พิมพ์หน้านี้ - Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Yoghurt ที่ 13-09-2018 22:39:56

หัวข้อ: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 13-09-2018 22:39:56
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

- - - -- - - - - -- - - - - - -



(https://www.picz.in.th/images/2018/09/13/fsmLLa.jpg)


ตัวละคร

(https://www.picz.in.th/images/2018/09/13/fsyYAP.jpg)

(https://www.picz.in.th/images/2018/09/15/fC2Xze.jpg)


ความเจ็บปวดที่หอมหวานที่สุด  ความหลงที่ชวนวาบหวิวที่สุด
ความร้ายที่ทรมารหัวใจที่สุด  มันกำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ไม่ว่าจะหลบหนียังไงก็ไม่มีทางหนีพ้น
.
.
.
ความผิดพลาดที่เป็นจุดเริ่มต้นให้คนสองคนต้องมาเจอกัน

แล้วบทสรุปสุดท้าย ของใจสองใจ ของคนสองคน

จะจบลงที่ตรงไหน

กับ

Mistakes หลงร้าย

-*-*-*-*-*-*-*-*- 

 

 

[Teaser] Mistakes หลงร้าย (https://www.youtube.com/watch?v=X98CgpzRv_E&lc=z230wfoy4qjpdtngw04t1aokg2zs4rezwowxhukuqfgkbk0h00410)


 

 


 :pig4:*เม้นสักนิดเพื่อการเขียนที่ไหลลื่น แม้เราจะต้องการคอมเม้นแต่ก็ต้องการคอมเม้นที่เป็นมิตรนะจ๊ะ  :pig4:

 
แฟนเพจอัปเดทนิยาย พูดคุยและทวงนิยายกันได้ทางนี้ทางเดิมนะจ๊ะ
  Yoghurt Duchy (https://www.facebook.com/Yoghurt-Duchy-1592952994260862/)


ผลงานเรื่องที่ผ่านๆมา

One Night...คืนเดียวก็เสียวได้ [รุกxเลิฟ] (http://www.tunwalai.com/story/37025/one-night%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-the-end-boys-love-yaoi)

No limit...แรงรัก|กระแทก♥|ลึก [รบxฝา] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61195.0)


 :mew1:ใครไม่มียูสในเล้าเป็ด อ่านแล้วฝากแท็ก #หลงร้าย ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ  :mew1:


 :L2:นิยายเรื่องนี้ไม่เหมาะกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า16ปี และไม่เหมาะกับบุคคลที่ชอบพระเอกดีๆมีคุณธรรมจ้า




:3123:สารบัญ :3123:

* MINI INTRO* (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3886641#msg3886641)
INTRO (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3886954#msg3886954)
หลงร้ายครั้งที่1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3887442#msg3887442)
หลงร้ายครั้งที่2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3890568#msg3890568)
หลงร้ายครั้งที่3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3893791#msg3893791)
หลงร้ายครั้งที่4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3896806#msg3896806)
หลงร้ายครั้งที่5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3899779#msg3899779)
หลงร้ายครั้งที่6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3902388#msg3902388)
หลงร้ายครั้งที่7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3904938#msg3904938)
หลงร้ายครั้งที่8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3907476#msg3907476)
หลงร้ายครั้งที่9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3909988#msg3909988)
หลงร้ายครั้งที่10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3912676#msg3912676)
หลงร้ายครั้งที่11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3915625#msg3915625)
หลงร้ายครั้งที่12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3918379#msg3918379)
หลงร้ายครั้งที่13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3920952#msg3920952)
หลงร้ายครั้งที่14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3923587#msg3923587)
หลงร้ายInside Story (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3924817#msg3924817)
หลงร้ายครั้งที่15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3925989#msg3925989)
หลงร้ายครั้งที่16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3928413#msg3928413)
หลงร้ายครั้งที่17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3930710#msg3930710)
หลงร้ายครั้งที่18.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3933191#msg3933191)
หลงร้ายครั้งที่18.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3935771#msg3935771)
หลงร้ายครั้งที่19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3938400#msg3938400)
หลงร้ายครั้งที่20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3940892#msg3940892)
หลงร้ายครั้งที่21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3943332#msg3943332)
หลงร้ายครั้งที่22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3945725#msg3945725)
หลงร้ายครั้งที่23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3948173#msg3948173)
หลงร้ายครั้งที่24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3950585#msg3950585)
หลงร้ายครั้งที่25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3953031#msg3953031)
หลงร้ายครั้งที่26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3955764#msg3955764)
หลงร้ายครั้งที่27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3958190#msg3958190)
หลงร้ายครั้งที่28 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3960327#msg3960327)
หลงร้ายครั้งที่29 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3962359#msg3962359)
หลงร้ายครั้งที่30.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3962953#msg3962953)
หลงร้ายครั้งที่30.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3964124#msg3964124)
หลงร้ายครั้งที่31.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3964390#msg3964390)
หลงร้ายครั้งที่31.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3966390#msg3966390)
หลงร้ายครั้งที่32.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3967301#msg3967301)
หลงร้ายครั้งที่32.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3968698#msg3968698)
หลงร้ายครั้งที่32.3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3969010#msg3969010)
หลงร้ายครั้งที่33 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3969918#msg3969918)
หลงร้ายครั้งที่34 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3970890#msg3970890)
หลงร้ายครั้งสุดท้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68386.msg3971836#msg3971836)





:pig4: :pig4:




หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ** MINI INTRO*{13.09.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 13-09-2018 22:43:34


MiNi INTRO


หลงร้าย

เพราะผู้ชายดีๆ มันมีแต่ในนิยาย

ส่วนผู้ชายร้ายๆ...มีชื่อว่า 'ทัพหน้า'



ทัพหน้า

"คาดหวังอะไรกับการโดนเอาในครั้งนี้ ... เซ็กส์ดีๆ...คำบอกรักหวานๆ...หึ ถ้ามึงกำลังฝันอยู่ล่ะก็ตื่นซะ!"

"มึงรู้ไหม อะไรที่เจ็บปวดที่สุดในโลกใบนี้?...ก็การมีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักมึงยังไงล่ะ..."

"และกูจะทำให้มึงได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่เจ็บปวดที่สุดนั่น...คาราเมล"





คาราเมล

"ถ้ากูบอกว่าไม่ใช่กูมึงจะเชื่อหรือเปล่า ถ้ากูพูดอะไรออกไปมึงจะฟังมันบ้างไหม"

"ความเสียใจ ต่อให้ร้องดังเท่าไหร่ ถ้าเค้าไม่อยากได้ยิน มันก็ไม่ดัง"

"กูเกลียดมึง เกลียดมึงแล้วไอ้สัดพี่ทัพ!"

.

.

.


“เกลียดกูแล้วไง มึงคิดว่ากูแคร์?”  (ยืนพิงประตูกระจกตรงระเบียง ทั้งตัวใส่เพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียว)

“เรื่องมึง!”

“ปากดี ปากดีแบบนี้เวลาอมไม่เห็นจะเก่ง”

“ไอ้เชี่ย!พูดมาก เป็นเชี่ยไรมาพูดเรื่องนี้”

“ก็ปากกู กูจะพูดว่ามึงอมกี่ครั้งก็ได้ ก็ในเมื่อมึงอม เมื่อคืนก็อม วันก็ก็อม”

“K!”

“ถูก Kกูนี่แหล่ะที่มึงอม และต้องมีแค่Kกูด้วย จำไว้!”

“กูจะไปฆ่ามึงไอ้สัดพี่ทัพหน้า!”

“ลุกขึ้นนั่งให้ได้ก่อนเถอะไอ้ลูกหมาค่อยมาปากเก่ง”

“อย่าให้กูลุกไปได้นะมึง!” (นอนดิ้นอยู่บนเตียง เพราะถูกอีกฝ่ายเอาเชือกผูกไว้)

“จะรอ แต่คิดว่าคงอีกนาน”

“เดินมาทำไม ถอยไป๊!”

“ฉีกขากว้างๆ เวลาใส่กูจะได้ไม่ต้องใช้แรงเยอะ”

“อึก! ไอ้....”

“ไอ้หล่อ จะพูดก็พูดมา กูรู้ว่ามึงอยากพูดมาตั้งแต่ปี1แล้ว หึ”

.

.

.
“กูคิดว่าสักวันมันจะเป็นไปได้ ... แต่เปล่า ...วันนี้กูยอมแล้ว กูพอแล้ว ...เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว”

“ถ้าวันนี้กูบอกว่าไม่ให้ไป ถ้าวันนี้กูขอร้องให้เราเริ่มต้นกันใหม่ มึงจะยอมอยู่ต่อไปกับกูอีกครั้งได้ไหม เมล...”

ความผิดพลาดที่เป็นจุดเริ่มต้นให้คนสองคนต้องมาเจอกัน

แล้วบทสรุปสุดท้าย ของใจสองใจ ของคนสองคน

จะจบลงที่ตรงไหน



-----------------------------------------



กรี๊ดๆๆๆๆ แคทกลับมาแล้วววว มาพร้อมพี่ทัพหน้าาาาา ใคร...ใครคิดถึงกัน มามะๆ มาตำจ้าาา

ขอฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ  เป็นกำลังใจให้แคทด้วยนะคะทุกคน :mew1: :pig4:

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ** MINI INTRO*{13.09.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 14-09-2018 20:17:17

INTRO





‘ตึก ตึก ตึก’



แฮก แฮก



ขาเรียวยาวในชุดกางเกงยีนส์สีซีดที่กำลังวิ่งลัดเลาะไปตามตรอกมืดๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่เปื้อนฝุ่นจนสกปรกและหลุดลุ่ยออกจากทับของกางเกง ขาเรียวที่ไม่ยอมหยุดวิ่งไปตามตรอกซอกซอยที่ทั้งมืดทั้งแคบ สกปรกและเหม็นอับ ... ใบหน้าเรียวรูปไข่นัยตาสวยหันกลับไปมองทางด้านหลัง เห็นพวกผู้ชายชุดดำสี่ห้าคนที่ยังคงวิ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ ร่างบางได้แต่วิ่งต่อไป ต่อไป และต่อไป ... เงาดำๆตระคลุมๆที่ทาบทับมาจากด้านหน้า ทำให้ขาเรียวหยุดชะงัก ดวงตากลมโตวาววับสั่นระริกอย่างหวาดหวั่น



‘ฟู้ววว’



ควันบุหรี่สีเทาที่ลอยเอื่อยๆอยู่เบื่องหน้า เงาดำตรงหน้าทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าที่ยังยืนอยู่ในมุมมืดต้องทั้งตัวสูงและใหญ่กว่าตนเองมากแน่นอน บรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที  ความรู้สึกที่เรียกได้ว่ากำลังถูกคุกคาม ทำให้ขาเรียวค่อยๆก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ



‘พลึก’



แผ่นหลังบางชนเข้ากับแผ่นอกหนาของหนึ่งในชายชุดดำที่วิ่งตามมาสมทบ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นพร้อมหันไปมองอย่างตกใจและหวาดหวั่น  เหล่าชายชุดดำที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ด้านหลังสี่ห้าคนยิ่งทำให้ตัวสั่นสะท้านมากขึ้นไปอีก



“โอ๊ยย ป..ปล่อยกูนะเว่ย! ปล่อ...อัก”



‘ผลั้ว ตุบ’



พวกมันกระชากร่างบางพร้อมๆกับต่อยเข้าที่ท้องน้อยและเตะที่ข้อพับจนร่างโปร่วทรุดล่วงลงไปกองกับพื้น  หน้าใสที่แนบลงไปที่พื้นชื้นๆนั้นอย่างไร้ทางสู้ แววตาใสสั่นสะท้าน มองเห็นเพียงแค่รองเท้าสีดำมันวาววับที่กำลังค่อยๆเดินเข้ามาใกล้



ช้าๆ ช้า....



‘ตึก ตึก ตึก’



เสียงส้นเท้าลงจังหวะกระทบพื้นปูนเย็นชืดดัดก้องไปทั่วบริเวณ  ก่อนที่สุดท้ายขายาวจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า คนร่างบางที่ได้แต่นอนตัวสั่นสะท้าน หายใจรวยรินแผ่วๆอย่างหวาดหวั่น



“หึ...มึงเองสินะ คาลาเมล”



เสียงทุ้มเข้มที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนที่ขายาวๆจะทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าของคนร่างบาง ฝ่ามือหนาอีกข้างเอื้อมไปบีบสันกรามของคนที่นอนอยู่ที่พื้นและกระชากใบหน้าใสให้เงยขึ้นมาสบตา และนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นโฉมหน้าของคนที่ซ่อนอยู่ในเงามืดเมื่อก่อนหน้านี้  ริมฝีปากหยักยกยิ้มร้าย ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นสูบบุหรี่อย่างไม่ยี่หระ พร้อมๆพ่นควันบุหรี่ออกมาใส่หน้าร่างบางจนสำลัก  ดวงตาคมสีดำสนิท ที่รับกับคิ้วหนาเรียงตัวสวย กรอบหน้าได้รูปยิ่งเสริมให้ใบหน้านี้ยิ่งหล่อเหลา หากแต่ว่าแววตาของคนตรงหน้ามันกลับเฉยชาและฉายแววเลือดเย็น ที่มุมปากถูกจุดด้วยรอยยิ้มแบบเหี้ยมๆส่งมาให้  เป็นผู้ชายร่างสูงที่คาดเดาว่าน่าจะสูงราวๆ 185หรืออาจจะมากกว่านั้น



“อ๊ะ...” 



ดวงตาสวยเบิกกว้างขึ้นไปอีกเมื่อเห็นคนตรงหน้า หัวใจสั่นระรัว หากแต่คนร่างสูงตรงหน้าทำแค่เพียงบีบมือที่กำลังกระชับสันกรามเล็กนั่นให้แน่นมากขึ้น ดวงตาคมจ้องเขม็งฉายแววเกลียดชัง



“หึ ตกใจมากไหมที่เห็นหน้ากู”



“อ๊ะ....ปะ...ปล่อย”



“หึ อ่อนแอ น่าสมเพช”



“กะ...กูไปทำอะไรให้ อัก ปะ...ปล่อยสิ! อ๊ากก”



ฝ่ามือหนาที่เพิ่มแรงบีบมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ดวงตาคมสนิทที่มองมาอย่างไม่รู้สึกสงสาร ‘ทัพหน้า’ ไม่คิดจะสงสารคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่คิดได้ คือทำร้าย และทำให้เจ็บปวดทรมารอย่างที่สุด



“ทำอะไรงั้นหรอ หึ มึงจำคนชื่อ ณราชา ได้ไหม”



ดวงตาใสที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสเพราะความเจ็บค่อยๆเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ พร้อมๆกับที่พยายามจะส่ายหน้าและดิ้นหนีคนตรงหน้าไปพร้อมๆกัน



“อึก ไม่ กูไม่เกี่ยวนะ กู...กูไม่ได้ตั้งใจ”



คนผิดมันต้องชดใช้...และคนๆนั้น มันก็คือมึง!







-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-





ยู้ฮู้วววว จุ๊กกรู้! สวัสดีจ้าาา ... แคทมาอีกแล้วเช่นเดิมน้าาา เมื่อวานมาเปิดเรื่องและลงMini Intro กรุ้มกริ่มๆ :hao7:

ยั่วยวนคนอ่าน (มีคนอ่านของแกเรอะ ฉันเห็นโล่งมาก) นั่นแหล่ะ...จะมโนยิ้มเอาเองว่ามีคนตามมาอ่านเฮียทัพต่อแบบอู้ฟู่ๆ

เอาล่ะ วันนี้มาลงอินโทร มามะๆ ขอเสียงเชียร์หน่อยค่าาา (กราบ) ...  :call:

ไปกรี๊ดกร๊าดหวีดและจิกหนังหัวแคทได้ในแฟนเพจและทวิตเตอร์  #หลงร้าย << ได้เลยน้าาาา จ๊วฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**INTRO* {14.09.18}
เริ่มหัวข้อโดย: cxerxx ที่ 14-09-2018 20:38:34
น้องเมลชีช้ำแน่ ๆ  :mew2:

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**INTRO* {14.09.18}
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 14-09-2018 22:36:46
น่าติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**INTRO* {14.09.18}
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 15-09-2018 12:05:01
 :man1: :L2:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่1* {15.09.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 15-09-2018 19:28:03



บทที่1




ณ บ้านใหญ่ ของตระกูล เตชะณรงกรค์ ... บรรยากาศเงียบๆที่กำลังฉายชัดถึงความอึดอัด สีหน้าและท่าทางของเหล่าลูกหลานในตระกูลที่ต่างนั่งเงียบอย่างเคร่งเครียดอยู่ในภวังค์ของตนเอง หลังจากการพูดคุยเกี่ยวกับข่าวร้ายที่ตอนนี้ยังไม่ได้รับข้อสรุปที่ชัดเจนสักที ชายสูงวัยผู้เป็นประมุขของบ้านที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ที่หัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามกันคือลูกชายคนโต  ‘ทัพหน้า’ ร่างสูงเจ้าของดวงตาคมสีดำสนิท คิ้วหนาที่เรียงตัวสวยรับกับกรอบหน้าได้รูปยิ่งเสริมให้ใบหน้ายิ่งหล่อเหลา หากแต่ว่าแววตาของคนตรงหน้ากลับเฉยชาและฉายแววเลือดเย็น ฝ่ามือแกร่งที่ตอนนี้ถูกวางลงบนโต๊ะและประสานมือกอบกุมกันไว้แบบคนที่กำลังครุ่นคิด รอบๆตัวมีเหล่าพี่น้องของครอบครัวกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน ขวามือของผู้เป็นพ่อคือนักรบ ส่วนทางด้านซ้ายมือคือรุกฆาต และถัดจากรุกฆาตมาคือน้องจอม น้องชายคนเล็กของบ้านหลังนี้ ...





“แกจะเอายังไงกับเรื่องนี้ จะปล่อยเวลาให้ผ่านไปอีกกี่เดือน จะปล่อยไปแบบนี้อีกนานไหม หรือจะไม่ทำอะไร?”





เสียงเข้มๆของผู้เป็นพ่อเอ่ยออกมาในที่สุด ทุกคนที่นั่งอยู่ถึงกับสะดุ้งออกมาจากความคิดของตนเอง มีเพียงร่างสูงของทัพหน้าที่ไม่สะทกสะท้านต่อเหตุการณ์ตรงหน้า ใบหน้าหล่อที่ทำเพียงเงยขึ้นมาสบตากับผู้เป็นพ่อนิ่งๆ สีหน้าไม่ได้ต่างออกไปจากเดิมมากเท่าใดนัก ร่างสูงที่เงียบอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากออกมาด้วยเสียงทุ้มเข้ม หากแต่เด็ดขาด





“ผมจะจัดการเอง”





“แกจะจัดการยังไง?”



“ในแบบของผม”



พูดออกมาแบบนั้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยท่วงท่าสง่างามและน่าเกรงขาม ร่างสูงที่ก้าวขาลุกออกไปจากโต๊ะแบบนั้นโดยที่ไม่เอ่ยอะไรต่อ เป็นลูกชายคนโตของบ้านที่ถูกฝึกมาอย่างเพรียบพร้อมและเข้มแข็ง มีความเป็นผู้นำและเด็ดขาด



ผู้เป็นพ่อและเหล่าพี่น้องที่ต่างมองตามแผ่นหลังกว้างนั่นไปอย่างเป็นห่วง แต่ก่อนที่ร่างสูงจะได้เดินพ้นออกจากประตูไป ขายาวนั่นก็หยุดชะงักฝีเท้าและหันหน้ากลับมามองทุกคนอีกครั้ง สีหน้านิ่งเรียบไม่ต่างจากเดิม หากแต่แววตาที่กำลังลุกโชนนั่น ทำเอาทุกคนเผลอลอบกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้



“แต่ผมจะทำให้มันทรมารที่สุดเท่าที่มันจะเจ็บปวดได้”



ฝ่ามือหนาที่กระชับกำเข้าหากันจนแน่นตอนที่พูดจบ คำพูดที่มาพร้อมๆกับการแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ ก่อนจะก้าวขายาวๆออกไปอย่างเร่งรีบ มีเรื่องที่ถึงเวลาต้องจัดการสักที



บรรยากาศภายในห้องประชุมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อทัพหน้าไม่อยู่แล้ว ...



“เฮ้อ ทำไมต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย จอมไม่เข้าใจเลย”



คนร่างเล็ก น้องเล็กสุดของบ้านที่ฟุบหน้าลงแนบไปกับโต๊ะไม้อย่างห่อเหี่ยวหัวใจ พูดออกมาอย่างเหนื่อยๆ



“น้องจอม มึงจะไปเข้าใจอะไรล่ะ อยากเข้าใจอะไรมากขึ้นก็ลองไปถามไอ้สัดธารดูสิ เห็นมันเก่งทุกเรื่องสำหรับมึงนี่”



“เลิกแขวะพี่ธารสักทีน่าเฮียรุก”  จอมยู่หน้าใส่รุกฆาตที่กำลังเริ่มอาการหวงน้องคนเล็ก จนเผลอไปแขวะแฟนน้องชายเข้าอีกแล้ว



“มึงคิดว่าเฮียทัพจะทำอะไรวะ”  นักรบเอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้าเครียดๆ รุกฆาตหันหน้ามามองพี่ชายนิดๆ ก่อนจะเอ่ยปากตอบออกไป



“กูมั่นใจว่าเฮียคงไม่เอาแค่เปลือกกล้วยไปวางเพื่อแกล้งให้ใครลื่นแบบมึงแน่นอนล่ะ” 



รุกฆาตที่ตอบคนเป็นพี่ออกมาแบบนั้นก่อนจะยักคิ้วใส่กันแบบกวนประสาท ทำเอานักรบถึงกับคิ้วกระตุก



“มึงจะเอาใช่ไหม ลุกขึ้นมาให้กูเอาตีนแนบหน้ามึงเดี๋ยวนี้!”



“มึงก็มาสิไอ้เฮียรบ มึงมาๆ!”



“พอๆๆ! ไอ้ลูกเวรสองคนนี้นิ เจอกันเป็นต้องกัดกัน แค่เรื่องของณราชาฉันก็จะบ้าตายอยู่แล้ว” 



เสียงเข้มๆของผู้เป็นพ่อเอ่ยปรามลูกชายคนที่สองและสามของตัวเองอย่างเหนื่อยหัวใจ  ก่อนที่ร่างสูงวัยจะลุกขึ้นยืนและเดินไปหยุดยืนที่ข้างหน้าต่าง มองออกไปทางด้านนอก ก็เห็นรถมัสแตงสีแดงสดที่กำลังพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง เห็นแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนใจหนักๆ



“ก็ได้แต่หวังว่าต่อจากนี้ไปจะไม่มีเรื่องร้ายๆก็แล้วกัน”





.

.

.





ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวเข้าคู่กับกางเกงสแลคสีดำกำลังยืนนิ่งๆ พร้อมๆกับยกมือขึ้นปลดเนคไทน์ด้วยมือข้างเดียว สายตาคมที่ทอดมองผ่านกระจกแก้วบานใหญ่จากชั้นที่31 มองลงไปยังถนนเบื้องล่างที่จอแจและเบียดเสียดกันในช่วงเวลาห้าทุ่มกว่าๆ ดวงตาสีนิลที่ไม่ได้แสดงออกว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่นั้น ยิ่งทำให้เหล่าลูกน้องและบอดี้การ์ดคนสนิทที่กำลังยืนอาลักขาอยู่ในห้องเริ่มรู้สึกไม่ดี  ฝ่ามือหนาอีกข้างที่ว่างอยู่ยกบุหรี่ขึ้นจุดช้าๆ ก่อนจะสูบและพ่นควันออกมาอย่างไม่เร่งรีบแบบนั้น ยิ่งทำให้เหล่าลูกน้องไม่เข้าใจว่าทำไม ทั้งๆที่เรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ เป็นเรื่องที่ควรจะรีบร้อนแท้ๆ ...



‘ผลั้ว’



ประตูไม้สักสไตล์โมเดิร์นถูกกระชากเปิดออก พร้อมๆกับร่างสูงของบอดี้การ์ดคนสนิทของทัพหน้าที่เดินเข้ามาพร้อมกับซองเอกสารในมือ



“เจ้านายครับ ผมได้ข้อมูลมาแล้วครับ”



ร่างสูงที่ยังคงเพ่งสายตามองลงไปเบื้องล่างอยู่นั่นไม่ได้พูดตอบอะไรออกมา ทำเพียงแค่พ่นควันบุหรี่สีจางๆออกมาก่อนจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างพอใจ



“ทำดีนี่” 



พูดออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับร่างสูงที่หันหน้ากลับมามอง สายตาคมที่กำลังมองซองเอกสารที่ที่อยู่ในมือลูกน้องด้วยแววตาลุกโชน ทำเอาเหล่าลูกน้องคนอื่นๆต้องรีบก้มหน้าหลบตาลงในทันที  น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นสายตาแบบนี้ และแน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดี



“ว่ามาสิ มึงยืนนิ่งอยู่ทำไม”



พูดออกไปแบบนั้น คนร่างสูงก็เดินทอดน่องช้าๆก่อนจะไปทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้างอยู่กลางโซฟาหรูสีแดงเพลิงอย่างไม่เร่งรีบ แขนยาววางพาดสบายๆไปบนพนักพิง ทำท่าทางอย่างไม่ยี่หระอะไรเท่าไหร่



“นี่ครับนาย”



ลูกน้องคนสนิทที่วางซองเอกสารสีน้ำตาลลงบนโต๊ะตรงหน้าคนร่างสูง ก่อนจะเลื่อนเข้าไปให้ ทัพหน้าปรายตามองน้อยๆก่อนจะหยิบขึ้นมาถือไว้แต่ยังไม่ได้เปิดดู  ทำให้คนเป็นลูกน้องเลือกที่จะเปิดปากพูดต่อ



 “คู่กรณีของคุณณราชาในวันที่เกิดอุบัติเหตุ มีชื่อว่า คิรากร หรเวชภูวดลชื่อเล่นคือคุณ คาราเมลครับ”



“หึ คาราเมล”



“เป็นลูกชายคนเล็กของท่านฑูตที่ประจำอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ตอนนี้กำลังจะเรียนจบชั้นปี4 จากคณะบริหารธุรกิจ ในสาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ (นานาชาติ)* (International Business Management) จากมหาลัย...เอ่อ...”



“อะไร?” 



ร่างสูงที่ขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองหน้าลูกน้องของตัวเองที่กำลังอึกๆอักๆอยู่ในตอนนี้และไม่ยอมพูดต่อ  พร้อมๆกับค่อยๆแกะซองเอกสารออกและหยิบรูปภาพใบนึงขึ้นมาดู



“มึงพูดต่อสิ”



“เอ่อ...คุณคาราเมล กำลังจะจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับเจ้านายครับ”



“?”



“ตามรายงานที่ได้ข้อมูลมากล่าวว่า ในช่วงที่เจ้านายกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่4 คุณคาลาเมลพึ่งได้เริ่มเข้าเรียนในชั้นปีที่1ครับ”



“ต่อ?”



“ตามสายรายงานกล่าวอีกว่า คุณคาราเมล...คือเอ่อ...เคยแอบชอบเจ้านาย เลยทำให้นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในครั้งนี้ก็เป็นได้ครับ”



ร่างสูงที่ได้ฟังอยู่ชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้าจ้องตาลูกน้องตัวเองนิ่งๆ จนคนเป็นลูกน้องต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคออีกรอบ



“สายของมึงมั่นใจได้แค่ไหน”



“สายของเรารายงานมาว่า ก่อนวันเกิดเหตุหนึ่งอาทิตย์เห็นคุณคาราเมลเรียกลูกน้องหลายคนเข้าไปหาที่มหาลัย’เพื่อสั่งการอะไรบางอย่าง มีท่าทีลับลมคมนัย และช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเดียวกันกับที่คุณณราชาเริ่มโดนสะกดรอยตามครับ ... คิดว่าไม่น่ามีอะไรผิดพลาดครับนาย และอีกอย่างสายของเราไม่เคยทำผิดพลาดครับ นายวางใจได้”



ดวงตาคมก้มลงมองภาพถ่ายที่กำลังถือไว้ในมือนิ่งๆอีกครั้ง ภาพของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่อายุน่าจะ21-22ปี รูปร่างสูงโปร่ง ไว้ผมทรงลากไทรยาวประบ่า ใบหน้าเรียวรูปไข่ มีดวงตากลมโตสวย จมูกโด่งที่ทำให้เจ้าตัวดูรั้นๆ และริมฝีปากบางๆที่เป็นกระจับกำลังฉีกยิ้มกว้างๆอยู่ในชุดนักศึกษาและเนคไทน์ที่บอกแน่ชัดว่าคือคณะเดียวกันและมหาลัยเดียวกันกับตัวเค้า  ...


.

.

.


‘ให้ครับ ขนมนี่ผมทำเองเลยน้า’



‘กูไม่ชอบกินของหวาน ... อ้อ...ที่สำคัญกูไม่ชอบกินของจากคนแปลกหน้า’



‘แต่ผม...’



‘อย่าเสียเวลา เพราะกูไม่คิดจะใส่ใจ หลีกไป!’



‘พี่ครับ’



‘วุ่นวายชิพหาย ไม่รู้ตัวรึไงว่ามึงกำลังทำตัวเกะกะขวางทางและขวางหูขวางตากู กูกำลังเสียเวลาเสวนากับคนที่ไม่มีผลประโยชน์ที่สุดในชีวิตของกู และนั่นมันคือมึง’



‘ผม...ผมชอบพี่นะเว้ย! หยิ่งจังอ่ะพี่ คุยกันดีๆหน่อยไม่ได้หรอครับ ผมน่ะ...’



‘หยิ่ง? เปล่า...กูไม่ได้หยิ่งเลย กูเนี่ยคนสบายๆนะจะบอกให้ แต่กูแค่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาสนใจความชอบหรือไม่ชอบอะไรของมึง เพราะ...กูมีแฟนแล้ว ชัดนะ’



‘แต่ผมก็ชอบพี่นะ ผมแค่ชอบพี่เอง’



‘น่ารำคาญ’



‘พี่...’



‘ถึงมึงจะเป็นผู้ชายที่ดูหน้าตาน่ารักดีอ่ะนะ แต่ก็ช่วยคิดหน่อยได้ไหมว่าอย่ามั่นหน้าจนเกินไปจะได้หรือเปล่า นู่น...น่ารักได้เท่าแฟนกูหรือยังถึงสะเอะมาวุ่นวาย นั่นน่ะณราชาดาวมหาลัย รู้แล้วก็ถอย! เสียเวลา น่ารำคาญ!’



‘ผมจะทำให้พี่ชอบผมให้ได้เลยคอยดู!’



‘มึงต้องทำให้ณราชาตายนะ ฝันมึงถึงจะเป็นจริงได้น่ะไอ้หนู’


.

.

.




ความทรงจำลางๆที่แทบจะหลงลืมไปแล้วแวบเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ ฝ่ามือหนาเริ่มกำแน่นขึ้นพร้อมๆกับรูปภาพที่ถืออยู่ในมือก็ถูกขยำจนไม่เหลือชิ้นดี ... และเช่นกันกับเจ้าของภาพถ่ายใบนี้ ก็จะไม่เหลือชิ้นดีเช่นเดียวกัน



“แล้วยังไงต่อ กูฟังอยู่”



“ปัจจุบัน หลังจากที่เกิดเรื่องในคืนนั้น คุณคาราเมลรอดพ้นทุกข้อกล่าวหา และยังคงใช้ชีวิตในแบบของตัวเองแบบเป็นปกติครับ”



“หึ พ่อมันคงเส้นใหญ่มากสินะ”  แค่นยิ้มออกมาพร้อมแววตาที่เริ่มแข็งกร้าวขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามต่อ



“แล้วใช้ชีวิตปกติที่ว่าของมันคือ?”



“โดยปกติคุณคาราเมลจะนัดพบกับกลุ่มเพื่อนที่ผับหรูย่านทองหล่อ เป็นผับที่ค่อนข้างดังในหมู่วัยรุ่นมีเงิน และเป็นร้านที่เป็นคู่แข่งกับผับของคุณรุกฆาตด้วยครับ”



“หึ ก็แค่ไอ้ลูกคุณหนูใจแตกคนนึงที่ถูกตามใจจนเสียนิสัย”



“ให้ผมไปจัดการเลยไหมครับนาย”



“ไม่ต้อง” 



พูดพร้อมๆกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  ดวงตาคมที่มองจ้องไปที่ลูกน้องนิ่งๆ ก่อนที่คนร่างสูงจะยกยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก ... รอยยิ้มที่ชวนขนลุกมาพร้อมๆกับคำพูดที่ถ้าคู่กรณีได้ฟัง คงจะเสียวไปทั้งสันหลัง





“กูจะไปจัดการมัน...ด้วยตัวเอง”







------------------TBC----------------------



เย้เฮ้ววว!! มาแล้ววว เปิดบทที่1มาแล้วค่ะคุณขา อู้วๆมาแบบกรุบกริบๆ ... เบาๆกันไป

เห็นมีคนอ่านบอกว่าต้องมาม่าแน่ๆ ต้องเศร้าแน่นอน เอ๊ ทำไมคนอ่านไม่เชื่อใจเรา แคทไม่เขียนนิยายดราม่าหรอกค่ะ ทำไมไม่เชื่อใจไรท์บ้าๆแบบแคทล่ะหือออ 55555 แล้วมีคนแซวว่า ทำไมลงสั้นจัง สั้นแบบนี้แสดงว่าของเฮียทัพสั้นหรือเปล่า
เดี๋ยวเถอะๆ เดี๋ยวให้เฮียมาจับตีเลย เฮียทัพไม่สั้นเด้อจ้าาา อิอิ หืดหาดดด -..-

ยังไงเอาเป็นว่า มาลงเบาๆก่อน ขอดูก่อนกรุบกรุบ จริงๆแล้วเฮียทัพเราอ่ะ ไสยๆ
ง่อววว เอายันต์กันเฮียแกไปฆ่าน้องเมลด้วยจ้าาา (กราบบบบ)

มา! มาเม้นท์ให้กำลังใจหนูหน่อยค่าา เชิญหวีดความผัวรว๊ายๆของเฮียได้จ้าาาาา อิอิ

ปล.ขอบคุณคอมเม้นท์จากเล้าเป็ดค่ะ ทั้ง3ท่าน แคทดีใจมากๆเลย มาอ่านอีกนะคะ :3123: :pig4:

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่2* {22.09.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 22-09-2018 19:26:26


บทที่2



((ฮัลโหล ว่าไงวะไอ้ทัพหน้าไอ้เพื่อนชั่วไอ้ตัวสารเลว))  เสียงปลายสายที่เปล่งออกมาทำเอาร่างสูงถึงกับขมวดคิ้วนิ่วหน้าในทันทีที่อีกฝ่ายกดรับสาย...



“ทักทายได้ต่ำเหมือนสันดานมึงเลย”



((เจ็บแสบมากครับเพื่อน ว่าแต่มึงมีอะไร โทรมาทำส้นตีนอะไรในยามวิกาลแบบนี้))



“กูมั่นใจว่าคนเลวๆแบบมึง ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลานอนหรอก อย่ามาทำเหมือนกูรบกวน”   



ตอบคู่สนทนาไปแบบนั้น ก่อนจะปลายสายตาออกไปมองถนนด้านนอก ในตอนนี้รถไม่ติดมากเท่าไหร่ในช่วงเวลาเที่ยงคืน



((อะๆ ว่ามา โทรมาแบบนี้มีเรื่องให้กูช่วยแน่ๆ))



“มี”



((น้ำเสียงเหี้ยมโหด ดูเกรี้ยวโกรธโกรธา ใครกล้ามากระตุกหนวดเสือของมึงวะ))  ทัพหน้าที่ได้ฟังก็ยกยิ้มมุมปากเหี้ยมๆ แววตาดุดันที่มองออกไปนอกตัวรถฉายแววเลือดเย็นอยู่ในที ...



“กูต้องการจับตัวคนๆนึงมากระทืบ และเอาเลือดมันมาล้างเท้ากู”



((ใจเย็นเพื่อนรัก มึงจะก้าวลงไปยืนในจุดที่มึงไม่อยากเป็นมากที่สุดนะเว่ย))



“บางทีมันอาจถึงเวลาก็ได้ เพราะกู...คงปล่อยให้คนที่ทำร้ายณราชาสบายอกสบายใจไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วว่ะ”



((มึงเจอตัวมันแล้วหรอวะ))



“เจอแล้ว”



((แล้วณราชาตอนนี้...))



“เหมือนที่มึงได้ยินมานั่นแหล่ะ”



((ไอ้ทัพ กูเสียใจด้วยนะมึง มากๆ รวมถึงเรื่องลูกของมึง))



“อืม...แต่ตอนนี้ ไอ้คนทำมันไม่เห็นได้รับโทษอะไรเลย ซึ่งกูยอมไม่ได้แล้ว ... ถ้ากฏหมายทำอะไรมันไม่ได้ กูนี่แหล่ะ จะเป็นกฏหมายที่ตัดสินโทษตายให้มันด้วยตัวเอง”



((มันเป็นใครวะ กูพร้อมช่วยมึงนะเพื่อน))



“หึ มึงได้ช่วยแน่ ตอนนี้ไงกูกำลังจะไปจัดการมันลงนรก มึงน่ะ ส่งลูกน้องมึงมา กูจะเอาลูกน้องมึงไปกระทืบและเอาเลือดมาล้างตีนกู ... ไอ้คนที่มีความคิดโง่ๆที่รักมากแล้วต้องฆ่าน่ะ มันเองก็สมควรตาย”



((หื้ม มึงหมายความว่าไงวะ))



“หึ มึงจำรุ่นน้องเราได้ไหม ไอ้เด็กที่ตอนเราอยู่ปี4 ช่วงนึงที่มันชอบส่งข้าวส่งขนมให้กูไง มันวางแผนทั้งหมด มันจงใจฆ่าณราชา”



((เด็กคนไหนวะ คนชอบมึงค่อนมหาลัย))



“ช่างเถอะ ขี้เกียจอธิบายถึงคนใจหยาบมันก็แค่ลูกคุณหนูไร้หัวสมอง และอีกอย่างต่อให้อธิบายให้คนสมองหมาแบบมึงฟังก็คงนึกอะไรไม่ออก”



((ปากมึงนี่นะไอ้สัด กัดกูเฉย ...แต่เดี๋ยวก่อนนะไอ้ทัพ คนที่ทำเรื่องนี้ คือมันชอบมึงหรอ?))



“อืม”



((ขุ่นพระ ไอ้สัดความคิดโคตรเชี่ย! แต่....มึงจะแค่เอาเลือดมันมาล้างตีน ไม่ง่ายไปหน่อยหรอวะ))



“มึงหมายความว่าไงวะไอ้ปืน”



((คิดสิครับเพื่อน ลูกคุณหนูแสนจะรักศักดิ์ศรี มันจะมีอะไรที่ทรมารกว่าความตาย มึงคิดไม่ได้รึไง สำหรับคนที่มันชอบมึงมากขนาดทำเรื่องเหี้ยแบบนี้ได้น่ะ))



ทัพหน้านิ่งฟังคำพูดของเพื่อน ก่อนที่อีกไม่กี่วินาทีต่อมาคนร่างสูงจะแสยะยิ้มร้ายกาจออกมาในที่สุด ไม่มีคำว่าปราณีอยู่บนหน้าของคนร่างสูงอีกต่อไป



“หึ กูจะทำให้มันเจ็บ ยิ่งกว่าที่มันทำกับชีวิตของกูเลยคอยดู” 



กรอกเสียงตอบปลายสายไปแค่นั้นก่อนจะกดวางสาย ร่างสูงโยนโทรศัพท์ลงไปบนเบาะข้างๆตัว ก่อนจะหันไปจุดบุหรี่ขึ้นสูบ สายตาคมที่ทอดมองออกไปด้านนอกของรถ ก่อนจะพ่นควันสีเทาจางๆออกมา นัยตาคมไม่ได้บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ หากแต่รอยยิ้มร้ายๆที่ประดับอยู่บนใบหน้า ก็ดูท่าว่าจะไม่ใช่เรื่องดี



“มึงขับให้ไวหน่อยได้ไหม กูเริ่มคันตีนแล้ว”



“ค...ครับนาย”



เอ่ยออกมาเพียงเท่านั้น ลูกน้องที่กำลังขับอยู่ถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะรีบเหยียบคันเร่งปาดซ้ายปาดขวาตามบัญชาโดยทันที  เห็นแบบนี้ขืนช้า น่าจะเป็นคนขับนี่แหล่ะที่จะเดือดร้อนก่อนคนที่เจ้านายคิดจะไปจัดการ



“รอก่อนนะ คาราเมล”



...





เสียงเพลงจังหวะหนักๆ มาพร้อมกับแสงไฟสลัวๆ ที่ชวนให้เหล่านักท่องราตรีทั้งหญิงทั้งชายต่างโยกย้ายร่างกายไปตามเสียงเพลงอย่างเมามันส์ จะมีที่แตกต่างออกไปอยู่คนนึงก็คือเจ้าของร่างบางที่นั่งอยู่บนชั้นสองของโซนวีไอพี ... ส่วนสูงราวๆ173เซนติเมตร ใบหน้าเรียวรูปไข่ ที่มีดวงตากลมสวย และคิ้วเรียงตัวสวยรับกับกรอบหน้า ริมฝีปากอิ่มสีชมพูอมส้มแบบคนสุขภาพดี ... ดวงตากลมโตมองลงไปด้านล่างที่เป็นฟลอกว้างให้คนมาเที่ยวได้เต้นได้เนียนสีกันตามใจด้วยสายตาเบื่อหน่าย มือเรียวที่ยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกเข้าปากไปอีกอึกแบบไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่



“เฮ้ยไอ้เมล ใจเย็น เดี๋ยวมึงก็เมาหรอก” 



เสียงเข้มที่เรียกชื่อตัวเองดังขึ้นมาจนต้องละสายตาจากฟลอด้านล่างหันกลับมามอง



“เรื่องกูน่า อยากดูดนมมึงก็ดูดไปดิ” 



หันหน้ากลับไปบอกไอ้สิ่งมีชีวิตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พร้อมกรอกตาใส่มันไปแบบเซ็งๆ  จะไม่ให้ทำหน้าแบบนี้ได้ไง ในเมื่อไอ้เพื่อนเวรที่ตะโกนเตือนกันทำตัวดูเหมือนเป็นคนดีแบบสุดๆ แต่สิ่งที่มันกำลังทำอยู่ตอนนี้คือการเอาหน้าแนบนมสาวที่มันพึ่งคว้ามาได้เมื่อกี้ ... แล้วเสือกทำมาพูดดี จริงๆมึงมันคนรว๊ายๆ ... กรอกตาใส่แม่งหนึ่งทีเลยกู



“อย่าทำหน้าแบบนี้ใส่พี่สิจ๊ะน้องคาราเมลจ๋า”



“เดี๋ยวกูถีบหน้าหงายไอ้อู๋” 



ด่ามันออกไปแบบนั้น แต่อีกคนกลับยิ้มกว้างๆส่งมาให้ เหมือนกำลังสุขใจกับคำด่า ... เป็นผู้ชายไหล่หนาแบบคนเล่นกีฬามีผิวสีแทน และสูงราวๆ178เซนติเมตร แต่มีความหน้าด้านบอกคนอื่นว่าสูง180 ความสูงที่โผล่เพิ่มมาคือมึงเสริมส้นเถอะ เป็นผู้ชายเบ้าหน้าดีแต่นิสัยจังไร  และถึงมันจะกวนๆแบบนี้ แต่บ้านมันรวยครับ เป็นลูกเศรษฐีจากทางใต้ ที่มีรีสอร์ทและโรงแรมในเครืออยู่เยอะ เพราะแบบนั้นคนเลยไม่คิดว่ามันเป็นบ้า ลองมันเป็นลูกคนไม่มีเงินธรรมดาๆดูสิ เค้าคงเรียกมันว่าคนไข้ของศรีธัญญาชัวร์ๆ



“ทำไมน้องคาลาเมลต้องเกรี้ยวกราดกับพี๊ อย่าเห็นพี่เป็นสนามอาร๊มณ์” 



วี๊ดว๊ายขึ้นเสียงสูง แด๊ะแด๋แบบสุดๆ เห็นแล้วอยากเขวี้ยงแก้วใส่หน้า หันหน้าหนีจากแม่ง รู้สึกเพลียใจเหลือเกินเวลาที่มันกวนประสาทแบบนี้ คนยิ่งเฟลๆอยู่ด้วย



“ทำหน้าเครียดจังวะ” 



รู้สึกถึงแรงยุบของโซฟาที่นั่งด้านข้าง หันไปมองก็เจอคนที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่ ใบหน้าหล่อตี๋ที่เลื่อนเข้ามาใกล้ๆ พร้อมๆกับฝ่ามือแกร่งของมันที่ยกขึ้นมายีผมกัน



“ไอ้สัด”



“ฮ่าๆ มึงทำหน้าเหมือนลูกแมวโมโห”



“เดี๋ยวกูจะข่วนหนังหน้ามึงไอ้เชี่ยบิน”



สะบัดหัวออกจากมือมัน แต่อีกคนก็ยังยิ้มหล่อๆส่งมาให้ แค่กระตุกยิ้มที สาวๆก็พร้อมจะวิ่งขึ้นเตียงกับมัน หน้าตาเหมือนหลุดออกมาจากซีรีย์เกาหลี มีดีที่หน้าตาและความรวยของมันครับ พ่อมันเป็นเจ้าของสายการบินที่บินเส้นทางในแถบเอเชียร์  แบบนี้ที่บ้านเลยตั้งชื่อมันว่าบินไง ... พวกมันสองตัวเป็นเพื่อนสนิทของผมเอง จริงๆกลุ่มเรายังมีอีกคน แต่วันนี้มันไม่ได้มา



“แล้วมาเที่ยวทั้งที ทำไมมึงทำหน้าไม่จอยเลยวะเมล”



“ไม่รู้ดิ กูเบื่อๆ” 



ตอบออกไปแบบนั้นแล้วก็เสหน้าหนี ถอนหายใจหน่อยๆก่อนจะมองลงไปข้างล่างเหมือนเดิม ไม่ได้โฟกัสสายตาตรงจุดไหน แค่มองไปเรื่อยๆ



“ไม่ต้องมาบอกว่าเบื่อหรอกว่ะ กูว่ากูรู้นะ” 



ไอ้อู๋ที่ว่าแบบนั้นก่อนจะหรี่ตาใส่ มันดันน้องคนสวยข้างๆตัวออกก่อนจะนั่งดีๆแล้วจ้องมาที่ผมนิ่งๆ



“มึงน่ะ ยังนึกถึงเรื่องนั้นอยู่ล่ะสิ”  ฟังมันพูดพร้อมๆกับที่ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ



“เรื่องมันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วนะมึง เลิกคิดถึงเถอะว่ะ” ไอ้บินที่เสริมไอ้อู๋ออกมาบ้าง ก่อนจะยื่นมือมาลูบไหล่ผมเบาๆ



“ถึงมันจะผ่านมาแล้ว แต่ไม่รู้ดิวะ กูยังติดใจว่ะ เหมือนภาพมันยังติดตากูอยู่เลย”



“แล้วมึงรู้ข่าวของคู่กรณีมึงบ้างไหมอ่ะ เค้าเป็นยังไงบ้างวะ?”



“ไม่รู้ดิ...พ่อกูจัดการอ่ะ กูไม่รู้อะไรเลยว่ะ”



“ลืมซะเถอะมึง มันก็แค่อุบัติเหตุถนนลื่นเพราะฝนตกไหมวะ”



“มันก็ใช่ ... แต่แบบ ...”



“เอาน่า...มาๆชนแก้วๆ คืนนี้พี่อู๋เลี้ยงเองคร๊าบบบ เอ้ามาม.บูรพากัน!!” 



ไอ้อู๋ที่ยิ้มร่าและแหกปากออกมาแบบนั้น พวกผมถึงกับชะงักมือที่ถือแก้วค้างกลางอากาศ ม.บูรพาเชี่ยไรของมันนะ?



“เชี่ยไรวะ?”



“ไอ้สัดบิน ไอ้โง่ ม.บูรพา ก็ชนนนนนนน ชลบุรีไงจ๊ะ”



“สัด มุกควาย เดี๋ยวกูโอนเงินให้ แล้วขอร้องว่าอย่าเอามาเล่นอีก”



“ทำไมชอบด่ากูวะ”



“มาๆชนก็ชนแก้วไอ้พวกบ้า”



“ฮ่าๆ”



และก็เป็นอีกครั้งที่พวกเราอดไม่ได้ต้องขำออกมาเพราะมุกห้าบาทสิบบาทของไอ้เชี่ยอู๋ เอาน่า...จริงๆผมอาจจะแค่ไม่สบายใจไปเองก็ได้ ก็ถูกของพวกมัน เรื่องมันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ผมจะเก็บมาคิดให้ปวดหัวทำไมวะ



.

.

.




“หึ มีความสุขนักนะมึง”



รอยยิ้มเหยียดจากมุมอับของผับที่ชั้นหนึ่ง ดวงตาคู่คมที่มองจ้องขึ้นไปที่ชั้นสองในโซนวีไอพีนิ่งๆ  ก่อนจะหันหลังหนีและเดินฝ่าฝูงชนออกไปในความมืดอย่างเงียบเชียบที่สุด



.

.

.




“เห้ยไอ้เมล มึงมองอะไรวะ กูเห็นมึงมองลงไปบ่อยแล้วนะ หรือถูกใจสาวคนไหนเข้าครับผม มึงบอกพี่อู๋มาไอ้เชี่ย เดี๋ยวกูไปสอยมาให้เลย”



“สอยหน้ามึงไอ้สัดอู๋” 



หันไปแยกเขี้ยวใส่มัน แต่อีกคนก็แค่ส่งยิ้มกวนประสาทมาให้ ส่ายหัวให้มันหน่อยๆก่อนจะยกแขนขึ้นมาลูบๆ รู้สึกหนาวแปลกๆ



“มึงเป็นอะไรรึเปล่าเมล”  ไอ้บินที่เอียงตัวเข้ามากระซิบถาม



“เปล่ามึง กูแค่....” 



เว้นวรรคนิดหน่อยก่อนจะมองลงไปที่ชั้นล่าง ที่ตอนนี้เป็นเพลงแนวEDMโยกกันจนหนำใจ ... ก็ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกหนาวสันหลังแปลกๆ



“หื้ม?”



“เปล่าหรอกมึง ไม่มีไรเว่ย กูแค่ปวดฉี่ว่ะ”



“ปะ กูพาไป”  มันที่ว่าแบบนั้นแล้วตั้งท่าจะลุกขึ้นยืนทันที  ถอนหายใจใส่แม่งอีกที ก่อนจะคว้าแขนมันไว้ และฉุดให้ลงมานั่งข้างๆกัน



“มึงอย่าเว่อร์ไอ้สัด กูไปเองได้ จะไปด้วยทำKอะไรครับเพื่อน”



“ก็ไปเป็นเพื่อน”



“ไม่เอาไม่เสือกกับอวัยวะช่วงล่างของกู”



“แต่กูอยากไปช่วยถือ”



“ถือตีนกูไหมครับยังไง”  จ้องหน้ามันนิ่งๆพร้อมทำท่าง้างตีนใส่ อีกคนที่หัวเราะเบาๆในลำคอส่งมาให้ พร้อมๆกับยกมือขึ้นสองข้างแบบทำท่ายอมแพ้



“ดี หลบพี่เมลไข่ใหญ่แบบกูด้วยครับ”



“ถุ้ย ไอ้จังไรเอ๊ย”



“นิดนึงจะได้รึเป่า”



“ไปเป่าไกลๆกูไป”



“ได้จ๊ะพี่จ๋า เดี๋ยวน้องมานะจ๊ะ” 



ทำท่ากวนตีนใส่มันไปแบบนั้น แล้วค่อยๆสาวเท้าเดินออกมา จริงๆก็ไม่ได้ปวดฉี่อะไรหรอก แต่แค่รู้สึกแปลกๆ จริงๆอาจจะเป็นเพราะเมาแล้วหรือเปล่าวะถึงได้รู้สึกแบบนี้  เดินลงไปเข้าห้องน้ำที่ชั้นล่าง ค้ำมือเท้ากับขอบอ่าง จ้องหน้าตัวเองที่กำลังสะท้อนอยู่ในกระจกใส  ภาพในคืนนั้นย้อนเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ



‘เอี๊ยดดดดดด โครม!!’



รถสองคันที่ขับสวนกันมาคนละเลนพุ่งเข้าปะทะกันเต็มแรง แรงปะทะทำให้รถที่ขับมาด้วยความเร็วลอยหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ ก่อนที่มันจะตกลงมากระแทกอยู่พื้นเต็มแรงในไม่กี่วินาทีต่อมา  เลือดสีสดและกลิ่นคาวที่คละคลุ้ง ความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาที่ร่าง ความรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างถูกฉีกกระชากออกจากกัน ลมหายใจรวยรินที่เหมือนกำลังจะหมดลม ได้แต่หายใจแผ่วๆนอนฟุบอยู่ที่พื้นสกปรก สายตาที่พยายามปรือตามองให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ภาพตรงหน้าที่อยู่ไม่ไกลออกไปมองเห็นรถอีกคันจอดแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสภาพยับเยินไม่ต่างกัน



“อึก ... ชะ...ช่วย”



มือเรียวสวยของใครบางคนที่โผล่พ้นออกมาจากซากรถอีกคัน ใช่...ต้องใช่ คน....



‘ตู้ม!!!’



“ไม่....ไม่ ช่วย....ช่วย อึก”



แสงไฟลุกโชน  เปลวเพลิงที่ลอยขึ้นสู่ฟ้า และ.... .



พรึบ



ความทรงจำที่ดับมืดไป ....



“เฮ้อ”



ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เหงื่อเม็ดใสที่ผุดขึ้นมาตามไรผม ใบหน้าสวยรีบสะบัดหน้าไล่ภาพเหล่านั้นให้ออกไปจากหัว ก่อนจะก้มหน้าเอาน้ำลูบหน้าลูบตาสักหน่อย รู้สึกหลอนทุกครั้งที่หลับตา ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นมันก็ฉายวาบเข้ามาในหัวทุกที



“แม่งเอ๊ย เมื่อไหร่กูจะลืมเรื่องคืนนั้นไปสักทีวะ” 



สบถบ่นกับตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ  ร่างโปร่งบางที่เงยหน้าขึ้นมามองภาพสะท้อนในกระจกอีกครั้งก่อนจะต้องขมวดคิ้วผูกกันจนแน่นเมื่อภาพที่กำลังสะท้อนผ่านกระจกตรงหน้า คือร่างหนาๆของชายฉกรรจ์ในชุดสูธสีดำจำนวน3คนที่ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ทางด้านหลังของเขาในตอนนี้



“สวัสดีครับคุณคาราเมล”



“พวกคุณเป็นใคร” 



เลิกคิ้วสงสัยก่อนจะรีบหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่ยิ้มพร้อมค้อมหัวมาให้อย่างสุภาพ ภายใต้รอยยิ้มเย็นๆแต่ดวงตากลับไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ ทำให้คาราเมลต้องเผลอรอบกลืนน้ำลายลงคออย่างอดไม่ได้



“เจ้านายของผมต้องการอยากพบคุณครับ”



“ใคร เจ้านายพวกแกเป็นใคร” 



ถามออกไปแบบนั้นพร้อมๆกับสายตาที่เริ่มสอดส่องหาทางออกไปจากตรงนี้ ความรู้สึกเย็นๆที่เริ่มเข้ามาเกาะกุมใจ หัวใจเต้นถี่ๆทั้งๆที่ยังไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หากแต่...รู้ว่านี่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ



“ไปกับพวกเรา แล้วคุณจะทราบเองครับ” 



คนตรงหน้าที่ตอบผมออกมาแบบนั้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มขยับตัวเดินล้อมเข้ามาใกล้ ความรู้สึกที่รับรู้ได้ถึงคำว่าคุกคามทำให้เรียวขาสวยยกขึ้นถีบลงไปเต็มแรงกลางท้องของอีกฝ่ายจนเสถลาถอยหลังไปชนกันจนหงายล้ม



“ฝันไปเถอะ! ใครจะไปกับพวกมึงวะ!”



“งั้นพวกผมจะไม่เกรงใจแล้วนะครับ”



“เรื่องมึ๊ง!” ตะโกนขึ้นเสียงสูงพร้อมเอียงตัวหลบหมัดของชายชุดดำคนหนึ่งที่ต่อยเข้ามาเต็มๆ ถ้าหลบไม่ทันกูต้องร่วงลงไปจูบกับพื้นห้องน้ำตอนนี้แน่ๆ มึงไม่ห่วงหน้าตาหล่อๆของกูเลยใช่ไหมเวรเอ๊ย!



‘พลัก ผลั้ว!’



ร่างบางที่สู้ไม่ถอยทั้งต่อยและเตะอย่างสุดกำลัง แต่อีกฝ่ายที่มีคนมากกว่าก็ทำให้พลาดท่าโดนไปได้หลายหมัด ดวงตาสวยที่เริ่มสอดส่องหาทางรอด คิดได้แบบนั้นเรียวขาสวยก็กระโดดเตะสปินคิกเข้าใส่คนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดจนหงายหลังสลบไป



“เหอะ รู้จักไอ้เมลน้อยไปแล้วโว้ย”



ตะโกนเสียงดังลั่น พร้อมๆกับที่ชูนิ้วกลางใส่ แล้วรีบวิ่งหนีออกจากห้องน้ำไปทั้งแบบนั้น หึ ... นี่ใคร คาลาเมลนะมึงเอ๊ย พี่คาลาเมลไข่ใหญ่ จำจ้า



“เห้ย ทางนั้น ตามจับตัวมาให้ได้!” 



หันกลับไปมองทางด้านหลัง ก็เห็นพวกมันกำลังวิ่งตามมา แม่งเอ๊ย กัดไอ้เมลไม่ปล่อยจริงๆ พวกมึงเป็นพวกใครกันวะ หมาหรือยังไง



.

.

.


((มีต่อจ้า))
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่2* {22.09.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 22-09-2018 19:28:00


‘ตึก ตึก ตึก’



แฮก แฮก



ขาเรียวยาวในชุดกางเกงยีนส์สีซีดที่กำลังวิ่งลัดเลาะไปตามตรอกมืดๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่เปื้อนฝุ่นจนสกปรกและหลุดลุ่ยออกจากทับของกางเกง ขาเรียวที่ไม่ยอมหยุดวิ่งไปตามตรอกซอกซอยที่ทั้งมืดทั้งแคบ สกปรกและเหม็นอับ ... ใบหน้าเรียวรูปไข่นัยตาสวยหันกลับไปมองทางด้านหลัง เห็นพวกผู้ชายชุดดำสี่ห้าคนที่ยังคงวิ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ ร่างบางได้แต่วิ่งต่อไป ต่อไป และต่อไป ... เงาดำๆตระคลุมๆที่ทาบทับมาจากด้านหน้า ทำให้ขาเรียวหยุดชะงัก ดวงตากลมโตวาววับสั่นระริกอย่างหวาดหวั่น  พวกมันไม่ยอมหยุด ยังคงตาม ตามมาแบบไม่เลิกไม่ลาสักที



‘ตึก ตึก ตึก’



แฮก แฮก



ขาเรียวยาวในชุดกางเกงยีนส์สีซีดที่กำลังวิ่งลัดเลาะไปตามตรอกมืดๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่เปื้อนฝุ่นจนสกปรกและหลุดลุ่ยออกจากทับของกางเกง ขาเรียวที่ไม่ยอมหยุดวิ่งไปตามตรอกซอกซอยที่ทั้งมืดทั้งแคบ สกปรกและเหม็นอับ ... ใบหน้าเรียวรูปไข่นัยตาสวยหันกลับไปมองทางด้านหลัง เห็นพวกผู้ชายชุดดำสี่ห้าคนที่ยังคงวิ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ ร่างบางได้แต่วิ่งต่อไป ต่อไป และต่อไป ... เงาดำๆตระคลุมๆที่ทาบทับมาจากด้านหน้า ทำให้ขาเรียวหยุดชะงัก ดวงตากลมโตวาววับสั่นระริกอย่างหวาดหวั่น



‘ฟู้ววว’



ควันบุหรี่สีเทาที่ลอยเอื่อยๆอยู่เบื้องหน้า เงาดำตรงหน้าทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าที่ยังยืนอยู่ในมุมมืดต้องทั้งตัวสูงและใหญ่กว่าตนเองมากแน่นอน บรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที  ความรู้สึกที่เรียกได้ว่ากำลังถูกคุกคาม ทำให้ขาเรียวค่อยๆก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ



‘พลึก’



แผ่นหลังบางชนเข้ากับแผ่นอกหนาของหนึ่งในชายชุดดำที่วิ่งตามมาสมทบ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นพร้อมหันไปมองอย่างตกใจและหวาดหวั่น  เหล่าชายชุดดำที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ด้านหลังสี่ห้าคนยิ่งทำให้ตัวสั่นสะท้านมากขึ้นไปอีก



“โอ๊ยย ป..ปล่อยกูนะเว่ย! ปล่อ...อัก”



‘ผลั้ว ตุบ’



พวกมันกระชากร่างบางพร้อมๆกับต่อยเข้าที่ท้องน้อยและเตะที่ข้อพับจนร่างโปร่วทรุดล่วงลงไปกองกับพื้น  หน้าใสที่แนบลงไปที่พื้นชื้นๆนั้นอย่างไร้ทางสู้ แววตาใสสั่นสะท้าน มองเห็นเพียงแค่รองเท้าสีดำมันวาววับที่กำลังค่อยๆเดินเข้ามาใกล้



ช้าๆ ช้า....



‘ตึก ตึก ตึก’



เสียงส้นเท้าลงจังหวะกระทบพื้นปูนเย็นชืดดัดก้องไปทั่วบริเวณ  ก่อนที่สุดท้ายขายาวจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า คนร่างบางที่ได้แต่นอนตัวสั่นสะท้าน หายใจรวยรินแผ่วๆอย่างหวาดหวั่น



“หึ...มึงเองสินะ คาราเมล”



เสียงทุ้มเข้มที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนที่ขายาวๆจะทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าของคนร่างบาง ฝ่ามือหนาอีกข้างเอื้อมไปบีบสันกรามของคนที่นอนอยู่ที่พื้นและกระชากใบหน้าใสให้เงยขึ้นมาสบตา และนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นโฉมหน้าของคนที่ซ่อนอยู่ในเงามืดเมื่อก่อนหน้านี้  ริมฝีปากหยักยกยิ้มร้าย ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นสูบบุหรี่อย่างไม่ยี่หระ พร้อมๆพ่นควันบุหรี่ออกมาใส่หน้าร่างบางจนสำลัก  ดวงตาคมสีดำสนิท ที่รับกับคิ้วหนาเรียงตัวสวย กรอบหน้าได้รูปยิ่งเสริมให้ใบหน้านี้ยิ่งหล่อเหลา หากแต่ว่าแววตาของคนตรงหน้ามันกลับเฉยชาและฉายแววเลือดเย็น ที่มุมปากถูกจุดด้วยรอยยิ้มแบบเหี้ยมๆส่งมาให้  เป็นผู้ชายร่างสูงที่คาดเดาว่าน่าจะสูงราวๆ 185หรืออาจจะมากกว่านั้น



“อ๊ะ...” 



ดวงตาสวยเบิกกว้างขึ้นไปอีกเมื่อเห็นคนตรงหน้า หัวใจสั่นระรัว หากแต่คนร่างสูงตรงหน้าทำแค่เพียงบีบมือที่กำลังกระชับสันกรามเล็กนั่นให้แน่นมากขึ้น ดวงตาคมจ้องเขม็งฉายแววเกลียดชัง



“หึ ตกใจมากไหมที่เห็นหน้ากู”



“อ๊ะ....ปะ...ปล่อย”



“หึ อ่อนแอ น่าสมเพช”



“กะ...กูไปทำอะไรให้ อัก ปะ...ปล่อยสิ! อ๊ากก”



ฝ่ามือหนาที่เพิ่มแรงบีบมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ดวงตาคมสนิทที่มองมาอย่างไม่รู้สึกสงสาร ‘ทัพหน้า’ ไม่คิดจะสงสารคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่คิดได้ คือทำร้าย และทำให้เจ็บปวดทรมารอย่างที่สุด



“ทำอะไรงั้นหรอ หึ มึงจำคนชื่อ ณราชา ได้ไหม”



ดวงตาใสที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสเพราะความเจ็บค่อยๆเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ พร้อมๆกับที่พยายามจะส่ายหน้าและดิ้นหนีคนตรงหน้าไปพร้อมๆกัน



“อึก ไม่ กูไม่เกี่ยวนะ กู...กูไม่ได้ตั้งใจ”



“คนผิดมันต้องชดใช้...และคนๆนั้น มันก็คือมึง!”



...





‘พลัก’



“อึก ...”



ความรู้สึกทั้งเจ็บทั้งจุกร้าวไปตามตัว ทั้งแขนทั้งขามีรอยฟกช้ำเป็นจุดๆ  คนร่างบางที่นอนฟุบอยู่ที่พื้นปูนชื้นแฉะที่ทั้งสกปรกและเหม็นอับรวมถึงมีกลิ่นคาวชวนอาเจียนคละคลุ้งไปหมด พยายามปรือสายตาที่บวมช้ำจากการถูกต่อยมองไปรอบๆแต่ก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน  รู้เพียงว่าเป็นห้องมืดๆที่ผนังทั้งสี่ด้านไม่มีหน้าต่างพอให้มองลอดออกไปได้ ไม่มีเตียง ไม่มีตู้ และไม่มีแสงไฟ มีเพียงประตูหนึ่งบานที่ก่อนหน้านี้มันถูกเปิดและโยนร่างของเขาเข้ามาในนี้ และตอนนี้ก็นอนกองอยู่ตรงนี้



‘แอ๊ด’



เสียงประตูที่ถูกเปิดออกช้าๆ ความรู้สึกหวาดผวาเกาะกินหัวใจจนตัวสั่น เมลพยายามขยับตัวถดหนีทันทีที่ประตูถูกเปิดออก แสงไฟสีส้มอ่อนๆที่สว่างอยู่ด้านนอก ถูกสาดเข้ามาภายในห้องให้พอมีแสง



‘ตึก ตึก ตึก’



 เสียงฝีเท้าลงส้นกับพื้นเป็นจังหวะการเดินที่ไม่เร่งรีบ แต่กลับกดดันหัวใจของคนที่อยู่ในห้อง เขาจำได้ดี จำสายตาเกลียดชังที่มองมาที่เค้าก่อนหน้านี้ได้ดี  จำได้แม้กระทั่งชื่อ จำได้...คนที่ตัวเค้าเองพยายามลืมไปหลายปี แต่ก็ยังคงจำได้ดีจนถึงตอนนี้



‘ตึก ตึก’



จังหวะการลงส้นรองเท้าเงียบไป พร้อมๆกับที่หน้าประตูถูกเงาทะมึนทาบทับบดบังแสงไฟไปหมดเพราะร่างสูงใหญ่ที่มาหยุดยืนอยู่ตรงนั้นแทน  ร่างบางเม้มปากเข้าหากันแน่นจนตัวสั่น กลัว รับรู้ได้อย่างเดียวว่ากำลังหวาดกลัว คนตรงหน้าที่มีไอความเกลียดชังแผ่ออกมาที่เขาทั้งๆที่เจ้าตัวยังไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ



“หึ สั่นเป็นลูกนก”   



เสียงเข้มที่ดังแหวกความเงียบมาให้ได้ยินยิ่งทำให้ตัวสั่น พยายามกระถดตัวหนีไปให้ไกลที่สุด แค่ได้ยินเสียงก็น่ากลัวแล้ว ภายในห้องมืดๆนี้ ทำให้ยังมองไม่เห็นหน้าของอีกฝ่ายชัดนัก แต่ดวงตาดุคมที่มองมาอย่างคุกคามนั่นก็ยิ่งทำให้น่าหวั่นใจ



‘ปึก’



เก้าอี้ไม้ธรรมดาๆตัวหนึ่งถูกลูกน้องยกมาวางไว้กลางห้อง ก่อนที่คนร่างสูงจะทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้าง  ฝ่ามือหนาที่คีบบุหรี่ที่ถูกจุดไว้แล้ว ยกขึ้นมาสูบช้าๆ ปลายมวนที่มีไฟสีแดงน้อยๆจุดขึ้นจากการสูบ นั่นอาจเป็นอีกแสงนึงที่ตอนนี้เมลมองเห็นได้ชัดที่สุด



“จะ...จับ จับมาทำไม”  และนี่คงเป็นคำถามแรกที่ได้เอ่ยถามออกไป



‘พรึบ’



แสงไฟกลางห้องถูกเปิดขึ้นจากหลอดไฟเก่าๆที่ดูจะดับแหล่ไม่ดับแหล่ แต่แสงสว่างที่ถูกเปิดขึ้นมากระทันหันแบบนี้ก็ทำเอาคนที่อยู่ในความมืดมานานๆถึงกับต้องหยีตา  ก่อนที่จะค่อยๆเริ่มคุ้นชินกับแสงสว่างตรงหน้า คนร่างบางมองไปรอบๆห้อง ก่อนจะต้องอ้าปากค้าง อยากเปล่งเสียงหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจใจจะขาด แต่เหมือนหัวใจจะกำลังหยุดเต้นจนตะโกนไม่ออก  คราบเลือดและตะไคร่ลื่นๆที่เปรอะเปื้อนอยู่ทั่วไปในห้องนี้ทำให้ชวนคลื่นไส้และหวาดผวา



“กลัวรึไง”   



เปิดตากว้างๆก่อนจะหันหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก แววตากลมสวยสั่นระริกอย่างน่าสงสาร



“นะ...นี่มัน..นี่มันอะไรกันวะ พ..พะ...พี่ทัพหน้า!”



“หึ รู้จักกูจริงๆด้วยสินะ” 



ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะแสยะยิ้มใส่ สายตาคมที่มองตรงมาด้วยแววตาเกลียดชังแบบไม่ได้ปิดบังสักนิด  ร่างสูงพ่นควันสีจางๆขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง



“พี่จับผมมาทำไม”



“หึ”



“ผมไม่เข้าใจ นี่มันเรื่อ....”



“กูถามว่ามึงจำณราชาได้ไหม”



“ห๊ะ....คือ ทำ...ทำไม อะไร”



“ทำหน้าตาตอแหลเก่งดีนี่”



“พี่พูดเรื่องอะไรของพี่วะ จับผมมาทำบ้าอะไร แล้วมาทำแบบนี้กับผมทำไม ผมไปทำอะไร!....”



 “มึงให้คนตามสืบเรื่องณราชา ให้คนตามณราชาทำไม” 



เสียงเข้มที่กดต่ำถามออกมาจนคนที่กำลังโมโหและตะโกนออกมารัวๆต้องอ้าปากค้าง  สายตาคมที่มองตรงมาที่เขานิ่งๆ ไม่โวยวายไม่วู่วาม แต่แบบนั้นมันยิ่งอันตราย



“ผม ผมไม่...”



“กูถามว่ามึงทำจริงๆใช่ไหม ตามสืบเรื่องณาชา ให้คนตามเธอ ...ใช่ไหม”



“คือผม...คือมันก็ใช่แบบนั้น ..”



“มึงตั้งใจฆ่าเธอ และมึงตั้งใจฆ่าลูกของกูด้วย”



“ห๊ะ คืออะไร พี่หมายความว่าอะไร ผมไม่ได้ฆ่าใครนะ!” 



ร่างบางตาเบิกกว้างก่อนจะเถียงออกมาสุดเสียง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลูกน้องของทัพหน้าเดินเข้ามาหา ก่อนจะยื่นอะไรบางอย่างให้ทัพหน้า  ร่างสูงที่นั่งจ้องตาคนร่างบางอยู่ลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้



“งั้นมึงอธิบายมาว่ารูปภาพทั้งหมดนี่คืออะไร”



‘พรึบ!’



รูปถ่ายมากมายที่ถูกฟาดเข้ามาที่หน้าใสเต็มแรง ก่อนที่มันจะหล่นกระจายตกพื้น เกลื่อนอยู่รอบๆตัวของคนร่างบาง เมลก้มมองพร้อมดวงตาที่สั่นเทา เป็นรูปของเขาที่กำลังสั่งลูกน้องของพ่อให้ตามณราชา รูปที่ตัวเค้าสั่งลูกน้องให้มาหาที่ด้านหลังมหาลัย รูปที่ลูกน้องที่เขาที่กำลังไปวุ่นวายแถวรถของณราชา และรูปต่างๆอีกมากมายที่ทำเอาตัวชาวาบ



“พะ...พี่รู้”



มึงชอบกูใช่ไหม



“คะ...คือ ผ...ผม” 



คำถามที่โพร่งออกมาจากคนตรงหน้าทำเอาเมลได้แต่ตาเบิกกว้าง หัวใจกระตุกถี่ๆอย่างลืมตัว ความรู้สึกที่คิดว่าปิดตายไปนานแล้ว มันกำลังกลับมา  ใบหน้าใสที่ช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่เริ่มขึ้นสี  ทัพหน้าที่จ้องหน้าอยู่ตอนนี้ก้มตัวลงมาใกล้ ฝามือหนาที่ช้อนปลายคางอีกฝ่ายให้จ้องมองกัน



“ยังรักกูอยู่สินะ หึ”



ร่างสูงที่กระตุกยิ้มมุมปากแล้วจ้องตาผมนิ่งๆ ลมหายใจที่ค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ มือที่ชื่นเหงื่อของตัวเองได้แต่จิกเข้าหากัน



 “อ๊ะ โอ๊ย ... อื้ออ ผมเจ็บ”



ฝ่ามือแกร่งที่ช้อนอยู่ปลายคางเมื่อก่อนหน้านี้ แปลเปลี่ยนเป็นกระชับสันกรามให้แน่นขึ้นและเริ่มบีบจนอีกฝ่ายเจ็บ สายตาพราวระยับที่ส่งมาให้อย่างโหดร้าย



“ความรักของมึงมันไม่มีค่าเลยคาราเมล”



“พี่...”



“มึงฆ่าณราชา และมึงฆ่าลูกกู!”



“ผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้เรื่อง”



“หลักฐานขนาดนี้มึงยังจะปฏิเสธอีกนะ ถ้ามึงไม่ได้ทำ แล้วมึงสั่งลูกน้องมึงมาตามเธอทำไม มึงสั่งให้ลูกน้องมึงไปทำอะไรกับรถของเธอวันนั้น ถ้ามึงไม่ได้ทำรถของเธอจะถูกตัดสายเบรคได้ยังไง ในเมื่อมันมีแต่คนของมึงที่เข้าไปยุ่ง!”



“ผะ..ผม ไม่รู้...ผมเปล่า อะ อึ่ก!” 



ดวงตาคมที่วาวโรจน์ขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนที่ฝ่ามือแกร่งจะเลื่อนลงมาบีบที่ลำคอสวยแทน ไม่มีความออมแรง มีแต่คำว่าต้องการจะทำลาย ทำลายคนที่ทำให้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุดของทัพหน้าพังพินาศลงจนไม่เหลือชิ้นดี ครอบครัว และลูก ไม่เหลือ...ไม่เหลือเลยสักอย่าง



เมลพยายามเอามือขึ้นมาดันข้อมือแกร่งของอีกฝ่ายและดิ้นรนที่จะหนี แต่มันก็ไม่มีทางที่จะหลุด ได้แต่พยายามหายใจ ทั้งๆที่ดวงตาเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ความรู้สึกกลัวเริ่มเกาะกุมหัวใจ พร้อมๆกับลมหายใจที่เริ่มจะหมดลง



‘พรึ่บ’



“เฮือก แค่กๆๆ” 



ทัพหน้าสะบัดมือออกจากคอของคนร่างบางอย่างแรง และเหวียงอีกฝ่ายให้ไปพ้นตัว ก่อนจะมองด้วยสายตารังเกียจ เมลที่ถูกปล่อยตัวออกมา ไม่ต่างจากปลาที่กำลังดิ้นตายอยู่บนบกแล้วถูกคนโยนลงน้ำ ร่างบางก็พยายามหายใจพร้อมๆกับที่ไอโขลกขลากออกมาเสียงดัง



“ในเมื่อกฏหมายทำอะไรคนแบบมึงไม่ได้ ... มึงฟังให้ดีนะ กูนี่แหล่ะที่จะเป็นกฏหมาย ตัดสินชีวิตมึงเอง มานี่!”  ทัพหน้ากระชากแขนบางขึ้นมาอย่างแรงก่อนจะเริ่มต้นลากไปตามพื้นอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ็บหรือเปล่า



“พะ...พี่ ปล่อยผมเถอะ ขอโทษ ปล่อยผมไปเถอะนะ”



"บอกเหตุผลดีๆสักข้อที่กูจะปล่อยมึงไปหน่อยสิ"



"ผะ...ผม..."



"หึ ฆาตกรอย่างมึงต้องชดใช้! หมดเวลาสำหรับคนแบบมึงแล้ว”



“ปล่อยผมเถอะนะ ฮึก ผมไม่ได้ทำ ฮึก”   



น้ำตาใสไหลลงมาอาบแก้ม ดวงตากลมสวยแดงช้ำไปหมดจากการที่ก่อนหน้านี้พยายามกลั้นน้ำตา แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ทัพหน้าตรงหน้าในตอนนี้ ไม่เหมือนกับรุ่นพี่ปี4ที่เค้าเคยชื่นชมในตอนนั้น ในสายตาที่มองมาที่เค้าในตอนนี้ไม่ได้มีแววรำคาญ แต่มีแค่ความเกลียดชัง รังเกียจ และพร้อมที่จะทำลายให้สิ้น  ... กลัว หวาดกลัวที่สุดในชีวิต



“ร้องไห้ทำไมล่ะ กูกำลังจะทำให้มึงมีความสุขเลยนะ ชอบกูมากไม่ใช่หรอ กูก็จะจัดให้มึงนี่ไง”



“พะ...พี่หมายถึงอะไร ปล่อย! ปล่อยผมพี่ทัพ”



“มานี่!”



ฝ่ามือแกร่งที่กระชากแขนร่างบางให้เดินตามมาจนอีกฝ่ายเซถลามาปะทะลงที่อกแกร่ง สายตาสวยช้อนตามองอย่างหวาดผวาพยายามจะดิ้นหนีออกจากการจับกุมของอีกฝ่าย หากแต่คนตรงหน้าที่ก้มหน้าลงมาจ้องตอบกลับแสยะยิ้มอย่างสะใจส่งมาให้  ก่อนจะก้มตัวลงไปอุ้มคนตรงหน้าขึ้นพาดบ่าแทน



 “เห้ยยย ปล่อยนะเว่ย! พี่จะทำอะไร ปล่อยนะเว้ยพี่ทัพหน้า ฮึก ปล่อยสิเว้ย”



“ทำไรก็เรื่องของกู แต่บางทีสิ่งที่กูจะทำ มึงอาจจะติดใจมากๆก็ได้นะ หึ”



“ห...ห๊ะ อะ..อะไร ฮึก!”



“แหม่ ดีใจจนเสียงหลง ใจเย็นนะมึง ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล”



“มะ...ไม่ ไม่ปล่อยผมเถอะ ฮึก ปล่อยผมนะโว้ยยย!”



ร่างสูงที่ก้าวขายาวๆออกจากห้องไปโดยไม่สนใจคนบนบ่าของตัวเองสักนิด แสงไฟสว่างสาดเข้าตาของคนร่างบาง ด้านนอกมีลูกน้องของทัพหน้ายืนเรียงแถวกันเต็มไปหมด คนร่างบางที่ทั้งทุบทั้งตีทั้งข่วนไปที่หลังแกร่ง แต่อีกฝ่ายกลับไปสะทกสะท้าน หากแต่ก้าวยาวๆพาคนร่างบางเดินผ่านลูกน้องที่ค้อมตัวให้เจ้านายผ่านไปเฉยๆ จนในที่สุดขายาวก็ไปหยุดที่หน้าห้องไม้สลักบานใหญ่บานหนึ่งที่อยู่อีกฝั่ง ห่างออกมาจากห้องก่อนหน้านี้ สภาพไม่ได้ดีอะไร มีเพียงเตียงกว้างหนึ่งหลังที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องเพียงแค่นั้น หัวใจสั่นระรัวขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆในลำคออยู่ตอนนี้



“กูไม่ต้องการให้ใครรบกวน”



“ครับนาย!”



หันไปตอบเสียงเรียบแค่นั้น ลูกน้องทั้งหลายก็ประสานเสียงตอบรับอย่างแข็งขัน ก่อนที่เจ้าตัวจะบิดลูกบิดเดินเข้าห้องไป ไม่ได้สนใจคนร่างบางที่กำกำปั้นทุบไปที่หลังแกร่งดังอักๆอย่างแรงอยู่ตอนนี้



‘พลัก!’



ร่างบางที่ถูกเหวี่ยงลงบนเตียงนอนกว้างอย่างไม่เบามือ เมลรู้สึกทั้งเจ็บทั้งจุกแล้วก็ยิ่งรู้สึกกลัวคนที่ตอนนี้กำลังยืนกอดอกจ้องมองมานิ่งๆ หากแต่ดวงตาคมกลับลุกโชนไปด้วยความโกรธ



“ฮึก พี่ทัพ ปล่อย...ปล่อยผมไปเถอะ ผมขอโทษ”  เมลที่บอกออกมาแบบนั้นด้วยเสียงสั่นเครือ



ร่างสูงที่ไม่พูดตอบอะไรแค่ยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อและถอดเนคไทน์ออกช้าๆ คาราเมลที่มองเห็นแบบนั้นยิ่งหวาดหวั่น น้ำตาใสเริ่มเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรับรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังเอาจริง



“พี่ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมไม่ได้..อึก อ๊ะ....” 



ร่างบางที่พยายามอ้อนวอนด้วยเสียงที่สั่นๆ น้ำตาใสไหลลงอาบแก้มอย่างน่าสงสาร แต่เจ้าตัวก็ยังพยายามจะปีนลงจากที่นอนเพื่อหนีคนตรงหน้า หากแต่ว่าอีกฝ่ายกลับรู้ทันสะก่อน



“จะไปไหน!” 



ทัพหน้าที่คว้าข้อเท้าของอีกฝ่ายไว้ได้ และจัดการลากข้อเท้าของคนร่างบางจนอีกฝ่ายหน้าทิ่มและถลาลงมากลางเตียงตามแรงลาก



“ไม่ ปล่อยผมนะ ฮึกพะ... พี่จะทำอะไร ”



"จะดิ้นหนีกูไปทำไม ชอบกูมากไม่ใช่หรอมึงน่ะ แอบมองกูมาตั้งแต่ปี1ไม่ใช่รึไง!"



"ปะ...ปล่อยผมไปเถอะ ฮึก อย่า..."



"ถ้ารักกูมากจนกล้าทำร้ายคนของกูได้ ตอนนี้มึงก็ไม่น่าจะมากลัวตาย เก่งให้เหมือนก่อนหน้านี้หน่อยสิ"



"ฮึก ไม่..."



"มานี่!"



ร่างสูงที่กระชากขาเรียวให้ถลามาอยู่ใต้ร่าง น้ำตาใสที่ไหลออกจากหางตา สะอึกสะอื้นอย่างหวาดกลัว



"กล้ามากนะที่มาทำร้ายคนของกู เพราะงั้น มึงเองก็จะต้องเจ็บไม่ต่างกัน จำเอาไว้!" 



คนร่างสูงที่ตะคอกออกมาแบบนั้น ดวงตาคมที่จ้องตรงมาวาวโรจน์ขึ้นอย่างน่ากลัว



‘แคว้ก’



มือหนาที่กระชากเสื้อตัวบางของคนใต้ร่างออกจนขาดไม่เหลือชิ้นดี  เมลที่เห็นแบบนั้นยิ่งตื่นตระหนกและพยายามดิ้นหนี ทั้งขาทั้งมือที่พยายามทั้งผลักและถีบอีกฝ่ายให้ออกห่างตัว



“ไม่ ฮึก ไม่ พี่ทัพ ฮึก ”



“มือมึงนี่เกะกะ น่ารำคาญ!”



ตะคอกออกมาเสียงดัง ก่อนจะเอี้ยวตัวไปคว้าเนคไทน์ที่ตัวเองพึ่งปลดออกมาเมื่อกี้มาถือไว้  สายตาใสที่มองตามเนคไทน์นั่นอย่างตื่นตระหนก หัวใจสั่นระรัวอย่างน่ากลัว แววตาคมที่มองมานิ่งๆแต่แฝงไปด้วยความโกรธนั่นยิ่งทำให้กลัวมากขึ้นไปอีก ก่อนที่จะทันตั้งตัว มือแกร่งก็คว้าข้อมือบางทั้งสองข้างไปผูกติดกับหัวเตียงด้วยมือข้างเดียวอย่างง่ายดาย



“ฮึก พี่ทัพ พี่จะทำอะไร ฮึก ป...ปล่อยผมไป ผมไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งกับณราชา ฮึก ผม ผมแ...”



“ความไม่ตั้งใจของมึง มันทำลายชีวิตใครหลายคนให้จบลงไป มึง...ไอ้เด็กเวร! วันที่กูต้องรับโทรศัพท์ว่าณราชารถคว่ำ มึงไม่มีทางรู้หรอกว่าหัวใจกูเจ็บมากแค่ไหน มึงไม่มีทางรู้ ว่าในวันที่กูต้องได้ยินหมอบอกว่ากูเสียลูกไปหัวใจกูจะขาดแค่ไหน มึง...มึงไม่มีวันรู้!”  ร่างสูงที่ตะคอกออกมาเสียงดังพร้อมคำพูดยาวเหยียด เป็นครั้งแรกที่เมลรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดภายใต้ใบหน้าเฉยชาของทัพหน้า เห็นแบบนั้นยิ่งทำให้น้ำตาไหล  เขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลยจริงๆ



“ฮึก พี่....ผม ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะขับรถชนเขา”



“แต่มึงทำมันไปแล้ว”



“ฮึก พี่..พี่ ฮึก....ผมเปล่า ฮึก ผมไม่ได้ตั้งใจนะ อึก จริงๆ ฮึก....“



“มึงรู้ไหม อะไรที่เจ็บปวดที่สุดในโลกใบนี้?  หึ....ก็การมีอะไรกับคนที่เขาไม่ได้รักมึงเลยยังไงล่ะ..."



“ฮึก...มะ ไม่ พี่ทัพอย่า...”



"และกูจะทำให้มึงได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่เจ็บปวดที่สุดนั่น...คาราเมล"





-------------TBC-----------



มาแล้วจ้าาา เฮียมาแล้ว เฮียแบบ...ว๊ายยยย เฮียต้องใจเย็นกับน้องจะถอดก็ถอดดีๆ แกจะกระชากเสื้อน้องแบบนี้ไม่ได้ เอ๊ะเดี่ยว...55555 หลายคนบอกกลัวดราม่า คุณ...เชื่อแคทค่ะ เราแบบมาสายตลก ไม่ดราม่ามากหรอก สงสารน้องสักพัก แต่มันก็จะควบคู่กับหลายๆอย่าง อยากบอกว่าอย่ากลัว ไม่ดราม่าขนาดนั้นหรอกค่ะ ...

ส่วนตอนนี้ อยากให้ความเป็นธรรมกับเฮียทัพด้วย อย่าสงสารน้องเมลอย่างเดียว เฮียเองก็น่าสงสารนะ

ตอนหน้า...ใช่จ๊ะ เราจะมา อรุ่มมม หืดหาดๆกันตั้งแต่ต้นเรื่องเด้อออ กรี๊ด

ขอกำลังใจหน่อยจ้าทุกคน (ไหว้ย่อ) :pig4: ... ฝาก #หลงร้าย ด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่2* {22.09.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 29-09-2018 01:16:55
เรากลับมาแล้นน

เฮียทัพนี่ร้ายเหมือนที่คิดจริงๆ ไม่มีอะไรค่ะ ไม่กล้าด่าเฮีย กลัว หันไปด่านังเหลืองแทนก็ได้ นังเหลือง แกกกก

แต่อยากรู้ว่าน้องเมลทำจริงหรือเปล่าน้า

ถ้าไม่ได้ทำจริงก็น่าสงสารนะ เป็นสนามอารมณ์เฉย แต่น้องเป็นถึงลูกคนใหญ่คนโตเลยนา จะไหวหรอเฮีย

สคิปไปตอนรู้ความจริงเลยได้มั้ยน้าาา
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่3* {29.09.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 29-09-2018 20:11:30
​(เนื้อหาตอนนี้เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ16ปีขึ้นไป และเหมาะกับผู้ใหญ่ที่ไม่รังเกียจฉากNCแบบขืนใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)


บทที่3




             ร่างบางที่พยายามตะเกียดตะกายหนี ถึงแม้ว่าจะหนีไปไหนม่ได้ไกลเพราะติดเนคไทน์ที่ทัพหน้าผูกข้อมือเอาไว้อยู่ก็ตาม



“ผมขอร้อง พี่อย่าทำไรผมเลยนะ ฮึก ผมขอโทษพี่ทัพ ฮึก ผมไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆนะ ผมไม่รู้ อึก เรื่อง”



“มาถึงขนาดนี้แล้ว มึงยังคิดว่ากูจะฟังคำแก้ตัวจากฆาตกรอย่างมึงอีกหรอวะ หึ ลูกคุณหนูที่รักศักดิ์ศรี อยากได้อะไรก็ต้องได้แบบมึง วันนี้กูจะเหยียบย่ำทุกอย่างของมึงให้จมดิน และโดยเฉพาะหัวใจกูทึ่มึงอยากได้นักหนานั่นน่ะ...มันจะเป็นสิ่งที่มึงจะไม่มีวันได้ จำเอาไว้!”



มือหนากระชากกางเกงยีนส์ออกจากขาเรียว สายตาคมที่มองจ้องขาขาวด้วยสายตาที่แปรเปลี่ยนไปหน่อยๆ สภาพคนใต้ร่างที่ตอนนี้มีเพียงเสื้อเชื๊ดหลุดลุ่ยสวมไว้แค่ท่อนบน ร่างกายขาวที่ตัดกับสีกลีบกุหลาบกลางหน้าอกทำให้ร่างสูงยกยิ้มร้ายๆ



“มึงก็ขาวดีนี่ หึ”



“ฮึก พี่จะทำบ้าอะไรวะ ปล่อยผมเลยนะเว้ย”



“อย่าทำหน้าหวาดผวาแบบนั้นสิวะ แล้วอย่าได้คิดว่ากูพิศวาสมึงมากนักล่ะ กูก็แค่ทำ เพื่อให้คนอย่างมึงได้จำความเจ็บไปจนวันตาย คนที่ทำเรื่องเลวๆไว้แต่กลับไปใช้ชีวิตสบายๆไปวันๆโดยไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรแบบมึง มันถึงเวลาที่จะได้รับรู้ความรู้สึกนั้นบ้างแล้ว กูจะเป็นทำลายศักดิ์ศรีของมึงเอง



พูดออกมาพร้อมกับที่ฝ่ามือหนาค่อยไล่ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ดๆจนหมด สาบเสื้อแหวกออกกว้าง เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อเป็นลอนสวย ไหล่กว้าง อกแกร่ง มัดกล้าม ลามลงไปถึงจนถึงซิกแพค เป็นผู้ชายที่มีหุ่นหน้าอิจฉา และก็น่าหวาดผวาสำหรับคาราเมลในตอนนี้ด้วยเหมือนกัน



“ไม่ ไม่เอา พี่ทัพ ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้”



“หรอวะ....แต่ก็เรื่องของมึงสิ ก็ในเมื่อกูต้องการ มึงจะทำไม” 



แสยะยิ้มร้ายๆใส่และจัดการกระชากางเกงขายาวของคนร่างบางออกพร้อมๆกับชั้นใน เมลผวาสะดุ้งเฮือก ตัวร่างบางที่สั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความกลัวอย่างห้ามไม่อยู่  ขาเรียวสวยที่พยายามจะหนีบเข้าหากันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



“หึ ตัวสั่นเป็นลูกหมา ทีแบบนี้มาทำเป็นกลัว ตอนที่มึงจะฆ่าคนทำไมมึงไม่กลัว!” 



ดวงตาเยียบเย็นแข็งกร้าวขึ้นของทัพหน้าจ้องเขม็งไปที่คนใต้ร่างที่ตอนนี้พยายามดิ้นหนี ข้อมือบางที่เริ่มแดงช้ำเพราะถูกมัดไว้ แต่คาราเมลก็ยังไม่ยอมหยุดดิ้นรน



“พะ พี่ทัพอย่า....ไม่เอา ฮึก ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้”



“จะหนีบขาทำห่าอะไรล่ะ นี่กูกำลังสนองความต้องการของมึงเลยนะ”



“ไม่เอา พี่ทัพไม่เอา” 



เมลยิ่งดิ้นมายิ่งขึ้นเมื่อคนร่างสูงโยนเสื้อเชิ๊ตแขนยาวราคาแพงของตัวเองทิ้งไป พร้อมๆกับปลดเข็มขัดและรั้งกางเกงลงไปให้พ้นตัว จับแกนกายรูดรั้งแรงๆ แกนกายใหญ่ผงาดให้เห็นเต็มตาจนคนร่างบางยิ่งพยายามดิ้นหนี



“อยู่เฉยๆ จะดิ้นทำไมวะ!” 



ตะคอกออกไปแบบนั้นพร้อมๆกับที่ร่างสูงกระชากขาเรียวที่พยายามหนีบเข้าหากันให้อ้าออกกว้าง  เผยให้เห็นแกนกายน่ารักขนาดเหมาะมือและช่องทางสีสวยที่ยังไม่เคยมีใครได้เห็น เมลรู้สึกร้อนหน้าไปหมด ทั้งเขินทั้งอายทั้งกลัวและอยากจะหนีจากสถานการณ์ตรงนี้ไปให้พ้นๆ



“อย่า ฮึก พะ...พี่ทัพ ผมขอร้อง”



“ได้สิ...ร้องออกมาให้ดังๆเลยนะมึง แล้วก็จำค่ำคืนนี้ไว้จนวันตายของมึงได้ก็ยิ่งดี”



“อ๊ะ เฮือก ...อึก... อ๊า!!”



ไม่มีการเบิกทาง ไม่มีเจลหล่อลื่น ไม่มีจูบหวานๆที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจแบบที่เคยหวังไว้หรือที่เคยเห็นในหนังมาก่อน



สิ่งที่ได้รับมาในตอนนี้มีเพียงความรู้สึกทั้งเจ็บร้าวไปทั้งตัว รับรู้ได้ถึงเนื้อที่ฉีกขาดของตัวเองในยามที่คนด้านบนพยายามเสือกตัวดันแกนกายใหญ่โตเข้ามาในช่องทางด้านหลังของตัวเอง เมลที่กรี๊ดร้องออกมาด้วยความเจ็บ ใบหน้าเชิดแหงนขึ้นพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม



“อึก ซี๊ดด แม่ง...นี่มึงไม่เคยหรอวะ ซี๊ด” 



เสียงทุ้มเข้มที่ดังอยู่ข้างๆหูไม่ช่วยให้ความเจ็บปวดลดลง ... ขอบตาของผมร้อนผ่าว รู้สึกได้ถึงน้ำตาที่ไหลลงมาช้าๆ เจ็บและชาจนต้องกัดฟันเข้าหากันจนแน่น ... ก่อนจะปรือตาขึ้นมาช้าๆ มองภาพของคนตรงหน้าที่กำลังคล่อมทับผมไว้ สายตาคมที่จ้องมองตอบลงมา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร เห็นแต่เพียงดวงตาที่มองจ้องมาพร้อมๆกับกรามที่เหมือนกำลังขบกันแน่นและเหงื่อที่เริ่มออกมาตามไรผมของมัน และอวัยวะส่วนนึงของมันกำลังกลายเป็นหนึ่งเดียวกันกับผม หัวใจของผมสั่นระรัว ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมเองมีความสุข แต่หัวใจมันเองก็กลับสั่นไม่หยุด เสียงในหัวที่กระซิบดังไปถึงหัวใจ มันกำลังพูดเบาๆแผ่วๆบอกย้ำชัดกับตัวเองให้ได้รู้



‘มึงเป็นของมันแล้ว  มึงเป็นของพี่ทัพแล้ว ผู้ชายที่มึงรัก ใช่ ... ตอนนี้มึงกลายเป็นของมันแล้ว’



น้ำตาผมไหลออกมาตอนที่หลับตาลงช้าๆ และร่างสูงก็โยกสะโพกขยับเข้าออกแบบไม่ปราณี ไม่มีความสงสาร มันไม่ใช่ครั้งแรกของผมในแบบที่ผมเคยจินตนาการไว้ ไม่ใช่เลย...



สะดุ้งเฮือกขึ้นมาจนแผ่นหลังแอ่นโค้งขึ้นมาจากที่นอน เชิดหน้าขึ้นพร้อมๆกับที่ขาต้องเกร็งจิกปลายเท้า เมื่อลิ้นร้อนขบเม้มลงบนยอดอก



“อ๊ะ อื้ออ”



“ครางอ่อยเลยนะมึง ซี๊ด ตอดเก่งจังวะ”



ร่างสูงที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมขยับสะโพกสอบเข้าออกส่งท่อนเอ็นแข็งขืนสวบเข้าสวบออกแบบไม่มีความปราณี  ทัพหน้าที่หลับตากัดฟันแน่น รู้สึกถูกตอดรัดอย่างแรงจนแทบจะเสร็จ เป็นความรู้สึกที่เป็นครั้งแรกที่พึ่งได้รับรู้



“ฮึ่ม ซี๊ด”  ครางเบาๆใยลำคอ ก่อนที่ใบหน้าคมจะเปลี่ยนไปซุกไซร้ตามคอขาว ทั้งจูบทั้งขบเม้มไปตามเนื้อตัวอย่างที่อยากจะทำ



เมลที่ปรือตาขึ้นมองในตอนที่ร่างสูงผละหน้าออกมาและดันตัวขึ้นไปจับขาขาวอ้าออกให้กว้างมากขึ้น มองเห็นหน้าอกหนาและหน้าท้องแกร่งที่กำลังเกร็งจนเห็นมัดกล้ามแน่นๆ ฝ่ามือหนาที่เลื่อนมาจับท่อนเอ็นพอดีมือของคนร่างบางขยับขึ้นลงแรงๆพร้อมๆกับที่ส่งท่อนเอ็นแข็งขืนเข้าออกแบบไม่ผ่อนแรง ดันเข้าสุดและผละออกจนแทบจะสุดลำ



“อ๊ะๆ อื้ออ พะ..พี่ทัพ อ๊า”



“ซี๊ด”   



เสียงชื่นแฉะที่ดังก้องไปทั่วห้องอย่างหยาบโลน  จากความเจ็บเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียวซ่าน ใบหนาหวานที่เชิดขึ้นพร้อมๆกับช่องทางด้านหลังที่เริ่มขมิบตอดรัดแกนกายใหญ่ถี่ระรัวมากขึ้นจนทัพหน้าต้องซี๊ดปาก



“อ๊ะๆๆ อ๊า มะไม่ไหวแล้ว”



“ฮึ่มมมม อ่า”.....



ใบหน้าหล่อคมที่แหงนขึ้นพร้อมๆกับเสียงร้องครางต่ำๆในลำคอจนเห้นเส้นเอ็นที่ลำคอ เหงื่อไหลลงมาทั่วแผ่นอกพร้อมๆกับเสียงหวีดร้องของคนร่างบางที่ปลดปล่อยออกมาพร้อมๆกับของเหลวสีขาวที่ปลดปล่อยเข้าไปที่ช่องทางอ่อนนุ่มที่ตอนนี้ตอดรัดตุบๆจนทัพหน้าต้องครางเบาๆ  ร่างบางที่ที่ตัวอ่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดสภาพและข้อมือบางที่ขึ้นสีจากการดิ้นรนและยังโดนผูกข้อมือเอาไว้แบบนี้   ทัพหน้าที่ซบหน้าลงบนซอกคอขาว หายใจหนักๆออกมา ก่อนจะผละหน้าออกมาช้าๆ มองดูคนใต้ร่างที่หลับตาหายใจถี่ๆ ก่อนจะก้มลงไปกัดที่ซอกคอขาวแรงๆอีกครั้ง



“อ๊ะ อ๊า เจ็บ!”  เมลที่ลืมตาขึ้นมาช้าๆ น้ำตาคลอออกมาอีกครั้งเพราะแรงกัด จ้องตาตอบคนที่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้พร้อมแสยะยิ้มใส่



“กูปลุก...มึงอย่าหวังว่าคืนนี้มึงจะได้นอน หึ”



“ไม่ๆ...ไม่ อื้ออ”



-------



ร่างบางที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงกว้างโดยมีผ้าห่มคลุมไว้ลวกๆเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาในช่วงเวลาเที่ยงของวันถัดไป ดวงตาสวยที่ปิดสนิทเริ่มขยับน้อยๆ พร้อมๆกับที่หัวคิ้วเริ่มขมวดมุ่นเข้าหากันยามที่เจ้าตัวเริ่มขยับตัว หากแต่ขยับเพียงนิดหน่อยกลับรู้สึกเจ็บแปร๊บร้าวไปทั่วทั้งตัว ช่องทางด้านหลังทั้งเจ็บทั้งแสบจนตัวเองยังรู้สึกได้ว่ามันต้องบวมช้ำไปหมด หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นไปอีกเมื่อเริ่มรู้สึกว่าได้ยินแปลกๆแว่วๆเข้าหูมาให้ได้ยิน



“ขอบใจมากหมอ ฉีดยาเสร็จแล้วก็กลับๆไป”



“ครับๆ ขอตัวครับคุณทัพหน้า”



‘แกร๊ก’



คนร่างสูงที่ไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป ทำเพียงแค่มองตามร่างของหมอที่รีบกุลีกุจอเก็บของออกจากห้องไป มองจนหมอปิดประตูและหายไปจากสายตา คนร่างสูงก็เดินมายืนอยู่ข้างเตียง จ้องมองร่างบางที่ตอนนี้นอนขมวดคิ้วอยู่บนเตียงนิ่งๆเหมือนกำลังรู้สึกไม่สบายตัว ... ฝ่ามือหนาตบลงบนหน้าเรียวหน่อยๆจนคนที่นอนอยู่ค่อยๆปรือตาขึ้นมามองช้าๆ



“อ๊ะ อื้ออ”



เบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ เพราะพอลืมตาตื่นขึ้นมาก็เจอไอ้บ้านี่อยู่ตรงหน้า เมลอยากจะตะโกนแหกปากออกมาดังๆ แต่ก็ทำไม่ได้ รู้สึกว่าลำคอของตัวเองแห้งผาดไปหมด ได้แต่ร้องครางออกมาเบาๆ เสียงที่จะเปล่งออกมาก็หายากเต็มที่ ...เมื่อคืนก็มั่นใจว่ากูไม่ได้ไปโบกแท่งไฟในคอนWanna One หรือGot7แน่ๆเพราะกูกดบัตรไม่ทัน พูดถึงแล้วเศร้า



“สำออย โดนแค่นี้ทำมาเป็นไข้” 



เสียงเข้มที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมปลายตามองหน่อยๆทำเอาเมลถึงกลับหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง  ทัพหน้าที่มองมาที่เมลนิ่งๆก่อนจะถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะยกมือไปวางลงบนหน้าผากและแก้มแบบไม่เบามือเพื่อวัดไข้ ทัพหน้ารับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาถูกหลังมือของตัวเองจนรู้สึกได้  แต่ความเจ็บใจจากสิ่งที่โดนคนตรงหน้าทำไว้กับครอบครัวของตัวเอง ร่างสูงเลยเลือกที่จะไม่สงสารแทน



“เจ็บนะเว้ย” พยายามเปล่งเสียงออกมาให้ดังที่สุด แต่เสียงที่พูดออกมากลับแหบไปหมด



“ปากดีได้แบบนี้ มึงคงไม่ตายง่ายๆสินะ ก็ดีเพราะกูยังสะใจไม่พอ”



“หมายความว่าไง!” แค่นเสียงตะคอกใส่คนร่างสูงตรงหน้าแบบสุดจะทน ทัพหน้ายกยิ้มร้ายๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ ฝ่ามือใหญ่ที่จิกลงไปบนเส้นผมสวยพร้อมกระชากให้เงยหน้าขึ้นมามองกัน



“โอ๊ย! เจ็บนะเว้ย”



“เหอะ ตอนนี้ไม่เรียกกูว่าพี่ทัพแล้วรึไง ไหนล่ะ ไอ้เด็กปีหนึ่งที่ตามวอแวกูดีๆมันหายไปไหนแล้วล่ะ”



“แล้วใครมันจะไปเรียกไอ้เหี้ยแบบมึงด้วยคำพูดดีๆแบบนั้นกันวะ”



“ปากดี ...ดี! ...แบบนี้สิถึงจะสนุก”



“อะ...โอ๊ยย ปล่อยนะเว้ย”



ร่างบางที่ลุกตามแรงกระชากผมจากคนร่างสูงให้เดินตามไป มือเรียวที่พยายามจะดึงมือแกร่งออกจากหัวแต่ก็ไม่สำเร็จ


‘พลัก’



“อาบน้ำซะ เห็นแล้วขัดสายตา สกปรก ทำมาเป็นป่วย ดัดจริต บอกไว้ก่อนกูไม่สงสารมึงหรอกนะ” 



ร่างหนาที่โยนคนร่างบางเข้าไปในห้องน้ำอย่างแรง จนอีกฝ่ายล้มลง ทัพหน้าทำแค่มองนิ่งๆแบบไม่ได้คิดจะเข้าไปช่วย


“จะเอายังไงกับกูอีกห๊ะ!”



“หึ ก็เอากับมึงให้ตายไปเลยล่ะมั้ง” 



ว่าแบบนั้นพร้อมยักไหล่ใส่แบบไม่สนใจ สีหน้าและแววตาเฉยชาปรากฏอยู่บนใบหน้าคมอีกครั้ง



“ยังไม่พอใจอีกหรือไงวะ จะเอาอะไรอีก!”



“ยัง! กูยังไม่พอใจ ถ้ากูยังทำให้มึงเจ็บไม่ได้ครึ่งที่กูรู้สึก กูก็ยังไม่พอ”



“กูเจ็บ เจ็บแล้วเว้ย! ปล่อยกูไปเหอะ กูไม่อยากอยู่กับมึงแล้ว”



“หึ นั่นแหล่ะคือสิ่งที่กูต้องการเลย”  ว่าออกมาแบบนั้นก่อนที่จะปลายสายตาคมกลับมามองคนที่นั่งอยู่ที่พื้นห้องน้ำ พร้อมเหยียดรอยยิ้มสะใจออกมาให้คนร่างบางได้เห็น



“ยิ่งมึงอยากหนีไป นี่แหล่ะคือสิ่งที่กูจะไม่ให้มึง อยู่เป็นตุ๊กตายางให้กูเอาเล่นไปก่อนเถอะมึง”



“มึงไม่ได้ชอบผู้ชาย มึงมีเมียแล้วนะเว้ย จะมาเอากูอีกทำไม”



“กูมีเมียแล้วไงวะ กูเอามึงแล้วยังไง ก็ในเมื่อ...กูเอามึงไปก็ไม่ได้รู้สึกรักขึ้นมาอยู่ดี...และที่สำคัญ เพราะมึงไงที่ทำให้เมียกูนอนรอความตายแบบไม่ฟื้นเป็นเจ้าหญิงนิททราอยู่ตอนนี้ ก็มึงไงที่ทำ มึงเองไม่ใช่รึไงที่อยากได้กูจนต้องทำเรื่องเลวๆแบบนี้ แล้วมันผิดตรงไหนที่กูกำลังสนองให้มึงอยู่ตอนนี้”



ทัพหน้าว่าออกมาแบบนั้นแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้ ฝ่ามือแกร่งที่บีบปลายคางบังคับให้เงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาคมที่จ้องเข้าไปในดวงตาใสที่ตอนนี้เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง แต่คนร่างบางก็พยายามกระพริบตาถี่ๆเพื่อไม่ให้น้ำตาไหล



...จะอ่อนแอมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ...



ทัพหน้าเห็นแบบนั้นแล้วยิ่งรู้สึกสะใจเป็นบ้า เหยียดยิ้มมุมปากออกมาก่อนจะเอ่ยต่อ



“มีแต่มึงนั่นแหล่ะ ที่พอโดนกูเอาแล้ว…รู้รึยังว่ากูไม่รักมึง...ต่อให้มึงฆ่าณราชาตาย มึงก็ไม่เคยได้ใจของกู”



สะบัดมือออกจากหน้าของคนตรงหน้าจนอีกคนหน้าหัน ร่างสูงจ้องมองเหยียดก่อนจะเดินหนีออกไปจากห้องน้ำ ทิ้งให้คนร่างบางมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปทั้งแบบนั้น คาราเมลที่ค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยขาของตัวเองช้าๆ รู้สึกทั้งหนาวทั้งเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมด ขาทั้งสองข้างสั่นระริกอย่างน่าสงสาร เดินช้าๆไปปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยเพราะกลัวอีกฝ่ายจะโผล่เข้ามาอีก ก่อนจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งพิงประตูห้องน้ำ ไม่ได้สนใจว่ามันจะสกปรกหรือไม่ ขาเรียวที่ชันเข่าขึ้นมาก่อนจะก้มหน้าลงไปแล้วสะอื้นไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร



“ฮึก ฮึก ฮื่อออ”



ความรู้สึกเสียศักดิ์ศรี  เสียใจ เสียความรู้สึก มันตีรวนรวมกันอยู่ในอกจนช้ำใจไปหมด สีหน้าและแววตาของทัพหน้าไม่ได้ล้อเล่น ทุกคำที่อีกคนพูดไม่ใช่เรื่องล้อเล่น  และความรู้สึกของเขาเอง ... มันก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเช่นเดียวกัน  เวลาผ่านมาตั้ง4ปีแล้ว เคยคิดเสมอว่าลืมคนร่างสูงไปแล้ว แต่ไม่เลย ทั้งๆที่เราคิดว่าลืมแต่ก็เป็นคนที่วิ่งเข้าไปหาตลอด ... เรื่องบางเรื่องที่เราคิดว่าเราลืมไปแล้ว จริงๆมันเป็นการหลอกตัวเองตั้งแต่ที่เราเริ่มบอกว่าเราลืม คนที่จะลืมจริงๆ มันไม่ต้องคิดว่ามันลืมหรอก เพราะแค่เราคิดว่าเราลืมได้แล้ว จริงๆมันก็คือการเริ่มนึกถึงเรื่องราวนั้นขึ้นมาใหม่อีกรอบต่างหาก



น้ำตาใสที่ไหลลงมาอาบแก้ม เสียงสะอื้นเบาๆดังก้องไปทั่วห้องน้ำให้ตัวเองได้ยิน  ตอนนี้แค่อยากจะร้อง ร้อง ร้องออกมาให้มากที่สุด ... มากพอๆกับความรู้สึกที่เสียไปและความเจ็บใจที่ได้มาแทน



“ทำไมต้องไปรักไอ้เหี้ยนี่ด้วย ฮึก แม่งเอ๊ย!”



ได้แต่กำมือแน่น แล้วฟาดแรงๆไปบนพื้นแรงๆอย่างเจ็บใจตัวเอง เสียทั้งตัว เสียทั้งใจ แถมยังเสียศักดิ๋ศรีโดยที่ไม่ได้อะไรตอบกลับมา



“ทั้งๆที่ตั้งใจจะทำดี แม่ง ฮึก โลกไม่เคยยุติธรรมกับกูเลย ฮึก ฮื่อ”



‘ปังๆๆๆๆ’



“มึงจะนั่งดราม่าร้องไห้ทำซากอะไร มึงรีบอาบน้ำเลยนะไอ้เมล!”



เสียงตบประตูหน้าห้องน้ำที่ทำให้ต้องสะดุ้งจนคนที่กำลังสะอื้นอยู่ต้องเผลอหยุดสะอื้นไปชั่วขณะเพราะความตกใจ  มือเรียวสวยรีบยกขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองไวๆ ก่อนจะมองแรงใส่ประตูที่ตอนนี้คงมีไอ้ควายพี่ทัพยืนทำหน้าเหี้ยอยู่ตรงนั้นแน่ๆ



“เร็ว!”  เสียงเข้มทุ้มต่ำที่ตะคอกออกมาอีกจนเมลสะดุ้งอีกรอบ



“อะ...เออ! อึก รู้แล้วโว้ย!”



“แม่ง ... จะให้กูได้ร้องไห้ดราม่าแบบคนพึ่งเสียใจหน่อยก็ไม่ได้หรอวะไอ้หน้าเหี้ย!” 



เมลค่อยๆคว้าขอบอ่างล้างหน้าไว้และพยุงตัวขึ้นไป  จ้องสภาพตนเองในกระจกแล้วยิ่งรู้สึกแย่ รอยช้ำรอยแดงรอบดูด ตั้งแต่หัวไหล่ ลำคอไล่ลงไปเรื่อยๆ แทบจะไม่มีตรงไหนที่ทัพหน้าจะไม่ทำไว้



“หึ ... มึงเป็นของมัน ของผู้ชายที่มึงรักแล้วว่ะไอ้เมล”



พูดกับตัวเองที่อยู่ในกระจก ก่อนจะแค่นยิ้มสมเพชเวทนาตัวเองออกมาแบบนั้น ... ก่อนที่จะค่อยๆพยุงตัวไปอาบน้ำ ... จะมัวแต่นั่งเสียใจแบบนี้ไม่ได้ ... เป็นไงเป็นกันสิวะ!



...


“ชักช้า ยืดยาด มึงเป็นเต่ารึไง”



เดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เจอเข้ากับคนร่างสูงที่นั่งไขว่ห้างอยู่ปลายเตียงและจ้องตรงมาด้วยสายตานิ่งๆที่ติดจะไม่พอใจ เมลได้แต่เบ้หน้าใส่แบบรู้สึกเซ็ง ... ทำไมไม่ไปผุดไปเกิดสักทีวะแม่งคนยิ่งเวียนๆหัวอยู่



“ทำหน้าให้มันดีๆ เดี๋ยวกูเดินไปตบมึงนะ”



“แล้วมึงจะเอาอะไรจากกู พอใจรึยังล่ะ ถ้าพอใจก็ปล่อยกูไปสักทีเซะ!”



“กูบอกว่ากูยังไม่พอใจ มึงสมองควายหรือไงถึงเข้าใจยาก อย่าให้กูพูดเยอะ มันเจ็บคอ”



“แล้วจะเอายังไง มึงจับกูมา คิดว่ากำลังเล่นละครเรื่องจำเลยรักรึไงวะ”  เถียงออกไปแบบไม่ยอม เมลก็คือเมล ใช่เลย เค้านี่แหล่ะคาราเมล ลูกชายคนเล็กของบ้านยังไงล่ะ



“แล้วมึงคิดว่ามึงเป็นนางเอกรึไงล่ะ เหอะ มโน”



สัด !!



อยากจะตะโกนด่าออกไปแบบนี้  ตอนนี้โคตรเกลียดไอ้หน้านิ่งๆที่ถูกฉาบอยู่บนหน้าไอ้บ้านี่ชะมัด เป็นผู้ชายปากหมาหน้าตาย กูเกลียด!... เออ กูหลอก ยังเกลียดมันไม่ได้แต่ก็อยากจะเกลียดมันจริงๆ



“กูแค่เอามึงมาทรมารก็แค่นั้นล่ะ อยากจะรู้จริงๆว่าถ้าคนที่บ้านมึงรู้จะแฮปปี้กันแค่ไหนวะ” 



แค่นยิ้มออกมาอย่างเหนือกว่า และยิ่งรู้สึกถูกใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นคนร่างบางเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ



“มึง อย่านะ!”



“หึ คุณหญิงแม่มึงจะใจขาดรึเปล่าวะ ถ้ารู้ว่ามึงโดนกูทำอะไรไปบ้าง”



“นี่! กูบอกว่ามึงห้ามบอกที่บ้านกูไง”



“ทำไมวะ ครอบครัวผู้ดีของมึงนี่หน้าบางกันจริงๆเลยสินะ” 



ทัพหน้ายกยิ้มออกมาอย่างเหนือกว่า คิดอยู่แล้วว่าคาราเมลจะต้องไม่ยอม ก็ในเมื่อเค้าให้คนไปสืบประวัติมาหมดแล้ว ครอบครัวหรเวชภูวดล ครอบครัวเชื้อสายนักผู้ดีเก่า แม่ของไอ้เมลเป็นคุณหญิง และพ่อมันเป็นท่านทูต หน้าตาสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ภาพพจน์ดีๆต้องมาก่อน เพราะแบบนี้ตอนที่มีเรื่องของณราชา ไอ้เมลมันถึงไม่ได้รับโทษอะไรเลย ก็เพราะว่าเรื่องราวถูกเก็บเงียบเพื่อให้ประวัติครอบครัวของมันขาวใสไร้ร่องรอยมลทินยังไงล่ะ เหอะ ตอแหล ... พอคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งแค้นใจ คิดว่ามึงมีอำนาจอยู่เหนือใครๆงั้นหรอ เล่นผิดคนแล้ว .... รู้จักครอบครัวมาเฟียเก่าแก่อย่างตระกูลเตชะณรงกรค์น้อยไปแล้วล่ะ ...



“กลัวรึไง” 



ถามออกไปแบบนั้น สายตาคมจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเหนือกว่า เพราะทัพหน้ามั่นใจใจระดับนึงว่า คนรักศักดิ์ศรีแบบคาราเมลจะไม่ยอมให้ใครอื่นได้รู้เรื่องนี้แน่นอน โดยเฉพาะคนที่บ้านของตัวเอง มันไม่มีทางยอมเสียหน้าหรอก หึ...



“ก็บอกว่าอย่ายุ่งกับที่บ้านกู อย่ายุ่งกับแม่กู!”



“หึ ก็ได้นะ แต่ว่า.....”



“เลิกโยกโย้สักที ต้องการอะไรก็พูดมา” 



เมลที่กำหมัดแน่นจ้องหน้าทัพหน้าเขม็งแบบโกรธๆ โกรธที่ตัวเองสู้อะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย แต่เรื่องนี้เค้าจะให้ที่บ้านรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะแม่ของเค้า ....



ทัพหน้ามองอีกฝ่ายที่กำลังทำหน้าคิดไม่ตก คนที่ดูไม่อยากจะยอมแพ้แต็ก็สู้ไม่ได้ ยิ่งพอเห็นแบบนั้นยิ่งทำให้ยกยิ้มออกมาได้ง่ายๆ มองๆไปไอ้เมลมันก็เหมือนลูกแมวตัวเล็กๆที่ดื้อรั้น แต่จริงๆก็สู้อะไรใครไม่ได้สักอย่าง แต่ถึแบบนั้น มันเองก็ยังไม่ยอมแพ้  เห็นแบบนี้แล้วยิ่งรู้สึกถูกใจกับของเล่นตรงหน้าจริงๆ รู้สึกอยากทำให้มันพัง



“มึงก็แค่ อยู่ให้กูทำ...”



“ทำอะไร”



“ทำอะไรก็ได้ตามใจกู ทำจนกว่ากูจะพอใจ...พอใจเมื่อไหร่ กูจะปล่อยมึงไปเอง แต่ไม่รับประกันว่ายังจะสมบูรณ์นะ”



“สัด กูไม่ใช่สัตว์นะเว้ย!”



“หรอ แต่กูว่ามึงเหมือนนะ ใจมึงหยาบเหมือนสัตว์ไง” 



จ้องตามองนิ่งๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เมลที่เห็นแบบนั้นก็ผวาเผลอก้าวถอยหลังไปอีกสามสี่ก้าว



“หึ ไอ้อ่อน”



“ไอ้...”



“มึงจะพูดอะไร ระวังปากมึงไว้ดีๆไอ้เมล” 



ว่าแบบนั้นก่อนจะยกมือชี้หน้าอีกคน เมลที่ตั้งใจจะอ้าปากด่าต้องรีบหุบปากเม้มเข้าหากันในทันที  ไม่ได้กลัวแม่งหรอกนะ แต่ตอนนี้คิดว่าถ้าต่อยกับอีกฝ่ายคนจะสู้ไอ้ควายป่านี่ไม่ได้หรอก



“แล้วมึงจะยืนหน้าโง่อีกนานไหม อ่อยกูรึไงถึงใส่แค่ชุดคลุมออกมา”



“ก็กูไม่มีชุด!”   ตะคอกออกไปแบบโกรธๆ  ใครจะไปอ่อยมึงวะ สมองหมา...ได้แต่กร่นด่าอีกคนอยู่ในใจ



“แหกตาดูสิ ชุดอยู่บนเตียง”   



ว่าแบบนั้นพร้อมเบี่ยงตัวหลบ  เมลชะเง้อคอมองไป ก็เห็นชุดใหม่วางไว้ให้บนที่นอน คนร่างบางที่ค่อยๆเดินเข้าไปที่เตียงแต่ก็เอาตัวหันข้างกระเถิบๆไปช้าๆ ไม่ยอมให้หน้าตัวเองหันหนีจากทัพหน้า สายตาสวยที่มองร่างสูงอย่างระแวดระวังทำเอาอีกคนส่ายหัว



“มึงทำอะไร”



“เปล่าเว่ย อย่ายุ่ง”



“คิดว่ามึงทำแบบนั้นแล้วถ้ากูอยากเอา มึงจะรอด?”



“เอาอะไรอีก! บะ...บ้าหรอวะ”



“ทำไม กูอยากจะทำอะไรก็ทำได้”



“ตะ...แต่ แต่กูเจ็บ เจ็บมากเลยนะ แล้วมึงอ่ะ มึงไม่ได้ชอบผู้ชายนะเว้ย จะมาเอากูอะไรนักหนา ถ้าอยากให้กูเสียศักดิ์ศรีอ่ะ กูเสียแล้วไง กูอายมากพอแล้ว มึงยัง...”



“พร่ามอะไรอยู่ได้ น่ารำคาญ”



ว่าออกมาแบบนั้นด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่แววตาที่ส่งมาให้กำลังบอกว่ารำคาญเอามากๆ ทัพหน้าที่พูดแค่นั่น ก็หันตัวกลับหลังแล้วเดินหนีออกจากห้องไปหน้าตาเฉย คนร่างบางกระพริบตาปริบๆมองตามอีกฝ่ายที่เดินหนีออกไปทั้งแบบนั้น



“ไอ้เชี่ย กวนตีน!” 



ตะโกนตามหลังไปเมื่ออีกคนเดินออกไปแล้ว เมลที่เดินไปทรุดตัวนั่งบนเตียงแล้วถอนหายใจออกมาเหนื่อยๆ แค่กลับมาเจอกันไม่กี่วัน ทำไมมันเหนื่อยหัวใจมากกว่าตอนที่แอบมองอยู่ไกลๆจังวะ



...

               

หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วได้สักพัก ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปไหน ก็ในเมื่ออีกฝ่ายมันหายตัวไปแล้วและมันคงไม่อนุญาตให้ผมออกไปไหนแน่ๆล่ะ ผมเองตอนนี้ก็รู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ด้วย จริงๆรู้สึกเหมือนว่าตัวร้อนๆ น่าจะป็นไข้ด้วยซ้ำ แต่ก่อนหน้านี้ก็เถียงกับไอ้บ้าทัพหน้าไปเสียงดัง  ไม่อยากยอมแพ้ แม้กูจะเจ็บคอ ... เพราะแบบนี้เลยคลานขึ้นไปนอนบนเตียง ตั้งใจจะหลับอีกสักหน่อย



‘แกร๊ก แอ๊ดด’



“ขอโทษครับ”



“เห้ย คุณเป็นใครวะ”  สะดุ้งเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง หันไปก็เห็นร่างสูงใหญ่ในชุดสูธดำ มองแว๊บเดียวก็รู้เลยว่าต้องเป็นลูกน้องไอ้บ้าทัพหน้าแน่ๆ



“คุณทัพหน้าให้นำข้าวและยามาให้คุณคาราเมลครับ”



“เหอะ ทำยังกับเป็นนักโทษ”



“ทานเสร็จแล้วผมจะมาเก็บนะครับ อ้อ...แล้วเจ้านายอยากพบคุณหลังจากทานเสร็จด้วยครับ”



ไม่ได้ตอบรับคนร่างสูงออกไป อีกฝ่ายที่เห็นผมจ้องนิ่งๆใส่เลยทำเพียงแค่ค้อมหัวส่งมาให้ ก่อนจะถอยหลังกลับออกไปทั้งแบบนั้น หน้านิ่งไม่ติงไหวทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง อยากจะเอาหินทุบหน้า อยากจะรู้ว่าจะมีความรู้สึกอะไรบ้างไหมนอกจากหน้าตายๆของไอ้คนพวกนี้น่ะ



“เมื่อไหร่เรื่องบ้าๆนี่มันจะจบสักทีวะแม่ง ไอ้ประสาททัพ ง่ำๆ กูจะแดกให้มึงจนเลยคอยดู ง่ำๆๆ”



เมลที่หยิบข้าวขึ้นมากินพรางบ่นกับตัวเองออกไปแบบนั้น ตอนนี้คิดถึงบ้าน คิดถึงเพื่อน อยากจะหนีไปให้ไกลๆจากไอ้คนไม่มีหัวใจแบบไอ้ทัพหน้าที่สุดเลย ... อย่าให้หนีได้นะ กูจะหนีไปแบบมึงตามจับควันเลยล่ะ แม่ง!



“อย่าให้กูหนีได้นะ ง่ำๆ”



“มึงคิดว่ามึงหนีกูพ้นก็ลองดูสิ”




อ้าปากค้างพรางหันไปมอง คนร่างสูงที่กอดอกพิงกรอบประตูและมองมาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกว่า ... กูมีงานเข้าอีกแล้วโว้ย!



-------TBC--------


มาแล้วจ้าาา ทุกวันเสาร์มาพบกับพี่ทัพน้องเมลเช่นเคยจ้าาา .... ใคร ใครที่ว่าพี่ทัพไม่ใหญ่ไม่ยาว!! หมายถึงตัวใหญ่และขายาว อิอิ ต้องมาอ่านตอนนี้ พี่ใหญ่มาก ว๊ายยยย

ไม่รู้ว่าฉากมหัศจรรย์จะถูกใจคนอ่านหรือเปล่า พูดตรงๆว่าแคทเขียนฉากNCไม่ค่อยเก่งค่ะ ถ้าตอนไหนมีฉากนี้จะเขียนได้ช้ามากกก  เพราะฉะนั้นหากไม่ถูกใจแคทต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ส่วนเฮีย ... เออมันใจร้ายว่ะ เป็นฟิลผัวรว๊ายๆกับน้องเมลที่เถียงพี่มันไม่ทัน จ้า

ฝากแฮชแท็ค #หลงร้าย ไว้ด้วยจ้า ไปจิกด่าเกรี้ยวกราดได้เลย ขอบคุณคอมเม้นท์ทุกคอมเม้นท์แคทอ่านทุกข้อความจริงๆค่ะ หวังว่าจะถูกใจไม่มากก็น้อยนะคะทุกคน (กราบ)





 
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่2* {22.09.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 29-09-2018 20:16:05
เรากลับมาแล้นน

เฮียทัพนี่ร้ายเหมือนที่คิดจริงๆ ไม่มีอะไรค่ะ ไม่กล้าด่าเฮีย กลัว หันไปด่านังเหลืองแทนก็ได้ นังเหลือง แกกกก

แต่อยากรู้ว่าน้องเมลทำจริงหรือเปล่าน้า

ถ้าไม่ได้ทำจริงก็น่าสงสารนะ เป็นสนามอารมณ์เฉย แต่น้องเป็นถึงลูกคนใหญ่คนโตเลยนา จะไหวหรอเฮีย

สคิปไปตอนรู้ความจริงเลยได้มั้ยน้าาา


เดี๋ยวๆๆๆ แคทพึ่งเห็นคอมเม้นท์นี้ ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณมากๆนะคะ แต่ว่า ฮ่าาา พี่เหลือง สงสารรรร โปรดอย่าเห็นเฮียแกเป็นสนามอารมณ์ ก๊ากกกก คนอ่านตามมาด่ายันเรื่องเฮียทัพ  :laugh: :m20: แล้วมาอ่านอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่4* {06.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 06-10-2018 20:23:31



บทที่4




“อ๊ะ โอ๊ยๆ เจ็บนะเว้ย จะกระชากอะไรนักหนา มึงนึงว่ามึงเป็นพระเอกของผู้กำกับพิศาลรึไงวะ”



ผมที่โดนเหวี่ยงไปกระทบกับกรงเหล็กขนาดใหญ่เต็มๆแรง เจ็บจนจุก แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เดินออกมาจากห้องบ้าๆนั่น โดนลากขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน เดินผ่านส่วนต่างๆภายในบ้านและทะลุมายังสวนที่อยู่ในโซนของด้านหลังของบริเวณบ้าน รู้สึกเหมือนได้พบแสงสว่างเป็นครั้งแรกหลังจากตกอยู่ในนรกทั้งวันทั้งคืน 

ไอ้บ้าทัพหน้ามันกระชากผมออกมาจากเตียงและลาก ลาก ลาก ผ่านหน้าลูกน้องหลายๆคนของมันมาแบบไม่สนใจใยดีว่าผมจะเจ็บหรือรู้สึกยังไง รองเท้ากูก็ไม่ได้ใส่ ไอ้หยาบเอ๊ย!



อาณาจักรของทัพหน้าใหญ่โตจริงๆ ด้านหลังของผมเป็นรั้วกรงเหล็กเหมือนกรงขังสัตว์ในสวนสัตว์ ภายในมีต้นไม้ปลูกไว้ไม่น้อยเลยและขอนไม้วางไว้เป็นส่วนๆเหมือนอยู่ในป่ายังไงยังงั้น ... ละสายตาจากตรงนั้นมาจ้องไอ้หยาบตรงหน้าเขม็ง ทำกับกูเหมือนไม่ใช่คน



“ทำไม มองหน้ากูแบบนั้นมึงจะทำอะไรกู” 



มันที่กอดอกถามออกมาแบบนั้น มองหน้าผมแบบเหยียดๆ ได้แต่กำหมัดแน่น อยากจะสู้ อยากจะพุ่งเข้าไปต่อยมันเดี๋ยวนี้  แต่สภาพไม่สู้ดีแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปสู้มันยังไง  เจ็บใจตัวเองที่อ่อนแอ และแพ้มันทุกทาง



“หึ มึงมันอ่อนไอ้เมล”



“ก็เรื่องของกู มึงเก่งมาก มึงเป็นไอรอนแมนงั้นเซะ!”  ถึงร่างกูไม่อำนวย แต่ปากกูดีมากพูดเลย  แอบเห็นคิ้วมันกระตุกแว๊บนึง อะ...สะใจนิดนึง



“ปากมึงดีนักนะ ถ้าปากดีมากก็ช่วยเลี้ยงสัตว์ให้กูหน่อยละกัน เผื่อจะลดความปากดีของมึงได้”



“สัด! มึงเห็นกูเป็นคนสวนรึไง”



“มึงไม่ใช่คนสวน...มึงเป็นทาส”



“เชี่ย”



“อย่ามาปากดี เข้าไปให้อาหารสัตว์เลี้ยงกู วันนี้กูยุ่ง”  ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะเต๊ะท่ากอดอกยกยิ้ม ยิ้มเชี่ยไร หล่อมากมั้ง



“ทำไมกูต้องทำ”



“กูสั่ง  เข้าไป!” 



ว่าจบแบบนั้นมันก็หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องที่แอบยืนสแตนบายอยู่แถวนั้น อะไรวะ อะไรกันวะพวกมึง และยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวอะไรได้ทัน  รู้ตัวอีกทีตรงประตูรั้วกรงเหล็กด้านหลังก็ถูกเปิดออก และตัวของผมก็ถูกไอ้บอดีการ์ดชุดดำสามคนจับโยนเข้าไปในกรงเหล็กเต็มแรงจนล้มลงหงายหลัง เจ็บจี๊ดเข้าที่แกนสมอง ก้นกูจ้ำเบ้าเต็มๆ เจ็บจนน้ำตาเล็ด



“อะไรวะ!” 



ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเขย่าลูกกรงแรงๆด้วยความโมโห มองเห็นมันที่ยืนอยู่ด้านนอกลูกกรงยกยิ้มมุมปาก แววตานิ่งที่มันไม่ค่อยแสดงออกอะไร ตอนนี้กลับกำลังวาววับแลดูสะใจ ... อะไรวะไอ้เชี่ย!



“เล่นกับสัตว์เลี้ยงกูให้สนุกล่ะ”



‘แกร็กๆ’    มันที่ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะเดินไปคล้องแม่กุญแจปิดล็อคกรงตรงหน้ากู เดี๋ยวนะ...



“กรงขังอันนี้ ปกติกูเอาไว้ขังพวกลูกค้าที่มันทรยศกู เอาไว้ให้มันมาเล่นกับเชอร์รี่แก้เหงา”



อะไรคือเชอร์รี่กู ...?



“อะ...อะไรของมึง!”



‘กึก’



“ดูนั่นสิ” 



มันที่แสยะยิ้มออกมา ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ด้านหลังของผม ผวาจนตาเบิกกว้างตัวสั่นไปหมด อยากจะกระโดดหนีออกจากตรงนี้ตอนนี้



“นะนี่มันอะไรกันวะ! เชี่ย! ปล่อยกูออกไปนะไอ้บ้าทัพ!!”



ตะโกนออกไปอย่างรนรานตอนที่มองเห็นแววตาที่ดูสนุกสนานของมัน



“หึ ฆาตกรอย่างมึง ลองรับรู้ความรู้สึกของคนที่กำลังใกล้จะตายหน่อยเป็นไง เล่นกับลูกกูให้สนุกล่ะ เปิดประตู!”



“ครับนาย!”   



ผมหันหน้าเลิกลักมองตามลูกน้องของมันที่วิ่งไปกดปุ่มอะไรบางอย่าง  ผมที่หันหน้าไปมองที่ด้านหลังอีกครั้ง ตรงมุมมืดๆที่ด้านหลัง ยังมีผนังกรงเหล็กกั้นไว้ แต่พอจบคำที่ไอ้ทัพมันสั่งลูกน้องของมันเท่านั้น



‘แกร๊ก แกร๊ก ฟืดฟาด’



เสียงเลื่อนเปิดของกรงเหล็กที่ค่อยๆถูกยกขึ้นจนสุด มาพร้อมๆกับเสียงหายใจฟืดฟาดของสัตว์ป่า  แววตาที่ผมมองเห็นอยู่ตอนนี้ทำเอาตัวสั่นระริก  หันหน้าไปหาร่างสูงของอีกคนที่มองดูผมอย่างสะใจ



“ปล่อยกูนะทัพ ปล่อยสิเว้ย!”



เขย่าลูกกรงแรงๆ แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นไม่สนใจ  เสียงก้าวย่างออกมาช้าๆจากมุมมืด พร้อมๆกับเสียงคำรามต่ำๆที่ทำเอาต้องถอยหลังกรูดเมื่อภาพตรงหน้าที่เห็นคือภาพของสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าป่า สัตว์สี่ขาหน้าขนขนาดใหญ่ที่ค่อยๆเดินออกมาสู่แสงสว่างช้าๆ ดวงตาดุร้ายที่จ้องมองตรงมาที่ผม ไม่ต่างจากการที่มันมองเห็นเหยื่อตัวเล็กๆ



‘กรร’



สิงโตตัวใหญ่เพศผู้ที่มีแผงขนหนา มันที่ค้อมหัวลงต่ำเหมือนอยากหยั่งเชิงศัตรู ดวงตาดุจ้องมองมาที่ผมแบบไม่หลบตา สายตาของสัตว์ป่าที่ผมเคยเห็นแค่ในทีวี ตอนนี้มันกำลังยืนอยู่ตรงหน้า ผมที่ตัวสั่นขาสั่น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสิงโตตัวเป็นๆ



“มะ....ไม่ ไม่นะ” 

 

ได้แต่พูดเสียงอ่อยๆออกมา ไม่กล้าแม้กระทั่งจะตะโกนออกเสียงดังๆ สายตาที่หันออกไปมองนอกกรงขัง จับจ้องมองไปที่ดวงตาคมของทัพหน้าอย่างอ่อนวอน กลัว... ตอนนี้กลัวจับใจ ขอร้อง...ได้โปรดเถอะ



หากแต่อีกฝ่ายกลับแค่นั่งอยู่ตรงนั้น มองตรงมาด้วยความไม่สะทกสะท้าน  ขาแข็งแกร่งที่ยกขึ้นมานั่งไขว่ห้างพร้อมยกบุหรี่ขึ้นสูบมองตรงมาที่ผมอย่างไม่สนใจใยดี กลับกันคนร่างสูงกลับกำลังเหมือนมีความสุข  ภายใต้สายตาเย็นชานั่นกลับฉายแววสนุกขบขันเหมือนกำลังได้ดูภาพยนต์ชั้นเลิศอยู่ตอนนี้



‘ฟู้ววว’



ควันบุหรี่สีเทาจางๆที่พ่นออกมาช้าๆ และคว้ามือไปหยิบแก้วไวน์จากลูกน้องมาจิบ ก่อนจะแสยะยิ้มร้ายกาจมาที่ผม



‘สวบ สวบ สวบ’



ละสายตาจากคนร่างสูงกลับมาที่ตรงหน้า  ...ขาสี่ขาที่ก้าวเดินเข้ามาใกล้ช้าๆ และผมที่ค่อยๆถอยหลังช้าๆ ช้าๆ.... ไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจแรงๆ สายตาของผมที่หลุกหลิ่กไปมาอย่างหาทางหรี นั่นน่าจะเป็นคำตัดสินของมันแล้วว่า ผมเป็นเหยื่อที่อ่อนแอมากเกินไปสำหรับมัน และมันเลือกที่จะจัดการกับเหยื่อของมันในตอนนี้ ....



‘โฮกกกก!!’



“อ๊ากกกก”



ขาหน้าสองขาใหญ่ ที่ยกขึ้นสูงพร้อมปากของมันที่อ้าออกกว้างส่งเสียงร้องคำรามดังลั่นก้องไปทั่วพื้นที่ ผมที่ตาเบิกกว้างพร้อมๆกับรู้ตัวว่ามันกำลังจะกระโจนเข้าใส่ หันหลังวิ่งหนีทันที ไม่ผมต้องหนี หนี ... วิ่งกระโดดข้ามขอนไม้ที่วางไว้แถวๆนั้น  ยิ่งวิ่งยิ่งรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วตัวและยิ่งเจ็บหนักมากๆคือช่องทางด้านหลังที่รู้สึกระบมไปหมด อยากจะวิ่งหนีให้เหมือนเป็นโจรขโมยเงินวัด แต่กลับทำได้แค่วิ่งช้าๆอย่างสุดแรงที่มีในตอนนี้ และนั่น .... มันเลยไม่ทัน ...



‘แควก!’



“โอ๊ย!”



‘ฟุบ!’



แรงตะปบจากอุ้งตีนแข็งแรงของเจ้าป่าโดนเข้าเต็มๆที่หัวไหล่ซ้าย แรงของมันที่กระโจนเข้าหาผม ทำเอาผมที่กำลังวิ่งหนีอยู่ล้มคะมำหน้าทิ่มไปกับพื้น หัวเข่าที่กระแทกเข้ากับพื้นหญ้าอย่างแรง รับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือด และเสื้อที่ขาดวิ่นจากแรงตะปบจนเผยให้เห็นส่วนหัวไหล่ขาวที่ตอนนี้มีรอยตะปบของสิงโตตัวโตตรงหน้าและเสือดสีแดงสดที่กำลังไหลลงมาจนถึงหน้าอกขาวที่มีรอยแดงเป็นจ้ำๆประปรายจากฝีมือของเจ้าของสิงโตตัวนี้ ... หันหน้าไปทางด้านหลังในสภาพที่ล้มคว่ำอยู่กับพื้น ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยดินและเศษใบไม้ ด้วยดวงตาสั่นๆ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาที่หน่วยตา ภาพตรงหน้าคือสิงโตตัวใหญ่ที่จ้องตรงมาที่ผม มันที่ก้าวเดินเข้ามาช้าๆอีกครั้ง



ผมที่พยายามคลานหนีไปกับพื้นดินสกปรก เจ็บแผลที่หัวไหล่ไปหมด เจ็บทั้งตัว รู้สึกร้อนวูบวาบและเวียนหัว แต่ผมจะเป็นอะไรตอนนี้ไม่ได้ ... ผมต้องหนี ...ผมต้องหนี ... ผมจะตายไม่ได้ ห้ามตายนะตัวกู



‘ครางงงง  โฮกกกกก!!’



แต่อาจจะหนีไม่รอด .... เสียงคำรามดังลั่นของสิงโตตัวใหญ่ที่เตรียมตัวกระโจนเข้าหาอาหารอันโอชะที่อยู่ตรงหน้าตามสัญชาตญาณของผู้ล่า .... ผมที่ฟุบหน้าลงกับพื้นกอดตัวเองแน่นๆ ไม่....ไม่รอดแล้ว นี่คือจุดจบของผมสินะ จุดจดของการทำผิดของผม  น้ำตาไหลลงอาบแก้มอีกครั้ง รับรู้ถึงความตายที่อยู่ตรงหน้า ภาพในหัวฉายเหมือนฟิล์มสมัยโบราณที่ถูกเปิดฉายออกจากเครื่องเล่นเป็นฉากๆ



‘เอี๊ยดดดด โครมมม ตู้มม’   



แสงไฟแดงฉาน เสียงระเบิดที่ดังลั่นในวันนั้น  ตัวของผมที่ฟุบอยู่ที่พื้นไม่ต่างจากวันนี้ ผมไม่ได้เข้าไปช่วยเธอ ทั้งๆที่เธอกำลังพยายามยื่นมือออกมาขอความช่วยเหลือ ผมนอนเฉยๆมองดูอยู่ตรงนั้น .... ผมไม่ช่วยเธอ เพราะอะไร เพราะตัวผมกำลังเจ็บเหมือนกัน  หรือเพราะว่าเธอคือณราชา คนรักของทัพหน้า...ผู้ชายที่ผมเองก็รักเหมือนกัน  ผม...ไม่ช่วยเธอ



ผมไม่รู้ ไม่รู้ว่าเธอท้อง ผมไม่รู้.... ไม่รู้ว่ารถที่ผมขับชนวันนั้นคือรถของณราชา



ถึงผมจะรักทัพหน้า ...



แต่ผมไม่ได้...



.

.

.





‘วี๊ดวิ้ววว’



‘แกร๊ก’



‘ตึก ตึก ตึก’



เสียงผิวปากดังขึ้นจากริมฝีปากหยักได้รูป ทำเอาเจ้าสิงโตตัวใหญ่ที่กำลังตั้งท่าจะกระโจนตะครุบเหยื่อต้องชะงักร่างกาย ขายาวของคนร่างสูงที่ตะหวัดลุกขึ้นยืน พร้อมๆกับฝ่ามือหนาที่ปาบุหรี่ทิ้งลงพื้นอย่างแรง  ดวงตาคมจ้องไปที่ประตูกรง และลูกน้องที่รู้ใจก็รีบกระวีกระวาดมาไขกุญแจเปิดออกให้ในทันที  ทัพหน้าที่เดินเข้าไปในกรง ก้าวเดินช้าๆเข้าไปใกล้สิงโตหนุ่มเพศผู้ที่ตอนนี้หันมามองหน้าผู้เป็นเจ้าของ  ดวงตาคมนิ่งของทัพหน้าจ้องมองตรงไปที่สิงโตหนุ่มนิ่งๆอย่างไม่ไหวหวั่น พร้อมๆกับก้าวเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัว



เชอร์รี่ ถอย!



เสียงเข้มดุที่แสงถึงอำนาจดังก้องออกมาจากริมฝีปาก ดวงตาคมดุจากสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าป่าจ้องมองมาที่เจ้าของนิ่งๆก่อนจะกระพริบตาลงช้าๆ และค่อยๆก้าวถอยหลังออกมาช้าๆ  สัตว์สี่ขาที่เดินเข้ามาหาช้าๆ ก่อนที่ขนนุ่มนิ่มของมันจะมาถูๆอยู่ที่ฝ่ามือหนา



“วันนี้เล่นแค่นี้ก็พอ ไปเล่นผ้าห่มมึงนู่น ... นี่มันของเล่นกู” 



เสียงเข้มที่พูดออกมาอีก ก่อนจะเอาฝ่ามือหนายกขึ้นมาลูบหัวสิงโตตัวใหญ่น้อยๆ เจ้าสิงโตหนุ่มที่เอียงคอหน่อยๆมองไปที่ร่างบางที่นอนสลบอยู่ที่พื้นน้อยๆอย่างไม่วางตา



“ถอย! นี่ของกู!”



‘ครางง ฮื่ออ ฮึ่มม’



สิงโตหนุ่มที่ทำท่าจะไม่ยอมผละออกจากของเล่น แต่เมื่อเห็นผู้เป็นเจ้าของที่จองตรงมา เจ้าสิงโตที่แสนฉลาดและถูกเลี้ยงดูมาโดยทัพหน้าก็ครางเสียงอ่อยออกมา ก่อนจะปลายตามามองผู้เป็นนายน้อยๆแบบตัดพ้อแต่ก็ยอมถอยหนี และเดินหนีเข้าไปในกรงขังที่เป็นของตัวเอง กระโดดเข้าไปนอนนิ่งๆในกองผ้าห่มที่มันชอบ  ทัพหน้าที่มองตามสิงโตของตัวเองไปจนลับสายตาส่ายหัวหน่อยๆ  ก่อนขายาวจะก้าวเข้าไปหาร่างบางที่ตอนนี้นอนสลบอยู่ที่พื้นนิ่งๆ



“เหอะ....อ่อนแอ อ่อนแอขนาดนี้มึงกล้าคิดฆ่าคนได้ยังไง” 



ร่างสูงที่ทรุดตัวลงนั่งชันเข่าอยู่ตรงหน้าคนที่สลบสไลไปพร้อมๆกับแผลเลือดไหล  ลูกน้องที่วิ่งเข้ามาพร้อมๆกับกล่องเครื่องมือปฐมพยาบาล

 

“ให้ผมทำให้ไหมครับนาย” 



ลูกน้องคนสนิททรุดตัวลงนั่งข้างๆเค้า  ไอ้ทิม...เป็นเหมือนมือขวา เป็นทั้งบอดี้การ์ด คนหาข้อมูล คนคุ้มกัน และเพื่อนที่ดี



“ไม่ต้อง กูจัดการเอง” 



ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะหยิบผ้าสะอาดมากดที่บริเวณแผลของคนร่างบางและจัดการทำแผลเบื่องต้นด้วยตัวเอง  ทิมที่มองมาอย่างแปลกใจ รวมถึงเหล่าลูกน้องรอบๆที่ค่อนข้างแปลกใจที่เห็นทัพหน้าจัดการเองแบบนี้  ปกติถ้าเป็นพวกที่ทัพหน้าตั้งใจจะเอามาทรมาร  อย่าว่าแต่ทำแผลให้ ฝันไปหลายตื่นก็คงไม่มีทางได้เห็นภาพแบบนี้หรอก



‘ฟึบ’



“เอ่อ...นายครับ เดี่ยวผมช่วยอุ้มไหมครับ”



“กูบอกว่าจะจัดการเอง มึงอย่าเซ้าซี้ไอ้ทิม ไม่เห็นรึไงว่าไอ้ห่านี่ตัวหนักยังกับควาย ไปเปิดประตูให้กู!”



ร่างสูงที่จัดการอุ้มร่างบางด้วยท่าเจ้าสาว ก่อนจะต้องขมวดคิ้วปรายตามองลูกน้องอย่างหงุดหงิดที่ถามเซ้าซี้ไม่เลิกไม่ลา  ... ฝ่ายลูกน้องที่โดนด่าแบบนั้นก็รีบวิ่งนำไปเปิดประตูให้ทันที  ร่างสูงที่อุ้มคนที่สลบไหลอยู่ตอนนี้ก้มหน้าลงมองน้อยๆ  ใบหน้าใสที่ซุกอยู่ที่อกของเขาในตอนนี้  ใบหน้าที่จำได้คร่าวๆว่าเมื่อก่อนมันจะออกชมพูระเรื่อตอนนี้กลับซีดเซียว แถมตัวยังร้อนๆเหมือนจะเริ่มมีไข้อีกแล้ว



“อ่อนแอ ... แต่กูไม่สงสารมึงหรอกนะ”



พูดกับคนที่สลบไปแล้วเบาๆ ก่อนจะตรงเข้าไปในตัวบ้าน ร่างสูงที่ไม่ปล่อยตัวคนร่างบางจนมาถึงห้องโถงใหญ่ หยุดยืนนิ่งๆอยู่กลางโถงนี้โดยมีสายตาไม่เข้าใจของลูกน้องส่งมาให้เป็นระยะ  ก่อนที่สุดท้าย...คนร่างสูงจะก้าวขาเดินขึ้นบันไดหินอ่อนที่นำไปสู่ชั้นสองของตัวบ้านแทน



 ‘ฟึบ’



“กู แค่สมเพช” 



ว่าออกมาเบาๆ ก่อนจะวางคนร่างบางลงบนเตียงนอนสะอาดที่ถูกปูไว้อย่างสวยงาม  ดวงตาคมที่จับจ้องไปที่ใบหน้าของคาราเมลอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ



“ยิ่งมองยิ่งน่ารำคาญ”  บ่นออกมาอีก ก่อนจะเอานิ้วผลักหัวทุยของคนร่างบางจนหน้าหันไปอีกทาง



“น่าหงุดหงิดชะมัด”



ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ตั้งใจว่าจะเดินออกไป แต่สุดท้ายก็หันกลับมาและก้มลงไปคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้อีกคน  ร่างบางที่รับรู้ถึงสัมผัสนุ่มและอบอุ่นก็ซุกหน้าเข้าหาผ้าห่มทันที



“ส้นตีน”  ว่าแบบนั้นก่อนจะเดินหนีออกจากห้องมา



“เรียกหมอมาดูมันใหม่ อย่าให้ตายล่ะ”



“ครับนาย”



...



“อื้อ อื้มมม”



แรงกอดรัดที่ทำให้เริ่มรู้สึกอึดอัดจนต้องลืมตาตื่น ผมค่อยๆปรือตาขึ้นมาในความมืด ภาพตรงหน้ามองไม่เห็นอะไรมากนักเพราะม่านปิดทึบและไฟในห้องที่ปิดสนิท แต่ว่าแสงสว่างที่ลอดมาจากหน้าต่างก็ทำให้พอมองเห็นได้บ้าง แต่ความรู้สึกตอนนี้คืออึดอัด ...และ



ความเงียบ



อึดอัดจนต้องตื่นนอน หรือว่า ...หรือว่ากูโดนผีอำ!



เชรดแม่  บ้านไอ้สัดทัพหน้าต้องมีผีแน่ๆ เพราะดูท่ามันน่าจะฆ่าคนสัตว์สิ่งของ(?)มาอย่างโชกโชน ไม่งั้นมันจะเลี้ยงสิงโตไว้ในบ้านหรอวะ ...พูดถึงสิงโตแล้วนึกขึ้นได้ ...



อ้าปากค้างทำตาปริบๆสองทีในความมืด



หรือว่า.....หรือว่ากูโดนไอ้สิงโตตัวนั้นแดกเข้าไปแล้ว หรือกูนี่เองที่กลายเป็นผีไปซะเองแล้ว เหยดแหม่! เรื่องลี้ลับ!!



“ขยุกขยิบทำเชี่ยไรนักหนา อือ  จะนอน”

เสียงทุ้มเข้มที่ดังอยู่ทางด้านหลังพร้อมๆกับเสียงลมหายใจที่ดังรดอยู่ที่ต้นคอทำเอาสะดุ้ง ก่อนจะค่อยๆเอียงหน้าไปมองช้าๆ เงาตะคลุ่มๆใหญ่ๆที่ดูคุ้นเคย .... เมื่อพึ่งเห็นมาในวันนี้ ....



“เชี่ย! ...สิง! สิงโ!....”



‘พรึบ!’



ร่างหนาที่พลิกตัวขึ้นคล่อมทับคนร่างบางที่ตั้งใจจะแหกปากเมื่อกี้ แขนแข็งแรงที่วางไว้ข้างตัวของคนร่างบาง ใบหน้าหล่อคมเข้มในเวลาที่กำลังง่วงนอน เป็นภาพแปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ... แต่ ...นี่มันสัดทัพหน้านี่หว่า



“มึงหลอนไอ้เชอร์รี่เบอร์นี้เลย?”



“ทัพหน้า”



“เออ!”  ตะคอกคำตอบรับใส่หน้าจนต้องยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำลายให้ออกจากหน้า เดี๋ยวสิวขึ้น



“อะ...อ่อ กู...กูรู้แล้ว มึงจะคล่อมทำห่าไร ลงมานอนดีๆสิ เกะกะ” 



ว่าออกมาแบบนั้น พร้อมทำหน้าตื่นๆ มือบางที่ยกขึ้นดันอกแกร่งแรงๆ พยายามให้อีกคนลุกออกไปให้พ้นตัว  คนร่างสูงที่ยกตัวขึ้นหน่อยๆ พร้อมเอามือขึ้นเสยผมไล่ความง่วงงัวเงีย หล่อจนหมาตกใจ ... ว่าแต่มึงนอนถอดเสื้อทำเชี่ยอะไร



“ลุกออกไปสิวะ”



“เสือกไรด้วย บ้านกู กูจะนั่งจะนอนตรงไหนก็ได้”



“แต่มึงนั่งทับตัวกู อึดอัด ลุก! อ๊ะ...โอ๊ย เจ็บ!” 



ออกแรงดันคนตรงหน้าเต็มแรง ก่อนจะรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งแขนจนต้องเผลอร้องออกมา  ทัพหน้าถอนหายใจออกมาหน่ายๆ ก่อนจะเอื้อมตัวไปเปิดไฟที่หัวเตียงขึ้น  เงยหน้ามองมันที่ยังไม่ยอมลงไปจากตัวกัน แถมยังทำสีหน้าติดจะหงุดหงิดส่งมาให้อีกต่างหาก



“อยู่เฉยๆ กูจะดูแผล เสื้อห่านี่ก็ไม่น่าจะใส่ เกะกะ”   ว่าแบบนั้น ก่อนจะแกะสาบเสื้อออกให้พ้นสายตา  ...



“เดี๋ยวๆ อะไรวะ ปล่อยๆ”



“อยู่เฉยๆ”



“เรื่อง! ปล่อยๆ มึงจะทำอะไร อื้ออ”



“บอกไม่ฟังดิ้นเองนะมึง” 



กดเสียงทุ้มต่ำจนต้องชะงัก ก่อนจะค่อยๆช้อนตาขึ้นมามองหน้าคนตรงหน้าที่มองหน้ากันในแบบที่แววตาเริ่มเปลี่ยนไป  แสงไฟสีส้มอ่อนๆจากหัวเตียงสาดส่องสะท้อนกับเงาของคนตรงหน้าวูบวาบ เหมือนมองเห็นไอ้สิงโตเชอร์รี่ซ้อนทับกับทัพหน้าอยู่ตอนนี้  สายตาคมที่มองลงมาที่ผมไม่ต่างจากเหยื่อที่มันกำลังอยากจะตะคลุบ



“พูดแล้วไม่ฟัง” 



ใบหน้าคมที่เลื่อนเข้ามาหาใกล้ๆ  เผลอสบตาตอบกับคนบนล่าง แล้วก็ต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคอเมื่อลมหายใจร้อนๆรินรดลงที่ผิวของตัวเอง รู้สึกร้อนทั้งหน้า ร้อนทั้งตัว



“แต่...”



คำพูดทัดทานของผมหายไปพร้อมกับ ริมฝีปากได้รูปของอีกคนที่กดจูบลงมาที่ริมฝีปากของผม พยายามยกมือขึ้นไปดันอกแกร่งให้ผละออกจากกัน แต่ก็ไม่เป็นผล ฝ่ามือหนาที่วางไว้ที่ข้างตัวของผม เลื่อนลูบเบาๆมาตามสีข้าง รู้สึกเสียววูบในช่องท้องในทุกๆช่วงจังหวะที่ฝ่ามือหนาลากผ่าน  .... ฝ่ามือร้อนที่เลื่อนมาจับที่มือของผม แล้วดันลงไปกดไว้กับเตียง  ลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามาในโพร่งปาก ก่อนจะดูดดึงขบเม้มลงที่ปลายลิ้นผมอย่างตั้งใจ เจ็บจี๊ดจนต้องครางในลำคอ แต่ดันมีความเสียวแทรกเข้ามาในความรู้สึกด้วย



“อื้ออ อื้มมม” 



มันที่ผละหน้าออกมามองหน้าของผมแล้วยกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยคาดเดาความคิดของคนตรงหน้าได้เลยสักที  ไม่ว่าจะเมื่อ4ปีก่อน หรือแม้แต่ตอนนี้



จมูกคมของมันที่ซุกลงตรงซอกคอ ก่อนจะดูดเม้มแรงๆอย่างตั้งใจให้เกิดรอย ลมหายใจร้อนๆและเสียงหายใจหอบกระเส่าคลายเสียงสัตว์ป่าทำเอาใจเต้นแรง ทุกๆที่ที่มันสัมผัส รู้สึกเหมือนมีดร้อนๆที่กำลังกรีดลงบนผิวให้หลอมละลายลงไปทุกทีๆ มือหนาที่เคล้นคลึงลงบนส่วนล่างของผมอย่างเอาแต่ใจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะจับผมพลิกตัวและกดให้ผมนอนลาบหอบหายใจกระเส่าอย่างไร้แรงต้านทาน หัวสมองรู้สึกสว่างจ้า ทำอะไรไม่ถูก เสื้อนอนของผมที่ถูกถอดทิ้งและโยนทิ้งลงไปข้างเตียง กางเกงของผมที่ถูกล่นถอดทิ้งไปตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้ที่ฝ่ามือหนาแหวกขาของผมให้อ้าออกกว้างก่อนจะยกส่วนก้นของผมให้ยกขึ้นสูง รับรู้ถึงท่อนเอ็นร้อนที่เขี่ยอยู่ตรงช่องทางด้านหลังจนต้องขมิบถี่ๆ ตกใจผวาหันหน้าไปมองมัน ที่ตอนนี้ก็ยิ้มเยาะส่งมาให้



“ตอดขนาดนี้ ต้องอยากขนาดไหน”



“กูไม่...อ๊ะ...อื้อออ”



“ไม่ปฏิเสธ จะพูดแบบนี้งั้นสิ” 



ท่อนเอ็นแข็งขืนที่ถูกสอดใส่เข้ามาแบบไม่บอกไม่กล่าวจนมิดด้าม ทั้งจุกทั้งเจ็บ กัดริมฝีปากพร้อมๆกับที่เชิดหน้าขึ้นในตอนนั้นที่ช่องทางด้านหลังก็ตอดรัดท่อนเอ็นใหญ่ตุบๆ  รู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าว เจ็บจนต้องกัดฟันแน่น



“อ๊ะ อื้ออ”



“ท่านี้กูชอบ มันลึกดีใช่ไหมล่ะ” 



ว่าแบบนั้นก่อนที่ฝ่ามือหนาจะเลื่อนมาจับที่เอวแล้วขยับโยกแรงๆแบบไม่ผ่อนแรงให้กันสักนิด ท่อนเอ็นแข็งขืนที่สวบเข้าสวบออกในจังหวะหนักหน่วง ทั้งเร็วทั้งแรงจนต้องซี๊ดริมฝีปาก  หลับตาแน่นทุกรอบที่อีกฝ่ายเด้งส่วนกลางเข้ามากระแทกมดด้ามลงที่จุดกระสัน  รู้สึกเสียวจนขาสั่น  มือที่คว้าเอาหมอนมากำแน่น อยากจะฉีกทึ้งให้มันขาด



“อ อ้า อื้อออ อื้มมม ทะ...ทัพ อ๊ะ อ๊ะ”



เสียงเนื้อกระแทกเนื้อของกันและกันพร้อมเสียงครางที่ดังไปทั่วทั้งห้อง เหงื่อที่ไหลออกมารับรู้ได้แค่ริมฝีปากของมันที่กดจูบไปตามแผ่นหลัง และขบกัดไปตามหลังหู และส่วนกลางที่กำลังเด้งเข้าหากันอย่างดุเดือด รุนแรง



‘พรึบ’



ผมที่ถูกพลิกตัวกลับมานอนหงายทั้งๆที่ส่วนกลางของอีกฝ่ายยังไม่หลุดออกจากช่องทางด้านหลัง กลับกันมันยิ่งถูกแทรกเข้าไปให้ลึกจนเสียววูบไปทั่วช่องท้อง ผมที่พลิกตัวนอนหงายและอีกฝ่ายก็ขยับเอวกระแทกเข้ามาแบบไม่หยุดพัก  ใบหน้าคมที่ก้มลงมาใกล้ ดวงตาคมที่มองสบกับตาของผม ก่อนที่มันจะผละหน้าลงไปกดจูบเบาๆลงบนหัวไหล่ซ้าย  พึ่งรู้ในตอนนั้นว่าที่หัวไหล่มีผ้าพันแผลพันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้



‘ครืด ครืด ครืด’



เสียงสั่นจากโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากหัวเตียง ได้ยินเสียงสบถดังมาจากคนด้านบนตัวของผม สะโพกแกร่งที่ขยับโยกไม่หยุด แต่ก็ยังเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มาดู  ผมที่มองเห็นหน้าจอที่สว่างอยู่ตอนนั้น ภาพของผมกับเพื่อนสนิทในกลุ่ม ...ไอ้บินกับผมที่กอดคอกันฉีกยิ้มสว่างอยู่ตรงหน้า พร้อมๆกับที่จังหวะการสอดใส่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก



“อ๊ะ อ๊ะ ทัพ ...อื้อ เบา อื้ออ ลึกไป อ๊ะ”



“เรื่องของกู!” 


เสียงเข้มที่ดังขึ้นมาแบบไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ พร้อมๆกับที่มือหนาคว้าขาของผมจับแยกออกให้ฉีกกว้างจนเป็นรูปมุม180องศา พร้อมๆกับที่ส่งท่อนเอ็นสอดลึกและหนักหน่วงในทุกรอบที่กระแทกสวบเข้าออก มองเห็นคนด้านบนที่ยกยิ้มร้ายๆใส่โทรศัพท์ ก่อนที่มันจะโยนโทรศัพท์ของผมให้ตกลงไปข้างเตียง มองเห็นหน้าจอสว่าง แต่ก็ต้องละความสนใจออกจากตรงนั้นตอนที่มันกระแทกกระทั้นเข้ามาที่จุดกระสันเหมือนจงใจแกล้งกัน



“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ตรงนั้น  อ๊ะ ... จะเสร็จ” 



ผมที่ร้องบอกออกมาแบบไม่รู้ตัว ความรู้สึกขาวโพลนที่ทำให้โพร่งหลุดปากออกมาในตอนที่เสียวจนต้องจิกฝ่าเท้าลงกับเตียง พอบอกออกไปแบบนั้นอีกฝ่ายกลับไม่หยุดแต่กลับยิ่งเพิ่มแรงกระแทกกระทั้นฝังลงไปในร่างของผม ยิ่งเร็วผมก็ยิ่งกัดปากยิ่งแรงก็ยิ่งตอดรัดท่อนเอ็นแข็งขืนแรงๆ



“ฮึ่มม ซี๊ด” 



เสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้น พร้อมๆกับที่ปรือตาขึ้นไปมองเห็นร่างสูงขบกรามจนแน่น  และสะโพกแกร่งที่ขยับโยกจนสุดท้ายทั้งผมและมันก็ก็ทนไม่ไหว



"อ๊าห์!....”



“ฮึ่มมม”



ผมที่ครางหนักๆออกมาพร้อมๆกับที่ปลดปล่อยน้ำขุ่นขาวออกมาเลอะหน้าท้อง และอีกฝ่ายที่ปล่อยน้ำเข้ามาที่ช่องทางด้านหลังจนรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งตัว  แรงหายใจหอบหนักๆดังสอดแทรกไปทั่วห้องนอนกว้าง พร้อมๆกับบนร่างของผมที่มีร่องรอยของอีกฝ่ายที่ฝากเอาไว้จนเต็มไปหมด  ... รู้สึกเหนื่อยจนตาปรือหนักไปหมด  อีกฝ่ายที่ค่อยๆดึงส่วนกลางลำตัวออกมาช้าๆ และช่องทางของผมที่ตอดตุบๆยามที่มันดึงออก  ได้ยินเสียง พรึบ ตอนที่ท่อนเอ็นใหญ่หลุดออกมาและความร้อนที่ไหลลงมาตามซอกก้น



“หึ” 



ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่าย ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่พอมองเห็นอีกฝ่ายที่เดินลงไปจากเตียงทั้งสภาพเปลือยเปล่า มันที่ก้มลงเก็บอะไรสักอย่าง แต่ภาพตรงหน้าก็เบลอเกินกว่าจะรับรู้  .. และสุดท้ายผมก็สู้ความเหนื่อยล้าที่รับมาทั้งวันไม่ไหวอีกแล้ว ได้แต่ดำดิ่งลงไปสู่ห้วงแห่งความฝัน ที่ๆผมจะได้พักผ่อนสักที



“หึ ไม่ควรรบกวนคนที่มีผัวในเวลากลางคืน จำไว้ไอ้สัด”



เสียงทุ้มเข้มที่พูดออกมาไม่ดังมากนักแต่แฝงไปด้วยความชัดถ้อยชัดคำและชัดเจนที่สุด ก่อนที่นิ้วเรียวสวยของทัพหน้าจะเลื่อนไปกดวางสายสนทนา และแสยะยิ้มพอใจในผลงานของตัวเอง  ร่างสูงที่เดินกลับมาโยนโทรศัพท์ของคนร่างบางไว้บนหัวเตียง ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่ม และดึงคนที่นอนสลบไสลไปแล้วให้หันมานอนดีๆ  แต่อีกฝ่ายเมื่อรับรู้ถึงความอบอุ่นข้างๆตัวก็รีบซุกตัวเข้ามาหา พร้อมๆกับกอดแขนแข็งแรงไว้แน่น  ทัพหน้าที่ขมวดคิ้วยกหัวขึ้นมามอง ตั้งใจจะลุกขึ้นถีบคนร่างบางให้ออกไปห่างตัว แต่ดวงตาคมก็หยุดมองไปที่ใบหน้าใสที่เอาหน้าซุกอยู่ที่แขนแกร่งนิ่งๆ ก่อนจะตัดสินใจทิ้งหัวลงนอนที่หมอนอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาและพูดออกมานิ่งๆ



“น่ารำคาญ”



-------TBC--------



มาแล้วจ้า ที่เก่าเวลาเดิมวันเสาร์2ทุ่มครึ่ง อั๊ยย๊ะ...พี่ทัพหน้าคนไม่อ่อนโยน เป็นผู้ชายรว๊ายๆ

ร้ายเหมือนน้องเชอร์รี่เลย ... ร้ายทุกอย่างแผนการนางดี จะมีใครด่าพี่ทัพไหม

.ได้ข่าวมาว่า คนอ่านบอกว่า ถ้าโมโหพี่ทัพ ก็จะไปด่าเฮียรบแทน เกรงกลัวพี่ทัพ โถ่ๆๆ 5555 .... นิยายเป็นยังไงบ้างคะ เห้นคนไม่ค่อยอ่าน ไม่สนุกหรือเปล่าหว่า แต่แคทก็จะสู้ๆต่อไปน้าา

ปล.คนที่เคยเจอฤทธิ์เดชน้องเชอร์รี่ไม่ได้มีแต่น้องเมลนะจ๊ะ ก่อนหน้านี้พี่ธาร(แฟนน้องจอม)ก็เคยโดนมาก่อนแล้ว 5555555555



ขอเชิญทุกคนเพิ่มเลือดที่ช่อง3จ้าาา อิอิ อรุ่มมมม -..-


ปล.2 ไม่มีคนอ่าน กูก็จะบ้าลงจ้า   :z10: :katai1:


 :-[ :pighaun:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่4* {06.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-10-2018 20:57:19
 :mew1: ใครบอกไม่อ่าน ดีนะวันนี้มากดอ่านในนี้ เค้ามาเม้นแล้ว บทก่อนๆไปแวะบ้านอื่นไง 

แฟนๆพี่เหลือง รีบมากันเร็วไฟเข้า  :3123:  :3123:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่4* {06.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 13-10-2018 20:47:07




บทที่5


“อื้มม อือออ”



ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว เหมือนเมื่อวานโดนรถไฟทั้งขบวนวิ่งเหยียบไปบนร่าง เจ็บไปทั้งตัว รวมถึงช่องทางด้านหลังที่ถูกลุกล้ำมาสองวันติดๆแบบไม่ได้หยุดพัก และยังรู้สึกเจ็บที่ไหล่ซ้ายที่ถูกสิงโตเชอร์รี่นั่นตะบบอีกด้วย .... กระพริบตาปริบๆกับภาพตรงหน้า หันซ้ายหันขวามองห้องที่ไม่คุ้นเคย เตียงกว้างที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องกว้างขนาดใหญ่ เมลค่อยๆยันตัวขึ้นมานั่งบนเตียงกว้างด้วยความมึนงง ก้มหน้าลงมองสภาพตัวเองแล้วก็ต้องร้องออกมาดังๆ นอกจากความเจ็บไปทั้งตัว อีกอย่างที่ต้องตกใจก็คือสภาพกูตอนนี้นี่แหล่ะ



“เชี่ย!” 



ร้องออกมาแบบนั้น จะไม่ให้อุทานได้ไงไหว สภาพคือเปลือยเปล่ามาก มากแบบถ้าไม่มีผ้าห่ม กูก็คือชีเปลือยดีๆนี่เอง แม่ง เอากูแล้วก็ปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง รวมถึงปล่อยเข้ามาตัวกูด้วย ไอ้หยาบเอ๊ย!



เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวอย่างหงุดหงิด มองไปรอบๆห้อง ที่นี่ต้องไม่ใช่ห้องใต้ดินที่ทัพหน้าเคยพาผมไปสำเร็จโทษครั้งแรกแน่ๆ ...



ห้องกว้างที่มีผ้าม่านสีแดงปิดทึบจนแสงสว่างด้านนอกไม่สามารถลอดเข้ามาได้ แต่ภายในห้องกลับไม่มืดมากจนเกินไป อาจเป็นเพราะไฟดาวน์ไลน์ที่ถูกเปิดไว้ภายในห้องเป็นจุดๆ เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องที่ตกแต่งด้วยสไตล์ดิบๆด้วยผนังที่ฉาบด้วยปูนเปลือยและทาผนังห้องตรงหัวที่นอนด้วยสีของไวน์แดง เตียงนอนที่ผมเองพึ่งจะสังเกตว่าถูกปูด้วยผ้าปูสีดำ ตัดกับผ้าห่มหนาที่ผมห่มมาทั้งคืนเป็นสีแดง  พรหมที่ปูพื้นก็เป็นสีแดงช้ำๆ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆภายในห้องล้วนแล้วแต่เน้นสีดำและแดงเป็นส่วนมาก แดงเพลิงร้อนไปหมด ... จริงๆก็อาจจะร้อนเหมือนเจ้าของห้อง ร้อนแรงลึกลับและน่าหลงไหล



“นี่ห้องมันหรอวะ .. บ้าน่า ... แบบแม่งน่าจะพากูไปนอนในกรงไอ้เชอร์รี่มากกว่ามานอนที่ห้องมัน”



‘แกร๊ก’



ประตูกระจกจากระเบียงถูกเลื่อนเปิดออก เป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้บ้าทัพหน้า มันที่เปิดประตูเข้ามาพอเห็นว่าผมนั่งจุ่มปุกอยู่บนเตียงตอนนี้ มันเองก็ทำเพียงแค่ยืนกอดอกมองมาด้วยสายตานิ่งๆอยู่ตรงนั้น มันที่พันผ้าเช็ดตัวไว้แค่ท่อนล่าง ส่วนท่อนบนก็คือเปลือยเปล่าอวดซิกแพ็ค ... ฮึ่ย ขี้อวดหุ่น



แล้วแม่งอยู่ก็ไม่บอก กูเกือบเผลอด่าแล้วด้วย แล้วนั่นจะยืนเต๊ะท่ามองกูอีกนานไหมวะ...ได้แต่บ่นกร่นด่าอีกคนอยู่ในใจ พร้อมกับย่นหน้าใส่แล้วหันหน้าหนี ... ไม่ได้เขินหุ่นมันนะ ก็แค่ไม่อยากจะมองเฉยๆ ...



ปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆพร้อมกับความเงียบ เงียบและเอาแต่ยืนจ้องกันนิ่งๆมาจากตรงนั้น แม่ง เงียบอยู่ได้ อึดอัดจะตายแล้วโว้ย สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่ต้องหันกลับไปหามันอีกรอบ ...



“มะ...มองอะไรนักหนาวะ” 



ถามออกไปด้วยเสียงที่คิดว่ามั่นคงที่สุด บอกเลยว่ากูคาราเมลไม่กลัวแม่ง ถึงเสียงจะสั่นนิดๆ แต่คือใจสู้นะรู้ยัง



“กูแค่กำลังคิด....”   



มันที่พูดออกมาได้ในที่สุด แต่ก็เสือกเงียบไปอีกครั้ง  เงียบทำไม ให้กูลุ้นเพื่ออะไร หันหน้าไปมองมันแบบขัดใจ เห็นมันที่ยกยิ้มมุมปากตอนที่ผมหันกลับไปมอง ... อะไรของแม่ง



“แค่คิดว่า จริงๆมึงนี่ขาวดีนะ แถมเสียงมึงก็ดี หึ ... ครางดังดี”



“สัด” 



ตกใจจนโพร่งออกมาแบบนั้น จะไม่ให้ว่าแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะพูดแบบนั้นพร้อมๆกับไล่สายตาจากตา มาจมูก เลื่อนลงไปที่ปาก คอ และหัวนมของผม .... ไอ้เวรเอ๊ย!



“หมาที่ไหนมันครางมึงอย่ามามั่วนะ”



“หมาที่หน้าเหี้ยเหมือนมึงมั้งไอ้เมล”



“ไอ้...”



“มึงจะพูดอะไรระวังคำพูดมึงดีๆด้วย อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงพูดเหี้ยๆใส่กูนะ พูดออกมาสิ กูจะเดินไปตบมึงเดี๋ยวนี้เลย”  กดสายตาคมมองจ้องนิ่งๆ เห็นแบบนั้นก็ ....



“เปล่า ใครพูดอะไรที่ไหนอ่ะ”  เสตาหลบมองไปทางอื่น



“แถเก่งดีนะมึง ตื่นแล้วกูลุก สกปรกเตียงกู”



‘พลัก’



“โอ๊ย!”



ผ้าเช็ดตัวผืนหนาที่ถูกปามาใส่หน้าเต็มๆแรง ฝีมือมาจากไอ้คนที่ตอนนี้กำลังสาวเท้าเข้ามาใกล้ ไอ้หยาบ! แต่เห็นแบบนั้นแล้วก็รีบพันผ้าเช็ดตัวไว้กับเอว ก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างยากลำบาก แค่เท่าแตะที่พื้น ความรู้สึกเจ็บก็แล่นปร๊าบขึ้นมาถึงก้านสมอง ก้มหน้ามองขาตัวเองที่ตอนนี้ก็สั่นพับๆเป็นเจ้าเข้า แม่งเอ๊ย ...



“มึงคิดว่าเตียงเป็นที่ชาร์ตพลังรึไง รีบลุกขึ้นมาสิวะ”



“ก็กูเจ็บนี่ แม่ง!”



“สำออย”  หันไปมองค้อนคนที่ด่ากันออกมาแบบนั้น ก่อนจะตัดสินใจกัดฟันลุกขึ้นยืนช้าๆ ความรู้สึกทั้งเจ็บทั้งแสบตีเข้าร่างทันทีจนต้องซี๊ดปาก รับรู้ถึงน้ำที่ถูกอีกฝ่ายปล่อยไว้ในตัวไหลย้อนลงมาตามขาเลยตอนนี้



“ลุกแล้วก็รีบๆไป วันนี้มึงมีเรียนไม่ใช่รึไง”



“มึงรู้ได้ไง” 

เงยหน้าขึ้นไปถามทันที และก็เจอเข้ากับรอยยิ้มร้ายๆ พร้อมโทรศัพท์มือถือของผมที่อยู่ในมือของทัพหน้า มันที่ส่ายมือถือผมไปมาให้ผมเห็นอย่างกวนประสาท แม่งงงงง



“เอามานะเว่ย! นี่มึงวุ่นวายอะไรกับมือถือกู”



“ทำไมกูจะยุ่งไม่ได้ กูยุ่งได้หมดนั่นแหล่ะ ขนาดตัวมึงกูยังยุ่งมาแล้วเลย”



“อะ...ไอ้บ้า มึงแม่ง เอามานะเว้ย”



ด่าออกไปแบบนั้นพร้อมๆกับเดินเข้าไปหามัน ตั้งใจจะเดินเข้าไปแย่งอย่างมาดแมน แต่สภาพก็ไม่เอื้ออำนวย กว่าจะเดินได้แต่ละก้าว ทั้งเจ็บทั้งหน่วง อยากจะฉีกขาเดินให้รู้แล้วรู้รอด มันที่มองมาด้วยสายตานิ่งๆแต่ผมกลับเห็นความสนุกสะท้อนอยู่ในดวงตาของมัน



“ไม่เจียมสังขาร”  ยัง ... ยังจะมาค่อนแคะกูอีก มึงนี่มันกวนตีนนนนน



“เอามา!”  เดินเข้าไปถึงมันได้ในที่สุด เอื้อมมือไปจะคว้าไว้แต่อีกคนกลับเบี่ยงตัวหนี มันที่ยกมือขึ้นสูงจนสุดแขน แล้วก้มหน้ามามองเย้ยๆพร้อมยักคิ้วใส่อย่างเหนือกว่า  ไอ้เชี่ย!



“มึงอยากได้มาก ก็มาเอาไป”



“สัด”  กัดฟันกรอดจ้องหน้ามันอย่างหงุดหงิด แต่อีกคนกลับยกยิ้มมุมปากใส่ อะ....นี่เรียกว่ากวนตีนใช่รึไม่ กูว่าใช่ล่ะ ไอ้บ้านี่แม่งกวนตีน



“เอามาสักทีดิวะ”



“กูห้ามมึงรึไงล่ะ ก็มาเอาไป หรือว่ามึงไม่มีปัญญา?” 



มันที่พูดออกมาช้าๆและจ้องหน้าผมแบบเยาะๆ ... กวนตีนกูนักนะมึง ขากูยิ่งสั่นๆอยู่ด้วย หงุดหงิดเว้ย ฆ่าได้หยามไม่ได้ขาสั่นได้แต่กูก็จะสู้  เพราะแบบนั้นเลยเขย่งตัวเตรียมกระโดดเอื้อมขึ้นไปดึงแขนของมันลงมาหาตัวด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่อาจจะใช้แรงมากเกินไปในจุดๆนี้ ความเจ็บแปล๊บจากแรงที่ใช้กระโดดกระชากแขนอีกฝ่าย ทำเอากระเทือนไปถึงจุดอ่อนไหว เจ็บแปร๊บขึ้นมาทั้นที เจ็บตูดใช่ไหมอย่างนี้  .....เซขาอ่อนเลยแม่มมมมม



‘หมับ’



ฝ่ามือหนาที่โอบเอวผมไว้ได้ทันเวลา ก่อนที่จะถลาหงายหลังลงไปกองกับพื้น วงแขนแข็งแรงที่กระชากเอวผมเข้าไปแนบชิดสนิทเหมือนแฟนติดอยู่กับตัวของมัน ตกใจจนคิดคำพูดไม่ทัน ได้แต่เบิกตากว้างช้อนตามองคนตรงหน้าอย่างตกใจ มันที่ก้มหน้าลงมามองกันด้วยสายตาเดิมๆที่ผมคุ้นชินดี สายตาคมที่ไม่เคยแสดงอะไรออกมาให้รับรู้ แต่ที่รู้ๆและมั่นใจได้ชัดๆคือ เจ้าของดวงตาคู่นี้มันไม่เคยรู้สึกอะไรกับผมเลย  ...



ช่วงเวลาที่ไม่มีใครพูดอะไร แต่รับรู้ได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายที่แนบชิดกันมากเกินไปของเราสองคน วงแขนหนาที่ข้างนึงยังคงชูมือถือโทรศัพท์ผมไว้อยู่ตอนนี้



“อะ...เอ่อ”



“อะไร”  มันที่เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจร้อนๆที่ปะทะเข้ากับผิวหน้าจนรู้สึกร้อนไปทั้งตัว



‘ตื่อดึ้ง’



เสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นยอดฮิตสีเขียว ทำให้ทั้งผมและมันที่ยืนกอดกันอยู่ในท่าทางนี้ต้องสะดุ้ง ต่างฝ่ายต่างเงยหน้าขึ้นไป มองเห็นหน้าต่างแจ้งเตือนปรากฏข้อความที่มาจากไอ้บิน



[[บิน: เมลอยู่ไหนวะ กูจะบ้าแล้วนะ]] 



เชี่ยไรของมันวะ เป็นบ้าเชี่ยไรอ่ะครับเพื่อน?



“เหอะ”



งงกับไอ้บินไม่พอ ไอ้บ้าหน้านิ่งนี่ก็เกิดอะไรอีกล่ะ หน้าที่ปกติก็ตึงอยู่แล้วตอนนี้มันยิ่งตึงเข้าไปใหญ่ อยากจะรู้ว่าเป็นอะไร แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอีกฝ่ายออกไปก็ต้อง ...



‘เพล้ง’



“เชี่ย! ไอ้เชี่ยทัพ” 



ผลักอกมันออกเต็มแรง และอีกคนก็ทำแค่ปล่อยตัวผมออกแบบง่ายๆ มันที่ยกยิ้มมุมปากสะใจส่งมาให้ผมในตอนนี้



“มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!”



“ทำไม กูจะทำอะไรก็ได้ แค่เขวี้ยงมือถือมึงยังน้อยไป ให้กูเขวี้ยงมึงลงจากห้องนอนกูตอนนี้กูก็ทำได้”



“มึงแม่งหมาบ้า!”



“แล้วจะทำไม กูบ้าได้มากกว่านี้อีกเผื่อมึงไม่รู้นะไอ้ฆาตกร



“กูไม่ใช่ฆาตกร!”



“มึงไม่ได้เป็นคนลงมือแต่มึงเป็นคนสั่งไง! เจอแค่นี้มันยังน้อยไป!”



มันที่ตะคอกออกมาแบบนั้น ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะเอื้อมมาคว้าเข้าที่ลำคอของผม มันที่ดูเหมือนจะโกรธขึ้นมาอีกครั้ง  ดวงตาคมที่จ้องมองผมอย่างเกลียดชัง พร้อมๆกับฝ่ามือหนาที่กำอยู่รอบคอของผมก็เริ่มที่จะออกแรงมากขึ้น



“อึก อ่อย...” 



พยายามที่จะยกมือดันมืออีกคนออก ทั้งทุบทั้งตีแต่ไม่เป็นผล จ้องหน้าอีกคนทั้งๆที่ตอนนี้เริ่มหายใจไม่ออก รู้สึกร้อนๆที่หน่วยตา อยากจะร้องไห้และหวาดกลัวขึ้นในเวลาที่ตัวเองเริ่มหายใจไม่ออก



‘ผลัก’



“แค่ก แค่กก”



ผมที่ถูกผลักทิ้งลงไปกองอยู่กับพื้น ได้แต่ไอออกมาจนตัวโยน รู้สึกตัวสั่นไปหมด กลัว... ก่อนหน้านี้รู้สึกเหมือนจะตาย น้ำตาเอ่อคลออย่างห้ามมันไว้ไม่อยู่อีกแล้ว



“ฮึก แค่ก มึง...มันบ้า”



“มึงมันก็เหี้ยเหมือนกัน มีสิทธิ์มาว่ากูหรอ!” 



อีกคนที่ตะคอกออกมาแบบนั้น ก่อนจะก้มตัวลงมาใกล้ ฝ่ามือหนาที่บีบเข้าที่ปลายคาง ดึงรั้งใบหน้าให้เงยขึ้นไปมองกัน ทัพหน้าที่จ้องหน้าผมเขม็ง... .



“อย่าแรดให้มันมาก





...





รถคันหรูที่กำลังตบไฟเลี้ยวเข้าไปที่ตัวตึกของคณะที่ผมเรียน ก่อนจะชะลอจอดช้าๆ ก่อนที่คนขับรถจะรีบกุลีกุจอวิ่งลงมาเปิดประตูรถให้กับผม



“เดี๋ยวตอนเย็นผมจะมารับคุณคาราเมลนะครับ”



“แล้วห้ามได้ไหม” 



ทำหน้าเซ็งๆตอบชายชุดดำที่ยิ้มออกมาหน่อยๆแวบนึง แม่มึง กูนึกว่าจะหน้าตายทั้งเจ้านายและลูกน้อง (ถึงแม้จะแค่แว๊บเดียวแต่กูก็มองทันครับ) นึกย้อนกลับไปหลังจากที่มันด่าผมด้วยคำพูดเจ็บแสบว่าอย่าแรด และสะบัดตัวผมให้หงายลงไปกับพื้น มันก็เดินหนีหายออกไปเลย พอเดินออกจากห้องมาบ้างก็เจอเข้ากับลูกน้องของมันที่บอกว่าจะพาไปมหาลัย และเจ้านายหน้าตายของมันออกไปทำธุระ เหอะ... จะไปตายที่ไหนก็ไปเหอะ ใครสนวะ



“งั้นผมขอตัวครับ”



“เอ้อเดี๋ยวพี่ ...”



“ครับ?”  ร่างสูงที่กำลังจะวิ่งไปขึ้นรถชะงักก่อนจะหันมาหาด้วยหน้านิ่งๆ



“พี่ชื่ออะไรน่ะ” 



แม่ง มาดูแลกูตั้งแต่วันแรก เอาข้าวเอาน้ำมาให้กิน แล้วก็เป็นคนที่ลากกูเข้าไปในกรงไอ้เชอร์รี่ แล้ววันนี้ยังเป็นคนขับรถมาส่งที่มหาลัยอีก ก็อยากจะรู้จักมักจี่กันไว้ในระดับหนึ่ง ไหนๆก็มาดูแลกันแล้ว ... ถึงแม้ว่ากูยังจำช่วงเวลาที่กระชากกูเข้ากรงไอ้เชอร์รี่ก็ตามเถอะ



“เรียกผมว่าธรก็ได้ครับ”



“โอเค เจอกันพี่ธร”



พยักหน้ารับ อีกคนก็ค้อมตัวโค้งให้แบบมีมารยาท ก่อนจะรีบก้าวขายาวๆไปขึ้นรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็วเหมือนนรกเรียกตัว คือบางทีมึงก็อาจจะลืมว่านี่รัวมหาลัยไงครับสัดพี่  ... อะ..แล้วปล่อยก็ยืนอยู่ตรงนี้ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จ้องจะเสือกมากมาย แม่งเอ๊ย ...ก็รถเด่นขนาดนั้นอ่ะใครจะไม่อยากเสือกถามแค่นี้



สูดหายใจเข้าปอดลึกๆอย่างให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใต้ตึกเรียนพรางปั้นหน้ายิ้มแย้ม .... อย่างน้อยๆก็ทำหน้าตาให้มีความสุขมากที่สุดในตอนนี้ ผมไม่อยากให้เพื่อนของผมรู้เรื่องที่ผมกำลังเจอ ไม่อยากดึงพวกมันเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ และอีกอย่างพวกมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย ทางที่ดีอย่ารับรู้เลยจะดีกว่า ....



เดินเข้าไปใกล้โต๊ะประจำที่พวกผมชอบนั่งกัน เห็นเพื่อนผมมันนั่งอยู่ตรงนั้นก่อนแล้วหนึ่งตัว



“เฮ้โย่วมายเฟรนนนน” 



เดินเข้าไปอย่างลันลา  แต่ไอ้เพื่อนบ้าแม่งไม่ให้ความร่วมมือ ร่างสูงหุ่นนายแบบหน้าหล่อแบบโอปาเกาหลีของมันที่กำลังนั่งนิ่งไม่ติงไหวเป็นท่อนไม้ใหญ่ๆ มือที่ประสานจับกันอยู่บนโต๊ะ ท่าทางเครียดของมันที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม

 

“อะ...เอ่อ มึงเป็นไรวะไอ้บิน?”



“มึงหายไปไหนมา”  มันที่ถามออกมาแบบนั้น



“อะ...อะไรของมึงวะ ไปไหนอะไรอ่ะ?”  ผมที่ว่าออกไปแบบนั้นพรางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะไม้แล้วเสตาหลบมัน



“เมื่อวานกูไปหามึงที่คอนโด ตอนกลางคืนกูก็โทรหามึง มึงไปไหนมา”  มันที่ทำหน้าเคร่งเครียดอยู่แบบนั้นแถมกดเสียงต่ำใส่ผมจนต้องเผลอกลืนน้ำลาย



“อะ...เอ้า มึงไปหากูหร๊อออ ไปไมวะ”  ชิพหายเสียงสูงเชียว กูมีพิรุธไหมยังไง ไม่มีหรอกเนอะ นี่ก็คิดว่าเนียนในระดับนึง ....



“มึงมีอะไรปิดบังกู”  อะ...เหมือนจะไม่เนียน



“ปิดบังอะไรว้า บ้า มึงอ่ะคิดมาก”  ว่าออกไปแบบนั้นก็หันหน้าไปจ้องมันตรงๆก่อนจะยิ้มให้มัน



“แล้วกูโทรไปเมื่อเช้ามึงก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ คืออะไร” ยังคงกดดันกูต่อไปอยากต่อเนื่อง แม่งเอ๊ย...ทำไมไอ้อู๋แม่งยังไม่มาวะ



“เอ่อ...คือมือถือกูพังอ่ะมึง กูทำหล่นแตก”  หล่นก็เหี้ยละ ถูกไอ้หมาบ้ามันเขวี้ยงใส่ผนังกำแพงขนาดนั้น



“จริง?”



“จริงสิจ๊ะ มึงก้ออออออ เป็นอะไรเนี่ย ทำไมเค้นกูจัง คิดถึงกูงะ” 



ยิ้มประจบมันอย่างไว ก่อนจะย้ายฝั่งไปนั่งข้างๆมัน พรางเอาหัวถูๆไปที่ไหล่มัน อีกฝ่ายที่ทำหน้าตาดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังเหมือนมีเรื่องให้คิด มึงจะคิดอะไรนักหนาวะ



“กูก็คิดถึงมึงตลอด”



“ตายแหล่วป๋าขาปากหวาน งั้นวันนี้ซื้อมือถือใหม่ให้หนูหน่อยจะได้รึเป่า”



“เป่าเชี่ยไร”



“ทะมะอ่ะ ก็แบบว่าแบ๊วๆงะ” กระพริบตาปริบๆส่ายหน้าไปมาใส่มัน  มันที่หันมามองสักพักก่อนจะหลุดขำออกมาได้ในที่สุด เฮ้ออ สักทีไอ้สัด



“น่ารักมากมั้ง”



“ก็คิดว่านะ มึงไม่คิดว่ากูน่ารักหรา”



“สัด ... ก็น่ารักนะ”



“ห๊ะ มึงว่าไรนะ”



“ขี้เสือกนะครับน้องเมล แต่เรื่องมือถือมึง เดี๋ยวเย็นนี้กูพาไปซื้อ”



“ว๊าย ใจดี ข่อมค่า”   ยิ้มกว้างๆไปให้มันพรางพูดภาษาวิบัติไปอ้อนตีนมันแถมท้ายอีกครั้งนึง มันที่ส่ายหน้าหน่ายๆก่อนจะยกมือขึ้นมายีหัวกูอีก



“อึฮึ่มๆๆๆๆ”



“ส้นตีนติดคอหรอเพื่อนอู๋ มาช้ามากไอ้ควาย .... กุ๊กกก มึงมาสักที ไปหาไรกินกันเถอะนะๆ” 


เงยหน้าหันไปด่าไอ้อู๋ มาถึงก็กระแอมอยู่ได้ ก่อนที่จะมองเลยไปที่ด้านหลังของไอ้อู๋  ไอ้กุ๊ก เพื่อนในกลุ่มผมอีกคนที่วันไปผับวันนั้นมันไม่ได้ไปด้วย มันเป็นลูกครึ่งจีนครับ ผิวขาวตาตี่ รูปร่างสูงโปร่งและหน้าตาน่ารักครับ มันกับไอ้บินเป็นเพื่อนที่เรียนม.ปลายมาด้วยกัน ... เห็นมันชะงักมองมาที่ผมกับไอ้บินหน่อยๆ ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา แบบนี้ล่ะครับ ไอ้กุ๊กมันออกจะช้าๆหน่อยๆ



“ไปดิ กูกำลังหิวเลย”



“ปะๆ ไปหาไรกันแทกปากกานนนน” 



เด้งตัวลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างไว จริงๆก็คือกูหาเรื่องหนีไอ้บินนี่แหล่ะ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเชื่อที่ผมเล่า เลยคิดว่าอยากหนีมันออกมาก่อนจะดีกว่า



“ไอ้เมล ทำไมมึงเดินแปลกวะ”  ชะงักขาที่กำลังจะเดินไปหาไอ้กุ๊กทันที รู้สึกสะดุ้งหน่อยๆกับคำถามของไอ้อู๋



“เอ่อ...”



“พอมึงพูดกูก็พึ่งสังเกต” 



ไอ้บินที่ว่าตามกันออกมาแบบนั้น รู้สึกร้อนสันหลังวาบ เหมือนโดนสายตาของพวกมันแสกนไปตามร่าง เชี่ยแล้ว ก็ว่าเดินหนีบที่สุดแล้วนะเว่ย



“เอ่อ...คือกู คือ...เมื่อวานกูตกบันไดอ่ะ”



“ห๊ะ”



“เออ เจ็บมากๆเลยพวกมึง น้องเมลน่าสงสารชิมิๆจ๊ะ”  หันหน้าไปทำสำออยใส่พวกเพื่อนๆ เห็นไอ้อู๋ทำหน้าเบ้ใส่ตอนที่ผมเรียกตัวเองว่าน้องเมล



“เออ โง่เสมอต้นเสมอปลายจริงๆเลยมึงเนี่ย”



“มึงฉลาดมากมั้งไอ้ควายอู๋”



“อย่างน้อยกูก็ไม่โง่ตกบันไดอ่ะ”   

ยกนิ้วกลางส่งไปให้แม่มเลย ชอบเถียงชอบว่ากูดีนัก ดีนะกูหล่อกูเลยไม่โกรธ  ลากไอ้กุ๊กเดินเข้าไปในโรงอาหารของคณะที่ไกลออกมาจากพวกมันแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ ... การโกหกคนอื่นนี่มันยากจังเลยวะแม่ง เหนื่อย



“มึงอยากกินไร”  ไอ้กุ๊กที่ถามออกมาแบบนั้น หันไปมองหน้ามันงงๆ คือจริงๆกูยังไม่รู้ว่ากูอยากกินอะไร กูแค่อยากหนีออกมาจากการถูกคาดคั้นเฉยๆ



“เอ่อ...”



“กินชานมไข่มุกไหม กูอยากกินชาเขียวไข่มุกร้านนั้นพอดี”



“เออๆเอาดิ”  ยิ้มแหยๆส่งไปให้มัน ก็เออๆออๆตามมันไปแบบนั้นเองอ่ะ  ไอ้กุ๊กยิ้มให้ผมหน่อยๆ



“มึงไปนั่งรอตรงนั้นไป เดี๋ยวกูไปซื้อเอง”



“เห้ยไม่เป็นไรมึง”



“เอาเหอะ กูว่ามึงน่าจะอยากนั่งนะ”



“ห๊ะ?”



เงยหน้ามองมันงงๆ แต่ก็ยอมนั่งลงบนโต๊ะที่โรงอาหารตามที่มันบอก มันที่ไม่พูดอะไรก็เดินออกไป อะไรของมันวะ...มองมันที่เดินออกไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมามองผมอีกรอบ กูนี่ต้องเลิกคิ้วเลยทีเดียว คือมึงเป็นอะไรครับเพื่อนกุ๊ก หรือเงินไม่มี อ่อๆ กูลืมให้ค่าชมไข่มุกหรอ ก้มหน้าลงไปหยิบกระเป๋าตังค์ ก็ได้ยินเสียงของมันที่พูดออกมาเบาๆให้ได้ยินกันสองคนจนต้องชะงักค้าง



“กูว่ามึงน่าจะเดินไม่ถนัดอ่ะ ท่าทางมึงจะตกบันไดแรงนะ ตกจนที่ท้ายทอยด้านหลังมึงมีรอยเลยอ่ะ ... อ่อ แล้วอีกอย่าง มึงอยู่คอนโดนะเว่ยไอ้เมล มึงจะเอาบันไดบ้านที่ไหนมาตกวะ”



เชี่ยยยยยยย



มองมันที่ทำหน้าทำตาล้อใส่ผม แล้วได้แต่อ้าปากพงาบๆ เสียวสันหลังวาบไปทั้งตัว



“ไอ้อู๋มันไม่ฉลาดพอที่จะรู้หรอก แต่ไอ้บิน...ไม่แน่ ... มึงจัดผมจัดเสื้อดีๆหน่อยละกัน”



มันที่บอกผมออกมายิ้มๆ แล้วกลับหลังหันเดินห่างออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก .... และปล่อยให้กูนั่งหน้าซีดอยู่ตรงนี้คนเดียว .. เชี่ยเอ๊ย!


...



                ห่างออกไปประมาณสามต้นเสาร์ในมุมอับมุมหนึ่งด้านหลังโรงอาหาร  สายตาคมนิ่งที่ยกยิ้มมุมปากมองนิ่งๆมาที่คนร่างบางที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยอยู่เงียบๆ



“หึ”

..TBC..





ใครรรรรร ฉันถามแค่นี้ ... อุ้วววว

อยากจะมาให้ไวกว่านี้ แต่สมองปลาทองที่ตีบตันแล้วแบบแคทมันยากกกกกกกมากกกกกก ขอโทษจริงๆนะคะ

แคทจะพยายามมากกว่านี้ จะพยายามมาลงให้ถี่ๆนะคะ ขอบคุณทุกคนทุกคอมเม้นท์จริงๆนะคะ

มันคือกำลังใจจริงๆอันนี้พูดเลย

ขอบคุณ คุณ sailom_orn ที่เข้ามาคอมเม้นท์ให้แคทด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ :hao7: :3123:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่4* {06.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yysll ที่ 13-10-2018 21:38:23
ถ้ารู้ความจริงอิพี่ทัพ จะเป็นไงน่าาาาาา ชาติตระกูลน้องก็ไม่ขี้เหร่นะจร้าาาา ความจริงปรากฎจะเป็นไง งื้อออออออออ อยากรู้แล้ววว //เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่6* {20.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 20-10-2018 19:34:44


บทที่6





“มึงเลิกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนั้นสักทีน่าไอ้เมล” 



ไอ้กุ๊กที่เดินเข้ามากอดคอผมไว้ พร้อมๆกับยกแก้วชาเขียวไข่มุกของมันขึ้นมาดูดจุ๊บๆอยู่ข้างๆหู   



“กูเปล่า”



“ตอแหลไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ครับไอ้สัด” 



ด่ากูไม่พอยังหันมายักคิ้วใส่อีก ไอ้กุ๊กนี่มันเป็นอีกคนที่กวนตีนหน้าตายใช่ไหมบอกกูที รู้จักกันมา4ปี เหมือนมันจะกวนตีนขึ้นทุกปีๆนะผมว่า ... จริงๆผมรู้จักมันได้ก็เพราะว่ามันเป็นเพื่อนกับไอ้บินอยู่แล้ว ทีนี้ตอนปฐมนิเทศน์ตอนปี1 ไอ้บินมันเข้ามาทักผม คราวนี้ก็เลยลากไอ้กุ๊กมาอยู่กลุ่มเดียวกันด้วย แล้วก็ตามมาด้วยไอ้อู๋อีกคน คราวนี้เลยกลายเป็นสี่หนุ่มหล่อแห่งคณะบริหารไงครับแหม่ ... กลับมาที่ปัจจุบันตอนนี้ รู้สึกเครียดจนไม่กล้าแดกชานมไข่มุกที่ถืออยู่ในมือเลย



“เอาน่า กูไม่บอกใครหรอกกูสัญญา ไอ้บินกูก็จะไม่บอก”



“คือกู...”  อยากจะตอแหลมันออกไปแต่คิดคำแถดีๆไม่ออก และคิดว่าตอนนี้ก็คงปิดอะไรไอ้กุ๊กมันไม่ได้ ในเมื่อสายตาอีกฝ่ายมันกำลังบอกว่ามันมองผมออกอย่างทะลุปรุโปร่ง



“กูจะไม่ถามด้วยว่าอะไรยังไง กูจะถือว่าเป็นเรื่องของมึง แต่ถ้าวันไหนมึงอยากบอกอยากเล่าอะไรกูพร้อมรับฟังนะ”   



หันไปมองหน้ามัน ที่อีกคนก็แค่ยิ้มรับอย่างจริงใจมาให้ ซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก ... ข้อดีของไอ้กุ๊กก็คือมันเป็นคนไม่เซ้าซี้ ง่ายๆ และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกขอบคุณนิสัยของมัน รู้สึกสบายใจขึ้นตอนที่มองตามันและมั่นใจได้ว่ามันจะไม่พูดแน่ๆ



“ขอบใจมึง ... ซึ้งว่ะ ไม่เคยรู้เลยว่ามึงเป็นคนดี”



“อ้าวไอ้สัด กูวิ่งไปฟ้องพวกมันแป๊บ”



“ฮ่าๆ โอ๋ๆนะครับน้องกุ๊กของพี่เมล ล้อเล่นนิดหน่อยขี้งอนจังเลย มาๆพี่หอมหัวที” ว่าแบบนั้นแล้วทำปากจู๋ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆมัน แกล้งแม่ง กูสบายใจละ



“เชี่ย เอาหน้าไปห่างๆกู๊”  ทำหน้าขยะแขยงซะเหมือนกูเป็นขยะกันเลยทีเดียว ไม่พอมันยังเอามือมาดันหน้าผมให้ออกห่างอีก ก็ไม่ค่อยจะแสดงออกว่ารังเกียจกันเท่าไหร่เลยในจุดๆนี้



“ทำไมๆ มาให้พี่เมลจุมพิศสักครั้ง มาๆๆ”



“อ๊ากกก ไม่ ไม่ ม่ายยยย”   พยายามยื่นหน้าทำปากจู๋เข้าไปใกล้ๆ ยิ่งเห็นมันดิ้นหนีแบบนั้นแล้วยิ่งสนุกเลยกู  ผมสีน้ำตาลอ่อนของมันสะบัดไปมาเพราะส่ายหัวแรงๆ มองจากมุมนี้แม่งยิ่งตลก แต่จริงๆมันก็เป็นคนที่ดูน่ารักน่าแกล้งดี



‘ผลัก’



“ทำไรกันวะ!”



“อะ...โอ๊ย!”



“เฮ้ยไอ้กุ๊ก!” 



ผมที่ร้องออกมาแบบนั้น หลังจากที่อยู่ๆก็ถูกร่างปริศนากระชากตัวผมและไอ้กุ๊กให้ออกห่างจากกัน โดยมันแทรกตัวเข้ามาระหว่างกลาง และเหมือนจะแรงมากเกินไป จนไอ้กุ๊กกระเด็นลงไปกองอยู่ที่พื้นพร้อมๆกับแก้วชาเขียวไข่มุกของมัน ... เชี่ย



“มึง เปียกหมดเลย ... ไอ้เหี้ยบิน ทำเหี้ยไรเนี่ย”  ผมที่วิ่งไปหาไอ้กุ๊กแล้วเงยหน้ามาด่าไอ้โย่งนี่ ห่า แทรกมาได้ แล้วดันยังไงจนไอ้กุ๊กแม่งกระเด็นวะ



“แล้วพวกมึงเล่นเชี่ยไรกัน มึงจะมาจูบกันเชี่ยไรล่ะ”  ไอ้บินที่ท่าทางหงุดหงิดว่าออกมาแบบนั้น ห่านี่ ไม่สำนึกอีก



“ก็เล่นกันไหม เป็นเชี่ยไรเนี่ย ไอ้กุ๊กเปียกหมดไอ้สัด”  ด่ามันก็ประคองไอ้กุ๊กให้ลุกขึ้นยืนไปด้วย เสื้อนักศึกษาสีขาวของมันตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเขียวไปครึ่งร่าง แถมมีเม็ดไข่มุกดำๆติดอยู่ประปราย สภาพคือเชี่ยมากพูดได้แค่นี้



“มีเรื่องอะไรกันวะ....เอ้า ไอ้กุ๊ก มนุษย์ชาเขียวไข่มุกสิงร่างมึงหรอ?”



“สัดอู๋ มาช่วยกันสิวะ เล่นเพื่อ”



“อะโทษๆ”  พอด่ามันออกไปแบบนั้น มันก็รีบวิ่งไปหยิบทิชชู่จากโต๊ะในโรงอาหารแถวๆนั้นมาช่วยเช็ดเสื้อให้ไอ้กุ๊ก   



“พอเหอะมึง เดี๋ยวกูไปล้างเอาเองดีกว่า”



“ล้างอะไรล่ะครับ กูว่างานนี้มึงน่าจะต้องล้างยันไข่นะจ๊ะ ไข่เหนียวไหมพี่อู๋ของสัมภาษณ์นิดนึง”



“สัดนี่”



“เอ๋า กูเป็นห่วง”



“เพราะมึงอะสัดบิน ผลักมันแรง”  ผมหันไปด่ามันอีกรอบ พอเห็นไอ้กุ๊กเขียวครึ่งตัวแบบนี้แล้วก็อดสงสารไม่ได้ คิดว่ามันคงจะเหนียวน่าดู



“กูตั้งใจไหมล่ะ ก็พวกมึงเล่นเชี่ยไรกันล่ะ กูก็กลัวฟ้าผ่า แล้วมึงอ่ะผอมเองไหม ชนนิดชนหน่อยทำมาปลิว”



“หรอวะ?”  ไอ้กุ๊กที่พูดออกมาแบบนั้นแล้วหันหน้าไปยิ้มพร้อมเลิกคิ้วใส่ไอ้บิน ท่าทางที่ดูกวนตีนหน่อยๆของไอ้กุก มันที่จ้องตากันอยู่สองวิแบบไม่พูดอะไร 



“เป็นคนกลัวฟ้าผ่าขึ้นมาซะงั้นนะมึงเนี่ย ... เอาเหอะ พวกมึงไปเข้าห้องเรียนเหอะ เดี๋ยวกูตามไป”  มันพูดโดยที่ไม่รอให้ไอ้บินหรือใครๆได้ตอบรับ เพราะไอ้กุ๊กมันแค่ผละตัวออกห่างจากพวกเรา ส่งยิ้มพร้อมยกมือบ๊ายบายมาให้แล้วหันหลังไวๆเดินหนีไปอีกทาง คาดว่าจะไปเข้าห้องน้ำ



“สัด แล้วก็ไม่ชวนกูไป”  มองตามหลังมันไปแล้วด่าออกไปแบบนั้น



“ช่างมันเหอะ ไปกัน”  ไอ้บินเองก็มองตามแผ่นหลังบางๆของไอ้กุ๊กไป สายตาของมันที่ผมอ่านไม่ออกว่ามันกำลังคิดอะไร แต่สุดท้ายมันก็พูดขึ้นมาแบบนั้นพร้อมๆกับฝ่ามือหนาที่ดึงมือผมไปจับไว้ แล้วลากให้เดินตามมันไปทั้งแบบนั้น



“อ้าว เห้ยๆจะจับมือลากกูทำไมว้า”



“สัดบินไม่ลากกูไปบ้างว้า~~”  ไอ้อู๋ที่แหกปากตามมา หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไอ้อู๋ที่เดินตามมา แต่ไกลออกไป ยังคงมองเห็นแผ่นหลังบางๆของไอ้กุ๊กที่ตอนนี้มันเดินอยู่คนเดียว  น่าแปลกที่มันก็แค่เดินไปห้องน้ำ แต่มองจากตรงนี้ ทำไมฟิลเตอร์มันดูเศร้าๆจังวะ ...








 เริ่มเรียนไปแล้วเกินครึ่งชั่วโมงแต่ไอ้กุ๊กมันก็ยังไม่มาเข้าเรียน คือมึงไปล้างเสื้อหรือมึงไปตัดเสื้อใหม่เอาดีๆ ส่วนอาจารย์ที่เริ่มบรรยายก็บรรยายไปโดยไม่สนใจว่ายังมีสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่กับอาจารย์หรือเปล่า ตั้งใจสอนเหมือนกลัวว่าวันพรุ่งนี้จะไม่ได้สอนอีก



“พวกมึง ... ทำไมไอ้กุ๊กมันยังไม่มาอีกวะ”



“กูไลน์ไปถามมันแล้วนะ แต่มันไม่อ่าน”  ไอ้อู๋ที่เอียงหน้ามากระซิบบอกผมแบบนั้น



โต๊ะข้างๆไอ้บินยังคงว่างเปล่า ปกติจะเป็นไอ้กุ๊กที่นั่งข้างมันตรงนั้น พวกเรานั่งกันแบบนี้มาตั้งแต่ปี1แล้วครับ ไม่เคยเปลี่ยนเลย กุ๊ก บิน ผมและไอ้อู๋ ...



“บิน แล้วมึงถามมันยัง”  หันไปถามอีกคนที่มันนั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือของผม ไอ้บินที่มองโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะของมัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาหน่อยๆ



“เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ”  มันที่เลื่อนหน้ามากระซิบบอกผมเบาๆ แล้วลุกออกจากโต๊ะไป



“มันไปไหนของมันวะ ไปตามไอ้กุ๊กหรอ?”



“ไม่รู้แม่งดิ มันบอกกูว่าจะไปเข้าห้องน้ำว่ะ” 



บอกไอ้อู๋ที่ก็แค่พยักหน้าตอบรับหน่อยๆ แล้วก้มหน้าลงไปเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ต่อ เจริญล่ะมึง  ...  ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ไอ้บินที่เดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมกับไอ้กุ๊ก ไอ้กุ๊กที่ตอนนี้มีเสื้อคลุมไอ้บินสวมคลุมไว้อยู่ ผมกับไอ้อู๋มองพวกมันสองคนตาปริบๆ



“มึงไปตายมาหรอวะไอ้สัดบิน นานเหลือเกิน”  ไอ้อู๋ที่ยื่นหน้าไปด่ามัน ไอ้บินที่แค่อ้าปากไม่ออกเสียงมาให้มันว่า ‘เสือก’



“มึงไปตามไอ้กุ๊กมาหรอ”  ผมหันไปถามพวกมันสองคนบ้าง



“เปล่า กูไปดูดบุหรี่เลยช้า พอออกมาก็เจอมันพอดี”  ไอ้บินที่ตอบผมกลับมา ไอ้กุ๊กที่มองหน้ามันหน่อยๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบผมด้วยอีกคน



“อืม กูบังเอิญเจอมันพอดีอ่ะ มันสมเพชที่เสื้อกูเขียวเลยถอดให้ใส่”



“เชี่ย พระเอก”



“หึ แบบมันไม่ใช่พระเอกหรอก มันอ่ะตัวร้าย”  ไอ้กุ๊กที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะหยิบสมุดแลคเช่อร์ของมันขึ้นมาจดและตั้งใจเรียนของมันไปโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก



“กูเห็นด้วยกับไอ้กุ๊ก”  ไอ้อู๋ที่หันมากระซิบผมแบบนั้น เราสองคนที่มองหน้ากันแล้วหลุดขำออกมาสองคนเบาๆ



“ไอ้สัด”



และถึงไอ้บินมันจะด่า แต่โทษทีพวกกูก็ไม่สนว่ะ ขำชิพหาย ไอ้กุ๊กแม่งก็เปรียบเทียบซะเห็นภาพ แบบไอ้บินน่ะมันเป็นพระเอกไม่ได้หรอกครับ แบดบอยๆแบบมันนี่ต้องเป็นตัวร้ายอ่ะถูกแล้ว ฮ่าๆ



...





“กว่าอาจารย์ป้าแกจะเลิกคลาสได้ กูนึกว่ากูกำลังเดินทางออกนอกโลก นานเหลือเกิน”



“มึงก็เว่อร์”



“ไปกันเลยไหมเมล”  ผมหันไปหาไอ้บิน มันที่เดินตามหลังผมกับไอ้อู๋ออกจากห้องเรียนมาถามขึ้น ...



“ไปไหนวะ?”



“เอ้า...ก็มึงบอกจะให้ป๋าซื้อมือถือให้ไม่ใช่ไงจ๊ะ” 



มันที่ยิ้มกว้างออกมาแบบนั้น แล้วเดินเข้ามากอดคอผมไว้ ชิพหาย! เมื่อเช้าแกล้งพูดเล่นกับมันไปว่าจะให้มันซื้อมือถือให้ แต่ไม่ได้คิดจริงจังไง แค่อยากเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ไอ้บินมันกดดันถาม แล้วตอนนี้จะเอาไงดีวะ ...



“เอ่อ ฮ่าๆ ไม่ต้องเว้ย เดี๋ยวกูซื้อเองได้น่า กูก็รวยนะจ๊ะหรือมึงลืมหรา นี่กูป๋าเมลเอง”  ยิ้มกว้างแบบใจดีสู้เสือส่งไปให้มัน ที่ก็ก้มลงมามองหน้าผมเหมือนกัน



“เอาน่า ไหนๆวันนี้อาจารย์ก็ปล่อยก่อนเวลาตั้ง10นาที ไปเดินห้างเลยดีกว่า มึงจะได้มีมือถือใช้ จะติดต่ออะไรจะได้ไม่ลำบาก”



“เอ่อ...เอ่อคือ...”



เหยดแหม่ ไม่ฟังอะไรกูเลย ไอ้บินที่กอดคอผมไว้แบบนั้นอยู่แล้ว เลยไม่ยากที่จะบังคับให้ผมเดินไปกับมันด้วยเลยในตอนนี้ พยายามขืนแรงแล้วแต่ก็สู้มันไม่ได้อยู่ดี ... จะทำยังไงดีวะ วันนี้พี่ธรจะมารับ แล้วคือถ้ากูไม่กลับจะเป็นอะไรไหม ... แต่เอ๊ะ ... แล้วทำไมกูต้องเชื่อไอ้ทัพหน้าด้วยวะ ไหนๆก็ได้ออกมาได้แล้ว หนีแม่งเลยตั้งแต่วันนี้ดีกว่า



“เออก็ดี งั้นไปกันตอนนี้เลยปะ” 



เพราะคิดได้แบบนั้นเลยโพร่งออกไปทันที  ไอ้บินที่ชะงักหน่อยๆที่อยู่ๆก็เห็นผมไม่ขืนแรงลากอีกต่อไป ในใจมันอาจจะคิดว่ากูเป็นไบโพร่า แต่ช่างสิ รีบไปเลยจะเป็นการดีมากๆอ่ะ



  พวกเราที่เดินลงมาจากตึกเรียนพร้อมกันสี่คน ผมกับไอ้บินที่เดินกอดคอกันลงมา ไอ้อู๋กับไอ้กุ๊กที่มันสองคนเดินนำหน้าไปก่อนแล้ว ผมพยายามสอดส่ายสายตามองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง กลัวจะเจอพี่ธรมาจ๊ะเอ๋กันซะก่อน เดี๋ยวมันจะเสียแผน พยายามเอาหน้าหนีบเข้าจักแร้ไอ้บินแล้วส่องต่อไป แต่มองๆแล้วก็ยังไม่เห็น



“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว”



“มึงบ่นไรวะเมล”



“เปล่าๆ ไม่ได้บ่นไร รีบไปกันเหอะมึง”



“มึงดูรีบนะ”



“บ้าบออออ กูอยากได้มือถือใหม่แล้วไงล่ะ”



“อะๆ แล้วแต่มึงเลย”  มันที่ก้มมองผมแล้วยกมือขึ้นเขกหัวเบาๆ ห่านี่ก็เล่นหัวกูเป็นหมาเป็นแมว แต่ไม่ได้ด่าอะไรมันออกไป แค่พยายามเอาหน้าซุกจักแร้มันต่อไปแล้วสาวเท้าก้าวไวๆเดินไปที่ลานจอดรถหลังตึกคณะพร้อมๆกัน



“วันนี้มึงไม่ได้เอารถมา?”



“อะ...เออ ใช่ๆๆ กูไปกับมึงไม่ได้ไง”



“มันก็ได้อยู่แล้ว แต่ทุกทีกูเห็นมึงหวงลูกมึงมาก ไม่คิดว่าจะไม่เอามา ว่าแต่วันนี้มึงมาไง?” เซ้าซี้มากกกก แล้วกูจะตอบยังไงวะ คิดสิๆ ใช้สมองๆ สมองมาๆๆๆ ฮึบๆ เอาสมองกูมาที



“ก็เอ่อ...กูขี้เกียจไง มาแท็กซี่ไง”  ฉีกยิ้มกว้างๆส่งไปให้ เห็นไอ้บินที่หรี่ตามองมาหน่อยๆก็เลยเลือกจะเบือนหน้าหนีไปหาไอ้อู๋กับไอ้กุ๊ก ที่รถของพวกมันก็จอดติดๆกันกับรถของไอ้บิน



“พวกมึงไม่ไปด้วยกันหรอ”



“ไม่อ่ะ กูจะกลับไปนอน มึงไปป๊ะไอ้กุ๊ก”  ไอ้อู๋ที่หันหน้าไปถามไอ้กุ๊ก มันที่ยืนพิงรถมันอยู่ตรงนั้น ได้แต่ส่ายหัวออกมาช้าๆ



“ตามสบายเถอะ” 



มันที่ตอบออกมาแบบนั้น ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นรถไป ยืนมองจนมินิคูเปอร์สีฟ้าขาวของมันขับออกไปจนหายไปจากสายตา ไอ้อู๋เองก็แค่ยกมือโบกลาเราแล้วขับเลคซัสลูกรักสีอิฐของมันออกไปบ้าง



“ไปกันเถอะมึง”  ไอ้บินที่บอกแบบนั้น เลยโดดขึ้นรถมันทันที คือไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว กลัวพี่ธรมาทัน ...



“ไปกันๆ วันนี้สบายกูละ ได้นั่งMercedes Benz AMG CLA 45 ของนายบินเนี่ย กูโชคดีสุดเลยว่ะ ได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถมึงละ ป๋าขารีบไปเลยค่ะหนูอยากได้โทรศัพท์ใหม่ละ”



“ฮ่าๆ มึงนี่ก็นะ จะเป็นเด็กเสี่ยหรือไงวะ”



“ได้ไหมคะป๋า” เอียงหน้าเอียงตาอ้อนตีนมันไปงั้น แต่อีกฝ่ายดันหันกลับมายิ้มให้แล้วเลื่อนมือมายีหัว



“เลี้ยงมึงได้ทั้งชีวิตอยู่แล้ว” มันที่ตอบกลับออกมาแบบนั้นทำเอาผมยิ้มค้าง ก่อนจะแกล้งกระแอมไอเบาๆไปที



“แหม่ ช๊อบชอบ ชอบผู้ชายนิสัยรวย”



ทำหน้าทำตาอ้อนตีนมันไปอีกหนึ่งที แต่ก็ขยับมานั่งที่ตัวเองดีๆ ไอ้บินไม่ได้ว่าอะไรต่อ มันทำแค่ขยับมือเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่งออกไปก็เท่านั้น  ผมได้แต่หันหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ มองออกไปไม่ได้เห็นอะไรนอกจากถนนและรถข้างๆที่ขับเรียงรายกันไปตามทางในแบบที่มันควรจะเป็น แต่ถึงตาจะมองออกไป แต่สมองของผมมันกลับกำลังนึกถึงใครบางคน คนที่ชอบทำหน้านิ่งๆ กวนตีนและใจร้าย ... ผมอยากรู้จริงๆว่าตอนนี้เค้าจะทำอะไรอยู่ และถ้าเค้ารู้ว่าผมหนีมาแล้ว เรื่องของเรามันจะจบลงไปเลยไหม ... ใจนึงก็อยากจะให้มันจบๆไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เวลาที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ถึงมันจะเลวร้ายมากๆ แต่มันก็คงมีแค่ครั้งนี้เท่านั้นที่ผมได้อยู่ใกล้คนที่ผมรักมากที่สุด



“คิดอะไรอยู่วะ”



“ห๊ะ อ่อ เปล่าๆอ่ะมึง”  สะดุ้งออกจากความคิดตัวเองตอนที่มันถามออกมาแบบนั้น มองดูรอบๆตัว ก็คือตอนนี้ถึงห้างเรียบร้อยแล้ว



“ถ้าเปล่าก็ไปกันเถอะ มามะเดี๋ยวป๋าพาไปซื้อมือถือเครื่องใหม่นะจ๊ะหนู”  ว่าแบบนั้นแล้วเอื้อมมือมาหยิกแก้ม



“กวนตีน”



ด่าออกไปแบบนั้นและแน่นอนว่ามันไม่สะท้านหรอก ไอ้บินแค่หัวเราะสะใจและเดินนำลงไปจากรถก็แค่นั้น  ... พวกเราสองคนใช้เวลาไม่นานเพื่อไปเลือกมือถือเครื่องใหม่ ผมตั้งใจจะจ่ายเอง แต่ไอ้บินมันไม่ยอม มันดึงดันที่จะจ่ายและก็ยื่นเงินสดหลายหมื่นไปให้พนักงานก่อนกูซะแบบนั้น



“นี่มึงพกเงินสดสามสี่หมื่นเลยหรอวะ”



“กูก็ไปกดมาสิ”



“ตอนไหน?”



“ถามเป็นเมียเลยนะหนู”



“โวะ”



“เอาน่า ถือเป็นของขวัญวันเกิด”



“เกิดเชี่ยไร ยังไม่ถึงวันเกิดกู”



“เกิดที่กูอยากจะให้นี่แหล่ะ อย่าพูดมาก ไม่งั้นกูดูดปากมึงนะ”



“ไอ้สัด”



ไม่ว่าเปล่ามันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ลำบากกูต้องยกเท้าไปกันเอาไว้อีก ไอ้บินที่ส่ายหน้าขำๆแล้วตรงมากอดคอกันเดินออกจากร้านไป มันชวนผมกินข้าวเย็น และแน่นอนว่าก็ต้องกินสิครับ หกโมงกว่าแล้วกูหิวมากพูดเลย เดินดูไปเรื่อยๆและสุดท้ายก็เลือกกินร้านอาหารญี่ปุ่นอย่าง The Grill Tokyo ไอ้บินมันสั่งซูชิปูขนมาให้ผม จ๊ะ 2คำสามร้อยฝ่าบาท แดกแล้วกลายเป็นเงาะป่าตอนถอดรูปได้มั้งครับ แพงเหลือเกิน ตัวผมสั่งสเต๊กเนื้อบดกับชีสแรคแลทฮอกไกโด ส่วนมันสั่งสปาเก็ตตี้ปลาหมึกมาครับ ราคาเอาเรื่องแต่จริงๆก็ต้องยอมรับว่ารสชาตเค้าใช้ได้เลยล่ะ และแน่นอนว่าอิ่มอร่อยและตังค์กูอยู่ครบมากๆ   



“ขอขอบคุณป๋าบินมากๆเลยครับผม”



“สบายมากอิหนู”



“ไอ้สัด ฮ่าๆ เออมึง...เดี๋ยวกูขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บ”



“เค กูเดินดูเสื้ออยู่ร้านนี้นะ” 



พยักหน้าตอบรับตอนที่มันบอกแบบนั้น พอกินเสร็จฉี่ก็เริ่มปวด เลยแยกกับมันตรงหน้าร้านแล้วไปเข้าห้องน้ำ ยกนาฬิกาขึ้นมาดู บอกเวลาว่าสองทุ่ม นึกไปถึงไอ้ทัพหน้า ป่านนี้มันคงรู้แล้วว่าผมไม่อยู่ และคนฉลาดๆแบบมันคงรู้ด้วยว่าผมจะหนี แต่ช่างแม่งสิ....มันจะรู้ได้ไงล่ะว่ากูหนีไปไหน คืนนี้ไปนอนค้างกับไอ้บินดีกว่า กันไอ้ทัพตามตัวผมเจอที่คอนโด



เดินเข้าไปในห้องน้ำที่ปลอดผู้คน ห้องน้ำชั้นนี้ใหญ่มากๆ มีห้องน้ำเยอะแบ่งเป็นสองฝั่ง ผมเลือกเข้าไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องในสุดของฝั่งซ้าย ปลดปล่อยทุกหยาดหยดออกมา ฮ้า...สบาย ... เสร็จแล้วก็เดินผิวปากลั้ลลาออกมาเลยกู แต่กลิ่นบุหรี่จางๆทำให้ต้องชะงักขาที่กำลังจะก้าวเดิน หันซ้ายหันขวา



“ใครแม่งมาสูบบุหรี่ในห้องน้ำวะ” 



บ่นออกไปแบบนั้นแต่ก็เลือกที่จะเดินต่อไป ไปหยุดล้างมือที่หน้ากระจกใส ก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อภาพตรงหน้าที่กำลังสะท้อนเงาของใครอีกคนให้ต้องตกใจจนนิ่งค้างและหน้าก็ถอดสี รีบพลิกตัวหันกลับไปมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

 

“ทะ....ทัพหน้า



“ไง”   ร่างสูงที่ยืนพิงอ่างล้างมืออยู่อีกฝั่ง จ้องมองตรงมาที่คนร่างบางด้วยสายตานิ่งๆ



“มะ...มึง...มึง มึงมาที่นี่ได้ยังไง”  พยายามกลืนน้ำลายฝืดลงไปในลำคอ ก่อนจะถามออกไปทั้งๆที่หัวใจเต้นระรัว



“กูมายังไงก็เรื่องของกู แต่ที่มึงต้องรู้ก็คือ...”  มันที่พูดออกมาช้าๆ พร้อมๆกับบี้บุหรี่ทิ้งลงไปที่อ่างแล้วค่อยๆสาวเท้าเข้ามาใกล้กันช้าๆ ... จังหวะก้าวเดินที่ไม่เร่งรีบแต่กลับบีบหัวใจ และสุดท้ายมันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของผม



“กูโมโหมาก



“คือ...คือกู....โอ๊ย!”  หน้าของผมหันไปตามแรงตบที่มาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ได้แต่ยกมือขึ้นกุมหน้า รู้สึกทั้งเจ็บและชาไปทั้งแก้ม



“กูเจ็บนะ โอ๊ยทัพ! ปล่อยก่อนปล่อยผมกู ทัพ อย่าทำไรกูเลยนะ กูกลัวแล้ว” 



ร้องออกมาตอนที่หน้าแหงนเชิดขึ้นไปเพราะแรงกระชากจากคนตรงหน้า สายตาคมที่มองมาวาวโรจน์อย่างโกรธจัด



“มึงกลัวแต่มึงก็กล้าหนีกูมาแรดอยู่กับไอ้เหี้ยโย่งนี่น่ะนะ!” ทัพหน้าว่าออกมาเสียงดังสะท้อนไปทั่วห้องน้ำกว้าง



“กู กูเปล่านะ กูแค่มาซื้อมือถือ” บอกอีกคนออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พร้อมๆกับพยายามดึงมือของมันให้ออกจากหัวแต่ยิ่งทำแบบนั้นมันก็ยิ่งกระชากให้แรงมากขึ้น ความรู้สึกเจ็บร้าวไปหมดทั้งหัวจนอยากร้องไห้   



“ทัพ กูขอโทษ กู กู...”



“มึงกล้ามากนะที่คิดจะหนีกู”



“กูเปล่า กูเปล่านะทัพ”



“แล้วมึงยังกล้าหนีกูมากับไอ้เหี้ยโย่งนี่อีก ทำไม เอากับกูไม่สะใจเลยต้องมาออเซาะให้มันเอามึงอีกคนด้วยรึไง!”



“ปะ...เปล่านะ ฮึก ทัพ กูเจ็บ ปล่อยก่อนนะ”



“สำออย มึงมานี่เลย”



“ฮึก ทัพ จะ อึก....ไปไหน”



“เดี๋ยวมึงจะได้รู้ ว่าการคิดลองดีกับกูมันจะเจอกับอะไร!” 



มือของมันที่ปล่อยออกจากหัวของผมแล้วเปลี่ยนไปกระชากแขนของผมมากำไว้จนแน่นแทน แรงบีบรัดที่ทำเอาเจ็บไปทั้งแขน มือของมันที่กำรอบแขนของผมจนแดงเป็นรอยนิ้ว พร้อมๆกับแรงกระชากที่บังคับให้ผมเดินตามไป ประตูห้องน้ำเปิดผลัวออกอย่างแรงจากแรงอารมณ์ของคนตรงหน้า พอเปิดประตูออกมาก็เจอเข้ากับลูกน้องของมันที่ยืนเรียงกันอยู่ตรงนี้ประมาณ10คน และหนึ่งในนั้นคือพี่ธรที่มองมาที่ผมด้วยสายตาหนักใจ มันที่ไม่สนใจอะไรแค่ลาก ลาก ลากและกระชากผมให้เดินตามไป



“ทัพ ฮึก...”



“หุบปาก” 



มันที่ปรายตามากดเสียงต่ำกัดฟัดตอบผมอย่างไม่สบอารมณ์  เราที่เดินผ่านร้านเสื้อผ้าที่ไอ้บินอยู่ในนั้น แว๊บนึงผมยังเห็นมันยืนเลือกเสื้ออยู่ตรงนั้น  น้ำตาผมไหลออกมา เพื่อนผมไม่รู้ว่าผมกำลังจะไปจากตรงนี้ มันไม่รู้อะไรเลยว่าผมกำลังจะต้องไปเจอกับอะไร  ตลอดทางบอดี้การ์ดของทัพหน้าเดินล้อมรอบเราไว้และคอยเปิดทางให้ผ่านผู้คนไปได้ง่ายๆและไม่แตกตื่น  ตอนนี้ผมได้รู้แล้วว่า อำนาจของทัพหน้า ... มันมีมากกว่าที่ผมคิด



.

.

.




 :katai5:มีต่อจ้า :katai5:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่6* {20.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 20-10-2018 19:36:01
(ต่อ)

.

.

.


‘พลัก’



“ฮึก...ทัพ...กูแค่ไปซื้อมือถือจริงๆนะ ฮึก” 



ร่างของผมที่ถูกจับเหวี่ยงโยนลงไปบนเตียงกว้างทันทีที่ถูกมันลากเข้ามาถึงในห้องนอนได้  รู้สึกทั้งเจ็บทั้งจุกไปหมด แล้วพอเลื่อนสายตาไปมองหน้าของอีกฝ่ายก็ยิ่งรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ เมื่อมันที่ยืนมองกันด้วยสายตาลุกโชนด้วยความโมโหอยู่ตอนนี้



“ไม่ต้องเสือกมาตอแหลกู กูมีตา กูตัดสินเองได้ กูจะบอกอะไรมึงให้รู้ไว้นะว่ากูตามมึงไปตั้งแต่ที่มหาลัยแล้วไอ้เมล”  คำพูดของทัพหน้าทำเอาตัวชาวาบ



“กูฉลาดพอที่จะไม่เข้าไปกระชากมึงออกมาตั้งแต่ที่อยู่มหาลัย กูอยากจะรู้ว่ามึงจะแรดไปได้อีกแค่ไหน หึ และจริงๆมึงมันก็แค่คนแรดที่อยากได้ผู้ชายไปทั่ว!”



“กูเปล่านะ! ฮึก กูแค่ไปซื้อมือถือ ฮึก แล้วก็กินข้าว...”



“แล้วดัดจริตไปให้มันกอดไหล่ทำเหี้ยอะไร! กูบอกมึงว่าอะไรเมื่อเช้า กูบอกว่าอย่าแรดใช่ไหม!”  ทัพหน้าที่ตะคอกออกมาเสียงดันลั่นจนตกใจ ได้แต่ถอยตัวขึ้นไปนั่งอยู่ที่อีกฝั่งของเตียงนอน



“มึงมานี่”



“ไม่เอา ไม่เอาทัพหน้า กูจะไม่ทำอีกแล้ว ฮึก”



“บอกให้มานี่ไง!”  ตะคอกเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์มากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าผมพยายามจะคลานหนีลงจากเตียง

 

ร่างสูงกระชากข้อเท้าและจับลากลงมากลางเตียง คาราเมลที่หน้าคว่ำลงกับเตียงและถูกลากมาทั้งแบบนั้นสะอึกสะอื้นออกมาอย่างหวาดกลัว



“ฮึก อย่าทำอะไรกูเลยนะ ไม่เอาแล้ว ฮึก ฮื่อ”



“มึงมันเลี้ยงไม่เชื่องไอ้เมล”  กระชากคนร่างบางให้กลับมานอนหงาย ก่อนจะขึงอีกฝ่ายไว้ด้วยฝ่ามือหนา สายตาคมที่ก้มลงมองหน้ามีแต่ความเกลียดชังและดูถูก



“ถ้าไม่โดนผูกมึงคงอยู่ดีๆไม่เป็น”



“ไม่เอาๆ ทัพไม่เอา กูไม่เอาแบบนี้ ฮึก ฮื่อ”  ร้องออกมาเสียงหลง น้ำหูน้ำตาไหลออกมาอาบแก้มทันทีอย่างหวาดกลัวตอนที่เห็นเชือกเส้นหนาที่ทัพหน้าคว้าออกมาจากลิ้นชักข้างเตียง



“แต่กูจะเอา! จะเอาให้มึงไม่กล้าไปเอาใครอีกเลยในชีวิตนี้ กูจะสาปมึง คนชั่วๆแบบมึงจะไม่มีวันลืมสัมผัสจากกู กูคนที่มึงรักไง”



“ฮึก ไม่เอา ทัพ ฮึก”



“อยู่นิ่งๆสิวะ น่ารำคาญ!”



‘พลึบ’



“ทัพปล่อย ไม่เอาปล่อยกู ฮึก ฮือ”



“กูจะทำอะไรก็ได้!”  ตะคอกกลับออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับที่เริ่มผูกข้อมือบางกับหัวเตียงทั้งสองข้าง



‘แคว้ก’



แรงกระชากเสื้อนักศึกษาทำเอากระดุมเสื้อของคนใต้ร่างกระเด็นหลุดออกจากกัน และตามมาด้วยกางเกงและชุดชั้นในที่โดนคนร่างสูงจับถอดออกจนหมด



“ฮึก กูขอโทษทัพ...ยกโทษให้กูเถอะนะ กูไม่ตั้งใจ ฮึก”  ได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างอ่อนแรง ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างสุดจะกลั้น นอนนิ่งๆทั้งๆที่โดนขึงพรืดอยู่ตอนนี้ ไม่มีทางหนี  ไม่มีทางสู้



“แล้วมึงเคยตั้งใจอะไรบ้างล่ะ ไม่ว่าจะเรื่องที่ขัดคำสั่งกู หรือเรื่องวันที่ตั้งใจจะฆ่าณราชา...มึงเคยบอกว่ามึงตั้งใจรึไง!”



“กูขอโทษทัพ กูขอโทษ ฮึก...”



“ต่อให้มึงขอโทษกูอีกกี่ร้อยครั้ง มันก็ลบล้างสิ่งที่มึงพรากจากกูไปไม่ได้ไอ้เมล...เพราะฉะนั้นอย่ามาโทษที่กูใจร้าย โทษความเลวของมึงเองเถอะที่ทำให้มึงต้องเจอแบบนี้!”



ทัพหน้าที่ตะคอกตอบเสียงลั่น ก่อนจะก้มลงไปซุกไซร้ซอกคอขาว ก่อนจะขบเม้มแรงๆไปตามลำคอและแผ่นอกจนเป็นรอยแดงเป็นจ้ำๆไปทั่ว



“ฮึก จะ...เจ็บ...” 



สะดุ้งร้องออกมาตอนที่ร่างสูงเลื่อนริมฝีปากลงไปครอบครองอยู่ที่หัวนม ริมฝีปากร้อนที่ครอบลงไปดูดเม้มแรงๆ ก่อนที่จะใช้ฟันคมขบกัดและดูดดึงหัวนมชมพูนั่นขึ้นมาจนแทบจะติดมากับริมฝีปาก  ฝ่ามือหนาที่เลื่อนไปแหวกขาขาวให้แยกออกจากกัน ได้แต่นอนตัวสั่นตอนที่รู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมบางอย่างที่ค่อยๆถูกดันเข้ามาในช่องทางด้านหลัง



“อึก จะ เจ็บ...อื้ออ”



“หึ” 



เสียงทุ้มต่ำที่หัวเราะอยู่ในลำคอของทัพหน้า มาพร้อมๆกับที่อีกฝ่ายค่อยๆผละตัวออกห่างจากคนร่างบางที่ตัวเองซุกไซร้อยู่ก่อนหน้านี้  ทัพหน้ามองภาพตรงหน้าก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก เมลที่นอนหอบกระเส่าอยู่ตรงนั้นได้แต่นอนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ แต่ในไม่กี่วินาทีต่อมาร่างทั้งร่างก็ต้องสั่นสะท้าน รู้สึกเสียววูบไปทั้วทั้งตัวในทุกๆครั้งที่มีแรงสั่นอยู่ที่ช่องทางด้านหลัง เสียวสะท้านจนต้องจิกเกร็งหนีบขาเข้าหากัน รู้สึกเสียวจนกลั้นเสียงเอาไว้ไม่อยู่



“อึก อื้ออ ทัพ”



“หึ ร่านนักมึงต้องเจอแบบนี้ ถ้ากูยังเห็นมึงอยู่ใกล้ไอ้เหี้ยโย่งนั่นอีก มึงจะเจอมากกว่านี้ไอ้เมล” ว่าออกมาด้วยเสียงเหี้ยมๆก่อนจะแสยะยิ้มและยกมือชูสิ่งที่ถือไว้ในมือ



“หึ”  หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะกลับหลังหันเดินหนีคนร่างบางไปนั่งไขว่ห้างอยู่ที่โซฟาที่ตั้งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอน ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าและวิสกี้ราคาแพงขึ้นมาเปิดดื่มอย่างไม่สนใจอะไร



“อ๊ะ อึก....อ๊า” 



คาราเมลได้แต่นอนตัวสั่นสะท้านและปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม รับรู้ถึงแรงสั่นสะท้านจากช่องทางด้านหลัง เสียวจนต้องฉีกขาออกกว้าง ปรือตามองผ่านขาของตัวเองที่ฉีกออกกว้างมองไปที่คนร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงโซฟาสีแดงตัวนั้น ด้วยสายตาที่ฉ่ำน้ำปรือปรอยมองทัพหน้าอย่างยั่วยวน



“ฮึก อึก....อ๊า ทะ...ทัพ อื๊ออ” 



หลุดครางเสียงกระเส่าออกมาอย่างไม่อาย ร่างสูงที่ยกแก้วเหล้าราคาแพงขึ้นจิบ ก่อนจะเอนหลังพิงไปที่ด้านหลังและมองมาทางนี้ด้วยใบหน้านิ่งๆด้วยสายตาคมกริบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังคิดอะไร แต่ที่แน่ๆ.. มันทำให้คนถูกจ้องยิ่งรู้สึกไม่ปกติในช่องท้องมากขึ้นกว่าเดิม ความเสียวตีตื้นขึ้นทุกครั้งที่แรงสั่นสะท้านภายในช่องทางด้านหลังดูเหมือนจะแรงขึ้นสลับกับเบาไปมาอย่างโดนกลั่นแกล้ง



“ทะ ทัพ ....ทัพ”



“เรียกทำไม”



เสียงเข้มที่ดังออกมานิ่งๆ ไม่ต่างจากเจ้าตัวที่ดูนิ่งมากๆ แต่แววตาที่ปกติจะไม่แสดงออกอะไรเลย ตอนนี้มันกลับดูเหมือนกำลังเผยความกระหายออกมาอย่างไม่ปิดบัง  ทัพหน้าที่ตอนนี้ดูไม่ต่างจากสิงโตเจ้าป่าที่กำลังจ้องจะตะครุบเหยื่อในเวลาที่ตัวเองต้องการ



“ทัพ...อึก ทัพ อ้า สะ...เสียว”  ผมที่กรี๊ดร้องออกมาอย่างเสียวสะท้าน รู้สึกถึงแกนกายที่อยู่ตรงหว่างขาของตัวเองกำลังชูชันขึ้นมา ได้แต่หุบขาเข้าหากันและถูไถไปมาเพื่อระบายความอัดอั้น ถ้ามือไม่โดนมัดก็คงจะจัดการเองจนเรียบร้อย ความรู้สึกปวดหนึบๆที่แกนกายจากความเสียวที่สั่นอยู่ที่ด้านหลังยิ่งทำเอาปวดหนึบไปหมดจนน้ำตาไหล



ไม่ไหว

แบบนี้มันไม่ไหว



“อะไร”



“ทัพ...พี่ทัพ พี่ทัพครับ ฮึก อ๊ะ เมล...อื้อออ เมลไม่ไหวแล้ว พี่ทัพ พี่...อึก ช่วยเมลหน่อย อ๊า”



ความรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วทั้งตัว ไม่ต่างจากเวลาที่เรานั่งอยู่ที่ทะเลแล้วโดนคลื่นแรงๆกระแทกซ้ำๆ ความต้องการตีตื้นขึ้นมาจนถึงขีดสุดของความอดทนจนต้องเอ่ยปากร้องขออย่างไม่อาย  ร่างสูงที่จ้องมองมานิ่งๆและสุดท้ายอีกฝ่ายก็แสยะยิ้มร้ายๆออกมาอย่างพอใจ ฝ่ามือหนาที่เลื่อนไปปลดกระดุมกางเกงออกช้าๆ ก่อนจะดึงรั้งกางเกงของตัวเองให้ถอดออกพ้นข้อขา และท่อนเนื้อร้อนก็ถูกควักออกมาเผยให้เห็นแกนกายใหญ่โต หน้าของผมร้อนผ่าวตอนที่เห็นอีกฝ่ายกำมันไว้ในมือ ลิ้นร้อนของคนร่าวสูงถูกส่งออกมาเลียริมฝีปาก ในขณะที่สายตาคมก็จ้องตรงมาที่หน้าของคนที่นอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ



ร่างกายของผมร้อนราวกับถูกเผา ยิ่งในยามที่อีกฝ่ายรูดรั้งมันขึ้นลงเบาๆช้าๆ ได้แต่เผลอกลั้นหายใจด้วยความเกร็งและร้อนรุ่มไปหมด  อารมณ์ของผมที่มีมากขึ้นเรื่อยๆจนส่วนหัวฉ่ำไปด้วยน้ำแห่งความต้องการ มันซึมออกมาเยอะจนอยากจะกรีดร้องออกมาสุดเสียง และในตอนนั้นที่ผมเห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ฝ่ามือหนาที่ค่อยๆไล่ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองให้หลุดออกจากถึงเม็ดสุดท้าย และค่อยๆถอดเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่เจ้าตัวใส่อยู่ออกและปล่อยให้มันตกลงสู่พื้นช้าๆ เผยให้เห็นมัดกล้ามแผ่นอกแข็งแรงและแกนกายที่แข็งชันเต็มที่ในตอนนี้ ขาแข็งแรงที่ก้าวตรงมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มร้ายที่ทำเอาร่างกายร้อนไปหมด



“ไม่ไหวแล้วสิมึง”



“อึก ทัพ....”



“ว่าไง”



“พี่ทัพ ฮึก ช่วยเมลด้วย พี่ทัพ อ๊ะ อ๊า...เมลเสียว พี่ทัพ”  ดวงตาคมหรี่ตามองคนที่นอนหอบเสียงกระเส่าอยู่กลางเตียง ก่อนที่ขายาวจะก้าวขึ้นเตียงไปคล่อมทับร่างบางไว้ สายตาที่ส่งไปไม่ต่างจากสิงโตตัวใหญ่ที่ตอนนี้พร้อมจะตะครุบเหยื่อแล้ว



‘พล่อก’



เสียงไม่ต่างจากเวลาที่จุกไวน์แดงถูกดึงออก เมื่อฝ่ามือหนาเลื่อนไปดึงแท่งกลมสีดำออกจากช่องทางด้านหลังของเมล  ก่อนจะจับแกนกายจ่อที่ปากทางและกระแทกเข้าไปทีเดียวจนสุดลำ ร่างบางสะดุ้งเฮือกกระตุกเกร็งปลดปล่อยน้ำรักสีขาวขุ่นออกมาทันที ทั้งๆที่อีกคนไม่ทันจะได้ขยับตัวโยก ทัพหน้ายกยิ้มก่อนจะฟาดมือลงบนก้นนิ่มจนเป็นรอยมืออย่างสะใจ



“อ๊ะ!!”



“อยากมากเลยสินะ แค่เสียบมึงก็เสร็จ”



“ฮึก อึก”



“แต่กูยังไม่เสร็จ”   



ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะยกสะโพกมนอีกคนให้ขึ้นสูง ขยับเอวกระแทกกระทั้นเข้าออกแรงๆ ทุกครั้งที่กายใหญ่กระแทกเข้ามา มันเสียวและจุกจนห้ามเสียงครางไว้แทบไม่อยู่ นิ้วเรียวยาวได้แต่กำผ้าปูที่นอนแน่นขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อเริ่มดังและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มือหนาบีบเค้นก้นนิ่มจนก้นขาวเริ่มช้ำเพราะแรงบีบ



“อ๊ะๆ อ๊ะๆๆ”



ขยับแกนกายรัวแรงก่อนจะดึงออก ฝ่ามือหนาที่เอื้อมไปแกะเชือกออกจากข้อมือเล็กทั้งสองข้าง และจัดการอุ้มคนร่างบางลงจากเตียง



“อ๊ะ! จ...จะทำอะไร”



ได้แต่เบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่ออีกฝ่ายอุ้มและและพาเดินไปอีกห้องซึ่งเป็นห้องแต่งตัว ห้องกว้างที่รอบด้านเป็นกระจกล้อมรอบ ทัพหน้าที่นั่งลงบนโซฟากว้าง และจัดการดึงตัวผมให้ลงไปนั่งตัก ขาแข็งแรงที่แทรกแหวกขาขาวของผมให้อ้าออกกว้างพร้อมๆกับที่ฝ่ามือหนาที่จับใบหน้าของผมให้หันไปทางกระจกและสอดกายแข็งแกร่งเข้ามาทีเดียวจนสุดลำ และเริ่มต้นขยับกายต่อทันทีโดยไม่เว้นระยะให้ได้ปรับตัว



“อ๊า!! อ๊ะๆ..อึก...เสียว”



“ซี๊ดด...มึงมองกระจกสิ...มองหน้าตัวเองเวลาโดนกูเอา”



เสียงกระซิบที่ดังอยู่ข้างๆริมหู ทำให้ต้องช้อนตามองตัวเองผ่านกระจก ใบหน้าที่แดงซ่านกับแววตาที่บ่งบอกได้ดีว่ากำลังสุขสมและเสียวซ่านเต็มที่ของตัวเองทำเอาร้อนหน้าไปหมด วงแขนแกร่งที่รั้งเอวบางเข้ามาแนบตัวก่อนก้มลงไล้เลียไปตามใบหูเล็ก



“ไอ้เหี้ยนั่นมันหวังจะฟันมึง รู้ตัวเอาไว้ซะบ้าง”



“อ๊ะ! อ..อย่ากัด”  ร้องออกมาอีกครั้งเมื่อฟันคมกัดลงบนเนื้อช่วงหัวไหล่ มือหนารวบเอวบางไว้ด้วยมือเดียว ก่อนจะขบกัดลงไปและสร้างรอยแสดงความเป็นเจ้าของร่างนี้ไปทั่วลำคอ



“อึก..อ๊ะ...อ๊า!!”  เอวหนากระแทกกายเข้าออกในร่างบางรัวแรงจนอีกคนต้องทิ้งตัวพิงอกกว้าง แขนแกร่งกอดรัดเอวเล็กเอาไว้แน่นและออกแรงกระแทกไม่หยุด ดวงตาฉ่ำน้ำมองไปยังกระจกบานใหญ่ ภาพแกนกายใหญ่ที่กระซวกเข้าออกในช่องทางรักของตัวเองทำเอาเสียวจนต้องหลับตาแน่น



“อื้อ..ม..มันเสียว ซี๊ดด”



“จำเอาไว้ อย่าให้กูเห็นอีก...ซี๊ด จำเอาไว้ ว่ามึงไม่มีทางหนีกูพ้นไอ้เมล”



 “อ๊า!!” 



