บทส่งท้าย
“นี่ ออสติน”
“...”
“ออสตินครับ”
“...”
“ที่รัก”
“หือ อะไร” ผมถามเสียงห้วนขณะที่หักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวโค้งแยกถัดไป สะใจไม่น้อยที่ได้ยินเสียงอุทานอย่างตกใจของคนข้างตัว ไซม่อนยึดเบาะเพื่อทรงตัวไม่ให้ไหลไปตามแรงเหวี่ยงของรถแน่น เห็นท่าทางของหมอนี่แล้วแทบจะหลุดหัวเราะ แค่นี้ก็ทำเป็นรับไม่ได้ สาวน้อยจริงว่ะ
“เอ่อ คุณขับรถให้หวาดเสียวน้อยกว่านี้ไม่ได้แล้วเหรอครับ”
“ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องนั่งสิคุณ นู่น โบกแท็กซี่เอา”
“โหย ใจร้ายว่ะคุณ” ร่างสูงบ่นอุบ มือยังไม่ปล่อยจากที่จับที่อยู่เหนือศีรษะ “ขนาดตอนที่คุณขัยรถไม่ได้ ผมยังขับให้คุณนั่งตลอดเลย เป็นสารถีดีๆ นี่เอง พอถึงคราวผมขับไม่ได้บ้าง คุณกลับไล่ผมให้ลงไปนั่งแท็กซี่งั้นเหรอ”
“นี่ ถ้าคุณบ่นอีกคำเดียวผมจะไล่คุณลงจากรถจริงๆ แล้วนะ แล้วไอ้ที่ผมขับรถไปส่งคุณอยู่นี่ไม่ได้ขับให้อยู่รึไง”
“โอ๋ๆ ไม่งอนนะครับคนดี… เอ่อ ออสติน เบาหน่อยครับ แถวนี้รถมันเยอะ แล้วนี่คุณจะรีบขนาดนี้ทำไมเนี่ย!”
ผมเหยียบเบรคอย่างแรงทำเอาคนนั่งข้างๆ หน้าแทบคว่ำไปชนคอนโซลรถ ชิ ทำไมไม่กระแทกลงไปให้รู้แล้วรู้รอดเลยนะ
“ผมก็ขับปกติของผมนี่แหละ”
“ปกติของคุณนี่มันฉวัดเฉวียนมากเลยนะ” ไซม่อนพูดงึมงำ แทบจะยกมือปาดเหงื่อรอมร่อ “ได้ใบขับขี่มายังไง ถามจริง”
“ลงจากรถไปเดี๋ยวนี้เลย คุณเจ้าหน้าที่ ลงจากรถไป”
“โว้วๆ ใจเย็นครับ อย่าหงุดหงิดนักซี่ เอาเป็นว่าผมไม่พูดอะไรแล้วก็ได้” พูดพลางโน้มหน้าเข้ามาจูบแก้มผมทีหนึ่งอย่างเอาใจ “แล้วนี่วันนี้คุณจะอยู่เล่นกับแดนหรือเปล่าครับ แกถามหาคุณแล้วน้า…. คุณน้าออสตินไม่ยอมมาเล่นด้วยสักที” เจ้าตัวว่าพร้อมกับหยิกแก้มผมเบาๆ ไปด้วย นึกว่าผมเป็นเด็กสามขวบรึไง
“อย่าน่า ไซม่อน ผมขับรถอยู่นะ”
“เอ่อ ผมว่าต่อให้ไม่มีอะไรมากวน คุณก็ขับได้น่าหวาดเสียวอยู่ดี”
“นี่คุณอยากจะ---”
“เอ้า ถึงแล้วๆ ชะลอหน่อยครับ คุณหมอ จอดๆๆ”
ผมแกล้งถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจอดข้างทาง ปล่อยให้คนไซม่อนเปิดประตูลงจากรถไป หากร่างสูงไม่ยอมเดินเข้าบ้าน เจ้าตัวเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งคนขับของผมเฉย อะไรของไอ้หมอนี่เนี่ย
“นี่ ลงมาเถอะน่า ออสติน เดี๋ยววันนี้ผมทำข้าวเย็นอร่อยๆ ให้กิน นะครับ คนดี แดนเองก็อยากจะเจอคุณตั้งนานแล้ว”
“พรุ่งนี้ผมทำงานนะคุณ” พูดพลางถอนหายใจทีหนึ่งก่อนจะต้องสะดุ้งตัวเมื่อไซม่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะจูบปากกันอยู่แล้ว นี่มันเห็นไหมเนี่ยว่าเราอยู่กันกลางถนน ให้ตายเถอะ
“มาเถอะ ออสติน” เจ้าตัวกระซิบเสียงเบาข้างหูอย่างยั่วยวน และมันทำให้ผมหน้าร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับมีคนมาจุดไฟเผา ผมแพ้ทางหมอนี่แบบนี้ตลอด “ผมต้องการคุณคืนนี้”
แล้วไม่ต้องถามอะไรผมสักคำเลยรึไง!?
