเสียงแหบ

“อืมก็ดีขึ้นนิดหน่อยแล้ว”

[ยาเก่าที่กูกินไม่หมดวางอยู่บนตู้เย็นนะเอ่อ…ยาทาก็อยู่ที่นั่นด้วย ขอโทษที่กูต้องมาทำงานเลยไม่ได้อยู่ดูแลมึง] ภีมตะขิดตะขวงใจที่จะบอกรายละเอียดของยาก่อนแฟร์จะหน้าร้อนผ่าวขึ้นอย่างนึกอายเมื่อผู้ชายสองคนต้องมาพูดเรื่องอะไรแบบนี้

“ไม่เป็นไรแค่กูมารบกวนมึงกูก็เกรงใจจะแย่” แฟร์ตอบกลับ

[ห่า! เรารู้จักกันมากี่ปียังจะมาเกรงใจไม่เข้าเรื่องอีก] ภีมเอ็ด

“ก็กูเกรงใจจริงๆ นี่นา”

[ไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น! นี่กูทำข้าวต้มวางไว้ให้มึงบนโต๊ะข้างนอกด้วยนะเดินออกมากินเองได้ใช่มั้ย] ปลายสายถาม

“ขอบใจมากเดี๋ยวกูจะพยายามออกไปกิน” ร่างบางตอบกลับไปก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นพลางหย่อนขาลงข้างเตียง

[แฟร์…]

“มีอะไร” แฟร์ตอบกลับเมื่อจู่ๆ ปลายสายก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น

[คุณราชันย์ใช่มั้ย]

ร่างบางชะงักแรงที่กำลังจะส่งไปยังเท้าเพื่อยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนก่อนที่ปลายสายจะพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงกลับมาอีก

[ความจริงกูก็ไม่ได้อยากรื้อฟื้นอะไรมึงหรอกแต่กูแค่อยากจะบอกว่า...มึงอย่าจมปรักอยู่กับเรื่องนี้เลยนะ] ภีมว่าก่อนแฟร์จะปิดพับเปลือกตาพลางถอนหายใจแล้วตอบกลับไป

“กูรู้…มึงวางใจได้เพราะกูยังมีเรื่องอื่นที่ต้องคิดมากกว่าเรื่องนี้อีกเยอะ” ว่าเสร็จร่างบางก็พาตัวเองเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำไปอย่างยากลำบาก

[อื้มไว้กูจะรีบกลับนะแฟร์] อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงเบาใจลงไปก่อนที่แฟร์จะตอบกลับไปบ้าง

“ได้ๆ ขอบใจมาก”

ร่างบางวางสายจากเจ้าของห้องที่ออกไปทำงานก่อนจะจ้องมองตัวเองบนกระจกเงาที่สะท้อนกลับมาเบื้องหน้าด้วยแววตาไร้ซึ่งความสุข แฟร์เปิดน้ำก่อนจะรองมันด้วยมือทั้งสองข้างและตบเข้ากับหน้าตัวเองไปหลายที สายน้ำที่เย็นสบายหากแต่มันกลับเจ็บเข้าถึงกระดองใจเขาทุกครั้งที่ใช้ฟาดปะทะสามารถเตือนสติของร่างบางได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อคืนนั้นไม่ใช่ความฝันและมันเป็นความจริง…ความจริงที่ว่าเขาได้ถูกผู้ชายที่กำลังมีความรู้สึกดีๆ ให้ทำร้ายให้เจ็บช้ำจนไม่มีชิ้นดี!

“คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง!”

เสียงใครคนหนึ่งแล่นเข้าสู่โสตประสาทของร่างบางที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้องนอนอันมืดสนิทหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาเพื่อทานข้าวต้มฝีมือเพื่อนเมื่อตอนบ่ายพร้อมทั้งกินยาและทายาตามที่อีกคนบอกก่อนจะกลับมานอนอีกครั้งจนตอนนี้เวลาก็ล้วงเลยไปกว่าทุ่มครึ่งแล้ว

“อย่าพูดมากมึงแอบซุกใครไว้ที่นี่!!” เสียงของใครอีกคนดังลั่นจนแฟร์เปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความงัวเงีย

“ซุกใครไว้!? ผมไม่ได้ซุกใครไว้ทั้งนั้นออกไปเดี๋ยวนี้” เสียงนี้เป็นของภีมร่างบางจำมันได้เป็นอย่างดี

“กูไม่ออก! รองเท้าผู้ชายที่วางอยู่หน้าห้องของใคร!!” แต่เสียงนี้แฟร์กลับไม่เคยได้ยิน ร่างบางตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องนอนพร้อมกับแนบหูลงกับมันเพื่อฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่อย่างเงียบๆ

“ของผม!”

“มึงไม่ได้ใส่ไซส์นี้อย่านึกว่ากูไม่รู้นะภีม!”

“คุณจอมพลผมเจ็บนะ!!” ชื่อที่หลุดออกมาทำให้แฟร์ที่แอบฟังอยู่หายใจไม่ทั่วท้องทันที

จอมพลเพื่อนของราชันย์!!

“บอกกูมาว่ามึงซุกใครไว้!!”

“ก็บอกว่าไม่มีไง!”

“จะบอกไม่บอก!” เสียงของจอมพลเต็มไปด้วยการคาดคั้นเช่นเดียวกับราชันย์ไม่มีผิด! แต่เสียงภีมกลับเงียบไม่ยอมตอบจนอีกฝ่ายตวาดลั่นออกมาอีก

“ไม่บอกใช่มั้ย! ได้!!”

“อ่ะ! คุณจะทำอะไร! อื้อออ”


เสียงโวยวายของภีมขาดหายไปทันทีก่อนแฟร์จะตัดสินใจเปิดประตูออกไปเพราะกลัวว่าจอมพลจะทำอะไรร่างโปร่งเพื่อนของเขาอีก แต่แล้วภาพตรงหน้าที่เห็นกลับเป็นร่างสูงของผู้ชายเรือนผมสีดำสนิทกำลังครอบครองริมฝีปากของภีมวิทธิ์อย่างดูดดื่มและร้อนแรง

ร่างโปร่งของภีมที่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูออกมาก็รู้ทันทีว่าเป็นแฟร์ก่อนที่เขาจะพยายามผลักแผงอกแกร่งของจอมพลออกจนสุดแรง

“ฟะ…แฟร์! คือกู…” ภีมละล่ำละลักคำพูดออกมาเป็นพัลวัน ร่างโปร่งเช็ดริมฝีปากตัวเองด้วยหลังมือไปมาก่อนร่างบางจะจ้องร่างสูงที่จ้องเขากลับด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเช่นเดียวกันอยู่ไม่ไกล

“คุณเป็นใคร?” แฟร์ถามก่อนที่ผู้ชายใบหน้าหล่อเหลาหากแต่กลับแฝงไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมากนี้จะสวนขึ้นทันควัน

“กูต้องเป็นฝ่ายถามมึงต่างหากว่ามึงเป็นใครแล้วมาอยู่ในห้องเมียกูได้ยังไง!” จอมพลตะโกนกร้าวจนภีมวิทธิ์ที่ยืนอึ้งเพราะสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกตัวเองจะเอ็ดกลับเป็นการใหญ่

“หยุดพูดแบบนี้สักทีเถอะคุณจอมพล!!”

“กูไม่หยุด! กูพูดผิดตรงไหนก็ไอ้นี่มันอยู่ในห้องของเมียกูจริงๆ!!” ร่างสูงว่าพลางย่างสามขุมเข้าไปหาแฟร์แต่กลับถูกภีมห้ามไว้ก่อน

“แฟร์มึงกลับเข้าไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวกูเคลียร์กับเขาเอง” ร่างโปร่งหันบอกแฟร์ที่นิ่งอึ้งเพราะคำพูดของอีกฝ่ายก่อนที่ร่างบางจะพยักหน้าเข้าใจและหันหลังกลับหากแต่คำพูดของจอมพลกลับฉุดแฟร์เอาไว้ก่อน

“ขืนมึงกล้าเดินเข้าไปกูจะไม่ใจดีแล้วนะเว้ย!!” แฟร์เสมองคนข้างหลังที่เดือดดาลไม่ฟังใครก่อนจะแสยะยิ้ม ร่างบางไม่คิดเลยว่าทุกอย่างที่ร่างสูงทำมันจะชัดเจนเสียยิ่งกระไรก่อนจะทำท่าเดินกลับเข้าไปในห้องหากทว่าจอมพลที่พยายามผละตัวออกจากภีมได้สำเร็จกลับตรงเข้ามากระชากเขาจนล้มลงพร้อมกับตามมาคร่อมไว้ก่อนร่างสูงจะง้างหมัดจนคนข้างใต้หลับตาปี๋

“อย่า! แฟร์มันเป็นเพื่อน! เขาเป็นเพื่อนของผม!!” ภีมตะโกนบอกความจริงก่อนจะตรงเข้ายื้อจอมพลสุดแรง

ร่างสูงมองใบหน้าของคนใต้ร่างอีกทีชัดๆ ก่อนที่แฟร์จะลืมตาขึ้นเมื่อหมัดที่เห็นเมื่อครู่ไม่ได้ถูกส่งให้ปะทะหน้าตัวเองแต่อย่างใด

“มึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ร่างสูงจ้องหน้าของแฟร์พลางถามกลับ

คนถูกถามขมวดคิ้วสงสัยก่อนที่คำถามต่อมาของจอมพลจะยิ่งทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออก

“มึงเป็นเลขาฯ ของไอ้ชันย์ไม่ใช่? แล้วมึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”

“!!”

“คุณรู้จักผมได้ยังไง” ทั้งสามคนนั่งลงตรงโซฟาก่อนที่แฟร์จะเปิดประเด็นถามขึ้นเมื่อเขาและจอมพลไม่เคยเจอกันมาก่อนหากแต่อีกฝ่ายกลับรู้จักเขาเสียได้

“ไอ้ชันย์มันเคยให้ฉันสืบประวัติของนายหลังจากวันที่มันจับตัวของนายผิดไป” ร่างสูงตอบกลับอย่างไม่กั๊ก

“คุณรู้เรื่องที่เขาทำ?” แฟร์ถามอย่างสงสัย

“ทำไมจะไม่รู้ก็พวกฉันทำมันด้วยกัน”

“!!” ร่างบางเบิกตาโพรงเมื่อเข้าใจมาโดยตลอดว่าราชันย์ทำเรื่องแบบนี้เพียงคนเดียว

“แต่วางใจได้เพราะครั้งที่นายถูกจับตัวไปมันเป็นครั้งอำลา”

“อำลา?”

“หมายถึงครั้งสุดท้ายที่ทำไง” สิ่งที่จอมพลบอกทำเอาแฟร์ถึงกับตัวชาวาบ ร่างบางจ้องคนตรงหน้าไม่หยุดก่อนจะเถียงออกมาเมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมันขัดกับสิ่งที่เขาเจอเป็นอย่างมาก

“เป็นไปไม่ได้! แล้วที่เขาบอกกับผมว่าจะจับตัวนนท์ไปอีกล่ะถ้าผมไม่ยอมไปทำงานกับเขามันคืออะไร!?”

“หึ! ฉันไม่รู้เลยนะว่ามันจะใช้วิธีนี้เพื่อให้นายเข้าใกล้” เสียงทุ้มหัวเราะให้กับความคิดเพื่อนตัวเองก่อนที่คนถูกกระทำอย่างแฟร์จะถามกลับเมื่อยังไม่เข้าใจ

“คุณหมายความว่าไง”

“ก็ไอ้ชันย์น่ะมันไม่สนใจใครง่ายๆ หรอกถ้าคนๆ นั้นไม่ได้ทำให้มันรู้สึกอะไรด้วย ตั้งแต่แรก ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่านายไปทำอะไรให้มันฝังใจจนเอาคำขู่พวกนั้นมาหลอกให้นายเข้าใกล้น่ะ”

ร่างบางถึงกับอึ้งกิมกี่เมื่อได้รู้ ทำไมเรื่องพวกนี้ถึงได้ทำให้จุกจนพูดไม่ออกอย่างนี้นะ! ราชันย์เห็นเขาเป็นอะไรถึงได้หลอกกันมากมายขนาดนี้!!

“แล้วที่คุณบอกว่าครั้งที่จับตัวผมไปคือครั้งสุดท้ายเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย” ร่างบางถามย้ำแม้ว่าใจจะยังสั่นเพราะรู้ความจริงมากมายจากปากของจอมพลหากแต่แฟร์ก็ยังเป็นห่วงอีกคนไม่หาย

“ฉันจะนั่งโกหกนายทำไมให้เสียเวลา”

“แสดงว่าพวกคุณจะไม่จับตัวนนท์ไปอีกใช่มั้ย”

“หยุดแล้วก็คือหยุด ไม่กลับไปทำอีกแน่นอน” ร่างสูงให้คำมั่นก่อนภีมที่เงียบฟังพวกเขาอยู่นานจะถามขึ้น

“เดี๋ยวนะนี่กำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ” ร่างโปร่งไม่เข้าใจในสิ่งที่ทั้งคู่พูดจนจอมพลและแฟร์ต้องเริ่มบอกให้อีกฝ่ายรู้ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ

“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้…ไอ้ชันย์มันโกรธที่แพรวาหลอกใช้ความกว้างขวางของมันเพื่อรู้จักกับนักการเมืองรวมไปถึงนักธุรกิจหลายแขนงเพื่อจะได้หาเงินโดยการไปเป็นน้อยเขาหนำซ้ำผู้หญิงคนนี้ยังปลอมลายเซ็นต์ของมันยักยอกเงินจากบริษัทไปอีกตั้งหลายล้าน” จอมพลบอกถึงสาเหตุก่อนที่ภีมจะถามด้วยความไม่เข้าใจ

“เพราะเหตุนี้พวกคุณก็เลยตกลงกันสร้าง TAKE ขึ้นมา?”

“มันเป็นความคิดของไอ้ชันย์ฉันก็แค่ตามน้ำคอยช่วยเหลือมันก็เท่านั้น แต่ทุกครั้งที่ทำก็ไม่เคยต้องข่มขู่เพราะผู้หญิงพวกนั้นหิวเงินอยู่แล้วแต่กับนาย…ฉันไม่รู้ว่ามันทำอะไรไปบ้าง” จอมพลว่าพลางมองไปยังแฟร์ที่นิ่งเงียบก่อนที่ภีมวิทธิ์จะจ้องหน้าเขาอย่างคาดโทษ

ร่างโปร่งไม่ชอบการเอาเปรียบแบบนี้ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเคยขัดขืนเลยก็เถอะแต่ไอ้กิจกรรมยามว่างที่สองเพื่อนซี้นั่นเลือกทำมันก็ออกจะผิดแผลงไปจากคนปกติทั่วไปจนยากที่จะทำให้เขายอมรับ

“กูว่ากูทนฟังไม่ได้แล้วว่ะขอตัวนะ” ร่างโปร่งเอ่ยกับแฟร์อย่างหัวเสียก่อนจะเดินเปิดประตูออกไปรับลมข้างนอกระเบียง

จอมพลมองตามการกระทำของอีกฝ่ายก่อนจะลุกเพื่อหมายจะตามออกไปหากแต่แฟร์กลับยื้อไว้ก่อน

“เดี๋ยว” ร่างบางเอ่ยก่อนที่ร่างสูงจะนั่งลงตามเดิม

“ก่อนที่คุณจะออกไปผมขอถามอะไรคุณสักหน่อยจะได้มั้ย”

“ว่ามาสิ”

“คุณรู้สึกยังไงกับเพื่อนของผม” สิ้นเสียงของคำถามจอมพลก็เอาแต่เงียบไม่ยอมตอบหากทว่าแววตาของอีกฝ่ายที่มองออกไปยังร่างโปร่งที่ยืนอยู่ด้านนอกกลับทำให้ร่างบางเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย

“ผมว่าคุณน่าจะมีคำตอบอยู่แล้วในใจฉะนั้นก็ทำดีกับมันหน่อย” แฟร์บอกก่อนที่จอมพลจะเผยรอยยิ้มร้ายออกมาเมื่อถูกเขาอ่านออก

“พูดแบบนี้อยากให้ฉันไปบอกให้ไอ้ชันย์มันทำดีกับนายด้วยมั้ยล่ะ” จอมพลแกล้งอำก่อนร่างบางจะเผยความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมา

“ผมกำลังจะขอร้องคุณเรื่องนี้อยู่พอดีเหมือนกัน” แฟร์จ้องจอมพลนิ่งพลางถอนหายใจแล้วพูดออกมา

“อย่าบอกเขาว่าคุณเจอผมที่นี่…ผมขอร้อง” ร่างบางขอร้องกลับก่อนร่างสูงที่นั่งอยู่อีกฝั่งจะตอบออกมา

“ฉันจะไม่รับปากในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ นายก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นเพื่อนของฉันถ้ามันอยากรู้ฉันก็จะบอก”

“ถ้าอย่างนั้นผมขอแค่สองวัน…สองวันต่อจากนี้อย่าเพิ่งบอกให้เขารู้นะครับถือว่าช่วยผมสักครั้ง” ร่างบางขอร้องกลับไปอีกก่อนที่ร่างสูงตรงหน้าจะมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยหากแต่ก็ยอมทำตามในที่สุด

“ได้ฉันจะทำตามที่นายขอ”



“ขอบใจมากนะที่ให้กูพักคอนโดมึงแถมยังมาส่งที่นี่อีก” แฟร์เอ่ยก่อนจะมองไปยังจอมพลที่มองมาด้วยใบหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างหลังเพื่อนของเขา เนื่องจากร่างสูงคนนี้ขอค้างที่คอนโดของภีมเมื่อคืนด้วยเหตุผลที่ว่า…กลัวพวกเขาจะมีอะไรกัน!

ให้ตายเถอะ! ไม่รู้ว่าคนที่มีอายุมากกว่าพวกเขาถึงสามปีคิดแบบนี้ได้ยังไง สุดท้ายภีมก็จัดที่นอนให้กับอีกฝ่ายที่โซฟาในห้องรับแขกซึ่งจอมพลเองก็โวยวายอยู่พักใหญ่กว่าจะจบลงด้วยการที่เขาแย่งเข้ามานอนบนพื้นในห้องนอนได้สำเร้จ

“ไม่เป็นไรคอนโดกูเปิดรับมึงทุกเมื่อมึงจะมาเมื่อไหร่ก็ได้” ภีมว่าก่อนจอมพลจะกระแอมไอขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย

“กูคงมาบ่อยไม่ได้ว่ะเจ้าที่คอนโดมึงแม่งแรง” แฟร์ว่าก่อนร่างโปร่งจะเบิกตาโพรงพลางว่าเขากลับ

“ห่าแฟร์! มึงอย่าพูดแบบนี้อีกนะ” ภีมบ่นออกมาก่อนจะเสมองไปทางคนข้างหลังอย่างอารมณ์เสียเพราะเช้านี้จอมพลก็ติดสอยห้อยตามเขามาส่งแฟร์ขึ้นรถที่สถานนีขนส่งด้วย

“กูแค่แซวเล่นอย่าคิดมากดิเพื่อน” แฟร์ว่าก่อนจะตบไหลภีมกลับเบาๆ

“มึงลองตกที่นั่งเดียวกับกูมั้ยล่ะอย่างกับนักโทษ!” ภีมว่าก่อนจอมพลจะเดินเข้ามาประชิดตัวเขาทางด้านหลังเมื่อรู้สึกได้ว่าพวกเขากำลังนินทาเขาอยู่เบาๆ

“กูก็ไม่ต่างจากมึงหรอก…ไปนะดูแลตัวเองด้วย” ร่างบางบอกก่อนจะโบกมือให้พร้อมกับก้าวขึ้นรถโดยสารเพื่อไปกาญจนบุรีทันที

“มึงก็ด้วยนะ” ภีมว่าก่อนจอมพลจะกระชากแขนเขาพร้อมกับลากกลับไปที่รถตามเดิม

แฟร์มองภาพนั้นอย่างนึกขำ จอมพลเป็นคนที่ดูจิตใจดีกว่าราชันย์มากแม้ว่าร่างสูงคนนี้จะร้ายกับเพื่อนของเขามาก่อนก็เถอะแต่จอมพลก็ชัดเจนกว่าราชันย์เยอะผู้ชายคนนี้มองออกง่ายกว่าอีกคนที่มองเท่าไหร่ก็มองไม่ออก

หากเปรียบเทียบความร้ายของจอมพลอยู่ที่เลเวลสิบราชันย์ก็คงนำหน้าอีกคนอยู่ที่เลเวลยี่สิบอย่างแน่นอน!!



TBC.....
---------------------------------------------
#หงอยเลยค่ะราชันย์คนเก่ง!!
ตอนนี้แอบเอาความน่ารักของอีกคู่มาฝาก
รอลุ้นความเข้มข้นของเรื่องนะคะ ตอนหน้าเหตุการณ์จะกลับไปที่บทนำแล้วนะ!!
เราจะได้รู้ว่าน้องแฟร์โกรธอะไรราชันย์ขนาดที่ว่าจะขอตายจากไปเลย
ง่อลลลลล งานดราม่าก็มาาาาาา T^T
แต่ไม่เยอะค่ะ ทนๆ อ่านหน่อยนะ ^^

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.13 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 25-07-2017 12:25:13
อีกคู่ไม่ได้ไปอ่านเรื่องหลักเลย แต่มีความรู้สึกว่ามุ้งมิ้งมาก  ดูแล้วท่าจะกลัวเมียนะอีกคู่นะ  แต่กับราชันยื  สมน้ำหน้า  คำนี้คำเดียวเลย
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.13 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 25-07-2017 12:45:19
อีกคู่ไม่ได้ไปอ่านเรื่องหลักเลย แต่มีความรู้สึกว่ามุ้งมิ้งมาก  ดูแล้วท่าจะกลัวเมียนะอีกคู่นะ  แต่กับราชันยื  สมน้ำหน้า  คำนี้คำเดียวเลย


ไปอ่านแล้วอาจจะลืมคำว่ามุ้งมิ้งไปเลยก็ได้นะคะ เตรียมใจไว้ก่อนๆ
ปล.ราชันย์เป็นคู่หลักค่ะ ส่วนจอมพลเป็นเรื่องที่สอง

 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.14 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Gato88 ที่ 25-07-2017 14:18:53
เห้อออออออออออออออออออออออออ :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.14 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-07-2017 19:08:10
ตอนนี้รวม 2 คู่เลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.14 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 25-07-2017 21:41:02
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.15 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 25-07-2017 21:51:33


CHAPTER 15




แฟร์เดินเข้าไปใน 'ทิวากรรีสอร์ท' หลังจากนั่งรถต่อจากสถานีขนส่งเพื่อมาสอบถามข้อมูลในการตามหาพ่อของตัวเองเพราะอย่างน้อยๆ ร่างบางก็เชื่อว่าทางฝ่ายคู่กรณีอย่างเจ้าของที่นี่ก็คงไม่ใจจืดใจดำจนไม่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับพ่อของเขา

ร่างบางเดินตรงไปยัง Receptionist ก่อนที่พนักงานสาวจะส่งยิ้มให้เขาพลางถามขึ้น

“ได้ทำการจองห้องพักไว้หรือยังคะหรือสะดวกจะจองตอนนี้ทางเรามีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่มาท่านเดียวคือฟรีมื้ออาหารเย็นสุดพิเศษที่ทางเราได้เตรียมไว้ให้ค่ะ” หญิงสาวพูดเร็วเสียจนแฟร์ไม่รู้จะขัดตรงไหนก่อนร่างบางจะยิ้มแหยๆ พร้อมตอบกลับไปเสียงอ้อมแอ้ม

“เอ่อ…คือผมไม่ได้มาพักที่นี่หรอกครับผมมาหาคุณอรวรรณ” คนตรงหน้าทำสีหน้าสงสัยก่อนที่เธอจะถามกลับมาอีก

“ไม่ทราบว่าได้นัดท่านเอาไว้หรือเปล่าคะ”

“ไม่ได้นัดครับพอดีผมมีเรื่องที่จะมาสอบถามจากท่านนิดหน่อย” ร่างบางตอบอย่างสัตย์จริง

“รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวยกหูโทรศัพท์เพื่อติดต่อไปยังใครคนหนึ่งก่อนที่เธอจะพูดกับปลายสายเพียงสามสี่ประโยคและวางสายไป

“คุณอรวรรณท่านไม่ว่างค่ะแต่ถ้าคุณลูกค้าอยากจะสอบถามอะไรอีกสักพักคุณทิวากรลูกชายของท่านจะออกมาตรวจเช็คความเรียบร้อยสะดวกจะรอมั้ยคะ” แฟร์ฟังสิ่งที่อีกคนบอกอย่างตั้งใจก่อนที่เขาจะพยักหน้ากลับ

“ครับผมจะรอ”

“ถ้าอย่างงั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ” พนักงานสาวพาร่างบางเดินไปยังชุดโซฟารับแขกที่ตั้งอยู่ไม่ไกลก่อนจะเสิร์ฟเขาด้วยกาแฟและขนมเค้กอรอ่ยๆ อีกหนึ่งที่

ร่างบางนั่งรอนานเกือบชั่วโมงจนชักจะเบื่อเข้าไปทุกที แฟร์ปิดเครื่องโทรศัพท์เพราะรู้ดีว่าหากเปิดเครื่องตอนนี้ราชันย์ตามหาตัวเขาเจอแน่นอนมันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่มีอะไรพอจะเล่นฆ่าเวลาได้เลยนอกเสียจากนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปแล้วกว่าสามฉบับ

แฟร์มองไปยังพนักงานต้อนรับคนเมื่อครู่ก่อนที่เธอจะทำเพียงยิ้มกลับมาอย่างรู้สึกผิดพลางมองไปตามทางเพื่อรอการมาของใครบางคนแทนเขา ร่างบางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินชมทัศนียภาพของรีสอร์ทแห่งนี้อยู่สักพักจนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมกับเสียงทุ้มที่เอ่ยทักมา

“คุณคือคนที่มาขอพบคุณแม่ของผมใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มภายใต้ชุดไปรเวทยี่ห้อดังถามก่อนที่ร่างบางของแฟร์จะหันมาสบตากับเขาอย่างจัง

ชายรูปร่างสูงไม่ต่ำกว่าร้อยแปดเซ็นติเมตรยิ้มให้ร่างบางกลับ คนตรงหน้ามีรูปร่างกำยำสมชายชาตรีจนแฟร์ถึงกับชะงักก่อนร่างบางจะเอ่ยกลับท่ามกลางสายตาของอีกฝ่ายที่มองเขาไม่วาง

“ครับ เอ่อ…ผมชื่อเสมอภาคหรือคุณจะเรียกว่าแฟร์ก็ได้” แฟร์แนะนำตัว

“ผมทิวากรครับหรือคุณแฟร์จะเรียกว่าทิวก็ได้”

“ครับคุณทิว” ร่างบางว่าหลังจากอีกฝ่ายแนะนำตัวกลับมาบ้าง

“แค่พี่ก็พอครับเราคงห่างกันไม่มาก” ทิวบอกก่อนจะส่งยิ้มให้แฟร์อีกครั้ง

“ผม 25”

“ส่วนผม 28”

“คะ…ครับพี่ทิว” แฟร์ตอบกลับก่อนจะตัดสินใจพูดเรื่องที่มาวันนี้ออกมา

“คือผมจะไม่อ้อมค้อมเลยนะครับที่ผมมาที่นี่เพราะอยากจะมาสอบถามเรื่องของใครบางคนจากแม่ของพี่”

“ครับ?” ทิวมีใบหน้าสงสัย

“มันอาจจะฟังดูแปลกสักหน่อยคือผมได้เห็นข่าวหนึ่งเมื่อหกปีก่อนที่คุณอรวรรณเธอขับรถชนคนเดินข้ามถนนคนหนึ่งน่ะครับซึ่งคนๆ นั้นคือพ่อของผม” แฟร์เล่าที่มาที่ไปก่อนทิวจะเบิกตาขึ้นราวกับเจอสิ่งที่ตามหามานาน

“แฟร์คือลูกของอานิกร!?” ร่างสูงว่าพลางโน้มตัวลงมาจ้องใบหน้าอีกคนนิ่ง

“ห๊ะ! อ่อ ครับ” แฟร์ตอบตะกุกตะกักร่างบางเอนตัวหนีใบหน้าของทิวที่โน้มลงก่อนคนตรงหน้าจะยืดตัวกลับ

“จริงใช่มั้ยแฟร์ไม่หลอกพี่นะ?” ทิวถามก่อนแฟร์จะล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาพร้อมกลับเปิดให้อีกฝ่ายดู

“ครับไม่เชื่อพี่ดูบัตรประชาชนผมได้” ร่างสูงคว้าเอากระเป๋าสตางค์ของอีกฝ่ายมาพลางจ้องไปยังบัตรที่แนบเอาไว้ข้างใน

“เสมอภาค พรรักษา” ทิวเอ่ยชื่อของแฟร์ก่อนจะเงยขึ้นถามอีกครั้ง

“แล้วทำไมถึงเพิ่งมาตามหาพ่อเอาตอนนี้ล่ะ” ร่างสูงว่าก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเมื่อทั้งคู่ดูจะมีเรื่องให้คุยกันอีกนาน

“เรื่องมันยาวน่ะครับเอาเป็นว่าพี่ทิวพอจะรู้มั้ยว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน” แฟร์ว่าพลางเดินตามอีกฝ่ายและนั่งลงเช่นเดียวกัน

“คุณอาท่านไม่อยู่ที่นี่แล้วล่ะ” ทิวถอนหายใจก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบจนแฟร์ที่จ้องเขาอยู่ถึงกับเอ่ยย้ำออกมาอย่างไม่เข้าใจ

“ครับ?”

“เสียใจด้วยนะแฟร์แต่อานิกรท่านเสียไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว” ร่างสูงบอกก่อนที่แฟร์จะชะงักกับเรื่องที่ได้ยิน

“สะ…เสียแล้ว?”

“ใช่ท่านเสียเพราะโรคประจำตัวพี่เสียใจด้วยจริงๆ นะ” ทิวบอกก่อนแฟร์จะมีสีหน้าสลดลงทันทีกระทั่งร่างบางนึกบางอย่างขึ้นได้จึงถามต่อ

“ละ...แล้วพี่ทิวรู้ได้ยังไงครับว่าพ่อของผมเสียแล้ว” แฟร์ถามก่อนทิวที่ลืมเล่าเรื่องบางอย่างออกไปจะนึกขึ้นมาได้

“จริงสิพี่ลืมเล่าให้เราฟัง…คือเรื่องเมื่อหกปีก่อนน่ะคุณแม่ของพี่ท่านขับรถเพราะรีบไปหาพี่ที่ป่วยอยู่โรงพยาบาลแต่ระหว่างทางดันมีมอเตอร์ไซค์เลี้ยวตัดหน้า ท่านเลยหักหลบและชนเข้ากับอานิกรที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่อีกเลนตอนนั้นพอดี” ทิวเล่าท่ามกลางแฟร์ที่นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้อานิกรอาการหนักพอดู คุณแม่ของพี่ท่านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจออกค่ารักษาพยาบาลทั้งยังกำชับให้ทีมแพทย์และพยาบาลช่วยกันดูแลท่านอย่างสุดความสามารถจนกระทั่งอานิกรหายดี”

“หลังจากพักฟื้นจนออกจากโรงพยาบาลได้ แม่ของพี่ที่รู้ว่าอานิกรเป็นจิตรกรจึงว่าจ้างให้ท่านมาทำงานเป็นช่างฝ่ายศิลป์ที่รีสอร์ทแห่งนี้ คอยวาดภาพตกแต่งผนังและคอยช่วยงานเป็นวิทยากรให้เด็กๆ ที่มาเข้าพักและอยากวาดภาพมีผลงานเป็นของตัวเองกลับไปแต่หลังจากนั้นไม่นานท่านก็ป่วยและเสียชีวิตไปหลังจากที่ตรวจพบอาการได้เพียงห้าเดือน” ทิวถอนหายใจออกมา ร่างสูงเคยสนิทกับนิกรมากถึงขนาดที่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นพ่ออีกคนเพราะตัวเขาเองได้สูญเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก

“แต่ก่อนที่อานิกรจะเสียท่านเคยเล่าให้พี่ฟังนะว่ามีลูกชายแต่ลูกชายคนนั้นคงโกรธท่านมากเพราะท่านได้ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยกับเขาเอาไว้” ร่างสูงว่าพลางมองอีกฝ่ายนิ่ง

“เขาทำให้ผมต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าแถมยังเหมือนถูกตบหัวแล้วลูบหลังโดยการที่เขาซื้อที่ดินพร้อมบ้านแห่งหนึ่งให้ ผมไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอย่างนี้ทำไมในเมื่อเขาดูจะไม่รักผมเลยสักนิด” แฟร์ว่าพลางปาดน้ำตาเมื่อนึกย้อยกลับไปถึงวันเก่าๆ ที่เคยอยู่ร่วมกันมามันช่างเป็นความทรงจำที่แสนสั้นสำหรับเขาเหลือเกิน

“ไม่มีพ่อคนไหนไม่รักลูกหรอกทุกคนล้วนมีเหตุผลในสิ่งที่ทำลงไปแต่พี่คิดว่าเหตุผลของอานิกรท่านไม่ได้มีเจตนาร้ายกับแฟร์เลยนะ มันอาจเป็นเพราะตอนนั้นท่านจำเป็นต้องทำก็ได้แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้วคงเหลือไว้แต่ความทรงจำดีๆ ที่เคยมีมาด้วยกันจะดีกว่า” ทิวว่าเมื่อเห็นท่าทีของแฟร์แล้วร่างสูงรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าบอบช้ำกับเรื่องในอดีตมามาก

“ความจริงคุณแม่พี่ท่านอยากเจอเรามากเลยรู้มั้ยแต่ตอนนี้ท่านกำลังออกไปข้างนอกพี่อยากให้แฟร์รอพบท่านก่อนเพราะอานิกรเหมือนจะฝากอะไรกับท่านไว้สักอย่างซึ่งมันเหมือนจะเป็นของแฟร์” ทิวบอกเมื่อร่างสูงจำได้ว่านิกรยื่นอะไรบางอย่างให้แม่ของตนก่อนตายพร้อมกับบอกว่าฝากให้กับลูกชายของเขา

“ของผม? อะไรเหรอครับ?” แฟร์ถาม

“พี่ก็ไม่รู้เอาเป็นว่าเราเป็นคนไปถามจากแม่พี่เองก็แล้วกัน” แฟร์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะอีกฝ่ายกลับไปอีก

“แล้วพี่ทิวรู้มั้ยครับว่าอัฐิพ่อของผมอยู่วัดไหน”

“อานิกรเขาสั่งเสียเอาไว้ว่าให้นำอัฐิของท่านไปไว้ที่วัด xxx” ร่างบางชะงักเมื่อได้ยิน แฟร์รู้จักวัดนี้…เขาเคยไปเพียงแต่ตอนนี้จำไม่ได้เสียแล้วว่าต้องเดินทางยังไงเพราะจากกาญจนบุรีไปอยู่กรุงเทพฯ มานาน

“เก็บไว้ข้างๆ อัฐิของน้าผู้หญิงที่ชื่อลินดา มานะชื่น ถ้าพี่เดาไม่ผิดคนนั้นคือแม่ของแฟร์ใช่มั้ย” แฟร์พยักหน้ากลับ

“ผมอยากไปที่นั่นพี่ทิวพอจะบอกทางให้ผมหน่อยจะได้มั้ย”

“เอาอย่างงี้มั้ยพรุ่งนี้พี่ว่างพี่จะไปส่งวันนี้แฟร์ก็พักที่นี่ไปก่อน แล้วตอนเย็นพี่จะไปรับมาทานข้าวกับแม่พี่” ร่างสูงยื่นข้อเสนอก่อนร่างบางจะพยายามปฏิเสธ

“แต่…”

“ไม่ต้องเกรงใจนะเอาตามนี้เลยเดี๋ยวพี่จัดการให้” ว่าเสร็จทิวก็โบกมือเรียกให้พนักงานต้อนรับคนเมื่อกี้เดินมาหาพร้อมกับบอกรายละเอียดอีกฝ่ายให้ดำเนินการเปิดห้องพักที่ดีที่สุดของที่นี่ให้แฟร์ทันที

“ขอบคุณพี่ทิวมากนะครับ” แฟร์กล่าวขึ้นอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไร แฟร์ก็เหมือนน้องชายพี่นั่นแหละไปเถอะไปพักผ่อนก่อนเดี๋ยวตอนเย็นพี่จะไปเรียกเราเองส่วนตอนนี้พี่ขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ” ว่าเสร็จทิวก็ลุกเดินไปตรวจตราความเรียบร้อยต่อก่อนที่พนักงานสาวจะเดินเข้ามาส่งกุญแจห้องให้กับแฟร์และพาเขาเดินไปยังห้องพักทันที




จอมพลก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องทำงานของราชันย์ก่อนที่ฝ่ายคนมาเยี่ยมจะสะดุดเข้ากับร่างหนาของเพื่อนสนิทที่เอาแต่นอนมือก่ายหน้าผากอยู่บนโซฟาด้วยสภาพที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนและยากเกินกว่าที่จะให้อีกฝ่ายอธิบายออกมาได้

มันดูสิ้นหวัง…หมดกำลังใจ…คิดมาก…รู้สึกผิด…โหยหา ปนเปกันไปหมด!