ทัพหน้าที่จับร่างบางนอนลงไปบนโซฟา และจัดการจับขาที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นพาดบนข้อพับแขนก่อนจะสอดกายเข้าไปจนสุดในทีเดียว ขยับเอวกระแทกรัวแรงจนต้องร้องครางออกมาไม่หยุด กดจูบขบเม้มไปตามต้นขาขาวก่อนจะคว้าเอาแกนกายเล็กมารูดรั้งแรงๆ พร้อมๆกับกดกายบดเข้าไปจนสุดกระแทกลงไปอย่างหนักหน่วง และสุดท้ายก็กระตุกเกร็งร่างก่อนจะปลดปล่อยเข้าไปในช่องทางด้านหลังพร้อมๆกับที่ร่างบางกระตุกเกร็งปลดปล่อยออกมาพร้อมๆกัน เสียงหอบหายใจดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้องอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกเหนื่อยอ่อนจนแทบจะลืมตาไม่อยู่  หากแต่แว่วเสียงข้างหูยังคงได้ยินชัดแม้ว่าใกล้จะหลับแล้วเต็มที่



“จำเอาไว้ว่ามึงอย่าแรดให้ใครมาจับตัวมึงได้...นอกจากกู”



.

.

.



ผมที่สะดุ้งตื่นในช่วงสายของวันต่อมา รู้สึกไม่ต่างจากวันก่อนๆคือความเจ็บร้าวไปทั้งตัวและช่องทางด้านหลังที่แสบมากเป็นพิเศษ แต่วันนี้ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือความอบอุ่นที่กำลังโอบล้อมอยู่ตอนนี้ ปรือตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะต้องสะดุ้งเต็มตาเมื่อรู้ว่ากำลังโดนใครบางคนกอดอยู่  คนข้างตัวที่ยกแขนชันหัวและจ้องหน้ากันนิ่งๆทำเอาตกใจยิ่งกว่าเห็นผี



“นึกว่าโดนเอาจนตาย นอนนานจนขึ้นอืด”



“สัด โอ๊ย”  ด่ามันออกไปแบบนั้นก็ต้องร้องออกมาเมื่อมันตบเข้ามาที่ปากแรงๆแบบไม่ได้ออมแรงเลยสักนิด



“ปากดีนัก” จ้องตาอีกฝ่ายที่ยังคงมีแววหงุดหงิดแต่ไม่มากเท่าเมื่อคืน และพอคิดออกมาแบบนั้นก็ต้องเสตาหลบ คำพูดเมื่อคืนยังดังอยู่ในหัว  คำพูดที่อยากจะแอบคิดเข้าข้างตัวเอง  ...



ทำไมเหมือนมันกำลังหวง...



‘ครืด ครืด’



และก่อนที่จะมีใครได้พูดอะไรออกมา แรงสั่นจากโทรศัพท์มือถือของทัพหน้าที่ดังอยู่ที่หัวเตียงก็ทำให้อีกฝ่ายต้องผละตัวออกไปหยิบมารับ



“ฮัลโหล”   



เสียงเข้มที่กรอกลงไปตอบรับปลายสาย ใบหน้าหล่อคมที่มักจะตีหน้านิ่ง ตอนนี้เงียบฟังเสียงของคู่สนทนานิ่งๆ หากแต่คิ้วของอีกฝ่ายเริ่มจะขมวดเข้าหากันช้าๆ



มีเรื่องอะไร?



“ผมจะไปเดี๋ยวนี้” 



เสียงเข้มที่ตอบรับปลายสายออกไปเพียงเท่านั้นก่อนจะกดวางสายและก็รีบลุกพรวดพราดออกไปจากเตียงจนผมไม่เข้าใจ  เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงดูรีบร้อนขนาดนี้   ผมที่ค่อยๆยันตัวลุกออกจากเตียง มองเห็นอีกฝ่ายที่เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว และกลับออกมาด้วยชุดที่เตรียมตัวจะออกไปข้างนอกในอีกไม่กี่นาทีต่อมา



“เอ่อ...มีอะไรหรอวะ?”



ก็แค่เป็นห่วง ผมไม่เคยเห็นมันทำหน้าตาเคร่งเครียดแบบนี้มาก่อนเลย เพราะแบบนั้นเลยพยายามลากสังขารตัวเองเข้าไปใกล้ๆและถามออกไปแบบนั้น หากแต่มันไม่ตอบอะไรกลับมา รีบเดินไปหยิบนู่นนี่นั่น และเป็นผมเองที่ไม่เข้าใจกับการกระทำของมันเลย



“นีมึง เป็นอะไ....”



“แล้วมึงเสือกเหี้ยอะไรด้วย!”  มันที่ตะหวาดออกมาแบบนั้น แล้วหันมาจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่ผมคุ้นเคย ... เกลียดชัง



“กูก็แค่....”



“กูกำลังรีบ! กำลังรีบไปดูณราชา คนที่มึงวางแผนฆ่าเขาไง ใช่แล้วตอนนี้เค้ากำลังจะตาย หมอบอกว่าณราชากำลังช็อคมึงได้ยินไหมไอ้ฆาตกร!!”



ฝ่ามือหนาที่ตรงเข้ามาจับแขนของผมทั้งสองข้างและออกแรงเขย่าเต็มแรง ตัวของผมที่สั่นคลอนไปเพราะแรงเขย่าจากความโกรธของอีกฝ่าย สายตาที่ไม่ต่างจากเหล็กร้อนๆที่ส่งมาที่ผม เหมือนมันกำลังบาดไปที่เนื้อตัว และหัวใจของผมให้กลายเป็นแผลสดที่เหวอะหว่ะ ทั้งเจ็บ ทั้งแสบร้อน



“กูเกลียดมึงไอ้เมล กูเกลียดมึง!”




เสียงเข้มที่ตะโกนออกมาใส่หน้าผม พร้อมๆกับน้ำตาของผมที่ไหลลงและตัวของผมที่ถูกโยนไปบนพื้นไม่ต่างจากขยะที่อีกฝ่ายรังเกียจ มันที่เดินหันหลังออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน ไม่ได้เสียเวลาที่จะมองมาที่ผมเลยแม้แต่วินาทีเดียว



น้ำตาของผมไหลลงมา ได้แต่นอนนิ่งๆสะอึกสะอื้นอยู่ที่พื้นห้องแบบนั้น



ผมกำลังเสียใจ  เสียใจมากที่สุด ... ไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ ผมกำลังหัวใจพองโตด้วยการเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายคงหวงกัน แต่ผมเองมันลืมไปว่า ตัวผมเองเป็นอะไรสำหรับมัน



เหมือนไม่กี่วินาทีก่อนกำลังนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ รถไฟที่พาเราทะยานขึ้นไปในจุดที่สูงที่สุด ทั้งตื่นเต้น ทั้งอิ่มใจ แต่เราคงลืมไปว่ารถไฟเหาะ มันไม่ได้จอดอยู่แค่ตรงนี้ ... และอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ผมก็ถูกรถไฟเหาะกระชากลงมาจากจุดที่สูงที่สุดลงมาสู่พื้นล่าง....ที่มันเรียกว่า ความจริง ...




--------------TBC---------------



ดีจ้า! ​... มาอีกแล้ว จริงๆตั้งใจจะลง2ตอน แต่ทำไม่ได้ วอนคนอ่านอย่าด่า เพราะปวดหัวมากเลย ไม่รู้เป็นอะไร  แคทปวดด้านหลังหัวฝั่งขวามาเป็นอาทิตย์แล้วค่ะ เลยทำให้เขียนงานช้าอ่ะ ถามว่าไปหาหมอยัง คือยัง กลัวอ่ะ  แต่ถ้าไม่ไหว อีกสักพักจะไปแล้วค่ะ... ตอนนี้ในใจคือห้ามตาย เพราะพี่ทัพน้องเมลยังไม่รักกัน 5555+

ตอนนี้ก็คือ กำเลือดและยาดมไว้ให้พร้อมแล้วกรี๊ดร้องพร้อมๆกันจ้าาา

อิพี่! อิคนรว๊ายๆ  :z3:

ปล.แคทขอขอบคุณคุณ Yysll ที่เข้ามาคอมเม้นท์ให้แคทด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ ดีใจ นึกว่าจะไม่มีใครมาอ่านซะแล้ว

 :เฮ้อ: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่6* {20.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 21-10-2018 09:51:37
ไม่ได้ตั้งใจแต่ก็หายอีกแล้วอะ ฮืออ

แต่เรากลับมาอีกแล้วน้าาา 

เฮียทัพดุจังอะฮืออ แต่น้องเมลก็สู้ดีค่ะ ชอบ!! ชอบนายเอดไม่อ่อนแอ 555555 แต่นายเอกคุณแคทก็ไม่เคยอ่อนแอนี่นา สู้ๆนะน้อง ตอนนี้อดทนไปกาอน อนาคตอาจได้เอาคืน เฮียก็น้าา จะแก้แค้นเค้าแล้วจะมาหวงทำมายยย เอาใจช่วยณราชาให้ฟื้นด้วย สังคมต้องการความจริง 5555

สุดท้ายนี้ นังเหลือง แก!!!
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่7* {27.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 27-10-2018 20:23:26



บทที่7





สุดท้ายแล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้ไปมหาลัย อาจเป็นเพราะร้องไห้หนักเกินไปจนปวดหัว หรือเพราะโดนเอาแรงเกินไปจนไข้กลับ คิดเอาเองว่ามันต้องเป็นสาเหตุมาจากสองเรื่องนี้แน่ๆแหล่ะ แล้วเพราะแบบนั้นวันนี้ก็เลยนอนซมอยู่บนเตียงตั้งแต่ที่ไอ้ทัพมันออกจากห้องไปแบบรีบร้อนเมื่อเช้านี้ ผมที่ตื่นมาในช่วงบ่ายๆของวัน เห็นข้อความแจ้งเตือนจากไอ้บินราวๆยี่สิบข้อความและสายที่ไม่ได้รับอีกมากมาย  คิดว่าบินมันคงเป็นห่วงเพราะเมื่อวานผมก็หายตัวออกมาแบบนั้น แต่ผมยังไม่อยากคุยกับมันในตอนนี้ ไม่อยากให้มันมาจี้ถามให้ผมต้องตอบ เลยเลือกที่จะทักไลน์ไปบอกไอ้กุ๊กแทนว่าผมไม่สบาย และตอนนี้ปลอดภัยดี ฝากมันบอกไอ้บินด้วยว่าเมื่อวานมีธุระกะทันหัน ไอ้กุ๊กมันตอบกลับมาแค่ว่าให้ผมพักผ่อนดีๆ และไม่ต้องห่วงเรื่องเรียน มันเก็บชีทเรียนไว้ให้แล้ว โอเคสบายใจในระดับหนึ่งในเรื่องของการเรียน  ... ตัดสินใจลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องนอน เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นบ้านหลังนี้เต็มๆตา พอเปิดประตูออกมาก็รู้ได้เลยว่าอาณาจักรทัพหน้ามันยิ่งใหญ่จริงๆ บ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิล์น ทันสมัย แต่ก็ลึกลับน่าค้นหาด้วยสีที่เน้นหนักไปในทางดำและแดง ท่าทางมันจะชอบสีแบบนี้ล่ะมั้ง ก็เหมือนเจ้าของบ้านดี  เดินออกไปด้านนอก มองเห็นพวกชายชุดดำเดินประจำอยู่เป็นจุดๆ น่ากลัวพิลึกยังกับบ้านของมาเฟีย ... และสุดท้ายก็มาหยุดยืนที่สวนทางฝั่งขวาของบ้าน  สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่เหมาะกับหนังหน้าเจ้าของบ้านเลยสักนิด กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้



“ดอกอะไรวะ?” 



ก็คือไม่ได้ฉลาดขนาดนั้นไง ไม่ใช่ผู้ชายสายหวานจะได้มารู้จักดอกนั้นดอกนี้น่ะครับ แต่ถามว่ามันสวยไหม ก็ตอบได้เลยว่ามันสวย มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน ดอกชั้นเดียวรูปแตร ปลายแผ่บาน ขอบกลีบเรียบหรือเป็นคลื่น มีทั้งสีขาว ชมพู เหลือง ส้ม ม่วง น้ำเงิน แดง และสองสีในดอกเดียวกัน ปลูกใส่กระถัง ทั้งจัดแขวนและปลูกลงดินเต็มพื้นเป็นสวนเลยก็ว่าได้ ...



“ดอกพิทูเนียงั้นหรอวะ”  เหลือบไปเห็นป้ายที่ปักไว้ เป็นดอกไม้ที่ชื่อไม่คุ้นเลย



‘เหมียวววว~~’



“หื้ม?” 



เสียงเล็กๆที่ทำให้ต้องก้มลงไปมอง ความรู้สึกนุ่มๆที่คลอเคลียอยู่ตรงปลายเท้าจนต้องย่อตัวลงไปหา ลูกแมวตัวเล็กสีขาวที่ตอนนี้ออกจะไม่ขาวเท่าไหร่ติดจะมอมแมม เป็นลูกแมวที่หน้าตามึนๆ เป็นแมวเด็กที่หน้าตาโคตรน่าตี



“ไอ้ตัวเล็ก มึงมาอยู่นี่ได้ไงเนี่ย”



ถามมันออกไปแบบนั้นแล้วก็ต้องหลุดยิ้มตอนที่มันเข้ามาเลียมืออ้อนๆ ดวงตากลมบ๊อกของมันที่เงยมามองหน้ากันพร้อมเอียงหน้าไปซ้ายทีขวาที



“หื้มว่าไงไอ้ลูกแมว มาอยู่นี่ได้ไง ไม่กลัวถูกไอ้เชอร์รี่แดกหรอ ที่นี่มีแต่ตัวน่ากลัวนะมึง”



ยิ้มให้มันแล้วยกมือขึ้นขยี้หัวมัน ขนนุ่มๆที่พอลูบแล้วลื่นมือดี ตัดสินใจนั่งลงกับพื้นสนามหญ้าที่รอบๆก็มีดอกไม้กระจายตัวเต็มไปหมด ลมเอื่อยๆที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเมื่อเช้าเยอะเลย



‘พรึบ’



“หื้ม เอางี้เลยหรอมึง”



ก้มลงไปมองลูกแมวตัวม่อมที่มันกระโดดมานั่งบนตักของผม ซุกๆหน้าเข้าที่ท้องแบบอ้อนๆ เอ็นดูกับความน่ารักของมัน เป็นลูกแมวที่อายุน่าจะประมาณสักสามสี่เดือน



“มึงหลงมาหรอ เหมือนกูเลย หลง...แต่เป็นหลงรักเจ้าของบ้านหลังนี้ว่ะ ฮ่าๆ โคตรแย่” 



ว่าขำๆออกไปแบบนั้นทั้งๆที่ตอนนี้ไม่ค่อยจะขำเท่าไหร่ ก่อนจะอุ้มมันขึ้นมากอดไว้ ... ถ้าถามว่าความรู้สึกแย่ไหม ก็คงตอบได้เลยว่าแม่งก็แย่จริงๆ ยังจำสายตาของไอ้ทัพที่มองมาที่ผมเมื่อเช้าได้อยู่เลย ได้แต่ถามตัวเองอยู่ซ้ำๆว่าผมถูกคนที่ผมรักมองผมด้วยสายตาแบบนี้มากี่ครั้งแล้วกันวะ มันไม่สนุกและมันก็ไม่ตลกเลยที่ต้องมารู้สึกแบบนี้ เป็นความรู้สึกที่โคตรแย่ สายตาของมันที่มองมาที่ผมอ่านได้ว่าผมเป็นคนผิด สายตาของมันที่บอกผมว่ามันเกลียดผม เป็นความรู้สึกที่กำลังถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเข้าที่หัวใจ ค่อยๆบีบแรงขึ้นๆ ทั้งอึดอัดทั้งเจ็บแต่ก็คว้ามือนั้นแล้วกระชากทิ้งไปไม่ได้เหมือนกัน ... มันแย่นะ กับการที่เรารักคนที่ไม่รักเรา .. แต่ชีวิตผมเศร้ากว่ามากนั้นหน่อยตรงที่ ผมรัก...รักคนที่เค้าไม่คิดจะรักแถมยังคิดว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เค้าต้องเสียเมียและลูกของเขาไป ...



‘เมี๊ยววว’



ก้มมองลูกแมวที่มองผมงงๆก่อนที่มันจะร้องออกมาแบบนั้น ใบหน้าเล็กๆของมันที่มีขนนิ่มๆสีขาว มันตรงเอาหน้ามาถูแถวๆมือของผมพร้อมช้อนตามองหน้า สายตาแป๋วแหววของมันเหมือนกำลังบอกผมว่าอย่าร้องนะ อย่าเสียใจนะ พอเห็นแบบนั้นแล้วก็อดที่จะเผลอยิ้มออกมาไม่ได้



“ทำไม สงสารกูหรอ ปลอบกูรึไงไอ้หนู”



ว่าออกไปแบบนั้นแล้วก็ลูบหัวมันเล่น มันเป็นลูกแมวที่หน้าตาน่ารักน่าตี แถมมันก็ปล่อยให้ผมเล่นหัวเล่นหางอย่างว่าง่าย มองหาป้ายชื่อแถวคอมันก็ไม่มีที่ขาหน้าขาหลังก็ไม่มี คิดว่ามันคงเป็นลูกแมวที่แม่มันคลอดแล้วทิ้งไว้แน่ๆ



“ตัวแค่นี้ ถ้าปล่อยไปมึงจะตายไหมเนี่ย แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านกูว่ะ กูเลี้ยงมึงไม่ได้หรอก”



‘เมี๊ยววว เมียวว’



“ยัง ยังจะมาร้องอ้อนกูอีก อย่ามาตีหน้าเศร้าใส่กูน้า” 



พอบอกแบบนั้นมันยิ่งทำหน้าเศร้าๆ กระพริบตาปริบๆใส่ไปอีก แม่ม ... ทำแบบนี้แล้วมีความแพ้ กูต้องแพ้แน่ๆเลย แต่จะให้กูทำไงอ่ะ ถ้าเลี้ยงมึงแล้วไอ้ทัพบ้านั่นจับได้ มันต้องแดกหัวกูแน่ๆเลย แดกหัวกูเสร็จแล้วแดกหัวมึงต่อเลยนะไอ้ลูกแมว



“มึงนี่นะ ขี้อ้อน ไอ้แมวหลงเอ๊ย” 



ยกมือขึ้นขยี้หัวมันอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะอุ้มไอ้ลูกหลงนี่ให้ขึ้นมาจ้องตากัน ตัวของมันก็นิดเดียวเอง ขืนปล่อยไปต้องตายแน่ๆเลย เอาไงดีวะ...



“ทำอะไร”



“เชี่ย!”



สะดุ้งตกใจจนเกือบทำลูกแมวล่วงออกจากมือ หันหลังกลับไปมองก็เห็นเจ้าของบ้านยืนกอดอกเอาหลังพิงอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ที่ไม่ไกลกัน มันที่มองกันอยู่ก่อนแล้วมองจ้องมาที่ผมก่อนจะปลายตามามองสิ่งมีชีวิตเล็กๆในมือของผมนิ่งๆ ... ชิพหาย ซ่อนน้องแมวไม่ทัน



“นั่นมันตัวบ้าอะไร?”



“เปล่า”  ตอบออกไปแบบหน้ามึนๆแล้วกูก็จับยัดลูกน้องแมวเข้าไปไว้ในเสื้อแม่มเลย



“ตอแหล แล้วมึงจะยัดมันเข้าไปในพุงมึงทำไม”



“พุงเชี่ยไร กูออกจะผอมบาง ไม่มีพุงเว้ย!”



“ปัญญาอ่อน” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นก่อนที่จะสาวเท้าเข้ามาใกล้ เห็นหน้ามันแล้วรู้สึกอึดอัดหน่อยๆ หรือเอาจริงๆก็คือตอนนี้ยังไม่พร้อมอยากเจอหน้ามัน ... ใครแม่งจะอยากเจอคนใจร้ายแบบมันกันวะ



“เห้ยๆ ไอ้บ้ากาม จะทำไรวะ” 



รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ พร้อมที่ฝ่ามือหนากระชากตัวผมให้เข้าไปหาและเลื่อนมือเข้ามาในเสื้อตัวโคร่งที่ผมใส่อยู่ พยายามจะดิ้นหนีแต่อีกฝ่ายก็จับไม่ปล่อย



“เอามันออกมา เดี๋ยวมันก็ตายไอ้โง่!”  ตะคอกออกมาเสียงดังแล้วคว้าเข้าที่หลังคอของลูกแมวสีขาวเต็มแรง



“เชี่ยๆๆ เบาๆสิโว้ย งื้อ ไอ้หลงมึงเจ็บไหม ไอ้เชี่ยทัพหน้าไอ้ใจร้าย!”  ตะโกนด่าแบบไม่ไว้หน้า เมื่ออีกฝ่ายยังคงจับที่หลังคอของลูกแมวไว้ด้วยมือข้างเดียว ไอ้ตัวเล็กที่เอาแต่ร้องแง้วๆดิ้นไปดิ้นมา น่าสงสาร



‘แง้วๆ เมี้ยวววว~’



 “ประสาททั้งคนทั้งไอ้ตัวสั้น”  มันที่ว่าแบบนั้นแล้วยื่นมือมาผลักหัวผมจนหน้าทิ่ม ก่อนที่มันจะเดินหนีหายไปพร้อมกับลูกแมวตัวนั้น



“มึงจะเอาไอ้หลงไปไหน! ... เชี่ย อย่าบอกว่ามึงจะโยนมันเข้ากรงไอ้เชอร์รี่นะ ไอ้ทัพหน้า อย่านะโว้ย!”  ตะโกนตามมันไปพร้อมๆกับขาที่ก็เริ่มออกแรงวิ่งเท่าที่สารร่างตอนนี้จะอำนวยตามมันไป



‘พลัก’



“เชี่ยทัพหน้า!”  ชนเข้าเต็มๆคือหลังของแม่ง หยุดเดินก็ไม่เอื้อนเอ่ยบอกกูสักคำ นี่หลังหรือกำแพงเมืองจีน ชนเข้าทีหน้ากูยุบ



“อะไร”   มันที่ปลายตามามองนิดๆแล้วพูดออกมาด้วยเสียงนิ่งๆ



“มึงจะเอาไอ้หลงไปไหน มึงอย่าฆ่ามันนะ”



“เรื่องของกู”



“เห้ยไม่ได้ดิ กูเจอมันอ่ะ ถ้ามึงไม่ชอบมัน กูขอๆ กูไม่เลี้ยงไว้ที่คฤหาสมึงก็ได้ เดี๋ยวกูเอาไปฝากไอ้บินเลี้ยง มันชอบแมว มึงปล่อยมันก่อนดิ มันเจ็บ” 



บอกมันออกไปแบบนั้นแต่อีกคนกลับยิ่งกำคอลูกแมวแรงขึ้น ไอ้หลงที่ตาเหลือกขึ้นมาในตอนนั้น ทำเอาผมตกใจ รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาทันทีตอนที่เห็นลูกแมวเริ่มดิ้น คิดถึงตัวเองที่เคยโดนมันบีบคอ ความรู้สึกที่ไร้ทางสู้และเริ่มหายใจไม่ออกจนเหมือนจะตาย



“ไอ้ทัพ มันเจ็บมึงปล่อย กูขอร้องนะ นะทัพ”  ยกมือขึ้นไหว้มันพลางพยายามที่จะดึงมือมันออกจากลูกแมวที่น่าสงสาร



“มันเป็นแมวที่โผล่มาในบ้านกูแล้วเป็นเชี่ยอะไรทำไมต้องเอาไปฝากให้ไอ้โย่งนั่นดู!” 



ตะคอกออกมาเสียงดังพลางโยนไอ้หลงมาใส่ผม โชคดีที่ผมวิ่งไปรับมันได้ทัน ก้มมองลูกแมวตัวเล็กๆที่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมอกของผม น้ำตาคลอขึ้นมาทันทีตอนที่เห็นแบบนั้น สงสาร ผมสงสารมัน เห็นมันแล้วยิ่งคิดถึงตัวเอง มันไม่มีทางไป และมันก็ไม่มีทางหนี



ช้อนตาขึ้นไปมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังทำท่าทางหงุดหงิดและจ้องตรงมาที่ผมแบบโกรธๆ ... และกูเองก็โกรธเหมือนกันไอ้เหี้ย!



“มึงมันเหี้ย! มึงมันใจร้ายที่สุดเลยไอ้สัด!!”



กำมือแน่นก่อนจะตะโกนใส่คนตรงหน้าด้วยเสียงที่ดังกว่าจนลูกน้องของมันที่ประจำอยู่ตามจุดในคฤหาสของมันต้องขยับตัวโผล่หน้าออกมาจากจุดที่แอบอยู่ คงจะคิดว่าเจ้านายมันถูกลอบฆ่า เหอะ ใครแม่งจะมาฆ่าไอ้ห่านี่ได้ มีแต่มันนั่นแหล่ะที่จะฆ่าคนอื่นเค้าได้ ฮึก...ไอ้ใจ ไอ้ป่าเถื่อน



เดินหนีออกมาจากมัน ไม่อยากเห็นหน้ามันแล้ว ไอ้สัด ลูกแมวตัวนิดเดียวมึงก็ทำร้ายได้  ... ใจกูก็นิดเดียวเหมือนกันมึงก็ทำร้ายได้ ไอ้สัดเอ๊ย



“ฮึก เจ็บไหมไอ้หลง ตกใจมากหรือเปล่า” 



วิ่งหนีออกมาหลบอยู่ที่มุมๆหนึ่งของด้านข้างของบ้าน ก้มหน้าลงไปถามเจ้าลูกแมวเด็กที่ร้องออกมาด้วยเสียงเบาๆ ยื่นมือไปลูบหัวลูบหางปลอบมัน แล้วอยู่ๆน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาซะแบบนั้น ไม่รู้ว่าผมกำลังรู้สึกยังไง แค่อยากร้องไห้ตอนที่เห็นไอ้ทัพมันบีบมือแน่นขึ้นเมื่อกี้ สายตาที่มองตรงมาที่ผมแล้วบอกว่ามันกำลังโกรธ เหมือนมันโกรธผมแล้วเอาไปลงที่ไอ้หลง ...เรื่องตั้งแต่เมื่อเช้ามันโถมเข้ามาในความรู้สึกไปหมดในตอนนี้ ถ้าจะพูดให้ถูกว่าการสงสารแมวเป็นแค่ข้ออ้างในการร้องไห้ตอนนี้ก็คงจะถูก



“ฮึก ใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย แค่ไม่รักทำไมต้องทำร้ายด้วยวะ ฮึก...” 



นั่งยองๆกอดลูกแมวตัวเล็กไว้แนบอกแน่นๆแล้วก็ค่อยๆปล่อยน้ำตาออกมาให้ไหลอย่างสุดจะทน ก็แค่สงสัยว่า แค่ไม่รักทำไมต้องทำร้ายด้วย ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆก็มีหัวใจเหมือนกัน



“ไม่ต้องกลัวนะ ฮึก เมลจะปกป้องแกเอง ฮึก ฮื่อ” 



ว่าออกไปด้วยเสียงสั่นๆทั้งยังสะอึกสะอื้นจนไหล่สั่น นั่งยองๆขดเป็นก้อนกลมๆเล็กๆอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่มีทางหนีออกไปได้...หรือถ้าจะพูดให้ถูก ก็คือไม่มีทางหนีหัวใจตัวเองออกไปจากบ้านหลังนี้ได้มากกว่า



 ร่างสูงของทัพหน้าที่เดินหงุดหงิดตามคนที่อุ้มลูกแมววิ่งหนีมาอย่างหัวเสีย กล้าดียังไงมาด่ากันแล้ววิ่งหนีไปแบบนั้น  แล้วกล้าดียังไงกล้ามาพูดถึงไอ้โย่งนั่น บอกแล้วไม่จำ ทำโทษแล้วก็ยังดื้อด้าน น่าโมโหที่สุด ... ถ้าเจออยากจะตบให้หน้าหัน  เดินตามคนร่างบางออกมาตั้งใจจะอ้าปากด่าแต่ก็ต้องหยุดชะงัก ทัพหน้าที่ยืนนิ่งๆมองคนตัวบางที่นั่งสะอื้นน้ำตาไหลกอดลูกแมวตัวมอมแมมร้องไห้อยู่ตรงนั้นอย่างน่าสงสาร  คำพูดที่บอกจะปกป้องไอ้ลูกแมวนั่น พอได้ยินแล้วอยากจะขำออกมาดังๆ   



“มึงจะปกป้องใครได้วะ ขนาดปกป้องตัวเองมึงยังทำไม่ได้เลย” 



ได้แต่บ่นออกมาเบาๆไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน  จ้องมองนิ่งๆไปที่คนที่เอาแต่ลูบหัวลูบหางปลอบเจ้าแมวอัปลักษณ์นั่น มันจะตกใจอะไรนักหนา ท่าหยิบหลังคอมันก็เป็นท่าจับแมวอยู่แล้วป๊ะวะ ไอ้โง่เอ๊ย



“ไม่ต้องตกใจนะไอ้หลง ฮึก...กูจะแอบเอามึงไปให้ไอ้บินเลี้ยง ฮึก มึงจะได้สบายๆนะ”



“มึงยังอีกนะ!” 



พอได้ยินแบบนั้นแล้วมันหงุดหงิดพิกลจนต้องโพล่งออกมาแล้วเดินออกมาจากมุมที่แอบยืนดูมันอยู่ มองเห็นไอ้เมลที่สะดุ้งตกใจกับเสียงของผม มันที่ทำหน้าเหวอออกมาพร้อมหันมองมาตาโต ทั้งๆที่ตอนนี้หน้าของมันก็เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา



“อัปลักษณ์จริงๆ” 



ว่าออกมาแบบนั้น ไอ้เมลที่กอดไอ้ตัวสั้นอยู่ก็สะบัดหน้าหนีพลางลุกขึ้นยืน ทำท่าสะดีดสะดิ้งกูอยากจะตบสักทีจริงๆ



“หยุดเลยนะ ถ้ามึงเดินหนีกูอีกกูตบมึงนะเมล” มันที่ชะงักขาตัวเองไปนิดนึง แต่ก็เลือกจะเดินหนี สัด!



“ดื้อด้าน....ถ้ากูจับได้กูจะโยนไอ้สั้นนั่นเข้ากรงไอ้เชอร์รี่แล้วเอาแม่งไปทอดกรอบในกะทะ”   ว่าออกไปแบบนั้น ไอ้เมลก็หยุดเดินทันที มันที่หันมามองค้อนผมด้วยตาแดงๆของมัน ปากบางๆของมันที่เม้มเข้าหากันจนแน่น



“อะไร มองกูแบ...”



“มึงแม่งใจร้ายไอ้เหี้ย! ทำไมวะ ฮึก มึงไม่รักมันทำไมต้องทำร้ายด้วย ฮึก ฮื่อ ใจ....ใจร้...”



“แล้วมึงจะร้องไห้ทำเหี้ยอะไร” 



อ้าปากด่าคนที่ตอนนี้ดูจะงี่เง่าเป็นพิเศษ มันที่กอดไอ้สั้นนั่นเอาไว้แนบอกด้วยมือข้างเดียวของมัน ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นมาขยี้ตา มันที่พยายามจะทำให้ตัวเองหยุดร้องไห้ทั้งๆที่ก็ยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด ผมที่มองมันนิ่งๆด้วยความรู้สึกหลากหลายจากภาพตรงหน้าที่กำลังมองเห็น แต่หนึ่งความรู้สึกที่ชัดขึ้นมาในใจตอนนี้ก็คือสงสัย



มันที่ไม่เคยสู้อะไรผมได้เลย



มันที่กำลังกอดลูกแมวตัวเล็กๆไว้เพราะสงสาร



มันที่บอกจะปกป้องทั้งๆที่ตัวเองทำไม่ได้



และมัน ... มันที่ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กตัวเล็กๆอยู่ตอนนี้



คนแบบนี้เนี่ยหรอ ... ที่เป็นคนสั่งฆ่าณราชา



.

.

.





“เลิกร้องไห้สักทีสิวะ...”



เสียงทุ้มเข้มที่ดังขึ้นอย่างไม่พอใจไม่ทำให้ผมหยุดร้องได้หรอก ก็จะให้หยุดได้ยังไงวะ ก็กูกำลังเสียใจ คนเสียใจแล้วร้องไห้ อยู่ๆจะมาสั่งให้หยุดเป็นสวิชซ์ปิดเปิดไฟมันได้หรอ ความรู้สึกคนนะแม่ง อยากจะเงยหน้าขึ้นไปอ้าปากเถียง แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเสียงเข้มๆที่ดังอยู่ใกล้ตัวมากจนต้องตกใจ



ความรู้สึกอุ่นๆที่มาพร้อมอ้อมแขนแข็งแรงที่ดึงเอาตัวผมเข้าไปกอดไว้ ไม่เข้าใจเลยว่านี่มันคืออะไร ทำไปทำไม ... รู้แค่ตอนที่ถูกดึงเข้าไปกอดแบบนั้น น้ำตาที่พยายามจะทำให้หยุดเมื่อก่อนหน้านี้มันก็พัง พังและแพ้แบบไม่เคยชนะ ผมที่สะอึกสะอื้นออกมาหนักๆแบบไม่ไหวจะทน ได้แต่ซุกหน้าเข้าไปที่อกของคนตรงหน้า แล้วกอดมันด้วยแขนข้างเดียวที่เหลืออยู่ มันที่ไม่ได้ถีบผมออกจากตัว แค่ยืนนิ่งๆปล่อยให้ผมร้องไห้ใส่อกและกอดมันอยู่แบบนี้



“มึงแม่งน่ารำคาญจริงๆไอ้เหี้ยเมล”



“ฮึก อึก...มึง ฮื่อ ก็น่ารำคาญเหมือนกัน อึก ฮึก”



“ชู่ว หุบปากน่า”



...





“ทำไมกูต้องไปด้วยวะ จะไปไหนก็ไปคนเดียวดิ กูจะอยู่กับไอ้หลง”



“หุบปาก กูสั่งให้ทำอะไรมึงก็ต้องทำ”  มันที่กระชากแขนของผมให้เดินตามมันไป ก่อนที่มันจะเป็นคนเปิดประตูรถมัสแตงสีแดงฝั่งข้างคนขับเปิดออกแล้วยัดผมเข้าไปด้วยแรงที่เรียกได้ว่าไม่เบา



“แม่ง อยากจะรู้ว่าถ้าเป็นณราชามึงจะกล้าทำแบบนี้กับเค้าไหม”



‘ปัง’



“เหอะ ถามไม่คิด ถ้าเป็นณราชากูคงทำแบบนี้กับเค้าหรอก” 



มันที่ปิดประตูรถเรียบร้อยพูดออกมาแบบนั้น เสือกหูดีได้ยินอีก ถึงมึงไม่บอกกูก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าเป็นเขา มึงต้องไม่กล้าทำอะไรรุนแรงหรอก แต่พอมาได้ยินกับปากมึงพูดแบบนี้ ... ก็เจ็บดี



“ก็ใช่ไง กูไม่ใช่เขานิ”



“บ่นเหี้ยอะไร” 



ผมเลือกที่จะไม่ตอบก่อนจะคว้าสายนิรภัยมาคาดเอาไว้แล้วนั่งหันหน้าออกไปนอกตัวรถแทน มันที่เห็นแบบนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ แค่เข้าเกียร์และเหยียบคันเร่งออกไปก็แค่นั้น  ... รถมัสแตงสีแดงเครื่องแรงเพราะเจ้าของมันแต่งมาเยอะทะยานออกไปสู่ท้องถนนในช่วงเวลาประมาณสามทุ่ม เป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่งรถคันนี้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่ผมได้นั่งรถที่มันเป็นคนขับเอง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันกำลังจะพาผมไปไหน หลังจากเกิดเหตุการณ์น่าตื่นตกใจเมื่อตอนบ่าย หลังจากนั้นก็ต่างคนต่างอยู่ มันอนุญาตให้ผมเลี้ยงไอ้หลงได้ และกำชับอีกว่า...



“ถ้ามึงเอาไอ้สั้นนี่ไปให้ไอ้โย่งนั่นเจอ กูจะโยนไอ้สั้นนี่เข้ากรงไอ้เชอร์รี่” สัด นิสัยเสียจริงๆ ไอ้หลงออกจะน่ารักเรียกไอ้สั้นอยู่ได้ โรคจิต เอะอ่ะจะจับให้สิงโตตัวเองแดกอย่างเดียวเลย



“แล้วเป็นห่าอะไรทำไมไม่พูด”



“พูดมึงก็รำคาญ ไม่พูดมึงก็รำคาญ กูทำเชี่ยไรมึงก็รำคาญหมดนั่นแหล่ะ”



“ปากดีนักนะมึง”



“ดีหมดแหล่ะกูอ่ะ”  รำคาญๆ ทำอะไรก็ไม่ได้ นี่ขนาดกูนั่งเงียบๆแล้วยังชวนทะเลาะอยู่ได้ ครั้งนี้เลยเถียงแม่งออกไปเลย ฮึ่ย ไม่มีแล้วไอ้เมลคนร้องไห้ฮื่อๆน่ะ จะมีแต่ไอ้เมลที่เปรี้ยวตีน จำเอาไว้เลย!



“เหอะ ดีหมดห่าอะไร บนเตียงมึงยังไม่เห็นจะไฉไลเท่าไหร่เลยเถอะ”



“ไอ้!...”  หันหน้าจะไปด่า แต่อีกฝ่ายแค่ยักคิ้วใส่และตบไฟเลี้ยวรถเข้าไปในร้านอาหารกึ่งผับกึ่งบาร์แห่งนึงแทน ... มองไปรอบๆไม่คุ้นเคยเอาซะเลย เป็นร้านแถวๆรามอินทรา หรูดูดีและค่อนข้างเป็นส่วนตัวในระดับนึง



“มึงมาที่นี่ทำไมวะ”



“ตามมา” 



ไม่ตอบแถมเดินนำลงจากรถเข้าไปในร้านแบบไม่สนใจอะไรกูเลย  ทำได้แค่เดินตามไปทั้งๆที่ใจอยากจะกวนตีนยืนเขี่ยดินเขี่ยทรายเล่นอยู่แถวนี้ แต่พอเห็นมันที่มองมาด้วยสายตาดุๆ เออ...กูกำลังรีบเดินอยู่นี่ไงวะ กูเจ็บตูดกูอยากฉีกขาเดิน มึงจะให้กูเหาะไปแบบแฮรี่พ็อตเตอร์เรอะ



“ขามึงสั้นตามไอ้สั้นรึไง ชักช้า”



“ของมึงดิสั้น”



“หรอ กูเห็นแทงเข้าไปในตัวมึงที่ไรมันก็ไม่สั้นนะ”



“ไอ้พี่ทัพ!” 



ไอ้เชี่ย หน้าด้านๆๆๆ มันที่ทำหน้าตายตอบเรื่องทะลึ่งกลับมาแบบไม่สะท้าน ก่อนที่วงแขนแข็งแกร่งนั่นจะคว้าเอวผมไว้แล้วดึงรั้งให้ไปเดินใกล้ๆมัน ไม่เข้าใจตั้งท่าจะหันไปสะบัดตัวออก แต่ก็ต้องเงียบเสียงลงเป็นครั้งที่สองที่มันมองมาด้วยสายตาที่อ่านได้ว่า หุบปาก ...



(มีต่อด้านล่างจ้า)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่7* {27.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 27-10-2018 20:25:15
(ต่อจ้าา)




“ต๊ายยยยย ฮัลโหลลล สวัสดีค่ะพี่ทัพขา~~~” 



เสียงเข้มที่พยายามดัดให้กลายเป็นเสียงสองดังมาพร้อมๆกับเจ้าของร่าง ... เอิ่ม ร่างใหญ่ร่างสูงร่างหนา เรียกได้ว่ารวมอยู่ที่คนๆเดียว ... เจ้าของร่างสูงไหล่กว้างที่มีเรือนผมสีทองและใบหน้าหล่อได้รูป มันดูจะขัดหน่อยๆก็ตรงที่ดวงตาคมเข้มตอนนี้ถูกกรีดด้วยอายไลน์เนอร์มาจนคมกริบพร้อมปัดอายแชโดว์ด้วยโทนสีแดงส้ม และทาริมฝีปากด้วยทินท์สีแดงเลือดนก...เขาที่เดินเข้ามาต้อนรับพร้อมทำท่ากระดี้กระด้าเมื่อเห็นหน้าไอ้ทัพ ... เอ่อ นี่มันคือตัวอะไรวะเนี่ย กูขอคำจำกัดความที?



“ไอ้ดาบ ไอ้ปืนมันมายัง”



“กรี๊ดดด ถ้าไม่หล่อจะต่อยให้ปากเจ่อเลยนะคะ ดาบเดิบอะไรกันอ่ะคะ ดานี่ เรียกอีกทีให้ชื่นใจทีสิคะพี่ทัพหน้าขา”



“สัด มึงเลิกวี๊ดว๊ายได้ไหม กูถามก็ตอบสักที”



“ชิๆๆ น่าเบื่อที่สวดรุย ไอ้สัดพี่ปืนมันมาแล้วค่ะ มานั่งทำหน้าโง่ๆอยู่ในห้องวีไอพีโน่น นั่งแดกแอร์แดกเหล้าแดกเด็กฟรีอยู่ที่ตรงนั้นค่ะ” จีบปากจีบคอเล่าอย่างออกรสออกชาติ ก่อนที่คนตรงหน้าจะหรี่ตามามองทางผม แว๊บนึงที่พี่ดาบ เอ้ย พี่ดานี่อะไรนี่มองมาที่ผมด้วยสีหน้านิ่งๆ ดวงตาคู่คมนั้นจ้องมาที่ผมด้วยแววตาของนักล่า ก่อนที่



‘ผลัก’



“จ้องKไรนักไอ้ดาบ”



“กรี๊ดๆ จ้องคงจ้องKอะไรกัน บัดสีไปหมด แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นKพี่ทัพก็ไม่อยากจ้องอย่างเดียว อยากจะจับอยากจะทัช อิอิ”



“เดี๋ยวกูถีบหน้าให้ ถอยไป กูจะไปหาไอ้ปืน”



“อ๊ะๆก็ไปสิคะ ใครห้ามหนา”



“กวนตีนนัก ส่วนมึงก็ตามมา”



“อุ๊ยๆหนีบๆ อุ๊ยๆหวงๆหรอ ใครอ่อคะ?”



“ไม่เสือกไอ้ดาบ”



“กรี๊ดดด ไม่ยุ่งหรอกน่า เลิกเรียกกูดาบสักทีสิคะอิเพื่อนพี่เหี้ยนี่ก็” 



ผมหันไปมองหน้าไอ้ทัพ เห็นมันกรอกตาอย่างหน่ายๆและดึงแขนผมให้เดินตามมันไป แต่ไม่วายขอหันไปหาพี่ดานี่อีกที เห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นโบกบ๊ายบายให้ผมอยู่ตรงนั้น ก่อนดวงตาที่แต่งแต้มด้วยอายแชโดว์สีหวานนั่นจะเปลี่ยนเป็นนิ่งคมและริมฝีปากนั่นจะกระตุกยิ้มมุมปากส่งมาให้ รู้สึกร้อนหน้าแปลกๆจนต้องรีบหันหน้าหนีกลับมา .... เอาตรงๆเลยนะ อิเหี้ย! ตุ๊ดอะไรทำไมหล่อจังวะ แม่งตุ๊ดปลอมแน่ๆ



“มึงเป็นเชี่ยไร ทำไมหน้าแดงๆ”



“แดงเดิงไร คิ๊ดมาก”



“เสียงสูงไอ้สัด อย่าให้รู้ว่ามึงดีลกับเด็กโต๊ะไหนนะ กูจะตบให้”



“ไรเล่า” 



โวะ .... กูจะดีลกับใครล่ะ ตั้งแต่เดินเข้าร้านมาก็แทบจะไม่มีใครกล้ามองมาที่ผมกับมันเลยด้วยซ้ำ จะให้ใครมันกล้ามองล่ะ ไอ้บ้าข้างๆผมนี่ทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าใครตลอดเวลาแบบนี้ ผู้หญิงสวยๆยังหลบตามันเลยครับ



ไอ้ทัพที่เดินขึ้นมาที่ชั้นสาม เป็นโซนของห้องวีไอพี มีห้องอยู่ค่อนข้างเยอะเลยล่ะ มันที่เดินนำผมเข้าไปตรงห้องด้านในสุด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ... เดี๋ยวนะ มันพากูมาทำอะไรวะ



“ทำหน้าอะไรของมึง กูมาหาเพื่อน รีบตามเข้ามาสักที” 



ไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ทำหน้าแบบไหนออกไป แต่อีกฝ่ายก็พูดออกมาแบบนั้นแล้วเป็นมันเองที่จับข้อมือผมไว้แน่นและดึงให้เดินตามกันเข้าไป บรรยากาศภายในห้องไม่ต่างจากห้องคาราโอเกะระดับสูง มีโต๊ะเก้าอี้และอาหารเครื่องดื่มมากมาย และก็มีผู้ชายร่างสูงที่นั่งอยู่กลางโซฟาและมีผู้หญิงที่แต่งกายด้วยชุดน้อยชิ้นสองคนนั่งประกบอยู่ซ้ายขวา  รู้สึกทำหน้าไม่ถูกอยู่หน่อยๆเมื่อคนร่างสูงดูกำลังจะวุ่นวายอยู่กับนมของน้องสองคนนั้น ก็หน้าหล่อที่ซุกอยู่ที่หน้าอกของน้องฝั่งขวา ส่วนมือขวาก็วางอยู่ตรงหน้าขาของน้องฝั่งซ้าย เอ้า...มึงเยกันเลยไหมอ่ะกูถามแค่นี้



“ไอ้สัดปืน!”  และตัวขัดชาวบ้านก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก ... ครับ ไอ้ทัพหน้านี่ไงจะใครล่ะ มันที่ตะโกนด้วยเสียงกึกก้องกัมปนาทจนน้องผู้หญิงทั้งสองคนต้องกรี๊ดออกมาเสียงดัง  และคนที่ชื่อว่าปืนอะไรนั่นก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นิดหน่อย



“จิ๊ พวกชอบขัด พ่อเป็นสก็อตไบร์ทหรอครับ”



“บอกเด็กของมึงออกไปก่อนไป”



“เอ๊ะ รำคาญจริงๆ”



เขาที่บ่นออกมาแบบนั้นแต่ก็ยอมพยักหน้าให้น้องสองคนนั้นออกไปก่อน น้องสองคนที่มองมาทางไอ้ทัพด้วยสายตาอ้อยอิ่ง แหม นี่อะไรครับ น้องกะแดกผู้ชายทุกคนบนโลกเลยไง นี่ไม่ได้หงุดหงิดอะไรนะไม่ได้หึงอะไรเลย ก็แค่สงสัยเฉยๆ



“อ๊ะ แล้วนี่ใครวะ หน้าคุ้นจังเอ่ย” 



ผมที่นั่งลงข้างๆไอ้ทัพและถูกทักขึ้นมาทันที เอ่อ.... ช้อนตามองหน้าไอ้ทัพแบบทำตัวไม่ถูก เพราะไม่เคยคุยกับพี่เค้าเลย แต่ผมรู้จักนะ พอเห็นหน้าชัดๆก็รู้เลย พี่ปืนเพื่อนสนิทไอ้ทัพ สมัยผมอยู่ปี1ผมเห็นพี่เค้าอยู่กับไอ้ทัพตลอด ของดีคณะบริหารมหาลัยเราในสมัยนั้น



“ก็ไอ้นี่ไง ที่กูเล่าให้มึงฟัง”



“เอ๊ ห๊ะ หื้มมม ไอ้เหี้ยใช่จริงหรอวะ”



“เออ มันนี่แหล่ะ”



อะ พูดกันเข้าใจสองคนแล้วมึงพากูมาทำไมกูถามแค่นี้  พี่ปืนที่ยื่นหน้าข้ามไอ้ทัพเข้ามาหาผม ตกใจจนต้องถอยหนี รู้สึกทำตัวไม่ถูกจริงๆ อยู่ๆก็โดนจ้องหน้าแบบนี้



‘แป๊ะ’



“โอ๊ย ไอ้สัด เจ็บนะเว่ย” 



พี่ปืนที่โวยวายออกมาแบบนั้นพร้อมยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ หลังจากโดนไอ้ทัพตบหน้าผากเข้าไปเน้นๆ แต่ก็ขอบใจมากจริงๆ เพราะว่าหลังจากโดนจ้องขนาดนั้นกูก็ทำตัวไม่ถูกกันเลย



“มึงจะจ้องมันทำเหี้ยไรนัก”



“หวงเรอะ?”



“Kเถอะ!”  ชัดถ้อยชัดคำ ก็คือถ้าบอกว่าไอ้ทัพหวงก็คือชาติหน้า และถ้าเป็นชาติหน้าก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีคำว่าหวงเกิดขึ้นรึเปล่าเถอะ



“ว่าแต่เรื่องที่กูบอกให้มึงไปจัดการ มึงจัดการเรียบร้อยรึยัง”



“เหอะ ระดับกู เดี๋ยวมึงรอถามไอ้กุญแจเอาละกัน”



“ก็ดี ไม่ได้เจอน้องแจนานละ วันนี้จะมาไหมวะ” 



ไอ้ทัพหน้าที่ยิ้มออกมาตอนเอ่ยชื่อของบุคคลที่สามทำให้ผมรู้สึกแปลกใจนิดๆกับอาการของมัน  ว่าแต่แจนี่ใครวะ



“มา เดี๋ยวมันก็เข้ามา ส่วนอีกเรื่อง....”  พี่ปืนที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะหันหน้ามามองผมนิดๆ ก่อนจะเสตากลับไปหาไอ้ทัพหน้าแล้วค่อยพูดต่อ



“กูว่า...กูได้กลิ่นตุๆ”



“หรอ”



อะ ... ช่วยใส่บทสนทนาให้กูด้วยกูจะขอบคุณมากครับ แล้วกลิ่นอะไรกันวะ เอาจริงๆกูก็ไม่ได้แอบตดใดๆเลยนะ พี่ปืนแม่งก็หรี่ตามองกูจัง กูเปล่าจริงๆนะเว่ย ... ในช่วงที่กำลังวิตกจริตว่าคนอื่นจะได้กลิ่นตุๆอะไรกัน กลัวว่าเค้าจะคิดว่ากูตดอยู่นั้น



‘แอ๊ดดด’



ประตูห้องที่ถูกเปิดออกจากฝีมือของพี่ดาบ



“ฮายยยย พาเด็กผีมาส่งค่ะหนุ่มๆ”   



พี่ดาบที่ยิ้มกว้างจนตาปิด ก่อนจะดันหลังของใครบางคนให้เดินเข้ามาในห้อง  เด็กหนุ่มร่างเล็กที่เดินเข้ามาในห้องทำเอาผมนิ่งอึ้งหน่อยๆ



“อ้าวกุญแจ



“สวัสดีฮะพี่ทัพหน้า”



คนนี้หรอที่ชื่อกุญแจ เป็นเด็กผู้ชายที่พอมองแล้วมีแต่คำว่า น่ารักๆๆลอยออกมาเต็มไปหมด ใบหน้าน่ารักๆที่พอฉีกยิ้มออกมากว้างๆแล้วดูโลกสดใสไปหมด เป็นคนผิวขาวอมชมพูที่มีแก้ม ไม่ได้อ้วนแต่อวบๆคือแค่มองก็รู้สึกถึงคำว่าน่าฟัด



“พี่ปืนกับพี่ดาบบอกว่าพี่ทัพคิดถึงแจหรอครับ ดีใจจังน้า”



เสียงใสที่ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะเดินเข้ามานั่งลงข้างๆกับพี่ปืน ความรู้สึกที่ว่า กูกลายเป็นคนนอกโถมเข้ามาแบบแปลกๆ ทัพหน้าที่ปกติมันชอบทำหน้าตายแต่ตอนนี้กลับยิ้มออกมา ถึงไม่มากแต่ก็เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ามันกำลังยิ้ม เป็นยิ้มที่มันกำลังมองไปยังเด็กที่พึ่งเข้ามาใหม่ เด็กผู้ชายที่เหมือนสนิทกับทัพหน้าและพี่ปืนมากๆ



“อื้ม พี่ก็คิดถึงแจจริงๆนั่นล่ะ” 



คนข้างๆตัวผมที่ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะยกยิ้มมุมปากส่งไปให้น้องที่กำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมัน และอีกฝ่ายที่ตาเบิกกว้างขึ้นพร้อมๆกับสีหน้าที่ดูจะขัดเขินกับคำพูดนั้น



“ปากหวานจังเลยฮะ”



“มาชิม”



“แอะแฮ่ม พอๆไอ้สัด คุยเหี้ยไรกัน มึงอยากแดกไรไอ้แจ”  พี่ปืนที่กระแอมไอออกมาเสียงดังจนไอ้ทัพต้องส่ายหน้าหน่ายๆส่งไปแบบขัดใจ  ... ขัดใจงั้นหรอวะ?



“เอาข้าวผัดต้มยำไหม พี่จำได้ว่าแจชอบกิน”



“โหยรู้ใจ ไม่เจอกันตั้งนานพี่ทัพยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลย”



“ใช่ ไม่เจอกันตั้งนาน เราโตขึ้นมากเลยนะ แต่แจเองก็น่ารักไม่เปลี่ยนเหมือนกันนะ...แต่ดูเหมือนจะน่ารักขึ้นกว่าเดิมนะ”



หัวใจของผมสั่นๆ ... ไม่ชอบเลย ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เป็นผมคนเดียวที่กำลังรู้สึกอึดอัด ผมได้แต่นั่งเงียบๆฟังบทสนทนาของพวกเขามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว และยิ่งอึดอัดมากขึ้นไปอีกเมื่อน้องแจอะไรนี่เข้ามา อาจเป็นเพราะไอ้ทัพหน้า มันที่ไม่เคยสนใจใยดีใคร แต่ไม่ใช่กับน้องคนนี้ และตอนนี้...พวกเขาก็กำลังคุยกันในเรื่องเก่าๆ เป็นเรื่องราวที่ผมไม่รู้ พูดถึงกันอย่างมีความสุขในความทรงจำที่ผมไม่เคยอยู่ด้วย ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ความรู้สึกที่ว่าผมกำลังกลายเป็นคนนอก ...



จะเรียกว่ายังไง อิจฉาได้ไหม หึงจะได้หรือเปล่า



“พูดเหี้ยอะไรกันนัก เมลมันเงียบเลยเห็นไหม เลิกคุยเรื่องเก่าๆดีกว่าน่า”



พี่ปืนที่พูดขัดไอ้ทัพกับน้องแจนี่เป็นรอบที่สอง ทำให้คนสองคนที่คุยกันทำโลกส่วนตัวเหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมา ทัพหน้าที่หันหน้ามามองผมนิดๆ ก่อนจะเสสายตากลับไปมองหน้าน้องกุญแจ



“จะเงียบไม่เงียบก็เรื่องของมันดิ ... ยังไง กูก็ไม่เคยมีมันในความทรงจำอยู่แล้วไหมวะ”



อื้ม...คงจะใช้คำว่าอิจฉาไม่ได้หึงก็ไม่ได้ เพราะคนแบบผม มันไม่เคยมีสิทธิ์ได้รู้จักกับคำนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว


---------------TBC----------------



สวัสดีจ้าา แคทมาแล้วนะเออ มาพร้อมพี่ทัพน้องเมลเช่นเดิม เพิ่มเติมคือความน่าตบของพี่ทัพและความอยากหอมหัวน้องเมล ... ตอนนี้ตัวละครใหม่มารัวๆเลยคุณเอ๊ย พี่ดาบ เอ้ยพี่ดานี่และน้องกุญแจ เอาละ เธอจะมาดีมาร้ายอะไรยังไง และอีก1ตัวละครสำคัญ น้องหลงงงงงง

อุอิอ๊ะ ฝากทุกคนเป็นกำลังใจด้วยจ้าาา แคทขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ดีๆที่มีให้แคทเสมอเลยนะคะ บงคำชมคือพอได้อ่านแล้วดีใจจนตัวลอยเลย ได้แต่นึกในใจว่านี่ชมแคทแน่หรอวะ บางคำชมแบบดีมากๆจนคิดว่าแคทไม่น่าได้รับ

ขอบคุณสำหรับความห่วงใยมากๆด้วยค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปหาหมอเลยอ่าาา แต่พยายามนอนไวขึ้นค่ะ จากปกตินอนตี3เพราะปั่นอิพี่ทัพ เดี๋ยวนี้ก็คือพยายามไม่เกินตี1ค่ะ มันก็เลิกปวดนะคะ แต่ถ้านอนดึกก็จะปวดอีกล่ะ

ยังไงจะพยายามไปหาหมอ(แม้จะกลัวก็ตาม)

มามะ ขอคอมเม้นท์หน่อยเร้วววว เหมือนคนอ่านน้อยลง ไปไหนกานนนน อย่าไปจากหนูน้าาา (เกาะขา)



ปล. แปะรูปน้องหลง น้อนนนนนน



เมล: ไอ้หลงน่ารักๆมามะๆมาให้พี่เมลหอมหัวหน่อยเร๊ววว

ทัพหน้า: ไม่เห็นจะหน้ารัก ตัวก็สั้นขนก็หลอมแหลมอัปลักษณ์ หน้าตาเหมือนมึงเลยว่ะ

เมล: ปากหมาก็หลบไป อย่ามาว่าน้องกู

ทัพหน้า: เหอะ ไอ้สั้นหน้ามึน

หลง: แง่วๆๆเหมียวววว

ทัพหน้า: เถียงหรอ มึงเถียงหรอไอ้สั้น มาให้กูแดกเลยมา!


(https://www.picz.in.th/images/2018/10/27/37tyVW.jpg)

(https://www.picz.in.th/images/2018/10/27/37tIS2.jpg)


ปล.2 แคทขอขอบคุณ คุณursleepingxd ที่เข้ามาอ่านมาเม้นท์ตอนที่แล้วให้แคทอีกแล้วนะคะ ดีใจจจ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ ดีใจที่ยังมีคนอ่านกันอยู่ ส่วนพี่เหลืองน้านน โถ่ๆ พี่รบนี่คือสนามอารมณ์ ก๊ากกกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่7* {27.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 28-10-2018 00:04:46
fc น้องหลงค่ะ 555555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่7* {27.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 28-10-2018 13:00:10
ทีมน้องหลงค่ะ

นี่ยูเองไงคุณแคท 5555555555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่7* {27.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 28-10-2018 18:55:29
แจใช่รึเปล่า กลิ่นตุๆ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่7* {27.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-11-2018 17:37:14
จร้า พ่อคู๊ณณณณ ตอนนี้ไม่มีเขาอยู่ในความทรงจำ ปากดีอย่างนี้ พอเขาเข้าไปอยู่ในความทรงจำแบบฝังลึก ระวังนะจ๊ะ!! หึหึ!! //เออเว้ย สนุกดีหวะ รวดเดียวแบบกำลังเพลินเลย อยากอ่านต่ออออออออออ รอความจริงเปิดเผย ถ้ารู้ละว่าไม่ใช่ จะรับผิดชอบยังไง หมั่นไส้พี่ท่าน หลายอารมณ์มากกับพี่แก หลายครั้งก็น่าตบแต่พอว่าเขาไม่เคยทำดีอย่างนี้กับใคร เมลเป็นคนแรก ความโกรธก็แผ่วลง ถึงทำร้ายแต่ก็แอบดูแล(หรอ55) จะโกรธก็โกรธไม่สุดมาก รอดูต่อไปความสัมพันธ์ #ทัพเมล //อาาาาาาน้องแมวน่าร๊ากกกกก เมลจะได้มีเพื่อน คึ! //เออออสนุกกกดี มาต่อค่ะมาต่อ รออยู่นะคะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่7* {27.10.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 03-11-2018 20:48:24

บทที่8




 จบจากคำพูดของไอ้ทัพหน้า ผมรับรู้ได้ถึงความเงียบ ความเงียบที่ไม่ใช่แค่ความรู้สึกของผมเท่านั้น แต่มันเงียบไปทั้งห้อง ดูเหมือนทุกคนจะค่อนข้างจะตกใจกับพูดนั้นของไอ้ทัพ แต่สำหรับผมมันไม่น่าแปลกเท่าไหร่ ก็ได้ยินคำพูดแบบนี้จากมันมาจนแทบจะชิน แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังรู้สึกว่าหน้าชาอยู่ดี เป็นสิ่งที่ควรจะชินแต่ก็ไม่เคยชินสักที...



และก็เป็นผมเองที่เลือกจะกระแอมไอออกมานิดหน่อยก่อนจะฉีกยิ้มน้อยๆไปให้คนอื่น ๆ



“อ่ะ อะแฮ่ม ฮ่าๆ ก็ถูกนะ เราไม่เคยรู้จักกันเลยนี่หว่า จะมีความทรงจำดีๆที่ไหนมาให้จำ แต่ถ้าถามถึงความทรงจำเหี้ยๆล่ะก็ ... กูคิดว่ากูกับมึงนี่มีร่วมกันเยอะเลยว่ะ” 



มันที่หันมาจ้องตาผมเขม็งในตอนที่ผมพูดออกไปแบบนั้น มันที่คงกำลังอยากอ้าปากพ่นคำเจ็บแสบอะไรออกมาให้ผมปวดใจอีกก็ไม่รู้



‘พลึบ’



“ปวดฉี่ว่ะ กูขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” 



และแน่นอนว่าผมเลือกที่จะไม่อยู่ฟังอีกต่อไป เด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาอย่างแรง ถ้าตอนนี้นั่งเก้าอี้ปกติทั่วๆไป คิดว่าเก้าอัเมันคงหงายหลังไปแล้วแน่ๆ ผมที่ลุกขึ้นและเดินออกมาไวๆโดยที่ไม่หันกลับไปมอง คิดว่าตัวเองจะทนอยู่ตรงนี้อีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว อย่างน้อยถึงผมจะโง่ที่รักคนแบบมัน แต่คนโง่...มันก็มีความรู้สึกเหมือนกันนะมึงอย่าลืม



.

.

.





 ผมที่มองตามแผ่นหลังบางที่เดินเร็วๆหายออกไปจากห้อง ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป แม้จะอยากพูดแค่ไหน แต่เหมือนอีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้ทำแบบนั้น เหอะ ... แล้วถามหน่อยว่าผมพูดอะไรผิดตรงไหนไม่ทราบ ผมกับมันไม่เคยมีความทรงจำร่วมกันสักนิด และถ้ามีก็คงจะน้อยมากๆจนแทบจะเลือนลาง แล้วมันผิดหรือไงที่ผมพูดแบบนั้น .. กับคนแบบมันอ่ะ เท่านี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ผมอาจดูเป็นคนใจร้าย ดูเหี้ย หรืออะไรก็แล้วแต่แต่ผมเลือกจะไม่สน ก็ในเมื่อกฏหมายไม่ใช่ที่พึ่ง กฏหมู่ก็ต้องศักสิทธิ์กว่า และแน่นอนว่า คนที่แข็งแกร่งและมีอำนาจมากที่สุดของห่วงโซ่อาหารนี้ มันย่อมเป็นผู้ชนะ



“ไอ้ทัพ มึงไม่พูดกับน้องมันแรงไปหรอวะ กูเห็นมันหน้าเสียเลยนะ”



“แล้วไง”  ตอบมันออกไปแบบนั้นแล้วเอนตัวพิงพนังพิง ก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นจุด



“แต่แจว่าพี่ทัพก็ดูใจร้ายจริงๆนะฮะ แจว่าพี่เมลก็ดูน่าสงสาร ตัวจิ๊ดเดียวเอง”  หันไปมองเด็กแก้มป่องตรงหน้าที่ตอนนี้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดหน่อยๆ ได้ยินแบบนั้นก็ต้องยกยิ้มเหยียดๆออกมา



“แจน่ะใจดีเกินไป”



“แต่ว่า...”



“จุ๊ๆ ไม่ขัดพี่”



“มึงไม่คิดบ้างหรอวะ ว่าเรื่องนี้มันอาจจะมีอะไรผิดพลาด”  ไอ้ปืนที่ขมวดคิ้วหน่อยๆพลางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ



“ไอ้ธรไม่เคยทำงานผิดพลาด มึงเองก็รู้”



“มันก็ใช่ แต่ว่า....”



“มึงลองคิดดูว่ามีเหตุผลอะไรที่ไอ้ธรจะต้องโกหกกู มันโกหกกูแล้วเงินเดือนมันขึ้นหรือไง” เลิกคิ้วมองไอ้ปืนที่ทำหน้าอยากเถียงแต่หาเหตุผลมาเถียงไม่ได้



“แล้วหลักฐานจากรูปที่กูเห็นล่ะมึงว่ามันคืออะไร งั้นมึงมาฟังนี่”  ผมที่หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา แสกนนิ้วมือเพื่อเปิดไฟล์ส่วนตัวที่จะมีแค่ลายนิ้วมือผมเปิดออกได้ ก่อนจะเปิดอะไรบางอย่างให้พวกมันได้ฟัง



“พวกมึงไปตามดูรถคันนี้นะ เลขทะเบียน พด1101 เจ้าของรถชื่อณราชา”

“คุณเมลต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ”

“ไปตามดูแล้วรายงานกูทุกระยะ อ่อ แล้วอย่าลืมไปดูที่สายเบรครถมันให้เรียบร้อยด้วย”

“ครับคุณเมล”



“เชี่ยนี่มันอะไรวะ นั่นมันเสียงน้องเมล”  ไอ้ปืนที่สบถออกมาหลังจากที่ได้ฟังบทสนทนาสั้นๆนั้นจบ  ผมที่แค่นยิ้มออกมาหน่อยๆ



“หลักฐานไงมึงอย่าโง่ ไอ้ธรส่งมาให้กู แล้วมึงว่ากูต้องทำดีกับคนเหี้ยๆแบบมันไหม เสียงคือเสียงมัน มึงจะบอกว่ามันเป็นเสียง มินเนี่ยนรึไงสัด”



“สัด มึงนี่ใกล้ไอ้รบมากไปนะ มินเนี่ยนเชี่ยไรล่ะ กูก็แค่ไม่อยากจะเชื่อ”



“... มึงอย่าให้หน้าตาน่ารักใสๆของมันมาหลอกมึงได้” 



บอกมันออกไปแบบนั้นแล้วเสหน้าหนี ยกบุหรี่ที่พึ่งจุดสูบแล้วพ่นควันออกมาช้าๆ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปพร้อมๆกับควันสีเทา ผมเลือกที่จะเชื่อธร เพราะธรไม่ได้เป็นแค่ลูกน้อง แต่ธรก็ไม่ต่างจากญาติ มันเป็นเหมือนกับเพื่อนเป็นเหมือนกับพี่ พ่อของธรทำงานให้พ่อของผม และธรก็เป็นเพื่อนเล่นกับผมมาตั้งแต่ยังเด็กเราโตมาด้วยกัน และตั้งแต่ที่ป๊ายกหน้าที่ให้ผมรับผิดชอบ ธรก็กลายมาเป็นผู้ช่วยของผม และแน่นอน ไม่มีครั้งไหนที่มันจะทำงานผิดพลาด



“มึงบอกว่าน้องมันน่ารัก?”



“กูเปล่าไอ้สัด”



“แจรู้สึกเหมือนว่าพี่ทัพกำลังเตือนตัวเองอยู่เลยนะฮะ”  หันไปมองคนที่พูดออกมาแบบนั้น แจยิ้มออกมาหน่อยๆ แต่ผมเลือกจะเสหน้าหนีอีกรอบ



“พี่รักณราชา”



“ไอ้ทัพเรื่องมึงกับณราชาน่ะ...”



“ณราชาเป็นแม่ของลูกกู ลูกกูที่ตายไปแล้ว ตายไปแล้วเพราะความคิดชั่วๆและวิธีการเลวๆของไอ้เมลไง!”



หันหน้าไปจ้องตาไอ้ปืนเขม็ง ตวาดมันออกไปพร้อมๆกับที่มันและน้องแจเลือกที่จะเงียบเสียงลง และนั่นก็ถือว่าดีแล้ว... คนอื่นมันจะไปเข้าใจอะไร จะไปเข้าใจอะไรกับความรู้สึกที่ต้องสูญเสียครอบครัว สูญเสียลูกของตัวเอง แค่คิดถึงความรู้สึกในวันนั้นที่ต้องเจอมันก็รู้สึกเจ็บร้าวไปหมด ความทรงจำในวันนั้นที่ย้อนเข้ามาในหัวจนต้องเผลกำแก้วเหล้าในมือจนแน่นขึ้นจนเห็นเส้นเลือด ดวงตาคมที่เหม่อลอยมองไปแบบไม่โฟกัสสิ่งใด นอกจากความทรงจำในวันนั้นที่ไหลย้อนเข้ามาในหัว



.

.

.





“เจ้านาย”



“มีอะไรไอ้ธร กูกำลังดูเอกสารนี่อยู่ วันนี้กูรีบกลับบ้าน นี่มันวันครบรอบที่กูขอณราชาแต่งงาน กูจะกลับบ้านช้าไม่ได้เข้าใจไหมไอ้สัด”  ก้มหน้าลงไปพร้อมอ่านเอกสารตรงหน้าอย่างเร่งรีบ หากแต่ลูกน้องคนสนิทกลับทำท่าลุกลี้ลุกลน



“เจ้านาย มีเรื่องครั..”



“เรื่องเชี่ยไรวะ”  เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาลูกน้องเขม็ง แววตาคมที่กำลังบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์สุดๆที่ลูกน้องกำลังเซ้าซี้ในตอนนี้



“คุณณราชารถคว่ำครับเจ้านาย ตอนนี้....นายครับจะไปไหน”



“ถอยไป!”



ขายาวที่วิ่งไปตามทางเดินทอดยาวของโรงพยาบาลเอกชนชื่นดังอย่างเร่งรีบ เสื้อผ้าราคาแพงของเค้าที่หลุดออกจากทับในกางเกง เหงื่อชื้นเม็ดใหญ่ที่ไหลลงมาอาบตามใบหน้าคม ภายใต้ใบหน้านิ่งๆ แววตาคมเข้มกลับมีความสั่นไหวอยู่ในนั้น คนร่างสูงที่ไม่เคยหวาดหวั่นต่อเรื่องใด ในตอนนี้กำลังรับรู้ถึงความหวั่นใจเป็นครั้งแรก



“หมอ!”  เสียงเข้มที่ตวาดออกมาดังลั่นหน้าห้องไอซียูทำเอาหมอเจ้าของไข้และพยาบาลสะดุ้งตัวโยน ดวงตาคมที่ตอนนี้แดงก่ำจ้องตรงไปที่คุณหมออย่างกล่าวโทษ



“ผมเสียใจด้วยครับ คุณณราชาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้เราไม่สามารถที่จะรักษาชีวิตของเด็กภายในครรถ์ไว้ได้”



“...ไม่จริง!!”



ความจริงที่ตีเข้าที่แสกหน้าไม่ต่างอะไรกับน้ำเย็นจัดที่สาดเข้ามาที่หน้า รับรู้ถึงความชาและความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ต่อให้ยิ่งใหญ่มีเงินมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของคนๆนึงเอาไว้ได้ ... ความกลัวเกาะกุมเข้าที่หัวใจจนเจ็บชา สิ่งที่วาดฝันไว้ก่อนหน้าว่าอีกเจ็ดเดือนเราจะได้พบกันมันกลับไม่มีจริง เค้าไม่มีทางพบเจอเด็กน้อยที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเค้า



“และตอนนี้อาการของคุณณราชายังไม่พ้นขีดอันตราย เราคิดว่า...เธออาจจะไม่ฟื้น”



“มะ ไม่จริง”



“ม๊า!”



ตะโกนออกมาสุดเสียงเมื่อร่างของผู้เป็นแม่ตัวเองที่พึ่งจะเดินทางมาถึงกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะทรุดตัวล้มพับลงตรงนั้น ได้แต่วิ่งเข้าไปหา เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย น้องชายทั้งสามคนของเค้าที่รีบรุดเข้ามาดูแม่และสีหน้าไม่สู้ดีของผู้เป็นพ่อของเค้า พวกท่านอยากมีหลาน และสิ่งที่ต้องการ ตอนนี้พังไม่เป็นท่า



“ฮึก...ทำไมโชคร้ายแบบนี้ล่ะลูก ทัพหน้า ...ฮึก”



“ม๊าทำใจดีๆนะครับ ทุกอย่างจะเรียบร้อย”  ดึงมือแม่มากุมไว้แน่นๆ ทั้งๆที่รู้สึกจุกยอกไปหมดทั้งหัวใจ แต่ความเป็นพี่ใหญ่ และคนที่ยืนอยู่ในจุดที่สูงที่สุดจะอ่อนแอไม่ได้...



“ฮึก ม๊าเสียหลานไปแล้วทัพ ฮึก”



เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ



คนทำมันต้องได้รับการลงโทษที่สาสมที่สุด



“ไอ้ธร...”



“ครับนาย”



ร่างสูงที่ปล่อยมือจากมือของผู้เป็นแม่หันหน้าไปจ้องลูกน้องมือดีที่สุดของตัวเองด้วยสายตาของสัตว์ป่าที่ไร้ความปราณี ดวงตาคมที่แดงก่ำอย่างน่ากลัวในตอนนี้ไม่มีแววล้อเล่น ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะขยับเปิดปากพูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นชาจับขั่วหัวใจ



“ไปสืบมาว่าใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ต้องไม่ใช่อุบัติเหตุ”



“ครับนาย” ลูกน้องที่พยักหน้ารับอย่างจริงจัง ก่อนจะหมุนตัวออกไปทำตามสิ่งที่นายสั่งในทันที  ร่างสูงที่หันหน้ากลับไปมองครอบครัวของเขาที่กำลังตกอยู่ในสภสวะเศร้าโศก หัวใจของเขามันกำลังเจ็บปวดที่คนแบบเขาไม่สามารถปกป้องครอบครัวของตัวเองได้เลย  ดวงตาคมก้มมองสิ่งที่กำลังถือไว้อยู่ในมือ ...



เครื่องมือสื่อสารราคาแพงที่สุดในตอนนี้ที่หน้าจอแตกร้าว แต่มันก็ยังคงเปิดติด ข้อความเมสเสจสุดท้ายที่ถูกเปิดอ่านไปแล้วรอบนึง กำลังโชว์ข้อความอยู่ที่หน้าจอ



‘รักกันมากสินะ ... ออกมาเจอกันหน่อยดีไหมณราชาเมียรักของทัพหน้า’



ข้อความที่ไม่ระบุชื่อผู้ส่ง แต่แนบโลเคชั่นมาให้ และนอกจากเบอร์แปลกที่ติดต่อกลับไม่ได้และเช็คข้อมูลไม่ได้เช่นกัน แต่เพราะข้อความนี้ยิ่งทำให้ร่างสูงมั่นใจว่านี่มันไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา



‘ตึกตักๆๆๆๆ’



เสียงวิ่งของหมอและพยาบาลที่ดังก้องไปทั่วหน้าห้องฉุกเฉินทำเอาใจกระตุก ขายาวที่ก้าวตรงเข้าไปหาหมอและกระชากตัวไว้



“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”



“คนไข้มีอาการทรุด เราต้องรีบทำCPR หมอขอตัวครับ”



“ไม่...หมอ! จะเอาเท่าไหร่พูดมา ช่วยเธอ ช่วยเธอ เธอต้องปลอดภัยเข้าใจไหม!”



“หมอจะพยายามสุดความสามารถครับ” 



มือแกร่งที่ปล่อยออกจากเสื้อของหมอ เรี่ยวแรงต่างๆรู้สึกหายไปพร้อมๆกับหัวใจที่เบาหวิว เป็นความรู้สึกที่เราจับต้องอะไรไว้ไม่ได้ ความรู้สึกไม่ต่างจากเวลาที่เรานอนหลับแล้วฝันว่าร่วงลงมาจากตึกสูง หัวใจกระตุกด้วยความหวาดกลัว แต่คว้าอะไรไว้เพื่อยื้อชีวิตให้รอดไม่ได้สักอย่าง ทำอะไรเพื่อให้รอดไม่ได้นอกจากตื่น...และถ้านี่เป็นความฝัน ตัวเขาเองก็อยากจะตื่นจากฝันนี้ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้



“ไม่ ไม่จริง ขอร้องล่ะณราชา...”



ไม่มีเรื่องใดน่ากลัวไปกว่า การจากลา ที่เรียกว่าการจากตาย



.

.

.

[/i]



“ฮายยยยยยค่ะหนุ่มๆ คุยอะไรกันจ๊ะทำไมสีหน้าดูเคร่งเครียดกันจังเลย ดานี่มาแล๊ววว ขอคนสวยนั่งด้วยนะคะหนุ่มๆ” 



เสียงทุ้มเข้มที่พยายามอย่างที่สุดที่จะบีบให้เล็กลงเป็นเสียงสองที่แด๊ะแด๋ดังขึ้นเรียกสติให้กลับมาอีกครั้ง มองตรงไปที่ประตูห้องที่ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของเจ้าของร้านร่างใหญ่ ที่อยู่ในชุดสูธดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีอะไรขัดสายตาไปมากกว่าสีตาและสีปากของมัน



“มึงไม่หนุ่มเลยสิไอ้ดาบ”



“สัดพี่ปืน ตบปากเท่าความชราภาพของมึงเดี๋ยวนี้ค่ะ กูไม่หนุ่ม กูสวยๆ”



ไอ้ดาบที่จีบปากจีบคอเถียงออกมาแบบนั้นก็ทำให้ไอ้ปืนต้องกรอกตาใส่น้องชายแท้ๆของตัวเองอย่างอ่อนใจ มันที่พาร่างสูงใหญ่ของมันมานั่งลงที่โซฟาข้างๆกุญแจ ก่อนจะกระพริบตาปริบๆมาให้ผม เห็นแล้วอยากเอาตีบถีบให้หน้าหงาย



“พี่ดาบมึงก็นะ เด๊ะแด๋แรดเกรงใจกล้ามอกกับซิกแพ็คมึงหน่อยได้เปล่า”  แจที่เหมือนจะอดใจไม่ไหวพูดออกมาพร้อมทำหน้าอ่อนใจ



“อิแจ ปากมึงนี่น่าเอากุญแจปาใส่มากๆเลยนะคะ แล้วอย่ามาว่าเรียกกล้ามอกให้เรียกว่านมตั้งเต้าสวยๆของกู”



“โว้ย นามคานไอ้พี่!” 



กุญแจมันถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆอีกรอบอย่างสุดจะทนกับพี่ชายของตัวเอง ใช่ครับ...ไอ้สามคนนี้มันพี่น้องกัน ปืน ดาบ กุญแจ  พี่น้องท้องเดียวกัน เป็นครอบครัวที่หน้าตาดีกันทั้งบ้าน แต่ไม่มีสติกันสักคน



“เรื่องมึงจ้า กูไม่แคร์ กูเลือกแคร์เฉพาะหนุ่มๆจ้า”



“เลิกแรดได้ไหมสัดดาบ ถือว่าเกรงใจตำแหน่งเดือนวิศวะของมึง หรือไม่งั้นก็เห็นแก่หน้าพ่อแม่บ้างกูขอล่ะ”



“ไม่ได้ขาดใจๆๆ แล้วเลิกเรียกกูดาบอิดอกพี่ปืนนนน มองเห็นความสวยของกูสิๆ”



“มองเห็นความสวยห่าไรล่ะ ไหล่กว้าง60เซนเบอร์นี้มึงจะเอาอะไรมาสวยไอ้สัด รุกออกสาวชิพหายมึงน่ะ”



“ไม่รุกๆๆๆๆ กูจะรับๆๆๆ ดูปากดานี่นะคะ รับๆๆอิอ๊ะๆอ่าห์”



“ไอ้ดาบ”



“ไรของมึงอีกคะสัดพี่ปืน”



“Kนะครับสัดน้อง”



“กรี๊ดๆๆๆ ผู้ชายเลวๆดานี่เกลียดๆๆ” 



กูรำคาญ! รำคาญไอ้เหี้ยพี่น้องบ้านนี้ชิพหาย เอนหลังพิงพนักพิงอีกที ก่อนจะมองไปที่ประตูห้อง ไอ้สัดเมลไปเข้าห้องน้ำหรือไปตายกูอยากรู้  แต่ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้คิดจะห่วงอะไรมันหรอก จริงๆถ้าตายๆไปก็คงจะดี แต่ว่า...ถ้าตายเร็วไปก็ไม่สะใจกูสิ



“พี่ทัพขา มองอะไรอยู่รึป่ะ”  เสียงสองมาหลอกหลอนกูอีกแล้ว หันหน้าไปมองก็เห็นมันหรี่ตามามองเหมือนคนที่รู้ทัน K!



“เปล่า กูก็มองไปเรื่อย”



“อ่ะหรอจ๊ะๆ ก็นึกว่ามองหาน้องคนนั้น ชื่ออะไรน้า ที่หน้าตาน่ารักเอวเล็กเอวน้อยไปหมดเลย คิดว่าถ้าโดนกระแทกแรงๆเอวอาจจะหักอิอ๊ะอู้ววว”



“พี่ดาบหน้าตามึงหื่นสัดๆ”



“อิแจ กูไม่หื่นกับสปีชี่เดียวกันค่ะขอบอก”



“อ่อหรอ แต่หน้าตามึงดูอยากเยพี่เมลนะ”



“วายกรี๊ด ชื่อเมลหรอคะ เมลอะไร คาราเมลรึป่ะคะ ท่าทางจะหวาน หึ”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น แว๊บนึงที่มองเห็นสายตานักล่าของมัน เหี้ยไอ้ดาบ Kเถอะ!



“พอมึง เลิกพูดมากถ้าไม่อยากโดนตีนไอ้ทัพ มึงก็น่าจะรู้ว่าแม่งเป็นโรค”



“โรคไรรึคะ?”



“โรคหวงของน่ะ หึ”



“K” 



ด่าพวกมันออกไปคำเดียวสั้นๆพร้อมยกนิ้วกลางส่งไปให้ด้วย แต่ถามว่าพวกมันสะทกสะท้านไหมก็ไม่ มีอย่างเดียวคือไอ้ดาบหัวเราะคิกคักชอบใจและไอ้ปืนที่ขยิบตาส่งมาให้ กวนตีนทั้งพี่ทั้งน้อง



“อ๊าย ถ้าเป็นโค้ยพี่ทัพดานี่กะหยักดั้ยๆ”  วิบัติจนพ่อขุนรามต้องร้องไห้ก็คือภาษาพูดของไอ้เหี้ยดาบ



“เออ แต่เมื่อกี้นะจ๊ะพี่ๆจ๋า พึ่งมีแขกกิตติมศักดิ์เข้าร้านน้องมาจ๊ะพี่จ๋า ให้ทายว่าใครเอ่ย?” 



ไอ้ดาบที่เอียงหัวไปมาเล็กน้อย ทำตัวเหมือนน่ารักซึ่งโคตรขัดกับเบ้าหน้า คือหน้ามันอาจจะไม่ได้ถึงกับไม่น่ารัก แต่แบบไอ้ดาบนี่ คำจำกัดความของมันอาจเรียกได้ว่า หน้าตาคิตตี้แต่บอร์ดี้มึงมาเวลมากๆ พูดแบบนี้เข้าใจสภาพไอ้ดาบมากขึ้นไหมล่ะครับ



“มึงเลิกลีลา ใครวะ?” ไอ้ปืนที่ทนไม่ไหว ถามออกไปพร้อมส่งตีนไปถีบขามันทีหนึ่ง



“หึ จะใครซะล่ะ ก็ไอ้หมิงไงพี่ แก๊งอะไรนะคะพญามังกืออะไรนั่นไงคะ”



“มึงว่าใครนะ”



“ก็ไอ้หมิงไงคะพี่ทัพหน้าขา รุ่นเดียวกับพี่นี่นาใช่ป๊ะ เนี่ยนะหนูเดินสวนกับมันตรงห้องน้ำอ่ะคะ คือกูลูกค้าอ่ะนะคะ จะไล่ออกจากร้านก็ไม่ได้ พวกห่านี่คือตัวเงินตัวทอง”



“ไอ้สัด” 



สบถออกมาแบบนั้นพร้อมลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้  ความรู้สึกไม่สงบในใจมันบอกให้ต้องลุกแล้วไปตามหาไอ้เมลเดี๋ยวนี้ พวกไอ้หมิงไม่เคยจะเล่นตัวๆ ฉลาดและเก่งแต่เป็นหมาลอบกัด ครอบครัวมันกับครอบครัวผมไม่ถูกกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว เมื่อก่อนเป็นเพื่อนสนิทแต่เป็นเพราะป๊ามันชอบแม่ผม แต่ม๊าผมรักป๊าผมไงเลยทำให้ผิดใจกันไปตั้งแต่ตอนนั้น และเมื่อก่อนร่วมกันทำธุรกิจจนยิ่งใหญ่แต่สุดท้ายเพราะป๊าไม่อยากเลิกธุรกิจมืดวงจรมาเฟียนี่ เลยทำให้ผิดใจกันมา และลามมาจนถึงผมและไอ้หมิง แค่เห็นหน้าก็คันตีนเอาแค่นี้



“พี่ทัพด่าดานี่ตะไม”



“กูไม่ได้ด่ามึงไอ้สัด”  บอกมันแบบนั้นแต่เลือกที่จะลุกเดินออกไปจากห้อง ไอ้ปืนที่รีบเดินตามมาและกุญแจกับไอ้ดาบที่ก็ตามมาติดๆ


หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่8* {03.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 03-11-2018 20:48:56
(ต่อจ้าา)





“มึงเป็นห่วงเมลหรอวะ”



“กูไม่ได้ห่วง แต่กูว่ามันต้องมีอะไร”  หันไปมองหน้ามันที่ก็ทำหน้านิ่งๆตอบมาให้ มองเลยไปทางไอ้ดาบที่พยักหน้ารับ มันที่กวักมือเรียกการ์ดของร้านมันเข้ามาหา ก่อนจะกระซิบบอกลูกน้องของมันที่ก็วิ่งออกไปทันที



“ไอ้ดาบ มึงเห็นมันตรงไหน”



“นู่นค่ะพี่ ตามมา”  มันที่บอกแบบนั้นแล้ววิ่งพรวดนำหน้าผมไป  เปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำที่ไร้ผู้คน ไม่มีวี่แววของไอ้เมลที่จะอยู่ เดินไปเปิดประตูห้องน้ำทุกห้องแล้วแต่ก็ไม่มี  สัดเอ๊ย



“ไอ้ทัพ นี่มือถือเมลเปล่าวะ”



“ไหน”



“มันตกอยู่ใต้อ่างล้างหน้าเนี่ย” หยิบเครื่องมาเปิดดูก็มั่นใจว่าเป็นของไอ้เมลแน่นอนเพราะมีข้อความล่าสุดมาจากเบอร์ไอ้บิน สัด



“พี่ดานี่ครับได้เรื่องแล้วพี่”  หันหน้าไปมองตามเสียงการ์ดของร้านไอ้ดาบที่วิ่งมาพร้อมยื่นกระดาษส่งมาให้



“มีผู้ชายฝากไว้พี่ บอกให้คุณทัพหน้า”



“ไหน”  กระชากกระดาษนั้นมาอ่าน ข้อความสั้นๆที่ทำเอาต้องขยำทิ้ง



‘เด็กมึงหรอวะ มาเอาตัวคืนที่XXXนะ แต่จะทันไหมไม่รู้’



“สัดเอ๊ย”  ปากระดาษทิ้งก่อนจะเดินนำพวกมันออกจากห้องน้ำไป  กวนตีนกูจังนะไอ้สัดหมิง มึงจะประกาศสงครามกับกูใช่ไหม!



...





“ลงมา!!!” เสียงโหดที่ตะคอกดังออกมาพร้อมแรงกระชากแขนบางให้ลงมาจากรถ



“ชักช้า สำออยจังวะ เดินมาสักที!” 



เสียงโหดที่ดังขึ้นเป็นครั้งที่สองอย่างไม่สบอารมณ์มาพร้อมกับแรงผลักแผ่นหลังบางให้เดินตรงไปด้านหน้า  เมลทำได้แค่เดินตามไปอย่างขัดอะไรไม่ได้  รอบๆตัวมีพวกมันที่ตัวเหมือนควายป่าอยู่สองคน หันหน้าไปมองพวกมัน และก็ต้องใจกระตุก เมื่อรับรู้ได้ถึงปากกระบอกปืนที่ดันอยู่ที่ข้างเอว หันหน้ากลับมาพร้อมพยายามมองไปรอบๆ สายตาสวยที่ที่มองสำรวจไปรอบตัว สถานที่น่ากลัวๆที่ไม่ชวนให้ใครเข้ามา ตรงหน้าเหมือนเป็นโกดังร้างอะไรสักอย่าง เหมือนมันเคยเป็นโรงงานที่ใช้ผลิตอะไรสักอย่างแต่ตอนนี้ถูกทิ้งร้างเอาไว้ เป็นสถานที่ที่ชวนให้ใจเสียเข้าไปอีก



“นั่งลง!” 



เสียงเข้มของร่างใหญ่ที่บอกออกมาพร้อมผลักให้นั่งลงไปนั่งที่พื้นของโกดังร้างนั่น พื้นที่เต็มไปด้วยกรวดทรายและเศษอะไรต่อมิอะไรไม่รู้ พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติ ... อย่ากลัวไอ้เมล มึงต้องตั้งสติๆ



“เหอะ ผู้ชาย” 



คำพูดที่ดังออกมาพร้อมกับร่างสูงของผู้ชายที่เป็นคนจับตัวเขามา ฝ่ามือหนาที่กระชากผมของเขาให้แหงนหน้าไปมองกัน ร่างบางที่มองจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว จริงๆคือพยายามฮึดสู้ นี่แหล่ะคือนิสัยของเค้า



“หึ จ้องหน้ากูแบบนี้มึงจะทำไม”



“มึงทำแบบนี้ทำไม กูเคยไปทำไรให้มึงไอ้เหี้ย กูแค่ชนมึงตอนกูจะออกจากห้องส้วม!”



น่าหงุดหงิดชิพหายไอ้เหี้ยเอ๊ย ดวงซวยทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ ไม่รู้เป็นห่าอะไร ต่อจากนี้กูคงต้องห้ามขี้ห้ามเยี่ยวนอกบ้าน เข้าทีไรตัวกัปปะโผล่มาจับกูทุกที



คนฟังยังไม่ตอบอะไรกลับไปแค่ยกยิ้มมุมปากอย่างไม่น่าไว้ใจ ดวงตาคมกริบที่จ้องมองมาที่ร่างบางเหมือนอยากจะฆ่า



‘ผลั้ว!’



“อัก”  กระบอกปืนที่ถูกตบเข้ามาที่หน้าจนหน้าหันไปแบบไม่ทันตั้งตัว ทำเอาเลือดออกที่มุมปาก



“ถ้าขืนมึงยังพูดมาก กูจะเอากระสุนยัดเข้าปากมึง”



กระบอกปืนที่ถูกยกขึ้นมาเล็งเข้าที่หน้าของคนร่างบาง หัวใจเต้นรัวๆอย่างรู้สึกหวาดกลัว เสียงเย็นที่ขู่ออกมานิ่งๆพร้อมแววตาคมกริบจ้องมองมา พยายามที่จะรวบรวมสติอีกครั้ง คนอย่างคาราเมลมันไม่เคยย่อท้อ ไม่เคยยอมอะไรง่ายๆ และในความกลัวเรามักจะเจอหานทางแห่งความกล้าเสมอ.... พูดให้ดูดีไปแบบนั้น จริงๆเรียกแบบภาษาชาวบ้านได้ว่า ความจนตรอก



“ถ้ามึงจะฆ่ากุนะ ฆ่าก็ได้ แต่มึงต้องบอกมาก่อนว่ากูไปทำไรให้มึง?!”



“กูบอกให้ หุบ ปาก” 



เสียงเย็นที่เน้นออกมาช้าๆชัดๆที่ละพยางค์อย่างรำคาญใจที่คนตรงหน้าพร่ามไม่หยุด ขนาดขู่ให้หุบปากแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมที่จะหยุดพูด  เมลที่มองจ้องแบบไม่ยอมแพ้ ก่อนจะอ้าปากพูดต่อ



“ก็กูมั่นใจว่าไม่เคยทำไรให้มึงอ่ะ เกิดมึงจับกูมาผิดตัวกูก็ตายฟรีดิ กูไม่เคยทำไรให้มึงจริงๆนะเว่ย”



“ก็ใช่”



“ใช่มะ! แล้วจับกูมาทำไม! มึงจับผิดตัวแน่ๆอ่ะ”



“มึงชื่อคาราเมลหรือเปล่า” 



ประโยคคำถามที่ถูกส่งออกมาทำเอาคาราเมลต้องกลืนน้ำลาย ปลายกระบอกปืนที่ยังไม่ยอมหันไปไหน  ... ถ้าตอบว่าใช่จ้ากูคาราเมลเอง แสดงว่าแบบนี้แม่งก็จับมาถูกตัวแล้วดิ แบบนี้คือมันตั้งใจอุ้มกูมาฆ่าจริงๆงั้นดิ...ทำไมกันวะ นี่มันเรื่องอะไรกัน



“กู...กูไปทำไรให้ ทำไมต้องอุ้มกูมาฆ่าด้วย มันผิดกฏหมายนะมึง”



“หุบปากสักที!” คำพูดที่เน้นย้ำออกมา ทำเอาเมลสูดหายใจเข้าปอดอีกครั้ง ก่อนสายตาสวยจะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยรอดไรฟันออกมาบ้าง



“มึงคิดว่าคนแบบกูจะยอมให้มึงฆ่าง่ายๆงั้นหรอวะ ฝันไปเถอะ รู้จักไอ้เมลน้อยไปซะแล้ว!” 



ตะโกนออกมาแบบนั้นพร้อมกำมือลงไปที่พื้น ก่อนจะปาทรายและกรวดที่จับได้สาดใส่หน้าอีกฝ่ายเต็มแรง ก่อนจะลุกขึ้นมาถีบเข้าไปที่ท้องของอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆไอ้คนที่โดนเศษฝุ่นเศษทรายสาดเข้าหน้าจนหงายหลัง



“ไอ้เด็กบ้า!!”   ร่างบางที่วิ่งหนีออกมา ก่อนจะสะดุดล้มลุกคลุกคลานไปตามพื้นหญ้าด้านหน้าโกดัง แต่ด้วยใจฮึดสู้ก็ทำให้วิ่งและพยายามหนีต่อไป  ความหวาดกลัวที่มีมากขึ้น ทำให้ต้องวิ่งๆ วิ่งและวิ่ง ใจที่บอกกับตัวเองว่าต้องรอด



“ช่วยด้วย!!”



“มึงแสบมากนะไอ้เด็กบ้า!” เสียงเข้มที่ดังตามมา พร้อมๆกับเสียงฝีเท้าที่พยายามวิ่งตามมา



 “ช่วยด้วย! ช่วย อ๊ะ!!”  ร่างบางที่หันไปมอง พร้อมๆกับที่ฝ่ามือหนาที่กระชากเข้ามาที่หัว จนสะดุดล้มลงไปกับพื้น ก่อนที่จะโดนจับให้นอนหงาย  แววตาดุร้ายที่จ้องตรงมาที่ร่างบางอย่างแค้นเคืองในความแสบ



“รนหาที่นักนะมึง! ไอ้แฮคมึงมาจัดการให้มันเลิกพยศทีสิ พอดูก็ไม่ชอบผู้ชาย”



“ได้ครับเฮียหมิง”  ลูกน้องร่างใหญ่ของมันที่เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะแสยะยิ้มหื่นๆออกมา



‘แคว๊ก’



“อย่า ... ปล่อยกู!”



ร่างบางที่ร้องออกมาเสียงหลงด้วยความหวาดกลัว พร้อมๆกับที่พยายามทุบตีใส่คนตรงหน้าแบบไม่ยั้ง ลูกน้องของไอ้นั่นที่ดูจะรำคาญเต็มทนจึงปล่อยหมัดเข้าใส่จนร่างบางได้นอนจุกจนตัวงอ  เมลได้แต่นอนหายใจรวยรินราวกลับว่าลมหายใจกำลังจะหมดลงในไม่ช้า  ในหัวได้แต่เฝ้านึกถึงหน้าคนๆนึง ผู้ชายใจร้ายที่เคยทำทารุณกับเค้าแบบนี้ไม่ต่างกัน แต่ความรู้สึกมันกลับต่างกันกับตอนนี้เหลือเกิน ดวงตาคู่สวยเริ่มเบลอพอๆกับสมองที่หนักอึ้ง ไม่เข้าใจว่าเขาไปทำบาปทำกรรมอะไรนักหนาถึงต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้ซ้ำๆ



ไม่มีทางหนี ไม่มีทางรอดแล้ว....



ดวงตาที่ค่อยๆปรือปิดลงช้าๆและสลบลงไปโดยที่ไม่ทันได้ยินเสียงต่อจากนี้



“ปล่อยมันเดี๋ยวนี้!”



เสียงเข้มที่ทำเอาลูกน้องของหมิงต้องหยุดการกระทำ พอๆกับที่หมิงค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา



“ในที่สุด มึงก็มานะทัพหน้า ไอ้K”



“มึงน่ะสิK”



‘ปัง’



กระสุนปืนพุ่งออกไปฝังเข้าที่แผ่นหลังของคนที่กำลังคล่อมร่างอยู่เหนือร่างของเมลอยู่ ทัพหน้ามองภาพตรงหน้าด้วยแววตาวาวโรจน์



“กูจะไม่พูดซ้ำนะไอ้สัดหมิง”



“ใช่ พวกกูไม่ชอบพูดซ้ำ”  ร่างสูงของไอ้ปืนที่เดินเข้ามาซ้อนหลังของทัพหน้า



 “แต่พวกกูชอบทำเลย”  ไอ้ดาบที่เดินตามออกมาจ้องตรงไปนิ่งๆ ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะเขวี้ยงมีดในมือไปเฉียดหน้าของไอ้หมิงไปนิดเดียว สายตาของหมิงวาววับขึ้นทันที



“ครั้งนี้กูจะปล่อยมึงไป แต่ถ้ามึงคิดว่าอยากกลับไปแบบช้ำในก็เข้ามา” 



พูดออกมาแบบนั้นพร้อมจ้องมองคนตรงหน้าที่เริ่มเลิกลัก เพราะไม่คิดว่าทัพหน้าจะพาพวกมาด้วย ตัวเองเลยมากับลูกน้องแค่สองคน จริงๆไม่ได้ตั้งใจมาหาเรื่องตั้งใจมากินเหล้าชิวๆ แต่บังเอิญเจอช่องทางที่แก้เผ็ดทัพหน้าได้เลยจัดการซะ



“มึง!”  หมิงที่กัดฟันกรอด ก่อนจะวิ่งเข้าใส่



‘ผลัก!’



เท้าแกร่งที่กระโดดยันเข้าที่ยอดอกของไอ้หมิงจนอีกฝ่ายกระเด็น ทัพหน้าที่เอียงคอยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ก่อนจะสวนหมัดซ้ำเข้าไปที่ใบหน้า กลางท้องและข้อพับขาจนอีกฝ่ายทรุดตัวลงกับพื้น



“มึงจำเอาไว้ จะลอบกัดกูมึงยังต้องเรียนมาใหม่อีกเยอะ”



‘ผลัว!’



ปลายเท้าที่ตวัดเตะเสยขึ้นเข้าที่ปลายคางของอีกฝ่ายจนสลบล้มลงไปกับพื้น และนอนแน่นิ่งไปทั้งๆที่ยังไม่ทันได้สวนหมัด



“อ่อนมากค่ะๆๆ อี๋ๆๆ”



“มึงมากระแดะอะไรตอนนี้ไอ้สัด เมื่อกี้แมนเชียว ไปดูไ อ้เมล”



“ได้ค่า”



“ไม่ต้อง กูจัดการเอง” 



ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะตรงไปหาคนที่นอนสลบอยู่ตรงนั้น  ก่อนที่ขายาวจะถีบคนที่โดนยิงก่อนหน้านั้นให้หงายท้องถอยไปไกลๆจากร่างบาง  ทัพหน้าที่ย่อตัวลงไปอุ้มร่างบางที่นอนสลบขึ้นมาแนบอก ดวงตาคมที่จ้องมองรอยฟกช้ำของคนที่สลบไสลอยู่ตอนนี้แล้วได้แต่กัดฟันกรอดอีกรอบ



“สัดเอ๊ย”  สบถออกมาอย่างหัวเสีย



“อย่าพึ่งโกรธเลยมึง ไปกันก่อนเถอะ”



“อืม”



“มาค่ะๆๆ ดานี่ขับเองค่ะๆๆ”  ไอ้ดาบที่วิ่งกระแดะไปที่รถทันทีที่พูดจบ ก็ได้แต่เดินตามมันไปขึ้นรถ ... เรื่องนี้มันจะไม่จบแค่นี้แน่ไอ้หมิง


...





แอ๊ดดด



คนร่างสูงที่เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนที่เงียบสงัด ซึ่งตอนนี้มีร่างของคนร่างบางนอนสลบอยู่ตรงนั้น ตั้งแต่ที่ไปช่วยเมลกลับมา อีกคนก็ยังไม่ฟื้นเลย ร่างสูงลงไปนั่งข้างๆเตียงก่อนจะเอามือขึ้นจับที่หน้าผากมน ความอบอุ่นในร่างกายที่บอกให้รู้ว่าไม่มีไข้ ทำให้คนร่างสูงลุกออกจากเตียงนอนมา เพราะไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล เพราะแบบนั้นเลยเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟาสีแดงเพลิงที่อยู่ปลายเตียงนอนแทน สายตาคมจดจ้องไปที่ร่างบางด้วยแววตาที่ครุ่นคิด หากแต่กลับอ่านไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่  ทัพหน้าที่ถอนหายใจออกมาหน่อยๆ และก็ต้องสะดุ้งเมื่อขาแกร่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่างมาถูกตัว ก้มหน้าลงไปก็มองเห็นก้อนกลมๆที่กำลังเงยหน้ามามองกันอยู่ก่อนแล้ว



“เมี้ยววว”



“มองอะไรวะไอ้สั้น”  แมวตัวเล็กสีขาวที่จ้องตรงมาที่เขา แววตากลมใสมองมาเหมือนกำลังจะถามว่าไอ้เมลเป็นอะไร



“เจ้านายมึงยังไม่ตาย”  บอกออกไปแบบนั้นไอ้แมวเด็กก็กระพริบตาของมันปริบๆ หันหัวไปมองที่เตียง ขาสั้นๆของมันที่ตั้งท่าจะเดินเข้าไปใกล้เตียงนอน



“เห้ยๆไอ้สั้นอัปลักษณ์ มึงมานี่เลย ใครอนุญาตให้มึงเข้าไปหาไอ้เมล”  ว่าออกมาแบบนั้นพรางปลายไปมองแมวน้อยแบบดุๆ



“เมี้ยวๆๆๆ”



“นี่มึงเถียงอะไรกูวะ แง้วๆเหี้ยไร น่ารำคาญ” 



ว่าแบบนั้นก่อนจะดึงหางมันให้ถอยห่างออกมา  ลูกแมวตัวน้อยที่สู้แรงของทัพหน้าไม่ได้ ดิ้นไปดิ้นมาอยู่กับที่พร้อมร้องเสียงเล็กเสียงน้อยออกมาใส่



“เดี๋ยวไอ้เมลตื่น มันต้องพัก มึงเงียบ!” 



บอกออกไปแบบนั้นด้วยเสียงดุๆ พลางหยิบลูกแมวตัวเล็กขึ้นมาจ้องหน้าด้วยมือข้างเดียว ลูกแมวน้อยๆที่ตัวสั่นหน่อยๆ แต่ก็หยุดเสียงร้องไปทันที



“ดี อย่ามาเสียงอีกนะมึง ถ้าดื้อ กูจะให้ไอ้รี่แดกจริงๆด้วย”



“แง้ว เมี้ยวๆ”



“เถียงอะไรกูอีกวะ ดื้อชิพหาย...โคตรเหมือนเจ้าของแม่ง มึงมานี่เลย”  ดุออกมาแบบนั้นก่อนจะโยนลูกแมวลงบนโซฟาข้างๆตัว พร้อมชี้หน้าสั่ง



“นั่งอยู่ตรงนี้” ลูกแมวตัวจ้อยที่ช้อนตากลมใสจ้องหน้าคมดุของทัพหน้านิ่งๆ และสุดท้ายก็เป็นแมวเด็กที่สู้สายตาของราชสีห์เจ้าป่าไม่ได้จนจ้องหดคอลงไปฟุบอยู่กับฟูกของโซฟานิ่งๆ



“เฮ้อ มีแต่เรื่อง”



ถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะทิ้งหัวพิงพนักพิงก่อนจะหลับตานิ่งๆ ... จะมีใครเข้าใจ ว่าคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของยอดพีระมิดมันจะมีเรื่องให้กดดันมากแค่ไหน ไม่มีใครรู้ และก็ไม่สามารถที่จะอ่อนแอให้ใครเห็นได้



และนั่นมันคือชีวิตของเขา



ชีวิตของทัพหน้า


------------------------



ดีจ้าาาา มาแล้วจ้าาาา...เอ๊ะๆๆๆ ตัวละครใหม่มาอีกแล้วค่ะคุณ อุอิ๊ๆ คือถ้าใครเคยอ่านงานเก่าๆของแคทจะต้องรู้ดีว่า แคทเป็นไรท์เตอร์ที่ใช้ตัวละครเปลืองมาก และ...ใช่จ้าาาา เพราะฉะนั้นใครที่เดาอะไรใดๆไว้ต้องใจเย็นน้าา5555

มีน้องคนอ่านคอมเม้นท์บอกว่า นิยายพี่แคทหรือซีรี่ย์โคนันท์ 5555 ถ้าคนอ่านรู้สึกแบบนั้นแคทก็ดีใจค่ะ

แล้วเห็นมีคนแอบหวีดพี่ดาบ เอ้ย ดานี่ มาจ๊ะมาจับมือกันแคทก็ชอบเจ๊ดานี่แกจ้า 5555 ส่วนตอนนี้มีบางอย่างที่เปิดออกมา ถ้ามีใครอ่านดีๆ อาจจะเอ๊ะๆๆๆกันได้ ฮี่ๆ มามะมาเดากันต่อน้าาา

แคทหวังว่าคนอ่านจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ ส่วนตอนที่แล้วเหมือนเป็นการด่าพี่ทัพอย่างมุ่งมั่นของคนอ่านจ้า

พี่เหลืองรอดแล้วในจุดๆนี้ 55555 และมีแฟนคลับน้องหลงเพียบเลย อิอิ น้องน่าร๊ากกกกก


*น้องหลงตอนพี่ทัพสั่งให้มานอนบนโซฟาห้ามกวนน้องเมล*

(https://www.picz.in.th/images/2018/11/03/33DIYy.jpg)


และขอขอบคุณคนอ่านที่เข้ามาเม้นท์ให้แคทนะคะ แคทดีใจจจจจจ นึกว่าในเล้าจะไม่เหลือใครอ่านแล้ว :o12:

ขอขอบคุณ คุณ nonlapan เนี่ย มีแฟนน้องหลงมาแล้ววว วันนี้น้องออกนิดนึง น่าร๊ากกก หอมหัวน้อง

ขอขอบคุณ คุณ ursleepingxd เนี่ยยยย คุณยู แคทจะจำไว้แล้วค่ะว่าคุณยูใช้ชื่อนี้ อย่าจากแคทไปน้าาา แคทจะรั้งไว้ (เกาะขา)

ขอขอบคุณ คุณ t2007 แจรึเปล่าไหมยังไง รอก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมาเฉลยน้าา ยังไงเข้ามาอ่านอีกนะคะ ขอบคุณมากๆสำหรับคอมเม้นท์ด้วยนะคะ

ขอขอบคุณ คุณ blove งู้ยยย แคทดีใจมากๆเลยค่ะที่มีโอกาสได้อ่านคอมเม้นท์ดีๆแบบนี้ ขอบคุณสำหรับคำชมดีๆนะคะ ยังไงมาอ่านอีกนะคะ อย่าจากกันไปนะคะ (เกาะขา)

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่8* {03.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 04-11-2018 07:51:36
จะรั้งเราไว้ใส่บทกับรูปน้องหลงมาเยอะๆก็พอค่า 55555555 บ้านพี่ดาบนี่ตลกจัง ไม่เหมือนบ้านสนามอารมฯ์เลย เชียร์พี่ดาบเป็นพระเอกค่า 555555555555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่8* {03.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 05-11-2018 13:56:55
ชีวิตของทัพหน้า ก็คือ ทะเลาะกับน้องสั้นไง 55555 เออออออออ มีแต่เรื่องๆ เรื่องใครละ เรื่องนั้นเรื่องนี้ ช่วยสืบดีๆกว่านี้หน่อย โว๊ะ!! เห็นตอนก่อนหน้าก็คิดได้แล้วนะว่า คนแบบนี้หรอที่จะสั่งฆ่าคน คนที่รักแมวรักสัตว์ คิดปกป้องแม้ตัวเองยังเอาไม่รอดอะ ทบทวนดูอีกทีสิ มันต้องมีไรในกอไผ่แน่ๆ มาถึงจุดนี้ต้องไม่เชื่อใครง่ายๆหลักฐานแค่นี้เอง  นี้แอบคิดสงสัยคนใกล้ตัวอะ ธร แก...??????55555 แต่ก็นะ ศัตรูเยอะงี้ สืบสิค่ะพ่อคู๊ณณณณณณณ เลิกอคติ ปากเขาก็บอกว่าไม่ใช่ๆไม่ใช่ฆาตกร เขายืนยันหนักแน่น ไม่นึกเอ๊ะใจไรบ้างหรอ  คิดจะอยู่จุดสูงสุด ไปหัดสืบ+สอบสวน ใครครวญมาใหม่จร้า 55555555 อ๊อยยยยเพิ่งอัพไปก็อยากอ่านต่ออีกละ แต่รอตอนใหม่ได้ค่าาาา สู้ๆนะคะ เมลเข็มแข็งไว้นะ อีกไม่นานหรอกอีกไม่นาน รอดูว่าจะสายไปป่าวนะทัพหน้า คึคึ!! สนุกอะ ชอบบบบบบ //น้องสั้นน่าร๊ากกกกกก เรียกไอ้สั้นได้ไงห่ะทัพหน้า ออกจะน่ารักขนาดนั้น บุ้ยยยยๆมีห้ามน้องรบกวนเวลาเขาพักผ่อนด้วย อะจึกๆ แหม่~~~~~~~~~~555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่9* {10.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 10-11-2018 20:57:55



บทที่9




คิ้วเรียวโค้งที่เริ่มขมวดเข้าหากัน พร้อมๆกับเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นมาตามขมับ ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงกว้างกำลังหลับตาสนิทแต่สมองภายในกำลังดึงให้จมเข้าไปสู่ความฝันที่ลึกที่สุดของจิตใจ ความรู้สึกกลัวและหวาดหวั่น เสียงในใจที่บอกว่าต้องหนี เขากำลังจะถูกทำร้าย ต้องหนี ... คาราเมลที่บอกตัวเองอยู่ในหัวว่าต้องหนี วิ่ง เร็ว...เร็วขึ้นอีก สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นหันไปมองเห็นเงาทมึนของชายที่มองไม่เห็นหน้า พวกมันที่กำลังกรูกันเข้ามา ไม่ทันแล้ว ไอ้เมล มึงต้องวิ่งๆ วิ่งให้เร็วขึ้นอีก แต่...โอ๊ะ! เบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อรู้สึกว่าขากำลังพันเข้ากับบางอย่าง เบิกตากว้างพร้อมๆกับที่พุ่งล้มลงไปกับพื้น สายตาสวยที่เต็มไปด้วยความหวั่นใจตวัดไปมองยังทิศทางด้านหลัง มันมาแล้ว ไม่ ไม่พ้นแล้ว!!



“เฮือก!” 



ดวงตากลมที่เบิกโพร่งขึ้นมา พร้อมๆกับแรงผวาที่ทำให้ตัวต้องเด้งขึ้นมานั่งอัตโนมัติ เหงื่อชื้นที่ผลุดขึ้นมาตามไรผมไม่ต่างกับคนที่ไปวิ่งในระยะไกลมากๆมา สายตาสวยที่หลุกหลิกเหลือบมองไปซ้ายขวาอย่างหวาดกลัว ก่อนผ้าม่านสีแดงเลือดนกจะทำให้ใจชื้นขึ้น แล้วเริ่มลงมือสำรวจร่างกายตัวเอง



“เฮ้อ ไม่เจ็บตูด รอดไปกู ...” 



บ่นกับตัวเองเบาๆอย่างโล่งใจ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่ที่ปกติมักทำหน้าตานิ่งๆแล้วชอบอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา หากแต่ตอนนี้กลับกำลังหลับสนิทอยู่บนโซฟาสีแดงที่เจ้าตัวชอบนั่ง  ขาเรียวที่ก้าวลงจากเตียงนอนแล้วเดินเข้าไปย่อตัวลงนั่งจ้องหน้าคนที่นอนนิ่งๆอยู่ที่โซฟา ก่อนที่ฝ่ามือบางจะรีบยกขึ้นมาปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นขำแทบไม่ทัน จะอะไรซะล่ะ ภายในอ้อมอกแกร่งดันมีก้อนขาวๆเกยอยู่บนอก เจ้าแมวตัวน้อยสีขาวที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งของคนที่ปกติมันมักจะกลัวจนตัวสั่น และอีกฝ่ายที่ชอบทำท่าทางรังเกียจไอ้หลงแบบสุดๆ แต่ตอนนี้ หนึ่งคนกับหนึ่งแมวตัวเล็กกลับนอนกอดกันกลมซะแบบนั้น



“ให้ตายเถอะ ตอนนอนแบบนี้ก็ดูน่ารักดีอยู่หรอกนะ”  บ่นออกมาเบาๆพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นนิ้วเรียวยาวไปเขี่ยเบาๆที่จมูกโด่งของคนที่กำลังหลับอยู่



“พี่เป็นคนไปช่วยผมมาจริงๆหรอวะ” 



ว่าออกมาอีกเบาๆ ก่อนจะเลื่อนนิ้วยาวไปตามโคร่งหน้าหล่อและมาหยุดอยู่ตรงที่ริมฝีปากหยัก ริมฝีปากนี้ที่ตัวเค้าเองโดนป้อนจูบมานับครั้งไม่ถ้วน แค่คิดถึงก็รู้สึกวูบๆวาบๆที่หน้าอย่างบอกไม่ถูกซะแล้ว 



“อ๊ะ”    และในจังหวะที่กำลังสำรวจโครงหน้าของคนตรงหน้าไปเรื่อย อีกฝ่ายก็ลืมตาขึ้นมานิ่งๆ พร้อมๆกับที่ริมฝีปากจะอ้าออกงับนิ้วเรียวเข้าไปเบาๆ จนต้องเผลอสะดุ้งร้องออกมา ความรู้สึกเสียวปร๊าบแล่นจากปลายนิ้วไปจนถึงหัวใจ  ดวงตคมที่มองตรงมานิ่งๆ เป็นสายตานิ่งๆที่ชวนให้คนมองรู้สึกสั่นไปทั้งตัว



“อ๊ะ ป...ปล่อยสิ”



“หึ” 



ร่างสูงที่หัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะอ้าปากปล่อยนิ้วเรียวยาวของเมลออกแต่โดยดี หากแต่สายตาคมก็ยังคงจ้องมองหน้าของคนตรงหน้าไม่วางตาอีกอยู่ดี และเสียงหัวเราะแบบนั้นยิ่งทำให้แก้มเนียนเห่อร้อนขึ้นมาแปลกๆจนต้องเสหน้าหนีมองไปที่ประตู เตียง ตู้โต๊ะ หรืออะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่หน้าของอีกฝ่ายที่กำลังจับจ้องมองกันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แต่รู้กลับรู้สึกแสบร้อนที่กลางอกแทนน่ะสิ ... หรือกูจะเป็นกรดไหลย้อน?



“มึงถามว่ากูเป็นคนไปช่วยมึงมาหรือเปล่าหรอ ... อืม กูเอง”  เสียงเข้มที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติที่ไม่เหมือนกับคนที่พึ่งตื่นนอนเลยแม้แต่น้อย ทำเอาต้องหันกลับไปมอง



“มะ...มึงไปช่วยกูมาหรอ”



“ทำไม?”



“ก็เปล่า... กูนึกว่ามึงน่าจะอยากให้กูตาย”



“เหอะ ถึงกูจะอยากให้ตาย แต่มึงน่ะ....”  แค่นยิ้มมุมปากทั้งๆที่ยังนอนมองหน้าอีกฝ่ายอยู่แบบนั้น ก่อนจะยื่นมือไปคว้าเอาปลายคางของอีกคนให้หันมามองสบตากัน



“ถ้าจะตายก็ต้องตายเพราะกู จะเจ็บก็ต้องเจ็บเพราะกูได้แค่คนเดียว คนอื่นมันไม่มีสิทธิมายุ่งกับมึง” 



คำพูดที่พูดออกมาจากปากของอีกคน ช้าๆและชัดเจน มันไม่ใช่คำพูดดีๆที่บอกว่าผมรักคุณ กลับตรงกันข้ามที่มันเป็นความหมายร้ายๆ แต่ดันทำผมใจสั่น ... หรือกูจะเป็นมาโซวะ?



“เข้าใจไหม” 



ถามออกมาแบบนั้นแล้วเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ เป็นแรงดึงดูดแปลกๆที่ทำให้เราสองคนเลื่อนหน้าเข้าหากันช้าๆ ไม่เข้าใจเลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลายครั้งที่คิดว่าไม่ควรอยู่ใกล้ แต่สุดท้ายก็ไม่เคยหนีมันพ้นเลยสักที ... สายตาคมที่มองมาที่ผมพร้อมๆกับกดยิ้มที่มุมปาก ในจังหวะที่ลมหายใจเข้าใกล้กันจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดอยู่ที่หน้า เสียงเล็กเสียงนึงก็ทำเอาทั้งผมและทัพหน้าต้องผละออกจากกัน



“เหมียวววว”



“สัด ไอ้สั้น” 



ร่างสูงที่พูดออกมาแบบนั้นแล้วก้มลงมองก้อนสีขาวๆที่เริ่มขยับตัวยุกยิกๆ ก่อนที่ดวงตากลมโตของมันจะค่อยๆเปิดปากออกมากว้างๆเหมือนเด็กอ้าปากห้าว ขาหน้าสั้นๆที่ยกขึ้นมาเขี่ยๆที่ตาของตัวเองนั่นดูน่ารักน่าชังไม่หยอกในสายตาของผม แต่อาจจะไม่ใช่แบบนั้นในสายตาของไอ้ทัพ



“นี่แน่ะ กวนชิพ”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะยกกำปั้นลงไปเขกหัวไอ้หลงหนึ่งที ลูกแมวที่สะดุ้งหน่อยๆก่อนจะเงยหน้ามอง



“แง้ววว เมี้ยวววว”  เสียงเล็กที่ร้องออกมาแบบนั้น ไม่รู้ทำไมพอได้ฟังแล้วเหมือนไอ้หลงกำลังประท้วง และไอ้ทัพเองก็เหมือนจะรับรู้ได้ซะด้วย เมื่อหน้านิ่งๆของมันเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันแบบไม่สบอารมณ์พร้อมๆกับเด้งตัวขึ้นมานั่งดีๆ



“มึงมานอนซุกกูไอ้ไงไอ้สั้น ใครอนุญาต ไอ้แมวอัปลักษณ์นิสัยเสีย”



“แง้วๆๆ เมี้ยววววว” 



เสียงร้องเหมียวๆที่เถียงออกมาไม่หยุด นี่มันเป็นเช้าอะไรของกูถึงต้องมานั่งดูไอ้คนตัวโตหน้านิ่งนี่นั่งเถียงกับลูกแมวสีขาวตัวเล็กๆที่ตอนนี้ก็ลุกขึ้นนั่งแถมจ้องหน้าไอ้ทัพและร้องเสียงเล็กๆใส่แบบไม่ยอม ... กูอยากจะบ้า



“เถียงๆ มึงเถียงกูหรอห๊ะ”



“เมี้ยวๆๆๆ”



“สักทีดีไหมมึง” มันที่ว่าแบบนั้นยกกำปั้นขึ้นมาอีกครั้งจนผมผวาไปจับแขนอีกคนไว้ก่อนเลย



“อย่าทำไอ้หลง”  บอกออกไปแบบนั้น พร้อมที่หนึ่งคนกับหนึ่งตัวชะงักอยุดเถียงกันชั่วคราว ไอ้หลงร้องเหมียวออกมาที่นึงแล้วโดดมาบนตักของผมทันที นุ่มนิ่มจนต้องก้มลงไปหอมหัว ตอนนี้มันอาบน้ำแล้วด้วยก็ยิ่งน่ารัก



“ขี้อ้อนจังนะมึงเนี่ย”  ว่าแบบนั้นพร้อมอุ้มมันขึ้นมาฟัด มันที่ดิ้นหน่อยๆแล้วเอาหัวมาถูๆไปตามหน้าของผม เห็นแบบนั้นแล้วอดที่จะยิ้มกว้างๆออกมาไม่ได้



“หึ่ย น่ารำคาญ”  ไอ้ทัพหน้าที่มองหน้าผมกับไอ้หลงด้วยสายตาหงุดหงิด ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกขึ้นเต็มความสูง พร้อมๆกับฝ่ามือใหญ่ที่ตรงเข้ามาจับหลังคอไอ้หลงไว้อีกแล้ว



“เห้ยๆ ไอ้ทัพปล่อย”



“ยุ่ง”   ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมปลายตามามองผม ส่วนมันก็ทำแค่หิ้วไอ้หลงที่ดิ้นไปดิ้นมาอยู่ในฝ่ามือ ก่อนที่อีกคนจะเปิดประตูแล้วโยนไอ้หลงออกไปนอกห้อง



“เชี่ย”  วิ่งตามไปตั้งใจจะวิ่งออกไปดูไอ้หลง แต่อีกฝ่ายก็ทำแค่เอาตัวมาบังประตูไว้



“ทัพ ถอย จะออกไปดูไอ้หลง”



“สนใจไรนักหนา แค่สิ่งมีชีวิตแขนขาสั้นไม่กี่เซน”     ดูปากมัน



“มึงโยนมันออกไปแบบนั้น มันตายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถอย”



“ขี้เว่อร์”



“ทัพหน้า ถอย”  ขมวดคิ้วใส่มัน บอกให้รู้ว่าตอนนี้ไม่เล่น แต่บางทีผมก็อาจจะลืมไปว่าคนตรงหน้าคือทัพหน้าไอ้หมาบ้าที่ฟังไม่รู้ความ



“คาราเมล” เสียงเข้มที่เรียกให้ผมต้องชะงัก เพราะตั้งแต่วันที่มันจับผมมา ก็ไม่เคยมึงครั้งไหนเลยมันจะเรียกกันดีๆ



“สนใจอะไรนักหนา มาสนใจกูนี่”



“เอ๋...ห๊ะ? ห....เห้ย!” 



และยังไม่ทันที่ผมจะได้หายงง อีกฝ่ายที่ทำหน้านิ่งๆไม่ติงไหวเหมือนเดิม หากแต่วงแขนแข็งแกร่งของมันกลับตรงมารวบเอวผมให้กระชับและ หิ้วผมขึ้นจากพื้นแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำทั้งแบบนั้น



“เห้ยๆ ทัพ ปล่อยยย”



‘พรึบ’



“ทำบ้าอะไรวะเนี่ย"



ว่ามันออกมาแบบนั้นพร้อมฟาดเข้าไปที่อกแกร่งในตอนที่มันวางผมลงบนที่ว่างข้างอ่างล้างหน้า



“อาบน้ำ”



“เออ เดี๋ยวอาบเอง จะหิ้วกูมาทำไมวะ ตกใจหมด”



“อยากอาบน้ำ”  คือต้องการอะไรวะ คนตรงหน้าที่มองมาที่ผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมประโยคแบบนั้น คือมึงอยากให้กูออกไปงี้หรอ อะเค...



“จะไปไหน”



“เอ้า มึงจะอาบน้ำ”



“ใช่”



“ก็อาบไปสิ”  เงยหน้ามองตามันที่ยังคงทำหน้าตายแบบเดิม คือมึงเป็นไร กวนตีนงี้หรอ



“อยากอาบน้ำ”  มันที่ยังคงย้ำออกมาแบบนั้นเหมือนเดิมด้วยสีหน้าเหมือนเดิม แล้วกูก็ยังนั่งทำหน้างงๆอยู่แบบเดิม จ้าาาาา ไม่เข้าใจมันจ๊ะ



“เออ แล้วยังไง กูก็จะออกไปให้นี่ไง”



“อาบให้หน่อย”



“ห๊ะ!” ประโยคที่ทำเอาอ้าปากค้าง พร้อมเบิกตากว้างจ้องหน้ามันเหมือนเห็นผี เชี่ยไรเนี่ย ตัวอะไรสิงมึงไอ้พี่ทัพหน้า



“กูบอกว่าอาบให้หน่อยไง”



“บ้า ไม่เอา”



“จะเอา”



“เชี่ย” 



อุทานออกมาแบบนั้น ตอนที่เรียวขาเรียวถูกดันให้แยกออกและอีกฝ่ายก็แทรกตัวเข้ามาประชิดกันมากกว่าเดิม ฝ่ามือหนาที่เท้าลงกับขอบอ่างไว้ข้างนึง ส่วนมืออีกข้างก็กดโน้มต้นคอของผมให้โน้มลงไปรับริมฝีปากอุ่นของอีกฝ่าย เรียวลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามาอย่างหิวกระหาย  ก่อนที่จะผละออกแล้วเลื่อนลงไปตามลำคอขาวและแทรกลึกไปถึงเนินอกอยู่ภายใต้เสื้อที่ใส่นอนคอกว้าง  ผิวขาวๆขึ้นสีไม่ยากจากแรงขบเม้ม เขาที่โดนทำตำหนิไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะคว้าชายเสื้อของผมแล้วดึงรั้งให้ถอดออกไปได้ในที่สุด



“ทะ...ทัพ”



“กูไม่ชอบมึงเลยเมล”  ใบหน้าหล่อเหลาที่กดจูบไปตามใบหูพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มเข้มพร้อมๆกับขมวดคิ้วมุ่นอย่างคนกำลังคิดอะไรในใจ



“น่ารำคาญจริง” 



บอกออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับเกี่ยวตัวผมลงจากเคาเตอร์  เสื้อผ้าของผมและอีกฝ่ายถูกถอดออกไปจากตัวก่อนที่จะถูกดันมาอยู่ใต้เรนชาวเวอร์ อีกฝ่ายที่ยืนซ้อนกันอยู่ที่ด้านหลัง ริมฝีปากอุ่นๆที่กดจูบดูดเม้มไปที่ท้ายทอยจนต้องสะดุ้ง



“อืมมม”



“คาราเมล”



“อ๊ะ” 



นิ้วแข็งแกร่งที่เลื่อนจากหน้าท้อง ลากช้าๆมาที่หน้าอก นิ้วแกร่งที่ไม่ต่างจากคีมค่อยๆหนีบเข้าที่หัวนม ถูไถไปมาจนมันตั้งชัน ได้แต่เงยหน้าเชิดขึ้น เสียงหายใจของเราสองคนดังสะท้อนก้องไปทั้งห้องน้ำ



“กูไม่ชอบมึงเลยเมล ไม่ชอบ....”



“อึก ทัพ”



“ไม่ชอบเสียงที่เรียกชื่อกูแบบนี้ด้วย” 



ฝ่ามือเย็นที่ค่อยๆเลื่อนลงไปกอบกุมความเป็นชายของผมเอาไว้ ประคองมันไว้ในอุ้งมือหนาขยับช้าๆเสียดสีจนมันชูชัน ถูวนเบาที่ส่วนหัว รู้สึกเสียววูบในช่องท้องจนต้องกัดปากแน่น



“ท...ทัพ อื้มมม”



“กูไม่ชอบเลย ไม่ชอบสักอย่าง...”



“อ๊ะ ทัพ อื้ออ” 



ได้แต่ร้องครวญครางไม่ได้ศัพท์ในยามที่อีกฝ่ายขยับมือให้เร็วมากยิ่งขึ้น ได้แต่เงยหน้าขึ้นไปเอนพิงอกแกร่งของคนที่ยืนซุกไซร้ซ้อนหลังกันอยู่ตอนนี้



“กูไม่ชอบ ... แต่กูก็ไม่ชอบให้คนอื่นมาทำแบบนี้กับมึงเหมือนที่กูได้ทำ” 



เสียงที่ดังอยู่ข้างหู คำพูดที่มาจากปากของมันแบบนั้นไม่ต่างจากรางวัลที่ทำเอาใจกระตุก ผมที่ปรือตาขึ้นไปมองหน้า อีกฝ่ายที่จับจ้องมามองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว สายตาของมันที่มองมาที่ผมแบบไม่เข้าใจ ... ไม่เข้า มันกำลังไม่เข้าใจอะไร



“คาราเมล...มึงฆ่าณราชาจริงๆหรอ?



“ท...ทัพ อื้ออ” 



คำถามที่ถูกถามออกมาพร้อมดวงตาแกร่งที่จับจ้องมาที่หน้าของผมนิ่งๆอย่างคนกำลังต้องการอะไรบางอย่าง ผมที่พยายามจะตอบคำถามของมัน เอื้อมมือลงไปคว้าข้อมือแกร่งให้หยุดทำ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม มือหนาที่สาวเข้าสาวออกให้ไวยิ่งขึ้น ความรู้สึกถูกอัดแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ เสียวจนต้องจิกเท้าลงกับพื้นห้องน้ำ



“อ๊ะทัพ ปล่อยๆ มะ...ไม่ไหวแล้ว จะ จะเสร็จ อ้า” 



ได้แต่หอบหายใจตัวโยนจนต้องทิ้งน้ำหนักลงไปพิงตัวของอีกฝ่ายไว้ทั้งตัวในจังหวะที่ปลดปล่อยความต้องการของตัวเองทุกหยาดหยดของตัวเองออกมาในฝ่ามือหนา



“ทะ...ทัพ”



“อืม ว่าไง” 



อีกฝ่ายที่ว่าแบบนั้นแต่กลับเลื่อนมือลงไปที่ก้นกลมกลึงก่อนจะแหวกออกช้าๆแล้วค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลัง เจ็บแปร๊บจนสะดุ้ง



“ทัพ...อื้มม”



“ตอบกูสิ คำถามที่กูถามน่ะ”



พูดพรางสบตากับดวงตาสวยที่ช่ำปรือในตอนนี้ ทัพหน้าที่ค่อยๆเพิ่มนิ้วสอดใส่เข้าไปจากหนึ่งเป็นสองและเปลี่ยนเป็นสาม เหงื่อใสที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผาก นิ้วที่สอดเข้ามาเรียกน้ำตาให้เอ่อซึมขึ้นมาที่หางตาได้ไม่ยาก  ร่างสูงดึงนิ้วออกมาแล้วสอดสอดใส่แกนกายของตัวเองเข้าไปทีเดียวจุดสุดความยาว



“อึก อ๊า”   



ทัพหน้าที่ขยับกายเข้าออกจากช้าๆ ใบหน้าคมที่ขบกัดดูดดุนไปตามลำคอและหัวไหล่ เหมือนกำลังฝังความเจ็บปวดใส่ลงไปให้คนตรงหน้า ความเจ็บปวดที่จะมีแค่ทัพหน้าเท่านั้นที่จะเป็นคนมอบให้คาราเมลได้



ฝ่ามือเย็นของทัพหน้าเลื่อนลงไปแกนกายของเมลไว้อีกครั้ง ขยับมือปลุกเร้าอารมณ์ของเมลให้ขึ้นมาอีกครั้ง มือใหญ่ยังคงทำหน้าที่อย่างดีก่อนจะขยับฝ่ามือแรงขึ้นเรื่อยๆพร้อมๆกับที่สะโพกแกร่งก็ขยับจังหวะอย่างหนักหน่วงให้แกนกายกระแทกเสียดสีเข้าที่จุดด้านในหนักๆ



“อ๊ะๆ ทัพ อื้มม”



ร่างสูงที่ดันคนร่างบางให้ชิดกับผนังเย็นเฉียบของห้องน้ำก่อนจะขยับสะโพกหนักๆพร้อมกับก้มหน้าลงไปกัดลงที่ไหล่บางจนจมเขี้ยว ก่อนที่ทั้งร่างสูงและร่างบางจะกระตุกปลดปล่อยความต้องการออกมาพร้อมๆกันทั้งในฝ่ามือของทัพหน้าและในส่วนลึกของคาราเมล  แขนแกร่งกอดกะชับเอวบางไว้แน่นๆ ก่อนจะค่อยๆถอนแกนกายออกมาช้าๆ



“อ้า ...อึ เจ็บ...”



“ไม่มีแรงมึงก็อยู่เฉยๆ” ว่าแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดน้ำที่ฝักบัวให้ไหลลงมาใส่ พร้อมกับเอามือกดที่ครีมอาบน้ำ ก่อนจะเอามาถูตัวให้จนต้องสะดุ้ง



“จะอาบน้ำ มึงอยู่เฉยๆ ถ้าดีดดิ้น กูจะเอามึงอีกรอบ” 



เพราะพูดออกมาแบบนั้นเลยเลือกจะอยู่เฉยๆให้อีกฝ่ายลูบไล้ไปตามเนื้อตัว ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรกันอีก มีเพียงแค่เสียงน้ำที่ตกกระทบพื้นแค่เพียงเท่านั้นที่เราสองคนยังได้ยินอยู่



“ทัพ”



“อะไร”



“ถ้าผมพูดอะไรออกไปพี่จะเลือกเชื่อผมบ้างหรือเปล่า” 



หันหน้าไปมองหน้าคนที่ชะงักฝ่ามือแล้วจ้องหน้าตอบกับผมในตอนนี้  อีกฝ่ายไม่พูดอะไรตอบออกมา และผมเองก็เลือกที่จะถามออกไปแค่นั้น



ก็อยากจะพูดอะไรออกไปเหมือนกัน



แต่อยากรู้ว่าถ้าพูดออกไปจะเชื่อกันไหม



ถ้าคำตอบคือไม่...ต่อให้ผมพูดออกไปดังแค่ไหน เขาเองก็จะไม่สนใจมันอยู่ดี



...





ในช่วงเวลาบ่าย ผมเดินลงจากรถหรูที่ไม่ใช่มัสแตง เพราะวันนึ้นที่มาส่งผมที่มหาลัย ก็คือคนๆเดิมไม่ใช่ใคร เขาคนนั้นคือพี่ธร พี่ธรที่กำลังเทศน์ผมอยู่ตอนนี้



“วันนี้เลิกเรียน4โมงใช่ไหมครับคุณคาราเมล”



“ก็ใช่อ่ะพี่ธร พี่จะถามผมไมอ่ะ ผมรู้ว่าพี่อ่ะมีตารางเรียนผมเหอะ” 



กอดอกบ่นคนตรงหน้าไปแบบนั้น อีกคนที่มองท่าทางของผมก่อนจะหลุดยิ้มออกมาน้อยๆ อเมซิ่งมากๆเจ้าประคุณเอ๊ย



“นี่พี่ธร จริงๆพี่ก็หล่อนะ ทำไมไม่ชอบยิ้มอ่ะ ยิ้มหน่อยดิ ยิ้มๆๆ”



“คุณคาราเมลครับ วันนี้ห้ามเถรไถลไปไหนอีกนะครับ”



“เนี่ย ตัดบทกันเฉย เออๆรู้แล้วน่าพี่ ขืนหนีไปไหนอีกก็โดนเจ้านายพี่แดกสิ”



บ่นใส่อีกคนที่ยิ้มอ่อนๆออกมาให้ พี่ธรเป็นผู้ชายร่างสูงที่สูงพอๆกับไอ้ทัพ และมีหน้าตาที่ถอดแบบชายไทยออกมา อารมณ์แบบพี่ติ๊กเจษแต่ผิวขาวกว่า เอกลักษณ์อีกอย่างของพี่แกคือชอบใส่ชุดดำ ดำแม่งทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการหรือมีงานบุญ และก็ชอบทำหน้าตาย เป็นผู้ชายที่ไม่มีอารมณ์ขันแบบสุดๆ วันๆมีหน้าที่อาบน้ำให้ไอ้เชอร์รี่



“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” 



โค้งให้ผมนิดหน่อย และเป็นผมที่ยกมือไหว้เค้าไป อะ ก็ไม่ใช่เป็นคนหยาบคายนะเว่ย รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่จะตาย คุณหญิงโฉมฉายสอนมาดีครับ ตั้งใจว่าจะยืนรอให้พี่ธรเดินไปขึ้นรถก่อนแล้วค่อยเข้าไป ในจังหวะที่พี่ธรเดินไปขึ้นรถดันเดินสวนใครบางคนที่ผมเห็นแล้วต้องยกมือขึ้นทักทายมันทันที



“อ้าว ข้าวโพด” 



ทักมันออกไปแบบนั้น อีกฝ่ายที่สะดุ้งหน่อยๆตอนที่มันเห็นพี่ธรมองหน้า แต่มันก็มันหน้ามาหาผมพร้อมยิ้มให้ ก่อนจะยกมือขึ้นจับแว่นให้เข้าที่เข้าทางอีกรอบ ข้าวโพด มันเป็นผู้ชายคนตัวเล็กออกจะเนิร์ดหน่อยๆ เพราะแบบนั้นเลยทำให้ไม่ค่อยมีคนคบด้วยมากนัก เอาจริงๆก็สงสัยอยู่ว่าคนไม่คบมันหรือมันไม่คบใครกันแน่



“ส...สวัสดีคาราเมล”



“เต็มยศเลยนะมึง เรียกเมลเฉยๆก็ได้ พึ่งมาหรอ”



“อืม เดี๋ยวงั้นเราขอตัวก่อนนะ” 



มันบอกผมแบบนั้น ผมก็พยักหน้าให้ อีกฝ่ายที่ก็เดินเข้าไปในตึกเรียน มองตามแผ่นหลังเล็กๆของมันคิดว่าคงขึ้นตึกเรียนไปเลยโดยไม่ไปนั่งจับกลุ่มกับเพื่อนคนไหนตามโรงอาหารหรือใต้ตึกแน่ๆ


(มีต่อด้านล่างจ้าาา)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่9* {10.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 10-11-2018 20:58:45
(ต่อค่ะ)



“เห้ย!”  สะดุ้งตกใจกับเสียงที่ดังมาพร้อมๆกับแรงกอดไหล่ หันไปมองไม่ใช่ใคร ไอ้เวนกุ๊ก



“สัด ทักดีๆไม่ได้หรอวะ”



“แหม น้องเมลของพี่กุ๊กกลายเป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่หรอจ๊ะ หื้ม”  ทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ไม่พอ แม่งยังยื่นมือมาหยิกแก้มกันไปอีก



“กวนตีนจังวะกุ๊ก”



“จุ๊ๆ อย่ามาดุด่ากูนะ ไม่งั้นกูไม่ช่วยมึงจริงๆด้วย”



“มึงจะช่วยเชี่ยไรกู”  หันไปมองมันที่ก็หรี่ตามาใส่ ก่อนที่นิ้วของมันจะจิ้มเข้ามาที่ท้ายทอยของผม



“รอยเด่นมากไหมถามใจดู จัดคอเสื้อมึงดีๆหน่อยก่อนที่ไอ้บินไอ้อู๋จะเห็น”



“เชี่ย”  อุทานออกมาเบาๆ พร้อมๆกับรีบปล่อยผมลงมาดีๆ วันนี้เสือกมัดผมมาเพราะรู้สึกร้อนและผมก็เริ่มยาว ถ้ารู้ก่อนว่าไอ้ทัพแม่งทำรอยไว้กูจะไม่ยอมมัดเลยสัดเอ๊ย



“นี่ไอ้เมล”



“อะไร?”



“กูมีไรอยากคุยกับมึง”



“เรื่อง?” 



หันหน้าไปมองมันแบบไม่เข้าใจ คืออยากรู้ว่ามันมีเรื่องอะไร แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ มันที่เดินนำผมไปด้านหลังของตึกคณะ จริงๆแถวนี้มีไว้อย่างเดียวคือเป็นที่สูบบุหรี่ ไอ้กุ๊กที่ยกบุหรี่ขึ้นมาจุด ก่อนจะพ่นควันออกมาหน่อยๆ



“มึงเอาป๊ะ”



“ไม่อ่ะ”  ส่ายหน้าตอบมัน ไม่ใช่เป็นคนดี เมื่อก่อนผมก็สูบแต่ตั้งแต่แม่ขอเมื่อปีก่อน ก็เลยพยายามลดๆละเลิกมันไป



“ว่าแต่มึงมีเรื่องไรจะคุยกับกูวะ”



“กูอยากรู้ว่าเดี๋ยวนี้มึงไปอยู่กับใคร?”  มันที่พูดออกมาแบบนั้นแบบไม่มีอ้อมค้อม ตาชั้นเดียวแบบลูกคนจีนของมันที่จ้องมาที่ผม เผลอกลืนน้ำลายตอนมองหน้ามัน



“คือ....”



“เมื่อวันก่อนนู้น กูเห็นมึงที่ร้านSword Pub มึงมากับ.....” 



ผมที่หันไปมองมันตาโต ไอ้กุ๊กถอนหายใจออกมาหน่อยๆกับท่าทางของผม



“พี่ทัพหน้า มึงไปอยู่กับเค้าได้ยังไง”



“คือกู...คือ”



“ไอ้เมล มึงอย่ามาโกหกกู แล้วไอ้รอยพวกนี้อ่ะ พี่เค้าทำใช่ไหม”  เป็นความรู้สึกที่เหมือนวิ่งเข้ามาในซอกมืดๆแล้วดันชนเข้ากับกำแพงตัน เป็นทางที่ไม่มีทางให้ไปต่อ



“กูเป็นห่วงมึง กูรู้ว่ามึงรักเค้า แต่กูไม่เข้าใจ มึงไปอยู่กับเค้าได้ไง กูคิดไม่ออกว่ามึงกับเค้าจะไปอยู่ด้วยกันในสภาพโอบเอวแบบนั้นได้ยังไง”



“กุ๊ก...”



“กูสัญญาว่าจะไม่บอกไอ้บินกับไอ้อู๋ แต่กูคิดว่า มึงน่าจะบอกกูนะ อย่าเก็บเรื่องทุกข์ใจของมึงเอาไว้คนเดียวเลยว่ะ”  มันที่พูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง รู้สึกเหมือนหัวใจถูกของหนักๆยกออกไปแล้ว



“กูอยู่กับเค้า และใช่ทุกอย่างที่มึงคิดน่ะมันใช่” 



สุดท้ายก็สารภาพกับมันออกไปแบบนั้น ไอ้กุ๊กถอนหายใจออกมาหนักๆอีกครั้ง มันที่ทำหน้าทำตาเหมือนเห็นลูกสาวมาสารภาพว่าท้องก่อนแต่งยังไงยังงั้น



“เชี่ย นี่มันเรื่องอะไรวะ”



“เรื่องมันยาว”



“กูว่างฟัง” ว่าออกมาแบบนั้นแล้วทำหน้ามุ่งมั่นมาใส่ผมจนต้องเผลอขำออกไป



“ยังจะขำอีกไอ้เหี้ย คือมึงกับพี่เค้าไปสำรวจโพร่งถ้ำกันแล้วใช่หรือไม่ แต่พี่มันมีเมียแล้วนะเว่ย กูจำได้ๆๆ ข้าวประกาศจะแต่งงานเมื่อต้นปีหลาอยู่บนหน้าข่าวไฮโซ”



จบคำพูดของมันก็ทำเอาผมหน้าชา  มันที่ชะงักหน่อยๆก่อนจะทำหน้าทำตารู้สึกผิดส่งมาให้



“กูขอโทษ แต่มึง มึงเล่ามาเหอะว่ามันคืออะไร กูเห็นรอยที่ไล่มึงอีก กูว่ามันแปลกๆแล้วนะ”



“มึง...คือว่า...”



และเพราะมันที่คาดคั้นออกมาแบบนั้น สุดท้ายก็เลยเลือกที่จะเล่าให้มันฟังทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ



“ไอ้เหี้ย! กูจะไปถีบหน้าไอ้สัดพี่ทัพหน้า Kมาก แค่นี้ก็เชื่อ อีหน้าไหนใส่ความเพื่อนกู”



“มึงเบาๆหน่อยไอ้กุ๊ก ไอ้สัดนี่”



“สัดเอ๊ย แล้วทำไมมึงไม่หนี”



“กูหนีไม่ได้”



“เชี่ยเมล เอาจริงๆอะไรที่มึงหนีไม่ได้ หนีเค้าไม่ได้เพราะลูกน้องเค้าเยอะ หรือมึงหนีใจที่มันติดกับตัวเค้าไม่ได้กันแน่” 



คำถามของมันไม่ต่างจากที่ผมถามตัวเองอยู่ทุกวัน บางที...คนที่เราอยากเอาเค้าออกจากชีวิตมากที่สุด มันก็คือคนที่เราไม่มีทางเอาเค้าออกไปจากหัวใจได้มากที่สุดเหมือนกัน



“แม่ง แต่มึง ต่อจากนี้ถ้ามีเรื่องอะไรมึงต้องบอกกูนะ”



“เออ จะไม่บอกได้ไง ก็มึงเสือกมาครึ่งเรื่องขนาดนี้แล้วอ่ะ”  ว่าไปแบบนั้นมันก็เบะปากใส่ หาสำนึกไม่กับคนแบบมัน



“อย่าเรียกว่าขี้เสือก ให้เรียกใส่ใจเรื่องราวของเพื่อนอย่างใกล้ชิด เก็ทไม่เก็ท”



“เออๆ เก็ทๆ แล้วนี่มึงเลิกสูบได้ยัง ถ้าไอ้บินมาเห็นมึงโดนมันฆ่าแน่”



“ช่างหัวแม่งสิ เป็นผัวกูหรอ เสือกจัง”   มันที่บ่นออกมาแบบนั้นแล้วทำปากมุมมิบแบบไม่สบอารมณ์หน่อยๆ แต่ถึงแบบนั้นมันก็โยนบุหรี่ลงพื้นแล้วเหยียบจนไฟมอด



“งั้นไปกันเหอะมึง ได้เวลาขึ้นเรียนแล้ว เดี๋ยวไอ้บินแม่งต้องฟอกกูจนสะอาดแน่ๆ”



“เอาน่า เดี๋ยวกูช่วยกันให้”



“ขอบใจนะมึง”



“ไม่ต้องขอบใจกูหรอก มึงอ่ะเพื่อนกู ... อีกอย่างกูเข้าใจ เรื่องบางเรื่อง เราก็ไม่สามารถพูดมันออกไปได้หมดทุกอย่างหรอก” 



มันว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะวาดแขนมากอดคอผม พวกเราเดินขึ้นตึกเรียนไปด้วยกัน และเดินไปนั่งโต๊ะในแบบที่เคยเป็น



“เฮ้บอย พี่เมลมาแล้วจ๊ะน้องบินน้องอู๋ ฮัชชะๆ” 



เดินลัลลาปั้นยิ้มแบบสุดๆไปหาไอ้บินไอ้อู๋ พร้อมตบหัวพวกมันไปคนละป๊าบ  ไอ้อู๋ยกนิ้วกลางขึ้นมาให้เต็มๆหน้าผมเลย แต่ไอ้บินกลับนิ่ง มันที่หันหน้ามาหาผมแบบจริงจังทันทีที่ผมหย่อนตูดนั่ง



“มึงหายไปไหนมา”



“หายไปไหน เปล๊า”



“ไอ้เมลพากูไปสูบบุหรี่มา”  เสียงไอ้กุ๊กที่ดังขัดขึ้นมาพอดีในจังหวะที่ไอ้บินจะอ้าปากถามต่อ มันชะงักแล้วตวัดสายตาไปมองไอ้กุ๊กแบบไม่พอใจสุดๆ



“สัด กูบอกแล้วว่าไม่ให้มึงสูบไงวะ”



“ก็กูอยาก” 



ไอ้กุ๊กว่าออกมาแบบนั้นพรางยักไหล่ใส่ไอ้บิน จริงๆเป็นท่าทางที่โคตรจะกวนตีนในสายตาของผม ไอ้บินที่หน้าตึง มองจากตรงนี้ยังเห็นว่าคิ้วของมันกระตุกยิกๆ  ไอ้บินมันไม่ชอบให้ไอ้กุ๊กสูบบุหรี่ ไม่รู้เป็นอะไรของมันเหมือนกัน  ไอ้อู๋ที่กระดึบตัวมาใกล้ๆผมก่อนจะกระซิบ



“ไอ้กุ๊กแม่งก็กล้าเนอะ เดี๋ยวสัดบินก็แดกหัวแม่ง” 



ผมเองก็คิดไม่ต่างจากมัน แต่คิดว่าไอ้กุ๊กคงพยายามเบี่ยงประเด็นไม่ให้ไอ้บินถามอะไรผมได้มากกว่า ถือเป็นพระคุณยิ่งนักเพื่อนรักของข้า



“เดี๋ยวมึงเจอกูนะกุ๊ก”



“เจอไรวะ กลัวมากมั้ง”  ผมกับไอ้อู๋มองหน้ากันตาเหลือก จะมีสักกี่ครั้งกันที่ไอ้กุ๊กจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ไอ้บิน ปกติถ้าไอ้บินว่า มันจะทำหน้าตาน่าสงสารแล้วขอโทษบอกจะไม่ทำแล้ว กูพึ่งเห็นครั้งนี้ในรอบ4ปีนี่แหล่ะ



“ไอ้...”



“เอาล่ะนักศึกษา เปิดหนังสือไปที่หน้า......”   



เสียงของอาจารย์หน้าชั้นเรียนที่ดังขึ้นขัดไอ้บินพอดี มันที่หันไปมองหน้าไอ้กุ๊กทีและผมที ก่อนจะฮึดฮัดขัดใจ เพราะมันไม่ได้เรื่องที่มันอยากจะรู้ทั้งจากผม และจากไอ้กุ๊กเลยสักนิด ขอบคุณสวรรค์ที่ท่านยังเมตตาลูก



“จับกลุ่มกันกลุ่มละ5คนนะ แล้วส่งรายชื่อให้อาจารย์ภายในท้ายคาบด้วย”   จบเสียงสั่งงานพวกเราก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆออกมาอีกครั้ง งานกลุ่มแม่งมาอีกแล้ว



“เอาไงดีวะพวกมึง จะเอาใครมาเพิ่มอีกคนดีอ่ะ พวกเราแม่งมีอยู่สี่คน อ้ายมาสี่คน อิอิ”



“อิพ่องไอ้อู๋ ไอ้ลามก”



“ไรวะเมลลลล เมลว่าพี่อู๋ทำไมอ่ะครับ รู้ไงว่าสี่คนหมายถึงไร”



“ยังอีกนะมึง”



“อะๆพอเลิกเล่นกะดั้ย ว่าแต่...เอาใครดีวะ”



“เอ่อ...ขอโทษนะ ถ้ายังไม่มีใคร เราขออยู่ด้วยคนได้ไหม”  เสียงที่ทำให้พวกเราที่กำลังสุมหัวกันอยู่ต้องหันไปมอง



“ข้าวโพด” ครับ...ไอ้โพดที่ยืนกอดหนังสือเรียนอยู่ตอนนี้ มันที่มองมาที่พวกเราแบบกล้าๆกลัวๆ



“ไม่อ่ะ มึงไปหากลุ่มอื่นไป”  และในจังหวะที่ยังไม่มีใครอ้าปาก เสียงของไอ้กุ๊กก็ดังแหวกอากาศออกมาก่อนจนไอ้โพดหน้าเสีย

“เห้ยใจเย็นดิไอ้กุ๊ก จริงๆเอาโพดเข้ามาก็โอเคนะเว่ย ครบพอดี”



“เออนั่นดิ ข้าวโพดแม่งเรียนเก่งด้วย สบายเลย”  ไอ้อู๋ที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วลุกขึ้นไปเลื่อนโต๊ะมาให้ข้าวโพดนั่งลงข้างๆผม



“เออ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” 



ไอ้บินก็พูดแบบนั้นออกมาอีก ไอ้กุ๊กที่ทำเสียงไม่พอใจในลำคอหน่อยๆ แต่ไอ้บินก็เลือกที่จะไม่สนใจ มันที่เลื่อนแผ่นกระดาษไปให้ข้าวโพดเขียนชื่อในใบกระดาษหน้าตาเฉย จริงๆผมคิดว่าไอ้บินน่าจะอยากเอาชนะจากเรื่องที่ไอ้กุ๊กสูบบุหรี่มากกว่ามันถึงทำแบบนี้



“เย้ เอาเป็นว่ากลุ่มเราครบแล้วอ่ะเนอะ ยินดีต้อนรับนะครับข้าว”  ไอ้อู๋ที่ว่าแบบนั้นก่อนจะยื่นมือไปยีหัวไอ้โพดหน้าตาเฉย แถมยังมีหน้ามายิ้มหน้าระรื่นจนไอ้โพดต้องหดคอนี้



“มึงก็ไปแกล้งมัน”



“แกล้งอะไรล่ะ กูว่ามันน่ารักอ่ะ ดูตื่นๆคนดี” 



ไอ้อู๋ที่ว่าออกมาแบบนั้น มันยกยิ้มมุมปากหน่อยๆตอนมองไปที่ข้าวโพด ส้นตีนเถอะ เหมือนข้าวโพดกำลังจะได้รับมลพิษเลยครับ



“พอไอ้สัดอู๋ เยอะไป เอากระดาษไปส่ง เราจะได้กลับกัน”  ห้ามมันไว้ได้ทัน ก่อนที่มันจะแดกข้าวโพดไปทั้งฝัก เอ้ย หมายถึงทั้งตัว



“นี่โพด ปกติเรียนกับใครวะ ไม่เห็นจะอยู่กับใครเท่าไหร่เลย”



 ไอ้อู๋ที่ถามโพดมันตอนที่พวกเรากำลังเดินออกจากห้อง ไอ้โพดทำหน้าเศร้าหน่อยๆก่อนจะหลุบตาลงต่ำ



“ไม่มีอ่ะ เราก็เรียนของเราคนเดียวนะ”



“เห้ย ได้ไง มาอยู่กับพวกเราก็ได้นะ เนอะไอ้บิน คนเยอะๆจะได้สนุก”  ไอ้อู๋พูดต่อก่อนจะหันไปสะกิดไอ้บิน



“ก็ดีนะ มาอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้”



“พวกมึงเป็นเหี้ยไรนัก ปรึกษาใครยังมาตัดสินใจกันสองคนอ่ะ” 



เป็นอีกครั้งที่ไอ้กุ๊กไม่นิ่งเหมือนทุกวัน มันที่โพร่งออกมาแบบนั้น มองหน้าไอ้บินกับไอ้อู๋แบบหาเรื่อง ผมที่เดินไปดึงแขนมันไว้ให้พยายามใจเย็น ค่อนข้างแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นไอ้กุ๊กเป็นแบบนี้



“เห้ย ไรล่ะมึง ก็เพื่อนกันทั้งนั้น” 



 ไอ้อู๋เองที่ก็คงตกใจไม่น้อยแต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังพยายามส่งยิ้มแหยๆไปให้ไอ้กุ๊กที่ตอนนี้หน้าตาเป็นส้นเท้าหมาไปแล้ว  ไอ้กุ๊กทำแค่ปลายตามองแรงใส่ข้าวโพดจนมันสะดุ้งหลบตา



“สาระแน”



“มึงพูดแรงไปแล้วนะกุ๊ก” 



ไอ้บินที่ว่าเสียงเข้มๆใส่ มันตวัดสายตากลับไปมองทันทีแบบโกรธๆ ตั้งใจจะอ้าปากห้ามศึกของเพื่อนทั้งคู่ แต่...



“มีเรื่องอะไรกัน” 



เสียงทุ้มเข้มที่ดังขึ้นมาจนตัวผมช้าวาบ  พอหันไปมองแล้วยิ่งต้องเบิกตากว้างมากกว่าเดิม คนร่างสูงที่อยู่ในชุดสูธทำงานสีฟ้าอ่อนๆ แต่เสื้อกกลับถูกปลดกระดุมจนเห็นแผงอก แถมแขนเสื้อก็ถูกพับขึ้นไปจนถึงข้อศอก ปกติจะต้องมีสูธด้วย แต่เดาว่ามันคงวางไว้ในรถ ... แต่นั่นไม่สำคัญ สำคัญแค่ว่า มึงมาได้ไง!



“ทะ...ทั....”



“ว่าไงคาราเมล”



“เอ่อ....”



“ทำไมเค้าถึงทักมึง” 



ไอ้บินที่เอื้อมมือมาดึงแขนผมไว้หน้าเครียด มันมองมาที่ผมอย่างมีคำถาม จริงๆพวกเพื่อนกลุ่มผมรู้ว่าผมเคยชอบพี่มันตอนปี1 แต่เรื่องมันก็นานมามากแล้ว และอยู่ๆวันนี้ ทัพหน้ามาปรากฏตัวที่มหาลัยแบบนี้ มันก็ค่อนข้างจะน่าตกใจไม่น้อยเลย แน่ล่ะ...ตอนนี้รอบๆตัวพวกเราคนก็เริ่มมองมามาแล้ว และบางคนก็เริ่มยกมือถือขึ้นถ่ายรูป  ผมบอกแล้วว่าทัพหน้ามันดังใช้ได้เลย



“คือ...”



“ถ้าไม่มีไรก็กลับ” 



มันที่มองตรงมาที่ผม ก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปมองที่แขนข้างที่ยังถูกบินจับไว้แบบนั้น  รู้สึกเหมือนแขนที่โดนบินจับจะร้อนวาบขึ้นมาทันทีตอนที่ถูกจ้องมาจากสายตาของมัน ผมเลยทำแค่บิดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของบินแบบเนียนๆ



“คือพวกมึง...”



“เมล พี่อยากกลับแล้ว” 



สะดุ้งออกมาอีกรอบตอนที่ได้ยินมันแทนตัวเองแบบนั้น เผลอหันไปมองหน้ามันแบบตกใจ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงทำหน้านิ่ง



“หมายความว่าไงวะเมล” 



ไอ้บินที่พยายามจะดึงมือผมไว้ มันที่มองหน้าผมสลับกับหน้าของไอ้ทัพหน้าแบบไม่เข้าใจ ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายกับมันยังไงในตอนนี้



“คือ....”



“เมลมึงไปเหอะ กูว่าพี่ทัพน่าจะรีบนะ”  เป็นไอ้กุ๊กที่พูดออกมา และมันเองที่ดึงแขนผมออกจากมือของไอ้บิน หันไปมองหน้ามันแบบขอบคุณ



“งั้น เจอกันนะพวกมึง” 



บอกมันออกไปแบบนั้นไวๆ แล้วหมุนตัวหันหลังให้พวกมันทันที  ทัพหน้าที่ยืนกอดอกรอผมอยู่ไม่ไกล มันเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ตอนที่ผมเดินเข้าไปใกล้ตัว  แว๊บนึงที่ผมเห็นมันแสยะยิ้มร้ายๆ แต่ก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ จริงๆรอยยิ้มเย็นๆแบบเป็นผู้ชนะของมันแบบนี้ ผมเห็นมาจนเหนื่อยแล้วอ่ะ



“กลับ” 



มันที่ว่าแบบนั้นแล้ววางมือลงโอบไหล่ของผม แล้วดึงผมเข้าไปใกล้ตัว เผลอเงยหน้ามองมันตอนที่อีกฝ่ายก็มองอยู่พอดี ยกยิ้มออกมาหน่อยๆแต่ไม่ยอมพูดต่อ มันแค่เลื่อนมือไปวางบนหัวของผม รู้สึกอบอุ่นจนต้องเงียบปาก



“วันนี้จะพาไปหาอะไรแดกอร่อยๆ”



แค่พูดแบบนั้นแล้วดึงผมให้เดินออกไปพร้อมๆกันทั้งแบบนี้



ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น



แค่รู้สึกว่าวันนี้ มันใจดีกว่าทุกวันก็เท่านั้นเอง



ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปในทุกๆวันก็คงจะดีมากๆเลยล่ะ



.

.

.



“เอ่อ นั่นใช่พี่ทัพหน้าหรือเปล่าหรอ? ทำไมถึงมารับเมลอ่ะ คือเขาสอ....”



“เสือก สาระแนนัก ไปไหนก็ไปเลยมึงน่ะ!”



“ไอ้กุ๊ก ใจเย็นหน่อยดิวะ” 



บินที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะเดินมาขวางกุ๊กที่จะเดินเข้าไปหาข้าวโพดหลังจากที่อีกฝ่ายถามออกมา กุ๊กทำแค่มองตรงไปที่ไอ้บินแบบโกรธๆ และเลือกที่จะเดินกระแทกไหล่ข้าวโพดไปแบบไม่ตอบอะไรต่อ ปล่อยให้บินกับอู๋มองตามไปแบบไม่เข้าใจ”



“โพด เจ็บไหม”



“ไม่หรอก แต่กุ๊ก...ดูเหมือนจะไม่ชอบเรามากๆเลย”



“ไม่หรอก มันแค่.....แค่หวงเพื่อนอ่ะ”



“อื้ม”



บินที่พยักหน้าให้หน่อยๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ ในหัวสับสนไปหมด ทั้งเรื่องนี้ และเรื่องก่อนหน้านี้ของเมล และผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่เป็นรักแรกของมัน ...ทัพหน้า



------------------------------------



เอาล่ะจ๊ะ แคทมาแล้ว แคทรู้สึกว่ามันคงไม่สนุก แต่...นั่นแหล่ะ ก็มาลงตอนใหม่เหมือนเดิม

ขอบคุณทุกคนที่ยังอ่านกันอยู่มากๆเลยน้าาา ^_^


ขอขอบคุณursleepingxd คุณยู เจ้าเก่าเจ้าเดิม วันนี้แคทเอาน้องหลงมาหลอกล่อแล้ว อย่าจากแคทปายยยยยยย .เกาะขาแน่น


ขอขอบคุณblove ได้อ่านคอมเม้นท์ของคุณแล้วแคทดีใจมากๆๆๆ แบบนานๆทีจะมีคนอ่านมาเม้นท์ให้แคทได้อ่านความรู้สึกแบบนี้ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ แคทหวังว่าในตอนนี้ยังจะมาอ่านอีกนะคะ ส่วนในตอนนี้ มีสงสัยใครอีกไหมน้าาา ถ้ามีลองแง้มมาบอกกันหน่อยน้าาาา


หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่9* {10.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 11-11-2018 09:05:33
ยาวสะใจมากเลยค่ะ ชอบบบ แงงง นึกสภาพน้องหลงต้อง่วนประตูร้องแง้วๆ ตอนโดนโยนออกมาแล้วไม่ได้เข้าห้องแน่ๆเลย แง อย่าทำน้อง 5555555555

อิจฉาพี่ธร อยากอาบน้ำให้พี่เชอร์รีบ้าง อยากได้คนช่วยมั้ยคะ *-*

น้องกุ๊กก็เป็นเพื่อนที่ดีจัง (ดีใช่มั้ย)

สงสัยเต็มไปหมดเลยค่ะ ไว้ใจใครได้บ้าง  :katai4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่9* {10.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 11-11-2018 12:37:14
เอ้า ปมจะคลายหรือจะมัดเพิ่มอีกละเนี่ย ............. ไม่เป็นไร เอามันไปกลิ้งให้ไอ้สั้น (?) เล่นแล้วกัน  :m13:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่9* {10.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 12-11-2018 03:57:50
โว้ยยยยยไอ้พี่ทัพหน้า กินอะไรผิดสำแดงมารึป่าววะ? ใจดีแปลกๆ แล้วคือกูดันเขินซะด้วย จิบ้า 555555 มุ้งมิ้งเว้ยแอบอ่อนโยนลูบหัวเบาๆส่งยิ้มให้หน่อยๆ เรียกพงเรียกพี่ วุ้ยยยยยยๆเบ้ยส์ ฮ่าๆ มีแอบแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ไอ้พี่..แกมันร้าย!!! //
ทัพหน้า : “สนใจอะไรนักหนา มาสนใจกูนี่”
Me : อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง 555555555555555555555 เออออกับแมวตัวโหน้ยๆ พี่มันยังไม่เว้น อย่าให้พูดถึงคนถึงได้บอกว่าคนอื่นไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับเมล หึหึ!! สถานการณ์ดูเหมือนจะเริ่มพลิกจากที่เมลเป็นลูกไก่ในกำมือ ตอนนี้น่าจะเป็นไอ้พี่ทัพนะ เป็นไปแบบไม่รู้ตัว สะกดความคิดได้สะกดไปเถอะว่าไม่รัก ไม่ชอบ น่ารำคาญ เกลียดงั้นงี้ แต่ใจอะไปโน้นนนนแล้ว สะกดความคิดไว้แต่ใจไม่ไปตาม หึหึ!!! รอดู รอดูจะไม่อยากยอมรับไปถึงไหน เอาให้รอดละ ไม่งั้นละก็นะ ตายคามือเมลแน่ คึ!! 55555 //ว่าแต่เพื่อนกุ๊กรู้เห็นไรหรือเป็นไรกับข้าวโพดวะถึงได้แซะกัดจิกขนาดนั้นแค่ไม่ถูกชะตาหรือว่ามากกว่านั้น เขาบอกมึงไปแล้วหรือกูจำไม่ได้วะ (พึมพำกับตัวเองเบาๆ 55) กับพี่ธรอีก โอ้ยยพี่คนนี้ ทำให้นุต้องคอยจับผิดอยู่เรื่อย สงสัยกับคนนั้นทีคนนี้ที ดูต่อไป 55555 //ความลับไม่มีในโลก เพื่อนก็รู้ไปคนนึงแต่คนอื่นก็น่าจะพอเดาๆไปกว่าครึ่งนะ ว่าสองคนนั้นมันอะไรยังไง อิอิ //จร้าาาาาาาาจร้าาาาาาพาไปกินของอร่อยๆ ถือว่าเดทเล็กน้อยละกันนะ ^^ อ่าาาาาาาาสนุกกกอะ เออเพิ่งอัพก็อยากอ่านต่อแต่ไม่เร่งนะรอได้ค่าา  มาทียาวจุใจ ดีค่ะดี เอาอีก โลภ 555555 ชอบๆค่ะ ยังไงก็ขอบคุณที่มาอัพนะคะ รอตอนต่อไปเลยค่ะ กินข้าวแล้วไปไหนต่ออะทัพ เอ้ายังอยากรู้เรื่องของเขาอีก ไปน๊อนน 555555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่10* {17.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 17-11-2018 21:12:06


บทที่10




             
  (ย้อนความ)



ผมก้มหน้าลงมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดของผม มันที่ตอนนี้ทั้งหน้าทั้งตัวมีรอยแผลถลอก และรอยฟกช้ำตามแก้มและแขนขา หน้าของมันที่ซุกอยู่ที่อกของผมในสภาพอิดโรย มันที่สู้อะไรไม่ได้สักอย่างแต่ก็ยังอยากสู้ไม่ถอย เพราะมันเป็นคนที่ดื้อรั้นพอตัว เป็นลูกคนเล็กที่มีความไม่ยอมใคร ผมถึงมั่นใจตลอดว่าไอ้เมลมันไม่มีทางตัดใจจากผมได้แน่ๆ และมันไม่แปลกถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผมจะเป็นฝีมือของมัน ก็แค่ลูกคนเล็กของตระกูลใหญ่ที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ ... ผมเจอคนประเภทนี้มาเกือบทั้งชีวิตของผม



“มึงกับน้องมันไปนั่งข้างหลังเหอะ เดี๋ยวกูนั่งหน้าเอง”  ไอ้ปืนที่เปิดประตูรถที่เบาะหลังให้ ผมที่เข้าไปนั่งก่อนจะรับตัวไอ้เมลเข้ามาด้วย เป็นไอ้ดาบที่เป็นคนขับ



“พร้อมนะคะทุกคน”



“พร้อมนานแล้วไอ้สัด รีบขับออกไปจากที่ห่านี่สักทีเหอะ”



“เกลียดมึงมากๆค่ะสัดพี่ คนหยาบโลน” 



ได้ยินเสียงไอ้ดาบจีบปากจีบคอเถียงกับไอ้ปืนอยู่ข้างหน้า แต่ไม่ได้สนใจอะไรพวกมันสองตัว ผมที่มองไอ้คนข้างตัวที่ตอนนี้เอียงตัวลงมาซบไหล่ผมหน้าตาเฉย มองเห็นคิ้วเรียวสวยของมันขมวดเข้าหากัน เหมือนมันเองที่กำลังฝันร้าย แม้แต่ในความฝันก็คงจะกำลังหนีไอ้พวกนั้นล่ะมั้ง  มองเห็นแบบนั้นก็รู้สึกสมน้ำหน้ามัน อยากให้มันรู้ว่า เวลาที่ชีวิตอยู่ใกล้ความตายน่ะมันเป็นยังไง ตอนที่ณราชาต้องติดอยู่ในรถนั่น ตอนที่รถคันนั้นพุ่งชนเข้าไปเต็มๆ ณราชาเองจะกลัวแค่ไหน  อยากให้มันต้องรู้สึกบ้าง



“อื้อออ อืออ” 



มันที่หลับตาขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปต่อยตีในอากาศแบบคนที่กำลังสู้สุดตัว เสียงอู้อี้ในลำคอที่ดังออกมาพร้อมๆกับเหงื่อที่ผุดขึ้นที่ใบหน้า  เห็นแบบนั้นแล้วอยากจะเมินหน้าหนี มึงก็ต่อสู้กับความฝันของมึงไปสิ



“อย่า อย่า”   เสียงของมันยังดังเข้ามาให้ได้ยินจนน่าหงุดหงิด



“ไอ้น้องมันเป็นไรวะไอ้ทัพ”



“ดิ้นใหญ่เลยนะคะ เป็นอะไรไปน่ะคะพี่ทัพขา”



“ใคร?”



“ก็น้องเมลไงคะ”



“ใครให้พวกมึงเสือก” 



“กรี๊ดดดดด แถวนี้มีแต่ผู้ชายเถื่อนๆจังเลยนะคะ ดานี่รับไม่ได้ดั้ยเลออออ”



มันที่จับปากจีบคอพูดออกมาด้วยภาษาวิบัติลิ้นเปรี้ยของมันแล้วสะบัดหน้าไปขับรถต่อ



“พวกกูไม่เสือกก็ได้ แต่มึงน่ะ...ไม่สงสารมันหรอวะ”  ไอ้ปืนหันหน้ามาหา พร้อมมองไปทางไอ้เด็กที่นอนฝันร้ายอยู่ข้างๆตัวผม คำถามของมันที่ทำให้ผมต้องเสหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างรถแทน



“มึงไม่คิดบ้างหรอวะ ว่าถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ฝีมือน้องมัน มึงจะไม่เสียใจหรอวะ”



“มึงมาพูดเหี้ยไรล่ะ มึงบอกให้กูทำแบบนี้เองนะ แล้วตอนนี้มึงจะมาสงสารเหี้ยไรล่ะ”



“เออ กูยอมรับว่ากูมันก็คนเหี้ย แต่จากเรื่องที่มึงให้กูตามน่ะ มึงยังมั่นใจอยู่หรอวะ”



“แล้วหลักฐานจากไอ้ธรมึงว่ามันปลอมไหมล่ะ”



“เออ กูก็ไม่ปฏิเสธหรอกไอ้สัดเอ๊ย แต่แม่ง .... นั่นแหล่ะ กูก็แค่อยากให้มึงลองคิดดู กูรู้มึงไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นไอ้ทัพ วางหัวโขนลูกคนโตของบ้านมึงลงบ้างก็ได้ ถ้ามึงยังไม่เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันผิดพลาด ก็ให้มึงคิดว่าเรื่องนี้ที่ไอ้น้องมันต้องเจอมันคนละเรื่องกันนะเว่ย เรื่องนี้ที่น้องมันโดนไอ้หมิงจับตัวไปน่ะเพราะมึง มึงเองก็รู้”



“.............”



“ทำเงียบนะคะพี่ทัพทัพ ห่วงก็ห่วงสิ เก๊กหน้าเป็นตะคริวละมั้งคะแหม่”



“ก็เอาตีบข้ามไปถีบปากมึงได้นะไอ้สัดดาบ”



“ดานี่โว้ยยย”



“หึ” 



เมินไอ้สองพี่น้องขี้เสือกนี่แล้วหันกลับมามองไอ้เมล ... เอื้อมมือไปดึงมันลงมาหนุนตัก วางมือลงบนหัวของมันไม่เบาเท่าไหร่ ลูบมันหน่อยๆให้เหมือนกับลูบหัวหมาหรือลูบขนไอ้เชอร์รี่  ไอ้เมลที่ดูสงบลงเลิกหอบหายใจแล้วเอียงหน้ามาซุกที่หน้าท้องของผม



“กูก็แค่สมเพชหรอกนะ กูไม่ได้ใจดีกับมึงหรอกไอ้สัด”  บ่นออกไปแบบนั้น แล้วลูบหัวมันต่อไป ก็แค่เห็นมันเลิกทุรนทุรายเลยทำหรอก



“ปากแข็งจังนะคะ ดานีอยากลองเอาปากไปนาบดูจัง อยากรู้ว่าจะแข็งจริงๆไหมน้า”



“หุปปากไอ้ตุ๊ดกล้าม”



“อ๊ายยยย เกลียดๆๆๆ”



“ชู่ว เงียบสิวะ เดี๋ยวไอ้ห่านี่มันก็ตื่นหรอก”  เอื้อมมือไปตบหัวไอ้ดาบที่อยู่เบาะหน้าอย่างรำคาญหน่อยๆ อีกฝ่ายตั้งท่าจะกรี๊ดออกมาแต่ก็เงียบไปตอนที่เห็นผมง้างฝ่ามือ น่ารำคาญพวกแม่ง ... รวมถึงไอ้ห่านี่ด้วย ....ไอ้ตัวที่หลับอยู่บนตักของผมตอนนี้นี่ยิ่งน่าหงุดหงิดกว่าใครเลย



กูก็ไม่ได้อยากใจดีหรอกนะ ก็แค่ ..... รำคาญ



.

.

.


(ปัจจุบัน)



“...ทำไมวันนี้มารับกูอ่ะ”



ผมหันหน้าไปถามคนที่นั่งอยู่เบาะข้างๆและกำลังทำหน้านิ่งๆตั้งใจขับรถอยู่ในตอนนี้ หันไปมองเสี้ยวหน้าหล่อของมันแล้วต้องยอมรับในใจว่ามันหล่อจริงๆ หล่อเหมือนรูปสลัก แบบพ่อแม่ช่างปั้นออกมาให้ดูดี  ผมไม่เคยเห็นพ่อแม่มัน แต่ได้ข่าวมาว่าครอบครัวนี้ก็หน้าตาดีกันทุกคน





“แล้วเสือกไร กูจะมารับไม่ได้หรือไง”  เสียงเข้มที่ดูจะไม่สบอารมณ์ขึ้นมาหน่อยๆบอกออกมาแบบนั้น เอ้า ผีเข้าผีออก กูแค่ถามไหมอ่ะ ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยวะ



“ก็แค่ถาม ปกติพี่ธรจะมารับนี่”



“ก็วันนี้กูอยากมา มาหักหน้าคนโดยเฉพาะ”



“ห๊ะ มึงว่าอะไรนะ พูดดังๆหน่อยไม่ได้รึไง”  ถามมันออกไปแบบนั้นเพราะไม่ค่อยได้ยินประโยคหลังที่เหมือนอีกฝ่ายพูดออกมาแบบงึมงำๆในลำคออยู่คนเดียว   



“เสือกจังวะ ถามมาก รำคาญ ขี้เกียจตอบเจ็บคอ”



“มึงนี่...”  เบ้ปากใส่แม่ง เซ็งทุกรอบกับไอ้ความกวนตีนหน้าตายของมันเนี่ย  ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ผมแอบชอบมาหลายปี จริงๆแล้วมันคือคนที่โคตรกวนตีน



“วันนี้มึงอยากแดกไร”



ทำไม ถ้ากูบอก มึงจะตามใจรึไง?” 



กอดอกพร้อมเอียงคอทำหน้ากวนตีนใส่ เห็นอีกคนที่ยกยิ้มมุมปากปรายตามามองกันในจังหวะที่รถหยุดลง อีกคนที่เข้าเกียร์เปลี่ยนเป็นตัวNแล้วดึงเบรคมือขึ้น มันที่หันมามองหน้าผมแบบนั้นแล้วเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้



“ถ้ามึงกล้าขอ กูอาจจะตามใจ ...มึงน่ะกล้าหรือเปล่าล่ะ หึ” 



มันที่ว่าแบบนั้นแล้วก็กดยิ้มมุมปากส่งมาให้ สายตาที่มีแววเจ้าเล่ห์ปนอยู่ภายใต้ใบหน้านิ่งๆของมัน ทำให้ผมต้องยกมือไปดันหน้าอกมันไว้ หัวใจสั่นกระตุกเต้นไม่เป็นจังหวะไปหมดแล้วในตอนนี้



“ด...แดกอะไรก็ได้โว้ย”



“หึ”



ดันมันออกไปจากตัว ก่อนจะสะบัดหน้าหนีมันแล้วมองออกไปที่ฝั่งซ้ายของตัวรถ มองออกไปนอกหน้าต่างรถแม่งเลย แต่หูก็ยังดันได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของมันอีก แบบนี้ยิ่งรู้สึกแปลกๆ  อยากจะถามว่ามันไปแดกอะไรมา วันนี้ถึงดูผีเข้าแบบไม่มีเหตุผลแบบนี้ได้...



 และสุดท้าย มัสแตงสีแดงคันหรูก็ตบไฟเลี้ยวเข้าร้านอาหารกึ่งผับกึ่งบาร์ที่ผมยังจำได้ดี ฝั่งแน่นอยู่ในใจ จริงๆเรื่องมันก็พึ่งผ่านไปคืนเดียวเองไหมวะ เหตุการณ์ที่ผมถูกอุ้มไปฆ่า ต้องพูดแบบนั้นนั่นแหล่ะถูกแล้ว ถ้าจะพูดให้ถูกจริงๆก็คือกูยังฝังใจอยู่เลย รู้สึกกลัวในใจจนได้แต่นั่งติดอยู่กับเบาะแบบนี้  สะบัดหน้าไปมองไอ้คนข้างๆตัวด้วยสีหน้าเลิกลัก มันที่ไม่พูดอะไรเดินลงจากรถไปแต่ผมยังนิ่งอยู่บนรถ ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้ไม่อยากลง



“ลงมา”



“มึงพากูมาที่นี่ทำไม”



“ลงมาไอ้เมล”



“ทัพ...มึงจะทำอะไร”  ช้อนตามองมันที่ทำหน้านิ่งๆเท้าขอบประตูรถไว้ มองผมที่ยังคงนั่งนิ่งๆไม่ติงไหวเกาะสายรัดนิรภัยไว้แน่น



“กูจะทำเชี่ยไรล่ะ ลงมา”



“ไม่เอา กูไม่ลง กูไม่ชอบ สายตามึงแปลก มึงจะเอากูมาฆ่าหรอ ไม่เอา”



“ปัญญาอ่อน”  เสียงเข้มที่ดังออกมาแบบหน่ายๆ พร้อมๆกับร่างสูงที่ก้มตัวลงมาปลดสายเบลออก พร้อมๆกับกระชากแขนผมให้ออกไปจากรถด้วยกัน



“ปล่อย ไม่เอา กูไม่ไป”



“อย่าเรื่องมากได้ไหมไอ้สัด กูตบมึงนะไอ้เมล”



ตะคอกเสียงดุใส่ พร้อมๆกับแรงกระชากแขนดึงตัวผมให้เข้าไปหามัน แรงจนตัวผมถลาไปปะทะเข้าที่หน้าอกแกร่ง ค่อยๆเงยหน้าช้อนตาขึ้นไปมองคนตรงหน้า มันที่ก็ก้มหน้าลงมามองผมอยู่ตอนนี้ สายตาคมที่มองมานิ่งๆไม่ได้มีแววอ่อนโยนบอกให้ผมรู้ว่าอย่าขัดใจมัน



“กู...”



“จะกลัวเหี้ยอะไรล่ะ ครั้งนี้กูไม่ปล่อยไอ้หน้าเหี้ยที่ไหนมาเอาตัวมึงไปได้หรอก กูบอกแบบนี้แล้วมึงยังจะกลัวอีกไหม” 



มันที่ว่าแบบนั้น ไม่มีคำพูดปลอบใจ ไม่มีความเห็นใจ ไม่มีคำพูดดีๆอยู่ในประโยคเลยสักนิด แต่เพราะเป็นมัน คำพูดจากมันที่กำลังบอกว่าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องขึ้นกับผมอีก มันก็ทำให้ผมสงบลงได้ง่ายๆ  ฝ่ามืออุ่นที่เลื่อนลงมาจับมือ กระชับแน่นๆทั้งๆที่หน้าก็ไม่ยอมหันมามองผม ก็มีแค่ฝ่ามืออุ่นๆที่ยังกอบกุมกันไว้อยู่ในตอนนนี้



หัวใจผมสั่นถี่ๆ  เหมือนลูกโปงที่โดนสูบลมจนพองโต ... ก้มหน้าลงต่ำมองเห็นแค่เท้าของตัวเองที่ก้าวเดินไปพร้อมๆกับมัน พยายามเม้มปากเข้าหากันแน่นๆ อย่าหลุดยิ้มออกมานะมึงไอ้เชี่ยเมล อย่าเชียวนะ  ...



“ปัญญาอ่อน”   ได้ยินเสียงมันว่าให้ เหอะ ... มึงเองก็ปัญญาอ่อนเหมือนกันแหล่ะ



...



หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่10* {17.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 17-11-2018 21:12:43

(ต่อจ้าาา)



“กรี๊ดๆ มากันแล้วหรอจ๊ะ น้องเมลของพี่ดานี่ตกอกตกใจมากไหมคะหนู ไหนขอสำรวจตรวจสอบสภาพหน่อยสิจ๊ะๆ” 



ผมผวาตอนที่พี่ดาบวิ่งวี๊ดว๊ายเข้ามาหา เค้ายังคงเป็นผู้ชายหล่อๆที่แต่งหน้าแน่นและทาปากแดงหนักมากไม่ต่างจากวันก่อน วันนี้อยู่ในชุดสูธสีแดงเลือดหมู ดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า และยังมองกูด้วยสายตาร้ายๆเหมือนอยากแดกแต่ก็ยังวี๊ดว๊ายเหมือนเดิม  ตกใจจนเผลอขยับตัวถอยหลัง และไอ้ทัพก็ขยับตัวมายืนบังผมไว้ซะก่อน



“ตลกพอแล้วไอ้ดาบ”



“ดานี่ค่ะ บอกว่าดานี่ๆ ดาบแม่งอยู่นั่น อยากโดนเสียบรึไงวะ”



“มึงลั่นนะ เมื่อกี้เสียงมึงใหญ่มาก” 



ไอ้ทัพที่เลื่อนมือมาวางไว้ที่สะโพกของผม พร้อมๆกับปราบตามองพี่ดาบหน่อยๆแล้วแสยะยิ้มร้ายๆใส่  ก่อนจะดึงตัวผมให้เดินหนีห่างออกมาจากพี่ดาบที่ยืนกระทืบเท้าพยายามกรี๊ดเสียงสองอยู่ตรงนั้น  ผมส่ายหน้าหน่อยๆกับภาพตรงหน้า  คือกะจะไม่มีคนสติดีอยู่รอบข้างกูเลยสินะ



“แดกซี่โคร่งหมูย่างบาร์บีคิวไหม”



“กูอยากกินคาโบนาร่าไข่ข้น”  เงยหน้าบอกมันแบบนั้น  มันที่พยักหน้าตอบรับ พร้อมกวักมือเรียกพนักงานมาจดเมนู



“เอาแดกซี่โคร่งหมูย่างบาร์บีคิว กับBin389ชิลมาด้วยเลย” 



หันไปสั่งพนักงานแบบนั้น ถึงกับมองมันตาค้าง ทำปากพงาบๆใส่มันเลยว่า ‘K ว ย’  กวนประสาท แล้วแบบนั้นจะถามทำไมวะแม่ง



“กล้าด่ากูหรอห๊ะ”



“ก็แล้วจะถามทำไมวะแม่ง กวนประสาท”



“ถ้ามึงอยากแดกก็สั่งใหม่ กูก็แค่คิดว่าไอ้ซี่โคร่งร้านไอ้ดาบมันอร่อย เลยอยากให้มึงลอง ก็แค่นั้น”    มองตรงมาที่ผมแล้วตอบออกมาแบบนั้น ปากที่กำลังจะอ้าเถียงก็ต้องหุบปากฉับ  ไม่ชอบเลยแม่ง



“อยากสั่งก็สั่ง” 



ก็มึงพูดแบบนั้นแล้วกูจะอยากสั่งอะไรอีกล่ะ... ก็ต้องอยากกินของอร่อยที่มึงอยากให้กูกินสิวะ จะสั่งอย่างอื่นมาขัดอารมณ์ทำไม  เพราะแบบนั้นเลยไม่พูดอะไรออกไปอีก คิดว่ามันเองก็รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ เพราะได้ยินเสียงหัวเราะหึในลำคอของมันเบาๆ กวนตีนจังล่ะ  ...  อาหารทยอยเสริฟมาเรื่อยๆ และวันนี้เรานั่งกันที่โซนด้านนอก มีลมพัดชิลแล้วก็ได้ยินเสียงเพลงสดเอื่อยๆที่ทำให้รู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกัน



ยกมือขึ้นจิบไวน์แดงที่ราคาแรงเอาเรื่อง รสชาติดีสมราคาของมัน พอกินคู่กับซี่โคร่งย่างนี่แล้วก็ต้องยอมรับว่าแม่งอร่อยกว่าร้านไวน์ดังๆอีก



“อร่อยล่ะสิ”



“อื้มมม อร่อย ...ว่าแต่... ทำไมวันนี้มึงใจดีแปลกๆ”  โพร่งถามมันออกไปแบบนั้น อีกฝ่ายที่กำลังหั่นเนื้ออยู่หยุดชะงักหน่อยๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมนิ่งๆ



“เสือก”   



จ๊ะ เต็มๆหน้ากูกันไปเลย  เออ...หยิ่งนัก กูไม่ถามมึงอีกก็ได้  เบ้ปากใส่มันนิดหน่อยก่อนจะนั่งกินต่อไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าท้องเริ่มแตกถึงได้หยุดกิน อีกฝ่ายที่อิ่มก่อนจ้องหน้าผมนิ่งๆ



“มองไรวะ”



“มองหมูอย่างมึงไง ว่าแต่มึงอิ่มรึยัง”



“ก็...อิ่มแล้ว มึงจะมองกูด้วยสายตาแบบนี้ทำไมวะ”



“สายตาแบบไหน?” 



ก็สายตาที่เหมือนอยากแดกกูนี่ไงล่ะ ถามเชี่ยไรล่ะแม่ง ถามแบบนี้ใครแม่งจะกล้าตอบวะ หันหน้าหนีแม่งเลยดีกว่า  สุดท้ายเมื่อไม่มีใครพูดอะไร มันเลยสั่งเช็คบิล ดี รีบเช็คเลยอยากกลับไปฟัดไอ้น้องหลงจะแย่



“กลับกันแล้วหรอจ๊ะ บ๊ายบายน้า” 



ในจังหวะที่เรากำลังจะออกจากร้าน ครับ...เจ้าของร้านเจ้าเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือมองเหมือนหิวกู ก็เดินลัลลามาโบกมือส่งมาให้ผม เลยได้แต่ยิ้มแหยๆส่งไปให้พี่แกแทน



“เสือก” 



ไอ้ทัพที่ยกนิ้วกลางส่งไปให้พี่ดาบแบบนั้นและแน่นอนว่า พี่ดาบก็ถูกเมินเป็นรอบที่สองของวันนี้ ยินดีด้วยจ้า ผมกับไอ้ทัพเดินออกมาจากร้าน ในจังหวะที่กำลังจะเดินขึ้นรถ อยู่ๆพวกเราก็ถูกล้อม  ผมที่ทำหน้าเลิกลักในตอนนั้น แต่อีกฝ่ายก็ดึงผมเข้ามาอยู่ใกล้



“มึงไม่ต้องกลัว” 



ไอ้ทัพที่เอียงหน้าเข้ามากระซิบลงข้างๆหู ก่อนจะดันผมให้ไปยืนอยู่ข้างหลัง ซวยชิพหายที่วันนี้ไอ้ทัพเลือกมาจอดรถอยู่ที่โซนด้านหลัง ร้านไอ้เชี่ยพี่ดาบแม่งนำพาความโชคร้ายมารึไงวะ



“พวกมึงเป็นใคร”



“ไม่ต้องอยากรู้ รู้แค่ว่า พวกมึงเสร็จแน่ โดนเฉพาะไอ้คุณหนูคาราเมล ไอ้คนชอบแย่ง!”   ไอ้ตัวหัวโจกที่เดินออกมาข้างหน้าพร้อมๆกับเอียงหน้าไปด้วย หน้าตาที่ทำให้อารมณ์ของผมกระตุกเอาตีนไปฟาดหน้ามัน



“กูแย่งเชี่ยไร พูดดีๆนะไอ้หน้าจิ้งเหรน!”  ตะโกนออกไปแบบไม่กลัว พร้อมๆกับชี้หน้าด่ามันด้วยความโมโห  พวกแม่งเป็นใครวะ!  จากคำพูดของมันทำให้รู้ว่าพวกมันตั้งใจมาจัดการผมไม่ใช่ไอ้ทัพ



ทัพหน้าที่หันหน้ามามองผมหน่อยๆ มันไม่พูดอะไรกับผม ทำเพียงแค่ดึงแขนผมไว้แบบปรามๆ ก่อนที่มันจะพูดต่อ     



“จริงๆกูก็ไม่ได้อยากสนใจพวกหน้าเหี้ยแบบมึงนักหรอกนะ”   



ทัพหน้าที่ว่าออกไปแบบนั้นพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม สายตาคมที่มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะเอามือมาวางลงไปที่ไหล่ของผมพร้อมๆกับทำท่าทีไม่สนใจใยดีพวกมัน ก่อนจะดันตัวผมให้เดินไปที่รถแบบชิลๆ ... ไอ้ฝ่ายหัวโจกที่เห็นแบบนั้นก็มีสีหน้าบูดเบี้ยวด้วยความโกรธเคืองกับท่าทีไม่เกรงกลัวพวกมันของทัพหน้า มันที่กำหมัดแน่นจนเล็บแทบจะทะลุด้วยความโมโห



“เฮ้ย! จะหยามกันมากไปแล้วนะเว่ย!” 



ตะโกนเสียงดังเอาเสียงเข้าข่มขู่   แต่นั่นไม่มีผลกับทัพหน้าเลยสักนิด เกิดมาคนแบบทัพหน้าไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว  แล้วยิ่งนักเลงปลายแถวแบบนี้ อย่าฝันเลย ยิ่งไม่เคยกลัวและไม่คิดจะกลัวด้วย



“เหอะ”  ทัพหน้าที่แค่นเสียงหัวเราะหน่อยๆ จับข้อมือของเขาให้เดินกลับไปที่รถด้วยกันเหมือนก่อนหน้านี้แบบไม่สนใจ



"ที่แท้คนที่จะกลับไปกินนมนอนตามเวลาก็คือคุณหนูคาราเมลจอมแย่งนี่เอง"



ไอ้หัวโจกประชดเสียงออกมาอีกครั้ง และคำพูดนั่นก็ทำเอาผมกัดฟันแน่น กำหมัดตั้งท่าจะหันกลับแต่ไอ้ทัพหน้าก็รั้งแขนเอาไว้พร้อมกับดึงให้เดินไปที่รถ



"ชอบแย่งของคนอื่นแล้วยังอ่อนด้อยแบบสุดๆ..ฮ่าๆๆๆ"   ทั้งหัวหน้าทั้งลูกน้องพากันหัวเราะเสียงดังเย้ยหยันคนทั้งสอง



"พวกมึง!!"  คาราเมลสุดจะทน..กระชากมือตัวเองออกแรงๆก่อนจะหันกลับมา



"ตาย! "  ตะโกนออกไปแบบนั้นด้วยความโมโห มึงไม่รู้จัดคาราเมลสินะ! แต่ผมก็ต้องชะงักความโกรธของตัวเองเอาไว้ เมื่อเสียงเข้มๆที่ดังออกมา



"มึงอย่าไปยุ่งกับพวกปัญญาอ่อนแบบนั้นสิวะ"   ทัพหน้าถอนหายใจหน่ายๆพร้อมก้าวเท้าออกมาช้าๆนำหน้าเมลมาก่อน คนร่างบางหยุดชะงักมองคนร่างสูงที่เดินตรงไปยังไอ้พวกนั้น



“เฮ้ยพวกมึงจัดการ สั่งสอนไอ้พวกนี้ให้คุณหนูของเรา!”



ลูกน้องทั้งหมดกรูเข้ามาหา ไอ้อ้วนคนแรกวิ่งเข้ามาเร็วแต่ถูกหมัดชกเข้าที่ท้องแรงๆจนจุกล้มลงกับพื้น คนที่สองตัวผอมๆยาวๆวิ่งกราดเข้ามาตั้งใจจะต่อยให้คว่ำ แต่เท้าแกร่งของทัพหน้าก็วาดตวัดเตะกลับหลังเข้าที่ต้นคอจนล้มพับไป อีกสามคนรุมเข้ามาพร้อมกัน ทัพหน้าที่ยกกำปั้นข้างซ้ายขวาต่อยคนละข้าง ส่วนคนตรงกลางกลับหลังหันจระเข้ฟาดหางเข้าที่หน้าจนล้มทับอีกสองคนที่ถูกต่อยเสียหลักไปก่อน  พวกมันทั้งหมดล้มราบไม่เหลือชิ้นดี ร่างสูงเดินตรงเข้าไปหาคาราเมลที่ยืนตัวเกร็งอยู่ห่างๆ จริงๆตั้งใจจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่พอเห็นร่างสูงจัดการทีเดียวแบบนั้นขามันก็ก้าวไม่ออก ได้แต่ยืนเกร็งอยู่ตรงนี้  ไอ้หัวโจกที่เห็นแบบนั้นถอยเท้าออกสองสามก้าว  ทัพหน้าเหยียดยิ้มน้อยๆก่อนจะเข้าไปใกล้



"พวกปัญญาอ่อน”   




พูดพรางยิ้มร้ายพร้อมกับเดินเข้าไปหาไอ้หัวหน้าพร้อมมือยกขึ้นมาแตะเข้าที่แก้มของไอ้หัวโจกที่ยืนตัวสั่นอยู่  สายตาคมกริบมองตรงไปยังไอ้หัวโจกราวกับจะเชือดเฉือนไปทั้งร่าง แววตาราวกับปีศาจร้าย สายตาที่ทำเอาผมขนลุกไปด้วยความหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวเลยสักนิด



"กลับไปบอกนายของพวกมึง ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ถ้ากล้ามีเรื่องกับไอ้เมล ก็ถือว่ามีเรื่องกับเตชะณรงกรค์ เพราะไอ้เมล ตอนนี้มันคือคนของกู"


ไม่มีคำพูดใดเปล่งออกมา มีเพียงเสียงร้องโอดครวญของบรรดาลูกน้องที่ล้มพับอยู่กับพื้น  ทัพหน้าเดินกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก  ดวงตาคมที่มองตรงมาที่ผมก่อนที่ฝ่ามือแกร่งจะดึงมือผมไปกุมไว้ และเอ่ยออกมาสั้นๆ



“กลับ”



...



“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้อ่ะมึง”



“เชี่ย สุดยอด พี่ทัพหน้าแม่งเป็นตำนาน มึงจำได้ป๊ะตอนปี1 ที่พี่เค้าเป็นตัวแทนนักกีฬาเทควันโด้ไปแข่งแล้วชนะอ่ะมึง เหยดดด ของจริงมันเป็นแบบนั้น มึงได้เห็นแบบใกล้ชิดเลยนะเว่ยไอ้เมล”



ผมที่กำลังอ้าปากเล่าให้ไอ้กุ๊กฟังถึงเรื่องราวของเมื่อคืนว่าผมไปประสบพบเจอกับอะไรมา และแน่นอนว่า ไอ้กุ๊กก็อินเหมือนพึ่งดูหนังฮอลิวูดจบ



“มึงใจเย็น มึงเป็นแฟนคลับไอ้ทัพมันรึไงวะ”



“แหม หวงหรอจ๊ะน้องเมลจ๋า พอพี่เค้าบอกว่ามึงเป็นคนของเค้านี่หวงๆหรอวะ”  แซ็วกูพร้อมๆกับที่ก็เอาไหล่มาเบียดกระแซะแบบแกล้งๆ  กวนตีนน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะไอ้บ้าเนี่ย



“กวนตีน”



“เขินๆ คนเขินมันหน้าตาแบบนี้นี่เอง ...แต่มึง...” 



มันที่ทำหน้าระริกระรี้ก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังมากขึ้นจนผมไม่เข้าใจว่าเพื่อนตัวเองเป็นคนอารมณ์สองขั้วหรือเปล่ามันถึงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ แต่ก็ทำได้แค่เลิกคิ้วแบบถามมันว่ามีอะไรออกไป



“มึงไม่คิดว่าเรื่องนี้มันแปลกๆหรอวะ”



“แปลกอะไรวะ?” 



หันหน้าไปเลิกคิ้วถามมัน ไอ้กุ๊กก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแบบเครียดๆ ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองเป็นอะไรไปอ่ะนะ



“มึงบอกว่าไอ้พวกนั้นมันบอกว่ามึงเป็นพวกชอบแย่ง จริงๆมึงก็ไม่เคยมีเรื่องกับใครไหมวะ แล้วแบบนี้มึงคิดว่ามันเป็นใคร”



“อืม...เอาจริงๆกูก็สงสัยนะ”



“มึงควรจะสงสัยและระวังตัวเอาไว้ไอ้สัด เลิกทำให้กูเป็นห่วง”



“จ้าแม่จ๋า”   พอเห็นว่ามันทำหน้าเครียดแบบนั้น ก็เลยพยายามจะทำให้บรรยากาศมันไม่เครียดมากเกินไป  ถึงแม้ว่าจริงๆผมก็แอบคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเหมือนกัน



“บางทีนะ...กูคิดว่ามันอาจจะเกี่ยวกับเรื่องของณรา....”



“น้ำมาแล้วจ้า” 



เสียงใสที่ดังมาก่อนตัวของข้าวโพดที่ดังมาพร้อมๆกับใบหน้าที่ยิ้มกว้างๆภายใต้กรอบแว่นหนา  ข้าวโพดที่ถือน้ำมาหลายแก้ว ข้างหลังมันคือไอ้อู๋ที่เดินหน้าบานตามข้าวโพดมาด้วย  ไอ้กุ๊กที่หุบปากฉับเข้าหากัน มันไม่ยอมพูดอะไรต่อออกมาอีก ทำแค่เพียงกรอกตาใส่ข้าวโพดแบบไม่ปิดบัง ข้าวโพดที่กำลังยืนน้ำมาให้มันหน้าเสียหน่อยๆ  ผมเลยเอื้อมมือไปรับมาแทน



“ขอบใจนะโพด”



“อื้ม”  มันที่ตอบรับพร้อมยิ้มอ่อนๆมาให้



“อย่าแดกนะไอ้เมล ไม่รู้แม่งใส่เหี้ยอะไรมารึเปล่า มึงกินไปอาจจะตายห่า”



“เกินไปไอ้กุ๊ก น้ำนี่โพดมันไปอุตส่าห์เดินไปซื้อถึงตึกวิทยานะเว่ย แล้วกูก็ไปซื้อมากับโพด ไม่มีอะไรทั้งนั้นอ่ะ” 



ไอ้อู๋ที่พูดขัดออกมา มองเห็นไอ้โพดที่ก็ยิ้มอ่อนๆหันไปขอบคุณไอ้อู๋



“สาระแน มึงด้วยไอ้อู๋ไอ้ควาย”



“เอ้า มึงเป็นเมนป๊ะวะ หรือผัวไม่เอา ทำไมต้องเหวี่ยงไอ้โพดมันด้วยวะ” 



ไอ้อู๋ที่ชักสีหน้าใส่กับท่าทางของไอ้กุ๊ก  จริงๆผมรู้นะ แค่มองก็รู้แล้วว่าไอ้อู๋คงจะชอบไอ้โพดหน่อยๆ เหมือนมันจะทำคะแนน ไอ้อู๋มันชอบคนเรียบร้อยนิ่งๆครับ



“ผัวพ่อมึงสิ เดี๋ยวกูจะเอาตีนถีบหน้ามึง หน้าไอ้เหี้ยนี่ด้วย!”  ไม่พ้นปรายตาไปจิกใส่ไอ้โพดที่สะดุ้งหลบไปยืนอยู่ข้างหลังไอ้อู๋



“มึงพาลแล้วนะกุ๊ก”



“แล้วมึงจะทำไม”



“พอๆ พวกมึงจะทะเลาะกันทำไมวะ เอามานี่น้ำกูแดกเอง มึงก็พอแล้วกุ๊กไม่ต้องพูดไรแล้ว ไอ้อู๋...ไอ้กุ๊กมันคงร้อนอ่ะ”



“ใช่ กูร้อนใจมากๆเลยล่ะ” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วหันหลังให้ไอ้โพดแบบเปิดเผย ไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร  แต่ก็ยิ้มแหยๆส่งไปให้มันเป็นการขอโทษแทน  จริงๆมันก็ไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ เห็นแบบนี้ก็สงสารไอ้โพดมันครับ ปกติก็ไม่ค่อยมีเพื่อน มันตั้งใจไปซื้อน้ำตั้งไกลมาให้ มันก็คงอยากจะเป็นเพื่อนกับเรา



“มึง ไอ้โพดมันก็น่าสงสารนะ แล้วดูเหมือนไอ้อู๋จะชอบมันนะ”  เอียงหน้าไปกระซิบไอ้กุ๊ก มันที่ทำหน้าเบ้ออกมาอีกที



“ตาต่ำ ไอ้ควาย”



“มึงนี่”



“มึงน่ะเงียบไปเลย นู้นๆไอ้บินมาแล้ว”



“สัด กูตั้งใจเรียนก่อน เดี๋ยวมันจะมาถามอะไรกู”



ถือเป็นโชคดีของผมก็ตรงที่วันนี้ไอ้บินมันมาสาย พอมันเดินเข้ามา ตาตี๋ๆของมันก็จ้องตรงมาที่ผมเขม็ง มันที่ตั้งท่าจะปรี่เข้ามาหาผม แต่อาจารย์ก็เข้ามาก่อนพอดี และวันนี้ไอ้กุ๊กก็มานั่งข้างๆผมแทน ไอ้บินที่มาสาย มันไม่มีทางเลือกเลยต้องไปนั่งติดหน้าต่างโชคดีชะมัด



พอเลิกเรียน ผมที่รีบคว้ากระเป๋าแล้วตะโกนบอกว่ามีธุระก็รีบวิ่งชิ่งออกมาจากห้องก่อนที่ไอ้บินจะมีจังหวะได้ถามอะไร จริงๆก็รู้ว่าไม่มีทางหลบไอ้บินพ้นหรอก แต่ว่านะ....ขอกูหนีอีกสักวันละกัน .... ผมเดินลงมาจากตึกเรียนเดินไปตามทางที่นำไปสู่ลานจอดรถ ก่อนหน้านี้พี่ธรส่งไลน์มาบอกว่าวันนี้จอดรถอยู่ที่ลานด้านหลังตึก ผมเลยเดินมาที่นี่ กำลังมองหาพี่ธรแต่ไม่เจอ แต่ดันหันไปเจอเข้ากับกลุ่มคนที่ยืนอยู่ในมุมอับตรงนั้นสองสามคน กลิ่นบุหรี่ที่ลอยครุ้งไปหมดในตรอกแคบๆอับๆ  ผมที่แอบหลบโดยสัญชาตญาตความขี้เสือก ก่อนจะค่อยๆยื่นหัวแอบมอง แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง  ผู้ชายที่สูบบุหรี่อยู่ตอนนี้มันคุ้นมากๆ  ปากแหลมๆที่กำลังอ้าออกเพราะพูดไม่หยุด  คุ้นมากเพราะเหมือนพึ่งผ่านตามาเมื่อคืน



ไอ้หน้าจิ้งเหลน...



มันมาทำอะไรที่นี่วะ หรือว่ามึงยังไม่จบกับกูวะไอ้เหี้ย!



แต่เหมือนมันกำลังยืนพูดอยู่กับใครบางคน ใครบางคนที่ผมเห็นหลังแล้วรู้สึกคุ้นๆ และในจังหวะที่คนๆนั้นหันมา ผมก็ต้องนิ่งค้างเหมือนถูกสะกด เพราะผู้ชายที่กำลังยืนคุยอยู่กับไอ้หน้าจิ้งเหลนไม่ใช่ใคร



คนคนนั้นคือคนที่พึ่งซื้อน้ำมาให้พวกเรา มือเล็กๆที่ก่อนหน้านี้ยื่นแก้วน้ำมาให้ผม หน้าตาซื่อๆภายใต้กรอบแว่นที่ผมจำได้ดี



ข้าวโพด...





---------------------



มาแล้วจ้าาาาา แคทมาแล้ววว  เชิญค่ะ เชิญเกรี้ยวกราดกันในตอนนี้เลยจ้าาา อิอิ อะไรยังไง ข้าวโพดอ่ะคุณ

ยังไงๆๆๆๆ อิ๊ๆๆๆ และสำหรับใครที่ถามว่า พี่ทัพลืมแดกยามาหรอทำไมใจดี

แคทอยากอธิบายตรงนี้สักเล็กน้อย อยากจะบอกว่า จริงๆพี่ทัพอยู่ในช่วงที่สับสนนะ เพราะหลักฐานที่มีแต่เวลาอยู่กับน้องเมล น้องก็ไม่ได้เหมือนคนที่จะสั่งฆ่าใครได้ ที่พี่มันใจดีกับน้องขึ้นบ้าง ก็เพราะคำพูดของพี่ปืนและพี่ดาบ เอ๊ย เจ๊ดานี่ของเรานั่นเอง 5555 อยากให้เข้าใจพี่มันนิดนึง คนๆนึงที่มีหลักฐาน จะให้พี่มันใจดีกับคนที่ทำลายครอบครัว มันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่า  อิอิ

ส่วนข้าวโพด อะไร ยังไง มะรู้จ้าาาา (คนอ่านเขวี้ยงรองเท้าใส่)

และอีกเรื่อง แคทอยากขอโทษจริงๆที่แคทเขียนนิยายได้ช้า และอาจทำให้คนอ่านไม่สบอารมณ์ที่กว่าจะมาต่อคือก็อาทิตย์นึง แคทขอโทษจริงๆนะคะ แคทพยายามแล้ว แต่อาจจะยังดีไม่พอ แคทต้องขอโทษมากๆ แคทเสียใจจริงๆ

แล้วก็ขอบคุณคนอ่านที่ยังอยู่ด้วยกัน แม้ว่าอะไรหลายๆอย่างแคทยังทำได้ไม่ดีพอ ขอบคุณและขอโทษจริงๆค่ะ



ปล.พึ่งเขียนเสร็จ ยังไม่ได้ดูคำผิดใดๆเลยจ้าาาา


ขอขอบคุณursleepingxd   คุณยูเจ้าเก่า ขอบคุณมากๆที่ยังติดตามแคทและคอยให้กำลังใจแคทเสมอ ไม่ว่าจะคอยคอมเม้นท์ให้กัน หรือแม้แต่คำพูดดีๆที่คอยให้กำลังใจแคทในเพจเสมอ แคทขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ ขอบคุณที่อยู่กับแคทมาเสมอๆในทุกเรื่องและยังให้กำลังใจกันอยู่แบบนี้ แคทหวังว่าตอนนี้ ไม่มีน้องหลง คุณยูอาจจะชอบไม่มากก็น้อยน้าาา


ขอขอบคุณคุณkunt  แง้ ปมมันอาจจะเยอะเกินไป อย่าพึ่งเบื่อกันนะคะ ยังไงลองมาอ่านต่ออีกน้าา ตอนนี้อาจทำให้ด่าคนเขียนได้ ฮ่าๆ แต่ขอบคุณมากๆสำหรับที่เปิดเข้ามาอ่านและยังคอมเม้นท์ให้แคทอีก ขอบคุณมากๆนะคะ


ขอขอบคุณคุณblove เข้ามาแล้วได้อ่านคอมเม้นท์คุณbloveคือแคททั้งตกใจดีใจและประทับใจเสมอเลย ขอบคุณมากๆจริงๆนะคะสำหรับคอมเม้นท์ดีๆและยาวมากๆ แคทไม่เคยเบื่อที่จะอ่านเลย ขอบคุณเสมอจริงๆ ขอบคุณที่เปิดเข้ามาอ่านเรื่องนี้ และยังอ่านอยู่จนถึงตอนนี้ อาจมีอะไรผิดพลาดไปบ้าง แคทต้องขออภัยด้วยนะคะ ยังไงถ้ายังชอบ มาอ่านอีกนะคะ จุ๊บๆ


 :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่10* {17.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 18-11-2018 03:42:11
เอาแล้วววววว ข้าวโพด ซื่อๆใสๆแอบมีอะไรในกอไผ่ หึหึ!! นี่หรือป่าวว่ะ ที่รู้เรื่องและอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง แล้วคอยปั่นสร้างสถานการณ์ อืมมมม!สงสัยๆ .. อ้าวๆมึง ต้องคิดใหม่ละเมล ว่าคนอย่างนี้จะไปรู้จักมักจี่กับคนพวกนั้นอย่างไร แล้วไหนจะเพื่อนกุ๊กอีก ถ้ารู้ว่าข้าวโพดเป็นคนยังไงแล้วไมถึงไม่บอกเพื่อน หรือว่ายังไง //วันนี้รอด แต่วันหน้าอาจพลาดก็ได้ ถ้าไม่ระวังตัว ควรสืบจริงจังนะเมลเพราะเขามุ่งเป้ามาที่ตัวเองเลย ไม่ใช่ไอ้พี่ทัพ แต่ว่านะ อะไรนะ ไอ้พี่ทัพ พูดอีกทีสิ "เพราะ.....มันคือคนของกู" โว้ๆๆ จร้าๆๆ ชัดๆ อีกทีสิ อัยยะ 555555555 แล้วก็นะ เอาเล้ยยยเอาเลยถ้าใครตามตอแยเมล จัดการมันอย่าให้เหลือ ดูๆไปฝีปากไอ้พี่ทัพมันร้ายใช่เล่น ฮ่าๆ อารมณ์ก็ขึ้นๆลงๆหรอก สเปคเมลมันเป็นแบบนี้หรอวะ  555555 แต่เอาจริงคู่นี้มันก็เหมาะกันนะ ลงตัวแบบพิลึกๆ 55555 คือถ้าคบกันมันไม่น่าจะเบื่อกัน ไม่ #หมดpassion ไรงี้อ่ะ 55555555  //เราก็ยังคงวิ่งวนสงสัยกันต่อไป แต่ก็ได้เบาะแสเพิ่มนิดหน่อยเกี่ยวกับข้าวโพด เดี๊ยะค่อยๆสืบจากไรท์ จากตอนต่อไป เพิ่งอ่านจบตอนก็รอต่อเลยค่ะ ปั่นเสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั่นนะคะ ไม่ต้องรีบเร่งมีอารมณ์ค่อยปั่น เพราะยังไงก็รอได้ค่ะ ไม่เทก็พอ 555 ^^ สนุกกกกกกกกกก ชอบๆ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่10* {17.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 18-11-2018 08:49:09
ตอนนี้ไม่มีน้องหลง ชื่อเรื่องก็บอกอยู่ว่าหลงร้าย แปลว่าต้องมีน้องหลงเป็นตัวเอกหรือเปล่าคะ  :katai5:

ล้อเล่นนนนน

นั่น ข้าวโพด มีอะไรรรร แล้วกุ๊กไปรู้อะไรมาน้าาาา เจ้มจ้นนน ติดตามค่ะ

คุณแคทอย่าคิดมาก อย่ากดดันตัวเองนะคะ เราไม่ได้รู้สึกว่าช้าหรืออะไรเลย เขียนแบบที่ตัวเองสะดวกและสบายใจนะคะ สู้ๆค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่10* {17.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 18-11-2018 19:52:45
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่11* {24.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 24-11-2018 19:14:51


บทที่11




ไม่ผิดแน่ๆ ตัวสั้นๆไม่สูงมากแถมใส่แว่นหนา หน้าตาติ๋มๆแบบนั้นมันไม่ผิดแน่ๆ มันจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ข้าวโพด



ก่อนเลิกเรียนผมเห็นข้าวโพดมันรับโทรศัพท์ แล้วบอกกับพวกเราว่ามีธุระด่วน ผมที่ว่ารีบๆแล้วยังไวไม่เท่า ข้าวโพดออกจากห้องเรียนมาก่อนเลิกประมาณ5นาที  แต่ไม่คิดว่าธุระด่วนที่ว่าจะเป็นธุระกับไอ้พวกนี้  ผมจำได้แม่น ไอ้หน้าจิ้งเหลนเมื่อคืนนี้ยังไงล่ะ



.... ผมหลบอยู่ข้างหลังแท็งค์น้ำดื่มเก่าๆตรงมุมอับแล้วได้แต่อ้าปากค้างกระพริบตาปริบๆแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง พยายามทำตัวให้ลีบแบนแนบไปกับแท็งค์น้ำและถังขยะข้างๆตัวให้มากที่สุดเพื่อที่คนกลุ่มนั้นจะได้มองไม่เห็นผมได้



“คนที่ส่งไอ้หน้าจิ้งเหลนมาทำร้ายผมคือ ข้าวโพด หรอวะ”  ผมได้แต่พึมพำเบาๆกับตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่ออีกรอบ  ผมมั่นใจว่าตลอดเวลาที่เรียนอยู่ที่นี่มา4ปี ผมไม่เคยมีปัญหากับข้าวโพดแน่ๆ แล้วนี่มันเรื่องอะไรกันวะ



‘เพี้ยะ!’



เสียงตบฉาดใหญ่เรียกให้ผมหันไปมองอีกครั้ง  ข้าวโพดที่ทำหน้าตาโกรธๆแล้วกำลังตบไอ้หน้าจิ้งเหลนอีกหนึ่งที เห็นข้าวโพดมันกำลังชี้หน้าพร้อมด่าไปด้วยติดก็ตรงที่ผมไม่ได้ยินว่ามันพูดอะไรกัน  หน้าตาที่ดูไม่สบอารมณ์และโมโหร้ายภายใต้กรอบแว่นแบบนั้น  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นว่าข้าวโพดมันเกรี้ยวกราดได้ขนาดนี้ เป็นความเกรี้ยวกราดร้ายๆที่ไม่เข้ากับหน้าตาติ๋มๆของมันเลยด้วยซ้ำ  ไม่รอช้าผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาทันถ่ายรูปพวกนี้ไว้เป็นหลักฐาน



“ฮ่าๆๆๆ”



เสียงหัวเราะดังลั่นที่ทำให้ผมต้องเบี่ยงสายตาหันไปมอง  และก็ไม่ใช่แค่ผม ไอ้ข้าวโพดและพวกหน้าจิ้งเหลนนั่นก็ด้วย มันที่ชะโงกหน้าออกมาจากซอกตึกตรงนั้น พอเห็นว่ามีคนกำลังมา พวกมันก็พากันหลบเดินหนีกันออกไป ขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะกูยังไม่เรื่องอะไรเพิ่มเติมเลย แม่ง มองตรงไปข้างหน้า ภาพที่เห็นคือเด็กหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มที่สองไม้สองมือกำลังหอบขนมมาเต็มอ้อมแขนและกำลังเดินคู่มากับพี่ธร  ไอ้เวน ไอ้เด็กกุญแจ มึงมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบ!



สิ่งมีชีวิตสองคนที่เดินหน้าระรื่นเข้ามาใกล้ตรงจุดที่ผมแอบอยู่เรื่อยๆ พี่ธรที่หันซ้ายหันขวา คิดว่าน่าจะมองหาผม กูอยู่นี่โว้ยยย มาช่วยกูด้วยจ๊ะ ตะคริวกินขา ลุกไม่ขึ้นโว้ยยย



“พี่ธรโว้ย!”  ตะโกนเรียกออกไปแบบนั้น พี่ธรที่ได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามาหา ก่อนจะมองผมด้วยสายตางงๆ ยัง ... ยังไม่ช่วยกูอี๊ก!



“อ้าวววว พี่เมล สวัสดีครับผม”  ยิ้มกว้างๆปากจะถึงหูตอนที่ไอ้กุญแจนั่นเดินตามหลังพี่ธรเห็นผมนั่งยองๆทำหน้าหงุดหงิดอยู่ข้างๆถังขยะแบบนี้ นี่มึงสะใจกูเรอะไอ้เด็กอ้วน



“คุณเมล ไปนั่งทำอะไรตรงนั้นล่ะครับ” 



พี่ธรที่ถามผมออกมาแบบงงๆ แล้วรีบช่วยดึงผมให้ลุกขึ้นยืนดีๆ อู้วว ร้าวยันปลายนิ้วก้อย อาการที่เรียกได้ว่าใครมาแตะขากูตอนนี้จะด่าไปถึงพ่อ เคยเป็นไหมครับ ขาที่จะรู้สึก วิ้ง วิ้ง วิ้ง วิ้ง



“เรื่องของผมเถอะน่า แล้วพี่มากลับ...”  บู้ยปากไปใส่ไอ้เด็กหน้าตาน่ารักที่ตอนนี้ดึงลูกชิ้นปิ้งออกมากินหน้าตาเฉย

 

“อ่อ บังเอิญวันนี้ผมมาไวครับ เลยไปเซเว่น แล้วเจอคุณกุญแจเข้า”



“กินไหมครับพี่เมล” ไอ้เจ้าของชื่อที่ไม่ฟังฟ้าฟังฝนว่าคนเขาพูดถึงมันยังไง มันที่แค่เงยหน้าขึ้นมาหาผมพร้อมยื่นไม้ลูกชิ้นปิ้งไม้นึงมาให้พร้อมยิ้มปากกว้างตาปิด  นี่มึงกวนตีนกูเรอะ!



หงุดหงิดนะครับแหม่ เห็นแบบนั้นเลยกระชากไม้ลูกชิ้นจากมือมันมากัดเข้าปากแม่ม โอ้โหหหห ใส้กรอกแดงย่างราดน้ำจิ้มเด็ดๆ เคยกินกันไหมคุณ ลูกชิ้นที่ผสมสีแน่ๆและน่าจะมีสารนู่นนี่นั่นแต่ดันเสือกอร่อยจ๊ะ หูย บอกตรงๆฟินจุงเบย~



“อร่อยใช่ม้า แจชอบมักๆ พี่ธรเอาไหมครับ”



“ไม่เอาครับ”



“เนี่ย พลาด คนไม่รู้จักของอร่อย” 



มันที่เบ้ปากใส่พี่ธรแล้วหันมายิ้มให้ผมทั้งตาทั้งปากอีกหนึ่งที  กูนี่เผลอยิ้มตอบเลย ให้ตายเหอะ เคยบอกไปแล้วใช่ไหมล่ะครับว่าไอ้เด็กนี่น่ะ พอมันยิ้มแล้วเหมือนจะทำให้โลกรอบๆนี้สดใสไปหมด และนั่นมันก็คือเรื่องจริง



“พี่เมลทำไมทำหน้าแบบนั้น”



“แบบไหนวะ”  กูไม่หน้าเผลอจ้องหน้าแม่ง เอาจริงๆถ้าไม่มีอคติส่วนตัวจากครั้งที่แล้วที่ไอ้ทัพมันแสดงท่าทางที่ดูจะพิเศษกับไอ้เด็กนี่มากกว่าคนอื่น ผมก็อาจจะชอบมันอ่ะนะ ดูเป็นเด็กร่าเริงสดใส่ และแดกดุ



“แบบนี้ เหมือนมีอะไรอยากจะพูด อยากพูดอะไรกับแจหรอฮะ?”



“เสือกจัง”  บ่นเบาๆพอให้ได้ยินคนเดียว แต่มันก็ขี้เสือกพอที่จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆหน้าผม มันที่สูงน้อยกว่าผม สูงประมาณคางผมนี่แหล่ะ



“พูดไรนะ แจไม่ได้ยินเลย”



“โว้ยย ถอยไปหน่อยสิวะ จะเข้ามาใกล้ทำไม”  ดันมันออกไปไกลๆตัว แต่อีกคนก็พยายามขืนไว้ มีพี่ธรที่ยืนมองเรานิ่งๆแต่สายตาดูเหมือนจะมีความสุข แม่งเอ๊ย หน้าตายทั้งนานทั้งลูกน้อง



“นี่พี่ธร เมื่อไหร่จะพาผมกลับ”  ดันไอ้ลูกหมูนี่ออกไปไม่ได้ ก็เลยหันไปถามอีกคนแทน



“ต้องขอโทษด้วยครับคุณเมล พอดีผมมีธุระกับอธิการบดีนิดหน่อย ยังไงคงรบกวนคุณกุญแจฝากคุณเมลไว้สักครู่นะครับ”



“ได้เล๊ยครับบบ”



“เห้ยๆๆพี่จะมาฝากผมทำไมวะ ผมดูแลตัวเองได้โว้ย”



“ไม่ได้หรอกครับ ยังไงเดี๋ยวผมจะรับกลับมานะครับ”



“เห้ยพี่! พี่โว้ยยย”



“ไปดีมาดีนะครับพี่ธร พี่เมลลลล เราไปนั่งตรงใต้ต้นไม้นั่นดีกว่า ผมเริ่มหนักแล้ว มีของกินเยอะแยะเลยแน่ะ”   ไอ้กุญแจที่ยืนโบกมือหยอยๆลาพี่ธรอยู่เมื่อกี้ หันหน้ามามองผมผมยิ้มอีกครั้งพรางว่าออกมาแบบนั้น  มองดูของเต็มอ้อมแขนของมัน เออ มึงก็น่าจะหนัก



“นี่มึงมียันถังไก่เคเอฟซีเรอะ”



“ใช่สิ แจอยากกินก็ต้องได้กินดิพี่ ชีวิตเราคือการกิน จะสุขจะเศร้าจะเหงาเราก็ต้องกินนะรู้ยัง ปะๆไปกันเถอะ” 



โยนถังไก่มาให้กูอุ้มไว้ทั้งแบบนั้น ส่วนมืออีกข้างของมันก็ถือวิสาสะเอื้อมมือมาจับมือผมแล้วลากไปในทางที่มันอยากไป  ครับ....ใต้ต้นหูกวางข้างๆลานจอดรถมีโต๊ะม้าหินแบบกลมตั้งเรียงๆไว้อยู่ ไม่ไกลจากรถที่พี่ธรจอดไว้เท่าไหร่นัก ไอ้เด็กกุญแจนี่กระโดดลงนั่งลงที่เก้าอี้ม้าหิน พร้อมๆกับวางถุงของกินลงบนโต๊ะอย่างร่าเริง คือกูกับมึงเราสนิทกันหรอจ๊ะ อยากรู้



“พี่เมลมานั่งๆ เอาไก่ของกุญแจมาด้วย” 



กวักมือเรียกกูเหมือนเรียกหมาเรียกแมวไปอีก แล้วนี่ไม่รู้มันเชิญหรือจริงๆมันอยากได้ไก่เคเอฟซีของมันกันแน่  แต่เมื่อไม่มีทางไป ก็เลยตัดสินใจนั่งลงตรงข้ามมัน มองมันแบบประเมินไว้ก่อน มันจะมาไม้ไหน  ถ้ามาแบบในละครหลังข่าวบอกว่าชอบทัพหน้า พ่อจะโบกหน้าให้



“มองแจแบบนั้นอีกแล้ว เหมือนมีอะไรอยากจะถามแจเลยอ่ะ”  ไอ้เด็กกุญแจที่เงยหน้าขึ้นมาจากถังไก้ทอดของมันพร้อมพูดออกมาแบบนั้น ในมือมันข้างนึงถือน่องไก่ไว้อยู่ด้วย เอื่ม....



“เปล่าหรอก กินไปเหอะ”  ส่ายหน้าหน่อยๆแล้วหันหน้าหนีมัน



“มีอะไรทำไมไม่พูดอ่ะฮะ พูดได้นะ สายตาพี่ดูกังวลตลอดเวลาเลย”



มันบอกแบบนั้นพรางกัดไก่ในมือเข้าปาก มืออีกข้างก็เอาซ้อมจิ้มไก่มาให้ผม มีกล่องที่มันขอมาจากร้านลองมาให้เรียบร้อย



“กินด้วยกันสิฮะ กินคนเดียวมันไม่อร่อยอ่ะ”



“ไม่อร่อยแล้วมึงซื้อมาทำไมเยอะแยะ”  ถามแบบนั้นแต่ก็ลงมือกิน ก็คือกลิ่นมันยั่วยวนมากอ่ะครับ



“นี่ถือว่าปกตินะ เยอะหรอ นี่ๆแจยังมีนี่อีก หนมครกจากหน้าม.แล้วนี่ๆข้าวเหนียวหมูฝอยเจ้านี่อร่อย อ๊ะ น้ำจิ้มหกเลยอ่า”  บ่นงุ้งิ้งๆของมันตอนที่ดึงปลาหมึกไข่ย่างที่ราดน้ำจิ้มแล้วออกมาจากถุงที่มันวางไว้บนโต๊ะก่อนหน้านี้



“นี่คือมึงเอามาแดกคนเดียวหรอกูถามจริงๆ”  มองมันแบบอึ้งๆ ส่วนมันก็ยิ้มกว้างพรางพยักหน้าส่งมาให้ผมแบบหน้าชื่นตาบาน



“ชีวิตคือการแดกนะพี่เมล การแดกทำให้เราหายเครียด แต่ถึงไม่เครียดก็ต้องแดกครับ เอนจอยยย”



“หรอวะ” 



ว่าออกมาเบาๆ แต่ก็นะ ถูกของมันกูเครียดมาก เรื่องข้าวโพดแม่งวนอยู่ในหัวไปหมด ทำไมมันถึงอยู่กับไอ้หน้าจิ้งเหลนนั่น ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบปลาหมึกไข่ออกมาจากถุงแล้วเอาเข้าปาก แค่น้ำจิ้มแตะลิ้นเท่านั้นแหล่ะ โอ้วจอร์จมันยอดเยี่มมากซาร่า!



“เด็ดใช่มะล่า น้ำจิ้มมันเด็ดมากใช่ไหมฮะ” 



ไอ้กุญแจที่เอามือเท้าคางตัวเองมองผมตาแป๋วแบบมีความหวัง ผมที่เบิกตากว้างๆมองมันก่อนจะยกนิ้วโป้งให้ ให้แจที่ตบมือถูกอกถูกใจใหญ่ที่เห็นแบบนั้น  มันยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีและเราสองคนก็เริ่มกินอาหารที่ไอ้แจซื้อมาราวกับคนติดป่าที่หิวโหย



“โว้ยยย อิ่มมากโว้ย”



“ท้องแตกๆ ท้องแจต้องแตกแน่ๆเลย” อีกคนที่ตอนนี้เอาตัวเองไปพิงกับลำต้นของต้นหูกวางพลางลูบท้องตัวเองป้อยๆ



“แม่งแดกดุขนาดนี้ ของที่ซื้อมายังไม่หมดเลยมึง”



“ยังเหลืออีกหรอ หูย สงสัยวันนี้จะซื้อดุไปจริง”



“มึงพึ่งคิดเรอะ”



“ฮ่าๆๆ ตอนนั้นความหิวมันครอบคลุมจิตใจ พี่เมลไม่รู้หรอก ตอนที่แจเดินผ่านรถปลาหมึก ร้านซูชิ น้องๆพวกนี้มันมองแจแล้วบอกแจว่า มามะๆมาแดกกูสิ มึงหิวไม่ใช่หรอ แบบเนี้ย”



“เล่าเป็นเรื่องเป็นราว จริงๆมึงแค่ตะกละ” 



ว่าพลางยื่นมือไปดันหัวมัน อีกคนที่ก็ขำออกมาเอิ๊กอากเหมือนเด็ก เห็นแบบนั้นก็บ้ายิ้มตามมันออกมา จริงๆมันก็ดูน่ารักดี เป็นเด็กคุยเก่งคุยเป็นวรรคเป็นเวนคุยอยู่คนเดียวมันก็เอา



“พี่เมลยิ้มแล้วน่ารักออก ทำไมไม่ยิ้มบ่อยๆยิ้มแล้วสวยมากเลย”  มันที่หยุดขำแล้วหันมามองหน้าผมแบบจริงจัง



“ทำไม?”



“ก็จริงๆนะ พี่เมลยิ้มสวยออก ทำไมชอบทำหน้าเศร้าหน้านิ่งๆเหมือนคนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาเลยอ่ะ”



“ก็ชีวิตกูมันเศร้า”  บอกมันออกไปแบบนั้นพรางหันหน้าหนี จริงๆผมก็อยากเป็นแบบไอ้กุญแจมันนะ มันที่ดูเหมือนไม่เครียดกับอะไร ยิ้มสดใสและมีความสุข



“เศร้ามากแค่ไหน ยังจะมีใครเศร้ากว่าพี่ทัพอีกหรอ”  มันที่บ่นออกมาแบบนั้นทำให้ผมต้องหันไปมองหน้า แต่มันทำเพียงแค่ยิ้ม



“พี่ทัพน่ะ เพราะเป็นคนที่อยู่บนจุดสูงสุดที่พ่อแม่คาดหวัง มันโคตรเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆเลยนะแจว่า อยากทำอะไรก็ไม่ได้ทำ จริงๆพี่ทัพนะอยากเรียนวิศวะเท่ๆ แต่คุณลุงก็ไม่ยอมอ่ะ เพราะคุณลุงกลัวไม่มีใครดูธุรกิจของครอบครัว เพราะแบบพี่รบกับพี่รุกที่เมื่อก่อนไม่ลงลอยกันมากๆจนถึงขั้นบอกว่าจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นของที่บ้าน คุณลุงก็คงฝากอะไรไว้กลับใครก็ไม่ได้ ถึงต้องบังคับพี่ทัพให้เรียนบริหาร โชคดีนะที่พี่ทัพเรียนเก่ง จะทำอะไรก็เลยดีไปหมด”



“นายนี่ดูจะรู้จักไอ้ทัพหน้ามันดีมากเลยนะ สนิทยันครอบครัวมันด้วย” 



มองหน้าเจ้าเด็กน่ารักที่ลูบท้องตัวเองไปพูดไปแล้วรู้สึกวูบไหวในใจแปลกๆ  กุญแจรู้ทุกเรื่องของทัพ แต่ผมทำอะไรอยู่ล่ะหลังจากที่พี่มันจบไป ก็เป็นแค่คนที่เพ้อๆถึง แต่ไม่เคยได้เข้าใกล้ ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยสักอย่าง



“เอ้า ก็ต้องสนิทสิฮะ ก็เราเป็นพี่น้องกันนะ ลูกพี่ลูกน้องน่ะพี่เมล ญาติอ่ะรู้จักอ๊ะเปล่า”  ไอ้กุญแจว่าออกมาแบบนั้นพร้อมมองผมตาแป๋ว ... อ๋อ ญาติ ... แต่เดียวนะ!



 “ห๊ะ!”



“เหวยย เสียงดังจัง ตกใจหมดเลย”   ผมที่แหกปากใส่หน้ามันจนเจ้าเด็กนี่ตกใจสะดุ้ง แต่ไม่สนหรอก



“ลูกพี่ลูกน้องหรอห๊ะ หมายความว่าไง!”



“เอ้า ทำไมพี่เมลไม่ฉลาด ลูกพี่ลูกน้องก็พี่น้องไงฮะ”  เอียงคอมองกูเหมือนสัปหลาดที่เข้าใจยากไปอีก มันที่ถอนหายใจออกมาหน่อยๆพร้อมส่ายหน้าน้อยๆส่งมาให้ผมแบบระอาใจ เอ๊ะ ไอ้เด็กนี่



“ก็พี่ปืนกับพี่ทัพอ่ะ ถึงจะรุ่นเดียวกัน แต่จริงๆก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะครับ ก็พ่อพวกเราเป็นน้องชายพ่อพี่ทัพนี่นา”   



“มะ...ไม่เคยรู้เลย”



“เอ้าหรอฮะ สงสัยพี่ทัพจะอยากเซอร์ไพรซ์”   



เซอร์ไพรซ์กับผีนะสิ! ได้แต่กัดฟันกรอดตอนที่ได้ยินแบบนั้น แบบไอ้ทัพน่ะ มันไม่ตั้งใจจะเซอร์ไพรซ์อะไรหรอก มันน่ะแค่อยากกวนตีนผมเท่านั้นแหล่ะ วุ้ย! นึกภาพตัวเองวันนั้นที่เด้งตัวลุกจากเก้าอี้แล้วกูอยากวิ่งหนี วันนั้นกูปวดฉี่เฉยๆนะ ไม่ได้หึงเลยนะ จริงจริ๊ง!



“ก็ว่า วันนั้นพี่เมลมองแจแปลกๆ คงงงอ่ะดิ๊ว่าทำไมสนิทกับพี่ทัพ ก็ตอนเด็กๆพวกเราชอบมาเล่นด้วยกัน แล้วพี่ทัพก็ใจดีแจเลยสนิท แต่พอม.ปลายแจก็ถูกส่งไปเรียนที่ออสฮะ พึ่งกลับมาเมื่อไม่นานมานี้เอง มาต่อมหาลัยที่นี่ แจไม่ยอมอยู่ต่อล่ะ ทำไมต้องบังคับด้วย”   



ผมไม่ได้ฟังที่ไอ้เด็กนี่มันเจื้อยแจ้วมากนัก ก็เล่นพูดเป็นวรรคเป็นเวรอยู่คนเดียวแบบนั้น  แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดถึงใครที่เป็นหัวข้อสนทนาของพวกเราก่อนหน้านี้  ภายใต้กรอบหน้านิ่งๆเหมือนคนไม่รู้สึกอะไร จริงๆมันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ



“แล้วพี่ทัพนะฮะก็ไม่มีอิสระอะไรนักหรอก ขนาดเรื่องความรักก็ยังเลือกไม่ได้ น่าสงสารรรรร”



“หื้ม มึงว่าไรนะ”



“หื้ม พูดไรอ่ะ แจก็พูดไปเรื่อย”



“อะไรที่บอกว่าเรื่องความรักก็เลือกไม่ได้”



“เอ้า ก็จริงอ่ะ พี่ทัพนะเคยช.....”



“เห้ย!ไอ้เมล!!” 



เสียงเรียกชื่อผมดังสนั่นหวั่นไหวแบบไม่อายใคร ทั้งผมทั้งไอ้กุญแจถึงกับสะดุ้ง พอหันไปด้านหลัง ครับ.....ไม่ใช่ใคร ไอ้สัดอู๋! พ่อเป็นสก๊อตไบร์ทมั้ง ขัดดีจัง  .... ผมถอนหายใจเซ็งๆ เมื่อเห็นไอ้เพื่อนตัวดีที่กำลังเดินเข้ามาหาพรางยิ้มหน้าระรื่นมาเชียว



“ทำไมมานั่งอยู่นี่วะ ไหนบอกมีธุระ”



“เออ ก็....”



“ใครอ่ะพี่เมล”  ในช่วงที่กำลังพยายามหาเรื่องแถ ไอ้กุญแจก็สอดขึ้นมาก่อนทันที ไม่รู้จะขอบคุณมันดีไหม ไอ้อู๋ที่หันไปมองมันแล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงเหมือนอยากจะถามว่าไอ้เด็กนี่มันคือใคร



“แล้วเราเป็นใครวะไอ้เด็กแก้มอ้วน”  ไอ้อู๋หรี่ตามองไอ้แจแบบเรียกได้ว่า ถ้าผมเป็นไอ้แจ กูจะเอาเท้าลูบหน้ามึงจ๊ะ กวนตีนอะไรเบอร์นั้นอ่ะเพื่อนกู



“เอ้าลุง ไมปากหมางี้อ่ะ”



“โอ้โหหห เห็นหน้าหล่อๆกูไหมไอ้เด็กอ้วน เดี๋ยวๆมึงโดนเรียกกูลุงเลยเรอะ” 



ไอ้อู๋กับไอ้แจที่จ้องมองกันเขม็ง ถ้าเป็นในการ์ตูน ตอนนี่จะต้องมีไฟฟ้าแลบแปร๊บๆออกมาจากตามันสองคนแน่ๆ มองภาพมันทั้งคู่แล้วกูปวดหัว



“พอๆๆ มึงสองคนอย่าทะเลาะกัน”



“ก็ลุงเค้ามาว่าแจก่อน”  ชี้หน้าแบบไม่ยอม ไอ้อู๋เองก็ ยกมือมาตีเข้าที่มือมันแรงๆทีนึง



“เด็กนิสัยเสีย”



“ไอ้...”



 “พอๆๆๆพวกมึงสองคนคือพอออออ กูขอ จะมาทะเลาะกันทำไมวะ ไอ้อู๋มึงก็อย่าไปแกล้งมัน นี่มันชื่อกุญแจ เป็นลูกพี่ลูกน้องของไอ้...เอ่อ พี่ทัพหน้า”  บอกมันออกไปแบบนั้นไอ้อู๋ก็มองหน้าผมทันที มันขมวดคิ้วหน่อยๆก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง



“ลุงงงงง มานั่งได้ไง”



“ยุ่ง กูจะนั่งกับเพื่อนกู ตรงไหนก็ได้”  หันไปเถียงกับไอ้แจแบบนั้น ก่อนมันจะจ้องหน้าผม



“กูไม่อยากยุ่งเรื่องมึงกับพี่ทัพหรอกนะ แต่...ถ้ามีปัญหาอะไร อย่าลืมว่ามึงยังมีเพื่อน ยังมีกู”  จ้องหน้าผมนิ่งๆแล้วบอกออกมาแบบนั้น ผมมองให้มันแล้วยิ้มตอบออกไปแบบขอบคุณ



“แต่มึงรู้ใช่ไหม ว่าไอ้บินมันคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆหรอก ยังไงสักวันมันก็ต้องเค้นมึง”



“อื้ม  ถ้ากูพร้อม กูจะเล่าให้พวกมึงทุกคนฟังเอง...แต่ตอนนี้ กู...กูโอเค” 



ตอบออกไปแล้วยิ้มให้มันอีกครั้ง แต่ในใจก็คิดๆว่า ตอนนี้กูโอเคแน่หรอวะ  กูจะทนให้มันทำร้ายหัวใจแบบนี้ต่อไปได้อีกแค่ไหนกัน



“ลุงงงงงงง นั่นซูชิแจนะ”



“เอ้าหรอ” 



สะดุ้งออกจากภวังค์ความคิดก็เพราะไอ้บ้าสองตัวนี้ ไอ้แจที่แหวเสียงดังแหวกอากาศออกมาตอนที่ไอ้อู๋ยื่นมือไปหยิบซูชิในถาดเข้าปากหน้าตาเฉย แถมตอบแบบลอยหน้าลอยตาออกมาแบบไม่สนใจ แถมยังเคี้ยวโชว์ให้ไอ้แจต้องเจ็บใจซ้ำอีก โว้ย กูอยากจะบ้า



“คืนมาเลย”



“ให้ก็คายใส่หน้ามึงหรอไอ้อ้วน”



“ไอ้นิสัยแย่ แย่ๆๆๆ” ว่าแบบนั้นพลางเขวี้ยงทิชชู่ใส่หัวไอ้อู๋  แม่งเอ๊ย มวยถูกคู่ แต่ทำไมกูต้องมาอยู่กลางวงหายนะนี่ด้วยวะ



“คุณเมลครับ เรากลับ...เอ่อ นี่...”



“อ้าวพี่ธรมาสักที ไปๆพี่กลับๆ ผมปวดประสาทกับไอ้สองตัวนี้มาก”



“เอ่อ จะดีหรอครับ”  พี่ธรมองภาพไอ้อู๋กับไอ้แจที่ยังเถียงกันไม่เลิกอย่างเป็นกังวล แต่ก็เข้าใจนะอีกฝ่ายคือลูกพี่ลูกน้องของเจ้านาย



“ดีพี่ ไปๆเถอะ เพื่อนผมไม่ฆ่าไอ้แจหรอก”



“เออ งั้นก็ได้ครับ ...คุณกุญแจ กลับก่อนนะครับ”



“คร๊าบบบ บายพี่ธรพี่เมล แจจะต้องเอาซูชิคืนให้ได้ก่อน เอาคืนมานะลุง!”



“เรื่องไรวะ มาเอาในท้องกูนี่”



“โว้ย ไอ้อู๋ กูกลับแล้วนะ แล้วมึงก็เลิกแกล้งน้องมันสักที”



“เออน่า บายมึง” 



พยังคิ้วให้ผมหน่อยๆ แต่ก็ยื่นมือไปเขกหัวไอ้แจอีกที แอบเห็นหางคิ้วพี่ธรกระตุก เห็นแบบนั้นก็กลัวพี่มันชักปืนมายิงเพื่อน เลยรีบดันหลังพี่ธรขึ้นรถไป  ส่วนไอ้สองตัวนี้ ถ้ามันจะตีกันตายก็เอาเลยจ้า



.

.

.

   
(มีต่อจ้าาา)


หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่11* {24.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 24-11-2018 19:15:37

         กลับมาถึงบ้านของไอ้ทัพหน้าในเวลาประมาณหกโมงกว่าๆ รถติดมาก แถมบ้านหลังนี้ของมันก็ไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง อยู่ที่นี่มาสักพักจนเริ่มคุ้นชิน และสังเกตว่าที่นี่ค่อนข้างใหญ่และเป็นส่วนตัว เป็นบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ท้ายหมู่บ้านชื่อดัง ตั้งโด่ดเด่นแยกตัวออกจากบ้านหลังอื่นๆค่อนข้างมาก อาณาบริเวณกว้างขวาง คิดว่าบ้านหลังนี้มันเหมาะกับบ้านเจ้าพ่อมาเฟียในหนังมากๆ มองไปทางไหนก็เห็นลูกน้องชุดดำของมันยืนประจำอยู่เป็นจุดๆ  แต่นั่นแหล่ะ ยังไงก็ไม่ต่างจากเงาหรอกคนพวกนี้ ก้าวเท้าลงจากรถด้วยความที่ในหัวมีแต่เรื่องให้คิดเต็มไปหมด อยากเอาไอ้หลงมาฟัดให้ชื่นใจ มองเห็นหลังมันไวๆเกินไปทางสวน



“ไอ้หลง” 



ตะโกนเรียกออกไปแบบนั้นแต่เหมือนเจ้าลูกแมวจะไม่ได้ยิน  มันที่วิ่งกระโดดตามผีเสือของมันไปเรื่อย เห็นแบบนั้นแล้วอดจะยิ้มตามไม่ได้ แค่เห็นตัวขาวๆของมันกระโดดไปกระโดดมาแบบนั้นก็รู้สึกฮีลหัวใจแล้ว เห็นแบบนั้นเลยเดินตามมันไป แต่ลูกแมวเด็กนี่พลังงานมันเยอะเหลือเกิน วิ่งตามมาเห็นหลังไวๆ แต่ตอนนี้ดันไม่เห็นซะแล้ว รู้ตัวอีกทีตอนที่หยุดเดินแล้วต้องชะงักกับภาพตรงหน้าที่ทำเอาเสียวสันหลัง นี่กูมาหยุดอยู่หน้ากรงไอ้เชอร์รี่ได้ยังไง ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้ย่างกายมาใกล้ที่นี่อีกเลย



“เอ๊ะ...เฮ้ย!” 



ตะโกนออกมาสุดเสียง เมื่อพอมองเข้าไปในกรงนั่นแล้วมองเห็นไอ้หลงมันกระโดดโลนเต้นวิ่งไล่จับผีเสื้อปีกสวยอยู่ในนั้น



“เข้าไปได้ไงวะ” 



หันซ้ายหันขวา ก่อนจะมองเห็นประตูกรงที่ถูกแง้มไว้ ก็คือปิดไม่สนิท และตัวเล็กๆแบบไอ้หลงก็คงจะวิ่งเข้าไปได้สบาย ใครมันลืมปิดกรงวะ!



“ไอ้หลง เมี้ยวๆๆ”  ร้องเรียกมันพลางทำเสียงมุมิๆไปด้วย แต่ไอ้ลูกแมวที่หันหน้ามามองเห็น ดวงตากลมโตของมันที่ดูสดใสมากขึ้นกว่าเดิม ปากของมันที่ร้องออกมาตอบรับผมหน่อยๆ



“ดีๆ เห็นกูแล้วออกมาเร็วๆ เมี้ยวๆ” 



กวักมือเรียกมัน แต่ไอ้ลูกแมวเด็กเหมือนเห็นว่ากูกำลังเล่นด้วยซะงั้น มันที่โดดไปโดดมาแบบนี้ใจ หัวกลมๆของมันที่เอียงไปเอียงมา ก่อนจะช้อนตาใสๆของมันมองผีเสือที่บินวนอยู่บนหัวมันเหมือนกำลังหยอกล้อ ไอ้ลูกแมวที่ดูจะฮึกเหิมอีกครั้ง ยกขาหน้าขึ้นมากระโดดจะจับผีเสื้ออีกรอบ ลืมกูไปเลยในตอนนี้



“ปัดโถ่เว้ย”  สบถออกมาแบบนั้น หันซ้ายหันขวาไปมองก็มองเห็นตรงมุมกรง ดวงตาซุกใสที่ผมยังจำได้ดี



ไอ้เชอร์รี่



มันที่กำลังนอนอยู่ในผ้าห่มสีแดงๆ มีแค่หัวของมันที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มที่มันซุกตัวอยู่ สายตาที่กำลังจ้องมองไปที่ไอ้ลูกแมวตัวเล็กด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ใช่ เห็นแบบนั้นแล้วเสียวสันหลังวาบ... ไม่ผิดแน่ๆ สายตาแบบนั้น  สายตาไม่ต่างจากเวลาไอ้ทัพอยากกินกู เอ่อ...หมายถึงจะทำร้ายน่ะ จริงๆนะ



“แม่งเอ๊ย” 



สุดท้ายแล้วตัดสินใจโยนกระเป๋าและสัมภาระต่างๆของตัวเองกองอยู่ตรงนั้น  เอาวะเป็นไงเป็นกัน  วิ่งเข้าไปในกรง เหงื่อแตกพลักด้วยความกลัว มองตรงไปไอ้เชอร์รี่ที่ยังคงนอนนิ่งๆต่อไปของมัน ผมที่วิ่งไปตะคลุบอุ้มไอ้ตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขน



“เมี้ยววว” 



เสียงใสที่พอโดนผมอุ้มก็ร้องออกมา หัวเล็กๆที่เงยหน้ามองผมตาแป๋ว พอเห็นหน้าผมก็ร้องแง้วๆออกมาอีกครั้งอย่างตื่นเต้น อะ ดีใจที่เห็นกูไปอีก



“เฮ้อ ไอ้ดื้อเอ๊ย ไปๆกลับกัน”  กระชับอ้อมแขนพร้อมๆกับปาดเหงื่อไปด้วย ในช่วงจังหวะที่จะกำลังจะหมุนตัวลุกขึ้นก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ทำเอาขนลุกเสียวไปทั้งสันหลัง



‘สวบ สวบ โฮกกกก’



สะดุ้งตกใจจนต้องหันไปมองตาเบิกกว้าง ไอ้เชอร์รี่ที่ก้าวออกมาพร้อมร้องออกมาเสียงสนั่นหวั่นไหว



“เมี้ยวววว”  เจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนผมที่พองขนขึ้นมาอย่างหวาดกลัวพลางซุกตัวเข้าหาผมมากขึ้น รับรู้ได้เลยว่าไอ้หลงมันกำลังตัวสั่น



“อะ...ไอ้เชอร์รี่”



“โคร่งงงง” คำรามออกมาพร้อมๆกับที่จ้องมาที่อ้อมแขนผมตาเป็นมัน  ไม่ได้นะมึง มึงจะแดกไอ้ตัวเล็กไม่ได้นะ ผมเบี่ยงตัวหลบไม่ให้มันเห็นไอ้หลง  พอมันเห็นผมทำแบบนั้น ปฏิกริยาก็ตอบโต้กูแบบอัตโนมัติ ดวงตาคู่คมของไอ้เชอร์รี่ก็เปลี่ยนมามองที่ผมแทนทันที มองกูแบบไม่พอใจไปอีก อะไรวะ!