แต่ถึงจะยึกยือท่านั้นท่านี้ รู้ตัวอีกทีผมก็เดินลงมาจากรถแล้วเดินตามหลังไซม่อนเข้าไปในตัวบ้านจนได้
บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้น ขนาดกลางๆ เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกระหว่าง 3-4 คน ตั้งอยู่ย่านชานเมือง ชื่อของเจ้าของบ้านหลังนี้เดิมทีเป็นของแบรด และเมื่อชายหนุ่มเสียชีวิตมันก็ตกเป็นของแองเจลีนไปโดยปริยาย แต่เจ้าหล่อนขอร้องให้ไซม่อนมาอยู่ชั่วคราวเพื่อคอยดูแลแดน ซึ่งชั่วคราวที่เจ้าหล่อนว่านั้นคงกินเป็นหน่วยเวลาปีอยู่ แต่ผมคิดว่าการให้เด็กได้โตในบ้านที่เป็นหลังๆ ย่อมดีกว่าเอาแกไปอัดในอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ ของไซม่อนอยู่แล้ว
"ไซม่อน!" เด็กชายที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่กับพื้นถลาเข้ามากอดผู้เป็นอาที่อ้าแขนรับอยู่แล้วแน่น ไซม่อนหัวเราะร่วนออกมาอย่างอารมณ์ดีขณะหันไปยิ้มให้แอน หญิงสาวที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงในช่วงเวลาที่ชายหนุ่มไม่อยู่ "วันนี้ไปโรงพยาบาลมาเป็นยังไงบ้างครับ แผลหายดีหรือยัง คุณหมอว่ายังไงบ้าง"
"โว้ว ใจเย็น ไอ้ตัวเล็ก ทีละคำถามสิครับ มารัวขนาดนี้อาจะตอบทันได้ไง"ไซม่อนว่าพร้อมกับยีหัวแดนแรงๆ เด็กชายหัวเราะอย่างร่าเริงก่อนจะกลับไปทำการบ้านต่อตามคำสั่งของแอน
"งั้นยังไงวันนี้ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ คุณแมคแนร์ คุณการ์ดเนอร์วันนี้มาค้างเหรอคะ ดีเลย แดนแกคงดีใจที่มีเพื่อนเล่นด้วยหลายคน"
"เอ่อ ครับ" ผมยิ้มแห้งๆ ตอบ จะบอกได้ไงล่ะว่าไม่ได้ตั้งใจจะค้าง แต่เหมือนทุกคนจะเหมารวมเป็นแบบนั้นไปแล้ว
ผมรับหน้าที่ดูแลแดนให้แกทำการบ้านให้เสร็จในขณะที่พ่อครัวใหญ่ขลุกตัวเตรียมข้าวเย็นอย่างที่ลั่นวาจาไว้เรียบร้อย ผมตรวจดูความเรียบร้อยของการบ้านที่แดนทำจนเสร็จจากนั้นจึงอนุญาตให้แกดูการ์ตูนทางโทรทัศน์ได้ ไซม่อนโผล่หน้ามาอีกทีตอนที่แดนนั่งเล่นอยู่บนตักผม ตาไม่ละจากหน้าจอ
"แวะมาดูความเรียบร้อยครับ เป็นยังไงกันบ้าง แล้วนี่เราทำการบ้านเสร็จหรือยัง"
"เสร็จแล้วครับ คุณอา น้าออสตินเลยยอมให้ดูทีวี" เจ้าตัวเล็กหันมาตอบเสียงใส ไซม่อนเลยหอมแก้มหลานแรงๆ ฟอดหนึ่งแล้วเผื่อแผ่มาให้ผมอีกฟอด ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ถลนตาใส่อีกฝ่ายที่ผุดลุกขึ้นยืนอีกรอบ นี่หมอนี่เห็นหรือเปล่าว่าหลานจ้องตาแป๋วอยู่เนี่ย
"อาไซม่อนขี้โกง!" ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวเคลื่อนหน้ามาหอมแก้มผมอีกข้างที่ไซม่อนไม่ได้ทาบริมฝีปากลงมา ให้ตายสิ แสบกันทั้งอาทั้งหลานเลย!