ร่างสูงของแขกผู้มาเยือนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายนิ่งจนกระทั่งเจ้าของห้องที่กำลังเหม่อมองไปยังเพดานสูงเบื้องหน้าจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“มึงมาทำไม” ว่าเสร็จราชันย์ก็ลดมือลงจากหน้าผากแต่ยังคงมองไปยังเพดานขาวตามเดิม

“มาดูหมาหงอยว่ะ”

“หุบปากมึงซะถ้าไม่อยากโดนกูต่อย”

“กูกลัวมึงตายแหละไอ้ห่า” จอมพลแหย่อีกฝ่ายกลับก่อนราชันย์จะบิดตัวนอนหันหลังให้

“วันนี้กูไม่มีเวลามานั่งต่อปากต่อคำกับมึงกลับไปซะ” ร่างสูงเจ้าของห้องเอ่ยจนผู้มาเยือนอดสมเพชให้กับท่าทีนี้ไม่ได้

“ถ้ากูกลับมึงอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตนะเว้ย”

“ช่างหัวกู”

“จริง?” จอมพลถามย้ำก่อนราชันย์จะพลิกตัวลุกขึ้นนั่งและออกปากไล่อีกฝ่ายเสียงกร้าว

“ห่าพล! กูไม่ว่างคุยกับมึงอย่ากวนประสาทกูกลับไป!!” ราชันย์ว่าพลางขมวดคิ้วมุ่น ร่างสูงขบกรามแน่นพลางจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาจริง

เพื่อนก็เพื่อนเถอะตอนนี้เขาไม่ต้องการพบหรือคุยกับใครทั้งนั้น!

“คิดถึงเมียอยู่ล่ะสิ” จอมพลไม่ว่าเปล่าร่างสูงยังแสยะยิ้มส่งให้เจ้าของห้องอย่างนึกขำอีกต่างหาก

“กลับไป” ราชันย์เอ่ยเสียงเรียบหากแต่แฝงไปด้วยความไม่ชอบใจอยู่มาก

“เพื่อนเมียกูนี่ร้ายจริงว่ะทำมึงหงอยได้ถึงขนาดนี้ แม่งต้องยกโล้ให้ซะละ” ร่างสูงตรงข้ามยังคงเอ่ยออกมาไม่หยุดก่อนจอมพลจะเผยเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องถ่อมาหาอีกฝ่ายในวันนี้ออกไปในที่สุดเมื่อเพื่อนสนิทตรงหน้าเงียบกริบจนเขารู้สึกได้ถึงความเครียดที่อีกฝ่ายมี

“เฮ้อ…กูอุตส่าห์รู้ว่าเมียมึงไปไหนแต่เหมือนมึงจะไม่สนใจเรื่องขะ…”

“สัดพล! มึงรู้อะไรเกี่ยวกับแฟร์บอกกูมาให้หมด!!” ราชันย์กระโดดข้ามโต๊ะเล็กกลางโซฟาไปหาอีกฝ่ายตั้งแต่จอมพลเอ่ยชื่อของคนที่กำลังทำให้เขาเครียดอยู่ในขณะนี้ออกมาก่อนมือหนาจะคว้าคอเสื้อเพื่อนตัวเองมาขยำไว้แน่น

“กูไม่บอก!” จอมพลกวนกลับจนราชันย์เลือดขึ้นหน้า

“ไอ้พล!!”

“ห้าหมื่น…” ร่างสูงข้างใต้ว่าก่อนจะแบมือไปหาอีกฝ่าย ราชันย์มองตามการกระทำของเพื่อนสนิทพร้อมกับคลายแรงที่ขยำคอเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะผลักให้อีกคนติดพนักโซฟาไปเต็มแรง

“ห้าแสนกูก็ให้บอกมา!!” ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำโห

“กูเจอเมียมึงที่คอนโดภีม” จอมพลบอกก่อนราชันย์จะหันมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง

“เมื่อไหร่”

“สองวันก่อน”

“แล้วทำไมมึงเพิ่งมาบอกกู!” ร่างสูงเจ้าของห้องเงื้อมือหมายจะเผ่นกระบาลอีกฝ่ายเข้าให้แต่จอมพลไหวตัวทันฝ่ายนั้นเอื้อมมือขึ้นห้ามราชันย์ไว้ได้ก่อนที่มือหนาของอีกฝ่ายจะปะทะกับหัวของเขาเพียงเสี้ยววินาที

“ก็ฝ่ายนั้นเขาขอไว้! ขอให้กูไม่บอกมึงสองวัน”

“แล้วมึงก็เชื่อ!?” ราชันย์เถียง

“กูสัตย์จริงเว้ย! ไม่เหมือนมึง!”

“ไอ้พล!! กูนี่พึ่งมึงไม่ได้เลยจริงๆ!!” ราชันย์ว่าพลางกุมขมับ

“พูดให้มันดีๆ หน่อยก็มึงทำกับเขาซะขนาดนั้น” จอมพลว่าให้ก่อนจะเจอเจ้าของห้องสวนกลับไปบ้าง

“พูดอย่างกับมึงดีกว่ากูนักนี่แม่งล่อเพื่อนเขาตั้งแต่สามวันที่เจอกัน”

“นั่นเพราะกูมีเหตุผลของกู!” จอมพลเถียงก่อนราชันย์จะไม่ยอมน้อยหน้า

“กูก็มีเหตุผลของกูเหมือนกัน!”

“ช่างแม่ง!! ตกลงมึงยังอยากรู้อยู่มั้ย!” ผู้มาเยือนตัดบทก่อนราชันย์จะถอนหายใจและเอ่ยขึ้นเมื่อพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง

“ว่ามา”

“กาญจนบุรี”

“กาญจนบุรี?” ราชันย์เอ่ยย้ำก่อนจอมพลจะพยักหน้ากลับแต่ก็ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ออกมาต่อจนเขาต้องถามอีกครั้ง

“แล้ว?”

“กูรู้แค่นี้” จอมพลตอบหน้าตาย

“ไอ้หอก!! มึงคิดว่ากาญจนบุรีมันแคบเหรอไงวะที่ไหนของกาญจนบุรี!?” ราชันย์ตะโกนด่าอีกฝ่ายลั่น

“มึงก็ไปหาเอาเองซิโว้ย!! กูบอกว่ากูรู้แค่นี้!!” จอมพลสบถออกมาอย่างหัวเสีย

“มึงแม่ง! ถ้ากูตามหาได้กูไปนานแล้ว! แฟร์มันปิดเครื่องกูเลยไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน!!”

“กูก็ช่วยมึงได้แค่นี้ล่ะวะ” ผู้มาเยือนบอกก่อนราชันย์จะตะโกนลั่นออกมาเพื่อปลดปล่อยอารมณ์

จอมพลถอนหายใจมองเพื่อนสนิทข้างๆ ที่เป็นบ้าเป็นหลังอยู่นานก่อนร่างสูงจะตัดสินใจถามอีกฝ่ายกลับไปอีกหน

“คนนี้จริงจังเหรอวะ” จอมพลจ้องราชันย์ที่นั่งกุมขมับนิ่ง

“ถามใจมึงดิ! มึงคิดกับคนของมึงยังไงกูก็คิดกับคนของกูยังงั้น”

“ห่า! เอากูไปตัดสินมึงได้ไง”

“หรือมึงไม่จริงจัง?” จอมพลชะงักเมื่อเจอคำถามนี้ของราชันย์ก่อนที่ร่างสูงเจ้าของห้องจะแสยะยิ้ม

“หึ! กูรู้ไส้มึงหมดแล้วไอ้พลไม่ต้องมาทำเป็นเข้ม”

“เออๆ กูไม่เถียง! แล้วนี่มึงจะเอาไงต่อ” จอมพลมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะบอกปัดราวกับถูกจับได้ว่าทำอะไรผิดมา

“ขับรถวนหากูว่าสักวันกูต้องเจอ”

“เฮ้ยไอ้ชันย์! กูว่ามึงบ้าไปแล้วว่ะทำอย่างนั้นแล้วเมื่อไหร่จะเจอ!” จอมพลเอ็ด

“กูบ้าได้มากกว่าที่มึงคิดอีกรอมันเปิดเครื่องเมื่อไหร่กูก็เจอเมื่อนั้นแหละ”

“เอาจริง?” จอมพลถามก่อนราชันย์จะมองหน้าเพื่อนสนิทของตัวเองแล้วยอมรับออกไปอย่างกั๊ก

“จริงตั้งแต่บอกว่าชอบมันออกไปแล้วว่ะ”

“แม่ง! กูล่ะยอมแพ้มึงจริงๆ!” สิ้นเสียงแซวของจอมพลราชันย์ก็หลุบตาลงต่ำพลางเผยรอยยิ้มของความรู้สึกออกมาทั้งหมด

“แฟร์มันเป็นเมียจะยังไงมันก็คือเมีย...”



TBC................
---------------------------------------------------
โอ้ววววววว อีเฮียโหมดยอมแพ้!!
ต่อจากนี้จะไม่ร้ายกับน้องแฟร์แล้วใช่มั้ย!? ตอบ!!!
กะว่าบทนี้จะถึงเหตุการณ์ตอนบนนำ แต่ก็ยังไม่ถึง T^T
เฮ้อออ แต่บทหน้าจะถึงละ จุดพีคอีกจุดกำลังจะมา
ฝากเม้นท์ให้นักเขียนคนนี้ด้วยนาาาา จะได้มีกำลังใจแต่ต่อ ครุๆ


 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:

หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.15 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 25-07-2017 22:42:36
ความรู้สึกตอนนี้จริงๆคือ สมน้ำหน้าชันย์  พี่ทิวโผล่มาจะมีบทอะไรต่อมั๊ยน๊า
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.16 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 26-07-2017 10:51:54



CHAPTER 16



ร่างบางนั่งมองจดหมายของนิกรผู้เป็นพ่อที่ได้รับจากอรวรรณแม่ของทิวากรมาเมื่อคืนภายหลังจากที่เขาไปร่วมทานอาหารเย็นกับทั้งสองคนเสร็จ

น้ำตามากมายไหลรินอาบลงข้างแก้มใสของแฟร์เต็มไปหมดเมื่อข้อความด้านในทำให้ร่างบางได้รู้ถึงเรื่องในอดีตและความสัมพันธ์ที่แสนจะบังเอิญอย่างไม่อาจหลีกหนีของเขาและครอบครัวของราชันย์จนหมด

แฟร์เปิดกระดาษขนาดเอสี่ที่ถูกพับมาในซองเล็กๆ สีขาวขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองพร้อมทั้งอ่านข้อความด้านในอีกหนด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งอก

มันช่างหดหู่และโหดร้ายเกินกว่าเขาจะรับไหว

'ถึง…แฟร์ลูกรัก

ทันทีที่แฟร์ได้อ่านจดหมายฉบับนี้แสดงว่าพ่อได้จากโลกนี้ไปแล้ว พ่อรู้ดีว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยกับแฟร์ไว้มาก บ้านและที่ดินผืนนั้นจึงเป็นเหมือนคำขอโทษทั้งหมดของพ่อที่อยากจะเอ่ยมันด้วยตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้ พ่ออยากให้ลูกเก็บมันเอาไว้อย่าได้ขายให้กับใครเพราะมันเป็นสมบัติเพียงสิ่งเดียวที่พ่อมีเพื่อหวังว่าสักวันพ่อจะได้ไปอยู่ในที่แห่งนั้นและจ้องมองคนที่ทำให้ครอบครัวของเราต้องลำบากด้วยแววตาเกลียดชังแม้ว่าพ่อจะเคยมีความรู้สึกดีๆ กับเธอคนนั้นก็ตาม

แฟร์อาจจะกำลังสงสัยว่าพ่อหมายถึงใครเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพ่อและแม่ของลูกพวกเราไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กันเลยสักครั้ง มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานาน นานเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขความจริงที่ว่า…พ่อไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของลูกได้เลย'

น้ำตาของร่างบางพลันไหลออกมามากกว่าเดิมเมื่ออ่านมาจนถึงประโยคนี้ ประโยคที่ปั่นทอนจิตใจให้ดำดิ่งสู่ความรู้สึกมากมายที่ตีรวนสวนทางกันจนเจ้าตัวแทบจะทนไม่ไหวเข้าไปทุกที

'พ่อกับแม่พวกเราเป็นเพื่อนกันเท่านั้น พ่อขอโทษที่ไม่ได้บอกให้แฟร์รู้เร็วกว่านี้ ขอโทษที่ไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีแทนพ่อแท้ๆ ของลูกที่เขาไม่มีโอกาสได้ทำ พ่อเสียใจกับเรื่องทั้งหมดพอๆ กับแม่ของลูกที่เขาก็คงเสียใจไม่แพ้กันที่ความรักของพวกเราทั้งสี่คนกลับกลายเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับลูกเมื่อถึงคราวที่ต้องรับรู้ความจริงที่ว่า…ลูกเป็นลูกแท้ๆ ของพิภพสามีของกนกบ้านหลังตรงข้าม'

แฟร์สะอื้นไห้ ข้อความตรงหน้ายิ่งทวีความคับแน่นในอกของเขาจนมันแทบจะระเบิดออกมาทุกครั้งที่ได้อ่าน ความจริงที่ยากจะยอมรับทำเอาแฟร์ถึงกับคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตตัวเองต่อไปดี

แม่ของลูกกับเขารักกันมากแต่เพราะอะไรบางอย่างจึงทำให้พิภพต้องยอมแต่งงานกับกนกทั้งที่ตอนนั้นเธอกำลังคบหาอยู่กับพ่อ

พ่อเสียใจที่กนกไม่คิดจะขัดขืนครอบครัวของเธอเลยสักนิดจนกระทั่งเมื่อพวกเขาแต่งงานกัน พิภพยังคงติดต่อและมาหาลินดาแม่ของลูกไม่เคยขาดผิดกับพ่อที่กนกไม่เคยคิดจะติดต่อหรือยอมมาพบเลยสักครั้งแม้ว่าพ่อจะพยายามนัดเธอผ่านทางพิภพแค่ไหนก็ตาม


จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทางนั้นเกิดรู้เข้าว่าลินดาตั้งท้องกับพิภพ กนกจึงส่งคนมาทำร้ายแม่ของลูกที่บ้านจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ดีที่พ่อกลับมาทันไม่อย่างนั้นแม่และลูกก็คงเสียชีวิตไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นช่างเป็นผู้หญิงที่โหดร้ายมาก เธอส่งคนมาทำร้ายและรังควานเราไม่เลิกจนพ่อต้องตัดสินใจพาแม่หนีมาอยู่ที่กาญจนบุรีและตัดขาดการติดต่อกับพวกเขาตั้งแต่ตอนนั้น

เรื่องราวมากมายที่พ่อเขียนเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง มันอาจจะยากที่จะยอมรับแต่พ่อก็หวังว่ามันจะทำให้ลูกเข้มแข็งขึ้น ลูกไม่จำเป็นต้องผูกใจเจ็บเหมือนเช่นที่พ่อเป็นอยู่เพียงแต่พ่อไม่อยากให้ลูกยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวนั้นอีกถ้าเป็นไปได้ พ่อขอให้ลูกมีชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าพ่อจะไม่ได้อวยพรลูกด้วยตัวเองแต่พ่อก็อยากจะให้จดหมายฉบับนี้บอกเล่าความรู้สึกของพ่อทั้งหมดที่มี

ด้วยรักและคิดถึง
- นิกร -

ร่างบางปิดพับจดหมายนี้ลงอีกครั้ง น้ำตามากมายไหลอาบลงมาจนมือเรียวต้องเอื้อมขึ้นไปปาดมันออกอย่างช่วยไม่ได้ เสียงสะอื้นที่บอกเล่าความรู้สึกตอนนี้ของแฟร์ได้เป็นอย่างดีค่อยๆ เงียบลงเมื่อเจ้าตัวพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ก่อนเสียงเคาะประตูห้องจะดังขึ้นฉุดดึงให้คนที่กำลังดำดิ่งสู่ความเลวร้ายที่เพิ่งจะรับรู้ได้ไม่นานให้หลุดออกจากภวังค์ความคิดในครั้งนั้ทันที

แฟร์ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องก่อนจะสบตากับลูกเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ที่มองเขากลับด้วยแววตาเป็นห่วงทันทีที่ประตูถูกเปิดออกให้เจอกับอีกคนข้างนอก

“พี่มาดูว่าแฟร์เป็นยังไงบ้าง” ทิวเอ่ย

“ผมโอเคครับ” ร่างบางตอบก่อนคนตรงหน้าที่สังเกตเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายจะยื่นมือแตะไปยังหน้าฝากของแฟร์เบาๆ

“ดูเหมือนเราจะมีไข้นะเมื่อคืนได้ห่มผ้าบ้างรึเปล่าเพราะที่นี่อากาศจะเย็นลง” ร่างสูงถามขึ้นอย่างเป็นห่วงก่อนที่ร่างบางจะส่ายหัวปฏิเสธกลับเพียงเท่านั้น

“วันนี้แฟร์จะไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่วัดไม่ใช่เหรอทานอะไรหน่อยมั้ยจะได้มีแรง” ทิวเอ่ยถาม

“ครับแต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่หิว” ร่างบางตอบเสียงเรียบพลางเดินเข้าไปในห้องก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินตาม

“ไม่หิวก็ต้องทาน ทานข้าวเสร็จจะได้ทานยาด้วย”

“ขอบคุณพี่ทิวมากนะครับแต่ผมไม่หิวจริงๆ” ว่าเสร็จแฟร์ก็นั่งลงบนเตียงพลางจัดการเก็บของลงกระเป๋าอีกครั้ง

“อย่าคิดมากกับเรื่องที่เราเพิ่งรู้เลยนะพี่ว่าบางทีมันอาจมีอะไรมากกว่าที่เราคิด ทางที่ดีเราก็น่าจะไปฟังความฝ่ายนั้นเขาบ้าง” ทิวเสนอ

เรื่องนี้ร่างสูงเองก็รู้ดีหลังจากที่เห็นปฏิกิริยาหลังจากอ่านจดหมายครั้งแรกของอีกฝ่ายเมื่อคืนจนต้องขออ่านบ้าง

“ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกแล้วผมอยากพอแค่นี้ ให้มันหยุดอยู่แค่นี้” ร่างบางถอนหายใจก่อนจะเก็บผ้าเช็ดตัวลงกระเป๋า

ทิวนั่งลงข้างแฟร์อย่างเงียบๆ คนตัวโตรู้ดีว่าตอนนี้หัวใจของร่างบางกำลังบอบช้ำมากแค่ไหนก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือของตัวเองออกไปกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้แน่นอย่างให้กำลังใจ

“พี่เข้าใจว่ามันยากแต่เรื่องทุกอย่างเราต้องฟังให้มากก่อนตัดสินใจบางทีวิธีที่พี่บอกมันอาจจะให้ผลดีกับแฟร์ก็ได้” ร่างสูงกระชับมือแน่น

“ตอนนี้ผมไม่รู้เลยครับว่าต้องทำยังไง ผมมองหนทางข้างหน้าไม่เห็นเลย พ่อที่ผมรู้จักมาทั้งชีวิตกลับไม่ใช่พ่อแท้ๆ แล้วผมต้องทำยังไงต่อไปผมควรรู้สึกกับเรื่องนี้แบบไหนพี่ทิวช่วยบอกผมที” ร่างบางก้มหน้าพูดออกมาราวกับอับจนหนทางก่อนทิวจะโน้มเอาศรีษะเล็กของคนข้างๆ แนบชิดไปกับอกแกร่งของตัวเอง

“ใจเย็นๆ นะแฟร์เรื่องทุกเรื่องมีทางออกเสมอ พี่ว่าตอนนี้ปัญหาทุกอย่างมันกำลังรุมเร้าให้เราอ่อนแอ ถอยออกมาก่อนอย่าเพิ่งคิดมาก” ทิวพูดในขณะที่มือหนาก็ลูบเรือนผมของอีกคนอย่างปลอบประโลมไปด้วย

แฟร์สะอึกออกมาอีกครั้งก่อนร่างบางจะปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ และยั้งตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายเบาๆ

“อยากพักผ่อนอีกสักหน่อยมั้ยก่อนที่เราจะไปที่วัดกันตอนนี้ยังเช้าอยู่เอาเป็นตอนบ่ายก็ได้พี่ยินดีไปส่ง” ทิวว่าพลางลูบหัวอีกคนกลับ

แฟร์นิ่งคิดสักพักก่อนจะพยักหน้ารับ ร่างบางเก็บของใส่กระเป๋าจนหมดก่อนจะถือมันเอาไปวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียงด้วยท่าทีซึมๆ

“ถ้ายังไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับนะที่นี่ยินดีต้อนรับเราเสมอ” ร่างสูงกล่าวก่อนลุกเดินไปยังประตูห้อง

“ขอบคุณพี่ทิวมากครับ” แฟร์ตอบรับก่อนพยายามเหยียดรอยยิ้มให้อีกฝ่ายกลับไป

“พักผ่อนเถอะเดี๋ยวสิบเอ็ดโมงพี่จะมาเรียกเราอีกที” ว่าเสร็จร่างสูงของทิวก็เดินออกจากห้องไปทันที แฟร์มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ก้าวพ้นประตูบานนี้ออกไปสักพักก่อนร่างบางจะทิ้งนอนลงบนเตียงพลางปิดตาเข้าสู้ห้วงนิทราที่ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเขาไม่ได้สัมผัสมันเลยสักนิดทันที




“ทำไมพอออกจากรีสอร์ทแล้วอากาศถึงได้เป็นแบบนี้นะ” ทิวเอ่ยเมื่อสภาพอากาศด้านนอกตัวรถดูท่าว่าจะมีพายุขึ้นกรายๆ

“ไปวันอื่นกันมั้ยดูท่าอีกไม่นานฝนต้องตกแน่ๆ” ร่างสูงหันถามคนข้างๆ ที่นั่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากรีสอร์ท

“ไม่เป็นไรหรอกครับผมอยากไปวันนี้” แฟร์ตอบก่อนจะหันมองออกไปนอกหน้าต่าง

ทิวเห็นสภาพของอีกคนก็อดที่จะเป็นห่วงความรู้สึกไม่ได้หากแต่ร่างสูงก็ไม่อยากจะขัดใจอีกฝ่ายจนต้องยอมตามใจออกมา

“เอางั้นก็ได้ตามใจแฟร์ แล้วนี่เราอยากแวะที่ไหนก่อนมั้ย”

“ผมอยากได้พวงมาลัยดอกมะลิสักพวงครับ”

“งั้นเดี๋ยวพี่จะแวะตลาดให้เรานะ” ว่าเสร็จทิวก็ขับรถมาอีกสักพักก่อนจะจอดตรงตลาดข้างทางให้ร่างบางลงไปซื้อพวงมาลัยที่แม่ค้าร้านดอกไม้สดแขวนขายอยู่เต็มหน้าร้าน

แฟร์เดินกลับขึ้นรถพร้อมกับพวงมาลัยอย่างที่ต้องการก่อนคนอาสาเป็นสารถีจะขับรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังวัด xxx สถานที่เก็บอัฐิของบุคคลที่มีความสำคัญทั้งสองของแฟร์ทันที

:

รถ BMW สีขาวจอดเทียบท่าบริเวณใต้ต้นโพธิ์ใหญ่สถานที่ที่ถูกจัดให้เป็นที่จอดรถภายในวัดแห่งนี้ก่อนเสียงโทรศัพท์ของทิวจะดังขึ้นเรียกความสนใจให้เจ้าของรถที่กำลังจะลงจากรถเป็นเพื่อนอีกฝ่ายให้หันมาให้ความสนใจมันทันที

ร่างสูงหยิบเอาโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงร้องจากคอนโซลหน้ารถออกมาพลางกดรับพร้อมกับกรอกเสียงลงไป

“ครับ…ผมออกมาทำธุระข้างนอก…คุณแม่อยู่มั้ยล่ะครับ…ได้ครับ…ได้เดี๋ยวผมกลับไป” บทสนทนาเพียงไม่กี่คำทำให้ร่างบางที่นั่งมาด้วยรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีธุระด่วนก่อนแฟร์จะเอ่ยถามกลับเพื่อความแน่ใจ

“มีงานด่วนเหรอครับ”

“ใช่พอดีบริษัทที่พี่ติดต่อเขาให้เข้ามาดูสถานที่ที่จะทำสระว่ายน้ำแห่งใหม่ดันขอเลื่อนมาวันนี้น่ะแฟร์อยู่คนเดียวได้นะ” ร่างสูงตอบก่อนจะถามกลับ

“ครับผมอยู่ได้”

“จริงสิเรายังไม่มีเบอร์ติดต่อกันเลยเผื่อมีอะไรแฟร์โทรเรียกพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะ”

“เอ่อสักครู่นะครับ” แฟร์ล้วงเอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงของตัวเองพลางกดเปิดเครื่องจนทิวที่มองการกระทำของอีกฝ้ายอยู่ถามขึ้นอย่างสงสัย

“นี่ปิดเครื่องตลอดเลยเหรอ”

“เปล่าหรอกครับพอดีผมมีเหตุให้ต้องปิด”

“ปิดมากี่วันแล้วเนี่ย”

“สามวันได้แล้วมั้งครับตั้งแต่ก่อนมาที่นี่”

“หนีใครมาหรือเปล่า” คำถามต่อมาของทิวทำเอาแฟร์ชะงักพอๆ กับข้อความรายชื่อผู้ที่พยายามติดต่อเขาในระหว่างปิดเครื่องที่ถูกส่งมาจากทางเครือข่าย ระบุว่ามีสายของราชันย์เข้ามามากกว่า 1,050 สาย! ในเวลาเพียงสามวันที่ผ่านมาทำเอาร่างบางถึงกับเบิกตาโพรงกับข้อความที่ได้เห็น!

“พี่แค่ล้อเล่นทำไมทำหน้าเครียดขนาดนั้นล่ะ” ทิวทักก่อนที่ร่างบางจะได้สติตอบอีกคนกลับ

“ปะ…เปล่าครับไม่มีอะไร”

“เอาเป็นว่ามีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะ”

“ครับ”

“ฝนก็ดูท่าจะตกแล้วเดี๋ยวสักพักพี่จะมารับขอกลับไปทำธุระที่รีสอร์ทก่อน”

“เดี๋ยวผมหาทางกลับเองก็ได้ครับ” แฟร์ว่า

“แถวนี้หารถประจำทางยาก รอพี่อยู่ที่นี่แหละสักพักจะมารับหรือไม่ท่าแฟร์อยากจะกลับก็โทรเรียกพี่ได้เลยนะ” ทิวเอ่ยทิ้งท้ายพร้อมกับส่งยิ้มให้ร่างบางที่พยักหน้ากลับราวกับเข้าใจในเรื่องที่เขาบอกก่อนร่างสูงจะขับรถออกไปทันที

ร่างบางมองไปยังโทรศัพท์ในมือของตัวเองอีกครั้งพลางถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกคิดหนักเพราะหลายวันมานี้เขารู้ดีว่าราชันย์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาเขาอยู่อย่างแน่นอนแต่ถึงกระนั้นการกระทำของแฟร์ก็ไม่ได้แปลว่ากำลังหนีจากอีกฝ่ายแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะอารมณ์ร้ายและความไม่มีเหตุผลพอของอีกฝ่ายจึงทำให้แฟร์ตัดสินใจทำแบบนี้

ร่างบางเดินเข้าไปในตัววัดก่อนจะตรงไปยังสถานที่เก็บอัฐิของผู้ล่วงลับไปแล้วพลางเดินตามหารายชื่อของพ่อและแม่ของเขาจนกระทั่งเจอเข้ากับแผ่นป้ายที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของของบุคคลสองคนที่เขากำลังตามหา

แฟร์มองแผ่นป้ายที่มีรูปใบหน้าของผู้เป็นพ่อที่แม้ว่าจะไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของเขาและผู้เป็นแม่ด้วยแววตาสั่นระริก ร่างบางคุกเข่าลงก่อนจะยื่นมือที่ถือพวงมาลัยดอกมะลิออกไปวางไว้ตรงหน้าแผ่นป้ายพลันน้ำตามากมายที่เอ่อล้นในดวงตากลมก็ไหลลงมาเป็นทาง

ร่างบางร่ำไห้ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องที่ดังระงมไปทั่วอาณาบริเวณ แรงลมที่พัดเข้ามากระทบกับผิวกายช่างเย็นเยียบไปถึงขั้วกระดูกให้แฟร์รู้สึกสะท้าน คำพูดมากมายที่เขาอยากจะบอกกับบุคคลผู้มีพระคุณทั้งสองมาตลอดเวลาหลายปีพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำไหลก่อนที่หยาดน้ำตาจากฟ้าจะกระหน่ำตกลงมาราวกับอยากจะช่วยบรรเทาความรู้สึกที่กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ของชายหนุ่มให้หายไม่ผิดเพี้ยน

แฟร์คุกเข่าร้องไห้อยู่อย่างนั้นนานเกือบครึ่งชั่วโมง ร่างบางสะอื้นไห้จนตัวโยนพลางมองทอดไปข้างหน้าอย่างรู้สึกผิดจนเจ็บไปทั้งใจก่อนที่เสียงฝีเท้าและเสียงหอบหายใจที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังจะฉุดให้เขานิ่งงันและรอฟังคำพูดของอีกฝ่ายที่กำลังจะออกจากเรียวปากสีคล้ำนั้นมาอย่างตั้งใจ

“จำได้ว่ากูยังไม่ได้อนุญาตให้มึงมาที่นี่!” น้ำเสียงทุ้มแกมบังคับที่ดังขึ้นทำให้แฟร์รู้ทันทีว่าคนที่สร้างเรื่องโหดร้ายให้กับตัวเองไปเมื่อไม่นานตามมาเจอเขาจนได้

ร่างบางปิดพับเปลือกตาลงก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันหลังกลับไปหาอีกคนแต่ถึงกระนั้นแฟร์ก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาจนราชันย์ที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้าระเบิดอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านออกมาด้วยคำพูดเสียๆ หายๆ พลางฉวยต้นแขนของอีกฝ่ายมากำเอาไว้แน่น

“มึงมาที่นี่ทำไม! แล้วมากับไอ้ตัวผู้ตัวไหนบอกกูมาเดี๋ยวนี้!!” ร่างสูงของราชันย์จ้องแฟร์กลับอย่างเอาเรื่อง นัยน์ตาสีดำสนิทมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลราบเรียบตรงหน้าด้วยความความรู้สึกที่หลากหลาย

ทั้งโมโห โกรธเคือง ข้องใจ…หากทว่าในทุกๆ ความรู้สึกที่เป็นไปกลับแฝงไปด้วยความโหยหาร่างบางจนยากที่จะกู่กลับ

“จะบอกไม่บอก!”

“อึก!...” แฟร์นิ่วหน้าลงด้วยความเจ็บเมื่อราชันย์ลงแรงบีบต้นแขนเขากลับอีกครั้ง ร่างบางมองใบหน้าอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาเรียบเฉยจนร่างสูงที่มองมารู้สึกใจคอไม่ดีจนต้องคาดคั้นกลับไปอีก

“แฟร์! กูถาม!!”