“ถะ....ถอยไปนะโว้ยยย”



“กรร!! โฮกกกก!!”



“เห้ยยยย!” 



ไอ้เชอร์รี่ที่ร้องคำรามออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับขาหน้าสองข้างที่กระโจนเข้ามาเตรียมจะตะปบ รู้สึก วิ้ง วิ้ง วิ้ง วิ้ง บูมเมอร์แรงมากๆเลย ไม่ต่างจากภาพวนลูปที่เหมือนเคยเกินขึ้นไปแล้วครั้งนึง



“เชอร์รี่! หยุด!!”



ผมที่ก้มตัวกอดไอ้หลงไว้แนบอกตัวสั่นไปหมด ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง เสียงเข้มๆที่มาพร้อมกับเสียงเปิดประตูรั้วดั้งโครมสนั่นหวั่นไหว  ไอ้เชอร์รี่ที่ถ้าเป็นรถคงจะเบรคหัวทิ่มบ่อ มันชะงักแล้วหยุดทันทีที่ได้ยินเสียงของทัพหน้า  คนร่างสูงที่ก้าวขายาวๆเข้ามาในกรง ดวงตาเข้มๆจ้องมองนิ่งๆตรงไปยังไอ้เชอร์รี่อย่างดุร้ายแล้วแฝงไปด้วยการออกคำสั่ง ไอ้เชอร์รี่ที่ดูจะดื้อดึงหน่อยๆ แต่ทัพหน้าที่พอเดินเข้ามาใกล้มันมากขึ้น อีกฝ่ายก็ค่อยๆล่าถอยไปอย่างจำยอม ผมถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ทันที



“โง่!”  เสียงเข้มที่ตะคอกออกมาแบบนั้นเสียงดังสนั่น พร้อมๆกับที่ฝ่ามือแกร่งคว้าเข้าที่แขนของผมเต็มแรงเพื่อดึงให้ผมลุกขึ้นไปยืนข้างๆ



“ตอนเกิดมึงลืมเอาสมองไว้ในท้องแม่รึไงถึงไม่รู้ว่านี่มันกรงสิงโต อยากตายนักรึไงวะ!”



“ก็...”



“รนหาแต่เรื่อง น่ารำคาญ!” 



อีกคนที่ตะคอกออกมาแบบนั้น ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้อ้าปากอธิบายอะไรสักคำ อยู่ๆก็รู้สึกน้อยใจมันแปลกๆ ไม่เข้าใจว่ากับผมทำไมถึงพูดจาดีๆด้วยบ้างไม่ได้ ทีกับคนอื่นมันยังพูดได้เลย แบบไอ้กุญแจ พี่ธร หรือใครๆ และที่สำคัญกับณราชาเอง มันคงจะไม่เคยตะคอกสักครั้ง  แต่กับผมไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยที่จะพูดจาดีๆด้วย จริงๆอาจจะไม่ใช่เพราะมันคิดว่าผมเป็นคนฆ่าณราชาหรอก จริงๆแค่เพราะมันคือผม เป็นไอ้คาราเมล มันก็เลยไม่เคยได้เลยสักครั้ง คงเป็นเพราะผม ผมมันเป็นแค่ไอ้เมลไง



“เออ! กูเองแหล่ะที่รนหาที่ตาย กูอยากตายไปจากมึงจะอย่อยู่แล้ว!”



ตะคอกเสียงกลับไปหามัน ทั้งๆที่ตอนนี้ก็รู้สึกแสบร้อนเข้าที่กระบอกตาไปหมด วิ่งชนไหล่มันออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ทำได้แค่วิ่งอุ้มไอ้หลงหนีออกไป ได้ยินเสียงร้องไม่พอใจของไอ้เชอร์รี่ดังไล่หลังมา มึงจับเจ้านายมึงแดกเลยนะไอ้รี่ เกลียดที่สุด!



“ฮึก...แค่เป็นกู แค่เป็นกูมันก็ผิดแล้วว่ะหลง”



ปิดประตูห้องพร้อมๆกับล็อคกลอนอย่างแน่นหนาแล้วกอดลูกแมวตัวน้อยไว้แน่นๆ ก่อนที่จะร้องไห้ออกมาอย่างไม่อยากจะกลั้น ทุกวันนี้เรื่องที่เจออยู่มันก็หนักมากพอแล้ว ผมไม่ได้สั่งฆ่าณราชา แต่ทัพหน้าไม่เคยเชื่อ ผมคนจ้องจะฆ่ามาครั้งนึง แล้วผมก็ยังพึ่งรู้ว่าคนที่สั่งคือคนที่ผมคิดว่ามันซื่อๆใสๆและเห็นมันเป็นเพื่อนแบบไอ้ข้าวโพด ...



“ฮึก ชีวิตเฮงซวย ฮึก มึงอย่าทิ้งกูนะหลง กูไม่เหลือใครแล้ว”  ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาช้าๆ ไม่ได้สะอึกสะอื้นเสียงดังแบบที่ควรจะเป็น ก็แค่ปล่อยให้น้ำตามันไหล ปล่อยให้ความรู้สึกกัดกินหัวใจไปเงียบๆ



“เมี้ยวว” 



ไอ้หลงที่ร้องออกมาเบาๆเหมือนกับว่ามันกำลังปลอบใจ ลิ้นเล็กๆของมันที่ค่อยๆเลียเช็ดน้ำตาที่หน้าของผม แต่เห็นแบบนี้แล้วยิ่งรู้สึกอยากร้องไห้ ... อยากจะรู้ว่า ถ้าไม่ใช่ผม ถ้าเป็นคนอื่น มันจะต้องมาเจออะไรแบบนี้บ้างไหม หรือสิ่งที่อยากจะถามจริงๆก็คือ ถ้าไม่ใช่ผม ทัพหน้ามันคงใจดีด้วยมากกว่านี้สินะ ...

เรื่องเดียวที่ผิด คงผิดที่เป็นผม เป็นคนแบบคาราเมล



.

.

.





ตลอดคืนทั้งคืนผมไม่ได้นอนกับมัน มันไม่ได้ขึ้นมานอนที่ห้อง รู้สึกแปลกๆเพราะเตียงอีกฝั่งมันเย็นไปหมด ตั้งแต่รู้ถูกมันจับมา ไม่มีสักวันที่ต้องนอนคนเดียว บางทีก็เหมือนชินกับที่ต้องมีมันนอนด้วยไปซะแล้ว เพราะแบบนั้นเมื่อคืนเลยนอนไม่ค่อยจะหลับ  ผมรู้สึกไม่ดีเอามากๆเพราะนอนไม่พอ ชีวิตมันเศร้าจริงๆ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะผมรักมัน คนรู้สึกมากกว่าเจ็บกว่าเสมอ ทั้งๆที่เรื่องเมื่อวานผมไม่ได้ผิดสักหน่อย ผมอาจจะโง่ แต่ทำไมไม่คิดจะถามผมบ้างว่าทำไมผมถึงเข้าไปในกรงบ้าๆนั่น แต่ช่างเถอะ ผมจะเรียกร้องเอาอะไรได้ล่ะ  เพราะแบบนี้ วันนี้ผมถึงตื่นแต่เช้า เช้ามากๆกว่าทุกวัน และหลบออกจากบ้านมาในช่วงที่คนเฝ้ายามหน้าประตูเปลี่ยนเวร แล้วขึ้นรถแท็กซี่ไปมหาลัยเองโดยที่ไม่รอพี่ธร ผมเบื่อ ผมไม่อยากยุ่งกับคนบ้านไอ้ทัพหน้าอีกแล้ว!



เดินเข้ามหาลัยด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวที่สุด ไม่รู้ว่าควรจะจัดการยังไงกับเรื่องของข้าวโพดดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมไม่เข้าใจว่ามันทำไปทำไม



“เฮ้ย มาเช้าจังวะไอ้เมล” 



ไอ้กุ๊กที่มาถึงก่อนใคร จริงๆรู้สึกเหมือนว่าอาชีพในฝันของมันน่าจะอยากเป็นยาม น้อยครั้งมากที่มันจะมาสาย กูนึกว่ามารอเปิดตึกให้ป้าแม่บ้านทำความสะอาด



“มึงมาแล้วหรอ”



“เปล่า นี่ไม่ใช่กู กูถอดจิตมา ถุย”  ตบมุกแบบถูกอกถูกใจแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากใหญ่โต อะ ถ้ามึงชอบใจก็แล้วแต่จ้า ขำแห้งๆไปให้มันแล้วทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะม้าหินตรงหน้าอาคารนั่นแหล่ะ ไอ้กุ๊กมองผมแบบไม่เข้าใจ



“เป็นไรมึงวะ หน้าตาไม่ดี”



“มึง...คือกูมีเรื่องอยากเล่าให้ฟัง”



“เรื่องอะไรวะ” 



เสียงเข้มๆที่ดังมาจากด้านหลังทำเอารู้สึกเสียวสันหลัง มองเห็นหน้าไอ้กุ๊กที่ถอนหายใจออกมาหนักแล้วแอบกรอกตาวนไปหนึ่งรอบถ้วนด้วย  ... ไอ้บินที่เดินเข้ามา วันนี้มันยังหล่อเหมือนเดิม แต่หน้าตามันดูจะเคร่งเครียดมากกว่าเดิมหน่อย



“พวกมึงมีเรื่องอะไรปิดบังถึงต้องมาบอกกันสองคน เดียวนี้มึงชักจะปิดบังกูมากไปแล้วนะเมล”  มันที่นั่งลงข้างผมแล้วว่าออกมาแบบนั้นด้วยเสียงเครียดๆ  ใจเย็นเด้อวัยรุ่น



“ไม่ใช่แบบนั้นนะเว่ย”



“งั้นทำไมมึงต้องเล่าให้แต่ไอ้กุ๊กฟัง”



“กูก็จะเล่าทุกคนนั่นแหล่ะ”



“หรอ ถ้ากูไม่เข้ามามึงจะพูดแบบนี้ไหมล่ะ ตั้งแต่ไอ้เรื่องพี่ทัพห่าอะไรนั่น”



“เค้าชื่อทัพหน้า”  ผมแก้ออกมาแบบนั้น แต่มันก็ยังคงจ้องผมเขม็ง ก่อนจะหันหน้าไปจ้องไอ้กุ๊กบ้าง

“มึงก็ด้วย แล้วเป็นห่าอะไรทำไมวันนี้ไม่ไปปลุกกู ทำไมมาม.เอง”



“ปกติกูก็มาเอง”  ไอ้กุ๊กที่ยักไหล่ใส่แบบไม่สนใจตอบออกมาแบบนั้น



“แต่ทุกวันพุธมึงจะต้องมาม.กับกู เป็นเชี่ยไรต้องหนีมาก่อน”



“ก็เปล่า ไม่ได้เป็นเหี้ยไร แต่มึงน่ะเป็นเหี้ยไรมาโวยวายใส่กูทำไมล่ะ Kวยติดกันหรอถึงต้องรอด้วยอ่ะ”



“ไอ้กุ๊ก!”



“อะ ใจเย็นๆนะวัยรุ่นฟังกูก่อนพวกเชี่ย เดี๋ยวผัวเมียแบบมึงค่อยไปทะเลาะกันต่อทีหลังจะได้ไหมอ่ะ”



“ผัวเมียพ่อง!”



“ผัวเมียพ่อง!”   



เกิดความสมัคสมานสามัคคีด่ากูแบบพร้อมใจกันไปอี๊กกก ได้แต่ทำหน้าตาแบบ แน๊ๆๆๆ ล้อพวกมันไป และแน่นอนว่าสิ่งที่ได้กลับมาก็คือนิ้วกลางจากไอ้กุ๊กกระแทกหน้ากูเต็มๆจ้า



“เออๆ พวกมันฟังกูก่อน กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง....” 



บอกพวกมันสองคนไปแบบนั้นก่อนที่ผมจะตั้งอกตั้งใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกมันฟังจนหมด พร้อมกับยกหลักฐานรูปถ่ายที่ผมแอบถ่ายเมื่อวานตอนที่ไอ้โพดอยู่กับพวกไอ้หน้าจิ้งเหลนออกมาให้ดูด้วย ภาพชัด แต่ไม่มีเสียง แต่ถึงแบบนั้นก็น่าจะชัดเจนว่ามันคืออะไร  ถ้าไม่จริง ไม่ใช่ แล้วคนแบบนี้จะมารู้จักกันกับไอ้โพดได้ยังไงจริงไหมล่ะ



“เฮ้ย พวกมึงประชุมอะไรกันอยู่วะ” 



เสียงอารมณ์ดีของไอ้อู๋ที่ดังมาก่อนตัว พอพวกเราหันไปก็เห็นมันกำลังเดินหน้ายิ้มแย้มเข้ามากับข้าวโพด ผมที่จ้องโพดอยู่นิ่งๆ มองเห็นมันที่ยังทำหน้าเขินๆอายๆมองมาที่พวกเราพร้อมรอยยิ้มน้อยๆน่ารักแบบเดิม ไม่ต่างจากวันแรกที่มันจะได้มาอยู่กลุ่มเดียวกับเรา พอมองมันแล้วก็ได้แต่คิดในใจเหมือนอย่างเดิมว่า คนแบบนี้หรอวะที่จะสั่งคนมาทำร้ายผม  แต่ถ้าไม่ใช่มันก็ไม่ได้อีกอ่ะ ถ้ามันไม่เกี่ยวมันจะโมโหไอ้หน้าจิ้งเหลนแบบนั้นทำไม ถ้าไม่ใช่ มันจะรู้จักกับไอ้หน้าจิ้งเหลนได้ยังไงจริงไหมล่ะ



“ทำไมพวกมึงหน้าเครียดกันจังวะ”



“ข้าวโพด ถามไรหน่อยดิ” 



ผมพูดออกไปแบบนั้น เมินคำถามของไอ้อู๋ทันที ข้าวโพดที่โดนผมเรียกชื่อมันก็มองมาพร้อมยิ้มน้อยๆ หน้าตาของมันที่ดูไม่รับรู้อะไรเลยด้วยซ้ำ



“อื้ม เมลจะถามไรหรอ แต่เดี๋ยวนะ วันนี้เราซื้อน้ำส้มมาฝากเมลกับบินกับกุ๊กด้วย เราให้อู๋ช่วยจอดรถซื้อตอนอู๋มารับอ่ะ” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นอย่างกระตือรือร้น พร้อมๆกับเอานิ้วดันกรอบแว่นแล้วยิ้มให้ผมในแบบที่มันชอบทำเสมอ ก่อนจะดึงถุงน้ำส้มคั้นยื่นมาให้ผม



‘พลัก!’



ถุงน้ำส้มถูกไอ้กุ๊กปัดตกพื้นทันที ผมที่เหวอไปเหมือนกัน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าไอ้กุ๊กมันเดินมาตอนไหน มองเห็นหน้าไอ้โพดที่ดูจะตกใจและเหวอมากๆ มันที่มองมาแบบเสียใจ



“คือ กุ๊ก...”



“เลิกตอแหลสักทีได้ไหมวะมึงน่ะ”



“เห้ยไอ้กุ๊ก มึงจะเกินไปแล้วนะเว่ย”  ไอ้อู๋เองก็เดินออกมากั้นข้าวโพดไว้เหมือนกันในตอนที่มันเห็นไอ้กุ๊กจะเดินเข้าใส่ข้าวโพดมัน ไอ้บินเองก็ดึงแขนไอ้กุ๊กไว้แน่นเหมือนกัน



“ใจเย็นไอ้กุ๊ก”  ได้ยินไอ้บินกระซิบบอกมันแบบนั้น แต่มันแค่สะบัดแขนออกจากมือของไอ้บิน ก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าด่าไอ้โพดต่อ



“มึงเลิกตอแหล ถอนหน้ากากเน่าๆของมึงออกซะที!” 



ไอ้กุ๊กที่ตะคอกออกมาเสียงดัง จนคนที่เดินเข้าเดินออกที่คณะของพวกเราเริ่มที่จะมองมาแบบสนใจมากขึ้นไปทุกที  เห็นแบบนี้ผมเองก็ไม่ค่อยสบายใจเลย มองไอ้โพดที่หน้าเสีย มันที่เหมือนจะร้องไห้ที่โดนไอ้กุ๊กด่าแรงแบบนั้น



“ไอ้กุ๊ก มากไปแล้วนะเว้ย มึงไม่ชอบโพดแต่มึงก็ไม่น่าจะด่าเค้าแรงแบบนี้นะเว้ย” 



ไอ้อู๋ที่ดูเหมือนจะเริ่มโกรธว่าไอ้กุ๊กออกมาบ้าง ผมได้แต่ถอนหายใจออกมากับภาพตรงหน้า รู้สึกปวดหัวตึบๆมากขึ้นไปอีก อาจเพราะนอนไม่พอแต่แรกแล้วต้องมาเจอเรื่องห่าเหวนี่อีก



“มึงนั่นแหล่ะมากไปไอ้อู๋ มึงจะไปปกป้องไอ้เวรตีสองหน้านี่ทำไมวะ มันน่ะที่ส่งคนมาทำร้ายไอ้เมล ถ้าพี่ทัพไม่ช่วยไว้มันจะรอดไหม!”



“ส่งคนทำร้ายอะไรวะ?”  ไอ้อู๋ที่หันไปมองข้าวโพด มันที่เบิกตากว้างๆอยู่ใต้กรอบแว่นของมัน และยิ่งมากขึ้นไปอีกตอนที่ไอ้กุ๊กหยิบมือถือผมมากดภาพที่ผมแอบถ่ายไว้ได้เมื่อวาน



“คนหน้าซื่อตาใสแต่ตบคนได้ชุดใหญ่เลยนะ มึงจะปฏิเสธไหมล่ะ ไอ้เมลมันจำหน้าคนที่ตั้งใจจะไปกระทืบมันได้ ก็คนที่คุยกับมึงอยู่ไม่ใช่หรือไง ไหนบอกซิว่าคืออะไร” 



ไอ้กุ๊กที่จ้องมันเขม็ง ข้าวโพดที่ทำแค่มองภาพนั้นอย่างตกใจ มันหลุบตาลงต่ำและเม้มปากแน่น



“ถ้ามันไม่ใช่ โพดก็พูดออกมาเถอะ พวกเราจะฟัง”  ไอ้บินมันว่าออกมาแบบนั้นบ้าง แต่โพดมันก็ยังเงียบ



“เหอะ ปฏิเสธไม่ออกน่ะสิ เลิกสักทีเถอะเรื่องตอแหลแบบนี้น่ะ  ไม่มีใครเค้าเชื่อมึงอีกหรอก”



“ถ้ามึงทำจริงๆ กูจะไม่ถือโทษอะไร แต่กูขอแค่ให้มึงออกไปจากชีวิตของกู อย่ามายุ่งอย่ามาให้พวกกูเห็นหน้าอีก และถ้ากูเคยไปทำให้มึงเจ็บใจอะไร กูขอโทษละกันนะ”  เป็นผมเองที่เลือกพูดออกมาแบบนั้น



“โพด พูดออกมาสิ บอกไปสิว่าโพดไม่ได้ทำ”  ไอ้อู๋ที่มองและเดินเข้าไปเขย่าแขนของไอ้โพดแบบนั้น มันที่กำลังมองโพดด้วยแววตาเสียใจ ผมว่ามันน่าจะผิดหวัง โพดที่ไม่ได้ตอบอะไรมันออกมาเลย ทำแค่พูดคำว่า 'ขอโทษนะ' ออกมาเบาๆ



“เหอะ”  ไอ้กุ๊กที่แค่นเสียงหัวเราะออกมาหน่อยๆตอนที่โพดมันพูดออกมาแบบนั้น ไอ้โพดที่กำลังจะเดินเลี่ยงออกไป



“เดี๋ยว! เอาของๆมึงไปด้วย!”



‘พลัก’



“โอ๊ย” 



ขวดน้ำส้มคั้นที่ถูกเขวี้ยงใส่หัวไอ้โพดมันอย่างแรงจากฝีมือของไอ้กุ๊ก แรงจนมันร้องเสียงหลงออกมา ผมมองเห็นมันที่ก้มลงเก็บขวดน้ำส้มที่ก่อนหน้านี้มันบอกว่ามันจะซื้อมาให้พวกเรา มันที่น้ำตาไหลเก็บขวดพวกนั้นที่ตกพื้นต่อไปเงียบๆ เห็นแบบนั้นแล้วผมรู้สึกไม่ดีเอามากๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตั้งท่าจะเดินไปช่วยมัน แต่ไอ้บินก็ดึงแขนผมไว้ก่อน มันที่ส่ายหน้าให้ผมหน่อยๆ แต่ผมเข้าใจนะ....ถ้าโพดเป็นคนสั่งคนพวกนั้นมาทำร้ายผมจริงๆ ผมเองก็ไม่ควรไปสงสารคนแบบนั้น



ไอ้โพดที่เก็บขวดน้ำส้มพวกนั้นเสร็จแล้วลุกตัวเดินออกไป ได้ยินเสียงดังหึ่งๆเหมือนผึ้งแตกรังซุบซิบดังไปหมด เห็นคนที่ชี้ชวนดูไอ้โพดด้วย ในตอนนั้นผมยิ่งทนไม่ไหว ถึงมันจะเลวแต่มันไม่ควรมาโดนแบบนี้



“มึงทำเกินไปนะเว้ยไอ้กุ๊ก! ยังไม่รู้ชัดสักหน่อย”



“กูไม่เกินไป มึงสิเกินไป มันสั่งฆ่าไอ้เมลนะ”



“ใช่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แม่ง!” 



ไอ้อู๋ที่ตะคอกออกมาแบบนั้นอย่างไม่พอใจ แล้ววิ่งตามหลังข้าวโพดออกไป ผมเห็นแบบนั้นแล้วได้แต่ถอนหายใจหนักๆ  จริงๆบางทีคำว่าเพื่อนมันก็ค้ำคอ ใจหายแปลกๆเหมือนกันที่คนที่เราเคยหยิบยื่นคำว่าเพื่อนให้ แต่เค้าดันถือมีดมาแทง แต่ถึงแบบนั้น....ในใจลึกๆมันก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า ครั้งนึงมันเคยเป็นคนที่ผมคิดว่าเป็นเพื่อน



“โง่ชิพหายไอ้ควายอู๋...ส่วนไอ้ห่านั่นก็สาระแนตอแหลนัก ดีแล้วไอ้เมล ต่อจากนี้จะได้ไม่มีหมามาขวางทางอีก”



“พอแล้วน่าไอ้กุ๊ก บ่นไรนักวะ”



“มึงก็ขัดอยู่ได้”



ไอ้กุ๊กที่ตั้งหน้าตั้งตาเถียงกับไอ้บินออกมาแบบนั้น ผมไม่ฟังพวกมันสองคนอีก ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว  จะไม่มีคนมาขวางทางอะไรอีกจริงๆน่ะหรอ .... ตอนกลางวันผมเห็นไอ้โพดอยู่ที่โรงอาหาร มันกลับไปนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบๆที่มุมนึง เห็นคนเบ้หน้าใส่มันเยอะอยู่ คิดว่าเสียงไอ้กุ๊กเมื่อเช้าคงดังน่าดูจนคนจับใจความได้  เสียงด่าและท่าทางที่ทำใส่มันเยอะเกินไปจนมันคงทนไม่ได้ ผมเห็นมันกินอะไรไปแค่สองสามคำแล้วลุกหนีออกไป เห็นแบบนั้นแล้วยิ่งสงสาร



วันนี้ทั้งวันเลยไม่เป็นอันเรียนอะไรเลยจริงๆ พอคาบบ่ายก็นอนฟุบปล่อยให้อาจารย์บ่นหน้าชั้นไปคนเดียว อีกอย่าง ผมทนเห็นไอ้โพดไปนั่งคนเดียวแอบๆตรงมุมๆนึงของห้องแล้วทุกคนก็พากันนั่งห่างๆมันแบบนั้นแล้วทนไม่ได้  แม่งเป็นการบูลลี่ในสังคมที่มากเกินไปจนผมต้องหลับตาหนี ... เพราะแบบนั้น วันนี้ที่เลิกเรียนออกมาเลยเบลอเกินกว่าจะนึกอะไรออก ... รวมถึงนึกไม่ออกด้วยว่าเมื่อเช้า ผมแอบหนีมามหาลัยเองคนเดียว และเพราะแบบนั้นตอนนี้ ... เลยต้องตัวชาวาบเมื่อมองเห็นมัสแตงสีแดงจอดขวางหน้าตึกพร้อมๆกับที่มีคนร่างสูงในชุดเสื้อเชิ๊ตเนียบๆสีฟ้าอ่อนๆที่ถูกปลดกระดุมไปหลายเม็ดใส่เข้าคู่มากับกางเกงแสลคสีดำและกำลังยืนไขว้ขาเต๊ะหล่อพิงรถอยู่ตอนนี้



‘อึก’



กูถึงกับเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอเลยทีเดียว  มันที่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ที่ถืออยู่แล้วจ้องหน้ามาที่ผมนิ่งๆ ก่อนจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋าแล้วเดินเข้ามาหาผมช้าๆ  ดวงตาคมที่จ้องมาที่หน้าผมโดยไม่ละสายตาไปไหน แค่หน้าของผม ก่อนที่สุดท้ายจะมาหยุดยืนตรงหน้าผม



“ดื้อจังวะ” สามคำที่หลุดออกมา



“ห๊ะ?”   เออ ห๊ะนี่แหล่ะ อะไรนะ?



“มึงมันดื้อ กลับได้แล้ว”



“ดะ...เดี๋ยว ใครบอกกูจะกลับกับมึง” 



กลั้นใจพูดออกไปแบบนั้น  จ้องตาสู้มัน โชคดีแค่ไหนที่ไอ้บินติดไปซ้อมบาสและลากไอ้กุ๊กไปด้วย ตอนนี้ถึงมีแค่ผม ไม่อยากจะคิดว่าถ้ามีไอ้บินแล้วไอ้ทัพมาบอกว่ากลับบ้านกูจะต้องตอบอะไรมัน



“อยากลองดี?”



“เหอะ”  ใช่สิ กูจะลองดีอ่ะจะทำไม  กอดอกแล้วเมินหน้าหนีแม่ง กูจะไม่สนใจมึงแล้ว มึงจะทำไ.....



“เหวอออ ทัพ!”  ผมที่แหกปากลั้นพร้อมๆกับเอื้อมมือไปคว้าคอมันไว้ได้ทันตอนที่อีกฝ่ายก้มลงอุ้มผมขึ้นมาจากพื้นแล้วออกเดิน เหยดแหม่!! มึงจะมาอุ้มกูแบบนี้ไม่ได้ไอ้บ้า!!!



“ดิ้นสิ มึงล่วงลงไปกลายเป็นปัญญาอ่อนแน่ แต่นะ ตอนนี้ก็ปัญญาอ่อนอยุ่แล้ว”



“โว้ย ไอ้บ้า นี่มันหน้าคณะนะโว้ย ปล่อย”



“แล้วไง ดังดีใช่ไหมล่ะ”  ว่าแบบนั้นพร้อมยกยิ้มมุมปากก้มลงมามองหน้าของผมแบบกวนประสาท ดังพ่อง!


.

.

.




“มึงแม่งโคตรกวนประสาท!”



“แล้วไง ใครมันกวนตีนก่อน ถึงบ้านก่อนเถอะ กูจะจับมึง...”



“จับกูให้ไอ้เชอร์รี่แดกอีกล่ะสิ เอาเลยๆให้มันแดกกูเลย!” 



ด้วยความรู้สึกน้อยใจจากเมื่อวานจนลามเป็นขุ่นมัวในวันนี้ มันเลยทำให้ผมปากกล้ามากขึ้นอีกเลเวล เชิดหน้าแหกปากเถียงมันเสียงดังคับรถไปหมด แต่ไอ้คนข้างตัวที่ตอนนี้กำลังจับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียวแบบเท่ห์ๆ มันที่ค่อยๆหันหน้ามามองหน้าผมช้าๆก่อนจะกระตุกยิ้มร้ายๆให้ผมเสียววาบไปทั่วช่องท้องตอนที่มันค่อยๆตอบออกมาช้าๆ



“เรื่องไรจะจับมึงให้ไอ้เชอร์รี่แดก เสียของ... กูจับมึงแดกเอง มันส์กว่าเยอะ เตรียมใจไว้ล่ะ หึ”



วอท เดอะ ฟาคคคคคคคคค!!!0[]0



-------------------------



ฮัลโหลลลลล สวัสดีจ้าาา แคทมาแล้วจ้าาา หวังว่าอ่านตอนนี้แล้วจะชอบกันนะคะ แคทอ่านคอมเม้นท์คนอ่านทุกคอมเม้นท์จริงๆค่ะ แต่ไม่ได้ตอบ ไม่ใช่ไม่อยากตอบนะคะ อยากมาก แต่ว่าบางคอมเม้นท์ถ้าตอบไปอาจรู้ทั้งเรื่อง เพราะฉะนั้นเราเลยต้องฮึบไว้ จริงๆอยากหวีดไปพร้อมๆคนอ่านมากๆ ขอบคุณคอมเม้นท์ทั้งยาวทั้งสั้นที่ส่งมาให้กำลังใจแคท ดีใจมากๆค่ะ ดีใจเสมอเวลาที่ได้อ่านคอมเม้นท์ที่คนอ่านมีอารมณ์ร่วมไปด้วยกัน หวังว่าตอนนี้จะถูกใจนะคะ

ปล.คุณไว้ใจนิยายไอ้ไรท์แคทบ้าๆนี่มากแค่ไหน เอิ๊วๆๆๆๆ  :hao6: :hao6:


ขอขอบคุณ คุณblove แคทเข้ามาอ่านคอมเม้นท์จากคุณแล้วดีใจเสมอเลยค่ะ ขอบคุณที่เปิดเข้ามาอ่านแล้วอินไปด้วยกันเสมอๆ ได้อ่านคอมเม้นท์จากคุณแล้วมีกำลังใจที่จะเขียนต่อเลย ขอบคุณจริงๆนะคะ ... ชอบในความแซะความปากแข็งพี่ทัพเค้า เราจะร่วมแซะไปด้วยกันนะคะ แต่แหม พี่เค้าบอกรำคาญไง อะๆ เชื่อเค้าหน่อยจ้าาา ส่วนเรื่องถ้าคบกันไปจะpassionไหม โถ่ น่าจะเป็นแบบใครหมดpassionก่อนมึงตายอะไรแบบนี้นะคะ 5555555 และวันนี้แคทมาลงแล้วน้าาา กลับมาอ่านอีกนะคะ :mew1:


ขอขอบคุณ คุณursleepingxd คุณยู เจ้าเก่าเจ้าเดิม ขอบคุณเสมอที่ยังไม่ทิ้งกันไป อยู่กับแคทมาทุกเรื่อง คอยเป็นกำลังใจดีๆให้แคททั้งในเม้นท์และในเพจตลอดเลย แคทขอบคุณมากจริงๆค่ะ ส่วนตอนที่แล้วไม่มีน้องหลง มาๆ ตอนนี้แคทจัดให้น้องมาแล้ว แง้ อย่าตีหนูน้าาา น้องมาแล้วจริงๆ (วิ่งงงงง) 55555  ขอโทษที่เอาลูกรักคุณอยู่ไปเจอความเสี่ยง เสี่ยงโดนขนี้ เอ้ย ขย้ำ 5555555


ขอขอบคุณ คุณกาแฟมั้ยฮะจ้าว   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ของแคทนะคะ แถมอ่านแล้วเม้นท์ให้ด้วย แคทหวังว่าจะชอบนะคะ ถ้ายังชอบกันอยู่ ตอนใหม่มาแล้ว มาอ่านอีกน้าาา :man1: :man1:




                         
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่11* {24.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 24-11-2018 19:54:55
“ดื้อจังวะ”  เป็นสามคำที่เน้นตัวหนาด้วยนะ แต่เรื่องนี้มีใครไม่ดื้อบ้าง อยากรู้จริงๆ 555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่11* {24.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 24-11-2018 19:57:56
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่11* {24.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-11-2018 20:50:03
แต่ละคนดื้อๆทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่11* {24.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-11-2018 22:01:49
ครอบครัวพีืทัพนี่ปากแข็งกันจ๊างงงงง
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่11* {24.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 25-11-2018 01:44:32
55555 เมลเอ๊ย! งานเข้าเพราะปากแท้ๆ จร้าา โอเคคคคคค นี่เตรียมใจรอเลย ตั้งตารอแล้ว สำรองเลือดไว้ด้วยไหม 555 //กำลังจะยกมือป๊าบไอ้พี่ทัพซักที สักแต่ด่าไม่ยอมฟังกันก่อน แต่พอเจอคำว่า "ดื้อจังวะ" เท่านั้นละ มืออ่อนเลยกู >.< เป็นซะแบบเนี้ย 55555 แล้วไหนจะง้อด้วยการมารับเขาเองอีก หู้ยยยจร้า รำคาญ รำคาญใจยิกๆละสิที่เขางอน หมั่นไส้คนหล่อวะ ทำไรไม่ได้ ฮ่าๆ //โอ้ยยยยยไอ้พี่เชอร์รี่ ไอ้บ้า แกมัน...แกจะทำให้ฉันหวีดแรง อร๊ายยยย ห่วงก็ห่วงอยู่หรอกนะ แต่ใจก็อยากให้หลงมาตะแง่วๆเมี้ยวๆในกรงไอ้พี่โหดอะ 5555 มาเล่นๆซนๆอ้อนๆ อีกตัวก็มองๆเขาแล้วยกยิ้มมุมปากงี้ กรี๊ดดดด ฉันหวีดคู่แก 55555 แต่ก่อนอื่นต้องไปทำความเข้าใจกับเจ้านายน้องก่อนนะ เมลมันคงไม่เข้าใจหรอกว่าไอ้ที่ฮึ่มแฮใส่นั้นเพราะอยากได้อีกตัว 5555 //แล้วก็นะ กุญแจ ตลกมาก ชอบตรรกะแดกแม่งทุกสถานการณ์ 5555 อห มองเห็นเลย ต่อไปเมลกับแจนี้คงกอดคอตบบ่าเรียกพี่รักน้องรักอะ แล้วพอถ้าสองคนนี้มองหน้ากันแล้วแสยะยิ้ม นี่ไม่อยากคิดถึงหายนะ พี่ธรกับไอ้พี่ทัพหน้า เจอป่วนแน่นอน 555555 //บินกุ๊กมีซัมติ้งป่าววะ เฮ้ยๆ *หลีตามอง* 55555 ส่วนอู๋กลัวโดนข้าวโพดหลอกใช้ ไม่ม้างงง เดี๋ยวได้โดนเด็กอ้วนแจด่าให้ 555  โพดแม่งเป็นคนยังไงวะ จะทำตัวน่าสงสารหรือจะร้ายเอาให้แน่ สับสนอีกละกู ฮ่าๆ //ว้อยยยย สนุกกกกกกกกก ทั้งยิ้มทั้งตลกและหมั่นไส้ หลายอารมณ์มาก มาอัพทียาวดีค่ะ ชอบบบบบบบบบบบ รอตอนต่อไปเลยนะคะ ไฟท์ติ้งค่ะ ฮึบ! ^^ รอไอ้พี่ทัพกินเมล อยากถูกแดกดีนักใช่ไหม หึหึ!! 555555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่11* {24.11.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 25-11-2018 11:57:40
น้องหลงมาแล้ววว ดีใจ น้อนนนนน เชอร์รีลองทำน้องสิ จะตีให้

ตอนนี้นอกจากน้องหลงแล้วยังชอบน้องแจด้วย เนี่ย เรามีคติประจำใจเหมือนกันเลย ชีวิตคือการกิน (ถึงแม้เราจะไม่น่ารักเท่าน้องแจก็ตาม  555555555555555555555555)

เพื่อนกุ๊กสู้ๆ ทำเพื่อเพื่อนเมลแทนเพื่อนโง่คนอื่นๆด้วย น้องกุ๊กคือความหวังหมู่บ้านนนนนน


 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่12* {01.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 01-12-2018 21:19:23
บทที่12
               





ในที่สุดรถมัสแตงสีแดงก็เลี้ยวเข้าจอดที่ลานจอดรถของคฤหาสของบ้านไอ้ทัพหน้า หรือเรียกอีกอย่างว่า ที่ๆมันเอาผมมาฆ่านั่นเอง หลังจากที่กูต้องนั่งเกร็งตะคริวกินตูดมาตลอดทาง งานนี้หล่ะ กูจะหนี กูจะวิ่งขึ้นห้องแล้วหนีเข้าห้องแล้วล็อคเหมือนวันก่อนเลยจ๊ะมึงคอยดู ... รถจอดสนิทปุ๊บกูนี่เข้าชาร์ตประตูรถแล้วตั้งท่าวิ่งลงเลย แต่ๆๆๆ กูลงไม่ได้แม่ง คนยิ่งรีบๆติดไรวะ! ...



“มึงดูลกๆนะ ถอดสายคาดเบลล์ก่อนสิวะไอ้โง่” 



ชัด! ชัดเลยว่าทำไมกูออกจากรถไม่ได้ ... เสียงที่ดังไม่ไกลจากริมหู ทำเอาสะดุ้ง ขนนี่ลุกพรึบพรับชูชันขึ้นมาทั่วทั้งตัว พอหันไปหาก็เกิดซีนจังหวะซิสคอมในซีรี่ย์อยู่ตรงหน้า ปลายจมูกของผมกับไอ้ทัพที่เชี่ยวกันเบาๆทำเอาให้รู้สึกร้อนหน้า และที่มากกว่านั้นก็คงจะเป็นจังหวะหัวใจที่เต้นไม่เบาเลยตอนที่ได้ยิน ...



“หึ”  เสียงหัวเราะในลำคอเบาๆของมันที่มาพร้อมรอยยกยิ้มที่มุมปากของมัน สายตาที่ไม่ได้เบือนไปทางไหน มันแค่จ้องนิ่งๆตรงมาที่ผมอยู่แบบนั้น



ตึกตักๆ



โอ๊ยแม่ง อย่าเต้นแรง เดี๋ยวใจกูพัง แรงขนาดนี้เด้งออกจากตัวกูไปเต้นแท็ปเลยไหมล่ะแหม



“เสร็จแล้ว” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะค่อยๆถอยตัวออกห่างจากผม ความรู้สึกที่ว่าสายคาดเบลค่อยๆคลายออกจากตัวแล้วไหลไปหยุดอยู่ในที่มันควรจะอยู่ รู้สึกมึนเมากับสายตาของอีกคนจนเบลอแปลกๆ ได้แต่นั่งกระพริบตาปริบๆตอนที่อีกฝ่ายลงจากรถไปแล้ว เวรเอ๊ย! ทำไมใจไม่เคยรักดี ใจไม่ด้านพอๆ ... อะ งานเพลงอริสมันต์ พงศ์เรืองรองก็มา ถามว่าเก่าแค่ไหนก็คือเก่ามาก แม่เปิดบ่อยในจุดๆนี้ ...



‘ก๊อกๆๆ’



เชี่ย ยังมีหน้ามาเคาะกระจกอีก



“ลงมา กูจะล็อครถ” 



แม่งเอ๊ย ถึงไม่ล็อคก็ไม่มีใครกล้าโดดกำแพงบ้านมึงเข้ามาขโมยหรอกจ้า กำแพงสูงยิ่งกว่ากำแพงคุกขนาดนี้ แถมเจ้าที่ก็แรงแบบนี้ใครจะกล้าวะ แต่ถึงแบบนั้นก็ทำใจกล้าๆค่อยๆเดินลงมาจากรถด้วยท่าทางหยิ่งๆ บอกไว้เลยว่า กูจะไม่กลัวมึงอีกแล้ว กูจะทำตามใจชอบแล้วด้วยคอยดู อยากจับตัวกูมาทำลายศักดิ์ศรีมากใช่ไหม ได้! … ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้คิดว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก แต่พอคิดจะหนี ไอ้บ้านี่ก็มารับที่มหาลัยทุกทีเหมือนแม่งรู้ทัน ขอบอกเลยว่านี่ไม่ได้อ่อน แต่ไอ้ทัพมันแค่รู้ทันก่อนเฉยๆเถอะ



“ทำหน้าให้มันดีๆ มึงจะเชิดคออะไรนักหนาวะ”



“เสือกไรด้วยล่ะ หน้ากูอ่ะ ยุ่ง!”  หันไปว่าคนที่เดินตามมาอยู่ข้างหลัง  มันที่ยังทำหน้านิ่งๆในแบบที่ชอบทำอยู่เหมือนเดิม มันไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่เดินเข้ามาใกล้แล้ว



‘พรึบ’



“น่ารำคาญ”



“โอ๊ย เจ็บนะเว่ยไอ้ทัพ ไอ้บ้า!”



แม่ง ผลักหน้ากูจนหงายไปข้างหลังเลย เกลียด ฝ่ามือก็ใหญ่อ่ะ ดันหน้าทั้งหน้ากูจนหงาย แม่ง แล้วไง ทำแบบนั้นเสร็จแล้วก็เดินนำหน้าเข้าไปโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของกูอีกเหมือนเดิม กวนส้นตีนที่สุดเลย ... เดินตามเข้าไปแต่หาอีกคนไม่เจอ เมื่อกี้เห็นหลังไวๆ ไปไหนวะ แต่ช่างเถอะ แบบนี้ดีเลย ผมจะขึ้นห้องแล้วล็อคแม่ง ยังไม่ลืมประโยคก่อนหน้าที่ขึ้นรถมาใหม่ๆได้นะบอกก่อน



เรื่องไรจะจับมึงให้ไอ้เชอร์รี่แดก เสียของ... กูจับมึงแดกเอง มันส์กว่าเยอะ เตรียมใจไว้ล่ะ หึ



แค่นึกถึงก็ร้อนหน้าไปหมด ไอ้บ้าเอ๊ย



“ไอ้เมล มึงจะไปไหน มานี่”  สะดุ้งสุดตัว ตอนที่ขาขวาก้าวขึ้นบันไดไปแล้ว  ค่อยๆหันหลังกลับมา ก็เห็นร่างสูงของอีกคนยืนกอดอกพิงกรอบประตูของห้องโถงกลางอยู่ตรงนั้น



“เอ่อ...ขึ้นห้อง”



“มานี่”  ยกยิ้มเหมือนรู้ทัน แล้วบอกกันออกมาแค่สองคำ ตั้งใจว่าจะหยิ่งไม่สนใจ



“บอกให้มานี่ มึงอย่าให้กูไปลากมาเองนะ มา!”  สะดุ้งอีกที เวนเอ๊ย ทำไมต้องเสียงดังแล้วจ้องหน้ามาเหมือนแม่งจะเดินเข้ามาตบด้วยวะ ... เพราะแบบนั้นเลยจำใจเดินเข้าไปหา ขี้บังคับ



“ทำหน้าให้มันดีๆ หน้างอแบบนี้มึงคิดว่าน่ารักมากไง”



“ยุ่ง”



“เดี๋ยวมึงนั่นแหล่ะจะยุ่ง มานี่!” 



ว่าแบบนั้นพร้อมกระชากแขนผมให้เข้าไปหาตัวมัน ก่อนที่วงแขนแกร่งจะวางแหม่ะลงมาบนคอของผม อีกคนที่กอดคอผมไว้พร้อมกระชับเข้ามาหาตัว แล้วพาผมเดินผ่านประตูไม้โอ๊คบานใหญ่เข้าไป ก่อนจะปิดประตู  ไม่เคยได้เข้ามาในห้องนี้ เพราะปกติก็เห็นมันปิดประตูเอาไว้เสมอ  พอเดินเข้ามาแล้วได้แต่แอบลอบกลืนน้ำลาย ห้องที่ประดับตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นแต่ยังมีกลิ่นไอของวัฒนธรรมอังกฤษที่เน้นไปในทางหรูหรา ที่บ่งบอกถึงความรวยได้เป็นอย่างดี  กลางห้องโล่งๆมีชุดโซฟาหลุยส์ตั้งตระหง่านเข้าคู่กับแชนเดอร์เลียร์แบบคลาสสิคและพรหมพื้นนุ่มนิ่มสีแดงเลือดหมูตัดทองลายหลุยส์ลองพื้นโต๊ะเข้าชุดอย่างหรูหราจนน่าขนลุก



“นั่ง”



“มึงมีอะไร”



“มี”



“มีอะไรเล่า ลีลา ถ้าไม่พูดกูจะออกไปนอนแล้ว”  ใช่ ข้ออ้างที่ดูเป็นไปได้มากๆ ก็คืออยากนอนในช่วงเวลา6โมงเย็นกำลังจะทุ่ม



“มึงก็ลองไปดูสิ”



“เออ ไปแน่!”  ลุกขึ้นจากโซฟาชุดหรูนี่แล้วหันหลังเดินก้าวฉับๆออกไป ตั้งใจจะเปิดประตูออกจากห้อง ถ้าไม่ติดตรงที่



“แง้ววว เหมียววว”
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่12* {01.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 01-12-2018 21:20:52
(ต่อจ้าาา)







“ไอ้หลง!”  หันหน้ากลับมาอย่างไว และพอหันไปก็ต้องตะลึงค้าง เมื่อไอ้หลงกำลังถูกไอ้ทัพหิ้วหลังคอไว้อีกแล้ว ไอ้บ้านี่!



“ปล่อยนะเว่ย ทำแบบนั้นมันเจ็บนะ”  ถลาเข้าไปหา แต่อีกฝ่ายก็ยกไอ้หลงหนี



“ถ้ามึงดื้อ กูจะเขวี้ยงไอ้สั้นนี่ให้ติดกระจกตายเลย”



“ไอ้...”



“ทำไม มึงอย่าคิดว่ากูไม่กล้านะไอ้เมล”  กดเสียงต่ำ พร้อมจ้องผมนิ่งๆ ได้แต่เม้มปากเข้าหากันแน่นๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งกอดอกบนโซฟาราคาแพงนี่อย่างโมโห



“มึงนี่มันดื้อจังวะ”



“ยุ่ง” 



หันไปว่าอีกคนที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆกัน แต่อีกคนเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำกับผม มันแค่ปล่อยไอ้หลงลงบนพื้น ซึ่งพอไอ้ตัวเล็กถูกปล่อยแบบนั้นแล้ว มันก็รีบกระโดดก้าวเหย่งๆมาหาทันที ไอ้ตัวเล็กที่ร้องแง้วๆ เอาขาหน้าของมันมาเขี่ยขาผมให้ช่วยอุ้มมันขึ้นไปหา



“หยุด อยู่ตรงนั้นแหล่ะมึง” 



ไอ้ทัพที่ชี้นิ้วสั่งมันทันที หัวกลมๆขาวๆกับตาโตๆของมันที่ช้อนตามองไอ้ทัพหน่อยๆ แต่มันก็เลือกที่จะนั่งแหม่ะลงตรงเท้าผมแล้วเอาตัวมาซุกๆเบียดๆ เห็นแบบนั้นเลยเอื้อมมือลงไปลูบหัวมันเบาๆให้มันไม่ต้องกลัว ไอ้ตัวเล็กที่เอาหัวมาถูๆมือผมแบบอ้อนๆ เห็นแล้วก็อดอมยิ้มกับความน่ารักน่าเอ็นดูของมันไม่ได้



“เหอะ”  ไอ้ตัวข้างๆนี่คือมีอะไรคาคอมึงหรออยากจะถาม



“แล้วมึงมีไร เรียกมาไม”



“มีแน่”



“ก็อะไรล่ะว.... เชี่ย!”



‘กรร’ 



ผมที่ร้องออกมาทันทีทั้งๆที่ยังพูดไม่จบประโยคดี จะไม่ให้แหกปากได้ยังไง ในเมื่อเสียงขู่คำรามต่ำๆที่ดังออกมาจากหลังผ้าม่านทำเอาขนลุกขนพอง แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่าเสียงของอะไร  ไอ้หลงที่ตกใจมากกระโดดขึ้นมานั่งซุกตักผมแบบขัดคำสั่งไอ้ทัพหน้าตาเฉย



“ไอ้สั้นมึงลงไปเลย” 



อีกฝ่ายที่เห็นแบบนั้นพยายามที่จะเอื้อมมือมาคว้าหลังคอมัน แต่เจ้าหนูนี่มันก็เบี่ยงตัวหลบ รวมถึงผมที่เอาตัวมาบังไอ้หลงไว้ด้วย



“อย่ามายุ่งนะเว้ย แล้วนี่คือเชี่ยไร กูจำได้ว่าคือเสียงไอ้เชอร์รี่”



หันไปตะคอกมันหน้าตาตื่น แววตาของผมสั่น มันไม่ใช่เรื่องที่จะไม่ตกใจ หลังจากที่เผชิญหน้ากับสิงโตเจ้าป่ามาแล้วสองรอบ ไม่มีรอบไหนประทับใจเลยไอ้บ้า นี่มันสิงโตนะเว้ย สิงโตเจ้าป่าจริงๆ สัตว์กินเนื้อที่พร้อมจะแดกเราเข้าไป ไอ้เชอร์รี่มันไม่ใช่ซิมบ้าในไลอ้อนคิงที่จะตะมุตะมิฮุฮิน่ารักไหมอ่ะ



“ก็ใช่ ไอ้เชอร์รี่ไง”  ว่าแบบนั้นออกมาชิลๆเหมือนเล่าให้กูฟังว่าวันนี้อากาศปลอดโปร่งดีนะจ๊ะ พ่อง!



“ไอ้ทัพ มึงจะหลอกกูมาฆ่าจริงๆหรอวะ กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้ฆ่าณราชาทำไมไม่ฟังกันบ้างวะ!” 



ตะคอกออกไปใส่หน้ามันแบบนั้นพร้อมๆกับอุ้มไอ้หลงไว้แนบอก ก่อนจะยกขาขึ้นมาวางไว้บนเก้าอี้หรูของมันด้วย จ้องตามันแบบอยากจะร้องไห้ ทำไมวะแม่ง ทำไมต้องพยายามจะฆ่ากันตลอดเวลาด้วย ....  ตะคอกออกไปแบบนั้น เห็นตาคมนิ่งๆของมันที่มองมาที่ผมดูวูบไหวไปแป๊บนึง ไม่เข้าใจว่ามันเป็นอะไร แต่ก็เลือกที่จะถดตัวถอยหนีมันให้ออกมาห่างๆ



“เป็นบ้าอะไร มานี่!”  มันที่ดูจะหงุดหงิดใช้มือแกร่งของมันจับเข้าที่ข้อเท้าของผม แล้วลากจะผมถลาหงายหลังเข้าไปหามัน



‘พรึบ’



“อ๊ะ!”  ได้แต่เบิกตากว้างขึ้นตอนที่อีกคนจับไอ้หลงโยนมันลงไปที่พื้นแล้วเจ้าตัวพลิกตัวมาคล่อมผมไว้แบบนี้



“จะอยู่ดีๆ หรือดิ้นแรงๆแล้วให้กูปล้ำมึงตรงนี้ เลือก”



“อะ..ไอ้”



“อะไร ไม่อยากเลือกใช่ไหม  ได้!” 



เสียงเข้มพร้อมดวงตาที่หรี่ลง ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะบดเบียดทาบทับลงมาที่ริมฝีปากของผมอย่างเอาแต่ใจ ได้แต่เม้มปากแน่นๆไว้ไม่ยอมให้ลิ้นชื้นแฉะของอีกฝ่ายสอดแทรกเข้ามาได้ แต่อีกฝ่ายคือใครล่ะ มันคือทัพหน้า ไอ้บ้าหน้านิ่งจอมหื่นไงเล่า! ฝ่ามือหนาที่วางลงมาที่เอวของผม ก่อนจะบีบเบาๆแล้วสอดเข้ามาที่ใต้เสื้อนักศึกษาเนื้อดีของผม ฝ่ามือร้อนๆที่ทำเอาสะดุ้งจนเผลอเปิดริมฝีปาก ลิ้นร้อนของอีกฝ่ายที่แทรกเข้ามาในจังหวะนั้น พอดีกับที่เผลอลืมตา มองเห็นร้อยยิ้มร้ายๆของอีกฝ่ายที่กำลังบอกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ



“อื้มม” 



ริมฝีปากร้อนที่ขบเม้มเบาๆ ก่อนจะกดดูดปลายลิ้นของผมจนรู้สึกขนลุกวาบไปจนถึงปลายเท้า ใบหน้าคมที่เอียงหน้าให้ได้องศาและไล่ต้อนกดจูบอย่างหิวกระหายต่อไปแบบคนเอาแต่ใจ จนเริ่มที่จะรู้สึกหมดลมหายใจจนต้องยกมือขึ้นไปทุบไหล่อีกฝ่ายแรงๆ อีกฝ่ายจึงค่อยๆผละหน้าออกมาอย่างอ้อยอิ่ง สายตาคมที่แฝงความร้อนแรงที่จ้องมารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังจะเผากันให้ตาย เห็นแบบนั้นแล้วได้แต่เสตาหนี เอียงหน้าหลบอีกฝ่ายเพราะมันร้อนๆหน้า เห็นมันแค่ยกยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะรู้สึกถึงความนิ่มอุ่นที่กดลงมาที่แก้มข้างขวาของตัวเอง ตกใจจนต้องหันไปมอง แต่อีกฝ่ายที่ก็ทำแค่ผละลุกออกไปนั่งดีๆ



“น่ารำคาญชะมัด”



“มึง...ก็น่ารำคาญเหมือนกันแหล่ะ”  เถียงมันออกมาเบาๆ รู้สึกร้อนๆวูบๆวาบๆที่หน้าคล้ายจะเป็นลม เมื่อกี้มันอะไรกันวะ สัมผัสอุ่นที่ข้างแก้มของผมน่ะ ...



“นอนอ่อยกูทำไม ลูกมึงดิ้นตายกับพื้นแล้ว ลุก” 



มันที่ว่าออกมาอีก ทำเอาสติกลับเข้าร่าง ผมที่เด้งตัวลุกขึ้นมาอย่างไว ตอนนี้ไม่กล้าที่จะมองหน้ามันเลยให้ตาย สุดท้ายเลยลุกจากเก้าอี้ลงไปทรุดตัวนั่งกับพื้นที่ตอนนี้มีไอ้หลงส่งเสียงแง้วๆอยู่ มันที่พยายามจะตพกุยขาโต๊ะด้วย



“กูอยู่นี่ มาแล้วๆ ร้องอะไรหื้ม” ถามมันแบบนั้นแล้วเอามือลูบหัวลูบห้างเจ้าตัวเล็ก มันที่เห็นผมลุกจากเก้าอี้ไปหามันที่นอนดิ้นอยู่กลางห้องก็รีบวิ่งเข้ามาหา ลิ้นเล็กๆที่แลบออกมาเลียนิ้วผมอย่างรักใคร่ มันน่ารักจริงๆนะเนี่ย



“เห้ยๆ เกินไปไอ้สัดสั้น แล้วมึงนะไอ้เมลให้แม่งเลียอยู่ได้ น้ำลายแมว อี๋ สกปรก” เสียงนรกดังมาอีกแล้ว



“น้ำลายมึงสกปรกกว่าอีกเถอะ”  บ่นออกมาเบาๆ ไม่ได้ตั้งใจให้มันได้ยินหรอก



“หรอ แต่กูก็เห็นมึงดูด ดื่ม อยู่นี่”



“เชี่ย”  หันหน้าไปมองทันทีพร้อมๆกับสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าเอวของตัวเองถูกโอบไว้ อีกฝ่ายที่เดินมานั่งซ้อนหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้ววันนี้เป็นผีอะไร แว๊บไปแว๊บมา วอแวอยู่ใกล้กูจัง ออกไปไม่อยากใกล้มึ๊ง



“ปะ...ปล่อย”



“กูจะจับจะกอดยังไงมันก็เรื่องของกู อย่ามายุ่ง”



“ไอ้บ้า แต่นี่มันตัวกู ปล่อยเว้ย!”



“มึงนั่นแหล่ะปล่อย ปล่อยมือจากไอ้สั้นนี่ได้แล้ว” 



ไม่ว่าเปล่า ฝ่ามือแข็งแรงนี่ยังเอื้อมมาดึงมือผมให้ปล่อยออกจากไอ้หลงอีก ก่อนที่ผมจะถูกดึงตัวให้ลุกขึ้นยืนทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ยังคงกอดเอวซ้อนหลังผมอยู่แบบนี้  ขายาวๆของทัพหน้าที่ยื่นออกไปเขี่ยไอ้หลงให้กระเด็นออกไปไกลๆจากตัวผม  เจ้าตัวเล็กที่กระเด็นไปไกลจนถึงผนังแถวผ้าม่านร้องลั่นทันที



“เมี้ยวว แง้วว”  อยากจะหันไปด่าที่มันทำแบบนั้น แต่กลับทำไม่ได้สักอย่าง จะให้ทำยังไงในเมื่อตอนนี้รู้สึกหายใจติดขัดมากขึ้นไปอีก เมื่อลมหายใจร้อนๆของคนด้านหลังเป่ารดลงมาเบาๆที่ต้นคอกันอยู่แบบนี้



“ปะ...ปล่...”



“ชู่วว ดูนู่น” 



เสียงเข้มทุ้มที่ไม่มีแววเล่นๆอีกต่อไป ทำให้ผมจำใจเลิกเถียงและทำแค่มองตรงไปที่กำแพงที่มีผนังผ้าม่านกั้นอยู่ตามที่อีกฝ่ายบอก แค่ชั่วพริบตาเดียว ผ้าม่านผืนหนาสีแดงที่เคยปิดทึบตรงผนังตรงหน้าก็ถูกกระชากออกลงมาทั้งแถบ ภาพตรงหน้าคือภาพของกระจกใสที่เป็นบานเลื่อนปิดเปิดได้อัตโนมัติ หลังบานกระจกเป็นห้องที่มองออกไปมีต้นไม้หนาทึบ มองดูแล้วคุ้นๆจนหวั่นใจแปลกๆ และก่อนที่คิดออก ก็ต้องเผลอตัวสั่นมากขึ้นไปอีก เมื่อสัตว์สี่เท้าหน้าขนค่อยๆก้าวเท้าเยื้องย่างออกมาอย่างสง่างาม  ... ชัดเลย!



‘โฮกกก’



‘เมี๊ยววว’



ไอ้หลงที่ได้นอนอยู่แถวนั้นหลังถูกเขี่ยจนกระเด็นหันหัวเล็กๆของมันไปมอง ก่อนที่ดวงตากลมโตของเจ้าลูกแมวน้อยจะเบิกกว้างขึ้น และร้องเสียงเล็กดังลั่น



“ไอ้ทัพ! นั่น ไม่ๆ อย่า!”



และเป็นเสียงของผมที่ตามมา เมื่อเห็นไอ้เชอร์รี่เดินเข้าไปใกล้ไอ้หลงที่ผองขนตัวสั่นอยู่ มันที่กำลังจะวิ่งปรู๊ดตรงมาหาผม แต่กลับถูกงับ! แววตาร้ายกาจของสัตว์สีเท้าที่มองร่างขาวๆนั่นเหมือนหิวกระหาย และ ... แดกไอ้หลงไปแล้ว!!



“อย่ากินแมวกู!”  ผมที่ได้พยายามจะดิ้นออกไป แต่ก็ติดวงแขนแกร่งที่โอบเอวผมไว้ ทำให้หนีไปไหนไม่ได้ มันไม่ยอมปล่อยให้หนีออกจากอ้อมแขนของมันได้  ผมรู้สึกตาร้อนผ่าวเมื่อเห็นหัวของไอ้หลงที่หายเข้าไปในปากของไอ้รี่



“ฮึก หลง”  ผมที่พูดออกมาเสียงอ่อย รู้สึกผิดที่ช่วยอะไรมันไม่ได้ รู้สึกเสียใจที่ไอ้หลงต้องถูกทำร้าย มึงมันเลือดเย็นไอ้หน้าเหี้ย!



“ชู่วว มึงร้องทำไม ดูนั่น”  เสียงเข้มที่ว่าออกมาแผ่วๆแต่จริงจัง นิ้วยาวของอีกฝ่ายที่ชี้ไปที่สิงโตเจ้าป่าเพศผู้วัยหนุ่มที่ค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ ผมที่พยายามถอยหลังหนี แต่ก็ติดที่อีกฝ่ายไม่ยอมขยับ



‘พรึบ’



‘มะ...เมี้ยววว’



ไอ้หลงที่ร่างลงมาจากปากของไอ้เชอร์รี่ มันที่ดูจะมึนๆงงๆ มองหน้าไอ้รี่ตาแป๋ว ก่อนจะต้องหลับตาลงอีกครั้ง เมื่อลิ้นร้อนของสัตว์ตัวใหญ่แลบลิ้นออกมาเลียมันไปทั้งตัว



“แง้วววว เมี้ยววว”  ไอ้หลงที่เหมือนพึ่งได้สติ พองขนจะสู้อีกครั้ง แต่กลับวิ่งหน้าตั้งมาทางผมแล้วโดดขึ้นไปนั่งที่โซฟาหรูที่อยู่ห่างจากไอ้รี่มากที่สุด



“หึ ... แค่นี่ก็กลัว สิงโตกูมันเลือกกินน่า มันไม่กินไอ้สั้นมึงหรอก สกปรก”



“มึงเลิกว่าแมวกูนะไอ้บ้า! แล้วก็ปล่อยกูด้วย กูกลัว ไอ้ควาย!” 



หันหน้าไปด่ามันเต็มเสียง ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนกลั่นแกล้ง และอยากเป็นลมตายเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า สิงโตเจ้าป่าที่ยืนสง่าจังก้าอยู่ตรงหน้าผม ถึงแม้เจ้าของมันจะยืนกอดเอวซ้อนหลังผมอยู่ตอนนี้ก็เถอะ แต่จะเอาอะไรแน่นอนกับสัตว์วะ เกิดมันหิวยกขาหน้าขึ้นมาจะฆ่าผมอีกล่ะ  ภาพยังติดตามาถึงตอนนี้



“หึ อ่อน”



“เอออ ใครมันจะแข็งเหมือนมึงไอ้โรคจิต”



“ก็ไม่ปฏิเสธนะ กูก็แข็งตลอด”  กดเสียงต่ำ ก่อนจะรู้สึกว่าบางอย่างกำลังดุนดันอยู่ที่ก้นผมตอนนี้จนต้องสะดุ้งตาเหลือก



“อะ ไอ้บ้า มึงแม่ง”



“ชู่ว นิ่งๆน่าอย่าดิ้น...หรือมึงอยากถูกจับเยต่อหน้าไอ้รี่ไอ้หลง เลือก!” ว่าดุๆพร้อมกับให้กูเลือก กูเลิกดิ้นทันทีในตอนนี้ สภาพบัดซบที่สุดในโลกนี้คือกูเอง เสื้อผ้าหลุดลุ่ยแถมน้ำตายังคลอๆเหงื่อก็ออก ยับเยินชิพหาย



“ดี แล้วฟังกู”



“กูไม่ได้แกล้งมึง แต่แค่เห็นว่ามึงกับไอ้แมวสมองน้อยของมึงขยันวอแวกับกรงสิงโตกูดีจัง กูเลยจะสอนให้...”



“ห๊ะ...สอน?”



“อืม เพราะกูไม่ได้อยู่ตามช่วยมึงจากไอ้เชอร์รี่มันได้ทุกครั้งหรอกนะ”



“สอน อะไรวะ?”



“วิธีการเอาตัวรอดจากไอ้เชอร์รี่”



“ห๊ะ”



“เลิกห๊ะเลิกโฮะเป็นไอ้โง่สักที นั่น มองหน้ามัน”



“มึงจะบ้าหรอ!”  กูหันหน้าไปแหวใส่เลย สัตว์เลี้ยงมึงก็ไม่ต่างจากมึงหรอก แค่มองก็เหมือนกำลังจะถูกจับแดก ใครจะกล้าไปมองหน้าแม่ง



“มอง ไอ้เมลอย่าให้พูดซ้ำ”  และไม่มีการพูดซ้ำแบบที่มันว่า เมื่อฝ่ามือหนาเอื้อมมากำรอบหน้าของผมบังคับให้หันไปจ้องตรงๆกับสิ่งมีชีวิตตรงหน้า ทันทีที่ตามองตา ไอ้รี่ก็จิกตาใส่เลยทันที  ดวงตาคมใหญ่ของสัตว์ตรงหน้าแข็งทมึนขึ้นมาทันที มันที่มองมาที่ผมเหมือนกำลังเคลือบแคลงสงสัยในตัวผมจนผมเผลอตัวสั่น



“อย่าไปกลัวมัน มองจ้องตากับมันนิ่งๆ ทำให้มันรู้ว่ามึงคือใคร”  แล้วกูคือใครวะ?



“มองให้มันรู้ว่ามันจะขัดมึงไม่ได้ มึงคือคนที่เป็นใหญ่กว่ามัน” 



เสียงเข้มที่ยังคงบอกผมต่อไป และไม่ยอมให้ผมหนี  สุดท้ายเลยหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง เอาไงเอากันวะ ... ผมที่มองตรงไปที่ดวงตาคมของสัตว์ตรงหน้า มองนิ่งๆแล้วบอกมันในใจว่ากูไม่กลัวมึงหรอก อย่ามาบังอาจแดกกูอีก! ถ้ามึงบังอาจอีก กูจะให้ไอ้หลงแดกมึงคืน!!  ... สายตาของไอ้เชอร์รี่ที่แข็งกร้าวในตอนแรกค่อยๆเปลี่ยนไปนิดหน่อย มันที่เอียงหัวมองผมแล้วมองกลับมาที่ทัพหน้า ร่างสูงที่ยืนซ้อนหลังผมพยักหน้าลงนิดหน่อยไอ้เชอร์รี่ก็ร้องออกมาจนผมใจเตลิด  แดก จะแดกกูหรอ!



‘โฮกกก’



แต่เปล่า ไอ้เชอร์รี่ที่แค่ทิ้งตัวทรุดตัวนั่งลงตรงหน้าของผมนิ่งๆ หันหน้าไปมองไอ้ทัพหน้าแบบไม่เข้าใจ เห็นอีกฝ่ายที่ยกยิ้มมุมปากพอใจอยู่ในตอนนี้



“เอาล่ะ ทีนี้มึงก็ลูบหัวมันได้แล้ว”



“ห๊ะ!”



“ไป อย่าโง่”  ว่าแบบนั้นก่อนจะผละตัวออกจากผม แล้วดันหลังผมแรงๆจนผมถลาไปข้างหน้าเกือบจะเหยียบหัวไอ้เชอร์รี่แล้วแม่ง ดีนะกูเบรคทัน



“ลูบสิ มันไม่แดกมึงหรอกตอนนี้”



กอดอกสั่งกูเก่ง หันไปมองค้อนมัน แต่ก็ค่อยๆทรุดตัวลงนั่งก่อนจะค่อยๆยื่นมือออกไปหามันช้าๆ  ไอ้เชอร์รี่ที่หายใจฟืดฟาดแบบไม่สบอารมณ์เท่าไหร่แต่มันก็ยอมอยู่นิ่งให้ผมลูบหัว  พอลองลูบไปทีแล้วรู้สึกแปลกมากๆ เหมือนได้รับความสบายใจ อาจเป็นเพราะขนนิ่มๆเหมือนไหมเนื้อดีแบบนี้หรือเปล่ากูไม่รู้ ก้มมองหน้าไอ้รี่ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นหลับตาพริ้มปล่อยให้ผมลูบขนลูบหัวไปแบบชิลๆ มองตอนนี้ก็ไม่เห็นเค้าของสิงโตเจ้าป่า ไอ้บ้านี่มันแมวตัวโตสินะ เห็นแบบนี้แล้วเผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ เงยหน้าขึ้นไปหาไอ้ทัพหน้าที่ยืนกอดอกมองผมอยู่แบบนิ่งๆ ผมที่ยิ้มกว้างส่งไปให้มัน อีกฝ่ายที่ชะงักหน่อยๆก่อนจะรีบหมุนตัวเดินหนีไปที่โซฟา เป็นห่าอะไรอีกอ่ะ



‘พรึบ’



“เห้ยยยย” 



ผมแหกปากทันที เมื่อไอ้หลงถลาแหมาะมาเกาะอยู่ที่ไหล่ผมในตอนนี้ ดูก็รู้ว่าถูกไอ้ทัพโยนมาอีกแล้ว ไอ้ชั่ว!  ตั้งใจจะหันไปด่า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อไอ้เชอร์รี่ที่นอนให้ผมลูบหัวลูบหางอยู่ดีๆก็ทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นมาทันที สายตาคมเหยี่ยวแบบผู้ล่ามองตรงมาที่ไอ้ลูกแมวที่ตอนนี้เกาะไหล่ผมเหมือนปลิงแถมยังเอาหัวมุดหลบสายตาไอ้รี่ไปอีก



“หยุด! มึงห้ามแดกแมวกู” 



มองไอ้รี่ไอ้หลงสลับกันไปมา ก่อนจะหันไปจ้องตาดุๆใส่ไอ้รี่พร้อมบอกมันเสียงแข็ง ไอ้รี่ที่เบี่ยงหน้ามามองตาผมหน่อยๆ รู้สึกเหมือนมันพยักหัวให้ กูนี่เบิกตากว้างเลย เดี๋ยวๆ กูตาฝาดไหมวะยังไง



“เอาแมวออกจากหลังมึงได้แล้วไอ้เมล ไอ้รี่มันไม่แดกไอ้สั้นหรอก” 



หันไปมองหน้ามันหน่อยๆ แต่ทัพหน้าที่กำลังนั่งไขว่ห้างมองมาที่ผมแบบกดดัน สายตาที่บอกว่า ถ้าไม่เอาไอ้หลงลงจากไหล่ มันจะลุกมาจัดการเอง ก็ทำให้ผมค่อยๆแงะไอ้ตัวจ้อยนี่ออกมาจากหลัง ไอ้ตัวเล็กที่ดิ้นไปมาพร้อมร้องเสียงแง้วๆ ขาสี่ขาของมันที่ตะกุยพยายามจะเข้ามาหาผม มองแล้วน่าสงสารหน่อยๆ แต่สุดท้ายก็จำไจวางมันลงตรงพื้น พร้อมลูบหัวปลอบเบาๆ



“ไอ้รี่ไม่กินมึงหรอก”  มั้ง  กูนี่มั้งอยู่ในใจเบาๆเลย แต่คิดว่างั้นนะ ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกวางใจได้ก็ไม่รู้  และทันทีที่ผมดันเจ้าตัวเล็กออกไปข้างหน้าหน่อยๆ ไอ้รี่ก็ตรงมาคาบแมวกูไปต่อหน้าต่อตา



“เห้ยๆ!”   ได้แต่อ้าปากค้าง พร้อมชี้มือตามหลังไอ้สิงโตตัวใหญ่ที่คาบไอ้หลงที่ดิ้นแง้วๆร้องเสียงหลงไปที่ห้องกระจก แล้วเดินหายไปจากสายตา



“หึ มึงน่ะมานี่ มันไม่กินลูกมึงหรอก”



“มึงจะแน่ใจได้ไงไอ้บ้า!”



“มันไม่กินลูกมึงหรอก แต่กูนี่ที่จะกินมึง



“ห๊ะ!”



.

.

.





รู้สึกเหมือนยังไม่ทันได้อ้าปากร้องขัดขืนอะไร อยู่ๆก็ถูกทิ้งตัวลงมานอนที่กลางเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  อาจเป็นเพราะมัวเมากับรสจูบตอนที่ถูกมันจูบและอุ้มตัวผมเดินขึ้นมาที่ชั้นสองหรือเปล่า ที่ทำให้ผมไม่รู้ตัวได้มากขนาดนี้



“อ๊ะ” 



ผมร้องออกมาตอนที่แผนหลังแนบลงกับเตียงนอนนุ่มๆและเสื้อของผมที่ถูกมันปลดถอดทิ้งไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ริมฝีปากอุ่นๆของมันที่ก้มลงมาครอบครองอยู่ที่หัวนมของผมอย่างเป็นเจ้าของ สมองเบลอๆที่ทำได้แค่แอ่นอกตอบรับมันอยู่แบบนี้ มืออีกข้างของมันที่เลื่อนไปขยี้หัวนมอีกข้างอย่างกลัวจะเสียเปรียบ



“อ๊ะ อื้อออ”



“อย่าดื้อกับกูอีก”



“อื้อ กู...ป...เปล่า” 



เถียงออกไปแบบนั้นถึงแม้ตอนนี้กำลังจะรู้สึกใจขาด เมื่อทัพหน้าลากปลายลิ้นตวัดเลียไปมาที่ยอดอกสวยก่อนดูดดุนแรงๆจนร่างสั่นสะท้านด้วยความเสียว ก่อนจะลากปลายลิ้นตวัดเลียเบาๆและดูดเม้มหนักๆจนเกิดรอยแดง พรมจูบไปตามหน้าอก รอยแดงช้ำก่อนหน้านี้ที่เคยมีถูกสร้างรอยใหม่ไปตามแนวลำคอและแผ่นอกขาว ข้อมือหนาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้และกดลงเตียงไม่ให้อีกคนขัดขืน ลากปลายลิ้นไปที่ยอดอกแข็งชัน กดจูบย้ำๆก่อนลากลิ้นเลียและดูดเม้มอย่างแรงจนเกิดเสียงดังอีกครั้งนึง



“กล้าดียังไงหนีกูไปมหาลัยเอง แล้วยังไม่ให้กูเข้าห้องนอนอีก นี่มันบ้านใครกันแน่ มึงจะดื้อไปแล้วนะไอ้เมล”



“อึก อื้อออ”   



ร้องเสียงหลงเมื่อเข่าแกร่งทิ้งน้ำหนักลงบนแกนกายพอดีมือแล้วบดขยี้เบาๆ ปรือตามองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังสนุกอยู่กับการกลั่นแกล้ง มือหนาที่เกี่ยวรั้งกางเกงของผมลงไป รวมถึงเอื้อมมือไปดึงรั้งกางเกงตัวเองให้ลงไปที่หน้าขาแล้วคว้าแกนกายใหญ่ที่เริ่มแข็งตัวขึ้นมารูดรั้งเบาๆ



“อย่าดื้อกับกูอีกจำเอาไว้”  จับแกนกายใหญ่ที่ขยายตัวเต็มที่พร้อมใช้งานจ่อที่ช่องทางรัก ถ่มน้ำลายรดบนส่วนปลายของแกนกายใหญ่ก่อนจะชโลมมันให้ทั่วลำกาย แล้วกดส่วนหัวเข้าไปในช่องทางรักแล้วดันแกนกายพรวดเดียวเข้าไปจนสุด ได้แต่สะดุ้งเฮือก เบิกตากว้างแล้วร้องเสียงดังด้วยความจุกเสียด



“ทะ...ทัพ!”



“อืมมม ซี๊ดด”  คนร่างสูงที่ไม่ได้สนใจเสียงร้องของผม มันที่ขยับเอวดึงกายออกช้าๆ และก้มมองแกนกายที่ถอนตัวออกมาจนเกือบหลุดแล้วกระแทกเข้าไปใหม่จนสุด เสียงเนื้อที่กระทบกันดังลั่นไปทั่วห้องนอน ทัพหน้าดึงกายออกแล้วกระแทกกลับเข้าไปอีกครั้งจนผมได้แต่เงยหน้าสะบัดไปมาอย่างทรมารและปั่นป่วนไปหมด



“อึก อะ มัน...มันจุก อื้ออ ทัพ”



“ดี มึงจุกแต่กูเสียว”



“อ๊ะ อื้อออ ทั...ทัพ”



“พี่ทัพ เรียกกูว่าพี่ทัพ”   



ใบหน้าหล่อที่ก้มลงมองจ้องตากันนิ่งๆ น้ำเสียงเข้มที่พูดออกมาไม่ดังมากแต่กลับทำเอาใจกระตุก ทัพหน้าที่เลื่อนมือไปจับที่ข้อพับแขนแล้ว รั้งร่างบางให้เข้ามาแนบชิดมากขึ้นก่อนขยับเอวถี่รัว กระแทกเน้นๆจนได้แต่ร้องลั่นแทบไม่เป็นภาษา ขาเรียวสั่นระรัว



“อึก อ๊ะ พะ...พี่ทัพ อื้อออ”



“ซี๊ดด ตอดดีจังวะ อ่า”   



ทัพหน้าที่ยกยิ้มร้ายๆตอนที่ผมพูดออกมาแบบนั้น ก่อนจะครางเสียงกระเส่าออกมา ยกยิ้มอีกครั้งก่อนจะกระแทกแกนกายเข้ามารัวแรงจนได้แต่อ้าปากครางเสียงหลงฟังแทบจับใจความไม่ได้ แกนกายใหญ่กระแทกเข้าจุดเน้นๆจนพร้อมร่อนเอวควงสะโพกไปมาก่อนจะดึงกายออกขนเกือบหลุดแล้วกระแทกเข้าไปสุดแรง  ก่อนประกบจูบเบาๆแล้วแลกลิ้นซึ่งกันและกัน ผละจูบออกมาช้าๆแล้วก้มมองด้านล่างของตัวเองที่กำลังกระทำอย่างหนักหน่วงแล้วยิ้มร้ายๆออกมาอีกครั้ง มันทั้งจุก เสียด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันดีมากจริงๆ



เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังตั้บๆลั่นห้อง พร้อมเสียงใสที่ครางออกมาแทบไม่เหลือเสียง ทัพหน้าดันสะโพกเข้าไปจนสุดก่อนดึงออกแล้วเอื้อมมือไปรูดรั้งแกนกายให้เบาๆ จนสุดท้ายผมก็ปลดปล่อยความสุขทั้งหมดออกมา พร้อมๆกับอีกฝ่ายที่ครางเสียงทุ้มแล้วกระแทกแกนกายเข้าไปอีกสองสามครั้งอย่างหนักหน่วงแล้วปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้ามาที่ช่องทางด้านหลังของผม



ร่างสูงที่ทิ้งตัวลงมาทัพผมไว้ทั้งตัวหอบถี่ๆ ทั้งผมและคนบนร่างที่หอบหายใจสะท้อนออกมาดังไปทั่วห้อง ก่อนที่ผมจะรับรู้ว่าแกนกายที่ยังคงอยู่ที่ด้านหลังมันเริ่มแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง ได้แต่ปรือตาขึ้นมาอย่างหวั่นใจ  เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่าย ดึงตัวขึ้นมาจากหน้าอกของผม มันที่ยกยิ้มร้ายๆพร้อมกับยกฝ่ามือขึ้นไปเสยผมที่ชื้นเหงื่อของมันนิ่งๆ



“เด็กที่ดื้อกับกู อย่าหวังว่ามึงจะได้นอน”



“อ๊ะ อึก...ทัพ ไม่ อื้อออ”



“หึ”



...





เช้าวันใหม่ที่ไม่ไฉไลเท่าที่ควร ผมที่ลุกขึ้นมาจากเตียงนอนในสภาพเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มคลุมตัวก็เพียงแค่นั้น มองที่ฝั่งข้างๆตัว ยังคงมีร่างหนาๆของใครบางคนนอนแก้ผ้าโชว์ซิกแพ็คอยู่ตอนนี้



“หน้าไม่อาย” 



ว่าออกไปแบบนั้น แต่คิดว่ามันคงไม่รู้เพราะยังไม่ตื่น  แต่ถึงจะตื่นก็คิดว่าความหน้าด้านเป็นทุนเดิมของมันต้องมีมากโขอยู่จนไม่รู้สึกอะไรหรอก เลื่อนสายตาไปมองที่ผนังห้องนอนของมันบอกเวลา11โมง ... ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะกว่าจะผ่านเมื่อคืนนี้มาได้ กูนึกว่ากูซ้อมตาย ...



 ผมที่พยายามดึงแขนของคนข้างๆตัวให้ออกจากเอวอย่างเบาที่สุด แล้วค่อยๆลุกขึ้นนั่ง รู้สึกเจ็บร้าวไปจนถึงก้านสมอง ช่องทางด้านหลังรู้สึกแสบจากการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง



“ทำอะไรของมึง”



“เชี่ย” สะดุ้งตกใจเมื่อเสียงเข้มดังขึ้นข้างๆหู อีกแล้ว! รู้สึกขนลุกเกลียวไปหมด



“ตบปาก”  มันที่ว่าแบบนั้นหรี่ตามองผมอย่างไม่พอใจกับคำทักทายตอนเช้าของผม ก่อนจะยกมือขึ้นมาตบปากของผมจริงๆ



“เจ็บนะเว้ย”



“ปากหมา”  ว่ากูออกมาแบบนั้นแล้วเริ่มยกมือบิดขี้เกียจ โอ้โหหหหห อยากจะถามว่าในโลกนี้ยังมีใครที่ปากหมากว่ามึงได้อีกหรอทัพ โหๆๆๆกล้าว่า



“ทำมามองค้อนคิดว่าน่ารัก? ... ขัดตา”  ไม่ว่าเปล่าผลักหัวกูอีก มึงนี่มัน! ไอ้ไร้ซึ่งความอ่อนโยน



“ตื่นแล้วก็ลุก เดี๋ยวกูไปส่ง”



“ห๊ะ?”  เอียงหน้ามองมันที่ลุกขึ้นจากที่นอน เดินโทงเทงโตงเตงไปแบบไม่เชื่อหู เมื่อกี้กูหูฝาดไหม หรืออะไรนะ



“งงอะไรของมึง กูบอกว่าให้ไปอาบน้ำ”



“แล้ว?”



“ไปอาบน้ำ!!”   ทำหน้าหงุดหงิดใส่แบบไม่สบอารมณ์ พรางโยนผ้าเช็ดตัวมาใส่หัวผมแบบเต็มๆ กว่ากูจะมุดหัวออกจากผ้าได้ไอ้ทัพหน้าก็ไปไหนแล้วไม่รู้ แม่ง ไม่มีความอ่อนโยน ใจบาป



“อู้ยย”  ซี๊ดปากออกมาเบาๆตอนที่ลุกขึ้นจากที่นอน ต้องหยุดยืนนิ่งๆสักพักก่อนที่จะค่อยๆพาสารร่างตัวเองพันผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ ทำกับกูเหมือนกูเป็นตุ๊กตายาง ใส่เอาๆไม่คิดจะถนอมกูเลย



“ยื่นบ่นห่าไรอยู่ทำปากมุมมิบๆอยู่ได้ รำคาญสายตา”



“เห้ย!”  เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนพิงกรอบประตูห้องน้ำพันผ้าเช็ดตัวอยู่อย่างตกใจ คือกูก็คิดว่ามึงออกไปข้างนอกหรืออะไร



“เข้ามา ชักช้าจังวะ”  ว่าแบบนั้นพรางดึงมือผมให้เข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน



“มะ...ไม่ คือกู”



“ไปอาบน้ำ!”



‘ปัง’



ว่าแบบนั้น ก่อนจะดึงประตูห้องน้ำกดปิด ร่างสูงใหญ่ที่มองตรงมาที่ผมพร้อมยกยิ้มมุมปากแล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ ไอ้เหี้ยๆ ไม่ได้ๆ อย่าเข้ามานะเว้ย



“หึ”



...



(มีต่อจ้า)


หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่12* {01.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 01-12-2018 21:21:22


“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย เป็นอะไรของมึง”  คนข้างตัวที่กำลังขับรถด้วยตัวเอง(อีกแล้ว) มาส่งผมที่มหาลัยว่าออกมาแบบนั้น



“ก็มันเจ็บอ่ะ กูแทบจะฉีกขาเดิน ตอนเดินลงมาจากบ้านลูกน้องมึงก็มองกันเต็มเลย กูอายไอ้เชี่ยเอ๊ย”



“แค่นี้ทำมาเป็นอาย ทีเรื่องชั่วกว่านี้ไม่เห็นจะอาย” มันที่หักพวงมาลัยเลี้ยวรถเพื่อจะไปจอดที่คณะของผม พร้อมๆกับที่พูดออกมาแบบนั้น คำพูดของมันที่ทำให้ผมต้องชะงัก รู้สึกหน้าชาไปชั่วขณะ



คุณเคยเป็นไหม ถ้าบ้างครั้ง คุณรู้สึกว่าเรื่องราวมันกำลังจะดีขึ้น



แต่จริงๆเราแค่คิดไปเอง



ความรู้สึกเหมือนกำลังวิ่งๆบนภูเขาที่วิวสวยแล้วอยู่ๆก็ถูกผลักลงมาจากหน้าผาด้วยมือของคนที่เป็นคนจูงคุณขึ้นไปดูวิวบนเขา ตอนนี้ผมเองก็กำลังรู้สึกแบบนั้น เมื่อวานผมยังใจสั่นเต้นรัว เพราะแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า ตอนนี้มันดูแลผมมากขึ้น มันมารับและมันก็ง้อที่พูดไม่ดีกับผม มันให้ผมวุ่นวายกับสัตว์เลี้ยงสุดรักมัน ผมเองกำลังคิดว่ามันจะเป็นเรื่องดีๆ ...



แต่จริงๆมันก็เปล่า จริงๆแล้วทัพหน้าไม่เคยลืม ไม่เคยเลิกรู้สึกเลยว่าผมเป็นคนฆ่าเมียมัน



“เงียบทำเชี่ยไรล่ะ”  มันที่เข้าเกียร์เป็นตัวNแล้วหันมาถามผมแบบนั้น ได้แต่หลบตามันแล้วส่ายหน้าให้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นทีวีที่ถูกถอดปลั๊กและเครื่องกำลังช็อต



“ปะ...เปล่า กูไปนะ”



“เดี๋ยว”  ผมชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถ แล้วหยุดนิ่งรอฟัง



“เย็นนี้ธรจะมารับ” 



มันที่บอกออกมาแบบนั้นแล้วผมก็ทำแค่พยักหน้าหน่อยๆ  เผลอเงยหน้าขึ้นมามองหน้ามันนิดหน่อย อีกฝ่ายที่ขมวดคิ้วมองหน้าผมนิ่งๆ แต่เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดมันออกมา ผมเองก็ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว ทำแค่รีบร้อนลงไปจากรถแล้วหันหลังเดินหนีมาเร็วๆ  กลัว....กลัวว่าตัวเองจะเผลอร้องไห้ออกมา



“ทำไมไม่รู้จักชินสักทีวะไอ้เมล”  บอกตัวเองแบบนั้นแล้วกระพริบตาถี่ๆ



“พี่เมลลลลล จ๊ะเอ๋!”  ผมที่กำลังดราม่าสะดุ้งตกใจเต็มที่ เมื่อสิ่งมีชีวิตตัวกลมโดดมาขวางทางไว้



“ไอ้แจ”



“จ๋าจ๊ะ ทำไมหน้าซีดจังอ่ะพี่เมล แล้วไอ้รถแดงๆเมื่อกี้คุณมาก แจวิ่งตามรถมา เมื่อกี้แจอยู่ร้านขายหมูปิ้งอ่ะ”  ผมที่พูดออกมาเจื้อยแจ้วพลางชี้ไม้ชี้มือบอกผมแบบนั้น



“คือมึงวิ่งตามรถมาหรอ”  กูต้องกลืนน้ำตาลงไป ต้องเลิกเศร้าในใจก็เพราะไอ้เด็กตรงหน้านี่แหล่ะ คือมึงวิ่งตามรถไอ้ทัพที่ขับ90-100แม้ว่าจะขับในมหาลัยเนี่ยนะ



“ใช่แล้ว แจเก่งใช่ป๊ะ นี่เป็นนักวิ่งนะพี่เมลตอนม.ปลายอ่ะ”  ว่าแบบนั้นพรางยิ้มกว้างภูมิใจ



“ตัวขนาดนี้ไม่น่าจะวิ่งได้ไวอ่ะครับน้อง”  เสียงเข้มๆที่ทำให้ผมและไอ้แจต้องหันไปมอง ก่อนที่รอยยิ้มกว้างๆของไอ้แจจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อเห็นคนมาใหม่ที่กำลังเดินเข้ามา



“ไอ้อู๋”



“ไอ้ลุง”



“เห้ๆ เรียกใครลุงห๊ะไอ้อ้วน”   ไอ้อู๋ที่เดินเข้ามายืนข้างผม มันที่ยื่นมือไปผลักหน้าผากของไอ้แจทีนึง



“ไอ้ลุงงงง พี่เมลๆๆไอ้บ้านี่แกล้งแจอีกแล้ว”   ไอ้แจที่โวยวายออกมาแล้วก็เอาแขนมันมาเกาะผมไว้พรางฟ้องไปด้วย



“โห ไอ้อ่อน ไอ้เด็กขี้ฟ้อง”



“พอๆ มึงสองตัวเลิกเถียงกันได้ไหมวะ”



“ก็ดูลุงมันดิ”



“มึงดูไอ้อ้วนดิ เรียกกูลุงอยู่ได้ ฟิตปึ๊งปั๊งดึ๋งดั๋งแบบนี้อ่ะ”



“พอๆ กูจะเข้าคณะแล้ว  ไอ้แจมึงจะเข้าไหม หรือมึงจะกลับคณะมึง ว่าแต่มึงเรียนคณะไรวะ”



“แจเรียนอักษร แจขอเข้าไปนั่งกินหมูปิ้งนี่ก่อนได้เปล่า หิวอ่า”



“โหยตะกละตะกลามมูมมามไปอีก”



“ไอ้ลุง!”



“เอ้า พอ! ไปกันหมดนี่แหล่ะ ไปๆ” 



ผมที่ยืนอยู่ตรงกลางตัดสินใจลากแขนซ้ายขวาของไอ้แจและไอ้อู๋ให้เดินตามเข้ามาด้วยกัน กูเหนื่อยใจมาก มีเรื่องให้คิดเยอะแยะ แต่ไอ้สองตัวนี้ก็มาทำให้ปวดหัวเพิ่มไปอีก...พวกเราตัดสินใจนั่งโต๊ะไม้ใต้ตึกคณะเพื่อรอเพื่อนๆที่ยังมาไม่ถึง  ไอ้แจที่นั่งลงข้างๆผมและเริ่มต้นกินหมูปิ้งของมันทันที



“พี่เมลกินไหม”



“ไม...”



“กิน”  ไอ้อู๋ที่เสือกบทสนทนาขึ้นมาแบบนั้น พร้อมยื่นมือไปคว้าหมูปิ้งของไอ้แจขึ้นมากัดไม้นึง



“ไอ้ลุงงงงง หมูปิ้งแจอ่ะ เอาคืนมานะโว้ย ไอ้ไม่มีมารยาท”



“ให้กูอ้วกใส่หน้ามึงไหมอ่ะ กูกลืนไปแล้ว เอาหัวมึงมุดเข้าปากกูแล้วลากเศษหมูตามไรฟันกูคืนไปมะ แค่นี้ก็ต้องหวง”



“อี๋ คนสกปรก ไปไกลๆเลย ชิ่วๆ”



“มาไล่กูนะอ้วน นี่ถิ่นกูครับ เด็กอักษรจะเอาไง บวกได้นะ”



“ไม่อยากคุยกับคนแก่”



 ไอ้แจที่เบ้ปากใส่ไอ้อู๋แล้วกอดถุงหมู ที่ในนั้นมีอยู่อีก9ไม้ไว้แน่นแถมมองไอ้อู๋ตาขวาง ผมรู้ว่าไอ้อู๋ไม่ได้อยากกินหรอก จริงๆมันก็แค่กวนตีน เอาจริงๆไอ้แจมันน่ารักนะครับ แต่หน้าตาที่ดูเป็นคุณหนูของมันก็ค่อนข้างอ้อนตีนอยู่ ไม่แปลกใจที่ไอ้อู๋จะอยากกวนตีน ไอ้แจที่ทำปากมุมมับๆด่าไอ้อู๋เบาๆอยู่ข้างผมทำเอาไอ้อู๋ที่ถือหมูปิ้งที่มันกันไปคำเดียวถึงกับสายหัว ก่อนที่มันจะยื่นหมูปิ้งไปยัดปากไอ้เด็กข้างๆผมนี่ทั้งไม้



“อื้อออ ไอ้สัดลุง”



“ทำปากมุบมิบๆสาปแช่งกูอยู่ได้ แดกไปเลยไอ้อ้วน!”



“หึ้ย!”  มันที่มองไอ้อู๋แค้นๆ แต่ก็แดกหมูที่อยู่ในปากเคี้ยวมุบมับต่อไป ดูเป็นคนรักการกิน เหมือนชีวิตอยู่เพื่อกินจริงๆนะมันน่ะ



“ไอ้เมล เมื่อเช้ากูไปหาโพดมาด้วยว่ะ”  ไอ้อู๋ที่ละสายตาจากไอ้แจแล้วหันมาพูดกับผม ผมที่ชะงักไปนิดหน่อยตอนได้ยินชื่อข้าวโพด



“หรอ”



“อืม โพดน่าสงสารว่ะมึง ตาบวมไปหมด คนอื่นก็จ้องจะด่าจ้องจะว่าอย่างเดียว เหมือนแถวแขนโพดมีรอยทำร้ายด้วย”



“รอยทำร้าย?”



“เออสิวะ”



“ใครจะไปทำวะ” 



ผมเลิกคิ้วถามมันออกไปแบบนั้น ไม่ได้อยากเป็นห่วงโพดมันนะ แต่แค่คิดว่าคนแบบมันจะมีใครทำอะไรได้ด้วยหรอวะ  ผมไม่อยากสงสารมันเลย มันที่อยู่ดีๆก็ส่งลูกน้องจะมากระทืบผม มันใช่หรอวะ



“กูก็ไม่รู้ โพดไม่ยอมบอกอะไรกูเลย ไปถึงก็มีแต่ดันหลังไล่กูออกจากบ้านมา ลุกลี้ลุกลนแปลกๆ แต่น่าสงสารมากๆเลยว่ะ กูว่านะ โพดหรอวะจะเป็นคนทำ คนที่ซื่อๆนุ่มนิ่มแบบนั้นน่ะหรอ”



“แต่มึงก็เห็นหลักฐานไม่ใช่หรือไง ถ้ามันไม่ทำทำไมไม่พูด แล้วกูขอถามหน่อยไอ้อู๋ กูต้องสงสารโพดหรอวะ ทำไมกูต้องสงสารคนที่ส่งคนมาทำร้ายกูด้วยวะ” 



ผมเงยหน้าขึ้นไปจ้องตากับไอ้อู๋ มันที่พยายามจะอ้าปากออกรับแทนโพดในตอนนั้น แต่ก็ต้องหุบปากลงไปอีกครั้ง เพราะมันเองก็หาคำอะไรมาแก้ต่างให้อีกไม่ได้



“ขอแจเสือกหน่อย มีคนจะทำร้ายพี่เมลหรอ ใช่ที่ร้านพี่ดาบวันนั้นไหม”  ผมหันหน้าไปหาแล้วพยักหน้าให้หน่อยๆ



“อื้ม วันนั้นพี่ดาบโทรมากรี๊ดๆหวีดใหญ่เลยว่าพี่ทัพเท่มากๆ สู้มันส์หยดเลยใช่เปล่า แต่ว่านะพี่ดาบบอกว่า เห็นหน้าคนที่บงการล่ะแต่ยังไม่ได้โทรบอกพี่ทัพเลย”



“ห๊ะ! เห็นหรอ ได้ไง ยังไง”  ผมที่เบิกตากว้างๆมากขึ้นตอนที่ไอ้แจเล่าออกมาแบบนั้น



“อื้ม เห็นสิ พี่เมลพี่ดาบเป็นเจ้าของร้านนะ มันรู้มันเห็นทุกเรื่องแหล่ะ เรียกง่ายๆว่าขี้เสือก”  ไอ้แจยิ้มกว้างออกมาภูมิใจในพี่ชายคนที่สองของมัน



“เดี๋ยวแจ พี่ดาบเล่าอะไรให้ฟังอีก”



“รูปร่างหน้าตาคนบงการล่ะ ขอคร่าวๆ”  ไอ้อู๋ที่ดูจะตื่นตัวขึ้นมาหน่อย ลุกขึ้นมาดึงแขนไอ้แจให้รีบตอบคำถามมัน เหมือนน้องมันจะเจ็บจากแรงบีบแขนหน่อยๆถึงกับต้องขมวดคิ้ว



“แจไม่มีรูปเว่ย พี่ดาบบอกจะส่งให้พี่ทัพดู แต่บอกลักษณะมาว่า เป็นผู้ชาย สูงโปร่ง แต่งตัวมั่นๆเปรี้ยวๆเฉี่ยวๆ”



“ห๊ะ”  ผมขมวดคิ้วแน่นตอนที่พูดออกมาแบบนั้น ก็แม่งเล่นตรงกันข้ามกับลักษณะของไอ้โพดมากๆเลยนี่นา



“มึงเห็นไหมไอ้เมล กูบอกแล้วโพดไม่ได้ทำ กูว่าไม่ใช่โพดแน่ๆอ่ะ ... นี่ไอ้อ้วน พี่ดาบพี่แดบไรมึงบอกอีกไหมว่าใส่แว่นรึเปล่า”



“จะใส่ทำเชี่ยไรล่ะลุง พี่ดาบก็บอกอยู่ว่าเปรี้ยวๆเฉี่ยวๆจะมาแว่นเวิ่นไรอีกล่ะ”  ไอ้แจที่ตอบออกมาแบบนั้นทำผมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น  ถ้าไม่ใช่โพด ผมคงรู้สึกผิดมากๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่....มันคืออะไรล่ะวะ



    วันนี้ช่วงบ่ายไอ้กุ๊กไม่ได้มาเรียน มีแค่ผมไอ้อู๋ไอ้บินที่มา ไอ้บินบอกว่าเมื่อเช้าออกไปเคาะห้องไอ้กุ๊กแล้วไม่มีใครอยู่ ลองไขเข้าไปก็ไม่อยู่  พวกมันสองคนอยู่คอนโดเดียวกันครับ ห้องติดกันด้วย เพราะแบบนั้นมันเลยชอบไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ถึงจะแบบนั้น พวกมึงถึงกับมีกุญแจห้องกันเลยหรอวะ ก็นะ...



“เฮ้อออ วันนี้โพดก็ไม่มา” 



ไอ้อู๋บ่นออกมาแบบนั้นตอนที่พวกเราเดินออกมาจากห้องเรียนในช่วงบ่ายสี่โมง เรียนเหมือนชาตินี้ทั้งชาติจะไม่เรียนอีกแล้ว อาจารย์ดูรีบร้อน อาจารย์ดูเหมือนมีธุระ อธิบายเหมือนฟาส8



“กูติดต่อไอ้กุ๊กไม่ได้เลยว่ะ ทำไมมันไม่รับสายกูวะ ไปไหนก็ไม่บอกไอ้Kเอ๊ย”  อะ อีกคนก็ฟึดฟัดๆเหมือนเมียหายออกจากบ้าน  อีกคนก็ครวญครางเหมือนเมียตาย กูเบื่อพวกมึงสองคนมากไอ้บินไอ้อู๋



“พวกมึง กูว่ากูจะไปหาโพดอีก”



“มึงเป็นเหี้ยไรนัก”



“ก็มันไม่ยุติธรรมไหมวะ พวกมึงคิดดูนะ ถ้าโพดไม่ได้ทำ แล้วมึงดูดิ ดูสิ่งที่โพดโดน แม่งโดนบอยคอตจากเพื่อนในคณะเลยนะเว้ย จริงๆก็เป็นเพราะไอ้สัดกุ๊กอ่ะ โวยวายเสียงดัง”



“แล้วมึงจะไปว่ากุ๊กมันทำไมวะ มึงก็รู้ว่ามันรักเพื่อน”



“แหมมมมสัดบิน แตะไม่ได้เลยนะเพื่อนรักมึงเนี่ย” 



ไอ้อู๋จีบปากจีบคอใส่ แต่ก็โดนไอ้บินเอาเท้ายันเข้าให้เต็มๆ  แต่ถึงแบบนั้นพอคิดไปคิดมาผมเองก็อยากรู้ความจริงเหมือนกันว่ามันยังไงกันแน่  ถ้าโพดไม่ได้ทำจริงๆ แล้วคนนั้นมันเป็นใคร



“ไอ้อู๋ กูไปด้วยดิ”



“เห้ยเมล เกิดไปแล้วโพดแม่งทำร้ายมึงอีกอ่ะ”  ไอ้บินที่ดึงแขนผมไว้ตอนที่มันพูดจบ หน้าตาที่ดูเครียดที่ไอ้กุ๊กไม่รับโทรศัพท์ดูเครียดขึ้นไปอีกในตอนนี้



“กูก็อยู่ป๊ะ อีกอย่างโพดตัวเล็กๆจะตาย จะมาทำไรได้วะ”



“แล้วครั้งที่แล้วใครทำล่ะ มีเหตุผลไหมล่ะกับรูปกับคลิปที่ไอ้เมลเอามาให้พวกเราดู มึงว่านั่นร่างอวตารโพดหรอสัด”



“มึงอย่าทะเลาะกัน เอางี้พวกเราไปด้วยกันหมดเลยดีไหม ไปถามโพดให้รู้เรื่อง”



“แต่ไอ้กุ๊กไม่อยู่”



“ห่านี่ พรุ่งนี้ได้เรื่องไงค่อยมาเล่าให้ไอ้กุ๊กฟังก็ได้ไหม” 



ไอ้อู๋ที่ดูจะกระตือรือร้นที่สุดในเรื่องการไปหาโพดว่าไอ้บินออกมาอีกรอบ ตัวมันอยู่มหาลัย แต่ใจแม่งเหมือนไปบ้านข้าวโพดแล้ว ผมหันไปมองหน้าไอ้บินแล้วพยักหน้าบอกมันว่าที่ไอ้อู๋พูดผมเห็นด้วยนะ ไอ้บินที่ก็แค่ถอนหายใจออกมาหน่อยๆ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะยอมรับเสียงส่วนมากของผมกับไอ้อู๋



   พวกเราที่เดินลงมาจากตึกเรียนแล้วมุ่งหน้าไปบ้านไอ้โพดทันที ผมนั่งรถมากับไอ้บิน แต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกพี่ธรว่าผมจะหาเพื่อน พี่ธรที่ตอบไลน์กลับมาว่าเพื่อนคนไหน ผมก็บอกไปส่งๆว่าข้าวโพด กูก็ลืมไปอ่ะนะว่าพี่แกจะรู้จักข้าวโพดได้ไง แต่เดี๋ยวค่อยกลับมาอธิบายละกัน....ผมกับบินที่ขับรถตามไอ้อู๋มาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ก่อนที่รถมันจะมาหยุดอยู่ที่รั้วบ้านหลังใหญ่ที่ทำให้ต้องขมวดคิ้ว ผมคุ้นๆกับป้ายนามสกุลที่แปะไว้หน้าบ้านแปลกๆเหมือนได้ยินที่ไหน ‘จันทรพิชิต’



“ข้าวโพดรวยขนาดนี้เลยหรอวะ”  ไอ้บินที่อ้าปากค้างมองบ้านข้าวโพด อย่าว่าแต่มัน กูเองก็ตกใจ ไม่คิดว่าโพดจะรวยขนาดนี้ บ้านหลังนี้มันใหญ่พอๆกับบ้านไอ้ทัพเลย



“พวกมึงมาๆ” 



ไอ้อู๋ที่เดินเข้าบ้านโพดผ่านยามไปอย่างห้าวหาญ มึงมาที่นี่บ่อยสินะ  พวกผมเลือกจอดรถที่ข้างกำแพงรั้วสูงรอบนอกแล้วเดินเข้าไปแทน



“อู๋ มาจริงๆหรอ บอกแล้วว่าไม่ต้องมา”  ผมที่เห็นข้าวโพดวิ่งออกมาจากบ้านของมันด้วยท่าทางตื่นๆ มันยังคงลุกลี้ลุกลนแบบที่ไอ้อู๋เล่าให้ฟังเมื่อตอนเที่ยง



“ทำไมมาไม่ได้ เราห่วงโพด แล้วเราพาไอ้เมลกับไอ้บินมาด้วย”  ไอ้อู๋ที่พูดแบบนั้น แล้วเดินหลบให้ผมกับไอ้บินเดินเข้าไปหา ข้าวโพดที่เบิกตากว้างขึ้นมองมาที่ผมอย่างเสียใจและตกใจไปพร้อมๆกัน



“ข้าวโพด”



“เมล เมลมาทำไม กลับไปเถอะนะ รีบกลับไป”



“ทำไมอ่ะโพด คือกูไม่เข้าใจ กูอยากรู้ความจริงว่ามันคืออะไร กูเคยไปทำอะไรให้มึง มึงถึงส่งไอ้พวกนั้นมาทำร้ายกู แล้วอะไรคือชอบแย่ง กูเคยไปแย่งอะไรมึงหรอวะ บอกกูหน่อยได้ไหม”  ผมที่ถามมันออกไปแบบนั้น มองหน้ามันแบบมีคำถาม ไอ้โพดที่มองตอบผมมาแบบเศร้าๆแต่มันก็ไม่ยอมพูดอะไร



“เมล เราขอโทษ แต่เมลกลับไปก่อนเถอะนะ ... นะ”



“ทำไมวะ มึงมี....”



“ไอ้โพดมึงอยู่ไหน! รีบๆเข้าบ้านมาเลยนะมึง แล้วอย่าไปโง่โป๊ะแตกให้ไอ้กุ๊กมันเสียแผนอีกเข้าใจไหมไอ้โง่! มึงอยู่ไหนห๊ะ รีบเข้ามา ไอ้กุ๊กมันจะคุยด้วย!”  เสียงตะโกนแว๊ดๆของผู้หญิงคนนึงที่ดังออกมาจากในบ้านทำเอาข้าวโพดสะดุ้งตกใจพร้อมเบิกตากว้างอย่างหวาดหวั่น แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่าคำพูดที่พวกเราได้ยิน



ไอ้กุ๊ก...กุ๊กไหน?



“คือเมล เราอธิบายได้ คือเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับกุ๊กนะ”



“กุ๊ก?”  ไอ้บินที่พูดออกมาแบบไม่เข้าใจ มันที่จ้องเขม็งไปที่ข้าวโพดด้วยสายตาดุๆ และตัวผมเองที่ตอนนี้รู้สึกสับสนมากที่สุด หมายความว่ายังไง



“หมายความว่ายังไง”  ผมถามมันออกไปทั้งๆที่หน้าตายังสับสน พยายามควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น แต่มันก็ยากเต็มทีในตอนนี้



“เมล เราขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”  ไอ้โพดที่ถลาเข้ามาจับมือผมไว้แน่น มันที่น้ำตาไหลออกมา ผมไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดนี่มันหมายความว่ายังไง ขอร้อง ขออย่าให้มันเป็นแบบที่ผมกำลังกลัวอยู่เลย



“เมล อย่าโกรธกุ๊กเลยนะ คือเรา...”



“เดี๋ยวโพด มึงหมายความว่าไง มึงกำลังจะบอกพวกกูว่าเรื่องที่ส่งคนไปจริงๆคือกุ๊กหรอวะ มึงอย่ามาตลก”  ไอ้บินที่ว่าออกมาแบบนั้น



“อีกอย่าง มึงกับกุ๊กจะมารู้จักกันได้ไง”



“คือ....เรากับกุ๊กเป็นพี่น้องกัน ถ้ากุ๊กนับเราเป็นคนในครอบครัวน่ะนะ”  มันที่ว่าแบบนั้นแล้วขยับกรอบแว่นตานิดหน่อย



“นี่...อย่าบอกว่ามึงเป็นลูกติดเมียใหม่พ่อไอ้กุ๊กหรอ”  ไอ้บินที่พูดออกมาอีก ผมนี่งงยืนใบ้แดกตาแตกไม่ต่างจากไอ้อู๋ที่ดูสับสนไม่ต่างกัน



“ตอนช่วงม.ปลายที่ไอ้กุ๊กย้ายออกมาอยู่คอนโด มันบอกกูแค่ว่าพ่อมันจะหย่ากับแม่แล้วมีเมียใหม่ คือบ้านมึงใช่ไหม”  ไอ้บินที่จี้เข้าไปอีก ทำให้ไอ้โพดที่แค่หลบสายตาพยักหน้าให้พวกเราน้อยๆ



“แล้วยังไง มันเกี่ยวอะไรกับไอ้กุ๊ก มันจะส่งคนมาทำร้ายกูทำไม มึงใส่ร้ายมัน!”  ผมตะคอกมันออกไปแบบนั้น ไม่จริง ไอ้กุ๊กมันเป็นเพื่อนผม พวกเราสนิทกันมา4ปี มันรู้เรื่องราวทุกเรื่องของผม ไม่มีทาง ไม่จริงหรอก



“เราเปล่านะ เราไม่ได้ใส่ร้ายกุ๊กนะ จริงๆนะเมล กุ๊กน่ะชอบพี่ทัพนะ”



“ไม่จริง”  ผมกำมือแน่นมากขึ้นและเถียงออกไปอีกจนไอ้อู๋ต้องจับไหล่ไว้ มันที่ชี้มือไปอีกด้านนึงพร้อมเบิกตากว้างขึ้น ที่ลานจอดรถนั่น มีรถคันคุ้นตาที่เราจำได้ดีว่าเป็นของไอ้กุ๊กจอดอยู่ตรงนั้น



“เรื่องทุกอย่าง เราขอโทษนะเมล ขอโทษที่ห้ามกุ๊กไม่ได้”



“มะ...ไม่”



“ไอ้โพด! ทำห่าไรอยู่ พ่อที่แสนดีของมึงเรียกหามึงอยู่จนกูต้องมาตาม ทำห่าไรอยู่!” 



เสียงตะคอกดังมาจากประตูบานใหญ่ตรงทางขึ้นบ้านของมันเป็นเสียงที่พวกเรายังจำได้ดี  ผมเสียวสันหลังวาบตอนที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดีนั่นเรียกข้าวโพดอยู่  และในไม่กี่วินาทีต่อมาร่างสูงโปร่งที่พวกเราคุ้นตาของไอ้กุ๊กที่เดินออกมาทั้งๆที่หน้าถมึงทึงเหมือนมันกำลังจะหงุดหงิดจากอะไรสักอย่าง มันที่เดินออกมาก่อนที่สายตาของมันจะเบิกกว้างขึ้นตอนที่มันมองเห็นพวกเรา มันที่ยืนนิ่งอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น



“ไอ้กุ๊ก”  ไอ้บินเรียกมันด้วยน้ำเสียงที่เบามากๆ ไม่ต่างจากใจผมที่ก็เบาไปหมดเหมือนกัน



“พ...พวกมึงมาที่นี่กันได้ยังไง...พวกมึงรู้เรื่องหมดแล้วหรอวะ”  มันที่ถามพวกเราออกมาเสียงสั่นอย่างตกใจ



 “มึงเป็นคนทำหรอวะ มึงใส่ร้ายโพด แต่จริงๆมึงสั่งเรื่องทั้งหมดหรอวะกุ๊ก”  ไอ้อู๋ที่ถามมันออกไปแบบนั้น ผมมองเห็นไอ้บินกำมือแน่นในตอนนั้น



“อะไรนะ”



“กุ๊ก กูเพื่อนมึงนะ” 



ผมที่ถามมันออกไปแบบนั้นแล้วน้ำตาก็เริ่มไหลลงมา เหมือนความเชื่อใจของผมมันพัง ทุกอย่างมันกำลังพังลงตรงนี้  ทุกวันนี้ไอ้กุ๊กมันเป็นคนที่ผมเชื่อใจยอมเล่าเรื่องทุกเรื่องให้ฟัง ไม่ว่าจะเรื่องอะไร เรื่องพี่ทัพ เรื่องที่ผมกำลังเผชิญ ทุกๆเรื่องผมไว้ใจมัน แต่นี่คืออะไร ... นี่คือผลตอบแทนของความไว้ใจที่ผมมีให้กับเพื่อนหรอ



“เดี๋ยวเมล มึง....”  ไอ้กุ๊กที่วิ่งเข้ามาหาผม แต่ถูกไอ้บินผลักอกมันแรงจนมันเซถอยหลัง  สายตาที่มันมองมาที่เราทั้งตกใจและสับสน  หน้าตาของมันที่ซีดลงมาเหมือนมันกำลังอยากร้องไห้



“บิน มึงไม่ฟังกูหรอ มึงฟั....”



“มึงทำกับเมลแบบนี้ได้ไงวะไอ้สัด!”  ไอ้บินที่กัดฟันแน่นแล้วเดินเข้าหาไอ้กุ๊กพร้อมต่อยเข้าไปเต็มแรงจนไอ้กุ๊กล้มลง มันที่น้ำตาไหลลงมาตอนมองหน้าไอ้บิน มันมองไปรอบๆตัวพวกเรา ก่อนจะมองมาที่ผมแล้วร้องไห้หนักๆไม่ต่างจากผม



“มึงไม่ชอบโพดเพราะโพดไม่ทำตามคำสั่งมึง มึงเลยโยนความผิดให้โพด มึงสั่งคนมาทำร้ายเมล มึงทำได้ยังไง มันเพื่อนมึงนะ! ทั้งๆที่มึงก็รู้ว่ากูห่วงไอ้เมลมากแค่ไหน แต่มึงกลับเป็นคนทำซะเองนี่นะ!มึงแม่งเหี้ย!”



“บินพอ พอแล้วมึง”  ผมดึงแขนของไอ้บินไว้ตอนที่เห็นมันจะตรงเข้าไปต่อยไอ้กุ๊กที่ล้มลงไปนั่งกับพื้นอีกที มันสะอื้นออกมาหนักๆมองมาที่พวกเรา



“กูคิดว่ามึงเป็นเพื่อน แต่ทำไมวะ กูไม่เคยแย่งพี่ทัพนะ ทุกเรื่องมึงก็รู้ แต่ทำไมวะกุ๊ก ทำไมต้องเป็นมึงด้วย ทำไมต้องเกลียดกูขนาดนั้น”



“เมล มึงฟังกูก่อน ฮึก”



“กลับกันเหอะ”  ไอ้บินที่ไม่คิดจะฟังสักคำแก้ตัวของไอ้กุ๊กอีกต่อไป มันที่มองไอ้กุ๊กด้วยสายตาว่างเปล่า และผมเองก็เสียใจมากๆที่เป็นมัน  มันเป็นคนทำ ... ทุกเรื่อง ....



ผมที่เดินตามแรงดึงจากไอ้บินออกมา พวกเราทั้งสามไม่ฟังอะไรอีกแล้ว เรื่องทุกอย่างมันชัดเกินไป ไอ้กุ๊กที่มาอยู่ตรงนี้ มันที่เกลียดไอ้โพดมากๆ และคำพูดของไอ้แจ ที่บอกว่าคนนั้นสูงโปร่งแต่ตัวเฉี่ยว พวกผมไปเที่ยวกับมันบ่อยทำไมจะไม่รู้  แต่แค่ไม่คิด ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะชอบทัพ  ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกลียดผม



“คุณเมลครับ เชิญทางนี้”  ผมที่เดินออกมาจากบ้านของมันทั้งน้ำตา เห็นพี่ธรยืนรออยู่ที่รถ ก่อนจะเดินเข้ามารับตัวผมไว้ ผมที่ทำได้แค่ร้องไห้แล้วเดินตามพี่ธรไปเงียบๆ  น้ำตาของผมไหลลงมาตลอดเวลา รู้สึกเหมือนผมกำลังเสียคนสำคัญไป คนสำคัญที่ทำลายความเชื่อใจของผม ด้วยคำว่า ‘เพื่อน’




-------------------

​มาแล้วจ้าาาา มาช้าหน่อยวันนี้ เพราะเขียนฉากNCไม่เสร็จ  ฉากที่ยากสำหรับแคทก็คือฉากพวกนี้แหล่ะจ้า

แต่มาตอนนี้ อะ...เชิญกรีดร้องงงง อะไรยังไง เรือใครเเล่น หรือใครจะตบแคทไหม

อู้ววววว เนี่ยไง นิยายของแคท อุอิๆ ใสๆ เงิบไหมยังไงน้าาาา เชิญกรีดร้องและเดากันมาเลยจ้าาา55555 :katai1: :katai4:


 :กอด1:ปล. ขอขอบคุณคนอ่านที่เล้าเป็ดด้วยนะคะ ตอนที่11คือคอมเม้นท์เยอะที่สุดเท่าที่เคยลงมาเลย :กอด1:


ขอขอบคุณ คุณkunt ดื้อจังวะ สามคำนี้มอบแก่ทุกคนในเรื่องนี้ได้เลยจ้าาา

ขอขอบคุณ คุณtae1234  ลุ้นๆ มาลุ้นไปด้วยกันอีกนะคะ แคทหวังว่าตอนที่12นี้ก็ยังจะมาลุ้นไปด้วยกันอีกนะคะ

ขอขอบคุณ คุณTiffany  ถูกต้องเลยค่ะ เรื่องนี้คือดื้อๆทั้งนั้นเลยยยย ยังไงแคทฝากคนดื้อเหล่านี้ด้วยนะคะ

ขอขอบคุณ คุณsailom_orn 5555 ความปากแข็งนี่คือซิกเนเจอร์เลยนะคะ แคทขอบคุณมากๆนะคะ

ขอขอบคุณ คุณblove โง้ยยย อ่านคอมเม้นท์คุณbloveทีไรแคทปลื้มใจมาก ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ แคทไม่เคยรู้เลย
ว่าจะมีคนอ่านอินไปด้วยกันแบบนี้ แคทดีใจมากๆและขอบคุณอีกครั้งนะคะที่เปิดเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ ส่วนรี่หลงน้านนน
บ้าาา คนอ่านก็คิดมาก จริงๆก็ไม่มีอะไร๊ เปล่ามี๊ เป็นสัตว์เลี้ยงเฉ๊ยเฉยยยย ยังไงตอนนี้ก็มาอ่านอีกน้าาา

ขอขอบคุณ คุณursleepingxd  คุณยูคนเดิน เพิ่มเติมคือความรักน้องหลง ฮ่าาา ยังไงแคทฝากน้องด้วยน้าาา ขอบคุณที่อยู่กับ
แคทและนิยายของแคทมาทุกเรื่องเลย  แล้วยังไงตอนนี้ เรามาลุ้นไปด้วยกันอีกนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่12* {01.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 01-12-2018 22:35:16
คิดว่าข้าวโพดเป็นคนทำ แล้วกุ๊กเป็นพี่น้องก็เลยรู้ แต่ห้ามไม่ได้ แล้วตอนนี้ก็โดนโยนความผิดให้อีก

นี่ งานโคนันต้องมา

คุณแคทอย่าทำลายความหวังหมู่บ้านเราาา :katai4:

ว่าแต่พวกนายเป็นเพื่อนกันภาษาอะไร ไม่เคยไปบ้านเพื่อนเรอะ แล้วรอบก่อนๆที่อู๋ไปนี่ไม่เคยเจอกุ๊กเลยเรอะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่12* {01.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-12-2018 11:33:26
นี้มันเรื่องเหี้ยอะไรเนี้ยยยย ว้อยยยยกูงง สับสนไปหมด เขว่ชิบ สรุปใครแม่งร้ายตัวจริงวะ 55555 ด้วยคำพูดของโพดบวกสถานการณ์ที่เพิ่งเจอ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าเป็นนี่ก็คงเข้าใจไปแบบนั้นและไม่คิดจะฟังเหมือนกันนะ ^^ แต่พอกลับไปแล้วคิดทบทวนอีกทีสิเมล บิน อู๋ มันใช่หรอ มันใช่จริงๆมะ รอฟังคำอธิบายของกุ๊กก่อน แล้วพิจารณาอีกทีใครพูดจริง อย่าเพิ่งด่วนสรุป สิ่งที่เห็นมันอาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ เพราะอะไรก็เกิดได้ทั้งนั้น กลับไปคิดและใจเย็นไว้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ให้เข้าใจ ถามพวกไอ้พี่ดาบนั้นด้วยก็ดีเผื่อได้ข้อมูลเพิ่ม จะได้ไม่ตัดสินผิดพลาด //อยากจะตบปากไอ้พี่ทัพหน้าสักที พูดไม่คิดตอนมาส่งอะ นอยด์เลยเมล กะนะบางทีมันก็เผลอยิ่งเป็นคนปากร้ายอยู่แล้ว ฮ่าๆ แต่ด้วยความที่สอนเมลให้อยู่ร่วมกันได้กับไอ้พี่รี่ขาโหดและแอบทำตัวเป็นพ่อสื่อกลายๆป้อนน้องหลงเข้าปากไอ้พี่รี่ ถือว่าทำดี จะวางมือลงก่อนกะด๊ะ!! 555555555 อร๊ายยยยยปานนี้หลงคงตะแง๊วๆเมี้ยวๆพองขนขู่ฟ่อๆในกรง ไอ้พี่รี่ขาโหดคงขำมากอะ ลากมาเลียซะเลยแม่ง เคลิ้มละสิหลง นึกแล้วตลก (มโนระดับสิบ) 55555 ชอบๆ //อื้อหื้อออบอกว่าจะกินก็คือกินจริงจัง อ๊อยยยย nc ดีมากคร่า แง๊~งื้อ~เขินกับคำเรียก "พี่ทัพ"  >.,<  วุ้ยยยยย >< //ก็ยังตลกจอมตะกละกุญแจ อยู่เพื่อแดกจริงที่เมลบอก 5555555 มวยถูกคู่จริงไอ้พี่อู๋กับแจ เจอหน้ากันเป็นต้องต่อปากต่อคำ วุ่นวายกว่านี้ได้อีก 55555  //เออคิดแล้วก็อาจจะมีคนอยู่เบื้องหลังโพดอีกมะ ว้อยคิดไม่ออกบอกไม่ถูก รอไรท์มาต่อดีกว่า จบ 555 สนุกกกมากๆ ชอบบบบบบ รอepต่อไป จะเกิดไรขึ้นมั้ง มาต่อยาวจุใจดีมากเลย อ่านจบก็เลื่อนขึ้นไปอ่านอีก ยังไม่อยากให้จบตอน 555 ^^ สู่ปั่นตอนต่อไปค่ะ ไม่ต้องรีบ รอได้เสมอ ^^ปากำลังใจ ^_^
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่12* {01.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 03-12-2018 22:18:42
มีเรื่องช็อกอีกมั้ย!!!!!
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่13* {08.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 08-12-2018 19:58:34


บทที่13




ผมที่กลับมาถึงบ้านของไอ้ทัพแบบงงๆทั้งน้ำตาที่นองหน้า คนในบ้านของมันมองเห็นผมที่เป็นแบบนั้นก็ค่อนข้างตกใจ แต่ถึงแบบนั้นผมก็เลือกที่จะไม่สนใจ เดินตรงไปที่ห้องที่ครั้งที่แล้วไอ้ทัพเรียกเข้าไปเจอไอ้รี่ ตอนนี้ที่มุมห้องที่ติดกับบานกระจกใสที่เอาไว้กั้นระหว่างกรงไอ้รี่กับห้องนี้ ตอนนี้มีคอนโดแมวขนาดสูงสองเมตรและกระบะทรายแมวขนาดใหญ่วางอยู่ตรงนั้น มองมาข้างล่างมีที่นอนฟูๆและโซฟาลับเล็บแมววางอยู่อีกด้วย ยังไม่นับของเล่นอีกหลายสิ่งที่วางไว้จนเต็มมุมในโซนนั้น.... ไอ้ทัพหน้าสั่งให้คนมาจัดไว้ จริงๆไอ้หลงก็มีตัวเดียว แถวตัวเท่าจิ๋มมด มึงจะสร้างให้ใหญ่ไปไหน



“หลง” 



เดินเข้าไปหาไอ้ลูกแมวที่ตอนนี้มันกำลังเอาขาหน้ายกขึ้นมาเขี่ยๆไม้ล่อแมวที่เสียบๆไว้ตามคอนโดแมวเล่นอยู่ พอเรียกชื่อมันแบบนั้น ไอ้ตัวเล็กก็หันหัวกลมๆเล็กของมันมาหา ตากลมโตของมันเบิกกว้างเป็นประกายตอนที่เห็นผม ก่อนมันจะวิ่งดุกๆเข้ามาหา และโดดลงนั่งตักของผมแบบที่มันชอบทำ



“ว่าไง ชอบไหม” 



ลูบหัวเล็กๆนั่นเบาๆ เจ้าตัวก็เอียงหัวเอียงหูเข้ามาอ้อนๆผม เผยรอยยิ้มออกมานิดหน่อยตอนที่เห็นมันแบบนั้น ไอ้หลงเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่เยียวยาผมได้ในบ้านหลังนี้  มันที่เงยหน้ามองผมตาแป๋ว ก่อนที่มันจะพยายามตะกุยตัวผมขึ้นมาบนไหล่ ลิ้นเล็กๆของมันที่แลบออกมาเลียตามใบหน้า เหมือนกับว่ามันกำลังเช็ดน้ำตาให้ผม ยิ่งเป็นแบบนี้แล้วผมยิ่งอยากร้องไห้ ดึงตัวเล็กของมันลงมากอดแน่นๆ



ในช่วงเวลาที่เรารู้สึกแย่ อย่างน้อยๆสิ่งที่ควรจะมี...ก็คือคนคอยปลอบใจ หากหาไม่ได้กับคน สัตว์ตัวเล็กๆก็ถือเป็นทางออกที่ไม่แย่ หรือบางทีมันอาจจะดีกว่าคนด้วยกันด้วยซ้ำ



.

.

.





“ได้ข่าวว่ากลับมาถึงก็นั่งซึมเป็นส้วม มึงเป็นเหี้ยอะไร”



เสียงเข้มที่ดังขึ้นพร้อมๆกับแรงเปิดประตูทำให้คนร่างบางที่เอาแต่นั่งนิ่งจ้องคอมมาไม่ต่ำกว่าสิบนาทีสะดุ้งออกจากภวังค์  ทัพหน้าที่ดูเหมือนจะพึ่งกลับมาจากที่ทำงาน เดินเข้ามาในห้องด้วยสภาพเสื้อเชิ๊ตที่ถูกปลดกระดุมและเน็คไทน์ออกแล้ว  เสื้อแขนยาวที่ถูกพับร่นขึ้นไปจนถึงข้อศอก และเสื้อที่ควรจะทับอยู่ในกางเกงก็หลุดลุ่ยออกมาด้วย  สภาพไม่เนี๊ยบแบบนี้หาโคตรยาก



“เปล่า” 



หันหน้าหนีจากมันแล้วกลับไปมองจอคอมเหมือนเดิม ทำทีว่าจะทำงาน แต่ในหัวยังคงมีเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นวนเวียนอยู่ในหัวไม่เลิก แต่สักพักก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าฝ่ามืออุ่นๆวางลงมาที่ไหล่มน ก่อนที่ฝ่ามือหนาอีกข้างจะเอื้อมมือด้านหน้าและออกแรงบีบแน่นๆอยู่ที่ปลายคางมน ก่อนที่จะดึงรั้งเบาๆให้เมลต้องเงยหน้าขึ้นไปตามแรงจากฝ่ามือ



“กล้าโกหกกูงั้นหรอ” 



เสียงเย็นที่มาพร้อมกับดวงตาคมและรอยยิ้มร้ายๆของทัพหน้าทำเอาเมลอยากร้องไห้  วันนี้เป็นวันที่หนักหนาอีกวันของเค้า พอมาเห็นหน้าทัพหน้าแบบนี้แล้วยิ่งรู้สึกหนักหน่วงไปหมด ...ทำไมชีวิตกูต้องมาเจอเรื่องเชี่ยแบบนี้ด้วย



“น่ารำคาญ พ่อมึงผลิตน้ำตาหรอ ร้องเก่งนัก” 



พูดออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับเสียงที่ไม่ดังไม่เบา แต่ก็ยอมปล่อยมือออกจากปลายคางของอีกฝ่าย ก่อนจะใช้มืออีกข้างดึงเมลให้ลุกเดินตามตัวเองมาที่เตียงนอน ร่างแกร่งที่นั่งลงใช้ดวงตาคมกดมองคนตรงหน้าที่เอาแต่ยืนก้มหน้าอยู่ตอนนี้ คิดว่าเจ้าตัวคงอยากวิ่งหนีออกจากห้อง แต่ติดตรงที่แขนเรียวถูกมือของทัพหน้าจับไว้แน่นนี่แหล่ะ



“มีเรื่องอะไรที่มหาลัยมึง”



“ปะ...”



“มึงพูดว่าเปล่าอีกที กูจะตบให้เลือดกบปาก” 



ไม่ว่าเปล่าแต่ยังบีบแขนอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น พร้อมมองตรงมานิ่งๆ คาราเมลที่เม้มปากเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง ได้แต่คิดในใจว่าจะมายุ่งกับกูทำไม



“ว่าไง”



“ไม่ว่าไง”



“ไอ้เมล...มึงอย่ามากวนตีนกูนะ  คนยิ่งเหนื่อยๆอยู่นะมึง” 



ร่างสูงที่เริ่มหงุดหงิดขึ้นเสียงใส่อย่างรำคาญ พลางสะบัดมืออีกฝ่ายทิ้ง  เมลที่เม้มปากนิ่งเงยหน้าขึ้นมามองจ้องตาคนตรงหน้าอย่างน้อยใจ



“ก็แล้วจะมายุ่งเรื่องกูทำไมอ่ะ จริงๆกูเจออะไรไม่ดีมึงน่าจะดีใจไม่ใช่รึไงล่ะ ก็กูคือคนที่มึงอยากให้ชิพหายทุกๆวันไม่ใช่ไง จะมาเซ้าซี้ อึก...”



“ถ้ามึงรู้ตัวอยู่แล้วก็ดีกูจะได้ไม่ต้องย้ำมึงบ่อยๆ  ที่กูถามก็ใช่ว่าจะเป็นห่วงมึงนะ กูแค่กลัวมึงคิดทำเรื่องเหี้ยอะไรอีกจนความซวยมันจะมาตกที่กูก็แค่นั้นแหล่ะ!” 



ฝ่ามือหนาที่ตรงเข้าบีบที่ลำคอขาว พร้อมๆกับร่างสูงที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมที่มองตรงมาฉายแววหงุดหงิดและโมโห



“อึก อัก....”   



ความรู้สึกไม่ต่างจากเดิมเลยแม้แต่น้อย ลมหายใจที่ค่อยๆจะขาดห้วง  ดวงตาสวยมองสบกับดวงตาคมเอ่อไปด้วยน้ำตา ทัพหน้าที่มองตรงมานิ่งๆ ก่อนจะคลายแรงออกและปล่อยมือออกจากลำคอขาวอย่างหงุดหงิด



“เฮือก แค่กๆๆ ฮึก”  เมลที่ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นพยายามหายใจเข้าปอดอย่างยากลำบาก พร้อมร้องไห้ออกมาหนักๆไปพร้อมๆกัน



“มึงมันน่ารำคาญไอ้ห่าเมล” 



ปรายตามามองคนที่นั่งร้องไห้อยู่ที่ปลายเท้าตัวเองด้วยสายตาขุ่นเคือง ก่อนจะผละตัวหนีออกไป ตั้งใจจะเดินหนีออกจากห้อง แต่ขายาวของทัพหน้าก็ต้องชะงักไปก่อน เมื่อเสียงสะอื้นหนักๆที่มาพร้อมคำถามของฝ่าย



“ฮึก มึงฮึก....ไม่เคยคิดบ้างหรอว่ากูอาจจะไม่ใช่คนทำ อึก มึงไม่คิดบ้างหรอว่ากู ฮึก ไม่ได้เป็นคนวางแผนฆ่าณราชา แล้วถ้ากูไม่ได้ทำจริงๆ วันที่มึงรู้ความจริงมึงจะเสียใจบ้างไหมที่ทำกับกูแบบนี้น่ะ ฮึก”



ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากอีกฝ่าย ทัพหน้าไม่พูดอะไร ทำแค่เดินออกไปจากห้องเงียบๆ และปล่อยให้เมลนั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองเงียบๆเช่นกัน



...



(กุ๊ก)



“บิน เดี๋ยวมึง บินมึงอย่าพึ่งไป”



ผมที่พยายามวิ่งตามคนร่างสูงที่มีช่วงขายาวต่างจากผมมากๆ  มองเห็นแผ่นหลังกว้างของมันที่จ้ำเดินก้าวยาวๆจากไปแบบไม่สนใจคำร้องขอของผม  แต่ผมก็ไม่ยอมละความพยายาม วิ่งตามมันไปจนคว้าข้อมือแกร่งที่ผมคุ้นเคยดีเอาไว้ได้  ผมไม่ได้สนใจว่าใครจะกลับไปบ้างแล้ว ผมสนใจแค่คนนี้ ตอนนี้



“บิน”  คว้าข้อมือมันไว้ทั้งๆที่หัวใจถูกบีบ มันที่โดนผมจับไว้ได้สะบัดข้อมือออกจากผมทันที  เป็นความรู้สึกเจ็บมากกว่าโดนมันต่อยหน้าเมื่อก่อนหน้านี้  ไม่เคยสักครั้งที่มันจะสะบัดมือผมทิ้งแบบนี้



“อย่ามาจับกู”  คนตรงหน้าที่ปลายตามามองผมด้วยสายตาที่มองผมเหมือนคนไม่รู้จัก  น้ำตาผมไหลออกมาตอนที่มองหน้าอีกฝ่ายอยู่ตอนนี้



“ทะ...ทำไม”  พยายามถามมันอย่างใจเย็น คุมเสียงไม่ให้สั่น แม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์เลยก็ตาม



“มึงทำแบบนี้ได้ไงวะ มึงชอบไอ้เหี้ยทัพแล้วมาทำเรื่องแบบนี้กับเมลอ่ะนะ เชี่ยวะกุ๊ก!”  เสียงตะคอกที่มาพร้อมฝ่ามือหนาที่ผลักเข้ามาที่ไหล่จนผมเซ



“เมลเป็นเพื่อนมึง มึงทำได้ยังไงวะ ส่งคนมาทำร้ายมันได้ยังไง เชี่ยเอ๊ย ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมาแล้วจะทำยังไง! กูอ่ะเป็นเพื่อนมึงแท้ๆ กูคิดว่ากูรู้จักมึงดีนะกุ๊ก แต่ตลอดเวลากูไม่เคยรู้เรื่องเชี่ยไรของมึงเลย แบบบ้านหลังนี้กูก็ไม่รู้ เรื่องน้องมึง เรื่องแม่มึง เรื่องแผนมึงกูไม่เคยรู้ ไม่เคยรู้เชี่ยไรเลยสักอย่าง!”   



เสียงตะโกนของมันที่ดังเข้ามาในโสตประสาท ดังก้องไปทั้งหู ลามลงมาถึงใจที่กำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้  แรงบีบแขนทั้งสองข้างของผมจากฝ่ามือแกร่งของมันที่กระชากตัวผมเข้าไปใกล้และออกแรงเขย่าจนผมตัวสั่นไปหมด  มันเจ็บ...แต่มันก็เจ็บไม่ได้ครึ่งนึงของใจผม



“กูผิดมากหรอวะบิน”



“มึงอย่ากล้าถามอีกนะกุ๊ก ถ้ากูไม่เห็นมึงเป็นเพื่อนกูจะแจ้งความจับมึง!” 



สะบัดมือออกจากตัวผมอย่างรังเกียจ แล้วใช้มือชี้หน้าผมอย่างหาเรื่อง  น้ำตาผมไหลลงมาเต็มหน้า แทบจะมองไม่เห็นหน้าของคนตรงหน้าด้วยซ้ำในตอนนี้ แต่น่าแปลกที่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ผมกลับยังมีภาพของมันชัดเจนอยู่ในใจ



“ถ...ถ้าแบบนั้น มึงก็อย่าเห็นกูเป็นเพื่อนอีกเลย”



“เออ! กูก็ไม่อยากเห็นคนที่จิตใจอำมหิตแบบมึงเป็นเพื่อนเหมือนกันแหล่ะ”



“อืม...กูก็เหมือนกัน”   ผมน้ำตาไหล สะอื้นออกมาหนักๆตอนที่พูดประโยคต่อมา...ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วมองหน้ามันอีกครั้งชัด



“กูเองก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึง ไม่เคยอยากจะเป็น!...และที่สำคัญ กูอยากจะถามมึงทำไมวะ...ทำไมมึงที่รู้จักกับกูมา7ปี มึงถึงเลือกจะเชื่อคนอื่น ที่มึงไม่ได้รู้จักดีง่ายๆแบบนี้วะ มึงน่าจะรู้ใจกูดีที่สุดสิ แต่เปล่าเลย ... กูเองก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับควายแบบมึงหรอกไอ้เชี่ยบิน!



ตะคอกเสียงลั่นใส่มันพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมาอีกระรอก และผมเองก็เลือกที่จะหันหลังจากมันมาโดยที่มันไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกสักคำ  ไม่ต่างจากผมที่ไม่มีคำใดๆลอดออกมาอีกเหมือนกัน



บางที...สิ่งที่อยากที่สุด ก็คือการที่เราจะเลิกรู้สึกกับคนที่เราไม่ควรรู้สึก



...



‘แอ๊ด’



เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นในช่วงเวลาประมาณห้าทุ่ม ก็ไม่รู้ว่าใช่ไหมแค่กะเวลาเอา ในตอนที่ได้ยินเสียงลากเท้าดังเข้ามาใกล้ๆก็รีบปิดตาลงแล้วทำเป็นนอนนิ่งๆเหมือนคนที่หลับลึกไปนานแล้ว ความรู้สึกที่รับรู้ได้ถึงแรงยวบลงของเตียงนอน ทำให้ได้รู้ว่าอีกฝ่ายคงเข้ามานอน แต่ที่ไม่เข้าใจมากกว่านั้นก็คือแรงกอดกระชับจากวงแขนแกร่งนี่ต่างหาก



‘หมับ’



แรงกอดกระชับที่มาจากวงแขนแกร่งพร้อมๆกับลงหายใจอุ่นๆที่เป่ารดอยู่ที่ด้านหลังคอทำเอาต้องเผลอเกร็งตัวตามเพราะรู้สึกขนลุกไปหมด ไม่ได้ดิ กูจะเกร็งไม่ได้ กูหลับไปแล้ว นอนหลับจ้าไอ้เมล ต้องทำตัวโอนอ่อนดุจปุยเมฆ หลับๆๆ....หลั...หลับก็เชี่ย!  สะดุ้งขึ้นมาสุดตัวตอนที่ริมฝีปากอุ่นกดจูบเบาๆลงที่ต้นคลอแล้วตอนนี้ก็ยังเอาจมูกมาคลอเคลียกันอยู่อีก



“กูรู้ว่ามึงยังไม่หลับ อย่ามาตอแหล”



“อ๊ะ! เจ็บนะโว้ยยย” 



ร้องออกมาแบบนั้นตอนที่โดนกัดเข้าที่ใบหูจนต้องแหกปากออกมา หันหน้าไปมองค้อนอีกคนผ่านความมืด มองเห็นสายตาวาววับของมัน พร้อมๆกับรอยยิ้มที่ถูกจุดขึ้นที่มุมปากของอีกฝ่าย กวนตีน



“ก็ใครใช้ให้ตอแหล”



“อย่ามาว่ากูนะ!” 



ขมวดคิ้วใส่มันตอนที่ได้ยินมันว่าออกมาแบบนั้น พร้อมกับยกมือขึ้นต่อยเข้าที่อกมันไปทีแรงๆ พูดเลยว่าไม่ออมมือ กูซํดลงไปเต็มแรงเลย



“กล้าทำร้ายกูหรอ”



“เออ กูจะทำแบบที่มึงชอบทำกับกูนั่นแหล่ะ!”



ตะคอกใส่มันไปแบบนั้นเพราะรู้สึกหงุดหงิด หงุดหงิดกับหน้ามันและเรื่องราวที่ผมต้องเจอ ขมวดคิ้วใส่มันอีกครั้งก่อนจะพลิกตัวหันหลังตะแคงตัวไปอีกฝั่ง พยายามดิ้นให้มันปล่อยมือออกจากเอว แต่เหมือนระบบสมองของไอ้ทัพมันจะไม่ค่อยปกติ เมื่อกูยิ่งดิ้นที่จะหนี มันก็เลือกที่จะกระชับวงแขนให้แน่นและดึงตัวผมให้เข้าไปแนบชิดกับมันให้มากกว่าเดิมจนรับรู้ได้ถึงอกแกร่งที่แนบอยู่ที่หลังของผม เอาจริงๆก็แทบจะนับซิกแพ็คมันได้เลยด้วยซ้ำ



“สรุปมึงบอกกูได้รึยังว่ามีเรื่องอะไรที่มหาลัย” 



เสียงเข้มๆกระซิบดังขึ้นที่ริมหู  ผมนิ่งไปนิดหน่อยๆตอนที่ได้ยินมันถามออกมาแบบนั้น ก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าจะมาเซ้าซี้อยากรู้ไปทำไม



“เมล”



“......”



“ไอ้เมล”  เมื่อผมเลือกที่จะเงียบใส่ อีกฝ่ายก็ทำเสียงเข้มทุ้มต่ำที่เจือแววรำคาญมาในปลายเสียงส่งมาให้ แถมความกดดันก็รุนแรงขึ้นไปอีกนิดหน่อย ไม่พอยังเอาอกมากระแทกหลังกูอีก แม่ม!



“อะไรเล่า”



“ลีลา กูถามก็ตอบ หรือถ้าไม่อยากตอบมึงเปลี่ยนมาเป็นโยกบนตัวกูก็ได้ เหมือนมึงจะถนัดมากกว่าการตอบคำถามง่ายๆของกูสินะ”



“ไอ้บ้า! ปล่อยมือจากตูดกูนะเว่ย” แหวใส่พร้อมกับเอามือตีลงที่มือแกร่งที่ลูบๆคลำอยู่ที่ก้นผมตอนนี้



“ก็ตอบมา”



“ก็ไม่มีอะไรหรอก”



“ตอแหล” 



ผมถอนหายใจหนักๆใส่มันตอนที่มันว่าออกมาแบบนั้น กูดูเหมือนนางร้ายช่องสามไปเลยตอนมันด่าคำนี้ เกลียด ผู้ชายเชี่ยไรทำไมปากร้ายแบบนี้วะ .... แต่ถึงแบบนั้นผมก็เงียบไปสักพักนึง และมันเองก็เงียบเสียงลงเหมือนกำลังอดทนรอให้ผมพูดต่อ



“ทัพ”



“ว่า”



“มึงเคยโดนเพื่อนหักหลังไหม” 



ผมถามมันออกไปแบบนั้น พร้อมๆกับหลับตาลง ภาพของไอ้กุ๊กกับข้าวโพดยังลอยวนไปวนมาอยู่ในสมอง เป็นความรู้สึกสับสนจนชวนอ้วก ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมถึงยอมถามอะไรแบบนี้ออกไปกับมัน แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมเหนื่อย ผมอยากระบายกับใครสักคน ถ้าเป็นปกติคงระบายกับไอ้กุ๊ก แต่ตอนนี้มันไม่ได้ ... ผมไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามันจะชอบไอ้ทัพ แล้วถ้ามันชอบไอ้ทัพจริงๆ มันทนฟังผมเล่าเรื่องของไอ้ทัพมาตั้งหลายปีได้ยังไงกัน



“ทำไม...เพื่อนมึงหักหลังมึงรึไง สมน้ำหน้า กรรมอาจจะตามสนองมึงมั้ง”



“........” 



ผมเลือกที่จะเงียบไปตอนที่มันว่าออกมาแบบนั้น เม้มปากเข้าหากันจนแน่น รู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมามากกว่าเดิมทันที จริงๆอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ นี่ผมคาดหวังอะไรอยู่วะ หวังคำพูดดีที่จะให้ปลอบใจหรอ โคตรหวังสูงเลยกู ...คนแบบทัพหน้า ถ้าเห็นผมเจ็บเจียนตายได้มันคงถือเป็นความสุขใจอย่างนึงของมันสิไม่ว่า ... บางทีผมเองก็ลืมไปว่า ต่อให้มันกอดมันใจดีกับผมมากขึ้นแค่ไหน สุดท้ายแล้วในสายตาของมัน ผมเองก็ไม่เคยเป็นอย่างอื่นเลย นอกจากคนที่สั่งฆ่าเมียของมัน ผมกดหน้าลงกับหมอนเงียบๆ ไม่อยากฟังอะไรจากมันอีกแล้ว รู้สึกเจ็บมากเกินไปกับสิ่งที่กำลังเผชิญ อยากจะผละออกจากวงแขนของมันแต่อ้อมกอดแข็งแกร่งที่กอดผมอยู่กลับกระชับให้แน่นมากขึ้นอีกแล้วเสียงของมันก็ดังแหวกอากาศออกมาต่อ



“มึงถามอะไรปัญญาอ่อน คำว่าเพื่อนน่ะ มันไม่มีคำว่าหักหลังอยู่ในนั้นหรอก



“แล้วถ้ามีล่ะ” 



ผมที่นิ่งไปตอนที่มันบอกออกมาแบบนั้น ก่อนจะค่อยๆพลิกตะแคงตัวหันกลับไปหามัน ก่อนจะค่อยๆช้อนสายตาขึ้นไปมองคนที่นอนกอดตัวผมอยู่ตอนนี้ มันที่ก้มลงมามองหน้าพร้อมยกยิ้มมุมปากส่งมาให้



“ถ้ามี นั่นไม่เรียกว่าเพื่อน ... นั่นเรียกศัตรู



“หรอ.....”



ศัตรูงั้นหรอ



หลุบตาลงต่ำตอนที่มันบอกแบบนั้น ก่อนจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาหน่อยๆตรงหัว แรงลูบเบาๆที่ทำให้อยากหลับตาลง ไม่ต่างจากลูกแมวน้อยๆเวลาโดนลูบหัว มันคงรู้สึกแบบนี้สินะ



“แต่ก่อนที่มึงจะตัดสินว่าใครเป็นศัตรูของมึงจริงๆ มึงต้องดูให้ดีซะก่อนนะว่าสิ่งที่มึงกำลังเห็น มันคือเรื่องจริงหรือการสร้างภาพ มองดูให้ชัดว่านั่นมันคือมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวรแต่กำลังสร้างภาพ



คำพูดของมันที่ทำเอาผมใจกระตุกจนต้องกำมือแน่นๆ .... สร้างภาพงั้นหรอ .... ต้องดูให้ดีงั้นหรอ ....



ผมกับมันเลือกจะเงียบใส่กันอยู่แบบนั้น แต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อยอ้อมกอดออกจากตัวผม ไม่ต่างจากผม ที่ยังคงซุกหน้าอยู่ที่อกแกร่งของมันในตอนนี้  เหมือนต่างฝ่ายต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ... จนในที่สุดก็เป็นผมที่เลือกจะเอียงหน้าขึ้นไปมองมันอีกที  คนตรงหน้าที่ก็ก้มลงมามองตาผมนิ่งๆ แววตาสีดำสนิมไม่ต่างจากท้องฟ้าตอนกลางคืนของมันไม่มีคำตอบหรืออะไรให้ผมได้เข้าใจมากขึ้น แต่อดคิดกับคำพูดของมันไม่ได้ มันคงจะดี ถ้ามันเองก็พยายามจะมองเห็นในตัวตนของผมบ้าง  ผมอยากให้มันมองเห็น ว่าจริงๆแล้วผมเป็นคนยังไง และความคิดในใจมันอาจจะเก็บเอาไว้ไม่ไหวจนกล้าเอ่ยปากพูดออกไปตามที่ใจผมคิด



“มันคงจะดีนะถ้ามึงมองเห็นความจริงของกูบ้าง ...”



“......กูเองก็กำลังมองมึงอยู่เหมือนกันเมล” 



ฝ่ามือหนาที่เลื่อนขึ้นมาที่หัวของผมก่อนจะออกแรงลูบเบาๆในตอนที่มันตอบออกมา ความอบอุ่นที่เกิดขึ้นที่หัว แต่กลับอุ่นวาบส่งมาถึงหัวใจ



...



(มีต่อจ้า)
   
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่13* {08.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 08-12-2018 19:59:12



เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นมาอย่างยุ่งเหยิงเมื่อผมเดินลงมากินข้าวแล้วจะออกไปเรียนตามปกติ แต่ผมดันตามหาไอ้หลงไม่เจอ สุดท้ายได้แต่เอะใจแปลกๆเลยวิ่งไปดูที่กรงไอ้รี่



“อย่าบอกว่ามึงแดกลูกกูไปแล้วนะไอ้รี่!” 



ยืนแหกปากอยู่หน้ากรงมันแบบนั้น  ไอ้สิงโตเจ้าป่าที่ตอนนี้ผมยังไม่เห็นหัวมันชัดๆ ได้แต่มองเห็นผ้าห่มสีแดงที่คลุมหัวใหญ่ๆของมันไว้จนเป็นก้อนกลมๆ ผ่านไปสักพักก้อนนั่นจึงค่อยขยับ และขนฟูๆที่ผมเคยจับมาแล้วครั้งนึงก็เลื่อนหลุดออกมาจากกองผ้าห่ม ไอ้รี่ที่หรี่ตามองผมอย่างไม่ชอบใจ แต่ผมที่ถลึงตามองใส่มันอย่างหงุดหงิด มันเลยอ้าปากกว้างๆออกมาเหมือนกำลังหาวโชว์ผมซะแบบนั้น



“เหอะ สบายเลยนะมึง มึงเห็นไอ้หลงไห...เชี่ย!! ไอ้หลงงงงง”   



ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ก็มองเห็นก้อนขาวๆตัวเล็กที่นอนหลับตาปิดแบบมีความสุข ซุกตัวอยู่ในวงแขน เอ่อ น่าจะเป็นวงขามากกว่า ขาหน้าของไอ้รี่อย่างสบายใจ แถมยังไม่ตื่นอีก ไอ้แมวเด็ก!



พอผมตะโกนแบบนั้นอย่างแตกตื่น ไอ้รี่ที่เห็นผมโวยวายอยู่นอกกรงของมัน ก็ไม่ทำอะไร นอกจาก....คาบผ้าห่มสีแดงของมันมาคลุมตัวไอ้หลงและตัวมันเองอีกที พร้อมๆกับที่ไอ้รี่ก็ค่อยๆทิ้งหัวลงนอนกอดไอ้หลงต่อแบบไม่สนใจกูเลย



“ไอ้! ไอ้....”   ได้แต่เข่นเขี้ยวเคียวฟันอยู่แบบนั้น  ไอ้สิงโตไม่มีอะไรจะด่า มึงเอาลูกกูมานอนกกแบบนั้นได้ไงอ่ะ หลงงงงงงงงงง



“คุณเมลครับ ได้เวลาไปมหาลัยแล้วครับ”



“พี่ธร!! แมวผมโดนไอ้รี่คาบมาแดก” 



หันหน้าไปฟ้องคนที่เดินเข้ามาหาพร้อมชี้มือบอกอย่างเป็นกังวล แต่คนตรงหน้าที่ชอบทำหน้าตายไม่ต่างจากเจ้านายก็แค่ปรายตาไปมองนิดหน่อยแล้วหันกลับมายิ้มอ่อนๆให้ผม



“ไม่หรอกครับคุณเมล เชอร์รี่แค่เล่นด้วย”



“เล่นบ้าเล่นบออะไรวะพี่ มันจ้องจะแดกไอ้หลงผมรู้ ผมสัมผัสได้” 



เถียงออกไปแบบนั้นอีกคนก็แค่ยิ้มอ่อนส่งมาให้อีกรอบ เอ๊ะ นี่พี่กวนตีนผมนะเนี่ย



“ไปเรียนเถอะครับคุณเมล และเจ้านาบสั่งไว้ว่าวันนี้คุณเมลห้ามไปไหนโดยพลการอีกนะครับ ไม่งั้นเจ้านายจะกลับมาลงโทษ ”



“พี่ก็อย่าบอกมันซี่”  เดินตามคนร่างสูงที่เดินนำผมให้ห่างออกมาจากกรงของไอ้รี่ และอ้อมมาหน้าคฤหาสของไอ้ทัพจนมาถึงโรงจอดรถ เดินขึ้นรถBMWคันประจำที่พี่ธรชอบขับไปส่งเสมอ



“ไม่แจ้งไม่ได้หรอกครับผม”



“ขี้ฟ้อง พี่อ่ะขี้ฟ้อง”  กอดอกพร้อมเบ้ปากใส่ แต่อีกคนก็แค่หัวเราะหึหึมาให้น้อยๆ ก่อนจะเริ่มต้นขับรถ แหม...ช่างเป็นคนมีอารมณ์ขันมากมายเหลือเกินพ่อคุณเอ๊ย...



“เจ้านายเป็นห่วงคุณเมลนะครับ ผมไม่แจ้งไม่ได้หรอก”



“พี่ฝันอยู่หรอ ผมรู้นะว่าพี่รู้ว่าผมเข้ามาอยู่กับเจ้านายพี่เพราะอะไร” 



ตอบอีกคนออกไปแบบนั้น ผมเห็นว่าพี่ธรก็มองผมผ่านทางกระจกหน้ารถอยู่เช่นกัน อีกฝ่ายเลือกที่จะนิ่งไม่พูดอะไร  พี่ธรเป็นคนที่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรพูดเสมอ เป็นคนที่มีบุคลิคดีและน่าเชื่อถือ ผมไม่แปลกใจที่เค้าถือเป็นมือขวาของไอ้ทัพหน้าเลยจริงๆ



“นี่พี่...ทำไมไอ้เชอร์รี่ถึงชื่อเชอร์รี่”   เลือกที่จะทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดนี้โดยการเปลี่ยนเรื่องแทน มองเห็นพี่ธรยิ้มเอ็นดูออกมาตอนที่ถามถึงไอ้สิงโตที่คาบแมวผมไปแดก



“ที่ชื่อเชอร์รี่เพราะเจ้านายเป็นคนชอบสีแดงครับ”



“เอ้า งั้นไม่ตั้งชื่อไอ้แดงไปล่ะ”



“ผมก็ไม่ทราบครับ แต่ตอนที่เชอร์รี่เด็กๆนอกจากติดผ้าห่มก็ชอบกินเชอร์รี่ จริงๆเจ้านายอยากให้ชื่อแอ๊บเปิ้ลเพราะสีแดงกว่าลูกเชอร์รี่ แต่ดูเหมือนเชอร์รี่จะไม่ร่วมมือ พอเรียกว่าแอ๊ปเปิ้ล มันก็จะเมินไม่สนใจครับ เจ้านายเลยยอมใช้เชอร์รี่แทน”



“โอ้โห มหากาพย์แห่งการตั้งชื่อ” 



ได้แต่นึกในใจ ถ้ากูเป็นไอ้รี่ก็ไม่ยอมชื่อแอ๊บเปิ้ลเหมือนกันล่ะ แรดมาก ตั้งชื่อได้แรดมาก เซ้นท์ในการตั้งชื่อสิ่งของมึงป่วยมากไอ้ทัพหน้า  หน้าตาอย่างโหด คิดชื่อมาแต่ละอย่างโคตรแอ๊บแบ๊ว กลัวแล้วจ้า



ใช้เวลาบนท้องถนนประมาณสองชั่วโมงในที่สุดผมก็มาถึงคณะ พี่ธรที่ค้อมหัวให้ผมอย่างสุภาพตอนที่มาส่งผมถึงที่ ทำแบบที่ชอบทำประจำแม้ว่าผมจะบอกว่าไม่ต้องแต่เจ้าตัวก็ไม่เคยยอม ผมก็จนใจจะห้าม ...ผมโบกมือบ๊ายบายให้พี่ธรหน่อยๆตอนที่อีกฝ่ายกำลังจะผละตัวกลับไปขึ้นรถ  ในตอนนั้นไอ้อู๋กับข้าวโพดก็เดินเข้ามาพอดี ไอ้อู๋ที่อ้าปากค้างตอนที่เห็นหน้าพี่ธร มันทำปากเป็นตัวโอหน่อยๆมองเค้าตาค้าง  ก็แน่แหล่ะ เอาจริงๆพี่ธรก็ถือว่าเป็นผู้ชายสูงใหญ่ที่หน้าตาดีใช่เล่น แถมมาขับรถยุโรปแบบนี้นะ ยิ่งดูดี ถึงแม้ว่ารถที่พี่ธรขับเจ้าของจะคือไอ้ทัพหน้าก็เถอะนะ



“เหยดดด มึงมีใครมาส่งวะไอ้เมล” 



ไอ้อู๋ที่ถลาเข้ามาหาผมแล้วว่าออกมาแบบนั้น สายตายังคงมองตามพี่ธรไปจนเจ้าตัวเค้ารู้สึกได้  พี่ธรที่มองมาทางพวกผมนิ่งๆ ไม่ได้ยิ้มหรืออะไร พี่ท่านก็แค่มองมานิ่งๆแล้วค่อยๆเปิดประตูเข้ารถแล้วขับออกไป เอ้อ...ก็แปลกดี



“ใครหรอเมล แฟนหรอ?” 



ข้าวโพดถามผมออกมาตอนที่รถของพี่ธรขับออกไปไกลแล้ว มันที่ไม่ได้ยิ้มหรืออะไร แปลกนิดหน่อยที่ผมรู้สึกว่ามันไม่พอใจอะไรสักอย่าง แต่ผมก็เลือกจะปัดเรื่องนั้นทิ้งไป แล้วส่ายหัวตอบมัน



“เปล่าหรอก ลูกน้องไอ้ทัพน่ะ”



“มึงกับพี่ทัพหน้า บุคคลในตำนานนั่นสรุปคือยังไงกันแน่วะเมล กูสงสัยมากในจุดนี้ มึงจะหาว่ากูเสือกก็ได้นะ เพราะจริงๆก็คือเสือก”



“เออมึงขี้เสือกสัดอู๋” 



ด่ามันออกไปแบบนั้นพร้อมๆกับส่ายหน้าแล้วเดินหนีมันเข้ามาที่ตึก มันยังคงตามมาเล้าหรือไม่เลิก เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในการเสือกเรื่องคนอื่นสุดๆ   ผมที่เลือกจะนั่งลงที่โต๊ะนึงใต้ตึกคณะ เห็นนักศึกษาหลายคนของหลายชั้นปีเดินไปเดินมาเต็มไปหมด ก็แน่หล่ะนี่มันยังไม่ได้เวลาเข้าห้องเรียน แต่สายตาดันไปสะดุดเข้ากับร่างๆนึง



ไอ้กุ๊ก



มันที่เดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาในตัวตึก แต่ดันเดินชนเข้ากับคนกลุ่มนึงเข้า และเหมือนมันกำลังจะมีเรื่อง ... พูดตรงๆก็คือ ไอ้กุ๊กเป็นคนที่มีหน้าตาหยิ่งๆดูอ้อนมืออ้อนตีนคนอื่นก็เพราะมันชอบทำหน้านิ่งๆ จริงๆมันแค่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงกับคนที่ไม่รู้จัก



“ชนแล้วไม่ขอโทษ มึงจะเอาหรอไอ้สัด!”  เสียงดังจนไอ้อู๋กับข้าวโพดได้ยินต้องหันไปมองตาม



“จำเป็น?”  มองจากตรงนี้เห็นไอ้กุ๊กตอบไปแบบนั้น  นี่แหล่ะคิดว่ามันควรจะโดนตีนก็แบบนี้แหล่ะ



“กวนตีนมากหรอไอ้สัด”  ฝ่ายตรงข้ามที่ตัวใหญ่กว่ามันสามเท่าแล้วเสือกทีสามคน เดินเข้าใส่ไอ้กุ๊ก ผมเห็นว่ามุมปากมันยังเขียว คิดว่าคงเป็นเพราะโดนหมัดของไอ้บิน



“แล้วมึงไม่กวนตีนหรอไอ้สัด” 



ไอ้กุ๊กที่ว่ากลับไปแบบนั้น มันมองพวกนั้นแบบไม่สบอารมณ์ พร้อมๆกับพยายามจะเดินเลี่ยงออกมา แต่ถูกกระชากแขนไว้อย่างแรง ผมที่เห็นแบบนั้นลุกขึ้นยืนอัตโนมัติทันที



“เมล เดี๋ยว” 



ไอ้โพดที่ดึงมือผมไว้ หันไปมองมันที่ส่ายหัวไปมาส่งมาให้ผม สายตาของมันที่มองไปที่กุ๊กแบบเป็นห่วงแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือผม



“ไอ้เมล มึงเข้าไปมึงก็จะเจ็บตัว เดี๋ยวกูเอง”  ไอ้อู๋พูดแบบนั้น และมันเองก็ลุกขึ้นเหมือนกัน



“หยุดทั้งเมลทั้งอู๋นั่นแหล่ะ ขืนเข้าไปก็จะโดนทำโทษกันหมดพอดีสิ โพดไม่อยากให้เมลกับอู๋ต้องโดนทำโทษนะ ปี4แล้วด้วย มีเรื่องตอนนี้ถ้าไม่จบจะทำยังไง”



“แต่ไอ้กุ๊กมัน...” 



ผมที่ขมวดคิ้วอ้าปากเถียงแต่ยังไม่ทันจะจบประโยคดีก็ต้องหยุดปากไว้แค่นั้น เมื่อเสียงหวีดร้องอย่างตกใจของกลุ่มคนที่กรูกันเข้าไปมุงดูตรงที่ไอ้กุ๊กมีเรื่องก็ทำเอาใจเสีย  ผมสะบัดมือออกจากไอ้โพดทันทีแบบไม่คิด แล้ววิ่งตรงเข้าไปในกลุ่มที่ตอนนี้มีคนมุงกันใหญ่อยู่ตอนนี้



อย่ามายุ่งกับมัน! ถ้ามึงไม่จบอย่าหาว่ากูไม่เตือน”  เสียงเข็มที่ตวาดลั่นลานกว้างทำเอาอีกฝ่ายถึงกับผงะ ไม่ต่างจากพวผมที่พอวิ่งเข้าไปดูก็ตกใจไม่แพ้กัน



“อะ...เออ กูเห็นแกมึงนะไอ้บิน ไม่งั้นกูไม่ยอมหรอก” 



ฝ่ายตรงข้ามที่หาเรื่องไอ้กุ๊กเหงื่อแตกพลัก ละล่ำละลักออกมาแบบนั้น ก่อนจะยอมถอยออกไปแต่โดยดี  ไอ้กุ๊กที่ยืนอยู่ข้างหลังไอ้บินเพราะเจ้าตัวถูกฝ่ามือใหญ่ของไอ้บินกอบกุมไว้ไม่ยอมปล่อย  ไอ้กุ๊กที่หันมาเห็นพวกผมยืนมองอยู่ มันก็บิดข้อมือออกจากมือของไอ้บิน ไอ้บินที่มองมันอย่างขัดใจแต่พอมันมองเห็นผมและไอ้อู๋ มันก็ปล่อยมือออกจากแขนของไอ้กุ๊กทั้งแบบนั้น



“คิดว่ากูอยากจับมึงมากนักรึไง เหอะ”



“แล้วมาเสือกเรื่องของกูทำเชี่ยไรล่ะ” 



ไอ้กุ๊กเองก็ไม่ยอม มันเถียงออกมาแบบนั้น มองหน้าไอ้บินตาขวางอย่างไม่ยอมเช่นกัน  เห็นแบบนั้นผมเองเลยเลือกที่จะวิ่งไปขวางพวกมันไว้



“พอเถอะ พวกมึงอย่าทะเลาะกันเลย”



“มึงยังจะปกป้องมันอีกหรอวะ” 



ไอ้บินหันมาถามผม จริงๆกูนี่อยากตอบกลับมากว่า คนที่ปกป้องมันน่ะน่าจะเป็นมึงมากกว่ากูซะอีกนะ แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูด เสียงไอ้กุ๊กก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน



“ใช่ อย่ามายุ่งกับกูเลยเมล อย่ามายุ่งกับคนเหี้ยแบบกูเลย เชิญมึงอยู่กับคนโง่แบบพวกเหี้ยนี่ไปเถอะ” 



มันที่หันมามองหน้าผมแล้วผมออกมาแบบนั้น ก้าวขายาวๆของมันเดินกระแทกไหล่ไอ้บินไปอย่างแรง ก่อนจะหันมาหาผมและไอ้อู๋กับไอ้โพดอีกหน่อย ไอ้กุ๊กที่เหยียดยิ้มร้ายๆออกมาแบบที่ผมไม่เคยเห็น



“เชิญมึงเกาะอยู่ในจุดที่มึงยืนอยู่ให้แน่นๆละกัน วันไหนมึงร่วงลงมาอย่าหาว่ากูไม่เตือน”



“เชี่ยกุ๊ก มึงแม่งเหี้ยว่ะ”  ไอ้อู๋เดินมายืนบังข้างหน้าผมไว้แล้วว่าออกไปแบบนั้น แต่อีกฝ่ายกลับเลือกที่จะไม่สน มันสะบัดหน้าหนีแล้วเดินออกไปโดยที่ไม่สนใจพวกเราอีกเลย



“แม่งพูดงี้กับมึงได้ไงวะเมล อย่าไปสนใจแม่งเลย เพื่อนเหี้ย”  ไอ้อู๋ที่บ่นออกมาแบบนั้น ผมยังคงมองตามแผ่นหลังบางของไอ้กุ๊กที่เดินจากไป ก่อนจะขมวดคิ้วหน่อยๆ



“บินเจ็บมากไหม อะ เอาผ้าเช็ดหน้าเราไปเช็ดนะ”



“อื้ม...ขอบใจ”  ไอ้บินที่ตอบรับข้าวโพดเบาๆแต่มันเองก็ยังดูจะหัวเสียกับไอ้กุ๊กไม่เลิก ไม่ต่างจากไอ้อู๋เช่นกันที่ยืนบ่นหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ตอนนี้


.

.

.




 ผมที่เข้าเรียนมาในสภาพที่ไม่พร้อมจะเรียนเท่าไหร่  คำพูดและหน้าตาของไอ้กุ๊กยังลอยอยู่ในหัว ผมมองเห็นแผ่นหลังของมันนั่งอยู่แถวๆหน้าห้องเรียนข้างๆหน้าต่าง มันที่มองเหม่อออกไปนอกห้องเรียนแล้วตอนนี้  ผมรู้ดีว่ามันสนิทกับคนยาก และจริงๆเพื่อนสนิทของมันก็คือไอ้บิน ... และมาในตอนนี้มันก็คงไม่มีใคร คงจะไม่แปลกเท่าไหร่ ที่ผมมองมันจากตรงนี้แล้วรู้สึกว่ามันดูโด่ดเดี่ยวมากๆเลย



“เอาล่ะนักศึกษา นั่งที่กันให้เรียบร้อย” 



เสียงเข้มๆของอาจารย์แก่ๆพุงพลุ้ยที่ทำเอานักศึกษาที่กำลังนั่งง่วงหนาวหาวนอนอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ทำให้นักศึกษาสนใจขึ้นมาแม้แต่น้อยเลย ก็หน้าอาจารย์ไม่ชวนให้สนใจอ่ะครับอยากบอกแค่นี้



“ต่อจากนี้ไป ครูจะมีอาจารย์พิเศษมาสอนนักศึกษาในรายวิชานี้แทนนะ เพราะครูมีภารกิจติดประชุมที่เยอรมันนานหลายเดือน เดี๋ยวยังไงขอเชิญอาจารย์พิเศษมาแนะนำตัวเลยละกัน” 



ได้ยินแว่วๆว่าจะมีอาจารย์พิเศษอะไรสักอย่าง ก็ไม่เห็นแปลก เรียนมา4ปีบางทีก็มีอาจารย์จากที่นู่นที่นี่ หรือคนเก่งๆมาสอนบ่อยๆในฐานะอาจารย์พิเศษ เยอะจนชิน และมันก็ไม่ชวนให้น่าสนใจอยู่ดีอ่ะเอาจริงๆ



“สวัสดีครับนักศึกษา ก่อนที่ผมจะแนะนำตัว ขอให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นมามองกันก่อนน่าจะดีนะ” 



เสียงเข้มๆที่ทำเอาผมเสียววาบทั้วสันหลัง บรรยากาศเย็นๆที่แผ่ออกมาทั่วทั้งห้องทำเอาทุกคนเงียบเสียงลงได้ในที่สุด รวมถึงผมด้วยเช่นกันที่เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมๆกับต้องอ้าปากค้างตาเบิกกว้างในตอนนี้



“สวัสดี ผมทัพหน้า จะมาเป็นอาจารย์พิเศษในรายวิชานี้ตั้งแต่วันนี้จนจบเทอม ยินดีที่ได้พบ หึ” 



ร่างสูงในชุดสุภาพที่ยืนอยู่ด้านหน้าว่าออกมานิ่งๆแบบนั้นพร้อมสายตาเข้มๆที่มองตรงมาที่ผมเป็นพิเศษพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่บอกได้แค่ว่า



วอท

เดอะ

ฟาคคค!!!

มาได้ยังไงจ๊ะไอ้ชิพหาย!!



------------------



สวัสดีจ้าา .... แคทมาแล้วน้าาา หลังจากตอนที่แล้วยาวมาก คิดว่าคนอ่านน่าจะขี้เกียจอ่าน เพราะงั้นเราเลยลดลงมา เอาแค่10กว่าหน้าพอ คนอ่านลดลง แต่คอมเม้นท์อินขึ้น พูดเลยว่าชอบมากค่ะ อ่านคอมเม้นท์ของแต่ละท่านนี่คือชอบมาก5555 เห็นคนอ่านลงเรือกันไปหลายลำ เอาน่า...ไหนมากระซิบบอกแคทหน่อยเร็วว่าจะลงเรือไหนกันบ้าง อิอิ

ส่วนตอนนี้ ... ขอพูดแค่ว่า พี่ทัพหน้าเป็นคนรว๊ายๆ...พี่เค้าร้ายนะคะหัวหน้า

ส่วนถ้าคนอ่านอยากด่าใคร ตบใคร จัดไปเลยจ้าาา แคทรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนอยู่นะคะ แค่อย่าฆ่าแคทก็พอน้าาา จุ๊บๆ


และขอขอบคุณคนอ่านจากเล้าเป็ดที่มาคอมเม้นท์ให้แคทในตอนที่แล้วด้วยนะคะ


ขอขอบคุณ คุณursleepingxd คุณยู เจ้าเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือตอนนี้หลงน้องหลง 5555 และในจุดๆนี้ ตั้งแต่เขียนนิยายมา3เรื่อง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกว่าจะจ้างโคนันมาสืบ งื้ออ น่ารักจังเลย ถ้าอ่านแล้วรู้สึกอินตามสงสัยตามกันไปแคทก็ดีใจมากๆค่ะ ขอบคุณคุณยูเสมอที่อยู่อ่านกับแคทมาตลอดเลย แคทขอบคุณจริงๆค่ะ ส่วนการทำลายเรือคู่ไหนยังไงไหม บ้าาา คุณยูอ่ะคิดมาก แคทเปล๊าาาา :mew1:

ขอขอบคุณ คุณblove  งื้ออ อ่านคอมเม้นท์คุณbloveแล้วแคทปลื้มมาก คือจะต้องพูดแบบนี้ทุกตอนจริงๆค่ะ คือไม่คิดว่าจะได้คอมเม้นท์ยาวๆกับเค้าบ้าง เวลาอ่านแคทยิ้มไปเสมอเลย ขอบคุณที่ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ แคทขอบคุณจริงๆ ... ส่วนเรื่องความปากหมาของพี่ทัพ อยากบอกว่า ... หยุดปากพี่เค้าไม่ได้จริงๆค่ะ ถ้าจะหยุดได้อาจมีวิธีเดียวคือเอาปากน้องเมลไปหยุด อุ่ยยย :hao7: ส่วนเรื่องพี่รี่น้องหลงนั้นนน บ้าาา คิ๊ดม๊าก ชิปอะไร๊ เปล่าๆๆๆ (ให้มาอ่านตอนนี้อีกที อิอิ) ส่วนเรื่องฉากNCถ้าชอบแคทจะดีใจมากๆๆๆๆค่ะ เพราะในบรรดาฉากที่ต้องเขียน อันที่ยากที่สุดสำหรับแคทก็คือฉากNCนี่แหล่ะค่ะ แคทว่าแคทยังเขียนได้ไม่ดีพอ แต่ถ้าชอบแคทก็อยากจะกราบจริงๆ งื้ออ ได้รับกำลังใจแล้วฮึกเหิม ขอบคุณจริงๆนะคะ ขอบคุณกำลังใจดีๆที่ให้กันค่ะ ยังไงตอนนี้มาอ่านอีกน้าาา

ขอขอบคุณ คุณ tae1234  ถ้าถามว่ามีเรื่องช็อคอีกไหมนั้น 55555 บ้าาา .... เราก็ไม่ได้ให้ช็อคอะไรกันมากมาย อิอิ ว่าแต่ตอนนี้มีช็อคอะไรอีกไหมคะ ฮี่ๆ ยังไงมาอ่านตอนนี้อีกนะคะ จุ๊บๆ และขอบคุณคอมเม้นท์ดีๆที่ให้แคทด้วยนะคะ :L1:


ปล.สำหรับบางท่านที่อาจจะพึ่งรู้จักกันจากเรื่องนี้ สงสัยเรื่องหนังสือNo Limit...แรงรัก และ One Night...คืนเดียวก็เสียวได้  มีสอบถามแคทเข้ามาว่า หนังสือยังหาซื้อได้ไหม ขอพื้นที่ขายของหน่อยค่ะว่า ยังสั่งซื้อได้กับแคทในเพจเช่นเดิมจ้าา ยังมีสต็อคอยู่ค่ะ ^0^    :hao7: :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่13* {08.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 08-12-2018 22:02:48
เรื่องน้องบินกับน้องกุ๊กน้านนนนน  o22

ยังไงก็เอาใจช่วยน้องกุ๊กน้าาา

ใครไม่รักเรารักเอง ขอเททุกคนในเรื่องยกเว้นน้องเมลกับน้องกุ๊ก

พี่ทัพมาไมอะ ข้าวโพดดีใจจนตัวสั่นเลยสิ หึฟ์

ปล แอบถามหน่อย อันนี้ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ของเรื่องแล้วอะคะ หรือว่าแพลนจะมีทั้งหมดประมาณกี่ตอนก็ได้ เมื่อไรจะคลี่คลายยยย เมื่อไรน้องๆจะได้เอาคืนพวกพี่และเพื่อนง่าวๆซะที  :z6: ตอนนี้เราช่วยตบไปก่อนก็ได้  :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่13* {08.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-12-2018 23:39:34
อ้าวว จารย์ทัพหน้า
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่13* {08.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-12-2018 13:49:10
เออนั่นดิเมล แม่งมาได้ไงวะ WTF?? 555 ลุคอาจารย์ดาเมจแรงมาก เอาละเว้ยมาคุมเลย จะแอบหลับหรือเหม่อนี่คือไม่ได้ละเมล โดนทำโทษแน่ๆ 5555 //ขาก็ชอบเขี่ยมือก็ชอบขยุ้ม แต่อะไรคือการเปย์คอนโดแมวหรูๆและของเล่นให้เยอะแบบเว่อร์วัง ตล๊กกก 55555 เอาใจสุด โธ่เอ้ย!! และอีกอย่างนะที่วอแวถามเซ้าซี้ๆนี่ไม่ใช่ไรนะ คือรู้ ว่าเป็นห่วงใช่ป่ะ แต่ห่วงแบบสไตล์พี่มันอะ พูดดีๆมันไม่ใช่แนวใช่ม่ะ ต้องปากเสียๆ คือใช่เลย 5555 เออออออจะพยายามทำความเข้าใจนะทัพนะ มันเป็นปกติแก เริ่มชินละ 5555  //ว๊ายยยยยกุ๊กกกกก ชอบบินนนน อร๊ายยยย โหหหห งี้ถ้าคิดย้อนกลับไปคนที่น่าสงสารสุดคือกุ๊กอะ บินนี่ใจร้ายสุดแบบไม่ตั้งใจ คือกุ๊กแอบชอบบินใช่ม่ะ แล้วกุ๊กต้องรู้อะว่าบินแอบชอบเมล ตลอดเวลาที่เห็นบินแคร์เมลอะ โหยยยยยยเจ็บปวดแล้วไหนจะยังมาเจอคนในครอบครัวใส่ร้ายจนเพื่อนๆบอยคอตอีก เหี้ยเถอะจร้าาาา!!! //สรุปแล้วคือโพดร้ายตัวจริงใช่ม่ะ แต่ยังงงอยู่ว่าทำไปเพื่อไรวะ ปั่น??? มีเบื้องหลังยังไงเนี้ย? เอ๊ะหรือว่า......??? ว่าไรวะ คิดไม่ออก 555555555555  กูนี่ก็นะ :) ฮ่าๆ รอสืบจากไรท์ต่อไป แต่คือรู้ละว่าโดนโพดปั่นแล้วป่วน!! เอาไงละที่นี้หะเมล แต่สุดท้ายใจจริงลึกๆก็นะ บิน ยังห่วงเขาอยู่ ก็แหมมมมม! สนิทกันขนาดนี้ บินคงสับสนพอตัวว่ะ จะยังไงกะกุ๊กหรือเมลดี มีแยกคู่ไหมคะ 5555 หลายคู่เลย อยากติดตามเขาไปหมด คึคึ! พี่ธรงี้มีลับลมคมไหนอะ ยังสังสัยและแอบมองจับผิดอยู่นะ 55555 //ส่วนไอ้พี่รี่เรานั้น แสรดดดเอาน้องหลงไปกกตอนไหนวะ ไวไฟมาก กรี๊ดด 5555 เกมนี้ไอ้พี่รี่ชนะ นึกถึงหน้าตอนดึงผ้าห่มมาคลุมให้หลงแบบไม่สนใจเมล ยิ้มแบบเย้ยใส่ๆ อีกคนก็ทำไรไม่ได้ สะใจดีไหมรี่ 5555555 //เอออออออเพิ่งรู้ว่าไอ้พี่ทัพหน้ามันง่อยเรื่องตั้งชื่อ ถ้าไม่ใช่ทัพหน้าคิดไม่ได้นะชื่อนั้น สิงโตหน้าโหดๆจะมาชื่อแอ๊ปเปิ้ล ลำพังชื่อเชอร์รี่มันก็นะ 55555555 ตล๊กกกกก //โอ้ยยยยสนุกกก ชอบค่ะชอบ อร๊ายยยยยยย “......กูเองก็กำลังมองมึงอยู่เหมือนกันเมล” ก็ไม่คิดว่าถึงขั้นจะมามองในห้องเรียนเลย 55555555 เป็นเอามาก ก็นะ คนมันห่วง แต่เสือกปากแข็ง ปากร้ายปากเสีย นี่แน่ะ เอาจริงใครปากเสียกว่ากันวะ กูงง 5555555 โอ้ยยยรอตอนหน้าเลยค่ะ จะเกิดไรขึ้นบ้าง ขอบคุณที่แต่งและมาอัพนะคะ รอๆตอนต่อไป (: (ปล.ขอโทษเถอะค่ะ อ่านแล้วนึกภาพตามพอมันอินก็จะเม้นยาวหน่อย เกรงใจ555555)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่13* {08.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 15-12-2018 20:02:17

บทที่14



‘ตึก ตึก ตึก’



‘หมับ’



“ดะ...เดี๋ยว ทะ...ทัพ แฮ่กๆ อะ...แฮ่ก ไอ้...ทัพ” 



ผมที่วิ่งออกจากห้องเรียนตามไปอย่างสุดกำลัง ก่อนจะคว้าเอามือคนตรงหน้ามาจับไว้ได้ในที่สุด แต่มันดันต้องแลกมากับความเหนื่อยหอบ คนไม่ชอบเล่นกีฬาและออกกำลังกายแบบกู ทำไมต้องมาวิ่งตามคนขายาวแบบนี้ด้วย กูเหนื่อย!  ได้แต่จับแขนคนตรงหน้าไว้ พร้อมๆกับที่ก้มตัวลงไปเอามืออีกข้างที่เหลือเท้ากับหัวเข่าแล้วหอบออกมาหนัก เหนื่อยชะมัด



“ใจเย็น แล้วก็...นักศึกษาช่วยพูดกับอาจารย์สุภาพหน่อยจะดีกว่านะ”  เอ่อ....ห๊ะ อะไรนะ?



“ว่าไงครับนักศึกษา จะจับมืออาจารย์อีกนานไหม” 



เสียงทุ้มเข้มๆที่ปกติไม่เคยจะสุภาพ แต่ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังตีน ผมที่ลมหายใจเริ่มกลับมาสม่ำเสมอเด้งตัวขึ้นมายืนดีๆ พร้อมจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง



“มึงมาทำอะไรที่นี่ อาจารย์พิเศษเชี่ยอะไร!”



“หักคิรากร 10คะแนน”



“เห้ย!”



“นักศึกษากรุณาพูดจาให้สุภาพด้วย” 



คนตรงหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับใช้สายตาคมมองมาที่ผมนิ่งๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ในหัวสมองกูนี่เดือดปุดๆยิ่งกว่าภูเขาไฟที่กำลังอยากจะระเบิด 10คะแนนกู๊!~~



ใบหน้าหล่อคมที่ค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้ๆแล้วเอียงหน้ามากระซิบข้างๆลงหู  ประโยคที่ชวนให้ใจกระตุกและขนลุกซู่ดังชัดเจนไปทั้งสมอง



“ถ้าอยากจะไม่สุภาพค่อยกลับไปพูดกับกูบนเตียงที่บ้าน หึ” 



พูดจบแค่นั้น ก็ผละหน้าออกพร้อมยักคิ้วให้ ก่อนที่คนร่างสูงจะกลับหลังหันแล้วขายาวๆนั่นก็ค่อยๆก้าวจากผมไปเหมือนไปมีอะไรเกิดขึ้น มีแต่กูที่ยืนอ้าปากค้างยืนหน้าแดงแปร๊ดอยู่คนเดียวตอนนี้



“ไอ้บ้าทัพ!”



“หักอีก10คะแนน ผมได้ยินนะคุณคิรากร”  ยัง  ... มึงยังจะหันกลับมาหักกูอี๊กกก ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นๆมองอีกคนที่เดินผ่านไปพร้อมรอยยิ้มสะใจที่เห็นผมทำอะไรไม่ได้  นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรวะเนี่ย



...



‘ปึก’



เสียงวางจานข้าวที่ดังมาจากน้ำมือของไอ้อู๋ มันที่วางจานข้าวลงตรงข้ามผม พร้อมกับหย่อนตูดลงนั่งตรงหน้าผมและหรี่ตาส่งมาให้แบบกวนประสาท



“ตามึงเป็นเชี่ยไรไอ้อู๋”



“นี่คือหน้าตากำลังสงสัยใคร่รู้ของกู”



“มึงอย่ามาทำพูดดี แบบมึงไม่มีทางใคร่รู้ แบบมึงมันเรียกขี้เสือกเถอะ อะ แล้วเอาข้าวมาให้กูสักที”



“เอ๊ะๆ เสือก อันนี้ของโพดโว้ย ของมึงนู้น ไอ้ห่าบินถือมาให้ละ...อะนี่ของโพดน้า” 



บุ้ยปากใส่ผมหน่อยๆแล้วหันไปยิ้มตอแหลพร้อมเลื่อนจานข้าวส่งไปให้ข้าวโพด เห็นมันทำแบบนั้นแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้เลยจริงๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป ไอ้บินก็หย่อนตูดลงนั่งข้างๆผมพร้อมจานข้าวของมันและของผมเรียบร้อย



“อะ ผัดไทยกุ้งสด มึงโอเคไหม”



“โอเคหมดแหล่ะ กูแดกได้หมด” บอกมันพร้อมเลื่อนจานจะเอามากิน



“เดี๋ยวๆ มึงยังแดกไม่ได้ไอ้เมล กูยังไม่ได้รู้เรื่องเลย สรุปพี่ทัพ เอ้ย อาจารย์พี่ทัพนี่มาสอนได้ยังไง อะไร แล้วก็ทำไม”



“แล้วมึงมาถามกูทำเชี่ยไรล่ะ ใครจะไปรู้”  ผมที่ก้มหน้าหลบสายตาจับผิดของมันแล้วตักผัดไทยกิน ส่วนไอ้อู๋ก็ยังไม่เลิกเสือกอ้าปากถามออกมาอีก



“คนอื่นไม่รู้ไม่แปลก แต่มึงนี่สิจะไม่รู้ได้ไง เดี๋ยวนี้กูรู้นะว่ามึงไม่ได้นอนคอนโด เมื่อไหร่มึงจะอธิบายกับพวกกูสักทีวะ ว่ามึงกับพี่ทัพนี่มันคือยังไง...โอ๊ย”



ไอ้อู๋ที่แหกปากลั่นออกมาเพราะแรงเตะขามันจากใต้โต๊ะเอง เสือกอยู่ได้  บรรยากาศแปลกๆบนโต๊ะก็เริ่มมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ อาจจะเป็นตอนที่ข้าวโพดกับไอ้บินตั้งใจฟังที่ไอ้อู๋ถามกันแบบเงียบๆล่ะมั้ง



“พูดอยู่ได้คนจะแดกข้าว”



“ว่าแต่ ทำไมอู๋ต้องคิดว่าเมลจะรู้เรื่องอาจารย์ด้วยล่ะ”  โพดที่พูดออกมาตอนที่ทุกคนเลิกสนใจไปแล้ว มันที่ถามออกมาเสียงใส พร้อมเอียงหน้ามองอู๋พร้อมส่งยิ้มให้หน่อยๆ



“เอ้า ถ้ามันไม่รู้แล้วใครจะรู้ล่ะครับ โพดไม่เคยได้ยินข่าวตอนปี1หรอ ไอ้เมลนี่ยิ่งกว่าแฟนคลับอาจารย์พี่ทัพอีกนะ น่าจะเป็นแฟนครับมากกว่าโน๊ะเพื่อนโน๊ะ”  ไอ้อู๋ว่าออกมาขำๆ แต่กูนี่อยากลุกเอาตีนขยี้หน้ามันสักที



“เอ๋...เพราะแบบนี้เมลก็เลยรู้เรื่องอาจารย์มากหรอ แบบนี้เมลก็ต้องเคยเห็นภรรยาอาจารย์สิใช่ไหม เห็นว่ากำลังจะแต่งงานเพราะว่าภรรยาอาจารย์ท้องแล้วนี่” 



ข้าวโพดที่พูดออกมาแบบนั้น ทำให้ผมรู้สึกว่าหน้าชา เหมือนโดนลากไปตบหน้าที่กลางสี่แยก ใช่...ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะว่าไอ้ทัพมันกำลังจะแต่งงาน ถ้าไม่มาเกิดเรื่องที่ผมกับณราชาซะก่อน ป่านนี้มันคงมีครอบครัวที่มีความสุข และคงกลายเป็นพ่อและนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เพอร์เฟ็คที่สุดเลย



“ว่าแต่ทำไมโพดรู้เรื่องเมียอาจารย์ด้วยล่ะ นี่ก็แอบเป็นแฟนคลับอาจารย์ด้วยหรอครับ แบบนี้อู๋เศร้าเลยนะ”



“อ่ะ ฮ่าๆ อู๋ก้อ...จริงๆเรารู้เพราะกุ๊กชอบเล่าให้ฟังน่ะ”



‘ปึก’



“เมื่อไหร่จะแดกกันวะ พูดเรื่องไร้สาระกันอยู่ได้” 



ไอ้บินที่เอาซ่อมกระแทกกับถ้วยพร้อมจ้องหน้าไอ้อู๋กับข้าวโพดตาขวาง มันที่บอกออกมาแบบนั้นทำเอาทุกคนเงียบเสียงลง อืม...ขอบใจ จะได้เลิกเซ้าซี้กันสักที



ผมที่เหลือบไปมองข้าวโพดที่แค่ยิ้มอ่อนตอบกลับบินนิดหน่อย มันที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก แล้วเริ่มลงมือกินข้าวเงียบๆกันได้สักที ... ไม่รู้ทำไม แต่ผมเองก็เหมือนจะเริ่มไม่พอใจข้าวโพดเหมือนกัน อาจเป็นเพราะความนิสัยไม่ดีของผม ที่พอมันพูดเหมือนตอกย้ำว่าผมไม่รู้หรอว่าทัพมันมีเมีย ผมเองก็รู้สึกเจ็บและไม่ชอบใจขึ้นมาหน่อยๆ  ... เลิกคิดอะไรไม่ดีกับเพื่อนได้แล้วมึง มันเป็นคนที่เคยห้ามไม่ให้ไอ้กุ๊กทำร้ายกูนะ...หรอวะ?



.

.

.



ออกจากห้องเรียนมาตอนเย็นเวลาเดิมสี่โมง เพิ่มเติมคือพี่ธรส่งไลน์มาบอกว่าอาจจะมาถึงช้าเพราะรถติดมาก จ๊ะ...ผมที่เดินออกไปมานั่งรอพี่ธรใต้ต้นไม้ต้นเดิมที่เคยรอพี่ธรพร้อมไอ้แจตอนนั้น ส่วนไอ้บินแยกไปชมรมบาส ไอ้อู๋บอกจะไปส่งข้าวโพด และนั่นทำให้ผมต้องกรอกตาเป็นรอบที่สิบของวัน



“พี่เมลลลลล ต๊ะเอ๋คร๊าบบบบ”   เสียงใสๆที่ทำให้ผมต้องหันไปมอง และร่างกลมๆอวบอิ่มที่ช่วงนี้จะคุ้นหน้าคุ้นตาดีก็วิ่งเข้ามาหา ในมือของมันยังคงมีของกินเหมือนทุกทีที่เคยเห็น ...



“คิดถึงแจไหมมมม แจนั่งด้วย ขอบคุณคร๊าบ” อะ...ไม่ได้ปล่อยให้กูอ้าปาก และมันก็นั่งลงตรงหน้าด้วยหน้าตาร่าเริงของมัน ดูเป็นเด็กที่ไม่ค่อยเครียดเอาซะเลย  เหมือนชีวิตเกิดมาเพื่อแดกแล้วตายไป



“กูอนุญาตมึงยังแจ”



“ยัง แต่พี่ดาบสอนว่าถ้าขอแล้วก็นั่งได้ไม่ต้องรอใครตอบรับหรอก”  ว่าแบบนั้นแล้วยิ้มกว้างๆออกมา ... เออ พี่มึงนี่สอนมาดี แต่พอพูดถึงพี่ดาบ เอ้ย เจ๊ดานี่แล้วนึกขึ้นมาได้



“ไอ้แจ พี่ดาบส่งรูปคนที่เป็นคนสั่งคนมาทำร้ายกูไปให้ไอ้ทัพยัง”



“อ่า แจไม่รู้ดิ แต่คิดว่าน่าจะยังนะ”



“แล้วอิพี่ตุ๊ดนั่นมันทำห่าไรอยู่ มั่วแต่งหน้าเรอะ ช้าชิพหาย”  โมโหเลยแม่งๆๆ



“พี่เมลอย่าว่าพี่ดาบเป็นตุ๊ดนะ!” 



มันที่ตะโกนบอกออกมาแบบนั้น หน้าตาน่ารักของมันที่ง้ำงอลงตอนที่มองหน้าผม ...อ่า กูดูเหมือนคนเหยียดเพศไปเลยแม่ง ทั้งๆที่ตัวเองก็ชอบผู้ชาย แต่ไปเรียกพี่มันว่าตุ๊ดน่าตาเฉย อยากจะตบปากตัวเองจริงๆ



“อ่า แจ กูขอโ...”



“ถ้าพี่ดาบได้ยินมันจะต้องกรี๊ดดีใจแน่เลย! เพราะงั้นพี่เมลห้ามเรียกแบบนั้นนะ แจไม่ชอบเลย เมื่อไหร่พี่ดาบจะกลับมาเป็นพี่ดาบสักทีก็ไม่รู้ งุ้ย หงุดหงิดเลย” 



ว่าแบบนั้นแล้วเริ่มแกะถุงลูกชิ้นออกมาแล้วยัดเข้าปากตัวเอง เคี้ยวหยับๆแบบเกรี้ยวกราดไปอีก ... เอ่อ มึงโกรธเพราะแบบนี้หรอ



“เออ กูจะไม่พูดอีก โทษทีนะๆ” 



ยื่นมือไปตบๆบ่ามัน แก้วตากลมๆของมันที่ก่อนหน้านี้มองผมอย่างขุ่นเคืองก็ค่อยๆกลับมาใสแจ๋ววิบวับเหมือนเดิม พร้อมรอยยิ้มสดใสที่คุ้นเคยดี...อะ ไอ้เด็กนี่เปลี่ยนอารมณ์ไว



“แล้วนี่มึงโผล่มาทำไรที่นี่วะ ช่วงนี้กูรู้สึกเจอมึงบ่อยมากๆ”



“ต้องเจอซี่ ก็พี่ทัพอ่ะนะให้แจ อุ้ย อุ๊บ เปล่าๆๆๆๆ ไม่มีไรเลยจ้า” 



กูนี่หรี่ตามองหน้ามันเลย มึงพิรุธน้อยมากๆไอ้เด็กกุญแจ หน้าตาเลิกลักร้อนรนไปอีก  มันที่ไม่กล้าสบตาผม เอามือขึ้นมาปิดปากแล้วส่ายหัวไปมา ...จ้า เป็นคนที่ดูไม่ค่อยจะมีพิรุธเลยจริงๆ ถ้าอยู่ในวงไผ่ตำรวยก็จับมึงก่อนอ่ะไอ้แจเอ๊ย



“บอกมา ถ้ามึงไม่บอกกูจะเอาของกินมึงโยนทิ้งเดี๋ยวนี้ล่ะ”  ว่าแบบนั้นแล้วคว้าถุงผ้าที่มันวางไว้บนโต๊ะมาไว้ในมือ  แอบแง้มๆดู ในถุงผ้าแม่งคืออาหารนานาชาติ นี่มึงมาเรียนหรือมาตะลอนถามกูถามจริง?



“โง้ยยย พี่เมลลลล อย่าทิ้งถุงสมบัติแจ แจหิวโหยยย ไม่สงสารแจหรอฮะ แจขอๆๆ” 



ไม่ว่าเปล่ามันทำตาละห้อยมองถุงอย่างน่าสงสาร แต่มือก็พยายามจะเอื้อมคว้ามาเอาคืนไป ดีที่นั่งอยู่กันคนละฝั่ง ฝันไปเถอะว่าจะได้เอาคืนไปง่ายๆน่ะไอ้หนู



“บอกมา อย่าคิดว่ากูไม่กล้าทำนะ กูรวย กูจะทิ้งขนมมึงยังไงก็ได้!”  ประกาศกร้าวออกไปพร้อมสายตาเหี้ยมโหด เป็นไงล่ะ ใจบาปไหมล้า กลัวกูแล้วใช่ไหมไอ้ลูกหมู หึหึ



“ยัง ยังอีกกก” 



โชคดีที่ข้างๆโต๊ะเรามีถังขยะอยู่ ผมก็เลยลุกขึ้นไปยืนเอาถุงผ้ามันจ่อลงถังขยะ หึ เอาแจแทบจะร้องไห้ มันนั่งปากเบะตาละห้อย พร้อมทำท่าเอื้อมมือมาห้ามจากตรงนั้น สงสารนะ แต่กูตลกมากกว่า และอีกอย่างคืออยากรู้มาก!



“นับ1 ....”



“ง่ะ พี่เมลอย่า”



“นับ2แล้วนะโว้ย”



“งื้ออพี่เมลลลล”



“อะ นับ2กับอีกครึ่ง...”



“แจ...แจ”



“นับสา....”



“แจบอกแล้วๆๆๆ ก็พี่ทัพอ่ะเป็นห่วงเลยวานแจมาวนเวียนใกล้ๆคอยเป็นหูเป็นตาแต่แจก็อยากมานะพี่เมลน่ารัก แต่ตอนนี้ไม่แล้ว! อย่าทิ้งของกินแจจจจจจจจ แจหิวววววววว งื้อออ”   



ไอ้แจที่หลับหูหลับตาพ่นทุกอย่างออกมารัวๆเพราะกลัวว่าผมจะเอาของกินมันไปทิ้ง แต่สำหรับผมตอนนี้ สิ่งที่ตกใจที่สุดน่าจะเป็นประโยคของมันนี่แหล่ะ



พี่ทัพอ่ะเป็นห่วงเลยวานแจมาวนเวียนใกล้ๆ



บ้าน่า ... คนแบบมันเนี่ยนะ ...เป็นห่วงผม



“เอามาเลย อย่ามาแกล้งแจแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นจะฟ้องพี่ทัพจริงๆด้วย” 



มันที่ลุกขึ้นจากโต๊ะมาบ่นงุ้งงิ้งใกล้ๆผม แล้วหยิบเอาถุงของกินของมันกลับไป ริมฝีปากบางๆของมันยังยื่นออกมาบ่นมุมมิบไปเรื่อย แต่กูเนี่ยยังสตั้นอยู่ตอนนี้



“ม...มึงพูดจริงหรอวะ”



“พูดไรจริง”  เงยหน้าออกมาจากถุงผ้าของมัน แล้วหยิบขนมครกออกมาเข้าปาก



“เรื่องไอ้ทัพ”



“อื้ออ จริงดิ วันนั้นที่พี่ทัพพาพี่เมลไปร้านพี่ดาบไง ที่พี่เมลเจอแจครั้งแรกไง จริงๆครั้งนั้นพี่ทัพให้แจไปจำหน้าพี่เมลไว้ แต่ยังดูไม่เท่าไหร่พี่เมลก็หายไปเฉยเลย ลุกหนีไปห้องน้ำเฉ๊ย” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้น แต่กลับทำให้ผมร้อนหน้าแปลกๆ วันนั้นที่รีบลุกออกไปก็เพราะหงุดหงิดที่ไอ้ทัพดูแลมึงเป็นพิเศษเนี่ยแหล่ะ แต่ไม่คิดว่าจุดประสงค์ที่ไปร้านไอ้พี่ดาบวันนั้นคือเรื่องนี้



“พี่เมลร้อนหรอ หน้าแดงๆน้า อะๆ...กินเป๊บซี่ดับร้อนน้า แต่ว่า เรื่องที่แจหลุดเล่าไปอย่าบอกพี่ทัพน้า ไม่งั้นแจโดนแน่เบย” 



แบ๊วมากมั้งมาบงมาเบย แต่ถึงแบบนั้นก็เลือกพยักหน้ารับให้สัญญากับอีกฝ่าย มันที่ฉีกยิ้มออกมากว้างๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบลูกชิ้นมากินต่อ ... เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มึงแดกหนมครกอยู่ไงแจ



“เห้ย เพื่อนนนนนน ทำไมยังไม่กลับบ้านครับ ส่วนหลังไม้กระดานนี้มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าต้องเป็นไอ้หมูแน่ๆ”



ไอ้อู๋ที่โผล่มาพร้อมเสียงร้องทักทาย ที่ผมมั่นใจว่าต้องเป็นเสียงที่ไม่พึงปรารถนาของไอ้แจแน่ๆ เห็นมันถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแบบหนักๆแถมกรอกตาอีกหนึ่งที สงสารมันเลย เพราะเวลาไอ้แจมาหาผมทีไร มันจะต้องเจอไอ้อู๋ที่ชอบกวนประสาทมันทุกที



“ทำไมมึงมาอยู่นี่วะ ไหนบอกจะไปส่งโพดไง”



“ตอนแรกกูก็ว่าจะไปนั่นแหล่ะ แต่โพดไม่ให้ไปว่ะ เซ็งชิพ”  มันบ่นออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับหย่อนตัวลงนั่งข้างๆไอ้แจ ไอ้แจที่เห็นแบบนั้นก็รีบเขยิบหนีทันที



“นี่อ้วน มึงไม่ต้องทำท่าทางรังเกียจกูขนาดนี้ก็ได้ไหมครับ แหม่ สวยมากมั้งน่ารักมากไง๊ต้องมาทำขยับหนี โทษนะหนูแบบพี่อู๋นี่มีแต่คนอยากเข้าใกล้นะครับ”



“ก็ไปหาคนที่เค้าอยากเข้าใกล้ลุงดิ แต่ไม่ใช่กับนี่แน่นอนอ่ะครับ ถอยๆอย่ามาใกล้ ชิ่วๆ กลัวคันอ่ะครับ”



“สัดนี่ กูคนไม่ใช่หมามุ่ย”



“อ่อ หรอๆ”



“กวนตีนจังวะมึงเนี่ย”



“พอๆ มึงก็ชอบไปแกล้งมัน”  ผมที่ยกมือห้ามศึกของไอ้สองคนนี่ไว้อีกแล้ว เจอกันทีไรมันเถียงกันได้เถียงกันดี



“แล้วทำไมโพดไม่ให้ไปส่งวะ”



“ไม่รู้ดิ โพดบอกว่าที่บ้านมารับ เค้าคงหวงของเค้าอ่ะมั้ง ก็โพดมันน่ารักนี่หว่า”



“ทีไอ้กุ๊กทำไมกลับเองได้วะ ที่บ้านมันไม่คิดจะห่วงมันบ้างรึไง”



“ก็มึงดูไอ้กุ๊กดิ แข็งเป็นไม้แบบนั้นยังจะน่าห่วงอีกหรอวะ แต่ไอ้เมลกูถามจริง ตอนนี้มึงก็ยังห่วงไอ้กุ๊กหรอวะเมล เอาจริงๆกูตกใจที่รู้ว่าไอ้กุ๊กเป็นคนวางแผนทำแบบนั้นกับมึงมากอ่ะ มันเป็นเพื่อนเรา มันจะทำได้หรอวะ”



“มึงยังคิดว่าไอ้กุ๊กจะทำได้หรอ แล้วทำไมมึงถึงเชื่อว่ามันเป็นคนทำจริงๆวะ”



“ก็เพราะโพดบอก”



“พี่นี่หูเบาเนอะ หน้าตาก็ดูไม่น่าโง่ แต่จริงๆเป็นคนโง่นี่นา”  ไอ้แจที่กลืนลูกชิ้นลงท้องไปคำ มันที่เอียงหน้ามามองไอ้อู๋แล้วพูดขึ้นมา



“มึงด่ากูหรอไอ้อ้วน เดี๋ยวนะมึง”



“เอ้า...ก็จริงนี่หว่า แค่คนๆเดียวบอกว่าคนๆนึงผิดพี่มึงก็เลือกเชื่อแบบนั้นได้เลยหรอวะ ไม่คิดจะหาความจริงหน่อยหรอ หูเบาเอาต่างหูไหม เดี๋ยวซื้อให้”



“ไอ้เด็กนี่”



“แต่ก็จริงแบบไอ้แจมันว่านะ พวกเราทำไมเชื่อโพดง่ายแบบนั้นวะ ไอ้กุ๊กมันเป็นเพื่อนเรานะ”



“ถึงจะแบบนั้นก็เถอะ มึงว่าโพดจะโกหกพวกเราใส่ร้ายไอ้กุ๊กมันทำไมล่ะ เพื่ออะไร แล้วถ้าไม่จริงทำไมไอ้กุ๊กมันไม่เถียงล่ะ”



คนเรามันก็มีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้นแหล่ะพี่มึง แค่บางคนเค้าจะเลือกพูดออกมาหรือเปล่าต่างหาก อย่าโง่ดิลุ๊ง”



“ไอ้เด็กนี่มันจะอยู่ร่วมโลกกับกูไม่ได้แล้ว ด่ากูจั๊ง มานี่เลยมึง ตายเพราะลูกชิ้นจุกปากหน่อยเป็นไง”



“อ๊ากก ช่วยด้วยยย อึกๆ อุกๆ” 



ไอ้อู๋ที่พุ่งเข้าไปกอดรัดไอ้แจจากทางด้านหลังด้วยแขนข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างก็เอาลูกชิ้นมายัดปากไอ้แจรัวๆ เห็นแล้วก็สงสาร แต่ก็ปล่อยให้พวกมันตีกันต่อไปก่อน เพราะคำพูดที่ค่อนข้างสะกิดใจของผมใจตอนนี้...



แต่ละคนก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง แล้วทำไม...ทำไมพวกเราถึงไม่เลือกที่จะเชื่อหรือฟังเพื่อนตัวเองกันเลยสักครั้งล่ะ?



.

.

.





“พี่ธร เจ้านายพี่อ่ะ วันนี้อยู่ๆก็โผล่ไปเป็นอาจารย์พิเศษของผมเฉยเลย ผีมาก”



“อ่อ เจ้านายได้รับเชิญจากอธิการน่ะครับ เป็นปกติมากที่โดนเชิญให้ไปสอน แต่ไม่มีครั้งไหนที่จะตอบรับเลย จนมาครั้งนี้นี่แหล่ะ วันนั้นที่ผมมารับคุณเมลแล้วไปคุยกับอธิการก็เพราะเรื่องนี้นี่แหล่ะ จริงๆก็ค่อนข้างแปลกใจอยู่เหมือนกันครับ ถ้าคุณเมลสงสัยไม่ลองถามเจ้านายดูล่ะครับ”



“เจ้านายพี่อ่ะปากหนักยังกับหิน ใครจะไปถามอะไรมันได้ล่ะ ถามไปก็ไม่ตอบหรอก” 



ผมที่ตอบพี่ธรออกไปแบบนั้น แล้วหันหน้าออกไปนอกรถ ได้แต่คิดตามในใจว่า...ปกติก็โดนเชิญให้ไปสอนบ่อยแต่ไม่ยอมไป แต่ทำไมครั้งนี้ถึงยอมวะ?



หรือจะเป็นเพราะผม



บ้าน่า...นี่คือการมโนยิ้มคิดเข้าข้างตัวเองชิพหายของกูเองจ้า ... ใช้เวลาบนท้องถนนนานไม่ต่างจากวันก่อนๆ ผ่านไปสองชั่วโมงก็กลับมาถึงบ้านไอ้ทัพ และแน่นอนว่า ผมต้องตรงไปหาไอ้ลูกแมวของผมทันที ยังไม่ลืมว่าเมื่อเช้าไอ้ลูกแมวของผมถูกไอ้รี่คาบไปแดก ฮื่อ แค่คิดก็ใจเสีย อย่าแดกแมวกูนะไอ้รี่ ถ้ามึงแดกแมวกู กูจะเรียกมึงว่าไอ้แอ๊บเปิ้ลตลอดไป กูจะล้อให้เสียสิงโตเลย!



“ไอ้หลงงงง กูกลับมาแล้ววว” 



วิ่งเข้าไปพร้อมกับร้องเสียงหลง บอกให้รู้ว่าเจ้านายมึงอยู่นี่นะ แต่พอเปิดประตูไปก็ต้องชะงัก เหยดแหม่  ไอ้รี่!! ใครเปิดประตูกระจกให้มึงเข้าม๊า!



ภาพตรงหน้าคือไอ้หลงที่เอามือวิ่งไล่ตะปบผีเสื้อปลอมที่ไอ้ทัพให้คนมาจัดไว้ มันก็ตะคลุมเล่นไปอย่างสนุกสนาน แต่อีกมุมนึงของห้องก็มีขนฟูๆของไอ้สิงโตขี้เกียจนี่นอนมองอยู่ มันที่ลากผ้าห่มสีแดงๆของมันมาปูนอนอยู่ที่มุมห้องอีกด้านนึงอย่างสบายใจ สายตาที่มองตามลูกแมวน้อยของผมนั้นคมกริบ ... ไม่นะ!



“มึงเข้ามาได้ไงไอ้รี่!”  ชี้หน้าด่ามัน แต่ไอ้สิงโตตัวใหญ่ทำแค่หรี่ตามองผม เหมือนมันจะขัดใจหน่อยๆที่ผมมาขัดอารมณ์สุนทรีย์ของมัน เดี๋ยวนะ ทำหน้าตาแบบนั้นใส่กูหมายความว่าไงห๊ะ



“เมี้ยววว เมี้ยวๆ”   



ว่าจะไปจัดการไอ้ยักษ์นั่นสักหน่อย โชคดีที่ไอ้หนูน้อยของผมมันมาตะแง้วๆอยู่ที่ขาซะก่อนเลยหยุดชะงัก ก้มหน้าลงไปยิ้มให้มัน ลูกแมวขาวๆที่ตอนนี้ยืนสองขา แล้วใช้ขาหน้าตะกุยเรียกผม เห็นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้  คิดไม่ผิดจริงๆที่วันนั้นเสี่ยงตายช่วยมึงให้อยู่ในบ้านนี้ได้อ่ะ ไม่งั้นวันนี้กูคงอยู่ที่นี่อย่างแห้งเหี่ยว



“ว่าไงไอ้หนู เล่นคนเดียวสนุกไหม”



“เมี้ยววว”  อุ้มมันขึ้นมา แล้วพาไปนั่งที่โซฟาหลุยย์ หนีไอ้รี่ที่มองตามาตาไม่กระพริบ



“กูไม่อยู่มึงโดนล่อลวงไปไหนเปล่า ไม่ได้นะเว่ย มึงจะไปนอนที่อื่นไม่ได้นะ นั่นที่นอนมึง เห็นไหมมีหลายห้องนุ่มฟูเบอร์นั้นอ่ะ”  ว่าแบบนั้นแล้วชี้ไปที่คอนโดแมวของมัน



‘โฮกกก’



ผมกรอกตาทันทีที่อยู่ไอ้เชอร์รี่ตัวดีก็ส่งเสียงออกมา  นี่มึงประท้วงอะไร



“หยุด มึงประท้วงอะไร มึงนะมึง อย่ามาล่อลวงแมวน้อยกูไป กูรู้นะว่ามึงอยากกินมัน ทำไมวะ ไอ้ทัพไม่ให้เนื้อมึงแดกหรอ จะมากินแมวกูอ่ะ แมวกูไม่ใช่ของกินนะเว้ย” 



ชี้หน้ามองมันดุๆ ไอ้รี่ที่มองตรงมาด้วยแววตาดื้อดึง ไม่เข้าใจหรอกว่ามันหมายความว่าไง แต่สายตามันเป็นแบบนั้นจริงๆ



“เข้าใจไหมไอ้หลง อย่าไปนอนมั่วๆซี่ ที่นอนมึงก็มีตรงนั้นๆ จำไว้นะไอ้หนู” 



ก้มลงไปบอกมันแบบนั้น เจ้าตัวจ้อยของผมก็เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมก้มหัวรับ หัวกลมๆของมันที่เอียงมาถูไถกับมึงของผม พร้อมร้องออกมาเบาๆ



“เมี้ยว”   น่าเอ็นดูไปหมด



‘โฮกกกก’ 



เสียงร้องดังๆส่งท้ายที่ทำให้ไอ้หลงกับผมต้องหันไปมอง ก็คือเสียงร้องเหมือนจะหงุดหงิดของไอ้รี่ หันไปไม่เห็นมันแล้ว เห็นแต่ตูดใหญ่ๆของมันที่หันหลังเดินผ่านกระจกไปที่กรงของมัน พร้อมคาบผ้าห่มแดงของมันไปด้วย เอาเว้ย จะชอบอะไรเบอร์นั้น แต่นั่นแหล่ะ ไปได้ก็ดี แมวกูจะได้ปลอดภัย ก้มลงไปมองไอ้ตัวเล็กที่มองตามไอ้รี่ไปจนลับสายตา ตากลมๆของมันที่ใสแจ๋ว ก่อนมันจะเอียงหัวทำหน้างงๆส่งมาให้ผม เหมือนมันจะถามผมว่าไอ้รี่เป็นไร



“กูก็ไม่รู้มันเหมือนกันไอ้แมวเด็ก” 



บอกมันไปแบบนั้น แล้วไม่ลืมที่จะยื่นมือไปเกาคาง มันที่หลับตาปี๋ทำหน้าฟินแบบมีความสุขทันที  ... เฮ้อ เป็นแมวมันดีจังวะ กูอยากเป็นมึงมากๆเลยไอ้หลงเอ๊ย


.

.

.





“ขอโทษนะครับป้า มีอะไรทานบ้างไหม เมลหิว” 



โผล่หน้าเข้าไปในครัว เจอป้าแม่บ้านที่กำลังจะเดินออกไปจากครัวพอดี เลยได้จังหวะถามซะเลย เล่นกับไอ้หลงจนเหนื่อยเลยต้องมาหาของกินซะหน่อย



“มีขนมจีบกุ้งค่ะคุณเมล ทานลองท้องก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าอุ่นให้”



“ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมทำเอง ป้ามีไรจะทำก็ไปทำเถอะครับ” 



บอกออกไปแบบนั้นแล้วป้าแกก็ยิ้มตอบรับแล้วเดินหนีออกไป ผมที่พุ่งเข้าไปหาขนมจีบกุ้งในตู้เย็นทันที  แน่นอนว่าไม่ได้ซื้อหรอก ป้าต้องทำไว้เองแน่ๆ และแบบนี้มันถึงน่าอร่อยกว่าของซื้อไงล่ะครับ กุ้งตัวเบ้งๆที่ดูแล้วเนื้อค่อนข้างจะดึ๋งดั๋งๆน่ากินวางโปะอยู่บนแต่ละชิ้น แค่เห็นก็กลืนน้ำลาย ผมหยิบออกมาเท่าที่ตัวเองอยากจะกินใส่ลงไปในจานแก้ว แล้วเอาหม้อนึ่งมาใส่น้ำแล้วเริ่มตั้งเตา เอาจานลงไปวางในนั้นแล้วเริ่มอุ่น ถ้าเอาไปเวฟคงจะได้กินง่ายกว่า แต่ถ้าเอาไปอุ่นในหม้อนึ่งแบบนี้ ขนมจีบจะไม่แห้งแกรนแล้วแข็งๆ จะทำให้กินอร่อยกว่าครับ โถ่ๆ....คาราเมลไม่ใช่คนไก่กานะครับ มีความรู้นะเออ อย่างน้อยๆตอนเด็กๆแม่ผมก็เคยสอนอะไรแบบนี้มาเยอะมากๆเลยล่ะ



“ว้าววว โคตรน่ากิน กูจะแดกมึงให้เรียบ” 



พูดกับตัวเองตอนที่เปิดฝา ควันห้องฟุ้งทะลักทะลวงออกมา กลิ่นหอมๆของขนมจีบกุ้งที่ทำเอาผมต้องยิ้มอย่างอารมณ์ดี  ใช้ส้อมจิ้มมันขึ้นมาชิ้นนึงเป่าๆให้หายร้อนแล้วเอาเข้าปาก



“โง้ยย อาย่อยยยย”



‘หมับ’



“อร่อยขนาดนั้นเลยหรอวะ” 



เสียงเข้มที่ดังข้างๆหูมาพร้อมๆกับวงแขนแกร่งที่โอบเอวผมมาจากทางด้านหลังทำเอาสะดุ้งขึ้นมาในตอนนั้น ทำอะไรไม่ถูกจนต้องยืนตัวเกร็ง ...



“อะ...เอ่อ...”



“ว่าไง ถามทำไมไม่ตอบ”  ใบหน้าหล่อที่วางลงมาที่ลาดไหล่ของผม แล้วเอียงหน้ามาถามแบบนั้น  เชี่ย!



“อะ...ไอ้ทัพ”



“เรียกชื่อบ่อยกูจะคิดเงิน ว่าแต่มึงทำอะไร ทำไมหอมๆ”



“หนม...หนมจีบกุ้ง” 



บอกอ้อมแอ้มออกไปแบบนั้น ได้แต่กดหน้าลงต่ำ รู้สึกร้อนหน้าแปลกๆ ร้อนหน้าที่ไม่ใช่เพราะว่าร้อนจากควันของขนมจีบ แต่ร้อนเพราะไอ้คนที่อยู่ๆก็โผล่มาจากด้านหลังแล้วกอดกันไว้แบบนี้



“หรอ หอมดีนะ”



“อ๊ะ!”



ร้องออกมาพร้อมๆกับสะดุ้งเมื่อริมฝีปากอุ่นกดจูบลงมาที่ลำคอของผม แรงกดจูบหนักๆที่ทำเอาขนลุกไปทั้งตัว  พอหันตัวกลับหลังไปมอง คนที่ก็ผละตัวออกจากผมแล้ว  มันที่เดินหนีออกไปที่ประตู ก่อนจะหันมาสั่งกันสั้นๆพร้อมรอยยิ้มที่จุดอยู่ที่มุมปาก



“ตักออกมาให้กูกินด้วยล่ะ มันน่าอร่อยดี หึ”



อะ...อร่อยเชี่ยไรล่ะไอ้บ้า!



หน้าร้อนที่ไม่ใช่ฤดูร้อน เออ...หน้ากูเนี่ยแหล่ะจ้า~~~~~



...


(มีต่อจ้า)

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่14* {15.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 15-12-2018 20:03:01

(บิน)



‘แกร๊ก’



เสียงประตูห้องข้างๆที่ดังขึ้นตอนที่ผมกำลังบิดลูกบิดออกไปจากห้อง มองไปแล้วก็ต้องชะงักเมื่อคนที่ยืนเซๆเอียงๆพิงกำแพงแล้วพยายามแหย่กุญแจรถเพื่อเปิดประตูห้อง ก็ทำเอาต้องส่ายหัว  ตั้งใจว่าจะเดินหนี แต่ยืนมองอยู่ประมาณห้านาที มันก็ยังเข้าห้องไม่ได้



“ควายเอ๊ย”  ว่าออกไปแบบนั้นแล้วก้าวยาวๆเข้าไปหามัน



“ทำเชี่ยไรของมึง นี่มันกุญแจรถไอ้สัด ที่สำคัญ คอนโดเรามันใช้การ์ด มึงเอากุญแจมาไขแบบนี้จะแหย่รูอะไรเพื่อเข้าห้องล่ะไอ้โง่”   



ว่ามันออกไปแบบนั้นอย่างหงุดหงิด ยิ่งได้กลิ่นเหล้าโชยมาจากมันก็ยิ่งหงุดหงิด ต้องแดกมากมายแค่ไหนถึงจะได้กลิ่นแรงขนาดนี้  ไอ้คนที่ดูจะไม่ได้สติอะไรเท่าไหร่ยังคงไม่สนใจผม มันยังเอาหัวแนบกำแพง แล้วเอากุญแจรถแหย่รูประตูต่อไป สัด



“ไอ้กุ๊ก!”  กดเสียงเรียกมันดังๆ และครั้งนี้ได้ผล มันที่เงยหน้าออกมาจากกำแพง ปรือตามองผมน้อยๆแบบงงๆมึนๆ



“สัด บิน”



“เป็นห่าอะไรทำไมเมาขนาดนี้วะ แล้วมึงกลับมานี่ทำไม ทำไมไม่ไปอยู่บ้านมึง” 



ถามออกไปแบบนั้น ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไม ในเมื่อมันก็กลับไปบ้านมันแล้วนี่ ถึงแม้เมื่อก่อนตั้งแต่ม.ปลาย มันจะไม่เคยอยู่บ้านเลยก็เถอะ แต่หลังจากวันที่พวกผมไปเจอมันที่บ้าน ก็คิดว่ามันคงจะไม่กลับมาที่นี่อีก



“เอิ๊ก เสือก”  สัด



“กูก็ไม่อยากเสือกกับมึงหรอกไอ้ขี้เมา”



เก่งนักมึงก็หาทางเข้าห้องเองละกัน เดินหนีมันออกมาจากตรงนั้น ก็ได้ยินเสียงตุบ หันกลับไปมองก็เห็นไอ้ห่ากุกไถตัวลงไปนั่งกับพื้นเรียบร้อยแล้ว แม่งเอ๊ย ตั้งใจจะลงไปหาอะไรกินที่เซเว่น ทำไมต้องซวยมาเจอมันด้วยวะแม่ง



“ไอ้กุ๊ก ตื่นไอ้สัด” 



เอาเท้าเขี่ยๆ แต่มันก็ตอบกลับมาแค่ อื้อๆอืมๆ พูดแม่งไม่รู้เรื่อง เลยทรุดตัวลงไปพยุงมันขึ้นมายืนดีๆ แต่อีกฝ่ายก็ทำตัวเป็นของเหลวทิ้งตัวพิงผมแบบเต็มที่



“สัด ไอ้ภาระ” 



บ่นมันออกไปแบบนั้นพร้อมส่ายหัว ตัวมึงเบาเหมือนปุยนุ่นมากมั้ง ตบๆไปตามตัวมันเพื่อหาการ์ดเข้าห้อง แต่หายังไงก็หาไม่เจอ ปกติมันจะชอบเอาไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง แต่ลองล้วงดูแล้วก็ไม่มี



“เอ้ย กุ๊ก....เอ่อ” 



ผมที่เลิกคิ้วหันหน้าไปมองคนมาใหม่ที่พูดออกมาแบบนั้น ผู้ชายหน้าหล่อแต่เตี้ยกว่าผมเยอะ สูงประมาณไอ้กุ๊กนี่แหล่ะ มันยืนมองผมกับไอ้กุ๊กแบบงงๆ ว่าแต่มึงเป็นใครไอ้สัด อยากจะถามออกไปแบบนั้นแต่ก็ทำแค่เลิกคิ้วมองมันแบบกวนตีนแทน



“เอ่อ รู้จักกุ๊กหรอ” 



กูเนี่ยต้องถามว่ามึงรู้จักมันได้ยังไง ในโลกนี้กูแทบจะรู้จักคนในชีวิตมันหมดนั่นแหล่ะ มีแต่มึงนี่ที่กูไม่รู้ไอ้แป๊ะเตี้ย



“อืม”



“คือ เมื่อกี้เหมือนกุ๊กจะลืมนี่ไว้ในรถ ผมเลยเอาขึ้นมาให้”  มันที่ว่าแบบนั้นพร้อมยื่นของนั่นมาให้เห็น ชัดเลย การ์ดเข้าห้อง



“ขอบใจ” 



กอดเอวไอ้กุ๊กไว้แน่นๆ  แล้วเอื้อมมือไปกระชากการ์ดนั่นมาถือไว้เอง ไอ้แป๊ะเตี้ยนั่นหน้าเหวอหน่อยๆ แต่ทำไมกูต้องสนวะ มึงเป็นใคร สะเหร่อ



“มึงกลับไปได้แล้วไป เดี๋ยวกูดูมันเอง”



“เอ่อ...”



“กลับไป”



หันกลับไปมองมันอีกที แล้วพูดแบบชัดถ้อยชัดคำพร้อมมองมันแบบนิ่งๆ  ไอ้แป๊ะนั่นก็ฉีกยิ้มบางๆออกมาแล้ว หันหลังกลับไป ไปสักที เสือก



“อื้ออบิน”



“เออ กูเนี่ยแหล่ะ มึงนะไอ้สัดเดี๋ยวจะโดนไอ้ห่ากุ๊ก ไปกินเหล้ากับใครก็ไม่รู้ไอ้เหี้ย บอกว่าไม่ให้ไปเวลาไม่มีกูไง ทำไมไม่ฟังวะ” 



บ่นมันยาวๆ พร้อมลากตัวเก้งก้างของมันเข้ามาในห้อง ได้ยินเสียงงึมงำอยู่ข้างๆหูเพราะมันเอียงหน้ามาซุกซอกคอกันอยู่แบบนี้ ลากเข้ามาแต่ละทีก็คือลำบากชิพหาย



‘พลัก พรึบ’



จังหวะที่โยนตัวมันลงไปบนที่นอน แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ให้ความร่วมมือ มันที่ดึงตัวผมลงไปพร้อมๆกับมันด้วย ตอนนี้ไอ้คนเมามันเลยนอนปรือตามองหน้าผมอยู่ใต้ตัวผมแบบนี้



“บิน”



“ว่า...”  รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกตอนที่มันเรียกชื่อผมออกมาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ สายตาแบบนี้ และมันที่นอนอยู่ใต้ตัวผมแบบนี้



“บิน”



“เรียกทำไมวะกุ๊ก”



ถามมันออกไปแบบนั้น เอื้อมมือขึ้นไปลูบกรอบหน้าของมันตอนที่มันหลับตาลงช้าๆพร้อมปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาเงียบๆ ภาพตรงหน้ามันบีบหัวใจของผมมากเกินไป จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นมันร้องไห้คือเมื่อไหร่ อาจเป็นตอนที่พ่อกับแม่มันเลิกกันหรือเปล่าที่ผมเห็นน้ำตาของมัน แล้วอีกครั้ง...ก็คงจะเป็นครั้งนี้



“อย่าร้อง” 



บอกมันไปแต่เหมือนอีกฝ่ายที่พอได้ยินเสียงของผมมันจะยิ่งร้องมากขึ้นอีก เสียงสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารของมันทำให้ผมยิ่งทำอะไรไม่ถูก ค่อยๆลูบน้ำตาออกจากหน้าของมันแต่เหมือนยิ่งเช็ด น้ำตาของมันก็จะยิ่งไหล ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลยจริงๆ ทำไมเราถึงต้องกลายมาเป็นแบบนี้วะ



“ทำไมมึงต้องเป็นคนที่ทำร้ายเมลด้วยวะ”



“นั่นสิ...ฮึก...ท...ทำไมมึงต้องเป็นคนที่รักเมลด้วยวะ อึก”



และนั่นคงเป็นความจริงที่ผมไม่อยากได้ยินจากปากของมันที่สุด ก้มหน้าลงไปพร้อมๆกับที่แนบริมฝีปากลงไปแนบกับอวัยวะเดียวกันกับของมัน รสสัมผัสที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้น ไม่ต่างจากสมัยม.ปลาย และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้จูบมัน ถามว่าเลิกจูบมันตอนไหน ก็คงเป็นตอนที่ผมเจอกับเมลล่ะมั้ง ... ความรู้สึกตื่นเต้นและหอมหวานแบบนี้หายไปนานจนใจสั่น ลิ้นร้อนที่ค่อยๆละเลียดเลียกรีบปากสวยของมัน แล้วซอกซอนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปาก กดจูบหนักๆอย่างเอาแต่ใจ .... และผมยิ่งเอาแต่ใจมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ยิ่งร้องไห้หนักมากขึ้นเท่านั้น



“ขอโทษ”  ผละหน้าออกมาตอนที่มันยังนอนหอบหลับตา ลูบข้างแก้มมันช้าๆพร้อมบอกคำนั้น



“มึงนอนเถอะ” 



ผละลุกออกจากตัวของมันแล้วเอื้อมมือดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวของมันให้ ได้ยินเสียงสะอื้นของมันดังแว่วมาตอนที่ปิดประตู แล้วได้แต่กำมือแน่น ... ความรู้สึกสับสนแปลกๆตีรวนในอกจนอยากจะทุบทิ้ง เหลือบมองไปเห็นการ์ดคอนโดเข้าห้องของไอ้กุ๊กแล้วยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก และไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมเอื้อมมือไปหยิบมันมาถือไว้ และสอดใส่ลงไปในกระเป๋า เพราะอย่างน้อยถ้ามันอยู่กับผม ไอ้กุ๊กก็จะได้ไม่เสร่อเอาไปให้ใครถือไว้มั่วๆก็แค่นั้นแหล่ะ ... จริงๆ



...

               

 เช้าวันใหม่ของผมเริ่มมาแบบขุ่นมั่วไม่ต่างจากเมื่อวานเลย จะไม่ให้หงุดหงิดได้ไงล่ะ ก็แมวของผมหายออกไปจากในกระบะที่นอนอีกแล้ว แม่ง ผมอุตส่าห์ตื่นเช้าตั้งใจจะเอาข้าวมาป้อนก่อนออกมาเรียน แต่แล้วไง...แมวผมหายอีกแล้ว!! ฆาตกรไม่ใช่ ชื่อที่วาบขึ้นมาในใจมีเพียงหนึ่งเดียว ‘ไอ้รี่’ เพราะคิดแบบนั้นเลยวิ่งมาดูที่กรงของมัน และแน่นอนว่า



“ไอ้รี่!! มึงเอาแมวกูมาแดกเรอะ!” 



ตะโกนเสียงดังอยู่นอกกรง และเหมือนเดจาวู วิ้ง วิ้ง วิ้ง วิ้ง บูมเมอแรง!!  ไม่ต่างจากเมื่อวานก่อน ไอ้รี่ที่นอนเอาผ้าคลุมโปงไว้ มันโผล่หัวออกมาจากผ้า แล้วในอ้อมอกมันเช่นเดิม พี่เมลน้ำตาจะไหล มีหัวกลมๆขาวๆที่นอนหลับตาสนิทดูพริ้มฝันหวานอยู่ตรงนั้น กูนี่ตะกุยกรงเลย



“เอาแมวกูคืนมาเลยนะไอ้รี่!!”



แหกปากออกไปแบบนั้น แต่มันก็ดูไม่สะท้านอะไรทั้งนั้น มันเอาหน้าขนฟูของมันก้มลงไปดมๆหอมๆไอ้หลงแบบสบายอารมณ์ หัวจิตหัวใจของคนเป็นพ่อแบบผมไหวหวั่นกันเลยทีเดียว



“มึง จะแดกลูกกู๊!”



โวยวายอยู่หน้ากรง ไอ้รี่ที่ทำแค่เงยหน้าขึ้นมามองผมอีกหนึ่ง รู้สึกเหมือนเห็นมันยักคิ้วใส่เลย นี่มึงวอร์กับกูเรอะ ... แต่สิงโตมันไม่มีคิ้วนะ ยังไง



“คุณเมลครับ ลงมาจากกรงเถอะครับ จะสายแล้วนะครับ”



“พี่ธร ไอ้รี่มันเอาแมวผมไปแดกอีกแล้วพี่ ดูๆๆๆ” 



เขย่าลูกกรงให้พี่ธรดู แต่อีกฝ่ายดูจะไม่เข้าใจผม พี่ธรที่ทำแค่ยิ้มแห้งๆ แล้วพยายามแงะตัวผมออกมาจากกรงก็แค่นั้น งุ้ย หงุดหงิดโว้ย หันกลับไปมองไอ้รี่อีกรอบ มันที่คาบผ้าห่มมาปิดไอ้หลงแล้วหรี่ตามองผมแบบเย้ยๆ ไอ้สาดดดดดดด นี่กูคิดไปเองหรือมันเรื่องจริ๊ง โกรธๆๆๆๆ ไอ้รี่! มึงมันเหมือนเจ้าของมากเกินไปแล้วววว



...





“ทำไมมึงมาช้าวะเมล” 



ไอ้อู๋ที่เอียงหน้ามากระซิบถามผม ตอนที่เดินเข้ามาในห้องเรียนแบบเฉียดฉิว เกือบสายแล้วกู มองไปหน้าห้องเรียนแล้วกูต้องสะดุ้งเฮือกเลย สายตาคมกริบจากคนที่นั่งอยู่หน้าห้องเตรียมตัวรอสอน มันค่อนข้างจะคุ้นมาก



“มีเรื่องนิดหน่อย แต่...”



“อ่อ อาจารย์พี่ทัพมาถึงคนแรก มึงเชื่อไหม มาก่อนพวกเราทั้งเซคอีก โคตรฟิต”



“กูนึกว่าเค้าจะมาสอนอาทิตย์หน้า”   



เมื่อวานพอรู้สึกว่าหน้าจะระเบิดก็เลยพยายามหนีหน้ามัน สุดท้ายเลยลืมถามว่ามันจะมาสอนเมื่อไหร่อะไรยังไง แล้วเมื่อคืนก็เห็นว่าอีกฝ่ายดูจะยุ่งๆอยู่ในห้องทำงาน คิดว่ามันต้องทำแผนการสอนวันนี้แน่ๆเลย



“หิวไหมเมล กูซื้อนี่มาฝาก”  นั่งลงแล้วไอ้บินก็เอียงหน้ามากระซิบถามข้างๆหู



“ขอบใจมึง”  เอื้อมมือไปรับถุงเซเว่นมาจากมัน มองดูแล้วเห็นแซนวิสกับนมอยู่ในนั้น ยังไม่คิดจะกินอะไรหรอกรอพักก่อน แต่ว่านะ ...



“เอาล่ะนักศึกษา จะเริ่มสอนแล้วนะครับ ขอความกรุณาโฟกัสอยู่ที่ผม และเก็บของกินลงด้วยถ้ายังมีมารยาทพอนะครับ” 



เสียงเข้มที่ดังมาจากหน้าห้องทำเอากูสะดุ้ง นี่มันด่ากูไหมยังไง มองตรงไปที่มัน ก็เห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าผมด้วยสายตานิ่งๆอยู่ตอนนี้ ... ชัด ด่ากูนี่แหล่ะสาดดดดด



เก็บขนมแทบไม่ทัน



“เหอะ” 



หันไปมองไอ้บินงงๆ อยู่ๆแม่งก็แค่นเสียงแบบไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่อีกฝ่ายไม่พูดอะไร เพราะแบบนั้นผมก็เลยเลือกที่จะไม่ถาม ....



เวลาผ่านไปราวๆ2ชั่วโมง ความรู้อัดแน่นจนสมองเบลอ แต่ก็ต้องยอมรับในจุดๆนี้เลยว่า ไอ้ทัพมันเก่งมากๆ อธิบายด้วยเสียงนิ่งๆที่ทำเอานักศึกษาทั้งห้องเงียบฟังอย่างตั้งใจได้ แล้วก็ค่อยๆอธิบายอย่างละเอียดและเข้าใจง่าย เอาจริงๆในวิชานี้ผมแค่หวังว่าจะไม่Fก็พอ เพราะตั้งแต่เรียนมาก็งงแม่งทุกคาบ แต่ตอนนี้ที่ไอ้ทัพเป็นคนสอน มันก็ดูจะเข้าใจมากขึ้นอ่ะนะ



“เอาละครับ พักสิบนาที”



เหมือนเสียงสวรรค์เลยโว้ยยยย ผมที่ยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจทันที นักศึกษาคนอื่นๆก็เริ่มทยอยกันออกไปดื่มน้ำปัสสาวะกัน และเพราะเป็นเวลาพักแบบนี้ ผมเลยหยิบแซนวิสของไอ้บินขึ้นมากิน



“บิน มึงซื้อใส้ทูน่ามาให้กูอ่ะ กูไม่ชอบนะโว้ย”



“เอ้า กูซื้อทูน่าหรอวะ โทษที มึงกินได้ไหม”



“ได้ๆ ไม่เป็นไร” 



บอกมันแบบนั้นแต่ก็หยิบมากิน จริงๆไม่ใช่กินไม่ได้แต่แค่ไม่ค่อยชอบครับ...แต่ผมจำได้นะว่าใครชอบใส้นี้...ก็ไอ้คนที่นั่งอยู่หน้าห้อง คนที่ไอ้บินมันขมวดคิ้วมองมาทั้งคาบนั่นไงที่ชอบ ... ไอ้กุ๊กชอบใส้ทูน่าจะตาย กูนี่ชอบใส้แฮมชีสเถอะ



‘ตื่อดึ้ง’



กัดไปได้ไม่กี่คำ เสียงไลน์ของผมก็ดังขึ้นจนต้องยกขึ้นมาดู แล้วก็ต้องขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมไปอีก



ทัพหน้า: [[แดกอร่อยมากไหม ทำไม ของแดกที่บ้านกูมันไม่อร่อยรึไง ]] 



อ่านข้อความตรงหน้าแบบไม่เข้าใจ ได้แต่กระพริบตาปริบๆ แล้วเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ มองตรงไปที่หน้าห้อง อาจารย์รูปหล่อในเสื้อเชิ๊ตสีขาวพับแขน เป็นลุคอาจารย์ที่โคตรแบด แต่หล่อมาก มันที่ขมวดคิ้วมองหน้าจอมือถืออยู่ในตอนนี้ และข้อความต่อมาก็ปรากฏอยู่ที่หน้าจอของผม



ทัพหน้า: [[อ่านแล้วไม่ตอบ หัก10คะแนน]]



คาราเมล: [[เดี๋ยวๆเห้ยๆๆ ใช้อำนาจทางไม่ชอบแบบนี้ได้ไงวะ]]



ทัพหน้า: [[พูดวะกับอาจารย์ หัก10คะแนน]]



คาราเมล: [[เห้ยยย ไม่ได้ดิ]]



ทัพหน้า: [[กูว่าได้ กูสดวกแบบนี้]]



ไอ้ ไอ้....ได้แต่กัดฟันกรอดเลย รู้สึกเหมือนแม่งกำลังกวนตีนกัน  แม่ง! ไม่รู้จะมาสอนกันทำไม แบบนี้เหมือนเป็นนักโทษอยู่ในสายตามันตลอดเวลาเลยอ่ะ



“อาจารย์ทัพหน้ายิ้มแล้วดูดีจังเลยนะ พึ่งจะเคยเห็นล่ะ” 



เสียงใสๆของข้าวโพดที่ดังขึ้นมาในตอนนั้น ผมเลยต้องหันหน้าไปมองบ้าง ไอ้ทัพที่ยกยิ้มมุมปากออกมาหน่อยๆและกำลังมองหน้าจอโทรศัพท์ หน่อยแน่ะ แกล้งกูนี่มันมีความสุขมากสินะ



คาราเมล: [[ไอ้โรคจิต!]]



“เอาละนักศึกษา หมดเวลาพักแล้ว” 



โว้ยย พอส่งไปด่าแบบนั้นมันก็โยนโทรศัพท์ทิ้งแล้วประกาศออกไมค์มาแบบนั้น ขนมปังยังคาปากคามือกูอยู่เลยโว้ยยย



“ตรงนั้น ผมบอกว่าหมดเวลาพักแล้วไงครับ ทำไมยังกินขนมในห้อง แบบนี้ไม่ดีมากๆ ขอเชิญคิรากรมานั่งข้างหน้าด้วยครับ คิดว่าเราน่าจะได้รับการสอนที่พิเศษมากหน่อยนะ”



เหยียดเป็ด!



มองหน้ามันที่พูดแบบนั้นออกมานิ่งๆแบบสบายๆ เพื่อนๆในเซคที่หันมามองผมเป็นตาเดียว และความผิดก็ซัดโครมมาที่ผม และเพราะมันผิด อาจารย์จะลงโทษก็ไม่แปลก แต่จะมีใครรู้ไหมว่ามันตั้งใจแกล้งโผ้มมมม แค่เห็นสายตาวิววับและรอยยิ้มมุมปากที่ถูกจุดอยู่ตอนนี้ก็รู้แล้ว ไอ้บ้าเอ๊ย!



เวลาเดินไปเรื่อยๆ จนมันให้พวกเราทำแบบฝึกหัดไปเรื่อย ไอ้อาจารย์บ้าหน้าหล่อแต่ใจโฉดนั่นก็เดินดูไปเรื่อย จนอยู่ๆผมก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่ออีกฝ่ายเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะ ฝ่ามือหนาที่วางไว้ที่พนักพิงของผมแล้วโน้มตัวลงมาหา ท่าทางที่ทำให้ผมโดนกักตัวไว้ไม่ต่างจากโดนกอดเลยในตอนนี้ทำเอาร้อนหน้า และยิ่งร้อนขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาว่า



“คิรากร ข้อนี้ตอบผิด แบบนี้สงสัยต้องติวตัวต่อตัวหน่อยแล้วมั้ง”



ช้อนตาขึ้นไปมอง มันที่แค่ยักคิ้วส่งมาให้ กดยิ้มมุมปากร้ายๆแล้วผละตัวเดินออกไปนิ่งๆ มีแต่ผมที่ร้อนหน้าและใจสั่นอยู่ตรงนี้



นี่มัน...นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย



What the heck?!!



----------------------------

แคทมาแล้วจ้าาาา  ส่วนตอนนี้น้านนน มีอะไรเซอร์ไพรส์กันอีกไหมหว่าา อิอิ  เราก็จะมาหย่อนระเบิดเวลาไว้ตอนละนิดตอนละหน่อย

และสำหรับตอนนี้วันนี้มาลงไวนะคะ เห็นคอมเม้นท์คนอ่านท่านนึงบอกว่าหวังว่าจะได้อ่านวันนี้เพื่อเยียวยาหัวใจให้วันนี้เป็นวันดีๆบ้าง แคทอยากบอกว่าแคทมาลงให้แล้วนะคะ

แด่คนอ่านทุกๆท่านที่มีเรื่องไม่สบายใจ แคทหวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้คนอ่านยิ้มมีความสุขไปกับมันไม่มากก็น้อย และหวังว่า วันนี้จะเป็นวันที่ดีขึ้นอีกหน่อย เมื่อได้มาอ่านนิยายของแคทนะคะ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี แคทและพี่ทัพน้องเมล บินกุ๊กอู๋แจน้องหลงพี่รี่ เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยนะคะ

-รักน้า-


ปล. ขอเชิญทุกท่านคอมเม้นท์และปลดปล่อยอารมณ์มาได้เล๊ยยย แคทรออ่านอยู่น้า จุ๊บๆ

ขอขอบคุณ ursleepingxd คุณยู ขอบคุณเสมอน่ารักกับแคทแบบจริงจัง แม้ว่าเราจะผ่านเรื่องไหนไป แต่เรื่องที่ตราตรึงใจคุณยูที่สุดต้องเรื่องที่ผ่านมาของพี่เหลืองแน่นอน 55555 คิดถึงมาก เดี๋ยวพี่แกก็โผล่มานะพูดเลย ของเค้าแรงมาก5555 ส่วนที่คุณยูถามแคทว่านี่กลางเรื่องยัง มีประมาณกี่ตอนจบ จริงๆที่แคทตั้งไว้คิดว่าประมาณ30-35ตอนจบค่ะ แต่ว่า...แคทก็ตั้งแบบนี้ไว้ทุกเรื่องนะ แต่พอเขียนจริงๆน้านนน ก็จะปาไป40 แต่ว่าเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องแรกที่ไม่ยาวก็ได้ เนอะ (เหรอ?)

ขอขอบคุณiceman555  จารย์ทัพมาแล้วจ้ารู้ยังงง เข้ามาอ่านตอนนี้อีกนะคะ แล้วจะพบกัน อ.ที่ใช้หน้าที่การงานในทางมิชอบแน่นอน ฮ่าาาาา


ขอขอบคุณblove  ตามที่คุณbloveบอกแคทว่าเม้นท์ยาวแล้วเกรงใจ คือแคทอยากบอกตรงนี้เลยว่า ไม่ค่ะ...ไม่ต้องเกรงใจแคทในเรื่องนี้เลยค่ะ สาดมาค่ะ แคทรออ่านคอมเม้นท์ยาวๆของคุณเสมอเลย แคทดีใจที่มีคนอินและชอบนิยายของแคทแบบนี้ จริงๆแทบจะไม่ค่อยได้รับคอมเม้นท์ยาวๆแบบนี้เท่าไหร่ด้วย รู้สึกประทับใจมากๆค่ะ ขอบคุณจริงๆ ... ส่วนผัวพี่ทัพหน้านั้น ตอนนี้มาในลุก อื้มมมม เป็นคนรว้ายๆ เป็นครูรว๊ายๆ แคทหวังว่าจะชอบนะคะ แล้วมาอ่านน้าาา จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่14* {15.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 16-12-2018 01:30:23
ไม่ชอบข้าวโพดเลย
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่14* {15.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 16-12-2018 10:47:57
ยาวสะใจมากเลยค่ะ ชอบบบบ

น้อนเมลก็โดนประกบทุกวิถีทาง พี่เฝ้าขนาดนี้ก็ล่ามไว้ที่บ้านมั้ย แมวก็โดนแย่ง ไม่ร้องนะน้องนะ เพื่อนบินตัดใจเถอะ ไปดูน้องกุ๊กโน่น น้องเมลอุตสาห์ได้ย้ายมานั่งหน้าแต่ไม่ได้คุยกับน้องกุ๊ก เสียดาย น้องหลงพี่รี่น่ารักเหมือนเดิม น้องแจก็น่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือใช้ถุงผ้า รักษ์โลกดีมากน้อง นังอู๋ก็โง่เหมือนเดิม ส่วนนังโพด ไปทอแลไกลๆนะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่14* {15.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-12-2018 12:54:36
 :laugh: อีพีทัพชอบแกล้งน้องเมล :ruready
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่14* {15.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-12-2018 16:47:18
โว้ยยยยยยยยยย!! ไอ้พี่ทัพบ้าเอ้ยยย ตรูอมยิ้มจนปวดแก้มไปหมดแล้ว แกล้งกันไปมาทั้งตอน อ่านละแม่มมม >..< เอออออนั่นละเหมือนกันเลยแกล้งเขาแล้วก็อมยิ้ม ชอบนักสินะ นี่ก็ชอบบบบบบ 55555 อห.ต่างคนก็ต่างแบบจะขาดกันไม่ได้แล้ว ดูจะติด+ชินที่จะได้อยู่ด้วยกันแกล้งกันไปมา ถ้าว่าแยกกันคือขาดใจตาย แต่ไม่รู้ใครจะตายก่อนนะ 5555 เอะอะหักคะแนนๆ แหมมมมมม!เดี๋ยวได้คะแนนพิเศษเพิ่ม ฮ่าๆ และดูเหมือนจะทำตัวกุ๊กกิ๊กมากขึ้นนะ ชอบทำให้เมลเขินบ่อยๆ นัวเนียวอแวตัลลอด คิดว่าหล่อมากสินะ เอออออก็หล่อจริง 555555 //ต่อไปไม่แน่นะเมล อาจจะได้เป็นหมาหัวเน่า ดูน้องหลงจะฟินเหลือเกินตอนนอนในอ้อมกอดไอ้พี่รี่  5555 ว้อยยยยชอบ กกน้องตลอด ให้มันได้อย่างนี้ นี่ใครๆ แย่งมาเล้ยยย ต่อไปคงไม่ต้องละเดี๋ยวน้องเดินไปหาเอ๊ง อร๊ายย >.,<  555 //อะไรอะบิน แกไปจูบกุ๊กทำม่ายยยย สับสนเลยดิ เอ้ยยกุ๊กๆหากิ๊กด่วน ไอ้คนที่มาด้วยกันก็ได้แค่คบกันเป็นเพื่อนทำเหมือนเป็นแฟน กูอยากรู้นักจะมีคนบางคนตาขวางหวงเขาบ้างไหม? เห๊อะ!! หาตัวเร่งให้รู้ใจตัวเองสักที ชิ!! สงสารกุ๊กอ่าาา ): มากุ๊กมา เราปลอบเอง (: แต่ก็นะ มีเผลอซื้อของกินที่เขาชอบมาให้อีกคน เหอะๆ หึหึ!! ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ววววววว  //โพดแกเป็นอะไรกับเมียทัพหน้าอ่ะเป่า ดูแกอยากพูดและอยากโยงเข้าหาตลอดอะ มีเรื่องไร๊ ห๊ะ!! รอสืบต่อไปจากไรท์ คึคึ!! //เอ้ออออออออออไอ้น้องแจพูดดีม๊วกกกกกก สั่งสอนพวกนี้หน่อยดิ หัวสมองคิดเยอะๆหน่อย สงสัยได้แดกเยอะถึงมีหัวคิดได้ดี แบ่งๆรุ่นพี่พวกนี้มั้งก็ดี เสริมอาหารหน่อย 55555 //โอ้ยยยยยยสนุกกกกกมากกกกกกค่า ชอบๆ อ่านจุใจ รอตอนต่อไปเล้ยย ขอบคุณและดีใจทุกครั้งมาอัพ ^_^ อินทุกตอน 5555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย ครั้งที่14* {15.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 19-12-2018 00:47:14

Inside Story



“รี่...รี่ ตะไมเดินหนีเยา”



เสียงเล็กใสแจ๋วที่ถามออกมาเป็นรอบที่สิบ หลังจากที่เจ้านายที่น่ารักของตัวเองเดินออกไปแล้ว แต่ผิดกลับเจ้าสิงโตตัวใหญ่ตัวนึง ที่ตั้งแต่ตอนนั้น ... ตอนที่เมลสั้งห้ามไม่ให้หลงไปนอนด้วย เจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดกับหลงอีกเลย ... ตะไมไม่พูดกับหลงง่า



“...................”



“งื้อ รี่ ... รี่โกรธอะไรเยา”



ขาสั้นๆที่ค่อยๆวิ่งตามหลังอีกตัวที่เดินนำหน้า แถมยังไม่ยอมตอบอะไรกันออกมาอีก



“ ...................”



