พิมพ์หน้านี้ - [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 17-10-2019 04:49:18

หัวข้อ: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 17-10-2019 04:49:18
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด

"ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในฐานะระบบแล้วกัน จะโลกซอมบี้ โลกจีนโบราณ โลกไซไฟแฟนตาซี จะ MPreg Omegaverse ก็ไม่กลัว
กลัวอย่างเดียวคือมีโฮสต์โง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด"


ผลงานอื่นๆ

 [จีนโบราณ] เป็นผีลามก ช่างบัดซบยิ่งนัก! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70967.0)

หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทนำ 17.8.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 17-10-2019 04:52:09
บทนำ

หากใครคนหนึ่งโดนผูกติดกับระบบจนต้องไปโลกต่างๆ เพื่อไปเป็นตัวร้าย เพื่อนพระเอก ตัวประกอบ ยังเรียกได้ว่าเป็นเพราะดวงซวย แต้มบุญหมด ถ้าทำตัวดีตามระบบแนะนำสะสมคะแนนเอาไว้นานวันยังมีความหวังจะกลับโลกเก่าได้

แต่หากใครคนหนึ่งโดนจับมาเป็นระบบต้องผูกติดกับโฮสต์ไปไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยชาติกี่พันกี่หมื่นปี คงเรียกได้ว่าเป็นเวรกรรมทำระยำตำบอนเอาไว้มาก ถึงต้องชดใช้กรรมด้วยการมาเป็นระบบที่ไม่มีแม้แต่ร่าง แถมยังต้องดูแลพวกตัวปัญหาสารพัดรูปแบบ

ระบบก็คงเป็นคนเลวบัดซบคนนั้น หลังจากตายแล้วถึงได้ถูกจับมาเป็นระบบ ต้องผ่านการอบรมจนลากเลือดเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง หลายภพชาติแล้วที่ผูกติดกับโฮสต์มาหลายต่อหลายคน บางคนได้ดิบได้ดีมีความสุขแฮปปี้เอนดิ้ง บางคนถูกย้ายไปให้ระบบอื่นจัดการดูแล บางคนทำภารกิจล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายวิญญาณแตกสลายไม่เหลือตัวตนอีกเลยก็มี

ร่วมแชร์คะแนนกับโฮสต์มานานเป็นร้อยชาติ ตอนนี้กลายเป็นระบบไฮคลาสที่ผ่านการอัพเกรดขั้นสูงสุด มีคะแนนสะสมมากถึง 99,954,698 คะแนน เพียงอีกไม่กี่คะแนนก็จะครบร้อยล้าน หลุดพ้นจากการเป็นระบบได้เวียนว่ายตายเกิดกับเขาเสียที

ขอแค่โฮสต์คนใหม่มีความสามารถ มีสมองกับเขาสักหน่อย ชีวิตการเป็นระบบก็คงจบกัน บัยส์

คิดแค่นั้นเสียงอัตโนมัติของโครงข่ายระบบก็ดังขึ้น

-แจ้งเตือน! -

-พบโฮสต์คนใหม่กับภารกิจการเป็นแสงเทียนนำใจพระเอกไม่ให้ถลำตัวสู่ด้านมืด-

ภารกิจหาคู่มาอีกแล้ว ภารกิจแบบนี้มาทีไรมักจบด้วยการที่โฮสต์ลงเอยกับพระเอกทุกที สุดท้ายก็ติดตามกันไปแทบทุกชาติภพ รับมือกับภารกิจแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งจึงตอบรับข้อเสนอของเครือข่ายโดยไม่ลังเล ภารกิจหาคู่ไม่ใช่อะไรที่ยากและไม่ใช่อะไรแปลกใหม่สำหรับระบบอยู่แล้ว

-กำลังเชื่อมต่อกับโฮสต์คนใหม่...-

-เชื่อมต่อเสร็จสิ้น-

-ขอให้คุณโชคดีกับการเป็นระบบและสนุกสนานกับการผจญภัยในโลกต่างๆ กับโฮสต์ของคุณ-

โฮสต์ลืมตาขึ้นมาอยู่ในโลกสีขาวที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางก็มีท่าทางเลิ่กลั่ก ระบบส่งข้อความเข้าไปในสมองของโฮสต์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนโปรแกรมอัตโนมัติที่พบเจอได้ทั่วไป

[ระบบเชื่อมต่อเสร็จสิ้น]

[ระบบ ‘แสงเทียนนำใจ’ เปิดใช้งานสำเร็จ!]

[สวัสดีโฮสต์ ระบบหมายเลข 212224 ยินดีให้บริการพร้อมอยู่เคียงข้างโฮสต์ตลอด 24 ชั่วโมง]

“อ๊ะ! ” เสียงใสเหมือนเด็กหนุ่มวัยรุ่นๆ ดังขึ้นด้วยท่าทางกระตือรือร้นจนเกินเบอร์ “นายท่องสูตรคูณแม่สองอยู่เหรอ เดี๋ยวฉันช่วยท่องต่อนะ สูตรคูณแม่สองฉันท่องเป็น สองหนึ่งสอง สองสองสี่ สองสามหก สองสี่แปด”

[…]

สิ่งที่ระบบกลัวที่สุดก็มาถึงแล้ว...

กลัวอะไรก็ไม่กลัว เท่ากับการกลัวว่ามีโฮสต์โง่



โปรดติดตามตอนต่อไป...


******

ซินเอ๋อร์:

เรื่องนี้เป็นนิยายแนว experiment ทดลองเขียนนิยายหลายๆ ธีมของซินเอ๋อร์ค่ะ แต่ยังคงความไร้สติ บ้าบอเหมือนเคยค่ะ โฮสต์โง่ฯ จะมีความยาวไม่กี่ตอนจบนะคะ น่าจะสัก 12-15 ตอนค่ะะ

ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทนำ 17.8.19]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-10-2019 05:58:35
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc1 ครึ่งแรก 17.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 17-10-2019 18:02:21
Arc 1 ไม่มีพรหมลิขิต มีแต่เรื่องบังเอิญ

“แม่สอง...” โฮสต์กระซิบเรียกเสียงแผ่วด้วยชื่อที่ตั้งให้กับระบบ พอไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรก็เรียกซ้ำด้วยเสียงที่น่ารำคาญยิ่งกว่าเดิม “ก๊อกๆ แม่สอง แม่สอง นายอยู่มะ อยู่เปล่า”

[ระบบพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือโฮสต์ตลอด 24 ชั่วโมง]

ถึงจริงๆ จะไม่ได้อยากบริการเท่าไรก็เถอะ

“ฮื่อ...มาคุยกันหน่อยเถอะ เราเบื่อจะตายแล้วอ่า”

เบื่อตายไป ระบบไม่คุยกับคนโง่

“แม่สอง...” โฮสต์จิ้มนิ้วเข้าหากันด้วยท่าทางน่ารักเขินอายเอามากๆ ดูแล้วน่าเอ็นดู แต่ไม่ได้เข้ากับใบหน้าหล่อเหลา บุคลิกเฉยชาของร่างที่เขาใช้อยู่ในตอนนี้แม้แต่น้อย สมควรโดนตัดแต้ม

[การจิ้มนิ้วไม่เหมาะสมกับบทบาทของไคล์ ชไนเดอร์ ตรวจพบ OOC[1] ถูกตัดแต้ม 5 คะแนน]

“อย่าดุนักซี่” น้ำเสียงที่อ่อยอยู่แล้วยิ่งอ่อยกว่าเดิมเพราะกลัวโดนหักคะแนน เนื่องจากโฮสต์ไม่ใช่คนฉลาดเท่าไรนัก ทำให้ผ่านมาสามโลกแล้วคะแนนที่มีก็ยังคงน้อยนิดต่ำเตี้ยเรี่ยดิน พออัพเกรดตัวเองได้แค่นิดๆ หน่อยๆ เรียกได้ว่าผลงานที่ผ่านมาแค่พอผ่านเกณฑ์ไม่โดนลงโทษจากระบบเท่านั้น

ใครบอกกันว่าแค่ความน่ารักสดใสจิตใจดีงามก็สามารถเป็นแสงเทียนนำใจผู้คนได้ ยุคสมัยนี้น่ารักให้ตายแค่ไหนถ้าไม่มีสมองก็ไม่มีประโยชน์หรอก

“แม่สอง” ปากบางเฉียบขยับยิ้มหวานด้วยท่าทางเขินอาย “นายเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตไหม”

[ระบบอยากบอกคุณว่า ไม่ว่าโลกนี้หรือโลกหน้าก็ไม่มีพรหมลิขิต มีแต่เรื่องบังเอิญทั้งนั้น]

“หัดมีความฝันบ้างสิ! ”

ระบบจะมีความฝันเรื่องพรหมลิขิตไปทำไม ความฝันของระบบคือการที่โฮสต์เก็บแต้มได้เยอะๆ เพื่อเอามาแชร์กัน ระบบจะได้ไปผุดไปเกิดสักที

“เราคิดว่า...อาชวินจะต้องเป็นเขาคนนั้นแน่ๆ” โฮสต์เหม่อมองไปไกลด้วยสายตาเพ้อฝัน ถ้าระบบถอนหายใจได้คงอยากถอนหายใจสักที

อาชวินที่ว่าคือ อาชวิน ฟีนิกซ์ พระเอกของโลกนี้ โลกที่มาในธีมสงครามอวกาศระหว่างมนุษยชาติและเอเลี่ยนสุดแข็งแกร่ง เรียกว่าไซไฟสุดๆ ขนาดมียานรบ ดาบเลเซอร์ ปืนพลาสม่าที่ยิงกันเฟี้ยวฟ้าว โฮสต์รับบทเป็นไคล์ ชไนเดอร์ มีหน้าที่ชักนำเป็นแสงเทียนนำทาง หรือทำยังไงก็ได้ด้วยสติปัญญาที่โฮสต์มีเพื่อให้พระเอกไม่จมสู่ด้านมืด

ตามเนื้อเรื่องแล้วเอเลี่ยนที่เรียกตัวเองว่ามาร์กพวกนี้เป็นปรสิตเอเลี่ยนจากยุคโบราณที่สามารถสิงสู่ร่างของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในกาแล็กซี่ได้ เมื่อราชาตื่นขึ้นจากหลับใหลพร้อมกับเหล่าทหาร มันจะเฟ้นหาร่างที่มีคุณสมบัติดีที่สุดเพื่อยึดครองพร้อมปล่อยสารบางอย่างที่ทำให้เซลล์ของเผ่าพันธุ์อื่นกลายสภาพเป็นมาร์กจำแลง หลังจากนั้นมันจะเลือกราชินีของเผ่าด้วยตนเองเพื่อให้กำเนิดมาร์กสายเลือดใหม่ที่แข็งแกร่งเดิม มาร์กรุ่นใหม่จะมีเซลล์ที่ดีขึ้น สัญชาตญาณแข็งแรงขึ้น โหดเหี้ยมขึ้น แข็งแกร่งจนแทบเป็นอมตะ

อาชวาน ฟีนิกซ์ พ่อของอาชวินเป็นยอดนักรบพลังจิตที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิไพรม์โนว่า และเป็นเพื่อนสนิทสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่มากับไคล์ ชไนเดอร์ วันหนึ่งกองทัพของราชาเผ่ามาร์กบุกดาวเคราะห์ทรัพยากรหลักดวงหนึ่ง อาชวินสู้กับราชาอย่างห้าวหาญจนตายในสนามรบ ส่วนคนรักไม่นานก็ตรอมใจตายไป ทิ้งลูกชายเอาไว้คนหนึ่ง

ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทและหนี้น้ำใจที่ช่วยชีวิตกันไปกันมาทำให้ไคล์รับอาชวินไปเลี้ยงดูเป็นอย่างดี เลี้ยงไปเลี้ยงมาไม่รู้ไปเลี้ยงกันยังไง เกิดสปาร์กได้เสียจนขยับความสัมพันธ์มาเป็นคนรัก ทั้งสองกอดคอกันร่วมรบเหมือนสมัยรุ่นพ่อ อาชวินมีพลังจิตและพลังกายที่ดีกว่าพ่อเสียอีก ไม่นานก็กลายเป็นนายพลของกองรบไพรม์ ในสมรภูมิหนึ่งดันพลาดท่าเกือบตาย ไคล์เลยสละตัวเองช่วยคนรัก ส่งอาชวินกลับยานหลบหนีที่บรรจุได้เพียงหนึ่งที่นั่ง ส่วนตัวเองขอระเบิดตัวตายพร้อมกับนายพลของฝั่งมาร์ก

เสียคนรักไปพระเอกก็ต้องแก้แค้นเป็นธรรมดา อาชวินใช้เวลาหลายปีรวบรวมกำลังขึ้นมาใหม่เพื่อกลับไปแก้แค้น ทางด้านราชาฝั่งมาร์กก็ค้นหาราชินีสำเร็จจนกำเนิดสายเลือดมาร์กพันธุ์แท้ครอกแรก อาชวินที่อัพเลเวลกับเหล่ามาร์กสายพันธุ์ใหม่มาเต็มที่ก็บุกเข้าไปที่ดาวเคราะห์อันเป็นรังของพวกมาร์กเพื่อกำจัดราชินีก่อนที่ลูกครอกใหม่จะคลอดออกมา พอบุกเข้าไปถึงใจกลางกลับพบเรื่องราวพลิกผันถึงขีดสุด

คนรักของเขา...กลายเป็นราชินีของมาร์กเสียแล้ว ไคล์ในฐานะใหม่นอนเปลือยกายอยู่ในรัง ท้องกลมอัดแน่นไปด้วยไข่ล็อตสอง ช่องทางเบื้องล่างดูดกลืนท่อน้ำเชื้อของราชาเพื่อผสมพันธุ์ หน้าตาหล่อเหลามีแต่ความสุขสมเหลือเกินกับรสสังวาสพิสดารและการให้กำเนิดลูกที่ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ประหลาด แถมยังกระดิกนิ้วเรียกอาชวินให้เขาไปร่วมสัมพันธ์ด้วยท่าทางร่านราคะระดับเรทรายการเฉพาะผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำ

เห็นขนาดนั้นถ้ายังมีสติอยู่ได้ก็ควรจะมาทำงานเป็นระบบแล้ว อาชวินที่คลุ้มคลั่งสามารถตัดหัวราชามาร์กออกมาได้ภายในการระเบิดพลังจิตแค่ครั้งเดียว แต่จิตใจหวนกลับมาไม่ได้ พระเอกเข้าสู่ดาร์กไซด์เต็มตัว เข้าไปคลุกวงในเสื้อผ้าไม่เกี่ยวกับไคล์ที่กลายสภาพไปแล้ว พอน้ำเชื้อเข้าไปผสมกับไข่ของราชินีกลับทำให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างมนุษย์และมาร์ก ร่างกายแข็งแกร่ง สติปัญญาและสัญชาตญาณดีเยี่ยม ซ้ำยังมีพลังจิตมหาศาลที่ถ่ายทอดมาจากพ่อ

สุดท้ายอาชวินก็นำทัพพาบรรดาลูกๆ ทำลายจักรวรรดิไพรม์และจักรวรรดิอื่นๆ ยึดครองทั่วทั้งกาแล็กซี่สูบเอาทรัพยากรสูบเลือดมนุษย์จนเหลือเพียงความเสื่อมโทรม มนุษยชาติสูญพันธุ์ไปในที่สุด ส่วนไคล์ก็ทำหน้าที่ราชินีผลิตลูกไปจวบจนกว่าจะหมดอายุขัย เนื้อเรื่องดาร์กจนไม่รู้จะอธิบายยังไงดี

ฉะนั้นถ้าให้ระบบแนะนำในโลกนี้โฮสต์จะเป็นอะไรก็ได้ที่ใจอยากเป็น ขอแค่ช่วยชี้แนะให้พระเอกพบเจอทางสว่าง เป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คนรักของพระเอก เนื่องจากจุดจบที่ได้จะเฮงซวยที่สุด แต่ระบบชี้นำไม่ได้มากเพราะจะเป็นการไปแทรกแซงโฮสต์ อาจโดนตัดคะแนนและโดนโทษหนักได้

ตอนที่โฮสต์มาถึงโลกนี้ เนื้อเรื่องก็ดำเนินมาถึงตอนที่ไคล์รับพระเอกมาเลี้ยงได้หลายปีแล้ว พระเอกเริ่มโตขึ้นเป็นเด็กหนุ่มและแอบหวั่นไหวไปกับอาของตัวเอง แต่โฮสต์ที่น้ำตาแตกเพราะกลัวถูกทะลวงร่างด้วยท่อวางไข่และอวัยวะสืบพันธุ์ของเอเลี่ยนก็ตัดสินใจเปลี่ยนการวางตัวเพื่อเปลี่ยนเส้นเรื่องทันที คนรักอะไรไม่เอาแล้ว พูดถึงแสงเทียนนำทางชีวิตไม่สู้กลายเป็นอาจารย์พระเอกไม่ดีกว่าเหรอ

วางตัวเป็นอาจารย์เคร่งขรึมสอนพระเอกทั้งการใช้พลังจิตและการสู้รบมาหลายปีจนอาชวินโตขึ้นกลายเป็นทหารอนาคตไกลของจักรวรรดิ ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความเคารพนับถือแบบนี้ยังไงก็ขยับไปเป็นคนรักไม่ได้อยู่แล้ว เพราะสายตาของอาชวินที่มองโฮสต์เต็มไปด้วยความซาบซึ้งเหมือนลูกศิษย์มองอาจารย์ผู้มีพระคุณ แต่โฮสต์กลับมารู้สึกหวั่นไหวกับพระเอกเสียได้!

ส่วนสาเหตุก็ไร้สาระเท่าที่จะไร้สาระได้ แค่พรหมลิขิตที่โฮสต์เชื่อเอาเองว่ามี...แค่นั้น

“นายไม่คิดอย่างนั้นเหรอแม่สอง...” นัยน์ตาสีฟ้าแซฟไฟร์บลูฉายแววจริงจังขึ้นมาบ้างแล้ว ทีตอนลาดตระเวนไม่เห็นจริงจังแบบนี้ เอาเวลามาถกปัญหาหัวใจกับระบบเสียอย่างนั้น “อาชวินเหมือนกับเขาจริงๆ นะ หน้าตาก็เหมือน รูปร่างส่วนสูงก็เหมือน นิสัยบางอย่างก็เหมือน...จะต้องใช่แน่ๆ เขาตามเรามาเพื่อครองคู่กันอีกครั้ง”

เขาที่ว่าไม่รู้ว่าเขาไหนกันแน่ ทั้งสามโลกที่ผ่านมาพระเอกที่โฮสต์ได้พบเจอไม่เคยเป็นคนเดียวกันสักคน โฮสต์แค่ซื่อบื้อละเมอเพ้อพกคิดไปเองว่าเป็นคนเดียวกันกลับชาติมาเกิดใหม่ เนื่องจากระบบไม่สามารถสปอยล์โฮสต์ได้ จึงทำแต่เตือนเล็กๆ น้อยๆ โฮสต์ที่ทั้งโง่ทั้งดื้อหัวชนฝายังไงก็ไม่มีวันเชื่ออยู่แล้ว นี่แหละที่เขาเรียกกันว่าอคติแบบปักใจเชื่อ

[แค่บังเอิญเหมือนเท่านั้น]

“ไม่หรอก...ต้องเป็นคนเดียวกันแน่ๆ”

[คนเดียวกับคนไหน อามาคุสะ ฮิโรยูกิ หรือเว่ยเสียง หรือจิงส์ อนาเบล]

“ก็คนเดียวกันทั้งหมดนั่นแหละ! ”

ไม่มีวันเป็นคนเดียวกันอยู่แล้ว คนละคนกันทั้งหมดนั่นแหละ

“ถึงสองชาติแรกจะพลัดพรากกันก็เถอะ แต่ชาติสุดท้ายอุตส่าห์ได้รักกันแท้ๆ ”

อืม...ชาติแรกโฮสต์เป็นครูอนุบาลที่เป็นแสงทางนำใจของอามาคุสะ ฮิโรยูกิ ผู้สืบทอดแก๊งยากูซ่าแห่งคันโต สุดท้ายโดนรถชนตาย ชาติต่อมาเป็นศิษย์น้องของผู้บำเพ็ญเพียรนามเว่ยเสียง คอยดูแลให้กำลังใจวันที่พระเอกถูกรังแก แต่ไปรับดาบแทนจนทำให้พระเอกปลดร่างอัลติเมทบังไค[2]เอาชนะตัวโกงได้ ส่วนชาติสุดท้ายโฮสต์ได้รับบทเอลฟ์นักบวชแห่งแสงที่อุตส่าห์ได้เป็นหนึ่งในฮาเร็มสิบห้าเมียของผู้กล้า ถ้าจะนับว่ารักกันก็ถือว่ารักกันได้มั้ง

“แข็งแกร่งแต่อ่อนโยน เย็นชาแต่อบอุ่น...ต้องเป็นเขาแน่ๆ”

คนแบบนั้นจะไม่ใช่ว่านิสัยย้อนแย้งสุดๆ เหรอโฮสต์ อีกอย่างไอ้นิสัยเอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่ กล้าหาญชอบเอาชนะ ฆ่าได้หยามไม่ได้ มันก็นิสัยของพระเอกทั้งนั้นแหละ

“ตามเนื้อเรื่องเดิมอุตส่าห์ได้เป็นคนรักกันแท้ๆ” โฮสต์บ่นด้วยความเสียดายในใจ ทั้งที่ใบหน้าเรียบเฉยของไคล์ยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม โชคดีที่คะแนนสะสมบางส่วนเอามาใช้เพิ่มสกิลแอ๊บเนียนแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้ OOC แหลกลาญ เขาส่งเสียงงุ้งงิ้งจับใจความไม่ได้ในใจอีกแปปนึงก่อนจะยกปืนขึ้นเล็งมาร์กหน้าตาคล้ายแมลงยักษ์ที่บินผ่านมา

[อาชวินบุกเข้าไปจนถึงห้องราชินีเผ่ามาร์ก ดาบเลเซอร์ในมือทั้งสองด้ามต่างอาบไปด้วยเลือดสีน้ำเงินจากบรรดาลูกครอกแรกของราชาและราชินี ถ้าเขาสามารถกำจัดไอ้ปรสิตเลวพวกนี้ไปได้ นอกจากจะเป็นชัยชนะของมวลมนุษยชาติและจักรวรรดิไพรม์โนว่า ยังเป็นการแก้แค้นให้กับคนรักที่สละชีวิตให้เขาอีกด้วย

‘อะ! อื้ออ...’ เสียงอันคุ้นเคยทำให้เส้นขนที่หลังคอของอาชวินลุกเกรียว ภาพเบื้องหน้าทำให้ดาบทั้งสองร่วงหล่นมือโดยไม่รู้ตัว ใจกลางรังของเผ่ามาร์กคือราชินีในร่างมนุษย์ที่เขารู้จักเป็นอย่างดี ไคล์ในร่างเปลือยเปล่านอนทอดร่างอยู่บนแท่นผสมพันธุ์ ผิวกายที่เคยขาวจัดขึ้นสีแดงเรื่อไปทั่วทั้งกาย ส่วนที่สะดุดตาที่สุดคงไม่พ้นกลางลำตัวที่โย้ออกมาจนคล้ายเห็นการเคลื่อนไหวของไข่ภายในที่อัดแน่นเต็มท้อง เบื้องล่างถูกเติมเต็มด้วยท่อนเนื้อหน้าตาประหลาดของราชาจนเกิดเสียงเหนอะหนะไม่หยุด เวลานี้ไคล์ไม่เหลือความอับอายอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มเปิดปากอ้าหอบหายใจพร้อมครางเสียงกระเส่า

‘อ๊า...อาชวินหรือ...มาหาข้าสิ มาช่วยเติมข้าให้เต็ม’ สองมือเลื่อนลงไป---]

ระบบขออนุญาตตัดจบก่อนที่เรทจาก 13+ จะกลายเป็น 18+

“นายจะอ่านให้ฟังทำไม ไม่อ๊าวว! แง!! ” โฮสต์ร้องเสียงหลงอยู่ในใจ น้ำตาทำท่าจะหยดแหมะออกมาแล้ว แต่พอคิดได้ว่าถ้าร้องไห้อาจ OOC จนถูกตัดคะแนนได้จึงเก็บน้ำตากลับไปแต่โดยดี พร้อมกับความรู้สึกอยากพัฒนาไปเป็นคนรักของพระเอกที่หายวับไปเหมือนกัน ถ้าได้เป็นคนรักพระเอกแล้วมีจุดจบแบบนั้นใครจะอยากเป็นกันอีก “ฮึก...ไม่รักแล้วก็ได้ ไว้ชาติหน้าค่อยรักกันใหม่แล้วกัน”

คร่ำครวญพร่ำเพ้อเสร็จแล้วโฮสต์ก็กลับไปยิงเหล่ามาร์กหน้าตาเหมือนแมลงต่อ เพราะความสัมพันธ์ที่เป็นเพียงอาจารย์และลูกศิษย์ทำให้การบุกโจมตีเอเลี่ยนครั้งนี้ไคล์แยกกับอาชวินไปกันคนละทาง ยิ่งเข้าไปใจกลางส่วนของดาวเคราะห์ B-52 ยิ่งพบเจอชิ้นส่วนมนุษย์ที่ถูกพวกมาร์กกินจนเกลื่อนกลาด ถึงตัวจริงจะใจเสาะแค่ไหน OOC ค้ำคอร์อยู่แบบนี้ โฮสต์มีแต่ต้องทำฮึดสู้พาทหารคนอื่นบุกไปเท่านั้น

“ช่วยด้วย...” ท่ามกลางซากศพมีเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น ไคล์ตวัดดาบเลเซอร์คู่ในสองมือฟาดฟันมาร์กที่มีหน้าตาเหมือนยุงขนาดยักษ์ ก่อนจะพุ่งตรงไปตามเสียงร้อง เบื้องหน้าที่ร่างเล็กของเด็กชายวัยไม่เกินสิบปี เขามีผิวขาวซีดเหมือนกับเส้นผมนุ่มสลวยสีแพลตตินั่มบลอนด์ นัยน์ตาที่ฉายแววหวาดกลัวมีลักษณะคล้ายกระจกใสที่สะท้อนแสงสีรุ้งออกมา...เด็กคนนี้มาจากชนเผ่ามิรัวร์ ชนเผ่าที่หายากที่สุดในกาแล็กซี่ เพราะถูกมนุษย์ด้วยกันล่าเอาแก้วตาที่สวยบาดใจ

“แม่สองนายดูสิเด็กคนนี้น่ารักมากๆ เลย น่ารักจนเราทนไม่ไหวแล้ว” ภายในใจโฮสต์ระริกระรี้ด้วยคำพูดคำจาที่สุ่มเสี่ยงต่อตะรางและข้อหาพรากผู้เยาว์ ทั้งหมดขัดกับใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉยภายนอกและสองคู่ในมือที่ยังกวัดแกว่งล่าแมลงเอเลี่ยนจนไม่เหลือทิ้งไว้สักตัว

“ช่วยข้าด้วย...” หยดน้ำใสไหลรินเต็มสองแก้มใส มือเล็กกอดขาในชุดบอดี้สูทสีครามของโฮสต์เอาไว้ นอกจากจะดูน่าสงสารแล้วยังดูน่ารักจนน่าอุ้มกลับบ้านไปด้วย “พวกมันฆ่าพ่อแม่ของข้าหมดแล้ว ข้าไม่เหลือใครแล้ว ฮือๆ”

นัยน์ตาสีฟ้าแซฟไฟร์หลุบมองเบื้องล่างเล็กน้อยคล้ายกำลังคิดตัดสินใจ แต่ในสมองคือการกรีดร้องกระหน่ำจนสร้างความรำคาญให้กับระบบเป็นอย่างมาก “จะเอาๆๆๆ บังเอิญได้เจอเด็กน่ารักแบบนี้ เราจะเอาน้องกลับบ้านไปด้วย ไหนๆ เราก็รักกับอาชวินไม่ได้อยู่แล้ว เราเลี้ยงเด็กแทนก็ได้! ”

สัญชาตญาณความเป็นแม่ของไคล์คงจะสูงเอามากๆ ตามเนื้อเรื่องเดิมได้เป็นแม่ของมาร์กสายพันธุ์ใหม่เป็นล้านตัว มาตอนนี้ก็อยากเป็นแม่เด็กอีกแล้ว แต่เอาเถอะ การกระทำแบบนี้ไม่ได้ขัดกับนิสัยแข็งนอกอ่อนในจิตใจเมตตาของบุคลิกไคล์อยู่แล้ว เพราะงั้นระบบจึงไม่ขัดขวางการตัดสินใจของโฮสต์ ถ้าโฮสต์โง่เลือกหนทางอะไรผิดไป ก็ต้องยอมรับในผลกระทบที่ต้องเกิดขึ้นเอง เรื่องนี้ระบบจะไม่ยุ่ง

“เด็กคนนี้ข้าจะนำกลับไปด้วย” ไคล์หันกลับไปมองทหารในกองพันทั้งหมด สองมือโอบร่างเล็กที่มีเรือนผมมีขาวและดวงตาแก้วกระจกใสอันสะท้อนสเปกตรัมสีทั้งเจ็ดออกมาได้อย่างงดงาม “เจ้าชื่ออะไรกัน”

เด็กน้อยแม้มีแววตาตื่นกลัว แต่พอเห็นออร่าอบอุ่นสมเป็นแม่ของโฮสต์ก็เอนหัวพักพิงอกแข็งแกร่งนั่นเหมือนต้องการพักพิง เสียงเล็กที่ตอบกลับมาเต็มไปด้วยความรู้สึกไว้วางใจ “เกรเซีย”

กองพันของไคล์เริ่มทยอยขึ้นยานรบกลับไปยังดาวจักรวรรดิไพรม์โนวา โฮสต์ที่ได้ลูกชายคนใหม่มาเรียกได้ว่าเห่อถึงขีดสุด ถึงขั้นนำเด็กน้อยกลับไปยังห้องพักของตนเอง แถมยังนอนกอดเอาไว้ทั้งคืน ถึงโฮสต์จะหลับไปแล้ว แต่ระบบยังคงเปิดใช้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นระบบย่อมไม่พลาดทุกรายละเอียดที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และไม่พลาดอากัปกิริยาของเด็กที่โฮสต์เพิ่งเก็บกลับมาอีกด้วย

นัยน์ตาที่เหมือนกระจกใสกลายเป็นสีแดงเข้มจัดตามอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของ ริมฝีปากของเกรเซียเหยียดออกเป็นรอยยิ้มอันเปี่ยมไปด้วยความรักความหลงใหลจนชวนขนลุก ปลายนิ้วกลมเล็กลากไล้ไปตามผิวแก้มขาว “ในที่สุดก็พบเจ้าสักที...ที่รัก”

หนีไปโฮสต์! หนีไป!!

โปรดติดตามตอนต่อไป...

เชิงอรรถ

^ [1] OOC (Out of Character) เล่นไม่ตรงตามบทบาทที่ได้รับ
^ [2] หมายถึงการปลดปล่อยพลังสูงสุดก็ว่าได้

หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc1 ครึ่งแรก 17.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-10-2019 10:26:04
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งหลัง 23.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 23-10-2019 16:08:02
ไม่มีพรหมลิขิต มีแต่เรื่องบังเอิญ (ครึ่งหลัง)

ชีวิตของไคล์ยังคงเป็นอาจารย์ผู้เป็นแสงดาวนำใจให้กับพระเอกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีตัวแถมที่ไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องมาด้วย ในบ้านที่แต่ก่อนมีเพียงชายหนุ่มสองคนกลับเพิ่มเด็กชายวัยเก้าปีมาอีกคน เกรเซียวางตัวได้น่ารักน่าสงสารเอามากๆ กลางวันเป็นเด็กดีว่าง่าย ตอนที่โฮสต์สอนอาชวินให้ใช้ดาบคู่ก็เข้าไปเรียนด้วยท่าทางตั้งใจสุดๆ ตอนกลางคืนก็ย่องจากห้องนอนตนเองปีนขึ้นเตียงมุดไปนอนในอ้อมกอดโฮสต์อยู่ทุกคืน ถ้าโดนจับได้ก็ร้องไห้ดังลั่นบอกว่าฝันร้าย แผนการเนียนเว่อร์จนระบบอยากให้สักห้าดาว

โฮสต์เห็นอะไรนุ่มนิ่มแบบเกรเซียก็ทนไม่ได้อยู่แล้ว นับวันยิ่งตัวติดรักหลงลูกบุญธรรมคนนี้มากยิ่งขึ้น ใส่ใจมากกว่าพระเอกเสียอีก เกรเซียก็ไม่ทำให้ไคล์ผิดหวัง ผ่านไปห้าปีอายุแค่สิบสี่ก็เข้าไปอยู่ในกองทัพได้แล้ว แถมยังเป็นนักแม่นปืนพลาสม่าจนได้ฉายาว่าเดอะ วัน เพราะกระสุดนัดเดียวเฮดช็อตทุกนัด สุดท้ายก็เอาตัวเองมายัดเยียดอยู่ข้างกายไคล์ได้สำเร็จ

ส่วนอาชวินตามเนื้อเรื่องเดิมควรจะมีความรักสดใสกับอานอกสายเลือดของเขาก็ยังไม่สามารถหนีความเป็น BL ไปได้ ชายหนุ่มตกหลุมรักเพื่อนสนิทที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ที่มีชื่อว่า โจเซฟ แอนเดอร์สัน หมอนี่เป็นอะไรของมันกันแน่ เป็นพวกรักแท้แพ้ใกล้ชิดหรือไง เอะอะอะไรก็คว้าเอาคนที่อยู่ด้วยมาทำแฟนตลอด จิตใจไม่แข็งแกร่งเอาเสียเลย

ตอนที่โฮสต์รู้เรื่องว่าพระเอกหานายเอกคนใหม่ได้เสียแล้วก็ทำเอาน้ำตาตกร้องไห้งอแงเรียกร้องให้ระบบช่วยปลอบใจที่พรหมลิขิตพังทลายไปต่อหน้าต่อตา อาจเป็นโชคดีที่เกรเซียเห็นเขาซึมลงไปบ้างเลยเข้ามาออดอ้อนจูงแขนเขาไปทางนั้นทางนี้จนโฮสต์อาการดีขึ้นมาได้บ้าง

เนื่องจากพื้นที่มีน้อยระบบจึงขอข้ามเรื่องที่ไม่จำเป็นออกไป วันเวลาผ่านไปด้วยความรวดเร็วจนกระทั่งถึงวันแห่งโชคชะตา กองพันของไคล์และอาชวินถูกสั่งให้ร่วมรบบนดาวเคราะห์ Beta-3043 ที่ถูกนายพลระดับสูงของเผ่ามาร์กยึดครอง ตามเนื้อเรื่องเดิมนี่จะเป็นเหตุการณ์ที่ไคล์สละชีวิตช่วยเหลืออาชวินและถูกนำตัวไปเป็นราชินีของเผ่ามาร์ก แต่ตอนนี้เนื้อเรื่องไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ไคล์ไม่ได้เป็นคนรักของอาชวิน แถมอาชวินยังมีแฟนใหม่คือโจเซฟ ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อกันแน่

บนยานเคลื่อนย้ายของจักรวรรดิไพรม์โนว่า หน้าจอดิจิทัลนับเวลาถอยหลังก่อนถึงดาวเคราะห์ Beta-3043 ในอีกไม่กี่นาที เกรเซียที่สูงขึ้นมามากกอดเอวโฮสต์จากเบื้องหลัง เขาใช้ใบหน้าถูไถกับบ่าออดอ้อนเหมือนทุกที ถึงจะเป็นลูกบุญธรรมแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ยอมเรียกไคล์ว่าพ่อ แต่เรียกชื่อธรรมดาแทน “ไคล์”

“มีอะไรหรือ” โฮสต์หันกลับไปมองเล็กน้อยจนริมฝีปากแตะกับเรือนผมสีแพลตตินั่มบลอนด์โดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตาของเกรเซียวาววับดำมืดขึ้นมาก่อนที่เด็กหนุ่มจะกระพริบตาครั้งหนึ่งกลับมาเป็นดวงตาคู่เดิม

“หากวันหนึ่งข้าเปลี่ยนไป...ไคล์จะยังอยู่ข้างข้าหรือเปล่า” เกรเซียมีท่าทางลังเลชนิดที่ไม่ได้เสแสร้ง โฮสต์หัวเราะเบาๆ ครั้งหนึ่งแล้วยื่นมือไปยีเส้นผมหยักศกเสียจนนุ่มฟู

“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เจ้าก็คือเกรเซียของข้าเสมอ”

“สัญญานะ...”

“สัญญาสิ ถ้าผิดสัญญาขอให้ชาติหน้าไม่ได้เกิดมาเป็นคน...ดีไหม?” โฮสต์แอบหัวเราะคิกคักอยู่ในใจเมื่อพูดประโยคนั้น คงจะมั่นใจว่าชาติหน้าคงได้เกิดเป็นคนแน่ๆ

“ไม่ดี! ” เกรเซียรีบร้องประท้วง “ถ้ามีชาติหน้าไคล์ต้องเกิดมาเป็นคนอยู่แล้ว เกิดมาเจอกันอีกไง”

สองพ่อลูกบุญธรรมมีเวลาหยอกล้อได้ไม่นาน คำสั่งให้เตรียมตัวเคลื่อนย้ายก็ดังลั่นเสียก่อน โฮสต์ปลีกออกจากเด็กหนุ่มเพื่อเตรียมตัวพร้อมรบ เมื่อยานจอดนิ่งสนิทก็ใช้เครื่องย้ายมวลสารไปปรากฏตัวบนภาคพื้นดินของดาวเคราะห์ Beta-3043 แต่ก่อนดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นดาวทรัพยากรของจักรวรรดิที่มีระบบนิเวศวิทยาอุดมสมบูรณ์ พอถูกเผ่ามาร์กยึดครองก็กลายสภาพเป็นดาวเสื่อมโทรม ผืนดินผืนน้ำกลายเป็นสีดำ คุณภาพอากาศลดลงเหลือเพียง 64% ต้องเข้าไปรังของนายพลจึงสามารถหายใจได้ตามปรกติ

เส้นเรื่องไม่เหมือนเดิมโฮสต์เลยต้องแยกเส้นทางกับพระเอกตั้งแต่ตอนเข้ารัง ไคล์และทีมของเขาบุกตะลุยไปข้างหน้าด้วยความลำบากยากเย็น กว่าจะรู้ตัวอีกทีทีมที่เหลือก็ถูกสลัดทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง เหลือเพียงแต่หัวหน้ากองพันและบุตรบุญธรรมที่เป็นพลแม่นปืนเท่านั้น ตลอดทางที่บุกเข้าไปใจกลางรังเกรเซียใช้ฝีมือปกป้องอันตรายก่อนถึงตัวโฮสต์ได้ทุกครั้ง ด้วยความเซ่อซ่าทำให้โฮสต์ดีใจเป็นอย่างมาก ไม่ได้สังเกตเลยว่าเด็กหัวขาวนี่จงใจเพิ่มคะแนนตัวเองชัดๆ

ผ่านไปสองวันโฮสต์ก็เข้าใกล้ใจกลางรังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะฝ่าเข้าไปจนถึงห้องของนายพลเผ่ามาร์กกลับได้ยินเสียงปืนและเสียงพลาสม่าขึ้นมาก่อน พระเอกไม่ว่ายังไงก็เป็นพระเอก สกิลพระเอกทำให้อาชวินพบกับนายพลก่อนหน้าหลายชั่วโมงแล้ว ไคล์และเกรเซียยิ่งเพิ่มความเร็วฆ่าล้างเหล่ามาร์กที่ดาหน้าเข้ามายิ่งกว่าเดิม ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทางจนได้

เมื่อไปถึงกลับพบว่าผ่านจุดไคลแม็กซ์สำคัญไปแล้ว โจเซฟสละร่างระเบิดตัวเองช่วยชีวิตพระเอกเอาไว้เรียบร้อย แต่ด้วยพลังจิตที่มีน้อยเกินไปทำให้ไม่สามารถฆ่าศัตรูตายได้ แถมยังไม่ได้ทำตามเนื้อเรื่องเดิมคือการส่งพระเอกกลับยานเคลื่อนย้ายด้วยยานขนาดเล็กที่เหลือเพียงลำเดียว ภาพที่เหลือคืออาชวินจ้องมองร่างนายพลมาร์กที่มีร่างคล้ายมนุษย์ผสมตั๊กแตนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดเหมือนว่าพร้อมจะระเบิดพลังจิตออกมาด้วยโทสะได้ตลอดเวลา

ระบบได้รับแจ้งเตือนจากเครือข่ายทันทีว่าหากพระเอกระเบิดพลังจิตในตอนนี้จะทำให้ทั้งสองบาดเจ็บหนักกันทั้งคู่ มีความเป็นไปได้ถึง 98% ที่นายพลมาร์กจะยึดครองร่างของอาชวินแต่กลับถูกจิตสำนึกดำมืดกลืนกิน ทำให้เขากลายเป็นมาร์กในร่างมนุษย์คนแรก สกิลพระเอกทำให้เขากลายเป็นมาร์กที่แข็งแกร่งและอำมหิตที่สุด จากนั้นพระเอกจะฆ่าราชามาร์กตายและตั้งตนเป็นราชาแทน ความแค้นในจิตใจทำให้เขาออกล่าฆ่าทั้งมาร์กและมนุษย์ทั่วทั้งกาแล็กซี่ กลายเป็น Bad End ยิ่งกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับเสียอีก

[อันตราย!]

[พบเจอความมืดในจิตใจของอาชวิน ฟีนิกซ์ 85% โปรดดำเนินการก่อนพระเอกจะเข้าด้านมืด]

อะไรของเอ็งวะพระเอก ชาติก่อนเข้าด้านมืดเพราะคนรัก ชาตินี้ก็เข้าด้านมืดเพราะคนรัก เป็นพระเอกแท้ๆ ดันทำตัวคลั่งรักเสียได้

“ทำไงดีอ่ะไม่ได้คิดวางแผนเอาไว้ด้วย” น้ำเสียงโฮสต์อ่อนระโหยโรยแรงเป็นอย่างมาก คงรู้สึกเซ็งที่อาจจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ตรงนี้จริงๆ “ขอแค่พระเอกไม่เข้าด้านมืดก็พอแล้วใช่มะ ภารกิจสำเร็จก็คงพอเนอะ”

[หากพระเอกเลือกทางสว่างจะเท่ากับภารกิจสำเร็จ]

[ความมืดในจิตใจเพิ่มเป็น 87% โปรดดำเนินการ!]

“เกรเซีย” โฮสต์หันกลับไปหาลูกบุญธรรมแล้วกอดอีกฝ่ายหนักๆ “ตอนนี้พ่อคงผิดสัญญาต่อเจ้า หากมีชาติหน้าพ่อรับรองว่าจะอยู่เคียงข้างไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม”

[ความมืดในจิตใจเพิ่มเป็น 96%โปรดดำเนินการ!!!]

ไคล์ผลักร่างของเกรเซียออกไปโดยไม่สนใจสีหน้าเจียนคลั่งของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย เขาใช้จังหวะที่ความมืดในจิตใจเพิ่มขึ้นเป็น 100% ระเบิดพลังจิตทั้งหมดของตนเองเพื่อเหนี่ยวรั้งไม่ให้พลังของพระเอกถูกใช้งานได้สำเร็จ การขัดขวางอาชวินประสบความสำเร็จ...แลกกับชีวิตในหนึ่งชาติของโฮสต์

ใกล้จะตายแล้วแต่โฮสต์ก็ยังมีอารมณ์เคาะระบบขึ้นมาสั่งเสีย “แม่สอง...เราตายโดยปราศจากคนที่รักเรา แต่เราก็อิ่มใจว่าเรามีคนที่เรารัก”

เขาไม่ใช่คนรักอะไรนั่นหรอกโฮสต์ เขาแค่บังเอิญเหมือน! เลิกมโนได้แล้ว! อีกอย่างมันผิดลิขสิทธิ์! อย่าเอาคำพูดเรื่องอื่นมาพูด-ได้-ไหม!!

“อาจารย์! ” อาชวินใช้พลังจิตส่วนหนึ่งระเบิดร่างของนายพลมาร์กจนกลายเป็นเพียงเศษเนื้อ สมแล้วที่เป็นพระเอก ถึงกับอัพเลเวลในเวลากระชั้นชิดได้อย่างรวดเร็ว เขาถลาตัวเข้าไปประคองร่างโชกเลือดของไคล์เอาไว้ สีหน้าตื่นตระหนกเอามากๆ ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาซะแล้ว

“อย่าให้โจเซฟต้องตายเปล่า” โฮสต์ยกมือขึ้นแตะข้างแก้มของพระเอก ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มงดงามจนชวนตะลึง “เพื่อวันที่งดงามของจักรวรรดิ...อย่าลืมความฝันนั้นของเจ้าและข้า”

“อาจารย์! ท่านจะต้องไม่ตาย! ” อาชวินพยายามรื้อหาแคปซูลรักษามาป้อนให้กับไคล์ หากว่ามันสายไปเสียแล้ว

“อาชวิน...” ไคล์เอ่ยถ้อยคำสุดท้ายก่อนมือจะร่วงหล่นลงอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ทางช้างเผือก”

[ยืมคำพูดเรื่องอื่นมาถือว่าผิดลิขสิทธิ์ สร้างความเสี่ยงให้กับระบบ ถูกตัดแต้ม 20 คะแนน]

เปลือกตาของไคล์ ชไนเดอร์ปิดลงพร้อมกับวิญญาณที่หลุดลอยออกไป โฮสต์ไม่มีสตินึกคิดเหลืออีกต่อไปแล้วจึงไม่ทันได้เห็นดวงตากระจกแปรเปลี่ยนเป็นสีดำมืดมิดยิ่งกว่าหลุมดำของเกรเซีย อันที่จริงระบบอยากดูอีกสักหน่อย แต่ถูกตัดสัญญาณดึงกลับส่วนกลางพร้อมโฮสต์ที่จบชีวิตเสียก่อน

[ภารกิจสำเร็จ! หลังจากหักคะแนนต่างๆ แล้ว โฮสต์ได้รับคะแนนรวม 1,538 คะแนน]

“อ้าว...ทำไมได้คะแนนแค่นี้อ่ะ จริงๆ ถ้าสำเร็จด้วยดีน่าจะได้อย่างน้อย 5,000 คะแนนไม่ใช่เหรอ” โฮสต์ทำหน้ามุ่ยแล้วบ่นกระปอดกระแปดด้วยท่าทางไม่พอใจ “อาจารย์สละชีวิตส่วนพระเอกไว้ อาชวินน่าจะมีแสงทางนำใจไปตลอดชีวิตแล้วนี่”

[สรุปผลคะแนนภารกิจแสงดาวนำใจจอมพลแห่งจักวรรดิไพรม์

อาชวิน ฟีนิกซ์ไม่เดินเข้าสู่หนทางแห่งความมืดมิด ได้รับคะแนน 15,000 คะแนน

อาชวิน ฟีนิกซ์ถูกราชาเผ่ามาร์กฆ่าตายจึงไม่สามารถกอบกู้กาแล็กซี่ได้ ถูกหัก 12,999 คะแนน

ราชาเผ่ามาร์กระเบิดพลังจิตฆ่าตัวตาย ส่งผลให้จักรวรรดิไพรม์ถูกทำลายล้าง ถูกหัก 49,999 คะแนน

หักคะแนนอื่นๆ ที่ยิบย่อยเกินกว่าจะอธิบายรายละเอียดได้ 464 คะแนน

ปลดรางวัลพิเศษเรื่องซับซ้อนหักมุมจนอ้าปากค้าง ได้รับคะแนนโบนัส 50,000 คะแนน

สรุปคะแนนคงเหลือจากภารกิจ 1,538 คะแนน]

“อะร้ายยยย!!! ” โฮสต์ร้องโวยวายแล้วร้องไห้แงๆ เพราะไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์เย็นชาของไคล์อีกต่อไปตอนนี้เลยงอแงได้เต็มที่ เด็กหนุ่มทรุดลงไปนั่งกอดเข่ากับพื้นร้องงื้ดๆ ไม่หยุด “อาชวินมันไปโดนราชาฆ่าตายตอนไหนฟระ ทำไมราชามาร์กถึงฆ่าตัวตายเฉย แล้วไอ้เนื้อเรื่องซับซ้อนเนี่ยมันมาจากไหน งงไปหมดแล้ว อะไรกันเนี่ย...”