ร่างบางมองใบหน้าคมที่ตอนนี้มันถูกแต่งเติมไปด้วยความไม่พอใจจนถึงขีดสุด ก่อนแฟร์จะคิดเพื่อหาทางหยุดเรื่องราวทั้งหมดเสียก่อนที่มันจะสายไปกว่านี้

ตอนนี้ผมควรจะพูดกับคุณยังไง…

จะเอ่ยคำไหนออกไปก่อนดี…

คำพูดมากมายดังก้องขึ้นในใจของแฟร์ไม่หยุดหย่อน ร่างบางถอนหายใจพลางมองอีกฝ่ายในขณะที่ภายในใจของเขาก็รุ่มร้อนและเหนื่อยล้าไม่ต่างกัน

ถ้าผมอยากให้เราเลิกแล้วต่อกันตั้งแต่ตอนนี้…

ช่วยบอกผมทีว่าควรทำยังไง




TBC................
-----------------------------------------------
จุดพีคอีกจุดมาแล้วนะคะ ตอนนี้เหตุการณ์ของเรื่องย้อนกลับไปที่บทนำแล้ว
หากใครไม่เข้าใจสามารถกลับไปอ่านได้ค่ะ
#เป็นกำลังใจให้เฮียราชันย์และน้องแฟร์กันด้วยนาาาา


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.15 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 26-07-2017 11:09:00

INTRO


   
สายฝนกระหน่ำเทลงมาราวกับว่าท้องฟ้ากำลังร้องไห้อย่างหนัก เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องอย่างบ้าคลั่งสลับกับเสียงกระดิ่งและกิ่งของต้นไม้ใหญ่ที่ปัดป่ายกระแทกกันไปมาเพราะแรงลมทำให้อาณาบริเวณแห่งนี้ที่แต่เดิมมันเป็นเพียงสถานที่เงียบๆ เพื่อใช้เก็บรวบรวมวาระสุดท้ายของการเป็นมนุษย์เอาไว้กลับกลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ตามธรรมชาติที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อย

   ร่างบางของชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี ยังคงนั่งคุกเข่าเหม่อมองไปยังภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏให้เห็นอัฐิของผู้มีพระคุณอันเป็นที่รักทั้งสองคนอยู่อย่างนั้นจนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วหากแต่เจ้าตัวยังคงไม่คิดที่จะลุกไปไหน
   หยาดน้ำตาที่เคล้าไปกับสายฝนทำให้หากมองดูแบบผิวเผินแล้วอาจจะไม่มีใครรู้เลยว่าชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้กำลังร้องไห้ให้กับภาพที่เห็นตรงหน้าออกมาหนักมากแค่ไหน แต่หากใครลองสังเกตไหล่บางที่สั่นระริกตามแรงสะอื้นดูสักนิด ก็คงจะเดากันได้ว่าเจ้าของร่างกายที่แสนบอบช้ำเกินจะเยียวยาคนนี้กำลังร้องไห้คร่ำครวญอย่างหมดหวัง หมดความไว้เนื้อเชื่อใจ หมดสิ้นทุกอย่างแม้กระทั่ง…ความรักที่เขามีให้กับใครบางคน

   สายฝนยังคงเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย เบื้องหลังของคนตัวเล็กปรากฎภาพผู้มาเยือนคนใหม่ สูทสีดำสนิทที่แต่เดิมมันเคยถูกสวมใส่ไว้บนเรือนร่างหนาเพื่อเสริมให้ดูภูมิฐานและน่าเกรงขาม กลับถูกถอดและรวบมันเอาไว้ในมือเพียงเดียวของคนเป็นเจ้าของ ทำให้บนกายหนาเหลือไว้แต่เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกโชกไปด้วยหยาดน้ำฝนที่เทลงมาอย่างไม่เป็นใจนักเผยให้เห็นสัดส่วนตามแบบฉบับชายชาตรีที่ทำให้ใครๆ ต่างก็หลงใหลมันได้ไม่ยากนัก

   ชายหนุ่มผู้มาใหม่มองไปยังร่างบางที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย สองเท้าของเขาค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้อีกคนทีละนิด เสียงจากรองเท้าหนังชั้นดีที่เหยียบย่ำเข้ามาผนวกกับเสียงหอบหายใจที่แสดงว่าคนข้างหลังคงจะเหนื่อยจากการวิ่งมาในที่แห่งนี้ทำให้คนที่กำลังเหม่อมองไปยังคู่อัฐิตรงหน้ารู้สึกตัวก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไปมองผู้มาเยือนด้วยแววตาที่เรียบเฉย

   หากคิดว่าเขาจะตกใจที่เห็นร่างหนาของคนที่พยายามหลีกหนีคนนี้แล้วล่ะก็…เหตุการณ์แบบนั้นไม่เกิดขึ้นหรอกเพราะร่างบางรู้ดีว่าบุรุษเพศที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะต้องตามหาเขาเจอในสักวันแม้ว่าตัวเขาเองเพิ่งจะหนีจากร่างสูงที่ได้กระทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยมาได้เพียงไม่กี่วันก็ตาม

   “จำได้ว่ากูยังไม่ได้อนุญาตให้มึงมาที่นี่!”

   “…”

   “มึงมาที่นี่ทำไม! แล้วมากับไอ้ตัวผู้ตัวไหนบอกกูมาเดี๋ยวนี้!!” ร่างหนาตรงหน้าระเบิดอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านด้วยคำพูดเสียๆ หายๆ สาดทอไปยังอีกคนที่ไม่แม้แต่จะตอบโต้กลับจนทำให้คนที่กำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงยิ่งทวีความร้ายกาจที่น้อยคนนักจะได้เห็นออกมามากกว่าเดิม

   “จะบอกไม่บอก!”

   “อึก!…” ร่างบางนิ่วหน้าลงด้วยความเจ็บเมื่อร่างหนาบีบต้นแขนกลับอย่างไม่ออมแรงแต่ถึงกระนั้นเขาก็เลือกที่จะไปเอ่ยคำพูดใดๆ ที่แสดงถึงความอ่อนแอออกไป

   “แฟร์! กูถาม!!”

       ชายหนุ่มร่างบางที่ถูกอีกฝ่ายเรียกชื่อรวบรวมแรงทั้งหมดสลัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายได้สำเร็จก่อนจะปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับมองใบหน้าเหี้ยมของคนตรงหน้ากลับไป

   “แล้วคุณล่ะมาที่นี่ทำไม”

   “กูมาตามมึงกลับ”

   “ทำไม”

   “ก็เพราะมึงหนีกูมา!”

   “หึ! คุณทำอะไรพอให้ผมต้องหนีมาอย่างงั้นเหรอ” แฟร์เหยียดยิ้มพร้อมกับส่งคำพูดร้ายๆ กลับไปจนอีกฝ่ายถึงกับชะงักกับท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไป

   “กู!…คือเรื่องในคืนนั้น…”

   “ผมไม่อยากฟัง”

   “แต่มึงต้องฟัง!…เพราะกูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มึงเจ็บ” แฟร์พยายามบอกปัดแต่ร่างสูงกลับตะโกนลั่นทันควัน

   “…”

   “กูขอ…”

   “กลับไปซะเถอะ” ร่างบางพูดก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจากบริเวณนั้น

   แฟร์ที่เดินออกจากบริเวณเก็บอัฐิยกแขนขึ้นกอดตัวเองเมื่อรู้สึกหนาวจนตัวสั่น สายฝนที่กระหน่ำเทลงมาทำท่าว่าจะไม่หยุดง่ายๆ เขาจึงเร่งฝีเท้าเดินไปยังต้นโพธิ์ใหญ่ข้างๆ ศาลาวัดเพื่อใช้เป็นที่หลบฝน

   ร่างสูงของชายอีกคนยกมือขึ้นเสยผมอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะวิ่งตามร่างบางของคนที่เขาต้องพยายามตามหาอยู่หลายวันเข้าไปหลบใต้ต้นโพธิ์เช่นเดียวกัน

   เสียงฟ้าร้องและสายฝนที่ดังระงมไปทั่วสารทิศบดบังเสียงต่างๆ เสียจนทำให้ไม่มีใครยอมปริปากออกมา ร่างบางที่ยืนสั่นเทิ้มส่งเสียงจามเป็นพักๆ เรียกสายตาของอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้หันไปมองอีกคนอย่างนึกห่วงก่อนที่เขาจะทนบรรยากาศชวนอึดอัดนี้ต่อไปไม่ไหวจนต้องถามในสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบออกมาอีกครั้งหนึ่ง

   “จะบอกได้หรือยังว่าทำไมนายถึงมาที่นี่” สรรพนามที่ร่างสูงใช้กับ     อีกคนเปลี่ยนไปหากทว่าร่างบางก็ยังคงไม่ยอมตอบกลับไปอยู่ดี ทำเอาเส้นบางๆ ของความอดทนที่อีกฝ่ายมีอยู่เพียงน้อยนิดแทบขาดสะบั้น!

   ร่างสูงเดินเข้าไปกระชากร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเองด้วยอารมณ์ที่คล้ายกับอยากจะง้างปากให้อีกฝ่ายพูดกับเขาเสียเหลือเกิน แต่ฝืนทำมากกว่านี้ไม่ได้เพราะตัวเขาเองรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนไม่ชอบความรุนแรงจึงได้แต่พยายามข่มตัวเองที่กำลังเดือดพล่านให้ได้มากที่สุด

   “จะไม่พูดใช่มั้ย!!” ร่างสูงเค้นเสียงถามด้วยความโกรธเกรี้ยว

   “ผมจะไปตามทางของผมส่วนคุณก็ควรจะไปตามทางของคุณเหมือนกัน ผมว่าต่อจากนี้ไปเราอย่าเกี่ยวข้องกันอีกเลย” คำพูดที่เปล่งออกมาจากเรียวปากเล็กไม่ได้เป็นคำตอบที่อีกฝ่ายต้องการเลยสักนิดแต่มัน กลับยิ่ง   ทำให้คนตรงหน้าเดือดดาลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจนร่างหนาพลั้งมือบีบไปยัง   ต้นแขนเล็กพร้อมกับเขย่าเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบเต็มแรง

   “นี่มึงพูดเรื่องอะไร! บอกให้กูไปตามทางของกูทั้งที่เมียกูยังยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน!”

   “ผมไม่ใช่เมียคุณ!!”

   “แล้วคืนนั้นที่กูได้ครอบครองร่างกายของมึงล่ะมันเรียกว่าอะไร!?”

   “ก็แค่สงเคราะห์คนอดอยากก็เท่านั้น! คุณเองไม่ใช่เหรอที่เคยกล่าวหาผมว่าคงผ่านมือผู้ชายมาแล้วเป็นสิบ!”

   “!!”

   “หากเรื่องในคืนนั้นมันทำให้ผมถูกคุณเรียกว่า 'เมีย' ถ้ายังงั้นตอนนี้ผมก็คงมีผัวเป็นสิบแล้วล่ะ!!!”

   “แฟร์!!!” ร่างสูงตวาดลั่นพลางจ้องอีกคนอย่างคาดคั้นแต่แล้ว…

   “แฟร์! ทำไมมายืนตากฝนแบบนี้ล่ะเกิดไข้กลับขึ้นมาจะทำยังไง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนจะเผยให้เห็นชายหนุ่มอีกคนที่ลงจากรถแล้ววิ่งตรงเข้ามาใต้     ต้นโพธิ์ที่ทั้งคู่กำลังยืนอยู่ ฝ่ายนั้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้าของตนเป็นอย่างไรจึงหันไปมองคนตัวเล็กราวกับต้องการคำตอบทันที

   แฟร์รีบแกะมือหนาที่บีบต้นแขนของตนออกอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเดินเลี่ยงไปหาผู้มาเยือนคนใหม่ที่มีร่างกายกำยำสมกับความเป็นชายไม่แพ้ร่างสูง อีกคนที่ยืนนิ่งค้างด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราดทันที

   “พี่ทิวช่วยพาผมกลับรีสอร์ทของพี่ทีนะครับ” แฟร์พูดขึ้นก่อนจะดึงแขนชายผู้มาใหม่คนนั้นไปที่รถ ทิ้งให้ร่างสูงที่ยังคงไม่ได้รับคำตอบยืนขบกรามอย่างเหลืออดเมื่อเห็นการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 'คนของตัวเอง' กับผู้ชายคนอื่น

   “แต่มึงต้องกลับกับกู! กูมาที่นี่ก็เพราะมาตามมึงกลับไป!!” ไวเท่าความคิดมือหนาเอื้อมไปคว้าข้อมือเล็กก่อนจะออกแรงกระชากให้อีกฝ่ายกลับมาหาตัวเอง

   แต่แล้วทุกอย่างกลับยิ่งตาลปัตรเมื่อข้อมืออีกข้างของแฟร์ก็ถูกชายผู้มาใหม่คว้าเอาไว้ด้วยเช่นกันก่อนที่ฝ่ายนั้นจะพ่นคำพูดตราหน้าร่างสูงเจ้าอารมณ์กลับไป

   “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใคร แต่ช่วยปล่อยแฟร์เดี๋ยวนี้!”

   “กูไม่ปล่อย! แล้วมึงเป็นใครถึงได้กล้ามาสั่งให้กูทำแบบนั้น!!” ร่างสูงตอกอีกคนกลับไปอย่างเดือดดาล แรงที่บีบไปยังข้อมือเล็กส่งผลให้เกิดรอยแดงขึ้นเป็นริ้ว

   “ผมเป็นเหมือนพี่ชายของแฟร์!!”

   “แต่นี่มันเมียกู!!!”

   สิ้นเสียงของคนอารมณ์ร้อนทิวเบิกตาขึ้นราวกับไม่เชื่อหู มือหนาของเขาค่อยๆ ปล่อยข้อมือของคนตัวเล็กจนแฟร์ที่เงียบอยู่นานถอนหายใจออกมาอย่างขมขื่น

   “พอเถอะพี่ทิว” แฟร์หันไปพูดกับพี่ชายที่อาสามารับเขากลับบ้านก่อนจะหันกลับไปยังผู้ชายอีกคนที่ยังคงบีบข้อมือของเขาแน่นราวกับมีกาวติด

   “ต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมปล่อยผมไปสักที”

   “กูไม่มีวันปล่อยมึงไป! นี่มันเรื่องบ้าอะไรบอกกูมา!!” ร่างสูงพ่นคำพูดตามนิสัยดิบเถื่อนที่ตัวเขาเองพยายามปรับปรุงมันหลังจากที่คิดจะจริงจังกับแฟร์ออกมา น้ำเสียงที่กราดเกรี้ยวแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกราวกับคนอับจนหนทาง  ทำให้แฟร์ค่อยๆ ยิ้มและแกะมือเขาออกจากข้อมือของตัวเองช้าๆ

   ร่างบางรู้จักนิสัยของอีกฝ่ายดี…'อะไรที่อยากได้ก็ต้องได้แม้ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม!'

       เขาเข้าใจว่าการ  บอกลาคงจะไม่เป็นผลหากอีกฝ่ายยังคงดื้อดึงและอารมณ์ร้ายอยู่แบบนี้ แต่เขาจำเป็นต้องทำ! เขาต้องอาศัยการหักดิบแบบนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป

   “ผมไม่อยากพูดถึงมันอีก พอกันที…ผมเหนื่อยและผิดหวังกับคุณมามากคุณกลับไปซะเถอะแล้วเราอย่าเจอกันอีกเลย ต่างคนต่างอยู่ คุณกลับไปใช้ชีวิตของคุณผมเองก็จะกลับไปใช้ชีวิตของผมให้เหมือนอย่างที่มันควรจะเป็นมาตั้งนานแล้ว”

   “ก็ลองดูสิ!! กูจะเป็นคนลากตัวมึงกลับไปเองไม่ว่าตัวผู้หน้าไหนก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!!!” ร่างสูงตะคอกกลับไปยังร่างบางที่ยืนแสยะยิ้มออกมาอย่างขบขันก่อนจะหันไปจ้องผู้ชายอีกคนที่ดูเหมือนอยากจะแย่งคนของเขาไปเสียเต็มประดาราวกับหวงของ

   คนตัวเล็กหัวเราะให้กับชะตาชีวิตที่เล่นตลกของตัวเองราวกับคนบ้า ก่อนแฟร์จะเอื้อยเอ่ยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจคนฟังออกมาอีกระลอก คำพูดที่ตัวเขาคิดมันมาตลอดว่าคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องบัดซบที่กำลังพบเจออยู่ในทุกวันนี้

   “หากไม่มีใครพรากผมไปจากคุณได้จริง…ก็คงเหลือทางเลือกให้ผมแค่ทางเดียวซะแล้วล่ะ”

   “...”



   “คือตายจากคุณไปซะ!”


       TBC...
      18/07/2560
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.16 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 26-07-2017 17:36:52
ต่อค่ะ....มันพีคแล้ววว
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.17 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 26-07-2017 20:27:13



CHAPTER 17



“คือตายจากคุณไปซะ!”
:
:
:
ราชันย์ชะงักงันเมื่อสิ้นเสียงคำพูดที่แสนจะบาดลึกเข้าไปถึงหัวใจของเขา ร่างสูงมองแฟร์ที่แสยะรอยยิ้มสมเพชตัวเองออกมาด้วยแววตาอึ้ง ก่อนชายหนุ่มอีกคนที่ยืนฟังบทสนทนาของพวกเขาจะเอื้อมมือมาจับมือเล็กเอาไว้พร้อมกับเดินนำอีกฝ่ายไปที่รถของตัวเองทันที

ร่างสูงมองตามคนทั้งคู่ที่เดินผ่านตัวเองไปด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งอก ลำพังความผิดที่ขืนใจร่างบางเรื่องนั้นราชันย์รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงจะโกรธเขามากพอดูหากแต่ตอนนี้ดูเหมือนแฟร์จะยังมีเรื่องอื่นที่ทำให้เจ้าตัวโกรธมากกว่าจนถึงขั้นพูดออกมาแบบนั้น

ร่างบางมีท่าทีเย็นชาและแข็งกร้าวขึ้นจนกลายเป็นราชันย์เสียเองที่กำลังกลัว…กลัวว่าจะเสียคนๆ นี้ไปอีกคน

“อย่าไป…” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะมองไปยังทั้งคู่ที่หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงของเขา

“กูมาที่นี่เพราะมาพามึงกลับเรื่องอะไรที่มันทำให้มึงโกรธกูถึงขนาดนี้กลับไปเคลียร์กันที่กรุงเทพฯ จะได้มั้ย” ราชันย์พูดราวกับกำลังอ้อนวอนอีกฝ่ายที่หันหลังกลับมามองเขาด้วยแววตาเรียบเฉย

“พอเถอะคุณราชันย์เรื่องทุกอย่างให้มันจบเสียตรงนี้…เวลานี้ ผมไม่อยากรื้อฟื้นมันอีกแล้ว” ว่าเสร็จร่างบางที่เตรียมตัวจะหันกลับก็ชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกคนพูด

“แต่กูไม่ยอม!” ราชันย์ตะโกนลั่นแข่งกับเสียงฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย

“กูไม่ยอมให้มึงไปกับใครหน้าไหนทั้งนั้นถ้าไม่ใช่กู!” ร่างสูงพูดขึ้นต่อก่อนจะมองไปยังทิวากรที่ยืนอยู่ข้างๆ ร่างบางด้วยแววตาเกรี้ยวกราด หากทว่าชายหนุ่มผู้ถูกมองกลับยิ้มขึ้นเมื่อท่าทีของทั้งคู่ที่เขาเห็นล้วนบอกเล่าเรื่องราวที่ตัวเขาเองกำลังสงสัยอยู่จนหมดโดยที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาอีกเลย

“ผมไม่รู้หรอกนะว่าสถานะของคุณสำหรับแฟร์แล้วมันคืออะไร” ทิวเอ่ยก่อนจะมองราชันย์กลับไม่วาง

“แต่ถ้าคุณมีความรู้สึกดีๆ กับแฟร์จริงผมอยากให้คุณใช้เหตุผลคุยกับเขามากกว่าอารมณ์เหมือนอย่างตอนนี้” ทิวากรว่าก่อนจะปล่อยมือออกจากมือเล็กจนแฟร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตกใจกับคำพูดและการกระทำของอีกคน

“พี่ทิว!…” ร่างบางพยายามเถียงกลับแต่ก็ถูกทิวเอ่ยทับขึ้นมาก่อน

“กลับไปเคลียร์กับเขาเถอะแฟร์ เรื่องทุกอย่างเราจะรู้จริงๆ ก็ต่อเมื่อฟังความจากทั้งสองฝ่ายแล้วชั่งน้ำหนักดู หากเรื่องทั้งหมดมันเป็นอย่างที่แฟร์คิดจริงจะบอกเลิกเขาตอนนั้นก็ยังไม่สาย”

“มึง!...” ราชันย์โผงขึ้นเมื่อไม่เห็นด้วย ร่างสูงถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องก่อนทิวากรจะสวนกลับทันทีที่ได้ยิน

“ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะอย่าได้ใช้คำพูดพวกนั้นทำให้แฟร์มองคุณติดลบไปมากกว่านี้เลย” ทิวว่าพลางมองราชันย์กลับอย่างถือไพ่เหนือกว่า

“แต่พี่ทิวแฟร์ไม่อยากคุยกับเขาแล้วพาแฟร์กลับบ้านของพี่ทีนะ! นะครับ!” ร่างบางงอแงคว้าแขนทิวไว้ไม่ปล่อยจนราชันย์ที่ยืนมองอยู่ถึงกับเลือดขึ้นหน้าตรงเข้าหาทั้งคู่พร้อมกับแกะมือคนของตัวเองออกจากทิวากรพัลวัน

“ไม่อยากคุยมึงก็ต้องคุยและจะต้องคุยกันให้รู้เรื่องด้วย! กลับ!” ร่างสูงว่าพลางกระชากให้อีกคนเดินตามเขาไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกลทันที

แฟร์พยายามยื้อตัวเองไว้จนสุดแรง ร่างบางทั้งถึ้งและจิกเล็บลงบนมือหนาที่คว้าแขนตัวเองไว้แน่นอย่างบ้าคลั่งแต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากเขาเลยแต่อย่างใดจนแฟร์ต้องส่งเสียงตะโกนให้ชายหนุ่มอีกคนช่วยออกมา

“พี่ทิวช่วยแฟร์ด้วย!” ทิวากรมองไปยังคนที่กำลังส่งเสียงเรียกตัวเขาให้ช่วยอยู่สักพักก่อนร่างสูงจะพูดในสิ่งที่กำลังทำออกไป

“ตอนนี้พี่ก็กำลังช่วยแฟร์อยู่นี่ไง”

“แต่ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้!” ร่างบางเถียง

“เชื่อพี่สิว่ามันคือวิธีที่ดีที่สุดได้เรื่องยังไงส่งข่าวคราวมาหาพี่บ้างนะ”

“มะ…โอ้ย! คุณราชันย์ผมเจ็บนะ!” แฟร์สบถออกมาเมื่อพยายามจะเถียงอีกฝ่ายกลับหากแต่โดนราชันย์จับยัดเข้าไปในรถเบนซ์สีน้ำเงินเสียก่อน

ร่างสูงจัดการคาดเข็มขัดให้ทันทีที่ก้นของอีกฝ่ายแตะลงบนเบาะหนังชั้นดี  ราชันย์จ้องคนที่พยายามจะหนีจากเขาเสียให้ได้นิ่งก่อนจะเอ่ยคำพูดที่เต็มไปด้วยการคาดโทษออกไป

“อย่าคิดที่จะหนีออกมา! เพราะแม้ว่าที่นี่จะเป็นวัดแต่กูก็กล้าพอที่จะปราบพยศมึงด้วยวิธีของกูเหมือนกัน!” นัยน์ตาสีน้ำตาลของแฟร์สั่นระริกร่างบางหยุดโวยวายทันทีที่อีกฝ่ายเค้นเสียงเอ่ยออกมา

ราชันย์หยัดตัวเองขึ้นพร้อมกับปิดประตูก่อนจะเดินหาทิวที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล

“ขอบใจ” ราชันย์พูดออกไปก่อนทิวากรจะทำเพียงแค่พยักหน้าและหันหลังเดินกลับไปยังรถของตัวเองเพียงเท่านั้น

:
:
:
“มาที่นี่ทำไม” ร่างสูงเปิดประเด็นขึ้นอีกครั้งทันทีที่ขับเคลื่อนตัวรถออกจากวัดมาได้สักพักหากทว่าคนข้างๆ ก็ไม่ยอมปริปากตอบเขากลับเลยแม้แต่น้อย

“บอกกูหน่อยได้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้มึงเป็นได้ถึงขนาดนี้” ราชันย์ถามขึ้นอีกพลางหันไปมองเสี้ยวหน้าบึ้งตึงของแฟร์อย่างรอคำตอบ

ร่างบางหันมาสบตาอีกคนเพียงครู่ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อคำถามของราชันย์กลับเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากตอบจนร่างสูงต้องงัดไม้เด็ดออกมาจัดการกับท่าทางพยศนี้

“หรือเป็นเรื่องที่กูข่มขะ…”

“พอเถอะ! เรื่องนั้นผมไม่อยากได้ยินอีก” แฟร์โผงขัดขึ้นอย่างที่ราชันย์อยากให้เป็น ร่างสูงแสยะยิ้มก่อนจะยัดเยียดสถานะที่กำลังเป็นอยู่ของทั้งคู่ออกไป

“มึงจะปฏิเสธมันอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้งแต่มึงก็หนีความจริงที่ว่าเราทั้งคู่เป็นผัวเมียกันแล้วไม่ได้” ร่างบางอ้าปากค้างเมื่อราชันย์พูดเรื่องนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย

“ผมไม่ใช่เมียของคุณ! และคุณก็ไม่ใช่ผัวของผม! หยุดพูดสักทีเถอะ” แฟร์ว่ากลับ

“กูอาจจะไม่ใช่ผัวของมึงแต่มึงคือเมียของกู” ราชันย์ไม่วายตีมึนบอกออกมา

“กูคิดกับมึงแบบนั้นไปแล้วที่เหลือ…คือกูจะทำให้มึงคิดแบบเดียวกันให้ได้” ร่างสูงว่าท่ามกลางหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นไม่เป็นระส่ำหากทว่าแฟร์กลับพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกออกมา

“มันจะไม่มีทางเป็นแบบที่คุณหวัง”

“ตอนนี้อาจจะยังแต่กูเชื่อว่ากูสามารถทำให้มึงเปลี่ยนความคิดได้” ร่างสูงหนักแน่น

“มั่นใจเกินไปมั้ย?” ร่างบางถามเสียงเรียบทำเอาราชันย์ที่ขับรถอยู่หันกลับมาพลางตอบออกไปอย่างไม่กั๊ก

“ไม่หรอก…เพียงแต่สำหรับมึงแล้วมีเท่าไหร่กูพร้อมเทหมดหน้าตัก”

ร่างบางได้ยินก็ชะงัก แฟร์หันมองเสี้ยวหน้าของอีกคนอย่างคิดหนักเมื่อราชันย์ดูจะจริงจังกับเรื่องของพวกเขามากเกินกว่าที่ตัวเขาเองจะรู้ เพียงแต่ในตอนนี้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกลับกลายเป็นเรื่องที่ผิดอย่างมหันต์หากยังปล่อยให้มันดำเนินต่อไป

“เก็บความรู้สึกของคุณเอาไว้เถอะเพราะเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้” แฟร์พยายามบอกปัดให้ราชันย์ตัดใจจนร่างสูงต้องจอดรถตรงข้างทางและหันมาถามอีกคนอย่างไม่เข้าใจ

“ทำไมจะไม่ได้” ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้” ร่างบางตอบฉุดให้ราชันย์ยิ่งไม่เข้าใจจนต้องคาดคั้นกลับไปอีกรอบ

“แล้วอะไรที่มึงเอามาตัดสินว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้!!” เสียงทุ้มตวาดลั่นก่อนร่างบางจะเผยความจริงที่คิดมาตลอดสองวันออกมาในที่สุด

“เพราะเราเป็นพี่น้องกัน!!” ราชันย์ชะงักกึกเมื่อได้ยิน

“มึงพูดเรื่องอะไร!?” ร่างสูงคว้าข้อมือของแฟร์พลางกระชากอีกคนเข้ามาถามกลับเสียงแข็ง

“เราทั้งคู่เป็นพี่น้องต่างแม่กันเรื่องนี้แม่ของคุณรู้ดี!” ร่างบางบอกก่อนราชันย์จะเบิกตากับเรื่องที่เพิ่งจะได้รับรู้

“เป็นไปไม่ได้!” ร่างสูงเอ่ยกลับอย่างเกรี้ยวกราดก่อนแฟร์ที่พยายามแกะมือของอีกฝ่ายออกจะพูดขึ้นเสียงเรียบ

“มันเป็นไปแล้วล้มเลิกความคิดบ้าๆ ของคุณซะเถอะลำพังเรื่องที่คุณหลอกผมมากมายนั่นก็บั่นทอนจิตใจผมจะแย่”

“แฟร์กูไม่ตลก!” ราชันย์ไม่ยอมจบก่อนแฟร์จะสวนกลับทันควัน

“ผมก็ไม่ได้โกหกคุณเหมือนกัน!” ร่างสูงมองหน้าแฟร์อยู่สักพักก่อนที่มือหนาจะคลายออกจากข้อมือเล็กพลางยกขึ้นกุมขมับของตัวเองอย่างเคร่งเครียด

“เรื่องนี้ใช่มั้ยที่หมอนั่นมันบอกให้มึงมาเคลียร์กับกู?” ราชันย์ถามก่อนจะมองแฟร์ที่เอาแต่ลูบข้อมือตัวเองเพราะเจ็บจากการกระทำของเขาเมื่อครู่

“งั้นกูจะไปถามท่านให้รู้เรื่อง!” เมื่อแฟร์ไม่ยอมตอบร่างสูงจึงเอ่ยก่อนจะทำท่าออกตัวรถทันที

“ถ้าคุณจะไปก็ปล่อยผมลงตรงนี้” ร่างบางคว้ามือหนาที่กำลังจะขยับเกียร์ให้เข้าที่หากแต่ราชันย์กลับดื้อที่จะยิ้อเขาไว้

“ไม่! มึงต้องไปกับกู”

“ผมไม่ไปผมไม่อยากเจอหน้าแม่ของคุณ” แฟร์ว่าก่อนราชันย์จะชักมือตัวเองที่ยังคงถูกอีกคนเกาะกุมอยู่ออกพลางวางมันไว้บนมือของร่างบางก่อนจะกระชับแน่น

“กูไม่รู้หรอกว่ามึงรู้เรื่องนี้มาจากไหน แต่กูจะไม่ยอมปล่อยมึงไปไหนทั้งนั้นมันต้องมีอะไรมากกว่าที่มึงคิด” ร่างสูงว่า

“แต่สำหรับผมทุกอย่างมันเคลียร์หมดแล้ว พอแค่นี้…จบแค่นี้เถอะ” เสียงใสตอบพลางจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย

“ไม่”

“คุณราชันย์!...” แฟร์ที่พยายามหาเหตุผลมากมายออกมาเถียงกับอีกฝ่ายชะงักทันทีที่คำพูดต่อมาของราชันย์หลุดออกจากเรียวปากสีคล้ำนั้นมา

“แฟร์…ถือว่ากูขอ…แค่ครั้งเดียว…กลับไปกับกูอย่างน้อยมึงก็กลับไปถามจากแม่กูให้รู้เรื่อง อย่างที่หมอนั่นบอกมึงต้องฟังและชั่งน้ำหนักดู กูว่าแม่กูต้องมีคำตอบให้กับมึงสำหรับเรื่องนี้” ราชันย์กระชับมือของอีกฝ่ายมากกว่าเดิมก่อนที่แฟร์จะมองอีกคนกลับแววตาอ่อนล้า

เรื่องราวมากมายที่ร่างบางเจอมาล้วนแล้วแต่บั่นทอนจิตใจของแฟร์ให้นึกยอมแพ้จนไม่มีกำลังใจให้อยากจะก้าวต่อไปข้างหน้าอีกเลย

มันทั้งเหนื่อยและล้า…เกินจะรับไหวแล้วจริงๆ




“วันนี้ลมอะไรหอบลูกชายตัวดีของแม่กลับบ้านจ้ะ อ้าว! หนูแฟร์ก็มาด้วยเหรอ นั่งก่อนๆ” กนกกล่าวทักเมื่อเห็นราชันย์เดินเข้ามาในบ้านก่อนคนเป็นเจ้าของบ้านคนนี้จะเอ่ยเชิญเมื่อเห็นว่ายังมีอีกคนที่ลูกชายของเธอจูงมือเดินตามเข้ามา

“แม่ครับผมกับแฟร์มีเรื่องจะคุยด้วย” ราชันย์จูงมือแฟร์เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่โซฟาตรงหน้ากนกที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้

“เรื่องอะไรเหรอทำไมทำหน้าเครียดกันเชียว” ผู้เป็นแม่ถามกลับก่อนร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆ จะไม่พูดพร่ำทำเพลงถามอีกฝ่ายออกไปทันที

“คุณเคยรู้จักผู้ชายชื่อนิกรหรือเปล่า” สรรพนามและชื่อที่แฟร์ถามออกไปทำเอากนกที่ส่งยิ้มจนแก้มปริกลับมาถึงกับชะงัก

“น่ะ…นิกรเหรอ ไม่นี่จ้ะ ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้” คนตรงหน้าเอ่ยกลับด้วยท่าทีหวาดๆ ก่อนแฟร์จะตวาดถามกลับไปอีกเมื่อท่าทีของกนกทำให้ร่างบางรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างไว้

“ผู้แล้วหญิงที่ชื่อลินดาล่ะเคยรู้จักหรือเปล่า!”

“ใจเย็นหน่อยแฟร์!” ร่างสูงคว้าแขนอีกฝ่ายพลางออกปากปรามหากแต่แฟร์กลับสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายก่อนจะจ้องหน้ากนกอย่างเอาเรื่อง

“ทะ…ทำไมถึงถามป้าด้วยล่ะจ้ะ” เจ้าของบ้านออกปากถามด้วยท่าทีเกรงๆ จนร่างบางที่ทนดูไม่ได้อีกต่อไปจะตวาดเรื่องที่ค้างคาในใจออกไปในที่สุด

“ก็เพราะผมเป็นลูกของเขา! ลูกของคนที่คุณส่งคนไปทำลายครอบครัวจนพวกเขาต้องลำบากยังไงล่ะ!!”

“!!”

กนกเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน คนเป็นแม่หันไปสบตาของราชันย์ที่ยืนตรงหน้าราวกับมีเรื่องที่อยากจะขอร้องหากทว่าร่างบางที่ยืนข้างๆ ร่างสูงกลับตอกกลับไปอีก

“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้! เสียแรงที่เคารพ ที่แท้คุณมันก็แค่คนจิตใจโหดร้ายคนหนึ่งเท่านั้น!!”

“ใจเย็นก่อนแฟร์! ” ราชันย์ตะโกนปรามก่อนกนกที่หอบหายใจหนักขึ้นจะเค้นเสียงถามร่างบางกลับอย่างยากลำบาก

“นะ…หนูแฟร์คือลูกของ…ละ…ลินดา?”

“ใช่! ผมคือลูกของเธอ ลูกที่เกือบจะไม่ได้เกิดเพราะคุณส่งคนไปทำร้ายเธอทันทีที่รู้ว่าพ่อแท้ๆ ของผมคือคุณพิภพยังไงล่ะ!” สิ้นเสียงของร่างบางกนกก็ล้มพับพลางหอบอย่างหนักลงตรงนั้นทันที

“แม่!!!” ราชันย์ตรงเข้าไปหอบเอาร่างของผู้เป็นแม่ขึ้นก่อนที่ร่างบางของคนข้างๆ จะเขย่าร่างในอ้อมอกของเขาอย่างบ้าคลั่ง

“ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะคุณกนก!!” แฟร์ตวาดก่อนร่างสูงจะปัดมือเล็กออก

“แฟร์! โรคหอบแม่กูกำเริบหยิบยาบนโต๊ะนั่นให้หน่อย!!” ร่างสูงวานหากทว่าแฟร์กลับเมินเฉย

“โรคหอบอย่างงั้นเหรอเสแสร้งมากกว่า!” ร่างบางเหยียดยิ้มมองอย่างสมเพช

“แฟร์มึงมันบ้าไปแล้ว!”

“ใช่! ผมมันบ้า! เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะแม่ของคุณ! แม่คุณใจร้าย! โหดร้ายเกินกว่าจะเกิดมาเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ!!”

เพี้ยะ!!

“อึก!” ร่างบางทรุดตัวลงบนพื้นทันทีหลังจากที่มือหนาปะทะเข้ากับใบหน้าข้างซ้ายของเขาจนมันชาไปทั้งแถบ

ราชันย์มองคนบนพื้นพลางชะงัก มือหนาสั่นเทิ้มเพราะการกระทำของตัวเองก่อนคนเป็นน้องที่เดินลงมาเพราะเสียงดังเอะอะจะถามขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นครับ” อัศวินถามก่อนจะมองลงมาพลางเบิกตากว้างเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“วินโทรตามอาหมอเร็ว!!” ราชันย์ดึงสติตัวเองกลับก่อนจะออกปากสั่งอัศวินที่วิ่งลงบันไดตาลีตาเหลือกมาหาพวกเขาเสียงดัง

ร่างสูงของน้องชายวัยยี่สิบหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาคนที่ผู้เป็นพี่ชายบอกทันทีก่อนที่ราชันย์จะตะโกนเรียกแม่บ้านและพ่อบ้านดังลั่น

“ป้าแจ่ม!! ลุงน้อย!!”