“ฮึ่ย มะเอาาา รี่พูดกับเยาจิ”



สี่ขาสั้นๆที่ออกแรงวิ่งไวมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดที่มี วิ่งโผเข้าไปขว้างทางด้านหน้าของสัตว์สี่ขาตัวใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าป่าอย่างไม่กลัวโดนเหยียบ ดวงตาคมกริบที่ก้มหน้าลงมามองเจ้าตัวจ้อยตรงหน้าด้วยสายตาติดจะเย็นชา ขายาวกว่าหยุดชะงักก้าวของการเดินทันที



“มีอะไร”



“กะ...รี่มะยอมคุยกับเยาอ่า ตะไมโกรธหยอ”



“เหอะ หลบไปไอ้สั้น เกะกะ”



ใบหน้าน่ารักก้มลงต่ำพร้อมๆกับดวงตากลมใสที่หลุบต่ำลงทันทีตอนที่ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเสียงเย็นชาออกมาแบบนั้น ใบหน้าน่ารักฉายแววเสียใจให้ฝ่ายตรงข้ามได้เห็น



“ตะไม...ไม่อยากยุ่งกะเยาแล้วหยอ”



เสียงเล็กที่ว่าออกมาทำเอาสี่ขาแข็งแกร่งที่กำลังก้าวเดินหนีเจ้าแมวน้อยหยุดชะงักลงในตอนนั้น น้ำเสียงใสๆที่ทำให้เจ้าตัวต้องชะงักไปเมื่อได้ฟัง



“ใครกันแน่ที่ไม่อยากยุ่งกัน ถ้าไม่อยาก มึงก็ไปให้พ้นหน้ากู!”



เสียงเข้มของเชอร์รี่ที่ดังก้องกังวาล ทำเอาเจ้าตัวจ้อยตัวสั่นอย่างตกใจ แต่ถึงแบบนั้น เจ้าตัวก็ยังทำใจกล้า ก้าวขาสั้นๆของตัวเองเข้าไปหา ขาหน้าสั้นๆสีขาวสว่างค่อยๆยื่นไปแตะขาหน้าของเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่นั้นน้อยๆ



“หลง...หลงอยากยุ่งกะรี่น้า มะโกรธหลงดั้ยเป่า ดีกันดั้ยเป่า อย่าทำหน้าดุงี้ดั้ยเป่า”



เชอร์รี่ปรายตาคมกริบลงมามองเจ้าตัวเล็กที่ทำใจกล้ายื่นขามาแตะกันไว้ด้วยท่าทีนิ่งๆ ก่อนจะถามต่อ



“ทำไมกูต้องทำ”



“กะ...กะหลงชอบรี่ รี่อย่าดุหลงดั้ยเป่า หลงน่ายักน้า รี่มะยังหลงหยอ”



ดวงตากลมใสของเจ้าตัวเล็กที่ช้อนมองตาคนตัวโตกว่า ก่อนจะกระพริบปริบๆพร้อมถามคำถามออกมาแบบใสซื่อ ซึ่งผิดกับคนฟังที่ริมฝีปากของเจ้าป่าตัวใหญ่ถึงกับกระตุกขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะแสร้งทำเป็นหน้านิ่งๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



หลังจากนั้นไม่นาน ศีรษะใหญ่โตของสิงโตเพศผู้ก็ค่อยๆยื่นเข้าไปใกล้ใบหน้าน่ารักของเจ้าลูกแมวเด็กที่ก็ช้อนตากลมโตมองกันอยู่ก่อนแล้วตาปริบๆแถมยังไม่ถอยหนี .. เสียงเข้มที่ถามต่ออีกดังสะท้อนขึ้นมา เหมือนเป็นการย้ำชัดๆกับเจ้าตัวจ้อยตรงหน้าอีกที



“มึงพูดแล้วนะ”



“งื้ออ หลงพูดแย้วว หลงพูดเองหมดเยย เก่งๆมะ”



“อืม...มึงเก่ง” เก่งที่มึง ........ หึ



“เย้ หลงเก่งๆ หลงน่าย้ากชะมะ”



“หึ งั้นๆแหล่ะไอ้สั้น”



“งื้ออ มะสั้น หลงน่าร้ากกก รี่อย่าเดินหนีกันจิ ตอบหลงก่อนน้าา”



ขาสั้นที่ก้าวตามไปพร้อมส่งเสียงร้องเเง้วๆดังตามไปตลอดทาง เพราะมัวแต่เอ่ยปากถาม เจ้าตัวเล็กเลยลืมไปสนิทว่าเจ้าตัวกำลังเดินทางเข้าถ้ำสิงโตอีกครั้งแล้ว ... และดูท่าว่าถ้าได้เข้าครั้งนี้ คงจะยากเต็มที่ ที่เจ้าของถ้ำ...จะยอมปล่อย



.

.

.





"หึ ตอนนอนก็น่ารักจริงๆนั่นแหล่ะ"



ว่าออกมาเบาๆ ก่อนจะกระชับเจ้าตัวเล็กที่เผลอนอนหลับตาพริ้มพร้อมกับขยับตัวเข้ามาซุกอกกันน่าตาเฉย แล้วแบบนี้...ฝันไปเถอะว่าจะปล่อย



ต่อให้คาราเมล เจ้านายติ๊งต๊องของเจ้าเด็กนี่จะมาบ่นแง้วๆที่หน้ากรงทุกเช้าก็ช่างประไร ยังไงก็เอาเจ้านี่ไปจากอกเขาไม่ได้อยู่แล้ว หึ



ฝันเอานะคาราเมล




------------



เห้ยย๊ะ มาด้วยความคิดถึง พาInside Story​มาเสริฟจ้าาาา นี่คือที่ไปที่มาที่น้องหลงของเราถูกหิ้วไปนอนกกตลอด  เอาจริงๆพี่รี่ก็คือไม่ได้หิ้วน้องไป แต่น้องวิ่งตามไปแบบงงๆ แล้วโดนไม่ให้ออกมานั่นเอง คิกค้าก

พี่รี่นางร้าย ร้ายเหมือนเจ้าของ ส่วนน้องหลง หลงลู๊กกกกก หนูต้องหนีสิลูกกกกกก

เอ็นดูน้องเด้ออออ

ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ แคทหวังว่าคนอ่านจะรักจะชอบนิยายเรื่องนี้น้าาา แคทฝากด้วยนะคะ จุ๊บๆ :mew1: :3123:



หลง: ง้อๆรี่น้าาาา

​(https://sv1.picz.in.th/images/2018/12/19/93aIT9.jpg)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...Inside Story* {19.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-12-2018 01:54:05
 o18 รี่ๆ อยากกินเยาเปล่า....หลงไม่ได้กล่าว แต่คนอ่านคิดไปแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...Inside Story* {19.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-12-2018 02:02:54
อีเมล ติด F ไปละ อีพี่ทัพหักคะแนนหมดละ 5555
ส่วนพี่รี่ เจ้าเลห์เหมือนเจ้าเลยเลย อิอิอิ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...Inside Story* {19.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 21-12-2018 15:42:16
555555 กร๊ากก โอ๊ยยไอ้พี่รี่มันร้ายย เอออจริ๊งงงง เจ้านายเป็นไง สัตว์เลี้ยงเป็นงั้น เหมื๊อนกันจริง ทัพหน้า/เชอร์รี่ vs คาราเมล/หลง 55555 //แกล้งงอนให้เขาง้อ หลงง้อได้น่าร๊ากกกกกก น่ารักชิบหาย ฮึ่ยยยย ตะแง้วๆ 5555 สนุ๊กกกกกกชอบๆๆๆคู่นี้ ตลก อ่านละยิ้มตามได้ไม่ยาก ^_^ มาอีกน้าหลง ไอ้พี่รี่อย่าแกล้งน้องเยอะ ก็เข้าใจนะว่ามันน่าแกล้งมากๆใครจะอดใจไหววะ ใช่ปะ 555555 ขอบคุณณณณณค่าาสำหรับตอนพิเศษน่ารักๆแบบนี้ รอต่ออีกนะคะ ^_^
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่15* {22.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 22-12-2018 20:35:55


บทที่15




กวนประสาท!




ผมได้แต่นั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองตรงไปที่กระดานหน้าห้องอย่างเคืองๆเป็นรอบที่หนึ่งร้อย ตั้งแต่ไอ้อาจารย์คนใหม่มาสอน รู้สึกประสาทจะแดกทุกครั้งที่ต้องเข้าเรียนในวิชาของอาจารย์ทัพหน้า เวนเอ๊ย ชอบหาเรื่องมาแกล้งกันอยู่ได้ ... อาทิตย์แต่ละอาทิตย์หมดไปไวจนเวียนมาบรรจบใหม่ไวเหลือเกิน แป๊บๆต้องกลับมาเรียนวิชาแม่งอีกแล้ว



“วันนี้ทำไมมาเช้าจังวะไอ้เมล กูก็นึกว่ามึงหาของแดกอยู่ข้างล่าง” 



ไอ้อู๋ที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกระเป๋าของข้าวโพดที่มันถือมาให้ ร่างเล็กๆในแว่นตาหนาๆเดินตามหลังมันเข้ามา หน้าตาดูจะสดใสเป็นพิเศษในวันนี้



“กูไปรับโพดมา”



มันที่กระซิบบอกผมแบบตื่นเต้นพร้อมขยิบตาให้ มองดูจากดาวเสาร์ก็รู้ว่าไอ้อู๋ชอบข้าวโพดและกำลังทำแต้มจีบอยู่  กูหวังว่ามึงจะไม่ผิดหวังนะ



“หรอ ดีนี่”



ตอบไปแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดว่าดีอะไรมากเท่าไหร่อ่ะ เหลือบสายตาไปที่หน้าห้อง ไอ้บินที่เปิดประตูเข้ามาเสียงดังโครมคราม หน้าตาของมันบอกอารมณ์ได้ดีว่ากำลังหงุดหงิด แต่คือจริงๆก็ไม่รู้ว่ามันหงุดหงิดเรื่องอะไร



‘ปึก’



มันที่โยนกระเป๋าข้ามหัวข้าวโพดมาไว้ที่โต๊ะเสียงดังจนข้าวโพดสะดุ้ง ไอ้อู๋เองก็ตกใจจนต้องมองไอ้บินแบบพร้อมด่า



“เป็นเชี่ยไรวะ ดูดิมึงทำข้าวโพดตกใจเลย เคไหมโพด โอ๋ๆนะ”



ว่าแบบนั้นก่อนลูบหัวลูบหาง ไม่รู้ทำไมอยู่ๆกูก็อยากกรอกตาซะงั้น หรือเพราะตลอด4ปีที่ผ่านมา ผมชินกับความป่าเถื่อนของกลุ่มเรา ถ้าเป็นไอ้กุ๊กมันคงไม่ตกใจ แต่คงด่าไอ้บินเข้าให้แทนแล้วล่ะ



“เหอะ”



ไอ้บินไม่ได้พูดขอโทษอะไรออกไป มันที่แค่กระแทกตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆตัวผมพร้อมแค่นเสียงหงุดหงิดออกมาหน่อยๆ



“มึงเป็นไรไปวะบิน ดูหงุดหงิดนะ”



หันไปถามมันแบบนั้น อีกฝ่ายก็แค่ถอนหายใจออกมาหนักๆพร้อมส่ายหน้าส่งมาให้



“ไม่มีไรมากหรอกมึง” 



ไม่มากเท่าไหร่ แต่หน้าตาดูเหมือนพร้อมแดกอะไรสักอย่างเข้าไป พอดีกับที่หันไปเห็นไอ้กุ๊กที่เดินเข้ามาพอดี มันทีเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนร่วมเซ็คที่เคยเห็นหน้าอยู่ แต่ไม่รู้จัก คือถึงจะเป็ยเพื่อนร่วมเซ็คก็ไม่จำเป็นต้องจำชื่อกันได้นะครับผม ... ไอ้กุ๊กที่กำลังยิ้มขำกับไอ้นั่น ไม่รู้ว่ามันตลกเรื่องอะไรอยู่ แต่คิดว่าคงจะตลกเพราะเรื่องที่ไอ้ตี๋นั่นเล่าให้มันฟังแน่ๆ



“นั่นกุ๊กนี่นา กุ๊กยิ้มกับผู้ชายคนนั้นด้วย ถ้ายิ้มได้แบบนี้กุ๊กคงจะมีความสุข แบบนี้เราก็ค่อยสบายใจ” 



เสียงของโพดที่ทำให้ผมต้องหันไปมอง มันที่หันมายิ้มให้พวกเราพร้อมพูดออกไปมาแบบนั้น



“โพดน่ารักจัง เป็นห่วงไอ้กุ๊กมันด้วย”



“อื้มม อย่างน้อยกุ๊กก็ถือว่าเป็นพี่เรานะ แล้วอีกอย่าง ถ้ากุ๊กไปได้ดีกับผู้ชายคนนั้น แบบนี้ก็คงแสดงว่ากุ๊กเลิกชอบอาจารย์ทัพหน้าแล้วด้วย แบบนี้ดีจังเลย เพราะยังไงอาจารย์ทัพหน้าก็มีเมียอยู่แล้วด้วยอ่ะ ชอบไปก็คือผิดจะตายอ่ะน้า”



มันที่พูดออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มกว้างจนตาปิด ขนาดมันใส่แว่นอยู่ยังมองเห็นได้ชัดจากตรงนี้ว่ายิ้มซะกว้างขนาดไหน



“เป็นคนดีจังเลยน้า” 



ไอ้อู๋ที่ว่าแบบนั้นพร้อมยกมือขึ้นลูบหัวมันเบาๆ สองคนที่ยิ้มให้กัน ดูน่ารักน่าชังจากตรงนี้ ... แต่น่าแปลกที่ผมเป็นคนนึงที่ไม่อินกับความสัมพันธ์ของไอ้อู๋กับข้าวโพดเท่าไหร่  และไม่ว่าเมื่อไหร่ที่โพดพูดออกมาแบบนี้ ผมเองก็เป็นคนที่มีชนักติดหลัง เป็นความผิดที่ไปชอบคนแบบทัพหน้าแล้วยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนที่มีครอบครัวแล้ว คำพูดของมันไม่ต่างจากโดนน้ำเย็นๆที่สาดใส่หน้าของผมเลย ถอนหายใจออกมาหนักๆออกมาแล้วเงียบเสียงลง มองไปที่หน้าห้อง ไอ้กุ๊กนั่งอยู่ตรงนั้นกับไอ้ตี๋นั่น มันดูมีความสุขดี ไม่เหมือนคนที่จะชอบทัพหน้าสักนิด



“เหอะ ขอให้แม่งสุขจนตายเถอะสัด” 



ไอ้บินที่ว่าแบบนั้นออกมา แล้วหยิบสมุดหนังสือออกมาวางบนโต๊ะเสียงดังโครมคราม ก็ไม่เข้าใจว่าวันนี้มึงจะตั้งใจเรียนอะไรเบอร์นี้ ถามว่าเสียงดังมากแค่ไหน ก็ดังพอให้ไอ้กุ๊กที่นั่งอยู่หน้าห้องหันมามองได้ก็แล้วกัน



.

.

.




“เอาล่ะครับ หลังจากที่ผมได้สอนพวกคุณไปแล้วในคาบก่อน วันนี้จะมีเทสนะ แยกที่นั่งด้วยครับ” 



อะไรนะ!!



ผมที่เบิกตากว้างขึ้นพร้อมกับอ้าปากค้าง และคิดว่าไม่น่าจะใช่ผมคนเดียวหรอก เพราะเสียงโห่ร้องหึ่งๆแบบอยากขาดใจตายก็ดังมาจากปากของเพื่อนๆร่วมเซคไม่ต่างกัน ไอ้ทัพหน้าที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยชุดเสื้อเชิตดูดีไม่ต่างจากเดิม มันที่ทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะของอาจารย์มองจ้องมาที่นักศึกษาในชั้นเรียนที่กำลังรู้สึกอยากตายนิ่งๆ เสียงประท้วงโอดครวญของนักศึกษายังดังออกมาให้ได้ยินเรื่อยๆ



“ถึงพวกคุณจะโอดครวญไปก็ไม่ได้ทำให้ผมสงสาร ..แล้วอีกอย่าง ถ้าพวกคุณไม่พอใจก็แค่เดินออกไปแล้วไปขึ้นทะเบียนดรอปซะ การเรียนของพวกคุณ เป็นเรื่องที่ใครต้องรับผิดชอบ ผม หรือคุณ อย่าโทษมันสมองหรือรอยหยักที่มีน้อยในเมื่อพวกคุณไม่เคยคิดจะเพิ่ม ก็จงโทษความไม่รู้จักหน้าที่และไม่มีความรับผิดชอบของตัวเองซะ เงียบเสียงแล้วย้ายโต๊ะเพื่อสอบ ถ้าใครยังฟังไม่เข้าใจ ผมจะให้เอฟโดยไม่มีข้อยกเว้น”



ทัพหน้าที่พูดออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง ไม่ดังไม่เบา แต่ทำเอาทั้งห้องเงียบเสียงทันที  สายตาคมที่มองจ้องหน้านักศึกษาไปทีละคนจนเด็กนักศึกษาต้องเป็นฝ่ายหลบหน้า  บรรยากาศในห้องที่รู้สึกหนาวขึ้นมาทันทีแม้ว่าตอนนี้จะเปิดแอร์ด้วยอุณหภูมิ 25องศาเท่าเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือคำว่า ไม่ได้ล้อเล่น



และผมเอง ที่เป็นคนที่รู้ดีกว่าใคร ... คนแบบทัพหน้า ไม่เคยล้อเล่นอยู่แล้ว



“คิรากร มานั่งข้างหน้าด้วย” 



เสียงเข้มที่ดังมาทำเอากูเลิกลัก อาจารย์ทัพหน้าที่ยกยิ้มมุมปากชี้มือไปที่โต๊ะว่างที่ตั้งอยู่ตรงหน้าโต๊ะของอาจารย์ สัด... ไปทำตรงนั้น กูจะมีสมาธิห่าอะไรล่ะครับ คิดสิคิด



“ที่นั่งตรงนี้ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่ครับ...อาจารย์” 



เงยหน้าขึ้นมาตอบกลับมันไปแบบนั้น เน้นย้ำชัดๆหนักๆตรงคำสุดท้าย หึ ไอ้อาจารย์ที่เคารพ ... อีกฝ่ายที่หรี่ตามองผมหน่อยๆ ก่อนจะตอบกลับมาช้าๆ



“ย้ายมานี่”



สามคำสั้นๆพร้อมนิ้วแกร่งที่ชี้ลงไปที่โต๊ะตัวที่ต้องการจะให้ผมนั่ง จ้องตาสู้กับอีกฝ่ายที่แค่มองกลับมา สายตาที่แข็งขึ้นของมันอ่านได้ว่า ‘ถ้ายังไม่ลุกไปดีๆมึงมีปัญหาแน่ๆ’ ได้แต่เม้มปากแน่นแล้วเก็บของอย่างฮึดฮัดขัดใจ ในจังหวะที่กำลังจะลุกขึ้น ไอ้บินก็ลุกมาจับแขนผมไว้ซะก่อน ได้แต่หันไปเลิกคิ้วมองมันแบบไม่เข้าใจ



“นั่งตรงนี้ก็ได้นี่ครับอาจารย์” 



ไอ้บินที่พูดออกมาแบบนั้น ทั้งห้องที่ตกอยู่ในความเงียบจนผมไม่กล้ากลืนน้ำลาย ไอ้ทัพหน้าที่ยืนกอดอกพิงโต๊ะอาจารย์มองจ้องตากับไอ้บินนิ่งๆ แต่ผมรู้นะ ว่าตอนนี้ถ้ามันไม่ได้อยู่ในฐานะอาจารย์ มันคงเรียกลูกน้องมากระทืบไอ้บินแล้ว ก็ดูแม่งทำหน้าดิ หน้าตามึงโคตรวอนโดนตีนอ่ะบินเอาจริงๆ



“หรอ ...” 



ทัพหน้าที่ว่าออกมาสั้นๆ ก่อนสายตาคมจะหันกลับมามองที่ผม ก่อนที่สายตาคมจะเลื่อนลงไปมองที่แขนของผมที่ไอ้บินจับไว้อยู่ รับรู้เหมือนงานจะเข้ากูแล้ว



“คิรากร เธอว่าตรงนั้นนั่งได้แน่หรอ” 



สายตานิ่งๆที่เปลี่ยนเป็นเข้มมากขึ้นตอนที่มองหน้าผม ได้แต่แอบลอบกลืนน้ำลายตอนที่สบตากับมัน รู้สึกมือเท้าเย็นแล้วเสียวสันหลังวาบ เลยค่อยๆแกะมือของตัวเองออกจากมือของไอ้บิน มันที่หันมามองหน้าผมแบบไม่เข้าใจ แต่ผมก็แค่ส่ายหน้าแล้วส่งยิ้มไปให้บางๆ เก็บของที่อยู่บนโต๊ะแล้วเดินไปนั่งตรงข้างหน้าตามที่ๆมันบอก เผลอเงยหน้ามองหน้าใส่อีกคนบึ้งๆ แต่มันกลับไม่ได้มองหน้าผม สายตาคมของมันที่มองตรงไปที่หน้าไอ้บิน มองเห็นทัพหน้าที่ยกยิ้มมุมปากร้ายๆพร้อมยักคิ้วส่งไปให้ไอ้บินอีกที .... เดี๋ยวๆ นี่มึงกำลังกวนตีนเพื่อนกูนะทัพ!



“เอาล่ะ เตรียมตัวสอบได้” 



พูดออกมาแค่นั้น ทุกๆคนก็เข้าที่นั่ง พร้อมๆกับกระดาษข้อสอบที่ถูกแจกจ่ายไปเรื่อยๆ  ผมที่เขียนชื่อและรหัสตัวเอง เอาปากกาออกมาเตรียมตอบคำตอบเต็มที่ แต่พออ่านข้อสอบกูก็อ้าปากค้างไปเลยในตอนนั้น เคยเป็นไหมที่ว่ากูอ่านมาแบบนี้ แต่อาจารย์ก็ยังมีคำตอบที่ดีกว่ากู ใช่จ้า...กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้



ร่างบางที่ได้แต่นั่งเอาปากกาเคาะกับโต๊ะไปมา ก่อนจะเอามาจิ้มๆเขี่ยๆแถวปากตัวเองเล่นแบบใจลอย อาจเป็นเพราะพยายามจะนึกคำตอบให้ออก แต่ภาพตรงหน้ามันกลับทำให้ใครบางคนคิดอกุศลได้ซะแบบนั้น  รอยยิ้มมุมปากที่ยกยิ้มมาจากอาจารย์ทัพหน้าที่นั่งทำหน้านิ่ง มองตรงมาตรงหน้านิ่งๆ สายตาคมที่ไล้ไปตามกรอบหน้าใส ขนตายาว ริมฝีปากอิ่มอมชมพูนั่นอีก ทำเอาสายตาคมหยุดที่จะมองไม่ได้ จนคาราเมลที่เริ่มจะรู้สึกถึงสายตา เงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะต้องสะดุ้งน้อยๆเมื่อเห็นคนตรงหน้าจ้องกันอยู่ด้วยสายตายังไง ริมฝีปากอิ่มได้แต่ขมุบขมิบเบาๆ อ่านปากได้ว่า ‘เลิกมองสักที’ พร้อมถลึงตาใส่ และอีกฝ่ายก็แค่กดมุมปากยกขึ้นน้อยๆแล้วทำปากพงาบๆเบาๆแบบไม่ออกเสียงตอบกลับมาเช่นกันว่า



‘เรื่องกู’



แม่งเอ๊ยยย น่าเบื่อๆๆๆ เบื่อคนแบบไอ้ทัพหน้าที่สุดเลย เล่นจ้องกันแบบนี้ ใครแม่งจะคิดคำตอบออกกันวะ!


.

.

.




“เอาล่ะ เรื่องคะแนนสอบผมจะมาแจ้งให้ทราบในคาบหน้า แต่ตอนนี้ผมจะสั่งงานพวกคุณ สมาชิกในกลุ่มกลุ่มละ6คน เดี๋ยวช่วยเขียนรายชื่อมาส่งผมท้ายคาบด้วย”



แม่งเอ๊ย! นอกจากสอบเทสเมื่อกี้แล้วยังจะมามีงานกลุ่มอีก เหนื่อยยยย ไอ้อาจารย์โรคจิต



“เอาไงดีวะ พวกเรามีกันอยู่4คนยังขาดอีก2ว่ะ”  ไอ้อู๋ที่ถามออกมาแบบนั้น พร้อมๆกับมองไปรอบๆห้องก็เห็นคนอื่นเริ่มจับกลุ่มกันได้แล้ว



“โทษนะครับ มีกลุ่มไหนว่างบ้าง เรามีกัน2คนน่ะ” 



เสียงๆหนึ่งที่ดังขึ้นมาจากทางหน้าห้อง พอหันไปมองก็เจอเข้ากับผู้ชายคนที่เดินเข้ามาในห้องกับไอ้กุ๊กเมื่อเช้ากับไอ้กุ๊กเมื่อเช้ากำลังยืนโบกมือส่งยิ้มไปรอบๆห้องอยู่ จริงๆก็ดูเป็นคนอัธยาศัยดี



“จริงๆเอาพวกมันก็ได้นะมึง ขาด2คนพอดี”



“ไม่ กูไม่เอา!”



 ไอ้บินที่พูดตอบออกมาเสียงเข้ม มันที่มองตรงไปที่ไอ้ตี๋กับไอ้กุ๊กแบบเอาเรื่อง หน้าตาพร้อมหาเรื่อง ทั้งๆที่พวกมันก็ไม่ได้ทำอะไรให้



“ทำไมวะมึง”



“มึงลืมหรือไง มันทำไรมึงบ้าง ถ้าเอามาอยู่ใกล้ตัวก็อันตรายน่ะสิวะ” 



ไอ้บินที่ว่าแบบนั้นคิ้วยังคงผูกโบว์ใส่กันแบบหงุดหงิด จริงๆก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันหงุดหงิดเรื่องนี้แน่หรอวะ



“ไอ้กุ๊กมันเป็นเพื่อนเรานะ”



“แล้วมันเห็นมึงเป็นเพื่อนไหมล่ะ”



“แต่ก็ถูกของบินนะ ถึงกุ๊กจะMove onได้แล้ว แต่ระวังไว้ก็ดีนะเมล” 



ไอ้โพดที่ว่าออกมาแบบนั้นทำเอาผมขมวดคิ้ว ถึงมันจะดูเป็นความหวังดีก็เถอะ



“กูไม่ระวังเชี่ยไรแล้วทั้งนั้นแหล่ะ เฮ้ย กลุ่มกูว่าง มาอยู่ด้วยกันไหม”



ผมที่ลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนถามออกไปแบบนั้น ไอ้ตี๋นั่นที่หันมายิ้มอย่างดีใจแล้วรีบพยักหน้าตอบตกลงกับผม ก่อนที่ไอ้กุ๊กจะอ้าปากห้ามทัน



“พวกมึงไม่ต้องห่วง ถ้ากูตายเพราะมันจริง กูคงตายนานแล้วล่ะ” 



ผมที่หันหน้ามาบอกไอ้บินไอ้อู๋ ก่อนจะคว้ากระดาษจากมือข้าวโพดแล้วลุกออกมาจากโต๊ะ เดินเอากระดาษไปยื่นให้พวกไอ้กุ๊ก



“กูเมล มึงชื่อไร”



“กูชื่อเบน ส่วนนี้....”



“ไอ้กุ๊ก กูรู้จัก” 



ผมที่พูดขัดไอ้เบนออกมาแบบนั้น จ้องมองหน้ามันที่ก็มองสบตาตอบกับผมเหมือนกัน ไอ้เบนกับไอ้กุ๊กเขียนชื่อเสร็จแล้ว ผมเลยใช้ไอ้เบนให้เอาไปส่งให้ไอ้ทัพ ไม่อยากไปเอง เดี๋ยวแม่งก็กวนประสาทกันอีก  ผมที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆไอ้กุ๊ก เราสองคนที่เงียบใส่กัน ต่างฝ่ายต่างหันไปมองกระดานกันอยู่แบบนั้น



“มึงทำแบบนี้ไม่กลัวกูรึไง”



“ทำไมกูต้องกลัวมึงวะ”



“ไม่รู้สิ...มึงก็อาจจะกลัวกูฆ่ามึงมั้ง” 



มันที่ตอบออกมาแบบนั้น และเป็นผมที่หันไปมองหน้ามันตรงๆในตอนนี้



“ถ้ามึงจะฆ่ากู...มึงคงฆ่านานแล้ว” 



ตอบมันออกไป ไอ้กุ๊กเองที่ในที่สุดก็หันมามองผมตรงๆสักที  สายตาของมันที่มองมาที่ผมในตอนนี้ ไม่ได้ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด...คำพูดของไอ้แจในวันก่อนมันย้อนมาในหัวชวนให้คิด คำพูดของไอ้ทัพเองก็ไม่ต่างกัน ถ้าจะดู...ก็ต้องดูให้ออก



“ไอ้เมล”



“ว่า”



“มึงระวังตัวมึงไว้..” 



มันที่ขมวดคิ้วมองหน้าผมแบบนั้น ทำท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อออกมาอีก แต่ไอ้บินไอ้อู๋และข้าวโพดก็เดินมาขัดขึ้นซะก่อน



“ไปกันเหอะไอ้เมล เลิกคลาสแล้ว” 



ไอ้บินที่เดินมาจับแขนผมแล้วดึงให้ลุก ในมือของมันมีกระเป๋าของผมด้วย มันคงเก็บมาให้แล้ว ผมถอนหายใจหนักๆแล้วยอมลุกขึ้นยืนตามแรงดึงของไอ้บิน  ไอ้เบนที่เดินกลับมามองพวกผมสลับกันไปมาแบบไม่เข้าใจ



“กูไปก่อนล่ะ” 



บอกพวกมันไปแบบนั้น แล้วเดินตามแรงดึงของไอ้บินออกไป ไอ้กุ๊กที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา มันแค่พยักหน้าน้อยๆ ผมเองที่เดินผ่านไอ้ทัพหน้าที่กำลังเก็บของอยู่เหมือนกัน  มองเห็นมันที่มองผมนิ่งๆอยู่ แต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้พูดอะไรกัน จะต้องพูดอะไรล่ะ ในรั้วมหาลัย เราเป็นแค่ลูกศิษย์และอาจารย์  ส่วนนอกรั้ว เราเองก็เป็นได้แค่คนฆ่าเมียมันเท่านั้นแหล่ะ



“เที่ยงนี้ไปกินข้าวที่ไหนกันดีวะ”



“กินนอกม.ไหมล่ะ โคตรเบื่อโรงอาหารคณะ” 



ไอ้อู๋ที่ตอบกลับออกมาแบบนั้น ผมไม่ได้ว่าอะไร ก็แค่พยักหน้าตอบกลับไปแบบส่งๆ ในหัวมีเรื่องให้คิด คำพูดของไอ้กุ๊กหมายความว่ายังไง



จะบอกว่ามันขู่ผม หรือ จะบอกว่ามันกำลังเตือนให้ผมระวัง ... ระหว่างสองอย่างนี้ จะเป็นอย่างไหนกันแน่นะ?



“ไอ้บิน มึงหยิบสมุดใต้โต๊ะมาให้กูเปล่าวะ”  อยู่ๆก็นึกขึ้นได้ เพราะต้นคาบผมวางหนังสือคาบบ่ายไว้ที่พื้นใต้เก้าอี้ ไม่รู้มันหยิบมาให้เปล่า



“เอ้า กูไม่รู้อ่ะ”



“ไม่เป็นไรๆ พวกมึงไปกันก่อนเลย เดี๋ยวกูวิ่งไปเอาแป๊บเดียว”



“ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม”



“ไม่ต้องๆ ไปกันเลย”  บอกปัดไอ้บิน แล้ววิ่งกลับมาที่ห้องเรียนที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว เดินกลับไปที่โต๊ะนั่ง ใต้เก้าอี้ยังมีหนังสือวางอยู่ตรงนั้น



“อยู่นี่เอง”



‘คลิ๊ก’



เสียงล็อคประตูห้องที่ได้ยินทำเอาสะดุ้ง พอหันกลับไปมองก็ยิ่งสะดุ้งมากกว่าเดิม เพราะคนที่พึ่งกดล็อคประตูก็คือ...



“ตกใจทำไมวะ เห็นหน้ากูนี่มันช็อคมากรึไง หรือมึงคิดจะอ่อยรอไอ้บินเพื่อนมึง”



“พูดบ้าไรของมึงวะ” ขมวดคิ้วใส่แม่งเลย ไอ้บ้า...มาไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียงแล้วยังมีหน้ามากอดอกมองผมด้วยใบหน้าถมึงทึงอีก เป็นบ้าไรอีก หิวข้าวก็ไปกินสิ



“กูเคยบอกมึงว่าไง”  ว่าไงวะ มึงบอกตั้งเยอะ



“หน้าโง่”



“เอ้า!” คือกูผิดอะไรก่อน ทำไมต้องมองมาหน้านิ่วคิ้วขมวด หงุดหงิดอะไรขนาดนั้นถามก่อน....



“น่ารำคาญ”



“ห๊ะ อะ...เหวออออ”  ร่างสูงที่ก้าวยาวๆเข้ามาหา ก่อนจะดันตัวผมไปติดกับกำแพงห้องเรียนโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว โดยที่ตัวเองตามไปยืนคร่อมไว้



“ดะ...เดี๋ยวๆ ที่นี่มหาลัยนะเว้ย จะ...จะทำบ้าอะไรของมึงเนี่ย”  ยกมือขึ้นดันอกแกร่งของอีกคนอย่างตกใจ ช้อนตามองหน้าอีกฝ่ายเลิกลัก คนตรงหน้าที่ก้มลงมองหน้า



“ถ้ามหาลัย แล้วมึงปล่อยให้ไอ้โย้งนั่นมาจับมือถือแขนมึงทำไม!”



เสียงเข้มที่ดังลอดริมฝีปากออกมาอย่างหงุดหงิด ฝ่ามือร้อนๆที่เลื่อนไปโอบที่เอวบาง ลูบไล้เบาๆสลับหนักไปตามเอวคอดผ่านเสื้อนักศึกษาเนื้อดี



“อะ...ทะ..ทัพ”



“กูบอกว่าไม่ชอบ ทำไมไม่จำใส่สมองน้อยๆของมึง”



“กะ....กูเปล่า คือ..คือมันไม่ใช่แบบนั้น”



“กูเห็น” 



ว่าลอดไรฟันออกมาเบาๆ แต่กลับหนักแน่น พร้อมๆกับที่ใบหน้าหล่อเลื่อนเข้ามาใกล้ สายตาคมที่จ้องตรงมาที่ริมฝีปากของผมแบบไม่กระพริบตา ดวงตาสีเข้มที่ดึงดูดให้ไม่กล้าหันหน้าหนี อยู่ใกล้กันจนผมขนลุก ผมกำลังทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไร แต่ดูจากสายตาคงไม่ใช่เรื่องดี



“กูเปล่.....” 



คำพูดของผมถูกกลืนหายไปเมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายประกบจูบลงมา ดวงตาของผมเบิกกว้างอย่างตกใจ ที่นี่มันห้องเรียนนะ ถ้ามีใครเห็นล่ะ ... ในขณะที่ในหัวกำลังคิดสะเปะสะปะขาแข็งแกร่งก็แทรกเข้ามาที่กลางหว่างขา



“อ๊ะ อื้ม” 



ลิ้นร้อนที่สอดแทรกประกบจูบเข้ามาอย่างหนักหน่วง บดเบียดเคล้าคลึงหนักเบาสลับกันไป ฝ่ามือหนาของทัพหน้าที่ยกขึ้นมาแนบแก้มของผม จับใบหน้าของผมให้เอียงให้ได้องศาในการจูบแล้วขบเม้มหนักๆลากลิ้นร้อนไปตามกลีบปาก และดูดดุนปลายลิ้นเล็กจนรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว ต้นขาแข็งแกร่งที่จงใจถูไถส่วนกลางลำตัวของกันผ่านเนื้อผ้าของกางเกงชั้นดี ได้แต่ส่งเสียงอื้ออึงไปในลำคอ ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจกวาดต้อนลิ้นร้อนไปทั้วโพรงปาก ผละออกบ้างเล็กน้อยแล้วก็กดจูบลงมาแนบชิดและร้อนแรงมากยิ่งกว่าเก่า ซ้ำไปซ้ำมาอย่างร้อนแรงจนรู้สึกว่าเริ่มจะหายใจไม่ทัน ก็ค่อยๆเลื่อนมือขึ้นไปดันอกแกร่งของอีกคนไว้  ทัพหน้าที่ค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ผมที่ได้แต่หลับตาเอนหัวพิงกำแพงไว้ พร้อมกับหอบหายใจอย่างหนัก ฝ่ามือหนาที่ยังไม่ละออกไปจากใบหน้าของผม สัมผัสแผ่วเบาจากปลายนิ้วยาวที่ลูบใล้แก้มผมเบาจนต้องลืมตาขึ้นมามอง ดวงตาเข้มที่จับจ้องผมอยู่ก่อนแล้วยิ่งทำให้รู้สึกร้อนที่ใบหน้า



“ทัพ...”



“อย่าให้มันมาจับอะไรมึงได้อีก จำไว้ว่ามีแค่กูที่จะทำทุกอย่างกับมึงได้...แค่คนเดียว



.

.

.



หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่15* {22.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 22-12-2018 20:45:26

พวกเรามากินข้าวกันที่ห้างไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ เพราะคาบบ่ายยังมีวิชาเรียนอยู่  ไอ้บินที่ดูจะหงุดหงิดกับอะไรหลายสิ่ง อันนี้คือผมเดาเอา เพราะตั้งแต่ในห้องเรียน ยันผมกลับมาจากไปเอาของ...เอ่อ อันนั้นล่ะ พอกลับออกมาก็เจอไอ้บินยืนรออยู่ที่หน้าลิฟ ทั้งๆที่ก็บอกว่าให้ลงไปรอข้างล่างเลย แต่ก็เจอมันยืนรออยู่ที่ลิฟ สถานการณ์หน้าอึดอัดนิดหน่อยในตอนที่ผมกับไอ้ทัพเดินออกจากห้องเรียนมาเจอมัน แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไร ไอ้ทัพเองก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากส่งยิ้มให้ แต่กูว่ามันไม่ใช่ยิ้มที่เป็นมิตรเท่าไหร่น่ะนะ



“มึงเหม่อไรวะบิน แดกดิ สเต๊กอร่อย” เลือกกินซิสเลอร์กันเพราะข้าวโพดอยากกินและไอ้อู๋ก็ตามใจ ส่วนผมไม่ได้อะไรกินได้หมด



“อืม ก็อร่อยดีนะ”  มันที่ตอบออกออกมาแบบเนือยๆ สีหน้าของมันที่ดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่



“โพด อะเราหั่นให้นะ”  ไอ้อู๋ที่ว่าแบบนั้น ทำหน้าทำตาตอแหลแปลกๆประจบข้าวโพด อยากจะตบมันให้หัวโยก ดูแลดีจนน่าหมั่นไส้ครับเอาจริงๆ



“ชอบคุณนะ”   โพดยิ้มรับน้อยๆพร้อมว่าออกมาด้วยเสียงน่ารักๆ แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครได้พูดอะไรออกมาใหม่ เสียงสดใสเสียงนึงที่ผมจำได้ดีก็ทักดังขึ้นซะก่อน



“พี่เมลลลลลลลล”



“ไอ้แจ อ๊ะ...”



“พี่เมลแจนั่งด้วยคนได้ไหม เนี่ย โต๊ะเต็มไปหมดเลยแล้วแจหิวมากๆ อยากกินตอนนี้ขอนั่งด้วยสัก2ที่จะได้ไหมครับ”



“ไอ้หมู มาไมใครเชิญ”



“รำคาญลุง ว่าแต่ได้ไหมฮะ”



“เออเอาดิ นั่งเลยๆ”  ผมบอกแบบนั้น ไอ้บินเองก็เห็นด้วย ไอ้แจที่นั่งลงข้างๆผมแล้วยิ้มร่าเริงสั่งเมนูอีกหลายสิ่งให้พนักงาน



“แล้วนี่มึงมากับใคร”



“แจมากับ...”



“แจ”



“พี่ทัพ มาๆๆนั่งๆแจหาโต๊ะได้แล้ว” 



ไอ้แจที่ตะโกนออกไปแบบนั้นอย่างร่าเริง มันที่ยิ้มกว้างๆให้กับผู้ชายคนนึงที่กำลังเดินเข้ามาหน้านิ่งๆ สายตาคมๆที่มองตรงมาที่ผมก่อนจะกระตุกยิ้ม และภาพร้อนแรงในห้องเรียนไม่กี่ชั่วโมงก่อนก็แล่นเข้ามาในหัวรู้สึกร้อนหน้าแปลกๆ ...



“ขอนั่งด้วยคนนะ” 



ทัพหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้น มันที่นั่งลงข้างๆกับผม เพราะไอ้แจขยับให้ มันที่เปลี่ยนที่ย้ายโต๊ะไปนั่งอีกฝั่งข้างๆไอ้อู๋แทน เพราะงั้นฝั่งขวาของผมจึงเป็นไอ้บิน และแน่นอนว่าด้านซ้ายคือทัพหน้า ร้อนๆหนาวๆจนเหงื่อจะตก ตรงข้ามไอ้ทัพคือข้าวโพด ถัดกันมาคือไอ้อู๋และไอ้แจ ที่เริ่มต้นแดกสลัดบาร์ที่ไปตักมาอย่างอร่อย ไม่สนถึงความอึดอัดบนโต๊ะเลยแม้แต่น้อย



“ไอ้หมู น้ำสลัดเลอะแก้มแล้วมึง”



“ไย”



“โวะ หันมานี่ สกปรก”  ไอ้อู๋ที่ยื่นทิชชู่ไปเช็ดข้างแก้มให้ไอ้แจที่วันนี้ดูจะตะกละมากกว่าทุกวัน แรงเช็ดที่ไม่เบาเลยทำให้ไอ้แจต้องโวยวายเสียงหลง



“อาจารย์ทัพหน้าสอนเก่งมากๆเลยครับ ผมเข้าใจมากขึ้นเยอะเลย” 



เสียงของข้าวโพดที่ทำให้ผมละความสดใจจากไอ้อู๋กับไอ้แจ หันไปมองข้าวโพดที่ยิ้มกว้างๆมองคนตรงหน้ามันด้วยสายตาชื่นชม  ทัพหน้าที่นั่งหั่นสเต๊กข้างๆผมด้วยท่วงท่าคุณชาย มันที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าข้าวโพดนิ่งๆ ก่อนจะพยักหน้าลงหน่อยๆ



“หรอ เข้าใจมากขึ้นก็ดีแล้ว”



“ถ้าผมมีอะไรไม่เข้าใจ ผมรบกวนถามอาจารย์อีกได้ไหมครับ”



“อืม”



“เย้ ขอบคุณครับ อุ้ย...ผมเผลอทำอะไรเปิ่นๆออกมาอีกแล้ว ขอโทษอาจารย์ด้วยนะครับ” 



ไอ้โพดที่ยกมือขึ้นชูพร้อมร้องดีใจออกมาแบบนั้น  ทำเอาทุกๆคนที่นั่งกินกันอยู่เงียบๆต้องหันไปมอง มันที่ค่อยๆเม้มปาก ก้มหน้าหน่อยๆพร้อมยกมือขึ้นเกาท้ายทอย หน้าของมันที่แดงออกมาในตอนนั้น  ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกตากระตุกที่เห็นแบบนั้น



“หึ ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้นอกเวลางานแล้ว เรียกพี่ก็ได้”   หรืออาจจะเป็นเพราะคำพูดของไอ้ทัพที่ทำให้ผมรู้สึกคันยุบยิบๆที่หัวใจอยู่แบบนี้



“จริงหรอฮะ” 



ไอ้โพดที่ถ้าในการ์ตูนคงเห็นตามันเป็นประกายวิบวับๆไปแล้วตอนที่ถามออกมา ผมเลือกจะเมินภาพตรงหน้ามามองสเต็กในจานตอนนี้แทน รู้สึกอึดอัดและไม่โอเคที่สุดกับสถานการณ์ในตอนนี้



“อืม ได้สิ...ขนาดคาราเมล ปกติก็เรียกว่าพี่ทัพ ใช่ไหมเมล” 



สะดุ้งตกใจตอนที่ได้ยินมันพูดออกมาแบบนั้น เงยหน้าหันไปมองทันที และอีกฝ่ายก็แค่ส่งยิ้มเป็นมิตรกลับมาให้ ไอ้ชิพหาย!



รอยยิ้มแบบนี้กูรู้เลยว่าไม่ใช่เป็นมิตร นี่มันรอยยิ้มเคลือบยาพิษน่ะสิไม่ว่า  ไอ้ทัพหน้าที่หันมายิ้มให้ผม แต่สายตามันกลับมองเลยไปที่อีกคนที่นั่งอยู่ติดกับผม ... ไอ้บิน



อ๊ากกกก มึงจะหาเรื่องอะไรมันนักหนาเนี่ยทัพ



“อะ เลิกทำหน้างง กินได้แล้ว” 



ไอ้ทัพที่ตักเนื้อในจานที่มันหันแล้วเรียบร้อยส่งมาให้ผมในจาน  ได้แต่อ้าปากค้างตอนเห็นมันทำแบบนั้น และแน่นอนว่ามันไม่รอช้าให้ผมได้พูดอะไรต่อ มันที่ยื่นส้อมมาจิ้มเฟรนฟรายในจานผมไปกินหน้าตาเฉย



ทุกคนที่อยู่บนโต๊ะมองมาที่ผมอ้าปากค้าง และแน่นอนว่ายกเว้นไอ้แจ มันที่หันมายิ้มแล้วหัวเราะน้อยๆ แล้วตักซุปเห็ดเข้าปากหน้าตาเฉย



“อ่อ โทษทีพอดีชิน อยู่บ้านก็ทำแบบนี้กันปกติน่ะ”



ไอ้ทัพหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้น แล้วยักไหล่หน่อยๆแบบไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร มันที่กินต่อไปหน้าตาเฉย จ๊ะ....ยกเว้นกูที่ไม่เฉยเนี่ยไอ้บ้า!



“เห้ย พวกเรา ไอ้นูส่งไลน์ห้องมาว่ะ มันบอกว่าจารย์ยกคลาสว่ะ”  พวกเราที่เดินออกมาจากร้านซิสเลอร์หลังจากกินกันเสร็จแล้ว และแน่นอนว่ามื้อนี้คนจ่ายคือไอ้ทัพหน้า



“จริงหรอ เราอยากดูหนังอ่ะอู๋” 



ไอ้โพดที่หันไปบอกอู๋อ้อนๆ แอบเห็นไอ้แจที่เดินลูบท้องปรอยๆออกมา มองไปที่ไอ้อู๋กับข้าวโพดหน่อยๆ มันที่กรอกตาส่งไปจนทำให้ผมหลุดขำออกมา



“ขำอะไร”



“เปล่าสักหน่อย ว่าแต่ทำไมไม่กลับไปทำงานสักทีเล่า”



“ทำไม กูอยู่แล้วมึงเจ๊าะแจ๊ะชู้มึงไม่ได้รึไง”



“เป็นบ้าหรอ” 



ผมที่พูดลอดไรฟันกับไอ้ทัพให้มันได้ยินแค่คนเดียว วันนี้ดูเหมือนมันจะเป็นหมาบ้ามากกว่าทุกวัน ก็ไอ้พฤติกรรมแปลกๆพวกนี้ตั้งแต่ห้องเรียนยันที่ห้างเนี่ยนี่ไง  มันคืออะไร...ถ้าหลงตัวเองมากหน่อย ผมจะเริ่มคิดว่ามันตามมาเฝ้าผมแล้วนะ



“กูจะบ้าไม่บ้าก็เรื่องของกู กูไม่ปล่อยของๆกูไปให้เห็บหมาแทะเล็มหรอก”



“พูดว่าไรนะ”



“เสือก”  หันมาด่าผมทั้งแบบนั้น แล้วผลักหัวผม มันที่เดินเข้าไปหาเข้าโพดแล้วพูดกับไอ้โพดกับไอ้อู๋



“ขอดูด้วยได้ไหม พอดีวันนี้พี่ว่าง”



“ได้สิครับ ดีใจจังที่พี่ทัพจะดูด้วย งั้นพี่ทัพอยากดูเรื่องอะไรครับ โพดอยากดู...” 



บลาๆ  รู้สึกตาพร่าและสมองเบลอ จับใจความอะไรไม่ได้เท่าไหร่ รู้แต่ตอนนี้เหมือนข้าวโพดกับไอ้ทัพกำลังทำโลกส่วนตัวกันสองคนอยู่ตรงนั้น



“พี่ข้าวโพดข้าวแพดอะไรนี่พูดมากจังวะ”



“ชู่ว อย่าพูดแบบนี้น่าไอ้แจ ไม่น่ารักเลย”  หันไปดุมันที่เดินมายืนอยู่ข้างๆผม ไอ้อู๋เองที่ก็เดินทำหน้ามึนๆเข้ามา



“โพดไปซื้อตั๋วกับอาจารย์พี่ทัพเฉยเลยว่ะ ฮ่าๆ” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วหัวเราะแห้งๆ  ไอ้แจที่ปรายตามองมันแล้วส่ายหัวหน่อยๆ



“แจไปซื้อป๊อบคอนดีกว่า เดี๋ยวมานะพี่เมล”



“นี่ไอ้หมู มึงส่ายหัวใส่กูแล้วจะเดินหนีแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย เห้ยๆ รอกูด้วย มึงพึ่งแดกสเต็กมานะโว้ย”   



ไอ้อู๋ที่เดินตามไอ้แจไป จริงๆมันก็คือคนที่ชอบกวนประสาท หรือในสายตาของผมก็คือ มันแค่กวนไอ้แจกลบเกลื่อนความรู้สึกไม่ดีของตัวเองล่ะมั้ง ผมที่หันไปมองไอ้ทัพกับข้าวโพดที่ต่อแถวรอซื้อตั๋วอยู่ตรงนั้น จริงๆผมเองก็เป็นคนนึงที่รู้สึกไม่ดีเหมือนกันนั่นแหล่ะ



“เมล”



“หื้ม”



“มึงกับอาจารย์นี่มันยังไง” 



ไอ้บินที่เงียบมานานมาก มันที่ยืนอยู่ข้างผมตั้งนานแต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ มันที่รอจนไม่มีใครอยู่ถึงถามผมออกมาแบบนั้น



“คือกู....”



“มึงกับอาจารย์ กูว่า...มันดูแปลกๆอยู่นะ”



“คือ....ไม่มีไรหรอกมึง”  เลือกที่จะโกหกมันออกไปแบบนั้นแล้วยิ้มให้ ถึงแม้ว่าไอ้บินจะไม่ได้ทำหน้าตาเชื่อเลยก็ตาม...



“เห้ยพวกมึง เมื่อกี้กูเห็นไอ้กุ๊กเดินเข้าไปในโรงว่ะ สงสัยแม่งจะมาดูหนัง” 



ไอ้อู๋ที่เดินกลับมาพร้อมไอ้แจ ในอ้อมแขนของมันมีป๊อบคอนถังละ300อยู่ในอ้อมแขน



“นี่มึงซื้อมาแดกหรอ?”



“มึงถามน้องรักมึงนู่น” 



ไอ้อู๋ที่บุ้ยปากไปทางไอ้แจ มันที่ยืนดูดน้ำจุ๊บๆอยู่ยิ้มออกมากว้างๆ แล้วให้เหตุผลสั้นๆว่า



“แจซื้อมาเผื่อคนอื่นด้วย”  อ่อ....หรอจ๊ะ กูเชื่อตายยยยยยยย



“ทุกคนนนนน ตั๋วมาแล้ว ไปดูกันเถอะ”  ข้าวโพดที่ว่าออกมาแบบนั้น มันที่ยิ้มร่าเริงในตอนนั้น ทำเอาผมขมวดคิ้ว เพราะเห็นตั๋วในมือมัน



“หนังผีหรอวะ”



“ทำไม กลัว?...”



“เปล่าเถอะ”  หันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้ทัพแม่ง กวนประสาทจริงๆ



“ก็ดี เพราะมึงหน้ากลัวกว่าผีอีกเมล”



“ไอ้....”



“ไปกันเถอะ”   



ไม่รอให้กูด่าซ้ำ มันที่หันหลังเดินหนีเข้าไปในโรงก่อนทั้งแบบนั้น มีไอ้โพดที่เดินตามหลังไอ้ทัพเข้าไปติดๆ  รู้สึกเจ็บแปร๊บๆแปลกๆตอนที่เห็นภาพนั้น



“เลิกเซ้าซี้ถามกูสักทีน่าไอ้บิน กูจะไปรู้ได้ไงว่าไอ้กุ๊กมันนั่งตรงไหน”



“ไม่ได้เรื่องเลยไอ้สัด”



“มึงนี่วอแว เหี้ยเอ๊ย ข้าวเดินเข้าไปแล้วเนี่ย” 



ข้างหลังของผมเป็นเสียงของไอ้อู๋กับไอ้บินที่ดังมาแว่วๆ ข้างๆตัวผมคือไอ้แจที่ก็แค่เดินดูดน้ำมีความสุขของมันไป  และแน่นอนว่าข้างหน้าเราก็คือทัพโพด  คู่ชิปคู่ไหมหรอไอ้สัด!

               

พวกเราดูหนังผีที่กำลังฮิตๆกันในช่วงนี้ ก็คือผีแม่ชีฝรั่ง หนังน่ากลัวสมคำล่ำลือ ไอ้บ้าเอ๊ย คนยิ่งกลัวๆ แล้วมันเพราะอะไรกูถึงต้องมานั่งริมอยู่คนเดียวด้วยวะ ข้างซ้ายของผมคือทางเดิน ข้างขวาของผมคือไอ้ทัพหน้า ถัดจากมันไปคือไอ้โพด ต่อด้วยไอ้อู๋และไอ้แจ มันต้องนั่งข้างไอ้อู๋เพราะถังป๊อบคอนอยู่ตรงนั้น แล้วถัดจากไอ้แจคือไอ้บิน มันที่ไม่ได้สนใจจะดูหนังเท่าไหร่ เหมือนพยายามจะสอดส่ายสายตามองคนทั่วโรงมากกว่า



แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือทำไมกูต้องมานั่งตรงนี้  เหตุผลมีอยู่สั้นๆมีอยู่แค่ประโยคเดียวจากข้าวโพดคือ



“ให้พี่ทัพนั่งข้างเรานะ แล้วก็อู๋ เพราะทั้งคู่ตัวใหญ่เราจะรู้สึกอบอุ่นเหมือนมีคนปกป้อง คือ...พอดีเรากลัวผีน่ะ เมื่อกี้เมลบอกว่าเมลไม่กลัวนี่นา”



ว่าแบบนั้นพร้อมรอยยิ้มน่ารัก แล้วที่นั่งมันก็ออกมาเป็นแบบนี้



“เป็นอะไรนั่งยุกยิกๆ”



“หนาว”



“เหรอ กูนึกว่ากลัว” 



ไอ้ทัพหน้าที่หันหน้ามาถาม เสียงทุ้มเข้มๆของมันที่ดังอยู่ข้างๆหูของผม สะดุ้งหน่อยๆแล้วหันไปมอง ในช่วงจังหวะที่ในโรงแสงมืดมากขึ้นก็รู้สึกถึงความอุ่นนิ่มหยุ่นที่แนบมาที่ริมฝีปากของผม



“แต่ถ้าแบบนี้ ก็ไม่ต้องกลัวแล้ว”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ในความมืดยังมองเห็นสายตาล้อเลียนของมันที่เป็นประกายวิบวับอยู่ในตอนนี้ โว้ยยย....



“หึ”



“อ๊ะ...น่ากลัว” 



เสียงของข้าวโพดที่ดังออกมาขัดผมกับไอ้ทัพ จนไอ้ทัพต้องหันไปมอง ข้าวโพดที่เอียงหัวลงมาซุกไหล่ไอ้ทัพหน่อยๆ ทั้งๆที่ฉากนี้แม่งโคตรจะไม่มีห่าไร หรือถ้าพูดง่ายๆก็คือ ผีเผออะไรก็ยังไม่ออก มึงกลัวอะไรกูถามแค่นี้ ... ไอ้ทัพหน้าที่หันไปมอง มันที่แค่ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ



“ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว”



“แต่ผมกลัวนี่ครับ”



“ใจเย็นน่า”  มันที่บอกไอ้โพดแบบนั้น ก่อนจะยกมือลูบหัวไอ้โพดที่เอาแต่หน้าซุกไหล่ไอ้ทัพอยู่แบบนั้น



ทำไมอยู่ๆผมก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาก็ไม่รู้...ถ้าผมร้องไห้ออกมา คนในโรงจะหาว่ากูบ้าไหม ดูผีแม่ชีแต่กูจะร้องไห้



เป็นความรู้สึกที่โคตรคิดถึงไอ้กุ๊ก



ถ้ามันอยู่วันนี้ ผมจะไม่ห้ามมันเลยถ้าวันนี้มันอยากจะเอาน้ำส้มเขวี้ยงหัวข้าวโพด กูจะไม่ห้ามไอ้กุ๊กเลยสักคำเดียว



...



มาแล้วจ้าาาาา

แคทขออนุญาตกรีดร้องงงงง ตกใจกับคอมเม้นท์ถล่มทลายจากตอนที่แล้วมากๆ เกิดอะไรขึ้นนนนน ลงไปวันเดียวคอมเม้นถึง100แล้ว แคทตกใจมากจริงๆ ในใจคือคิดว่าคนอ่านชอบหรือยังไง แต่แคทจะมโนว่าคนอ่านชอบจ้าาา

ส่วนตอนนี้ขอโทษจริงๆที่มาได้แค่15หน้า พอดีแคทเป็นผู้หญิงแล้วปวดท้องมาก เลยต้องขอโทษจริงๆที่มาได้แค่นี้

ตอนหน้าจะพยายามมายาวกว่านี้นะคะ ส่วนตอนน้องหลงพี่รี่ที่ผ่านมา เหมือนมีคนอ่านโดดลงเรือกันเยอะมาก

มาค่ะ เราจะพายไปด้วยกันอิอิ

ส่วนตอนนี้น้านนนน เชิญกรีดร้องงงงงงง ตบไม่ตบ อุ้ย โทษๆ

ปล.พี่ทัพหน้านางรว้ายยยยเด้อออออออออ   :hao7: :mew1:


ขอขอบคุณคนอ่านจากเล้าเป็ด คอมเม้นจากตอนที่14และตอนInside


ขอบคุณ คุณtae1234  ใครๆก็ไม่ชอบข้าวโพด คนเขียนก็ด้วย เอ๊ะ หยอกๆจ้าาาา 55555

ขอบคุณ คุณursleepingxd  คุณยู ในจุดๆนี้คุณยูต้องดูแลน้องหลงให้ดีแล้วนะคะ คุณยูอาจจะยังไม่ได้อ่านตอนInside  ถ้าได้อ่านแล้ว มากรีดร้องให้แคทฟังหน่อยน้าาา 5555555 ขออนุญาตขำล่วงหน้า ทีมแม่น้องหลงจะว่าไงเนี่ย อิอิ

ขอบคุณ คุณ sailom_orn  พี่ทัพคนบ้า จริงๆก็คือเป็นคนรว้ายๆ มาอ่านตอนใหม่นี้อีกนะคะ มาดูกันว่าอิพี่ยังตามแกล้งน้องต่อไปหรือไม่ยังไง อิอิ  ส่วนพี่รี่น้านนน บ้าๆๆ คิดมาก พี่รี่ไม่อยากกินน้องหร๊อกกก (เหรอ) 555555

ขอบคุณ คุณblove  โอ้วมายก็อต แคทยังคงดีใจเสมอที่เห็นคอมเม้นท์ยาวๆของคุณblove แบบดีใจที่มีคนกรีดร้องไปกับเราค่ะ แคทไม่เคยรู้สึกรำคาญเลยค่ะ ยังไงแคทขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยน้าา ส่วนที่บอกว่าพี่รี่เหมือนพี่ทัพ บ้าาาาา คิ๊ดม๊ากกก พี่รี่เค้าไม่อยากกินน้องหร๊อก จริ๊งจริ๊ง(เสียงสูงไม่หยุด ไปสุดที่ไฮโน๊ด 55555)  แล้วมาอ่านตอนใหม่นี้อีกน้าาา

ขอบคุณ คุณiceman555 เห็นด้วยค่ะ นี่ก็กลัวน้องติดFมากๆ อิพี่ทัพหักคะแนนเก่ง ในจุดๆนี้ก็คือหักคะแนนยิ่งกว่าศาสตราจารย์สเนปหักกริฟฟินดอร์กันไปจ้าาา ฮ่าๆๆ ขอบคุณนะคะ มาอ่านต่ออีกน้าาา
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่15* {22.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 22-12-2018 21:30:37
เมลออกจากโรงหนังกลับเลยดีกว่า  รำคาญข้าวโพดจัง
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่15* {22.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-12-2018 22:04:46
อีนังข้าวโพดคือคนร้ายตัวจริงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่15* {22.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-12-2018 03:22:09
โว้ๆๆๆๆข้าวโพดลุคน่ารักแสนดี กำลังจะดีแตกละเว้ยยย ออกลายมาเล้ยออกมาให้เห็น เหมือนว่ายิ่งเห็นทัพหน้ามาวอแวเมลเท่าไหร่ ยิ่งกระตุ้นความรู้สึกโพดให้ร้อนดังไฟเอ่อร์ 5555555 เอาซี้งานนี้ กุ๊กเตือนแล้วนะ หึหึ!! ทัพหน้าจะรู้เปล่าวะว่าข้าวโพดน่าสงสัยตัวอันตราย หรือจะไม่รู้จริงๆ แต่ถ้ารู้แล้วทำไม... หรือว่าแกล้งเนียนไปกับโพด แผนซ้อนแผนงี้ แถมยังได้เห็นคนหน้าซีดๆอีก แกล้งให้เขาหึงไง ไม่รู้ใจพี่แกจริงว่าคิดไรอยู่ เดี๋ยว!!!!!!!กูควรพักก่อน คิดมากไปแล้วววว 5555555 แต่ที่รู้ๆคือหึงหวงออกหน้ามากจร้า 5555 ฉากแอบในห้องเรียนนี่ >.,< ฟินเบาๆ ฮ่าๆ //เออละดูข้างหน้าเหมือนจะวุ่นๆวายๆมากขึ้นแหะ ดูท่าแล้วการที่โพดป่วนในวงนี่มีผลกระทบกับทุกคน หึหึหึ!! บันเทิงละ กูขอนั่งดูอยู่วงนอกกับแจ เนอะ!!  555555  //เอาแล้วไงบิน เขาเมินไหมละ หงุดหงิดงุ่นง่านใจลอยอยากรู้เรื่องเขาตลอดเวลา วะฮะๆ สะจายยยนิดนุง 555 เนาะกุ๊กต้องอยู่เป็น คบเพื่อนคนอื่นมั้งก็ได้ เพื่อนดีๆยังมี ดีใจที่เห็นกุ๊กยิ้มได้หัวเราะออก ถึงแม้เห็นอะไรบางทีมีเจ็บแปลบๆบ้าง แต่ก็เอาเถอะ ยิ้มสู้เว้ยกุ๊ก (:  //ผลสอบเทสย่อยออกมา ต้องติวเพิ่มโดนด่าว่าโง่หรือจะให้รางวัล รอดูจะผ่านไหม เสียวคะแนนแทนเลย 5555 //ค่อยๆอ่านนะ เลื่อนลงช้าๆ กลัวจบเร็ว มันอ่านเพลิน 555555 ดีใจและขอบคุณมากที่มาอัพให้อ่านอย่างต่อเนื่องค่ะ ดีมากๆ ริมฝีปากยิ้มๆหุบๆแล้วแต่ฉาก 555555 สนุกจริงๆ ขอรอตอนต่อไปเล้ยยย :)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่15* {22.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 23-12-2018 06:32:23
ตอนนี้ไม่มีน้องหลง  :katai4:

อ้าว เราอ่านตอนน้องแล้วลืมคอมเมนท์หรอคะ งั้นเมนท์รวบเลย เชอรี่มันร้ายนะคะหัวหน้า แต่น่ารักทั้งคู่เลย น้องแตงโม น้องหลง  :hao7:

ส่วนคอมเมนท์ตอนนี้ ก็อย่างที่บอกไปตอนแรก ตอนนี้ไม่มีน้องหลงงงง  :ling1:
พี่ทัพปั่นเยอะๆค่ะ น้องกุ๊กก็ไปกับเพื่อนใหม่เลย ไม่ต้องสนเพื่อนโง่เลย เย้ แฮปปี้ ว่าแต่พี่ทัพจะดูโพดออกมั้ยน้า ถ้านังโพดสั่งเก็บณราชาแล้วยังมาเล่นงานเมลอีก นี่เท่ากับนังทำร้ายเมียพี่ถึงสองคน พี่ยอมได้หรอคะ อย่าโง่เหมือนแก๊งเพื่อนนะพี่ พี่คือความหวังหมู่บ้านนนนนน
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่15* {22.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-12-2018 23:24:10
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปอีกค่ะ ทำไมดูมีอะไรมากกว่าที่ควรจะเป็น

เมลน่าสงสารนะ ทั้งรักทั้งชัง แต่เกลียดก็ไม่ได้ เพราะรักไปแล้ว
ทัพจะร้ายก็ไม่แปลก แต่ดูจะรักจะหวงมากกว่าจะเกลียดนะ
ทำเป็นพูดว่าไม่ชอบ สับสนหรอ พี่เป็นไบโพลาร์ตลอดเวลา

งงใจ เรื่องทุกอย่าง ทำไมมันพอดีแบบนี้
กุ๊กทำไมไม่พูดให้ชัดไปเลย แล้วทำไมกลับไปที่บ้าน
ข้าวโพดคือคนร้ายที่แท้จริงหรอ คิดใหญ่ไปมากนะ

ตลกบ้านปืน ดาบ กุญแจ ทำไมบ้าบอ รั่ว และอารมณ์ดีกันขนาดนี้
กุญแจน่ารักนะ น่าจับฟัดที่สุด เจื้อยแจ้วมาก
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่16* {29.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 29-12-2018 21:03:47


บทที่16


ในที่สุดหนังก็จบสักที



นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผมนั่งอยู่ในโรงหนังเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ แต่รู้สึกเหมือนนั่งมาสองทศวรรต แถมถามว่ารู้เรื่องไหม ก็คือพูดเลยว่าไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง หนังผีที่ผมเองก็กลัว แต่ตอนนั่งอยู่นั่นไม่ได้กลัวอะไรเลย กลัวแค่อย่างเดียว



คือกลัวร้องไห้



“วันนี้หนังน่ากลัวมากๆเลยครับ ข้าวโพดกลัวจัง กลัวว่าคืนนี้จะนอนไม่หลับมากๆเลยครับ” 



เสียงใสที่เดินนำอยู่ด้านหน้าของผมกับชายร่างสูงคนที่ผมรัก กับเพื่อนที่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เขาสองคนที่คุยกันอย่างออกรสออกชาติอยู่ตอนนี้



“ไม่เห็นจะน่ากลัว”



“น่ากลัวสิพี่ทัพอ่ะ”  ว่าแบบนั้นก็ยื่นมือไปตีแขนแกร่งนั่นหน่อยๆ



“โอ๊ะ ขอโทษครับ โพดชิน” 



มันที่ว่าแบบนั้นแล้วก้มหน้าลงต่ำเม้มปากหน่อยๆ ไอ้ทัพหน้าที่หันมามองหน้ามันนิ่งๆ  ผมที่กำลังรอดูว่ามันจะทำอะไรต่อ จริงๆผมอยากให้มันด่าโพด ต่อยโพดไปซะที่อยู่มาตีมันแบบนั้น ดูเลวไหม แต่ใจผมก็อยากให้มันทำแบบนั้น แต่ความจริงกับความฝัน ก็มักจะสวนทางกันเสมอ



“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บ”



“เหอะ”  ข้าวโพดกับไอ้ทัพที่หยุดเดินแล้วหันมามองทางด้านหลัง หลังจากที่ได้ยินเสียงนั้น แต่โทษทีผมไม่ได้ทำนะ



“โทษทีพี่ทัพ แจรู้สึกคันคออ่ะ อยากจะอ้วก”  ไอ้แจที่ว่าออกมาแบบนั้น สายตามันที่ดูจะหงุดหงิดหน่อยๆมองไปที่พี่ของมัน



“พี่เมลรู้สึกอยากจะอ้วกเหมือนแจไหม สงสัยหนังหน้าผีทำพิษ ไปหาซื้อน้ำกันดีกว่าฮะ” 



มันที่หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก่อนที่ฝ่ามือน่ารักของมันจะตรงมากอดแขนผมแล้วลากออกไปจากตรงนี้ด้วยกัน...ก็ดีนะ ผมไม่รู้สึกอยากจะอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกแล้ว เพราะแบบนั้นเลยเดินตามแรงดึงของมันมาแบบไม่อิดออด



“เหอะ”



“เป็นไรไอ้แจ ฟึดฟัดจังวะ”  ผมถามมันตอนที่เรานั่งลงในโต๊ะหลังจากที่สั่งน้ำกันไปแล้วคนละแก้ว



“แจน่าจะถามพี่เมลมากกว่าไม่ใช่หรอ ว่าทำไมถึงยังทำหน้านิ่งไม่ติงไหวแบบนี้ได้อีกอ่ะ” ผมเงียบตอนที่น้องมันถามออกมาแบบนั้น มันที่จ้องผมนิ่งๆอย่างรอคำตอบ



“แล้วพี่จะทำอะไรได้ พี่ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ” 



เงียบไปหลายนาทีก่อนจะยอมพูดออกไป และสิ่งที่ได้ตอบกลับมาก็คือเสียงติ๊ปากแบบขัดใจของไอ้เด็กข้างๆ



“ทำไมจะไม่มีอ่ะ ขัดใจจริงๆเลย”



“จริงๆพี่ว่าแจก็น่าจะรู้ว่าพี่มาอยู่กับไอ้ทัพเพราะเรื่องอะไร”



“แจรู้”



“แล้วถ้ารู้ ทำไมถึงยังมาถามอะไรแบบนี้ล่ะ เราไม่เกลียดพี่รึไง”



“ทำไมแจต้องเกลียดด้วย แจไม่คิดว่าพี่เมลเป็นคนวางแผนฆ่าพี่ณราชาหรอก”  มันที่ใช้ดวงตากลมโตของมันจ้องมองมาที่ผมแล้วพูดออกมาอย่างจริงจัง



“ทำไมล่ะ?” 



ผมถามมันกลับออกไปอย่างไม่เข้าใจ  ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนทำ แต่แค่สงสัย ว่าทำไมเด็กแบบไอ้แจ คนที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับผมมากมายเท่าไหร่ ทำไมมันถึงมีความคิดแบบนั้น



“แจมั่นใจ ว่าพี่เมลไม่ได้ทำหรอก ... เอาจริงๆไหม คนที่กล้าทำเรื่องแบบนั้นที่ไหนเค้าจะมาทนอยู่กับคนใจร้ายแบบพี่ทัพได้กันล่ะ ถ้าคิดวางแผนทำนู่นนี่นั่นได้ขนาดนั้น ก็คงไม่ยากหรอกถ้าคิดจะหนีคนแบบพี่ทัพ”



“.....บางทีมึงก็ฉลาดกว่าไอ้ทัพเยอะเลยนะ”  ผมเงียบไปสักพักก่อนจะว่ามันออกมาแบบนั้น



“ไม่หรอก ผมว่าพี่ทัพก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก”



“ห๊ะ  มึงว่าอะไรนะ...”  หันไปถามมันแบบงงๆเพราะเมื่อกี้ไม่ได้ฟังมัน จริงๆคือสายตาก็ยังพยายามมองออกไปนอกร้าน แต่ดันมองไม่เห็นพวกไอ้ทัพ



“เปล่าหรอก แจไม่ได้พูดอะไรนี่นา เอ๊ะ มาแล้วนี่นา เค้กแจจ้า”  ร่าเริงทันทีทั้งที่เมื่อกี้มันยังหน้าบูดหน้าเบี้ยวอยู่เลย พอเห็นเค้กเท่านั้น สีหน้าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนกันเลยทีเดียวครับ



“ไอ้แจ”



“ว่างายครับบบบบบ”



“กูถามจริงๆนะ”



“ได้เลยถามจริง ตอบจริงจ้า”



“นี่มึงมีกระเพราะหรือมึงมีหลุมดำอยู่ในร่าง” 



ถามออกไปแบบนั้น จากหน้าตาร่าเริงก็เปลี่ยนเป็นหงิกทันที ปากเล็กๆของมันยื่นออกมา ก่อนจะมองค้อนผมหน่อยๆ เอ้อ...ไอ้เด็กนี่มันก็น่ารักดีนะ เห็นแบบนี้ก็อดที่จะยื่นมือไปหยิกแก้มมันไม่ได้



“งื้ออออ เจ็บๆน้า”



“ฮ่าๆๆๆ”



“โอ๊ะ...อยู่นี่กันนี่เองฮะพี่ทัพ ดูสิๆ เมลเล่นกับน้องน่ารักมากๆเลยฮะ”   



เสียงใสๆที่ทำให้ทั้งผมและไอ้แจหยุดแกล้งกันแล้วหันไปมอง ไอ้โพดที่ลากแขนไอ้ทัพเข้ามาใกล้ วงแขนแข็งแกร่งที่ครั้งนึงมันเคยโอบกอดตัวผมไว้ ตอนนี้มันกลับให้ไอ้โพดที่มันพึ่งเจอกันไม่เท่าไหร่แตะต้องได้โดยไม่บ่นสักคำ  ผมมองหน้ามันที่อีกฝ่ายก็จ้องตรงมาที่ผมเช่นกัน



“โอ๊ะน่ากินจัง เรากินกันได้ไหมฮะพี่ทัพ” 



ไอ้โพดที่มองจานเค้กของไอ้แจพร้อมเกาะแขนไอ้ทัพแล้วว่าออกมาแบบนั้น  ทัพหน้าที่ไม่ได้หันไปมองข้าวโพดอะไร สายตาของมันที่จ้องตรงมาที่ผม มันที่แค่เดินนำเข้ามาแล้วลากโต๊ะมานั่งด้วยกัน  ไอ้อู๋กับไอ้บินไม่ได้ตามมาด้วย ไม่รู้หรอกว่ามันหายกันไปไหน แต่นั่นไม่สำคัญเท่าไหร่



“น่ากินจัง อยากกินอันนี้จังฮะ”



“ก็กินสิ”



“ไม่ได้ อันนี้ของพี่เมล”  ไอ้แจที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วว่าตาขวาง



“อ่า .... น้ำนี่ใช่ชานมเผือกไหม น่ากินจัง”



“อันนี้ก็กินไม่ได้ของพี่เมล”



“อ่า...เมล เราขอกินด้วยได้ไหมอ่า”  ไอ้โพดที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยื่นมือมาจับที่แก้วขานมไข่มุกเผือก จริงๆแล้วของพวกนี้ผมไม่ได้เป็นคนสั่งหรอก ไอ้แจมันก็แค่พูดไปแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไม พอไอ้โพดมันบอกว่ามันอยากกิน มันอยากได้ มือของมันเอื้อมมาแตะแก้วนั่น ไม่รู้ทำไม...จริงๆมันก็เป็นแค่น้ำแก้วเดียว เป็นแค่น้ำแก้วเดียว



แก้วเดียวก็ไม่ได้!



ผมที่เอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำแก้วนั้นแล้วกระชากกลับมา สายตาที่มองมันแบบไม่ยอม แว๊บนึงที่ผมเห็นมันชักสีหน้า แต่ไม่กี่วินาทีต่อมามันก็ปล่อยมือออกจากแก้วของผมพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยยนเป็นตกใจก่อนจะยิ้มแหยๆออกมา ก้มหน้าหน่อยๆก่อนจะเงยหน้าไปมองหน้าไอ้ทัพหน้าแล้วยิ้มบางๆให้



“อ่อ เดี๋ยวโพดไปสั่งใหม่ก็ได้ เมลคงชอบมาก”



ใช่ กูชอบ ของบางอย่างอ่ะนะไอ้โพด มันก็แบ่งกันแดกไม่ได้ มึงจำเอาไว้” 



ไม่รู้เพราะอะไรผมถึงพลั้งปากออกไปแบบนั้นพร้อมจ้องหน้ามันเขม็ง  ไอ้โพดที่เม้มปากน้อยๆ พยักหน้าให้ผมพร้อมทำหน้าสลด



“อ่า งั้นเดี๋ยวเราไปสั่งใหม่เองก็ได้” 



มันที่ว่าแบบนั้นพร้อมๆกับเตรียมลุกออกจากเก้าอี้เดินไปสั่ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนร่างสูงที่ก่อนหน้านี้นั่งมองเหตุการณ์อยู่เงียบๆพูดขึ้น



“จะสั่งใหม่ทำไม ของตั้งเยอะตั้งแยะ แบ่งกันก็ได้”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ไอ้โพดที่หันมามองหน้าผมสลับกับหน้าไอ้ทัพ



“ไม่เป็นไรครับพี่ทัพ เดี๋ยวโพดไปซื้อเองดีกว่า” 



บอกออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มหน่อยๆ ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันเป็นยิ้มตอแหล ในจังหวะที่มันก้าวออกจากโต๊ะ ขาของผมก็ยื่นไปคั่นมันไว้ซะก่อน ไอ้โพดที่สะดุดแล้วล้มหน้าคมำไปข้างหน้า ไอ้ทัพที่เบิกตากว้างขึ้นหน่อยแบบตกใจนิดๆแต่ก็ยังไม่หลุดมาดของมัน  แต่ฝ่ามือหนาที่หากอยากจะคว้าแขนข้าวโพดไว้หน้ามันก็คงไม่ถลาไปหาอีกโต๊ะ แต่ทัพหน้าก็แค่ปล่อยเฉย ได้แต่มองแบบไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็เลือกจะปัดทิ้ง



‘พลัก’



แก้วชานมเผือกที่กระจายเกลื่อนไปตามพื้นเพราะแรงปัดแก้ว คาราเมลที่ลุกขึ้นยืนพร้อมๆกันในจังหวะนั้น สร้างความตกใจให้กับคนทั้งสามไม่น้อย



“โอ๊ะ”



“เมล”



ทัพหน้าที่เรียกชื่อร่างบางออกมาแบบนั้นติดด้วยเสียงดุๆ ก่อนฝ่ามือแกร่งจะเอื้อมไปจับแขนเรียวไว้ด้วยแรงไม่น้อย สายตาคมที่จ้องคาราเมลดุๆ แต่คนตรงหน้าแค่บิดมือออกจากวงแขนแกร่งแล้วพูดออกมาว่า



“โอ๊ะ โทษทีนะโพด พอดีลุกไวไปหน่อย จะคว้าแก้วน่ะ ขาเลยไปเตะโดนมึง โทษที” 



ว่าออกมาแบบนั้นด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนที่จะบิดข้อมือเล็กออกจากฝ่ามือของคนตัวหน้านิ่งๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นเอาดื้อๆ



ร่างบางที่เดินออกมายกยิ้มกับตัวเองหน่อยๆ...ใครว่าผู้ชายตอแหลไม่ได้ ไม่เคยเห็นผู้ชายตอแหลเมียหรอ เยอะแยะ...แล้วผมนี่ไง หนึ่งในการตอแหลก็พึ่งทำสดๆร้อนๆเลย ใครว่าจะลุกไว กูตั้งใจขัดขามึงเลยนี่แหล่ะอิเหี้ย



คิดแบบนั้นในใจแล้วก้าวเดินไวๆจ้ำพรวดๆออกมา ใจนึงก็เหมือนจะสะใจ แต่อีกใจกลับตรงกันข้ามสะเหลือเกิน ได้แต่กำมือแน่นๆ ความรู้สึกน้อยใจที่มีต่อทัพหน้าแล่นขึ้นมากระแทกใจไปหมดแล้ว


.

.

.





‘ผลึบ’



“เป็นบ้าอะไร ทำบ้าอะไรของมึง” 



เสียงเข้มที่มาพร้อมฝ่ามือแกร่วที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทัพหน้าที่ตอนนี้เดินเข้ามาประชิดตัว พร้อมฝ่ามือแกร่งที่กอบกุมต้นแขนของผมอยู่  ได้แต่เสตาหลบหน้าอีกฝ่าย ไม่อยากพูดอะไรด้วยแล้วในตอนนี้ ไม่อยากทำแม้กระทั่งมองหน้าของมัน



กลัว



กลัวจะเผลอร้องไห้ออกมาอีก



ยิ่งคำพูดของมันที่กำลังต่อว่าผมในตอนนี้ด้วยแล้ว ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นๆจนมันเจ็บ  อย่าร้องนะมึง ทุกวันนี้มึงก็เหมือนตัวตลกมากพอแล้ว



“ไอ้เมล กูรู้นะว่ามึงตั้งใจสกัดขาโพด แล้วยังปาแก้วน้ำนั่นอีก”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น แต่ผมก็ยังเงียบ



“แล้วนี่มึงคิดจะเดินไปไหน กล้าดียังไงเดินหนีกูห๊ะ มึงคิดจะหนีกูรึไง” 



คนตรงหน้าที่ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงติดจะโมโห และคาดว่าจะโมโหจริงๆ เมื่อแรงบีบมือเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเมลรู้สึกเจ็บ ได้แต่นิ่วหน้าเพราะความเจ็บแต่กลับไม่ปริปากบอกแม้แต่น้อย เป็นนิสัยที่ต่อให้เจ็บแค่ไหนก็จะร้องไห้อยู่เงียบๆคนเดียว ก็เป็นแบบนี้มาตลอด



“ไอ้เมล อย่ากวนกูนะมึง”



“กูทำอะไรก็ไม่ถูกใจมึงไปหมดนั่นแหล่ะ ใครมันจะไปถูกใจมึงเหมือนไอ้โพดวะ แล้วปล่อยกู กูคงบินหนีเงากรรมแบบมึงได้หรอกนะ เพราะไม่ว่ายังไง มึงก็ไม่คิดจะปล่อยเชลยแบบกูอยู่แล้วนี่”



“หึ ดีรู้ตัวก็ดี แล้วนี่เป็นเหี้ยอะไร ทำหน้าตาให้มันดีๆ ทำนิสัยเสียชิพหาย รู้ตัวบ้างไหมวะ” 



เมลที่ช้อนตามองคนร่างสูงที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยความน้อยใจ น้ำตาจะไหลอยู่ร่อมรอ  ทัพหน้าที่พอจะจับสังเกตได้ หันมองคนที่จ้องตัวเองอยู่ก่อนแล้ว แล้วก็ต้องชะงักไปหน่อยนึง



“มองอะไร แล้วมองกูแบบนั้นทำไมวะ”



“เปล่า”  เลือกที่จะเบือนหน้าหนีแล้วตอบกลับเสียงเบา  พยายามกระพริบตาถี่ๆเพื่อไม่ให้น้ำตาที่เอ่ออยู่ตรงหน่วยตาไหลออกมาในตอนนี้



“ทำไม...อย่าบอกว่ามึงน้อยใจกู?”



“เหอะ กูมีสิทธิ์รึไง”



“ก็ฉลาดดีนี่ที่รู้” 



“........อืม” 



ได้แต่แค่นเสียงตอบรับออกมาน้อยๆอย่างยากลำบาก ได้แต่ก้มหน้าลงต่ำไม่มองหน้าคนร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างตัว คิดว่าในตอนนี้มันรับไม่ไหวจริงๆ น้ำตาใสที่พยายามแล้วพยายามอีกที่จะไม่ยอมให้มันไหลออกมา ในที่สุดก็ไหลลงมาอย่างไม่อาย ทั้งๆที่ตอนนี้เจ้าตัวยืนอยู่ในลาดจอดรถที่พลุกพล่านแท้ๆ



“แล้วนี่เงียบทำไม เป็นเหี้ยอะไรอีก” 



ทัพหน้าได้แต่ถามออกมาแบบนั้นอย่างไม่เข้าใจ มองมาที่คนข้างๆตัวที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้า หากแต่พอมองดูดีๆ ไหล่บางนั่นกลับสั่นเทา



“นี่มึง...ร้องไห้หรอวะ”



“อึก มึงจะมาตามกูกลับไปขอโทษโพดก็ ฮึก ไปสิ จะมา...ฮึก ถามเหี้ยอะไร อึก” 



ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับพยายามจะกลั้นสะอื้น แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งร้องไม่หยุด ก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้



“ใครบอกว่ากูจะมาตามมึงไปขอโทษมัน นี่น้อยใจคิดเหี้ยไรอีกล่ะ”



“ฮึก...”



“หยุดร้องไอ้ห่า คนมองหมดแล้ว”



“ฮึก ฮื่ออ กูมันหยุดไม่ได้นี่ กูเสียใจไอ้เหี้ย ฮึก ฮื่อออ” 



ในที่สุดเขื่อนก็แตก เงยหน้าขึ้นมาเถียงคนร่างสูงตรงหน้าทั้งน้ำตา ได้แต่ร้องไห้ออกมาแบบไม่อาย มองเห็นร่างสูงจากม่านน้ำตาที่พล่าเบลอ เหมือนมันจะตกใจไม่น้อยที่เห็นผมเป็นแบบนี้ คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันจนเป็นปมแน่น



“ฮื่ออ มึงก็รู้ว่ากูชอบมึง ฮึก ก็ใจร้ายจังไอ้เหี้ย ฮื่ออ อะไรที่กูไม่ได้ทำ ฮึก ก็โยนให้อยู่ได้ ฮึก แล้วยัง...ฮึก ฮื่ออ”



“พอๆๆ ร้องเหี้ยไรเนี่ย หน้าเละหมด”  มันที่ถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้แนบอก ฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นมาตบหัวผมปุๆ



“ชู่วว เงียบน่า จะน้อยใจเหี้ยอะไรเนี่ยเมล”



“น้อย ฮึก ใจ แล้วไง ฮึก มึง มึงก็ไม่ได้ง้อนี่ ฮึก” 



ว่าออกมาด้วยเสียงขาดห้วงแต่ก็ยังคงเอามือกอดคนตรงหน้าแน่นๆ หัวทุยเล็กซุกลงไปที่อกแกร่งแล้วสะอื้นฮัก ทัพหน้าที่ถอนหายใจหน่อยๆแต่ก็ไม่ยอมปล่อยอ้อมกอดคนตรงหน้า



“แล้วที่กูทำอยู่นี่เรียกว่าอะไร อย่าโง่ให้มาก”



“เอ๊ะ พี่ทัพฮะ”



“อ้าวพี่ทัพ พี่เมลของแจเป็นอะไรไปอ่า” 



เสียงสองเสียงที่ผมจำได้ดีว่าคือเสียงของใครดังขึ้นมา คาดว่าไอ้โพดกับแจน่าจะตามมา ผมพยายามที่จะดันตัวออกในตอนที่เริ่มมีสติกลับมาหลังจากที่ร้องไห้ไปหนักพอสมควร เลยปล่อยมือจากเอวแกร่งและพยายามดันออกมา แต่ติดตรงที่ว่าฝ่ามือแกร่งที่โอยเอวผมไว้แน่นข้างนึง ส่วนมืออีกข้างก็กดหัวผมไว้แน่นๆไม่ยอมให้เงยหน้าขึ้นมาจากอกแกร่งนี่สิ



“ไม่มีไรหรอก เด็กมันงอแง”



“ห๊ะ เมล...เอ่อ หมายความว่าไงหรอฮะ”



“พี่ทัพแกล้งพี่เมลของแจหรอ ตีนะ”



“หึ เด็กมันดื้อ พี่กลับก่อนนะแจ จะพาเด็กไปนอน”



มันที่พูดออกไปแบบนั้น และไม่ได้ตอบกลับข้าวโพด ผมไม่แน่ใจว่ามันต้องใจเมินคำถามของข้าวโพด หรืออะไรกันแน่ แต่มันที่ไม่ตอบโพดแต่เลือกที่จะตอบไอ้แจแทนแบบนั้น ไม่เข้าใจจริงๆว่ามันกำลังทำอะไร  รู้ตัวอีกทีฝ่ามือใหญ่ก็ดันผมให้ยืนดีๆ มันที่เอื้อมมือมาจับมือผมแล้วดึงให้เดินไปขึ้นรถด้วยกันซะแล้ว  แว๊บนึงที่ผมหันกลับไปมองข้าวโพด ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเปล่า แต่สายตาของมันที่มองมาที่ผม ไม่ได้เรียกว่าเป็นมิตรเหมือนเก่าแน่ๆในตอนนี้



...





“อย่าทำตัวแบบวันนี้อีก มึงเป็นเด็กมีปัญหาหรือไง” 



ร่างสูงที่ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตออกที่ละเม็ดช้าๆ ว่าพรางมองคนร่างบางที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ดวงตาใสบวมช้ำหน่อยๆเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักตั้งแต่อยู่ที่ห้าง จนขึ้นรถกลับมาที่บ้านมันก็ยังเอาแต่ซึม ไม่รู้จะเศร้าเหี้ยอะไรนักหนา



“ยัง ยังจะมาค้อนกูอีก เดี๋ยวกูตบนะเมล”



“ไม่ต้องมายุ่ง”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น จ้ำพรวดๆเดินไปที่เตียง  นี่คือฤทธิ์ของลูกชายคนเล็กของบ้านหรเวชภูวดลสินะ



“เดี๋ยวมึงจะโดนดี ไม่ต้องมามุดผ้าห่มหนีเลยนะมึง วันนี้มึงทำนิสัยแย่มากนะเมล” 



ทัพหน้าที่เดินเข้าไปยืนใกล้ๆข้างเตียง คนร่างบางที่เห็นแบบนั้น ก็หดตัวลงไปนอนในผ้าห่มนวมแล้วพลิกตัวหันหน้าหนี



“ทำไมอ่ะ กูไม่ได้ปาชานมเผือกใส่หัวเด็กมึงนี่” 



ว่าออกมาแบบค่อนขอดแบบนั้น พรางยื่นปากเล็กออกมาอย่างเอาแต่ใจ ทัพหน้ารู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร แต่ถึงแบบนั้นก็ยังว่าต่อ



“ยังพูดไม่รู้เรื่องอีกนะ นิสัยเสีย”



“แล้วจะว่าอะไรนักหนาอ่ะ ว่าอยู่ได้!” 



กระชากเสียงใส่พร้อมกระชากผ้าห่มออกจากตัวแล้วคนร่างบางก็เด้งตัวลุกขึ้นมานั่งทั้งๆที่หัวฟูจากการมุดผ้าห่ม หน้าตาที่ตอนนี้ติดจะหงุดหงิดบึ้งตึงมากเป็นพิเศษ มองมาที่ทัพหน้าอย่างเอาแต่ใจติดจะปนน้อยใจอยู่ในที



“แล้วมึงทำมันถูกไหม”



“เอ้อ กูจะทำถูกได้ไง ก็กูมันนิสัยเสียนี่”



“ไอ้เมล!” 



ทัพหน้าที่ตะคอกออกมาดุๆเพราะคนตรงหน้าเริ่มจะงอแงและดื้อดึงขึ้นมาแล้วในตอนนี้ ฝ่ามือแกร่งกระชากแขนเรียวให้หันไปมองหน้าตนเอง   เมลเองที่พอโดนตะคอกออกมาแบบนั้นก็เม้มปากเงียบในทันที



“กูไม่ได้ว่าที่มึงจะสกัดขามัน แต่กูว่าที่มึงปาแก้วน้ำลงไปบนพื้นแบบนั้น”



“กูเป...”



“กูไม่โง่” 



จ้องตาดุกับเด็กตรงหน้าที่ตอนนี้พยายามจะเถียงออกมา คาราเมลที่โดนจ้องตาดุแบบรู้ทันก็ได้เม้มปากหลบสายตา

 

“มึงทำแบบนั้น รู้บ้างไหมว่าพนักงานในร้านเค้าเดือดร้อน ตอนที่มึงเดินตัวปลิวออกไปคนอื่นๆเค้าก็ต้องวิ่งมาเก็บมาเช็ด หัดใส่ใจซะบ้าง การกระทำแบบไม่คิดของมึงมันทำให้คนทำมาหากินคนอื่นเค้าเดือดร้อน และยังไปเพิ่มภาระให้กับเค้าอีก” 



ทัพหน้าที่ว่าออกไปแบบนั้น กอดอกแน่นมองเด็กดื้อที่ตอนนี้ทำหน้าสลด เค้ารู้หมดนั่นแหล่ะว่าเมลมันคิดมันรู้สึกอะไร แต่การกระทำของมันทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะความเป็นเด็กคิดน้อยของมัน และเขาเองก็ไม่อยากให้มันกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจไม่น่ารักแบบนั้นด้วย



“มึง...”



“อะไร” 



“มึงไม่ได้โกรธที่กูทำโพดหรอ” 



ดวงตาใสช้อนตาขึ้นมามองหน้าเขา มันที่ถามออกมาแบบนั้น ทำเอาทัพหน้าต้องถอนหายใจหนักๆ ก่อนนิ้วเรียวแกร่งจะจิ้มผลักไปกลางหน้าผากจนคนร่างบางหงายลงไปนอนแผ่ที่เตียงอีกครั้ง



“ได้ฟังที่กูพูดไปไหม หูมึงนี่มีไว้แค่ประดับรึไงไอ้โง่ กูพูดถึงเพื่อนมึงสักคำรึยัง” 



จ้องมันกลับไปดุๆแบบไม่พอใจ  แต่พอบอกออกไปแบบนั้น คนที่นอนแผ่หัวกระเซิงอยู่กลางเตียงก็หลุดยิ้มออกมาแบบไม่มีสาเหตุซะงั้น



“ไอ้เมล”



“รู้แล้วน่า ดุจังเลย” 



ว่าออกมาเสียงอ่อน แต่ก็ยิ้มกว้างๆส่งมาให้คนร่างสูงที่ยืนมองอยู่ข้างเตียง ก่อนจะรู้สึกว่าหน้าใสเริ่มขึ้นสีแปลกๆ คนร่างสูงกระตุกยิ้มร้ายๆเมื่อก้มมองสภาพตัวเอง  อกแกร่งที่เผยให้เห็นพร้อมๆกับซิกแพคหกลูกที่กระแทกสายตาเพราะตอนนี้ทัพหน้าถอดเสื้อออกหมดตอนเดินมาคุยกับคนร่างบาง  ก่อนหน้านี้เหมือนว่าจะไม่สนใจเพราะมัวแต่เถียง แต่ตอนนี้คนร่างบางดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นแปลกๆจึงพึ่งเห็นสภาพของทัพหน้า



“หึ”



“ขะ...ขำไร รู้แล้วน่าว่าทำไม่ดี กูจะไม่ทำอีกแล้วน่า ไปไหนก็ไปไป๊” 



ว่าออกมาแบบนั้นพรางยกมือขึ้นไล่ร่างสูงเพราะเหมือนเห็นสายตาร้ายๆของอีกคนเข้าให้  คาราเมลที่เริ่มจะรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยพยายามจะหนี



“เดี๋ยว มึงคิดว่ากูจะไม่ลงโทษคนในปกครองกูรึไง”



“ห๊ะ อะ...อะไรเล่า”



“มานี่”



“อ๊ะ ทัพพพพพ” 



ร้องออกมาเสียงหลงตอนที่ถูกจับข้อเท้าเอาไว้ แล้วดึงให้นอนหงายแผ่หลาอยู่กลางเตียง คนร่างสูงที่กระโจนขึ้นมาคล่อมทัพกันเอาไว้  ความรู้สึกไม่ต่างจากตอนที่โดนไอ้เชอร์รี่กระโจนใส่สักนิดเดียว  ดวงตาสวยที่ช้อนตามองคนบนตัวของตัวเอง  ดวงตาวาววับแสนเจ้าเล่ห์ของทัพหน้าที่ก้มมองลงมาทำเอาใจสั่น



“ทะ...ทัพ”



“ดื้อนัก ดื้อเก่ง”



“กู  กูเปล่า”



“จำเอาไว้ว่าอย่าทำแบบนี้อีก”



“รู้แล้วไง บอกแล้วไงว่าจะไม่ทำอ่า ปล่อยดิ”



“กูหมายถึงจะไม่เดินหนีกูอีก เพราะมึงควรรู้เอาไว้ ว่ามึงหนีกูไปไม่พ้น...และที่สำคัญ มึงหนีใจตัวเองไม่พ้นหรอกเมล”



“อ๊ะ...อื้มมม” 



ดวงตากลมโตที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจเพราะคำพูดของคนตรงหน้า คนตรงหน้าที่ว่าจบก็ประกบจูบลงมาพร้อมๆกับขบเม้มอย่างหนักหน่วงสลับหนักเบาลงมาอย่างคุ้นชิน ฝ่ามือหนาที่เลื่อนขึ้นมาลูบไล้ไปที่ลำคอขาว หัวแม่มือที่ลูบไล้เบาๆทำเอาขนลุกซู่จนต้องจิกปลายเท้า



“อื้มม” 



ครางออกมาเบาๆเมื่อมืออีกข้างของอีกฝ่ายลากไล้ไปตามลำตัวของร่างบาง  ทัพหน้าที่ถอนจูบออกมาก่อนจะผละไปขบเม้มตามลำคอขาว  ลิ้นร้อนลากไล้ตวัดเลียไปมาจนคนร่างบางขนลุกซู่  คนตัวสูงที่ค่อยๆจัดการแหวกสาบเสื้อชุดนอนเนื้อบางเบาของคาราเมลออก ก่อนริมฝีปากร้อนจะตรงไปครอบครองตุ่มไตสีชมพูที่ล่อตาล่อใจ ขบเม้มเบาๆ มืออีกข้างก็เลื่อนไปลูบและบีบดึงเบาๆอีกข้างอย่างเท่าเทียม



“อ๊ะ ทัพ”



“นมมีแค่นี้ก็ดูดมันดีนะ”



“อ๊ะ อื้อออ” 



ได้แต่ร้องครางออกมาอย่างอายๆ พร้อมทั้งสะดุ้งแอ่นอกขึ้นมา ตอนที่ถูกร่างสูงว่าแบบนั้นแล้วขบกัดดึงหัวนมสีสวยเล่นอย่างตั้งใจแกร่ง  ทัพหน้าที่เห็นแบบนั้นก็ยกยิ้มชอบใจที่ได้แกล้งอีกฝ่ายได้



ฝ่ามือร้อนที่สอดเข้าไปใต้กางเกงตัวบาง เลื่อนมือไปลูบไล้แกนกายน่ารีกที่ตอนนี้เริ่มจะสู้มือ ไม่ต่างจากร่างสูงที่ตอนนี้ก็เริ่มแข็งชันอึดอัดไปหมด  ในจังหวะที่เลื่อนมือลงไปที่กางเกงเตรียมจะดึงรั้งให้หลุดลงไปกองที่ข้อเท้า



‘แกร๊ก’



“เฮียยยยยยย หายไปไหนคนที่บ้านเป็นห่ว....เชี่ย! โคตรขาว!!”



เสียงของผู้มาใหม่ที่ทำเอาทั้งผมและไอ้ทัพหน้าสะดุ้ง  คนร่างสูงที่ชะงักฝ่ามือแต่ยังคล่อมทับบังตัวผมไว้แบบนั้น ก่อนจะหันหน้าไปมองคนมาใหม่ที่ยืนมองตาเหลือกเกาะประตูอยู่ตรงนั้น...



ตรงนั้นในชุดเสื้อคลุมอดิดาสสีเหลือง



“มองเหี้ยอะไรไอ้สัดรบ!”



‘พรึบ’



‘ปัง’



เสียงเข้มที่ตะคอกออกไปแบบนั้นพร้อมหมอนที่ถูกขว้างออกไปอย่างแรง และตามมาด้วยเสียงปิดประตูจากคนที่เราไม่ได้รับเชิญ



ฉิพหาย!



กูอายโว้ยยยยยยย



---------------

มาแล้วจ้าาาา คิดว่าจะมาไม่ได้ซะแล้ว แต่คนอ่านบอกว่า ยังไงก็ต้องลง เพราะฉะนั้นเลยมาลง ถ้าตอนนี้ไม่สนุกแคทขออภัยด้วยนะคะ แคทหวังว่าคนอ่านจะชอบไม่มากก็น้อย แคทดีใจมากๆกับคอมเม้นท์ในตอนที่ผ่านมา

มันเยอะมากจนแคทตกใจ ไม่รู้ตอนนี้คนอ่านจะยังอยู่ไหม แต่หวังว่าทุกคนจะชอบและตบไปด้วยกัน แค่กๆๆ

ไม่แน่ใจว่าอ่านตอนนี้คนอ่านจะอยากตบใครระหว่างข้าวโพดกับอิพี่รบ

จ้าาา พี่นักรบจากNo Limitแรงรัก มาแล้วจ้าาาาาาา


ขอขอบคุณ คุณtae1234 น้องเมลออกจากโรงหนังมาแล้วนะคะในตอนนี้ โง้ววววว มาอ่านอีกน้าาาา

ขอขอบคุณ คุณiceman555 ใครรร ใครเป็นตัวร้ายที่แท้จริง ในจุดๆนี้คิดว่าพี่รบค่ะ ฮ่าาาาา

ขอขอบคุณ คุณblove งื้อออ คอมเม้นท์ยาวๆสะท้านอารมณ์ แคทหวังว่าจะมาอ่านตอนนี้อีกนะคะ หวังว่าจะชอบนะคะ ส่วนในตอนนี้ยังไม่มีบินกุ๊ก แต่มีพี่ทัพคนรว๊ายยยๆ เอิ๊ก ฝากพี่เค้าไว้ในหัวจิตหัวใจด้วยจ้าา ส่วนในตอนใหม่นี้แคทให้เลือกว่าจะตบใครระหว่างข้าวโพดและอิพี่รบจ้า 55555 แคทหวังว่าจะชอบนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

ขอขอบคุณ คุณursleepingxd คุณยู คุณยูผู้หลงรักน้องหลง ขอเก็บน้องไว้สักตอน2ตอน เอาให้น้องไปร่าเริงกับผู้ เอ้ย กับพี่รี่ก่อน จริงๆปล้วน้องค่อนข้างโดนล่อลวงไปหนักมาก น้องเลยยังไม่ได้ออกมาในจุดๆนี้ ก๊ากกกกก

ขอขอบคุณ คุณlabelle ขอบคุณมากๆนะคะที่เข้ามาอ่านงานของแคท เปิดเข้ามาก็ดีใจแล้วค่ะ ขอต้อนรับสู้ความบ้าบอจ้า ชอบคอมเม้นท์ที่ว่าพี่ทัพจะร้ายไม่แปลก คือดีใจจังเลยที่มีคนมองในมุมพี่ทัพบ้าง ขอบคุณคอมเม้นท์ดีๆที่ให้แคทด้วยนะคะ แคทหวังว่าจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่16* {29.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 29-12-2018 22:15:02
ดีใจที่พี่ทัพไม่โง่วววว สมแล้วที่เป็นความหวังหมู่บ้านหมายเลขสอง

เย้ สนามอารมณ์มาแล้วววว นังพี่เหลืองงงงงง มาขัดจังหวะคนอื่น บาปกรรมนะพี่ โดนน้องฝาไล่ออกจากบ้านมาหรอจ้ะ งี้แหละน้า คนเหลืองๆ ฝาคงจะเบื่อแล้วใช่ม้าา มามะ มาให้พี่ทัพตบหัวสักป้าบสองป้าบโทษฐานขัดจังหวะนะพี่

อ้อ ตอนนี้ไม่มีน้องหลง อีกแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่16* {29.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 29-12-2018 23:24:27
สนุกครับ สนุก


           :bye2:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่16* {29.12.18}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 31-12-2018 02:23:11
โว้ยยยยละตะไมไม่ล็อคประตูก๊อนนน มาๆต่อๆยังค้างกันอยู่คือตรูเนี่ย! 55555 เออออเกือบจะฟาดไอ้พี่ทัพไปอีกละ ทำเมลนอยล์แต่พอได้ฟังเหตุผลของพี่เขามันก็เข้าท่าดี เออนะเมลอย่าทำอีกละ วุ่นวายพนักงานเขากัน! แหมมมนังโพด นับวันนี่คือออกมากจร้า ลูกเล่นความสะตอ รอความร้ายๆแสดงออกมา //ใช่ไหม ไอ้พี่ทัพคงไม่โง่เนาะ แจยังดูออกเลย //ว้อยยยยสนุกกกกกกกกกก (เลิกจากปาร์ตี้HnYแว่บมาอ่าน555555) รอตอนต่อไปเลยค่ะ จะเกิดไรขึ้นมั้ง (ปล.มาฉลองปีใหม่ด้วยกันนะคะไรท์555)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่17* {05.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 05-01-2019 18:43:21

บทที่17



ผมกับไอ้ทัพที่ชะงักมองหน้ากันนิ่งๆหลังจากเสียงปิดประตูดังขึ้น และคนที่พึ่งโผล่พรวดพราดเข้ามาหายหน้าออกไปแล้ว  และตอนนี้สภาพทั้งผมและมันเรียกได้ว่าไม่สู้ดี ผมที่นอนแผ่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย กางเกงยังอยู่ดีแต่ดันมีมือข้างนึงของไอ้ทัพยังคาอยู่ในนั้น เหยด สภาพกู๊



“อะ...ไอ้ทัพ” 



เรียกมันเบาๆแบบทำหน้าไม่ถูก พร้อมกับดันอกแกร่งให้ลุกออกจากตัวผม แต่อีกฝ่ายดันอยู่นิ่งๆหายใจฟึดฟัดเหมือนควายป่า ใจเย็นนะพี่มึง



“ละ..ลุกก่อนสิวะ” 



ว่าออกไปแบบนั้น และดันตัวมันหนีออกเป็นครั้งที่สอง มันที่ยอมถอยออกไปแบบไม่เต็มใจ ท่าทางที่ดูฟึดฟัดฮึดฮัดแบบนั้น  .... ค้างมากหรืออะไร โวะ



ผมรีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมให้ดี และติดกระดุมกางเกงใหม่ ถอนหายใจหนักๆทั้งๆที่หน้าก็ยังแดง  หันไปมองอีกคนที่ทำหน้านิ่งเหมือนทุกที แต่นัยตาของมันกลับมีแววหงุดหงิด มือแกร่งของมันที่ยกขึ้นไปเสนผมลวกๆ มันที่ไม่พูดอะไร เดินปึงปังออกจากห้องไปทั้งแบบนั้น คือมึง...เสื้อมึงยังใส่ไม่ดีเลยไอ้บ้าเอ๊ย



‘ครืด ครืด’



เสียงโทรศัพท์ที่ดังมาจากกลางเตียงทำให้ต้องหันไปมอง และพอเห็นก็รู้เลยว่ามันเป็นของไอ้ทัพหน้า สงสัยจะทำตกไว้ก่อนหน้านี้ ตอนที่กำลังชุลมุนถอดเสื้อผ้า เอ่อ นั่นแหล่ะ.... ตั้งใจว่าจะปล่อยผ่านไป เพราะไม่รู้ว่าถ้าเกิดไปยุ่งกับของส่วนตัวของมันแล้วจะโดนอะไรบ้าง แต่ผ่านไปสักพักก็ยังคงดังไม่หยุด มองมือถือที่นอนอยู่กลางที่นอนอย่างโดดเดี่ยว ...แม่ม เอาวะ ถือลงไปให้มันเลยละกัน ทำหน้าด้านๆแล้วเดินออกจากห้องไป  จะฮึบไว้ จะไม่อายครับผม แมนๆหน้าด้านกันไป



.

.

.





“สัด กูเจอเฮียแล้ว แต่กูอยากบอกว่าช็อคมากๆ เปิดประตูเข้าไปโอ้แม่เจ้าโว้ย ขาวมาก โอโม่สุดๆครับ”



“เหอะ ถ้ามึงได้เห็นจะตกใจไอ้สัดรุก เฮียมึงไม่ได้เศร้าหงอยเหงาเลยโว้ย ดึ๋งดั๋งปึ๋งปั๋งกับน้องขาวโอโม่อยู่ต่างห....”



“ไอ้สัดรบ”



“เชี่ย! ชิพหาย จ้าฝา เดี๋ยวกลับๆ โอเค รักนะจุ๊บๆ ตู๊ดๆสายตัดแล้ว วางน้า” 



ผมที่เดินลงมาจากบันได้บ้านลงมา มองเห็นร่างสูงที่อยุ่ในเสื้อชุดกีฬาแบรนด์ดังสีเหลืองกำลังยืนคุยโทรศัพท์อย่างออกรสออกชาติ จะไม่อะไรเลยถ้าคำว่าขาวโอโม่ไม่ได้กระแทกหูกู  ตัวสูงๆของมันที่กดๆโทรศัพท์ยิกๆก่อนจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋า หน้าหล่อๆของน้องชายคนรองหันมามองหน้าผม ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง หรือเรียกอีกอย่างได้ว่ายิ้มตอแหล



“เฮียทัพ สบายดีนะเฮีย คิดถึงนะรู้ยัง”



“หน้ากูเหมือนไอ้ฝา?”



“โอ้โหหหห ขึ้นเลย อย่าเอาไอ้ฝามาล้อเล่นนะโว้ย ห้ามแตะไอ้จืดกูนะเฮีย กูแหย่เล่นได้คนเดียว”



“เดี๋ยวกูถีบไปนู้น มาทำเหี้ยไร กลับไป รำคาญ!” 



บอกออกไปเสียงแข็ง พร้อมยกมือชี้ไปทางประตู บอกให้รู้ว่าให้ไปให้พ้นหน้า  มันทำหน้าเหวอออกมาตอนที่เห็นผมทำแบบนั้น  รำคาญไอ้สัด



“นี่น้องไง น้องนักรบคนใสๆของเฮียไงครับ”



“K”



“เจ็บกระดองใจมากๆ แต่หน้าด้านพอ กูจะอยู่”



“รำคาญไอ้เหี้ยรบ”



“กูเป็นห่วงมึงนะเนี่ยเฮีย แม่ใหญ่ก็ถามหา ป๊าก็รุงรัง กูนี่นึกว่าเฮียหายสาบสูญไปแล้ว นึกว่าตามเรื่องพี่ณราชาจนเครียดตายไปแล้ว ที่ไหนได้....”   



มันที่ร่ายออกมายาวๆ ก่อนท้ายประโยคจะว่าออกมาแบบมีเลศนัย ตาคมๆของมันที่ว่ากันว่าพี่น้องครอบครัวเราได้รับมาจากคนเป็นพ่อ ตาคมของมันหรี่ลงมองผมแบบเจ้าเล่ห์ ก่อนที่สายตาจะตวัดไปที่ด้านบน มองตามสายตาพราวระยับของมันไป ก่อนจะต้องขมวดคิ้วหนักไปใหญ่



“ลงมาทำเหี้ยอะไร!”  



ตวาดลั่นจนคนมาใหม่สะดุ้ง  ไอ้เมลที่ยังอยู่ในเสื้อนักศึกษา ตัวที่ผมพึ่งปลดกระดุมไปทั้งแถบ มันที่เดินลงมาทั้งๆที่หน้าขึ้นสี



หันไปมองไอ้นักรบ  สายตาคมๆของมันที่มองไอ้เมลตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า  สายตาที่ผมอ่านออกทำเอารู้สึกหัวอุ่นๆ มันที่กอดอกพร้อมๆกับกระตุกยิ้มนิดๆ ผมเห็นไอ้เมลสะดุ้งกับสายตาของมัน เลยเลือกจะเดินไปยืนต่อหน้าไอ้รบมันให้จบๆไป มองเหี้ยอะไรนักหนา ไม่เห็นมีไรหน้าสนใจ



“โอ๊ะ เฮีย เฮียบังโลเคชั่น”



“สนตีนกูรึไง โลเคชั่นที่มึงอยากมอง”



“คนไม่อ่อนโยน ว่าแต่นั่น...ใคร”



“เสือก”   แค่คิดในใจก็ไม่ได้คิดว่าจะพลั้งปากพูดไปได้ขนาดนั้น



“หึ สวัสดีครับ ชื่อนักรบนะ เป็นน้องชายเฮียทัพ” 



มันที่เมินหน้าผมแล้วเดินเข้าไปหาไอ้เมลที่ยังยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้นอย่างหน้าด้านๆ  น่ารำคาญชิพหาย มือแกร่งของไอ้รบที่ยื่นออกไปหวังจะจับมือทักทายกับไอ้เมลถูกปิดทิ้งออกไปโดยผมเอง



‘พลัก’



“มึงมาทำไม”  ถามออกมาแบบนั้น  ไอ้รบที่ยกยิ้มมุมปากหันมาทางผม สายตาของมันที่แฝงแววเจ้าเล่ห์และทำให้ผมเริ่มจะรำคาญใจถูกส่งมาให้ในตอนนี้



“เป็นห่วงเฮียไง”



“เสือก กลับบ้านมึงไปเลยไป”



“ตอนแรกว่าจะมาไม่นาน แต่ตอนนี้ชักอยากอยู่แฮะ” 



มันที่จ้องตากับผม แล้วยกยิ้มมุมปาก สายตาของมันที่มองเลยไปทางไอ้เอ๋อที่ยังยืนนิ่งๆอยู่ด้านหลัง  ถอนหายใจออกมาหนักๆทีนึง ก่อนจะหันไปหาไอ้เมลแทน



“มายืนทำเหี้ยอะไร ไปไหนก็ไป” 



กดเสียงต่ำบอกมันแบบไม่สบอารมณ์ มันที่มองหน้าผมฉายแววน้อยใจหน่อยๆ ก่อนมันจะยื่นมือถือส่งมาให้



“กูก็ไม่ได้อยากมานักหรอก แต่มีคนโทรมาไม่หยุดเหมือนมีใครตายกูเลยเอามาให้” 



ว่าออกมาแบบฉุนๆก่อนจะดันมือถือมาไว้ในมือผม เจ้าตัวที่ว่าออกมาแบบนั้นโยนมือถือส่งมาให้แล้วก็กลับหลังหันเดินปึงปังขึ้นห้องไปในทันที  ไอ้สัด เดินลงส้นเท้าหาพ่อง เห็นแล้วอยากตีน่องแตก ไอ้เด็กเอาแต่ใจ



ละสายตาออกจากไอ้เมลกลับมา  ก็เห็นไอ้รบเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเล่นมองมาที่ผมด้วยสายตาล้อเลียน



“เป็นฆวยอะไร”



“จุ๊ๆ ปากร้าย”



“อย่ามากวนตีน กลับบ้านไปแดกกล้วยเลยไป เกะกะ”



“ไล่จริ๊ง ว่าแต่คนนั้นใคร...”



“เสื....” 



‘ครืดๆ’



ยังไม่ทันจะด่ามันจบคำดี มือถือที่ถืออยู่ในมือดันสั่นขึ้นมาซะก่อน  ปลายสายเรียกเข้าที่ผมจำได้ดีว่าเป็นเบอร์โทรมาจากไหนแม้ไม่ได้เมมเบอร์ไว้ทำเอาต้องขมวดคิ้ว  ก่อนจะกดรับสายก็ไม่ลืมชี้หน้าไอ้น้องเวรที่ยืนหน้าสลอนอยู่อย่างคาดโทษ มันที่แค่ยักไหล่ส่งๆมาให้แค่นั้น ก็กวนตีนดี  ... ครั้งก่อนเรื่องมึงกูไม่น่าช่วยเลยไอ้ควายเหลือง!



“สวัสดีครับ”



“ครับ ... ว่าอะไรนะครับหมอ โอเค! ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!!”



“เฮีย เป็นไรวะ เกิดไรขึ้น”  ไอ้รบที่เดินเข้ามาหา หน้าตาเลิกกวนตีน อาจเพราะมันเห็นหน้าผมในตอนนี้



“กูจะไปดูณราชา อาการไม่ดีอีกแล้ว แม่งเอ๊ย!”



“เฮ้ยเฮีย ใจเย็นๆ พี่ณราชาไม่เป็นไรหรอก”



“จะไม่เป็นได้ยังไงล่ะ! กูจะไปเดี๋ยวนี้ ถอย กูจะไปเปลี่ยนชุด! ส่วนมึง...กลับไป!!”


.

.

.




เสียงดังโวยวายที่ดังมาจากด้านนอก ทำให้ต้องขมวดคิ้วหันไปมอง  เสียงที่ได้ยินชัดๆ จำได้แม่นว่าเป็นเสียงของไอ้ทัพ ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก ก่อนหน้านี้ก็ทีนึงแล้ว แค่กูลงไปเฉยๆ ก็ไม่รู้ว่าจะโมโหห่าอะไรนักหนา หรือว่าแค่เป็นกูก็โมโหแล้ว ... บางทีก็ลืมตัวชิพหาย พอมันดีด้วยก็นึกว่าอะไรจะดี แต่จริงๆก็มีค่าแค่ตอนมันอยากเอา เหอะ



‘แกร๊ก’



เสียงประตูที่เปิดออก และตามมาด้วยเสียงดังปึงปังทำเอาต้องเด้งตัวลุกออกจากเตียง  มองไปที่ไอ้ทัพหน้าที่เปิดประตูเข้ามาก่อนจะเดินลุกลี้ลุกลนไปทั่วห้อง



“มึง...มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย” 



เดินไปถามมันแบบไม่เข้าใจ  ไม่รู้ว่ามันหาอะไรอยู่ด้วยซ้ำ  มันที่ชะงักเหมือนพึ่งรู้ตัวว่าผมอยู่ที่นี่ มันที่หันหน้ามามองผม  สายตาคมที่มองมาที่ผมทำเอาใจหาย  สายตาที่ไม่ต่างจากวันแรกที่มันจับตัวผมมา สายตาที่ทั้งเย็นชาและว่างเปล่า



“ทะ...ทัพ”



“เพราะมึง เพราะมึงที่ทำให้กูต้องมาเจอมารู้สึกกับความรู้สึกนี่ซ้ำๆ เรื่องทุกเรื่องก็เป็นเพราะมึงไอ้เหี้ยเมล!” 



มันที่ตะคอกออกมาเสียงดังลั่น พร้อมกับที่มือของมันก็กระชากไหล่ของผมไปจับไว้แน่นๆและเริ่มเขย่าจนตัวผมสั่นคลอน  มองสบสายตากับมันที่กำลังบอกว่ามันทั้งเจ็บทั้งเกลียดผม



“มึงรู้ไหม ณราชากำลังจะตาย! เขากำลังจะตายแบบที่มึงต้องการไง!”



“กู...กูเปล่...”



“เมียกูกำลังจะตาย มึงมันเหี้ยไอ้เมล!”



‘พลัก’



“กูไม่ได้ทำ กูไม่เคยทำเลย ทำไมมึงไม่เชื่อบ้างวะทัพ!” 



ผมที่ผลักอกมันให้ถอยหลังไปห่างตัว ก่อนจะกำมือแน่นแล้วตะโกนใส่หน้ามันไปแบบนั้น ผมเจ็บแต่ความเสียใจมันมีมากกว่าแขนที่โดนมันบีบ มันที่บอกว่าพยายามจะมองเห็นผม แต่เปล่า ... ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผม...ผมก็ยังคงเป็นคนที่ทำลายครอบครัวมัน เป็นคนที่มันเกลียดเพราะฆ่าเมียมันอยู่เหมือนเดิม



“......หลบไป!” 



มันที่นิ่งไปสักพักนึง ก่อนจะดันตัวผมหนีให้พ้นทางของมัน  มือหนาที่หยิบกุญแจรถขึ้นมาอย่างรีบร้อน  ถึงผมจะเสียใจแต่ผมก็ยังห่วง  ผมที่เดินตามมันไปแบบสับสน ก่อนจะยื่นมือไปดึงแขนมันไว้



“ทัพ...มึงจะไปไหน”



“ไปดูณราชา”  



มันที่ว่าออกมาแบบนั้น มือของผมที่จับแขนมันไว้ปล่อยออกแบบอัตโนมัติ  แผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆเดินหายลับไปจากสายตาของผม  น้ำตาของผมไหลลงมาพร้อมๆกับประตูที่ปิดลง ก่อนจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งแล้วเอามือปิดหน้าร้องไห้เงียบๆ ...อีกแล้ว ไอ้เมล มึงไม่เคยเข้มแข็งเลยจริงๆ



“ฮึก อึก...” 



ผมก็แค่หวังว่าสักวัน ผมจะเข้มแข็งได้ด้วยตัวผมเอง ... หลายครั้งที่เมื่อก่อนเห็นนางเอกในทีวีทั้งโง่ทั้งอ่อนแอ ได้แต่คิดว่า ทำไมถึงโง่แบบนี้วะ ทำไมไม่สู้ เอาคืนพระเอกสิ ผู้ชายควายๆแบบนี้จะไปรักมันทำไม คนดีเยอะแยะ ... ผมเคยคิดแบบนั้น แต่พอมาวันนี้ ตอนนี้ผมเองก็ไม่ได้ต่างจากนางเอกทีวีโง่ๆที่เอาแต่ร้องไห้และทำอะไรไม่ได้เลย ผมพึ่งมารู้วันนี้ว่า ถ้าเรื่องมันไม่ได้เกิดกับเรา จะพูดอะไรมันก็ง่ายดายซะเหลือเกิน แต่ลองได้มายืนในจุดๆนี้ พอเป็นเรื่องของตัวเอง บางทีสิ่งที่เราเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ มันกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำไมเคยได้เลยสักทีพอมาเป็นเรื่องของตัวเอง



‘แกร๊ก’



เสียงเปิดประตูที่มาพร้อมๆกับขายาวๆที่ผมมองเห็นผ่านม่านน้ำตา ภาพพล่าเบลอแต่ก็ยังชัดเจนแม้จะไม่รู้จักคนที่พึ่งเดินเข้ามาก็ตาม  ผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองอ่อนๆถูกยื่นมาให้ผม



“รับไปสิ ร้องแบบนี้หน้าดีๆก็ทุเรศทุรังตายเลย” 



ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมกระตุกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมค่อนข้างจะคุ้นเคยเหมือนเคยเห็น ผมรับมาแล้วยกขึ้นซับน้ำตาให้ออกจากหน้าลวกๆ การร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นมันไม่ใช่เรื่องหน้าอภิรมณ์สำหรับผมเท่าไหร่



“ข...ขอบคุณ”



“หึ”  คนตรงหน้าไม่ว่าอะไร ทำแค่กอดอกมองหน้าผมนิ่งๆ แต่แววตากลับกำลังเจ้าเล่ห์และครุ่นคิดอยู่ในที่



“เอ่อ....” 



เจอคนตรงหน้าเข้าไป ความเศร้าก็เหมือนจะถูกพับเก็บไว้ชั่วคราว ก็ไม่รู้ว่าเค้าเข้ามาทำไม แต่ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเป็นน้องชายของไอ้ทัพ



ขายาวๆก้าวตรงไปที่โซฟาสีแดงกลางห้องแล้วตวัดขาขึ้นไขว่ห้าง ก่อนจะจ้องมองผมนิ่งๆและถามคำถามตรงๆที่ไม่เคยมีใครถาม คำศัพท์ที่เรียกขานผมไม่ได้สุภาพเหมือนก่อนหน้าที่เจอกันอีกต่อไป



“มึงคือคนวางแผนฆ่าพี่ณราชางั้นหรอ”



“เปล่า”



“หึ คนทำที่ไหนจะบอกว่าทำล่ะ”  มันว่าก่อนจะหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วจุดสูบ ... คือ...



“แต่กูไม่ได้ทำ” 



บอกมันแบบนั้นแล้วขมวดคิ้วมอง พี่น้องแม่งพอกัน ผมไม่ชอบสายตาของไอ้เหลืองบ้านี่ มันที่มองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แล้วมองย้อนกลับขึ้นไป สายตาไม่ต่างจากเครื่องแสกน สายตาที่ไม่เหมือนทัพหน้าที่อ่านไม่เคยออก แต่คนตรงหน้า...ผมรู้ว่ามันกำลังประเมินผม



“พิสูจน์สิ”



“ห๊ะ?”



“รออะไรล่ะ หาข้อพิสูจน์มาลบล้างความผิดของมึง แล้วเข้าหาพี่ชายกูแบบดีๆ มันน่าจะดีกว่าการมาเป็นเฉลยให้มันตั้งศาลเตี้ยตัดสินมึงอยู่แบบนี้นะ ... ดูๆไปแล้ว ถ้าเรื่องมันดีกว่านี้ มึงเองก็อาจจะมีหวังก็ได้”



มันที่ว่าออกมาประโยคยาวๆ ก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นสูบ แล้วพ่นควันสีเทาๆปล่อยออกมาให้คลุ้งรอบห้อง ผมได้แต่ขมวดคิ้ว...พูดตรงๆว่าไม่เข้าใจที่ไอ้นี่มันพูดสักนิด นอกจากที่มันบอกให้พิสูจน์.....พิสูจน์งั้นหรอ



“อย่าช้า” ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆตัวผม ใบหน้าเรียวคมที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหล่อถูกยื่นเข้ามาใกล้ๆหน้าผมจนผมผงะ



“กูเอาใจช่วยอยู่นะโอโม่



ช้อนตามองคนตรงหน้าที่หล่อ เอ้ย ไม่ใช่ มันที่ขยิบตาให้ผมทีนึงก่อนจะผละถอยห่าง มือหนาที่ยัดการดาษแผ่นนึงมาใส่กระเป๋าเสื้อนักศึกษา มองหน้าอีกคนงงๆ มันก็ทำแค่ยกมือโบกบ๊ายบาย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป



“เจอกันโอโม่”



โอโม่เชี่ยอะไร๊!



.

.

.



(มีต่อจ้า)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่17* {05.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 05-01-2019 18:43:47



“คุณเมลครับ ขึ้นไปนอนข้างบนเถอะครับ”  เสียงปลุกที่ทำให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ค่อยๆยกมือขึ้นขยี้ตาช้าๆ สายตาตรงหน้าค่อยๆโฟกัสผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล



“พี่ธร...”



“ผมว่าคุณเมลมานอนตรงนี้มันไม่น่าจะสบายนะครับ ขึ้นห้องไปนอนดีกว่า”



ผมหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆอย่างงงๆ ก่อนจะค่อยๆนึกขึ้นได้  ... ตั้งแต่น้องชายของไอ้ทัพหน้ากลับไป ผมก็ลงมาอยู่กับไอ้หลงไอ้รี่ที่ห้องนั่งเล่นนี่ จริงๆแล้วก็แค่...อยากรู้ว่าไอ้ทัพจะกลับมาไหม



“ไม่เป็นไรพี่ ผมโอเค” 



ตอบออกไปแบบนั้น ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาลูกตุ้มตั้งพื้นที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง มันบอกเวลาว่าตี2กว่าๆ ... ตี2กว่าแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าคนที่ออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเย็นๆจะกลับ จริงๆก็แค่หวังว่ามันจะกลับมานอนด้วยกัน



“พี่ไปพักเถอะ เดี๋ยวผมจะขึ้นไปนอนแล้ว”



“...ครับ” 



อีกฝ่ายที่ทำท่าเหมือนอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา ตอบรับด้วยคำสั้นๆก่อนจะโค้งตัวแล้วถอยออกไป



“เมี้ยวววว”  เสียงใสๆที่ค่อยๆปรือตาขึ้นมามองผม อุ้งเท้าเล็กๆของมันที่ยกขึ้นมาเลียขนแล้วเอามาขยี้แถวๆตา เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดู ไอ้หลงที่นอนหลับซุกขาผม มันกระโดดขึ้นมานั่งบนตักแล้วเอียงคอมอง



“ไอ้หลง...วันนี้อ่ะ ทัพคงไม่กลับแล้วล่ะ” 



บอกมันออกไปแบบนั้น รู้สึกอิจฉาผู้หญิงที่ชื่อณราชาไม่ได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ เธอก็เป็นที่หนึ่งของทัพหน้าเสมอ



“มันจะมาห่วงกูทำไมจริงไหม ... มีแต่กูนี่สิ ที่ไม่เลิกห่วงมันสักที”  อุ้มเจ้าลูกแมวตัวเล็กขึ้นมากอดแน่นๆ ชันขาขึ้นมาแล้วเอาหน้าซบลงที่หัวเข่า



“หลง มึงอย่าทิ้งกูนะ...กูไม่มีใครแล้วว่ะ”



“เมี้ยวว เมลลล” 



กอดมันแน่นๆอยู่แบบนั้น มีไอ้หลงที่เอาหัวเอียงซบอยู่ตรงไหล่พร้อมๆขาหน้าของมัน ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่มันก็ตัวเล็กแค่นี้ แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนไอ้ตัวเล็กนี้มันกำลังกอกผมไว้แน่นๆอย่างปลอบโยน



“เมลไม่มีใครเลยจริงๆ ฮึก”



“เมี้ยววว”



“โฮกกก” 



เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ไอ้รี่ที่เอาอุ้งเท้าหน้าดันประตูกระจกบานเลื่อนแล้วเดินเข้ามาใกล้ผมที่นั่งอยู่ที่โซฟา ก่อนจะเอาหัวใหญ่ๆของมันพาดวางลงที่โซฟาข้างๆผม ดวงตาคมๆของมันมองมาเหมือนเป็นห่วง ผมยิ้มแล้วลูบหัวมันน้อยๆ



“อย่างน้อยกูก็ยังมีพวกมึงสินะ”



“เมี้ยววว / โฮกกก”



...



                เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นด้วยความเฮงซวย ทำไมชีวิตกูถึงเฮงซวยแบบนี้นะ



“ไข้ขึ้นสูงนะครับคุณเมล ผมบอกแล้วไงว่าให้ขึ้นไปนอนดีๆ จะมานอนทรมารอยู่ข้างล่างทั้งคืนทำไม ผ้าหงผ้าห่มก็ไม่มี คุณก็น่าจะรู้ดีว่ายังไงเจ้านายก็ไม่มีทางกลับ...”



ผมยกมือขึ้นห้ามพี่ธรที่บ่นรัวๆออกมาแบบไม่หยุด และคำพูดจริงจังแบบนั้นก็เหมือนมันวิ่งมาตบเข้าหน้าผมฉาดใหญ่ ทนฟังไม่ได้จนได้แต่ยกมือขึ้นห้าม  พี่ธรหยิบปรอทขึ้นมาดูแล้วขมวดคิ้วแบบไม่สบอารมณ์ เส้นสีแดงพุ่งปรู๊ดขึ้นไปที่39 เลขสวยเชียว



“ผมว่าวันนี้พักอยู่ที่นี่ไม่ต้องไปมหาลัยหรอกครับ ถ้าเจ้านายรู้เจ้านายจะ...”



“ช่างหัวเจ้านายพี่สิ ผมจะไป”



ผมไม่สนใจเสียงพี่ธร ลุกขึ้นจากโซฟาที่ผมนอนร้องไห้อยู่กับไอ้รี่ไอ้หลงเมื่อคืน และแน่นอนว่าตอนนี้ ไอ้พวกสัตว์เลี้ยงสองตัวก็ยังนั่งอยู่ข้างๆ จ้องผมกับพี่ธรหน้าสลอน ทำหน้าทำตาเป็นห่วงกันสุดๆ ผมยิ้มให้พวกมันหน่อยๆ



“ให้อาหารไอ้รี่ไอ้หลงด้วยนะพี่” 



บอกแบบนั้น ก่อนจะเดินขึ้นข้างบนเพื่อไปอาบน้ำ ... ผมที่เดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำไป มองหน้าตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกอยากร้องไห้ออกมาอีก โถะ พ่อนายเอก กูล่ะเบื่อตัวเอง...นี่โทรมได้ขนาดนี้เลยหรอวะ แค่โดนไอ้ทัพหน้ามันด่า มันบอกว่าจะไปหาเมียมัน มึงโทรมได้ขนาดนี้เลยหรอวะเมล ... เมื่อวานทั้งวันก็เอาแต่ร้องไห้จนตาบวมไปหมด ขอบตาดำและคล้ำ หน้าก็ซีดเพราะมีไข้



“น่าสมเพชจริงว่ะ”  บ่นออกมาแบบนั้น แล้วรีบตรงไปอาบน้ำ ทั้งๆที่ตอนนี้หัวเริ่มปวดตุบๆเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบลงที่หัวของผมเหมือนอยากให้มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ



ผมมาถึงมหาลัยก่อนเวลาเข้าเรียนครึ่งชั่วโมง วันนี้ถือว่ามาสายเป็นพิเศษ ก็เพราะว่าทั้งมีไข้ทั้งมีเรื่องเครียด มันทำให้ผมกินอะไรไม่ลง และพาลให้ทำอะไรช้ากว่าปกติ มองไปรอบๆไม่เห็นกลุ่มเพื่อนอยู่ข้างล่างแล้ว คิดว่าพวกมันคงขึ้นห้องไปรอแล้ว เดินขึ้นตึกเรียนไป ลิฟก็เสือกเสียเลยต้องเดินขึ้นบันไดไปเองคนเดียว แล้ววันนี้เรียนชั้น6 กูอยากนอนตายอยู่ข้างล่าง ชีวิตเฮงซวยกว่าที่คิดจริงๆ  เดินขึ้นมาถึงชั้นสองเหงื่อแตกพลักไปหมด พร้อมๆกับที่หัวเริ่มรู้สึกปวดตุบๆขึ้นมาอีกแล้ว ตาพล่าๆแบบบอกไม่ถูก ผมที่ก้าวขาขวาขึ้นไปแล้วข้างนึง แต่เหมือนจะก้าวไม่ถึงขั้นที่ต้องการ รู้สึกเหมือนหงายท้องลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ผมได้ยินเสียงหวีดร้องดังไปหมด แต่ผมมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด  และสัมผัสแข็งแกร่งจากอ้อมอกของใครสักคน และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมรู้สึกตัว



.

.

.





                ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่รู้สึกไม่ปวดหัวเท่าเมื่อก่อน ผมที่ค่อยๆปรือตาขึ้นช้าๆ แสงสว่างจากหลอดไฟที่ทำให้ต้องกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องนี้



“ตื่นแล้วหรอวะ”   เสียงที่ดังอยู่ข้างๆเตียงทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปมองคนที่ตอนนี้นั่งไขว่ห้างพร้อมกดเกมส์ในโทรศัพท์ไปด้วย



“ม...”



“อยากแดกน้ำไหม อะ” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหยิบน้ำเทใส่แก้ว แล้วเอาหลอดเสียบส่งมาให้ผม ชะงักมองหน้ามันแว๊บนึง อีกฝ่ายก็คงรู้ มันขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะถอนหายใจหนักๆ



“กูไม่ฆ่ามึงหรอกเมล ถ้ากูจะฆ่า กูฆ่ามึงตั้งแต่ปี1ไม่ดีกว่ารึไง”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ผมพยักหน้าให้มันก่อนจะ ก้มหน้าดูดน้ำจากแก้วของมันแต่โดยดี



“มึง...มึงช่วยกูไว้หรอ”



“เปล่า”



“ใครไม่รู้มันช่วยมึงไว้ แต่กูเห็นพอดี..ก็เลย...ก็เลยวิ่งตามมาดู”



“ห่วงกูล่ะสิ”



“สัด ต้องโง่กันทั้งกลุ่มเลยสินะ ไม่เว้นแม้แต่มึงเลยใช่ไหม”



มันขมวดคิ้วมองหน้าผมแบบไม่สบอารมณ์ ผมยิ้มออกมาตอนที่เห็นมันเป็นแบบนั้น  มันก็แบบเดิม ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยประดิษฐ์หรือแกล้งทำ



“มึงไปด่าไอ้บินเถอะกุ๊ก”



“กูไม่เสียปากไปด่าควายแบบมันหรอก” 



หน้าของมันที่งอเข้าหากันทันทีตอนที่พูดออกมาแบบนั้น  ผมดันตัวลุกขึ้นจากที่นอน ก่อนจะยื่นมือไปจับมือมัน  ไอ้กุ๊กสะดุ้งหน่อยๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผมแบบงงๆ



“กูขอโทษ ขอโทษที่ไม่ยอมฟังมึงวันนั้น” 



ไอ้กุ๊กที่ชะงักนิดหน่อย ก่อนสายตาแข็งๆของมันจะอ่อนลงจนกลายเป็นสั่นไหว มองเห็นน้ำตาของมันที่ลื่นขึ้นมาที่หน่วยตาหน่อยๆ แต่มันก็เลือกจะกระพริบตาปริบๆไม่ยอมให้ไหลออกมาอยู่ดี



“ตอนที่พวกกูไม่เชื่อมึง มึงเสียใจมากเลยสินะ”



“ควาย พวกมึงมันควาย”



“ขอโทษนะ กูขอโทษ”



ลุกขึ้นยืนก่อนจะดึงมันมากอดไว้แน่นๆ ไอ้กุ๊กที่ยืนตัวแข็งเหมือนต้นไม้ที่ตายแล้ว เห็นแบบนั้นแล้วผมก็ขำออกมา



“มึงชินแต่กอดของไอ้บินหรือไงวะ”



“สัด หุบปากนะไอ้เมล ไอ้เพื่อนเวน”



“ฮ่าๆ โอ๋ๆนะน้องกุ๊กของพี่”  กอดมันแน่นๆ ก่อนที่มันจะยกมือขึ้นมากอดผมไว้ ตัวของมันสั่นหน่อยๆ รับรู้ว่ามันคงเสียใจไม่น้อยกับเรื่องที่ผ่านมา กอดมันแน่นๆแทนคำขอโทษ  ผมเข้าใจความเจ็บของมัน จริงๆน่าจะเข้าใจมาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ



“มึงเล่าให้กูฟังได้ไหม เรื่องจริงๆ เรื่องจริงๆที่มึงไม่ยอมพูด ถือว่าช่วยกูจะได้หรือเปล่า”  ผละตัวออกมาจ้องตามองมันนิ่งๆ ... ผมนึกถึงคำพูดของนักรบ  ผมต้องพิสูจน์ตัวเอง



“มึงจะพิสูจน์ตัวเองได้ไหม ว่ามึงเองก็คือผู้บริสุทธิ์”  รวมถึงไอ้กุ๊กด้วย...มันเองก็ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยเหมือนกัน



มันที่ถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตามเดิมแบบเหนื่อยๆ



“กูไม่ได้เป็นคนสั่งให้ใครมาทำร้ายมึง ถ้าจะทำ ก็คงมีแต่ห้าม”



“ยังไง?”



“เฮ้อ...มึงคงรู้แล้วสิ ว่าไอ้โพดกับกูเป็นอะไรกัน” 



ผมพยักหน้าตอบไปหน่อยๆ “รู้...แต่ก็ยังไม่เข้าใจทั้งหมด ขนาดไอ้บินที่สนิทกับมึงเรียนมากับมึงตั้งแต่มัธยมมันยังไม่เข้าใจเลย แล้วกูจะเข้าใจได้ยังไง”



“ไอ้บินมันไม่เคยไปที่บ้านหลังนั้น มันเลยไม่รู้ว่าเป็นบ้านของกู เพราะจริงๆตั้งแต่ที่พ่อกับแม่กูหย่ากัน กูก็ย้ายออกมาอยู่คอนโดที่แม่กูซื้อให้ นามสกุลกูมึงก็คงรู้ว่ากูใช้เตชาธิปกร ไม่ใช่จันทรพิชิต เพราะกูเปลี่ยนมาใช้นามสกุลแม่ กูไม่ถูกกับพ่อก็เพราะเมียใหม่พ่อ กูไม่ชอบ มันเลว เลวเหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหล่ะ แต่เรื่องพวกนี้กูก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังมาก จริงๆมึงว่ามันเป็นเรื่องน่าเล่าหรอวะ เพราะงั้น ไอ้บินมันจะไม่รู้ก็ไม่แปลก”



“มึงบอกมึงย้ายออกมาจากบ้านนั้น แล้ววันนั้นมึงกลับไปทำไม”



“ถ้ากูบอกมึงว่า กูจะกลับไปจัดการไอ้โพดมึงจะเชื่อไหมล่ะ”  มันที่ว่าแบบนั้นแล้วกำมือแน่น พอพูดถึงข้าวโพดไม่รู้ทำไม ในแววตาไอ้กุ๊กก็เหมือนจะมีไฟขึ้นมาทันที



“โพดมันบอกกู...ว่ามึงชอบไอ้ทัพ”



“ทัพ?...พี่ทัพหน้าของมึง อาจารย์ทัพหน้าอ่ะนะ”



“อืม”



“สัด!”  มันที่ด่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะยกเท้าไปถีบเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆดังโครมใหญ่  เดี่ยวมึง มึงใจเย็นโยม



“มึง...”



“นี่มึงคิดว่ากูชอบพี่ทัพของมึงหรอวะ ประสาท ฆวย! นี่คือเหตุผลที่มึงไม่ถามกูใช่ไหม ฟังปุ๊บเชื่อปั๊บ โอ้โหหห อารมณ์หึงช่างรุนแรง กูตบหัวมึงได้ไหมเมล”



“อย่าทำร้ายหนูเลยจ้า”



“ฆวยเถอะ ถ้ากูจะชอบนะ กูชอบไปนานแล้วเหอะ ประสาทชิพหาย พวกเพื่อนเฮงซวยนั่นก็คงเชื่อด้วยล่ะสิ”



“ไอ้อู๋มันชอบข้าวโพด มันก็เลย...”



“สัด หลงหลี โอ๊ะ ไม่สิ ไอ้โพดไม่มีหลีมีแต่ฆวยเล็กๆของมัน”



“ปากมึงเนี่ย”  ปากคอเราะร้ายเหลือเกิน แต่ไอ้กุ๊กก็คือไอ้กุ๊ก มันที่ทำแค่กอดอกแล้วยักไหล่ใส่แบบไม่สนใจอะไรเท่าไหร่



“ก็มันจริง ไอ้เวนนี่ตอแหลเก่งจะตาย พูดแล้วอยากเอาตีนขยี้หน้า กูบอกให้มึงระวังตัวตั้งกี่ครั้ง บอกไม่ให้เอามันมาอยู่ในกลุ่มพวกมึงก็ไม่ยอมเชื่อ”



“ก็มันน่าซื่อๆ เอ๊ะ....แต่ที่มึงพูดแบบนี้มึงหมายความว่าไง มึงจะบอกว่าโพด โพดเป็นคนส่งลูกน้องพวกนั้นมาทำร้ายกูหรอ”



“ยัง....ยังไม่รู้อีก มองจากดาวอังคารก็รู้แล้วไหม”



“ไม่อ่ะ ใครจะไปรู้ นี่มันชีวิตจริงนะมึง กูไม่ได้อ่านนิยายอยู่ กูจะได้เดาล่วงหน้าได้อ่ะ”



“กูอยากจะเขวี้ยงหนังสือนิยายใส่หัวมึง โง่นัก”



“แต่มึง เจ้าของร้านเค้าบอกว่าคนที่จ้างอ่ะ แต่งตัวเปรี้ยวๆลุคมั่นใจๆ คือมันเป็นไปแทบจะไม่ได้ที่ไอ้โพด....”



“มึงบอกให้กูพิสูจน์ตัวเองใช่ไหม กูจะพามึงไปพิสูจน์เอง ว่าไอ้โพดไม่ได้ใสขนาดนั้น”



“และที่สำคัญ....มันนั่นแหล่ะที่ชอบอาจารย์พี่ทัพหน้า



“มึง....”



“กูมั่นใจล้านเบอร์เซ็น มึงอาจจะว่ากูน่าสงสัยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยบอกอะไรมึงเลย แต่เมล...การที่กูไม่เคยบอกอะไรมึงเลย กูเองก็ไม่เคยเอาเรื่องของมึงไปบอกที่บ้านกูเหมือนกัน มึงเชื่อกูเถอะ ไอ้โพดน่ะ...มันทำอะไรได้อีกเยอะ”



ผมจ้องตากับไอ้กุ๊กนิ่งๆ ก่อนจะพยักหน้าตกลงกับมัน



“คืนนี้กูจะไปพิสูจน์กับมึง”



“แล้วพี่ทัพจะอนุญาตหรอวะ? มันดึกนะ”



“เหอะ มันไม่สนใจไรกูหรอก มันมีคนที่น่าสนใจกว่ากูเยอะ คนที่สำคัญกับมัน แตกต่างจากกูน่ะ”



“นี่ซีนดราม่าใช่ไหม?”



“กูถีบมึงได้นะ”



“แหม่ เก่งขึ้นมาเชียวจ้า ตาบวมยังกับลูกมะนาว...กูพูดจริงๆนะเมล ออกมาเหอะว่ะ อย่าอยู่เป็นตัวเลือกที่เค้าไม่เลือกเลย” ผมฟังคำพูดของมันแล้วต้องเสตาหลบ ถอนหายใจหนักๆหนึ่งครั้งก่อนจะจ้องตามัน



“นี่ไง กูกำลังทำเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ... เรื่องบ้าๆนี่มันจะได้จบลงสักที”



หรืออย่างน้อย กูจะได้ไปจากมันได้สักที



...TBC...



สวัสดีปีใหม่ค่ะ ปี2019 ฮัลโหลลล


ขอเสียงคนอ่านหน่อยเร๊ววว ปีใหม่มาถึงแล้วคนอ่านเก่าๆของเรายังอยู่ไหมหว่า (เกาะขา) อย่าจากแคทไป!!

เปิดปีใหม่มา รู้สึกตัวเองไฟมอดจุงเบย ไม่รู้ว่าจะถูกใจแม่ยกคนอ่านทีมไหนๆไหม แคทรู้ว่าไม่สามารถทำให้

คนอ่านทุกท่านถูกใจได้ แต่แคทหวังว่าทุกท่านจะชอบไม่มากก็น้อย และอยู่ด้วยกันไปจนถึงตอนจบนะคะ

ปล. แม่น้องโอโม่ เอ้ย แม่น้องเมลคัมแบล็คคคค

ปล.2 อิพี่รักรบต้องโดนแล้วล่ะ ฉันจะฟ้องน้องฝาว่าเธอมาแทะโลมน้องเมล แหมมมมมมมม  :mew1: :pig4: :call:

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่17* {05.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 05-01-2019 19:25:32
น้องฝาบอกว่าไม่สนใจเพราะไล่พี่รบออกจากบ้านแล้วจ้าาา 5555555555555 :hao7:

เนี่ยสิ ถึงจะสมเป็นน้องกุ๊ก ความหวังหมู่บ้านอันดับหนึ่งของพรี่

ออกมาทั้งหมดเลย ทั้งกุ๊กทั้งเมล ปล่อยพวกโง่ให้โง่กันต่อไป

ขอให้ณราชาฟื้น ทัพหน้ากลับไปอยู่กับเมีย จบปิ๊ง น้องเมลน้องรี่น้องหลง มาหาพี่มา พี่จะดูแลเอง

ตอนนี้มีน้องหลงแล้วววว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่17* {05.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 07-01-2019 04:40:36
เอาาาแล้วววเริ่มภารกิจพิชิตความจริง เออออเอาให้หงายเงิบกันไปให้หมดเลยไม่ว่าใคร หึ!! ขพ.ร้ายกาจมากทำได้ทุกอย่างขัดขวางทุกคนสินะที่เขาชอบ เมลก็ดันมาได้จังหวะผิดพอดี เพราะงี้สินะ หรือป่าว? ต้องสืบๆ แต่ระวังตัวกันหน่อยนะเมล โรคจิตด้วยรึป่าวก็ไม่รู้ เอาใจช่วยพร้อมกับพวกไอ้พี่รี่และน้องหลง คึคึ! //"อย่าอยู่เป็นตัวเลือกที่เค้าไม่เลือกเลย" ชอบประโยคนี้หวะ กระแทกใจเมลสุด จะรอดูความสายเกินไปของไอ้พี่ทัพ จะได้เห็นหรือป่าวก็ไม่รู้นะเพราะนี่ก็รักเขามากมาย อยากให้ณราชาฟื้นจนหายดี เอาสิทัพ เอาสิ จะเลือกยังไง หึหึ!! อีกคนรับความเจ็บปวดมาตลอด รับอีกแล้วแยกจาก หากว่าเลือกเขา จะเป็นไรไป แต่แกนะสิ หึหึ ขาดเขาได้หรออออ 555555555 เอาเด่ แต่ก็นะอาการณราชาแย่แบบนี้ จะรอดไหมเนี้ย!! รอดูๆ //คนแบบนักรบน่ากลัวที่สุดแล้ว ใช้สมองมากกว่าอารมณ์ สแกนแปปเดียว แม่งเข้าใจและรู้เลยอะไรเป็นอะไร ฉลาดชิบหายแต่กวนตีนโคตรๆ 5555 //ดีแล้วปรับความเข้าใจกัน คืนดีกัน รักษามิตรภาพเพื่อนไว้ให้ดีนะเมล-กุ๊ก พวกนั้นก็รอให้ความจริงปรากฎค่อยหายโง่ ชิ!! //ไปเลยจร้า จัดไปคืนนี้ไปพิสูจน์กันว่ามันเป็นคนยังไงกันแน่ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนละเรื่องนี้ สืบเองนักเลงพอ 5555555 //ว๊ายตายแล้วไอ้พี่รี่คือสนิทกันแล้วใช่ไหม ญาติดีกันแล้วสินะ ถึงมาเป็นห่วงเมลแบบนี้ น่ารักหวะ ทั้งคู่เลย 5555 โอ้ยยยยยอ่านจบปุบก็อยากอ่านต่อแล้วววว สนุกกกกกกกกกก รอดูตอนหน้าจะเกิดไรขึ้นบ้าง ไอ้พี่่ทัพไพโบล่าร์จริง เดี๋ยวๆรอเดี๋ยว ไม่นาน(มั้ง) เกลียดกันมากใช่ไหม หึหึ 555555 //ขอบคุณนะคะที่แต่งและอัพเรื่อยมา แต่งดีแล้วค่ะ รอรอรอรอตอนหน้า :) ปากำลังใจ ^____^
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่17* {05.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Piggyyoungy ที่ 07-01-2019 05:30:15
อยากรู้กุ๊กจะพาเมลไปพิสูจน์ที่ไหน
ทัพหน้ากลับมาไม่เจอเมลจะเป็นไง
ลงตอนต่อไปเลยได้ไหม...ของขวัญปีใหม่ 555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่18* {12.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 12-01-2019 19:45:40



บทที่18.1
               



สรุปแล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้เข้าเรียน ผมชวนไอ้กุ๊กออกมาจากมหาลัยหลังจากที่เราตกลงกันได้  และโดดขึ้นรถของไอ้กุ๊กมาโผล่ที่คอนโดของมันแทน รีบออกมาจากมหาลัยไวยิ่งกว่าคนหนีหนี้ ขืนอยู่รอจนเลิกก็ต้องเจอพี่ธรกันพอดีน่ะสิ



“หาชุดให้กูด้วยไอ้กุ๊ก”



“เออๆ จริงๆมึงอยากใส่ตัวไหนก็หยิบไปใส่เลย แต่อย่าเอาชุดที่แรดมาก กูไม่อยากถูกพี่ทัพฆ่า”



“มันจะมาฆ่ามึงทำห่าไรล่ะ พูดไปเรื่อย”



“แหม่ๆๆ ก็อาจจะมาฆ่ากูในฐานะที่พาเมียเค้าหนีเที่ยวไงไอ้สาด” 



หันไปมองหน้ามันที่ยิ้มร่าเริงมาให้ ยกนิ้วกลางใส่แม่ง ไอ้กุ๊กที่แค่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก แล้วเดินไปหาอะไรกินในตู้เย็นต่อ   



“กูไม่ใช่เมียมัน”



“แล้วที่มึงโดนเยอยู่ทุกวันนี่คือ”



“ตุ๊กตายาง”



‘พรูด’



ตอบมันออกไปแบบนั้น ไอ้กุ๊กก็สำลักน้ำพ่นออกมาทันที หันไปมองมันพร้อมทำหน้าเหยเกใส่ สกปรกจริงๆ



“แค่กๆ พูดเหี้ยอะไรเนี่ยไอ้เมล”



“ก็แค่พูดเรื่องจริง กูไม่เคยเป็นอะไรสำหรับมันอยู่แล้ว หรือถ้าเป็น มากสุดก็แค่ตุ๊กตายางที่มีไว้ให้มันปล่อยน้ำใส่ก็แค่นั้นแหล่ะ”



ไอ้กุ๊กที่มองมาทางผมแล้วถอนหายใจออกพรืดใหญ่  มันที่มองมาทางผมด้วยสายตาเป็นห่วงปนสงสาร แต่ผมไม่อยากจะเห็น ก็แค่ลุกแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนมัน  คอนโดไอ้กุ๊กอยู่ถือได้ว่าราคาแพงพอสมควร มีห้องรับแขกแยกส่วนกับห้องครัวชัดเจน มีพื้นที่ตรงระเบียงที่เอาโต๊ะไปตั้งนั่งเล่นตรงนั้นได้ และมีห้องนอนสองห้อง ห้องนึงมันเอาไว้เก็บหนังสือการ์ตูน ผมที่ถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้ารื้อหาชุดของไอ้กุ๊ก ไอ้กุ๊กเป็นคนรสนิยมดีและรวยมาก ถึงพ่อแม่มันจะหย่ากันแต่แม่ของมันก็เป็นเจ้าของร้านเพชร เพราะฉะนั้นเรื่องการแต่งตัวก็คือน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ดูดีจนสาวเหลียว ผู้ชายมองก็ยังเสียว ผมพูดเลย



หยิบเสื้อเชิ๊ตสีครีมอ่อนๆเนื้อผ้าสบายๆออกมาใส่เข้าคู่กับกางเกงยีนส์ขาเดฟขาดเข่าของมันตัวนึง ตั้งใจจะปิดตู้เสื้อผ้ามันแล้ว แต่สายตาดันไปสะดุดกับอะไรสักอย่างตรงชั้นบนของตู้ที่ยื่นๆออกมา  ไม่ได้อยากเสือกแต่มันเตะตามากจนต้องดึงลงมาดู  ...



มันคือรูปภาพสมัยไอ้กุ๊กอยู่ม.ปลาย เป็นรูปของไอ้กุ๊กกับไอ้บินที่กอดคอกันถ่ายรูป ดูเหมือนจะเป็นรูปตอนวันปัจฉิมนิเทศน์ตอนม.6 พวกมันสองคนยิ้มกว้าง ต่างกันตรงที่ไอ้บินยิ้มกว้างๆใส่กล้อง แต่ไอ้กุ๊กหันไปยิ้มกว้างๆให้ไอ้บิน มันไม่ได้มองกล้องด้วยซ้ำ แต่นั่นกลับเป็นรอยยิ้มที่มันยิ้มทั้งหน้าทั้งปาก เหมือนว่ามันกำลังมีความสุขมากๆ เป็นความสุขในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน พลิกรูปไปด้านหลัง มีข้อความสั้นๆเขียนไว้ด้านหลังด้วยลายมือที่ผมจำได้ดี



‘ถ้ากูได้เป็นรอยยิ้มของมึง แบบที่มึงเป็นรอยยิ้มของกูมันก็คงดี ถ้ามีสักวันที่มึงหันมามองกูบ้าง...มันก็คงจะดีเหมือนกัน’



ลายมือไอ้กุ๊ก



เชี่ย!



อยากอุดปากแล้วกรี๊ดดังๆ อยากจะโทรไปครวญคร่ำกับไอ้อู๋เดี๋ยวนี้ อยากยกมือขึ้นทาบอกแล้วตะโกนออกมาว่าแม่ย้อย!! นี่ไอ้กุ๊กชอบไอ้บินหรอวะ ใจผมสั่นตึกตักๆเลยตอนนี้ ไม่คิดว่าที่ผมกับไอ้อู๋ชอบล้อพวกมันมาตลอดสี่ปีว่าผัวเมีย ไม่คิดว่ามันจะมีความเกินเพื่อนกันเกิดขึ้น โอ้วมายก็อต!!



“ไอ้เมล เสร็จยังวะ!”



“เชี่ยๆๆๆ” 



รีบโยนรูปมันเข้าไปในตู้ทันทีเลยตอนนั้น ต้องทำตัวนิ่งๆไม่ติงไหว จะมีพิรุธไม่ได้ จะให้ไอ้กุ๊กรู้ไม่ได้เลยว่ากูรู้แล้ว



‘แกร๊ก’



“ทำไรอยู่วะ ได้ชุดที่ไม่แรดยัง”



“ได้แล้วๆๆๆๆ”  ไม่ๆ กูจะไม่มีพิรุธ อย่าเหล่ซ้ายมองขวา ฮึบไว้ไอ้คาราเมล



“เป็นห่าอะไรของมึงวะ ลอกแล่กจังเลย”   ไอ้กุ๊กที่มองมาที่ผม มันกอดอกพร้อมหรี่ตามอง



“บ๊า มึงอ่ะคิดมาก”   ชิพหาย กูลอกแล่กหรอวะ นิ่งสิๆๆๆ เสียงสูงเกิ๊น



“ไหนหันมาดิ๊ เออ ชุดไม่แรด แต่มึงแรด”



“มึงสิแรดไอ้เพื่อนเหี้ย” 



อยากจะด่าออกไปว่ามึงสิแรดมึงรักไอ้เหี้ยบิน แต่คือเบรคไว้สุดตีน นิ้วจิกพื้นกันไปเลย ห้ามพูดออกไป พูดออกไปไม่ได้...เพราะอะไรน่ะหรอ ไอ้บินกับไอ้กุ๊กแม่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน และถ้าเข้าอิหลอบนี้คือไอ้บินไม่รู้แน่นอน เกิดแม่งรู้แล้วไม่โอเค ตัดเพื่อนกันไป มึงเอ๊ยยยย



“แล้วนี่มึงเป็นไรไอ้เมล หลุกหลิกจังวะ”



“เปล่าเว้ยยยย กูปวดฉี่”



“มึงก็ไปเข้าห้องน้ำสิวะ หรือมึงจะให้กูไปช่วยถือให้ ได้นะ” 



ว่าแบบนั้นก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นมือเข้ามาหาเมลน้อยๆของผม  กูนี่ผวาเอามือยกขึ้นปิดนมกันเลยทีเดียว เดี๋ยวนะ กูควรปิดข้างล่าง



“โว้ยย พอ มึงนี่เป็นรับแต่ออกผัวหรอวะ”



“รับพ่อง เดี๋ยวกูเสียบให้”



“เชี่ย! น่ากลัวววววว”



“ไปๆ จะไปดื่มน้ำปัสสาวะอะไรของมึงก็รีบไป แล้วนี่โอเคขึ้นไหม ไข้มึงอ่ะ”



“ดีขึ้นแล้ว กูไม่ปวดหัวแล้วอ่ะ สงสัยเพราะได้นอนแถมอาจารย์หมอยังฉีดยากูด้วย เจ็บชิพ”  มันพยักหน้าตอบรับหน่อยๆ ก่อนจะหันดูเสื้อผ้าของมันที่อีกตู้แทน  ผมถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะปิดตู้เสื้อผ้าตรงหน้าเบาๆ ทำไมชีวิตกูมันมีเรื่องราวซับซ้อนจังวะ เรื่องตัวเอง แล้วก็เรื่องเพื่อนอีก



...



“ทำไมถึงเป็นผับวะ”



“ก็มันชอบไปแรดที่ผับไง มึงอยู่ใกล้ไอ้บินมากมึงเลยโง่ตามหรอวะ” 



ไอ้กุ๊กปลายตามาด่าผมตอนที่มันตบไฟเลี้ยวรถเข้าไปในผับแถวทองหล่อ เป็นผับชื่อดังที่คนดังชอบมาเต้นสีๆกัน



“แล้วทำไมมึงรู้”



“ก็เพราะกูเคยมาไงเลยเคยเจอมัน แถมที่บ้านพ่อกูก็รู้กันดีว่าอิคุณโพดชอบเที่ยวกลางคืนจะตาย จ่ายนิดจ่ายหน่อยก็รู้แล้วว่ามันจะไปไหนมาไหน”   จ้า พ่อคนมีเงิน....ไอ้กุ๊กว่าแบบนั้นทำจีบปากจีบคอตอนที่พูดถึงไอ้โพด



“มึงมากับใครวะ ทำไมกูไม่ได้มา”



“มากับ...ไอ้บิน”



มันตอบออกมาแบบนั้นด้วยเสียงที่ไม่ดังมาก ติดจะชะงักหน่อยๆตอนบอกว่าเป็นไอ้บิน อ๋ออออออออ  กูนี่อยากจะร้องอ๋อออกมาดังๆแบบล้อเลียน แต่ทำไม่ได้ต้องฮึบไว้ในใจ ที่แท้พวกมึงก็เคยแอบมาเที่ยวกันแบบไม่ชวนกูสินะๆๆๆ อยากล้อมัน แต่แค่เรื่องของตัวเองตอนนี้ก็กำลังซีเรียสเลยต้องเงียบปากไว้ก่อน ... ผมพยักหน้าให้มันแบบเข้าใจ พวกเราลงจากรถแล้วเดินเข้าไปด้านใน  ไอ้กุ๊กที่เป็นคนเดินนำขึ้นไปที่ชั้นสอง



“มานั่งตรงมุมนี้ ไอ้โพดมันไม่มีปัญญาขึ้นมานั่งบนนี้หรอก”



“มึงรู้ได้ไง”



“ก็เพราะมันไม่มีเงินพอจะจ่ายโซนวีไอพีไง ปกติถ้ามันมามันก็จะไปยืนแรดอยู่ตรงหน้าเวทีนู้น” 



ว่าแบบนั้นพร้อมทำปากยื่นปากยาว ไอ้กุ๊กหันไปสั่งคอกเทลง่ายๆมาสองแก้ว เพราะพวกเราไม่ได้กะมาเมาแต่กะมาจับผิดคน วันนี้เลยขอเบาๆให้พอไม่เป็นที่สงสัยก็พอ



“มึงชัวร์? คนแบบมันเนี่ยนะจะมาเที่ยวแบบนี้”  จริงๆก็ยังสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้หรอวะ



“มึงรอดูละกัน อย่าตกใจจนช็อคไปล่ะ กูล่ะอยากจะฉีกกระชากไอ้เวรนี่มานานละ” 



ไอ้กุ๊กที่พูดแบบนั้นพร้อมหักข้อนิ้วตัวเองเตรียมพร้อม  เดี๋ยวนะ คือมึงดูเกลียดมันมากกว่ากูไปอีกนะ



จังหวะดนตรีหนักๆที่ดังเร้าใจขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่เดินไปเรื่อยๆ จนเวลาประมาณห้าทุ่มได้ ไอ้กุ๊กที่นั่งอยู่ข้างๆก็ถองสีข้างผมจนต้องนิ่วหน้า



“อะไรวะ”



“นั่นๆๆๆ แหกหนังตามึงดูไอ้เมล นั่นๆ” 



มันที่ว่าแบบนั้นพลางผลุบหัวลงแนบโซฟาแต่มือก็ยังชี้ไม่หยุด เห็นแบบนั้นเลยต้องทำตามมันบ้าง มองลงไปที่ชั้นล่างฝั่งด้านข้างของเวที มีคนกลุ่มใหญ่ที่รวมตัวกันอยู่ตรงนั้น ร่างเล็กๆในเสื้อกล้ามสีขาวด้านข้างผ่ายาวจนกูคิดว่ามึงควรถอด ใส่คู่กับกางเกงขาสั้นและโยกย้ายส่ายเอวไปตามเสียงเพลง มือเล็กที่ปกติผมจะคุ้นเคยเห็นมันมักจะเอามือดันกรอบแว่น แต่ตอนนี้มันกลับกำลังชูแก้วเหล้าขึ้นสูงและส่งเสียงโห่แซวร้องไปกับเสียงเพลง ด้านหลังของมันมีผู้ชายตัวสูงๆที่ผมไม่รู้ว่าเป็นใครกำลังกอดเอวบางๆที่ร่อนไปมาเพื่อสีกับหรรมของไอ้นั่นอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ คือ เอ่อ...



“อึ้งไหมล่ะมึง หึ”



“เชี่ย จริงหรอวะ”



“ไม่จริงมั้ง นั่นคงเป็นผีไอ้โพดมั้ง ผีแรดผีตอแหลไง” 



หันไปมองหน้าไอ้กุ๊กก่อนจะกระพริบตาปริบๆแบบอึ้งๆ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองกับภาพที่เห็นในตอนนี้ นี่มันไอ้โพดจริงๆหรอวะ ไอ้แว่นที่ชอบทำตัวติ๋มๆยิ้มน้อยๆเดินไปเดินมากับกลุ่มพวกเราจริงๆหรอวะ



“มึงยกมือถือมาถ่ายเร็วๆเลย” 



ไอ้กุ๊กที่สะกิดบอกยิกๆ กูนี่หยิบมือถือรุ่นแพงมาซูมแล้วถ่ายไว้รัวๆเลย มันคงจะดีกว่านี้อ่ะถ้ามือถือมันดักฟังเสียงจากระยะไกลๆได้ แต่ก็นั่นล่ะ มันไม่ได้เลยไม่รู้ว่าไอ้โพดมันคุยระริกระรี้อะไรอยู่ตรงนั้น



“โอ๊ะ...” 



เสียงร้องที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังของพวกเราทำเอาผมต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะค่อยๆหันไปมองและต้องค่อยๆเบิกตากว้างขึ้น

“ตั๊ยแหล่วว คุ๊นจุงกะเบย น้องหวานๆคนนั้น น้องเมลนี่นา” 



เสียงจีบปากจีบคอที่มาพร้อมสายตาพราวระยับจากร่างใหญ่ร่างโตที่ผมไม่ได้เจอหน้ามาซักพักแล้ว



“ฮายค่าาา”  ฉีกยิ้มหวานๆพร้อมโบกมือทักทายกูไปอีก  ชัด...ชัดเลย



“อิพี่ดาบ!”



“ดานี่ค่ะอินี่!”


...

50%


ก่อนอื่นแคทขอโทษที่มาลงได้เพียงเท่านี้ คนอ่านอาจจะอยากด่า อาจจะอยากเท อาจจะรำคาญ อาจจะโมโห อาจจะไม่อยากเม้นท์ อาจจะไม่อยากอ่าน และอาจจะอีกหลายๆเหตุผล จริงๆแคทพยายามแล้วที่จะเขียนให้ได้มากกว่านี้ แต่ว่า...ตอนนี้สภาพจิตใจแคทไม่สู้ดีเท่าที่ควร

แคทต้องขอโทษจริงๆนะคะ .... บางครั้ง การเจอสถานการณ์ที่อยู่ๆเราก็ต้องจบความสัมพันธ์กับคนที่เป็นเหมือนครึ่งชีวิตเรามาตลอด8ปี มันก็เกินกว่าจะทำใจให้ดีได้จริง

แต่แคทสัญญาว่าจะไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้ ในอาทิตย์หน้าแคทก็จะยังมาต่อ แต่ขอโทษมากๆจริงๆที่มาน้อยแบบนี้

ขอโทษและขอบคุณมากๆค่ะ

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่18* {12.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Piggyyoungy ที่ 12-01-2019 20:51:40
รอค่ะ ดานี่จะโทรไปฟ้องทัพหน้าไหม
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่18* {12.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 14-01-2019 10:23:47
ีไม่เป็นไรค่ะคุณแคท พักผ่อนนะคะ เรารอได้ ขอโทษที่มาอ่านแล้วก็ตอบช้านะคะ ระหว่างนี้คุณแคทไปพักทำใจให้สบายนะคะ แงงง ไม่รู้จะช่วยยังไงดี ; - ; ,แต่เรารอได้จริงๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่18* {12.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 14-01-2019 17:29:30
5555555 พี่ดานี่ค่ะพี่ดานี่ อุต๊ะ! เมลอย่าเผลอเรียก พี่ดาบแบบนั้น ไม่งั้นจะโดนแข้งฟาดคอ ขอบอกเลย 55555 นี่ไงสืบจากพี่ดานี่เลย เขาต้องรู้อะไรบ้างละ ยกเว้นก็แต่อีพี่ทัพห้ามบอกใครไว้อะนะ //เห็นชัดแล้วไหมละ ตัวจริงไม่อิงสแตนอิน ข้าวโพดไงจะใครละ ร่อนพลิ้วเชียว อยากให้ไอ้พวกอู๋+บินมาเจอเด้ คือสิช็อค หึหึ ฮ่าๆ //อ่าาาาาในที่สุดเมลก็รู้ว่ากุ๊กแอบรักบิน ก็รอแต่เจ้าตัวละที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่ยอมรับใจตัวเอง ชิ!! สายไปจะไม่ว่าเลย!!! //เอาละเริ่มแผนการสืบเลยต่อจากนี้ ลุ้นๆ ขอนั่งจับตามองใกล้ๆนะ 555 มา 50% ก็ยังสนุกกกกกกกกก ขอบคุณมากที่แต่งและมาอัพนะคะ ในส่วนที่เหลือและตอนต่อไปก็รอเหมือนเดิม แค่รู้ว่าไม่เทก็พอแล้วค่ะ จะนานเท่าไหร่ไม่ว่า เพราะยังไงก็รอติดตามเหมือนเดิม ชอบไปแล้ว ^____^ //ใจเย็นๆนะคะคุณแคท ไม่ว่าจะเจอกับอะไรมา รีดเดอร์คนนี้ก็เชื่อมั่นว่าคุณผ่านมันไปได้แน่นอน เพียงแต่ต้องใช้เวลาเป็นธรรมดา จะนาน/สั้น ก็แล้วแต่คน ไม่วอรี่ แต่ยังไงซะเราก็ต้องผ่านมันไปแน่น๊อน อ่อนแอไปบ้างแล้วก็ขอให้เข้มแข็ง ฮึบสู้ ฮึบๆไว้นะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ  มาๆกอดๆค่าา (:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่18* {12.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 16-01-2019 23:10:13
หนุกมาก
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่18*[ครบ100%] {19.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 19-01-2019 18:42:30

บทที่18.2


​(ต่อ)


ร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวธรรมดาๆปลดกระดุมคอลงมาจนเห็นแผงอก และใส่กางเกงยีนส์เข้ารูปธรรมดา เซ็ตผมและแต่งหน้ามาไม่หนักแบบทุกครั้งที่เคยเห็น โอ้พระเจ้า...นี่มันผัวพี่ดาบแล้วโว้ย



“พี่ดาบ”



“ยังอีกอิเด็กนี่ เอ๊ะ...” 



ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยกมือขึ้นเท้าสะเอว หน้าตาพร้อมด่ามากๆ แถมเสียงสองก็แว๊ดมาอีกจนผมและไอ้กุ๊กต้องเบ้หน้า แต่เสียงแว๊ดๆนั่นก็ต้องเงียบเสียงไป เมื่อเสียงของผู้มาใหม่ทำให้พี่ดาบต้องชะงักปากและหดมือออกจากการเท้าสะเอว



“เห้ยไอ้ดาบ ทำไรอยู่วะ” 



ผู้ชายรูปหล่อขาวตี๋หน้าตาดีจนคิดว่าเป็นบอยแบรนด์เดินเข้ามาตบไหล่พี่ดาบ และมีอีกสองสามคนที่เดินตามเข้ามาด้วย มองเห็นไอ้พี่ดาบที่ตอนนี้ลอบกลืนน้ำลายนิดๆก็จะหันไปตอบ



“โอ๊ะ ... พวกมึงไปก่อนเลย กูเจอน้องขอทักแป๊บ”



“น้องไหนอยากใส่ใจครับเพื่อน แหม่ะ ไอ้เสือ”



“ไม่เสือกกับกูไอ้เอิร์ธ ไปๆไอ้มีนไอ้เอิร์ธไอ้จินมึงกลับโต๊ะมึงไปก่อนไป เสือกเก่ง”



“หวงว่ะ”



“ไป เดี๋ยวกูถีบยอดหน้าให้ไอ้พวกสัด” 



พี่ดาบที่ว่าแบบนั้นออกมาเสียงดุ สายตาคมที่ปลายตามองแรงใส่เพื่อนๆที่ตอนนี้ทำแค่ยกมือยอมแพ้แล้วยิ้มขำๆแล้วพากันเดินหนีออกไป  ผมมองพี่ดาบแล้วอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ เหยดโด้โคอาร่ามาร์ช ... นี่ไม่ใช่ตุ๊ดแล้ว ผัวมากๆ ผัวแน่ๆไอ้บ้าเอ๊ย



“เฮ้อออ ต๊าย กูจะตายเอาอิพวกเพื่อนสาระแน๊”  อะ....กูหมดฟิลลิ่งมากๆ



ตอนที่พี่ท่านยืนเก๊กหน้าเข้มใส่เพื่อน พอเห็นเพื่อนเดินออกไปแล้วยกไม้ยกมือกรีดกรายเอามือลูบอกแบบขวัญเสีย ... อะ กูเนี่ยที่จะประสาทเสีย คืออะไร๊



“อะ หนูๆลุกขึ้นนั่งเก้าอี้กันดีๆจ๊ะ พวกผู้แร้งทึ้งมันไปกันแล้ว ว่าแต่น้องเมลๆของพี่มาทำอะไรที่นี่คะ เฮียทัพปล่อยมาได้ยังไงอยากจะทราบ” 



ว่าจีบปากจีบคอกรีดกรายเบอร์ใหญ่ก่อนจะทรุดตัวใหญ่ๆลงนั่งที่โซฟาอย่างเป็นกันเอง คือเมื่อกี้มึงแมนมาก เหมือนผีพี่ดาบอกจากร่างไป



“ไม่เจอกันนานเลยนะพี่ดา เอ่อดานี่”



“ใช่สิจ๊ะ ก็ไอ้สัดพี่ปืนมันส่งคนสวยๆแบบเจ๊ไปต่างประเทศ เหยดครก พูดแล้วกูขึ้นอยากกระทืบแม่ง โอ๊ะ อุ้ย คนสวยๆจะไม่อาฆาตอ่ะโน๊ะ” 



ผมกับไอ้กุ๊กมองหน้ากัน สายตาของมันที่ผมอ่านได้ว่า ไอ้พี่บ้านี่สติดีใช่ไหม จริงๆกูเองก็ไม่คิดว่ามันสติดีเท่าไหร่หรอกนะเอาจริงๆ



“ว่าแต่ยังไงจ๊ะน้องหนูเมลหวานๆของพี่ดานี่ สรุปมาทำอะไรที่นี่ อ๊ะ อย่าโกหกนะ จะโทรหาเฮียทัพบัดเดี๋ยวนี้เลย”



 จีบปากจีบคอมองหน้าผมพร้อมหรี่ตาเจ้าเล่ห์ สายตาคมๆของพี่ดาบที่มองมาแล้วยกยิ้มมุมปาก แม่ง รู้สึกร้อนหน้าจนต้องเสหน้าหลบ



“ผมแค่มาตามหาความจริง”



“ความจริงอะไรจ๊ะหนู บอกๆอยากรู้ๆจ๊ะ”



“อยากรู้หรืออยากเสือก” 



ไอ้กุกที่ว่าออกมาแบบนั้น ทำเอาพี่ดาบหันหน้าไปมองแรงทันที สายตาคมๆของพี่มันที่พร้อมจะอ้าปากด่า แต่ก็ไม่ยอมด่าออกมา พี่ดาบที่แค่มองไล่สายตาจากหน้าผากมาที่ตาจมูกและปากของไอ้กุ๊กช้าๆ



“มองเชี่ยไรแบบนี้เนี่ยพี่!”



“เปล๊า เพื่อนน้องหนูเมลหรอคะ มีเพื่อนน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนตัวเองเลย ชื่ออะไรเอ่ย?”



“สาระแน” 



ไอ้กุ๊กที่ว่าออกมาแบบนั้นเบาๆให้ผมได้ยินคนเดียว แล้วมันก็เลือกที่จะเบี่ยงตัวหลบหลังสิงผมแทน เอาเว่ย ครั้งแรกเลยที่กูได้เห็นไอ้กุ๊กหนีแบบนี้ มองไปที่พี่ดาบที่ยังมองมันไม่เลิก ริมฝีปากของอีกฝ่ายที่ยกยิ้มเหมือนถูกใจหน่อยๆ เดี๋ยวๆๆ...ไอ้พี่! ไอ้ตุ๊ดปลอม!



“พี่ดาบ เลิกมองเพื่อนผมแบบนั้นนะ”



“กรี๊ดดด ถ้าไม่ใช่น้องเมลพี่ตบนะคะ ดานี่ๆๆๆอิพวกนี้นี่ จำ! ชิ”



“ครับๆรู้แล้วๆครับเจ๊ดานี่”



“ค่อยยังชั่ว”  ว่าแบบนั้นแล้วทำมือกรีดกราย แต่สายตาแม่งอย่างเสือ โว้ย



“ว่าแต่จะมาตามหาความจริงอะไรคะ ช่วยไหมๆ”



“ผมมาตามหาความจริงว่า วันนั้นใครมันส่งคนมาทำร้ายผม เอ๊ะ...จริงสิ ไอ้แจบอกว่าพี่เห็นหน้าคนบงการ”  เหมือนสมองถูกเปิดไฟสว่าง



“ใช่ค่ะ เจ๊รู้เจ๊เห็นนะคะ หน้าแรดมากหน้าตบสุด แต่วันนั้นพุ่งออกไปจับไม่ทันมันไปก่อน ไวนัก” 



ว่าแบบออกรสออกชาติ แล้วผมก็ต้องหันไปมองทางไอ้กุ๊กอีกครั้ง ถ้าพี่ดานี่จำได้ แล้วไม่พูดว่าเป็นไอ้กุ๊ก ... แสดงว่า



“ไม่ใช่ไอ้นี่ใช่ไหมพี่” 



เบี่ยงตัวหลบแล้วชี้ไปที่ไอ้กุ๊ก มันที่ตาเบิกกว้างมองผมอย่างตกใจนิดหน่อยก่อนจะกรอกตามองผมแล้วถอนหายใจหนักๆ



“หื้มมมม ไหนๆ ขอดูชัดหน่อยได้ไหมคะ” 



ว่าแบบนั้นแล้วก็ก้าวพรวดมาใกล้ทันที ผมที่ลุกขึ้นไปนั่งที่โซฟาอีกตัวแทน ไอ้กุ๊กผวาเฮือกเลยในตอนนั้น เห้ยๆ มึงจะตกใจทำไมวะเพื่อน



“เชี่ยเมล กูจะฆ่ามึงงงง กูบอกว่ากูไม่ได้ทำๆไง เห้ยๆไอ้เชี่ยเจ๊ มึงเอามือออกจากเอวกูนะสัด”



“เงียบๆสิคะ ไหนขอเจ๊ดูหน้าหน่อยเร๊ว ต้องมองชัดๆค่ะ มองไม่ชัดมันไม่แน่ใจ๊ หึ”



หึเดียว เสียวไปยันสันหลัง



พี่ดาบที่เสือกตัวเข้าไปนั่งใกล้ไอ้กุ๊กพร้อมเอื้อมแขนไปดึงเอวของไอ้กุ๊กเข้ามาใกล้ ฝ่ามืออีกข้างที่เอื้อมไปจับปลายคางของไอ้กุ๊กให้ช้อนมามองหน้าตัวเอง  คำพูดคำจาเสียงสองสวยๆ แต่สายตาคมที่มองจ้องไปที่เพื่อนผมในตอนนี้วาววับแปลกๆ ริมฝีปากหยักที่กระตุกยิ้มมุมปากแบบชอบใจ  เอ่อ...



“หึ น่ารักดี”



“เชี่ยพี่มึง!”



‘พลัก’



“อ๊ายยย เจ็บนะคะ เจ๊เจ็บๆ งื้อ” 



ไอ้กุ๊กที่ยกตีนขึ้นยันพี่มันออกไปไกลๆ แล้วกระโดดพรวดมานั่งข้างตัวผมทันที  เอิ่ม...



“สัดเมล ไอ้เพื่อนเชี่ย”



“ก็แบบต้องการความแน่ใจไงมึง ก็มึงบอกจะพิสูจน์ตัวเองไง แหะ” 



ยิ้มอ่อนให้แม่งเลย พี่ดาบที่ลุกขึ้นจากพื้นมองตรงมาด้วยสีหน้าโกรธๆ  ผมนี่รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเลย



“เพื่อนผมมันขี้ตกใจไงพี่ ขอโทษทีนะๆ” ว่าแบบนั้นพร้อมตบอกแกร่งไปที สายตาคมที่ดูจะหงุดหงิดก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นอ่อนทันที



“ก็ได้ ถือว่าเห็นแก่น้องเมลคนสวยๆของเฮียทัพนะคะ ไม่อย่างงั้นล่ะก็ หึ”   



ว่าแบบนั้นออกมาแล้วมองเลยไปที่ไอ้กุ๊กอีกหนึ่งที กูนี่เผลอกลืนน้ำลายเลย กลัวแล้วจ้า ไอ้พี่แม่งร้ายกันหมดตระกูลเลยไหมวะ



“แต่ว่า เจ๊จำได้นะจ๊ะ ไม่ใช่น้องคนนี้หรอก คนที่สั่งอ่ะเหมือนสก๊อยหน่อยๆ เจ๊นี่จำหน้าได้แม่นเลย ไม่ใช่มันสวยนะคะ มันแรดจ้า แต่ลูกน้องเยอะ สั่งเก่ง น่าโมโหที่สุดก็ตรงกล้ามาสั่งการในร้านกูค่ะ แถมยังจะมาจัดการพี่น้องกูอีก พูดแล้วเลือดมันขึ้น” 



กำมือแน่นแล้วพูดแบฮึกเหิม เลือดสายรุกมันขึ้นสินะพี่มึง แต่ไม่พูดออกไปหรอก กลัวพี่มันจับตี



“เจ๊ดานี่ ช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหม”



“หื้ม ช่วยอะไรคะน้องเมล”



“เอาหูมานี่”



“หื้ม อ่อยหรอวะคะ”



“สักที!”



“ดุจุง กลัวจัง มามะๆ” 



ว่าแบบนั้นแล้วก็เลื่อนหน้าไปกระซิบข้างๆหูของคนร่างสูงที่แค่นั่งนิ่งๆแล้วรับฟัง ... หวังว่าแผนนี้จะกระชากหน้ากากของคนบางคนออกมาได้บ้างล่ะนะ



.

.

.




“ไอ้เมล มึงแน่ใจจริงๆนะว่าจะให้ไอ้พี่บ้านั่นไปจัดการ” 



ไอ้กุ๊กที่กระซิบข้างหูผมเบาๆ พวกเราที่นั่งยองๆแอบอยู่ข้างๆถังขยะหลังร้านในตอนนี้ คอยแอบมองแล้วตั้งกล้องพร้อมในตอนนี้



“ถ้าไม่ให้พี่ดาบไปล่อมันออกมา มึงจะให้กูไปหรอ”  หันไปถามมัน ไอ้กุ๊กก็เบ้หน้าทันที



“มันก็ใช่แหล่ะ แต่มึงคิดว่ามันจะตามมาหรอวะ”



“ไอ้เหี้ยพี่ดาบหล่อจะตาย  มึงก็เห็น”



“ก็หล่ออยู่หรอก” 



ไอ้กุ๊กที่ตอบรับกลับมาเบาๆ แต่หน้าออกจะแดงๆหน่อยๆ ไม่รู้ว่าโมโหหรือมันนึกถึงสายตาพี่ดาบกันแน่ คิดมาถึงตอนนั้นก็ตลก  ไอ้กุ๊กที่ไปไม่เป็นแบบนั้นหายากจะตาย จริงๆอยากจะถามออกไปด้วยซ้ำว่า พี่ดาบที่ว่าหล่อ หล่อกว่าไอ้บินในใจมึงเปล่าว้า อรุ่กๆ แต่ว่าไม่ได้ครับ เดี๋ยวโดนมันฆ่าเอา



“ชู่ววว มึงดูนั่น” 



ไอ้กุ๊กที่สะกิดผมให้มองคนที่กำลังเดินออกมาที่หลังร้านในตอนนี้  ร่างสูงๆของพี่ดาบที่เดินนำมาก่อน ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ที่กำแพง แผ่นหลังกว้างๆของพี่มันที่พิงกำแพงไว้พร้อมไขว้ขาไว้เท่ๆ สายตาคมที่จ้องมองไปที่ประตูหลังร้านอย่างไม่เร่งรีบ ก่อนที่เวลาจะผ่านไปไม่เท่าไหร่ ประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออกช้าๆ พร้อมๆกับร่างของไอ้โพดที่เดินถือแก้วคอกเทลเข้ามา มันที่มองตรงไปที่พี่ดาบ ก่อนจะยิ้มน้อยๆ



“นายหรอที่เรียกเราออกมา”



“อื้ม ก็สนใจ” 



ว่าออกไปแบบนั้นด้วยใบหน้านิ่งๆ สายตาของผู้ล่าที่มองตรงไปที่ไอ้โพดแบบไม่ปิดบัง ริมฝีปากของพี่มันที่ยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปากทำเอาผมขนลุก  อิเจ๊ดานี่หายไปไหนแล้วกูถามจริง



“ทำไมถึงสนใจล่ะ”



“หึ...ไม่รู้สิ เห็นร่อนเอวเก่งดี” เชี่ย โอ้แม่เจ้าโวย เหตุผลพี่มันโคตรเถื่อน



“หรอ แล้วอยากลองให้เราไปร่อนบนตัว....”



“ชื่อดาบ”



“งื้อ ฟังชื่อแล้วอยากโดนดาบแทงจัง” 



มันที่ว่าแบบนั้นแล้วเดินเอาตัวเข้าไปชิดพี่ดาบ คนร่างสูงที่มองตรงไปนิ่งๆยกยิ้มพร้อมๆกับที่วงแขนแกร่งจะวาดออกไปดึงรั้งเอวเล็กให้เข้ามาชิดตัวมากขึ้น  ใบหน้าหล่อที่ทำมุมเอียงหน้าเข้ามาใกล้กับอีกฝ่ายที่ก็ช้อนตามองอยู่ก่อนแล้ว



“หึ อยากให้แทง...หนูไหวหรอ พี่ดุนะ



“คิกๆ ข้าวโพดไหว”



“ชื่อน่ากินเหมือนกันนี่นา” 



กระซิบลงข้างๆหู พร้อมๆกับที่นิ้วยาวค่อยๆยกขึ้นเกลี่ยผมข้าวโพดช้าๆ  ร่างกายที่เบียดเข้าหากันแนบชิดมากขึ้นเรื่อยๆ หันหน้าไปหาไอ้กุ๊กที่เบ้ปากไปแอบถ่ายคลิปไปไม่ยอมหยุดอยู่ข้างๆ



“ไม่ได้น่ากินแค่ชื่อนะ จริงๆโพดก็อร่อยๆ” 



มันที่เอื้อมมือไปลูบไล้อกแกร่งของพี่ดาบพร้อมว่าแบบนั้น ผมกับไอ้กุ๊กที่ทำท่าอยากอ้วกออกมาพร้อมๆกันในตอนนั้นทันที



“หรอ แบบนี้ก็อยากชิมซะแล้วสิ ว่าแต่...บ้านเราอยู่ไหนล่ะ” 



เอียงหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะกระซิบถามมันออกไปแบบนั้น แต่เสียงพี่ดาบก็ยังดังพอให้พวกเราได้ยินอยู่



“บ้านโพดหรอ ไม่สดวกหรอก”



“ทำไมล่ะครับ ไม่อยากให้พี่รู้หรอ” 



ยกยิ้มมุมปาก ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะยกขึ้นเกลี่ยๆใบหน้าของข้าวโพด สายตาคมของพี่ดาบที่พราวระยับมองมันเหมือนจะกินเข้าไปทั้งตัว



“เปล่าครับ แต่บ้านโพดอ่ะคุณพ่อกับคุณแม่ดุมาก แถมยังมีลูกเลี้ยงที่ชอบแกล้งโพดอีกอ่ะ ถ้าโพดพาพี่ดาบไปต้องโดนแกล้งอีกแน่ๆเลยครับ” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วเอาหน้าลงไปซบอกแกร่งของพี่ดาบแบบน่าสงสาร มือแกร่งที่ยกมือขึ้นลูบหัวมันเบาๆแบบปลอบ ผมเห็นพี่ดาบทำหน้าเบ้ในตอนนั้น ท่าทางดูอยากจะกรี๊ดออกมาเต็มที  ฮึบไว้นะพี่มึง อย่ามาสาวแตกตอนนี้นะโว้ย



ผมที่หันหน้าไปหาไอ้กุ๊ก มันที่ยกมือขึ้นชี้หน้าตัวเองพร้อมทำหน้างงๆ



“ลูกเลี้ยงที่มันว่าคือกูหรอ อิเวน” 



มันที่กระซิบถามผมแบบนั้นพร้อมทำหน้าหงุดหงิดเต็มที  ก็แน่ล่ะ คนที่เป็นลูกเลี้ยงน่ะมันไอ้โพดไม่ใช่หรอวะ อยู่ๆโดนย้ายตำแหน่งเฉย



“น้องโพดน่าสงสารจังเลยครับ”



“ใช่ไหมล่ะครับ ลูกเลี้ยงคุณพ่อน่ะชอบรังแกโพดเลยไปที่บ้านไม่ค่อยสดวกน่ะครับ”



“แต่น้องโพดน่ารักแบบนี้ ยังไม่มีแฟนจริงๆหรอครับ”



“ไม่มีหรอกฮะ โพดไม่ได้สนใจใคร แต่ตอนนี้สนใจพี่ดาบที่สุดเลย” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วช้อนตามองพี่ดาบอ่อยๆ เอาจริงๆหน้าไอ้อู๋ลอยมาเลยตอนนี้  กูสงสารมึงสุดๆเลยไอ้อู๋เอ๊ย



“แน่ใจหรอว่าเราไม่ได้สนใจใคร” 



พี่ดาบที่ว่าแบบนั้น ก่อนที่มือหนาจะวางลงที่กลางหลังแล้วลากไล้แผ่วๆยาวลงไปถึงช่วงเอว



“จริงๆก็มีนะ แต่....ดูไปดูมาเคร้าโครงหน้าเค้าคนนั้นก็คล้ายดาบเหมือนกันน้า”



“หรอครับ เศร้าเลยเนี่ย ดาบเป็นตัวแทนงั้นสิ”



“ไม่เศร้าสิ ใครจะไปคิดแบบนั้นกัน ยังไงตอนนี้ก็มีแค่โพดกับดาบนี่นา”



“หึ”   



พี่ดาบที่ยกยิ้มมุมปากแล้วพยักหน้าน้อยๆ เป็นอันรู้กันกับเราว่าเรียบร้อย พี่ดาบที่มองตรงมาที่ผมกับไอ้กุ๊ก พวกเราพยักหน้ารับให้พี่แกรู้ว่าเรียบร้อยแล้ว .... ผมกับไอ้กุ๊กที่กำลังจะย่องแอบออกไปทางลานจอดรถก็ต้องสะดุ้งในตอนนั้น



“พวกมึงเป็นใครวะ มาแอบซุ่มอะไรกันอยู่ตรงนี้” 



เงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะต้องเบิกตากว้างกับผู้ชายกลุ่มใหญ่ที่ล้อมพวกเราไว้ในตอนนี้



“หน้ามึงคุ้นจังวะ หน้าคล้ายๆเด็กไอ้ทัพหน้าจัง หึ”



ซวยแล้วไอ้ชิพหาย!




--------------TBC-------------





แคทมาลงครบ100เปอร์เซ็นแล้วนะคะ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง แต่สิ่งที่อยากพูดที่สุดคือ ขอบคุณกำลังใจจากคนอ่านทุกๆท่านจริงๆที่ทั้งคอมเม้นท์มาให้กำลังใจ วาดภาพมาให้ รวมถึงคำปลอบใจดีๆอีกมากมาย แคทไม่คิดว่าคนอ่านจะมาให้กำลังใจแคทเยอะขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆค่ะ

เรื่องบางเรื่องไม่สามารถจะหายดีได้ในเวลาไม่กี่วัน แต่แคทจะพยายามให้มากๆ และสัญญาว่าจะไม่ทิ้งงานไปไหน

ยังจะมาต่อพี่ทัพน้องเมลต่อไป หวังว่าทุกคนยังจะอยู่ด้วยกันนะคะ

ขอบคุณมากๆ มากจริงๆค่ะ



หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่18*[ครบ100%] {19.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 19-01-2019 19:23:39
น้องเมลกับน้องกุ๊กไปทำบุญล้างซวยมั้ยคะ

ส่วนพี่ดาบไปรดน้ำมนต์ล้างเสนียดนะ

เลิฟฟ <3

พี่ดาบรุกแน่ๆ แต่ออกสาวทำไม

แต่เราชอบค่ะ ออกสาวแต่เป็นรุก 55555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่18*[ครบ100%] {19.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 20-01-2019 04:40:31
อ้าวววชิบหายยยย!!! แผนกำลังจะเสร็จลุล่วงอยู่แล้วเชียว จะรอดไหมมม! ถามใจไอ้พวกนั้นดู 55555 กรี๊ดนังโพดแกโคตรร่านนนนน อร๊ายย *กรี๊ดแทนพี่ดานี่ค่ะ เห็นว่าตอนเหยื่อตอแหลใส่ละอยากจะกรี๊ดแต่กรี๊ดไม่ได้ ต้องฮึบลุคไว้ 55555* อยากให้ทุกคนรู้เร็วๆเด้ ทั้งสงสารและสมน้ำหน้ารอเลยที่เลือกเชื่อใจผิดคน หึ! ชิ! เชอะ! //อมก! โอ้มายก็อด! ความเป็นผัวของพี่ดาบในคราบชะนีดานี่ เชรดด! กระแทกใจรัวๆ ลุคนี้ดูน่าสนใจไปอีกแบบ ชอบบบหวะ กุ๊กยังมีแอบเขินอะ 5555 พี่ดานี่เล่นละครเก่งเว้ย เอ้ยยยนี้ไงบางทีอาจจะช่วยหลอกๆเพื่อให้อีกคู่รู้ใจตัวเองสักทีก็ดะ คึคึ!! พี่ดาบหล่อง่ะ ฮ่าๆๆ //จบละมาลุ้นกันตอนต่อไปต่อเลย เมลกุ๊กจะรอดไหมงานนี้ วิ่งหนีให้เร็วเลยเมล 5555 ว้อยยสนุกกกกก อ่านเพลินมาก ขอบคุณที่แต่งและมาอัพต่อนะคะ ตอนใหม่มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ให้ผ่อนคลาย สบายใจ ยังไงก็รออ่านอยู่ค่ะ (: ^_^
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่18*[ครบ100%] {19.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 26-01-2019 18:25:33
**เนื้อหาในตอนนี้มีฉากที่แสดงออกถึงความรุนแรง เด็กอายุต่ำกว่า18ปีควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน​




บทที่19




นี่มันวันซวยอะไรของกูกันวะ!



ได้แต่สบถประโยคนี้อยู่ในหัวไม่หยุด มันจะไม่น่าตกใจเลย ถ้าไม่ใช่พอเงยหน้าขึ้นไปก็เจอเข้ากับรอยยิ้มที่ค่อนข้างคุ้นๆแบบนี้



“อ...ไอ้หมิง



“โลกกลมหรือพรหมลิขิตกันวะเนี่ย สวัสดีจ๊ะเด็กไอ้ทัพ หึ พวกมึงจับมัน!



“ปล่อยนะเว้ย!”



“เห้ยๆ จะทำอะไรกันวะ!”



เสียงร้องของผมและไอ้กุ๊กที่ร้องประสานเสียงกันขึ้นมา มันดังพอที่จะทำให้ทั้งพี่ดาบและไอ้โพดที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลได้ยินและหันมามอง ไอ้โพดที่เบิกตากว้างตอนหันมาเห็นผมที่กำลังถูกจับตัวและโดนลากออกมาจากถังขยะพร้อมๆกับไอ้กุ๊ก  พี่ดาบเองก็ไม่ต่างกัน สีหน้างงงั้นมองมาที่ผมแบบปิดไม่มิด



“มีเรื่องอะไรกันน่ะ!”  ไอ้โพดที่ดันพี่ดาบออกห่างจากตัวแล้วตะโกนออกมาในตอนนั้น มันที่รีบเดินเข้ามาหาพวกผม สายตามันมองมาทางผมอย่างตกตะลึงไม่เลิก



“เมล กุ๊ก”  มันที่เรียกผมสลับกับมองหน้าพวกไอ้หมิงที่ยังจับตัวผมล็อคเอาไว้อยู่ตอนนี้



“มากันได้ยังไง”



“แล้วทำไมพวกกูจะมาไม่ได้ ผับนี่มึงเป็นเจ้าของหรือไง” 



ไอ้กุ๊กที่ขนาดโดนจับอยู่แบบนั้นแต่ก็ยังไม่วายตะโกนแขวะกลับไปใส่ข้าวโพด มันที่ทั้งดิ้นไปด้วยและมองแรงใส่ไอ้โพดไปด้วยในตอนนี้



“ก็เปล่า แค่ไม่คิดว่าจะเห็นเมลมากับกุ๊ก”



“ทำไมไอ้เมลมันจะมากับกูไม่ได้ ถ้ามากับคนตอแหลแบบมึงน่ะสิถึงจะแปลก เพื่อนกูไม่ได้โง่ตลอดไปหรอกนะ เลิกแอ๊บใสสักทีคนเค้ารู้กันหมดแล้วเถอะ!” 



ไอ้กุ๊กที่สวนออกไปอีกแบบไม่ยอมแพ้ มันที่ยกเท้าพยายามจะถีบทั้งคนที่จับมันไว้ และยกเท้าส่งมาทางข้าวโพดเหมือนอยากจะถีบด้วยไปพร้อมๆกัน  ผมที่ไม่พูดอะไร แค่พยายามมองซ้ายมองขวาหาทางรอด ก่อนจะเผลอไปสบตากับพี่ดาบที่ตอนนี้ยืนนิ่งเป็นหุ่นเหมือนพยายามเบลอตัวเองไปกับกำแพงอยู่ตอนนี้ ..  เจริญล่ะกู



ก็ไม่รู้ว่าซวยอะไรถึงต้องมาเจอไอ้หมิงที่นี่ ครั้งก่อนที่ไปร้านพี่ดาบแล้วถูกมันจับไปก็ทีนึงแล้ว ถ้าทัพหน้าไปตามช่วยผมไม่ทันในตอนนั้นก็คงไม่รอด แล้วชีวิตจริงมันจะมีความบังเอิญแบบนั้นได้บ่อยๆหรอวะ แม่งเอ๊ย ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย บัดซบจริงๆ



“มึงมาจับกูทำไม ปล่อย!”  ผมที่เงยหน้าตะคอกใส่ไอ้หมิกเสียงดัง มันก้มหน้าลงมามองพร้อมยิ้มเหี้ยมๆ



“มึงทำกูไว้แสบมากนะครั้งก่อน”



“ก็มึงเสือกอยากมาจับตัวกูทำไมล่ะ กูเคยไปทำอะไรให้มึงรึไง!”



“มึงทำ!” 



ไอ้หมิงที่ตะคอกผมเสียงดัง พร้อมๆกับฝ่ามือแข็งที่ตรงเข้ามาบีบคอผมไว้แน่นๆ ตาของมันที่มองมาที่ผมอย่างเจ็บแค้น สายตาที่กำลังบอกว่าทั้งโกรธแค้นทั้งเกลียด ... ไม่ ผมไม่เคยทำอะไรให้มันเลยสักนิด



“อึก อ่อก” 



ลมหายใจที่เริ่มติดขัด ผมที่พยายามดิ้นหนี แต่แขนทั้งสองข้างก็ถูกลูกน้องของมันล็อคเอาไว้อยู่ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ยิ่งพยายามดิ้นเท่าไหร่ แรงที่ใช้ไปก็ยิ่งทำให้ลมหายใจค่อยๆจะหมดลง



“ปล่อยเพื่อนกูนะไอ้เหี้ย ปล่อย!”   เสียงตะโกนดังไปมาพร้อมๆตัว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคือเสียงใคร รู้สึกแค่ว่ามันสับสนและวุ่นวายไปหมด ความตายใครบอกว่าไม่ทรมารไง ช่วงจะหมดลมมันทรมารจะตาย



“อึฮึ่มๆ”



“เหอะ” 



เสียงกระแอมไอที่มาพร้อมๆกับอากาศหายใจ  มือของไอ้หมิงที่สะบัดออกจากรอบคอของผม มันที่ทำท่าฮึดฮัดในตอนนั้น ผมที่ทำได้แค่ไอออกมาหนักๆ พร้อมๆกับพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดให้มากที่สุด  ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาทีกว่าลมหายใจจะกลับมาปกติได้ แต่รู้แค่ว่าตอนนี้เจ็บที่ลำคอไปหมด เจ็บจนน้ำตาซึมออกมา มองไปรอบๆมองเห็นไอ้หมิงที่มองหน้าข้าวโพดนิ่งๆ ก่อนที่ข้าวโพดจะก้าวถอยหลังไปจับมือกับพี่ดาบไว้ ผมเห็นมันทำหน้านิ่งๆในตอนนั้นทันที



“ไปกันเถอะค่ะพี่ดาบ ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย”



“ไอ้สัดโพด มึง!”  เสียงของไอ้กุ๊กที่ตะโกนด่าไอ้โพดที่เดินไปจับแขนพี่ดาบไว้ในตอนนั้น



“พี่! ช่วยพวกเราด้วย!!” 



ไอ้กุ๊กยังคงตะโกนต่อไปแบบนั้น ผมที่มองหน้าพี่ดาบนิ่งๆแว๊บนึง พี่มันที่มองมาทางเราด้วยสายตาว่างเปล่า ในตอนนั้นที่ไอ้โพดเงยหน้าไปมองพี่ดาบด้วยเช่นกัน



“เรื่องไรวะ กูไม่รู้จักพวกมึง” 



พี่มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วจับแขนไอ้โพดให้เดินออกไปพร้อมๆกันอย่างรีบร้อน ผมแทบจะสบถออกมาในตอนนี้  ต่างจากไอ้กุ๊กที่สบถยาวด่าพ่อไปแล้ว   ... ประตูหลังร้านที่ปิดลงไปพร้อมแผ่นหลังกว้างๆของพี่ดาบที่หายไป หัวใจผมเองก็หายตามเหมือนกัน  หันไปมองไอ้กุ๊กที่ตอนนี้แววตาของมันมีแววตื่นตกใจ  เข้าใจได้ครับ เป็นใครก็น่าจะสติแตกทั้งนั้น นี่ไม่ใช่ละครหลังข่าวที่นางเอกถูกจับตัวบ่อยๆกันแทบทุกเรื่อง  นี่คือชีวิตจริง ...



ชีวิตจริงที่เรามีแค่ชีวิตเดียว



“จับพวกมันมานี่!”



‘พลัก ผลั้ว’



และนั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บแปร๊บจะแล่นมาที่ท้ายทอย และทุกอย่างก็ค่อยๆมืดดับลงไปในวินาทีต่อมา



.

.

.





“มึงมั่นใจใช่ไหมว่าคือมัน”



“ก็แน่นอนสิ”



“แล้วไอ้อีกคน”



“อีกคนไม่เกี่ยว แต่จริงๆกูก็แค่เกลียดมัน ถ้าจะจัดการ ก็จัดการมันด้วยเลย”



เสียงสองเสียงที่ดังเข้ามาในประสาทหูทำให้คิ้วเรียวสวยค่อยๆขมวดเข้าหากันช้าๆ เปลือกตาหลักอึ้งที่ค่อยๆขยับหน่อยๆ กลิ่นพื้นปูนชื้นๆสกปรกๆตีเข้าหน้าอย่างชัดเจน ก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ ได้แต่กระพริบตาปริบๆในตอนนี้ ภาพตรงหน้าคือข้อเท้าของคนสองคนที่ตอนนี้ตัวเขายังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่ากำลังนอนคุดคู้เอาหน้าแนบอยู่ที่พื้นปูนสกปรก และแขนทั้งสองข้างยังคงถูกมัดเอามือไพล่หลังอยู่ในตอนนี้



“หึ ยืมมือกู?”



“ก็เปล่า แต่ถ้ามันรอด มันก็สาวทุกอย่างมาหามึงอยู่ดีนะ คิดดูดีๆ”



“ฉลาดนัก”



เสียงของคนสองคนที่ผมรู้สึกว่าคุ้นมากๆทำเอาต้องขมวดคิ้ว แกล้งหลับตาลงทำเป็นยังคงสลบต่อไป หนึ่งในเสียงของผู้ชายสองคนนี้ คนนึงผมมั่นใจมากๆว่าคือไอ้หมิง ส่วนอีกคน....



“ว่าแต่มึงเอาเรื่องมันมาบอกกูแบบนี้ต้องการอะไร”



“ก็ไม่เห็นจะต้องการอะไรนี่ แค่ทำตามที่พ่อต้องการเฉยๆเอง”



“หึ อยากจะเชื่อ แต่หน้าตาตอแหลเกินกว่าที่จะเชื่อได้ แต่ไม่เป็นไร กูจะแกล้งทำเป็นเชื่อมึงก็ได้ไอ้โพด



ไอ้โพด...ไอ้ข้าวโพดงั้นหรอ!



ผมเบิกตาขึ้นเลยในตอนนั้น แผ่นหลังเล็กๆที่คุ้นเคย เห็นบ่อยๆจนชินตาทำเอาผมขนลุกไปทั้งแผนหลัง ไอ้โพด...ไอ้โพดรู้จักกับไอ้หมิงงั้นหรอ ไอ้หมิงที่เป็นศัตรูของไอ้ทัพนั่นน่ะนะ ... คำถามในหัวของผมตอนนี้ก็คือ



พวกมันไปรู้จักกันตอนไหน?



“เอาเป็นว่าจะจัดการยังไงก็ตามสบายเลยละกันนะ”



“หึ แน่นอน...กูจะทำให้มันเจ็บที่สุดเลยล่ะ” 



หมิงที่พูดออกมาด้วยเสียงเหี้ยมๆ เมลที่ได้แต่นอนแกล้งทำเป็นหลับตานิ่งๆอยู่ตอนนี้รู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว รับรู้ได้เลยว่าตอนนี้มีสายตาคมกำลังทิ่มแทงไปทั่วร่างของเค้าอยู่



.

.

.




‘ผลั้ว ผลัก!ตุบ!’



เสียงหมัดเท้าเข่าศอกที่ประโคมเข้ามาตามร่างกายดังต่อเนื่องมานาน นานจนคนที่โดนกระทำไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันผ่านเวลามานานเท่าไหร่  ดวงตาปูดบวมกำลังพยายามจ้องมองภาพตรงหน้าให้ชัดเท่าที่จะสามารถทำได้ แต่ในตอนนี้ก็ดูเหมือนมันจะยากเต็มที เปลือกตาที่บวมช้ำจนแทบจะปิดทำให้มองแทบจะไม่เห็นอะไร กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งจนชวนอ้วก รู้สึกเจ็บช้ำจนขาล้าแทบจะพยุงตัวไว้ไม่ไหว อยากจะทิ้งตัวลงไปนอนฟุบกับพื้นก็ทำไม่ได้ เพราะแขนเรียวทั้งสองข้างที่ถูกตรึงไว้กับโซ่ห้อยลงมาจากเพดานยึดเอาไว้อยู่แบบนั้น  พยายามปรือตาที่ปูดโปนและบวมช้ำมองไปรอบๆ มองเห็นเพียงแค่ความมืดและแสงสลัวๆที่ลอดผ่านซี่ลูกกรงเหล็กเข้ามาให้พอให้ได้เห็นแสงรำไร



“อ๊ากกกกกกก อั๊ก อ๊ากกกกก”   



เสียงร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังลอดมาเป็นระยะๆจากอีกห้องหนึ่ง ทำเอาต้องกำมือแน่นทุกครั้งที่ได้ยิน รู้สึกผิดกับเพื่อนที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เพราะตัวเอง ...



“หึ เจ็บมากสินะมึง” 



เสียงเข้มที่ดังมาจากมุมห้องชวนให้ขนลุก เพียงแค่ได้ยินก็ทำเอาเมลสะดุ้งเฮือก ใบหน้าปูดบวมช้ำค่อยๆหันคอไปมองอย่างยากลำบาก คนที่ยืนอยู่ในเงามืดค่อยๆก้าวเท้าออกมาช้าๆ



‘ตึก ตึก ตึก’



จังหวะก้าวที่หนักแน่นมั่นคง ยิ่งทำให้หัวใจของคนที่ยืนอยู่สั่นคลอน มีดปลายแหลมวาววับที่สะท้อนกับแสงไฟอ่อนๆถูกถืออยู่ในมือของไอ้หมิง มันที่แสยะยิ้มร้ายๆมองมาที่ผมอีกครั้ง



“กลัวหรอ”



“มะ...มึง...”



“ทำไมตอนนี้มึงกลัวล่ะ กูอยากถามว่าทำไมถึงพึ่งมากลัว....” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยสายตาเย็นๆที่ดูเหมือนจะเหม่อลอยหน่อยๆนั่นยิ่งทำให้ผมหวาดกลัว ไอ้หมิงที่แสยะยิ้มมุมปากแล้วเอียงคอมองมาที่ผมในตอนนี้ทำเอาผมพูดไม่ออก แค่รู้สึกว่ากำลังตัวสั่น



กลัว



เสียงในใจกระซิบบอกว่าผมกำลังกลัว



“ทำไมถึงกลัววะ ทีมึงจะลงมือสั่งฆ่าคนอื่น มึงไม่เห็นจะกลัวเลยล่ะ” 



ดวงตาคมของมันที่จ้องมองผมเขม็ง ตาที่ค่อยๆเบิกกว้างมองผมอย่างมุ่งร้าย แตในแววตาของมันกลับมีความเสียใจเจอปนอยู่ในนั้น มันที่ดูทั้งเสียใจและโกรธเคือง แต่ผมไม่เข้าใจ ผมไม่เคยทำอะไรให้มันเลย เราไม่เคยรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ



มันที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม ยกยิ้มเหมือนคนโรคจิตที่เสียสติ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าผมช้าๆ อยากจะสะบัดหน้าหนีแต่ผมก็ทำไม่ไหว



“หน้าตาแบบนี้ใช่ไหม ที่ทำให้ไอ้ทัพไม่กล้าลงมือ”



“อั๊ก อึก” 



ฝ่ามือหนาที่เลื่อนลงมาจนถึงลำคอ ก่อนที่มันจะกำรอบลำคอของผมแล้วบีบจนสุดแรง ผมได้แต่ดิ้นอึกอักเพราะหายใจไม่ออก แต่ยิ่งดิ้นอีกฝ่ายยิ่งลงน้ำหนักมากขึ้นๆไปอีก นิ้วหัวแม่โป้งของมันที่กดลงมาที่หลอดลมของผมแรงๆแบบไม่ยั้งมือ ผมเจ็บ และลมหายใจเริ่มติดขัด ... หัวใจผมสั่น ดวงตาที่บวมช้ำเบิกกว้างมากขึ้นเหมือนคนที่กำลังจะตาย ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ



“อึก อัก...”



“กูจะฆ่ามึงให้ตาย ให้สมกับที่มึงทำร้ายณราชา



‘ฉึก’



“เฮือก อึก อัก อะ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก” 



เสียงหวีดร้องโหยหวนดังออกมาเมื่ออีกฝ่ายปล่อยมือออกจากลำคอ แล้วเปลี่ยนเป็นยกมีดปลายแหลมขึ้นมา แล้วกรีดลงมาที่ลาดไหล่ขาวแบบไม่ออมแรง มีดปลายแหลมที่วาววับและคมกริบค่อยๆกรีดช้าๆลงมาที่ผิวเนื้อ ช้าๆ กรีดลากยาวเป็นทางลงมาอย่างใจเย็น เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาทันทีตามแรงกรีด



“อ๊ากกกกกกกก”



“หึหึ สะใจเป็นบ้า ฮ่าๆๆๆๆ”   หมิงที่ยืนมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มสะใจ สมควรแล้ว คนแบบคาราเมลสมควรตาย



“อย่าพึ่งตาย มึงจะตายง่ายๆไม่ได้!”



‘ซ่า!’



“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก อย่า...อ๊ากกกก”



“ฮ่าๆๆ สะใจจริงโว้ย”



ผมได้แต่หวีดร้องนับครั้งไม่ถ้วน ความเจ็บปวดตามเนื้อตัวทำให้น้ำตาของผมค่อยๆไหลลงมาอาบแก้ม ร่างกายกระตุกสั่นไหวอย่างน่ากลัวแบบที่ตัวเองควบคุมไม่อยู่ รู้สึกเจ็บแสบไปทั่วทั้งตัวจากน้ำเกลือที่ถูกอุ่นมาอย่างดีที่สาดใส่บาดแผลสดเมื่อกี้ยิ่งทำให้เจ็บปวดมากขึ้นอีกเท่าทวีความรู้สึกที่เหมือนโดนใบมีดเล็กๆค่อยๆเฉือนลงไปตามเนื้อตัวซ้ำๆ เหมือนโดนฉีกกระชากผิวหนัก กรีดซ้ำๆวนไปอยู่แบบนั้น ความรู้สึกทั้งเจ็บทั้งแสบกัดกร่อนไปทั่วตัว



ผมอยากตายไปในตอนนี้ ไม่อยากทรมารแบบนี้อีกแล้ว  ผมกลัว ผมหวาดกลัว ปลายมีดแวววาวที่ผมกำลังมองเห็นไอ้หมิงถืออยู่ในมือ เลือดสีสดของผมที่ไหลลงมาจากปลายมีด ... มันกำลังมา มันกำลังเข้ามาใกล้อีกแล้ว ...ช่วยด้วย....ใครก็ได้



“ฮึก ได้...ได้โปรด...”



“คนแบบมึง ไม่สมควรได้รับการให้อภัย ในเมื่อไอ้เวรทัพหน้าไร้น้ำยานัก กูก็จะจัดการมึงด้วยตัวกูเอง”



“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”



เสียงร้องโหยหวนดังแล้วดังอีกอย่างทรมาร พัดผ่านไปในยามวิกาล ก้องกังวาลอย่างเจ็บปวดและทรมารอย่างน่าสงสารที่สุด



ขอเพียงแค่ใครสักคนที่จะนำร่างผมไปทอดยาวเพื่อพักผ่อน ผมเหนื่อยเต็มทน



ใครก็ได้ช่วยผมออกไปที...



“ท...ทัพ ฮึก”



...





“มันเกิดเรื่องขึ้นได้ยังไง” 




เสียงเข้มของคนที่เอาแต่จ้องออกไปที่นอกหน้าต่างว่าออกมานิ่งๆไม่ต่างจากปกติที่เคยเป็น ถามออกมาเหมือนกับถามเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่คนที่อยู่ภายในห้องประชุมตอนนี้รับรู้ได้ว่า มัจจุราชบนดิน กำลังจะปรากฏตัว



“ผมขอโทษจริงๆครับนาย”



“ถ้าคำขอโทษของมึงใช้ได้ผล มันคงจะมีประโยชน์นะไอ้ธร”



ฝ่ามือแกร่งของทัพหน้ากำเข้าหากันจนแน่นตอนที่พูดจบประโยคนั้น คนร่างสูงที่ค่อยๆหันหน้ากลับมาช้าๆ ดวงตาคมที่หันมองไปรอบๆทำเอาบรรดาลูกน้องต้องรีบก้มหน้าหลบสายตา



ไม่รู้ว่าครั้งสุดท้ายที่รู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ความรู้สึกที่กลัวจนสั่นไปทั้งตัวและหัวใจแบบนี้  ภายใต้บ่ากว้างที่นิ่งเสมอไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร หากแต่ครั้งนี้ตัวเขาเองกลับแทบจะทนไม่ไหว อยากจะเขวี้ยงข้าวของให้แตกกระจายให้สมกับใจที่มันกำลังร้อนรุ่มอย่างทรมาร



แต่เขา ทัพหน้า เตชะณรงกรค์...คนที่นิ่งเงียบ สุขุมและฉลาดอยู่เสมอ จะเป็นแบบนั้นไม่ได้



“ไอ้ดาบ มึงเล่ามาให้หมดว่ามันเป็นพวกไหน หน้าตา ท่าทางยังไง เล่ามา”



“ผมจำได้ดีเฮีย พวกมันคือพวกไอ้หมิง



“ไอ้สัด” 



ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นมาตอนที่ได้รู้ ได้แต่กัดฟันกรอด สบถรอดไรฟันออกมาเบาๆ ดวงตาคมที่มักนิ่งสนิทอยู่เสทอ ตอนนี้กลับเหมือนมีลูกไฟดวงใหญ่กำลังแผดเผาอยู่ในนั้น ใบหน้าหล่อคมค่อยๆหันกลับไปหาลูกน้องคนสนิทอีกครั้ง ก่อนจะสั่งออกมาด้วยเสียงเด็ดขาด



“ไอ้ธรมึงไปหาที่อยู่ที่มันจับไอ้เมลมา กูให้เวลาสิบนาที ถ้าช้ากว่านี้ มึงตาย” 



ดวงตาคมที่จ้องมองลูกน้องนิ่งๆ ไม่มีแววล้อเล่นเจืออยู่ในตอนนี้  คำพูดที่ทำเอาลูกน้องคนอื่นๆถึงกับสะดุ้ง



“ค...ครับนาย”



ลูกน้องคนสนิทที่โค้งตัวลงต่ำแล้วรีบถอยหลังออกไปทันทีในตอนนั้น  ร่างสูงที่ทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาสีแดงเพลิงของตัวเองนิ่งๆอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพูดต่อกับญาติผู้น้องที่กำลังจ้องมาที่ตนอยู่ในตอนนี้ 



“มึง ไปตามไอ้ปืนมา”



“ได้เฮีย”



“อีกครึ่งชั่วโมงพวกมึงต้องเตรียมตัวให้เรียบร้อย รู้ที่อยู่แล้วกูจะบอก”



“ได้ครับ” 



ดาบที่ทำแค่ตอบรับนิ่งๆ แตกต่างจากปกติที่จะชอบร้องวี๊ดว๊ายกรีดกรายไปเรื่อย หากแต่ครั้งนี้ทำแค่ก้มหน้ารับคำก่อนจะลุกเดินหายออกไปคุยโทรศัพท์เพื่อเตรียมตัว ทัพหน้าที่ยกบุหรี่ขึ้นจุด ก่อนจะพ่นควันสีหม่นออกมาช้าๆ



“มึงจะไม่เป็นอะไร มึงต้องไม่เป็นอะไร



“นายครับ”



“ว่าไง”



“ได้เรื่องแล้วครับ”



“หึ ...ดี”  พูดออกมาแค่นั้นก่อนที่ทัพหน้าจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  สายตาคมที่จ้องมองธรนิ่งๆก่อนจะกดยิ้มมุมปากร้าย 



...




หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่19* {26.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 26-01-2019 18:26:07
(ต่อ)



“พี่หมิง พี่ว่าพวกไอ้ทัพหน้ามันจะเอายังไง”



“หึ ก็อาจจะเดินมาขอบคุณกูมั้ง”



หมิงหัวหน้าใหญ่แห่งแก๊ง และถือเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลมืดยุคใหม่ที่กุมอำนาจไว้ในมือไม่น้อย เพราะ ณ ตอนนี้เจ้าตัวเป็นคนดำรงค์ตำแหน่งดูแลคาสิโนแห่งนี้แทนพ่อของตน



หมิงที่นั่งอยู่บนโซฟาที่ห้องโถงกลางของคาสิโนตอบลูกน้องของตัวเองออกไปนิ่งๆ ก่อนจะแสยะยิ้มร้ายๆ ... วันนี้ตัวเขาปิดคาสิโนเพื่อชำระแค้นโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นในวันนี้เลยไม่มีบรรดาลูกค้าที่แวะเวียนมาที่นี่ มีเพียงตัวเจ้าของและลูกน้องอีกเป็นร้อยก็แค่นั้น



“ลูกพี่ไม่กลัวไอ้ทัพหน้าบ้างหรอ พี่ก็รู้นี่ว่ามัน...”



“ทำไมกูต้องกลัวมัน! คนแบบมันมีอะไรดีกว่ากู!!” 



ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นทันทีตอนที่ได้ยินลูกน้องตัวเองพูดออกมาแบบนั้น คนแบบไอ้หมิง มันมีอะไรที่จะแพ้คนแบบไอ้ทัพหน้ากันวะ หน้าตา ฐานะ ความรวย มีอะไรที่เค้าด้อยกว่ามัน อยากจะรู้ว่าตรงไหนที่เค้าต้องแพ้มัน



“ไม่...ไม่มีครับพี่”



“เหอะ คนแบบไอ้ทัพหน้า ไม่เห็นจะมีอะไรดีกว่ากู กูไม่เข้าใจว่าทำไมทุกๆอย่างที่มันควรจะเป็นของกู มันถึงได้ไปตลอด ....”   



หมิงว่าออกมาแบบนั้นพร้อมกับใช้นิ้วสะกิดมวนบุหรี่เบาๆเพื่อสลัดขี้บุหรี่ทิ้งก่อนจะส่งเข้าพร้อมสูดควันไปด้วยอย่างเหม่อลอย สายตาที่ไม่โฟกัสไปที่ตรงไหน ทำเพียงแค่มองออกไป เหมือนกับกำลังนึกย้อนไปในความทรงจำใดความทรงจำหนึ่งในอดีตของตัวเองก็เท่านั้น



“มันมากันแล้วครับลูกพี่!” 



ลูกน้องที่รับหน้าที่คุ้มกันอยู่ที่ด้านหน้าคาสิโนวิ่งพรวดพลาดเปิดประตูเข้ามาหน้าตาตื่น ยังไม่ทันที่จะมีใครได้พูดอะไรออกมา ประตูบานใหญ่จากอีกฝั่งของห้องก็ถูกเปิดกระชากออกพร้อมๆกับเสียงดังสนั่นหวั่นไหวที่ตามมา



‘ปัง โครม!’



ประตูไม้บานใหญ่พังลงมาต่อหน้าต่อตาทั้งบานและล้มโครมลงมาจนลูกน้องของหมิงต้องรีบวิ่งกรูกันเข้ามาดูอย่างตื่นตะหนก  หมิงที่มองไปด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะยกมือสะบัดเป็นเชิงให้ลูกน้องของตัวเองเลิกลนลานได้แล้ว



ผู้มาเยือนใหม่ ก้าวเท้าเข้าธรณีประตูมานิ่งๆ ก่อนจะเดินตรงเข้ามานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับเจ้าของคาสิโนช้าๆแบบไม่สนใจจำนวนคนที่เริ่มกรูกันเข้ามาในห้องมากขึ้น  พวกลูกน้องของหมิงที่คุมอยู่เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น



“สวัสดีไอ้ทัพหน้า สบายดีหรอเพื่อน”



“สวัสดี” 



ทัพหน้าที่ตอบรับแบบสบายๆก่อนจะฉีกยิ้มการค้าส่งไปให้ มองเผินๆแล้วดูไม่มีอะไร แต่ถ้ามองดูดีๆจะรู้ว่า มันคือความสงบของคลื่นใต้น้ำที่กำลังจะก่อตัว ความสงบที่รุนแรงไม่ต่างจากคลื่นใต้น้ำที่รอเวลาโหมกระหน่ำแบบห้ามไม่ได้ ท่าทีนิ่งสงบแบบนั้นของทัพหน้าทำให้หมิงต้องขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดหน่อยๆที่อีกฝ่ายดูไม่ดูร้อนใจใดๆ แต่หมิงก็ยังยิ้มตอบกลับไปด้วยท่าทีที่ไม่ต่างกัน



ในเมื่อมันเลือกจะมีมารยาท ก็คงต้องมีมารยาทกันไป  มาดูกันสิว่า ระหว่างเขากับคุณชายทัพหน้า ... ใครจะอยู่ ใครจะไป!



“จริงๆก็สบายดี แต่เคยสบายดีกว่านี้” 



ทัพหน้าว่าออกมาต่อ ก่อนจะค่อยๆเอนหลังพิงพนักพิงของโซฟาแล้วยกเท้าขึ้นนั่งไขว่ห้างแบบไม่ยีหล่ะกับอะไรเท่าไหร่ สายตาคมมองไปรอบๆ ค่อยๆจ้องมองหน้าลูกน้องของหมิงทีละคนๆอย่างตั้งใจ เหมือนจงใจจะจำหน้าเอาไว้ ก่อนที่สายตาคู่คมจะมาหยุดมองตรงๆ จ้องมองลึกเข้าไปที่ดวงตาคมเหมือนจิ้งจอกของเจ้าของคาสิโนนิ่งๆ



“น่าสงสารจังเลยนะ แล้วมาถึงนี่ มีอะไรอยากให้ช่วยงั้นหรอ หรือว่า....อยากจะมาขอบคุณกันล่ะ” 



หมิงที่ทำหน้าเหมือนเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะถามเหน็บเข้าไปให้ แล้วก็ต้องยกยิ้มสะใจเมื่อเห็นแววตานิ่งๆของทัพหน้าที่มักจะนิ่งอยู่เสมอ ในตอนนี้กับวาววับขึ้นมา



“ทำไมต้องขอบคุณ”



“ก็ไม่รู้สินะ เผื่อว่าคุณทัพหน้าที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่ อาจจะอยากขอบคุณกู ที่ช่วยจัดการคนที่สั่งฆ่าเมียมึงก็ได้ล่ะมั้ง แต่กูอาจจะจัดการเกินเลยไปหน่อย หวังว่ามึงจะไม่ว่ากันนะ”



“ไม่อยู่แล้ว” มือใหญ่ของทัพหน้ายกขึ้นมาโบกปัดแบบไม่คิดอะไร แต่นัยน์ตากลับวาววับขึ้นมาชั่วขณะ



“แต่กูคิดว่า บางทีกูอาจจะต้องทำอะไรสักหน่อยให้ใจกูเย็นลง...” ว่าออกมาแบบนั้นแล้วเหยียดยิ้มหน่อยๆ แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผู้ที่ถูกจ้องมองสะท้านไปทั้งกาย



“เพราะมึงคงไม่รู้ว่า คนที่มึงตั้งใจจัดการแทนกู มันมีแค่กูที่จะจัดการกับมันได้แค่คนเดียว



“หึ จัดการได้คนเดียว หรือมึงเอาได้คนเดียววะ มันเป็นคนสั่งฆ่าณราชาแต่มึงกลับปล่อยมันไว้ คนที่มึงได้ไปมึงเคยทำอะไรเพื่อเค้าบ้างวะ! ถ้าดูแลไม่ได้ มึงจะเอาเค้าไปไว้กับมึงทำไม!”



“มันไม่ใช่เรื่องของมึง ทั้งณราชา ทั้งคาราเมล มันไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องเสือก”



“เหอะ แถไปเถอะมึง เพราะยังไงวันนี้ ไอ้เมลนั่น มันก็จะไม่มีวันได้กลับไปมีลมหายใจกับมึงอีกหรอก ฮ่าๆ”



“มึงทำอะไรมัน”




“ดูเดือดดูร้อนมากๆเลยนะ อาจจะดูเดือดร้อนมากกว่าตอนรู้ว่าณราชารถคว่ำด้วยซ้ำ นี่คงจะเป็นของรักของหวงของมึงสินะ แต่เสียใจ ที่วันนี้มึงจะได้ลิ้มรสของความสูญเสียไม่ต่างจากกูบ้างแล้วไอ้ทัพ”



“ของรักของหวงของมึง ระวังมันจะไม่เหลือ ฮ่าๆ”



“หึ กูก็อยากรู้ ว่าใครมันจะเอาของๆกูไปจากกูได้”



‘หวืดดดด ปัก!’



ร่างสองร่างของใครบางคนลอยละลิ่วเข้ามากระแทกลงบนโต๊ะสนุกข้างๆ กับอีกร่างที่กระแทกเข้ากับโต๊ะจนโต๊ะเก้าอี้ล้มลงไปกองระเนระนาดกับพื้นตามๆกัน  ลูกน้องของหมิงที่ยืนคุมเชิงกันอยู่ในบริเวณนั้นแตกฮือออกทันที ก่อนจะมีร่างของผู้มาใหม่สองสามคนที่ค่อยๆเดินเข้ามาสมทบ



“หึ หมาพวกนี้กากชะมัด”   



ร่างสูงในเสื้อชุดดำกางเกงยีนส์สีดำและมีดวงตาคมเรียวที่เหมือนกับทัพหน้าเด๊ะๆค่อยๆปรายตามองไปรอบๆ ก่อนจะแสยะยิ้มร้ายแล้วว่าออกไปแบบนั้น  คนข้างๆกันที่สูง180เซนติเมตร และมีบ่ากว้างถึง60เซนติเมตรเดินตามเข้ามาสมทบก่อนจะว่าต่อ



“ว้ายยย แพ้นะคะ กระจอกจิ๊บๆมากจ้า อิอิ” 




ในมือหนาก็ควงท่อเหล็กไปด้วย พร้อมๆกับจีบปากจีบคอเยาะเย้ยถากถางออกมา แล้วหัวเราะคิกคักหน่อยๆ ก่อนที่สุดท้ายริมฝีปากหยักจะแสยะยิ้มเป็นการตบท้ายร้ายๆใส่ไปอีกหนึ่งดอก



‘โครม’



“ห้าว เรียบร้อยละเฮีย ไอ้พวกเหี้ยนี่ทำกูเสียเวลากินกล้วยมากๆอ่ะ” 



ร่างสูงในเสื้อแจ๊กเก็ตสีเหลืองที่เดินตามเข้ามาเป็นคนสุดท้ายลากคอเสื้อของใครบางคนติดมือมาด้วย ก่อนจะโยนส่งไปให้มันนอนทับกับไอ้สองคนก่อนหน้าก่อนจะอ้าปากหาวแบบเพลียๆ ว่าออกมาเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะหยิบกล้วยออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วค่อยๆปลอกเปลือกออกในตอนนั้น ทัพหน้าที่หันไปมองหน้าของผู้มาใหม่แล้วยิ้มมุมปาก



“ที่กูสั่งว่าไง”



“ได้ตัวโอโม่แล้วเฮีย อยู่กับเฮียปืน”



“ไอ้รุก ไอ้ดาบ ไอ้รบ พวกมึงทำดีมาก”



ทัพหน้าที่หันไปมองคนมาใหม่ทั้งสามแล้วว่าออกมาแบบนั้น ใบหน้าคมหล่อค่อยๆหันหน้ากลับมามองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม หมิงที่ก่อนหน้านี้ทำหน้าตาหยิ่งทะนง ตอนนี้กลับเริ่มหน้าซีดลง เมื่อเห็นลูกน้องฝีมือดีของตัวเองที่ถูกสั่งให้เฝ้าเมลกับกุ๊กไว้ถูกทำร้ายจนหมดสภาพ แทบถูกลากมาให้ชมตรงหน้าตอนนี้ด้วย



“พวกมึง!”



“หมดเวลาที่มึงจะเอาอะไรมาขู่กูแล้ว”



“มึง!”  หมิงกำหมัดแน่นถลึงตามองมาด้วยความแค้นเคือง ใบหน้าแดงก่ำบิดเบี้ยวด้วยความโมโห



“หึ ตอนนี้คงได้เวลาที่กูจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้กูใจเย็นลงแล้วล่ะนะ”



“คนแบบมึงจะทำอะไรกูได้ ขนาดณราชามึงยังดูแลไม่ได้!”



“กูทำทุกอย่างได้ดีมากกว่ามึงแน่ๆล่ะไอ้กาก”



“ไอ้ทัพหน้ามึง!....โอ๊ยยย!!ตากู!!”   ท่ามกลางความชุลมุล หมิงที่ตั้งใจจะลุกขึ้นถีบหน้าอกทัพหน้า แต่ก็ไม่ทันอีกฝ่าย



“หึ” 



ทัพหน้าที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง ก่อนจะชักมือกลับ หลังจากที่ก่อนหน้านี้พึ่งจะหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะ ฟาดเข้าหน้าคนตรงหน้าเต็มๆแรง  ทัพหน้ายกยิ้มก่อนจะเสยผมขึ้นแล้วเดาะลิ้นออกมาหน่อยๆ



“จัดการรรรร!!”  นักรบที่ตะโกนลั่นในเวลาต่อมาก็ตามมาด้วยเสียงโฮ่เฮของกลุ่มคนที่วิ่งกรูเข้ามาจากทางด้านหลังของทัพหน้า



“ดั๊ยค่าาาา!!” 



ร่างสูงของดาบที่ควงท่อเหล็กในมืออย่างปราดเปรียวตะโกนเสียงสองออกมาอย่างสนุก ยกยิ้มร้ายแล้วตรงเข้าไปตะลุมบอนด้วยทันที



“ส่วนนี่ ของมึง” 



‘พลัก’



“อุก อัก” 



เรียวขายาวของทัพหน้าเตะตรงเข้ามาที่ท้องน้อยของหมิงที่กำลังยืนตกตะลึงกับเหตุการณ์ชุลมุนตรงหน้าเลยทำให้ตั้งรับทัพหน้าไม่ทัน ทัพหน้าที่ไม่รอช้า เตะอัดหน้าเสยปลายคางเข้าอีกที ก่อนจะกระโดดข้ามโต๊ะกระจกเข้าไปคล่อมทับคนที่มึนจากหมัดและเท้าของทัพหน้า หน้าขาแข็งแรงที่กดทับลงไปที่หน้าอกของหมิง ทัพหน้าที่เทน้ำหนักตัวทั้งหมดลงไปบนตัวอีกฝ่าย ตั้งใจกระแทกหัวเข่าเข้าที่ลิ้นปี่จนอีกฝ่ายทั้งจุกและเจ็บไปหมด



“เฮียยยย ไอ้พวกเหี้ยนี่แม่งกรดแขนโอโม่ด้วย อัก! ไอ้สัดตัวประกอบ บังอาจต่อยกูหรอวะ นี่แน่ะ!” 



นักรบที่ตะโกนมาบอกแบบนั้น ก่อนจะหันไปตะลุมบอมกับลูกน้องของไอ้หมิงอีกครั้ง คำบอกเล่าจากนักรบทำเอาดวงตาคมของทัพหน้าวาววับขึ้นมาในทันที ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะค่อยๆเหยียดรอยยิ้มเคลือบยาพิษส่งให้คนใต้ร่างที่กำลังพยายามดิ้นหนี ฝ่ามือหนาที่เอื้อมไปที่ด้านหลังของกระเป๋ากางเกงด้านหลังของตัวเอง ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมา มีดสั้นที่แกะสลักฉลุลวดลายมังกรไว้ที่ตัวด้าม มีความสวยงามและวิจิตประณีตบรรจง ข้างๆตัวด้ามจับ มีคำสลักไว้สั้นๆว่า ‘ทัพหน้า’



“มึงรู้ไหม ของชิ้นนี้มันสำคัญกับกูมากนะ โดยปกติกูจะไม่เอามาใช้กับพวกชั้นต่ำแบบมึง แต่ครั้งนี้กูจะยอม ... เพราะว่าปลายมีดมันคมเป็นพิเศษเลยล่ะ”



หมิงที่ดวงตาเบิกกว้าง สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนบอกว่าต้องหนี  คนตรงหน้าอันตรายกว่าที่คิดไว้



“อ๊ากกกกกกกกกกกก ปล่อยกู อ๊ากกกกไอ้ทัพ อย่า!! เจ็บ อ๊ากกกกกกก”



ปลายมีดคมถูกกดลงที่ใบหน้าของหมิงช้าๆ ดวงตาคมของทัพหน้ามองภาพตรงหน้านิ่งๆโดยไม่สนใจเลือดสีสดที่ค่อยๆไหลกระเซ็นออกมาอย่างหน้ากลัว ร่างสูงกระตุกยิ้มร้ายพร้อมกับแววตานิ่งๆที่มองภาพตรงหน้าแบบไม่สะทกสะท้าน ปลายมีดคมที่กรีดเข้าที่ผิวเนื้อตั้งแต่ใบหน้าลากยาวลงมาที่ลำคอกรีดลากยาวมาจนถึงปลายนิ้ว  ร่างสูงใหญ่ของหมิงที่ร้องโหยหวนเจ็บปวดทรมารจนสลบไปในที่สุด



“จำเอาไว้ กูจะไม่เอามึงไว้ไอ้หมิง”



นัยน์ตาคมเป็นประกายกร้าวขึ้นมา ในจังหวะที่ลุกขึ้นยืนตัวตรง ขาแข็งแกร่งยกขึ้นกระทืบลงไปตรงกระดูกสีข้างของคนที่สลบลงไปแล้วแรงๆเหมือนตั้งใจให้กระดูกแตก เสียงรอบข้างเงียบลงแล้วในที่สุด ลูกน้องของทัพหน้าล้วนยืนอยู่เกลื่อนห้องพร้อมๆกับซากที่มีลมหายใจบ้างไม่มีลมหายใจบ้างเกลื่อนห้องโถงไปหมด ทัพหน้ามองไปรอบอย่างพอใจ รอยยิ้มของปีศาจร้ายผุดขึ้นมาฉายฉัดทั่วใบหน้าหล่อ



มัจจุราชเดินดิน กำลังออกอาละวาดอีกครั้งแล้วในตอนนี้



“เรียกคนมาเคลียร์!”



“ครับนาย!”



...

               

ความรู้สึกเจ็บร้าวทั่วทั่งร่างทำให้ต้องร้องออกมา ดวงตาสวยปรือขึ้นมาในความมืดพร้อมๆกับกับต้องขมวดคิ้วเพราะความเจ็บที่ถาโถมเข้ามาหนักๆในตอนนี้ ทำได้แต่นอนนิ่งๆเพราะขยับตัวไม่ไหว เจ็บปวดจนน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มช้าๆ เจ็บจนต้องหลับตาลงมาอีกครั้ง ก่อนที่ความรู้สึกนิ่มๆหยุ่นๆจะแตะลงที่ข้างแก้ม ทำให้ต้องปรือตาไปมองอีกรอบ ก้อนกลมๆนิ่มๆที่เค้ามองเห็นไม่ชัดว่าคืออะไร ก่อนที่เจ้าก่อนนั่นจะถอยออกไปไกลในระยะสายตาที่มองชัดยิ่งขึ้น ดวงตากลมใสวาววับที่กำลังมองมาที่เค้า



“อะ...ไอ้...”



“เมี้ยวววว” 



ไอ้หลง ....  เจ้าตัวเล็กที่ร้องออกมา เหมือนมันจะดีใจที่เห็นว่าผมตื่นขึ้นมาแล้วในตอนนี้ และเพราะเจ้าตัวเล็กนี่ เลยทำให้เค้ารู้ว่าตอนนี้เค้าอยู่ที่บ้านของทัพหน้า



“เมี้ยววว เมี้ยวววว”



“ไอ้หลง! อย่ามากวนเมล” 



เสียงเข้มที่ดังขึ้นมาใหม่ เป็นเสียงที่เมลจำได้ดีว่ามันคือเสียงของใคร  และในเวลาต่อมา เจ้าของใบหน้าหล่อที่กุมหัวใจของเขาก็เดินมายืนอยู่ข้างเตียง ฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นจับหลังคอไอ้หลงในตอนนั้น ก่อนที่จะเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นผมตื่นแล้ว



“ท...ทัพ”



“มึงตื่นแล้ว” 



มันที่ว่าแบบนั้น แล้วโยนไอ้หลงลงไปจากเตียง พึ่งสังเกตว่าที่ข้อมือของผมก็มีสายระโยงระยางเสียบอยู่ ตอนนี้ห้องของทัพหน้าไม่ต่างจากห้องในโรงพยาบาลสักนิด แววตาคมของคนตรงหน้าที่ทอดมองมาที่ผมดูสั่นไหวแปลกๆแบบที่ผมไม่เคยเห็น



“ทะ....ทัพ”



“ชู่วว ไม่ต้องพูดแล้วเมล” 



ฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นมาลูบเบาๆที่หัวในตอนนั้น  น้ำตาของผมไหลลงมาตอนที่ได้รับสัมผัสอุ่นๆนั่น ทั้งอบอุ่น ทั้งปลอดภัย



“พี่ทัพ...เมล”



“หื้ม เจ็บมากไหมครับ ไม่ร้องนะ พี่อยู่นี่แล้วนะ” 



ใบหน้าหล่อที่เลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนที่จะกดจูบเบาๆลงที่หน้าผากของผม สายตาของผมและอีกฝ่ายที่สบกันตอนที่พี่มันผละออก ผมเจ็บไปทั้งตัว แต่กลับรู้สึกอุ่นวาบไปทั่วทั้งตัว เหมือนกับว่าสัมผัสอบอุ่นของอีกฝ่ายมีฤทธิ์ไม่ต่างจากยาที่ใช้รักษาแผล



“เมล ฮึก เมลเจ็บ”



“พี่ขอโทษนะครับ”



“เมลกลัว ฮึก...มัน ฮึก...”



“พี่ผิดเองนะ พี่ผิดเอง ขอโทษนะครับ พี่ขอโทษที่ตามหาเราช้าไป” 



แววตาคมที่จ้องมาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้ไปตามเส้นผมของผมอย่างปลอบประโลมยิ่งทำให้น้ำตาไหล

 

“มัน ฮึก....”



“พี่ขอโทษ ทุกอย่างพี่ผิดเอง แต่ตอนนี้เมลปลอดภัยแล้วนะ พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเราได้อีกแล้วนะ”



“ฮึก”



“ชู่วว หลับซะนะเด็กดี พักผ่อนนะ พี่สัญญาว่าจะอยู่ข้างๆเมลตรงนี้ไม่ไปไหนเลยนะ”



“สัญญานะ อย่าไปไหน ฮึก นะ”



“ครับ พี่สัญญา” 



ว่าออกมาพร้อมก้มลงพรมจูบที่ศีรษะของคนที่หลับลงไปอีกครั้งอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้  ฝ่ามือหนาที่จับมือที่มีแต่แผลมากุมไว้อย่างแผ่วเบาอย่างถนุถนอมที่สุด แค่เห็นสภาพของคนตัวบางตอนนี้ก็แทบจะรับไม่ไหว



และแน่นอนว่าต่อจากนี้ ทัพหน้าจะไม่มีทางปล่อยคนที่สร้างเรื่องให้ลอยนวลไปได้แน่นอน  ฝ่ามือหนาเอื้อมไปหยิบมือถือขึ้นมาก่อนกดโทรออก



“จัดการให้พร้อม กูจะไม่เอามันไว้...สักคน!”




-------------------TBC-------------------





สวัสดีค่าาาา มาแล้วน้าาสำหรับตอนที่19 ครั้งนี้มาลงรัวเลย100เปอร์เซ็นเต็ม ยาวๆกันมา15หน้านะคะ

ไม่รู้ว่าคนอ่านจะชอบไหมนะคะ แต่แคทหวังว่าทุกคนจะถูกใจไม่มากก็น้อย ... เรื่องเริ่มจะเฉลยเรื่อยๆ

เดาสิคุณเดาสิ มันจะมีอะไรโผล่มาอีกไหมมมม คิๆๆ ล้วตอนที่ผ่านมา คือคนอ่านลงเรือ ดาบกุ๊ก กันหนักมาก

เดี๋ยวววว ทุกคนต้องใจเย็น ไหนต้นๆเรื่องบอกไม่ให้แคทสละเรือบินกุ๊กไงคะ ยังไงกันเนี่ยคนอ่าน อิอิ

แต่สำหรับตอนนี้แคทหวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ... ใครเรือไหน ใครหวีดใครยังไง แถลงมาจ้า :hao7:



ปล.เห็นคอมเม้นท์ให้กำลังใจแบบหนักหน่วงมาก ซึ่งแคทประทับใจและขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ

และยังมีคอมเม้นท์ถามหานิยาย เห็นคนอ่านหลายท่านมาถามหาว่ามาหรือยังๆ คือดีใจมากๆ ขอบคุณมากๆจริงๆนะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนชอบและเอ็นดูนิยายเรื่องนี้เยอะขนาดนี้

ขอบคุณมากจริงๆ มาอยู่ด้วยกันจนจบเลยน้าาาา *0* :mew1: :3123:



ปล2. อาจมีคำที่เขียนผิด ตกหล่น พิมพ์ผิด ต้องขออภัยในความไม่เรียบร้อยด้วยนะคะ


ปล3. สำหรับบางท่านที่งงว่าพี่รุกพี่รบคือใคร พี่รุกพระเอกจากเรื่องOne Night...คืนเดียวก็เสียวได้ ส่วนพี่รบ

ก็คือพี่เหลือง พระเอกจากเรื่องที่แล้ว No Limit...แรงรัก นั่นเองนะคะ ส่วนพี่ดาบ ก็พระเอกเรื่องต่อไป แค่กๆๆ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่19* {26.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 26-01-2019 20:43:31
โหดมากเลยครับ
อยากอ่านตอนต่อไปเร็ว ๆ
เลยครับ
สนุกมาก
เรื่องนี้

 :ling1: :ling1: :m15: :m15: :ling1: :ling1:

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่19* {26.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 26-01-2019 22:08:20
น่านแหละพี่ทัพจัดการให้หมดอย่าให้เหลือ

โดยเฉพาะนังโพดส่วนไอ้หมิวฆ่ามันเลยอย่าให้มันรอด
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่19* {26.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-01-2019 22:26:37
อีนังข้าวโพดตายไปเลย
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่19* {26.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 26-01-2019 23:26:08
หนูเมลลืมเรื่องที่นังพี่ทัพทำร้ายจิตใจไปเฉย แถมยังอ้อนพี่ทัพอีก แต่ก็ดีแล้วล่ะน้าาา เจ็บมาเยอะแล้ว ต่อไปขอให้เจอแต่เรื่องดีๆนะ ห่วงน้อนโพดอีกคน ไม่รู้เป็นไงบ้าง พี่รุกมาอย่างเท่เลย ส่วนนังเหลืองก็...งั้นๆอะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่19* {26.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 28-01-2019 02:48:07
สงสารน้อง น้องต้องเจ็บมากแน่ๆ :ling3:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่19* {26.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 29-01-2019 20:19:08
เห็นเมลเจ็บละแบบโว้ยยยยยยกดโกรธรัวๆตอนนี้บอกเลยพาลหมด พาลแม่งทุกคน แม้กระทั่งไอ้พี่ทัพก็เถอะ ถึงจะช่วยได้ทันก่อนตาย แต่ก็คิดว่าเมลไม่ควรมาเจอเรื่องร้ายแบบนี้ไหม ทั้งๆที่ไม่ใช่คนทำ ไอ้หมิงมึงเข้าใจผิดอะไรไปป่าวว่ะ ไอ้ห่า โดนปั่นมารึเปล่า? ทั้งไอ้หมิงและไอ้พี่ทัพพอกัน เมลไม่โกรธ นี้โกรธเองงงงงงง ฮึ่มมมมม!! ไม่เกี่ยวอะไรกับเมลเลย ความแค้นส่วนตัว+ความโง่ ผลออกมาลงอีกคน มันใช่หรอเมล นี่จะพาลโกรธเมลไปด้วยอีกคนนะ 5555555 เรื่องของพวกมึงทำกูเกือบตายแล้วไหม อะไรๆก็ณราชา ขอให้นางฟื้นทีเถ๊อะอยากรู้จะเอาไง โกรธแทนว้อยยยย 555555 อินนน แต่ก็เอาเถอะ ถ้าเมลมันรักทัพพอจะมองข้ามสิ่งที่ทำมาง่ายๆได้ก็เอา เราจะเข้าใจ ก็นะ เมลเองก็สำคัญกับทัพมากแล้วละ ทัพเองก็คงเจ็บปวดไม่น้อยที่เมลเจ็บแบบนี้ อืมมมมม คิดแบบนี้คลายความหัวร้อนลงหน่อย 5555555 “ครับ พี่สัญญา” พูดแล้วนะ อย่าให้มีอีก ไม่งั้นโกรธระดับ 10 ฮ่าๆ อื้อหื้ออ รุก รบ ดาบ มาอย่างเท่ห์ นึกถึงฉากตะลุมบอนในซีรี่ส์เกาเลย อย่างหล่อ แต่สามคนนี้คือเต็มบาทไหม แต่ละคน ตลก 55555 เออๆไปๆจัดการเรื่องต่างๆ ก็รอดูจะยังไงต่อไป สนุกกกกกกกก บู๊ได้โหด เอาคืนได้สะใจ รอรอรอตอนต่อไปเลยค่า ฮึบๆปั่นๆไฟท์ติ้ง ฮ่ะๆ ขอบคุณที่แต่งและมาอัพนะคะ รอตอนหน้าเลย มันส์มาก
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่19* {26.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 30-01-2019 05:52:09
                รออยู่ นะครับ



 :-[ :-[ :L1: :L1: :-[ :-[.    :m15: :m15: :3123:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่19* {26.01.19}
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 31-01-2019 23:01:28
อ่านแบบยาวๆ หลงรักเฮียทัพและนุงเมล
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่20* {02.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 02-02-2019 21:38:06

บทที่20


แอ๊ด



เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องที่เงียบสงัด ภายในห้องนอน มีร่างหนึ่งที่กำลังทอดตัวนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง ข้างๆมีสายน้ำเกลือที่ถูกเจาะเข้าที่แขนห้อยระโยงระยางอยู่ตรงนั้น เนื้อตัวถูกพันไปด้วยผ้าทำแผล มองเห็นแล้วช่างน่าสงสารนัก



ฝ่ามือหนาที่เอื้อมลงไปแตะที่หน้าผาก อุณหภูมิที่ไม่ได้สูงเหมือนเมื่อวันก่อนทำให้รู้ว่าตอนนี้คนที่นอนอยู่ไม่มีไข้แล้ว เพราะเป็นแบบนั้นเลยหันหลังกลับไปนั่งลงตรงโซฟาข้างๆที่นอนแทน ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นเกมส์



“อื้อ พะ...พี่ เหี้ย...เจ๊”  เสียงตกใจที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังเล่นเกมส์ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง



“อ๊ะอ้าว ฟื้นแล้วหรอคะหนู ฟื้นมาก็ทักคนสวยๆแบบนี้เลยนะคะ แล้วนี่นอนเหมือนซ้อมตายเลยนะคะเราเนี่ย ยังไงๆ โอเคไหมคะ สวยๆได้เหมือนเดิมไหนคะ แต่อาจจะสวยไม่เท่านี่นะคะ เพราะนี่เป็นคนสวยๆ”



“จิ๊”



ยันตัวขึ้นมาจากเตียงพร้อมๆกับจิ๊ปากใจใส่ไอ้คนที่นั่งทำเสียงเล็กเสียงน้อยที่ไม่เข้ากับหนังหน้าอยู่ข้างๆเตียง แถมยังชมตัวเองสวยแล้วสวยอีกอยู่นั่น ถามว่าตอนนี้ช่วยพยุงกูลุกไหม ก็ไม่อ่ะ เจ๊ดานี่มันแค่ละสายตาจากจอมือถือมาถามกูนิดนึงแล้วก้มหน้าไปกดๆจิ้มๆห่าไรอีกไม่รู้



“แป๊บนะหนู อย่าสาระแนลุกขึ้นมาตอนนี้นะคะ กูไม่ช่วยนะคะ ทีมต้องการกูค่ะ”  ทีมเชี่ยไรมึงอีก



“หึ้ย”  น่ารำคาญชะมัด



“เอ๊ะ อิเด็กกุ๊กๆนี่ไม่ฟังกูเลยนะคะ”  เงยหน้ามามองดุๆ สายตาคมที่ตอนนี้ก็เห็นบล็อคตามาซะแน่น ปากแดงเป็นเอกลักษณ์นั่นก็เหมือนกัน ไม่ชอบเลย



“มอง ไร”  ว่าออกไปแบบนั้นแล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งอีก แต่พอยังพยายามขยับยิ่งรู้สึกเจ็บแถวสีข้าง เอ๊ะ...จริงสิ



“ไอ้เมลล่ะ!” 