[เวลาในพื้นที่ส่วนกลางคงเหลือ 1 ชั่วโมง 47 นาที

ขอให้โฮสต์เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าในระบบก่อนเข้าสู่โลกใบใหม่]

พอได้ยินเสียงประกาศนับถอยหลังโฮสต์ก็รีบเลือกสินค้าในแค็ตตาล็อกเพื่อเลือกสกิลและไอเท็มของโลกหน้ายกใหญ่ เด็กหนุ่มบ่นงุ้งงิ้งไม่หยุดเรื่องคะแนนน้อยเกินไปจนไม่พอซื้อของที่อยากได้ ฟังนานเข้าระบบรู้สึกรำคาญขึ้นมาเล็กน้อยเลยกด mute เสียงโฮสต์แล้วเปิดระบบตอบรับอัตโนมัติแทน จากนั้นค่อยฉายข้อมูลเหตุการณ์หลังจากไคล์ ชไนเดอร์ตายในโลกก่อนที่ค้นเจอจากในเครือข่ายแทน เสียดายที่ระบบไม่มีร่าง ถ้ามีก็อยากจะแทะป๊อบคอร์นพร้อมชมฉากดราม่าเสียหน่อย

ร่างของไคล์ ชไนเดอร์สิ้นใจไปในอ้อมแขนของลูกศิษย์ที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ อาชวินรู้สึกคล้ายถูกตบหน้าอย่างรุนแรง เพียงเพราะป้องกันการระเบิดพลังจิตของเขา อาจารย์ถึงกับใช้ชีวิตเข้าแลก จากนี้ชีวิตที่เหลืออยู่คงมีแต่ความรู้สึกผิดที่ติดค้างอยู่ในใจ เขาจะต้องกำจัดเผ่ามาร์กเพื่อให้กาแล็กซี่และจักรวรรดิไพรม์โนว่ากลับมาสงบสุขตามความฝันของผู้มีพระคุณให้ได้

นัยน์ตาสีทองของอาชวินเป็นประกายเจิดจ้าราวได้เห็นรุ่งอรุณอันสดใสของอนาคต แตกต่างกับดวงตาแดงก่ำอันมืดมิดอนธกาลของเกรเซียที่อยู่ข้างกาย “วางเขาลง...”

อาชวินหันไปมองเด็กชายอย่างไม่เข้าใจนัก แต่อีกฝ่ายยังคงยืนยันคำเดิม “วางเขาลง เจ้าฆ่าเขา เจ้าไม่มีสิทธิ์แตะต้องเขาอีกต่อไป” พลังจิตมหาศาลระเบิดออกมาอย่างรุนแรงจนพระเอกกระเด็นไปกระแทกกับผนังรัง ร่างของไคล์หลุดร่วงออกจากสองมืออาชวิน เกรเซียลอยขึ้นเหนือพื้นร่างค่อยๆ ยืดขึ้นเปลี่ยนแปลงทั้งความสูงและรูปหน้า สุดท้ายกับกลายเป็นบุคคลที่นายพันแห่งไพรม์โนว่าคุ้นเคยที่สุด

เกรเซียกลายเป็นอาชวาน ฟีนิกซ์ พ่อของเขาเอง!

“ท่านพ่อ! ” อาชวินเหลือบมองสัญลักษณ์เปลวเพลิงสีนิลที่กลางหน้าผากแล้วในใจยิ่งหนาวเหน็บ ราชาของเผ่ามาร์ก...ศัตรูที่ชาตินี้เขาไม่อาจปล่อยเอาไว้ได้ แท้จริงแล้วคืออาชวาน ฟีนิกซ์ นักรบชื่อกระหึ่มที่ร่ำลือว่าสละชีวิตเพื่อฆ่าราชา แท้จริงได้กลายเป็นราชาที่ปกครองปรสิตชั่วพวกนั้นไปแล้ว

“ใช่...เป็นข้าเองบุตรเอ๋ย”

“ท่านกลายเป็นราชามาร์กไปแล้ว ทำไมท่านถึงได้เลือกเดินทางผิดแบบนี้! ” ผู้เป็นลูกละล่ำละลักถามด้วยสองตาแดงก่ำ แต่ราชาแห่งเผ่ามาร์กกลับรู้สึกว่าน่ารำคาญเสียเหลือเกิน เพียงเห็นใบหน้าที่คล้ายคลึงของตนเองก็ไม่สามารถกักเก็บความรู้สึกเกลียดชังและโกรธแค้นอีกต่อไป เขาสะบัดมือเพียงครั้งหนึ่งเปลวเพลิงสีดำที่เกิดจากพลังจิตมหาศาลก็โอบล้อมเผาไหม้อาชวิน พอเสียงกรีดร้องจบลง แม้แต่เศษซากของบุตรแห่งโชคชะตาก็ไม่มีเหลือ...พระเอกจบชีวิตง่ายๆ ไปอย่างนั้นเอง

“ที่รัก” อาชวานทรุดลงกับพื้นก่อนจะรั้งร่างไร้วิญญาณของคนที่เขาแอบรักขึ้นมากอดไว้แนบอก หยาดน้ำตาเลือดหลั่งรินเต็มใบหน้าของไคล์จนไม่รู้ว่าโลหิตสีแดงชาดนั้นคือเลือดของใครกันแน่ ชายหนุ่มใช้นิ้วโป้งเช็ดไล่ไปตามกรอบหน้าอย่างแผ่วเบาก่อนจะแนบจูบลงบนริมฝีปากที่ขาวซีด “ไม่ว่าชาติภพไหน ข้าก็จะหาเจ้าจนเจอ...ขอให้เราได้ครองคู่อยู่ด้วยกัน”

สุดท้ายอาชวานก็ระเบิดพลังจิตที่มีทั้งหมดออกมา เปลวเพลิงสีดำยิ่งโหมกระหน่ำก่อนแปรสภาพกลายเป็นหลุมดำอันมืดมิดที่ดูดกลืนทุกอย่างเข้าไปสู่จุดศูนย์กลาง...จากนั้นภาพที่เครือข่ายเก็บเอาไว้ก็ดับมืดลง

ระบบอยากจะถอนหายใจ เสียดายที่โฮสต์โง่เกินไปเลยแยกความแตกต่างของจิตวิญญาณไม่ออก หลงคิดไปว่าเหล่าพระเอกทั้งอามาคุสะ ฮิโรยูกิ เว่ยเสียง จิงส์ อนาเบลและอาชวิน ฟีนิกซ์คือคนเดียวกันที่ตามโฮสต์มาทุกชาติภพ แต่ที่จริงไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย คนที่ตามโฮสต์มาคือตัวร้ายของเรื่อง ราชาแห่งเผ่าพันธุ์มาร์ก หรือเกรเซียในร่างจำแลง หรืออาชวาน ฟีนิกซ์อดีตเพื่อนรักที่เดินเข้าด้านมืดกลายเป็นตัวโกง ที่สำคัญคือไม่รู้ว่าโฮสต์ไปปักธงเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหน แต่ถ้าโลกหน้าถ้าเขาตามมาอีกคงจะได้สนุกกันอีกแล้ว

เอาละ หมดเวลาบันเทิงเริงใจ ได้เวลากลับมาทำงานสักที

เมื่อระบบเปิดเสียงอีกครั้งก็พบว่าโฮสต์เลือกซื้อสินค้าเสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อย ดูจากรายการที่สั่งซื้อ ถ้าระบบมีคิ้วก็คงคิ้วกระตุกไปแล้ว

[ยืนยันคำสั่งซื้อ

สกิลแสดงออกทางสีหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ 6,000 คะแนน

ปรับเปลี่ยนเสียงระบบให้เป็นเสียงน้องชายตัวน้อย เรียกโฮสต์ว่า “พี่จ๋า” ลงท้ายด้วย “ฮะ~♥” 1,000 คะแนน

คะแนนสะสมคงเหลือ 284 คะแนน]

สกิลที่เลือกมาก็ไม่ได้แย่เท่าไรหรอก แต่ไอ้ที่เหลือนี่ระบบขออนุญาตสบถด้วยความหยาบคายเล็กน้อย แม่งซื้ออะไรของมันวะ! คะแนนที่หามาอย่างยากลำบากแท้ๆ โฮสต์คิดอะไรอยู่ถึงได้เอามาเทกับอะไรแบบนี้!

“ถ้าโลกหน้าเราได้แต้มสะสมเยอะ เราจะเอาไปแลกอะไรดีนะแม่สอง”

[โฮสต์สามารถนำคะแนนบางส่วนไปแลกกับไอคิว เพื่อใช้ในการยกระดับสติปัญญาของโฮสต์ขึ้นมาได้]

“อ๊ะ! เปิดใช้งานเสียงน้องชายตัวน้อย” โดนจิกกัดนิดหน่อย โฮสต์ก็ควักไพ่ตายออกมาแล้ว ระบบไม่สามารถขัดขวางได้เลยต้องยอมตามน้ำไป ถ้ามีฟันคงกัดฟันกรอดๆ ไปแล้ว

[ระบบหมายเลข 212224 เปิดใช้งานเสียงน้องชายตัวน้อยเสร็จสมบูรณ์แล้วฮะพี่จ๋า~♥]

“คิกๆ น่ารักมากเลย เรามีแต่พี่ชาย ไม่เคยมีน้องชายมาก่อน ไว้สะสมคะแนนเยอะๆ แล้วเราจะถอยร่างน้องชายตัวน้อยที่เป็นซีรีส์เดียวกันมาให้นายนะแม่สอง”

ร่างที่ว่าคะแนนตั้ง 9,600 คะแนนไม่ใช่เหรอ? ระบบยังยืนยันคำเดิมว่าโฮสต์ควรเอาคะแนนไปเพิ่มไอคิวบ้าง คนเราอีคิวเยอะเกินไปก็ไม่ใช่จะดีหรอก ยิ่งโง่ยิ่งอีคิวสูงแบบโฮสต์ยิ่งไม่ดีใหญ่

เครือข่ายส่งรายการโลกที่เหมาะสมกับโฮสต์มาแล้ว แต่เนื่องจากทั้งโฮสต์และระบบไม่มีสิทธิ์เลือกเลยต้องรอเครือข่ายสุ่มเลือกให้เสียก่อน เพียงไม่กี่วินาทีก็ถึงเวลาที่ต้องไปโลกหน้ากันแล้ว

[นับถอยหลังสู่โลกใบใหม่ฮะ~♥]

5...

4...

3...

2...

1...

โอนย้ายข้อมูลสมบูรณ์นะฮะ~♥]

“เชี่ย! เชี่ย! เชี่ยยยยย!!! ” แค่ลืมตาตื่นขึ้นมาโฮสต์ก็ร้องคร่ำครวญโวยวายในใจจนดังลั่น ทำเอาเครื่องหมายตกใจสีแดงขึ้นเต็มไปหมดเพราะตรวจจับได้ถึงโอกาส OOC 98%

“แม่สอง!! ทำไมนายไม่บอกเราก่อนอ่ะ นายแก้แค้นเราเหรอ แงงง อุแงงงง!!! ”

ช่วยไม่ได้ โฮสต์ไม่ได้ถามเอง แต่ถามไปก็สปอยล์ไม่ได้ เพราะผิดกฎของระบบ เสียใจด้วยนะโฮสต์ สกิลแสดงออกทางสีหน้าอย่างสมบูรณ์แบบคงไม่ได้ใช้ในโลกนี้ เอาไว้ลองใหม่โลกหน้าแล้วกัน

เพราะฟื้นมารอบนี้โฮสต์กลายเป็นโครงกระดูกไปซะแล้ว

โปรดติดตามตอนต่อไป...


*****


ซินเอ๋อร์:

จบ Arc 1 แล้ว เนื้อเรื่องรวบรัดหน่อยนะคะ อาจไม่ได้ลงรายละเอียดบางอย่างมากมาย เพราะตั้งใจไว้เป็นเรื่องสั้นบ้าบอไปเรื่อยค่ะ ใต้ความดราม่ายังมีความติ๊งต๊องของโฮสต์และระบบอยู่ มีใครเดาได้ไหมคะว่าโคว้ทที่โฮสต์เอามาพูดมาจากเรื่องไหนบ้าง อันหลังไม่ยากเท่าไร อันแรกน่าจะยากกว่า ใบ้ว่ามาจากนิยายคลาสสิคทั้งคู่ค่ะ

ส่วน Arc 2 จะมาในธีมไหน ขอสปอยล์ค่ะว่าเป็นธีมที่หาอ่านได้ยากมากกกกกกส์ ซึ่งจะเขียนออกมาเป็นยังไง ยังไม่รู้เลยค่า (อ้าววว) 55555
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งหลัง 23.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-10-2019 17:18:12
สงสารระบบ ฮา
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งหลัง 23.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: CKJPQQ ที่ 23-10-2019 22:51:32
 :impress2:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งแรก 24.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 24-10-2019 22:26:55
28 องศา หิมะตกก็บ้าแล้ว (บทนำ)

เมื่อนั้น

องค์พระปรมินทร์อินทศร

จำต้องพลัดพรากจากเมืองจร

ต้องแรมรอนผลัดถิ่นในแดนไกล

ร่ายกลอนเกริ่นจบแค่บาทแรกโฮสต์ก็เคาะเรียกระบบรัวๆ “แม่สอง..เปิดเรื่องมาก็วรรณคดีวิจักษ์แล้ว ขอภาษาอื่นได้ไหม?”

[Let me see~♥ The story is about the prince Intasorn from Intaraburi. He spent his six years to study many arts with the hermit, who called---]

“แม่สอง...นายกวนตีนเหรอ?” โฮสต์ยิ่งเคาะระบบหนักยิ่งขึ้น เคาะแรงกว่านี้ก็เรียกว่าทุบแล้ว “เอาเนื้อเรื่องมาดีๆ ไม่กวนสิ ภาษาอังกฤษเราก็ไม่เก่ง ตอนเด็กๆ เราไม่ค่อยได้ไปเรียน นายต้องหัดเห็นใจกันบ้าง ให้เรามานั่งถอดความกลอนแปด ปีหน้าก็ไม่ต้องเล่นมันแล้ว เดี๋ยวคอยดูเราจะเขียนเรื่องร้องเรียน”

คำว่าร้องเรียนเป็นเหมือนคำต้องห้ามของระบบ เพราะว่าในแคตตาล็อกสำหรับแลกคะแนนยังสามารถใช้คะแนน 5,555 คะแนนเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนระแบบได้ คะแนนโหดขนาดนั้นไม่มีโฮสต์คนไหนโง่พอจะแลก แต่ก็ไม่แน่ โฮสต์คนนี้อาจจะโง่พอก็ได้

เรื่องราวของตอนนี้มีชื่อว่า ‘เหมันต์คืนนคร’ เริ่มจากเจ้าชายอินทศรแห่งอินทรบุรี (อ่านว่าอิน-ทะ-ระ-บุ-รี) ตอนอายุสิบหกได้กราบลาเสด็จพ่อเสด็จแม่เข้าป่าไกลนับพันโยชน์[1]เพื่อตามหาพระฤๅษีโควินทร์เพื่อเรียนวิชากลับมาปกครองบ้านเมือง หกปีผ่านไปเมื่อสำเร็จวิชาจึงลากลับเมืองพร้อมกับพระขรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมาเป็นรางวัล ระหว่างทางได้ผจญภัยช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย

หนึ่งเป็นนางนาคีจำแลงกายผู้มีชื่อว่าอนันตนาคี ต่อมาเกิดจิตพิศวาสต่อกันจึงครองคู่อยู่ด้วยกันในฤดูฝน พอลมร้อนจากทิศหรดี[2]พัดผ่านก็พลันถึงคราวลาจาก พระโอรสร่ำลานางอนันตนาคีอยู่เนิ่นนานว่าจะต้องกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน สักวันหนึ่งย่อมต้องหวนมารับนางนาคีกลับไป เจ้าชายอินทศรมิได้ล่วงรู้ว่าในครรภ์ของเมียรักมีเลือดเนื้อเชื้อไขของตนถือกำเนิดขึ้นเสียแล้ว ครั้นผ่านไปสิบเดือนหนึ่งปี เมื่อถึงวันที่ฝนกระหน่ำเป็นที่สุด ไข่ที่นางอนันตนาคีคลอดออกมา ก็ฟักเป็นกุมารน้อยครึ่งคนครึ่งนาคา มีอิทธิฤทธิ์เรียกฝนได้ดั่งใจ จึงมีชื่อว่าวสันต์

กล่าวถึงการผจญภัยของเจ้าชายอินทศร หลังลาจากนางอันเป็นที่รัก เขาได้หลงเข้าไปในป่าหิมพานต์และได้ช่วยเหลือนางเก็ตถะหวากินรีไว้จากพรานป่า จากนั้นบังเกิดเป็นความรักร่วมอภิรมย์ตลอดช่วงฤดูร้อน ครั้นลมหนาวจากทิศอุดร[3]พัดผ่านมาย่อมถึงคราวลาจาก อินทศรบอกลานางเก็ตถะหวาอยู่หลายวัน ออกปากสัญญาว่าวันหนึ่งจะรับนางกลับบ้านเกิดเมืองนอน หาได้รู้ไม่ว่าในท้องนางเก็ตถะหวายามนั้นตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่ ผ่านไปไปสิบเดือนหนึ่งปี ณ วันที่อากาศร้อนอบอ้าวเป็นที่สุด ไข่ที่นางเก็ตถะวาคลอดออกมาก็ฟักเป็นพระโอรสครึ่งคนครึ่งกินนร มีอิทธิฤทธิ์คุมไฟได้ มีนามว่าคิมหันต์

พ้นจากป่าหิมพานต์มาได้ เจ้าชายอินทศรได้หลงเข้าไปในอาศรมของธราดลฤษีผู้ฝึกปฐวีกสิณ[4] ในสวนของพระฤๅษีได้ปลูกต้นมักกะลีผลเอาไว้ต้นหนึ่งเพื่อฝึกฝนจิตใจและให้นารีผลฝึกนีลกสิณ[5]ข่มธาตุดินเพื่อให้ฤทธิ์วิชาก้าวหน้าดีขึ้น อินทศรเห็นสตรีเส้นผมสีทองอร่ามประหลาดตาใบหน้างดงามราวเทพธิดาชั้นฟ้าก็เผลอเด็ดนางมักกะลีผลออกมาร่วมสังวาส นางตกใจเป็นอย่างมากเพราะเมื่อปลิดผลมาแล้วย่อมมีชีวิตได้เพียงเจ็ดวัน จากที่ถือพรหมจรรย์กลับร่างกายแปดเปื้อน พระฤๅษีธราดลดูแลมักกะลีผลนางนี้มาดั่งลูกหลาน จึงได้ขับไล่เจ้าชายอินทศรออกไป พร้อมสาปให้ชั่วชีวิตนี้อย่าได้สัมผัสถึงความรักบริสุทธิ์ ครั้นเวลาตายก็ขอให้ตายอย่างอัปยศ

ด้วยความสงสารฤษีธราดลจึงเสกให้นางมักกะลีผลกายเป็นนางไม้ ใครเล่าจะรู้ว่านางกลับให้กำเนิดเมล็ดพืชประหลาดขึ้นมาได้ นางนารีผลซึ่งภายหลังได้ชื่อว่าผกามาศได้แต่ร่ำไห้เสียใจที่ถูกย่ำยี จำใจดูแลอยู่สิบเดือนหนึ่งปีจนถึงวันที่อากาศหนาวที่สุด เมล็ดพืชพลันออกผลเป็นกุมารน้อยผู้หนึ่งซึ่งมีเส้นผมและดวงตาสีดั่งทองเหมือนเช่นนาง แต่เป็นมนุษย์เต็มตัว เด็กชายผู้นี้มิได้มีอิทธิฤทธิ์อันใดเป็นพิเศษนอกจากพูดคุยกับต้นไม้ได้ หากแต่เกิดในฤดูหนาวจึงได้ชื่อว่าเหมันต์

ส่วนอินทศรกลับเมืองไปถึงกลับพบว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่ทำพิธีหมั้นหมายกับเจ้าหญิงเมืองเคียงข้างอันมีนามว่าพิมพ์อัปสร จากนั้นจึงได้ครองราชย์เป็นเจ้าเมืองอินทรบุรี ภายหลังพิมพ์อัปสรให้กำเนิดธิดาฝาแฝดออกมาสองคนนามว่าลาวัณย์นภาและโสภาพสุธ แม้ชีวิตจะผาสุกยิ่ง แต่พระเจ้าอินทศรยังคงมีความกังวลว่าตนเองไม่มีพระราชบุตรเพื่อสืบทอดสันติวงศ์

“เลวชิบ” โฮสต์สบถออกมาในใจด้วยความรู้สึกโกรธแค้น ไอ้เจ้าชายอินทศรก็สารเลวได้ถึงกระดูกจริงๆ รักบ้าบออะไรไข้ทิ้งไว้ทั่ว แถมไม่กลับไปรับผิดชอบอีก “อย่าบอกนะว่าอินทศรเป็นพระเอก ถ้าใช่เราร้องไห้จริงๆ ด้วย”

[เนื้อเรื่องที่เล่ามาเป็นเพียงรุ่นพ่อเท่านั้นพี่จ๋า~♥]

“แม่งยังมีรุ่นลูกอีกเรอะ!? ” หลุดคำหยาบมาแล้วโฮสต์ ไม่เหมาะกับภาพลักษณ์หนุ่มน้อยวัยใสนะเฮ้ย

[เนื้อเรื่องหลักอยู่ที่รุ่นลูกฮะ~♥]

ชื่อก็บอกอยู่ว่าเหมันต์คืนนคร พระเอกจะเป็นอินทศรได้ไง

ย้อนกลับไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ภายใต้การปกครองของท้าวสหัสนัยน์[6] เทพบุตรสามองค์ถึงคราวเคราะห์หมดบุญจึงต้องจุติลงไปเป็นมนุษย์เพื่อปราบเภทภัยรอวันได้กลับมาหวนคืนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีกครั้ง ทั้งสามแม้เป็นมิตรสหายแต่ก็เป็นศัตรูกันอยู่ในที สุดท้ายจึงได้ไปเกิดต่างกรรมต่างวาระ กลายเป็นสามพี่น้องต่างมารดาเกิดต่างฤดูอันมีชื่อว่าวสันต์ คิมหันต์และเหมันต์

ในบรรดาสามพี่น้อง เหมันต์มีชีวิตยากลำบากที่สุด เนื่องจากไม่ได้รับความรักความห่วงใยจากมารดาเหมือนกับพี่น้องคนอื่นๆ ครั้นอายุได้แปดปีนางผกามาศก็ขอร้องแกมบังคับให้พระโอรสออกตามหาพระบิดา เหมันต์หลงเชื่อจึงไปขออาวุธติดกายจากพระเจ้าตา มิได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นแผนการขับไล่เขาออกไป พระฤๅษีมอบดาบเหล็กน้ำพี้เพื่อให้ป้องกันตนเองและผีโครงกระดูกคนตายตนหนึ่งให้เป็นเพื่อนร่วมทาง

พระโอรสเหมันต์เดินทางระหกระเหินลำบากลำบนจนได้พบกับนนทเรศผู้เป็นราชายักษ์รากษสแห่งเมืองอสุรกา ด้วยสติปัญญาที่ฉลาดเฉลียวทำให้นนทเรศรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมโดยปกปิดเอาไว้ว่าตนเป็นยักษ์ ภายใต้การเลี้ยงดูของนนทเรศให้เหมันต์กุมารกลายเป็นคนทะเยอทะยานเหี้ยมโหด วันหนึ่งเขาเข้าไปพบห้องลับของยักษ์ได้สัมผัสกับลูกแก้วพิศดารจนทำให้พลังควบคุมลมที่หลับใหลในจิตวิญญาณฟื้นขึ้นมา จึงได้หอบข้าวของหนีบิดายักษ์ของตนเอง

นนทเรศโกรธแค้นมาก เมื่อรู้ว่าเหมันต์จะต้องหวนกลับไปอินทรบุรีจึงปลอมตัวเป็นมนุษย์ไปทำทีสู่ขอพระธิดาคนใดคนหนึ่งของอินทศร เมื่อเหมันต์ไปถึงก็ถูกขัดขวางไม่ให้แสดงตัวเป็นพระโอรสของเจ้าเมือง จากนั้นก็เป็นการเล่นแง่เล่นกลกันระหว่างทั้งสองคน อินทศรถูกวิชาสะกดใจของยักษ์ชั่วเลยหลงเชื่อส่งคนไปเผาทำลายอาศรมและต้นมักกะลีผลของนางผกามาศ

เหมันต์ใจสลายยิ่งกว่าใจสลาย ใช้อาวุธและอิทธิฤทธิ์ทุกอย่างที่มีบุกเข้าไปฆ่าราชารากษส ก่อนตายนนทเรศเพียงหัวเราะเยาะเย้ยว่าเขาเป็นเพียงบุตรที่ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดขึ้นมา มารดาไม่รัก บิดารังเกียจ เพราะทรยศหักหลังผู้มีพระคุณชีวิตนี้คงไม่อาจสัมผัสได้ถึงความรักอีกต่อไปแล้ว

เหมันต์ที่ไม่เคยได้รับความรักจากใครในชีวิต เจอเรื่องหนักๆ เข้าไปเยอะแยะเลยเข้าด้านมืดได้อย่างง่ายดาย เขากลับไปยังเมืองอสุรกาปราบเหล่ายักษ์และครองราชย์แทนนนทเรศ ใช้พลังลมและพลังความเย็นร่วมกับกองทัพของเหล่ารากษสบุกตะลุยทั่วแม้กระทั่งป่าหิมพานต์ ชีวิตของพี่ชายทั้งสองก็ไม่ละเว้น ฆ่าตายแล้วยังเอาวิญญาณไปเป็นทาสดูดกลืนพลังมาจนหมด สุดท้ายบุกตีไปถึงเมืองอินทรบุรีจนได้รับชัยชนะ เขาจับพระเจ้าอินทศรทรมานด้วยการแล่เนื้อเอาเกลือทาแล้วเอาเนื้อต้มป้อนให้เจ้าตัวกิน ส่วนที่ร้ายที่สุดคือการคร่าเอาน้องสาวฝาแฝดมาเป็นเมีย

ด้วยพลังอันมหาศาลเกินควบคุมของพระเอก ทำให้จากนั้นตลอดทั้งปีไม่มีฤดูอื่นอีกต่อไป มีเพียงฤดูหนาวอันโหดร้ายและหิมะขาวโพลน ทั่วทั้งดินแดนเหลือเพียงแต่ความหนาวเหน็บ...จากลงมากำจัดเภทภัยเหมันต์กลับกลายเป็นเภทภัยใหญ่หลวงเสียเอง เทพบุตรทั้งสามไม่มีวันได้หวนคืนดาวดึงส์อีกต่อไป

Bad End

“โอ้โห...เนื้อเรื่องยาวมาก ตัวละครก็เยอะแยะใครจะไปจำไหว! ” โฮสต์บ่นงึมงำ ตอนนี้เรื่องดำเนินมาถึงตอนที่นนทเรศรับเอาเหมันต์กุมารกลับเมือง ไม่รู้ว่าความมืดในจิตใจพระเอกเติบโตไปถึงขั้นไหนแล้ว “ตัวละครมากมาย แต่ให้เราเป็นน้าผีเนี่ยนะ! น้าผีนะน้าผี!! ”

[น้าผีเป็นส่วนสำคัญที่จะสามารถกล่อมเกลาจิตใจให้พระเอกอยู่บนลู่ทางที่เหมาะสมได้นะฮะ~♥]

เพราะน้าผีอยู่กับพระเอกตั้งแต่แรกจนถึงครึ่งหลังของเรื่อง ถ้าไม่ใช่เพราะขโมยอาวุธวิเศษของพระเอกไปก็คงไม่ซี้ม่องเท่งหรอก กลายเป็นเถ้าถ่านหรอก

“เหอะ! ” เด็กหนุ่มแค่นเสียงแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไร “เปลืองแต้มอ่ะ ออกสกิลมาก็ไม่ได้ใช้ น้าผีมีแต่โครงกระดูกจะมีสีหน้าอะไรให้มอง”

[พี่จ๋าสกิลแสดงออกทางสีหน้าอย่างสมบูรณ์เป็นสกิลติดตัว สามารถใช้ในโลกหน้าได้นะฮะ~♥]

“เฮ้อ” โฮสต์ถอนหายใจอีกหนึ่งที “จะว่าไปพล็อตมันคุ้นๆ ยังไงไม่รู้เนอะ เหมือนละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่เราเคยดูวันเสาร์อาทิตย์เลยอ่ะ”

พล็อตมันก็ยำใหญ่ใส่สารพัดเท่าที่จะคิดออกนั่นล่ะโฮสต์ อย่าไปซีเรียสกับมันมากเลย ละครพื้นบ้านไม่ว่าเรื่องไหนๆ ก็ต้องมีโครงแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าตาฤษี อาวุธวิเศษ เพื่อนร่วมทางที่ไม่ใช่คนเอาไว้ตบมุกเพิ่มสีสัน ตอนจบปราบยักษ์รากษส แต่งงานมีความสุขแฮปปี้เอนดิ้ง เรื่องนี้ก็ขาดแต่ว่าพระโอรสถูกทิ้งให้ตายตอนยังเด็กเพราะเป็นกาลกิณีบ้านเมืองแค่นั้นแหละ ไม่งั้นจะครบพล็อตละครพื้นบ้านแล้ว

[คำแนะนำจากระบบ: น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้~♥]

“ฮื่อ...เอาให้เนื้อเรื่องเป็นไปตามพล็อตละครจักรๆ วงศ์ๆ น่าจะเข้าท่ากว่า นี่มันทั้งพยายามมั่วทั้งพยายามดาร์กยิ่งกว่าดาร์กเวิลด์อีก” โฮสต์ขยับมือกระดูกของตนเองด้วยท่าทางอยากจะร้องไห้ เขาเป็นพวกแอบคลั่งรูปลักษณ์ภายนอกอยู่เบาๆ ตอนนี้มากลายเป็นผีแล้วคงรู้สึกแย่น่าดู แต่สุดท้ายชีวิตต้องเดินต่อ น้าผีมือใหม่ค่อยๆ พยายามปลุกพลังในตัวเอง “เอ้า สู้ๆ ! ต้องรอด!! ”

เอ้า สู้ๆ ถึงโฮสต์จะโง่ แต่ระบบจะเป็นกำลังใจให้



โปรดติดตามตอนต่อไป...


*************

เชิงอรรถ

[1]^ 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร
[2]^  ทิศตะวันตกเฉียงใต้
[3]^ ทิศเหนือ
[4]^ ฝึกกสิณคือการเพ่งสมาธิอย่างหนึ่ง ปฐวีกสินคือการฝึกกสิณธาตุดิน 
[5]^ นีลสกิณ เป็นการฝึกกสิณโดยการเพ่งต้นไม้ใบหญ้า
[6]^ ชื่อหนึ่งของพระอินทร์

*************

ซินเอ๋อร์:


อย่างที่เกริ่นไว้ว่าโลกนี้จะมาในธีมสุดแรร์! มันจะไม่แรร์ได้ยังไง เพราะมาเป็นจักรๆ วงศ์ๆ ขนาดนี้ 5555555 บ้าบอกันไปให้สุดค่ะ อยากเขียนอะไรต้องได้เขียน ถือว่าเป็นการทดลองเขียนด้วยลูกบ้าของซินเอ๋อร์นะคะ แอบกลัวเหมือนกันว่าเปิดมาแบบนี้จะไม่มีใครอ่าน แต่เปิดใจให้สักหน่อยนะคะะ


พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ



หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งแรก 24.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-10-2019 22:52:51
แล้วตัวร้ายคนนั้นจะเป็นใครหว่า ใช่ยักษ์ไหม หรือเหมันต์ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งแรก 24.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: Raspberry complex ที่ 25-10-2019 19:24:20
 :pig4:
 :3123: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งแรก 24.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 26-10-2019 18:28:35
เจ้าโฮสต์โง่ แกทำให้ระบบดูแย่  :hao7:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งแรก 28.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 28-10-2019 05:56:15
Arc 2 28 องศา หิมะตกก็บ้าแล้ว (ครึ่งแรก)

“เหมันต์...หลานจงจำไว้ว่าคนเราจะเป็นมนุษย์ได้ต้องมีความกตัญญู” มือโครงกระดูกลูบศีรษะทุยสวยของพระโอรสเหมันต์ปุๆ ด้วยความเอ็นดู ร่างเล็กของเด็กวัยเก้าปีนั่งซ้อนอยู่บนตักที่มีแต่กระดูกของน้าผี เด็กชายทำแก้มป่องพองลม น่ารักเสียจนโฮสต์แอบปาใจใส่ให้รัวๆ

“หลานรู้แล้ว...” เหมันต์ลากเสียงยาว จากนั้นจึงทำเสียงขึงขังเลียนแบบเสียงแหบต่ำของน้าผีที่พูดได้ทั้งที่ไม่มีกล่องเสียงอย่างผิดธรรมชาติ “น้าผีสอนหลานไม่รู้จักกี่ครั้งแล้ว เกิดเป็นคนต้องรู้จักกตัญญูรู้คุณคนที่คอยช่วยเหลือดูแลเรา โดยเฉพาะบุพการีที่เลี้ยงดูเรามา ถือเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่ต้องใช้ทั้งชีวิตตอบแทน”

“เหมรู้ก็ดีแล้ว แต่รู้ไม่พอต้องทำให้ได้ด้วย” โครงกระดูกน้าผีพูดด้วยเสียงอ่อนโยนจนเดาได้ว่าใบหน้าที่ไม่มีกล้ามเนื้อสักมัดคงจะกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ “พระองค์นนทเรศถึงแม้ไม่ใช่เสด็จพ่อผู้ให้กำเนิด แต่เป็นคนเลี้ยงดูเหมมาตลอด เหมอยากสิ่งใดเขาก็หามาให้ ไม่ใช่ว่าล่าสุดได้ลูกม้าสีหมอกมาหรือ”

“เสด็จพ่อดีต่อหลานมากๆ หลานจะกตัญญูอย่างที่น้าผีบอกหลาน”

โฮสต์พยายามอัดข้อมูลเข้าสมองพระเอกไปทุกวันแทนว่าต้องรู้จักกตัญญูรู้คุณ ด้วยความเชื่อว่าเด็กทุกคนคือผ้าขาว ถ้าสั่งสอนให้ดีต้องเลือกเส้นทางถูกต้องแน่นอน ส่วนเรื่องความรักพรหมลิขิตอะไรนั่นโฮสต์เลิกคิดไปแล้ว เพราะตัวเองเป็นแค่โครงกระดูกจะให้มีใครมารักปักใจด้วยคงจะไม่ไหว ชาตินี้เป็นน้าผีตัวประกอบไปก่อนก็แล้วกัน

“ถ้าเราสอนเหมันต์แบบนี้ต่อไป เขาต้องเป็นคนดีไม่หักหลังนนทเรศแน่นอน” โฮสต์กระซิบกับระบบด้วยน้ำเสียงคิกคักเหมือนว่านี่เป็นแผนการที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้แล้ว

[…]

“นายไม่เชื่อในพลังความโลกสวยสดใสเหรอแม่สอง ถ้าเรารักกัน ทุกคนรักกัน ทุกคนก็แฮปปี้”

ชีวิตมันง่ายแบบนั้นซะที่ไหน

[คำว่า ‘โลกสวย’ และคำว่า ‘โง่’ สะกดไม่เหมือนกัน~♥]

“ปากร้าย! ถึงจะใส่หัวใจตรงท้ายก็ไม่ได้ทำให้น่ารักขึ้นหรอกนะ! ”

ระหว่างที่โฮสต์กำลังทำการร้ายระบบด้วยการทุบตีอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ก็มีใครคนหนึ่งเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

“ทำอะไรกัน” เสียงห้วนต่ำของราชายักษ์รากษสดังขึ้นพร้อมกับรูปร่างสูงใหญ่กำยำที่ขยับมาอุ้มกุมารน้อยจากตักของโครงกระดูกขึ้นมาโอบอุ้มไว้แทน รากษสตนนี้มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เรือนผมหยักศกตามเผ่าพันธุ์หยิกขอดล้อมรอบกรอบหน้า ดวงตาเรียวยาวดุดันไร้ความปราณียามมองเหมันต์ยังเฉยชาอยู่บ้าง แต่เมื่อเลื่อนมามองโครงกระดูกกลับมีแวววูบไหวภายใน

“น้าผีสอนให้ลูกรู้จักกตัญญูรู้คุณต่อเสด็จพ่อ” เหมันต์น้อยเล่าด้วยท่าทางออดอ้อนแถมยังขยับซุกเข้าไปในอ้อมแขนของนนทเรศคล้ายต้องการไออุ่น ยามนี้เหมันตฤดูมาถึงแล้ว อสุรกาแม้จะไม่ได้รับความหนาวเย็นเหมือนทางตอนเหนือ แต่ก็ถือว่าอากาศเย็นกว่าปรกติไม่น้อย ระบบแล้วเห็นว่าอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28 องศาได้

ร่างกายแข็งแรงถึงกับชะงักไปบ้าง นนทเรศเหลือบมองโฮสต์เล็กน้อยก่อนจะหลุบดวงตาลงต่ำคล้ายซ่อนแววตาบางอย่าง เขายกมือขึ้นลูบศีรษะของบุตรชายบุตรธรรมเพื่อแสดงความอ่อนโยนแบบที่ปรกติไม่เคยทำมาก่อน “ถ้าเจ้ารู้จักกตัญญูก็ถือว่าเป็นเรื่องดี”

เหมันต์ยิ่งออดอ้อนพระบิดายิ่งกว่าเดิม ถ้าอ้อนขนาดนี้ ระบบที่ผ่านโลก BL มาไม่รู้จักกี่ร้อยโลกคงบอกได้ว่าอีกหน่อยความสัมพันธ์ของคู่นี้คงได้พัฒนาเป็นเรือบาปพ่อ-ลูกบุญธรรมแน่ คราวนี้คงได้สนุกพิลึก ละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่มีตัวเอกเป็นชายรักชาย...

แต่แล้วนนทเรศก็ต้องทำให้ระบบผิดหวัง พอเห็นเด็กชายอ้อนมาเข้า เขากลับส่งพระโอรสให้กับคนสนิทข้างกายราวว่าเหมันต์เป็นของร้อน “ออกไปหัดตีคลีกันเถิด พ่อให้สินธุเตรียมม้าไว้ให้ลูกแล้ว”

รอให้สินธุอุ้มพระโอรสจากไป เรือนร่างสูงกำยำจึงขยับมาเดินตามหลังเคียงข้างกับน้าผีแทน เขาลอบสังเกตท่าทางของโครงกระดูกที่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรให้น่าสังเกตมากนักนอกจากแคลเซียมสีขาวเหลืองของผีตายซาก ส่วนโฮสต์ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราว ร้องเพลงดังลั่นสุ่มเสี่ยงต่อลิขสิทธิ์ในใจ “สี่กุมาร...หาญกล้า! ตรี คทา จักร อีกอันอะไรนะแม่สอง ศร หรือสังข์ เราจำไม่ได้แล้ว”

[…]

เรื่องนี้ระบบจะไม่ยุ่ง

“หนาวหรือไม่” นนทเรศถามขึ้นมาเพื่อขัดความเงียบงัน จากนั้นคงรู้ตัวว่าคำถามไม่เหมาะสม น้าผีไม่มีผิวหนัง จะไปรู้สึกเหน็บหนาวได้อย่างไร “เมืองเราอยู่ทางใต้จึงมิได้สัมผัสอากาศหนาวเท่าใด แต่ปีนี้เมืองอสุรกาจะหนาวยิ่งกว่าทุกที ประชาชนจึงตื่นตัวมากกว่าปีก่อน”

โครงกระดูกหันมองรอบข้างที่ชาวรากษสต่างเริ่มแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหนายิ่งกว่าเดิม อากาศที่เย็นกว่าปรกติทำให้ดอกพญาเสือโคร่งในอุทยานผลิออกเสียจนโดยรอบมีแต่สีชมพูและกลีบดอกไม้ที่เริ่มร่วงโรยลงจากต้น

ทั้งสองหยุดยืนมองเหมันต์ที่เริ่มฝึกตีคลีอยู่กับทหารคนสนิทของราชายักษ์ หากแต่พ่อบุญธรรมของเขากลับไม่สนใจสักนิด เขาหันมามองโครงกระดูกเสียจนไม่วางตา “ไม่ว่าเมื่อใดข้างกายเจ้าล้วนมีเขาตลอด เจ้าคงห่วงเขามาก” นัยน์ตาของราชายักษณ์เกิดแววตาล้ำลึกยิ่งกว่าห้วงสมุทรเสียอีก

“การดูแลพระโอรสเป็นภารกิจหน้าที่ของน้าผี ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องอยู่ข้างกายเขา”

“แล้วเจ้าเล่า...ต่อให้ข้าเป็นเช่นไร เจ้าจะยังอยู่เคียงข้างกายหรือไม่” ดวงตาคมกริบของนนทเรศหลุบต่ำคล้ายไม่กล้าสบตา คำพูดนี้คุ้นมากๆ คุ้นเหมือนว่าเคยได้ยินมาก่อนแล้ว แต่โฮสต์สติปัญญาและความจำไม่ดีเลยจำอะไรแบบนี้ไม่ได้ แถมยังอ่านบรรยากาศไม่ออก คำตอบที่ออกมาจึงสมควรตายเป็นอย่างยิ่ง

“จะอยู่เคียงข้างท่านได้อย่างไรกัน” เส้นเอ็นที่ขมับของนนทเรศเต้นตุ้บด้วยความเครียดขึ้ง โฮสต์ซื่อบื้อไม่มีทางสังเกตเห็นอยู่แล้ว แต่ยังดีที่ประโยคต่อมาไม่ทำร้ายกันเท่าไร “ข้าเป็นเพียงผีโครงกระดูก คงไม่อาจเทียบเคียงกับพระองค์ได้”

ราชายักษ์ลอบถอนหายใจก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในเบ้าตาที่ไม่มีลูกตาของน้าผี “แล้วถ้าหากข้าอยากให้เจ้าอยู่เคียงข้างกายเล่า”

โฮสต์รีบเคาะระบบมาคุยด้วย “ฮื่อออ สงสารเขาเนอะแม่สอง เป็นราชาอยู่คนเดียว เพื่อนไม่มีสักคน นนทเรศต้องเหงามากแน่เลย”

ไม่ใช่หรอกโฮสต์ ไม่ใช่...

“เช่นนั้นก็ถือว่าเราเป็นสหายกัน ต่อให้พระองค์จะเป็นเช่นไรดีร้ายแค่ไหน เพื่อนย่อมไม่ทิ้งเพื่อนอยู่แล้ว” มือโครงกระดูกตบแปะๆ บนบ่ากว้างของผู้ปกครองเผ่าพันธุ์รากษส ขณะที่อีกฝ่ายขยับมุมปากออกเป็นรอยยิ้มบางเบา มือเอื้อมไปหยิบดอกพญาเสือโคร่งที่ร่วงหล่นบนกะโหลกส่วนบนของโครงกระดูกผีด้วยความอ่อนโยน อีกครู่หนึ่งน้าผีก็เข้าไปร่วมวงตีคลีกับหลานชายด้วยความสนุกสนาน

“คิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นเจ้า” นนทเรศพึมพำแผ่วเบา สายตาทอดไกลมองโครงกระดูกผีคล้ายครุ่นคิดบางสิ่ง ก่อนดวงตาคมคู่นั้นจะวาววับขึ้นมา “ชาตินี้คงไม่อาจปล่อยเจ้าไปได้อีกแล้ว”

เขาอุตส่าห์ตามมาอีกชาติแล้วยังใช้คำพูดเดิมสองชาติติด โฮสต์ก็ไปเฟรนด์โซนเขาอีก ความหมายที่นนทเรศสื่อถึงต้องไม่ใช่ในความหมายเพื่อนฝูงอยู่แล้ว ชาติก่อนโฮสต์ก็ไปรับปากเขาในฐานะพ่อ ชาตินี้ก็ยังไปรับปากเขาในฐานะเพื่อนอีก ไม่ยอมตอบรับรักเขาสักที จะรอให้ชาติหน้าเขาตามมาทวงสัญญาอีกรอบหรือไง

หลังจากนั้นไม่ว่านนทเรศจะอ่อนโยนเป็นพิเศษกับโครงกระดูกผีแค่ไหน โฮสต์ยังคงโง่จนไม่รับรู้ความรู้สึกรักจากราชายักษ์อยู่ดี ในเมื่ออีกฝ่ายไม่รู้ คนที่ตามมาหลายภพหลายชาติก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเช่นกัน ทุกฤดูหนาวเขามักพาน้าผีไปเดินเล่นในอุทยานชมดอกพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่ง นนทเรศในชาตินี้รู้งานเอามากๆ วันเวลาหลายปีที่เลยผ่านก็ยังคงวางตัวทั้งพ่อและเพื่อนได้ดีจนระบบอยากจะมอบรางวัลพิเศษให้

นอกจากคอยดูแลเอาใจโครงกระดูกจนเกินความจำเป็น เขายังสอนสั่งเหมันต์ด้วยความตั้งใจเพราะเห็นน้าผีให้ความสำคัญกับหลานคนนี้เป็นอย่างมาก แม้กระทั่งลูกแก้วพิสดารที่ตามเรื่องพระเอกต้องไปบังเอิญเจอตามพล็อตเรื่อง นนทเรศยังนำมาให้เหมันต์ด้วยตัวเอง เมื่อเด็กชายเอื้อมมือไปแตะด้วยความสนใจ พลังควบคุมลมหนาวที่ถูกกดเอาไว้อย่างไม่มีเหตุผลก็ปรากฏออกมาจนได้ คราวนี้พระเอกไม่ต้องลำบากเหมือนในเนื้อเรื่องแล้ว เพราะเสด็จพ่อบุญธรรมของเขาทั้งช่วยสอนการควบคุมพลัง ทั้งยังมอบศรและดาบวิเศษที่ใช้พลังลมหนาวให้เป็นอาวุธ

ตามเนื้อเรื่องเดิมเขาต้องเลี้ยงพระเอกมาไม่ได้ดีเท่าไร จนเกิดให้นิสัยของเหมันต์บิดเบี้ยว แต่นนทเรศที่คอยดูแลลูกเลี้ยงเพื่อเอาใจน้าผี ตอนนี้กลายเป็นดัชนีทองคำของพระเอกไปซะแล้ว

ถึงตัวร้ายจะมีสนิทดีรักลูกรักเมีย แค่กๆ แต่อย่างไรแล้ววงเวียนของโชคชะตาที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วยังคงดำเนินต่อไป นนทเรศเป็นยักษ์ ถึงหลีกเลี่ยงการกินเนื้อมนุษย์ แต่ก็ยังต้องออกไปล่าหาสัตว์ใหญ่กินเป็นอาหาร วันหนึ่งเมื่อเหมันต์อายุได้สิบแปดปีก็ไปพบถ้ำลับที่เหล่ายักษ์นำกระดูกสัตว์ไปเก็บซ่อนเอาไว้จนได้ สุดท้ายความลับเรื่องเผ่าพันธุ์ก็แตกอยู่ดี

“น้าผี หลานไปเจอความลับบางอย่างเข้า” เหมันต์ในวัยสิบแปดปีมีหน้าตาซีดเซียว แถมยังทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ เด็กหนุ่มโน้มตัวลงมากระซิบกระซาบถ้อยคำกับโครงกระดูก “เด็จพ่อนนท์เป็นยักษ์รากษส แม่บอกหลานว่าพวกยักษ์ไม่ว่าจะจำพวกไหนล้วนแต่ชั่วร้ายเป็นศัตรูกับผู้คนทั้งนั้น”

“เขาเลี้ยงเจ้ามาสิบปี เป็นยักษ์เป็นมารแล้วทำไมหรือ” น้าผีตอบกลับด้วยความไม่พอใจจนฟันทั้งสามสิบสองซี่กระทบกันดังกึกๆ แต่ในใจกลับรีบเคาะระบบขึ้นมาฟ้องยกใหญ่ “แม่สอง! นายดู! เราพล่ามเรื่องความกตัญญูรู้คุณมาเป็นสิบปี เหมยังไม่สำนึกเลย เดี๋ยวคอยดูนะ จบ Bad End แน่! ”

“น้าผีฟังหลานก่อน ไม่ใช่ว่าหลานไม่ซาบซึ้งบุญคุณของเด็จพ่อ” พระโอรสเห็นน้าผีที่ใจดีกับเขาโมโหขึ้นมาก็อดตกใจไม่ได้ “แต่ถ้าวันหนึ่งเด็จพ่อให้หลานแต่งงานกับเจ้าหญิงยักษ์รากษสเพื่อสืบต่อสันติวงศ์ขึ้นมา หลานจะไม่แย่เอาหรือ หลานไม่ใช่ยักษ์อย่างเขา ไหนเขาร่ำลือกันอีกว่ายักษ์แต่ละคนสังวาสได้ดุเดือด หลานคงไม่รอดแน่ๆ”

“....” น้าผีถึงกับพูดไม่ออก

“มันมีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอแม่สอง” เขาถามระบบด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

[ตามเนื้อเรื่องแล้วยักษ์รากษสมีพละกำลังมหาศาลและยังมีอารมณ์ที่รุนแรง หากร่วมสังวาสกันแล้วอย่างน้อยสามวันสามคืนถึงจะเสร็จกิจฮะ~♥]

“...” โฮสต์เห็นใจพระเอกขึ้นมาบ้างแล้ว น้าผีที่ไม่จำเป็นต้องหายใจอีกต่อไปถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อ”

“หลานจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วหนีออกจากเมืองอสุรกา เมื่อตอนที่ลาจากพระเจ้าตาก็ตั้งใจออกมาตามหาเสด็จพ่อตัวจริง ถึงอย่างไรก็ควรพบเจอสักครั้งในชีวิต ส่วนเด็จพ่อนนท์หลานจะกลับมาแทนคุณในวันหนึ่ง” ถึงจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี แถมได้พลังคุมลมหนาวของตนกลับคืนมา แต่พระเอกก็ยังดำเนินเรื่องไปตามพล็อตหลักอยู่ดี อย่างน้อยๆ ความพยายามของโฮสต์ก็ไม่สูญเปล่า ความรู้สึกของเหมันต์ตอนนี้ที่มีต่อพ่อบุญธรรมยังถือว่าเป็นบวกอยู่ เรื่องราวอาจไม่เลวร้ายเหมือนตามพล็อตก็ได้

“หลานมีแผนการเอาไว้แล้ว ถ้าเด็จพ่อออกไปล่าสัตว์รอบหน้า หลานจะแอบหนีออกไป” พระเอกของเรื่องคว้ามือของน้าผีเอาไว้ เหมันตกุมารจ้องมองใบหน้าโครงกระดูกด้วยท่าทางมุ่งมั่นแน่วแน่ “น้าผีไปกับหลานเถิด”

น้าผีไม่มีสีหน้า แต่ภายในใจโฮสต์กลับกำลังลังเลถึงขีดสุด

“เอาไงดีอ่ะแม่สอง เราจะทำไงดี”

[คำเตือน ตรวจพบโอกาสที่การตัดสินใจของพี่ชายในตอนนี้อาจส่งผลต่อเนื้อเรื่องทั้งหมดถึง 74%

ตัวเลือกที่ระบบแนะนำให้กับพี่ชาย

ก. ไปสิ น้าต้องไปกับหลานอยู่แล้ว~♥

ข. ไม่ไป น้าสัญญากับนนทเรศแล้วว่าจะอยู่ที่นี่~♥

แนะนำให้เลือกคำตอบภายในระยะเวลา 2 นาที เริ่มทำการนับถอยหลังก่อนตัวเลือกจะถูกปฏิเสธโดยอัตโนมัตินะฮะ~♥]

“ม่ายยย อย่ากดดันกันสิแม่สอง!! ”



โปรดติดตามตอนต่อไป...