"แดนครับ วันนี้วันศุกร์แล้ว ไปเอาใบถึงผู้ปกครองมาให้อาดีกว่า ดูซิว่าอาทิตย์นี้ทางโรงเรียนมีอะไรอัพเดทบ้าง"
"ได้ครับ" เจ้าตัวว่าพร้อมกับวิ่งขึ้นชั้นสองไปอย่างกระตือรือร้น ไซม่อนมองตามหลังหลานชายไปก่อนจะหันมาส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้ผม
คราวนี้อะไรของไอ้คุณอาอีกล่ะ…
"อะไรครับ" ผมถามเจ้าตัวอย่างไม่ค่อยไว้ใจ ยิ่งเห็นไซม่อนยิ้มกว้างขึ้นด้วยแบบนี้
"เหมือนหลังๆ มานี่คุณจะไม่ค่อยกลัวสัมผัสแล้วนะ"
ผมเลิกคิ้วให้เขาข้างหนึ่ง จะว่าไปแล้วผมก็ไม่ได้สังเกตตัวเองเรื่องนั้นเหมือนกันแฮะ มัวแต่วุ่นวายเรื่องนู้นเรื่องนี้ พอโดนทักมาแบบนี้ก็รู้สึกเหมือนจะจริงแฮะ
ผมยักไหล่ให้อีกฝ่ายทีหนึ่ง "ก็คงแบบนั้นมั้งครับ ผมคงเป็นไอ้โรคประหลาดนั่นไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก"
“ไม่ต้องบอกก็รู้สินะครับว่าได้ครูฝึกดี”
“อะไรนะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ไซม่อนหัวเราะนิดหนึ่ง ก้มลงมาจูบปากผมเร็วๆ
“เห็นไหม ตอนนี้คุณไม่เป็นอะไรแล้ว สะดุ้งยังไม่สะดุ้งเลย”
“คุณกำลังจะบอกว่าที่ผมหายกลัวสัมผัสได้นี่เป็นเพราะคุณเหรอ?”