ถามออกไปแบบนั้นอย่างตกใจ เพื่อนผมไปไหน แล้วตอนนี้ผมมาอยู่ที่ไหน  มองไปรอบๆห้องอย่างตื่นตกใจ อิเจ๊ดานี่ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เลยตอนนี้



“อิดอกกก ตายหมดๆๆค่ะ ทีมกูตายยย โอ๊ย เซ้าซี้เจ๊าะแจ๊ะอ่ะค่ะอิเด็กกุ๊กๆ”



“กูชื่อกุ๊ก กุ๊กเดียวพอ มึงจะหลายกุ๊กทำไมอิเจ๊”



“ตื่นมาก็ปากดี๊ปากดีอ่ะค่ะ กูน่าจะบอกหมอให้เย็บปากมึงนะคะ จิ๊ ทีมตายเลยแม่ง” ดูหงุดหงิดหัวเสียมากพอดู ขมวดคิ้วจนเสียจริตแรดๆนั่นก่อนจะโยนมือถือไปไว้ที่โซฟาข้างๆตัวแบบรำคาญใจ



‘พลึบ’



“เห้ยๆทำไรวะพี่มึง”



“โอ๊ย โวยวายเหมือนจะโดนเยอ่ะค่ะ กะอิเคช่วยพยุงขึ้นนั่ง กูไม่มาก็เห้นนะคะว่ามองแรงสาปแช่งคนสวยๆแบบกูอยู่เนี่ย หวงเนื้อหวงตัวจังอิขี้ก้าง”



“ไอ้สัดพี่เจ๊!”



“เลือกไม่ถูกเลยว่าอยากจะเรียกกูว่าอะไรนะคะ” 



หรี่ตามองผมพร้อมๆกับจีบปากจีบคอว่าไปด้วย แต่วงแขนแกร่งก็ยังคงโอบอยู่ที่แผ่นหลัง เพราะแบบนั้นเลยทำให้ใบหน้าหล่อๆของอิเจ๊ดานี่ยังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากใบหน้าของผมมากนัก พอได้มองใกล้ๆแบบนี้ ถ้าพูดตรงนี้ก็ต้องบอกเลยว่า ถ้าลบพวกเครื่องสำอางค์และปากแดงๆเหมือนแดกเลือดนี่ออกไป พี่มันก็คือผู้ชายที่โคตรหล่อคนนึงเลยล่ะ ทั้งหน้าที่โคตรหล่อ หุ่นที่โคตรดี มีกล้ามแขนแต่ไม่ใหญ่เป็นกล้ามปู กล้ามหน้าอกกับไหล่กว้างๆนี่อีก เป็นหุ่นที่ผู้ชายทั้งหลายอิจฉาเลยล่ะ ยกเว้นก็แต่ความแรดของมันนี่ล่ะ พอคิดมาถึงตรงนี้ก็เลยเลื่อนสายตาขึ้นไปจ้องตาพี่มัน และเหมือนอีกฝ่ายก็มองผมอยู่ก่อนแล้ว  อิเจ๊ที่ยกยิ้มมุมปากก่อนจะใช้สายตามองไปทั่วทั้งหน้าจนผมร้อนหน้า



“อ๊ะแน่ะๆ มองหน้าแบบนี้ หลงความสวยของกูสินะคะ อิ๊อิ๊”



“อิพ่องเจ๊!”  ดูแม่ง



“ทำไมหน้าตาก็ดีถึงปากร้ายแบบนี้ล่ะคะ หื้มม”



“โว้ย ปล่อยผมได้แล้ว ปล่อยๆ”



“ดีดดิ้นๆ แหม่ อยากจะให้มาดิ้นบนตัว”



“อะไรนะพี่มึง!”   เบิกตากว้างๆแล้วแหกปากใส่หน้าที่ยิ้มมุมิเหมือนหมาน้อยไม่รู้เรื่องรู้ราวมาให้  ไอ้สัดพี่นี่!



“เปล๊า หูแว่วหูผีจ้าน้องกุ๊กๆกู๋”  กุ๊กกู๋พ่อมึง



“อ๊ะๆ...พอๆเลิกด่าคนสวยแบบกูจ๊ะ ตื่นมาแล้วก็ดีจ๊ะ...ว่าแต่ มึงไม่เจ็บที่อื่นมากกว่าที่พันแผลไว้ใช่ไหม” 



มันที่ทำเสียงตอแหลจนน่าตบในประโยคแรก ก่อนจะผละตัวออกจากผมแล้วทำสีหน้าจริงๆจังตอนถามเรื่องแผล  ผมที่ก้มมองตัวเองแบบสำรวจ ก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบไปให้



“จริงๆผมแค่โดนซ้อมซ้ำๆ”



“สัดหมา กูหน้าจะกระทืบแม่งให้ลิ้นปี่กระเด็นออกจากปาก” 



เสียงเหี้ยมพร้อมสายตาจริงจังว่าออกมาจนผมเผลอสะดุ้งเงยหน้ามองพี่มัน พี่มันที่กำมือแน่น ก่อนจะสะดุ้งที่เห็นผมมองมันอยู่



“อุ๊ยตาย เผลอแสดงด้านก้าวร้าวออกไป แย่จัง อิอิ”  กูเกลียดตรงอิอิของพี่มึงนี่แหล่ะ



“สัด กรอกตาใส่เหมือนกูตาบอด มองไม่เห็นเลยค่ะอิเด็กกุ๊กๆกู๋”



“เลิกปัญญาอ่อนสักทีอิเจ๊ดานี่ ไอ้เมลล่ะอยู่ไหน มันเป็นอะไรหรือเปล่า”



“นี่คือคำพูดหลังตื่นนอนที่พูดต่อผู้มีพระคุณแบบกูหรอคะ ชิชะเชอะ ไม่น่าช่วยมึงออกมาให้แขนบอบบางของกูต้องอ่อนล้าเลยจริงเชียว”



“เอ๊ะ?...นี่พี่เป็นคนช่วยผมออกมางั้นหรอ”   ตกใจนิดหน่อย แต่จริงๆก็ลืมคิดไปเลยว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง



“หึ ก็ใช่น่ะสิคะ ทำคุณบูชาโทษโปรดไก่ไม่ได้อะไรจริงๆ” 



คนตรงหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมกับกอดอกเชิดหน้าใส่กันแบบหงุดหงิด  พอเห็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาเลย ได้แต่เม้มปากนิดๆตอนที่โดนมันทวงบุญคุณ แต่จะว่าไป สิ่งที่ผมพึ่งเจอมา แค่หลับตานึกถึงก็รู้สึกขวัญเสียแล้ว  เอาจริงๆถ้าไม่ได้พี่มันไปช่วยไว้ ตอนนี้ก็ไม่อยากคิดสภาพตัวเองเลยล่ะ



“อ่า...ขอโทษทีที่ผมพูดไม่ดีกับพี่ แล้วก็....ขอบคุณมากนะครับ”



“หื้มมม พูดดีๆก็เป็นเหมือนกันนี่คะหนู” 



ฝ่ามือหนาที่เชยปลายคางของผมให้เงยขึ้นไปสบตาคนที่ก้มหน้าลงมามองกัน  ดวงตาคมที่เป็นกระกายวาววับจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆหลังจากพูดจบ ริมฝีปากของคนตรงหน้าที่กดยิ้มมุมปาก ไม่ได้มองว่ามันดูร้ายกาจ แต่รู้เลยว่าคนตรงหน้ามันเจ้าเล่ห์ไม่ใช่เล่น



“ถ้าอยากขอบคุณกัน เปลี่ยนเป็นจุ๊บๆสักทีจะได้อ๊ะเป่า”  ออกเสียงแอ๊บแบ๊ววิบัติมากๆพร้อมทำปากจู๋แล้วกระพริบตาปริบๆ  ไอ้เชี่ยพี่แม่ง!



“โว้ยยย ไปไกลๆเลยไอ้ตุ๊ดปลอม!” ตะโกนด่าแม่งแบบนั้นแล้วสะบัดหน้าหนีออกมาจากมือหนาๆใหญ่ๆของไอ้พี่มันทันที



“อั๊ย อยากกรี๊ดๆค่ะ ตุ๊ดปลอมเชี่ยไร ตบปากนะคะ กูตุ๊ดก็คือตุ๊ด เป็นตุ๊ดสวยๆค่ะอิเด็กนี่ หึ้ย”



“ไม่ต้องมาพูดเลยนะ มึงถอยๆเลยไอ้พี่”



“อิ้ววว ยังกับว่าอยากอยู่ใกล้ตายล่ะค่ะ ขมคอ”



“เออ ไปขมไกลๆเลยนะ อย่ามาทำหน้าทำตาเหมือนหิวใส่กูอีกนะโว้ย”



“หวงเนื้อหวงตัว หึ”



“หึอะไร มึงหึอะไร๊!!”



“เปล๊า”   



เสียงมึงสูงมาก ไม่สูงแค่เสียงนะ หน้าตาก็ยังทำท่ายักคิ้วหลิ่วตาใส่ไปด้วย ถ้าไม่ติดว่าเจ็บร้าวไปทั้งตัว ตีนไอ้กุ๊กคนนี้ต้องกระตุกไปฟาดปากพี่มันแน่ๆ ไอ้บ้าเอ๊ย



“พอ เลิกด่ากูในใจได้แล้วจ๊ะหนู นอนพักเถอะ หายดีแล้วจะได้มีแรงไปจัดการเรื่องอื่นๆ” 



สัญญาณสงบสุขดังออกมาจากคนตรงหน้า  พี่ดาบที่ยิ้มมาให้น้อยๆ ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะดึงผ้าห่มที่เลื่อนตกลงไปที่ปลายเท้าขึ้นมาคลุมตัวให้ผม



“แล้วไอ้เมล...”



“น้องคาราเมลหวานๆปลอดภัยดี หนูไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”



“จริงนะเจ๊”



“จริงสิคะ”



“อื้ม...”   ตอบรับพี่มันไปน้อยๆ แค่ได้ยินว่าไอ้เมลไม่เป็นอะไรผมก็ดีใจ  แต่ยังไม่ได้เห็นกับตาตัวเองก็ยังไม่อยากมั่นใจอะไรเท่าไหร่  ผมยังจำเสียงกรีดร้องของมันได้ดีอยู่เลย



‘หมับ’



“อ๊ะ...”



“อย่าคิดมากเลยค่ะหนู น้องเมลไม่เป็นอะไร เราเองก็สภาพไม่ได้ดีนัก พักผ่อนเถอะ ตอนนี้เราปลอดภัยแล้ว” 



ช้อนตามองคนที่วางมือลงมาลูบหัวให้ผมเบาๆ  อยากจะฝืนดื้อต่อ แต่พอสัมผัสอุ่นๆที่ได้รับมาในตอนนี้ ก็ทำได้แค่ทิ้งตัวลงนอนแต่โดยดี  มองคนร่างหนาที่ผละตัวออกจากผมไป แล้วเดินออกไปจากห้อง



“พี่ดาบ...”



“หื้ม?...”



“ขอบคุณนะครับ”



บอกออกไปเบาๆ พร้อมๆกับที่ใบหน้าหล่อๆที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางค์หันกลับมายิ้มอ่อนๆให้ผมพร้อมพยักหน้ารับรู้ และนั่นคือสิ่งสุดท้ายก่อนที่เปลือกตาของผมจะปิดลงอีกครั้งนึง



...



“กูจะไม่ทนแล้วนะโว้ย”



“กูว่ามึงใจเย็นๆก่อนไอ้บิน มึงจะไปแจ้งความให้เป็นเรื่องใหญ่ให้พ่อไอ้เมลมาแหกอกมึงหรือไงวะ”



“แต่มันหายไป มึงเข้าใจไหม ไอ้เมลกับไอ้กุ๊กมันหายไปเป็นอาทิตย์แล้ว!” 



ตะคอกใส่หน้าไอ้เพื่อนที่ดูไม่สนใจอะไรเท่าไหร่ ทั้งๆที่เพื่อนในกลุ่มหายไปจะเป็นอาทิตย์  รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างบอกไม่ถูก ร้อนใจไปหมดแล้วในตอนนี้



“ไม่ใช่กูไม่ห่วง แต่กูรู้ดีว่าบ้านไอ้เมลไม่ปล่อยให้ลูกเค้าตายหรอก อีกอย่าง...มันยังมีอาจารย์ทัพหน้า”



“อาจารย์ห่านั่นทำเชี่ยอะไรได้บ้าง ทำได้อย่างเดียวคือทำให้มันเจ็บน่ะสิไม่ว่า!”



“แต่ถึงไอ้เมลมันจะเจ็บ แต่มันก็เต็มใจที่มันจะเจ็บจากมือของคนที่มันรัก มึงเข้าใจไหมว่าไอ้เมลมันรักอาจารย์ทัพหน้า”

ไอ้อู๋ที่จ้องหน้าผมแล้วพูดออกมาแบบนั้น มันไม่ได้ตะคอกเสียงดังใส่หน้า แต่มันแค่กดเสียงอย่างหนักแน่นและชัดเจนที่สุดเพื่อบอกผม  สายตาของมันที่มองหน้าผมนิ่งๆแบบนั้นทำให้ผมยิ่งละอาย



“กูมั่นใจว่าอาจารย์จะไม่ปล่อยให้มันได้รับอันตราย”



“แต่ถ้ามันได้รับอันตรายล่ะ”



“เค้าก็คงไม่ปล่อยคนที่ทำมันไว้หรอก จริงๆคนที่มึงควรจะห่วง ถ้ามึงยังคิดว่านั่นเป็นเพื่อนรักมึง จริงๆมึงน่าจะถามหาไอ้กุ๊กมากกว่ารึเปล่า” 



ผมเสหน้าหนีในตอนนั้น หัวใจเต้นตึกตักตอนที่ได้ยินชื่อนี้ออกจากปากของมัน จริงๆก็เพราะว่าเป็นห่วงไอ้นี่นั่นแหล่ะ ถึงต้องโวยวายถามหาไอ้เมลอยู่แบบนี้



“จริงๆกูมาคิดๆดู กูว่า...พวกเราแม่งไม่ฟังไอ้กุ๊กมันเลยนะ” 



ไอ้อู๋ที่พูดออกมาเบาๆ มันที่เอนตัวเอาหลังพิงกำแพงแล้วหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ มันที่เงยหน้ามองฟ้าแล้วพ่นควันออกมาในตอนนั้น



“ทำไมต้องฟังวะ”



“แล้วทำไมมึงถึงไม่ฟังมัน”



“ก็หลักฐานมันชัด ถ้าไม่ใช่ มันจะไปอยู่ที่นั่นตอนนั้นได้ไง...กูที่เป็นเพื่อนมันมาตั้งนาน ยังไม่รู้เลยว่านั่นบ้านมัน มันปิดบังกูอย่างตั้งใจ ทุกอย่างมันชัดขนาดนั้น”



“หลักฐานมันชัด หรือคำพูดที่บอกว่ามันชอบอาจารย์ทัพมันทำให้มึงจุกจนเลือกเชื่อกันแน่วะ”



“มึงหมายความว่าอะไร”  หันไปมองหน้าด้านข้างของมัน ไอ้อู๋ที่หยิบบุหรี่เข้าปาก ก่อนจะพ่นควันออกมาช้าๆ มันที่ยกยิ้มมุมปาก แต่สายตาก็ยังคงมองท้องฟ้าอยู่แบบนั้น  หล่อมากมั้งไอ้สัด



“มึงไม่ต้องมาถามกูหรอก ถามใจมึงก็พอ”



“พูดเหี้ยไรไม่เคยรู้เรื่อง” 



บ่นมันออกมาเบาๆ แล้วหันหน้าหนี  .... ทำไมกูต้องถามตัวเองด้วยวะ กูจะไปรู้สึกอะไรที่รู้ว่าไอ้กุ๊กชอบอาจารย์ทัพหน้า  กำมือจนแน่นตอนที่คิดออกมาแบบนั้น



“ไม่รู้เรื่องต่อไปให้ได้ตลอดล่ะ มึงไม่เห็นไอ้เบนหรอวะ ตั้งแต่ไอ้กุ๊กออกจากกลุ่มพวกเราไปมันก็สนิทกับไอ้เบนที่สุด”



“เหอะ ไอ้แป๊ะเตี้ย”



“ปากดี ใครมันจะเป็นไอ้ตี๋โย่งแบบมึงไอ้สัด”



“มึงเข้าข้างมันหรอวะ!” รู้สึกหงุดหงิดแบบบอกไม่ถูก ตวัดสายตาไปมองแรงใส่ไอ้อู๋ที่ดูจะอารมณ์ดีซะเหลือเกิน



“หึ กูพูดแค่นี้มึงก็ขึ้นแล้ว แล้วถ้าเป็นไอ้กุ๊กพูดล่ะมึงจะต้องขึ้นขนาดไหน”



“สัด”



“ใจเย็นๆไว้พ่อหนุ่ม มึงอย่ามารู้ตัวตอนที่สายล่ะ ถ้าแก้อะไรได้ก็รีบแก้ซะ”



“มาบอกแต่กู แล้วมึงเหอะ ตอนนั้นมึงก็เชื่อว่าไอ้กุ๊กทำเหมือนกัน แล้วถ้าตอนนี้มึงบอกว่าไอ้กุ๊กไม่ได้ทำ มึงจะบอกว่าโพดโกหกหรือไง”   



หันหน้ากลับไปมองมัน  ไอ้อู๋ที่เสหน้าไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง มันที่ถอนหายใจออกมาหนักๆในตอนนั้น



“บางที...กูก็น่าจะเชื่อคำไอ้อ้วนให้เร็วกว่านี้ กูเองจะได้ไม่ต้องเสียใจ และที่สำคัญ...จะได้ไม่เสียเพื่อนดีๆแบบไอ้กุ๊กไปด้วย”



“ไอ้อ้วน?”



“ไม่เสือกนะหนูบินนี่”



“สัดอู๋ กูจะเหยียบหน้ามึง!”



“ก๊ากกกกกก”   



กวนตีนกูจริง ไม่พอยังหันมายิ้มขำก๊ากใหญ่แถมพ่นน้ำลายใส่หน้ากูอีก มึงต้องโดนตีนกูแล้วไอ้เหี้ยอู๋  วิ่งไล่เตะเพื่อนตัวเองออกมาจากหลังตึก ที่ๆเป็นจุดนัดรวมพลคนชอบสูบบุหรี่จะมาสูบได้ ไอ้อู๋ที่วิ่งนำไปเพราะหนีลูกเตะจากผม แหกปากร้องโวยวายไปตามทาง โคตรหน้าอาย แต่เพราะว่ามันที่ไม่ทันระวัง มัวแต่หันมามองผม เลยชนเข้ากับคนเต็มๆ



‘พลัก’



“โอ๊ยยย”



“เห้ย! อะ...อ้าว โพด”



“อู๋ โพดเจ็บนะ”   



พวกเราต่างมองไปยังร่างเล็กที่ตอนนี้กองอยู่ที่พื้นไปแล้ว ไอ้อู๋ที่มองนิ่งๆ แว๊บนึงผมเห็นมันกรอกตา แต่ไม่น่าจะใช่ ในเมื่อมันก็ก้มตัวลงไปดึงโพดให้ลุกขึ้นมายืนดีๆ



“โทษที”



“อู๋กับบินไปไหนกันมาอ่า เราตามหาตั้งนาน”



“ตามหาทำไม”



“เอ้า ก็จะได้กลับบ้านด้วยกันไง”   



พูดที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะยื่นมือไปเกาะแขนไอ้อู๋เอาไว้ ซึ่งภาพแบบนี้ที่เห็นก็โคตรจะเป็นเรื่องปกติมากๆ แทบจะรู้กันทั้งคณะอยู่แล้วมั้งว่าไอ้อู๋แม่งตามจีบโพด ก็เล่นออกนอกหน้านอกตาขนาดนั้น แต่ในวันนี้ ตอนนี้ เหมือนจะมีบางอย่างที่แปลกออกไป ไอ้อู๋ที่ยืนนิ่งๆไม่กระดี๊ดระด้าเหมือนปกติเวลาที่โพดเข้ามาเกาะแกะ



“เอ้า ลุง หวัดดี โอ้วววว อยู่กันครบเลยเนอะ อิตัวดีทั้งหลาย” 



เสียงใสๆที่เรียกให้พวกผมหันไปมอง และเจอเข้ากับเด็กหน้าเป็นคนนึงที่เดินเข้ามา .... เอ่อ...มันคือใครวะ?



“เอ้า ไอ้อ้วน”



“ปากหมานะลุง! ถ้าไม่ติดว่าหิวจะเขวี้ยงขนมครกนี่ใส่หน้าเดี๋ยวนี้!” 



เด็กตรงหน้าอ้าปากเถียงกับไอ้อู๋แบบจริงจัง ผมกับข้าวโพดได้แต่มองมันเถียงกันแบบงงๆ แต่จริงๆก็ดูเป็นความเถียงในแบบที่ไอ้อู๋ดูจะชอบใจ มุมปากของมันที่ยกยิ้มออกมาตอนว่าเด็กนั่นว่าอ้วน เอาจริงๆผมว่ามันก็ไม่ได้อ้วนนะ น่าจะอวบๆมีแก้มแบบน่ารักนุ่มนิ่ม ที่สำคัญผิวขาวอมชมพูของมันก็ทำให้มันยิ่งดูนุ่มนิ่มเข้าไปอีก



“หึ มึงมาก็ดีเลย ปะ กลับกัน”



“ห๊ะ?” 



ไอ้อู๋ที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับไอ้เด็กนั่นที่เอียงคอมองมันงงๆ ตากลมใสเบิกกว้างขึ้นมาตอนที่ไอ้อู๋แกะแขนไอ้โพดออกจากแขนตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปเอามือคล้องคอไอ้เด็กที่มือข้างนึงล้วงเข้าไปในถุงขนมครกอยู่



“โทษทีนะโพด พอดีวันนี้เรานัดน้องไว้อ่ะ คงไปส่งโพดไม่ได้หรอก”



“ห๊ะ อู๋ไม่ไปส่งโพดหรอ”



“เออ โทษทีนะ” 



มันที่ว่าออกมาง่ายๆพร้อมยักคิ้วใส่ เอาจริงๆโคตรกวนตีน  ผมหันไปมองโพดที่ชักสีหน้าออกมาทันที จริงๆเหมือนเป็นครั้งแรกที่เห็นโพดมันแสดงท่าทีไม่พอใจแบบนี้



“ไปกันเหอะไอ้แจ เดี๋ยวกูเลี้ยงบอนชอน”



“เชี่ย จริงจังไม่จ้อจี้กูนะลุง”



“สัญญา”



“ชิพหาย น่ารักเด้ออ ไปกันจ้า”



“หึ ไวเชียวนะ”



“จะไปไหมไอ้สัด”



“ครับๆ....ไอ้บินกูกลับก่อนนะ ส่วนมึงน่ะ ก็คิดให้ดีๆ กูว่าถ้ามองดีๆจะชัดมากเลยว่ะ”  มันที่กอดคอไอ้เด็กนั่นแล้วเสหน้ามามองผม มันที่กระตุกยิ้มมุมปากหน่อยๆตอนที่ว่าแบบนั้น สายตาของมันมองข้าวโพดนิ่งๆ นิ่งจนผมที่เป็นเพื่อนมันมาสี่ปีรู้ดีว่ามันกำลังหมายถึงอะไร



“อืม มึงกลับดีล่ะ”



“ดีแน่ บาย” 



บอกแบบนั้น ก่อนจะดึงไอ้เด็กที่มันกอดคอไว้ให้เดินตามแรงลากของมันออกไป ไม่คิดแม้แต่จะบอกลาโพด ... ผมรู้ดีว่าจริงๆไอ้อู๋มันก็ร้ายนะครับ จริงๆมันก็เป็นคนหล่อคนนึงเลย และที่สำคัญมันไม่มีแฟน ทั้งหญิงทั้งชายมีเข้ามาให้มันไม่เคยขาด แต่ตั้งแต่ที่เห็นเหมือนมันเริ่มจะจีบโพด ผมก็เห็นมันทุ่มเต็มที่ แต่ถ้าดูจากรูปการณ์ตอนนี้ ถ้าบอกว่ามันได้ฟันโพดแล้ว ภาษาชาวบ้านจะเรียกว่าฟันแล้วทิ้ง แต่ถ้ายัง ก็คงบอกแค่ว่า กูเทแล้ว



“หึ้ย”



“หื้ม?...โพดพูดว่าไรนะ”  ได้ยินไม่ชัดเลยหันไปถามคนที่ยืนทำหน้าหงุดหงิดอยู่ข้าง อีกฝ่ายที่ค่อยๆปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วก็ส่ายหน้า ก่อนจะค่อยๆช้อนตามองหน้าผม



“บิน”



“หื้ม”



“บินช่วยไปส่งโพดหน่อยได้ไหมอ่ะ...อยู่ๆอู๋ก็เทกันแบบนี้ เราไม่ได้บอกที่บ้านไว้อ่ะ”



“อ่า....ก็ได้สิ”



“เย้ น่ารักจัง ขอบใจนะ” 



เมื่อตอบรับ อีกฝ่ายก็ยิ้มกว้างออกมาพร้อมๆกับชูมือขึ้นสองแขนตะโกนดีใจ อืม....ก็น่ารักดี เป็นภาพชินตาที่เวลาใครมองมาที่โพดมันก็คงจะเห็นแว่นตาหนาๆพร้อมกับท่าทางซื่อๆแบบนี้นั่นแหล่ะ



.

.

.




“บินสนิทกับอู๋มานานแล้วหรอ”   เสียงใสๆที่ดังมาจากคนข้างตัว ทำให้ต้องละสายตาไปมองแว๊บนึงก่อนจะหันหน้ามามองถนนเหมือนเก่า



“ก็รู้จักกับมันมาตั้งแต่ปี1แล้ว ก็สนิทกัน”



“อื้มม เราว่า...เหมือนอู๋จะชอบเราเลย”  ผมเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆตอนได้ยินแบบนั้น ก็คือพึ่งรู้หรอวะ คนเค้าน่าจะรู้กันทั้งคณะแล้วมั้ง



“อ่อ ก็นะ”



“แต่เรา...เราคิดกับอู๋แค่เพื่อนนะ”  ห๊ะ! คิดแค่เพื่อน แต่เล่นให้มันไปรับไปส่งไปนู่นไปนี่ไปนั่นตลอดอะนะ อยากจะพูดออกมาแบบนั้น แต่ก็ทำได้แค่นิ่ง



“อ่อหรอ ...”



“แต่เราไม่รู้จะบอกอู๋ยังไงให้เข้าใจดีน่ะสิ เฮ้อ อึดอัดจัง...ถ้าเรากล้าแบบกุ๊กที่กล้าทำตามใจตัวเองก็คงจะดีสิ” 



ชื่อของบุคคลที่สามที่ถูกเอ่ยออกมาจ3ากปากของคนข้างๆ จากที่ตั้งใจว่าจะไม่สนใจ แต่เพราะแบบนี้มันเลยอดไม่ได้ที่จะต้องถามต่อ



“ทำไม ไอ้กุ๊กมันทำไม”



“ก็แบบที่ว่า อยากทำอะไรก็ทำ ชอบใครก็กล้าบอกไง”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วเอียงหน้ามายิ้มหวานให้ผม



“หรอ”



“อื้มม แบบชอบอาจารย์ทัพหน้างี้ ก็กล้าทำตามใจตัวเองให้ได้มา....แบบที่ทำกับเมล”



“ไอ้กุ๊กมันทำหรอ?”



“ก็ใช่น่ะสิ บินก็เห็นนี่วันนั้นน่ะ วันที่ทุกคนรู้เรื่องว่ากุ๊กสั่งคนมาทำร้ายเมลน่ะ ก็วันนั้นน่ะกุ๊กเข้ามาวางแผนใหม่กับคุณพ่อไง”



“อืม จำได้ มันวางแผนไว้ว่าไงนะ”



“ก็สั่งพวกไอ้กล้าไปดักทำร้ายเมลมันไงล่ะ ตั้งใจจะไปจัดการเมลแต่พี่ทัพน่ะก็ช่วยมันไว้จนได้ เหอะ....อ่า กุ๊กมันคงหงุดหงิดน่าดูเลยนะตอนนั้นน่ะ”



“หรอ มันเป็นแบบนั้นเลยหรอ”



“จริงๆนะบิน กุ๊กน่ะ...”  โพดมันบอกออกมาแบบนั้นตอนที่ผมตบไฟเลี้ยวรถ ก่อนจะค่อยๆชะลอจอดตรงหน้ารั้วบ้านหลังใหญ่ บ้านพ่อไอ้กุ๊ก  ....



“เราไม่รู้ว่ากุ๊กอยู่กับพวกบินเป็นยังไง แต่อยู่กับเรา กุ๊กร้ายมากจริงๆ” 



เสียงเล็กที่ว่าออกมาอีก พร้อมๆกับฝ่ามือบางที่วางลงบนต้นขาของผม สะดุ้งนิดหน่อยแต่ก็หันหน้าไปมองคนข้างๆตัวนิ่งๆ ใบหน้าใสๆน่ารักภายใต้กรอบแว่นตาหนาของมันที่จ้องมองผม



“บินเชื่อโพดไหม โพดไม่ได้โกหกจริงๆนะ” 



ผมใช้สายตามองไปทั่วทั้งหน้าของอีกฝ่ายนิ่งๆ คนตรงหน้าที่เม้มริมฝีปากนิดๆเหมือนเขินอาย สุดท้ายก็ตัดสินใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ อีกฝ่ายที่เอนตัวไปพิงกับเบาะรถก่อนจะช้อนตามามองหน้าผม ยกยิ้มนิดๆตอนที่เลื่อนมือเข้าไปวางไว้ข้างๆตัว อีกฝ่ายที่ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรมองจ้องตาผมอยู่ตอนนี้  เอียงหน้าเข้าไปใกล้จนลมหายใจประทะใบหน้าเล็ก



‘แกร๊ก’



“ถึงบ้านพอดีเลย อย่าเสียเวลานั่งอยู่เลย ลงเถอะ”



“เอ๊...” 



ผมที่ผละตัวออกมาตอนที่ปลดสายคาดเบลท์ออกให้ พร้อมๆกับเอื้อมมือไปเปิดประตูรถให้ด้วย คนที่เอนตัวลงแนบกับเบาะเบิกตามองหน้าผมแบบคาดไม่ถึง



“อ่ะ อืม”



‘ปัง’



ข้าวโพดที่พูดแค่นั้น ก่อนจะเดินลงจากรถแล้วปิดประตูซะเสียงดัง



“สัด! รถกูแพงนะแม่ง”  บ่นมันออกไปแบบนั้น แต่แน่ล่ะมันไม่ได้ยินหรอก



“เป็นคนแบบนี้เองหรอวะ เหอะ...สัดอู๋ มึงหลุดพ้นแล้วล่ะ”   



เหลือจะเชื่อ ไม่คิดไม่ฝันว่าโพดมันจะทำแบบนี้ คือไรวะ แค่ลูบต้นขาก็รู้แล้วว่าไม่ใส ... แต่ทำไม ทำไมถึงต้องว่าไอ้กุ๊กแบบนั้นด้วยวะ



ขับรถออกไปให้พ้นจากหน้ารั้วบ้านหลังใหญ่ ขับตรงไปแล้วถอยหลังกลับรถตรงซอยข้างๆบ้านพ่อไอ้กุ๊ก ตั้งใจว่าจะขับกลับเลย แต่สายตามันดันสะดุดตากับรถคันหนึ่งที่เห็นบ่อยๆในช่วงนี้จากทางกระจกมองหลัง เผลอเหยียบเบรคในตอนนี้ มองเห็นผู้ชายร่างสูงคนนึงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่นอกรถเหมือนกำลังรอใคร พอเพ่งมองชัดๆก็จำได้แม่น



“นี่มันไอ้คนที่ชอบมาส่งเมลตอนเช้าๆนี่หว่า ทำไมมาอยู่ตรงนี้วะ?” 



ชัดแน่ไม่มั่วนิ่ม ไม่จ้อจี้ใดๆ ไอ้ผู้ชายสูงๆที่ว่าเป็นคนของไอ้อาจารย์ที่ชอบมาส่งเมลตอนเช้าไม่ผิดแน่  ผมรีบถอยรถออกจากซอยแล้วไปแอบจอดที่อื่น ก่อนจะย่องไปแอบดู  ผู้ชายคนนั้นที่จอดรถพิงกำแพงบ้านไอ้กุ๊กอยู่เหมือนรอใคร และในไม่กี่นาทีต่อมา ประตูด้านข้างของบ้านไอ้กุ๊กก็เปิดออกมา และคนที่เดินออกมาก็คือ ‘ข้าวโพด’



“เชี่ย” 



เผลออุทานออกมาเบาๆ มองเห็นข้าวโพดกับผู้ชายคนนั้นกำลังคุยกันหน้าเครียด ผู้ชายร่างสูงที่จับมือไอ้โพดไว้แน่นๆ แต่มันกลับสะบัดมือออก ทำท่าทางรังเกียจก่อนจะผลักอกแกร่งนั่นแรงๆจนเขาเซไปชนรถ  ไม่รู้ว่าทั้งคู่ทะเลาะอะไรกัน แต่เสียงดังน่าดู แต่ผมก็ฟังไม่ได้ศัพท์เพราะระยะที่ไกลพอดู  แต่ก่อนที่ผมจะคิดออกว่าควรทำอะไรต่อไปดี รถตู้สีดำคันใหญ่ก็เลี้ยวเข้าไปในซอย ก่อนที่ชายฉกรรจ์ในขุดดำใส่แว่นหลายคนจะกระโจนลงมาจากรถ พร้อมๆกับล็อคตัวไอ้โพดและผู้ชายคนนั้นอุ้มขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตาผม  ในจุดนี้กูมุดหัวลงแนบถังขยะเลย  ไม่กี่นาทีต่อมารถตู้ก็แล่นออกไปแบบไร้ล่องลอย เหลือเพียงแค่กูที่นั่งตาเบิกกว้างมือสั่นอยู่ข้างถังขยะเปียก



“ไอ้ชิพหาย! นี่มันเรื่องเชี่ยไรกันวะ!!” 



โทรบอกตำรวจดีไหม เมื่อกี้โพดโดนจับตัวไปด้วย นี่มันเรื่องอะไรกันวะ ไม่ได้ นี่มันเรื่องใหญ่เกินกว่าผมจะจัดการคนเดียวไหว  เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนกดโทรออก



“ฮัลโหลไอ้สัดอู๋ กูเจอเรื่องใหญ่!!” 



...

               
(มีต่อจ้า)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่20* {02.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 02-02-2019 21:38:39

กลิ่นควันบุหรี่ลอยอ่อนๆอบอวลไปทั่วห้องที่ไม่มีหน้าต่าง ความชื้นแฉะจากพื้นสกปรกยิ่งส่งผลให้กลิ่นบุหรี่และกลิ่นอับผสมปนเปกันไปทั่วจนชวนให้รู้สึกคลื่นเหียนเวียนหัว ร่างสองร่างที่ถูกมัดมือมัดเท้าโดนผ้าปิดตาและมีถุงผ้าดำสวมคลุมทับอยู่อีกที ทั้งคู่ถูกบังคับให้นั่งกองกันอยู่ที่พื้น



“ปล่อยสิ! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันห๊ะธร!”



“พี่จะรู้ได้ไงล่ะโพด หรือนี่เป็นแผนของโพดอีก”



“อย่ามาพูดหมาๆได้ไหม! เคยทำอะไรได้เรื่องบ้างไหมก็ไม่มี ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”



“โพดพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง ทุกเรื่องที่พี่ทำให้โพดไปมันยังไม่พอรึไง”



“พอ...พออะไรของธรห๊ะ! ไม่ได้เรื่องสักเรื่องยังจะมาถามเอาอะไรอีก โอ๊ย ไอ้เชือกบ้านี่ก็มัดแน่นอะไรแบบนี้ เจ็บไปหมดแล้วโว้ย”



“หยุดเสียงดังสักทีเถอะโพด พี่กำลังใช้ความคิด” 



ธรที่ขมวดคิ้วแน่นภายใต้ถุงผ้าดำที่ถูกสวมอยู่  ในความรู้สึกของธรตอนนี้รู้สึกใจไม่ดีเอามากๆ ความรู้สึกที่บอกว่า เรื่องที่เค้าโดนจับอยู่ตอนนี้ มัน....



“ความคิดอะไรอีก น่ารำคาญชะมัด เห้ย ไอ้พวกขี้ข้า จับมานี่คือพวกไอ้หมิงใช่ไหม! ไปเรียกเจ้านายแกมาเลยนะ โง่ โง่ที่สุด!”



“หมิง...หมิงทำไม?”



“โอ๊ย โพดเบื่อความโง่เง่าของธรมากๆเลยรู้ไหม เหอะ พวกไอ้หมิง ก็หมิงที่คุมคาสิโนใหญ่อยู่ไง คนที่เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของธรไง”



“แล้วโพดไปมีเรื่องอะไรกับเค้า”  ธรถามออกมาเสียงสั่น  โพดไปมีเรื่องกับพวกหมิง ถ้าแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่คนที่ตนจับมาจะเป็นพวกหมิง...ในเมื่อเจ้านายของเค้าพึ่งไปล้างบางคาสิโนนั้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อน



หรือว่า...



“หึ ไอ้หมิงก็คนที่แอบรักณราชานักณราชาหนายังไงล่ะ โพดก็แค่ยืมมือมันไปฆ่าไอ้เมลแค่นั้นเอง หายไปตั้ง5วันแล้ว สงสัยมันจะจัดการสำเร็จ แต่มาจับกูทำเชี่ยไรวะ ไอ้หมิง ปล่อยนะโว้ย”



“โพดพอเถอะ พี่ว่าเราหยุดเรื่องนี้เถอะนะ แค่นี้พ่อโพดก็น่าจะพอใจแล้ว”



“ไม่ โพดไม่หยุด! ทำไมโพดต้องหยุดด้วย”



“โพด พอเถอะ ถอยออกมา แล้วเราไปอยู่ด้วยกันที่ไหนก็ได้ พี่ว่าเรื่องนี้....”



“พูดอะไรออกมาอ่ะธร ประสาทป๊ะ ทำไมโพดต้องไปอยู่กับธรด้วยวะ



“โพด...หมายความว่าไง ก็โพดบอกว่าโพดรักพี่ ไหนโพดบอกว่าถ้าพี่ช่วยให้โพดได้เข้ามาสนิทกับคุณทัพได้ โพดจะไม่ช่วยพ่อทำเรื่องใส่ร้ายคุณเมลแล้วไง”



“ตลกหรอธร โพดพูดตอนไหนไม่ทราบ”



“พูดแบบนี้หมายความว่าไง ... ไหนบอกว่ารักพี่...”



“ธร ไม่น่าเชื่อว่าจะทำงานเป็นคนใกล้ชิดของพี่ทัพหน้าได้นะถ้าโง่ขนาดนี้  โพดไม่เคยรักธรเลย!



“โพด!”



“อย่ามาขึ้นเสียงใส่โพดนะ ใครจะไปรักคนแบบธรอ่ะ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง เหอะ ใกล้ชิดพี่ทัพหรอ โพดทำเองทั้งนั้นเถอะ”



“แต่...”



“แล้วโพดจะบอกให้เอาบุญ โพดไม่ได้ทำเพราะพ่อเลี้ยงบังคับให้ทำแบบที่โพดบอกธรหรอก ถึงเค้าจะขอให้ทำจริงๆเพราะอยากเอาข่าวคาวๆของไอ้เมลไปแบล็คเมลพ่อมันเพื่อตัดคะแนนเสียงของพ่อไอ้เมลจริงๆ แต่โพดน่ะโคตรเต็มใจเลยรู้ไหมตอนที่เค้าขอให้ทำ โพดเต็มใจวางแผนฆ่าณราชาแล้วโยนความผิดให้ไอ้เมลเองล่ะ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะโพดเกลียดมันไง เกลียดอิณราชานั่นด้วย พอไอ้กุ๊กไม่ยอมทำแล้วพ่อมันมาขอร้อง โพดนี่แทบจะตกลงแบบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ”



“โพด! ทุกเรื่อง เรื่องคุณณราชาโพดก็ทำหรอ”



“แหม ฉลาดแล้วหรอธร แต่โทษทีนะมันช้าไปหน่อย”



“โพด....”



“หึ เลิกทำเสียงเว้าวอนสักที น่ารำคาญ เดี๋ยวโพดจะไปพูดกับไอ้หมิงให้รู้เรื่อง มาจับกันแบบนี้ได้ยังไง” 



ร่างเล็กที่ค่อยๆลุกขึ้นยืนสะเปะสะปะ พยายามค่อยๆเดินฝ่าความมืดไปช้าๆ ตั้งใจจะพยายามเดินไปหาประตู แม้ว่าจะไม่รู้ว่าอยู่ตรงทิศทางไหนก็ตามที



‘แอ๊ด’



‘ปึก’



“อ๊ะ! แกเป็นใครห๊ะ เดินมาชนฉันทำบ้าอะไร แต่มาก็ดีไปตามไอ้ อึก อัก...”



“โพด...เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”



“อึก อัก”



“มันไม่ได้เป็นอะไร มันแค่กำลังโดนกูบีบคอ”



“จ...เจ้านาย”



“อึก อัก แค่ก....”



“เก่งนี่ที่ยังจำเสียงกูได้...ไอ้ธร”



‘พลัก’



ฝ่ามือหนาที่โยนร่างของข้าวโพดไปกองที่พื้นอย่างรังเกียจ ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงเข้มที่ดังสะท้องก้องไปทั่วห้อง



“แกะผ้าเปิดตาพวกมัน!”



“ครับนาย” 



‘พลึบ โครม’



ร่างลูกน้องคนสนิทถูกโยนมากองตรงปลายเท้า  ดวงตาคมปรายตามองนิ่งๆ ยิ่งทำให้ธรตัวสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปทางไหน  ภายในห้องแคบๆที่ไม่มีอากาศลอดผ่าน ตอนนี้ยิ่งชวนให้หายใจไม่ออกเข้าไปอีกเมื่อเจ้าของร่างสูงผู้เป็นนายกำลังนั่งไขว่ห้างแสยะยิ้มมองอยู่ในตอนนี้



“นะ...นาย”



“หึ ว่าไงมึง” หัวเราะออกมาเบาๆพร้อมๆกับเลิกคิ้วถาม



“พะ...พี่ทัพ”



“ว่าไงครับลูกศิษย์ที่รัก”



เสียงอีกเสียงที่ทำให้ต้องหันไปตอบรับแบบอาจารย์ผู้ใจดี รอยยิ้มเสแสร้งถูกส่งออกมาในตอนนั้น ข้าวโพดที่ทำหน้าตาเลิกลักมองไปรอบๆห้องด้วยความหวานผวา ก่อนจะค่อยๆคลานเข้ามาหาทัพหน้าด้วยความรวดเร็ว



“พี่ทัพ โพดไม่รู้เรื่องนะครับ ช่วยโพดด้วย”



“ชู่ววว ใจเย็นๆนะครับเด็กดี”  ฝ่ามือหนายกมือขึ้นลูบผมคนที่เอาหน้ามาวางไว้ที่หน้าขาอย่างใจดี



‘กึก’



“อ๊ะ โอ้ยยยย ผมเจ็บครับ” 



มือหนากระชากเส้นผมที่ก่อนหน้านี้ลูบเบาๆขึ้นมาอย่างแรง ดวงตาอบอุ่นใจดีก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นสายตาของผู้ล่า แววตาคมดุที่ก้มหน้าลงมองหน้าของคนที่ตัวเองกระชากผมอยู่ก่อนจะแสยะยิ้มร้าย มืออีกข้างเอื้อมไปดึงแว่นตาหนาออกไปก่อนจะปาทิ้ง



“ว่าไง มองเห็นกูชัดรึเปล่า”  เอ่ยถามออกมาเสียงเย็น ข้าวโพดได้แต่ส่ายหน้า พร้อมๆกับนัยน์ตาสั่นระริกเมื่อรับรู้ถึงอันตรายตรงหน้า



“ผะ...ผม อ๊ะ อึก เจ็บครับพี่ทัพ”



“เหรอ แล้วมึงเจ็บเท่าไอ้เมลหรือเปล่า! เจ็บเท่าณราชาหรือเปล่า!” 



ตะคอกถามเสียงดังพร้อมกับเพิ่มแรงจิกลงไปที่เส้นผมมากยิ่งขึ้น ข้าวโพดพยายามส่ายหน้า รู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วทั้งหัว พยายามมองหน้าทัพหน้าอย่างอ้อนวอนขอร้อง



“มะ...ไม่นะฮะ ผมไม่รู้เรื่องนะฮะพี่ทัพ โพดไม่ได้ทำอะไรนะฮะ”



“งั้นหรอ”



“จริงๆนะฮะ โพดเปล่าเลยนะฮะ” 



ว่าออกมาอย่างระล่ำระลัก เพราะคิดว่าก่อนหน้านี้ทัพหน้าไม่ได้อยู่ในห้องนี้ จะต้องไม่ได้ยินเรื่องที่ตัวเองคุยกับธรแน่นอน  เรื่องราวมันต้องไม่เป็นแบบนี้ ตัวเค้าสิที่จะต้องได้รักกับทัพหน้า เรื่องราวถูกวางมาดีจะตาย จะมาพังไม่เป็นท่าไม่ได้ ... ข้าวโพดได้แต่บอกตัวเองในใจอยู่แบบนั้น



“เหรอ งั้นไหนเล่ามาสิ ว่าเรื่องมันเป็นยังไง” 



ฝ่ามือหนาที่ค่อยๆปล่อยมือจากการจิกเปลี่ยนกลับไปเป็นลูบช้าๆ รอยยิ้มใจดีถูกส่งกลับไปให้ข้าวโพดอีกครั้ง  ธรที่มองอยู่ก่อนได้แต่ส่ายหน้า ร่างหนาสั่นสะท้านไปทั้งตัว เพราะรู้จักนิสัยเจ้านายตัวเองดี



“โพดไม่รู้เรื่องเมล ไม่รู้เรื่องณราชาอะไรทั้งนั้นนะฮะ อยู่ๆโพดก็ถูกจับมากับผู้ชายคนนี้ ใครก็ไม่รู้ โพดไม่รู้จัก...นี่แก! พูดมาสิว่าฉันกับแกเราไม่รู้จักกันใช่ไหม!”



“ข้าวโพด” 



ธรเอ่ยเรียกคนตรงหน้าด้วยเสียงอ่อย ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ตัวเองรักมาตลอด ตอนนี้กำลังหนีเอาตัวรอด ธรที่มองหน้าข้าวโพดอย่างไม่เชื่อสายตา น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาที่หน่วยตาช้าๆ



“อย่ามาเรียกชื่อฉันนะไอ้บ้า!” 



ว่าออกมาอีก ก่อนจะพยายามเอาเท้าที่ไม่ถูกมัดแล้วยันร่างสูงของธรให้ถอยไปห่างๆตัว  ทัพหน้ายกยิ้มมุมปากมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งๆไร้อารมณ์และความรู้สึกใดๆ ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาหน่อยๆ



“หึ”



“พี่ทัพ จริงๆนะฮะเชื่อโพดนะ โพดไม่ได้ตัดสายเบรคคุณณราชา และโพดก็ไม่รู้เรื่องพวกที่ไปทำร้ายเมลด้วย แล้วเรื่องที่พวกไอ้หมิงมาทำเมล โพดก็ไม่รู้จริงๆนะฮะ”



“อื้ม แบบนั้นเองน่ะหรอ”  ตอบรับออกมาด้วยเสียงทุ้มเข้ม ก่อนจะคว้ามวนบุหรี่ออกมาแล้วยื่นส่งลูกน้องให้จุดไฟให้


“นะ...นายครับ ผมขอร้อง” 



ธรเอ่ยออกมาทันทีในตอนนั้น ทัพหน้าหันหน้าไปหาลูกน้องคนสนิทที่ตอนนี้มองมาที่ตัวเองอย่างขอร้อง แขนแข็งแกร่งที่ถูกจับมัดไพล่หลังอยู่เลยไม่สามารถยกมือขึ้นกราบได้ ทำได้แค่เพียงเอาหน้าแนบไปตามพื้นอย่างอ้อนวอน ทัพหน้าทำเพียงมองนิ่งๆอย่างเย็นชา ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าบุหรี่จากลูกน้องแล้วคาบมันเข้าปาก สูดอัดควันเข้าไปจนปลายบุหรี่มีไฟแดงฉานขึ้นมา พร้อมกับผ่อนลมหายใจพ่นควันออกมา และ



‘พรึบ’



“อ๊ากกกกกกก เจ็บ โอ๊ยยยย”



“นะ นาย นายผมขอร้อง ทำผมเถอะครับ นาย”



ปลายบุหรี่ที่มีไฟแดงถูกจี้เข้าไปที่กลางหน้าผากมนของข้าวโพด พวกลูกน้องที่ยืนรออยู่ก่อนหน้าตรงเข้าจับตัวข้าวโพดไว้อย่างแน่นหนา บุหรี่อีกหลายมวนที่ถูกส่งมาใส่ฝ่ามือของทัพหน้า ปลายบุหรี่ร้อนๆที่ถูกกดจี้ไปตามไปหน้าและลำคอขาวอย่างไม่ปราณี ดวงตาคมนิ่งสนิทที่มองคนที่ดิ้นด้วยความเจ็บแสบร้อนอย่างไม่สนใจใยดี ไม่มีความปราณีและสงสาร



“อ๊ากกกกกกก ชะ...ช่วย ช่วย อ๊ากกกก”



“นาย ฮึ ก ผมขอร้อง ทำผม” 



ธรที่พยายามคลานเข้าไปหาทัพหน้า จนหน้าของตัวเองไปแนบอยู่ที่ปลายเท้า ทัพหน้าหยุดหยิบบุหรี่มวนที่ยี่สิบก่อนจะปลายตาไปมองคนที่อยู่แทบเท้า



‘พลัก’



ฝ่าเท้าแข็งแกร่งถีบเข้าที่ยอดหน้าของธรจนกระเด็นหงายออกไปอยู่ที่กลางห้อง



“มึงเจอกูแน่ไอ้ธร มึงรอได้เลย...ส่วนมึง...” 



หันหน้ากลับมามองข้าวโพดด้วยแววตาไร้อารมณ์และเย็นชา  ใบหน้าที่ก่อนหน้านี้ขาวใส บัดนี้กลับมีรอยแผลที่จี้ไปตามใบหน้าและลำคอพลุนไปหมด  น้ำตาใสที่ไหลออกมาอาบหน้ายิ่งทำให้เจ็บแสบระบม



“ถ้ายังตอแหลไม่เลิก กูจะตัดลิ้นมึง มึงจะได้ไม่ได้ต้องอ้าปากตอแหลได้อีกเลย!”



“ฮึก พะ...พี่ทัพหน้า”  ข้าวโพดมองคนตรงหน้าที่ตัวเองรัก ก่อนจะเอ่ยปากเรียกด้วยเสียงเบาหวิว



“ผะ...ผมรักพี่”



“หรอ แต่กูไม่ได้รักมึง!”  คำตอบกลับออกมาที่ไม่มีแม้แต่จะหยุดคิด ไม่แยแสเลยสักนิดกับความรู้สึกของข้าวโพด

 

“ผม ฮึก ผมทำเพื่อพี่ได้...ฮึก ทุกอย่าง”



“ถามกูสักคำไหมว่ากูอยากให้มึงทำอะไรให้ไหม สารภาพมาสักทีไอ้โพด อย่าให้กูต้องหมดความอดทนกับขยะไร้ค่าอย่างมึง”



“ฮึก...พะ....พี่ทัพ” 



ขยะไร้ค่างั้นหรอ   ... คำพูดแทงใจถูกส่งออกมากระแทกหน้าเข้าอย่างจัง ทัพหน้าไม่แยแสว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกยังไง  สายตาของมัจจุราชที่จ้องมองมาพร้อมเผาร่างตรงหน้าให้มอดไหม้



“....ใช่ ผมสั่งให้คนไปตัดสายเบรครถของณราชาเอง เป็นผมเองพี่ได้ยินไหม! วันนั้นเป็นผมเองที่บอกลูกน้องให้ไปตัดสายเบรครถอินั่น แต่ไอ้เมลมันก็สาระแน บอกลูกน้องพ่อมันให้เข้าไปดูรถคันนั้น ก็เพราะมันโง่แบบนั้นไง ผมเลยแอบถ่ายรูปแอบอัดเสียงมันส่งให้ธรมันเอามาเป็นหลักฐานมัดตัวไอ้เมล วันนั้นที่ไอ้เมลมันขับรถชนกับณราชาน่ะ ก็เพราะผมวางแผนให้คนไปจับตัวมัน มอมยามันที่ผับไง มันวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกมาจากผับทั้งที่มันเบลอยา แล้วก็เป็นเวลาเดียวกันเป๊ะๆกับที่ณราชาขับรถออกมา ผมรู้อยู่แล้วว่าเธอจะขับรถออกมา กะเวลาไว้เป๊ะ แล้วเป็นไงล่ะ ตู้ม!! ฮ่าๆๆๆ”   



เพราะจนมุมบวกกับความเจ็บใจทำให้ข้าวโพดโพล่งออกมาแบบนั้น  น้ำตาใสที่ไหลลงอาบแก้มด้วยความเจ็บใจ



‘ผลั้ว ผลัก’



ใบหน้าเล็กหงายไปพร้อมๆกับแรงหมัดที่ซัดกระแทกเข้าหน้าเต็มๆสองหมัด  .... ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีแม้เสียงดังของลมหายใจของใครสักคน  ร่างสูงของทัพหน้าที่หยัดยืนขึ้นเต็มความสูงในตอนนี้  บทเพลงของมัจจุราชกำลังจะเริ่มบรรเลง



นัยน์ตาคมเป็นประกายกร้าวขึ้นมาตอนที่มองไปที่หน้าของข้าวโพด ร่างเล็กที่กองอยู่ที่พื้นและสำลักเลือดออกมา พร้อมๆกับฟันที่กระเด็นออกมาสองซี่



“แค่กๆ อึก...”



“นาย ผมทำเอง ข้าวโพดไม่ได้ทำครับ ได้โปรด นายฆ่าผมเถอะ ปล่อยข้าวโพดไป...ผม ผมขอร้อง”



เสียงเข้มของธรที่ดังแหวกอากาศออกมา น้ำตาไหลลงมาที่ใบหน้าแกร่ง ธรที่มองไปที่ร่างของข้าวโพดด้วยความสงสาร  ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ยังคงรักคนๆนี้ รักเด็กที่ชื่อข้าวโพด



“มึงเป็นคนทำงั้นหรอ”



“ครับนาย ผม ผมทำ”



“หึ งั้นมึงดูนั่น” 



ฝ่ามือแกร่งที่ชี้ไปด้านข้าง หน้าจอทีวีที่ถูกสั่งเปิดสว่างวาบขึ้นมาในตอนนั้น หน้าจอที่ฉายชัดในมุมรั้วมหาลัยที่ทัพให้ธรไปรับคาราเมลทุกวัน เป็นภาพในตรอกแคบที่ธรกับข้าวโพดกำลังแอบคุยกันในหลายๆครั้ง รวมถึงภาพที่ทัพหน้าให้คนสะกดรอยตามธรในช่วงหลังๆ  รวมถึงภาพเหตุการณ์วันที่เมลแอบไปผับกับกุ๊ก คลิปวิดีโอที่โพดเข้าไปนัวกับดาบ ทำเอาธรอ้าปากค้างพร้อมๆกับน้ำตาไหล วิดีโอเล่นไปเรื่อยๆจนถึงช่วงที่พวกหมิงเข้ามา เป็นกุ๊กที่ไม่ยอมกดหยุดคลิปวิดีโอ ถึงจะมองไม่เห็นเหตุการณ์ แต่คำพูดของข้าวโพดก็ดังชัดเป็นหลักฐานแน่นหนา รวมไปถึงคลิปเสียงในห้องที่เมลและกุ๊กโดนทรมารด้วย แต่มีคลิปตรงนั้นไม่นาน เพราะแบตมือถือของกุ๊กหมด แต่นั่นก็มากพอที่จะเป็นหลักฐาน รวมถึงคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ ก็มัดตัวจนดิ้นแทบไม่หลุดแล้ว



“กูสงสัยตั้งแต่ที่เกิดเรื่องที่ร้านไอ้ดาบแล้ว คนของเราตั้งเยอะจะมีคนรอดมาล้อมกูได้ยังไงถ้าไม่มีคนใน แต่กูแค่ไม่คิดว่าลูกน้องคนสนิทที่กูเชื่อใจมากๆจะเป็นคนหักหลังกู”



“นาย...นายครับ ผมขอโทษ”



“กูเคยบอกมึงว่ายังไงตอนที่มึงเข้ามาเป็นมือขวาของกู มึงไม่ต่างจากพี่น้องแท้ๆของกูไอ้ธร ... แต่บางอย่างที่มึงอาจจะลืมไป กฏของกู ไม่ว่าจะคนรู้จัก คนไม่รู้จัก ไม่ว่าจะญาติ พี่น้อง เพื่อนพ้อง ถ้ากูให้ใจ แต่มันกล้าทรยศกู...สิ่งเดียวที่จะได้กลับไป...”



“คือตาย”



“ยังดีที่มึงยังจำได้”



“ผมยอมตายครับนาย...แต่ผมขอ ปล่อย...ปล่อยข้าวโพดไปนะครับ”



“ความรักของมึงมันยิ่งใหญ่ดีนะ แต่ในสายตากู มันน่าสมเพช ... หิ้วมันมานี่!



“จะ จะทำอะไร ปล่อย ปล่อย ฮึก” 



ข้าวโพดที่ดิ้นรนจากแรงจับกุมแต่ก็หนีไม่พ้น ร่างเล็กๆที่ถูกลากมาตรงหน้าทัพหน้า ฝ่ามือหนาก้มลงไปจิกหัวอีกรอบ



“มึงฆ่าลูกกู”



“ฮึก พี่...พี่ทัพ อย่า...อย่าทำอะไรผมเลย ผมกลัวแล้ว” 



นัยน์ตาสั่นละริกอย่างหวาดกลัว น้ำตาไหลอาบหน้าเป็นทาง ข้าวโพดไม่เคยเห็นทัพหน้าในมุมนี้  ผู้ชายที่เจ้าตัวอยากครอบครองมาโดยตลอด เป็นแค่เดือนมหาลัยและลูกชายคนโตของครอบครัวมหาเศรษฐี  ข้าวโพดไม่ได้รู้เลยว่า อีกมุมนึงของชายคนนั้น เขาก็คือมัจจุราชเดินดินดีๆนี่เอง



“กลัวหรอ...หึ”



’ปัก ปัก ปัก’



“อ๊ากกกก ฮึก โอ้ย โอ้ย” 



แรงกระแทกของศีรษะที่กระแทกแรงๆลงบนพื้นปูนแบบไม่ยั้งมือ ดวงตาคมวาววับเหมือนมีกองเพลิงสุมอยู่ในนั้น  เลือดสีสดที่ไหลออกมาจากศรีษะเล็กไหลเปื้อนมือแกร่ง แต่เจ้าตัวไม่สน ข้าวโพดที่อ่อนแรงและบาดเจ็บช้อนตามองหน้าอย่างอ้อนวอน แต่ไม่มีแม้ความสงสารในแววตา



“มึงยังเจ็บ ไม่เท่าที่ใจกูเจ็บ เจ็บไม่เท่าที่คนของกูเจ็บ!



“มาลากตัวมันไป!”



“ไม่ ไม่ จะพาไปไหน ไม่...” 



ข้าวโพดที่พยายามคลานหนีไปตามพื้นอย่างน่าอนาถ  สองขาที่อ่อนล้าพยายามคลานไปหาธรที่ก็พยายามจะคลานมาหาโพดเช่นกัน



“นาย ได้โปรด นายย โพดด ข้าวโพดดดด” 



ธรที่คลานมาตามพื้นร้องอ้อนวอนผู้เป็นนาย สายตาอ่อนที่ไร้ทางสู้มองไปยังคนที่ตนรัก พยายาม พยายามจะคลานไปช่วยเท่าที่กำลังของผู้ชายคนนึงจะมี



“โพดดดด”



“พี่ธรรร ช่วยผม ช่วยผม...”



‘แกรกๆๆๆ’   



เสียงลูกกรงเหล็กบานเลื่อนที่ถูกซ่อนอยู่หลังประตูกลด้านหลังกำแพง ค่อยๆถูกดันขึ้นช้าๆ  หัวใจของธรสั่นไหว เขากำลังจะเสียคนรักไป  เขารู้ดีว่าภายใต้เงามืดนั่นมีอะไรอยู่ และข้าวโพดกำลังจะต้องเจอกับอะไร



“โฮกกกกกกกกกกกก!!”



“มะ...ไม่...อ๊ากกกกกกกกกกกกกก”



“ไอ้รี่! จัดการมัน!”



“โครกกกกก โฮกกกก”



“โพดดดดดดดดดดด ม่ายยยยยยยย”



เสียงร้องอย่างใจสลาย ดังประสานไปพร้อมกับเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ภาพคนรักถูกฉีกกระชากตกอยู่ในสายตา ไม่สามารถทำอะไรได้สักอย่าง  ไม่สามารถร้องขอหรือแลกความเจ็บได้ ไม่มีอีกแล้วหัวใจ...



“กูจะทำให้มึงตาย โดยที่กูไม่ต้องฆ่า...เพราะสิ่งที่จะทำให้เสียใจที่สุดในชีวิต ก็คือวันที่มึงไม่มีหัวใจของมึงอีกต่อไป ... มึงโทษกูไม่ได้ เพราะสองครั้งในชีวิตกู กูก็เคยรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน”



เสียงเข้มที่กล่าวออกมาอย่างเย็นชา มองภาพตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะก้าวข้ามร่างบอบช้ำของธรออกไปโดยไม่สนใจใยดีอีก  และปล่อยให้คนหัวใจสลายคนนึง นอนตายอยู่ตรงนั้น



...





‘แกร่ก’



ดวงตากลมใสหันมาพร้อมๆกับใบหน้าน่ารัก แม้ว่าตอนนี้จะมีแผลฟกช้ำอยู่เต็มหน้าก็เถอะ



“มึง...”



“ว่าไง ทำไมยังไม่นอน”



“กูนอนไม่ได้ ตกใจอ่ะ เมื่อกี้เสียงไอ้รี่อ่ะ ไอ้รี่แหกปากไรวะ ตกใจหมดเลย เนอะหลงเนอะ เนอะๆไอ้น่ารักกก”



บอกออกไปแบบนั้น ก่อนจะก้มลงไปถามลูกแมวตัวเล็กที่ขึ้นมานอนอยู่บนตัก หัวเล็กๆขาวๆของเจ้าหลงถูไถไปตามแขนของเมลเบาๆอย่างอ้อนๆ



“ไม่มีอะไรหรอก มันติดสัตว์มั้ง”



“บ้าหรอ มึงจะบอกว่าไอ้รี่ร้องอยากเยหรอ ชิพหาย หลงๆมึงอย่าไปใกล้มันนะ สิงโตหื่นกาม”



“แง้ววว เมี้ยวว”



“เอ๊ะ มึงพูดไร เหมือนมึงเถียงกูอยู่อ่ะไอ้หลง”



นิ้วเรียวจิ้มลงไปที่กลางหัวกลมๆของเจ้าลูกแมวเด็กอย่างแกล้งๆ พร้อมๆกับยิ้มออกมาด้วย  ทัพหน้าที่มองภาพนั้นนิ่งๆ มองอยู่แบบนั้นจนคนโดนมองรู้สึกผิดปกติ



“มึง...เป็น...”



‘พรึบ’



“อ๊ะ” 



วงแขนแข็งแกร่งที่โถมเข้ามากอดรัดตัวบางแน่นๆจนเจ้าลูกแมวตกใจ กระโดดลงจากเตียงมาทั้งแบบนั้น คาราเมลที่ตอนนี้ไม่ต้องใส่สายน้ำเกลือแล้ว ยกมือขึ้นโอบกอดร่างตรงหน้าอย่างเก้ๆกังๆ



“ทั...ทัพ”



“ขอโทษนะ”



“ห๊ะ...”



“กูขอโทษจริงๆ”



“เห๋?” 



คาราเมลที่ได้แต่กระพริบตาปริบๆไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าเป็นอะไร กำลังจะเผลอด่าออกไปแบบทุกที ถ้าไม่ติดที่ความเปียกชื้นที่หัวไหล่ทำให้ต้องชะงักไปในตอนนี้



“ทัพ...พี่ทัพ พี่ทัพร้องไห้หรอ” 



มือเรียวที่ดันอกแกร่งออกห่างจากตัว ก่อนจะค่อยเอามือช้อนใบหน้าคมที่ก้มต่ำไม่ยอมสบตากันขึ้นมามอง ภาพตรงหน้าที่เมลเห็นทำให้เจ้าตัวปวดใจไม่น้อย



ทัพหน้าที่นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวทุกสถานการณ์ ตอนนี้กำลังร้องไห้อย่างนั้นหรอ



“พี่ทัพ...”



“ขอโทษจริงๆ”



“พี่...”



“ต่อจากนี้ ไม่ว่ากูจะทำเลวกับคนทั้งโลก...แต่กูอยากให้มึงรู้ไว้ ว่ากูจะดีกับมึงแค่คนเดียว”



“พี่ทัพหน้า”



ได้แต่เรียกชื่อคนตรงหน้าออกไปเบาๆ คำพูดที่ดังชัดเข้ามาในหัวใจ ปฏิเสธไม่ได้ว่าใจสั่นไหวอีกครั้ง



ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ตั้งใจจะตัดใจ



แต่สุดท้าย...หัวใจก็ยังคงตกหลุมรักคนเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกครั้ง และอีกครั้งเสมอ



----------TBC----------



มาจ้าาา มาแล้ววว มาดึกเลย ต้องขอโทษจริงๆค่ะ แคทพยายามเขียนอย่างรัดกุมตามที่ตัวเองได้วางพล็อตไว้

แต่ไม่รู้ว่าคนอ่านจะถูกใจไหม แคทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะถูกใจไม่มากก็น้อยนะคะ

อย่างแรก...ไอ้บ้าเอ๊ยยย พี่ทัพพพ หลบพระเอกเดี๋ยวนี้ค่ะคุณ พี่เค้าร้ายนะคะ พี่ทัพคือเลวเรายอมรับ

แต่พี่เค้าก็จะดีกับเมลคนเดียวนะคุณ และสำหรับตอนนี้ แคทร้องไห้เพราะพี่ธรเยอะมาก แต่คนที่ทำผิด

ก็ต้องได้รับผล ทั้งพี่ธรและข้าวโพดก็เช่นกัน ... แคทหวังว่าคนอ่าน ถ้าได้อ่านแล้วจะได้มองเห็นในหลายๆมุม

และเติมโตไปพร้อมๆกับตัวละครไปด้วยกันนะคะ

มาจ้า....มากรี๊ดร้องไปด้วยกันน้าาาา อ๊ากกกกกก #ดาบบิน ผ่าม! #ทัพเมล จ้าาาา 555555 :katai4: :mew1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่20* {02.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-02-2019 22:14:44
สมน้ำหน้าอีข้าวโพด
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่20* {02.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 03-02-2019 07:50:10
ว้าววว ดำเนินเรื่องเร็วมาก บทจะฉลาดก็ฉลาดขึ้นทันทีเลยนะทุกคนนนน เก่งมากเด็กๆ

ปล. มีคำผิดนิดหน่อยนะคะ รีบแต่งรีบลงใช่มะะ 5555
ปล.2 แปลว่าพ่อน้อนกุ๊กก็เป็นคนไม่ดีหรอคะ แล้วเสียลูกไปแบบนี้จะมาโวยวายมั้ยน้า

เพิ่มเติม พี่รี่กินของไม่ดีระวังท้องเสียนาาา
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่20* {02.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 03-02-2019 10:12:06
สงสารรี่ ทำไมนางเป็นสิงโตที่น่าสงสาร โดนใช้เป็นที่กำจัดขยะ โถ่วววววว 55555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่20* {02.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 04-02-2019 01:54:11
ทัพหน้า น้ำตาลูกผู้ชายยย TT เมลพร้อมจะให้อภัยอยู่แล้วละฮึ รักเขาไปแล้วนี่ ไม่ต้องไปสงสัยอะไรแล้วนะอู๋บินเพราะตัวต้นเหตุโดนจัดการเรียบร้อยโรงเรียนไอ้พี่รี่แล้ว โหดดดดด ตายง่ายไป อยากจะให้อยู่แบบตายทั้งเป็น คำสารภาพก็มี แจ้งความจับเข้าคุก ทำลายชื่อเสียงงี้ว่ากันไป ไม่ใช่ไรนะ กลัวว่าคนหายพ่อแม่เขาจะเริ่มตามหาหรือเปล่า ถ้ารู้ว่าโดนทำไรจะไม่โดนเอาผิดหรอ ก็แหมมมคนมันมีอำนาจและเงินสินะ คึคึ!! //โคตรรรรรสงสารพี่ธรเลย ถึงพี่จะทำผิดมาก แต่ถ้ารู้ตัวและยอมรับ หนุให้อภัยพี่นะ อึก! พี่ทำไปเพราะรักพี่รู้ตลอดว่ามันผิดก็ยังทำ รู้สึกต่างกันกับทัพนะ คือนั่นไม่รู้แต่กลับยัดเยียด ไม่รักแต่แก้แค้น คิดว่าไม่ผิดเลยทำ หนุให้อภัยพี่ก่อนให้อภัยไอ้พี่ทัพหน้าอีกนะคะ แง๊~~ ): ไว้อาลัยให้คู่นี้3วิ ถึงแกจะร้ายแต่ใจลึกๆก็ไม่ได้ปรารถนาให้แกตายเลย แต่เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ถือซะว่าชีวิตแลกด้วยชีวิต แกจงใจฆ่าณราชาและลูกในท้อง และไม่สำนึกผิดสักนิดเลย มีแต่ความกลัวตายเท่านั้น หึ ก็รับกรรมนี้ไปซะเถอะนะ เอาละจบเรื่องสืบหาความจริง ทีนี้จะเอาไงต่อกับความสัมพันธ์ของแต่ละคู่ หึหึ!!รอดูเลย ว้อยยยสนุกกกกก ถ่างตารอตอนต่อไปเลยค่ะ 5555 ขอบคุณมากที่แต่งและมาอัพให้อ่านนะคะ ชอบๆ "เลวกับคนทั้งโลกแต่จะดีกับนายคนเดียว" เบ้ยยส์ เป็นคำที่เท่ห์เว้ย 5555 ต่อจากนี้สินะ อิอิ_
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่20* {02.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-02-2019 10:18:52
สะใจมากบอกตรงๆ หึหึ o3 o3
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่21* {09.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 09-02-2019 20:32:14

บทที่21




[อู๋]



“เห้ยลุง ทำไมทำหน้างั้นอ่ะ เป็นไรหรอ” 



นิ้วป้อมๆเล็กๆที่สะกิดที่หัวไหล่ทำให้ผมต้องละสายตาจากภาพตรงหน้าเพื่อหันหน้าไปมอง  ภาพตรงหน้าตอนนี้คือใบหน้าของไอ้เด็กที่ชื่อ กุญแจ  มันที่กำลังยืนอุ้มถังป๊อบคอนด้วยมือข้างนึง ส่วนอีกมือก็อุ้มแก้วน้ำอยู่ แล้วมันซื้อมาแต่ไซต์ใหญ่ด้วยนะ คือเมื่อกี้มึงพึ่งกินข้าวมาไง



พวกเรากำลังมาดูหนังผีแม่ชีกันครับ และแน่นอนว่ามีตัวพ่วงมาด้วยถึงสอง นั่นก็คืออาจารย์พี่ทัพหน้า และอีกหนึ่งคือไอ้เด็กตรงหน้านี่แหล่ะ



“นี่มึงซื้อมาแดกหรือถมที่”  มองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถามมันออกไปแบบนั้น



“ไม่สาระแนได้ไหมอ่ะ”



“ปากมึงนะไอ้หมู”



“ปากลุงก็หมาเหมือนกันอ่ะ เรียกหมูเชี่ยไรนักหนาอ่ะ ที่บ้านเปิดฟาร์มหรอ”  มันที่มองแรงใส่ผม แถมด่าออกมาแบบนั้น ไอ้เด็กนี่แม่ง



“เห้ยๆ เอาไปไหน”  กระชากถังป๊อบคอนมาจกแดกเย้ยแม่งเลย นี่แน่ะ แดกโชว์เลย



‘กล้วมๆ’



“ลุงงงงง ของกู”



“แต่เงินกู กูจะแดกเท่าไหร่ก็ได้ อีกอย่างมึงดูตูดมึง ใหญ่มาก พอ เลิกแดก”



“ไอ้สัด”



“กูได้ยิน”  ด่ากูไม่เบาเลยนะมึง มองหน้ามันที่มองค้อนใส่กูไปอีก จ้า ดื้อเหลือเกินไอ้ห่าลูกหมูเด็ก



“ว่าแต่เมื่อกี้ลุงมองไรอยู่อ่ะ”



อะ เสือกเก่ง แถมเรื่องที่มันเสือกยังเป็นเรื่องที่กูสะกิดใจไปอีก ... ก็จะอะไร ผมก็แค่กำลังมองข้าวโพดที่หัวเราะเกาะแขนอาจารย์พี่ทัพไปซื้อตั๋วหนังอยู่ตอนนี้ไง รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นภาพแบบนี้ คือผมไม่ได้คิดไปเองนะครับ ถึงแม้ว่าผมกับข้าวโพดจะยังไม่ได้พูดกันชัดๆว่าเราเป็นอะไรกัน แต่สิ่งที่เราทำๆกันอยู่ทุกวันนี้ มันก็แทบจะเป็นมากกว่าเพื่อนอยู่แล้วไหม แต่ตอนนี้ที่ผมเห็น....มันคืออะไร



“เอ้า เงียบๆ เงียบเหมือนลืมปากไว้บ้านเลย”



“เสือกจะวะไอ้หมู”



“โอ๊ยย เกลียดมึงไอ้ลุง!” 



ได้ยินเสียงไอ้แจไล่บ่นมาตามหลังแบบนั้น ก็ไม่ได้สนใจอะไรมันครับ ปล่อยให้มันโวยวายของมันอยู่แบบนั้นนั่นแหล่ะ เพราะเวลาปากเล็กๆนั่นมันยื่นออกมาบ่นๆ ดูๆแล้วก็ตลกดี



การตัดสินใจมาดูหนังครั้งนี้ของผม ถือเป็นเรื่องเหี้ยที่สุดเท่าที่เคยตัดสินใจมา หรือจริงๆมันอาจจะถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้ได้เห็นอะไรในมุมอื่นๆได้ชัดขึ้นหรือเปล่าวะ



“เกิดอะไรขึ้น” 



ผมที่เดินออกมาจากห้าง หลังจากดูหนังจบแล้วตาหาไอ้บินไม่เจอ ไม่รู้มันไปตายห่าที่ไหน ตอนนั่งดูหนังกันยังไม่ถึงครึ่งเรื่องก็เห็นแม่งเดินออกจากโรงไปแล้ว พอดูจบเลยตามหามันแต่ก็ไม่เจอ และแน่นอนว่าตอนนี้กูไม่เจอใครเลย จนต้องเดินออกมาจากห้าง ตั้งใจจะขับรถกลับบ้านแล้ว แต่ก็เจอไอ้แจกับข้าวโพดยืนอยู่ตรงนี้



“อ้าวลุง ไปไหนมาวะ”



“ไปตามหาไอ้บิน แล้วนี่มีอะไรกัน ไอ้เมลกับอาจารย์ล่ะ” 



ผมถามออกไป มองหน้าข้าวโพดที่ยังคงยืนนิ่งๆมองออกไปตรงทางออกที่ให้รถขับออก ร่างเล็กๆที่ผมชอบไม่หันมามองผมเลย ริมฝีปากเล็กๆที่ครั้งนึงผมเคยจูบขบเม้มเข้าหากัน รวมถึงฝ่ามือเล็กๆที่ผมเคยกุมตอนนี้ก็กำมือจนแน่น ...



มีเรื่องอะไร



ตั้งใจจะเดินเข้าไปจับมือถาม แต่ติดตรงที่ไอ้แจเดินเข้ามาขวางไว้ซะก่อน ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันในตอนนี้  ไอ้ลูกหมูดื้อที่มายืนตรงหน้าผม



“พอดีเฮียทัพพาพี่เมลกลับบ้านแล้วน่ะ พอดีเกิดเรื่องเพราะความสาระแนเสนอตัวของสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างจะมั่นหน้ามั่นโหนกน่ะ” 



มันที่ว่าออกมาแบบชิลๆพลางยิ้มกว้าง และแน่นอนว่ากูไม่เข้าใจเลยว่าหมายถึงอะไร นอกจากที่รู้ว่าอาจารย์ทัพหน้าพาไอ้เมลกลับไปแล้ว



“อ่อ งั้น....กลับกันไหมโพด”  ผมถามออกไป ไม่สนใจไอ้ลูกหมูเด็กที่ยืนบังข้าวโพดอยู่จนมิดตอนนี้



“ไม่ อู๋กลับเหอะ เรากลับเองได้” 



น้ำเสียงปั้นปึ่งที่ดูไม่สบอารมณ์มากๆเอ่ยออกมาจากปากข้าวโพดในที่สุด สายตาใสๆที่ผมเคยเห็นมันผ่านแว่นตาหนามองหันกลับมาหาผมด้วยสายตาขุ่นๆ  ก่อนที่ร่างเล็กนั่นจะเดินผ่านผมไปแบบไม่ฟังอะไร



‘หมับ’



“โพด แล้วจะกลับยังไงให้เราไปส่..”



“ก็บอกไม่ต้องไงอู๋!” 



เสียงที่ตวาดใส่ผมพร้อมๆกับสายตาที่หันมามองผมแบบไม่สบอารมณ์ ข้อมือเล็กที่ผมเอื้อมไปดึงมาจับถูกสะบัดออกทันที  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นโพดเป็นแบบนี้ รู้สึกหน้าชาทั้งๆที่ไม่ถูกตบ แต่เหมือนผมกำลังเสือกทั้งๆที่เค้าไม่ได้ร้องขอ



“เห้ย มารยาทที่บ้านไม่สอนหรอ คนเค้าถามดีๆไหมอ่ะ ก็ตอบดีๆสิเว้ย” 



เสียงไอ้แจที่แทรกเข้ามาในตอนนี้  ไอ้ลูกหมูที่ยืนเท้าสะเอวด่าข้าวโพดอยู่ตอนนี้ เสียงที่ดังของมันทำเอาคนมองมาที่เรา  ข้าวโพดที่หันซ้ายหันขวาเพราะกำลังเป็นเป้าสายตาจากคำพูดของไอ้แจ ทำเสียงฮึดฮัดนิดหน่อยก่อนจะรีบจ้ำเท้าเดินหนีไป



“โอ้โห มารยาทไม่มีแต่มารยาเย๊อะเยอะ”



“นี่ พอแล้วน่า”



“อะไรของลุงวะ นี่โง่จริงหรือโง่จังถามแค่นี่”  มันที่หันมาเท้าเอวว่าผมแทน ก่อนจะกรอกตาวนไปวนมาใส่ผมแบบเอือมๆ  ดูมัน



“ว่ากูนะมึง”



“ก็จริง เหลือจะเชื่อ นี่ลุงดูไม่ออกหรอวะ ว่าไอ้พี่คนนั้นแทบจะแดกร่างเฮียผมเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้วไหม นี่โง่ขนาดนี้สอบเข้ามหาลัยได้ไงวะ เซ็งโคตร”  ด่ากูออกมารัวๆแบบไม่หายใจ กรอกตาวนไปแล้วทำหน้าเอือม แม่ง โดนเด็กด่า



“เหอะ” 



ได้แต่แค่นเสียงออกมาตอนที่ได้ยินมันว่าแบบนั้น  ... ทำไมผมจะดูไม่รู้วะ อายุเท่าไหร่ผ่านผู้หญิงผ่านผู้ชายมาตั้งกี่คน แต่แค่อาจจะคิดไม่ถึง ใช่ ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆนั่นแหล่ะ ก็โพดมันไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจอาจารย์ทัพหน้า แถมยังบอกหน้าตาซื่อๆว่าไอ้กุ๊กต่างหากที่ชอบ แต่... เหอะ กูโดนหลอกสินะ



“หน้าเศร้าๆ เอาน่า คนเราก็โง่ก่อนฉลาดไหมวะลุง อะไรที่ผ่านมาแล้วมันแก้ไม่ได้ ก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วมาเริ่มใหม่ไม่ดีกว่าหรอวะ ไม่เอาไม่เครียด เราไปหาของแดกปลอบใจกันดีกว่า แฮปปี้!” 



ไอ้ลูกหมูตรงหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้น พร้อมมือเล็กๆป้อมๆของมันที่ยื่นมาคว้าเข้าที่มือของผมก่อนจะออกแรงลากให้กลับเข้าไปในห้างด้วยกันอีกรอบ



“แจ ถามจริง มึงจะแดกอีกแล้ว?”



“ช่ายยยย ไปแดกให้มีความสุขกันเถอะจ้า”  ร่าเริงจนกูงง มันที่ยิ้มกว้างๆออกมาจนตาปิด มือที่ยังจับมือของผมไว้ในตอนนี้ ...



เอาวะ โง่ก็ต้องมาก่อนฉลาดแบบที่มันว่าก็ถูกแล้วนี่ ... แล้วกูก็จะไม่โง่ไปมากกว่านี้ รวมถึงไอ้บินด้วย กูจะไม่ปล่อยให้มึงโง่ต่อไปมากกว่านี้แล้วไอ้เพื่อนรัก แก๊งเราต้องฉลาด แสนเท่!



.

.

.



และนั่นก็เป็นเรื่องราวที่ทำให้ผมได้คิดอะไรมากขึ้น  หลังจากวันนั้นก็เจอไอ้กุญแจมากขึ้น เป็นการเจอมันแบบที่ไม่เคยตั้งใจ จะเจอมันตามร้านอาหารหรือร้านของกินไปเรื่อย ยกเว้นวันนี้ วันที่ผมตั้งใจสลัดข้าวโพดออกจากตัว และคว้าไอ้เด็กตรงหน้ามาแบบงงๆ  ... ไม่ได้นัดไรมันทั้งนั้นแหล่ะ แค่...ต้องการทำให้ข้าวโพดเสียหน้าบ้าง และบอกให้รู้ว่าคุณไม่ได้ทิ้งผมนะครับ ผมต่างหากล่ะที่ทิ้งคุณ หึ



“ลุง ไม่แดกล่ะ เหม่อไร นี่กำลังคิดว่าตัวเองติด1ใน11คนได้เดบิ้วเป็นวันนาวันงะ?”   



เสียงใสๆที่ดังมาจากคนตรงหน้า ทำให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์  ภาพตรงหน้าคือเด็กหน้าแป้นแล้นที่กำลังนั่งขมวดคิ้วจ้องหน้าผมอยู่ มือสองข้างที่ใส่ถุงมือของมันกำลังถือน้องไก่อยู่  ว่าแต่วันนาวันไหนของมันวะ?   



“พูดมากจังวะอ้วน”



“คือเคยไปนั่งอ้วนในบ้านลุงอ่อวะ ลุงแม่งชอบบูลลี่น้ำหนักกูอ่ะ รำคาญๆอิห่าลุง”



“ก็ถ้าจะด่าแบบนี้มึงไม่ต้องเคารพกูแล้วก็ได้ครับ”



“เอ้าได้หรอวะสัดอู๋”



‘แป๊ะ’



“โอ๊ยยย เจ็บนะ”



“ลามปาม ปากดีนะ” 



กวนตีนเหลือเกินเลยอดใจตบเหม่งมันไม่ไหวครับ ไอ้แจที่โดนตบหน้าผากไปทีได้แต่ทำหน้าตาเหยเกใส่ผม แต่มือมันก็ยังคงฉีกไก่เข้าปากอย่างต่อเนื่อง แถมสาปแช่งกูวนไปด้วย เอากับมันสิ



“ตละกะจังวะ แดกแบบนี้ไงเลยตูดใหญ่”



“ผมเคยเอาตูดไปนั่งทับหน้าพี่มึงหรอ ว่ากูอยู่ได้ แล้วนี่ก็ไม่ได้บอกว่าจะมาแดกเลยนะ พี่มึงลากกูมาเองอ่ะยังจะมาปากดีอีก”



“เออๆ แดกๆไปจะได้หยุดพูด” 



จิ้มกิมจิหัวไชเท้าดองแล้วส่งเข้าปากมัน ไอ้เด็กนั่นที่กำลังจะอ้าปากเถียงเลยโดนหัวไชเท้ายัดเข้าไปแทน มันที่ทำหน้าขัดใจ แต่กลับไปเคี้ยวกิมจิต่อ อะ...เลี้ยงง่ายดี



“นี่พี่ลุงมึง ผมรู้นะว่าวันนี้พี่เอาผมเป็นไม้กันหมาจากข้าวโพดเน่านั่นอ่ะ”



“แสนรู้”



“จะถือเป็นคำชมละกันนะจ๊ะ แต่ถือว่าผมช่วยละถูกป๊ะ เพราะงั้นมื้อนี้....”



“เออ กูเลี้ยงเอง”



“เย้! น่ารักจังวะลุงอู๋ กูสั่งข้าวผัดกิมจิพันสาหร่ายมาอีกดีกว่า”



“ใจเย็นครับไอ้หมู แดกให้หมดนี่ก่อนก็พอ ตะกละจังวะ”



“ไม่ได้หรอก ไม่ได้จ่ายเงินตัวเองทั้งทีนี่นา” 



ว่าแบบนั้นแล้วก็ยิ้มกว้างๆพร้อมตักข้าวเข้าปากไปอีก ผมได้แต่ส่ายหน้าตอนที่มันว่าออกมาแบบนั้น กุญแจแม่งเหมือนเปิดโลกใหม่ให้กับผม เป็นเด็กที่ไม่ซับซ้อน คิดอะไรก็ทำออกมาแบบนั้น แล้วอีกอย่าง เหมือนทั้งชีวิตนี้มันอยู่เพื่อแดก และแดกแบบมูมมามด้วย



“อ๊ะ”



“กินยังไงของมึงวะ”



เอื้อมมือไปหยิบเศษไก่ที่ติดปากมันออกให้ เป็นความรู้สึกที่เหมือนลูกทั้งใบหยุดหมุนไปทันทีตอนที่นิ้วแตะลงบนแก้มใส รู้สึกเหมือนไฟฟ้าแล่นช็อตขึ้นมาจากปลายนิ้วตรงสู่หัวใจในตอนนี้  ตากลมโตของไอ้แจที่จ้องตรงมาที่ผม รู้สึกเหมือนหน้ามันแดงขึ้นมาแปลกๆ เห็นแบบนั้นแล้วมันอดกระตกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้



“อ่ะ..เอ่อ แจทำเองได้ๆ” 



อึกอักๆวนไป ก่อนจะใช้มือป้อมๆของมันขึ้นมาปัดออกเอง ผมที่ถอยหลังกลับมาพิงพนักพิงแล้วยกขาขึ้นไขว่ห้าง เห็นไอ้แจเหลือบมองมานิดหน่อย พอมันเห็นผมที่จ้องอยู่ก็เสสายตาหลบ  เป็นครั้งแรกที่เห็นคนแบบมันเลิ่กลักได้แบบนี้



“กินมูมมามเป็นหมู”



“เรื่องแจน่า”



“หึ แบบนี้จะหาแฟนได้หรอวะ”



“ก็บอกว่าเรื่องของแจไงเล่า”



“กูก็แค่สงสารไง ว่าเป็นแบบนี้จะมีแฟนหรอวะ ตะกละขาใหญ่แดกดุ”



“เอ๊ะ ไม่เสือกสิลุง”



“ก็ไม่ได้เสือก แค่จะบอกว่า เห็นแบบนี้แล้วสงสารจังว่ะ กูเลยกะว่า”



“ว่า?” 



มันที่เอียงบคอพร้อมถามออกมาแบบนั้น ตาใสๆที่จ้องหน้าผมแบบสงสัยมากๆ เห็นแบบนั้นเลยเลือกจะยื่นหน้าข้ามโต๊ะเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะบอกมันออกไปแบบที่ตอนนี้อยากจะทำ



“จะเสียสละจีบหมูเด็กแบบมึงเองไง”



...


(มีต่อจ้า)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่21* {09.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 09-02-2019 20:32:50

[เมล]


หลังจากวันนั้นผ่านมาห้าวันแล้ว วันนั้นถามว่าคือวันไหน ก็วันที่ไอ้รี่โหยหวนยกใหญ่แล้วไอ้ทัพบอกว่ามันอยากเยยังไงล่ะ วันนั้นก็คือวันที่ไอ้ทัพหน้าเหมือนจะผีเข้าเดินเข้ามากอดผมแน่นๆร้องไห้อยู่แบบนั้นแถมยังพูดประโยคแปลกๆกับผมยังไง วันนั้นๆๆก็คือวันนั้นไงเล่า โง่ย ไม่อยากจะพูดถึงแล้ว รู้สึกเหมือนหน้าร้อนที่ไม่ใช่ฤดูร้อนเลยครับ ... และตั้งแต่วันนั้น ก็มีเรื่องมากมายเข้ามาให้ผมแปลกใจได้ไม่หยุด  เริ่มตั้งแต่ไอ้ทัพหน้าเปลี่ยนคนไปรับไปส่งผม ไม่ใช่พี่ธรอีกแล้วที่ทำหน้าที่นี้ ผมพยายามถามมันหลายครั้งว่าพี่ธรล่ะพี่ธรหายไปไหน ทำไมต้องเปลี่ยนคนด้วย แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็แค่



“กูสดวกแบบนี้ ถามหามันทำไมนัก ติดใจอะไร มันเป็นผัวมึงหรอ”

“ก็เปล่า”

“เออ ก็ถูก เพราะผัวมึงคือกูนี่”




คำตอบที่ได้มาชวนร้อนหน้าจนไม่คิดจะไปเซ้าซี้ถามมันอีก เพราะถามมาแล้วสองรอบ มันก็ตอบมาให้เขินแบบนี้ตลอด เก็บหน้าไวแดงตอนหน้าหนาวจะดีกว่า



เรื่องที่แปลกเรื่องต่อมาก็คือ หลังจากที่ผมกลับมาเรียนได้ตามปกติ สภาพบาดแผลตามร่างกายหายดีพร้อมๆกับไอ้กุ๊กที่กลับมาอยู่กลุ่มเราเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือ ไอ้ข้าวโพดได้ลาออกจากมหาลัยแล้ว แถมมีแจ้งว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศทั้งแบบนั้นอีกแน่ะ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่กับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าตัวผมจะยังมีคำถามมากมายอยากเคลียร์กับมัน แต่เรื่องกลับเป็นแบบนี้ไปซะได้



“กูยังงงๆว่ะ ที่บ้านมึงไม่ว่าไงบ้างหรอวะ ทำไมอยู่ๆถึงส่งมันไปแบบปุบปับ หรือเพราะเรื่องที่มันทำกับเรา?”



“จะต้องให้กูพูดอีกกี่ทีไอ้สัดเมล กูไม่ชอบพ่อตัวเอง แทบจะไม่อยากเสนอหน้าเข้าไปบ้านนั้นด้วยซ้ำ และกูก็บอกมึงไปเป็นรอบที่สองร้อยแล้วว่า กูก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันว่ามันไปไหน...แต่เหมือนตอนนี้ที่บ้านนั่นจะยุ่งๆแปลกๆ เหมือนจะมีเรื่องมีราวที่ต้องวิ่งเต้นปิดข่าวอะไรสักอย่าง อันนี้กูฟังจากแม่มาอีกทีนะ”



“แปลกจังวะ”  ผมได้แต่บ่นพึมพำออกไปแบบนั้นพร้อมเท้าคางพยักหน้ารับคำตอบกลับของมันแบบเนือยๆ



ตอนนี้ในเวลาใกล้จะ9โมงแล้ว ผมกับไอ้กุ๊กที่เข้ามานั่งรอเรียนแล้วตอนนี้ และแน่นอนว่าในวันนี้ก็ต้องเรียนวิชาของไอ้อาจารย์ทัพหน้าตัวดีนั่นไงล่ะครับ  เหลืออีกไม่กี่คาบก็จะจบคลาสนี้แล้วล่ะ และแน่นอนว่าช่วงเวลาแห่งการสอบมหาภัยกำลังจะมาถึง แค่นึกกูก็อยากตายแล้วครับ



“พวกมึงมาถึงไวจังวันนี้” 



และนี่ก็คือเรื่องแปลกประหลาดอีกหนึ่งเรื่องหลังจากวันนั้น  ไอ้บิน....ร่างสูงๆของมันที่เดินหน้าหล่อเข้ามาทักผมกับไอ้กุ๊กแบบนั้น จ้า....แต่สายตามึงไม่มองกูเลยอ่ะบิน ฮัลโหล ยู้ฮู้ กูเมลไง มีตัวตนนะมึง



“มาเวลาปกติ มึงต่างหากที่มาสาย ไอ้สัดอู๋ก็อีกคน”



ผมตอบออกไปแบบนั้น เมื่อไอ้กุ๊กไม่มีทีท่าที่จะอ้าปากตอบไอ้บินกลับไปผมเลยตอบแทน มันที่ไม่พูดอะไร เดินเข้ามานั่งลงข้างไอ้กุ๊กหน้าตาเฉยๆ สายตาคมของมันไม่โฟกัสไปที่ไหนนอกจากหน้าของไอ้กุ๊ก ส่วนไอ้กุ๊กเองก็ไม่ทำห่าอะไรนอกจากก้มหน้าจิ้มๆกดๆมือถือแบบไม่สนใจ



นี่ไงที่แปลก



“ไอ้อู๋มันไม่ว่างหรอก ตอนนี้อาจไปส่งเด็กอยู่ล่ะมั้ง”



“ห๊ะ มึงหมายความว่าไงวะ” 



เดี๋ยวนะ มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้อีกหรือเปล่ะวะแบบนี้  จ้องหน้าไอ้บินแบบคาดคั้นแต่มันกลับแค่ยกยิ้มเจ้าเล่แบบมีเลศนัยส่งมาให้  หึ่ย คิดว่ารู้เรื่องไอ้อู๋แล้วจะเหนือกว่ากูหรอวะไอ้บิน ถ้ามึงรู้ว่ากูรู้เรื่องอะไรมากกว่านี้มึงจะหนาว โด่วๆ



ผมน่ะคือคนที่กุมความลับของไอ้กุ๊กอยู่เลยนะเห้ย ผมรู้ว่าไอ้กุ๊กชอบไอ้บิน แต่ตอนนี้น่ะ ไอ้กุ๊กมันนิ่งมากๆ เอาจริงๆเหมือนมันแทบจะเมินไอ้บินไปเลยด้วยซ้ำ และปกติ ไอ้บินที่เฉยๆเรื่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้แม่งเอาแต่จ้องไอ้กุ๊กอยู่แบบนั้น แทบจะตามสิงตามไอ้กุ๊กยิ่งกว่าวิญญาณ กูอึดอัดแทน ส่วนเพื่อนกุ๊กของเรานี่ก็นิ่งเก่ง แหม่ะ ขัดใจเว้ย มึงนิ่งข่มความเขินใช่ไหม ดูออก!



“อะนี่ เอาไป มึงมาแต่เช้าคงยังไม่ได้กินอะไรมาแบบทุกทีใช่ไหมล่ะ” 



ไอ้บินที่วางแซนวิชไส้ทูน่าลงตรงหน้าไอ้กุ๊กพร้อมนมเมจิรสสตอเบอรี่  ไอ้กุ๊กที่ละสายตาออกมาจากมือถือแล้วหันไปมองหน้าไอ้บินนิ่งๆ เชี่ยๆๆ ลุ้นครับ คนในเหตุการณ์แบบผมนี่ลุ้นฉี่จะแตก เค้ามองตากันค่ะพี่ตา นกตื่นเต้นไปหมดแล้ว!!



“ไอ้เมลไม่ชอบไส้นี้นี่ และมันก็ชอบกินนมช็อคโกแลตด้วย”



สัด!



มึงจะพาดพิงถึงกูเพื่อ เค้าซื้อมาให้มึงจ้าเพื่อนกุ๊ก  ไรของมึงวะเนี่ย  มองเห็นไอ้บินที่หน้าถอดสีหน่อยๆในตอนนี้  เห็นพวกมันเป็นแบบนั้นแล้วหัวใจชิปเปอร์อ่อนแรงมากๆ กรอกตาใส่พวกแม่งแล้วละสายตาออกจากเหตุการณ์ตรงหน้าเลยละกัน กูเบื่อที่จะลุ้นครับ



“ก็กูไม่ได้ซื้อให้มัน แต่กูซื้อให้มึง” 



ได้ยินเสียงแว๊บๆมาจากไอ้บินที่ตอบกลับไอ้กุ๊กไป อู้ววว จิกเท้าแล้วจ้า อยากจะหันไปแซวเลยอ่ะ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเป็นจังหวะเดียวกันกับกับที่มือถือของผมมีแจ้งเตือนข้อความเข้ามาในตอนนี้พอดี



‘ตื่อดึ้ง’



และพอก้มลงไปมองแอพพลิเคชั่นที่ฮิตในประเทศเราก็ต้องกรอกตากันเลยทีเดียว ก็จะอะไรซะล่ะ ถ้าไม่ใช่อีกหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากคืนนั้นไงล่ะครับ เปลี่ยนมากจนกูกลัวเลยล่ะ



ทัพหน้า: [[ทำไรอยู่]]



คาราเมล: [[นั่งหายใจอยู่ รอไอ้อาจารย์พิเศษบางคนที่ไม่ยอมเข้ามาสอนสักที]]



ทัพหน้า: [[คิดถึง พิมพ์งี้]]



เนี่ย! อะไรแบบนี้นี่แหล่ะที่ทำให้ผมต้องสะดุ้งทุกทีที่ได้เห็น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นหลังจากวันนั้นมาก็เป็นแบบนี้เรื่อยๆ ผีไม่ได้เข้ามันใช่ไหมหรืออะไรช่วยตอบผมที ชอบมาทำให้ผมร้อนหน้าเรื่อยเลย เวลาที่เราคิดอยากจะตัดใจ สุดท้ายก็เป็นมันทุกทีที่วิ่งเอามือมาคว้ามือผมไว้ แล้วบอกว่าอย่าพึ่งไปอยู่ด้วยกันก่อนเถอะนะ



เป็นแบบนี้ทุกที ...



แล้วคิดว่าคนแบบไอ้คาราเมลจะไปชนะผู้ชายที่ชื่อว่าทัพหน้าหรอครับ ถามจริง!



ทัพหน้า: [[ทำไมเงียบ เขิน ก็พิมพ์งี้นะ]]



คาราเมล: [[โวะ ประสาทอ่ะ ใครจะคิดถึงพี่วะ]]



ทัพหน้า: [[อ่อหรอ ... แต่พี่คิดถึงเมลนะ]]



บึ้ม!



ระเบิดตัวเองให้ตายไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยได้ไหม



เนี่ย!!! และนี่เป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเวลา ไอ้พี่ๆผมๆเนี่ย เมื่อก่อนมีแต่มึงกับกูใช่ไหมล่ะครับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน แต่อยากขอร้องให้ช่วยหยุดก่อน ไม่ใช่ไม่ชอบนะครับ แต่กูจะตายเอานี่แหล่ะ



ทัพหน้า: [[อะเงียบอีกละ รู้ว่าเขินไม่ต้องตอบก็ได้ เจอกันในห้องเรียนนะครับ]]



ไม่....มึงไม่ต้องเสนอหน้ามาสอนกูแล้วไอ้เชี่ยพี่ทัพหน้า กูไม่พร้อมจะเจอเมิงงงงงงงงง



“ไอ้เมลทำไมมึงหน้าแดงจังวะ เป็นไรอ่ะ” 



ไอ้อู๋ที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องเรียน มันมองหน้าผมแบบงงๆปนจะเป็นห่วง และเสียงของมันก็ทำให้ไอ้บินกับไอ้กุ๊กที่ไม่รู้ว่าตอนนี้คุยงุ้งงิ้งอะไรกันอยู่ แต่เหมือนไอ้บินพยายามจะกุมมือมันไว้ พวกมันสองคนที่หันมามองที่ผมด้วยเช่นกัน



“เปล๊า กูร้อน!”



“เอ้า ถามเฉยๆมึงใส่อารมณ์ทำไมครับเพื่อน”  ไอ้อู๋ที่โดนผมตวาดเข้าให้ตอบออกมาแบบงงๆ  มันที่นั่งลงข้างๆมองผมตาปริบๆ



ไอ้บ้าเอ๊ย



และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างสูงๆของอาจารย์พิเศษในวันนี้เปิดประตูเข้ามาในห้องเรียน  ทัพหน้าที่อยู่ในชุดสูธแบบไม่เป็นทางการสีดำทั้งชุด เป็นการออลแบล็คที่ยิ่งทำให้คนตรงหน้าดูดีขึ้นไปอีก ถ้าไม่บอกก็นึกว่าเป็นนายแบบที่พึ่งหลุดออกมาจากนิตยสารยังไงยังงั้น ใบหน้าหล่อที่หันมาทางผมนิ่งๆเหมือนเช่นปกติเวลาที่เค้ามาสอน นักศึกษาที่นั่งอยู่แถวหน้าๆยกมือไหว้กันตามปกติ รวมถึงนักศึกษาสาวๆในห้องที่กรี๊ดพี่ท่านเป็นปกติเหมือนทุกที แต่ที่จะไม่ปกติก็ตรงที่สายตาคมๆที่จ้องมาที่ผม ก่อนจะทำปากขมุบขมิบให้ผมอ่านได้ว่า กระจก ... กระจกไรวะ งงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมากๆ แล้วใครจะไปพกกระจกมาครับ ผู้ชายนะเว้ย คิดแบบนั้นเลยเปิดกล้องมือถือยกขึ้นมาดูที่หน้าตัวเองแทน และนั่นก็ทำให้เข้าใจได้แบบชัดๆเลยว่า   



‘ตื่อดึง’



ทัพหน้า: [[หน้าแดงจังเลยคร้าบ]]



ยัง... มึงยังจะส่งข้อความมาขยี้กูอี๊กกกก!



เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าอาจารย์ที่เคารพที่ตอนนี้กำลังนั่งเอามือทั้งสองข้างประกอบกันไว้ใต้คาง สายตาคมๆที่มองตรงมาที่ผมแบบตั้งใจไม่มองไปที่อื่น ก่อนที่รอยยิ้มมุมปากจะค่อยๆกระตุกขึ้นมาและแถมด้วยการยักคิ้วส่งมาให้อีกหนึ่งดอก



โว้ยยยย ไอ้ทัพหน้ามันเล่นกูอีกแล้ว!



ทัพหน้า สิบแต้ม!!



.

.

.



“เอาล่ะครับนักศึกษา ชั่วโมงนี้ก็จบที่ตรงนี้นะ แล้วอย่าลืมรายงานกลุ่มที่จะต้องส่งผมก่อนจบคาบสุดท้ายด้วยล่ะ วันนี้เลิกคลาสได้ครับ” 



เสียงเข้มที่ว่าออกมาแบบนั้นทำเอานักศึกษาทั้งเซคร้องโอดโอยตามกันมาแบบติดๆ รวมถึงตัวผมด้วย



“เอาไงกันดีวะพวกเรา”  ไอ้อู๋ที่เอาหัวไถไปตามโต๊ะถามออกมาแบบเหนื่อยๆ



“เดี๋ยวพวกเราค่อยแบ่งหน้าที่กันอีกทีแล้วกันมึง”



ไอ้กุ๊กที่จดเลคเช่อร์ช่วงสุดท้ายเสร็จพอดีเงยหน้าขึ้นมาบอกพวกเราที่พยักหน้าตามมัน ก่อนที่จะเริ่มลงมือเก็บของใส่กระเป๋า



“คิรากร เดี๋ยวคุณช่วยถือของพวกนี้ไปส่งผมที่รถหน่อย” เสียงเข้มๆที่ดังมาจากหน้าห้องเรียนทำเอาผมต้องขมวดคิ้ว แต่นั่นแหล่ะ เคยเลี่ยงได้ที่ไหนวะ



“มึงไปเถอะ อย่าให้ผัวรอนาน”



“สัดกุ๊ก”



“ฮ่าๆ เดี๋ยวกูลงไปรอที่โรงอาหาร เคนะ”



“เออไอ้สัด”   



กวนตีนนัก อย่าให้ถึงคราวกูนะ กูจะล้อมึงยันลูกบวชเลย ... มองตามไอ้อู๋ไอ้บินไอ้กุ๊กที่เดินออกจากห้องไปแบบไม่มีใครคิดจะช่วยอยู่เป็นเพื่อนผม พอพวกมันไปกันหมดเลยเดินเข้าไปหาอาจารย์ที่ยืนหน้านิ่งเหมือนปกติอยู่หน้าชั้น



“อาจารย์จะให้ผมช่วยอะไร”



“ช่วยเอานี่เดินตามผมมาก็พอ”  ว่าแบบนั้นแล้วชี้นิ้วบอก ... ก็คือแค่แม็กบุ๊คเครื่องบางๆ บางยิ่งกว่าผ้าอนานัยแบบสลิมที่ดังๆอยู่ตอนนี้ คือมันถือไปเองก็ได้ไหมวะ!



“ทำไม ไม่พอใจผมหัก...”



“เดี๋ยวผมถือให้ครับ!”



แม่ง เอะอะๆจะหักคะแนนกูอย่างเดียวเลย ถ้าเป็นแต้มบ้านในแฮรี่พ็อตเตอร์ กูคงเหมือนแฮรี่ที่อยู่บ้านกริฟฟินดอร์แล้วถูกศาสตราจารย์สเนปหักคะแนนอ่ะแม่ง



ผมที่คว้ากระเป๋าโน๊ตบุ๊คนั่นมาสะพายด้วยความหงุดหงิดใจ ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายต้อยๆไปเรื่อยๆจนมาถึงลานจอดรถด้านหลังคณะ ไอ้ทัพหน้าที่หยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊คไปจากผมแล้วโยนเข้ารถมัสแตงสีแดงของมันไปแบบไม่สนใจว่าจะแตกจะพังหรือเปล่า ก่อนที่มันจะดันหลังผมพร้อมๆกับเปิดประตูรถด้านหลังและดันผมเข้าไปพร้อมๆกับที่มันก็ตามขึ้นมาด้วย



“เห้ยๆ ทำไรวะอาจารย์! ที่นี่มันมหาลัยนะเว้ย” แตกตื่นตกใจทันทีที่อีกฝ่ายดันตัวผมนอนหงายและมันที่ปิดรถก็ตามมาคล่อมตัวผมไว้ทันที



“แสดงว่าที่บ้านได้ใช่ไหม”



“ที่ไหนก็ไม่ได้ เลิกเล่นสักทีไอ้บ้าทัพ”



“พูดไม่เพราะกับอาจารย์ได้ไง หักคะแนนนะ”  นั่นไง! แม่งอีกละ


“หึ ดูทำหน้าเข้า ขัดใจมากเลยดิ” 



มันที่ว่าแบบนั้นพร้อมยกยิ้มขำๆใส่ผม ฝ่ามือหนาที่เลื่อนมาดึงจมูกของผมอย่างแกล้งๆ  ก่อนมันจะดึงตัวทั้งผมและตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง และจับตัวผมมานั่งคล่อมตักมันเนี่ย หึ่ย



“เลิกเล่นสักที จะไปก็ไปดิทัพ มากวนประสาททำไมเนี่ย” 



ยกมือขึ้นดันอกแกร่งของมันพร้อมจ้องหน้าว่าอีกฝ่าย แต่เหมือนมันจะไม่สนใจเท่าไหร่ มันที่แค่คว้ามือของผมไปจับก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบที่ปลายนิ้วเบาๆ สัมผัสแผ่วๆที่ทำเอาผมขนลุกซู่ สายตาคมของคนบนตัวที่มองปลายนิ้วของผมก่อนจะเลื่อนมาที่หน้าทำเอาร้อนไปหมดทั้งหน้า  สายตาร้อนแรงของมันที่ทำให้ผมอยากหายไปในตอนนี้



“เมล”



“อื้อ ทัพ อย่า...” 



ใบหน้าคมที่ซุกไซร้เบาๆที่ลำคอของผม ริมฝีปากอุ่นๆที่กดเบาๆไปตามลำคอลากไล้แผ่วๆจนลมหายใจของผมเริ่มติดขัด และนิ้วเรียวยาวของมันที่เริ่มปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของผมแหวกออกไปจากสาบเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้



“อ๊ะ ท...ทัพ”  ริมฝีปากร้อนๆที่ครอบลงบนหัวนมทำผมสะดุ้งไปทั้งตัว หัวสมองขาวโพลนและตัวสั่น หัวใจเต้นถี่ๆแรงๆเพราะรู้ว่าที่นี่มันที่ไหน กลางมหาลัยและในรถ!



“ทะ...ทัพ อ...อย่า”


“กูอยาก” มันที่หยุดและเอาหน้าฝังลงมาที่หน้าอกของผมนิ่งๆและพูดออกมาแบบหน้าด้านๆ ...อ...ไอ้บ้า



“อยากที่นี่ไม่ได้โว้ย!”


“งั้นกูอยากที่บ้านก็ได้สินะ” 



ใบหน้าหล่อที่ผละออกมาจากหน้าอกของผม ก่อนจะเงยหน้าจ้องตาผม สายตาคมวาววับแบบที่ผมไม่เคยเห็น สายตาของมันที่เหมือนกำลังบอกว่าอยากจะกินผมเข้าไปทั้งตัวแบบนี้มัน....



“เขินก็ไม่ต้องตอบ แต่เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วจะไปกินนะ”



“โว้ย ไม่เอาเว้ย!”



ทุบเข้าที่อกของมันไปที่ก่อนจะดึงเสื้อที่ตอนนี้ไปกองอยู่ที่ข้อพับแขนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ขึ้นมาใส่ดีๆ พยายามจะติดกระดุมแต่สายตาคมๆก็จ้องมองไม่ว่างตา ทำเอามือสั่นหน้าร้อนไปหมดแล้วตอนนี้



“หึ” 



ได้ยินเสียงหัวเราะร้ายๆมาจากคนที่ผมนั่งคล่อมตักอยู่ตอนนี้ก็ยิ่งร้อนรน ร้อนรนจนคนตรงหน้าต้องเอื้อมมือมาติดกระดุมให้แทนจนเสร็จ  และเมื่อติดมาจนถึงกระดุมเม็ดสุดท้าย หน้าหล่อๆของมันก็เลื่อนเข้ามาใกล้


‘ฟอด’



ก่อนจะหอมลงที่แก้มผมแบบเน้นๆ



“อ๊ะ...”



“มัดจำไว้ก่อน เดี๋ยวคืนนี้จะไปทำให้เสร็จนะ ดูดิ แม่งแข็งไปหมดแล้วเนี่ย”



“อะ...”



“มึงน่ารักว่ะเมล น่ารักแค่กับกูก็พอนะ”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น สายตาของผมและของอีกฝ่ายที่ประสานกันในตอนนี้ทำให้หัวใจสั่นไปหมด ฝ่ามือหนาที่เอื้อมมาเกี่ยวผมของผมทัดลงไปที่หูเบาๆ



“น่ารักแบบนี้ เดี๋ยวอาจารย์เพิ่มคะแนนพิเศษให้นะครับนักศึกษา”



อื้ม....ใครไหวไปก่อนเลยครับ!! โว้ยยยยย จับหน่อยกูจะล้มมมมม




--------------------------------


มาแล้วจ้าาาาาา  พร้อมกับการตะโกนคำว่า จับกูหน่อยจะล้มมมมมมมมม!อรุ่กๆอรักๆ!

ขอเชิญทุกคนมาหวีดในตอนนี้จ้าาา หลบพี่ทัพหน้าเดี๋ยวนี้ เฮียจะเดินจ้าา แม่เจ้าโว้ย

แคทไม่มีอะไรจะพูดมาก ตอนนี้อาจเรื่อยๆไปก่อนน้า และอาจจะไม่ยาวมาก เพราะเหมือนคนอ่านแคทจะไม่ชอบ

อ่านยาวๆเท่าไหร่ เหมือนยาวไปไม่อ่าน เพราะงั้นจัดไป12หน้าเนอะ อิอิ

หวังว่าจะชอบกันนะคะทุกโค้นนนนนนนนน อรุ่กๆอรุ่มๆ :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่21* {09.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 09-02-2019 22:22:53
นี่ตอนพิเศษป่ะ โอ้โห แบบอารมณ์พลิก ตลบหลังพลิกกลับกันเลย 555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่21* {09.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sarang ที่ 09-02-2019 22:54:03
จับไม่ไหวเขินตายอยู่ :hao6: :กอด1: พี่ทัพพอรู้ชัดว่าเมลไม่ได้ทำก็คือหยอดน้องเมลหนักมากกกกก กรี๊ดดด ไม่ไหวเขิน
ส่วนพี่อู๋ ชอบตรงแก๊งฉลาดแสนเท่ 555555
มาต่อเลยได้ไหมคุณแคทททททท :katai1: :call: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่21* {09.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 09-02-2019 23:11:12
เขินมากกกกกก คนละคนเลยพี่ทัพหน้าเรา ไหนคนใจร้ายตอนแรกๆไปไหนแล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่21* {09.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-02-2019 23:14:18
 :o8: :-[ :-[ :impress2: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่21* {09.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-02-2019 01:20:24
 :laugh:  พี่ทัพเปลี่ยนจนน้องเมลปรับตัวไม่ทันเลย
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่21* {09.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 10-02-2019 12:13:52
 :m25:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่21* {09.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 10-02-2019 13:09:05
น้องแจดูสับสนในตัวเองนะลูก จะลุงหรือพี่หรือมึง 555555555555 ลำบากมั้ยเอ่ย

หมดดราม่าแล้วใช่ม้าา โชคดีนะทุกคลล

คนโง่ก็หายโง่ได้ เก่งมากเจ้าอู๋บิน อีกกี่ตอนจบคะ ใจหายย
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่21* {09.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-02-2019 04:25:32
555 ว้อยยยยพ่อคุณเอ๊ยยย บทไม่มีอุปสรรคแล้วอยากจะรักกัน ก็ดันทำซะหวานนน น้ำตาลยังแพ้ เขินนะเนี้ยยถึงจะตั้งตัวไม่ทันกับไอ้พี่ทัพก็เถอะ ไปๆรีบๆกลับบ้าน >.,< 555 //ไอ้เพื่อนอู๋ก็เหมือนกัน ฉันอยากจะแหมมมมมไปถึงดาวอังคาร 555  "....จีบหมูเด็กแบบมึงเองไง" วุ้ยๆ เดี๋ยวจะโดนหมูแจแดกเข้าไปทั้งตัว 5555 แจเองก็คงมีแอบๆคิดอยู่ละมั้ง ไม่งั้นคงไม่มาวอแวด้วยขนาดนี้ รึเปล่า?? คึคึ! กว่าจะจีบติดอู๋นี่เสี่ยงต่อการโดนแดกเข้าไปมาก อย่าปล่อยให้หิว มีเงินก็เปย์ๆนะ วัยกำลังโตกำลังกิน 5555 //ส่วนเพื่อนกุ๊กนั้น เอาละเว้ย มีเมินๆ เมินต่ออีกหน่อยนะ เห๊อะ ไงละเขาเลยคิดว่าซื่อมาให้อีกคน คึคึ! สมน้ำหน้าดีไหมนะ 55555 ง้ออีกหน่อยนะเพื่อนบิน //ว้อยยสนุกค่ะ อ่านไปยิ้มไป ^_^ ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลยค่ะ ชอบบ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่22* {16.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 16-02-2019 21:17:44


บทที่22


“เลิกเรียนแล้วจะไปไหนต่อป๊ะ”



“กลับบ้านสิวะ กูเหนื่อยมากเกินไป” 



ผมที่เงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะเลคเชอร์อย่างเหนื่อยๆ เพลียหัวใจทุกครั้งที่ต้องเรียนวิชาบรรยาย กูง่วง อยากวอนขอให้อาจารย์เลิกอ่านตามสไลค์สักที ถ้าจะทำแบบนี้ผมกลับไปอ่านเองที่บ้านก็ได้



“ส่วนกูจะไปรับหมูมาให้อาหาร”



“หมูเชี่ยไรวะ”  เอียงหน้าไปหาไอ้อู๋ มันก็แค่ยักคิ้วกวนๆมาให้  คืออะไร เดี๋ยวกูเตะตกเก้าอี้



“แล้วมึงอ่ะกุ๊ก”



“กลับห้องดิ มึงจะอยู่ทำเวรกับป้าภารโรงไง” 



อะ หนึ่งแต้มให้กุ๊กฟินดอร์ บินสลิธีรินมึงจะทำไงครับเพื่อน วันนี้จุกทั้งวันเพราะพอไอ้บินถามอะไรไป ไอ้กุ๊กก็จะสวนกลับมาหน้าตายแบบนี้นี่ล่ะ



“ก็เปล่า แค่ว่ามึงจะกลับกับกูไหม”



“ประสาทหรอวะ กูเอารถมา”   



อะ กูว่างานนี้บินสลิธีรินแพ้ราบครับโผ้มมม  หันหน้าไปหาไอ้อู๋อยากจะขอความเห็นมัน แต่ไอ้นั่นก็ทำแค่ยกยิ้มมุมปากพร้อมว่าออกมาเบาๆ



“อ่อน”



“สัด” 



และมันก็ได้รับคำชมเชยจากเพื่อนบินมาแบบไม่เบาเลยเช่นกัน  ... ผมที่ลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะเก็บหนังสือและชีทเรียนเข้ากระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกับบ้าน  วันนี้พี่คนขับรถคนใหม่จะมารับ พอมาคิดๆดูแล้วก็คิดถึงพี่ธรเหมือนกันนะ ผมว่ามันค่อนข้างจะแปลก อยู่ๆพี่แกก็หายไปไหนว้า ไปไม่บอกไม่กล่าวผมแบบนี้ได้ไง ถ้าเจอหน้าพ่อจะฟาดให้ พี่ธรน่ะมือขวาไอ้ทัพเลยนะครับ หายไปได้ยังไงกันวะ



“มึงเหม่ออะไรไอ้เมล”



“เปล่าหรอก กูแค่คิดอะไรนิดหน่อยอ่ะ”



“เออๆ ปะๆกลับกันเหอะว่ะ”  ไอ้อู๋ที่ไม่ซักไซร้อะไรต่ออีก มันที่ดูลุกลี้ลุกลนเหมือนจะรีบร้อนแปลกๆ



“มึงดูรีบนะ”  ผมถามมันออกไปแบบนั้นตอนที่พวกเราก็พากันเดินลงมาจากตึกเรียนพร้อมๆกัน



“รีบนิดหน่อย ไม่อยากปล่อยให้เด็กมันรอ”



“เด็ก?  เด็กไหนของมึงวะ?”



“อันนี้คือขี้เสือกนะครับ”



“เออ กูเสือกนั่นแหล่ะ กูจำได้ว่าล่าสุดมึงจีบข้าวโพด” 



กูงงมาก อะไรยังไง  มองเห็นไอ้อู๋ที่เหลือบสายตาไปมองไอ้บินตอนที่ผมพูดถึงข้าวโพด เป็นงงนะครับ เมลเป็นงง พวกมึงมีอะไรกันที่กูไม่รู้รึเปล่าวะ



“โพดหรอ ... กูจะจีบไปเพื่ออะไรวะคนแบบนั้น”



“หืออออ”   



ทำไมมันพูดแบบนี้วะ ผมกับไอ้กุ๊กน่ะรู้ซึ้งเรื่องนิสัยของไอ้โพดแล้ว แต่เรื่องวันที่พวกเราถูกจับตัวไปยังไม่ได้เล่าให้ไอ้บินกับไอ้อู๋ฟังเลยนะ ถึงแม้จะผ่านมาจะอาทิตย์แล้วก็เถอะ แต่ทำไมอู๋มันพูดแบบเหมือนรู้อะไรเลยวะ  .... ผมที่เลิกคิ้วแบบสงสัยใส่มัน แต่ไอ้อู๋ทำแค่ยักไหล่แบบไม่สนใจและไม่คิดจะอ้าปากบอกกูด้วย คืออยากรู้มากๆ อยากจะเร้าหรือหาความจริงกับมันต่อ แต่มันติดตรงที่เสียงฮือฮาหึ่งๆเหมือนผึ้งแตกรังตอนนี้นี่สิที่ทำให้ผมต้องหยุดปาก



พวกเราที่หยุดชะงักอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้าย มองตรงไปที่โถงกลางที่มีที่นั่งโต๊ะไม้อยู่หลายโต๊ะเพื่อให้เหล่านักศึกษามานั่งพักหรือนั่งทำงานกันได้ มันไม่ได้แปลกหรือแตกต่างจากทุกๆวันตรงไหน  ยกเว้นก็แต่โต๊ะสุดท้าย ใกล้ทางบันไดทางออกของโถงทางเข้าตรงนั้น ... ร่างสูงหนาที่ช่วงนี้ผมค่อนข้างจะคุ้นตา ไหล่หนาๆที่มองดูแล้วกูคิดว่ากำแพงนั่น ใบหน้าหล่อๆที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์จนชินรวมถึงปากแดงๆนั่นด้วย กูคุ้นมาก ... ทุกสายตาจับจ้องไปที่ร่างสูงที่กำลังใส่หูฟังและนั่งไขว่ห้างเอาตีนกระดิกดิ๊กๆไปแบบไม่สนใจใคร หน้าคมบาดจิตบาดใจไม่สนใจสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย  ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอหน่อยๆตอนที่เห็นพี่มัน และก็เป็นเวลาเดียวกันที่มันดูจะรู้งานมากๆเพราะเสือกเงยหน้าขึ้นมาได้จังหวะพอดี  ตาสบตา ... ฝ่ามือหนาที่ดึงหูฟังสีขาวออกจากหู ก่อนจะยกมือขึ้นโบกแบบเล่นใหญ่มากๆ และ...



“ยู้ฮู้ๆ!! ทางนี้เด็กๆ น้องคาราเมลหวานๆ น้องกุ๊กๆกู๋ยู้ฮูจ้า!!” 



โบกมือไปมาเล่นใหญ่เหมือนนั่งอยู่ในรัชดาลัยเธียร์เตอร์  ไอ้แม่ย้อย ขอปี๊บด้วยครับ



“พี่ดาบ มาได้ไงวะพี่!”



“เอ๊ะ อิน้อง ตบไหม ลงไปตบกับกูข้างล่างไหม ดานี่ เรียกใหม่เดี๋ยวนี้ อ่านปากตามเจ๊นะคะ ดานี่จ้า”  ว่าแบบนั้นออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้างๆจนตาปิดตอนที่พวกผมเดินไปถึงโต๊ะ ไอ้อู๋ดูจะตกตะลึงกับพี่มันมากๆ ส่วนไอ้บินที่มองมาแบบสงสัยหน่อยๆ



“อะ..เอ่อ พวกมึง นี่พี่ดาบ เอ้ย เจ๊ดานี่ ญาติอาจารย์ทัพหน้า”



“เรียกง่ายๆว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ค่อนข้างสนิ๊ทสนิทชิดเชื้อกันจ้า ว่าแต่น้องกุ๊กๆกู๋ทำไมทำหน้าบึ้งทำไมหน้าบึ้งจังๆคะ เห็นหน้าเจ๊ต้องยิ้มหวานๆก่อนทีนึง” 



เอียงตัวไปหาไอ้กุ๊กก่อนจะยื่นมือไปหยิกแก้มของมันแบบถือวิสาสะ ไอ้บินที่ตอนแรกมองแบบสงสัย ตอนนี้เหมือนเห็นคิ้วและตีนมันกระตุกเลย



“ทำเชี่ยไรวะพี่ดาบ”



“อิน้องกุ๊กๆกู๋เดี๋ยวนะ ถ้าหน้าตาไม่น่ารักนี่กูตบปากแล้วนะคะ” 



พี่ดาบที่ขมวดคิ้วด่ามัน ก่อนจะเอานิ้วชี้ของพี่แกดันหน้าผากไอ้กุ๊กจนหงายหลังไปทั้งตัว ตัวบางๆของมันที่เซไปชนเข้ากับอกของไอ้บินเต็มๆ



“ทำไรวะ” 



เสียงเข้มๆของไอ้บินที่ว่าออกมา พร้อมๆกับสายตาที่ไม่มีความแคลงใจต่อเจ๊ดานี่อีกต่อไป แต่สายตาแม่งเปลี่ยนเป็นพร้อมบวกพี่ดาบเลยทันที



“หื้ม เอ๋....” 



พี่ดาบ ขอเปลี่ยนเป็นเจ๊ดานี่ เพราะเจ๊แกเล่นเอียงคอพร้อมบีบเสียงทำเสียงสองใส่ สายตาคมๆของเจ๊ดานี่ที่วันนี้ปัดอายไลน์เนอร์สีไวน์มาพร้อมกรีดอายพอประมาณนั่นทำให้บอกไม่ถูกว่าจะหล่อหรือสวย เจ๊ดานี่มองไปที่ไอ้บินอย่างประเมิน ไล่มองไปตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนที่ริมฝีปากจะกระตุกยิ้มมุมปากออกมาในตอนนั้น



“หึ”



“อะไรของมึงวะ มองเชี่ยไร”  ไอ้บินที่หงุดหงิดจนว่าออกมาแบบนั้น เจ๊ดานี่ที่ยกมือขึ้นทาบอกในทันที



“ว๊ายๆ ผู้ชายจะต่อยตี งุ้ยๆ แซ่บๆโน๊ะ”  สายตาของเจ๊แกที่เปลี่ยนเป็นวิววับอีกครั้งแล้วเริ่มวี๊ดว๊าย ไอ้ชิพหาย กูปวดหัวกับสถานการณ์ตรงหน้า



“ไอ้สัดเจ๊นี่!”  ไอ้บินที่ว่าออกมาแบบฉุนๆ มันที่เดินเข้าหาเตรียมบวกเต็มที่ แต่ติดตรงที่ไอ้กุ๊กขวางไว้ซะก่อน



“หยุดนะมึงไอ้บิน”



“ว๊ายๆ น้องกุ๊กๆกู๋ของเจ๊ ช่วยด้วยค่ะๆผู้ชายจะทำร้ายเพราะความสวยๆของเจ๊ค่ะ”  ใครบอกมันแบบนั้นบอกกูมาเดี๋ยวนี้



“มึงปล่อยมือออกจากเอวเพื่อนกูเดี๋ยวนี้ไอ้สัดตุ๊ด”



“ไอ้บิน หยาบคายมากไปแล้วนะไอ้สัด”  ไอ้กุ๊กที่ว่าออกมา พร้อมๆกับผลักอกของไอ้บินเต็มแรง มันที่มองหน้าไอ้บินแบบโกรธๆ



“นี่มึงเข้าข้างมันมากกว่ากูหรอวะ!”



“ก็แล้วยังไงวะ ทีมึงยังเคยเข้าข้างไอ้โพดมากกว่ากูเลย!” 



ไอ้กุ๊กที่ตะคอกมันออกมาแบบนั้น ไอ้บินเองที่ตั้งถ้าจะเถียงและเดินเข้าหา ในตอนนั้นที่มันได้ฟังก็ชะงักไปทันที มองเห็นมันที่จ้องหน้าไอ้กุ๊กอยู่นิ่งๆ สายตาคมๆของไอ้บินที่เหมือนมันจะรู้สึกผิดมากเต็มที่ แต่ไม่แน่ใจว่า ไอ้กุ๊กจะรับรู้ได้ไหมเหมือนกัน



ปลายสายตามองไปที่ข้างหลัง มองเห็นอิเจ๊พี่ดาบแอบยิ้มมุมปากอยู่ตรงนั้น เอ๊ะ ไอ้สัดพี๊มึง!



...



“เดินหน้ามุ่ยเข้ามาแบบนั้นมึงเป็นอะไร” 



เสียงเข้มๆที่ดังมาจากห้องรับแขก หรือตอนนี้เรียกอีกอย่างว่า ที่สิงสถิตของไอ้หลง ผมที่ตกใจจนสะดุ้งหันไปมอง ก็เห็นคุณเจ้าของบ้านนั่งไขว่ห้างเปิดหนังสืออะไรสักอย่างอ่านอยู่  สายตาคมที่มองมาที่ผมพราวระยับ เนี่ย ไอ้ห่านี่อีกคนที่ทำเอาผมอยากกรี๊ดให้สาวแตก



“ทำไมมองหน้ากูแบบนั้น”



“ปะ...เปล่าๆ มึงอะคิดม๊าก เดี๋ยวๆ ขึ้นห้องก่อนนะ”  เลิ่กลักๆ



แม่งเอ๊ย อยากจะหนีมันไปไกลๆ รู้สึกหัวใจจะวายกับไอ้ทัพหน้าโหมดนี้จริงๆ มันมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว มีความพลิกจากหลัง



ตีนเป็นหน้ามือเลยครับ บอกตรงๆว่าอดีตที่ผ่านมาระหว่างผมกับไอ้ทัพหน้า มันก็ทำให้ผมอดระแวงไม่ได้



กลัวครับ



กลัวมันแกล้งทำดี แล้วตลบหลังผม เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่...ผมก็ไม่ลืมว่าในสายตาของไอ้ทัพ ผมเคยเป็นคนที่ฆ่าเมียมันในความรู้สึกของมัน



“เดี๋ยว!”



ชะงักขาที่กำลังจะก้าวขึ้นบันได้ไปในตอนที่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย รู้สึกร้อนวูบไปทั้งแผ่นหลังแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้หันไปมองก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงจ้องกันอยู่แน่ๆ



“มานี่เดี๋ยวนี้ไอ้เมล” 



กดเสียงต่ำดุๆออกมาเป็นคำสั่ง  ได้แต่กลืนน้ำลายหนืดๆลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะค่อยๆหันหลังกลับไปช้าๆ สายตาคมของคนร่างสูงที่นั่งอยู่กลางห้องโถงที่กำลังเอามือข้างนึงวางพาดไปกับพนักพิงและจ้องผมนิ่งๆแบบนั้น ... กูก๊ดดันนนนนนน



“อะ...อะไร คือ...”



“มา นี่”  ก็ทำไมต้องบังคับกันด้วยวะถามแค่นี้



“เร็ว ... มึงอย่าให้กูลุกไปลากมาเองนะ” 



หึ่ย! ชอบสั่ง ชอบดุ แล้วไอ้ตาดุๆที่มองมานิ่งๆนั่นก็ด้วย อย่าคิดว่ากลัวนะครับ! ... เดินเข้าไปหาแม่งเลย หยุดยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมาก แต่น่าจะไกลเกินไปสำหรับทัพหน้า



“ลีลานักวะ”



‘พลึบ’



“เหวอ อ๊ะ!” 



ร้องออกมาแบบนั้นตอนที่ฝ่ามือใหญ่ของคนที่เอาแต่นั่งจ้องผม คว้าเขามาที่ข้อมือของผมและดึงกระตุกแขนของผมเข้าไปหา สุดท้ายก็นั่งทำหน้าเหมือนเห็นผีอยู่บนตักของมัน



“ช้าดีนัก ... ไหนเป็นอะไรบอกหมอสิ” 



คนตรงหน้าที่ใช้ตาคมจ้องเข้ามาที่ตาของผม ฝ่ามือแกร่งข้างนึงของมันที่ประคองตัวผมไว้วางอยู่ที่เอว รู้สึกร้อนวูบวาบตรงที่โดนสัมผัสอยู่ตอนนี้  ช้อนตามองหน้าอีกคนแบบไม่กล้า รู้สึกร้อนหน้าไปหมด ... คือทำไมต้องมานั่งตักกันกลางบ้านแบบนี้ ถามจริงๆเถอะ



“หมอไรล่ะ มึงไม่ใช่หมอ มึงอ่ะมันมาเฟีย แล้วนี่ก็ปล่อยได้ไหมวะ อายคน”



“ไม่ใช่หมอก็ตรวจได้นะ ว่าไงเป็นอะไร” 



ถามต่อออกมาแบบตาใส หรือเรียกง่ายๆว่าหน้าด้านๆ ทัพหน้าที่ว่าแบบนั้นพร้อมๆกับยื่นหน้าหล่อเข้ามาใกล้ๆมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นแบบนั้นก็พยายามที่จะยืดตัวเอนหลังหนี แต่มันเองก็กระชับวงแขนให้ผมหนีไปไหนไม่ได้ สุดท้ายหน้าผากของคนตรงหน้าก็แตะเข้ามาที่หน้าผากของผม



ตึกตักๆ



หัวใจสั่นไหวเป็นสาวน้อยในนิยายแจ่มใส  แต่ทำยังไงได้ ใกล้ขนาดนี้ กูก็เขินนะครับมึง



“หน้าแดงนะ”



“พอ! เงียบไปเลย”



“หึ ขี้เขิน”



ฉ่า!



ไม่ใช่เสียงเนื้อสุกในเตาหมูกระทะ แต่เป็นหน้ากูเองจ้า เขินกว่าหนี ก็มุดอุ้งตีนให้รี่หนีไปแล้วครับ แม่งเอ๊ยๆๆ อยากอุดหมอนกรี๊ด



“เลิกมาแกล้งเล่นแบบนี้ได้ไหมวะ ปล่อยและถอยไปไกลๆเลยไป” 



พยายามตั้งสติให้ได้ ก่อนจะยกมือขึ้นดันอกแกร่งของคนตรงหน้าให้ออกไปไกลๆ และครั้งนี้อีกฝ่ายก็ยอมถอยแต่โดยดี



“ใครบอกกูแกล้ง กูทำจริง”



“ไอ้...”



“เงียบน่า ว่าแต่เป็นอะไร เดินเหมอหน้าเอ๋อเข้ามาเลย” 



ไม่สนใจฟังคำด่าของกู และเปลี่ยนเรื่องถามคำถามใหม่ออกมาซะงั้น แต่พอมันถามออกมาแบบนี้ก็นึกขึ้นได้พอดี เฮ้อ



“อะ ถามแล้วทำหน้าง้ำลงเหมือนไอ้หลงเวลางอน” 



คนตรงหน้าที่จ้องหน้าผมนิ่งๆแต่ในแววตากลับฉายแววเอ็นดูผม นิ้วเรียวของมันที่ก่อนเกลี่ยไปตามแก้มของผมให้ยิ่งรู้สึกขัดเขินแปลกๆ



“ว่าไง ไหนพูดมาสิ ปากไม่ได้อมฆวยกูอยู่นิ พูดมาสักทีกูรอฟังนานแล้วนะ”



“มึงนี่” ดูปากมัน ดูมันเปรียบเทียบนะครับ  มองแรงใส่ แต่อีกฝ่ายก็แค่ยกยิ้มกวนประสาท พร้อมๆกับเขย่าขาที่ผมนั่งทับอยู่เป็นการเร่งแทน



“ก็ไม่มอะไร แค่เพื่อนทะเลาะกัน”



“ใคร”



“ไอ้บินกับไอ้กุ๊ก”



“อ๋อออ ไอ้โย่งชู้รักกับเพื่อนตัวบางๆหน้าหมวยๆนั่นนี่เอง”  การเปรียบเทียบของแม่งคืออะไรครับ



“ชู้พ่อง อ๊ะ... เจ็บนะโว้ย”   ผมที่ตะโกนว่ามันแบบนั้นตอนที่มันยกมือขึ้นดีดปากล่างผม เจ็บจริงๆนะครับ ก็ดีดปากกูแบบไม่ออมแรงเลยอ่ะ จิตใจ



“อย่าพูดหยาบคายกับกู มึงเด็กกว่ากูเยอะนะ ถ้าได้ยินอีก กูจะไม่ยอมให้มึงพูด”



“จะให้กูนั่งอมลิ้นไงเล่า หึ่ย”  เถียงมันออกไปพร้อมมองแรงใส่  แต่อีกฝ่ายกลับทำแค่ยกยิ้มมุมปาก แล้วเอียงหน้าเข้ามาหอมแก้ม ลมหายใจอุ่นๆที่ไล้ไปตามใบหน้าทำให้ขนลุกจนต้องดันอกของมันเอาไว้



“ไม่ได้จะให้อมลิ้น แต่จะให้อม...”



“พอ! ไม่ต้องพูดเลยนะมึง ลามก!”



“คิดอะไรอ่ะครับคุณคาราเมล มาว่าผมลามกอะไร ผมหมายถึงจะให้อมยิ้ม จุ๊บๆจิ๊บๆน่ะ ทะลึ่งนะเราเนี่ย”



“ว้อยยย จุ๊บๆจิ๊บๆเชี่ยไรล่ะ ไม่คุยด้วยแล้วแม่ง ดีแต่แกล้งกูอยู่ได้ โรคจิต”  ผลักอกมันแรงๆจนอีกฝ่ายหงายหลังไปชนพนักพิง ผมเลยรีบกระโดดลงจากตักมันซะเลย



“หึหึ”



หันหลังเดินหนีขึ้นห้องแต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะถูกอกถูกใจดังตามมาหลอกหลอนอีก แม่ง ช่วงนี้ไม่รู้เป็นบ้าอะไรถึงอารมณ์ดีมากนัก



‘ตึกตักๆๆ’



 “อ๊ะ”



“เมี้ยวววววว” 



เสียงวิ่งกระทบกับพื้นหินอ่อนที่ทำให้ผมต้องหยุดเดิน พอหันไปมองก็เห็นไอ้ตัวเล็กที่ตอนนี้ดูจะเริ่มโตขึ้นมามากกว่าแต่ก่อนนิดหน่อย ไอ้น้องหลงตัวสีขาวสะอาดสะอ้าน แถมกลิ่นยังหอมฉุยวิ่งตามผมมาแบบติดสปีท พอเห็นแบบนั้นแล้วมันอดที่จะยิ้มกว้างๆออกมาไม่ได้



“ไอ้น้องหลง” 



ทรุดตัวลงไปรับเจ้าตัวเล็กขึ้นมาอุ้มไว้แนบอก ไอ้หลงเองที่ก็รีบตรงเข้าซุกกับอกผมทันทีอย่างอ้อนๆ หัวกลมๆบวกกับขนนุ่มๆของมันที่ถูไถไปมาตามคอของผม มันน่ารักจริงๆนะครับ



“เมียววว”



“ว่าไงไอ้ตัวดื้อ อยู่บ้านวันนี้ไปวิ่งเล่นกวนตีนไอ้รี่มันหรือเปล่า”



“งื้อ เมี้ยวว”  เจ้าตัวเล็กงับปากเล็กๆใส่กันก่อนจะส่ายหัวไปมาพร้อมกับช้อนตามองผมตาใสแจ๋ว



“อะไรเรา ฟังกูรู้เรื่องด้วยหรอ ฮ่าๆ แต่มึงยังหลบไอ้รี่อยู่อีกหรอวะ หลายวันแล้วนะที่ไม่เห็นไปวอแวไอ้รี่เนี่ย” 



พูดกับไอ้ตัวเล็กพร้อมๆกับเดินขึ้นไปด้านบนไปด้วย ไอ้ตัวเล็กที่แสงในตาดูวูบไหวแปลกๆ ไม่สดใสเหมือนก่อนหน้านี้ มันเป็นอะไรของมัน จะเป็นอาทิตย์แล้วที่ผมเห็นมันนอนอยู่แต่กับคอนโดแมวที่ทัพหน้าซื้อมาให้ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมจะต้องไปโวยวายหน้ากรงไอ้รี่ ที่มันจ้องแต่จะคาบลูกผมไปกก น่ากลัวมากๆ ไอ้สิงโตนี่มันโหด โฉด หื่น ไม่ต่างจากเจ้านายมันหรอก ดูออก! แต่นี่เป็นอาทิตย์แล้วครับหลังจากวันที่ไอ้ทัพบอกว่าไอ้รี่ติดสัตว์ ไอ้หลงก็ไม่ไปวอแว ดีแต่นั่งหัวเล็กหน้ามุ่ยอยู่ตัวเดียวกับของเล่นของมัน ผิดกับไอ้รี่ ที่โวยวายเกรี้ยวกราดทุกวัน คิดว่ากระจกกันกระสุนที่กั้นระหว่างกรงไอ้รี่กับห้องไอ้หลง ไม่รู้วันไหนจะพังเพราะฝีมือไอ้รี่ เห็นมันมาตะกรุยกระจกเป็นอาทิตย์แล้วเหมือนกัน มีแต่เรื่องแปลกๆจริงๆเลย



“ไม่เอาๆไม่ทำหน้ามุ่ย เดี๋ยววันนี้เอาแซลม่อนให้กินดีไหม หื้ม”



“เมี้ยวๆๆๆๆ”  ไม่รู้มันบ่นอะไรของมัน แต่จากหน้าตาซึมๆหางลู่หูตก ก็กลายเป็นกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ตาเศร้าๆของมันที่ช้อนมองหน้าผมด้วยประกายวิบวับแถมร้องเสียงเล็กไม่หยุดเลยเชียว



“ฮ่าๆ โอเคๆ เลิกดิ้นได้แล้ว กูจะไปอาบน้ำ นอนเล่นอยู่นี่ดีๆ อย่าซนนะไอ้เด็ก”



“เมี้ยววว” 



วางมันลงบนพื้นพรหมสีแดงภายในห้องไอ้ทัพ เจ้าตัวเล็กก็หงายท้องนอนกลิ้งเล่นทันที มองมันที่เอาอุ้งเท้าเขี่ยพรหมเล่นไปเรื่อยแล้วยิ้มออกมา



“เฮ้อ กูล่ะอยากเป็นแมวเด็กแบบมึงบ้างจังเลย”   



เมื่อก่อนที่ได้ยินพวกผู้ใหญ่บอกว่า อย่ารีบอยากโตเลย เป็นเด็กน่ะสบายที่สุดแล้ว ในตอนนั้นที่ผมยังเด็กกว่านี้ ผมก็เถียงออกไปว่าผู้ใหญ่จะไปเข้าใจอะไร เรียนก็เครียด คุณครูก็ดุ รายงานก็เยอะ เหนื่อยจะตาย ไม่อยากเรียนแล้วอยากรีบโต ... แต่มาวันนี้ ผมถึงได้พึ่งรู้ว่า คำพูดของผู้ใหญ่เหล่านั้นมันไม่ผิดเลย เพราะยิ่งโต เราก็จะหาความสุขได้น้อยลง อาจไม่ใช่เพราะตัวเราเอง แต่มันเป็นเพราะเรื่องราวต่างๆมากมายที่มีเข้ามาให้ได้รับผิดชอบในฐานะของผู้ใหญ่ที่มีความคิดมากกว่าเด็กตัวเล็กๆที่ต้องกังวลแค่เรื่องของคุณครูจะดุ ... ถ้าย้อนกลับไปได้ ผมจะขอนอนซ้อมตายไม่ต่างจากที่ไอ้หลงทำอยู่ตอนนี้ เพราะอย่างน้อยตอนเด็ก เรื่องที่กังวลมากที่สุด อาจเป็นแค่โดดหนังยางแพ้เพื่อนๆ และพรุ่งนี้เราก็จะมาแก้ตัวใหม่ได้  แต่โลกของความจริงที่โหดร้าย เราไม่มีทางได้แก้ไขอะไรได้ใหม่ ถ้าเราเริ่มและทำมันผิดพลาด ไม่ต่างจากผมในวันนี้ ที่ต้องคอยรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำ แม้ว่าผมจะไม่ได้ฆ่าณราชา แต่การที่เอาตัวมาผูกกับเรื่องนี้เอง ผมเองก็ต้องคอยรับผลของมันเช่นกัน



.

.

.





‘แกร่ง’



“เห้ย!” 



เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วต้องสะดุ้งตกใจยกใหญ่ กูนึกว่าจะเจอไอ้หลงน้อยนอนเล่นพรหม แต่ทำไมมันกลายเป็นไอ้รี่ตัวใหญ่ที่นั่งกระดิกตีนดิ๊กๆอยู่ปลายเตียงได้ล่ะวะ



“ไอ้หลงไปไหน” 



มองไปรอบๆห้อง มองไม่เห็นไอ้ลูกแมวตัวน้อยที่ผมหิ้วขึ้นมาด้วยเลยแม้แต่เงา  ไอ้ทัพหน้าที่ยกยิ้มมุมปาก ก่อนเลิกคิ้วนิดๆทำหน้าคิด .. น่าตบมากกว่าหล่อครับ จะกวนตีนอะไรอีก กูรับมือไม่ทันนะโว้ย



“อืมมม กูเอามันลงไปกินแซลม่อน” 



สาระแน  ไม่ใช่หน้าที่มึงเลยนะ อยากจะว่าแบบนั้นแต่ต้องเงียบปากไว้แทน



“หรอ ... แล้วมึงขึ้นมาทำไมอ่ะ”  รู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆกับสายตาของมันที่มองมา ก็ใครจะรู้ว่ามันจะมานั่งอยู่ตรงนี้วะ กูก็พันผ้าขนหนูออกมาแค่ผืนเดียวโล่งๆเลย ลมมันเย็นจังครับพี่น้อง



“ทำไม นี่มันบ้านกู กูจะอยู่ตรงไหนก็ได้”  มันที่ตอบกลับมาพร้อมยักคิ้วส่งมาให้สองจึก ... กวนตีน ...



กลับหลังหันหนีมันทันที ไม่อยู่แล้วครับ ตอนนี้ต้องการตู้เสื้อผ้า กางเกงและเสื้อนอนมากๆครับ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะไล่หลังมายิ่งทำให้ก้าวยาวๆหนีมาที่ห้องแต่งตัวอย่างไว ช่วงนี้ไอ้ทัพแปลกๆ ดูใจดีแต่เจ้าเล่ห์ ไม่อยากอยู่ใกล้ครับ ไม่ชินกับทัพหน้าร่างผัวแสนดี



‘หมับ’



“เชี่ย!”



“เคยบอกว่าไง บอกว่าอย่าพูดไม่เพราะกับพี่ไง” 



เสียงเข้มที่พูดใกล้ๆใบหูทำเอาหูร้อนและขนลุกไปทั้งตัว ฝ่ามือหนาที่วางไว้ที่สะโพกของผมยิ่งทำเอาร้อนวูบวาบไปหมด ว่าแต่มึงตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!



“เป็นบ้าหรอ ถอยๆ ร้อนๆ” พยายามจะพลิกตัวหนี แต่มันก็ไม่ยอมปล่อย ทัพหน้าที่รวบวงแขนแกร่งโอบกอดเอวของผมไว้อยู่แบบนั้น พร้อมๆกับที่ใบหน้าหล่อคมจะเอียงเข้ามาหาลำคอของผม



“อื้อ ทะ...ทำอะไรวะ”



“วันนี้น้องเมลสัญญา”



“กูเปล่า! แล้วเลิกเรียกน้องอะไรนี่สักที ผีเข้าหรอทัพ ปล่อยๆได้แล้ว”



“สบู่หอมจัง”  สัด! คุยเรื่องเดียวกับกูบ้าง แต่....มือมึงเนี่ย มือออออ!!



‘ฟึบ’



“ผ้าขนหนูเกะกะว่ะ”



“มะ...ไม่”



“เนอะ”  เดี๋ยว มึงเนอะกับใคร กูบอกว่าไม่ไงไอ้สาดดดด”



“อะ อื้อออ ทัพ ปล่อย”



“ชู่ววว เก็บเสียงไว้ครางบ้างก็ได้”



“อ๊ะ ทัพ อย่าจับ”



“ก็กูจับ” 



คนด้านหลังที่ว่าออกมาอย่างดื้อรั้น ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะกอบกุมเข้าที่แกนกายของผมอย่างจาบจ้วง ใบหน้าหล่อที่กดจูบไปตามลาดไหล่ ขบเม้มจนขึ้นรอยฟันไว้ที่ท้ายทอย



“อ๊ะ ทะ...ทัพ ทัพ...”



“เด็กดี”



...


(มีต่อจ้าาาา)

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่22* {16.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 16-02-2019 21:18:22
(ต่อจ้าาา)


“นี่หนูกุ๊กๆคะ หนูคิดยังไงถึงออกมากับพี่หรอคะ ดูท่าทางพ่อหนุ่มหล่อโย่งยาว อุ๊ป เจ๊หมายถึงตัวยาวนะคะ นั่นแหล่ะ เจ๊ว่าดูท่าทางเค้าจะไม่พอใจเลยน้า~”



“ทำไมเจ๊พูดมากจังวะ”  หันหน้าออกไปมองนอกร้านก่อนจะว่าพี่มันออกไป คนตรงหน้าที่ยิ้มขำๆที่โดนผมด่า ไม่เคยจะสะทกสะท้าน เพราะถ้ามันสะท้าน พี่มันคงไม่จีบปากจีบคอพูดไม่หยุดมาหลายนาทีหรอก



ใบหน้าหล่อคมที่ถ้าไม่มีพวกเครื่องสำอางค์ล้านแปดยี่ห้อทาอยู่บนใบหน้าก็คงจะหล่อจนสาวๆกรี๊ดตาย เอาจริงๆขนาดตอนนี้มีเครื่องสำอางค์เยอะขนาดนี้ สาวๆโต๊ะข้างๆก็ยังเอาแต่มองพี่มันไม่หยุดเลย พูดตรงๆถ้ามองแค่หน้าแบบไม่ได้มานั่งพูดกับพี่มัน  ในใจก็คงจะคิดว่าเจ๊ดานี่มันเป็นนายแบบที่ถ่ายแฟชั่นตามนิตยสาร เพราะการแต่งตัวแต่งหน้าจัดแบบนี้ก็คงมีแค่ในนิตยสารเท่านั้นล่ะ แต่พอมันเปิดปากพูดขึ้นมาเท่านั้นล่ะ กูอยากจะกุมขมับ



“แบบว่าขอพูดถึงหน่อยได้ไหมคะ อยากจะกรี๊ดๆเลยค่ะ น้องบินๆบินนี่เดอะพูลคนหล่อๆคนนั้นน่ะค่ะ”



“อันนั้นมันวินนี่เดอะพูไอ้สัดเจ๊”



“อ๊อย เป็นคนสวยๆโก๊ะๆ ลืมไปเลยว่าหมีพูคือวินนี่อ่ะโน๊ะ” 



กรอกตาใส่แม่ง สวยมากจ้า สวยคล้ายๆกำแพงเมืองจีนอ่ะครับ แผ่นหลังกว้างใหญ่เบอร์นั้นเลยล่ะอยากจะบอก



“เอ๊ะ อิหนูกุ๊กๆกู๋กรอกตาทำไม เดี๋ยวคนสวยข้ามไปดูดให้...”



“มึงจะดูดอะไรนะ”



“หมายถึงดูดน้ำในแก้วหนูเลย น่ากินโน๊ะ น่าจะอร่อยจุงเบย ฮิฮิ”



“แก้วนี่มันน้ำเปล่า”



“ตุ้งแช่!”   แช่หน้ามึง!



กูนี่ทำหน้าเพลียเลยเอาจริงๆ เกลียดมุกพี่มันครับ สองบาทสามบาทก็เล่นไม่หยุด เล่นอะไรขัดกับหนังหน้าหล่อๆมากเอาจริงๆ



“แหม่ ทำหน้าเพลียใจใส่กูแบบไม่ปิดบัง ให้เกียรติหน้าสวยๆของกูนิดนึงค่ะ”



“เอาเลยครับพี่ดาบ เอาตามที่พี่สบายใจเลยนะ”



“ดาบหน้ามึง แต่ให้กูเอาจริงป๊ะคะ กูเอาดาบกูแทงมึงเลยดีไหม”



“เนี่ย! มึงมันตุ๊ดปลอมอ่ะไอ้สัดพี่”



“ว๊ายยย บ้าบอ กูตุ๊ดจริงค่ะ! จริงๆนะจ๊ะเธอจ๋า มึงมองดูผมทิพกูสิคะ อยากถักเปียเลยเนี่ยเห็นไหม” 



พอด่าปุ๊บก็ทำตาปริบๆใส่แบบใสซื่อ มองกูพร้อมๆกับเอียงคอแด๊ะแด๋ไม่หยุด เหนื่อยหัวจิตหัวใจตอนที่พี่มันเอามือสางผมทิพที่ไม่มีอยู่จริงบนหัวกระโปกของมันครับ  ....



หันหน้าหนีจากหน้าพี่มันไปนอกร้านอีกรอบ ก่อนจะนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่มหาลัย ผมกับไอ้บินทะเลาะกันจนผมผลักอกมันแรงๆจนเซและตะคอกใส่มันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นะ จำไม่ได้แล้ว แต่ถ้าถามหาครั้งล่าสุดจริงๆก็คงเป็นก่อนหน้านี้ที่มันลามปามใส่อิเจ๊นี่ล่ะ ผมไม่พอใจมากๆ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด พี่ดาบมันก็เป็นคนช่วยชีวิตผม และพี่มันก็ไม่ได้ทำตัวแย่ แต่ไอ้บินไม่รู้เป็นบ้าอะไรมาหงุดหงิดใส่พี่มันแบบนั้น .... อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันหึงผม แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ไอ้บินมันชอบเมล แล้วอีกอย่าง พี่ดาบก็คือเจ๊ดานี่ร่างควายๆแบบนี้ มันจะมาหึงตุ๊ดกับผมทำไมล่ะ จริงไหม?



ตอนนี้พวกเรานั่งกันอยู่ที่ร้านไวน์ชื่อดังที่มีหลายสาขาในไทย แต่วันนี้มากินกันใกล้ๆตรงร้ายที่เส้นสุขุมวิท พี่มันสั่งไวน์ราคาแพงมาเปิดให้ผมชิมด้วย ลองชิมดูแล้วแก้วนึง อร่อยสมราคาเฉียดหมื่นดีครับ



“เหม่อมองฟ้า ฮาอ้าฮ่าฮ้าฮา~~~”  อะ เสียงเพลงลอยดังมาขัดความคิดกูอีก



“เจ๊ มึงเมาแล้วหรอ” 



หันกลับไปมองไอ้คนที่นั่งร้องเพลงอยู่ฝั่งตรงข้าม ลาบานูนก็มา ร้องเสียงดังจนอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปแขวะมัน แต่พอหันกลับไปเท่านั้นก็เหมือนจะถูกอกถูกใจมันที่เห็นผมหันมามองตัวเองได้สักที



“แหม่ ก็คือกูเห็นมึงเหม่อเหลือเกินนี่คะ หนูคิดอะไรอยู่คะ ไหนบอกคนสวยหน่อยได้ไหม มีอะไรปรึกษาเจ๊ได้นะเออ”   พี่มันที่ถามออกมาแบบนั้นแล้วจ้องตาผมกลับมาพร้อมทั้งยิ้มให้ ผมเองก็มองตาพี่มันกลับไปแบบไม่หลบเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างจ้องตากันอยู่แบบไม่ยอมกัน และพี่มันก็นั่งใจเย็นยังนั่งยิ้มใจดีมองผมอยู่ตรงนั้นอย่างไม่เร่งรีบ และผมก็ไม่ยอมเช่นกัน



“เฮ้อ...”  สุดท้ายพอผ่านไปหลายนาที ก็เป็นผมเองที่ถอนหายใจออกมาหนักๆอย่างยอมแพ้



“ว่าไงคะหนู”



“ไม่มีอะไรหรอกเจ๊ แค่มีเรื่องคิดมาก”



“ไม่สบายใจเรื่องหัวใจหรอคะหนูกุ๊กๆกู๋” 



มันที่ว่าออกมาแบบรู้ทัน สายตาคมกริบของพี่มันที่มองมาที่ผมเหมือนจะอ่านผมออกได้แม้กระทั่งความคิด เห็นมันที่กระตุกยิ้มแต่ก็ยังคงมองผมด้วยสายตาเอ็นดูกลับมาอยู่ดี



"เฮ้อ เรื่องของหัวจิตหัวใจนี่มันยากจริงๆนะคะ เจ๊เข้าใจค่ะ”



“ทำไมถึงเข้าใจวะ เคยแอบไปรักใครด้วยหรือไง” 



หันไปมองหน้ามันเต็มๆแบบสงสัย เอาจริงๆผมก็ค่อนข้างสงสัย เพราะพี่มันที่เป็นลุคแบบนี้เลยทำให้ข้องใจมากเป็นพิเศษ  ถ้าสมมุติมันเป็นผู้ชาย ผมจะไม่งงเลยครับ เพราะหน้าแบบนี้ไม่น่าจะเคยอกหัก แต่น่าจะเคยไปหักอกชาวบ้านมากกว่า



“แหม่ ทำไมจะไม่เคยล่ะคะหนู สวยๆแบบนี้ใช่ว่าจะไม่เคยเศร้านะคะ แต่เรื่องของหัวใจในพจนานุกรมของเจ๊ ไม่มีคำว่าปล่อยนะคะ”



“หื้ม หมายถึง?”



“ก็หมายถึง...ถ้าเรารักก็ต้องสู้”



“สู้?”



“ใช่ค่ะ สู้”



“สู้ ... ทั้งๆที่เราไม่เห็นทางที่จะชนะหรอวะพี่ สู้...ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทางหรอวะ”



“ใช่ค่ะ...เพราะอย่างน้อยเรายังได้ทำอะไร ไม่ใช่ยืนงงๆอยู่ในดงตีนแล้วถูกกระทืบเอาเฉยๆ อย่างน้อยก็ได้ต่อยออกไปสักหมัดสองหมัด ใครจะไปรู้ บางทีหมัดสองหมัด อาจจะต่อยคู่แข่งล้มคว่ำก็ได้ถูกไหมคะ”



“หรอวะ...ถ้าเป็นเจ๊ เจ๊ก็จะสู้จีบคนที่ชอบหรอวะ”  จ้องหน้าอีกฝ่ายแบบขอความคิดเห็น บางทีตัวผมเองก็อยากจะสู้ แต่เราจะสู้ไปเพื่ออะไร ถ้าอีกฝ่ายเค้ามีคนในใจของเค้าอยู่แล้ว



“หึ สู้สิคะ...ครั้งนี้พี่ก็จะสู้ค่ะ”



“หื้ม?”



“รอดูนะคะ พี่น่ะ อยากจะสู้มากๆเลยล่ะ”



พี่มันที่เอามือสองข้างเท้าคางตัวเองและจ้องหน้าผม ก่อนที่จะค่อยๆกระตุกยิ้มมุมปาก สายตาที่พี่มันมองมาในตอนนี้กำลังบอกอะไรบางอย่าง ... บางอย่างที่กูขอให้ตัวเองเดาผิดก็พอ



...



“อ๊ะ ทัพ อื้อออ”



เสียงของผมร้องครางออกมาในจังหวะที่หน้าไถไปแนบกับบานกระจกกว้างที่ไม่มีผ้าม่านปิด สะโพกของผมที่ถูกประคองจากฝ่ามือใหญ่ของคนที่อยู่ด้านหลัง ท่อนเอ็นร้อนๆของอีกฝ่ายที่ผลุบเข้าผลุบออกอย่างหนักหน่วงไม่ผ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย



“อืม เม...เมล”



“ทัพ อ๊ะ อ๊ะ เบา...เบาหน่อยทัพ” 



ร้องบอกออกไปแบบนั้น ตอนที่มันยกข้าของผมขึ้นข้างนึง แรงกระแทกที่ไม่เบาลงเลยแม้แต่น้อยทำเอาทั้งจุกทั้งเสียวจนน้ำตาซึม



“อ๊า..ซี๊ดด...อ๊ะๆๆ” “แม่งเอ๊ย...”



เสียงเข้มที่สบถออกมาแบบนั้นเบาๆในลำคอแกร่ง เหลียวตามองกลับไปด้านหลัง คนร่างสูงที่ยกมือขึ้นเสยผมที่ชื้นเหงื่อออก ดวงตาคมที่จ้องสบกับผมโดยบังเอิฐวาววับอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะค่อยๆเบาจังหวะจากไวเปลี่ยนเป็นช้าจนต้องจิกปลายเท้า อีกไม่เท่าไหร่ก็จะเสร็จ จะมากวนตีนอะไรอีกวะ



“ท...ทัพ”



“ว่าไง เรียกชื่อพี่ทำไม หื้ม” 



เกลียดคำว่าหื้มที่อีกฝ่ายจงใจเอียงหน้ามากระซิบข้างหู  ลิ้นของอีกฝ่ายที่แลบออกมาเลียอยู่ที่ติ่งหูของผมจะต้องเอียงคอหลบเพราะเสียวซ่าน แต่นั่นกลับเปิดทางให้อีกคนเอียงหน้าหล่อซุกลงไปที่ซอกคอขาวแทน ริมฝีปากหนาที่กดจูบแรงๆอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ พร้อมๆกับที่สะโพกแกร่งก็ค่อยๆขยับช้าๆอย่างแกล้งๆ



“ทัพ”



“เรียกพี่ดีๆ”



“พ...พี่ทัพ”



“ว่าไงครับ หื้ม”



“อย่...อย่าแกล้ง” 



บอกแบบนั้น ร่างสูงก็เอื้อมมือมาขยับด้านหน้าของผมแรงๆ แต่สะโพกสอบกลับค่อยๆขยับช้าๆจนเสียวไปทั้งตัว ความรู้สึกที่ใกล้จะปลดปล่อยหยดลงเมื่ออีกฝ่ายกำส่วนปลายของผมแบบปิดทางปลดปล่อย



“ทัพ”



“พี่ทัพสิ”



“อื้ออออ”



“ว่าไงเด็กดี อยากให้ทำอะไรทำไมไม่พูดล่ะครับ” 



ยกยิ้มมุมปากร้ายๆทั้งๆที่ตัวเองก็ขบกรามแน่น แต่ก็ยังคงขยับสะโพกเข้าออกช้าๆแบบทรมารผมอยู่ไม่หยุด ได้แต่หายใจหอบหนักๆจนหน้าแดงไปหมด เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนแบบไม่ไหวจะทนจนต้องโพร่งออกไปดังๆ



“โอ๊ยยย ใส่เข้ามาแรงๆสักทีสิพี่ทัพ เมลไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ้า”



“หึ จัดไป” 



เมื่อแกร่งให้ผมอายได้สมใจ ทัพหน้าที่ขยับเอวกระแทกสวนแรงอีกคน ร่างสองร่างสอดประสานกันไม่มีใครยอมใคร ปลายทางความสุขใกล้เข้ามาทุกที ทัพหน้ารั้งสะโพกเล็กไว้มั่น ขยับเอวหนากระแทกไม่ยั้งก่อนกระตุกเกร็งปล่อยน้ำรักเข้าร่างอีกคนจนหมด พร้อมๆกับเมลที่ก็ปลดปล่อยออกมาเลอะกระจกและพื้นพรหม ความเหนื่อยอ่อนทำเอาแข่งขาอ่อนแรงจนทรุดตัวล้มลงไป ทำให้แกนกายใหญ่หลุดออกจากช่องทางช้ำ น้ำสีขาวขุ่นจำนวนมากไหลย้อนออกมาตามขาเรียว ทัพหน้าที่ตามลงไปคว้าเอวบ้างไว้ นั่งซ้อนหลังอีกคนก่อนจะคว้าเอวบางมากอดไว้แน่นและขบกัดไหล่เล็กอีกครั้ง



“สมใจรึยัง”



“อื้อออ” ได้แต่ขมวดคิ้วครางออกมาอย่างหงุดหงิด ก็จะล้อกันทำไมวะ ก็เพราะใครล่ะที่แกล้งกันอยู่ได้



“พี่ถามไปงั้น... เพราะพี่ยังไม่สมใจ”



“ห...ห๊ะ!”



“อีกรอบนะเด็กดีของอาจารย์”



“ทัพพพ อ๊ะ อื้อออ”



ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะกระตุกยิ้มร้ายๆ แล้วพลิกตัวตามไปคล่อมทับอีกฝ่ายไว้อีกครั้ง .... เด็กดีแบบนี้ จะให้พี่พอในครั้งเดียวได้ยังไงกันล่ะ คาราเมล



...





“ขอบคุณมากนะเจ๊ที่พาไปแดกข้าว”



“ทานข้าวก็พอค่ะแหม่ หน้าตาก็หมวยๆ ปากหมาจุง”



“หมาเหมือนปากเจ๊แหล่ะ ผมไปนะ หวัดดี” 



ยกมือไหว้พี่มัน ก่อนจะรีบเปิดประตูลงรถ แต่ติดตรงที่มือของอีกคนที่เอื้อมมาคว้าข้อมือของผมไว้ก่อน ได้แต่ขมวดคิ้วหันไปมองมันแบบงงๆ



“หนูอยากโดนหมาเลียปากไหมคะ?”



“พ่องมึง! ลาเด้อ!” 



ว่าแบบนั้นก่อนจะสะบัดมือออก แล้วกระโดดลงจากรถแม่งทันที  ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากรถดังลั่น กวนตีนชิพหาย ไอ้เชี่ยเจ๊ดาบ กวนตีนจนต้องหันกลับไปยกนิ้วกลางชูให้ แต่อีกฝ่ายเสือกทำแค่ยกมือขึ้นบ๊ายบายก่อนจะขับออกไป ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเหนื่อยๆ ยืนดูจนรถเจ๊มันหายไป ค่อยหันกลับเดินเข้าไปในคอนโด แล้วก็ต้องชะงักขาเมื่อมองเห็นคนตรงหน้าที่ยืนทำหน้าทะมึนอยู่ตรงนี้



มายืนทำเหี้ยอะไรตรงนี้วะ



“มึงมายืน...”



“ไปไหนกับไอ้ตุ๊กควายนั่นมา”



“มึงพูดถึงเจ๊มันดีๆหน่อย เจ๊มันเป็นคนดีนะเว้ย”  ขมวดคิ้วใส่มัน พยายามจะเดินหนีเพื่อไปกดลิฟ แต่ไอ้บินก็เดินตามเข้ามาอีก



“ทำไม มึงปกป้องทำไม!”



“แล้วมึงจะมาตะคอกกูทำไม เป็นบ้าหรอวะบิน”  ไม่เข้าใจว่าเป็นห่าอะไร กับผมถึงพูดดีไม่ได้ ถ้าเป็นไอ้เมลผมอยากจะรู้ว่ามันจะกล้าตะคอกไหม



“กูถาม มึงอย่ามาโยกโย้ กูเห็นมึงปกป้องมันตลอด ทำไมวะ มึงชอบมันรึไง!”



“แล้วถ้ากูจะชอบแล้วมึงจะมีปัญหาเชี่ยไรล่ะ”



“กูไม่ยอม!”  เสียงตะคอกเข้มๆที่ดังตะคอกหน้าผมอย่างโมโห ทำเอาตาเบิกกว้าง ไม่เคยเห็นมันโมโหหน้าดำหน้าแดงแบบนี้มาก่อน แล้วไม่ยอมของมันนี่คืออะไร



“ห๊ะ?”



“มึงไม่ต้องห๊ะ มึงมานี่เลย!”  มันที่ยังตะคอกออกมาแบบนั้นแล้วเอื้อมมือมากระชากแขนผมจนเซเข้าไปหามันทั้งแบบนั้น



‘ติ๊ง’



ประตูลิฟที่เปิดออกมา ก่อนที่คนที่อยู่ในลิฟจะเดินออกมา ผู้ชายตรงหน้าที่ทำเอาเราขมวดคิ้ว



“เอ้ากุ๊ก พึ่งกลับหรอ เราว่าจะ...”



“ถอยไปไอ้แป๊ะเตี้ย!”  ไอ้บินที่ดูหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกตอนที่เห็นหน้าของไอ้เบน



“เห้ยๆ มึงใจเย็นก่อนดิบิน กุ๊กมันเจ็บนะเว้ย” 



ไอ้เบนที่พยายามจะเข้ามาช่วยผมให้ออกจากการเกาะกุมของบิน แต่ไอ้บินที่ดูจะหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก ฝ่ามือแกร่งของมันอีกข้างยกขึ้นมาผลักอกไอ้เบนจนเซออกจากลิฟ ก่อนที่มันจะกระชากตัวผมให้เข้าไปอยู่ในลิฟกับมัน เบนที่เซถอยหลังออกไปนอกลิฟมองกลับมาแบบไม่เข้าใจ  ไอ้บินที่ยกมือชี้หน้ามันแบบโหดๆ ก่อนจะประกาศกร้าวออกมาเสียงก้อง ก้องไปทั้งใจของผม



“อย่ามาเสือก เรื่องผัวเมีย!”



----------



มาแล้วววววว

ขอร้อง มาอ่านมาเม้น โฮกฮากหืดหาดฟืดฟาดมากเด้ออออ

ยังไม่ได้แก้คำอะไรใดๆ พึ่งเสร็จจ้าาา ขออนุญาตไปหาข้าวกินก่อน หิวม๊ากกกกกกกก

ใครไม่มาอ่านจะสาป เพราะเยาหิวม๊ากกก จะจับคนอ่านกินเลยน้าาาา :jul1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่22* {16.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 16-02-2019 23:54:33
โฮฮฮฮฮฮฮ เจ๊ดานี่ของเราจะอกหักหรอคะ  ม่ายยยยยน้าาาา สงสารเจ๊ ; - ; เจ๊เป็นคนดีนะคะ อย่าทำร้ายเจ๊เลยค่ะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่22* {16.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 17-02-2019 01:25:15
 :pig4:f
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่22* {16.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 17-02-2019 10:52:14
เรื่องแยกไหมคะ เจ้ดานี่ รู้สึกว่าเรื่องราวเจ้จะบันเทิงเหลือเกิน อยากเผือก 5555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่22* {16.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 19-02-2019 01:35:39
เจ๊ดาบ ร้ากกกกกกกกก :m20:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่22* {16.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 19-02-2019 11:01:40
เชรดด!ค้นพบคนหึงโหด 1 อัตรา 55555 เอาแล้วววกุ๊กจะรอดไหมงานนี้ ขอบคุณเจ๊ดานี่อีกแรงที่ช่วยเป็นตัวกระตุ้น แต่รู้สึกมีแววจะนำมาซึ่งความวุ่นวายให้กุ๊กอยู่ร่ำๆ 5555 อะไร เจ๊คิดไรกับกุ๊กด้วยป่าววะ ลองสู้จีบคนที่แอบชอบ มันยังไงๆ อร๊ายยเจ๊ดานี่ อย่ามากระตุกยิ้มร้าย 5555 //ช่วงนี้หื่นตลอดเลยนะไอ้พี่ทัพ หวานรัวๆ หมั่นไส้เว้ย คึคึ น้องหลงเป็นไรอะ เศร้าไรหืม ไอ้พี่รี่แกทำไรหลง มาง้อเลยด่วนๆ //เพื่อนอู๋นั้น ตอนนี้หายใจเข้าออกคือเด็กหมูอ้วน เออนะคนกำลังเห่อ 555 //สนุกกกกกกกกกกก อ่านเพลินมาก รอตอนต่อไปเลยค่ะ บินจะทำไรกุ๊ก กรี๊ดด >.,< รอรอรอนะคะ ขอบคุณที่แต่งและแบ่งปัน ไฟท์ติ้งค่ะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่22* {16.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 19-02-2019 11:53:41
ปั่นผ่วน
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่23* {23.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 23-02-2019 21:06:54

บทที่23



ผมที่มองตามหลังของเพื่อนตัวเองทั้งสามคนที่ต่างคนต่างเดินไปตามทางของตัวเองที่จะไป  ไอ้เมลที่เดินไปที่หน้าตึกเพื่อขึ้นรถที่ถูกส่งมาจากอาจารย์พี่ทัพเพื่อพามันกลับบ้าน ส่วนอีกด้าน ไอ้กุ๊กที่ผลักอกไอ้บินและด่ามันเสียงดังก่อนจะเดินตามเจ๊ดานี่อะไรนั่นออกไป หันกลับมาข้างๆตัว เพื่อนร่างสูงของกู ไอ้สัดบินที่เตะถังขยะจนล้มแล้วเดินหัวเสียออกไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นลานจอดรถที่มันจอดไว้ จ๊ะ...และก็เหลือแค่กู  พี่อู๋คนหล่อ แสนเท่! แต่เหมือนพวกแม่งจะลืมกู ไปกันแบบไม่ให้ความสำคัญกูเลยพวกห่านี่  แต่ก็ช่างแม่ง กูนี่ตรงไปที่อีกคณะเลยครับ ขับรถไปจอดไว้ในคณะมันเหมือนเรียนอยู่ที่นี่ เดินเข้าไปดักรอมันแถวๆหน้าคณะ ยืนรออยู่หลายนาทีก็เห็นร่างปุ๊กลุ๊กเหมือนกระปุกตั้งฉ่ายของเจ้าตัวที่ผมรอ ได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากตอนที่เห็นมันมองซ้ายมองขวาหน้าตาหลุกหลิกเหมือนกำลังอยากจะหนีใคร



หึ แน่ล่ะว่าไม่ใช่กู  เพราะถ้ามึงคิดจะหนีคนแบบพี่อู๋  ไอ้หมูมึงแพ้มากครับ



“แฮ่”



“โคตรพ่อมึง! ตกใจหมด”   ดูปากมัน



“นี่คือคำทักทายหรอวะไอ้ลูกหมู”



“ก็คนมันตกใจนี่หว่าอยู่ๆโผล่มาแหกปากแบบนี้ทำไมวะ แล้วลุงมึงมาทำไมที่นี่ หลีสาวหรอ อี๋ คนชั่ว ไปไกลๆคณะกูครับ”  ว่าแบบนั้นพร้อมทำหน้าทำตารังเกียจ ไม่พอมันยังยกมือขึ้นสะบัดไล่กันไปอีก



“ปากดีจังครับ ขอชิมได้ไหมวะ”



“สัดลุง มึงโรคจิตอ่ะ” 



มันที่ว่าแบบนั้นแล้วเบ้หน้าก่อนจะยกมือขึ้นมากอดนมตัวเอง เห็นหน้ามันแบบนั้นแล้วตลกชิพหาย  เป็นเด็กที่โคตรน่าแกล้ง

“กูโรคจิตได้มากกว่านี้นะมึงลองไหม แต่คนส่วนใหญ่ก็บอกกูว่าชอบนะ”



“ไม่เอาโว้ย ถอยๆ กูจะกลับบ้านแล้ว”  มันที่ว่าแบบนั้นแล้วเอาแฟ้มหนังสือมาผลักผมให้ออกห่างจากทางเดินของมัน แต่เรื่องไรล่ะ



“เดี๋ยวก่อน ไปหาไรกินกัน”



“ไม่เอา ทำไมกูต้องไปกับลุงวะ ไม่เอาอ่ะ”  มองหน้าผมแบบไม่ไว้ใจพร้อมสะบัดหัวไล่แรงๆ



“จะไม่เอาได้ไง ก็กูจะเอามึง”



“เนี่ย มึงมันคนเหี้ยอ่ะลุง ไม่ไปเว้ย”



“ฮ่าๆ กูล้อเล่นน่าลูกหมู ไปเหอะน่า จะพาไปกินซูชิ”



“ไปเองก็ได้ป๊ะลุง กะอิแค่ซูชิอ่ะ”



“แต่นี่จะพาไปกินโทโร่นะเว้ย ไม่ใช่ซูชิห้าบาทสิบบาท มึงไม่ไปแน่หรอ” 



กอดอกยักคิ้วใส่มันตอนที่บอกออกไปแบบนั้น ไอ้เด็กตรงหน้าที่ก่อนหน้านี้ทำหน้าบึ้งตึงจ้องจะหนีกันท่าเดียว ตอนนี้กลับทำสายตาวาววิบวับพร้อมๆกับกำมือและเม้มปากแน่นๆไปด้วยเหมือนกำลังต่อสู้กับความคิดของตัวเองอยู่ แก้มป่องๆของมันที่ยื่นออกมาตอนที่เจ้าตัวเม้มปากแบบนั้น เห็นแล้วอยากเอื้อมมือไปหยิกเล่น หมั่นเขี้ยวนัก



“ว่าไงลูกหมู โทโร่เลยน้า”



“โทโร่ที่ทองหล่อหรอ”   เชิดหน้าใส่ผมนิดๆแต่ก็แอบปลายตามามองหน่อยๆ ทำเชิงเหลือเกินพ่อคุณ



“เออ โทโร่ทองหล่อนั่นแหล่ะ จะพาไปเลี้ยง”



“มึงพูดแล้วนะ ถ้าไปถึงแล้วบอกจ่ายเอง จะให้เฮียปืนกับเฮียทัพมายิงแล้วให้เฮียดาบมาตุ๋ยตูดพี่มึงนะ” 



เชี่ย พี่มึงแต่ละคนนี่น่ากลัวจังวะ แล้วเดี๋ยวนะ เฮียดาบไหนวะ แต่ตุ๋ยตูดเชี่ยไรล่ะ เดี๋ยวกูตุ๋ยมึงก่อนนะ แค่กๆ แค่ความคิดมันลั่นไป



“เออน่า เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”



“ทำไมดีแปลกๆ หน้าตามึงชั่วอ่ะ ไม่น่าจะอยากเลี้ยงป๊ะวะ”  หรี่ตามองผมแบบจริงจัง เห็นแล้วหมั่นไส้ครับ หมั่นไส้จนต้องยกมือผลักหัวมันไปทีนึงเบาๆ



“นี่แน่ะ หลอกด่ากู จะไปไม่ไปหมู”



“เออๆ ก็ไปเดะ” 



ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมทำหน้าหยิ่งใส่ ส่ายหน้าใส่มันแบบหน่ายๆก่อนจะดึงเอาแฟ้มที่มันถือไว้มาถือเองแล้วหันหลังเดินหนีมันออกมาก่อน



“จะไปก็ตามกูมา ขาสั้นๆอ่ะรีบๆหน่อย ดีๆวิ่งตามกูมาไวๆ วิ่งสิวิ่ง วิ่งสิเอ๋วิ่ง”



“เอ๋พ่อง กูกุญแจโว้ย”



“เอ้าหรอ กูนึกว่าลูกหมู ฮ่าๆๆๆ”



“ไอ้สัดลุงงงงง กูจะหยัมปากมึง!” 



ได้ยินเสียงตะโกนด่าผมดังตามมาจากข้างหลัง ได้ยินแค่นั้นแต่ไม่ได้หันไปมองมันครับ แค่รู้สึกว่า อยู่ๆริมฝีปากมันก็ยกขึ้นมาเองแบบห้ามไม่อยู่ วันนี้คงเป็นอีกหนึ่งวันที่ผมจะรู้สึกว่าจะต้องปวดโหนกแก้มหน่อยๆ ไม่ได้มีความสุขมากเกินไปใช่ไหมวะตัวกู  บ้าน่า...นิดๆแค่นั้นเองแหล่ะครับ



...

               

เช้าวันใหม่ของไอ้เมลในเช้านี้ เริ่มต้นขึ้นมาอย่างไม่สู้ดี แค่ก้าวเดินแต่ละทีก็เจ็บยอกไปหมด ไอ้เชี่ยพี่ทัพหน้าเล่นกูไว้หนักหน่วง หนักหน่วงจนกูพึ่งได้นอนตอนตี2 จิตใจทำด้วยอะไร มึงเริ่มทำมาตั้งแต่3ทุ่ม เวร เหมือนคนตายอดตายอยาก อย่าเผลอนะมึง กูจะจะมึงทำเมียไอ้เชี่ยทัพหน้า



แสนแค้นใจ



ตื่นมาเรื่องเจ็บปวดใจเรื่องที่สองของผมก็คือ ไอ้หลงมันเป็นไรไม่รู้ มันดูหงอยๆเศร้าซึมพิลึก ลูกน้องแมวของผมหงอยแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ปกติมันจะต้องมาอ้อนมาเล่น แต่นี่มันเล่นแบบเหงาหงอย ฮื่อออ เมลเศร้ามากๆเลยครับ



“ไอ้หลง ไหนทำหน้าให้มันมันๆหน่อยดิ ทำไมนอนทำหน้ามู่ทู่เป็นแมวอดปลาทูแบบนี้เลยล่ะวะ หรือมึงอยากกินปลาทู ไม่ชอบแซลม่อนก็บอกกันดีๆดิวะหลง” 



ผมที่มานั่งเร้าหรือไอ้ลูกแมวเด็กของผมมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็มีแค่ไอ้หลงที่นอนนิ่งๆเอาหัวพิงของเล่นแล้วร้องแง้วๆเบาๆแบบไม่อยากทำอะไร ดูไม่มีกระจิตกระใจจะเล่นเหมือนทุกครั้ง เห็นมันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้วตั้งแต่วันที่ไอ้รี่แหกปากร้องเหมือนสิงโตติดสัตว์แบบที่ไอ้ทัพบอก ถ้าเป็นคนกูจะคิดว่ามึงอกหักแล้วนะไอ้ลูกแมว



“แง้ววว~เมี้ยวววว~~”  มันที่ร้องออกมาเบาๆเป็นรอบที่สิบ ยื่นขาเล็กๆของมันมาจับที่มือผม แต่ก็ยังนอนนิ่งๆอยู่แบบนั้น



“มึงอย่าเป็นแบบนี้สิวะหลง ไปหาหมอไหม เห็นแบบนี้แล้วจิตใจคนเป็นพ่อมันไม่สู้ดีเลยนะเว่ย”



“ใครบอกมึงเป็นพ่อมัน” 



เสียงเข้มๆของบุคคลที่กูไม่ได้รับเชิญ เสนอหน้าเข้ามาแบบไม่มีใครร้องขอ ไอ้เจ้าของบ้านนามว่าทัพหน้าคนใจโฉด เดินหน้าตามีความสุขเข้ามาแบบหน้าด้านๆ เหอะ เห็นหน้าแล้วมันหงุดหงิด มีความสุขมากสินะถึงกับผิวปาก หึ แสนแค้นใจนัก! เจ็บตูดโว้ย!!



“อะไร ค้อนกูทำไมครับ”  มันที่ยกยิ้มมุมปากหน่อยๆแล้วเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะยื่นนิ้วมาเขี่ยแก้มผมเล่น  กวนตีน



“แน่ะ มีปัดมือทิ้ง เล่นตัว”



“ไปไกลๆเลยไป”



“ทำไม” 



ไม่สนใจคำไล่กูไม่พอ ยังจะมีหน้านั่งลงข้างๆอีก ย้ำว่าข้างๆผมที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นตรงคอกไอ้หลง  คนแบบไอ้ทัพหน้าคนร้ายๆคนนั้นนั่นแหล่ะครับ ผีเข้าแต่เช้า ช่วงนี้ยิ่งทำตัวแปลกๆให้กูกลัวอยู่ด้วย



“บ่นอะไรมุบมิบๆวะ น่าบีบปาก”



“อื้อออ อ่อย”



“อะไรวะ อ่อยแต่เช้า ขี้ยั่ว”



‘ฟอด’



“อ...โอ้ยยย มาหอมกูแบบนี้ได้ไงวะไอ้บ้า”



“หึ ทำหน้าทำตาอะไรของมึงวะ ตลก ตาจะถลนออกจากเบ้า” 



มันที่จ้องผมนิ่งๆก่อนจะกดยิ้มนิดๆ ผมได้แต่ทำหน้าตาตื่นแล้วยกมือขึ้นมากุมแก้มข้างที่พึ่งโดนไอ้คนใจโฉดนี่หอม  เดี๋ยวนะ ไอ้ทัพหน้าหอมผมหรอวะ!



“เมี้ยววว”



“ทำไมกูจะหอมมึงไม่ได้  เหอะ ทั้งตัวกูก็เลียมาแล้ว”



“ไอ้เชี่ย อย่าพูดนะ!”   ยกมือขึ้นชี้หน้าแม่ง ไอ้บ้าๆๆ กูเขินเป็นสาวน้อยในนิยายสดใสเลย



“หึ อ่อนว่ะ ... ว่าแต่มึงเป็นไรไอ้สั้น มานอนเอาขาหน้าปิดตาทำไม เขินหรอวะ” 



ด่ากูจบก็เมินกูไปหาไอ้หลงทั้งแบบนั้น  คำพูดคำจาไม่อ่อนโยนพอๆกับการกระทำ ไอ้ทัพที่เอานิ้วไปเคาะๆหัวไอ้หลงอยู่แบบนั้น  ไอ้สัดนี่



“มันเจ็บนะโว้ย ตีหัวมันทำไม” ดึงแขนมันไว้ เพราะมันเล่นเคาะไม่หยุด มึงเห็นเป็นกลองชุดหรอแม่ง



“กูไม่ได้ตี กูสะกิด”



“หัวมันออกจะบอบบาง มึงแม่งใจบาป”



“ปากเก่งนะมึง” 



มันที่ว่าออกมาเสียงเข้มในตอนนั้น ทำเอาผมที่กำลังก้มลงไปดูไอ้หลงถึงกับสะดุ้ง  เพราะช่วงนี้มันใจดีกับผมมากๆ ตอนนี้ผมเลยไม่ค่อยระวังตัวเวลาจะพูดอะไร เรียกง่ายๆก็คือเหริงนั่นแหล่ะ



“ก..ก็ขอโ...”



“ปากเก่งแบบนี้ มันต้องโดนสักทีแล้วไหม” 



มันที่ว่าออกมาเสียงเข้มๆพร้อมๆกับฝ่ามือหนาที่เลื่อนมาจับเข้าที่ปลายคางของผม ได้แต่ตกตะลึงงันตั้งใจจะขยับตัวถอยห่างเพราะคิดว่ามันจะบีบคอแบบทุกที แต่ยังไม่ทันได้ถอยหนี ใบหน้าหล่อๆของมันก็ทาบเข้ามาใกล้ พร้อมๆกับริมฝีปากหยักที่ประกบจูบลงมาตอนที่ผมยังลืมตาและเบิกตาค้างอยู่แบบนั้น



ความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่วาบหวิวค่อยๆขบเม้มเบาๆ ลิ้นชื้นแฉะของอีกฝ่ายที่ไล้ไปตามกลีบปากของผม ขบเม้มเบาๆแผ่วๆพร้อมๆกับฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นมาแนบที่แก้มของผม ลูบไล้แผ่วๆไปตามโครงหน้า เป็นสัมผัสอ่อนโยนที่ทำให้ผมใจสั่นและสุดท้ายก็เผลอไผลเปิดริมฝีปากให้อีกฝ่ายสอดลิ้นเข้ามาจนได้



“หึ” 



ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนตรงหน้า พร้อมๆกับมุมปากของอีกคนที่กระตุกยกยิ้มขึ้นมาจนผมรู้สึกได้ พอเป็นแบบนั้นแล้วเหมือนมันพอใจมากๆ เห็นแบบนั้นแล้วอยากจะผลักอีกฝ่ายออกไป แต่ก็ไม่ทันเมื่อวงแขนแข็งแกร่งของมันรวบตัวผมเข้าไปกอดไว้ ก่อนจะขบเม้มและบดเบียดริมฝีปากเข้ามาใกล้ให้แนบชิดมากยิ่งขึ้น  จูบแผ่วๆเมื่อก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในตอนนี้ ตัวผมที่ถูกอีกคนอุ้มขึ้นไปนั่งคล่อมตักของมันไว้ ฝ่ามือร้อนๆของอีกฝ่ายที่ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของผม ก่อนจะสอดมือจากชายเสื้อเข้ามาลูบไล้ที่ผิวกายของผมแบบเน้นๆ



“อึก อื้ออ”



‘แกรกๆๆ’



“อึก อื้ออ ทะ อื้มม”   



พยายามจะอ้าปากเรียกอีกฝ่ายเมื่อรู้สึกเผลอไผลมากขึ้นไปเรื่อยๆ นิ้วแกร่งของมันที่เลื่อนมาด้านหน้าแล้วบี้หัวนมของผมอย่างตั้งใจ  รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่ใต้ตัวผมที่ผมกำลังนั่งทับอยู่ตอนนี้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่เปิดโอกาสให้ได้พูด ทำเพียงแค่จับหน้าของผมเอียงให้ได้มุมแล้วดูดปลายลิ้นของผมแรงๆจนเสียววูบไปทั้งตัว



“อื้มมม”



‘แกรกๆๆ’



‘แอ๊ด’



เสียงอะไรบางอย่างที่ได้ยินมาเป็นรอบที่สอง พยายามดันอกแกร่ง แต่อีกฝ่ายก็ตั้งหน้าตั้งตาจูบแบบเอาแต่ใจไปแบบนั้น เลื่อนฝ่ามือจากอกซ้ายมาที่หัวนมขวา หัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ที่ขยี้ลงที่หัวนมผมแบบเน้นๆยิ่งทำให้สมองเบลอ อยากจะทักเรื่องเสียงแปลกๆนั่นแต่ก็เผลอไผลไปกับสัมผัสของมัน



“เห้ยๆๆๆ พวกมึงจะเยกันกลางบ้านเลยหรอวะ!” 



เสียงของผู้มาใหม่ทำเอาทั้งผมและไอ้ทัพหน้าถึงกับสะดุ้ง  มองไปทางประตูที่มีพี่ปืนยืนพิงขอบประตูมองมา และอีกหนึ่งที่สาระแนโผล่หนังหน้าเข้ามาแบบอยากรู้อยากเห็น แค่เห็นแขนเสื้อสีเหลืองๆกูก็จำได้



“ฮัลโหลโอโม่ โอ้แม่เจ้าโว้ย ใจเย็นหน่อยพ่อหนุ่มทั้งสอง ใจเย็นโน๊ะเฮีย”



“พวกสัด มาบ้านกูทำเหี้ยอะไร” 



เป็นคำทักทายจากเจ้าของบ้านด้วยความมีไมตรีจิตร ไอ้ทัพที่ยกมือขึ้นเสยผมเพื่อระบายอารมณ์หน่อยๆ  ดูเหมือนอยากอ้าปากด่าต่ออีก แต่มันติดตรงเสียงที่ดังมาจากกระจกกั้นระหว่างห้องนี้กับกรงไอ้รี่ พอหันไปมองก็ชัดเลย



‘แกรกๆๆ’   กรงเท้าแหลมๆของไอ้รี่ที่ขูดกับกระจก แถมตอนนี้ยืนหน้าตาถมึงทึงอยู่แบบนั้น สิงโตประสาท



“โฮกกกกกก”



“มึงเหมือนกันไอ้รี่ มาทำเชี่ยไร!”  หงุดหงิดจนพาลสัตว์ มองไว้ครับหน้าตามันเป็นแบบนี้



“แหม่ๆ แล้วจะนั่งกันอยู่แบบนั้นอีกนานรึป่ะ”



“เสือก”



“ฮ่าๆ มึงทักทายเพื่อนกับน้องแบบนี้หรอวะไอ้ทัพ”



“สาระแน ใครใช้ให้พวกมึงมา ไปไหนก็ไปไป๊ สัด” 



พ่นทุกสรรพสัตว์ออกมาตามจำนวนอารมณ์  มีแต่ผมที่นั่งหน้าขึ้นสีอยู่ตอนนี้ ช้อนตามองก็เห็นน้องของไอ้ทัพหน้ามองมาพร้อมทำสีหน้าล้อกูอยู่ไกลๆ มึงมาใกล้ๆตีนกูนี่ พ่อจะยันให้  หมั่นไส้นักไอ้คนบ้านนี้



“เออๆ ปะไอ้รบ ไปรอพี่มึงที่ห้องทำงานมันกัน สงสัยจะติดสัตว์เหมือนสิงโตมันว่ะ ฮ่าๆ”



“ไปกันเหอะเฮียปืน ไม่อยากอยู่ใกล้พวกใจสัตว์”



“ไอ้สัตว์รบ!”



“ไปแล้วจ้า~~” 



“สัด”   



เมื่อเห็นว่าทั้งน้องชายและเพื่อนของตัวเองวิ่งหายออกไปแล้วก็ได้แต่นั่งกันอยู่นิ่งๆ ไม่ใช่กูไม่อยากลุก หน้าไม่หน้าเท่าไอ้ทัพที่จะนั่งคล่อมกันต่อหน้าคนอื่นได้หรอกครับ แต่เพราะไอ้ทัพหน้าคนหน้าด้านนี่แหล่ะที่ดึงเอวผมไว้แน่นไม่ยอมให้ผมลุกเนี่ยแหล่ะ ไอ้เลว



“ปล่อยกูได้แล้ว”



“น่าหงุดหงิดชะมัด”   



มันที่เอาหน้าลงมาซุกอยู่ที่หัวไหล่ของผม แล้วบ่นงึมงำออกมาเซ็งๆ  มันต้องขนาดนี้เลยหรอวะ



‘แกรกๆๆ’



“โว้ย ไอ้รี่ ไปไกลๆหน้ากูเลยไป” 



พาลยันสิงโต ก็คิดดูว่ามันหงุดหงิดแค่ไหน  ไอ้รี่ที่มองมา ในสายตาของมันที่ผมรู้สึกว่ามันเองก็หงุดหงิดเหมือนกัน มันที่ปรายตามองไปที่ไอ้หลง ไอ้ลูกแมวเด็กที่นอนนิ่งหันหลังไม่ยอมหันกลับไปสนใจไอ้สิงโตตัวใหญ่ที่ใช้ทั้งอุ้งเท้าขูดกระจกและสายตากดดันมองไปที่ไอ้ตัวเล็กอยู่แบบนั้น ดีแค่ไหนที่มันเป็นกระจกแบบพิเศษไม่งั้นคงแตกและพังไปแล้ว



“ไป” 



เสียงเข้มๆของไอ้ทัพที่ดังสั่งออกมาเป็นรอบที่สอง พร้อมมองจ้องไปที่ไอ้รี่ดุๆ แว๊บนึงที่ผมมองเห็นไอ้รี่เป็นคนที่กำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์ ตลกชะมัดที่ผมเห็นไปได้แบบนั้น ลองคิดดูว่าถ้ามันเป็นคนคงมองเห็นมันกรอกตาแบบหงุดหงิดและถอนหายใจหนักๆใส่ไอ้ทัพไปแล้วแน่ๆ  มันที่นิ่งจ้องตาเจ้านายสักพัก ก่อนที่สุดท้ายก็ยอมเป็นฝ่ายล่าถอยกลับไปเอง



“มึงไปหาพี่ปืนเถอะ น้องมึงด้วย”



“น่ารำคาญ พวกสาระแน”



“บ่นอยู่ได้ ไปๆ”



“อืม มึงเองก็ไปแต่งตัวได้แล้ว วันนี้มึงมีเรียนบ่าย”



“ครับๆ รู้แล้ว ไปไหนก็ไปไป๊”  ลุกขึ้นจากตัวมันแล้วโบกมือไล่มันไป  ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้



“เออไอ้ทัพ”



“ว่า?”



“เรื่องรายงานวิชามึงอ่ะ กูอาจจะไปหาทำที่บ้านใครสักคนในกลุ่มนะ ขออนุญาตมึงไว้ก่อนเลยละกัน” 



บอกมันออกไปแบบนั้น เพราะช่วงเวลาใกล้จะหมดคลาสและฤดูใกล้สอบก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว คิดว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งในช่วงนี้คงต้องนัดกันไปทำแล้วล่ะ



คนตรงหน้าที่พอผมบอกออกไปแบบนั้นมันก็ยืนนิ่งไม่หือไม่อือ หน้าตายๆของมันที่ชอบทำเป็นประจำมองมาที่ผมอยู่แบบนั้น คือ?



“โอเคนะ?”   ถามย้ำออกไปอีกที



“ไม่”



“เอ้า”



“ไม่ต้องไปทำที่ไหน บอกกลุ่มมึงมาทำที่นี่”



“ห๊ะ!”  กูนี่ตาเบิกกว้างอ้าปากค้างเลยครับ  กระพริบตาปริบๆแถมมันไปอีกที เมื่อกี้หูฝาดหรืออะไรวะครับ



“กูบอกให้มาทำที่บ้านนี้”



“มึงจะให้มาทำ”



“มาทำที่บ้านกูนี่ กูจะคอยกูเอง”



“มึงหมายความว่าไง”



“อย่ามาเซ้าซี้ได้ไหม บอกเพื่อนมึงมาทำที่บ้านกูนี่...ทำไม หรือมึงกับชู้จะทำอะไรไม่สดวก”



“ชู้เชี่ยไรล่ะ”



“หึ ไม่มีก็ดี ไปแต่งตัวได้ละ กูจะไปหาไอ้ปืน” 



มันที่บอกออกมาแบบนั้นแล้วก็เดินหนีกันไปดื้อๆ  อะไรของเค้าวะ...



“เมี้ยวว”  ไอ้ตัวเล็กที่เดินเอาตัวนุ่มๆมาคลอเคลียร์ที่ขาของผม ก้มตัวลงไปลูบไล้ขนขาวๆของมันเบาๆ หน้าตาเศร้าๆของมันที่ช้อนตามองผม



“เป็นอะไรไอ้ตัวเล็ก งอนอะไรไอ้รี่หรือเปล่า ถ้างอนกันก็รีบไปดีนะเว้ย คนเราอ่ะ มันไม่รู้หรอกว่าวันพรุ่งนี้กับชาติหน้าอะไรจะมาถึงก่อนกัน รักกันไว้มันดีกว่าเกลียดกันเยอะเลยนะรู้เปล่าไอ้ตัวดื้อ” 



ลูบหัวมันไปพร้อมๆกับบอกมันแบบนั้น คิดแล้วก็ขำ กูมาพูดประโยคยากๆกับสัตว์ที่มันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเนี่ยนะ

แต่ว่า รักกันไว้มันก็ดีกว่าเกลียดกันจริงๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ถูกรักจากคนที่เรารัก มันเป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ เหมือนกับผมตอนนี้ที่ไอ้ทัพหน้ามันดีกับผม ดีจนใจผมสั่นจนจะเต้นออกมานอกหัวใจไปหมดแล้วนี่ล่ะครับ



...


(มีต่อจ้า)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่23* {23.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 23-02-2019 21:07:36


“เฮ้มายเฟรนนนนนนน ทำไมหน้าบึ้งจังๆๆ พี่เมลคนหล่อมาแล้วจ้า ขอลอกการบ้านข้อนี้หน่อยสิวะเพื่อนๆ” 



ผมที่เดินลัลลาเข้าไปกลางวง แต่ไอ้พวกเพื่อนๆเสือกเงียบเป็นเป่าครกกันยกกลุ่ม  เอ่อ...สถานการณ์ตรงหน้านี่คืออะไรวะ มองหน้าไอ้อู๋ที่นั่งทำหน้าอิหลักอิเหลื่อแบบลำบากใจคั่นกลางอยู่ระหว่างไอ้บินกับไอ้กุ๊ก มันที่พอเห็นผมเดินเข้ามาก็ทำหน้ามีความหวังทันที  เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย



“เพื่อนเมลลลล มึงมาแล้ว มาๆๆรีบมาครับเพื่อน” 



ไอ้อู๋ที่ตะโกนแหวกอากาศออกมาทันที มันที่ลุกจากเก้าอี้ แล้วดันผมไปนั่งตรงกลางระหว่างไอ้บินกับไอ้กุ๊กแทนมันทันที  ไอ้เหี้ยอู๋!



“อ่ะเอ่อ...มึงทำการบ้านกันยังไอ้กุ๊กไอ้บิน”



“ยัง”



“ทำแล้ว” 



จ๊ะ...ตอบออกมาพร้อมกันแต่ไม่มองหน้ากันจ๊ะ  ไอ้บินที่ยืนสมุดงานที่มันทำแล้วส่งมาให้ผม  ได้แต่ยิ้มตอบมันไปอย่างขอบคุณ  พอหันกลับมาทางไอ้กุ๊ก กูสะดุ้งเลย มองเห็นมันที่ก็มองอยู่เหมือนกัน  เอ่อคือ...กูแค่ขอลอกงานนะ ไม่ได้อยากได้ไอ้บินนะมึง มึงอย่าเข้าใจผิดนะเพื่อน กูได้แต่แหกปากออกไปแบบนั้นในใจ จะพูดออกเสียงก็ไม่ได้ เพราะไปเสือกรู้ความลับเอง



“เอ่อไอ้กุ๊ก ฮ่าๆนี่ไงไอ้บินทำแล้ว มาๆลอกกัน”



“ไม่ล่ะ มึงทำเลย มันคงอยากให้มึงลอกมากกว่ากู”



“ห๊ะ มึงพูดอะไรวะ” 



จริงๆได้ยินเต็มหู แต่เลือกที่จะทำเป็นไม่ได้ยินไปแบบนั้นเอง ไม่อยากได้ยินครับ ผมว่าสถานการณ์ตรงหน้าตอนนี้มันออกจะแปลกๆไปสักหน่อย เมื่อวานก่อนถึงไอ้กุ๊กจะดูตึงๆกับไอ้บิน แต่ไอ้บินก็ตามจิกเป็นไก่เลย แต่มาวันนี้มันอะไรกันวะ เหมือนต่างฝ่ายต่างตึงใส่กันซะแบบนั้น ทำตัวเหมือนพวกFriend with benefitsชิพหาย ไอ้พวกเป็นเพื่อนแต่ไม่ใช่เพื่อนเนี่ย อยากรู้ๆไอ้เมลอยากรู้ อยากช่วยด้วย แต่จะให้ช่วยยังไงวะ เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอดเลย ผ่าม!



“อ่ะ เอ่อ...พวกมึงๆ เรื่องงานกลุ่มอ่ะ...”



“เดี๋ยวไปทำห้องกู ถ้าง่วงมึงนอนห้องกูเลยก็ได้” 



ไอ้บินที่พูดสวนประโยคของกูออกมาแบบนั้น เล่นเอาผมต้องอ้าปากค้าง มองไปที่ไอ้อู๋ที่ก็เลิ่กลักไม่ต่างจากผม จะไม่ให้เลิ่กลักได้ยังไง ก็ไอ้บินที่พูดออกมาแบบนั้น บอกผมแท้ๆแต่ดันมองหน้าไอ้กุ๊กไม่หยุด



“ดี มึงนอนห้องไอ้บินไปเลยก็ดี ท่าทางจะสดวก”  สดวกก็เหี้ยจ๊ะเพื่อนกุ๊ก ขืนทำแบบนั้น ไอ้ทัพต้องไม่เอากูไว้ มันต้องฆ่ากูตายแน่ๆ



“อืม กูยินดีสุดๆ”



“เอ่อคือ...”



“นั่นสิ มึงต้องยินดีอยู่แล้วล่ะ”



“รู้ใจกูดีจังนะ ทำไมเรื่องอื่นไม่รู้แบบนี้บ้างวะ...”



“กูก็รู้ใจมึงทุกเรื่องแหล่ะ...”



“เดี๋ยวๆ พวกมึงสองคนเป็นเชี่ยไรกันถามจริง” 



ผมที่ทนไม่ไหวโพร่งออกไปแบบนั้น หันซ้ายหันขวามองหน้าพวกมันคนละที ไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเป็นอะไรกันวะ และที่ไม่เข้าใจและไม่ชอบมากไปกว่านั้นคือเหมือนพวกมันกำลังเอากูไปประชดกันเองนี่แหล่ะ



“เออ กูก็สงสัยนะ ถ้าพวกมึงทะเลาะกันไปเคลียร์กันให้เรียบร้อยไป อย่ามาทำให้บรรยากาศในกลุ่มเสียสิวะ เพื่อนกันทั้งนั้น” 



ไอ้อู๋ที่ว่าออกมาบ้าง ผมเห็นไอ้บินถอนหายใจออกมาหนักๆ หน้าตามันดูอารมณ์เสียไม่น้อย แต่ก็พยายามที่จะไม่ระเบิด



“อืม เพื่อนกัน” 



ผมได้ยินไอ้กุ๊กพูดออกมาเบาๆ ก่อนมันจะหันหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่พูดอะไรต่อ  ไอ้บินที่เสยผมลูบหน้าลูบตาตัวเองหน่อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน



“โทษที กูไปเข้าห้องน้ำนะ” 



ว่าแบบนั้นแล้วมันก็ออกไป ก็คือไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น  ไอ้อู๋ที่พยักหน้าบอกผมว่ามันจะตามไปดูไอ้บิน ผมเองก็พยักหน้ารับกลับไปเช่นกัน



“ไอ้กุ๊ก”  เรียกมันเบาๆตอนที่ไอ้บินกับไอ้อู๋ไม่อยู่แล้ว



“หืม”



“มึง....โอเคไหมวะ”



 เป็นคำถามที่โคตรโง่แต่ก็อยากถาม จริงๆการที่เราต้องทะเลาะกับคนที่เรารัก มันจะมีอะไรมาโอเควะ ผมรู้ดี แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้คงจะดีสำหรับไอ้กุ๊กมากที่สุด



“อืม กูโอเค กูกับบินไม่มีอะไรหรอก จริงๆ” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะก้มลงไปหยิบสมุดขึ้นมา ดูท่าคงจะเอาสมุดผมไปลอกต่อ ผมชะงักไปนิดนึงแต่เลือกที่จะไม่พูดอะไรกับมันต่อ



“อืม ถ้ามีไรบอกกูนะ กูเพื่อนมึง”



“อืม ใครๆก็เพื่อนกูทั้งนั้นล่ะ” 



มันว่าออกมาแบบนั้น แล้วก้มหน้าก้มตาลองงานต่อจากผม  ผมที่มองไอ้กุ๊กลอกงานไปเงียบๆ ใบหน้าด้านข้างของมันที่ไม่สดใสเหมือนทุกวัน อยากจะตะโกนบอกมันตอนนี้เหลือเกินว่า อืม...ใครๆก็เพื่อนมึงทั้งนั้น แต่กูก็สงสัยนะ เพื่อนกันแบบไหน มึงถึงมีรอยดูดที่หน้าอกได้วะ ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้บินเป็นคนทำหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ผมมั่นใจว่าไม่ใช่พี่ดาบหรอก ...



เพราะไอ้กุ๊กที่ไม่ระวัง ตอนมันก้มผมเลยเห็นได้ชัด ถ้าแค่รอยเดียวกูจะไม่ตกใจ แต่เพราะมันเยอะเกินไปต่างหาก



ถ้าพวกมึงเป็นแค่เพื่อน ก็ขอให้คนทำรอยนั้น ไม่ใช่ไอ้บินก็พอ



...



“พวกมึงมาทำห่าไร น่ารำคาญ” 



ผมพูดขึ้นตอนที่เปิดประตูห้องทำงานเข้าไป ไอ้ปืนกับไอ้รบนั่งกระดิกตีนแดกขนมกันแบบสบายอารมณ์อยู่ตอนนี้  มาล้างมาผลาญบ้านกูจริงๆ



“ฮัลโหลเฮีย หน้าบูดจัง”



“หุบปาก ไม่งั้นกูจะเอาตีนยัดปากมึง”  บอกไอ้น้องชายตัวดีไปแบบนั้น ทำไมแม่งกวนตีนจังวะ ทีไอ้รุกฆาตแม่งยังไม่พูดมากแบบไอ้รบเลย



“ดุจัง คุณชายทัพหน้าที่นิ่งๆไม่อยู่แล้วว่ะเฮียปืน”



“ท่าทางจะแบบนั้น ฮ็อตเฮดง่ายจังครับ”



“พวกมึงมีอะไรก็ว่ามา กูไม่ว่างมาเล่นกับพวกไม่มีงานกับไอ้เด็กเรียนซ้ำหรอก”  ว่าพวกมันออกไปแบบนั้น แล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงานของผม มองหน้าพวกมันที่ทำหน้าเลิกลัก



“เฮียปืน เฮียทัพมันว่าเราป๊ะวะ แต่กูไม่ได้เรียนซ้ำนะ กูแค่พึ่งกลับมาจากญี่ปุ่น สัด”



“กูก็ไม่ได้ว่างงาน แต่งานเสือกเรื่องเพื่อนก็หน้าที่กูเหมือนกัน”



“กูด้วยจ๊ะ มาเสือกเผื่อไอ้รุกกับน้องจอม”



“มึงไม่ต้องมาอ้างน้องจอม น้องจอมไม่ขี้เสือกเหมือนพวกมึงสองคนหรอก” 



ยกนิ้วกลางใส่หน้าไอ้รบที่พอเห็นก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากถูกใจ  ไอ้ห่านี่ตั้งแต่มีเมียก็ร่าเริงเหมือนคนพี้ยาตลอด กูสงสัยจริงๆว่าเมียมึงเอาอะไรให้แดกถึงเป็นแบบนี้ แล้วอย่ามาว่าน้องจอมของกู ทั้งบ้านผมก็มีแค่น้องจอมนี่ล่ะที่เป็นสิ่งมีชีวิตน่ารักในบ้าน นอกนั้นคือพวกชั่ว



“อ๊ะๆ พอๆเข้าเรื่องเราดีกว่าไอ้ทัพ”



“เรื่องเราเหี้ยอะไร”  หยิบแฟ้มงานขึ้นมาเปิดๆอ่านแล้วถามมันออกไปแบบนั้น  มองจากหางตาเห็นไอ้ปืนกับไอ้รบพยักหน้าใส่กันหน่อยๆ



“ใช่ ไม่ใช่เรื่องเรา แต่เป็นเรื่องของมึงกับน้องเมล”



“ทำไม”



“ก็จะทำไมอะไรล่ะเฮีย ตอนนี้เฮียก็รู้แล้วป๊ะว่าโอโม่...เออๆ กูหมายถึงเมล ไม่ต้องมามองตาดุ กูหมายถึงว่าพวกเรารู้แล้วว่าเมลไม่ได้เป็นคนวางแผนฆ่าพี่ณราชา”



“แล้ว?”  เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารที่กำลังอ่าน ก่อนจะจ้องหน้าพวกมันที่มองมาที่ผมนิ่งๆไม่ต่างกัน



“ก็แล้วทำไมมึงถึงไม่ปล่อยน้องมันไป”



“แล้วทำไมกูต้องปล่อย” รู้สึกตกใจกับน้ำเสียงของตัวเองในตอนที่พูดประโยคนี้ออกไปเหมือนกัน  เสียงของผมที่ทั้งแข็งทั้งดุดัน พร้อมๆกับจ้องหน้าไอ้ปืนกับไอ้รบแบบนิ่งๆ



“น่าจะเป็นพวกกูมากกว่าไหมว่าทำไมมึงถึงไม่ปล่อย...”



“กู...”



“มึงไม่ต้องรีบปฏิเสธหรอกทัพ มึงแค่คิดดูดีๆ ตอนนี้น้องมันคงไม่รู้ล่ะสิว่ามึงรู้แล้วว่าน้องมันไม่ได้ทำ”



“อืม...มันไม่รู้”



“แล้วเฮียมึงก็ไม่คิดจะบอกหรอวะ ไม่คิดบ้างหรอว่าเมลมันจะคิดมากแค่ไหน มันอยู่กับมึงทุกวันนี้ มันก็คงคิดว่ามึงเกลียดมันอยู่ทุกวัน”



“ตอนนี้กูไม่ได้เกลียด”



“แล้วรักหรือเปล่า?”



“กู...”




“แล้วถ้ามึงรัก แล้วณราชาล่ะ?....”



“ณราชาทำไม ณราชาไม่มีวันตื่น” 



ตอบพวกมันออกไปแบบนั้นแล้วปิดปฟ้มเอกสารในมือลงทันที  ถ้าพูดมาถึงเรื่องแบบนี้ ก็ไม่มีแล้วอารมณ์ที่จะอ่านงานให้รู้เรื่อง



“แล้วถ้าณราชาฟื้นขึ้นมา มึงจะเอาน้องไปอยู่ตรงไหน”



“มึงอย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ได้ไหมวะไอ้ปืน...ณราชาน่ะ....”



“งั้นเฮียมึงน่าจะไปโรงบาลสักหน่อยนะ เผื่อเฮียมึงจะได้รู้ว่า เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ บางทีมันอาจจะเป็นไปได้จนมึงตั้วตัวไม่ทันเลยล่ะเฮียทัพ”



ผมที่เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าน้องชายตัวเองชัดๆแบบเต็มตา ไม่....



“มึงหมายความว่ายังไง”



“มึงลองไป...แล้วมึงจะรู้เองเพื่อน”



ทำไม...



“มึงอย่าบอกกูว่าณราชาฟื้นแล้ว?”



-------------------



ตุ้งแช่!!

​ตึ่งโป๊ะๆไหมล่ะคุณจ๋าาา หวังว่าคนอ่านจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ แคทหวังว่าคนอ่านจะไม่เทกันไป

ได้โปรดดดดดด อย่าทิ้งหนูไป (เกาะขา)

มาอ่านกันนะคะทุกคนนนนนนน  อิิอิ เป็นพาร์ทใสๆใครๆก็รู้ เนอะๆ เชื่อใจแคทสิๆ 555555 :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่23* {23.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 24-02-2019 08:33:42
เกลียดการตัดตอน แต่เกลียดการตุ้งแช่มากกว่า 55555555555555555555555 ณราชาฟื้นแล้ว  เย้  ตอนนี้ไม่มีเจ๊ดาบเลย คิดถึงนะคะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่23* {23.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 24-02-2019 11:28:52
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่23* {23.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 24-02-2019 21:18:09
ณราชาฟื้นเก่ง เตรียมซดมาม่าถ้วยใหญ่ไปอี้กกก :ling3:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่23* {23.02.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 25-02-2019 14:05:11
อาร๊ายยยยยตัดจบแบบนี้แดดิ้นสิคะ แง๊~~กำลังเพลิน เอาแล้วๆ ฟื้นๆสักที จะเอาไงละทีนี้ ทั้งเขาไม่ผิดและคู่หมั้นก็ฟื้น หึหึ!!! จะปล่อยเขาไปได้ไหม เมลยังจะอยู่ด้วยหรือป่าว ถ้าตัวจริงมา 5555 บรรเทิงงง อยากเห็นความเจ็บปวดของไอ้พี่ทัพหน้า ได้ใจมานานละ แต่ก็คงไม่พ้นพ่วงความเจ็บปวดของเมลมาด้วย แต่เมลมันก็คิดมาตลอดหนิว่าทัพหน้าไม่ได้รัก ต้องเผื่อใจไว้บ้างละ เพราะงั้นความเจ็บปวดมันย่อมน้อยกว่าทัพหน้า คึคึ!! ไปเลยไปดูให้เห็นกับตาว่าฟื้นจริงไหม อยากรู้เหมือนกัน ^^ //ว่าแต่ว๊ายยยยรอยบนอกนี้คือไร๊ หลายรอยด้วย หูยยยยยยยยยย!!! หลังจากผลักเข้าห้องวันนั้นใช่ป่ะ เกิดไรขึ้นอ่ะ ต๊ายยยอยากรู้ 5555 แล้วทำไมมานั่งประชดกันอยู่นั่นละนี้ เฮออคงยังไม่ปรับความเข้าใจกันสินะ คงยังปากแข็งกันทั้งคู่อยู่สินะ  นี้รอเผือกคู่นี้ต่ออยู่เด้อ 55555 //กุ๊กกับแจก็ตล๊กกก กวนตีนกันไปมา สายเปย์สุด อร่อยไปแดก ขุนให้อ้วนกันไปเลย ชอบแดกดีนัก เอาของกินมาล่อได้ผลดีนักละติดบ่วงเลยกุญแจ เสร็จแน่ๆ 555555 //สนุกกกกกกก รอตอนต่อไปเลยค่ะ อ๋อ เออ ไอ้น้องหลงงอนไรพี่รี่เขาอ่ะ ไอ้พี่รี่ไม่มีโอกาสได้ง้อเลย ทำไงดีนะเนี้ย หันหน้าคุยกันหน่อยเร็ว พี่ก็โมโห น้องก็หันหลังให้ไม่ยอมเจอหน้า แล้วยังมีมารเจ้านายทัพหน้าคอยขัดอีก ชิ ไปเลยไป๊ ปล่อยให้เขาได้เคลียร์กัน เนาะเมล 5555555 รอรอรอตอนหน้านะคะ ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่24* {03.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 02-03-2019 20:42:27

บทที่24




การเรียนวันนี้ผ่านไปแบบเหนื่อยหน่าย ถ้าผมจะพูดแบบนี้มันจะดูตลกไหมนะ จริงๆมันก็น่าเบื่อทุกวัน แต่ว่าวันนี้มันน่าเบื่อเป็นพิเศษครับ ว่าชาว่าด้วยกฏหมายการค้าระหว่างประเทศที่ปกติกูก็อยากนอนตายอยู่แล้ว แต่วันนี้กลับอยากตายมากขึ้นไปอีกเมื่อต้องมานั่งคั่นกลางระหว่างไอ้กุ๊กกับไอ้บิน  ... กูนี่ได้แต่กรอกตามองขึ้นฟ้ารัวๆมาทั้งคาบ กว่าจะเลิกเรียนได้นึกว่าตะคริวจะกินผมกับไอ้อู๋ตาย



“เฮ้อออ เลิกเรียนสักทีเวนเอ๊ย กูอึดอัด”  ไอ้อู๋ที่เดินมาใกล้แล้วพูดออกมาแบบนั้น



“กูนี่อึดอัดมากกว่ามึงอีก กูนั่งคั่นพวกมันนะเว้ย”



“ไม่รู้แม่งทะเลาะเชี่ยไรกัน”



“กูก็สงสัยเหมือนกัน”



“พวกมึงกระซิบไรกันวะ”  เสียงของไอ้กุ๊กที่ดังมาจากข้างหลังทำเอาทั้งผมทั้งไอ้อู๋ที่เดินนำพวกมันมาก่อนถึงกับสะดุ้ง ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้แบบไม่มีพิรุธ



“บ้าน่า มึงคิ๊ดมาก”



“สัดเมล มึงเสียงสูง”   ไอ้อู๋ที่ถองข้อศอกใส่ผมพร้อมด่าออกมาแบบนั้น เอ้า...กูก็ว่ากูพยายามทำตัวปกติเต็มที่แล้วนะโว้ย



“ไม่มีไรหรอกมึง ไอ้เมลเสือกชีวิตรักของกู”  โอ้โห นิ่งเว่อร์ มึงนี่ต้องอยู่สมาคมชมรมคนตอแหลแน่ๆ เนียนมากจ้า   



“เหรอ ว่าแต่ชีวิตรักของมึงเป็นไงวะ”  ไอ้กุ๊กที่เดินตามมาสมทบถามไอ้อู๋ที่พอได้ยินแบบนั้นก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที แหม โชว์เหนือไอ้ห่า



“จะไปวุ่นวายชีวิตรักคนอื่นทำไมวะ มึงทำชีวิตมึงให้ดีก่อนเถอะ” 



และเสียงเสือกที่ทรงพลังอีกเสียงก็ดังมาแบบไม่มีใครอันเชิญ เทพเจ้าบิน ไอ้สัด สาระแนทำบรรยากาศเสีย ผมหันไปถลึงตาใส่มัน แต่มันก็ทำแค่ยักไหล่ใส่ เหมือนกับกำลังบอกผมว่า แล้วไงกูก็แค่พูด ส้นตีนครับเพื่อน อยากอมขี้ไปพ่นใส่หน้า



“เออ ชีวิตรักกูดีแน่ มึงดูไว้” 



ไอ้กุ๊กที่หันไปมองแรงใส่ไอ้บินพร้อมบอกออกมาแบบนั้น คือระ? ผมที่มองตามหลังมันไป ก่อนจะต้องอ้าปากค้างตอนที่มองเห็นร่างสูงของผู้ชายร่างหนาที่ค่อนข้างจะคุ้นหน้า ที่ตอนนี้ไอ้กุ๊กกำลังเกาะแขนเขาอยู่



“ชิพหาย”  ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วรีบสาวเท้าตามมันไป



“เจ๊ดานี่พี่ดาบมึงมาทำไรที่นี่วะพี่” 



ตะโกนทักออกไปแบบเสียงดัง มองหน้าไอ้กุ๊กกับเจ๊ดานี่สลับกันไปมาแบบไม่เข้าใจ แต่เรด้าแปลกๆของผมเริ่มจะทำงานแล้วในตอนนี้



“อ้าว น้องหนูคาราเมลหวานๆ ยังน่ารักน่ากินเหมือนเดิมเลยน้า”  หันมาทักทายผมพร้อมเสียงสองกับท่าทางจีบปากจีบคอ แต่ประโยคของพี่มึงแปลกๆ มันคืออะไรฟะ! น่ากินเชี่ยไรล่ะ



“อ๊ะๆ ดุจังเลยค่ะ หยอกนิดหยอกหน่อยทำเป็นมองตาขวาง” 



“สรุปเจ๊มาไม”



“อิอิ มารับน้องกุ๊กๆกิ๊กๆไปทานข้าวค่ะ” 



หือออออ เหยดแหม่ นี่มันเรื่องอะไรกันวะ ว็อทเดอะฟัคจ้า

ผมที่เบิกตากว้างขึ้นตอนที่ได้ยินประโยคนั้น พรางมองหน้าไอ้กุ๊กกับพี่ดาบสลับกันไปมาแบบไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนไปสนิทสนมกันจนถึงขั้นมารับกันไปกินข้าวและเกาะแขนแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เมื่อไหร่ๆๆ ทำไมกูไม่รู้ ฮึ่มฮั่มๆมากๆ



“เจ๊ มึงจะเปลี่ยนชื่อกูทุกครั้งที่เจอไม่ได้นะเว้ย”



“ทำไมล่ะคะหนู ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เจ๊อยากเรียกอะไรน่ารักๆให้เหมาะกับคนสวยๆแบบเจ๊ไงคะ” 



หันไปคุยกันสองคน ทำเหมือนพวกกูที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้เป็นแค่อากาศธาตุ ... อิเจ๊พี่ดาบที่ก้มหน้าลงมายิ้มให้ไอ้กุ๊กแล้วยกมือขึ้นยีผมมัน คือ........พวกกูไม่ใช่ผีนะโว้ย!!



“แล้วแต่เจ๊มึงเลย ขัดไปก็ไม่มีประโยชน์”



“น่ารักจังเลยค่ะ อิอิ ... เดี๋ยววันนี้จะพาไปทานของอร่อยนะคะ”  กูเกลียดตรงสองอิมันนี่แหล่ะ



“โอ๊ะ น้องเมลกับผองเพื่อนยังอยู่หรอคะ เจ๊ลืมไปเลย”  หันหน้ามามองพวกผมก่อนจะเล่นใหญ่ยกมืออันควายๆของตัวเองขึ้นปิดปากทำหน้าแอ๊บแบ๊ว อิเจ๊แม่ง



“เออ อากาศธาตุคือกูเอง ว่าแต่พวกมึงสองคนสนิทสนมกันได้ยังไง”   หรี่ตามองพวกมันสองคนแบบคาดคั้น ถ้าไม่บอกกูไม่ปล่อยให้ไปจริงๆด้วย



“แหม่ๆ ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องนี้ก็เขินเลยนะคะน้องเมลหวานๆของพรี๊ อิอิ”  แดะแด๋ทำท่าเขินอายไปอีก



“ไม่มีไรหรอกมึง กูก็แค่...เริ่มสนิทกับพี่มันมาสักพัก...ใหญ่ๆ”



“ห๊ะ”



“อืม งั้นเดี๋ยวกูไปก่อนนะ ไปกันเถอะเจ๊” 



ไอ้กุ๊กที่ตัดบทออกมาแบบนั้น มันที่เอื้อมมือไปกระตุกแขนเสื้อเจ๊แก สายตาเจ๊แกที่มองเลยผมกับไอ้อู๋ไปที่ด้านหลัง เห็นพี่มันมองสบตากับไอ้บินนิ่งๆ ก่อนจะยกยิ้มนิดหน่อยและก้มลงมายิ้มหวานให้ไอ้กุ๊ก พยักหน้ารับแล้วเอื้อมมือไปจับมือมันไว้   ผมกับไอ้อู๋คือตาโตเลยในตอนนั้น



“ไปกันค่ะหนู”



“อื้ม”   



พยักหน้าให้กันหน่อยๆ เจ๊แกที่ยิ้มอบอุ่นส่งไปให้ไอ้กุ๊กแล้วจูงมือมันนำออกไปในตอนนั้น ผมหันหน้ากลับไปมองไอ้บินทันที  มันที่แค่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่พูดอะไรสักคำ มันแค่ยืนนิ่งๆและมองไอ้กุ๊กกับพี่ดาบที่เดินจับมือกันออกไป ... ผมค่อนข้างมั่นใจว่าไอ้กุ๊ก ไม่ได้แอบชอบไอ้บินแค่ฝ่ายเดียวหรอก แต่ที่ผมไม่รู้คือ ระหว่างมันสองคนในตอนนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่



“พวกมึง กูกลับก่อนนะ” 



ไอ้บินที่พูดออกมาแบบนั้น  ผมกับไอ้อู๋ที่มองหน้ากันนิ่งๆ และมองไอ้บินเดินออกไปทางด้านหลังตึก ต่างจากไอ้กุ๊กกับพี่ดาบที่พากันเดินออกไปที่หน้าตึก เหตุการณ์เหมือนวนลูปไม่ต่างจากครั้งที่แล้ว  ผมไม่เข้าใจเลยว่าพวกมันคิดจะทำอะไรกัน



“นี่มันอะไรวะเนี่ย”  ผมที่บ่นออกมาเบาๆแบบนั้น  หันไปมองไอ้อู๋  มันที่ยักไหล่ส่งมาให้หน่อยๆ



“กูไม่รู้เหมือนมึงแหล่ะ...แต่กูแค่คิดว่า คนเรามันเลิกรักคนที่ตัวเองรู้สึกมาด้วยตั้งนานไม่ง่ายหรอก...เรื่องนี้มึงเองก็รู้ดีไม่ใช่หรอไอ้เมล”



“อืม...ก็จริงของมึง” 



ผมที่ฟังคำพูดของไอ้อู๋ก่อนจะตอบออกไปแบบนั้น  ผมเองรู้ดีกว่าใคร ว่าการเลิกรักคนที่ตัวเองรู้สึกด้วย มันยากมากแค่ไหน ต่อให้เค้าร้ายและไม่เคยรักเราก็ตาม เราก็ยังรู้สึกกับเค้าเหมือนเดิม เพราะสิ่งที่ยากมากที่สุดของความรัก ก็คงจะเป็นการที่เราไม่เคยใช้สมองแต่หัวใจมันมักจะตัดสินแทนเสมอ



“พี่เมลลลลลล สวัสดีคร๊าบบบบบบบ” 



เสียงใสๆที่ดังมาก่อนตัว ทำเอาผมหลุดออกจากความคิด ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินยิ้มร่าเข้ามา สองมือของมันยังคงมีถุงผ้าของกินแบบที่เห็นครั้งไหนมันก็เป็นแบบนี้



‘หมับ’



“คิดถึงจังงงงงงงงง” 



แรงกอดรัดจากร่างที่ไม่เล็กของไอ้แจกระโดดกอดเข้าใส่ผมเต็มแรง หน้าแป้นแล้นของมันที่ยิ้มกว้างให้ผมพร้อมกอดแน่นๆเอาหน้าซุกลงมาที่อกของผมอยู่แบบนั้น ทำตัวเหมือนเด็กจริงๆ



“ไอ้แจ”



“จ้า แจเองจ้า คิดถึงพี่เมลจุงเบย”



“เหรออออ คิดถึงไอ้เมลแน่เรอะ”  เสียงกวนประสาทของไอ้อู๋ที่ดังขึ้นมาทำเอาไอ้แจผละออกจากตัวผมแล้วหันไปมองแรงใส่ไอ้อู๋แทน



“เออเซะ คิดถึงพี่เมล”



“หรอวะ กูก็คิดว่า มึงจะคิดถึงกูซะอีกลูกหมู” 



ไอ้อู๋ที่พูดออกมาแบบนั้น ก่อนจะยื่นหน้าหล่อคมของมันเข้าไปใกล้หน้าไอ้แจ  น้องมันที่ผวาถอยหลังออกไปหลายก้าว



“บ...บ้า ใครแม่งจะโง่คิดถึงลุงวะ”



“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเด็กแถวนี้ก็ได้ล่ะมั้ง เนอะ” 



ยกยิ้มมุมปากพร้อมยื่นนิ้วไปเขี่ยปลายคางของไอ้แจไปอีกที ไอ้แจถึงกับสะดุ้งเฮือกอีกที มองเห็นแก้มย้อยๆของมันขึ้นสีขึ้นมาแปลกๆ ... มองมันสองนี่ดูจะแปลกๆ มีอะไรที่กูไม่รู้ไหมวะ เอ๊ะยังไงครับยังไง



“อึฮึ่ม กูจะกลายเป็นวิญญาณสองรอบติดกันในวันเดียวไม่ได้นะโว้ย คาราเมลอยู่นี่นะพวกมึง ยู้ฮู้”



“ลูกหมู มึงได้ยินเสียงตัวประกอบไหมวะ”



“สัด มึงสิตัวประกอบ นี่มันเรื่องกู มานี่ไอ้แจ อย่าไปใกล้สิ่งมีชีวิตที่ชอบพรากจิ้น”



“อี๋ น่าเกลียดน่ากลัวมากๆเลยพี่เมล”  ไอ้แจที่ทำหน้าขยะแขยงใส่ไอ้อู๋ ก่อนจะวิ่งมาหลบหลังผม



“สัด เกินไปไอ้ลูกหมู ทีงี้มาทำรังเกียจกู ทีตอนนั้น...”



“สัดลุง แดกตีนไหม พูดมาก!”



“เอ๊ะ กูว่าพวกมึงสองตัวคุยอะไรกันแปลกๆนะ แต่ช่างเหอะ กูมีเรื่องอยากถามมึงพอดีไอ้แจ”



“หื้ม พี่เมลมีไรหรอ”



“กูสงสัยเจ๊มึง เจ๊มึงนี่เป็นตุ๊ดจริงไหมวะ”  ดึงแขนไอ้แจให้ลงไปนั่งที่โต๊ะไม้ตรงนั้น คือมันเป็นเรื่องที่ต้องคาดคั้น มันค่อนข้างจะคาใจ ไอ้อู๋ที่มองเราสองคนงงๆ แล้วมันก็เลือกจะนั่งลงด้วยเช่นกัน



“หื้มม หมายถึงพี่ดานี่ พี่ดาบอ่ะหรอครับ”



“เออ อิเจ๊พี่ดาบนั่นแหล่ะ”



“เดี๋ยวๆ นี่มึงพูดถึงใครกันวะ ดานี่ดาบๆอะไรกันอยู่สองคน ช่วยอธิบายให้กูเข้าใจด้วยได้ไหมครับ”



“ลุงนี่ขี้เสือกจังวะ”  ไอ้แจที่ปรายตามองแถมด่าออกไปด้วย กูพูดตรงๆว่าขอบคุณมาก ไอ้อู๋ไอ้ขี้เสือก



“เออ ด่ากูก็ได้ เพราะก็อยากเสือกจริงๆ โปรดอย่ามองเห็นกูเป็นอากาศธาตุ กูอยากรู้เรื่องด้วยครับ สรุปคือ?”



“พี่ดานี่ไอ้ตุ๊ดยักษ์ที่พึ่งหิ้วเพื่อนเราออกไปก็คือพี่ดาบนั่นแหล่ะ อีกอย่างคืออิเจ๊นั่นเป็นพี่ของไอ้แจนี่ไง กูถึงมาคาดคั้นมันอยู่เนี่ยไง”



“เชี่ย พี่มึงที่บอกว่าจะให้มาตุ๋ยตูดกูอ่ะนะไอ้หนู” 



ไอ้อู๋ที่หันไปทำตาโตใส่ไอ้แจ มองเห็นไอ้แจที่หลุดขำออกมานิดหน่อย ก่อนมันจะพยักหน้าส่งไปให้ไอ้อู๋  มองเห็นไอ้อู๋ที่ทำหน้าขนลุกขนพองเอามือลูบๆแขนตัวเองอยู่ตอนนี้  อะไรกันอีกวะ?



“สัด กูไม่นิยมชนช้างครับ”



“ฮ่าๆ ไอ้พี่อู๋ อุบาทย์ว่ะ”



“เดี๋ยวๆ นี่ตอนนี้พวกมึงสองคนเริ่มคุยกันแบบที่กูไม่รู้ด้วยแล้วนะเว้ย” เอื้อมมือไปสะกิดไหล่ไอ้แจทีนึง ไอ้เด็กแก้มอ้วนนี่ก็หันมายิ้มแป้นแล้นให้



“แล้วพี่เมลถามทำไมหรอ”



“สงสัยไงวะ คือพี่เจ๊มึงอ่ะเป็นตุ๊ดจริงๆหรอวะ ถ้าเป็นจริงๆทำไมกูรู้สึกว่า....”



“กูว่าแม่งไม่ใช่ว่ะ ไอ้พี่แม่งมองไอ้กุ๊กเหมือนจะแดกเข้าไป นี่ยังไม่รวมที่มันเหล่สาวโต๊ะข้างๆด้วยนะ กูรู้เพราะกูชอบทำ”



“หื้ม มึงเป็นคนสันดานแบบนี้เองหรอไอ้พี่อู๋”



“เห้ย เอ่อ..แหม่ มันก็มีบ้าง แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้วไง”  มันที่หันไปยิ้มประจบให้ไอ้แจที่ยกนิ้วกลางใส่หน้าแม่งทีนึง



“อยากได้หรอวะลูกหมู กูมีนะ”



“กูก็มีไอ้สัดลุง จะอยากได้ของมึงมาเพื่อ เก็บไว้ฉี่เถอะ”



“มึงมี แต่ใหญ่เท่ากูเปล่าล่ะ”



“อ๊ากกก ไอ้สัดลุง”



“ฮ่าๆๆ ตลกหน้ามึงว่ะลูกหมู แก้มมึงจะแตกแล้ว” ไอ้อู๋ที่ขำออกมาเสียงดัง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มไอ้แจทีนึงและโดนน้องมันตีมือเข้าให้แทน ภาพตรงหน้าทำกูเอ๋อรับประทานอีกหนึ่งรอบ เอ๊ะ?



“กวนตีนจังวะลุงแม่ง ว่าแต่พี่เมลทำไมถามแบบนั้นอ่ะ เจอพี่ดาบหรอฮะ?”



“เจอสิวะ เมื่อกี้ยังมายืนอ้อร้อเพื่อนกูอยู่ตรงนี้ และควงกันออกไปต่อหน้าต่อตาไอ้บินเลยนะโว้ย”



“หื้ม พี่ดาบมามหาลัยหรอ?”



“เออสิ กูรับรู้ถึงพลังงานบางอย่างว่ามันไม่เหมือนมาหาเพื่อนสาวไปกินข้าว แต่เหมือน...”



“เหมือนมาจีบสาวแล้วจ้องจะเอาไปเคลม”  ไอ้อู๋ที่พูดต่อประโยคที่ผมไม่กล้าพูด มองหน้ามันที่ยกยิ้มมุมปากออกมาตอนมองตาตอบกับผม



“ก็...เออ นั่นแหล่ะ กูเลยสงสัยไงว่าพี่มึงเป็นตุ๊ดจริงป๊ะเนี่ย”



“เอ่อ....จะพูดยังไงดีอ่ะพี่เมล จริงๆเฮียแกเมื่อก่อนเป็นเดือนคณะที่หล่อมากๆเลยนะ”



“เชี่ยยย กูว่าแล้วว่าหนังหน้าแบบนั้นต้องไม่ธรรมดา แล้วไงๆต่อ มึงเล่าๆ”



“มึงดูขี้เสือกจังวะเมล”



“หรือมึงไม่อยากรู้ไอ้สัด”



“อยากมาก!”



“เออ งั้นมึงเงียบ ว่ามาๆไอ้แจ”



“คือ...จะให้พูดไงอ่ะพี่เมล ถึงเมื่อก่อนเฮียแกจะเคยหล่อมาดแมนแฮนซั่มบอยแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็ลุกขึ้นมาสะบัดแปรงแต่งหน้าทาปากทาตาแบบที่เราเห็นนี่แหล่ะ วันๆไม่เห็นจะสนใจอะไรนอกจากโวยวายว่าอยากให้ผู้ชายมาซั่มแกอ่ะ”



“ห๊ะ!”  ทั้งผมทั้งไอ้อู๋ที่ตะโกนออกมาพร้อมกันตอนที่ได้ยินว่าอยากให้คนมาซั่ม



“จริงๆ เอะอ่ะก็บอกอยากได้อยากโดน ลูกน้องที่ร้านกลัวพี่แกจับทำผัวไปหมดแล้ว พูดแล้วก็ปวดหัวกับพี่คนนี้จริงๆ แต่พวกพี่พูดถึงพี่กุ๊ก เพื่อนพวกพี่หรอ ทำไมอ่ะ”



“กูแค่รู้สึกว่า พี่มึงกำลังจีบเพื่อนกูว่ะ”



“เพื่อนพี่เป็นรุกตัวใหญ่ๆหรอ”  ไอ้แจที่ถามออกมาแบบนั้น แล้วเปิดกระเป๋าหยิบนมขึ้นมาเจาะดูดแล้วเอียงตามองมาที่ผมกับไอ้อู๋แบบสงสัย



“เปล่า ตัวมันบางเบาเหมือนไอ้เมลเนี่ย”



“งุ้ย งั้นแจว่าไม่ใช่หรอก พี่ดาบทุกวันนี้เห็นดูแต่มวย มวยปล้ำแล้วทำปากซี๊ดกับกล้ามอยู่เลย”  เชี่ย น่ากลัว อะไรของพี่มันวะ



“จริงหรอวะ ถ้าแบบนั้นก็ดีไปน่ะสิ” 



ผมถอนหายใจแล้วบอกออกไปแบบนั้น  ไอ้อู๋หรี่ตามองผมหน่อยๆก่อนจะกดยิ้มมุมปาก เป็นท่าทางที่ผมโคตรไม่ชอบเลย



“แต่กูว่าเซ้นท์กูมันไม่ผิดว่ะ”



“เซ้นท์ไรของลุง?”



“หึ เซ้นท์ของพวกที่ชอบล่าล่ะมั้ง”



“แต่ผู้ล่าสองคน กับผู้ถูกล่าหนึ่งตัว มันจะดีหรอวะมึง” 



ผมถามไอ้อู๋ออกไป เพราะผมมั่นใจว่าไอ้อู๋เองก็น่าจะสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของไอ้บินกับไอ้กุ๊กไม่ต่างจากผมหรอก เพียงแต่ว่า ไอ้อู๋มันไม่น่าจะรู้ว่าไอ้กุ๊กชอบไอ้บินมานานแล้วก็แค่นั้นเอง



“มันก็อาจจะดีนะ เพราะอย่างน้อย ไอ้นักล่าบางตัวมันจะได้รู้สักทีว่าไม่ควรยืนโง่ๆอยู่บนต้นไม้อย่างเดียว ขืนทำแบบนั้นก็โดนคาบไปแดกพอดี”



“มึงหมายความว่าอะไรวะ”



“ไม่รู้สิ...มึงคอยดูไป” 



ไอ้อู๋ที่กอดอกพร้อมยักคิ้วส่งมาให้ ผมกับไอ้แจได้แต่มองหน้ากันแบบไม่เข้าใจ แต่หวังว่าไม่ว่าใครจะล่าใครจะถูกล่า ก็หวังว่าจะไม่เจ็บตัวมากจนเกินไปนะ



“ว่าแต่มึงไอ้แจ มึงมาทำไรแถวตึกคณะกูอีกแล้ว”



“แจมาหาขนมครก เจ้าข้างคณะพี่เมลคืออร่อยที่สู๊ดดดดด”  ยิ้มแบบร่าเริงพร้อมเปิดถุงผ้ารักโลกของมันหยิบถุงขนมครกออกมาอวด



“อ้วน”



“ไม่เสือกดิลุง รำคาญอ่ะ พี่เมลไอ้ลุงแม่งบูลลี่รูปร่างแจอีกแล้ว” 



ไอ้เด็กนี่ทำปากยื่นพร้อมหันมาฟ้องผมทันที  มองเห็นปากเล็กๆของมันแล้วดูน่ารักดี มันเป็นเด็กหน้าตาดีเป็นทุนครับ มันเป็นแบบนี้แล้วยิ่งดูน่ารัก ผมมองเห็นไอ้อู๋ที่แอบยิ้มขำๆอยู่ด้วยตอนนี้



“กูเปล่าบูลลี่ กูแค่เป็นห่วงข้อขามึง”



“มายุ่งไรด้วยล่ะ เดี๋ยวแจก็ลดของแจเองได้ สาระแนกับการกินทำไมอ่ะ”



“ปากมึงนะ มึงไปสมัครฟิตเนสกับกูเลยมา กูจะเป็นเทนเนอร์ให้มึงเองไอ้ลูกหมู”



“ไม่เอา ไม่ไปกับลุงมึง อย่ามายุ่งได้มะ”



“ทำไมกูจะยุ่งไม่ได้”



“ลุงอ่ะยุ่งไม่ได้โว้ย”



“กูยุ่งได้กูจีบมึง กูยุ่งได้หมด”



“ห๊ะ!” 




และเป็นเสียงของผมที่ดังแหวกอากาศที่พวกมันเถียงกันแบบเอาเป็นเอาตายอยู่ในตอนนี้  มองหน้าพวกมันสองคนสลับกันพร้อมอ้าปากค้าง เชี่ย! ไอ้อู๋จีบไอ้น้องแจหรอวะ ยังไง



“นะ...นี่มึงสองคน มึง....มึงไปฮึ่มฮั่มกันเมื่อไหร่!”



“ฮึ่มฮั่มไรเล่าพี่เมล!”



“กูก็อยากฮึ่มฮั่มนะ แต่ไอ้ลูกหมูแม่งไม่ยอมว่ะ ไม่เป็นไร กูจีบเก่ง เดี๋ยวกูก็ได้ฮึ่มฮั่มมึงเองอ่ะลูกหมู”



หันไปยักคิ้วใส่น้องมันอีกที ไอ้แจที่หยิบขนมครกชิ้นนึงปาใส่หน้าไอ อู๋ในตอนนั้น



“ฮึ่มฮั่มพ่อง! กูไม่อยู่แล้ว แจไปนะพี่เมล” 



หันมาบอกกูรัวๆ ก่อนจะรีบคว้าถุงผ้าแสนรักของมันไปกอดไว้ในอกแล้วรีบลุกออกจากโต๊ะไปอย่างเร่งรีบ เหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก แต่แอบมองเห็นไอ้แจที่หน้าแดงจนลามไปถึงคอเพราะแม่งขาว หันกลับมาที่ไอ้อู๋ เพื่อนตัวดีของกูที่หยิบขนมครกออกจากหน้าแล้วเอาเข้าปากเคี้ยวหน้าตาเฉย มองเห็นไอ้อู๋ที่ยิ้มขำๆทั้งหน้าทั้งตามองตามหลังไอ้แจไปแบบนั้น



“มึง”



“อะไร มองกูแบบนั้นทำไม”



“ถ้ามึงจะเล่นๆกับน้องมัน...”



“กูไม่ได้รู้สึกอยากเล่นๆว่ะเมล กูว่าแจมันแตกต่าง”



“แตกต่างจากไอ้โพดด้วยไหมล่ะ” 



ผมถามมันออกไปแบบนั้น มองหน้ามันตรงๆแบบจริงจังในคำถาม  ไอ้อู๋มันเป็นเพื่อนผม ผมรู้จักนิสัยมันดี และเพราะรู้จักมันดี ผมเลยไม่อยากให้มันไปยุ่งกับไอ้แจ เอาจริงๆผมก็เอ็นดูไอ้แจมากเหมือนกัน



“อย่าเอาไปเทียบกับโพดเลย ไม่เหมือนกันสักนิด”  เออ...กูเองก็คิดแบบนั้น



“มึงอย่าเอาน้องมันมาเป็นตัวแทน...”



“กูไม่เคยเห็นมันเป็นตัวแทนใคร ที่สำคัญแจมันเป็นตัวแทนโพดไม่ได้หรอก เทียบกันไม่ได้สักนิด



“แล้วไอ้แจมันรู้หรือเปล่าล่ะ”



“หื้ม?...”



“มึงอย่าฉลาดแต่เรื่องคนอื่นแล้วโง่เรื่องตัวเองนะ ไอ้แจมันเป็นเด็กซื่อๆ แต่มันไม่โง่...มึงคิดว่ามันไม่รู้หรอว่าตอนนั้นมึงตามจีบไอ้โพด..”  ไอ้อู๋ที่มองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนมันจะคว้ากระเป๋าของตัวเองแล้วลุกขึ้นยืน



“กูไปก่อนนะ”



“เออ โชคดีมึง”



“หึ แน่นอน กูไม่โง่แบบไอ้สัดบินหรอก”



“เออ” 



ยิ้มขำออกมาตอนที่มันพูดแบบนั้น มองเห็นไอ้อู๋ที่ก้าวขายาวๆของมันออกไปตามทางที่ไอ้แจเดินออกไปก่อนหน้านี้...เรื่องที่ทำให้แปลกใจ มันมีและเกิดขึ้นได้ในทุกๆวันจริงๆนะเนี่ย



วันนี้ยังจะมีเรื่องอะไรให้ผมได้ตกใจอีกไหมว่ะ



...