ซินเอ๋อร์:

5555 ยิ่งเขียนก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มันบ้าบอมากๆ ค่ะ เขียนอะไรอยู่เนี่ยยย //กุมหน้า 

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและเข้ามาอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งแรก 28.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-10-2019 08:30:29
Bad end อีกแล้วมั้งนี่
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งแรก 28.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 28-10-2019 16:25:38
ตอนแรกเห็นคุณซินเปิดเรื่อง คิดว่าจะคอมเมนท์บอกว่าให้ค่อยๆเขียนให้เสร็จทีละเรื่อง แต่พอมาอ่านแล้ว ความคิดนั้นหายวับไปกับตาเลยครับ /หัวเราะ

คุณซินเขียนเรื่องนี้ออกมาได้ดีเช่นเคยครับ o13 ผมชอบนะ โทนมันคลายเครียดจากเรื่องผีลามกเยี่ยอู่จวินมากครับ  (ฮา) ระบบให้ความรู้สึกเหมือน narrator (ผู้บรรยาย) ของเกม CYOA (Choose Your own Adventure) เลย ผมอ่านไปก็ตลกโฮสต์ไปครับ ท่าทางระบบที่คอยเป็นพาร์ทเนอร์ให้กับโฮสต์คงจะปวดหัวน่าดู เอาน่าระบบ /ตบบ่า ต้องทำใจ เจอโฮสต์อ๊อง :m20:

ผมชอบคอนเซปต์ของการเขียนเรื่องนี้นะครับ การเขียน CYOA จะเปิดพื้นที่ของจินตนาการเราให้มากขึ้น ฝึกการคิดพล็อต ขณะเดียวกัน การที่มันเป็นรวมเรื่องสั้นมันจะทำให้จบไว กระชับ แล้วเราสามารถเอาทักษะในการเขียนพล็อตพวกนี้ไปเชื่อมโยงหรือพัฒนาพล็อตของเนื้อเรื่องหลัก (เยี่ยอู่จวิน) ให้มันดีขึ้น ทำปมให้ซับซ้อนและคลายออกได้ประทับใจคนอ่าน อีกทั้งการเขียนโทน narrator แบบเฮฮา จะทำให้ผู้เขียนคลายเครียดจากการพยายามขัดเกลางานเขียนหลักให้ดี หรือแม้แต่การตันพล็อต,เส้นทางอีเวนต์ หรือตันคาแรกเตอร์ การเขียนอะไรสบายๆแบบนี้จะช่วยทำให้สมองเราลื่นขึ้นด้วยครับ

ดังนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องผู้อ่านจะซีเรียสเรื่องนี้นะครับ โทนมันออกมาสบายๆแล้ว ดังนั้นเราจะเฮฮาไปด้วยกันในเรื่องนี้ :laugh: ติดตามอยู่ครับ บอกตามตรงว่าแทบไม่ได้สนใจตัวโฮสต์ หรือตัวร้าย หรือตัวพระเอกเลย เพราะเราสนุกกับการลุ้นว่าโฮสต์จะอ๊องยังไง พล็อตโลกใหม่ๆจะเป็นยังไง แล้วระบบจะปวดหัวกับพฤติกรรมของโฮสต์ยังไง (ฮา) มากกว่าการโฟกัสเรื่องรักๆใคร่ๆเสียอีก
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งแรก 28.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 28-10-2019 18:45:47
เพิ่งรู้ว่าเป็นคนเขียนคนเดียวกันกับผีลามก เขียนนิยายได้สนุกน่าสนใจทุกเรื่องเลยค่ะ   o13
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งหลัง 31.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 31-10-2019 05:43:19
Arc 2 28 องศา หิมะตกก็บ้าแล้ว (ครึ่งหลัง)



"ขอใช้ตัวช่วย!" โฮสต์ตะโกนลั่นด้วยน้ำเสียงแหลมสูงจนเกือบจะกรี๊ดออกมาอยู่แล้ว “ตัดตัวเลือก! ขอใช้ตัดตัวเลือก!! ”

[…]

ตัวเลือกมันก็มีอยู่แค่สองตัวเลือก ให้ตัดออกไปอันนึงไม่ให้เฉลยไปเลยล่ะโฮสต์... อีกอย่างนี่ไม่ใช่รายการเกมโชว์ตอบคำถามแล้วได้เงินล้าน จะให้ระบบเอาตัวช่วยมาจากไหน ถ้าบอกให้โทรหาใครก็ได้แล้วโฮสต์จะโทรหาใคร โทรหาพุธทอล์คพุธโทรไปปรึกษาปัญหาลูกหนีออกจากบ้านเหรอ?

[เหลือเวลาอีก 30 วินาทีในการเลือกคำตอบ~♥]

“โฮกก ตัวช่วยก็ไม่มี ทำไมใจร้ายขนาดนี้” โฮสต์ร้องโวยวายในใจ ขณะที่น้าผีเบื้องนอกกำลังตั้งท่าเหม่อมองและครุ่นคิด ดูแล้วคล้ายภาพวาดแนวศิลปะเหนือจริง

[เหลือเวลา 10 วินาทีในการเลือกคำตอบ ระบบกำลังทำการนับถอยหลังฮะ~♥

หมดเวลา ตัวเลือกถูกปฏิเสธ ระบบกำลังทำการประมวลผลเพื่อทำการเลือกคำตอบให้อัตโนมัติ~♥]

นั่นคือขั้นตอนปรกติในการทำงานเวลามีตัวเลือกมาให้แต่โฮสต์ไม่สามารถเลือกได้ เนื่องจากระบบรู้อยู่แล้วว่านนทเรศตามโฮสต์มาหลายชาติจึงรู้ว่าคำตอบไหนเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ระบบไม่สามารถช่วยโฮสต์โกงได้เลยต้องใช้วิธีส่งคำร้องไปที่โคร่งข่ายที่เป็นกลางที่สุดสุ่มเลขโดดขึ้นมาแทน ถ้าเป็นเลขคี่จะเป็นตัวเลือกแรก เลขคู่เป็นตัวเลือกที่สอง พอได้ผลแล้วก็บังคับให้โฮสต์ตอบตามนั้น เพราะงั้นผลออกมาเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับแต้มบุญของโฮสต์แล้ว

“น้าเคยสัญญากับพระองค์นนทเรศเอาไว้ว่าจะอยู่ด้วยกันเป็นสหายร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่” ระบบที่สวมบทน้าผีชั่วคราวตอบพระเอกกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง แถมยังมีประโยคต่อไปเพื่อเป็นของสมนาคุณให้กับโฮสต์ ระบบไม่ได้ใจดี ระบบแค่สังเวชที่โฮสต์ไม่ค่อยฉลาด เวลาเล่นแต่ละบทถ้าไม่ได้ก๊อปบทพูดชาวบ้านมาแล้วก็ไม่เท่เอาซะเลย “จะลงมือทำการใด พระโอรสไตร่ตรองให้ดีก่อนเถิด”

“ใช่ๆๆๆ แม่สองนายพูดถูกแล้ว สมกับเป็นแม่สองมากๆ พึ่งพาได้จริงๆ !! ” โฮสต์รีบชมระบบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นจนแทบจะกลายเป็นกระเหี้ยนกระหือรือ พอได้รับความสามารถในการควบคุมคาแรกเตอร์กลับคืนมาแล้วโฮสต์ก็รีบสำทับเพิ่มเติมทันที “เรื่องนี้อาจมิต้องใหญ่โตปานนั้น พูดคุยกับพระองค์ก่อนว่าขอออกจากเมืองไปตามหาเสด็จพ่อจะไม่ดีกว่าหรือ”

“น้าผีพูดถูก หากหลานแอบหนีไปเด็จพ่อนนท์อาจเข้าใจผิดได้ว่าหลานคิดรังเกียจ รอให้เด็จพ่อกลับมาก่อนหลานจะลองขอดูอีกที” รอยยิ้มสว่างสไวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหมันตกุมาร แต่เมื่อยามหันกลับมามองน้าผีที่อยู่ข้างกายมาเนิ่นนาน คอยสั่งสอนเลี้ยงดูเขายิ่งกว่ามารดาแท้ๆ ดวงหน้าหล่อเหลาก็เศร้าสลดขึ้นมา “น้าผีไม่ไปกับหลานจริงๆ หรือ ถ้าหลานไม่มีน้าผีไปด้วยอาจเกิดอันตรายขึ้นเป็นได้ น้าผีไม่เป็นห่วงหลานหรือ”

น้าผีมีท่าทางครุ่นคิดแบบเซอร์เรียลอีกครั้ง แต่ความเป็นจริงกำลังหลังไมค์หาระบบอยู่ “เหมจะต้องเป็นเขาแน่ๆ ! ดูสิขนาดเราเป็นน้าผี เขายังอยากให้เราร่วมเดินทางไปกับเข้าเลย ฮือออ ระบบไม่น่าเลือกคำตอบนั้นไปเลยอ่ะ เราเสียใจ”

ไม่ใช่หรอกโฮสต์ เหมันต์แค่เป็นลูกแหง่ติดแม่ พอไม่มีโฮสต์ไปด้วยก็ขาดความมั่นใจ ไม่รู้ว่าเวลางอแงจะไปอ้อนใครดี คนแบบนี้พอพ้นจากอกแม่ไปเจอเมีย สุดท้ายจะไปอ้อนเมียเอง โฮสต์ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก พ้นจากเมืองอสุรกาสามก้าว เหมันต์ก็เป็นอื่นแล้ว

[ระบบย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพี่ชาย~♥]

เปล่า จริงๆ แค่สุ่มได้คำตอบนี้เฉยๆ

“แต่เราก็เป็นห่วงเหมอยู่ดี ถ้าเขาไปคนเดียวเขาจะไม่มีอันตรายอะไรถึงตายใช่ไหม? ขนาดโลกก่อนอาชวินยังโดนราชาเผ่ามาร์กฆ่าตายได้เลย ไม่ใช่ว่าพอปล่อยเขาไปคนเดียว เหมันต์โดนโจรป่าเชือดคอตายชิงเอาผอบไป ภารกิจล้มเหลวอีกรอบ เราหมาเลยนะแม่สอง บรู้วววเลยนะ” โฮสต์หอนประกอบการเล่าเรื่อง ส่วนระบบดีใจเอามากๆ ที่อยู่ด้วยกันมาหลายโลก ในที่สุดโฮสต์ก็ตั้งคำถามที่มีสมองกับเขาได้สักที

[ถ้าเป็นการดำเนินเรื่องทั่วไปนะฮะ พระเอกอาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต เพราะนอกจากตัวร้ายหลักของเรื่อง ไม่มีอะไรและไม่มีใครสามารถฆ่าพระเอกได้ฮะ~♥] จงเชื่อในสกิลของพระเอกเถอะ พระเอกทุกคนล้วนเป็นชาวไซย่ากันทั้งนั้น ยิ่งเจ็บ ยิ่งใกล้ตายมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ส่วนตัวโกงเลเวลมินิบอสส่วนใหญ่ก็จะมาเป็นพรรคพวกของพระเอกในตอบจบเองแหละ เชื่อระบบได้ ระบบเห็นมาเยอะ

คำตอบแค่นี้ก็ทำให้โฮสต์วางใจได้แล้ว โครงกระดูกผีเอื้อมมือไปแตะบ่าของพระโอรสที่ดูแลเลี้ยงดูมาหลายปี เก๊กทำเท่ตามบทเดิม “เหล่าสกุณายามเติบใหญ่ยังโบยบินออกจากรัง เจ้าโตมากแล้วย่อมต้องโผบินไปสักวันหนึ่ง เหมันต์เก่งกาจเพียงไหนน้ารู้ดี ภัยอันตรายใดก็ไม่สามารถทำร้ายหลานได้ น้าจะรอให้วันหนึ่งหลานประสบความสำเร็จแล้วกลับมาที่เมืองอสุรกา”

คำพูดดูฉลาดมากๆ โฮสต์แอ๊บเก่งขึ้นทุกวัน สมแล้วที่ระบบสั่งสอนโฮสต์ได้ดี

“น้าผี...หลานขอบพระคุณท่านที่อบรมสั่งสอนหลานมาอย่างดี”

จากนั้นก็เป็นฉากซาบซึ้งระหว่างหนึ่งคนหนึ่งผี ทั้งสองกอดคอร่ำลาพูดเรื่องเก่าแก่กันอยู่เนิ่นนาน ผ่านไปเป็นสัปดาห์นนทเรศก็กลับมาจากการล่าสัตว์ ดวงตาคมกริบที่เฉยชาอยู่แล้วยิ่งเย็นเยียบเมื่อเห็นน้าผีพาเหมันต์มาพบเขาที่ท้องพระโรง หน้าตาซีดเซียวท่าทางเหมือนเก็บซ่อนความผิดของพระโอรสบุญธรรมทำให้ราชันแห่งเหล่ารากษสหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง

“เหมจะมาขอร้องเสด็จพ่อเรื่องหนึ่ง” เหมันตกุมารเหลือบมองน้าผีคล้ายขอกำลังใจ พอเห็นโครงกระดูกพยักหน้าให้ก็รวบรวมความกล้าพูดออกไปจนได้ “ตอนแรกที่เหมลาจากพระเจ้าตามาเพราะอยากตามหาเสด็จพ่อซึ่งเป็นเจ้าชายเมืองหนึ่งของตนเอง เวลานี้ก็ผ่านไปหลายปีแล้ว เหมซาบซึ้งในพระคุณที่เสด็จพ่อเลี้ยงเหมมา...”

นนทเรศโบกมือคล้ายไม่อยากฟังถ้อยคำอารัมภบทอีกต่อไป พระโอรสเหมันต์จึงรีบตัดจบเข้าประเด็นด้วยความรวดเร็ว “เหมอยากขอออกไปตามหาเสด็จพ่อที่แท้จริงของตนเอง มิทราบว่าเสด็จพ่อนนทเรศจะอนุญาตหรือไม่”

“แล้วเจ้าจะไปด้วยหรือ” ราชายักษ์ตวัดมองโครงกระดูก ภายใต้สายตาโมโหโกรธายังมีความรู้สึกวูบไหวไม่มั่นคงซ่อนเอาไว้อยู่

“พระโอรสเติบใหญ่แล้วย่อมต้องออกท่องโลกกว้างเดินทางผจญภัยให้สมเป็นชายชาตรี” โฮสต์จับความโกรธได้อย่างเดียวจึงรีบตอบแบบขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน “แต่น้าผีสัญญากับพระองค์นนทเรศไว้แล้วว่าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านที่นี่ หากรบกวนขอที่อยู่อาศัยให้ผีสักคนคงไม่เป็นไรกระมัง”

สีหน้าเครียดขึ้งถึงผ่อนคลายไปได้ จากใบหน้าบึ้งตึงแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มอย่างรวดเร็ว กระทั่งสายตาที่มองเหมันต์ยังอ่อนโยน ไม่ได้เก็บอาการดีใจที่ก้างขวางคอผสมไม้กันหมาจะออกจากเมืองไปเลยสักนิด “ลูกจะเดินทางเมื่อใด พ่อจะให้คนตระเตรียมข้าวของเอาไว้ จะให้สินธุไปกับลูกด้วย” ขนาดคนสนิทมือขวายังยกให้ไปด้วยเลย ใจป้ำเกินไปแล้ว

เหมันต์จากไปในฤดูหนาวที่ดอกพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง น้าผีและเสด็จพ่อบุญธรรมของเขายืนส่งขบวนใหญ่โตที่กำแพงเมือง รอจนพระโอรสลับสายตาไปแล้ว นนทเรศที่แอบมองโฮสต์ด้วยสายตาไม่ปิดบังความรักใคร่จึงเปิดปากพูดสิ่งหนึ่งขึ้นมา

“ยามนี้เจ้าอยู่กับข้า...ย่อมไม่สามารถเรียกน้าผีได้อีกต่อไป หากข้าตั้งชื่อเรียกให้เจ้าได้หรือไม่” นนทเรศถามขึ้นด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจ ครั้นเห็นโครงกระดูกพยักหน้าให้อย่างกระตือรือร้น ราชารากษสก็ขยับยิ้มเบาบาง แสงแดดสีส้มในยามเย็นของฤดูหนาวที่สาดลงมากระทบใบหน้าคมเข้ม ภาพดูงดงามจนเกินจริงไปมาก

“ให้ชื่อว่านนทกานต์เป็นยังไง”

โฮสต์รีบเคาะระบบมาเม้าท์มอยตามประสาโฮสต์ “ชื่อมันไม่เหมือนกันไปหน่อยเหรอแม่สอง นนท์เหมือนกันเลยอ่ะ แต่ก็ดูเก๋ดีอ่ะ เราเป็นน้าผีไม่เคยมีชื่อเลย แต่อันนี้ก็เข้าท่าดีเนอะ”

ซื่อบื้ออีกแล้วโฮสต์ ภาษาไทยอ่อนขนาดไหนถึงแปลความหมายไม่ออกเนี่ย ระบบไม่ต้องเปิดพจนานุกรมคำไทยยังรู้เลยว่าชื่อของโฮสต์มีความหมายซ่อนอยู่ เขาบอกรักแล้วตัวเองยังไม่รู้อีก...นนทกานต์...ที่รักของนนท์ ราชายักษ์จะเลี่ยนเกินไปแล้ว (ว้อย)

“นามที่พระองค์ฟังแล้วคล้ายพี่น้องกันยิ่ง เป็นสหายกันก็เหมือนเป็นพี่น้อง เช่นนั้นจากนี้ไปข้าก็จะถือว่าพระองค์เป็นพี่ชาย” โครงกระดูกผีเข้าไปตบไหล่ตบหลังราชายักษ์ด้วยความสนิทสนม ไม่สังเกตถึงสายตาอ่อนอกอ่อนใจของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย “รบกวนเสด็จพี่แล้ว”

[...]

จากเพื่อนโซนขยับไปพี่โซนแล้วเรอะ โฮสต์จะให้เขาอยู่ทั้งลูกโซน เพื่อนโซน พี่โซนไม่ได้นะเฮ้ย!

เวลาหลายปีผ่านไปโฮสต์ยังคงเฟรนด์โซนและบราเธอร์โซนราชายักษ์อย่างต่อเนื่อง อีกฝ่ายก็ช่างขยันจีบเหมือนเดิม ในใจคงหวังว่าสักวันหนึ่ง ส่วนเหมันต์แยกทางจากโฮสต์ก็ไปมีชีวิตเป็นของตนเองสมกับเป็นพระเอกอย่างยิ่ง นานๆ ครั้งระบบจะเปิดดูอัพเดทข้อมูลของพระเอกดู และรู้สึกว่าชีวิตไอ้หนุ่มนี่สนุกอยู่เหมือนกัน ทำละครพื้นบ้านจักรๆ วงศ์ๆ พังพาบได้ดีแท้ๆ

การผจญภัยของเหมันต์เริ่มจากไปสนิทกับเมืองนั้นเมืองนี้ ได้กำลังพลและของวิเศษมาไม่น้อย ครั้นไปถึงเมืองบาดาลก็ไปช่วยชีวิตนาคาใบหน้าสะสวยอยู่ตนหนึ่งจนเกิดจิตปฏิพัทธ์รักใคร่ผูกพันกันจนไม่สนเพศสภาพ สุดท้ายลูกครึ่งนาคาผู้นั้นก็ติดตามพระเอกไปในฐานะคนรัก ต่อมาไปถึงป่าหิมพานต์ได้พบเจอลูกครึ่งกินนรหน้าตางดงามอีกผู้หนึ่ง เกิดความรักต่อกันอีกรอบ ชายหนุ่มคนรักทั้งสองของเหมันต์ทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็เลือกอยู่ด้วยกันสามคนแต่โดยดี และออกเดินทางไปยังอินทรบุรีอันเป็นจุดหมายปลายทาง

มาถึงจุดนี้ไม่ต้องบอกชื่อกิ๊กของพระเอกทั้งคู่ ก็น่าจะเดากันได้ล่ะมั้ง เขาบอกกันว่าสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก ตามเนื้อเรื่องเดิมพระเอกต้องได้กับน้องสาวฝาแฝดทั้งสองของตนเอง พอเปลี่ยนเนื้อเรื่องหน่อยก็ดันไปกวาดพี่ชายเข้าฮาเร็มอีก คนที่ชอบอะไรค้ำคอร์ไม่สามารถแก้ไขนิสัยรสนิยมชอบอะไรค้ำคอร์ได้จริงๆ

แต่เอาเถอะ อย่างน้อยตัดปัญหาเรื่องฆ่าทำลายวิญญาณของเทพบุตรทั้งสองไปเสียหนึ่งอย่าง คราวนี้ต่อให้จะดาร์กยังไง อย่างน้อยสองคนนี้ก็รอดแล้ว ดีไม่ดีพอกลับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไปคราวนี้สามเทพบุตรขององค์อินทร์คงได้ใกล้ชิดสนิทสนมกลมเกลียวยิ่งกว่าเดิม ใช้ชีวิตสามคนผัวเมียได้หรรษาแน่ๆ

สุดท้ายพระโอรสก็ไปถึงเมืองอินทรบุรีที่กำลังโกลาหลเพราะการปกครองอันล้มเหลวของพระเจ้าอินทศร พระเอกใช้ฝีมือขั้นเทพตีรวบรวมเมืองมาเป็นปึกแผ่น ก่อนตายอินทศรเฉลยว่าคนรักทั้งสองของเหมันต์ล้วนแต่เป็นพี่ชายของเขา ถึงจะเกิดบรรยากาศอึดอัดพูดยากระหว่างคนทั้งสาม แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี พวกเขายังคงสถานะคนรักต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งอื่น อย่างไรเสียต่างเป็นบุรุษ ให้กำเนิดทายาทไม่ได้อยู่แล้ว

เทพบุตรที่ลงมาเกิดทั้งสามต่างคนต่างผลัดกันครองเมืองคนละฤดู ส่วนฤดูที่ไม่ได้ครองเมืองก็ระเริงรักกันเต็มที่ จากละครพื้นบ้านฉายให้เด็กดูวันเสาร์อาทิตย์ คงเปลี่ยนเป็นละครเฉพาะกลุ่ม ไม่เหมาะสมกับเยาวชน ผู้ปกครองดูแล้วจะต้องร้องกรี๊ดว่านี่อะไรของมันวะ

นอกจากเหมันต์ ทั้งวสันต์และคิมหันต์ล้วนแต่ได้คืนนคร...วันหนึ่งที่เหมันต์หวนกลับมายังเมืองอสุรกาจึงกลับมาด้วยความยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง

“เพลานี้เหมันต์แข็งแกร่งมากแล้ว” นนทเรศกวาดตามองขบวนใหญ่โตที่ผ่านประตูเมืองอสุรกาด้วยสายตาเปี่ยมสุข มองภายนอกดูคล้ายบิดาที่ภาคภูมิใจในตัวลูก แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะเขาใกล้จะได้ปลดเปลื้องภาระที่แบกเอาไว้เต็มสองบ่าเสียที ยักษ์หนุ่มหันกลับไปมองโครงกระดูกข้างกาย ริมฝีปากแย้มยิ้มจนใบหน้าดุดันอ่อนโยนขึ้นมาก “ข้าจะสละบัลลังก์มอบเมืองอสุรกาให้เขาดูแล”

“แล้วเสด็จพี่จะทำสิ่งใดต่อเล่า”

“ข้าเคยได้ยินตำนานว่ามีเกราะกายสิทธิ์ซ่อนอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ไม่ว่าใครสวมใส่ย่อมมีกายวิเศษฟันแทงไม่เข้า หากเจ้าใส่เกราะกายสิทธิ์เข้าไปอาจมีร่างเนื้อก็เป็นได้” นัยน์ตาดำเหลือบมองโครงกระดูกข้างกายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ “เราสองคนออกเดินทางท่องเที่ยวเหนือจรดใต้ไปด้วยกัน...เจ้าไปกับข้าหรือไม่”

โครงกระดูกนนทกานต์ลังเลอยู่ไม่น้อย แต่พอคิดว่าตอนนี้เรื่องราวก็จบลงได้ด้วยดีแล้ว อีกอย่างโฮสต์ก็เบื่อหน่ายกับการเป็นโครงกระดูก อยากมีร่างเอาไว้กินของอร่อยบ้าง จึงยอมตอบตกลงร่วมผจญภัยกับนนทเรศแต่โดยดี ทำเอารอยยิ้มบนใบหน้ารากษสกว้างกว่าเดิม สดใสยิ่งกว่าท้องฟ้ายามไร้เมฆเสียอีก

ถึงจะติดเฟรนด์โซน แต่ชาตินี้ทั้งชาตินนทเรศก็ได้อยู่เคียงข้างคนที่เขารักตลอดชาติแล้ว...



การเดินทางไม่ว่าเช่นไรก็ย่อมมีวันบอกลา หลายปีหลังจากนั้นโฮสต์ถูกส่งกลับมาพื้นที่ส่วนกลางอีกครั้ง

[ภารกิจสำเร็จ! หลังหักคะแนนต่างๆ แล้ว โฮสต์ได้รับคะแนนรวม 8,791 คะแนน]

กลับมาคราวนี้โฮสต์เงียบยิ่งกว่าทุกที ไม่แม้แต่จะเรียกขอดูรายละเอียดคะแนนเสียด้วยซ้ำ นั่งเหม่ออยู่พักใหญ่ ในที่สุดโฮสต์ก็เปิดปากพูดคุยกับระบบขึ้นมา

“แม่สอง... นายคิดว่านนทเรศเขาชอบเราหรือเปล่า”

[...]

ระบบก็สงสัยเหมือนกันว่าโฮสต์ดูไม่ออกได้ยังไง เขาออกจะชัดเจนขนาดนั้น ชาตินี้ชัดเจนยิ่งกว่าเดิมด้วย

ในชาติที่ผ่านมานนทเรศและน้าผีร่วมผจญภัยตามหาเกราะกายสิทธิ์ไปทั่วแผ่นดินจวบจนใกล้ความจริงขึ้นทุกขณะ ระหว่างเดินทางไปในถ้ำแห่งนั้นกลับพลาดพลั้งตกลงไปในทะเลน้ำกรด นนทเรศสละชีวิตช่วยโฮสต์เอาไว้ แต่สุดท้ายโฮสต์ก็โดนเพลิงหินร้อนแผดเผาจนเหลือแต่เถ้าในด่านต่อไปอยู่ดี ไม่มีอะไรจะเป็นการบอกรักเทียบเท่ากับการสละชีวิตช่วยเหลือคนที่ตัวเองรักอีกแล้ว

“แต่เราเป็นแค่โครงกระดูก...เขายังชอบเราลงอีกเหรอ”

[พี่ชายสามารถขอคำปรึกษานอกภารกิจกับระบบได้ โดยคิดค่าบริการครั้งละ 20 คะแนนเพียงเท่านั้น~♥]

“ยังจะคิดคะแนนกันอีกเหรอ” โฮสต์เบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่พอเห็นระบบไม่สงสาร ไม่มีความเมตตา แถมยังนิ่งเงียบใส่ โฮสต์เลยเคาะระบบแรงๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงงอแงเอาแต่ใจ “จ่าย! เอา! ซื้อ! เราพร้อมเปย์! ”

ได้คะแนนมาแล้วระบบย่อมยินดีบริการ

[ประเด็นไม่ใช่ว่านนทเรศชอบลงได้อย่างไร แต่ประเด็นหลักคือเขาชอบพี่ชายทั้งที่เป็นแค่โครงกระดูก หมายความว่าเขาได้มองข้ามผ่านรูปลักษณ์สังขารภายนอกและชอบเนื้อแท้ตัวตนของพี่ชาย นี่ไม่ใช่รักแท้ที่พี่ชายเคยอยากได้เหรอ]

“ชาติหน้าเราจะได้เจอเขาอีกมั้ยนะ”

[เรื่องในชาติหน้าเป็นเรื่องของอนาคต ระบบไม่สามารถให้คำตอบได้]

โฮสต์ระบายลมหายใจยาวเหมือนไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี พอแจ้งเตือนว่าเหลือเวลาก้มหน้าเลือกสินค้าในแคตตา

ระบบรู้สึกนับถือแกมสงสารนนทเรศขึ้นมาเหมือนกัน เขาตามหาโฮสต์มาหลายชาติ รักโฮสต์มาหลายชาติ สุดท้ายต้องใช้เวลาอีกชาติหนึ่งเพื่อให้โฮสต์รับรู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมี แต่ตอนที่เขาตายจากโลกนั้นไป เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความรักของเขาส่งไปถึงอีกฝ่ายแล้ว

มีโฮสต์โง่เกินไปก็แย่อย่างนี้เอง ถึงพวกเราจะยังไม่ตาย แต่กลับต้องมีคนที่รู้สึกจมอยู่กับความรักที่ไม่สมหวังสักทีเหมือนหลงทางอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บที่ไม่มีทางออกด้วยความรู้สึกตายทั้งเป็น

ถ้าพบเจอกันครั้งหน้า ครั้งนี้ระบบจะขอเอาใจช่วยแล้วกันนะ...นนทเรศ



โปรดติดตามตอนต่อไป



ซินเอ๋อร์:

จบไปแล้วสำหรับ Arc 2 จริงๆ นิยายจักรๆ วงศ์ๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะเขียนดูบ้าง แต่อาจไม่ใช่ด้วยภาษาจัดเต็มค่ะ เดี๋ยวจะอ่านกันไม่ออกต้องแปลไทยเป็นไทยลำบากกันไปอี๊ก แต่เอาไว้ก่อนค่ะ งอกมากจะเขียนไม่ไหว มีเรื่องนี้เอาไว้เขียนขำๆ เวลามีไอเดียก็เพลินดีค่ะ เวลาไอเดียกระฉูดแต่ไม่ตรงธีมกับเรื่องที่เขียนจะได้มาลงตรงนี้แทน ถือว่าขำขัน แป้กบ้างไม่แป้กบ้างก็ว่ากันไปนะคะ แต่คงไม่ไปทางดราม่าเจ้มจ้นแบบผีลามกแน่ๆ เดี๋ยวจะช็อกตายได้ค่ะ (ฮาาาา)


ขอบคุณคุณ Grey Twilight ด้วยค่ะะ แอบดักทางได้จริงๆ ด้วยว่าซินเอ๋อร์หนีมาเขียนแก้เครียด แก้ตัน 55555 เขินแล้วค่าา

ขอบคุณคุณง่วงนอนที่ติดตามทั้งสองเรื่องเลยนะคะ จริงๆ ดีใจน้าที่ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวกันเขียน เพราะบางทีติดภาษาจีนโบราณมาค่ะ มาเขียนแนวนี้บางทีต้องจูนสมองดีๆ ค่ะ

พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและชื่นชอบทุกผลงานของซินเอ๋อร์นะคะ <3
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 2 ครึ่งหลัง 31.10.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 01-11-2019 16:33:50
โฮสต์จะซื่อบื้อไปไหน 555 ดีที่ชาตินี้ตายก่อนแก่ ถ้าไปตายตอนแก่อีกสิบชาตินางก็คงไม่รู้ว่าเขารักอ่ะ สงสารระบบแท้
ปล.ชอบความระบบคอยตบมุกโฮสต์ในใจอ่ะ ตลกมาก 555
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 3 บทนำ 4.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 04-11-2019 19:54:52
Arc 3 ในครัวแม่งเถื่อน ไม่เก๋าจริงอยู่ไม่ได้

“และนี่คือโฉมหน้าผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดของรายการ The Greatest Chef Season 2” พิธีกรหนุ่มหน้าตาดียิ้มกว้างพร้อมกล่าวกับกล้อง 3 ในสตูดิโอ ตอนที่ผู้กำกับสั่งคัทแล้วรอยยิ้มสว่างสไวของเขายังคงเผื่อแผ่ไปยังผู้เข้าแข่งขันและกรรมการ ดวงตาเป็นประกายเหมือนจับจ้องมองใครเป็นพิเศษ

โฮสต์ที่นั่งอยู่บนแท่นกรรมการท่ามกลางกรรมการทั้งสี่ของรายการหลุบสายตาลงต่ำเหมือนกับกำลังฟังคำพูดของคนรอบข้างพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ในใจก็คิดการเคาะระบบขึ้นมาร้องขอความช่วยเหลือเหมือนทุกที “เปิดมาก็แบบนี้เลยเหรอแม่สอง ไม่มีเวลาให้เตรียมตัวเตรียมใจหน่อยเลยเรอะ! ”

แค่ออกจากพื้นที่ส่วนกลางมาก็ถือว่าเริ่มต้นโลกใหม่แล้ว ถ้าอยากประสบความสำเร็จในการเป็นโฮสต์ ควรหัดเตรียมตัวเตรียมใจได้แล้ว

[ระบบ ‘แสงเทียนนำใจ’ สุ่มเหตการณ์ยาก-ง่ายแตกต่างกันออกไป พี่ชายควรเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์~♥]

โฮสต์บุ้ยปากในใจเล็กน้อย ก่อนจะใช้ช่วงพักเบรกสั้น ๆ ระหว่างถ่ายรายการเรียกอ่านข้อมูลของโลกนี้จากระบบ

ตอนนี้โฮสต์อยู่ในรายการอาหารแนวเรียลลิตี้เพื่อเฟ้นหาสุดยอดเชฟของช่องนิวทีวีที่มีชื่อว่า The Greatest Chef พระเอกของโลกนี้คือเชฟฉัตร ผู้เข้าแข่งขันรายหนึ่งที่น่าจับตามองที่สุดในรายการ นอกจากฝีมือการทำอาหารดีแล้วยังหน้าตาดีระดับเดียวกับพระเอกละคร แถมยังมีคู่จิ้นเป็นเพื่อนสนิทอีกคนที่ผ่านเข้ารอบมาด้วยกัน

ด้วยความเพอร์เฟ็กต์ของพระเอกทำให้เขาไปขัดแข้งขัดขาโปรดิวเซอร์ใหญ่ของรายการ ซึ่งเป็นลูกชายของเจ้าของช่องจนได้ ทำให้ในระหว่างการแข่งขันต้องประสบอุปสรรคปัญหามากมาย แต่เอาชนะรายการ The Greatest Chef ได้สำเร็จ พอได้เงินทุนมาเลยนำไปเปิดร้านอาหารใหญ่โตกับเพื่อนสนิทคู่จิ้นที่พัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นความรัก

แต่เรื่องราวดันพลิกผันที่ว่าพระเอกถูกคนรักหักหลังเพราะเธอดันเป็นชู้เป็นโปรดิวเซอร์คนเดิม แถมยังหอบเงินหนีไปทิ้งลูกให้ดูแล พระเอกเริ่มมีปัญหาติดการพนัน หมุนเงินไม่ทัน ธุรกิจล่ม ที่หนักกว่าคือพอพระเอกไม่สบาย ไปตรวจร่างกายดันเจอ HIV จบที่หาทางแก้ปัญหาไม่ได้เลยยิงคนในครอบตัวทั้งหมดก่อนยิงตัวตายตาม

“ห๊ะ... นี่มันละครดราม่าหรือรายงานข่าวคดีดังเนี่ยแม่สอง” โฮสต์ย่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะแอบเหลือบมองพระเอกในชุดเครื่องแบบสีขาวที่กำลังกลายเป็นจุดศูนย์กลางของผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่นๆ อยู่ ดูเหมือนเชฟฉัตรกำลังเล่าตลกเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียดในการแข่งขันอยู่

[ขอเพียงพี่ชายฉุดรั้งให้พระเอกไม่เข้าด้านมืดขนาดนั้น เรื่องราวในโลกนี้ก็จะไม่ปรากฏอยู่บนข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์อีกต่อไป~♥]

“แต่เราทำกับข้าวไม่เป็นอ่ะแม่สอง ให้มาเป็นกรรมการรายการทำอาหารแบบนี้จะรอดเหรอ” โฮสต์กวาดตามองเหล่าเชฟชุดขาวชุดดำยี่สิบคน ก่อนจะลากสายตามาจนถึงกรรมการอีกสามคนที่เหลือ ดูท่าแล้วทั้งสามคนก็คงเป็นเชฟชื่อดังของประเทศนี้เหมือนกัน

[บทบาทของโฮสต์เป็นเพียงไม้ประดับประจำรายการเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องโชว์ฝีมือหรือทักษะการทำอาหาร]

ตัวละครของโฮสต์เป็นดาราหนุ่มหน้าใสประจำช่องที่มีชื่อว่าพีท พีรภัทร หน้าที่ในรายการก็มีแค่ทำหน้าตาดีเรียกเรตติ้งไปวันๆ เป็นไม้ประดับที่ทำให้คนดูเจริญหูเจริญตาบ้างเท่านั้น ชิมอันไหนถ้าอร่อยก็บอกว่าอร่อย ถ้าไม่อร่อยก็บอกว่าไม่อร่อย คนไม่ได้คาดหวังอะไรกับโฮสต์มากมายอยู่แล้ว เพียงแต่บทของพีทที่ว่าอาจจะมีอะไรที่โฮสต์เหนือคาดไปนิดหน่อยก็ได้

“ฮื่อ...ถ้าจะลองดูก็แล้วกัน แค่กันซีนพระเอกกับเพื่อนออกจากกันได้ก็น่าจะโอเคแล้ว” หาข้อสรุปเสร็จสรรพ โฮสต์ก็ทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องขยับยิ้มชั่วร้ายเท่าที่ใบหน้าโง่ๆ จะชั่วร้ายได้ โฮสต์ปิดข้อมูลลงโดยแทบไม่สนใจข้อมูลตัวละคร ความชะล่าใจแบบนี้นี่แหละที่ทำให้คนเราตายได้ “แต่สเกลโลกมันดูไม่ยิ่งใหญ่เหมือนสองโลกที่ผ่านมาเลยอ่ะ ไม่ถึงขั้นระเบิดจักรวาลทำลายล้างกาแล็กซี่ ฟังดูก็ไม่ได้ยากอะไรนะ ได้คะแนนมาหมูๆ แน่เลย”

[ขอเพียงพี่ชายแสดงบทบาทอย่างเหมาะสมย่อมสามารถทำภารกิจผ่านได้~♥]

ใช่...ถ้าโฮสต์เล่นไหวน่ะนะ

“มาเป็นกรรมการรายการแบบนี้ครั้งแรก ตื่นเต้นหรือเปล่าครับคุณพีท” เชฟตาม เจ้าของร้านอาหารเอเชียฟิวชั่นผู้มีอิทธิพลในวงการอาหารคนหนึ่งหันกลับมาส่งรอยยิ้มหวานให้กับดาราหนุ่ม

“ตื่นเต้นนิดหน่อยครับ ไม่รู้ว่าผมจะลิ้นถึงหรือเปล่า ถ้าชิมอะไรแล้วบอกว่าอร่อยทุกอย่าง คงต้องแย่แน่ๆ” พีทขยับยิ้มสุภาพอ่อนโยนดูทั้งถ่อมตัวทั้งน่ารักไปพร้อมกัน เขาเป็นคนหน้าตาหล่อเหลาชวนมองอยู่แล้ว ยิ่งได้สกิลแสดงออกทางสีหน้าอย่างสมบูรณ์แบบที่โฮสต์ไม่ได้ใช้ในชาติก่อนมาเพิ่มเติมยิ่งทำให้มีเสน่ห์น่าหลงใหลจนละสายตาไม่ได้กว่าเดิม

“การชิมอาหารไม่ได้ซับซ้อนมากหรอกครับคุณพีท ขอแค่ใช้ใจสัมผัสรู้สึกยังไงก็พูดออกมายังงั้น ผมเชื่อว่าคุณพีททำได้อยู่แล้ว” คำพูดฟังดูโอเคอยู่หรอก แต่พูดไปพูดมาเชฟใหญ่วัยปลายสามสิบก็เอื้อมมือมาจับมือของดาราหนุ่มเอาไว้ แถมยังขยับตัวมาใกล้ชิดกว่าเดิม “เทปแรกคงยังไม่มีอะไรมาก มีแต่เตรียมวัตถุดิบขึ้นของ เอาไว้เลิกกองแล้วไปร้านผมดีกว่าไหมครับ รอบก่อนยังไม่ได้ทำของหวานให้คุณพีททานเลย”

ภายนอกพีทยังคงยิ้มบางไม่ตอบอะไร แต่ภายในใจกำลังถูกความตะกละเข้ากัดกิน ไม่ทันได้สังเกตอะไรเลยว่าอาการของเชฟตามน่ะเกิดกว่าเพื่อนร่วมงานเพื่อนร่วมรายการไปมาก “พูดแล้วก็หิวขึ้นมาเลยอ่ะแม่สอง ร้านเขาเป็นร้านดังใช่มะ ต้องอร่อยแน่ๆ เลย เลิกงานแล้วไปต่อหน่อยก็ดีน้า”

ไม่ดีโฮสต์...ไม่ดี

โฮสต์ยังไม่ทันได้ตอบตกลง สัญญาณนับถอยหลังเริ่มถ่ายทำฉากต่อมาก็เตือนขึ้นเสียก่อน อีกฝ่ายเลยต้องยอมปล่อยมือกลับไปตีหน้านิ่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต่อไป เชฟตามทำสัญลักษณ์มือเหมือนว่าให้คุยกันอีกที ส่วนกล้องจับภาพไปยังเชฟอ้นที่แจกจ่ายโจทย์รอบแรกให้กับผู้เข้าแข่งขัน กติกาให้แบ่งสมาชิกเป็นสี่ทีมเพื่อโชว์ทักษะในการเตรียมวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นแล่ไก่ แล่ปลา หั่นผัก หั่นหอม ปอกกระเทียม แยกไข่แดง เตรียมน้ำสต๊อก

โจทย์ที่รายการให้มาจะว่าง่ายก็ไม่ง่าย จะว่ายากก็ไม่ยาก แต่เพราะเชฟที่เข้ามาแข่งขันแต่ละครล้วนเป็นเชฟใหญ่ ตำแหน่งสูง ประสบการณ์เยอะ และต่างพ้นสภาพการเป็นพวกลูกมือในครัวและ Commis[1] มานานแล้ว ทุกวันนี้ห่างจากหน้าที่เตรียมวัตถุดิบไปไกล พอให้มาขึ้นของเองก็เริ่มจะเก้ๆ กังๆ กลายเป็นภาพที่ดูแล้วขำไม่ออกพิกล

เมื่อเริ่มจับเวลากรรมการก็มีหน้าที่แค่เดินไปเดินมาสอดส่องอยู่ครู่หนึ่ง จนผู้กำกับได้ภาพและคำพูดที่ถูกใจแล้วถึงเริ่มทยอยไปนั่งพักกันบ้าง โฮสต์ที่สกิลฝีมือทำอาหารอ่อนหัดหยุดชะโงกมองพระเอกด้วยความสนใจ เชฟฉัตรเงยหน้าขึ้นจากที่กำลังแล่ไก่ เขาขยิบตาพร้อมรอยยิ้มมุมปากสุดเท่ให้ครั้งหนึ่ง ดาราสุดหล่อเลยขยิบตากลับไปแล้วเดินผละออกมา ส่วนนางเอกหรือเพื่อนสนิทของพระเอกในตอนนี้อยู่อีกทีม กำลังง่วนกับการแยกไข่แดงสามสิบฟองอยู่

“พระเอกอัธยาศัยดีเนอะ น่ารักกับทุกคนเลยทั้งคู่แข่งทั้งกรรมการ” โฮสต์ให้คะแนนพระเอกหลายบวกในใจ ไม่รู้ว่าจะมโนเชื่อมโยงเชฟฉัตรกับพระเอกในชาติก่อนๆ คนไหนอีก