“ใช่สิครับ” พูดลอยหน้าลอยตามาก “ถ้าไม่ใช่เพราะผมแล้วจะเพราะใคร”
“เหอะ คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำให้อาการมันแย่ลง”
อย่างตอนที่มันจับผมขังไว้ในห้องตัวเองนะ… ให้ตายเถอะ ผมกลัวแทบบ้า ตอนนั้นร่ำๆ จะสลบตั้งหลายรอบ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะผ่านอะไรแบบนั้นมาได้
เหมือนไซม่อนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ เจ้าตัวดึงร่างผมไปกอด เลื่อนหน้ามานัวเนียที่ซอกคอ
“เอาน่า ลองคิดในแง่ดีสิ ถ้าไม่มีเหตุการณ์แบบนั้น ป่านนี้คุณอาจจะยังไม่หายกลัวสัมผัสก็ได้”
เหอะ พูดเอาแต่ได้
พวกเราสามคนรับประทานอาหารมื้อค่ำโดยมีไซม่อนคอยถามแดนเกี่ยวกับเรื่องเพื่อน เรื่องครู เรื่องที่โรงเรียน สรรหาเรื่องมาคุยสารพัดราวกับพ่อเห่อลูกก็ไม่ปาน
แดนจิ้มเนื้อชิ้นสุดท้ายที่อยู่ในจานของตัวเอง นัยน์ตาสดใสของเจ้าตัวสลดลงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากถามออกมา
“เมื่อไหร่คุณแม่จะกลับบ้านได้สีกทีครับ คุณอาไซม่อน”
ไซม่อนหันหน้ามามองผมนิดหนึ่งอย่างลำบากใจ ผมเองก็เหมือนกัน จะมีอะไรแย่ไปกว่าการตอบคำถามนี้จากเด็กอีกล่ะ
“ก็คงอีกสักพักล่ะครับ คนเก่ง แต่ถ้าหนูเป็นเด็กดี อาพาไปเยี่ยมคุณแม่ได้นะ”
แดนพยักหน้ารับทีหนึ่ง หากสีหน้ายังดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าไร ในที่สุดไซม่อนก็ยอมแพ้ ต้องพาแกขึ้นห้องไปอาบน้ำส่งเข้านอนก่อนจนได้ แถมยังใจดีอนุญาตให้เจ้าตัวเล่นเกมในแท๊บเล็ตของตัวเองก่อนนอน ยังดีที่ว่าแดนเด็กพอที่จะสดใสขึ้นด้วยของง่ายๆ แบบนั้นได้
ไซม่อนเดินกลับลงมาอีกทีตอนที่ผมล้างจานอยู่ในครัว ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาก่อนจะว่า
“ไม่น่าลำบากคุณเลย ผมว่าจะมาล้างอยู่แล้วแท้ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทำกับข้าวแล้วผมก็ล้างจานไง ผลัดกัน”
“เหมือนคู่สามีภรรยาเลย” พูดพลางสาวเท้าเข้ามากอดผมจากด้านหลัง ผมขมวดคิ้วตอบกลับไปให้เขา ก้มหน้าล้างจานต่อ
“พูดไปเรื่อยแหละคุณน่ะ”
“ผมเหรอ? เปล่านะ ผมหมายความตามนั้นจริงๆ”
“อ้อ เหรอครับ แล้วไหนแหวนแต่งงาน”
“ก็วงที่ผมให้คุณไปคราวก่อนไง!”
“อ้อ นั่นน่ะเหรอ” ผมแกล้งยกยิ้มเหยียด “มีปัญญาหาแหวนแต่งงานมาได้แค่นั้นเหรอคุณ”
“ถ้าผมเอาแบบของจริงมาให้คุณ คุณจะยอมรับไหมล่ะ”
ผมแสร้งทำสีหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่ง “ต้องดูก่อนครับว่ากี่กะรัต”
“เฮ้ย” เจ้าหน้าที่หนุ่มสะดุ้ง “เอาจริงดิ ทำไมเคี่ยวนักล่ะ คุณหมอ”
“กับคุณเป็นกรณีพิเศษครับ ไม่เคี่ยวไม่ได้ ชอบทำตัวออกนอกลู่นอกนอกทาง”