“ค่ะคุณหนู ว้าย! คุณผู้หญิงเป็นอะไรไปคะ!?” หญิงวัยกลางคนตรงเข้าหาราชันย์ทันทีก่อนชายวัยกลางคนที่วิ่งตามมาจะตรงเข้าช่วยด้วยอีกแรง

“ท่านอาการกำเริบ ป้าแจ่มผมฝากป้ากับลุงน้อยพาท่านขึ้นข้างบนที วินกำลังโทรตามอาหมออยู่อีกสักพักท่านคงจะถึง” ราชันย์สั่งก่อนที่พ่อบ้านจะเป็นคนอุ้มกนกขึ้นบนบ้านไปทันที

ร่างสูงมองตามหลังของคนทั้งคู่ที่เดินขึ้นบันไดไปก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับร่างบางที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง

“มากับกู!” ราชันย์คว้าแขนของแฟร์ก่อนจะออกแรงดึงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นและกระชากให้เดินตามไปยังบ้านหลังเล็กภายในสวนหลังบ้านทันที

:
:
:
“โอ้ย!” แฟร์ร้องออกมาเมื่อราชันย์เหวี่ยงตัวเขาลงบนเตียงภายบ้านที่ดูเหมือนจะถูกปิดมานาน

“ทำไมมึงถึงทำแบบนั้นห๊ะ แฟร์! มึงกลายเป็นคนก้าวร้าวแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่!!” ร่างสูงตวาดว่าอีกคนที่ค่อยๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

“แฟร์!...กูถามมึงอยู่นะ! มึงเกือบจะทำให้แม่กูตายแล้วรู้ตัวมั้ย!!” ราชันย์ว่าหากแต่แฟร์ก็ยังไม่ตอบ ร่างบางก้มหน้านิ่งจนร่างสูงทนไม่ได้กระชากอีกฝ่ายให้หันมาหาตัวเอง

“แฟร์!...” ราชันย์ชะงักงันเมื่อใบหน้าของร่างบางที่หันมากลับเต็มไปด้วยน้ำตามากมายที่หลั่งไหลออกจากดวงตากลมเป็นสาย

แฟร์ส่งเสียงสะอื้นไห้พลางสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายจนราชันย์ที่มองดูภาพนั้นด้วยหัวใจที่บีบรัดจะถอนหายใจออกมาพลางโน้มหัวอีกฝ่ายเข้าแนบอก

“หยุด! หยุดทำแบบนี้สักที!” ร่างบางขัดขืนพร้อมกับลุกขึ้นยืนก่อนจะปาดน้ำตาออกจากใบหน้าและเดินเลี่ยงอีกคนไปยังประตู

“จะไปไหน!”  ร่างสูงถาม

“ผมจะกลับบ้าน!”

“มึงยังกลับไม่ได้กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้น!” ราชันย์คว้าแขนของอีกคนเอาไว้พร้อมกระชากกลับ

“ปล่อย! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้! ปล่อย!!” แฟร์พยายามยื้ออีกฝ่ายสุดแรงแต่ราชันย์กลับไม่สะทกสะท้าน

ร่างสูงเดินไปยังโต๊ะไม้เก่าๆ ไม่ไกลจากเตียงมากนักพลางเปิดลิ้นชักช่องที่สองนับจากข้างบนก่อนจะหยิบเอาเชือกมัดใหญ่ออกมา

“คะ…คุณจะทำอะไร!” ร่างบางเอ่ยร้องเสียงหลงก่อนราชันย์จะจับแฟร์หันหลังและใช้เชือกที่ว่ามัดมืออีกฝ่ายไว้ทันที

“กูกลัวมึงหนีกูจะไปดูแม่สักหน่อยแล้วจะกลับมา” ร่างสูงว่าพลางมัดเท้าอีกฝ่ายติดกับเสาเตียงไว้มั่น

“คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้!” แฟร์ตวาดว่า

“รอกูอยู่ที่นี่เรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกยาว” ร่างสูงไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย ราชันย์จ้องใบหน้าฮึดฮัดของแฟร์ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปกดจูบบนหน้าผากเล็กของร่างบางราวกับหวงแหน

“คุณ!...”

“สงบสติอารมณ์ของมึงซะก่อนกูรู้ว่ามึงทำไปทั้งหมดมึงไม่ได้ตั้งใจ” สิ้นเสียงร่างสูงก็ผละเดินออกจากห้องไปทันที




ราชันย์เดินกลับเข้าห้องนอนภายในบ้านสวนหลังเล็กอีกครั้งตอนเวลาประมาณสามทุ่ม ร่างสูงสังเกตเห็นจานข้าวบนโต๊ะที่วานให้ป้าแจ่มนำมาให้แฟร์ก่อนจะเดินเข้าไปดูก็พบว่ามันไม่พร่องไปเลยแม้แต่น้อย

ราชันย์หันมองแฟร์ที่นั่งหลับอยู่ข้างเตียงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วยแววตาเอ็นดูท่ามกลางแสงสว่างจากหลอดไฟข้างนอกที่สาดส่องเข้ามาในห้องมืดสนิทให้สลัวพอที่จะสามารถเห็นใบหน้าเล็กได้ ก่อนร่างสูงจะคอ่ยๆ ก้มลงแกะเชือกที่มัดมือและเท้าของอีกฝ่ายเอาไว้ออกพลางอุ้มร่างบางขึ้นนอนบนเตียง

“ขอโทษที่ทำให้ตื่น” ราชันย์พูดเมื่อจู่ๆ แฟร์ก็ลืมตาตื่นขึ้นมา

ร่างบางมองคนตรงหน้าสักพักก่อนจะบิดตัวนอนหันหลังให้อีกฝ่าย จนราชันย์ที่มองการกระทำนี้อยู่ใกล้ๆ ถึงกับอมยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

ร่างสูงเอื้อมมือลูบไปยังมุมปากซ้ายของแฟร์อย่างรู้สึกผิด บาดแผลที่ตัวเองเป็นคนสร้างมันให้กับอีกฝ่ายทำเอาราชันย์ถึงกับนึกโกรธตัวเองขึ้นมาทุกทีที่เห็น

“เจ็บมากหรือเปล่า” ร่างสูงเอ่ยถามเสียงเนิบหากแต่แฟร์กลับทำเพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น

“พูดอะไรออกมาหน่อยสิแฟร์อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้” ราชันย์ไม่ว่าเปล่า ร่างสูงเอนกายหนาลงนอนซ้อนทับด้านหลังร่างบางเอาไว้ก่อนจะพาดแขนข้ามตัวอีกฝ่ายพลางดึงตัวแฟร์มากอดไว้แน่น

“ผมจะกลับบ้าน” ร่างบางเอ่ยกลับเสียงอู้อี้ มือเล็กพยายามแกะมือหนาที่เหนียวราวกับกาวออกแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล

“อยู่ที่นี่ก่อนแม่ฉันอยากคุยกับนายพรุ่งนี้” ราชันย์ว่าพลางพลิกตัวอีกฝ่ายให้หันมาหาก่อนจะมองใบหน้าของแฟร์นิ่ง

“ปล่อยเถอะคุณราชันย์คุณก็รู้ว่าตอนนี้พวกเราเป็นอะไรกัน อย่าทำอะไรที่มันผิดไปมากกว่านี้เลย” ร่างบางพยายามดิ้นแต่หารู้ไม่ว่าแทนที่ราชันย์จะคลายอ้อมกอดนี้ออกร่างสูงกลับกระชับอ้อมแขนเข้ามากกว่าเดิมจนแฟร์รับรู้ถึงเสียงหัวใจของเขาที่กำลังเต้นแรงได้อย่างชัดเจน

“ไม่ต้องกลัวไปหรอกความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นายคิด” ราชันย์ว่าพลางก้มลงจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอีกครั้ง

“คุณหมายความว่ายังไง” แฟร์ได้ยินก็ชะงักนึกสงสัยในความหมายจนต้องถามออกมาหากทว่าราชันย์กลับเฉไฉและเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้น

“หลับเถอะวันนี้ฉันเหนื่อยมามาก” ร่างสูงว่าพลางเกยคางของตัวเองลงบนศีรษะเล็กของคนในอ้อมกอดก่อนจะปิดเปลือกตาลง

แฟร์มองแผงอกแกร่งตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงอีกคนที่เขาเพิ่งจะนึกได้ถึงการกระทำไม่ดีที่ได้ทำเอาไว้เมื่อคราวที่ราชันย์ทิ้งให้เขาอยู่กับตัวเองในห้องนอนแห่งนี้

“แล้วคุณแม่ของคุณ…” ร่างบางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้วแค่เครียดเฉียบพลัน”

“ผม…ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อตอนเย็น”

“ไม่เป็นไรฉันคุยกับท่านให้แล้วท่านไม่โกรธนายเลยสักนิด”

“ทำไม?”

“ไว้นายค่อยถามท่านเองพรุ่งนี้แล้วกัน” ว่าเสร็จราชันย์ก็กระชับอ้อมกอดเข้าอีกจนแฟร์ต้องปราม

“คุณราชันย์มันอึดอัดปล่อยผมเถอะ”

“ขออยู่แบบนี้ทั้งคืนจะได้มั้ยฉันตามหานายหลายวันเลยนะ” ร่างสูงเอ่ยเสียงเนือย

“แต่ตอนนี้คุณก็เจอแล้วไงจะเอาอะไรอีก” แฟร์ถามพลางดันแผงอกของร่างสูงออกเต็มแรง

ราชันย์ลืมตาตื่นก่อนจะถดตัวถอยลงมาจ้องหน้าแฟร์นิ่งพร้อมกับพูดอย่างคาดโทษ

“นี่เป็นการลงโทษที่นายหายไป”

“ผมไม่ได้หายแค่ไปทำธุระ” แฟร์เถียง

“ธุระที่นายไม่บอกฉัน” ร่างสูงว่า

“แล้วทำไมผมต้องบอกคุณ”

“เพราะฉันเป็นผะ!…” ร่างสูงชะงักก่อนจะเอ่ยคำนั้นออกมา แฟร์มองนัยน์ตาสีดำสนิทของราชันย์ในความมืดก่อนจะเอ่ยคาดโทษอีกฝ่ายออกไปบ้าง

“ที่ผมหายไปมันก็เป็นเพราะคุณ” สิ้นเสียงร่างบางก็พลิกตัวหันหลังให้ราชันย์ จนร่างสูงสำนึกในความหมายของคำพูดนั้นหน้าเศร้า

“ขอโทษ…” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนราชันย์จะโอบกอดแฟร์เอาไว้ทั้งตัว

“ขอโทษที่ทำแบบนั้นขอโทษจริงๆ” ร่างสูงล้วนพูดออกมาจากใจทุกคำก่อนเสียงใสจากอีกคนจะฉุดให้ราชันย์ต้องคิดหนักขึ้นทันใด

“จะเป็นอะไรมั้ยถ้าผมไม่ให้อภัยคุณ” ราชันย์ยกหัวขึ้นพลางมองไปยังเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะถามอย่างหวาดๆ

“เอาจริง?”

“แค่ถาม” แฟร์ตอบ

“ถ้าอย่างงั้นฉันก็จะตื้อนายอยู่อย่างนี้ไม่ปล่อย” ว่าเสร็จร่างสูงก็ซุกหน้าเข้ากับลำคอขาวของแฟร์ก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปจนร่างบางต้องหดคอหนี

“แล้วถ้าผมหายไปจากคุณอีกล่ะ” แฟร์เอี้ยวตัวก่อนจะหันมาจ้องราชันย์นิ่ง ร่างสูงได้ยินดังนั้นก็ชะงักพลางถามอีกฝ่ายกลับอย่างต้องการคำตอบ

“คิดจะทำอะไร”

“เปล่า” แฟร์ตอบก่อนจะหันกลับหากแต่ราชันย์กลับคว้าคางเล็กนั้นเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายเข้าไปในดวงตากลม

“นายต้องมีอะไรอยู่ในหัวแน่ๆ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้” เสียงทุ้มถามคาดคั้น

“ไม่มี” ร่างบางมองกลับก่อนจะตอบเสียงเรียบ

“แน่นะ” ราชันย์ถามย้ำ

“อืม”

“โกหกฉันนายตาย” ร่างสูงว่าพลางปล่อยคางอีกคนให้เป็นอิสระ แฟร์จึงหันกลับก่อนจะหลับตานิ่ง

“คุณไม่กล้าฆ่าผมหรอก” ร่างบางเอ่ยยั่วอย่างรู้ทัน

“ฉันอาจจะไม่กล้าฆ่าแต่ฉันสามารถทำให้นายตายทั้งเป็นได้ไม่เชื่อก็ลองดู”

สิ้นสุดบทสนทนาด้วยการที่แฟร์ไม่ตอบกลับ ร่างบางของแฟร์รู้ดีว่าความหมายของคำพูดราชันย์คืออะไร ก่อนจะพยายามข่มตาตัวเองให้หลับท่ามกลางเสียงหัวใจของพวกเขาทั้งคู่ที่ดังสอดผสานออกมาเป็นจังหวะเดียวกัน

แต่ฉันสามารถทำให้นายตายทั้งเป็นได้ ก็คงมีความหมายเดียวกับประโยคที่ว่า...

'แม้ว่าแฟร์จะพยายามหนีสักแค่ไหนก็ไม่พ้นจากราชันย์ไปได้' กระมัง



TBC...............
--------------------------------------------------
ความดาร์กของหนูแฟร์โผล่ออกมาจนราชันย์พลั้งมือทำร้ายน้องเลย T^T
ตอนนี้หากใคร งง กลับไปอ่านบทนำก่อนนะคะเพราะเนื้อเรื่องต่อจากตรงนั้น
ส่วนจุดพีคยังไม่คลี่คลายแต่วางใจได้เหมือนกับที่ราชันย์บอกนะคะ
ว่า...ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น (เอะๆ เดาออกกันแล้วล่ะสิ ^^)
#เป็นกำลังใจให้เฮียชันย์กับหนูแฟร์ด้วยจร้าาาา

 o22 o22 o22 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.17 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-07-2017 21:52:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.17 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 26-07-2017 22:52:50
เฮ้อ  ชันย์เกือบดีแล้วนะนี่  แต่มันดีไม่สุดเลย  เฮ้อ  ยังไม่ให้เป็นพระเอกนะ
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.17 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Gato88 ที่ 27-07-2017 03:19:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.18 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 27-07-2017 09:23:02


CHAPTER 18



แฟร์ตื่นนอนแต่เช้าพลางกวาดตามองไปทั่วห้องเพื่อหาใครอีกคนที่เอาแต่นอนกอดเขาทั้งคืนไม่ห่างหากแต่เมื่อมองไปจนทั่วแล้วกลับไร้ซึ่งวี่แววและเงาของอีกฝ่าย ไม่มีแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวภายในในห้องนี้แม้แต่น้อย

ร่างบางกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปยังโต๊ะเล็กที่มีกระดาษโน้ตปิดพับวางเอาไว้เคียงข้างด้วยชามข้าวต้มร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมเสียจนแฟร์ไม่รอช้ารีบนั่งและจัดการอาหารเช้าตรงหน้าทันที

มือเล็กเปิดกระดาษโน้ตขึ้นอ่านพลางตักอาหารตรงหน้าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ถ้อยคำแกมบังคับนิดๆ ที่ถูกอีกฝ่ายกลั่นกรองออกมาเป็นตัวหนังสือหวัดหากทว่ามันก็ยังบรรจงในคราวเดียวกันตรงหน้าทำให้แฟร์รู้ทันทีว่าเจ้าของกระดาษโน้ตใบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…ราชันย์

ทานข้าวต้มให้อร่อย
ฉันเตรียมชุดใหม่ไว้ในตู้
อาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนั้น
แล้วมาพบฉันที่ห้องรับแขกเรือนใหญ่

แฟร์ปิดพับกระดาษโน้ตไว้ตามเดิม ร่างบางก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มตรงหน้าจนหมดก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อทำธุระตามที่อีกคนได้เขียนระบุไว้ในกระดาษโน้ตแผ่นนั้น เมื่อเสร็จร่างบางก็เดินออกจากบ้านสวนหลังนี้พร้อมกับมุ่งหน้าไปยังเรือนใหญ่ทันที

แฟร์เดินเข้าห้องโถงของเรือนใหญ่ด้วยท่าทีเกรงๆ บรรยากาศโดยรอบช่างเงียบสงัดส่งผลให้ร่างบางได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังแว่วออกมาจากห้องรับแขกห่างจากจุดที่เขายืนประมาณยี่สิบเมตรได้อย่างชัดเจน

แฟร์ตัดสินใจเดินผ่านตู้โชว์ของสะสมหลายหลังไปยังห้องรับแขกที่อยู่ทางขวามือ จนกระทั่งดวงตากลมสังเกตเห็นสมาชิกในครอบครัวนี้ทั้งหมดกำลังนั่งเรียงรายอยู่บนโซฟาหรูท่ามกลางการพูดคุยของพวกเขาที่ดูจะมีรายละเอียดสำคัญ เพราะในขณะที่ร่างบางได้ก้าวเท้าเดินเข้าไป เสียงเหล่านั้นกลับเงียบลงถนัดตาจนแฟร์เริ่มสงสัย

เจ้าบ้านอย่างกนกส่งยิ้มให้กับคนที่มาใหม่ ก่อนนัยน์ตาสีน้ำตาลของร่างบางจะกวาดมองไปจนทั่วห้องที่มีทั้งพ่อบ้าน แม่บ้าน และชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งซึ่งแฟร์เองก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนกำลังมองเขาเป็นตาเดียว

ราชันย์ที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวขวามือของกนกโบกมือเรียกแฟร์พลางเขยิบที่นั่งข้างตัวเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าร่างสูงกำลังบอกเป็นนัยให้ร่างบางเข้าไปนั่งก่อนแฟร์จะตัดสินใจทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่าง่าย

“หลับสบายมั้ยจ้ะหนูแฟร์” กนกเอ่ยทักทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นเมื่อแฟร์นั่งลงบนโซฟาข้างๆ ราชันย์เป็ฯที่เรียบร้อย

ร่างบางมองอีกฝ่ายกลับด้วยความรู้สึกผิดที่ประเดประดังเข้ามาจนคับอกก่อนราชันย์จะหันมาสบตากับเขาพลางพยักหน้าเพื่อเป็นการผ่อนคลายความกังวลนี้

“คะ…ครับ” แฟร์ตอบพลางก้มหัวกลับ

“นี่คือคุณทนงศักดิ์ทนายประจำตระกูลของเราจ้ะ” กนกแนะนำชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้วย

“ทนาย? ตระกูลของเรา?” ร่างบางถามอย่างไม่เข้าใจก่อนคนเป็นเจ้าของบ้านจะเอ่ยทับขึ้นมาเสียก่อน

“เอาล่ะในเมื่อมากันครบแล้วฉันก็จะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดในอดีตที่ยังติดค้างไว้แต่ก่อนอื่นฉันขอถามอะไรหนูแฟร์หน่อยจะได้มั้ย” กนกว่าพลางมองแฟร์นิ่ง

ร่างบางเหลือบมองอีกฝ่ายเพียงครู่ก่อนจะพยักหน้ากลับอีกฝ่ายเลยไม่รอช้าเอ่ยคำถามที่อยู่ในใจของเธอออกไปทันที

“แฟร์ได้ยินเรื่องที่ป้าส่งคนไปทำร้ายลินดาได้ยังไง” คนถามมีสีหน้าที่อยากจะรู้ความจริงในข้อนี้เอามากๆ

“ผมได้อ่านจดหมายของพ่อที่ฝากไว้กับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งน่ะครับบังเอิญคุณพ่อท่านอาศัยอยู่กับเขาก่อนจะเสีย” ร่างบางตอบ

“นิกรเสียแล้วเหรอ” กนกมีท่าทีตกใจกับข่าวที่ได้รู้เธอเบิกตากว้าพลางยกมือขึ้นปิดปากอย่างเสียไม่ได้

“ครับเมื่อสองปีก่อน” แฟร์ว่าก่นอจะยกน้ำเปล่าตรงหน้าขึ้นดื่ม

“ป้าเสียใจด้วยนะจ้ะไม่คิดเลยว่าสองคนนั้นเขาจะเสียในเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะคุณพิภพเองก็เสียไปเมื่อสองปีก่อนเหมือนกัน” เจ้าของบ้านเอ่ยคำพูดเป็นนัยออกมาให้ร่างบางสงสัยก่อนเธอจะถอนหายใจและเริ่มต้นเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตทั้งหมดออกมาในที่สุด

“ป้ากับลินดาเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยม…” กนกเอ่ยเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้า ดวงตาที่เคยเป็นประกายกลับหดหู่ลงอย่างเห็นได้ชัดท่ามกลางทุกคนในห้องที่เงียบกริบตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอพูด

“จำได้ว่าตอนนั้นพวกเราเรียนมอปลายปีสุดท้าย ลินดาถูกผู้ชายคนหนึ่งที่หล่อเหลาเอาการตามจีบ…เขาคือคุณพิภพ” คนเล่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองไปยังร่างบางที่นั่งข้างๆ ลูกชายคนโตของตน

“แต่เพราะอยู่คนละโรงเรียนพวกเขาทั้งคู่จึงได้เจอกันเฉพาะเวลาหลังเลิกเรียนเพียงเท่านั้น ซึ่งทุกครั้งที่คุณพิภพมาหาลินดาเธอก็มักจะพาป้าไปด้วยเสมอเช่นเดียวกับฝ่ายนั้นที่มักจะเกี่ยวเอาเพื่อนรักอีกคนมาด้วยนั่นก็คือนิกร”

ร่างบางมองกนกกลับด้วยแววตานิ่ง แฟร์หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อได้ฟังเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังเล่า

“นิกรตามจีบป้าหลังจากที่ลินดากับคุณพิภพคบหากันได้สามเดือน เขาเป็นคนทุ่มเท มุ่งมั่น มีความเป็นตัวเอง แต่เขากลับไม่เคยฟังใครแถมยังใจร้อน ป้าจึงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ กับเขาตั้งแต่แรก แต่สุดท้ายป้าก็ตกลงคบหากับเขาเพียงเพราะอิจฉาลินดาที่มีคนดีๆ อย่างคุณพิภพคอยดูแล…ซึ่งในตอนนั้นป้าเองก็อยากจะมีบ้าง” เสียงของกนกสั่นเครือ เธอพยายามบังคับน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาด้วยการเงยหน้าขึ้นพลางกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะเล่าต่อ

“แต่หลังจากนั้นไม่นานป้ากับนิกรก็พลาด…พวกเรามีอะไรกันจนกระทั่งอีกสองเดือนหลังจากนั้นป้าก็รู้ว่าตัวเองท้อง ป้าเลือกตัดขาดการติดต่อกับนิกรตั้งแต่นั้น จนกระทั่งครอบครัวของป้ารู้เรื่องเข้า พวกเขารับไม่ได้จึงหาผู้ชายที่เหมาะสมทั้งฐานะและชาติตระกูลให้มาแต่งงานกับป้า ซึ่งป้าเองก็มารู้ทีหลังว่าผู้ชายคนนั้นกลับเป็นคุณพิภพโดยในตอนนั้นครอบครัวของเรากำลังจะร่วมทำธุรกิจกันทางฝ่ายผู้ใหญ่จึงเห็นดีอยากให้ดองกันไว้เพราะมันค่อนข้างที่จะมีผลดีต่อธุรกิจในวันข้างหน้า”

ร่างบางได้ยินก็รู้สึกปวดร้าวไปทั้งอก เรื่องราวที่ออกมาจากคำพูดของกนกแม้ว่าจะยังไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่หากทว่าแฟร์กลับรู้สึกว่ามันเศร้าเหลือเกินจนน้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“หลังจากที่ป้าแต่งงานกับคุณพิภพพวกเราก็ตกลงกันไว้ว่าจะอยู่กันเหมือนเพื่อน คุณพิภพจะยังไปหาลินดาได้เสมอเมื่อต้องการซึ่งป้าเองก็ตกลงและดูแลตัวเองอย่างดีจนเมื่อเวลาผ่านไปเก้าเดือนป้าก็คลอดราชันย์” กนกพูดพลางสบตาลูกคนโต

ร่างบางชะงักก่อนจะหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนข้างๆ เช่นเดียวกันหากทว่าราชันย์กลับไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่กนกเล่าออกมาแต่อย่างใด ร่างสูงยังคงมองไปยังผู้เป็นแม่ด้วยแววตาหนักแน่นไม่เปลี่ยน

“ป้ากับคุณพิภพช่วยกันเลี้ยงดูราชันย์อย่างดีในขณะที่คุณพิภพเองก็ยังคงไปหาลินดาไม่เคยขาด ส่วนนิกรที่อยากเจอป้าก็ฝากคำขอร้องผ่านคุณพิภพกลับมาบอกเสมอ แต่เป็นป้าเสียเองที่ไม่กล้าพอจะไปเจอเขา ป้ากลัว อะไรหลายๆ อย่างทำให้ป้าเอาแต่หลบอยู่แบบนี้และไม่ให้เขารู้กระทั่งว่าราชันย์คือลูกของเขา” น้ำตาของกนกไหลอาบข้างแก้ม เธอเอื้อมมือขึ้นปาดมันออกก่อนจะสบตากับแฟร์ที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงพลางเหยียดรอยยิ้มเศร้ามาให้

“แต่พอเข้าปีที่สามหลังจากที่ป้าแต่งงานกับคุณพิภพ ลินดาก็ตั้งท้อง คุณพิภพเลยอยากจะหย่าเพื่อที่จะได้กลับไปดูแลเธอได้ แต่เรื่องทั้งหมดกลับถึงหูผู้ใหญ่ทางฝั่งป้าเสียก่อน พวกเขาส่งคนไปทำร้ายลินดาถึงที่บ้าน ป้าโกรธมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และหลังนั้นไม่นานลินดาก็หนีไปแถมยังตัดขาดการติดต่อกับทุกคนทำให้คุณพิภพนั้นเสียใจมาก”

“แต่แล้ววันหนึ่งลินดาก็เขียนจดหมายส่งมาถึงป้า บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอว่าตอนนั้นเธอสบายดี เธอเข้าใจเรื่องที่ถูกทำร้ายและไม่อยากให้ป้าโทษตัวเอง เธอได้คลอดลูกชายหน้าตาน่ารักพร้อมกับมีคนคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนซึ่งป้าก็ไม่คิดเลยว่าเพื่อนคนนั้นจะเป็นนิกร” แฟร์มองกนกด้วยแววตาสั่นระริก ร่างสูงข้างๆ จึงเอื้อมมือมากุมมือของเขาไว้อย่างหลวมๆ เพื่อเป็นการปลอบ

“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ป้าขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเพราะถ้าหากในอดีตป้าเข้มแข็งเทียบเท่าลินดาสักนิดชีวิตของทุกคนก็คงไม่เป็นแบบนี้” กนกว่าทิ้งท้ายก่อนจะเช็ดน้ำตาตัวเองเบาๆ

“แล้วผมจะเชื่อเรื่องที่คุณป้าเล่ามาทั้งหมดได้ยังไง” ร่างบางเอ่ยหลังจากที่อีกคนเล่าจนจบ กนกเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพลางยิ้ม

“ป้ารู้ว่าหนูต้องถาม” เจ้าของบ้านว่าก่อนจะหยิบเอาซองจดหมายที่วางไว้บนโต๊ะด้านหน้าอยู่ก่อนแล้วยื่นให้กับแฟร์

“นี่เป็นจดหมายที่ลินดาเขียนส่งมา มีรูปเราตอนยังแบเบาะด้วยนะน่ารักไม่เบาเลย” ร่างบางมองซองจดหมายที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ก่อนจะเอื้อมมือออกไปหยิบและแกเปิดอ่านทันที

ข้อความตัวบรรจงที่ถูกขีดเขียนมาด้วยหมึกปากกาสีน้ำเงินทำเอาแฟร์รู้สึกคับแน่นไปทั้งอก เนื้อความบอกเล่าเรื่องราวที่ใช้สำนวนแบบเพื่อนสนิทคุยกันทำให้ร่างบางที่กวาดสายตาอ่านมันจนจบรีบเงยหน้ามองกนกที่ยังคงส่งยิ้มกลับมาให้เขาก่อนที่มือเล็กจะหยิบเอารูปใบหนึ่งที่แนบมาในซองจดหมายขึ้นดู

มันเป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กทารกชายที่มีไฝสองเม็ดเล็กใต้ตาขวาส่งยิ้มมาด้วยใบหน้าที่มีความสุข

แฟร์มองรูปตรงหน้าก่อนน้ำตาของเขาจะไหลออกมาเป็นสาย ใบหน้าของผู้เป็นแม่ที่เขาไม่เคยลืมแม้ว่าอีกฝ่ายจะจากไปนานกว่าสิบเจ็ดปีแล้วแต่ไม่เคยมีสักวันที่ร่างบางจะไม่คิดถึง

“นิกรคงไม่รู้เรื่องนี้เขาเลยผูกใจเจ็บ ป้าอยากขอโทษที่ทำกับเขาแบบนั้นมาโดยตลอดแต่ก็หาทางติดต่อกับเขาไม่ได้” กนกเอ่ยก่อนราชันย์จะเอ็ดร่างบางที่เอาแต่ร้องไห้กลับ

“หยุดร้องไห้ได้แล้วไม่อายบ้างหรือไง” ร่างสูงว่าพลางเอื้อมมือไปปาดน้ำตาอีกฝ่ายออก

“ก็ผม…” แฟร์พยายามจะเถียงพร้อมกับเบือนหน้าหนีเพราะรู้ดีว่าทุกคนกำลังมองพวกเขาอยู่หากแต่ราชันย์ก็ยังไม่หยุดการกระทำเหล่านั้น

“เข้มแข็งหน่อยแฟร์” ร่างสูงเอ่ยหลังจากที่ปาดน้ำตาอีกฝ่ายออกจนหมดก่อนร่างบางที่เงยหน้าขึ้มาสบตากับเขาจะเอ่ยถามกลับไปอีกเมื่อยังมีบางอย่างที่เขายังสงสัย

“แล้วอัศวิน…” ร่างบางเอ่ยไม่ทันจบราชันย์ก็สวนกลับทันควัน

“คนเราไม่ใช่พระอิฐพระปูนนายก็น่าจะเดาเรื่องต่อจากนั้นออก” ร่างสูงว่าพลางมองไปยังผู้เป็นแม่ที่ส่งยิ้มกลับมาราวกับคนโดนแซว

“หมายความว่าผมกับอัศวินเป็นพี่น้องกัน?” แฟร์เบิกตากว้างพลางมองไปยังคนที่ถูกกล่าวถึง

อัศวินยิ้มรับก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม

“ครับพี่ชาย” แฟร์อ้าปากค้างก่อนจะหันไปมองราชันย์เพื่ออยากให้อีกฝ่ายบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริงหากทว่าราชันย์กลับสวนคำพูดที่ทำเอาเขายิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่

“หน้านายกับมันเหมือนกันมากกว่าฉันซะอีกแล้วอะไรที่ทำให้นายคิดว่าเราสองคนจะเป็นพี่น้องกันล่ะหืม” ร่างสูงว่าพลางมองแฟร์กลับอย่างเอาเรื่องก่อนกนกจะขัดขึ้นเมื่อสถานการณ์ตรงหน้าเริ่มคลี่คลายเป็นไปอย่างที่เธอหวัง

“เอาล่ะเราเสียเวลามามากแล้วต่อไปคงเป็นหน้าที่ของคุณทนงศักดิ์แล้วล่ะค่ะ” เจ้าของบ้านว่าก่อนที่ทุกคนจะหันไปให้ความสนใจกับชายวัยกลางคนที่นั่งฟังเรื่องต่างๆ อย่างเงียบๆ อยู่ตรงโซฟาเล็กซ้ายมือของกนกทันที

“ได้ครับ ถ้าอย่างงั้นผมจะเปิดพินัยกรรมของคุณพิภพเดี๋ยวนี้”

“พินัยกรรม?” สิ้นเสียงของทนงศักดิ์แฟร์ก็ทวนคำพูดนี้ขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

“ใช่จ้ะเพราะคุณพิภพสั่งเสียเอาไว้ว่าหากวันไหนที่หาตัวลูกแท้ๆ ของเขากับลินดาเจอให้เปิดพินัยกรรม” กนกคลายความสงสัยแต่ร่างบางกลับยิ่งรู้สึกว่าเรื่องมันเริ่มที่จะเลยเถิดไปกันใหญ่จนต้องกล่าวห้าม

“แต่ว่าผม…ผมไม่มีหลักฐานในการแสดงตัวเลยแม้แต่อย่างเดียวนะครับ” แฟร์ว่า

“ป้าเชื่อของป้าไม่มีใครที่จะมีไฝสองเม็ดเล็กใต้ตาขวาแบบเราอีกแล้ว”

“แต่ว่า…”

“งั้นป้าขอถามเราหน่อยสิว่าลินดาเกิดวันที่เท่าไหร่”

“ท่านเกิด วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2513 ครับ”

“แล้วชอบทานขนมอะไร”

“ท่านชอบทานขนมไทยโดยเฉพาะจ่ามงกุฎ”

“แล้วเวลาจะนอนเธอจะทำอะไร”

“ท่านจะต้องอ่านหนังสือที่คล้ายๆ กับไดอารี่เล่มเล็กๆ สีน้ำเงินทุกครั้งและจะนั่งสมาธิอีกประมาณสิบนาที” สิ้นเสียงคำตอบของร่างบางกนกก็เผยรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้น

“แฟร์อาจจะยังไม่รู้ว่าแม่ของเธอเป็นคนโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงหากใครไม่สนิทจริงจะไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอกโดยเฉพาะเรื่องไดอารี่เพราะมันเป็นไดอารี่ที่คุณพิภพให้กับเธอเอาไว้ฉะนั้นป้าเชื่อว่าเราคือตัวจริง” ว่าเสร็จกนกก็หันไปหาทนงศักดิ์

“เชิญคุณทนงศักดิ์ต่อเลยค่ะ”

“ครับคุณกนก” ทนงศักดิ์พยักหน้ารับก่อนจะล้วงเอาพินัยกรรมของพิภพขึ้นมาอ่านทันที

“ข้าพเจ้านายพิภพ ชวกรดำรงค์ ได้จัดทำพินัยกรรมเพื่อยกมรดกและทรัพย์สินของข้าพเจ้าภายหลังจากที่ข้าพเจ้าเสียชีวิตให้กับทายาทและบุคคลต่างๆ ดังมีรายนามดังต่อไปนี้…

1. นายราชันย์ ชวกรดำรงค์ บุตรชายของนางกนก ชวกรดำรงค์ และนายนิกร พรรักษา จะได้รับตำแหน่งผู้บริหารบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd. ในส่วนของกิจการอสังหาริมทรัพย์ หุ้นของข้าพเจ้าทั้งหมดจำนวนสามสิบเปอร์เซนต์ทั้งภายในบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd. และตลาดหลักทรัพย์ เงินสดจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบล้านบาทและบ้านพักที่จังหวัดภูเก็ตจำนวนหนึ่งหลัง

2. บุตรของข้าพเจ้าและนางลินดา มานะชื่น (ในกรณีที่ยังมีชีวิตอยู่) จะได้รับตำแหน่งผู้บริหารบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd.ในส่วนของกิจการเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หุ้นของข้าพเจ้าทั้งหมดจำนวนสามสิบห้าเปอร์เซนต์ทั้งภายในบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd. และตลาดหลักทรัพย์ เงินสดจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทและบ้านพักที่จังหวัดภูเก็ตจำนวนหนึ่งหลัง

3.นายอัศวิน ชวกรดำรงค์บุตรชายของข้าพเจ้าและนางกนก ชวกรดำรงค์ จะได้รับตำแหน่งผู้บริหารบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd.ในส่วนของกิจการโรงแรมและที่พัก หุ้นของข้าพเจ้าทั้งหมดจำนวนสามสิบห้าเปอร์เซนต์ทั้งภายในบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd. และตลาดหลักทรัพย์ เงินสดจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทและบ้านพักที่จังหวัดเชียงใหม่จำนวนหนึ่งหลัง

4.นางกนก ชวกรดำรงค์ ภรรยาของข้าพเจ้า จะได้รับบ้าน 'ชวกรดำรงค์' เครื่องเพชรทั้งหมด เงินสดจำนวนสองร้อยล้านบาท บ้านพักที่เขาใหญ่จำนวนสองหลังและสิทธิ์ในการดูแลบุตรของข้าพเจ้ากับนางลินดา มานะชื่น ในกรณีที่ยังมีชีวิตให้อยู่อย่างสุขสบาย

5.พ่อบ้าน แม่บ้านตลอดจนถึงคนสวนและคนรับใช้ทุกคนในบ้าน 'ชวกรดำรงค์' จะได้รับเงินจำนวนห้าแสนบาททุกคนภายหลังจากได้เปิดพินัยกรรมนี้แล้ว

หากบุตรของข้าพเจ้าและนางลินดา มานะชื่น ถึงแก่ชีวิตก่อนการเปิดพินัยกรรมฉบับนี้ทรัพย์สินทั้งหมดที่ข้าพเจ้ามอบให้จะตกเป็นของนายราชันย์และนายอัศวิน ชวกรดำรงค์ คนละห้าสิบเปอร์เซนต์ทันที

ลงชื่อ พิภพ ชวกรดำรงค์”


อ่านจบทนงศักดิ์ก็ปิดพับสมุดพินัยกรรมของพิภพลง ร่างบางของแฟร์ได้ยินดังนั้นก็ตัวชาวาบขึ้นมาทันที แฟร์ตกใจกับเรื่องที่เพิ่งจะได้รู้เป็นอย่างมาก เหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไปมันช่างไกลกว่าที่เขาคิด แฟร์ขมวดคิ้วพลางรวบมือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อด้วยท่าทีประหม่าก่อนเจ้าของบ้านอย่างกนกจะเอ่ยถามกลับเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวเอาแต่นิ่งเงียบ

“นี่คือสิ่งสุดท้ายที่คุณพิภพอยากจะมอบให้กับทุกคน…แฟร์ฉันอยากจะให้หนูย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราในฐานะลูกชายของฉันอีกคน” กนกว่าก่อนราชันย์จะเอ่ยเสริม

“ใช่มาอยู่ด้วยกันเสียที่นี่นายจะได้ไม่ต้องลำบากอีก” ร่างสูงมองไปยังคนข้างๆ ที่เอาแต่เงียบก่อนกนกที่กำลังจะเอ่ยอะไรออกมาอีกจะถูกร่างบางเอ่ยทับ

“แฟร์…”

“ผมขอไม่รับครับ”

“!!”