[ตรวจพบข้อมูลบทบาทที่ได้รับบางส่วนที่ยังไม่ได้อ่าน ต้องการเปิดอ่านข้อมูลหรือไม่]

“พีรภัทรเป็นดารามาแรงไม่ใช่เหรอ แล้วก็เป็นแค่ไม้ประดับประจำรายการ ให้กำลังใจชี้แนะแนวทางให้พระเอกนิดหน่อยก็ไม่น่ามีอะไรต้องอ่านแล้วม้าง” ชะล่าใจมากๆ ไม่ใส่ใจกันสุดๆ แบบนี้ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปจะถือว่าเป็นความโง่ของโฮสต์ล้วนๆ แบบไม่มีวัวผสม เพราะระบบเตือนแล้วโฮสต์ไม่เชื่อฟังเอง สมควรโดนลงโทษแล้ว

โฮสต์ผิวปากร้องเพลงอารมณ์ดีแล้วขอตัวเดินออกไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะออกไปยังโบกมือให้กับเชฟตามที่ทำเหมือนจะเดินตามมาสมชื่อ แต่ว่าเชฟน้ำเพชรผู้เป็นกรรมการหญิงเพียงหนึ่งเดียวของรายการกลับรั้งเขาเอาไว้เสียก่อน ส่วนคนที่เดินตามโฮสต์มาด้วยกลับเป็นอีกคนหนึ่งแทน

“พีท” โฮสต์ที่เดินออกจากห้องน้ำหลังทำธุระเสร็จหันกลับไปมองตามเสียงเรียก ด้านขวามือของเขามีชายรูปร่างสูงกำยำยืนพิงกำแพงอยู่ ใบหน้าอาจไม่หล่อเหลาเหมือนร่างนี้ของโฮสต์ที่เป็นดารา แต่ก็คมเข้มบาดตาเป็นนายแบบบนแคทวอล์คได้สบาย เสียแต่ว่าท่าทางของเขาตอนนี้เคร่งเครียดจนเหมือนพร้อมจะฆ่าคน

“คลาดสายตานิดเดียว เที่ยวอ่อยคนอื่นไปทั่วอีกแล้ว?” เขาผลักร่างนักแสดงหนุ่มติดกับกำแพงแล้วใช้ร่างกายสูงใหญ่อย่างนักกีฬาขวางทางเอาไว้ มือหนาข้างหนึ่งขว้าข้อมือทั้งสองข้างของโฮสต์มารวบเอาไว้เข้ากันเหนือศีรษะ ปล่อยรังสีคุกคามออกมาแบบไม่กลัวเปลืองเลยสักนิด

“ผมเปล่า...” พีทลากเสียงอ่อย ความเจ็บปวดจากข้อมือทำให้หยดน้ำตาคลอหน่วยจนเกาะเต็มแพขนตาหนา ท่าทางดูแล้วน่าสงสารและน่าย่ำยีไปพร้อมกัน “ผมไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย”

“อย่ามาโกหก ไม่ได้อ่อย แต่คนในกองถ่ายมองเธอตาเป็นมัน เมื่อกี้เธอคุยอะไรกับไอ้ตาม” ชายร่างสูงผู้สังเกตการณ์ทั่วทั้งกองถ่ายตามหน้าที่แค่นหัวเราะในลำคอ ใบหน้าโน้มลงมาเข้าใกล้นักแสดงหนุ่มจนแทบแนบชิด ลมหายใจร้อนที่เป่ารดใบหน้าทำให้โฮสต์เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดผสมกันไปหมด จนต้องกรีดร้องในใจเรียกหาตัวช่วย...และตัวช่วยที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นระบบอยู่แล้ว

“แม่สอง! ช่วยด้วย! ”

ช่วยไม่ได้ ระบบทำได้แค่เฝ้ามอง ขอให้โฮสต์ช่วยเหลือตัวเองให้ได้แล้วกัน

“นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมอยู่ดีๆ ตาโปรดิวเซอร์ก็มาหาเรื่องเรา ร่างนี้เขามีปัญหาอะไรหรือไง อ่อยที่ว่าอ่อยอะไร ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่อง! ” โฮสต์ร้องโวยวายทั้งที่ในใจกำลังสั่นเป็นเจ้าเข้า ภายนอกบทบาทพีทก็เริ่มสั่นตามเหมือนกัน แต่เนื่องจากไม่ได้ OOC ระบบเลยไม่ได้ถือสาอะไร

[ตามเนื้อเรื่องแล้วพีรภัทรเป็นนักแสดงที่มีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับผู้คนหลายคน เรื่องนี้อยู่ในข้อมูลที่โฮสต์ยังไม่ได้อ่าน~♥]

พีท พีรภัทรถือเป็นนักแสดงละครประเภทเต้าไต่ หน้าตาหล่อเหลาก็จริง แต่เข้าวงการมาสามปีฝีมือการแสดงยังไม่ค่อยเข้าตา ผลงานไม่ได้เด่นดังอะไรมากมาย สุดท้ายเลยใช้วิธีหว่านเสน่ห์ผู้คนรอบข้างทั้งผู้กำกับทั้งนักแสดงด้วยกัน รวมถึงคนอื่นๆ ที่จะสามารถทำให้เขาก้าวหน้าได้ ถึงขั้นพลีกายแลกอาชีพการงานก็เคยทำ

สาเหตุที่พระเอกมีปัญหากับคุณไท โปรดิวเซอร์ใหญ่รายการ The Greatest Chef ก็เป็นเพราะความหึงหวงนี่ล่ะ พีรภัทรเล่นทั้งอ่อยทั้งนอนกับคนไม่เลือกหน้าขนาดนั้น เจ้าเชื้อ HIV มันเลยกระจายติดกันไปทั้งแผงน่ะสิ ยุคสมัยนี้คนเราควรจะใช้ถุงยางอนามัยกันให้คุ้นชินได้แล้ว

“มะ...หมายความว่าในรายการนี้มีกิ๊กเราทั่วเลยเหรอแม่สอง นี่พีทนอนกับใครไปบ้างแล้วเนี่ย อย่าบอกนะว่านอนกับทุกคนหมดแล้วยกเว้นพระเอก” โฮสต์หน้าซีดจัดพูดจาปากคอสั่นด้วยความตื่นตระหนกตกใจพลางพยายามไล่รายชื่อคนที่ยักคิ้วหลิ่วตาและทำตัวมีเลศนัยมาทั้งหมด ไล่มาตั้งแต่พิธีกรรายการ กรรมการ พระเอก จนมาถึงโปรดิวเซอร์ ระบบอยากจะสมน้ำหน้าแรงๆ ก็บอกแล้วว่าให้อ่านข้อมูลสักหน่อย นี่ยังจะมาขี้เกียจอีก

[พีรภัทรมีความสัมพันธ์กับแทนไทมาได้ปีกว่าแล้ว ผลงานละครที่ทำให้พีรภัทรได้รับรางวัลดาวรุ่งพุ่งแรงก็มาจากเส้นสายที่แทนไทจัดการให~♥]

“แงงงง ทำไมไม่ส่งเรามาเร็วกว่านี้สักสองปีเนี่ย” โฮสต์น้ำตาไหลพรากๆ ในใจ ยิ่งเห็นใบหน้าถมึงทึงเหมือนยักษ์มารของโปรดิวเซอร์หนุ่มรูปหล่อ น้ำตาในใจยิ่งทะลักออกมากว่าเดิม เขาเคาะระบบมาร้องโวยวายไม่หยุด “ฮึก...กลัวแล้วนะ ทำไงเขาถึงจะปล่อยเราไป เราไม่เอาแล้ว ให้ตายยังไงก็นอนกับเขาไม่ได้หรอก”

ถึงจะผ่านมาหลายชาติ แต่โฮสต์ดันเคยมีความสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่นแค่ชาติเดียว ชาติที่เขาเป็นเอลฟ์นักบวชแห่งแสง หนึ่งในฮาเร็มสิบห้าเมียของผู้กล้า แถมด้วยการเป็นนักบวชทำให้ทำเรื่องแบบนั้นได้ไม่มาก ส่วนใหญ่ก็แค่คลอเคลียกันมากกว่า ไอ้เรื่องเสร็จสมจนเสร็จกิจน้อยจนนับนิ้วได้

[ถ้าส่งมาเร็วกว่านี้และไม่สานสัมพันธ์กับแทนไท จะทำให้พีรภัทรไม่ได้ใช้เส้นสายจนกลายเป็นพระเอกดัง และคงไม่ได้รับเลือกมาเป็นกรรมการในรายการนี้]

ความยากของโลกนี้ก็คืออะไรแบบนี้แหละโฮสต์ สเกลง่าย เซตติ้งง่าย แต่ต้องมารับบทผู้ชายไม้เลื้อยอ่อยไปทั่วไม่เว้นชายหญิงเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานและเพื่อความสนุก ห่างไกลกับนิสัยดั้งเดิมของโฮสต์สุดกู่ เรียกได้ว่าจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ให้คนโง่มาเล่นเป็นคนฉลาดแกมโกง ถือว่าเป็นการท้าทายความสามารถกันชัดๆ

“ฉันถามอีกครั้ง เมื่อกี้เธอคุยอะไรกับไอ้ตาม” มือหนาเลื่อนมาจับคางอีกฝ่ายเอาไว้แล้วบีบแน่นจนผิวขาวแทบเกิดรอยช้ำ ดวงตาของโปรดิวเซอร์เหมือนมีประกายเพลิงลุกไหม้อยู่ภายในดูร้อนแรงจนพร้อมแผดเผาทุกคน ถ้าตอบไม่ถูกใจคราวนี้....ไม่รู้เหมือนกันว่าโฮสต์จะต้องเจอกับอะไร แต่ที่แน่ๆ เรื่องนี้ระบบจะไม่ยุ่ง

“เอาไงดีอ่าแม่สอง ช่วยคิดหน่อยเซ่ ไม่มีตัวเลือกช่วยเหลือหน่อยเหรอ...ฮือออ”

จะพึ่งระบบไปตลอดได้ยังไงล่ะ เรื่องของตัวเองก็ต้องหัดจัดการเอง คิดให้ดีโฮสต์ ระบบเตรียมไว้อาลัยรอแล้ว


โปรดติดตามตอนต่อไป...


ซินเอ๋อร์:


อยากเขียนแนวพระเอกพิศาลบ้างค่ะเลยออกมาทรงนี้ ตอนแรกจะเขียนเป็นโอเมก้าเวิร์ส แต่ก็ดันมีพล็อตรายการทีวีขึ้นมา เห็นปรกติเขาเป็นดารานายแบบกัน เราจะเป็นรายการทำอาหารค่ะ! ความรู้อาจไม่มาก แต่จะพยายามรีเสิร์ชและทำการบ้านนะคะ บางอย่างลงลึกไม่ได้ก็ขอแตะแค่ผิวๆ น้า

พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะะ จะรีบปั่นนะคะ ตอนนี้เปิดเทอมแล้ว ทำงานอีก เอาใจช่วยให้ซินเอ๋อร์รอดตายด้วยค่าา

เชิงอรรถ

^ Commis (III,II,I) เป็นตำแหน่งผู้ช่วยในครัวที่สูงกว่า Cook Helper มีหน้าที่เตรียมวัตถุดิบในครัว และปรุงอาหารบางจานตามที่พ่อครัวหรือเชฟสั่ง ถ้าขึ้น Commis I ถือเป็นกุ๊กที่เป็นงานแล้ว
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 3 บทนำ 4.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-11-2019 20:24:06
งานเข้าแล้ววว
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 3 บทนำ 4.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 04-11-2019 21:44:59
สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 3 บทนำ 4.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 07-11-2019 15:36:07
 :hao7:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 3 ครึ่งแรก 13.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 13-11-2019 02:16:42
​Arc 3 ในครัวแม่งเถื่อน ไม่เก๋าจริงอยู่ไม่ได้ (ครึ่งแรก)
 

“ไม่ได้คุยอะไรกันเลย...” โฮสต์ในบทพีทรู้สึกกลัวจนหยดน้ำตาไหลรินออกมาตามหางตา ทั้งที่ดูน่าสงสารแต่อีกฝ่ายกลับไม่เบาแรงลงเลยแม้แต่น้อย ในนาทีนี้โฮสต์ที่ใสซื่อบื้อเลยเลือกตอบตามความเป็นจริง ให้เขาทำตัวกะล่อนลัดเลี้ยวเหมือนบทบาทต้นฉบับเขาทำไม่ได้จริงๆ “เชฟตามแค่ชวนผมไปกินข้าวหลังเลิกกอง เขาบอกว่าจะทำของหวานให้กิน”

“หึ” แทนไทจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยก็รู้ว่า ‘เด็กปั้น’ ของเขาไม่ได้โกหก ครู่หนึ่งที่แววตาของเขาสั่นไหวก่อนมันจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของโปรดิวเซอร์หนุ่มยังคงดูโกรธขึ้ง แต่ถ้าสังเกตให้ดีกลับพบว่าเปลวเพลิงในดวงตามอดหายไปมากแล้ว เขากระตุกยิ้มพร้อมกับออกแรงบีบคางโฮสต์มากขึ้นเหมือนยั่วเย้า “ปากเล็กๆ ของเธอมันไม่รู้จักพอสินะ อยากกินมากนักหรือไง ขนมเฮงซวยฝีมือไอ้ตาม”

“ผมเปล่—” พีทปฏิเสธยังไม่ทันได้จบคำ อีกฝ่ายกลับโน้มใบหน้าลงมาแนบจูบหนักหน่วงเสียก่อน เขาทั้งขบกัดดูดเม้มอย่างรุนแรงอย่างไม่สนใจว่าคนเบื้องหน้ายังต้องใช้หน้าตาทำมาหากิน โฮสต์พยายามเบี่ยงหน้าขยับหนี ปฏิเสธจูบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ แต่พอถูกบีบคางหนักเข้า คนอ่อนหัดคงทนไม่ไหวอีกต่อไป ทันทีที่กลีบปากเผยอออกเรียวลิ้นร้อนก็สอดแทรกรุกล้ำเข้าไปภายใน กวาดเลียเสียจนเหมือนจะกลืนกินไปให้หมด

“มะ...แม่สอง” โฮสต์ที่โดนปล้ำจูบอย่างเผ็ดร้อนยังอุตส่าห์จะมีอารมณ์มาเคาะเรียกระบบอีก เสียงอ่อนระทวยจนแทบจะละลายกลายเป็นชีสเหลวแล้ว “มะ..ไม่ไหวแล้วอ่ะ เหมือนจะเคลิ้มเลย ทำไงดี... ฮึก เขาจูบเก่งมากเลย”

เคลิ้มโล้ด โฮสต์ปฏิเสธสัญชาตญาณร้อนแรงของร่างนี้ไม่ได้หรอก เจ้าหนุ่มคนนี้เหมือนน้ำมันเบนซินดีๆ นี่แหละ วัตถุอันตรายห้ามอยู่ใกล้ไฟ เพราะถ้าอยู่ไกลเมื่อไรไฟติดพรึบ ความสดใสไร้สติของโฮสต์มันจะได้หมองมัวกันก็คราวนี้แหละ

เสียงฝีเท้าจากไกลๆ ทำให้โปรดิวเซอร์ใหญ่ลูกชายเจ้าของช่องยอมถอนจูบออกมาด้วยความรู้สึกเหมือนโดนขัดใจ สาเหตุหลักเพราะแทนไทยังไม่ได้ครอบครองช่องนิวทีวีเต็มตัว ถึงคนอื่นจะร่ำลือกันว่าพีทเป็นเด็กปั้นของเขา แต่ก็ไม่ได้มีหลักฐานชัดเจน ถ้าพบเจอกันจะๆ มีพยานหลักฐานว่าเขาทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดตั้งแต่ยังไม่รับตำแหน่ง คงได้ชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั้งสมภารทั้งไก่วัด

“อย่าให้เห็นว่าสนิทกับใครไปทั่วอีก จะไอ้ตาม ไอ้เชฟฉัตร หรือไอ้นิวเคลียร์ ฉันไม่เอามันไว้ทั้งนั้น” แทนไทไล่หัวทั้งกรรมการ ผู้เข้าแข่งขันและพิธีกร ท่าทางหึงโหดจนเหมือนพร้อมยิงโฮสต์ทิ้งได้ทุกเวลา เขาไล้นิ้วโป้งไปตามกลีบปากที่เริ่มบวมช้ำก่อนจะยอมปล่อยมือที่จับโฮสต์เอาไว้ออก “ถ้าหิวมากนักวันนี้ฉันจะพาไปหาอะไรกิน เลิกกองเดี๋ยวเอารถมารับ”

แทนไทเดินเข้าห้องสตูดิโอที่ถ่ายรายการต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้โฮสต์ที่สติหลุดลอยยืนกุมหน้าอกหอบหายใจอยู่พักหนึ่ง ข้อดีของคนโง่คือไม่คิดเยอะแยะมากมาย แค่แปปเดียวก็เริ่มทำใจได้ โฮสต์แตะปลายนิ้วกับริมฝีปากของตัวเองแล้วมองเหม่อไปทางที่อีกฝ่ายหายไป “เขาดุขนาดนี้...พีทมันยังกล้ามีกิ๊กไปทั่วไปอีกเหรอ ใจกล้าจริงๆ”

อันที่จริงระบบคิดว่าแทนไทไม่น่าจะหวงเด็กที่ตัวเองเลี้ยงไว้ขนาดนั้น ยกเว้นแต่ว่าแทนไทคนนั้นมีอะไรบางอย่างที่ผิดปรกติ ไม่รู้โลกนี้พี่แกไปอัพเกรดอะไรขึ้นมาถึงได้กลายเป็นคนชอบครอบครองรุนแรงขนาดนั้น อีกหน่อยก็คงเอาโซ่มาล่ามคอโฮสต์เอาไว้แล้วมั้ง คงเพราะเป็นตัวร้ายมาโดยตลอด นิสัยตัวเองมาผสมกับคาแรกเตอร์เดิมเลยยิ่งไปกันใหญ่ ยังดีที่แววตาเขายังมีสติรู้คิดอยู่บ้าง ดูท่าเขาคงมาถึงก่อนโฮสต์นานแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีความทรงจำและสำนึกตื่นรู้ตั้งแต่เมื่อไร

ระบบรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ไม่สามารถสปอยล์ให้โฮสต์รู้ได้ นี่เป็นเรื่องราวระหว่างเขาทั้งสองคน โฮสต์ต้องรู้จักมองคนที่จิตวิญญาณและใช้สมองก้อนน้อยๆ ที่มีรอยหยักไม่มากคิดไตร่ตรองเอาเอง ควรคิดได้ว่าคนที่แอบชอบเขาตามโฮสต์มาหลายชาติแล้ว ไม่รู้ว่าไปติดใจความโง่ตรงส่วนไหนในโลกไหนกันแน่

โฮสต์ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งถึงจะเดินกลับเข้าไปในกองถ่ายได้ ส่วนปากที่เจ่อน้อยๆ ก็แถไปว่าแพ้ลิปมันที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ขยี้หนักไปปากเลยบวมไปหมด ให้ช่างแต่งหน้าช่วยเก็บงานสักหน่อยแทน พอกลับเข้าไปนั่งประจำที่ก็หลบเลี่ยงไม่สบสายตากับคนที่พีทเคยหว่านเสน่ห์เอาไว้ ทำท่าเป็นเหม่อมองเหล่าผู้แข่งขันด้วยความสนใจกึ่งไม่สนใจ แต่ข้างในกำลังคุยกับระบบน้ำไหลไฟดับ

“แบบนี้ไม่โอเคอ่ะ ไม่ไหวแน่แม่สอง ถ้าอยู่กับหมอนี่ต่อ เราต้องโดนปล้ำจนใจแตกแน่ๆ สุดท้ายโดนผู้ชายหลอกจนหนีออกจากบ้าน กลายเป็นสก๊อยผมทองผิวสี พลาดพลั้งจนต้องไปขายบริการหาเงินมาซื้อยากับเลี้ยงดูสามี”

[…]

คิดว่าตัวเองเป็นสาวน้อยวัยใสอ่อนต่อโลกหรือไงน่ะ แล้วนั่นมันอะไร อย่าเอาพล็อตการ์ตูนโป๊บทปวดตับสะท้อนสังคมมาพูดได้ไหม ไหนบอกว่าเป็นหนุ่มใสซื่อบื้อ ทำไมเคยไปอ่านอะไรแบบนี้...ภาพลักษณ์เสียหายหมดแล้วโฮสต์!

“เรากลัวมากจริงๆ นะ เราไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย” โฮสต์หลุบสายตาลงต่ำ ไหนเขาบอกว่าคนโง่ไม่ใช่สมองแต่ใช้ความรู้สึก โฮสต์ต้องโง่และป๊อดขนาดไหนที่มีแค่ความรู้สึกแล้วยังจะไปกลัวความรู้สึกตัวเองอีก ระบบที่ย้ายข้างไปเชียร์ไอ้หนุ่มคนนั้นรู้สึกผิดหวังในตัวโฮสต์มากๆ “เราเลิกกับเขาดีกว่าไหม”

[ตรวจพบ OOC!! ]

[พีท พีรภัทรไม่มีทางปล่อยถังข้าวสารอย่างแทนไทไปได้ง่ายๆ นอกเสียจากจะโดนเขี่ยทิ้ง หากตัดสินใจบอกเลิกเมื่อไร ถือว่าเป็นการ OOC ขั้นร้ายแรง มีโอกาสถูกหักคะแนนได้ถึง 15,000 คะแนน]

“อะร้ายยย ขอเลิกก็ไม่ได้! ” โฮสต์บุ้ยปากร้องแงๆ อีกแล้ว “นี่เราต้องผูกติดกับเขาไปนานแค่ไหนเนี่ย...จนกว่าจะโดนเขี่ยทิ้งนี่มันนานแค่ไหน ถ้าเราทำตัวน่ารำคาญให้เขารีบทิ้งๆ จะได้ไหมเนี่ย”

ทำไมทีเรื่องแบบนี้ฉลาดขึ้นมาได้ ระบบชักจะสงสัยในกระบวนการทำงานของสมองโฮสต์ขึ้นมาแล้ว

[เงื่อนไขของพี่จ๋าคือห้ามบอกเลิกแทนไทด้วยตนเอง~♥]

โฮสต์พยักหน้าหงึกหงัก แผนการที่ดีที่สุดของเขาในตอนนี้คือทำตัวเป็นกรรมการที่ดี ให้คอมเม้นท์ดีๆ กับพระเอก คอยให้กำลังใจในวันที่เหนื่อยยาก เรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่นจากที่อ่อยหนักก็เปลี่ยนมาเป็นคนสุภาพเรียบร้อยคุยเก่งมีเสน่ห์แทน การอ่อยกับการอัธยาศัยดีมันก็มีแค่เส้นบางๆ กั้นอยู่แค่นั้นแหละ ส่วนแทนไท เขาตั้งใจจะทำตัวเรื่องมากเรียกร้องเยอะ คอยดูสิว่าอีกฝ่ายจะไม่รีบเฉดหัวส่งได้ยังไง

สัปดาห์แรกมีคนตกรอบไปโดยยังไม่เริ่มทำอาหารไปแล้วสองคน แต่เหมือนโปรดิวเซอร์เจ้าของรายการไม่ได้สนใจอะไรมากมาย แทนไทตรวจความเรียบร้อยต่างๆ ทั้งที่สายตายังจ้องเขม็งมายังโฮสต์ ต่อให้โฮสต์จะไม่ค่อยสังเกตสิ่งรอบข้างแค่ไหน ก็อดยังรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ไม่ได้ ตอนแรกเขาตั้งใจจะเผ่นหนี แต่ถึงเวลาจริงๆ กลับมีปอร์เช่สปอร์ตคันหนึ่งจอดดักที่หน้าประตูเสียก่อน

โฮสต์ตั้งใจจะทำตัวใจแข็ง แต่ถึงเวลาจริงกลับทำไม่ได้เลย คงเพราะชาติก่อนเป็นผีโครงกระดูกไม่ได้สัมผัสรสชาติอาหารดีๆ มานานหลายสิบปีแล้ว แถมโลกก่อนๆ ก็สถานการณ์บีบบังคับ ไม่ค่อยได้ลิ้มรสอะไรมากมายเท่าไร คราวนี้โดนพามาห้องอาหารรูฟท็อปชื่อดังเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ข้างหน้ามีไวน์ฝรั่งเศสขวดละเหยียบหมื่น อาหารฟูลคอร์สจานละนิดจานละหน่อยแต่ดูน่ากินตระการตาไปหมด...โฮสต์จะห้ามความตะกละของตัวเองได้ยังไงไหว

“ทำไมฟูลคอร์สต้องมาทีละจานด้วย เอามาวางให้หมดแล้วกินทีเดียวไม่ได้เหรอ เราหิวจนน้ำลายจะไหลแล้ว”

น่าเกลียดมากโฮสต์ ทำแบบนั้นขึ้นมาเสียภาพพจน์หมดกันพอดี

[ถ้าปล่อยให้น้ำลายไหลออกมาจริงๆ จะถือว่าเป็น OOC ไม่รักษาภาพลักษณ์ของตัวละคร~♥]

ยังดีที่โฮสต์ยังรู้จักกลัวคำว่า OOC อยู่เลยยอมนั่งกินอย่างสงบเสงี่ยมดีและพยายามเลี่ยงไม่สบตาฝั่งตรงข้ามให้ได้มากที่สุด ลูกชายเจ้าของช่องคงไม่ได้รู้สึกอยากอาหารอะไรเท่าไร ถึงได้เอาแต่จิบไวน์แดงพลางจ้องมองคู่ขาผสมเด็กเลี้ยงของตัวเองไม่วางตา พอถึงจานหลักที่เป็น Ballotine[1] ไก่ยัดไส้ตับห่านและต้นหอมญี่ปุ่น ราดด้วยซอสเฮเซลนัทบัลซามิกและไวท์ทรัฟเฟิล เขาก็ยังคงมองโฮสต์เก๊กท่าสวาปามด้วยความสงบนิ่ง กลิ่นอายอันตรายเมื่อตอนก่อนหน้าหายไปเกือบครึ่ง

“คุณไทไม่ค่อยหิวเหรอครับ” โฮสต์เงยหน้าขึ้นมากะพริบตามองอีกฝ่ายตาปริบๆ ใจนึกอยากจะขอแบ่งอาหารมาสักหน่อย ฟูลคอร์สมันจานน้อยเหลือเกิน เขากลัวตัวเองจะไม่อิ่ม

“คงงั้น ฉันมองเธอกินอร่อยก็พอแล้ว” คุณไทที่ว่าแค่ขยับยิ้มมุมปากแบบมีเลศนัย คำพูดคำจาจากตัวร้ายเข้าใกล้การเป็นพระเอกพวกประธานบริษัทจอมเผด็จการขึ้นแล้วทุกที ชายหนุ่มขยับมือให้หยาดน้ำสีแดงเข้มในแก้วขยับหมุนวนเบาๆ นัยน์ตาจับจ้องมาที่โฮสต์เหมือนกับอสรพิษกำลังพิจารณาเหยื่อว่าจะกินจากส่วนไหนดี “อีกอย่าง...ฉันมีของอร่อยรอให้กินอยู่แล้วคืนนี้”

“...” โฮสต์แทบจะสำลัก แต่ด้วยบททำให้ขยับยิ้มทำเป็นเอียงอายขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน ข้างในใจก็ยังคงร้องแงๆ ขอความเห็นใจเหมือนเคย “นี่จะโดนกินจริงๆ เหรอเนี่ยคืนนี้ ไม่เอาแล้วได้ไหม ไม่ทำ ไม่อ๊าววว หมอนี่ต้องเป็นพวกเซ็กส์ซาดิสม์ไม่อ่อนโยนแน่ๆ เราต้องตายชัวร์”

โวยวายเกินไปแล้วโฮสต์ อย่าให้เห็นว่าฟินนะ ถ้าระบบมีมือจะฟาดโฮสต์ด้วยไม้หน้าสามสักที

“คุณไทจะกินอยู่ฝ่ายเดียวได้ยังไง ไม่แฟร์เลย” โฮสต์เก๊กหน้าทำทีเป็นเจ้าเล่ห์แสนกลทั้งที่ข้างในกำลังสั่นกึกๆๆๆๆ ไปหมด สั่นกว่านี้ก็เป็นพาร์กินสันแล้ว “อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรมาแลกหน่อยไม่ใช่หรือไง”

“เธออยากได้อะไรล่ะ? รถ? นาฬิกา? หรือบทพระเอกหนังใหม่ของค่าย 4GH?”

“ของแค่นั้นผมไม่ต้องขอก็ได้มาอยู่แล้ว” พูดออกไปได้สมบทบาทพีทมากจนระบบอยากให้คะแนนเพิ่ม สมองน้อยๆ ของโฮสต์รีบประมวลผลอย่างรวดเร็ว นี่คือโอกาสอันดีที่จะกำจัดเพื่อนสนิทของพระเอกไปได้ ผู้หญิงคนนั้นสุดท้ายจะเอาตัวมายุ่งกับทั้งเชฟฉัตรทั้งแทนไท วุ่นวายกันไปหมด เรียกว่านารีพิฆาตแท้ๆ “ผมไม่ชอบเชฟเมย์เลย เวลามองคุณไทเหมือนอยากเป็นหนูตกถังข้าวสารยังไงไม่รู้ เห็นแล้วเกะกะลูกตา ไล่ออกจากรายการไปไม่ได้เหรอ”

ความเรื่องมากเอาแต่ใจแรกของโฮสต์มาถึงแล้ว โปรดิวเซอร์ใหญ่ลูกชายเจ้าช่องก็คือเจ้าของรายการดีๆ นี่เอง การไปขอร้องกึ่งสั่งแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการไปแทรกแซงงานของเขา อย่างหนึ่งคือเอาแต่ใจแบบล้ำเส้น ผู้ชายนิสัยเผด็จการเอาใจตัวเองเป็นใหญ่แบบเขาคงไม่ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว จะให้กรรมการรายการตัวเล็กๆ ที่เป็นแค่ไม้ประดับมามีอำนาจเหนือการตัดสินใจได้ยังไง

โฮสต์ตักของหวานกินด้วยรอยยิ้มเบาบาง ในใจคิดอยู่แล้วว่ายังไงแทนไทก็ไม่ตอบตกลง เพราะงั้นคืนนี้เขาอาจจะเอาตัวรอดไปอีกคืนได้ “หรือถ้าคุณทำไม่ได้...คืนนี้ก็จบกัน”

แทนไทกระตุกยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาเอื้อมมือไปใช้นิ้วโป้งแตะน้ำตาลไอซิ่งจากของหวานที่มุมปากของโฮสต์ก่อนจะแลบลิ้นเลียปลายนิ้วตัวเองเบาๆ น้ำเสียงของแทนไทแหบพร่าฟังแล้วเหมือนล่อลวงกันยังไงบอกไม่ถูก “เอาสิ...ถ้าคืนนี้เธอเป็นเด็กดี อยากได้อะไรฉันก็จะให้ทั้งหมดนั่นล่ะ”

โฮสต์ตัวสั่นกว่าเดิมเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรับปากง่ายๆ แบบนี้ แต่ช้าไปเสียแล้ว แทนไทใจร้อนเกินกว่าจะขับรถกลับไปคอนโดที่เป็นรักรังได้ จากห้องอาหารรูฟท็อปดาราหนุ่มจึงโดนหิ้วกลับไปห้องสวีทของโรงแรมเป็นที่เรียบร้อย เวลานี้จะเหนียมอายคงไม่ทันแล้ว

ทันทีที่ประตูห้องปิดลงชายร่างสูงก็ขบเบียดประกบริมฝีปากจูบจนแนบแน่น มือหนารั้งร่างของโฮสต์เข้ามาก่อนจะกอบกุมสะโพกงอน บีบเค้นผ่านเนื้อผ้าโดยไม่เบาแรง ส่วนกลางร่างกายที่เริ่มแข็งขืนขยับเสียดสีกับลำตัวพีทด้วยความร้อนเร่า

ถึงเวลานี้แล้วโฮสต์ยังจะมีเวลามาเคาะเรียกระบบอีก เสียงของโฮสต์อยู่ตรงกลางระหว่างความหวั่นไหวและความไม่มั่นใจ เรียกได้ว่าทำตัวไม่ถูกแบบไม่ถูกจริงๆ สถานการณ์ไม่คุ้นชินแบบนี้มากเกินกว่าคนโง่แบบโฮสต์รับมือได้ “จะดีเหรอแม่สอง...ทำแบบนี้จะไม่ถือว่านอกใจเขาจริงๆ นะ”

เขาที่ว่านี่เขาคนไหน เขาที่โฮสต์มโนไปเอง หรือเขาที่เป็นนนทเรศ โฮสต์ควรจะกลับไปตัดสินใจเลือก ‘เขา’ ให้ดีก่อนจะมารู้สึกลังเล คนโง่ที่หลายใจสมควรโดนระบบเอาไฟฟ้าช็อตนะ

[มาถึงขั้นนี้แล้วพี่จ๋า ขึ้นหลังเสือแล้วลงยากนะฮะ~♥]

“ฮื่อ...” ไม่รู้ว่าโฮสต์ตอบกลับมาหรือว่าครางกันแน่ เสื้อผ้าแบรนด์เนมของพีทเริ่มหลุดร่วงลงพื้นไปทีละชิ้นตั้งแต่อยู่แค่หน้าประตูห้อง ร่างโปร่งถูกอุ้มช้อนขึ้นจนลอยเหนือพื้น โฮสต์ใช้สองแขนโอบรอบลำคอหนาเช่นเดียวกับเรียวขาที่โอบรอบเอวสอบของอีกฝ่ายเอาไว้โดยไม่มีความรู้สึกต่อต้านอีกต่อไป สติที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วของโฮสต์ต้องพ่ายแพ้ให้กับสัญชาตญาณร่างกายในที่สุด

เนื่องจากเรทกำหนดไว้ว่า PG-13 ระบบจึงขอตัดภาพจอดำก่อนที่เนื้อหาจะกลายเป็น NC-18

ระบบไล่ดูข้อมูลสถิติต่างๆ อยู่พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงเคาะของโฮสต์ ตอนแรกเบาเสียงเอาไว้เลยไม่ได้ยิน แต่อีกฝ่ายกลับเคาะหนักขึ้นจนกลายเป็นการทุบดังปังๆๆๆ ระบบเลยเร่งเสียงให้กลับมาในระดับเดิม

“อ่ะ...แม่สอง” โฮสต์เรียกด้วยเสียงกระเส่าชนิดที่ว่าถ้าระบบมีขนก็คงจะขนลุกเกรียวด้วยความสยดสยอง สงสัยระบบจะเพิ่มระดับเสียงมากเกินไป ถึงทำให้ได้ยินเสียงเสียดสีเหนอะหนะติดมาด้วย ส่วนโฮสต์ที่พูดอะไรแทบจับใจความไม่ได้เพราะลมหายใจขาดห้วง ยังจะอุตส่าห์มาบอกเล่าแชร์ประสบการณ์ให้ระบบฟังอีก

“ฮึ่ก...รู้สึกดี...มากเลย มันลึก อ๊า...! จะไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว อื้อ!”

[…]

Too much information!!

ระบบไม่ได้อยากรู้ (ว้อยยยย)

ระบบ mute เสียงโฮสต์ทิ้งทันที และจะเปิดใหม่อีกครั้งหลังจากเก้งป่าเดือนสิบสองทั้งคู่ทำการฟีทเจอริ่งกันเสร็จแล้ว บายส์

 

โปรดติดตามตอนต่อไป...

 
เชิงอรรถ
 

^ Ballotine เป็นไก่ยัดไส้สไตล์ฝรั่งเศส



หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 3 ครึ่งแรก 13.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-11-2019 14:28:49
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 3 ครึ่งแรก 13.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 14-11-2019 17:48:31
โดนเฟรนโซนมาหลายชาติในที่สุดก็ได้กินสักที
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 3 ครึ่งแรก 13.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 15-11-2019 21:03:27
 :hao6:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 3 ครึ่งหลัง 16.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 16-11-2019 17:01:13
Arc 3 ในครัวแม่งเถื่อน ไม่เก๋าจริงอยู่ไม่ได้ (ครึ่งหลัง)

“อันนี้คือเรียกว่าของกินเหรอครับ” เชฟอ้นผู้รับบทเชฟใจร้ายประจำรายการหั่นใช้มีดอาหารในจานจนเห็นเนื้อที่ยังเป็นวุ้นภายใน หน้าตาของเขาเรียกได้ว่านอกจากบอกบุญไม่รับแล้วอาจจะเอาปืนยิงคนมาบอกบุญอีกสักนัดด้วย “นี่มันเนื้อไก่นะครับ คุณเป็นเชฟภาษาอะไรถึงคิดเสิร์ฟเนื้อไก่ไม่สุกให้คนอื่นกิน”

หน้าตาของเชฟเมย์ตอนนี้ซีดยิ่งกว่าไก่บนจานเสียอีก สัปดาห์นี้โจทย์การแข่งขันคือ ‘เป็นไปไม่ได้’ มีสปอนเซอร์ประจำตอนคือบริษัทเกษตรอินทรีย์ที่มีผลิตภัณฑ์เป็นทั้งผักและเนื้อสัตว์ออแกร์นิค เพื่อนสนิทคู่จิ้นคนสวยของเชฟฉัตรที่ผลงานไม่ดีตั้งแต่ในช่วงชาแลนจ์วัดใจตอนต้นรายการเลยพยายามคิดไอเดียแปลกใหม่ออกมาเต็มที่ อาหารที่ตอนแรกควรสร้างความฮือฮาแถมโปรโมทสินค้าได้ดี พาเธอชนะลอยลำเข้ารอบต่อไปอย่างสวยงาม แต่ไหงกลายเป็นโดนด่าเละเทะจนหมดสภาพได้ก็ไม่รู้

“ผมเข้าใจความพยายามของเชฟเมย์นะครับ” พีทขยับยิ้มเบาบางประกอบคำพูด นอกจากหน้าที่ไม้ประดับอาหารตาในรายการแล้วเขายังเป็นกรรมการใจดีที่คอยปลอบและให้กำลังใจผู้เข้าร่วมแข่งขันมาโดยตลอด จนกลายเป็นพ่อพระประจำรายการไปแล้ว เชฟเมย์พอใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง แต่พอกะพริบตามองอีกที ใบหน้ายิ้มแย้มของดาราหนุ่มกลับกลายเป็นใบหน้าบึ้งตึงไปแล้ว “แต่เนื้อไก่กึ่งสุกกึ่งดิบมันเกินสามัญสำนึกไปนะครับ พยายามแค่ไหนผมก็ทำใจกินไม่ได้อยู่ดี”

โฮสต์ในบทพีทโยนมีดและส้อมลงจานดังแกร๊ง ด้วยสกิลแสดงออกทางสีหน้าอย่างสมบูรณ์แบบทำให้หน้าตาบึ้งตึงตอนโกรธยังดูสวยจนใจทั้งตากล้องและผู้กำกับรายการใจสั่นไปพร้อมกัน เบื้องหน้าดูดียังไง เบื้องหลังโฮสต์ก็ยังเป็นโฮสต์โง่คนเดิมอยู่ดี “นายดูดิแม่สอง เชฟเมย์หน้าซีดเลย เจอหนักแบบนี้ต้องปิ๊วตั้งแต่สัปดาห์ที่สองแน่ๆ เลย กิกิกิ”

เสียงหัวเราะของโฮสต์น่ะ น่าเกลียดมาก

“ผมเห็นด้วยกับคุณพีท เนื้อไก่ยังไงก็กินดิบไม่ได้ เพราะมันมีเชื้อซาลโมเนลลา อาจทำให้ท้องร่วงหรืออย่างมากคือถึงตายได้นะฮะ เชฟเมย์ทำแบบนี้คือไม่รับผิดชอบต่อคนกิน” เชฟตามดุจบผู้เข้าแข่งขันจบก็เหลือบมองใบหน้าสวยของกรรมการที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาหวานเยิ้ม มือเอื้อมไปกุมหลังมือของนักแสดงหนุ่มแผ่วเบาเหมือนต้องการปลอบใจ แต่โฮสต์กลับรีบดึงมือหนีเหมือนถูกไฟช็อต สายตามองไปยังข้างผู้กำกับที่มีชายร่างสูงยืนกอดอกมองอยู่ หน้าตาของแทนไทถึงยังคงเรียบเฉย แต่ดวงตาปล่อยออร่าพร้อมฆ่าตายให้เรียบอย่าให้เหลือ คนที่หน้าซีดเป็นไก่ไม่สุกเลยกลายเป็นโฮสต์แทน

“กลัวแล้วอ่า กลัวแล้ว!”

ระบบขออนุญาตแหม่ยาวๆ กลัวอะไรกันล่ะ ทีเวลาอยู่บนเตียงกับเขาไม่เห็นจะกลัวอะไร มีแต่เคลิ้มร้องอ๊ะอ๊างให้คนจับพลิกหน้าพลิกหลังดัดตัวสารพัดท่ายิ่งกว่าฤๅษีดัดตนอีกไม่ใช่เรอะ มาตอนนี้มาทำเหนียมอายก็ไม่ทันแล้วไหมโฮสต์

“สัปดาห์นี้เชฟเมย์คงต้องแขวนกระทะกลับบ้านแล้วมั้งแม่สอง” โฮสต์เหล่มองคู่จิ้นของพระเอกแล้วแอบยิ้มร่าในใจ “ทีนี้ก็เคลียร์เควสไปได้อย่างหนึ่ง เหลือแค่สลัดแทนไททิ้งก็รอดแล้ว! คอยดูนะเราจะทำตัวงอแงสุดๆ ไม่ยอมให้เขาจับกินด้วย”

ไม่ใช่ว่าปรกติก็งอแงอยู่แล้วหรอกเรอะ? คนอย่างโฮสต์อย่ามาทำพูดไปเลย ถ้าอีกฝ่ายเขาจับจุดถูกดีกับโฮสต์ซะหน่อย คนอ่อนระทวยพ่ายแพ้ก็คงไม่พ้นโฮสต์เองนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่มโนว่าพระเอกเป็นคนรักของตัวเองมาหลายชาติหรอก

[ถ้าพี่จ๋างอแงเกินไปจะ OOC ได้นะฮะ~♥]

โฮสต์พยักหน้าหงึกหงักแล้วหันกลับไปมองสถานการณ์ในสตูดิโอต่อ เชฟเมย์ตอนนี้ตกอยู่ในที่นั่งลำบากแล้วจริงๆ เมื่อกี้ที่ผู้กำกับสั่งคัทก็โดนสปอนเซอร์รายการเรียกไปต่อว่าเรื่องที่ใช้ไก่ดิบแล้วอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับลูกค้าจนส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์แบรนด์ได้ ผู้หญิงที่ควรจะได้เป็นนางเอกของรายการถึงกับน้ำตาตก รอบวัดใจที่ได้โจทย์เปลี่ยนหวานเป็นคาว เปลี่ยนคาวเป็นหวาน เธอก็ทำได้ไม่ดี ไม่ต้องถามถึงสัปดาห์ก่อนที่ได้ธีมสีแดงแล้วทำอาหารออกมาเผ็ดจัดจนรายการได้ฉากดาราประจำช่องน้ำตาไหลพรากๆ สุดท้ายยังโดนเชฟอ้นกรรมการออกปากด่าว่า ‘เผ็ดแบบไร้อารยะ’

ผลประกาศออกมากลายเป็นว่าเชฟเมย์ตกรอบต้องแขวนกระทะคืนผ้ากันเปื้อนด้วยน้ำตานองหน้า ก่อนจะถ่ายฉากเดินออกจากรายการไป เธอยังกอดซบให้เชฟฉัตรปลอบใจอยู่พักหนึ่ง พระเอกมีท่าทางหวั่นไหวและหนักใจไปพร้อมกัน ช่วงสองสัปดาห์ที่แข่งขันมานี้ เขาแอบประทับใจกรรมการไม้ประดับอยู่พอสมควร เพราะโฮสต์ชอบไปมองเขาทำอาหารอย่างตั้งใจ แถมยังติชมด้วยน้ำใสใจจริง คอยปลอบใจอยู่กลายๆ ในใจของเชฟฉัตรตอนนี้เลยมีโฮสต์คะแนนนำโด่งยิ่งกว่าเพื่อนสาวคนสนิทที่ชักจะถ่วงแข้งถ่วงขากันเสียอีก

“วันนี้เชฟฉัตรโชว์ฝีมือเทพอีกแล้วนะครับ เมนูแต่ละอย่างครีเอทมาก ถ้าเปิดรายอาหารต้องรุ่งแน่เลย” ระหว่างที่กำลังไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พีทก็ชวนพระเอกคุยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอารมณ์ดี ดูแล้วสบายตามากๆ เชฟฉัตรเจอรอยยิ้มสวยกระชากใจจนตาแทบพร่า ชายหนุ่มยิ้มตามดาราหนุ่มแล้วเริ่มคิดจะสานสัมพันธ์ให้มากกว่าเดิม ไหนใครว่าพีท พีรภัทรหยิ่ง ตัวจริงออกจะน่ารักขนาดนี้

“ถ้าเปิดจริงคุณพีทต้องไปอุดหนุนบ้างนะครับ ผมจะให้เป็นลูกค้าวีไอพีเลย” โฮสต์ได้ยินแล้วมองเชฟฉัตรตาเชื่อมด้วยความตะกละกิน เพราะชาติก่อนเป็นผีโครงกระดูกขาดแคลนอาหารมากเกินไป มาถึงโลกนี้มีประสาทสัมผัสรับรู้ครบทั้งหมดถึงได้ทนต่อของอร่อยไม่ได้สินะ น่าอนาถาจนเกินไปแล้ว

“พีท ไปได้แล้ว” เสียงเข้มของโปรดิวเซอร์เจ้าของรายการดังขึ้นไล่หลัง พีทที่เพิ่งขอแลกเบอร์กับเชฟฉัตรถึงกับสะดุ้งโหยงจนมือถือเกือบหลุดมือ พอหันไปด้านหลังก็เห็นแทนไทตีหน้าเคร่งเหมือนเดิม เขาเลยบอกลาพระเอกของโลกนี้อย่างเสียไม่ได้ จากนั้นขยับตัวไปเดินข้างผู้ชายที่สูงร้อยเก้าสิบกว่าแทน

“วันนี้หิวอีกหรือเปล่า” น้ำเสียงของแทนไทอ่อนลงเล็กน้อย อันที่จริงสองสามสัปดาห์มานี้พีททำตัวได้ค่อนข้างเชื่อฟังถูกใจเขามาก ไม่อ่อยไปทั่ว ไม่เล่นหูเล่นตา เรื่องบนเตียงถึงจะไม่เร่าร้อนดุเดือด มีอาการต่อต้านขัดเขินอยู่บ้าง นอกจากจะเปลี่ยนบรรยากาศแล้วคงทำให้เขามั่นใจกว่าเดิมว่าร่างของพีรภัทรไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่ส่วนที่จับกินไปแล้วก็จะกินต่อไป อดกลั้นมาหลายชาติ ถ้ามีโอกาสระบบก็สนับสนุนให้เขาหาเศษหาเลยโฮสต์บ้างก็ได้

“ผมเบื่ออาหารฟิวชั่นสุดครีเอทแล้ว” พีททำหน้าเหมือนจะร้องไห้ อยู่ในรายการเขาก็ต้องกินอาหารจากผู้เข้าแข่งขันที่ครีเอทกันสุดฝีมือ ในวันธรรมดาก็โดนแทนไทลากไปกินข้าว เดี๋ยวอาหารจีน ญี่ปุ่น อิตาเลียน ฝรั่งเศส แม็กซิกัน บราซิล อินเดียว สารพัดชาติจนโฮสต์ที่ไม่ค่อยฉลาดไม่รู้จักแล้วว่ามันชาติอะไรบ้าง