“ใจร้ายว่ะ ออสติน ผมไม่เคยทำตัวเหลวไหลเลยน้า… มีคุณคนเดียว” พูดพลางซบหน้าลงมาบนบ่าผมจากด้านหลัง
ก็ไอ้แบบนั้นแหละที่น่ากลัวน่ะ
ไซม่อนแวะเข้าไปดูแดนอีกรอบที่ห้องของแกก่อนจะกลับมาหาผมที่นอนเหยียดตัวอ่านหนังสือที่แม็กซ์ให้ยืมมาเมื่อวันก่อน ตอนแรกที่ก้าวลงจากรถอุตส่าห์บอกตัวเองแล้วเชียวนะว่ายังไงวันนี้ก็จะไม่ค้างที่นี่ แล้วเป็นไงล่ะ โดนอาหารอร่อยๆ ของหมอนี่ล่อเข้าไป เจอลูกอ้อนของแดน ตบท้ายด้วยน้ำเสียงเว้าวอนจากไซม่อนผมก็จบลงที่นี่จนได้ แต่เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ ผมอาบน้ำอยู่ในชุดนอนเรียบร้อยแล้ว แถมยังผ่อนคลายถึงขีดสุดแบบนี้ อะไรก็มาทำลายความสุขผมไม่ได้แล้ว
“แดนเป็นไงบ้างครับ” ผมว่าขณะพลิกนังสือหน้าถัดไป ตอนแรกนึกว่ารสนิยมของไอ้แม็กซ์จะแปลกๆ ซะอีก แต่เอาจริงๆ นิยายเล่มนี้สนุกใช้ได้เลยแฮะ “หลับรึยัง”
“สนิทเลยครับ ออสติน คุณคิดว่าจะเลิกอ่านหนังสือนั่นสักห้านาทีได้ไหม”
“ห้านาทีเลยเหรอ” ผมแกล้งคราง ไซม่อนเดินมาล้มตัวนอนเหยียดบนเตียงข้างๆ ผม สีหน้ายิ้มๆ แบบนั้นไว้ใจไม่ได้เลยสุดๆ เลยล่ะ
“จริงๆ ผมว่าคืนนี้คุณเลิกอ่านนิยายนั่นก่อนดีกว่า”
“แต่มันสนุกมากเลยนะ”
“ผมมีเรื่องสนุกกว่านั้นให้คุณทำแน่”
ได้ยินน้ำเสียงยั่วยวนของหมอนี่แล้วต้องจำใจปิดนิยายลงจนได้ ผมวางหนังสือเล่มนั้นลงที่โต๊ะข้างหัวเตียงก่อนจะนอนเหยียด หันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มอย่างพึงพอใจมาให้
“ผมว่าหมู่นี้คุณชักจะทำตัวลามกมากเกินไปแล้วนะ เมื่อกี้ก็หอมแก้มผมต่อหน้าหลานไปรอบหนึ่ง”
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ” ยักไหล่หน้าตาเฉย “เรื่องที่ผมคบกับคุณไม่ใช่ความลับอยู่แล้ว”
“แต่ก็ไม่ต้องแสดงออกชัดมากก็ได้”
“เถอะน่า ออสติน นี่คุณหงุดหงิดอะไรมาเนี่ย” ไซม่อนดึงผมไปกอดแนบอก ไล้สันจมูกลงบนแก้ม ลากยาวไปถึงซอกคอ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่รดบนผิวเนื้อทำให้ผมร้อนวูบขึ้นทันที ผลสุดท้ายก็ทนความต้องการของตัวเองไม่ไหว ต้องดึงเขาเข้ามาจูบปาก ก่ายขาขึ้นบนสะโพกเขาแล้วจิกนิ้วลงบนเสื้อด้านหลังอย่างแรง จูบนั่นทำให้ไซม่อนหัวเราะออกมาทันที
“ขำอะไรคุณ”
“เปล่าครับ ไม่ได้ขำสักหน่อย แล้วนี่คุณจะบอกผมได้หรือยังว่าวันนี้หงุดหงิดอะไรมา”
“เปล่า”
“เถอะน่า นี่มันจะหมดวันอยู่แล้วนะ คนดี บอกผมมาเถอะ”
ผมถอนหายใจเฮือกทีหนึ่ง “หมอให้ยาระงับอาการปวดคุณมากขึ้น ไซม่อน”
“อ้อ ใช่ครับ นี่คุณดูยาผมหมดแล้วเหรอ”
“คุณไม่ระวังตัวเองเลย”