“ผมไม่อยากได้ทรัพย์สินอะไรทั้งนั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วแต่ผมก็ไม่ได้อยากให้ทางคุณป้ารับผิดชอบอะไร” คำพูดของแฟร์สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนในห้องเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกับราชันย์ที่หันมองคนข้างๆ อย่างไม่เข้าใจทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยถาม

“หมายความว่าไง” สิ้นเสียงของราชันย์แฟร์ก็หันไปให้คำตอบคนข้างๆ ด้วยใบหน้านิ่ง

“ผมขอจบเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดแต่เพียงเท่านี้ ผมไม่ต้องการอะไรนอกจากขอให้ผมได้ใช้ชีวิตอยู่แบบเดิม เป็นเพื่อนบ้านไม่ก้าวก่ายชีวิตของกันและกันแค่นั้นก็พอครับ”

“ไม่ได้!” ราชันย์ตะโกนขัดก่อนจะลุกขึ้นมองแฟร์อย่างเอาเรื่อง

“ราชันย์ใจเย็นก่อนลูก” กนกเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปราม

“กูไม่ยอมให้มึงทำแบบนั้นแน่!!” ร่างสูงเอ่ยทันทีที่อีกฝ่ายลุกยืนขึ้นตาม คำพูดว่าร้ายที่ดังออกมาทำเอาผู้เป็นแม่ที่กำลังคว้าแขนลูกชายคนโตเอาไว้เพื่อให้ใจเย็นสะดุ้งเฮือก

แฟร์มองหน้าราชันย์นิ่ง ร่างบางไม่เอ่ยอะไรออกมาก่อนร่างสูงตรงหน้าจะตวาดถามกลับไปอีก

“กูนึกว่าเราเข้าใจกันแล้วตั้งแต่เมื่อคืน! ตกลงมึงต้องการจะไปจากกูให้ได้เลยใช่มั้ย!!”

“คือหนูแฟร์ป้าว่า…” กนกที่พยายามจะให้ทั้งสองฝ่ายคุยกันดีๆ เอ่ยปากหากแต่ร่างบางที่กำลังจ้องราชันย์ด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดากลับเอ่ยขึ้นทับพลางยกมือไหว้

“เสร็จธุระทั้งหมดแล้วใช่มั้ยครับคุณป้างั้นผมขอตัวกลับก่อน” แฟร์ทำท่าจะเดินออกจากห้องรับแขกมาทันทีแต่ร่างสูงของราชันย์กลับฉวยข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับกระชากกลับ

“มึงยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นกลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง!!”

“โอ้ย!!” แฟร์ร้องออกมาพลางนิ่วหน้า

“ราชันย์!” กนกตะโกนปรามลูกตัวเองลั่นจนทุกๆ คนในห้องต่างพากันจดจ้องไปยังพวกเขาเป็นตาเดียว

“กูไม่ยอมปล่อยมึงไปเด็ดขาด!” ร่างสูงว่าพลางยื้อแฟร์ที่พยายามแกะมือหนาของเขาออกเอาไว้

“ผมแค่ต้องการความสงบสุขของผมคืน!” ร่างบางตะโกนบอกก่อนจะสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของราชันย์ได้สำเร็จและเตรียมเดินหนีออกมาทันทีหากทว่าคำพูดต่อมาของราชันย์กลับทำให้แฟร์ถึงกับชะงัก

“แต่มึงเป็นเมียกูแล้ว!!”

“!!”

ร่างสูงตะโกนออกไปอย่างไม่อาย ผู้เป็นแม่นถึงกับเบิกตากว้างพอๆ กับทุกคนในห้องที่เมื่อได้ยินก็ส่งเสียงอื้ออึงออกมาอย่างไม่เชื่อหู

ร่างบางหันกลับมามองราชันย์อย่างคาดโทษก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยคำพูดว่าร้ายออกไปอีกหากแต่มันกลับเป็นคำพูดร้ายๆ ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่อยากจะให้อีกฝ่ายรับรู้

“มึงเป็นเมียกูแล้ว! ไม่ใช่แค่กูที่ต้องรับผิดชอบมึงแต่มึงต้องรับผิดชอบใจของกูด้วย!!”

“!!”

แฟร์เบิกตากว้างทันทีที่ได้ยิน ร่างบางเริ่มหายใจเข้าออกได้ไม่ทั่วท้องก่อนที่เนื้อตัวจะค่อยๆ ชาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายพยายามเอ่ยคำพูดมากมายออกมาท่ามกลางสายตาที่ราชันย์ใช้มองเขา

มันดู…ยอมแพ้และอ้อนวอนจนคนถูกมองถึงกับใจเต้นรัว

“ต้องทำยังไงมึงถึงจะยอมยกโทษให้กู…บอกกูหน่อยแฟร์ว่ากูต้องทำยังไง”

“…”

“กูรักมึงแฟร์…กูรักมึงไปแล้วเข้าใจกูบ้างมั้ย”

“!!”

แฟร์หัวใจกระตุกวูบทันทีที่ได้ยิน ร่างบางสับสนจนไม่อาจควบคุมการกระทำและอารมณ์ของตัวเองได้ สายตาที่เขาใช้มองไปยังเจ้าของคำบอกรักนี้สั่นระริกก่อนที่น้ำใสจะค่อยๆ เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตากลมเมื่อภาพเหตุการณ์ร้ายๆ ที่อีกฝ่ายเคยทำเอาไว้กลับฉายชัดขึ้นมาเสียจนแฟร์รับรู้ถึงความรู้สึกตอนนั้นได้เป็นอย่างดี

ร่างบางมองราชันย์อีกเพียงครู่ก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับและวิ่งออกจากบ้านชวกรดำรงค์มาทันที

“แฟร์!!” ราชันย์ตะโกนก้องอย่างบ้าคลั่งก่อนจะพยายามวิ่งตามอีกคนออกไปแต่กนกกับอัศวินและคนอื่นๆ กลับตรงเข้ามายื้อตัวเขาเอาไว้เสียก่อน

“ปล่อยผม! หยุดเดี๋ยวนี้นะแฟร์! กลับมา!!!” ร่างสูงตะโกนออกไปจนสุดเสียงแต่ร่างบางกลับไม่ยอมทำตามเลยสักนิด แฟร์ยังคงวิ่งออกไปอย่างไม่เหลียวหลังก่อนราชันย์จะทรุดตัวลงเสียตรงนั้นราวกับคนหมดแรง

กนกมองดูลูกชายที่ไม่เคยอ่อนแอให้เห็นเลยสักครั้งด้วยความสงสาร ผู้เป็นแม่รู้ดีว่าระหว่างแฟร์กับราชันย์ต้องมีอะไรมากกว่าการเป็นเจ้านายกับลูกน้องอย่างแน่นอนก็ตอนที่เห็นราชันย์ตะโกนเรียกอีกฝ่ายอยู่หน้าบ้านในวันนั้น

“อย่าเพิ่งคาดคั้นหนูแฟร์เขาเลยแกคงกำลังสบสันให้เวลาแกได้คิดอีกสักนิดเถอะ” กนกว่าก่อนจะมองใบหน้าราชันย์ที่ตอนนี้มันช่างดูเคร่งเครียดปนเศร้าหมองกว่าครั้งไหนๆ อย่างเห็นใจ

“ผม…” ร่างสูงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือก่อนคนเป็นแม่จะเอ่ยถามเรื่องที่ยังสงสัยกับคำพูดของอีกฝ่ายเมื่อกี้ออกไป

“ความจริงแม่ก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของลูกหรอกนะ แต่คำที่ลูกใช้เรียกหนูแฟร์เมื่อกี้มันทำให้แม่ต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

“…”

“บอกแม่มาให้หมดว่าลูกทำอะไรไว้กับหนูแฟร์”

“!!”



TBC..........
------------------------------------------------
เรื่องครอบครัวคลี่คลายลงแล้ว เหลือแต่เรื่องส่วนตัวของทั้งคู่แล้วล่ะ!!
#อีเฮียคายปากบอกรักหนูแฟร์แล้วค่ะ กิ่งอยากจะกรี๊ดดดดดด
บอกต่อหน้าทุกคนด้วยนะเออ ไม่ธรรมดา พระเอกของเราใจกล้าชะมัด!


 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.18 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 27-07-2017 10:09:34
ฉากบอกรักยังฮาร์ดคอร์สไตล์คุณราชันย์โฉด
โดนคณนายแม่เล่นแล้วไง
ตามไปตื้อน้องแฟร์ด่วน วิ่งหายไปไหนไม่รู้
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.18 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 27-07-2017 13:13:26
น้องจะใจอ่อนไม๊น้า
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.18 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 27-07-2017 16:52:12
หึหึหึ  ชันย์ตรอมใจตายแน่ๆ  แฟร์เอาจริง
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.19 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 27-07-2017 20:07:07


CHAPTER 19




[Fair’s Part]

ผมกำลังนั่งจ้องผู้ชายคนหนึ่งอยู่บนโซฟาในห้องที่อีกฝ่ายมักจะมาหาใครอีกคนอยู่ทุกวันอย่างละเหี่ยใจ คนตรงหน้าขมวดคิ้วจนขดเป็นปมมองผมตอบอย่างไม่สบอารมณ์ ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลานั่นก็ดูจะมู่ทู่ลงเสียจนมันยุ่งเหยิงไปหมดก่อนที่คำถามเดิมๆ จะหลุดออกจากปากเขามาเหมือนอย่างเช่นเคย

“เมื่อไหร่จะกลับบ้านตัวเองไปสักที”

“…”

“รู้มั้ยว่าตั้งแต่นายอยู่ที่นี่ฉันพลาดอะไรไปบ้าง”

“…”

“เอ้า!! เงียบ! เงียบอีก! แม่ง! เมียไอ้ชันย์นี่ทำฉันอารมณ์เสียได้ทุกวันจริงๆ!”

ผมได้แต่มองจอมพลที่เอาแต่ทึ้งผมตัวเองพร้อมกับสบถออกมาอย่างหัวเสียด้วยใบหน้าเรียบเฉย ร่างสูงของชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดปีพยายามหาทางเกลี้ยกล่อมให้ผมกลับบ้านไปตั้งแต่วันแรกที่มาถึงคอนโดของเพื่อนสนิทอย่างภีมจนกระทั่งมาถึงวันนี้เขาก็ยังคงไม่ลดละความพยายามที่ผ่านมากว่าหนึ่งอาทิตย์เลยจนผมอดไม่ได้ที่จะโต้ตอบกลับไปบ้าง

“เอาล่ะคราวนี้ถึงตาผมถามคุณบ้าง” ผมเอ่ยกลับไปก่อนคนตรงหน้าจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“แล้วคุณล่ะมาคอนโดเพื่อนผมทุกวันแบบนี้ทำไม”

“!!”

“เมื่อไหร่จะหยุดมา”

“!!”

“แล้วรู้หรือเปล่าว่าไอ้ความไม่ชัดเจนของคุณมันทำให้เพื่อนผมพลาดอะไรไปบ้าง”

“!!”

“เอ้า!! เงียบ! เงียบอีก! แม่ง! คุณมันก็เหมือนเพื่อนของคุณที่ทำให้ผมอารมณ์เสียทุกครั้งที่เจอ!”

“!!!” อีกฝ่ายอึ้งกิมกี่เมื่อผมพูดจบ

“เห็นมั้ยว่าคุณเองก็ตอบคำถามของผมไม่ได้ ฉะนั้นก็เลิกถามผมสักที!” ผมว่าก่อนคนตัวสูงจะกลืนน้ำลายลงคอของตัวเองไปในขณะที่ผมเองก็ตัดสินใจลุกขึ้นและเดินเลี่ยงออกมาสูดอากาศตรงระเบียงนอกห้องทันทีโดยมีเสียงของจอมพลที่เพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ตะโกนไล่หลังมาติดๆ

“ไอ้ชันย์เมียมึงนี่แม่งปากจัดพอๆ กับเมียกูเลยว่ะ!”
:
:
:
ผมมองไปยังท้องฟ้าตรงหน้าที่เริ่มจะมืดลงไปทุกทีตามเวลาที่ปรากฎบนหน้าปัดนาฬิกาอย่างเหงาๆ หกวันมาแล้วสินะที่ผมต้องหอบผ้าหอบผ่อนขอมาอยู่กับภีมโดยมีอีกคนที่มักจะมาหาเจ้าของห้องอยู่บ่อยๆ  อย่างจอมพลค่อนแขวะอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเพราะอยากให้ผมกลับไปเสียที

ผมล้วงเอาโทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋ากางเกงออกมาก่อนจะกดเข้าไปดูในกล่องข้อความเข้าที่ถูกใครอีกคนส่งมันมามากกว่าร้อยฉบับด้วยถ้อยคำที่พออ่านแล้วรู้สึกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายพยายามง้อและอ้อนวอนให้ผมกลับไปมากแค่ไหนทั้งที่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าตอนนี้ผมอยู่กับใครหากทว่าอีกฝ่ายก็ยังเว้นระยะไว้ไม่เข้ามายุ่งกับสิ่งที่ผมกำลังทำหรือแม้กระทั่งมาตามผมกลับไปด้วยตัวของเขาเอง

ซึ่งผมก็มองว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ในตอนนี้มันดีกับเราทั้งสองฝ่าย ผมต้องการเวลาเขาเองก็ต้องการเวลาในการปรับความคิดและทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่แรกจนถึงทุกวันนี้วันที่เราทั้งสองคนต้องสูญเสียอะไรกันไปมาก มากเกินจนบางครั้งผมก็คิดนะว่ามันคุ้มหรือเปล่าหากผมต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างต่อจากนี้

ผมถอนหายใจออกมาเพื่อให้ผ่อนคลายกับความคิดมากมายที่รุมเร้าก่อนจะเปิดอ่านข้อความสุดท้ายที่ถูกอีกคนส่งเข้ามาเมื่อสองวันที่แล้ว

ถ้าหากอยู่ที่นั่นแล้วมันทำให้มึงสบายใจกูก็จะไม่ห้ามมึงอีก แต่ขอแค่อย่างเดียว…คือขอแค่มึงกลับบ้านเมื่อไหร่ก็ได้ที่มึงรู้สึกโอเค-
-แล้วกูจะรอวันนั้น…ราชันย์-


ชื่อของผู้ชายที่พยายามหาทางติดต่อกับผมมาตลอดหกวันและก็เป็นชื่อเดียวกับชื่อต้องห้ามที่ภีมจะไม่เอ่ยออกมาเพราะผมได้ขอเขาเอาไว้ ถูกผมกวาดสายตาอ่านมันขึ้นอีกครั้ง ผมเองก็ไม่รู้นะว่าตอนนี้ความรู้สึกที่ผมมีกับอีกคนมันคืออะไร จะบอกว่าผมหายโกรธเขามันก็คงจะไม่ใช่ทั้งหมดเพราะราชันย์ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยกับผมไว้มากแต่มันก็ไม่ได้ถึงขนาดที่ผมจะเครียดแค้นจนอยากจะฆ่าเขาให้ตายเสียหลังจากนี้แต่อย่างใด

ผมปิดข้อความที่เพิ่งอ่านจบลงก่อนจะหันหลังมองเข้าไปในห้องเมื่อได้ยินเสียงเอะอะที่ดังเล็ดลอดออกมา ร่างสูงของชายหนุ่มที่แวะเวียนมาหาเพื่อนสนิทของผมเสมอกำลังงี่เง่ากับการที่ภีมแค่แวะไปซื้อของกับเดนิสรุ่นพี่ห้องตรงข้ามหลังจากเลิกงานซึ่งฝ่ายนั้นได้โทรบอกผมก่อนแล้วแต่กับจอมพลที่รีบตรงดิ่งมาที่นี่ทันทีหลังจากออกไปคุยธุระกับหุ้นส่วนข้างนอกร่างโปร่งของเพื่อนผมกลับไม่ยอมบอกให้เขารู้จนกลายเป็นว่าชายหนุ่มอายุยี่สิบแปดคนนี้ต้องทำหน้าบึ้งตึงแถมยังกระฟัดกระเฟี้ยดเสียจนภีมมันต้องออกมาหาผมข้างนอกเป็นการหนีจากอีกคนทันที

“กลับมาแล้วเหรอ” ผมถามก่อนภีมที่เดินมาเกาะขอบระเบียบข้างๆ จะถอนหายใจพลางตอบ

“อืม”

“เมื่อกี้หมอนั่นชวนมึงทะเลาะเรื่องอะไรอีก”

“ก็เรื่องที่กูไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกับพี่เดนโดยไม่บอกเขาน่ะสิ”

“หึ! ดูท่าจอมพลมันจะหวงมึงมากเลยนะ” ผมแซว

“เหอะ! กูไม่รู้สึกดีกับคำพูดของมึงเลยว่ะแม่งยิ่งทำให้เครียดเข้าไปอีก” ภีมสบถก่อนจะขมวดคิ้วอย่างคิดหนัก

“ทำไมวะ”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอกอย่าสนใจเรื่องของกูเลยสนใจเรื่องของมึงดีกว่า เมื่อกี้เขาโทรมาหากูอีกแล้วนะเว้ย” ภีมเปลี่ยนเรื่องเมื่อรู้ว่ากำลังจะถูกผมต้อน

“เหรอ” ผมตอบกลับไปเพียงเท่านั้น ไม่ใช่ไม่รู้ว่าราชันย์ที่ติดต่อผมไม่ได้หันไปติดต่อกับภีมแทน

“ใช่ โทรมาถามเรื่องเดิมๆ ว่ามึงสบายดีมั้ย ทานข้าวหรือเปล่า นอนหลับมั้ย ยังร้องไห้อยู่อีกหรือเปล่า กูนี่ยอมแพ้กับคำถามพวกนี้ของเขาเลยจริงๆ” ภีมว่าก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวยาวพลางมองไปยังท้องฟ้าตรงหน้าเช่นเดียวกับผมเมื่อครู่

“แล้วมึงตอบเขาไปว่ายังไง”

“กูก็บอกว่ามึงสบายดีส่วนที่เหลือให้เขามาถามเอาจากมึงเอง” ภีมตอบก่อนจะเสมองผมที่ได้แต่ยิ้มให้มันกลับเพราะสิ่งที่มันทำน่ะถูกต้องแล้วจนอีกฝ่ายทนไม่ไหวเอ่ยออกมาอีก

“แฟร์มึง…”

“กูว่าจะกลับบ้านวันพรุ่งนี้”

“!!” ผมเอ่ยก่อนที่อีกคนจะทำหน้าอึ้งออกมาอย่างไม่เชื่อ

“กูจะกลับไปสะสางเรื่องทุกอย่างให้มันเคลียร์”

“เอาจริงดิ!?” ภีมถาม

“จริง…กูว่ากูหนีมาทำใจนานเกินไปแล้วว่ะ เรื่องที่ยังค้างคาในใจตอนนี้กูก็ได้คำตอบสำหรับพวกมันแล้วกูเลยอยากจะกลับไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง” ผมว่าก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวข้างๆ มันบ้าง

“ไอ้คำตอบที่มึงว่านี่คือยังไง? ไปในทางที่ดีหรือเปล่า” ภีมถามพลางจ้องผมนิ่ง

ผมหันไปสบตามันเพียงครู่ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับท้องฟ้าเบื้องหน้าอีกครั้งจนภีมต้องคาดคั้นออกมาอีก

“แฟร์บอกกูหน่อย”

“เห้อ~~ ไม่รู้สิยังไม่ได้พูดเลยไม่รู้ว่ามันจะไปในทางที่ดีหรือเปล่า” ผมบอกก่อนจะเอนหลังนอนลงบนเก้าอี้

“เหรอ…ยังไงซะกูก็เอาใจช่วยมึงเสมอนะ ไม่ว่ามึงจะตัดสินใจจัดการเรื่องของมึงยังไงก็ตาม”

“ขอบใจและก็ขอบคุณมากที่มึงให้ที่ซุกหัวนอนกู” ผมหันไปบอกมัน

“ห่า! มึงอย่ามาซึ้งตอนนี้นะกูขนลุก” ภีมโวยวายก่นอจะลูบแขนตัวเองไปมา

“กับกูเสือกขนลุกทีกับจอมพลอย่างอื่นของมึงลุกกูยังไม่ว่าเลย” ผมได้ทีแซวเรื่องที่เจอมาตลอดทั้งหกวันออกไปจนคนข้างๆ หน้าแดงใหญ่

“ไอ้หอก!! มึงเอาอะไรมาพูด!!!” ภีมถลึงตาอย่างไม่เชื่อหูพลางปฏิเสธกลับ

“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะเว้ยว่าพวกมึงทำอะไรกันตอนดึก แม่ง! กูไม่ได้หลับเต็มอิ่มมาเป็นอาทิตย์!”

“!!!”

คนถูกแซวอ้าปากค้างเมื่อไม่คิดว่าผมจะรู้เรื่องที่เขาทั้งสองคนมักจะทำกิจกรรมอะไรกันตอนดึกในยามที่เข้าใจว่าผมหลับลึกไปแล้ว

เอาจริงๆ นะผมน่ะรู้เลยว่าทำไมจอมพลมันถึงได้ตามหึงตามหวง ติดอกติดใจกับไอ้ภีมมันนักหนา ก็เสียงครางของเพื่อนคนนี้ของผมมันธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะ บางวันยังทำของผมตื่นขึ้นมากลางดึกจนต้องรีบเข้าห้องน้ำเลยคิดดู!

“ภีมกูเทกับข้าวเสร็จแล้ว”

ต้นเหตุของเรื่องที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ออกมาบอกคนที่กำลังอายเพราะเรื่องที่ผมแซวทำหน้าสงสัยเมื่อภีมเอาแต่จ้องเขากลับเขม็ง

“มีอะไร” จอมพลถามก่อนภีมจะมองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษและตวาดออกไป

“เพราะคุณคนเดียวเลย!!” ว่าเสร็จภีมก็เดินกระแทกไหล่จอมพลเข้าไปในห้องทันทีอย่างหัวเสีย

“ภีมมันเป็นอะไร” คนตัวสูงหันมาถามผมที่เอาแต่หัวเราะเพราะใบหน้าเหลอหลาของเขา

“ไม่รู้สิคุณถามมันเอาเองดีกว่า” ผมทำทีเป็นหุบยิ้มและกลั้นหัวเราะอย่างสุดชีวิตก่อนจะตอบทิ้งท้ายและเดินเลี่ยงอีกฝ่ายเข้าไปในห้องบ้าง




ผมนั่งถอนหายใจบนรถแท๊กซี่ที่โบกเพื่อนั่งกลับบ้านเป็นรอบที่ร้อยได้ ภีมที่ยื้อไว้เพราะคิดว่าผมยังทำใจไม่ได้พยายามห้ามไม่ให้กลับจนจอมพลที่เอาแต่ห้ามอีกคนไว้ต้องเอ่ยปากบอกให้ผมรีบกลับไปเสียทีก่อนที่เขาจะต้านแรงของภีมไว้ไม่อยู่

เหอะ…ทีแบบนี้ล่ะบอกว่าแรงภีมเยอะเสียยิ่งกว่าอะไร พอถึงคราวที่ตัวเองต้องการเข้าหน่อยแรงเพื่อนผมมีเท่าไหร่ยังสู้แรงของอีกฝ่ายที่เอาไว้ข่มเหงมันไม่ได้เลย

ให้มันได้อย่างนี้สิ!! ผู้ชายสองคนนี้เหมาะที่จะเป็นเพื่อนกันเสียยิ่งกว่าอะไรดี!!

แท๊กซี่คันที่ผมนั่งเลี้ยวเข้าในซอยที่ผมไม่ได้กลับมาเป็นอาทิตย์ก่อนที่ตัวรถจะพาผมที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยเพราะคิดแต่เรื่องต่างๆ จอดเทียบท่าตรงหน้าบ้านของผมพอดิบพอดี

ผมมองบ้านของตัวเองพลางเลิกคิ้วขึ้น แสงไฟที่เปิดสว่างทั้งหลังทำให้ผมตกใจและสงสัยอยู่ไม่น้อยก่อนจะพาตัวเองลงจากรถและจ่ายเงินคนขับกลับไปอย่างเร่งรีบ

“แฟร์!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังก่อนที่แรงโอบรัดจะปะทะเข้ากับแผ่นหลังของผมอย่างจังในขณะที่ยังไม่ทันได้หันกลับไปเลยสักนิด

“เดี๋ยว! คุณปล่อยผมก่อน!!” กลิ่นกายและน้ำเสียงทุ้มที่ไม่เคยลืมทำให้ผมรู้ทันทีว่าคนที่กอดตัวผมเอาไว้ตอนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ราชันย์!

“มึงกลับมาแล้วจริงๆ!” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นข้างใบหูซ้ายก่อนที่คนด้านหลังจะกระชับอ้อมกอดขึ้นอีก

“คุณราชันย์ปล่อยผม!”

“ขออีกนิดแค่อีกนาทีเดียวขออยู่แบบนี้ก่อน”

“ไม่เอา! ปล่อย! นี่มันหน้าบ้านนะคุณ!!” ผมดิ้นพลางหยิกมือหนาอีกคนกลับ

“ไม่! ถ้ากูปล่อยมึงไปอีกกูต้องกลายเป็นคนโง่อย่างที่กูโทษตัวเองอยู่ทุกวันแน่ๆ!”

“ผมก็กลับมาแล้วไง”

“แต่มันยังไม่พอ” คนด้านหลังไม่ยอมง่ายๆ

“โอเคๆ หนึ่งนาทีก็หนึ่งนาที” ผมยอมแพ้เพราะอีกคนกระชับอ้อมกอดมากขึ้นเสียจนผมเริ่มจะหายใจไม่ออก

ราชันย์ไม่พูดอะไรต่อจากนี้เขาทำเพียงแค่ยืนกอดผมอยู่นิ่งๆ ในขณะที่หัวใจของเขาเต้นเร็วเสียจนแผ่นหลังของผมที่แนบติดกับแผงอกของเขารู้สึกได้ ร่างสูงคลายอ้อมกอดเพียงนิดเมื่อรับรู้ว่าผมหายใจลำบากก่อนที่มือหนาจะเคลื่อนลงมารวบเอามือของผมที่ถือกระเป๋าอยู่เอาไว้แน่น

“ครบหนึ่งนาทีแล้วปล่อย” ผมเอ่ยก่อนจะแกะมือของเขาออกซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมแต่โดยดี

“ขอโทษ…” ราชันย์เอ่ยก่อนจะมองผมที่หันมาจ้องหน้าเขานิ่ง

“พอเถอะคุณพูดบ่อยจนผมรู้สึกว่าคำนี้มันแทบจะไม่มีความหมายอยู่แล้ว” ผมว่าก่อนจะถามต่อเมื่อยังสงสัย

“แล้วคุณมาทำอะไรที่บ้านของผม”

“กู…ขอมาอยู่ที่นี่กับมึงนะ” สิ้นเสียงคำตอบของคนตรงหน้าทำเอาผมถึงกับเบิกตาค้าง

“ไม่ได้!!”

“ทำไมจะไม่ได้”

“ก็ผมไม่ให้อยู่!!”

“แต่มึงก็รู้ว่าเราเป็นอะไรกันแล้ว!”

“หยุดเอาเรื่องนั้นมาพูดสักทีเถอะคุณราชันย์” ผมว่าก่อนอีกฝ่ายจะแสดงท่าทีและสีหน้าออกมาอย่างไม่พอใจ

“แปลว่ามึงไม่ได้คิดกับกูเหมือนที่กูคิดกับมึงงั้นสิ?”

“คุณชวนผมทะเลาะ?”

“กูนึกว่าสิ่งที่กูทำไปทั้งหมดมันจะทำให้มึงใจอ่อนและคิดได้” คนตรงหน้าเสยผมขึ้นอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยคำพูดมากมายออกมาอีก

“กูอุตส่าห์ไม่ไปตามมึงกลับเพราะรู้ว่ามึงต้องการเวลาแต่นี่มันไม่ยุติธรรมกับกูเลย!”

“แต่ผมให้คุณได้เท่านี้” ผมบอกก่อนอีกฝ่ายจะเบิกตากว้าง

“!!”

“และก็ขอบคุณมากที่คุณไม่ไปตามผมกลับเพราะรู้ว่าตอนนั้นผมต้องการเวลาเพื่อคิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง” ผมว่าต่อก่อนที่อีกคนจะทำหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ซึ่งตอนนี้ผมก็คิดได้แล้ว”

“มึงกำลังจะปฏิเสธกูสินะ” ราชันย์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แววตาที่เคยมุ่งมั่นกลับฉายความกลัวและความเสียใจออกมาอย่างปิดไม่มิดจนผมต้องเปลี่ยนเรื่อง

“ก่อนที่ผมจะพูดอะไรออกไปผมว่าคุณน่าจะมีอะไรที่มากกว่าการมายืนรอผมกลับอยู่หน้าบ้านแบบนี้หรอกใช่มั้ย” ผมว่าก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับเสียงเศร้า

“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญแล้ว”

“งั้นเหรอ”

“อืม เพราะยังไงมึงก็ปฏิเสธความรู้สึกของกูอยู่ดี”

“คุณจะไม่ลองพยายามทำอะไรหน่อยเลยเหรอ” ผมบอกก่อนอีกฝ่ายจะเงยหน้ามาให้ความสนใจ

“หมายความว่าไง”

“ก็แค่…คิดเอาเองสิผมจะเข้าบ้านแล้วหิวจะแย่” ผมเลี่ยงที่จะตอบเขาก่อนจะลากกระเป๋าเดินเข้าบ้านไป

“เดี๋ยวกูช่วย” ราชันย์สลัดเรื่องเมื่อครู่พลางเอ่ยไล่หลัง คนตัวสูงวิ่งเข้ามาคว้าสายกระเป๋าในมือของผมไปถือไว้ก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้านให้ด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนจะพรีเซ็นต์อะไรบางอย่างสุดๆ

ผมมองใบหน้าของเขาอย่างสงสัยก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าเดินเข้าในบ้านไปพลางกวาดตามองสิ่งของทุกอย่างในบ้านด้วยความอึ้ง

“นี่มัน!?”

“กูรีโนเวทภายในของบ้านหลังนี้ใหม่เพราะคิดว่าจะมาอยู่กับมึง”

“คุณนี่ชอบทำอะไรตามอำเภอใจให้ผมอึ้งได้ตลอดเลยสินะ” ผมว่าอีกคนกลับเมื่อเฟอร์นิเจอร์แทบจะทุกชิ้นหรือแม้กระทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ถูกเปลี่ยนใหม่หมดยกเซตเสียจนผมลมแทบจับ

“ที่กูทำเพราะกูหวังดีกับมึงนะของใช้บางอย่างในบ้านมันก็เก่าทรุดโทรมถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วด้วย” ราชันย์ว่าก่อนจะเดินตามผมที่เดินสำรวจบ้านไปมา

“ผมก็ยังไม่ได้ว่าเพียงแต่เวลาที่คุณจะทำอะไรก็บอกผมบ้าง” ผมหันมาเอ็ดคนเดินตาม

“โทรไปไม่รับ ส่งข้อความไปไม่ตอบ แล้วกูจะเอาเวลาที่ไหนไปบอกมึง” คนตรงหน้าเหน็บผมกลับ

“อย่างน้อยก็รอผมกลับมาก่อน”

“กูไม่รู้ว่ามึงจะกลับมาเมื่อไหร่”

“ก็ไม่เห็นยากเพราะคุณเองก็ติดต่อกับภีมอยู่แล้ว” ผมเอ่ยอย่างรู้ทัน

“ภีมไม่ได้บอกอะไรกูเลย”

“แล้วที่ทำอาหารพวกนี้ไว้ล่ะอย่าบอกนะว่านี่คุณกินคนเดียว?” ผมว่าเมื่อเดินเข้าไปในห้องครัวก็พบกับเมนูอาหารคาวหวานมากมายเต็มโต๊ะ

“ก็ได้ๆ ไอ้พลมันคอยรายงานกูทุกวัน” ราชันย์ยอมรับออกมาในที่สุด

“แล้ว?”