“ผมอยากกินอะไรธรรมดาๆ มั่ง ไข่เจียว หมูทอดอะไรก็ได้ ถ้ามันหรูไม่พอคุณไทก็กลับไปเลย เดี๋ยวผมโบกแท็กซี่ให้พาไปหาไรกินข้างทางเอง” โฮสต์ทำปากยื่นแง่งอนเอาแต่ใจ แต่คงเพราะสกิลทำงานได้ดีเกินไป อีกฝ่ายเลยก้มลงมางับริมฝีปากล่างเบาๆ แทน

“งั้นเดียวคืนนี้ฉันทำให้เธอกินเอง” มือเอื้อมไปจัดเส้นผมให้กับพีทอย่างแผ่วเบาเหมือนเป็นความเคยชินที่ทำมาแล้วไม่รู้จักกี่ครั้ง อากัปกิริยาใกล้ชิดที่คุ้นเคยทำเอาโฮสต์ใจสั่นจนต้องเคาะเรียกระบบมาเคลียร์

“แม่สอง...ทำไมเราคุ้นกับอะไรแบบนี้ เหมือนตอนที่นนทเรศหยิบดอกไม้ออกจากหัวให้เลย” โฮสต์คิดย้อนภาพเมื่อโลกก่อนที่ลางเลือนเต็มที่แล้ว เมมโมรี่น้อยก็แบบนี้เอง จดจำอะไรได้ไม่มากนัก ระบบเวทนาเลยฉายภาพให้เขาดูอีกที ท่าทางของแทนไทจะเหมือนนนทเรศก็คงไม่แปลกหรอกเพราะว่าเป็นคนคนเดียวกัน เรื่องนี้โฮสต์ต้องคิดและตรัสรู้ได้แล้ว

แทนไทพาโฮสต์กลับไปทำอะไรกินที่คอนโดจริงๆ อย่างที่เขาว่า ชายหนุ่มทำผัดกะเพราหมูสับไม่เผ็ดและไข่ดาวไม่สุกให้โฮสต์เป็นอาหารเย็น ฝีมือของเขาไม่น่าเกลียดเลย เพราะโฮสต์ฟาดเรียบจนกะเพราใบเดียวก็ไม่เหลือ แต่หลังจากนั้นไม่ใช่ฉาก R-18 เหมือนทุกที โปรดิวเซอร์หนุ่มไม่ได้ลวนลามอะไร เพียงแต่ชวนอีกฝ่ายเล่นเกมด้วยกดัน ส่วนโฮสต์ก็เริ่มทำตัวขี้เกียจนอนผึ่งพุงกลมๆ หนุนตักร่างสูงมือถือจอยสติ๊กเล่นเกมอย่างเมามันแทน

พอโฮสต์เริ่มสงสัยว่าแทนไทคือคนเดียวกับราชายักษ์ในโลกที่แล้ว แทนไทก็เริ่มมั่นใจว่าพีทเป็นคนที่เขาแอบรักจริงๆ ความสัมพันธ์จากเสี่ยและเด็กเลี้ยงจึงพัฒนาไปในอีกรูปแบบแทน โปรดิวเซอร์หนุ่มเริ่มจีบโฮสต์อย่างจริงจัง คอยไปรับไปส่ง คอยดูเรื่องงานให้ คอยหาอะไรอร่อยๆ ให้โฮสต์กินจนเหมือนเป็นคู่รักธรรมดาคู่หนึ่ง แม้แต่เรื่องหึงโหดยังลดน้อยลง ขนาดเห็นเชฟฉัตรมองดาราหนุ่มตาหวานยังอดกลั้นไม่ลากไปกระทืบได้

การแข่งขันในรายการเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เชฟฉัตรก็ยังคงโชว์ฝีมือขั้นเทพผ่านเข้ารอบมาได้จนถึงรอบเกือบสุดท้าย ส่วนโฮสต์ก็ยังคงเป็นไม้ประดับที่ดี คอยให้กำลังใจพระเอกอยู่เสมอ ขณะที่พัฒนาความสัมพันธ์กับแทนไทไปพร้อมกัน นี่ถ้าระบบไม่รู้จักความโง่ของโฮสต์ก็คงคิดว่าโฮสต์เหยียบเรือสองแคมแล้ว

สัปดาห์หน้าจะเป็นการแข่งขันรอบสุดท้าย พระเอกก็คงทนรอไม่ไหวอีกต่อไป พอถ่ายทำเสร็จเขาก็รีบลากโฮสต์ออกไปทางหนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นฉากบอกรักที่มีกุหลาบช็อกโกแล็ต ขนมของโปรดของพีทเป็นเครื่องประดับ เชฟฉัตรยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเหมือนนายแบบโฆษณายาสีฟัน

“ผมชอบคุณพีทนะครับ คุณพีทคอยให้กำลังใจผมมาตลอดเลย ที่ผมดีใจที่สุดก็คือรายการนี้ทำให้ผมได้เจอกับคุณพีท...สัปดาห์หน้าผลจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญเลย แค่คุณพีทตอบตกลงเป็นแฟนผมก็พอ”

ปรกติแล้วโฮสต์มักจะอ่อนไหวกับพระเอก คิดมโนว่าเป็นพรหมลิขิตอะไรทำนองนั้นมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เพราะสงสัยว่าแทนไทจะเป็นนนทเรศเลยปักใจไปในทางอีกคนแทนแล้ว โฮสต์เลยตัดสินใจได้ฉลาดที่สุดเท่าที่ระบบจะเคยเห็นมาก่อน “ขอโทษครับเชฟฉัตร จริงๆ ผมไม่ได้คิดอะไรในทางนั้นกับเชฟฉัตรเลย แต่เห็นว่าเชฟฉัตรเป็นคนเก่ง มีศักยภาพ น่าจะไปได้ไกล ผมเลยอยากเป็นกำลังใจให้”

พระเอกชะงักค้างหน้าแตกยิ่งกว่าบราวนี่หน้าแตก โฮสต์เอื้อมมือไปตบบ่าเขาเบาๆ รอยยิ้มบนใบหน้าถึงจะอ่อนโยนแต่ก็มีความห่างเหินอยู่ “ผมคงคบกับเชฟฉัตรไม่ได้ แต่เป็นเพื่อนได้นะครับ ผมอยากเป็นเพื่อน...ที่เห็นเพื่อนของตัวเองประสบความสำเร็จในทางที่เขาเลือก”

เชฟฉัตรได้แต่พยักหน้าด้วยอารมณ์ขมขื่นปนเศร้า พอเขาหันหลังจากไปโฮสต์ก็เรียกระบบขึ้นมาทันที “เราทำถูกแล้วหรือเปล่าแม่สอง ไปปฏิเสธเขาแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะเข้าด้านมืดหรอกนะ”

[การตัดสินใจของพี่จ๋าไม่มีผลต่อการเข้าด้านมืดของพระเอก ขณะนี้ความมืดในใจของพระเอกอยู่ที่ 0.53% เท่านั้น~♥]

แปลง่ายๆ ว่าโฮสต์เลือกเฟรนด์โซนได้ถูกคนแล้วล่ะชาตินี้ ส่วนคนที่โฮสต์ต้องเลือกโซนให้ถูกน่ะโดนมาโน่นแล้ว

ในมือของแทนไทถือกุหลาบขาวช่อใหญ่มาช่อหนึ่ง วันนี้คงเป็นวันมงคลของโฮสต์ที่ทำให้เหล่าหนุ่มหล่อมาสารภาพรักพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ฉันไม่รู้ว่ามันสายเกินไปหรือเปล่า แต่เราเริ่มต้นใหม่กันได้ไหม?”

“คุณแอบชอบผมมานานแล้วใช่ไหม” โฮสต์เลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เขาคาดเดาไปว่าแทนไทคือนนทเรศที่ตามเขามาจากชาติที่แล้ว ถึงเขาจะไม่ค่อยฉลาดเท่าไร แต่ก็รู้ว่าการเปิดเผยเรื่องราวของระบบมั่วซั่วอาจทำให้โดนหักคะแนนและทำโทษร้ายแรงจนสูญสลายไปเลยก็ได้

แทนไทเลิกคิ้วขึ้นมองอีกฝ่าย ระบบคิดว่าเขาเป็นคนฉลาดและคงพอเดาได้ว่าโฮสต์รู้ตัวตนของเขาแล้ว ถึงจะรู้แค่ชาติเดียวก็ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย โปรดิวเซอร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับ ไม่ได้ทั้งตอบรับและปฏิเสธ แต่ความเงียบก็ถือเป็นคำตอบในรูปแบบหนึ่งอยู่แล้ว และสำหรับโฮสต์ที่มโนเก่งยังไงก็ต้องคิดเข้าข้างตัวเองแน่นอน

“ผมรู้แล้ว ผมก็ชอบคุณเหมือนกัน” โฮสต์รับกุหลาบขาวช่อนั้นมากอดไว้ในมือ ขณะที่อีกฝ่ายดวงตาเป็นประกายแวววาวปิดบังความสุขไม่มิด

ยินดีด้วยแทนไท! ในที่สุดก็หลุดจากสารพัดโซนในหลายโลกมาเป็นแฟนโซนได้แล้ว ระบบเห็นความพยายามของคุณ และระบบอยากจะจุดพลุฉลองให้จริงๆ

“จากนี้ไปเธอจะอยู่ข้างฉันใช่ไหม?”

โฮสต์พยักหน้าช้าๆ เป็นคำตอบ ส่วนข้างหลังหันมาคุยกับระบบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “เป็นเขาจริงๆ ด้วยแม่สอง! คุณไทคือนนทเรศจริงๆ ด้วย! ”

ใช่แล้วโฮสต์ ลืมตาตื่นได้สักทีนะ นอกจากจะเป็นนนทเรศแล้ว เขาเป็นเกรเซียด้วย แล้วบทนี้พี่แกพูดซ้ำมาสามรอบแล้ว ถ้ารอบนี้โฮสต์ยังไม่รู้อีก ระบบก็ไม่รู้จะพูดยังไงกับโฮสต์ดีแล้ว คงทำได้แค่พาโฮสต์ไปตรวจวัดไอคิวแล้วจัดหาโรงเรียนที่เหมาะสมกับระดับสติปัญญาของโฮสต์แทน

“แม่สอง...” แค่โฮสต์อ้าปากระบบก็รู้แล้วว่าโฮสต์จะถามอะไร

[ในตอนนี้ถือว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว พี่จ๋าสามารถใช้ชีวิตของ ‘พีท พีรภัทร’ ได้ตามที่ต้องการ~♥]

เชฟเมย์ผู้เป็นนารีพิฆาตของเรื่องตอนนี้ตกกระป๋องกลายเป็นกิ๊กเสี่ยคนหนึ่งไปแล้ว หลุดจากวงโคจรของทางเชฟฉัตร พีท และแทนไท ระบบคำนวณได้ว่าหลังจากนี้ พระเอกจะมีชีวิตที่ดี ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่น ก็ถือว่าตอนนี้จบหน้าที่ของโฮสต์แล้ว ถ้าโฮสต์อยากเลือกอยู่ในโลกนี้ต่อจนร่างหมดอายุขัยก็ถือว่าตามใจ จะดื่มด่ำกับชีวิตในชาติหนึ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็ไม่ผิด โฮสต์มีสิทธิ์เลือกหนทางตามที่ตัวเองต้องการจนกว่าจะไปโลกใหม่ นี่คือรางวัลอย่างหนึ่งที่โฮสต์สมควรจะได้รับ

“ขอบใจนะแม่สอง” โฮสต์ปาใจสีฟ้าให้ระบบหลายดวง ก่อนจะเขาหันไปมองคนรักด้วยสายตาหวานซึ้ง สองแขนโอบรั้งรอบคอของร่างที่สูงกว่าเอาไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มหวานทั้งดูไร้เดียงสาและยั่วเย้าไปพร้อมกัน “แล้วคุณไม่สนใจรายการของคุณแล้วเหรอครับ”

แทนไทไหวไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ ดูท่ารายการที่เหลืออีกสัปดาห์ที่เหลือใครจะชนะก็คงไม่สำคัญอะไรอีกต่อไป ในสายตาของเขามีแต่โฮสต์และโฮสต์ หลังจากผ่านมาหลายโลกหลายชาติ ในที่สุดเขาก็ได้ครอบครองในสิ่งที่เขาต้องการที่สุดสักที “ช่างมันสิ ก็แค่อาหารครีเอทนิดๆ หน่อยๆ แค่นั้น รสชาติแปลกใหม่ แต่ก็ไม่ได้อร่อยมากมายหรอก”

ชายหนุ่มที่ตามโฮสต์มาหลายชาติหลายร้อยปีโน้มใบหน้าลงมาจนแนบชิด แต่ริมฝีปากกลับเบี่ยงไปคลอเคลียกับข้างใบหู ลมหายใจผะผ่าวและเสียงกระซิบแผ่วเบาสื่อถึงหัวใจที่เต็มเปี่ยมรักสำหรับโฮสต์เพียงคนเดียวเท่านั้น

“เพราะสำหรับฉัน...เธออร่อยที่สุดอยู่แล้ว”

“อื้ม” ใบหน้าหล่อเหลาของพระเอกประจำช่องขึ้นสีแดงระเรื่อ พีทเคลียริมฝีปากไปตามผิวแก้มของอีกฝ่ายก่อนเสียงหวานจะเอ่ยถ้อยคำตอบกลับ “สำหรับผมคุณก็อร่อยที่สุดเหมือนกัน”

“แฮ่! เรามีแฟนแล้วนะแม่สอง! นายอิจฉาเปล่าที่ตัวเองยังไม่มีใคร?”

ยังจะมีหน้าหันมาอวดระบบอีก กลับไปสนใจแทนไทที่กำลังมือปลาหมึกล้วงควักตัวเองต่อไป๊! แล้วระบบจะมีแฟนไปหาพระแสงของ้าวอะไร! เป้าหมายของระบบคือเก็บแต้มเพื่อไปเกิดใหม่ จะให้เอาแฟนมาช่วยหาคะแนนเรอะ? คนที่คุยกับระบบได้ก็มีแต่โครงข่ายกับโฮสต์เท่านั้นแหละ และระบบคงไม่ฆ่าตัวตายด้วยการคบกับคนโง่แบบโฮสต์แน่ๆ

ขนาดเป็นระบบยังเหนื่อยขนาดนี้ ให้ระบบไปเป็นแฟนโฮสต์ ระบบไม่เจ๊งบ๊งกันพอดีเรอะ

จากนั้นโฮสต์ก็ไม่ได้สนใจระบบอีกต่อไป เอาแต่ฟัดนัวเนียกับแทนไทไม่หยุด นี่จะสวีทหวานอะไรก็เกรงใจกันด้วย แค่ได้รักกันอย่างเป็นทางการในโลกนี้โลกแรก โลกหน้าจะเป็นยังไงต่อไปก็ยังไม่รู้เลย คนโง่กับคนรักของคนโง่ก็ทำตัวชะล่าใจกันซะแล้ว อนาคตมันแน่นอนซะที่ไหน เดี๋ยวจะหาว่าระบบไม่เตือนนะ

เอาเถอะ ถือซะว่าคนโง่ก็มีความสุขในแบบคนโง่แล้วกัน ส่วนตอนนี้ขอตัดภาพแค่นี้ก่อน เพราะระบบทนเลี่ยนไม่ไหวแล้ว

[ระบบ 212224 เปลี่ยนเป็นโหมดประหยัดพลังงาน จะกลับมาทำงานปรกติอีกครั้งเมื่อภารกิจใหม่มาเยือน~♥]



โปรดติดตามตอนต่อไป...



ซินเอ๋อร์:

จบ Arc เหมือนจบเรื่อง แต่ยังไม่จบนะคะ ความรักของโฮสต์และคนรักจะยังสวยงามอีกหรือเปล่า และจะมาแปลกแหวกแนวหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 3 ครึ่งหลัง 16.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-11-2019 21:37:20
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 3 ครึ่งหลัง 16.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 21-11-2019 21:41:43
ปวดหัวกับโฮสต์มากทำมิชชั่นสมบูรณ์สักที!!
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4 บทนำ 22.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 22-11-2019 00:29:05
Arc 4 อย่ากลับดึก ถ้าอยู่ลึกในซอยเปลี่ยว

วันเวลาผ่านไปหลายสิบปี วันหนึ่งแทนไทและพีรภัทรประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตายด้วยกันขณะที่กำลังออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกในวัยเกษียณ โฮสต์ถูกส่งกลับมาพื้นที่ส่วนกลางอีกครั้ง และในที่สุดระบบก็ได้กลับมาเปิดใช้งานเต็มรูปแบบสักที

[ระบบ 212224 ยินดีต้อนรับพี่จ๋ากลับมา~♥]

“ฮื่อ...เหมือนไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะแม่สอง”

ไม่ได้เจอกันนานจริงๆ แหละ ที่ผ่านมาเปิดระบบตอบรับอัตโนมัติเอาไว้น่ะสิ คิดถึงกันไหมล่ะ? แต่คิดถึงไปก็เท่านั้น เพราะระบบไม่คิดถึงโฮสต์หรอก ช่วงที่โฮสต์ไประเริงรักกับแฟนหนุ่มจนถึงแก่ยัน ระบบได้พักผ่อนอยู่เฉยๆ และได้เข้าร่วมอบรมพัฒนาศักยภาพระบบขั้นเทพที่โครงข่ายจัดขึ้นมาตั้งหลายครั้ง อยากบอกว่าชีวิตที่ไม่มีโฮสต์น่ะแฮปปี้ดีสุดๆ

[ภารกิจสำเร็จ! หลังหักคะแนนต่างๆ แล้ว โฮสต์ได้รับคะแนนรวม 10,350 คะแนน]

ได้คะแนนมาไม่น้อยเลยนะโฮสต์ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่กี่โลกระบบก็จะเก็บคะแนนได้ครบร้อยล้านคะแนนแล้ว

“เวลานี่ผ่านไปเร็วจังเลยน้า แป๊บๆ ก็ตายซะได้” โฮสต์เหม่อมองโลกสีขาวว่างเปล่า คงมโนไปถึงใบหน้าของคนรักอยู่ ใบหน้าโง่ๆ ของโฮสต์เรียกได้ว่าอิ่มเอิบไปด้วยความรักสุดๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาลัยอาวรณ์ซะจนน่าสงสาร “นี่ถ้าโลกหน้าได้เจอกันอีกก็ดีน่ะสิ”

ก็คงจะได้เจออยู่หรอก แต่คราวนี้ฝั่งนั้นจะได้รับบทบาทเป็นอะไร โฮสต์ต้องไปลุ้นเอาเองแล้วล่นะ

“นี่แม่สอง...ตอนอยู่ด้วยกันกับคุณไทนะ เราแฮปปี้สุดๆ เลยอ่ะ เขาตามใจเราทุกอย่างเลย ไม่คิดว่ามีใครจะรักเราได้มากเท่านี้แล้ว ถ้าโลกหน้าเจอกันอีก เราจะรักเขามากๆ รักแบบไม่มีข้อแม้เลย” ดวงตากลมโตของโฮสต์เป็นประกายรูปหัวใจแบบพวกหนุ่มเด๋อคลั่งรักไปแล้ว นี่โฮสต์เห็นระบบเป็นพี่อ้อยพี่ฉอดหรือไงถึงเอาเรื่องรักใคร่มาปรึกษาอีกแล้วเนี่ย ระบบไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญประจำคลับคืนวันศุกร์นะเฮ้ย

ระบบอยากจะถอนหายใจสักที เรื่องโลกหน้าก็เป็นเรื่องของโลกหน้า จริงๆ แล้วโฮสต์ต้องรู้จักโฟกัสกับหน้าที่และการงานบ้าง ไม่ใช่มัวแต่มาหลงละเมอเพ้อพกถึงความรักอันหวานชื่น ความประมาทเป็นหนทางของความตาย และคนโง่ก็จะตายได้น่าอนาถกว่าคนฉลาดด้วย

[เวลาในพื้นที่ส่วนกลางคงเหลือ 1 ชั่วโมง 3 นาที

ขอให้พี่จ๋าเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าในระบบก่อนเข้าสู่โลกใบใหม่~♥]

“ชิ นับเวลาถอยหลังเพราะไม่อยากคุยกับเราล่ะสิ! เรารู้ทันหรอกนะ”

อ้าว...ถ้ารู้แล้วจะชวนคุยต่อทำไม รีบเลือกสินค้าในแค็ตตาล็อกของระบบได้แล้ว เดี๋ยวมัวพิรี้พิไรไม่ทันได้ซื้ออะไรกันพอดี

“อุ คะแนนเยอะแยะเลยอ่ะ ซื้ออะไรดีน้าแม่สอง คะแนนพอซื้อน้องชายตัวน้อยแล้วด้วย นายอยากได้ร่างไหม?” โฮสต์ไถนิ้วกับหน้าจอด้วยความเพลิดเพลินใจ แถมยังทำตาเป็นประกายปิ๊งปั๊งเหมือนเด็กเห็นของเล่น

[พี่จ๋าควรซื้ออะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง~♥] แปลง่ายๆ ว่าแต้มหามาอย่างยากลำบาก อย่าใช้มั่วซั่ว คิดให้ดี มีสมองก็ใช้บ้าง เดี๋ยวสมองฝ่อจะหาว่าระบบไม่เตือน

“อะไรก็มีประโยชน์ต่อเราหมดนั่นแหละ” โฮสต์จิ้มๆ เลือกของแบบไม่ใส่ใจ ก่อนจะส่งรายการสินค้าที่ต้องการมาให้ระบบ

[ยืนยันคำสั่งซื้อ

สกิลลดทอนความเจ็บปวดทางร่างกาย 15% 6,000 คะแนน

ร่าง "ตัวละครที่หน้าตาดีระดับท็อป 10" ในโลกหน้า 4,899 คะแนน

ร่าง "กระต่ายขาวปุกปุย" สำหรับระบบเป็นระยะเวลาชั่วคราว 3 โลก 3,725 คะแนน

คะแนนสะสมคงเหลือ 4,781 คะแนน]

[..]

สกิลโอเคอยู่ ถือว่าฉลาดเลือก ร่างตัวละครหน้าตาดีในโลกหน้าก็ยังฝืนทนยอมรับได้ เพราะคนเราตัดสินกันที่หน้าตา แต่ร่างกระต่ายนั่นมันอะไร (วะ)

“เงียบเลย ไม่ชอบเหรอแม่สอง กระต่ายน่ารักน้า ตัวขาวๆ นุ่มๆ” โฮสต์ทำหน้าฟินประกอบพร้อมกับมือขยำๆ หยับๆ ท่าทางเหมือนโรคจิตอย่างไรพิกล “ก็เอาไว้กอดไง! แม่สองไม่อยากโดนเราลูบๆ เหรอ?”

ใครมันจะอยาก...โฮสต์เก็บมือไว้ลูบแฟนตัวเองเถอะ อย่ามาลูบระบบเลย ระบบอยู่มาหลายร้อยโลกยังไม่เคยเจอโฮสต์ที่ไหนลงทุนใช้แต้มฟุ่มเฟือยซื้อของมาสนองตัณหาขนาดนี้มาก่อน ระบบต้องทำยังไง โฮสต์ถึงจะเลิกนิสัยใช้คะแนนซื้อของมั่วซั่วแบบนี้ได้ โฮสต์ลองไปเข้าคอร์สอบรมเหมือนที่ระบบทำบ้างไหม เพื่อสมองจะดีขึ้นหน่อยนึง

“ป่ะ แม่สอง เราพร้อมแล้ว ไปโลกต่อไปกันเลยดีกว่า” โฮสต์ร้องเพลงงุ้งงิ้งแถมยังยิ้มร่าตอนที่เคาะเรียกระบบเบาๆ “เปิดใช้ร่างกระต่ายขาวปุกปุยด้วยน้า”

ไปเถอะโฮสต์ ไปเถอะ...เดี๋ยวระบบเผลอเอาไฟช็อตโฮสต์ขึ้นมา ระบบไม่รับผิดชอบนะ



“คนเราตายจากกันถือว่าอยู่กันคนละโลกแล้ว ตัดใจปล่อยโยมหยัดไปเถอะโยมเพ็ญ” เสียงนุ่มทุ้มแฝงด้วยความอ่อนโยนดังขึ้นแผ่วเบาพอให้คนรอบข้างได้ยิน เจ้าของเสียงเป็นพระหนุ่มวัยสิบเก้าปีผู้มีใบหน้าขาวสดใสรับกับจีวรสีแก่นขนุน เบื้องหน้าคือร่างของหญิงชาวบ้านวัยกลางยี่สิบ นางนุ่งผ้าถุงสีตุ่นๆ สวมเสื้อแขนกระบอกสีใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่บ่งบอกว่าหญิงนางนี้ไม่ใช่คนอีกต่อไปคือช่องท้องอันมีแผลเน่าเฟะเต็มไปด้วยหนอนตัวอวบอ้วนที่ชอนไชไม่หยุด และหน้าตาบอบช้ำบวมอืดของคนที่ตายมาแล้วหลายวัน

“หลวงพี่แสงไม่ต้องเสือก!” นางเพ็ญตวาดยกนิ้วชี้หน้าด่าพระสงฆ์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าของชาวบ้านอีกหลายคน ดวงตาที่ทะลักออกมาครึ่งเบ้าเกลือกกลิ้งมองไปยังชายวัยฉกรรจ์ตัวดำคล้ำที่นั่งตัวลีบกระแซะหลวงพี่แสงด้วยความกลัว “ศพกูฝังได้ไม่กี่วัน มึงริให้อีไพหอบข้าวหอบของมานอนร่วมบ้าน อีไพมันน้องสาวกูแท้ๆ มึงแอบได้กันมาก่อนแล้วสินะ กูจะตายตาหลับได้ยังไง ในเมื่อมีน้องก็ชั่ว มีผัวก็เลว!”

“ยังไงวันนี้กูจะเอามึงไปกับกูให้ได้ ไอ้หยัด!”

ยิ่งพูดปลายลิ้นสีแดงคล้ำก็ยิ่งแลบเลื้อยออกมาจากปากยาวขึ้นเรื่อยๆ ยาวจนเกือบชนใบหน้าของพระหนุ่มเสียด้วยซ้ำ หลวงพี่แสงถอนหายใจครู่หนึ่งแล้วหันไปมองนายหยัดที่นั่งอยู่ด้านหลัง “เรื่องเป็นมายังไง เล่าให้โยมเพ็ญฟังสิโยมหยัด”

“ฉะ..ฉัน...ฉัน” นายหยัดสั่นทั้งปากสั่นทั้งตัวจนแทบพูดไม่รู้เรื่อง พอเห็นสายตาของหลวงพี่แสงที่อ่อนวัยกว่าจ้องมองมาด้วยความเคร่งขรึม สุดท้ายจึงเค้นเสียงออกมาจนเป็นประโยคจนได้ สองมือยกขึ้นไหว้ผีสาวปลกๆ “ฉันให้นังไพมันมานอนบ้านช่วยดูไอ้แดงน้อย มันร้องหาแม่มาหลายวันแล้วฉันสงสารมัน พอนังไพมาไอ้แดงน้อยมันเลยเงียบไปได้บ้าง...ฉันกลัวแล้วแม่เพ็ญ อย่าทำอะไรฉันเลย”

เมื่อพูดถึงลูกชายวัยสามขวบผีนางเพ็ญก็ชะงักงันไปบ้าง ท่าทางดุร้ายลดลงไปเหลือแต่ความกราดเกรี้ยว “แน่นะไอ้หยัด มึงอย่ามาหลอกกู ถ้ามึงหวังฟันอีไพแล้วเอาลูกมาอ้าง กูจะไปบีบคอให้ตายทั้งมึงทั้งมัน! ”

“แน่จ้ะแม่เพ็ญ...แน่จ้ะ ฉันไม่กล้าทำอะไรแม่ไพแน่นอน” นายหยัดรับคำด้วยท่าทางงกเงิ่น ความคิดที่อยากเอาน้องเมียสาวสวยมาเป็นเมียใหม่หดหายไปเสียหมด ผีแม่เพ็ญตายได้ไม่กี่วันก็เฮี้ยนขนาดนี้แล้ว ถ้าเกิดนางจับตามองเห็นเขาได้เสียกับประไพจริง คงได้โดนหักคอตายแน่

“อย่าอาฆาตจองเวรกันเลย จะเป็นบาปกรรมไปเสียเปล่าๆ” หลวงพี่แสงกล่าวด้วยท่าทางสงบนิ่ง ก่อนจะเอ่ยปากเตือนให้ผีนางเพ็ญได้คิด “ถ้าสุดท้ายโยมไพตบแต่งเป็นเมียโยมหยัดคงไม่แย่นักหรอกโยมเพ็ญ อย่างน้อยโยมไพก็เป็นน้าของแดงน้อย คอยเลี้ยงดูหลานมาตั้งแต่ยังเล็ก ดีร้ายยังไงยังช่วยดูแลลูกของโยมเพ็ญได้บ้าง ดีกว่าให้โยมหยัดไปหาเมียใหม่เป็นคนไม่รู้จักมักคุ้นนะ”

ผีนางเพ็ญถึงกลับนิ่งเงียบยิ่งกว่าเดิมเพราะคิดตามคำเตือนของพระหนุ่ม สุดท้ายนางเพ็ญได้แต่ถอนหายใจ ถึงอารมณ์จะเย็นลงแล้วแต่น้ำเสียงยังคงแข็งกร้าว “ถ้ามึงจะเอามันเป็นเมียก็เห็นแก่หน้ากูหน้าพ่อแม่กูบ้าง รอให้กูตายครบปีก่อนค่อยไปสู่ขอมันมาเป็นเมีย ไม่ใช่นึกอยากจะได้มันก็ฉุดคร่ามันมา”

นายหยัดรีบรับปากว่าจะไม่ทำเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน หลวงพี่แสงเห็นว่าเรื่องราวคลี่คลายลงได้ด้วยดีจึงยกยิ้มเบาบางจนทำให้ดวงหน้าหล่อเหลายิ่งน่ามองกว่าเดิม “โยมเพ็ญใจเย็นลงได้ก็ดีแล้ว ถ้ายังไปผุดไปเกิดไม่ได้ก็อย่ามาหลอกหลอนกันเลย เดี๋ยวเป็นกรรมหนักติดตัวไปจะแย่”

“แต่อิฉันก็ยังไม่สบายใจ กลัวไอ้หยัดมันจะเข้าหานังไพอยู่ดีหลวงพี่” ผีสาวยังคงจ้องผัวรักเขม็งด้วยความไม่เชื่อใจ นิสัยของนายหยัดแต่ก่อนเกกมะเหรกเกเร ตัวเองหน้าตาดีเข้าหน่อยก็หยอกสาวๆ ไปทั่วทั้งหมู่บ้าน

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้โยมหยัดบวชเรียนให้โยมเพ็ญสักเดือน ยังไงหน้านี้ก็หน้าแล้งทำนาไม่ได้ ส่วนโยมไพก็ให้ดูแลแดงน้อยไป โยมหยัดว่ายังไง” หลวงพี่แสงหันกลับไปถามนายหยัดผู้เป็นประเด็น อีกฝ่ายรีบพยักหน้าตอบตกลง หนึ่งทั้งกลัวผีสองทั้งกลัวพระ จะปฏิเสธก็คงไม่ได้ “อย่างนั้นอาตมาจะแผ่เมตตาให้โยมเพ็ญก่อนแล้วกัน ถ้าหมดห่วงแล้วจะไปผุดไปเกิดยังไงก็ว่ากันอีกที”

หลวงพี่แสงท่องบทแผ่เมตตาด้วยท่าทางสุขุมนุ่มลึก นางเพ็ญพนมมือรับแต่โดยดี ใบหน้าปูดบวมเริ่มกลับคืนสู่สภาพเดิม ลูกตาที่ถลน ลิ้นแดงที่แลบยาวค่อยกลับคืนที่ทางที่ควรจะเป็น ครั้นกลับเป็นปรกติแล้วก็พบว่าผีนางเพ็ญเป็นสาวสวยคนหนึ่ง หน้าตาหมดจดจิ้มลิ้มอยู่พอตัว ไม่นานนักทั้งร่างก็โปร่งแสงจนเลือนหายไป

“หลวงพี่...” นายหยัดยื่นนิ้วสั่นระริกไปแตะแขนหลวงพี่เบาๆ “ฉันบวชให้แม่เพ็ญแน่จ้ะ แต่คืนนี้ปล่อยฉันไปฉันนอนไม่ได้แน่ หลวงพี่แสงช่วยพรมน้ำมนต์หรือถ้ามีของดีอะไรช่วยให้ฉันหน่อยได้ไหมจ๊ะ”

หลวงพี่แสงถอนหายใจยาว ก่อนจะหันไปสั่งความเด็กชายตัวเล็กขัดสมาธิที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือ “จ่อยไปเอาน้ำมนต์กับสายสิญจน์มาให้โยมหยัดหน่อยไป”

จ่อยที่ว่านั่งเงียบหลุบตาต่ำไม่ตอบรับคำ จนหลวงพี่ต้องเรียกซ้ำอีกที “จ่อย”

“จ่อย! ” หลวงพี่แสงคว้าไหล่ของเด็กชายเอาไว้ แค่สัมผัสแผ่วเบาก็ทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงทั้งตัวด้วยความตกใจ แก้วตาสีน้ำตาลใสเหลือบขึ้นมองอย่างเลิ่กลั่ก “มัวเหม่ออะไรอยู่ วางกระต่ายก่อน ไปเอาของมาไป”

‘จ่อย’ หรือโฮสต์ที่กำลังนั่งกอดระบบในร่างกระต่ายขาวปุกปุยถึงกับตัวสั่นระริก หยาดน้ำใสปรากฏขึ้นในดวงตาท่าทางเหมือนใกล้จะร้องไห้ทุกที ปากอิ่มแดงอ้าออกพะงาบๆ เหมือนอยากพูดอะไรแต่พูดไม่ออก หลวงพี่แสงจึงขยี้เรือนผมสีอ่อนของเด็กชายสักทีแล้วตัดสินใจลุกไปเอาน้ำมนต์และสายสิญจน์เอง

“มะ..แม่สอง” โฮสต์ลูบขนนุ่มฟูของระบบพร้อมเบะปากร้องฮือในใจ “แม่สองช่วยด้วย! เรา..เรากลัวผี!”

คราวนี้ระบบพูดได้คำเดียว

งาน-งอก



โปรดติดตามตอนต่อไป...





ซินเอ๋อร์:

ตอนแรกอยากเขียนแนวแวมไพร์ แต่รู้สึกว่าคลีเช่ไป ถ้าจะเล่นขอเล่นใหญ่เลยดีกว่าค่ะะจริงๆ ไม่เคยเขียนแนวสยองขวัญแนวผีมาก่อนนะคะ คงไม่ไปทางน่ากลัวเท่าไร เรามาในธีมขำขันดีกว่าค่า แต่อาจจะพีเรียดบ้านๆ หน่อยนะคะ อยากลองเขียนดู ไม่รู้จะรอดอ๊ะเปล่า ถือว่าฝึกพล็อต+ฝึกภาษาน้า


เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ จะพยายามปลีกตัวมาถ้างาน+เรียนไม่ยุ่งมาก ไปนอนก่อนหน้า ฝันดีค่า
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4 บทนำ 22.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 22-11-2019 05:50:36
รอค่ะ สนุกมาก ระบบน่ารัก
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4 บทนำ 22.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 22-11-2019 11:53:26
ฮ่าๆๆๆๆๆ That was I like, guys!! LOL
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4 บทนำ 22.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-11-2019 14:18:31
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4 บทนำ 22.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 25-11-2019 23:22:05
แต่ละโลกที่ไปเกิด แหวกๆ ทั้งนั้น 555
คราวนี้นนทเรศจะเป็นตัวอะไรหนอ ผีหรือคน ถ้าเป็นผีนี่คงสนุกน่าดู  โฮสต์ยิ่งกลัวผีอยู่ :hao7:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4-1 29.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 29-11-2019 20:50:08
Arc 4 อย่ากลับดึก ถ้าอยู่ลึกในซอยเปลี่ยว (1)



ที่ระบบบอกว่าโฮสต์งานงอก จะไม่งอกได้ยังไงในเมื่อโลกใบนี้เป็นเรื่องราวของโลกที่เต็มไปด้วยอาคมไสยศาสตร์ ภูตผีวิญญาณทั้งตายดีตายโหงลอยว่อนวนเวียนพอๆ กับถุงพลาสติกที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก แถมประเด็นหลักคือศึกระหว่างจอมขมังเวทไสย์ขาวและไสย์ดำที่ต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่ง



พระเอกของเรื่องคือพันแสง หมออาคมสายขาวที่เคยร่ำเรียนวิชามาจากหลวงปู่ช่วงวัดป่าเรไรสมัยที่ยังบวชเรียนตั้งแต่เป็นเณรยันพระหนุ่ม หลวงพี่แสงนิสัยดีโอบอ้อมอารี เวลาชาวบ้านเดือดร้อนก็เข้าไปช่วยเหลือโดยไม่เกี่ยงงอน ซ้ำยังความสามารถโดดเด่นกว่าครู หนักเข้าก็มีชื่อเสียงไปทั้งอำเภอทั้งจังหวัด มีคนเข้ามาหามากมายจนวัดป่าเรไรอยู่ไม่เป็นสุข สุดท้ายพออายุได้ยี่สิบปีจึงขอลาสิกขาออกไปเพื่อไม่ให้กิจของฆราวาสมาวุ่นวายจนพระสงฆ์ไม่ได้รับความสงบ



ทิดแสงในตอนนั้นออกเดินทางไปปราบผีถอนอาคมตามที่มีคนขอความช่วยเหลือ โดยมีเพื่อนร่วมเดินทางเป็นเด็กวัดชื่อจ่อยซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเอามาทิ้งไว้ที่วัดตั้งแต่แรกเกิด ด้วยผิวขาวผมหยิกแดงทำให้คนคาดเดาปูมหลังได้ว่าคงเป็นมารหัวขนของพวกผู้หญิงตาคลีกับทหารอเมริกันสักคน หลวงปู่ช่วงเห็นเด็กตัวกระจิริดแล้วสงสารเลยเอามาเลี้ยงดูไว้พร้อมตั้งชื่อให้ว่าจ่อย



จ่อยสนิทกับหลวงพี่แสงที่แก่กว่าเจ็ดปีมาตั้งแต่เด็กๆ พอเห็นเขาสึกออกจากการเป็นพระจึงตัดสินใจออกจากวัดติดตามอีกฝ่ายไปด้วย ทิดแสงและจ่อยได้พบเจอช่วยเหลือกับคนมากมาย ทั้งถูกหลอกลวงปั่นหัวจนทำให้คนที่เคยอยู่แต่ใต้ร่มกาสาวพักตร์กลายเป็นคนแข็งกร้าวขึ้นมา พันแสงได้ไปช่วยเหลือถอนคุณไสยให้กับผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในบางกอก ดันไปขวางทางขวางหูขวางตาอาจารย์เอก หมอผีไสยดำที่ร่ำเรียนวิชามาจากเขมร



อาจารย์เอกใช้อวิชชาผีร้ายเล่นงานพันแสงอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยความดวงแข็งสมกับพระเอกจึงทำให้เอาชีวิตรอดแถมยังทำให้วิชาสายขาวของพระเอกแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งสองห้ำหั่นกันด้วยวิชาอาคมอยู่หลายปี หมอผีไสยดำก็ยังไม่สามารถเอาชีวิตของอีกฝ่ายได้สักที เอกจึงหันไปเล่นงานคนสนิทที่อยู่ข้างกายพระเอกมาหลายปีแทน



จ่อยเป็นแค่ตัวละครสมทบไม่ได้ดวงแข็งเท่าพระเอก แค่ตายโหงศพไม่สวยยังไม่พอ ดันกลายเป็นวิญญาณโหงพรายภายใต้การควบคุมของอาจารย์เอกไปอีก พันแสงตามหาคนที่ตัวเองสนิทสนมเลี้ยงดูอยู่หลายเดือนก็ไม่พบตัว มาเจออีกครั้งในศึกใหญ่ระหว่างเขาและหมอผีไสยดำ กลับพบว่าจ่อยกลายเป็นผีร้ายไปเสียแล้ว



การตายของจ่อยส่งผลกระทบต่อพระเอกโดยตรง เขาเชื่อเรื่องบุญกรรม คิดมาตลอดว่าทั้งตนและทั้งจ่อยต่างเป็นคนดีช่วยเหลือคนอื่นมาโดยตลอด แม้ชีวิตไม่เลิศหรู แต่ก็ไม่ตกต่ำจนถึงขีดสุดอย่างแน่นอน มาครั้งนี้กลายเป็นว่าเด็กที่เขาเลี้ยงดูให้ความสำคัญกลับตายตกกลายเป็นโหงพราย ความโกรธเคืองกลายเป็นความแค้นที่เข้าครอบคลุมจิตใจ ในเมื่อทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วได้ดีมีถมไป พันแสงจึงตัดสินใจเทิร์นดาร์กเลือกเส้นทางสายมืดแทน



เมื่อเลือกเส้นทางอวิชชา ความสามารถของพระเอกก็ยิ่งพุ่งพรวดกว่าเดิม เขาเอาชนะอาจารย์เอกและสยบเอาภูตผีพรายที่อีกฝ่ายเลี้ยงเอาไว้มาเป็นของตน จากทิดแสงกลายเป็นอาจารย์พันแสง จอมขมังเวทชื่อดังที่สร้างความหวั่นเกรงให้กับทั้งไสยขาวไสยดำ เขายังเข้าไปมีส่วนร่วมกับเกมการเมือง ใช้ไสยเวทกำจัดศัตรูทุกคนที่ขวางหน้า คร่าผลาญชีวิตไปนับร้อยนับพัน โหดเหี้ยมกว่าที่อาจารย์เอกเคยเป็นมาเสียอีก



โลกมนุษย์ที่มีอาจารย์พันแสงกลายเป็นนรกบนดิน ส่วนนรกก็ยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่



เล่ามาตั้งยาว ระบบสรุปได้ว่าภารกิจในโลกนี้ก็ไม่ได้ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้น เพียงแค่โฮสต์รักษาชีวิตเอาตัวรอดได้ไปจนถึงตอนศึกใหญ่ระหว่างพระเอกและตัวร้าย คอยให้กำลังใจ ดึงพระเอกออกมาจากด้านมืดบ้างเป็นครั้งคราวก็น่าจะผ่านถูไถไปได้อยู่หรอก



แต่ปัญหาอย่างหนึ่งคือบทบาทจ่อยของโฮสต์มีความสำคัญกับพระเอกเอามากๆ เพราะเป็นตัวละครที่พระเอกให้ความผูกพัน มีความสำคัญต่อจิตใจของพระเอกมากยิ่งกว่านางเอกของเรื่องเสียอีก ถ้าโฮสต์ตัดสินใจเลือกหนทางผิด เซ่อซ่าเด๋อด๋านิดหน่อย อาจทำให้ชีวิตบัดซบกันได้หมดโขยง



“โฮ..” โฮสต์ที่แอบหนีมาร้องไห้โฮๆ หลังกุฏิพลางกอดกระต่ายที่เป็นร่างของระบบ ภาพผีสาวตาถลนลิ้นจุกปากหนอนเต็มพุงเมื่อคืนยังคงจำฝังตา “โลกนี่คือต้องอยู่กับผีตลอดเวลาเลยเหรอแม่สองแล้วยังมีไสยศาสตร์มนต์ดำอีก ไหนเขาว่าผีไม่มีจริงไง ไม่เป็นวิทยาศาสตร์”



จากบูชาความรักกลายเป็นนับถือวิทยาศาสตร์นิยมไปแล้ว ทีโลกก่อนๆ ตอนมีเวทมนตร์ มีพลังจิต มีพลังพิเศษเอฟเฟ็กต์ตูมตามยังไม่เห็นจะโอดครวญ มาตอนนี้รีบแปรพักตร์เร็วเชียวนะ



[พี่จ๋าเคยมีประสบการณ์เป็นน้าผีมาแล้ว ผีอื่นๆ ไม่น่ากลัวหรอกฮะ~♥]



“อุแง! ” จ่อยในวัยสิบสองปียิ่งร้องไห้โฮกว่าเดิม มือที่จับระบบอยู่ชักจะจับแรงขึ้นจนระบบเริ่มเจ็บแล้ว “น้าผีมีแต่กระดูกก็เหมือนหุ่นกายวิภาคนั่นแหละ แต่ผีที่นี่มันเฟะเลยนะแม่สอง เฟะแบบเละเทะมาทั้งน้ำหนองมาทั้งกลิ่น ผีตัวเมื่อวานยังมีหนอนขาวๆ ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่กลางพุงอยู่เลยนะ!! ”



ระบบเห็นใจโฮสต์เหมือนกันนะ สกิลความกล้าไม่กลัวผีเป็นสกิลที่ไม่สามารถหาซื้อในแค็ตตาล็อกของร้านค้าได้ แต่เป็นสกิลของใครของมันอยู่ที่ความจิตแข็งกันล้วนๆ ระบบชักจะหนักใจขึ้นมาแล้ว โฮสต์กลัวผีจนหงอขนาดนี้ จิตอ่อนเสียยิ่งกว่าจ่อยตัวจริง อนาคตข้างหน้าบอกเลยว่ามืดมนยิ่งกว่าเวลาหลับตาอีก ยังไม่ทันเจออาจารย์เอกลาสต์บอสก็คงโดนสอยไปก่อนแน่ๆ



“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้” เสียงนุ่มทุ้มเรียกขึ้นจากด้านบน เมื่อโฮสต์เงยหน้าขึ้นมองก็พบกับใบหน้าชวนมองของหลวงพี่แสงที่ยืนมองอยู่ จ่อยไม่ทันได้เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า ดวงหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงก่ำ ขอบตาแดงเรื่อและหยาดน้ำตาที่เกาะพราวบนขนตา เสริมทัพด้วยสกิลแสดงออกทางสีหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้จ่อยที่เป็นลูกครึ่งหน้าตาน่ารักอยู่แล้วดูน่าสงสารยิ่งกว่าเดิม ชั่วครู่หนึ่งสายตาที่มองลงมาคล้ายเจือสีเข้มขึ้นเล็กน้อยก่อนหลวงพี่จะเสมองอย่างอื่นแทน “หนีมาร้องไห้หรือจ่อย แล้วทำไมไปกอดเจ้าขาวแน่นขนาดนั้น เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”



“ฮึก..จ่อยไม่ได้ร้อง” โฮสต์คลายแขนที่กอดระบบจนแทบหายใจไม่ออก เขารีบยกมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ แต่ยิ่งเช็ดเท่าไรแก้มก็ยิ่งแดงกว่าเดิม ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำไปทำไม เพราะทำแล้วเหมือนเขียนกระดาษแปะไว้บนหน้าผากไว้ว่าเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆ



“ร้องทำไม? ใครแกล้งอีกล่ะ” ตำแหน่งหัวคิ้วของหลวงพี่แสงกระตุกเข้าหากัน ในวัดป่าเรไรยังมีเด็กวัดที่อยู่ประจำอีกสองคนและเด็กในหมู่บ้านที่ชอบเข้ามาวิ่งเล่นในลานวัด พอเห็นจ่อยหน้าตาผิวพรรณสะอาดสะอ้านผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนไม่เหมือนกับตนเองก็เริ่มให้ความสนใจขึ้นมา พอรู้ความจากพ่อแม่ว่าเด็กชายคงเป็นลูกของเมียเช่ากับพวกไอ้กันสักคน จากที่สนใจก็กลายเป็นการกลั่นแกล้งทั้งด่าทอทั้งชกต่อยกันแทน ทำให้จ่อยไม่ค่อยชอบสุงสิงกับเด็กวัยเดียวกัน แต่มาขลุกอยู่กับหลวงพี่แทน



“ไม่มีใครแกล้ง” โฮสต์ยังคงตีหน้าเศร้า แต่ตีไปก็เท่านั้น ตามหน้าที่แล้วยังไงโฮสต์ก็ต้องผูกติดอยู่กับพระเอกอยู่ดี



“แสดงว่ายังกลัวผีจากเมื่อคืนล่ะสิ” มือหนาของหลวงพี่วางบนเรือนผมสีอ่อนแล้วขยับโยกศีรษะเด็กชายไปมา หลวงพี่แสงหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี “อยู่ด้วยกันแล้วจ่อยจะกลัวอะไรอีก อาตมาไม่ปล่อยให้จ่อยโดนผีหักคอหรอก”



“ผีมันไม่ได้หักคอ แต่มันหลอกกันนะหลวงพี่” โฮสต์บ่นกระปอดกระแปดทำแก้มป่องเรียกเรตติ้ง พอพูดถึงผีหลอกภาพของผีนางเพ็ญเมื่อคืนก็กลับเข้ามาในสมองน้อยๆ ของโฮสต์อีกครั้ง ทำเอาเส้นขนตามแขนและสันหลังตั้งพรึบพร้อมกับโดยไม่ได้นัดหมาย



“ผีโยมเพ็ญเมื่อคืนเขาตั้งใจหลอกจ่อยที่ไหน เขาหลอกคนอื่นต่างหาก” หลวงพี่แสงส่ายหน้าไปมาแล้วลูบหัวเด็กชายด้วยความเอ็นดู คำพูดประโยคต่อมาทำให้ใบหูยาวของระบบถึงกลับกระตุก “มีอาตมาอยู่ข้างๆ ทั้งคน จ่อยจะกลัวอะไรอีก”



“แน่นะ?” โฮสต์เองที่ได้ยินประโยคนั้นก็ตาลุกวาวเป็นประกายขึ้นมาเหมือนกัน สองชาติก่อนทั้งแทนไทและนนทเรศเคยพูดถึงเรื่องอยู่เคียงข้างกันมาก่อน จิตใจของโฮสต์เลยเริ่มเอนเอียงคิดถึงคนรักในชาตินี้ขึ้นมา มือเอื้อมไปจับจีวรสีแก่นขนุนไว้แน่น “หลวงพี่จะไม่ทิ้งจ่อยจริงๆ นะ ต่อให้จ่อยกลัวผี ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ก็ไม่ทิ้งกันนะ”



“ใครจะไปทิ้งจ่อยลง จ่อยเองนั่นแหละที่พอเบื่อแล้วอยากจะไปเล่นซนมากกว่า”



“จ่อยไม่ซนอยู่แล้ว” โฮสต์ตอบขึ้นทันควัน มือเล็กเอื้อมไปคว้ากอดขาทองคำของพระเอกเป็นที่เรียบร้อย “หลวงพี่ไปที่ไหนจ่อยก็ไปที่นั่นแหละ อยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไง”



“เอ้า ถ้าว่าแบบนั้นก็ดี” หลวงพี่ขยับยิ้มบางพร้อมกับใช้ปลายนิ้วสางเรือนผมให้อีกฝ่ายจนดูไม่ยุ่งเหยิงเท่าตอนแรก เขามองเด็กชายด้วยสายตาเมตตาที่แฝงด้วยความรู้สึกล้ำลึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก “คืนนี้ก็เก็บข้าวของให้เรียบร้อย พรุ่งนี้โยมลพเขาจะเอาสองแถวมารับให้อาตมาไปดูหลานเขาที่หนองพะยอมเสียหน่อย เหมือนจะโดนใครทำของใส่ จ่อยก็ไปด้วยกันเถอะ”



หลวงพี่สั่งการเสร็จก็แกะแขนเด็กชายออกแล้วเดินกลับเข้ากุฏิไป เหลือแต่โฮสต์ที่หยิบระบบขึ้นมาเขย่ารัวๆ เขย่าขนาดนี้ถ้าเป็นกระต่ายจริงก็คงตายไปแล้วมั้งโฮสต์ เบามือหน่อยสิเฮ้ย “แม่สอง! ต้องเป็นเขาแน่ๆ เลย ใช่เขาใช่ไหม?”