(มีต่อจ้า)


หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่24* {03.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 02-03-2019 20:42:58



“กลับมาแล้วคร๊าบบบบ” 



ผมที่เดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ที่ผมมาอาศัยอยู่ที่นี่ได้หลายเดือน สิงสถิตอยู่ที่นี่จนคุ้นชิ้นไปทุกซอกทุกมุมของบ้าน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่มีเรื่องในหัวมากเต็มไปหมด มีเรื่องมากมายยกเว้นเรื่องเรียน



“มาแล้วหรอ” 



หันไปมองตามเสียงก็เห็นไอ้ทัพหน้าที่นั่งนิ่งๆจ้องโน๊ตบุ๊คอยู่บนโต๊ะในห้องประจำของไอ้หลง มองเห็นเอกสารมากมายอยู่ตรงหน้าของมัน เหมือนมันจะทำงาน มองจากมุมนี้แล้วมันดูน่าเกรงขามไม่หยอก จริงๆก็พึ่งเคยเห็นทัพหน้าในโหมดทำงานเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย



“อื้ม” 



ตอบรับออกไป ก่อนจะเดินขาเปรี้ยๆเข้าไปหามัน  ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพรมข้างล่างเอาหลังพิงกับเบาะโซฟาเอาไว้  ทัพหน้าที่ผละสายตาออกมาจากโน๊ตบุ๊คก้มลงมามองหน้าผมนิ่งๆ ฝ่ามือหนาที่เอื้อมมาปัดปรอยผมให้ออกจากหน้าของผมเบาๆ



“ชื้นเหงื่อไปหมด รถที่ส่งไปรับไม่เย็นหรือคนขับลืมเปิดแอร์ กูไปจัดการให้หมด” 



มันที่ว่าออกมานิ่งๆตามแบบที่มันชอบทำ แต่คำพูดคำจาแบบนั้นก็ดูจริงจังแบบสุดๆ



“ทำไม มึงจะไปจัดการยังไง”



“ถ้าเป็นเพราะรถกูจะเอาไปทิ้ง ถ้าเป็นเพราะคนกูจะไล่ออก”



“ไอ้บ้า มึงจะบ้ารึไง รถมึงคันตั้งกี่ล้าน”



“แสดงว่าเป็นเพราะคน ใครอยู่ตรงนั้นเข้ามา!”



“ครับนาย!”  เชี่ย! พอไอ้ทัพเอ่ยปากออกมาแบบนั้น ลูกน้องชุดดำของมันที่ผมเห็นจนชินตาก็พุ่งพรวดเข้ามาในห้องทันที



“พวกมึงไปจั....”



“เห้ยๆๆเดี๋ยวๆๆ ไม่ใช่แบบนั้นทัพ กูร้อนของกูเอง พี่เค้าเปิดแอร์ให้กูเย็นฉ่ำมาก แต่ตอนเดินเข้ามานี่มันร้อนไง ตรงโถงมันร้อนเฉยๆ” 



ผมที่รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งดีๆแล้วละล่ำละลักบอกมันออกไปก่อนมันจะสั่งปลดคนดูแลคนใหม่ของผม หลังจากพี่ธรได้หายตัวไป



มันที่จ้องหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะหรี่ตามองแบบจับสังเกตว่าผมโกหกหรือเปล่า ได้แต่ช้อนตามองมันพร้อมพยักหน้าบอกมันแบบจริงจังว่ากูพูดเรื่องจริงโว้ย มึงจะไปไล่ใครออกมั่วซั่วไม่ได้นะโว้ย



“เหรอ”



“อื้ม จริงๆ”



“อือ” 



มองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะยกมือขึ้นสะบัดทีนึง พวกลูกน้องของมันก็หายตัวออกไปอย่างไวทันที มองเห็นแล้วไม่ต่างจากพวกลูกน้องมาเฟียในหนังเลย ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เลยในตอนนี้



“แสดงว่าโถงหน้าบ้านต้องติดแอร์”  ได้ยินเสียงงึมงำของมันเบาๆ ก่อนจะเห็นฝ่ามือใหญ่กดจิ้มโทรศัพท์ในมือไปด้วย



“ทำไรอ่ะ”



“สั่งช่างมาติดแอร์ตรงโถงหน้าบ้าน”



“ห๊ะ...เพื่อ?”



“ก็มึงร้อน”



ตอบออกมานิ่งๆสามคำ เป็นสามคำที่ทำให้ใจกระตุก คือมันกำลังจะบอกว่า เพราะผมร้อนมันเลยเรียกช่างมาติดแอร์ตรงทางเข้าทั้งๆที่ไม่จำเป็นอะไรเลย เพื่อผม...เพื่อคนแบบผมงั้นหรอ



“ท...ทำไมวะ”  ช้อนตามองสบตากับมันพร้อมถามออกมาแบบนั้น ผมว่าผมไม่เข้าใจ หรือจริงๆผมไม่กล้าจะเข้าใจมากกว่า



“เชิญโง่ต่อไป” 



ยกยิ้มมุมปากออกมาตอนบอกผมแบบนั้น รอยยิ้มของมันในวันนี้ตอนนี้ที่ดูเหมือนจะอบอุ่นมากกว่าทุกวัน จ้องตามันอยู่แบบนั้นจนรู้สึกร้อนหน้า  มองเห็นมันที่เลื่อนสายตามองไปทั่วทั้งหน้าของผม จากตามาที่หน้าผาก เลื่อนไปที่จมูกและมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก



“หึ” 



มันที่ไม่ว่าอะไรออกมาต่อ ทำแค่หัวเราะขำในลำคอแล้วยกมือขึ้นยีหัวผม พอมันเป็นแบบนี้แล้วนอกจากจะไม่ชินมากๆ มันยิ่งทำให้แก้มผมร้อนไปหมด



คนเราจะตกหลุมรักคนเดิมๆได้อีกกี่ครั้งกันวะ



“หิวไหม”



“อ..อะ อื้ม”



“งั้นก็ไปกิน มีสปาเก็ตตี้หมูสับ มึงชอบไม่ใช่ไง”



“มากกกกก กูชอบมากๆ”  ตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีตอนที่ได้ยิน มันที่ยิ้มเอ็นดูออกมาและลูบหัวผม ก่อนจะดึงตัวผมให้ลุกขึ้นยืนพร้อมๆกับมัน



“ไปแดก”



“อื้ม หอมจังๆ”  แค่พอไอ้ทัพพูด กลิ่นหอมอ่อนๆก็ลอยมาตามลมจนต้องทำจมูกฟุดฟิดตามไปด้วย



“เหอะ ทำตัวยังกับหมา จริงๆก็แค่ลูกแมว”



“บ่นไร ไม่สนนะ”



“หึ เรื่องมึง” 



คำพูดคำจาเหมือนจะรำคาญ แต่ใบหน้าของมันกลับมีรอยยิ้มอ่อนๆอยู่บนนั้น ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าระหว่างผมและมันในตอนนี้มันคืออะไร แต่สำหรับผมตอนนี้มันไม่ต่างจากฝันเลย ผมที่คอยตามส่งขนมส่งน้ำให้มันที่รำคาญแบบสุดๆสมัยปีหนึ่ง ตอนนี้ผมได้นั่งกินข้าวกับมันที่มองมาที่ผมแบบสบายใจ



ผมจะทำเป็นลืมๆไปว่าก่อนหน้านี้มันอยากจะฆ่าผมทุกนาทีเพราะตกเป็นจำเลยในข้อหาฆ่าเมียมัน



“คิดอะไร ทำไมมึงทำหน้าแบบนั้น”  ผมสะดุ้งออกมาหน่อยๆตอนที่มันทักขึ้นมา ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไป



“เปล่า” 



ยิ้มให้มันหน่อยๆก่อนจะส่ายหัวเป็นคำตอบไปให้ มันที่มามองนิ่งๆแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เห็นแบบนั้นผมก็เลยก้มลงไปดมสปาเก็ตตี้แทน ฮื่อออหอมมมม



“วันนี้ไปเรียนเป็นไงบ้าง”



“ก็ดีนะ แต่วันนี้มีแต่เรื่องเซอร์ไพรส์กูว่ะ” 



บอกแบบนั้นแล้วตักสปาเก็ตตี้ซอสแดงเข้าปาก อื้มชุ่มฉ่ำกำลังดี รสเปรี้ยวตัดหวานโคตรลงตัว แม่บ้านบ้านไอ้ทัพหน้านี่คือสุดย๊อด อร่อยกว่าป้าแม่บ้านที่บ้านผมอีก แต่ก็นะ...ผมไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว



“อร่อยไหม”



“อื้มมม อร่อยที่สุด อร่อยกว่าลงแรมห้าดาวอีกว่ะ ป้าแม่บ้านคนไหนทำวะ” 



เงยหน้าขึ้นมาถามมันพร้อมเคี้ยวตุ้ยๆอยู่ในปาก มันที่มองมา ก่อนจะเอื้อมแขนยาวๆมาใกล้ ก่อนจะเอานิ้วหัวแม่โป้งของมันเช็ดที่มุมปากให้ผม ได้แต่เบิกตากว้างๆตอนที่รู้สึกร้อนไปทั่วทั้งหน้า ช่วงนี้อากาศมันร้อนหรอวะ ทำไมผมถึงหน้าร้อนที่ไม่ใช่ฤดูร้อนบ่อยจังเลยจ๊ะแม่จ๋า



“กู”



“อ..อะไร”



“ไม่ใช่ป้าแม่บ้าน แต่เป็นกูทำ จานนี้กูทำไว้ให้มึงเอง



“อะ...ระ...เหรอ” 



ก้มหน้าลงมองจานตอนที่ไอ้ทัพหน้าผละออกไปนั่งดีๆแล้ว รู้สึกไม่กล้าสบตามันในตอนนี้ ได้แต่มองจานที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ ... มัน .... มันทำจานนี้ไว้ให้ผมหรอวะ



“ถ้าอร่อยก็แดกเยอะๆ ตัวเท่าไอ้หลง”



“ข...ขอบคุณนะ”  ค่อยๆช้อนตาขึ้นมองตามัน แล้วพูดขอบคุณมันออกไปแบบอ้อมแอ้ม อีกฝ่ายที่ยกยิ้มขึ้นมาในตอนที่เห็นหน้าผม



“ไม่ต้องขอบใจ”



“หื้ม?”



“กูได้มันแล้ว”



“ได้...ได้อะไร?”



‘ฟอด’



“นี่ไง ค่าตอบแทนกู”  ใบหน้าคมที่ผละออกจากแก้มของผมตอนที่พูดแบบนั้น



‘เคร้ง’



ช้อนกับส้อมหลุดลงไปจากมือของผม  ได้แต่เบิกตากว้างๆมองตาคมของคนที่ผละหน้าออกไปไม่ไกลมากเท่าไหร่ ทัพหน้าที่ยกยิ้มมุมปากเท่ๆอยู่ตรงหน้าของผม  สายตาของมันที่มีแววอบอุ่นและล้อเลียนผมอยู่นัยที



“เขินเป็นแบบนี้สินะ หึ”



“ข...เขินเชี่ยไรเล่า” 



ผลักอกของมันให้ออกไปไกลๆ และเจ้าตัวก็ยอมถอยออกไปนั่งเก้าอี้ตัวเองดีๆ ได้ยินเสียงหึมาจากลำคอมันหนึ่งที หึ่ย กวนตีนจังอ่ะครับ  เสหน้าหนีจากมันมา ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายจานสปาเก็ตตี้ของตัวเอง



“ทำไรของมึง”



“ยุ่ง”



“ไอ้เมล”



“เออๆ ก็ถ่ายรูปไง”



“ถ่ายทำไม”



“ก็....”



“ก็อะไร ชักช้านะมึง”



“ก็มึงเป็นคนทำอ่ะ กูก็ต้องถ่ายเก็บไว้ดิ เอาลงไอจีเลย” 



บอกมันออกมาแบบนั้นด้วยเสียงไม่ดังมากเท่าไหร่ จริงๆแล้วก็ค่อนข้างที่จะอายนิดหน่อยที่ต้องมายอมรับกับมันแบบนี้  อีกฝ่ายที่ไม่ตอบอะไร ผมก็เลยก้มหน้าก้มตาจิ้มๆกดแต่งภาพในไอจีต่อไป เขียนแคปชั่นว่าอะไรดีว่ะ



“อะ” 



เสียงที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะการคิดแคปชั่นของผมให้ต้องเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมก็คือ....มือถือของทัพหน้า



“คือ?”



“ทำให้หน่อย”



“ห๊ะ”



“สมัครให้หน่อย ไอ้ไอจงไอจีอะไรนั่นน่ะ” 



ร่างสูงตรงหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้น พร้อมๆกับเสหน้าหนีไปทางอื่น ผมที่เริ่มจะรู้สึกว่าปวดโหนกแก้มมากๆ พยายามสุดๆที่จะไม่ยิ้มออกมา ได้แต่รับมือถือของมันมาเพื่อสมัครแอคไอจีให้อีกฝ่าย แอบเหลือบๆมองหน้าของอีกฝ่ายที่เสไปมองที่อื่น ทำหน้าทำตาแบบไม่สนใจอะไรผมสักเท่าไหร่



“อึ...อึฮึ่มๆ ...ถ้ามึงสมัครเสร็จแล้วก็ฟลอแอคมึงด้วยละกัน กู...กูไปทำงานก่อนละกัน มีงาน แล้วก็แดกให้หมดด้วยล่ะ” 



ทัพหน้าที่กระแอมไอออกมาหน่อยๆก่อนจะหันหน้ามามองผมนิ่งๆเหมือนทุกทีที่มันชอบทำแล้วก็พูดรัวๆออกมาทันทีแทบจะฟังไม่ทัน มันที่ไม่รอให้ผมตอบรับหรือปฏิเสธอะไรรีบลุกพรวดพราดแล้วเดินตัวตรงแด่วออกไปทั้งแบบนั้น ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างๆที่เดินหายออกไปจากห้อง ก่อนจะค่อยๆฉีกยิ้มกว้างๆออกมาแบบเต็มที่ ไม่ไหวแล้วโว้ย อมยิ้มน้อยๆมันไม่พอ เมื่อกี้แอบเห็นหูของมันที่แดงขึ้นมาด้วย



“อุ...อุฮ่าๆๆๆๆ”  ได้แต่ขำออกมาคนเดียวแบบหยุดไม่ไหว ผมคิดออกแล้วว่าจะใช้แคปชั่นอะไรกับการลงสปาเก็ตตี้จานนี้



‘First time’



ครั้งแรก



ครั้งแรกที่มันทำกับข้าวให้ผมกิน



ครั้งแรกที่มันเริ่มสมัครไอจี



และเป็นครั้งแรก...ของเราสองคน



...



 ได้แต่เดินเข้ามาที่ห้องทำงานด้วยขายาวๆที่ก้าวออกมาเร็วๆ  ยังเดินออกมาจากห้องอาหารไม่ได้ไกลเท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นตามมา  ไม่ใช่เสียงของใครอื่น นอกจากไอ้คาราเมล ไอ้เด็กดื้อ .... คงจะสุขใจมากสินะที่ทำเอาผมไปไม่เป็น



เหอะ ไม่ได้เขินไม่ได้อายอะไรหรอกนะเว้ย ... มันก็แค่



แค่... แค่อะไรก็เรื่องของผมสิแม่ง



ทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานภายในห้องทำงานของตัวเอง แล้วก็นึกไปถึงใบหน้าเขินๆของไอ้คนที่ป่านนี้คงนั่งฉีกยิ้มมีความสุขอยู่ที่ห้องอาหารแน่ๆ แค่คิดถึงหน้าของมันก็ทำเอาใจผมเต้นแปลกๆ  รอยยิ้มของมันและท่าทางเด๋อด๋าเวลาที่มองมาที่ผมอย่างกล้าๆกลัวๆแบบนั้น เห็นกี่ทีก็ทำเอาอยากแกล้ง หรือผมจะเป็นโรคจิตวะ เห็นมันกลัวเห็นมันร้องไห้แล้วสุขใจแปลกๆ



ได้แต่เอนตัวลงไปพิงพนักเก้าอี้เพื่อผ่อนคลายตัวเอง ก่อนจะได้ยินเสียงกุกๆกักๆอะไรสักอย่างที่ดังมาจากตรงหน้าต่าง พอหันไปมองก็เห็นก้อนขาวๆที่เกาะขอบหน้าต่างมองลงไปข้างล่างอยู่ตรงนั้น



“ไอ้สั้น” 



เรียกออกไปด้วยเสียงไม่ดังไม่เบา มันที่ยืนมองอะไรอยู่ตรงนั้นหันหัวมามองผม ตากลมใสแป๋วของมันที่หันมามองผม เป็นแววตาใสซื่อแต่บางครั้งก็มีแววดื้อดึง เห็นแล้วนึกถึงเจ้าของของมันที่ครั้งนึงเคยดื้อดึงที่จะเลี้ยงไอ้สั้นนี่เอาไว้



“เมี้ยววว”



“ไม่ต้องมาร้อง มานั่งมึนอะไรในห้องทำงานกู ออกไป” 



บอกมันแบบนั้นแล้วชี้มือไปที่ประตู  ไอ้แมวเด็กที่เอียงหัวใส่ผมหน่อยๆ มันกระโดดลงจากโต๊ะตรงขอบหน้าต่างแล้วกระโดดมาหาผม



‘พลึบ’



“สัด! ออกไป” 



ตัวกลมๆของมันที่กระโดดขึ้นมานั่งที่ตักของผม ยกมือเตรียมจะคว้าหัวมันแล้วโยนออกไปนอกห้อง แต่ขาเล็กๆก็เอื้อมมาแตะที่อกผมไว้ก่อน ตาใสๆของมันที่ช้อนตามองผมพร้อมเสียงเล็กๆที่ร้องออกมา มันก็ทำให้มือผมหยุดชะงัก มองเห็นภาพของเจ้าของมันทับซ้อนขึ้นมาซะแบบนั้น



“หึ น่ารำคาญ”  บ่นว่ามันออกไปแบบนั้น แต่ไอ้ตัวเล็กนี่กลับเอาหัวมาถูๆไถๆอ้อนผมแทน



“น่ารำคาญเหมือนไอ้เมลไม่มีผิด” 



ว่ามันออกไปแบบนั้นแล้วอุ้มมันขึ้นมา เดินไปตรงบานหน้าต่างที่ก่อนหน้านี้ไอ้สั้นนี่มาซุกตัวอยู่ มองลงไปเห็นเป็นกรงไอ้รี่ที่ผมสร้างเอาไว้  มองเห็นสิงโตตัวใหญ่ที่กำลังนอนเอาหน้าแนบพื้นเหมือนหมดอาลัยตายอยาก หน้าของมันหันเข้าไปมองที่ห้องที่ไอ้หลงอยู่ แต่แน่นอนว่าไอ้แมวเด็กมันไม่อยู่ตรงนั้น มันอยู่กับกูบนนี้นี่



“นี่ถ้ามึงเป็นคนกูจะคิดว่ามึงงอนผัวแล้วหลบหน้าหนีมาหากูแล้วนะ” 



ก้มหน้าลงมองไอ้แมวเด็กที่เอาหัวซุกลงมาที่ไหล่ของผม พอว่าออกไปแบบนั้น ไอ้ตัวเล็กนี่ก็เงยหน้าขึ้นมามอง ขาเล็กๆของมันที่ตีลงมาที่ไหล่ผมเบาๆ



“นี่มึงสู้กูหรอวะ”  ว่ามันดุๆ ไอ้ตัวเล็กกูหดหัวซุกหน้าลงไปที่ไหล่อีกรอบ



“หึ...มึงนี่เหมือนเจ้าของมันจริงๆเลยนะ ดื้อ สู้ไม่ได้ก็ยังอยากจะสู้ เป็นแค่ลูกแมวเด็กแท้ๆแต่คิดจะสู้เจ้าป่า” 



วางไอ้แมวเด็กลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองอีกครั้งแล้วจ้องหน้ามัน ไอ้ตัวเล็กที่ยอมนอนลงดีๆช้อนตามองหน้าผม

“เมี้ยว เมี้ยววว เมี้ยววว” 



ไม่รู้ว่ามันพูดอะไร แต่จากสายตาที่มองผมแบบจริงจัง ไม่เข้าใจ แต่ทำไมเหมือนกับมันกำลังบอกผมว่าอย่าทำให้เจ้านายมันเสียใจเพราะเจ้านายมันรักผม



“ไม่ต้องมาสั่งกูไอ้สั้น”



เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาดู มันเป็นรูปถ่ายใบเล็กๆที่ที่ถูกพับเป็นรูปของผมกับณราชาสมัยม.ปลาย แกะในส่วนที่ถูกพับไปข้างหลังออกมาจนรูปมันเต็มใบ .... ภาพถ่ายของผมณราชาและไอ้หมิง เมื่อก่อน พวกเราเป็นเพื่อนรัก เพื่อนรักเพื่อนสนิทกันที่สุด แต่มาวันนี้ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว



เอื้อมมือไปยกหูโทรศัพท์ภายในบ้านแล้วกดโทรออกหาใครบางคน รอจนปลายรับสาย หายใจเข้าลึกๆก่อนจะกรอกเสียงตอบกลับไป



“ไอ้ปืน กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วย...วันนี้กูไปดูณราชาที่โรงพยาบาล เธอยังไม่ฟื้น...แต่กูว่ากูเห็นไอ้หมิง



...


มาแล้วค่ะ มาลงแล้ววววว
มันสนุกไหมอ่ะคะ แคทกล้วว่ามันจะไม่สนุกเลยอ่ะ ส่วนใครที่กลัวดราม่า บ้าาา ไม่มี๊ หวานๆกันไป

ส่วนบินกุ๊กดาบ ไม่รู้ๆๆๆแกล้งตายดีกว่า เครียดมากกับ3คนนี้ ได้โปรดเด้อ ขอร้องคนอ่านอีกทีว่าอย่าทักแชทมากดดันเรื่องคู่ไหนๆต้องแต่งแบบไหนๆ โปรดเก็นใจแคททีค่าา ถ้าไม่ชอบให้ไปด่าพี่รบเด้อออ 5555 :z2: :mew1: :katai4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่24* {02.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 03-03-2019 00:11:43
อ้าววว หมิงยังไม่ตายเรอะะะ  :katai4:

เจ้มจ้นมากๆ ทีมเจ๊ดานี่ค่ะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่24* {02.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 07-03-2019 03:33:12
โอวววรอดได้หายดีแล้วเร๊อะถึงได้มาวนๆเวียนๆแถวนี้ ตามมาดูป่ะ ยังคงไม่ฟื้น ก็แอบสงสารมันอยู่นะ มันคงรักณราชาจริง ด้วยความแค้นทำให้ไม่มีสติใตร่ตรอง โดนปั่นหัวง่าย หลงผิดเลยทำพลาดไป โห้ยไอ้เลวเอ๊ย ไอ้บัดซบ เพื่อนกันแท้ๆ ขอด่าอีกทีเถอะ 55555 ยังโกรธไม่หายเลยไปทำกับเมล ไอ้เวร นึกถึงแล้วอารมณ์พาลจะขึ้น 5555 แต่ก็เออนั่นแหละ ถ้าไม่ตาย ยังอยู่แล้วสำนึกคิดได้ จะยอมฟังแปป ให้โอกาสไง เห็นแก่ความเป็นเพื่อนและรักจริงที่มีให้ณราชา หรือป่าววะ หรือกูมโนไปเอง 555555 ณราชาท้องกับทัพหน้าจริงปะวะ เริ่มสงสัยอีกละ 3คนนี้มันต้องมีพีคไหม ?? //แต่ว่านะ คือออบับทัพหน้ามาโหมดนี้ ว้อยยยยย ทั้งเขินทั้งฮาไปกับเมล บ้าเอ๊ย โมเม้นท์นี้สวีททเว่อร์ ใครจะทนไหววะ  แล้วอีกอย่างไม่ได้เห็นง่ายๆนะเว้ยที่่คนอย่างไอ้พี่ทัพมันจะมีวันไปไม่เป็นกับเขา  5555555 เอาซี้~~ มีฟงมีฟอลไอจี มีเล่นกับไอ้น้องหลงอีก งานดี๊~~555 //เริ่มสงสารไอ้พี่รี่ละ เหงาเลย น้องหลงงงงงงไปหาพี่เขาหน่อยเร็ว งอนไรกัน หืมม! //เอาละๆ ถ้าช้าเฮียดาบคาบไปแดกนะเฟ้ยบิน อย่าช้าๆ ให้ว่อง ไปเลยกุ๊กไปเลย ไปเดทกับพี่เขานะ 55555 ส่วนอู๋ก็หยอดตลอด แจก็แดกๆเขินๆ ทะเลาะกลบเกลื่อนหน้าแดงไปเรื่อย 5555 สรุปก็คือรู้กันแล้วว่าใครจีบใครไรงี้ แต่รอสองคนนั้นเคลียร์กันอะนะ อ๊ายยยยยสนุกกกกกกค่า อ่านเพลินนนนน อมยิ้มแก้มปริตลอดทั้งตอน ดีๆแบบนี้แอบหวั่นใจว่าดราม่าจะแอบมาอยู่นะ แต่ก็แอบชอบอยู่มาเลย 55555 รอตอนต่อไปเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาอัพให้เรื่อยๆได้อ่าน ชอบบบ ไฟท์ติ้งตอนต่อไปค่ะ รรรรรร จะเกิดไรขึ้นบ้าง ไอ้หมิงลับๆล่อๆนะมึง อ๋ออ ความเว่อร์ของพี่เขานี่เว่อร์มาก แค่เมลร้อนหน่อยๆเอง เล่นใหญ่รัชดาลัย ฮอลล หมั่นไส้เว้ย 55555555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่25* {09.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 09-03-2019 20:14:43


บทที่25


(กุ๊ก)



“ทำไมเอาแต่มองออกไปนอกรถแบบนั้นล่ะคะหนู” 



เสียงสองที่ดังขึ้นมาจากฝั่งขวามือทำให้ผมต้องละสายตากลับไปมองคนร่างหนาหน้าหล่อที่ชอบแต่งหน้าแต่งตามาจนเต็มแทบทุกครั้งที่ได้เจอกัน  วันนี้พี่มันก็ยังหล่อแม้ว่าจะทาปากแดงมากก็ตาม



“ก็ไม่มีอะไร อยากดูวิว”  ตอบพี่มันออกไปแบบนั้น แต่อีกคนก็ยิ้มบางๆส่งมาให้ มือหนาที่เลื่อนเกียร์ไปที่ตัวNแล้วหันหน้ามาหาผมในตอนที่รถติดไฟแดง



“วิวสวยๆก็ต้องหน้าพี่แล้วไหมอ่ะคะหนู”



“หึ สวยตายอ่ะพี่มึง”



“ทำไมคะ กูไม่สวยตรงไหนคะ นี่ถ้าไม่ใช่น้องกุ๊กๆกิ๊กๆคือกูตบปากเลยนะคะ”



“พี่จะตบผมหรอวะ”



“ใช่ค่ะ ตบด้วยปากดีไหมยังไง”



“ไอ้สัด”



“อ้าว อิเด็กนี่ด่ารุนแรงจุงกะเบย ใจร้าว”   เราทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันตอนที่พี่มันพูดออกมาแบบนั้น มองกันไปสักพักแล้วก็



‘พรืดดด อุ๊บ ฮ่าๆๆๆ’



ต่างฝ่ายต่างหัวเราะใส่กันแบบทนไม่ไหว ก็ดูบทสนทนาของเราสองคนสิครับ แม่ง ไร้สาระชิพหายเลยว่ะ แต่เรื่องน้ำลายที่พี่มันพ่นออกมามันคือเต็มๆหน้ากูเลยนะเอาจริงๆ



“อย่าพ่นน้ำลายสิโว้ยอิเจ๊”



“โอ๋ๆนะคะ น้ำลายคนสวยๆก็คือน้ำมนต์ค่ะ จำ!”  ว่าออกมาแบบนั้นแล้วก็เริ่มเปลี่ยนเกียร์เป็นตัวD รถค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามถนนสายติด ติดทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์ ไม่มีวันไหนที่มันจะไม่ติดเลยจริงๆ น่าเบื่อ



“วันนี้หนูอยากกินอะไรคะ แต่พี่อยากกินสเต๊กค่ะ”  แล้วมึงจะปรึกษากูเพื่ออะไรวะไอ้พี่ เวน



“หรอ”



“ทำไมอ่ะคะ หนูไม่ชอบหรอคะ พี่นี่ชอบมากเลย อยากให้หนูได้ลองทานดูน้า”



พี่มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ก็ปล่อยให้พี่มันนั่งวี๊ดว๊ายผู้ชายที่ขับมอเตอร์ไซด์ผ่านมันไปเรื่อยๆของมัน ... และสุดท้ายพี่มันก็พาผมเลี้ยวเข้าโรงแรมห้าดาวที่ตั้งอยู่แถวนานา



“ที่นี่เลยค่ะหนู เนื้อนุ่มละลายในปากมั๊กมาก” 



ว่าแบบนั้นตอนที่พาผมเดินเข้าไปในร้าน  พี่มันเลือกที่นั่งที่ติดตรงกระจกใส มองเห็นวิวข้างนอกได้ชัดแจ๋ว แน่นอนว่าวิวที่เห็นก็แค่แสงสีของรถติดที่วิ่งผ่านไปผ่านมาในช่วงเวลามืดๆของกรุงเทพนั่นแหล่ะ



“น้องกุ๊กๆกิ๊กๆอยากทานอะไรดีคะ สั่งเลยน้า แต่พี่ว่าเริ่มต้นของการกินสเต๊กเราต้องเริ่มจากComplementary breadกันดีกว่าเนอะ อีกอย่างคือฟรีอิอิ งั้นเราสั่งสลัดด้วยเผื่อหนูกลัวอ้วน แล้วก็....”



แล้วก็อีกมากมายหลายสิ่งที่พี่มันเลือกสั่งมาตามที่มันอยาก และพอเห็นมันสั่งมามากมายขนาดนั้น ผมเลยไม่สั่งอะไรแล้วดีกว่า จานแรกที่พนักงานเอามาเสริฟคือComplementary bread มันเป็นขนมปังสี่รสชาติที่มี โฮววีท ซาเซมี โพกาเซีย ออนเนี่ยน พร้อมเนยสด 2 แบบคือ butter กับ garlic butter โดยขนมปังแต่ละแบบ มีกลิ่นและรสชาติที่ แตกต่างกัน อบมาร้อนๆก็หอมน่ากินดีครับ สักพักพนักงานก็เข็นรถเข็น Top หินสีดำมาข้างๆโต๊ะของเรา พร้อมแซลมอนรมควันชิ้นใหญ่ ใหญ่โคตรๆ สีสวยสดมาสไลด์โชว์กันแบบสดๆยาวตลอดตัว ทีละชิ้นๆ แล้วค่อยๆเรียงบนจาน จากนั้นก็ใส่สารพัดเครื่องปรุงลงไป หน้าตาน่าทาน แต่ผมเองไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะผมไม่ชอบกินแซลม่อนที่ไม่ได้เบิร์นมาก่อน



“นี่นะคะ บีบเลม่อนด้วย อร่อยๆค่ะ”  พี่มันที่ว่าแบบนั้นแล้วเอื้อมมือมาหยิบเลม่อนมาบีบให้ผม รสชาติก็โอเค แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบอาหารเลี่ยนๆแบบพวกอาหารอิตาลีผมว่ามันไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่



“ว้าวว มาแล้วๆค่ะหนู สลัดของหนูเนอะ” 



ของกูหรอไอ้พี่ กูไม่ชอบ! ...



แต่จะแหกปากโวยวายก็ไม่ได้ เพราะสถานที่หรูหราหมาเห่ามากผมเลยต้องยิ้มอ่อนส่งไปให้พี่มันแทน ตอนที่พนักงานเข็นรถพร้อมอุปกรณ์และวัตถุดิบทั้งหมดมาแล้วทำกันสดๆตรงหน้า สลัดซีซ่า ผักสดโรยด้วยเบคอนกรอบๆ



“พี่แนะนำให้ใส่ปลาแอนโชวี่ด้วยนะคะจะช่วยให้กลิ่นและรสชาติที่ดีขึ้นล่ะค่ะ”   



พี่มันว่าออกมาแบบนั้นแล้วขยิบตาให้ ผมที่แค่พยักหน้าตอบรับพี่มันไปและทำตาม ก็อร่อยดีครับ แต่ไม่ใช่ทางของผมเท่าไหร่ ตอนนี้คิดถึงกระเพราไข่เยี่ยวม้าจังวะ



“เมนครอสของเรา มาแล้วค่ะหนู” 



หลังจากที่ผมนั่งเขี่ยสลัดในจานเล่นไปเรื่อย และอิเจ๊ดานี่ที่ดูจะมีความสุขสุดๆยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาสักพัก พี่มันก็ร้องขึ้นมาแบบนั้น พอเงยหน้าขึ้นไปถึงเห็นว่าพนักงานกำลังเดินมาทางโต๊ะเรา ก่อนจะวางจานแรกคือสเต๊กไดแอน และอีกจานคือสเต๊กเนื้อวากิล เป็นAustralian Wagyu เป็นเนื้อติดกระดูก ชิ้นใหญ่ขนาด 1 กิโลกรัมมาทำเป็นสเต๊กจานใหญ่ให้เราทาน



“พี่...”



“ว่าไงคะ เดี๋ยวพี่หั่นให้เนอะ”   



พออีกคนที่ดูจะตื่นเต้นมากๆกับการที่จะเอาใจ ผมก็เลยเลือกที่จะไม่ขัดมันดีกว่า ถึงแม้ว่าสเต๊กเนื้อวากิลที่มันกำลังหั่นอยู่นั่นจะชิ้นละเกือบห้าพันบาทก็ตามเถอะ แพงสัดๆ



“อื้มมม รสชาตินุ่มละมุนละไมม๊าก”   ยิ้มทั้งหน้ายิ้มทั้งตาตอนที่พี่มันเอาเข้าปาก ผมเองก็ไม่ปฏิเสธหรอกครับ มันอร่อยสมราคาจริงๆล่ะ



“วันหลังไม่ต้องพาผมมากินอะไรเว่อร์แบบนี้ก็ได้นะพี่”



“ไม่ได้หรอกค่ะ พี่อยากให้หนูประทับใจในตัวพี่ที่สุด”   



ว่าออกมาแบบนั้นแล้วขยิบตาใส่ ผมที่ได้แต่ส่ายหัวส่งไปให้ แต่อีกคนก็ยังคงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากสนุกไปเรื่อยๆ  เห็นแบบนั้นก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ อิเจ๊พี่ดานี่เป็นคนที่อารมณ์ดีและติดจะกวนตีน ใครอยู่ด้วยก็ค่อนข้างจะสบายใจ รวมถึงผมเองด้วยที่พอได้มาคุยกับพี่มันก็สบายใจดี  เหมือนได้อยู่กับพี่ชายที่ยังระบุเพศสภาพของตัวเองไม่ได้นั่นแหล่ะครับ



“หนูกุ๊กอิ่มไหมคะ ส่วนเจ๊อิ๊มอิ่มค่ะ ดูท้องพี่สิคะ ลูบไหมๆ” 



ว่าแบบนั้นแล้วเอามือกูไปแปะที่หน้าท้องตัวเองซะแบบนั้น ไอ้บ้า!



“โว้ยพี่มึง”



“ฮ่าๆก็หยอกนี่นา อยากเห็นหนูยิ้มเยอะๆ”



“ขอบคุณที่พาผมมานะพี่ แม้ราคาที่พี่จ่ายไปทั้งหมดจะเกือบหมื่นก็เถอะ”



“แค่นี้สบายค่ะ สวยรวย”  ส่ายหัวใส่พี่มัน แต่อีกคนก็ยังคงยิ้มและเดินตามหลังผมมา หลังจากที่พวกเราทานกันอิ่ม พี่มันส่งผมที่หน้าคอนโด



“ประทับใจในตัวพี่ไหมคะหนู”



“ถามไมงั้นอ่ะ”



“อยากได้กำลังใจในการใช้ชีวิตต่อในค่ำคืนนี้”



“ประสาท”



“คนน่ารักด่าแปลว่าเค้ารักสวยค่ะแม่ขา”  คุยกับใครกูถามแค่นี้   มองพี่มันแบบปลงๆ อีกคนที่หันมาหาผมแล้วยิ้มให้แบบลูกหมาขอคะแนน



“ขอบคุณมากครับ วันนี้พี่ได้5”



“5เต็ม10หรอคะหนู”



“เต็มร้อย”



“โอ๊ยอิดอกกก เจ็บปวดไปหมด”  อีกคนที่โหยหวนพร้อมเอามือทาบอก เล่นใหญ่เล่นโตเว่อร์ๆไปหมด เห็นแบบนั้นแล้วก็ต้องยิ้มขำๆออกมากับท่าทางของพี่มัน



“เยอะจริง”



“ฮ่าๆ ก็อยากให้หนูยิ้มไปกับพี่ เอาล่ะถึงคอนโดแล้วหนูไปพักเถอะ”



“ขอบคุณนะพี่”



“ยินดีค่ะ” 



ขยิบตาให้กูหนึ่งที ผมก็ก้าวลงจากรถของพี่มันมา อีกฝ่ายที่โบกมือหยอยๆจากในรถให้ผม ก่อนจะขับรถออกไปเพื่อกลับเข้าร้าน ร้านอาหารของพี่มันที่เจ้าของร้านไม่แดก เพราะวันนี้พาผมไปแดกที่โรงแรมหรูแทน



“เฮ้อ อยากแดกกระเพราว่ะแม่ง” บ่นกับตัวเองออกไปแบบนั้นตอนที่เดินไปกดลิฟเพื่อจะขึ้นตึก พอเห็นลิฟแล้วก็อดคิดถึงเรื่องเมื่อวันก่อนไม่ได้ วันนั้นที่เจอเบน วันนั้นที่ไอ้บินพาตัวผมขึ้นไปถึงห้อง และ...



“พึ่งกลับหรอ” 



เสียงเข้มที่ดังมาจากด้านหลังทำผมสะดุ้งหลุดออกจากความคิด พอมองกลับไปก็เป็นไอ้บิน มันที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีเทาคอกว้างจนมองเห็นกระดูกไหปลาร้าที่ใส่เข้าคู่กับกางเกงขายาวสีดำเป็นกางเกงวอร์มที่มันชอบเอาไว้ใส่นอนพร้อมกับคีบร้องเท้าหนีบแตะมาด้วย



“อืม”  ตอบรับมันกลับไปเบาๆ



“ไปแดกข้าวกับไอ้ตุ๊ดนั่นมา อร่อยไหม”  มันที่ถามออกมาแบบนั้น ทำเอาผมต้องกำมือแน่นๆกลัวจะเผลอโมโหต่อยอัดหน้ามันไป ค่อนข้างที่จะเกลียดน้ำเสียงของมันหน่อยๆ



“อร่อย อร่อยมากๆเลยล่ะสัด ทั้งอร่อยทั้งอิ่ม กูไปแดกสเต๊กเนื้อวากิลมา”   ขมวดคิ้วตอบมันแบบไปแบบนั้น อีกฝ่ายก็แค่ยกยิ้มมาให้ สัดบิน กวนตีน เห็นแล้วอยากเอาตีนลูบหน้า



“หึ ก็ดี” 



มันที่บอกแบบนั้น และในจังหวะต่อมาประตูลิฟท์ก็เปิดออกมาพอดี เราสองคนที่เดินเข้าไปในลิฟด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างหันหน้าไปคนละทาง ผมมองไปที่ผนังฝั่งซ้าย ส่วนไอ้บินมองไปที่หน้าจอบอกชั้นว่าลิฟท์มันเลื่อนขึ้นไปถึงชั้นไหนๆ  เป็นความเงียบที่ชวนอึดอัดจริงๆ



‘จ๊อกๆ’



สัด!



อยากสบถออกมาด้วยคำนี้!  ไอ้ท้องไม่รักดี มึงจะเสือกมาร้องในช่วงเวลาที่เงียบๆแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย



“หึ”  เสียงหัวเราะเข้มๆที่ดังออกมาจากในลำคอของไอ้ตัวที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วยิ่งอยากแกล้งตายเหมือนเจอหมี  สัดเอ๊ย



‘ตึ๊ง’



ประตูลิฟท์เปิดออกในชั้นของพวกเรา และเป็นผมเองที่รีบก้าวฉับๆเดินหนีอายออกมาก่อนโดยไม่หันไปมองไอ้บ้าที่เดินผิวปสกตามหลังมาติดๆ



แม่งเอ๊ย จะมาท้องร้องอะไรตอนนี้วะแม่ง  ใบได้บ่นอยู่ในใจตอนที่หยิบการ์ดเข้าห้องออกมาแตะที่ประตู  ในจังหวะที่กำลังจะดันประตูให้เปิดออก ข้อมือของผมก็โดนฉุดเอาไว้ซะก่อน



‘หมับ’



“อ๊ะ ปล่อยกู...เอ๊ะ”



“เอาไปแดกซะ กูรู้ว่ามึงไม่ชอบอาหารอิตาเลี่ยน ยิ่งพวกสเต๊กมันไม่ทำให้มึงอิ่มจนนอนหลับหรอก ... กูว่าอันนี้มึงน่าจะชอบมากกว่านะ”  มันที่พูดออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับมองหน้าผมและยกยิ้มให้หน่อยๆ



“กูไปล่ะ”  มันที่เดินผ่านหน้าของผมไปที่ห้องของมัน ผมก้มลงมองถุงที่อยู่ในมือ ข้าวกล่องธรรมดาบ้านๆสุดอยู่ในมือของผม



“อ่อ...กูไม่ได้ไถ่โทษเรื่องคืนนั้นหรอกนะ เพราะตอนนั้น...กูตั้งใจ”



“ไอ้สัด!”



“ฝันดีครับ”



ยิ้มตอบรับคำด่าของกูหน้าระรื่น ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไปทั้งแบบนั้น  ยกถุงในมือขึ้นมาดูก็รู้ตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดกล่อง



กระเพราไข่เยี่ยวม้าแน่นอน...



สัดบิน เกลียดมึงชะมัดเลย!



...



(คาราเมล)

‘ครืดๆ’



เสียงสั่นของมือถือทำให้ผมที่นอนกลิ้งเล่นอยู่บนเตียงกว้างๆของไอ้ทัพหน้าต้องเอื้อมมือหยิบมือถือกดมาดู เป็นการแจ้งเตือนมาจากอินสตาร์แกรม พอเปิดเข้าไปดู ก็ต้องเผลออมยิ้มออกมาแบบที่ห้ามไม่อยู่เมื่อชื่อของแอคเค้าท์ที่มากดไลค์ก็คือ Thapna.T ไม่ต้องมองรูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปแผ่นหลังของเจ้าของแอคก็รู้แล้วว่าคือใคร ก็ชื่อนี้น่ะผมเป็นคนตั้งกับมือ ทัพหน้า.ที ก็ทัพหน้า เตชะณรงกรค์ ยังไงล่ะ .... มันที่มากดไลค์รูปล่าสุดที่ผมพึ่งลงรูปสปาเก็ตตี้ไป พร้อมกับคอมเม้นท์เข้ามาแค่หน้ายกยิ้ม แต่ดันได้ยอดไลค์ระรัวยังกับคนอื่นๆรู้ว่านี่คือแอคของใคร แม่มเอ้ย พึ่งเปิดแอคเมื่อตอนเย็นเองนะ



“นอนยิ้มอะไรอยู่คนเดียว เป็นบ้าหรอวะ” 



เงยหน้าขึ้นไปมองเห็นร่างสูงของไอ้เจ้าของบ้านที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าตายๆแบบทุกที มือของมันที่ถือแก้วนมอุ่นเข้ามาด้วย  ได้แต่มองมันงงๆตอนที่มันเอามายื่นให้ตรงหน้าผม



“ลุก”



“คืออะไร?”



“ปัญญาอ่อนไม่รู้จักนมอุ่น”  มองหน้าผมนิ่งๆพร้อมทำหน้าระอาใส่ คือกูรู้ว่าคือนมอุ่นไงวะ แต่ไม่รู้ว่ายื่นมาให้กูทำไม อย่าบอกว่ามึงจะราดหัวกูนะโว้ย



“คือ...ให้กู?”



“ถามมาก กูสาดใส่หน้ามึงนะ” 



มันที่จ้องหน้าผมนิ่งๆ ทำท่าทางเหมือนเริ่มรำคาญ พอมันพูดออกมาแบบนั้นก็รีบคว้าแก้วนมอุ่นๆนั่นมาถือไว้ทันที กลัวมันราดลงมาจริงๆ  ถือแก้วไว้ในมือแล้วได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองมันแบบไม่เข้าใจ  อีกฝ่ายที่ก็ก้มลงมามองหน้าผมอยู่แล้ว



“แดกซะ ถ้าไม่แดกมึงจะชอบนอนไม่หลับไม่ใช่รึไง” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วสาวเท้าเดินหนีไปที่อีกฝั่งนึงของเตียงนอน ผมก้มหน้าลงมองแก้วในมือแล้วยิ้มออกมากว้าง  ไม่พลาดที่จะกดถ่ายรูปเอาไว้ กดลงในไอจีและเขียนแคปชั่นไปว่า ‘second time’



‘ครืดๆ’



เสียงแจ้งเตือนจากไอจีที่ทำให้ต้องเลิกคิ้วมอง ข้อความที่ปรากฏข้างใต้รูปภาพแก้วนมที่ผมพึ่งลงไป ‘รีบแดกแล้วขึ้นมานอน’



หันหลังกลับไปมองคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง มือถือที่วางอยู่บนอกแกร่งของมันและใบหน้าคมที่หันมามองผมนิ่งๆ ดวงตาคมเข้มสีดำสนิทเหมือนท้องฟ้าตอนกลางคืนของมันที่จ้องหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว



“มึง....”



“อีกนานไหม มึงจะรอให้ไอ้หน้าเหี้ยที่ไหนมาเม้นท์แซวมึงอีก สัด” 



สะบัดเสียงในคำสุดท้ายเหมือนจะหงุดหงิดหน่อยๆ ผมที่ก้มลงมองในหน้าจอมือถือเห็นคอมเม้นท์ของใครต่อใครที่ผมไม่รู้จักเข้ามาคอมเม้นท์ผมเรื่อยๆ แซ็วบ้างหยอดบ้างตาประสาเกรียนคีบอร์ด แต่คำพูดจากคนตรงหนาที่มองแรงมาไม่หยุดก็อดที่จะแอบคิดไม่ได้ว่าไอ้ทัพหน้า ... มันดูจะหวงกัน



“เปล่าสักหน่อย”



“เปล่าก็รีบๆขึ้นมา อย่าให้กูต้องหงุดหงิดนะไอ้สัด”



“เออๆ รู้แล้วน่า บ่นจริง” 



ได้แต่บ่นงึมงำเบาๆ แล้วรีบยกแก้วนมอุ่นขึ้นดื่ม รสชาติอุ่นๆหอมๆกลิ่นนมทำให้รู้สึกอบอุ่นในช่องท้องแปลกๆ จริงๆผมค่อนข้างจะติดดื่มนมก่อนนอนมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมมันรู้ได้



ดื่มจนเสร็จก็รีบวิ่งไปบ้วนปากในห้องน้ำ แล้วเอาแก้วไปวางไว้ที่โต๊ะกันมดแดกหัว  เดินเข้าไปใกล้เตียงนอนที่คนร่างสูงก็นอนนิ่งๆจ้องมือถือก่อนจะเงยหน้ามามองผมอีกที



“รีบมา”



“ท...ทำไม”   ถามออกไปแบบใจคิด คือมึงเร่งทำไมวะ



“ขึ้นมา”



“ทัพ...ไม่เอานะเว้ย พรุ่งนี้มีเรียน แล้วก็มีทำรายงานกลุ่มที่บ้านมึงด้วยอ่ะ”



“จะมาไวๆหรือให้กูไปกระชาก มึงเลือก” 



มันที่บอกออกมาแบบนั้นแล้วจ้องตาผมนิ่งๆ ฝ่ามือหนาที่เอื้อมหยิบโทรศัพท์ไปวางไว้บนหัวโต๊ะข้างเตียงแล้วตั้งท่าจะลุกขึ้นจริงๆ ในตอนนั้นกูก็ก้าวยาวๆเข้าไปถึงเตียงนอนทันที



“หึ ขึ้นมา”



“รู้แล้วน่า อะไรนักหนาก็ไม่ อ๊ะ...” 



ในช่วงจังหวะที่สอดขาขึ้นไปนอนบนเตียง ตั้งใจจะคว้าผ้าห่มมาให้ห่มให้แน่นหนา ตอนนั้นวงแขนแกร่งของไอ้คนข้างๆตัว ก็สอดเข้ามาที่เอวรวบตัวผมไปกอดไว้จากด้านหลังอย่างแน่นหนา



“อยู่นิ่งๆ” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วเอาหน้าหล่อๆของมันมาซุกอยู่ที่ท้ายทอย ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดลงมาที่ต้นขอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวจนรู้สึกเกร็งไปหมด



“อ...ไอ้ทัพ คือ” 



ว่าออกมาไปแบบนั้นพร้อมๆกับพยายามเขยิบตัวดิ้นออกมาจากวงแขนของมันแบบเนียนๆ แต่อาจจะไม่เนียนในสายตาของทัพหน้า มันที่พอเห็นผมเขยิบหนี มันก็ยิ่งดึงตัวผมเข้าไปกอดให้แน่นมากยิ่งขึ้น ใบหน้าคมๆที่เอี้ยวตัวมาซุกลงที่ลำคอ กดจูบเบาๆลงไปซ้ำๆ ไม่ได้รุนแรงแต่มันรุนแรงกับหัวใจ



“อย..อย่า”  บอกมันออกไปด้วยเสียงที่ไม่มั่นคงนัก ลิ้นร้อนๆของอีกคนที่เลียเข้าที่ใบหู ความรู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้าในตอนนี้



“มึงน่ะอย่าดิ้น”



“อื้อ มึง มึงก็...”



“ถ้ามึงยังดิ้นไม่หยุด กูไม่รับประกันนะว่าจะหยุด” 



เสียงทุ้มที่ดังเข้าข้างหูทำเอาตัวเกร็งชะงักหยุดดิ้นในทันที ได้ยินเสียงหึเบาๆจากคนที่นอนกอดผมจากด้านหลัง  ฝ่ามือแกร่งที่ดันตัวผมให้พลิกกลับไปหา  ดวงตาคมที่มองหน้าผมนิ่งๆ ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่  มองดูสายตานิ่งๆของมันกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ดูไม่ออก



เป็นคนลึกลับที่บางทีก็ดูเปิดเผย แต่บ่อยครั้งก็ปิดบังอะไรบางอย่างไว้จนแนบเนียน



ใบหน้าหล่อๆที่เลื่อนเข้ามาหาผมช้าๆ  สายตาที่มองสบกันทำให้ผมต้องนิ่ง ไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัวหนี ทัพหน้าที่ขยับตัวลุกขึ้นนิดหน่อยแล้วเลื่อนหน้าเข้ามาหาผม ริมฝีปากอุ่นๆที่เฉียดเข้าที่ข้างแก้ม สัมผัสอุ่นๆที่ข้างแก้มเห่อร้อนแม้ว่ามันจะไม่ได้หอมลงมาเต็มๆ ช้อนสายตามองตามรูปปากของมันที่ค่อยๆเลื่อนผ่านจมูก ตาของผม และสุดท้าย...ริมฝีปากเย็นๆของมันก็นาบลงมาที่กลางหน้าผากของผม



ตึกตักๆ



หัวใจผมเต้นแรงขึ้นเมื่อความเย็นทาบทับลงมา พร้อมๆกับดวงตาของผมที่ปิดลงไป



คุณเคยได้ยินคำพูดของนักจิตวิทยากล่าวไว้หรือเปล่า ... อย่าปล่อยให้คนที่เรารู้สึกดีมาจูบหน้าผาก เพราะจะทำให้เราจดจำเขาตลอดไป ...



และในค่ำคืนนี้ ไม่มีแม้แต่เสียงทัดทานออกจากปากของผม ไม่ทันได้ห้ามปรามว่าอย่าทำ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันผละออกมามองหน้าผม มองเห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นสุดๆของมันผ่านดวงตาที่ไม่แสดงความหมาย แต่มันกลับมีค่าทางจิตใจกับผม

ไม่รู้ว่าคำกล่าวของนักจิตวิทยาจะจริงหรือไม่ แต่ถ้าถามว่าผมจะจดจำมันรวมถึงค่ำคืนนี้ตลอดไปหรือเปล่า...ผมว่ามันเป็นเรื่องจริง



...



“วันนี้พวกมึงจะมาทำรายงานที่นี่ใช่ไหม”



“ก็มึงบอกว่าให้มาอ่ะ” 



เงยหน้าจากชามข้าวต้มกุ้งขึ้นไปมองคนที่กำลังจิบกาแฟด้วยท่วงท่าผู้ดีจัด มือจับแก้วทำมุมได้องศาดูมีชาตระกูลยิ่งนัก ส่วนมืออีกข้างนึงของมันก็กำลังกดๆจิ้มๆไอแพดของตัวเอง เปิดหน้ากระดานหุ้นอะไรไม่รู้ดูอยู่  ทำแบบนี้เสมอๆในทุกๆเช้า ก็คือมาดของนักธุรกิจใหญ่ที่กำลังใช้สมองคิดเรื่องเอาเงินจากคนอื่น ทัพหน้าเป็นคนเก่ง เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เก่งมีอำนาจและหาตัวจับยาก อันนี้ผมไม่เถียงเลย



“อืม”  มันที่ตอบรับออกมาแค่นั้น ก็ทำเอาผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ คือยังไงวะ มึงอยากให้มาหรือไม่ยังไงอ่ะ

 

“คือมึงอยากให้พวกมันมาทำรายงานที่นี่จริงๆหรอ คือ...พวกกูไปทำห้องไอ้บินก็ได้นะ” 



ถามมันออกไปแบบนั้น เพราะผมค่อนข้างรู้นิสัยของมันครับ ทัพหน้าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง รวมถึงมันที่ไม่ชอบให้ใครมาบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว ดูจากชีวิตความเป็นอยู่ แค่บ้านหลังนี้ที่แยกออกมาตั้งตระหง่านอย่างโดดเดี่ยวในท้ายหมูบ้าน และรวมถึงเวลาที่พี่น้องของมันมาหาแบบไม่ได้นัดก่อนมันก็ไม่ค่อยชอบใจนัก  เพราะเป็นแบบนั้น ผมเลยไม่มั่นใจว่ามันอยากให้เพื่อนๆผมมารบกวนที่นี่แน่หรอ



“ทำไม”  ใบหน้าคมที่เงยหน้าขึ้นมาจากไอแพดทันที หัวคิ้วของมันที่ขมวดเข้าหากัน ดูเหมือนจะหงุดหงิดและสายตาคมๆที่มองมาทางผมแบบไม่พอใจ ... คือกูทำอะไรผิดรึจ๊ะ?



“ก็...กลัวมึงไม่สดวก”



“มึงหรือกูที่ไม่สดวก” เสียงแข็งๆของมันที่มาพร้อมกับการหันหน้ามาหาผมทั้งตัว



“ทำไมกูต้องไม่สดวกอ่ะ”



“แล้วทำไมกูต้องไม่สดวกเหมือนกัน”  ยอกย้อนเก่ง



“ก็นี่มันบ้านมึง”



“แล้ว?”   ถามผมออกมาแบบนั้นพร้อมเอนหลังไปพิงพนักพิงเก้าอี้พร้อมเลิกคิ้วถามอย่างหาเรื่อง  เอาจริงๆคือหน้าตาตอนนี้ของมันค่อนข้างจะกวนตีนหน่อยๆครับ



“ก็ไม่แล้วไงอ่ะ ก็ถามดู”



“อะไรที่กูตัดสินใจไปแล้วแสดงว่ากูพอใจ อย่าถามย้ำ นอกจากมึงอยากจะไปแด๊ะแด๋กับชู้มึง”



“ชู้พ่อง!”  ก็เพราะว่ายั้งปากไม่อยู่ ก็เลยโพล่งออกไปแบบนั้น ยกมือขึ้นปิดปากแทบจะทันที รวมถึงไอ้ทัพหน้าที่จ้องกลับมาแบบโหดๆ



“กะ....ก็มึงชอบพูดชู้ๆ ก็มันไม่ใช่ป๊ะวะ”  เถียงมันออกไปแบบอ้อมแอม กลัวครับ กลัวมันตบตกเก้าอี้ ถึงเดียวนี้มันจะใจดีขึ้นเยอะ แต่มันตบได้แน่ๆอ่ะถ้ามันอยากทำ



“ไม่ใช่ก็พามา กูจะทำให้รู้ว่า มึงเป็นของใคร”



“ห๊ะ” 



ได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ ได้แต่ทำหน้าเหลอหลาออกไป มองเห็นมันที่ยกยิ้มมุมปากร้ายๆพร้อมๆกับสายตาคมนิ่งที่มีไฟลุกโชนอยู่ในดวงตาของมัน  ผมว่าผมมองไม่ผิดจริงๆนะ



“เสือก ไปเรียนได้แล้ว” 



มันที่หันมาว่าผมแบบนั้น ก่อนจะหยิบสูธของมันที่วางอยู่ที่เก้าอี้ตัวข้างๆมาคล้องไว้ที่แขน ผมที่ดื้มน้ำอีกอึกแล้วลุกเดินตามมันออกมาจากห้องอาหาร มองสภาพมันที่เป็นมาดนักธุรกิจแบบเต็มตัว



“วันนี้จะไปประชุมหรอวะ”



“อืม แล้วก็มีธุระ”



“ธุระ?”



“เรื่องส่วนตัวที่แปลว่ามึงอย่าเสือก”



“หึ่ย ก็แค่ถามโว้ย อยากรู้ตายล่ะ” 



เบะปากใส่มันตอนที่เดินออกมาที่หน้าบ้าน  ยืนรอสักพักรถที่จะไปส่งผมที่มหาลัยก็มาจอดเทียบ กำลังจะเดินออกไปอยู่แล้วๆถ้าไม่ติดว่าวงแขนแข็งแกร่งที่เอื้อมมาโอบตัวผมไว้ซะก่อน แขนหนาที่เอื้อมมากระชากตัวผมให้เข้าไปปะทะกับอกแกร่ง ได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองอย่างตกใจ และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ริมฝีปากของคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังโฉบริมฝีปากลงมากดจูบที่ริมฝีปากของผมแบบหนักหน่วง ไม่ใช่จูบที่ร้อนแรงแต่ก็ทำให้หน้าผมเห่อร้อนไปทั้งหน้าได้ ในจังหวะที่ผละหน้าออกห่างจากผม สายตาคมก็จ้องกลับมาอย่างแวววาวพร้อมกับยกยิ้มมุมปากร้ายๆ ผมที่ยืนทำหน้าเลิกลักพอหันไปมองรอบๆ ก็เห็นลูกน้องชุดดำของมันที่รีบก้มหน้าหลบกันไปเป็นแถวๆ  ไอ้...ไอ้...



“กูมีธุระ แต่ไม่ต้องห่วง วันนี้กูจะรีบกลับมา ไม่ปล่อยมึงไว้กับเพื่อนสนิทคิดไม่ซื้อของมึงนานหรอก”



“อ..ไอ้..”



“หึ ไปเรียนได้แล้วไอ้ดื้อ” 



ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวผม พร้อมๆกับเอามือมาดันแผ่นหลังของผมให้เดินไปขึ้นรถ มึงไม่ต้องมาผลักเลย กูนี่รีบจ้ำขึ้นรถไปเลยทันที อายครับ ลูกน้องมันนี่ยืนสลอนเลย ไอ้บ้าเอ๊ย...เล่นกูแต่เช้า!



พอหันหน้าออกไปนอกรถ ก็เห็นรอยยิ้มมุมปากของมันที่ยังคงประดับอยู่บนใบหน้า สายตาของมันที่มองเข้ามาในรถยิ่งทำให้ผมอยากวาปหายตัวไปเลยตอนนี้



“พี่ๆๆไวๆออกรถเลยเดี๋ยวผมไปเรียนสาย!”



ไม่อยู่แม่งแล้วตอนนี้ อายโว้ยยย



...


(มีต่อจ้า)
               

 
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่25* {09.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 09-03-2019 20:15:20

ขายาวๆที่ค่อยๆก้าวเดินด้วยจังหวะไม่ช้าไม่เร็วไปตามทางเดินกระเบื้องของโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่ง ในที่สุดจังหวะก้าวของการเดินที่สม่ำเสมอก็มาหยุดอยู่ที่ห้องพักพิเศษห้องหนึ่ง  ฝ่ามือหนาที่เอื้อมไปเปิดประตูห้องพักช้าๆ เดินเข้าไปจนหยุดอยู่ที่ข้างเตียง



“ผมมาแล้วนะณราชา” 



ดวงตาคมที่มองนิ่งๆจับจ้องไปที่ใบหน้าเรียวได้รูปของสตรีที่นอนปิดตาสนิทอยู่บนเตียง บนใบหน้าสวยยังคงมีเครื่องช่วยหายใจครอบไว้ แต่ก็ถูกแยกออกมาพักในห้องพิเศษเป็นกรณีพิเศษเพื่อเฝ้าระวัง ร่างสูงที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆเตียง ก่อนจะหันไปที่หัวเตียง ดอกลิลลี่สีขาวถูกประดับปักไว้ในแจกัน เห็นแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว



“ใครมาปักแจกันดอกไม้วะ”



หันกลับมามองหน้าคนที่นอนอยู่ที่เดิมบนเตียง ได้แต่เอื้อมมือไปกุมมือของคนที่ได้ชื่อว่าภรรยาของเขาเบาๆ กลัวว่าอีกฝ่ายจะต้องเจ็บตัว  มันปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าที่เธอต้องมานอนไม่มีสติอยู่ตอนนี้ ก็เป็นเพราะตัวเขา ... ถึงแม้ว่าเมลจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่จุดเริ่มต้นของเรื่องที่ณราชาต้องเจอก็เป็นเพราะเค้าเอง ...



“ผมขอโทษ”  บอกแบบนั้นเบาๆ ได้แต่เอาหน้าซบลงไปที่ฝ่ามือเรียวเบาๆ  ฝ่ามือที่ครั้งนึงเราเคยจับกุมกันไว้อย่างมั่นคง



‘ก๊อกๆ’



“นายครับ” 



“ว่าไง” 



เอ่ยตอบกลับไปนิ่งๆทั้งที่ไม่ได้หันไปมอง  ดวงตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่นิ้วเรียวที่ครั้งนึงเค้าเคยสวมแหวนเพชรประดับอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ



“ได้เวลาแล้วครับ คุณปืนมารอนายแล้วครับ”



“อืม รู้แล้ว” 



ตอบกลับออกไปนิ่งๆ ลูกน้องที่เข้ามารายงานก็รีบก้มหัวแล้วถอยหลังออกไปในทันที  ดวงตาคมของทัพหน้าที่ยังจับจ้องอยู่ในใบหน้าสวยที่ในวันนี้ค่อนข้างจะซีดเซียว  ฝ่ามือแกร่งที่เอื้อมไปปัดปอยผมของหญิงสาวเบาๆแบบถนุถนอม  สุดท้ายก็ได้แต่วางฝ่ามือเรียวลงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลุกขึ้นยืนในที่สุด



“ผมจะมาเยี่ยมคุณบ่อยๆนะณราชา”  เสียงเข้มที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมของหญิงสาวเบาๆอีกครั้งแล้วตัดสินใจเดินออกจากห้องไปในที่สุด



นิ้วเรียวที่ถูกวางลงเมื่อสักครู่ค่อยๆขยับช้าๆ ดวงตาเรียวสวยที่ปิดสนิทค่อยๆขยับๆช้าๆแม้ว่าจะยังไม่ลืมตาตื่น ถ้าหากร่างสูงได้หันมามองกลับมาสักนิด ก็คงจะได้รับรู้ถึงปฏิกริยาบางอย่างไปแล้ว



“อ...ท....ทัพ”



...



“พวกมึงวันนี้ไปทำรายงานที่บ้านอาจารย์ทัพหน้ากันนะ ลืมเปล่าวะ” 



ผมหันไปบอกไอ้อู๋ไอ้บินไอ้กุ๊กตอนที่พวกเรากำลังเก็บชีทเรียนลงกระเป๋า พวกมันที่พยักหน้ารับแบบเข้าใจต่างฝ่ายต่างรีบเก็บของ ไม่ชอบอยู่ในห้องเรียนนานครับ เดี๋ยวความรู้กระเด็นออกจากหัว



“แต่ถ้าไปแล้วอาจารย์จะไม่สั่งเก็บใครที่รกหูรกตาใช่ไหมวะ กูกลัว”



“ใครมันจะมาสั่งเก็บมึงวะสัดอู๋ มันไม่ใช่มาเฟีย”



“ไม่ใช่มากมั้งไอ้สัด” 



มองเห็นไอ้อู๋ขยับปากพึมพำอะไรสักอย่างแต่ได้ยินไม่ชัด ก็เลยคิดว่าไม่สนใจมันน่าจะดีกว่า ได้แต่ส่ายหัวหน่อยๆกับความคิดที่ใครๆก็คิดว่าไอ้ทัพหน้าเป็นมาเฟีย ตั้งแต่ที่ผมโดนมันจับตัวไปอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์รวมถึงคนอาลักขามันจะแต่งชุดดำเหมือนในหนังมาเฟีย แต่พี่ๆทุกคนที่บ้านนั่นก็ใจดีและเป็นกันเอง  ยิ่งพูดยิ่งคิดถึงพี่ธร ผมว่าไม่มีตรงไหนที่เป็นมาเฟียสักนิด (ในความคิดของเมลคนเดียว)



“แล้วจะให้ไปไงวะ ไปกับมึงหรอ พวกกูเอารถมานะ”  ไอ้กุ๊กที่พูดออกมาแบบนั้น



“ก็ขับตามๆกันมาละกัน”



“อืม ก็ง่ายดี”  ไอ้บินพูดตอบพร้อมๆกับไอ้อู๋ที่พยักหน้าเห็นด้วย



“งั้นไปกันเลยดีไหมล่ะ”  ผมหันไปถามพวกมัน 



“ก็ดี แต่เดี๋ยวกูไปบอกเบนก่อน ให้เบนไปกับกู พวกมึงลงไปรอข้างล่างก่อนเลยก็ได้” 



ไอ้กุ๊กบอกแบบนั้นแล้วเดินออกไปหาเบน ผมมองเห็นไอ้บินที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเหมือนมีขี้มาจ่ออยู่ใต้จมูก อะไรจะหน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนั้นอ่ะครับเพื่อน



“ทำไมทำหน้าแบบนะวะไอ้บิน”



“เปล่า แค่รำคาญตา”  อ๋อจ้า แค่รำคาญตาเนอะ



“ว่าแต่มึงเหอะไอ้เมล หิวอะไรไหม กูไปหาไรให้กินไหม”



“ไม่อ่ะ เดี๋ยวไปถึงบ้านค่อยกิน” 



หันไปยิ้มให้มันและตอบแบบนั้น ไอ้บินก็พยักหน้ารับหน่อยๆ จริงๆอยากจะบอกมันต่อว่าอย่ามาห่วงกูเลย ไปห่วงไอ้แห้งที่เมื่อกี้มึงมองตามจะดีกว่ามั้ง  แต่ไม่เอาครับ ไม่พูดออกไปดีกว่า เดี๋ยวพวกมันเขิน อิอิ



พวกเราที่ลงมาจากตึกเรียน มายืนรอไอ้กุ๊กกับไอ้เบนที่หน้าคณะ



“พี่เมล ไอ้ลุงงงงง” 



เสียงใสๆดังขึ้นมาก่อนตัวไม่ต่างจากทุกรอบที่เจอมัน ไอ้กุญแจเดินเข้ามาพร้อมถุงผ้าใบเดิม เพิ่มเติมคือของที่อยู่ในนั้นน่าจะมีอะไรมากกว่าเดิมเยอะ



“ไปไหนมาอีก มึงเลิกเรียนยัง”



“เลิกแล้วดิครับพี่เมล ว่าแต่มึงไอ้ลุง โทรเรียกกูมาทำไม”  ไอ้แจที่ตอบผมออกมาแบบน่ารัก แต่ทำเสียงสะบัดตอนหันไปถามไอ้อู๋



“ก็กูจีบมึงก็ต้องอยากเจอหน้ามึงไหมวะ”



“อิ้วววว สตอจ้า”  ไอ้แจที่ทำเสียงสูงใส่พร้อมด่าเต็มๆหน้าไอ้อู๋ไปทั้งแบบนั้น  หน้าตาน่ารักของมันเหล่มองไอ้อู๋แบบกวนประสาท



“เออๆ วันนี้กูจะไปทำรายงานที่บ้านอาจารย์ทัพหน้า มึงไปด้วยกันดิ”



“เฮียทัพอ่ะนะจะให้พวกพี่ๆไปทำรายงานที่บ้านหลังนั้น บ้านที่เฮียตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอกับพี่ณราชาอ่ะนะ”



เรือนหอ...งั้นหรอ



“อุ้ย แจว่าคงไม่ใช่หลังนั้น แห่ะๆ พี่เมลอย่าสนใจแจเลยนะ บ้างทีก็หลงๆลืมๆ” 



ไอ้แจที่รีบระล่ำระลักพูดออกมาทันทีที่มันหันมาเจอผม เหมือนแค่ว่าก่อนหน้านี้มันจะเผลอหลุดปากออกมา  แต่ถึงแบบนั้น...นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้ความจริงว่าทำไมบ้านหลังนั้นบางซอกบางมุมถึงไม่เข้ากับไอ้ทัพหน้า จริงๆแล้วคงเป็นเพราะส่วนพวกนั้นณราชาคงชอบมากกว่า



อยู่ๆก็รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวลงแปลกๆ



“เนี่ย พูดมากนักไอ้หมู ตกลงไปกับกูนะ ไปหาเฮียมึงไง”



“แจไม่ได้อยากเจอเฮียสักหน่อยป๊ะ”



“แต่กูอยากเจอมึง เคนะ จบนะ”



“พูดบ้าอะไรของมึงวะพี่”



“หึ แล้วท่าแบบนั้นมึงเขินทำไมล่ะครับ หูแดงเป็นหูหมูเลยว่ะ”



“โว้ยย กวนตีนอ่ะอิพี่อู๋!!”



ผมมองพวกมันสองคนที่วิ่งไล่ตีกันไปมา เห็นแบบนั้นแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาหน่อยๆไม่ได้ คิดว่าไอ้แจเอง...ตอนนี้อาจจะตกหลุมที่ไอ้ลุงมันขุดไว้แล้วก็ได้มั้ง



“พวกมึง กูมาละ ไปกันยัง” 

ไอ้กุ๊กที่เดินเข้ามาสมทบพร้อมๆกับไอ้เบนที่ส่งยิ้มบางๆมาให้ รู้สึกเหมือนมันจะเกร็งๆไอ้บินนิดหน่อย



“เออไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกมึงขับรถตามกูมาละกัน ส่วนมึงไปกับแจนะไอ้อู๋”



“จัดไปเพื่อน”  ไอ้อู๋ที่ตอบรับออกมาแบบนั้น ก็ตรงเข้าไปกอดคอไอ้น้องแจทันที



“เฮ้ยลุง ปล่อยสิเว้ย นี่ที่มหาลัยนะ”



“แล้วไงกูไม่ได้จับมึงปล้ำสักหน่อย ปะ ไปกัน”  มันที่ว่าออกไปแค่นั้นแล้วก็ลากไอ้แจออกไปทันที ผมมองตามยิ้มๆแล้วค่อยแยกย้ายกับคนอื่นๆไปขึ้นรถ



.

.

.
               



 รถหรูหลายคันที่ขับตามๆกันมาเลี้ยวเข้าสู่ตัวบ้านของไอ้ทัพหน้า และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมองเห็นบ้านหลังนี้แล้วรู้สึกฝืดฝืนในหัวใจที่สุดตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่ อาจเป็นเพราะผมพึ่งรู้วันนี้เองล่ะมั้ง ว่าที่นี่คือเรือนหอของไอ้ทัพกับคนรักของมัน



ก้าวลงมาจากรถแล้วมายืนอยู่ที่โถง รู้สึกไม่กล้าจะเดินเข้าไปเหมือนไม่ชิน ทั้งๆที่ปกติคงเดินลิ่วๆไปหาไอ้รี่ไอ้หลง แต่วันนี้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางมากที่สุด



‘หมับ’



“อ๊ะ!”  สะดุ้งทันทีเมื่อรู้สึกถูกโอบจากด้านหลัง พอหันหน้าไปมองก็เจอเข้ากับเจ้าของบ้าน



“ช้าจังวะ”



“ท...ทำไมอยู่ล่ะ”



“บ้านกู ทำไมกูจะอยู่ไม่ได้วะ” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยักคิ้วให้ผม สายตาคมๆที่มองตรงไปด้านหน้า มองรถของพวกเพื่อนๆผมที่ทยอยเข้ามาจอดในโรงจอด



“เฮียยยยยยย ดีจ้า”



“หื้ม น้องแจ”  ไอ้ทัพหน้าที่เลิกคิ้วขึ้นมาตอนที่มองเห็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเองวิ่งยิ้มกว้างเข้ามาหาแบบงงๆ



“มาได้ไงหื้มเรา”



“แจมาได้ ติดรถไอ้ลุงมา”  มันที่ว่าออกไปแบบนั้นพร้อมชี้มือไปที่ไอ้อู๋  สายตาคมๆของไอ้ทัพหรี่ลงทันที  ผมมองเห็นไอ้อู๋ที่พึ่งลงจากรถแอบสะดุ้งหน่อยๆมันที่รีบยกมือไหว้ไอ้ทัพทันที



“มากันครบแล้วก็เข้าบ้านกันเถอะ”   



เสียงเข้มๆว่าออกไปแบบนั้น ก่อนที่มันจะคว้ามือผมขึ้นมาจับแล้วดึงให้เข้าไปด้วยกัน



“ทัพ ปล่อย...”



“ทำไมกูต้องปล่อย”   



คนข้างตัวว่าออกมาแบบเสียงแข็งๆตอนที่ผมกำลังพยายามบิดมือออกจากการเกาะกุมของมัน  มันหันหน้ามามองผมแบบดุๆไม่พอยังกำมือผมไว้จนแน่นจนผมเจ็บไปหมด ท่าทางของมันบอกให้รู้ว่าจะไม่ยอมปล่อยมือไปเด็ดขาด



“อาจารย์ปล่อยเมลเถอะ ผมว่ามันเจ็บนะ”  เสียงไอ้บินที่ดังมาจากด้านหลังของพวกเรา เรียกสายตาจากผมและไอ้ทัพให้หันไปมองได้เป็นอย่างดี



“มึงเจ็บหรอ”  ไอ้ทัพที่หันมาถามผม  สายตาของมันที่บอกผมว่าถ้ากล้าตอบว่าเจ็บมีเรื่องแน่ๆ



“ไม่เจ็บ กูไม่เป็นไรหรอกไอ้บิน”  ส่งยิ้มตอบกลับไปให้ แต่ไอ้บินก็แค่ทำหน้าหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้



“อีกอย่าง ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในมหาลัยแล้ว ไม่มีสอนด้วย กูก็ถือเป็นแค่รุ่นพี่ธรรมดาๆของพวกมึง ไม่ต้องเรียกกูว่าอาจารย์หรอก ขนาดเมลมันยังไม่สนเลย เนอะ” 



มันที่พูดแบบนั้นแล้วยกยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือมายีผมของผมเบาๆ  สายตาของไอ้ทัพที่กำลังบอกไอ้บินว่า



มันคือผู้ชนะ



“ทำที่ห้องนี้กับไอ้หลงละกัน โอเคไหมเมล”



“อื้ม ห้องไหนก็ได้ แล้วแต่เจ้าของบ้านเลย” 



ผมตอบออกไปแบบนั้น เห็นมันขมวดคิ้วมองผมนิดหน่อย ก็กูพูดอะไรผิดล่ะ ยิ่งรู้ว่าที่บ้านหลังนี้เป็นเรือนหอของมัน ผมเองก็ไม่กล้าจะขยับตัวเดินไปทางไหนเลย



“งั้นกูก็แล้วแต่มึง กูให้สิทธิ์กับมึง”   



ทัพหน้าที่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆผมก่อนจะกระซิบออกมาเบาๆ มันที่ผละหน้าออกแล้วยิ้มมุมปาก ผมเองไม่อยากเข้าใจประโยคที่มันพูดเท่าไหร่ แต่ก็ยังทำหน้าเอ๋อๆใส่มันไปอยู่แบบนั้น



“ทำหน้าตลกจังวะ ไป รีบไปทำรายงาน .... แล้วทำกันออกมาดีๆนะพวกมึง ไม่งั้นกูจะตัดคะแนนให้ยับเลย”



“โหยยย พี่ทัพใจเย็นครับ”



“น่านดิครับพี่ ผมจะทำสุดฝีมือเลย”   



ไอ้อู๋กับไอ้กุ๊กรีบร้องโอดครวญออกมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น มองเห็นไอ้ทัพหน้าที่ยืนยิ้มหน่อยๆอยู่ตรงนี้ รู้สึกว่าบรรยากาศดีๆกำลังมีขึ้นมาแปลกๆ  เหมือนมันกำลังเปิดใจให้ผมและเพื่อนๆ



“ไปทำไป กูจะนั่งเล่นอยู่นี่ล่ะ ไม่เข้าใจก็ถามได้”



“สิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มเราหรอครับเนี่ย”   



ไอ้กุ๊กหันมาถามไอ้ทัพแบบนั้นตอนที่มันวางโน๊ตบุ๊คของมันลงบนโต๊ะญี่ปุ่น สงสัยว่าไอ้ทัพจะบอกให้คนงานเอามาวางไว้ให้



ผมหันไปมองหน้าของทัพหน้าบ้างตอนที่ไอ้กุ๊กถามออกมาแบบนั้น  มันที่ยังไม่ตอบอะไรแต่กลับเดินเข้ามาหาผมใกล้ๆ ฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ เป็นความรู้สึกอบอุ่นสุดๆที่อยากจะให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไป



“สิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มน้องเมล หึ”



“โห้วววว // หวีดวิ้ว”



จบคำพูดของไอ้ทัพก็ตามมาด้วยเสียงร้องโห่แซวจากไอ้กุ๊กไออู๋และไอ้เบนที่ดังตามมาไม่หยุด  รู้สึกร้อนหน้าแปลกๆจนต้องก้มหน้าหลบสายตาของไอ้ทัพหน้าและเพื่อนๆของตัวเอง



“โว้ย พูดไรกันวะ หลงๆมาหากูๆ”  กวักมือเรียกไอ้แมวเด็กที่เดินเล่นอยู่แถวนั้น มันที่วิ่งดุ๊กๆเข้ามาหาทันที



“หึ พอๆพวกมึงอย่าแซว”



“ทำไมอ่ะครับพี่ครับ”



“ไอ้เมลมันเขินแล้วแก้มชอบแดง น่ารัก”



“โห้วววว // หวีดวิ้ว”



โว้ยยยย กูไม่อยู่แล้วโว้ยยย ไอ้ทัพหน้า ผีเข้าอีกแล้ว ช่วยด้วย!



ผมได้แต่ก้มหน้าหลบหน้าหลบตาตอนที่พวกเพื่อนๆยังโห่แซวไม่เลิก เลยไม่รู้เลยว่า สายตาคมๆของไอ้ทัพหน้ามันก็ไม่ได้จับจ้องมาที่ผมเหมือนกันในตอนนี้  ดวงตาสีนิลลึกลับของเจ้าของบ้านร่างสูงที่มองตรงไปยังเพื่อนในกลุ่มของคาราเมลที่นั่งนิ่งๆไม่ได้แซวอะไรออกมา  ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะกระตุกยิ้มร้ายๆเหมือนเยาะเย้ยส่งไปให้



ถ้าคิดจะมาแย่งของกับทัพหน้าแล้วล่ะก็....ยังรีบฝันเร็วไปอีกสามชาติจะบอกให้



“หึ อ่อน”



“มึงว่าไรนะ”



“เปล่านี่ มึงเลิกเล่นกับไอ้สั้นได้แล้ว ไปทำงาน ถ้าวันนี้มึงไม่เสร็จกูจะตีมึง”



“มึงจะตีกูจริงๆหรอ”



“เออ”



“แม่ง โหดร้าย”  คาราเมลที่บ่นงุ้งงิ้งออกมาแบบนั้น ทำเอาทัพหน้าต้องเอื้อมมือไปดึงแก้ม ก่อนจะพูดออกมาว่า



“กูจะตีมึง แต่ไม่ใช้มือนะ...แต่อาจจะใช้...ปากนำ



“โห้วววว // หวีดวิ้ว”



และเสียงโห่ร้องของพวกเพื่อนๆก็ดังออกมาเป็นระยะๆอีกหลายรอบ



คาราเมลได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ถ้าบรรยากาศดีๆแบบนี้ มีอยู่ตลอดไปก็คงจะดีสินะ

 



...



Are you ready?!!

พร้อมกันไหม อิอิ พร้อมอะไรหว่า? โฮกฮากกก

วันนี้มาลงไว มาอ่านกันนะคะ แม้ว่าตอนที่แล้วคนอ่านจะหายไปครึ่งนึงก็เถอะ เสียใจจจจจจ

มาอ่านกันนะคะ    :katai4: :katai2-1:

 
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่25* {09.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 09-03-2019 22:06:40
จะมีอะไรอีกมั้ยเนี่ย? คารเมลสู้นะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่25* {09.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 09-03-2019 23:33:55
เตรียมทิชชู่ซับน้ำตาาาา :ling3:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่25* {09.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 09-03-2019 23:46:26
 :z3: ถ้าณราชาพื้น แล้วนุ้งเมลจะไปอยู่ที่ไหนเนี่ย อีพีทัพตายแน่ๆ น้องหนีแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่25* {09.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 10-03-2019 08:27:05
ยากจังเลยค่ะ เอาไงดีนังพี่ทัพ ไม่ใช่แค่ไปแสดงความเป็นเจ้าของน้องต่อหน้าคนอื่นเด้อ ตัวเองก็ต้องรีบเคลียร์เน้อ

สงสารเจ๊ดานี่ อาจจะเปย์เป็นแสนแขนไม่ได้จับที่แท้จริง แง้ สู้ๆนะ เราให้กำลังใจเจ๊ แม้ความหวังจะริบหรี่ก็ตาม ; - ;
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่25* {09.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 14-03-2019 05:08:08
หวีดวิ้ว 3 ดอก จอดเลยไหมละเมล 5555 บ้าเอ๊ย หุบยิ้มไม่ได้เลย โคตรเอาใจใส่ อุ่นนมให้ + อ่อนโยน ละมุนขึ้นมากขนาด มีจุ๊บหน้าผากก่อนนอน จูบก่อนไปทำงาน เฮ้ยยทัพหน้าปลอมตัวมาป่าววะ 555555 //โอ้วววเยสสสสส ฟื้นแล้วเว้ยฟื้นแล้ว เอาละ ขอให้หายดีวันดีคืน กลับมาทวงผัวไปซะนะ หึหึ!! หมั่นไส้คนมีความสุขเพราะได้แกล้งเขา แบบว่าแกล้งเพราะรักอ่ะ ฮ่าๆ จะเอาไงให้มันรู้กันไปเลย เอ้ออออใช่ เข้าใจความรู้สึกเมลเลย ก่อนรู้เรื่องของบ้านกับหลังรู้ความจริง ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปจริงนั่นละ มันก็จะเกร็งๆหน่อย เอาไงละทีนี้ เจ็บแปลบๆ หึหึ //คิดว่าแผนการยั่วบินของทัพต่อไปคงไม่ได้ผลแล้วล่ะ เพราะเขาไม่สนใจเมลแล้วอ่ะดิ นู้นนนนนๆเขาสนใจอีกคนจร้า 5555 ไปกินวากิลหรูหราหมาเห่า แต่ดันมาแพ้ให้กับกระเพราะไข่เยี่ยวม้า ไม่ใช่คือไม่ใช่ ใช่ไหม สินะ คึคึ! อะไรอ่า อะไร๊คือตั้งใจคืนนั้นของบินอ่า ทำไรกัน เกาะติดคู่นี้อีกคู่ //ส่วนลุงกุ๊กกับเด็กอ้วนตราเด็กสมบูรณ์แจนั่น เปิดเผยมาก จีบกันต่อหน้าต่อตา ประกาศชัดให้โลกรู้ โวยวายแก้เขินไปงั้นอ่ะแจ วุ้ยๆ 5555 //เกลียดการกดไลค์และเม้นในไอจี เกือบจะตามไปราวีเม้นอื่นด้วยนะนั่น ยิ่งเห่อๆอยู่ ทำเป็นหวง เห๊อะ หมั่นไส้ ฮ่าๆ//ว้อยยสนุกก อ่านเพลิ๊น คะแนนงานกลุ่มนี้ต้องออกมาดี พิเศษเลยเฉพาะกลุ่มน้องเมล อัยยะ 555 ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาอัพให้ได้อ่านอย่างต่อเนื่อง สนุกมาก รอตอนหน้าเลยค่ะ จะเกิดไรขึ้นอีกบ้าง ณราชาฟื้นแล้ว  ดอกลิลลี่ใครเอามา ไอ้หมิง?? มันมีความหมายว่าไงวะ กูเกิ้ลแปป 55 รอรอรอ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่26* {16.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 16-03-2019 21:08:29
บทที่26




“เฮ้อออ พิมพ์ตามไอ้เบนอ่านจนกูตาลายหมดแล้วเนี่ย”



“อย่ามาบ่นมากน่าลุง พิมพ์ก็ช้ายังจะมาบ่นอีก” 



ผมที่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าหนังสือเพราะเสียงของไอ้แจกับไอ้อู๋ที่ผลัดกันเถียงผลัดกันแกล้งกันมานาน เงียบไปพักๆก็โวยวายขึ้นมาอีกแล้ว  ผมได้แต่ส่ายหน้าที่เห็นพวกมันเริ่มเถียงกันอีกรอบ



“พักก่อนไหม เดี๋ยวกูไปหาน้ำหาขนมมาให้”



“เย้! พักๆกินขนมกันดีกว่า” 



ไอ้แจที่ตะโกนออกมากลางห้องแบบอารมณ์ดี ก็โดนไอ้อู๋ผลักหัวเข้าไปที  ในจังหวะที่ผมลุกขึ้นยืนไอ้บินเองก็ขยับลุกขึ้นด้วยเช่นกัน



“มึงปวดเยี่ยวไงวะ”



“เปล่า กูจะไปช่วยมึงถือขนม” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้น หางตาของผมมองเห็นไอ้กุ๊กที่เงยหน้าขึ้นมามองพอดี ผมอยากจะถอนหายใจออกมาหนักๆให้จมูกบาน



“ไม่เป็นไรมึง เดี๋ยวกูไปเอาเองได้” 



บอกมันออกไปแบบนั้นแล้วยิ้มให้ตามปกติ ก่อนจะเดินหนีมันออกมาโดยไม่รอให้มันได้พูดอะไรอีก



เดินเข้าไปในห้องครัวไม่เจอป้าแม่บ้านแล้ว แต่ที่เตามีหม้อนึ่งตั้งเอาไว้ พอลองเปิดดูก็รู้เลยว่าคงทำเอาไว้ให้พวกผมแน่ๆ ขนมจีบกุ้งตัวใหญ่โปะไว้บนหน้า เป็นเมนูพิเศษที่มีแค่บ้านของทัพหน้าเท่านั้นที่จะทำแบบนี้ เหมือนเป็นสูตรลับของคุณป้าแม่บ้านที่  ก้มหน้าลงไปดมแล้วเหมือนขึ้นสวรรค์  แค่กลิ่นก็เรียกน้ำย่อยให้ไหลได้แล้ว



‘พลึบ’



 “ทำอะไร”



“อ๊ะ”   



ร้องออกมาแบบนั้นตอนที่รับรู้ได้ถึงวงแขนแกร่งที่กอดเข้ามาที่เอวของผม พร้อมๆกับเสียงกระซิบที่ดังอยู่ข้างหู รวมถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดอยู่ที่ลำคอของผม รู้สึกร้อนหน้าขึ้นมาทันที ขนมจีบกุ้งเป็นเหตุ กี่รอบๆที่กินขนมจีบกุ้งก็จะมีไอ้ตัวข้างหลังโผล่มาแบบนี้ตลอดเลย



“ทำอะไร ปล่อยดิ”



“ทำไมกูจะกอดไม่ได้ กูอยากทำอะไรกูก็ทำ”  แต่นี่มันตัวกูไงโว้ย!



“หึ ทำหน้าฮึดฮัดๆ จะสู้กูหรอไอ้หนู” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ตอนที่ตัวผมหันหน้ากลับไปหามัน แต่อีกคนก็ไม่ยอมผละตัวออก ทัพหน้าที่แค่เอามือค้ำไว้กับเคาเตอร์ครัว รอยยิ้มถูกจุดอยู่ที่มุมปาก ถือเป็นความกวนตีนอย่างนึงของผู้ชายหน้าตายคนนี้แหล่ะ



“เออ จะตีมึงเนี่ยล่ะ”  ยกมือทุบอกมันไปที พร้อมๆกับดันตัวมันออก อีกฝ่ายก็ยอมผละออกง่ายๆ แล้วก่อนหน้านี้จะกวนตีนกูเพื่ออะไรอยากจะทราบ



‘ผลัก’



“เห้ยย ทำอะไรอ่ะทัพ” 



ผมที่เดินผละออกมาจากมันเพื่อเดินไปที่เคาเตอร์บาร์กลางห้อง แต่ยังไม่ทันจะถึงดี ก็โดนไอ้เจ้าของบ้านพลิกตัวผมและดันตัวให้เอนไปที่เคาร์เตอร์บาร์ตัวกลางห้อง สภาพกึ่งนั่งกึ่งนอนของตัวเองทำให้ต้องเบิกตากว้างขึ้น



“อยากทำอะไรก็ทำ”



“อย่ามากวนได้ไหมวะ เดี๋ยวคนก็มาเห็นหรอกโว้ย” 



บอกอีกฝ่ายไปแบบนั้นพร้อมๆกับพยายามดันตัวเองขึ้นจากเคาเตอร์บาร์ แต่คนตรงหน้ากลับทำแบบตรงกันข้าม ทัพหน้าที่แค่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ฝ่ามือแกร่งก็คล่อมทับตัวผมไว้ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ยืนอยู่หน้าเตา



“ท...ทำอะไร”



“ก็ไม่ได้จะทำอะไร” 



ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะยกยิ้มมุมปากร้ายๆ มันที่จ้องหน้าผม ก่อนจะมองตรงไปทางประตูห้องครัวที่อยู่ด้านหลังผม  เห็นมันมองแบบนั้นแล้วรู้สึกไม่ดี หรือมันจะเช็คว่ามีใครมาหรือเปล่า พอคิดได้แบบนั้น ก็พยายามที่จะพลิกตัวหนี แต่ติดตรงที่อีกฝ่ายรู้ทัน  ฝ่ามืออุ่นที่เอื้อมมาจับที่หลังคอของผมไว้ไม่ยอมให้หันหนี ใบหน้าหล่อที่เลื่อนเข้ามาใกล้ๆ พร้อมๆกับยกยิ้มร้ายๆออกมา



“อย่าสิ”



“ทำไม ไม่อยากให้กูจูบจริงๆหรอวะ”



“พูดบ้าอะไ...อื้มมม” 

ริมฝีปากหยักที่กดจูบลงมาทาบทับที่ริมฝีปากของผมพร้อมๆกับค่อยๆบดคลึงริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากล่างของผมช้าๆ งับเบาๆจนรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว  ลิ้นร้อนของมันที่ดูดที่ปลายลิ้นโลมเลียช้าๆจนผมตาพร่า ฝ่ามือหนาที่ลูบเบาๆอยู่ที่เอว กดย้ำจนตัวค่อยๆเอนแนบไปกับเคาเตอร์และมันเองก็ทาบทับตามลงมาในตอนนั้น

"อื้ออ ทัพ อืมมม"



...



“อ....อ้าว ไอ้บินไอ้กุ๊กไปไหนวะ” 



ผมที่วางจานขนมจีบกุ้งและน้ำอัดลมลงบนโต๊ะ มองไปรอบๆแล้วก็ไม่เจอไอ้กุ๊กกับไอ้บิน มีแต่ไอ้อู๋ไอ้แจที่กำลังนั่งเกาหูเกาหัวไอ้หลงเล่นอยู่ และไอ้เบนที่นั่งทำหน้างงๆเป็นตัวประกอบของฉากอยู่ตอนนี้



“พวกมันสองคนกลับไปแล้ว”



“เอ้าไอ้เหี้ย ไปลามาไหว้มีบ้างไหมเนี่ย เพื่อนเชี่ย”



“เออ ไม่รู้แม่งรีบไปไหนกัน บอกมีธุระๆ แล้วไอ้สัดกุ๊กก็คือทิ้งรถไว้ให้ไอ้เบนขับกลับเองด้วยนะ” 



ไอ้อู๋ที่บอกผมแบบนั้น ก็ถึงขั้นงุนงงกันเลยทีเดียว ก่อนหน้าที่จะมาทำงานก็ไม่เห็นว่ามันจะมีธุระอะไรกันนี่หว่า



“อืม...แปลกจัง”



“ไม่เห็นจะแปลก ถ้าพวกมันจะกลับก็ปล่อยให้กลับไปสิ” 



ทัพหน้าที่พึ่งเดินตามหลังผมเข้ามาว่าออกมาแบบนั้น หน้าตานิ่งๆของมันที่ดูเหมือนปกติที่เคยเห็น แต่ผมกลับรู้สึกว่าตอนนี้มันดูมีความสุขมากกว่าปกติแบบแปลกๆอยู่นะ



“มองอะไร”



“ก็...ก็เปล่า”



“พวกมึงก็หยุดทำงานก่อน แล้วมาแดกหนมจีบนี่”



“คร๊าบบบ” 



สามหน่อที่เหลืออยู่ทิ้งงานโดยทันทีตามประกาศิตของเจ้าของบ้านทันที โดยเฉพาะไอ้ลูกหมูแจ คือวิ่งนำมาก่อนใคร มันโยนไอ้หลงกูทิ้งหน้าตาเฉยเลย ปั๊ดโถ่แมวกู



“มึงจะไปไหนไอ้เมล”



“เอาไอ้หลงไปเก็บ”



“มันมีขา มึงน่ะมานี่ ตั้งแต่มายังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่รึไง”  มันที่ว่าแบบนั้นแล้วคว้าข้อมือของผมให้ทรุดตัวลงไปนั่งข้างๆมันที่โซฟาด้วยกันสองคน



“แล้วดึงกูมาทำไม ไหนบอกจะให้ไปแดกไง”



หันไปถามแบบเริ่มหงุดหงิด กูเห็นไอ้อู๋ไอ้แจแดกกันไปหลายลูกแล้วเว้ย กูยังไม่ได้เข้าปากสักลูกอ่ะ เป็นห่าอะไรต้องมาดึงแขนกันไว้ขอถามแค่นี้



“ก็แดกสิ กูเอาของมึงมาให้แล้ว”  ตอบออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับจานขนมจีบกุ้งที่โรยกระเทียมเจียวและราดจิ๊กโฉ่วมาพร้อม หอมๆกลิ่นลอยเตะจมูกเลยครับ



“มึงชอบโรยกระเทียมและราดน้ำจิ้มชุ่มๆไว้แล้วแบบนี้ไม่ใช่ไง”  พูดออกมาอีกตอนที่ยื่นจานมาให้ผม รู้สึกใจสั่นแปลกๆในตอนนี้



“ม..มึงรู้ได้ไงว่ากูชอบกินแบบนี้”



“สังเกต”



“มึงสังเกตกูด้วยรึไง” 



ช้อนตามองหน้าคนที่นั่งเอาแขนพาดไปกับพนักพิงของโซฟาและเอนหัวเงยหน้ามองเพดาน  มองเห็นมันที่กระตุกยิ้มหน่อยๆแล้วก็หันสายตามามองที่ผม



“ไม่ว่าเมื่อไหร่มึงก็อยู่ในสายตากูตลอด”



“มึง...หมายถึงอะไรวะ”



“หมายถึง....มึงควรแดกสักที ไอ้แจแดกไปห้าลูกแล้วกูเห็น”



“เชี่ย! ไอ้แจมึงอย่าแดกเยอะเดี๋ยวหมด”   



เบิกตากว้างแล้วหันไปตะโกนบอกไอ้เด็กที่นั่งจิ้มขนมจีบกุ้งอนู่ที่พื้น แก้มสองข้างของมันที่บวมเป่งเพราะมันเอาขนมจีบเข้าไปยัดไว้เต็มกระพุ้งแก้ม นี่มึงเป็นตัวอะไรวะเนี่ย



“อย่ามาว่ามัน มึงมันมีจานพิเศษยังจะตระกะนะครับ แหมๆๆๆ”   



ไอ้อู๋ที่ตะโกนออกรับแทนมาแบบนั้น มองเห็นไอ้เบนที่แอบยิ้มขำๆ พร้อมๆกับไอ้แจที่ยกมือขึ้นตบแบบถูกอกถูกใจใหญ่ เพราะพวกมันที่ล้อเลียนผมกันแบบนั้น ก็เลยได้แต่ยกนิ้วกลางไปใส่พวกแม่งแต่ไม่เถียงต่อ หันกลับมาจิ้มขนมจีบกุ้งเข้าปาก อื้มมม ยังอร่อยเหมือนเดิม ... ความรู้สึกอุ่นๆที่ไม่ได้อุ่นเพราะขนมจีบ แต่เป็นความอุ่นที่เกิดขึ้นบนหัว สัมผัสที่ทำให้ผมชะงักค้าง



“กินเยอะๆ เอวมึงบางมากไปแล้ว”



“ย...ยุ่งน่า”   



ว่ามันออกไปแบบนั้น แต่เสียงที่ตอบกลับออกไปกลับอ้อมแอ้มจนอายตัวเอง ไม่ได้หันไปมองหน้ามันอีกรอบด้วยซ้ำ จะกล้าหันไปมองได้ยังไงในมือตอนนี้ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากคนข้างๆตัว ไม่บอกก็รู้ว่ามันต้องทำหน้ากรุ้มกริ่มแปลกๆมองมาที่ผมอีกแน่ๆเลย บ้าจริง!



“หึ”



...



“อะ อื้มมม”



เสียงดังแผ่วๆที่ดังมาจากร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งทำให้คนที่เดินตามมาทีหลังทั้งๆที่มันห้ามแล้วต้องหยุดชะงักค้างอยู่ที่หน้าประตูห้องครัว  ชาไปทั้งตัวเหมือนเวลาสงกรานต์แล้วโดนคนสาดน้ำที่ผสมน้ำแข็งราดลงมาที่หัวจรดปลายเท้า  ได้แต่ยืนนิ่งๆเหมือนคนโง่มองดูไอ้เมลที่ถูกเจ้าของบ้านตัวใหญ่กอดมันเอาไว้แล้วบดเบียดริมฝีปากเข้าหาริมฝีปากอิ่มอย่างเร่าร้อน ผมที่กำลังจะเดินเลี่ยงออกมา กลับต้องสะดุ้งตอนที่รู้สึกถึงสายตาคมของคนที่กำลังกดจูบไอ้เมลอยู่ตอนนี้กำลังมองมาที่ผม สายตาที่บอกชัดเจนว่ามันเหนือกว่า และผมไม่มีทางทำได้ในแบบที่มันทำ



มันตั้งใจ!



ได้แต่กำมือแน่นๆตอนที่เห็นสายตามองมาที่ผมอย่างท้าทาย อยากจะเดินเข้าไปง้างหมัดใส่ยอดหน้ามันสักที ในข้อหาหมั่นไส้ชิพหาย แต่อยู่ๆหน้าของใครบางคนก็วาบเข้ามาในใจแทนซะแบบนั้น  หน้าของไอ้ลูกคนจีนที่ชอบทำหน้านิ่งๆใส่ผมในช่วงนี้ แค่นึกถึงหน้ามัน อยู่ๆความรู้สึกหงุดหงิดมันก็คลายออก จ้องตามองหน้าของคนร่างสูงที่กำลังสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของไอ้เมลอีกครั้ง ทัพหน้าที่ยักคิ้วใส่ผมทีนึง ... ก็ยังคิดว่าแม่งกวนตีนอยู่ดี  ไอ้สัดอาจารย์



“เหอะ”   



หันหลังกลับจากภาพตรงหน้า แต่พอหันกลับมากับต้องชะงักค้างซะเอง ... ไอ้ลูกคนจีนตาตี่ๆหน้ามึนๆที่อยู่ในความคิดของผมก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันยืนอยู่ตรงหน้า สายตาสั่นไหวของมันที่มองเลยไปข้างหลังของผม ก่อนจะละสายตาลงมาที่ฝ่ามือของผมที่ยังกำเข้าหากันแน่นๆอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะมองเลยมาที่หน้าของผมอีกที  หน้าตาของมันที่ดูตกใจและสั่นไหวแปลกๆ



“มึง” 



มันพูดออกมาก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไร  คำพูดของมันที่มาพร้อมๆกับฝ่ามือนุ่มที่คว้าต้นแขนของผมเอาไว้แล้วจัดการดึงแขนผมให้ออกไปพร้อมๆกันกับมัน



“พวกมึง พวกกูมีธุระ กูกลับก่อนนะ อะนี่กุญแจรถกู มึงขับกับเองนะไอ้เบน” 



ไอ้กุ๊กที่ลากผมเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่พวกเราทำงานกันอยู่ก่อนหน้านี้พร้อมระล่ำละลักว่าออกมาแบบเร่งรีบ  ผมขมวดคิ้วมองมันแบบไม่เข้าใจ แต่พอมันเห็นผมทำแบบนั้นก็ยิ่งลนลานเข้าไปใหญ่ เขวี้ยงกุญแจรถไปใส่ไอ้เบนทั้งแบบนั้นแต่มือของมันก็ยังคงจับมือของผมไว้ไม่ยอมปล่อย



“เห้ยๆใจเย็น มีอะไรหรือเปล่าวะ”



“นั่นดิพี่ ทำไมดูรีบร้อน”



“กุ๊ก แล้วเราล่ะ”   



พวกมันสามตัวที่ถามออกมาหน้าตาตื่น มองเห็นไอ้เบนที่มองหน้าไอ้กุ๊กสลับกับกุญแจรถในมือ หน้าตาของมันที่อยากลุกขึ้นมาดึงมือไอ้กุ๊กออกไปจากผมมากๆ กูคันตีนยิกๆแปลกๆ  ไอ้กุ๊กที่มองหน้าพวกมันพร้อมๆขมวดคิ้ว จริงๆผมเองก็ไม่แน่ใจว่าไอ้กุ๊กมันเป็นอะไร แต่ถ้าจะให้เดาผมว่าผมเดาไม่ผิด



“กูก็บอกให้มึงขับรถกูกลับไงเบน”



“กุ๊ก”  ผมที่เรียกมันเสียงอ่อยๆพร้อมกับทำตาละห้อยนิดๆ  ไอ้กุ๊กที่เห็นแบบนั้นทำหน้าตาตื่นขึ้นมาทันที มันที่ไม่ยอมปล่อยมือออกจากมือของผม แต่กลับร้อนใจมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม



“เคๆ กูไปล่ะพวกมึง ไปกันเหอะไอ้บิน”  มันที่พูดแบบนั้นแล้วหอบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย รวมถึงดึงกระเป๋าเป้ผมมาด้วย มันก้าวฉับๆนำหน้าผมไป  แต่ข้อมือเล็กๆของมันก็ไม่ยอมปล่อยมือของผมออกแม้แต่สักวินาที



มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็เป็นแต่แบบนี้ เป็นคนที่ไม่เคยยอมปล่อยมือออกจากมือผมสักครั้ง



“กุ๊ก”



“มึงไม่ต้องพูด กูเข้าใจ เคนะ ฮึบๆนะมึง” 



มันที่บอกออกมาแบบนั้นแล้วลากแขนผมไปจนถึงโถงทางเข้าหน้าบ้านของไอ้ทัพหน้าที่เปิดแอร์กระหึ่ม ก็ไม่เข้าใจว่ามึงจะเปิดแอร์ตรงโถงทางเดินให้หนาวหำหดขนาดนี้ไปเพื่อใคร



“คือมึง...”



“เอากุญแจรถมึงมา”  มันที่หันมาทำหน้ามุ่งมั่นใส่ผมพร้อมทั้งพูดตัดบดกันแบบนั้น มือของมันที่เอื้อมเข้ามาล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงของผม



“เห้ยๆ...”



“อยู่นิ่งๆสิวะ อ๊ะ ได้ล่ะ”  หน้าตาระรื่นขึ้นมาเลยทีเดียว ได้ของมึง กับได้ของกูมันเหมือนกันไหมไอ้สัด กูตกใจหมด   



“ไปกันเถอะ” 



มันที่พูดแบบนั้นแล้ววิ่งไปกดเปิดรถของผม พร้อมขึ้นไปนั่งที่ฝั่งคนขับเรียบร้อย ผมที่เปิดประตูข้างคนขับของรถตัวเองขึ้นไปนั่งในตอนนั้นมันไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่ขับออกไปจากบ้านหลังนี้ก็แค่นั้น



“มึง ไม่เป็นไรนะ” 



ไอ้กุ๊กที่พูดแบบนั้นตอนที่รถติดไฟแดง  ผมหันไปมองหน้าด้านข้างของมัน จริงๆอยากถามมันออกไปว่ากูจะต้องเป็นอะไรวะ แต่ไม่เอา เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไปดีกว่า อยากรู้ว่ามันจะพูดอะไรออกมาอีก



“กูเข้าใจว่ามันรู้สึกยังไง”



“ทำไม?”



“หื้ม?”



“ทำไมมึงถึงเข้าใจว่ามันรู้สึกยังไง?”   มันที่หันหน้ามามองผม ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ยิ้มไปทั้งหน้าเพราะตามันเศร้า



“กูเข้าใจดีเลยล่ะว่ามันรู้สึกยังไง เข้าใจดีที่สุดเลยล่ะว่าการที่มองคนที่เราแอบชอบอยู่กับคนอื่นมันเป็นยังไง”   



ตาของมันที่มองมาที่หน้าของผม  มองเห็นร่องรอยความเศร้าแฝงอยู่ในนั้น



“ไอ้กุ๊ก กูไม่...”



“เดี๋ยวมันจะผ่านไปนะมึง” 



“มึงคือกูไม่...”



‘ครืดๆๆ’



เสียงโทรศัพท์ของมันที่สั่นขึ้นมาในตอนที่ผมกำลังจะอ้าปากบอกว่ากูไม่เป็นไรจริงๆ  กูเหมือนจะเสียใจ แต่จริงๆน่าจะเป็นหมั่นไส้ไอ้ทัพหน้ามันมากกว่า เคยคิดว่าถ้าได้มาเห็นในสิ่งที่เคยคิดไว้ในใจแบบวันนี้คงจะโกรธและเสียใจมากๆ แต่พอได้มาเห็นไอ้เมลที่ถูกกอดจูบอยู่แบบนั้น ผมกลับไม่เสียใจเท่าที่เคยคิด  อยากจะบอกมันแบบนั้นแต่เสียงโทรศัพท์มหาภัยของไอ้กุ๊กกับดังขัดขึ้นมาซะก่อน



“เจ๊ดานี่”



“มึงว่าไงนะ” 



หันไปถามมันเสียงแข็งตอนที่ได้ยินมันพูดออกมาเบาๆตอนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นไปดู มือของผมที่ไปเองแบบอัตโนมัติ คว้าโทรศัพท์มันมาถือไว้แล้วกดตัดสายไอ้ตุ๊ดร่างใหญ่จิตใจอยากแดกไอ้กุ๊กไปทันที



“เฮ้ย ไอ้สัดบิน”



“ทำไม” 



กดเสียงเข้มแบบไม่พอใจใส่มันแบบไม่เก็บอารมณ์ หงุดหงิดมากกว่าเดิมตอนที่ไอ้กุ๊กทำท่าตกใจที่เห็นผมตัดสายไอ้ตุ๊ดนั่นไปแบบนั้น



“มึงตัดสายพี่มันทำไม”



“มึงอยู่กับกู”



“ก็รู้...แต่แบบนี้มันไม่มีมารยาท”



‘ครืดๆๆ’



“สัด โทรมาอยู่ได้” 



กูกำลังโมโห เสือกโทรมาซ้ำ ไอ้กุ๊กที่ตอนนี้รถติดไฟแดงอยู่พยายามเอื้อมมือมาคว้าโทรศัพท์ไปจากผม แน่นอนว่ามือกูยาวกว่า แค่เอื้อมโทรศัพท์ไปด้านหลังมันก็เอาไปจากมือผมไม่ได้แล้ว  ไม่พอกูยังกดปิดเครื่องแม่งหน้าตาเฉย มองเห็นไอ้กุ๊กตอนที่ตาเบิกกว้างออกมาเท่าที่ตาตี่ๆของมันจะเบิกได้กว้าง



“ไอ้บิ๊นนนนน”



“แบบนี้ต่างหากที่เรียกว่าไม่มีมารยาท” 



ตอบมันออกไปแบบนั้น ก่อนจะโยนโทรศัพท์มันไปที่เบาะหลังรถ  ไอ้กุ๊กมองตามไปพร้อมอ้าปากค้าง ท่าทางของมันที่เหมือนอยากจะด่า เห็นแบบนั้นเลยเอื้อมมือไปจับมือของมันมากุมไว้ รับรู้ได้ว่ามันสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้สะบัดมือของผมออก



“มึงชวนกูออกมา ก็ต้องอยู่กับกูดิวะ ต้องสนใจกูดิวะกุ๊ก”



“อืม....เพราะมึงกำลังเศร้านี่นะ”



“อื้มมม กูกำลังเศร้าเลยนะมึง”  เศร้าที่มึงสนใจไอ้ตุ๊ดร่างใหญ่นั่นมากกว่ากูนี่ล่ะ  .... อยากจะบอกแม่งออกไปแบบนี้จริงๆสัดเอ้ย



“อืม...กูรู้แล้ว คืนนี้จะอยู่กับมึงนะ”



หึ ก็ลองมึงไปอยู่กับคนอื่นดูสิ คิดว่ากูจะยอมเรอะ ฝันไปเถอะ!



...

(มีต่อจ้า)

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่26* {16.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 16-03-2019 21:09:07
(เมล)

“มึงงงง มึงว่ารายงานกลุ่มกูทำดีไหม”



“ก็ดี”



“นี่มึงตรวจแล้วหรอวะ” 



ค่อยๆเดินเข้าไปหามันตอนที่มันกำลังนั่งตรวจงานอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนอนของเรา ชะโงกหน้าไปมองหน้าจอคอมที่พวกผมเซฟไฟล์เอาไว้ให้ไอ้ทัพหน้า



“กำลังดู”



“ยังดูไม่หมดแล้วรู้ได้ไงเล่า ขี้โม้ จ้อจี้กูอ่ะ”



“กล้าว่ากูนะมึงอ่ะ ไปอ่านหนังสือ กูบอกแล้วว่าใกล้จะสอบ กูติ๊กให้อ่านตรงไหนก็ไปเน้นอ่าน มึงมันโง่ความจำก็สั้น หายใจออกมึงก็ลืมแล้ว”



“ด่าเหมือนกูสมองปลาทองงั้นแหล่ะแม่ง ให้อ่านๆๆๆอยู่ได้ หึ้ย” 



สะบัดหน้าหนีมันเดินกลับมานั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นที่ไอ้ทัพหน้าสั่งลูกน้องเอามาตั้งในห้องนอนไว้ให้ผมอ่านหนังสือโดยเฉพาะ มันเริ่มเคี่ยวเข็นผมตั้งแต่ที่พวกไอ้อู๋กลับไป ผมอ่านหนังสือมาตั้งแต่สองทุ่มจนตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้ว ง่วงงงง ไม่ได้ง่วงนอนนะครับ แค่เวลาอ่านหนังสือแล้วกูจะง่วงมากเป็นพิเศษ



“ไหน ตรงนี้เข้าใจหรือเปล่า เรื่องกฏหมายระหว่างประเทศตรงนี้” 



รู้ตัวอีกทีตอนที่รับรู้ว่าถูกโอบมาจากด้านหลัง ก็ต้องสะดุ้งเด้งตัวขึ้นมาในตอนนั้น หันหน้ากลับไปมองก็เห็นใบหน้าหล่อๆของคนที่ตรวจงานอยู่บนโต๊ะเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันเดินมานั่งซ้อนหลังผมแล้วหายใจรดรอบคอกันอยู่แบบนี้



“ว่าไง หื้ม”



“อ๊ะ อย่า....อย่าเอาจมูกมาโดนคอกูได้ไหม”



“ไม่ได้”



“อื้อ ทัพ...อย่าแกล้ง”



“ก็กูอยากแกล้ง”



“มึงนี่...อ๊ะ”



‘จุ๊บ’



“ถ้าเป็นเด็กดี ตั้งใจอ่าน พรุ่งนี้กูจะไปรับที่มหาลัยแล้วพาไปกินข้าวข้างนอก โอเคไหม?”



“หื้มมม มึงจะไปรับกูหรอพรุ่งนี้ ไปกินข้าวข้างนอกหรอ” 



เงยหน้าขึ้นไปช้อนตามองหน้าไอ้คนที่ก่อนหน้านี้พึ่งจะขโมยจูบผมไป แต่พอมันที่บอกว่าจะเป็นคนไปรับแล้วจะพาไปกินข้าวนอกบ้านแบบนั้นมันก็อดจะดีใจมากๆไม่ได้ ช่วงนี้ต้องยอมรับเลยว่ามันดีกับผมมากๆ มากจนใจผมบางไปหมดแล้ว

 

“อืม แต่ต้องอ่านก่อน”



“สัญญานะ”



“อื้ม สัญญา”



“โอเค้” 



ยิ้มกว้างแล้วหันกลับไปอ่านหนังสือ ได้ยินเสียงมันหัวเราะอยู่ในลำคอ ถามว่าอายไหม ก็นิดเดียว เพราะจริงๆเป็นคนหน้าด้านครับ ฮ่าๆๆๆ



.

.

.





 วันใหม่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นของอีกวันนึงไปแล้ว ผมที่ยิ้มกว้างๆมาตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ เพื่อนๆท่าทางสงสัย แต่ไอ้อู๋มันด่าว่าผมแค่คนพี้ยา ไอ้สัดนี่ มาว่ากูได้ มึงไม่เข้าใจหรอกว่า คนที่มีความสุขมากๆมันจะรู้สึกยังไง



“มึงเลิกยิ้มสยองสักทีได้ไหม จะกลับไหมบ้าน”



“กลับดิ๊ แต่ว่าวันนี้ทัพหน้ามารับ”



“อ๋ออออออ ผัวมารับเลยยิ้มเหมือนคนแดกกัญชามาทั้งวันนี่เอง”  ไอ้อู๋ก็อ้าปากแขวะออกมาทันที มึงนี่มันกวนตีนกูจริงๆเลยนะ



“เป็นคนกวนตีนแบบนี้นี่เอง ไอ้แจถึงไม่รับรักสักที”



“ปากมึงนะไอ้สัดเมลลลลล กูแช่งมึงนะ อย่าเอาไอ้แจมาล้อเล่นได้ไหม เด็กห่านี่หลอกแดกเงินกูแต่ไม่รับรักสักที หึ่ย มันร้าย ไอ้หมูมันรายกาจมาก”



“ก็มึงปากหมาอ่ะอู๋ จีบคนที่ชอบห่าไร เรียกหมูๆไปเรื่อย”



“เอ้า หมูไม่น่ารักตรงไหนอู๋ขอถาม น่าเอ็นดูจะตายห่า เนื้อนุ่มๆบึ้มบั้มๆน่าฟัดให้จมเขี้ยวอ่ะครับ”



“สัดเอ๊ย แบบนี้ไงไอ้แจมันถึงไม่ใจอ่อน”



“ไม่ต้องมาว่ากู สรุปคือพี่ทัพจะมารับ?”



“เออ วันนี้จะพากูไปกินข้าวข้างนอก บอกว่าจะมารับเองเลย”



“หน้าตามึงมีความสุขมากไปแล้วไอ้เมล” 



ไอ้กุ๊กที่บอกผมแบบนั้น แต่สายตามันกลับมองไปที่ไอ้บินแบบเป็นห่วง แต่พอผมมองไปที่ไอ้บินบ้าง ก็เห็นมันนั่งกระดิกตีนเล่นเกมส์อยู่หน้าตาเฉย คือไอ้กุ๊กมันห่วงอะไรวะ?



“น่า เรื่องกูเถอะ พวกมึงอ่ะกลับไปเถอะ เดี๋ยวไอ้ทัพคงใกล้มาแล้วล่ะ”  บอกพวกมันไปแบบนั้น ก็เห็นไอ้กุ๊กรีบเดินไปลากแขนไอ้บินทันที



“ไปไอ้บิน เดี๋ยวพี่ทัพมาแล้ว ไปๆ” 



ลุกลี้ลุกลน ไอ้กุ๊กทำท่าเหมือนไม่อยากให้ไอ้บินเจอไอ้ทัพ แบบว่าถ้าไอ้บินเจอทัพแล้วมันจะขาดใจงั้นล่ะ ไอ้บินที่ทำหน้างงๆแว๊บนึงก่อนมันจะทำหน้าเศร้าแล้วพยักหน้าจับมือไอ้กุ๊กไว้แบบต้องการกำลังใจ



“อื้ม พสกูกลับเถอะกุ๊ก”  เสียงอ่อยๆเหมือนคนตอแหล ไม่เข้าใจว่าเป็นห่าอะไร แต่ไอ้กุ๊กก็รีบกระวีกระวาดจากไปทันที  อะไรของพวกมันวะ?



“งั้นกูก็ไปนะถ้ามึงอยู่ได้”



“กูอยู่ได้น่า มึงไปเหอะไปทำคะแนนอ่ะดิ”



“ไม่รู้ว่ากูไปทำคะแนนหรือไปเทเงินออกจากกระเป๋าเพื่อขุนแม่งก็ไม่รู้ อ้วนเอาๆพร้อมเงินของกูที่หายไปแต่ใจไม่เคยได้มา สัดเอ๊ด พี่อู๋เศร้าจ้า”



“ฮ่าๆ ปากมึงเนี่ยนะ”



“น่าเอาปากไอ้แจมาปิดใช่ป๊ะ กูก็รออยู่นะ”



“ระวังพี่พวกมันล่ะ”



“สัด” 



ด่าออกมาแบบชัดถ้อยชัดคำพร้อมยกนิ้วกลางใส่หน้าผม ได้แต่ขำตามหลังไอ้อู๋ไปแบบนั้น วันนี้ผมอารมณ์มากเกินกว่าจะอารมณ์เสีย เห็นหมาเห็นแมวก็ขำไปหมดเลยไอ้สัดเอ๊ย เพราะเดี๋ยวไอ้ทัพก็จะพาไปกินของอร่อย  เสิร์ซหาร้านอร่อยไปแดกดีกว่า วันนี้ผมเองก็จะไม่ต่างจากไอ้แจ จะถลุงเงินไอ้ทัพให้หมดเลย คิดดูนะว่าผมมุ่งมั่นมากๆขนาดที่วันนี้ทั้งวันผมยังไม่ยอมกินข้าวเลยคิดดูสิครับ ฮ่าๆๆๆ



.

.

.

     



สี่ชั่วโมงผ่านไป  ได้แต่ยกมือถือขึ้นมาดูเวลาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ นาฬิกาบอกเวลาว่าตอนนี้ทุ่มกว่าๆ รอบๆใต้ถุนคณะเริ่มมืดและไม่มีคน มองไปรอบๆไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว มีแค่ผมคนเดียวที่ยังอยู่ที่นี่ นั่งรอไอ้ทัพหน้า ที่ตอนนี้ยังไม่มาเลย



“มึงคงจะยุ่งอ่ะเนอะ แต่เดี๋ยวก็คงมา”   



บอกตัวเองแบบนั้นพร้อมยิ้มเศร้าๆ กดมือถือเข้าแอพพลิเคชั่นที่ก่อนหน้านี้ผมส่งข้อความผ่านไลน์ไปหามันมาหลายข้อความแล้ว



16.30 คาราเมล:[[กูเลิกเรียนแล้ว รอที่คณะนะ]]



17.30 คาราเมล:[[รถติดหรอ แต่ไม่เป็นไรมึงจะพาไปกินข้างนอกทั้งที รอได้ๆ]]



18.00 คาราเมล:[[มึงยุ่งหรอ กูรออยู่ที่คณะนะ]]



18.30 คาราเมล:[[เริ่มหิวแล้วน้า มายังหรอทัพ]]



19.15 คาราเมล:[[มึง... มึงกำลังมาใช่ไหม?]]



19.35 คาราเมล:[[แถวนี้มืดมากๆเลย แต่...แต่กูรอมึงมึงนะ มึงจะมาใช่ไหม]]



ผมก้มมองข้อความที่ถูกส่งออกไปแต่ไม่มีใครเปิดอ่าน ตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มแล้ว แต่ทัพหน้าก็ยังไม่อ่าน มองตรงไปข้างหน้าที่มืดไปหมด รอบๆตัวของผมเงียบสงัด ได้ยินแต่เสียงของลมที่เสียดสีกับใบไม้ไหว อยู่ๆก็รู้สึกร้อนๆที่ขอบตาไปหมด อาจเป็นเพราะบรรยากาศแบบนี้เลยรู้สึกกลัวขึ้นมาทั้งแบบนั้นล่ะมั้ง



“มึง...มึงต้องมาสิ มึงสัญญาไว้แล้วนี่นา”



.

.

.





‘ตึก ตึก ตึก’



ขาเรียวที่เดินเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้ค่อนข้างจะชุลมุนวุ่นวายไปหมด  มองเห็นคนงานวิ่งไปวิ่งมารอบๆบ้านเหมือนกำลังมีงานหรืออะไรสักอย่าง  ผมได้แต่มองภาพพวกนั้นอย่างสับสน ไม่เข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า  พวกลูกน้องของทัพหน้าแทบจะมองไม่เห็นผมด้วยซ้ำ



“เกิดอะไรขึ้นนะ” 



หัวใจรับรู้ว่ากำลังมีเรื่อง  หรือเพราะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทัพหน้ากันนะ ต้องใช่แน่ๆ  ผมเป็นห่วงมันมากๆเลยในตอนที่คิดได้แบบนั้น สองขาก้าวยาวๆวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน



ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับมันแน่ๆมันถึงมารับผมไม่ได้  แต่ไม่เป็นไร ขอแค่มันไม่เป็นไรก็พอ..เพราะยังไงตอนนี้ผมเองก็ปลอดภัย เรียกแกร๊ปแท็กซี่มาส่งแล้ว แต่มันน่ะสิ มันไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม



มองขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน เห็นพวกคนงานวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่แถวห้องนอน  เกิดอะไรขึ้น



ใจผมเต้นตึกตักอย่างหวาดกลัว  แค่คิดว่ามันอาจถูกทำร้าย หรือพวกมันไปทำธุรกิจกับใครมาแล้วเค้าขัดขาหรือเปล่า ช่วงนี้ไอ้ทัพยิ่งดูหุ้นบ่อยอยู่ด้วย



วิ่งขึ้นไปที่ชั้นสอง มองเห็นป้าแม่บ้านที่เดินออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยๆ ป้าที่มองเห็นผมชะงักไปในตอนนั้น ... เกิดอะไรขึ้น



ผมไม่สนใจรอที่จะถามป้าอีกต่อไป ผลักประตูเปิดเข้าไปในห้องทันที



“อ๊พ คุณเมลอย่าค่ะ...”



‘กึก’



และเสียงเรียกของป้าก็คงช้าเกินไป เพราะผมที่ไวมากไปหรือเปล่าก็ไม่รู้  ผมที่เปิดประตูเข้ามาในห้องที่ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ไอ้ทัพหน้าอยู่คนเดียว   ไม่ได้มีไอ้หลงที่นอนเล่นอยู่บนที่นอนกวนไอ้ทัพหน้าเพื่อรอผมเหมือนทุกวัน  ...



ในตอนนี้ที่ตรงนั้นแทนที่ด้วยผู้หญิงผมยาวสวยในชุดเสื้อนอนสีขาว  เธอที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้างที่เมื่อคืนผมนอนอยู่บนนั้น โดยมีผู้ชายที่ตอนนี้กำลังประคองเธอนั่งดีๆเป็นคนกอดผมไว้ทั้งคืนเมื่อคืนนี้



“เอ่อ ป้าขอโทษทีค่ะคุณทัพหน้า คุณณราชา ป้าห้ามไม่ทัน....”



‘เปรี้ยง!’



รู้สึกเหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมาที่หลัง รู้สึกเจ็บแสบและชาไปทั้งหัวใจ  มองเห็นไอ้ทัพหน้าที่ค่อยๆหันมามองหน้าผมนิ่งๆ นิ่งเหมือนทุกครั้งที่มันเคยมอง แค่แตกต่างตรงที่ตอนนี้ นิ่ง....นิ่งเหมือนผมกับมัน เราไม่เคยนอนกอดกันที่บนเตียงนั้นมาก่อน



“ทัพคะ ใครหรอ?”



เธอฟื้นแล้ว...



ภรรยาของทัพหน้าฟื้นแล้ว



ผมมองไปรอบๆห้อง รู้สึกแสบร้อนไปทั้งหน้าทั้งตา รู้สึกอยากจะกรีดร้องออกมาหนักๆ อยากจะตะโกนโหยหวนให้สมกับความเจ็บปวดในหัวใจในตอนนี้  .... ผมที่คิดเป็นห่วงว่ามันจะเป็นอะไรหรือเปล่า หรือมันอาจจะติดงานด่วนเลยไม่ได้ไปรับผม



แต่เปล่า...



จริงๆแล้วมันแค่ลืมผมไปเลย  เพราะผมไม่ได้มีความสำคัญเท่าคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้ามันตอนนี้ ผู้หญิงที่เป็นหัวใจของมัน คนๆแรกที่มันรัก คนๆแรกที่มันเคยกอด ช่วงเวลาที่ผ่านมาระหว่างผมกับมันแทบจะไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ เทียบอะไรไม่ได้กับคนที่มันกำลังนั่งกุมมืออยู่ในตอนนี้



ผมที่กลับหลังหันออกมาพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมาแบบห้ามไม่อยู่  ผมห้ามไม่ไหว ห้ามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ไม่ไหว



มันไม่ต่างจากการโดนตบหน้า  รู้สึกเหมือนที่โดนไอ้ทัพตบหน้าครั้งแรก เป็นความแสบเจ็บและชาไปทั้งใจ เป็นความรู้สึกที่เจ็บเหมือนโดนใบมีดโกนบางๆค่อยๆกรีดลงบนเนื้อสดๆแล้วถูกราดด้วยเกลือ



“ฮึก อึก”



สั่นไปทั้งตัวแต่ขาก็ยังก้าวไม่หยุด ไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าไอ้ทัพหน้าพูดอะไร ไม่เห็นแม้แต่บางของมันที่อ้าขยับ มีเพียงฝ่ามือของมันที่จับกันแน่นอยู่กับมือของเธอ



ผมเป็นใคร



ไม่ได้เป็นคนที่มาที่หลัง



ไม่เคยเป็นใครด้วยซ้ำในชีวิตของมัน



ก็แค่คนที่วิ่งอยู่ในทุ่งดอกไม้ในฝัน และกำลังสะดุดหน้าคะมำตอนที่รู้ตัวว่าต้องตื่น...





------------------------


มาแล้วค่ะ วันนี้แคทเศร้ามากๆ ไม่รู้ว่าจะเขียนออกมาได้ดีไหม แต่หวังว่าทุกคนจะอินไปด้วยกันนะคะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่26* {16.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 16-03-2019 21:37:00
.....


จุดจุดจุด กันเลยตอนนี้ ...................
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่26* {16.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-03-2019 22:20:58
 :hao5: สงสารน้องเมล
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่26* {16.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 17-03-2019 01:36:55
อีพี่ทัพพพพพ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่26* {16.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 17-03-2019 06:50:06
จบเลยป่าวคะ น้องเมลเก่งอยู่แล้ว น้องเมลต้องอยู่ได้ ฮึบๆ บายนังพี่ทัพ หมดเวลาของเธอแล้ว

 :katai5:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่26* {16.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-03-2019 15:06:35
ร้องไห้ให้พอ ร้องไห้หนักๆจนกว่ามันจะเหนื่อยเลยนะเมล เหนื่อยเมื่อไหร่จะได้ไม่มีแรงมาร้องไห้ให้มีน้ำตาอีก เข้าใจที่ว่าทำไหมถึงปล่อยให้ใจหลงเดินเล่นไปในทุ่งดอกไม้ ก็เพราะเขาทำให้เราเป็นแบบนั้น คิดไปแบบนั้นจนเผลอลืมตัวไป แต่เมื่อคิดได้ตั้งสติดีเมื่อไหร่ เอาให้สาสมกับความเจ็บปวดที่ได้รับมาตลอดเถอะ นะ สงสารอะ ทั้งเป็นเหยื่อ ถูกเข้าใจผิด โดนกระทำ ยังให้อภัยเขาได้ซ้ำๆ ฮึบเว้ยยยย พอแล้วววว กูนี่ทั้งเจ็บแทนทั้งสงสาร แม่งเอ๊ย!! ขอให้เรียกคุณค่าตัวเองกลับมาเถอะ นายโดนทำร้ายจิตใจไปเยอะ มันใช่หรอ ห๊ะ!! สุขก็มีแต่มันก็ทุกข์มากกว่า ทั้งเจ็บตัวอีก ฮึบเว้ยเมล! มานี่มา กอดปลอบ ไม่เป็นไรๆ มันต้องใช้เวลา แต่ว่ามันจะผ่านไป เมลทำดีที่สุดแล้ว กอดๆ // ฉันจะไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้นจากแกไอ้พี่ทัพ คนผิดสัญญา ถึงจะเข้าใจอยู่ว่ามันเป็นแบบนี้มันก็ยากที่จะเลี่ยงได้ แต่แกก็ควรบอกเมลไม่ให้รอไหม ให้ใครมารับกลับ หรือยังไงก็ได้ ไม่ใช่ลืมให้รอจนปานนั้น หน่ำซ้ำเขายังเป็นห่วงแกอีก ไอ้พี่ทัพบ้าเอ๊ยยยยย อยู่กับเมียไปเถอะ ตอนนี้พาล บอกเลย โอ้ยยยอินค่ะ 5555555555 สนุกๆ //ส่วนกุ๊กนั้น อย่าหลงกลตกบ่วงคนเจ้าเล่ห์อย่างบิน รู้ตัวให้ทันไม่งั้นเสร็จโจร ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ โอ๊ยยยยยยหมั่นไส้วุ้ยยยย 55555 //สำหรับป๋าอู๋คือ เสียเป็นแสน แขนก็ไม่ได้จับป่ะ สงสารรรร 555555 น้องแจเขาก็เคลิ้มๆไปพอประมาณละ ด่ากันทะเลาะกันตลอด ก็นะ วันไหนไม่มีปากเสียงกันคงเหงาน่าดู 55555555 //โอ้ยยยยยสนุกกกกกกมากกกค่าาาาาาา รอรอรอตอนต่อไปเลย ต่างคนจะทำไงเอาไงดีทีนี้ รรรร ขอบคุณนะคะที่มาแต่งและมาต่อ เลิฟ ^_^
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่26* {16.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-03-2019 21:06:26
โอ๊ยยย พลิกมากจ้า พลิกมาก อะไรจะพอดีได้ขนาดนี้
ทำไมทัพหน้าใจร้ายแบบนี้ โทรบอกน้องสักนิดก็ยังดี
เป็นแบบนี้ ยังบอกได้อีกหรอว่ารัก และจะดูแลอย่างดีน่ะ

สงสารเมลมาก ใจเจ็บซ้ำๆ ทั้งที่เตรียมใจไว้บ้าง
แต่พอต้องเจอเรื่องจริง ในเวลาที่ไม่ใช่
ใครจะทันตั้งตัวได้อีก อยากให้เมลใจแข็งกว่านี้
ให้ทัพหน้ารู้ว่า เมลสำคัญจริง ไม่ใช่มาเนียนๆ แล้วทำไม่สนใจ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่26* {16.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 19-03-2019 16:40:39
ถ้าเป็นหนูกุ๊กมาปลอบก็จะบอกว่าฮึบ ฮึบนะเมล  :o12:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่27* {23.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 23-03-2019 21:10:46
บทที่27



สายลมอ่อนๆที่พัดมาจากแม่น้ำสายใหญ่ตรงหน้าปะทะเข้ากับใบหน้าของคนทั้งสองที่กำลังนั่งเคียงกัน พร้อมกับมองตรงไปที่ภาพตรงหน้านิ่งๆ ข้างๆตัวของทั้งสองคนมีกระป๋องเบียร์ที่วางอยู่ข้างๆตัวกันคนละกระป๋อง นานหลายนาทีที่ไม่มีใครยอมพูดอะไรกันอยู่แบบนี้ ถ้าเป็นในนิยายอาจคล้ายคนมาเดท แต่ในความเป็นจริง ... เราเป็นแค่เพื่อนกัน



“มึงโอเคไหมวะบิน”  เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป สุดท้ายก็เป็นผมอีกแล้วที่อ้าปากออกมาก่อน



“ห๊ะ...อ่อ ...อืม” 



มันที่หันมาทำหน้างงใส่ผมแว๊บนึง ก่อนที่สีหน้าของมันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นเศร้า ฝ่ามือหนาของมันที่หยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นมาจิบ สันกรามที่ทำมุมรับกับจมูกโด่งคมของมัน เป็นภาพที่ดูดีจนละสายตาไปไหนไม่ได้ ลูกกระเดือกที่ค่อยๆขยับตอนที่มันกลืนน้ำ ก็เป็นผู้ชายที่ดูดีไปหมด ใช่มันดูดี ดูดีจนไม่เคยมองมันไม่ดี



“แล้วมึงล่ะ...”



“หื้ม?”  เป็นงงๆตอนที่อยู่ๆมันก็ถามออกมาแบบนั้น ไอ้บินที่หันหน้ากลับมามองกันด้วยสายตานิ่งๆของมัน มองตรงมาที่ตาของผมอยู่แบบนั้น



“มึงล่ะโอเคไหม ที่ต้องมานั่งปลอบใจกูอยู่ตอนนี้” 



“......กู” 



เงียบไปขนเรียกได้ว่า พออ้าปากออกมาก็ต้องอึกอัก เสหน้าหนีสายตาของมันมองไปทางอื่น ก่อนจะเม้มริมฝีปากเข้าหากันแบบทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะตอบอะไรมันออกไป จริงๆไม่ได้คิดว่ามันจะถามออกมาแบบนี้ด้วยซ้ำ



“มึงใจดีกุ๊ก”



“หรอ...”



“คนใจดี ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตกเป็นเหยื่อของคนใจร้ายเสมอนะมึงรู้ไหม”



“หรอ....”   



เป็นอีกครั้งที่ได้แต่ถามตอบคำถามของมันออกไปแบบคนโง่ที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป จริงๆกลัวใจมันจะพูดอะไรออกมาแบบที่ผมเองไม่อยากฟัง



“อืม...แล้วกูก็เป็นคนใจร้าย ไม่ได้เป็นคนดีเหมือนมึงหรือใคร มึงรู้หรือเปล่า”



“อืม มึงมันคือคนใจร้ายจริงๆนั่นแหล่ะ ใจร้ายเหี้ยๆ โดยเฉพาะกับกู มึงมันไม่เคยใจดี”



“จริงหรอ”



“ถามมาได้หมาไม่แดกเดี๋ยวกูถีบยอดหน้าให้” 



ขมวดคิ้วสะบัดหน้ากลับไปด่ามันตอนที่มันถามออกมาด้วยน้ำเสียงยียวนกวนส้นตีนแบบนั้น แต่พอหันหน้าไปมองมันก็รู้สึกได้ถึงคำว่าพลาดในทันที  ไอ้บินที่มองมาพร้อมรอยยิ้มทั้งหูทั้งตา สีหน้าแพรวพราวต่างจากก่อนหน้านี้แบบสิ้นเชิง



มึงไม่ทำกูหรอก”



“ต่อจากนี้กูจะทำ...”



“มึงจะทำอะไรก็ได้กูยอมทั้งนั้นแหล่ะ แค่อย่าไปกับไอ้ตุ๊ดปลอมนั่นอีกก็พอ”



“มึงอย่ามาว่าว่าพี่มันแบบได้ไหมวะ พี่มันเป็นคนด... อื้มม อื้ออ” 



“มึงไม่ไปหรอก กูรู้...”  มันผละหน้าออกไปน้อยๆ แม้ว่าตอนนี้ริมฝีปากของอีกฝ่ายจะยังคงคลอเคลียจูบซับไปตามริมฝีปากของผมอย่างอ้อยอิ่งอยู่ก็ตาม



“แต่กูไม่รู้ว่ากูจะอยู่ตรงนี้ บนความสัมพันธ์ที่มึงไม่เคยคิดอะไรแบบนี้ได้นานหรอกนะบิน”



“ฟังกูนะกุ๊ก...มันไม่มีหรอก ความสัมพันธ์ที่มันไม่คิดอะไร มันไม่มีหรอก



“แล้วมึงคิด...อื้ออ” 



มันที่ผละหน้าออกมาพร้อมพูดชิดริมฝีปากของผมในตอนนั้น มองตาของมันทั้งๆที่ตัวเองยังคงสับสน ไม่เข้าใจในสิ่งที่มันพูดเลยสักนิด ไม่เข้าใจมันเลยสักอย่าง ยังไม่ทันที่จะเข้าใจอะไรมากไปกว่าเมื่อก่อน แค่อ้าปากถามมันกับสิ่งที่อยากจะรู้ แต่อีกฝ่ายก็แนบริมฝีปากอุ่นร้อนของมันก็ทาบทับลงมาอีกครั้ง ทั้งร้อนทั้งอบอุ่น เป็นความรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งหัวใจพร้อมๆกับความรู้สึกของน้ำตาที่อยากไหลลงมาพร้อมๆกัน



คุณเคยเป็นหรือเปล่า ที่รู้ว่าทางข้างหน้าเป็นปากเหว แต่เราก็เลือกที่จะตกลงไป เพราะคิดว่าคนที่อยู่บนพื้นดินข้างใต้ จะเป็นใครสักคนที่เรารอคอย



...



(คาราเมล)


‘ปึก’



ผมที่ปิดประตูลงกลอนเข้ามาในห้องใหม่ ห้องๆนึงที่พอมองไปรอบๆแล้วในตอนนี้มันไม่คุ้นเคยเอาซะเลย



ห้องนอนแขก



“คุณเมลพักที่ห้องนี้ก่อนนะคะ ป้า...คือป้าเอาข้าวของมาไว้ให้แล้วค่ะ คุณทัพฝากป้าจัดการ คือ...หวังว่าคุณเมลจะอยู่ได้นะคะ”



คำพูดของป้าแม่บ้านก่อนหน้านี้ดังเตือนเข้ามาในสมอง ท่าทางลำบากใจที่ป้าก็ไม่รู้จะพูดกับผม ข้อความที่บอกว่าผมต้องย้ายมานอนที่นี่เพราะใครสั่ง ผมเข้าใจป้าแกดี ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาที่นี่ที่ก็เห็นคนงานวิ่งกันวุ่นไปหมด ที่จริงก็คงเพราะวุ่นวายที่จะขนข้าวของของผมให้ออกมาจากห้องๆนั้น ห้องที่เจ้าของตัวจริงเค้ากลับมาแล้วและกำลังนอนอยู่ด้วยกันบนนั้น ...



จริงๆก็ไม่น่าสำคัญตัวผิดเอาของไปไว้เยอะแยะจนชินเลยจริงๆ ...



 คิดแบบนั้นแล้วทรุดตัวลงนั่งที่เตียงนอนหลังใหม่ที่ผมไม่เคยมานอน มองเห็นข้าวของที่ผมไม่คุ้นเคยเพราะเฟอนิเจอร์พวกนี้เป็นสีโทนอ่อนแตกต่างจากห้องนอนที่ผมเคยนอนที่เน้นสีแดงสีดำเอาไว้เป็นหลัก มองไปที่มุมห้อง มองเห็นกระเป๋าใบใหญ่ที่พอมองดูก็รู้ว่ามันคงเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าสัมภาระต่างๆของผมที่อยู่ในนั้น



“อึก ฮึก ฮึก” 



ความร้อนที่กระบอกตาลามลงมาถึงหัวใจ และน้ำตาของผมก็ไหลลงมาอีกครั้งในตอนนั้น ได้แต่ยกขาขึ้นชันเข่าอยู่บนเตียงกว้าง เอามือมากอดตัวเองไว้เท่าที่จะทำได้ พยายามกอดตัวเองเอาไว้เพื่อเยียวยาเศษเสี้ยวหัวใจของตัวเองที่ยังพอเหลืออยู่



“ฮึก...อึก ฮื่ออ”



‘สวบ สาบ สวบ พลึบ’



“เมี้ยววว งึด”  ผมที่เงยหน้าขึ้นมาตอนที่รู้สึกถึงแรงยวบไปของเตียง และความนุ่มที่ดุนดันอยู่ที่ขาของผม พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องน้ำตาไหลลงมามากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่ามันคืออะไร



“ห...หลง ไอ้...หลง ฮึก อึก”



เอื้อมมือไปรวบตัวเจ้าตัวเล็กตัวนั้นมาไว้ในอ้อมแขน พอดีกับที่เจ้าตัวเล็กก็ซุกตัวเข้าหาผมทันทีเหมือนกัน เหมือนกับว่ามันกำลังรอคอยที่จะกอดปลอบผมอยู่นานแล้ว ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ไม่รู้ว่ามันเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้หัวใจผมเจ็บ ผมอยากตีอกชกหัวและกรีดร้องออกมาให้ลั่นเท่าที่ผมกำลังรู้สึกเจ็บปวด แต่สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ มีเพียงแค่นั่งร้องไห้กลั้นเสียงร้องไม่ให้ดังออกไปให้ใครได้ยิน การร้องไห้ที่ทรมารมากที่สุดก็คือเวลาที่เราเสียใจ แต่ทำได้แค่เงียบเสียงแล้วร้องไห้อยู่คนเดียว



“อึก หลง ฮึก... เมล เมลไม่เหลือใครเลย”



พูดออกไปแบบนั้นทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาแบบไม่มีทีท่าว่ามันจะหยุด กระซิบคำสั้นๆที่พอพูดออกมามันกลับทำได้ยากยิ่งกว่าการร้องไห้  หัวใจของผมเจ็บ เจ็บเพราะคนที่ผมรัก แต่เพราะผมที่มันเป็นคนแบบนี้



มุ่งมั่นและยังไม่เจียมตัว



หลายครั้งก็เลยหลงระเริงไปว่าจริงๆแล้วที่เค้าใจดีกับผมอยู่ทุกวันเป็นเพราะความสัมพันธ์ของเรามันดีขึ้น ดีขึ้นจนเค้าอาจจะรักผมจริงๆ เหมือนที่ผมรักเค้า...แต่จริงๆแล้วเปล่า เค้าอาจจะแค่ใจดี เค้าอาจจะแค่หลอกผม ทุกอย่างมันอาจจะเป็นแค่ละครฉากหนึ่ง มันอาจจะเป็นอะไรก็ได้ ...ยกเว้น เป็นจริง



“เมี้ยวว เมลล เมี้ยวว”



“ฮึก หลง ฮึก อย่าทิ้งเมลนะ ท...ทัพ อึก ฮึก ทัพก็ทิ้งเมลไปแล้ว ฮึก ฮื่ออ” 



กอดเจ้าลูกแมวตรงหน้าแน่นๆแล้วร้องไห้ออกมาแบบสุดจะทน ไม่ไหว...คาราเมลในวันนี้ ก็คือน้ำตาลที่ถูกเคี้ยวจากไฟจนมันไหม้จนมันขมและใช้การไม่ได้



“เมล เมลจะทำยังไงดี ฮึก อึก ฮื่ออ”



“เมี้ยวว งึด เมี้ยวว” 



เจ้าแมวตัวเล็กที่ทำอะไรมากไปกว่าการยกขาหน้าสั้นๆของมันขึ้นมากอด กอดเท่าที่ขาสั้นๆของมันจะทำได้ เสียงร้องที่ทุกวันจะสดใส แต่วันนี้ไอ้หลงทำได้แค่ช้อนตากลมๆของมันมองหน้าผมที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาแล้วส่งเสียงร้องออกมาแบบแผ่วๆ เหมือนมันกำลังบอกผมว่ายังมีมันอยู่ตรงนี้ เหมือนกับว่ามันกำลังพยายามที่จะปลอบใจผมอยู่ เสียงร้องเล็กๆของมันที่หลายๆครั้งก็เหมือนว่าเป็นเสียงที่มันกำลังเรียกชื่อผมอยู่ ลิ้นเล็กๆของเจ้าลูกแมวที่พยายามเลียไปตามหน้าของผมเหมือนกับมันกำลังเช็ดน้ำตาให้ผม ยิ่งเห็นแบบนั้นยิ่งทำให้น้ำตาไหล



“อึก ฮึก ฮื่อออ”



.

.

.



   เช้าวันใหม่ที่ตื่นขึ้นมาในชุดนักศึกษาตัวเดิม ชุดเดิม พร้อมๆกับหัวที่รู้สึกปวดจี๊ดๆ เหมือนมีอะไรสักอย่างมาทุบตุบๆอยู่ข้างในหัว มองเห็นไอ้หลงตัวเล็กนอนซุกอยู่ข้างๆ เมื่อคืนมันไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวเลย แม้ว่าตลอดทั้งคืนผมแทบจะไม่ได้นอน หลับไปสักพักก็สะดุ้งตื่น เผลอหลับไปนิดหน่อยๆพร้อมๆกับน้ำตามาตลอดคืน เป็นความรู้สึกที่โคตรแย่ เหมือนคนขี้แพ้ แต่จริงๆแล้วกูก็ไม่เคยชนะไหมวะ



เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วมองสภาพตัวเองแล้วยิ่งอยากร้องไห้ออกมาอีก โคตรน่าสมเพช หัวฟู ตาดำคล้ำ แถมยังตาบวม สภาพเฮงซวยแบบนี้กูจะไปสู้อะไรคุณณราชาที่แสนสวยแบบนั้นได้วะ คิดได้ไงวะกู โคตรโง่



ใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าทุกวัน จริงๆเพราะเข้าไปนั่งงงๆในห้องน้ำนานไปหน่อย เหมือนไม่รู้ตัวว่าควรทำอะไร และเริ่มอะไรจากตรงไหนก่อนดีมากกว่า ผมที่แต่งตัวออกมาจากห้องน้ำ พอเปิดประตูออกมาก็เจอเข้ากับไอ้หลงที่นั่งช้อนตามองรอผมออกมาจากห้องน้ำรออยู่แล้ว ท่าทางของมันที่ดูเป็นห่วงผม ถ้ามันเป็นคนก็คงจะดี



“ว่าไงไอ้หนู เป็นห่วงกูหรอ”



“เมี้ยววว”  ยื่นมือไปลูบหัวมันเบาๆ อีกฝ่ายก็ค้อมหัวลงมาหาให้ผมลูบให้อย่างออดอ้อน



“ไปกันเถอะไอ้หนู วันนี้เมลจะไปเรียนนะ แล้วจะรีบกลับมา ...ไอ้หลง”



“เมี้ยวว?”   พอเรียกชื่อมันออกไปแบบนั้น ไอ้ตัวเล็กก็ทำแค่เงยหน้ามองพร้อมเอียงหัว เหมือนกำลังสงสัยว่าเรียกมันทำไม



“ถ้ากูพามึงไปอยู่ที่อื่น จะไปด้วยกันไหม”   



ถามมันออกไปแบบนั้น ไอ้ตัวเล็กก็ยกอุ้งขาหน้าเล็กๆสั้นๆของมันขึ้นมาตะบบกางเกงของผม แววตาสั่นไหวหน่อยๆที่เหมือนจะสับสน ผมยิ้มให้มันน้อยๆ



“ช่างเถอะ กูก็ถามเหมือนมึงพูดรู้เรื่องอ่ะเนอะ”



“เมี้ยวๆๆ” 



ไอ้ตัวเล็กที่เอาขาดึงขากางเกงผมไม่หยุดพอผมพูดออกไปแบบนั้น ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่ามันหมายถึงอะไร แต่ก็ตัดสินใจอุ้มมันขึ้นมาแนบอก มองไปรอบๆห้องนี้แล้วถอนหายใจหนักๆ ข้าวของๆผมที่ไม่ได้เอาออกจากกระเป๋าเลยแม้สักชิ้น ลากกระเป๋ามาไว้ที่ประตูเรียบร้อย ก็แค่...เตรียมตัว



‘แกร๊ก’



“อ๊ะ”



“เอ่อ...ขอ ขอโทษครับ”   



เดินออกมาจากห้องก็ต้องตกใจ เพราะคนที่ผมแทบไม่อยากเจอหน้า ดันอยู่ต่อหน้าในตอนนี้  อาจเป็นเพราะห้องนอนของแขกอยู่ชั้นล่าง โซนช่วงต้องเดินผ่านก่อนไปห้องครัว เพราะแบบนั้นเลยบังเอิญที่ต้องเจอกันแบบนี้



“สวัสดีจ๊ะ น้องเมลใช่ไหม” 



หญิงสาวตรงหน้าที่ผมรู้ดีว่าเธอเป็นใครเอ่ยทักทายผมออกมาด้วยรอยยิ้ม  สมัยผมเข้าเรียนปี1 เคยเห็นหน้าตาของเธอแปะอยู่ตามป้ายแบรนเนอร์โปรโมทมหาลัย เป็นผู้หญิงสวย เรียนเก่ง ฉลาด และมีฐานะดี โปรไฟล์สวยหรูเกรดพรีเมี่ยมที่ไม่มีใครเทียบได้  ดาวมหาลัยในตอนนั้น  ... ณราชา



“อ...เอ่....ครับ สวัสดีครับ”



“หิวอะไรไหม มากินกับพี่สิ” 



เธอว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะดึงแขนของผมให้เดินตามเธอไปที่ห้องทานอาหาร  ท่าทางใจดีและสดใสของเธอในตอนนี้ยิ่งทำผมรู้สึกแย่ และกำลังกลัว กลัวที่ต้องเผชิญหน้า...ผมกลัวที่จะต้องเจอกับทัพหน้า และบรรยากาศที่ชวนอึดอัดระหว่างเราสามคน



“วันนี้ทัพหน้าออกไปทำงานแล้ว พี่เลยอยู่คนเดียวเลย มีข้าวต้มกุ้งนะ ว่าแต่ลูกแมวน่ารักจังเลย แมวของบ้านนี้ใช่ไหมเนี่ย”



“เอ่อ...”  ตอนที่ผมนั่งลงบนโต๊ะทานอาหาร เธอเองก็มองมาที่เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนผม หน้าตาน่ารักของไอ้หลงตอนนี้ไม่น่าดูเท่าไหร่ ไอ้ตัวเล็กของผมทำเสียงขู่ฟ่อๆเบาๆแบบหงุดหงิด



“เอ่อ มันชื่อไอ้หลงครับ”



“ทัพหน้าให้เลี้ยงหรอ หน้าตาน่ารักจังเลยน้า...เห็นทัพหน้าบอกว่าน้องเมลเป็นรุ่นน้องที่คณะ พาเมลมาติว ทัพหน้าดุหรือเปล่า ถ้าดุบอกพี่ได้นะพี่จะจัดการอิตาสามีตัวดีนี่ให้เลย”



รุ่นน้องที่คณะ

พามาติว

สามีของเธอ




...


(มีต่อจ้าาาา)

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่27* {23.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 23-03-2019 21:12:28


เธอที่ว่าออกมาแบบเป็นกันเองและใจดีเหมือนคนที่พยายามชวนคนแปลกหน้าคุย คำพูดแบบนั้นที่คนทั่วไปคงไม่รู้สึกอะไร แต่กับตัวผม มันกลับทำให้ลำคอของผมตีบตัน และน้ำตาก็เหมือนจะรื่นขึ้นมาที่ขอบตาแบบไม่มีใครเชื้อเชิญ



ผมมาทำอะไรที่นี่  ผมมานั่งทำอะไรอยู่ที่ตรงนี้  ที่ๆไม่ใช่ที่ของผมเลย



ได้แต่กำมือแน่นๆอยู่ใต้โต๊ะอาหาร อยากจะร้องไห้ออกมาเต็มแก่ แต่ทำไม อย่านะไอ้เมล แค่นี้มึงก็น่าสมเพชมากพอแล้ว อย่าเสือกร้องออกมานะมึง



“น้องเมลดูเพลียๆนะ พี่ขอโทษทีที่ชวนคุยมากไปหน่อย พี่อยากให้เรารู้สึกสบายๆน่ะ”



“ม...ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นไร ...ผมแค่...พูดไม่เก่ง”



“อ่า เหมือนทัพหน้าเลยน้า รายนั้นก็พูดไม่เก่งค่ะ แต่ทำเก่ง อุ้ย ...พี่หมายถึงการจัดการเรื่องต่างๆน่ะ อย่าคิดลึกน้า ฮ่าๆๆ” 



เสียงหัวเราะที่สดใสมาพร้อมหน้าตาที่สดชื่น  ตัดภาพมาที่ผม หน้าเหี้ยเหมือนมีเมฆฝนเทลงมาที่บนหัวเลยล่ะตอนนี้  ผมเองที่ไม่รู้ตัวว่าควรทำหน้ายังไงดีตอบกลับเธอไปในตอนนั้น ไอ้หลงตัวเล็กที่นั่งทำเสียงฟ่อๆอยู่บนตักก็กระโดดออกไปจากตัวผม



“เห้ย!”



‘เคร้ง เพล้ง’



“ว๊ายย”



“ไอ้หลง! ไอ้เด็กดื้อ”



ทั้งผมทั้งเธอที่เด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้พร้อมๆกัน เพราะทั้งถ้วยขาวต้มแก้วกาแฟที่แตกกระจายหล่นลงไปตามพื้นทำเอาตกอกตกใจ  ผมมองเห็นไอ้ตัวเล็กที่ยืนจังก้าทำหน้าเป็นอยู่บนโต๊ะพร้อมหน้าตาพออกพอใจ



“เมี้ยยววว”



“ไม่ต้องมามงมาเมี้ยวเลยมึง ดื้อจังวะ”



“เมี้ยวๆๆๆ”  มันที่ร้องแบบนั้นตอนที่ผมคว้าตัวมันมาจากโต๊ะ ไอ้ตัวเล็กที่พยายามชี้ไม้ชี้มือไปที่โต๊ะให้ผมดูพร้อมร้องออกมาเรื่อยๆ



“เอ่อ ผมขอโทษทีครับ”



“ไม่เป็นไรจ๊ะๆ ไม่ใช่ความผิดเมลหรอก ส่วนตัวนี้ ดื้อเหมือนกันนะเรา...ถ้าทำแบบนี้ต่อหน้าทัพหน้านะ เรื่องใหญ่แน่เลยน้า” 



เธอที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีเสแสร้งอยู่บนหน้าของเธอ แต่ผมกลับไม่ชอบ ไม่ชอบสักอย่างที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้  ผมรู้ดีเธอไม่ผิด  ผมรู้ดีว่าเธอไม่รู้อะไรด้วยเลยสักอย่าง  เธอเป็นแค่ภรรยาสาวแสนดีที่ตั้งท้อง และอยู่ๆก็ถูกลากเข้าไปในแผนฆาตกรรมเธอและลูก แต่เธอรอด...เธอรอดแต่เธอก็เสียลูก  มันคงเป็นความผิดพลาดที่เธอเองก็คงได้รับบาดแผล แต่ผมก็ยังไม่ชอบเธอ ไม่มีตรงไหนที่จะทำให้ผมชอบเธอเลย ผมอยากจะผลักเธอให้กระเด็นแล้วตะโกนถามว่ากลับมาทำไม!



กลับมาทำไมในเวลาที่ผมกับทัพหน้ากำลังดีๆกัน  ทุกอย่างมันกำลังดี เธอกลับมาทำไม!!



“น...น้องเมล ร้องไห้ทำไมคะ” 



“ห๊ะ...ผม...ป...ปะ..เปล่าครับ”   



ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าน้ำตาผมไหล มันไหลลงมาตอนไหนไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ผมที่ทำได้แค่ยกมือเช็ดหน้าของตัวเองลวกๆแล้วจ้ำเท้าเดินหนีออกมา  เดินออกมาเรื่อยๆจนถึงโถงทางเดินติดแอร์ที่ตอนนี้ก็ยังคงเปิดแอร์ฉ่ำๆอยู่เหมือนเดิม



“น้องเมล  น้องเมลคะ น้องเมลเดี๋ยวก่อน เป็นอะไรไปคะ”  เธอที่เดินตามมาแบบไม่เข้าใจ  เป็นผมเองที่ผิด  ผิดที่เข้ามายุ่งในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ผมเอง...



ผมผิดเองไม่ใช่เธอ



“ขอโทษครับ ผมต้องไปเรียน”



“อ่า จริงสิ เมลคงรีบและคงเครียดใช่ไหม ... ทัพบอกว่าใกล้จะสอบ เมลอาจจะเครียด ไม่ร้องนะครับ สู้ๆน้า” 



เธอที่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนเหมือนกำลังปลอบใจ แต่นั่นยิ่งทำให้ผมอยากตะโกนบอกว่าอย่ามายุ่ง!  แล้วเธอมารู้เรื่องราวของผมได้ยังไง แค่คิดว่าเรื่องราวของผมถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของทัพหน้าที่นอนกอดกันมาเมื่อคืนผมก็อยากจะอ้วก มันเจ็บจนจุกเหมือนโดนต่อยด้วยหมัดปริศนาซ้ำๆ ต่อยย้ำๆจนจุกแล้วอยากจะอ้วกออกมาตอนนี้



“ถ้าเมลจะไปเรียน งั้นส่งเจ้าตัวดื้อนั่นมาให้พี่มา”



“ไม่!” 



แทบจะทันทีที่ปากไปก่อนสมอง ผมที่จ้องตาเธอเขม็งพร้อมกอดไอ้หลงแน่นๆ  ความรู้สึกวูบนึงที่บอกว่าอย่ามาแย่ง ทำไมเธอชอบแย่ง แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เธอไม่ได้แย่ง...ผมต่างหากที่กำลังทำ



“เอ่อ...”



“ขอโทษครับ” 



ได้แต่ตอบออกไปเสียงอ่อย รู้สึกผิดและละอายใจแปลกๆ ก้มหน้ามองไอ้ตัวเล็กที่พยายามเกาะเสื้อผมแน่นๆ มันที่ช้อนตามองหน้าผมแล้วเริ่มร้องโวยวาย



“เมี้ยวๆๆๆ เมลลๆๆ เมี้ยววๆ”



“งื้ม น่าจะติดน้องเมลน่าดู แกติดทัพหน้าแบบนี้บ้างไหมเนี่ย ไม่ติดเจ้าของเท่านี้ ทัพจะดุเอาน้า”



“ไม่ๆๆเมี้ยววๆ” 



ไอ้หลงที่หันไปเถียงแบบเอาเป็นเอาตายทำผมตกใจนิดหน่อย แว๊บนึงที่ผมเหมือนได้ยินมันแหกปากเถียงว่าทัพหน้าไม่ใช่เจ้านายมันด้วยซ้ำ  เธอที่เอื้อมมือสวยมาดึงตัวไอ้หลงไปจากผม ขาสั้นๆของมันที่ยื่นออกมาหาผม  แววตากลมใสสั่นระริกเหมือนมันกำลังจะร้องไห้



“เมลลลลล”



ขาสั้นๆที่ยื่นออกมาพร้อมนิ้วมังคุดของมันที่ทำท่าแบเข้าแบบออกเหมือนกับเด็กที่กำลังกวักมือเรียกให้ผมอย่าทิ้งมัน  น้ำตาใสๆที่คลออยู่บนลูกตาใสของสัตว์ตัวเล็กๆมีหูตั้งๆสีขาว  ผมรู้สึกวูบโหวงตอนที่มันมองมาที่ผมแบบจะร้องไห้



“อะไรกันเนี่ย ฉันเองก็เป็นนายบ้านนี้นะ ทำไมไม่ติดฉันบ้างล่ะหื้ม”



“แง่งงงง”  ไอ้หลงที่ดิ้นตะกุยตะกาย กงเล็บของไอ้ตัวเล็กที่ยกขึ้นมาทั้งน้ำตา  ง้างเตรียมจะฟาดเข้าหน้าสวยๆนั่นในตอนนั้น



“หยุด! ไอ้หลงหยุด”   ไอ้ตัวเล็กที่ชะงักลงไปทันที   ดวงตากลมโตที่วาววับเพราะน้ำตาของไอ้หลงหันมามองหน้าผมแบบไม่เข้าใจ



“อย่า...อย่าทำคุณณราชา เธอเป็นภรรยาของทัพหน้านะ” 



บอกมันออกไปแบบนั้นทั้งๆที่ใจผมเจ็บ และเหมือนไอ้ตัวเล็กนั่นจะเข้าใจผมที่ร้องไห้ออกมาไม่ได้  เพราะแบบนั้นที่จบคำพูดของผม ไอ้ตัวเล็กก็กระพริบตาทีนึงและหยาดน้ำตาใสของมันก็ทะลักออกมาจากดวงตากลมโตนั่นอย่างน่าสงสาร  เหมือนมันกำลังเสียใจ เสียใจจากอะไรไม่รู้ แต่ผมเองก็เช่นกัน อยากจะร้องไห้ออกมาแบบนั้น แต่ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ



“ไม่ต้องร้องน่า เดี๋ยวเมลก็กลับมาเย็นนี้ ใช่ไหมจ๊ะ” 



เธอที่ก้มลงบอกไอ้หลงแบบนั้น แล้วเงยหน้ามายิ้มให้ผม  ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองหน้าไอ้ตัวเล็กที่ยังคงส่งขาหน้าของมันยื่นมาหาผม แม้ว่าจะไกลกันจนเอื้อมไปจับมือมันไว้ไม่ได้ก็ตาม



“งั้นไปเรียนเอะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปเดินไปส่งนะ ... เฮ้อ แล้วตรงนี้ทำไมหนาวแบบนี้นะ ทัพเอาแอร์มาติดทำไมเยอะแยะ พี่ขี้หนาวแท้ๆ”  เสียงบ่นไล่หลังที่ทำให้ผมต้องเม้มปากแน่น



“อ๊ะ ดอกพิทูเนียออกดอกสวยจัง น้องเมลเคยไปดูตรงสวนนั้นหรือยัง?”



“ครับ...เคยครับ”   



เธอที่ถามออกมาตอนที่หันไปเห็น สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ฝั่งด้านขวามือถ้าหันออกจากตัวบ้าน ที่นั่นผมรู้จัก...มันเป็นสวนที่ทำให้ผมเจอไอ้หลง ตอนนั้นไอ้ทัพหน้าแอบยืนดูผมอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่ๆตรงนั้น ผมเองยังจำได้



“ดอกพิทูเนียสวยมากๆเลย ทัพหน้าสั่งคนมาปลูกเอาไว้ให้พี่ล่ะ เพราะพี่กับทัพน่ะสไตล์ต่างกันจะตาย ใครจะทนอยู่บ้านทึมๆทมึนๆแถมมีสิงโตอยู่ด้วยได้ล่ะ อึดอัดมากๆจนต้องแบ่งกันตกแต่งเรือนหอ สุดท้ายทัพหน้าเลยยอมให้พี่ปลูกดอกไม้ตรงฝั่งนั้น ส่วนเค้าไปสร้างกรงเลี้ยงสัตว์อยู่อีกฝั่งนึงล่ะ” 



เธอที่เล่าออกมาพร้อมสายตาที่มองไปที่แปลงดอกไม้ สายตาที่กำลังลำลึกความหลังวันดีๆที่พวกเค้าเคยมีกันออกมาให้ผมฟัง



ที่นี่...ทุกซอกทุกมุมของบ้านหลังนี้ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่พวกเค้าเริ่มต้นสร้างมาด้วยกัน ...



แล้วผม .... คนแบบผมน่ะ



“ดอกพิทูเนียน่ะความหมายมันดีนะ มันเป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความไม่สิ้นหวัง เวลาพี่มองไปที่มัน...พี่เองก็จะไม่ยอมสิ้นหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ตัวเองกำลังจะหมดหวังเด็ดขาด แม้มันจะยาก แต่พี่จะไม่หมดหวัง” 



เธอที่พูดออกมาแบบนั้น ก่อนจะสะดุ้งนิดหน่อยเหมือนพูดอะไรออกมามากจนเกินไป ก่อนจะหันมายิ้มให้ด้วยท่าทีสงบเหมือนเดิม



“พี่พูดอะไรก็ไม่รู้ ฮ่าๆ ตั้งใจเรียนนะคะน้องเมล คิดว่าพี่เป็นพี่สาวคนนึงก็ได้ ยังไงทัพหน้าก็เหมือนพี่ชายของเรา ก็ให้พี่เป็นพี่สาวละกันนะ”  เธอที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมหน้าตาที่ยังประดับไปด้วยรอยยิ้ม



พี่ชาย

พี่สาว

น้องชายงั้นหรอ...



“ผมขอตัวก่อนนะครับ”



“จ้า”



ก้าวขึ้นรถไปในตอนนั้น  ได้ยินเสียงร้องดังระงมมาจากไอ้หลงไม่หยุด  ผมที่ก้าวขึ้นรถไปพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมาแบบไม่สนใจใครอีกต่ไปตอนที่ประตูปิดลง



“อึก...”



พี่ชาย น้องชายหรอวะ .... พี่น้องบ้านไหนเค้าเอากันวะไอ้สัด!



‘ครืดๆ’



เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามา  ปรายสายตามองดูว่าเป็นสายจากใคร แค่มองเห็นชื่อผมก็ต้องกำโทรศัพท์ในมือของตัวเองแน่นๆเอาไว้ในตอนนี้   โทรมาทำKอะไรตอนที่กูไม่อยากคุยกับมึงแล้วไอ้ส้นตีน! ... ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังสติแตกจากการอดทนมาก่อนหน้านี้  ก้มหน้าลงพร้อมสะอึกสะอื้นออกมาแบบไม่อายพี่คนขับที่มองมาที่ผมแบบไม่รู้จะทำยังไงดีผ่านทางกระจกมองหลัง



‘ครืดๆ’



เสียงโทรศัพท์ที่สั่นต่อไปแล้วหยุด แล้วกลับมาสั่นอีกซ้ำๆวนไปเป็นสิบๆสายไม่ทำให้ผมยอมลืมตาขึ้นมารับโทรศัพท์  ผมเหนื่อย ผมเจ็บ ผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่ผมไม่ผิด  ผมเป็นคนที่อยากช่วยแท้ๆทำไมผมถึงต้องมาเจ็บซ้ำๆแบบนี้ ทำไม! ผมอยากรู้ว่าทำไม!!



‘ครืดๆ’



และเพราะความเจ็บจนไม่ไหว ผมตัดสินใจกดรับสายในตอนนั้น



“เมล....”



“โทรมาทำKอะไร!!” ผมที่ตะคอกออกไปจนเรียกได้ว่าเป็นตะโกน  เสียงจากปลายสายยังคงนิ่งทุ้มไม่ต่างจากทุกวันที่ผมเคยได้ยิน  มันดูสบายดี  คงจะดีแน่ล่ะเพราะเมียพึ่งกลับมาไง



“ฟังก่อนเมล...”



“กูไม่ฟัง! มันหมดเวลาที่จะฟังแล้ว อึก ปล่อย! ปล่อยกูไป!”



“เมลใจเย็น กูอธิ...”



“กูไม่อยากฟัง! มึงต่างหากที่ถึงเวลาต้องฟัง ฮึก อึก...กูบอกว่ากูไม่ได้ทำ ฮึก อึก กูไม่ได้วางแผนฆ่าเมียมึง แต่มึงก็ยังเชื่อ! กูไม่รู้ว่าหลักฐานที่มึงได้มามันมาจากไหน แต่มันไม่ใช่ กูไม่ได้ทำ กูไม่ได้จากลูกน้องไปตัดสายเบรคเมียมึง อึก...กูเปล่าทัพ ฮึก”



ผมที่ระล่ำระลักบอกมันออกไปแบบสุดจะทน  มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันจนแน่น รู้สึกถึงความเจ็บที่เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ท้ายเสียงของผมที่เรียกชื่อมันออกมาอย่างอ่อนแรกทั้งน้ำตา  นี่คือชื่อของผู้ชายที่ผมรักมากๆ .... ทัพหน้า



“เมล...มึงอยู่ไหน ใจเย็นก่อน”



“ฮึก ฮื่อออ กูเคยคิด เคยคิดว่าเวลาจะทำให้มึงเชื่อกูอ่ะทัพ  ฮึก ฮื่ออ... กูไม่ได้ทำ ทัพ กูไม่เคยทำ กูแค่อยากช่วยมึง กูรักมึง กูตามเรื่องของมึง กูให้ลูกน้องพ่อตามมึง ฮึก ตาม ตามจริงๆ แต่เพราะกูรู้ ฮึก...กูได้ยินว่าจะมีคนตั้งใจทำร้ายมึง มีคนตั้งใจรอบฆ่ามึง ฮื่ออ กูเลยให้ลูกน้องตาม แต่ไม่ได้สั่งให้ลูกน้องไปตัดสายเมียมึง กูไม่ได้วาง อึก แผนแบบนั้น ฮื่ออ ทำไม ทำไมวะ...แค่เพราะกูเป็นห่วงมึง กลัวจะเป็นจะตายว่ามึงจะเป็นอะไรไป แต่ทุกครั้ง ทุกครั้งเลย สิ่งที่กูได้ตอบแทนมาจากมึงมันถึงเป็นแค่ความเจ็บปวดวะ ทำไมวะทัพ ทำไม....”



“เมล ฟังกู...กูเชื่อมึง กูเชื่อแล้ว เมล...ฟังพี่ พี่เชื่อเมล” 



ผมแค่นยิ้มออกมาตอนที่ได้ยินคำตอบจากปลายสาย  ทัพหน้าที่ดูร้อนรนมากกว่าปกติ ผมได้ยินเสียงมันที่ตะโกนสั่งลูกน้องอย่างเร่งรีบ ได้ยินเหมือนชื่อผม ไม่เข้าใจด้วยว่ามันกำลังทำอะไร แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจ  ไม่อยากสนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว



“ฮึก...กูคิดว่าสักวันมันจะเป็นไปได้ ... แต่เปล่า  เปล่าเลย ...”



“เมลเดี๋ยว...จะพูดอะไร ....”



“วันนี้กูยอมแล้ว กูพอแล้ว ...เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว



“คาราเมล ฟังพี่ก่อน...”



‘ติ๊ด’



ผมที่กดวางสายโทรศัพท์ลงในตอนนั้น  ไม่ได้ฟังว่ามันจะพูดอะไรอีกต่อไป ได้แต่ก้มหน้าลงแล้วร้องไห้ออกมาลั่นรถ สะอึกสะอื้นจนไหล่สั่นไปหมด ผมเจ็บ ผมแพ้ ผมยอมแล้ว ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ไม่เหลือหัวใจ ไม่เหลือแม้กระทั่งศักดิ์ศรีของตัวเอง ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของพี่คนขับดังขึ้นมาใน



“ครับนาย ...อยู่ตรง...”



“จอดรถ!” 



ผมที่ตะโกนออกมาเสียงดัง มองลอดม่านน้ำตาตัวเอง มองเห็นพี่คนขับที่ทำตัวไม่ถูก ดูเลิกลั่ก และผมรู้ดีว่าปลายสายของคนที่กำลังพูดอยู่กับพี่คนขับต้องเป็นไอ้ทัพหน้าแน่ๆ  และตอนนี้ผมจะไม่ทน ผมจะไม่กลับไปหามันอีกแล้ว



“จอดรถ! ถ้าไม่จอดผมจะกระโดดลงไปเดี๋ยวนี้”



“คุณเมลครับ ใจเย็นก่อนครับ”



“ได้!”  ผมที่เอื้อมมือไปที่ประตูรถในตอนนั้น  ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นของไอ้ทัพหน้าที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ที่ฟังไม่ได้ศัพท์  ผมตายก็ได้ ตายก็อาจจะดีกว่าตอนนี้



‘เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดด’



‘ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด’



เสียงเบรคยาวเหยียดทั้งลั่นถนน พร้อมๆกับเสียงแตรรถที่ดังลั่นของคันอื่นๆที่ขับตามมา โชคดีที่รถไม่ติด ถนนค่อนข้างโล่งในช่วงนี้  ไม่งั้นคงชนกันยาวเหยียด ผมที่กระชากประตูรถเปิดออกแล้วเดินลงมาจากรถในตอนนั้น  เสียงแตรรถจากคันอื่นๆดังอึกทึกครึกโครม ดังพอๆกับเสียงร้องสะอื้นของผมในตอนนี้  ผมที่ก้าวขาฉับๆออกมาจากถนน คนขับรถที่เปิดประตูตามลงมาแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำหน้าเลิกลักแบบไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์ตอนนี้ดี มือของเค้ายังคงถือโทรศัพท์แนบหูอยู่เลย  ผมไม่สนใจแค่ก้าวออกมาจากถนนสองเล่นนั่น รถที่ขับมาไม่ว่ากี่คันในตอนนั้นต้องเบรคกันตัวโก่งเพื่อให้ผมข้ามถนน   



“ฮึก ฮื่อออ”   



เดินมาจนถึงฟุตบาท สุดจะทนสุดจะกลั้น ผมทำได้แค่ทรุดตัวลงนั่งกับฟื้นและร้องไห้แค่นั้น ผมเจ็บ ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องไปไหน ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง  เหมือนเวลาสามสี่เดือนที่ผ่านมามันนาน นานจนกัดกินหัวใจของผม ทำให้ตัวผมกลายเป็นคนง่อยเบี้ยเสียขาและไม่รู้ทางไป



‘ครืดๆ’



น้ำตาผมไหลตอนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา สะอึกสะอื้นมากขึ้นไปอีกในตอนนี้



“ติ๊ด...ฮะ...ฮัลโหล”



“น้องเมลครับ หายไปไหนไม่ติดต่อคุณแม่มาหลายเดือนแล้วนะครับลูก ติดสาวหรอครับ หื้ม คุณแม่ไม่โทรตาม น้องเมลเลยดื้อแบบนี้เลยใช่ไหมเนี่ย”  น้ำเสียงใจดีที่ทำให้ผมต้องสะอื้นออกมาอย่างหนัก ได้แต่ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วสะอื้นแบบกลั้นเสียงร้องไห้อย่างหนัก ...



“คุ...คุณแม่”



“หื้ม ว่าไงครับลูก ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”



“คุณแม่ครับ”



“เมล เป็นอะไรลูก อยู่ไหน มีอะไรบอกแม่มาเลยครับ” 



น้ำเสียงที่เริ่มร้อนใจของแม่ ทำให้ผมยิ่งอยากร้องไห้  ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ผมพึ่งรู้สึกอยากตาย  เป็นชั่วพลิบตาเดียวเท่านั้นที่ผมอยากกระโดดออกมาจากรถและหายไปให้พ้นๆจากความเจ็บปวดตรงนี้  แต่ถ้าผมกระโดดลงมาเมื่อก่อนหน้านี้  ผู้หญิงคนนี้...เธอผู้ที่ให้ชีวิตกับผม คนที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้แม้แต่เรื่องเดียวว่าผมทำอะไรไปบ้าง เธอรู้แค่ความเป็นห่วงและรักผม  แม่เลี้ยงผมมาแบบไม่กดดันและปล่อยให้ผมได้ทำตามใจในสิ่งที่ผมอยากทำ เพราะแบบนั้นผมเลยออกจากบ้านมาเพื่ออยู่คอนโด นานๆทีจะกลับบ้านไปหาแม่ ผมไม่อยากเจอกับพ่อ เพราะพ่อเป็นนักการเมืองที่ค่อนข้างวุ่นวายในประเทศสีเทาๆนี้  เพราะงั้นหลายสิ่งหลายอย่างเลยทำให้ผมไม่สนิทกับพ่อ แต่สนิทกับแม่มากที่สุด และทำไม...ทำไมผมถึงกำลังจะทำร้ายชีวิตที่เธอมอบให้ผมด้วยความรักมาทั้งชีวิตไป



“ฮึก แม่...แม่ครับ”



“น้องเมล เป็นอะไรลูก ไม่ร้องนะครับ แม่อยู่นี่แล้วลูก”



“แม่ ...ฮึก อึก เมลรักแม่นะครับ”



“ครับลูก ... กลับบ้านไหม แม่จะทำอาหารอร่อยๆที่น้องเมลชอบรอนะครับ แม่รักเมลนะลูก”  น้ำตาผมไหลลงมาในตอนนั้น  ได้แต่สะอื้นตัวสั่นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างถนนในตอนนี้



“เมลรักแม่ครับ”



“ครับลูก”



“เมล ฮึก....เมลไม่เป็นไรครับแม่ เมลแค่เครียดจะสอบ”  เลือกที่จะโกหกแม่ออกไปแบบนั้น ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆดังออกมาจากปลายสาย  อย่าเลย...อย่าให้แม่ต้องเสียใจไปกับผมเลย  แค่แม่รักก็มากพอแล้ว



“เมลครับลูก เกรดไม่ได้วัดความสามารถ ไม่ต้องเครียดมาก เท่าสุดความสามารถของเมล แม่ก็ภูมิใจมากแล้ว รู้ไหมครับลูก”



“ครับคุณแม่”



“เมลครับ ฟังแม่นะ ... ถึงเมลจะไม่เหลือใคร เมลยังเหลือแม่นะครับลูก”



“ครับคุณแม่”



ผมที่รีบกดวางสายลงไปตอนคำสุดท้ายของแม่ เพราะมันกั้นไม่ไหวอีกต่อไป ผมทนไม่ไหว ผมได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ข้างถนนเหมือนคนโง่ กลัว...กลัวว่าแม่จะได้ยินว่าผมร้องไห้หนักเหมือนจะขาดใจแบบนี้แม่จะยิ่งเป็นห่วง



“ฮึก อึก ฮื่อออออ”



‘เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดด’



เสียงล้อรถบดไปกับพื้นถนน ทำให้ผมต้องสะดุ้งตกใจ พร้อมๆกับล้อแม็กสวยที่จอดเทียบฟุตบาธข้างๆผม ได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองผ่านม่านน้ำตา รถสี่ห่วงสีดำคันหรูที่ถูกกดเปิดหน้าต่างด้านข้างคนขับลงมา พร้อมๆกับเสื้อเชิ๊ตสีเหลืองสว่างแสบตาและรอยยิ้มสว่างสดใสที่โผล่มาให้ผมได้เห็นในตอนนี้



“อึก ฮึก ฮึก”



“ฮัลโหลโอโม่ ทำไมมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ล่ะเนี่ย หื้มมม”



“อึก ...นะ...นักรบ”



“เยส และมีไอ้หน้าเสล่อรุกฆาตนี่มาด้วยนะ”  เจ้าตัวที่ยิ้มกว้างถอยตัวหลบให้ผมมองเห็นหน้าคนขับที่ปรายตามามองผมนิดหน่อย



“ดีครับ”  พูดออกมาสั้นๆแค่นั้นพร้อมหน้าตาไม่เป็นมิตร



“ทะ....ทัพหน้าให้ ฮึก พวกนายมาหรอ ฮึก ไม่!”  ผมที่เขยิบถอยตัวหนีทันที แต่นักรบมองมาที่ผมแบบงงๆ พร้อมๆกับรุกฆาตที่ขมมวดคิ้ว



“เห้ยพี่ ขึ้นมา รถข้างหลังด่า”



“มาจ้าโอโม่ พี่จะพาไปลอยทะเลน้าาา~~~~~”



“โดนเมียตบไม่เข็ดไอ้สัด”



“เสือกจ้าไอ้น้อง”



ได้ยินสองพี่น้องที่ตะโกนด่ากันแบบนั้น และเป็นนักรบที่เปิดประตูรถเดินลงมาดึงผมขึ้นไปจากพื้นถนนในตอนนี้...ขอแค่สักที่...ที่ไหนก็ได้ ที่ห่างไกลจากทัพหน้าก็พอ



...



ฮัลโหลดีจ้าาา (ยื่นทิชชู่ให้) อิอิ... แคทหวังว่าทุกคนจะชอบในตอนนี้นะคะ

ขอบคุณคอมเม้นท์ของตอนที่แล้วด้วยนะคะ เยอะมากกกกก

รวมถึงในตอนนี้ แคทอยากฝากข้อคิดไว้ว่า การตัดสินใจชั่ววูบ มันคือการชั่ววูบจริงๆนะคะ แค่วินาทีเดียวเท่านั้น

ที่เราตัดสินใจทำเรื่องน่ากลัว มันเกิดขึ้นได้จริง แคทอยากฝากถึงคนอ่านทุกๆท่าน

หากว่าใครก็ตามที่ตกอยู่ในภาวะนั้น ไม่ว่าจะเสียใจจากเรื่องใดก็ตาม พยายามนะคะ ตั้งสติให้มากๆ

หลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ และพรุ่งนี้มันจะดีขึ้นมากกว่าวันนี้

แคทเป็นกำลังใจให้ และขอให้คนอ่านของแคททุกๆท่านมีความสุขในทุกๆวันเสมอนะคะ^_^ :mew1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่27* {23.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-03-2019 21:32:54
 o22 อ่านมากำลังหน่วงไฟ เจอพี่รบเข้าไป ต้องปรับอารมณ์ยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่27* {23.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 24-03-2019 08:09:16
เอ่อ  นังพี่เหลืองคะ

แกจะเอานายเอกทุกคนไปซ่อนไม่ได้!!!

โดนรุกฆาตต่อยไม่เข็ดช่ะ

แต่มีพี่รุกมาด้วย ให้อภัย :katai3:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่27* {23.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-03-2019 08:10:16
โอยยยย สงสารคาราเมลมากเลย
เข้ามาก็เจอเรื่องแล้ว ยังทำใจพังซ้ำคือย้ายห้อง

หลงคงดูผู้หญิงออก ดูต่อต้าน และไม่อยากอยู่ด้วย
ไม่เป็นไรนะหลง ถ้าเค้าทำไร เชอร์รี่มาช่วยแน่นอน

ไม่รู้คิดไปเองไหม เหมือนผู้หญิงพยายามแสดงตัว

ทัพหน้าออกตัวตอนนี้ก็ไม่ช่วยอะไร
เพราะน้องคิดว่าถูกหลอกไปแล้ว

เอิ่มมม พี่กล้วยจะมาแบบนี้ไม่ได้นะ
อารมณ์พลิกมากจ้า 5555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่27* {23.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 24-03-2019 10:25:40
เฮียรบบบบบบบ เนี้ยยพระเอกตัวจริง  :m20:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่27* {23.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 24-03-2019 21:48:51
มาต่อบ่อยๆนะครับ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่27* {23.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 25-03-2019 02:32:11
เอออออหลบไปพักใจสักพักเถอะ สติดีเมื่อไหร่ค่อยกลับมา คุณแม่ก็โทรมาได้จังหวะพอดี เกือบไปแล้วไหมละเมล จากนี้จะเอาไง ให้คิดดีๆแล้วกัน ณราชาก็พอรู้อะไรบางอย่างกับสองคนนี้รึป่าวว่ะ?? ถึงได้ดูพยายาม เซ้นท์มันบอกอะ 5555555 แต่นางก็ไม่ผิดนะ ผู้ซึ่งไม่รู้อะไรอย่างนางดูน่าสงสารออก เว้นแต่บริบทนางจะเปลี่ยนไปเป็นร้าย แต่ถึงยังไงเราก็คิดว่าเข้าใจนางนะ //นี่ถ้าเมลรู้ว่าทัพรู้อยู่แล้วว่าเมลไม่ผิด ยิ่งเหมือนโดนหักหลัง2ชั้นเลยนะ ที่พ่นความจริงออกมานั้น เขารู้ตั้งนานแล้ว เรานี่สับสนเหมือนกันว่าอยากจะให้เมลรู้ว่าเขารู้นานแล้ว หรือจะไม่ต้องรู้ แต่เอาจริงใจก็เลือกให้รู้นะ จะได้เจ็บปวดให้สุดกว่านี้ ทำไมชอบเห็นเมลเจ็บปวดวะ 55555555 อยากให้หนีไม่อะไรกับทัพหน้ามันแล้วไง ปล่อยอ่ะปล่อย อยากเห็นคนทุรนทุราย เมล? ป่าวววว ทัพสิทัพ!! โว้ยยยยย 55555 น้องหลงปลอบเมลใหญ่เลย แต่บทจะร้ายนี่ ไม่มีใครเอาอยู่ ดื้อมากเหมือนกันนะเราเนี้ย 5555 //ว่าแต่บินกุ๊กนี่คืออะไร๊ โอเคแล้วใช่ไหม จูบปานนั้นและพูดแบบนั้น ยิ่งกว่าชัวร์ วุ้ยยยยยยยยยยยอมง่ายจริงเว้ย น่าจะเล่นอีกสักหน่อย แหมะหมั่นไสไง ให้เจ็บมาตั้งนาน ฮอลล นาทีนี้มี10พี่ดาบก็ไม่สู้อ่ะ 5555 //โว้ยยยยยยสนุกกกกกก อยากอ่านต่อ กำลังมันส์ ตอนนี้ในหัวมีแต่เมลหนีไปปปปปปปปปป 55555 ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาต่อ รอตอนหน้าต่อไปเลยค่ะ รรรรรรรร ^^ พี่รบจะพาเมลไปไหนเนี้ย?
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่28* {30.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 30-03-2019 20:57:28

บทที่28


‘ครืด ครืด’



“สัด รับโทรศัพท์ดิไอ้ห่ารุก เมียมึงตามไง๊ โทรมาขนาดนี้คือไข่ใหญ่ไข่ยานไปแล้วมั้ง สั่นจนจะเสร็จ”



“ไม่ใช่ของกู”



“เอ้า”



“ของกูเอง” 



ผมที่นั่งอยู่ด้านหลังของสองพี่น้องนักรบ รุกฆาต อ้าปากขัดบทสนทนาของพวกมันออกไปแบบนั้น มองเห็นนักรบที่วันนี้ก็เด่นแสบตามาในชุดเสื้อฮาวายสีเหลืองลายสับปะรด ถ้าจำไม่ผิด ครั้งก่อนที่เจอก็กันมันก็ใส่เสื้อสีโทนนี้ ส่วนรุกฆาตที่ผมพึ่งรู้จักจากการแนะนำตัวจากนักรบ มันใส่เสื้อฮาวายสบายๆแต่เน้นสีดำเป็นหลักลายเดียวกันกับพี่มัน



“ของมึงเองหรอจ๊ะโอโม่ แล้วทำไมมึงไม่รับ กูเสียวฟัน ครืดๆคราดๆอยู่นั่น”



“กูไม่อยากรับ”



“ทำไมวะ”



“แล้วทำไมมึงต้องเสือกเรื่องของเค้าวะ”  เป็นรุกฆาตที่ถามออกมาด้วยเสียงติดจะรำคาญ สายตาคมแค่ปรายตามองพี่ชายตัวเองนิดๆ



“ไอ้ไม่มีน้ำใจ โลกทั้งใบมึงจะมีน้ำใจแค่ไอ้เลิฟไม่ได้ไงสัด สัตว์โลกบนโลกอ่ะเราต้องรู้เรื่องราวบ้าง แบบคะแนนเลือกตั้งจะโผล่ขึ้นมาลอยๆมันก็ไม่ได้ป๊ะ”



“อะ หาคุก”



“ขอโทษ กูอินการเมือง”



“หึ แต่เสือกเรื่องคนอื่นก็เก่งเหมือนกัน”



“เอ๊า! นี่มึงจะเอาใช่ไหม จอดๆลงไปต่อยกับกูให้รู้เรื่องไอ้สัด”



“เห้ยๆ มึงสองคนใจเย็นๆโว้ย! เงียบๆกันหน่อยได้ไหมวะ กูรำค๊าญ!!” 



มองพวกมันเถียงกันจนเหนื่อย สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ต้องยื่นแขนไปกันทั้งสองคนให้ออกห่างจากกัน นักรบที่ยืนมือไปโบกหัวน้องและรุกฆาตก็ปล่อยมือออกจากพวงมาลัยมาดันหน้าพี่มัน เฮ้อ... มองเห็นมันสองคนที่แยกเขี้ยวใส่กันแล้วปวดหัว  คนนึงพูดมาก อีกคนไม่ค่อยพูดแต่เสือกขัดเก่ง พวกมันสองคนเถียงกันได้ตลอด ตั้งแต่ที่ผมถูกนักรบหิ้วขึ้นมาบนรถ จนตอนนี้ที่มองเห็นเส้นทางที่บอกได้ว่าเป็นทางออกไปชลบุรี พวกมันก็ยังเถียงกันได้เรื่อยๆ ... เถียงกันได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องไฟเขียวไฟแดง คนขายพวงมาลัยข้างทาง หรือกล้วยน้ำว้าที่ขายตามถนนข้างๆที่นักรบอยากให้จอดซื้อแต่รุกฆาตบอกว่าเกลียดและไม่ยอมจอดให้ พวกมันก็สรรหามาทะเลาะกันได้ โคตรน่าเหนื่อยใจ จริงๆผมโคตรปวดหัว และจิตใจไม่สู้ดี ... แต่ตอนนี้กลับต้องคอยห้ามทัพพวกมัน เพราะกูกลัวตาย เสือกอยู่บนรถมหาภัยตีนผีของสองพี่น้องนี่น่ะสิ  แม่งเอ๊ย รู้งี้นั่งร้องไห้โง่ๆอยู่ที่ฟุตบาธก็ดี ได้แต่ถอนหายใจหนักๆออกมาตอนที่แหกปากตะโกนใส่หน้าพวกมันไปแบบนั้น ก่อนจะถอยตัวกลับมาพิงพนักพิงเสหน้ามองออกไปนอกกระจกอย่างเหนื่อยๆ  ... เสียงสองเสียงที่ทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายก่อนหน้าเงียบกริบลงทันที ก่อนจะได้ยินเสียงซุบซิบๆแทน



“โหดว่ะ”



“มาก โอโม่แม่งโหดเนอะ”



“บ่นซุบซิบไรกันวะพวกมึง”



“เปล่าจ้า~~”



“เปล่าครับ~~”   



อยากด่าว่าสัด กระล่อนนักไอ้สองตัวพี่น้อง ... ได้แต่คิดอยู่ในใจ เหนื่อยจนไม่อยากจะเถียง ตอนนี้ผมอยากพัก และอยากหนีไปไกลๆจากที่ๆทำให้ผมเจ็บปวด และที่ๆนั้น ดันเป็นพื้นที่ๆผมอยากอยู่แต่ดันอยู่ไม่ได้ เพราะพื้นที่นั้นไม่มีที่ให้เราอยู่



“นี่โอโม่ ว่าแต่ใครโทรมาหรอ”  ไอ้นักรบถามออกมาแบบนั้นพร้อมหันหน้ามาหาผม มองเห็นสายตาคมๆของมันที่ถอดแบบออกมาจากพี่ชายของมันแล้วต้องเสหน้าหนี



“คนที่ไม่อยากรับ”



“หรอ อยากหนีหรอวะ”   มันที่ถามออกมาด้วยเสียงเรื่อยๆเอื่อยๆ แต่สายตาคมๆของมันกลับมองแบบคาดคั้น ดูเป็นคนที่ดื้อดึงแตกต่างจากไอ้ทัพที่ชอบทำหน้าตายๆ  มองเห็น



“อืม อยากหนี”



“งั้นวันนี้ไปเที่ยวกับพวกกู”



“ที่ไหน”



“มึงจะอยากรู้ทำไมอ่ะ หน้าตาเหมือนอยากพักไม่ใช่ไง งั้นก็ไปพักแบบไม่ต้องรู้ก็ดีแล้วไหมวะ”



“ตรรกะมึงแปลก”



“มันแปลกได้กว่านี้อีกอยากจะบอกไว้” 



รุกฆาตว่าออกไปมาแบบนั้น ดูเป็นน้องชายที่รักพี่ดี ซึ่งคำพูดของมันดันเป็นคำพูดที่ผมโคตรคิดว่าใช่ แปลกตั้งแต่ที่มันใส่เสื้อสีเหลืองกางเกงเหลืองอ่อนแล้วรองเท้าก็สีเหลืองแล้วล่ะ สดใสจนผมอยากยืมความสดใสของมันมาให้ตัวเองบ้าง



“แปลกที่หน้าตากูนี่ล่ะ ที่เกิดมาแล้วหล่อกว่าพี่น้องน่ะ”



“สัด”



“แล้วนี่พวกมึงจะไปไหน มึงจอดให้กูลงสักที่ก็ได้ เดี๋ยวกูเรียกรถกลับเอง” 



ถามพวกมันออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่ก็นั่งอยู่บนรถของพวกมันมานานแล้ว จริงๆเหมือนพึ่งรู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันอาจจะพาผมกลับไปหาไอ้ทัพก็ได้  พอคิดขึ้นมาได้แบบนี้ ใจมันก็สั่นเต้นรัวเลยทันที



“จริงๆวันนี้ว่าจะไปเที่ยวทะเล ใกล้ๆ”



“มึงไปกันสองคน?”



“ก็บ้าแล้วครับ มีแฟนพวกกูไปด้วย แต่พวกมันไปรออยู่ที่นู้นแล้ว เสือกนัดกันไปแรดจะทิ้งผัว เหอะ ฝัน กูตามแน่” อ๋อ ที่แท้พวกเมียหนี



“เมียหนี?”



“ตบปากเท่าอายุของโอโม่เดี๋ยวนี้ ไอ้ฝาไม่ได้หนีกู”



“ไอ้เลิฟก็อย่าฝัน”



“พวกมึงนี่ล่ะน่าหนีที่สุด”



“พวกผมยังไม่น่าหนีเท่าเฮียทัพหรอกมั้ง เนอะไอ้รุกเนอะ”



“นั่นสิ”  ผมสะดุ้งตอนที่พวกมันว่ากันออกมาแบบนั้น  ตาเบิกกว้างขึ้นไปมองกระจก มองเห็นรุกฆาตที่มองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว



“พว...พวกมึงรู้”



“หึ ไม่รู้ แต่หน้าซ้อมันบอก”



“ซ้อพ่อง!” 



“คิกค้าก เอ็นดูเค้านะครับ ซ้อวันนี้ไปเที่ยวกับพวกผมเหอะ สัญญาด้วยเกียรติของคนชอบสีเหลือง กูไม่บอกเฮียหรอก”



“อืม อยากเห็นมันหัวปั่น”



ไอ้สองตัวว่าออกมาแบบนั้น ไม่รู้ว่าจะเชื่อใจพวกมันได้ไหม แต่ผมไม่รู้ว่าจะไปไหน อยากโทรหาไอ้บินหรือไอ้กุ๊ก แต่คิดว่าพวกมันสองคนก็คงมีปัญหาที่แก้ไม่ได้ของมันมากพอแล้ว ถ้ามีเรื่องของผมเข้าไปอีกมันจะยิ่งเป็นปัญหา ผมไม่อยากเอาตัวเข้าไปเป็นตัวแปรของพวกมัน  ถ้าจะบอกไอ้อู๋ ก็กลัวเรื่องจะไปถึงหูไอ้แจ ....



“มึงสัญญาว่าทัพหน้าจะไม่รู้ว่ากูอยู่ไหน”



“นี่สรุปหนีเฮียมันจริงๆดิ”  ไอ้รบที่หันมาหาทั้งตัวทั้งหน้า เอาหน้าหล่อๆของมันวางอยู่ที่เบาะของตัวเองจ้องผมแบบไม่อยากจะเชื่อ



“ทำไม”



“ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครหนีเฮียมันไงวะ คิดไงหนีเฮียมันวะ”



“นั่นดิ ยังกับว่ามันจะตามไม่เจอ”



“แต่กูไม่อยากเจอ กู...กูขอร้องพวกมึงได้หรือเปล่า นะ...”  นักรบที่มองผมนิ่งๆ ก่อนจะเบนสายตาไปหาน้องชายตัวเอง พวกมันที่มองตากันนิ่งๆผ่านไปหลายอึดใจ รุกฆาตที่พยักหน้าออกมาน้อยๆแต่ไม่ยอมพูดอะไร ผมมองไปที่นักรบที่หันกลับมาจ้องหน้าผม ก่อนจะถามออกมาต่อ



“งั้นซ้อโอโม่บอกกูมาก่อนว่าคิดยังไงถึงหนีเฮียมัน ทะเลาะกัน?”



“แค่คิดว่าเมียมันกลับมาแล้ว กูจะอยู่บ้านมันต่อทำไม”



“อ่า...เข้าใจแล้ว ว่าแต่...พี่ณราชาฟื้นแล้วหรอ?”



“อืม เมื่อวานกลับมาที่บ้าน”



“เชี่ย ไอ้สัดเฮียทำไมไม่แจ้งเราวะ”



“มึงเป็นพ่อเฮียหรอ ขนาดป๊าเองจะรู้แล้วรึยังเถอะ”



“แปลกๆแหะ ... แต่ถ้าแบบนั้น ซ้อไม่ต้องกลัวนะ กูจะพาซ้อโอโม่หนีเองงงงง ไปเที่ยวกันนะ กูล่ะอยากเห็นคนคลั่งตายจริงๆ”



“สันดานชอบลักพาตัวเมียชาวบ้าน ไอ้K”



“กูสดวกแบบนี้!”



...





“ไอ้สัดบิน มึงจะเรียนหรือจะกดโทรศัพท์กูถามแค่นี้”



“แล้วมึงเสือกไรสัดอู๋”



“ใช่ ดูเสือกจ้า จิ้มไปไหนนักไอ้เหี้ย กูเรียนไม่รู้เรื่องแล้ว พูดตรงๆเลยว่าอยากรู้อยากเห็นมากครับ”



“กูจิ้มหาไอ้เมล ไม่รู้มันไปอยู่ไหน ถ้าไม่มาเรียนก็น่าจะบอกเพื่อนฝูงหน่อย ใช่ไหมไอ้กุ๊ก...เมลมันโทรหามึงไหม”  ไอ้บินที่ตอบไอ้อู๋ทั้งๆที่ไม่มองหน้าไอ้อู๋ไปแบบนั้น มันแค่ก้มหน้าก้มตากดไลน์ส่งข้อความหาไอ้เมลมาตั้งแต่เช้า มันเงยหน้าขึ้นมาตอนที่หันมาถามผม



“อืม”   



ตอบมันออกไปแบบนั้นทั้งๆที่ไม่อยากจะตอบ แต่ทำอะไรไม่ได้ ... จากใจจริงๆอยากจะตะโกนออกไปว่า มึงเป็นเหี้ยอะไรมันอาจจะไม่สบายเพราะเอากับผัวหนักก็ได้ไปเสือกเหี้ยอะไรกับมันนักหนา มันมีพี่ทัพหน้าดูแลอยู่แล้วไอ้สัดสาระแน กูนี่!คนที่อยู่กับมึงเวลาที่มึงเสียใจนี่ที่ไม่มีใคร โดยเฉพาะไม่มีมึง! .... อยากตะโกนบอกมันออกไปแบบนั้น แต่สิ่งที่ผมทำได้ สุดท้ายก็เป็นแค่การตอบรับเบาๆแล้วก้มหน้าก้มตาทำเป็นจดอะไรลงสมุด ทั้งๆที่การบรรยายของอาจารย์ตรงหน้า มันไม่ได้เข้าหูผมสักนิด



“แม่งเอ๊ย มันยิ่งเอ๋อๆอยู่ จะเป็นไรไหมวะ”  มันที่ยังบ่นออกมาอยู่แบบนั้น  ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ พยายามจะรักษาสีหน้าของตัวเองไว้ให้มากที่สุด ... มึงไม่มีสิทธิ์โกรธมันนะกุ๊ก มึงไม่ได้เป็นอะไรกับมัน ... ใช่ ไม่ได้เป็นเลย แม้ว่ามึงกับมันจะจูบกันจน



แต่พวกมึงจูบกันแล้วนะ ... แล้วไงกูไม่ได้เป็นอะไรกับมัน



แต่พวกมึงช่วยกันอะบะล่ะฮึ่มบึ้มบัมไปแล้วนะ .... แล้วไง แค่เพื่อนกันช่วยกันเสร็จ



แต่พวกมึง ...



แล้วไง! มันไม่ได้รักกู!!



‘โครม!’



เสียงของบนโต๊ะแลคเชอร์ที่ร่วงกระจายหล่นลงไปกองกับพื้นดังสนั่นจนอาจารย์หน้าชั้นต้องหยุดบรรยาย  เพื่อนๆในเซคที่หันมองมาเป็นตาเดียว รวมถึงไอ้เพื่อนข้างๆตัวผมทั้งสองคนที่ก็เงยหน้าขึ้นมาจากสิ่งที่พวกมันทำอยู่อย่างตกใจไม่แพ้กัน



“กฤติธี มีปัญหาอะไร”



“อ่ะ..เอ่อ ขอโทษครับอาจารย์พอดีผมอยากจะไปเข้าห้องน้ำครับ”



“เสียงดังจริง จะไปก็รีบไป”  ผมที่รีบยกมือไหว้ขอโทษอาจารย์ไป แล้วก้าวพรวดๆออกมาจากตรงนั้น ไม่ได้หันไปมองว่าไอ้อู๋หรือไอ้บินทำหน้ายังไง  ผมก็แค่อยากไปจากตรงนั้น ที่ๆมีไอ้บินอยู่ แต่มันไม่เคยมีผมอยู่เลยตรงนั้น  ... หลับตาลงช้าๆก่อนที่สมองจะวิ่งไปชนเข้ากับเหตุการณ์ครั้งก่อน ก่อนที่เรื่องทุกอย่างมันจะเป็นแบบนี้



.

.

.


‘ปัง โครม!’



ขายาวๆของคนที่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากข้อมือของผมยกขาขึ้นถีบประตูห้องของมันปิดเสียงดังสนันหวั่นไหว ก่อนจะพยายามลากตัวผมให้เข้าไปยืนกลางห้องด้วยกันกับมัน



“กูเจ็บ มึงปล่อยกูนะโว้ย!”



“กูไม่ปล่อย!”



“มึงเป็นบ้าอะไรของมึงวะบิน ไอ้สัด! เป็นบ้าก็กลับไปนอนดิวะ แล้วมึงมาพูดจากแบบนั้นกับไอ้เบนได้ไง!”



“ทำไมกูจะพูดไม่ได้”



“มึงพูดไม่ได้ไอ้สัด กูไม่ใช่เมียมึง!”



“งั้นมึงเป็นตอนนี้เลยไหมล่ะ มึงจะได้เลิกสะดีดสะดิ้งออกไปกับคนนั้นทีคนนี้ทีสักที!เป็นผัวมึงไปเลยจะได้เลิกไปแรดที่ไหนอีด”



“มึงพูดเหี้ยอะไรของมึงวะ! กูจะไปกับใครก็ได้ มันเรื่องของกูไอ้หน้าสัด!”   คำพูดของมันที่ทำให้ผมเลือดขึ้นหน้าจนสะบัดมือของตัวเองจากข้อมือของมันได้ ก่อนจะผลักอกของมันที่ไม่ได้ตั้งตัวจนเซถอยหลังไปหลายก้าว



“มึงแม่งเหี้ยว่ะบิน”



“เออ กูจะเหี้ยได้มากกว่านี้อีก มึงมานี่!”



“เห้ย มึงปล่อยกูนะเว้ย!!” 



ผมที่ตาเบิกกว้างขึ้นตอนที่มันกระชากตัวผมเข้าไปใกล้จนหน้าชนเข้ากับอกของมัน ไอ้บินที่ดูหน้ากลัวมากกว่าครั้งไหนๆ เพราะมันไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับผมสักครั้ง แตกต่างจากครั้งนี้  มันที่มองหน้าผมเขม็งก่อนจะก้มตัวลงแล้วยกตัวผมขึ้นพาดบ่า ก่อนจะก้าวขายาวๆของมันตรงไปที่ห้องนอนของมันเอง



“ไอ้บิน!! ไอ้เหี้ย ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย”



“สัด ดื้อนักนะมึง....เออ กูปล่อยแน่!”



‘พลัก’



“โอ๊ย” 



แผ่นหลังของผมที่กระแทกเข้ากับเตียงนอนกว้างในห้องของมัน ได้แต่ร้องออกมาแบบนั้นเพราะว่ามันโยนลงมาไม่เบาสักนิด ในตอนที่ผมตั้งท่าจะเด้งตัวขึ้นมากลับถูกอีกฝ่ายผลักลงไปให้ลงไปนอนหงายอีกครั้ง และเป็นมันที่ตามขึ้นมาคล่อมทับตัวของผมไว้ สายตาที่จ้องผมเป็นสายตาที่ผมอ่านไม่ออก ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันทำแบบนี้ทำไม



“ปล่อยกู มาคล่อมไว้ทำเหี้ยอะไร ถอย!”  ว่าออกไปแบบนั้นทั้งดิ้นทั้งผลักอกมัน อีกคนที่จ้องตาผมดุๆแวบนึงก่อนที่มันจะรวบข้อมือทั้งสองข้างของผมกดลงไปให้จมลงกับเตียง ท่อนขาแข็งแกร่งของมันที่แทรกเข้ามาที่กลางตัวทำให้ท่อนขาของผมต้องแยกอ้ากว้างออกจากกัน ในตอนนั้นที่หัวใจเต้นตึกตัก ทั้งตื่นเต้นทั้งกลัว  ไอ้บินเป็นเหี้ยอะไร!



“ปล่อยกู มึงจะทำอะไร ปล่อย”



“ปล่อยให้มึงออกไปแรดกับไอ้ตุ๊ด ไปอ่อยไอ้เหี้ยเบนรึไง”



“แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร มาเสือกอะไรกับเรื่องของเพื่อนแบบกู...อะ อึก อื้มมม” 



ในตอนที่กำลังอ้าปากเถียงมันออกไปแบบเอาเป็นเอาตาย อีกฝ่ายที่แค่ก้มลงกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากของผม มันไม่ใช่จูบแรกของเราสองคน เพราะเราจูบกันมาจนเหนื่อยตั้งแต่มัธยม ด้วยความอยากรู้และอยากลองของไอ้บิน และผม คนที่ตามใจมันมาตลอด เพราะคำๆเดียว ..ผมชอบมัน



แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เหมือนครั้งนี้  ...



ริมฝีปากอุ้นที่กดจูบดูดดุนบดเบียดเข้ามาแบบรุนแรง ลิ้นร้อนๆของมันที่แทรกเข้ามาในโพรงปากของผมเพราะมันที่เอื้อมมือลงไปที่หัวนม นิ้วของมันที่กดและบีบที่ยอดอกของผมจนรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัว



“อื้ออ”  ผมที่พยายามจะดิ้นหนีออกจากการเกาะกุมของมันให้มากที่สุด เพราะสภานการณ์ตอนนี้ที่ไม่เหมือนเดิม ไอ้บินที่เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อของผมออกและแหวกสาบเสื้อออกจากกัน ในตอนที่มันผละหน้าออกจากริมฝีปากของผม ก่อนจะตรงไปกดจูบที่ซอกคอ หัวไหล่  ริมฝีปากอุ่นที่กดจูบดูดดุนแรงๆให้เนื้อของผมขึ้นสี  ได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดของมันที่ไม่ต่างจากกระทิงดุตอนเห็นผ้าแดง



“อ๊ะ บิน...อึก กูเจ็บ”  บอกมันออกไปด้วยเสียงสั่นๆ ตอนที่อีกคนกัดลงที่ข้างๆหัวนม มันที่ตั้งใจเหมือนจะทำรอยไปทั่ว



“ดี กูจะกัดให้มึงจำ กูจะทำรอยให้คนอื่นแม่งรู้เลย”



“อื้ออ อย่า”  ร้องออกมาตอนที่มันครอบริมฝีปากลงที่หัวนม  ลิ้นร้อนของมันที่ถูวนไปรอบๆก่อนจะขบกัดเบาๆลงไป ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็เลื่อนไปบีบเฟ้นอีกข้างอย่างเท่าเทียมพร้อมๆกันไป



“บ...บิน”



“มึงชอบกูไอ้กุ๊ก”  เสียงเข้มที่ทำให้ดวงตาของผมต้องเบิกกว้างขึ้นมาตอนที่เสียงกระซิบแต่ชัดเจนไปทั้งหัวใจ  มองหน้าคนบนตัวที่จ้องมองหน้าผมนิ่งๆในตอนนี้



“...มะ...มึง...มึงรู้”



“หึ มีแต่มึงที่ไม่รู้”



“กู...กูไม่รู้อะไ...อื้อออ” 



ริมฝีปากร้อนที่ไม่ยอมให้ผมได้พูดจบประโยค มันที่กดจูบลงมาอีกครั้ง พร้อมๆกับช่วงล่างของมันที่บดเบียดเข้ามาหาช่วงล่างของผม รู้สึกสะท้านไปทั้งตัว ได้แต่จิกเกร็งปลายเท้าในตอนนั้น ตัวตนของไอ้บินที่ถูไถผ่านกางเกงทำให้ผมขนลุก รับรู้ถึงขนาดและความแข็งขืนที่ดุนดันอยู่ในตอนนี้



“บ...บิน”  ร้องออกมาตอนที่อีกคนกระชากกางเกงของผมออกจากตัว ผวาเฮือกจนต้องเด้งตัวขึ้นนั่ง  รู้สึกเหมือนสติกำลังจะแตก  ไอ้บินรู้ ไอ้บินรู้ว่าผมชอบมัน  มันรู้ว่าผมคิดอะไรกับมัน  แล้ว...แล้วตอนนี้ ผมกับมัน



“มะ...ไม่เอาบิน ไม่”



“ทำไม!” 



มันที่ตะคอกเสียงดุแล้วกระชากกางเกงผมออกจากข้อเท้า  สายตาดุๆที่มองมาที่ผมอย่างหัวเสียทำเอาผมตัวสั่น รู้สึกร้อนไปทั้งขอบตา  ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ผมรู้สึกเกินมา กำลังจะถูกมันเกลียด  มันทำแบบนี้กับผมเพราะมันเกลียดผม



“มึง อึก...มึงเกลียดกูมากเลยหรอวะ ฮึก...แค่เพราะกูชอบมึง มึงเลยต้องโกรธต้องเกลียดกูมากขนาดนี้เลยหรอวะ” 

ผมที่ถามมันออกไปแบบนั้น  พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลั้นน้ำตาตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุด  ไอ้บินที่เห็นผมถามออกไปแบบนั้น เหมือนมันจะชะงักไปนิดหน่อยตอนที่เจ้าตัวเริ่มถอดกางเกงตัวเอง  ได้ยินเสียงมันถอนหายใจหนักๆแล้วผมยิ่งอยากร้องไห้



“เฮ้ออ มึงคิดไปไหนวะไอ้กุ๊ก”



“ฮึก มึงเกลียดกู แล้วจะมาทำแบบนี้ทำไมวะ ของขวัญปลอบใจกับคำอำลาสุดท้ายของคำเป็นเพื่อนหรอ ฮึก”



“สัด คิดไปใหญ่ คิดเองเก่ง”



“ก็แล้วมันจริงใช่ไหมล่ะ มึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับกู แล้วจะมาเอากู อึก อื้มมม” 



ตัวผมที่ถูกผลักจนหงายหลังลงไปนอนอีกครั้งด้วยแรงของคนตรงหน้า มันที่ขึ้นมาคล่อมทับผมเอาไว้อีกครั้งแล้วกดจูบลงมาหนักๆเหมือนจะทำโทษ



“อึก อื้มมม”



“กูเกลียดน้ำตาของมึงที่สุด”  ผละออกมามองหน้าผมที่นอนหอบเสียงกระเส่าอยู่ใต้ร่างของมันในตอนนี้  ผมได้แต่มองมันอย่างสับสนไปหมด



“มึงไม่ได้ชอบกู มึงชอบไอ้เมล” 



ผมเองก็พูดออกไปแบบนั้น มองเห็นไอ้บินที่ชะงักไป สายตาของมันที่เหมือนจะสาดแสงโมโหใส่หน้าผมหน่อยๆ ก่อนมันจะหายไปในนาทีต่อมา



“อย่าทำอะไรกูเลยนะ ถ้าไม่รักกัน ก็ปล่อยกูไปเถอะ กูจะไป...ไปจากมึงและกลับมาเป็นเพื่อนกับมึงเองนะ”  แค่ขอร้อง ขอร้องให้ผมได้มีเวลาทำใจบ้าง



“กูไม่ให้ไป!”



“แต่กู...”



“ลองมึงไปจากกูสิ ลองมึงไปกับไอ้ตุ๊ดนั่นอีกครั้งสิ กูปล้ำมึงแน่ไอ้กุ๊ก”



“พูดเหี้ยอะไรของมึงวะบิน ไอ้เหี้ย กูขอเวลาหน่อย มึงทำไมใจร้ายจังวะ”



“กูใจร้ายกว่านี้อีกกุ๊ก กูไม่ยอมให้มึงไปหลอก”



“อ๊ะ อื้ออบิน...อย...อย่า”   



ร้องห้ามออกมาตอนที่มันเริ่มขยับตัวเอาแกนกายขนาดใหญ่ที่ผมพึ่งเคยเห็นและสัมผัสเป็นครั้งแรกทาบทับลงมาที่แกนกายของผม ดันอกแกร่งของมันออกไป ไม่..เราจะเกินเส้นของเพื่อนไปมากกว่านี้ไม่ได้



“กู ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะมึง มึงต้องรับผิดชอบสิ” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มร้าย อยากจะดิ้นหนี แต่อีกฝ่ายก็ก้มหน้าลงมาดูดดึงที่หัวนมกันอีกครั้ง  สะท้านไปทั้งตัวได้แต่แอ่นหน้าอกขึ้นอย่างน่าไม่อาย ปลายจมูกโด่งของอีกฝ่ายเริ่มลากไล้ไปบนไหล่ และเอวของผม



“เดี๋ย..ว.. “ “ไม่เดี๋ยว”   



ไอ้บินที่ว่าออกมาแบบนั้น มันที่เอื้อมมือลงไปกอบกุมแก่นกายที่ชูชันของผมและของมันเอาไว้เต็มกำมือ ก่อนจะเริ่มถูส่วนปลายเล่นอย่างหยอกล้อ เสียงครางฮือในลำคอดังขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่ามือหนาของมันที่โอบรูดแกนกายของผมและมันตั้งแต่โคนจรดปลาย แม้จะกำไม่รอบแต่กูยังคงถูไถแกนกายของกันและกันเข้าด้วยกัน



“ซี๊ด…อ๊ะ” 



หน้าท้องหดเกร็งเพราะความเสียวจนต้องร้องครางออกมา ไอ้บินที่ผละหน้าลงไปกดจูบที่ซอกคออย่างแผ่วเบา เริ่มปวดหนึบกลางลำตัว รู้สึกดีมากทั้งๆที่ใจก็อยากจะห้าม



ร่างสูงที่เลื่อนมือไปประครองใบหน้าแล้วโน้มตัวลงจูบริมฝีปากบดคลึงเล่นเพียงน้อยนิดแล้วจูบแนบลงไปอีกครั้งทว่าร้อนแรงกว่าเดิม ทั้งๆที่มือก็ยังคงขยับเข้าออกเป็นจังหวะ



 “อื้ออ… …” ขยับฝ่ามือไปพร้อมๆกับที่สะโพกแกร่งและสะโพกของผมก็โยกตามจังหวะขยับมือ…



“มะ… มันเสี…เร็ว อ๊าส์…”   ร้องออกไปแบบนั้นพร้อมๆกับฝ่ามือหนาชักรูดเร็วแรงไม่หยุดมือ จนต้องครางเสียงกระเส่าอย่างลืมอาย



 “เสร็จพร้อมกันนะ”



“ม- ไม่… ไหว… อะ..อ๊ะ”



ความปวดหนึบเริ่มก่อตัวจนแกนกายแข็งขืนสู้กัน บีบรัดจนอยากแตกเสียตอนนี้ ฝ่ามือหนาที่รูดถี่ยิบพร้อมกับสบตามองมาที่ผม



“อืม… ซี๊ดด”  ไอ้บินที่ใช้นิ้วขยี้ส่วนปลายทั้งสองเข้าหากันอีกครั้ง รั้งมือแรงๆ อีกสองสามทีก่อนที่แกนกายทั้งสองอันจะกระตุกพร้อมกันสองสามครั้ง ฉีดพ่นน้ำออกมาตามแรง



“บิน.. อ๊ะ… อ๊า!!”



“ซี๊ดดด ...กุ๊ก”   



แฉะเปื้อนเต็มมือที่กอบกุมแท่งเอ็นสองแท่งไว้ แถมเลอะเปรอะไปยังขาของผม เสียงหอบหายใจดังแข่งกันท่ามกลางความเงียบ  ใบหน้าคมของมันที่จ้องมองมาที่ผมอย่างมีความหมาย แต่ผมกลับไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร



“บ...บิน เพื่อนกัน...มันไม่ทำแบบนี้”



“ก็แล้วใครว่าเพื่อนกันล่ะครับ”



“มึง...”



“รอดูกูนะกุ๊ก...แค่รอดูกู”




.

.

​.



รอดูงั้นหรอวะ มึงให้กูรอดูอะไร.



‘ครืดๆ’



แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารทำให้ผมต้องสะดุ้งออกจากภวังค์  เรื่องราวเลยเถิดจนมาถึงตอนนี้  ... ยกมือถือขึ้นดูแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว  ลืมไปเลย



“ฮัลโหล”



[หนูกุ๊กๆกิ๊กๆ ยังไม่ตายยังมีชีวิตอยู่ดีใช่ไหมคะ?]  เสียงสองที่ดังออกมาจากปลายสายทำให้ต้องกรอกตามองบนกับประโยคแรกที่ทักทายกัน



“ยังไม่ตาย ปากเจ๊มึงนะ”



[ปากสวยๆหรอ ชิมไหม หวานๆค่ะ อิอิ]  อีกฝ่ายที่ตอบกลับมาออกมาตามสไตล์ ผมยิ้มอ่อนตอนได้ยินแบบนั้น เอาตัวพิงกับที่ล้างมือในห้องน้ำออกมาอย่างเหนื่อยๆ เงียบเสียงไปยังไม่ได้ตอบอีกฝ่ายออกไปในตอนนั้น



[หนูคะ เป็นอะไร?]   



“หื้ม...ทำไมคิดงั้น”



[เป็นอะไรคะ? พี่ไปหาไหม?]



“ไม่ทำงานหรอวะพี่”



[เดี๋ยวไปหา มีเรียนไหม] 



ปลายสายที่ว่าออกมาแบบนั้น คนที่ไม่ยอมตอบคำถามของผม แต่น้ำเสียงกลับเปลี่ยนไปไร้ซึ่งเสียงสองแบบปกติ   ผมที่ชั่งใจนิดหน่อยในตอนนั้น แต่พอสมองที่นึกไปถึงเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ก็ต้องเม้มปากเข้าหากันจนแน่น ผมไม่อยากกลับไปในตอนนี้  ไม่อยากรู้ว่าไอ้บินสนใจไอ้เมลมากเท่าไหร่ มันไม่ใช่ความผิดของเมล แต่ผมก็โกรธ ผมอิจฉาที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ บินก็ไม่เคยมองเห็นผมเลย



"ผม...ผมรอนะ”



“ครึ่งชั่วโมงนะคะ”  อีกฝ่ายที่ตอบออกมาในทันที  ผมหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะตอบรับออกไปด้วยเสียงเบาๆแค่คำว่า “ครับ” แค่คำเดียวแล้ววางสายไป



.

.

.


(มีต่อจ้าาา)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่28* {30.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 30-03-2019 20:58:05


(ต่อจ้า)



(บิน)



“สัด ไอ้เมลแม่งตายหรอวะ ไลน์หาโทรเท่าไหร่ก็ไม่รับ แล้วนี่ไอ้กุ๊กแม่งหายไปไหนวะ”  ผมที่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ หันไปถามไอ้อู๋ที่มันเองก็พึ่งเงยหน้าขึ้นมาจากมือถือมันเหมือนกัน  เห็นก่อนหน้านั้นมันเข้าไลน์ไปเต๊าะเด็ก



“มึงพึ่งรู้ตัวหรอวะว่าไอ้กุ๊กไม่อยู่”  มันหันหน้ามาถาม หน้าตาของมันที่มองผมแบบไม่พอใจเท่าไหร่



“ทำไม”



“ถามคำถามเหมือนแดกหญ้านะไอ้สัด”



“เอ้า มึงมาเหวี่ยงกูทำไมวะ”



“กูถามจริง ตอนนี้มึงกับไอ้กุ๊กเป็นอะไรกัน”   



มันที่ถามออกมาแบบนั้นทำให้ผมชะงักไปนิดหน่อย มองหน้ามันที่มองตาผมนิ่งๆ  เพราะเราเป็นเพื่อนกันมานานเลยยากที่จะโกหกคนแบบมันได้ ทำได้แค่เสหน้าหนีไปแล้วเงียบ ... จะพูดว่าเพื่อนก็ไม่เต็มปาก จะพูดว่าแฟนก็ยังไม่ใช่



“กูเห็นรอยที่อกไอ้กุ๊ก”



“สัดอู๋”  ตอนที่มันพูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกไม่พอใจจนต้องจ้องหน้ามันเขม็ง เป็นห่าอะไรต้องมาดูหน้าอกมันวะแม่ง!



“มึงจะมาโมโหกูทำเหี้ยอะไร กูจะมองอกมันยังไงก็ได้ เพื่อนแบบมึงไม่มีสิทธิ์โมโหด้วยซ้ำกูจะบอกให้ ต่อให้ใครจะขึ้นคล่อมดูดหัวนมมันมึงก็ไม่มีสิทธิ์ทำเหี้ยอะไรทั้งนั้น เพราะมึงกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อน”



“แม่ง มึงกวนตีนยั่วโมโหกูหรอไอ้สัดอู๋”



“หึ กูไม่กล้ากวนตีนมึงหรอกเพื่อน คนที่กวนตีนมึงได้คือไอ้กุ๊กนู่น”



“ทำไมมึงหมายความว่าอะไร”



“ไม่ได้หมายความว่าอะไร แค่จะบอกว่ามันไม่กลับมาเรียนแล้วนะ”



“มึงรู้ได้ไง ทำไม”  รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกตอนที่เห็นไอ้อู๋ยกยิ้มทำหน้ากวนตีนไม่ยอมบอกกันสักที  ไอ้สัดเอ๊ย หงุดหงิดว่ะแม่ง



“ไม่ทำไม ไอ้กุ๊กมันก็แค่ออกไปกับเจ๊ดานี่แล้ว”



“มึงว่าไงนะ!” 



ถามมันออกไปแบบนั้น พร้อมๆกับที่เด้งตัวลุกขึ้นยืนจ้องหน้าไอ้อู๋เขม็ง ความรู้สึกร้อนๆในอกคันยุบยับๆแบบอธิบายไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้คือรู้สึกอยากทำลายข้าวของและอยากถีบไอ้อู๋ที่ยังทำหน้ากวนตีนใส่กันอยู่ในตอนนี้ด้วย



“บุลิน ส่งเสียงดังอะไรไม่ทราบ นี่เธอกำลังอยู่ในห้องเรียนนะ!” 



เสียงจากอาจารย์ประจำวิชาที่ตะโกนออกมาในตอนนั้น หันไปมองก็เห็นจารย์มองลอดแว่นตรงมา ในมือมีปากกาที่เตรียมพร้อมจะเขียนหักคะแนน แม่งเอ๊ย!



“โทษครับอาจารย์ ผมขอตัวไปห้องน้ำ” 



บอกอาจารย์ออกไปแบบนั้นแล้วเดินออกไปจากห้องแม่งเลย  ได้ยินเสียงอาจารย์ดังไล่หลังมาว่า ‘ไอ้เด็กกลุ่มนี้มันเสียงดังอะไรกันนักกันหนา’  ไม่สนใจเสียงดังของอาจารย์  ผมแค่จ้ำพรวดๆออกมาจากห้องแล้ววิ่งลงไปจากตึกเรียน ตั้งใจว่าจะต้องไปตามไอ้กุ๊กออกมาจากไอ้ตุ๊ดปลอมร่างควายนั่นให้ได้ แม่งเอ๊ย หงุดหงิดชิพหาย ไหนพูดกันแล้วไงวะ อย่าให้เจอนะไอ้กุ๊ก กูจะไม่ปล่อยมึงเลยแม่ง



หันซ้ายหันขวา เดินตามไปจนถึงลานจอดรถแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของมัน  สัดเอ๊ย  ... หงุดหงิดจนต้องหันไปถีบถังขยะแถวๆนั้นระบายอารมณ์



‘ตื่อดึ้ง’



เสียงข้อความไลน์ที่ดังขึ้นมาในตอนนั้น ทำให้ต้องหยิบมือถือขึ้นมา แล้วพอเห็นข้อความที่เข้ามายิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปอีก



อู๋:[[มึงไม่ต้องตามหาไอ้กุ๊กให้เหนื่อยหรอกเพิ่ล มันขึ้นรถไปกับพี่ดาบนั่นตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่กูพึ่งบอกมึงน่ะ อิอิ]]



“ไอ้สัด!”  หงุดหงิดจนต้องสบถออกมา ถ้าอยู่ใกล้ๆกูจะถีบหน้ามึง



อู๋:[[มึงน่ะขึ้นมาเก็บกระเป๋าเลย ไอ้กุ๊กก็บอกให้กูเก็บให้แล้วคนนึง กูหนัก ไวๆจ้า เมี้ยวๆ]]



บิน:[[K!]]



แม่ง  ไอ้กุ๊กนะไอ้กุ๊ก เดี๋ยวมึงเจอ!



...



“ยู้ฮู้ววววว ลมเย็นๆเรามานั่งชักว่าวววว”



“เพลงเหี้ยอะไรของมึงวะ” 



อยากขอบคุณไอ้รุกฆาตที่อ้าปากออกมาขัดพี่ชายมันเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยของวัน แต่ก็ถูกของมัน เพลงเหี้ยอะไรของมันวะ  ...



ผมที่ยืนงงๆอยู่บนชายหาด ลมเย็นๆพัดตีหน้า มองไปที่ด้านหน้าเป็นทะเลที่สีไม่ถึงกับเขียวครึ้มเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้ก็มีความใสบ้าง ทะเลชลบุรีไม่ได้น่ากลัวสกปรกเหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ



“มึงโทรหาไอ้ฝายัง”



“นู่นไง พวกมันมากันนู่นแล้ว” 



นักรบที่ว่าออกมาแบบนั้น พรางบุ้ยปากไปทางด้านหลังของผม พอหันกลับไปก็มองเห็นผู้ชายร่างโปร่งสองคนที่กำลังเดินมา คนนึงที่ผิวขาวจัด ใบหน้าได้รูปที่มีแพขนตาสวยและทำผมสีน้ำตาลแดง ส่วนอีกคนที่มีใบหน้าได้รูปดวงตากลมโตที่กำลังเดินมาพร้อมรอยยิ้มน่ารักและกำลังหัวเราะสดใสให้กับคนข้างๆ



“ขำเหี้ยไรนักไอ้เลิฟ หน้าตาทุเรศ”



“ปากมึงหรอ หยาบคายไอ้เหี้ย” 



เป็นการทักทายที่ค่อนข้างจะน่ารัก เจ้าของรอยยิ้มสดใสที่เถียงออกมาแบบไม่ยอม กูก็พึ่งเคยเห็นคนที่จะกล้าเถียงคนหน้าตายๆแบบไอ้รุกนี่ล่ะ



“หืม สัดพี่มึง นั่นใครหรอ?”  เจ้าของผมสีน้ำตาลแดงเอียงคอมองผมน้อยๆก่อนจะถามออกมา



“อ๋ออ นี่ซ้อโอโม่น่ะไอ้จืด”



“ซ้อโอโม่พ่อง!”  อดไม่ได้ที่จะโพร่งออกไปด่าพวกมันแบบนั้น  มองเห็นน้องผมสีน้ำตาลแดงกับอีกคนที่ถูกรุกฆาตเรียกว่าเลิฟทำหน้าเหวอหน่อยๆตอนที่เห็นผมด่าออกไปแบบนั้น  ก่อนที่ทั้งสองคนจะโพร่งขำออกมาเสียงดัง



“ฮ่าๆๆ ชอบๆ พี่นี่เด็ดมาก ขอบคุณที่ช่วยด่าไอ้สัดพี่ให้นะครับ”



“มึงนี่ยังไงวะไอ้ฝา ผัวโดนด่ามึงชอบใจ เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย”



“โดนมากกว่านี้กูก็ตายแล้วไอ้สัดกล้วย”



“เรียกกูกล้วยอีกแล้ว หึ ท่าทางอยากโดนกลัวยนะเมีย”



“ไปไกลๆกู อย่ามากอด แล้วเนี่ย มึงจะเหลืองเหี้ยอะไรนักอ่ะสัดพี่มึง กูคิดว่ากูคบกับพระ Kเอ๊ย”



“ปากมึงนี่นะไอ้ฝา นรกกินหัวมึงแน่” 



นักรบที่ว่าแฟนมันออกไปแบบนั้น ก่อนจะกระชากตัวฝาเข้ามาในอ้อมแขนแล้วลงมือขยี้ผมคนตรงหน้าตัวเองแบบเอาเป็นเอาตาย แต่มองเห็นจากมุมนี้ก็ยังมองเห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่ไม่มีท่าทางเล่นๆแบบปกติที่ชอบเห็นจากนักรบ สายตาที่มันมองฝาแตกต่างออกไปจนผมอดจะแปลกใจไม่ได้



“ว่าแต่พี่ชื่อโอโมหรอครับ”  คนที่ยืนอยู่ข้างๆตัวผม คิดว่าน่าจะเป็นแฟนไอ้รุก ... พวกห่านี่หาแฟนน่ารักแบบนี้ขัดกับสันดานมาได้ไงกูงง



“อ่อเปล่าหรอก พี่ชื่อคาราเมล เรียกเมลเฉยๆก็ได้”



“คร๊าบบบ ผมเลิฟนะพี่เมลเฉยๆ”



“เอ๊ะ เลิฟ...นี่มึงกวนตีนหรอ”



“ฮ่าๆ หยอกครับพี่ เลิฟอยากเห็นพี่ยิ้มเยอะๆนะ ยิ้มออกมาแล้วน่ารักดีนะครับ” 



คนตรงหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มจนตาปิดส่งมาให้ผม รอยยิ้มน่ารักที่ทำให้ผมต้องสะกิดใจ คำพูดจากอีกฝ่ายอดไม่ได้ที่ทำให้ผมสงสัยว่าตอนนี้หน้าตาผมมันแย่มากจนคนอื่นๆมองออกเลยหรอวะ



“เค้าน่ะยิ้มน่ารัก แต่มึงน่ะยิ้มหน้าเหี้ย” 



รุกฆาตที่พูดออกมาแบบนั้น ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะยกขึ้นผลักหัวเลิฟจนหน้าหงายไปข้างหลัง  เลิฟที่มองค้อนใส่ทันทีในตอนนั้น หน้าตาน่ารักๆของมันมองแรงใส่แฟนตัวเองที่ทำแค่ยกยิ้มมุมปาก



“Kรุก เกลียดมึงแล่ว”



“หรอ แต่กูรักมึงนะ”



“ฮิ้วววว เขิลๆโน๊ะ หน้าด้านเนอะฝาเนอะ บอกรักกันเฉ๊ย”



“โว้ยย ไม่อยากอยู่กับพวกพี่แล้วแม่ง ชอบแกล้งว่ะ”  เป็นเลิฟที่โดนทั้งแฟนและพี่ชายของแฟนล้อออกมาแบบนั้น เจ้าตัวที่หน้าแดงแล้วสะบัดหน้าเดินหนีเข้าไปในรีสอร์ทที่จองไว้ทันที



“หึ ทำเป็นเขิน น่ารักตาย” 



ได้ยินเสียงของรุกฆาตที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินตามแฟนของตัวเองไปติดๆ  ผมมองภาพรอบๆตัวที่ดูจะมีความสุขมากๆแล้วก็ดีใจ แต่มันก็อดไม่ได้ที่รู้สึกว่า กูมาทำเชี่ยอะไรที่นี่วะ ... ที่ๆผมไม่สนิทกับใคร ไม่คุ้นเคย และไม่สบายใจ



“เห้ยซ้อ ถือว่ากูเป็นเพื่อนเป็นน้องก็ได้ อย่าอึดอัดเลย ลืมเรื่องบางอย่างทิ้งไปซะ พักบ้างเหอะซ้อโอโม่” 



หันไปมองไอ้นักรบ มันที่จ้องมาทางผมอยู่ก่อนหน้าแล้ว สายตานิ่งๆที่ไม่มีแววล้อเล่นเหมือนทุกทีที่ชอบทำ มันที่แค่บอกออกมาแบบนั้น มองเห็นฝาแฟนของมันที่มองมาที่ผมแบบไม่เข้าใจนิดหน่อย ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทำหน้างงๆเข้ามาใกล้ๆผม เป็นคนที่ถ้าไม่มองนานๆก็จะค่อนข้างจางไปกับพื้นหลังแปลกๆ อาจเพราะฝามันไม่ค่อยพูดหรือเปล่า  แต่ตอนนี้มันกลับเดินเข้ามายืนใกล้ๆผม  ได้แต่มองมันแบบไม่เข้าใจ



“คนเรามันไม่ดีไปทุกวันหรอกพี่ คิดว่าผมเป็นน้องอีกคนนะ เรามาสนิทกันตอนนี้เลยเป็นไง เพื่อนกันพี่กันใจๆกันไป คูลๆอ่ะพี่”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมฉีกยิ้มกว้าง  พอมันยิ้มออกมากลับสดใสซะแบบนั้น สดใสจนต้องเผลอยิ้มตามมันออกมาเลย ว่าแต่คูลๆเชี่ยไรนะ



“เชรดดด พี่เมลยิ้มแล้วว่ะ กูเก่งไหมสัดพี่รบมึง เนี่ย พี่ฝาคนคูลอ่ะมึงเชื่อยัง คนคูลๆมันเป็นแบบกูนี่แหล่ะครับ” 



มันที่โพร่งออกมาแบบนั้นอีกครั้ง แล้วหันไปทำหน้าโชว์เหนือใส่แฟนมันที่มองมาแบบ ‘เออ แล้วแต่มึงเลยฝา’  หน้าตาไอ้รบมันบอกแบบนั้น  ผมที่เห็นแบบนั้นก็อดจะยิ้มตามออกมาไม่ได้



“ไปๆ พี่เมลเข้าไปข้างในกัน ในนั้นมีเพื่อนผมอยู่ด้วย ถือว่าไปเจอเพื่อนใหม่นะพี่ คนเราอ่ะก็เป็นมิตรกับคนทั่วโลกได้เหมือนลูกเสือสำรองไงพี่”  เอ่อ....อะไรนะ?



“พอๆ ซ้อ มึงไม่ต้องฟังมันมากหรอก เมียกูมันคูล บางทีก็เข้าใจยาก อย่าว่าแต่คนอื่นกูยังไม่ค่อยเข้าใจเลยเถอะ”



“อะไรซิ นี่มึงด่าพี่ฝาคนคูลแบบกูหรือเปล่าไอ้สัดพี่มึง”



“บ้าน่า คิดมากนะมึงอ่ะ”



“ถ้ามึงว่างั้นกูก็สบายใจ”  อะ เป็นคนสบายใจง่ายดี



เอาวะ...มาถึงขนาดนี้กูก็คงวิ่งหนีหารถตู้กลับไปกรุงเทพตอนนี้ไม่ทันแล้วล่ะ ถือซะว่ามาพักแล้วกันวะตัวกู



.

.

.

.



“กรี๊ดๆๆผู้ชายจ้า ผู้ชายนะคุณขา หน้าตานัลล๊อกอ่า มีแฟนยังคะ ชื่อซินเซียร์นะคะ”



“แต่มีผัวแล้ว อย่าไปใกล้มันครับพี่เมลเดี๋ยวนอทิ่มพี่นะ” 



ไอ้ฝาที่นั่งอยู่ข้างๆผมร้องบอกออกมาแบบนั้นขัดคำพูดของน้องเซียร์ เพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันกับน้องฝา  ตอนนี้เป็นเวลาประมาณห้าโมงจะหกโมง พวกเราออกออกมาเตรียมปิ้งกุ้งปิ้งปู บรรยากาศแบบมาเที่ยวทะเลกับกลุ่มเพื่อน มองเห็นเบียร์ไวน์ต่างๆอยู่ในลังน้ำแข็งแบบจัดเต็ม



“กรี๊ดดด อิฝา อยากตบค่ะมึง อย่ามาขัดคอกูแบบนี้ มึงควรให้มดลูกกูได้ระริกระรี้บ้าง กูยังไม่มีผัวค่ะ”



“งั้นกูจะโทรบอกน้องจอม ให้น้องจอมบอกน้องชิน”



“กรี๊ดดด อิฝาหอย กูอยากข่วนหน้ามึ๊ง”



“ชอบก็บอกน้องไปสิ มึงจะมาแรดกับคนทั่วโลกแบบนี้ไม่ได้”



“อิฝาหอยมันร้ายนะคะหัวหน้า พออยู่กับผัวนี่มันดื้อนัก”



“ยุ่ง”  ไอ้ฝ่าที่ทำปากยื่นแล้วเถียงน้องเซียร์ออกไปแบบนั้น  น้องเซียร์เป็นผู้หญิงสวย รูปร่างดี ดูคุณหนูสุดๆ ยกเว้นตอนน้องอ้าปากด่าแบบเมื่อกี้นี่แหล่ะครับ



“พี่เมลอย่าตื่นตกใจเซียร์นะคะ จริงๆเซียร์ค่อนข้างเป็นผู้หญิงเรียบร้อยค่ะ อิอิ”



“ครับ”



“เรียบร้อยเหมือนผ้ายับที่ถูกพับไว้น่ะครับพี่เมล”



“กรี๊ดดดด อิฝา คือมึงจะเอาใช่ไหมคะ”



“เอากับมึงหรอ ไม่เอาอ่ะ กูกลัว”



“มึงต้องโดนกูตีค่ะอินี่”



“เห้ยๆๆ อย่าเข้ามานะโว้ยยยย”   



ผมยิ้มอ่อนๆออกมาในตอนที่น้องเซียร์ถกกระโปรงเดรสลายดอกของตัวเองขึ้นแล้ววิ่งตรงมาหาน้องฝา ไอ้ฝาที่เถียงเพื่อนอยู่ก่อนหน้าก็ยิ้มกว้างแล้วถือกุ้งสดวิ่งหนีไปด้วย คือกูล่ะกลัวพวกมึงวิ่งแล้วหน้าทิ่มเตามากจริงๆ ผมละสายตาออกจากตรงนั้นกลับมามองภาพตรงหน้า ภาพของพระอาทิตย์สีส้มๆเหลืองๆที่เตรียมตัวจะลาลับขอบฟ้า ยกเบีนร์กระป๋องนึงที่ก่อนหน้านี้ไอ้รบเอามาให้กระดกเข้าปาก ก่อนจะหยิบมือถือออกมาดู  วันนี้ทั้งวันพึ่งจะยอมจับ มองเห็นสายไม่ได้รับเป็นร้อยๆสายที่มาจากไอ้ทัพหน้า และไลน์ที่แจ้งเตือนมาจากไอ้บินและเพื่อนๆของผมอีกเป็นร้อย ทักมาเหมือนมีใครตาย ผมถอนหายใจออกมาในตอนนั้น ก่อนจะเลือกกดเข้าไปในแชทเดี่ยวของไอ้กุ๊ก เห็นข้อความล่าสุดที่ส่งมาจากมัน



กุ๊ก:[[เมล มึงไม่มาเรียนหรอวะ]]



กุ๊ก:[[มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ กูเป็นห่วง]]



กุ๊ก:[[ไอ้บินไม่มีสมาธิเรียนแล้ว มันเป็นห่วงมึงมากนะ ตอบมันเถอะ]]



ข้อความที่มาจากมันทำผมต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ แต่ไอ้กุ๊กก็เป็นเพื่อนคนเดียวในตอนนี้ที่ผมอยากจะติดต่อด้วยมากที่สุด เพราะคิดแบบนั้นเลยกดพิมพ์ข้อความไปหามัน



เมล:[[กุ๊ก ... กูอยู่ชล กับกลุ่มเพื่อนของนักรบที่กูไม่รู้จัก กูเหนื่อยว่ะ แต่พวกน้องๆพวกนี้ก็ดีกับกูนะ]]



เลือกที่จะพิมพ์บอกมันออกไปแบบนั้นไม่ได้ลงรายละเอียดอะไร  แต่ก็อยากจะบอกมันว่าผมยังอยู่ดี ไม่ได้ตาย ถึงแม้หัวใจผมจะเจ็บจนอยากตายก็เถอะ ยกเบียร์ขึ้นกระดกอีกอึก ก้มลงมองข้อความที่ถูกเปิดอ่านในทันที



‘ตื่อดึ้ง’



กุ๊ก:[[ไอ้สัดเมล ไอ้เพือนเหี้ย กูเป็นห่วงแทบตาย อย่าให้เจอนะมึง กูจะโบ้หน้าให้!!]]



เกรี้ยวกราดแม้จะไม่ได้ยินน้ำเสียง  ผมยิ้มออกมาในตอนที่เห็นข้อความของมัน  ยังไม่ทันจะได้ตอบกลับไป มันก็พิมพ์ตอบกลับมาอีกในตอนนั้น



กุ๊ก:[[มึงอยู่ไหน แชร์โลมา!]]



กุ๊ก:[[แล้วถ้ามึงส่งหน้าปลาโลมามา กูจะถีบหน้ามึง]]



ก็ทำไมต้องดักมุขกูด้วยวะแม่ง



เมล:[[มึง กูไม่อยากให้ใครรู้ ไม่อยากให้ทัพหน้ารู้ด้วย]]



กุ๊ก:[[หมายความว่าไงวะ นี่พี่ทัพไม่รู้หรอ มีเรื่องอะไรวะไอ้เมล รีบบอกกูมา กูสัญญาจะไม่บอกใคร รวมถึงไอ้บินด้วย]]



มันที่ตอบออกมาแบบนั้น มันยังคงเป็นเพื่อนที่ทำให้ผมสบายใจได้เสมอ เหมือนมันพร้อมจะช่วยคนนั้นคนนี้ตลอด จนบางทีคนก็ไม่ค่อยจะเกรงใจมัน  ผมถอนหายใจหนักๆตอนที่กำลังคิดว่าจะส่งโลเคชั่นให้มันดีไหม



กุ๊ก:[[กูเป็นห่วงมึงนะ บอกกูเถอะมึงว่าอยู่ไหน ถ้ามึงไม่มีใคร แต่มึงยังมีกูนะ]]



มันที่บอกออกมาแบบนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาพร้อมๆน้ำตาที่ไหลลงมา สุดท้ายก็กดส่งข้อความออกไปบอกมันว่าตอนนี้ผมกำลังนั่งโง่ๆอยู่ตรงไหน



ผมอยากรู้ว่าจะมีใครเคยเป็นไหม เราได้รับความรักมากมาย จากครอบครัว จากเพื่อน ทุกคนพร่ำบอกว่าเค้ารักเรา ผมรู้อยู่เต็มหัวใจว่าผมไม่ได้ขาดอะไร แต่ความรักพวกนี้มันกลับไม่ทำให้ผมหายเจ็บในตอนนี้  ผมรู้ดีว่าทุกคนรักและเป็นห่วงผม แต่ตอนนี้ผมกลับต้องการความรักจากใครอีกคนที่เป็นไปไม่ได้...มองดูเหมือนการไขว่คว้าความรักจากคนที่ไม่เคยให้เราเป็นการไม่รักตัวเอง  แต่เปล่าเลย...เพราะผมกำลังรักตัวเองอยู่ต่างหาก ผมถึงยังอยากได้ความรักจากคนๆนั้นอยู่ เพื่อให้หัวใจของเราได้เต้นแบบสุขใจอีกครั้งต่างหาก



แต่แน่นอนว่า ... มันเป็นไปไม่ได้



...



“เฮงซวย! คนๆเดียวเป็นเหี้ยอะไรถึงตามหากันไม่ได้!”



เสียงเข้มที่ตะคอกออกมาลั่นห้องทำงาน  ทำเอาพวกลูกน้องใกล้ชิดถึงกับต้องหัวหด  ดวงตาคมที่มักจะเย็นชาและสุขุมอยู่เสมอในตอนนี้เหมือนมีกองเพลิงสุมอยู่ แฟ้มงานที่ถูกปากออกไปเกือบโดนหัวลูกน้องรายนึง ทำเอาเหล่าชายชุดดำลูกน้องใกล้ชิดของทัพหน้าถึงกับต้องก้มหน้ากันพร้อมๆกับตัวสั่น ใบหน้าเกรี้ยวกราดพร้อมสายตาคมที่มองเหมือนแทบจะฉีกร่างลูกน้องทุกๆคนไปรอบห้องช้าๆ



“มึง พวกมึง!อยากให้กูโมโหมากใช่ไหมห๊ะ!!”



“ม...ไม่ ไม่ครับนาน”



“สะเพร่า เลินเล่อ ไร้ประสิทธิภาพ” 



ขายาวที่ก้าวออกจากด้านหลังโต๊ะทำงานช้าๆ ก่อนจะพูดออกมาที่ละคำๆที่ทำให้ยิ่งกดดันลูกน้องจนเหงื่อแตก  ทัพหน้าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลูกน้องคนนึงที่ก่อนหน้านี้ถูกแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ให้มาทำหน้าที่แทนธร สายตาคมที่มองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าของลูกน้องช้าๆ  ก่อนที่ฝ่ามือแกร่งจะตรงเข้าบีบคออีกฝ่ายจนแน่น



“อึก อัก...น...นาย อึก”  ดวงตาคมเหยี่ยวที่ไม่ต่างจากมจุราชเดินดินถูกจ้องกลับเข้าไปในดวงตาลูกน้อง ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของผู้เป็นนาย มีแต่ดวงตาที่มองสบได้บอกความหมายของความเกรี้ยวโกรธทั้งหมดที่โหมไปทั่วร่างในตอนนี้



“มึง...มึงทำให้เมลมันหายไป!”



“น...นายครับ ใจเย็นครับๆ” 



ลูกน้องคนอื่นๆที่เห็นเพื่อนเริ่มจะหมดลมหายใจรีบเอ่ยเตือนสติ ทัพหน้าที่แสยะยิ้มร้ายๆออกมายังไม่ยอมปล่อย กลับกดหัวแม่มือลงไปที่หลอดลมแรงขึ้นกว่าเดิม  ในจังหวะที่ลมหายใจใกล้หมดลม ความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาช้าๆ ทัพหน้ายิ้มร้ายๆ ก่อนจะปล่อยมือออกแล้วถีบร่างตรงหน้าลงไปกองกับพื้น



“เฮือกกก แฮกๆ”



“มึง...มึงและพวกมึงทุกคนต้องไปตามหาไอ้เมลให้เจอ! ถ้าไม่เจอ กูจะไม่ปล่อยให้ใครมีลมหายใจต่อไปอีกเป็นครั้งที่สอง จำเอาไว้!”



“ครับนาย!!”  เสียงตอบรับอย่างแข็งขันจากลูกน้องดังตอบรับขึ้นมาพร้อมๆกันพร้อมการก้มหัวให้ผู้เป็นนาย ด้วยรู้ดีว่า...มันจะไม่มีครั้งที่สองจริงๆ



บรรดาลูกน้องที่เฮโลวิ่งกันออกไปจากห้องทำงานทันทีหลังจากได้รับคำสั่ง ทำให้ทัพหน้าต้องทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องทำงานอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน



เป็นครั้งแรกที่ตัวเค้ารู้สึกอับจนหนทาง ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน รู้สึกเหมือนหัวใจของผมถูกกระชากออกไปจากตัว ยิ่งตอนที่ได้ยินเสียงล้อบดกับถนน รู้ว่าไอ้เมลมันวิ่งหายไป ห่วงกลัวมันจะเป็นอะไร กลัวไปสารพัด แล้วตอนนี้อีก มันไปอยู่ไหน กับใคร ไม่เคยมีครั้งไหนที่อำนาจของผมจะทำให้หาตัวใครไม่เจอ มันไปไหน...