“วันนี้ก็ด้วยมันบอกว่ามึงจะกลับมา” ผมมองใบหน้าของคนที่ถูกจับได้ตรงหน้าเพียงครู่ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับบรรดาอาหารอีกครั้ง

“คุณทำเองหรือเปล่า”

“ใช่ มึงนั่งเลยเดี๋ยวกูตักข้าวให้” ราชันย์บอกพลางขยับเก้าอี้ของโต๊ะอาหารที่ถูกซื้อมาใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิมอีกเช่นเดียวกัน

“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวผมทำเอง” ผมบอกแต่อีกคนก็ยังดื้อไม่ยอม

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูตักให้”

“คะ!...” ทันทีที่ผมกำลังจะเถียงกลับเสียงโทรศัพท์จากในกระเป๋ากางเกงของคนตรงหน้าก็ดังขึ้น ราชันย์วางจานและช้อนตักข้าวในมือลงอย่างอารมณ์เสียก่อนจะล้วงต้นตอออกมาพลางมองผมกลับ

“โทษทีมินโทรมา”

“รับเถอะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินไปคว้าจานและช้อนตักข้าวขึ้นแต่ก็ถูกอีกคนห้ามเอาไว้

“เดี๋ยวกูมามึงอย่าเพิ่งตักข้าวนะกูจะกลับมาตักให้” คนห้ามลากผมกลับไปนั่งที่เดิมพร้อมกับสั่งก่อนจะเดินหายออกไปยังหลังบ้าน

ผมมองแผ่นหลังกว้างของราชนัย์พลางยิ้มขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ท่าทีและคำพูดของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปมากในขณะที่ความเอาแต่ใจยังคงมีอยู่ให้เห็นบ้างแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงมีเสน่ห์และน่าหลงใหลไม่เปลี่ยน ติดอยู่อย่างเดียวที่มันขัดใจผมอยู่นิดๆ นั่นคือเขาดูซูบลงกว่าครั้งล่าสุดที่ผมเห็น แทนที่เขาจะเอาแต่ถามภีมว่าผมทานข้าวมั้ย และนอนหลับหรือเปล่า ผมว่าเขาน่าจะเอาคำถามพวกนี้ถามตัวเองเสียยังดีกว่า

ติ๊งหน่อง~~~ ติ๊งหน่อง~~~

ในขณะที่ผมเอาแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นเผยให้เห็นเด็กหนุ่มข้างบ้านที่ยืนชะเง้อมองเข้ามาข้างในด้วยมือที่ถือชามอะไรอยู่จนผมต้องเดินออกไปเปิดประตูให้

“อ้าว! พี่แฟร์กลับมาแล้วเหรอ” สายลมเอ่ยทัก

“มีอะไรหรือเปล่าลม”

“ก็พี่ราชันย์เขาสั่งกับข้าวบ้านผมเอาไว้” คนตรงหน้าว่าพลางมองไปยังชามในมือ

“สั่งกับข้าว?”

“อื้ม!เนี่ยเหลือแกงจืดอย่างสุดท้ายละผมเลยเอามาส่ง” ร่างเล็กยื่นชามในมือให้กับผม

“อ่อ ขอบคุณนะ” ผมกล่าวก่อนจะรับมันมา

“แล้วพี่เขาไปไหนเสียล่ะ”

“คุยธุระเรื่องงานอยู่หลังบ้านน่ะ”

“พวกพี่ตกลงคบกันแล้วเหรอ” สายลมถามด้วยใบหน้าสงสัยเป็นอย่างมาก

“ยัง” ผมตอบพลางจ้องนิ่ง

“แล้วจะคบกันเปล่า”

“ยุ่งอะไรเนี่ยเรา” ผมเอ็ดมันกลับไปขำๆ

“แหมก็ผมอยากรู้นี่นาพี่ราชันย์น่ะมานอนบ้านพี่ทุกวันเลยนะแถมยังสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์และของใช้ใหม่เข้ามาเต็มเลย”

“ไม่ยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่น่าสายลม” ผมว่าพลางจับหัวมันโยกไปมา

“ลมสิบแปดแล้วนะเรียนมหา'ลัยแล้วด้วยอีกสองปีก็จะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วขอรู้แค่นี้ไม่ได้เหรอ” คนตรงหน้าทำตาปริบๆ ถามกลับมาด้วยความอยากรู้

“งั้นนายก็บอกพี่มาก่อนสิว่ากับอัศวินไปถึงไหนกันแล้ว”

“!!”

สายลมเบิกตากว้างทันทีที่ผมพูดจบ ร่างเล็กดูจะตกใจมากกับเรื่องที่ผมรู้ ก็แหม…เรื่องนี้ผมรู้มาตั้งนานแล้วนี่นาที่ไม่รู้ก็มีแค่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว เชื่อสิว่าอัศวินน้องชายคนใหม่ของผมไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ หรอก

“พะ…พี่เอาอะไรมาพูด!” อีกฝ่ายละล่ำละลักออกมาราวกับวัวสันหลังหวะ

“นึกว่าพี่ไม่รู้เหรอว่านายกับเขา…” ผมแกล้งยั่ว

“โอเคๆ! ผมไม่ถามพี่แล้ว ธุระผมมีแค่เนี่ยแหละขอตัวกลับก่อนนะบายพี่แฟร์” ว่าเสร็จสายลมก็เดินกลับบ้านไปทันที

“หาเรื่องหลบนี่หว่า” ผมตะโกนว่าก่อนมันจะหันมาแลบลิ้นกวนๆ ใส่

ให้ตายเถอะ! ไอ้เด็กนี่มันแสบจริงๆ ไม่รู้ว่าวินมันจะปราบพยศยังไงกันนะ!
:
:
:
ผมเดินกลับเข้าครัวก่อนจะวางชามแกงจืดรวมกับอาหารอื่นๆ บนโต๊ะพลางนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม จนกระทั่งคนที่ออกไปคุยธุระด้านนอกกลับเข้ามา คนตัวสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหม้อหุงข้าวก่อนที่เขาจะลงมือตักมันใส่ในจานสองใบและยกมาวางไว้ตรงหน้าผมพร้อมกับวางของตัวเองไว้ยังที่นั่งฝั่งตรงข้าม

“เมื่อกี้ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านใครมาเหรอ” ราชันย์ถามก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้

“สายลมเขาเอาแกงจืดเมนูสุดท้ายที่คุณสั่งไว้มาส่งน่ะ” ผมว่าพลางเน้นทุกคำออกไปจนอีกฝ่ายหน้าเจือนลงทันที

ราชันย์ไม่ตอบอะไรนอกเสียจากถอนหายใจออกมาเมื่อถูกผมจับได้

“ไหนบอกว่าทำเอง” ผมถามออกไปก่อนที่เขาจะเอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ

“เอ่อ…คือ”

“ไม่ได้ทำเองก็บอกตรงๆ สิ”

“โกรธที่กูโกหกมึงเหรอ” เขาถามพลางจ้องผมด้วยแววตารู้สึกผิดกลับมา

“เปล่า” ผมตอบไปแค่นั้นก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาอ้อมแอ้ม

“ความจริงแล้วกูก็ทำ…แต่อาหารของกูมัน…”

“อยู่ไหน?” ผมถามแทรกเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอก

“ในตู้กับข้าว”

“ขอผมดูหน่อยว่าคุณทำอะไรบ้าง” ผมว่าก่อนที่คนตรงหน้าจะพยายามบอกปัด

“แฟร์ กูว่ามึง…”

“เอาออกมาเถอะครับ” ผมบอกก่อนราชันย์จะยอมลุกเดินไปยังตู้กับข้าวพร้อมกับถือจานและชามอีกใบหนึ่งออกมา

คนตังสูงวางอาหารที่ตัวเองทำลงบนโต๊ะก่อนที่ผมจะพยายามกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าเข้าอย่างสุดกำลัง

“กูบอกมึงแล้ว…มันดูไม่น่ากินกูเลยไม่อยากให้มึงเสี่ยงเพราะกูเองก็เพิ่งจะทำครั้งแรก” เขาบอกอย่างอายๆ

ผมยังคงจ้องไปยังเมนูไข่เจียวทรงเครื่องที่ทั้งแห้งและเกรียมตรงหน้ากับแกงจืดที่ทั้งเต้าหู้ หมูสับ และผักกาดขาวถูกสับจนมันเละไม่มีชิ้นดีอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจคว้าช้อนขึ้นในขณะที่อีกคนก็รีบคว้ามือของผมที่กำลังจะตักไข่เจียวของเขาขึ้นกินเข้ายอย่างจังด้วยความตกใจ

“เดี๋ยวแฟร์! มึงจะทำอะไร!!” ราชันย์จับมือของผมเอาไว้แน่นก่อนจะตะโกนออกมาจนสุดเสียง

“ก็คุณอุตส่าห์ทำผมก็ต้องชิมสิ” ผมตอบพลางมองหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั่นของเขาอย่างยิ้มๆ

“แต่!...”

“เอาน่า…มั่นใจฝีมือตัวเองหน่อยสิครับ” ผมบอกก่อนจะจับมือเขาออกจากมือข้างที่ถือช้อนของตัวเองและตักไข่เจียวตรงหน้าเข้าปาก

“เป็นไง?” ราชันย์ชะโงกหน้าเข้าใกล้ผมราวกับลุ้นคำตอบที่จะได้ก่อนที่ผมจะพยายามเคี้ยวและกลืนมันลงไปอย่างยากลำบาก

“แค่กๆ แค่กๆๆๆ”

“น้ำ! แฟร์นี่น้ำ!!” คนตรงหน้ารีบรินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นมันให้ผมทันที

ผมคว้าแก้วน้ำที่เขายื่นมาให้ก่อนจะดื่มมันลงไปอึกใหญ่จนคนทำหน้าเสียลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“มึงไม่ต้องกินมันหรอกกูจะเอาไปทิ้ง!” ไม่ว่าเปล่าราชันย์ยังคว้าจานไข่เจียวและชามแกงจืดขึ้นจนผมต้องร้องห้าม

“ไม่ต้องหรอกครับ…ความจริงมันก็…อร่อยดี” ผมบอกก่อนอีกคนจะหันมาทำหน้าดีใจขึ้น

“จริงดิ?” ราชันย์รีบวางอาหารที่ตัวเองทำลงก่อนจะตักเข้าปากบ้าง

“รสชาติแม่งหมายังไม่แดก! นี่กูทำอะไรของกู!!!” คนตรงหน้าตะโกนออกมาเมื่อพยายามกลืนไข่เจียวของตัวเองลงไปอย่างยากลำบาก ร่างสูงสบถคำพูดหยาบๆ มากมายในขณะที่ผมก็เอาแต่ขำเขาจนเหนื่อย

“ถึงมันจะเค็มและก็เกรียมไปหน่อยแต่กินกับข้าวสวยมันก็พอได้อยู่นะ” ผมว่าก่อนที่เขาจะจ้องผมเขม็ง

“ไม่ต้องกินแล้ว! กูสั่งอาหารร้านเฮียอ้วนมาตั้งเยอะเอาอาหารมหาเฮงซวยนี่ไปทิ้งได้เลย!!” ราชันย์สบถออกมาอย่างหัวเสียพลางคว้ามันขึ้นอีกเพื่อจะเอาไปทิ้งแต่คราวนี้เป็นผมที่รีบลุกขึ้นคว้าจานและชามในมือของเขาคืน

“แต่ว่าผมจะกินมัน!”

“!!”

“อะไรที่คุณพยายามผมเองก็อยากที่จะลองมันดูสักครั้ง” ผมว่าก่อนจะวางจานไข่เจียวและชามแกงจืดลงตามเดิมพร้อมกับตักทานอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร

“มึงหมายความว่าไง” ราชันย์ที่มองผมทานตัดสินใจถามขึ้น

ผมมองหน้าเขากลับพลางถอนหายใจก่อนจะเอ่ยคำตอบที่พยายามคิดหาทางออกให้กับมันมาเป็นอาทิตย์ออกไปในที่สุด

“ถ้าความรู้สึกของคุณที่มีให้ผมมันเป็นเรื่องจริง พรุ่งนี้หากคุณพอมีเวลาว่างออกไปข้างนอกกับผมหน่อยจะได้มั้ย”

“ไปไหน?”

“ไปเคลียร์เรื่องของเราให้จบ”
[End Fair’s Part]



TBC......
-----------------------------------------
เรื่องนี้อีกสองบทจะจบแล้วนะคะ
บทสรุปจะเป็นยังไงรอติดตามกันได้ในวันพรุ่งนี้นาาาาาา


 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.19 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-07-2017 21:45:30
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.19 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 28-07-2017 00:10:40
เหมือนแฟร์จะใจอ่อนแล้วนะนั่น  ยังไม่ค่อยคิดเลยว่าราชันย์จะเป็นพระเองได้เลยนะนี่
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.19 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-07-2017 03:10:36
กลายเป็นว่าแฟร์ปราบพยศราชันย์สินะ555
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.20 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 28-07-2017 11:59:16


CHAPTER 20



หลังจากที่แฟร์กลับไปขอขมากับเรื่องต่างๆ ที่ได้ล่วงเกินกนกในตอนเช้าของอีกวันหนึ่งถึงที่บ้านเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่กำลังนั่งมองบุคคลอีกสองคนยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามภายในร้านกาแฟหรูที่ถูกราชันย์จองเอาไว้ทั้งร้านหลังจากที่เขาเลิกงานเสร็จท่ามกลางสายตาเฉือดเฉือนที่ถูกส่งผ่านกันไปมาโดยไม่มีใครเริ่มปริปากพูดอะไรออกมาก่อนเลย

ร่างบางของแฟร์มองนัทและนนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหากทว่ากับราชันย์ ร่างสูงยังคงนิ่งไม่สะทกสะท้านต่อสายตาของคนทั้งคู่ที่มองมายังเขาแต่อย่างใด

“ที่นัดออกมาเพราะอยากจะนั่งมองหน้ากันแบบนี้หรือไง” นนท์เป็นคนทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดด้วยการปริปากพูดออกมาอย่างเหน็บแนม

“ก็เปล่า” แฟร์ตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“พี่แฟร์มีอะไรอยากจะพูดก็พูดออกมาเถอะฮะ ผมกับพี่นัทก็มีธุระที่ต้องไปทำต่อเหมือนกัน” ร่างเล็กว่าก่อนจะจ้องแฟร์เขม็ง

“คือ…” แฟร์หันไปหาราชันย์ทันทีเมื่อร่างสูงคว้ามือที่บีบกันบนตักของเขาไว้แน่นก่อนเสียงทุ้มของคนข้างๆ จะเอ่ยออกไปแทน

“ที่ฉันกับแฟร์นัดพวกนายออกมาวันนี้ก็เพื่อจะขอโทษ” ราชันย์ว่าก่อนที่นนท์จะเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“ขอโทษ?”

“ใช่”

“ขอโทษเรื่องอะไร?”

“คือพี่….” แฟร์พยายามตอบหากแต่ร่างสูงข้างๆ ก็ชิงพูดออกไปก่อน

“ฉันรักแฟร์”

“!!”

ทั้งนัทและนนท์เบิกตาขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกันทันทีเมื่อได้ยิน ร่างสูงของคนตรงหน้าจ้องมองร่างบางของแฟร์อย่างต้องการคำตอบหากทว่าเขายังคงนิ่งขรึมไม่กระโตกกระตากเหมือนกับคนข้างๆ ที่ตวาดคำพูดร้ายๆ ออกไปแทบจะทันที

“พี่หมายความว่าไง!!” นนท์ว่าพลางจ้องราชันย์อย่างเอาเรื่อง

“ก็อย่างที่บอกว่าฉันรักแฟร์และฉันก็กำลังจะคบกับเขาแค่นั้นจบ!” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ

“พี่แฟร์!” นนท์หันมาตวาดร่างบางบ้างหากทว่าแฟร์เองที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปก็เอาแต่ก้มหน้านิ่งอย่างรับผิดจนดาราหนุ่มเลือดร้อนต้องหันไปเล่นงานพี่ชายตัวเองที่ได้แต่นั่งนิ่งเป็นหินบ้าง

“พี่นัท! ทำไมพี่ไม่พูดอะไรบ้างมัวแต่เงียบอยู่ได้ไม่รู้หรือไงว่ากำลังจะโดนแย่งคนรักไปน่ะหา!!” ร่างเล็กตะโกนจนสุดเสียงก่อนคนถูกว่าจะมองใบหน้าของคนที่เขารักมาตลอดห้าปีกลับด้วยความรู้สึกที่เจ็บไปทั้งอก

“ว่างไปนั่งรถเล่นกับพี่มั้ยแฟร์” นัทเอ่ยถามเพียงเท่านั้นก่อนแฟร์จะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาและตอบกลับไป

“ครับ”

“เดี๋ยว! มีอะไรทำไมไม่คุยกันที่นี่จะพาแฟร์ไปไหน!” ราชันย์สวนขึ้นทันที

“ผมจำเป็นต้องบอกคนที่ชุบมือเปิบแบบคุณมั้ยคุณราชันย์” นัทเอ่ยเสียงเรียบก่อนลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงในขณะเดียวกันแฟร์ก็ลุกตาม

“แฟร์…” ร่างสูงคว้ามือเรียวเอาไว้ก่อนจะพยายามห้าม

“ผมไปไม่นานหรอกแต่ถ้านานมันก็ไม่ยากที่คุณจะตามไปนี่”

“แต่กู!...”

“อย่าหวงอะไรไม่เข้าเรื่องน่า” แฟร์ว่าก่อนจะจับมือของราชันย์ให้ปล่อยมือของตัวเองออกพร้อมกับเดินตามนัทออกไปทันทีท่ามกลางสายตาขุ่นเคืองของราชันย์ที่มองไปไม่วาง

“ดูจะหวงพี่แฟร์จริงๆ เลยนะแล้วคนที่เคยบอกผมว่าไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้น่ะหายไปไหนเสียแล้วล่ะ” นนท์ได้ทีเกทับด้วยเรื่องเดิมๆ หลังจากที่อีกสองคนเดินออกจากร้ายไปแล้ว

“จริงอยู่ที่คำนั้นฉันเป็นคนพูดแต่มันก็ไม่ได้หมายความแบบนั้นซะทีเดียว” ราชันย์ว่าก่อนจะยกถ้วยกาแฟดำขึ้นดื่ม

“หึ! พี่มันก็แค่คนกลับกลอก” ร่างเล็กว่ากลับด้วยความเจ็บใจ

“อยากจะว่าอะไรก็เชิญเพราะคนที่ฉันแคร์มันไม่ใช่นาย”

“แล้วที่ผมทำไปทั้งหมดมันไม่พอให้พี่หันมาสนใจผมบ้างเหรอ!!” นนท์ตวาดลั่นเมื่อท่าทีของราชันย์ทำให้เขาฉุนกึก

“นายทำอะไร?”

“ก็ที่ผมทำดีกับพี่! ที่พี่จูบผมต่อหน้าแพรวาล่ะ! นั่นมันหมายความว่ายังไง!!”

“เรื่องที่ฉันจูบนายต่อหน้าแพรวานั่นนายก็น่าจะรู้ว่าฉันทำเพราะอยากจะดัดหลังผู้หญิงคนนั้น ส่วนเรื่องที่นายบอกว่านายทำดีกับฉันนั่นน่ะ ฉันว่ามันเป็นเพียงมารยาที่นายมักจะใช่ยั่วคนอื่นมากกว่าล่ะมั้ง”

“!!”

ร่างเล็กตกใจเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดของราชันย์ก่อนร่างสูงฝั่งตรงข้ามจะพูดเข้าเรื่องที่ต้องการอยากจะให้อีกฝ่ายรับรู้ทันที

“เอาล่ะที่จริงวันนี้แฟร์เป็นคนขอร้องฉันให้มาเคลียร์เรื่องที่ยังค้างคาไว้กับนายให้จบเพราะฉะนั้นฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วกัน”

“…”

“เลิกยุ่งกับฉันซะแล้วอย่าเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างฉันกับแฟร์อีก”

“พี่ราชันย์!!” นนท์ตะโกนชื่ออีกคนออกไปด้วยความรู้สึกเสียใจระคนเจ็บแค้น

“ส่วนไอ้คำที่ว่าฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบพวกนายนั่นนะนายก็น่าจะรู้ว่าที่ฉันพูดออกไปเพราะไม่อยากจะอะไรกับนาย มันก็เป็นแค่คำพูดที่ดูดีแทนคำว่า 'กูไม่อยากเอามึง' ก็เท่านั้นเอง”

ฉ่า!!!

มอคค่าที่อุ่นลงบ้างแล้วถูกอีกฝ่ายสาดเข้าหน้าของร่างสูงอย่างจัง นนท์กระแทกแก้วกาแฟที่เพิ่งจะสาดใส่อีกคนลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดังในขณะที่ราชันย์ก็ทำเพียงยกมือของตัวเองขึ้นลูบไล้หยดกาแฟที่เกาะอยู่ตามใบหน้าออกเท่านั้น

“พี่มันสารเลวที่สุด!! พี่กล้าทำกับผมอย่างนี้ได้ยังไง!” ร่างเล็กตวาดกลับก่อนร่างสูงจะแสยะยิ้มตาม

“หึ! ที่ฉันจำได้ฉันยังไม่ได้ทำอะไรนายเลยนะ”

“ไอ้บ้า! สารเลว! ผมเกลียดพี่! เกลียดที่สุด!!”

“ฉันไม่สนว่านายจะรู้สึกยังไงเพราะตอนนี้ฉันมีคนที่แคร์อยู่แล้ว”

“พี่แฟร์มีดีตรงไหน! พี่ไม่รู้หรือไงว่าเขารักพี่นัท พวกเขาสองคนรักกัน!!” นนท์พยายามหาเหตุผลเป็นร้อยแปดให้ราชันย์ถอดใจจากอีกคน

“รักแล้วยังไง?” ร่างสูงถามเสียงเรียบ

ใบหน้าของราชันย์ที่เปื้อนไปด้วยมอคค่าเมื่อครู่ฉายแววไม่พอใจขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่ออีกฝ่ายดูจะเข้าใจอะไรยากจนเขาต้องงัดคำพูดที่ไม่อยากจะเอ่ยมันออกมานักแต่ก็จำเป็นต้องเอ่ยหากอยากจะจบเรื่องนี้เร็วๆ ตามความคิดของเขา

“เพราะว่าพี่แฟร์ไม่มีทางหันมารักพี่ยังไงล่ะ! พวกเขารักกันกว่าห้าปีแล้วแต่กับพี่ที่เข้ามาในชีวิตพี่แฟร์แค่ไม่กี่เดือนอย่าหวังว่าคนอย่างเขาจะหันมาสนใจ!!” คนตรงหน้าตวาดคำตอบออกไปพลางทำหน้าราวกับถือไพ่เหนือกว่า

“ห้าปีแลกกับการที่พี่ชายนายได้แค่หอมมันจะสู้อะไรกับฉันที่มาเพียงไม่กี่เดือนแต่ได้ครอบครองเขาไว้ทั้งร่างกายและหัวใจล่ะ!”

“!!”

คำพูดของราชันย์ทำเอานนท์ถึงกับชะงัก ร่างเล็กตรงหน้ากลืนน้ำลายลงคอตัวเองอย่างยากลำบากพลางจ้องอีกคนกลับนิ่ง คำพูดที่มีความหมายสองแง่สองง่ามขนาดที่ว่าเด็กสิบขวบก็เข้าใจทำเอานนท์ถึงกับไม่อยากจะเชื่อ

“พะ…พี่หมายความว่า!?” ร่างเล็กถามเสียงสั่น

“แฟร์เป็นเมียฉันแล้ว ถึงเขาอาจจะไม่ใช่เมียแรกแต่ฉันกล้าเอาหัวเป็นประกันว่าเขาจะเป็นเมียสุดท้าย!” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนคนตรงหน้าจะถอนหายใจออกมาพลางก้มหน้าลงทันที

“ฮึก ฮือออ ทำไมทุกคนต้องทำกับผมแบบนี้ด้วย ทำไม!” นนท์ร้องไห้โฮอย่างไม่นึกอาย ดาราหนุ่มปาดน้ำตาของตัวเองออกก่อนจะเอาแต่สะอื้นพลางคร่ำครวญออกมาไม่หยุด

“นายมันก็แค่ดาราที่คิดจะเอาหน้าตาเข้าแลกกับความรัก ฉันเองก็เคยทำร้ายจิตใจแฟร์เขาไว้มากแต่มันก็ไม่สายที่จะคิดได้และแก้ไข” ร่างสูงเอ่ย

“ผมไม่ดีตรงไหน ฮึก! ผมสู้คนอื่นไม่ได้ตรงไหน ฮือออ” นนท์ไม่หยุดตัดพ้อ

“นายต้องหัดรักตัวเองให้มากกว่านี้ ที่ฉันพูดฉันพูดในฐานะของคนที่อายุมากกว่านายถึงแปดปี เชื่อเถอะว่าความรักไม่ได้มาง่ายๆ ถ้านายไม่เข้าใจมันก่อน” ราชันย์บอกก่อนจะเอื้อมมือกุมมืออีกฝ่ายอย่างให้กำลังใจ

“อะไรก็ตามที่ฉันทำแล้วมันทำให้นายคิดไปไกลฉันเองก็ต้องขอโทษด้วย” ร่างสูงพูดต่อจนนนท์นึกแปลกใจ

“พี่ ฮึก! พี่เปลี่ยนไปมากเลยนะ” ร่างเล็กสะอื้นไห้

“คงเป็นเพราะแฟร์นั่นล่ะมั้ง จากคนที่ไม่เคยยอมใครอย่างฉันจะมีก็แต่เขาคนแรกเนี่ยแหละที่ฉันต้องยอม” ร่างสูงว่าพลางลอบยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนที่ถูกกล่าวถึง

“กลัวเมียว่างั้น?” นนท์เหน็บกลับเสียงอ้อมแอ้มจนราชันย์ชะงักก่อนจะแก้ตัวกลับไป

“เขาเรียกให้เกียรติต่างหาก” ว่าเสร็จร่างสูงก็หยิบทิชชู่ยื่นให้กับคนตรงหน้าก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“เอาล่ะเรื่องระหว่างฉันกับนายขอให้มันจบเพียงเท่านี้”

“ผะ…ผมจะยังเรียกพี่ว่าพี่ได้ใช่มั้ย แบบพี่น้องครั้งนี้พี่น้องจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง” นนท์ถามด้วยเสียงที่สั่นเครือจนถูกราชันย์จับผิดกลับไป

“ยอมรับว่าครั้งนั้นมี?” ร่างเล็กได้ยินก็ถึงกับก้มหน้าลงอย่างนึกอาย

“นายไม่ได้รักฉันจริงๆ ตั้งแต่แรกหรอกแต่สิ่งที่นายทำเพียงเพราะต้องการแค่ความรักเท่านั้น ซึ่งฉันให้นายไม่ได้” ร่างสูงบอก

“ผมเข้าใจแล้ว” นนท์เอ่ยยอมรับ

ร่างเล็กรู้ดีว่าตัวเขาเองเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะราชันย์ต่างจากผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจนเขาต้องการเอาชนะใจร่างสูงให้ได้ทั้งที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกดีกับอีกฝ่ายขนาดที่เรียกว่า รัก ได้เลยสักนิด

“ส่วนเรื่องที่อยากเรียกฉันยังไงก็แล้วแต่นายเลย แต่ตอนนี้ฉันคงต้องขอตัวออกไปตามสองคนนั่นก่อน” พูดเสร็จร่างสูงก็ลุกยืนขึ้นจนเต็มความสูงทันที

“พี่รู้เหรอว่าพวกเขาไปที่ไหนกัน” นนท์เอ่ยขัดในขณะที่อีกคนกำลังจะก้าวออกจากโต๊ะไป

“เดี๋ยวหาจาก GPS” ราชันย์ตอบก่อนอีกคนจะถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอากับวิธีที่ร่างสูงคิด

“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก”

“?”

“เพราะผมรู้ดีว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน”
:
:
:
@ อีกด้านหนึ่ง

นัทพาแฟร์ที่นั่งเงียบตลอดทางมายังสวนสาธารณะไม่ไกลจากร้านกาแฟเมื่อครู่มากนัก ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถเพื่อออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานหลายปีข้างนอก

ร่างบางมองคนด้านนอกอยู่ภายในรถด้วยความรู้สึกหนักใจ แฟร์ก้มหน้าพลางทำใจอยู่สักพักก็เปิดประตูลงจากรถเดินไปยืนอยู่ข้างๆ นัทที่ทอดมองไปยังพื้นน้ำร่มรื่นเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกประหม่า

“ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปเลยเนอะว่ามั้ย” นัทว่าเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างบางมายืนอยู่ใกล้ๆ

“ครับ” แฟร์ตอบพลางมองทอดไปยังพื้นน้ำที่ไหลเป็นริ้วสวยตามแรงลมที่พัดผ่านมาบ้าง

“รู้หรือเปล่าทำไมพี่ถึงพาแฟร์มาที่นี่” จู่ๆ คนข้างๆ ถามขึ้นด้วยเสียงเรียบ

“เพราะพี่ชอบที่นี่” แฟร์ตอบหากแต่มันกลับไม่เต็มเสียงนัก

“ไม่ใช่หรอก…เพราะที่นี่คือที่ที่พี่บอกชอบเราต่างหากล่ะ”

คำตอบของนัททำเอาแฟร์จุกไปทั้งอก ร่างบางรวบกำมือเอาไว้แน่นก่อนจะหันกลับมาหาอีกฝ่ายที่มองมาก่อนหน้านี้แล้ว

“เอ่อ…พี่นัทครับ คือ…” แฟร์อึกอักก่อนนัทจะพูดทับขึ้น

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกแฟร์พี่เข้าใจ”

“แต่ถึงยังไงผมก็ต้องขอโทษพี่อยู่ดี” แฟร์เอ่ยออกไปในที่สุด ร่างบางไม่อยากให้คนตรงหน้าเสียใจและรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้

“ความจริงพี่ก็พอจะเดาออกตั้งแต่เจอเราครั้งล่าสุดแล้วล่ะ” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะเหยียดยิ้มให้กับเหตุการณ์ที่ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเปลี่ยนไป

“เพราะคุณราชันย์น่ะเขาดูเป็นห่วงแถมยังดูหวงแฟร์มากตั้งแต่ตอนนั้น แต่พี่ก็เลือกที่จะไม่ห้ามเพราะคิดว่าแฟร์ไม่น่าจะใจอ่อนกับเขาและอีกอย่างคือพี่มันไม่มีสิทธิ์อื่นนอกจากฐานะพี่ชาย” นัทพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า

“แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นอย่างที่พี่กลัวจนได้” ร่างสูงเอ่ยออกมาอีกด้วยใบหน้ายิ้มหากทว่าแววตาของเขากลับดูเจ็บปวดจนแฟร์ต้องรีบก้มหัวให้ด้วยความรู้สึกผิดที่ประเดประดังเข้ามาจนล้นอก

“ผมขอโทษ! ขอโทษจริงๆ! เพียงแต่ตอนนี้…”

“เพียงแต่ตอนนี้แฟร์ก็ไม่ได้รักพี่แล้ว?” แฟร์ชะงักกับสิ่งที่นัทพูด ร่างบางก้มหน้าลงอย่างคนยอมรับแต่โดยดีก่อนอีกฝ่ายจะพูดออกมาติดขำ

“เฮ้ออออ…อกหักซะแล้วเรา” นัทว่าพลางชำเลืองดูร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง

“ไม่ต้องเสียใจหรอกพี่เองก็ทำใจก่อนหน้านี้มานานพอควรแล้วล่ะ” ร่างสูงว่าก่อนจะเอื้อมมือออกไปโยกหัวอีกฝ่ายไปมา

“พี่นัท…ไม่โกรธผมเหรอ”

“ไม่โกรธหรอกเพราะสามสิ่งที่คนเราห้ามกันไม่ได้คือหนึ่งความหนาว สองการจามและสามก็คือความรัก มันไม่แปลกที่แฟร์จะไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าเพราะพี่ก็รู้ดีว่าตัวเองไม่กล้าหาญพอที่จะเดินหน้ารักแฟร์ในสถานะอื่น พี่ขอโทษที่ทำให้แฟร์ต้องทนอยู่กับความรู้สึกพวกนั้นมานานหลายปี” ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะโทษตัวเองที่ไม่กล้าขัดคำสั่งของทางบ้านเพื่อคบกับร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจเพราะฝั่งนั้นก็คือครอบครัวของพี่”

“แล้วกับคุณราชันย์ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ”

“ฮะ! เอ่อ…พี่นัทถามอะไรแบบนี้ล่ะครับ!?” แฟร์ตกใจถามกลับตาตื่น

“ไม่ใช่ พี่หมายถึงครอบครัวเขาว่ายังไงแล้วเริ่มคบกันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“อ๋อ”

“เรานี่ก็คิดมากไปได้” นัทว่าก่อนจะขำท่าทีของแฟร์กลับ

“ก็คำถามของพี่มันคลุมเครือนี่ครับ” แฟร์อดเถียงอีกฝ่ายไม่ได้ก่อนที่เขาจะตอบในสิ่งที่นัทอยากรู้ออกไป

“เรื่องครอบครัวน่ะจะบอกยังไงดีล่ะ เผอิญว่ามันยาวมากเลยล่ะครับ เอาเป็นว่าทางฝั่งเขารับรู้แล้วและก็ไม่ว่าอะไร”

“ดีจังเลยนะ” นัทตอบพลางนึกอิจฉาราชันย์อยู่ในใจหากทว่าเขากลับพยายามปกปิดมันเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้

“แล้วตัวแฟร์เองล่ะคิดดีแล้วใช่มั้ยกับคนๆ นี้”

“เอ่อ…” ร่างบางไม่กล้าตอบออกไปตรงๆ กระทั่งคนตรงหน้าสังเกตเห็นใครบางคนที่เดินมาแต่ไกลด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่กลับแฝงไปด้วยความไม่พอใจจนเขาต้องส่ายหัว

“พูดยังไม่ทันขาดคำก็ตามมาเจอจนได้” แฟร์หันไปตามสายตาของนัทที่มองผ่านตัวเขาไปทางด้านหลังก่อนจะพบกับราชันย์ที่รีบจ้ำอ้าวเข้ามาจนแฟร์ถึงกับเลิกคิ้วจ้องอีกคนอย่างไม่วาง

“ผมกำลังคิดอยู่เลยว่าผมน่ะคิดดีแล้วหรือเปล่ากับเขาคนนี้” แฟร์เอ่ยออกมาอย่างนึกขำกับท่าทีของราชันย์อยู่ในใจ

“ดูเขาจะหวงแฟร์กับพี่มากเลยนะ” นัทพูดอย่างละเหี่ยใจก่อนที่ผู้มาใหม่จะเดินมาถึงพวกเขาในที่สุด

“คุยกันเสร็จหรือยัง” ราชันย์ถาม

“เสื้อคุณไปโดนอะไรมา” แฟร์หันไปหาคนข้างๆ ก่อนจะสังเกตเห็นคราบบนเสื้อของอีกฝ่าย

“มึงก็ลองถามน้องมันเอาเองสิ” ร่างสูงว่าก่อนจะจ้องนัทเขม็ง

“เจอฤทธิ์นนท์เข้าให้แล้วล่ะสิ” แฟร์ได้ยินดังนั้นก็หลุดขำ

“อย่าขำกูนะแฟร์!” ร่างสูงเอ็ดจนนัทที่ยืนมองทั้งคู่ตัดสินใจเอ่ยออกไปในที่สุด

“ถ้างั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะ” ร่างสูงว่าพลางโบกมือลาและก้าวออกไป

“เดี๋ยวครับพี่นัท” แฟร์ยื้ออีกฝ่ายเอาไว้เพราะยังไม่ได้ตอบคำถามเมื่อครู่กลับไปดีๆ หากทว่านัทกลับหันมาพูดกับเขาด้วยใบหน้ายิ้มแทน

“พี่ได้คำตอบแล้วล่ะแฟร์” ร่างสูงว่าก่อนจะหันไปหาราชันย์ที่ยืนขนาบข้างแฟร์ไม่ห่าง

“ดูแลแฟร์ให้ดีๆ นะครับคุณราชันย์ ถ้าเมื่อใดที่เขาต้องเจ็บหรือร้องไห้เพราะคุณผมบอกไว้ก่อนเลยว่าวันนั้นผมจะทวงเขาคืนแน่นอน” นัทคาดโทษกลับ

“ไม่มีวันนั้นหรอกครับล่มเลิกความคิดของคุณได้เลย” ราชันย์เอ่ยเน้นหนักจนอีกฝ่ายรู้สึกได้

นัทมองทั้งสองคนตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาพลางโบกมือลากลับไปอีกครั้ง

“ถ้างั้นพี่ไปละนะ”

“ครับ” แฟร์โบกมือตอบพลางส่งยิ้มให้อีกฝ่ายจนกระทั่งนัทขึ้นรถและขับออกไป

“ทำไมมึงต้องยิ้มให้มันด้วย” ไม่ทันที่ร่างบางจะได้พูดอะไรคนข้างๆ ก็เปิดศึกขึ้นมาทันที

“อ้าว! ก็เขาเป็นพี่ชายผมนี่” แฟร์เถียง

“ไม่ใช่พี่ชายจริงๆ ซะหน่อยแถมมึงยังเคยรักมันมาก่อนอีกต่างหาก” ราชันย์สบถหน้าตาย

“คุณนี่ชอบคิดอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้!” แฟร์ว่าก่อนจะเดินหนี

“ก็มันจริงนี่หว่า มึงเองไม่ได้รักกูถึงขนาดนั้นกูก็แค่ยังไม่แน่ใจว่ามึงจะไม่กลับไปรักมันอีก!!” ราชันย์ตะโกนไล่หลังก่อนจะรีบวิ่งตามร่างบางพลางกระชากอีกฝ่ายเข้าหาในขณะที่แฟร์เองก็แอบขโมยหอมแก้มร่างสูงทีเผลอไปหนึ่งที

“เอาล่ะพอใจหรือยัง” แฟร์พูดท่ามกลางราชันยืที่เบิกตากว้าง

“มะ…มึง!?”