ชายหนุ่มยักไหล่ “ผมก็พยายามเต็มที่แล้วนา แต่บางทีมันก็เผลอฝืนตัวไปหน่อย”
“คุณรู้รึเปล่าว่ายาพวกนั้นมันแรง ถ้าคุณกินมากๆ เข้ามันก็ส่งผลข้างเคียงกับร่างกายคุณ แถมถ้าคุณไม่ระวังดีๆ คุณอาจมีสิทธิ์ติดได้เลยนะ แล้วติดยาระงับอาการเจ็บพวกนี้มันไม่ได้แก้ได้ง่ายๆ นี่ฟังที่ผมพูดอยู่รึเปล่า”
“คุณห่วงเกินไปแล้วน่า ออสติน”
“สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการคือมีแฟนติดยาแก้ปวดนี่แหละ”
“โอ๊ะ ในที่สุดคุณก็ยอมรับว่าผมเป็นแฟนคุณสักที” พูดอย่างคนที่ไม่ยอมปล่อยช่องว่างเล็กๆ น้อยๆ ให้หลุดลอยไป ผมนี่แทบจะกลอกตาขึ้นเพดาน “ถึงเราจะเป็นแฟนกันมาตั้งนานแล้วก็เถอะ”
“ที่ผมยอมนอนกับคุณนี่มันยังไม่ชัดเจนพอรึไงครับ”
“ชัดครับ” ไซม่อนปีนขึ้นมาคร่อมบนตัวผม ปลดกระดุมเม็ดแรกออก ผมได้ยินหัวใจในอกข้างซ้ายเต้นดังขึ้นขณะมองตาเขา “แต่ผมอยากได้ยินจากปากคุณมากกว่า”
“มากกว่านอนกับผมน่ะนะ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นสิ” ไซม่อนหัวเราะ ก้มลงมาจูบปากผมอีกครั้งเนิ่นนาน ผมจูบตอบเขาอย่าเคลิบเคลิ้ม ปล่อยให้เสื้อผ้าหลุดออกจากตัวไปทีละชิ้น ครางเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายถูไถใบหน้าลงบนเรือนร่าง บิดตัวเล็กน้อยยามที่ลิ้นอุ่นแตะลงบนผิวเนื้อ
ได้ยินเสียงเขาครางเรียกผมอย่างแผ่วเบาและโหยหา “ออสติน”
“อือ… อะไรครับ” ผมถามกลับ แต่ไม่ได้คิดอยากรู้จริงๆ หรอก
“จำที่คุณพูดเรื่องสถานที่ศักสิทธิ์ก่อนหน้านี้ได้ไหม”
ดูเหมือนไซม่อนจะชอบเรื่องนี้จริงๆ แฮะ ให้ตาย
“อื้อ” ผมตอบแบบขอไปที และได้ยินเสียงหัวเราะของเขาดังแผ่วเบาที่ข้างหู ผมหลับตาลงแน่นเมื่ออีกฝ่ายฝังเขี้ยวลงมาบนคอ นิ้วเรียวที่นัวเนียอยู่ด้านล่างเริ่มชอนไชเข้ามาในปากทางด้านหลัง เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ชักจะคิดอะไรไม่ออกแล้วสิ
“จริงๆ แล้ว…. คุณต่างหาก ออสติน” เสียงทุ้มนั่นกระซิบที่ข้างหู ผมจิกปลายเท้าลงบนผ้าปูที่นอน
“คุณต่างหาก… ที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผม”
ผมได้ยินคำพูดประโยคนั้นที่แสนแผ่วเบา
แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะน่า
- Fin -
-------------------------------------------
(ทอล์คคราวนี้จะยาวมากๆ เลยนะคะ โปรดทำใจก่อนอ่าน)
Talk: จบ แล้ว เย่! //ปรบมือให้กับทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ได้... ไม่นับคนที่แอบกดข้ามบทอื่นมาอ่านก่อนนะ XD
ยินดีด้วยค่ะ คุณได้ผ่านกระบวนการพังไตมาพร้อมกับคนเขียนได้อย่างสำเร็จสวยงาม นับว่าต้องทนจริงๆ ถึงจะอ่านนิยายเรื่องนี้จนจบได้ (ฮา)