ได้แต่เอนหัวลงพิงกับพนักพิงหลับตาลงช้าๆ ต้องขบกรามแน่นๆพร้อมกับกำมือถือไว้แน่นๆ กลัวว่าเกิดไอ้เมลมันโทรกลับมาหาผมจะไม่ได้ยินเสียง กลัวว่าถ้าลูกน้องรู้เรื่องแล้วโทรมาแจ้งผมจะรับโทรศัพท์ไม่ทัน



‘พรึบ’



ลืมตาขึ้นมาในทันที ตอนที่รับรู้ถึงกลิ่นน้ำหอมและความเย็นที่สัมผัสอยู่ข้างแก้ม อาการตอบสนองรวดเร็วจนต้องคว้ามือนั้นไว้



“โอ๊ย ทัพคะ ฉันเองค่ะ” 



ณราชา ... เธอที่เบิกตากว้างมองผมอย่างตกใจตอนที่โดนมือผมกระชากข้อมือของเธอไว้ อาจจะแรงไปจนเธอต้องร้องเจ็บ  ค่อยๆคลายมือออกในตอนนั้น



“ทัพเป็นอะไรไปค่ะ ดูเครียดๆ”  เธอที่นั่งลงข้างๆผมพร้อมๆกับเอาผ้าเย็นเช็ดไปให้ตามลำคอ ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ ตอนที่ฝ่ามือสวยเลื่อนลงมาปลดกระดุมที่หน้าอกออกช้าๆ



“เปล่าครับ ชาไปนอนเถอะ”



“ทำไมทัพไม่ไปด้วยกันล่ะคะ” 



เธอถามออกมาอีกครั้งด้วยเสียงอ่อนหวาน  เธอก็เป็นแบบนี้เสมอเป็นผู้หญิงน่ารักที่ช่างเอาใจ ใบหน้าสวยที่ยิ้มอ่อนๆมาให้ผม ในตอนที่เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ผมชะงักไปในตอนนั้น ใบหน้าสวยที่เอียงเข้ามาหอมแก้มกันพร้อมๆกับฝ่ามือเรียวที่เลื่อนปลดกระดุมตรงหน้าผมออก เธอในชุดเสื้อนอนบางเบาที่ทิ้งตัวลงนั่งตัก ฝ่ามือของผมที่เอื้อมไปวางที่เอวคอด เลื่อนขึ้นไปหาหน้าอกหน้าใจของอีกฝ่ายอย่างคุ้นชิน ในตอนที่เอียงหน้าเข้าไปใกล้ หน้าของใครอีกคนที่หายไปก็ทาบทับเข้ามาแทน



‘ฮึก...กูคิดว่าสักวันมันจะเป็นไปได้ ... แต่เปล่า  เปล่าเลย ...วันนี้กูยอมแล้ว กูพอแล้ว ...เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว’



เสียงร้องของใครอีกคนที่ยังดังอยู่ในหูทำเอาผมต้องสะดุ้ง ผละใบหน้าที่กำลังจะเอียงเข้าไปกดจูบคนตรงหน้าถึงกับต้องผละออกในตอนนั้น



“หื้ม ทัพคะ...”



“ขอโทษทีนะชา พอดีผมต้องทำงานต่อ” 



บอกเธอออกไปแบบนั้น ตอนที่อุ้มเธอลงจากตักของตัวเอง ลุกขึ้นยืนพร้อมๆกับดึงคอเสื้อเพื่อติดกระดุมอีกครั้ง  ผมไม่ได้มองว่าณราชาทำหน้ายังไงต่อ เพียงแค่เดินหนีไปที่โต๊ะทำงาน พอหันกลับมาอีกที ก็เห็นแค่ใบหน้าสวยที่ยังคงยิ้มอ่อนๆออกมาให้ผม เธอลุกขึ้นในตอนนั้น



“งั้นชาไปนอนนะคะทัพ รีบตามมานอนนะ”



“ครับ ชานอนก่อนเลย”  บอกเธอไปแบบนั้น อีกคนก็แค่พยักหน้าซะห้องรับแขกโซฟาพังไปหมดแล้ว ชาไม่รู้เลยว่าทัพจะยอมให้เลี้ยงแมวด้วย เมื่อก่อนชาขอเลี้ยงทัพยังบอกไม่ชอบเลย”



“อ่อ..มันไม่ใช่แมวของผมหรอก แมวของเมลน่ะ” 



บอกกลับออกไปแบบนั้น เธอก็แค่ยิ้มและพยักหน้าอย่างเข้าใจส่งมาให้ก่อนจะเดินออกไป  ผมที่มองเธอเดินออกไปจนลับตาแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วถอนหายใจออกมาช้าๆอีกครั้งอย่างเหนื่อยๆ



ภาพและกลิ่นสัมผัสของใครอีกคนที่ไม่ควรคุ้นเคย ตอนนี้มันกลับคุ้นเคยจนผมทำใจไปทำอะไรกับใครอีกไม่ได้ ในหัวใจมันเรียกร้องแต่ชื่อคาราเมล  ร่างบางๆที่แอ่นอกตอบรับตอนที่ผมกดจูบลงไปที่หน้าอก ใบหน้าเรียวได้รูปกับแพขนตาชุ่มน้ำที่เชิดขึ้นตอนที่ผมสอดแทรกความเป็นตัวเองเข้าไปในร่าง  เสียงหอบกระเส่าและเสียงครางเรียกชื่อของผมมันไม่ไปไหน ผมยังจดจำมันได้ และตอนนี้...แค่วันเดียว ผมกลับร้อนลุ่มไปหมดทั้งใจ



“มึงหายไปไหนวะไอ้เมล”



‘ตื่อดึ้ง’



เสียงข้อความไลน์ที่เด้งเตือนขึ้นมา ทำให้ผมต้องรีบกดเปิดดูอย่างร้อนใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมา กลับทำให้หัวร้อนมากกว่า



“ไอ้สักรบรุก!!”



ได้แต่กำมือแน่นๆตอนที่มองเห็นภาพที่ถูกส่งมาจากไอ้นักรบและรุกฆาตน้องชายตัวเอง ภาพจากไอ้รบเป็นรูปที่มันกอดเอวไอ้เมลเต้น ส่วนอีกรูปจากไอ้รุก คือภาพที่มันกำลังเอียงหน้ากระซิบข้างหูไอ้เมล



‘เพล้ง!’



ขว้างมือถือตัวเองออกไปชนเข้ากับกำแพงกระจกจนหน้าจอแตกและตกกระแทกลงกับพื้น  ไอ้น้องทรพี กูไม่น่าช่วยพวกมึงตอนมึงทะเลาะกับเมียเลย สัดเอ้ย กวนตีนกูนัก



‘ตื่อดึ้ง’



“สัด! จอแตกยังจะยังไม่พังอีก”  โมโหจนต้องสบถออกมาและย่ำเท้าเข้าไปหามือที่สภาพอนาถที่นอนตายแต่ยังทำงานได้ เปิดข้อความที่เด้งมาอีกรอบแล้วยิ่งอยากซัดหน้าคน



นักรบ:[[เฮียยยย อย่าเขวี้ยงมือถือแตกน้า เดี๋ยวจะส่งรูปไปให้อีกน้า]]



รุกฆาต:[[หึ แต่คิดว่าไม่น่าทัน จอน่าจะแตกไปแล้ว]]



“สัด! พวกน้องเหี้ยยยยยยยย”



อย่าให้กูตามพวกมึงเจอสักคนนะ กูจะไม่เอาไว้สักตัว ...โดยเฉพาะมึงไอ้เมล ให้ไอ้พวกเหี้ยนี่แอบแต๊ะอั๋งอยู่ได้



มึงคือของกูคนเดียว!



จำเอาไว้!!



...



ในตอนนี้ รวมพลคนคิดถึงน้องๆ น้องเลิฟน้องฝาน้องเซียร์ รวมถึงผองเพื่อนนน และความสัมพันธ์ของบินกุ๊กที่ชวนสงสัย มาเฉลยเรื่องในคอนนั้น และพี่ทัพ อิย๊ะฮ่าๆๆ เธอต้องดิ้นตายจ้าาาา

ส่วนเรื่องนิยายมาลงช้า แคทต้องขอโทษนะคะจริงๆนะคะ เพราะแคทไม่เก่งมากเลยทำให้เขียนได้ช้า คนอ่านหลายๆคนที่อยากให้มาลงหลายๆวัน แคทเองก็อยากค่ะ แต่แคทเขียนไม่ไวเลยทำให้มาลงได้ช้า แต่แคทก็พยายามจะมาลงยาวๆแทน แคทหวังว่าคนอ่านจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ (กราบ) งื้อออ :mew1: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่28* {30.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-03-2019 23:05:42
 o18 ชอบ ชอบ ชอบ ให้ไอ้เฮียมันดิ้นบ้าง
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่28* {30.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 30-03-2019 23:36:50
รุกฆาตกับนักรบทำดีมากจ้าาาาาาาาาา :hao3:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่28* {30.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 31-03-2019 21:58:04
ทุกอย่างเป็นไอเดียนังเหลืองค่ะ พี่ทัพจัดการมันเลยยย พี่รุกไม่ผิดค่ะ

แต่ก่อนอื่นพี่ทัพต้องจัดการตัวเองก่อนนะคะ

จริงๆไม่ต้องจัดการก็ได้ค่ะ แค่อย่ามาให้น้องเมลเห็นหน้าอีกก็พอ บัยยยยย

#เรื่องนี้ไม่มีพระเอก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่28* {30.03.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 05-04-2019 15:12:10
สนุกมากครับ,,,
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่29* {06.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 06-04-2019 20:33:52


บทที่29




“ฮิ้ววว ชนค่าชนนน ชลบุรี ระยอง ระนองกันเนอะ!”



“มุขหรือเปลือกหอยวะ โคตรกาก”



“อิฝา มึงคือฝาหรือสก็อตไบร์ทขัดกูจั๊ง นี่ถ้าไม่มีติดว่ามึงมีผัวกูจะวิ่งเอานมไปหนีบหน้ามึงนะบอกก่อน!” 



ผมสะดุ้งตอนที่ได้ฟัง น้องเซียร์คนสวยที่ค่อนข้างจะ...เอ่อ...เป็นผู้หญิงยุคใหม่อ่ะเนอะ คำพูดคำจาเลยรว้ายๆ



“แต่ว่าเสียดายจังอิธารไม่ได้มาด้วยอ่ะ น้องจอมไม่น่าไม่สบายเลย ไม่งั้นครบแก๊งเราเลยนะคะเนี่ย”



“คนติดเมียไง”



“เหมือนที่มึงติดผัวชิมิคะอิน้องฝาหอย ฮิ้ววว”   



เสียงโห่แซวดังออกมาจากปากน้องเซียร์ เพื่อนกลุ่มเดียวกับฝาที่ตอนนี้พวกเรากำลังนั่งล้อมวงร้องเพลงเล่นกีต้าร์กันอยู่ริมชายหาด  บรรยากาศเหมือนอยู่ในหนังหรือเอ็มวีที่พอคนอกหักเพื่อนๆก็จะนัดพามาที่ทะเล โคตรตลก ... ทำไมอกหักต้องมาทะเลวะ อยู่ที่ไหนมันก็ไม่ช่วยทำให้ดีขึ้นทั้งนั้นแหล่ะ  ผมคิดว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้ช่วยทำให้เราสบายใจมากขึ้นหรอก เพราะสิ่งที่ทำให้เราเสียใจไม่ใช่สถานที่ แต่มันเป็นเพราะคนต่างหาก



มองไปรอบๆตัวเห็นกลุ่มเพื่อนๆของฝาและเลิฟที่ดูสนิทกันดีทั้งๆที่อายุไม่เท่ากันก็น่ารักดี เด็กพวกนี้ตอนแรกนึกว่าจะหยิ่งๆ แต่ที่จริงมันบ้าๆบอๆและพร้อมจะเป็นมิตรกับคนทั่วโลกแบบที่มันว่าจริงๆ ขนาดผมที่ไม่รู้จัก พวกมันยังเข้ามาพูดคุยได้เหมือนรู้จักกันมานานเฉยเลย ... แต่ถึงแบบนั้น ผมก็อดจะเกร็งไม่ได้อยู่ดี



“อะ ซ้อ แดกกุ้ง” 



นักรบที่เดินมาจากเตาย่างพร้อมถือจานมาด้วยสองใบ ใบนึงถูกยื่นไปให้ไอ้ฝา และอีกจานยื่นมาให้ผม  รับมาจากมันแบบเกรงใจ



“ขอบใจ เดี๋ยวกูช่วยจ่ายนะ”



“เสือกจังวะซ้อ กูรวยมากมึงรู้ไหม”



“ไอ้สัด”



ไม่รู้จะด่าอะไรในเมื่อไอ้รบแค่ทำหน้าตายแล้วยักคิ้วใส่แค่นั้น มันนั่งลงข้างๆผม แล้วหันไปแกะกุ้งให้แฟนตัวเอง  ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกดีปนอิจฉาในความรักของไอ้รบกับฝา มันน่ารักดีครับกับการที่คนบ้าๆแบบมันแต่กลับอบอุ่นกับแฟนคนเดียว แต่มันก็อดอิจฉาไม่ได้จริงๆที่คนแบบผม ไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกแบบนั้น ... ละสายตาออกจากภาพตรงหน้านั่นแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดดู ยังคงเห็นสายเรียกเข้าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆมาจากทัพหน้า แต่ผมไม่รู้นะ เพราะปิดเสียงปิดสั่น ปัดเลขจำนวนสายเรียกเข้าออกไปจากหน้าจอให้พ้นตาแล้วกดเข้าไอจีเพื่อฆ่าเวลา แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเหมือนกำลังฆ่าตัวเอง



ไอจีของทัพหน้า ที่มีภาพใหม่ขึ้นมา ... ไอจีที่มันบอกให้ผมสมัครให้มันในตอนนั้น



ภาพบนโต๊ะอาหารสุดหรูที่ไม่แน่ใจว่าตั้งใจถ่ายภาพอาหารหรือตั้งใจจะถ่ายภาพของฝ่ามือหนาและฝ่ามือเรียวที่ที่นั่งอยู่คนละฝั่งของโต๊ะแต่เอื้อมมาจับกุมกันไว้ที่บนโต๊ะกันแน่ ... แคปชั่นข้อความที่เขียนไว้ว่า



‘ในที่สุด สุดที่รัก❤’



... ได้แต่แค่นยิ้มออกมาบางๆ ... นี่หรือเปล่าคำตอบที่ผมอยากรู้ ว่าถ้าผมไม่อยู่เค้าจะเป็นยังไง



หึ ไม่มีเราเขาก็มีความสุขดี



“พี่รบทำไมเรียกพี่เมลว่าซ้ออ่ะคะ นี่เซียร์คิดแล้วนะ...แบบๆ...แบบคนหล่อๆของกูจะเป็นพี่สะไภ้พี่หรอคะ”  คำพูดของน้องเซียร์ทำผมสะดุ้งออกจากความคิดในตอนนี้



“หึ”  เป็นไอ้รุกที่หัวเราะหึออกมาคำเดียว มันที่หันมามองหน้าผมก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ... สัด



“ไม่มีอะไรหรอกครับ ไอ้พวกนี้มันกวนส้นตีน”



“อ่อค่ะ ก็ว่าอยู่ เพราะเหมือนเซียร์เคยได้ยินมาว่าพี่ทัพหน้านี่มีภรรยาแล้วใช่ไหมอ่ะ กรี๊ดดดดด กูอิจฉาชะนีตนนั้นมาก ชาติที่แล้วกูชาติมาหรอย๊ะ”



น้องเซียร์ที่ว่าออกมาแบบนั้นทำผมชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะเสหน้าหนี ... ใครๆก็รู้ว่าทัพหน้ามีเมียแล้ว แล้วผมน่ะเป็นใคร คิดยังไงจะเข้าไปแทนเมียเค้า ทั้งๆที่ผมเข้าไปอยู่ในฐานะฆาตกรในสายตาของเค้าว่ะ น่าตลกชิพหาย เหอะ คิดไปได้ยังไงกันวะไอ้เมล ไอ้โง่เอ๊ย



“พี่เมล พี่ร้องไห้ทำไมอ่ะ”



“เฮ้ย ไม่เอาโอ๋ๆดิพี่ คนคูลเค้าไม่ร้องไห้กันนะ แต่จริงๆกูก็เคยร้องนี่หว่า งั้นอ่ะ ทิชชู่ครับ” 



ไอ้เลิฟกับไอ้ฝาที่มองตรงมาที่ผมแบบเลิกลั่ก พร้อมๆกับที่ไอ้ฝายื่นทิชชู่มาให้แบบหน้าตาตื่น ... ผม ผมร้องไห้หรอวะ?  ... ยกมือขึ้นจับๆที่หน้าของตัวเองงงๆ มีน้ำเกาะอยู่เต็มใบหน้า ... ร้องไห้ ผมร้องไห้อีกแล้วหรอวะ



‘ปรี้นๆ’



ในจังหวะที่เป็นช่วงเดดแอร์ที่ทุกคนจ้องมาที่ผมแบบไม่รู้จะทำยังไง คิดว่าแบบไอ้เลิฟกับไอ้ฝาก็อาจจะไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร น้องเซียร์ดูจะตกใจนิดหน่อยที่เห็นผมเป็นแบบนี้ คงมีแต่ไอ้รบกับไอ้รุกที่น่าจะรู้ดีกว่าใคร ... เสียงแตรรถยนต์ที่มาพร้อมๆกับไฟหน้ารถที่สาดมาทางพวกเรา ก็ทำให้ทุกคนต้องละสายตาออกจากผมแล้วหันไปมองรถหรูที่อยู่ๆก็มาจอดใกล้ๆบริเวณที่พักของเรา



“ยู้ฮูค่ะหนุ่มๆ เฮลโหลลลทำไรกันคะพวกมึ๊ง” 



เสียงร่าเริงที่มาพร้อมๆกับริมฝีปากสีแดงสดและวงแขนแข็งแกร่งที่โบกมือมาให้พวกเราตอนที่เดินลงมาจากรถ ประตูข้างๆคนขับที่เปิดลงมา มีร่างของเพื่อนสนิทของผมยืนอยู่ตรงนั้น



“ไอ้กุ๊ก” ผมที่พึมพำชื่อของมันออกมาเบาๆ มันเองที่มองไปรอบๆแบบงงๆ ก่อนสายตาจะมาหยุดอยู่ที่ผมตอนที่มันมองหาเจอพอดี  ไม่พูดพรำทำเพลงอะไร มันก้าวพรวดๆเข้ามาหาด้วยท่าทางถมึงทึง แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของผม



“ไอ้สัด! คนเค้าเป็นห่วงไอ้ชิพหาย!”



‘หมับ’



คำด่าที่กระแทกหน้าผมแรงๆแบบนั้นมาพร้อมวงแขนของมันที่กอดผมเข้าไปทั้งตัว ไอ้กุ๊กที่กอดผมแน่นๆ ผมที่ยืนงงแข็งเป็นท่อนไม้ในตอนแรก ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นไปกอดตอบเพื่อน



“มึงรู้ไหมกูเป็นห่วงมึงแค่ไหน สัดเอ๊ย”  มันที่ยังคงกอดผมไปและด่าผมไปแบบนั้น ผมเงียบไม่ตอบอะไรมันออกไป ทำแค่กอดมันตอบและเอาหน้าซบลงตรงบ่าของมัน ...ผมเหนื่อย



“มึงบอกกูได้ไหม เกิดอะไรขึ้นวะเมล”  เราที่ผละออกจากกัน มันที่จ้องหน้าผมด้วยสีหน้าเครียดๆ ผมแค่ยิ้มให้มันอ่อนๆ ก่อนจะหันไปยกมือไหว้พี่ดานี่ที่ยืนมองนิ่งๆอยู่ข้างๆไอ้รุก



“หิวไหม แดกกันมายัง”  ผมที่ถามออกไปแบบนั้นแล้วไอ้กุ๊กก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ



“ต๊าย น้องคาราเมลหวานๆนี่รู้ใจ ไม่เหมือนไอ้ญาติทรพีพวกนี้ไม่คิดจะชวน หลบค่ะ กูหิวมาก ไหนมีอะไรแดกบ้างวะ”  พี่ดานี่ที่ว่าแบบนั้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่ชวนอึดอัดในตอนนี้ว่าออกมาแบบนั้น แล้วทุกๆคนเหมือนจะเริ่มรู้ตัวว่าควรทำอะไร ก็พากันขยับวงให้ผู้มาใหม่ได้เข้ามานั่งดีๆ  ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆดังมาจากน้องเซียร์



‘พี่กล้ามแน่นคนนี้เป็นใครอ่ะมึง เป็นตุ๊ดได้ไงอ่ะอิเหี้ย เสียดายยย’



อย่าว่าแต่น้องเซียร์เสียดาย ใครๆก็เสียดายครับ...ยกเว้นแต่ว่า มันจะเป็นแค่ตุ๊ดปลอมที่กำลังพยายามจีบเพื่อนผมอยู่ละนะ



“แดกดิ ไอ้รบเลี้ยง” 



ผมหันไปบอกไอ้กุ๊ก มันที่รับกระป๋องเบียร์มาจากไอ้รุกแล้วเปิดกิน แต่หน้าตาก็ยังชวนเครียดอยู่แบบนั้น ผมแค่ยิ้มอ่อนๆให้มันแล้วก็ยกเบียร์อีกกระป๋องมาเปิดแล้วยกขึ้นดื่มบ้าง ...



เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เบียร์กระป๋องที่เริ่มหมดก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเหล้า ที่แต่ละคนชงเก่งกันหมดไปกลมนึงแล้ว ไอ้รุกเอาBlue Labelมาเปิด เหล้าราคานี้ก็กินเพียวๆไปหลายแก้ว จนตอนนี้เริ่มรู้สึกที่จะมึนไปหมดแล้ว



“ไอ้เมล”  เป็นไอ้กุ๊กที่เลือกจะพูดกับผม รอบๆตัวน้องๆบางคนไม่ไหวก็เข้าไปนอนบ้างแล้ว ตรงนี้เลยเหลือแค่ผมไอ้กุ๊ก ไอ้รบและเจ๊ดานี่



“หื้ม?”



“มึงมีเรื่องอะไรบอกกูได้นะเว่ย”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ผมมองไปรอบๆตัว มองเห็นไอ้รบที่มองมาแบบสงสัยแต่มันก็เลือกที่จะไม่ถาม



“กูอ่ะ...ทำอะไรก็ผิดไปหมดเลยว่ะ”



“ทำไมมึงถึงว่าแบบนั้นวะ  วันนี้มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่ วันก่อนกูยังเห็นมึงดีๆ รอพี่ทัพจะมารับอยู่เลย”



“อ๋ออออ ฮ่าๆ วันนั้น”



“ทำไมวะ มีอะไร”



“ไม่มีว่ะ...ไม่มีอะไรเลย มันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลยต่างหาก ... มึงรู้ไหมไอ้กุ๊ก วันนั้นอ่ะกูรอมันอยู่ที่ม.คนเดียวจนสองทุ่มมันก็ยังไม่มารับกูว่ะ กูแม่งโคตรกลัวเลยตอนนั้น ไม่ได้กลัวมหาลัยนะ กูอ่ะ...กูกลัวว่ามันจะเป็นอะไรหรือเปล่าถึงติดต่อไม่ได้ กูกลัวว่ามันจะเป็นอันตราย กูนั่งรถกลับไปหามันที่บ้าน แทนที่กูจะนั่งรถกลับบ้านกู ไม่มีลูกน้องมันมาจับตัวกูไว้สักหน่อย แต่กูก็ไม่หนี ก็ยังกลับไปหามันที่บ้านเพราะกลัวมันจะเป็นอะไร ... กูเห็นคนวิ่งวุ่นเต็มบ้านไปหมด ตอนนั้นใจกูแม่งโคตรบีบเลย กูคิดว่ามันบาดเจ็บ มันป่วยหรอวะ .... แต่มึงรู้ไหม  มันไม่ได้ป่วยว่ะ มันไม่ได้เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ ที่มันปล่อยกูไว้ และลืมกูไปเลยมันก็แค่มีธุระ ธุระที่มันต้องไปรับเมียมันกลับมาจากโรงพยาบาลว่ะ อึก... กูอ่ะ คนที่เดินเข้าไปในห้องที่กูเคยนอน กูยืนอยู่ตรงนั้นต่อหน้ามันที่กำลังกอดเมียมันอยู่บนเตียง ฮึก...กูที่แม่งโคตรเป็นคนนอก ฮึก ไปเสนอหน้าอะไรตรงนั้นวะ ตรงที่ๆไม่ใช่ที่ของกู ...ฮึก มันไม่ใช่ที่ของกู แต่เมื่อไม่กี่วันกูยังนอนอยู่ตรงนั้น นอนอยู่ใต้ตัวมันด้วยซ้ำ ฮึก ฮื่อออ....”



น้ำตาที่ผมพยายามจะกลั้นไว้ตั้งแต่เจอหน้าเพื่อนมันไหลทะลักออกมาแบบสุดจะทน  ไม่มีแล้วคนที่ร้องไห้เงียบๆ ... ลานกว้างติดทะเลที่มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ในตอนนี้กลับมีเสียงร้องไห้อย่างปวดใจดังคลอไปด้วย



“ไอ้...เมล”  มือของมันที่เอื้อมมาบีบไหล่ มืออีกข้างก็จับมือของผมเอาไว้แน่น



“ฮึก ฮื่ออออ อึก...ฮึก ฮื่อออ”



“เมล ... ร้องออกมาเถอะมึง มึงทนมามากพอแล้วนะ” 



เสียงกระซิบเบาๆของมันที่มาพร้อมๆกับมือที่กอดผมแน่นๆ ผมได้แต่กอดมันเอาหน้าซุกลงไปที่ไหลของมันแล้วร้องออกมาแบบเขื่อนแตก ความรู้สึกที่เรียกได้ว่าพัง มันพังไปหมดทุกอย่าง



“ฮึก กู...อึก กูคิดว่าเรื่องของเรามันจะดี ฮึก แต่เปล่า ไม่...มันไม่ใช่เลยว่ะ กูไม่เคยเป็นใครในสายตามันเลย สิ่งเดียวที่มันทำกับกู ก็แค่การแก้แค้น ฮึก แก้แค้นให้เมียมันก็แค่นั้นเอง ฮึก ฮื่อออ”



“เมล”



“ทำไมว่ะทำไมต้องเป็นกูที่เจ็บ ทั้งๆที่กูก็แค่รักมัน กูแค่รักมันเอง ฮึก..กูผิดอะไรนักหนาวะ ฮึก ทำไมกูต้องเจ็บขนาดนี้ ฮึก ในขณะที่มันไปมีความสุขกับเมียมัน แต่กู...แค่จะหายใจต่อไปด้วยตัวเองกูยังทำลำบากเลย ฮึก เพราะอะไรว่ะ "



“เพราะอะไรมึงเองก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วไม่ใช่หรอวะ



“ฮึก...เพราะกูรักมัน”



“อื้ม”



“แต่มันไม่ได้รักกู...ฮึก นี่สินะ คำตอบของความเจ็บที่กูกำลังเผชิญ”



ผมที่หลับตาลงอีกครั้งแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา เสียงสะอื้นของผมที่ดังปนแข่งกับเสียงคลื่น  มองเห็นหน้าไอ้กุ๊กที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไปกับผม ไอ้นักรบที่มองมาด้วยสีหน้าเครียดๆ มันที่สบถด่าออกมาครั้งนึง ไม่เข้าใจเหมือนกัน ผมแค่เข้าใจว่าตัวเองกำลังเจ็บ ทุกครั้งที่หายใจเข้าออก มันเหมือนมีมีกรีดผ่านลมหายใจของผม กรีดยาวไปจนถึงลำไส้ เจ็บเหมือนอยากจะตาย แค่หลับตาลงเห็นภาพที่เขานั่งจับมือกัน ผมก็ไม่อยากจะทนหายใจที่มีแต่ความปวดร้าวต่อไปอีกแล้ว



...





“ณราชา นี่คุณทำบ้าอะไร!” 



เสียงเข้มที่ตวาดขึ้นดังลั่นห้องโถงกลางของบ้านในเช้าวันใหม่  ร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อเชิตสีขาวหลุดลุ่ย ใต้ตาที่คล้ำลงมากกว่าปกติ เนื่องจากเจ้าตัวเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างดูแลตัวเองเป็นอย่างเดียว แต่นี่แค่ผ่านไปแค่วันเดียว สภาพของเขากลับดูแทบไม่ได้



ภรรยาสาวที่ขมวดคิ้วพร้อมๆกับเงยหน้าสวยขึ้นมาจากชามข้าวต้มกุ้ง



“อะไรของคุณคะทัพ ทำไมต้องเอะอะเสียงดังด้วย”  เธอที่ถามออกมาแบบนั้น ก่อนจะมองหน้าผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของตัวเองแบบไม่เข้าใจ



“แล้วคุณทำบ้าอะไรลงไปล่ะ” 



ถามออกไปแบบนั้น ในมือแข็งแกร่งยังคงถือมือถือเครื่องหรูเครื่องใหม่ที่พึ่งได้มา พอเปิดเครื่องจัดการกับแอพพลิเคชั่นต่างๆก็ต้องหงุดหงิดเมื่ออยู่ๆมือถือเจ้ากรรมก็ดันมีแจ้งเตือนเป็นร้อยเข้ามาให้รำคาญใจ แต่พอเปิดเข้าไปในแจ้งเตือนยิ่งต้องหงุดหงิดมากเป็นเท่าตัว



“ฉันทำอะไรคะทัพ”  ณราชาที่ยังคงถามออกมาอย่างใจเย็น รอยยิ้มสวยๆยังคงมีประดับที่ใบหน้าสวยเหมือนเช่นทุกที



“แล้วนี่คืออะไร ถ้าไม่ใช่คุณมันจะเป็นใคร”  ว่าออกไปแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่ยังคงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ



“อะไรกันคะ แค่ลงรูปเอง แต่ชาก็แปลกใจนะ ทัพเนี่ยนะมีไอจี แถมยังฟลอแค่น้องเมลซะด้วย”



“แล้วมันใช่เรื่องของคุณไหมที่ต้องมาอัพภาพบ้าบอแบบนี้อ่ะห๊ะ เป็นบ้าอะไรของคุณ!”



‘พรึบ’



“ทัพหน้าคะ” 



เธอที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเป็นบ้าอะไร ทำไมคุณถึงต้องมาขึ้นเสียงแบบนี้ใส่ชาด้วย ชาทำอะไรผิดคะคุณถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงทำแบบนี้กับชา”



“ผมทำอะไร มีแต่คุณที่กำลังล้ำเส้นของผมณราชา”



“เส้นของคุณงั้นหรอ เส้นอะไรของคุณ เราเคยมีเส้นกันหรอ ชาถามจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นคุณถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ แล้วอย่ามาพูดว่าตัวเองไม่เปลี่ยนไป สามสี่เดือนที่ชานอนหลับเป็นผักไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ ชาไม่รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ ... แต่ชาขอถามว่าชาผิดอะไร ตอนนี้คุณถึงทำตัวห่างเหินกับชาแบบนี้ คุณเปลี่ยนไปค่ะทัพหน้า เราคบกันมากี่ปีทำไมชาจะไม่รู้ หรือเพราะว่าชาทำให้ลูกของเราตายหรอ คุณคิดว่าชาดูแลลูกไม่ดีหรอ ฮึก...คุณคิดว่าชาไม่เสียใจหรอ นั่นลูกของชานะ คุณคิดว่าชาอยากเสียเขาไปหรอ คุณคิดว่าชาไม่เสียใจหรอคะ ฮึก เพราะเรื่องลูกหรอ ทัพถึงเปลี่ยนไปแบบนี้”



“ผ...ผม”



“ฮึก ชาขอถามว่าชาทำอะไรผิด ชาหรือทัพที่กำลังทำให้ครอบครัวของเราพัง”



คำพูดของณราชาที่อัดกระแทกหน้าของผมอย่างจัง 



มันเป็นเรื่องจริง  เธอทำผิดอะไร....เธอไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ



มีแค่ผม...ผมเองที่เป็นคนทำ ผมเองที่เป็นคนเปลี่ยน  ไม่กล้าแม้กระทั่งที่จะมองหน้าผู้หญิงตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของลูกผม เธอที่เป็นผู้หญิงที่แสนดีมาเสมอ ... เราที่หมั้นและกำลังมีลูก กำลังจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด แต่ทุกอย่างพังลงในวันที่ณราชาประสบอุบัติเหตุ ผมเสียลูก และผมก็แทบจะเสียเธอ ...



ผมก้าวไปดึงคาราเมลเข้ามา ทรมารมัน มันที่เป็นคนที่รักผมหมดใจ โยนทุกความผิดบาปให้มันรับเอาไว้ ทั้งๆที่ทุกเรื่องมันไม่ได้ทำ และในวันนี้ ... ผมเองก็กำลังจะโยนทุกเรื่องให้ณราชา เธอที่ไม่ได้ผิดอะไรสักอย่าง ไม่ได้รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เธอที่กำลังมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจและผิดหวัง



ก่อนหน้านี้ผมโกรธ โกรธที่ณาชามาวุ่นวายกับมือถือของผม  ผมกลัวว่าเมลมันจะเห็นภาพนั้น กลัวไปหมด กลัวว่าจะหามันไม่เจอ  ...  แต่คำพูดของณราชาก็เหมือนหมัดฮุกที่กระแทกเข้าปลายคางของผมจังๆจนมึนงงไปหมด



เธอถามว่าเธอทำอะไรผิด .... ใช่เธอไม่ได้ทำ



เธอถามว่าทำไมผมเปลี่ยนไป ทั้งๆที่เธอเองก็เสียใจกับเรื่องลูกของเรา 



เพราะเรื่องนี้ผมเลยเปลี่ยนไปหรอ ... แน่นอนว่าไม่ใช่



และทั้งหมดทั้งมวลนั่น ไม่มีตรงไหนที่เป็นความผิดของเธอแม้แต่ข้อเดียว



“ชา”



“ฮึก ชาไม่รู้หรอกว่าตลอดเวลาที่ชาหลับไปมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง อึก...ชาไม่สนใจนะคะ ชาที่ผ่านความตายมาครั้งนึง และชาได้เสียลูกของเราไปแล้ว ฮึก...ทัพจะไม่ทำให้ชาเสียครอบครัวของเราไปอีกใช่ไหม”



แววตาที่มองมาที่ผมยังคงเป็นสายตาสวยๆไม่ต่างจากวันก่อนๆ  สิ่งที่เปลี่ยนไปมีแค่ตอนนี้น้ำตาของเธอไหลมาเปื้อนไปทั้งหน้า และนั่น...มันเกิดจากฝีมือของผมเอง



หัวหน้าครอบครัวที่ไม่ได้เรื่อง...ผมเอง



“ขอโทษครับ” 



บอกเธอไปแบบนั้น ก่อนที่ใบหน้าสวยจะตรงเข้ามาซุกที่อกของผม เธอที่สะอื้นหนักๆ อาจจะทั้งตกใจและเสียใจ ผมที่ไม่เคยทำพฤติกรรมแบบนั้นใส่เธอแม้แต่ครั้งเดียว ... กลับกัน กับคนบางคนผมก็เลือกที่จะตะคอกใส่แบบไม่สนใจว่ามันจะรู้สึกอะไรหรือเปล่า  ไม่ว่ามันจะเสียใจหรือร้องไห้ก็แทบจะไม่แยแส...และตอนนี้มันคนนั้นก็คงจะร้องไห้อยู่ที่ไหนสักที ที่ๆผมเอื้อมไปคว้ามือมันไว้ไม่ถึง



.

.

.




‘เพล้ง’



เสียงแก้ววิสกี้เนื้อดีที่ถูกเขวี้ยงออกไปจากฝ่ามือหนาก่อนมันจะกระแทกเข้ากับผนังแตกร้าวลงพื้นแบบไร้ค่า



“เรื่องง่ายๆแค่นี้เป็นเหี้ยอะไรถึงยังหาไม่เจอวะ!” 



เป็นอีกครั้งที่เจ้าของร่างสูงตะคอกใส่ลูกน้องแบบไม่มีเหตุผล เหล่าลูกน้องที่ได้แต่ก้มหน้ากลัวจนหัวหด เพราะรู้ดีว่าคนแบบเจ้านายของเขาถ้าคิดจะฆ่าก็ฆ่าได้แน่ๆ



"ไป! ออกไปให้หมด ไอ้พวกไร้ประโยชน์!!” 



เสียงตะคอกเข้มๆที่ดังขึ้นมาแบบไม่ไว้หน้าใคร ทำเอาพวกลูกน้องแตกกระเจิงวิ่งออกจากห้องไปแบบไม่มีใครเข้าหน้าติด  ... ดวงตาคมที่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานหรู ได้แต่นึกถึงร่างบางๆที่ปกติจะอยู่แทบไม่ห่าง แต่ตอนนี้ ผ่านไปสี่วันแล้วกลับตามหาไม่เห็นเงา



“ไอ้พวกน้องส้นตีน” พูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง แล้วล้มตัวนอนลงบนโซฟาสีแดงเพลิงอย่างเหนื่อยๆ



‘แกร๊ก’



“ไอ้สัดทัพ มึงมาสิงอยู่ที่นี่เอง กูไปหาที่บ้านก็ไม่เจอ” 



เสียงของผู้มาใหม่ไม่ได้ทำให้ทัพหน้าลุกขึ้นไปต้อนรับชับสู้แบบที่ควรจะเป็น  ร่างสูงทำแค่เพียงนอนแผ่อยู่บนโซฟานิ่งๆ สายตาคมที่ดูจะอ่อนล้าปลายตามองผู้มาใหม่นิดๆ ก่อนจะแค่นยิ้มน้อยๆส่งไปให้



“ทำไมมึงมานอนคอนโดวะ”



“เสือก”



“เอ้าไอ้สัดนี่” 



ปืนที่ว่าออกไปแบบนั้นพร้อมยกเท้าเขี่ยร่างของเพื่อนสนิทที่กำลังนอนตายอย่างเอน็ดอนาถอย่างสมเพช 



ทัพหน้า...คนที่เนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ตอนนี้สภาพแม่งอย่างกุ๊ย



“ทำไมสภาพมึงเป็นแบบนี้ อย่าบอกกูว่าไปตามหาไอ้เมล”



“มึงได้ข่าวมันบ้างไหมวะ” 



ไม่สนใจคำถามของเพื่อน แต่เลือกที่จะถามถึงคนที่เค้าเฝ้าตามหามาสามวันแล้ว ... เมื่อวานนี้ลูกน้องรายงานว่าได้เบาะแสของไอ้เมลอยู่ที่ชลบุรี ที่บ้านพักตากอากาศของครอบครัวเขาเอง ยิ่งคิดยิ่งฉุน ทัพหน้าที่เลิกงานเสร็จแล้วบึ่งรถจากที่ทำงานไปที่นั่นทันที แต่พอไปถึงกลับไม่เจอใคร เจอแค่ กล้วยสีเหลืองที่วางทับกระดาษโน๊ตเขียนเอาไว้ว่า



’คนโลเลไม่มีสิทธิ์เจอซ้อ ว้าย แพ้’



ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลายมือใคร ...ไอ้สัดนักรบ น้องชายตัวดีของเขาเอง  อย่าให้เจอนะแม่ง กูจะเอาตีนแนบหน้าให้ ตอนนั้นกูไม่น่าช่วยเรื่องของมึงกับเมียมึงเลย  แล้วดูแม่งตอบแทนกู ไอ้สัด



“มึงจะตามหาไอ้เมลมันอีกทำไมวะ” ไอ้ปืนที่ถามออกมาแบบนั้น  มันที่หันมามองหน้าผมเครียดๆแล้วถอนหายใจหนักๆ



“มันไม่มีสิทธิ์หายไปจากกู กูไม่อนุญาต”



“มึงเป็นใครถึงจะไปมีสิทธิ์อนุญาตไม่อนุญาตมันวะ”



“กูเป็นผัวมันไง!”  ตะคอกมันออกไปแบบนั้นแล้วมองหน้ามันด้วยสายตาขุ่นๆ  มองเห็นไอ้ปืนที่ถอนหายใจออกมานิดหน่อยแล้วมันก็เปิดปากพูดต่อ



“อืม เต็มปากเต็มคำดีแท้...แต่นอกจากมึงจะเป็นผัวมัน มึงยังเป็นผัวณราชาด้วย มึงจำได้ไหม”



“กู...”



“เฮ้อ ไอ้สัดทัพ มึงต้องเลือกเอาสักทางว่ะ มึงจะมาจับปลาสองมือไม่ได้ไหมวะ ร่มคันเดียว มันกางเพื่อคนสามคนในวันที่ฝนตกไม่ได้หรอกนะเว่ย...มันต้องมีสักคนที่เปียก



“กู...กู...ไม่รู้เว้ยแม่ง! กูรู้แค่ว่ากูปล่อยไอ้เมลไปไม่ได้”



“มึงรักมันเข้าแล้วล่ะสิ ... ไอ้เด็กที่มึงบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาคนนั้นน่ะ มึงรักมันเข้าแล้วล่ะสิ”



“กูอาจจะไม่ได้พึ่งรักมันก็ได้” 



บอกมันออกไปแบบนั้น แล้วเสหน้าหนีออกไปมองนอกหน้าต่างบานเดิม  มองเห็นรถที่ยังคงคราคร่ำเต็มท้องถนนอย่างวุ่นวาย  ... วุ่นวายไม่ต่างจากความรู้สึกในใจของเขาตอนนี้



“มึงปล่อยไอ้เมลไปไม่ได้ แล้วมึงปล่อยณราชาได้ไหมล่ะ”



“...ชา ... ณราชาไม่ได้ทำอะไรผิด มึงจะให้กูทิ้งเค้าหรอวะ”



“สัด มึงแดกตีนไหม ดูงงวุ่นวายกับชีวิตเหลือเกินไอ้สัด”



“กูก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ไหมวะ แต่มึงจะให้กูทำไงล่ะ สิ่งที่กูต้องทำตอนนี้ก็คือกูต้องหามันให้เจอ”



“เจอมันแล้วมึงจะทำยังไง จะดึงมันไว้กับมึง ทั้งๆที่มึงยังมีใครอีกคนอยู่ข้างๆหรอวะ”



“แม่ง...” 



ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ได้แต่เอามือยกขึ้นมากุมขมับอย่างคิดไม่ตก .... ผมอยากจะปล่อยมันไปแบบที่มันบอก

แต่แค่คิดว่าอยากจะปล่อย หัวใจก็ดันเจ็บ แค่คิดว่าอยากจะเก็บ ใจก็เจ็บไม่ต่างกัน ...

มันไม่เลยหรอวะสักทาง ทางออกให้กับคนเลวๆแบบผม



“ไอ้ทัพ”



“ไม่ต้องมาเรียกกู มึงจะไปไหนก็ไปเถอะว่ะ ปล่อยกูนอนอยู่นี่แหล่ะ”  บอกมันไปแบบนั้นแล้วทิ้งตัวลงนอนหงายเอามือก่ายหน้าผากเหมือนเดิม



“มึงนี่โคตรไม่เหมือนไอ้ทัพหน้าที่กูรู้จักเลยว่ะ สภาพโคตรลูซเซ่อร์”



“มึงจะให้สภาพกูเหมือนวินเนอร์ได้ยังไงไอ้สัด เมียกูหาย”



“เมียมึงไม่ได้หาย เมียมึงอยู่บ้าน”



“K ไอ้เมลเมียกูอ่ะหาย กวนตีนจังวะ เดี๋ยวกูเอาตีนแนบหน้ามึงนะ”



“ฮ่าๆ ตลกชิพหาย สภาพโคตรขี้เมา อีกอย่างเมียมึงไม่ได้หาย เมียมึงหนีมึง หรือถ้าจะพูดง่ายๆก็คือไอ้เมลอ่ะไม่เอามึงแล้ว ใครเค้าจะเอาคนที่มีเมียนั่งเชิดอยู่ที่บ้านวะ มึงเห็นเค้าเป็นเมียน้อยหรอไอ้สัด”



“กูไม่เคยเห็นมันเป็นเมียน้อย กูเห็นมันเป็นเมียกู!”



“งั้นมึงก็ไปเลิกกับณราชาดิ”



“ไอ้สัดนี่พูดไม่เข้าใจ ชาไม่ได้ทำไรผิด มึงจะให้กูเดินไปบอกว่าเลิกกันเถอะได้ไงวะ”



“แล้วถ้าณราชาทำผิดมึงจะเลิกไหมล่ะ”



“ไหนล่ะสักข้อ กูขอสักข้อที่เค้าทำผิด!”



“งั้นมึงเอานี่ไป แล้วไปจัดการต่อเอง”



‘พลัก’



ซองเอกสารปึกใหมญ่ที่ถูกโยนลงบนตัวของผม ขมวดคิ้วแน่นตอนที่ดึงกระดาษต่างๆออกมาจากซอง รู้สึกเหมือนสันหลังเย็นเฉียบขึ้นมาในตอนนั้น



“นี่มัน...”



“อย่าช้า ก่อนที่หมาจะคาบเมียมึงไปแดก”



“หมายความว่าไง”



“อะ...ภาพจากไอ้ดาบ” 



รับโทรศัพท์มือถือของไอ้ปืนมาดู เป็นภาพของไอ้เมลกับผู้ชายร่างสูงคนนึงที่ผมไม่รู้จัก เห็นมันยืนซ้อนหลังไอ้เมลอยู่ในครัว และไม่รู้ด้วยว่ามันครัวบ้านใคร ไอ้สัดเอ๊ย นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันวะ



“ไอ้เหี้ย!”



“จุ๊ๆ จัดการเรื่องที่ควรจัดการซะ อย่าช้าล่ะ”



‘พลึบ’



เด้งตัวขึ้นมาจากโซฟาแล้วก้มมองเอกสารในมืออีกรอบ กำมันแน่นๆจนมือสั่น



“กูจะไม่เอาไว้สักคน”



“แบบนี้สิครับ ค่อยฉลาดสมเป็นเพื่อนกูหน่อย”



“กูโง่มานานแล้วนี่”



“เฉียบ”



มองไอ้ปืนที่ยกนิ้วโป้งชูมาให้แบบถูกใจ  ได้แต่ขยำเอกสารและภาพถ่ายในมือจนมันยับ  ก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมากดโทรออก รอไม่นานปลายสายก็กดรับ



[[ฮัลโหลค่ะทัพ ทัพหายไปไหนคะ ทิ้งชาอยู่บ้านคนเดียวหลายวันแล้วนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกคะ]]  ผมยกยิ้มเหี้ยมๆออกมาตอนที่ได้ยิน



“เหงาหรอครับ งั้นหรอผมนะ ผมกำลังจะกลับไปหาคุณ”



--------------------------



จ๊ะ....อะไรจะเกิดขึ้นอีกอ่ะ ... ไม่รู้เหมือนกันนนน แต่เหลืออีกประ6บทจะจบนะรู้ยังงงง คิกค้ากกกก

ตอนที่ผ่านมาเหมือนไม่อาจจะไม่ค่อยสนุกใช่เปล่า ก็...หวังว่าจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ :ling3:


หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่29* {06.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 06-04-2019 21:36:48
อมก เจ๊ชาทำอะไรรรรร

ขอวาร์ปไปเสาร์หน้าทีค่ะ

เมลไปมีชีวิตที่ดีแล้วน่อออ ยินดีด้วย ลืมพี่ทัพไปเลยยย

ส่วนนังเหลือง เตรียมรับทีนเลยน้าาา ทั้งหมดเป็นความผิดนังเหลืองค่ะเฮียทัพ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่29* {06.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-04-2019 22:20:01
พี่รบกวนตีนเสมอต้นเสมอปลาย o13
ระวังพี่ทัพมันเอาคืนน้า :katai5:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่29* {06.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 07-04-2019 13:22:45
เกิดไรขึ้นนะ.  อยากรู้,,,,
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่29* {06.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 07-04-2019 14:30:34
เกลียด "คิกค้ากกกก" ของคนเขียนได้ไหม โอ้ยยยย บิ้วมาทั้งตอน คนเขียนจะมาคิกค้ากกกกแบบนี้ไม่ได้ 55555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 40% {08.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 08-04-2019 19:32:46

บทที่30



“มึงจะไปทั้งแบบนี้เลย?”



“ไปแบบนี้ให้โง่รึไง ไอ้ปืน ... มึงรู้ใช่ไหมว่ามันอยู่ไหน” 



สายตาคมที่ละสายตาออกมาจากท้องถนนตอนกลางคืน กลับมามองหน้าเพื่อนสนิทนิ่งๆ  ในดวงตาคมที่มักจะนิ่งสนิทอยู่เสมอตอนนี้กลับแฝงไว้ด้วยความเจ็บ สับสน และเสียใจ แต่ทัพหน้าก็ยังคงพยายามสงบนิ่งไม่ต่างจากที่เคย ...



คนแบบทัพหน้า จะไม่ยอมให้ใครมันมาลูบคม



“อ๊ะ ขอซีนให้เพื่อนพระเอกแบบกูด้วยครับ ... และแน่นอนกูรู้ เอาไง มึงให้กูไปลากตัวมันมากระทืบอีกเลยไหม”



 “มึงดูอินนะ ...”



“แน่นอนสิ ไม่อินได้ไง เพื่อนกูดูเป็นควายมากอ่ะ กูรับไม่ได้”



“หึ กูคงดูโง่มากเลยสินะ ไม่รู้เรื่องเหี้ยอะไรสักอย่าง”  ผมที่แค่นยิ้มออกมา พร้อมๆกับหันไปมองหน้าไอ้ปืนที่แค่ส่ายหัวตอบมาหน่อยๆ ก่อนมันจะอ้าปากพูดต่อ



“อย่าพูดแบบนั้นเลยมึง คนเรามันก็มักจะฉลาดในเรื่องของคนอื่นและโง่ในเรื่องของตัวเองเสมอแหล่ะว่ะ เพราะมันเป็นเรื่องของคนอื่น เราเลยมองเห็นอะไรได้ชัดกว่า ลองเป็นเรื่องของตัวเองสิ ใครมันก็โง่กันได้ทั้งนั้นแหล่ะมึง เพราะมันใกล้ตา จนไม่ทันได้สังเกต”



“หึ ขอบใจ ... ว่าแต่มึงแน่ใจนะว่าข้อมูลนี้มันจริง”



“สัดทัพ กูเป็นเพื่อนมึง แถมเป็นญาติมึงด้วยนะ กูไม่โกหกมึงหรอก และที่สำคัญ กูไม่ใช่ไอ้ธร” 



ผมมองหน้าไอ้ปืนที่ตอบออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะก้มหน้าลงดูเอกสารในมืออีกครั้งด้วยสายตานิ่งๆ ประสบการณ์มันสอนให้ผมกลัว เพราะเรื่องของไอ้เมลกับข้อมูลที่ผิดพลาด มันทำให้ผมกลัวว่าครั้งนี้ก็จะพลาดเหมือนกัน แถมที่สำคัญ ภาพถ่ายในมือของผมตอนนี้ ผมเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือเรื่องจริง



 “...จริงๆตอนแรกกูก็ไม่คิดว่านี่มันเรื่องจริง แต่เพราะมึงเองบอกให้กูตามสืบ”



“กูบอกให้มึงตามสืบ แต่กูไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้...”



“อย่าว่าแต่มึงไม่คิด กูว่าก็ไม่มีใครคิดทั้งนั้นแหล่ะ แม้แต่ป๊ามึงก็คงคิดไม่ถึง” 



ผมหลับตาลงช้าๆอีกครั้งทั้งๆที่คิ้วยังขมวดแบบคนคิดไม่ตก ได้แต่กัดฟันจนแน่นและถอนหายใจออกมาหนักๆ ... เป็นความรู้สึกที่ทั้งสับสน ทั้งเจ็บใจ ... ได้แต่พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ พยายามกลับมาเป็นทัพหน้าที่ไร้ซึ่งช่องโหว่เหมือนทุกที  แต่ครั้งนี้มันกลับเป็นเหมือนเดิมได้ยากเหลือเกิน



“กูอยากไปหาเมล”



“นิ่งหน่อยเว่ยเพื่อน นี่มึงหลุดแล้วนะ”  ไอ้ปืนที่ท้วงออกมาแบบนั้น มันที่มองหน้าผมเหมือนทั้งอยากจะขำและอยากจะเดินเข้ามาตบ



“กูไม่เจอหน้ามันมาสี่วันแล้ว มึงเข้าใจไหมไอ้สัด สี่วัน กูอยากไปหามัน กูอยากไปอธิบายตอนนี้”



“แต่มึงยังเคลียร์ทุกอย่างไม่เรียบร้อยไอ้สัด ไปเคลียร์เรื่องพวกนี้ให้เสร็จไม่ดีกว่าหรอวะ ไอ้เมลไม่หนีไปไหนหรอก”   



“แต่ตอนนี้มันกำลังหนีกู! และนั่น! รูปที่ไอ้สัดดาบส่งมา มันอยู่กับใครวะไอ้เหี้ย ใครมันกอดเมียกู แล้วนี่ยังไง ไอ้สัดดาบเป็นหนึ่งในขบวนการหอบเมียกูหนีด้วยใช่ไหม กูหมายหัวแม่งอีกคนละ”



“ใจเย็นพ่อหนุ่ม มึงอย่าทำไรน้องกูเลย มันเป็นแค่ผู้หญิงสวย”



“ผู้หญิงสวยก็เหี้ย ตัวยังกับควายป่า แล้วเมื่อไหร่แม่งจะเลิกเป็นกระเทย”



“จริงๆกูก็เฝ้าถามคำถามนี้กับตัวเองมาหลายปีแล้วเหมือนกันไอ้สัดเอ๊ย”



“พักเรื่องน้องตุ๊ดมึงไป สัด...หงุดหงิด”



“ครั้งนี้มึงหลุดจริงๆแล้วนะเพื่อน มึงไม่เคยดิ้นแบบนี้เลยนะ”



“มึงคิดว่ากูจะนิ่งเรื่องของไอ้เมลได้รึไง”



“กูก็เห็นมึงนิ่งมาได้ตั้งหลายปีนี่ หึ...ใช่ไหม”



“เสือก!”



ด่าไอ้ปืนออกไปแบบนั้น พร้อมๆกับที่ยกเท้าขึ้นถีบขามัน แต่อีกฝ่ายทำได้แค่หัวเราะขบขันแบบตลกกับการกระทำของผม ยิ่งเห็นแบบนั้นยิ่งน่าหงุดหงิด ... ผมอยากไปตามหาไอ้เมล อยากเจอหน้ามันและกอดมันไว้ อยากขอโทษกับอะไรหลายๆอย่าง แต่สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงแค่ปล่อยมันไปแบบที่มันขอ แค่นึกถึงเสียงของมันผ่านสายโทรศัพท์ในวันนั้นก็รู้สึกเจ็บยอกในอก เสียงร้องสะอื้นของมันที่กำลังบอกว่ามันเองทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว มันกำลังยอมแพ้กับเรื่องของผม เรื่องราวมากมายที่ผมลากมันเข้ามาเกี่ยว ทั้งๆที่มันไม่ได้ทำผิด ไอ้เมลที่ร้องไห้ด้วยเสียงที่เหมือนจะขาดใจในวันนั้น มันกำลังบอกผมว่ามันทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ... หึ สมน้ำหน้ามึงไอ้ทัพหน้า



“เลิกนอนซึมแดกเหล้าไปวันๆได้แล้วไอ้สัด แค่นี้ก็ไม่เหมือนคุณทัพหน้าที่แสนจะเพรียบพร้อมเลยว่ะ ถ้าป๊ากับแม่มึงมาเห็นต้องช็อคตายแน่ๆ”



“กูจะเพรียบพร้อมไปทำไมวะ เพื่ออะไรวะถ้ากูไม่มีความสุข กูเบื่อกับหัวโขนที่กูต้องสวมนี่เต็มที”



“กูรู้ว่ามันยาก แต่มันก็เป็นเรื่องที่มึงเลี่ยงไม่ได้ มึงเองก็รู้ตัวไม่ใช่หรอวะ”



“เพราะกูเป็นเตชะณรงกรค์หรอวะ เพราะกูเป็นลูกคนโตของเตชะณรงกรค์หรอวะกูถึงต้องทนอยู่แบบนี้”



“ไอ้ทัพ”



“กูเหนื่อยกับการแบกรับความหวังของลูกชายคนโตเต็มทน กูเหนื่อยกับคนรอบข้างที่คิดว่ากูต้องทำทุกอย่างออกมาให้เพอร์เฟค บางทีคนอื่นเค้าลืมไปหรือเปล่าวะ ว่ากูเองก็เป็นแค่คนๆนึงเหมือนกัน”



“พวกเราเลี่ยงไม่ได้มึงก็รู้ ไม่ว่าจะมึงรู้กูเราก็รู้อยู่เต็มอกไม่ใช่รึไง หรือมึงจะให้ไอ้รบมาดูแลทุกอย่างแทนมึงล่ะ แค่หลับตาก็มองเห็นภาพตึกบริษัทมึงกลายเป็นสีเหลืองทั้งตึก มึงคิดว่าใครจะมายำเกรง หุ้นมึงไม่ตกกูจะแปลกใจมาก หรือมึงจะให้ไอ้รุกมาดู ถ้าลูกน้องทำผิดพลาดมันคงเตะหัวขาด ใจร้อนแบบนั้นบริษัทที่พ่อมึงสร้างมาคงพัง หรือมึงคิดว่าน้องจอมจะทำได้ล่ะ...ถ้าไม่ใช่มึง มันจะเป็นใครวะ”



“มึงคิดว่า...ป๊ากับแม่จะเสียใจมากไหม ถ้าเค้ารู้เรื่องนี้”



“เค้าคงเสียใจ แต่ไม่มากเท่าความเสียใจของมึงหรอกเพื่อน”



“กูเอง...ก็หวังให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”



ผมที่พูดออกมาแบบนั้น ก่อนจะหันไปมองภาพถ่ายที่ได้มาจากไอ้ปืนอีกครั้ง  ...



สิ่งที่กัดกร่อนหัวใจของคนเราให้ตายด้าน คือความเชื่อใจที่พังลง ... และสิ่งที่ทำให้ใจเราพังลง มันไม่มีสิทธิ์เรียกร้องขอความเห็นใจ



...



“น้องเมลลูก ตื่นแล้วหรอ มาทานข้าวต้มกุ้งกับคุณแม่ดีกว่ามา”  เสียงใสที่มาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ผมคุ้นชิน เป็นเรื่องราวดีๆที่ผมมีอยู่ในชีวิตนี้



“เหอะ บ้านช่องไม่กลับ หายหน้าไปหลายเดือน พอกลับมาทีก็ขี้เกียจสันหลังยาว” 



และตามมาด้วยเสียงเข้มๆที่ทำให้ขาของผมต้องชะงัก มองตรงไปที่หัวโต๊ะกินข้าว พ่อของผมยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนทุกทีที่เคยเห็น มาดนักการเมืองที่กำลังกางหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านเหมือนอยากรู้ว่าผลเลือกตั้งสรุปจะมีพรรคไหนที่ได้เก้าอี้ที่นั่งไปมากที่สุด เหอะ คงจะได้รู้คำตอบหรอก



“คุณ พูดมาก”  แม่ของผมที่ขัดคอพ่อแบบนั้น ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินมาจับมือผม



“มาทานข้าวต้มกับคุณแม่ดีกว่านะลูก”



‘พลึบ’



“คุณก็ให้ท้ายมันตลอดมันถึงเป็นแบบนี้ไง” 



พ่อที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะอย่างแรง  หน้าตาสูงวัยที่ถือว่าไม่มากสำหรับผู้ชายวัยหกสิบปี พ่อยังหน้าตาดีและดูมุ่งมั่นไม่ต่างจากวันก่อนๆ  แต่เพราะว่าพ่อเป็นแบบนั้น เลยทำให้ขัดแข้งขัดขากับนักการเมืองคนอื่นๆ ... เป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง ตรงฉิน ฉลาด มุ่งมั่น และเพรียบพร้อม ทุกๆอย่างภายใต้ชื่อและวงตระกูลของเราจึงต้องใสสะอาด แต่จุดต่ำตมทุกอย่างของนามสกุลเรา ก็คือตัวผมเอง...เพราะแบบนั้น ผมและพ่อถึงไม่เคยจะกินเส้นกัน แค่เจอหน้า ก็ไม่รู้สึกว่าจะพูดคุยกันได้



“เมลเป็นแบบไหน”  ผมที่พูดออกไปแบบนั้น เรียกสายตาตำหนิติติงมาจากพ่อได้ทันที



“ยังจะมีหน้ามาถาม ดูแกทำตัวให้ชัดๆฉันก็ไม่ต้องตอบแล้ว หาเรื่องใส่ตัว ดีแต่ทำให้ขายหน้า”



“คุณ นี่พอสักทีได้ไหม!”  เสียงของแม่ที่ขึ้นเสียงใส่พ่อแบบทนไม่ไหว และทุกๆครั้งมันก็เป็นแบบนี้  แม่จะคอยปกป้องผมอยู่เสมอไม่ว่าเมื่อไหร่



“เออ ดี ให้ท้ายมันเข้าไปมันถึงไม่ได้เรื่องได้ราว”



“นี่คุณจะเอายังไงห๊ะ ต้องการจะเอายังไง” 



แม่ที่ลุกขึ้นเถียงกับพ่อในตอนนั้นทำเอาผมอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง  รู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวชิพหาย ไม่ว่าจะเริ่มทำหรืออยู่ที่ไหนก็ดีแต่ทำให้พินาศไปหมด  แม้ว่าผมอยากจะโอบกอดทุกอย่างไว้ให้มันดีที่สุด แต่สุดท้ายมันก็มักจะพังลงเสมอ



“ไม่ต้องเอายังไงทั้งนั้น  เมลจะไปเอง!” 



ผมที่ลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมาในตอนนั้น  น้ำตาผมไหลลงมาอย่างเหนื่อยอ่อนเต็มที ได้แต่ลุกขึ้นและเดินหันหลังออกไปจากตรงนี้  .... ผมไม่ชอบบ้านตัวเอง แต่ผมรักแม่  ผมไม่ใช่ลูกที่เชื่อฟัง ไม่ได้เข้าคณะรัฐศาสตร์แบบที่พ่อมุ่งมั่นเพราะผมเรียนไม่เก่ง  และสิ่งสุดท้ายที่ผิดแสนจะผิดในสายตาของพ่อ คือผม...ลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่ดันชอบผู้ชาย ไม่เคยเป็นความภูมิใจให้ใคร และล่าสุดสิ่งที่ทำให้พ่อต้องเจ็บใจและเสียแรงมากที่สุดคือการที่ผมขับรถพุ่งชนใครบางคนให้พ่อต้องเร่งปิดข่าว  .... และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมด ก่อนที่ผมจะเจอทัพหน้า



“ฮึก ฮึก...ฮื่อออ”



‘หมับ’



แรงกอดรัดจากทางด้านหลังทำให้ผมที่กำลังยกมือขึ้นปิดหน้าต้องเอามือออก แม้ว่าตอนนี้จะยังสะอื้นไม่หยุด วงแขนแข็งแกร่งที่จับตัวของผมให้หันหน้าไปหา ผมที่ได้แต่เงยหน้ามองคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มบางๆส่งมาให้ผมพร้อมๆกับเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้



“ร้องไห้ทำไม”



“อึก ฮึก...เมล เมล...”



“ชู่ว ร้องอะไรนักหนา ขี้เหร่หมด”



“ฮึก อึก...สะ...เสือก”



“ดูปาก ปากหมา”



“ฮึก ฮื่ออออ”



“หึ ตลกว่ะ ไหนมากอด” 



คนตรงหน้าที่ว่าผมเสร็จให้ร้องไห้ ก็ทำแค่ดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่นๆจนจมอกแกร่ง  ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะกี่ปี คนๆนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม



“ปล...ปล่อยเมล อึก”



“ทำไมเดี๋ยวนี้ร้องไห้เก่งจะวะ ใครทำอะไรมึง บอกกูดิ เดี๋ยวจะไปต่อยให้”



“อึก มึงอย่าเก่ง มึงไม่เก่งอ่ะพี่ก้า”



ก้า หรือจริงๆมันชื่อชูก้า 



ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อคมแม้ว่าจะมีเชื้อสายจีน มันกับผมต่างกันทุกอย่างตั้งแต่รูปร่าง หน้าตา สีผิว รวมถึงมันสมอง ... เป็นลูกชายคนโตที่สอบติดคณะรัฐศาสตร์ด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง และไม่เคยหลุดพ้นคำว่าเพอร์เฟค หรืออีกอย่างเรียกได้ว่า หน้าตาของครอบครัวเรา  พี่ชายที่อายุมากกว่าผม6ปี ตอนนี้ยังหล่อและทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ แต่งงานกับลูกสาวท่านทูตอังกฤษ ... ตัดภาพมาที่ผม เรียนงูๆปลาๆ อย่าพูดถึงอนาคตของการทำงาน แค่คิดก็ชิพหายลงตรงนี้



“หึ ใครจะเก่งเหมือนมึงล่ะ ไอ้น้องเมล” 



มันที่ยิ้มออกมาหน่อยๆ แล้วกอดตัวผมไว้แน่นๆ ฝ่ามือหนาของมันที่ยังคงลูบหัวปลอบผมอยู่แบบนั้น  เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนโต จะมีแม่กับก้าที่คอยกอดปลอบผมแบบเสมอเวลาที่โดนดุ



“เมลอ่ะเก่งสุด ก้าก็รู้”



“แน่นอน มึงน่ะเก่งที่สุดแล้ว น้องกูนี่นา”



“โอ๊ย เจ็บนะ อย่ามายืดแก้มกันเดะ”



“หมั่นไส้นัก แก้มอ้วน กินเก่ง”



“อย่ามาว่าเมลนะโว้ย” 



ยกมือขึ้นต่อยแขนแม่ง ชอบมาว่า มองแรงใส่แม่งพร้อมๆกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเอง ก้าที่มองมาแบบห่วงๆ แต่ผมก็เลือกที่จะเสหน้าหนีมันแทน



“มีอะไรอยากบอกกูไหมล่ะ”



“บอกว่าก้าเสือกได้ไหมอ่ะ”



“มึงนี่นะ”



“ฮ่าๆ เมลไม่เป็นไรน่า”  หันไปยิ้มให้มันอีกที ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง โดยเฉพาะก้ากับแม่



“ทำไมวันนี้ถึงมาบ้านอ่ะ ไม่อยู่กับเมียหรอ”



“ไม่อยู่ วันนี้กูอยากมาดูน้องกู เห็นว่ากลับมาอยู่บ้านจะเป็นอาทิตย์แล้ว เป็นอะไร”



“ทำไมก้าชอบถามอ่ะ เยอะจั๊ง”



“ก็เพราะห่วงไงไอ้ดื้อ”



“เมลเปล่าดื้อน่า” 



ฉีกยิ้มกว้างๆ แล้วมันก็ทำได้แค่ส่ายหน้านิดหน่อยแล้วยกมือขึ้นมาลูบหัวผมอีกครั้ง  ไม่ชอบเลยว่ะ ไม่ชอบเวลาก้าลูบหัว เพราะทุกๆครั้งที่มันลูบหัวผมรู้สึกอยากจะร้องไห้ทุกที  น้ำตามันเอ่อขึ้นมาที่ตาจนต้องก้มหน้าหลบ และสุดท้ายก็พุ่งเข้ากอดมันอีกครั้งแน่นๆ



“เมลเหนื่อยอ่ะก้า อึก เมลแม่งไม่ดีเลย ไม่มีใครต้องการเมลเลย”



“ทำไมพูดแบบนั้น มึงมีกู มีคุณแม่...”



“ฮึก แต่ไม่มีคุณพ่อ แล้วก็ไม่มี...”



“หื้ม?”



“เปล่า”



“คุณพ่อก็รักมึงนะ เค้าแค่แสดงออกไม่เก่ง” 



ผมที่ยิ้มออกมาอ่อนๆตอนที่ได้ยินแบบนั้น ก้ามันพูดแบบนี้มาตั้งแต่ที่ผมอายุ16 วันที่พ่อรู้ว่าผมชอบผู้ชาย และก้าก็คอยกอดปลอบและพูดปลอบแต่แบบนี้ ผ่านมานานกี่ปีแล้ว ผมก็ยังไม่เคยเห็นการแสดงออกอะไรมากกว่านี้ของพ่อเลยสักที ... บางทีพ่อของผมอาจจะเป็นผู้ชายประเภทเดียวกัน ผู้ชายที่มีเพอร์เฟค และ...ไม่เคยคิดจะรักผม



“ไม่เอาน่า วันนี้เดี๋ยวกูพาไปหาของอร่อยกินดีไหม”



“อยากกิน แต่ว่าถามอีกทีก่อน ทำไมไม่อยู่กับเมียกับไอ้แฝด”



“เอาน่า นานๆทีน้องกูจะกลับมางอแง วันนี้อยู่กับน้องได้เต็มที่” 



ก้ามันว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับขยิบตาใส่ ผมอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากใส่แบบหมั่นไส้นิดๆ แต่สุดท้ายเราสองคนก็ขำก๊ากออกมาใส่กันทั้งแบบนั้น  ก้าที่ดันหลังผมให้เดินขึ้นไปบนห้องเพื่อนเปลี่ยนชุด มันบอกส่งท้ายว่าจะพาไปกินของที่ผมชอบและปิดประตูไล่หลัง ...



ได้แต่ยืนพิงอยู่ที่ประตูพร้อมทำหน้าโง่ๆ มองไปรอบๆห้องของตัวเองที่นานแล้วผมไม่ได้อยู่ที่นี่ ... ไม่คุ้นเคยเอาซะเลย ... อดคิดไม่ถึงห้องโทนสีดำแดงที่ครั้งนึงผมเคยนอนในอ้อมกอดของใครบางคนไม่ได้



“พอไอ้เมล เลิกคิดถึงคนที่ไม่รักมึงสักที”  บอกกับตัวเองแบบนั้นแล้วเม้มปากเข้าหากันแน่นๆ



“กูจะไม่ร้องไห้ให้ใครอีกแล้วโว้ยยยย แค่กๆๆ” สัด ตะโกนเสียงดังจนสำลักน้ำลาย จะเท่ห์ก็ไม่เคยสุดหรอกกูเนี่ย แม่ย้อยจริงๆ



...



รถมัสแตงคันหรูที่ขับมาอย่างเร็วเหมือนว่าเจ้าของกำลังรีบร้อนที่จะไปไหนสักทีหนึ่ง ในที่สุดมัสแตงสีแดงก็ชะลอความเร็วลงพร้อมๆกับตบไฟเลี้ยวก่อนจะเลี้ยวเข้าไปบ้านหลังใหญ่ที่ประตูรั้วถูกเปิดรอคอยไว้อยู่ก่อนแล้ว ...

ขายาวที่ก้าวลงมาจากรถ พร้อมๆกับฝ่ามือหนาที่เอื้อมไปดึงกรอบแว่นตากันแดดสีชาออกจากใบหน้าหล่อ  ริมฝีปากหยักที่ยกยิ้มร้ายๆตอนที่ก้าวลงจากรถทักทายลูกน้องที่กรูกันออกมาต้อนรับแล้วรีบโค้งรับหลบสายตาของคนร่างสูงทันที

“หึ”  เสียงหัวเราะในลำคอสั้นๆ มาพร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้นิ่งสนิทไม่ต่างจากทุกทีที่ควรจะเป็น ...



40%



ถ้าคนอ่านยอมให้ลง ก็กล้าลง กล้าลงแล้วคนอ่านจะกล้าอ่านไหมมมม มาาาาา คิ้กค้ากกกก  :mew1: :hao3:

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 40% {08.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 08-04-2019 19:53:34
กล้าลงก็กล้าอ่านค่าาา มาไวแต่ค้างกว่าเดิมอีกค่าาาา แง้  :katai1:  :z3:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 40% {08.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 08-04-2019 21:51:55
เอาให้เด็ดขาดน่ะเฮียทัพ  :katai4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 40% {08.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 08-04-2019 23:41:25
กล้าๆหน่อย คนอ่านกล้าอ่าน คนเขียนกล้าลงป่ะหล้าาาา. ก็มาดิค้าบบบบบ,,,
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 40% {08.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 09-04-2019 07:59:10
น่าจะปล่อยให้ทัพหน้าโง่ไปอีกสักพักใหญ่ ๆ จะได้ทรมานกับความโลเลของตัวเอง  :katai1: อีกอย่างให้นักรบเป็นผู้บริหารก็ดีเหมือนกันนอกจากตึกจะสีเหลืองแล้วฟอร์มพนักงานก็คงไม่พ้นสีเหลือง555 น่าสนุก  :laugh:
ป.ล. ไม่อยากให้เมลยอมคืนดีง่าย ๆ เลย  :call:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 40% {08.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 09-04-2019 11:23:05
 :angry2: ความโง่ของพี่ทัพ ต้องให้เมลเอาคืนให้หนัก ทำเมลร้องให้ตลอด
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 40% {08.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 09-04-2019 16:38:10
 :katai2-1:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 40% {08.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 09-04-2019 19:31:28
กล้าลงก็กล้าอ่าน ไม่โกงงงงงงงง :hao7:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 40% {08.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 09-04-2019 19:32:26
กล้าลงก็กล้าอ่าน ไม่โกงงงงงงงง :hao7:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 40% {08.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-04-2019 03:18:16
เมลเอ้ยย นอยด์ซ้ำซากมากเลย เอ็นดู
คนมันเศร้าอะเนาะ ไปเฮฮามาจากไหน ยังไงก็ไม่รอด
แม่กับพี่ชายชัดเจนดี ดูแลน้องดีมากเลย
เมลก็คิดว่า มีแม่และพี่ชายนะ ไม่ใช่ไม่มีใคร

ทัพหน้าดิ่งมากจ๊ะ เป็นไงล่ะ ฝากปลาไว้กับแมว
แถมยังไม่ชัดเจน จะเหมาสอง มันทำไม่ได้

งานนี้ต้องขอบคุณปืนไหม ที่มาช่วยดับอารมณ์ทัพหน้า

ตลกนักรบ กับรุกฆาต ได้แกล้งพี่ คือฝันดี 5555
พี่ฝาคนคูล เค้าคิดถึงนะ เอ็นดูความพี่ฝา คนรั่ว
เลิฟน่ารักมาก และรุกฆาตก็เกรียนมาก

รอทัพหน้าพาไปลุย อยากรู้แล้วค่ะว่า เป็นเรื่องอะไร
ชาทำอะไรผิดคะ ก็จะได้รู้สักทีเนาะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 100% {12.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 12-04-2019 20:59:33

บทที่30.2




             รถมัสแตงคันหรูที่ขับมาอย่างเร็วเหมือนว่าเจ้าของกำลังรีบร้อนที่จะไปไหนสักทีหนึ่ง ในที่สุดมัสแตงสีแดงก็ชะลอความเร็วลงพร้อมๆกับตบไฟเลี้ยวก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ประตูรั้วถูกเปิดรอคอยไว้อยู่ก่อนแล้ว ...



ขายาวที่ก้าวลงมาจากรถ พร้อมๆกับฝ่ามือหนาที่เอื้อมไปดึงกรอบแว่นตากันแดดสีชาออกจากใบหน้าหล่อ  ริมฝีปากหยักที่ยกยิ้มร้ายๆตอนที่ก้าวลงจากรถทักทายลูกน้องที่กรูกันออกมาต้อนรับแล้วรีบโค้งรับหลบสายตาของคนร่างสูงทันที



“หึ”  เสียงหัวเราะในลำคอสั้นๆ มาพร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้นิ่งสนิทไม่ต่างจากทุกทีที่ควรจะเป็น ...



“ป๊าอยู่ไหม”



“อยู่ครับ เชิญทางนี้ครับคุณทัพหน้า”   



พ่อบ้านที่กระวีกระวาดออกมาต้อนรับ เดินค้อมตัว พร้อมภายมือเชิญคนร่างสูงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชายคนโตของเจ้าของบ้านให้เดินตามไปตามทางด้านข้างซึ่งเป็นสวนแบบจีน มีทางเชื่อมของสระบัวหลวงขนาดใหญ่ทอดยาวไปเป็นศาลาแบบจีนที่ตั้งอยู่กลางน้ำ การออกแบบบ้านที่ร่วมสมัยระหว่างกลิ่นไอของความเป็นโมเดิร์นทันสมัยของตัวบ้านและตัดกับความตกแต่งเป็นจีนได้อย่างลงตัว  สายตาคมมองตรงไปที่ซุ้มลมจีนกลางน้ำ มองเห็นคนเป็นพ่อกำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างใจเย็นอยู่ตรงนั้น  ร่างสูงที่มองตรงไปที่ผู้เป็นพ่อด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะยกมือขึ้นสะบัดบอกให้พ่อบ้านรู้ตัวว่าให้ออกไปก่อน



“สวัสดีครับป๊า” 



ชายสูงวัยที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อและเป็นประมุขของบ้าน หันหน้ามาจากการดูปลาในสระช้าๆ ก่อนจะใช้สายตาคมจ้องมาที่ร่างสูงพร้อมรอยยิ้มกวนๆก่อนจะเอ่ยปากถาม



“เอ้า มาทำไมวะ?”   นิสัยที่คล้ายว่าน้องชายคนที่สองของเขาจะได้รับไปเต็มๆ



“ป๊าทำไร”



“เล่นปลา จิบชา” 



ผู้เป็นพ่อที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกอึก สายตาคมของผู้เป็นพ่อที่จ้องตรงมาที่หน้าของทัพหน้านิ่งๆ  คนร่างสูงที่ทรุดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผู้เป็นพ่ออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาหนักๆ



“มีเรื่องอะไร หน้าตาแกไม่ดี”



“ผม....”



“ว่ายังไง แกไม่เคยอ้ำอึ้งนี่ อยากพูดอะไรก็ให้มันฉะฉานหน่อยไม่ได้รึไงวะ” 



ผู้เป็นพ่อที่ว่าออกมาแบบนั้น พร้อมกับใช้สายตาคมจ้องมานิ่งๆ แววตาขี้เล่นก่อนหน้านี้ถูกพับทิ้งไป เหลือเพียงดวงตาคมที่นิ่งสงบที่ผมอ่านไม่ออก และนิสัยนี้เอง ที่ใครต่อใครว่ากันว่าผมได้มาจากป๊า ... แต่ในตอนนี้มันไม่ดีเลย ทำไมต้องมาเจอคนที่นิสัยเหมือนกันด้วยวะ



“ผมแค่อยากรู้ว่า ถ้าผมลงมือทำอะไรบางอย่าง ป๊าจะเชื่อในการตัดสินใจของผมหรือเปล่า”  ทัพหน้าที่ถามอกไปแบบนั้น ผู้เป็นพ่อไม่ได้ตอบอะไรโดยทันที ชายสูงวัยทำเพียงแค่เปิดกระป๋องอาหารปลาแล้วค่อยๆโยนอาหารเม็ดของปลาลงในบ่ออย่างใจเย็น



“คิดว่าสิ่งที่ทำมันจะดีหรือเปล่าล่ะ”



“ผมคิดว่ามันจะดี”  ตอบออกไปแบบนั้นทันทีอย่างมั่นใจ



“ถ้าคิดว่าดีแล้วจะกลัวอะไร” 



ผู้เป็นพ่อที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วหันหน้ามามองอีกครั้งตรงๆ ริมฝีปากหยักแม้จะสูงวัย แต่ยามที่กระตุกยิ้มร้ายก็ทำให้ทัพหน้ารู้สึกเกร็งเครียดขึ้นมาได้ทันที  แต่ทัพหน้าแค่เพียงทำหน้านิ่งๆจ้องตอบผู้เป็นพ่อพ่อของตัวเองเท่านั้น ... กรอบหน้าหล่อที่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาดและไม่แสดงความรู้สึกใดๆเหมือนทุกที



“ผมคิดว่ามันดีสำหรับผม แต่อาจจะไม่ดีสำหรับคนอื่น”



“หมายความว่าอะไร?” ผู้เป็นพ่อว่าออกมานั้นพรางขมวดคิ้วเข้าหากัน มองหน้าลูกชายแบบพยายามจะอ่านความคิด



“หมายความว่ามันจะดีสำหรับผม แต่ถ้าพูดตรงๆมันก็จะดีสำหรับพ่อและคนอื่นๆด้วย”



“งั้นมัวลังเลอะไร”



“กลัวพ่อกับม๊าช็อคตาย”



“ไอ้ทัพ...”



“ผมจะมาถามแค่นี้แหล่ะ”   ทัพหน้าที่ว่าตัดบทก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พรางยกมือขึ้นขยับเน็คไทน์ของตัวเองให้ตรงอีกนิด



“ผมไม่กวนป๊าแล้ว ผมถือว่ามาแจ้ง”



“เดี๋ยว นี่แกหมายถึงอะไรกันแน่”



“อ้อ ขอถามอีกอย่างนะป๊า”



“อะไรของมึงอีกวะ”  ผู้เป็นพ่อที่เริ่มขึ้นเสียงใส่ หัวคิ้วเริ่มขมวดมุ่นเข้าหากันแบบขัดใจ  ทัพหน้าเห็นแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาน้อยๆ



“ถ้าเพื่อนหักหลังเรา ป๊าจะทำยังไง”



“ฉันเคยสอนแกไปแล้วไม่ใช่รึไง คำว่าเพื่อนไม่มีคำว่าหักหลัง ... ถ้ามันหักหลัง มันคือ ศัตรู”



“หึ เยี่ยมไปเลย ... งั้นผมลา สวัสดีครับป๊า” 



ร่างสูงที่ยกยิ้มถูกใจเหมือนกับได้คำตอบในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วก็ทำเพียงยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นพ่อของตัวเองที่ได้แต่ขมวดคิ้วมองลูกชายคนโตแบบไม่เข้าใจ  ชายสูงวัยที่มองตามแผ่นหลังกว้างๆของลูกชายที่เดินจากไปนิ่งๆ เห็นแบบนั้นแล้วก็ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองออกมาเบาๆ



“มันคิดอะไรของมันอยู่วะ ไม่ชอบจริงๆเลย แม่งเหมือนกูมากเกินไป”



...



4 : 00 PM



“ก้า เมลยังอยากกินอีกหลายอย่าง แบบว่าเงินก้าเยอะใช่ไหม วันนี้ต้องเลี้ยงเมลเยอะๆนะ เมลอ่ะจ๊นจน”  ผมที่เดินลูบท้องออกมาจากร้านปิ้งย่างเกาหลี ที่มีชื่อภาษาอังกฤษ ที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ‘ยินดีที่ได้รู้จัก’



“จนอะไรของมึงวะเมล วันก่อนคุณแม่บอกว่าโอนเงินค่าเทอมเข้าบัญชีให้อยู่เลย โอนเยอะกว่าสมัยกูเรียนอีก”



“เอ้า ก้าต้องเข้าใจดิว่าสมัยก้าค่าครองชีพมันไม่สูงเท่านี้ ก็คือว่าก้าอ่ะแก่มากแล้ว ก้าเก็ทไหม”



“หนอยยยย ไอ้เด็กนี่ เดี๋ยวจะโดนนะมึงอ่ะ”



“โอ้ยๆๆฮ่าๆๆ เจ็บนะโว้ยก้า”   



ผมที่โวยวายออกมาแบบนั้นตอนที่ก้ามันยกมือขึ้นมาล็อคคอของผม และแน่นอนว่าตอนนี้เราสองคนกำลังเดินอยู่กลางห้าง แล้วถามว่าพี่น้องสองคนนี้อายไหม แน่นอนเลยว่า ทั้งผมและไอ้ก้าก็ไม่มีความอายในจุดๆนี้แน่นอนครับ มันที่กอดรัดผมจากด้านหลังแล้วล็อคคอจับฟัดไปมาเหมือนกับว่าตอนนี้ผมคือน้องคาราเมลตัวน้อยๆของมันตอนสามขวบ



“อ๊ากกก ก้า เจ็บ ปล่อยๆ”



“ไม่ พูดจาน่ารักๆกับกูก่อน”



“ไม่โว้ย อ๊ากกกฮ่าๆๆๆ อย่าแกล้งนะโว้ย”



“ไม่รู้ไม่สนเว้ย ถ้ามึงยังไม่พูดจาน่ารักๆกับกูเหมือนเมื่อก่อน กูจะฟัดให้มึงขำก๊ากอายกลางห้างแม่งเลย พูดเลยนะ กูไม่อายหรอก”



“ฮ๊ากกก ฮ่าๆๆ ก้า...”  ผมที่ร้องออกมาตอนที่พี่บ้ามันฝังจมูกเข้าที่แก้มผมแล้วฟัดไปมาอยู่แบบนั้น โอ้ยยย ช่วยด้วย!



“ยังไงๆ จะดื้อกับกูใช่ไหม ยังไม่พูดอีก”



“พี่ก้าครับ ฮ่าๆๆ ไม่แกล้งน้องเมลนะๆๆ ฮ่าๆๆๆ”



“โว้ยย ใจละลายเป็นน้ำป่า น้องกูน่ารักสัดหมามากเลยว่ะ”  มันที่ว่าออกมาพลางปล่อยแขนออกจากคอของผมพูดออกมาพร้อมยิ้มร่าเริง  เดี๋ยวนะ... คือเมื่อกี้มึงชมจริงๆใช่ไหมไอ้ก้า



“คิกๆ เธอดูพี่สองคนนั้นสิ น่ารักดีเนอะ”



“พี่ผู้ชายตัวสูงๆหล่อเนอะ แต่แฟนเค้าก็น่ารัก เสียดายจัง”



ผมและไอ้ก้าที่หันหลังกลับไปมองน้องสองคนที่พึ่งเดินผ่านเราไปพร้อมคำพูดที่ชวนให้ตกตะลึง ก่อนที่ผมกับพี่ชายจะยืนมองหน้ากันตาปริบๆ



“มึง เค้าชมกูว่าหล่อวะ”



“นี่มึงโฟกัสตรงจุดไหนวะไอ้บ้า!”



“ฮ่าๆๆ” 



ด่าออกไปแบบนั้นแล้วก็ไม่มีหรอกคำว่าสะทกสะท้าน พี่ชายของผมมีความหน้าด้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันที่ไม่สนใจอะไรแค่ยิ้มกว้างๆแล้วเอื้อมมือมากอดคอผมไว้ แล้วลากให้เดินตามมันต่อไป



“อยากได้อะไรอีกไหม”



“อยากแดกเค้ก แล้วก็มีหนักสือการ์ตูนเล่มใหม่ที่พึ่งออกอยากได้ ก้าซื้อให้หน่อยดิ ข่อมคับ”



“ศัพท์เชี่ยไรวะเนี่ย ว่าแต่อยากได้เรื่องไหน ไปดูก่อนไหมจะได้เดินย่อยแล้วค่อยไปแดกให้หายเครียด”



“อื้ม ดี! ว่าแต่...ก้ารู้ได้ไงวะว่าเมลเครียด” 



เอียงคอเงยหน้ามองคนที่เดินกอดคอผมอยู่ข้างๆ เพราะพี่มันสูงกว่า มองเห็นปลายคางของมัน พร้อมๆกับริมฝีปากที่เหยียดยิ้มออกมาหน่อยๆในตอนนั้น



“กูพี่มึงไง พี่แท้ๆ...”



“อ...อ่อ อื้ม”   



ตอบมันออกไป พร้อมๆกับเสหน้าหนี  ก้ามันไม่ต่างจากแม่ ที่แค่ผมโกหกก็คงจะจับได้ เพราะอยู่ด้วยกันมาเยอะ จนพอมันเริ่มเรียนจบไปมีครอบครัว และผมที่เข้ามหาลัย เลยไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน



“เมล”



“หื้ม”



“รู้ใช่ไหมว่าพี่รักมึง คุณแม่ด้วย หรือแม้กระทั่งพ่อ เค้าก็รักมึง...อย่าคิดว่าไม่เหลือใคร เมลยังเหลือครอบครัวของเรา”



“ก้า...”



“พี่ไม่รู้หรอกว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น และเมลกำลังต้องเจอและเสียใจกับอะไรอยู่ แต่พี่เชื่อนะ...ว่าน้องของพี่เป็นคนดี และจะไม่ยอมทำอะไรที่ไม่ดี ส่วนเรื่องของหัวใจ เราไปบังคับให้มันเป็นเหมือนที่ใจเราคิดไม่ได้หรอกใช่ไหมล่ะ ... แต่เราเลือกที่จะทำได้นะ”



“เมล...เมลเลือกได้หรอก้า”



“ได้สิ ... ทุกคนมีทางเลือกสำหรับตัวเองเสมอ แค่ทำ...ในสิ่งที่เป็นความสุขของใจเรา ถ้าการเดินเข้าไปมันยาก เดินออกมาก็ทำไม่ได้ เมลก็ไม่ต้องทำอะไรเลยสิ ยืนอยู่ในที่ๆเป็นของเรา และเลือกที่จะรู้สึกแบบที่เราต้องการอย่างเต็มที่ให้มากที่สุด ... แค่นั้นเราก็สุข โดยที่ไม่ต้องไปบังคับใครให้ใจต้องเจ็บแล้ว”



“ฮึก ก้า....”



“อย่าร้อง ถ้ามึงร้องกูจะหยิก”



“แต่เมลจะเจ็บนะ” 



ช้อนตามองหน้าพี่ชายตัวเอง มันที่ก้มลงมามองตาของผมและยังคงยิ้มอบอุ่นไม่ต่างจากทุกครั้ง ไม่ว่าผมจะเป็นเด็กสามขวบ หรือผู้ชายวัย21 ก้าก็ยังเป็นก้า และผมก็ยังเป็นน้องชายของมัน ที่มันพร้อมจะปกป้องเสมอ



“เมลรักก้า”



“อื้ม พี่ก็รักเมล”



ในวันที่หัวใจต้องเจ็บ ผมยังเหลืออีกครึ่งของใจที่ยังมีคนอยากดูแลรักษา นั่นคือความรักจากครอบครัว ถึงแม้ว่ามันจะทดแทนสิ่งที่ต้องการไม่ได้ แต่ผมก็จะพยายามรักษาหัวใจของผมให้ดีที่สุด ... ในเมื่อวันนี้ทัพหน้ามันเลือกแล้ว ถ้าพูดจริงๆมันก็เลือกเมียมันมาตลอดอยู่แล้ว  ผมก็จะถอยออกมาตามแบบที่ก้ามันว่า แล้วก็เลือกจะรักมัน หวังดีกับมันเท่าที่ใจของผมจะทำได้ ถ้าบอกว่าตัดใจไปเลย มันก็คงเป็นการตอแหลที่หน้าด้านที่สุดเท่าที่ผมจะโกหกออกมาได้ ในเมื่อผมรักมันมาสี่ปี ถ้าจะตัดใจได้ภายในสี่วัน ความรู้สึกที่ผ่านๆมาของผม มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องจริง



“เอาล่ะ ไม่ร้อง ไปดูหนังสือมึงดีกว่า กูก็ว่าจะไปหาหนังสือกฏหมายระหว่างประเทศเพิ่มเติมสักหน่อย” 



แค่ได้ยินชื่อที่ก้ามันจะหากูก็เบ้หน้าแล้วครับ  เพราะแบบนั้นพอเข้าไปในร้านหนังสือ เราทั้งคู่ก็เลยแยกย้ายต่างคนต่างไปตามแต่ใจอยากเลือกสรร และแน่นอนว่ากูมาหาหนังสือการ์ตูนจ้า



“เรื่องไหนดีวะตัวกู”  บ่นออกมากับตัวเองเบาๆ แล้วเริ่มต้นก้มๆเงยๆไล่หาหนังสือไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้หนังสือการ์ตูนก็ออกช้าเหลือเกิน เฮ้อ



“อ๊ะ  เล่มนี้ดีกว่า” 



ในจังหวะที่ผมเอื้อมมือไปจะคว้าหนังสือเล่มที่อยู่ด้านบนสุด แต่ก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า อาจเพราะผมเป็นผู้ชายเลยตัวสูงมากพอที่ทำให้ผมมองเห็นล็อคของชั้นหนังสือข้างๆนี้ได้ และคนที่ผมกำลังมองเห็น ก็คือหญิงสาวที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอพึ่งยิ้มแย้มใส่ผม และเชิดชูเรื่องสามีของเธอให้ผมฟังอยู่เลย



“ณราชา”   ว่าออกมาแบบนั้นเบาๆกับตัว ได้แต่จ้องเธอที่ยังสวยไม่ต่างจากวันก่อนๆ



“ฮึ่ย ช่างดิวะ ต่างคนต่างอยู่” 



พูดออกมาแบบนั้น แล้วตั้งท่าจะเดินหนีออกไปจากตรงนี้  ถ้าไม่เจอกันมันคงจะดีกว่าที่ต้องมาทักกันแล้วต้องปั้นหน้ายิ้มให้กัน ทั้งๆที่ผมไม่ได้รู้สึกอยากทำแบบนั้น ... แต่ในช่วงจังหวะที่ตั้งใจว่าจะก้าวขาเดินออกมากลับต้องชะงักก้าวของการเดินตัวเอง พร้อมๆกับสันหลังที่เย็นวาบขึ้นมา  ในตอนที่ได้ยินเสียงใสๆนั่นพูดออกมา



“ชารู้ เดี๋ยวนี้ทัพหน้าแปลกๆไปด้วย ทางทีดี...ชาคิดว่า...เราควรจัดการทัพหน้าซะ”



จัดการทัพหน้า



จัดการทัพหน้างั้นหรอ?



เมื่อได้ยินแบบนั้นก็รีบทรุดตัวลงนั่งแอบๆแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดอัดเสียงไว้ทันที  หัวใจของผมเต้นระรัวไปทุกทีที่ได้ฟังคำพูดต่อจากนั้น



“ถามแปลกๆ ก็ฆ่าทิ้งซะสิคะ หุ้นส่วนใหญ่ตอนนี้ก็โอนมาเป็นชื่อชาแล้ว ค่ะ...แต่เราต้องใจเย็นๆ รออีกสักอาทิตย์ก็น่าจะทัน ช่วงนี้ชาจะจัดการเรื่องโฉนดบ้านให้เรียบร้อย ค่ะ... โอเคค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”



ผมที่รู้สึกตัวชาวาบไปทั้งตัว ก่อนจะรีบกดปุ่นเซฟไฟล์เสียงนั่นแล้วกลับหลังหันแล้วออกวิ่งออกมาจากตรงนั้น  ... ทัพหน้ากำลังตกอยู่ในอันตราย



หัวใจของผมสั่นระรัว  ไม่อยากจะเชื่อจริงๆกับสิ่งที่พึ่งได้ฟังมา  จะทำยังไงดี  ผมจะช่วยทัพหน้าได้ยังไงดี



‘หมับ’



“เห้ย!”



“เห้ย!ตกใจอะไรวะเมล แล้วออกจากร้านมาทำไมไม่บอกวะ ตามหาซะทั่ว”



“ก้า กลับ เราต้องกลับเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เลย” 



ผมที่เบิกตากว้างมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง หัวใจสั่น มือสั่นไปหมด นี่มันเรื่องจริงไม่ใช่ละคร เรากำลังรับรู้เรื่องของคนที่กำลังจะถูกวางแผนฆ่า และคนที่จะถูกฆ่า ... คือคนที่ผมรัก นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ



“เมล เป็นอะไรวะ” 



พี่ก้าที่เอื้อมมือมาจับมือผมที่สั่นไว้แน่น ผมที่ช้อนตามองมัน รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาในตอนนี้ ถ้าเกิดว่าทัพหน้าโดนลอบฆ่าจริงๆจะทำยังไงล่ะ มันไม่รู้ตัวด้วยนะ ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่มันรัก จะทำยังไงดี



“ก้า เมล...เมลต้องกลับบ้าน กลับเดี๋ยวนี้”



“เออๆ ไปๆ กลับก็กลับ”   มันที่มองหน้าผมแบบไม่เข้าใจ แต่ก็เลือกที่จะกอดตัวผมเข้าหาแบบให้กำลังใจ



ต้องทำยังไงดี ควรทำยังไงดี...



แต่ผมเลือกแล้วนี่ว่าจะต่างคนต่างอยู่ … แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้ทัพหน้าตาย






09:00 PM


บรื๊นนนนน



           ในช่วงเวลาที่แสงไฟตามรั้วบ้านต่างๆเริ่มดับลง เป็นช่วงเวลาดึกสงัดที่ผู้คนต่างพากันเข้านอน มีรถคันหรูสีดำมันวาวที่วิ่งนำรถอีกสองคันวิ่งตามกันมาอย่างเป็นระเบียบ  รถคันหรูที่ขับนำลัดเลาะเข้าตามตรอกซอกซอยน้อยใหญ่ จนสุดท้ายก็มาจอดลงอยู่ที่หน้าบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังหนึ่ง



รถทั้งสามที่จอดสนิทเรียงต่อกันที่หน้าบ้านหลังนั้นอย่างเงี่ยบเชียบ เจ้าของรถฮอนด้าซีวิคสีดำคันแรกค่อยๆเลื่อนกระจกลงมองเข้าไปในตัวบ้านด้วยสายตาเรียบนิ่ง  ฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นหยิบบุหรี่ในเกะหน้ารถขึ้นมาจุดสูบ แขนแกร่งที่เท้าลงเข้ากับกรอบหน้าต่างรถอย่างใจเย็น



‘ตื่อดึ้ง’



ณราชา: [[ทัพคะ วันนี้คุณก็จะม่กลับบ้านหรอคะ ชาคิดถึง]]



ข้อความที่ปรากฏทำให้ร่างสูงยกยิ้มร้ายออกมาในตอนนั้น ก่อนจะสะบัดขี้บุหรี่จากปลายมวนให้เด้งออกไปจากนอกรถ พร้อมๆกับพ่นควันสีเทาอ่อนออกจากริมฝีปากเอื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆยกมือถือเครื่องหนาขึ้นกดส่งข้อความตอบกลับไปหาอีกฝ่าย



ทัพหน้า: [[ครับ ตอนนี้ผมมีธุระต้องจัดการ ชานอนก่อนเลยนะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ]]



ณราชา: [[ชาคิดถึงทัพนะคะ]]



ทัพหน้า: [[ผมก็คิดถึงคุณ อย่าออกไปเถรไถลที่ไหนล่ะ...]]



ณราชา: [[บ้าจริง ชาจะออกไปไหนได้ล่ะคะ ดึกแล้วด้วย]]



ทัพหน้า: [[ผมก็คิดแบบนั้น ผมแค่...]]



ทัพหน้า: [[หวง]]



ณราชา: [[ฮ่าๆ บ้าจริง รักนะคะทัพหน้า]]



ทัพหน้า: [[ครับ]]



ตอบกลับบทสนทนาผ่านเครื่องมือสื่อสารแค่เพียงเท่านั้น  ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะแค่นยิ้มฝืดเฝือนออกมา ฝ่ามือหนาที่กำโทรศัพท์เครื่องหรูนั่นไว้แน่น



‘ครืดๆ’



เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูอีกหนึ่งเครื่องที่ถูกวางไว้ที่เบาะข้างๆคนขับ สั่นขึ้นมาในตอนนั้น หน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างวาบขึ้นมา พร้อมข้อความที่แจ้งว่ามีSMSใหม่แจ้งเข้ามา  ฝ่ามือหนาเอื้อมมือไปหยิบมือถืออีกเครื่องที่เจ้าตัวพึ่งได้มาก่อนที่จะเข้าไปหาป๊าแค่หนึ่งชั่วโมง  ทัพหน้ากดเปิดมือถือเครื่องใหม่นั่นดูอีกครั้ง มองเห็นเมจเสจที่มีข้อความใหม่เด้งขึ้นมา หลังจากที่ก่อนหน้าที่จะเข้าไปหาพ่อของตัวเอง เจ้าตัวพึ่งกดส่งข้อความบางอย่างออกไป



‘ณราชา คุณออกมาหาผมที่บ้านที่เราเคยนัดกันประจำได้ไหม ผมคิดถึงคุณจะแย่แล้ว’



และข้อความใหม่ที่พึ่งถูกส่งเข้ามา เป็นข้อความตอบกลับจากSMSสั้นๆ ... แต่ได้ใจความดี



‘เดี๋ยวชาไป คืนนี้ทัพหน้าไม่อยู่บ้าน’


(มีต่อจ้า)


หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 100% {12.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 12-04-2019 21:02:45

“หึ” 



ได้แต่หัวเราะออกมาจากลำคอเบาๆ ฝ่ามือหนาที่กำโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นเข้าหากันจนเส้นเลือดขึ้นปูดโปน  ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นด้วยความคับแค้นชิงชัง  ใบหน้าหล่อที่ค่อยๆหันสายตาไปที่บ้านที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่เจ้าตัวจะเอี้ยวตัวไปหยิบดอกลิลลี่สีขาวก้านยาวหนึ่งดอกมาไว้ในมือ



ขายาวของทัพหน้าที่ก้าวเดินช้าๆอย่างไม่เร่งรีบเข้าไปในบ้านหลังนั้น หลังจากที่ลูกน้องของตนที่ติดตามมาด้วยเข้าไปสำรวจความเรียบร้อยและเปิดประตูต้อนรับเขาไว้อยู่ก่อนแล้ว



ร่างสูงที่ก้าวขายาวๆเดินไปตามทางเดินทอดยาวเข้าไปในตัวบ้านอย่างไม่เร่งรีบ เดินเลยไปยังชั้นสองของบ้าน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปที่ห้องนอนห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้นสอง สายตาคมมองไปรอบๆห้องนอนอย่างเช็คความเรียบร้อย ก่อนจะก้าวตรงไปหยิบกล่องทิชชู่ที่วางอยู่ข้างๆทีวีตรงปลายเตียง ริมฝีปากหยักยกยิ้มรายๆ ตอนที่ขยับองศาของกล่องทิชชู่ให้องศาในการวางกลหันเข้ากับเตียงนอนได้อย่างดี ก่อนที่จะเงยหน้าไปมองหลอดไฟกลมบนเพดานแล้วยกยิ้มร้ายๆออกมาอีกที



“นายครับ”



“ว่าไง” 



ตอบรับออกไปเสียงเรียบแต่กลับแฝงไว้ด้วยความเหี้ยม  ร่างสูงที่ถามออกไปแบบนั้นแต่ไม่ได้หันหน้าไปมองทางลูกน้อง ทำแค่วางช่อดอกลินลี่สีขาวลงบนเตียงนอนอย่างเบามือ  ก่อนจะหันไปมองลูกน้องที่ยื่นมือถืออีกเครื่องนึงมาให้



“เรียบร้อยทุกห้องครับนาย”



“ดี ... ดีมาก” 



ตอบรับพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ลูกน้องเสียวไปทั้งสันหลัง ขายาวๆที่ก้าวนำลูกน้องออกไปจากห้องและเดินออกไปนอกตัวบ้าน จนตัวเองไปหยุดอยู่ในรถหรู  ทัพหน้าที่ขับรถออกไปจอดไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวบ้านมากนัก รวมถึงรถของลูกน้องอีกสองคันที่ทยอยขับออกไปจอดให้ห่างจากบริเวณบ้านหลังนี้



ทัพหน้าที่นั่งนิ่งๆอยู่ในตัวรถที่ติดฟิล์มสีดำที่ด้านนอกไม่สามารถมองเห็นได้  นิ้วเรียวยาวที่เคาะไปที่พวงมาลัยรถเป็นจังหวะส่วนสายตาคมก็มองไปที่จุดเดียวคือประตูรั้วของบ้านที่เจ้าตัวพึ่งเดินออกมาอย่างไม่วางตา นิ้วเรียวที่เคาะไปเรื่อยๆจนเวลาไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน สุดท้ายนิ้วยาวก็หยุดลง พร้อมๆกับสายตาคมกริบที่วาววับขึ้นมาในตอนที่เห็นรถคันหรูสีดำคันนึงขับมาชะลอที่หน้าบ้าน ก่อนที่ประตูรั้วบ้านจะค่อยๆเลื่อนเปิดออก รถที่ถูกจอดเข้าที่ลานจอดดับสนิท พร้อมๆกับที่เจ้าของรถจะเดินลงมา ชายร่างสูงคุ้นหน้าที่มองไปรอบๆบ้าน และเดินย่ำเท้าไปมาอยู่ที่หน้าบ้านเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่  กินเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง แสงไฟจากคันใหม่ก็สาดเข้าไปทั่วบริเวณนั้น  รถตราสัญลักษณ์รูปตัวL รุ่น สีแดงสดมันวาวจอดเทียบลงที่ข้างๆบ้าน ก่อนที่เจ้าของรถจะเปิดประตูลงมาอย่างเร่งรีบ



“หึ โง่ตั้งแต่เลือกสีรถขับมา” 



ทัพหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้น พรางเคาะพวงมาลัยฮอนด้าซิตี้ที่ตัวเองขับมาวันนี้ค่าเวลา  สายตาคมที่วาวโรจน์ขึ้นตอนที่หญิงสาววิ่งเข้าไปหาชายที่อยู่ในบ้านก่อนจะโผลกอดกันแน่น  ก่อนที่คนทั้งคู่จะโอบกันเข้าไปในบ้านให้พ้นสายตา ทัพหน้าที่ละสายตาออกจากภาพนั่น แล้วเอื้อมมือไปคว้ามือถือของตัวเองมาแล้วเปิดเข้าแอพพลิเคชั่นที่พึ่งติดตั้งมาวันนี้  โหลดโปรแกรมได้ไม่นาน หน้าจอก็ปรากฏหน้าต่างภาพหลายๆภาพภายในบ้านไม่เว้นแม้แต่ภาพภายในห้องนอน  ทัพหน้ากระตุกยิ้มมุมปากร้ายๆตอนที่กดภาพให้หน้าจอของห้องนอนขยายใหญ่ขึ้น  หญิงสาวที่เดินเข้าไปที่ห้องนอนชั้นบน ส่วนฝ่ายชายกำลังจัดหาน้ำอยู่ที่ห้องครัวในชั้นล่าง  หญิงสาวที่เดินเข้ามาภายในห้องนอนมองไปรอบๆห้อง ก่อนที่รอยยิ้มสวยๆจะปรากฏออกมาให้ตอนที่เดินไปหยุดอยู่ที่กลางเตียง ดอกลิลลี่สีขาวที่วางอยู่ตรงนั้นทำให้เธอยิ้มออกมาได้กว้างๆ



“ชา น้ำครับ”  เสียงของผู้มาใหม่ที่ทำให้เธอวางดอกไม้แล้วหันไปยิ้มกว้างๆให้คนที่พึ่งเข้ามาอีกครั้ง



“ขอบคุณค่ะหมิง”



“หื้ม ขอบคุณผมเรื่องอะไรครับ”



“ก็...ทุกเรื่อง ทุกเรื่องจริงๆที่รู้ใจชา”  เธอที่ว่าออกมาแบบนั้น แล้วเดินเข้าไปหา แขนเรียวที่กอดรอบเอวชายหนุ่มตรงหน้าอย่างออดอ้อน



“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณ ขอบคุณที่กลับมา คุณรู้ไหมว่าผมใจแทบขาดตอนที่รู้ว่าคุณประสบอุบัติเหตุ ผมกลัวว่าคุณจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก...เรื่องทั้งหมดแม่งก็เป็นเพราะไอ้ทัพ ไอ้สัดเอ้ย หล่อมากมั้งถึงต้องมีคนมาเกาะแกะแบบนั้น ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าแต่งงานกับมัน”



“ถ้าไม่แต่งกับทัพ แล้วครอบครัวชาล่ะคะ ธุรกิจคุณพ่อที่ครอบครัวทัพช่วยออกหน้ามันจะฟื้นขึ้นมาได้ยังไง”



“ผมบอกคุณแล้วว่าผมจะช่วยเอง”



“หมิง...คุณก็รู้นี่ ว่าระดับคุณในตอนนั้นกับครอบครัวทัพ มันต่างกันแค่ไหน เราพูดกันเรื่องนี้แล้วนี่ค่ะ” 



เธอที่พูดออกมาอย่างเอาใจ ใบหน้าสวยที่ซบลงที่ลาดไหล่ของชายตรงหน้าทำให้หมิงถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วเอียงหน้ามาจูบที่ริมฝีปากอิ่มของเธอเบาๆแล้วผละหน้าออก



“ครับ ผมรู้แล้ว แต่แค่พูดถึงมันก็น่าเจ็บใจ ... รวมถึงเรื่องลูกของเราที่ต้องจากไปเพราะการกระทำเฮงซวยของคนที่มาชอบไอ้ทัพอีก มันอภัยให้ไม่ได้!”



“ชาเองก็เสียใจที่ปกป้องลูกของเราไว้ไม่ได้ค่ะหมิง”



“มันถึงเวลาแล้ว ที่คุณจะเป็นอิสระจากมันซักที”



“ค่ะ...หลังจากที่ชาขอให้ทัพโอนบ้านหลังนั้นให้ชาได้ และหุ้นอื่นๆของเตชะณรงกรค์ก่อนได้เรียบร้อย...วันนั้นจะไม่มีทัพหน้าอยู่ในโลกของเราอีกต่อไปนะคะหมิง”



“ครับ”



ลูกของเรา



...เด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเขา!...



ประโยคสั้นๆที่ทำให้คนที่นั่งอยู่ในรถกำลังฟังบทสนทนานั่นทั้งหมดอย่างใจเย็นรู้สึกราวกับโดนน้ำกรดราดรดลงมาตั้งแต่หัวจนถึงปลายเท้า ความรู้สึกเจ็บแสบยิ่งกว่าโดนต่อย รู้สึกหน้าชาตัวชาวาบ ทั้งเจ็บทั้งแสบเหมือนมีคนเอามีดกรีดไปตามเนื้อตัว ค่อยๆเลาะเอาเนื้อของเขาออกมาจากกระดูดทีละชิ้นๆแล้วโปะด้วยเกลือยังไงยังงั้น  ... นี่คือผู้หญิงที่ตัวเค้าดูแลเธอมาอย่างดีตั้งแต่สมัยเรียน  ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้ชอบณราชาเพราะความตั้งใจส่วนตัว มันอาจเป็นเพราะพ่อของเขาที่จัดแจงเรื่องราวให้เราต้องได้รู้จัก คบ และรักกันก็ตาม แต่ตัวเขาเองก็พยายามในทุกๆอย่างที่จะทำให้ณราชามีความสุขในฐานะผู้หญิงคนนึงที่พึงจะมีหน้าตา ฐานะ และความสุขที่ผู้ชายคนนึงจะหามาได้ และแน่นอนว่า คนอย่างทัพหน้าทำให้เธอได้ยิ่งกว่าได้ ณราชาที่ไม่ต่างจากเจ้าหญิงในนิยายที่สูงศักดิ์รวมถึงมีสามีที่ดีพร้อมทั้งหน้าตา ฐานะ และทุกๆอย่าง ... แต่ในวันนี้...ตอนนี้  ตัวเขากลับได้รู้ว่า ที่ผ่านมามันแค่ละครฉากใหญ่  ไม่มีความจริงใจ ไม่มีความรักเกิดขึ้นมาเลยในระหว่าง 5 ปีก่อนมันคือเรื่องโกหก ทั้งๆที่ตัวเขาต้องเสียสละในเรื่องที่ไม่อยากเสียไปที่สุด เพื่อแลกมากับความโกหกงั้นหรอวะ!



มือหนากำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน  ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นด้วยความคับแค้นใจชิงชังที่ลุกโชนขึ้นในจิตใจ   



แว๊บนึงที่ภาพในหัวฉายแวบให้เห็นใครอีกคนที่ขึ้นมาให้ได้นึกถึง



‘ให้ครับ ขนมนี่ผมทำเองเลยน้า’



‘กูไม่ชอบกินของหวาน ... อ้อ...ที่สำคัญกูไม่ชอบกินของจากคนแปลกหน้า’



‘แต่ผม...’



‘อย่าเสียเวลา เพราะกูไม่คิดจะใส่ใจ หลีกไป!’



‘พี่ครับ’



‘วุ่นวายชิพหาย ไม่รู้ตัวรึไงว่ามึงกำลังทำตัวเกะกะขวางทางและขวางหูขวางตากู กูกำลังเสียเวลาเสวนากับคนที่ไม่มีผลประโยชน์ที่สุดในชีวิตของกู และนั่นมันคือมึง’



‘ผม...ผมชอบพี่นะเว้ย! หยิ่งจังอ่ะพี่ คุยกันดีๆหน่อยไม่ได้หรอครับ ผมน่ะ...’



‘หยิ่ง? เปล่า...กูไม่ได้หยิ่งเลย กูเนี่ยคนสบายๆนะจะบอกให้ แต่กูแค่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาสนใจความชอบหรือไม่ชอบอะไรของมึง เพราะ...กูมีแฟนแล้ว ชัดนะ’



‘แต่ผมก็ชอบพี่นะ ผมแค่ชอบพี่เอง’



‘น่ารำคาญ’



‘พี่...’



‘ถึงมึงจะเป็นผู้ชายที่ดูหน้าตาน่ารักดีอ่ะนะแต่ก็ช่วยคิดหน่อยได้ไหมว่าอย่ามั่นหน้าจนเกินไปจะได้หรือเปล่า นู่น...น่ารักได้เท่าแฟนกูหรือยังถึงสะเอะมาวุ่นวาย นั่นน่ะณราชาดาวมหาลัย รู้แล้วก็ถอย! เสียเวลา น่ารำคาญ!’



‘ผมจะทำให้พี่ชอบผมให้ได้เลยคอยดู!’



ภาพของดวงตาใสที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสเพราะความเจ็บค่อยๆเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ พร้อมๆกับที่พยายามจะส่ายหน้าและดิ้นหนี  คำพูดของมันในวันที่โดนผมจับตัว



“อึก ไม่ กูไม่เกี่ยวนะ กู...กูไม่ได้ตั้งใจ”



“คนผิดมันต้องชดใช้...และคนๆนั้น มันก็คือมึง!”



“มึงฆ่าณราชา และมึงฆ่าลูกกู!”



“ผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้เรื่อง”



“พะ...พี่ ปล่อยผมเถอะ ขอโทษ ปล่อยผมไปเถอะนะ”



"บอกเหตุผลดีๆสักข้อที่กูจะปล่อยมึงไปหน่อยสิ"



"ผะ...ผม..."



"หึ ฆาตกรอย่างมึงต้องชดใช้! หมดเวลาสำหรับคนแบบมึงแล้ว”



“ปล่อยผมเถอะนะ ฮึก ผมไม่ได้ทำ ฮึก” 



น้ำตาใสที่ไหลลงมาอาบแก้มในวันนั้น ดวงตากลมสวยแดงช้ำไปหมด สายตาใสที่มองมาที่เค้าในตอนนั้นมันมีแต่ความกลัว ... หรือแม้แต่คำพูดของผมในวันที่พาไอ้เมลไปร้านไอ้ดาบในครั้งแรก



"พี่ก็คิดถึงแจจริงๆนั่นล่ะ”



“ปากหวานจังเลยฮะ”



“มาชิม”



“แอะแฮ่ม พอๆไอ้สัด คุยเหี้ยไรกัน มึงอยากแดกไรไอ้แจ”



“เอาข้าวผัดต้มยำไหม พี่จำได้ว่าแจชอบกิน”



“โหยรู้ใจ ไม่เจอกันตั้งนานพี่ทัพยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลย”



“ใช่ ไม่เจอกันตั้งนาน เราโตขึ้นมากเลยนะ แต่แจเองก็น่ารักไม่เปลี่ยนเหมือนกันนะ...แต่เหมือนจะน่ารักขึ้นกว่าเดิมนะ”



“พูดเหี้ยอะไรกันนัก เมลมันเงียบเลยเห็นไหม เลิกคุยเรื่องเก่าๆดีกว่าน่า”



“จะเงียบไม่เงียบก็เรื่องของมันดิ ... ยังไง กูก็ไม่เคยมีมันในความทรงจำอยู่แล้วไหมวะ” 



คำพูดของตัวเองในวันนั้นที่ตั้งใจพูดให้สะใจไปแบบนั้น แต่พอนึกพอถึงหน้าของมันในวันนั้น มันเองก็คงจะเจ็บเหมือนผมในวันนี้สินะ  หรือแม้แต่คำพูดสุดท้ายของมัน ก่อนที่มันจะไปจากผม น้ำเสียงของมัน เสียงสะอื้นของมันในวันนั้น



“ฮึก ฮื่อออ กูเคยคิด เคยคิดว่าเวลาจะทำให้มึงเชื่อกูอ่ะทัพ  ฮึก ฮื่ออ... กูไม่ได้ทำ ทัพ กูไม่เคยทำ กูแค่อยากช่วยมึง กูรักมึง กูตามเรื่องของมึง กูให้ลูกน้องพ่อตามมึง ฮึก ตาม ตามจริงๆ แต่เพราะกูรู้ ฮึก...กูได้ยินว่าจะมีคนตั้งใจทำร้ายมึง มีคนตั้งใจรอบฆ่ามึง ฮื่ออ กูเลยให้ลูกน้องตาม แต่ไม่ได้สั่งให้ลูกน้องไปตัดสายเมียมึง กูไม่ได้วาง อึก แผนแบบนั้น ฮื่ออ ทำไม ทำไมวะ...แค่เพราะกูเป็นห่วงมึง กลัวจะเป็นจะตายว่ามึงจะเป็นอะไรไป แต่ทุกครั้ง ทุกครั้งเลย สิ่งที่กูได้ตอบแทนมาจากมึงมันถึงเป็นแค่ความเจ็บปวดวะ ทำไมวะทัพ ทำไม....”



“ฮึก...กูคิดว่าสักวันมันจะเป็นไปได้ ... แต่เปล่า  เปล่าเลย ...”



“วันนี้กูยอมแล้ว กูพอแล้ว ...เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว”



เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว

เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว

เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว



หลับตาลงแน่นๆจนปิดสนิท แต่หูกลับได้ยินแต่คำพูดนี้ของมันก้องวนไปอยู่ในหูไม่มีหยุด ผมที่ทำเลวซ้ำๆซากๆกับมันทั้งๆที่มันไม่เคยทำผิด มันที่พยายามทำให้ผมเชื่อด้วยการแลกทุกอย่างที่จะอยู่ข้างๆผมในวันนั้น  ... แต่ในวันนั้น ผมกลับปกป้องใครอีกคน...ที่ไม่เคยรักผมเลย



“อ๊ะ อ๊ะ ... หมิง อ๊ะ หมิงคะ อ๊ะ”   



ทัพหน้าที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สายตาคมที่จ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง  เสียงหวานที่ตัวเขาเองก็เคยได้ยินกำลังนอนครวญครางอยู่บนเตียงกว้าง โดยมีร่างแข็งแกร่งของชายอีกคนทาบทับอยู่บนร่าง ดอกลิลลี่ที่ก่อนหน้านี้วางอยู่กลางเตียงตอนนี้ถูกเตะทิ้งลงมาที่ด้านล่าง นอนแน่นิ่งไร้ค่าอยู่บนพื้น  ร่างสองร่างที่บดจูบแลกลิ้นกันอยู่บนนั้น ท่อนกายแข็งแกร่งที่โยกขยับผลุบเข้าผลุบออกไปในช่องทางยั่วเย้าที่ทำให้ตัวสาวเจ้าสั่นระริก ท่าทางร้อนแรงที่ต่างคนต่างบดเบียดแลกท่ากันอย่างเมามันไม่ต่างจากไฟที่กำลังโหมกระพือลงกลางเตียง



ดวงตาคมของทัพหน้าที่มองภาพนั้นอยู่แดงก่ำวาวโรจน์อย่างน่ากลัว  สายตาคมแดงก่ำสั่นระริกอย่างเจ็บใจ รวมถึงเมื่อนึกถึงใครอีกคนที่ต้องเจ็บเพราะตัวเขาที่โง่งมก็ยิ่งแค้นใจ ... และความแค้นนี้ มันจะไม่มีทางหมดไป จนกว่าคนแบบทัพหน้าจะจัดการมันจนไม่เหลือซาก



คิดจะมาเล่นกับคนแบบทัพหน้า ... มันคิดผิดมหันต์!



นิ้วยาวเรียวของทัพหน้าที่กดปุ่มเซฟคลิปภาพและเสียงเอาไว้เรียบร้อย คมชัดทั้งภาพและเสียง ก่อนที่เจ้าตัวจะเซฟลงเครื่อง รวมถึงแทรกเมล จัดส่งทั้งทางเมลและไลน์ รวมถึงจัดส่งไปยังเว็บไซต์ที่ต้องการซื้อคลิปแบบนี้อีกหลายเจ้า



“หึ”



กระตุกยิ้มที่มุมปากร้ายๆ ก่อนจะโยนมือถือไปที่เบาะหลังรถอย่างไม่ใส่ใจ ร่างสูงที่เข้าเกียร์ไปที่ตัวD ก่อนที่รถคันสีดำจะพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงล้อรถบดกับถนนที่ตามหาตัวรถไม่เจออีกแล้วในช่วงเวลายามค่ำคืนแบบนี้



...



11:00 PM



“ฮึบ อึบ”



‘ตุบ’



ขาเรียวยาวภายใต้กางเกงยีนส์สีดำกระโดดลงมาแตะกับที่พื้นหญ้าได้อย่างปลอดภัย ร่างบางๆภายใต้เสื้อฮูดสีดำแถมมีหมวกสีดำใส่ไว้ สภาพไม่ต่างจากโจรที่เตรียมตัวมาปล้นบ้านมหาเศรษฐี แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้มาปล้น แต่เพราะความอัดอั้นที่ทำให้นอนพลิกตัวไปพลิกตัวมาจนนอนไม่หลับ มันเลยทำให้ขับรถมาถึงที่นี่  ไม่ใช่บ้านมหาเศรษฐีที่ไหน แต่เป็นบ้านของ ‘ทัพหน้า’



“ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย กูจะไม่มาเลยไอ้สัด”   



บ่นพึมพำออกมาแบบนั้น พรางใช้สายตาสวยมองไปรอบๆบ้านด้วยสายตาล่อกแลก กลัวคนมาเจอ แต่แปลกจริงๆที่คืนนี้เวรยามในบ้านของไอ้ทัพหน้ากลับไม่แน่นหนาเหมือนอย่างเคย ถ้าพูดตรงๆก็คือแทบไม่มีลูกน้องเดินไปเดินมาเหมือนตอนที่เขาอยู่



“หรือเพราะกูไม่อยู่แล้วเลยไม่จำเป็นต้องเฝ้าเฉลยว่ะ หึ พวกเวน” 



บ่นออกไปแบบนั้นแล้วเดินย่องๆไปเรื่อยๆ ผ่านตามแนวสนามหญ้าที่เป็นต้นไม้ใหญ่ แถวนี้อยู่ทางด้านขวาของตัวบ้าน เป็นต้นไม้ใหญ่ๆเพราะกรงไอ้รี่อยู่แถวนี้ ... พูดมาถึงนี่ก็ดี วันนี้กูจะเอาไอ้หลงกลับไปด้วย!



ผมที่ค่อยๆแอบตัวเองไปกับความมืด จนในที่สุดก็ย่องมาถึงทางเข้าห้องครัวที่อยู่ทางด้านหลัง เฮ้ออ รอดแล้วกู  เดินเข้าไปในตัวบ้านที่เปิดไฟไว้ตามจุดต่างๆไม่มาก ตัวบ้านทั้งหลังตกอยู่ในความเงียบ ผมตั้งใจจะวางแฟรชไดร์ที่ผมอัปโหลดไฟล์เสียงของณราชาไว้เอาไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานของทัพหน้า และหลังจากนั้นจะรีบวิ่งไปหิ้วไอ้หลง แล้วหลังจากนั้นทั้งผมและมันจะกลายเป็นคู่ขนานที่ไม่ต้องเจอกันอีก นี่คือแผนของผม!



‘ถึงชื่อจะเป็นของเขาจะเป็นหวาน แต่สมองไม่เป็นผู้ใหญ่ ชื่อของเขาคือ ยอดนักสืบโคเมลลลลลล’



แสนเท่ กูพูดเลย!!



“เอาวะ เริ่มภารกิจได้” 



ว่าออกมาแบบนั้นแล้วย่องขึ้นไปที่ห้องทำงานชั้นสองของมันในทันที  ไอ้หลงมึงรอพี่ก่อน เดี๋ยวกูจะกลับลงมาเอามึงกลับบ้านเรานะไอ้หนู



‘แอ๊ด’



เปิดประตูเข้าไปที่ห้องทำงานของไอ้ทัพหน้า  ไอ้ชิพหาย ประตูมึงควรหยอดน้ำมันบ้างนะ เปิดทีได้ยินทั้งบ้านมั้งแม่ง ... ผมที่ค่อยๆปิดประตูลงไวๆเพราะกลัวว่าคนที่อยู่ในห้องกับเมียมันจะได้ยินเสียงเอา ก้าวเดินอาดๆ ปลดกระเป๋าเป้ที่สะพายมาแล้วหยิบแฟลชไดร์ฟออกมาในทันที  มองๆหากระดาษเหลือๆของมันผ่านความมืด หยิบปากกามันมาด้วย แล้วเขียนข้อความลงไปว่า



‘เปิดดู ถ้าไม่อยากตาย ไอ้หน้าโง่!’



“หึ่ย หวังว่ามึงจะรอดนะ ถึงกูจะโกรธมึงมากๆ แต่กูก็ไม่อยากเห็นมึงตายหรอกไอ้ทัพหน้าหน้าหมา”   



ว่าออกมาแบบนั้นแล้วรีบหยิบที่เสียบปากกาที่เป็นแท่นคริสตัลของมันมาวางทับกระดาษไว้และวางแฟลชไดร์ฟสีแดงไว้ข้างๆ



“เฮ้อ เสร็จ”  ยิ้มออกมาพร้อมๆกับที่ถอนหายใจ  ภารกิจช่วยชีวิตหมาน่าโง่เสร็จแล้ว เหลือแต่ช่วยชีวิตไอ้หลงกลับบ้าน เอาล่ะ ลุย!



‘พรึบ’



ในตอนที่กลับหลังหันจะฟูลเทิร์นออกไปจากห้องแบบเท่ๆ ไฟในห้องทำงานของไอ้ทัพหน้าก็สว่างวาบขึ้นมา และพอหันไปมองทางด้านหลังก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อคนที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่งๆอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ไม่ใช่ใคร...นอกจากคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้



“ท...ทัพหน้า”



“ว่าไง”




มันที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมยกยิ้มมุมปาก แต่สายตานิ่งๆที่จ้องหน้าผมไม่แสดงอาการว่ารู้สึกอะไรนั่นทำเอาตัวผมสั่นและเผลอก้าวถอยหลังไปอย่างอัตโนมัติ ....



ซวยชิพหายแล้วยอดนักสืบโคเมล!         

 



​--------100%---------



มาแล้วจ้าาา มาก่อนวันเสาร์วันนึงนะคะ มาเพิ่ม15หน้ารวด หวังว่าคนอ่านจะสนุกในตอนนี้นะคะ  ในตอนนี้แคทตั้งใจเขียนมากๆ เป็นบทที่จะเฉลยทุกเรื่องราวของทั้งเรื่องเลยน้าา แคทหวังว่าคนอ่านจะสนุกและชอบเรื่องนี้ไปด้วยกันนะคะ

ส่วนที่มีคนอ่านถามแคทเข้ามาว่า เรื่องนี้จะมีหนังสือออกมาไหม ก็ขอตอบว่า มีหนังสือแน่นอนค่ะ

ส่วนเรื่องราคา คาดว่าจะอยู่ในเรทเดียวกับเรื่องที่แล้วเรื่องพี่นักรบนะคะ เพราะความยาวเรื่องเท่าๆกันเลยค่ะ

ส่วนจะเปิดพรีรอบแรกเมื่อไหร่ แคทคิดว่าจะเปิดภายในสิ้นเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้าจ้าา

ฝากเฮียทัพน้องเมลไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ (กราบแบบเบญจาคประดิษฐ์) #หลงร้าย
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 100% {12.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-04-2019 22:44:09
 :katai1: :katai1: :katai1:

อ้างถึง
ลูกของเรา



...เด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเขา!..

โห่ไอ้เราก็นึกว่าจะคิดได้ตั้งแต่ปืนเอาเอกสารที่ไปสืบมาให้ดูแล้วซะอีก ทัพหน้าโง่จริงอะ  o18 โคเมลปล่อยให้คนหน้าโง่ง้อนานหน่อยนะอย่ายอมง่าย ๆ ล่ะ  ว่าแต่คงสายไปแล้วสินะก็เล่นเป็นห่วงเขาจนได้เรื่องเป็นฝ่ายมาเจอเองซะงั้นเฮ่อ  o22
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 100% {12.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 12-04-2019 23:11:27
พี่หลงพี่รี่ช่วยน้องนักสืบโคเมลด้วยยยยยยยยย

อย่ามาใช้อำนาจในทางไม่ชอบนะเฮียทัพ

ตอนนี้ต้องง้อนะ ต้องง้อ อย่ามาทำนิสัยเดิมนะ เดี๋ยวตีตายเลย
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 100% {12.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 12-04-2019 23:18:49
อยู่ๆ น้องเมลก็มาเล่นคอมมาดี้ตอนท้าย
.
เอาที่สบายใจเลยจ้าาา พ่อยอดนักสืบโคเมล ............โว้ยยยยยยย เอาอารมณ์ที่บิ้วก่อนหน้านี้ของเราคืนมา
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 100% {12.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 12-04-2019 23:58:35
เมลโดนทัพหน้าจับได้อีกแล้ว พี่ทัพนี่ก้ดีเนอะไม่ต้องไปตามง้อ น้องเมลมาหาถึงที่เลย :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 100% {12.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 13-04-2019 02:15:13
คลี่คลายหลายๆอย่างแล้ววว,,,
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่30* 100% {12.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 13-04-2019 13:29:17
มาต่ออีกจ้า
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 40% {13.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 13-04-2019 20:02:41



บทที่31.1





“ว่าไง”   



ทัพหน้าที่ยืนพิงผนังห้องทำหน้านิ่งๆและแขนข้างซ้ายก็ยังคงแตะอยู่ที่สวิทช์ไฟ สายตาคมที่มองตรงไปที่คาราเมลนิ่งๆและถามออกไปสั้นๆ ถึงแม้ว่าหัวใจของเขาตอนนี้จะเต้นโครมครามไม่หยุด มันเต้นแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่สัญญาณกันขโมยแจ้งเตือน มองเห็นเป็นก้อนอะไรบางอย่างลับๆล่อๆอยู่แถวกำแพงบ้านผ่านหน้าจอกล้องวงจรปิด พอมองชัดๆถึงรู้ว่าเป็นใคร  ในตอนนั้นหัวใจของผมก็ยิ่งทำงานหนัก สัญญาณกันขโมยในบ้านหลังนี้คงมีแค่ผีหรือพวกแวมไพร์เท่านั้นที่จะตรวจจับไม่ได้ แต่ไอ้เมลมันดันไม่รู้



และพอเห็นว่าเป็นคาราเมลจริงๆ ตัวเขาเองก็แทบอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆแบบที่ไอ้ดาบชอบทำ พึ่งเข้าใจก็วันนี้ว่าทำไมไอ้ดาบชอบแหกปากกรี๊ด อาจเป็นเพราะว่ามันไม่มีอะไรอธิบายความรู้สึกดีใจได้เท่าการกรี๊ดแล้วน่ะสิ .... แต่สิ่งที่ตัวผมเองทำได้ในตอนนี้ก็คือแค่ทำท่ากอดอกและจ้องหน้าอีกคนด้วยสายตานิ่งๆแบบที่ผมชอบทำ ผมที่มองเห็นไอ้เมลขยับถอยหลังไปพร้อมหน้าตาเลิ่กลักที่ไม่รู้จะทำยังไง สายตาใสๆของมันที่เริ่มมองไปที่ประตูเป็นระยะๆเหมือนอยากหาทางรอด



“หายไปเป็นอาทิตย์ กลับมามึงลืมปากมาหรอ”



“เสือก”  คำแรกหลังจากที่เราไม่ได้เจอหน้ากัน คือคำสั้นๆที่กระชับมิตรภาพ มันน่าตีน้อยไหมล่ะ



“มึงว่าเจ้าของบ้านที่มึงลักลอบเข้ามาแบบนี้งั้นหรอ” 



ผมที่เริ่มขยับตัว ไอ้เมลก็ถอยกรูดไปที่ด้านหลังเก้าอี้ทำงานของผมทันที  ไวยิ่งกว่าแมว แค่เห็นหน้ามันก็อยากกระชากเข้ามากอดแล้ว



ผมใช้สายตาไล่มองมันให้ทั่วใบหน้า เลื่อนลงไปที่ลำตัว ไล่ไปจนถึงเรียวขาที่ผมเคยสัมผัสมาบ่อยจนชินมือ จำได้แม้กระทั่งกลิ่นกายเฉพาะตัวของมันด้วยซ้ำ ในวันนี้ที่มันอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว มีโต๊ะไม้ตัวยาวที่กั้นเราเอาไว้ด้วยซ้ำ ผมคิดถึง ... คิดถึงมันไปหมดทุกอย่าง



“กูเข้ามาเพราะมีธุระหรอก”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น เชิดหน้ามองตาขวาง ริมฝีปากรั้นๆของมันที่เชิดขึ้นแบบบอกให้รู้ถึงความเอาแต่ใจ



“ธุระอะไร?” เลิกคิ้วถามมันไปแบบนั้นด้วยสีหน้าแบบเดิม อีกคนที่พยายามจะไม่ทำตัวให้มีพิรุธกลับยิ่งมีพิรุธมากขึ้นไปอีก ผมรู้จักนิสัยของมันดี  ยิ่งจี้ถามมันยิ่งอยากปิด พอยิ่งอยากปิดก็จะยิ่งโกหกได้ไม่เนียน



“ก็...ก็...กูจะมาเอาไอ้หลงคืน”



“แล้วขึ้นมาบนนี้ทำไม ไอ้หลงอยู่ข้างล่าง”  พอว่าออกไปแบบนั้นก็มองเห็นมันที่ตาเบิกกว้าง ทำปากพงาบๆพูดอะไรไม่ออกสักคำ อ่านจากสีหน้าของมันได้ว่า ‘ชิพหายแล้วไอ้เหี้ย’ ท่าทางของมันที่เหมือนอยากจะตบหัวตัวเองแรงๆสักที  พอเห็นมันเป็นแบบนั้นแล้วผมก็อยากจะยิ้มออกมากว้างๆ  มันน่าเอ็นดูจนผมต้องเสหน้าหนีมองไปทางอื่น ขืนจ้องมันอยู่แบบนั้นต้องหลุดยิ้มออกมาแน่ๆ



“ว่าไง” 



เน้นเสียงหนักๆถามจี้มันเข้าไปอีก  ไอ้เมลที่อึกๆอักๆ ปลายเท้าเรียวของมันที่ย่ำไปย่ำมาอยู่บนพื้น พยายามจะคิดแก้ตัวว่ามันขึ้นมาบนนี้ทำไม ริมฝีปากสวยของมันที่เม้มเข้าหากันแบบใช่ความคิด ในที่สุดมันก็โพล่งออกมาเสียงดัง



“กูหลง!”
  อื้ม... คำตอบก็ดูเป็นไอ้เมลดี



“งั้นหรอ”  ว่าออกไปแบบนั้นพร้อมยกยิ้มมุมปากใส่อีกคนที่กำลังทำหน้าเหมือนอยากกัดลิ้นตัวเองให้ตายลงตรงนี้ เห็นแบบนั้นแล้วอดจะยิ้มออกมาไม่ได้เลยจริงๆ



“ยิ้มเหี้ยไร หน้าโง่”  ด่าผมออกมาแบบนั้นแล้วทำหน้าตาจริงจังใส่ อืม ... ด่ากูหน้าโง่ด้วย แต่ก็อาจจะจริงของมัน


“นั่นอะไร”  ผมที่เลื่อนสายตาไปที่โต๊ะทำงาน มองเห็นถึงสิ่งปกติบางอย่างที่มาอยู่บนโต๊ะทำงานของผม ไอ้เมลที่เลื่อนสายตามองตามแล้วชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบปั้นหน้าปกติ แต่ขอโทษกูเห็นทัน



“เห้ยๆ มึงเดินเข้ามาทำเหี้ยอะไร” 



มันที่ถอยหลังจนไปชนติดกับตู้หนังสือด้านหลัง ชี้มือชี้ไม้มาที่ผมแบบดุๆ แต่กูไม่กลัว เดินเข้าไปหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงาน หยิบกระดาษกับแฟรชไดร์ทอันนึงที่วางอยู่ตรงนั้น ข้อความสั้นๆในกระดาษที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว



‘เปิดดู ถ้าไม่อยากตาย ไอ้หน้าโง่!’



“นี่หมายความว่าอะไร”  เงยหน้าขึ้นมาจากเศษกระดาษนั่น พรางโบกเศษกระดาษผ่านหน้ามันไปมา  ไอ้เมลที่เม้มปากเข้าหากันจนแน่นและเสตาหลบ  แค่มองดูจากตรงนี้ก็รู้แล้วว่ามันเป็นคนเขียนและเอามาวางไว้



“เมล”



“ไม่รู้ๆๆๆโว้ย ใช่ของกูซะที่ไหนล่ะ!” 



ตะคอกใส่ผมแบบนั้น แล้วรีบจ้ำพรวดๆออกมาจากด้านหลังโต๊ะทำงาน มันที่ตั้งใจจะเดินหนีผมไวๆไปที่ประตู แต่ขอโทษ ... มึงไม่มีทางไวกว่ากูหรอกคาราเมล



‘หมับ’



“เห้ย”  ผมที่เอื้อมมือไปคว้าข้อมือมันไว้ ก่อนจะดึงมันเข้ามาใกล้จนในที่สุดก็กอดมันเอาไว้จนจมอกได้จริงๆ เหมือนมันจะผอมลงไปเยอะเลย



“อย่าดิ้น”



“ปล่อยกูทัพหน้า” 



มันที่ว่าออกมาเสียงจริงจังแบบนั้น พร้อมๆกับฝ่ามือเรียวที่ดันอกผมไว้ ขืนแรงเท่าที่แรงของมันจะมีสู้กับแรงของผม  ไอ้เมลที่รู้ว่าสู้ไม่ได้แต่มันก็ไม่ยอมที่จะหยุดสู้ มันที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของผมแบบนั้น ก่อนที่มันจะนิ่งไปซะเฉยๆ



“เมล”



“ปล่อย”  มันที่ว่าออกมาเสียงแข็ง แต่ผมก็ทำแค่กอดมันไว้แน่นๆให้สมกับที่มันกล้าหนีผมไป



“ไม่ปล่อย ในแฟรชไดร์ทนี่มันมีอะไรอยู่ มึงถึงเขียนเอาไว้แบบนั้น”



“ถ้ามึงไม่เปิดแล้วตายห่าก็เรื่องของมึงสิ”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วช้อนตาเงยหน้ามองหน้าผมเขม็ง  หน้าตาไม่ต่างจากไอ้หลงในอาทิตย์ที่ผ่านมาตอนที่มันข่วนเบาะหนังที่ส่งมาจากอิตาลีจนพังไปหลายตัว



“เป็นห่วงกูสินะ” 



พูดออกไปพร้อมยกยิ้มมุมปากมองหน้าคนตรงหน้าที่เบิกตากว้างขึ้นตอนได้ยินคำพูดของผม  ดวงตากลมโตของมันที่กระพริบปริบๆ มองเห็นแก้มของมันที่แดงขึ้นมาหน่อยๆ ไม่รู้ว่าเขินหรืออายที่ถูกจับความรู้สึกได้กันแน่



“เฮงซวย ใครบอกมึงแบบนั้นวะ”



“ถ้ามึงไม่ห่วงกู มึงไม่มาหาถึงนี่ ทั้งๆที่ตั้งใจหนีกูไปหรอกเมล”



“สาระแนเดาสุ่ม!”



“มึงห่วงกู มึงกลัวกูตาย”



“ว้าวุ่นโมเมพูดไปเรื่อย แต่เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ ไอ้ทัพหน้า อย่าบอกว่ามึงรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ”



“เรื่องอะไร?”



“ก็เรื่องที่มึงจะถูกเมียฆ่า เชี่ย” 



มันที่โพล่งออกมาแบบนั้น แบไต๋ให้รู้ว่ามันเป็นคนเอาแฟรชไดร์ทนี่มาแบบที่ผมไม่ต้องเสียบข้อมูลเปิดดู  ดวงตากลมๆของมันที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ มันที่ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเหมือนมันเผลอหลุดพูดอะไรที่ตั้งใจจะปิดออกมาจนได้  ไม่มีคำไหนแทนหน้าตาของมันได้ นอกจากคำว่าน่ารัก



“หึ”



และเพราะคิดแบบนั้น หรือลึกๆคืออดใจไม่ไหวเลยโน้มหน้าลงไปหอมแก้มมันเน้นๆฟอดใหญ่ ไอ้ดื้อที่อยู่ในอ้อมกอดของผมดิ้นแด่วๆไม่ต่างจากลูกแมวที่โดนน้ำร้อนสาด



มีแต่คำว่าน่ารัก



มีแต่คำว่าคิดถึง



“ไอ้สัดทัพหน้า ไอ้เหี้ยๆๆๆ มึงรู้หรอ! เฮงซวยที่สุด กูไม่น่าโง่มาเลย!”   



มันที่ตะคอกออกมาเสียงดัง หายใจฟึดฟัดอย่างคนที่กำลังโมโห มันที่ยิ่งดิ้นจะผละออกจากอ้อมกอดของผมแต่ผมกลับยิ่งกอดมันแน่นขึ้นอยู่แบบนั้น



“เพราะมึงเป็นห่วงกู เพราะมึงรักกูถึงกลับมาสินะ”



ผมที่ว่าพูดไปแบบนั้นกำลังมีความสุขกับการกอดคนที่คิดถึง แต่เป็นมันเองที่อยู่ๆก็เลิกดิ้นและยืนนิ่งๆปล่อยให้ผมทำตามใจ สุดท้ายก็ต้องเป็นผมที่รู้สึกเอะใจจนผละอ้อมแขนออกมา



“เพราะมึงรู้ว่ากูรัก มึงเลยคิดจะทำอะไรกับกูก็ได้งั้นสิ”   



มองเข้าไปในดวงตาใสที่ตอนนี้กำลังจ้องมองผมเขม็ง แววตาสั่นๆของมันที่เริ่มจะแดง มองเห็นเหมือนน้ำตาของมันที่เหมือนอยากจะไหลออกมา แต่เจ้าตัวกลับข่มมันเอาไว้ทั้งแบบนั้น



“เมล...กูขอโทษ”



เลือกจะจับมือมันไว้แน่นๆ อยากให้มันรับรู้ความรู้สึกของผมว่าผมขอโทษมันจริงๆ อยากให้มันรู้ว่าผมเองก็เสียใจกับความเอาแต่ใจของตัวเองและเรื่องที่ผ่านมา แม้ว่าตอนนี้...มันจะไม่ทันกับความรู้สึกของมันที่เสียไปก็ตาม



บางทีผมก็ลืมไป มัวแต่เร่งรัดเอาแต่ได้ จนลืมไปว่าความรู้สึกของมันเปราะบางมากแค่ไหน ถึงมันจะรักผมมากเท่าไหร่ แต่ความเจ็บในหัวใจของมันในตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาจากผมเลยสักที แล้วยังจะเอาแต่ใจอยากได้อะไรจากมันอีก



“..... กูไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากมึงนะทัพ”   



มันที่เงียบไปนานหลายอึดใจ สุดท้ายไอ้เมลก็แค่นยิ้มขำๆออกมาพร้อมจ้องหน้าผมนิ่งๆ  หัวใจผมบีบรัดเข้าหากันในตอนนี้ ตอนที่เห็นสายตาของมันที่มองมาที่ผม ... สายตาของมันที่กำลังทำให้ผมกลัว และเพราะว่ารู้สึกแบบนั้น ผมเลยยิ่งกุมมือมันแน่นเข้าไปอีก



“กูรู้เรื่องทั้งหมดแล้วเมล มึงไม่ได้ทำ กูรู้หมดทุกอย่าง ทุกเรื่องแล้วจริงๆ กูเป็นคนผิดเองกูขอโทษ”



“หรอ ..... อื้ม กูดีใจ ที่ในที่สุดมึงก็รู้สักทีว่ากูไม่ได้ทำ...กูจะไม่ถามหรอกว่ามึงรู้ได้ยังไง กูจะไม่ถามด้วยว่ามึงรู้ตั้งแต่ตอนไหนและสรุปใครเป็นคนทำ ... แค่มึงรู้ความจริงว่ากูไม่ได้ทำ กูก็ดีใจแล้ว” 



มันตอบผมออกมาแบบนั้นช้าๆอย่างไม่เร่งรีบพร้อมยิ้มอ่อนๆส่งมาให้  สายตาที่หลุบต่ำลงเหมือนคิดอะไร ก่อนจะช้อนตาขึ้นมามองผม สายตาของมันที่มองมาที่ผมยังแฝงไว้ด้วยความเสียใจอยู่ลึกๆ แต่ถึงแบบนั้นมันก็เลือกที่จะส่งยิ้มบางๆนั่นมาให้ และเพราะคำพูดของมันและท่าทางของมันที่เป็นแบบนั้น...ผมถึงยิ่งรู้สึกหายใจไม่ออก



“กูรู้ว่าคำขอโทษคำเดียวของกู มันไม่ทำให้มึงหายเจ็บ มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น”



“อืม มันไม่หายเจ็บเลย แต่กูก็สบายใจขึ้นนะที่มึงรู้ความจริงแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่จะรู้สึกดีหรอกที่ต้องโดนใครตราหน้าว่าเป็นฆาตกร โดยเฉพาะโดนคนที่ตัวเองรักด่าว่าแบบนั้น เป็นใครก็คงไม่ดีใจหรอก”



“เมล...กูแม่งเหี้ยเอง กูผิดเอง”



“ก็เห็นๆกันอยู่ มึงไม่ต้องด่าตัวเองหรอก ทุกวันนี้กูก็สาปแช่งมึงอยู่ไม่ต้องห่วง” 



มันว่าออกมาแบบนั้นยิ้มๆ แต่ใจผมกลับรับรู้ว่าเวลาของเรามันกำลังนับถอยหลัง  ผมรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งสันหลังตอนที่คิดว่าคนตรงหน้ากำลังจะไม่ยืนอยู่ตรงนี้อีกแล้ว รอยยิ้มของมันเหมือนระเบิดเวลาที่ทำให้คนแบบผม ... คนแบบทัพหน้ากลัว



“กูว่า ตอนนี้มึงปล่อยมือกูได้แล้ว อีกอย่างกูมายืนคุยกับมึงแบบนี้มันคงไม่ดี ที่นี่ไม่ใช่ที่ของกู”



“มันเป็นที่ของมึง”  ผมที่สวนคำพูดออกไปทันควัน กลัว กลัวที่จะไม่ได้พูด ... ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกกลัวแบบที่ไม่เคยกลัวมาก่อน



“มันไม่ใช่ที่ของกูทัพ ตอนนี้กูรู้ดีว่ามันไม่ใช่ที่ของกู มันไม่เคยมีที่ของกู”



“เมล...มันเป็นที่ของมึงจริงๆนะ กู...กูจะจัดการทุกเรื่องให้เรียบร้อย มึงเข้าใจไหม กู...กูรั...”



“อย่าพูดคำนั้นออกมาแค่เพราะมึงอยากรั้งให้กูอยู่”  ริมฝีปากของผมที่อ้าค้างตอนที่คนตรงหน้าว่าตัดบทออกมาแบบนั้น  มันที่วันนี้ไม่ได้อยากฟังคำพูดนั้นของผมอีกแล้ว



“เมล...”



อย่ารั้งกูไว้ เพียงเพราะวันนี้มึงไม่เหลือใครที่ต้องดูแล มึงรู้ไหมเมื่ออาทิตย์ก่อน กูเป็นคนที่อยากให้มึงมาดูแลกูที่สุด กูอยากให้มึงมาหา แต่มึงกลับเลือกไปดูแลคนอื่น คนที่เป็นหัวใจเป็นหน้าที่ของมึง มึงลืมกู...มึงทิ้งกู”



“เมล กูไม่ได้ตั้งใจ มันฉุกละหุกมากๆ...”



“และเพราะวันนั้นตอนนี้กูถึงได้รู้ว่า เรื่องราวระหว่างเราที่มันเหมือนจะดีขึ้น จริงๆมันไม่เคยดีเลย ... เพราะการเริ่มต้นแบบผิดพลาด สุดปลายทางก็จะไม่มีคำว่าถูกต้อง ต่อให้กูอยากวิ่งกลับไปหามึงมากแค่ไหน แต่ถนนที่จะวิ่งไปมันพังหมด กูก็ไม่มีทางไปถึงหรอกทัพ



หัวใจผมหนักอึ้งไปหมดในตอนที่ได้ยินคำพูดนี้ ... เมลคนตรงหน้าที่ต่างออกไปจากทุกที  มันที่ไม่ร้องไห้ออกมาสักหยด ทำแค่เพียงพูดออกมาชัดๆเหมือนคนที่คิดมาดีแล้ว



บางทีผมก็ลืมไป เพราะมันเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวกับเรื่องของหัวใจมากๆ ขนาดผมร้ายมากแค่ไหนมันก็ยังรักและเลือกจะอยู่ ... แล้ววันนี้ถ้ามันจะไป มันจะเหลืออะไรให้คนแบบผมได้ขอร้องมันได้ไหม



ถ้าวันนี้กูบอกมึงว่าไม่ให้ไป ถ้าวันนี้กูขอร้องให้เราเริ่มต้นกันใหม่ มึงจะยอมอยู่ต่อไปกับกูอีกครั้งได้ไหม เมล...”  แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังอยากจะขอ อยากจะลองดูสักครั้ง สำหรับคนที่ไม่เคยได้ลองยืนมือไปหามันก่อนเลยสักที



...

40%


สาดน้ำในขันทำไม สาดน้ำตาไปเลยลวดเพ้!! คิกค้าก

สั้นๆแล้วจะอ่านกันไหม อ่านกันหรือเปล่า ~~
 :call: :monkeysad:

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 40% {13.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 13-04-2019 21:12:48
สั้นเท่านังเหลืองก็อ่านค่าาา จริงๆเป็นคนแบบนี้สินะเฮียทัพ จากที่หมดศรัทธาอยู่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นตลก ถถถถถถถถถถถ วันนี้จะได้ไปรับน้องหลงมั้ยย คิดถึงน้องหลงแล้วววว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 40% {13.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 13-04-2019 21:46:27
 :beat: หน้าตาตื่นจากความโง่เร็วกว่านี้นะพี่ทัพ :katai1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 40% {13.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 13-04-2019 23:48:25
น้ำตาค้าง ไปไม่สุด,,, รอครับ,,,
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 40% {13.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-04-2019 02:02:44
สมน้ำหน้าทัพหน้า  :z6:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 40% {13.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 14-04-2019 11:38:55
สมน้ำหน้า !!!!!!!
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 40% {13.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Piggyyoungy ที่ 14-04-2019 13:06:45
สั้นแค่ไหนก็อ่าน แต่แอบหวังลึกว่าจะได้อ่านเรื่อยๆในช่วงหยุดสงกรานต์
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 40% {13.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 18-04-2019 04:28:29
คงไม่ ขอพักก่อน ห่างกันเถอะ เหนื่อยและเจ็บปวดมานานมากแล้ว ขอออกไปสูดอากาศเพิ่มพลังชีวิตต่อจากนี้ก่อน ให้โอกาสตัวเองได้เห็นอะไรข้างนอกมากกว่านี้ ที่จะให้ดีคือปรับความเข้าใจกับพ่อซะถ้ามันไม่มากเกินไป ทุกคนในครอบครัวยังรอและรัก ทำความเข้าใจกับพวกเขาดีกว่าคนทำเราเจ็บปวดใจมานาน หึหึ!! ^^ //ส่วนคุณเมื่อใดที่พร้อม เคลียร์ตัวเองให้รอดก่อนค่อยมาคุยกันยังไม่สาย แต่ขอเมลไว้ก่อนเลยว่า อย่าง่าย!!! เอาให้สาสม!! รอได้รอ หึหึ! สะใจว้อยย 5555555555 นั่นไง ว่าแล้วเชียว เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด กว่าจะรู้ความจริงนะพ่อคู๊ณณ ต้องขอบคุณพี่ปืนสุดหล่อ มาชี้ทางสว่างในสมองไอ้พี่ทัพหน้าสักที ตรูละเพลีย 5555555 //มาต่ออีกทียาวๆกันเลยค่ะ เพิ่งว่างมาอ่าน รออีกส่วนที่เหลือนะคะ จะเอาไงทำไรต่อจากนี้ รอดูเลย จะรอดูว่าทัพหน้าจะทำไรให้เมลได้บ้าง อยากได้คืนต้องจ่ายหนักหน่อยทั้งแรงกายแรงใจ ก็นะ ทำกับเขาไว้เยอะนี่ อิอิ ^^ ว้อยยยยังสนุกเหมือนเดิมมค่า มาต่อๆรอรรรรรนะคะ ขอบคุณที่แต่งและอัพเรื่อยมา สู้ๆปั่นตอนต่อไปค่ะ 555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 100% {19.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 19-04-2019 23:03:19
บทที่31.2




(เมล)



               

บรรยากาศที่เงียบเสียงไป จนได้ยินเสียงลมหายใจของคนตรงหน้า ได้แต่มองหน้าของมัน คนที่ผมรัก ถ้าให้ตอบตามความจริง ไม่มีวันไหนที่ไม่รักทัพหน้า แต่คุณเคยรู้สึกทั้งรักทั้งกลัวไหม ถ้ายื่นมือก้าวขาเดินกลับไป มันจะต่างจากเดิมหรือเปล่า แล้วถ้าไม่...ผมจะทำยังไงที่จะรักษาใจผมเอาไว้ได้อีกล่ะ



ต่อให้วันนี้ทัพหน้าบอกว่ารัก ผมเองก็ยังเชื่อไม่ลง ... ผมจะเชื่อคนที่ตลอดเวลาเกลียดผม เอาแต่ไล่ผมมาตั้งแต่ผมปี1จนถึงตอนนี้ลงได้ยังไง



“กูคิดถึงมึง...พี่คิดถึงเมลมากจริงๆนะ”   



มันที่ว่าออกมาแบบนั้น สายตาของมันที่สั่นไหวมองมาที่ผมอย่างเว้าวอน ขอร้องในคำตอบของผม  สายตาร้องขอที่ผมไม่เคยเห็นจากมันสักครั้ง แต่ตอนนี้มันกำลังทำแบบนั้น ... ได้แต่มองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ ทั้งสับสน ทั้งรู้สึกเจ็บหน่วงในหัวใจแบบไม่เข้าใจสักนิดว่าผมเป็นอะไร และมันเองเป็นอะไร



“ทัพ”  ผมเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่พยายามจะทำให้มั่นคงที่สุดตอนที่มองหน้าของคนตรงหน้า ข่มใจตัวเองไว้จนต้องกำมือแน่นๆ



“เมล อยู่ได้ไหม อยู่กับกู ... ”  มือแข็งแกร่งที่ยังคงจับอยู่ที่ข้อมือของผมแน่นๆเหมือนมันกลัวว่าถ้ามันปล่อย มันจะไม่ได้จับมือของผมไว้อีก



“ทัพ  กูแค่มารับหลงกลับไปกับกู”



“ไม่ให้ กูไม่ให้หรอก มันอยู่บ้านกูนะ ถ้ามึงอยากได้มัน มึงก็มาอยู่ด้วยกันสิ นะ...นะเมล”  เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นทัพหน้า คนที่ใครๆก็บอกว่ามันเป็นผู้ใหญ่ สุขุม และมักไม่แสดงอารมณ์ให้คนอื่นจับความรู้สึกได้ แต่ตอนนี้...คนที่อยู่ตรงหน้าผมนี้ มันไม่ต่างจากเด็กที่กำลังร้องขออย่างเอาแต่ใจในสิ่งที่อยากได้ ทั้งๆที่ใจรู้ว่าจะไม่ได้ แต่ก็ยังตื๊ออย่างไม่ยอมจำนน



“ถ้ามึงไม่ให้ ... งั้นกูกลับล่ะ”  บอกมันออกไปแบบนั้น แล้วดึงมือของตัวเองออกมาจากการจับกุมของมัน  ผมที่พลิกตัวกลับหลังหันอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากยื้อเวลาอยู่ต่อหน้าของมันอีก ...



ผมไม่อยากใจอ่อน



ผมไม่อยากเสียใจเพราะการเชื่อใจทัพหน้าอีก



และที่สำคัญ...ผมไม่อยากเดินเข้าไป ในฐานะคนในความลับของมันอีกแล้ว



‘ตุบ’



ในตอนที่มันหมุนตัวหันหลังออกมา เสียงดังที่ทำให้ขาของผมชะงัก วงแขนแกร่งที่กอดรอบขาผมไว้ทำให้ต้องหันไปมอง ทัพหน้าที่ทรุดตัวลงแทบเท้าของผม แล้วกอดขาของผมไว้ทั้งแบบนั้น



“ทัพ...ทำอะไรของมึง”



“เมล...กูขอโทษ”  มันที่ว่าออกมาเสียงสั่น เงยหน้ามองหน้าผมอย่างขอร้อง คนร่างสูงตรงหน้าที่ตอนนี้กอดขาผมไว้แน่น น้ำตาของอีกฝ่ายที่ไหลลงมาในตอนนั้น



“ทัพ”  ได้แต่เอ่ยปากเรียกชื่อของมันแบบตกใจกับเหตุการณ์ที่เจออยู่ตอนนี้  ... คนแบบทัพหน้าร้องไห้



ร้องไห้ให้คนแบบผม



“อย่าไปได้ไหมเมล เรามาเริ่มต้นใหม่กันได้ไหม”



“อย่าร้อง ... คนแบบทัพหน้า ไม่ร้องไห้ง่ายๆหรอกนะ โดยเฉพาะกับเรื่องของกู น้ำตาของมึงมันไม่ควรจะไหลที่สุด”



บอกมันออกไปแบบนั้น คนตรงหน้ากลับยิ่งน้ำตาไหล ผมที่ก้มตัวลงไปเช็ดน้ำตาให้อีกคนเบาๆ จ้องตาคมที่ตอนนี้น้ำตาไหลลงมาอาบใบหน้า หน้าตาของมันที่กำลังบอกผมว่ามันใจสลาย



“อึก เมล.... มันไม่มีทางเลยหรอวะ ทางที่คนเลวๆอย่างกูจะดึงให้มึงอยู่กับกูได้”



“ทางมันอาจจะมี แต่ในวันนี้มันยังไม่มีทาง”



“อยู่กับกูไม่ได้หรอวะ กูจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยจริงๆนะเมล อย่าไปเลยนะ”



 “มึงรู้คำตอบดีทัพ มึงที่อ่านคนเก่งย่อมอ่านกูออกว่ากูจะตอบว่าอะไร”



ผมที่ยิ้มแล้วยังคงเช็ดน้ำตาให้มัน มันที่มองมาที่ผมด้วยสายตาเศร้าสร้อยที่สุด น้ำตาของมันที่ไหลอาบแก้มพร้อมๆกับน้ำตาของผม



“อึก กูไปนะ...”



“เมล ไม่เอา”



“ดูแลตัวเองดีๆ มึงต้องรอดและปลอดภัยนะทัพ”



ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น แล้วดึงมือของตัวเองออกมา ทัพหน้าที่พยายามคว้ามันไว้แต่เป็นผมที่ไม่ยอมให้มันได้ทำแบบนั้น คนตรงหน้าที่ไม่มีขาของผมให้เกาะ ใช้มือทั้งสองข้างค้ำยันลงไปไว้กลับพื้น มองเห็นมันที่กำลังนั่งคุกเข่าก้มหน้าให้ผม น้ำตาของมันที่ไหลลงกระทบพื้นจนมองเห็นเป็นดวงๆ ได้แต่ข่มใจหายใจเข้าลึกๆแล้วหันหลังเดินออกมา



“เมล กูขอโทษ”  เสียงเข้มที่ทั้งแหบพล่าทั้งสั่นเคลือจนใจผมเจ็บ



“มึงจำเอาไว้นะเมล...ต่อให้วันนี้มึงหันหลังแล้วเดินออกไป แต่ต่อจากวันพรุ่งนี้ที่เริ่มใหม่ กูจะไม่ยอมให้มึงไปเหมือนวันนี้อีก”



...



ขาสองข้างที่ก้าวยาวๆวิ่งลงมาจากบันได หลังจากที่วิ่งออกมาจากห้องทำงานนั้นก็ไม่คิดจะหันกลับไปอีกเลย ไม่รู้ไม่สนว่าจะเจอใคร ต่อให้เจอณราชาหรือใครน่าไหนผมก็จะไม่สน หัวใจผมกำลังเจ็บตอนที่ผมเห็นทัพหน้าร้องไห้ ทั้งๆที่ผมไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันจะมาร้องไห้ขอร้องไม่ให้ผมไปจากมันเพื่ออะไรกัน



‘ตึก’



“เมลลลลล เมี้ยวๆๆๆ” ขาที่กำลังจะวิ่งตรงออกจากบ้านหลังใหญ่กับรู้สึกว่าสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง พอก้มลงไปมองก็ดันเจอเข้ากับ



“ไอ้หลง”



“เมี้ยวๆๆๆๆๆ”



เสียงเล็กที่ร้องโวยวายออกมาในตอนนั้น ขาหน้าสองข้างของมันที่กำลังตะกุยขากางเกงของผมอย่างเอาเป็นเอาตาย หน้าตาของมันที่กำลังบอกว่ามันโมโห ทั้งโมโหทั้งเสียใจน้อยใจ



“โถ่หลง กูขอโทษนะที่ทิ้งมึงไว้”



“เมี้ยวๆๆ”



เสียงเล็กๆนั่นที่ยังคงร้องออกมาแบบนั้น แก้มกลมๆของมันที่ดูจะป่องออกมานิดหน่อย เห็นแบบนั้นแล้วต้องเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วก้มตัวลงไปอุ้มไอ้ตัวเล็กนี่ขึ้นมากอดไว้



“เมลขอโทษที่ทิ้งไว้คนเดียว ตอนนี้...ไปอยู่กับเมลนะ ไปอยู่ในที่ของเรากัน”



อุ้มไอ้ตัวเล็กขึ้นมาให้มันจ้องหน้า ดวงตากลมใสของมันที่มองมาที่ผมอย่างเศร้าสร้อย ก่อนที่หัวกลมๆนั่นจะพยักก้มเงยให้ผมเห็น เหมือนกับมันกำลังตอบรับคำพูดของผมอยู่ในตอนนี้  เป็นลูกแมวที่ทั้งเชื่อง ทั้งฉลาด ผมกอดมันเอาไว้แนบอกแล้วมองไปรอบๆบ้านอีกครั้ง ...บ้านหลังนี้ที่มีความทรงจำสำหรับผมเต็มไปหมด



“ไปกันเถอะหลง”



ผมที่พูดออกมาแบบนั้นแล้วเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาทิ้ง อุ้มเจ้าตัวเล็กแนบอก หัวเล็กๆของมันที่วางแหม่ะลงบนลาดไหลของผมก่อนที่เราจะก้าวขาออกจากบ้านหลังนี้มาด้วยกัน  ... ไอ้ตัวเล็กที่ตะกุยตัวโผล่หัวขึ้นไปมองรอบๆบ้านอีกครั้ง สายตาของไอ้หลงที่มองไปฝั่งด้านกรงของไอ้รี่ตาละห้อย ก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมมันถึงทำหน้าทำตาแบบนั้น ส่วนตัวผมเองที่ละสายตาจากไอ้หลง เผลอเงยหน้าขึ้นไปมองที่ชั้นสอง หน้าต่างห้องทำงานที่ก่อนหน้านั้นผมอยู่บนนั้น  ตอนนี้ไฟยังคงส่องสว่าง และมีร่างสูงของเจ้าของบ้าน ที่กำลังยืนนิ่งๆมองหน้าผมพร้อมทั้งน้ำตาของเจ้าตัวที่ยังไม่หยุดไหล ดวงตาคมที่ฉายฉัดว่ากำลังเศร้าสร้อย ทัพหน้าที่ทำเพียงแค่มองผมนิ่งๆแบบไม่ละสายตา แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลอาบหน้าของมันก็แค่นั้น  ผมที่ชะงักค้างตอนที่เห็นแบบนั้น ก่อนจะเผลอลมหายใจสะดุด แต่สุดท้าย ผมก็ทำเพียงแค่หันหลัง และก้าวยาวๆออกจากบ้านหลังนี้มา เหมือนที่ผมตั้งใจเอาไว้



ผมจะไม่มีวันลืมทัพหน้า...และหวังว่ามันจะปลอดภัย และมีชีวิตที่ดีเสมอ



มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าเราเจอกันในเวลาที่ถูก และสถานการณ์ที่ใช่ แต่เพราะชีวิตคนเรามันเลือกสถานการณ์ไม่ได้ ก็แค่ปล่อยให้มันเป็นไป ในแบบที่มันควรจะเป็นก็พอ



...



“กรี๊ดดดดดดด นี่มันอะไรกัน!”



เสียงกรี๊ดแหลมสูงที่ทำให้คนร่างสูงที่นั่งอยู่ที่ห้องนอนกระตุกยิ้มมุมปาก นิ้วเรียวยาวที่สะบัดปลายบุหรี่ให้ขี้บุหรี่หลงลงไปในที่เขี่ยบุหรี่ ขายาวที่ยกขึ้นนั่งไขว่ห้างส่วนแขนแกร่งข้างนึงก็วางพาดไปที่พนักโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ เสียงตึงตังที่ดังมาพร้อมแรงเปิดประตูอย่างรุนแรง



“ทัพ! ทัพหน้าคะ คือ คุณ คุณกลับมานานแล้วหรอคะ....” 



ณราชาที่เปิดประตูเข้ามาอย่างร้อนรน  ก่อนจะเบิกตากว้างที่เห็นทัพหน้านั่งอยู่ในห้องนอนอยู่ก่อนแล้ว  ก่อนหน้านี้เพราะรีบเข้าบ้านเลยไม่ทำให้เจ้าตัวทันสังเกตว่ารถของทัพหน้าจอดอยู่ในโรงรถ



“ครับผม”  ทัพหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยเสียงเรียบๆ สายตาคมไม่ได้จับจ้องไปที่หน้าของหญิงสาว เจ้าตัวเพียงแค่ใช้มือข้างที่ว่างลูบมือถือของตัวเองเล่นช้าๆโดยไม่พูดอะไร



“ผมกลับมาตั้งแต่เมื่อคืน ... แต่ไม่คิดว่า คุณจะไม่อยู่”



ว่าออกมาช้าๆชัดๆพร้อมกดเสียงเข้มขึ้นที่ประโยคสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองหน้าหญิงสาวนิ่งๆดวงตาคมที่วาวโรจน์มองหน้าหญิงสาวตรงหน้าจนเธอต้องเผลอเดินถอยหลัง ณราชาที่มองมาที่ทัพหน้าด้วยสายตาตื่นกลัวพร้อมเหงื่อที่ซึมออกมาไรผม  ทัพหน้าที่ค่อยๆละสายตาออกจากมือถือแล้วเงยหน้าไปมองณราชา



“คือชา...ชา...”



“ไปไหนมาหรอครับ?”



“คือชา  ... เอ่อ คือเพื่อนชาไม่สบายค่ะ ชาเลยไปนอนเป็นเพื่อนน่ะค่ะทัพ ว่าแต่ทัพทานอะไรคะ เดี๋ยวชาบอกเด็กหาอะไรมาให้นะคะ รอสักครู่นะคะทัพ” 



เธอที่ว่าออกมาแบบอ้ำๆอึ้งๆ ก่อนจะรีบพยายามจะหนีออกจากห้อง ร่างบางที่พลิกตัวกลับหลังเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว



“เดี๋ยวก่อนชา”



“คะทัพ”



“คุณไปนอนบ้านเพื่อนคนไหนมา”  ถามออกไปแบบนั้นพร้อมเลิกคิ้วขึ้นมองอีกคนที่กำลังตัวสั่น  ริมฝีปากบางที่ขมเม้มเข้าหากันจนแน่น



“เอ่อ เพื่อนสมัยม.ปลายน่ะค่ะ ไอ้...ไอ้ฝนไงคะ”



“หรอครับ ... ผมก็นึกว่าคุณไปนอนกับไอ้หมิงมาซะอีก” 



กดยิ้มมุมปากแล้วพูดออกมาแบบนั้น ท่อนขาแกร่งที่คลายออกจากกันก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงของตัวเอง ณราชาที่ถอยตัวหนีจนไปติดกับประตูยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น



“คือ.... คือทัพมันไม่ใช่แบบที่ทัพเข้าใจนะคะ” 



เธอที่โพร่งออกมาแบบนั้นหน้าตาตื่น ดวงตาสวยสั่นไหวพร้อมๆกับร่างบางที่สั่นสะท้านขึ้นมาแบบห้ามไม่อยู่เมื่อสบเข้ากับสายตาของทัพหน้า



“เข้าใจ ผมกำลังเข้าใจอะไรงั้นหรอครับ?”  ทัพหน้าที่ถามออกมาแบบนั้นพร้อมยิ้มให้ รอยยิ้มเย็นๆเชือดเฉือนยิ่งทำให้หญิงสาวกลัวมากขึ้น เพราะรู้จักนิสัยของทัพหน้าดี



“ชา  ชาไม่ได้อยากไปนะคะ หมิง...คือหมิงหลอกชาไปนะคะทัพ ทัพต้องเชื่อชานะคะ” 



เธอที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้ววิ่งมาเกาะแขนขอร้องทัพหน้าทั้งน้ำตา คนร่างสูงที่ก้มหน้าลงมองหญิงสาวที่ครั้งนึงเขาเคยเชื่อใจเธอยิ่งกว่าใคร  ฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นลูบผมของหญิงสาวตรงหน้าเบาๆทำเอาณราชายิ้มออกมาได้



“คุณ...คุณเชื่อชา อ๊ะ โอ๊ย! ทัพ ชาเจ็บ” 



หัวสวยที่ถูกจิกเส้นผมจนหน้าหงาย แววตาสวยสั่นระริกยามมองเห็นดวงตาวาวโรจน์ของคนตรงหน้า ทัพหน้าที่ไม่ได้ส่งยิ้มให้อีกต่อไปแล้ว มีเพียงหน้าตานิ่งๆที่แค้นเคือง มือเรียวสวยที่พยายามจับข้อมือแกร่งให้ปล่อยออกจากผมของเธอ



“หึ ตอแหล”



“ทัพ ทัพพูดอะไร โอ๊ย ชาเจ็บนะคะ”



“ตอแหลเก่งดี แต่ผมจะบอกอะไรคุณให้นะณราชา เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ที่คุณได้รับข้อความจากไอ้หมิง คลิปที่มันกระจายออกไป ทุกอย่าง...มันเป็นฝีมือผมเอง” 



“ท...ทัพ”



“แล้วแบบนี้ ยังจะกล้าตอแหลผมอีก!”



ฝ่ามือแกร่งที่จิกเข้ากับเส้นผมแรงขึ้นจนหญิงสาวกรีดร้องน้ำตาไหล  ครั้งนึงน้ำตาใสของเธอเคยเป็นเครื่องมือที่ทำให้เขายอมแพ้ แต่ตอนนี้ น้ำตาของเธอมันเทียบไม่ได้กับน้ำตาแค่หยดเดียวของไอ้เมลสักนิด



‘พลัก’



“ถ้าคิดว่าผมจะปล่อยคุณไปล่ะก็...คุณรู้จัก เตชะณรงกรค์ น้อยไปแล้วณราชา แค่คลิปที่ถูกปล่อยเนี่ย เค้าเรียกว่าสงครามพึ่งเริ่มต้น รอดูบริษัทพ่อคุณชิพหายได้เลย”



“กรี๊ดดดด ไอ้...แก!” หญิงสาวที่ถูกทัพหน้าเหวี่ยงลงพื้นด้วยสายตาเย็นชากรีดร้องออกมาทั้งๆน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างแค้นใจ



“ส่วนหุ้น ส่วนโฉนดบ้าน และเงินสด ถ้าคิดว่าได้ไปแล้วล่ะก็นะ....คุณรู้จักผมน้อยไป แค่ผมกระดิกนิ้วนิดหน่อยทุกอย่างกลับคืนมาหาผมเป็นปกติแล้ว แต่คุณ ตั้งแต่ที่คิดจะเล่นกับผม ขาข้างนึงก็ก้าวลงนรกแล้วที่รัก ... บาย”



“กรี๊ดดด ไอ้บ้า ฉันจะไม่ยอมหรอก!” 



เธอที่ลนลานลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว มือสวยที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกดโทรหาหมิงในทันที  ตอนนี้เธอต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ ...



“หมิงคะ ช่วยด้วย ทัพหน้ารู้แล้วๆ รู้เรื่องของเราแล้ว...ทุกอย่างเป็นฝีมือมัน”



ทัพหน้าที่ก้าวขาลากเท้าตามออกมาจากห้องช้าๆอย่างไม่เร่งรีบพรางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างคนที่เหนือกว่า มองดูหญิงสาวที่ตอนนี้สภาพกระเจิดกระเจิงวิ่งหนีออกจากบ้านอย่างขำๆ  ... ทัพหน้าที่ไม่ได้ตามลงไป เพียงแต่เดินออกไปที่โถงระเบียงที่อยู่ตรงชั้นสองของบ้านแทน



“จับเธอเอาไว้!”



เสียงเข้มที่ตะโกนดังลั่นมาจากระเบียงชั้นสอง ทำเอาลูกน้องที่รักษาความปลอดภัยอยู่ตามจุดต่างๆขยับตัวอย่างรวดเร็วตามคำสั่งทันที



“กรี๊ดดด ปล่อยฉันนะ พวกแกปล่อยฉันนะ!” 



เสียงหวีดร้องแหลมสูงของเธอดังแทรกโทรศัพท์เข้าไป  ทัพหน้าที่ยืนอยู่ชั้นสองมองลงไปที่สนามหน้าบ้าน เห็นหญิงสาวที่กำลังโดนลูกน้องของตัวเองจับกดอยู่ที่สนามก็ได้แค่นยิ้มสมเพช



“นี่คือจุดจบ ของคนที่คิดจะทรยศคนแบบกู”




...



“ให้ตายเหอะ ทำไมอาจารย์แกกลับมาสอนแล้ววะ ถ้าแบบนี้แสดงว่าอาจารย์ทัพก็ไม่ได้เป็นอาจารย์พิเศษแล้วดิ” 



ไอ้อู๋ที่ถามออกมาแบบนั้นตอนที่พวกเราเดินออกมาจากห้องเรียน  วิชาที่ทัพหน้าเคยมาเป็นอาจารย์พิเศษ ในวันนี้อาจารย์ประจำวิชาได้กลับมาสอนปกติแล้ว  แต่นั่นก็ดีแล้ว...เพราะการต้องมองเห็นหน้ากันตอนนี้มันคงยากเกินไป



“ว่าแต่ไอ้เมล มึงรู้อยู่แล้วเปล่าวะ”



“เปล่า...กู ...”



“สัดอู๋ มึงก็ยุ่งจังวะ” 



เป็นไอ้กุ๊กที่ว่าแทรกออกมาแบบนั้น ผมหันไปยิ้มให้มันแบบขอบคุณ  เพราะตั้งแต่วันนั้น ผมยังไม่ได้บอกกับเพื่อนว่าผมไม่ได้อยู่กับทัพหน้าแล้ว ทุกวันนี้กลับมาอยู่กับที่บ้าน คอนโดตัวเองก็ไม่ได้ไปนอนเช่นกัน ถึงแม้ว่ากลับไปบ้านแล้วจะต้องทะเลาะกับพ่อนิดหน่อย แต่ก็ยังดีที่ช่วงนี้ไอ้ก้ามาอยู่ที่บ้าน เห็นว่าเดือนหน้ามันกลับครอบครัวถึงจะบินไปดูโรงเรียนให้ลูกๆของมันที่อังกฤษ  ช่วงนี้มันเลยมาทำตัวเป็นพี่ที่ดีดูแลผมแทน



“เอ้า ก็กูอยากรู้เรื่องนี่หว่า”



“เสือกนัก แดกขี้ไหมจะได้ไม่ต้องพูดมาก”



“ไม่ต้องไปสนใจมันหรอกเมล อยากกินอะไรไหม ไหนๆตอนนี้ก็เลิกเรียนแล้ว” 



เป็นไอ้บินที่ถามผมออกมาแบบนี้ คิดว่ามันคงรู้ไม่มากก็น้อย เพราะว่าเดี๋ยวนี้ทุกเย็นผมจะกลับรถขับเอง ไม่ได้มีใครมารับเหมือนเมื่อก่อน



“ไอ้กุ๊กมึงหิวอะไรวะ”  ผมที่หันไปถามมัน มองเห็นไอ้กุ๊กที่เสหน้าไปมองไอ้บินที่ยืนอยู่ข้างๆผม มันที่ยิ้มออกมาหน่อยๆแล้วส่ายหน้า



“ไม่อ่ะมึง วันนี้กูต้องไปต่อ”



“ไปไหน วันนี้มึงไม่ได้เอารถมา เมื่อเช้ามึงมากับกู”  เป็นไอ้บินที่เอ่ยแทรกออกมาแบบนั้น กูนี่เลิกลักเลย ทำไมกูต้องมายืนคั่นกลางพวกมันสองตัวด้วยเนี่ย



“ใช่ แต่ตอนนี้กูไม่กลับกับมึง”



“ทำไม”  ไอ้บินที่กดเสียงเข้มขึ้นมาเหมือนไม่พอใจในตอนนั้น  ผมหันไปมองหน้าไอ้อู๋ที่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายส่งมาให้ผม



“กูจะ...”



“ฮ้ายยย สวีดัสสวัสดีจ้าหนุ่มๆ ดีจ๊ะน้องกุ๊กๆ คุยอะไรกันอยู่ น่าสนุก” 



เสียงสองที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของพวกผม พอหันไปมองก็เป็นร่างหนาของเจ๊ดานี่ที่เดี๋ยวนี้เริ่มคุ้นเคยเพราะเห็นพี่มันมารับไอ้กุ๊กบ่อย



“มึงมาทำไม”



“เอ๊า น้องบิน เปิดมาแบบนี้เป็นเหมือนการเสือก งั้นเจ๊ก็ต้องตอบให้น้องบินหายข้องใจว่า เจ๊มารับหนูกุ๊กๆกิ๊กไปแดกข้าวจ้า” พี่มันที่ว่าออกมาแบบนั้นหน้ายิ้มๆ แต่กูเห็นว่าพี่มึงแอบแสยะยิ้มแล้วยักคิ้วใส่ไอ้บินอยู่นะเออ ... เนี่ย พี่มึงมันรว้ายๆ



“นี่มึงจะเอากับกูใช่ไหมไอ้ตุ๊ด” ไอ้บินที่ทำท่าพุ่งเข้าใส่เต็มที่ อาจเพราะโดนคำว่าเสือกกระแทกหน้าเลยค่อนข้างเลือดร้อน



“กรี๊ดดด เอาค่ะ ให้เอาไหมยาวๆแบบนี้ก็ชอบนะ”  แต่กับคนนี้ดูจะไม่สะท้าน ดูเหมือนชอบใจจนกูงง พี่ดูคันอ่ะ



“พอๆ เลิกกัดกันซักที ส่วนมึง อยากกลับก็กลับไป วันนี้กูนัดกับเจ๊ดานี่แล้ว”



“ไอ้กุ๊ก”



“พอๆ พวกมึงพอเลิกเถียงกันเหอะ หรือถ้าจะเถียงก็ไปเถียงกันนะ วันนี้กูเหนื่อยพอแล้ว กูขอตัวกลับก่อนนะ บายจ้า”  ผมที่เอ่ยปากแทรกสงครามแย่งเฮเลนแห่งทรอย ระหว่างไอ้บิน กุ๊ก และเจ๊ดานี่



“มึงจะกลับแล้วหรอวะ”  ไอ้บินที่ดึงแขนผมแล้วถามออกมาแบบนั้นตอนที่ผมหันหลังจะเดินหนี



“อืม กูกลับล่ะ” 



ตอบมันออกไปแบบเหนื่อยๆ จริงๆมันก็ค่อนข้างจะเหนื่อย เพราะแค่เรื่องของตัวเอง ผมยังทำใจให้เป็นปกติไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แถมเมื่อคืนที่แอบไปบ้านมัน แล้วต้องเจอมันในสภาพนั้น  พูดตรงๆว่าเหมือนอาทิตย์ที่ผ่านๆมาที่ผมหนีไปทำใจแม่งศูนย์เปล่า



“อืม กูกลับล่ะ”  ตอบออกไปแบบนั้น แล้วดึงแขนตัวเองออกจากมือของไอ้บิน เดินออกมาจากดงสงครามตรงนั้น ได้ยินเสียงที่ดังไล่หลังตามมาจากปากของพี่ดานี่แว่วๆ



“คนที่ยังโลเล มันไม่มีสิทธิ์ก้าวเข้าไปอยู่ในชีวิตใครหรอกนะคะ”



ได้ยินเสียงแว่วๆตามมาเหมือนจะมีเรื่อง แต่ก็ช่างมันเถอะ แต่ผมเองก็แอบเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ดานี่มันนะ คนที่โลเลน่ะ จะไปดึงใครอีกคนเข้าไปในชีวิต เพื่ออะไรวะ? ...



นั่นสิ เพื่ออะไรวะทัพ อยากให้กูกลับเข้าไปในชีวิตมึงทำไมกันวะ



‘เอี๊ยดดดดดดดด’



เสียงล้อรถที่สีเข้ากับพื้นถนนดังลั่นลานจอดรถ ทำเอาผมหลุดออกจากภวังค์ที่กำลังคิด พอหันไปดูก็มองเห็นรถตู้ไม่ติดป้ายทะเบียนที่ขับมาจอดตรงหน้าของผมอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่จะวิ่งหนี ประตูรถที่กระชากเปิดออก มองเห็นด้านในที่มีคนใส่ไอ้โม่ง แต่มีอยู่คนเดียวที่ผมจำหน้าได้แม่น เพราะมันไม่ใส่ที่ปิดหน้า



“ไอ้....ไอ้หมิง!”



“มึงมานี่!!”



ยังไม่ทันที่จะได้ตะโกนหันไปหาเพื่อน ตัวของผมก็โดนกระชากตัวขึ้นไปบนรถตู้คันนั้นซะก่อน



“ไอ้หมิง! มึง”



‘ผลัว!’



“โอ้ย!”  หน้าผมที่โดนกระแทกเข้ากับหมัดหนักๆจนหน้าหัน  รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ไหลเข้าปาก รู้ได้เลยว่าปากแตก



“ผัวมึงทำลายชีวิตเมียกู”



“เมียมึง...ณราชา?”



“ใช่! ไอ้ทัพ ไอ้เหี้ยนั่นมันทำลายชีวิตณราชา กูจะทำให้มันรู้ว่า ถ้าเมียมันเจอแบบนั้นบ้างมันจะเป็นยังไง”



“มึงมันเหี้ย เมียมึงก็เหี้ย ไม่ว่าไอ้ทัพมันจะทำอะไร พวกมึงก็สมควรแล้ว!”



“ปากดีนักนะมึง ท่าทางจะลืมรสชาติมีดกูสินะ”



“มึง...มึงจะทำอะไร!”



“หึ!”



...


(มีต่อจ้า)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 100% {19.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 19-04-2019 23:03:51



‘ครืดๆ’



นิ้วเรียวที่กำลังเคาะไปตามโต๊ะทำงานต้องชะงักลงเมื่อเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์สั่นจนต้องละมือไปคว้าโทรศัพท์มากดรับ มองเห็นสายเรียกเข้าแล้วก็ต้องกรอกตา



“โทรมาทำเหี้ยอะไรไอ้ดาบ”



((กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด อิเหี้ยเฮียทัพ ไอ้น้องเมลหวานๆโดนจับตัวไป!))



“ห๊ะ มึงพูดอะไรไอ้ดาบ”



((ก็บอกว่าน้องเมลโดนไอ้หมิงจับตัวไปไงวะเฮีย ตอนนี้พวกกูกำลังขับรถตามมันไปอยู่ รถตู้สีดำไม่ติดป้ายทะเบียนมุ่งหน้าไปทางชลบุรี))



“สัด! มึงตามมันไป กูจะไปเดี๋ยวนี้!” 



ทัพหน้าที่กดวางหูโทรศัพท์ พร้อมๆกับดวงตาที่วาววับอย่างโกรธแค้น ขายาวๆที่ก้าวตรงออกจากห้องทำงานเดินลงไปทางด้านล่างที่เป็นห้องใต้ดิน ห้องที่ครั้งนึงเค้าเคยเอาเมลมาทรมารที่นี่ และตอนนี้ มันก็เป็นที่ๆสมควรแก่ผู้หญิงแพศยาที่สมควรอยู่



‘แอ๊ดดด’



“ทัพ อึก ทัพปล่อยชาไปเถอะนะคะ ชากลัว” 



เสียงแหกแห้งร้องบอกทันทีที่รู้ว่ามีผู้มาเยือนใหม่  ณราชาที่ยกมือขึ้นไหว้ทั้งๆที่ตัวสั่น ทัพหน้าที่ก้าวเท้าเข้าไปหาอย่างรวดเร็วแล้วกระชากแขนบางขึ้นมาจากพื้น



“ชารู้ใช่ไหมว่าผมไม่ทำผู้หญิง”



“ฮึก ฮื่ออ ทัพ...ชากลัว ชาขอโทษนะคะ”



“แต่วันนี้ผัวชามันกำลังทำร้ายเมียผม ชาต้องมานี่!” 



ฝ่ามือหนาที่กระชากเข้าที่เส้นผมยาวแล้วลากหญิงสาวให้ออกมาจากห้องมืดด้วยกัน  ทัพหน้าที่ก้าวขายาวๆไม่สนถึงความเจ็บปวดของหญิงสาวที่เดินตามมาอย่างยากลำบาก ตอนนี้ใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป  ถ้าคาราเมลเป็นอะไรไป เค้าจะไม่ปล่อยพวกมันไว้เป็นครั้งที่สอง  ครั้งก่อนแค่บ่อนมันถูกทำลายก็คงจะไม่เข็ด



“ตามมา!”



“ทัพ ฮึก ปล่อยชา ชากลัวแล้ว”



“พวกมึงเอารถออก! กูจะไปชลบุรี...ส่วนเธอมานี่ ไวๆ” 



ฝ่ามือหนาที่เปิดประตูรถมัสแตงสีแดงเพลิงของตัวเองออก ก่อนจะโยนณราชาเข้าไปในรถ ไม่ลืมหยิบกุญแจมือหน้าเก๊ะรถมาล็อคข้อมือของเธอเข้ากับที่จับบนประตู  ก่อนที่ตัวเองจะรีบวิ่งไปนั่งที่คนขับ ...



“อย่าเป็นอะไรไปนะเมล”



...





‘ซู่ ซ่า’



เสียงคลื่นกระทบฝั่งที่มาพร้อมลมทะเลเย็นๆที่พัดปลิวเข้าหน้าทำให้เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไสว ผมที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆเมื่อรู้สึกถึงเสียงของน้ำทะเล และแสงแดดในช่วงบ่ายๆแบบนี้  พอหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้ตัวว่า ตอนนี้กำลังโดนผูกติดอยู่ที่เสาตรงส่วนด้านนอกของเรือ และที่ขาก็โดนผูกมัดเอาไว้แน่นหนาแถมข้างๆยังมีหินก้อนใหญ่ๆผูกติดเอาไว้กับขาของผมด้วยอีก รอบๆตัวของผมมีแต่น้ำ



น้ำทะเลล้วนๆ!!  นี่มัน!!!



“...มึงจับกูมาทำเชี่ยอะไรไอ้สัดหมิง! ปล่อยกูนะ!!”   



ตั้งสติแล้วตะคอกใส่ไอ้คนที่นั่งสบายใจอยู่ในส่วนของท้องเรือ  มองไปรอบๆไม่เห็นใคร เลยรู้ว่าเรือยอร์ชทั้งลำนี้ มีแค่ผมกับมันอยู่กันแค่สองคน มันไม่ได้เอาลูกน้องมันมาด้วย



“อ๊ะอ้าว ตื่นแล้วหรอ ก็ว่า แค่โดนต่อยไปหมัดสองหมัดหลับยาวอะไรขนาดนั้น”  ไอ้หมิงที่ยกยิ้มมุมปากนั่งไขว่ห้างสบายใจอยู่ ในมือมันมีกล้องวิดีโอ  ... กล้อง เอามาทำเหี้ยอะไร!



“ปล่อยกูนะโว้ย! เป็นห่าอะไรชอบจับกูมา ตอนเด็กพ่อแม่มึงไม่กอดหรือไง!”   



“ปากดีนักนะมึง กูอยากรู้นัก ว่าตอนที่มึงดิ่งลงทะเล มึงยังจะปากดีแบบนี้อยู่หรือเปล่า” 



มันที่ยกยิ้มออกมาร้ายๆ แววตาที่ดูเหมือนจะเสียสติหน่อยๆของมันกำลังมองมาที่ผม มันที่ลุกขึ้นยืนแล้วกดเริ่มอัดวิดีโอ



“ผัวมึงเก่งนักใช่ไหม ชอบแอบถ่ายคนอื่นนัก กูก็จะให้มันได้ดูวิดีโอตอนมึงตายเหมือนกัน”



“ไอ้บ้า! พวกมึงมันชั่วสวมเขาให้ไอ้ทัพแล้วยังคิดฆ่ามันฮุบสมบัติอีก พอมันเอาคืนทำมาเดือดร้อน สารเลวว่ะ ตัวเองทำไม่เป็นไร แต่พอโดนทำคืนแล้วมาร้องโวยวาย กลับไปเอาผ้าถุงแม่มึงมาใส่เถอะ!”



ผมที่ตะโกนออกไปแบบนั้นอย่างโมโห  แค่นึกถึงคำพูดของผู้หญิงคนนั้นก็ทำเอาเดือดมากๆ ... คนส่วนใหญ่ชอบไม่รู้สึกอะไรเวลาที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่พอตัวเองโดนทำบ้างกลับทนไม่ได้  แล้วมันเรื่องอะไรที่ไอ้ทัพมันต้องยอมด้วยล่ะ พอมันไม่ยอมมันก็จะกลายเป็นคนเหี้ยงั้นหรอ มันเรื่องอะไร มันเรื่องอะไรกันล่ะ!



“มึงนี่รักมันจังนะ จะตายอยู่แล้วยังออกรับแทนมัน!”



“แล้วไง ทีมึงยังเอาตัวมาทำเรื่องเหี้ยๆแทนณราชาได้เลย มึงคิดว่าความรักของมึงยิ่งใหญ่เป็นแค่คนเดียวรึไง โลกทั้งใบมีมึงกับณราชาอยู่สองคนบนโลกหรอวะ! กูจะบอกอะไรให้มึงฟัง ถึงไอ้ทัพมันจะเหี้ยแค่ไหน แต่มันเป็นคนรักพวกพ้องพี่น้องและเพื่อนของมันมาก สิ่งเดียวที่มันจะไม่ทำ ก็คือการหักหลังเพื่อนแบบมึง! มันที่บอกกูว่าคำว่าเพื่อนจะไม่มีคำว่าหักหลัง แต่ถ้าหักหลัง แบบนั้นไม่เรียกว่าเพื่อน มันเรียกว่า ศัตรู  แล้วคนแบบมึงกับณราชาที่ทั้งหักหลังเพื่อนและหักหลังความรักของมันนอกจากคำว่าชั่วก็ไม่รู้จะด่าอะไรแล้ว ชีวิตนี้มึงก็อย่าหวังจะมีความสุขเลย! ต่อให้มึงฆ่ากู ไอ้ทัพมันก็ไม่สนใจหรอก แต่สิ่งนึงที่มันจะสนใจ ก็คือทำให้ศัตรูแบบพวกมึงชิพหายไปตลอดนั่นแหล่ะไอ้โง่!”



“มึง! ปากดีนักนะ!”



‘ผลัว’



ไอ้หมิงที่หน้าเบี้ยวด้วยความคับแค้นใจกับคำด่าของผมก้าวยาวๆตรงมาปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของผมแรงๆ เจ็บจนน้ำตาไหล ผมที่ร้องไห้ออกมาเงียบๆเพราะเจ็บหน้า แต่ผมไม่เสียใจที่ได้ด่ามัน ... อย่างน้อยเรื่องนี้ไอ้ทัพก็ควรได้รับความยุติธรรมบ้าง และถึงแม้ว่าวันนี้ผมจะตาย ผมก็จะได้ชื่อว่าเป็นคนตาย ที่ไม่เคยทรยศความรักของตัวเอง



‘ปรื้นนนนนนนน’



เสียงเจ็ทสกีประมาณห้าลำที่ขับนำเรือยอร์ชสีขาวลำใหญ่แล่นเข้ามาใกล้เรือของผมกับไอ้หมิงจนน้ำสัดให้เรือโครงไปหมด ผมที่มีประกายความหวังผุดขึ้นมาในตอนนั้น



 “ปล่อยเมียกู! ถ้ามึงไม่ปล่อย กูจะยิงเมียมึงแล้วถีบลงก้นทะเล!”
เสียงเข้มๆที่ดังออกมาจากโทรโข่งสีแดงอันใหญ่ ผมที่พยายามหรี่ตามอง มองเห็นทัพหน้าที่ยืนถือโทรโข่งอยู่ที่หัวเรือยอร์ชลำนั้น ส่วนมืออีกข้างของมันกำลังจิกหัวณราชาที่ร้องไห้ตาปูดโปนและสภาพไม่สู้ดีนัก



“...ทะ...ทัพหน้า” 



ได้แต่พูดออกมาเบาๆอย่างไม่เชื่อสายตา ... ใบหน้าหล่อๆภายใต้แว่นเลแบรนด์สีชานั่น ผมรู้ว่ามีดวงตาคมๆที่ผมชอบมอง สายลมอ่อนๆที่พัดเส้นผมของมันให้ปลิว มองจากมุมนี้มันทั้งดูดีและมีอำนาจ เจ็ทสกีที่ล้อมรอบเรือของเราเป็นลูกน้องของไอ้ทัพแน่นอน เพราะตอนนี้ปืนไรเฟิลจู่โจมขนาดพอดีมือกำลังตรงมาที่ไอ้หมิง



“ปล่อยเมียกู!”



“ไอ้สัดทัพ!!”  ไอ้หมิงที่ตะโกนตอบกลับไป ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านตอนที่มันเห็นทัพหน้ากระชากณราชาออกมาตรงเสากระโดงเรือ



“มึงอย่านะเว้ย! นั่นณราชานะเว้ย มึง...มึงไม่กล้าทำหรอก มึงรักเธอ!”



“พูดอะไรออกมาปัญญาอ่อนเหมือนหน้าตาเลยนะมึงเลยนะ กูจะบอกให้ว่ากูทำแน่ กูไม่จำเป็นต้องรักผู้หญิงที่ไม่ซื้อสัตย์กับกู! และกูไม่ได้รักณราชา กูรักคาราเมล!” 



ทัพหน้าที่ตะโกนออกมาแบบนั้น มันที่ลากณราชาไปมัด แล้วเริ่มหย่อนตัวณราชาลงทะเล



“ไอ้ทัพ มึงอย่านะเว้ย! ถ้ามึงทำ กูฆ่าไอ้นี่แน่!”  ไอ้หมิงที่ยืนอยู่ข้างผม มันที่ชักปืนออกมาจากด้านหลังกางเกงแล้วเอามาจี้ที่เอวผม



“ถ้ามึงฆ่าเมียกู กูก็ไม่ปล่อยเมียมึงไว้เหมือนกัน! หย่อนเชือกลงไป!”



“เฮ้ย ไอ้ทัพ กูเอาจริงนะเว้ย”



“กรี๊ดดด ทัพ ทัพปล่อยชานะ” 



ณราชาที่ถูกเชือกมัดตรึงไว้กับเสาแล้วค่อยๆถูกเลื่อนตัวออกไปด้านนอกเรือ ก่อนที่จะค่อยๆถูกนำตัวหย่อนลงน้ำช้าๆ เธอที่ดิ้นไปมาร้องขอทั้งน้ำตา  ผมที่โดนไอ้หมิงกระชากตัวเข้าหา ปืนสั้นที่หันกระบอกเข้าที่ขมับของผม มันที่เหนี่ยวไกลออกมาในตอนนั้น



“ทัพ!”



“เมล!”



‘ปัง!’



เสียงลูกปืนที่ได้ยินแว่วเข้ามาในหู รับรู้ได้ถึงเสียงที่ดังวิ้งๆๆอยู่ในหู ผมที่มองเห็นหน้าของทัพหน้าอย่างพร่าเบลอ เสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนท้องฟ้ากลางทะเลจะมืดลง ยังคงเป็นเสียงเรียกชื่อของผม จากปากของผู้ชายที่ผมรักที่สุดแบบมันอยู่ดี ... ทัพหน้า





...

100%


ครบจ้าาา ครั้งนี้ขอมาก่อนวันเสาร์นะคะ เนื่องจากพรุ่งนี้แคทไม่ว่างค่ะ แคทมาต่อให้อีก17หน้านะคะ

เนื้อเรื่องใกล้จะจบก็ยิ่งมีแต่ฉากที่เขียนยากๆ แคทหวังว่าแคทจะถ่ายทอดออกมาให้คนอ่านสนุกและเข้าใจได้ง่ายนะคะ หวังว่าคนอ่านจะชอบนิยายเรื่องนี้ ตอนนี้ กันนะคะ

ปล.คำผิดมากมาย ใช่ค่ะยังไม่ได้แก้เลย หวังว่าคนอ่านจะไม่ด่าว่า แคททททเธอเขียนอะไรมาย๊ะ น้าา

จ๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ มาอ่านมาเม้นท์ขอกำลังใจหน่อยน้าาา    :katai4: :mew1: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 100% {19.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 19-04-2019 23:25:57
ทัพหน้าฆ่ามันเลย!!!!
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 100% {19.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 20-04-2019 00:50:49
 :katai1: :katai1: ใครโดนยิง
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 100% {19.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 20-04-2019 00:52:42
เฮ้ยยยย!!ใครยิงใครละเนี้ยยย โอ้ยยเป็นเมลนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆผ่านมาทุกสถานการณ์ร้าย โดนจับเป็นตัวประกันตั้งแต่ต้นจนจบ ซวยกว่านี้ไม่มีอีกแล้วเด้อ 5555555 เห้อออผัวเมียคู่นี้ อย่ามายุ่งกับพวกเขาอีกเลยไม่งั้นไม่ตายดี ต่างคนต่างอยู่เถ๊อะไอ้หมิง มึงนี่หามันขยันเรื่องจริงๆ โว๊ะ!! //หวังว่าคงไม่มีใครตายหรอกนะ ให้รอดปลอดภัยรอไปเคลียร์กันทุกคดีดีกว่า หึหึ!! //แกล้งตายดีไหมวะเมล ทัพมันจะได้เสียใจจนจะเป็นบ้าค่อยฟื้น เอาให้เห็นค่าจริงๆก็ตอนนี้ละ เป็นไงแผนนี้ดีไหมกุ๊ก ในฐานะเพื่อนที่รู้เรื่องคนเดียว 5555 รีบๆละบิน ไม่เคลียร์มีคนคอยเสียบตำแหน่งแฟนแทนนะเว้ยๆ คึคึ! //รออีกหน่อยนะหลง จากมาอย่างนี้สงสารไอ้พี่รี่มากเหมือนกันว่ะ แง๊~~~รอนะรี่ เหงาแทนรี่เลย 5555 //สนุกกกกกกกกกกกกกก มาต่อเท่าไหร่ก็ไม่พอ อยากอ่านต่อ แต่รอค่า ขอบคุณนะคะ ชอบบบบบบบบบบบบ ตอนหน้าจะเกิดไรขึ้นบ้างนะ เอาไงกันดีแต่ละคน *กุมขมับ* 5555555 รรรรรค่า ^^
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 100% {19.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 20-04-2019 01:03:08
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 100% {19.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 20-04-2019 08:34:15
นิดนึงนะคะ

อ้างถึง
เสียงเจ็ทสกีประมาณห้าลำที่ขับนำเรือยอร์ชสีขาวลำใหญ่แล่นเข้ามาใกล้เรือของผมกับไอ้หมิงจนน้ำซัดให้เรือโครงไปหมด ผมที่มีประกายความหวังผุดขึ้นมาในตอนนั้น

ตอนแรกเจอน้ำสัด ผมนี่สะดุ้งเลย

สู้นะน้องเมล ชีวิตคืออยู่ยากแท้ มีน้องหลงมาให้หายคิดถึงนิดนึง แล้วบินนี่ยังไม่ฉลาดอีกหรอ หมดเวลาแล้ว บาย ถถถถถถ

น้องเมลต้องรอดนะ เอาใจช่วย ต้องรออีกอาทิตย์นึงเลยหรอคะ ; w ;  :ling3:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 100% {19.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-04-2019 11:24:15
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 100% {19.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 20-04-2019 21:58:30
คนที่โดนยิงขอให้เป็นไอ้หมิงคนชั่วววว!!!!!! :katai4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 100% {19.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 22-04-2019 03:00:07
อย่านะ อย่าเป็นไรนะ คาราเมล,,,
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่31* 100% {19.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: l3igpiccanvas ที่ 22-04-2019 09:02:29
 :mew6:เป็นกำลังใจให้ ยังไงก็รอติดตามผลงานตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.1* {22.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 22-04-2019 19:32:38

บทที่32.1




‘ปัง’



ร่างสองร่างที่หงายหลังล้มลงไปพร้อมๆกัน  กระบอกปืนที่ถูกชักออกมาพร้อมขึ้นลำปืนและยิงตรงไปอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าคนทัพหน้าชักปืนออกมาตอนไหน  สายตาคมที่มองนิ่งกับภาพตรงหน้าพร้อมๆกับลดมือลงในตอนที่ร่างหนึ่งหงายลังตกทะเลไป



“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด หมิง ฮึก หมิงงงงง” 



เสียงกรีดร้องและดิ้นทุรนทุรายจากหญิงสาวคนเดียวที่ตอนนี้ถูกห้อยอยู่กลางน้ำ น้ำตาใสที่ไหลออกมาพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของเธอที่บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังทรมาร ทัพหน้าปลายตามองไปที่หญิงสาวเล็กน้อย



“เวลาที่ของรักของตัวเองต้องหายไปมันทรมารแบบนี้แหล่ะ จำเอาไว้ ไม่ใช่มีแต่เธอที่คิดจะจัดการใครต่อใครก็ได้ไปซะหมด ถ้ายังไม่คิดจะหยุด คนต่อไปที่ต้องตาย คือเธอ ณราชา”



“ฮึก หมิง ฮื่อออ” 



ละสายตาออกจากภาพตรงหน้าอย่างไม่สนใจ หันไปสั่งลูกน้องให้ขับเรือเข้าไปเทียบกับเรือลำข้างๆ ก่อนที่ขายาวจะก้าวข้ามไปที่เรืออีกลำ  วงแขนแข็งแกร่งที่ช้อนตัวประคองคนร่างบางที่สลบลงไป เลือดที่ไหลออกจากข้างขมับสวยทำเอาทัพหน้าต้องขมวดคิ้ว  ตอนล้มลงหัวคงไปกระแทก



“แม่ง”  สบถออกมาแบบนั้น ก่อนจะรีบแกะเชือกที่มัดแขนขาของเมลออก ก่อนจะรวบร่างบางที่สลบไปขึ้นมาอุ้มไว้เอง



“เคลียร์เรื่องให้เรียบร้อย กูจะพาเมลกลับ”  ว่าออกมาเสียงเข้ม ก่อนจะอุ้มร่างบางข้ามไปที่เรือตัวเองเพื่อพาไปรักษาตัวให้เร็วที่สุด



“กูทำมึงตกอยู่ในอันตรายอีกแล้ว ขอโทษนะเมล” 



ว่าออกมาแบบนั้นเบาๆตอนที่วางร่างบางลงนอนในห้องพักในเรือ ทัพหน้าที่นั่งอยู่บนพื้นจ้องหน้าใสที่ตอนนี้ค่อนข้างจะซีดเซียว ฝ่ามือเรียวที่ค่อยๆลูบไล้เบาๆที่ใบหน้าใสอย่างแผ่วเบา กลัว... กลัวว่าเมลมันจะเจ็บ แค่นี้มันก็เจ็บมามากพอแล้ว



“ต่อจากนี้กูจะไม่ยอมให้มึงต้องเจ็บอีกแล้ว ไม่ว่าจะจากกูหรือจากใครก็ตาม”



...



(กุ๊ก)


“ไอ้เหี้ยเอ๊ย ทำไมต้องให้รออยู่ตรงนี้ด้วยวะ รอแล้วแม่งได้อะไรวะ”



“ก็ถ้าไม่รอมึงก็คือตัวเกะกะเค้าไงคะ ไม่มีปัญญาช่วยแล้วยังจะสาระแนอีกนะคะ”



“นี่มึงจะเอาไงกับกูไอ้สัดตุ๊ดปลอม!”



“เอ๊ะ อิเด็กบินนี่เหยียดเพศหรอคะ ตุ๊ดแล้วไง ตุ๊ดก็ทำแม่มึงทองได้เหมือนกันนะคะ”



“ไอ้สัด”



เป็นไอ้บินที่ถลาเข้าหาพี่ดานี่ก่อน และอีกฝ่ายที่นั่งไขว่ห้างสวยๆอยู่ก็ยกเท้าขึ้นเต็มความสูงแล้วถีบเข้าที่หน้าท้องไอ้บินเต็มๆจนมันเซถอยหลัง  ผมกับไอ้อู๋ที่วิ่งตรงเข้าไปแยกคนทั้งคู่ที่ตอนนี้เริ่มซัดใส่กันแบบไม่ยั้งแล้ว



“เห้ยเจ๊ไม่เอา พอๆ!” 



ผมที่พยายามลากแขนพี่ดานี่เอาไว้ แต่แรงควายๆของผู้ชายตัวหนาที่แม้จริตจะเยอะแต่พอโมโหแม่งก็ไม่ใช่ตุ๊ดสวยๆแบบที่มันออกอีกต่อไป ดวงตาเรียวคมของพี่ดานี่ที่มองไอ้บินแบบไม่ยอม น่ากลัวจนผมเผลอตกใจ



“ปล่อยกูไอ้เหี้ยอู๋”



“มึงนั่นแหล่ะใจเย็นไอ้สัด หัวร้อนเหี้ยไรนัก”



“ก็ดูปากแม่งดิ”



“ปากกูมันทำไมวะ มึงมาเดะ”  พี่ดานี่ที่ว่าแบบนั้นแล้วยกเท้าเข้าใส่ พี่มันที่เผลอออกแรงกระชากแขนของมันออกจากการเกาะกุมของผม เหวี่ยงผมจนกระเด็นไปนั่งแหมะอยู่บนพื้นหาด ห่างออกไปจากพวกมันมากพอดู



“โอ๊ย” 



เป็นผมที่ล้มลงไปนั่งจุ้มปุ๊กแล้วร้องออกมาแบบนั้น  อาจเป็นเพราะเสียงร้องของผมที่ดังพอดูที่จะทำให้พวกมันหยุดทะเลาะกันได้  พี่ดานี่ที่หันมาหาผมแล้วรีบเดินเข้ามาหา พร้อมๆกับไอ้บินที่สลัดไอ้อู๋ออกไปแล้ววิ่งเข้ามาหา



“ไอ้กุ๊ก เป็นไรมากไหม”



“น้องกุ๊ก พี่ขอโทษ หนูเจ็บตรงไหนมากไหมคะ”



เป็นคนสองคนที่ถามออกมาพร้อมกันแบบนั้น  พี่ดานี่อยู่ฝั่งขวามือของผม ส่วนไอ้บินอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือของผม ได้แต่ถอนหายใจหนักๆออกมาตอนที่มันสองคนเสือกถามออกมาพร้อมกันแบบนั้น ตัวผมที่ได้แต่หันซ้ายหันขวามองหน้าคนสองคนสลับกันไปมา



“มึงยังจะมีหน้ามาถาม แรงอย่างควายผลักมันมาได้”



“กูไม่ได้ตั้งใจ ถ้าเลือกได้กูไม่อยากให้กุ๊กมันเจ็บหรอก เลือกได้กูอยากให้มึงเจ็บมากกว่า”



“นี่มึงยังไม่หยุดใช่ไหม มึงจะเอาชะ”



“มึงจะเอาไหมล่ะไอ้เด็กอ่อน แรกกับกูสักหมัดไหม กูจะต่อยให้หน้ามึงยุบเลย”



“ไอ้สัดดาบ!”



“ไอ้สัดบิน!”



“โว้ยย พอออ มึงพอกันทั้งสองคนเลย กูรำคาญ!!”   



และสุดท้ายก็เป็นผมที่ผุดลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองแล้วผลักคนทั้งสองให้หงายท้องลงไปนั่งบนพื้นดินคนละฝั่ง 

น่ารำคาญชิพหาย เบื่อพวกมันเต็มทน



“ถ้าอยากจะทะเลาะกันก็ไปที่อื่น กูรำคาญ กูจะรอฝั่งข่าวไอ้เมล ถ้าพวกมึงว่างกันมากก็ไปหาสาหร่ายทะเลแดกเลยไปไอ้พวกสัด”



สุดจะทนกับคนแบบพวกมัน  ผมที่ว่าแบบนั้นแล้วเดินลุยทรายจ้ำพรวดๆหนีพวกมันไปนั่งอยู่ที่ริมหาด แทนที่จะมาตีอกชกหัวเป็นบ้ากันแบบนี้อยู่ที่หาดทรายให้ตัวเปียก


“เหอะ ควายสวยเป็นเหตุจริงๆไอ้กุ๊ก” 



เป็นไอ้อู๋ที่เดินมานั่งข้างๆผม มันที่ยิ้มขำๆแล้วว่าแบบนั้น เงยหน้าขึ้นไปมองมันพร้อมยกนิ้วกลางให้   กวนส้นตีน



“สวยห่าไรล่ะ”



“เอ้า ก็สวยจริงๆไหมวะ ผู้ชายสองคนจะรุมต่อยกันแย่งมึงเนี่ย”



“ปัญญาอ่อน ไอ้พี่ดานี่มันแค่รำคาญไอ้บิน ส่วนไอ้บิน มันก็ห่วงไอ้เมล มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับกูทั้งนั้นแหล่ะ”



“หรอวะ เรื่องจริงหรอวะ”  ไอ้อู๋ที่ถามออกมาแบบนั้น แต่หน้าตาแม่งโคตรสวนทางกับคำพูด มันที่ยกยิ้มออกมาแบบนั้นตอนที่ถามผม หน้าตาไม่ได้เชื่อเลยแม้แต่น้อย



“เป็นKอะไร กวนตีนกูอีกคนรึไง”



“มึงนี่หลอกตัวเองเก่งนะไอ้กุ๊ก”



“เหี้ยไรมึง”  ปลายตามองมันแบบไม่สบอารมณ์ อากาศก็ร้อนยังมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้อีก แถมตอนนี้ไอ้เมลจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้อีก



“หึ มึงไม่รู้จริงดิว่าไอ้เจ๊ดานี่จีบมึง มองแต่ละทีแทบจะแดกลงท้อง ไม่มีตุ๊ดที่ไหนมาดูแลผู้ชายแบบนี้หรอก ตุ๊ดเค้าควรจะได้รับการดูแลเว่ย ที่สำคัญ เห็นตอนยกตีนถีบท้องไอ้บินไหม ตุ๊ดมากมั้ง”



“ไอ้บินมันจะเจ็บไหมวะ”  เผลอถามออกไปแบบนั้น ก็แค่คิดว่ามันจะเจ็บมากไหม ตีนเจ๊ดานี่ก็ไม่ใช่จะเล็กๆเลยด้วยนะ



“สัด มึงโฟกัสตรงจุดไหนเนี่ย”



“เออช่างเหอะ ช่างพวกแม่งทั้งสองคนนั้นแหล่ะ”  ผมที่พูดตัดบทออกไปแบบนั้นแล้วยกมือโบกไปมาแบบให้ไอ้อู๋รู้ว่ามันควรจบบทสนทนานี้ได้แล้ว



“ทำไมมึงไม่ลองมองคนที่ดีๆดูบ้างวะไอ้กุ๊ก ในเมื่อมึงเองก็รู้ว่าอีกคนมันเหี้ย” 



ผมที่ชะงักไปกับคำถามของไอ้อู๋ มองตรงไปที่ชายหาด มองเห็นไอ้บินที่ยังนั่งอยู่ตรงนั้น มันที่มองตรงไปในทะเล ผมเดาว่ามันคงรอเมล ได้แต่แค่นยิ้มออกมานิดๆทั้งๆที่ยังไม่ได้ละสายตาออกมาจากแผ่นหลังของไอ้บินสักนิด ก่อนจะอ้าปากตอบคำถามของมันช้าๆ



“มึงว่าความรักมันมีเหตุผลไหมวะ เวลาที่เราจะรู้สึกกับใครสักคนมันมีเหตุผลหรือเปล่า ... บางทีมันอาจไม่มีเหตุผลดีๆเลยสักข้อ แต่ใจมึงมันอาจตัดสินไปแล้วก็ได้ ว่าต้องเป็นคนๆนี้”



 “อืม....”



“บางคนอาจมองว่า ทำไมโง่จังวะ ทั้งๆที่มีคนดีๆพร้อมจะรักอยู่แล้วทำไมไม่เลือก มึงเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันล่ะสิ”  ผมที่ละสายตาออกมาจากไอ้บิน แล้วหันกลับมามองหน้าไอ้อู๋ ส่งยิ้มให้มันนิดๆ



“เออกูคิด มองจากนอกโลกก็รู้ว่าพี่ดานี่อะไรนี่ดีกว่าไอ้เหี้ยบินชนิดไม่ติดฝุ่น”



“มันก็อาจจะจริง”



“ไม่อาจ มันจริง ... ทั้งมึงทั้งไอ้บินไอ้เมลเป็นเพื่อนกู กูอยากให้เพื่อนกูทุกคนมีความสุข ไม่ใช่แค่คนใดคนนึงมี แต่อีกคนทุกข์ มันก็ไม่ใช่ไหมวะ บางทีกูก็คิด ว่ามีคนดีๆอยู่ข้างมึงแล้วแท้ๆ ทำไมมึงไม่ตัดใจจากคนเหี้ยๆนี่ไปสักที”



เพราะคนเรา มันไม่ได้เลือกรักคนที่ดีที่สุดไงมึง ... มันไม่มีเหตุผลหรอกที่มึงจะรักใครสักคน ก็เพราะว่ามันเป็นความรักไม่ใช่หรือไงมันถึงไม่มีเหตุผลแบบนี้ สมองกูมันบอกว่าให้วิ่งหนีไป ไปหาคนที่ดีกับเราซะที แต่พออยู่กับคนที่ดี หัวใจกูมันกลับไม่สั่นเหมือนตอนอยู่กับคนเหี้ยนี่หว่า ก็เพราะมันเป็นแบบนั้น ต่อให้กูหนีไปจากมันแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นกูที่วิ่งกลับมาหามันอยู่ดี”



ว่าออกไปแบบนั้นแล้วก็มองกลับไปที่มันที่ยังคงนั่งนิ่งๆเหม่อมองออกไปในทะเลอยู่ดี



“บางทีกูก็อยากเป็นเทวดา เสกให้ทุกๆคนบนโลกเลิกโง่สักที”



“แต่น่าเสียดายที่มึงไม่ใช่ เพราะมันเป็นแบบนั้น เราก็แค่ปล่อยให้มันผ่านไป สักวันนึงกูอาจจะรู้สึกกับมันน้อยลงก็ได้นะ”



“ถ้าวันนั้นมาถึง อาจไม่ใช่มึงที่เสียใจคนเดียวก็ได้นะไอ้กุ๊ก”



“มึงว่าใครจะเสียใจกับกู ไอ้บินหรอ มึงตลก”



“เฮ้อ มึงเองก็ไม่ได้ฉลาดเท่าไหร่นะ...ว่าแต่เรื่องพี่ดานี่ ถ้ามึงไม่รู้สึก มึงก็อย่ากั๊ก...”



“กูรู้ กูจะทำเอง”



“อืม ดีแล้ว ... การเป็นตัวสำรองของใคร มันไม่ใช่เรื่องตลกหรอกมึง”



“ก็จริง การเป็นตัวสำรอง กูรู้ดีที่สุดเลย”



ผมที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มให้ไอ้อู๋  มันที่ส่ายหน้าออกมาหน่อยๆ แต่ก็เอื้อมมือมาโยกหัวผมเล่น เป็นการให้กำลังใจในแบบของมัน ... ก็เพราะคนเรา มันไม่ได้เลือกรักคนที่ดีกับชีวิต แต่เรามักเลือกคนที่ดีกับใจของเราที่สุด มันถึงมีคำว่าไม่สมหวังอยู่ในพจนานุกรมไทยยังไงล่ะ ... เพราะคนที่ดีกับใจ ก็ใช่ว่าเค้าจะรักเราตอบเสมอ ใช่ไหมล่ะ



...



(ดาบ)



เพราะคนเรา มันไม่ได้เลือกรักคนที่ดีที่สุดไงมึง ... มันไม่มีเหตุผลหรอกที่มึงจะรักใครสักคน ก็เพราะว่ามันเป็นความรักไม่ใช่หรือไงมันถึงไม่มีเหตุผลแบบนี้ สมองกูมันบอกว่าให้วิ่งหนีไป ไปหาคนที่ดีกับเราซะที แต่พออยู่กับคนที่ดี หัวใจกูมันกลับไม่สั่นเหมือนตอนอยู่กับคนเหี้ยนี่หว่า ก็เพราะมันเป็นแบบนั้น ต่อให้กูหนีไปจากมันแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นกูที่วิ่งกลับมาหามันอยู่ดี”



เสียงใสๆที่ทำให้ขาของผมต้องชะงักและหยุดเดิน มือที่อุ้มลูกมะพร้าวเอาไว้ในมือสั่นแบบบอกไม่ถูก ก่อนหน้านี้ตัวผมพึ่งตั้งท่าจะต่อยกับเพื่อนสนิทของกุ๊ก ... ใช่ กุ๊ก ... เด็กผู้ชายรูปร่างผอมบาง มันที่มีสเน่ห์ตรงที่เป็นคนตรงๆและไม่ยอมใคร แม้ว่ามันจะสู้ไม่ไหว แต่มันก็ไม่ยอมถอย เป็นคนรักเพื่อนและพวกพ้อง และเพราะแบบนั้น การที่มันเป็นแบบนั้น เลยทำให้คนอย่างผมรู้สึกสะดุดใจมากที่สุด



ผม...ดาบ ชื่อเฮงซวยที่พ่อแม่ตั้งมาไม่ได้เข้ากับความสวยงามของใบหน้า หงุดหงิดนัก! แต่เรื่องชื่ออาจไม่ทำให้หงุดหงิดได้เท่าเรื่องตรงหน้า รวมถึงคำพูดคำจาของคนที่ผมกำลังสนใจในตอนนี้



“เหอะ”  ผมที่ได้แต่แค่นเสียงหัวเราะฝืดๆออกมาได้แค่นั้น  พลิกตัวกลับหลังหันแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นแบบไม่ต้องคิด ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่รู้สึกอยากชอบใคร ทำไมถึงเป็นแค่กูที่ไม่เคยสมหวังเลยวะ



‘พลัก!’



เขวี้ยงลูกมะพร้าวอ่อนเย็นๆลงไปที่ถังขยะแบบพอเหมาะพอเจาะ ก่อนหน้านี้เดินหนีกลับไปซื้อมาให้ไอ้กุ๊ก เพราะคิดว่าแดดมันร้อนและมันเองก็คงจะเหนื่อยและเป็นห่วงเพื่อน  ผมอยากเห็นรอยยิ้มของมัน  เป็นคนที่ทำหน้านิ่งๆแล้วไม่น่าสนใจ แต่พอมันยิ้มแล้วน่ารัก  ผมเลยชอบรอยยิ้มของมัน



คุณเคยเจอใครสักคน แล้วอยากทำให้เค้ายิ้มไปตลอดไหม



ผมเจอ ... คนๆนั้นคือไอ้กุ๊ก



เด็กที่ชอบทำหน้านิ่งๆแฝงด้วยแววตาเศร้าๆ ผมอยากให้มันมีความสุขและยิ้มเยอะๆ ... แต่น่าเสียดาย ที่คนที่มันอยากทำให้มันยิ้มได้ กลับไม่ใช่ผม แต่เสือกเป็นผู้ชายเหี้ยๆที่นั่งหน้าโง่ๆรอเพื่อนมันกลับมาอย่างปลอดภัย



กูไม่เข้าใจว่าผู้ชายโลเล มันควรได้รับความรักดีๆตอบแทนด้วยหรอวะ



อยากจะถามว่า ทำไมไม่เป็นกู!



.

.

.




“เพราะมึง! เพราะมึงทำให้ไอ้เมลต้องเป็นแบบนี้!!”



ไอ้บินที่วิ่งไปกระชากคอเสื้อของเฮียทัพในตอนนี้ที่พวกเราอยู่กันที่โรงพยาบาล  มันในสภาพหมาบ้าไม่ต่างจากตอนที่เรือของเฮียเทียบท่าสักนิด  ในตอนนั้นผมเห็นไอ้บินที่ลุกขึ้นวิ่งแล้วตรงเข้าไปหาก่อนใคร  เฮียทัพที่อุ้มไอ้เมลลงมาจากเรือ สายตาเป็นห่วงของเฮียที่ผมไม่เคยได้เห็น แม้แต่ก่อนหน้านี้หลายปีที่เฮียดูจะรักณราชาก็ไม่เคยเห็นสายตาแบบนั้น



ในตอนนั้น



“หลบไป”  เฮียทัพที่ว่าออกมาแบบนั้น ใช้สายตาบอกไอ้บินให้ถอยห่าง



“ไม่! เอาไอ้เมลมา กูจะพามันไปหาหมอเอง นี่เพื่อนกู กูดูแลเองได้”



“แต่นี่เมียกู กูดูแลเองได้ มึงไม่ต้องเสือก!!”



เฮียที่ตะคอกออกมาเสียงดังลั่นท่าเรือ สายตาของเฮียที่กำลังบอกว่าไอ้บินเสือกและเกะกะทำให้เรื่องมันช้าลงไปมากจนเฮียอยากถีบ ผมที่ยืนมองอยู่ที่หาดในตอนนั้นก็คิดไม่ต่างกัน รวมถึงตอนนี้ ตอนที่ไอ้บินกลายเป็นหมาบ้าอีกครั้ง



“ปล่อยเสื้อกู”



“กูไม่ปล่อย กูจะต่อยหน้ามึง” 



ไอ้บินที่ว่าออกมาแบบนั้น เฮียที่แค่ใช้สายตาคมนิ่งจ้องมันตอบ ยกฝ่ามือหนาขึ้นจับที่ข้อมือของมันแล้วสะบัดแขนของมันออกอย่างง่ายๆ  แต่ไอ้บินที่ไม่ยอม มันพุ่งเข้าไปสวนหมัดใส่หน้าเฮียทัพทันที ... แต่ตั้งแต่ที่ผมเป็นน้องเฮียมา เฮียไม่ยอมให้ใครทำเฮียเจ็บ และแน่นอนว่า ไอ้บินก็ถูกสัดหน้ากลับ และตามด้วยฝ่าตีนที่ถีบเข้าที่ยอดอกจนมันหงายท้องไปกองอยู่กับพื้นท่ามกลางสายตาของพวกเรา



‘ผลั้ว’



‘ผลัก ตุบ!’



“เห้ยไอ้บิน!”  ไอ้กุ๊กที่วิ่งเข้าไปประคองตัวของมันที่นอนอยู่ที่พื้นเอาไว้



“เด็กแบบมึงอย่าคิดมาเล่นกับกูจะดีกว่า”



“แล้วผู้ใหญ่แบบมึงดีนักหรือไง ตั้งแต่ไอ้เมลรู้จักกับมึง มันเจอแต่เรื่องเจ็บตัว”  ไอ้บินที่นอนกองอยู่กับพื้นโดยมีไอ้กุ๊กประคองไว้ยังไม่ยอมหยุด มันที่ยังคงเถียงออกมาแบบนั้นเหมือนที่เคยทำ  ขาดสติ ขาดความคิดดีๆ



“แล้วมึงเสือกอะไรด้วย คนของกูกูจะดูแลเอง”



“งั้นมึงก็ช่วยดูแลมันให้ดีหน่อย อย่าดีแต่พูด!”



“กูทำได้แน่ และทำได้ดีกว่าเพื่อนแบบมึงด้วย ในเมื่อมึงเป็นแค่เพื่อน กูขอเตือนมึง ... อย่าเสือกกับเรื่องของเมียกู หัดรู้ซะบ้างว่าคำว่าเพื่อนมันขีดอยู่ที่ตรงไหน ถ้ายังชัดเจนกับความรู้สึกของมึงไม่ได้ มึงจะไม่เหลือใครสักคน!”



เฮียทัพที่ยกมือขึ้นชี้หน้ามัน ดวงตาคมที่วาวโรจน์ออกมาในตอนที่มองหน้าไอ้บินแบบเอาเรื่อง  ผมเห็นไอ้กุ๊กกับไอ้อู๋ที่รีบเดินมาจับตัวของมันไว้



และเป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกเจ็บที่หัวใจ  ถ้าเป็นเรื่องของไอ้โย่งนี้ ไอ้กุ๊กจะรีบวิ่งเข้าไปเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่...มันจะวิ่งเข้าไปก่อนตลอดจริงๆ  ทำไมวะ ... ผมสงสัยว่าทำไมคนแบบนี้ถึงต้องได้ความรักด้วย ทำไมถึงไม่เป็นคนแบบไอ้กุ๊กวะ ที่สมควรจะได้ความรักดีๆกลับไป ... ผมเอง แค่ตัวผมเองที่อยากจะให้มันได้รับความรักดีๆตอบกลับไปบ้าง ผมอยากให้ไอ้กุ๊กได้มีความสุข


.

.

.


(มีต่อจ้า)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.1* {22.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 22-04-2019 19:33:15
10:00 PM



พวกเราที่กลับมาพักที่รีสอร์ทในเครือของ ‘เตชะณรงกรค์’ เฮียทัพจัดที่พักให้ทุกคนกลับมาพักอย่างดี  แต่ตัวเฮียเองไม่ยอมกลับมาพัก สิ่งที่เฮียทำก็คือแค่ยืนนิ่งๆอยู่หน้าห้องกระจก มองดูไอ้เมลที่นอนนิ่งๆไม่ได้สติอยู่ที่ห้องไอซียู  แค่หัวแตก แต่มันยังไม่ยอมฟื้น



ส่วนตัวผม ผมมีเรื่องที่จะต้องทำ



“เลิกเป็นหมาบ้าก็หนีมาดูดหรี่อยู่ตรงนี้เองหรอวะ”   



ผมที่เดินเข้าไปหา ไอ้บินที่พ่นควันสีเทาๆออกมาในอากาศ มันที่หันมามองหน้าผมแบบไม่สบอารมณ์ มองดูก็รู้ว่ามันไม่ชอบหน้าผม หึ ... ไม่ต่างกัน กูก็ไม่ชอบหน้ามึงเหมือนกัน



“เสือก”



“กูก็ไม่อยากเสือกนักหรอก ถ้ามึงไม่มาขวางทางกู”  จ้องหน้ามันนิ่งๆแล้วแสยะยิ้มมุมปาก  มองเห็นไอ้บินที่มองตาขวางมาทางผม หึ ขึ้นง่าย



“กูไปขวางทางอะไรของมึง”



“ขวางทางรักกู”



“นี่มึงจะเอากับกูจริงๆใช่ไหมไอ้ตุ๊ดปลอม”  มันที่เดินเข้าหาแล้วผลักอกผมจนเซถอยหลัง  ถ้าเทียบกันจากขนาดตัว ไอ้บินสูงกว่าผม แต่ผมตัวหนากว่ามัน



“แล้วมึงจะทำไมวะ ถ้าไม่รักไอ้กุ๊กมึงก็อย่ากั๊กมันดิ เป็นKอะไร”



“แล้วมึงอ่ะเป็นKอะไรมาเสือกเรื่องของกู”



“ก็พอดูว่ามันเป็นคนที่กูรักไง ถ้ามึงไม่รักมึงก็อย่ากั๊กมันสิวะไอ้ควาย”



‘พลัก’



ว่ามันออกไปแบบนั้นพร้อมๆกับต่อยเข้าหน้ามันไปทีนึง แรงแบบไม่ยั้งจนหน้าไอ้บินมันสะบัด



“เหอะ สมน้ำหน้า”



“หนอยย เดี๋ยวมึงเจอกู!”



‘ผลั้ว!’



ไอ้บินที่ว่าออกมาแบบนั้น มันที่ตรงเข้ามาต่อยผมแบบไม่ยั้ง แรงจากหมัดของมันที่ทำให้ผมหน้าหัน แรงหมัดใช้ได้ แต่ผมก็สวนต่อยกลับเข้าที่ชายโครงของมันเหมือนกัน  เราสองคนที่สวนหมัดเข้าใส่กันแบบไม่มีใครยอมใคร จริงๆกูรอเวลาจะได้ฟาดปากไอ้หมาหน้าตี๋นี่มานานเต็มทีแล้ว



‘ผลั้ว!ตุบ’



ผมที่ถีบเข้ากลางท้องของมันจนหงายหลัง ไม่รอให้มันได้ลุกก็ขึ้นไปคล่อมทับอกของมันแล้วต่อยเข้าหน้าของมันแบบไม่ยั้งไม่รอให้มันได้สวน



‘ผลั้ว!’



“ถ้ามึงไม่รักก็ปล่อยมันมาให้กูดูแลสิวะไอ้สัด”



‘ผลั้ว!พลัก’



“เห้ยๆ เห้ยพวกมึงสองคนทำเหี้ยอะไรกัน!”  เสียงที่ผมคุ้นเคยดีดังมาจากทางด้านหลังของผม แค่ได้ยินก็อดกระตุกยิ้มออกมาไม่ได้  ... นี่ไง เวลาที่ผมรอคอย



“ช่วยหน่อยโว้ยๆ มาแยกหมาบ้านี่ออกจากกันที” 



ไอ้กุ๊กที่ตะโกนโวยวายออกมาแบบนั้น ผมได้ยินเสียงคนที่วิ่งตรงมาที่เราหลายคน คิดว่าคงเป็นเสียงจากบอดี้การ์ดของเฮียที่จ้างมาดูแล พวกชุดดำที่ตรงมาแยกผมออกจากไอ้บิน  มองเห็นสภาพไอ้บินแล้วอดจะยกยิ้มสะใจออกมาไม่ได้ สภาพเหี้ยมาก แต่ผมแค่ช้ำเล็กๆที่มุมปาก



“กูบอกแล้วว่าถ้าไม่รักก็ปล่อยมันมา!” 



ผมที่โดนการ์ดจับเอาไว้แน่นหนาถึงสองคนแต่ยังตะโกนออกไปแบบนั้น มองเห็นไอ้กุ๊กที่กำลังพยุงไอ้บินให้ลุกขึ้นยืน มันที่มองผมกับไอ้บินแบบไม่เข้าใจ  หน้าตาของมันทั้งตกใจทั้งเป็นกังวล มันที่เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่หัวคิ้วและปากของไอ้บินออกให้อย่างเบามือ  ผมที่แสร้งทำเป็นไม่เห็นภาพนั้น สะบัดแขนออกจากการ์ดแล้วชี้หน้าของมัน



“ปล่อยไอ้กุ๊กมา!”



“ถุย! กูไม่ปล่อย! มึงเป็นเหี้ยอะไร มีสิทธิ์อะไรมาบอกให้กูหลีกทางให้ไอ้ควาย!”  ไอ้บินที่ถุยเลือดออกจากปากทิ้งแล้วตะคอกเสียงใส่ผมแบบนั้น



“นี่พวกมึงสองคนทะเลาะเหี้ยอะไรกัน พอสักที”



“ไม่! กูไม่พอ กูชอบมึงไอ้กุ๊ก!”  เป็นผมที่ตะโกนออกไปเสียงดัง มองหน้าไอ้กุ๊กที่เบิกตากว้างมองหน้าผมในตอนนั้น  แค่เห็นสายตาของมัน ผมก็รู้คำตอบดีแล้ว



“มาหากูเหอะ นะ...”  ผมที่ว่าออกไปอีก พร้อมๆกับที่ยื่นมือออกไปหามัน



“พี่ดานี่...”  เสียงของมันสั่นในตอนนั้น เสียงสั่นๆที่แฝงความรู้สึกผิดเต็มไปหมด



‘หมับ’



“กูไม่ให้มึงไปไอ้กุ๊ก”  เป็นไอ้บินที่ดึงไอ้กุ๊กไว้ทั้งตัว ดึงมันเข้าไปกอดเอาไว้แล้วพูดออกมาแบบนั้น  แววตาที่กลัวจะเสียของรักถูกส่งไปให้ไอ้กุ๊กในตอนนั้น



“มึงจะรั้งมันไว้ทำไมในเมื่อมึงไม่ได้รักมัน”



“แล้วมึงเป็นกูหรอไอ้เหี้ยถึงรู้ว่ากูไม่ได้รักมันน่ะห๊ะไอ้สัด”



“ก็มึงรักไอ้เมล”



“กูไม่ได้รักไอ้เมล กูรักไอ้กุ๊กโว้ยไอ้เหี้ย!”



“อ...ไอ้บิน”  กุ๊กที่เอ่ยเรียกชื่อของมันออกมาแบบไม่เชื่อหู นิ้วเรียวของมันที่เกาะเสื้อไอ้บินแบบไม่เต็มแรง เหมือนทั้งกลัวทั้งไม่มั่นใจ ... ผมที่ก้มหน้าลงในตอนนั้น



“กูไม่ได้รักไอ้เมล ... ไอ้กุ๊กมึงฟังนะ กูรู้ว่ามันมีหลายครั้งที่มึงคงน้อยใจที่เห็นกูเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องไอ้เมล แต่กูไม่ได้คิดอะไรกับมันจริงๆนอกจากคำว่าเพื่อน”



“แต่มึงเคย...”



“เออ กูเคย กูเคยชอบมัน แต่แล้วมันผิดหรอวะถ้าวันนี้กูไม่ได้ชอบมันแล้ว กูรู้ตัวว่ากูเลิกชอบมันตั้งแต่ที่มีไอ้ตุ๊ดหน้าหล่อนี่มาเกาะแกะมึงแล้วไอ้สัด ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คนเหี้ยๆแบบกูไม่ได้โกหกมึง กูเห็นเมลมันเป็นแค่เพื่อน ไอ้เมลมันน่าเป็นห่วงเพราะมันเจอแต่เรื่องเหี้ยๆ ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนกูก็แค่ไม่อยากให้มันต้องเจอแบบนั้น แต่กูไม่ได้รักมัน ถ้าให้กูเลือกระหว่างมึงกับมันกูก็พูดแบบไม่ต้องคิดเลยว่ากูเลือกมึง .... เราอยู่ด้วยกันมานานแล้วนะกุ๊ก นานจนบางทีคำว่าเพื่อนแม่งก็รั้งความรู้สึกของเรามากเกินไป แต่วันนี้กูจะไม่ยอมให้คำว่าเพื่อนหรือใครหน้าไหน มาพรากมึงไปจากกู!”



“กู....”



“กูขอโทษที่ตลอดเวลากูไม่เคยพูดบอกให้มึงรู้ กูแค่คิดว่ามึงจะเข้าใจ แต่ในเมื่อมึงไม่เข้าใจ วันนี้กูจะบอกให้มึงรู้ ...กูรักมึง



‘หมับ’



ไอ้บินที่ดึงไอ้กุ๊กไปกอดในตอนนั้น  ผมเห็นมือของไอ้กุ๊กที่เลื่อนขึ้นมากอดไอ้บินเอาไว้ น้ำตาที่ไม่มีเสียงร้องของไอ้กุ๊กบอกผมได้ดีว่าตอนนี้มันกำลังมีความสุขดีแล้ว มองเห็นรอยยิ้มของมันที่เผลอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ... รอยยิ้มแบบนี้ไง แบบนี้เลยที่ผมอยากเห็นจากหน้าของมัน



“เพราะงั้น! มึงนั่นแหล่ะต้องหลีกไป”



ไอ้บินที่ผละตัวออกจากอ้อมกอดของไอ้กุ๊กว่าออกมาแบบนั้น ผมเห็นไอ้กุ๊กที่กำลังขยับตัวเดินเข้ามาหาผม ผมที่ยังก้มหน้าลงกับพื้นอยู่ตรงนี้ ... ถึงเวลาแล้วสินะ ...



“พี่ดาบ ผมขอโทษนะพี่...ตลอดเวลาผมผิดเองที่คอยแต่ดึงพี่เข้ามาในวงโคจรของผม”  เปล่าสักหน่อย เป็นกูต่างหากที่หาทางเข้าไปอยู่ในวงโคจรของมึง



“ฮึก ผมขอโทษนะพี่”  ขอโทษทำไม มึงอย่าร้องสิวะ กูไม่อยากเห็นน้ำตามึงสักหน่อย



“พี่ดาบ อึก...ให้ ...ให้อภัยคนเลวๆแบบ ฮึก ผมได้ไหมพี่ ...ผม ฮึก ผมพยายามแล้ว”  กูรู้ว่ามึงพยายามแล้วกุ๊ก ไม่เป็นไร



“พี่ครับ...ฮึก”



เอาล่ะ มันถึงเวลาแล้วจริงๆ



“คิกๆๆ ฮ่าๆๆ ต๊ายยยย น้องหนูกุ๊กๆคะ ร้องไห้ทำไมอ่ะคะลู๊กกกก”   ผมที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วหัวเราะเสียงสอง มองหน้าไอ้กุ๊กกับไอ้บินที่ทำหน้าเหวอ ไอ้กุ๊กที่ทำหน้าเหวอทั้งๆที่น้ำตากำลังไหล



“ต๊ายยย ร้องทำไมเดี๋ยวขี้เหล่กว่าเจ๊นะคะ”



“พี่...ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ครับ”



“ทำอะไรกันคะ นี่มันเป็นตัวตนของเจ๊เองค่ะ นี่จะบอกอะไรให้นะคะ นี่มันเป็นแผนของเจ๊เองค่า ก็แหม เจ๊อ่ะเห็นน้องกุ๊กๆกิ๊กของเจ๊กับน้องบินอ่ะไม่ลงเอยกันสักทีมันขัดตา นี่อย่าบอกนะคะว่าหนูๆคิดว่าเจ๊จะยึกยักจุ๊กกูดุ๋ยกับหนูอ่ะ กรี๊ดดด บ้าบอ รับไม่ได้โพเดียวกัน ฟ้าผ่าเด้อ”



“เจ๊ดานี่...นี่ ฮึก พูด อึก จริงหรอ”



“จ้า มานี่มามะๆ มาใกล้ๆเจ๊นี่ เจ๊คิดกับเราแบบน้องค่ะ เห็นเราก็เหมือนเห็นไอ้แจอ่ะ เจ๊อยากให้น้องเจ๊มีความสุข เพราะงั้น หนูจะต้องไม่ร้องไห้แล้วนะคะ” 



ผมที่บอกกับกุ๊กที่เดินเบะปากสะอึกสะอื้นเข้ามาหาผม ผมที่เอื้อมมือไปจับมือนุ่มของมันเอาไว้แน่นๆแล้วยิ้มให้  เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาออกจากหน้าให้เบาๆ



“ต่อจากนี้หนูจะต้องไม่ร้องแล้วนะคะ”



“ฮึก...พี่...พี่ดาบ”  ผมที่จ้องตาแล้วชะงักกับชื่อเรียกที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้าไปพักนึง ก่อนจะสะบัดหัวหน่อยๆแล้วยิ้มกรีดกรายส่งไปให้ใหม่



“พอคะหนูๆ คิดนะคะคิด ถ้าเจ๊จะจีบหนู เจ๊จีบน้องบินๆไม่ดีกว่าหรอคะ หง๊าวว กร๊าวใจ แต่หมัดนั๊กหนักนะย๊ะ!”  ว่าแบบนั้นแล้วหันไปค่อนขอดใส่ไอ้บินที่ทำหน้าเหวออยู่



“จริงหรอวะ”



“อ๊ะๆ พูดเหมือนสนใจเจ๊นะคะ”



“เชี่ย ไม่ใช่เว่ยเจ๊ แต่...แต่ถ้าเป็นแบบที่เจ๊มึงว่าจริงๆ ผมก็...ขอโทษครับ” 



ไอ้บินที่มองมาที่ผมแบบแครงใจ แต่สุดท้ายมันก็เลือกที่จะยกมือขึ้นไหว้เพื่อขอโทษ  ผมที่ยกยิ้มมุมปากออกมาน้อยๆ ก่อนจะหันหน้ากลับมาหากุ๊ก มันที่ยังคงร้องไห้และมองมาที่ผม ผมส่งยิ้มไปให้มันเหมือนทุกครั้งที่ผมเคยทำ



“ขอเจ๊กอดน้องสาวหน่อยได้ไหมคะ”



“น้องชายเว้ยเจ๊”



“เออๆ สักทีได้ไหมคะอิหนู”



“ฮึก ครับ” 



ตอบรับผมออกมาแบบนั้นแล้วพุ่งเข้ามากอดผมเต็มแรง ไม่ต่างจากผมที่รับมันมาไว้ในอ้อมกอด แล้วกอดมันไว้แน่นๆอยู่แบบนั้น ซึมซับทุกความรู้สึกแล้วหลับตาลง ... อาจจะถูกของไอ้กุ๊กมันก็ได้ เพราะความรักมันไม่มีเหตุผล เราเลือกไม่ได้ว่าจะรักใคร เพราะสิ่งที่เลือกให้ ก็คือหัวใจไม่ใช่สมอง และเมื่อสุดท้ายพอถึงเวลาต้องเลือก...มันก็ต้องมีหนึ่งคนที่ต้องเจ็บกับเรื่องนี้



“ต่อจากนี้ก็รักกันดีๆนะคะ อย่าร้องไห้อีก สัญญากับเจ๊นะ”



“ฮึก ครับ”



เพราะนิยายทุกเรื่องไม่ได้มีแค่บทพระเอก ทุกเรื่องมันต้องมีบทของพระรองนิยายมันถึงจะดำเนินต่อได้ แล้วเรื่องนี้...ก็คือผมเอง คนที่ไม่มีดวงที่จะเหมาะได้เป็นความรักดีๆให้กับใคร ไม่เคยได้เป็นพระเอกในหัวใจใคร เป็นได้แค่พระรองโชคร้าย ที่ไม่ดีพอจะเป็นความรักให้ใครสักคน



...




“อึก อื้อ”



เสียงร้องเบาๆที่มาพร้อมกับแรงขยับตัวน้อยๆทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนนั้น  ใบหน้าขาวใสที่ตอนนี้ติดจะซีดเซียวเริ่มขมวดคิ้วหน่อยๆ หัวใจผมเต้นตึกตักในตอนนั้น



“เมล...เป็นยังไงบ้างวะ”  ผมที่ถามออกไปในแบบนั้น ดวงตาใสที่เปิดเปลือกตาขึ้นมาก็ค่อยขยี้ตาน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องแบบมึนๆงงๆ



“เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า บอกพี่สิ”  ผมพูดออกมาแบบนั้น เอื้อมมือไปลูบแก้มใส มันที่สะดุ้งหน่อยๆ ก่อนจะเอียงหน้าหลบ



“เมล มึงยังโกรธกูหรอวะ กูขอโทษนะ ขอโทษจริงๆที่ดีแต่ทำให้มึงตกอยู่ในอันตราย แต่ตั้งแต่วันนี้ไปกูสัญญาว่าจะไม่มีอะไรมาทำร้ายมึงได้อีก รวมถึงกูก็จะไม่ทำให้มึงเสียใจอีก  เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม ทัพเคลียร์ทุกเรื่องจบหมดแล้ว ไม่มีณราชา ไม่มีอะไรที่จะทำให้ทางของเรามันพังอีกแล้วนะ” 



ผมที่ละล่ำละลักออกมาแบบนั้น ... กลัว กลัวที่จะไม่ได้พูด กลัวว่ามันจะไม่ฟังอะไรผมอีก



“ทัพ...”



“หื้มม ว่าไงครับเมล”  เอื้อมมือไปจับมือมันไว้แล้วพยุงให้คนป่วยได้ลุกขึ้นนั่งดีๆ  สายตาใสที่มองไปรอบๆห้อง ก่อนจะเหม่อสายตาไปที่หน้าต่าง  น้ำตาใสที่ไหลลงมาทำให้ผมไม่เข้าใจ



“เมล...ร้องไห้ทำไม ไม่ร้องนะเมล”  ดึงตัวมันเข้ามากอดไว้แน่นๆ แต่มันก็เอาแต่มองไปที่หน้าต่าง



“เป็นอะไร บอกทัพสิเมล”



“ทำไมทัพไม่มา ทำไมทัพลืมเมล”  คำพูดเบาๆที่เอ่ยออกมาแบบนั้นพร้อมน้ำตาของมันที่ไหลลงมา  ผมได้แต่มองมันแบบไม่เข้าใจ ... ทำไม มันเกิดอะไรขึ้น



“เมล ทัพอยู่นี่ไง พี่อยู่นี่...”



“เมลรอนะ เมลรอที่มหาลัยนะ” 



เสียงใสที่ว่าออกมาแบบนั้น ทำเอาน้ำตาผมไหลลงมา เมลที่เอาแต่พูดอยู่กับตัวเอง มันที่ไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมยืนอยู่ตรงนี้  เอาแต่พูดถึงทัพหน้า ทัพหน้าในจินตนาการของมัน ไม่ใช่ทัพหน้าที่อยู่ในชีวิตจริงของมันตอนนี้



“เมล...”



“วันนี้จะเอาขนมไปฝากพี่ทัพที่คณะนะ”



“ฮึก เมล ไม่เอา พี่อยู่นี่ไงเมล”



ผมที่โถมตัวกอดมันจนแน่น แต่มันไม่ได้รู้เลย ยังคงยิ้มบางๆและกำลังมีความสุขทั้งๆที่น้ำตามันไหล ทัพหน้าในจินตนาการของมันที่มันจะเอาขนมไปฝาก คือทัพหน้าที่ยังเรียนอยู่ปี4 รักแรกของมัน ไม่ใช่ทัพหน้าคนนี้ คนที่ทำร้ายมันซ้ำๆ



“เมล ฮึก พี่อยู่นี่ไงเมล”



ต่อให้ตะโกนดังแค่ไหน ก็เหมือนกำแพงกระจกที่ตะโกนแทบตายมันก็ไม่เห็นไม่ได้ยิน ... ถ้านี่เป็นการเอาคืนของคาราเมล ก็คงเป็นการเอาคืนที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของทัพหน้า คาราเมลไม่ได้เลือกที่จะหนีไปเหมือนทุกครั้ง แต่เค้าไม่มีความทรงจำให้กับทัพหน้าคนปัจจุบันเหลืออยู่อีกเลย  ... จับต้องได้ แต่ไปไม่ถึง



-----------




​มาแล้วค่ะ สำหรับคนอ่านที่บอกว่าพี่ทัพต้องโดนบ้างพี่ทัพต้องเจ็บบ้าง คำถามคือ เจ็บไหมล่ะคุณ ฮี่ๆ

สำหรับแคท แคทคิดว่าเนื้อหาตอนนี้ค่อนข้างหนักหน่วงบีบหัวใจ สำหรับคนที่ทนไม่ไหว แคทขอให้ข้ามไปก่อนก็ได้ค่ะ แต่นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่Bad Endแน่นอนค่ะ หลังจากผ่านตรงนี้ไป เราจะมายิ้มไปด้วยกันกว้างๆเลยน้า

ส่วนตอนนี้ แคทต้องขอโทษคนอ่านที่เชียร์ดาบกุ๊ก หรือใครก็ตามที่อาจจะเชียร์บินกุ๊ก หรือบางท่านที่เชียร์ดาบบิน บินดาบ หลากหลายเรือ ... สำหรับเรื่องนี้แคทได้วางพล็อตแบบนี้มันตั้งแต่ต้น สิ่งที่ต้องการเขียนก็คือ

เพราะความรักเป็นสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้ เราไม่ได้เลือกรักคนที่ดีที่สุด แต่เราเลือกจะรักคนที่พอดีที่สุดกับใจของเรา

เพราะงั้น ต่อให้ใครที่ดีมากแค่ไหน เราอาจมองเห็นความดีนั้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ใจเราเต้นแรง

นี่คือพล็อตของบินกุ๊ก ... ถ้าใครได้อ่านมาถึงตรงนี้ คงจะรู้แล้วว่า ตอนนี้ เราได้พระเอกดีๆเพิ่มมาอีกหนึ่ง

ผู้ชายเท่ๆคนนึงที่ชื่อว่า 'ดาบ'  :o12:



ดาบ: ดานี่ค่ะอิพวกนี้!!! เรียกให้ถูกได้ไหมเจ๊ขอ ผ่านมาจะจบเรื่องดาบๆอยู่นั่น เดี๋ยวกูก็เสียบเลยค่ะ! แล้วก็นะ ถ้าพวกหล่อนคิดว่าฉันจะมาแค่นี้ เหอะ สวยๆแบบนี้ต้องมีตอนของฉันแล้วย๊ะ จำนะคะอิคนเขียน!