“กลับกันเถอะครับ” ร่างบางพยายามบอกปัดอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะพูดอะไรออกมาด้วยใบหน้าอึ้ง

“แฟร์…”

“ผมอยากกลับแล้ว”

“มึงอย่าเฉไฉกูสิ” ราชันย์รวบร่างบางเข้าในอ้อมกอดพลางมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง แฟร์หลบสายตาคมของคนตรงหน้าก่อนที่อีกฝ่ายจะโน้มลงมาหมายจะครอบครองริมฝีปากของเขา

“เดี๋ยว!” แฟร์ห้ามพลางยกมือเรียวขึ้นปิดริมฝีปากของราชันย์เอาไว้

“อะไร” ร่างสูงถามหน้าตาย

“คนอื่นเยอะแยะ”

“กูไม่เห็นอาย”

“แต่ผมอาย!!”

“แม่ง!”

“อุ้บ! อื้ออออ!!” แฟร์ทุบแผงอกแกร่งของอีกฝ่ายกลับไปหลายทีเมื่อราชันย์ฉกชิงริมฝีปากของเขาไปครอบครองไว้ได้ในที่สุด

ร่างสูงขบเม้มริมฝีปากเล็กอย่างหิวกระหายในขณะที่แฟร์เองก็พยายามจูบตอบอีกฝ่ายกลับไปด้วยลีลาที่ไม่เป็นประสา

ราชันย์มองเสี้ยวหน้าของแฟร์ที่หลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบที่เขามอบให้ก่อนร่างสูงจะยิ่งได้ใจเปลี่ยนบทจูบเมื่อครู่ให้กลายเป็นจูบที่หวาบหวามเสียจนคนในอ้อมแขนถึงกับเข่าอ่อน

“ก็แค่เนี่ยที่กูต้องการไม่เห็นมีใครมองสักคน” ร่างสูงผละริมฝีปากออกเมื่อแฟร์ใกล้จะหมดลมก่อนราชันย์จะรวบอีกฝ่ายมากอดไว้ราวกับกลัวว่าแฟร์จะหายไปไหนอีก

“พอเลยเห็นแก่ตัวไปแล้วนะ กลับกันเถอะครับ” แฟร์บอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ ร่างบางพยายามดันตัวอีกฝ่ายออกก่อนจะเดินหนีไปที่รถของราชันย์ในขณะที่อีกฝ่ายเองก็เอ่ยกลับด้วยคำพูดที่ทำให้แฟร์ถึงกับลมแทบจับเช่นเดียวกัน

“ครับบบบ เมีย”

“!!”



TBC.........
-------------------------------------------
โอ้ววว ยอมใจอีเฮียเลยจริงๆ คำพูดพี่แกเด็ดสะระตี่หาใดเปรียบ!!
ราชันย์ต้นแบบเมะพ่อบ้านใจกล้า
#แฟร์ต้นแบบเคะทองคำ
บทหน้าจบแล้วนาาาา แอบกระซิบว่ามี NC นะจิ ^O^
เป็นกำลังใจให้กิ่งด้วยนะคะ


 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.20 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 28-07-2017 16:53:35
 :z1:ื กริ้บกิ้ว
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 28-07-2017 17:36:46


EPILOGUE



“แฟร์…ตื่นได้แล้ว” ร่างสูงปลุกร่างบางที่หลับมาตลอดทางข้างๆ ก่อนที่คนถูกปลุกจะลืมตาตื่นพลางถามกลับไปเบาๆ

“ถึงแล้วเหรอครับ”

“อืม มึงเหนื่อยอะไรนักหนาหลับเป็นตายเลย” ราชันย์ว่าพลางลูบไปตามพวงแก้มใสของคนข้างๆ อย่างเย้าแหย่

“ก็ใครกันล่ะครับที่เอาแต่กวนผมจนไม่ได้นอนน่ะ” แฟร์เอ็ด

“นึกว่าที่กูกอดมึงทั้งคืนมันจะช่วยให้มึงหลับฝันดีซะอีก” ร่างสูงลอบยิ้มขำจนแฟร์ถึงกับทำหน้ามู่ทู่

จะไม่ให้ร่างบางอารมณ์เสียได้ยังไงล่ะในเมื่อหลายวันมานี้ราชันย์ทั้งดื้อและตื้อมานอนกับเขาที่บ้านทุกวัน แม้ว่าระหว่างเขาทั้งสองคนจะไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าการตอดนิดตอดหน่อยของอีกฝ่ายที่แฟร์เองก็เพิ่งจะรู้ว่าราชันย์ก็มีมุมนี้กับเขาด้วยก็เถอะ แต่ร่างสูงจอมเผด็จการคนนี้ก็ไม่ยอมปล่อยให้ร่างบางห่างกายไปไหนเลยด้วยการกอดเขาไว้แน่นไม่ปล่อยทั้งคืน

“นั่นมันตรรกะอะไรของคุณ” ร่างบางเอ็ดก่อนอีกคนจะแหย่กลับ

“อ้าว! คนรักกันเขาก็ต้องนกอดกันสิถึงจะถูก”

“แต่มันไม่ใช่กับผม” แฟร์ว่าพลางปรับเบาะนั่งของตัวเองที่เอนไปด้านหลังขึ้นเผยให้เห็นสถานที่ที่ราชันย์พาเขานั่งรถมานานกว่าสองชั่วโมง

“คุณมาที่นี่ทำไม” ร่างบางมองไปยังบริเวณรอบๆ อย่างนึกสงสัย

“มาไหว้พ่อกับแม่ยายน่ะ” ร่างสูงตอบก่อนจะเอื้อมไปหยิบถุงอะไรบางอย่างจากเบาะหลัง

“ทำไมคุณถึงไม่บอกผมก่อนผมจะได้เตรียมดอกไม้มาไหว้พวกท่านด้วย” แฟร์ว่าก่อนราชันย์จะล้วงบางอย่างออกจากถุงที่หยิบมา

“กูเตรียมไว้ให้แล้ว” พวงมาลัยหนึ่งพวงถูกร่างสูงยื่นมาให้

“ไปกันเถอะ” ราชันย์เอ่ยเมื่อแฟร์นิ่งค้างเพราะไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะเตรียมพร้อมขนาดนี้ ร่างบางมองราชันย์ที่เดินลงจากรถก่อนที่ตัวเขาเองจะเปิดประตูลงตามออกไปบ้างและมุ่งหน้าไปยังที่เก็บอัฐิของบุคคลที่พวกเขามาหาทันที
:
:
:
ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหน้าที่เก็บอัฐิของลินดาและนิกรเป็นที่เรียบร้อย แฟร์นั่งลงพลางวางพวงมาลัยไว้ด้านหน้ารูปภาพของลินดาในขณะที่ราชันย์เองก็นั่งตามลงมาและวางพวงมาลัยในมือด้านหน้ารูปของนิกรเช่นเดียวกัน

“แม่ครับ ขอบคุณที่เลี้ยงดูผมมาอย่างดี ขอบคุณที่ดูแลผมจนวินาทีสุดท้าย ขอบคุณทุกความเอาใจใส่ที่ทำให้ผมโตเป็นผู้ใหญ่ได้ทุกวันนี้ ผมสัญญาว่าจะเป็นคนดีอย่างที่แม่เคยสอน ผมรักแม่นะครับ” แฟร์พูดก่อนจะปาดน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ออก

“พ่อนิกรครับ ขอบคุณที่ช่วยแม่เลี้ยงดูผม แม้ว่าผมจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อก็ตามแต่ผมก็ทราบซึ้งในความรักที่พ่อมีให้ ผมเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูใจพ่อในวันสุดท้ายแต่ผมก็อยากจะบอกกับพ่อว่าเรื่องที่พ่อเคยทำกับผมทั้งหมดตอนนี้ผมไม่ติดใจถือโทษโกรธเคืองอะไรแล้ว ผม…ขออโหสิกรรมให้พ่อนะครับ ผมขอให้พ่อไปสู่ภพภูมิที่ดี รักพ่อนะครับ” ร่างสูงหันมองแฟร์หลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบ

ราชันย์ตัดสินใจเอื้อมมือของตัวเองไปกุมมือของคนข้างๆ เอาไว้ก่อนที่เขาจะเอ่ยความในใจต่อสิ่งที่ใช้แทนตัวตนของบุคคลที่เคารพด้านหน้าทั้งสองบ้าง

“สวัสดีครับพ่อ ผมราชันย์เป็นลูกแท้ๆ ของพ่อกับแม่กนก ผมเสียใจที่มารู้ความจริงเมื่อมันสายไปแล้วว่าพ่อคือพ่อแท้ๆ ของผม ทั้งที่ผมเองยังไม่ทันได้ตอบแทนพระคุณที่พ่อทำให้ผมได้เกิดมาเลยสักนิด ผมขอบคุณที่พ่อทำให้ผมได้มาเจอกับคนดีๆ อย่างแฟร์ที่เปรียบเสมือนลูกชายอีกคนของพ่อ ผมรักเขาและผมสัญญาว่าจะดูแลเขาเป็นอย่างดี” แฟร์หันมองเสี้ยวหน้าเจ้าของคำสัญญานี้ด้วยความรู้สึกเอ่อล้นไปทั้งอกก่อนราชันย์จะเอ่ยกับอัฐิของอีกคนต่อ

“สวัสดีครับคุณน้าลินดา ผมราชันย์ เป็น…เอ่อ…”

“คุณกำลังจะพูดอะไร” แฟร์ถามเมื่อจู่ๆ ร่างสูงก็อ้ำอึ้งราวกับไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดออกมา

“คือกูไม่รู้จะแนะนำตัวกับแม่มึงยังไงดี” ราชันย์ตอบหากทว่าแฟร์กลับรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้หมายความแบบนั้นซะทีเดียว ร่างสูงเพียงแค่ไม่อยากพูดอะไรที่ดูจะขัดใจแฟร์ก็เท่านั้น ซึ่งมันก็ชวนให้ร่างบางลอบยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“เอาที่คุณอยากจะพูดเถอะครับผมไม่ว่าอะไรหรอก”

ร่างสูงเหยียดยิ้มมองหน้าแฟร์เพียงครู่ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับรูปภาพหน้าอัฐิของลินดาต่อจากเมื่อกี้

“สวัสดีครับคุณน้าลินดา ผมราชันย์เป็นสามีของแฟร์ลูกชายของคุณน้า ผมขอบคุณคุณน้ามากที่ให้กำเนิดผู้ชายคนนี้ขึ้นมาบนโลกใบนี้ ขอบคุณที่คุณน้าเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดีแม้ว่ามันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่คนข้างๆ ผมในตอนนี้ก็ไม่เคยลืมคำสอนของคุณน้าแต่อย่างใด ผมขอสัญญาว่าผมจะรักลูกของคุณน้าและดูแลเขาตลอดไปครับ” ว่าเสร็จราชันย์ก็หันมายิ้มให้กับแฟร์ ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ปาดน้ำตาตัวเองออกเพราะไม่คิดว่าจะมาได้ยินอะไรแบบนี้

“คุณมันจอมแผนการ” แฟร์ว่าพลางก้มหน้าหลบสายตาของคนข้างๆ

“กูแค่อยากให้ท่านทั้งสองเป็นผยานให้กับความรักที่กูมีให้มึงก็เท่านั้น” ราชันย์กระชับมืออีกฝ่ายแน่น

“ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย”

“แต่กูอยากทำกูอยากให้พวกท่านรับรู้และดีใจไปกับเรา” ร่างสูงเอ่ยจนแฟร์หมดคำพูดใดๆ

ร่างบางได้แต่ลอบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายที่หันไปให้ความสนใจกับอัฐิของบุพการีทั้งสองตรงหน้าอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มและความสุขที่ล้นจนเต็มหัวใจ

ทั้งคู่นั่งมองรูปภาพตรงหน้าอยู่สักพักใหญ่ก่อนจะพากันเดินกลับมายังรถเมื่อราชันย์ต้องกลับไปทำงานที่บริษัทต่อ

“จริงสิผมว่าจะถามคุณนานแล้ว” แฟร์เอ่ยเมื่อเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว

“อะไร?”

“ทำไมคุณดูไม่ตกใจเลยที่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อพิภพ” สิ้นเสียงของแฟร์ราชันย์ก็ชำเลืองมองอีกฝ่ายเพียงนิดก่อนจะออกตัวรถพร้อมกับตอบคำถามนี้กลับไป

“เพราะแม่เล่าให้กูฟังตั้งแต่คืนก่อนที่มึงจะรู้”

“แล้วคุณไม่โกรธท่านเหรอที่ปิดบังความจริงมาโดยตลอด”

“ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกรธเพราะอย่างน้อยท่านทั้งสองก็เลี้ยงดูกูมาอย่างดี” ร่างสูงตอบก่อนจะเสมองอีกคนที่จู่ๆ ก็เงียบไป

“ทำไม? คิดมากที่ตอนนั้นมึงคิดไม่เหมือนกันกับกูเหรอ” ราชันย์ถาม

“เปล่าสักหน่อย”

“ไม่ต้องคิดมากหรอกกูเข้าใจว่าชีวิตมึงน่ะผ่านอะไรที่ยากลำบากมามาก ไม่แปลกที่แรกๆ มึงจะอคติกับพวกท่าน” ร่างสูงเอ่ยก่อนอีกคนจะพยักหน้าเข้าใจเมื่อแรกๆ ตัวเขายังยอมรับเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยได้หากแต่ตอนนี้ทุกอย่างก็ทำให้คนทิฐิสูงอย่างแฟร์ยอมรับได้ในที่สุด

“เดี๋ยวกูจะไปส่งมึงที่บ้านก่อน” ราชันย์ว่า

“ไม่เป็นไรผมไปกับคุณได้” แฟร์ตอบกลับไปก่อนจะทำให้ร่างสูงเลิกคิ้วสงสัย

“แน่ใจ?”

“แน่สิไว้เดี๋ยวผมจะทำอะไรให้ทาน” ร่างบางว่าก่อนจะเอนเบาะลงเพื่องีบหลับอีกครั้ง

ราชันย์มองท่าทีขวยเขินบวกกับอาการพูดไม่เต็มปากของคนข้างๆ ด้วยรอยยิ้มก่อนร่างสูงจะสวมบทสารถีขับรถกลับกรุงเทพฯ และมุ่งหน้าไปยังบริษัททันที




“น้องแฟร์!!! หายหน้าหายตาไปนานพี่มินคิดถึงเรามากเลยนะ” มินตราพนักงานสาวขาเม้าท์ประจำแผนกบุคคลวิ่งเข้าไปหาทั้งคู่ทันที เนื่องจากวันนี้ราชันย์เลือกใช้ทางปกติไม่ขึ้นลิฟท์ที่ตั้งตรงกับห้องทำงานของเขาแต่อย่างใดเพราะร่างสูงอยากที่จะตรวจตราความเรียบร้อยของบริษัทไปด้วย

“เพลาๆ หน่อยมินตรา” ราชันย์ทำหน้าไม่พอใจเมื่อหญิงสาวเข้ามาเกาะแขนร่างบางข้างกายเขาเอาไว้แน่นจนแฟร์ต้องใช้ศอกกระทุ้งสีข้างร่างสูงกลับเพื่อเป็นการเตือน

“ผมเองก็คิดถึงพี่มินครับ” แฟร์หันไปยิ้มพลางจับมืออีกฝ่ายเช่นเดียวกัน

“จริงหรือเปล่า!?” มินทำท่าดี๊ด๊า

“จริงสิครับ”

“แล้วนี่ทำไมมากับคุณราชันย์ได้ล่ะจะกลับมาทำงานแล้วใช่มั้ย” หญิงสาวถามกลับก่อนแฟร์จะชะงักเพราะไม่รู้จะตอบยังไง

“เอ่อ…”

“ใช่แฟร์จะกลับมาทำงานที่นี่” ราชันย์เอ่ยทับขึ้นแทน

“จริงเหรอแฟร์! แฟร์จะกลับมาเป็นเลขาฯ ของคุณราชันย์ใช่มั้ย!!” เสียงสูงที่พุ่งทะยานตามความดีใจของอีกฝ่ายทำเอาแฟร์แทบอยากจะปิดหูของตัวเองฉับพลัน

“เขาไม่ได้กลับมาทำตำแหน่งเลขาฯ หรอก” คำพูดที่เต็มไปด้วยเลศนัยทำเอาอีกสองคนที่เหลือหันไปมองร่างสูงเป็นตาเดียว

“แต่เขาจะมาทำตำแหน่งภรรยาของผมต่างหากล่ะ”

“!!”

“นี่คุณพูดอะไรออกไป!!” แฟร์เอ็ดเสียงหลงในขณะที่มินตราเองก็ได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“เอ่อ…เดี๋ยวนะคะมินว่ามินคงฟังอะไรผิดไปใช่มั้ย” หญิงสาวถามกลับเพื่อต้องการความแน่ใจ

“ไม่ผิดหรอก หูคุณน่ะดีอยู่แล้วปากคุณเองก็ด้วยนะเรื่องนี้ผมไม่ห้าม เชิญเอาไปเม้าท์กันได้ตามสบาย”

“คุณราชันย์!!”

“ไปกันเถอะ” ว่าเสร็จราชันย์ก็พาแฟร์ที่พยายามจะแก้ตัวกับพนักงานสาวเดินไปดูยังส่วนอื่นๆ ของชั้นล่างต่อท่ามกลางมินตราที่ยังคงยืนอ้าปากค้างไม่ไหวติง
:
:
:
“คุณแกล้งพี่มินเขาแบบนั้นทำไม” แฟร์ถามเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องทำงานของราชันย์เป็นที่เรียบร้อย

“กูเปล่าแกล้งนั่นกูพูดจริง”

“คุณนี่มัน!...”

“อย่าเพิ่งด่ากูขอใช้สมาธิทำงานก่อน” ร่างสูงหนีไปนั่งโต๊ะทำงานก่อนจะกางแฟ้มเอกสารที่ต้องเคลียร์ออก

แฟร์ถอนหายใจให้กับอีกคนไม่รู้ว่าเขาจะสามารถถอนคำพูดที่ว่าราชันย์มีความร้ายกาจมากกว่าจอมพลได้มั้ยเพราะตอนนี้คำพูดนั้นเริ่มทำให้เขาไม่มั่นใจเข้าไปทุกที เมื่อร่างสูงที่นั่งทำท่าเคร่งขรึมบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่กลับมีท่าทีที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้ถึงขนาดนี้ ทั้งคอยเอาใจใส่ ทั้งดูแลและถามไถ่เขาตลอดราวกับว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนละคนกับราชันย์ที่เคยเอาแต่ดุด่าว่าเขาเมื่อประมาณหลายอาทิตย์ที่แล้วจนแฟร์รู้สึกเหมือนกับตัวเองฝันไปทุกทีที่อีกฝ่ายนั้นทำดีด้วย

“คุณหิวหรือเปล่า” ร่างบางถามในขณะที่เดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดูของข้างใน

“ยังแล้วมึงล่ะ”

“ผมก็ยังแต่ในตู้เย็นไม่เห็นมีอะไรเลย แล้วของที่เราไปซื้อด้วยกันคราวก่อนล่ะครับ”

“คิดว่ามันยังไม่เสีย?” ร่างสูงถามพลางมองอีกฝ่ายอย่างกวนๆ

“จริงสิ งั้นผมออกไปซื้อให้ใหม่นะ” แฟร์ว่าก่อนจะก้าวเท้าเดินไปทางประตู

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวโทรสั่งอะไรมากินดีกว่า” ราชันย์ห้ามพลางเสนอ

“เอางั้นเหรอ”

“ตามนั้น”

แฟร์เดินกลับมานั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ก่อนร่างบางจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋ากางเกงเมื่อไม่มีอะไรทำและยังมีอีกเรื่องที่เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ที่ต้องจัดการ

ร่างสูงที่โต๊ะทำงานลอบมองอีกฝ่ายที่เอาแต่อมยิ้มพิมพ์อะไรบางอย่างกับโทรศัทพ์มือถืออยู่พักใหญ่จนราชันย์ทนไม่ได้ถามออกมาในที่สุด

“ทำอะไรอยู่”

“คุยไลน์”

“คุยกับใคร”

“พี่ทิวครับ”

“ทิวไหน!” น้ำเสียงของคนถามเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อชื่อของคนที่แฟร์กำลังคุยด้วยเป็นชื่อของผู้ชาย!

“เจ้าของรีสอร์ทที่ผมไปตามหาพ่อนิกรที่กาญจนบุรีน่ะครับ” ร่างบางที่ยังไม่รู้ถึงสถานการณ์ตรงหน้าตอบกลับโดยไม่คิดที่จะเงยหน้ามองอีกฝ่ายเลยสักนิด

“แม่ง!! กูนั่งหัวโด่อยู่นี่ทั้งคนมึงยังกล้าคุยกับผู้ชายอื่นไอ้หน้าตาเฉย!!” ราชันย์สบถคำพูดดิบเถื่อนก่อนอีกฝ่ายจะมองไปยังเขาและตอบหน้าตายกลับมา

“ก็แค่คุย”

“กูไม่ให้คุย! เอาโทรศัพท์มึงมา!!” ว่าเสร็จร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินไปหาแฟร์ทันที

“คุณจะไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าคุยเรื่องอะไร!?” แฟร์ลุกเดินหนี

“ไม่ถาม!!”

“คนไม่มีเหตุผล!”

“ก็มึงเป็นซะแบบนี้จะให้กูมีเหตุผลได้ยังไง! เอาโทรศัพท์ของมึงมา!!” ราชันย์เดินตามแฟร์ไปทั่วห้อง

“ไม่!!”

“แฟร์! กูไม่ใจดีกับมึงทุกครั้งหรอกนะ!!”

“แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ คุณไม่เชื่อใจผมเหรอ” แฟร์เอ่ยตัดพ้อพลางจ้องอีกคนกลับ ราชันย์มองคนตรงหน้าอยู่สักพักเพราะรู้ดีว่าตอนนี้แฟร์เริ่มจะฉุนขึ้นมาแล้วก่อนร่างสูงจะถอนหายใจแล้วแบมือออกไป

“ไม่มีอะไรงั้นก็เอามาให้กูดู”

“ห้ามลบห้ามส่งอะไรแปลกๆ ไปเพราะผมยังคุยกับเขาไม่เสร็จ!” ร่างบางเอ่ยดักคออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนมือของราชันย์

ร่างสูงกวาดสายตาอ่านข้อความบทสนทนาของทั้งคู่ตั้งแต่เริ่มจนถึงบรรทัดสุดท้ายก่อนจะเงยหน้าถามแฟร์กลับไป

“เสื้อผ้า?”

“อื้ม”

“เสื้อผ้าอะไร”

“ก็วันที่คุณไปลากผมกลับมาน่ะกระเป๋าเสื้อผ้าของผมยังอยู่ที่รีสอร์ทเขาอยู่เลย แล้ววันนี้พวกเราก็ไปกาญจนบุรีแต่ผมก็ไม่ได้แวะไปเอามันกลับมา” แฟร์ว่าก่อนจะเดินกลับมานั่งบนโซฟาตามเดิม

“แล้วมึงทำไมไม่บอกกู”

“ผมลืม”

“ลืม?”

“เพิ่งนึกได้ตอนคุณขับรถเข้าบริษัทแล้วเนี่ยแหละเลยทักบอกพี่ทิวเขาไป”

“มึงเป็นคนทักไปซะด้วย!” ร่างสูงย้อนกลับเสียงแข็ง

“คุณราชันย์…” แฟร์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงยานคางเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกคิดมากเสียทีจนราชันย์ยอมยื่นโทรศัพท์กลับให้เขาในที่สุด

“อย่าให้มีอีกเป็นครั้งที่สอง” ว่าเสร็จร่างสูงก็เดินกลับไปโต๊ะทำงานอีกครั้ง

“ครับๆ” แฟร์บอกพลางคุยกับอีกคนต่อสักพัก ก่อนร่างบางจะค่อยๆ เหยียดกายลงบนโซฟาตัวยาวเพื่อหมายจะงีบรอราชันย์

“ยังจะง่วงอีก นี่ขนาดมึงหลับทั้งขาไปขากลับแล้วนะแฟร์” ราชันย์ที่เห็นการกระทำทุกอย่างของอีกฝ่ายเอ็ดแฟร์กลับทันที

“หลับแค่นั้นมันชดเชยหลายวันที่ผมนอนไม่หลับไม่ได้หรอก” ร่างบางว่าก่อนจะปิกพับเปลือกตาลง

“ถ้างั้นก็ไปนอนดีๆ ในห้องเดี๋ยวกูเคลียร์งานเสร็จจะเข้าไปเรียก”

“แต่ผมอยากนอนที่นี่”

“ไม่ได้”

“ทำไมล่ะ”

“มันเกะกะลูกตากู” ร่างสูงปฏิเสธกลับไปอ้อมๆ หากแต่ความเป็นจริงแล้วเป็นเพราะเขาชอบลอบมองอีกฝ่ายจนไม่เป็นอันทำงานต่างหากล่ะ

“คุณก็ไม่ต้องมองผมสิ”

“กูห้ามตัวเองได้ก็ดีสิ” ราชันย์ว่าก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้

ร่างสูงเสมองหน้าอีกคนที่กลืนน้ำลายลงคอตัวเองอย่างหวาดๆ ก่อรที่เขาจะจึงตัดสินใจถามเรื่องนั้นกลับ

“หรือมึง…”

“เปล่า” แฟร์รู้ว่าอีกฝ่ายจะถามอะไร ร่างบางจึงหยุดประโยคพวกนั้นของราชันย์เอาไว้เสียก่อน

“เฮ้อ…กูลืมคิดถึงเรื่องนั้นไปเอาเป็นว่าถ้ามึงไม่อยากเข้าไปก็นอนเสียที่นี่แหละ” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดระคนยอมแพ้

“มะ…ไม่เป็นไรเพราะถ้าผมอยู่ที่นี่มันจะทำให้คุณอู้งานใช่มั้ย” แฟร์เอ่ยทั้งที่ใบหน้านั้นคิดหนักจนราชันย์สังเกตเห็น

“แต่ถ้ามึงฝืน…”

“ผมโอเคจะไปนอนแล้วตั้งใจทำงานนะครับ” ร่างบางชิงเอ่ยก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ขัดก่อนจะเปิดประตูห้องนอนและเดินเข้าไปทันที

ราชันย์มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ร่างสูงรู้ดีว่าแฟร์เองก็พยายามอย่างหนักเพื่อปรับตัวให้เข้ากับเรื่องต่างๆ ของเขาแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยเอ่ยคำว่ารักกับเขาก็เถอะ แต่ราชันย์ก็รู้ว่าแฟร์เองก็มีความรู้สึกดีๆ ให้กับเขาแม้ว่าร่างบางอาจจะยังไม่เรียกมันว่าความรักแต่ร่างสูงก็รู้สึกขอบคุณอีกคนทุกครั้งที่อย่างน้อยแฟร์ก็มอบสถานะคนพิเศษเกินกว่าคนอื่นๆ ให้กับเขา

ราชันย์เหยียดยิ้มออกมาเมื่อทุกอย่างเริ่มจะดีขึ้นตามลำดับก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเอกสารของบริษัทตรงหน้าอีกครั้ง
:
:
:
“แฟร์ๆ ตื่นได้แล้วไปทานข้าวกัน” เสียงทุ้มที่ดังข้างหูขวากับสัมผัสโอบรัดที่เพิ่มขึ้นตรงบริเวณเอวบางทำให้แฟร์ค่อยๆ เปิดเปลือกตาก่อนจะงัวเงียถามอีกคนกลับ

“กี่โมงแล้วครับ”

“ทุ่มครึ่ง” ราชันย์ตอบก่อนหอมไปยังแก้มใส

“คุณหิวหรือยัง”

“นิดหน่อยแต่ตอนนี้กูว่ากูเริ่มหิวอย่างอื่นมากกว่า” ว่าเสร็จร่างสูงก็พยายามซุกไซร้ซอกคอขาวจนแฟร์สะดุ้งเฮือก

“บ้า! อื้อออ!!” ริมฝีปากเล็กถูกราชันย์กดจูบลงอยากโหยหาก่อนร่างสูงจะลุกขึ้นคร่อมอีกฝ่ายเอาไว้

“ช่วยไม่ได้มึงมันน่ารักเองนี่นา” ราชันย์ที่ผละริมฝีปากออกเอ่ยพลางพรมจูบไปทั่วจนแฟร์เริ่มดิ้น

“อย่านะคุณราชันย์ อ่ะ!?” ร่างบางเบิกตากว้างเมื่อเรียวขาที่พยายามดันอีกฝ่ายออกบังเอิญโดนเข้ากับอะไรบางอย่าง

“โทษทีของกูมันตื่นแล้วว่ะ”

“!!”

แฟร์รีบดันแผงอกแกร่งตรงหน้าพร้อมกับออกแรงดิ้นจนสุด เรียวปากเล็กก็ตวาดว่าอีกคนออกไปเป็นพรวน

“งั้นคุณก็เข้าห้องน้ำไปเลย!!”

“มึงช่วยกูหน่อยไม่ได้เหรอวันนี้กูแม่งเหนื่อย”

“ไม่! ไม่ช่วย ไปเลยเร็วเข้า!”

“กูขอนะ…นะครับคนดี” ร่างสูงเอ่ยเสียงอ้อนหากทว่าร่างบางกลับยิ่งทวีแรงขัดขืนมากยิ่งขึ้นพร้อมกับคาดโทษอีกฝ่ายออกไป

“ไม่!!! ขืนคุณทำผมจะหนีไปจริงๆ ด้วย คราวนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้เจอผมอีก!” แฟร์ถลึงตาพลางจับชายเสื้อของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายพยายามเปิดไว้ขึ้นไว้แน่น

“มึงก็อย่างนี้ทุกทีรู้ว่ากูแพ้อะไรทำไมมึงชอบเอาเรื่องพวกนี้มาใช้เพื่อปฏิเสธกูไม่เลิก” ราชันย์ว่าก่อนจะจับแขนของอีกฝ่ายตรึงไว้เหนือหัว

“เพราะผมยังไม่ต้องการให้คุณทำแบบนี้!” แฟร์เถียง

“แล้วเมื่อไหร่มึงจะต้องการ”

“ไม่รู้!!”

“มึงจะกลัวอะไรมันเป็นเรื่องปกติของคนที่เขารักกันเปล่าว่ะ!?” ราชันย์พยายามหาข้ออ้าง

“แต่มันไม่ปกติสำหรับผม!”

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงให้นั่งดูมึงแล้วช่วยตัวเองว่างั้น!?”

“ถ้าทำได้ก็ดี!!” ร่างบางตวาดตอบอย่างไม่ทันคิด

ร่างสูงชะงักกึกกับคำพูดของอีกฝ่ายอย่างจัง ราชันย์มองแฟร์กลับด้วยแววตาเจ็บปวดร่างสูงหยุดการกระทำตรงหน้าก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปโดยทิ้งคำพูดไว้เพียงแค่ว่า

“ออกมากินข้าวกันเถอะ”

แฟร์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่ราชันย์ออกจากห้องไป ร่างบางเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะออกมานั่งทานข้าวที่ร่างสูงโทรสั่งให้มินตราเป็นคนไปซื้อมาให้ก่อนอีกฝ่ายจะเลิกงานกลับบ้านไป

ทั้งสองคนนั่งทานด้วยกันอย่างเงียบๆ จนแฟร์รู้สึกได้ถึงความอึดอัดและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมาคุ ราชันย์ที่เอาแต่ตักข้าวเข้าปากโดยไม่พูดอะไรทำให้แฟร์นึกผิดสังเกตจนต้องลอบมองอีกฝ่ายอยู่หลายครั้งก่อนคนถูกมองจะยกน้ำขึ้นดื่มเมื่อข้าวในจานพร่องไปเพียงนิดพร้อมกับลุกขึ้นเก็บจานของตัวเองไปล้างและกลับไปนั่งทำงานต่ออย่างเงียบๆ

แฟร์มองการกระทำของราชันย์จนแน่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธเขาอยู่เป็นแน่ ร่างบางจึงจัดการกับข้าวที่เหลือตรงหน้าจนอิ่มก่อนจะเก็บจานชามไปล้างและเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ทำหน้าเครียดกับเอกสากองโตตรงหน้าทันที

“คุณจะค้างที่นี่?” แฟร์ถามก่อนราชันย์จะตอบกลับมาแค่

“อืม”

“พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานเช้าเหรอ”

“อืม”

“งั้นผมกลับแท๊กซี่นะ”

“อืม”

“จะไม่ลงไปส่งผมหน่อยเหรอ”

“กูมีงานต้องทำ” เสียงทุ้มตอบโดยไม่มองหน้าคนถามเลยสักนิดจนแฟร์เริ่มรู้สึกไม่ดีมองใบหน้าของราชันย์กลับอย่างคิดหนัก

“คุณโกรธผมอยู่ใช่มั้ย” ร่างบางว่า

“เปล่า”

“แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้” มือเรียวเอื้อมไปจับมือที่ถือปากกาของอีกฝ่ายเอาไว้

“แบบไหน” ราชันย์ถามกลับด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย

“ก็ถามคำตอบคำ”

“กูแค่เหนื่อย”

“งั้นผมขอนอนกับคุณที่นี่” ร่างสูงขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจหากแต่เขากลับทำเพียงแค่จับมือของอีกฝ่ายที่กุมมือเขาเอาไว้ออก

“ไม่ต้อง”

“แต่ผมจะนอน”

“แฟร์มึงต้องการอะไรจากกูกันแน่! มึงกลับไปเถอะกูอยากอยู่คนเดียว” ราชันย์ว่าเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ดื้อตื้อจะมำในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ

แฟร์มองราชันย์ด้วยแววตาเรียบเฉยก่อนร่างบางจะตัดสินใจเอื้อมมือลงไปจับกางเกงตรงบริเวณกลางกายของคนที่นั่งอยู่จนราชันย์ต้องรีบปัดมือของอีกฝ่ายออกเป็นพัลวัน

“มึง!” ร่างสูงทำตาตื่น

“ผมไม่ได้สังเกตว่ามันยังไม่หลับ”

“!!”