นิสัยคลั่งรักกลับมาอีกแล้วสินะโฮสต์ พอเป็นเรื่องแฟนหน่อยนี่ไม่ได้เลยนะ ระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำเชียว ถ้าระบบเป็นแม่โฮสต์ก็อยากจะเอาไม้เรียวฟาดก้นสักสามสี่ทีนะเนี่ย



“ดีใจจังที่ชาตินี้เจอกันเร็ว แต่ตอนนี้เขายังบวชเป็นพระอยู่เลย เราเองก็ยังเป็นเด็กน้อย นี่มันทั้งบาปทั้งพรากผู้เยาว์เลยอ่ะแม่สอง” โฮสต์จับกระต่ายขาวขึ้นมาชูเหนือแขนแล้วหมุนตัวเป็นวงกลม ระบบมึนหัวจนอยากจะอ้วกแล้ว ช่วยปล่อยลงไปสักทีเถอะ นี่ซื้อร่างมารังแกกันหรือไง



อันที่จริงเรื่องคนรักของโฮสต์ ตอนนี้ระบบยังไม่มีความคิดเห็น ข้อมูลไม่แน่นพอเลยยังไม่กล้าฟันธง จะเรียกดูข้อมูลภูมิหลังของอีกฝ่าย ก็ไม่มีอะไรนอกจากเนื้อเรื่องเดิมจากเครือข่าย จะรู้ว่าใช่หรือไม่ใช่เลยต้องสังเกตเอาเองล้วนๆ ตอนนี้ระบบเลยยังไม่ชัวร์เพราะดูแล้วก้ำกึ่งแปลกๆ ไม่เหมือนโฮสต์ที่มโนเก่งชอบคิดว่าคนนั้นคนนี้เป็นคนรักตัวเองอยู่แล้ว



คืนนั้นพอตะวันตกดิน โฮสต์ก็เก็บข้าวของเสร็จก็ไปนอนรวมกับเด็กวัดที่เหลืออย่างว่าง่าย ด้วยสภาพตอนนี้ความเจริญยังไม่ได้เข้าถึงทุกหมู่บ้าน ฉะนั้นอย่าคิดว่าวัดป่าเรไรจะมีไฟฟ้าใช้ มีแต่ตะเกียงเจ้าพายุจุดไต้กันในยามค่ำคืนเท่านั้น โฮสต์ที่กลัวผีอยู่เป็นทุนเดิม พอได้ยินเสียงหมาเห่าหอนนิดหน่อยก็ตัวสั่นระริกจนต้องคว้าเอาระบบมานอนกอด ระบบได้แต่ถอนหายใจยาว อยากบอกโฮสต์เหลือเกินว่าโลกนี้ไม่มีอะไรหรอก...นอกจากผี จะกลัวไปทำไม



อันที่จริงระบบชักเริ่มรู้สึกขึ้นมาว่าการซื้อร่างกระต่ายให้ระบบถือเป็นนิสัยสุรุ่ยสุร่ายที่บังเอิญมีประโยชน์อยู่เหมือนกัน อย่างน้อยเวลาโฮสต์กลัวก็ยังเอาระบบมากอดไว้ได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจ...ใช่เหรอ? ใช่จริงๆ เหรอ? ระบบมีหน้าที่เอาไว้คิดวิเคราะห์ควบคุมดูแลแจ้งเตือนสถานการณ์ แต่ดันเอาระบบมานอนกอดแทนตุ๊กตานี่มันใช่จริงๆ เหรอ???



เช้าวันต่อมานายลพรีบเอารถสองแถวมารับหลวงพี่แสงและเด็กวัดผู้ติดตามตั้งแต่เช้า ลุงลพรีบเล่าเรื่องหลานชายที่น่าจะถูกของว่าหน้าตาดำคล้ำ ซ้ำจากคนนิสัยดีรู้จักกตัญญูรู้คุณยังหงุดหงิดงุ่นง่านจนอาละวาดใส่แม่พ่อ ชอบกินเลือดดิบ โฮสต์ที่เริ่มประสาทเสียเริ่มเกิดอาการวิตกกังวลขึ้นมา เขาคว้าผ้าเหลืองเอาไว้แล้วกระตุกไม่หยุด กระตุกเสียจนสบงของหลวงพี่แสงจะหลุดออกมาอยู่แล้ว



“กลัวอีกแล้ว?” หลวงพี่รอให้นายลพกับเมียขับรถออกไป เหลือตนเองกับจ่อยนั่งอยู่คอกสองแถวด้านหลังแล้วค่อยเอ่ยถามเด็กชายด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ พอเห็นจ่อยพยักหน้ารัวๆ จนดูตลก เขาก็ล้วงมือเข้าไปในยามหยิบของออกมาให้อีกฝ่าย “หลวงปู่ช่วงให้ตะกรุดมาอันหนึ่ง จ่อยเอาไปคล้องแล้วกันจะได้มีอะไรป้องกันภัย”



หลวงพี่สวมตะกรุดเข้าให้ที่คอของโฮสต์ด้วยตัวเอง โฮสต์ที่ไม่ใช่คนงมงายเลยแม้แต่น้อย พอได้ของที่คิดว่าดีเข้าไปก็จิตใจสงบขึ้นมาบ้าง เขาเปลี่ยนมาลูบขนสีขาวนุ่มฟูของระบบแทน อาการหลังเท้าเป็นหน้ามือทำให้พระหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ “ดูเข้าเถอะ ติดกระต่ายเสียจริง จะไปไหนก็ต้องเอามันไปด้วย พอกลัวก็รัดมัน พอเลิกกลัวก็ลูบมัน จ่อยเบามือกับมันบ้าง เดี๋ยวเฉามือตายกันพอดี”



ขอบคุณที่ช่วยเหลือนะพระเอก แต่ระบบไม่ตายด้วยแค่เฉามือตายหรอก นี่ร่างจากแม่ข่ายเลยนะ ไม่ใช่ลูกหมาน้อยใกล้หมดลม อย่ามาดูถูกกันให้มากเลย



โฮสต์นั่งรถที่คลอนแคลนไปสักพักจึงเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา จากนั่งสัปหงกก็กลายเป็นไปนั่งเอนพิงหลวงพี่ จนสุดท้ายกลายเป็นเอนตัวนอนตักทั้งที่ยังกอดระบบเอาไว้ พระเอกได้แต่ส่ายหน้าพลางมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เขาวางมือบนเรือนผมหยักศกช้าๆ



ฝ่ามือสางไปตามเส้นผมนุ่มสลวยของโฮสต์อย่างแผ่วเบา ปลายนิ้วลากไล่จนมาถึงเปลือกตาที่ปิดสนิท แววตาเป็นสีเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พระหนุ่มขยับปลายนิ้วไปจนถึงกลีบปากบางแดงระเรื่อที่ปิดสนิทของจ่อย ริมฝีปากยิ่งหยัดออกเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด สักพักหนึ่งเขาก็ดึงมือกลับไปวางบนศีรษะของโฮสต์แทน สายตามืดมิดมองลอดคอกของรถสองแถวออกไปไกลจนไม่มีจุดหมาย



อากัปกิริยาทั้งหมดล้วนแต่เป็นสิ่งที่ระบบเคยเห็นแล้วมาก่อนทั้งนั้น



ระบบตรวจพบความมืดในจิตใจของพระเอกถึง 16.67% แต่ลังเลไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจยังไงดี ความมืดระดับนี้จะว่าสูงก็สูงอยู่ แต่ด้วยสถานะพระสงฆ์ของหลวงพี่แสงและความรู้สึกที่มีให้โฮสต์ ทำให้อาจตีความได้ว่าการที่สมภารอยากกินลูกเจี๊ยบในวัดอาจนับเป็นความมืดในจิตใจได้



ระบบในร่างกระต่ายได้แต่เหลือบตามองหลวงพี่แสงในจีวรสีแก่นขนุน...เรื่องใช่คนรักไม่ใช่คนรักอาจไม่ใช่เรื่องของระบบ แต่ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเหมือนกันที่ตัวเองตัดสินใจฟันธงไม่ได้สักทีจนต้องจบเท้าหลังตามสัญชาตญาณกระต่าย ระบบกำลังตกอยู่ในกับดักคนฉลาดหรือยังไงกันนี่



ใช่หรือไม่ใช่?



ขี้เกียจวิเคราะห์แล้ว มีคุกกี้ไหมจะได้เอามาทำนายกัน



โปรดติดตามตอนต่อไป...





ซินเอ๋อร์:

โลกนี้ทำเอาระบบตกอยู่วิกฤติซะแล้วค่าา 5555 เขียนไปเขียนมาก็อยากรังแกระบบบ้าง ไม่ใช่รังแกแค่โฮสต์อย่างเดียว ถือว่าแบ่งๆ ความซวยไปให้กันและกันนะคะ เขียนไปก็รู้สึกว่าบาปท้านรกมาก นี่ทำอะไรลงไปเนี่ยยยย

Arc นี้จะแอบมีเนื้อเรื่องหน่อยนะคะ จะเล่าละเอียดกว่า Arc อื่นๆ หน่อย ทำให้ยาวกว่าปรกติที่มีแต่ครึ่งแรกกับครึ่งหลังค่ะ เรื่องราวจะเป็นยังไง ต้องติดตามกันต่อไปนะคะ ไม่รู้ว่าจะเบื่อกันหรือเปล่า เรื่องราวบางทีวุ่นวาย ระบบอาจไม่ค่อยได้ตบมุกเรี่ยราดเท่าไร ยังไงอยู่ด้วยกันก่อนน้า ซินเอ๋อร์เหงาค่ะ TwT

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ หนีไปเรียนก่อนน้า เจอกันตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4-1 คห.34 29.11.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 29-11-2019 23:54:03
ชอบจ่อยอ่ะ นึกภาพลูกครึ่งตัวน้อยๆ กะวิถีชีวิตแบบไทยแท้แล้วมันน่ารักน่าเอ็นดูบอกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4-2 คห.36 1.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 01-12-2019 07:42:27
Arc 4อย่ากลับดึก ถ้าอยู่ลึกในซอยเปลี่ยว (2)



จากวันนั้นความรู้สึกลังเลว่าจะใช่หรือไม่ใช่ที่ระบบมีกับพระเอกก็ยังคงไม่สามารถลบล้างออกไปได้ ปรกติแล้วถ้าระบบพบเจอคนรักของโฮสต์ก็มักจะฟันธงได้อย่างมั่นใจทุกครั้งว่าเป็นคนเดียวกันแน่ๆ หลวงพี่แสงถึงจะมีความรู้สึกบางอย่างว่าใช่ โดยเฉพาะแววตาที่มองโฮสต์และกิริยาแสดงความรักแบบเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่รู้ทำไมระบบกลับไม่สบายใจเสียเลย คงเพราะเช็คข้อมูลดูแล้วไม่พบอะไรล่ะมั้ง



“คิดมากน่าแม่สอง” โฮสต์พูดงุ้งงิ้งพลางนวดขานวดพุงให้ระบบเหมือนคนกำลังปรนเปรอกระต่ายตามประสาทาสผู้ภักดี “เราว่าใช่ก็ใช่ซี่ นี่แฟนเรานะ เราจะแยกไม่ออกได้ยังไง?”



ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอโฮสต์...เพราะเป็นโฮสต์ไงล่ะถึงได้แยกไม่ออก ขนาดสี่ห้าชาติแรกยังหลงคิดไปเลยว่าพระเอกของโลกเป็นคนเดิมที่ตามตัวเองมาทุกชาติ กว่าจะรู้ว่านนทเรศรักก็ใช้เวลาชาติหนึ่ง กว่าจะรู้ว่าเขาตามมาก็ใช่เวลาตั้งสามชาติ นี่ยังไม่นับนิสัยขี้มโน และนิสัยชอบหวั่นไหวกับพระเอกอีก ถ้าระบบมีไม้เรียว ระบบก็อยากจะฟาดโฮสต์สักหลายๆ ทีแหละ



ตอนนี้ระบบเป็นกระต่าย ถึงจะไม่มีไม้เรียวก็ยังสามารถฟาดโฮสต์ได้ ระบบตบเท้าปุกปุยของตัวเองกับหน้าตักของโฮสต์แรงๆ จนดังตุ้บๆ หลายตุ้บ แต่ดูท่าโฮสต์จะชอบใจมากกว่าจนถึงขั้นหลุดหัวเราะออกมา แน่จริงซื้อร่างแมวให้ระบบสิ รับรองว่าจะข่วนให้หน้ายับจะได้ตื่นฟื้นขึ้นมาจากการมโนซะบ้าง



[ถึงพี่จ๋าจะมั่นใจ แต่โปรดรักษาระยะห่างในความสัมพันธ์กับพระเอกเพื่อความเหมาะสม~♥]



“ฮื่อ...ก็ตอนนี้เขายังเป็นพระอยู่นี่เนอะ” โฮสต์คอตกจนจมูกโด่งฝังลงกับขนนุ่มของกระต่าย ท่าทางหงอยเหงาซึมเศร้า น่าสงสารซะเหลือเกิน แต่เอาเถอะ อย่างน้อยระบบก็พอโล่งใจที่เขายังพอรู้เรื่องอยู่บ้าง รักกันปานจะกลืนกินยังไงก็ช่วยดูความเหมาะสมด้วย ถึงระบบจะไม่ได้กลัวบาปกลัวนรกเท่าไร แต่เล่นถึงพระสงฆ์องค์เจ้ามันจะปลิวกันหมดอาจโดนลบออกจากโครงข่ายข่ายได้ทั้งคู่นะโฮสต์



อีกอย่างตอนนี้เพิ่งผ่านมาได้แค่เกือบปี จ่อยอายุแค่สิบสามเอง ตามบทกว่าจะตายเป็นผีพรายก็ปาเข้าไปยี่สิบห้าโน่น โฮสต์ยังมีเวลาในโลกนี้อีกหลายปีให้ได้คิดให้ได้เรียนรู้ ถ้าเกิดพลาดพลั้งไปฟีทเจอริ่งกับหลวงพี่แสงแล้วเขาไม่ใช่แฟนตัวเองขึ้นมา ถึงเวลานั้นมาร้องไห้แงๆ ระบบจะ mute เสียง ไม่ฟังโฮสต์โวยวายด้วยคนหรอกนะ



โฮสต์ใช้ขนของระบบเช็ดน้ำมูกน้ำตาเสร็จ พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าดันถึงเวลาโพล้เพล้หรือที่เรียกกันว่าผีตากผ้าอ้อมกันพอดี เสียงลมกรรโชกพัดแรงเสียงจนใบมะพร้าวจากรอบข้างเสียดสีกันดังชวนขนลุก โฮสต์ที่ชอบมาแอบตรงหลังศาลารู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จึงรีบคว้ากระต่ายมากอดไว้เหมือนเป็นยันต์คุ้มครองแล้ววิ่งเผ่นกลับไปที่เก็บของของพวกเด็กวัดทันที พอไปถึงก็รีบกวาดข้าวกวาดของตั้งท่าเหมือนเตรียมหนี



[พี่จ๋าจะไปไหน~♥]



“เรากลัวผี ที่หลวงพี่แสงปราบผีเปรตเมื่อคืนนี้ยังติดตาอยู่เลย คืนนี้นอนไม่ได้แน่ๆ เราจะไปนอนกุฏิเดียวกับหลวงพี่” โฮสต์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อหันมาเห็นกระต่ายตัวขาวกำลังมองด้วยสีหน้าเอาแรง แต่พอเหลือบไปเห็นท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี หน้าตาก็ยิ่งแตกตื่นกระวนกระวายยิ่งกว่าเดิม “ขอร้องเถอะแม่สอง เราจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน เรากลัวจริงๆ นะ ถ้าเกิดกลางคืนมีเสียงวี๊ดๆ ขึ้นมาอีกล่ะ”



โฮสต์พูดจบก็มีเสียงอะไรสักอย่างกระแทกกับหลังคาดังตุ้บ! ร่างเล็กของเด็กชายในชุดสีมอซอถึงกับสะดุ้งโหยงพร้อมร้องว๊ากออกมาคำหนึ่ง เขารีบคว้าระบบไปกอดในอ้อมแขนที่สั่นระริก ส่วนระบบก็ได้แต่ถอนหายใจให้กับความป๊อดของโฮสต์ เลยเอาขาหน้าทั้งสองข้างตะปบแก้มซ้ายขวาแรงๆ แค่ลูกมะพร้าวเอง จะกลัวอะไรนักหนา



“ฮือ...ปล่อยเราไปเถอะแม่สอง เราจะไม่ทำตัวรุ่มร่ามจริงๆ นะ” อีกฝ่ายยอมให้ระบบทุบตีอย่างว่าง่าย ระบบตบตีโฮสต์จนเหนื่อยก็ได้แต่นอนขดตัวด้วยความเซ็ง สุดท้ายก็โดนหอบไปกุฏิของหลวงพี่แสงพร้อมกับข้าวของในมือโฮสต์ พอไปถึงเป็นจังหวะที่พระหนุ่มออกไปทำวัตรเย็นพอดี กว่าจะกลับมาก็คงอีกพักหนึ่ง



ตอนหลวงพี่กลับมา จ่อยก็ปูที่นอนจัดการข้าวของแถมยังกางมุงจนเรียบร้อย หลวงพี่แสงเลิกคิ้วมองเล็กน้อย แต่พอเห็นขอบตาแดงเรื่อและสองแก้มแดงก่ำคล้ายผ่านการร้องไห้มาก็พอจะเดาเหตุการณ์ได้ พระหนุ่มหัวเราะเสียงเบาแล้วเดินไปขยี้เส้นผมหยักศกนุ่มฟูของเด็กวัดที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นอย่างว่าง่ายเชื่อฟัง



“กลัวผีอีกแล้วล่ะสิ” นัยน์ตาทั้งคู่ของหลวงพี่เต็มไปด้วยความเมตตาและความอ่อนโยน “มีกระต่ายก็แล้ว มีตะกรุดก็แล้ว จ่อยยังกลัวอีกเหรอ”



“อยู่กับหลวงพี่ถึงจะไม่กลัว” จ่อยตอบกลับทันควัน ขนตาแพหนาที่ยังมีหยดน้ำตาทำให้ดูน่าสงสารกว่าเดิม ส่วนระบบก็นึกอยากจะกระโจนสกายคิกโฮสต์ด้วยลูกเตะกระต่าย เพิ่งบอกไปว่าให้รักษาระยะความสัมพันธ์ ทำไมมาทรงอ่อยได้ล่ะโฮสต์...แต่ไม่หรอก ด้วยสติปัญญาของโฮสต์นี่ไม่ใช่การอ่อย แต่เป็นการออดอ้อนคนรักตามนิสัยคลั่งรักดั่งเดิมต่างหาก ทำนองว่าขอแค่มีแฟนอยู่ด้วย ต่อให้ยกผีมาทั้งหมู่บ้านก็ไม่กลัว



ว่าไปนั่น มีหรือที่คนอย่างโฮสต์จะไม่กลัว ถ้ามากันเยอะขนาดนั้น รับรองว่าโฮสต์ได้ร้องไห้แงๆ โดนผีหลอกจนหัวโกร๋นแน่ๆ



ส่วนหลวงพี่แสงคงจะไม่ได้คิดเหมือนโฮสต์และระบบล่ะมั้ง มือที่ลูบศีรษะโฮสต์อยู่จึงชะงักลงไปเล็กน้อยพร้อมกับดวงตาที่หลุบลงต่ำเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นแววตา แต่น้ำเสียงของพระภิกษุยังคงสงบนิ่งน่าเคารพนับถือเหมือนเคย “จะนอนก็นอนได้ แต่อาตมานอนหัวค่ำ จ่อยจะทนได้หรือ”



โฮสต์พยักหน้าหงึกๆ เหมือนเขียนบอกไว้กลางหน้าผากว่าจ่อยว่าง่าย จ่อยเป็นเด็กดี เลยได้นอนลงบนเสื่อผืนข้างๆ ของหลวงพี่แสงจนได้ ถึงเขาจะพยายามนอนนิ่งๆ ไม่ดิ้นไม่ซนยังไง สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นว่าขยับไปนอนเบียดพระหนุ่มอยู่ดี



ชีวิตการบวชเรียนของหลวงพี่แสงเรียกได้ว่ามาถึงกาลวิบัติแล้ว ตามเนื้อเรื่องยังเหลือการปราบผีครั้งใหญ่ในป่าช้าวัดแคม่วงอีกครั้งหนึ่งให้พระเอกได้สร้างชื่อเสียง หลังจากนั้นจะมีชาวบ้านจากทั่วสารทิศทั้งอำเภอนี้ทั้งจังหวัดอื่นเข้ามาขอความช่วยเหลือ พอวัดวุ่นวายหนักเขาถึงได้ขอลาสิกลาจากการเป็นพระสงฆ์ นับเวลาแล้วก็น่าจะอีกราวๆ สองสามเดือน แต่ตอนนี้หลังจากโฮสต์ทำเนียนมาอาศัยกุฏินอนข้างๆ หลวงพี่แสงก็หวิดผิดพระวินัยเกือบจะต้องปลงอาบัติหนักอยู่ทุกวัน



ถึงปลงผมอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพักตร์ยังไง ร่างกายของหลวงพี่แสงก็ยังเป็นชายหนุ่มเต็มตัวที่มีสุขภาพดี จะมีฝันหวานตอนกลางคืนกันบ้างคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เพราะมันเป็นสังฆาทิเสสหรืออาบัติรุนแรงที่รองจากการปาราชิก สุดท้ายจึงได้แต่ฝืนทนข่มความต้องการของร่างกายเอาไว้ ถ้าเป็นหลวงจีนในนิยายกำลังภายในคงเกิดจิตมารไปแล้ว



ค่าความมืดในจิตใจของพระเอกเพิ่มขึ้นทุกวันจาก 16.67% ตอนนี้ปาเข้าไป 18.94% แล้ว ระบบตบตีให้โฮสต์ไสหัวกลับไปนอนรวมกับเด็กวัดเหมือนเดิม แต่กลายเป็นว่าอยู่ดีไม่ว่าดี ดันมีผีตายโหงมากหน้าหลายตามายืนปลายเท้าจ่อยอยู่แทบทุกคืน ผีสภาพดูไม่จืดล้วนแต่มาขอร้องให้จ่อยช่วยพูดกับหลวงพี่แสงให้ช่วยเหลือพวกเขาที โฮสต์กินไม่ได้ นอนไม่หลับ สภาพโทรมจัดผอมแห้งจนดูไม่ได้ ก็เลยต้องกลับไปนอนค้างในกุฏิของหลวงพี่จนได้



และในที่สุดสิ่งที่ระบบกลัวที่สุดก็มาถึงจนได้...



โฮสต์ยังคงนอนหลับใหลไม่ได้สติเหมือนเคย แต่ภิกษุหนุ่มที่อยู่ข้างกายกลับไม่อาจข่มตาให้หลับได้ หลวงพี่แสงต้องทนข่มอารมณ์ข่มร่างกายมาเป็นเดือนคล้ายจะหมดความอดทนทุกที เขาผุดลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืดมืดในยามดึกสงัด แสงจันทร์เพ็ญในคืนวันพระโกนที่ส่องผ่านหน้าตามาทำให้เห็นดวงหน้าที่ผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออกได้อย่างพอดิบพอดีของจ่อย หลวงพี่แสงเริ่มจากขยับนิ้วเกลี่ยไปตามเส้นผมนุ่มสลวย



ปลายนิ้วเลื่อนลงไปถึงหน้าผากมนของเด็กชาย พระเอกแตะนิ้วกับหางตาและเขี่ยแพขนตาของโฮสต์เล่นอย่างเชื่องช้า เขาไล่นิ้วไปตามพวงแก้มขาวที่ไม่ได้กลมป่องน่าเอ็นดูเหมือนตอนเด็กๆ แต่เริ่มมีเค้าโครงคมชัดขึ้นมาจางๆ พระภิกษุแตะปลายนิ้วกับกลีบปากแดงระเรื่อของจ่อย นัยน์ตากลายเป็นสีมืดเข้มดำมืดเสียจนไม่เหลือภาพลักษณ์ของหลวงพี่แสงผู้ใจดีอีกต่อไป



เขาโน้มตัวลงช้าๆ ก่อนจะแนบจูบลงบนริมฝีปากอิ่มของเด็กชายที่ยังคงไม่ได้สติก่อนจะเริ่มแทะเล็มอย่างแผ่วเบา ณ วินาทีนี้ระบบไม่ได้สนใจอะไรแล้วนอกจากค่าความมืดมิดในจิตใจที่พุ่งขึ้นสูงจัดจนเข้าขั้นวิกฤติ จาก 18.94% มันพุ่งไปจนถึง 25% แล้ว แถมยังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนหยุดไม่อยู่ ถ้าสมภารตัดสินใจกินลูกเจี๊ยบ รับรองว่าคราวนี้แค่ปลงอาบัติคงยังไม่พอ แต่ถึงขั้นปราราชิกเพราะเสพเมถุนแน่ๆ ระบบได้แต่ภาวนาให้พระเอกยับยั้งตัวเองได้ก่อนที่ค่าที่อ่านได้จะสูงมากกว่านี้



หลวงพี่แสงผละออกไปเมื่อค่าพุ่งไปถึง 32% แล้วล้มตัวนอนนิ่งเหมือนเคย ระบบถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเหลือบมองโฮสต์ที่หลับเป็นตาย รอจนพระเอกลุกไปทำวัตรเช้า รอจนโฮสต์ตื่นตอนรุ่งสางค่อยยกอุ้งเท้ากระต่ายตะปบเข้าไปที่กลางแก้มของโฮสต์แรงๆ หลายๆ ที



โฮสต์กุมแก้มตนเองแล้วหันมามองระบบน้ำตาคลอเหมือนเจ็บช้ำน้ำใจเพราะถูกกระต่ายรังแก แต่ ณ จุดนี้ระบบไม่สนใจแล้ว อยากจะร้องก็ร้องให้ตายไป ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้หลวงพี่แสงลาสิกขาสึกออกจากการเป็นพระก่อนที่เขาจะยิ่งถลำลึกจนกลายเป็นแอบลักหลับโฮสต์ตอนนอนเข้าสักวัน ปราบผีล้างป่าช้าครั้งใหญ่ที่วัดแคม่วงอะไรก็ช่างมันเอาไว้ก่อนเถอะ ถ้าพระเอกเข้าดาร์กไซด์จริง นอกจากภารกิจล่มโฮสต์โดนตัดคะแนน ระบบเองก็จะโดนตัดคะแนนด้วยเหมือนกัน



ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ระบบกระโจนขึ้นใช้ขาหลังเตะเข้าที่หน้าของโฮสต์จนเต็มแรง เจ้าโฮสต์ไม่รักดี! หน้าที่มีให้มาเป็นแสงเทียนนำใจพระเอก นี่ดันพาพระเอกเข้าด้านมืดซะเอง! ระบบถึงไม่อยากมีโฮสต์โง่ก็เพราะแบบนี้ เพราะถ้าโฮสต์โง่ เราจะได้ตายกันหมดแน่ๆ



“โอ๊ยๆๆๆ ใจเย็นๆ ก่อนแม่สอง! นายเป็นอะไร หงุดหงิดเหรอ?”



[เพราะคุณไม่ตั้งใจทำภารกิจให้ดี ตอนนี้พระเอกเข้าด้านมืดไปแล้วถึง 32%]



จุดที่เลือดขึ้นหน้าทำให้ระบบปิดการใช้งานเสียงน้องชายตัวน้อยโดยอัตโนมัติและเปลี่ยนกลับไปเป็นเสียงโปรแกรมสงเคราะห์ที่เป็นเสียงแรกสุดแทน โฮสต์เบิกตาขึ้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก เขาคว้าตัวระบบเอาไว้แล้วรีบเอามือลูบหัว ขณะที่กำลังพยายามใช้สมองน้อยๆ ที่ไม่ค่อยจะมีคิดวิเคราะห์แยกแยะอย่างเร่งด่วน



“เดี๋ยวนะแม่สอง พระเอกเข้าด้านมืดไปได้ยังไงขนาดนั้นอ่ะ ตอนแรกก็ยังเห็นดีๆ อยู่เลย ทุกวันก็เป็นหลวงพี่ที่ใจดีอ่อนโยนมีเมตตา คอยช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ ดีกว่าพระเอกคนอื่นๆ อีก นายตรวจสอบอะไรผิดหรือเปล่า” โฮสต์รีบอธิบายด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ ระบบเลยตะปบหน้าโฮสต์ไปอีกที



[ค่าความมืดที่ระบบตรวจวัดได้ไม่มีวันผิดพลาด!!]



ระบบโยนเครื่องหมายอัศเจรีย์สีแดงสดใส่โฮสต์ไปหกสิบกว่าอัน เรื่องอะไรมาโยนให้เป็นความผิดของระบบล่ะ โฮสต์เห็นก็รีบขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่



[โฮสต์โปรดดำเนินการเพื่อยับยั้งความมืดในจิตใจของพระเอก! ]



เมื่อคืนนี้ระบบได้ทำเรื่องของแก้ไขรูปแบบการทำงานร่วมกับโฮสต์จากโครงข่ายมาเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากพฤติกรรมชิลจนเกินไปและความโง่ที่สูงกกว่าค่าความฉลาด ทำให้โฮสต์มีแนวโน้มว่าจะทำภารกิจได้ไม่รอดในโลกที่ระดับความยากเพิ่มมากขึ้น แต่เพราะโฮสต์ไม่ใช่คนหัวดื้นกับระบบเท่าไรนัก โครงข่ายจึงอนุมัติให้ระบบสามารถควบคุมโฮสต์ได้ 25% และสามารถส่งภารกิจย่อยเพื่อทำให้เรื่องราวดำเนินไปราบรื่นตามที่มันควรจะเป็น



ก่อนที่โฮสต์จะมอบภารกิจจูงใจให้พระเอกลาสิกขาจากการเป็นสมณเพศกลับไปเป็นผู้ครองเรือนตามเดิม ประตูกุฎิของหลวงพี่แสงก็เปิดออกมาเสียก่อน หน้าตาของหลวงพี่ยังคงสงบเรียบร้อยเหมือนเดิม แต่แววตากลับมีความมุ่งมั่นเหมือนได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว เขาขยับมานั่งบนเสื่อผืนเดียวกับจ่อย ริมฝีปากหยัดออกเป็นรอยยิ้มบาง



“พรุ่งนี้อาตมาจะลาสิกขากลับบ้านในตัวอำเภอ จ่อยจะไปกับอาตมาไหม” น้ำเสียงของหลวงพี่แสงราบเรียบเหมือนพูดคุยเรื่องทั่วไปไม่ได้พูดถึงเรื่องอะไรใหญ่โต ทั้งที่จริงๆ เขาบวชเรียนไม่ได้กลับบ้านมาเกือบสิบปี มาถึงวันหนึ่งก็ตัดสินใจลาสึกจากการเป็นพระภิกษุอย่างง่ายดายเช่นนี้เอง



โฮสต์ไม่ค่อยเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับไวเท่าไรนักเลยมองหลวงพี่สลับกับกระต่ายขาวด้วยความงุนงง ด้วยสติปัญญาของโฮสต์อาจจะต้องใช้เวลาอธิบายและเรียบเรียงความคิดมากเสียหน่อย เพราะฉะนั้นระบบจะเคลียร์กับโฮสต์เองในโอกาสหน้า แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ระบบสบายใจขึ้นมากแล้ว



[คำเตือน ตรวจพบโอกาสที่การตัดสินใจของคุณอาจส่งผลต่อเนื้อเรื่องทั้งหมดถึง 100%]



“โอ้โห 100% เลยเหรอ” โฮสต์ที่ยังคงงงๆ พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะตื่นตาตื่นใจ มันจะไม่ 100% ได้ยังไงล่ะโฮสต์ ถ้าโฮสต์ไม่ไปด้วยแล้วเรื่องมันจะดำเนินต่อไปยังไง ตามเนื้อเรื่องแล้วจ่อยมันต้องไปเป็นลูกมือคนสนิทของพระเอกจนกระทั่งโดนอาจารย์เอกฆ่านั่นแหละ



“ไปสิหลวงพี่ จ่อยยังไม่เคยเข้าไปในอำเภอเลย...หลวงพี่เลี้ยงจ่อยไหวแน่นะ” เด็กชายเกาะชายผ้าเหลืองของหลวงพี่แล้วเขย่าเบาๆ ท่าทางบริสุทธิ์สดใสเหมือนเคย



“เลี้ยงไหวสิ โยมแม่ทำข้าวแกงขาย ถึงไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่จ่อยก็มีข้าวกินทุกมื้อแน่”



เอาเถอะ จะงุ้งงิ้งอะไรก็งุ้งงิ้งกันไปเถอะ ตอนนี้ถือว่าแก้ไขปัญหาขายผ้าเอาหน้ารอดไปได้ก็พอ โชคดีที่ว่าพอเปลี่ยนสถานะจากหลวงพี่แสงไปเป็นทิดแสงก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ค่าความมืดมิดในจิตใจลดน้อยลง จนตอนนี้ลงมาอยู่ที่ 11.29% เพียงเท่านั้น ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่อันตรายเท่าไรนัก



หลังจากที่พระเอกสึกออกจากวัดป่าเรไรกลับไปอยู่บ้านช่วยแม่ทำร้านขายข้าวแกงในตัวอำเภอ เนื้อเรื่องที่เหลือก็ยังคงดำเนินไปเหมือนเดิมตามที่โครงข่ายกำหนดเอาไว้แล้ว ต่อให้ไม่ได้เป็นพระแต่ก็มีชาวบ้านมาขอร้องให้ทิดแสงไปช่วยปราบผีที่ป่าช้าวัดแคม่วงอยู่ดี ชื่อเสียงของเขาจึงยิ่งขจรไกลข้ามจังหวัด



หลายปีผ่านไปพระเอกก็ยังคงเก็บเลเวลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเลเวลอาคมสายขาวและเลเวลความกร้านโลก สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นไปแล้ว ที่โดนหลอกก็โดนหลอก ที่ควรจะช่วยใครก็ช่วยเอาไว้ แต่ดีที่ว่ายังมีโฮสต์ผู้สดใสแก่นเซี้ยวแสนซนอยู่ข้างกาย ทำให้ทิดแสงยังอยู่ในลู่ทางความดี ไม่หลุดโผไปไกลเข้าสายมืดมากนัก...



โฮสต์ยังคงให้ความสนิทสนมกับทิดแสงมากกว่าใครๆ อยู่เหมือนเคย ตามบทจ่อยติดพระเอกเพราะรู้สึกว่าตนเองแปลกแยกจากคนอื่น เป็นลูกครึ่งหัวแดงลูกโสเภณีที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน มีแต่พันแสงที่ดีกับเขามาโดยตลอด ส่วนโฮสต์ที่มารับบทแทนก็โง่เกินกว่าจะรู้สึกอะไรแบบนั้นได้ เขาแค่ติดแฟนเฉยๆ ยิ่งตอนนี้อายุสิบหกแล้วไม่ใช่เด็กน้อยตัวกระเปี๊ยก แต่เป็นไอ้หนุ่มหน้าขาวปากแดงหน้าตาน่ารักเลยยิ่งทำตัวให้พระเอกอยากฟัดกว่าเดิม



เนื้อเรื่องตอนนี้ดำเนินมาได้พอสมควรแล้ว พระเอกได้ช่วยชีวิตถอนของให้กับท่านเกรียงไกร ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของจังหวัดและประเทศ จนได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก และได้เข้าไปขวางหนทางทำมาหากินของอาจารย์เอกเข้าแล้ว อีกไม่นานคงจะได้พบเจอเปิดตัวตัวร้ายกันได้เร็วๆ นี้แน่



ตามเหตุการณ์การพบกันดั้งเดิมคือทิดแสงและจ่อยในชุดขาวถูกชวนไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพลินพิศลูกสาวท่านเกรียงไกรหรือผู้เป็นนางเอกของโลกนี้ ส่วนอาจารย์เอกก็ติดตามคู่แข่งของท่านเกรียงไกรมาในงานเลี้ยงเช่นกัน อาจารย์เอกใช้อาคมสูงกว่าเล่นงานทิดแสงเสียจนบาดเจ็บ ก่อนจะถูกคุณไสยหนักเพลินพิศกลับมาขวางเอาไว้ คุณไสยจึงย้อนเข้าตัวโกงจนกลายเป็นความแค้นในภายหลังแทน ส่วนนางเอกก็พาพระเอกไปรักษาตัวช่วยดูแล เกิดเป็นความรักที่สุด



เสียแต่ว่าวันงานจริงที่ทิดแสงควรจะสนใจคุณหนูคนสวยราวดาวล้อมเดือน กลับยิ้มให้เธอเพียงครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไป ความสนใจของเขาทั้งหมดมอบให้กับจ่อยที่ยังคงเด่อด๋า วิ่งไปทางนั้นทีทางนี้ทีหัวเราะคิกคักเหมือนคนสมองไม่ค่อยจะเต็ม ระบบทนดูไม่ได้เลยขอโอกาสกระโดดหนีก็แล้วกัน



โฮสต์วิ่งไล่จับระบบจนมาถึงสวนของท่านเกรียงไกร เบื้องหลงมีทิดแสงเดินตามมาติดๆ ไม่รู้ว่ามีแขกแปลกหน้ายืนอยู่ตั้งแต่ในสวนเมื่อไร อาจารย์เอกผู้เป็นหมออาคมมือฉมังแห่งยุคใส่ชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า ยืนเหม่อด้วยท่าทางผึ่งผายราวทหารโบราณ แม้หน้าตาคมคายหล่อเหลาแต่ก็ท่าทางน่ายำเกรงด้วยเรือนร่างสูงใหญ่และผิวสีเข้มราวทองแดง นัยน์ตาดำมืดจับจ้องมายังพระเอกไม่วางตา...



ไม่สิ สายตาส่องตรงไปหาโฮสต์มากกว่า ชั่ววูบหนึ่งคล้ายประกายความอ่อนโยนจะปรากฏขึ้นในดวงตา ก่อนมันจะเลือนหายไปเหลือเพียงความมืดมิดอนธการเมื่อเห็นว่ามือขาวของโฮสต์กำลังสั่นเล็กน้อยจนต้องคว้าจับมือของพันแสงเอาไว้แน่นเหมือนต้องการที่พึ่งพิง



ระบบที่อยู่บนพื้นรู้สึกว่าหัวใจกระต่ายเต้นตึ้กๆ ราวกับจังหวะบีทบ็อกส์...



พัง! พังกันหมดแน่คราวนี้!!





โปรดติดตามตอนต่อไป...