 :mew1: :3123: :pig4: :call:



-TBC-

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.1* {22.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-04-2019 22:26:39
สมน้ำหน้าทัพหน้า  :z6: รำคาญบิน  :katai1:
น่าจะให้เจ๊ดานี่กับบินได้กันเองนะ   :hao6:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.1* {22.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-04-2019 23:35:00
 :serius2: มาม่าหม้อใหม่ก็มา
อีพี่เหลืองถ้าเป็นตุ๊ด คงอารมณ์แบบเจ๊ดานี่
เราวว่า2 คนนนี้จริตเหมือนกันมาก
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.1* {22.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 22-04-2019 23:37:07
โอ้ย สงสารเมล,,,
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.1* {22.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 23-04-2019 00:21:58
ฮือออ เจ๊ดานี่ สวยสุดๆไปเลยค่ะ นางเอกมาก มงต้องมาแล้วป่าวคะ ถ้าจะดีขนาดนี้ หน้าตาดีแล้วยังแม่พระอีก มาค่ะ ให้หนูปลอบใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.2* {27.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 27-04-2019 20:51:15
บทที่32.2




“เมล ทานอะไรไหมครับ วันนี้พี่เอานมอุ่นๆมาให้ด้วยนะ”



ผมที่เดินเข้ามาในห้องพักฟื้นของคาราเมลไม่ต่างไปจากทุกวันที่ทำแบบนี้มาตลอดอาทิตย์  เอ่ยยิ้มแย้มกับคนที่นั่งอยู่บนเตียงที่เอาแต่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง และยังเหมือนเดิม เมลไม่เคยรับรู้การมีตัวตนของผม ผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา



“เมล เมลชอบกินนมอุ่นๆก่อนนอนนี่นา ใช่ไหม” 



ผมยังคงพูดกับเค้าเหมือนอย่างเคย เอื้อมมือไปจับมือของอีกคน ครั้งนี้เมลหันมามองตาม หัวใจของผมสั่นเต้นตึกตักในตอนนั้น



“ทัพ”



“เมล...เมล เมลจำทัพได้แล้วหรอ จำพี่ได้แล้วใช่ไหม” 



ผมที่รีบถลาไปหากอดคนบนเตียงเอาไว้แน่นๆ แต่เมลกลับไม่ตอบผม เค้าเงียบจนผมต้องผละตัวออกมามองหน้าคนที่ผมกำลังกอด เมลไม่ได้มองหน้าผม เค้าเอาแต่เหมอมองไปที่ประตูห้อง ผมที่หันมองตามไป ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแต่เมลก็ยังเอาแต่มอง



“ทัพ”



“เมล...พี่อยู่นี่ไง”



“ทัพไม่มาเยี่ยม ทัพไปหาณราชา วันนี้ดาวเดือนมหาลัยต้องไปเตรียมดูน้องๆที่หอประชุม ... ทัพ ทัพไม่มา”



เสียงใสที่ว่าออกมาเบาๆ แต่กลับเป็นประโยคกรีดยาวเข้าไปในใจของผม เมลไม่ได้พูดกับผม เค้าแค่นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ผมยังเรียนอยู่ในรั้วมหาลัยเดียวกันกับเค้า เค้าคงคิดว่าผมไม่มาเยี่ยมเค้า เพราะผมไปงานดาวเดือนกับณราชา ทั้งๆที่ตอนนี้ผมอยู่ตรงนี้



เมลที่ว่าออกมาแค่นั้น ยิ้มออกมาน้อยๆ แต่น้ำตากลับไหลลงมา



“เมล พี่อยู่นี่ พี่ไม่ได้ไปไหน เมล...”  ผมได้แต่ดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้พร้อมน้ำตาที่ไหลลงมา ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ผมอยากให้เมลกลับมา



“จะโกรธจะเกลียดกันก็ได้ แต่กลับมาได้ไหม อึก กลับมาหาพี่ได้ไหมเมล ฮึก” 



ได้แต่กอดคนตัวบางเอาไว้แน่นๆ ซุกลงไปที่อก ฟังเสียงหัวใจของคนที่ผมรักเต้นแผ่วๆ เสียงหัวใจที่ครั้งนึงมันเคยเต้นเพื่อผม แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว



“อย่าร้อง”  คำพูดปลอบโยนที่มาพร้อมฝ่ามือนุ่มที่จับเข้าที่หน้าของผม มือเรียวทั้งสองข้างประคองแก้มของผมไว้ สายตาสวยที่มองผมเหมือนคนแปลกหน้า



“เมล จำพี่ได้ไหม”



“อย่าร้องนะ ... พี่ทัพก็ไม่เคยร้อง ต้องเป็นผู้ชายเข้มแข็งแบบพี่ทัพนะ” 



เค้าที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มน่ารักส่งมาให้ผม นิ้วเรียวที่เกลี่ยไปทั้งใบหน้าของผม เช็ดน้ำตาให้ออกจากหน้า ...



“ว่าแต่ คุณคือใครครับ?”



แต่เค้ากลับไม่รู้ว่าผมคือใคร



...



“หมอ หมอหมายความว่ายังไงวะ!”



“คุณทัพหน้าใจเย็นๆก่อนครับ”



“ไม่ยงไม่เย็นแม่งแล้ว แบบนี้มันคืออะไรกันวะ! มึงรักษาเมียกูยังไง”



“เฮีย ใจเย็นก่อนเว้ย”  เป็นไอ้รบที่ตรงเข้ามาดึงผมออกจากหมอ ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น



“จะให้กูเย็นได้ยังไง ในเมื่อไอ้เมลมันจำกูไม่ได้อยู่คนเดียว มึงคิดว่านี่นิยายวายดราม่าโรแมนติกหรอวะ กูไม่ตลก กูไม่ขำ!”



“คุณทัพหน้าใจเย็นก่อนครับ นี่อาจจะเป็นเพราะสมองของคุณคิรากรโดนกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงตอนที่ร่วงลงกระแทกกับขอบเรือ”



“หัวกูเคยกระแทกตั้งหลายรอบไม่เห็นจะเป็นอะไร” 



ผมยังคงเถียงออกมาแบบไม่เข้าใจ ผมรับไม่ได้ ทำไมต้องเป็นผมวะ ทุกครั้งที่ไอ้เมลมองไปรอบๆห้องและทักคนนั้นคนนี้ มันจำได้ทุกคน ทุกคนจริงๆ...ยกเว้นแค่ผม



“เฮีย บางทีซ้ออาจจะไม่อยากกลับมาจำอะไรที่เลวร้ายสำหรับตัวเองก็ได้นะ”



เป็นไอ้รุกฆาตที่นั่งอยู่มุมห้องฟังผมกับหมอเถียงกันมาเงียบๆพูดออกมาแบบนั้น ผมที่ฟังคำพูดของมันไปแล้วได้แต่นิ่งไป ... เป็นเพราะผมที่ทำให้มันเจ็บช้ำมามากจนตอนนี้มันไม่อยากจะเจอผมอีกแล้วสินะ ผมที่ทำให้มันเสียใจซ้ำๆ



.

.

.



“คิคิ..”



เสียงหวานหัวเราะออกมาน้อยๆ   ผมพาเมลกลับมาอยู่กับผมที่บ้าน โดยได้คำอนุญาตจากที่บ้านของเมลเอง และใช่...ผมโดนพ่อมันจัดการมาเรียบร้อย แต่มันก็สมควรแล้ว คำพูดสุดท้ายก่อนออกจากบ้านของคาราเมล “ถ้าครั้งนี้คุณทำให้ลูกผมเสียใจอีกล่ะก็ ผมจะไม่เอาคุณไว้คุณทัพหน้า”



ในห้องสีขาวที่ผมจัดไว้ให้เมลใหม่ เป็นห้องทางซ้ายมือของใหม่ที่โปร่งสบายลมพัดได้ดีและอากาศถ่ายเท ไม่เหมือนกับห้องนอนของผมที่ค่อนข้างมืดทึบ อีกอย่างกลัวว่าถ้าเมลไปอยู่ห้องเดิมจะทำให้ความทรงจำแย่ๆวกกลับมา



“คิคิ..” 



ในมือเรียวถือสมุดเล่มหนึ่งติดตัวไว้ตลอดเวลา เป็นไดอารีที่คุณแม่ของเมลให้มา ผมสังเกตว่าเขาค่อนข้างจะติดสมุดเล่มนี้ แม้ว่าตลอดเวลาที่เมลอยู่กับผม ผมจะไม่เคยเห็นมันเลยก็ตาม แต่เหมือนกับว่ามันมีอะไรหลายๆอย่างอยู่ในนั้น



"เป็นยังไงบ้างเมล"



"แอบเอาขนมไปให้พี่ทัพที่คณะ^^" 



พูดออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นสมุดหน้าที่เขียนไว้มาอวดผม  ผมที่ก้มลงมองลายมือที่ไม่ต่างจากที่ผมเคยเห็น สมุดจดบันทึกไว้เมื่อสามปีก่อน



'ทัพหน้า' ของเขา ไม่ใช่ผมที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่คือ 'ทัพหน้า' ในโลกของเขา ที่เขาจดจำ



“ครับ พี่ทัพชอบมากๆเลย” 



ตอบคนตรงหน้าออกไปแบบนั้น แต่อีกฝ่ายที่ได้ฟังแค่หุบยิ้มแล้วก้มหน้าลง ผมไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเมลเป็นอะไร ท่าทีที่ดูเศร้าลงไปกะทันหันแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น



“เมล เป็นอะไรไป”



“ไม่...”



“หื้ม ไม่อะไรครับ”  เดินเข้าไปจับมือ แล้วพยายามก้มหน้ามองคนตรงหน้าที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าหลบตากัน



“พี่ทัพ...พี่ทัพไม่ชอบ ไม่เคยชอบเมลเลย”  ว่าออกมาแบบนั้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บไปด้วย เจ็บจนต้องดึงมากอดแน่นๆ



“ไม่จริงหรอกเมล พี่ทัพชอบนะ ไม่เคยไม่ชอบเลยนะครับ”



“ฮึก พี่ทัพไม่เคยชอบเมลเลย”



“ไม่จริง พี่บอกอยู่นี่ไง พี่ชอบเมล ไม่เคยไม่ชอบเมลเลย”



“ข..ขนมก็ไม่เคยกิน ฮึก”



“ใครบอก พี่แกล้งทิ้งไปแบบนั้นแหล่ะ พี่แอบไปเก็บกลับมากินทุกครั้งเลย...จริงๆนะเมล ฟังพี่สิ” 



พยายามจะบอกคนตรงหน้า แต่เค้าไม่ฟังที่ผมพูดเลย เมลที่ทำแค่สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารอยู่ในโลกของเค้า  ไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าผมกำลังกอดเค้าอยู่ตรงนี้



“ฮึก ฮื่อออ”  คนตรงหน้าที่เอาแต่กอดไดอารีเล่มเล็กที่ก่อนหน้านี้



“เดี๋ยวๆ ไม่ร้อง เมล เมลครับ เอางี้ๆ เดี๋ยวพี่เอาไดอารี่ของไอ้บ้าทัพหน้ามาให้ไหม แลกกันๆ เมลจะได้รู้ไงว่าจริงๆแล้วมันมีอะไรที่เมลไม่รู้หรือเปล่า ...ดีไหม” 



พูดออกไปแบบนั้น เด็กตรงหน้าผมที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆที่น้ำตานองหน้า



“ของ...อึก ของพี่ทัพ”



“อืม ของพี่ทัพหน้าของเมล อยากได้ไหม”



“อื้ม อยากๆ”



ตอบออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มออกมาทั้งๆที่น้ำตายังเต็มหน้า ผมว่ามันควรพอแล้ว พอแล้วกับน้ำตาที่จะอยู่บนหน้าของเมล



“งั้นสัญญากันก่อน ไม่ร้องไห้แล้วนะ ไม่ร้องไห้แล้วได้ไหม” ว่าออกไปแบบนั้น เด็กตรงหน้าที่เงยหน้ามองผม ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันหน่อยๆ



“ทำไม?”  ถามออกมาแบบนั้นแล้วเอียงคอมองอย่างสงสัย กลายเป็นเด็กที่ร้องไห้ง่าย สงสัยง่าย



“เพราะพี่ไม่อยากให้เมลร้องไห้อีกแล้ว”



ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น พร้อมๆกับเอื้อมมือไปจับที่ข้างแก้มทั้งสองข้างของคนตรงหน้า ใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าให้หมด ใช้สายตาแสดงออกทั้งหมดของความรู้สึกบอกคนตรงหน้า



“และพี่ก็เชื่อว่า พี่ทัพหน้าของเมล ก็ไม่อยากให้เมลร้องไห้อีกแล้ว” 



บอกออกไปแบบนั้น แววนึงที่ผมมองเห็นในตาของคนตรงหน้าที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย แต่นั่นมันก็แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น บางที เมลอาจจะจำได้เร็วๆนี้ก็ได้จริงไหม ... ผมก็แค่พยายามให้กำลังใจตัวเองให้มากที่สุด และหวังว่าสิ่งที่ภวานามันจะกลายเป็นจริงก็แค่นั้นเอง



‘ปี๊ดๆ’



ในช่วงจังหวะที่เรากำลังจ้องตากันอยู่แบบนั้น เสียงแตรที่ดังมาจากหน้าบ้านก็ทำให้ทั้งผมและเมลสะดุ้ง ได้แต่ถอนหายใจหนักๆกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ



“ลงไปดูกันไหมว่าใครมา”



“อื้ม ไปๆพี่ทัพ”



“ห๊ะ!”  หันหน้าไปมองอีกคนอย่างตกใจ  เมื่อกี้...เมื่อกี้เค้าเรียกชื่อผม



“พี่ทัพมาหรือเปล่าน้า” 



เมลที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มสว่างสดใสใส่ผมพร้อมชะเง้อคอมองลงไปข้างล่าง ได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆในตอนนั้น ... ก็คิดว่าจำกันได้



ผมที่จูงมือเจ้าเด็กดื้อ ที่พอตอนนี้จำผมไม่ได้ดูจะดื้อมากขึ้นไปอีกลงมาที่โถงทางหน้าบ้าน มองเห็นชายร่างสูงที่ผมไม่เคยเห็นหน้า แต่เหมือนจะเคยเห็นจากรูปถ่าย ไอ้ผู้ชายที่กอดเมลรูปที่ไอ้ปืนเคยเอามาให้ดู



“ก้า~”



เสียงใสของคนข้างๆตัวที่ร้องออกมาแบบนั้น มือบางที่สะบัดออกจากการเกาะกุมมือผมแล้ววิ่งไปหาใครอีกคนที่ยืนหน้าตาขี้เหร่อยู่ตรงนั้น เหอะ ... หล่อไม่ได้ครึ่งกู



“เมล อย่าวิ่ง”  ผมที่ตะโกนตามไป แต่เจ้าตัวดื้อเหมือนจะไม่ฟังเอาซะเลย



“ก้า เมลคิดถึงงงง”



“ไหน คิดถึงก็มากอด”



“ได้ๆ กอดกันเลย”  ว่าออกไปแบบนั้นแล้วกางมือออกก้าง จะพุ่งเข้าไปกอด ผมที่เอื้อมมือไปคว้าเอวไอ้เด็กดื้อนี่ไว้ก่อนแล้วดึงมายืนข้างๆตัว



“ไม่เอาครับ เป็นคนไทยก็สวัสดีกันสิครับ”  ผมที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วบอกคนที่ช้อนตามองผมแบบไม่เข้าใจ แต่สักพักก็ฉีกยิ้มกว้างออกมาแล้วยกมือขึ้นไหว้



“สวัสดีครับพี่ก้า”



“หึ ขี้หวงว่ะ”



“มึงว่าไรนะ”



“มึงนั่นแหล่ะว่าอะไร นี่มันน้องชายกู จะจีบเค้าก็หัดรู้เรื่องของเค้าให้มากๆหน่อยสิวะ”



“ห๊ะ...พ...พี่ชาย”



“ฮ่าๆ ตลกว่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคุณทัพหน้าผู้ยิ่งใหญ่หน้าเหวอได้ขนาดนี้ กูชื่อก้า เป็นพี่ชายแท้ๆของไอ้เมล”  ห๊ะ ... ไอ้แม่ย้อย แล้วทำไมไม่มีใครบอกกู วันนั้นที่ไปบ้านเมลก็ไม่เจอนี่หว่า



“ขี้หึงนักนะมึงอ่ะ”



“ขอโทษครับพี่”  บอกออกไปแบบนั้นแล้วยกมือไหว้ เชี่ย  พี่เมีย



“ถ้ารักมันนัก ก็อย่าทำให้มันเจ็บอีก ถ้ามึงทำอีกมึงจะไม่ได้รับโอกาสจากคนที่บ้านกูอีก รวมถึงโอกาสจากไอ้เมลด้วย”  คนตรงหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้น สายตาที่เป็นประกายแข็งกร้าวขึ้นมาตอนที่พูดกับผมแบบนั้น



“ครับ...ผมสัญญา”



“หึ เมล...กูเอาของมาให้มึง”



“ของไรๆๆ ของเมลหรอ”



“อืม ของมึงนั่นแหล่ะ รอแป๊บนะ” 



พี่ชายมันที่บอกแบบนั้น แล้วเดินไปเปิดประตูรถที่เบาะข้างๆของตัวเองออก ไอ้ตัวดื้อข้างๆผมก็ชะเง้อชะแง้มองตามไปด้วย ดื้อจริงๆ



‘เมี้ยวววว’



“อ๊ะ...หลงงง ไอ้หลงงงง” 



เสียงร้องเล็กๆที่ดังมาพร้อมร่างขาวๆของสัตว์สีขาตัวสั้นหน้าแป้นแล้นที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายไอ้เมล ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ ขนาดไอ้หลงเมลยังจำได้ แล้วทำไมถึงจำผมไม่ได้อยู่แค่คนเดียว



“คิดถึงจังเลยยยย”



“พี่เอามันมาคืนเจ้าของ”



“คิดถึงหลงจังเลยๆ” 



เมลที่ว่าแบบนั้นแล้วรับมันมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าน่ารักที่ก้มลงไปเอาจมูกฟัดหน้าไอ้หลงเล่นอยู่แบบนั้น ให้มันได้แบบนี้ กูอยากกินแมวปิ้ง



“เมล พี่มีเรื่องจะบอกอีกเรื่อง”



“หื้ม ก้าว่าไงหรอ” 



เมลที่เงยหน้าขึ้นมาถามพี่มัน เอียงหน้าเอียงคอถามไปอีก น่ารักชิพหาย อยากจะฟัดแม่งให้จมเตียง แต่ตอนนี้ทำได้แค่จับมือ จับแล้วมันก็มองมางงๆว่าผมคือใครกัน



“พี่จะไปอังกฤษนะ ไปดูโรงเรียนให้เจ้าแฝด”



“สองแฝดไปด้วยหรอ”



“ไม่ล่ะ พี่ฝากไว้กับแม่”



“อะเค รีบกลับมาน้า”



“อืม...จะเอาขนมกลับมาฝากเยอะๆ ยังไงพี่ฝากเจ้าแฝดด้วยนะ” 



พี่ก้าที่ว่าออกมาแบบนั้น มองหน้าผมและไอ้เมลพร้อมๆกัน คนข้างๆตัวผมที่พยักหน้าขยันขันแข็งตอบกลับไป เห็นแบบนั้นแล้วอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปลูบหัวเอ็นดูเด็กมัน



“ผมก็จะดูให้ครับ”



“หึ เออ ถ้าดูแลน้องกูลามไปถึงลูกกูด้วย กูก็ยกให้”



“ยกอะไรให้ใครหรอก้า ให้เมลด้วยเดะๆ”



“ฮ่าๆ อยู่นี่ดีๆ แล้วกลับมาเป็นตัวเองด้วยหัวใจนะเมล” 



พี่ก้าที่ว่าแบบนั้นแล้วเดินมายีผมน้อง มองพี่มันที่มองหน้าน้องตัวเองนิ่งๆ ผมเห็นเมลที่พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะยกไอ้หลงมาให้ผมอุ้มไว้แบบงงๆ ไอ้ตัวจ้อยที่พอมาอยู่ในมือผมก็พยายามจะดิ้นลงจากอกให้ได้ เลยต้องยกมือไปเคาะหัวขู่มันถึงจะอยู่เฉยๆได้  ... ไอ้เมลที่เดินเข้าไปกอดพี่มันแน่นๆ ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันมีความหมายอะไร แต่ถ้ามองจากตรงนี้ก็คือพี่น้องที่รักกันดี



“ผมสัญญา ผมจะดูแลเมลให้ดีครับ”



“จำคำพูดมึงไว้”



คนที่ยังกอดน้องตัวเองไม่ปล่อยจ้องหน้าผมทั้งๆที่กอดไอ้เมลไว้แบบนั้น แต่ถึงไม่บอกให้ผมจำ ผมก็จะทำให้เห็นแน่นอน









ขอโทษจริงๆที่มาให้แค่นี้ คือแคทต้องขอโทษจริงๆค่ะ จริงๆวันนี้ว่าจะไม่ลงด้วย เพราะแคทมีปัญหาให้เครียด

กลัวว่าจะเขียนออกมาได้ไม่ดี แต่กลัวว่าจะมีคนรอ เลยขอมาต่อให้เท่านี้ ขอโทษจริงๆถ้ามันยังไม่ดีพอนะคะ




----

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.2* {27.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-04-2019 21:13:33
เราว่าทัพหน้าโดนแมลดัดหลังให้แล้วล่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.2* {27.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 27-04-2019 21:24:09
ไม่ต้องเครียดเลยค่ะ แงงงง

เครียดที่น้องหลงจะโดนปิ้งกินมากกว่า

ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย  :katai4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.2* {27.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-04-2019 23:17:42
 o18 มันแปลกๆนา เมล์แกล้งทัพใช่เปล่า :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.2* {27.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-04-2019 06:03:20
เครียดก็พักไว้ก่อนได้จ้า เรารออยู่เสมอน้า

โอ๊ยยยย ทำเหมือนจะลืม แต่เหมือนไม่ลืมน่ะ
เมลไม่ได้แกล้งทัพหน้าใช่ไหม

ทัพหน้าก็เหวอไปหลายเรื่องแล้วจ้า
เมลจำไม่ได้อยู่คนเดียว
น้องร้องไห้ใส่เฉย บ่อยมาก
คนที่เห็นกอดกันคือพี่ชาย 5555
ทัพหน้าใกล้เป็นบ้าแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.2* {27.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 28-04-2019 16:59:27
เหมือนจะไม่ลืมแต่ก็ลืม เมลไม่ได้แกล้งใช่ไหม เริ่มแยกไม่ออก เนียนไปหรือว่าจริงๆวะ  55555 สมน้ำหน้าทัพดีไหมเนี้ย คึคึ! จำได้หมดยกเว้นคนเดียว ถถถ พ่อคู๊ณณณณ ก็นะ ทำกับเขาไว้เยอะ เล่นสักหน่อย ถ้าเมลกลับมาคงได้รู้ซึ้ง จดและจำ ทำแต่อย่างดีๆที่รับปากไว้ เพราะอะไรๆมันก็ไม่แน่ ตอนอยู่ด้วยกันทำให้ดี จะได้ไม่เสียใจทีหลังว่ายังไงเราก็ทำดีที่สุดแล้ว //กลับมาฟื้นความจำที่เดิม ห้องใหม่ พยายามเข้านะทัพหน้า ดีใจจจจจจที่หลงได้กลับมาหาไอ้พี่รี่แล้ว รอออออบรรยากาศเดิมๆกลับมา //อร๊ายยยสนุกกกมากกกค่า โอ๊ยขอบคุณนะคะที่มาต่อให้เรื่อยๆ แต่งดีแล้วคะ ยังน่าติดตามเหมือนเดิม ผ่อนคลายหายเครียดเมื่อไหร่ค่อยมาแต่งลงต่อก็ได้นะคะ ยังไงก็รอ และรอบรรยากาศพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อนพ้องน้องพี่ไอ้พี่รี่ไอ้หลงแต่คงต้องรอให้เมลกลับมาก่อนอื่นเลย รอๆ ว่าแต่ไอ้พี่ทัพมันมีไดอารี่กับเขาด้วยหรอ ไหนนนเขียนว่าไงบ้างอ่ะ โว้ๆๆ มีไรบ้างที่เมลยังไม่รู้วะ 555  //ลูกตัวเองไม่มีก็พากันเลี้ยงหลานละนะ โอ้ยยยเอามาบ้านนี้คงป่วนน่าดู ถึงตอนนั้นเราคงกุมขมับแทนไอ้พี่ทัพหน้า เมลคงเป็นหัวหน้าแก๊งค์อ่ะ 55555 มโนไปก่อน อ่านจบอารมณ์ไม่จบ 555555 //สนุกกกกกกกกกกค่าโว้ยยชอบบบบ มาต่อๆรอๆ ไฟท์ติ้งกับทุกเรื่องเครียดๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^___^
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.2* {27.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 28-04-2019 19:35:47
บทที่32.3


.

.

.



“เมล ทำอะไรอยู่หื้ม”



ผมที่เดินเข้าไปหาคนที่อยู่บนเตียงพร้อมๆกับแก้วนมอุ่น เอ่ยถามคนที่เอาแต่นั่งตาแป๋วไม่ยอมนอนซะที วางแก้วนมอุ่นลงบนโต๊ะข้างๆเตียงของเขาแล้วส่งยิ้มให้



“อื้ออ เข้ามาทำไม”  หันมาหาผมพร้อมขมวดคิ้วแน่นใส่ผม ว่าแบบนั้นไม่พอยังยกนิ้วชี้ขึ้นห้ามผมที่กำลังจะก้าวขึ้นเตียงอีกด้วย



“ทำไมล่ะ?”



“เราไม่ได้สนิทกัน ไม่เอา อย่าขึ้นมานะ ชิ่วๆ”



“ไม่สนิทอะไรล่ะ นี่พี่ทัพไง พี่ทัพของเมลเองนะ”  ว่าออกไปแบบนั้นแล้วตั้งท่าจะก้าวขึ้นเตียงอีกรอบ



“ไม่ใช่”  ว่าออกมาเสียงแข็งพร้อมหมอนใบเล็กที่เขวี้ยงเข้าใส่หน้าผมเต็มๆหน้า  เชี่ย หลบไม่ทัน



“โอ๊ย เจ็บนะเมล”



“ออกไปเลย ออกไปๆ”



“น้องเมล”  เพราะอีกคนที่เอาแต่พูดแบบนั้นเลยอดจะทำเสียงแข็งดุใส่อีกคนไม่ได้



“อย่ามาเรียกแบบนี้นะ อย่ามาทำเสียงแบบนี้นะ” 



ขมวดคิ้วใส่พร้อมเม้มปากแน่นๆ มองหน้าผมแบบโกรธๆ แต่ถึงจะดูโกรธแค่ไหน แต่อีกอย่างที่เห็นได้ชัดกว่าความโกรธคงจะเป็นความน้อยใจ เหมือนพอผมว่าเสียงแข็งใส่อีกฝ่ายก็ดูจะน้อยใจขึ้นมาทันที ได้แต่ถอนหายใจหนักๆแล้วค่อยๆนั่งลงบนพื้นห้องข้างๆเตียงนอนแทน



“โอเค พี่ไม่ขึ้นไปนอนด้วยก็ได้ อยู่ตรงนี้แทนนะ”  บอกออกไปแบบนั้นแล้วชี้ให้ดูว่าผมจะอยู่ที่พื้นตรงนี้ นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงนี้  บัดโถ่เอ๊ย ชีวิตไอ้ทัพหน้า



“ทำไมไม่ยอมให้พี่ขึ้นไปนอนด้วยล่ะ เมื่อก่อนเราก็นอนด้วยกันนะ”



“โกหก ไม่เคย”



“เคยสิ เมลเคยนอนกับพี่นะ”



“เราไม่รู้จักกัน ผมไม่รู้จักคุณ”  มองหน้าผมด้วยสายตาว่างเปล่าพร้อมว่าออกมาแบบนั้น แววตาที่มองผมแบบระแวงและไม่คุ้นหน้า



“ไม่รู้จักแล้วจะมาอยู่บ้านพี่ได้ยังไง”



“ไม่รู้ คุณพ่อคุณแม่ให้มาอยู่ที่นี่ เมลไม่อยากมาอยู่ที่นี่ เมลไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคุณ”



“แต่เมลมีความทรงจำเกี่ยวกับทัพหน้า”



“พี่ทัพหน้าหรอ อื้มม”



“ถ้าจำไอ้ทัพหน้านั่นได้ ทำไมถึงจำหน้าพี่ไม่ได้วะเมล” 



รู้สึกฉุนแปลกๆทั้งๆที่ผมก็คือทัพหน้าคนนั้น แต่ก็ยังรู้สึกฉุนที่เมลเอาแต่เรียกหาไอ้ทัพหน้านั่น พูดดีๆกับพี่ทัพหน้า แต่กลับผมกลับทำเป็นห่างเหิน แม่ง หงุดหงิดไอ้ทัพหน้าที่คือกูเอง



ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ทำไมเมลถึงจำผมไม่ได้ ผมมีเงินมากมาย แต่ไม่ได้มีสมองเหมือนหมอ เพราะถ้าผมเป็นหมอ ผมก็อยากจะเป็นคนรักษาเมล ถ้าทำได้ผมก็อยากจะทำให้เค้าจำผมให้ได้สักที



“พี่ทัพหน้า ไม่ใช่คนแบบคุณ”



“หมายความว่ายังไง”



“พี่ทัพหน้าใจดี ถึงจะชอบบอกว่าไม่กินขนม ไม่ชอบแต่พี่ทัพหน้าก็ใจดีกับเมล ยิ้มเก่ง เค้าไม่ใช่คนแบบคุณ คนนิสัยไม่ดี”



“แต่พี่ก็คือมันไงวะ!”



“ออกไป!”  และพอผมขึ้นเสียงใส่ อีกคนก็เอ่ยปากไล่กันทันที  ทำไมวะ ผมก็คือไอ้คนที่เค้าร้องหาไง มันทำไม



“ไม่! นี่เมลกำลังแกล้งพี่อยู่ใช่ไหม จริงๆจำพี่ได้ใช่ไหม!”  อึดอัดไปหมด รู้สึกหงุดหงิดจนต้องลุกขึ้นยืนแล้วขึ้นไปบนเตียง จับแขนคนดื้อดึงที่เอาแต่ไล่ผมออกไปเอาไว้แน่นๆ ทำท่าทำทางว่าไม่รู้จักผมอยู่ได้  ทำไมวะ ทำไมถึงจำผมไม่ได้



“มองพี่! มองพี่แล้วพูดมาว่าจำพี่ได้!”



“ไม่!”



“เลิกโกหก มองพี่แล้วพูดมา เลิกแกล้งกันสักทีคาราเมล”  ว่าแบบนั้นพร้อมเขย่าแขนคนตรงหน้า เลิกแกล้งกันแบบนี้สักที!



“ฮึก ออกไปๆ ผมไม่รู้จักคุณ ผมไม่รู้จักคนใจร้ายแบบคุณ ฮึก ฮื่ออ”   เสียงสะอึกสะอื้นที่ดังมาพร้อมเสียงด่าทอของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกตัว  นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่วะ



“ฮึก ฮื่ออ คน...คนใจร้าย เมลเกลียดที่สุด! เมลเกลียดคุณที่สุด! ฮึก”  ตาใสๆที่ช้อนตามองผมทั้งน้ำตา อีกแล้ว...ผมทำเมลร้องไห้อีกแล้ว



“ออกไปเลย ฮึก ออกไป”



“พี่...”



“ออกไป ฮื่ออ”



“ขอโทษครับเมล”



“ออกไปนะ ออกไปเลย”  คนตรงหน้าที่เอาทั้งมือทั้งเท้ายันตัวผมให้ลงจากเตียง หน้าของผมก็ยังไม่อยากจะมอง มันทำผมรู้สึกแย่ แต่พอลองคิดกลับกัน เมื่อก่อนตอนที่ผมทำเป็นมองไม่เห็นเมล เมลเองก็คงจะเสียใจแบบนี้เหมือนกัน



“พี่จะออกไปนะ เมลนอนนะครับ”



“ฮึก...”  น้ำตาใสยังคงไหลลงมาจากดวงตาคู่สวย คนตรงหน้าผมที่หันหน้าหนีไม่ยอมมองกันอยู่แบบนั้น ผมได้แต่ถอนหายใจหนักๆ แล้วล่าถอยออกมาจากห้อง



“แม่งเอ๊ย มึงทำพังอีกแล้วไอ้ทัพ!”



...

               

แสงสลัวๆพร้อมทั้งเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม ภาพบรรยากาศของผับในยามค่ำคืน ไม่ว่าที่ไหนก็เป็นแบบนี้แทบจะทั้งนั้น ไม่รู้ทำไมต้องเป็นแบบนี้  อาจเพราะแสงสีและเสียงแบบนี้ มันอาจจะทำให้ชวนเมามายและลุ่มหลงมากเป็นพิเศษก็ได้ล่ะมั้ง  ดวงตาเรียวรีแต่คมเฉียบเพราะการกรีดอายไลน์เนอร์มาเป็นอย่างดี ทำให้โครงหน้าหล่อนั่นยิ่งชวนน่าสนใจ  หากแต่เจ้าของดวงตาเรียวกลับไม่สนใจรอบๆข้าง เจ้าตัวทำเพียงแค่เอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าออนเดอะร็อคกระดกเข้าปากไปอีกอึกแบบไม่สนใจสิ่งใด



‘ครืด ครืด’



แรงสั่นจากโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะ ทำเอาเจ้าของเครื่องต้องขมวดคิ้วหน่อยๆก่อนจะเอื้อมมือไปกดรับสาย



“ว่าไงคะน้องแจของพี่ดานี่”



((พี่ดาบบบบ กี่โมงแล้วทำไมไม่กลับบ้าน))



“คนสวยๆ เค้าก็ออกล่าเหยื่อน่ะสิจ๊ะ เอิ๊ก”



((ทำไมเสียงยานแบบนั้นวะพี่มึง เมาหรอ ร้านตัวเองก็ไม่เข้าไปดู พี่ปืนด่าหัวแล้วอยากจะบอก))



“อ่าหะ หนูบอกแล้วค่าาา  หนูด่าคนสวยไปแล้วจะ เอิ๊ก”



((พี่ดาบอยู่ไหน บอกมาเลย แจจะออกไปรับ))



“มะเอาๆ มาเองกลับเองได้ นักเลงพ๊ออออ”



((โอ๊ยยย พูดไม่รู้เรื่องเลยโว้ย บอกแจมาๆ))



“พูดไม่รู้ฟังอินี่ ขี้เสือกอ่ะค่ะ คนสวยรับไม่ดั้ย”



((ฮัลโหลไอ้สัดดาบ นี่กูเองนะไอ้น้องเวน))



“กรี๊ดดด อิผู้ชายหยาบโลน มึงคือปืนๆชิมิ ว่างายยยย เรียกชื่อน้องให้ถูกๆจะได้รึเปล่าคะ”



((ถ้าอยู่ใกล้ๆจะถีบยอดหน้าให้ไอ้สัด มึงอยู่ร้านไหนบอกกูมา กูจะไปรับ))



“นามคานจุงเบย”



((นามคานคือเชี่ยไรมึงวะ))



“นามคานก็คือรำคาญไงๆ โอ๊ย ไม่อยากจะคุยกับคนแก่ๆเลยจริงเชียว กรี๊ดๆๆเจอผู้งานดี แค่นี้ก่อนน้าปืนๆ”



((เดี๋ยวๆไอ้สัดดาบมึงอย่าพึ่ง....))



‘ติ๊ด ตู๊ดๆๆ’



“รำคาญจริงเว้ย คนแค่อยากออกมาเมา แค่อยากจะลืม ทำไมต้องวุ่นวายกันนักวะ” 



บ่นออกมาแบบนั้นแล้วเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้ามากระดกอีกอึก  มองไปรอบๆตัว มองเห็นผู้หญิงผู้ชายโยกเอวส่ายสะโพกกันอย่างออกรสออกชาติ เห็นแบบนี้แล้วก็โคตรจะน่าเบื่อ ไม่มีอะไรน่าสนใจ ส่วนคนที่สนใจ เค้าก็ไม่ได้สนใจเราว่ะ หึ น่าขำสิ้นดี



“อะ...เอ่อ...ข..ขอโทษนะครับ”  เสียงเรียกที่ดังเบาๆไม่ทำให้คนที่นั่งกระดกเหล้าสนใจแต่อย่างใด



‘จึกๆ’



“เอ่อ...ข..ขอโทษนะครับ” 



แรงสะกิดที่หัวไหล่ พร้อมเสียงเรียกที่ดังขึ้นมามากขึ้นกว่าครั้งแรกทำเอาต้องขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมอง ภาพตรงหน้าคือพนักงานในผับที่ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ ดูจะตัวสูงแต่ดันผอมเก้งก้าง คนตรงหน้าที่ในมือถือถาดพร้อมยื่นแก้วส่งมาให้ผมตาแป๋ว



“คะ? มีอะไรคะหนู”



“อ่ะ..เอ่อ ...ลูกค้าโต๊ะนั้นส่งมาให้ครับ”  ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมเหงื่อที่ดูจะแตกออกมาตามไลผมมากขึ้น  ผับก็ไม่ร้อน



“หรอคะ หล่อรึป่ะ ถ้าไม่หล่อไม่กินนะคะ”



“มะ...ไม่ได้นะครับ”  ว่าออกมาตาลีตาเหลือกจนต้องเลิกคิ้วใส่แบบไม่เข้าใจ ก่อนเด็กตรงหน้าจะก้มหน้าลงอีกครั้ง



“ล...หล่อครับ เค้าฝากมา”  ว่าแบบนั้นแล้วก้มหน้าหนี ท่าทางดูขี้กลัว ผมที่ชะเง้อคอมองไปที่โต๊ะต้นตอของแก้วเหล้าแก้วปัญหาแล้วยกยิ้มมุมปาก  หล่อมากมั้ง นมเต็มตากูเลย ไอ้บ๋อยนี่ก็ยังอุตส่าห์จะโกหกกู



“หึ โอเค”



“งั้นจะกินใช่ไหมครับ”



“คะๆๆ แค่แดกๆก็พอจะได้จบๆใช่ไหมคะ”  ถามออกไป ไอ้พนักงานตรงหน้าก็พยักหน้าหงึกหงัก มองหน้าผมแบบมีความหวัง เฮ้อ วุ่นวายจังวะ



เพราะคิดแบบนั้นก็เลยยกแก้วคอกเทลที่ไอ้เด็กนี่เอามาให้กระดกเข้าปาก เหล้าหลายชนิดรวมกันในแก้วถูกกลืนลงไปในลำคอ ความร้อนแผดเผาจนต้องซี๊ดปาก



‘ปัก’



“แดกแล้ว โอเคนะคะหนู” 



ถามมันออกไปพร้อมๆกับที่วางแก้วคอกเทลนั่นลงบนถาดที่เด็กนั่นถืออยู่ แววตากลมใสที่มองมาทางผมแบบเป็นกังวลหน่อยๆเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมพูด ทำแค่เพียงยกมือขึ้นไหว้ผม เห็นแบบนั้นแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาแล้วสะบัดมือไล่ไอ้พนักงานน่ารำคาญนี่ไปให้พ้นทาง  ก็แค่เด็กพนักงานที่พึ่งเคยทำงาน สงสัยจะโดนลูกค้าโต๊ะนั้นขู่ให้มาส่งเหล้าให้ผมให้ได้ล่ะสิท่า เหอะ

.

.

.



เวลาล่วงเลยผ่านไป ไม่รู้ว่าตอนนี้เวลากี่โมงแล้ว แต่มันก็อาจจะนานพอที่ทำให้หัวสมองมึนงงจนรู้สึกอยากหลับตาลง จนต้องทิ้งหัวฟุบลงกับโต๊ะ



“พี่ดาบคะ พี่เมามากแล้วนะคะ ไปต่อกับมิ้นน้า” 



เสียงใสที่ดังคลอเคลียร์อยู่ข้างหูทำให้ต้องปรือตาขึ้นมาดู หญิงสาวร่างสวยหน้าตาดีที่เบียดตัวเข้าใกล้ผมพร้อมจมูกโด่งที่คลอเคลียร์ไปตามลำคอ ยิ่งเธอทำแบบนั้นความรู้สึกร้อนลุ่มก็ยิ่งทวีขึ้นมากลางอกแปลกๆ รับรู้ได้ถึงความแข็งขืนที่เกิดขึ้นที่กลางหว่างขา



“จิ๊”  ได้แต่ส่งเสียงหงุดหงิดออกมาจากลำคอ มองหน้าสาวตรงหน้าตรงๆก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก



“พี่ดาบคะ”  เสียงอ่อนเสียงหวานพรางยิ้มสวยๆส่งมาให้ ใบหน้าเรียวที่เอียงเข้ามาหา



“หึ”



“ว๊ายยยยย”  หญิงสาวที่ร้องออกมาเสียงหลง พร้อมๆกับหงายหลังลงไปนั่งก้นจ้ำเป้าอยู่ที่พื้น  ตัวผมเองที่ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างลำบาก



“ชะนี ออกไป๊!!”



.

.

.



“อึก แม่ง” 



ขายาวที่ค่อยๆก้าวเดินอย่างยากลำบาก ความรู้สึกอึดอัดที่อยากจะระบายแต่ไม่ได้ระบายนี่มันยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บหน่วงอยู่ที่กลางหว่างขา ฝ่ามือใหญ่ที่ค่อยๆยันเข้ากับผนังทางเดินของผับที่ทอดยาวออกไปหลังร้านอย่างเหนื่อยๆ เดินออกมาจนถึงด้านนอกได้ก็รีบสูดอากาศหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ อีกนิดเดียวก็จะถึงรถแล้ว



หายใจเข้าออกจนอกแกร่งกระเพื่อม เหงื่อเม็ดใหญ่ที่ไหลออกมาจากไรผม แผ่นหลัง ลามไปทั่วทั้งตัว รู้สึกร้อนลุ่มไปหมด ... ยาปลุก แม่งเอ๊ย! กี่รอบแล้ววะกับความอยากลองของพวกผู้หญิง น่ารำคาญ



‘พลึบ’



“สัด”  หงุดหงิดก็หงุดหงิด แล้วขายังจะเสือกไม่มีแรงอีกแม่ง กูอยากเอาโว้ย!



ได้แต่กลัดฟันกรอดแล้วยันตัวลุกขึ้นยืน



‘หมับ’



“พ...พี่ครับ ไหวไหม” 



เสียงใสที่โคตรจะคุ้นหูที่มาพร้อมแรงพยุงข้างๆตัวผมให้ยืนขึ้นได้ ตวัดสายตาหันไปมอง ก็มองเห็นดวงตากลมโตที่จ้องมองมาอย่างเป็นห่วง พอเห็นผมจ้องกลับก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อยแล้วหลบสายตา



“ร...รถ รถพี่คันไหนครับ เดี๋ยว...เดี๋ยวผมช่วยพาไป”



“มึง” เค้นเสียงเข้มว่าออกไปแบบนั้นจนคนข้างตัวสะดุ้ง ... ไอ้เด็กบ๋อยพนักงานคนนั้น



“มึงรู้ใช่ไหมว่ามันมียา”



“คือ คือ...ผม ผมไม่รู้ครับ”  ว่าออกมาด้วยเสียงสั่นๆ ท่าทางไม่ต่างจากลูกแมวเวลาตกใจ รู้ว่าถูกจับได้แต่ก็ยังหน้าด้านแถ



“ตอแหล”



“ผ...พี่ คือ...ผ..ผมขอโทษครับพี่ ผมขอโทษ”   



ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมปล่อยแขนผมออกทันที ไอ้เด็กตรงหน้าที่ยกมือขึ้นไหว้ผม ทำหน้าทำตาเหมือนอยากจะร้องไห้  มึงไม่ต้องมาทำหน้าสงสาร สาระแนดีนัก!



“มึงมานี่เลย!”



“อ๊ะ พ...พะ...พี่ พี่จะทำอะไร ปล่อยผม จะลากผมไปไหน ช่ว...อึก  อ๊ะ อื้มมม”



...



“วิ่งๆ วิ่งเลยๆ จับเร็วๆ คิกๆ”  เสียงใสๆที่ดังมาพร้อมเสียงหัวเราะสนุกสนาน หลังจากที่เจ้าตัวสั่งให้ผมวิ่งตามไอ้แมวผี ... ใช่ครับ คนที่สั่งจะเป็นใครได้ นอกจากคาราเมล แม่ง!



ย้อนกลับไปเมื่อเช้า ตอนที่ตื่นนอน ... คนหน้าใสที่ตอนนี้นั่งกินชากับขนมอยู่ในร่มพร้อมหัวเราะเสียงใสแตกต่างจากเมื่อเช้านี้อย่างสิ้นเชิง



“เมล กินข้าวครับ”  ผมที่เดินเข้าไปในห้องนอนของคนที่เมื่อคืนนี้ไม่ยอมให้ผมนอนด้วย  แต่ตอนนี้เจ้าตัวไม่อยู่บนเตียง แต่กลับไปยืนรับลมอยู่ที่ระเบียงด้านนอก  เห็นแบบนั้นเลยเดินตามออกไป



“ทำอะไรอยู่ครับ หื้ม”  ถามเสียงอ่อนออกไป จริงๆก็เพราะรู้สึกผิดจากเรื่องเมื่อคืน วันนี้เลยตั้งใจจะเริ่มใหม่ เมลจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมจะเริ่มใหม่กับเมลเอง



“...........”



“เมล มองอะไรอยู่”  ถามย้ำออกไปอีกครั้ง เมื่อคนข้างๆตัวไม่ยอมพูดอะไรออกมากับผมสักคำแถมยังไม่ยอมมองหน้ากันอีกจนผมเอะใจ



“ยังโกรธอยู่หรอ”



“...........”  เห็นท่าทางปั้นปึ่งแบบนั้นแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา ผมไม่ชอบมากๆเวลาที่คาราเมลไม่สนใจ  ไม่ว่าจะเป็นคาราเมลที่จำผมได้ หรือเด็กเอาแต่ใจตรงหน้าที่ตอนนี้จำผมไม่ได้ก็เหมือนกัน



“ทำยังไงถึงจะหายโกรธ พี่สัญญาจะไม่ตะคอกเมลอีก”  พูดออกไปแบบนั้น สิ่งที่ได้กลับมาคือคนข้างตัวที่หันหน้ามามองกัน เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ้มออก



“จริงๆนะครับ...”



“คำสัญญาที่ทำตามไม่ได้ ก็แค่ลมปากของคนไม่จริงใจไม่ใช่รึไง จะสัญญาทำไม ถ้าสุดท้ายก็ไม่เคยทำ”



“เมล...”  ได้แต่เอ่ยปากเรียกชื่อคนตรงหน้าเบาๆ รับรู้ว่าลำคอตัวเองตีบตันตอนที่อีกคนว่าเรียบๆออกมากระแทกหน้าของผมแบบนี้  สายตา ท่าที และน้ำเสียงไม่ต่างจากวันนั้น  วันที่เมลมาบอกผมว่ามันจะไม่มีทางกลับมาหาผมอีก



“ช่างเถ๊อะ แต่เมลไม่อยากคุยกับคนเองซวย”



“ด...เดี๋ยวนะ เฮ้อ เมลลลล”  พูดไม่ออก บอกไม่ถูก บอกตรงๆว่าผมตามอารมณ์ไม่ถูก รู้สึกเหมือนผมเป็นแค่หุ่นตัวเล็กๆที่อยู่ในขวดโหล ถูกจับขย่ำโยนไปมาเป็นว่าเล่นเพราะคนตรงหน้านี้  เมลที่ก่อนหน้านี้ทำหน้าจริงจัง แต่ตอนนี้แค่ยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ แต่คำสุดท้ายนี่คือด่าผม...เฮง...เฮงซวยหรอวะ!



“รำคาญมากป๊ะ รำคาญมากก็ออกไปไกลๆ ไม่อยากเห็นหน้า”



“ใครจะกล้ารำคาญเมลล่ะครับ”  ว่าออกไปเสียงอ่อน พร้อมๆกับเอื้อมมือมากุมมือคนตรงหน้า แต่เมลที่ทำแค่สะบัดมือออก



“รำคาญ”  ตอบผมออกมาแบบนั้นพร้อมว่าเสียงเรียบ รู้สึกหน้าชาเป็นครั้งที่สอง



“จะให้พี่ทำยังไงถึงจะหายโกรธ บอกมาได้เลยนะเมล พี่จะทำทุกอย่างเลย”



“เหรอ”  เลิกคิ้ว ทำท่าทำทางเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แต่ผมก็เลือกจะพยักหน้าลงช้าๆ



“ครับ”  ตอบออกมาแบบนั้นอีกคนก็ยกยิ้มมุมปากส่งมาให้  ท่าทางร้ายๆแบบนั้นมันคืออะไรวะ



“ไหนบอกจะให้ไดอารี่พี่ทัพหน้าไง”



“อะ...เอ่อ”   ชิพหาย



“ไม่มีใช่ไหม”  คนตรงหน้าที่กดเสียงถามออกมาเรียบๆ ทำเอาผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบแปลกๆ



“หึ คนเฮงซวยจริงๆ”  มองหน้าผมด้วยสายตาผิดหวัง แล้วผลักอกผมให้ถอยออกไปห่างๆตัวอีกหลายๆก้าว เมลที่ทำแค่กลับตัวหันหลังจะเดินเข้าไปในห้อง แต่ผมที่พุ่งเข้าไปหาแล้วกอดเอาไว้จากทางด้านหลัง



“ปล่อย ปล่อยนะ!”



“ชู่ววว เดี๋ยวก่อน ฟังพี่ก่อน”



“ไม่ฟัง ปล่อยน้า”



“พี่ไม่มีไดอารีเป็นเล่มๆ แต่พี่เล่าได้นะ เล่าทุกเรื่องได้นะ”



“โกหก! คำพูดของคนกลับกลอกใครมันจะเชื่อ ปล่อย”



“เชื่อพี่เถอะนะเมล ข้อความที่พี่จะเล่า...ทัพหน้า ไอ้ทัพหน้ามันเล่าให้พี่ฟัง เล่าให้พี่ฟังหมดเลย จริงๆนะ”  ผมที่รีบว่าออกไปแบบนั้นพร้อมกอดอีกคนแน่นๆ กลัว ผมกลัวเค้าจะหนีหายไปอีก



“จริง?”



“จริงสิ นอกจากเล่าเรื่องไอ้ทัพ เมลจะให้พี่ทำอะไรอีก พี่ยอม ยอมหมดเลยจริงๆนะ”



“แน่นะ”



“อื้ม แน่สิ”



“งั้น...”



“หื้มม?”




และหลังจากความสงสัยของกู ตอนนี้ก็ต้องมาวิ่งไล่จับไอ้หลงให้คุณเค้า! ชิพหาย หมดแล้วซึ่งทัพหน้าผู้นำของลูกน้อง มองไปรอบๆสนามหญ้า มองเห็นลูกน้องชุดดำที่ทำหน้าเลิกลั่กกันอยู่ สัดเอ๊ย! หน้าอายชิพหาย



“นายครับ พวกผมช่วยไหมครับ”



“จะทำอะไรน่ะ!”  คาราเมลที่เห็นพวกลูกน้องของผมวิ่งเข้ามาค้อมตัวถามผมแบบนั้นก็ตะโกนเสียงดังออกมาทันที ผมได้แต่ถอนหายใจหนักๆก่อนจะโบกมือไล่ลูกน้องให้หนีไป



“ไม่ต้องกูจัดการเอง”



“จะดีหรอครับนาย”



“เออ!”  แม่งเอ๊ย ไม่ดีได้ไง ขืนไม่ดีผมก็โดนโกรธอีกน่ะสิวะ ทั้งโดนโกรธทั้งโดนด่า กูเหลือโดนถีบหน้าต่อหน้าลูกน้องเนี่ยแหล่ะตอนนี้



“ฮ่าๆ ทำอะไรกันอยู่วะซ้อ อ้าวเฮีย ไปนั่งหน้าซีดเหงือกซกอะไรอยู่ตรงสนามแบบนั้นอ่ะครับบบ กินกล้วยไหม พอดีซื้อมาฝาก”



“พวกสัด มาบ้านกูทำเหี้ยไร!”



“อ้าวนักรบ รุกฆาต”



“แจก็มาด้วยจ้าพี่เมลลล”



“สัด ขนมากันหมดโคตรเลยไหมกูถามจริง”  ได้แต่บ่นพึมพำอยู่คนเดียวกลางสนามหญ้า แดดก็ร้อน แล้วยังมีพวกเวนนี่มาป่วนอีกแม่ง



“ทำอะไรอ่ะ วิ่งสิ ไอ้หลงไปนู่นแล้ว”



“เมี้ยวววว”  ไอ้สัดลูกแมวนี่ก็ร้องเก่งจัง เดี๋ยวมึงเจอกู



“จ้า”



หมด หมดกัน หมดทุกอย่างแล้วความเป็นทัพหน้า เตชะณรงกรค์ แม่ย้อยเอ๊ย!



“อย่าวิ่งไอ้หลง เดี๋ยวมึงเจอกู!”



...

100%



มาแล้วจ้า น้องแคทมาต่อแล้วน้าาาา มาครบ100แล้ว ปั่นสุดฤทธิ์ ... ทำงานแบบนี้มันแย่จริงๆตรงที่ถ้าจิตใจไม่ดี

ก็จะเขียนไม่ได้ เซ็งมากๆ แคทหวังว่าตอนนี้จะทำให้ทุกคนชอบนะคะ  คนอ่านยังอยู่ไหมมมมมม เหมือนหายไปเกินครึ่งแล้ว แง้

ส่วนเรื่องพี่ดาบ เอ้ย พี่ดานี่ แคทตั้งใจว่าจะเขียนเป็นเรื่องต่อไปค่ะ เดี๋ยวถ้าจบเรื่องนี้จะลองเอาอินโทรมาลงให้อ่านน้า  ส่วนฉากบะละฮึ่มดึ้มด้ำของพี่ดานี่กับน้อง...น้านนน อ่านต่อได้ในเล่มน้าา คิ๊กค๊าก



-----------



ดาบ: ดานี่ค่ะอิพวกนี้!!! เรียกให้ถูกได้ไหมเจ๊ขอ ผ่านมาจะจบเรื่องดาบๆอยู่นั่น เดี๋ยวกูก็เสียบเลยค่ะ! แล้วก็นะ ถ้าพวกหล่อนคิดว่าฉันจะมาแค่นี้ เหอะ สวยๆแบบนี้ต้องมีตอนของฉันแล้วย๊ะ จำนะคะอิคนเขียน!



-TBC-
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.3* {28.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 28-04-2019 19:55:10
หลังๆ อ่านเรื่องนี้ก็จะสงสัยว่า "แม่ย้อย" คือใคร ใครวะ เรียกทุกตอนเลย อิพี่ทัพเรียกทุกตอน ต้องคิดถึงมากแน่ๆ 55555
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.3* {28.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-04-2019 21:40:27
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.3* {28.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 28-04-2019 22:41:34
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.3* {28.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-04-2019 23:20:32
เจ๊ดานี่จะได้เมียแล้ว
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.3* {28.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-04-2019 23:46:01
ร้ายกาจมากพี่ด้าบ!!!
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.3* {28.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 29-04-2019 00:47:12
ตกเป็นทาสเจ้าแล้ว จะสั่งอะไรตอนนี้พี่ยอมมมม หมดกันพี่ทัพคนเข้ม น้องดุนะ พี่ไหวหรอ 555555555 //อะไรจะทำให้เมลจำได้ละเนี้ย สงสารคนหึงตัวเอง ด่าตัวเองก็เป็น ทำไว้เยอะไง ก็รับกรรมไป คึคึ! //แอร๊ยยยยพี่ดานี่จะได้เมีย เอ้อออสงสารน้องงง ซวยชิบ ดราม่าอะคู่นี้ รอตามต่อเลย พี่ดาบใจร้าย เห็นๆแบบนี้ ท่าจะร้ายกว่าไอ้พี่ทัพหน้าอีกนะเนี้ยย //สนุกกกกกก อ่านจบก็รออ่านต่อตอนต่อไปเลย เพื่อนพ้องน้องพี่มาเยี่ยมเมลหรือจะมาป่วน เอาดีๆ 55555 //ขอบคุณนะคะที่แต่งมาอัพต่อเรื่อยๆ อ่านเพลินเลย อิอิ ^^
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่32.3* {28.04.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 29-04-2019 22:40:46
ทาสน้ะจ้าาา ทัพหน้าาาาาาาาา :jul3:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่33* {01.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 01-05-2019 20:21:31
​​​

บทที่33





“เฮ้ออ”



“เหนื่อยมากหรอวะเฮีย”  เสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำเอาผมต้องหันไปมอง เป็นไอ้รบที่เดินเข้ามาหาผมที่นั่งพิงเคาเตอร์ห้องครัวอยู่ตอนนี้



“ก็เหนื่อยว่ะ”



“ทำไมถึงเหนื่อยวะ”



“ก็เมลอ่ะดิ พูดจริงๆตอนนี้กูแทบจะไม่เข้าใจอะไรเลย เมลอารมณ์ขึ้นๆลงๆจนกูเอาใจไม่ถูกแล้ว ตั้งแต่เช้านี่กูยังไม่ได้หยุด วิ่งจับไอ้หลง ไปซื้อน้ำเต้าหู้ กลับมาทำขนมจีบ พูดจาไม่ถูกหูก็ไม่พอใจ ไม่รู้อะไรนัก”



“แล้วเฮียท้อหรอวะ”



“เฮ้อ เอาจริงๆมันก็มีบ้าง แต่กูไม่ยอมแพ้หรอก”



“เฮียต้องเข้าใจนะเว่ย หลายๆอย่างที่ซ้อเจอมันหนักกว่าที่เฮียเจอตอนนี้ด้วยซ้ำ กี่ครั้งที่เฮียทำให้เค้าเสียใจ ให้เค้าเหนื่อย อาจจะทั้งเจ็บทั้งเหนื่อยมากกว่าเฮียตอนนี้อีกมั้ง”



“อืม มันก็อาจจะจริง” 



ผมที่ตอบรับออกไปแบบนั้นแล้วหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างห้องครัว มองเห็นเมลที่กำลังวิ่งไล่ไอ้หลงพร้อมหัวเราะสนุกสนาน ใกล้ๆตรงนั้นมีไอ้รี่นอนเล่นมองอยู่ตรงนั้น เมลมันดูมีความสุขดี รอยยิ้มร่าเริงที่ควรจะมีประดับอยู่บนหน้าของมันแบบที่ควรจะเป็น



“กูอยากเห็นมันยิ้มมากๆ และถ้าทำได้ ก็อยากจะเห็นมันยิ้มกว้างๆจากการกระทำของกู”



“งั้นเฮียมึงแบกขนมจีบนี่ออกไปด้วยกันเลย กูรับรองว่าซ้อต้องยิ้มกว้าง”



“สัด”



“เอ้า ตามมาเร็วๆพี่น้องบ๋อย ฮ่าๆๆๆ”  มันที่ว่าแบบนั้น แล้วอุ้มถังน้ำแข็งนำหน้าผมออกไปพร้อมเสียงหัวเราะขบขันสะใจ



“สัดเอ๊ย”  ถึงจะบนแบบนั้น ก็ยังจัดขนมจีบกุ้งฝีมือผมเองใส่ถาดเรียบร้อยเพื่อเอาไปเสริฟ คือวันนี้เมลไม่ยอมให้แม่บ้านทำงาน งานทุกอย่างตกอยู่ที่นี่ กูเอง ...



“ขนมจีบกุ้งของโปรดของเมลมาแล้วครับ”  ผมที่เดินตามไอ้รบออกมาจากห้องครัวพร้อมจานขนมจีบที่เอามาเสริฟลงตรงหน้าคนตัวดื้อที่ตอนนี้นั่งอยู่พร้อมญาติๆตัวเสือกของผมเอง อยากถามว่าใครเชิญพวกมันมา



“อุ๊บ อ...ก๊ากกกกกกกกกกกก”



“ฮ่าๆๆๆๆ อิเหี้ยโคตรจี้”  เสียงหัวเราะดังลั่นห้องทานอาหารตอนที่พวกมันหันมาเจอผม แม่ง



“เฮีย ชุดเฮียมึงสุดยอดมาก ฮ่าๆๆๆ”



“เมลเลือกชุดกันเปื้อนให้เองล่ะ น่ารักไหม ลายสิงโตสีชมพูด้วย น่ารักเนอะ”  และไอ้คนต้นคิดก็พูดขึ้นมาแบบหน้าตาเฉย ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจหนักๆออกมาอีกหนึ่งที



“เฉียบมากซ้อ ฮ่าๆโคตรจี้”  ไอ้รบที่ว่าออกมาแบบนั้น กำลังจะหันไปด่ามันแต่ต้องถอดชุดออกมาปาใส่ไอ้ห่ารุกแทน แม่งกำลังยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกูไว้อีก



“ตลกมากพอยังพวกมึง มากันทำเหี้ยอะไร ไสหัวออกไปจากบ้านกูเลยไป”



“อันตพาล เมลโทรชวนมาเองนะ”  เสียงใสที่เอ่ยขึ้นมาแบบไม่พอใจทำเอาผมต้องถอนหายใจออกมาอีกหนึ่งเฮือก



“เมลครับ”



“ทำไมอ่ะ จะไม่ทำตามหรอ”



“ก็เปล่า”



“งั้นก็ใส่ผ้ากันเปื้อนไว้สิ ไปเอาขนมมาเสริฟให้อีกหน่อย คนเยอะแยะ”



“สุดจัดซ้อบอก ไปๆเฮียไป”  ไอ้แจที่นั่งจิ้มขนมจีบเข้าปากพรางสะบัดมือไล่ผมให้ไปเอามาให้ใหม่



“อันนั้นมันของเมลนะเว้ย”



“แล้วไง เมลจะให้แจกิน”



“ได้ยินแล้วนะจ๊ะเฮียจ๋า”  เป็นไอ้แจที่ทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่องใส่ผม เห็นมันแล้วโคตรคิดถึงน้องจอม ขอบคุณที่ไอ้น้องจอมไม่มาพร้อมไอ้แจ คู่นี้มันรุ่นเดียวกัน ถ้าอยู่พร้อมกันกูต้องตายแน่ๆ



“เออ รอเลย กูจะเอามายัดปากพวกมึงให้ล้นคอเลย”



“เกรี้ยวกราดจังเลยโน๊ะรุกโน๊ะ”



“เกรี้ยวไปก็เท่านั้นอ่ะ มึงดูรูปนี้ดิ” 



ไอ้รุกที่ยื่นมือถือให้ไอ้รบดู ท่าทางแบบนั้นที่ทำผมต้องขมวดคิ้ว มองเห็นไอ้เมลที่เดินเข้าไปหาพวกมันแล้วเอาหน้าแทรกกลางระหว่างน้องผมทั้งคู่  เหี้ย ใกล้ไปแล้วโว้ย



“ฮ่าๆๆๆ รูปนี้ทัพน่ารักโคตรๆเลย”



“ใช่มะซ้อ โคตรจี้ จะเอารูปนี้ไปอวดป๊าแม่ใหญ่แล้วก็น้องจอมดีกว่า”



“เดี๋ยวๆ พวกมึงถ่ายรูปอะไรกู”  เป็นผมที่ถามพวกมันออกไปแบบนั้น ยกมือขึ้นเท้าสะเอวอย่างเหนื่อยๆ



“นี่ไง ถ่ายรูปนี่ไง”  เป็นคาราเมลที่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากมือของไอ้รุกแล้วหันโทรศัพท์มาให้ผมดู ชัด...ชัดเลย รูปกูในชุดเสื้อกันเปื้อนสีชมพูลายสิงโต



“มึง”



“จ้าเฮีย”



“จ๋าจ๊ะ”  เป็นไอ้รุกกับไอ้รบที่ร้องออกมาพร้อมกันตอนที่ผมหันหน้าไปมองพวกมันด้วยสายตาวาว



“พวกมึงอย่าอยู่เลย”



“โว้ยยยย ไม่เอานะเว่ยเฮีย”



“หนีสิวะ วิ่งๆ ไอ้เฮียรบวิ่ง”



และเป็นผมเองที่วิ่งไล่เตะพวกมันทั้งแบบนั้น มันน่านัก ทำเมียไม่ได้ ทำน้องก็ได้ไอ้สัด กวนตีนกูดีนัก



...



“เมล พี่เอานมอุ่นๆมาให้” 



ผมที่เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของอีกคน พร้อมนมอุ่นๆที่ถือมาให้ มองเห็นคนที่วันนี้กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือที่ผมจัดมาให้เค้า เมลที่นั่งอยู่บนนั้น ปลายตามามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ากลับไปอ่านหนังสือตามเดิม



“ทำอะไรอยู่ครับ”



“ก็เห็นอยู่ ถามเพื่อ”



“อ่า ขอโทษครับ ว่าแต่ทำไมเร่งอ่าน หื้ม”  เอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆนั่น แต่คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่กลับโยกหัวหนี ใบหน้าสวยที่ขมวดคิ้วหน่อยๆตอนที่ผมทำแบบนั้น ได้แต่ชะงักมือตอนที่เห็นอีกคนทำแบบนั้น



“อ่ะ พี่ขอโทษครับ”



“อื้มๆ”  ตอบออกมาแบบรำคาญที่ผมเข้ามากวน มือเรียวที่เอาแต่ไล่นิ้วไปตามบรรทัดต่างๆที่กำลังอ่านทำความเข้าใจ มองดูหนังสือแล้วก็คือวิชาที่ผมเคยไปสอน แต่ตอนนี้อาจารย์ประจำวิชากลับมาสอนตามปกติแล้ว



“พี่วางนมไว้ตรงนี้นะ”  ว่าแบบนั้นแล้ววางแก้วนมอุ่นๆลงบนโต๊ะข้างๆหนังสือ คิดว่าจะได้ดื่มง่ายๆและอ่านหนังสือไปจะได้มีสมาธิ แต่คนตรงหน้ากลับทำแค่จิ๊ปากขัดใจ



“มาวางตรงนี้ทำไม เดี๋ยวมันหกใส่หนังสือ”  เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมแบบรำคาญใจ  ดวงตาสวยที่มองผมแบบขุ่นเคือง



“พี่แค่คิดว่า...”



“หยุด เอาออกไปเลยไป รำคาญ”  ว่าออกมาแบบนั้น แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผมที่เผลอถอยตัวออกมาตอนที่เมลลุกขึ้นยืน ดวงตากลมที่มองหน้าผมแบบขัดใจ



“แล้วก็เอาออกไปด้วยไม่กิน ไม่มีสมาธิ แล้วก็ไม่รู้จะเข้ามาทำไมอยู่ได้ทุกวัน”   



ว่าออกมาแบบนั้นแล้วหยิบหนังสือออกจากโต๊ะ จ้ำพรวดๆก้าวผ่านหน้าผมไปนอนลงที่เตียงอย่างหงุดหงิด  ผมที่ยืนค้างอยู่ตรงนั้น รู้สึกหน้าชาแปลกๆ เหมือนถูกคำว่ารำคาญกระแทกเข้าหน้า  ผมที่กลืนน้ำลายหนืดๆลงคออย่างฝืดฝืน เอื้อมมือไปหยิบแก้วนมอุ่นๆนั่นมาไว้ในมือ แล้วถอยหลังเดินออกมา ในช่วงที่กำลังจะเปิดประตูออกจากห้อง ก็นึกอะไรขึ้นมาได้สักอย่าง เลยหันกลับไปมองคนที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น แบบไม่ได้สนใจสักนิดว่าผมจะอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า



“เมลรู้ไหม ว่าทัพหน้ามันรู้นะว่าเมลต้องกินนมอุ่นๆก่อนนอนทุกคืน”  ผมที่พูดออกไปแบบนั้น มองเห็นเมลที่ชะงักมือที่กำลังจะเปิดหนังสืออ่านในหน้าถัดไป เขาที่ไม่ได้หันมามองหน้าผม ทำเพียงแค่นั่งนิ่งๆเหมือนไม่สนใจ



“ที่มันรู้ ก็เพราะว่ามีครั้งตอนไปค่ายอาสาที่เมลตามทัพหน้าไป ตอนกลางคืนที่เมลนอนไม่หลับแล้วแอบมารื้อหานมที่เอาไปด้วย จะเอามากินน่ะ คืนนั้นมันตามเมลออกไปนะ มันเห็นเด็กที่ยืนบ่นงงๆอยู่คนเดียวว่าถ้าไม่ได้กินจะนอนไม่หลับ ตั้งแต่ตอนนั้นมันเลยรู้  มันเลยจำได้ จริงๆคืนนี้มันเองก็แค่อยากให้เมลได้ฝันดีแค่นั้นเองล่ะ”



ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น แล้วเอื้อมมือเปิดประตูเดินออกจากห้องไป ไม่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายทำหน้าแบบไหน แต่ถ้าเมลรับรู้ได้บ้าง ผมเองก็จะดีใจ  ผมคิดถึงคาราเมล เด็กที่วิ่งตามผมเพราะรักผมหมดหัวใจคนนั้นเหลือเกิน


.

.

.


“วันนี้จะไปเรียนแน่หรอเมล”



“จริง จะสอบแล้ว”



“จำได้หรอว่าใกล้จะสอบ”  ผมเลิกคิ้วถามคนที่หิ้วกระเป๋าใส่ชุดนักศึกษาลงมาจากห้อง



“จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้”



“แล้วทำไมถึงยังจำพี่ไม่ได้สักทีล่ะ พี่คิดถึงเมลนะ”  ถามออกไปแบบนั้น อีกคนที่ทำหน้านิ่งมองมาที่ผมไม่ต่างจากคนแปลกหน้าเหมือนเช่นทุกที



“ผมไม่รู้ว่าทำไม อาจเพราะ...คุณกับผมเราไม่สนิทกันขนาดนั้นมั้ง”



“ไม่จริงหรอก เราสองคนเกินกว่าจะสนิทกัน”



“หมายความว่ายังไง”  คนตรงหน้าที่กระชับสายกระเป๋าเป้บนบ่าแล้วว่าออกมาแบบนั้น ผมที่ยิ้มอ่อนๆส่งไปให้เค้า   



“ถ้าพี่บอกว่าเรารักกันจะเชื่อไหม”



“ถ้ามันเป็นแบบนั้น ทำไมผมถึงลืมคนที่ผมรักอยู่คนเดียวล่ะ? ถ้าผมรักมาก ผมก็ไม่ควรจะลืมคุณสิจริงไหม” 



เมลที่ถามออกแบบนั้นแล้วยกยิ้มมุมปาก คำพูดคำจาที่ไม่ได้ยีหระอะไร ผิดกับผมที่เหมือนโดนหมัดฮุกซัดเข้าหน้า



ถ้ารักมาก ทำไมถึงลืม



ผมที่ตอบอะไรออกไปไม่ได้สักคำ ผิดกับคนตรงหน้าที่อ้าปากพูดต่อออกมาได้หน้าตาเฉย



“หรือจริงๆแล้วคุณอาจไม่ใช่คนที่น่าจดจำมากนักสำหรับผมก็ได้ล่ะมั้ง ผมไม่รู้ว่าคุณกับผมจะเคยรักกันจริงไหม แต่ตอนนี้ผมจำคุณไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราสองคนไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกัน นอกซะจาก...คนแปลกหน้า ที่ผมไม่เคยมีความทรงจำ”



“แต่พี่มี....”



“หรอ ก็ดี ลองกลับกันดูบ้าง เค้าว่ากันว่า คนที่มีความทรงจำมากกว่าก็มักจะเจ็บกว่า เพราะว่าไม่เคยลืม ... ผมเดาว่า ที่ผมลืมคุณได้ขนาดนี้ เมื่อก่อนคุณอาจไม่ใช่คนดีมากจนผมอยากจะลืมล่ะมั้ง และถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เราลองมากลับกันดูบ้างก็ดีนะ เผื่อคุณจะเข้าใจอะไรมากขึ้น  เอาล่ะ วันนี้ผมไปล่ะ บาย”



ว่าออกมารัวๆแบบนั้น คำพูดคำจาที่ว่าเร็วๆแบบไม่ทันได้หายใจ ผมที่ยังไม่ทันเรียบเรียงอะไรก็มองเห็นแผ่นหลังบางเดินหายออกไปจากบ้านแล้วเรียบร้อย  ผมที่รีบวิ่งตามออกไป



“เมล เดี๋ยวให้เด็กไปส่ง”



“ไม่ต้อง ผมจะขับไปเอง คันนั้นของที่บ้านผม”



“แล้วจะกลับมายังไง”  ผมไม่ชอบใจเลยที่เป็นแบบนี้ ผมเป็นห่วง



“เรื่องของผมนะ ผมไม่ใช่นักโทษของคุณ ลานะ บาย” 



พูดออกมาแบบนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูด้านคนขับแล้วขึ้นรถขับออกไป เสียงล้อรถบดถนนด้วยความเร็วไม่ทำให้ผมสบายใจเลยตอนที่ได้เห็น หันหน้าไปมองลูกน้องของผมที่ยืนมองกันแบบงงๆแล้วพยักหน้าให้พวกมัน



“ตามไปดูห่างๆอย่าให้รู้ตัว”



“ครับนาย”



อดไม่ได้ อดห่วงไม่ได้ที่ต้องปล่อยให้ออกไปห่างตัวแบบนั้น แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้แบบที่เมลว่า เราไม่ได้เป็นอะไรกัน อย่างมากสุดก็เป็นได้แค่คนที่ไม่มีความทรงจำของกันและกัน แต่ผมมี .... ไม่เคยไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเค้าเลยสักครั้ง แต่คำพูดของเมลในครั้งนี้ ก็ทำให้ผมอดที่จะนึกถึงเรื่องเมื่อตอนที่ผมพาเมลไปร้านไอ้ดาบและเจอกับกุญแจครั้งแรก



“พูดเหี้ยอะไรกันนัก เมลมันเงียบเลยเห็นไหม เลิกคุยเรื่องเก่าๆดีกว่าน่า”



“จะเงียบไม่เงียบก็เรื่องของมันดิ ... ยังไง กูก็ไม่เคยมีมันในความทรงจำอยู่แล้วไหมวะ”




คำพูดของผมในวันนั้น กับคำพูดของเมลในวันนี้ มันไม่ต่างกันเลยสักนิด ในวันนั้น เมลเองก็คงจะรู้สึกเหมือนโดนหมัดกระแทกเข้าหน้าแบบที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้สินะ ... ก็สมควรแล้วมึงไอ้ทัพหน้า



‘ครืด ครืด’



เสียงโทรศัพท์ที่ดังมาจากกระเป๋ากางเกงทำให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์ พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้าโชว์ขึ้นมาก็ได้แต่ถอนหายใจ



“อืม ว่าไง...รู้แล้ว เดี๋ยวเข้าไป”  ตอบรับแค่นั้นก่อนจะกดวางสาย ยังไม่ต้องไปถึงที่ ก็รู้แล้วว่าจะมีเรื่อง



.

.

.


                รถมัสแตงคันหรูที่ขับเข้ามาในรั้วบ้านหลังใหญ่ ประตูรั้วที่เปิดคอยเอาไว้อยู่แล้วยิ่งทำให้ทัพหน้าต้องถอนหายใจหนักๆ ...  ขายาวที่ก้าวเท้าลงมาจากรถแล้วมองไปรอบๆบ้าน วันนี้รถเยอะมากกว่าปกติ บ่งบอกให้รู้ว่าจะต้องมีแขกมาที่บ้านอย่างแน่นอน



“คุณทัพหน้า”  ไม่ต่างจากทุกครั้งที่กลับบ้าน จะเป็นคุณพ่อบ้านที่ออกมาต้อนรับเช่นทุกที  ผมที่แค่พยักหน้ารับหน่อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน



“ทางนี้ครับ ที่ห้องรับแขกใหญ่ครับ”



“ขอบคุณครับ”  ตอบรับออกไปแบบนั้นแล้วเดินเข้าไปเอง  เดินก้าวยาวๆไปไม่กี่ก้าวก็มองเห็นพวกชุดดำบอดีการ์ดที่ไม่ใช่ของบ้านผมยืนต้อนรับผมอยู่ในบ้านซะแล้ว



“เหอะ” แสยะยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก  และก็เป็นจริงแบบที่คิดเอาไว้จริงๆ แค่เห็นบรรยากาศอึมครึมชวนกดันของฝ่ายตรงข้ามที่นั่งอยู่ตรงข้ามป๊าและม๊าก็รู้แล้ว



“เหอะ มาได้สักทีนะเจ้าพ่อลูกชายตัวดีของแกน่ะ”  เสียงแข็งๆของผู้อาวุโสที่ทำให้ผมต้องยกมือไหว้แบบเสียไม่ได้ส่งไปให้ แต่อีกฝ่ายทำแค่เชิดหน้าใส่



“สวัสดีครับ คุณพ่อณราชา”



“เหอะ ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อหรอกถ้าจะทำกันแบบนี้” 



ว่าออกมาแบบนั้น โดยที่มีลูกสาวนั่งหน้าซีดตัวสั่นอยู่ข้างๆ ผมเห็นแบบนั้นก็ได้แต่แสยะยิ้ม  ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดี่ยว ที่อยู่ระหว่างพ่อกับฝั่งของพ่อณราชา



“ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกันหรอครับ”  เป็นผมที่เลือกจะถามออกไปแบบนั้น ก่อนจะเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะยกขาขึ้นไขว่ห้างนั่งด้วยท่าทางสบายๆ



“ยังจะมาถามอีก แก! แกทำอะไรกับหุ้นและบริษัทของฉัน” ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าผมแบบเดือดดาล



“คุณพ่อคะ”  ณราชาที่เอ่ยออกมาเสียงสั่นๆ มองหน้าผมแบบกล้าๆกลัวๆ เธอที่พยายามดึงมือของพ่อเธอให้กลับมานั่งดีๆแต่อีกฝ่ายไม่คิดจะทำ แค่เห็นแบบนี้ก็รู้แล้ว



“ปล่อยพ่อยัยชา! แล้วนี่ยังไม่รวมเรื่องบ้าบอที่ลูกชายตัวดีของแกส่งทนายเข้าไปยื่นใบหย่ากับลูกสาวของฉันอีก นี่มันบ้าอะไรกันห๊ะ” 



หันไปตะคอกใส่หน้าพ่อของผมที่ยังคงทำหน้าตายนั่งนิ่งๆด้วยท่าทางสบายๆไม่ต่างจากผม พ่อของผมที่เลิกคิ้วทำหน้าตกใจ แบบที่มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าไม่เนียนเลย ท่านหันมามองหน้าผมแบบตกใจ



“มึงทำงั้นหรอทัพหน้า”



“ครับพ่อ”



“อ้าวตายแล้ววว อยากเอามือทาบอกเลยนะเนี่ย” 



ป๊าที่ว่าออกมาแบบนั้นทำเอาผมอยากหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น แต่ทำได้แค่กระตุกยิ้มมุมปาก แต่เพราะท่าทางแบบนั้นของป๊า เลยยิ่งเหมือนกับว่าเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟ พ่อของณราชาที่โมโหมากจนตั้งท่าจะปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของป๊า แต่ติดที่ผมลุกขึ้นมาขวางไว้ซะก่อน และไม่ต่างจากณราชาที่ลุกขึ้นมาดึงแขนพ่อของเธอไว้ หน้าตาของเธอที่ยังมองเห็นได้ชัดว่าตาบวมจากการร้องไห้มาอย่างหนัก รอบข้อมือยังมีรอยแดงจากเชือกรัดเมื่อวันที่อยู่ที่ทะเล



“คุณจะทำอะไรไม่ทราบ” ผมที่ดันอกพ่อของเธอจนเสถอยหลังไปพร้อมๆกับลูกสาว จ้องหน้าผู้อาวุโสที่ครั้งนึงผมเคยนับถือ



“นี่แกกล้าผลักฉันหรอห๊ะ!”



“ผมกล้าทำมากกว่านี้อีกด้วยซ้ำถ้าคุณยังไม่หยุด”



“ทำไมฉันต้องหยุด แกทำแบบนี้ได้ยังไง ไอ้พวกไม่มีสัจจะ! ฟันลูกสาวฉันจนท้อง พอตอนนี้ก็จะมาขอหย่าหน้าด้านๆ งานแต่งยังไม่ได้จัดแต่เอาลูกฉันไปจนพลุน ไอ้หน้าตัวเมีย!”



“จุ๊ๆ เดี๋ยวนะครับคุณลุง ถ้าจะด่าผมด้วยคำนี้ ผมว่ามันออกจะเกินไปสักหน่อยนะ”



ว่าออกมาแบบนั้นพลางยกยิ้มมุมปาก ใช้นิ้วชี้ขึ้นมาจ่อที่ปากแล้วส่งเสียงจุ๊ๆออกมา มองเห็นณราชาที่ดึงแขนพ่อของเธอแล้วพึมพำว่าเรากลับกันเถอะๆอยู่แบบนั้น



“ทำไมฉันจะด่าแกไม่ได้ ฉันจะไม่ด่าแค่แก แต่จะด่าพ่อแกด้วย ไอ้เพื่อนเฮงซวย”



“อ้าวเห้ย พูดแบบนี้เดี๋ยวแกก็สวยหรอกไอ้อนันต์”  พ่อของผมที่ว่าออกมาแบบนั้นพรางจ้องหน้าพ่อของณราชานิ่งๆ



“แกสิต้องสวย ไอ้พวกเฮงซวย”



“หึ ก่อนคุณจะมาว่าผม ไม่ถามทางลูกสาวของคุณดูล่ะว่าทำอะไรเอาไว้ นี่คุณยังไม่ได้บอกพ่อของคุณหรอ?” 



เป็นผมที่ถามออกไปแบบนั้นแล้วแสยะยิ้มร้าย เวลาที่มองเห็นน้ำตาของเธอที่ไหลลงมาพร้อมๆกับสั่นหัวไปแบบอับอายแบบนั้นมันยิ่งสะใจพิลึก  สมควรแล้วสำหรับคนคนทรยศ!



“ทำไม มีเรื่องอะไร” พ่อของณราชาที่หันไปมองหน้าลูกสาวอย่างไม่เข้าใจ



“พ่อ กลับบ้านกันเถอะ นะ”  เธอที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมพึมพำเสียงสั่น สายตาใสๆสั่นไหวเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาอีก



“ทำไมคุณไม่บอกพ่อคุณไปล่ะ ว่าคลิปที่ว่อนอยู่ในเน็ตที่กำลังดังตอนนี้ ใครเป็นนางเอกของเรื่อง?”



“ทัพหน้า!”



“อะไร หมายถึงอะไรกันห๊ะ”  พ่อของเธอที่ยังคงไม่เข้าใจ มองหน้าผมและลูกสาวของเธอกลับไปกลับมาอย่างงุนงง เห็นแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาหน่ายๆ



“ลูกสาวคุณน่ะมีชู้ เพราะงั้นเรื่องการหย่า ผมแค่ให้เซ็นท์นี่ก็บุญแค่ไหน ถ้าผมฟ้อง พวกคุณไม่มีที่อยู่แล้วล่ะ”



“น...นี่มัน!”



“แล้วก็ยังไม่รวมเรื่องหุ้นและธุรกิจระหว่างเราอีกนะไอ้อนันต์ อย่าคิดว่าแกกำลังพยายามปั่นพวกผู้ถือหุ้นอื่นๆให้เลือกฝั่งแกแล้วอยากปลดฉัน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เพราะฉะนั้น...เรื่องที่แกเจอมันแค่เล็กน้อย เพราะนี่มันพึ่งเริ่มต้นเองนะอนันต์”



พ่อของผมที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมลุกขึ้นยืนพูดเสียงดังจนก้องไปทั่วห้อง  ผมที่หันกลับไปมองหน้าของพ่อณราชาที่ตอนนี้สีหน้าซีดเผือดไม่ต่างจากลูกสาว



“ถ้าคิดจะเล่นกับเตชะณรงกรค์แล้วล่ะก็ ... แกก็จะได้เล่นจนสนุก”



“ไอ้..ไอ้”



“อย่ากลับมาเหยียบบ้านฉันอีก ฉันกับแกจบลงที่ตรงนี้ เพื่อนที่หักหลังเพื่อนแบบแก ฉันเรียกมันว่าศัตรู ส่งแขก!”



“ไอ้!! ปล่อยฉันนะโว้ย แกต้องเจอแน่ ฉันไม่ยอมหรอกโว้ย” 



พ่อของณราชาและเธอที่โดนบอดีการ์ดบ้านผมเดินเข้ามาหิ้วตัวออกไปทันทีที่ได้ยินเสียงของพ่อผม เสียงตะโกนโวยวายที่ยังคงร้องตะโกนต่อไปแบบไม่ยอม ผมหันกลับมามองหน้าพ่อผมที่ยังคงมองตามเพื่อนรักของท่านด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ผมมั่นใจว่าพ่อจะไม่ใจดีกับคนที่เป็นศัตรูของท่าน



“นี่ใช่ไหม เรื่องที่แกบอกว่าถ้าแกลงมือทำอะไรบางอย่าง ป๊าจะเชื่อในการตัดสินใจของแกหรือเปล่าใช่ไหม”



“ครับ”



“หึ”



“แล้วป๊าเชื่อในการตัดสินใจของผมหรือเปล่า”  ผมถามออกไปแบบนั้นแล้วมองหน้าผู้เป็นพ่อ ข้างๆผมมีแม่นั่งทำหน้ากังวลใจอยู่ตรงนั้น



“ถ้าฉันบอกฉันไม่พอใจมากๆในเรื่องนี้ล่ะ”



“ผมก็จะบอกว่า แล้วแต่ป๊าละกัน ผมสบายใจดี” 



ตอบออกไปแบบนั้น มองหน้าพ่อตัวเองที่ทำท่าอยากหาอะไรเขวี้ยงหน้าผม แต่วันนี้ผมตัดสินใจแล้ว จริงๆตัดสินใจตั้งแต่วันที่คิดจะลงมือทำเรื่องนี้แล้ว



“หึ่ย ถ้าแกสบายใจก็เรื่องของแกละกัน งั้นก็รีบหาเมียใหม่มาแทนที่ยัยนั่นได้แล้ว แล้วรีบๆมีหลานมาให้ฉันได้แล้ว งามหน้านัก”



“ผมมีเมียแล้ว”



“ห๊ะ แกหมายความว่ายังไง”



“นั่นสิลูก เราไปมีเมียที่ไหนอีก”



“อย่าบอกว่าไปแอบทำผู้หญิงที่ไหนท้องอีกนะ นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันนัก”  พ่อกับแม่ของผมที่ว่าออกมาแบบนั้น ดูเหมือนว่าท่านจะเริ่มหงุดหงิดตั้งแต่เรื่องของณราชา



“ผมมีเมียแล้ว”



“อะ นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม”



“ครับ”



“อื้ม ... งั้นก็พามาให้พ่อกับแม่เจอ ลูกเต้าเหล่าใคร เช็คมาดีแล้วใช่ไหม อย่าให้เป็นเหมือนเรื่องนี้อีก เหอะ ถ้าพูดตรงๆก็เป็นเพราะฉันเองนั่นแหล่ะที่จัดแจงชีวิตให้แก เลือกยัยผู้หญิงนี่มาให้” 



พ่อที่ว่าออกมาแบบนั้นพลางถอนหายใจหนักๆออกมา



“แต่ถ้าลูกมีคนที่ลูกรักจากการที่ลูกเลือกด้วยตัวเอง แม่ก็ดีใจนะทัพ”  แม่ของผมที่นั่งอยู่ข้างๆพ่อพูดออกมาแบบนั้นพร้อมส่งยิ้มมาให้  แม่ยังคงเป็นผู้หญิงที่ใจดีกับผมเสมอ



“ถ้าลูกมีคนที่ลูกรักแล้วก็ดี แบบนั้นก็รีบมีหลานมาให้พ่อกับแม่ได้แล้วนะทัพ เนอะคุณเนอะ”



“แต่คนที่ผมรัก เค้า...มีลูกให้พ่อกับแม่ไม่ได้หรอกครับ”  คำตอบของผมเรียกสีหน้าไม่ดีของแม่ได้เป็นอย่างดี ผิดกับพ่อที่ยังคงนั่งทำหน้านิ่งอยู่เช่นเดิม



“ทัพหมายถึงอะไรลูก”



“คนที่ผมรัก...เค้า เค้าเป็นผู้ชายครับ”  ตอบออกไปแบบนั้น ไม่ได้ไหวหวั่นแม้ว่าแม่จะเบิกตากว้างมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าของความล่มสลายและผิดหวังมีอยู่เต็มใบหน้าของท่านในตอนนี้



“ลูกพูดอะไรออกมา”



“ผมพูดเรื่องจริง และเรื่องนี้...ผมตัดสินใจดีแล้วครับแม่”



“ทัพหน้า!” เป็นครั้งแรกที่แม่เรียกชื่อผมด้วยชื่อจริง  เป็นครั้งแรกที่แม่ขึ้นเสียงใส่ผมเสียงดังขนาดนี้ และเป็นครั้งแรก...ที่ผมเห็นน้ำตาของเธอ



“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! มันเกิดอะไรขึ้น นี่คุณช่วยฉันพูดอะไรหน่อยสิ”  แม่ที่หันไปมองหน้าพ่ออย่างขอความช่วยเหลือ สลับกับมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ



“ผมพูดเรื่องจริงครับแม่ ผมรักเค้า และผมจะไม่ยอมเสียเค้าไปเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว”



“ลูกพูดบ้าอะไร! ลูกเป็นลูกชายคนโตของเตชะณรงกรค์นะ! ลูกจะไม่มีหลานมาสืบสกุลของเราได้ยังไง ทัพก็เห็น ทัพก็รู้ว่าน้องๆทำไม่ได้อยู่แล้ว ทำไม...ทำไมลูกถึงทำแบบนี้” 



แม่ที่ว่าออกมาแบบนั้น น้ำตาของแม่ที่ไหลลงมาทั้งๆที่ไม่มีเสียงสะอื้น สายตาของแม่ที่มองผมแบบไม่เข้าใจมากที่สุดในชีวิตของเธอ



“เพราะน้องๆทำให้ไม่ได้ ทุกอย่างเลยต้องขึ้นอยู่กับผมหรอครับ...แล้วชีวิตผมล่ะครับแม่ แล้วชีวิตผมล่ะครับพ่อ”



ผมถามออกไปแบบนั้น เป็นคำถามที่ผมเคยสงสัย สงสัยมาทั้งชีวิตของผม ตั้งแต่เด็กเพราะผมเป็นพี่คนโต ถึงถูกสอนให้ต้องพยายามเก็บงำอารมณ์ ต้องเก่งและรอบคอบมากกว่าคนอื่น  ในเวลาที่น้องแบบไอ้รบไอ้รุกแอบปีนรั้วบ้านออกไปเล่น ผมต้องทำหน้าที่พี่ชายที่ดีคอยห้าม และรับหน้ากับการกระทำของน้อง ทั้งๆที่ตัวผมอยากจะหนีออกไปเล่นบ้างด้วยซ้ำ แต่ทำได้แค่นั่งเรียนเรื่องวิชาการอยู่ในบ้านตอนวันเสาร์และอาทิตย์  ... ผมอิจฉาน้องๆของผมทุกคนที่สุดท้ายแล้ว พวกท่านก็ยอมปล่อยน้องๆออกไปในเส้นทางที่เลือก ... แล้วผมล่ะ?



“ลูกมีชีวิตที่ดีที่สุดอยู่แล้วทัพหน้า แล้วลูกต้องการอะไร” ผมแค่นยิ้มออกมาตอนที่แม่ว่าแบบนั้น



“ชีวิตที่ดีที่สุด มีหน้ามีตาในสังคม มีชื่อเสียงมีเงินให้แม่เอาไปคุยกับคนรอบข้างได้ แบบนั้นใช่ไหมที่ดีที่สุด”



“ทัพ”



“ไอ้ทัพ แกอย่าพูดแบบนั้นกับแม่ของแกเชียวนะ”



“ผมไม่ได้ต้องการชีวิตพวกนี้ ผมต้องการแค่ความรักดีๆจากคนที่รักผม ครั้งนึงพ่อกับแม่เคยพรากมันไป ตอนที่ยัดเยียดณราชามาให้กับผม แต่วันนี้เมื่อมันมีทางที่ผมจะได้คืน ผมจะไม่ยอมเสียมันไปเป็นครั้งที่สองหรอก”



“ทัพหน้า!”



แม่ที่ลุกขึ้นยืนแผดเสียงใส่ผม ... ผมเข้าใจความรักที่ยิ่งใหญ่ของคนเป็นพ่อกับแม่ แต่ในบางครั้ง การต้องการให้เราเลือกเดินไปในทางที่เราไม่ถูกใจ แต่ถูกสายตาของพวกท่าน แบบนั้นผมไม่คิดว่ามันถูกต้อง



“ผมขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง แต่การที่ผมต้องเลือกเรียนบริหาร จบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง และก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ทำกำไรให้บริษัทเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนถึง80เปอร์เซ็น และข้อสุดท้าย ... ครั้งนึงผมตามใจพ่อกับแม่ที่จะแต่งงานกับณราชาและมีหลานให้ ผมว่าเพียงเท่านี้มันน่าจะพอแล้ว”



“ทัพหน้า ฮึก!”



“ผมขอโทษครับแม่ แต่ครั้งนี้...ผมขอทำตามใจตัวผมเอง”  ผมที่พูดออกมาแค่นั้นแล้วยกมือขึ้นไหว้พวกท่าน แม่ของผมที่เหมือนคนกำลังใจสลาย นั่งร้องไห้โดยมีพ่อของผมกอดปลอบแต่เพียงเท่านั้น



“ครั้งนึงแม่เคยขอให้พ่อทำตามใจไอ้รบ แล้วมันจะเพราะเหตุผลอะไร ที่ครั้งนี้แม่ถึงไม่ยอม”



“นั่นมันรบ แต่นี่มันคือทัพ”



“ถ้ามันเพราะผมเป็นทัพหน้า ถ้าแบบนั้น...ผมเองก็ไม่อยากเป็นทัพหน้าอีกแล้วล่ะครับ”  ผมที่พูดแค่นั้น แล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกจากบ้านมาโดยที่ไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องเรียกชื่อผมจากแม่อีกเลย  พ่อไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ แต่เป็นแม่ที่กำลังใจสลายและไม่ยอม ... แต่บางทีแม่ก็อาจจะลืมไป ว่าผมเองก็ใจสลายไม่ต่างกัน จากการไม่เข้าใจของแม่



ผมคิดถึงเมล  ผมอยากเจอเมลมากๆในตอนนี้ ... เพราะเมลอาจเป็นสิ่งเดียวที่จะเยียวยาและทำให้ผมสู้ต่อในเรื่องของเราได้ต่อไป


...


(มีต่อด้านล่างจ้า)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่33* {01.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 01-05-2019 20:22:14


‘ตื่อดึ้ง’



เสียงข้อความที่ดังขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังนั่งเรียน  ปลายสายตาไปมองแล้วหยิบมาเปิดขึ้นมาดู  เป็นข้อความจากคนที่ผมไม่คิดว่าจะส่งมา



ทัพ:[[เย็นนี้มาทานอาหารนอกบ้านกันครับ ร้านxxx ครั้งนึงทัพหน้าเคยบอกจะพาเมลไป ให้พี่ไปรับไหม เดี๋ยววันนี้เราไปทานด้วยกัน]]



เมล:[[ไม่ต้อง]]



ทัพ:[[โอเค งั้นเรามาเจอกันที่ร้านนะครับเย็นนี้]]



อ่านข้อความจบแล้วกดปิด ไม่ได้กดส่งอะไรตอบกลับไป แค่ไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องตอบอะไรออกไปอีก ทำแค่เอาปากกาเขี่ยไปเขี่ยมาในสมุดแลคเช่อร์  ไม่เข้าใจว่าคนที่ส่งมาต้องการอะไร



“ทำไรอยู่วะเมล”



“เปล่าอ่ะ” 



ผมที่ตอบไอ้กุ๊กออกไปแบบนั้น วันนี้มันเป็นคนที่นั่งข้างๆผม ไอ้บินไปนั่งริมสุดแทนไอ้กุ๊ก จากคำให้การที่ออกจากปากของไอ้บินในตอนเช้าที่เข้าห้องเรียน มันพูดสั้นๆแค่ว่า ‘กูไม่นั่งข้างมึงอีกต่อไป เดี๋ยวเมียกูคิดมาก’ มันที่บอกออกมาแบบนั้น แล้วถูกไอ้กุ๊กเตะเข้าที่ขา แต่มองดูพวกมันสองคนแล้วก็รู้สึกว่าน่ารักดี  ไอ้กุ๊กดูสดใสมากกว่าเมื่อก่อน อาจเพราะพวกมันเข้าใจกันแล้ว และผมเอง...ก็ไม่อยากเป็นคนหนึ่งคนที่เข้าไปทำให้พวกมันมีปัญหา



“เมื่อกี้ใครไลน์มาวะ พี่ทัพหรอ?”



“มึงเป็นคนขี้เสือกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไอ้กุ๊ก”



“มันเป็นนานแล้วไอ้เมล แต่ตั้งแต่แม่งคบกับไอ้บินก็เหมือนจะยิ่งเสือกเก่งมากขึ้นไปอีก ผัวเมียขี้เสือก”  ไอ้อู๋ที่นั่งข้างผมเหมือนอย่างเคยเสนอหน้าเข้ามากระซิบข้างๆผม แต่เป็นการกระซิบที่ดังมากจนไอ้บินได้ยิน



“ปากดี ควายอู๋”  ไอ้บินที่ว่าแบบนั้นพร้อมเขวี้ยงลิควิดไปใส่หัวมัน



“กูไม่ควายโว้ย”



“ควายไม่ควายน้องแจก็ไม่ยอมคบกับมึงนั่นแหล่ะ”



“ไอ้เหี้ยบิน เลว ล้อจุดอ่อนกู”  ไอ้อู๋ที่บ่นออกมาแบบนั้น หน้าหงิกจนพวกเราต้องขำออกมา  ก็แน่ล่ะ เปย์ไปเป็นแสน แขนก็ยังไม่ได้จับมันมีอยู่จริง สงสารเค้านะครับ ก็แม่งเรียกไอ้แจว่าหมูๆอยู่นั่น เป็นกูก็ไม่รับรักมันหรอก



“แล้วมึงว่าไงเมล พี่ทัพทักมาหรอ”



“ไม่รู้สิ ว่าแต่วันนี้...พวกเราไปเที่ยวผับกันดีไหม”  ผมที่ถามออกไปแบบนั้น เรียกสีหน้าแปลกใจมากจากเพื่อนของผมได้ดีมาก ไม่ได้ตอบอะไรพวกมันออกไป



“มึงมั่นใจ แล้วคนที่บ้านพี่ทัพอ่ะ”



“พี่ทัพๆ ทัพไรนักหนา ไม่เห็นจะคุ้นหน้าเลย”



“ไอ้เมล”



“เอาน่ากุ๊ก บ่นมากจัง ไปกันๆนะพวกมึง มึงชวนไอ้แจมาด้วยดิอู๋ สนุกๆ”



“เออๆ”  ไอ้อู๋ที่พยักหน้ารับ และไอ้กุ๊กที่ถอนหายใจเหนื่อยๆ ส่วนผม ก็แค่ยิ้มออกมากว้างๆจนตาปิดก็แค่นั้นเอง



.

.

.





10:00 PM



“เฮ้ ชนๆ”



“พอแล้วกุ๊ก มึงเลิกกินแล้วเต้นได้ไหมวะ” 



ผมหันไปมองข้างๆตัว มองเห็นไอ้กุ๊กที่ยืนเต้นอยู่ระหว่างหว่างขาของไอ้บิน พวกเราได้โต๊ะทรงสูงที่เก้าอี้นั่งจะสูง ไอ้บินมันนั่งอยู่ตรงนั้นแต่ไอ้กุ๊กแค่ยืนกับโต๊ะแล้วเต้น อาจเพราะมันเริ่มเมาเลยเต้นไปเรื่อย ไอ้บินเลยมานั่งคล่อมมันไว้แบบนั้น



“ทำไมต้องห้ามว้า” 



เสียงอ้อแอ้ของไอ้กุ๊กที่ว่าแบบนั้นแล้วเอนหัวลงซบอกของไอ้บิน ไอ้บินที่แค่ส่ายหัวหน่อยๆ แต่มือของมันก็กอดเอวของไอ้กุ๊กเอาไว้ เห็นมันยกยิ้มมุมปากน้อยๆแล้วยกมือขึ้นลูบหัวไอ้กุ๊กเบาๆ



“กูหวง มึงเต้นยัวโต๊ะอื่น”



“มึงหวงเมลหรา”



ไหวงมึงนี่ล่ะไอ้สัด เมลๆเหี้ยไรล่ะ”



“ดุจังว่าป๊ะ”



“เออ กูดุนะมึงไหวหรอ”



“ก็มาดิค้าบบบบบ” 



เสียงอ้อแอ้ที่แรงจะยืนก็แทบจะไม่อยู่แต่ก็ยังปากดีเถียงไอ้บิน มองเห็นไอ้บินที่ยิ้มขำๆให้มันแล้วก้มหน้าลงไปจูบปากมันเบาๆ ... เป็นความน่ารักที่ไม่มีใครทันสังเกต รวมถึงไอ้กุ๊กด้วยที่ไม่เคยเห็นว่าไอ้บินรู้สึกกับมันมากแค่ไหน นานมากแล้วที่ไอ้บินไม่ได้ใส่ใจผม แต่คนส่วนใหญ่ ก็มักจะมองเรื่องไกลๆมากกว่าเรื่องใกล้ๆที่อยู่กับตัว



“เย้ๆโย่วๆ อ้าวพี่เมลลลลล ทำไมพี่มาอยู่นี่อ่ะพี่”  เสียงใสๆของไอ้แจที่เดินนำไอ้อู๋เข้ามาพร้อมหน้าตาน่ารักของมัน ฉีกยิ้มกว้างๆในมือถือจานโดนัทกุ้งมาด้วย  เดี๋ยวนะ...มึงเอามาจากไหน?



“มึงไม่ต้องมองงงไอ้เมล แม่งบุกไปในครัวไปสั่งโดยตรง กูงงมากที่การ์ดไม่โยนมันออกนอกร้าน”  ไอ้อู๋ที่บ่นออกมาแบบนั้น แต่ไอ้แจไม่สนใจ



“ก็อยากกิน อิบ๋อยเดินช้ามาก แจรำคาญ อิอิ ว่าแต่ทำไมพี่เมลอยู่นี่อ่ะ”  ไอ้แจที่ถามออกมาแบบนั้น ผมก็หยิบแก้วเหล้ามากระดกอีกอึก



“ทำไมวะ?”



“นึกว่าวันนี้เฮียจะไม่ยอมให้พี่เมลออกมาน่ะสิ?”



“เฮีย?”



“เฮียทัพไง วันนี้ได้ข่าวว่าไปประกาศเรื่องพี่ที่บ้านใหญ่ สงสัยจะเครียดน่าดู แจก็นึกว่าพี่เมลจะอยู่ปลอบ”



“ทำไมกูต้องปลอบพี่มันวะ”



“โหยยยย ไม่ใจอ่อนหน่อยเร้อออ”



“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอวะ คนแบบไอ้ทัพหน้า มันจะยอมลดศักดิ์ศรีได้นานแค่ไหนกูอยากจะรู้”



“โหยพี่เมล เลิกแกล้งเฮียมันเถอะ แค่นี้ลูกน้องก็จะไม่นับถือเฮียมันแล้ว พี่ไม่คิดว่าเฮียมันจะเสียใจบ้างหรอวะ แจเห็นหน้าแล้วโคตรหงอ ทีมพ่อบ้านใจกล้าสุดๆ ... คนเราจะถือทิฐิให้เสียเวลาความสุขไปทำไมอ่ะ สู้เอาเวลาไปมีความสุขด้วยกันไม่ดีกว่าหรอวะพี่ แก้แค้นกันไปแก้แค้นกันมา แล้วจุดจบที่จะสุขมันจะอยู่ตรงไหนอ่ะ?”



“............”



“แต่ว่านะ...วันนี้ที่เฮียทัพเข้าไปบ้านใหญ่ เห็นว่าไปเคลียร์เรื่องพี่ณราชาล่ะ แล้วก็ทะเลาะกับคุณป้าน่าดูเลย”



“ทำไม?”



“ก็เฮียทัพไปบอกว่าจะคบผู้ชายไง ลูกชายคนโตของเตชะณรงกรค์แบบเฮียทัพน่ะ กล้าทำอะไรแบบนั้น ตอนนี้คงลำบากน่าดู ลูกชายคนโปรดที่ทะเลาะกับแม่เพราะจะเลือกความรักของตัวเอง”



“แล้วเราน่ะรู้เรื่องได้ยังไง?”



“เฮียปืนเล่าในแชทครอบครัวให้ฟัง เฮียปืนรู้โลกรู้ อิอิ”



“เหรอ”  ผมที่ตอบรับออกไปเบาๆแบบนั้น นึกไปถึงข้อความที่ได้รับในช่วงบ่ายแก่ๆของวันนี้  มันที่ชวนผมไปกินข้าว นึกยังไงชวนไปกินข้าว  ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา สี่ทุ่มกว่าๆมันคงกลับไปแล้วมั้ง กลับไปโมโหผมที่บ้าน



“พี่เมลอ่ะเลิกแกล้งจำเฮียไม่ได้ได้แล้วน้า เสียเวลามีความสุขหมด”



“พูดมากจังวะไอ้ลูกหมู แดกๆ”  เป็นไอ้อู๋ที่ยัดทอดมันกุ้งเข้าปากไอ้แจไปอีกชิ้น



“มึงอย่าไปฟังมันเลย พวกกูทุกคนเข้าใจมึง แล้วแต่มึงจะตัดสินใจเลยเพื่อน”  ไอ้อู๋ที่บอกแบบนั้น ผมก็แค่พยักหน้าลงหน่อยๆ ...



“พวกมึง ... กูกลับก่อนนะ” 



ผมที่หายใจออกหนักๆแล้วหันไปบอกพวกมันแบบนั้น  ไม่รอให้ใครได้ตอบ แต่สุดท้ายก็เลือกลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกมาจากตรงนั้น ตรงไปขึ้นรถของตัวเองด้วยหัวใจสั่นๆ แล้วขับรถกลับไปที่บ้านของไอ้ทัพหน้าทันที



ผมที่ใช้เวลาไม่นานก็เลี้ยวรถเข้าไปในรั้วบ้าน มองหารถของมันแต่ไม่เจอ เดินลงจากรถแล้วเดินตามหามันก็ไม่มี อย่าบอกนะ...



“นี่ เห็นทัพหน้าไหม”  ผมที่บังเอิญเจอบอดี้การ์ดที่เดินยามเฝ้าพอดีเลยถามออกไปแบบนั้น



“คุณทัพหน้ายังไม่กลับมาเลยครับคุณคาราเมล”  ชิพหาย!



ผมพุ่งกลับไปที่รถทันที ก่อนจะเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย จำได้ดีมากๆเพราะครั้งก่อนมันบอกจะพาไป แต่เราไม่ได้ไป ผมภาวนาอยู่ในใจว่าทัพหน้ามันคงไม่อยู่ตรงนั้น ตั้งแต่ตอนบ่ายๆจนถึงตอนนี้จะห้าทุ่ม ... มันคงไม่อยู่หรอก



คนแบบไอ้ทัพหน้าน่ะ ถ้าอยู่ก็บ้าแล้ว



และทันทีที่ไปถึง ผมวิ่งลงจากรถไปที่หน้าร้านที่มันนัดผมเอาไว้ และผมก็เห็น...เห็นร่างสูงๆที่นั่งอยู่ที่พื้นหน้าร้านๆนั้น



มันยังอยู่ตรงนั้นจริงๆ



“ทัพ”



ผมที่เดินเข้าไปใกล้แล้วเรียกอีกฝ่ายออกไปแบบนั้น มันที่นั่งอยู่ตรงนั้นแบบหมดสภาพรีบเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม แววตาคมที่ไม่ได้ฉายแววโกรธเคืองเหมือนที่ผมเคยคิดไว้ เจ้าตัวแค่นั่งกอดเข่าเอาไว้แล้วเงยหน้ามองผมอย่างดีใจ เหมือนเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่เจอตุ๊กตาตัวโปรดของตัวเอง  ข้างกายของมันมีช่อดอกไม้ช่อใหญ่ ผมเห็นว่ามันคือดอกกุหลาบสีแดงวางอยู่ตรงนั้น



“เมล”



“......”



“เมลมาช้า พี่มาก่อนไวไปอ่ะ ตอนนี้ร้านมันปิดแล้ว หิวหรือเปล่า เราไปหาอะไรกินกันไหม” 



มันที่ยิ้มออกมาแบบนั้น คำถามที่ถามว่าผมหิวไหม แต่จริงๆผมกินมาแล้ว มีแต่มันนั่นแหล่ะที่ยังไม่ได้กินอะไรเลย



“มานานแล้วหรอ”



“มาตอนบ่าย3 แต่ร้านพึ่งไล่ให้ออกมาตอน3ทุ่ม ร้านนี้ปิดไว”  มันที่บอกแบบนั้นแต่ก็ยังยิ้มให้ผม



“ทำไมต้องรอ”



“เพราะนัดเมลไว้...เพราะเคยผิดสัญญา ไม่อยากผิดสัญญากับเมลอีกแล้ว พี่ไม่อยากผิดสัญญาอะไรกับเมลอีกแล้ว”



ผมที่เดินเข้าไปใกล้ๆ มองเห็นสภาพของมันแล้วรู้สึกสมเพชมันแปลกๆ ความรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาอย่างบอกไม่ถูก



“กู...”



“ไม่เป็นไร เมลคงติดธุระ พี่คิดว่าอาจจะเลิกดึกเลยไม่กล้าโทรหา”  คนแบบทัพหน้าน่ะหรอจะไม่รู้ว่าผมอยู่ไหน ทำอะไร ทำไมคนแบบมันจะไม่รู้ มันรู้ว่าโดนทิ้งแต่ก็ยังฝืนยิ้มบอกว่าไม่เป็นไร



“ทำไมไม่กลับบ้าน”



“..............”



“เป็นบ้ารึไงวะ คนแบบทัพหน้าน่ะ มันไม่โง่คอยคนที่ไม่คิดจะมาหรอกนะ คนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ อึก..”   



จู่ๆผมก็รู้สึกอ่อนแอจนอยากร้องไห้โฮออกมาตรงนี้  มองเห็นเนื้อตัวของมันเต็มไปด้วยรอยแดงจากการถูกยุงกัด สภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้บอกได้เป็นอย่างดีว่ามันไม่โอเคแค่ไหน แต่ทำไมถึงยังฝืนยิ้ม มันที่ยังยิ้ม ยิ้มแล้วพูดออกมาต่อ



“แต่เมลก็มาแล้วไง เมลมาอยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง”



“ฮึก อึก...ไอ้พี่ทัพ มึง...มึงมันบ้า ฮึก แย่ แย่ที่สุดเลย”



“ไอ้ทัพหน้ามันเป็นผู้ชายแย่ๆจริงๆสินะ แย่มากๆเลยล่ะ ดูดิ ว่าจะเอาดอกไม้มาให้ก็เหี่ยวก็ตกหมดแล้ว แย่จริงๆด้วย”



“ฮึก พอ พอสักทีไม่ได้หรอวะ ฮึก ไม่...ไม่อยากรู้สึกแบบนี้แล้ว ฮึก”



“แต่พี่อยากรู้สึกนะ อยากรู้สึกรัก และเริ่มใหม่กับเมลแบบจริงๆสักที”



“ฮึก ... ไอ้พี่ทัพหน้า ไอ้คนงี่เง่า ฮื่อ พี่ทำผมแพ้อีกแล้ว ฮึก...กี่ครั้งก็หนีไม่เคยพ้นสักที ทำไมต้องทำแบบนี้กับผมวะ ฮึก”



“นั่นสินะ ดีใจจัง ในที่สุดก็จำพี่ได้สักทีสินะ”



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ ไม่มีท่าทางตกใจที่บอกว่าผมจำมันได้แล้วด้วยซ้ำ มีแต่รอยยิ้มกว้างๆที่ส่งมาให้ผม   และตอนนั้นเองที่ผมโผเข้ากอดพี่มันไว้แน่นๆ พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างลืมอาย...



“เมลกลับมาแล้ว กลับมาหาพี่แล้ว”



“ฮึก แผนมึงใช่ไหมไอ้พี่เหี้ย ฮื่ออ”



“ว้า ถูกจับได้แล้ว”



“มึงปล่อยกูเลย ฮึก...รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฮึก”



“เรื่องอะไรจะปล่อย ต่อจากนี้พี่จะไม่ปล่อยเมลไปอีกแล้ว ... มาสู้ไปด้วยกันนะเมล อยู่กับพี่นะครับ”



“พี่ทัพ”



“พี่รักเมล ไม่ว่าจะเป็นพี่ทัพหน้าในอดีตของเมล หรือไอ้ทัพหน้าคนเฮงซวยในปัจจุบัน มันก็เป็นคนที่รักเมล รักมาเสมอ...ให้อภัยพี่ได้ไหม ขอโอกาสให้พี่อีกครั้ง...นะ”



มันน่าแปลกใจ ที่แค่การกระทำง่ายๆ กับคำพูดไร้น้ำหนักไม่กี่ครั้ง ... แต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนทุกครั้ง ที่ต่อให้หนีมันแค่ไหน ก็ไม่เคยรอดไปจากมันสักที  ไม่ว่าจะตัวของผม หรือแม้แต่หัวใจของผมก็ตาม



“อื้ม”



แค่คำสั้นๆที่แปลว่าตอบตกลง โลกของเราสองคน ก็เปลี่ยนไปตลอดการ  บางทีอาจจะเป็นแค่คำถามเริ่มต้นง่ายๆ ที่ถามว่าเราจะปล่อยเวลาให้เนิ่นนานเพื่อเสียเวลามีความสุขกันไปทำไม สู้เอาเวลาเหล่านั้น มาสร้างความสุขให้กันและกันจะดีกว่า



มันอาจจะแค่นั้น...แค่นั้นจริงๆที่ผมต้องการ ความสุขที่เรียกว่ารัก ที่เกิดจากคนที่ชื่อว่า ‘ทัพหน้า’



---------TBC---------





สวัสดีค่ะ มาอ่านทอร์คกันหน่อยน้าาา


แคทมาลงแล้วนะ มาก่อนวันเสาร์ หวังว่าคนอ่านจะสนุกกับนิยายเรื่องนี้ ที่ดำเนินมาจนใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของเรื่องแล้ว ก่อนอื่น แคทต้องขอพูดว่า แคทกลัวมากๆกลับการเขียนนิยายที่ใกล้จะจบ มันเครียดมากๆค่ะ แคทกลัวที่จะไม่ถูกใจคนอ่าน กลัวคำวิจารณ์ รวมไปถึงกลัวว่ามันจะทำให้ไม่มีคนอ่านด้วย ยิ่งนิยายใกล้จะจบก็ยิ่งกดดันมากขึ้นไปอีก

สำหรับตัวละครพี่ทัพหน้า แคทรู้สึกว่าเค้าเป็นพระเอกที่ฉลาด หรืออย่างน้อยก็ฉลาดมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง555

พี่ทัพเป็นผู้ชายที่ฉลาดรอบคอบและกล้าที่จะลงมือทำตามสิ่งที่ตัวเองคิด แต่ว่าบางอย่างที่พี่เค้าคิด เค้าอาจจะทำมันไม่ได้ แต่สำหรับพาร์ทนี้ที่ใกล้จะจบแล้ว เรื่องราวมันก็ยังไม่ลงตัวใช่ไหมล่ะ แต่สิ่งที่เราได้เห็นก็คือ ความกล้าของเค้า กล้าที่จะเลือกน้องเมล ... แคทไม่รู้ว่าแคทเขียนได้ดีไหม มันอาจจะทำให้คนอ่านไม่เข้าใจและอาจจะไม่โอเคเมื่อตอนอ่านก็ได้ แต่แคทหวังมากๆว่า ถ้ามีคนอ่านที่เข้าใจและสนุกไปกับนิยายเรื่องนี้ แคทก็จะขอบคุณมากๆค่ะ

อีก1เรื่องคือ แคทตั้งใจจะตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ รวมถึงดีลงานวาดปกและพรูฟเล่มไปเรียบร้อยแล้ว แต่แคทไม่แน่ใจว่า จะมีคนอ่านซื้อมันหรือเปล่า จากใจจริงๆก็กลัวมากๆ เพราะไม่นานมานี้ ต้องขออนุญาตพูดว่า แคทโดนติงว่าทำไมหนังสือถึงราคานี้ ทั้งๆที่หนังสือก็แค่นี้เอง ... แคทอยากขอความกรุณาทุกๆท่านจริงๆนะคะ ไม่ใช่แคทกับแคทหรอกนะ แต่กับนักเขียนท่านอื่นๆด้วย ถ้าคุณไม่เห็นคุณค่าของสมองและความเหนื่อยของคนเขียน แคทก็อยากฝากให้ทุกๆท่านนึกถึงราคาของกระดาษก็ได้ ตอนได้ยินเสียใจมากๆ แต่ก็นั่นแหล่ะ ฮ่าๆ

ยังไงก็ตาม ถ้ายังมีคนอ่านต้องการหนังสือเรื่องนี้ กด1 ถ้าอย่าทำแม่งเลยไม่ซื้อโว้ย กด0 ค่ะ

แคทขอขอบคุณคนอ่านทุกๆท่าน ทั้งที่พึ่งมาอ่านหรือร่วมเดินทางกันมาแต่แรก ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่33* {01.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-05-2019 21:41:05
อ้างถึง
คนเราจะถือทิฐิให้เสียเวลาความสุขไปทำไมอ่ะ สู้เอาเวลาไปมีความสุขด้วยกันไม่ดีกว่าหรอวะพี่

เราเห็นด้วยกับคำพูดนี้นะ แต่ก็รู้แหละว่าแค่พูดน่ะมันง่ายคนที่เจ็บมาอย่างเมลคงทำใจยากอยู่ ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะให้อภัยในสิ่งที่ทัพหน้าทำเพียงแต่คิดว่าถ้าเมลยังรักและคิดจะรักทัพหน้าต่อไปก็ไม่ควรปล่อยเวลาให้สูญเปล่าแต่ถ้าไม่รักแล้วก็ช่างแม่งทัพหน้าไปเลยจะมาเสียเวลาแก้แค้นทำไมเราว่าแบบนี้มันเจ็บกว่าเยอะ
แต่สุดท้ายแล้วเราก็ดีใจนะที่ทั้งสองคนยอมรับความความรู็สึกตัวเองกันสักที
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่33* {01.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-05-2019 21:54:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่33* {01.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 01-05-2019 23:16:03
ในที่สุดก็ลงเอยหันด้วยดี,,,
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่34* {04.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 04-05-2019 20:22:58
บทที่34




“อึก อื้มม”



ร่างกายของเราไม่แยกออกจากกันเลยตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง มันที่กดจูบดูดปากของผมตั้งแต่ที่รถถูกจอดที่โรงจอดรถ เสื้อผ้าของผมที่ถูกปลดถูกถอดจนเกือบหมดตั้งแต่โถงทางเดินด้านล่าง และเสื้อผ้าของผมก็ถูกโยนทิ้งไปทั่วจนมาถึงที่ห้อง


‘พลับ’



รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มแล้วมีคนเปลื่อยเปล่าที่ไม่ต่างจากตัวเองถูกคล่อมทับกันอยู่บนตัว แรงสัมผัสจากฝ่ามือหนาที่กดลูบไล้ไปที่ผิวกายของผม จูบดูดดื่มที่ค่อยๆกลืนกินผม ลิ้นของเราที่พัวพันกันจนแยกแทบไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร  ความรู้สึกสั่นไหวถูกเต้นแรงๆอยู่ในอก ความรู้สึกห่างเหินที่ไม่ได้สัมผัสมานานกลับมาอีกครั้ง ตื่นเต้นจนหัวใจสั่น  วูบวาบสั่นไหว ร้อนลุ่มไปหมดในหัวใจ  ริมฝีปากของมันที่กดจูบไปปตามแก้ม ซอกคอ และ ยอดอกของผม ขบเม้มพร้อมๆทั้งใช้ฝ่ามือบดขยี้มันอยู่แบบนั้น



“อื้ออ” 



ผมที่ร้องครางออกมาแบบนั้น ตอนที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายกดจูบลงบนหน้าท้อง มือของคนตรงหน้าที่ลูบไปไล้ตามขาอ่อนด้านใน ก่อนจะหยุดแล้วดึงขาของผมพาดขึ้นที่ลาดไหล่ ยกยิ้มพอใจแล้วใช้นิ้วถูลงไปที่ช่องทางด้านหลัง สายตาวาวโรจน์ที่จ้องหน้าผมจนผมต้องกัดปาก ความรู้สึกเสียววูบวาบที่ทำให้ต้องรู้สึกทั้งอายทั้งเสียวในเวลาเดียวกัน



“พี่คิดถึงเมล” มันที่ว่าออกมาแบบนั้น แล้วเลื่อนหน้ามากระซิบอยู่ข้างๆใบหู ลิ้นร้อนๆที่เลียใบหูของผมเบาๆ ก่อนจะเลื่อนหน้าลงไปดูดที่ซอกคอของผมแรงๆ  ฝ่ามือหนาที่เลื่อนมาขยับรูดส่วนกลางลำตัวของผม พร้อมๆกับดันนิ้วเข้ามาในตัวของผม จากนิ้วแรกเปลี่ยนเป็นสองเป็นสาม ได้แต่อ้าปากออกกว้างๆ ครางเสียงสั่นๆและจิกมือลงบนแผ่นหลังกว้างๆนั่น

“อ๊าาา”



“แน่นเหมือนเดิมเลยเมล”  พูดออกมาแบบนั้นด้วยเสียงกระเส่า มันที่จูบลงบนข้างแก้มของผมเน้นๆ ก่อนจะค่อยๆสอดแทรกความเป็นชายของมันเข้ามาแทนที่นิ้วเรียวนั่น ความรู้สึกจุกแน่นเข้ามาแทนจนผมน้ำตาไหล



“อึก ทะ..ทัพ พี่ทัพ”



“อ่า ซี๊ด เมล” เสียงทุ้มที่ดังชิดริมหูของผมมาพร้อมๆกับแรงโยกสะโพกเข้ามาในร่างของผมจนมิด มือสองข้างที่จับอยู่ที่สะโพกของผม รู้สึกเสียวจนต้องจิกขาเข้ากับที่นอน ทัพหน้าไม่ได้รุนแรงเหมือนทุกครั้ง แต่เน้นหนักมากกว่าทุกที ใส่เข้ามาหนักๆตรงจุดที่ทำให้ผมต้องร้องเสียงหลงเชิดหน้าขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่



“อ๊ะ อ๊า พี่ทัพ พี่ทัพ ตรงนั้น”



พอร้องออกมาแบบนั้น มันก็ใส่เข้ามาถี่ๆแบบไม่เว้นให้ผมได้พักหายใจ ช้อนตามองหน้าคนที่อยู่บนตัว มันที่ก้มหน้ามองหน้าผมอยู่แบบนั้น เอื้อมมือตัวเองขึ้นไปเสยผมที่ชื้นเหงื่อให้ออกจากใบหน้าพร้อมๆกับโยกสะโพกถี่กระชั้นไม่หยุด มันที่มองหน้าผมแล้วยกยิ้มมุมปากออกมาในตอนนั้น



“อ๊ะ ทัพ”



“พร้อมกันนะเมล ซี๊ด”



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วก้มหน้าลงมาจูบปากของผมแบบร้อนแรง ลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้ามาเกาะเกี่ยวกับปลายลิ้นที่ทำให้ทั้งเสียว พร้อมๆกับความเป็นชายของอีกฝ่ายที่กระแทกกระทั้นเข้ามาหาผมแบบเน้นๆแรงส่งที่ถี่กระชั้นมากขึ้นเรื่อยๆๆ อยากจะกรีดร้องออกมาเสียงดัง แต่ก็ถูกลิ้นร้อนดูดดุนอยู่แบบนี้ ความรู้สึกเสียวซ่านที่ต้องจิกขาพร้อมๆกับต้องขมิบช่องล่างเพราะความเสียวซ่านไปพร้อมๆกัน จนแรงกระแทกสุดท้ายที่ส่งเข้ามาพร้อมกับที่ตัวผมกระตุกเกร็งออกมาพร้อมๆกัน



“อึก อ๊า”  ผมที่ร้องออกมาตอนที่รู้สึกถึงน้ำอุ่นร้อนที่ไหลเข้ามาในช่องทางด้านหลัง และตัวของผมเองที่ปลดปล่อยออกมาไม่ต่างกัน



เสียงลมหายใจหอบกระชั้นดังอยู่ที่ซอกคอของผม ทั้งผมและทัพหน้าที่พากันหอบหายใจแบบไม่หยุด ผ่านไปไม่นาน คนตรงหน้าก็ยันตัวขึ้นมามองหน้าของผมอีกครั้ง



“พี่คิดถึง คิดถึงเมลมากๆจริงๆ”



“อื้ม เมลก็เหมือนกัน”



“อย่าน่ารักให้มากได้ไหมวะ”



“หื้ม?...อ๊ะทัพ”



“เปลี่ยนท่ากัน”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะจับตัวของผมพลิกคว่ำลงกับเตียง แล้วยกสะโพกของผมให้ลอยเด่นขึ้นมาเข้าหากับแกนกายของอีกฝ่าย ... เดี๋ยวนะ



“คืนนี้เมลต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังทั้งคืน”



“จะฟังก็ปล่อยก่อนสิเห้ย”



“ไม่ได้ ต้องลงโทษเด็กดื้อไปด้วย เล่ามา”



“อ๊ะ ทัพ เดี๋ยว อย่าพึ่งโยก อื้มมมม”



...



“อิเชี่ย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นวะ”



“นั่นสิ บีหนึ่งคิดเหมือนบีสองไหมว่ามันแปลกๆ”



“บีสองก็คิดแบบบีหนึ่งเหมือนกัน”



“พอ มึงสองคนจะเลิกกระซิบกันได้ไหม ถ้าจะกระซิบดังออกมาขนาดนั้น”



“จริง แล้วมึงก็เลิกเอาหูเอาหัวมาถูหัวแฟนกูสักทีไอ้สัดอู๋”



ผมกับไอ้บินที่ด่าไอ้กุ๊กกับไอ้อู๋ออกมาแบบนั้น ถ้าถามว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ก็พูดตรงๆเลยว่า ที่ไอ้อู๋กับไอ้กุ๊กรวมถึงคนอื่นๆรอบๆโรงอาหารคณะเราที่กำลังตื่นเต้นอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพราะ ไอ้ผู้ชายร่างสูงข้างๆผมที่กำลังนั่งยกยิ้มมุมปากอยู่นี่ล่ะมั้ง



“คืออะไรวะ มึงพาพี่ทัพมาทำไม”  ไอ้กุ๊กทำปากขมุบขมิบถามผม เหมือนไอ้ทัพมันจะมองไม่เห็นอย่างงั้นแหล่ะ



“ไม่ได้เชิญ แต่มันอยากมา”



“แหม พูดดี กูเห็นมึงเดินขาถ่างไอ้เมล คือยังไง พี่ทัพรู้ความจริงแล้วหรอครับ”  ไอ้อู๋แทรดเสียงออกมาแบบนั้น เป็นประโยคที่เหี้ยมากจนอยากเอาตีนขยี้หน้า



“ไอ้สัด”  ขยี้ไม่ได้ก็ด่าแม่งเลยละกัน



“ฮ่าๆ กูรู้มาสักพักละ จริงๆไม่แน่ใจหรอก แต่เมลมันเรียกชื่อกูตอนพวกไอ้รบไอ้รุกไปที่บ้าน ทั้งๆที่ปกติไม่เคยเรียกเพราะจำกูไม่ได้น่ะสิ”



“หลุดนิดเดียวก็รู้ ฉลาดมากมั้ง”



“แน่นอนครับผม”  ไม่สำนึกยังตอบกูมาแบบหน้าระรื่นอีก เห็นแล้วหมั่นไส้อยากข่วนหน้า



“เอ่อ...ไม่ทราบว่ายังเห็นกูกันอยู่ไหมเอ่ย ยังไง”  เป็นไอ้อู๋ที่พูดออกมาแบบนั้น



“กูไม่อยากเห็นหน้ามึง กูอยากเห็นหน้าเมียกู” 



ไอ้ทัพที่ว่าออกมาแบบนั้น แล้วหันมาจ้องตาผม สายตาคมๆที่ไม่ต่างจากเมื่อก่อน แตกต่างกันแค่ตอนนี้มันวาววับเสมอเวลาที่มองมาที่ผม สายตาที่ทำให้ต้องเสหน้าหนีหันไปมองที่อื่น



“โวะ”



“มาว้งมาเวอะ กูจูบปากแตก”



“เงียบไปเลยเว้ยไอ้บ้า” ว่าออกไปแบบนั้นแล้วลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินหนี เพราะวันนี้พวกเรามีเรียนในคลาสที่เมื่อก่อนไอ้บ้าทัพหน้าเป็นอาจารย์สอน และตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาที่จะเข้าเรียนมากแล้ว



“โหววว เขินจ๊ะ น้องเมลเค้าเขินจ๊ะพี่ทัพจ๋า”



“เขินแล้วหนีเก่งก็แบบนี้แหล่ะ”



“ฮ่าๆๆๆๆ”



จ๊ะ แล้วก็หัวเราะใส่กันแบบครื้นเครงโดยไม่สนใจหน้าตาของกูเลย คือกูยังนั่งอยู่ตรงนี้เว้ย แม่งเอ๊ย ไอ้พวกบ้า ไอ้พี่ทัพนี่ก็ด้วย ไอ้บ้า...บ้าตั้งแต่กูรักมันแล้วโว้ย



.

.

.


“เอาล่ะนักศึกษานั่งให้เป็นระเบียบ พออาจารย์แก่ๆไม่อยู่แล้วมีความสุขกันมากเลยสินะ มีอาจารย์พิเศษหล่อๆเลยได้กำลังใจดีล่ะสิ ...เพราะแบบนี้อาจารย์พิเศษของพวกเธอเลยมานั่งอยู่ในห้องเรียนด้วยวันนี้”



หลังจบคำพูดของอาจารย์ประจำวิชาพูดออกมาแบบนั้น ทุกคนในห้องก็พร้อมใจกันหันมามองในจุดที่ผมนั่งเป็นตาเดียว  ก็แน่ล่ะ ก็ไอ้อาจารย์พิเศษหน้าหล่อที่ว่า วันนี้ก็มาเสนอหน้านั่งอยู่ข้างๆผมตอนนี้นี่ไงล่ะ



“วันนี้ผมไม่ได้มาในฐานะอาจารย์พิเศษนะครับ ผมมาในฐานะรุ่นพี่ที่กำลังตามจีบรุ่นน้องครับ



“โฮ้ววว ฮิ้ววววว”  และเสียงโห่ฮาก็เซ็งแซ่ขึ้นมาอีกรอบ กูอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ แล้วจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าไอ้คนพูดจะไม่หันมามองหน้าผมพร้อมยื่นมือมายีผมเบาๆแบบตอนนี้อีก



“แต่ทุกคนไม่ต้องกลัวเรื่องคะแนนข้อสอบจะไม่ยุติธรรมนะครับ ผมไม่ได้ออกสักข้อ”



“ฮ่าๆๆ”  เสียงหัวเราะครื้นเครงดังกันไป ดังแบบไม่กลัวว่ากูจะอาย โดยเฉพาะไอ้ผู้ชายที่นั่งข้างๆกูตอนนี้เนี่ย โอ้ยยย ไอ้ทัพหน้า ไอ้บ้าเอ้ย



“อย่าเขินน่าเมล ทำหน้าให้มันด้านๆหน่อยเร็ว”  แล้วยังมีหน้ามากระซิบบอกกันแบบนี้อีก พอหันหน้าไปมองอีกฝ่ายก็ทำแค่ยกยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วใส่กันทีนึงก็แค่นั้น



“เงียบไปเลยนะเว่ย”  ได้แต่หันไปจิกตาใส่ไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆที่ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรสักอย่าง อีกฝ่ายทำเพียงแค่ส่งยิ้มพิฆาตมาให้ผม พร้อมเอียงหัวเข้ามากระซิบๆใกล้ๆ



“ตามใจเมลทุกอย่างเลยครับ”



จ๊ะ.... กูได้ตายลงตรงนี้แบบสมบูรณ์แล้ว อ๊ากกกกก



...



ผมที่เรียนคาบบ่ายเสร็จ เดินลงมาพร้อมๆกับไอ้อู๋ไอ้กุ๊กไอ้บินไม่ต่างจากทุกวัน ขอบคุณมากๆที่ไอ้บ้าทัพหน้าไม่บ้าจี้ขึ้นไปเรียนคาบบ่ายกับผมด้วย เพราะว่าแค่คาบเช้าก็ครื้นเครงมากจนกูไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ผมแยกย้ายกับเพื่อนๆเมื่อเดินลงมาจากตึกแล้ว ไอ้กุ๊กกลับกับไอ้บิน ส่วนไอ้อู๋ก็แน่นอนว่าแยกไปตามหาหัวใจ หรือหัวหมูก็ไม่แน่ใจ ผมเดินเข้าไปหาทัพหน้าที่นั่งรออยู่ที่ร้านคาเฟ่ในมหาลัย  พอเดินเข้าไปก็มองหาไม่ได้ยาก ผู้ชายหน้าตาดีนั่งโดดเด่นอยู่ตรงนั้น มันที่หันมาเห็นผมก็ยิ้มให้หน่อยๆ เดินเข้าไปหามัน อีกฝ่ายก็ดันแก้วชาเขียวปั่นมาไว้ตรงหน้าผมให้



“กูสั่งไว้รอ ได้ก่อนมึงมานิดนึง กินดิ”



“ขอบใจนะ” 



บอกมันออกไปแบบนั้นแล้วหยิบมาดื่ม รู้สึกว่าไม่ค่อยอยากมองหน้ามันเท่าไหร่ รู้สึกเขินอายมันแปลกๆ มันเองก็น่าจะเข้าใจ แอบเห็นมันยกยิ้มมุมปากส่งมาให้ แต่สายตาเสือกทำเหมือนเอ็นดู โง้ย ไม่ไหวเลยครับ แบบนี้มันไม่ดีกับใจผมจริงๆนะเนี่ย



“วันนี้จะพาไปกินข้าวข้างนอก”



“ที่?”



“ที่ๆนัดกับมึงทีไรก็ไม่ได้แดกไง”



“เอาจริง?”  ถามมันออกไปแบบนั้น เป็นร้านที่เหมือนมีอาถรรพ์ ครั้งแรกที่นัดกันก็ดันมีเรื่องณราชา ครั้งที่ผ่านมาผมก็ไม่ไปตามนัด จนมาถึงวันนี้...จะได้แดกไหมถามใจดู



“อืม ไปเถอะ เดี๋ยวพาไป ยังไงวันนี้ก็จะไม่ผิดสัญญา” 



บอกแบบนั้นพร้อมมองมาที่หน้าผม สายตาของมันที่บอกว่ามันจะไม่ผิดสัญญา ไม่ว่าเรื่องนี้ หรือเรื่องอื่นๆก็ตาม ... เห็นแบบนั้นก็เลยได้แต่กดหน้าตัวเองลงมา ทำเหมือนพยักหน้าตอบรับ จริงๆก็แค่หลบสายตา



“หึ งั้นไปกันเถอะ”



“อื้ม”



“เดี๋ยวนี้เขินเก่งเนอะ”



“ปากมาก”



“หึ โอเค ไม่ล้อละ”  ไม่ล้อพ่อมึงสิ มันที่พูดแบบนั้น แต่เสือกเลื่อนหน้าเข้ามาจ้องหน้าผมใกล้ๆ ไม่ล้อเลย ไม่ล้อกูเลยจ้า



.

.

.




เราใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงร้าน  วันนี้รถไม่ค่อยติดทั้งๆที่เป็นช่วงเวลาเลิกงาน แต่ว่าก็ดีแล้วที่ใช้เวลาไม่นาน  ผมที่เปิดหน้าเมนูเลือกไปเรื่อยๆ ร้านอาหารบรรยากาศดี ที่เน้นพวกสเต็กและไวน์เป็นหลัก แต่อาหารอื่นๆก็น่าทานดี ผมละสายตาออกจากเมนู มองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม  ทัพหน้าที่นั่งหลังตรงเอียงหน้าพอประมาณ ใช้มือจับหนังสือทำมุมและองศาให้พอดีเหมาะเจาะมากๆ เหมือนนายแบบที่กำลังถ่ายแบบ ดูดีจนน่าหมั่นไส้ แต่อีกมุมนึงผมก็รู้สึกสงสารมันขึ้นมาในตอนนี้  ... ได้ยินมาว่าเพราะมันเป็นลูกชายคนโตที่ถูกคาดหวัง มันถึงทำอะไรออกมาก็ดูดีไปหมด ไม่เว้นแม้แต่การนั่งการเดิน คิดมาถึงตรงนี้ก็อยากรู้ว่า บนบ่ากว้างๆของมันจะหนักมากแค่ไหน กับภาระที่ผมมองไม่เห็น ... และอีกหนึ่งเรื่องที่มันกำลังแบกเอาไว้อยู่ตอนนี้ ... ก็คือเรื่องของผม



“มองอะไร”  สะดุ้งตอนที่มันเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม และแน่นอน ผมจ้องมันอยู่ก่อนแล้ว



“เปล่า”



“เป็นเด็กหรือไง ทำเหมือนโดนครูจับได้ว่าแอบกินขนมในห้องก็ตอบว่าเปล่าไว้ก่อนทั้งๆที่ตัวเองก็กิน”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ทำเอาผมต้องยู่ปากหงุดหงิด ด่าซะกูเห็นภาพ



“ว่าไง มองหน้ากูทำไม หรือว่าความหล่อมันเด้งเข้าตามึง ต้องขอโทษด้วย กูห้ามไม่ได้จริง”



“โว้ย ไอเหลงตัวเองเอ๊ย”  ว่าออกมาแบบนั้น มันก็แค่ขำหึหึอยู่ในลำคอ ส่ายหน้านิดๆแล้วก้มลงไปเลือกเมนูต่อ



“ทัพ”



“หื้ม ว่าไง”



“กูขอโทษนะ”  ผมเลือกที่จะว่าออกมาแบบนั้น มันที่เงยหน้าขึ้นมาอีกรอบด้วยสายตานิ่งๆ มันที่วางเมนูลงบนโต๊ะแล้วจ้องหน้าผมแทนที่จะสนใจเรื่องอื่นๆ



“ขอโทษกูเรื่องอะไร”



“กูขอโทษ...เอ่อ...เพราะกู .. คือกูได้ยินมาเรื่องมึงกับที่บ้าน”  ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น ไอ้ทัพก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเอนหลังลงไปพิงพนักพิง



“ไอ้แจเล่าให้ฟังล่ะสิ ไอ้พี่น้องปากสว่าง”



“มึงอย่าไปโทษมันเลย แต่มึง...จริงๆมันเป็นเพราะกู...”



“คาราเมล”



“ห..หื้ม”  เพราะมันที่เรียกชื่อของผมออกมาด้วยเสียงเข้มๆจนผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปอีก



“มึงไม่ต้องขอโทษกู กูสิที่ต้องขอโทษมึง กูทำอะไรกับมึงมาตั้งหลายอย่าง มีแต่เรื่องเหี้ยๆด้วยซ้ำ แต่ในวันนี้มึงยังให้อภัยกู แล้วกลับมานั่งกินข้าวอยู่ตรงหน้ากู สิ่งที่กูทำ มันเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำกับการให้อภัยของมึง ... มันไม่มีอะไรที่กูแลกมาไม่ได้ ในเมื่อวันนั้น มึงก็แลกอะไรหลายๆอย่าง เพื่อมารักคนเหี้ยๆแบบกู”



“ทัพ...”



“จริงๆกูแทบจะไม่เสียอะไรด้วยซ้ำ”



“แต่มึงจะเสียครอบครัว พ่อและแม่ของมึง”



“แต่กูจะยังมีมึงไง ที่จะเป็นครอบครัวของกู”



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยเสียงที่หนักแน่น สายตาคมที่มองจ้องมาที่ผม พร้อมเอื้อมมือมาจับมือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะเอาไว้แน่นๆ เลื่อนสายตามองมือของมันที่กุมมือของผมเอ้าไว้ เพราะแบบนั้นเลยเลือกที่จะเลื่อนนิ้วเข้าไปสอดกระชับกับอีกฝ่าย เงยหน้าขึ้นมามองตาของมันแล้วยิ้มให้



“อื้ม...เมลก็จะมีพี่ทัพเป็นครอบครัวของเมลเหมือนกันนะ”



“ครับ”



.

.

.



     ผมกับทัพหน้ากลับมาถึงบ้านในเวลาประมาณสามทุ่ม เป็นวันธรรมดาๆที่ค่อนข้างมีความสุข เหมือนไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันแบบนี้กันสักที เหมือนเป็นเรื่องราวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยจริงๆ  ผมที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วมองเห็นทัพหน้านอนเล่นไอแพดอยู่บนที่นอน มันที่เงยหน้าขึ้นมามองผม ก่อนจะยกยิ้มหน่อยๆ ก่อนที่มันจะยกมือขึ้นตบเตียงนอนข้างๆ



“อะไร”



“เรียกเมียมานอนด้วย” 



ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยกยยิ้มมุมปาก หน้าตาเจ้าเล่ห์จนไม่อยากเดินเข้าไปหา ห้องนอนห้องเดิม เตียงนอนเดิมๆกับคนๆเดิมที่สถานะไม่เหมือนเดิม พูดตรงๆว่าตอนนี้ก็ยังไม่ชินกับมันในเวอร์ชั่นแฟนที่น่ารักครับ



“เร็วๆ มึงอย่าลีลา จะเดินมาเองหรือให้กูลุกไปอุ้มมา”



“เนี่ย มึงก็ชอบแบบนี้อ่ะ”



“ทำไม กูเป็นแบบนี้ไม่ชอบกว่าหรือไง ถ้ากูพูดว่า น้องเมลรีบขึ้นมานอนข้างๆพี่มา...แบบนี้เมลรับไหวหรอ”



“โวะ!” แน่นอนว่ากูไม่ไหวอยู่แล้วโว้ย!



ไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไป ทำแค่เดินหน้าร้อนๆไปนอนข้างๆคนที่ยกยิ้มมุมปากร้ายๆมองผมอยู่แบบนั้น ดูท่าทางจะมีความสุขมากๆกับการที่จะได้แกล้งผม ไม่อยากพูดอะไรกับมันเลยเลือกที่จะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว แล้วพลิกนอนตะแคกทั้งแบบนั้น เวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่ ก็รู้สึกวงแขนแข็งแกร่งที่เลื่อนมากอดที่เอวของผม พร้อมๆกับลมหายใจอุ่นๆที่รดอยู่ที่ซอกคอ



“ท..ทัพ อย่า”



“อืม ไม่ทำอะไรหรอกน่า”



“ไม่ทำก็อย่าดิ”



“ทำไมพูดเหมือนเสียดาย”



“ไอ้บ้า! ไม่ใช่โว้ย”



“ฮ่าๆ นี่เมล กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”



“ว่า?”  ต้องลืมตาขึ้นมาสนใจ เพราะอีกฝ่ายพูดแบบนั้น เอียงหน้าไปมองคนที่ยังซุกๆอยู่แถวซอกคอกันและก็กอดผมไว้ในอ้อมแขนกระชับแน่นแบบไม่ยอมปล่อย



“สมัยที่กูเรียน ชีวิตสมัยเรียนแม่งเป็นอะไรที่โคตรจะน่าเบื่อเลยมึงรู้ไหม”



“ทำไมอ่ะ?”



“ก็เพราะจริงๆกูอยากเรียนวิศวะ แต่ป๊าต้องการให้มาบริหารบริษัทเลยส่งให้เรียนบริหาร”



“อ่า...” พูดอะไรไม่ออกตอนที่มันบอกออกมาแบบนั้น  มันเป็นคนเก็บอะไรไว้ในใจมากเกินไปจริงๆ



“ตลอดสามปีที่เรียนแม่งไม่เคยมีความสุขเลยสักวัน จนถึงวันแรกที่เปิดเทอมปีสี่ของกูวันแรก ชีวิตกูมันก็แตกต่างจากปีก่อนๆอย่างสิ้นเชิงเลย”



“หื้ม”



“อืม...ชีวิตกูมันเปลี่ยนไปเลย ตั้งแต่วันที่กูเข้าไปดูน้องในห้องเชียร์แล้วเจอไอ้เด็กหน้ามึนคนนึงที่เต้นไก่ย่างอยู่หน้าแถว ป้ายชื่อมันเขียนไว้ว่า ‘น้องคาราเมล’”



“ห๊ะ เดี๋ยวๆอะไร ทำไมกูไม่เห็นรู้”



“ชู่วว เงียบ ฟังเรื่องเล่ากูก่อน” 



มันที่ว่าแบบนั้น หัวใจของผมเต้นตึกตักๆกับเรื่องเล่าของมันที่ผมไม่เคยรู้ ก็จะรู้ได้ยังไง ในเมื่อวันแรกของการรับน้อง ผมยังไม่รู้เลยว่าไอ้ทัพหน้าเข้าไปในห้องเชียร์ด้วยซ้ำ ผมเจอไอ้ทัพหลังจากเข้าห้องเชียร์ไปแล้วสองอาทิตย์หลังจากนั้นต่างหาก



“ตอนนั้นกูมองไอ้เด็กนั่นแล้วก็สงสัยว่าทำไมมันถึงยิ้มออกมาได้มีความสุขขนาดนั้น รอยยิ้มของมันที่ทั้งขำทั้งหัวเราะไปตอนร้องเพลงตอนนั้น มันทำให้กูไม่ลืม ขนาดกลับมาถึงบ้าน แค่หลับตาก็ยังนึกถึง โคตรแปลก ... ตอนแรกกูแค่คิดว่า กูอิจฉาไอ้เด็กนั่นที่มันอยากจะยิ้มกว้างๆแสดงอารมณ์ออกมายังไงก็ได้ ต่างจากกูที่ทำแบบนั้นไม่เคยได้ กูคิดว่ากูคิดแบบนั้น ... แต่มึงรู้ไหม จริงๆแล้วมันไม่ใช่ หลังจากวันนั้นกูก็เอาแต่มองหามัน คอยแอบมองมัน แอบเดินตามมันตลอด จริงๆไม่ใช่กูอิจฉารอยยิ้มของมัน แต่จริงๆ...กูตกหลุมรักมัน



“ทัพ...”



อืม พี่ตกหลุมรักเมล ก่อนที่เมลจะรักพี่ด้วยซ้ำ”



“กู...เมล...เมล ไม่คิดเลย ไม่....”



“เมลจำวันแรกที่เมลเจอพี่ได้ไหม วันที่พี่ไปดึงเมลออกมาจากถนนที่กำลังจะถูกรถชนน่ะ”



“จำได้สิ ก็เพราะวันนั้น เพราะพี่มาช่วยเมล ตอนที่เมลเจอหน้าพี่...เมลก็ชอบเลย” 



บอกมันออกไปแบบนั้น เป็นความทรงจำที่หน้าอาย แต่ก็ไม่น่าอายเท่าหลังจากวันนั้นที่ผมตามไปหาพี่มันแล้วบอกว่าชอบ แล้วดื้อดึงเอาขนมไปตามจีบมันตลอดหรอก



“เพราะกูหล่อ”



“เออจ้า แล้วยังไงต่อๆ”  ผมที่หันหน้าไปเขย่าแขนอีกฝ่าย ทัพหน้าที่กดหน้าลงมามองกัน แล้วยิ้มขำๆ ก่อนจะเอามือมาลองเท้ากับศีรษะให้นอนสบายขึ้น



“หึ จริงๆก็ไม่ได้บังเอิญผ่านไปหรอก จริงๆกูเดินตามมึงลงมาจากคณะตั้งนานแล้ว เห็นมึงใส่หูฟังเล่นมือถือ เดินออกจากคณะไปคนเดียวกูเลยเดินตามไป จริงๆอยากรู้ว่ามึงกลับกับใคร”



“จริงหรอ” 



ได้แต่ถามมันออกไปแบบไม่อยากจะเชื่อ  ผู้ชายที่ผมคิดว่าผมคอยเดินตามหลังไล่ตามเค้าเสมอ แต่จริงๆแล้ว...มันเป็นเค้าต่างหากที่เดินไล่ตามผมก่อนที่ผมจะเริ่มรู้สึกชอบเค้าซะอีก



“อืม ก็มองมาตั้งนานแล้ว”



“แล้วทำไมต้องไล่ แล้วทำไมต้องปฏิเสธเมลด้วย เอะอ่ะก็โยนขนมทิ้ง เอะอ่ะก็บอกไม่แดกๆ ดีแต่พูดทำร้ายจิตใจอยู่ได้”



“ขอโทษครับ”  มองหน้าผมด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะยื่นมือมาลูบแก้มผมเบาๆ เป็นความรู้สึกอุ่นๆที่ฝังอยู่ข้างแก้มตอนที่มือมันเกลี่ยไปที่แก้มของผม



“ที่ต้องทำแบบนั้น ไม่ได้ว่าอยากทำหรอก...แต่มันเป็นเรื่องที่ต้องทำ”



“อ่า...เพราะณราชาหรอ”



“อืม พี่คบกับณราชา จริงๆเป็นเพราะผู้ใหญ่ที่จัดเตรียมเอาไว้ให้ แต่ถึงแบบนั้น พี่ก็คบกับณราชา พี่รู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเค้า ที่พี่เกิดไปรู้สึกกับใครอีกคนที่ไม่ใช่เค้า และพี่ก็ไม่อยากดึงเราเข้ามาให้มีปัญหา สู้ตัดใจตั้งแต่ตอนนั้น เดี๋ยวเมลก็คงลืมพี่ไปได้เอง”



“แต่เมลไม่เคยลืมพี่ทัพเลย”



“รู้ครับ”



“ถ้ามองจากสายตาของเด็กปี4ในตอนนั้น พี่เองไม่มีความกล้าพอที่จะดึงเมลไว้หรอก อีกอย่างพี่คิดว่า เรียนอีกปีเดียวพี่ก็จบแล้ว เมลกับพี่ก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เลยเลือกทำให้เมลเจ็บ แล้วจบกันตอนนั้นมันคงดีที่สุด และอีกอย่าง พี่ก็มองไม่เห็นทางว่าเรื่องของพี่กับณราชาจะไม่เกิดขึ้นได้ยังไง ในเมื่อบ้านเราสองคนสนิทกันและวางโครงการร่วมกันไว้มากขนาดนั้น เมลเข้าใจไหม”



ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วขยับตัวเข้าไปกอดอีกคนไว้ ซึ่งทัพหน้าเองก็ดึงตัวผมมากอดไว้แน่นๆเหมือนกัน  มันที่เลื่อนหน้าเข้ามาหอมแก้มผมเน้นๆแล้วพูดต่อ



“พี่บอกตัวเองให้ผลักเมลออกไป แต่จริงๆก็ไม่มีสักครั้งเลยที่ทำได้ เวลาที่เมลเอาขนมมาให้แล้วพี่ทิ้ง สุดท้ายพอเมลกลับไปพี่ก็แอบไปคุ้ยขยะเอากลับมาอยู่ดีจนไอ้ปืนด่าว่าสมเพช”



“พี่ทัพ จริงดิ”



“จริง ขนมเมลที่ทำมาให้พี่ก็ได้กินทุกอันนะ ถึงแม้ว่าขนมแรกๆที่เราหัดทำรสชาติจะแย่มากก็เหอะ คุ๊กกี้โคตรแข็ง



“ไอ้พี่ทัพ อย่ามาล้อนะโว้ย”



“ฮ่าๆ โทษครับ แต่หลังๆก็อร่อยดี”



“หึ่ย” 



ก็คนมันหัดทำแรกๆนี่หว่า กลับบ้านไปให้คุณแม่สอนเลยนะเว้ย คาราเมลในวัย18ปี ตอนนั้นผมยังคงเป็นแค่ลูกชายคนเล็กของบ้านที่เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ รวมถึงเรื่องของทัพหน้าด้วย เพราะแบบนั้น...ผมเลยไม่เคยยอมแพ้กับเรื่องของผู้ชายคนนี้ได้เลยสักที



“พี่เคยแอบเดินตามเราทุกเลิกเรียน เห็นแต่เราชอบเข้าไปซื้อขนมจีบกุ้งร้านนึงทุกวันก่อนกลับบ้าน”



“โหยย ร้านนั้นโคตรอร่อยเลย”



“ใช่ไหม คงชอบน่าดูเลยสิ”



“ใช่สิ พูดแล้วหิวเลย เสียดายที่เดี๋ยวนี้เค้าไม่ขายแล้ว”



“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ทำให้กินเอง”



“เออว่าจะถาม ทำไมพี่ทำเป็น วันนั้นเมลบอกให้ทำอ่ะ แค่แกล้งเล่น ไม่คิดว่าจะทำออกมาได้ดีขนาดนั้นเลยนะเนี่ย”   



“หึ ก็เพราะว่ารู้ว่าเราชอบตั้งแต่ตอนนั้นไง กลับบ้านมาเลยให้แม่บ้านสอน เคยแอบคิดว่าอยากทำให้เรากินบ้าง พอตอนที่ทำเป็นแล้วก็มาคิดขึ้นได้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะมีวันที่ได้ทำให้เรากินจริงๆ”



“พี่ทัพ...”  ผมพูดอะไรไม่ออก รู้สึกร้อนผ่าวๆที่ขอบตา  ได้แต่เอ่ยเสียงเรียกอ่อยๆออกมาแบบนั้น



“เรารู้ไหมตั้งแต่พี่เรียนมาพี่ไม่เคยไปค่ายอาสาของคณะเลยนะ”



“แต่ปีนั้นพี่ไป”



“ใช่สิ ก็เพราะรู้ว่าเราไปไง พี่เลยยอมไป”



“.............”



“โชคดีแล้วที่พี่ไป ถ้าพี่ไม่ไป จะรู้ได้ไงว่ามีเด็กดื้อที่ไหนหนีออกมาจากเต้นทืเพื่อไปหานมอุ่นกินก่อนนอน”



“เพราะแบบนี้หรอ ตั้งแต่ที่ผมมาอยู่กับพี่ที่นี่ พี่ถึงเอานมอุ่นมาให้กิน”



“อืม ก็เพราะรู้ไง”



“พี่...ฮึก ผม...ผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่ อึก...” 



อยู่ๆหัวใจของผมก็อ่อนแอลง ตั้งแต่ที่ได้ยินมันเล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟัง ผมก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่เคยรับรู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง ทุกๆวันตั้งแต่ที่ทัพหน้าเรียนจบ จนถึงเรื่องราวร้ายๆของเราที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้  ผมเหมือนเป็นคนเดียวที่มองในมุมของตัวเองแค่ด้านเดียวมาตลอด ผมไม่เคยรู้เลยว่า ข้างหลังของผม ยังมีผู้ชายคนนึงที่ผมคิดว่ามันแย่ มันร้าย มันเฮงซวย และมันไม่เคยรักผมเลย ... จริงๆมันกลับเป็นผู้ชายคนนั้น คนที่รู้เรื่องราวของผมและคอยดูแลผมอยู่เสมอ ทั้งๆที่จริงๆตัวมันต้องคอยแบกรับเรื่องราวมากมายเอาไว้กับตัว ต้องคอยแบกรับความหวังของคนรอบข้าง จนไม่เคยได้ทำตามอย่างที่ใจมันคิดเลยสักครั้ง



“พี่ทัพ ฮึก...”



“พี่รักเมล รักมาตลอด พี่ขอโทษที่เก่งไม่พอ ขอโทษที่ดีไม่พอ เลยต้องทำให้เมลเจ็บแบบนี้”  ผมได้แต่กอดมันแน่นๆแล้วส่ายหัวอยู่ที่หน้าอกของมันแบบนั้น



“ตอนที่พี่ได้หลักฐานปลอม มันแย่มากๆตอนที่รู้ว่าเมลเป็นคนทำ พี่ไม่อยากจะเชื่อหรืออยากจะยอมรับเลยว่าเด็กคนที่พี่หลงรัก จะกลายเป็นคนร้ายๆได้แบบนั้น...ทั้งทางบ้านณราชาบ้านของพี่ก็เตรียมจะจัดการเมล พอคิดได้แบบนั้น พี่เลยเป็นคนเลือกที่จะทำร้ายเมลเองดีกว่าที่จะให้คนอื่นต้องทำ พี่กลัว กลัวว่าถ้าเป็นคนอื่นทำ วันนี้พี่อาจจะไม่มีเมลอยู่ในโลกใบนี้อีกแล้ว...ขอโทษนะครับ ขอโทษที่ต้องร้ายใส่เมลขนาดนั้น ขอโทษจริงๆ”



“ฮึก อึก ไม่...พอแล้วพี่ทัพ ไม่เป็นไรนะครับ อึก...ลืมมันไปนะ ตอนนี้เมลอยู่กับพี่แล้วนะ เมลอยู่ตรงนี้กับพี่แล้วนะ” 



ได้แต่บอกออกไปแบบนั้นแล้วกอดมันแน่นๆ  ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่ต้องได้รับการรักษาหัวใจ แต่จริงๆผู้ชายร่างสูงคนนี้ ก็เป็นอีกคนนึงที่ควรจะได้รับการเยียวยาเหมือนกัน  หลายต่อร้ายครั้งที่เขาต้องทำร้ายจิตใจตัวเองไม่ต่างกัน



“ต่อจากนี้พี่จะไม่ผิดคำสัญญากับเมลอีก พี่จะยอมร้ายกับคนทั้งโลก แต่พี่จะดีกับเมลแค่คนเดียว...”



“เมลรักพี่ทัพ ฮึก”



“พี่ก็รักเมลครับ”



“ขอบคุณ ฮึก...ขอบคุณที่รักเมล เมล...ฮึก เมลไม่เคยรู้เลย”



“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พี่ต่างหากที่สมควรขอบคุณเมล ขอบคุณที่ยังอดทนกับคนแบบพี่ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่วันนี้ยังรักพี่เหมือนเดิม”



...


(มีต่อจ้าาา)
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่34* {04.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 04-05-2019 20:23:34
เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นมาด้วยความวุ่นวาย ผมยังคงตามหาไอ้หลงเหมือนเดิม แมวกูหายอีกแล้ววววว และสุดท้าย ไปเจอมันนอนกกอยู่กับไอ้รี่บนกองผ้าห่มอีกแล้ว



“โว้ยยย นี่มันอะไรนัก มึงเอาแมวกูมากินหรอไอ้รี่!”



“คุณเมลอย่าเค้าไปนะครับ”  พี่หัวหน้าบอดีการ์ดคนใหม่ ไปตีซี้เรียบร้อยแล้ว พี่เค้าชื่อว่าพี่เต๋อ พี่เต๋อที่พยายามดึงตัวผมให้ออกมาห่างๆกรงของไอ้รี่



“มันไม่กัดผมหรอกพี่ แต่มันจะแดกแมวผม”



“เมล”  เสียงเข้มๆของผู้มาใหม่ทำให้ทั้งผมทั้งพี่เต๋อต้องหันไปมอง มองเห็นหน้าไอ้ทัพที่ดูจะเครียดมากกว่าปกติ มันที่เดินเข้ามาหาผมช้าๆ



“หื้ม มีอะไร?”



ผมที่ถามออกไปแบบนั้น แล้วผละตัวออกห่างจากกรงของไอ้รี่ คิดว่ามีเรื่องที่สำคัญกว่าการที่จะตามหาแมว ตราบใดที่ไอ้รี่ไม่แดกแมวกูเข้าไปก็โอเค แต่มาคิดๆดู มันก็หลายครั้งแล้วที่ไอ้หลงไปนอนกับไอ้รี่ แต่มันก็ยังไม่กินแมวกูเข้าไป คิดว่าถ้าแบบนี้ มันคงไม่กินไอ้หลงเข้าไปแล้วล่ะ



“ว่าไง ทำไมทำหน้าแบบนั้น”



“เมล”



“หื้ม?”  ผมที่ยิ้มรับมันพร้อมเอียงคอมองมัน คิดไว้ว่าต้องน่ารัก ไอ้ทัพต้องเขินบ้างล่ะครับงานนี้



“ทำใจดีไว้นะเมล”



“เรื่องงงงงงงง?”



“พี่ก้าเครื่องบินตก”



“ท...ทัพ...มึงพูดอะไร” 



น้ำตาของผมไหลลงมาตอนที่ได้ยินคำนั้น ผมที่มองหน้าของไอ้ทัพแบบไม่อยากจะเชื่อ ขอแค่มันบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกผมจะยอมไม่โกรธมันสักนิดเดียวถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องล้อเล่น



“เมล”



“ฮึก ทัพ ไม่...ไม่จริง”  มันที่ดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้แน่นๆ ผมที่ได้แต่กอดมันไว้ ไม่จริง เรื่องนี้จะต้องไม่จริง เมื่อไม่กี่วันก่อนเรายังเจอกัน มันยังกอดผมเอาไว้  มันที่บอกจะเอาขนมมาฝาก พี่ชายของผม พี่ชายที่ดูแลผมมาตลอด



“ก้า ฮึก...ก้า ไม่...ไม่จริง ฮึก”



.

.

.
               

ภาพจองควันจางๆที่ถูกปล่อยออกจากปล่องควันในวันงานฌาปนกิจยังคงติดตาทำให้น้ำตาต้องไหลลงอาบใบหน้า  ในพุทธศาสนากล่าวเอาไว้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย จุดสุดท้ายที่จะสิ้นสุดย่อมไม่ต่างกัน  แต่ตัวผมไม่คิดเลยว่า คำว่าความตาย จะอยู่ใกล้เรามากจนเกินจะคาดฝัน ดังเช่นครั้งนี้ เหตุการณ์ของคำว่าจากไป วิ่งเข้ามาใกล้ ไวเกินกว่าที่ผมจะคาดฝัน ...  การจากไปของก้าและครอบครัวของก้า มาถึงอย่างไม่คาดฝันจริงๆ



“เมลครับ” 



เสียงทุ้มที่ดังอยู่ข้างๆตัว มาพร้อมวงแขนแข็งแกร่งที่โอบกอดผมไว้อย่างให้กำลังใจ ผมที่ถอนหายใจออกมาหนักๆ สายตาที่เริ่มกลับมารับรู้ภาพตรงหน้าแทนการนึกไปถึงเรื่องราวเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมที่หันกลับไปสบตากับดวงตาสีดำเข้มที่กำลังมองมาที่ผมอย่างอบอุ่น ผมที่เพียงแค่ฝืนยิ้มบางๆส่งไปให้โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก



“เมลเคยได้ยินเรื่องอวัยวะที่สำคัญที่สุดไหม”  ทัพที่ถามผมออกมาแบบนั้นเหมือนอยากชวนคุย ผมที่ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก แต่คนข้างๆตัวยังคงพยายามต่อ



“อวัยวะที่สำคัญที่สุดของคนเรา ก็คือบ่ายังไงล่ะ ... เพราะในชีวิตของคนหนึ่งคน มันต้องมีอย่างน้อยครั้งนึง ที่เราอยากจะซบลงบนบ่าของใครสักคนเพื่อที่จะก้าวผ่านวันร้ายๆไปได้ ... และในวันนี้ เมลมีบ่าของพี่คอยรับอยู่นะ เมลไม่ได้อยู่คนเดียวนะครับ ... ถ้าวันนี้เมลยังไม่ไหว ขยับมาซบลงบนบ่าของพี่ก็ได้ เมลมีพี่อยู่ตรงนี้เสมอนะ”



ผมที่ฟังคำพูดของคนตรงหน้าจบก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าแน่นๆ เอาหน้าซบลงบนบ่าของทัพหน้าแล้วร้องไห้ออกมาแบบสุดจะทน



“ฮึก อึก ฮื่อออ เมล...เมลยังไม่ได้พูดอะไรกับก้าสักคำ ฮึก”



“คนเราทุกคนไม่มีใครรู้หรอกเมลว่าวันพรุ่งนี้กับชาติหน้า อันไหนมันจะมาถึงก่อนกัน”  ถ้อยคำที่ดังชัดๆอยู่ข้างหูพร้อมฝ่ามืออุ่นๆที่โอบกอดรอบลำตัวของผม กับอีกข้างที่ลูบไปตามผมของผมอย่างปลอบประโลม



“แต่การจากไปของก้า ก้าก็ยังทิ้งตัวแทนของเขาเอาไว้นะ ...เมล”



“ฮึก อึก...”



“เรามาช่วยกันดูแลอาทิตย์กับจันทร์ให้ดีที่สุดเพื่อพี่ก้ากันเถอะ”



“ฮึก...ท...ทัพ”



...



“ก็เป็นแบบที่เมลเห็นแหล่ะลูก เจ้าแฝดยังไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่ตัวเองหายไปไหน ยังไม่เข้าใจอะไรมากนักหรอก จะเอาอะไรมากกับเด็กสองขวบ” 



แม่ของผมที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับหันไปมองเจ้าเด็กแฝดสองคนที่หน้าตาเหมือนกันยังกับแกะ แต่มีนิสัยแตกต่างกันนิดหน่อยตรงที่คนนึงจะพูดเก่ง แต่อีกคนจะเงียบๆหน่อย อาทิตย์กับพระจันทร์ ชื่อที่ถูกตั้งจากก้า ก้าเคยบอกว่าอยากให้ลูกของตัวเองรักกันและขาดกันไม่ได้ เหมือนพระอาทิตย์กับพระจันทร์ที่ต่อให้อยู่บนฟ้ากันคนละเวลา แต่ไม่มีวันไหนที่จะหายไปจากกันและกัน



“แม่”



“หื้ม...ทัพหน้าพูดกับเมล”



“หื้ม ว่าไงลูก”



“เราอยากดูแลเด็กสองคนนี้เอง” ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น มองหน้าแม่ที่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มบางๆออกมา



“แล้วเมลจะไหวหรอลูก ดูแลเด็กที่ถือเป็นชีวิตๆนึง มันไม่ง่ายนะ...”



“แต่เมลอยากดูแลตัวแทนของก้า ดูแลให้ดีที่สุด ไม่ต่างจากที่ก้า เคยดูแลเมลมา”



จริงๆความคิดนี้ คนที่จุดประกายให้ผม ก็คือผู้ชายที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะคิดแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ... ผมที่หันไปมองเจ้าสองแฝดที่นั่งเล่นอะไรกันอยู่สองคนกลางห้องนั่งเล่น และอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่นั่งอยู่ตรงนั้นท่ามกลางเด็กๆก็คือ ... ทัพหน้า



ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปสนิทกันตอนไหน พระอาทิตย์กับพระจัทร์ถึงได้ติดทัพหน้ามากขนาดนี้



.

.

.



“จันทร์ จันทร์อยู่ไหนออกมาน้า คุณย่าเรียกแล้วน้า”



“ไม่ออกๆ” 



เสียงใสๆที่ทำให้ผมที่เดินกลับมาที่โรงจอดรถเพราะลืมกล่องขนมเค้กต้องชะงัก  ผมที่หันมองไปรอบๆด้านนอกของบริเวณตัวบ้านไม่เห็นเจ้าของเสียงที่ตะโกนเรียกนั่น แต่ไม่ใกล้ไม่ไกล ตรงเสาร์ข้างๆโรงจอดรถนั่น มองเห็นขาสั้นๆที่พยายามแอบตัวเองอยู่ตรงนั้น เด็กผู้ชายตัวเล็กผิวขาวที่มีดวงตาคม เด็กตัวเล็กๆที่พยายามนั่งลงข้างๆกันเบียดตัวเองกับเสาร์ต้นนั้นเพื่อแอบ แต่แอบไม่มิด กูมองจากตรงนี้คือเห็นทั้งตัว ขาป้อมๆคนละข้างของทั้งพี่ทั้งน้องนั่นโผล่ออกมาเด่นมาก



“มาแอบทำอะไรกันอยู่ตรงนี้”



ผมที่เดินเข้าไปหา เด็กที่นั่งตัวกลมอยู่ตรงนั้นสะดุ้งตกใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าด้วยสายตานิ่งๆ  สายตาที่มองผมไม่เหมือนเด็กเล็กๆทั่วไป แต่กลับมองผมอย่างประเมินและสงสัยว่าผมคือใคร



“ว่าไง ผู้ใหญ่ถามทำไมไม่ตอบ มานั่งอะไรอยู่ตรงนี้ คุณย่าเรียกหาอยู่ไม่ใช่หรอ” จ้องมองเด็กตรงหน้าสายตานิ่งๆ



“แล้วนี่ชื่ออะไรกันบ้าง”



“จันทร์ชื่อพระจันทร์ จันทร์เป็นพี่อาทิตย์”   ว่าออกมาแบบนั้นแล้วสบตาผมแบบไม่สบสายตา



“แล้วเป็นอะไรไป ไม่อยากไปหาคุณย่ารึไง”  เด็กวัยสองขวบที่กล้าสบตาผมหลายนาที ก่อนที่สุดท้ายจะก้มหน้าลงไปเอาหัวชิดกับหัวเข่าของตัวเองแล้วส่ายหน้า



 “ไม่อยาก จันทร์ไม่อยากไป!”  ตะเบ็งเสียงว่าออกมาแบบนั้น ผมที่มองนิ่งๆอย่างสงสัย สุดท้ายก็เป็นผมที่ย่อตัวลงตรงหน้าเด็กคนนี้



“ทำไม”



“ย่าบอกว่าพ่อกลับแม่ไปอยู่บนนู้น จะไม่กลับมาอีกแล้ว” 



มองเห็นนิ้วสั้นๆที่กำเข้าหากันจนแน่น มองเห็นไหล่เล็กๆในเสื้อลายสไปร์เดอร์แมนนั่นสั่นเหมือนคนกำลังร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลลงมาสักแอะ เป็นเด็กผู้ชายที่เข้มแข็ง



“แต่ไม่จริงหรอก จันทร์ได้ยินคนงานพูด พ่อกลับแม่ไม่ได้ไปอยู่บนนู้น ... แต่พ่อกับแม่ตายแล้ว อึก...ย่าโกหก!” สายตาดื้อดึงที่เงยหน้ามองหน้าผมพร้อมทั้งตะคอกเสียงออกมาแบบนั้น น้ำตาใสที่เอ่อคลอไปรอบนัยตาคู่คม แต่เด็กตรงหน้าไม่ยอมให้มันไหลลงมาสักหยด



“อยากร้องไห้หรอ”



“ไม่! จันทร์ไม่ร้อง จันทร์เป็นพี่จันทร์จะไม่ร้อง จันทร์จะไม่ร้องให้อาทิตย์ต้องเสียใจไปด้วย”



ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับกำนิ้วเล็กๆนั่นเข้าหากันจนแน่นมากขึ้นไปอีก ผมมองจันทร์นิ่งๆ แล้วรู้สึกเหมือนเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในวัยเด็ก ‘เพราะเป็นพี่ต้องเข้มแข็ง เพื่อเป็นที่พึ่งให้น้องๆ จะร้องไห้ออกมาไม่ได้’ ... ความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ ในหัวใจของเด็กวัยนี้ที่ไม่มีความเข้าใจ แต่ก็ยังเลือกจะเข้มแข็งสุดหัวใจ ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆนั่น แล้วเด็กตรงหน้าก็เริ่มตัวสั่น ผมที่ดึงจันทร์เข้ามากอดเอาไว้แน่นๆแล้วให้เจ้าตัวเล็กนี่ซบลงตรงบ่า



“ฉันเคยพูดกับเมลเอาไว้ว่า เพราะอวัยวะที่สำคัญที่สุดของคนเราก็คือบ่า เรามีเอาไว้เพื่อให้ใครสักคนคอยซบในวันที่เราเสียใจ เพราะฉะนั้นวันนี้ ตอนนี้ไม่มีใครเห็น จันทร์ซบลงบนบ่าฉันได้ แล้วมันจะเป็นความลับของเราสองคนตลอดไป”



“ฮึก อึก ฮื่อออ แด๊ดดด ฮึก มัม ฮื่ออออ”  เสียงร้องสะอึกสะอื้นที่ดังระงมข้างๆหูของผมช่างบาดหัวใจ เด็กเล็กที่ต้องแบบรับความเจ็บปวดเรื่องนี้ไว้จะเข้าใจและทนรับไว้ได้ยังไงกัน



“อึก ฮึก...ไม่มีแล้วความสุขของจันทร์ ฮึก....ไม่เหลือครอบครัวของจันทร์กับทิตย์อีกแล้ว ฮื่อออ”  ผมที่ผละตัวออกมาแล้วเช็ดน้ำตาให้จันทร์เบาๆ มองจ้องหน้าเด็กตรงหน้านิ่งๆ



“ไม่จริงหรอก จันทร์กับอาทิตย์ยังเหลือความสุข ถ้าเธอสองคนเลือกจะรับมัน”



“แด๊ดกับมัมทิ้งจันทร์กับทิตย์ไปแล้ว ไม่มีแล้ว ฮึก”



“มาอยู่ด้วยกันไหม จันทร์กับทิตย์มาอยู่ด้วยกันกับฉันกับเมลไหม สัญญา...ว่าฉันจะเอาครอบครัวที่สมบูรณ์ของเธอกลับคืนมาให้ได้”   เด็กตรงหน้าที่มองผมแบบสงสัยทั้งๆที่น้ำตายังนองหน้า ผมถอนหายใจออกมาหนักๆแล้วลูบหัวเด็กตรงหน้า เรื่องราวมันคงยากเกินไปที่เด็กๆจะเข้าใจ



“ฮึก...จ...จะเจอหรอ”



“หื้ม?”



“จะเจอจริงๆรึเปล่า”



“ครอบครัวสมบูรณ์ที่ว่า”



“อื้ม ... ถ้ามาอยู่ด้วยกัน ฉันสัญญาว่าเธอจะเจอครอบครัวที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน”



ผมที่ยื่นนิ้วก้อยออกไปแล้วนิ้วเล็กๆก็ถูกยื่นออกมาช้าๆแล้วเกี่ยวตอบกับผมเอาไว้ สายตาคมที่เอ่อไปด้วยน้ำตาจ้องมองมาที่หน้าของผมด้วยความสงสัย แต่ก็ยังคงกล้าพอที่จะลอง



ตัวผมที่เคยแบกรับอะไรหลายๆอย่างมาตั้งแต่เด็กมากจนเกินไป เข้าใจดีกว่าใครว่ามันทรมารมากแค่ไหนกับเรื่องราวมากมายที่มันเกินอายุ ผมมองเห็นจันทร์ไม่ต่างจากมองเห็นตัวเองในวัยเด็ก ผมคิดว่า ถ้าย้อนกลับไปได้ผมในวัยสามขวบ ถ้าได้วิ่งเล่นและโยนเรื่องราวหนักๆลงไปจากหัวใจ ได้พบเจอครอบครัวที่อบอุ่นมากกว่าหน้าของครูภาษาอังกฤษเรื่องหนังสือเรียนบ้างก็คงดี และสิ่งที่ผมอยากทำในตอนนี้ ก็คือเลี้ยงดูเด็กทั้งสองคนตรงหน้าให้ได้เจอกับคำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์และวัยเด็กที่ควรจะเป็น



“จันทร์ เจอจันทร์แล้ว! เอ๊ะ ทำอะไรกันน่ะ สัญญาอะไรกัน ทิตย์เกี่ยวก้อยด้วยดิ สวัสดีครับ ทิตย์ชื่ออาทิตย์เป็นน้องของพระจันทร์” 



เด็กร่างป้อมในเสื้อลายไอรอนแมนที่เดินเข้ามา หน้าตาเหมือนกับพระจันทร์ไม่ผิดเพี้ยน จะแตกต่างกันก็ตรงท่าทางที่ดูสดใสพร้อมดวงตาคมที่เป็นประกายร่าเริง ต่างจากพระจันทร์ที่ดูนิ่งๆมากกว่า



“เกี่ยวก้อยทำสัญญา”



“สัญญาอะไรกันครับ ทิตย์เกี่ยวด้วย” อาทิตย์เงยหน้ามองหน้าผมพร้อมเอียงคอสงสัย ผมที่ยกยิ้มมุมปากออกมาน้อยๆแล้วยื่นมือไปลูบผมอาทิตย์เบาๆ



“สัญญาว่าจะเอาครอบครัวที่สมบูรณ์กลับคืนมาให้พวกเราสองคนให้ได้ มาเป็นครอบครัวเดียวกันนะ พระจันทร์ พระอาทิตย์ มาเป็นครอบครัวของฉันกับเมล”



ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น มองหน้าอาทิตย์ที่เงยหน้ามองหน้าผมอย่างช่างใจ ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะหันหน้าไปมองหน้าพี่ชายที่ยังคงเกี่ยวก้อยอยู่กับที่นิ้วของผม



“ทิตย์เชื่อจันทร์ ถ้าจันทร์สัญญา ทิตย์ก็สัญญาครับ มาๆ มาสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กันน้า!”  อาทิตย์ที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง แล้วยื่นนิ้วก้อยออกมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยที่มืออีกข้างของผม



ผมไม่แน่ใจว่าพระอาทิตย์จะเจ้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาหรือเปล่า แต่หลังจากที่นิ้วก้อยเล็กๆของทั้งสองคนที่ถูกยื่นเข้ามาเกี่ยวกับนิ้วก้อยทั้งสองข้างของผม ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็สัญญาในใจกับตัวเองเอาไว้แล้วว่า ผมจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ของผมให้กับอาทิตย์ พระจันทร์ และอีกหนึ่งคนสำคัญของผม...คาราเมล ให้ได้เลย



-------------


สวัสดีจ้าาา แคทมาแล้วจ้าา เห้ยย๊ะ!! :mew1:

เนื้อเรื่องดำเนินมาจนถึงโค้งสุดท้ายแบบสุดๆ เหลืออีก1ตอนจบเท่านั้นเองนะคะทุกคน ขอบคุณคนอ่านเสมอที่อยู่กับแคทมาในทุกช่วงที่เขียนเรื่องนี้มา ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคนชม ที่บางทีแคทอ่านก็ได้แต่คิดในใจว่า จริงๆแคทเขียนดีจริงๆหรือคนอ่านชมๆให้ชื่นใจไปแบบนั้นว้า คือไม่เคยคิดว่าจะได้คำชมเชยดีๆมากขนาดนี้มาก่อนจริงๆค่ะ บางทีก็คิดว่าความสามารถของตัวเองไม่ถึงขนาดที่คนอ่านว่าสักหน่อย แต่แคทขอบคุณจริงๆ ขอบคุณคนอ่านทุกๆคนที่เป็นแรงผลัก และคอยซัพพอร์ตให้กำลังใจนิยายเรื่องนี้มาเสมอ ... อ่านกันมาถึงตรงนี้ ถ้าใครรักพระเอกของเรามากขึ้นก็คงจะดี และแคทเป็นคนนึงที่คิดว่า พี่ทัพแม่งเจ๋งวะ อิอ๊ะ >////< ส่วนน้องเมล รักน้องงงง ขอให้น้องเจอเรื่องราวดีๆสักที เย้!  :hao3: :mew1:


*ขออนุญาตแก้ไขเนื้อหาเล็กน้อยค่ะ*
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่34* {04.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 04-05-2019 20:48:02
ทำร้ายจิตใจกันเลย แงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่34* {04.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 04-05-2019 21:47:30
พลิกล็อคกันน่าดู ถล่มทลายยย  o22

พี่ทัพเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยยย อมก

พี่ก้าาาาา ; w ;
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่34* {04.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-05-2019 22:04:06
 o22 พี่ก้า..... สงสารนุ้งเมลเลย
ดีนะว่าคืนดีกับพี่ทัพเเล้ว 

สำหรับเรา เราว่าผู้แต่ง แต่งได้ดีจ้า สู้ๆ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่34* {04.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-05-2019 00:20:07
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่34* {04.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 05-05-2019 15:17:52
โฮรรรรซึ้งงงงงงงใจ สงสารเจ้าเด็กแฝด มาร่วมกันสร้างครอบครัวกับเมลและทัพนะลูกๆ //พี่ก้าแบบช็อคมากอ่ะ ตกใจเลย RIP //เมลเนียนนะเรา หลอกดาวได้นึกว่าความจำเสื่อมจริงที่ไหนด้ายยยยยแกล้งซะงั้น 555555 เป็นอะไรที่ซึ้งมากหลายฉากเลย ต่างก็ขอบคุณและขอโทษกันไปมา เรารับรู้ว่ามันออกมาจากใจจริงๆ เบื้องหลังความหลังมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ดีแล้วที่ลดทิฐิเสียเวลาอยู่ด้วยกัน ต่อจากนี้ก็ดูแลเมลให้ดีนะทัพ ส่วนพ่อแม่ทัพนั้น มาเจอเด็กแฝดสองคนนี้ก่อนเถอะ ความน่ารักเอาอยู่แน่นอนจร้า ดีไม่ดี เห่อแบบสุด น่ากลัวว่าจะเป็นแบบนั้น 555555 //อ๊ายยเจ้าหลงไปนอนกกกับไอ้พี่รี่ ดีใจด้วยนะรี่ได้เจ้าแมวน้อยมาสู่อ้อมกอดอีกครั้ง >.,< 55 //สนุกกกกกกก อ่านกันยาวๆเลย ชอบบบ ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาอัพตลอด อ่านเพลินจริงๆ รอตอนต่อไปเลยค่ะ เจ้าเด็กแฝดน่าเอ็นดูจริงๆ จันทร์-ทัพ อาทิตย์-เมล งานนี้เจ้าหลงไอ้พี่รี่ได้เจ้านายใหม่มา ดูจะวุ่นวายดีแท้ 555555555 รรรรรรรรตอนหน้าค่า ^^
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่34* {04.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 07-05-2019 00:14:39
หักมุมมาก ร้องไห้อีกแล้ว,,,

งั้นร่วมกันสร้างครอบครัวให้สมบูรณืนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 07-05-2019 20:46:54


บทที่35
บทส่งท้าย





“หยุดก่อนทิตย์ อย่าวิ่งสิโว้ย”



“รี่ๆวิ่งๆๆ วิ่งเยยยยยวิ่งหนีอาเมลกันเร๊ววววว”



เออ วิ่งเข้าไป แต่กูเนี่ยที่วิ่งตามต่อไปไม่ไหวแล้วเว้ย ผมได้แต่หยุดวิ่งแล้วยืนหอบอยู่กลางสนามหญ้าในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ มองภาพตรงหน้าคืออาทิตย์กำลังขี่หลังไอ้เชอรรี่แล้ววิ่งไปรอบๆสนาม แล้วสนามบ้านไอ้ทัพมันเล็กมากนักนี่ กูเหนื่อยโว้ย



“อาเมลๆ นี่” 



ผมที่หันไปตามแรงดึงจากแขนเสื้อ มองเห็นพระจันทร์ ไอ้เด็กที่หน้าไม่ต่างจากไอ้ตัวที่ขี่หลังไอ้รี่อยู่ตอนนี้ มองดูมือป้อมๆที่กำลังยื่นยาดมส่งมาให้ ...



“ขอบใจมากจันทร์”



“ครับ” 



ตอบออกมาสั้นๆตามสไตล์ของมันแล้วหันหลังเดินไปนั่งต่อจิ๊กซอร์ที่ไอ้ทัพหน้าซื้อมาให้มันต่อเล่นที่ม้านั่งด้านข้างสนาม  ข้างๆพระจันทร์คือไอ้หลงที่นอนดูพระจันทร์ต่อจิ๊กซอร์อยู่เงียบๆ อะ...พี่น้องสองคน แตกต่างกันเหลือเกิน ...



นี่ก็เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้ว ที่ผมกับทัพหน้ารับเด็กสองคนมาอยู่ด้วยกัน ในตอนแรก กับการเลี้ยงดูเด็กมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีอะไรหลายๆอย่างที่ผมยังไม่เข้าใจ รวมถึงทัพหน้าเองก็ไม่ต่างกัน แต่ตอนนี้ อะไรหลายๆอย่างเริ่มจะลงตัวแล้ว ผมที่ใกล้จะเรียนจบแล้ว อีกเดือนเดียวก็ทำเรื่องจบได้แล้ว เพราะแบบนี้ตอนนี้เลยมีเวลาว่างมากๆที่จะช่วยดูแลเจ้าสองแฝดได้อย่างเต็มที่  อาทิตย์กับจันทร์ไม่ยอมอยู่กับแม่ของผม ดูเหมือนว่าเจ้าสองแฝดจะสนิทกับทัพมากกว่าใคร สนิทแค่ไหนก็ให้ดูที่



“อาเมลลลล ป๊ากลับมาแล้วครับบบบ”



อาทิตย์ที่ขี่ไอ้รี่ไปจนถึงหน้าบ้านตะโกนออกมาแบบนั้น ผมที่ลุกขึ้นยืนแล้วมองตามไปก็เห็นว่ารถมัสแตงสีแดงคันประจำตัวของมันได้ขับตรงเข้าไปจอดอยู่ที่โรงจอดรถจริงๆ



“อาเมล ป๊ามาแล้วไปกันเถอะ” 



พระจันทร์ที่เดินอุ้มไอ้หลงเข้ามาหาผมว่าออกมาแบบนั้น ผมก้มลงไปมองหน้าเจ้าเด็กนั่นแล้วก้มลงไปหอมแก้มใสนั่น น่าหมั่นเขี้ยว พระจันทร์ก้มหน้าน้อยๆแล้วยิ้มออกมาหน่อยๆตามสไตล์ เขินครับแต่ชอบทำนิ่ง



“เอาหลงมานี่เดี๋ยวอาเมลอุ้มเอง”



“ครับผม” 



ว่าแบบนั้นแล้วยื่นไอ้หลงมาให้ผมอุ้ม ไอ้ลูกแมวเด็กนี่พอมาอยู่กับผมก็ซุกลงที่อกแบบคุ้นมือ มืออีกข้างของผมยื่นไปให้พระจันทร์จับมือ มือเล็กๆที่เอื้อมมาคว้ามือของผมไว้ สายตาทอประกายของพระจันทร์ที่เงยหน้ามองผมหน่อยๆเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง



“ว่าไง มองหน้าอาเมลทำไม”



“พระจันทร์มีความสุขครับ”



“หื้ม?”



“พระจันทร์มีอาทิตย์ มีอาเมล มีป๊าทัพ มีรี่มีหลง มีความสุขที่สุดเลย” 



ว่าออกมาแบบนั้นแล้วแก้มกลมๆของเจ้าเด็กตรงหน้าก็ขยายออกเพราะเจ้าตัวยิ้ม พระจันทร์ยิ้มออกมากว้างๆเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหลานยิ้มแบบนั้น เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดจริงๆ ถ้าก้ามองอยู่ เมลอยากให้ก้ารู้นะ ไม่ต้องห่วงสองแฝด เมลจะดูแลเค้าให้ดีที่สุดเหมือนลูกของเมลเองเลย



“ดีจัง อาเมลก็มีความสุขเหมือนกันครับ”



“อื้มม”



“อาเมลลลล มาไวๆ ป๊ามีเป็ดย่างโด้ยยยๆ” 



เสียงตื่นเต้นดีใจทีทำให้ผมกับพระจันทร์ต้องหันไปมอง พระอาทิตย์ที่ถูกทัพหน้าอุ้มด้วยมือข้างเดียวอยู่ตอนนี้ เจ้าตัวเล็กที่กำลังชูมือชูไม้โบกมือไปมาแบบดีใจอยู่ตรงโรงจอดรถ ผมที่ค่อยๆจูงมือพระจันทร์เข้าไปหา ก่อนจะมองไปที่หน้าของทัพหน้าแล้วส่งยิ้มไปให้ สายตาคมของทัพหน้าที่มองมาที่ผมและพระจันทร์ช้าๆ ก่อนที่จะเลื่อนสายตามามองตาของผม เราสองคนที่สบตากันในความเงียบ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรออกมา เราสองคนที่ทำเพียงแค่ยิ้มออกมาให้กันและกันในตอนนั้น ... ครอบครัวที่สมบูรณ์ที่อยากจะได้ ก็ต้องขอบคุณผู้ชายคนนี้จากหัวใจของผมจริงๆ



“วันนี้มีเป็ดย่างของโปรดใครกัน”



“อาทิตย์”



“พระจันทร์”



“งั้นวันนี้ต้องกินให้เยอะๆ โอเคไหม”



“เคคร๊าบบบ/โอเชชช” 



เสียงใสๆสองเสียงที่ร้องออกมาพร้อมๆกัน ก่อนที่อาทิตย์จะดิ้นลงมาจากตัวของทัพหน้า เจ้าสองแฝดที่วิ่งเข้าหากันแล้ววิ่งมาจับมือกันเข้าไปในบ้านทั้งแบบนั้น ผมกับทัพหน้าที่มองตามไปแล้วยิ้มออกมา เพราะมีเด็กๆมาอยู่บ้าน บ้านของเราเลยสดใสขึ้นเยอะเลย



‘ฟอด’



“อ๊ะ ทัพหน้า”



“คิดถึงจังเลยครับ ขอกำลังใจนิดหน่อยทำไมต้องดุด้วยวะคุณแม่”



“แม่พ่อง เดี๋ยวดีดไข่เลย พูดบ้าไรวะพี่” 



ผมที่วางไอ้หลงลงกับพื้นแล้วหันไปต่อยแขนคนข้างๆ ทัพหน้าที่ทำหน้าทำตาเหมือนแค่โดนใบไม้สะกิดยักไหล่ออกมานิดๆแบบไม่สะท้าน หลังๆมานี่ก็กวนตีนน้อยซะที่ไหนกันล่ะ



“ฮ่าๆ ไปเถอะ เข้าไปข้างในบ้านกัน”



“อื้ม” 



ตอบรับอีกฝ่ายออกไปแบบนั้นในตอนที่วงแขนแกร่งเลื่อนมาโอบอยู่ที่เอวของผม ผมหันไปรับชุดสูทของมันมาไว้ในมือ เราสองคนที่เดินเข้าบ้านไปพร้อมๆกัน  บ้านที่เป็นบ้านของเราจริงๆในวันนี้



ช่วงเวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง หลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อย และเวลาหรรษาก็เกิดขึ้น ยิ่งกว่าจับปูใส่กระด้งตอนที่อาบน้ำเจ้าสองแฝดเรียบร้อยแล้วต้องเอาทั้งสองคนมาแต่งตัว



“หยุดๆ อย่าโดดแบบนั้นลงมาหาอาเมลเลยอาทิตย์”  ผมหันไปปรามเด็กที่ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้โซฟา แล้วกระโดดไปมาอยู่บนเก้าอี้หลุยหนังดี แต่ตอนนี้ถูกไอ้ทิตย์เหยียบซะสนุก



“ดึ๋งๆๆ ทิตย์โดดเก่งไหมอาเมล”



“เออ รู้แล้วลงมา อะ จันทร์ยกแขนขึ้น ฮึบ แบบนั้นเก่งมาก”  เอ่ยชมมันตอนที่แขนป้อมๆชูขึ้นให้ผมได้ใส่เสื้อ ก้มหน้าลงไปจุ๊บแก้มมันที่นึง



“อื้ม หอมๆเลยเว้ย”



“หอมๆน่ารักแล้วใช่ไหมอาเมล”



“ครับผม”



“จันทร์น่ารักนิดเดียวนะ ที่เหลือจันทร์หล่อเหมือนป๊าเลย”



“อะ ไม่หล่อแบบอาเมลหรอวะ”  หันไปถามมันแต่พระจันทร์ก็ส่ายหัว คำตอบของเด็กสามขวบช่างตีเข้าที่หัวใจ เค้าบอกว่าเด็กไม่โกหก  โกหกนิดหน่อยให้กูชื่นใจหน่อยก็ได้เว้ย



“หล่อแบบป๊าทัพ แล้วน่ารักนิดๆเหมือนอาเมล”



“หึ” 



เสียงหัวเราะในลำคอที่ดังมาพร้อมๆกับร่างสูงๆของทัพหน้าที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกที่พวกเรานั่งกันอยู่ตอนนี้  ผมหันไปมองแรงใส่คนมาใหม่



“อาทิตย์ลงจากเก้าอี้ อย่ากระโดษแบบนั้น”



ทัพหน้าที่หันไปพูดกับเจ้าตัวแสบนิ่งๆแค่นั้น ไอ้ตัวเล็กก็หยุดโดดทันทีแล้วค่อยๆปีนลงมาจากเก้าอี้ดีๆ ... เดี๋ยวนะ แล้วเมื่อกี้กูพูดกี่รอบถามก่อน



“ทิตย์ลงแล้วครับ”



“ดี อย่าดื้อกับอาเมลเข้าใจไหม มาแต่งตัวได้แล้วมา”



“แต่งตัวๆ อาเมลปะแป้งให้ทิตย์หอมเลยน้า” 



อาทิตย์ที่วิ่งเข้ามาหาผมพร้อมๆเสื้อนอนลายสิงโตสีน้ำตาลของมัน ทางด้านพระจันทร์ใส่เสื้อลายลูกแมวสีน้ำเงินเข้ม ได้เสื้อสองตัวนี้มาเมื่อเดือนก่อนตอนที่ทัพหน้าพาเด็กๆออกไปซื้อของ



“ไหน คนไหนไม่ดื้อ”



“ทิตย์จ้า” 



ว่าแบบนั้นแล้วพุ่งเข้ามาหอมแก้มผมแรงๆพร้อมกอดเอวไปด้วย เห็นแบบนั้นแล้วก็ต้องยื่นมือไปบีบจมูกโด่งๆนั่น ดื้อแต่ขี้อ้อนเหลือเกินไอ้ตัวนี้



‘ปี๊นๆ’



“เอ๋ เสียงรถมาๆล่ะอาเมล” 



อาทิตย์ที่ว่าออกมาแบบนั้น ทำเอาผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าทัพแบบสงสัย ไม่ต่างกันกับเจ้าตัวที่มองหน้าผมแบบไม่รู้เรื่องเหมือนกัน  ผมที่รีบแต่งตัวให้อาทิตย์จนเสร็จ ทัพหน้าที่ลุกออกไปที่โถงทางเดินด้วยตัวเอง เวลาผ่านไปสักพักร่างสูงก็เดินเข้ามา



“ใครมาหรอ...อ่ะ เอ่อ...” 



ผมที่ถามออกไปแบบนั้นแล้วก็ต้องอ้าปากค้างในตอนที่มองเห็นผู้มาใหม่ที่เดินตามทัพหน้าเข้ามา ... พ่อกับแม่ของทัพหน้า ด้านหลังมีนักรบ รุกฆาตและอีกคนนึง...เด็กผู้ชายที่ดูจะอายุน้อยที่สุดที่กำลังส่งยิ้มมาให้ผม คิดเอาเองว่านั่นน่าจะเป็นน้องจอม น้องชายคนเล็กของบ้านเตชะณรงกรค์



“เอ่อ...สวัสดีครับ” 



ผมที่รีบลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้ผู้มาใหม่ทั้งสองคนแบบนั้น เจ้าเด็กแฝดที่เห็นคนใหม่แปลกหน้าก็เดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆผม อาทิตย์ที่เดินมาเกาะขาของผมแล้วแอบตัวเองอยู่ที่ด้านหลัง ส่วนพระจันทร์ที่ทำแค่เอื้อมมือดึงชายเสื้อของผมไว้อีกข้าง



“ทิตย์จันทร์ ยืนดีๆ ไม่เอาไม่ดึงขาอาเมลนะ ออกมาสวัสดีก่อนเร็วๆ”  ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น พระจันทร์ที่เงยหน้ามองผม ส่วนอาทิตย์ที่เอาแต่เขินคนเยอะหลบอยู่ข้างหลัง โผล่หัวออกมาน้อยๆ



“ไหน เป็นเด็กเป็นเล็กเจอผู้ใหญ่ป๊าสอนว่ายังไง”



ทัพหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้นเสียงเข้ม พระจันทร์ที่ได้ยินแบบนั้นยืนตัวตรงดีๆก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ก้มตัวโค้งลงไปจริงจัง  อาทิตย์ที่เห็นพี่ทำแบบนั้นก็ขยับตัวออกมาจากขาของผมแล้วยกมือขึ้นไหว้ไม่ต่างกัน ทัพหน้าที่ยกยิ้มมุมปากพอใจ เดินเข้ามาหา ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวอาทิตย์เบาๆ



“สวัสดีครับ พระจันทร์เป็นพี่อาทิตย์”



“ส่วนอาทิตย์เป็นน้องพระจันทร์ครับ”



เสียงทักทายเจื้อยแจ้วของเจ้าสองแสบทำเอาคนมาใหม่แบบอารบอารุกที่ยืนอยู่ตรงนั้นหลุดยิ้มออกมากว้างๆ ส่วนน้องจอมที่ปรี่เดินเข้ามาหา อาทิตย์ที่เห็นจอมเดินเข้ามาใกล้วิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังไอ้ทัพอีกรอบ



“เป็นอะไรหื้มเรา ไหนออกมาทักทายอาจอมก่อนเร็ว”



“อื้อออ ป๊าไม่เอา ไม่เอาๆ ป๊าอุ้มทิตยืหน่อยทิตย์เขินอาจอมแล้ว อาจอมสวยๆ” 



เสียงใสๆที่ว่าออกมาแบบนั้นเรียกเสียงขำพรืดออกมาได้ไม่ยาก แต่ไอ้ตัวเล็กนั่นก็เอาแต่หลบจอมไปมา แทบจะม้วนลงไปกองอยู่กับพื้น



“สวัสดีครับพี่เมล ผมชื่อจอมนะครับ เป็นน้องคนเล็กของเฮียๆและน่าตาดีที่สุดด้วยครับผ๊ม” 



น้องจอมที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมยกมือไหว้ รอยยิ้มสดใสที่มาพร้อมท่าทางน่ารักๆนั่น ยิ่งทำให้ผมแปลกใจ ทั้งรูปร่างหน้าตา คือแตกต่างจากพี่ๆเหลือเกิน ถ้าให้เปรียบแบบเห็นภาพก็คงจะ น้องจอมคือดอกฟ้า ส่วนพวกบ้าที่เหลือแบบไอ้ทัพ ไอ้รบ ไอ้รุก พวกนี้คือหมา แถมเป็นหมาบ้าด้วยครับ



“สวัสดีครับอาทิตย์ ไหนเอ่ย ออกมาหาอาจอมหน่อยเร็ว” จอมที่ก้มลงไปหาแต่อาทิตย์ก็เอาแต่หลบ เอาหน้ากลมๆบี้เข้าไปกับขาของทัพหน้าอยู่แบบนั้น



“ฮ่าๆ น่ารักจัง แล้วนี่พระจันทร์หรอครับ หล่อจังเลยน้า”



“จันทร์หล่อ หล่อเหมือนป๊าทัพเลยครับ”



“งื้ม นั่นสินะ ลูกป๊าทัพหล่อเหมือนป๊าทัพเลย”



“ช่ายคั๊บบบ”



“งั้นเด็กๆมาเล่นกับอารบไหม นี่ อามีหุ่นยนต์มาฝากเยอะเลยน้า” 



ไอ้รบที่เดินเข้ามาพร้อมรุกฆาตพร้อมชูถุงของเล่น พระอาทิตย์กับพระจันทร์ที่ยิ้มกว้างขึ้นออกมาในตอนนั้น แล้วเด็กๆก็เดินไปหา มองๆแล้วเห็นพระอาทิตย์แล้วก็จะคล้ายๆกับไอ้รบแปลกๆ อย่านะเว้ย อย่ามาสอนหลานกูแปลกๆนะนักรบ



“ชะวิ้ง เสื้อสีเหลืองอาซื้อมาให้น่ารักไหม”



“ว้าววว”



อาทิตย์ที่ร้องออกมาแบบนั้น ส่วนพระจันทร์ที่แค่เสหน้าหนีแล้วเดินไปหารุกฆาตที่กำลังแกะหุ่นยนต์ออกมาให้เล่นแทน  ผมที่หันหน้าไปมองทัพหน้านิ่งๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็หันมามองหน้าผมอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน ทัพหน้าที่เดินเข้ามาหาผมแล้วจับมือผมไปกุมเอาไว้แน่นๆ มองเห็นพ่อและแม่ของมันที่มองมาที่เรานิ่งๆเช่นกัน



“ป๊ากับแม่มีอะไรหรอครับมาดึกๆ”  เป็นทัพหน้าที่ว่าออกไปก่อนแบบนั้น ผู้สูงวัยทั้งสองคนที่ถอนหายใจออกมาหนักๆ



“แกจะไม่เชิญชั้นไปนั่งหน่อยหรือไง” 



แม่ของทัพที่ว่าออกมาแบบนั้น ทัพหน้าพยักหน้ารับ ก่อนจะผายมือออกไปด้านนอก ผมที่รีบเดินแยกออกไปบอกเด็กในบ้านให้หาน้ำหาท่าไปเสริฟให้เรียบร้อย ทัพหน้าที่พาพ่อกับแม่ไปที่ห้องรับแขกอีกห้องนึงที่อยู่ทางฝั่งขวามือของบ้านแทน ปกติห้องนั่นจะเอาไว้สำหรับเปิดโฮมเทียร์เตอร์ให้เด็กๆดูการ์ตูน  ผมที่เดินตามเข้าไปสมทบ ก่อนจะไปนั่งลงข้างๆทัพหน้า บรรยากาศไม่สู้ดีที่ทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายลงคอแบบฝืดฝืน



“ชาดอกคาโมมายล์ครับ ดื่มก่อนนอนจะช่วยทำให้ผ่อนคลายดีครับ” 



ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น เอื้อมมือไปหยิบน้ำมาจากถาดแล้ววางลงบนโต๊ะให้เรียบร้อย ก่อนจะหันไปบอกเด็กให้ออกไปได้  ห้องทั้งห้องที่ตกอยู่ในบรรยากาศที่ชวนอึดอัดเอามากๆในตอนนี้  พ่อของทัพหน้าที่ขยับตัวไปหยิบชาอุ่นขึ้นมาจิบนิดๆ



“อืม กลิ่นหอมดีนะ”



“อ่า...ครับ ถ้าทำงานหนักๆดื่มก่อนนอนก็จะช่วยให้ผ่อนคลายได้เยอะครับ” 



ผมที่บอกออกไปแบบนั้นแล้วส่งยิ้มน้อยๆไปให้ รู้สึกอึดอัดแต่ก็ต้องทำให้เต็มที่  แม่ของทัพหน้าที่เอาแต่จ้องมาที่ผมนิ่งๆ ไม่เคยได้เตรียมใจมาก่อนว่าต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้



“เธอ ชื่ออะไร เป็นลูกเต้าเหล่าใครงั้นหรอ”  คำพูดแรกที่ออกมาจากปากของแม่ทัพหน้าทำผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก



“แม่ แม่มีเรื่องอะไรก็มาพูดกับผม จะมาวุ่นวายกับเมลทำไม”



“เงียบนะตาทัพ”



“แม่” 



ทัพหน้าที่ขึ้นเสียงเรียกแม่ตัวเองเสียงดัง ทำเอาผมต้องเอื้อมมือไปดึงแขนอีกฝ่ายเอาไว้ มันที่หันหน้ามามองผมด้วยสายตาที่บอกว่ากำลังหงุดหงิด ผมที่ส่งยิ้มไปให้อีกฝ่ายน้อยๆก่อนจะพยักหน้าให้ บอกให้มันเข้าใจว่าผมโอเค



“ผมชื่อคาราเมลครับ เรียกเมลเฉยๆก็ได้ครับ”



“นามสกุลของหนูคือนามสกุลอะไรหรอจ๊ะ”



“ผมคิรากร หรเวชภูวดลครับ”



“หรเวชภูวดล อืม...คุณพ่อเป็นนักการเมืองงั้นสิ”



“ครับ”



“ส่วนคุณแม่เป็นคุณหญิงสินะจ๊ะ”



“ครับ”



“ใช่คุณหญิงวิจิตรตราหรือเปล่าจ๊ะ”



“อ่าใช่ครับ” 



ผมที่ค่อนข้างจะงงๆ แต่ก็ตอบรับออกไป  ทัพหน้าที่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจที่แม่ของมันยังคงซักไซร้ไม่เลิก



“แม่ พอสักทีเหอะ จะมาถามเรื่องฐานะครอบครัวมันเพื่อ ผมพูดตรงๆว่าต่อให้ไอ้เมลมันเป็นแค่เด็กสลัม ถ้าผมจะรักผมก็รัก เลิกวุ่นวายเรื่องฐานะหน้าตาสักที แล้วตอนนี้ต่อให้แม่จะคัดค้านยังไงผมก็ไม่สนใจ ผมมีครอบครัวของผมแล้ว”



“ครอบครัวของแกงั้นหรอ”



“ใช่ ครอบครัวของผม ครอบครัวที่ผมจะดูแลมันเอาไว้”



“แล้วแม่ไม่ใช่ครอบครัวของแกหรือไง!” 



คนเป็นแม่ที่มองตรงมาที่ลูกชายทั้งๆที่น้ำตาคลอ ผมเข้าใจดีว่า มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องนักกับสิ่งที่เรากำลังทำ พ่อแม่ของมันกำลังเสียใจในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง



“แม่เป็นแม่ของผมเสมอ แต่ถ้าแม่ไม่ยอมรับครอบครัวของผม ผมก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ครับแม่” 



ทัพหน้าที่เงียบไปสักพัก ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดออกมาช้าๆชัดๆ เหมือนคนที่คิดมาอย่างรอบคอบแล้ว ผมรู้สึกหายใจหายคอไม่ทั่วท้องในตอนที่มันพูดออกไปแบบนั้น หันไปมองหน้าคนข้างๆที่ยังคงจ้องหน้าพ่อกับแม่ของตัวเองอย่างแน่วแน่ๆ แต่ฝ่ามือหนาก็ยังคงกอบกุมมือของผมเอาไว้ไม่ปล่อย เหมือนกับมันกำลังบอกให้ผมรู้ว่า ไม่ว่ายังไงมันก็จะไม่ปล่อยมือ จะไม่ทิ้งครอบครัวของเราไป



“เฮ้อ....”  เสียงถอนหายใจหนักๆออกมาจากแม่ของทัพหน้า ท่านที่มองตรงมาที่ผมและมันอย่างเหนื่อยอ่อน



“แม่พูดสักคำหรือยังว่าแม่จะไม่ยอมรับครอบครัวแก”



“.....”



“แล้วทำไมกับอิแค่แม่จะมาสักถามเมียแกมันไม่ได้หรือไง ถ้าจะมีครอบครัวก็ต้องพามาให้แม่รู้จักสิถึงจะถูก แล้วลูกอีกสองคนจะไม่ให้ปู่กับย่าเจอเลยรึไง ใช้ไม่ได้ เอาอะไรมาคิด”  หื้มมมม .... 



ผมกับไอ้ทัพหน้าที่มองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อกับแม่ของมันอีกครั้งช้าๆ   พ่อของทัพหน้าที่ก่อนหน้านั้นนั่งเก๊กหน้าขรึม ตอนนี้ทำแค่เอนตัวพิงเบาะโซฟาพร้อมดื่มชาอย่างอารมณ์ดี ส่วนแม่ของทัพหน้าที่ยิ้มออกมาช้าๆอย่างใจดี  ภาพตรงหน้าที่ทำให้ผมต้องทำตาปริบๆ แม่ของทัพหน้าที่กวักมือเรียกผมเข้าไปหา หันไปมองหน้าคนข้างๆที่พยักหน้าให้ผม เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างหน้าแม่ของทัพหน้า



“ต่อจากนี้ดูแลกันดีๆนะลูก แม่ฝากทัพหน้าด้วย” 



ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก เป็นความรู้สึกตื้นตันที่เอ่อล้นขึ้นมา เธอที่เอื้อมมือมาจับแก้มของผมแล้วส่งยิ้มให้  ทัพหน้าที่เดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม ก่อนที่แม่ของมันจะยื่นบางอย่างออกมาให้ทัพหน้า แหวนทองคำประดับหัวทับทิม



“แม่ตั้งใจเอาไว้ ว่าจะให้ทัพใส่ให้เจ้าสาวของลูกในวันแต่งงาน วันนี้แม่ให้ทัพนะ ใส่ให้น้องสิลูก” 



เธอที่พูดออกมาแบบนั้น ผมที่มองหน้าของทัพหน้า มันที่เอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้ สายตาอบอุ่นของมันที่ส่งมาให้ผม ก่อนจะบรรจงสวมลงมาที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม ผมไม่เคยเข้าใจ เวลาที่เห็นเจ้าสาวร้องไห้ในงานแต่ง แต่พอมาวันนี้ วันนี้ทัพหน้ามันสวมแหวนให้ผมในตอนนี้ แม่ของมันที่เอื้อมมือมาลูบหัวของผมเบาๆ และในตอนนั้นทั้งผมและทัพหน้าก็ก้มลงกราบที่ตักของพวกท่านทั้งสอง



“รักกันนานๆ ... และใช้ชีวิตให้มีความสุข ให้สมกับที่ลูกทำความสุขให้คนอื่นมามากแล้วนะทัพ”



“แม่ ขอบคุณครับ” 



ทัพหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้น มันที่พุ่งเข้าไปกอดแม่ของตัวเองเอาไว้แน่นๆ ผมที่ยิ้มออกมาในตอนนี้  ไม่เคยคิดเลยว่า เรื่องราวทุกอย่างจะเดินมาจนถึงตอนนี้  ในตอนเริ่มต้นเรื่องราว ผมไม่เคยคิดเลยว่า จะมีวันที่ผมได้นั่งเคียงข้างมันและยิ้มให้กันแบบในวันนี้



ทัพหน้าที่ผละตัวออกมาจากแม่ของมันแล้วหันมามองหน้าผม คนร่างสูงตรงหน้าที่ดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่นๆ และในตอนนั้นผมเองก็เลื่อนมือไปกอดตอบมันเอาไว้แน่นๆ



“ขอบคุณที่ผ่านทุกอย่างมาด้วยกันนะครับเมล”



“อ๊ากกกก ช่วยทิตย์ด้วยจ้า”



“ฮ่าๆๆ อารุกวิ่งๆเลย”



“อารบอย่าตามทิตย์มาน้า”



เสียงใสเจื้อยแจ้วที่ดังมาจากข้างนอก ทำเอาพวกเราทุกคนต้องเดินตามออกไปดู และพอเปิดประตูออกไปดู ก็ได้รู้ว่า ... บ้านเกิดความวุ่นวายขึ้นแล้วเว้ย เมื่อนักรบ รุกฆาตและน้องจอมต่างพากันวิ่งไล่หลานเล่นรอบห้อง ตะกร้าของเล่นกระจุยกระจายไปเต็มห้องจนผมต้องถอนหายใจออกมา  มองไปที่นักรบ มันกำลังถือเสื้อสีเหลืองพร้อมวิ่งตามอาทิตย์ไปด้วยเพื่อจะใส่เสื้อตัวใหม่ให้หลาน



“เอ่อ...”  ได้แต่พูดออกมาแบบนั้นเบาๆ หันกลับไปมองหน้าทัพหน้าและคุณพ่อคุณแม่ สีหน้าไม่ได้ต่างจากพวกเรามากเท่าไหร่



“ให้มันได้แบบนี้สิ...ไอ้รบ พอเว้ย อย่ามาพาลูกกูวิ่งเล่นในบ้าน”



“ป๊าทัพพพพพพพช่วยทิตย์ด้วยยยย”



“ป๊าคร๊าบบบบ”



ผมได้แต่มองตามภาพที่เด็กๆตรงหน้าวิ่งร่าเริงเข้ามาทัพหน้า คนร่างสูงที่ย่อตัวลงไปกอดเจ้าสองแสบไว้แบบนั้น ภาพตรงหน้าที่แสนธรรมดา ที่ทำให้ผมยิ้มออกมาได้อย่างที่ใจอยากจะยิ้มสักที


...



สามเดือนผ่านไป



กลางสนามหญ้าหน้าบ้านหลังใหญ่ของทัพหน้า ถูกประดับประดาไปด้วยหลอดไฟประดับหลากหลายสี โต๊ะมากมายถูกวางจัดเอาไว้เพื่อแขกเหรื่อที่มาจะได้มานั่งทานอาหารกันได้ ซุ้มอาหารฝรั่ง อาหารจีน อาหารไทย รวมไปถึงเครื่องดื้มคอกเทลมากมายถูกจัดไว้เป็นที่เป็นทางอย่างเรียบง่ายและหรูหรา มีพนักงานมากมายที่มาเดินเสริฟไปรอบๆบริเวณงาน เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุย ตัดกับดนตรีสดที่บรรเลงเพลงด้วยเสียงอ่อนหวาน ชวนให้บรรยากาศโดยรอบบ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นไอของความสุข ... ด้านในของบ้านในห้องโถงกลางที่มีผู้หลักผู้ใหญ่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้กลางห้องยิ้มแย้ม



“เฮียชาๆ ค่อยๆยกน้ำชาจ้า หนึ่งสองสามแชะ สวยจ้า”



เสียงของนักรบที่วันนี้ทำหน้าที่เป็นตากล้องเรียกเสียงหัวเราะจากคนในงานได้พอดู ผมและทัพหน้าที่มองหน้ากัน เราทั้งคู่ที่อยู่ในชุดสีแดงแบบจีน สองมือที่ค่อยๆประคองถาดน้ำชายื่นส่งไปให้คุณป๊าและแม่ของทัพหน้าแบบนั้น ...



และใช่  ผมที่ตอนนี้เรียนจบแล้ว และเรา...กำลังอยู่ในงานยกน้ำชา หรือถ้าเรียกอีกอย่าง มันก็ไม่แตกต่างไปจากงานแต่งงานเท่าไหร่นัก



“ป๊าขอให้เราสองคน มีชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อน รักกันเหมือนครอบครัว และช่วยเหลือกันเหมือนญาติ ทัพหน้าเป็นลูกคนโตที่ป๊าภูมิใจ ทุกอย่างที่ทัพทำมา มันดีที่สุดแล้วลูก...ต่อจากวันนี้ ป๊าขอให้ทัพได้ใช้ชีวิตในแบบของทัพหน้า ในแบบที่ลูกต้องการนะ”



“ขอบคุณครับป๊า”



เราสองคนที่ก้มลงกราบคุณป๊าและแม่ของทัพหน้าด้วยกัน ก่อนที่ท่านจะยื่นกล่องสีแดงกล่องใหญ่มาให้ผม มองดูก็รู้ว่าคือกล่องเพชร



“ของขวัญวันรับน้ำชานะลูกๆจ๊ะ ... แม่ฝากเมลดูแลพี่ทัพด้วยนะลูก”  คุณแม่ที่ว่าออกมาแบบนั้นทำผมน้ำตาคลอ



“ขอบคุณครับ”  พูดอะไรไม่ออก ก่อนจะกราบลงไปอีกครั้ง พวกเราที่เปลี่ยนถาดน้ำชาใหม่ แล้วเลื่อนไปให้ทางพ่อและแม่ของผมบ้าง



“คุณแม่”  ผมที่พูดออกมาแบบนั้น ช้อนตาเงยหน้ามองผู้หญิงที่รักผมมากที่สุด เธอที่ยิ้มออกมากว้างๆแบบมีความสุขมากที่สุด รับถาดน้ำชาของผมพร้อมๆกับคุณพ่อของผม



“เมลเป็นลูกที่แม่ภูมิใจมาเสมอ เมลทำหน้าที่ของลูกได้ดีแล้ว แม่ขอให้เมลมีความสุขกับความรักของลูกนะ” 



แม่ที่ว่าแบบนั้นแล้วยกมือขึ้นลูบหัวของผมเบาๆ ผมที่น้ำตาไหลออกมาตอนที่มองหน้าของท่าน คุณแม่ไม่เคยทิ้งผมไปไหน เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม แม่ที่ยิ้มออกมาแล้วหันไปหาพ่อของผม ... พ่อที่ยังคงทำหน้านิ่งๆและมองมาที่ผม เราสองคนไม่ค่อยถูกกัน เพราะผมไม่ใช่ลูกที่พ่อภูมิใจ



“คาราเมล”  พ่อที่ว่าออกมาแบบนั้น



“ที่พ่อตั้งชื่อว่าคาราเมล เพราะพ่อกับแม่อยากให้ชีวิตลูกมีแต่ความหวาน หวานชื่นและมีความสุขเสมอ...พ่อไม่รู้ว่าตลอดเวลาเมลคิดยังไง เราอาจไม่ได้คุยกันมากเท่าไหร่ เพราะถ้าแค่พูดก็คงทะเลาะกัน แต่วันนี้พ่ออยากบอกเมลนะ...ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร เป็นใคร หรืออยู่ที่ตรงไหน ลูกก็ยังเป็นลูกของพ่อ เป็นลูกที่พ่อรัก ไม่ต่างจากวันแรกที่เมลเกิดมา พ่อเคยรักเมลยังไง พ่อก็ยังรักเมลเหมือนเดิมนะลูก” 



น้ำตาของผมที่คลอขึ้นมาที่นัยตา ก่อนที่มันจะกลิ้งไหลลงมาที่หน้า และไม่รู้ว่าตอนไหนที่ผมโผเข้าไปกอดพ่อของผมแน่นๆ สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้นและก็มีท่านก่อนปลอบ ไม่ได้ต่างจากสมัยก่อนที่ผมขับจักรยานแล้วหกล้ม



‘พ่อๆ น้องเมลเป็นแผล หกย้มๆ เจ็บเยย ฮื่ออ’ มือของท่านที่จับมือของผมให้ลุกขึ้นแล้วกอดปลอบผม



‘ไหน น้องเมลคนเก่งของพ่อ มากอดกันเร็วลูก ไม่เจ็บๆนะ’



ความรู้สึกในวันนี้ ไม่ได้แตกต่างไปจากวันนั้น ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมกับพ่อไม่เคยจะเข้าใจกัน อาจเป็นตอนที่ผมเลือกที่จะไม่พูด และพ่อเลือกที่จะไม่ฟังก็ได้ ... แต่สิ่งสุดท้ายที่มันจะไม่เปลี่ยน คือผมยังเป็นลูกของพ่อ และพ่อก็ยังเป็นพ่อของผมเสมอ



“ร้องไห้เป็นเด็กๆเลย ไม่เอาไม่ร้อง”  พ่อที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มหน่อยๆ ท่านที่ยื่นซองแดงไปให้พี่ทัพที่ยื่นมือมารับตอบ



“พาน้องกลับมาเยี่ยมพ่อพร้อมเจ้าสองแฝดที่บ้านบ้างนะ” 



พ่อบอกออกมาแบบนั้นแล้วผมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม เพราะเราไม่มีก้าอีกแล้ว พ่อกับแม่อาจจะยิ่งเหงา ... ผมที่สัญญากับตัวเองในใจ ว่าต่อจากนี้จะพยายามให้มากกว่าเดิม



“ผมสัญญาครับ จะพาเมลกลับไปหาทุกอาทิตย์นะครับ”  ทัพหน้าที่พูดออกมาแบบนั้นด้วยน้ำเสียงมั่นคง พ่อพยักหน้ารับหน่อยๆ



“พ่อฝากลูกของพ่อด้วยนะ”



“แม่ฝากหัวใจของแม่ ไว้ในมือของทัพหน้านะ”



“ผมสัญญาครับแม่ ผมจะดูแลน้อง...ให้เหมือนกันชีวิตของผมเลย”



. . .


(มีต่อด้านล่างจ้า)

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 07-05-2019 20:48:11



          เสียงพูดคุยที่ดังไปทั่วบริเวณงานจากคนสนิทของพวกเรา ผมที่หันไปมองรอบๆแล้วยิ้มออกมากว้างๆ มองเห็นอาทิตย์และพระจันทร์ เด็กทั้งคู่ที่อยู่ในชุดเอี๊ยมสีแดง อีกคนอยู่ในชุดเอี๊ยมสีเหลือง เป็นของสมนาคุณมาจากอารบกับอารุก



“ไอ้บิน เอาทิตย์มานั่งลงตรงนี้ได้แล้ว”  ไอ้กุ๊กที่เดินกลับมาจากการไปตักอาหาร วางจานลงพร้อมบอกแฟนตัวเองที่ยกอาทิตย์ขึ้นฟ้าให้มานั่งดีๆ



“ฮ่าๆอาบิน บินอีกๆบินสูงๆเลยจ้า”  แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะสนุกมากเกินกว่าจะอยากกิน



“จันทร์ดูนี่สิ หุ่นยนต์ตัวนี้อารบซื้อมาเองเลยนะ เท่ๆไหม”  เสียงที่ดังมาจากอีกฝั่งนึงของโต๊ะ เป็นนักรบที่กำลังแกะตุ๊กตาหุ่นยนต์ออกมาให้พระจันทร์ที่อยู่ในชุดเอี๊ยมสีแดงดู



“ว้าววว สวยครับ”



“กูสงสารหลานชิพหายเลยไอ้สัดพี่ ตุ๊กตากันดั้มกันน้ำอะไรของมึงมันของแท้แน่หรอวะ สีก็เหลืองขนาดนี้” 



ฝา แฟนของนักรบที่ว่าขัดออกมาแบบนั้นพร้อมทำหน้าเพลียๆตอนที่เจ้าตัวหันไปมองหุนยนต์ตัวนั้น รวมถึงข้าวของที่นักรบซื้อมาวางลงที่พื้นสนามหญ้าข้างๆโต๊ะนั้นด้วย ทุกอย่างล้วนเป็นสีเหลือง ....



“เห้ยไอ้ฝา มึงอย่ามาดูถูกกูครับเมีย น่ารักชิพหายเหลืองอ๋อยขนาดนี้ เอ็นดูจะตายเลยใช่ไหมพระจันทร์”



“ครับผม”



“อ่อจ้า คูลๆกันไปอ่ะเนอะพี่มึง”  ฝาที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมทำหน้าเพลีย แต่แฟนมันเหมือนจะพออกพอใจซะแบบนั้น ผมที่ละสายตาออกมาจากภาพตรงหน้าแล้วหันไปที่อีกโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะของนักรบมากนัก



“ไอ้รุก อยากกินกุ้งแล้วว่ะ แกะให้เลิฟหน่อยดิๆ”



“แกะเองไม่เป็นก็ไม่ต้องแดก”  นักรบที่วันนี้อยู่ในชุดสูทสีดำสุภาพนั่งไขว่ห้างปลายตามองแฟนตัวเองด้วยหน้าตายๆ แต่สุดท้ายเข้าตัวก็เอื้อมมือไปหยิบจานกุ้งนั่นมาไว้ตรงหน้าของตัวเองซะเอง



“แน๊ๆบ่นแต่ก็หยิบจานไปแกะให้ล่ะวะ รักกูก็บอกมาสิจ๊ะ”  และก็เป็นเลิฟ แฟนของเจ้าตัวที่เอียงคอเข้าไปล้อด้วยท่าทางน่ารัก



“หุบปาก จะแดกไหมกุ้งมึงอ่ะ”



“แดกจ้า”



“ไอ้แปง มึงเขยิบมานี่เลย มาใกล้ๆกูนี่”  เสียงอีกเสียงที่ทำให้ผมต้องเลิกคิ้วไปสนใจ เสียงที่ดังใกล้ๆแถวโต๊ะคอกเทล มองเห็นปาแปงและโชว์ เพื่อนสนิทในกลุ่มของรุกฆาตกับเลิฟกำลังยื้อยุดฉุดข้อมือกันอยู่



“เป็นห่าไร ผีเข้าหรอวะ”



“กูเห็นเมื่อกี้ไอ้สัดพี่รบมองมึง ไอ้แปงอย่าอ่อย มานี่” 



...อ่อ หลังจากที่ยืนเสือก เอ้ย ยืนฟังจนจับใจความได้ก็รู้เลยว่า โชว์คงหวงแปงกับเจ้านักรบแน่ๆ ก็คู่นี้เหมือนเคยได้ข่าวว่าเคยไปจูบกันอะไรนี่ล่ะนะ แค่คิดก็ขำ เพราะโชว์หวงแปงมาก แต่ลองมองไปที่ฝาสิ หาสนใจไม่...คนคูลๆมึนๆมันเป็นแบบนั้นสินะ



“โว้ย แค่เคยจูบกันครั้งเดียว มึงจะตามหึงกูเรื่องนี้ตลอดชีวิตเลยไหม”



“แปง”



“โอเคๆ กูจะนั่งสิงมึงอยู่ตรงนี้เลยโชว์ เคนะ”



“เคครับ แต่ถ้าจะให้ดี สิงตักกูเลยได้ไหม เหมือนจะอยาก”



“ไปตายไอ้สัดโชว์”



“ดุกูจัง”  ได้ยินเสียงโชว์ที่ว่าออกมาอ่อยๆแบบนั้น โถ่ พ่อบ้านใจกล้า



“พี่ธารรรรรรร อย่าห้ามจอมจะได้รึเปล่าอ่ะ เนี่ยๆๆอยากใส่ตัวนั่น ตัวนี้มันร้อนมันมิดชิดอ่ะพี่”



“แล้วมึงจะโชว์ใครวะไอ้ดื้อ เดี๋ยวกูเขกหัวมึงให้”



“พี่เขกจอมดิ จอมจะเรียกเฮียเลย เรียกเดี๋ยวนี้”



“มึงอยากเป็นหม้าย มึงก็เรียกเลย”



“แหม่ เห็นจอมรักหน่อยเอาเลยนะมึง”



“หึ นี่บอกรักกูหรอวะ”



“รักจ้าพี่ธารจ๋า”



“น่ารักนะมึงเนี่ย”  ผมที่อมยิ้มตามตอนที่เห็นธารหยิกแก้มของน้องจอม จริงๆก็เป็นคู่ที่น่ารักดีจริงๆ แต่เสียงต่อมาที่ทำให้ผมต้องหันไปมองก็คงเพราะ...



“กรี๊ดๆๆ ผู้ชายเยอะมาก อยากเอามือทาบอก มีอะไรให้ซินเซียร์ได้รับประทานบ้างจะเพื่อนฝูง” 



น้องเซียร์ ผมเคยเจอเธอตอนไปทะเลเมื่อครั้งหนีไอ้พี่ทัพ น้องเซียร์ยังคงสวย แต่เดรสยาวสีฟ้าอ่อนๆผ่านขาด้านหน้ายาวมากๆ แต่น้องเป็นผู้หญิงสวยที่ร่าเริง จะเดินจะเหินก็ดูดีไปหมด และเหมือนกับว่าในตอนนี้ ก็จะมีชายหนุ่มรุ่นน้อง เพื่อนสนิทน้องจอมมาตามจีบอยู่ด้วย



“เจ๊เซียร์กินผมไหม”



“กรี๊ดดด กูกินจริงมึงจะหนาวนะอิหนูชิน แหมๆ ยิ่งเด็กๆยิ่งชอบนะ”



“งั้นกินเลย เด็กแบบผมแซ่บนะพี่”



“พี่เซียร์จ๋า”



“ว่าไงจ๊ะน้องจอม”



“ให้ไอ้ชินมันกินๆสักทีเถอะครับ จีบพี่เซียร์มาเป็นปีแล้วน้า”



“เร็วดิเจ๊ ผมรอให้กินมานานแล้วนะ”



“ปาก...ปากดี อิเด็กบ้า”



“ฮ่าๆๆๆ”  เสียงหัวเราะของคนที่อยู่ใกล้ๆบริเวรที่ได้ยินต่างก็พากันหัวเราะออกมาทั้งแบบนั้น รวมถึงผมด้วย  .... ละสายตาออกจากตรงนี้ มองเลยไปตรงซุ้มอาหาร ผมก็ต้องยิ้มออกมาอีกครั้ง ตรงนั้นมีเพื่อนสนิทในกลุ่มของผมยืนถือจานเดินตามเด็กอยู่ตอนนี้



“ของกินๆๆๆ ตักอันนั้น ตักอันนี้ แล้วก็อันนู้นให้อีกหน่อยดิลุง”



“ไอ้แจ ไอ้ลูกหมู นี่มึงใส่ซองให้เค้าไหม แดกเหมือนใส่เป็นแสน”



“แล้วไงอ่ะ ไม่เหมือนลุงชิป๊ะ เสียเป็นแสนแขนแจก็ยังไม่ได้จับอ่ะ คิกค๊าก”



“เดี๋ยวกูจะไม่แค่จับ กูจะเลียมึงด้วย เอาไหมสักที ปากดีนัก”



“โว้ยยย ลุงแม่ง”  เถียงกันไปกันมา ผมก็อยากจะรู้ว่าวันไหนมันจะได้เลียน้องแบบที่มันหมายมั่นปั้นมือไว้อ่ะนะครับ



“กรี๊ดๆๆๆๆ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันย๊ะ”



“ผะ...ผมๆ”



“อิเด็กขโมยลิป”



“ผมเปล่าๆๆ”



“อย่ามาเถียงๆ กรี๊ดๆ มานี่ มาให้ฉันทำโทษเดี๋ยวนี้นะย๊ะ”



เสียงกรี๊ดแหลมสูงที่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร แต่ก็ขอหันไปมองตรงซุ้มน้ำสักหน่อย ภาพที่เห็นคือเจ๊ดานี่กำลังกรีดนิ้วชี้ไปที่เด็กเสริฟน้ำในงานของเราอย่างหน้าตาตื่น ส่วนทางเด็กเสริฟนั่นก็ไม่ต่างกัน น้องเด็กเสริฟที่ผงะถอยหลังและพี่ดานี่ที่สาวเท้าเดินเข้ามาใกล้  และสุดท้ายก็เป็นเด็กเสริฟคนนั้นที่วิ่งหนีไป ... นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย?



“อ๊ะ...”



“จะไปไหนเมล”  เสียงทุ้มที่มาพร้อมๆกับแรงโอบกอดจากทางด้านหลัง ผมที่หันหน้ากลับไปมองทัพหน้าที่ยังคงอยู่ในชุดสีแดงแบบจีน แตกต่างจากผมตรงที่มีผ้าคลุมหน้า พอเป็นแบบนี้แล้วก็เขินไม่หยอกเลยจริงๆ



“ผมแค่ว่าจะเดินไปดูพี่ดานี่”



“ไปดูมันทำไม วันนี้เราควรมองหาแต่พี่สิ”  ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมจ้องหน้าผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ผมที่ ได้แต่ส่ายหัว แล้วพยายามดันอกแกร่งให้เลิกกอดเอวผมแบบนี้สักที



“ปล่อยได้แล้วน่าพี่ทัพ”



“ก็พี่รัก”



“โอ้ย เลี่ยนโว้ย”



“หึ เขินแล้วน่ารักว่ะ”



“เออ รู้แล้วว่ารัก ถ้ารักก็ต้องรักผมคนเดียวนะ”



“ก็รักคนเดียวมาตลอดอยู่แล้วไหม ... ขอบคุณนะเมล ขอบคุณที่ฝ่าฟันเรื่องร้ายๆจนมารักกับพี่ได้ในวันนี้”



“ไม่รู้จะขอบคุณความโง่ของผมดีไหมที่บ้าไปหลงรักคนร้ายๆแบบพี่เนี่ย...มันเป็นเรื่องมิสเทคที่สุดเลยล่ะ Mistakes...หลงร้าย.....แต่ไม่เป็นไร...เพราะสุดท้าย ผมก็หลงรักพี่อยู่ดี”



“ผมเองก็หลงรักเมล”



“รักนะครับ”



“รักครับผม”



เราสองคนที่ยิ้มให้กันและกันออกมาในตอนนั้น  พร้อมๆกับเสียงเพลงที่เริ่มบรรเลงคลอออกมาพร้อมเสียงร้องเข้มๆที่พอหันไปก็เห็นว่าคนที่กำลังเล่นกีต้าร์และร้องเพลงอยู่ตอนนี้คือพี่ปืน และข้างๆเวทีตรงนั้น มีสิงโตตัวใหญ่ที่วันนี้ถูกจับผูกโบว์ที่แผงคอและลูกแมวตัวเล็กสีขาวนั่งอยู่บนไหล่ของสิงโตตัวนั้น กำลังนั่งมองพี่ปืนร้องเพลงและขับกล่อมคนทั้งงานไปพร้อมๆกัน





Heart beats fast Colors and promises How do be brave How can I love when I’m afraid To fall But watching you stand alone All of my doubt Suddenly goes away somehow

หัวใจเต้นรัว คำกล่าวอ้าง และ คำสัญญา ฉันจะเข้มแข็งได้ยังไง ฉันจะมีความรักได้ยังไงหากฉันยังหวาดกลัว ที่จะตกหลุมรัก แต่แค่เพียงฉันมองดูเธอยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว ความกลัวของฉัน ก็มลายหายไปหมดสิ้น

One step closer

ก้าวเข้าไปใกล้อีกนิด

I have died everyday waiting for you Darling, don’t be afraid I have loved you for a Thousand years I’ll love you for a Thousand more

ฉันเหมือนจะตายทุกๆวัน เพื่อรอเธอ ที่รัก อย่ากลัวไปเลย ฉันหลงรักเธอมา เป็นพันๆปีแล้ว และฉันจะรักเธอไปอีกพันๆปีต่อไป

Time stands still Beauty in all she is I will be brave I will not let anything Take away what’s standing in front of me Every breath, Every hour has come to this

เวลาหยุดหมุน เพราะความงดงามในตัวเธอ ฉันจะเข้มแข็ง ฉันจะไม่ยอมให้มีอะไร พรากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันไป ทุกๆลมหายใจ   ทุกๆชั่วโมงที่ฉันมีชีวิตอยู่ ก็เพื่อสิ่งนี้

One step closer

ก้าวเข้ามาใกล้อีกหน่อย

I have died everyday Waiting for you Darling, don’t be afraid I have loved you for a Thousand years I’ll love you for a Thousand more

ฉันเหมือนจะตายทุกๆวัน เพื่อรอเธอ ที่รัก อย่ากลัวไปเลย ฉันรักเธอมา เป็นพันๆปีแล้ว และฉันจะรักเธอ ไปอีกพันๆปีต่อไป

And all along I believed I would find you Time has brought Your heart to me I have loved you for a   Thousand years I’ll love you for a Thousand more

และฉันเชื่อมาตลอด ว่าฉันจะได้พบเธอ เวลาได้นำพา หัวใจของเธอมาหาฉัน ฉันรักเธอมา พันๆปีแล้ว และฉันจะรักเธอ ไปอีกพันๆปีต่อไป

One step closer

ก้าวเข้ามาใกล้อีกหน่อย

One step closer

ก้าวเข้าไปใกล้อีกนิด

I have died everyday Waiting for you Darling, don’t be afraid, I have loved you for a Thousand years I’ll love you for a Thousand more

ฉันเหมือนจะตายทุกๆวัน เพื่อรอเธอ ที่รัก อย่ากลัวไปเลย ฉันหลงรักเธอมา เป็นพันๆปีแล้ว และฉันจะรักเธอ ไปอีกพันๆปีต่อไป

And all along I believed I would find you Time has brought Your heart to me I have loved you for a   Thousand years I’ll love you for a Thousand more

และฉันเชื่อมาตลอด ว่าฉันจะได้พบเธอ เวลาได้นำพา หัวใจของเธอมาหาฉัน ฉันรักเธอมา พันๆปีแล้ว และฉันจะรักเธอ ไปอีกพันๆปีต่อไป





“ผมเองก็จะรักพี่ไปอีกเป็นพันๆปีเลย”



“พี่ก็ไม่ต่างกัน...จะรักเมลต่อไปเหมือนที่เคยเป็นมา จนถึงวันสุดท้ายของพี่ ..ก็จะรักเมลครับ”



ขอบคุณเรื่องราวต่างๆมากมายที่เข้ามาในชีวิตของเรา ที่ทำให้เราได้เรียนรู้จากมันเสมอ  ขอบคุณเพื่อน พี่น้องที่คอยอยู่ข้างๆกันมา ขอบคุณเสียงปลอบโยน ถ้อยคำกระซิบที่ทำให้เราได้ก้าวไป ... และสุดท้าย ขอบคุณคนของหัวใจ ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ เค้าจะอยู่ข้างๆเราเสมอ ในวันที่ดีและร้าย จากนี้...และตลอดไป



 

-THE END-



-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-



Mistakesหลงร้าย กับคนอ่านที่หายไป ยู้ฮูยังอยู่กันไหมเอ่ย^^

พูดไม่ออก บอกไม่ถูก กับบรรทัดสุดท้ายของเรื่องราวที่เดินทางมาถึงตอนจบแล้วนะคะ ... แคทคิดนานมากว่าจะอัพวันไหนดี มันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะเอาตอนสุดท้ายมาลง เพราะแคทเองก็รู้สึกผูกพันธ์กับเรื่องนี้มากๆ



รวมถึงคนอ่านทุกท่านที่เดินทางร่วมกันมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ มันก็รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยที่จะไม่ได้มาอัพทุกๆวันเสาร์เหมือนเดิมแล้ว แง้ .. แต่ว่า แคทจะยังไม่หายไปไหน ในตอนต่อไป แคทจะเอาเนื้อเรื่องในเล่มพิเศษที่จะทำแถมให้คนอ่านที่ซื้อในรอบแรกมาลง เป็นเรื่องของรี่หลง คิดว่าคนอ่านอาจจะแปลกใจกับเนื้อเรื่องของรี่หลง เพราะแคทยังไม่เคยเขียนแนวนี้ ยังไงก็มาตามอ่านกันก่อนน้าา หรือใครจะไม่อ่านก็ไม่เป็นไรค่ะ



ส่วนในเรื่องต่อไป...เห็นคนอ่านเรียกร้องเข้ามามากๆ เพราะแบบนั้น

เราจะกลับมาเจอกันใหม่ในเรื่องต่อไป เรื่องของ'เจ๊ดานี่'จ้า จริงๆมีชื่อเรื่องแล้วแต่อุ๊บไว้ก่อน คนที่สั่งหนังสือจะได้รู้ก่อนนะคะ อิอ๊ะ

สุดท้ายนี้...แคทขอขอบคุณคนอ่านทุกๆท่านจริงๆ ทั้งคนอ่านที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แรก หรือบางท่านที่พึ่งเปิดมาอ่านที่หลัง รวมถึงคนอ่านบางท่าน ที่อาจจะตามมาตั้งแต่เรื่องของพี่รุก หรือพี่รบ แคทขอบคุณจริงๆค่ะ ขอบคุณคนอ่านของแคทเสมอ ที่อยู่ข้างแคทในวันที่ดีร้าย ขอบคุณกำลังใจดีๆ คำชมที่ยิ่งใหญ่ แคทจะพยายามพัฒนาฝีมือมากขึ้นๆเพื่อให้คนอ่านได้ยิ้มและมีความสุขเสมอในทุกๆครั้งที่ได้มาเปิดอ่านนิยายของแคทนะคะ

แวะมาทักทายแคทได้ที่เพจ Yoghurt Catty หรือทวิตเตอร์ @Yoghurt Duchy ได้เลยค่ะ แคทไม่กัดน้า

แคทฉีดยาแล้ว เย้ๆ :mew1: :pig4: :3123:



ปล.เปิดเพลงA Thousand Yearsฟังไปด้วยได้เลยนะคะ อิอิ :กอด1:

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-05-2019 21:24:39
 :L2: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 07-05-2019 22:05:06
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: จบเเล้วพี่ทัพกับรุ้งเมล  ยอมใจความอึดอดทนของรุ้งเมล
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-05-2019 20:39:35
ลุ้นแทบแย่ค่ะ ทั้งทีก็คิดว่าเมลหลอกทัพหน้าก็เหอะ
แต่ก็ยังอยากรู้ว่า ทัพหน้าจะรู้ไหม รู้ได้ไง
สรุปคือเมลหลุด แล้วทัพหน้าจับได้ แต่ทำเนียนตามใจน้อง
พออยากแก้ตัว และทำตามสัญญา กลายเป็นน้องอยากเอาคืน

ต้องขอบคุณกุญแจนะทัพหน้า จะว่าน้องยุ่งไม่ได้เลยนะ
ไม่งั้นเมลก็คิดไม่ได้สักทีหรอก ยังคิดจะเอาคืนไม่เลิก
แจทำงานได้ดี กระตุ้นได้เยี่ยม คือพูดมาแปบเดียว เมลจอด

หลงเอยกันด้วยดี เข้าใจกันเพราะทัพหน้ารอคอย และแก้ตัวผ่าน
ได้คุยกัน ได้เปิดอก เปิดใจ สมใจ สมรักกันสักที
ปลื้มที่ทัพหน้าชัดเจน และออกตัวแรง กับที่บ้าน
ถามว่า ดูแข็งขืนก็มีส่วน แต่บางทีก็ต้องทำเพื่อชีวิตตัวเอง

เสียใจกับเมลและครอบครัวมากเลยค่ะ ไม่น่าเสียพี่ก้าเลย
เสียคนที่รักเมลมาก และทำเพื่อเมลมาตลอด เศร้าเลยตอนได้อ่าน

ทัพเมลได้สร้างครอบครัวของตัวเอง ได้เติมเต็มให้กันแล้วนะ
ถึงจะช้าไปนิด นอกจากทัพเมลที่มำเพื่อกัน เข้าใจกันแล้ว
ยังมีพระอาทิตย์พระจันทร์ ที่เปิดใจรับทัพหน้า และรักป๊ามากจ้า

ตลกที่หลานเชื่อฟังป๊ามากกว่าอาเมล ก็สถานะต่างกันอะนะ
เมลต้องเข้าใจว่าป๊ากับอา ไม่เหมือนกัน 5555

เพลียกับของเหลืองนักรบ และตลกคนซื่อแบบพี่ฝา
รุกฆาตก็ทำเข้มกับเลิฟไปงั้น แต่จริงๆ อยากทำให้มาก

สงสารพี่ดาบ รักกุ๊กจริง กะจะสลัดคราบหญิงทิ้ง
กลายเป็นต้องสลัดคราบจริง แต่กับคนอื่น
แถมต้องไปวิ่งไล่ตามเค้าอีก สงสารน้องเค้าจริงเลย .. รออ่านค่ะ

บินกุ๊กคือเปิดตัวแล้ว ก็มีอาการเวอร์เกิน มากมายนะคนเรา
สงสารอีกคนคืออู๋ เสียเงินเป็นล้านแขนยังไม่ได้จับ แจก็ช่างแกล้งพี่

น้องจอมคือน่าเอ็นดู แต่ก็แสบไม่ต่างกับแจเลย
ปืนจะกลายมาเป็นมือขวาทัพเต็มตัวไหมล่ะนั่น

ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายดีๆ เรื่องราวสุข เศร้า สนุก
ฟีลมาเต็มตลอด ไม่ว่าอารมณ์ไหน เศร้าทีน้ำตาก็พรากเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้กับเรื่องต่อๆ ไปนะคะ

หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 08-05-2019 21:52:30
เสียใจกับเมลด้วยกับเรื่องพี่ก้า  :hao5: แล้วก็ยินดีกับทุกคนด้วยในที่สุดก็มีความสุข  :กอด1:
และสุดท้ายขอบคุณคุณนักเขียนสำหรับนิยายสนุก ๆ ค่ะเป็นกำลังใจให้เรื่องต่อ ๆ ไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 08-05-2019 21:55:16
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 09-05-2019 00:10:50
สนุกมาหเลยครับผม,,, ชอบมากเลยครับ,,,
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 09-05-2019 00:53:03
อร๊ายยยยยฟินเว่อร์วัง >.,< สุขแแฮปปี้ปลื้มปริ่มยินดีด้วยจร้าาาา หน้าบานกันทั่วงาน 5555 ซึ้งฉากพ่อเมลบอกรักลูก TT_TT กว่าจะได้มาอยู่ด้วยกันจริงๆจังๆก็ผ่านอะไรร้ายๆมาเยอะมาก จากวันนั้นเริ่มต้นด้วยความแค้นมาวันนี้มีแต่คำบอกรัก โห้ยยยสุขใจไปด้วยจริงๆ ^_________^ ครองรักกันไปนานๆน๊า นี่ว่าถ้าคิดถึงก็จะกลับมาอีกหลายๆรอบเช่นกัน 5555 //ขอบคุณคุณไรท์ที่แต่งและมาต่อให้ได้อ่านเรื่อยๆสม่ำเสมอๆจนจบนะคะ แม้อยู่ในช่วงที่ลำบากก็ยังอุตส่าห์ปั่นมาอัพ ยอมในความใส่ใจต่อคนอ่านจริง สนุกกกกกกกกกมีครบทุกอารมณ์ซึ้ง,เศร้า,ฮา,ดราม่า,ซาดิสท์,สวีทหวาน แบบว่าชอบบบบบบบบบบบบบบค่าาาา โอ้ยยยยอิน 555555555 เจอกันเรื่องหน้าผลงานใหม่ ถ้ามีรอตามนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^___________^^  (:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 09-05-2019 16:15:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-05-2019 16:51:09
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 11-05-2019 16:13:48
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 07-08-2019 20:46:33
เกือบร้องไห้บนบีทีเอสไปอี๊กกกก :hao5:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-11-2019 14:17:47
สนุกดี อ่านรวดเดียวจบ


จะมีเรื่อง อาทิตย์กัยพระจันทร์ใหม


ตอนนี้ก็อ่านเจ้ดานี่อยู่นะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 16-12-2019 13:55:01
สนุกมาก ขอบคุณที่ทำให้มีนิยายสนุกๆแบบนี้นะค้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 21:01:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoco-boom ที่ 25-09-2021 16:29:18
เจ๊ดานี่เรื่องนี้ทำไมแรดมากกกกกกกกก
เรื่องหลักดูหล่อกว่าเยอะเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 26-09-2021 11:14:35
เข้ามาอ่านกี่รอบๆ ก้อชอบเหมือนเดิมมมม :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 09-10-2021 09:40:51
เพิ่งได้เคยเข้ามาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก
บอกเลยว่าชอบมากค่ะ
เนื้อเรื่องสนุกมาก ชอบคาราเมลน่ารักดี
แล้วชอบเจ้ดานี่ด้วย เดี๋ยวไปตามอ่านให้ครบค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 25-10-2021 17:25:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 14-02-2022 23:52:34
น่ารัก ขอบคุณมากครับ
สนุกทั้งเรื่อง  มีเครียด มีหวาน มีปั่นประสาท 555 ครบรส  สนุกจริงๆ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 15-06-2022 20:20:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 26-07-2022 15:01:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 04-09-2022 14:45:20
อ่านรวดเดียวเลย
สนุกมากกกกกกก
เรื่องอื่นๆจะค่อยๆตามอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 17-09-2022 09:10:22
อ่านจนจบจนได้ สนุกมากๆ ครับ