ขอบอกเลยว่าเรื่องนี้นอกจากตับไตคนอ่านจะผุกร่อนแล้ว คนเขียนก็ย่ำแย่ไม่แพ้กันค่ะ เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่เราแตะมาทางสืบสวนมากขนาดนี้ (เรื่องก่อนๆ ก็มีแซมบ้าง แต่จะไม่หนักขนาดนี้) แล้วก็เป็นนิยายเรื่องแรกของเราที่ไม่แฟนตาซีค่ะ! (ก่อนหน้านี้มาแต่ทางแฟนตาซีวาย ฮา) สารภาพกันตามตรงเลยว่าตอนเขียนใช้พลังงานเยอะมาก ข้อมูลก็พยายามไปหา แล้วก็เป็นเรื่องแรกที่ใช้เวลาเขียนนานขนาดนี้ (ใครอ่านเรื่องก่อนๆ ของเราจะรู้ว่าปกติ1-2 เดือนก็จบหนึ่งเรื่องแล้ว เรื่องนี้ลากยาวมามากเลย)
และว่ากันตามตรง มันอาจจะไม่ใช่นิยายที่ดีสมบูรณ์แบบอย่างที่เราหรือหลายๆ คนคาดหวังไว้ แต่ก็เปรมใจมากค่ะที่เข็นมันออกมาจนจบได้ ยิ่งด้วยเราไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับหมอหรือเอฟบีไอหรือการตรวจศพ หรืออะไรมากมายที่ต้องใช้ในเรื่อง การจะเขียนออกมาได้จึงเป็นอะไรที่กินพลังงานสุดๆ และเราก็ตั้งใจว่าในเรื่องต่อๆ ไปเราจะพยายามพัฒนาตรงจุดนี้ให้มากขึ้นค่ะ ยังไงก็ขอกำลังใจจากทุกคนด้วยนะคะ (ฮา)
สำหรับคดีฆาตกรตัวเลขที่ยังเหลืออยู่ เราจะเอาเรื่องนี้ไปเฉลยในคู่ของวินเซนต์กับไคล์นะคะ (คู่พ่อทนายสุดที่รักของเรานั่นเอง ฮาาา) ยังไม่รู้ว่าจะได้เริ่มเขียนเมื่อไหร่ อาจจะเป็นช่วงปีหน้าค่ะ ฝากติดตามกันด้วยนะ >w<
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ขอขอบคุณทุกคนมากๆ ที่เข้ามาอ่าน เข้ามาให้กำลังใจกัน เราทุ่มเทให้กับนิยายเรื่องนี้มากจริงๆ และคาดหวังจะทำได้ดีกว่านี้ในอนาคต ถ้ามีข้อเสนอแนะหรืออยากสอบถามพูดคุยอะไรก็ทักมาได้ที่หน้าเพจ, ทวิตเตอร์ หรือคอมเม้นท์บอกกันตรงนี้ก็ได้ค่ะ ^^ เราอยากฟังความเห็นจากทุกคนเลยว่าคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้บ้าง ยังไงก็เล่าให้ฟังกันบ้างน้า~
ก่อนจะจาก! ขอโฆษณาล่วงหน้าว่านิยายเรื่องนี้จะเปิดจองช่วงเดือนธ.ค. ที่จะถึงนี้นะคะ กำเงินในมือให้มั่น และขอฝากไซม่อนกับออสตินไว้ในอ้อมอกของทุกคนด้วยค่ะ แล้วมีอะไรจะนำมาอัพเดทให้ทุกคนทราบเรื่อยๆ //โค้ง
ท้ายสุดจริงๆ ล่ะ ฝากไปอ่านนิยายเรื่องอื่นๆ ที่เรากำลังเขียนค้างไว้อยู่ตอนนี้ด้วยนะคะ
จิ้ม>>Kill me gently จุมพิตอันธการ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62745), Faded Fog หมอกเลือนรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62356), ทำไงดีลูกผมเป็นเกย์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530)
หวังว่าจะได้เจอกับทุกคนอีกเร็วๆ นี้นะคะ ^^
Airin_and