ซินเอ๋อร์:

ย่องมาลงค่ะ บาปมากตอนนี้ แต่แค่หอมปากหอมคอพอนะคะะ มากกว่านี้มันจะบาปไปน้าาา อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลย (แงงง)

Arc นี้เป็น Arc ที่วุ่นวายมากทั้งโฮสต์ ทั้งระบบ ทั้งพระเอก 55555 น่าจะอีก 1-2 ตอนก็คงจะจบ Arc ค่ะะ จะจบยังไงก็ต้องดูกันต่อไปค่ะ นอกจากวุ่นวายแล้ว Arc นี้ยังรีเสิร์ชเยอะมาก เพราะไม่ค่อยแม่นเรื่องศาสนา ของขลัง ไสยศาสตร์เท่าไรด้วย ตรงไหนแปลกๆ ท้วงได้นะคะะ ซินเอ๋อร์รีเสิร์ชจนในเฟซเริ่มมีโฆษณาแปลกๆ ขึ้นมาแล้ว ลิปมันสาลิกาลิ้นทองอะไรไม่รู้ ยังไม่ได้จะทำของใส่ใครน้า เฟซบุ๊กแนะนำอะไรเนี่ย แงงงงง

พบกันใหม่ตอนหน้า ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะะะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4-2 คห.36 1.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-12-2019 11:51:25
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4-2 คห.36 1.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-12-2019 14:50:11
เอาล่ะสิ เราว่าระบบต้องมั่นใจว่าคนรักของโฮสต์มาอยู่ในร่างลาสบอสแน่เลย รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4-2 คห.36 1.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 01-12-2019 16:55:51
เจ้าของตัวจริงมาแล้ว!!! สงสารระบบมากกกก 555
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4-3 คห.40 4.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 04-12-2019 18:16:55
Arc 4 อย่ากลับดึก ถ้าอยู่ลึกในซอยเปลี่ยว (3)

หลายโลกที่ผ่านมาระบบมักมีความแม่นยำในการฟันธงว่าใครใช่ใครไม่ใช่คนรักของโฮสต์มาโดยตลอด ขอเพียงได้ใกล้ชิดในรัศมีสักสิบเมตร สัมผัสได้ถึงสายตาและนิสัยเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถบอกได้ทันทีว่าใช่หรือไม่ใช่ ตามค่าสถิติแล้วเขามักจะเกิดมาเป็นตัวร้าย แต่ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่อาจได้รับบทอื่น พันแสงมีนิสัยและท่าทางบางส่วนที่เหมือนจนเกินพอดี ระบบเลยอ๊องๆ เบลอๆ ตัดสินใจไม่ขาดสักที

แต่มาวันนี้ถ้าตัดสินใจไม่ได้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เช็กลิสต์ข้อแรกคือบทตัวโกงอันดับหนึ่งของเรื่อง ข้อที่สองคือสายตาดำมืดมิดเหมือนหลุมดำที่จะอ่อนโยนเฉพาะเวลามองโฮสต์เท่านั้น ข้อที่สามคือบรรยากาศคุกคามที่แผ่พุ่งออกมาจากตัว ส่วนข้อที่สี่คือนิสัยขี้หึงอย่างร้ายกาจ สี่ข้อตรงเผงยิ่งกว่าเก็งข้อสอบ

อาจารย์เอกจอมขมังเวทสายดำคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนรักของโฮสต์ที่เพิ่งรักกันหวานชื่นเมื่อชาติที่แล้วนี่เอง

ระบบที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วแบบกระต่ายถึงกับหยุดชะงักจนกลิ้งขลุกๆ ม้วนหน้าไปกองที่ข้อเท้าตัวร้ายของเรื่องแบบหมดสภาพ เอกหลุบตามองด้วยสายตาเย็นเหยียบแบบชนิดที่ว่าเอาแท่งน้ำแข็งมาแทงกันเลยดีกว่า เขาหิ้วหลังคอกระต่ายตัวขาวขึ้นมาแบบไม่ถนอมแรงแล้วส่งคืนให้จ่อยในวัยสิบหกปี

“ขอบคุณครับ” พระเอกเข้ามาขวางก่อนที่ชายในผมสั้นเกรียนในชุดดำท่าทางไม่เป็นมิตรจะเข้ามาประชิดตัวคนสนิทของเขา ระบบถูกย้ายไปอยู่ในอ้อมแขนของทิดแสง แต่กลับไม่รู้สึกสบายใจเลยสักนิด อุ้งเท้าหน้าเลยตะปบแขนพระเอกไปหลายทีจนดังตุ้บๆ

“พันแสงสินะ” ถึงจะเรียกชื่อพระเอก แต่ดวงตาคู่สีดำคมกริบจับจ้องไปยังดวงหน้าขาวของหนุ่มน้อยลูกครึ่งไม่วางตา โฮสต์ที่สัมผัสได้ถึงสายตาดุดันที่มากกว่าเดิมก็ถึงกลับตัวสั่นระริก รีบเบียดเข้าไปใกล้ร่างสูงโปร่งด้านข้างพร้อมกับกระชับมือหนาเอาไว้แน่นกว่าเดิม

วอนตายแล้วโฮสต์ ปัญหาครอบครัวรอบนี้ระบบขอไม่เกี่ยวได้ไหม

เจ้าของชื่อไม่ได้ตอบคำถามจากอีกฝ่าย แต่มีท่าทางคล้ายจะดึกเด็กหนุ่มด้านข้างเข้ามาในอ้อมกอดแทน สายตาของหมอคุณไสยเขมรตอนนี้เรียกได้ว่าพร้อมจะฆ่าหั่นศพคนแล้ว มุมปากหยักของอาจารย์เอกกระตุกเป็นรอยยิ้มคล้ายหยัน แต่ไม่รู้ว่ากำลังหยันใครอยู่กันแน่ “ได้ยินชื่อเสียงมานาน เพิ่งรู้ว่าตัวจริงยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย”

เปิดมาแบบนี้พระเอกจะหลีกเลี่ยงก็ไม่ได้ ด้วยความเป็นคนมารยาทดีไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป เขาเลยฝืนยิ้มให้กับอาจารย์เอกแกนๆ “ผมแค่คนธรรมดา ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมาย ไม่เหมือนกับอาจารย์เอกหรอกครับ”

ถึงไม่เคยตัวจริง แต่เขาพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร จากบุคลิกเงียบขรึมลึกลับบรรยากาศรอบข้างขมุกขมัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายคนตาย หมออาคมไสยดำที่ชื่อดังที่สุดในแวดวงเดียวกันคงไม่พ้นคนตรงหน้า ตามเนื้อเรื่องถึงตอนนี้แล้วพันแสงแก้ไขของที่อีกฝ่ายทำใส่ผู้คนมาแล้วหลายครั้ง อาจารย์เอกถือว่ามีคติประจำใจที่ชัดเจนเป็นอย่างมาก เขารับทำคุณไสยไม่เลือกหน้าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะดีหรือเลวขอเพียงเงินถึงก็สามารถใช้บริการได้หมด

“ฉันแค่อยู่ในวงการนี้มานานกว่าจะไปสู้คลื่นลูกใหม่อย่างเธอได้ยังไง” เทียบกับพระเอกที่อายุยี่สิบสอง ปีนี้อาจารย์เอกปาเข้าไปสามสิบเอ็ดเข้าไปแล้ว เขาเริ่มมีชื่อเสียงมาตั้งแต่อายุได้สิบแปดสิบเก้า ตัวเขามีเชื้อสายเขมรอยู่ครึ่งหนึ่งและร่ำเรียนวิชาความรู้มาจากตาของตนเอง เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ไทยก็ก่อนยุคเขมรแดงได้ไม่กี่ปีเท่านั้น

“ผมคงเทียบกับอาจารย์เอกไม่ได้ เพราะวิชาของเราคนละสายกัน” พันแสงแสดงความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน สำหรับเขาที่ใช้วิชาคุณไสยเพื่อป้องกันและรักษาย่อมเกลียดอวิชชาที่หวังทำลายผู้คนอย่างไสยดำเป็นที่สุด โดยเฉพาะคนที่ใช้วิชาอาคมใช้ภูตผีโหงพรายทำร้ายคน เพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่งอย่างเอก คนประเภทนี้สุดท้ายแล้วก็มีแต่ของเข้าตัว ตายไม่ดีกันทั้งนั้น

อันที่จริงพระเอกก็เดาได้ถูกอยู่หรอก จุดจบตามเนื้อเรื่องเดิมของอาจารย์เอกคือถูกคุณไสยที่ใช้เล่นงานพระเอกย้อนเข้าตัวเอง สภาพศพตอนตายเรียกได้ว่าเละเทะชนิดว่าไม่ผ่านเซนเซอร์ เพราะเขาถูกภูตโหงพรายของตนกัดกินเพื่อเพิ่มพลังจนไส้พุงทะลัก แขนขาขาดกระเด็นไปคนละข้าง แม้แต่ลิ้นและลูกตายังถูกควักออกมากินเป็นอันดับแรก วิญญาณผีตายโหงของอาจารย์เอกที่อยู่ใต้อาณัติของพระเอกเรียกได้ว่าเห็นแล้วอนาถใจอยากจะทำบุญทำทานไปให้เหลือเกิน

“คนเราก็มีหนทางต่างกัน เรื่องนี้คนที่บวชเรียนมามากอย่างเธอคงจะเข้าใจดี” ตัวโกงหัวเราะในลำคอคล้ายมีเลศนัยบางอย่าง นัยน์ตาคมกล้าจับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพันแสง กลิ่นอายแห่งความตายจากร่างแผ่พุ่งรอบตัวของคนที่บวชเรียนมานานเกือบสิบปี ความกดดันไปจนถึงจิตวิญญาณแบบนี้ถ้าจิตไม่แข็งจริง อาจทำให้อีกฝ่ายถึงขั้นสติฟั่นเฟือนได้

“ผมเข้าใจดีว่ากรรมคือผลของการกระทำ สุดท้ายแล้วจุดจบจะได้รับอะไร ก็ขึ้นอยู่ที่ทำเอาไว้ในตอนแรก” ริมฝีปากของทิดแสงขยับออกเป็นรอยยิ้มแน่วแน่ของพระเอก ไอหมอกดำมืดค่อยจางหายไปจนหมดสิ้น เขาหมายหัวเอาไว้แล้วคนอย่างอาจารย์เอกไว้ใจไม่ได้จริงๆ เพราะเจอหน้าครั้งแรกก็หวังจะเล่นงานกันเสียหนัก แต่สิ่งที่พระเอกไม่ได้ทันสังเกตเห็นคือความชั่วร้ายนั้นไม่เข้าใกล้จ่อยที่อยู่ข้างกายเลยแม้แต่น้อย คล้ายว่ามันเว้นพื้นที่เอาไว้ให้โฮสต์โดยเฉพาะ

“คนหนุ่มคิดได้แบบนั้นก็ดีแล้ว” รอยยิ้มของเอกไปไม่ถึงดวงตา “เอาเป็นว่าฉันไม่กวนพันแสงแล้วกัน เห็นว่าท่านเกรียงไกรกำลังตามหาตัวอยู่ ให้เจ้าของงานรอคงไม่ดี” เขาหลุบตาลงมองโฮสต์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย “น้องชายพันแสงหน้าตาดีเชียวนะ อยู่คุยกับฉันสักเดี๋ยวสิ”

พันแสงอ้าปากหวังตอบปฏิเสธ ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีชายในชุดซาฟารีสีครามที่เป็นคนของท่านเกรียงไกรมาตามตัวเขาอย่างที่อีกฝ่ายว่าไว้จริงๆ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพ่งจิตดูว่าเอกได้ใช้กุมารหรือโหงพรายมากระซิบบอกหรือเปล่า แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง เขาอยากจะดึงให้จ่อยตามไปด้วย แต่คนของท่านเกรียงไกรกลับบอกเพียงว่าต้องการพบเขาคนเดียวเท่านั้น คนอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามยุ่มย่ามเป็นอันขาด

พระเอกมองกวาดสายตามองหวังว่าจะหาใครช่วยดูแลจ่อยในระหว่างที่เขาต้องไปคุยธุระกับท่านเกรียงไกร แต่รอบข้างกลับไม่มีใครคุ้นตาสักคน เมื่อโดนเร่งมากเข้าเขาก็ส่งระบบในร่างกระต่ายให้กับโฮสต์ก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะปลอบเบาๆ เขากระซิบแผ่วเบาข้างหูจ่อยว่า “อย่ากินน้ำกับอาหารในงานเด็ดขาด ระวังโดนของ” พันแสงเดินจากไปอย่างเสียไม่ได้ แถมกว่าจะเข้าบ้านไปยังหันกลับมามองอาจารย์เอกและโฮสต์อยู่หลายครั้ง

“เป็นยังไงบ้าง” พระเอกเดินพ้นไปแล้ว ดวงตาของตัวร้ายอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่เห็นโฮสต์สนิทกับพันแสงจนเกินพอดี แต่เขาก็เก็บอาการได้ดีเยี่ยมจนระบบอยากจะยกนิ้วให้ ท่าทางที่แสดงออกมาเลยมีแต่การเอาใจโฮสต์แทน “งานเลี้ยงนี้มีแต่อาหารฝรั่ง ไก่อบ ขนมเค้ก สารพัดอย่าง ไม่รู้ว่าจะถูกปากไหม อยากกินอะไรหรือเปล่า ฉันจะให้คนไปดูให้”

โฮสต์ที่เชื่อฟังพระเอกอย่างว่าง่ายได้แต่ส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ มือเริ่มลูบหัวระบบเหมือนขอความช่วยเหลือ “เมื่อไรพี่แสงจะมาอ่ะแม่สอง เราไม่อยากอยู่กับตาลุงนี่แล้วอ่า เดี๋ยวเขาทำของใส่เราจะแย่นะ เราว่าเขาต้องผสมยาอะไรให้กินแน่เลย ยาสั่งหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ลืมตามองให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจไหมโฮสต์ นี่แฟนคุณนะ ไม่ใช่ใครอื่น ถึงเขาจะเป็นหมอผียังไงก็คงไม่ถึงขั้นเอาน้ำมันพรายผสมข้าวให้คุณกินหรอก

[โฮสต์คิดมากจนเกินไป ตอนนี้อาจารย์เอกไม่ได้มีความรู้สึกลบกับโฮสต์] นอกจากความรู้สึกหึงน่ะนะ เป็นระบบก็ลำบากแบบนี้ อยากจะสปอยล์หรอกว่าจริงๆ แล้วผู้ชายคนนี้คือนนทเรศและแทนไทของโฮสต์ แต่ทำไม่ได้เพราะจะเป็นการไปแทรกแซงการตัดสินใจเรื่องส่วนตัวของโฮสต์เอาได้

“ดื่มอะไรหน่อยดีไหม น้ำหวานสักแก้ว” น้ำเสียงที่ดุดันห้วนสั้นในตอนแรกกลายเป็นน้ำเสียงเหมือนที่เขาเคยใช้พูดคุยกับโฮสต์ตอนที่ยังรักกันดี อาจารย์เอกเอื้อมมือมาจัดเส้นผมหยักศกที่ยุ่งเหยิงของโฮสต์ให้เข้าที่เข้าทาง จ่อยขยับตัวออกเหมือนจะหลบจากฝ่ามือหนา แต่ความคุ้นชินจากจิตวิญญาณกลับทำให้เขาคล้ายถูกตรึงอยู่ที่เดิม “เธอผอมจะแย่ พันแสงเลี้ยงไม่ได้หรือ”

“พี่แสงดูแลผมดีแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วง” จ่อยตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบาหวิว หัวใจเต้นโครมใหญ่ผิดจังหวะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปลายนิ้วบีบระบบเบาๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “มะ...แม่สอง ทำไมคนนี้ก็เหมือนเขาล่ะ ทำไมเราใจเต้นตุ้บๆๆๆ แบบนี้ กับพี่แสงยังไม่เคยเป็นเลย คงเพราะว่าตาลุงนี่น่ากลัวแน่ๆ เลยใช่ไหม”

ไม่ใช่หรอกโฮสต์ แค่มันเป็นปฏิกิริยาตอบกลับอัตโนมัติชนิดที่เรียกว่าจิตวิญญาณโฮสต์รู้ว่าคนไหนคือคนรักที่แท้จริง แต่สมองโฮสต์มันดันโง่จนรับไม่ทันน่ะ

[ระบบแนะนำให้คุณใช้หัวใจตัดสินแทนสมองที่ใช้การไม่ค่อยได้ของคุณ]

โฮสต์ทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจที่โดนระบบด่า เขาเสตามองทางอื่นไม่กล้ามองใบหน้าคมเข้มของอีกฝ่าย ความรู้สึกสับสนลังเลแบบสุดขีดที่โจมตีอย่างกะทันหันจนเกินไปทำให้กระบวนการคิดของโฮสต์เหมือนจะเออเร่อขึ้นมา เด็กหนุ่มก้าวถอยหลังอย่างไม่มั่นใจ ซวนเซจนเกือบจะล้มลงจนอีกฝ่ายต้องคว้าเอวเอาไว้ก่อน

“ปล่อยผม” จ่อยรีบผลักอีกฝ่ายอออกราวกับว่าอ้อมแขนของเอกเป็นถ่านไฟที่ร้อนจนลวกมือ แก้มขาวทั้งสองข้างของเขาขึ้นสีแดงก่ำ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก “ผมจะไปหาพี่แสงแล้ว”

หน้าตาน่ารักน่าสงสารอาจทำให้ตัวโกงที่อัพเกรดความโหดมาแล้วรู้สึกใจอ่อนกับเขาได้บ้าง แต่ใครใช้ให้โฮสต์โง่พูดถึงพระเอกขึ้นมาได้ จากอารมณ์หวานๆ กลายเป็นอารมณ์เฝื่อนฝาดขึ้นมาในทันที เพราะมือของโฮสต์อุ้มกระต่ายเอาไว้ ทำให้เอกเปลี่ยนไปคว้าบ่าทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มแทน เขาออกแรงบีบหนักจนโฮสต์น้ำตาแทบไหล

“คลาดสายตาไปจากเธอไม่ได้เลยจริงๆ ทำไมต้องสนิทกับคนอื่นไปทั่ว รอฉันบ้างไม่ได้หรือไง” อาจารย์เอกพูดด้วยน้ำเสียงที่ปนเปไปด้วยอารมณ์หลายอย่าง ทั้งโมโห ทั้งแค้นใจ ทั้งเสียใจ ทั้งตัดพ้อต่อว่า เป็นการมิกซ์อารมณ์ด้านลบที่สมควรได้รับรางวัลนักแสดงสมทบดีเด่นจริงๆ เปิดมาถึงขนาดนี้ เขาเรียกว่าเฉลยให้เห็นกันแบบไม่กั๊ก ถ้าโฮสต์ยังไม่รู้อีก ก็สมควรถอดสมองออกมาโยนลงเครื่องซักผ้าแล้วปั่นแห้งได้แล้ว

ใบหน้าของจ่อยซีดขาวจนแทบไม่มีสีเลือด แต่ดวงตากลมโตและขนตายาวหนาเป็นแพตอนนี้คลอหน่วยไปด้วยหยดน้ำตาแล้ว ชายวัยสามสิบเอ็ดถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะโน้มลำตัวสูงใหญ่เข้ามาจนแนบชิด ริมฝีปากหยักได้รูปของเขาแนบทาบทับกับกลีบปากอิ่มสีแดงระเรื่อของโฮสต์อย่างแผ่วเบา

“ตอนนี้จะไปก็ไปเถอะ” เขาผละออกมาแล้วกดจูบซับหยดน้ำที่หางตาข้างหนึ่งของจ่อย “ต่อให้เธอหนีไปไกลแค่ไหน ฉันก็จะไปตามเธอกลับมาอยู่ดี”

สองแก้มขาวของจ่อยกลับมาเป็นสีแดงอีกครั้งหนึ่ง โฮสต์ก้าวถอยหลังไปด้วยฝีเท้าไม่มั่นคง ก่อนจะหมุนตัววิ่งก่อนกระต่ายสีขาวในมือ

“ว๊ากกกฯ” โฮสต์ร้องกรีดร้องในใจชนิดว่าเติมก.ไก่ไปสามสิบตัว พอหามุมสงบไม่มีใครรบกวนได้เขาก็จับระบบมาเขย่าๆๆๆๆๆๆ เขย่าจนชนิดว่าระบบคิดว่าตัวเองเป็นกาแฟกระป๋องที่ต้องเขย่าก่อนดื่ม คุณต้องเข้าใจด้วยว่าตอนไม่มีร่างจะเขย่าแค่ไหนก็ได้ แต่ถ้ามีร่างแล้วมาทำแบบเดิมอีกมันก็ไม่ใช่แล้ว โฮสต์อยากเห็นกระต่ายอ้วกใส่หน้าไหม ระบบจะได้อ้วกให้ดู

[พอได้แล้ว!]

ในที่สุดโฮสต์ก็หยุดเขย่ากระต่ายและวางระบบลงบนพื้นได้สักที เขานั่งยองๆ ยกมือกุมหน้าด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก “เอาไงดีเนี่ยแม่สอง... อยู่กันมาตั้งหลายปีเราคิดว่าพี่แสงเป็นเขาซะอีก จู่ๆ จารย์เอกโผล่มาเหมือนจะเป็นเขาแทน สรุปใครเป็นใครกันแน่ฟะ”

โอ้โห นี่ยังไม่รู้อีกเหรอ ไอคิวเท่าไรเนี่ย ถึงหกสิบหรือเปล่า ต้องการของเล่นเสริมพัฒนาการสมองไหม ระบบจะช่วยซื้อให้

[ในเมื่อตอนนั้นคุณไม่แน่ใจแล้วคุณจะไปปักธงพระเอกทำไม]

“ม่ายยย ใครบอกว่าตอนนั้นไม่มั่นใจ ตอนที่ปักธงอ่ะเรามั่นใจ แต่ตอนนี้ไม่มั่นใจแล้ว” โฮสต์เถียงจนคอเป็นเอ็นก่อนจะมาน้ำเสียงอ่อยในตอนท้าย ระบบหมั่นไส้เลยกระโดดเตะขาโฮสต์สักที “ถ้าจารย์เอกเป็นเขาจริงๆ อย่างน้อยเราก็เสียจูบแรกในชาตินี้ให้เขานะแม่สอง กับพี่แสงเราแค่กอดเอง คงไม่เลวร้ายหรอกมั้ง”

เหอะๆ จูบแรกบ้าบออะไรล่ะ ระบบเปิดภาพย้อนเมื่อตอนที่พันแสงยังบวชที่วัดป่าเรไร ตอนกลางคืนที่โฮสต์ไปอาศัยนอนด้วยชายในผ้าสีแก่นขนุนกลับโน้มตัวลงไปขบเม้มริมฝีปากของจ่อยที่กำลังนอนหลับอยู่

“ชิบ!!!!!”

โฮสต์ร้องลั่นเสียงหลงชนิดว่าหลุดร้องออกมาในชีวิตจริงด้วย เขาจับระบบขึ้นมาชูไว้ด้านหน้าแล้วเริ่มเขย่าเบาๆ อีกรอบ “นี่มันบาปโคตรๆ เลยนี่หว่า เราทำผ้าเหลืองแปดเปื้อนไปขนาดนั้นเลยเรอะ ทำไงดีเนี่ยแม่สอง...ฮืออออ”

[ชีวิตส่วนตัวของโฮสต์ระบบไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ แต่คุณต้องจัดการน้ำหนักให้ดีระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว]

เรียวคิ้วสีน้ำตาลอ่อนของจ่อยกระตุกเข้าหากันราวกับว่าเขาพยายามรีดเค้นสมองทั้งหมดออกมาคิดหาทางออก สุดท้ายโฮสต์ก็ได้ข้อสรุปที่บอกกับระบบว่า “หนีไปตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน”

ระบบไม่อยากสนใจคนโง่อย่างโฮสต์แล้วเลยเปิดเรียกขอดูข้อมูลของอาจารย์เอกแทน ถึงจะต้องยอมเสียสละคะแนนบางส่วนของตัวเองเพื่อดูแบบเรียลไทม์ แต่ก็ถือว่าคุ้มที่จะดูอยู่หรอกมั้ง

ด้านข้างของร่างสูงใหญ่มีควันดำมืดขมุกขมัวดูแล้วคล้ายเป็นชายในชุดนักรบโบราณ หน้าตามองแล้วก็คมสันหล่อเหลาในแบบของคนในยุคก่อนดีหรอก เสียแต่ว่าดวงตาทั้งสองข้างเป็นสีขาวจัดไม่มีนัยน์ตาดำ แถมบนลำคอมีรอยตะเข็บสีดำเย็บตรึงหัวกับตัวเอาไว้ ไอวิญญาณมหาศาลที่รอบกายมันดูยังไงก็รู้ว่าเป็นโหงพรายชนิดมีพลังสูง

ภาพจากแม่ข่ายยังมีเสียงให้ได้รับฟัง “ตามเด็กคนนั้นไปอย่าให้คลาดสายตา เอ็งอย่าให้ไอ้แสงมันรู้ตัว ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเมื่อไรที่มันคิดจะแตะต้องคนของข้า ให้เอ็งกลับมารายงานข้าทันที”

งามไส้ล่ะทีนี้



โปรดติดตามตอนต่อไป...





ซินเอ๋อร์:

ตอนแรกคิดว่าจะเขียนบทสรุปของ Arc นี้ในตอนนี้เลยค่ะ แต่มันรวบรัดเกินไป เลยขอเขียนแบบขยายความดีกว่า เรื่องราวความวุ่นวายจะจบยังไง ตอนหน้าก็รู้เรื่องแล้วค่ะะ

เรื่องนี้กระแสตอบรับดีกว่าที่คิดมากเลย ขอบคุณทุกคนที่ชอบนะคะะะ ถ้าชอบกันก็อาจจะเขียนต่อมากกว่า 4 Arc ค่ะ แต่อาจจะช้าหน่อย ดีเลย์บ้าง เพราะว่ายังมีผีลามกฯ เป็นเรื่องหลักอยู่ อาจจะขอเทน้ำหนักไปทางฝั่งนั้นหน่อยคะ่

จริงๆ อยากทำเรื่องนี้เป็น e-book นะคะ อาจจะเขียนเพิ่มสัก 2-3 Arc เพิ่มเนื้อเรื่องเข้าไปหน่อย บาง Arc ที่เล่ารวบรัดไปก็อาจจะรีไรท์แก้เนื้อเรื่อง อยากขายราคาสักประมาณร้อยกว่าบาท แต่ไม่รู้จะมีคนซื้อหรือเปล่า ถ้าซื้อสัก 50 คน ก็น่าทำอยู่ค่ะ ไม่เอากำไรอะไร ขอแค่ไม่ขาดทุนก็พอ 55555

เจอกันใหม่ตอนหน้า ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4-3 คห.40 4.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 04-12-2019 22:41:01
ลำไย host มากกระบบน่าจะด่าหน่อยหนักใจมากแม่
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4-4 คห.42 16.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 16-12-2019 22:19:37
*ไสยศาสตร์ต่างๆ ในตอนนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ความเชื่อส่วนบุคคลแต่อย่างใด*

Arc 4 อย่ากลับดึก ถ้าอยู่ลึกในซอยเปลี่ยว (4)

หลังจากสำเหนียกได้แล้วว่าตัวเองปักธงผิดเผลอไปให้ท่าพระเอกจนเกือบจะต้องเสียตัวเสียใจ โฮสต์ก็พยายามปลีกตัวออกห่างไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ใกล้จนเกินไป ใจจริงเขาอยากจะย้ายออกหนีหน้าไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทางเลือกในชีวิตของจ่อยตอนนี้ไม่ได้มีมากมายอะไร เขาไม่ได้มีญาติพี่น้องที่ไหน เป็นแค่เด็กกำพร้าที่อาศัยคนอื่นอยู่ แถมคนอื่นที่ว่านอกจากจะให้อาหารและที่พักอาศัย พันแสงยังส่งจ่อยเรียนช่างกลในวิทยาลัยอาชีวะในตัวจังหวัด แถมถ้าหนีไปตอนนี้ ภารกิจแสงเทียนนำใจอะไรก็ไม่ต้องทำมันแล้ว

เพราะเดาได้ว่าจากระดับสติปัญญาของโฮสต์ เขาจะไปต่อไม่เป็นแน่ๆ ระบบเลยพอมีแผนการรับมืออยู่แล้วด้วยการหยอดภารกิจย่อยเล็กๆ ให้เขาทำเพื่อยังคงสถานะเป็นแสงเทียนนำใจของพระเอกต่อไป พวกเรื่องความใกล้ชิดอะไรก็พยายามเพลาๆ ออกไปบ้าง แต่มันจะเพลาได้แค่ไหนมันก็คงไม่เนียน พระเอกมีหรือจะไม่รู้ว่าจ่อยตัวน้อยที่ชอบไปพันแข้งพันขาขอนอนกอดเขากำลังเอาใจออกห่าง วันๆ ถึงได้กลับบ้านช้า ถึงกลับมาก็ขลุกอยู่แต่ในห้องกับกระต่ายตัวขาว

ท่ามกลางสายตาจ้องจับผิดและท่าทางร้อนรนเล็กๆ ของพระเอก ยังมีดวงตาไร้นัยน์ตาอีกคู่หนึ่งจับจ้องโฮสต์อยู่ไม่ต่างกัน คนรักของโฮสต์เขาไม่รู้เหรอว่าแฟนตัวเองขี้ป๊อด กลัวผียิ่งกว่าอะไร ถึงได้ส่งโหงพรายนักรบที่มีชื่อว่านายมิ่งมาคอยเฝ้าติดตามโฮสต์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แถมยังไม่โดนพันแสงจับได้อีก นี่เป็นหน่วยสอดแนมชั้นดีที่หน่วยงานความมั่นคงของทั่วโลกต้องการตัว ใครจะไปรู้ว่าผีสางนางไม้จะมีประโยชน์ขนาดนี้

“มันหนาวเยือกๆ แปลกๆ ไงก็ไม่รู้เนอะแม่สอง” โฮสต์ห่อไหล่เข้าหากันท่าทางน่ารักน่าสงสารคงอ้อนพ่อยกได้หลายคน ขณะที่ด้านข้างคือวิญญาณที่จ้องมองด้วยความสนใจจนหน้าแทบจะแนบข้างแก้มโฮสต์ จะไม่หนาวก็แปลกแล้ว เด็กหนุ่มอุ้มระบบขึ้นมากอดไว้เหมือนใช้ระบบเป็นกระเป๋าน้ำร้อน เจริญดีมาก ระบบช่างสารพัดประโยชน์จริงๆ “หรือว่าแถวนี้มีผีอ่ะ? ทำไงดีแม่สอง...ถ้าจะไปวอแวกับพี่แสงอีก เราผิดต่อเขาตายเลย”

ดีมากที่รู้จักจงรักภักดีต่อแฟนของตัวเอง แต่ระบบไม่มีคะแนนบวกให้หรอกนะ ไอ้ที่ปักธงพระเอกไว้ยังไม่ได้สะสางคดีความกันเลย โฮสต์กลัวว่าแค่โฮสต์คนเดียวจะทำให้ระบบเหนื่อยไม่มากพอใช่ไหม ถึงได้ขยันก่อเรื่องแบบนี้

[ไม่มีอะไรหรอก นอกจากผี]

ระบบไม่สนใจโฮสต์ที่งอแงบีบๆ ร่างกระต่ายในมืออีกต่อไป นี่ระบบไม่ได้แกล้งเลยแม้แต่น้อย เพราะมันไม่มีอะไรนอกจากผีจริงๆ

“เอ็งมองเห็นข้าสินะ” โหงพรายตนนั้นก้มตัวคงมาเสียจนใบหน้าซีดเซียวและดวงตาสีขาวไร้นัยน์ตาดำแทบจะแนบชิดกับขนปุกปุยของระบบ มันแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมจนเห็นฟันสีดำขลับวาววับจากหมากปูน “ขนาดไอ้พันแสงยังมองไม่เห็นข้า ไม่นึกว่ากลับมีสัตว์หน้าขนมองเห็นเสียได้ ถ้าเอ็งกระโตกกระตากไป ข้าจะถลกหนังชำแหละเนื้อเอ็งออกมา เลือดเนื้อกระต่ายสดคงอร่อยน่าดู”

พูดจบโหงพรายนักรบก็แลบลิ้นยาวแดงเลียปลายจมูกกระต่ายเบาๆ ฟันดำแปรเปลี่ยนเป็นเขี้ยวแหลมคมที่พร้อมกัดทึ้งกันเหมือนตามที่พูด แต่ขู่กันไปเถอะพี่ชาย ระบบกลัวตายล่ะ คิดเหรอว่าผีจะทำอะไรระบบได้ เรื่องแค่นี้มันจิ๊บๆ ระบบไม่เคยกลัวอะไรหรอก กลัวอย่างเดียวก็แค่มีโฮสต์โง่แค่นั้นแหละ แล้วตอนนี้ก็มีโฮสต์โง่เป็นของตัวเองเรียบร้อย สยองขวัญกว่านี้ยังจะมีอีกไหม

อาจารย์เอกให้ผีโหงพรายคู่ใจมาคอยเฝ้าดูแลโฮสต์ แต่ที่แปลกคือเจ้าตัวกลับไม่เคยโผล่มาสักครั้ง สงสัยคงเพราะยังงอนผสมเคืองที่เห็นโฮสต์ไปใกล้ชิดกับพันแสงจนเกินพอดีแน่ๆ เรื่องนี้พวกคุณต้องไปเคลียร์กันเองนะ เพราะอยู่นอกเหนือการทำงานของระบบ ระบบทำได้ก็แค่ปลอบใจโฮสต์บ้างสักครึ่งประโยคอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก อย่างน้อยชีวิตของจ่อยในโลกนี้ก็คงไม่ตายด้วยน้ำมือของตัวร้ายหรอก จริงไหม?

ที่ระบบสนใจตอนนี้คือจิตใจภายในของพระเอกมากกว่า แม้ว่าค่าความมืดในจิตใจของพระเอกในตอนนี้จะอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยที่ 19.17% แต่เมื่อเห็นท่าทางเหมือนอยากดึงโฮสต์เข้ามากอดและสายตาสับสนในใจทุกครั้งที่มองมา ระบบกลับรู้สึกว่าค่าความมืดที่เป็นหน่วยวัดที่สำคัญที่สุดและเที่ยงตรงที่สุดของโครงข่ายอาจมีปัญหาบางอย่าง แต่เมื่อส่งคำร้องขอตรวจสอบไปก็ได้รับคำตอบแค่ว่าทุกอย่างทำงานปรกติ ปรกติกับผีน่ะสิ

“ช่วงนี้จ่อยมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” พันแสงที่อดทนไม่ไหวอีกต่อไปเอ่ยถามขึ้นในวันหนึ่ง โฮสต์ที่เพิ่งกลับมาจากเรียนหนังสือถึงกับชะงักไปบ้าง เขาวางกระเป๋าลงแล้วพยายามมองหาร่างกระต่ายของระบบที่เดินไปเดินมาอยู่ในบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้พระเอกอารมณ์คุกรุ่นยิ่งกว่าเดิม “จ่อยเป็นอะไรทำไมไม่บอกพี่ พี่รู้นะว่าเดี๋ยวนี้จ่อยไม่อยากสนิทกับพี่เหมือนเดิม”

“จ่อยไม่ได้เป็นอะไร” โฮสต์พยายามยิ้มเอาใจอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มสดใสเป็นประกาย สกิลแสดงออกทางสีหน้าทำให้ยิ่งดูอบอุ่นมากขึ้น นัยน์ตาทั้งคู่ของพันแสงยิ่งวูบไหวกว่าเดิม จ่อยขยับเข้าไปใกล้แล้วตบลงบนหลังมืออีกฝ่ายเบาๆ “พี่แสงคิดมากเกินไปแล้ว”

“พี่ไม่ได้คิดมาก” หัวคิ้วของพระเอกกระตุกเข้ากันคล้ายว่ากำลังคิดถึงพฤติกรรมที่แปลกไปของอีกฝ่ายเหมือนสามีขี้หึงจ้องจับผิดภรรยา เขาคว้ามือจ่อยเอาไว้แน่น “จ่อยบอกพี่มาเถอะว่าช่วงนี้จ่อยเป็นอะไร ทำไมจ่อยถึงไม่มานอนกับพี่เหมือนเดิม จ่อยไม่ได้รักพี่แล้วใช่ไหม”

โฮสต์นิ่งเงียบไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้ยังไงดี ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเขาไม่หวั่นไหว แต่เพราะรับรู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนรักตัวจริงเลยถอนใจกลับออกมาได้ ทำใจได้เร็วสไตล์คนโง่ที่ไม่คิดอะไรมาก จนตอนนี้เหลือไว้แต่ความผูกพันจากการที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี เลยยังไม่มีความคิดทำนองว่าจะทอดทิ้งพระเอกไปซบอกตัวร้าย...ไม่สิ โฮสต์โง่เกินไปจนคิดไม่ถึงมากกว่า อีกอย่างมีภารกิจค้ำคออยู่ ทำแบบนั้นได้ที่ไหนล่ะ

[เลือกคำตอบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ทำให้พระเอกรู้ว่าเขามีคุณค่าในใจของคุณ] ไม่ต้องรอให้โฮสต์ร้องขอความช่วยเหลือ ในสถานการณ์วิกฤติที่อาจทำให้พระเอกเข้าสู่ดาร์กไซด์แบบนี้ ระบบก็ต้องยินดีให้บริการอยู่ดี แต่สงสัยระบบจะคาดหวังในสติปัญญาของโฮสต์มากเกินไปหน่อยมั้ง

“ไม่ใช่แบบนั้น จ่อยก็คิดว่าพี่แสงเป็นพี่ที่แสนดีของจ่อยมาตลอด” ถ้าจะตอบไปแบบนั้น ทำไมโฮสต์ไม่เอาน้ำกรดสาดหน้าพระเอกไปเลยล่ะ ดูสีหน้าหน่อยไหมว่าตอนนี้พระเอกตาแดงก่ำเจียนจะคลั่งแล้ว ค่าความมืดในจิตใจพุ่งมา 22.45% แล้ว (ว้อย) โฮสต์!

“ที่ผ่านมาระหว่างเราเป็นแค่พี่น้องเท่านั้นเหรอจ่อย” พระเอกกระชากข้อมือร่างของเด็กหนุ่มลูกครึ่งเข้ามาหาตัวจนร่างกายแนบชิด นัยน์ตาสะท้อนภาพหน้าตาน่ารักน่าสงสารชวนทะนุถนอม แต่เวลานี้เขากลับรู้สึกอยากทำลายอีกฝ่ายให้แหลกสลายคามือ “พี่รักจ่อยนะ รักจ่อยมากด้วย”

พูดจบพันแสงก็ประกบริมฝีปากจูบโฮสต์อย่างรุนแรง บดเบียดกลีบปากอิ่มซ้ำไปมาด้วยความกระหายหิวจนแทบจะกลืนกินอีกฝ่ายไปทั้งตัว โฮสต์พยายามสะบัดหน้าหนีแต่กลับถูกบีบคางบังคับจนต้องเปิดริมฝีปากออกให้พระเอกสอดปลายลิ้นรุกล้ำเข้ามาภายใน ความเจ็บปวดและความรู้สึกด้านลบหลายอย่างปรากฏเป็นหยดน้ำที่เอ่อคลออยู่ในดวงตากลมโต

พระเอกปล้ำจูบแสงเทียนนำใจจนหนำใจแล้วค่อยถอนจูบที่ไม่มีความอ่อนโยนจนแทบจะหยาบกระด้างออกม สองตาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของโฮสต์ที่ยังคงตื่นตระหนกตกใจด้วยความพึงพอใจ ปลายนิ้วลากไล้ไปตามแก้มขาวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากขยับเล็กน้อยคล้ายพึมพำอะไรบางอย่าง อะไรที่ไม่เข้าท่าแน่ๆ “จ่อยเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าพี่รักจ่อย จ่อยเองก็รักพี่เหมือนกัน...ใช่ไหม?”

จ่อยพยักหน้าตอบกลับช้าๆ สายตาเลื่อนลอยเหมือนไม่มีจุดหมาย ส่วนตอนนี้ระบบแทบจะร้องกรี๊ดแล้ว ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยมนต์ ไม่ได้ด้วยกล พี่แกเล่นด้วยไสยศาสตร์ไปแล้ว สภาพแบบนี้จ่อยโดนของไปแล้วเรียบร้อย

[โฮสต์!! คุณยังมีสติอยู่ไหม?]

“ฮื่อ...แม่สอง” เสียงที่ตอบในใจเลื่อนลอยเหมือนกับสายตา โฮสต์ที่โง่อยู่แล้วยิ่งทวีคูณความโง่ไปมากกว่าเดิมอีกสามสิบหกเท่า เขาหลุบตาก้มมองกระต่ายบนพื้นก่อนจะยิ้มโง่ๆ ออกมา ปรกติที่เคยพูดคุยกับระบบในใจกลายเป็นหลุดพูดออกมาจริงๆ เข้าแล้ว “เรา...รักพี่แสง รักที่สุดเลย”

ตายห่า! คราวนี้ไม่รู้ว่าอะไรจะสยองขวัญกว่ากันระหว่างโหงพรายนักรบที่จ้องเขม็งแผ่แรงอาฆาตออกมาอย่างชัดเจน หรือพระเอกที่ใช้อวิชชาทำเสน่ห์ให้โฮสต์ตกหลุมรักชนิดหน้ามืดตามัว แต่สิ่งที่สยองขวัญที่สุดคงจะเป็นค่าความมืดในจิตใจที่ยังอยู่แค่ระดับ 22.46% เท่านั้น จากพฤติกรรมของพระเอกมันควรจะพุ่งปรี๊ดมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ? หรือโครงข่ายจะบอกว่าแค่นี้มันยังดาร์กไม่มากพอวะ?

ฟากหนึ่งจ่อยโดนของไปเต็มตัว อีกฟากโหงพรายนักรบก็ปรากฏตัวถือดาบจ่อหน้าพระเอกเตรียมตัวฟาดฟันกันแล้ว ดูท่าอีกไม่นานคนรักของโฮสต์คงจะรีบมาถึงตามคำรายงานจากภูตผีรับใช้แน่นอน ระบบอยากสนใจฝั่งนั้นอยู่หรอกนะ แต่สิ่งสำคัญตอนนี้คือตัวภาระที่ผูกติดอยู่กับระบบมากกว่า ถ้าเขาอยู่ภายใต้มนต์สะกดแบบนี้ต่อไปคงไม่สามารถดำเนินภารกิจได้แน่ๆ แค่พูดภาษาคนยังพูดไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ

ถึงพันแสงจะมีรัศมีและสกิลพระเอกที่โหดสุดในโลกนี้ แต่ระบบที่สามารถยืมพลังจากแม่ข่ายได้ชั่วคราวคงต้องเรียกว่าโหดจัดได้ระดับหนึ่งเหมือนกัน โดยเสน่ห์ให้หลงรักหลงใหลแบบโฮสต์ ปรกติคนอื่นเขาต้องทำพิธีถอนของอะไรกันวุ่นวาย แต่ช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ใครจะมานั่งเตรียมพิธีอะไรอีก ระบบจึงตัดสินใจใช้วิธีที่เด็ดขาดและได้ผลรวดเร็วที่สุดด้วยการใช้พลังไฟฟ้าแรงสูงช็อตเข้าไปในจิตวิญญาณของโฮสต์โดยตรง หวังว่าความเจ็บปวดนี้นอกจากจะทำให้โฮสต์ได้สติ จะทำให้ไอคิวของโฮสต์เพิ่มขึ้นด้วย

[กลับมามีสติหรือยัง? ]

“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น” ตัวภาระมีท่าทางงุนงง พอหันมองซ้ายมองขวาเห็นพันแสงกำลังใช้อาคมสายขาวและรักยมผมจุกสองตนต่อสู้กับผีนักรบท่าทางแข็งแกร่งก็ยิ่งตกใจกว่าเดิม แต่เวลานี้ถ้าจะมาร้องกลัวผีก็คงจะผิดจุดกันแล้ว ระบบก็อยากจะอธิบายหรอกนะ แต่ยังไม่ทันที่โฮสต์จะได้ขยับตัวประตูบ้านพลันเปิดผางออกมาเสียก่อน ชายร่างสูงกำยำผมสั้นเกรียนในชุดสีดำเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเครียดขึ้ง รอบกายของเขาเต็มไปด้วยไอทะมึนจากวิญญาณอาฆาต

“นึกไม่ถึงว่าหมออาคมสายขาวจะใช้อาคมเสน่ห์ให้คนหลงรักแบบนี้” น้ำเสียงของเอกเรียกได้ว่าแทบกัดฟันพูด เขาเหลือบมองโฮสต์ที่นอนกองอยู่มุมหนึ่งของห้องด้วยสายตาเป็นห่วง ริมฝีปากขยับมุบมิบใช้ให้ผีตนหนึ่งด้านหลังไปจัดการถอนอวิชชาเสน่ห์ให้ แต่เมื่อเห็นว่าตอนนี้จ่อยไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อาคมของพันแสงออกต่อไปแล้วสีหน้าจึงค่อยดีขึ้นมาบ้าง

“นึกไม่ถึงเหมือนว่ามึงจะมาถึงที่นี่ได้” พระเอกเหลือบมองโฮสต์สลับกับตัวร้ายอันดับหนึ่งด้วยสายตาเหมือนผัวหึงโหดจับได้ว่าเมียพาชู้เข้าบ้าน พันแสงหัวเราะในลำคอคล้ายเย้ยหยัน ความสุภาพเรียบร้อยตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นสมณเพศตอนนี้ไม่เหลือหลออีกต่อไป “มาเพราะไอ้จ่อยสินะ หลังจากวันนั้นพวกมึงมีอะไรกันใช่ไหม ถึงได้ส่งพรายมาคอยดูแลมันขนาดนี้”

เอกไม่ตอบคำถามนั้นแต่กลับขยับยิ้มเยาะเย้ยฝ่าย รอยยิ้มแบบนี้เหมือนเป็นคำตอบรับกลายๆ ไปแล้ว ท่าทางของเขายิ่งทำให้พระเอกโมโหเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม พันแสงชี้ปลายนิ้วไปทีเขาก่อนตะคอกเสียงดังคล้ายสั่งวิญญาณภายใต้อาณัติให้พุ่งตรงไปยังอีกฝ่าย “ดี! ในเมื่อมึงมาถึงที่นี่ก็ตายมันที่นี่แล้วกัน”

บรรยากาศในบ้านของพันแสงหนักอึ้งเสียจนคนธรรมดาหายใจไม่ออก ทั้งสองฝ่ายต่างท่องอาคมใส่กันจนกลายเป็นภาพภูตผีโหงพรายเข้าสู้ฟาดฟัน อาคมมนตราต่างๆ ที่เคยได้ร่ำเรียนมาถูกนำมาใช้ในวันนี้เสียจนหมดสิ้น ส่วนโฮสต์กลายเป็นอะไรที่ไม่เข้าพวกที่สุด เขาได้แต่นั่งมองทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันโดยไม่สามารถปริปากได้สักคำ ซึ่งก็ทำถูกแล้วแหละ โฮสต์เชียร์ใครไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าเชียร์คนรักก็ผลักพระเอกเข้าดาร์กไซต์ ถ้าเชียร์พระเอกคราวนี้ได้โดนงอนไปอีกหลายชาติแน่

ระบบดูสองฝ่ายสู้กันด้วยอาคมมนตราและภูตผีก็วิเคราะห์ได้ว่าอาจารย์เอกได้เปรียบพันแสงอยู่มากทีเดียว เพราะวิชาแกร่งกล้าบวกกับแก่ประสบการณ์มากกว่า ด้วยเหตุนี้เขาเลยกล้าบุกมาช่วยโฮสต์จนถึงบ้านพระเอกกระมัง แต่ระบบชะล่าใจไปเลยไม่ทันได้คิดในถี่ถ้วนดี จู่ๆ ท้องฟ้าที่มืดครึ้มจากการที่ผู้มีอาคมสองฝ่ายต่อสู้กันกลับมืดมิดไร้ซึ่งแสงตะวัน ปรากฏการณ์สุริยุปราคาที่ไม่เคยมีอยู่ในเนื้อเรื่องกลับเป็นบัฟส่งให้พลังของพระเอกแข็งแกร่งขึ้น และเป็นดีบัฟที่ทำให้ตัวร้ายอ่อนแรงลง

ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่เอกยังคงมีความมั่นใจว่าเขาจะเอาชนะพันแสงและพาตัวโฮสต์กลับไปได้ ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็แปลกแล้ว จู่ๆ พระเอกก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม รักยมทั้งสองที่อยู่เคียงข้างมาตั้งแต่สมัยยังเป็นหลวงพี่แสงกลับหัวเราะเสียงแหลม มือของพวกมันมีเล็บงอกยาวเช่นเดียวกับฟันคมราวเขี้ยวสัตว์ วิญญาณเด็กสองตนพุ่งตรงมายังโฮสต์ก่อนจะตวัดปลายเล็บหวังปลิดชีวิตของเด็กหนุ่มลูกครึ่ง

ถ้าเป็นละครน้ำเน่า อาจารย์เอกต้องพุ่งเข้ามาช่วยอย่างแน่นอน และนี่ก็เป็นละครน้ำเน่าจริงๆ ด้วย แต่น้ำเน่ายิ่งกว่าที่ระบบในร่างกระต่ายดันเอาตัวไปขวางเพื่อปกป้องโฮสต์ไม่ให้ภารกิจล้มเหลว ค่าความมืดในจิตใจของพระเอกยังไม่สูงมาก ถ้าโฮสต์ยังไม่ตายก็อาจจะสามารถแก้ไขอะไรได้ กระต่ายขาวปุกปุยเลยโดนผีฉีกทึ้งจนกลายเป็นแค่เศษเลือดเศษเนื้ออยู่กับพื้น ร่างกระต่ายที่โครงข่ายให้มาถึงจะอึดถึกบึกบึนแค่ไหน เจอขนาดนี้ถ้ายังรอดอยู่ก็คงเป็นกระต่ายซอมบี้แล้วมั้ง

“แม่สอง! ! ” โฮสต์ตะโกนออกมาดังลั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองหน้า โฮสต์จะตกใจไปทำไม ระบบแค่สละร่าง โดนแค่นี้ไม่ใช่ว่าจะม่องเท่งจริงๆ เสียเมื่อไรล่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาอธิบายแล้ว เพราะรักยมสองตนนั้นเตรียมลงมือกับจ่อยเป็นรายต่อไป คราวนี้ซีนน้ำเน่าของจริงมาถึงแล้ว อาจารย์เอกพุ่งเข้ามาขวางเอาไว้แล้วถูกเล็บคมเหมือนใบมีดเสียบเข้าที่กลางท้อง ทันทีที่เลือดสีแดงเข้มหยดลงกับพื้นห้อง กลิ่นอายเยือกเย็นจากความตายก็คละคลุ้งไปทั่วคล้ายเป็นการปลุกมนต์อาคมไสยมืดบางอย่าง ส่วนพันแสงกลับแสยะยิ้มด้วยความพึงพอใจ

กับดัก ทั้งหมดเป็นกับดักทั้งนั้น!

มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ พระเอกไปแอบวางแผนตั้งแต่เมื่อไร ระบบถึงไม่สามารถตรวจจับอะไรได้สักอย่าง วิกฤติการณ์แบบนี้ระบบเลยต้องขอยืมพลังจากโครงข่ายอีกครั้งโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะถูกหักคะแนนไปมากแค่ไหน จากนั้นค่อยวัดค่าความมืดในจิตใจของพันแสงอีกครั้งหนึ่ง อีกครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่งอย่างไม่ย่อท้อ จนความรู้สึกของระบบคล้ายได้ยินเสียงแก้วแตกดังเพล้ง ก่อนที่ตัวเลขจาก 22.46% ขยับพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน

87%!! ความมืดในจิตใจของพระเอกคือ 87%! ไอ้ตัวเลขแค่ยี่สิบกว่าๆ มันก็เป็นแค่เพียงภาพลวงหลอกตา มันคือปัญหาเวรตะไลที่ระบบพยายามส่งขอความช่วยเหลือจากโครงข่ายแต่ดันตรวจสอบไม่เจอต่างหาก! ถ้ามีร่างระบบก็อยากจะทึ้งหัวตัวเองแล้วร้องกรี๊ดๆ บ้างแล้ว

[ความมืดในจิตใจเพิ่มเป็น 87% โปรดดำเนินการ!]

แม่งเอ๊ย มาถึงจุดนี้มันจะมาดำเนินการอะไรกันได้อีกวะ? ขออภัยในความไม่สุภาพของระบบด้วยแล้วกัน แต่ตอนนี้จะให้มาพูดดีๆ คงไม่ได้เรื่องแล้ว

ริมฝีปากซีดเผือดของพันแสงขยับสวดท่องมนต์อาคมหนึ่งในอาถรรพเวทย์อันเป็นเดรัจฉานวิชชา อาคมที่แข็งแกร่งกว่าใครของอาจารย์เอกเริ่มไหลทะลักออกมาจากทั้งกายหยาบและกายละเอียด เรือนร่างกำยำดั่งราวนักรบโบราณของเขาดูซูบผอมในพริบตา พลังวิญญาณและกลิ่นอายความตายมหาศาลไหลวนอยู่รอบกายพระเอกคล้ายหมอกดำที่พร้อมฉุดคร่าชีวิตของทุกคนให้ลงสู่ห้วงนรก จิตใจบริสุทธิ์ของคนที่เคยอยู่ใต้ร่มกาวสาวพักตร์กลายเป็นมืดมิดอนธการ ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำราวสีเลือด หากนัยน์ตามืดมนกลับมีประกายเพลิงร้อนแรงราวไฟนรกที่พร้อมเผาผลาญให้ตายตกไปด้วยกัน

“พี่แสง พอเถอะ” โฮสต์น้ำตาอาบไหลนองหน้า เขาค่อยๆ ตะเกียกตะกายไปกอดข้อเท้าของพระเอกเอาไว้ เด็กหนุ่มเหลือบมองชายคนรักที่อยู่ในวงอาคมพิธีด้วยสายตารวดร้าวใจ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องพยายามดึงพันแสงกลับมาจากความมืดให้ได้

[ความมืดในจิตใจเพิ่มเป็น 98% โปรดดำเนินการ!!]