“ผมขอโทษที่พูดกับคุณไปแบบนั้นผมแค่ไม่ทันได้คิดและก็…กลัว” ร่างบางหลุบตามองต่ำลงอย่างรู้สึกผิด

“ช่างมันเถอะคืนนี้มึงกลับไปนอนบ้านซะเพราะขืนมึงอยู่กูคงห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง” ราชันย์ว่าก่อนจะลุกหมายเดินนำอีกคนไปทางประตูห้องหากแต่แฟร์กลับฉวยแขนแกร่งเอาไว้ก่อน

“ถ้าอย่างงั้นคุณก็ไม่ต้องห้าม”

“…”

“เพราะผมจะพยายามทำให้คุณผ่อนคลายเอง”

“!!”



มีต่อค่ะ...
หัวข้อ: Re: [END]~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 28-07-2017 17:45:13
ต่อค่ะ....



“อ่ะ! อื้ออออ” เสียงเล็กครางผะแผ่วดังขึ้นอย่างเสียวซ่านเมื่อร่างสูงลงลิ้นลากไล้ไปทั่วแผงหน้าอกบางจนตุ่มไตเล็กสีชมพูลุกชูชันส่งผลให้คนด้านบนครอบริมฝีปากลงพลางดูดดึงจนเกิดเสียงดังน่าอาย

แฟร์พยายามกลั้นเสียงตัวเองเอาไว้ ร่างบางหอบหายใจพลางนึกอายจนอยากจะถอยหนีเมื่อราชันย์เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกทีและชิ้นจนไร้ซึ่งสิ่งปกปิดร่างกายในที่สุด

ราชันย์คร่อมแฟร์เอาไว้ทั้งร่างก่อนจะเท้าศอกลงกับเตียงและเงยหน้าจากแผงอกนั้นขึ้นก่อนจะถามกลับไป

“มึงไม่ได้กำลังฝืนตัวเองอยู่ใช่มั้ย” ร่างสูงมองอีกคนด้วยความรู้สึกและความต้องการที่ประเดประดังเข้ามาจนเริ่มที่จะห้ามตัวเองไม่ได้เข้าไปทุกที

“ผะ…ผมโอเค” แฟร์ตอบเสียงอ่อนก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางอย่างเขินอาย

“ถ้ามึงไม่รีบห้ามกูตอนนี้เมื่อไหร่ที่กูเริ่มเดินเครื่องเมื่อนั้นแม้ว่ามึงจะพยายามห้ามหรือร้องขอชีวิตกับกูสักแค่ไหนกูก็จะไม่หยุด” ร่างสูงบอกถึงความต้องการที่มากล้นก่อนคนใต้ร่างจะหันมาสบนัยน์ตาคมพร้อมกับยืนยันกลับไป

“ผมโอเค…ถ้าเป็นคุณ” สิ้นเสียงของแฟร์ราชันย์ก็ทำการซุกไซร้ซอกคอขาวทันทีก่อนจะเคลื่อนปากไปตามใบหู หน้าผาก ปลายจมูกเรื่อยลงมาจนถึงริมฝีปากเล็กที่เผยอรอให้อีกฝ่ายส่งลิ้นร้อนเข้าไปกวาดต้อนลิ้นเล็กที่พยายามตอบรับร่างสูงอย่างเคอะเขิน

ราชันย์ขบเม้มริมฝีปากของแฟร์อย่างเร้าร้อนเช่นเดียวกับร่างบางที่ตอบรับอีกฝ่ายด้วยการกดจูบย้ำๆ ไปตามริมฝีปากสีคล้ำอย่างโหยหา ร่างสูงทำการผละริมฝีปากออกก่อนจะจูบซับไปยังปลายคาง แผงอก เรื่อยลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบไร้ซึ่งมัดกล้ามเฉกเช่นชายชาตรีทั่วไปท่ามกลางเสียงร้องครางของอีกฝ่ายที่มันช่างเรียกอารมณ์มากมายให้ตรงเข้าหาร่างสูงได้เป็นอย่างดี

“อึก! อ่ะ! อื้อออ”

ราชันย์กดจูบไปรอบๆ สะดือเล็กก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากลงไปยังกลางกายของอีกคนช้าๆ ร่างสูงจับกลางกายของคนใต้ร่างขึ้นก่อนแฟร์จะร้องเสียงหลงเมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร

“ดะ…เดี๋ยว! คุณราชันย์คุณจะทำอะไร! ไม่เอานะ! อ่า…ซี๊ดดดด” แฟร์ครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อความร้อนจากโพรงปากนุ่มของราชันย์แผ่กระจายไปทั่วกลางกายเล็กที่ยังสงบในขณะที่อีกคนพยายามปลุกเร้าให้มันผงาดขึ้นมา

ร่างบางเอื้อมมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากสะกดกลั้นเสียงครางแห่งความสุขสมของตัวเองในขณะที่มืออีกข้างก็พยายามดันไหล่แกร่งของอีกคนให้เลิกทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ หากทว่าราชันย์กลับไปสะทกสะท้านร่างสูงยังคงรูดรั้งและปรนเปรอร่างบางด้วยโพรงปากของตัวเองจนอีกฝ่ายเริ่มปวดหนึบ

“อือ อือ อ่ะ อือ…คุณ! พอก่อน! ผมจะ!...” แฟร์ร้องห้ามเมื่ออีกฝ่ายพยายามเร่งจังหวะจนร่างบางใกล้เสร็จเข้าไปทุกที

ราชันย์มองใบหน้าแดงก่ำและทรมานของอีกฝ่ายด้วยใจที่ชื้นไปด้วยความสุขจนเต็มอก ร่างสูงพยายามใช้มือรูดรั้งเพิ่มจังหวะช่วยริมฝีปากที่เจ้าตัวยังไม่ประสานักหลังจากที่ศึกษาเรื่องพวกนี้จากอินเตอร์เน็ตมาได้แค่ไม่กี่วัน

“คุณราชันย์ อ่ะ! อ๊า!!!”  มือเรียวบีบลงบนลาดไหล่กว้างก่อนจะปลดปล่อยความคับแน่นออกมาจนเต็มโพรงปากของอีกคน

“ผะ…ผมขอโทษ! คายมันออกมาสิครับ! คายมันออกมา!” แฟร์ลุกขึ้นนั่งพลางละล่ำละลักคำพูดมากมายออกมาหากทว่าร่างสูงกลับไม่ฟัง ราชันย์มองใบหน้าตื่นของคนใต้ร่างเพียงครู่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจกลืนสิ่งที่อยู่ในปากของตัวเองลงคอไปในที่สุด

“คุณ! อ่ะ!!!” แฟร์ที่เบิกตากว้างเพราะตกใจกับสิ่งที่อีกคนทำกำลังจะเอ่ยคำพูดออกไปอีกหากแต่กลับถูกราชันย์ผลักให้ล้มลงไปนอนอีกครั้งก่อนร่างสูงจะจ้องเขากลับอย่างยียวน

“กูก็แค่ใจดีวอร์มให้มึงก่อนก็เท่านั้นทีนี้ถึงตากูเอาคืนบ้าง” พูดเสร็จร่างสูงก็ปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองออกก่อนจะตะปบมือหนาลงบนสะโพกเล็กพร้อมกับนวดคลึงมันไปมาอย่างมั่นเขี้ยว

“อ่ะ! อื้อออ” แฟร์กัดปากร้องออกมาเมื่อราชันย์พยายามแทรกนิ้วยาวของเขาเข้าไปยังช่องทางกลีบกุหลาบของเขา ร่างสูงส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอเมื่อทุกอย่างที่เขาอุตส่าห์ศึกษามาเป็นอย่างดีกลับไม่เป็นไปตามที่คิดเมื่อร่างกายของแฟร์ดูจะต่อต้านเขาอยู่ไม่น้อย

“ผ่อนคลายหน่อยแฟร์กูเพิ่งเอานิ้วเข้าไปได้นิ้วเดียวอยู่เลย” ราชันย์บอก

“มะ…มัน อึก!” แฟร์พยายามผ่อนคลายอย่างที่อีกฝ่ายบอกหากแต่ตอนเริ่มต้นมันกลับรู้สึกแปลกๆ จนร่างบางไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงต่อไปอีก

“กูกำลังทำให้มึงชินเพราะถ้าขืนทำอย่างคราวก่อนมีหวังมึงได้เลือดอีกแน่ๆ” ร่างสูงบอกก่อนจะส่งนิ้วที่สองเข้าไป

“ไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว ผะ…ผมไม่อยากฟัง อ่ะ!” แฟร์สบถว่าให้ก่อนราชันย์จะส่งนิ้วที่สามตามเข้าไปติดๆ

“โอเคครับเมีย ผัวขอโทษผัวจะไม่พูดถึงมันอีกต่อไปแล้ว” ร่างสูงว่าแซวก่อนจะพยายามขยับนิ้วเข้าออกให้เป็นจังหวะ

แฟร์หลับตาปี๋พลางยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองเอาไว้ไม่ใช่เพราะอายแต่เพราะเขากำลังยิ้มให้กับประโยคของร่างสูงเมื่อครู่จนลืมความคับแน่นที่มีอยู่ไปเสียชั่วขณะ

“อะ อึก! อ๊า!ๆ” แฟร์ร้องครางออกมาเมื่อราชันย์เร่งจังหวะก่อนอีกฝ่ายจะค่อยๆ ถอนนิ้วทั้งสามออกพร้อมกับจ่อกลางกายของตัวเองที่ยังคงผงาดตั้งแต่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไปยังช่องทางด้านหลังของแฟร์แทน

“กูจะใส่เข้าไปแล้วนะ”

“ดะ…เดี๋ยว” แฟร์เอ่ยก่อนจะลอบมองคนด้านบนด้วยท่าทีอ้ำอึ้ง

“ทำไม” ร่างสูงถามพลางเลิกคิ้ว

“คะ…คุณไม่มีเจลเหรอ”

“ไม่มี”

“คือว่า…”

“อะไร”

“ผม…ผมกลัวเจ็บ” แฟร์ว่าก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความอาย

“รับรองว่ากูจะทำเบาๆ” ราชันย์ได้ยินถึงกับยิ้มขำ ก่อนจะก้มลงจูบซับไปยังพวงแก้มสีแดงระเรื่อนั่นหลายที

ร่างสูงหยัดตัวขึ้นอีกครั้งก่อนจะลากไล้แท่งร้อนของตัวเองไปมาบนช่องทางด้านหลังของอีกฝ่าย ราชันย์มองช่องทางกลีบกุหลาบของแฟร์นิ่งก่อนที่เขาจะค่อยๆ ลงแรงกดส่วนหัวกลางกายใหญ่ของตัวเองเข้าไป

“อึก!  อือออ โอ้ย!!”

“เจ็บเหรอ!” ร่างสูงถามตาตื่นเมื่อแฟร์ร้องออกมาหลังจากที่เขาเข้าไปในช่องทางนี้ได้แค่เพียงส่วนหัวเท่านั้น

“นิดหน่อย ไม่เป็นไร ทะ…ทำต่อเถอะ” แฟร์ว่าก่อนจะหายใจเข้าจนเต็มปอด

ราชันย์พยายามกดมันเข้าไปอีกครั้งท่ามกลางร่างบางที่นิ่วหน้าเหยเกด้วยความเจ็บระคนเสียวซ่าน

“ผ่อนคลายหน่อยแฟร์มึงตอดกูมากไปแล้ว” ราชันย์ว่าพลางนิ่วหน้าตาม

“ซี้ดดด อึก! อ่า…” ความคับแน่นของแฟร์ทำให้ร่างสูงเองก็ทรมาน ราชันย์แทบจะเสร็จทุกครั้งจนเริ่มคิดได้ว่าหากขืนเป็นอย่างนี้อีกต่อไปได้ทรมานกันทั้งคู่เป็นแน่ ร่างสูงจึงก้มลงบดจูบริมฝีปากเล็กราวกับอยากจะให้อีกฝ่ายพยายามผ่อนคลายให้มากกว่านี้

แฟร์จูบตอบราชันย์กลับก่อนร่างสูงจะลากไล้ริมฝีปากไปตามซอกคอของเขาเพื่อจูบซับไปมาในขณะที่ช่วงล่างก็พยายามดันเข้ามาทีละนิด

ร่างบางส่งเสียงร้องออกไปอีกครั้งเมื่อความคับแน่นยิ่งทวีคูณจนแฟร์รู้สึกจุกไปทั่ว ราชันย์เคลื่อนริมฝีปากขึ้นมาบดจูบเขาอีกครั้งก่อนร่างสูงจะทำดันกลางกายเข้าไปในช่องทางของแฟร์ขณะที่อีกฝ่ายเผลอไผลไปกับรสจูบจนมิดด้าม

“อื้อออ!!!” ร่างบางส่งเสียงร้องในลำคอก่อนร่างสูงจะผละริมฝีปากออกพร้อมกับเริ่มขยับสะโพกสอบของตัวเองเข้าออกช้าๆ ทันที

“ซี้ดดดด! อย่าตอดกูมากแฟร์กูจะถึง” ราชันย์ว่าก่อนแฟร์จะพยายามผ่อนคลายให้มากหากทว่าด้วยขนาดของอีกฝ่ายทำให้ทุกครั้งที่ราชันย์ดันแท่งร้อนเข้ามาแฟร์ถึงกับจุกจนพูดไม่ออก

“อ๊า! อึก! อ่ะ!!ๆๆๆ” เสียงครางของแฟร์ดังขึ้นเมื่อราชันย์รู้สึกได้ว่าคนข้างใต้ผ่อนคลายจนทุกๆ จังหวะสามารถขับเคลื่อนไปได้ง่ายเขาจึงเร่งขยับสะโพกสอบเข้าออกถี่ระรัว

“รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย” ร่างสูงถามพลางก้มลงไปหยอกล้อเล่นกับตุ่มไตของแฟร์อีกครั้ง

“มัน อ่ะ! อึก! มันจุก!” แฟร์บอกเสียงกระเส่า

“ขอโทษแต่กูห้ามตัวเองไม่ไหวแล้วว่ะ” สิ้นเสียงร่างสูงก็เดินเร่งเครื่องจนคนใต้ร่างสั่นไหวไปตามจังหวะ

“อ๊า! อ่ะ!ๆๆๆ คุณราชันย์ อึก! ซี้ดดด” แฟร์ร้องออกมาหากทว่าน้ำเสียงครางนี้กลับเต็มไปด้วยความเสียวซ่านและมีความสุข

“แฟร์! ซี้ดดด กู! ฮืม…” ราชันย์กอดอีกคนเอาไว้เมื่อความรู้สึกปวดหนึบที่กลางกายประเดประดังเข้ามาจนร่างบางต้องปิดเปลือกตาพลางฝังเขี้ยวและจิกเล็บลงกับลาดไหล่หนาของคนด้านบนเเมื่อจังหวะกระแทกกระทั้นทำให้แฟร์รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังอยากจะปลดปล่อย

“อื้อออ อ่ะ อึก! อ๊า อ่ะ!” แฟร์ร้องไม่เป็นศัพท์ก่อนร่างสูงจะเร่งจังหวะสุดท้ายกระแทกแรงๆ เข้ามาพร้อมกับปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นข้างในตัวร่างบางในที่สุด

“อ๊า!!!…” ราชันย์ทิ้งตัวลงบนกายบางก่อนจะหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด เช่นเดียวกับแฟร์ที่หอบหายใจก่อนจะพยายามดันตัวเองออกหากทว่าด้วยกลางกายที่อีกฝ่ายยังไม่ถอนออกไปทำให้ราชันย์หยัดตัวขึ้นอีกครั้งก่อนจะขยับสะโพกสอบเข้าออกอีก

“เดี๋ยว! คุณไม่บอกผมว่าจะมีต่อรอบสอง!!” ร่างบางโวยวายลั่นพลางเบิกตาโพรง

“บอกก่อนก็ไม่สนุกน่ะสิ” ราชันย์ว่า

“คนขี้โกง!”

“ไม่โกงก็ไม่ใช่ราชันย์น่ะสิ”

“คุณ! อ๊า!!!” ราชันย์พลิกตัวอีกคนให้หมอบลงไปกับเตียงก่อนที่จังหวะรักครั้งที่สองจะบรรเลงขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียงเนื้อกระทบกันที่ดังสอดผสานกับเสียงครางของทั้งคู่ทำให้บรรยากาศภายในห้องเร้าร้อนไปด้วยบทรักที่อีกฝ่ายกำลังเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ จนคนใต้ร่างยากจะทานไหว

ร่างสูงแกล้งแฟร์ด้วยการส่งมือหนาเย้าแหย่กลางกายของเขาด้านหน้าก่อนร่างบางจะพยายามแกะมือของอีกฝ่ายออกเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านทำให้อีกฝ่ายถึงกับลมแทบจับ

“คุณมัน! อ่ะ!ๆๆๆ อึก! คนเจ้าเล่ห์!!”

ราชันย์ยิ้มออกก่อนจะเร่งจังหวะจนอีกฝ่ายสั่นไหวไปพร้อมกัน ร่างสูงจับแฟร์พลิกตัวกลับมาอีกครั้งก่อนจะส่งบทกระแทกกระทั้นเข้าไปจนแฟร์ร้องเสียงหลง

“มันจุก! โอ้ย! อ๊า…คุณ! อึก!” แฟร์เอื้อมมือขึ้นโอบรัดรอบคอของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะมองคนด้านบนกลับด้วยดวงตาสวยหยาดเยิ้มที่พอบวกกับใบหน้าสีแดงระเรื่อแล้วกลับยิ่งทำให้อีกฝ่ายอดใจไม่ไหวกระแทกแท่งร้อนเข้าจนสุดด้ามไปหลายที

“แฟร์…แฟร์ ซี้ดดด กูรักมึง” ราชันย์กระซิบข้างหูของร่างบาง

“ผม…อ่ะ! อื้อออ!!” แฟร์ที่ดูเหมือนกำลังจะเอ่ยอะไรกับอีกฝ่ายพยายามพูดออกไปหากแต่บทรักที่กำลังดำเนินอยู่ช่างหวาบหวามเสียจนคนใต้ร่างพูดออกมาไม่เป็นศัพท์

“ผมก็!...อึก! อ่ะ!!!ๆๆๆ” ราชันย์เร่งเครื่องอีกครั้งเมื่อต้องการอยากที่จะปลดปล่อย ร่างสูงหยัดตัวขึ้นพลางส่งแท่งร้อนเข้าออกถี่รัวจนกระทั่งของเหลวสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยในตัวอีกฝ่ายเป็นครั้งที่สอง

แฟร์ปิดพับเปลือกตาพลางหอบหายใจถี่ระรัว ราชันย์ถอนกลางกายออกจนอีกฝ่ายรู้สึกโหว่งจนต้องบิดตัวนอนตะแคงโดยเร็ว ร่างบางคว้าเอาผ้าห่มที่เกือบจะตกจากเตียงมาห่มไว้ก่อนร่างสูงที่หยัดตัวขึ้นนั่งจะถามถึงเรื่องเมื่อครู่ออกไป

“เมื่อกี้มึงจะพูดอะไร”

“ปะ…เปล่า” ร่างบางว่าพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอย่างเขินอาย

ราชันย์มองท่าทีอีกคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหลก่อนจะพลั้งมือบีบไปยังบั้นท้ายของอีกคนอย่างมั่นเขี้ยว

“โอ้ย! ผมเจ็บนะ!!” แฟร์เอ็ดพลางตบไปยังต้นแขนขวาของอีกฝ่ายเต็มแรง

“โทษทีๆ กูไม่รู้” ร่างสูงพยายามนวดคลึงบริเวณที่บีบเมื่อครู่กลับไป

“งั้นก็รู้ไว้ด้วย! ซี้ดดดด” แฟร์ว่าก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นนั่งทำให้ช่องทางด้านหลังเสียดสีจนร่างบางต้องส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บ

ราชันย์ขำกับท่าทีของคนข้างๆ ก่อนร่างสูงจะรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดพลางยกตัวแฟร์ขึ้น

“คุณจะพาผมไปไหน”

“กูจะพามึงไปล้างตัว” ร่างสูงว่าก่อนจะเดินลงจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำ

“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมทำเอง” แฟร์ปฏิเสธพลางดิ้นจะลงเสียให้ได้

“แน่ใจ” ราชันย์ถามในขณะที่แฟร์เองก็พยักหน้า

ร่างสูงปล่อยอีกคนให้ลงเดินตามที่ขอก่อนเท้าเล็กของแฟร์ที่สัมผัสพื้นได้เพียงนิดจะทำให้เจ้าของทรงตัวไม่อยู่จนต้องล้มลงไปนอนกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า

“โอ้ย!!!” แฟร์ร้องออกมาเมื่อเรียวขาทั้งสองข้างไม่มีแรงเสียดื้อๆ ก่อนคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ จะรวบตัวเขาอุ้มขึ้นมาอีกครั้ง

“อย่าดื้อเหอะมันผิดที่กูไม่ยั้งแรงกับมึงเอง” ราขันย์พูดหน้าตายหากแต่คำพูดนี้กลับทำเอาแฟร์อายจนแทบอยากจะแทรกผ่านดินหนี

ร่างสูงจัดการล้างตัวและกำจัดน้ำรักมากมายออกจากช่องทางด้านหลังของแฟร์เป็นที่เรียบร้อยก่อนจะหันไปทำความสะอาดตัวเองจนเสร็จ ราชันย์อุ้มแฟร์ออกมาจากห้องน้ำก่อนจะแต่งตัวให้อีกฝ่ายและกดให้แฟร์ล้มตัวลงนอนข้างๆ ตัวเองพร้อมทั้งส่งลำแขนแกร่งไปกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น

“เอามึงนี่เหนื่อยชิบหาย” ราชันย์ว่าก่อนแฟร์จะดิ้นออกจากอ้อมกอดนี้ทันที

“งั้นทีหลังก็ไม่ต้อง”

“พูดอย่างนี้แสดงว่าอนุญาต!” ร่างสูงดีใจจนตาโต

“รอปีหน้าเถอะ”

“บ้าไปแล้ว!” ร่างสูงสบถเมื่อแฟร์ยื่นคำขาด

“ก็แค่อีกสามเดือนกว่า” ร่างบางแหย่กลับก่อนราชันย์จะก้มลงมองหน้าอีกฝ่ายบริเวณแผงอกของตัวเองนิ่ง

“กูเฉาตายก่อนพอดี” ร่างสูงว่า

“งั้นก็ช่วยตัวเองไปก่อน”

“ไม่เอา! มึงอย่าทำยังงั้นนะแฟร์ กูว่ากูทนไม่ได้แน่ๆ แค่มีมึงอยู่ข้างๆ ทุกวันกูก็ต้องอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองวันละเป็นสิบเที่ยวแล้ว” ราชันย์เอ่ยเสียงอ้อนพลางมองแฟร์ด้วยแววตาเศร้า

“ให้ตายเถอะ! เป็นเอามากเลยนะนั่น” แฟร์ขมวดคิ้วต่อว่าหากแต่ภายในอกเล็กกลับเต้นตูมตามกับคำพูดของราชันย์จนมันแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว

“ก็เพราะว่ากูรักมึง” ร่างสูงว่าก่อนจะกระชับอ้อมกอดเข้ามาอีกจนแฟร์ที่เห็นท่าทีทุกอย่างนั้นเริ่มแซวกลับ

“ไปเอาท่าทีแบบนี้มาจากไหน”

“กูก็เป็นของกูแบบนี้มานานแล้ว” ราชันย์บอก

“ขี้โม้!” แฟร์เอ็ดกลับขำๆ ก่อนอีกฝ่ายจะถามเรื่องเมื่อครู่ขึ้นมาอีก

“ตกลงเมื่อกี้ก่อนที่กูจะเสร็จมึงจะพูดอะไร” ราชันย์มองไปยังใบหน้าของคนในอ้อมกอดอีกครั้ง

“ไม่มีอะไร” แฟร์ปฏิเสธพลางหลบตาอีกฝ่าย

“แต่กูว่ามึงมี”

“ไม่มี”

“แน่นะ”

“อื้ม! แน่” ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคมพลางย้ำกลับ

“โอเคงั้นกูจะหลับ…ราตรีสวัสดิ์นะครับเมีย” ราชันย์ว่าก่อนจะคลายอ้อมกอดออกเพียงนิดเพื่อให้แฟร์นอนหลับสบายขึ้น

“ฝันดีครับ” ร่างบางตอบกลับ

“กูรักมึงนะแฟร์” ราชันย์เอ่ยในขณะที่ดวงตาของเขาปิดพับด้วยเปลือกตาเรียบร้อยแล้ว

แฟร์มองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายในความมืดไม่วาง คิ้วเข้มกับจมูกโด่งเป็นสัน ทั้งยังริมฝีปากได้รูปที่มีเสน่ห์ทุกครั้งยามที่อีกคนใช้มันเพื่อจูบเขานั้นยิ่งทำให้แฟร์รู้สึกหวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก

ร่างบางยังคงไม่ปิดพับเปลือกตาลงแต่อย่างใด แฟร์นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเวลาล้วงเลยผ่านไปนานหลายนาที เสียงลมหายใจของคนตัวสูงข้างๆ ที่ดังเข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้แฟร์รู้ว่ดีาตอนนี้ราชันย์ได้หลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่มือเล็กจะยกขึ้นและใช้นิ้วเรียวลากไล้ไปตามคิ้วเข้มคู่นั้นเรื่อยลงมาตามสันจมูกโด่งได้รูปก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากด้วยความรู้สึกหลงใหลอีกฝ่ายเข้าจนเต็มเปา

แฟร์มองใบหน้านี้อีกพักใหญ่ก่อนร่างบางจะแนบหูลงกับแผงอกแกร่งพลางตอบคำถามที่อีกฝ่ายได้ถามออกมาเมื่อครู่ออกไป

“เมื่อกี้ผมจะพูดว่า…ผมเองก็รักคุณนะครับคุณราชันย์”

น้ำเสียงที่ดังขึ้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ภายในใจ แฟร์ปิดพับเปลือกตาลงพลางยิ้มออกมาเรียวแขนเล็กสอดผสานโอบกอดอีกฝ่ายตอบอย่างไม่นึกปิดอีกต่อไป

หากทว่า…น่าเสียดายที่ร่างสูงของคนที่พยายามอยากได้ยินคำนี้จากร่างบางมาโดยตลอดกลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปเสียก่อน ราชันย์จึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่าคนในอ้อมกอดของเขาในขณะนี้ก็รู้สึกเหมือนกับเขาเช่นเดียวกัน…

-จบ-


จบแล้วนะคะ สำหรับเรื่องราวความรักของ ราชันย์ x แฟร์ อาจจะไม่ถูกใจนักอ่านไปทั้งหมด
แต่กิ่งอยากให้รู้ว่ากิ่งตั้งใจที่อยากจะให้ความสุขแก่นักอ่านทุกคนนะคะ ^^ ไว้ไปเจอกันเรื่อง กงจักรจอมพล ค่ะ

ปล. สำหรับใครที่สนใจอยากได้นิยายเรื่องนี้ฉบับเสร็จสมบูรณ์
กิ่งลงขายกับทางเว็บธัญวลัยค่ะ มีทั้งแบบรูปเล่มและ E-book
สามารถไปสั่งซื้อกันได้ ความยาว 375 หน้า A5
ราคาเล่มกระดาษ 329 บาท E-book 249 บาท จร้า
มีตอนพิเศษที่ไม่ได้โพสที่ไหน 4 ตอนคือ
Trouble is a Friend
Just Friend
Will You Marry Me?
Lost (Love) in England

ซื้อ (http://www.tunwalai.com/story/92186/end%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81-yaoi-18)



:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-07-2017 20:52:26
 :pig4:

แจ้งโมค่ะ
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-07-2017 21:20:32
คู่นี้หวานมาก
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 28-07-2017 21:46:34
 :L2:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 29-07-2017 10:03:40

พ่อพระเอก


กว่าจะบอกรักได้

รังแกเขาไปตั้งเยอะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-07-2017 13:45:54
มีความสนุกมากจ้าแต่อีพระเอกเลวไปหน่อยแค่นั้นเอง
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 29-07-2017 14:31:14
มีความสนุกมากจ้าแต่อีพระเอกเลวไปหน่อยแค่นั้นเอง


ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน กำลังพยายามแต่งแนว feel good อยู่ แต่แต่งยากจุงค่ะ T^T
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 29-07-2017 17:41:11
นึกว่านิยายหายไปใหน  เข้ามาดู 2 วันแล้วไม่มีชื่อเรื่องนี้  พอลองเอาชื่อเรื่องมาค้นดู อ่าวจบแล้วย้ายห้องแล้ว  ไวมาก ขอบคุณนักเขียนนะครับที่เอาเรื่องสนุกๆมาให้อ่าน  ขอบคุณครับผม
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 29-07-2017 19:10:53
นึกว่านิยายหายไปใหน  เข้ามาดู 2 วันแล้วไม่มีชื่อเรื่องนี้  พอลองเอาชื่อเรื่องมาค้นดู อ่าวจบแล้วย้ายห้องแล้ว  ไวมาก ขอบคุณนักเขียนนะครับที่เอาเรื่องสนุกๆมาให้อ่าน  ขอบคุณครับผม


มันจบนานแล้วค่ะ แต่เพิ่งโพสในนี้จนจบ แหะๆ ฝากติดตามเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Deeli ที่ 30-07-2017 17:02:41
จะมีตอนพิเศษไหมน้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 30-07-2017 18:16:56
จะมีตอนพิเศษไหมน้า  :hao7:

ต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนพิเศษมีเฉพาะในเล่มค่ะ T^T
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-07-2017 20:01:48
ลงเอยกันด้วยดี ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: oppapp ที่ 31-07-2017 21:24:21
อยากเห็นตอนพิเศษที่พี่ราชันย์พูดเพราะๆกับน้อง
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 03-08-2017 07:00:36
สนุกมากเลยค่าาาา แอบอยากให้ลงตอนของจอมพลต่อบ้าง อิอิ หมั่นไส้ราชันย์มากๆเลย จะทำดีสะหน่อยก็ไม่ได้ พอทีจะเสียแฟร์ไปล่ะลนใหญ่เลย 555555
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 03-08-2017 23:48:14
ทั้งสนุก
ทั้งหมั่นไส้ราชันย์ ไปพร้อมๆกัน

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 04-08-2017 08:40:17
สนุกมากเลยค่าาาา แอบอยากให้ลงตอนของจอมพลต่อบ้าง อิอิ หมั่นไส้ราชันย์มากๆเลย จะทำดีสะหน่อยก็ไม่ได้ พอทีจะเสียแฟร์ไปล่ะลนใหญ่เลย 555555


ของจอมพลมีนะคะสามารถอ่านได้จาก http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.0

 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 04-08-2017 12:38:58
สนุกมากเลยค่ะ
ลุ้นว่าจะลงเอยกันยังไง
เพราะราชันแรงใส่แฟร์สารพัด
แอบหมันใส้ราชันและสงสารแฟร์
และกะแอบเกลียดนนท์เล็ก 5555+
เดี๋ยวจะตามไปอ่านเรื่องของจอมผล
และรออ่านเรื่องต่อๆไปค่ะ ชอบบบบ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเหมียว17 ที่ 04-08-2017 12:52:16
 :-[  :-[ ขอตอนพิเศษได้ม้ายยยยยย
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 04-08-2017 15:11:31
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-08-2017 00:57:50
 o13 o13
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 12-08-2017 10:58:31
อ่านรวดเดียวจบเลย
หมั่นราชันย์สุดๆ
ส่วนแฟร์มีความเป็นราชินีมาก
ชอบเวลาคุยกับจอมพลหรือภีม
ให้ความรู้สึกชนะมาก
มาดราชินีแบบจัดเต็ม
ต้องไปอ่านของฝั่งจอมพลหน่อยละ
คู่นู้นดูใสๆกว่าคู่นี้เยอะ
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 14-08-2017 02:25:29
 o13 o13
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 26-08-2017 14:27:36
ราชันย์ตอนยอมเมียน่ารักดีนะ แฟร์ก็น่ารัก  o13
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 26-08-2017 20:35:42
ลุ้นเหนื่อย นึกว่าจะใจแข็งกว่านี้ เกือบแล้วววว
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 28-08-2017 00:24:27
ขอบคุณมากค่า อยากให้ราชันย์พูดเพราะๆบ้าง 5555555
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 28-08-2017 04:46:43
ชอบแนวนี้นะ
เหมือนจะดราแต่ว่าแฮปปี้

ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 29-08-2017 15:19:00
ตอนจบแบบว่า  :pighaun: :pighaun: :z1:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 31-08-2017 00:13:25
หมั่นไส้พระเอกมากลีลาเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 31-08-2017 00:14:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 31-08-2017 00:15:58
ซับซ้อน เหลือเกิน
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 31-08-2017 00:16:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 31-08-2017 00:17:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: +MooN+ ที่ 01-10-2017 14:09:43
มีความหมั่นไส้ราชันย์เบาๆ
น้องแฟร์น่ารักกกก :L1:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: lolitar ที่ 15-10-2017 12:30:33
ชอบเรื่องนี้...ส่วนพระเอกชอบความครั่งของนาง
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: หิมะขาว ที่ 16-10-2017 19:46:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 16-10-2017 21:02:22
พระเอกอารมณ์ขึ้นๆลงๆสวิงสุดๆตามแทบไม่ทันเลย
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 05-12-2017 15:46:55
 :hao6: :hao6: อ่านจบแล้ว
โอ๊ะ ทำไมเรารู้สึกว่า พระเอกเรื่องนี้ใขดีกว่าจอมพลเยอะ
ราชันย์ปากตรงกับใหญ่ อ่อนโยนกว่าเย้อะ ลู้กกก เชื่อพี่ อย่าไปอิจฉาภีมเลย
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [END] ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........EPILOGUE 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 06-12-2017 00:28:14
 o13