“หึ” พันแสงแค่นหัวเราะเสียงเบาก่อนจะรวบมือกับลำคอของจ่อยและยกร่างผอมเพรียวของจ่อยขึ้นมาด้วยแรงมหาศาลจากอาคมที่ทำให้เรี่ยวแรงแข็งแกร่งขึ้นกว่าทุกที ดวงตาที่จับจ้องตรงมายังโฮสต์เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นอาฆาต “มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่ามึงจะไม่ทิ้งกู กูเคยคิดว่าจะรักจะทะนุถนอมมึงตลอดไป แต่มึงเป็นคนเลือกเองนะไอ้จ่อย”

ชายหนุ่มกดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มและขบกัดอย่างรุนแรงเสียจนกลีบปากแตกเลือดซิบ ปลายลิ้นแทรกแซะเข้ารุกล้ำภายในกวาดเลียจาบจ้วงจนแทบทุกหยาดหยดไปจนถึงดวงวิญญาณ หยาบกระด้างไร้ความอ่อนโยนยิ่งกว่าที่ปล้ำจูบรอบแรกเสียอีก ปลายนิ้วกระชับรอบลำคอบีบรัดปิดกั้นอากาศหายใจของอีกฝ่ายเอาไว้ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มลูกครึ่งใกล้หมดลมหายใจก็ปล่อยมือเขวี้ยงไปทางหนึ่งโดยไม่สนใจอีกต่อไป เวลาของสุริยุปราคากำลังใกล้จะหมดลงแล้ว พันแสงรีบท่องมนต์คาถาปลดปล่อยให้เหล่าวิญญาณอาฆาตใต้อาณัติไปฆ่าฟันแย่งชิงพลังของผู้คนที่มีอาคมและพลังวิญญาณแข็งแกร่ง

[ความมืดในจิตใจของพระเอกขึ้นสู่ระดับสูงสุด!!!]

ระบบแจ้งเตือนไปอย่างนั้นแหละ มาถึงตอนนี้โฮสต์ก็คงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ทัน จ่อยไม่ใช่แสงเทียนนำใจของพันแสงอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นคนที่สอนให้เขาได้รู้จักใช้กำลังแย่งชิงในสิ่งที่ต้องการ จนกลายเป็นการผลักเขาเข้าสู่ด้านมืดไปเรียบร้อย

โฮสต์คงรู้เหมือนกันว่าตอนนี้คงสายจนเกินไปแล้ว เขาใช้ช่วงเวลาที่พันแสงปลดปล่อยวิญญาณร้าย ค่อยๆ ขยับตัวคืบคลานด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดที่ยังเหลืออยู่ขยับไปหาร่างที่นอนลมหายใจรวยรินอยู่กลางวงอาคม ปลายนิ้วขาวซีดของจ่อยเกือบจะแตะกับใบหน้าคนรักอยู่แล้ว หากวิญญาณสาวอาฆาตนางหนึ่งกลับใช้ปลายเล็บแหลมคมตวัดวูบผ่านลำคอของอาจารย์เอกเสียก่อน เสียงหัวเราะหวีดแหลมด้วยความสะใจดังก้องอยู่เต็มสองหู ก่อนเล็บแหลมจะพุ่งเป้ามาที่จ่อยแทน

[แจ้งเตือน! ภารกิจล้มเหลว!!]

โฮสต์กัดฟันไม่ให้ตัวเองหลุดร้องออกไปด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดเอื้อมมือไปแตะผิวแก้มสีทองแดงที่เริ่มแห้งตอบจนเกิดรอยเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด เอกที่น่าจะหมดหายใจไปแล้วกลับลืมตาขึ้นมองเด็กหนุ่ม ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายพราวระยับคล้ายกำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง

“ผมขอโทษจริงๆ ถ้าชาติหน้าได้เจอกันอีก ผมจะไม่สร้างปัญหาแบบนี้อีก ผมจะรอแค่คุณ ผมจะหาคุณให้เจอ” ปลายนิ้วของจ่อยตกลงข้างตัว พลังชีวิตเฮือกสุดท้ายถูกรีดเคล้นออกมาใช้เป็นประโยคที่เขาอยากจะบอกอีกฝ่ายมากที่สุด

[โฮสต์จะถูกส่งกลับไปยังพื้นที่ส่วนกลางภายใน

5

4

3

2

1]

“แล้วผมจะรักคุณแค่คนเดียว”

เมื่อโฮสต์พูดได้จบประโยค ภาพทั้งหมดก็ดับวูบไปทันที

[...]

[...]

[…]

[...]

เฮ้อ...

แล้วเราก็ตายกันหมดเกลี้ยงจริงๆ



โปรดติดตามตอนต่อไป...



ซินเอ๋อร์:

ขอโทษที่มาช้าค่ะ งานเดือดมาก+มีปัญหาชีวิตหลายๆ อย่างถาโถมมาพร้อมกันเลยเขียนไม่ไหว ได้วันละนิดวันละหน่อย ตอนนี้ปัญหาชีวิตเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว หวังว่าจะกลับมาเขียนนิยายได้เหมือนเดิมค่ะะ

สำหรับ Arc นี้ ตั้งใจเอาไว้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วค่ะว่าจะ Bad End จบไม่สวยสักอย่าง ตอนแรกจะเอาแค่เบาๆ เป็นอ.เอกฉุดโฮสต์ไป พอพี่แสงไปตามดันเจอว่าโฮสต์ระเริงรักอยู่กับอ.เอกเลยเทิร์นดาร์ก แต่ไปๆ มาๆ ตอนจบอันนี้เข้ามาในหัวก่อน พอลองเขียนดูก็คิดว่าไม่ได้เลวร้ายแฮะ ไหนๆ ก็จะ Bad End แล้วก็ไปให้สุดค่ะ

ตอนหน้ายังอยู่กับ Arc นี้อีกตอนนะคะ เป็นการสรุปท้ายเควสในพื้นที่ส่วนกลางก่อนขึ้น Arc ใหม่เหมือนเดิมค่ะะ ใครโกรธโฮสต์ก็ใจเย็นๆ ก่อนน้า น้องยังคงเด๋อด๋า โง่ๆ เซ่อๆ เหมือนเดิม Arc นี้เลยหนักหน่วงสำหรับน้องแน่นอนค่ะ ส่วน Arc หน้าสัญญาว่าจะไม่ดราม่าแล้วค่ะะ

อยากสอบถามเล็กน้อยว่า Arc ใหม่ มีธีมโลกแบบไหนที่อยากอ่านกันไหมคะ? จริงๆ 4 Arc นี้คือครบที่ตั้งใจอยากเขียนเอาไว้ในตอนแรกแล้วค่ะ ความตั้งใจเดิมคือต้องจบเรื่องใน Arc นี้แล้ว แต่มันมีอะไรที่พัฒนาให้เขียนต่อได้ ใส่ปมใส่พล็อตไปหน่อยก็น่าจะได้อยู่ด้วยกันอีกหลายตอน แต่ตอนนี้ชักจะแอบคิดไม่ออกนิดหน่อยว่าจะเอาธีมไหนดี รีเควสมาได้นะคะว่าอยากอ่านแนวโลกไหน ขอแชร์ไอเดียหน่อย แต่อาจไม่เขียนจีนโบราณน้าาา เพราะปรกติก็เขียนจีนโบราณอยู่แล้วค่ะ (ฮาาา)

พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4-4 คห.42 16.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 16-12-2019 23:22:09
สถานีต่อไปเลยค่ะโฮสต์แบบหงุดมาก 
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4-4 คห.42 16.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 16-12-2019 23:33:47
คุณซินเอ๋อร์ทำอะไรให้ผมแปลกใจได้ตลอดสิน่า ซึ่งก็แปลกแบบประทับใจด้วยนะครับ

ตอนแรกไม่คิดเหมือนกันว่าจะ Bad End (ผมสงสัยติด Stereotype ของนวนิยายสุขนิยมมากไปหน่อย) แต่การเขียนบาง arc ให้เป็น bad end มันดีนะครับ ยิ่งในเรื่องนี้ที่เดิมผมเคยเขียนไว้แล้วว่าโทนเรื่องมันช่วยฝึกสกิลของคนแต่งได้มาก การที่คุณซินเอ๋อร์ทำ bad end ออกมามันก็ช่วยเพิ่มความสดใหม่ให้เรื่อง เพิ่มความหลากหลายและทำให้เนื้อเรื่องมีความแปลกใหม่น่าติดตามมากขึ้น (ถ้าแบดเอนด์แล้วคะแนนถูกหักขนาดไหน? จะเป็นยังไง? พวกนี้เราเจอแต่จบแบบภารกิจสำเร็จหรือคะแนนบวกมาตลอด เจอแบบใหม่บ้างก็น่าติดตามครับ)

Arc ที่อยากเห็น คงจะเป็นแนว Medieval Fantasy น่ะครับ ยุคกลางอังกฤษ ลอร์ด อัศวิน เอล์ฟ มังกร (อารยธรรมเคลติก) หรือไม่ก็แนว Mesopotamia Fantasy (อารยธรรมเมโสโปเตเมีย เปอร์เซียยุครุ่งเรืองที่มีแฟนตาซี) หรือแนวโรมันก็ดีนะครับ น่าสนใจ แต่ถ้าจะเอาฉีกแนวไปจริงๆก็พวก ชีวิตวัยรุ่นในโรงเรียนประจำเวทมนตร์ (แบบคล้ายๆแฮร์รี่) หรือผจญภัยในป่า (แนว The Witcher)

ซึ่งพวกนี้อย่างที่แนะนำไปน่ะครับ ถ้าจะหา Reference ให้ดูพวก CYOA เลย มีดีเทลให้พร้อมสรรพครับ เติมพล็อตเพิ่มนิดเดียว เขียนไหลได้ยาวๆ

เขียนได้สนุกน่าสนใจมากครับ ผมอ่านก็รู้สึกคลายเครียดไปด้วยเลย ระบบน่ารักจริงๆ (ฮา) คิดไปคิดมา ระบบจะมีเจอระบบหมายเลขอื่นที่คอยดูแลโฮสต์คนอื่นที่มีภารกิจแบบอื่นด้วยไหมน่ะ น่าคิดเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4 บทจบ คห.45 19.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 19-12-2019 04:48:26
Arc 4อย่ากลับดึก ถ้าอยู่ลึกในซอยเปลี่ยว (บทจบ)



หลังจากภารกิจล้มเหลวทั้งระบบและโฮสต์ก็กลับมาพื้นที่ส่วนกลางอีกครั้ง แต่คราวนี้ความว่างเปล่าไม่ใช่สีขาวเหมือนทุกที แต่มันเป็นสีแดง...แดงเหมือนกับความโกรธของระบบนี้แหละ เจ้าโฮสต์ไม่รักดี! เด็กไม่ดีจะต้องถูกตีเข้าใจไหม! ?



โฮสต์ในชุดขาวนั่งคุกเข่ากับพื้นร้องไห้กระซิกกระซี้สนิทว่าถ้าพระเอกและตัวร้ายชาติก่อนมาเห็นจะต้องมาช่วยเช็ดน้ำตาคนละทีสองที แต่โฮสต์อยู่กับระบบที่เกรี้ยวกราดยิ่งกว่าผู้หญิงในวันมามากเลยไม่มีการปลอบใจอะไรทั้งนั้น เบื้องหน้าของโฮสต์คือจอมอนิเตอร์สรุปคะแนนที่เห็นแล้วปวดใจชนิดที่ว่านัดหมอทำบอลลูนหัวใจพรุ่งนี้ได้เลย



[ภารกิจล้มเหลว!! หลังจากหักคะแนนต่างๆ แล้ว โฮสต์ได้รับคะแนนรวม -79,999 คะแนน]



โลกที่ผ่านมาถือเป็นโลกที่มีความยากระดับ AAA เพราะมีพลังพิเศษ ภูตผี ปีศาจ อาคมมนต์ดำ ภารกิจล้มเหลว พันแสงเทิร์นดาร์กเข้าด้านมืดเต็มตัว แถมเทิร์นได้โหดกว่าเดิมอีก เท่ากับโลกนั้นถึงกาลวิบัติมีแต่วิญญาณร้ายวิญญาณอาฆาตออกอาละวาดฆ่าชิงชีวิตผู้คน โลกบนดินสับสนวุ่นวาย ส่วนโลกความตายต้องเดือดเป็นไฟ โดนติดลบไป 79,999 คะแนนนี่ถือว่าโครงข่ายใจดีสุดๆ แล้ว แต่ 79,999 คะแนนก็ยังมากเกินไปสำหรับคนที่มีคะแนนสะสมไม่กี่หมื่นอย่างโฮสต์อยู่ดี



“ฮึก...ถ้าเอาคะแนนที่เรามีอยู่ไปหัก จะเหลือเท่าไรนะแม่สอง” โฮสต์สูดน้ำมูกแล้วนั่งก้มหน้าคอตก ดูเหมือนจะสำนึกผิดอยู่พอควร



[คะแนนคงเหลือ 4,781 คะแนน หักคะแนนจากการขายคืนสินค้าบางส่วนแล้ว คงเหลือ -67,218 คะแนน]



“โฮ” โฮสต์ฟังแล้วทรุดตัวลงไปร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม คะแนนติดลบขนาดนั้นจุดจบจะเป็นยังไงเขาคงเดาได้ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองความว่างเปล่าสีแดงด้วยน้ำตานองหน้า “เราขอโทษจริงๆ แม่สอง เราไม่ได้ตั้งใจให้ภารกิจล้มเหลวแบบนี้ เราผิดเองจริงๆ”



ระบบอยากจะถอนหายใจสักที เอาเถอะ อย่างน้อยเจ้าตัวงี่เง่าก็ยังรู้จักความผิดของตัวเอง รู้จักขอโทษ ไม่ใช่คนโง่ที่อีโก้สูงจนเอาแต่โทษคนอื่น โทษโลก โทษระบบ แต่ไม่เคยโทษตัวเองเพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองทำผิด ระบบน่ะเจอโฮสต์แบบนั้นมานักต่อนักแล้ว ถือว่านี่เป็นข้อดีอันน้อยนิดที่โฮสต์มีก็แล้วกัน แต่คนเราต้องเรียนรู้เพื่อก้าวต่อไปในวันข้างหน้า จะให้ระบบไม่ดุอะไรโฮสต์เลยคงไม่ใช่ โฮสต์สมควรจะต้องได้รับบทเรียนอะไรได้บ้างแล้ว



[โฮสต์รู้ตัวก็ดีแล้วว่าภารกิจล้มเหลวครั้งนี้เป็นเพราะการตัดสินใจของคุณ ถึงเรื่องหัวใจของโฮสต์จะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ลืมไม่ได้เป็นอันขาดว่าหน้าที่หลักคือการทำภารกิจเก็บคะแนนสะสมเพื่อให้ได้มีชีวิตเป็นของตัวเองอีกครั้ง ไม่ต้องผูกติดกับระบบอีกต่อไป]



โฮสต์พยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็ยังมิวายโอดครวญเบาๆ “เราไม่รู้จริงๆ แม่สอง ตอนแรกเราคิดว่าพี่แสงคือเขา...เราถึงได้ใกล้ชิดกับพี่แสงขนาดนั้น ไม่คิดว่าจะทำให้เรื่องมันเลวร้ายขนาดนี้”



[ถ้าโฮสต์ไม่รู้หรือไม่แน่ใจก็อย่าเพิ่งตัดสินใจ] เหมือนกับที่ระบบไม่กล้าฟันธง เรื่องนี้จะโทษโฮสต์อย่างเดียวก็ไม่ได้ พันแสงมีความคล้ายคลึงกับคนรักของโฮสต์มากเกินไปจริงๆ [ถ้าไปทำให้เขารักแล้วเปลี่ยนใจขึ้นมา คุณเลิกรักเขาได้ แต่เขาเลิกรักคุณไม่ได้ คนรักของคุณก็โกรธ ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลและส่งผลกระทบถึงกันทั้งนั้น มันเหมือนกับการต่อโดมิโน่แล้วโดมิโน่ตัวแรกล้ม ถ้าคุณไม่อยากให้โดมิโน่ที่เหลือล้มทั้งหมด ก็ต้องรีบหยิบตัวที่ล้มออกให้ไวที่สุด อย่าปล่อยให้มันค้างคา]



“เราเข้าใจแล้วแม่สอง...เราขอโทษจริงๆ นะ ขอโทษที่เป็นภาระของนาย จากนี้ไปเราจะตั้งใจทำภารกิจให้ดีกว่าเดิม ไม่ปักธงพระเอกมั่วซั่ว พอภารกิจสำเร็จแล้วค่อยตามหาคนรักก็ได้ เนอะ?”



ระบบรับรู้แล้ว และหวังว่าโฮสต์จะทำตามที่ปากพูดได้ ถึงระบบจะให้อภัยยังไง แต่เรื่องที่จะต้องลงโทษโฮสต์เพราะภารกิจไม่สำเร็จ ยังไงก็ต้องลงโทษอยู่ดี



[เมื่อภารกิจล้มเหลว โฮสต์จะต้องถูกลงโทษจากระบบ นอกจากนี้คะแนนของโฮสต์ยังติดลบมากกว่า 50,000 คะแนน เข้าข่ายก่อความผิดสูงสุด โทษที่ได้รับคือการทำลายวิญญาณ]



โฮสต์นิ่งชะงักอ้าริมฝีปากค้างเหมือนพูดไม่ออก เขาคงไม่คิดว่าภารกิจล้มเหลวครั้งแรกจะนำมาสู่โทษร้ายแรงสูงสุดขนาดนี้ แต่ระบบไม่ใช่ระบบที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมขนาดนั้น อีกอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นคราวนี้ก็ไม่ใช่แค่เพราะโฮสต์เลือกเส้นทางผิดๆ อยู่ฝ่ายเดียว แต่เป็นเพราะระบบไม่สามารถอ่านค่าความมืดในจิตใจของพระเอกได้ถูกต้อง จนทำให้ปัญหามันสายเกินแก้ เรื่องนี้ถือว่าระบบและโครงข่ายมีส่วนต้องรับผิดชอบอยู่เหมือนกัน



ระหว่างที่โฮสต์ร้องไห้ตอนแรกระบบได้ส่งคำร้องเรียนพร้อมคลิปวิดีโอประกอบไปยังเครือข่ายแล้ว เรื่องแบบนี้ถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่เครือข่ายต้องจัดการบั๊กที่เกิดขึ้น ทำให้ระบบสามารถร้องยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษทำลายวิญญาณให้โฮสต์ได้ และเปลี่ยนเป็นการลงโทษตามวิจารณญาณของตนเอง แต่ต้องแลกกับการเสียคะแนนไป 79,999 คะแนน เทียบเท่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้นในโลกนั้น ส่วนหลังจัดการบั๊กแล้วระบบจะได้คะแนนคืนยังไงก็ค่อยว่ากันอีกที



นี่ยังไม่นับที่ว่าใช้คะแนนแลกไลฟ์เรียลไทม์กับยืมพลังจากเครือข่ายมาอีกนะ โฮสต์ทำภารกิจไม่สำเร็จแค่ภารกิจเดียว ระบบก็ขาดทุนย่อยยับจนไม่รู้จะยังไงแล้ว ถ้าเป็นระบบอื่นป่านนี้เขาเทโฮสต์ไปแล้วมั้ง



[เนื่องจากในโลกที่ผ่านมาระบบไม่สามารถอ่านค่าความมืดในจิตใจของพระเอกได้ถูกต้องทำให้โฮสต์ไม่สามารถดำเนินการได้ทันเวลา ถือว่าระบบมีความผิดเช่นเดียวกัน ฉะนั้นความผิดของโฮสต์จะถูกลดโทษจากการทำลายวิญญาณเป็นการลงโทษแบบอื่นแทน]



“นายจะไม่ทำลายวิญญาณกันจริงๆ นะแม่สอง” โฮสต์เช็ดน้ำตาป้อยๆ หน้าตาเศร้าโศกค่อยดูดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย



[บทลงโทษของโฮสต์คือการได้สัมผัสจุดจบที่แท้จริงของบทในโลกก่อนๆ ตามผลทอยจากลูกเต๋าสีดำและจำนวนครั้งตามผลทอยจากลูกเต๋าสีขาว]



เบื้องหน้าของโฮสต์ปรากฏลูกเต๋าสีดำหนึ่งลูกและสีขาวสองลูกให้โฮสต์ได้สุ่มดวง เด็กหนุ่มเอื้อมมือที่สั่นระริกไปหยิบลูกเต๋าทั้งสามลูกออกมาทอย นี่เป็นบทลงโทษที่ใจดีที่สุดแล้ว ถ้าเขาโชคดีก็อาจจะโดนแค่สองครั้ง แต่ถ้าโชคร้ายก็แค่สิบสองครั้ง ส่วนวิธีการลงโทษระบบก็ขอให้โฮสต์โชคดีไม่ซวยทอยเจอจุดจบของไคล์ที่ต้องวางไข่เผ่าพันธุ์มาร์กเป็นล้านๆ ฟองก็แล้วกัน



ลูกเต๋าทั้งสามกลิ้งไปกลิ้งมาแบบชวนอกสั่นขวัญแขวน ก่อนจะลูกหยุดลงพร้อมกับเลขที่หงายขึ้นมาโชคของโฮสต์ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ไม่เลวร้ายเท่าไรนัก เขาต้องถูกทำโทษทั้งหมดห้าครั้ง และจุดจบที่ได้รับคือจุดจบของหยวนเจิ้งในชาติที่เขาเป็นผู้บำเพ็ญเพียร ความตายในบทดั้งเดิมคือเขาถูกพระเอกใช้มือควักจุดตันเถียนดึงลูกกลอนปราณธาตุไฟบริสุทธิ์ออกมาเพื่อนำไปใช้รักษาหนึ่งในฮาเร็มของพระเอก



นี่ระบบไม่ได้เป็นคนเลือกให้นะ ระบบไม่ได้มีความแค้น ระบบไม่ได้จงใจกลั่นแกล้งโฮสต์เลยจริงจริ๊ง



[การลงโทษเริ่มต้น ขอให้โฮสต์สนุกกับการสัมผัสประสบการณ์ใหม่]



โฮสต์ถูกส่งไปลงโทษเป็นอันเรียบร้อย ระบบจัดการตั้งเวลาแจ้งเตือนเมื่อการลงโทษสำเร็จและ mute เสียงของโฮสต์เพื่อไม่ให้เสียงกรีดร้องมารบกวนเวลาสำคัญ...เวลาที่ระบบต้องสะสางเรื่องค้างคากับโครงข่ายบ้างแล้ว



โลกที่ผ่านมามันมีอะไรที่แปลกประหลาดชวนติดใจอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของพระเอก พฤติกรรมของตัวร้าย และบั๊กที่โผล่มาได้ถูกเวลาเหลือเกิน ระบบเปิดภาพย้อนดูแล้วพยายามประมวลผลอีกครั้งก็ยิ่งเห็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากล คะแนน 79,999 คะแนนที่ระบบถูกหักไปแลกกับวิญญาณของโฮสต์ถูกนำไปใช้ชดเชยความเสียหายในโลกนั้น แต่คะแนนที่ติดลบของโฮสต์กลับไม่ได้ถูกลบล้างออกไป คะแนนพวกนั้นหายไปไหนกันแน่?



ระบบติดต่อหาโครงข่ายอีกครั้ง ก่อนยื่นคำร้องขอการเข้าถึงข้อมูลของโลกก่อนหน้านี้



-ระดับของระบบ 212224 ไม่เพียงพอ ปฏิเสธการเข้าถึงข้อมูล-



ระดับไม่เพียงพอกับผีน่ะสิ ระบบเป็นระบบไฮคลาสที่อัพเกรดมาสูงสุด เป็นระบบขั้น SS แล้วด้วยซ้ำ ที่ผ่านมาเรียกดูข้อมูลอะไรก็ไม่เคยมีปัญหา ถ้าข้อมูลของโลกที่แล้วต้องให้ระดับ SSS เข้าถึง แสดงว่ามันต้องเกินระดับ AAA ไปแล้วไม่ใช่หรือไง



ทุกปัญหามันต้องมีทางแก้อยู่แล้ว ในเมื่อโครงข่ายจะมาไม้นี้ ระบบก็จะเล่นด้วยสักหน่อยก็ได้ ระบบกดเข้าร้านค้าที่ไม่ได้เข้ามานานเป็นชาติแล้วเลือกอัพเกรดตัวเองเป็นระบบระดับ SSS แถมยังซื้อกุญแจสีทองสำหรับเข้ารหัสพิเศษมาอีก 3 อัน โดยไม่สนใจคะแนนที่เสียไปสิบกว่าล้าน คะแนนมันยังหาใหม่ได้ แต่ให้ค้างคาแบบนี้ถือว่ายอมไม่ได้



-ยืนยันการเข้าถึงข้อมูล โลก ‘ศึกจอมขมังเวท’ -



-ระบบ 212224 ถูกจำกัดการเข้าถึงข้อมูลบางส่วน-



บางส่วนก็บางส่วนสิ ถ้าบางส่วนมันตอบคำถามได้ก็พอใจแล้ว



ระบบเรียกดูข้อมูลของพระเอกหลังจากที่ภารกิจล้มเหลว เขายิ่งคลั่งกว่าเดิมที่ไม่สามารถนำจ่อยและเอกมาเป็นวิญญาณโหงพรายผีอาฆาตใต้อาณัติได้ สุดท้ายพันแสงเลยทำโลกนั้นพังพินาศไปจริงๆ จุดจบดาร์กยิ่งกว่าเวอร์ชันแรกเสียอีก ถือว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายเท่าไร ระบบเลยเปลี่ยนไปเรียกดูข้อมูลคะแนนของโลกนั้นแทน ปรกติแล้วในแต่ละภารกิจจะมีให้ดูว่าคะแนนจากโลกต่างๆ กระจายไปที่ไหนบ้าง



-ข้อมูลปกปิด ปฏิเสธการเข้าถึง-



มีลับลมคมในเหลือเกินนะแม่ข่าย



[เปิดข้อมูลการทำงานของระบบในโลก ‘ศึกจอมขมังเวท’]



-ข้อมูลปกปิด ปฏิเสธการเข้าถึง-



ได้! จะกั๊กกันขนาดนี้ใช่ไหม? อย่าคิดว่าเข้าถึงไม่ได้แล้วระบบจะไม่มีทางแก้นะ บนโลกนี้เงินแก้ปัญหาได้ทุกอย่างนั่นแหละ



[ตรวจสอบจำนวนการเปิดใช้งานระบบในโลก ‘ศึกจอมขมังเวท’]



ส่งคำร้องเสร็จระบบก็โยนกุญแจสีทองให้แม่ข่าย ดอกแรกก็ยังไม่ตอบ ดอกที่สองก็ยังไม่ตอบ พอครบกุญแจดอกที่สามหลังจากเงียบไปพักใหญ่ก็มีคำตอบกลับมาจนได้



-พบการทำงานของระบบจำนวน 2 ระบบ ในโลก ‘ศึกจอมขมังเวท’ -



แม่งเอ๊ย โดนเข้าแล้วไง ระบบทำงานพร้อมกันสองระบบคะแนนมันก็ต้องช็อตอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? เครือข่ายเล่นบ้าอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนั้น จะสืบไปว่าระบบไหนกำลังทำงานอยู่ก็ไม่ได้แล้ว เพราะคำตอบที่ได้รับกลับมามีแค่ ‘ข้อมูลปกปิด ปฏิเสธการเข้าถึง’



จากการวิเคราะห์ของระบบแล้วคนที่มีพิรุธมีแค่พระเอกที่มีพฤติกรรมแปลกๆ และตัวโกงที่ตามมาทุกชาติ สองคนนี้ไม่ใครก็ใครสักคนที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของระบบอีกระบบหนึ่งอยู่แน่ๆ แค่จะเป็นระบบตัวเอกหรือระบบตัวร้ายเท่านั้น แต่ถ้าปัญหามันอยู่ที่คนรักของโฮสต์ มันก็ควรจะเป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่โลกแรกๆ แล้วไม่ใช่หรือไง?



ข้อมูลแค่นี้ยังไม่เพียงพอที่ระบบจะสามารถฟันธงอะไรได้ บวกกับโฮสต์กลับมาจากการลงโทษเป็นอันเรียบร้อยแล้ว ได้เวลามูฟออนไปโลกหน้ากันสักที ถ้ายังมีอะไรไม่ชอบมาพากลอีกครั้งหนึ่งก็แปลว่าทั้งโฮสต์และระบบตกเป็นเหยื่อของใครเข้าแล้ว



“แม่สอง...” โฮสต์เรียกเสียงอ่อย ดวงตากลมโตแดงก่ำคล้ายผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ในโลกนั้นเขาเป็นศิษย์น้องคนสนิทของเว่ยเสียงที่เคารพเทิดทูนพระเอกจนถึงขีดสุด แต่กลับถูกฆ่าตายเพียงเพราะอีกฝ่ายต้องการช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจซ้ำซากถึงห้าครั้ง จิตใจของโฮสต์เลยเรียกได้ว่าทั้งอ่อนไหวทั้งอ่อนแอ“เราขอโทษจริงๆ ที่ทำตัวไม่ดี...แม่สองจะยังอยู่กับเราใช่ไหม”



[ระบบพร้อมอยู่เคียงข้างคุณตลอด 24 ชั่วโมง]



ไม่ว่าโฮสต์จะโง่ จะสร้างภาระให้กับระบบอยู่มากพอตัวระบบก็จะไม่ทิ้งโฮสต์เวลาที่โฮสต์มีปัญหา โฮสต์แค่โง่เท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าจะถูกคนอื่นเอาเปรียบ คนโง่ก็มีสิทธิ์ของคนโง่ไม่ใช่หรือไง คุณโชคดีแล้วโฮสต์ที่มีระบบฉลาดอยู่เคียงข้าง



เพราะระบบจะไม่มีวันยอมให้ใครใช้พวกเราเป็นเครื่องมือแน่ๆ



ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม





โปรดติดตามตอนต่อไป...



ซินเอ๋อร์:

มาด้วยความรวดเร็วเพราะเขียนเพลินค่ะ 5555จบ Arc แบบค้างคาเปิดปมใหม่ เพราะถ้าไม่ใส่ปมสักหน่อยเดี๋ยวจะไม่มีอะไรให้ติดตามต่อค่ะะ ยังไงแล้วเรื่องนี้คอนเซ็ปต์คือโฮสต์โง่ ระบบฉลาด เพราะฉะนั้นเราต้องโชว์ความฉลาดของระบบสักหน่อยค่ะ ซึ่งจะดูฉลาดไหมนั้น... แฮะๆ ก็จะพยายามเขียนให้ดูฉลาดนะคะ แต่ยังจะคงธีมป่วงๆ ป่วนประสาทเหมือนเดิมนะคะ โฮสต์ถึงจะได้บทเรียนแล้ว แต่ก็ยังเป็นโฮสต์โง่เหมือนเดิม ซึ่งจะโชว์เด๋อด๋าอะไรให้ระบบปวดหัวอีก ก็ต้องดูกันต่อไปค่ะะ

ขอบคุณคุณเกรย์ที่ช่วยแชร์ไอเดีย จริงๆ แนวเปอร์เซียก็น่าสนใจ แต่ไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้เลย แบบเป็น 0 มาก ขอไปหาข้อมูลก่อนเพื่อใช้ในโอกาสหน้าค่ะะ ส่วนไอเดียอื่นๆ ก็มีหลายอย่างที่เล่นได้ ไม่ได้เขียนนิยายแฟนตาซีมานานแล้วด้วย เอาสัก Arc ก็คงจะดี 55555 อีกเรื่องคือคุณเกรย์วิเคราะห์เก่งมากกก เหมือนเดาได้เลยว่ามันจะต้องมีระบบอื่นในเรื่อง แต่เรื่องนี้ยังไม่เท่าไรค่ะ ในผีลามกนี่แอบร้อนๆ หนาวๆ เลยทีเดียว จุดไหนคนอื่นไม่เจอ คุณเกรย์เก็บเรียบ ซินกลัวแล้วววว (แง)

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4 บทจบ คห.45 19.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-12-2019 07:07:49
ระบบเท่มากค่าาา จิกกัดตลอดแต่ไม่เทในยามลำบาก รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 4 บทจบ คห.45 19.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 19-12-2019 10:01:09
ระบบเท่จริงๆด้วยครับ หวีดมากกกก สุดยอด! /หัวเราะ เออ แก้ปัญหาไม่ได้ใช่มั๊ย กีดกันนักใช่มั๊ย ในโลกแห่งคะแนนแลกแต้ม ไม่มีอะไรแก้ไม่ได้ด้วยเงิน ระบบทุ่มมาก ไม่สนว่าจะเสียไปเท่าไหร่ ก็กูจะแก้อะ แล้วจุดประสงค์ก็เพื่อช่วยเหลือโฮสต์ ไม่เทในยามลำบาก เท่จริงครับ เวลาโฮสต์ทำผิดก็ดุจริงเฆี่ยนจริง (ฮา) เจ๋งครับคาแรกเตอร์ระบบ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5 บทนำ คห.48 27.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 27-12-2019 20:27:12
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5 บทนำ คห.48 27.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-12-2019 20:49:28
ระบ๊บบบ แซะโฮสต์อีกแล้ว ฮา
ถ้าบทไหนระบบไม่แซะคงต้องสงสัยไว้ก่อนว่าไวรัสเข้าแน่ ๆ ฮา
นึกไปก็ฮาตามระบบเหมือนกัน ล้างตารอคนรักของโฮสต์เลย 555
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-1 คห.50 29.12.19]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 29-12-2019 08:33:02
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-2 คห.51 2.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 02-01-2020 21:09:47
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-2 คห.51 2.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 03-01-2020 01:14:49
โฮสต์ตอนนี้สมองใสนะใสแบบว่างเปล่า.. :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-2 คห.51 2.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-01-2020 10:22:41
บทนี้เข้ากับโฮสต์มาก รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-3 คห.54 8.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 08-01-2020 01:02:13
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-3 คห.54 8.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: pand4444 ที่ 09-01-2020 11:17:30
ตามอ่านอยู่ตลอด​ ไม่รู้ทำไมชอบเรื่องนี้มาก​

สิงบอดมา7​ 8​ ปี​ นี่เป็นเรื่องแรกที่รู้สึกว่าต้องเข้ามาให้กำลังใจ

ในฐานะคอแฟนตาซีไซฟายและคอนิทาน​ ที่หาได้ยากยิ่งในบอร์ดนี้​รู้สึกขอบคุณที่เขียนยำสารพัดนี้มาให้อ่าน

ถึงปมตอนนี้จะยังซอฟและไม่ได้รู้สึกลึกล้ำมาก​ แต่ทางนี้อ่านเพลิน​และรู้สึกลงตัวมาก

จะรอดูบทสรุปของแม่สองและโฮสต์​  :mew2:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-3 คห.54 8.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-01-2020 03:23:59
ชอบมากค่ะ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-4 คห.57 14.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 14-01-2020 18:12:35
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-4 คห.57 14.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: pepperpro ที่ 14-01-2020 18:38:46
องก์นี้ โฮสต์น่ารักมากเลย ระบบเองก็เช่นกัน เข้าขากันสุด ระบบน่าจะเริ่มรักในความเปิ้นๆของโฮสต์ด้วยสินะ

รอติดตามไปเรื่อยๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะครับ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-4 คห.57 14.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-01-2020 23:27:29
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-4 คห.57 14.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 15-01-2020 15:46:08
ปัก!!!!!!! :z2:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-4 คห.57 14.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 16-01-2020 22:41:24
สนุกมากค่ะ
มาต่อไวๆน้าาาา :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5-4 คห.57 14.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: pand4444 ที่ 19-01-2020 23:32:39
รอตอนต่อไปอยู่น้าา :katai4:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 5 บทจบ คห.63 25.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 25-01-2020 20:33:36
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6 บทนำ คห.64 31.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 31-01-2020 06:21:18
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6 บทนำ คห.64 31.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-01-2020 07:41:49
ยาก&วุ่นวายไปอี๊กกกก
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6 บทนำ คห.64 31.1.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: pand4444 ที่ 03-02-2020 21:42:52
ตลกความ แสงส่องนำใจพระเอกตั้ง 3 4 คน 555
อยากอ่านต่อแล้ววว ~~~ :katai4:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-1 คห.67 18.2.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 18-02-2020 07:01:32
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-1 คห.67 18.2.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: pand4444 ที่ 23-02-2020 18:47:24
งานต้องมาก่อนค่ะ สู้ ๆ น้า
ตอนนี้ก็ยังอ่านเพลินเหมือนเดิม
 o13
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-2 คห.69 27.2.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 27-02-2020 20:58:23
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-2 คห.69 27.2.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 27-02-2020 23:12:56
ว่าจะคอมเมนท์ตั้งแต่ตอนที่แล้วแล้วครับ ว่า Arc นี้รู้สึกว่าระบบจะเฮงแล้ว (ฮาา) ได้เป็นนายเอกแล้วล่ะระบบ มีหนุ่มๆมาตอม ตอนแรกผมยังแปลกใจว่าจะเซ็ตเบื้องหลังของหนุ่มๆยังไง แต่ตอนนี้เฉลยมาแล้วก็โอเคครับ ปูเรื่องให้มีบั๊กพระเอก กับระบบตัวร้ายที่เริ่มมีร่าง ทั้งสองคนมามะรุมมะตุ้มระบบ นี่ก็เป็นเจตนาทำให้สองโฮสต์ลงเอยกันได้สินะครับ /หัวเราะ

แหมมมม เห็นระบบโดนเป็นฮาเร็มรุมจีบทั้งที น่าติดตามต่อมากๆครับ ระบบดูไปดูมาก็นิสัยน่ารักดีนะเนี่ย (ฮา) โหดร้ายเจ้าระเบียบและปากจัด เอาจริงเอาจังไปหน่อยก็จริง แต่ก็มุมอ่อนโยน (คงเพราะอยู่กับโฮสต์ไปพอสมควร) แล้วก็นิสัยน้องดูน่าฟัดดีเหมือนกันนะครับ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-2 คห.69 27.2.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-02-2020 11:21:38
ให้กำลังใจนะคะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-3 คห.72 7.3.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 07-03-2020 09:26:00
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-3 คห.72-73 7.3.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 07-03-2020 09:26:34
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-3 คห.72-73 7.3.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-03-2020 12:25:18
บทนี้แปลก อ่านพาร์ทระบบไปแล้วเสียงสิริโผล่มาในหัวตลอดเลย ฮา
ขอตอบว่าระบบไม่ควรมีคู่ค่ะ เพราะต้องอยู่เลี้ยงลูก?ก่อน ต้องดูแลใกล้ชิดเลย ใจหายใจคว่ำตลอดๆ ถ้าระบบจะมีคู่หรือมีคี่ต้องให้ลูกติดเห็นชอบก่อนน้าาา ฮา
ให้กำลังใจนักเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-4 คห.75-76 14.3.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 14-03-2020 20:03:45
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-4 คห.75-76 14.3.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 14-03-2020 20:04:08
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-4 คห.75-76 14.3.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-03-2020 10:01:12
กลายเป็นมัดตัวเองไว้บนเตียง พร้อมเสิร์ฟ!ให้นายเอก ฮา รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-4 คห.75-76 14.3.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: pand4444 ที่ 26-03-2020 23:30:27
คหสต​ อยากให้แม่สองมีคู่นะ​ แต่ผู้ที่จะมาทำให้ระบบที่จิตใจแข็งแกร่งอย่างแม่สองใจอ่อนได้​นี่....จะมีมั้ยนะ :serius2:  เค้าจะรอลุ้นดูตามเรื่อง!!

ปล. พร้อมจัด​ e-book มาก
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-5 คห.79 4.4.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 04-04-2020 05:21:24
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-5 คห.79 4.4.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-04-2020 09:45:30
ลุ้นๆ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-5 คห.79 4.4.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: pand4444 ที่ 25-04-2020 23:11:26
ยังตั้งตารอตอนต่อไปอยู่เสมอออ
 :z2:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-5 คห.79 4.4.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 30-04-2020 15:26:51
อร๊ายยยยยย   สนุกมากกกกกกกกค้ะ
จริงๆ เป็นเรื่องแรกที่อ่านแนวนี้  detailเยอะมาก คนแต่งเก่งมากๆ ค่ะ ทั้งเนื้อเรื่องความต่อเนื้อหา 

แต่ละภพก้อค่อนข้างแตกต่างกันแบบไม่ซ้ำแนวเลย ตื่นเต้นสนุกมากกกก 

ขอบคุณนะคะ   ยังไงก้อรอตอนต่อไปนะคะ

 :กอด1:  อ้อนๆๆๆๆๆๆ  มาต่อไวๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-6 คห.83 2.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 02-05-2020 07:03:58
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6-6 คห.83 2.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 02-05-2020 22:57:59
ขอบคุณค่าาาา  รอตอนต่อไปจ้าาาา    สนุกค้าาา

 :ling1:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6 บทจบ คห.85 11.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 11-05-2020 22:11:58
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6 บทจบ คห.85 11.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 12-05-2020 09:00:36
โอ้ยยยย ลุ้นคร่าาา ลุ้นๆๆๆๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6 บทจบ คห.85 11.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: FleurDelakour ที่ 12-05-2020 21:31:39
ซับซ้อน ซ่อนเงื่อนมากๆ ติดตามค่าาา  ไม่อยากให้จบเลย อยากอ่านการผจญภัยแบบนี้ยาวๆเลย เพลินมากๆ เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะค้าาาาา!

หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6 บทจบ คห.85 11.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-05-2020 20:37:28
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 6 บทจบ คห.85 11.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 15-05-2020 21:13:43
มาออดอ้อนนนน   ...รออยู่นะคะ
คนเขียน  5555

คนอ่านเอาแต่ใจ...เห็นชื่อเรื่องทีไร ทรมานมากค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 7 ครึ่งแรก คห.86 16.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 16-05-2020 18:13:51
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 7 ครึ่งแรก คห.90 16.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-05-2020 20:33:12
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 7 ครึ่งแรก คห.90 16.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 16-05-2020 23:09:54
แอร๊ยยยยยยยยยยย  ขอบคุณมากนะคะ  รอติดตามตอนต่อไปค่ะ

 :hao7: :hao6:  ชอบตัวร้ายสายเปย์   อิอิอิ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 7 ครึ่งหลัง คห.92 18.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 19-05-2020 04:23:55
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 7 ครึ่งหลัง คห.93 18.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 19-05-2020 10:18:40
ชอบบบบ

ไม่อยากให้จบเลยค่ะ

สนุกมากกกก ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :sad4:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [Arc 7 ครึ่งหลัง คห.93 18.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: casson ที่ 20-05-2020 05:45:28
สนุกมากๆ ไม่อยากให้จบเลย

คนเขียนจะเขียนตอนโฮสต์กับระบบไปเกิดมั้ยคะ อยากติดตามต่อๆไป
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: ซินเอ๋อร์ ที่ 22-05-2020 15:06:36
ลบเนื้อหานิยายออก เนื่องจากมีผู้มีความประสงค์จะทำเนื้อหาในนิยายไปทำการศึกษาวิจัยในระดับดุษฎีโดยไม่ได้รับการอนุญาตและไม่แจ้งขอบเขตเนื้อหาในการวิจัย ซึ่งผู้แต่งเล็งเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนิยายวายได้
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-05-2020 18:06:01
 :3123: :L2:
 :L1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 22-05-2020 18:29:31
ขอบคุณมากๆ ค่ะ คนเขียน  ขอบอกจากใจจริงว่าไม่อยากให้จบเลย อยากให้มีชาติภพ อีกมากมายหลายล้านซีน   คือคุณซินเออร์ แต่งสนุกมาก เล่าได้เห็นภาพ  แต่ละภพ คาแรคเตอร์ตัวละครโคตรต่างกัน เขียนดีมากจริงๆ ยังไงเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ  ถ้าวันไหนเหงา อยากจะต่อเรื่องนี้อีก .... คนอ่านก้อคอยติดตามตลอดนะคะ

 :call:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: casson ที่ 23-05-2020 11:07:39
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :pig4:

สนุกมากๆ ไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-05-2020 13:02:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 24-05-2020 13:45:27
โอ๊ย อยากจะขอขอบคุณไรทืมากที่แต่งเรื่องนี้ออกมา ตอนแรกอ่านชื่อเรื่อง ยังงงๆอยู่ พออ่านไปได้ากพัก ติดงอมแงมเลย ระบบมีความน่ารัก เกรี้ยวกราดอยุ่ในตัว คือซึนอะ สงสารพระเอกตามไปทุกชาติ ติดเพื่อนโซนบ้าง พี่โซนบ้าง ลุงโซนบ้าง ขำอ่าา  พระเอหที่ร้ายกาจ ต้องยอมนางเอกเด๋อด๋า แต่รักในความมั่นคงอะ รักนายเอกคนเดียว คนอื่นไม่เอา อย่ามายุ่ง ชิวๆ คนนี้เขาหวง  สายเปย์แบบนี้หาที่ไหนได้บ้างคะ ขอค่ะ เพลียใจกับนายเอก ยอมใจในความเด๋อด๋า อ๋องๆ แต่นัเนก็เป็นเสน่ห์ของนาง ลุ้นที่ภารกิจที่ไปทำอะ นางจะจำพระเอกไก้ไหม จะลงเอยกันได้ยัง สุท้ายก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง อร๊ายย เรื่องนี้ครบทุกรส ครบที่แนวจริงๆ  เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจเลย (จดลิสต์ไว้ในใจ)  อ่านทุกตัวอักษรไม่พลาดสักตัว นิยายลื่นไหล ใสๆ ละมุน ขำขันเฮฮาปาจิโก๊ะ ไม่รุ้จะอธิบายยังไง สั้นๆละกัน "เออ มันเริ่ดอะ" ❤❤
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: FleurDelakour ที่ 04-06-2020 19:41:53
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายคุณภาพขนาดนี้มากนะจ๊ะ

ติดมาก สนุกมาก เซียนลามกก็ติดตามอยู่ เป็นกำลังใจให้ผลิตผลงานดีๆ ออกมาต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Persephone ที่ 08-06-2020 00:09:19
ดีมากแบบดีมากจริงๆเรื่องนี้ ไม่รู้​จะอธิบายยังไง ยิ้มไม่หุบเลยอ่ะ แอบอยากรู้ว่าในอนาคตน้องโปรดปรานจะมีคู่กับเขาไหมนะ ชอบมาก ขอบคุณ​มากค่า
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 09-06-2020 22:28:22
คิดถึงค่ะ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 13-06-2020 13:25:35
ไปๆมาๆจบแบบอบอุ่นหัวใจมากเลยนะคะ คิดถึงระบบมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ระบบ] ถ้าโฮสต์โง่ เราจะตายกันหมด [บทส่งท้าย-จบ คห.96 22.5.2020]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-06-2020 20:28:37
ไม่ได้เข้ามานานเลย เพิ่งเห็นค่ะว่าคนเขียนลงจนจบแล้ว (อดให้กำลังใจคนเขียนระหว่างทางเลยอ่า) ขอบคุณสำหรับนิยายสนุก ๆ และน่ารักเรื่องนี้นะคะ